• สถานที่ทรมานและประหารชีวิตสุดอื้อฉาว 3 แห่งของกัมพูชา ที่เขมรแดงใช้กระทำการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์เมื่อ 50 ปีก่อน ได้รับการขึ้นทะเบียนในรายชื่อมรดกโลกของยูเนสโกเมื่อวันศุกร์ (11)

    กลุ่มลัทธิเหมาหัวรุนแรงนำโดยพลพต ได้กำหนดปฏิทินขึ้นใหม่เริ่มต้น ‘ปีศูนย์’ ในวันที่ 17 เม.ย. 2518 กวาดต้อนผู้คนออกจากเมืองเพื่อสร้างรัฐเกษตรกรรมบริสุทธิ์ที่ไร้ชนชั้น การเมือง หรือทุน ประชาชนราว 2 ล้านคนเสียชีวิตจากความอดอยาก บังคับใช้แรงงาน การทรมาน หรือถูกสังหารหมู่ระหว่างปี 2518-2522

    สถานที่ในกัมพูชาที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก ประกอบด้วยเรือนจำ 2 แห่ง และทุ่งสังหาร ที่ใช้ประหารชีวิตผู้คนหลายพันคน

    “นี่คือภูมิทัศน์แห่งความทรงจำร่วมกันของเราในกัมพูชา” ยุก ชาง ผู้รอดชีวิตจากทุ่งสังหารและผู้อำนวยการศูนย์เอกสารแห่งกัมพูชา ที่ทำการวิจัยเกี่ยวกับความโหดร้ายของเขมรแดง กล่าว

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/indochina/detail/9680000065509

    #Thaitimes #MGROnline #กัมพูชา #เขมรแดง #ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ #ขึ้นทะเบียน #มรดกโลก #ยูเนสโก
    สถานที่ทรมานและประหารชีวิตสุดอื้อฉาว 3 แห่งของกัมพูชา ที่เขมรแดงใช้กระทำการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์เมื่อ 50 ปีก่อน ได้รับการขึ้นทะเบียนในรายชื่อมรดกโลกของยูเนสโกเมื่อวันศุกร์ (11) • กลุ่มลัทธิเหมาหัวรุนแรงนำโดยพลพต ได้กำหนดปฏิทินขึ้นใหม่เริ่มต้น ‘ปีศูนย์’ ในวันที่ 17 เม.ย. 2518 กวาดต้อนผู้คนออกจากเมืองเพื่อสร้างรัฐเกษตรกรรมบริสุทธิ์ที่ไร้ชนชั้น การเมือง หรือทุน ประชาชนราว 2 ล้านคนเสียชีวิตจากความอดอยาก บังคับใช้แรงงาน การทรมาน หรือถูกสังหารหมู่ระหว่างปี 2518-2522 • สถานที่ในกัมพูชาที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก ประกอบด้วยเรือนจำ 2 แห่ง และทุ่งสังหาร ที่ใช้ประหารชีวิตผู้คนหลายพันคน • “นี่คือภูมิทัศน์แห่งความทรงจำร่วมกันของเราในกัมพูชา” ยุก ชาง ผู้รอดชีวิตจากทุ่งสังหารและผู้อำนวยการศูนย์เอกสารแห่งกัมพูชา ที่ทำการวิจัยเกี่ยวกับความโหดร้ายของเขมรแดง กล่าว • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/indochina/detail/9680000065509 • #Thaitimes #MGROnline #กัมพูชา #เขมรแดง #ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ #ขึ้นทะเบียน #มรดกโลก #ยูเนสโก
    0 Comments 0 Shares 53 Views 0 Reviews
  • หลังจากอิสราเอลใช้กำลังเข้าครอบครองพื้นที่ในกาซา ดินแดนบรรพบุรุษขของชาวปาเลสไตน์ได้เกินกว่า 80% ขณะนี้อิสราเอลได้มุ่งเป้าหมายไปในดินแดนในเขตเวสต์แบงก์

    อิสราเอลยื่นศาลสูงขออนุมัติการรื้อถอนหมู่บ้านของชาวปาเลสไตน์ 12 แห่ง ในพื้นที่ "มาซาเฟอร์ ยัตตา" เขตเฮบรอน (Hebron) ทางใต้ของเวสต์แบงก์ เพื่อขับไล่พลเมืองมากกว่า 1,200 คน ออกจากพื้นที่ โดยอ้างว่าต้องการใช้เป็นเขตซ้อมรบ แต่หลักฐานบ่งชี้ว่าไม่เคยมีการซ้อมรบอยา่างจริงจัง แต่รัฐบาลอิสราเอลปล่อยให้ชาวยิวเข้ามาตั้งถิ่นฐานยึดครองเพื่อทำเป็นพื้นที่เกษตรกรรมและปศุสัตว์ป้อนสู่อิสราเอล ซึ่งทำให้ชาวปาเลสไตน์ถูกตัดขาดจากพื้นที่เกษตรของพวกเขา ที่เป็นแหล่งรายได้หลัก

    AI Jazeera รายงานว่า นับตั้งแต่ปี 1967 อิสราเอลเปลี่ยนสถานะพื้นที่กว่า 1 ใน 3 ของเขตเวสต์แบงก์เป็นเขตทหาร แต่การตรวจสอบพบว่าร้อยละ 80 ของเขตเหล่านั้นไม่เคยมีการฝึกหรือซ้อมทางทหารเกิดขึ้นจริง สะท้อนถึงชาวปาเลสไตน์ที่กำลังเผชิญการสูญเสียดินแดนที่เป็นถิ่นฐานมรดกตกทอดหลายชั่วอายุคนของบรรพบุรุษพวกเขา
    หลังจากอิสราเอลใช้กำลังเข้าครอบครองพื้นที่ในกาซา ดินแดนบรรพบุรุษขของชาวปาเลสไตน์ได้เกินกว่า 80% ขณะนี้อิสราเอลได้มุ่งเป้าหมายไปในดินแดนในเขตเวสต์แบงก์ อิสราเอลยื่นศาลสูงขออนุมัติการรื้อถอนหมู่บ้านของชาวปาเลสไตน์ 12 แห่ง ในพื้นที่ "มาซาเฟอร์ ยัตตา" เขตเฮบรอน (Hebron) ทางใต้ของเวสต์แบงก์ เพื่อขับไล่พลเมืองมากกว่า 1,200 คน ออกจากพื้นที่ โดยอ้างว่าต้องการใช้เป็นเขตซ้อมรบ แต่หลักฐานบ่งชี้ว่าไม่เคยมีการซ้อมรบอยา่างจริงจัง แต่รัฐบาลอิสราเอลปล่อยให้ชาวยิวเข้ามาตั้งถิ่นฐานยึดครองเพื่อทำเป็นพื้นที่เกษตรกรรมและปศุสัตว์ป้อนสู่อิสราเอล ซึ่งทำให้ชาวปาเลสไตน์ถูกตัดขาดจากพื้นที่เกษตรของพวกเขา ที่เป็นแหล่งรายได้หลัก AI Jazeera รายงานว่า นับตั้งแต่ปี 1967 อิสราเอลเปลี่ยนสถานะพื้นที่กว่า 1 ใน 3 ของเขตเวสต์แบงก์เป็นเขตทหาร แต่การตรวจสอบพบว่าร้อยละ 80 ของเขตเหล่านั้นไม่เคยมีการฝึกหรือซ้อมทางทหารเกิดขึ้นจริง สะท้อนถึงชาวปาเลสไตน์ที่กำลังเผชิญการสูญเสียดินแดนที่เป็นถิ่นฐานมรดกตกทอดหลายชั่วอายุคนของบรรพบุรุษพวกเขา
    Like
    2
    0 Comments 0 Shares 138 Views 0 Reviews
  • ..อนาคตห้ามโรงงานอุตสาหกรรม หรือบริษัทใดๆ ค้าขาย ทำกำไรจากส่วนต่างใดๆหรือดอกเบี้ยที่งอกผลออกมาจากเครดิตคาร์บอน,ห้ามซื้อขายเครดิตคาร์บอนโดยอ้างว่ามาชดเชยสิ่งที่กิจการตนบริษัทตนโรงงานตนปล่อยคาร์บอนออกมา โดยในความเป็นจริงตนบริษัทตน โรงงานตนไม่ได้ปลูกป่าปลูกต้นไม้จริงเพื่อสร้างเครดิตคาร์บอนจริงทางตรงใดๆได้เลย,ห้ามมีธนาคารปล่อยกู้เครดิตคาร์บอน,ห้ามมีการบริษัทกิจการใดๆนำคาร์บอนมาโดยตนเองมิได้มีแหล่งคาร์บอนจริงหรือเป็นที่มาของคาร์บอนเครดิต,โรงงานกิจการใดๆหากปล่อยคาร์บอนเครดิต 1หน่วย ต้องปลูกคาร์บอนเครดิตจริง1หน่วยทดแทนมิใช่ซื้อมาจากแหล่งอื่นมาอ้างชดเชยการปล่อยคาร์บอนออกไปทุกๆกรณี,รัฐมีหน้าที่ควบคุมโรงงานบริษัททั้งหมดภายในประเทศไทยในการตรวจสอบการปล่อยคาร์บอนและสามารถบังคับใช้ทางกฎหมายได้ทุกๆกรณี เช่นพักบริษัทกิจการนั้นๆโรงงานนั้นๆได้ พักใบอนุญาตหรือถอนใบอนุญาตประกอบกิจการได้ในทันที,หากไม่พร้อมปลูกชดเชยจริงของการมีอยู่จริงซึ่งสถานะคาร์บอนเครดิตนั้น,ไม่สามารถตัดตอน ไม่สามารถผักชีโรยหน้าซื้อมาจากแหล่งอื่นเพื่ออ้างว่ามีสิทธิชดเชยคาร์บอนเครดิตได้เพื่อสะดวกต่อการค้าการผลิตการทำกำไรทำรายได้ทำตังของกิจการตนให้ปกติเหมือนเดิมต่อไปเสมือนว่าตนเองปลูกแหล่งให้ได้มาซึ่งคาร์บอนเครดิตนั้น,จะกระทำมิได้ต้องปลูกจริงชดเชยสถานเดียว,ก่อนจะสร้างโรงงานใดๆผู้ประกอบการต้องประเมินการปลดปล่อยอากาศพิษนี้ต่อโลกต่อมนุษย์แม้คาร์บอนดีต่อต้นไม้ในรูปCO2แต่นัยยะคาร์บอนมากผิดปกติย่อมส่งผลไม่ดีต่อชั้นบรรยากาศโลกแม้ไม่รวมทฤษฎีสมคบคิดHAARPด้วยก็ตามที่ใส่ร้ายใส่ความว่าผิดของภาวะโลกร้อนทำให้เกิดภัยธรรมชาติแต่แท้จริงเกิดจากเครื่องมือHAARPนั้นเองก็ตาม,กิจการโรงงานใดๆห้ามซื้อขายคาร์บอนเครดิตทุกๆกรณี,บริษัทใดๆห้ามค้าขายคาร์บอนเครดิตหรือซื้อเก็งกำไรคาร์บอนเครดิต,หรือมีเพื่อค้าขายเพื่อปล่อยกู้ปล่อยเช่าปล่อยช่วง,คือหน้าที่ความรับผิดชอบของบริษัทกิจการนั้นๆและถ้าทำโรงงานแล้วมีส่วนทางตรงในการปลดปล่อยคาร์บอนก็มีหน้าที่ทางตรงต้องปลูกแหล่งที่มาจริงของคาร์บอนเครดิตประกอบการเปิดกิจการด้วยซึ่งประเมินผลรับรู้ล่วงหน้าคราวๆได้แล้วแน่นอนก่อนยื่นดำเนินกิจการหรือขยายกิจการนั้นๆ,ภาระนี้ประขาชนมิต้องรับผิดชอบมาปลูกเพื่อขายคาร์บอนเครดิตแก่โรงงานกิจการใดๆให้โรงงานเป็นข้ออ้างว่าชดเชยคาร์บอนที่ปล่อยไปนั้นโดยที่ความเป็นจริงเนื้อแท้ตนไม่สามารถปลูกคาร์บอนให้ครบเกณฑ์ที่รัฐกำหนดเลยก่อนเปิดกิจการดำเนินงาน,รัฐบาลไม่มีหน้าที่จัดหาคาร์บอนเครดิตให้เอกชนใดๆให้มีครบตามเงื่อนไขก่อนดำเนินกิจการนั้นๆ.,อยากสร้างกิจการโรงงานบริษัทต้องปลูกคาร์บอนอย่างเดียว,และทำตามที่มี ขยายโรงงานตามความสามารถที่มีคาร์บอนเครดิตในมือ,มิใช่ซื้อมาหรืออ้างเกษตรกรรมปลูกคาร์บอนเครดิตขายให้ตนเพื่อหลบเลี่ยงความเป็นจริงที่ตนไม่ได้ปลูกมันเลย,รัฐบาลมีหน้าที่ควบคุมกิจการบริษัททั้งหมดและยิ่งสร้างโรงงานที่ส่งผลกระทบจริงในการปลดปล่อยคาร์บอนยิ่งต้องกำกับควบคุมการปลูกต้นไม้ที่สร้างคาร์บอนเครดิตสร้างออกซิเจนทดแทนจริง,จริงๆต้องบอกว่า ออกซิเจนเครดิต,เพราะมนุษย์ไม่สามารถใช้CO2หายใจได้,แต่ใช้O2หายใจและO2นี้จะผลักดันคาร์บอนหรือแก๊สพิษส่วนเกินออกจากโลกได้,เมื่อมีปริมาณมากเพียงพอ,โดยมีต้นไม้เป็นผู้ผลิตO2ต่อมนุษย์จริงอีกส่วน แม้O2ส่วนใหญ่มาจากแกนใจกลางโลกก็ตาม,ที่ซึมออกขึ้นมาสู่ผิวเปลือกโลก.,การบิดเบือนวลีนี้วาทะกรรมนี้ก็ถือว่าชั่วเลวให้ประชาชนหลงในความเท็จ,ประชาชนผีบ้าอะไรจะผลิตคาร์บอนมาชดเชยคาร์บอนที่กิจการบริษัทหรือโรงงานนั้นๆปลดปล่อยออกมา,เราปลูกเพื่อผลิตO2ไปจับกับCคาร์บอนที่มันปล่อยมาต่างหากจึงสมควรประกาศบอกประชาชนว่า ออกซิเจนเครดิตจึงจะถูก,co2จำเป็นต่อต้นไม้ด้วย,ห้ามมีโรงงานดูดco2ในเอเชียในอาเชียนในประเทศไทยเด็ดขาด,แม้ดีต่อภาคอุตสาหกรรมในกระบวนการผลิตที่ใข้co2สร้างผลผลิตโรงงานกิจการบริษัท แต่นี้ถือว่าปล้นชิงอาหารกับต้นไม้ทั่วโลกพืชทั่วโลกชัดเจนด้วย,ตลอดคือภัยคุกคามร้ายแรงต่อการทำลายO2ของโลกเราทำลายออกซิเจนของคนทั้งโลกที่ใช้มันหายใจ,ดักจับตัดตอนฆ่าพืขฆ่าต้นไม้ผู้ผลิตออกซิเจนให้เราชัดเจนด้วย,นี้จึงเป็นนัยยะค้าประโยชน์ทางอ้อมก็ด้วย ฆ่าล้างเผ่าพันธ์มนุษย์ในคราวเดียวก็ด้วย หากสร้างเครื่องมือใช้ผ่านโรงงานต่างๆตั้งกลางป่าดักดูดดักจับคาร์บอนในป่าก็ได้อีกเพื่อเอาco2ไปใช้ทางอุตสาหกรรมทำกำไรงามมหาศาลเมื่อในต่างประเทศทั่วโลกทำได้แล้ว.
    ..พรบ.คาร์บอนเครดิตตีตราออกมาผืดประเภทผิดวัตถุประสงค์มุ่งเป้าหมายที่แท้จริง,ต้องมุ่งไปที่กิจการบริษัทและโรงงานทั้งหมดที่ดำเนินเดินเครื่องเปิดกิจการในประเทศไทย มิใช่ใช้ควบคุมพฤติกรรมกิจการประชาชนหรือเป็นเครื่องมือควบคุมประชาชนทางตรงและทางอ้อมผ่าน พรบ.นี้,นายทุนกิจการบริษัทเตรียมครอบงำเครดิตคาร์บอนแล้ว ปล่อยกู้ก็ใช้เครดิตคาร์บอนร่วมพิจารณาปล่อยวงเงินกู้,ซื้อผลผลิตเกษตรกรก็อ้างเครดิตคาร์บอนในการรับซื้อการกำหนดราคาพืชผลการเกษตรกรรม,นี้คือกลอุบายควบคุมประชาชนคนไทยชัดเจนอีกมิติหนึ่งของdeep stateข้ามโลกปกครองไทยจนสามารถชี้นำสั่งการให้ออกกฎหมายให้เขียนกฎหมายให้ผ่านร่างกฎหมายพรบ.การเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศได้ตลอดควบคุมสื่อหลักบิดเบือนความจริงโหนกระแสภัยธรรมชาติ ปั่นป่วนสร้างข่าว ตีหน้าเศร้าเล่าความเท็จต่อหน้าประชาชนคนไทยเป็นอย่างมาก,ประเทศไทยเราต้องเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น มิใช่เลวชั่วเช่นในอดีตเรื่อยมาถึงปัจจุบัน.
    ..นายกฯพระราชทานคือหนทางเดียว
    ..ปฏิวัติคือทางออก.,เพราะต้องกวาดล้างทำความสะอาดสิ่งชั่วเลวสกปรกครัังใหญ่ให้สะอาดเสียที.
    ..
    ..https://youtube.com/shorts/XiX_yDO19lA?si=P_ihzFn4-ldglndW
    ..อนาคตห้ามโรงงานอุตสาหกรรม หรือบริษัทใดๆ ค้าขาย ทำกำไรจากส่วนต่างใดๆหรือดอกเบี้ยที่งอกผลออกมาจากเครดิตคาร์บอน,ห้ามซื้อขายเครดิตคาร์บอนโดยอ้างว่ามาชดเชยสิ่งที่กิจการตนบริษัทตนโรงงานตนปล่อยคาร์บอนออกมา โดยในความเป็นจริงตนบริษัทตน โรงงานตนไม่ได้ปลูกป่าปลูกต้นไม้จริงเพื่อสร้างเครดิตคาร์บอนจริงทางตรงใดๆได้เลย,ห้ามมีธนาคารปล่อยกู้เครดิตคาร์บอน,ห้ามมีการบริษัทกิจการใดๆนำคาร์บอนมาโดยตนเองมิได้มีแหล่งคาร์บอนจริงหรือเป็นที่มาของคาร์บอนเครดิต,โรงงานกิจการใดๆหากปล่อยคาร์บอนเครดิต 1หน่วย ต้องปลูกคาร์บอนเครดิตจริง1หน่วยทดแทนมิใช่ซื้อมาจากแหล่งอื่นมาอ้างชดเชยการปล่อยคาร์บอนออกไปทุกๆกรณี,รัฐมีหน้าที่ควบคุมโรงงานบริษัททั้งหมดภายในประเทศไทยในการตรวจสอบการปล่อยคาร์บอนและสามารถบังคับใช้ทางกฎหมายได้ทุกๆกรณี เช่นพักบริษัทกิจการนั้นๆโรงงานนั้นๆได้ พักใบอนุญาตหรือถอนใบอนุญาตประกอบกิจการได้ในทันที,หากไม่พร้อมปลูกชดเชยจริงของการมีอยู่จริงซึ่งสถานะคาร์บอนเครดิตนั้น,ไม่สามารถตัดตอน ไม่สามารถผักชีโรยหน้าซื้อมาจากแหล่งอื่นเพื่ออ้างว่ามีสิทธิชดเชยคาร์บอนเครดิตได้เพื่อสะดวกต่อการค้าการผลิตการทำกำไรทำรายได้ทำตังของกิจการตนให้ปกติเหมือนเดิมต่อไปเสมือนว่าตนเองปลูกแหล่งให้ได้มาซึ่งคาร์บอนเครดิตนั้น,จะกระทำมิได้ต้องปลูกจริงชดเชยสถานเดียว,ก่อนจะสร้างโรงงานใดๆผู้ประกอบการต้องประเมินการปลดปล่อยอากาศพิษนี้ต่อโลกต่อมนุษย์แม้คาร์บอนดีต่อต้นไม้ในรูปCO2แต่นัยยะคาร์บอนมากผิดปกติย่อมส่งผลไม่ดีต่อชั้นบรรยากาศโลกแม้ไม่รวมทฤษฎีสมคบคิดHAARPด้วยก็ตามที่ใส่ร้ายใส่ความว่าผิดของภาวะโลกร้อนทำให้เกิดภัยธรรมชาติแต่แท้จริงเกิดจากเครื่องมือHAARPนั้นเองก็ตาม,กิจการโรงงานใดๆห้ามซื้อขายคาร์บอนเครดิตทุกๆกรณี,บริษัทใดๆห้ามค้าขายคาร์บอนเครดิตหรือซื้อเก็งกำไรคาร์บอนเครดิต,หรือมีเพื่อค้าขายเพื่อปล่อยกู้ปล่อยเช่าปล่อยช่วง,คือหน้าที่ความรับผิดชอบของบริษัทกิจการนั้นๆและถ้าทำโรงงานแล้วมีส่วนทางตรงในการปลดปล่อยคาร์บอนก็มีหน้าที่ทางตรงต้องปลูกแหล่งที่มาจริงของคาร์บอนเครดิตประกอบการเปิดกิจการด้วยซึ่งประเมินผลรับรู้ล่วงหน้าคราวๆได้แล้วแน่นอนก่อนยื่นดำเนินกิจการหรือขยายกิจการนั้นๆ,ภาระนี้ประขาชนมิต้องรับผิดชอบมาปลูกเพื่อขายคาร์บอนเครดิตแก่โรงงานกิจการใดๆให้โรงงานเป็นข้ออ้างว่าชดเชยคาร์บอนที่ปล่อยไปนั้นโดยที่ความเป็นจริงเนื้อแท้ตนไม่สามารถปลูกคาร์บอนให้ครบเกณฑ์ที่รัฐกำหนดเลยก่อนเปิดกิจการดำเนินงาน,รัฐบาลไม่มีหน้าที่จัดหาคาร์บอนเครดิตให้เอกชนใดๆให้มีครบตามเงื่อนไขก่อนดำเนินกิจการนั้นๆ.,อยากสร้างกิจการโรงงานบริษัทต้องปลูกคาร์บอนอย่างเดียว,และทำตามที่มี ขยายโรงงานตามความสามารถที่มีคาร์บอนเครดิตในมือ,มิใช่ซื้อมาหรืออ้างเกษตรกรรมปลูกคาร์บอนเครดิตขายให้ตนเพื่อหลบเลี่ยงความเป็นจริงที่ตนไม่ได้ปลูกมันเลย,รัฐบาลมีหน้าที่ควบคุมกิจการบริษัททั้งหมดและยิ่งสร้างโรงงานที่ส่งผลกระทบจริงในการปลดปล่อยคาร์บอนยิ่งต้องกำกับควบคุมการปลูกต้นไม้ที่สร้างคาร์บอนเครดิตสร้างออกซิเจนทดแทนจริง,จริงๆต้องบอกว่า ออกซิเจนเครดิต,เพราะมนุษย์ไม่สามารถใช้CO2หายใจได้,แต่ใช้O2หายใจและO2นี้จะผลักดันคาร์บอนหรือแก๊สพิษส่วนเกินออกจากโลกได้,เมื่อมีปริมาณมากเพียงพอ,โดยมีต้นไม้เป็นผู้ผลิตO2ต่อมนุษย์จริงอีกส่วน แม้O2ส่วนใหญ่มาจากแกนใจกลางโลกก็ตาม,ที่ซึมออกขึ้นมาสู่ผิวเปลือกโลก.,การบิดเบือนวลีนี้วาทะกรรมนี้ก็ถือว่าชั่วเลวให้ประชาชนหลงในความเท็จ,ประชาชนผีบ้าอะไรจะผลิตคาร์บอนมาชดเชยคาร์บอนที่กิจการบริษัทหรือโรงงานนั้นๆปลดปล่อยออกมา,เราปลูกเพื่อผลิตO2ไปจับกับCคาร์บอนที่มันปล่อยมาต่างหากจึงสมควรประกาศบอกประชาชนว่า ออกซิเจนเครดิตจึงจะถูก,co2จำเป็นต่อต้นไม้ด้วย,ห้ามมีโรงงานดูดco2ในเอเชียในอาเชียนในประเทศไทยเด็ดขาด,แม้ดีต่อภาคอุตสาหกรรมในกระบวนการผลิตที่ใข้co2สร้างผลผลิตโรงงานกิจการบริษัท แต่นี้ถือว่าปล้นชิงอาหารกับต้นไม้ทั่วโลกพืชทั่วโลกชัดเจนด้วย,ตลอดคือภัยคุกคามร้ายแรงต่อการทำลายO2ของโลกเราทำลายออกซิเจนของคนทั้งโลกที่ใช้มันหายใจ,ดักจับตัดตอนฆ่าพืขฆ่าต้นไม้ผู้ผลิตออกซิเจนให้เราชัดเจนด้วย,นี้จึงเป็นนัยยะค้าประโยชน์ทางอ้อมก็ด้วย ฆ่าล้างเผ่าพันธ์มนุษย์ในคราวเดียวก็ด้วย หากสร้างเครื่องมือใช้ผ่านโรงงานต่างๆตั้งกลางป่าดักดูดดักจับคาร์บอนในป่าก็ได้อีกเพื่อเอาco2ไปใช้ทางอุตสาหกรรมทำกำไรงามมหาศาลเมื่อในต่างประเทศทั่วโลกทำได้แล้ว. ..พรบ.คาร์บอนเครดิตตีตราออกมาผืดประเภทผิดวัตถุประสงค์มุ่งเป้าหมายที่แท้จริง,ต้องมุ่งไปที่กิจการบริษัทและโรงงานทั้งหมดที่ดำเนินเดินเครื่องเปิดกิจการในประเทศไทย มิใช่ใช้ควบคุมพฤติกรรมกิจการประชาชนหรือเป็นเครื่องมือควบคุมประชาชนทางตรงและทางอ้อมผ่าน พรบ.นี้,นายทุนกิจการบริษัทเตรียมครอบงำเครดิตคาร์บอนแล้ว ปล่อยกู้ก็ใช้เครดิตคาร์บอนร่วมพิจารณาปล่อยวงเงินกู้,ซื้อผลผลิตเกษตรกรก็อ้างเครดิตคาร์บอนในการรับซื้อการกำหนดราคาพืชผลการเกษตรกรรม,นี้คือกลอุบายควบคุมประชาชนคนไทยชัดเจนอีกมิติหนึ่งของdeep stateข้ามโลกปกครองไทยจนสามารถชี้นำสั่งการให้ออกกฎหมายให้เขียนกฎหมายให้ผ่านร่างกฎหมายพรบ.การเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศได้ตลอดควบคุมสื่อหลักบิดเบือนความจริงโหนกระแสภัยธรรมชาติ ปั่นป่วนสร้างข่าว ตีหน้าเศร้าเล่าความเท็จต่อหน้าประชาชนคนไทยเป็นอย่างมาก,ประเทศไทยเราต้องเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น มิใช่เลวชั่วเช่นในอดีตเรื่อยมาถึงปัจจุบัน. ..นายกฯพระราชทานคือหนทางเดียว ..ปฏิวัติคือทางออก.,เพราะต้องกวาดล้างทำความสะอาดสิ่งชั่วเลวสกปรกครัังใหญ่ให้สะอาดเสียที. .. ..https://youtube.com/shorts/XiX_yDO19lA?si=P_ihzFn4-ldglndW
    0 Comments 0 Shares 110 Views 0 Reviews
  • ..555,ข่าวแหกตา เศรษฐกิจโลกมันพังปกติอยู่แล้ว โยนบาปให้ทรัมป์เป็นแพะว่าชาติต่างๆจะล้มละลายเพราะนโยบายทรัมป์ ซึ่งมันไม่จริงอะไรเลย อเมริกามีประชากรไม่กี่ร้อยล้านคนจะบริโภคห่าเหวอะไรมากมายขนาดนั้น,ส่วนใหญ่อาจแค่ใข้อเมริกาเป็นทางผ่านแบรนด์นามใช้ชื่อโลโก้อเมริกานั้นล่ะ,นำเข้าหลอกๆอีก ไม่ได้เข้าอเมริกาเป็นรูปร่างรูปธรรมห่าอะไรด้วย แค่นำเข้าในนามกระดาษ แบรนด์อเมริกากิจการเครือข่ายอเมริกาแต่ละชาติรับไปขายต่อผ่านอเมริกาเท่านั่น มุกตย.หนึ่งแค่นั้นล่ะ เช่นเรือน้ำมันอเมริกาแท่งขุดบริษัทอเมริกาลอยลำในไทยตีตราว่าส่งออกเข้าอเมริกาแล้ววนเอกสารนำเข้ามาไทยในที่สุดนั้นล่ะ,อเมริกาคิดภาษีเสร็จแล้วก็มาขายคืนไทย0%กำไรทันทีถ้าตกลงแบบเวียดนามให้สินค้าอเมริกามาขายเวียดนามในอัตรานำเข้า0%แลกส่งออกไปอเมริกาก็ว่า ,เจ้าสัวไทยไม่เดือดร้อนอะไรหรอกสมุนอีลิทมันรับรู้ล่วงหน้าแล้วเลยไม่ตั้งสายการผลิตทั่วอาเชียนทั่วเอเชียก็ส่งออกในชื่อที่ภาษีถูกคิดน้อยๆไง,คืออเมริกามีแต่ได้จริงๆในภาวะตังเงินโลกพัง,ทรัมป์ก็เหี้ยถูกจังหวะพอดี,เลยรับซวยไป,มองอีกมุม ทรัมป์กำลังเล่นงานบริษัทกิจการอีลิทdeep stateอยู่ก็ได้,ปลดปล่อยทาสแรงงานออกจากระบบทาสdeep stateที่ควบคุมมานานคือทำงานรับใช้พวกมันเหมือนทาสในกิจการบริษัทมันนั้นล่ะ,เร่งให้คนออกจากระบบทาสมันกลับบ้านใครบ้านมันไปอยู่ในธรรมชาติบ้านเกิดท้องเมืองนอนเดิมตนเสียก็ว่า,แก้ง่ายๆคือนายกฯต้องมานำประเทศแบบมุ่งการพึ่งพาตนเองภายในประเทศตนและกันและกันให้ได้ก่อน,ต้องมาในลักษณะพิเศษ กฎหมายพิเศษด้วย คือนายกฯพระราชทานนั้นล่ะมาบริหารชาติด้วยกฎหมายพิเศษมีอำนาจเด็ดขาดพร้อมสร้างทุกๆกลยุทธทางสงครามตังปากท้องและอธิปไตยตนทันทีสลับสับเปลี่ยนคล่องตัวก็ว่า,โดยกลไกปกติทำไม่ได้ ไม่ทันกาล ทันยุคที่การเปลี่ยนทางกระสุนตังกระสุนเงินรวดเร็วมาก,อเมริกาก็เป็นบ้าเป็นบอเพราะตังเพราะเงินใช้หนี้นี้ล่ะ,ญี่ปุ่นก็จะล่มละลายทั่งประเทศก็ตังนี้ล่ะบวกภัยธรรมชาติแบบแผ่นดินไหวอีก,"ตัง"คือชื่อเรียกหนึ่งว่าชื่อ"เศรษฐกิจ"ในชื่อเรียกหนึ่งเท่านั้น,
    ..อนาคตคนไทยต้องตกงานแน่นอนอยู่แล้วเพราะจักรกลจะมาแทนที่เป็นอันมากตลอดAIแทรกซึมทุกๆกระบวนการทำตังแล้ว,ช่องทางปกติอาจลดบทบาทลงมากขึ้น,คนจะถูกแทนที่มากขึ้นเรื่อยๆจากเอไอ,ผู้นำประเทศไทยเราจึงสำคัญมากในยุคการละครบทบาทเวลานี้ที่จะมาลงเล่นในยุคต่อไป,นำพาคนไทยทั้งประเทศตั้งรับและรุกหรือถอยเพื่อชนะตนเองหรือการดำรงอยู่ของคนไทยและประเทศชาติให้ได้บนฐานความอิ่มดีมีสุขก็ว่า,คือทั่วโลกจะเป็นห่าเหวอะไร,แต่ภายในประเทศเรา ครอบครัวพร้อมหน้ายิ้มแย้มอย่างมีความสุขตังทองพอดีพองามไม่ขาดไม่เดือดร้อน มีก็ได้ ไม่มีก็ได้ อาหารการกินเต็มบ้าน แบ่งปันกันภายในประเทศไทยตน เหลือก็ขาย ยาสมุนไพรเคมีเพียงพอแก่การรักษาคนในชาติไทยตน,คือผู้นำสามารถนำพาชาติไทยตนตั้งรับตั้งรุกหรือนิ่งเฉยได้หมด,คืออุดมสมบูรณ์ปกติดีทั่วถึงแก่ทุกๆคนไทยเราอย่างไร,,ทรัมป์กีดกันก็ค้าขายกับชาติอื่น ขายคนแค่100คน กับขายคนรวมกันหลายๆบ้านกว่า1,000คนได้ตังหลายพันบาทมากกว่าร้อยบาทย่อมดีแน่นอน,บางทีอาจแลกเปลี่ยนวัตถุดิบในรัฐต่อรัฐได้เช่น ไทยขุดน้ำมันเอง ยึดทุกๆบ่อน้ำมันเสร็จ แลกน้ำมันกับจักรกลทางการเกษตรหรืออุตสากรรมก็ได้อีกมาช่วยทุ่นแรงคนไทยตนในราคาไม่แพง,อาหารแลกอาหาร,เสบียงใดเราขาดก็แลกเสบียงนั้นที่เขาขาดได้,รัฐสร้างโรงงานผลิตยานบินในฮับไทย ขาดวัตถุดิบก็ใช้ทรัพยากรเรามีที่เขาต้องการแลกกัน,ผลิตเสร็จขายราคาไม่แพงแก่เขาก็ได้หรือประเทศอื่นในราคาไม่แพงก็ได้อีก,คือผู้นำเราทั้งสิ้นจะควบคุมกลไกให้สมดุลในระบบแบบใด,ประเทศไทยเราพร้อมหมด,ฉีกกฎหมายผูกตีผูกมือผูกการกระทำกิจกรรมที่สร้างสรรคของคนไทยทิ้ง จะเพิ่มโอกาสนวัตกรรมใหม่ตรึมบนแผ่นดินไทยเรา,เพราะผู้ปกครองชั่วเลวปกครองกดขี่คนไทยด้วยกฎหมายผีบ้าผีบ้อมากมายนั่นล่ะ,คนชั่วในไทยแม้มีมากแต่ระบบสังคมจะจัดการเขาเองร่วมด้วยก็ได้,อาทิ เสพยาบ้าแล้วคลั่ง ชุมชนสะกำได้ทันทีก็ว่า,ข่มขื่นไทบ้านชาวบ้านรุมสะกัมเกือบตายก็ได้ซึ่งคนชั่วเลวที่ชัดเจน สมควรต้องเปิดเผยถูกกระซากหน้าให้สังคมรับรู้ เช่นแบงค์สถุนกากยักยอกตังคนฝากก็ประจานชื่อแบงค์สถุนกากนั้นเลย สาขาอะไร พนักงานคนไหน เป็นต้น นี้อะไรเขียนกฎหมายช่วยเหลือคนชั่วเลวเป็นต้น,นี้คือลักษณะกฎหมายเลวชั่วแบบเปิดสัมปทานน้ำมันแต่ไม่เอาเข้าสภาสส.สว.นั้นล่ะ,นี้คือกฎหมายเลวก็ด้วย,แบบพรบ.ผูกขาดเมล็ดพันธุ์ที่ร่างออกมาจะออกเป็นพรบ.มาบังคับคนปลูกต่างๆทั่วไทยโดยเฉพาะสานคนเกษตรกรรมซวยแน่นอนหากพรบ.500ยึดทหารยุดอำนาจนั้นผ่านได้เอกชนไทยแดกรวบทั้งระบบทั้งประเทศทันที นี้คือกฎหมายชั่วสารเลวอีกตัวอย่างหนึ่งที่ชัดเจนว่า,กฎหมายเราคือตัวถ่วงความเจริญอยู่ดีมีสุขสงบร่มเย็นพึ่งพาตนเองได้จริงของคนไทยโดยการปล้นชิงผ่านกฎหมายนั้นเองไปจากประชาชนคนไทย,สร้างข้อกำหนด ทำได้ทำไม่ได้นั่นล่ะ,ปลูกกัญชาเสรีก็ทำไม่ได้ สกัดยาสาระพัดวิจัย5ปีก่อนนะ,แต่วัคซีนโควิดไม่มีงานวิจัยปลอดภัยอะไรรองรับเสือกฉีดเข้าร่างกายคนไทยกว่า60ล้านคนหน้าตาเฉย ต่างชาติบริษัทยามันเองรับผิดถูกฟ้องคดีตรึมบอกเองว่ามีผลเป็นพิษจริงแก่คนฉีดมากกว่า1โรคโน้น รัฐบาลไทยเปลี่ยนมาสองนายกฯสองรักษาการแล้วนะก็ไม่ยอมประกาศความจริงอย่างเป็นทางการเลนด้วย.
    ..นี้จึงคือสาเหตุชัดต้องล้างทั้งหมด,ทรัมป์คือปัญหาภายนอกผู้นำภายนอก,เราต้องจัดการภายในเราก่อน,จึงนายกฯพระราชทานคือทางออก,และเด็ดขาดกับความชั่วเลวจริง,เด็ดขาดกับเดอะแก๊งแดกประเทศไทยทั้งหมดจริงด้วย.
    ..
    ..https://youtu.be/UqqWf54tRMM?si=T-lTaXTTUXijbHdQ
    ..555,ข่าวแหกตา เศรษฐกิจโลกมันพังปกติอยู่แล้ว โยนบาปให้ทรัมป์เป็นแพะว่าชาติต่างๆจะล้มละลายเพราะนโยบายทรัมป์ ซึ่งมันไม่จริงอะไรเลย อเมริกามีประชากรไม่กี่ร้อยล้านคนจะบริโภคห่าเหวอะไรมากมายขนาดนั้น,ส่วนใหญ่อาจแค่ใข้อเมริกาเป็นทางผ่านแบรนด์นามใช้ชื่อโลโก้อเมริกานั้นล่ะ,นำเข้าหลอกๆอีก ไม่ได้เข้าอเมริกาเป็นรูปร่างรูปธรรมห่าอะไรด้วย แค่นำเข้าในนามกระดาษ แบรนด์อเมริกากิจการเครือข่ายอเมริกาแต่ละชาติรับไปขายต่อผ่านอเมริกาเท่านั่น มุกตย.หนึ่งแค่นั้นล่ะ เช่นเรือน้ำมันอเมริกาแท่งขุดบริษัทอเมริกาลอยลำในไทยตีตราว่าส่งออกเข้าอเมริกาแล้ววนเอกสารนำเข้ามาไทยในที่สุดนั้นล่ะ,อเมริกาคิดภาษีเสร็จแล้วก็มาขายคืนไทย0%กำไรทันทีถ้าตกลงแบบเวียดนามให้สินค้าอเมริกามาขายเวียดนามในอัตรานำเข้า0%แลกส่งออกไปอเมริกาก็ว่า ,เจ้าสัวไทยไม่เดือดร้อนอะไรหรอกสมุนอีลิทมันรับรู้ล่วงหน้าแล้วเลยไม่ตั้งสายการผลิตทั่วอาเชียนทั่วเอเชียก็ส่งออกในชื่อที่ภาษีถูกคิดน้อยๆไง,คืออเมริกามีแต่ได้จริงๆในภาวะตังเงินโลกพัง,ทรัมป์ก็เหี้ยถูกจังหวะพอดี,เลยรับซวยไป,มองอีกมุม ทรัมป์กำลังเล่นงานบริษัทกิจการอีลิทdeep stateอยู่ก็ได้,ปลดปล่อยทาสแรงงานออกจากระบบทาสdeep stateที่ควบคุมมานานคือทำงานรับใช้พวกมันเหมือนทาสในกิจการบริษัทมันนั้นล่ะ,เร่งให้คนออกจากระบบทาสมันกลับบ้านใครบ้านมันไปอยู่ในธรรมชาติบ้านเกิดท้องเมืองนอนเดิมตนเสียก็ว่า,แก้ง่ายๆคือนายกฯต้องมานำประเทศแบบมุ่งการพึ่งพาตนเองภายในประเทศตนและกันและกันให้ได้ก่อน,ต้องมาในลักษณะพิเศษ กฎหมายพิเศษด้วย คือนายกฯพระราชทานนั้นล่ะมาบริหารชาติด้วยกฎหมายพิเศษมีอำนาจเด็ดขาดพร้อมสร้างทุกๆกลยุทธทางสงครามตังปากท้องและอธิปไตยตนทันทีสลับสับเปลี่ยนคล่องตัวก็ว่า,โดยกลไกปกติทำไม่ได้ ไม่ทันกาล ทันยุคที่การเปลี่ยนทางกระสุนตังกระสุนเงินรวดเร็วมาก,อเมริกาก็เป็นบ้าเป็นบอเพราะตังเพราะเงินใช้หนี้นี้ล่ะ,ญี่ปุ่นก็จะล่มละลายทั่งประเทศก็ตังนี้ล่ะบวกภัยธรรมชาติแบบแผ่นดินไหวอีก,"ตัง"คือชื่อเรียกหนึ่งว่าชื่อ"เศรษฐกิจ"ในชื่อเรียกหนึ่งเท่านั้น, ..อนาคตคนไทยต้องตกงานแน่นอนอยู่แล้วเพราะจักรกลจะมาแทนที่เป็นอันมากตลอดAIแทรกซึมทุกๆกระบวนการทำตังแล้ว,ช่องทางปกติอาจลดบทบาทลงมากขึ้น,คนจะถูกแทนที่มากขึ้นเรื่อยๆจากเอไอ,ผู้นำประเทศไทยเราจึงสำคัญมากในยุคการละครบทบาทเวลานี้ที่จะมาลงเล่นในยุคต่อไป,นำพาคนไทยทั้งประเทศตั้งรับและรุกหรือถอยเพื่อชนะตนเองหรือการดำรงอยู่ของคนไทยและประเทศชาติให้ได้บนฐานความอิ่มดีมีสุขก็ว่า,คือทั่วโลกจะเป็นห่าเหวอะไร,แต่ภายในประเทศเรา ครอบครัวพร้อมหน้ายิ้มแย้มอย่างมีความสุขตังทองพอดีพองามไม่ขาดไม่เดือดร้อน มีก็ได้ ไม่มีก็ได้ อาหารการกินเต็มบ้าน แบ่งปันกันภายในประเทศไทยตน เหลือก็ขาย ยาสมุนไพรเคมีเพียงพอแก่การรักษาคนในชาติไทยตน,คือผู้นำสามารถนำพาชาติไทยตนตั้งรับตั้งรุกหรือนิ่งเฉยได้หมด,คืออุดมสมบูรณ์ปกติดีทั่วถึงแก่ทุกๆคนไทยเราอย่างไร,,ทรัมป์กีดกันก็ค้าขายกับชาติอื่น ขายคนแค่100คน กับขายคนรวมกันหลายๆบ้านกว่า1,000คนได้ตังหลายพันบาทมากกว่าร้อยบาทย่อมดีแน่นอน,บางทีอาจแลกเปลี่ยนวัตถุดิบในรัฐต่อรัฐได้เช่น ไทยขุดน้ำมันเอง ยึดทุกๆบ่อน้ำมันเสร็จ แลกน้ำมันกับจักรกลทางการเกษตรหรืออุตสากรรมก็ได้อีกมาช่วยทุ่นแรงคนไทยตนในราคาไม่แพง,อาหารแลกอาหาร,เสบียงใดเราขาดก็แลกเสบียงนั้นที่เขาขาดได้,รัฐสร้างโรงงานผลิตยานบินในฮับไทย ขาดวัตถุดิบก็ใช้ทรัพยากรเรามีที่เขาต้องการแลกกัน,ผลิตเสร็จขายราคาไม่แพงแก่เขาก็ได้หรือประเทศอื่นในราคาไม่แพงก็ได้อีก,คือผู้นำเราทั้งสิ้นจะควบคุมกลไกให้สมดุลในระบบแบบใด,ประเทศไทยเราพร้อมหมด,ฉีกกฎหมายผูกตีผูกมือผูกการกระทำกิจกรรมที่สร้างสรรคของคนไทยทิ้ง จะเพิ่มโอกาสนวัตกรรมใหม่ตรึมบนแผ่นดินไทยเรา,เพราะผู้ปกครองชั่วเลวปกครองกดขี่คนไทยด้วยกฎหมายผีบ้าผีบ้อมากมายนั่นล่ะ,คนชั่วในไทยแม้มีมากแต่ระบบสังคมจะจัดการเขาเองร่วมด้วยก็ได้,อาทิ เสพยาบ้าแล้วคลั่ง ชุมชนสะกำได้ทันทีก็ว่า,ข่มขื่นไทบ้านชาวบ้านรุมสะกัมเกือบตายก็ได้ซึ่งคนชั่วเลวที่ชัดเจน สมควรต้องเปิดเผยถูกกระซากหน้าให้สังคมรับรู้ เช่นแบงค์สถุนกากยักยอกตังคนฝากก็ประจานชื่อแบงค์สถุนกากนั้นเลย สาขาอะไร พนักงานคนไหน เป็นต้น นี้อะไรเขียนกฎหมายช่วยเหลือคนชั่วเลวเป็นต้น,นี้คือลักษณะกฎหมายเลวชั่วแบบเปิดสัมปทานน้ำมันแต่ไม่เอาเข้าสภาสส.สว.นั้นล่ะ,นี้คือกฎหมายเลวก็ด้วย,แบบพรบ.ผูกขาดเมล็ดพันธุ์ที่ร่างออกมาจะออกเป็นพรบ.มาบังคับคนปลูกต่างๆทั่วไทยโดยเฉพาะสานคนเกษตรกรรมซวยแน่นอนหากพรบ.500ยึดทหารยุดอำนาจนั้นผ่านได้เอกชนไทยแดกรวบทั้งระบบทั้งประเทศทันที นี้คือกฎหมายชั่วสารเลวอีกตัวอย่างหนึ่งที่ชัดเจนว่า,กฎหมายเราคือตัวถ่วงความเจริญอยู่ดีมีสุขสงบร่มเย็นพึ่งพาตนเองได้จริงของคนไทยโดยการปล้นชิงผ่านกฎหมายนั้นเองไปจากประชาชนคนไทย,สร้างข้อกำหนด ทำได้ทำไม่ได้นั่นล่ะ,ปลูกกัญชาเสรีก็ทำไม่ได้ สกัดยาสาระพัดวิจัย5ปีก่อนนะ,แต่วัคซีนโควิดไม่มีงานวิจัยปลอดภัยอะไรรองรับเสือกฉีดเข้าร่างกายคนไทยกว่า60ล้านคนหน้าตาเฉย ต่างชาติบริษัทยามันเองรับผิดถูกฟ้องคดีตรึมบอกเองว่ามีผลเป็นพิษจริงแก่คนฉีดมากกว่า1โรคโน้น รัฐบาลไทยเปลี่ยนมาสองนายกฯสองรักษาการแล้วนะก็ไม่ยอมประกาศความจริงอย่างเป็นทางการเลนด้วย. ..นี้จึงคือสาเหตุชัดต้องล้างทั้งหมด,ทรัมป์คือปัญหาภายนอกผู้นำภายนอก,เราต้องจัดการภายในเราก่อน,จึงนายกฯพระราชทานคือทางออก,และเด็ดขาดกับความชั่วเลวจริง,เด็ดขาดกับเดอะแก๊งแดกประเทศไทยทั้งหมดจริงด้วย. .. ..https://youtu.be/UqqWf54tRMM?si=T-lTaXTTUXijbHdQ
    0 Comments 0 Shares 176 Views 0 Reviews
  • ไทยกำลังพยายามครั้งสุดท้าย เพื่อหลีกเลี่ยงถูกรัฐบาลประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ลงโทษทางภาษีปรับเพิ่มเพดานภาษีสินค้าส่งออกไปยังอเมริกา เป็น 36% ด้วยการเสนอให้สินค้าเกษตรกรรมและอุตสาหกรรมของอเมริกาเข้าถึงตลาดมากขึ้น เช่นเดียวกับการยกระดับการซื้อพลังงานและเครื่องบินของโบอิ้ง ตามรายงานของสำนักข่าวบลูมเบิร์ก
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000063728

    #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    ไทยกำลังพยายามครั้งสุดท้าย เพื่อหลีกเลี่ยงถูกรัฐบาลประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ลงโทษทางภาษีปรับเพิ่มเพดานภาษีสินค้าส่งออกไปยังอเมริกา เป็น 36% ด้วยการเสนอให้สินค้าเกษตรกรรมและอุตสาหกรรมของอเมริกาเข้าถึงตลาดมากขึ้น เช่นเดียวกับการยกระดับการซื้อพลังงานและเครื่องบินของโบอิ้ง ตามรายงานของสำนักข่าวบลูมเบิร์ก . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000063728 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    Like
    Haha
    4
    0 Comments 0 Shares 938 Views 0 Reviews
  • ..มีเดือดแน่นอน,ภาคประชาชนเตรียมรับมือได้เลย,มือโกลาหลแทรกแซงจากภายนอก,ที่ฝ่ายทรยศได้รับการสนับสนุนเตรียมการไว้หมดแล้วแน่ๆ,
    ..นี้คือเกมส์อำนาจของโลกผ่านไทยก็ได้,agenda2030ตั้งไทยคือสาระพัดฮับแห่งยุคสมัยใหม่ไว้แล้วดูที่ยิวอพยพอยู่อ.ปายเป็นอันมากคือเครื่องพิสูจน์ว่าไทยคือเป้าหมายหลักแกนนำแกนกลางของโลกแล้วมิใช่อิสราเอลอีกต่อไป,ศูนย์กลางสนามแม่เหล็กโลกพลังงานจักรวาลที่จะพลิกมาที่โซนประเทศไทยด้วยตลอดแร่ธาตุสำคัญมากมายของโลกก็ขนมาใต้แผ่นดินไทยเป็นอันมาก,เมืองหลวงของโลกในอนาคตคือประเทศไทยเรานีัล่ะ,ใครๆก็อยากได้ประเทศไทย,แม้อีลิทdeep stateยึดครองได้ประเทศไทยก็เจริญแบบแนวทางdeep state,ฝ่ายแสงยึดครองได้ประเทศไทยก็เจริญในวิถีแบบฝ่ายแสง,แค่เราจะเลือกไปทางไหนแค่นั้นในยุคสมัยที่จะมาถึงนี้,เมืองอัจฉริยะเขาวางโครงสร้างไว้หมดแล้วนั้นเอง,ประกาศออกมาแล้วด้วยของagenda2030,ช่วงรัฐบาลยุคนึดอำนาจนั้นล่ะเห็นชัดเจนที่สุด ตังไหลหลั่งมาจากสาระพัดทิศเพื่อเริ่มโครงการต่างๆเช่นแลนด์บริดจ์ยึดภาคใต้ทัังภาคสามารถเขียนให้ภาคใต้ปกครองตนเองได้เลย,ใครสั่งเขียนก็deep stateนั้นล่ะ,ตระกูลรอธส์ไชลด์และตระกูลร็อกกี้เฟลเลอร์นั้นล่ะคือตัวพ่อตัวเปิดหลักๆ,อ่าวไทยทัังหมดอันดามันทั้งหมดภาคใต้ทัังหมดมันกะผ่านให้เสร็จให้ทัน เช่าที่ดิน99ปีคือตัวยืนยันให้แก่ต่างชาติ,ยึดอำนาจมาเพื่อนัยยะลักษณะนี้ล่ะ,ครม.พิมพ์เดียวกันกับครม.ทักษิณ,ยุคทักษิณทำไม่สำเร็จ สามารถสำเร็จเป็นอันมากในยุคทหารอีลิทdeep stateยึดอำนาจ,วัคซีนฉีดตายคนไทยลดประชากรไทยก็สำเร็จในยุคยึดอำนาจ,พรบ.เมล็ดพันธุ์คือตย.เด่นชัดอีกตัวถ้าผ่านไปได้,นั้นคือการล่มสลายของเกษตรกรรมประเทศไทยทันที เมล็ดพันธุ์บนแผ่นดินไทยจะผูกขาดทันทีโดยเอกชน นี้คือพรบ.ที่จะก่อเกิดในยุคยึดอำนาจล่ะในสมัยนั้น,มีมากมายนั้นเอง,จึงทำวิถีทางให้ตนอยู่ต่อให้ได้สะดวกง่ายดำเนินเนื้องานกว่าขี้ข้าสมุนdeep stateแบบนักเลือกตั้งเช่นในปัจจุบัน,สายต่อลำบาก เดินงานติดขัดได้ แบบจะเปิดบ่อนฮับคาสิโนออนไลน์โลกก็ลำบากติดขัดแบบที่เห็นในปัจจุบันนี้,แลนด์บริดจ์ก็รีบเร่งไม่ได้ มันประชาชนคนไทยไม่โง่กันทุกๆคนรู้ทันกูอีก,,สรุปคือพวกเหี้ยนีัในปัจจุบันคือขี้ข้าบ๋อนรับใช้deep stateโลกหมด,ยึดครองไทยไปด้วย ทำลายระบบกษัตริย์ไปด้วย ทำลายสถาบันกษัตริย์ทันทีเมื่อมีจังหวะโอกาสในตัว,ดูถวายสัตย์หลังยึดอำนาจเลย เศษกระดาษหยิบขึ้นมาอ่านชัดๆ,คนไทยลืมง่าย,ตอนนี้สถาบันนักการเมืองคือภัยคุกคามต่อสถาบันกษัตริย์เรา สถาบันศาสนาพุทธเราด้วย ประเทศไทยตั้งอยู่ได้เพราะสองอย่างสิ่งนี้ค้ำชูประเทศไทยเราไว้,แม้เราเสียบ่อน้ำมันบ่อทองคำที่พวกมันปล้นชิงไปแต่สถาบันกษัตริย์และศาสนาพุทธหลักเรายังอยู่,หากสิ้นสองสิ่งนี้ชาติไทยพังพินาศทันทีไม่ต้องสงสัย,มันจึงยุแยงพุทธกับอิสลามตีกัน,อิสลามดิบๆนั้นปกติดี,แต่อิสลามdeep stateควบคุมนี้อันตรายมาก,ตะวันออกกลางมีปัญหาไปทั่วเพราะอีลิทdeep stateทำเหยื่อคือหมากศาสนาความเชื่อเป็นเหตุแตกแยก,เหยื่อล่อที่ดีคือใช้อิสลามตนที่ก่อตั้งขึ้นควบคุมได้บุกในนามศาสนาอิสลามของdeep stateทำลายที่ต่างๆนั้นตะวันออกกลางคือตัวอย่าง,จะปล้นแร่ธาตุบ่อน้ำมันเข้าก็ใช้เหยื่อล่ออ้อมเสียไกลคือศาสนาอิสลามบังหน้าสู้กันเองบ้างสู้กับยิวบ้างแบบที่เห็นในตอนนี้คืออิสราเอลกับอิหร่านคือทำทีบุกชาติอื่นๆไปทั่ว เป้าหมายจริงคืออีรักประตูข้ามมิติอิหร่านบ่อน้ำมันมิให้จีนซื้อขายง่ายๆเพราะฐานน้ำมันจีนส่วนใหญ่ใข้ที่อิหร่าน รบกับจีนจึงตัดยุทธปัจจัยทางสงครามก่อนคือเชื้อเพลิงสงครามที่อิหร่านก็ว่าและนัยยะใต้ดินตรึม.,ไทยก็ไม่เว้นบ่อน้ำมันไทยมีมหาศาลกว่าซาอุฯอีกสัมปทาน2แปลงล่าสุดจึงแบ่งๆให้ไปสำเร็จก็ยึดต่อยอดอยากเป็นต่อของพวกยึดอำนาจในอดีตล่าสุดนั้นล่ะ,เสือกไปทำเอง,เปิดสัมปทานไปทำไม.เพราะนายสั่งคือdeep stateโลกสั่งขี้ข้าในไทยต้องปฏิบัติตามก็ว่า,ซาอุฯไม่กล้าคุยจะสร้างคลังแสงน้ำมันขนาดใหญ่ในไทยได้หรอกถ้าน้ำมันประเทศไทยมีน้อย,ไม่สร้างฉางข้าวเก็บข้าวหรอกหากข้าวไม่มีเยอะไม่มีมากมายเพราะมีข้าวมากเต็มท้องนาจึงต้องที่เก็บให้ใหญ่ๆไว้,แลนด์บริดจ์จริงๆระดมทุนให้คนไทยลงหุ้นเป็นเจ้าของร่วมจริงๆแก่คนไทยทุกๆคนได้ ให้เป็นหุ้นฟรีๆแก่คนไทย100หุ้นห้ามซื้อขายทุกๆกรณี,ipoอีกหุ้นละ10บาท คนไทยซื้อได้ไม่เกิน100หุ้นๆละ10บาทอีก,คนไทยก็จะเป็นเจ้าของแลนด์บริดจ์ร่วมกันจริงจับต้องได้,รัฐบาลนั้นจึงเชื่อว่าปราถนาให้คนไทยมั่งมีมีความสุขอยู่ดีมีกิน อยู่เฉยๆมีรายได้เข้ามาจากกำไรบริหารจัดการแลนด์บริดจ์จริงได้,มิใช่ตกแก่นักทุนหน้าไหนไม่รู้เฉพาะเดอะแก๊งต่างๆอีก คนไทยไม่ได้อะไรเลย อ้างว่าเข้าชาติเข้าประเทศแล้วไง อ้างแบบนั้นไม่ได้เลย แบบได้ค่าภาคหลวงแห่งบ่อน้ำมันนั้นก็ด้วยนี้คือเหี้ยหมด,แลนด์บริดจ์พื้นที่บริหารจัดการรอบข้างด้วยและรวมกันทั้งหมดต่อปี อาจกำไรเกินกว่า10ล้านล้านบาทต่อปีทีเดียว,อาจ100ล้านล้านบาทสบายเพราะสามารถเป็นพื้นทีสาระพัดฮับของโลกได้.,บ่อนคาสิโนอาจยุคอนาคตคนมีภูมิต้านทานเข้าใจดีเข้าใจชั่ว ไม่หลงล่อใดๆแล้วในส่วนของคนไทยคือเป็นผู้รู้มีองค์ภูมิรอบตัวแล้ว สามารถเป็นปกติได้ อาจเปิดเสรีได้สบายๆต่างจากยุคเวลานี้ก็ได้ deep stateโลภจึงอยากเปิดทำตังก่อนเพราะรายได้จากทั่วโลกถ้าประเทศเป็นฮับจริงๆทั้งออฟไลน์และออนไลน์อาจข้ามจักรวาลแบบเน็ตควอนตัมstarlinkควอนตัมข้ามจักรวาลได้ก็ว่า เล่นทั่วจักรวาลผ่านฮับออนไลน์ที่ไทยสร้างสรรค์อบายมุขรูปแบบพนันเป็นเลิศอาจตังโคตรมากมายมหาศาลกว่า1,000ล้านล้านบาทต่อปีได้สบายๆ,นี้ประเทศไทยเป็นฮับสาระพัดอีกอื่นตรึมนะ ยอมประเมินค่ามิได้จริงๆ,
    ..สรุปอีกครั้ง ประเทศไทยเราสมบูรณ์แบบจริงๆ,จึงผู้นำผู้ปกครองโคตรสำคัญโคตรๆ.

    ..https://youtu.be/MpgtmRbfTec?si=9n4z2ZlBqBx0tnuN
    ..มีเดือดแน่นอน,ภาคประชาชนเตรียมรับมือได้เลย,มือโกลาหลแทรกแซงจากภายนอก,ที่ฝ่ายทรยศได้รับการสนับสนุนเตรียมการไว้หมดแล้วแน่ๆ, ..นี้คือเกมส์อำนาจของโลกผ่านไทยก็ได้,agenda2030ตั้งไทยคือสาระพัดฮับแห่งยุคสมัยใหม่ไว้แล้วดูที่ยิวอพยพอยู่อ.ปายเป็นอันมากคือเครื่องพิสูจน์ว่าไทยคือเป้าหมายหลักแกนนำแกนกลางของโลกแล้วมิใช่อิสราเอลอีกต่อไป,ศูนย์กลางสนามแม่เหล็กโลกพลังงานจักรวาลที่จะพลิกมาที่โซนประเทศไทยด้วยตลอดแร่ธาตุสำคัญมากมายของโลกก็ขนมาใต้แผ่นดินไทยเป็นอันมาก,เมืองหลวงของโลกในอนาคตคือประเทศไทยเรานีัล่ะ,ใครๆก็อยากได้ประเทศไทย,แม้อีลิทdeep stateยึดครองได้ประเทศไทยก็เจริญแบบแนวทางdeep state,ฝ่ายแสงยึดครองได้ประเทศไทยก็เจริญในวิถีแบบฝ่ายแสง,แค่เราจะเลือกไปทางไหนแค่นั้นในยุคสมัยที่จะมาถึงนี้,เมืองอัจฉริยะเขาวางโครงสร้างไว้หมดแล้วนั้นเอง,ประกาศออกมาแล้วด้วยของagenda2030,ช่วงรัฐบาลยุคนึดอำนาจนั้นล่ะเห็นชัดเจนที่สุด ตังไหลหลั่งมาจากสาระพัดทิศเพื่อเริ่มโครงการต่างๆเช่นแลนด์บริดจ์ยึดภาคใต้ทัังภาคสามารถเขียนให้ภาคใต้ปกครองตนเองได้เลย,ใครสั่งเขียนก็deep stateนั้นล่ะ,ตระกูลรอธส์ไชลด์และตระกูลร็อกกี้เฟลเลอร์นั้นล่ะคือตัวพ่อตัวเปิดหลักๆ,อ่าวไทยทัังหมดอันดามันทั้งหมดภาคใต้ทัังหมดมันกะผ่านให้เสร็จให้ทัน เช่าที่ดิน99ปีคือตัวยืนยันให้แก่ต่างชาติ,ยึดอำนาจมาเพื่อนัยยะลักษณะนี้ล่ะ,ครม.พิมพ์เดียวกันกับครม.ทักษิณ,ยุคทักษิณทำไม่สำเร็จ สามารถสำเร็จเป็นอันมากในยุคทหารอีลิทdeep stateยึดอำนาจ,วัคซีนฉีดตายคนไทยลดประชากรไทยก็สำเร็จในยุคยึดอำนาจ,พรบ.เมล็ดพันธุ์คือตย.เด่นชัดอีกตัวถ้าผ่านไปได้,นั้นคือการล่มสลายของเกษตรกรรมประเทศไทยทันที เมล็ดพันธุ์บนแผ่นดินไทยจะผูกขาดทันทีโดยเอกชน นี้คือพรบ.ที่จะก่อเกิดในยุคยึดอำนาจล่ะในสมัยนั้น,มีมากมายนั้นเอง,จึงทำวิถีทางให้ตนอยู่ต่อให้ได้สะดวกง่ายดำเนินเนื้องานกว่าขี้ข้าสมุนdeep stateแบบนักเลือกตั้งเช่นในปัจจุบัน,สายต่อลำบาก เดินงานติดขัดได้ แบบจะเปิดบ่อนฮับคาสิโนออนไลน์โลกก็ลำบากติดขัดแบบที่เห็นในปัจจุบันนี้,แลนด์บริดจ์ก็รีบเร่งไม่ได้ มันประชาชนคนไทยไม่โง่กันทุกๆคนรู้ทันกูอีก,,สรุปคือพวกเหี้ยนีัในปัจจุบันคือขี้ข้าบ๋อนรับใช้deep stateโลกหมด,ยึดครองไทยไปด้วย ทำลายระบบกษัตริย์ไปด้วย ทำลายสถาบันกษัตริย์ทันทีเมื่อมีจังหวะโอกาสในตัว,ดูถวายสัตย์หลังยึดอำนาจเลย เศษกระดาษหยิบขึ้นมาอ่านชัดๆ,คนไทยลืมง่าย,ตอนนี้สถาบันนักการเมืองคือภัยคุกคามต่อสถาบันกษัตริย์เรา สถาบันศาสนาพุทธเราด้วย ประเทศไทยตั้งอยู่ได้เพราะสองอย่างสิ่งนี้ค้ำชูประเทศไทยเราไว้,แม้เราเสียบ่อน้ำมันบ่อทองคำที่พวกมันปล้นชิงไปแต่สถาบันกษัตริย์และศาสนาพุทธหลักเรายังอยู่,หากสิ้นสองสิ่งนี้ชาติไทยพังพินาศทันทีไม่ต้องสงสัย,มันจึงยุแยงพุทธกับอิสลามตีกัน,อิสลามดิบๆนั้นปกติดี,แต่อิสลามdeep stateควบคุมนี้อันตรายมาก,ตะวันออกกลางมีปัญหาไปทั่วเพราะอีลิทdeep stateทำเหยื่อคือหมากศาสนาความเชื่อเป็นเหตุแตกแยก,เหยื่อล่อที่ดีคือใช้อิสลามตนที่ก่อตั้งขึ้นควบคุมได้บุกในนามศาสนาอิสลามของdeep stateทำลายที่ต่างๆนั้นตะวันออกกลางคือตัวอย่าง,จะปล้นแร่ธาตุบ่อน้ำมันเข้าก็ใช้เหยื่อล่ออ้อมเสียไกลคือศาสนาอิสลามบังหน้าสู้กันเองบ้างสู้กับยิวบ้างแบบที่เห็นในตอนนี้คืออิสราเอลกับอิหร่านคือทำทีบุกชาติอื่นๆไปทั่ว เป้าหมายจริงคืออีรักประตูข้ามมิติอิหร่านบ่อน้ำมันมิให้จีนซื้อขายง่ายๆเพราะฐานน้ำมันจีนส่วนใหญ่ใข้ที่อิหร่าน รบกับจีนจึงตัดยุทธปัจจัยทางสงครามก่อนคือเชื้อเพลิงสงครามที่อิหร่านก็ว่าและนัยยะใต้ดินตรึม.,ไทยก็ไม่เว้นบ่อน้ำมันไทยมีมหาศาลกว่าซาอุฯอีกสัมปทาน2แปลงล่าสุดจึงแบ่งๆให้ไปสำเร็จก็ยึดต่อยอดอยากเป็นต่อของพวกยึดอำนาจในอดีตล่าสุดนั้นล่ะ,เสือกไปทำเอง,เปิดสัมปทานไปทำไม.เพราะนายสั่งคือdeep stateโลกสั่งขี้ข้าในไทยต้องปฏิบัติตามก็ว่า,ซาอุฯไม่กล้าคุยจะสร้างคลังแสงน้ำมันขนาดใหญ่ในไทยได้หรอกถ้าน้ำมันประเทศไทยมีน้อย,ไม่สร้างฉางข้าวเก็บข้าวหรอกหากข้าวไม่มีเยอะไม่มีมากมายเพราะมีข้าวมากเต็มท้องนาจึงต้องที่เก็บให้ใหญ่ๆไว้,แลนด์บริดจ์จริงๆระดมทุนให้คนไทยลงหุ้นเป็นเจ้าของร่วมจริงๆแก่คนไทยทุกๆคนได้ ให้เป็นหุ้นฟรีๆแก่คนไทย100หุ้นห้ามซื้อขายทุกๆกรณี,ipoอีกหุ้นละ10บาท คนไทยซื้อได้ไม่เกิน100หุ้นๆละ10บาทอีก,คนไทยก็จะเป็นเจ้าของแลนด์บริดจ์ร่วมกันจริงจับต้องได้,รัฐบาลนั้นจึงเชื่อว่าปราถนาให้คนไทยมั่งมีมีความสุขอยู่ดีมีกิน อยู่เฉยๆมีรายได้เข้ามาจากกำไรบริหารจัดการแลนด์บริดจ์จริงได้,มิใช่ตกแก่นักทุนหน้าไหนไม่รู้เฉพาะเดอะแก๊งต่างๆอีก คนไทยไม่ได้อะไรเลย อ้างว่าเข้าชาติเข้าประเทศแล้วไง อ้างแบบนั้นไม่ได้เลย แบบได้ค่าภาคหลวงแห่งบ่อน้ำมันนั้นก็ด้วยนี้คือเหี้ยหมด,แลนด์บริดจ์พื้นที่บริหารจัดการรอบข้างด้วยและรวมกันทั้งหมดต่อปี อาจกำไรเกินกว่า10ล้านล้านบาทต่อปีทีเดียว,อาจ100ล้านล้านบาทสบายเพราะสามารถเป็นพื้นทีสาระพัดฮับของโลกได้.,บ่อนคาสิโนอาจยุคอนาคตคนมีภูมิต้านทานเข้าใจดีเข้าใจชั่ว ไม่หลงล่อใดๆแล้วในส่วนของคนไทยคือเป็นผู้รู้มีองค์ภูมิรอบตัวแล้ว สามารถเป็นปกติได้ อาจเปิดเสรีได้สบายๆต่างจากยุคเวลานี้ก็ได้ deep stateโลภจึงอยากเปิดทำตังก่อนเพราะรายได้จากทั่วโลกถ้าประเทศเป็นฮับจริงๆทั้งออฟไลน์และออนไลน์อาจข้ามจักรวาลแบบเน็ตควอนตัมstarlinkควอนตัมข้ามจักรวาลได้ก็ว่า เล่นทั่วจักรวาลผ่านฮับออนไลน์ที่ไทยสร้างสรรค์อบายมุขรูปแบบพนันเป็นเลิศอาจตังโคตรมากมายมหาศาลกว่า1,000ล้านล้านบาทต่อปีได้สบายๆ,นี้ประเทศไทยเป็นฮับสาระพัดอีกอื่นตรึมนะ ยอมประเมินค่ามิได้จริงๆ, ..สรุปอีกครั้ง ประเทศไทยเราสมบูรณ์แบบจริงๆ,จึงผู้นำผู้ปกครองโคตรสำคัญโคตรๆ. ..https://youtu.be/MpgtmRbfTec?si=9n4z2ZlBqBx0tnuN
    0 Comments 0 Shares 340 Views 0 Reviews
  • AI กับอนาคตของงาน: มุมมองที่แตกต่าง
    Jensen Huang และ Dario Amodei มีมุมมองที่แตกต่างกันเกี่ยวกับผลกระทบของ AI ต่อการจ้างงาน โดยเฉพาะงานระดับเริ่มต้นในสายงานปกขาว

    มุมมองของ Dario Amodei
    - Amodei เตือนว่า AI อาจทำให้ งานระดับเริ่มต้นในสายงานปกขาวหายไปถึง 50% ในอีก 5 ปีข้างหน้า
    - เขาคาดการณ์ว่า อัตราการว่างงานอาจเพิ่มขึ้นถึง 20% เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของตลาดแรงงาน
    - เขาเสนอให้มี มาตรฐานความโปร่งใสระดับประเทศ เพื่อให้ประชาชนและผู้กำหนดนโยบายเข้าใจความสามารถและความเสี่ยงของ AI

    มุมมองของ Jensen Huang
    - Huang ไม่เห็นด้วยกับคำเตือนของ Amodei และมองว่า AI จะสร้างงานใหม่ เช่น วิศวกรด้าน AI และผู้เชี่ยวชาญด้านการตั้งค่าระบบ
    - เขาเชื่อว่า การเรียนรู้ทักษะด้านโปรแกรมมิ่งจะมีความสำคัญน้อยลง และควรเน้นไปที่ทักษะอื่น เช่น ชีววิทยา การศึกษา การผลิต และเกษตรกรรม
    - Huang เน้นว่า AI ควรพัฒนาอย่างเปิดเผย ไม่ใช่ในลักษณะที่ปิดกั้นโดยบริษัทใดบริษัทหนึ่ง

    ข้อควรระวัง
    - การเปลี่ยนแปลงของตลาดแรงงานอาจเกิดขึ้นเร็วกว่าที่คาด ทำให้บางอาชีพหายไปก่อนที่ระบบเศรษฐกิจจะปรับตัวทัน
    - Universal Basic Income (UBI) อาจไม่ใช่ทางออกที่ดี เพราะ Amodei มองว่าเป็นแนวคิดที่ "ดิสโทเปีย" และไม่ใช่โลกที่เราควรตั้งเป้าหมายไว้
    - การพัฒนา AI อย่างรวดเร็วอาจทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำ ระหว่างผู้ที่สามารถปรับตัวได้กับผู้ที่ถูกทิ้งไว้ข้างหลัง

    ข้อพิพาทระหว่าง Nvidia และ Anthropic
    ความขัดแย้งเกี่ยวกับการควบคุม AI
    - Anthropic สนับสนุน กฎควบคุมการส่งออกเทคโนโลยี AI ไปยังประเทศต่างๆ เช่น จีน
    - Nvidia โต้แย้งว่า ชิปของบริษัทไม่เคยถูกลักลอบนำเข้าจีน ผ่านวิธีแปลกๆ เช่น ซ่อนในท้องปลาหรือพุงปลอมของหญิงตั้งครรภ์

    ข้อควรระวังเกี่ยวกับการควบคุม AI
    - การควบคุมที่เข้มงวดอาจทำให้เกิดการลักลอบนำเข้าเทคโนโลยี ซึ่งอาจส่งผลต่อความมั่นคงระดับโลก
    - การพัฒนา AI ในลักษณะที่ปิดกั้นอาจทำให้เกิดการผูกขาด และลดโอกาสในการแข่งขันของบริษัทอื่นๆ
    - ต้องมีการกำหนดมาตรฐานที่ชัดเจน เพื่อให้ AI ถูกพัฒนาอย่างปลอดภัยและมีความรับผิดชอบ

    แนวโน้มของ AI และตลาดแรงงาน
    โอกาสใหม่ที่เกิดขึ้น
    - AI อาจช่วยให้เกิด อาชีพใหม่ที่ยังไม่เคยมีมาก่อน เช่น นักออกแบบการโต้ตอบกับ AI
    - การใช้ AI ในภาคการศึกษาอาจช่วยให้ นักเรียนสามารถเรียนรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
    - AI อาจช่วยให้ การผลิตและเกษตรกรรมมีประสิทธิภาพสูงขึ้น ลดต้นทุนและเพิ่มผลผลิต

    ข้อควรระวังเกี่ยวกับอนาคตของ AI
    - ต้องมีการพัฒนา AI อย่างมีจริยธรรม เพื่อป้องกันการใช้งานในทางที่ผิด
    - ต้องมีการเตรียมความพร้อมของแรงงาน เพื่อให้สามารถปรับตัวเข้ากับการเปลี่ยนแปลงของตลาด
    - ต้องมีการกำหนดนโยบายที่ชัดเจน เพื่อให้ AI ถูกนำมาใช้ในทางที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม

    https://www.techspot.com/news/108317-jensen-huang-hits-back-anthropic-ceo-warning-ai.html
    🤖 AI กับอนาคตของงาน: มุมมองที่แตกต่าง Jensen Huang และ Dario Amodei มีมุมมองที่แตกต่างกันเกี่ยวกับผลกระทบของ AI ต่อการจ้างงาน โดยเฉพาะงานระดับเริ่มต้นในสายงานปกขาว ✅ มุมมองของ Dario Amodei - Amodei เตือนว่า AI อาจทำให้ งานระดับเริ่มต้นในสายงานปกขาวหายไปถึง 50% ในอีก 5 ปีข้างหน้า - เขาคาดการณ์ว่า อัตราการว่างงานอาจเพิ่มขึ้นถึง 20% เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของตลาดแรงงาน - เขาเสนอให้มี มาตรฐานความโปร่งใสระดับประเทศ เพื่อให้ประชาชนและผู้กำหนดนโยบายเข้าใจความสามารถและความเสี่ยงของ AI ✅ มุมมองของ Jensen Huang - Huang ไม่เห็นด้วยกับคำเตือนของ Amodei และมองว่า AI จะสร้างงานใหม่ เช่น วิศวกรด้าน AI และผู้เชี่ยวชาญด้านการตั้งค่าระบบ - เขาเชื่อว่า การเรียนรู้ทักษะด้านโปรแกรมมิ่งจะมีความสำคัญน้อยลง และควรเน้นไปที่ทักษะอื่น เช่น ชีววิทยา การศึกษา การผลิต และเกษตรกรรม - Huang เน้นว่า AI ควรพัฒนาอย่างเปิดเผย ไม่ใช่ในลักษณะที่ปิดกั้นโดยบริษัทใดบริษัทหนึ่ง ‼️ ข้อควรระวัง - การเปลี่ยนแปลงของตลาดแรงงานอาจเกิดขึ้นเร็วกว่าที่คาด ทำให้บางอาชีพหายไปก่อนที่ระบบเศรษฐกิจจะปรับตัวทัน - Universal Basic Income (UBI) อาจไม่ใช่ทางออกที่ดี เพราะ Amodei มองว่าเป็นแนวคิดที่ "ดิสโทเปีย" และไม่ใช่โลกที่เราควรตั้งเป้าหมายไว้ - การพัฒนา AI อย่างรวดเร็วอาจทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำ ระหว่างผู้ที่สามารถปรับตัวได้กับผู้ที่ถูกทิ้งไว้ข้างหลัง 🔍 ข้อพิพาทระหว่าง Nvidia และ Anthropic ✅ ความขัดแย้งเกี่ยวกับการควบคุม AI - Anthropic สนับสนุน กฎควบคุมการส่งออกเทคโนโลยี AI ไปยังประเทศต่างๆ เช่น จีน - Nvidia โต้แย้งว่า ชิปของบริษัทไม่เคยถูกลักลอบนำเข้าจีน ผ่านวิธีแปลกๆ เช่น ซ่อนในท้องปลาหรือพุงปลอมของหญิงตั้งครรภ์ ‼️ ข้อควรระวังเกี่ยวกับการควบคุม AI - การควบคุมที่เข้มงวดอาจทำให้เกิดการลักลอบนำเข้าเทคโนโลยี ซึ่งอาจส่งผลต่อความมั่นคงระดับโลก - การพัฒนา AI ในลักษณะที่ปิดกั้นอาจทำให้เกิดการผูกขาด และลดโอกาสในการแข่งขันของบริษัทอื่นๆ - ต้องมีการกำหนดมาตรฐานที่ชัดเจน เพื่อให้ AI ถูกพัฒนาอย่างปลอดภัยและมีความรับผิดชอบ 🌍 แนวโน้มของ AI และตลาดแรงงาน ✅ โอกาสใหม่ที่เกิดขึ้น - AI อาจช่วยให้เกิด อาชีพใหม่ที่ยังไม่เคยมีมาก่อน เช่น นักออกแบบการโต้ตอบกับ AI - การใช้ AI ในภาคการศึกษาอาจช่วยให้ นักเรียนสามารถเรียนรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น - AI อาจช่วยให้ การผลิตและเกษตรกรรมมีประสิทธิภาพสูงขึ้น ลดต้นทุนและเพิ่มผลผลิต ‼️ ข้อควรระวังเกี่ยวกับอนาคตของ AI - ต้องมีการพัฒนา AI อย่างมีจริยธรรม เพื่อป้องกันการใช้งานในทางที่ผิด - ต้องมีการเตรียมความพร้อมของแรงงาน เพื่อให้สามารถปรับตัวเข้ากับการเปลี่ยนแปลงของตลาด - ต้องมีการกำหนดนโยบายที่ชัดเจน เพื่อให้ AI ถูกนำมาใช้ในทางที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม https://www.techspot.com/news/108317-jensen-huang-hits-back-anthropic-ceo-warning-ai.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Jensen Huang hits back at Anthropic CEO's warning that AI will eliminate half of white-collar jobs
    Amodei made his ominous prediction about AI's impact on entry-level, white-collar jobs in May, warning that the eradication of these positions will lead to unemployment spikes of 20%.
    0 Comments 0 Shares 247 Views 0 Reviews
  • บทความเก่าขอนำมาโพสอีกครั้ง
    ----------------------------
    สงครามน้ำจะมาถึงในไม่ช้า
    นี่เป็นคำพยากรณ์...
    .
    อันที่จริงผมพูดเรื่องนี้มานานแล้วตั้งแต่ราวปี 2003 ผมเคยพยายามที่จะทำโครงการหนึ่งชื่อ Voices of Asia รวมทั้งเคยหาข้อมูลเพื่อทำสารคดีเรื่องแม่น้ำ.. มันไม่ได้รับการสนับสนุนให้ทำ แต่ยังคงเป็นสิ่งที่วนเวียนหลอกหลอนอยู่ในความคิดผมเสมอมา ความกังวลนี้มาจากการได้อ่านข้อมูลที่เกี่ยวกับปัญหาวิกฤติน้ำในเอธิโอเปียในช่วงเวลานั้น
    .
    แม่น้ำไนล์ เป็นที่รู้ดีมานานแล้วว่า คือกระแสโลหิตที่หล่อเลี้ยงแอฟริกาตอนบน และมันไม่เคยเพียงพอต่อความต้องการเลย นับแต่ซาฮาร่าโบราณที่เคยอุดมสมบูรณ์ในยุคโบราณได้แปรเปลี่ยนเป็นทะเลทราย และบรรพบุรุษของโฮโมเซเปี้ยนส์เริ่มอพยพหนีออกมาจากที่นั่น.. ซาฮาร่าแห้งแล้งลงเรื่อยๆ ผ่านเวลาแสนปีจนถึงปัจจุบัน.. ยิ่งเมื่อภาวะวิกฤติโลกร้อนและอุณหภูมิโลกและอากาศเปลี่ยนแปลงในทุกวันนี้ มันก็ยิ่งเหือดแห้งลงกว่าเดิม และยิ่งไม่เพียงพอต่อความต้องการมากยิ่งขึ้น..
    .
    ต้นกำเนิดของแม่น้ำสายนี้อยู่ในเอธิโอเปีย. ประเทศอันแสนยากจน พวกเขาส่วนใหญ่ยากจนแสนเข็ญจริงๆ และแม้ว่าแม่น้ำนี้จะกำเนิดจากดินแดนแห่งนี้ แต่พวกเขาในพื้นที่ห่างไกลกลับยากลำบากและขาดแคลนน้ำที่จะนำมาเป็นปัจจัยพื้นฐานเพื่อเอาชีวิตรอด นั่นคือใช้ในการทำเกษตรกรรม. พวกเขาคงจะมีโอกาสรอดมากขึ้น ถ้าเพียงพวกเขาจะทำเขื่อนเพื่อที่จะกักและชะลอน้ำไว้บ้างสำหรับการเพาะปลูกเท่าที่จำเป็น แต่การทำเช่นนั้น.. สร้างความวิตกว่าน้ำจะยิ่งไม่เพียงพอแก่ประเทศอื่นที่ใช้แม่น้ำนี้ร่วมกัน เช่น อียิปต์ และ ซูดาน.. สองประเทศนี้มีแสนยานุภาพ มีขีปนาวุธ และเครื่องบินรบทันสมัยอย่างเอฟสิบหก ทันทีที่เอธิโอเปียสร้างเขื่อน มันจะถูกยิงถล่มเป็นผุยผง.. ประชาชนเอธิโอเปียไม่อาจทำอย่างไรได้ นอกจากจ้องมองแม่น้ำของพวกเขาด้วยความสิ้นหวังและล้มลงตายกับพื้นดิน.
    .
    เหตุการณ์แบบนี้อาจจะเกิดขึ้นที่อื่นอีก อย่างแน่นอน ไม่ช้าก็เร็ว
    และมันอาจเกิดขึ้นกับเรา คุณและผม... สักวันหนึ่ง
    .
    คนไทยอย่างเราอาจมองเรื่องเช่นนี้เป็นเรื่องไกลตัว เราใช้น้ำอย่างสบายใจและฟุ่มเฟือย เราเดินเข้าห้าง เข้ามินิมาร์ตที่มีน้ำดื่มบรรจุขวดมากมายเรียงรายเต็มหิ้งให้เลือก จนเราอาจลืมข้อเท็จจริงและเผลอคิดไปได้ว่า น้ำนี้จะไม่มีวันหมด และมันจะรอเราอยู่บนหิ้งนั้นชั่วนิรันดร์.. นั่นเป็นความคิดที่โง่เขลาสิ้นดีและไม่เป็นความจริง.
    .
    วันนึง ..จะไม่มีน้ำแม้สักครึ่งขวดเหลืออยู่บนหิ้งพวกนั้น และวันนั้นอาจมาถึงในไม่ช้า
    .
    สมัยเด็ก ผมโตมาบนถนนพระอาทิตย์และถนนพระสุเมรุ บ้านพ่ออยู่ติดแม่น้ำหน้าท่าพระอาทิตย์ ส่วนบ้านแม่อยู่ตรอกวัดสังเวช อยู่บนริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาเลย. ยุคนั้น ที่บ้านแม่ตักน้ำจากแม่น้ำแล้วกวนด้วยสารส้มใช้เป็นประจำ นำมาต้ม แล้วใช้ปรุงอาหารได้.. น้ำดื่มคือน้ำฝนที่รองใส่โอ่ง..
    .
    ทุกวันนี้เราไม่สามารถทำเช่นนั้นได้อีกแล้ว แม่น้ำเจ้าพระยาตอนบนอาจจะยังคงสะอาดพอควร แต่ตอนกลางนั้นมีการปนเปื้อนอยู่หลายจุดตลอดเส้นทาง.. ไม่ต้องพูดถึงแม่น้ำตอนล่าง ที่ไหลผ่านเมืองใหญ่อย่างอยุธยาและกรุงเทพเลย พวกมันล้วนอุดมด้วยสารพิษอย่างเช่น ปรอท โลหะหนัก และสารเคมีสารพัด เช่น แคดเมี่ยม ฯลฯ พวกมันถูกปล่อยจากโรงงานอุตสาหกรรมที่อยู่เรียงรายตามริมแม่น้ำ ผสมโรงด้วยขยะพิษที่ประชาชนปล่อยลงไป ทั้งจากเคมีที่ใช้ประจำวันและยาฆ่าแมลง จากวัตถุมีพิษอื่นๆ เช่น อุปกรณ์อีเลคโทรนิคส์ แบตเตอรี่ ฯลฯ
    .
    ขณะที่ทุกคนต่างใช้ชีวิตอย่างเคยชินกับสิ่งเหล่านี้และไม่สนใจเพิกเฉยปัญหาของมัน หายนะกำลังคืบคลานอย่างช้าๆ มาสู่เราโดยไม่รู้ตัว.. ในภาวะปกตินี้ บ้านเมืองที่มีระบบรองรับ ก็ขับเคลื่อนหน่วยงานกลไกของมันไปตามสถานะที่ยังคงเลื่อนไหลไปได้ตามสภาพที่มี คนทั่วไปนั้นไม่ได้สนใจจะไปรับรู้ว่า กลไกเหล่านั้นขับเคลื่อนได้ดีแค่ไหน? ปลอดภัยแค่ไหน? ได้มาตรฐานแค่ไหน?.. พวกเขาสนใจแค่เรื่องตัวเองและคงคิดแค่ว่า "มีใครสักคนที่รับผิดชอบสิ่งเหล่านี้อยู่ และไม่ใช่ภาระที่ฉันจะเอามาใส่ใจ.." คงมีใครกำลังดูแลมันอยู่และมันก็คงดำเนินไปได้อย่างไม่มีปัญหาอะไร "ตลอดไป"..
    .
    งั้นสินะ? โอ้.. ฉันมีการประปานครหลวง กองบำบัดน้ำเสีย กระทรวงสาธารณะสุข กรมประมง เทศบาลเมือง การท่า.. ฯลฯ พวกเขาคงทำทุกอย่างได้ราบรื่นไม่มีปัญหา คนทั้งหลายไม่สำเหนียกว่า จักรเฟืองพวกนี้มีวันหยุดชะงักได้ และเมื่อวันนึงเกิดหายนะภัยพิบัติสักอย่างขึ้น เช่น สงครามโลก ภัยจากอวกาศภายนอกอย่างอุกกาบาต แผ่นดินไหวรุนแรง ซุปเปอร์อีรัพชั่น สภาพอากาศวิกฤติ ยุคน้ำแข็ง.. ฯ ระบบที่ขับเคลื่อนไปทั้งหมดนี้ อาจล่มสลายได้ในชั่วข้ามคืน และเมื่อมันเกิดขึ้น คำถามง่ายๆ ที่สุดที่ไม่มีใครคิดอย่างเช่น.. จะยังจะมีน้ำบรรจุขวดอยู่บนหิ้งในห้างร้านอยู่ไหม? อาจตามมาด้วยคำตอบที่แย่เกินกว่าจะยอมรับ.
    .
    กรณีนี้ ถ้าเราไม่มีน้ำดื่มให้ซื้อหาอีกต่อไป ถามว่าเราจะทำอย่างไร? จะดื่มน้ำจากแม่น้ำลำคลองอย่างที่คนโบราณเคยทำได้ไหม? ทำไม่ได้แน่นอน ถ้ามันเป็นพิษ.. เว้นแต่คนจะหมดสิ้นหนทางและความตายเป็นการปลดปล่อยจากความทุกข์ยาก.. ยิ่งเมื่อระบบเมืองและรัฐที่ขับเคลื่อนชาติต้องล่มสลายเพราะหายนะที่กล่าวไป จะเอางบประมาณ จะเอาอุปกรณ์ จะเอาวัตถุดิบ จะเอาเทคโนโลยี่ที่ไหนกัน มาเยียวยาแม่น้ำให้กลับมาดีดังเดิมและสามารถใช้กินใช้ดื่มได้อีก? ถ้าเราไม่แก้ไขเสียแต่ตอนนี้ จนกระทั่งเราไปถึงจุดนั้น แม่น้ำก็จะไม่สามารถกู้คืนได้อีกเลย.
    .
    ครั้งหนึ่ง แม่น้ำโวลกาในรัสเซียนั้น เคยวิกฤติถึงขั้นอันตรายจนกินใช้ไม่ได้เลยอย่างสิ้นเชิง ปลาในแม่น้ำเต็มไปด้วยพิษ แต่ด้วยการร่วมแรงร่วมใจของภาครัฐ ภาคเอกชนและประชาชน แม้ใช้เวลานับสิบปีในการพยายามกู้แม่น้ำสายนี้ ในที่สุดแม่น้ำนี้ก็กลับมาดีจนใช้ได้ในที่สุด แม้มันจะไม่ดีพอที่จะดื่มมันได้ก็ตามในตอนนี้..
    .
    แน่นอนว่า แม่น้ำเจ้าพระยานั้นยังไม่เลวร้ายขนาดนั้น และมันเป็นไปได้อย่างแน่นอน ที่จะฟื้นคืนชีวิตแก่มันอย่างสมบูรณ์ หากเราจะถือว่านี่คือวาระแห่งชาติ และร่วมมือกันฟื้นฟูอย่างจริงจัง
    .
    แม่น้ำเจ้าพระยานั้น มีต้นกำเนิดจากป่าต้นน้ำทางภาคเหนือสี่แห่ง ซึ่งคือหัวใจที่ให้ชีวิตแก่แควทั้งสี่ คือ ปิง วัง ยม และ น่าน.. นี่นับเป็นความโชคดีของคนไทยเหลือคณานับ ที่ต้นแม่น้ำสายใหญ่นี้อยู่ในประเทศไทย ไม่ได้อยู่ในประเทศอื่น. นี่เป็นทรัพยากรเลอค่าที่สุด ที่จะพยุงชีวิตให้แก่ชาตินี้ แม้แต่คนโง่ที่สุดก็ควรจะเห็นความสำคัญในจุดนี้ได้. การฟื้นฟูแม่น้ำต้องเริ่มจากป่าต้นน้ำของมัน จะต้องไม่มีการทำลายอีก จะต้องฟื้นฟูป่าเหล่านี้ให้กลับมา จากนั้นฟื้นฟูแม่น้ำแควทั้งสี่ เชื่อมไปสู่แม่น้ำเจ้าพระยาตอนบน จนจรดเจ้าพระยาตอนล่าง.
    .
    นี่แหละคือชีพจรชีวิตของสยามประเทศ นี่คือหนทางที่จะทำให้เราอยู่รอดได้ หากวันนึงหายนะน้ำเกิดขึ้นและนำไปสู่จุดที่กลายเป็นสงครามแย่งชิงน้ำ ดังนั้นฟื้นฟูมันเสียตั้งแต่บัดนี้ ก่อนที่จะสายเกินไป!
    .
    หากคุณติดตามข่าว พระเจ้าอยู่หัววชิราลงกรณ์ฯ ท่านทรงไล่ฟื้นฟูคลองในกรุงเทพไล่เรียงไปทีละสาย หลายสายบัดนี้ได้กลับมาสะอาดดังเดิม หากแม่น้ำฟื้นคืนชีวิต คลองทั้งหลายเหล่านี้จะยิ่งหล่อเลี้ยงไปยังแขนงน้อยใหญ่ให้แก่เมือง
    .
    ลองดูภาพแผนที่ เมื่อเราพิจารณาดูแผนที่ที่เห็นอยู่นี้ซึ่งแสดงแม่น้ำสายใหญ่ๆ ในเอเชีย มันต่างกับแม่น้ำเจ้าพระยาที่ต้นน้ำอยู่ในประเทศไทย ทั้งหมดนั้นล้วนมีต้นกำเนิดอยู่ในทิเบต แม่น้ำทั้งหมดนี้คือสายโลหิตที่เลี้ยงเอเชีย มันไม่ได้มีความสำคัญแค่เป็นจุดกำเนิดวัฒนธรรมอันเก่าแก่ลึกล้ำ มันเป็นหัวใจที่หล่อเลี้ยงความอุดมสมบูรณ์ของแผ่นดิน และมันยังเป็นปัจจัยสำคัญหลายอย่างโดยเฉพาะทางภูมิรัฐศาสตร์และความมั่นคงของภูมิภาค.
    .
    นี่คือเหตุผลสำคัญที่ว่า ทำไมจีนจึงต้องปกป้องให้ทิเบตสุดชีวิต
    นี่เป็นอาณาเขตที่อ่อนไหวและหวงแหนยิ่งของจีน. เพราะอะไร?
    .
    ดินแดนนี้เป็นดังเขตกันชนที่ต้องเฝ้าระวังการรุกล้ำครอบงำจากโลกฝั่งตะวันตก ที่อาจแทรกทะลุผ่านเอเชียกลางเข้ามาได้. ดินแดนเปราะบางบางส่วนที่เป็นประตูเข้ามาสู่ดินแดนแถบนี้ ถูกแทรกแซงครอบงำจากตะวันตกไปบ้างแล้ว เช่น อัฟกานิสถาน คาซัคสถาน ทาจิกิสถาน... มหาอำนาจตะวันตกนั้นมุ่งหวังเป็นอย่างยิ่งที่จะเข้ามามีอิทธิพลเหนือทิเบตให้ได้ ด้วยกลยุทธมากมายหลายอย่าง แม้กระทั่งด้วยวิธีการใช้พรอพพาแกนดามากมาย เช่น ฟรีทิเบต เป็นต้น. แม้เราจะเคารพรักองค์ดาไลลามะและเห็นใจพุทธศาสนิกชน ประชากรชาวทิเบตเพียงใด แต่เราก็จำเป็นต้องไตร่ตรองในความเปราะบางของสถานะการณ์เช่นนี้อย่างระมัดระวัง. จีนนั้นมีเหตุผลเช่นไร ในการที่จะปกป้องพื้นที่นี้เอาไว้ให้เป็นส่วนหนึ่งของประเทศจีนอย่างสุดกำลังความสามารถ เราสามารถพิจารณาได้จากแผนที่ที่เห็น..
    .
    หากมหาอำนาจตะวันตกใดก็ตามเข้ามายึดครองควบคุมทิเบต ไม่เพียงแค่จีนเท่านั้นที่จะเส่ียงต่อความมั่นคง.. แต่ ไทย ลาว กัมพูชา พม่า และบางส่วนของอินเดีย อาจตกอยู่ในสถานะการณ์ที่ยากลำบากได้. ใครครอบครองทิเบต ผู้นั้นกุมชะตาเอเชีย เท่าที่ผ่านมานับพันปี แม้มีความไม่น่ายินดีกับการจัดการทรัพยากรต้นน้ำของจีนนัก แต่จีนก็แสดงให้เห็นว่าพวกเขาไม่ได้ชั่วร้ายที่จะฉกฉวยประโยชน์จากสายเลือดใหญ่เหล่านี้แต่เพียงฝ่ายเดียว พวกเรายังอยู่ร่วมกันมาได้นับพันปี แต่เราไม่อาจคาดการได้เลยว่าจะเกิดอะไรขึ้น หากมหาอำนาจอื่น เข้ามามีอำนาจในการควบคุมแม่น้ำสายใหญ่เหล่านี้.
    .
    แน่นอนว่า เวลาเปลี่ยน ปัจจัยเปลี่ยน.. ทั้งมนุษย์ ทั้งปัจจัยทางธรรมชาติ ทั้งสถานะการณ์โลกและนอกโลก.. เราไม่อาจรู้ได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เราได้แต่ตัดสินใจจากพื้นฐานที่เป็นประสบการณ์ของเราจากประวัติศาสตร์และบทเรียนที่ผ่านมา
    .
    พระพุทธองค์ตรัสว่า สังขารนั้นไม่เที่ยง ย่อมเสื่อมไปตามเหตุและปัจจัย
    มีเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป
    จงมีสติปัญญาที่จะพิจารณาวิเคราะห์และแยกแยะสิ่งต่างๆ ให้ถี่ถ้วนและพร้อมที่จะตัดสินใจ แก้ไขมันอย่างทันท่วงที โดยเลือกทางเลือกที่ถูกต้องที่สุด
    .
    ด้วยความปรารถนาดีและห่วงใยทุกท่าน
    - พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา -
    .
    อัพเดทข้อมูลในปี 2566
    --------------------------
    - แม่น้ำโวลก้าในเวลานี้มีสภาพที่ดีขึ้นมากกว่าเดิม โลหะหนักเป็นพิษลดสู่ปริมาณที่ต่ำลงอย่างมีนัยยะ
    - พื้นที่ในเอเชียกลางที่เคยถูกแทรกแซงครอบงำจากอิทธิพลตะวันตก เช่นอัฟกานิสถานและปากีสถาน กำลังเป็นอิสระและฟื้นฟูโดยความช่วยเหลือของจีนและรัสเซีย เส้นทางลำเลียงยาเสพติดของซีไอเอในเอเชียกลางถูกกำจัด และเอเชียกลางทั้งหมดผนึกเป็นส่วนเดียวกับพันธมิตรรัสเซีย-จีน เดินหน้าไปสู่ความเจริญของโครงการ One Belt One Road นั่นหมายความว่าแหล่งน้ำในทิเบตในเวลานี้ ได้รอดพ้นจากความเสี่ยงในการเข้าแทรกแซงของมหาอำนาจตะวันตกแล้ว และมันจะกลายเป็นพื้นที่ที่จะได้รับการดูแลรักษาอย่างเอาใจใส่
    - เอธิโอเปีย เข้าร่วมสมาขิก BRICS นั่นหมายความว่า ในที่สุดชาติที่น่าสงสารนี้จะได้ลืมตาอ้าปากเสียที และจีนกำลังเข้าช่วยเหลือด้านเศรษฐกิจ เช่นเดียวกับชาติอื่นๆ ในแอฟริกา หลังจากหลายปีแห่งความทุกข์ทรมานจากการถูกเอาเปรียบขูดรีดทรัพยากรโดยมหาทุนตะวันตก
    --------------------------
    บทความเก่าขอนำมาโพสอีกครั้ง ---------------------------- สงครามน้ำจะมาถึงในไม่ช้า นี่เป็นคำพยากรณ์... . อันที่จริงผมพูดเรื่องนี้มานานแล้วตั้งแต่ราวปี 2003 ผมเคยพยายามที่จะทำโครงการหนึ่งชื่อ Voices of Asia รวมทั้งเคยหาข้อมูลเพื่อทำสารคดีเรื่องแม่น้ำ.. มันไม่ได้รับการสนับสนุนให้ทำ แต่ยังคงเป็นสิ่งที่วนเวียนหลอกหลอนอยู่ในความคิดผมเสมอมา ความกังวลนี้มาจากการได้อ่านข้อมูลที่เกี่ยวกับปัญหาวิกฤติน้ำในเอธิโอเปียในช่วงเวลานั้น . แม่น้ำไนล์ เป็นที่รู้ดีมานานแล้วว่า คือกระแสโลหิตที่หล่อเลี้ยงแอฟริกาตอนบน และมันไม่เคยเพียงพอต่อความต้องการเลย นับแต่ซาฮาร่าโบราณที่เคยอุดมสมบูรณ์ในยุคโบราณได้แปรเปลี่ยนเป็นทะเลทราย และบรรพบุรุษของโฮโมเซเปี้ยนส์เริ่มอพยพหนีออกมาจากที่นั่น.. ซาฮาร่าแห้งแล้งลงเรื่อยๆ ผ่านเวลาแสนปีจนถึงปัจจุบัน.. ยิ่งเมื่อภาวะวิกฤติโลกร้อนและอุณหภูมิโลกและอากาศเปลี่ยนแปลงในทุกวันนี้ มันก็ยิ่งเหือดแห้งลงกว่าเดิม และยิ่งไม่เพียงพอต่อความต้องการมากยิ่งขึ้น.. . ต้นกำเนิดของแม่น้ำสายนี้อยู่ในเอธิโอเปีย. ประเทศอันแสนยากจน พวกเขาส่วนใหญ่ยากจนแสนเข็ญจริงๆ และแม้ว่าแม่น้ำนี้จะกำเนิดจากดินแดนแห่งนี้ แต่พวกเขาในพื้นที่ห่างไกลกลับยากลำบากและขาดแคลนน้ำที่จะนำมาเป็นปัจจัยพื้นฐานเพื่อเอาชีวิตรอด นั่นคือใช้ในการทำเกษตรกรรม. พวกเขาคงจะมีโอกาสรอดมากขึ้น ถ้าเพียงพวกเขาจะทำเขื่อนเพื่อที่จะกักและชะลอน้ำไว้บ้างสำหรับการเพาะปลูกเท่าที่จำเป็น แต่การทำเช่นนั้น.. สร้างความวิตกว่าน้ำจะยิ่งไม่เพียงพอแก่ประเทศอื่นที่ใช้แม่น้ำนี้ร่วมกัน เช่น อียิปต์ และ ซูดาน.. สองประเทศนี้มีแสนยานุภาพ มีขีปนาวุธ และเครื่องบินรบทันสมัยอย่างเอฟสิบหก ทันทีที่เอธิโอเปียสร้างเขื่อน มันจะถูกยิงถล่มเป็นผุยผง.. ประชาชนเอธิโอเปียไม่อาจทำอย่างไรได้ นอกจากจ้องมองแม่น้ำของพวกเขาด้วยความสิ้นหวังและล้มลงตายกับพื้นดิน. . เหตุการณ์แบบนี้อาจจะเกิดขึ้นที่อื่นอีก อย่างแน่นอน ไม่ช้าก็เร็ว และมันอาจเกิดขึ้นกับเรา คุณและผม... สักวันหนึ่ง . คนไทยอย่างเราอาจมองเรื่องเช่นนี้เป็นเรื่องไกลตัว เราใช้น้ำอย่างสบายใจและฟุ่มเฟือย เราเดินเข้าห้าง เข้ามินิมาร์ตที่มีน้ำดื่มบรรจุขวดมากมายเรียงรายเต็มหิ้งให้เลือก จนเราอาจลืมข้อเท็จจริงและเผลอคิดไปได้ว่า น้ำนี้จะไม่มีวันหมด และมันจะรอเราอยู่บนหิ้งนั้นชั่วนิรันดร์.. นั่นเป็นความคิดที่โง่เขลาสิ้นดีและไม่เป็นความจริง. . วันนึง ..จะไม่มีน้ำแม้สักครึ่งขวดเหลืออยู่บนหิ้งพวกนั้น และวันนั้นอาจมาถึงในไม่ช้า . สมัยเด็ก ผมโตมาบนถนนพระอาทิตย์และถนนพระสุเมรุ บ้านพ่ออยู่ติดแม่น้ำหน้าท่าพระอาทิตย์ ส่วนบ้านแม่อยู่ตรอกวัดสังเวช อยู่บนริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาเลย. ยุคนั้น ที่บ้านแม่ตักน้ำจากแม่น้ำแล้วกวนด้วยสารส้มใช้เป็นประจำ นำมาต้ม แล้วใช้ปรุงอาหารได้.. น้ำดื่มคือน้ำฝนที่รองใส่โอ่ง.. . ทุกวันนี้เราไม่สามารถทำเช่นนั้นได้อีกแล้ว แม่น้ำเจ้าพระยาตอนบนอาจจะยังคงสะอาดพอควร แต่ตอนกลางนั้นมีการปนเปื้อนอยู่หลายจุดตลอดเส้นทาง.. ไม่ต้องพูดถึงแม่น้ำตอนล่าง ที่ไหลผ่านเมืองใหญ่อย่างอยุธยาและกรุงเทพเลย พวกมันล้วนอุดมด้วยสารพิษอย่างเช่น ปรอท โลหะหนัก และสารเคมีสารพัด เช่น แคดเมี่ยม ฯลฯ พวกมันถูกปล่อยจากโรงงานอุตสาหกรรมที่อยู่เรียงรายตามริมแม่น้ำ ผสมโรงด้วยขยะพิษที่ประชาชนปล่อยลงไป ทั้งจากเคมีที่ใช้ประจำวันและยาฆ่าแมลง จากวัตถุมีพิษอื่นๆ เช่น อุปกรณ์อีเลคโทรนิคส์ แบตเตอรี่ ฯลฯ . ขณะที่ทุกคนต่างใช้ชีวิตอย่างเคยชินกับสิ่งเหล่านี้และไม่สนใจเพิกเฉยปัญหาของมัน หายนะกำลังคืบคลานอย่างช้าๆ มาสู่เราโดยไม่รู้ตัว.. ในภาวะปกตินี้ บ้านเมืองที่มีระบบรองรับ ก็ขับเคลื่อนหน่วยงานกลไกของมันไปตามสถานะที่ยังคงเลื่อนไหลไปได้ตามสภาพที่มี คนทั่วไปนั้นไม่ได้สนใจจะไปรับรู้ว่า กลไกเหล่านั้นขับเคลื่อนได้ดีแค่ไหน? ปลอดภัยแค่ไหน? ได้มาตรฐานแค่ไหน?.. พวกเขาสนใจแค่เรื่องตัวเองและคงคิดแค่ว่า "มีใครสักคนที่รับผิดชอบสิ่งเหล่านี้อยู่ และไม่ใช่ภาระที่ฉันจะเอามาใส่ใจ.." คงมีใครกำลังดูแลมันอยู่และมันก็คงดำเนินไปได้อย่างไม่มีปัญหาอะไร "ตลอดไป".. . งั้นสินะ? โอ้.. ฉันมีการประปานครหลวง กองบำบัดน้ำเสีย กระทรวงสาธารณะสุข กรมประมง เทศบาลเมือง การท่า.. ฯลฯ พวกเขาคงทำทุกอย่างได้ราบรื่นไม่มีปัญหา คนทั้งหลายไม่สำเหนียกว่า จักรเฟืองพวกนี้มีวันหยุดชะงักได้ และเมื่อวันนึงเกิดหายนะภัยพิบัติสักอย่างขึ้น เช่น สงครามโลก ภัยจากอวกาศภายนอกอย่างอุกกาบาต แผ่นดินไหวรุนแรง ซุปเปอร์อีรัพชั่น สภาพอากาศวิกฤติ ยุคน้ำแข็ง.. ฯ ระบบที่ขับเคลื่อนไปทั้งหมดนี้ อาจล่มสลายได้ในชั่วข้ามคืน และเมื่อมันเกิดขึ้น คำถามง่ายๆ ที่สุดที่ไม่มีใครคิดอย่างเช่น.. จะยังจะมีน้ำบรรจุขวดอยู่บนหิ้งในห้างร้านอยู่ไหม? อาจตามมาด้วยคำตอบที่แย่เกินกว่าจะยอมรับ. . กรณีนี้ ถ้าเราไม่มีน้ำดื่มให้ซื้อหาอีกต่อไป ถามว่าเราจะทำอย่างไร? จะดื่มน้ำจากแม่น้ำลำคลองอย่างที่คนโบราณเคยทำได้ไหม? ทำไม่ได้แน่นอน ถ้ามันเป็นพิษ.. เว้นแต่คนจะหมดสิ้นหนทางและความตายเป็นการปลดปล่อยจากความทุกข์ยาก.. ยิ่งเมื่อระบบเมืองและรัฐที่ขับเคลื่อนชาติต้องล่มสลายเพราะหายนะที่กล่าวไป จะเอางบประมาณ จะเอาอุปกรณ์ จะเอาวัตถุดิบ จะเอาเทคโนโลยี่ที่ไหนกัน มาเยียวยาแม่น้ำให้กลับมาดีดังเดิมและสามารถใช้กินใช้ดื่มได้อีก? ถ้าเราไม่แก้ไขเสียแต่ตอนนี้ จนกระทั่งเราไปถึงจุดนั้น แม่น้ำก็จะไม่สามารถกู้คืนได้อีกเลย. . ครั้งหนึ่ง แม่น้ำโวลกาในรัสเซียนั้น เคยวิกฤติถึงขั้นอันตรายจนกินใช้ไม่ได้เลยอย่างสิ้นเชิง ปลาในแม่น้ำเต็มไปด้วยพิษ แต่ด้วยการร่วมแรงร่วมใจของภาครัฐ ภาคเอกชนและประชาชน แม้ใช้เวลานับสิบปีในการพยายามกู้แม่น้ำสายนี้ ในที่สุดแม่น้ำนี้ก็กลับมาดีจนใช้ได้ในที่สุด แม้มันจะไม่ดีพอที่จะดื่มมันได้ก็ตามในตอนนี้.. . แน่นอนว่า แม่น้ำเจ้าพระยานั้นยังไม่เลวร้ายขนาดนั้น และมันเป็นไปได้อย่างแน่นอน ที่จะฟื้นคืนชีวิตแก่มันอย่างสมบูรณ์ หากเราจะถือว่านี่คือวาระแห่งชาติ และร่วมมือกันฟื้นฟูอย่างจริงจัง . แม่น้ำเจ้าพระยานั้น มีต้นกำเนิดจากป่าต้นน้ำทางภาคเหนือสี่แห่ง ซึ่งคือหัวใจที่ให้ชีวิตแก่แควทั้งสี่ คือ ปิง วัง ยม และ น่าน.. นี่นับเป็นความโชคดีของคนไทยเหลือคณานับ ที่ต้นแม่น้ำสายใหญ่นี้อยู่ในประเทศไทย ไม่ได้อยู่ในประเทศอื่น. นี่เป็นทรัพยากรเลอค่าที่สุด ที่จะพยุงชีวิตให้แก่ชาตินี้ แม้แต่คนโง่ที่สุดก็ควรจะเห็นความสำคัญในจุดนี้ได้. การฟื้นฟูแม่น้ำต้องเริ่มจากป่าต้นน้ำของมัน จะต้องไม่มีการทำลายอีก จะต้องฟื้นฟูป่าเหล่านี้ให้กลับมา จากนั้นฟื้นฟูแม่น้ำแควทั้งสี่ เชื่อมไปสู่แม่น้ำเจ้าพระยาตอนบน จนจรดเจ้าพระยาตอนล่าง. . นี่แหละคือชีพจรชีวิตของสยามประเทศ นี่คือหนทางที่จะทำให้เราอยู่รอดได้ หากวันนึงหายนะน้ำเกิดขึ้นและนำไปสู่จุดที่กลายเป็นสงครามแย่งชิงน้ำ ดังนั้นฟื้นฟูมันเสียตั้งแต่บัดนี้ ก่อนที่จะสายเกินไป! . หากคุณติดตามข่าว พระเจ้าอยู่หัววชิราลงกรณ์ฯ ท่านทรงไล่ฟื้นฟูคลองในกรุงเทพไล่เรียงไปทีละสาย หลายสายบัดนี้ได้กลับมาสะอาดดังเดิม หากแม่น้ำฟื้นคืนชีวิต คลองทั้งหลายเหล่านี้จะยิ่งหล่อเลี้ยงไปยังแขนงน้อยใหญ่ให้แก่เมือง . ลองดูภาพแผนที่ เมื่อเราพิจารณาดูแผนที่ที่เห็นอยู่นี้ซึ่งแสดงแม่น้ำสายใหญ่ๆ ในเอเชีย มันต่างกับแม่น้ำเจ้าพระยาที่ต้นน้ำอยู่ในประเทศไทย ทั้งหมดนั้นล้วนมีต้นกำเนิดอยู่ในทิเบต แม่น้ำทั้งหมดนี้คือสายโลหิตที่เลี้ยงเอเชีย มันไม่ได้มีความสำคัญแค่เป็นจุดกำเนิดวัฒนธรรมอันเก่าแก่ลึกล้ำ มันเป็นหัวใจที่หล่อเลี้ยงความอุดมสมบูรณ์ของแผ่นดิน และมันยังเป็นปัจจัยสำคัญหลายอย่างโดยเฉพาะทางภูมิรัฐศาสตร์และความมั่นคงของภูมิภาค. . นี่คือเหตุผลสำคัญที่ว่า ทำไมจีนจึงต้องปกป้องให้ทิเบตสุดชีวิต นี่เป็นอาณาเขตที่อ่อนไหวและหวงแหนยิ่งของจีน. เพราะอะไร? . ดินแดนนี้เป็นดังเขตกันชนที่ต้องเฝ้าระวังการรุกล้ำครอบงำจากโลกฝั่งตะวันตก ที่อาจแทรกทะลุผ่านเอเชียกลางเข้ามาได้. ดินแดนเปราะบางบางส่วนที่เป็นประตูเข้ามาสู่ดินแดนแถบนี้ ถูกแทรกแซงครอบงำจากตะวันตกไปบ้างแล้ว เช่น อัฟกานิสถาน คาซัคสถาน ทาจิกิสถาน... มหาอำนาจตะวันตกนั้นมุ่งหวังเป็นอย่างยิ่งที่จะเข้ามามีอิทธิพลเหนือทิเบตให้ได้ ด้วยกลยุทธมากมายหลายอย่าง แม้กระทั่งด้วยวิธีการใช้พรอพพาแกนดามากมาย เช่น ฟรีทิเบต เป็นต้น. แม้เราจะเคารพรักองค์ดาไลลามะและเห็นใจพุทธศาสนิกชน ประชากรชาวทิเบตเพียงใด แต่เราก็จำเป็นต้องไตร่ตรองในความเปราะบางของสถานะการณ์เช่นนี้อย่างระมัดระวัง. จีนนั้นมีเหตุผลเช่นไร ในการที่จะปกป้องพื้นที่นี้เอาไว้ให้เป็นส่วนหนึ่งของประเทศจีนอย่างสุดกำลังความสามารถ เราสามารถพิจารณาได้จากแผนที่ที่เห็น.. . หากมหาอำนาจตะวันตกใดก็ตามเข้ามายึดครองควบคุมทิเบต ไม่เพียงแค่จีนเท่านั้นที่จะเส่ียงต่อความมั่นคง.. แต่ ไทย ลาว กัมพูชา พม่า และบางส่วนของอินเดีย อาจตกอยู่ในสถานะการณ์ที่ยากลำบากได้. ใครครอบครองทิเบต ผู้นั้นกุมชะตาเอเชีย เท่าที่ผ่านมานับพันปี แม้มีความไม่น่ายินดีกับการจัดการทรัพยากรต้นน้ำของจีนนัก แต่จีนก็แสดงให้เห็นว่าพวกเขาไม่ได้ชั่วร้ายที่จะฉกฉวยประโยชน์จากสายเลือดใหญ่เหล่านี้แต่เพียงฝ่ายเดียว พวกเรายังอยู่ร่วมกันมาได้นับพันปี แต่เราไม่อาจคาดการได้เลยว่าจะเกิดอะไรขึ้น หากมหาอำนาจอื่น เข้ามามีอำนาจในการควบคุมแม่น้ำสายใหญ่เหล่านี้. . แน่นอนว่า เวลาเปลี่ยน ปัจจัยเปลี่ยน.. ทั้งมนุษย์ ทั้งปัจจัยทางธรรมชาติ ทั้งสถานะการณ์โลกและนอกโลก.. เราไม่อาจรู้ได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เราได้แต่ตัดสินใจจากพื้นฐานที่เป็นประสบการณ์ของเราจากประวัติศาสตร์และบทเรียนที่ผ่านมา . พระพุทธองค์ตรัสว่า สังขารนั้นไม่เที่ยง ย่อมเสื่อมไปตามเหตุและปัจจัย มีเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป จงมีสติปัญญาที่จะพิจารณาวิเคราะห์และแยกแยะสิ่งต่างๆ ให้ถี่ถ้วนและพร้อมที่จะตัดสินใจ แก้ไขมันอย่างทันท่วงที โดยเลือกทางเลือกที่ถูกต้องที่สุด . ด้วยความปรารถนาดีและห่วงใยทุกท่าน - พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา - . อัพเดทข้อมูลในปี 2566 -------------------------- - แม่น้ำโวลก้าในเวลานี้มีสภาพที่ดีขึ้นมากกว่าเดิม โลหะหนักเป็นพิษลดสู่ปริมาณที่ต่ำลงอย่างมีนัยยะ - พื้นที่ในเอเชียกลางที่เคยถูกแทรกแซงครอบงำจากอิทธิพลตะวันตก เช่นอัฟกานิสถานและปากีสถาน กำลังเป็นอิสระและฟื้นฟูโดยความช่วยเหลือของจีนและรัสเซีย เส้นทางลำเลียงยาเสพติดของซีไอเอในเอเชียกลางถูกกำจัด และเอเชียกลางทั้งหมดผนึกเป็นส่วนเดียวกับพันธมิตรรัสเซีย-จีน เดินหน้าไปสู่ความเจริญของโครงการ One Belt One Road นั่นหมายความว่าแหล่งน้ำในทิเบตในเวลานี้ ได้รอดพ้นจากความเสี่ยงในการเข้าแทรกแซงของมหาอำนาจตะวันตกแล้ว และมันจะกลายเป็นพื้นที่ที่จะได้รับการดูแลรักษาอย่างเอาใจใส่ - เอธิโอเปีย เข้าร่วมสมาขิก BRICS นั่นหมายความว่า ในที่สุดชาติที่น่าสงสารนี้จะได้ลืมตาอ้าปากเสียที และจีนกำลังเข้าช่วยเหลือด้านเศรษฐกิจ เช่นเดียวกับชาติอื่นๆ ในแอฟริกา หลังจากหลายปีแห่งความทุกข์ทรมานจากการถูกเอาเปรียบขูดรีดทรัพยากรโดยมหาทุนตะวันตก --------------------------
    0 Comments 0 Shares 751 Views 0 Reviews
  • เขียนเล่าเรื่องพันธุกรรมมนุษย์มาหลายต่อหลายครั้ง ทั้งที่ความรู้นี้โลกเขารับรู้มาตั้งแต่ปี 2004 แล้ว ปัจจุบันนักวิชาการไทยหลายคนก็ทำวิจัยเรื่องนี้ตีพิมพ์ออกมาพอสมควร แต่ก็ยังมีบางพวกบางกลุ่มที่ยังตะแบงติดกับดักวังวนของสำนักคิดเก่าๆ อยู่อย่างนั้น ไอ้ที่แย่กว่าคือ จำต้องยอมรับวิทยาศาสตร์นี้โดยปริยายทั้งที่ไปกันไม่ได้กับเรื่องที่ตนเขียน แต่ความที่เคยพูดเคยเขียนหนังสือขายหาเงินรับประทานมาไม่น้อยกับความรู้ผิดๆ ครึ่งๆกลางๆ งูๆปลาๆ ก็เลยยังต้องยืนยันความคิดเดิมตะแบงต่อไป ถ้าไอ้ส่วนที่ความรู้ใหม่มันไปกันได้กับที่เคยเขียนก็จะหยิบมาอ้าง แต่ส่วนที่มันฟ้องว่าเอ็งเข้าใจผิดแล้วก็จะเลี่ยงเสีย เช่นกรณีเฒ่าเจ๊กปนลาวชังชาตินั่น
    .
    ความแบ่งแยกอันเป็นความคิดของปีศาจ นำมาซึ่งชื่อสมมุติ ที่โดยมากมักอุปโลกน์ขึ้นมาเพื่อปฏิเสธความเกี่ยวเนื่อง เพื่อสร้างอัตลักษณ์ใหม่ เพื่อให้ดูแตกต่างกับผู้คนหรือบรรพบุรุษที่เคยเกี่ยวข้อง ไม่ว่าเครื่องแต่งกายก็ตาม ความเชื่อ ภาษาพูดก็ตาม สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่เครื่องพิสูจน์องค์ประกอบของตัวมนุษย์แต่ละผู้ว่าเป็นใครหรือเผ่าพันธุ์ไหน เป็นไปได้อย่างยิ่งว่าความเป็นเจ๊กปนลาวที่พูดไทยหากินกับภาษาไทยของเฒ่าผู้นั้น อาจเป็นเรื่องเลื่อนลอยไปได้ ลาวที่เขาคิดว่าเป็นพ่ออาจเป็นกัมมุ และเจ๊กที่เขาคิดว่าเป็นแม่อาจเป็นชนเผ่าฮักกา ที่ซึ่งไม่ใช่เจ๊ก แต่เป็นเยว่ ก็เป็นได้... อยากจะแน่ใจก็ไปตรวจซะ
    .
    อย่างที่ทราบ (เอ๊ะ หรือใครยังไม่ทราบ?) มนุษย์ที่เป็นชนชาติต่างๆในโลกนี้ อพยพออกมาจากแอฟริกาเมื่อแสนกว่าปีก่อน เป็นหน่อเนื้อลูกหลานของบรรพบุรุษที่อาศัยในบริเวณที่ปัจจุบันเรียกว่าซาฮาร่า ดังนั้นนักวิชาการเลย "นิยามชื่อ" พวกเขาว่าพวก "ซาฮารันโบราณ" ผู้ชายทุกคนในโลกนี้ไม่ว่าคนออสตราอะบอริจิ้น คนเอเชีย คนตะวันออกกลาง คนยุโรป คนเมโสอเมริกา ล้วนมียีนของอาดัมทางวิทยาศาสตร์ที่เรียกว่าวายโครโมโซม M168 นี้ทุกคน ยกเว้นพวกแอฟริกาบางเผ่าที่บรรพบุรุษไม่ได้อพยพออกมาและยังคงอยู่รอดในแอฟริกาจนถึงปัจจุบันนี้
    .
    ด้วยภาพใหญ่นี้ สาแหรกพันธุกรรมแสดงให้เห็น "DEEP ANCESTOR" โคตรเหง้าที่ลึกที่สุดของมนุษย์โลก "การที่พวกอาหรับพูดภาษาสกุลเซมิติคส่วนคนไทยอย่างเราพูดภาษาสกุลจ้วง-ไท ความแตกต่างนี้ไม่อาจลบล้างข้อเท็จจริงทางพันธุกรรมที่ทั้งคู่มี Deep Ancestor ร่วมกันไปได้". ทุกวันนี้มนุษย์ที่มียีนของ M168 เก่าแก่กว่าใครในโลกคือพวก San Bushman พวกเขาพูดภาษาสกุลกอยซานที่ในทาง Linguistic ถือว่าเป็นภาษาลูกของภาษาซาฮารันโบราณที่ยอมรับกันว่าคือ Global Early Language * หมายถึงภาษาแรกของโลก เมื่อพิจารณาจากวิทยาศาสตร์ข้อนี้ มนุษย์ทุกชนชาติที่มีชื่อสมมุติกันไปต่างๆ จะว่าไปก็ถือเป็นคนกอยซานทั้งสิ้น ดังนั้นคุณจงอย่าได้ยึดติดว่าภาษาพูดของชาติพันธ์หนึ่ง จะบ่งบอกว่าเขาคือชาติพันธ์นั้นเสมอไป... คนจีนอพยพตั้งแต่รุ่นที่สองที่อยู่ในเมืองไทยพูดภาษาไทยชัดทุกคน คนอเมริกันที่เกิดที่นี่ คนอินเดียที่เกิดที่นี่พูดไทยสำเนียงไทยชัดทุกคน และเป็นไปได้ว่าวันหนึ่งเขาอาจย้ายไปอยู่ที่ภูฏานเป็นการถาวรจนลูกหลานเขาเกิดที่นั่น แล้วพูดภาษาภูฏานชัดเจน
    .
    [* ภาษากอยซาน : นักภาษาศาสตร์ลงความเห็นว่าคือภาษาที่เก่าที่สุดในโลก มีลักษณะพิเศษคือมีเสียงคลิ๊กอยู่ในคำ ซึ่งได้หายไปจากภาษาอื่นๆ ที่เกิดภายหลัง นักวิชาการเชื่อว่า เมื่อบรรพบุรุษของเราอพยพออกจากแอฟริกาเมื่อแสนปีก่อน พวกเขามีภาษาพูดแล้ว ไม่เช่นนั้นพวกเขาจะไม่สามารถล่าสัตว์ใหญ่อย่างแมมมอธได้ เพราะการล่าเช่นนี้ต้องทำงานเป็นทีม ไม่มีภาษาก็ทำงานเป็นทีมไม่ได้]
    .
    เมื่อมนุษย์มาจากแอฟริกาและเรามีเชื้อสายซาฮารันมาก่อน ทำไมเราจึงพูดกันไม่รู้เรื่อง พูดกันคนละภาษา ผมเคยเขียนบทความหนึ่งชื่อ บาเบล สืบเนื่องจากคัมภีร์ปฐมกาลบทที่ชื่อบาเบล เล่าว่า “พระเจ้าทรงเห็นว่ามนุษย์สร้างหอคอยใหญ่เทียมฟ้าขึ้นมาได้ พวกเขาอยากจะทำอะไรก็จะสำเร็จได้ อย่ากระนั้นเลย เราจะบันดาลให้เขาพูดกันไม่รู้เรื่อง ผู้คนก็แยกย้ายกันไป เป็นชนชาติต่างๆ ภาษาต่างๆ” นี่...ใครสักคนป้ายสีพระผู้เป็นเจ้าว่าเป็นมูลเหตุให้มนุษย์พูดกันไม่รู้เรื่อง. ใครสักคนในที่นี้มีอย่างน้อยสามคน นักภาษาศาสตร์ยุคใหม่วิเคราะห์ลักษณะการเขียน สำนวน คำศัพท์ที่ใช้ซึ่งบ่งบอกรากฐานและยุคสมัยได้ ทำการวิเคราะห์พระคัมภีร์ไบเบิ้ลฉบับคิงเจมส์ พวกเขาลงความเห็นว่า คัมภีร์ไบเบิ้ลมีผู้เขียนราวสามคน มีลักษณะการเขียนที่แตกต่างกันสามสำนวน คละเคล้ากันไปในแต่ละบท บางบทมีการปนกันมากกว่าหนึ่งสำนวน และยังลงความเห็นว่ารูปแบบการเขียนของบทปฐมกาล (genesis) เขียนทีหลังบทอพยพ (exodus)
    .
    นอกจากนี้นักภาษาศาสตร์ยุคหลังมานี่เชื่อว่าภาษาอินโดยูโรเปี้ยนนี้ คือผลของการทุบทำลายภาษาแม่ครั้งสำคัญในโลก เมื่อคุณพิจารณาพันธุกรรม คุณจะต้องทราบว่าผู้ชายชาวยุโรปและตะวันออกกลางแชร์สาแหรกพันธุกรรมในเครือเดียวกันคือ R / J / E อย่างที่ผมเขียนเรื่องยิวและปาเลสไตน์ไปก่อนนี้.. พวกคนยุโรป เปอร์เซีย อารยัน (ที่ภายหลังไปบุกอินเดียโบราณ) ล้วนเป็นสาแหรกเดียวกัน อย่าว่าแต่ยิวซึ่งเป็น semitic speaker ฆ่าปาเลสไตน์ที่เป็นพี่น้องใกล้ชิดเลย หากคนกรีก คนโรมัน ไปฆ่าคนเปอร์เซียหรือกลับกัน ก็คือพี่น้องฆ่ากันอยู่ดีนั่นแหละ อยู่มาวันหนึ่ง ไม่แน่ชัดว่าอะไรเป็นเหตุ หลังสงครามเทวีที่เกิดการต่อต้านปฏิเสธความเชื่อที่นับถือแม่เป็นใหญ่ เทวรูปของเทพีมากมาย เช่น Artemis เทวีผู้มอบความอุดมสมบูรณ์ ต่างพากันถูกทุบจมูกทุบใบหน้าทิ้งให้ดูน่าเกลียด ชนชาติที่เคยเกี่ยวดองกัน พลันแยกออกจากกันเป็นชนชาติใหม่ พูดภาษาใหม่ เด็กที่เกิดใหม่นับแต่นั้นจะถูกฝึกให้พูดภาษาที่สร้างขึ้นมา จากนั้นก็ตามมาด้วยชื่อสมมุติอย่างเช่น อัสซีเรีย อัคเคเดียน ฮิตไทท์... จากนั้นก็ตามมาด้วยสงครามพี่น้องฆ่ากัน ทั้งที่ชีววิทยาพันธุกรรมบอกว่าพวกเขาคือพี่น้องคลานตามกันมาทั้งนั้น และถ้าอ้างไบเบิ้ล อย่างเช่นกรณีของบุตรหลานของ Sam ลูกหลานของโนอาห์ ก็อย่างที่เคยเล่าไปแล้ว ความแบ่งแยกทำให้พวกเขาปฏิเสธสายใยที่มี
    .
    อย่างที่ชี้ให้เห็นนี่ ดีเอ็นเอบอกเราถึงความเป็นพี่น้องร่วมสาแหรก แต่พวกเขาปฏิเสธกันเองแล้วแบ่งแยก ทุบทำลายภาษาแม่ทิ้งไปพร้อมๆ กันในเวลาไล่เลี่ยกัน ไม่ใช่เพราะฝีมือพระเจ้าหรอก มนุษย์นี่แหละ นักภาษาศาสตร์โบราณคดีทำการค้นคว้าเรื่องนี้แล้วทำการโยงภาษาในสกุลอินโดยูโรเปี้ยนทั้งหมด ย้อนกลับไปสู่ภาษาซาฮารันโบราณ ด้วยพจนานุกรมคำศัพท์ของพวก Basque (กลุ่มคนที่ isolated อยู่ในสเปนซึ่งเชื่อว่าเป็นภาษาลูกที่เหลืออยู่ของภาษาซาฮารัน).. เรื่องนี้ยาวนะ ผมเคยเล่าไว้ในบทความชื่อบาเบลที่ผมเกริ่นไปข้างบน ใครอยากลงลึกให้ไปอ่าน Linguistic Archaeology เขียนโดย Edo Nyland
    .
    เวลาเจอบทความอะไรจากเฒ่าเจ๊กปนลาวผู้นี้ รวมทั้งจากพวกสาวกกระดูกอ่อนของเขาก็เลยออกจะรำคาญ ด้วยการอ้างชื่อต่างๆ พวกเขาเชื่อมโยงยกแม่น้ำเป็นตุเป็นตะ ไอ้นั่นมาจากไหน ไอ้นี่มาจากไหน โดยไม่มีหลักฐานอะไรที่หนักแน่นพอมารองรับ… ยกตัวอย่างเช่นใช้กลองสำริดบ้าง ใช้ภาพเขียนสีผนังถ้ำโบราณบ้าง มาอ้างอิงทั้งที่ไม่เข้าใจว่าดูอะไรอยู่
    .
    ภาพเขียนสีผนังถ้ำโบราณแต่ละแห่งที่พบในโลกที่รังสรรค์โดยบรรพบุรุษยุคแรก ถ้าคุณทาบข้อมูลทางโบราณคดีของมันกับข้อมูลอื่น เช่น พันธุกรรมและการอพยพย้ายถิ่น ธรณีวิทยา ภาษาศาสตร์ ภูมิศาสตร์ มานุษยวิทยา วิทยาศาสตร์.. ก็จะรู้อะไรที่ต่างไปจากที่เคยมีคนสันนิษฐานกันออกมาก่อนหน้านี้ได้ เช่น ภูมิศาสตร์บอกว่าลักษณะภูมิประเทศแบบใดที่มนุษย์โบราณในยุคนั้นชอบใช้เป็นที่อาศัยและหลบภัย ลักษณะทางภูมิศาสตร์แบบไหนที่พบภาพเขียนสี ทำไมมันจึงถูกเลือกเป็นที่จัดทำนิทรรศการ.. ธรณีวิทยาบอกว่า พบดินแบบเดียวกันถูกใช้เป็นสีเขียนผนังถ้ำทุกแห่ง.. วิทยาศาสตร์บอกองค์ประกอบธาตุของสีที่ใช้เขียนว่าเป็นแบบเดียวกัน ซึ่งแปลได้ว่าพวกเขาเรียนหนังสือมาจากที่เดียวกัน คือเรียนรู้เทคนิคในการทำแบบนี้ซ้ำต่อๆ กันมาเหมือนๆ กัน.. มานุษยวิทยาเห็นการสะท้อนธรรมเนียมนิยมทางวัฒนธรรมบรรพกาลของพวกเขา เช่น เอาสีใส่ปากพ่นผ่านมือให้เป็นรูปมือ เขียนรูปคนและสัตว์ที่มีลักษณะทาง figure ที่คล้ายคลึงกัน มีจินตนาการในการสร้างลักษณะของบุคคลที่พิเศษออกไปจากคนปกติเพื่อแสดงว่าเป็นผีสางเทวดาที่เขานับถือ... มีการวิเคราะห์คุณสมบัติทางวิทยาศาสตร์ของสภาวะแวดล้อมของพื้นที่ศักดิ์สิทธ์ที่พวกเขาไปเขียนรูปไว้ เช่น คุณสมบัติการก้องสะท้อนเสียงของสถานที่
    .
    และเมื่อทาบพันธุกรรมลงไปดูความสอดคล้องกัน เริ่มจากพวกเผ่า San Bushman ที่มียีนของอดัมที่เก่าที่สุดในโลก พบว่าพวกเขาทำภาพเขียนสีผนังถ้ำด้วยคุณสมบัติเดียวกันทุกด้านดังที่ได้กล่าวไปนั่น พวกอัสเลียนโบราณก็ทำภาพเขียนสีผนังถ้ำด้วยคุณสมบัติเดียวกันกับที่กล่าวไปเช่นกัน เอาภาพเขียนสีเช่นที่ถ้ำเขาจันทร์งาม สีคิ้ว ไปเปรียบกับภาพเขียนสีในแอฟริกาที่พวกกอยซานทำ ทุกองค์ประกอบที่ว่านั่นก็จะเห็นว่าเหมือนกัน... พวกปาปัว-ออสตราอะบอริจิ้น ก็ทำภาพเขียนสีผนังถ้ำด้วยคุณสมบัติเดียวกับที่กล่าวไป นี่เป็นนวัตกรรมที่เป็นมรดกโคตรยาวนานของมนุษย์ จากแอฟริกาไปสู่จุดต่างๆในโลก ในวันนี้ พวกเขาเหล่านี้พูดกันคนละภาษา มันดูไม่มีความกี่ยวข้องกันใช่ไหมล่ะ? แต่วิทยาศาสตร์ไม่ได้บอกเช่นนั้น ในพันธุกรรมมี mutation ในวัฒนธรรมมี cultural transmission ถ้าเราขยับไปดูสิ่งที่คุ้นเคยกว่านั้นอีกสักอย่าง เช่น "กลอง".. มนุษย์ทุกแห่ง ตั้งแต่พวกที่อยู่ในแอฟริกา แม้แต่พวกชนเผ่าที่ไม่ได้อพยพไปไหนเลยจนกระทั่งยุคล่าอาณานิคม กับมนุษย์ทุกชนชาติที่กระจายอยู่ในทุกมุมโลก พวกเขาต่างทำกลองเหมือนกัน วิธีการคือ ด้วยการขึงหนังสัตว์ (membrane) ลงบนปากทรงกลมของวัตถุทรงกระบอก (cylinder) ขึงให้ตึงและตีให้สั่น นี่คือนวัตกรรมที่เรียก Membranophones คนทั้งโลกไม่ได้ต่างคนต่างทำเหมือนกันโดยบังเอิญ มันคือมรดกที่ส่งต่อกันมาตั้งแต่ก่อนอพยพเมื่อแสนปีที่แล้วและเก่าพอๆ กับภาษาแรก
    .
    ซากบรรพชีวินที่นักวิชาการไทยอย่างที่อาจารย์รัศมีท่านสำรวจและค้นคว้าอยู่ กรอบเวลาเท่าไหร่? โนนนกทา? บ้านเชียง? พวกนั้นเป็นใคร? โฮโมเซเปี้ยนส์แน่นอน ชีววิทยาบอกชัดว่าเซเปี้ยนส์ เราไม่ได้วิวัฒน์มาจากโฮโมอีเร็คตัส พวกนั้นสูญพันธ์ไปแล้วก็จบ ยีนพ่อไม่เคยหายไปจากมนุษย์และเราไม่มียีนของอีเร็คตัสอยู่ในตัวเรา เมื่อราวเจ็ดหมื่นปีก่อน เกิด super eruption ขึ้นที่ภูเขาโทบาในสุมาตราโบราณ [https://geographical.co.uk/.../explainer-the-toba...] ทิ้งบาดแผลไว้เป็นทะเลสาปโทบาให้ดูในทุกวันนี้ ภัยพิบัตินี้รุนแรง มันตามมาด้วยฤดูหนาวนิวเคลียร์ (นักวิชาการว่าเช่นนี้) เถ้าภูเขาไฟปกคลุมโลกนานหลายปีและลอยไปไกลถึงกรีนแลนด์ โฮโมอีเร็คตัสในเอเชียถ้ายังมีชีวิตอยู่จะต้องตายหมด ดังนั้นไม่ว่าจะมนุษย์ปักกิ่ง มนุษย์ชวาอะไร ไม่เกี่ยวกับเราทั้งนั้น กรอบเวลาของบรรพบุรุษเราที่มาถึงที่นี่คือห้าหมื่นและสามหมื่นปีมาแล้ว มากันสองระลอก และคนพื้นเมืองที่บุกเบิกดินแดนนี้ไม่ได้แปะยี่ห้ออะไรเมื่อมาถึง นอกจากเรียกตัวเองว่า กอย หมายถึง คน… (ข่า ก็เรียกตัวเองว่า ข้อย.. ลาว ก็เรียกตัวเองว่า ข้อย)
    .
    ในความเป็นจริง มนุษย์โบราณที่เป็นบรรพบุรุษของชายชาวเอเชียราว 75 เปอร์เซ็นต์ล้วนเป็น Y DNA Hg O คือครอบครัวที่ใหญ่ที่สุดในโลก พวกเขามิวเททมาจากสาแหรกของพ่อ Y DNA Hg K ซึ่งมาถึงเอเชียกลางเมื่อราวสี่หมื่นปีและกระจายออกไป ทั้งที่ข้ามโกบีและไซบีเรีย ข้ามเบริงเจียไปอเมริกา (Hg Q) กลายเป็นพวกนาวาโฮ... ทั้งที่ย้อนกลับเข้าไปในยุโรปเผชิญความทารุณของยุคน้ำแข็งกลายเป็นพวกยุโรป (Hg R)… บรรพบุรุษพวกนี้ เมื่อตั้งถิ่นฐานตรงจุดใด ก็มักอยู่ตรงนั้น ลองนึกถึงความเป็นจริงว่า การย้ายถิ่นฐานใช้เวลายาวนานหลายชั่วคน เมื่อผู้อาวุโสหรือพ่อของเขาแก่เฒ่าไร้เรี่ยวแรงที่จะเดินทางบุกเบิกต่อไป บางส่วนของพวกเขาจะหยุดการเดินทางและตั้งหลักแหล่งโดยเฉพาะเมื่อพบสภาพแวดล้อมที่สมบูรณ์พอจะดำรงชีพ คนหนุ่มจะเดินทางผจญภัยต่อไปเพื่อหาที่ของตนที่จะได้ขึ้นมาเป็นผู้นำ ได้มองโลกด้วยทัศนะของพวกเขาเอง พวกเขาจะพบปัญหาใหม่ จะได้หาทางแก้ไขสถานะการณ์ที่ไม่เคยพบ ดังนั้นพวกเขาจะมีเทคโนโลยีที่ดีขึ้นไปเองโดยธรรมชาติ จนเมื่อพวกเขาพบว่าได้เจอสถานที่ที่พึงพอใจหรือไปต่อไม่ได้แล้ว การเดินทางก็จะหยุด
    .
    คุณคิดว่ามีมนุษย์จำนวนเท่าไหร่ เมื่อพวกเขามาถึงแผ่นดินซุนดาเมื่อสามหมื่นปีก่อน?
    .
    บรรพบุรุษของเรา เดินทางมาตามซุปเปอร์ไฮเวย์โบราณสายเอเชียกลางที่เป็นทุ่งหญ้าอันอุดมสมบูรณ์ อุดมด้วยกวางแอนทีโลฟและช้างแมมมอธ ท้องอิ่ม อบอุ่น และอันตรายน้อย เมื่อมาถึงซุนดา คุณคิดว่าพวกเขาจะอยู่อาศัยกันที่ไหน? บนภูเขา ในป่า หรือที่ราบลุ่มปากแม่น้ำ? ไปคิดดูเป็นการบ้าน
    .
    หากพิจารณาดูปัจจัยต่างๆ เราจะรู้ได้ว่าชุมชนบรรพกาล มักจะตั้งอยู่บนที่ที่เหมาะสมในการผดุงชีพ อ.สุเมธ ชุมสาย ณ อยุธยา ให้ความเห็นว่า เนื่องเพราะบรรพบุรุษพวกนี้ต้องเผชิญกับน้ำท่วมซุนดาถึงสามครั้ง พวกเขานิยมสร้างบ้านที่มีเสาสูงและมีไต้ถุนสูง ทำแพและมีทักษะในการเดินทางด้วยแพ ซึ่งพร้อมที่จะอพยพหนีโดยล่องด้วยแพขึ้นไปเรื่อยๆ สู่ทิศทางต้นน้ำ ไม่เดินเท้าเพราะไม่รู้ว่าน้ำจะมาทางไหน เมื่อเห็นและแน่ใจว่าน้ำหยุดท่วมแล้วก็ปักหลักตั้งถิ่นฐานใหม่ เพราะพวกเขารู้ดีว่าไม่มีจุดไหนที่มีทรัพยากรอุดมไปกว่าริมแม่น้ำ ทั้งสัตว์น้ำและดินที่เหมาะแก่การเพาะปลูก ในป่านั้นมีโรคมากมายและสัตว์ร้าย พวกเขาจะเข้าไปต่อเมื่อต้องการล่าหรือหาของป่า
    .
    ชุมชนบรรพกาลเหล่านี้ เมื่อพบพื้นที่ที่พวกเขาพึงพอใจแล้วก็มักจะปักหลักอยู่เช่นนั้น สืบต่อกันไปหลายชั่วคน หลักฐานทางโบราณคดีก็ชี้ชัดเช่นนั้น ทำให้เกิดชุมชนโบราณขึ้นตรงนั้นตรงนี้มากมายและขยายตัวออกไป เกษตรกรรมเป็นอีกปัจจัยที่ทำให้เลิกเร่ร่อนแล้วหยุดตั้งหลักแหล่ง ผลที่เก็บเกี่ยวแน่นอนตามฤดูกาลทำให้ปัจจัยทางอาหารมั่นคง ดังนั้นพวกเขาจะไม่ย้ายไปไหนโดยง่ายถ้าไม่ใช่เพราะภัยธรรมชาติ โรคระบาด หรือสงครามจากคนกลุ่มอื่นมาบีบบังคับให้ย้ายไปที่อื่น ชุมชนบรรพกาลซึ่งประชากรมีอยู่น้อย ย่อมต้องการปริมาณแรงงานไว้เพื่อสร้างชุมชนของตนให้เติบโตรุ่งเรืองขึ้น ถ้าไม่เกิดปัญหาที่ว่านี้ พวกเขาก็จะไม่ย้ายไปไหน พวกเขาจำฤดูกาลประจำถิ่น ทิศทางลม เวลาน้ำขึ้นลง ยาอยู่ที่ไหน อะไรเป็นยา จำต้นไม้ได้ทุกต้นและรู้ว่าอะไรใช้ทำอะไรได้บ้าง สัตว์อยู่ที่ไหน หาเจอยังไง จับยังไง... ความรู้ในภูมิลำเนาพวกนี้ใช้เวลาสั่งสมยาวนาน
    .
    เราต่างได้เรียนรู้กันมามากพอสมควรเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ แต่บางครั้งนิยามหรือความสมมุติในความเป็นชนชาติบ้านเมืองต่างๆ มักพาให้ไขว้เขว บางถิ่นฐาน ผู้ปกครองเป็นผู้มีศักดิ์ฐานะ มีทรัพยากรมาก แต่เป็นคนต่างถิ่นมาจากที่อื่น ไม่ต่างกับทุกวันนี้ที่ผู้ว่าราชการจังหวัดหัวเมืองเช่นเชียงราย อาจเป็นลูกเศรษฐีตระกูลใหญ่จากกรุงเทพ สมัยโบราณก็เช่นกัน ประชากรเป็นคนพื้นเมืองท้องถิ่น อาจอยู่ที่นั่นมาแปดชั่วคนแล้ว เขาไม่ย้ายไปที่อื่นเพียงเพราะผู้ปกครองไม่ใช่คนพื้นเมืองเหมือนตน ถ้าปกครองดี ทุกคนยังกินอิ่ม ไม่รีดภาษี ไม่ก่อกรรมทำเข็ญ ข่มเหงรังแก พวกเขาก็จะอยู่อย่างนั้นต่อไปในรุ่นลูกรุ่นหลาน จักรวรรดิจีนโบราณดินแดนกว้างใหญ่ ประชากรไม่ได้มีแต่จีนฮั่นเท่านั้น ยังมีประชากรที่เป็นชนเผ่าอื่นๆในปกครองหลายสิบเผ่า แล้วก็มีผู้ปกครองที่มาจากถิ่นอื่นมาปกครอง เคยมีกษัตริย์ที่เป็นมองโกล กษัตริย์ที่เป็นแมนจูมานั่งบัลลังก์ฮ่องเต้ ยิ่งรูปงามผิวพรรณผุดผ่องมาพร้อมโปรโมชั่นว่าเป็นเทพลงมาเกิดก็จะทำให้รู้สึกนับถืออยากพึ่งพาบารมี ดังนั้นผู้ปกครองก็อาจเป็นชาติพันธุ์หนึ่งขณะที่ประชากรในดินแดนเป็นอีกชาติพันธุ์หนึ่งได้ เช่น ผู้ปกครองมีชื่อสมมุติว่าเป็นชาติพันธุ์ลาว ผู้ใต้ปกครองอาจเป็นชาวพื้นเมืองมีชื่อสมมุติว่าชาติพันธุ์ข่า เป็นต้น.. ทั้งนี้ทั้งนั้นสิ่งที่พูดนี่ เป็นคนละเรื่องกับแนวความคิดเรื่องชาติ ประเทศ รัฐ ชนชาติและสัญชาติ ซึ่งเป็นความคิดใหม่ที่เกิดขึ้นภายหลังตามคติของอาณานิคมตะวันตก
    .
    สำหรับผมมันเป็นเรื่องตลก ที่พูดว่าคนโคราชไม่ใช่คนอีสาน
    ความยึดมั่นของผู้พูดผูกโยงกับภูมิลำเนา ผูกกับสำเนียงภาษาที่ใช้ แล้วเอามามัดให้ประชากรนั้นเป็นเผ่าพันธ์ตามที่ตนผูกไว้
    .
    คนอีสานคือใครในทัศนะวิทยาศาสตร์ คนอีสานอาจประกอบด้วยพลเมืองจากทางเหนือที่มาไกลจากจีน มาจากหยุนหนาน หรืออาจมาจากเวียตนาม ได้มากพอกับมีพลเมืองที่มีชื่อสมมุติว่า "ลาว" ที่เฒ่างี่เง่านี้นิยามให้สาวกเชื่อว่าเป็นคนท้องถิ่นโดยแท้แล้วก็ปฏิเสธในเชิงที่รู้สึกได้ว่าพยายามจะบอกใครๆ ว่าคนโคราชเป็น "สิ่งแปลกปลอมในท่ามกลางคนอีสาน" ผมรู้สึกอย่างนั้น แล้วเขาก็โยงเรื่องโยงชื่อ ทั้งคนทั้งสถานที่ มั่วไปหมดชนแพะชนแกะชนควาย อนุมานเอาตามความเชื่อตน ทั้งที่ความเป็นจริงทุกมนุษย์ที่อ้างอิงมานั่นไม่ว่าจะด้วยคำ สยาม ทวารวดี มอญ อยุธยา สุพรรณ โคราช ศรีโคตรบูรณ์ เวียงจันทร์ ชัยวรมัน.... บลาๆๆ... ล้วนคือ Y Chromosome DNA Haplogroup O (O2 เป็นจำนวนเปอร์เซ็นต์สูงสุด) ทั้งนั้น ต่อให้หมู่บ้านนึงมันดันพูดได้สามภาษา ทั้งลาวทั้งอังกฤษทั้งเกาหลีสำเนียงเป๊ะทั้งหมู่บ้านก็ตามที
    .
    เขย่าไว้ไม่ให้นอนก้น
    ข้าว่าพวกเอ็งมันนอนก้นถอยหลังไปสองร้อยปี
    ฟังวนอยู่ห้าคำสิบคำ เต็มไปด้วยคำว่า “สันนิษฐานว่า…“
    แปลเป็นไทยคือ คาดว่า เดาว่า... คือเอ็งไม่รู้ไง เชื่อเองเออเองแล้วมาชวนคนอื่นให้เชื่อตาม
    .
    นี่รู้ไหม...
    มีไม่น้อยนะที่สันนิษฐานว่ามนุษย์เซเปี้ยนส์นี่น่ะ มาจากเชื้อพันธุ์มนุษย์ต่างดาวชื่อ อนูนากิ แกเชื่อไหมเล่า?
    .
    - พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา [2568] -
    .
    เขียนเล่าเรื่องพันธุกรรมมนุษย์มาหลายต่อหลายครั้ง ทั้งที่ความรู้นี้โลกเขารับรู้มาตั้งแต่ปี 2004 แล้ว ปัจจุบันนักวิชาการไทยหลายคนก็ทำวิจัยเรื่องนี้ตีพิมพ์ออกมาพอสมควร แต่ก็ยังมีบางพวกบางกลุ่มที่ยังตะแบงติดกับดักวังวนของสำนักคิดเก่าๆ อยู่อย่างนั้น ไอ้ที่แย่กว่าคือ จำต้องยอมรับวิทยาศาสตร์นี้โดยปริยายทั้งที่ไปกันไม่ได้กับเรื่องที่ตนเขียน แต่ความที่เคยพูดเคยเขียนหนังสือขายหาเงินรับประทานมาไม่น้อยกับความรู้ผิดๆ ครึ่งๆกลางๆ งูๆปลาๆ ก็เลยยังต้องยืนยันความคิดเดิมตะแบงต่อไป ถ้าไอ้ส่วนที่ความรู้ใหม่มันไปกันได้กับที่เคยเขียนก็จะหยิบมาอ้าง แต่ส่วนที่มันฟ้องว่าเอ็งเข้าใจผิดแล้วก็จะเลี่ยงเสีย เช่นกรณีเฒ่าเจ๊กปนลาวชังชาตินั่น . ความแบ่งแยกอันเป็นความคิดของปีศาจ นำมาซึ่งชื่อสมมุติ ที่โดยมากมักอุปโลกน์ขึ้นมาเพื่อปฏิเสธความเกี่ยวเนื่อง เพื่อสร้างอัตลักษณ์ใหม่ เพื่อให้ดูแตกต่างกับผู้คนหรือบรรพบุรุษที่เคยเกี่ยวข้อง ไม่ว่าเครื่องแต่งกายก็ตาม ความเชื่อ ภาษาพูดก็ตาม สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่เครื่องพิสูจน์องค์ประกอบของตัวมนุษย์แต่ละผู้ว่าเป็นใครหรือเผ่าพันธุ์ไหน เป็นไปได้อย่างยิ่งว่าความเป็นเจ๊กปนลาวที่พูดไทยหากินกับภาษาไทยของเฒ่าผู้นั้น อาจเป็นเรื่องเลื่อนลอยไปได้ ลาวที่เขาคิดว่าเป็นพ่ออาจเป็นกัมมุ และเจ๊กที่เขาคิดว่าเป็นแม่อาจเป็นชนเผ่าฮักกา ที่ซึ่งไม่ใช่เจ๊ก แต่เป็นเยว่ ก็เป็นได้... อยากจะแน่ใจก็ไปตรวจซะ . อย่างที่ทราบ (เอ๊ะ หรือใครยังไม่ทราบ?) มนุษย์ที่เป็นชนชาติต่างๆในโลกนี้ อพยพออกมาจากแอฟริกาเมื่อแสนกว่าปีก่อน เป็นหน่อเนื้อลูกหลานของบรรพบุรุษที่อาศัยในบริเวณที่ปัจจุบันเรียกว่าซาฮาร่า ดังนั้นนักวิชาการเลย "นิยามชื่อ" พวกเขาว่าพวก "ซาฮารันโบราณ" ผู้ชายทุกคนในโลกนี้ไม่ว่าคนออสตราอะบอริจิ้น คนเอเชีย คนตะวันออกกลาง คนยุโรป คนเมโสอเมริกา ล้วนมียีนของอาดัมทางวิทยาศาสตร์ที่เรียกว่าวายโครโมโซม M168 นี้ทุกคน ยกเว้นพวกแอฟริกาบางเผ่าที่บรรพบุรุษไม่ได้อพยพออกมาและยังคงอยู่รอดในแอฟริกาจนถึงปัจจุบันนี้ . ด้วยภาพใหญ่นี้ สาแหรกพันธุกรรมแสดงให้เห็น "DEEP ANCESTOR" โคตรเหง้าที่ลึกที่สุดของมนุษย์โลก "การที่พวกอาหรับพูดภาษาสกุลเซมิติคส่วนคนไทยอย่างเราพูดภาษาสกุลจ้วง-ไท ความแตกต่างนี้ไม่อาจลบล้างข้อเท็จจริงทางพันธุกรรมที่ทั้งคู่มี Deep Ancestor ร่วมกันไปได้". ทุกวันนี้มนุษย์ที่มียีนของ M168 เก่าแก่กว่าใครในโลกคือพวก San Bushman พวกเขาพูดภาษาสกุลกอยซานที่ในทาง Linguistic ถือว่าเป็นภาษาลูกของภาษาซาฮารันโบราณที่ยอมรับกันว่าคือ Global Early Language * หมายถึงภาษาแรกของโลก เมื่อพิจารณาจากวิทยาศาสตร์ข้อนี้ มนุษย์ทุกชนชาติที่มีชื่อสมมุติกันไปต่างๆ จะว่าไปก็ถือเป็นคนกอยซานทั้งสิ้น ดังนั้นคุณจงอย่าได้ยึดติดว่าภาษาพูดของชาติพันธ์หนึ่ง จะบ่งบอกว่าเขาคือชาติพันธ์นั้นเสมอไป... คนจีนอพยพตั้งแต่รุ่นที่สองที่อยู่ในเมืองไทยพูดภาษาไทยชัดทุกคน คนอเมริกันที่เกิดที่นี่ คนอินเดียที่เกิดที่นี่พูดไทยสำเนียงไทยชัดทุกคน และเป็นไปได้ว่าวันหนึ่งเขาอาจย้ายไปอยู่ที่ภูฏานเป็นการถาวรจนลูกหลานเขาเกิดที่นั่น แล้วพูดภาษาภูฏานชัดเจน . [* ภาษากอยซาน : นักภาษาศาสตร์ลงความเห็นว่าคือภาษาที่เก่าที่สุดในโลก มีลักษณะพิเศษคือมีเสียงคลิ๊กอยู่ในคำ ซึ่งได้หายไปจากภาษาอื่นๆ ที่เกิดภายหลัง นักวิชาการเชื่อว่า เมื่อบรรพบุรุษของเราอพยพออกจากแอฟริกาเมื่อแสนปีก่อน พวกเขามีภาษาพูดแล้ว ไม่เช่นนั้นพวกเขาจะไม่สามารถล่าสัตว์ใหญ่อย่างแมมมอธได้ เพราะการล่าเช่นนี้ต้องทำงานเป็นทีม ไม่มีภาษาก็ทำงานเป็นทีมไม่ได้] . เมื่อมนุษย์มาจากแอฟริกาและเรามีเชื้อสายซาฮารันมาก่อน ทำไมเราจึงพูดกันไม่รู้เรื่อง พูดกันคนละภาษา ผมเคยเขียนบทความหนึ่งชื่อ บาเบล สืบเนื่องจากคัมภีร์ปฐมกาลบทที่ชื่อบาเบล เล่าว่า “พระเจ้าทรงเห็นว่ามนุษย์สร้างหอคอยใหญ่เทียมฟ้าขึ้นมาได้ พวกเขาอยากจะทำอะไรก็จะสำเร็จได้ อย่ากระนั้นเลย เราจะบันดาลให้เขาพูดกันไม่รู้เรื่อง ผู้คนก็แยกย้ายกันไป เป็นชนชาติต่างๆ ภาษาต่างๆ” นี่...ใครสักคนป้ายสีพระผู้เป็นเจ้าว่าเป็นมูลเหตุให้มนุษย์พูดกันไม่รู้เรื่อง. ใครสักคนในที่นี้มีอย่างน้อยสามคน นักภาษาศาสตร์ยุคใหม่วิเคราะห์ลักษณะการเขียน สำนวน คำศัพท์ที่ใช้ซึ่งบ่งบอกรากฐานและยุคสมัยได้ ทำการวิเคราะห์พระคัมภีร์ไบเบิ้ลฉบับคิงเจมส์ พวกเขาลงความเห็นว่า คัมภีร์ไบเบิ้ลมีผู้เขียนราวสามคน มีลักษณะการเขียนที่แตกต่างกันสามสำนวน คละเคล้ากันไปในแต่ละบท บางบทมีการปนกันมากกว่าหนึ่งสำนวน และยังลงความเห็นว่ารูปแบบการเขียนของบทปฐมกาล (genesis) เขียนทีหลังบทอพยพ (exodus) . นอกจากนี้นักภาษาศาสตร์ยุคหลังมานี่เชื่อว่าภาษาอินโดยูโรเปี้ยนนี้ คือผลของการทุบทำลายภาษาแม่ครั้งสำคัญในโลก เมื่อคุณพิจารณาพันธุกรรม คุณจะต้องทราบว่าผู้ชายชาวยุโรปและตะวันออกกลางแชร์สาแหรกพันธุกรรมในเครือเดียวกันคือ R / J / E อย่างที่ผมเขียนเรื่องยิวและปาเลสไตน์ไปก่อนนี้.. พวกคนยุโรป เปอร์เซีย อารยัน (ที่ภายหลังไปบุกอินเดียโบราณ) ล้วนเป็นสาแหรกเดียวกัน อย่าว่าแต่ยิวซึ่งเป็น semitic speaker ฆ่าปาเลสไตน์ที่เป็นพี่น้องใกล้ชิดเลย หากคนกรีก คนโรมัน ไปฆ่าคนเปอร์เซียหรือกลับกัน ก็คือพี่น้องฆ่ากันอยู่ดีนั่นแหละ อยู่มาวันหนึ่ง ไม่แน่ชัดว่าอะไรเป็นเหตุ หลังสงครามเทวีที่เกิดการต่อต้านปฏิเสธความเชื่อที่นับถือแม่เป็นใหญ่ เทวรูปของเทพีมากมาย เช่น Artemis เทวีผู้มอบความอุดมสมบูรณ์ ต่างพากันถูกทุบจมูกทุบใบหน้าทิ้งให้ดูน่าเกลียด ชนชาติที่เคยเกี่ยวดองกัน พลันแยกออกจากกันเป็นชนชาติใหม่ พูดภาษาใหม่ เด็กที่เกิดใหม่นับแต่นั้นจะถูกฝึกให้พูดภาษาที่สร้างขึ้นมา จากนั้นก็ตามมาด้วยชื่อสมมุติอย่างเช่น อัสซีเรีย อัคเคเดียน ฮิตไทท์... จากนั้นก็ตามมาด้วยสงครามพี่น้องฆ่ากัน ทั้งที่ชีววิทยาพันธุกรรมบอกว่าพวกเขาคือพี่น้องคลานตามกันมาทั้งนั้น และถ้าอ้างไบเบิ้ล อย่างเช่นกรณีของบุตรหลานของ Sam ลูกหลานของโนอาห์ ก็อย่างที่เคยเล่าไปแล้ว ความแบ่งแยกทำให้พวกเขาปฏิเสธสายใยที่มี . อย่างที่ชี้ให้เห็นนี่ ดีเอ็นเอบอกเราถึงความเป็นพี่น้องร่วมสาแหรก แต่พวกเขาปฏิเสธกันเองแล้วแบ่งแยก ทุบทำลายภาษาแม่ทิ้งไปพร้อมๆ กันในเวลาไล่เลี่ยกัน ไม่ใช่เพราะฝีมือพระเจ้าหรอก มนุษย์นี่แหละ นักภาษาศาสตร์โบราณคดีทำการค้นคว้าเรื่องนี้แล้วทำการโยงภาษาในสกุลอินโดยูโรเปี้ยนทั้งหมด ย้อนกลับไปสู่ภาษาซาฮารันโบราณ ด้วยพจนานุกรมคำศัพท์ของพวก Basque (กลุ่มคนที่ isolated อยู่ในสเปนซึ่งเชื่อว่าเป็นภาษาลูกที่เหลืออยู่ของภาษาซาฮารัน).. เรื่องนี้ยาวนะ ผมเคยเล่าไว้ในบทความชื่อบาเบลที่ผมเกริ่นไปข้างบน ใครอยากลงลึกให้ไปอ่าน Linguistic Archaeology เขียนโดย Edo Nyland . เวลาเจอบทความอะไรจากเฒ่าเจ๊กปนลาวผู้นี้ รวมทั้งจากพวกสาวกกระดูกอ่อนของเขาก็เลยออกจะรำคาญ ด้วยการอ้างชื่อต่างๆ พวกเขาเชื่อมโยงยกแม่น้ำเป็นตุเป็นตะ ไอ้นั่นมาจากไหน ไอ้นี่มาจากไหน โดยไม่มีหลักฐานอะไรที่หนักแน่นพอมารองรับ… ยกตัวอย่างเช่นใช้กลองสำริดบ้าง ใช้ภาพเขียนสีผนังถ้ำโบราณบ้าง มาอ้างอิงทั้งที่ไม่เข้าใจว่าดูอะไรอยู่ . ภาพเขียนสีผนังถ้ำโบราณแต่ละแห่งที่พบในโลกที่รังสรรค์โดยบรรพบุรุษยุคแรก ถ้าคุณทาบข้อมูลทางโบราณคดีของมันกับข้อมูลอื่น เช่น พันธุกรรมและการอพยพย้ายถิ่น ธรณีวิทยา ภาษาศาสตร์ ภูมิศาสตร์ มานุษยวิทยา วิทยาศาสตร์.. ก็จะรู้อะไรที่ต่างไปจากที่เคยมีคนสันนิษฐานกันออกมาก่อนหน้านี้ได้ เช่น ภูมิศาสตร์บอกว่าลักษณะภูมิประเทศแบบใดที่มนุษย์โบราณในยุคนั้นชอบใช้เป็นที่อาศัยและหลบภัย ลักษณะทางภูมิศาสตร์แบบไหนที่พบภาพเขียนสี ทำไมมันจึงถูกเลือกเป็นที่จัดทำนิทรรศการ.. ธรณีวิทยาบอกว่า พบดินแบบเดียวกันถูกใช้เป็นสีเขียนผนังถ้ำทุกแห่ง.. วิทยาศาสตร์บอกองค์ประกอบธาตุของสีที่ใช้เขียนว่าเป็นแบบเดียวกัน ซึ่งแปลได้ว่าพวกเขาเรียนหนังสือมาจากที่เดียวกัน คือเรียนรู้เทคนิคในการทำแบบนี้ซ้ำต่อๆ กันมาเหมือนๆ กัน.. มานุษยวิทยาเห็นการสะท้อนธรรมเนียมนิยมทางวัฒนธรรมบรรพกาลของพวกเขา เช่น เอาสีใส่ปากพ่นผ่านมือให้เป็นรูปมือ เขียนรูปคนและสัตว์ที่มีลักษณะทาง figure ที่คล้ายคลึงกัน มีจินตนาการในการสร้างลักษณะของบุคคลที่พิเศษออกไปจากคนปกติเพื่อแสดงว่าเป็นผีสางเทวดาที่เขานับถือ... มีการวิเคราะห์คุณสมบัติทางวิทยาศาสตร์ของสภาวะแวดล้อมของพื้นที่ศักดิ์สิทธ์ที่พวกเขาไปเขียนรูปไว้ เช่น คุณสมบัติการก้องสะท้อนเสียงของสถานที่ . และเมื่อทาบพันธุกรรมลงไปดูความสอดคล้องกัน เริ่มจากพวกเผ่า San Bushman ที่มียีนของอดัมที่เก่าที่สุดในโลก พบว่าพวกเขาทำภาพเขียนสีผนังถ้ำด้วยคุณสมบัติเดียวกันทุกด้านดังที่ได้กล่าวไปนั่น พวกอัสเลียนโบราณก็ทำภาพเขียนสีผนังถ้ำด้วยคุณสมบัติเดียวกันกับที่กล่าวไปเช่นกัน เอาภาพเขียนสีเช่นที่ถ้ำเขาจันทร์งาม สีคิ้ว ไปเปรียบกับภาพเขียนสีในแอฟริกาที่พวกกอยซานทำ ทุกองค์ประกอบที่ว่านั่นก็จะเห็นว่าเหมือนกัน... พวกปาปัว-ออสตราอะบอริจิ้น ก็ทำภาพเขียนสีผนังถ้ำด้วยคุณสมบัติเดียวกับที่กล่าวไป นี่เป็นนวัตกรรมที่เป็นมรดกโคตรยาวนานของมนุษย์ จากแอฟริกาไปสู่จุดต่างๆในโลก ในวันนี้ พวกเขาเหล่านี้พูดกันคนละภาษา มันดูไม่มีความกี่ยวข้องกันใช่ไหมล่ะ? แต่วิทยาศาสตร์ไม่ได้บอกเช่นนั้น ในพันธุกรรมมี mutation ในวัฒนธรรมมี cultural transmission ถ้าเราขยับไปดูสิ่งที่คุ้นเคยกว่านั้นอีกสักอย่าง เช่น "กลอง".. มนุษย์ทุกแห่ง ตั้งแต่พวกที่อยู่ในแอฟริกา แม้แต่พวกชนเผ่าที่ไม่ได้อพยพไปไหนเลยจนกระทั่งยุคล่าอาณานิคม กับมนุษย์ทุกชนชาติที่กระจายอยู่ในทุกมุมโลก พวกเขาต่างทำกลองเหมือนกัน วิธีการคือ ด้วยการขึงหนังสัตว์ (membrane) ลงบนปากทรงกลมของวัตถุทรงกระบอก (cylinder) ขึงให้ตึงและตีให้สั่น นี่คือนวัตกรรมที่เรียก Membranophones คนทั้งโลกไม่ได้ต่างคนต่างทำเหมือนกันโดยบังเอิญ มันคือมรดกที่ส่งต่อกันมาตั้งแต่ก่อนอพยพเมื่อแสนปีที่แล้วและเก่าพอๆ กับภาษาแรก . ซากบรรพชีวินที่นักวิชาการไทยอย่างที่อาจารย์รัศมีท่านสำรวจและค้นคว้าอยู่ กรอบเวลาเท่าไหร่? โนนนกทา? บ้านเชียง? พวกนั้นเป็นใคร? โฮโมเซเปี้ยนส์แน่นอน ชีววิทยาบอกชัดว่าเซเปี้ยนส์ เราไม่ได้วิวัฒน์มาจากโฮโมอีเร็คตัส พวกนั้นสูญพันธ์ไปแล้วก็จบ ยีนพ่อไม่เคยหายไปจากมนุษย์และเราไม่มียีนของอีเร็คตัสอยู่ในตัวเรา เมื่อราวเจ็ดหมื่นปีก่อน เกิด super eruption ขึ้นที่ภูเขาโทบาในสุมาตราโบราณ [https://geographical.co.uk/.../explainer-the-toba...] ทิ้งบาดแผลไว้เป็นทะเลสาปโทบาให้ดูในทุกวันนี้ ภัยพิบัตินี้รุนแรง มันตามมาด้วยฤดูหนาวนิวเคลียร์ (นักวิชาการว่าเช่นนี้) เถ้าภูเขาไฟปกคลุมโลกนานหลายปีและลอยไปไกลถึงกรีนแลนด์ โฮโมอีเร็คตัสในเอเชียถ้ายังมีชีวิตอยู่จะต้องตายหมด ดังนั้นไม่ว่าจะมนุษย์ปักกิ่ง มนุษย์ชวาอะไร ไม่เกี่ยวกับเราทั้งนั้น กรอบเวลาของบรรพบุรุษเราที่มาถึงที่นี่คือห้าหมื่นและสามหมื่นปีมาแล้ว มากันสองระลอก และคนพื้นเมืองที่บุกเบิกดินแดนนี้ไม่ได้แปะยี่ห้ออะไรเมื่อมาถึง นอกจากเรียกตัวเองว่า กอย หมายถึง คน… (ข่า ก็เรียกตัวเองว่า ข้อย.. ลาว ก็เรียกตัวเองว่า ข้อย) . ในความเป็นจริง มนุษย์โบราณที่เป็นบรรพบุรุษของชายชาวเอเชียราว 75 เปอร์เซ็นต์ล้วนเป็น Y DNA Hg O คือครอบครัวที่ใหญ่ที่สุดในโลก พวกเขามิวเททมาจากสาแหรกของพ่อ Y DNA Hg K ซึ่งมาถึงเอเชียกลางเมื่อราวสี่หมื่นปีและกระจายออกไป ทั้งที่ข้ามโกบีและไซบีเรีย ข้ามเบริงเจียไปอเมริกา (Hg Q) กลายเป็นพวกนาวาโฮ... ทั้งที่ย้อนกลับเข้าไปในยุโรปเผชิญความทารุณของยุคน้ำแข็งกลายเป็นพวกยุโรป (Hg R)… บรรพบุรุษพวกนี้ เมื่อตั้งถิ่นฐานตรงจุดใด ก็มักอยู่ตรงนั้น ลองนึกถึงความเป็นจริงว่า การย้ายถิ่นฐานใช้เวลายาวนานหลายชั่วคน เมื่อผู้อาวุโสหรือพ่อของเขาแก่เฒ่าไร้เรี่ยวแรงที่จะเดินทางบุกเบิกต่อไป บางส่วนของพวกเขาจะหยุดการเดินทางและตั้งหลักแหล่งโดยเฉพาะเมื่อพบสภาพแวดล้อมที่สมบูรณ์พอจะดำรงชีพ คนหนุ่มจะเดินทางผจญภัยต่อไปเพื่อหาที่ของตนที่จะได้ขึ้นมาเป็นผู้นำ ได้มองโลกด้วยทัศนะของพวกเขาเอง พวกเขาจะพบปัญหาใหม่ จะได้หาทางแก้ไขสถานะการณ์ที่ไม่เคยพบ ดังนั้นพวกเขาจะมีเทคโนโลยีที่ดีขึ้นไปเองโดยธรรมชาติ จนเมื่อพวกเขาพบว่าได้เจอสถานที่ที่พึงพอใจหรือไปต่อไม่ได้แล้ว การเดินทางก็จะหยุด . คุณคิดว่ามีมนุษย์จำนวนเท่าไหร่ เมื่อพวกเขามาถึงแผ่นดินซุนดาเมื่อสามหมื่นปีก่อน? . บรรพบุรุษของเรา เดินทางมาตามซุปเปอร์ไฮเวย์โบราณสายเอเชียกลางที่เป็นทุ่งหญ้าอันอุดมสมบูรณ์ อุดมด้วยกวางแอนทีโลฟและช้างแมมมอธ ท้องอิ่ม อบอุ่น และอันตรายน้อย เมื่อมาถึงซุนดา คุณคิดว่าพวกเขาจะอยู่อาศัยกันที่ไหน? บนภูเขา ในป่า หรือที่ราบลุ่มปากแม่น้ำ? ไปคิดดูเป็นการบ้าน . หากพิจารณาดูปัจจัยต่างๆ เราจะรู้ได้ว่าชุมชนบรรพกาล มักจะตั้งอยู่บนที่ที่เหมาะสมในการผดุงชีพ อ.สุเมธ ชุมสาย ณ อยุธยา ให้ความเห็นว่า เนื่องเพราะบรรพบุรุษพวกนี้ต้องเผชิญกับน้ำท่วมซุนดาถึงสามครั้ง พวกเขานิยมสร้างบ้านที่มีเสาสูงและมีไต้ถุนสูง ทำแพและมีทักษะในการเดินทางด้วยแพ ซึ่งพร้อมที่จะอพยพหนีโดยล่องด้วยแพขึ้นไปเรื่อยๆ สู่ทิศทางต้นน้ำ ไม่เดินเท้าเพราะไม่รู้ว่าน้ำจะมาทางไหน เมื่อเห็นและแน่ใจว่าน้ำหยุดท่วมแล้วก็ปักหลักตั้งถิ่นฐานใหม่ เพราะพวกเขารู้ดีว่าไม่มีจุดไหนที่มีทรัพยากรอุดมไปกว่าริมแม่น้ำ ทั้งสัตว์น้ำและดินที่เหมาะแก่การเพาะปลูก ในป่านั้นมีโรคมากมายและสัตว์ร้าย พวกเขาจะเข้าไปต่อเมื่อต้องการล่าหรือหาของป่า . ชุมชนบรรพกาลเหล่านี้ เมื่อพบพื้นที่ที่พวกเขาพึงพอใจแล้วก็มักจะปักหลักอยู่เช่นนั้น สืบต่อกันไปหลายชั่วคน หลักฐานทางโบราณคดีก็ชี้ชัดเช่นนั้น ทำให้เกิดชุมชนโบราณขึ้นตรงนั้นตรงนี้มากมายและขยายตัวออกไป เกษตรกรรมเป็นอีกปัจจัยที่ทำให้เลิกเร่ร่อนแล้วหยุดตั้งหลักแหล่ง ผลที่เก็บเกี่ยวแน่นอนตามฤดูกาลทำให้ปัจจัยทางอาหารมั่นคง ดังนั้นพวกเขาจะไม่ย้ายไปไหนโดยง่ายถ้าไม่ใช่เพราะภัยธรรมชาติ โรคระบาด หรือสงครามจากคนกลุ่มอื่นมาบีบบังคับให้ย้ายไปที่อื่น ชุมชนบรรพกาลซึ่งประชากรมีอยู่น้อย ย่อมต้องการปริมาณแรงงานไว้เพื่อสร้างชุมชนของตนให้เติบโตรุ่งเรืองขึ้น ถ้าไม่เกิดปัญหาที่ว่านี้ พวกเขาก็จะไม่ย้ายไปไหน พวกเขาจำฤดูกาลประจำถิ่น ทิศทางลม เวลาน้ำขึ้นลง ยาอยู่ที่ไหน อะไรเป็นยา จำต้นไม้ได้ทุกต้นและรู้ว่าอะไรใช้ทำอะไรได้บ้าง สัตว์อยู่ที่ไหน หาเจอยังไง จับยังไง... ความรู้ในภูมิลำเนาพวกนี้ใช้เวลาสั่งสมยาวนาน . เราต่างได้เรียนรู้กันมามากพอสมควรเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ แต่บางครั้งนิยามหรือความสมมุติในความเป็นชนชาติบ้านเมืองต่างๆ มักพาให้ไขว้เขว บางถิ่นฐาน ผู้ปกครองเป็นผู้มีศักดิ์ฐานะ มีทรัพยากรมาก แต่เป็นคนต่างถิ่นมาจากที่อื่น ไม่ต่างกับทุกวันนี้ที่ผู้ว่าราชการจังหวัดหัวเมืองเช่นเชียงราย อาจเป็นลูกเศรษฐีตระกูลใหญ่จากกรุงเทพ สมัยโบราณก็เช่นกัน ประชากรเป็นคนพื้นเมืองท้องถิ่น อาจอยู่ที่นั่นมาแปดชั่วคนแล้ว เขาไม่ย้ายไปที่อื่นเพียงเพราะผู้ปกครองไม่ใช่คนพื้นเมืองเหมือนตน ถ้าปกครองดี ทุกคนยังกินอิ่ม ไม่รีดภาษี ไม่ก่อกรรมทำเข็ญ ข่มเหงรังแก พวกเขาก็จะอยู่อย่างนั้นต่อไปในรุ่นลูกรุ่นหลาน จักรวรรดิจีนโบราณดินแดนกว้างใหญ่ ประชากรไม่ได้มีแต่จีนฮั่นเท่านั้น ยังมีประชากรที่เป็นชนเผ่าอื่นๆในปกครองหลายสิบเผ่า แล้วก็มีผู้ปกครองที่มาจากถิ่นอื่นมาปกครอง เคยมีกษัตริย์ที่เป็นมองโกล กษัตริย์ที่เป็นแมนจูมานั่งบัลลังก์ฮ่องเต้ ยิ่งรูปงามผิวพรรณผุดผ่องมาพร้อมโปรโมชั่นว่าเป็นเทพลงมาเกิดก็จะทำให้รู้สึกนับถืออยากพึ่งพาบารมี ดังนั้นผู้ปกครองก็อาจเป็นชาติพันธุ์หนึ่งขณะที่ประชากรในดินแดนเป็นอีกชาติพันธุ์หนึ่งได้ เช่น ผู้ปกครองมีชื่อสมมุติว่าเป็นชาติพันธุ์ลาว ผู้ใต้ปกครองอาจเป็นชาวพื้นเมืองมีชื่อสมมุติว่าชาติพันธุ์ข่า เป็นต้น.. ทั้งนี้ทั้งนั้นสิ่งที่พูดนี่ เป็นคนละเรื่องกับแนวความคิดเรื่องชาติ ประเทศ รัฐ ชนชาติและสัญชาติ ซึ่งเป็นความคิดใหม่ที่เกิดขึ้นภายหลังตามคติของอาณานิคมตะวันตก . สำหรับผมมันเป็นเรื่องตลก ที่พูดว่าคนโคราชไม่ใช่คนอีสาน ความยึดมั่นของผู้พูดผูกโยงกับภูมิลำเนา ผูกกับสำเนียงภาษาที่ใช้ แล้วเอามามัดให้ประชากรนั้นเป็นเผ่าพันธ์ตามที่ตนผูกไว้ . คนอีสานคือใครในทัศนะวิทยาศาสตร์ คนอีสานอาจประกอบด้วยพลเมืองจากทางเหนือที่มาไกลจากจีน มาจากหยุนหนาน หรืออาจมาจากเวียตนาม ได้มากพอกับมีพลเมืองที่มีชื่อสมมุติว่า "ลาว" ที่เฒ่างี่เง่านี้นิยามให้สาวกเชื่อว่าเป็นคนท้องถิ่นโดยแท้แล้วก็ปฏิเสธในเชิงที่รู้สึกได้ว่าพยายามจะบอกใครๆ ว่าคนโคราชเป็น "สิ่งแปลกปลอมในท่ามกลางคนอีสาน" ผมรู้สึกอย่างนั้น แล้วเขาก็โยงเรื่องโยงชื่อ ทั้งคนทั้งสถานที่ มั่วไปหมดชนแพะชนแกะชนควาย อนุมานเอาตามความเชื่อตน ทั้งที่ความเป็นจริงทุกมนุษย์ที่อ้างอิงมานั่นไม่ว่าจะด้วยคำ สยาม ทวารวดี มอญ อยุธยา สุพรรณ โคราช ศรีโคตรบูรณ์ เวียงจันทร์ ชัยวรมัน.... บลาๆๆ... ล้วนคือ Y Chromosome DNA Haplogroup O (O2 เป็นจำนวนเปอร์เซ็นต์สูงสุด) ทั้งนั้น ต่อให้หมู่บ้านนึงมันดันพูดได้สามภาษา ทั้งลาวทั้งอังกฤษทั้งเกาหลีสำเนียงเป๊ะทั้งหมู่บ้านก็ตามที . เขย่าไว้ไม่ให้นอนก้น ข้าว่าพวกเอ็งมันนอนก้นถอยหลังไปสองร้อยปี ฟังวนอยู่ห้าคำสิบคำ เต็มไปด้วยคำว่า “สันนิษฐานว่า…“ แปลเป็นไทยคือ คาดว่า เดาว่า... คือเอ็งไม่รู้ไง เชื่อเองเออเองแล้วมาชวนคนอื่นให้เชื่อตาม . นี่รู้ไหม... มีไม่น้อยนะที่สันนิษฐานว่ามนุษย์เซเปี้ยนส์นี่น่ะ มาจากเชื้อพันธุ์มนุษย์ต่างดาวชื่อ อนูนากิ แกเชื่อไหมเล่า? . - พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา [2568] - .
    0 Comments 0 Shares 792 Views 0 Reviews
  • จีนส่งเทคโนโลยีเกษตรอัจฉริยะไปทดสอบในทะเลทรายของ UAE

    เมือง Shouguang ซึ่งเป็นศูนย์กลางการผลิตผักของจีน ได้ลงนามข้อตกลงกับ Silal บริษัทเกษตรเทคโนโลยีของ UAE เพื่อสร้าง ศูนย์เกษตรอัจฉริยะขนาด 100,000 ตารางเมตรในทะเลทรายของ UAE โดยใช้ AI และหุ่นยนต์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการเพาะปลูก

    รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับโครงการเกษตรอัจฉริยะของจีนใน UAE
    Shouguang และ Silal ลงทุนร่วมกัน 120 ล้านดีแรห์ม (ประมาณ 32.67 ล้านดอลลาร์สหรัฐ)
    - เป้าหมายคือ เปลี่ยนทะเลทรายให้เป็นพื้นที่เกษตรกรรมที่มีประสิทธิภาพสูง

    ใช้เทคโนโลยี AI และหุ่นยนต์เพื่อควบคุมสภาพอากาศ, ระบบน้ำ และการเก็บเกี่ยว
    - รองรับ การปลูกพืชมากกว่า 10 ชนิด เช่น มะเขือเทศ, แตงกวา, เมลอน และสตรอว์เบอร์รี

    Abu Dhabi เป็นศูนย์กลางนวัตกรรมเกษตรที่เหมาะสำหรับการทดสอบระบบขั้นสูง
    - Yang Ming ผู้ก่อตั้งโครงการกล่าวว่า UAE เป็นพื้นที่ทดลองที่สมบูรณ์แบบสำหรับเทคโนโลยีนี้

    โรงเรือนอัจฉริยะนำเข้าจากจีนและปรับแต่งให้เหมาะกับสภาพอากาศของ UAE
    - รวมถึง โรงเรือนพลังงานแสงอาทิตย์และระบบควบคุมอุณหภูมิอัตโนมัติ

    โครงการนี้เป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์ Belt and Road Initiative ของจีน
    - ส่งเสริม การแลกเปลี่ยนเทคโนโลยีและการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานระดับโลก

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/22/chinas-vegetable-capital-to-test-farming-know-how-in-uaes-harsh-deserts
    จีนส่งเทคโนโลยีเกษตรอัจฉริยะไปทดสอบในทะเลทรายของ UAE เมือง Shouguang ซึ่งเป็นศูนย์กลางการผลิตผักของจีน ได้ลงนามข้อตกลงกับ Silal บริษัทเกษตรเทคโนโลยีของ UAE เพื่อสร้าง ศูนย์เกษตรอัจฉริยะขนาด 100,000 ตารางเมตรในทะเลทรายของ UAE โดยใช้ AI และหุ่นยนต์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการเพาะปลูก 🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับโครงการเกษตรอัจฉริยะของจีนใน UAE ✅ Shouguang และ Silal ลงทุนร่วมกัน 120 ล้านดีแรห์ม (ประมาณ 32.67 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) - เป้าหมายคือ เปลี่ยนทะเลทรายให้เป็นพื้นที่เกษตรกรรมที่มีประสิทธิภาพสูง ✅ ใช้เทคโนโลยี AI และหุ่นยนต์เพื่อควบคุมสภาพอากาศ, ระบบน้ำ และการเก็บเกี่ยว - รองรับ การปลูกพืชมากกว่า 10 ชนิด เช่น มะเขือเทศ, แตงกวา, เมลอน และสตรอว์เบอร์รี ✅ Abu Dhabi เป็นศูนย์กลางนวัตกรรมเกษตรที่เหมาะสำหรับการทดสอบระบบขั้นสูง - Yang Ming ผู้ก่อตั้งโครงการกล่าวว่า UAE เป็นพื้นที่ทดลองที่สมบูรณ์แบบสำหรับเทคโนโลยีนี้ ✅ โรงเรือนอัจฉริยะนำเข้าจากจีนและปรับแต่งให้เหมาะกับสภาพอากาศของ UAE - รวมถึง โรงเรือนพลังงานแสงอาทิตย์และระบบควบคุมอุณหภูมิอัตโนมัติ ✅ โครงการนี้เป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์ Belt and Road Initiative ของจีน - ส่งเสริม การแลกเปลี่ยนเทคโนโลยีและการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานระดับโลก https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/22/chinas-vegetable-capital-to-test-farming-know-how-in-uaes-harsh-deserts
    WWW.THESTAR.COM.MY
    China’s ‘vegetable capital’ to test farming know-how in UAE’s harsh deserts
    A prominent Chinese city known for vegetable farming has agreed to build a smart agriculture centre in the UAE.
    0 Comments 0 Shares 349 Views 0 Reviews
  • เต้ พระราม 7 ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคสีฟ้า รับงานโปรโมทขายที่ดินสีเขียว สำหรับเกษตรกรรมและการอนุรักษ์ แต่กลับมีการอนุมัติให้สร้างโรงงานเต็มไปหมด โดยเฉพาะกลุ่มทุนจีน สร้างผลกระทบสิ่งแวดล้อม ชุมชน ไม่มีใครกล้าไปตรวจสอบ เพราะกลัวอิทธิพล กลัวเต้พระราม
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    #เต้พระราม7
    เต้ พระราม 7 ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคสีฟ้า รับงานโปรโมทขายที่ดินสีเขียว สำหรับเกษตรกรรมและการอนุรักษ์ แต่กลับมีการอนุมัติให้สร้างโรงงานเต็มไปหมด โดยเฉพาะกลุ่มทุนจีน สร้างผลกระทบสิ่งแวดล้อม ชุมชน ไม่มีใครกล้าไปตรวจสอบ เพราะกลัวอิทธิพล กลัวเต้พระราม #คิงส์โพธิ์แดง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง #เต้พระราม7
    0 Comments 0 Shares 363 Views 0 Reviews
  • เราเป็นเมืองเกษตรกรรม..ที่จะเลี้ยงคนในประเทศและอีกหลายประเทศ จากนี้ไปการเกษตรสำคัญมาก.ต้องใช้เลี้ยงคนทั้งประเทศ ยิ่งโลกมีสงครามอาหารสำคัญมากกว่าสิ่งใด..ผู้นำประเทศต้องฉลาดมีวิสัยทัศน์ที่ยาวไกล
    หากมีผู้นำเขลาและวิสัยทัศน์ที่แคบ และมีความรู้รอบด้านน้อย ประเทศชาติจะไปไม่รอด
    เราเป็นเมืองเกษตรกรรม..ที่จะเลี้ยงคนในประเทศและอีกหลายประเทศ จากนี้ไปการเกษตรสำคัญมาก.ต้องใช้เลี้ยงคนทั้งประเทศ ยิ่งโลกมีสงครามอาหารสำคัญมากกว่าสิ่งใด..ผู้นำประเทศต้องฉลาดมีวิสัยทัศน์ที่ยาวไกล หากมีผู้นำเขลาและวิสัยทัศน์ที่แคบ และมีความรู้รอบด้านน้อย ประเทศชาติจะไปไม่รอด
    0 Comments 0 Shares 217 Views 0 Reviews
  • ..มันจดสิทธิ์แสดงความเป็นเจ้าของด้วยนะ,หลักฐานการก่อภัยพิบัติโลกเต็มๆมือเลย.
    ..ไทยก็ขี้ข้ามันด้วย ผ่านกฎหมายสภาพอากาศรอรับคำสั่งด้วย,ทาสขี้ข้าสมุนรับใช้เหมือนหมาที่ซื่อสัตย์พร้อมจะฆ่าคนไทยทั้งประเทศอย่างอำมหิตแบบฉีดวัคซีนแก่คนไทยกว่า60ล้านคนสำเร็จล่ะ.
    ..ตื่นๆเถอะคนไทยเรา,คนกทม.ด้วย ตึกถล่มของสตง.ไม่ใช่แค่โกงกินตังหรอก มันวางหมากเตรียมบทเล่นกันรอนานแล้ว.

    ..สิทธิบัตรการปรับเปลี่ยนสภาพอากาศ
    (เทคโนโลยีการสมคบคิด ยกเว้นกรณีนี้)

    ปี - หมายเลขสิทธิบัตร - ชื่อสิทธิบัตร
    1891 – US462795A – วิธีการผลิตฝนตก
    1914 – US1103490A – เครื่องผลิตฝน (ภาพบอลลูน)
    1917 – US1225521A – การป้องกันก๊าซพิษในการทำสงคราม
    1920 – US1338343A – กระบวนการและเครื่องมือสำหรับการผลิตเมฆเทียม หมอก หรือละอองที่มีความเข้มข้นสูง
    1924 – US1512783A – องค์ประกอบสำหรับขจัดหมอก
    1927 – US1619183A – กระบวนการผลิตเมฆควันจากเครื่องบินที่กำลังเคลื่อนที่
    1928 – US1665267A – กระบวนการผลิตหมอกเทียม
    1932 – US1892132A – อุปกรณ์พ่นละอองสำหรับไอเสียเครื่องยนต์เครื่องบิน
    1933 – US1928963A – ระบบและวิธีการไฟฟ้า (สำหรับการพ่นสารเคมีในชั้นบรรยากาศ)
    1934 – US1957075A – อุปกรณ์พ่นสารเคมีบนเครื่องบิน
    1936 – US2045865A – เครื่องมือเขียนข้อความบนท้องฟ้า
    1936 – US2052626A – วิธีการพ่นหมอก (MIT)
    1937 – US2068987A – กระบวนการพ่นหมอก
    1939 – US2160900A – วิธีการขจัดไอระเหย
    1941 – US2232728A – วิธีการและองค์ประกอบในการพ่นหมอก
    1941 – US2257360A – วัตถุระเบิดเพนตาเอริทริทอลเตตราไนเตรตที่ลดความไวแล้ว
    1946 – US2395827A – หน่วยพ่นสารเคมีบนเครื่องบิน (กรมการบินสหรัฐฯ) ของเกษตรกรรม)
    1946 – US2409201A – ส่วนผสมที่ทำให้เกิดควัน
    1949 – US2476171A – เครื่องกำเนิดม่านควัน
    1949 – US2480967A – เครื่องระบายควันทางอากาศ
    1950 – US2527230A – วิธีการสร้างผลึกและการตกตะกอน
    1951 – US2550324A – กระบวนการควบคุมสภาพอากาศ
    1951 – US2570867A – วิธีการสร้างผลึกและการตกตะกอน (เจเนอรัล อิเล็กทริก)
    1952 – US2582678A – เครื่องกระจายวัสดุสำหรับเครื่องบิน
    1952 – US2591988A – การผลิตเม็ดสี tio2 (ดูปองต์)
    1952 – US2614083A – ส่วนผสมควันที่คัดกรองโลหะคลอไรด์
    1953 – US2633455A – เครื่องกำเนิดควัน
    1954 – US2688069A – เครื่องกำเนิดไอน้ำ
    1955 – US2721495A – วิธีการและเครื่องมือสำหรับตรวจจับอนุภาคขนาดเล็กที่ก่อตัวเป็นผลึกที่แขวนลอยอยู่ในบรรยากาศก๊าซ (เจเนอรัล อิเล็กทริก)
    1956 – US2730402A – อุปกรณ์กระจายที่ควบคุมได้
    1957 – US2801322A – ห้องสลายตัวสำหรับเชื้อเพลิงโมโนโพรเพลแลนต์
    1958 – US2835530A – กระบวนการสำหรับการควบแน่นของความชื้นในบรรยากาศและการละลายของหมอก
    1959 – US2881335A – การสร้างสนามไฟฟ้า (HAARP – เพื่อชาร์จก้อนเมฆใหม่!)
    1959 – US2903188A – การควบคุมการก่อตัวของพายุหมุนเขตร้อน
    1959 – US2908442A – วิธีการกระจายหมอกและเมฆในบรรยากาศตามธรรมชาติ
    1960 – US2962450A – องค์ประกอบการไล่หมอก (ดูเอกสารอ้างอิง)
    1960 – US2963975A – กระสุนคาร์บอนไดออกไซด์สำหรับหว่านเมฆ
    1961 – US2986360A – อุปกรณ์พ่นยาฆ่าแมลงทางอากาศ
    1962 – US3044911A – ระบบขับเคลื่อน
    1962 – US3056556A – วิธีการสร้างอิทธิพลเทียมต่อสภาพอากาศ
    1964 – US3120459A – ผงไฟผสมที่มีเกลือออกซิไดซ์เคลือบโลหะ
    1964 – US3126155A – เครื่องกำเนิดหว่านเมฆซิลเวอร์ไอโอไดด์ (ส่วนผสมทางการค้าหลัก)
    1964 – US3127107A – การสร้างผลึกน้ำแข็ง
    1964 – US3131131A – การผสมไฟฟ้าสถิตในการแปลงจุลินทรีย์
    1965 – US3174150A – ระบบเสาอากาศโฟกัสอัตโนมัติ (HAARP)
    1966 – US3257801A – องค์ประกอบดอกไม้ไฟประกอบด้วยของแข็ง สารออกซิไดเซอร์ โบรอนและอลูมิเนียม สารเติมแต่งและสารยึดเกาะ
    1966 – US3234357A – อุปกรณ์ผลิตควันด้วยความร้อนไฟฟ้า
    1966 – US3274035A – องค์ประกอบโลหะสำหรับผลิตควันไฮโดรสโคปิก
    1967 – US3300721A – อุปกรณ์สื่อสารผ่านชั้นของก๊าซไอออนไนซ์ (HAARP)
    1967 – US3313487A – เครื่องหว่านเมฆ
    1967 – US3338476A – อุปกรณ์ทำความร้อนสำหรับใช้กับภาชนะบรรจุละอองลอย
    1968 – US3410489A – ระบบสเปรย์ปีกนกที่ปรับอัตโนมัติพร้อมปั๊ม
    1969 – US3429507A – เครื่องผลิตฝน
    1969 – US3430533A – ฝักจ่ายอากาศบนเครื่องบินที่มีท่อจ่ายแบบปิดผนึกด้วยตนเอง
    1969 – US3432208A – เครื่องจ่ายอนุภาคของเหลว (US Air แรง)
    1969 – US3437502A – เม็ดสีไททาเนียมไดออกไซด์เคลือบด้วยซิลิกาและอลูมิเนียม (ดูปองต์)
    1969 – US3441214A – วิธีการและเครื่องมือสำหรับการหว่านเมฆ
    2001 -US20030085296A1 - อุปกรณ์ควบคุมพายุเฮอริเคนและพายุทอร์นาโด

    สิทธิบัตรการควบคุมหรือปรับเปลี่ยนสภาพอากาศ
    ..มันจดสิทธิ์แสดงความเป็นเจ้าของด้วยนะ,หลักฐานการก่อภัยพิบัติโลกเต็มๆมือเลย. ..ไทยก็ขี้ข้ามันด้วย ผ่านกฎหมายสภาพอากาศรอรับคำสั่งด้วย,ทาสขี้ข้าสมุนรับใช้เหมือนหมาที่ซื่อสัตย์พร้อมจะฆ่าคนไทยทั้งประเทศอย่างอำมหิตแบบฉีดวัคซีนแก่คนไทยกว่า60ล้านคนสำเร็จล่ะ. ..ตื่นๆเถอะคนไทยเรา,คนกทม.ด้วย ตึกถล่มของสตง.ไม่ใช่แค่โกงกินตังหรอก มันวางหมากเตรียมบทเล่นกันรอนานแล้ว. ..สิทธิบัตรการปรับเปลี่ยนสภาพอากาศ (เทคโนโลยีการสมคบคิด ยกเว้นกรณีนี้) ปี - หมายเลขสิทธิบัตร - ชื่อสิทธิบัตร 1891 – US462795A – วิธีการผลิตฝนตก 1914 – US1103490A – เครื่องผลิตฝน (ภาพบอลลูน) 1917 – US1225521A – การป้องกันก๊าซพิษในการทำสงคราม 1920 – US1338343A – กระบวนการและเครื่องมือสำหรับการผลิตเมฆเทียม หมอก หรือละอองที่มีความเข้มข้นสูง 1924 – US1512783A – องค์ประกอบสำหรับขจัดหมอก 1927 – US1619183A – กระบวนการผลิตเมฆควันจากเครื่องบินที่กำลังเคลื่อนที่ 1928 – US1665267A – กระบวนการผลิตหมอกเทียม 1932 – US1892132A – อุปกรณ์พ่นละอองสำหรับไอเสียเครื่องยนต์เครื่องบิน 1933 – US1928963A – ระบบและวิธีการไฟฟ้า (สำหรับการพ่นสารเคมีในชั้นบรรยากาศ) 1934 – US1957075A – อุปกรณ์พ่นสารเคมีบนเครื่องบิน 1936 – US2045865A – เครื่องมือเขียนข้อความบนท้องฟ้า 1936 – US2052626A – วิธีการพ่นหมอก (MIT) 1937 – US2068987A – กระบวนการพ่นหมอก 1939 – US2160900A – วิธีการขจัดไอระเหย 1941 – US2232728A – วิธีการและองค์ประกอบในการพ่นหมอก 1941 – US2257360A – วัตถุระเบิดเพนตาเอริทริทอลเตตราไนเตรตที่ลดความไวแล้ว 1946 – US2395827A – หน่วยพ่นสารเคมีบนเครื่องบิน (กรมการบินสหรัฐฯ) ของเกษตรกรรม) 1946 – US2409201A – ส่วนผสมที่ทำให้เกิดควัน 1949 – US2476171A – เครื่องกำเนิดม่านควัน 1949 – US2480967A – เครื่องระบายควันทางอากาศ 1950 – US2527230A – วิธีการสร้างผลึกและการตกตะกอน 1951 – US2550324A – กระบวนการควบคุมสภาพอากาศ 1951 – US2570867A – วิธีการสร้างผลึกและการตกตะกอน (เจเนอรัล อิเล็กทริก) 1952 – US2582678A – เครื่องกระจายวัสดุสำหรับเครื่องบิน 1952 – US2591988A – การผลิตเม็ดสี tio2 (ดูปองต์) 1952 – US2614083A – ส่วนผสมควันที่คัดกรองโลหะคลอไรด์ 1953 – US2633455A – เครื่องกำเนิดควัน 1954 – US2688069A – เครื่องกำเนิดไอน้ำ 1955 – US2721495A – วิธีการและเครื่องมือสำหรับตรวจจับอนุภาคขนาดเล็กที่ก่อตัวเป็นผลึกที่แขวนลอยอยู่ในบรรยากาศก๊าซ (เจเนอรัล อิเล็กทริก) 1956 – US2730402A – อุปกรณ์กระจายที่ควบคุมได้ 1957 – US2801322A – ห้องสลายตัวสำหรับเชื้อเพลิงโมโนโพรเพลแลนต์ 1958 – US2835530A – กระบวนการสำหรับการควบแน่นของความชื้นในบรรยากาศและการละลายของหมอก 1959 – US2881335A – การสร้างสนามไฟฟ้า (HAARP – เพื่อชาร์จก้อนเมฆใหม่!) 1959 – US2903188A – การควบคุมการก่อตัวของพายุหมุนเขตร้อน 1959 – US2908442A – วิธีการกระจายหมอกและเมฆในบรรยากาศตามธรรมชาติ 1960 – US2962450A – องค์ประกอบการไล่หมอก (ดูเอกสารอ้างอิง) 1960 – US2963975A – กระสุนคาร์บอนไดออกไซด์สำหรับหว่านเมฆ 1961 – US2986360A – อุปกรณ์พ่นยาฆ่าแมลงทางอากาศ 1962 – US3044911A – ระบบขับเคลื่อน 1962 – US3056556A – วิธีการสร้างอิทธิพลเทียมต่อสภาพอากาศ 1964 – US3120459A – ผงไฟผสมที่มีเกลือออกซิไดซ์เคลือบโลหะ 1964 – US3126155A – เครื่องกำเนิดหว่านเมฆซิลเวอร์ไอโอไดด์ (ส่วนผสมทางการค้าหลัก) 1964 – US3127107A – การสร้างผลึกน้ำแข็ง 1964 – US3131131A – การผสมไฟฟ้าสถิตในการแปลงจุลินทรีย์ 1965 – US3174150A – ระบบเสาอากาศโฟกัสอัตโนมัติ (HAARP) 1966 – US3257801A – องค์ประกอบดอกไม้ไฟประกอบด้วยของแข็ง สารออกซิไดเซอร์ โบรอนและอลูมิเนียม สารเติมแต่งและสารยึดเกาะ 1966 – US3234357A – อุปกรณ์ผลิตควันด้วยความร้อนไฟฟ้า 1966 – US3274035A – องค์ประกอบโลหะสำหรับผลิตควันไฮโดรสโคปิก 1967 – US3300721A – อุปกรณ์สื่อสารผ่านชั้นของก๊าซไอออนไนซ์ (HAARP) 1967 – US3313487A – เครื่องหว่านเมฆ 1967 – US3338476A – อุปกรณ์ทำความร้อนสำหรับใช้กับภาชนะบรรจุละอองลอย 1968 – US3410489A – ระบบสเปรย์ปีกนกที่ปรับอัตโนมัติพร้อมปั๊ม 1969 – US3429507A – เครื่องผลิตฝน 1969 – US3430533A – ฝักจ่ายอากาศบนเครื่องบินที่มีท่อจ่ายแบบปิดผนึกด้วยตนเอง 1969 – US3432208A – เครื่องจ่ายอนุภาคของเหลว (US Air แรง) 1969 – US3437502A – เม็ดสีไททาเนียมไดออกไซด์เคลือบด้วยซิลิกาและอลูมิเนียม (ดูปองต์) 1969 – US3441214A – วิธีการและเครื่องมือสำหรับการหว่านเมฆ 2001 -US20030085296A1 - อุปกรณ์ควบคุมพายุเฮอริเคนและพายุทอร์นาโด สิทธิบัตรการควบคุมหรือปรับเปลี่ยนสภาพอากาศ
    0 Comments 0 Shares 701 Views 0 Reviews
  • รัสเซียและยูเครน เห็นพ้องระงับปฏิบัติการโจมตีทางทหารในทะเลดำและทางพลังงาน ระหว่างการเจรจาที่มีสหรัฐฯเป็นคนกลาง ซึ่งเสนอคลายแรงกดดันด้านการส่งออกด้านเกษตรกรรม ในฐานะแรงจูงใจแรกอย่างเป็นรูปธรรมแก่มอสโก
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000028598
    รัสเซียและยูเครน เห็นพ้องระงับปฏิบัติการโจมตีทางทหารในทะเลดำและทางพลังงาน ระหว่างการเจรจาที่มีสหรัฐฯเป็นคนกลาง ซึ่งเสนอคลายแรงกดดันด้านการส่งออกด้านเกษตรกรรม ในฐานะแรงจูงใจแรกอย่างเป็นรูปธรรมแก่มอสโก . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000028598
    Like
    Haha
    12
    0 Comments 0 Shares 1855 Views 0 Reviews
  • 🪭แม่สื่อสมัยโบราณ 🪭

    สัปดาห์ที่แล้วเราคุยกันเกี่ยวกับขั้นตอนการสู่ขอและ ‘สามหนังสือหกพิธีการ’ และมีการกล่าวถึงการใช้แม่สื่อ แต่เพื่อนเพจคงไม่ได้อรรถรสว่าจริงๆ แล้วการใช้แม่สื่อมีความสำคัญมาก ในบางยุคสมัยอย่างเช่นสมัยถังถึงกับบัญญัติเป็นกฎหมายไว้ว่าการแต่งงานต้องมีแม่สื่อ

    เพื่อนเพจรู้หรือไม่ว่า มีหน่วยงานรัฐรับหน้าที่แม่สื่อ?

    ในบันทึกพิธีการโจวหลี่ซึ่งเป็นบันทึกโบราณที่ถูกจัดทำขึ้นในสมัยฮั่นว่าด้วยพิธีการต่างๆ ของสมัยราชวงศ์โจวตะวันตกมีการระบุไว้ว่า: สำนักงาน ‘เหมยซึ’ (媒氏) มีหน้าที่ดูแลการแต่งงานของประชาชน... ทำทะเบียนบันทึกวันเดือนปีเกิดของทุกคนและจัดให้บุรุษแต่งงานเมื่ออายุสามสิบปีและสตรีเมื่ออายุยี่สิบปี... จัดเทศกาลกลางฤดูใบไม้ผลิหรือที่เรียกว่า ‘จงชุนฮุ่ย’ (仲春会) เพื่อเป็นโอกาสให้หนุ่มสาวได้พบปะดูตัว...

    ก่อนจะลงลึกเรื่องหน้าที่ของสำนักงานแม่สื่อเหมยซึนี้ เรามาคุยกันเล็กน้อยเรื่องเกณฑ์อายุสมรสที่กล่าวถึงข้างต้น

    พวกเราจะคุ้นเคยว่ากฎหมายกำหนดเกณฑ์อายุขั้นต่ำไว้ แต่ในสมัยโบราณมีกำหนดเกณฑ์อายุสูงสุดไว้ด้วย ทั้งนี้เพื่อผลักดันให้ผู้คนแต่งงานมีลูกสืบสกุล ในความเชื่อของคนโบราณคือการไม่มีบุตรสืบสกุลถือเป็นความอกตัญญูอย่างใหญ่หลวง แต่จริงๆ แล้วในมุมมองของรัฐมันมีเหตุผลด้านการพัฒนาประเทศ อย่าลืมว่าแรกเริ่มเลยเศรษฐกิจถูกขับเคลื่อนโดยเกษตรกรรม เมื่อประชากรน้อยผลผลิตก็น้อยรัฐก็จน อีกทั้งในสมัยโบราณมีศึกสงครามและอายุขัยของคนไม่ยาวเหมือนสมัยนี้ ดังนั้นทางการจึงพยายามกระตุ้นให้คนแต่งงานและมีลูกหลานกัน จนถึงขั้นกำหนดเป็นกฎหมายบังคับ เพียงแต่เกณฑ์อายุตามกฎหมายนั้นเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย อย่างเช่นในสมัยฮั่นบุรุษต้องแต่งงานภายในอายุสามสิบปีและสตรีภายในอายุสิบห้าปี หาไม่แล้วต้องถูกปรับด้วยการจ่ายภาษีเพิ่มเป็นห้าเท่า (ในสมัยนั้นจ่ายภาษีเป็นรายหัว ไม่เกี่ยวกับรายได้) และในสมัยราชวงศ์เหนือใต้กำหนดว่าหากสตรีไม่แต่งงานภายในอายุสิบห้าปีพ่อแม่ต้องโทษจำคุก

    แต่ในสมัยโบราณก็มีคนที่ไม่ได้แต่งงานภายในอายุที่กฎหมายที่กำหนด บ้างยืดเวลาออกไปเพราะเหตุผลการไว้ทุกข์ให้พ่อแม่ บ้างมีเหตุผลอื่น แต่ Storyฯ ไม่ได้ไปหาข้อมูลต่อว่าแต่ละยุคสมัยเขามีวิธีหลีกเลี่ยงการแต่งงานกันอย่างไร แต่ที่ชัดเจนก็คือว่า ผู้ที่ถึงเกณฑ์อายุสูงสุดแล้วยังไม่ได้แต่งงานจะมีสำนักงานแม่สื่อมาช่วยจัดการหาคู่ให้ โดยมีความพยายามหว่านล้อมให้เจ้าตัวเห็นชอบและมีตัวเลือกให้ ไม่ใช่นึกจะบังคับแต่งกับใครก็บังคับเลย ประมาณว่าเป็นการบังคับแต่งงานแบบประนีประนอม และนี่เป็นหนึ่งในหน้าที่ของสำนักงานแม่สื่อ

    ทีนี้มาเข้าเรื่องหน้าที่แม่สื่อ... สำหรับหน้าที่แม่สื่อนี้ สำนักงานเหมยซึไม่เพียงหาคู่ให้กับผู้ที่ใกล้จะเลยเกณฑ์อายุสูงสุด หากแต่ยังช่วยหาคู่ให้กับผู้ที่ไม่มีพ่อแม่หรือผู้ใหญ่จัดการเรื่องนี้ รวมถึงจัดงานเทศกาลที่บังคับให้หนุ่มสาวออกมาพบปะและดูตัวกัน นอกจากนี้ ยังเป็นธุระดูแลเรื่องพิธีการต่างๆ ให้ถูกต้องเช่นส่งคนไปช่วยสู่ขอ กำหนดวันแต่งงาน ช่วยจัดงานแต่งงาน และดูแลสินสอดให้เหมาะสม ในบางสมัยถึงกับมีหน้าที่จัดสรรเงินจากงบประมาณแผ่นดินหรือหาคณบดีท้องถิ่นมาเป็นผู้อุปถัมภ์เพื่อให้บุรุษที่ยากจนสามารถมีเงินสินสอดไปแต่งเมียได้ และอย่างในสมัยฉินมีหน้าที่จัดสรรที่ดินทำกินให้คู่บ่าวสาวไปตั้งต้นชีวิตใหม่ได้ นอกจากนี้ยังมีหน้าที่ไกล่เกลี่ยข้อพิพาทต่างๆ อันเกิดขึ้นในการหมั้นหมายและแต่งงาน

    และจากตัวอย่างที่ยกมาจากบันทึกโจวหลี่ จะเห็นว่าหน้าที่ของสำนักงานแม่สื่อมีอีกส่วนหนึ่งคืองานด้านทะเบียน โดยมีหน้าที่บันทึกว่าใครเกิดเมื่อไหร่แต่งงานแล้วหรือยัง หย่าร้างหรือไม่ รวมถึงดูแลให้เป็นไปตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการแต่งงาน เช่นการลงโทษตามกฏหมาย (เช่น หลบหนีการแต่งงาน)

    ดังนั้น ผู้ที่ทำหน้าที่แม่สื่อในงานพิธีการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับงานมงคลสมรสก็คือคนจากสำนักงานเหมยซึนี่เอง หรือที่เรียกว่า ‘แม่สื่อหลวง’ (官媒) แต่ผู้ที่เป็นแม่สื่อหลวงอาจไม่ใช่ขุนนางทุกคน เพราะเขาจะมีการจ้างคนนอกช่วยทำงาน กล่าวคือคัดเลือกผู้ที่มีความสามารถมีฝีปากเป็นเลิศคล่องแคล่วแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้ดี ไม่มีประวัติอาชญากรรม ฯลฯ มาขึ้นทะเบียนเป็นแม่สื่อหลวงที่ต้องออกไปช่วยเจรจาทาบทามสู่ขอ ช่วยทำพิธีการต่างๆ โดยคนเหล่านี้ได้รับค่าจ้างหลวงแต่ไม่ใช่ข้าราชการ และส่วนใหญ่เป็นผู้อาวุโสที่ผู้คนให้ความเคารพนับถือในท้องที่นั้นๆ หรือเป็นผู้ที่ผู้อาวุโสเหล่านี้แนะนำมา

    ในยุคที่รุ่งเรืองมากๆ อย่างสมัยซ่งนั้น กิจการแม่สื่อมืออาชีพก็เฟื่องฟูตาม มีทั้งแม่สื่อฝ่ายชายและแม่สื่อฝ่ายหญิง ในสมัยซ่งถึงขนาดมีแบ่งแยกระดับของแม่สื่อ ในบันทึก ‘ตงจิงเมิ่งหัวลู่’ ที่ให้รายละเอียดวิถีชีวิตและธรรมเนียมปฏิบัติของคนสมัยซ่งเหนือได้กล่าวไว้ว่า แม่สื่อขั้นสูงสุดนั้นมีผ้าโพกศีรษะสวมเสื้อนอกสีม่วง ให้บริการเฉพาะขุนนางและครอบครัวขุนนาง

    และต่อมาพัฒนาขึ้นเป็น ‘แม่สื่อเอกชน’ (私媒) แบบมืออาชีพ กล่าวคือได้ค่าจ้างจากครอบครัวบ่าวสาว แต่ก็ต้องขึ้นทะเบียนกับทางการอยู่ดี

    ทำไมแค่ช่วยสู่ขอช่วยจัดงานแต่งยังต้องทำเป็นทางการขนาดนั้น? นั่นเป็นเพราะว่าแม่สื่อมีหน้าที่และความรับผิดได้ตามกฎหมาย เป็นต้นว่า หากแม่สื่อโฆษณาคุณสมบัติของบุรุษสตรีเกินจริงจนเข้าข่ายบิดเบือนหรือหลอกลวงก็จะมีโทษ; แม่สื่อมีหน้าที่ตรวจสอบและสืบข้อมูลประวัติของทั้งสองครอบครัวเพื่อให้แน่ใจว่าไม่ได้เป็นการแต่งงานที่เข้าข่ายต้องห้าม (เช่น ข้ามสถานะระหว่างบุคคลธรรมดากับบุคคลในทะเบียนทาส; เป็นพยานสำคัญว่าเจ้าบ่าวเจ้าสาวถูกคนหรือไม่ ตั้งแต่ข้อมูลวันเดือนปีเกิด เอกสารการหมั้นและการรับตัวเจ้าสาว หรือหากรู้เห็นเป็นใจการหนีสมรสก็มีโทษเช่นกัน; เป็นพยานสำคัญว่าสินสอดและสินเดิมเจ้าสาวถูกต้องครบถ้วนตามรายการบัญชีที่ทำ; และอาจเป็นพยานหรือเป็นผู้ช่วยไกล่เกลี่ยข้อพิพาทระหว่างครอบครัวบ่าวสาวได้ ฯลฯ

    แม่สื่อเป็นบุรุษหรือสตรีก็ได้ เพียงแต่ในยุคที่กิจการแม่สื่อเฟื่องฟู คนที่นิยมทำหน้าที่นี้เป็นสตรีเสียส่วนใหญ่ และจวบจนสมัยชิงยังมีการกล่าวถึงแม่สื่อหลวง โดยมีตัวอย่างจากบทประพันธ์โบราณชื่อ ‘สิ่งซื่อเหิงเหยียน’ (醒世恒言 /วจีปลุกให้โลกตื่น) ซึ่งเป็นผลงานของเฝิงเมิ่งหลง นักเขียนผู้มีชีวิตอยู่ในช่วงตอนปลายหมิงต้นชิง ดังนั้น แม่สื่อหลวงและแม่สื่อเอกชนอยู่คู่กับจีนมาหลายพันปีแล้ว

    และแน่นอนว่า แม่สื่อเอกชนแบบที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนกับทางการก็มี เช่นอาจมีการเชิญผู้ใหญ่คนรู้จักไปช่วยพูดจาทาบทาม เพื่อนเพจเชื้อสายจีนน่าจะนึกภาพออกเพราะบ้านเราเรียกว่า ‘เถ้าแก่’ แต่เถ้าแก่นี้ไม่ใช่แม่สื่อหลักเพราะตามกระบวนการของกฎหมายต้องมีแม่สื่อที่ขึ้นทะเบียนแล้วช่วยดำเนินเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นแม่สื่อหลวงหรือแม่สื่อเอกชน ดังนั้นในบริบทนี้ บางครอบครัวอาจใช้เถ้าแก่มาเสริม จึงเกิดเป็นสำนวนที่ว่า ‘ซานเหมยลิ่วพิ่น’ ( 三媒六聘/สามแม่สื่อหกพิธีการแต่งงาน) กล่าวคือแม่สื่อหรือเถ้าแก่ฝ่ายชายและฝ่ายหญิง และคนกลางซึ่งมักเป็นแม่สื่อที่ขึ้นทะเบียนแล้วนั่นเอง

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory)

    Credit รูปภาพจาก:
    https://meihuamag.com/牵线说媒,这行当已有五千年历史/
    http://sino.newdu.com/m/view.php?aid=91147
    Credit ข้อมูลรวบรวมจาก:
    http://www.sss.net.cn/106001/30036.aspx
    http://www.heyuanxw.com/2014/wenhua_1216/15238.html
    http://iolaw.cssn.cn/xspl/200607/t20060726_4598436.shtml
    http://www.xinfajia.net/2592.html
    https://ctext.org/wiki.pl?if=gb&chapter=795664&remap=gb#%娶妇
    https://www.thepaper.cn/newsDetail_forward_26937009

    #แม่สื่อ #กวนเหมย #ซือเหมย #เหมยซึ #การแต่งงานจีนโบราณ #สาระจีน
    🪭แม่สื่อสมัยโบราณ 🪭 สัปดาห์ที่แล้วเราคุยกันเกี่ยวกับขั้นตอนการสู่ขอและ ‘สามหนังสือหกพิธีการ’ และมีการกล่าวถึงการใช้แม่สื่อ แต่เพื่อนเพจคงไม่ได้อรรถรสว่าจริงๆ แล้วการใช้แม่สื่อมีความสำคัญมาก ในบางยุคสมัยอย่างเช่นสมัยถังถึงกับบัญญัติเป็นกฎหมายไว้ว่าการแต่งงานต้องมีแม่สื่อ เพื่อนเพจรู้หรือไม่ว่า มีหน่วยงานรัฐรับหน้าที่แม่สื่อ? ในบันทึกพิธีการโจวหลี่ซึ่งเป็นบันทึกโบราณที่ถูกจัดทำขึ้นในสมัยฮั่นว่าด้วยพิธีการต่างๆ ของสมัยราชวงศ์โจวตะวันตกมีการระบุไว้ว่า: สำนักงาน ‘เหมยซึ’ (媒氏) มีหน้าที่ดูแลการแต่งงานของประชาชน... ทำทะเบียนบันทึกวันเดือนปีเกิดของทุกคนและจัดให้บุรุษแต่งงานเมื่ออายุสามสิบปีและสตรีเมื่ออายุยี่สิบปี... จัดเทศกาลกลางฤดูใบไม้ผลิหรือที่เรียกว่า ‘จงชุนฮุ่ย’ (仲春会) เพื่อเป็นโอกาสให้หนุ่มสาวได้พบปะดูตัว... ก่อนจะลงลึกเรื่องหน้าที่ของสำนักงานแม่สื่อเหมยซึนี้ เรามาคุยกันเล็กน้อยเรื่องเกณฑ์อายุสมรสที่กล่าวถึงข้างต้น พวกเราจะคุ้นเคยว่ากฎหมายกำหนดเกณฑ์อายุขั้นต่ำไว้ แต่ในสมัยโบราณมีกำหนดเกณฑ์อายุสูงสุดไว้ด้วย ทั้งนี้เพื่อผลักดันให้ผู้คนแต่งงานมีลูกสืบสกุล ในความเชื่อของคนโบราณคือการไม่มีบุตรสืบสกุลถือเป็นความอกตัญญูอย่างใหญ่หลวง แต่จริงๆ แล้วในมุมมองของรัฐมันมีเหตุผลด้านการพัฒนาประเทศ อย่าลืมว่าแรกเริ่มเลยเศรษฐกิจถูกขับเคลื่อนโดยเกษตรกรรม เมื่อประชากรน้อยผลผลิตก็น้อยรัฐก็จน อีกทั้งในสมัยโบราณมีศึกสงครามและอายุขัยของคนไม่ยาวเหมือนสมัยนี้ ดังนั้นทางการจึงพยายามกระตุ้นให้คนแต่งงานและมีลูกหลานกัน จนถึงขั้นกำหนดเป็นกฎหมายบังคับ เพียงแต่เกณฑ์อายุตามกฎหมายนั้นเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย อย่างเช่นในสมัยฮั่นบุรุษต้องแต่งงานภายในอายุสามสิบปีและสตรีภายในอายุสิบห้าปี หาไม่แล้วต้องถูกปรับด้วยการจ่ายภาษีเพิ่มเป็นห้าเท่า (ในสมัยนั้นจ่ายภาษีเป็นรายหัว ไม่เกี่ยวกับรายได้) และในสมัยราชวงศ์เหนือใต้กำหนดว่าหากสตรีไม่แต่งงานภายในอายุสิบห้าปีพ่อแม่ต้องโทษจำคุก แต่ในสมัยโบราณก็มีคนที่ไม่ได้แต่งงานภายในอายุที่กฎหมายที่กำหนด บ้างยืดเวลาออกไปเพราะเหตุผลการไว้ทุกข์ให้พ่อแม่ บ้างมีเหตุผลอื่น แต่ Storyฯ ไม่ได้ไปหาข้อมูลต่อว่าแต่ละยุคสมัยเขามีวิธีหลีกเลี่ยงการแต่งงานกันอย่างไร แต่ที่ชัดเจนก็คือว่า ผู้ที่ถึงเกณฑ์อายุสูงสุดแล้วยังไม่ได้แต่งงานจะมีสำนักงานแม่สื่อมาช่วยจัดการหาคู่ให้ โดยมีความพยายามหว่านล้อมให้เจ้าตัวเห็นชอบและมีตัวเลือกให้ ไม่ใช่นึกจะบังคับแต่งกับใครก็บังคับเลย ประมาณว่าเป็นการบังคับแต่งงานแบบประนีประนอม และนี่เป็นหนึ่งในหน้าที่ของสำนักงานแม่สื่อ ทีนี้มาเข้าเรื่องหน้าที่แม่สื่อ... สำหรับหน้าที่แม่สื่อนี้ สำนักงานเหมยซึไม่เพียงหาคู่ให้กับผู้ที่ใกล้จะเลยเกณฑ์อายุสูงสุด หากแต่ยังช่วยหาคู่ให้กับผู้ที่ไม่มีพ่อแม่หรือผู้ใหญ่จัดการเรื่องนี้ รวมถึงจัดงานเทศกาลที่บังคับให้หนุ่มสาวออกมาพบปะและดูตัวกัน นอกจากนี้ ยังเป็นธุระดูแลเรื่องพิธีการต่างๆ ให้ถูกต้องเช่นส่งคนไปช่วยสู่ขอ กำหนดวันแต่งงาน ช่วยจัดงานแต่งงาน และดูแลสินสอดให้เหมาะสม ในบางสมัยถึงกับมีหน้าที่จัดสรรเงินจากงบประมาณแผ่นดินหรือหาคณบดีท้องถิ่นมาเป็นผู้อุปถัมภ์เพื่อให้บุรุษที่ยากจนสามารถมีเงินสินสอดไปแต่งเมียได้ และอย่างในสมัยฉินมีหน้าที่จัดสรรที่ดินทำกินให้คู่บ่าวสาวไปตั้งต้นชีวิตใหม่ได้ นอกจากนี้ยังมีหน้าที่ไกล่เกลี่ยข้อพิพาทต่างๆ อันเกิดขึ้นในการหมั้นหมายและแต่งงาน และจากตัวอย่างที่ยกมาจากบันทึกโจวหลี่ จะเห็นว่าหน้าที่ของสำนักงานแม่สื่อมีอีกส่วนหนึ่งคืองานด้านทะเบียน โดยมีหน้าที่บันทึกว่าใครเกิดเมื่อไหร่แต่งงานแล้วหรือยัง หย่าร้างหรือไม่ รวมถึงดูแลให้เป็นไปตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการแต่งงาน เช่นการลงโทษตามกฏหมาย (เช่น หลบหนีการแต่งงาน) ดังนั้น ผู้ที่ทำหน้าที่แม่สื่อในงานพิธีการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับงานมงคลสมรสก็คือคนจากสำนักงานเหมยซึนี่เอง หรือที่เรียกว่า ‘แม่สื่อหลวง’ (官媒) แต่ผู้ที่เป็นแม่สื่อหลวงอาจไม่ใช่ขุนนางทุกคน เพราะเขาจะมีการจ้างคนนอกช่วยทำงาน กล่าวคือคัดเลือกผู้ที่มีความสามารถมีฝีปากเป็นเลิศคล่องแคล่วแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้ดี ไม่มีประวัติอาชญากรรม ฯลฯ มาขึ้นทะเบียนเป็นแม่สื่อหลวงที่ต้องออกไปช่วยเจรจาทาบทามสู่ขอ ช่วยทำพิธีการต่างๆ โดยคนเหล่านี้ได้รับค่าจ้างหลวงแต่ไม่ใช่ข้าราชการ และส่วนใหญ่เป็นผู้อาวุโสที่ผู้คนให้ความเคารพนับถือในท้องที่นั้นๆ หรือเป็นผู้ที่ผู้อาวุโสเหล่านี้แนะนำมา ในยุคที่รุ่งเรืองมากๆ อย่างสมัยซ่งนั้น กิจการแม่สื่อมืออาชีพก็เฟื่องฟูตาม มีทั้งแม่สื่อฝ่ายชายและแม่สื่อฝ่ายหญิง ในสมัยซ่งถึงขนาดมีแบ่งแยกระดับของแม่สื่อ ในบันทึก ‘ตงจิงเมิ่งหัวลู่’ ที่ให้รายละเอียดวิถีชีวิตและธรรมเนียมปฏิบัติของคนสมัยซ่งเหนือได้กล่าวไว้ว่า แม่สื่อขั้นสูงสุดนั้นมีผ้าโพกศีรษะสวมเสื้อนอกสีม่วง ให้บริการเฉพาะขุนนางและครอบครัวขุนนาง และต่อมาพัฒนาขึ้นเป็น ‘แม่สื่อเอกชน’ (私媒) แบบมืออาชีพ กล่าวคือได้ค่าจ้างจากครอบครัวบ่าวสาว แต่ก็ต้องขึ้นทะเบียนกับทางการอยู่ดี ทำไมแค่ช่วยสู่ขอช่วยจัดงานแต่งยังต้องทำเป็นทางการขนาดนั้น? นั่นเป็นเพราะว่าแม่สื่อมีหน้าที่และความรับผิดได้ตามกฎหมาย เป็นต้นว่า หากแม่สื่อโฆษณาคุณสมบัติของบุรุษสตรีเกินจริงจนเข้าข่ายบิดเบือนหรือหลอกลวงก็จะมีโทษ; แม่สื่อมีหน้าที่ตรวจสอบและสืบข้อมูลประวัติของทั้งสองครอบครัวเพื่อให้แน่ใจว่าไม่ได้เป็นการแต่งงานที่เข้าข่ายต้องห้าม (เช่น ข้ามสถานะระหว่างบุคคลธรรมดากับบุคคลในทะเบียนทาส; เป็นพยานสำคัญว่าเจ้าบ่าวเจ้าสาวถูกคนหรือไม่ ตั้งแต่ข้อมูลวันเดือนปีเกิด เอกสารการหมั้นและการรับตัวเจ้าสาว หรือหากรู้เห็นเป็นใจการหนีสมรสก็มีโทษเช่นกัน; เป็นพยานสำคัญว่าสินสอดและสินเดิมเจ้าสาวถูกต้องครบถ้วนตามรายการบัญชีที่ทำ; และอาจเป็นพยานหรือเป็นผู้ช่วยไกล่เกลี่ยข้อพิพาทระหว่างครอบครัวบ่าวสาวได้ ฯลฯ แม่สื่อเป็นบุรุษหรือสตรีก็ได้ เพียงแต่ในยุคที่กิจการแม่สื่อเฟื่องฟู คนที่นิยมทำหน้าที่นี้เป็นสตรีเสียส่วนใหญ่ และจวบจนสมัยชิงยังมีการกล่าวถึงแม่สื่อหลวง โดยมีตัวอย่างจากบทประพันธ์โบราณชื่อ ‘สิ่งซื่อเหิงเหยียน’ (醒世恒言 /วจีปลุกให้โลกตื่น) ซึ่งเป็นผลงานของเฝิงเมิ่งหลง นักเขียนผู้มีชีวิตอยู่ในช่วงตอนปลายหมิงต้นชิง ดังนั้น แม่สื่อหลวงและแม่สื่อเอกชนอยู่คู่กับจีนมาหลายพันปีแล้ว และแน่นอนว่า แม่สื่อเอกชนแบบที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนกับทางการก็มี เช่นอาจมีการเชิญผู้ใหญ่คนรู้จักไปช่วยพูดจาทาบทาม เพื่อนเพจเชื้อสายจีนน่าจะนึกภาพออกเพราะบ้านเราเรียกว่า ‘เถ้าแก่’ แต่เถ้าแก่นี้ไม่ใช่แม่สื่อหลักเพราะตามกระบวนการของกฎหมายต้องมีแม่สื่อที่ขึ้นทะเบียนแล้วช่วยดำเนินเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นแม่สื่อหลวงหรือแม่สื่อเอกชน ดังนั้นในบริบทนี้ บางครอบครัวอาจใช้เถ้าแก่มาเสริม จึงเกิดเป็นสำนวนที่ว่า ‘ซานเหมยลิ่วพิ่น’ ( 三媒六聘/สามแม่สื่อหกพิธีการแต่งงาน) กล่าวคือแม่สื่อหรือเถ้าแก่ฝ่ายชายและฝ่ายหญิง และคนกลางซึ่งมักเป็นแม่สื่อที่ขึ้นทะเบียนแล้วนั่นเอง (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory) Credit รูปภาพจาก: https://meihuamag.com/牵线说媒,这行当已有五千年历史/ http://sino.newdu.com/m/view.php?aid=91147 Credit ข้อมูลรวบรวมจาก: http://www.sss.net.cn/106001/30036.aspx http://www.heyuanxw.com/2014/wenhua_1216/15238.html http://iolaw.cssn.cn/xspl/200607/t20060726_4598436.shtml http://www.xinfajia.net/2592.html https://ctext.org/wiki.pl?if=gb&chapter=795664&remap=gb#%娶妇 https://www.thepaper.cn/newsDetail_forward_26937009 #แม่สื่อ #กวนเหมย #ซือเหมย #เหมยซึ #การแต่งงานจีนโบราณ #สาระจีน
    0 Comments 0 Shares 1515 Views 0 Reviews
  • การเปลี่ยนแปลงการบริโภคอาหารของประชากรโลกส่งผลกระทบหลายมิติ ทั้งด้านสุขภาพ สิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจ และวัฒนธรรม ต่อไปนี้เป็นแนวทางการวิเคราะห์ประเด็นนี้อย่างเป็นระบบ:

    ### 1. **ปัจจัยขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลง**
    - **ความเป็นเมืองและไลฟ์สไตล์เร่งด่วน**: นำไปสู่การบริโภคอาหารแปรรูปสูง อาหารสำเร็จรูป และบริการเดลิเวอรี่
    - **การเติบโตทางเศรษฐกิจ**: ในประเทศกำลังพัฒนา ความต้องการเนื้อสัตว์และนมเพิ่มขึ้นตามรายได้ (เรียกว่า "การเปลี่ยนผ่านด้านโภชนาการ")
    - **ความตระหนักด้านสุขภาพ**: โรคไม่ติดต่อ (NCDs) เช่น เบาหวาน กระตุ้นให้คนหันมาบริโภคพืชมากขึ้น ลดน้ำตาลและไขมันอิ่มตัว
    - **ความกังวลด้านสิ่งแวดล้อม**: การผลิตเนื้อสัตว์สร้างก๊าซเรือนกระจก 14.5% ของ全球排放 ทำให้ผู้บริโภคบางกลุ่มเลือกโปรตีนทางเลือก (เช่น Plant-based meat, แมลง)
    - **นวัตกรรมเทคโนโลยี**: อาหารแล็บ (Cultured meat), แอปพลิเคชันติดตามโภชนาการส่วนบุคคล (Personalized nutrition)

    ### 2. **แนวโน้มสำคัญ**
    - **Plant-Based Movement**: ยอดขายอาหารจากพืชโตปีละ 15-20% (ข้อมูลจาก Beyond Meat และ Oatly)
    - **Functional Foods**: อาหารเสริมโปรไบโอติกหรือสารต้านอนุมูลอิสระได้รับความนิยม
    - **Local & Seasonal Eating**: เพื่อลด Carbon Footprint เช่น กระแส "Locavore"
    - **การฟื้นฟูอาหารดั้งเดิม**: อย่างอาหารเมดิเตอร์เรเนียนหรือญี่ปุ่นที่ UNESCO ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกวัฒนธรรม

    ### 3. **ผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม**
    - **เชิงบวก**: หากลดการบริโภคเนื้อวัว全球ลง 50% อาจลดพื้นที่เกษตรกรรมได้ 1.1 พันล้านเฮกตาร์ (อ้างอิงจาก PNAS)
    - **เชิงลบ**: การผลิตอัลมอนด์สำหรับนมพืชต้องการน้ำมาก ส่งผลกระทบต่อพื้นที่แห้งแล้งเช่นแคลิฟอร์เนีย

    ### 4. **ความท้าทายทางสังคม**
    - **ความเหลื่อมล้ำ**: อาหารสุขภาพมักมีราคาสูง ทำให้เข้าถึงได้เฉพาะกลุ่มรายได้สูง
    - **การสูญเสียวัฒนธรรมอาหารท้องถิ่น**: เยาวชนยุคใหม่หันไปบริโภค Fast Food แทนอาหารดั้งเดิม
    - **Greenwashing**: บริษัทบางแห่งใช้ฉลาก "ออร์แกนิก" หรือ "ยั่งยืน" โดยไม่มีการรับรองที่ชัดเจน

    ### 5. **นโยบายและแนวทางแก้ไข**
    - **ภาษีอาหารไม่สุขภาพ**: เช่น ภาษีน้ำตาลในเม็กซิโกและอังกฤษ
    - **ส่งเสริมเกษตรกรรมยั่งยืน**: ตามแนวทาง FAO's Agroecology
    - **การศึกษาโภชนาการ**: หลักสูตรอาหารสุขภาพในโรงเรียน เช่น ญี่ปุ่นสอน "Shokuiku" (食育)

    ### 6. **อนาคตที่อาจเกิดขึ้น**
    - **อาหารจากเทคโนโลยีชีวภาพ**: เนื้อที่เพาะในแล็บ (Cultured Meat) อาจมีราคาถูกกว่าเนื้อธรรมดาภายในปี 2030
    - **ระบบอาหารอัจฉริยะ**: AI วิเคราะห์ความต้องการสารอาหารส่วนบุคคลผ่านข้อมูลสุขภาพ
    - **กฎหมายอาหารใหม่**: เช่น สหภาพยุโรปอาจกำหนด Carbon Labeling บนบรรจุภัณฑ์

    ### สรุป
    การเปลี่ยนแปลงนี้เป็นโอกาสในการสร้างระบบอาหารที่ยั่งยืน แต่ต้องจัดการกับความท้าทายอย่างรอบด้าน ทั้งการปรับตัวของผู้ผลิต การสนับสนุนนโยบายสาธารณะ และการสร้างความตระหนักของผู้บริโภคโดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง
    การเปลี่ยนแปลงการบริโภคอาหารของประชากรโลกส่งผลกระทบหลายมิติ ทั้งด้านสุขภาพ สิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจ และวัฒนธรรม ต่อไปนี้เป็นแนวทางการวิเคราะห์ประเด็นนี้อย่างเป็นระบบ: ### 1. **ปัจจัยขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลง** - **ความเป็นเมืองและไลฟ์สไตล์เร่งด่วน**: นำไปสู่การบริโภคอาหารแปรรูปสูง อาหารสำเร็จรูป และบริการเดลิเวอรี่ - **การเติบโตทางเศรษฐกิจ**: ในประเทศกำลังพัฒนา ความต้องการเนื้อสัตว์และนมเพิ่มขึ้นตามรายได้ (เรียกว่า "การเปลี่ยนผ่านด้านโภชนาการ") - **ความตระหนักด้านสุขภาพ**: โรคไม่ติดต่อ (NCDs) เช่น เบาหวาน กระตุ้นให้คนหันมาบริโภคพืชมากขึ้น ลดน้ำตาลและไขมันอิ่มตัว - **ความกังวลด้านสิ่งแวดล้อม**: การผลิตเนื้อสัตว์สร้างก๊าซเรือนกระจก 14.5% ของ全球排放 ทำให้ผู้บริโภคบางกลุ่มเลือกโปรตีนทางเลือก (เช่น Plant-based meat, แมลง) - **นวัตกรรมเทคโนโลยี**: อาหารแล็บ (Cultured meat), แอปพลิเคชันติดตามโภชนาการส่วนบุคคล (Personalized nutrition) ### 2. **แนวโน้มสำคัญ** - **Plant-Based Movement**: ยอดขายอาหารจากพืชโตปีละ 15-20% (ข้อมูลจาก Beyond Meat และ Oatly) - **Functional Foods**: อาหารเสริมโปรไบโอติกหรือสารต้านอนุมูลอิสระได้รับความนิยม - **Local & Seasonal Eating**: เพื่อลด Carbon Footprint เช่น กระแส "Locavore" - **การฟื้นฟูอาหารดั้งเดิม**: อย่างอาหารเมดิเตอร์เรเนียนหรือญี่ปุ่นที่ UNESCO ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกวัฒนธรรม ### 3. **ผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม** - **เชิงบวก**: หากลดการบริโภคเนื้อวัว全球ลง 50% อาจลดพื้นที่เกษตรกรรมได้ 1.1 พันล้านเฮกตาร์ (อ้างอิงจาก PNAS) - **เชิงลบ**: การผลิตอัลมอนด์สำหรับนมพืชต้องการน้ำมาก ส่งผลกระทบต่อพื้นที่แห้งแล้งเช่นแคลิฟอร์เนีย ### 4. **ความท้าทายทางสังคม** - **ความเหลื่อมล้ำ**: อาหารสุขภาพมักมีราคาสูง ทำให้เข้าถึงได้เฉพาะกลุ่มรายได้สูง - **การสูญเสียวัฒนธรรมอาหารท้องถิ่น**: เยาวชนยุคใหม่หันไปบริโภค Fast Food แทนอาหารดั้งเดิม - **Greenwashing**: บริษัทบางแห่งใช้ฉลาก "ออร์แกนิก" หรือ "ยั่งยืน" โดยไม่มีการรับรองที่ชัดเจน ### 5. **นโยบายและแนวทางแก้ไข** - **ภาษีอาหารไม่สุขภาพ**: เช่น ภาษีน้ำตาลในเม็กซิโกและอังกฤษ - **ส่งเสริมเกษตรกรรมยั่งยืน**: ตามแนวทาง FAO's Agroecology - **การศึกษาโภชนาการ**: หลักสูตรอาหารสุขภาพในโรงเรียน เช่น ญี่ปุ่นสอน "Shokuiku" (食育) ### 6. **อนาคตที่อาจเกิดขึ้น** - **อาหารจากเทคโนโลยีชีวภาพ**: เนื้อที่เพาะในแล็บ (Cultured Meat) อาจมีราคาถูกกว่าเนื้อธรรมดาภายในปี 2030 - **ระบบอาหารอัจฉริยะ**: AI วิเคราะห์ความต้องการสารอาหารส่วนบุคคลผ่านข้อมูลสุขภาพ - **กฎหมายอาหารใหม่**: เช่น สหภาพยุโรปอาจกำหนด Carbon Labeling บนบรรจุภัณฑ์ ### สรุป การเปลี่ยนแปลงนี้เป็นโอกาสในการสร้างระบบอาหารที่ยั่งยืน แต่ต้องจัดการกับความท้าทายอย่างรอบด้าน ทั้งการปรับตัวของผู้ผลิต การสนับสนุนนโยบายสาธารณะ และการสร้างความตระหนักของผู้บริโภคโดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง
    0 Comments 0 Shares 1164 Views 0 Reviews
  • เมื่อคนส่วนใหญ่บนโลกปฏิเสธเทคโนโลยีหากคนส่วนใหญ่บนโลกปฏิเสธเทคโนโลยีอย่างกว้างขวาง ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจะซับซ้อนและส่งผลทั้งเชิงบวกและลบต่อสังคม ดังนี้:

    ### 1. **ผลกระทบเชิงลบ:**
    - **เศรษฐกิจถดถอย:** อุตสาหกรรมหลัก (เช่น การผลิต, การสื่อสาร, การขนส่ง) พึ่งพาเทคโนโลยีอย่างหนัก การหยุดชะงักอาจนำไปสู่การว่างงานมวลชน ระบบการเงินล่มสลาย และการขาดแคลนสินค้าจำเป็น เช่น ยาและอาหาร
    - **การแพทย์ถดถอย:** เทคโนโลยีช่วยในด้านการวินิจฉัยโรค การผลิตยา และการวิจัย การปฏิเสธอาจทำให้อายุขัยเฉลี่ยลดลง และโรคระบาดกลับมาระบาดรุนแรง
    - **การสื่อสารชะลอตัว:** การขาดอินเทอร์เน็ตและโทรศัพท์ทำให้การประสานงานระหว่างประเทศยากขึ้น อาจเกิดความขัดแย้งจากความเข้าใจผิดหรือข้อมูลไม่ทันสมัย
    - **ความรู้ถูกลืม:** การเก็บข้อมูลดิจิทัลหายไป ส่งผลให้ความรู้สมัยใหม่หลายด้านสูญหาย โดยเฉพาะหากระบบการศึกษาไม่ปรับตัวทัน

    ### 2. **ผลกระทบเชิงบวก:**
    - **สิ่งแวดล้อมฟื้นตัว:** การลดใช้เทคโนโลยีอาจลดมลภาวะ การใช้ทรัพยากรเกินจำเป็น และการปล่อยคาร์บอน ช่วยให้ระบบนิเวศค่อยๆ ฟื้นตัว
    - **ชุมชนแข็งแรงขึ้น:** ผู้คนหันมาพึ่งพากันในท้องถิ่นมากขึ้น เน้นทักษะ手工งานและเกษตรกรรมแบบดั้งเดิม สังคมอาจใกล้ชิดกันขึ้น
    - **ชีวิตช้าลง:** การลดการแข่งขันทางเทคโนโลยีอาจลดความเครียด เปิดพื้นที่ให้มนุษย์โฟกัสความสัมพันธ์และความคิดสร้างสรรค์

    ### 3. **ความท้าทายในการปรับตัว:**
    - **ความเหลื่อมล้ำ:** กลุ่มที่ยังใช้เทคโนโลยีลับๆ อาจได้เปรียบด้านอำนาจและทรัพยากร ขณะที่ชุมชนที่ปฏิเสธโดยสิ้นเชิงเสี่ยงถูกกดขี่
    - **การจัดการความขัดแย้ง:** การขาดเครื่องมือสื่อสารสมัยใหม่อาจทำให้การแก้ปัญหาความขัดแย้งใช้เวลานานและรุนแรงขึ้น
    - **การรักษาความรู้:** ต้องพึ่งพาการบันทึกความรู้แบบเดิม (เช่น กระดาษ) ซึ่งเสี่ยงต่อการสูญหายและเข้าถึงยาก

    ### 4. **สถานการณ์สมมติที่เป็นไปได้:**
    - **สังคมแบ่งขั้ว:** เกิดกลุ่ม "ผู้คงไว้ซึ่งเทคโนโลยี" กับ "ผู้ปฏิเสธ" อย่างชัดเจน นำไปสู่ความตึงเครียดหรือสงคราม
    - **การฟื้นฟูธรรมชาติ:** โลกเข้าสู่ยุคฟื้นฟูระบบนิเวศ แต่ต้องแลกกับความสะดวกสบายและความก้าวหน้าของมนุษย์
    - **การพัฒนาทางเลือก:** มนุษย์อาจหันไปใช้เทคโนโลยีระดับพื้นฐาน (Low-tech) ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และยั่งยืนกว่า

    ### 5. **บทสรุป:**
    การปฏิเสธเทคโนโลยีไม่ใช่ทางออกแบบสุดขั้ว แต่สะท้อนความต้องการปรับสมดุลระหว่างความก้าวหน้ากับความยั่งยืน ในทางปฏิบัติ สังคมอาจต้อง **เลือกรับใช้เทคโนโลยีอย่างมีสติ** มากกว่าการตัดสินใจแบบ "ทั้งหมดหรือไม่เลย" เพื่อหลีกเลี่ยงหายนะแต่ยังรักษาแนวทางพัฒนาที่สอดคล้องกับธรรมชาติและมนุษย์เอง
    เมื่อคนส่วนใหญ่บนโลกปฏิเสธเทคโนโลยีหากคนส่วนใหญ่บนโลกปฏิเสธเทคโนโลยีอย่างกว้างขวาง ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจะซับซ้อนและส่งผลทั้งเชิงบวกและลบต่อสังคม ดังนี้: ### 1. **ผลกระทบเชิงลบ:** - **เศรษฐกิจถดถอย:** อุตสาหกรรมหลัก (เช่น การผลิต, การสื่อสาร, การขนส่ง) พึ่งพาเทคโนโลยีอย่างหนัก การหยุดชะงักอาจนำไปสู่การว่างงานมวลชน ระบบการเงินล่มสลาย และการขาดแคลนสินค้าจำเป็น เช่น ยาและอาหาร - **การแพทย์ถดถอย:** เทคโนโลยีช่วยในด้านการวินิจฉัยโรค การผลิตยา และการวิจัย การปฏิเสธอาจทำให้อายุขัยเฉลี่ยลดลง และโรคระบาดกลับมาระบาดรุนแรง - **การสื่อสารชะลอตัว:** การขาดอินเทอร์เน็ตและโทรศัพท์ทำให้การประสานงานระหว่างประเทศยากขึ้น อาจเกิดความขัดแย้งจากความเข้าใจผิดหรือข้อมูลไม่ทันสมัย - **ความรู้ถูกลืม:** การเก็บข้อมูลดิจิทัลหายไป ส่งผลให้ความรู้สมัยใหม่หลายด้านสูญหาย โดยเฉพาะหากระบบการศึกษาไม่ปรับตัวทัน ### 2. **ผลกระทบเชิงบวก:** - **สิ่งแวดล้อมฟื้นตัว:** การลดใช้เทคโนโลยีอาจลดมลภาวะ การใช้ทรัพยากรเกินจำเป็น และการปล่อยคาร์บอน ช่วยให้ระบบนิเวศค่อยๆ ฟื้นตัว - **ชุมชนแข็งแรงขึ้น:** ผู้คนหันมาพึ่งพากันในท้องถิ่นมากขึ้น เน้นทักษะ手工งานและเกษตรกรรมแบบดั้งเดิม สังคมอาจใกล้ชิดกันขึ้น - **ชีวิตช้าลง:** การลดการแข่งขันทางเทคโนโลยีอาจลดความเครียด เปิดพื้นที่ให้มนุษย์โฟกัสความสัมพันธ์และความคิดสร้างสรรค์ ### 3. **ความท้าทายในการปรับตัว:** - **ความเหลื่อมล้ำ:** กลุ่มที่ยังใช้เทคโนโลยีลับๆ อาจได้เปรียบด้านอำนาจและทรัพยากร ขณะที่ชุมชนที่ปฏิเสธโดยสิ้นเชิงเสี่ยงถูกกดขี่ - **การจัดการความขัดแย้ง:** การขาดเครื่องมือสื่อสารสมัยใหม่อาจทำให้การแก้ปัญหาความขัดแย้งใช้เวลานานและรุนแรงขึ้น - **การรักษาความรู้:** ต้องพึ่งพาการบันทึกความรู้แบบเดิม (เช่น กระดาษ) ซึ่งเสี่ยงต่อการสูญหายและเข้าถึงยาก ### 4. **สถานการณ์สมมติที่เป็นไปได้:** - **สังคมแบ่งขั้ว:** เกิดกลุ่ม "ผู้คงไว้ซึ่งเทคโนโลยี" กับ "ผู้ปฏิเสธ" อย่างชัดเจน นำไปสู่ความตึงเครียดหรือสงคราม - **การฟื้นฟูธรรมชาติ:** โลกเข้าสู่ยุคฟื้นฟูระบบนิเวศ แต่ต้องแลกกับความสะดวกสบายและความก้าวหน้าของมนุษย์ - **การพัฒนาทางเลือก:** มนุษย์อาจหันไปใช้เทคโนโลยีระดับพื้นฐาน (Low-tech) ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และยั่งยืนกว่า ### 5. **บทสรุป:** การปฏิเสธเทคโนโลยีไม่ใช่ทางออกแบบสุดขั้ว แต่สะท้อนความต้องการปรับสมดุลระหว่างความก้าวหน้ากับความยั่งยืน ในทางปฏิบัติ สังคมอาจต้อง **เลือกรับใช้เทคโนโลยีอย่างมีสติ** มากกว่าการตัดสินใจแบบ "ทั้งหมดหรือไม่เลย" เพื่อหลีกเลี่ยงหายนะแต่ยังรักษาแนวทางพัฒนาที่สอดคล้องกับธรรมชาติและมนุษย์เอง
    0 Comments 0 Shares 467 Views 0 Reviews
  • การประมวลผลด้วย AI โดยเฉพาะในศูนย์ข้อมูลขนาดใหญ่ จำเป็นต้องใช้น้ำจำนวนมากเพื่อการหล่อเย็น ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อโลกได้หลายทาง ดังนี้:

    ### 1. **การใช้ทรัพยากรน้ำ**
    - **การใช้น้ำเพิ่มขึ้น:** ศูนย์ข้อมูลขนาดใหญ่ใช้น้ำเพื่อระบายความร้อนจากเซิร์ฟเวอร์ ซึ่งอาจทำให้เกิดการแข่งขันในการใช้น้ำกับชุมชนและเกษตรกรรม โดยเฉพาะในพื้นที่ที่ขาดแคลนน้ำ
    - **ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม:** การใช้น้ำมากเกินไปอาจทำให้แหล่งน้ำธรรมชาติลดลง ส่งผลต่อระบบนิเวศและความหลากหลายทางชีวภาพ

    ### 2. **การปล่อยคาร์บอน**
    - **การใช้พลังงาน:** แม้การใช้น้ำจะช่วยลดการใช้พลังงาน แต่กระบวนการผลิตน้ำเย็นและการบำบัดน้ำอาจเพิ่มการปล่อยคาร์บอน
    - **การจัดการน้ำเสีย:** น้ำที่ใช้แล้วอาจมีสารเคมีปนเปื้อน หากไม่ได้รับการบำบัดที่ดี อาจก่อให้เกิดมลพิษทางน้ำ

    ### 3. **การแก้ไขปัญหา**
    - **เทคโนโลยีใหม่:** การพัฒนาเทคโนโลยีหล่อเย็นที่ประหยัดน้ำมากขึ้น เช่น การใช้อากาศหรือระบบระบายความร้อนแบบปิด
    - **การใช้น้ำอย่างยั่งยืน:** การนำน้ำกลับมาใช้ใหม่และการใช้น้ำฝนสามารถลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมได้
    - **การวางแผนเชิงกลยุทธ์:** การสร้างศูนย์ข้อมูลในพื้นที่ที่มีน้ำอุดมสมบูรณ์และสภาพอากาศเย็นสามารถลดความต้องการน้ำและพลังงานได้

    ### 4. **ความรับผิดชอบขององค์กร**
    - **การรายงานและการตรวจสอบ:** องค์กรควรรายงานการใช้น้ำและพลังงานอย่างโปร่งใส และตั้งเป้าหมายเพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
    - **ความร่วมมือ:** การทำงานร่วมกับรัฐบาลและชุมชนเพื่อจัดการทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืน

    ### สรุป
    การใช้น้ำในการหล่อเย็นศูนย์ข้อมูล AI อาจส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม แต่ด้วยเทคโนโลยีและการจัดการที่ดี เราสามารถลดผลกระทบเหล่านี้ได้ องค์กรควรให้ความสำคัญกับการใช้ทรัพยากรอย่างยั่งยืนเพื่อลดผลกระทบต่อโลก
    การประมวลผลด้วย AI โดยเฉพาะในศูนย์ข้อมูลขนาดใหญ่ จำเป็นต้องใช้น้ำจำนวนมากเพื่อการหล่อเย็น ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อโลกได้หลายทาง ดังนี้: ### 1. **การใช้ทรัพยากรน้ำ** - **การใช้น้ำเพิ่มขึ้น:** ศูนย์ข้อมูลขนาดใหญ่ใช้น้ำเพื่อระบายความร้อนจากเซิร์ฟเวอร์ ซึ่งอาจทำให้เกิดการแข่งขันในการใช้น้ำกับชุมชนและเกษตรกรรม โดยเฉพาะในพื้นที่ที่ขาดแคลนน้ำ - **ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม:** การใช้น้ำมากเกินไปอาจทำให้แหล่งน้ำธรรมชาติลดลง ส่งผลต่อระบบนิเวศและความหลากหลายทางชีวภาพ ### 2. **การปล่อยคาร์บอน** - **การใช้พลังงาน:** แม้การใช้น้ำจะช่วยลดการใช้พลังงาน แต่กระบวนการผลิตน้ำเย็นและการบำบัดน้ำอาจเพิ่มการปล่อยคาร์บอน - **การจัดการน้ำเสีย:** น้ำที่ใช้แล้วอาจมีสารเคมีปนเปื้อน หากไม่ได้รับการบำบัดที่ดี อาจก่อให้เกิดมลพิษทางน้ำ ### 3. **การแก้ไขปัญหา** - **เทคโนโลยีใหม่:** การพัฒนาเทคโนโลยีหล่อเย็นที่ประหยัดน้ำมากขึ้น เช่น การใช้อากาศหรือระบบระบายความร้อนแบบปิด - **การใช้น้ำอย่างยั่งยืน:** การนำน้ำกลับมาใช้ใหม่และการใช้น้ำฝนสามารถลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมได้ - **การวางแผนเชิงกลยุทธ์:** การสร้างศูนย์ข้อมูลในพื้นที่ที่มีน้ำอุดมสมบูรณ์และสภาพอากาศเย็นสามารถลดความต้องการน้ำและพลังงานได้ ### 4. **ความรับผิดชอบขององค์กร** - **การรายงานและการตรวจสอบ:** องค์กรควรรายงานการใช้น้ำและพลังงานอย่างโปร่งใส และตั้งเป้าหมายเพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม - **ความร่วมมือ:** การทำงานร่วมกับรัฐบาลและชุมชนเพื่อจัดการทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืน ### สรุป การใช้น้ำในการหล่อเย็นศูนย์ข้อมูล AI อาจส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม แต่ด้วยเทคโนโลยีและการจัดการที่ดี เราสามารถลดผลกระทบเหล่านี้ได้ องค์กรควรให้ความสำคัญกับการใช้ทรัพยากรอย่างยั่งยืนเพื่อลดผลกระทบต่อโลก
    0 Comments 0 Shares 379 Views 0 Reviews
  • จีนแถลงวันพุธ (5 ก.พ.) ยืนกรานคัดค้านสหรัฐฯ ประกาศมาตรการรีดภาษีศุลกากรจากสินค้าเข้าแดนมังกร พร้อมเรียกร้องเปิดเจรจาเพื่อแก้ไขข้อขัดแย้งทางการค้า ทว่า ทำเนียบขาวระบุทรัมป์ยังไม่รีบร้อนหารือสี จิ้นผิง ขณะที่ในอีกด้านหนึ่ง สำนักงานไปรษณีย์สหรัฐฯ ประกาศระงับการรับพัสดุภัณฑ์จากจีนและฮ่องกง ซึ่งคาดหมายกันว่าจะส่งผลกระทบโดยตรงต่อแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซยอดนิยมของจีนอย่าง “ชีอิน” และ “เทมู” โดยที่ยังมีรายงานข่าวด้วยว่า วอชิงตันกำลังพิจารณาขึ้นบัญชีดำยักษ์ใหญ่แดนมังกรทั้งสองเจ้านี้ว่าเป็นบริษัทที่มีการบังคับใช้แรงงาน
    .
    ในวันพุธ ซึ่งเป็นวันแรกที่หน่วยราชการของจีนเปิดทำการหลังหยุดยาวช่วงเทศกาลตรุษจีน หลิน เจี้ยน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศออกมาแถลงว่า จีนไม่พอใจอย่างมากและคัดค้านถึงที่สุดต่อมาตรการขึ้นภาษีศุลกากรของอเมริกา และเรียกร้องให้เปิดการเจรจาอย่างเป็นธรรมและเท่าเทียม ก่อนทิ้งท้ายว่า ไม่มีผู้ชนะในสงครามการค้าหรือสงครามภาษีศุลกากร
    .
    ทั้งนี้ ก่อนหน้านั้นคือเมื่อวันอังคาร (4) จีนประกาศตอบโต้อเมริกา โดยจะขึ้นภาษีศุลกากรที่เรียกเก็บจากสินค้าถ่านหินและก๊าซธรรมชาติเหลว (แอลเอ็นจี) ซึ่งส่งมาจากสหรัฐฯสูงขึ้น 15% จากน้ำมันดิบ อุปกรณ์เกษตรกรรม รถบรรทุก รถซีดาน 10% มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 10 ก.พ.
    .
    นอกจากนั้น จีนยังประกาศเริ่มการสอบสวนที่มุ่งต่อต้านพฤติการณ์การผูกขาดของกูเกิล ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของอัลฟาเบต รวมทั้งขึ้นบัญชีพีวีเอช คอร์ป บริษัทโฮลดิ้งเจ้าของแบรนด์แคลวิน ไคลน์ และบริษัทเทคโนโลยีชีวภาพ อิลลูมินา เอาไว้ในรายชื่อบริษัทที่อาจถูกแซงก์ชันในจีน โดยบริษัทเหล่านี้ล้วนเป็นกิจการของอเมริกา
    .
    เวลาเดียวกัน กระทรวงพาณิชย์และสำนักงานศุลกากรจีนยังสั่งควบคุมการส่งออกโลหะบางรายการที่จำเป็นสำหรับการผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ อุปกรณ์ทางทหาร และแผงพลังงานแสงอาทิตย์
    .
    การประกาศมาตรการตอบโต้ของจีนเช่นนี้ เกิดขึ้นแทบจะทันที หลังจากการมีผลบังคับใช้ของมาตรการขึ้นภาษีศุลกากรของฝ่ายอเมริกา ซึ่งเป็นการบังคับให้เป็นไปตามคำสั่งฝ่ายบริหารของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ให้เพิ่มอัตราภาษีศุลกากรจัดเก็บจากสินค้านำเข้าจีนทุกรายการขึ้นอีก 10% โดยที่ทรัมป์ย้ำข้อกล่าวหาของเขาที่ว่า ปักกิ่งไม่พยายามมากพอในการสกัดการลักลอบขนยาเสพติดแฟนทานิลเข้าสู่อเมริกา
    .
    ก่อนหน้านี้ในวันจันทร์ (3) ทำเนียบขาวส่งสัญญาณว่า ทรัมป์จะมีการหารือกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ภายในสัปดาห์นี้ อย่างไรก็ดี ในตอนบ่ายวันอังคาร (4) ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กลับบอกกับพวกผู้สื่อข่าวที่ทำเนียบขาวว่า ไม่รีบร้อนที่จะคุยกับผู้นำจีน
    .
    แคโรไลน์ เลวิตต์ โฆษกทำเนียบขาว แถลงในวันเดียวกันว่า การหารือระหว่างทรัมป์กับสีที่ถูกมองว่า เป็นกุญแจสำคัญที่อาจผ่อนปรนหรือชะลอการบังคับใช้ภาษีศุลกากรนั้น จำเป็นต้องมีการตกลงกันเรื่องตารางเวลา ทว่า ขณะนี้ผู้นำจีนยังไม่ได้ติดต่อมาแต่อย่างใด
    .
    นอกจากไม่มีความคืบหน้าในการเจรจาแล้ว เมื่อวันอังคาร สำนักงานไปรษณีย์สหรัฐฯ (ยูเอสพีเอส) ได้ประกาศระงับการรับพัสดุภัณฑ์ที่ส่งจากจีนและฮ่องกง หลังจากทรัมป์ออกคำสั่งยกเลิกข้อยกเว้นการเก็บภาษีอากรกับพัสดุที่มีมูลค่าไม่เกิน 800 ดอลลาร์ ที่เรียกกันว่า ข้อยกเว้น de minimis
    .
    ยูเอสพีเอสยืนยันว่า การเปลี่ยนแปลงนี้จะไม่กระทบจดหมายและจดหมายขนาดใหญ่ (ความยาวไม่เกิน 38 ซม. หรือหนาไม่เกิน 1.9 ซม.) จากจีนและฮ่องกง แต่ไม่ได้ระบุว่า การเปลี่ยนแปลงนี้เกี่ยวข้องกับการยกเลิกข้อยกเว้น de minimis หรือไม่
    .
    ตามรายงานของคณะกรรมาธิการรัฐสภาสหรัฐฯ เมื่อเดือนมิถุนายน 2023 ระบุว่าพัสดุภัณฑ์เกือบครึ่งหนึ่งที่จัดส่งภายใต้ข้อยกเว้น de minimis นั้นส่งมาจากจีน
    .
    รายงานดังกล่าวยังระบุว่า “ชีอิน” แพลตฟอร์มฟาสต์แฟชั่น และ “เทมู” แพลตฟอร์มขายสินค้าราคาถูก ซึ่งต่างก็เป็นของจีนและขายสินค้าทุกอย่างตั้งแต่ของเล่นจนถึงสมาร์ทโฟนนั้น เติบโตเร็วมากในอเมริกา ส่วนหนึ่งเนื่องจากข้อยกเว้น de minimis โดยทั้งสองบริษัทมีแนวโน้มเป็นเจ้าของพัสดุกว่า 30% ที่จัดส่งไปยังอเมริกาในแต่ละวันภายใต้ข้อยกเว้นดังกล่าว
    .
    แม้ผู้เชี่ยวชาญหลายคนระบุว่า การยกเลิกข้อยกเว้น de minimis อาจทำให้สินค้าบนแพลตฟอร์มชีอินและเทมูแพงขึ้น แต่ไม่มีแนวโน้มว่า จะทำให้ยอดจัดส่งของทั้งสองบริษัทลดลงแต่อย่างใด
    .
    กระนั้น แพลตฟอร์มทั้งสองแห่งอาจหนีไม่พ้นการเล่นงานเพิ่มเติมของคณะบริหารทรัมป์ โดยเมื่อวันอังคาร เว็บไซต์เซมาฟอร์รายงานว่า อเมริกากำลังพิจารณาขึ้นบัญชีเทมูและชีอินในรายชื่อบริษัทที่บังคับใช้แรงงานของกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000011929
    ..............
    Sondhi X
    จีนแถลงวันพุธ (5 ก.พ.) ยืนกรานคัดค้านสหรัฐฯ ประกาศมาตรการรีดภาษีศุลกากรจากสินค้าเข้าแดนมังกร พร้อมเรียกร้องเปิดเจรจาเพื่อแก้ไขข้อขัดแย้งทางการค้า ทว่า ทำเนียบขาวระบุทรัมป์ยังไม่รีบร้อนหารือสี จิ้นผิง ขณะที่ในอีกด้านหนึ่ง สำนักงานไปรษณีย์สหรัฐฯ ประกาศระงับการรับพัสดุภัณฑ์จากจีนและฮ่องกง ซึ่งคาดหมายกันว่าจะส่งผลกระทบโดยตรงต่อแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซยอดนิยมของจีนอย่าง “ชีอิน” และ “เทมู” โดยที่ยังมีรายงานข่าวด้วยว่า วอชิงตันกำลังพิจารณาขึ้นบัญชีดำยักษ์ใหญ่แดนมังกรทั้งสองเจ้านี้ว่าเป็นบริษัทที่มีการบังคับใช้แรงงาน . ในวันพุธ ซึ่งเป็นวันแรกที่หน่วยราชการของจีนเปิดทำการหลังหยุดยาวช่วงเทศกาลตรุษจีน หลิน เจี้ยน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศออกมาแถลงว่า จีนไม่พอใจอย่างมากและคัดค้านถึงที่สุดต่อมาตรการขึ้นภาษีศุลกากรของอเมริกา และเรียกร้องให้เปิดการเจรจาอย่างเป็นธรรมและเท่าเทียม ก่อนทิ้งท้ายว่า ไม่มีผู้ชนะในสงครามการค้าหรือสงครามภาษีศุลกากร . ทั้งนี้ ก่อนหน้านั้นคือเมื่อวันอังคาร (4) จีนประกาศตอบโต้อเมริกา โดยจะขึ้นภาษีศุลกากรที่เรียกเก็บจากสินค้าถ่านหินและก๊าซธรรมชาติเหลว (แอลเอ็นจี) ซึ่งส่งมาจากสหรัฐฯสูงขึ้น 15% จากน้ำมันดิบ อุปกรณ์เกษตรกรรม รถบรรทุก รถซีดาน 10% มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 10 ก.พ. . นอกจากนั้น จีนยังประกาศเริ่มการสอบสวนที่มุ่งต่อต้านพฤติการณ์การผูกขาดของกูเกิล ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของอัลฟาเบต รวมทั้งขึ้นบัญชีพีวีเอช คอร์ป บริษัทโฮลดิ้งเจ้าของแบรนด์แคลวิน ไคลน์ และบริษัทเทคโนโลยีชีวภาพ อิลลูมินา เอาไว้ในรายชื่อบริษัทที่อาจถูกแซงก์ชันในจีน โดยบริษัทเหล่านี้ล้วนเป็นกิจการของอเมริกา . เวลาเดียวกัน กระทรวงพาณิชย์และสำนักงานศุลกากรจีนยังสั่งควบคุมการส่งออกโลหะบางรายการที่จำเป็นสำหรับการผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ อุปกรณ์ทางทหาร และแผงพลังงานแสงอาทิตย์ . การประกาศมาตรการตอบโต้ของจีนเช่นนี้ เกิดขึ้นแทบจะทันที หลังจากการมีผลบังคับใช้ของมาตรการขึ้นภาษีศุลกากรของฝ่ายอเมริกา ซึ่งเป็นการบังคับให้เป็นไปตามคำสั่งฝ่ายบริหารของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ให้เพิ่มอัตราภาษีศุลกากรจัดเก็บจากสินค้านำเข้าจีนทุกรายการขึ้นอีก 10% โดยที่ทรัมป์ย้ำข้อกล่าวหาของเขาที่ว่า ปักกิ่งไม่พยายามมากพอในการสกัดการลักลอบขนยาเสพติดแฟนทานิลเข้าสู่อเมริกา . ก่อนหน้านี้ในวันจันทร์ (3) ทำเนียบขาวส่งสัญญาณว่า ทรัมป์จะมีการหารือกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ภายในสัปดาห์นี้ อย่างไรก็ดี ในตอนบ่ายวันอังคาร (4) ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กลับบอกกับพวกผู้สื่อข่าวที่ทำเนียบขาวว่า ไม่รีบร้อนที่จะคุยกับผู้นำจีน . แคโรไลน์ เลวิตต์ โฆษกทำเนียบขาว แถลงในวันเดียวกันว่า การหารือระหว่างทรัมป์กับสีที่ถูกมองว่า เป็นกุญแจสำคัญที่อาจผ่อนปรนหรือชะลอการบังคับใช้ภาษีศุลกากรนั้น จำเป็นต้องมีการตกลงกันเรื่องตารางเวลา ทว่า ขณะนี้ผู้นำจีนยังไม่ได้ติดต่อมาแต่อย่างใด . นอกจากไม่มีความคืบหน้าในการเจรจาแล้ว เมื่อวันอังคาร สำนักงานไปรษณีย์สหรัฐฯ (ยูเอสพีเอส) ได้ประกาศระงับการรับพัสดุภัณฑ์ที่ส่งจากจีนและฮ่องกง หลังจากทรัมป์ออกคำสั่งยกเลิกข้อยกเว้นการเก็บภาษีอากรกับพัสดุที่มีมูลค่าไม่เกิน 800 ดอลลาร์ ที่เรียกกันว่า ข้อยกเว้น de minimis . ยูเอสพีเอสยืนยันว่า การเปลี่ยนแปลงนี้จะไม่กระทบจดหมายและจดหมายขนาดใหญ่ (ความยาวไม่เกิน 38 ซม. หรือหนาไม่เกิน 1.9 ซม.) จากจีนและฮ่องกง แต่ไม่ได้ระบุว่า การเปลี่ยนแปลงนี้เกี่ยวข้องกับการยกเลิกข้อยกเว้น de minimis หรือไม่ . ตามรายงานของคณะกรรมาธิการรัฐสภาสหรัฐฯ เมื่อเดือนมิถุนายน 2023 ระบุว่าพัสดุภัณฑ์เกือบครึ่งหนึ่งที่จัดส่งภายใต้ข้อยกเว้น de minimis นั้นส่งมาจากจีน . รายงานดังกล่าวยังระบุว่า “ชีอิน” แพลตฟอร์มฟาสต์แฟชั่น และ “เทมู” แพลตฟอร์มขายสินค้าราคาถูก ซึ่งต่างก็เป็นของจีนและขายสินค้าทุกอย่างตั้งแต่ของเล่นจนถึงสมาร์ทโฟนนั้น เติบโตเร็วมากในอเมริกา ส่วนหนึ่งเนื่องจากข้อยกเว้น de minimis โดยทั้งสองบริษัทมีแนวโน้มเป็นเจ้าของพัสดุกว่า 30% ที่จัดส่งไปยังอเมริกาในแต่ละวันภายใต้ข้อยกเว้นดังกล่าว . แม้ผู้เชี่ยวชาญหลายคนระบุว่า การยกเลิกข้อยกเว้น de minimis อาจทำให้สินค้าบนแพลตฟอร์มชีอินและเทมูแพงขึ้น แต่ไม่มีแนวโน้มว่า จะทำให้ยอดจัดส่งของทั้งสองบริษัทลดลงแต่อย่างใด . กระนั้น แพลตฟอร์มทั้งสองแห่งอาจหนีไม่พ้นการเล่นงานเพิ่มเติมของคณะบริหารทรัมป์ โดยเมื่อวันอังคาร เว็บไซต์เซมาฟอร์รายงานว่า อเมริกากำลังพิจารณาขึ้นบัญชีเทมูและชีอินในรายชื่อบริษัทที่บังคับใช้แรงงานของกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000011929 .............. Sondhi X
    Like
    Angry
    12
    0 Comments 0 Shares 2931 Views 0 Reviews
  • 129 ปี สิ้น “เจ้าเหมพินธุไพจิตร” เจ้าผู้ครองนครลำพูน องค์ที่ 8 แห่งราชวงศ์ทิพย์จักร ผู้ใฝ่ในเกษตรกรรม

    ย้อนไปเมื่อ 129 ปี ที่ผ่านมา วันที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2439 นับเป็นวันที่ราชวงศ์ทิพย์จักร ต้องเผชิญกับความสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ เมื่อ "เจ้าเหมพินธุไพจิตร" เจ้าผู้ครองนครลำพูน องค์ที่ 8 ได้เสด็จถึงแก่พิราลัย ด้วยพระโรคอุจจาระ ธาตุพิการ รวมสิริชนมายุได้ 75 ปี แม้จะทรงครองนครลำพูนเพียง 2 ปี แต่พระราชกรณียกิจที่ทรงฝากไว้ ยังคงเป็นที่จดจำ โดยเฉพาะบทบาท ในการส่งเสริมการเกษตรกรรม และพัฒนานครลำพูน ให้เจริญรุ่งเรือง

    จาก "เจ้าน้อยคำหยาด" สู่ "เจ้าเหมพินธุไพจิตร"
    พระนามเดิมของ เจ้าเหมพินธุไพจิตร คือ "เจ้าน้อยคำหยาด" ประสูติในปี พ.ศ. 2364 ณ เมืองนครลำพูน พระองค์เป็นโอรสใน เจ้าไชยลังกาพิศาลโสภาคย์คุณ (เจ้าผู้ครองนครลำพูน องค์ที่ 6) กับ แม่เจ้าคำจ๋าราชเทวี และเป็นพระนัดดาของ พระยาคำฟั่น (เจ้าผู้ครองนครลำพูน องค์ที่ 1 และเจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ องค์ที่ 3)

    🩷 ราชอนุชาและราชขนิษฐา ของพระองค์ ได้แก่
    เจ้าหญิงแสน ณ ลำพูน (ชายา "เจ้าหนานยศ ณ ลำพูน")
    เจ้าน้อยบุ ณ ลำพูน
    เจ้าน้อยหล้า ณ ลำพูน (พิราลัยแต่เยาว์วัย)

    🏛 เส้นทางสู่ตำแหน่งเจ้าผู้ครองนครลำพูน
    วันที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2405 ทรงได้รับพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ดำรงตำแหน่ง "เจ้าราชบุตร" เมืองนครลำพูน
    วันที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2418 ได้รับโปรดเกล้าฯ เลื่อนขึ้นเป็น "เจ้าอุปราช" เมืองนครลำพูน
    วันที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2437 ได้รับโปรดเกล้าฯ ขึ้นเป็น "เจ้าผู้ครองนครลำพูน องค์ที่ 8" ต่อจาก เจ้าดาราดิเรกรัตนไพโรจน์ ผู้เป็นราชเชษฐา ต่างพระราชมารดา

    พระนามเต็มของพระองค์ เมื่อขึ้นครองนครลำพูน คือ
    "เจ้าเหมพินธุไพจิตร ศุภกิจเกียรติโศภน วิมลสัตยสวามิภักดิคุณ หริภุญไชยรัษฎารักษ ตทรรคเจดียบูชากร ราษฎรธุรธาดา เอกัจจโยนกาธิบดี"

    การเกษตรกรรม และระบบชลประทาน
    แม้จะครองนครลำพูนเพียง 2 ปี แต่เจ้าเหมพินธุไพจิตร ทรงให้ความสำคัญ กับการพัฒนาเกษตรกรรม อย่างมาก พระองค์ทรงส่งเสริม ให้ราษฎรทำการเกษตร ในลักษณะที่มีการจัดการน้ำ อย่างเป็นระบบ เช่น
    สร้างเหมืองฝาย เพื่อทดน้ำเข้าสู่พื้นที่เพาะปลูก
    ขุดลอกเหมืองเก่า เพื่อให้น้ำไหลเข้าสู่พื้นที่เพาะปลูก ได้ดีขึ้น
    ปรับปรุงที่ดอน ให้สามารถใช้เป็นพื้นที่เพาะปลูกได้

    พระองค์มีพระราชดำริให้ราษฎร ปลูกข้าวเป็นพืชหลัก และเมื่อนาเก็บเกี่ยวเสร็จแล้ว ก็ให้ปลูกพืชเศรษฐกิจอื่น เช่น หอม กระเทียม และใบยา เพื่อเพิ่มรายได้

    บำรุงพระพุทธศาสนา และโครงสร้างพื้นฐาน
    ศาสนาและศิลปวัฒนธรรม
    เจ้าเหมพินธุไพจิตร ทรงเป็นพุทธศาสนิกชนที่เคร่งครัด และส่งเสริมให้ราษฎร บำรุงพระพุทธศาสนา เช่น
    บูรณะวัดเก่าแก่ ให้มีสภาพมั่นคงแข็งแรง
    สร้างวิหาร กุฏิ และโบสถ์ ตามวัดสำคัญทั้งในเมือง และนอกเมืองลำพูน
    ชักชวนราษฎรปั้นอิฐ ก่อกำแพงวัด และขุดสระน้ำในวัด

    🛤 การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน
    พระองค์ยังทรงให้ความสำคัญ กับการพัฒนาเมืองลำพูน ให้มีความสะดวกสบายมากขึ้น โดย
    สร้างสะพาน เพื่ออำนวยความสะดวก ในการเดินทาง
    ยกระดับถนนในหมู่บ้าน เพื่อให้ล้อเกวียนสัญจรได้สะดวก
    ขุดร่องระบายน้ำ เพื่อลดปัญหาน้ำท่วมในฤดูฝน

    เสด็จสู่สวรรคาลัย และมรดกที่ฝากไว้
    วันที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2439 เจ้าเหมพินธุไพจิตรทรงประชวร ด้วยพระโรคอุจจาระ ธาตุพิการ และเสด็จสวรรคตด้วย สิริชนมายุ 75 ปี

    แม้รัชสมัยของพระองค์จะสั้นเพียง 2 ปี แต่พระราชกรณียกิจของพระองค์ ยังคงปรากฏ เป็นมรดกที่สำคัญ ของลำพูน ทั้งในด้านเกษตรกรรม การบำรุงพระพุทธศาสนา และการพัฒนาเมือง

    รดกของเจ้าเหมพินธุไพจิตร
    ส่งเสริมการเกษตร และระบบชลประทาน
    ฟื้นฟู และบูรณะพระพุทธศาสนา
    พัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ของนครลำพูน
    เป็นต้นแบบของผู้นำ ที่ใส่ใจประชาชน

    เจ้าเหมพินธุไพจิตร ทรงเป็นบุคคลสำคัญ ที่ส่งผลต่อเมืองลำพูน ทั้งในด้านการเกษตร เศรษฐกิจ และวัฒนธรรม 🏞

    คำถามที่พบบ่อย (FAQs)
    เจ้าเหมพินธุไพจิตร ทรงเป็นเจ้าผู้ครองนครลำพูน องค์ที่เท่าไหร่?
    พระองค์เป็นเจ้าผู้ครองนครลำพูน องค์ที่ 8 แห่งราชวงศ์ทิพย์จักร

    พระราชกรณียกิจที่สำคัญของพระองค์ คืออะไร?
    การส่งเสริมการเกษตร บูรณะพระพุทธศาสนา และพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน

    เหตุใดพระองค์จึงเสด็จสวรรคต?
    ทรงประชวรด้วยพระโรคอุจจาระ ธาตุพิการ และเสด็จสวรรคตเมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2439

    พระองค์ครองนครลำพูนกี่ปี?
    ครองนครลำพูนเพียง 2 ปี (พ.ศ. 2437 - พ.ศ. 2439)

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 052147 ก.พ. 2568

    #เจ้าเหมพินธุไพจิตร #นครลำพูน #ประวัติศาสตร์ไทย #ราชวงศ์ทิพย์จักร #เกษตรกรรม #วัฒนธรรมล้านนา #ผู้ปกครองล้านนา #เมืองลำพูน #เล่าเรื่องเมืองลำพูน #ล้านนาประวัติศาสตร์
    129 ปี สิ้น “เจ้าเหมพินธุไพจิตร” เจ้าผู้ครองนครลำพูน องค์ที่ 8 แห่งราชวงศ์ทิพย์จักร ผู้ใฝ่ในเกษตรกรรม 📅 ย้อนไปเมื่อ 129 ปี ที่ผ่านมา วันที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2439 นับเป็นวันที่ราชวงศ์ทิพย์จักร ต้องเผชิญกับความสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ เมื่อ "เจ้าเหมพินธุไพจิตร" เจ้าผู้ครองนครลำพูน องค์ที่ 8 ได้เสด็จถึงแก่พิราลัย ด้วยพระโรคอุจจาระ ธาตุพิการ รวมสิริชนมายุได้ 75 ปี แม้จะทรงครองนครลำพูนเพียง 2 ปี แต่พระราชกรณียกิจที่ทรงฝากไว้ ยังคงเป็นที่จดจำ โดยเฉพาะบทบาท ในการส่งเสริมการเกษตรกรรม และพัฒนานครลำพูน ให้เจริญรุ่งเรือง ✨ 🛕 จาก "เจ้าน้อยคำหยาด" สู่ "เจ้าเหมพินธุไพจิตร" 👑 พระนามเดิมของ เจ้าเหมพินธุไพจิตร คือ "เจ้าน้อยคำหยาด" ประสูติในปี พ.ศ. 2364 ณ เมืองนครลำพูน พระองค์เป็นโอรสใน เจ้าไชยลังกาพิศาลโสภาคย์คุณ (เจ้าผู้ครองนครลำพูน องค์ที่ 6) กับ แม่เจ้าคำจ๋าราชเทวี และเป็นพระนัดดาของ พระยาคำฟั่น (เจ้าผู้ครองนครลำพูน องค์ที่ 1 และเจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ องค์ที่ 3) 🩷 ราชอนุชาและราชขนิษฐา ของพระองค์ ได้แก่ เจ้าหญิงแสน ณ ลำพูน (ชายา "เจ้าหนานยศ ณ ลำพูน") เจ้าน้อยบุ ณ ลำพูน เจ้าน้อยหล้า ณ ลำพูน (พิราลัยแต่เยาว์วัย) 🏛 เส้นทางสู่ตำแหน่งเจ้าผู้ครองนครลำพูน 📜 🔹 วันที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2405 ทรงได้รับพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ดำรงตำแหน่ง "เจ้าราชบุตร" เมืองนครลำพูน 🔹 วันที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2418 ได้รับโปรดเกล้าฯ เลื่อนขึ้นเป็น "เจ้าอุปราช" เมืองนครลำพูน 🔹 วันที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2437 ได้รับโปรดเกล้าฯ ขึ้นเป็น "เจ้าผู้ครองนครลำพูน องค์ที่ 8" ต่อจาก เจ้าดาราดิเรกรัตนไพโรจน์ ผู้เป็นราชเชษฐา ต่างพระราชมารดา พระนามเต็มของพระองค์ เมื่อขึ้นครองนครลำพูน คือ 👉 "เจ้าเหมพินธุไพจิตร ศุภกิจเกียรติโศภน วิมลสัตยสวามิภักดิคุณ หริภุญไชยรัษฎารักษ ตทรรคเจดียบูชากร ราษฎรธุรธาดา เอกัจจโยนกาธิบดี" 🚜 การเกษตรกรรม และระบบชลประทาน 🌾 แม้จะครองนครลำพูนเพียง 2 ปี แต่เจ้าเหมพินธุไพจิตร ทรงให้ความสำคัญ กับการพัฒนาเกษตรกรรม อย่างมาก พระองค์ทรงส่งเสริม ให้ราษฎรทำการเกษตร ในลักษณะที่มีการจัดการน้ำ อย่างเป็นระบบ เช่น ✅ สร้างเหมืองฝาย เพื่อทดน้ำเข้าสู่พื้นที่เพาะปลูก ✅ ขุดลอกเหมืองเก่า เพื่อให้น้ำไหลเข้าสู่พื้นที่เพาะปลูก ได้ดีขึ้น ✅ ปรับปรุงที่ดอน ให้สามารถใช้เป็นพื้นที่เพาะปลูกได้ 💡 พระองค์มีพระราชดำริให้ราษฎร ปลูกข้าวเป็นพืชหลัก และเมื่อนาเก็บเกี่ยวเสร็จแล้ว ก็ให้ปลูกพืชเศรษฐกิจอื่น เช่น หอม กระเทียม และใบยา เพื่อเพิ่มรายได้ 🛕 บำรุงพระพุทธศาสนา และโครงสร้างพื้นฐาน 🙏 ศาสนาและศิลปวัฒนธรรม เจ้าเหมพินธุไพจิตร ทรงเป็นพุทธศาสนิกชนที่เคร่งครัด และส่งเสริมให้ราษฎร บำรุงพระพุทธศาสนา เช่น ✔️ บูรณะวัดเก่าแก่ ให้มีสภาพมั่นคงแข็งแรง ✔️ สร้างวิหาร กุฏิ และโบสถ์ ตามวัดสำคัญทั้งในเมือง และนอกเมืองลำพูน ✔️ ชักชวนราษฎรปั้นอิฐ ก่อกำแพงวัด และขุดสระน้ำในวัด 🛤 การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน พระองค์ยังทรงให้ความสำคัญ กับการพัฒนาเมืองลำพูน ให้มีความสะดวกสบายมากขึ้น โดย 🚧 สร้างสะพาน เพื่ออำนวยความสะดวก ในการเดินทาง 🚧 ยกระดับถนนในหมู่บ้าน เพื่อให้ล้อเกวียนสัญจรได้สะดวก 🚧 ขุดร่องระบายน้ำ เพื่อลดปัญหาน้ำท่วมในฤดูฝน ⚰️ เสด็จสู่สวรรคาลัย และมรดกที่ฝากไว้ วันที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2439 เจ้าเหมพินธุไพจิตรทรงประชวร ด้วยพระโรคอุจจาระ ธาตุพิการ และเสด็จสวรรคตด้วย สิริชนมายุ 75 ปี แม้รัชสมัยของพระองค์จะสั้นเพียง 2 ปี แต่พระราชกรณียกิจของพระองค์ ยังคงปรากฏ เป็นมรดกที่สำคัญ ของลำพูน ทั้งในด้านเกษตรกรรม การบำรุงพระพุทธศาสนา และการพัฒนาเมือง 🌟 รดกของเจ้าเหมพินธุไพจิตร ✅ ส่งเสริมการเกษตร และระบบชลประทาน ✅ ฟื้นฟู และบูรณะพระพุทธศาสนา ✅ พัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ของนครลำพูน ✅ เป็นต้นแบบของผู้นำ ที่ใส่ใจประชาชน เจ้าเหมพินธุไพจิตร ทรงเป็นบุคคลสำคัญ ที่ส่งผลต่อเมืองลำพูน ทั้งในด้านการเกษตร เศรษฐกิจ และวัฒนธรรม 🏞 📌 คำถามที่พบบ่อย (FAQs) ❓ เจ้าเหมพินธุไพจิตร ทรงเป็นเจ้าผู้ครองนครลำพูน องค์ที่เท่าไหร่? ✅ พระองค์เป็นเจ้าผู้ครองนครลำพูน องค์ที่ 8 แห่งราชวงศ์ทิพย์จักร ❓ พระราชกรณียกิจที่สำคัญของพระองค์ คืออะไร? ✅ การส่งเสริมการเกษตร บูรณะพระพุทธศาสนา และพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ❓ เหตุใดพระองค์จึงเสด็จสวรรคต? ✅ ทรงประชวรด้วยพระโรคอุจจาระ ธาตุพิการ และเสด็จสวรรคตเมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2439 ❓ พระองค์ครองนครลำพูนกี่ปี? ✅ ครองนครลำพูนเพียง 2 ปี (พ.ศ. 2437 - พ.ศ. 2439) ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 052147 ก.พ. 2568 🔖 #เจ้าเหมพินธุไพจิตร #นครลำพูน #ประวัติศาสตร์ไทย #ราชวงศ์ทิพย์จักร #เกษตรกรรม #วัฒนธรรมล้านนา #ผู้ปกครองล้านนา #เมืองลำพูน #เล่าเรื่องเมืองลำพูน #ล้านนาประวัติศาสตร์
    0 Comments 0 Shares 1354 Views 0 Reviews
  • สงครามการค้าระดับมหาอำนาจระอุ จีนประกาศตอบโต้มาตรการภาษีศุลกากรของทรัมป์ทันควัน สั่งเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าบางรายการจากอเมริกา รวมทั้งเปิดสอบสวนกูเกิลกรณีผูกขาดตลาด และขึ้นบัญชีบริษัทอเมริกันอีก 2 แห่งในรายชื่อบริษัทที่อาจถูกแซงก์ชัน ทั้งนี้หลังจากเมื่อวันจันทร์ (3) ผู้นำสหรัฐฯ ผ่อนผันหยุดพักการเล่นงานแคนาดากับเม็กซิโกเอาไว้ก่อน ทำให้ 3 ชาติที่ถูกวอชิงตันหมายหัวในตอนแรก เหลือเพียงปักกิ่งเท่านั้นซึ่งเกิดการต่อกรกันอย่างจริงจัง
    .
    อเมริกาเริ่มเก็บภาษีศุลกากรสินค้านำเข้าจากจีนทุกรายการเพิ่มขึ้น 10% รวด ตามคำสั่งฝ่ายบริหารของทรัมป์ มีผลเมื่อเวลา 00.01 น. วันอังคาร (4 ก.พ.) ตามเวลาในวอชิงตัน หรือ 12.01 น.ตามเวลาเมืองไทย โดยที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ย้ำข้อกล่าวหาของเขาที่ว่า ปักกิ่งไม่พยายามมากพอในการสกัดการลักลอบขนยาเสพติดแฟนทานิล เข้าสู่อเมริกา
    .
    จากนั้นภายในไม่กี่นาทีต่อมา กระทรวงพาณิชย์จีนประกาศขึ้นภาษีศุลกากรที่เรียกเก็บจากถ่านหินและก๊าซธรรมชาติเหลว (แอลเอ็นจี) ซึ่งส่งมาจากอเมริกา สูงขึ้น 15% จาก น้ำมันดิบ อุปกรณ์เกษตรกรรม รถบรรทุก รถซีดาน 10% โดยที่การเรียกเก็บภาษี 10% สำหรับรถกระบะไฟฟ้าที่นำเข้าจากอเมริกานั้น อาจบังคับใช้กับไซเบอร์ทรัค “เทสลา” ของอีลอน มัสก์ในอนาคต
    .
    จีนยังประกาศเริ่มการสอบสวนที่มุ่งต่อต้านพฤติการณ์การผูกขาดของกูเกิล ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของอัลฟาเบต รวมทั้งขึ้นบัญชีพีวีเอช คอร์ป บริษัทโฮลดิ้งเจ้าของแบรนด์แคลวิน ไคลน์ และบริษัทเทคโนโลยีชีวภาพ อิลลูมินา เอาไว้ในรายชื่อบริษัทที่อาจถูกแซงก์ชันในจีน โดยบริษัทเหล่านี้ล้วนเป็นกิจการของอเมริกา
    .
    นอกจากนั้น กระทรวงพาณิชย์และสำนักงานศุลกากรจีนยังสั่งควบคุมการส่งออกโลหะบางรายการที่จำเป็นสำหรับการผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ อุปกรณ์ทางทหาร และแผงพลังงานแสงอาทิตย์
    .
    มาตรการภาษีศุลกากรใหม่ของจีนเหล่านี้ จะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 10 ก.พ. ซึ่งดูจะเพื่อเปิดโอกาสให้วอชิงตันและปักกิ่งได้ใช้ความพยายามและบรรลุข้อตกลงเพื่อหลีกเลี่ยงสงครามการค้า โดยที่โฆษกทำเนียบขาวก็ระบุเอาไว้ก่อนหน้านี้แล้วว่า ทรัมป์มีแผนหารือกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ปลายสัปดาห์นี้
    .
    ระหว่างดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสมัยแรก ทรัมป์ก็ได้เริ่มสงครามการค้าอันโหดร้ายกับจีนในปี 2018 โดยอ้างเหตุจากกรณีที่ปักกิ่งเกินดุลการค้าอเมริกามหาศาล จากนั้นทั้งสองฝ่ายมีการเรียกเก็บภาษีศุลกากรตอบโต้กันไปมาซึ่งครอบคลุมสินค้ามูลค่าหลายแสนล้านดอลลาร์ ส่งผลให้ห่วงโซ่อุปทานโลกชะงักงัน และสร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจโลก
    .
    สำหรับคราวนี้ บริษัทวิเคราะห์เศรษฐกิจ ออกซ์ฟอร์ด อิโคโนมิกส์ ได้ลดการคาดการณ์อัตราเติบโตของจีนลง พร้อมกับชี้ว่า สงครามการค้าอยู่ในช่วงเริ่มต้น โดยมีแนวโน้มจะมีการขึ้นภาษีศุลกากรตอบโต้กันอีก
    .
    ทั้งนี้ เมื่อวันอาทิตย์ ทรัมป์ได้ออกคำสั่งฝ่ายบริหาร 3 ฉบับ เรียกเก็บภาษีศุลกากรเพิ่มขึ้น 25% กับสินค้านำเข้าจากเม็กซิโกทั้งหมด และกับสินค้านำเข้าจากแคนดา ยกเว้นสินค้าบางชนิดอย่างเช่นน้ำมัน เก็บเพิ่ม 10% และเรียกเก็บเพิ่ม 10% กับสินค้านำเข้าจากจีนทั้งหมด โดยที่เขาให้เหตุผลว่า เพื่อบีบบังคับให้ 3 ประเทศนี้ซึ่งต่างเป็นคู่ค้ารายใหญ่ของสหรัฐฯ ต้องเพิ่มมาตรการแก้ไขปัญหาผู้อพยพผิดกฎหมายอาศัยดินแดนของเม็กซิโกและแคนาดา หลบหนีเข้าสหรัฐฯ ตลอดจนให้เม็กซิโก แคนาดา และจีนเร่งความกวดขันไม่ให้มีการแอบจัดส่งสารเสพติดเฟนทานิลเข้าสู่สหรัฐฯ
    .
    อย่างไรก็ดี ในวันจันทร์ ทรัมป์ได้มีการพูดจาทางโทรศัพท์แยกต่างหากกับนายกรัฐมนตรีจัสติน ทรูโดของแคนาดา และประธานาธิบดีคลอเดีย เชนบามของเม็กซิโก หลังจากนั้น เขาก็สั่งชะลอการเรียกเก็บภาษีศุลกากร 25% กับสินค้านำเข้าจากเม็กซิโกและแคนาดาออกไปอีก 30 วันในนาทีสุดท้าย โดยระบุว่าทั้งผู้นำของแคนาดาและเม็กซิโก ตกลงยกระดับการควบคุมชายแดนตามที่เขาเรียกร้อง เพื่อปราบปรามการลักลอบส่งยาเสพติดและการลักลอบจัดส่งผู้อพยพเข้าอเมริกา
    .
    ทั้งนี้ แคนาดาตกลงใช้เทคโนโลยีใหม่และเจ้าหน้าที่ประจำการบริเวณชายแดนติดกับอเมริกา รวมทั้งร่วมมือกับอเมริกาต่อสู้กับแก๊งอาชญากรรม การลักลอบส่งเฟนทานิล และการฟอกเงิน
    .
    ส่วนเม็กซิโกตกลงส่งสมาชิกกองกำลังป้องกันประเทศ 10,000 นายประจำการบริเวณชายแดนด้านเหนือที่ติดต่อกับสหรัฐฯ เพื่อสกัดผู้ลักลอบข้ามแดนและการส่งยาเสพติดเข้าไปในอเมริกา
    .
    สำหรับกรณีของจีนนั้น ผู้นำของ 2 ประเทศไม่ได้มีการติดต่อพูดโทรศัพท์กัน โดยที่ทำเนียบขาวระบุว่า สี กับ ทรัมป์ จะหารือกันในช่วงต่อไปของสัปดาห์นี้ ดังนั้น จึงหมายความว่า เหลือเพียงจีนประเทศเดียว ที่จะถูกสหรัฐฯ เล่นงานขึ้นภาษีตั้งแต่วันอังคาร
    .
    ทรัมป์ยังเตือนว่า อาจขึ้นภาษีศุลกากรจีนรอบใหม่อีก ยกเว้นจีนจะลงมือสกัดการลักลอบส่งเฟนทานิลเข้าสู่อเมริกา
    .
    ทว่า จีนตอบโต้ว่า เฟนทานิลเป็นปัญหาของอเมริกาเอง และเตรียมร้องเรียนต่อองค์การการค้าโลก (WHO) รวมทั้งใช้มาตรการตอบโต้อื่นๆ ถึงแม้ปักกิ่งบอกด้วยว่า พร้อมเจรจากับอเมริกา
    .
    แกรี อึง นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสของเนติซิสในฮ่องกง ชี้ว่า การตกลงระหว่างอเมริกากับจีนเกี่ยวกับข้อเรียกร้องทางเศรษฐกิจและการเมืองของทรัมป์จะยากกว่ากรณีแคนาดาและเม็กซิโก และถึงแม้ตกลงกันได้ในบางประเด็น แต่เป็นไปได้ว่า ภาษีศุลกากรจะถูกนำมาใช้เป็นเครื่องมือกดดันในประเด็นอื่นๆ อีก และเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ตลาดการเงินผันผวนในปีนี้
    .
    ก่อนหน้านั้นทรัมป์ยอมรับว่า มาตรการภาษีศุลกากรอาจส่งผลลบระยะสั้นต่อผู้บริโภคอเมริกัน แต่ก็อ้างว่าเป็นเรื่องจำเป็นต้องทำ
    .
    ไม่เพียงพุ่งเป้าไปที่ 3 ประเทศดังกล่าวข้างหน้า ในการแถลงเมื่อวันอาทิตย์ (2) ทรัมป์ยังส่งสัญญาณว่า สหภาพยุโรป อาจเป็นเป้าหมายต่อไป
    .
    ต่อมาในวันจันทร์ บรรดาผู้นำอียูที่ร่วมประชุมสุดยอดอย่างไม่เป็นทางการในบรัสเซลส์ได้ประกาศว่า ยุโรปพร้อมตอบโต้ หากอเมริกาเรียกเก็บภาษีศุลกากร แต่ขณะเดียวกันก็เรียกร้องขอเจรจากับวอชิงตัน ซึ่งเป็นหุ้นส่วนการค้าและการลงทุนใหญ่ที่สุด
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000011540
    ..............
    Sondhi X
    สงครามการค้าระดับมหาอำนาจระอุ จีนประกาศตอบโต้มาตรการภาษีศุลกากรของทรัมป์ทันควัน สั่งเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าบางรายการจากอเมริกา รวมทั้งเปิดสอบสวนกูเกิลกรณีผูกขาดตลาด และขึ้นบัญชีบริษัทอเมริกันอีก 2 แห่งในรายชื่อบริษัทที่อาจถูกแซงก์ชัน ทั้งนี้หลังจากเมื่อวันจันทร์ (3) ผู้นำสหรัฐฯ ผ่อนผันหยุดพักการเล่นงานแคนาดากับเม็กซิโกเอาไว้ก่อน ทำให้ 3 ชาติที่ถูกวอชิงตันหมายหัวในตอนแรก เหลือเพียงปักกิ่งเท่านั้นซึ่งเกิดการต่อกรกันอย่างจริงจัง . อเมริกาเริ่มเก็บภาษีศุลกากรสินค้านำเข้าจากจีนทุกรายการเพิ่มขึ้น 10% รวด ตามคำสั่งฝ่ายบริหารของทรัมป์ มีผลเมื่อเวลา 00.01 น. วันอังคาร (4 ก.พ.) ตามเวลาในวอชิงตัน หรือ 12.01 น.ตามเวลาเมืองไทย โดยที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ย้ำข้อกล่าวหาของเขาที่ว่า ปักกิ่งไม่พยายามมากพอในการสกัดการลักลอบขนยาเสพติดแฟนทานิล เข้าสู่อเมริกา . จากนั้นภายในไม่กี่นาทีต่อมา กระทรวงพาณิชย์จีนประกาศขึ้นภาษีศุลกากรที่เรียกเก็บจากถ่านหินและก๊าซธรรมชาติเหลว (แอลเอ็นจี) ซึ่งส่งมาจากอเมริกา สูงขึ้น 15% จาก น้ำมันดิบ อุปกรณ์เกษตรกรรม รถบรรทุก รถซีดาน 10% โดยที่การเรียกเก็บภาษี 10% สำหรับรถกระบะไฟฟ้าที่นำเข้าจากอเมริกานั้น อาจบังคับใช้กับไซเบอร์ทรัค “เทสลา” ของอีลอน มัสก์ในอนาคต . จีนยังประกาศเริ่มการสอบสวนที่มุ่งต่อต้านพฤติการณ์การผูกขาดของกูเกิล ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของอัลฟาเบต รวมทั้งขึ้นบัญชีพีวีเอช คอร์ป บริษัทโฮลดิ้งเจ้าของแบรนด์แคลวิน ไคลน์ และบริษัทเทคโนโลยีชีวภาพ อิลลูมินา เอาไว้ในรายชื่อบริษัทที่อาจถูกแซงก์ชันในจีน โดยบริษัทเหล่านี้ล้วนเป็นกิจการของอเมริกา . นอกจากนั้น กระทรวงพาณิชย์และสำนักงานศุลกากรจีนยังสั่งควบคุมการส่งออกโลหะบางรายการที่จำเป็นสำหรับการผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ อุปกรณ์ทางทหาร และแผงพลังงานแสงอาทิตย์ . มาตรการภาษีศุลกากรใหม่ของจีนเหล่านี้ จะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 10 ก.พ. ซึ่งดูจะเพื่อเปิดโอกาสให้วอชิงตันและปักกิ่งได้ใช้ความพยายามและบรรลุข้อตกลงเพื่อหลีกเลี่ยงสงครามการค้า โดยที่โฆษกทำเนียบขาวก็ระบุเอาไว้ก่อนหน้านี้แล้วว่า ทรัมป์มีแผนหารือกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ปลายสัปดาห์นี้ . ระหว่างดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสมัยแรก ทรัมป์ก็ได้เริ่มสงครามการค้าอันโหดร้ายกับจีนในปี 2018 โดยอ้างเหตุจากกรณีที่ปักกิ่งเกินดุลการค้าอเมริกามหาศาล จากนั้นทั้งสองฝ่ายมีการเรียกเก็บภาษีศุลกากรตอบโต้กันไปมาซึ่งครอบคลุมสินค้ามูลค่าหลายแสนล้านดอลลาร์ ส่งผลให้ห่วงโซ่อุปทานโลกชะงักงัน และสร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจโลก . สำหรับคราวนี้ บริษัทวิเคราะห์เศรษฐกิจ ออกซ์ฟอร์ด อิโคโนมิกส์ ได้ลดการคาดการณ์อัตราเติบโตของจีนลง พร้อมกับชี้ว่า สงครามการค้าอยู่ในช่วงเริ่มต้น โดยมีแนวโน้มจะมีการขึ้นภาษีศุลกากรตอบโต้กันอีก . ทั้งนี้ เมื่อวันอาทิตย์ ทรัมป์ได้ออกคำสั่งฝ่ายบริหาร 3 ฉบับ เรียกเก็บภาษีศุลกากรเพิ่มขึ้น 25% กับสินค้านำเข้าจากเม็กซิโกทั้งหมด และกับสินค้านำเข้าจากแคนดา ยกเว้นสินค้าบางชนิดอย่างเช่นน้ำมัน เก็บเพิ่ม 10% และเรียกเก็บเพิ่ม 10% กับสินค้านำเข้าจากจีนทั้งหมด โดยที่เขาให้เหตุผลว่า เพื่อบีบบังคับให้ 3 ประเทศนี้ซึ่งต่างเป็นคู่ค้ารายใหญ่ของสหรัฐฯ ต้องเพิ่มมาตรการแก้ไขปัญหาผู้อพยพผิดกฎหมายอาศัยดินแดนของเม็กซิโกและแคนาดา หลบหนีเข้าสหรัฐฯ ตลอดจนให้เม็กซิโก แคนาดา และจีนเร่งความกวดขันไม่ให้มีการแอบจัดส่งสารเสพติดเฟนทานิลเข้าสู่สหรัฐฯ . อย่างไรก็ดี ในวันจันทร์ ทรัมป์ได้มีการพูดจาทางโทรศัพท์แยกต่างหากกับนายกรัฐมนตรีจัสติน ทรูโดของแคนาดา และประธานาธิบดีคลอเดีย เชนบามของเม็กซิโก หลังจากนั้น เขาก็สั่งชะลอการเรียกเก็บภาษีศุลกากร 25% กับสินค้านำเข้าจากเม็กซิโกและแคนาดาออกไปอีก 30 วันในนาทีสุดท้าย โดยระบุว่าทั้งผู้นำของแคนาดาและเม็กซิโก ตกลงยกระดับการควบคุมชายแดนตามที่เขาเรียกร้อง เพื่อปราบปรามการลักลอบส่งยาเสพติดและการลักลอบจัดส่งผู้อพยพเข้าอเมริกา . ทั้งนี้ แคนาดาตกลงใช้เทคโนโลยีใหม่และเจ้าหน้าที่ประจำการบริเวณชายแดนติดกับอเมริกา รวมทั้งร่วมมือกับอเมริกาต่อสู้กับแก๊งอาชญากรรม การลักลอบส่งเฟนทานิล และการฟอกเงิน . ส่วนเม็กซิโกตกลงส่งสมาชิกกองกำลังป้องกันประเทศ 10,000 นายประจำการบริเวณชายแดนด้านเหนือที่ติดต่อกับสหรัฐฯ เพื่อสกัดผู้ลักลอบข้ามแดนและการส่งยาเสพติดเข้าไปในอเมริกา . สำหรับกรณีของจีนนั้น ผู้นำของ 2 ประเทศไม่ได้มีการติดต่อพูดโทรศัพท์กัน โดยที่ทำเนียบขาวระบุว่า สี กับ ทรัมป์ จะหารือกันในช่วงต่อไปของสัปดาห์นี้ ดังนั้น จึงหมายความว่า เหลือเพียงจีนประเทศเดียว ที่จะถูกสหรัฐฯ เล่นงานขึ้นภาษีตั้งแต่วันอังคาร . ทรัมป์ยังเตือนว่า อาจขึ้นภาษีศุลกากรจีนรอบใหม่อีก ยกเว้นจีนจะลงมือสกัดการลักลอบส่งเฟนทานิลเข้าสู่อเมริกา . ทว่า จีนตอบโต้ว่า เฟนทานิลเป็นปัญหาของอเมริกาเอง และเตรียมร้องเรียนต่อองค์การการค้าโลก (WHO) รวมทั้งใช้มาตรการตอบโต้อื่นๆ ถึงแม้ปักกิ่งบอกด้วยว่า พร้อมเจรจากับอเมริกา . แกรี อึง นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสของเนติซิสในฮ่องกง ชี้ว่า การตกลงระหว่างอเมริกากับจีนเกี่ยวกับข้อเรียกร้องทางเศรษฐกิจและการเมืองของทรัมป์จะยากกว่ากรณีแคนาดาและเม็กซิโก และถึงแม้ตกลงกันได้ในบางประเด็น แต่เป็นไปได้ว่า ภาษีศุลกากรจะถูกนำมาใช้เป็นเครื่องมือกดดันในประเด็นอื่นๆ อีก และเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ตลาดการเงินผันผวนในปีนี้ . ก่อนหน้านั้นทรัมป์ยอมรับว่า มาตรการภาษีศุลกากรอาจส่งผลลบระยะสั้นต่อผู้บริโภคอเมริกัน แต่ก็อ้างว่าเป็นเรื่องจำเป็นต้องทำ . ไม่เพียงพุ่งเป้าไปที่ 3 ประเทศดังกล่าวข้างหน้า ในการแถลงเมื่อวันอาทิตย์ (2) ทรัมป์ยังส่งสัญญาณว่า สหภาพยุโรป อาจเป็นเป้าหมายต่อไป . ต่อมาในวันจันทร์ บรรดาผู้นำอียูที่ร่วมประชุมสุดยอดอย่างไม่เป็นทางการในบรัสเซลส์ได้ประกาศว่า ยุโรปพร้อมตอบโต้ หากอเมริกาเรียกเก็บภาษีศุลกากร แต่ขณะเดียวกันก็เรียกร้องขอเจรจากับวอชิงตัน ซึ่งเป็นหุ้นส่วนการค้าและการลงทุนใหญ่ที่สุด . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000011540 .............. Sondhi X
    Like
    13
    0 Comments 1 Shares 2910 Views 0 Reviews
  • 158 ปี ยุคเมจิญี่ปุ่น เมื่อมกุฎราชกุมารมุตสึฮิโตะ ขึ้นครองราชย์ ปฏิรูปประเทศเพียง 2 ทศวรรษ จากด้อยพัฒนา สู่ประเทศอุตสาหกรรม

    ย้อนกลับไปเมื่อ 158 ปี ที่ผ่านมา วันที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2410 นับเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ ในประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น เมื่อ "มกุฎราชกุมารมุตสึฮิโตะ" ขึ้นครองราชบัลลังก์ กลายเป็น "จักรพรรดิเมจิ" (Meiji Emperor) และนำพาญี่ปุ่นเข้าสู่ ยุคแห่งการเปลี่ยนแปลง ที่ยิ่งใหญ่

    ในระยะเวลาเพียง 20 ปี ญี่ปุ่นสามารถเปลี่ยนแปลง จากรัฐศักดินาที่ล้าหลัง ไปสู่ประเทศอุตสาหกรรม ที่ทรงอิทธิพลในภูมิภาคเอเชีย ได้อย่างน่าทึ่ง!

    จากมกุฎราชกุมาร สู่ผู้นำจักรวรรดิญี่ปุ่น
    "มุตสึฮิโตะ" หรือที่รู้จักกันในพระนาม "จักรพรรดิเมจิ" (明治天皇, Meiji Tennō) เป็นจักรพรรดิ องค์ที่ 122 ของญี่ปุ่น ทรงครองราชย์ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2410 - 2455 (ค.ศ. 1867 - 1912) ถือเป็นยุคเปลี่ยนผ่าน ที่สำคัญที่สุด ในประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น

    ก่อนขึ้นครองราชย์ ญี่ปุ่นยังคงเป็นรัฐศักดินา ภายใต้การปกครอง ของโชกุนโทกูงาวะ (Tokugawa Shogunate) ซึ่งดำเนินนโยบาย "ซะโกกุ" (鎖国, Sakoku) หรือการปิดประเทศมากว่า 250 ปี ทำให้ญี่ปุ่นล้าหลัง ทั้งในด้านเศรษฐกิจ การเมือง และเทคโนโลยี

    แต่เมื่อพระองค์ขึ้นครองราชย์ การปฏิรูปครั้งใหญ่ ได้เริ่มต้นขึ้น

    การล่มสลายของโชกุน และระบบซามูไร
    หลังจากที่จักรพรรดิเมจิ ขึ้นครองราชย์ รัฐบาลโชกุนโทกูงาวะ ถูกโค่นล้มในปี พ.ศ. 2411 โดยกองกำลัง ของกลุ่มแคว้นศักดินา ซัตสึมะ (Satsuma) และโชชู (Chōshū) ในสงครามโบชิน (Boshin War)

    การสิ้นสุดของโชกุน ส่งผลให้ระบบซามูไร ถูกยกเลิก ประชาชนทุกคน ได้รับสิทธิเท่าเทียมกัน ไม่มีชนชั้นสูง ที่ได้รับอภิสิทธิ์ เหนือกว่าคนทั่วไปอีกต่อไป

    ย้ายเมืองหลวงจากเกียวโต สู่โตเกียว
    จักรพรรดิเมจิ ได้ย้ายเมืองหลวงจากเกียวโต มายังเอโดะ และเปลี่ยนชื่อเมืองเป็น "โตเกียว" (Tokyo, 東京) กลายเป็นศูนย์กลาง อำนาจทางการเมือง และเศรษฐกิจของญี่ปุ่น

    ปฏิรูปประเทศปูทางสู่มหาอำนาจโลก
    ปฏิรูประบบการเมือง จากสมบูรณาญาสิทธิราชย์ สู่รัฐธรรมนูญ
    รัฐบาลเมจิประกาศใช้ "รัฐธรรมนูญเมจิ" (Meiji Constitution) ในปี พ.ศ. 2432 (ค.ศ. 1889) ซึ่งได้รับอิทธิพลจาก รัฐธรรมนูญของเยอรมนี ทำให้ญี่ปุ่นมีระบบรัฐสภา (Diet, 国会) ที่ประกอบด้วย
    สภาขุนนาง (House of Peers)
    สภาผู้แทนราษฎร (House of Representatives)

    แต่ถึงแม้จะมีระบบรัฐสภา อำนาจสูงสุด ยังคงอยู่ที่จักรพรรดิ และขุนนางชั้นสูง ซึ่งแตกต่างจากประชาธิปไตยตะวันตก

    ปฏิรูปเศรษฐกิจ ญี่ปุ่นเข้าสู่ยุคอุตสาหกรรม
    ก่อนการปฏิรูป ญี่ปุ่นพึ่งพาเกษตรกรรม และมีระบบศักดินา ที่ไม่เอื้อต่อการพัฒนาเศรษฐกิจ แต่หลังจากการปฏิรูป ประเทศญี่ปุ่นได้กลายเป็น ศูนย์กลางอุตสาหกรรมของเอเชีย

    การเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ
    ยกเลิกระบบศักดินา นำที่ดินคืนจากไดเมียว (ขุนนางศักดินา) และจัดสรรให้เกษตรกร
    ก่อตั้งระบบธนาคารและเงินตรา ใช้เงินเยน (¥) เป็นสกุลเงินหลัก
    สร้างทางรถไฟ และระบบคมนาคม ทำให้เศรษฐกิจเติบโตเร็วขึ้น
    ลงทุนในอุตสาหกรรม เช่น อุตสาหกรรมเหล็กกล้า สิ่งทอ และเรือเดินสมุทร

    ปฏิรูประบบการศึกษา สร้างชาติด้วยความรู้
    ในปี พ.ศ. 2415 (ค.ศ. 1872) รัฐบาลเมจิออกกฎหมาย การศึกษาภาคบังคับ ให้เด็กทุกคน ต้องเรียนหนังสือ

    หลักสูตรการศึกษา
    วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ตามแบบตะวันตก
    ลัทธิขงจื๊อ และความจงรักภักดีต่อจักรพรรดิ
    ส่งนักเรียนไปศึกษาต่อต่างประเทศ

    ผลลัพธ์คือ ญี่ปุ่นมีประชากร ที่มีการศึกษาสูงสุดในเอเชีย ภายในเวลาไม่กี่สิบปี

    สงครามและชัยชนะ ที่เปลี่ยนชะตาญี่ปุ่น
    สงครามจีน-ญี่ปุ่น (Sino-Japanese War, 1894-1895)
    ญี่ปุ่นสามารถเอาชนะจีน และยึดครองไต้หวัน

    สงครามรัสเซีย-ญี่ปุ่น (Russo-Japanese War, 1904-1905)
    ญี่ปุ่นกลายเป็นประเทศเอเชียชาติแรก ที่สามารถเอาชนะ มหาอำนาจยุโรปได้!

    20 ปี แห่งการเปลี่ยนแปลง สู่มหาอำนาจโลก
    จากรัฐศักดินา สู่รัฐอุตสาหกรรม
    จากระบบซามูไร สู่ระบบทหารสมัยใหม่
    จากประเทศปิดตัวเอง สู่ประเทศมหาอำนาจระดับโลก

    ยุคเมจิพิสูจน์ให้เห็นว่า "การเปลี่ยนแปลง" คือกุญแจสู่ความก้าวหน้า!

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 031455 ก.พ. 2568

    #MeijiEra #JapanHistory #จักรพรรดิเมจิ #ปฏิรูปญี่ปุ่น #ยุคเมจิ #ประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น #MeijiRestoration #JapanEmpire #JapaneseIndustry #ModernizationJapan
    158 ปี ยุคเมจิญี่ปุ่น เมื่อมกุฎราชกุมารมุตสึฮิโตะ ขึ้นครองราชย์ ปฏิรูปประเทศเพียง 2 ทศวรรษ จากด้อยพัฒนา สู่ประเทศอุตสาหกรรม 📅 ย้อนกลับไปเมื่อ 158 ปี ที่ผ่านมา วันที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2410 นับเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ ในประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น เมื่อ "มกุฎราชกุมารมุตสึฮิโตะ" ขึ้นครองราชบัลลังก์ กลายเป็น "จักรพรรดิเมจิ" (Meiji Emperor) และนำพาญี่ปุ่นเข้าสู่ ยุคแห่งการเปลี่ยนแปลง ที่ยิ่งใหญ่ ในระยะเวลาเพียง 20 ปี ญี่ปุ่นสามารถเปลี่ยนแปลง จากรัฐศักดินาที่ล้าหลัง ไปสู่ประเทศอุตสาหกรรม ที่ทรงอิทธิพลในภูมิภาคเอเชีย ได้อย่างน่าทึ่ง! 📈✨ 👑 จากมกุฎราชกุมาร สู่ผู้นำจักรวรรดิญี่ปุ่น 👑 "มุตสึฮิโตะ" หรือที่รู้จักกันในพระนาม "จักรพรรดิเมจิ" (明治天皇, Meiji Tennō) เป็นจักรพรรดิ องค์ที่ 122 ของญี่ปุ่น ทรงครองราชย์ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2410 - 2455 (ค.ศ. 1867 - 1912) ถือเป็นยุคเปลี่ยนผ่าน ที่สำคัญที่สุด ในประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น ก่อนขึ้นครองราชย์ ญี่ปุ่นยังคงเป็นรัฐศักดินา ภายใต้การปกครอง ของโชกุนโทกูงาวะ (Tokugawa Shogunate) ซึ่งดำเนินนโยบาย "ซะโกกุ" (鎖国, Sakoku) หรือการปิดประเทศมากว่า 250 ปี ทำให้ญี่ปุ่นล้าหลัง ทั้งในด้านเศรษฐกิจ การเมือง และเทคโนโลยี แต่เมื่อพระองค์ขึ้นครองราชย์ การปฏิรูปครั้งใหญ่ ได้เริ่มต้นขึ้น 🏗️⚙️ 🔻 การล่มสลายของโชกุน และระบบซามูไร ⚔️ หลังจากที่จักรพรรดิเมจิ ขึ้นครองราชย์ รัฐบาลโชกุนโทกูงาวะ ถูกโค่นล้มในปี พ.ศ. 2411 โดยกองกำลัง ของกลุ่มแคว้นศักดินา ซัตสึมะ (Satsuma) และโชชู (Chōshū) ในสงครามโบชิน (Boshin War) การสิ้นสุดของโชกุน ส่งผลให้ระบบซามูไร ถูกยกเลิก ประชาชนทุกคน ได้รับสิทธิเท่าเทียมกัน ไม่มีชนชั้นสูง ที่ได้รับอภิสิทธิ์ เหนือกว่าคนทั่วไปอีกต่อไป 📍 ย้ายเมืองหลวงจากเกียวโต สู่โตเกียว จักรพรรดิเมจิ ได้ย้ายเมืองหลวงจากเกียวโต มายังเอโดะ และเปลี่ยนชื่อเมืองเป็น "โตเกียว" (Tokyo, 東京) กลายเป็นศูนย์กลาง อำนาจทางการเมือง และเศรษฐกิจของญี่ปุ่น 🏛️ ปฏิรูปประเทศปูทางสู่มหาอำนาจโลก 📜 ปฏิรูประบบการเมือง จากสมบูรณาญาสิทธิราชย์ สู่รัฐธรรมนูญ รัฐบาลเมจิประกาศใช้ "รัฐธรรมนูญเมจิ" (Meiji Constitution) ในปี พ.ศ. 2432 (ค.ศ. 1889) ซึ่งได้รับอิทธิพลจาก รัฐธรรมนูญของเยอรมนี ทำให้ญี่ปุ่นมีระบบรัฐสภา (Diet, 国会) ที่ประกอบด้วย ✅ สภาขุนนาง (House of Peers) ✅ สภาผู้แทนราษฎร (House of Representatives) แต่ถึงแม้จะมีระบบรัฐสภา อำนาจสูงสุด ยังคงอยู่ที่จักรพรรดิ และขุนนางชั้นสูง ซึ่งแตกต่างจากประชาธิปไตยตะวันตก 🏭 ปฏิรูปเศรษฐกิจ ญี่ปุ่นเข้าสู่ยุคอุตสาหกรรม ก่อนการปฏิรูป ญี่ปุ่นพึ่งพาเกษตรกรรม และมีระบบศักดินา ที่ไม่เอื้อต่อการพัฒนาเศรษฐกิจ แต่หลังจากการปฏิรูป ประเทศญี่ปุ่นได้กลายเป็น ศูนย์กลางอุตสาหกรรมของเอเชีย 📌 การเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ 🔹 ยกเลิกระบบศักดินา นำที่ดินคืนจากไดเมียว (ขุนนางศักดินา) และจัดสรรให้เกษตรกร 📜 🔹 ก่อตั้งระบบธนาคารและเงินตรา ใช้เงินเยน (¥) เป็นสกุลเงินหลัก 💴 🔹 สร้างทางรถไฟ และระบบคมนาคม ทำให้เศรษฐกิจเติบโตเร็วขึ้น 🚄 🔹 ลงทุนในอุตสาหกรรม เช่น อุตสาหกรรมเหล็กกล้า สิ่งทอ และเรือเดินสมุทร 🏭 🎓 ปฏิรูประบบการศึกษา สร้างชาติด้วยความรู้ ในปี พ.ศ. 2415 (ค.ศ. 1872) รัฐบาลเมจิออกกฎหมาย การศึกษาภาคบังคับ ให้เด็กทุกคน ต้องเรียนหนังสือ 👨‍🎓📚 หลักสูตรการศึกษา 📌 วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ตามแบบตะวันตก 📌 ลัทธิขงจื๊อ และความจงรักภักดีต่อจักรพรรดิ 📌 ส่งนักเรียนไปศึกษาต่อต่างประเทศ ผลลัพธ์คือ ญี่ปุ่นมีประชากร ที่มีการศึกษาสูงสุดในเอเชีย ภายในเวลาไม่กี่สิบปี ⚔️ สงครามและชัยชนะ ที่เปลี่ยนชะตาญี่ปุ่น ⚔️ สงครามจีน-ญี่ปุ่น (Sino-Japanese War, 1894-1895) ญี่ปุ่นสามารถเอาชนะจีน และยึดครองไต้หวัน 🇹🇼 ⚔️ สงครามรัสเซีย-ญี่ปุ่น (Russo-Japanese War, 1904-1905) ญี่ปุ่นกลายเป็นประเทศเอเชียชาติแรก ที่สามารถเอาชนะ มหาอำนาจยุโรปได้! 🇯🇵💥 🔚 20 ปี แห่งการเปลี่ยนแปลง สู่มหาอำนาจโลก ✅ จากรัฐศักดินา สู่รัฐอุตสาหกรรม ✅ จากระบบซามูไร สู่ระบบทหารสมัยใหม่ ✅ จากประเทศปิดตัวเอง สู่ประเทศมหาอำนาจระดับโลก ยุคเมจิพิสูจน์ให้เห็นว่า "การเปลี่ยนแปลง" คือกุญแจสู่ความก้าวหน้า! 🔑🚀 ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 031455 ก.พ. 2568 🔗 #MeijiEra #JapanHistory #จักรพรรดิเมจิ #ปฏิรูปญี่ปุ่น #ยุคเมจิ #ประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น #MeijiRestoration #JapanEmpire #JapaneseIndustry #ModernizationJapan
    Like
    2
    0 Comments 0 Shares 1251 Views 0 Reviews
  • Pixxel สตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยีอวกาศของอินเดียที่ได้รับการสนับสนุนจาก Google ได้เปิดตัวดาวเทียมถ่ายภาพไฮเปอร์สเปกตรัมสามดวงจากหกดวงบนจรวด SpaceX จากแคลิฟอร์เนียเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา การเปิดตัวครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญสำหรับภาคเอกชนด้านอวกาศที่กำลังเติบโตของอินเดีย และสำหรับ Pixxel ซึ่งเป็นสตาร์ทอัพที่มีอายุเพียงห้าปี

    ดาวเทียมเหล่านี้ใช้เทคโนโลยีการถ่ายภาพไฮเปอร์สเปกตรัม ซึ่งสามารถจับข้อมูลรายละเอียดสูงในหลายแถบแสง เพื่อให้บริการในอุตสาหกรรมต่าง ๆ เช่น เกษตรกรรม การทำเหมือง การตรวจสอบสิ่งแวดล้อม และการป้องกันประเทศ เทคโนโลยีนี้สามารถช่วยให้ข้อมูลเชิงลึกในการปรับปรุงผลผลิตทางการเกษตรของอินเดีย ติดตามทรัพยากร ตรวจสอบการรั่วไหลของน้ำมัน และขอบเขตทางภูมิศาสตร์ได้ดีกว่าเทคโนโลยีปัจจุบัน

    ดาวเทียมอีกสามดวงที่เหลือคาดว่าจะถูกปล่อยในไตรมาสที่สองของปีนี้ จรวด SpaceX ยังบรรทุกดาวเทียมจากบริษัทอวกาศอินเดียอีกแห่งหนึ่งชื่อ Diganatara

    Awais Ahmed ผู้ก่อตั้งและ CEO ของ Pixxel กล่าวว่า "ตลาดภาพถ่ายดาวเทียมคาดว่าจะมีมูลค่าถึง 19 พันล้านดอลลาร์ภายในปี 2029 และการถ่ายภาพไฮเปอร์สเปกตรัมซึ่งเป็นเทคโนโลยีใหม่สามารถครองส่วนแบ่งตลาดได้ระหว่าง 500 ล้านถึง 1 พันล้านดอลลาร์"

    Pixxel มีแผนที่จะเพิ่มยานอวกาศอีก 18 ลำจากที่พัฒนาแล้ว 6 ลำ และได้ลงนามกับลูกค้าประมาณ 65 ราย รวมถึง Rio Tinto, British Petroleum และกระทรวงเกษตรของอินเดีย โดยบางรายได้เริ่มจ่ายเงินสำหรับข้อมูลจากดาวเทียมทดลองแล้ว

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/01/15/google-backed-pixxel-successfully-launches-india039s-first-private-satellite-constellation
    Pixxel สตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยีอวกาศของอินเดียที่ได้รับการสนับสนุนจาก Google ได้เปิดตัวดาวเทียมถ่ายภาพไฮเปอร์สเปกตรัมสามดวงจากหกดวงบนจรวด SpaceX จากแคลิฟอร์เนียเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา การเปิดตัวครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญสำหรับภาคเอกชนด้านอวกาศที่กำลังเติบโตของอินเดีย และสำหรับ Pixxel ซึ่งเป็นสตาร์ทอัพที่มีอายุเพียงห้าปี ดาวเทียมเหล่านี้ใช้เทคโนโลยีการถ่ายภาพไฮเปอร์สเปกตรัม ซึ่งสามารถจับข้อมูลรายละเอียดสูงในหลายแถบแสง เพื่อให้บริการในอุตสาหกรรมต่าง ๆ เช่น เกษตรกรรม การทำเหมือง การตรวจสอบสิ่งแวดล้อม และการป้องกันประเทศ เทคโนโลยีนี้สามารถช่วยให้ข้อมูลเชิงลึกในการปรับปรุงผลผลิตทางการเกษตรของอินเดีย ติดตามทรัพยากร ตรวจสอบการรั่วไหลของน้ำมัน และขอบเขตทางภูมิศาสตร์ได้ดีกว่าเทคโนโลยีปัจจุบัน ดาวเทียมอีกสามดวงที่เหลือคาดว่าจะถูกปล่อยในไตรมาสที่สองของปีนี้ จรวด SpaceX ยังบรรทุกดาวเทียมจากบริษัทอวกาศอินเดียอีกแห่งหนึ่งชื่อ Diganatara Awais Ahmed ผู้ก่อตั้งและ CEO ของ Pixxel กล่าวว่า "ตลาดภาพถ่ายดาวเทียมคาดว่าจะมีมูลค่าถึง 19 พันล้านดอลลาร์ภายในปี 2029 และการถ่ายภาพไฮเปอร์สเปกตรัมซึ่งเป็นเทคโนโลยีใหม่สามารถครองส่วนแบ่งตลาดได้ระหว่าง 500 ล้านถึง 1 พันล้านดอลลาร์" Pixxel มีแผนที่จะเพิ่มยานอวกาศอีก 18 ลำจากที่พัฒนาแล้ว 6 ลำ และได้ลงนามกับลูกค้าประมาณ 65 ราย รวมถึง Rio Tinto, British Petroleum และกระทรวงเกษตรของอินเดีย โดยบางรายได้เริ่มจ่ายเงินสำหรับข้อมูลจากดาวเทียมทดลองแล้ว https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/01/15/google-backed-pixxel-successfully-launches-india039s-first-private-satellite-constellation
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Google-backed Pixxel successfully launches India's first private satellite constellation
    BENGALURU (Reuters) - India's space tech startup Pixxel launched three of its six hyperspectral imaging satellites aboard a SpaceX rocket from California on Tuesday.
    0 Comments 0 Shares 398 Views 0 Reviews
  • แก้ชง...ถูกเวลา ถูกองค์

    ทุกวันนี้คนส่วนใหญ่ต่างเชื่อว่า วันขึ้นปีใหม่เปรียบเสมือนเป็นวันเริ่มต้นชีวิตใหม่ หากได้ริเริ่ม กระทำสิ่งมงคลแก่ชีวิตย่อมเสริมส่งชะตาของตนได้ตลอดทั้งปี ดั่งเช่น การไหว้แก้ชงในช่วงต้นปีจะช่วยปัดเป่าเคราะห์ร้ายภัยเวรของตนได้ อีกทั้งยังช่วยประทานพรความสุขสิริมงคลแก่ชีวิตให้ไม่ตกต่ำย่ำแย่สาหัสจนเกินไป โดยไม่เคยรับรู้เลยว่าวันเริ่มต้นปีใหม่ทางโหราศาสตร์จีนที่แท้จริงนั้นคือวันใด บ้างก็เข้าใจว่าเป็นวันที่ 1 มกราคมของทุกปี บ้างก็คิดว่าเป็นวัน 初一 (ชิวอิก)ในเทศกาลตรุษจีน ซึ่งความเข้าใจเหล่านั้นค่อนข้างจะคลาดเคลื่อนเป็นอันมาก เพราะหากแก้ชงผิดช่วงห้วงเวลาย่อมส่งผลกระทบต่อการไหว้ให้ถูกต้องถูกองค์ต่อองค์เทพเจ้าคุ้มครองดวงชะตา 太歲爺 (ไท๊ส่วยเอี๊ย) ประจำปีใหม่นั้นๆไปด้วย
    โหราศาสตร์จีนโบราณจะประกอบด้วยฤดูใบไม้ผลิ ฤดูร้อน ฤดูใบไม้ร่วง และฤดูหนาว โดยจะเริ่มฤดูใบไม้ผลิเป็นต้นแห่งฤดูกาลประมาณช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ของทุกๆปีตามที่ชาวจีนเรียกสาร์ทๆนี้ว่า สาร์ท "立春"(หลิบชุน) เป็นจุดเริ่มต้นแห่งการผลัดเปลี่ยนนักษัตรประจำปีในแต่ละปี

    ประเทศจีนเป็นประเทศเกษตรกรรมมาแต่เก่าก่อน ฤดูใบไม้ผลิจึงเปรียบเสมือนธาตุไม้ที่เป็นตัวแทนแห่งการก่อเกิดของมวลสรรพสิ่ง ด้วยสภาพอากาศที่เหมาะแก่การเพาะปลูกส่งผลให้เกิดผลิตผลเป็นจำนวนมาก ญาติพี่น้องลูกหลานที่อยู่ต่างถิ่นจะเดินทางกลับมาช่วยกันหว่านไถเพาะปลูก จึงถือโอกาสนี้เป็นจุดเริ่มต้นแห่งการผลัดเปลี่ยนนักษัตรประจำปี ซึ่งในปีพ.ศ.2568 นี้จะตรงกับวันจันทร์ที่ 3 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา 22:10 น. ถึงจะนับได้ว่าเข้าสู่ปีมะเส็งไม้乙巳(อิกจี๋) ธาตุไฟ เต็มตัวอย่างแท้จริง

    สำหรับท่านที่แก้ชงก่อนหน้าสำเร็จเสร็จสิ้นเป็นที่เรียบร้อยแล้วควรกลับไปแก้ชงอีกครั้ง หลังวันและเวลาดังกล่าว เพื่อแสดงตนเป็นลูกหลานพร้อมขอขมาและกราบสักการะบูชาต่อองค์เทพเจ้าเฝ้าดูแลดวงชะตา“太歲爺”(ไท๊ส่วยเอี๊ย) ประจำปีจร 2568 มะเส็งไม้“乙巳”(อิกจี๋) ธาตุไฟ ที่มีพระนามว่า“吳遂大星軍”(โง้วซุ้ยไต่แชกุง) จึงจะแก้ชงได้ถูกต้องถูกองค์
    ___________________________________
    FengshuiBizDesigner
    ฮวงจุ้ย...ออกแบบได้

    เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ แอดเลย!! คลิก https://lin.ee/nyL0NuG
    ติดต่อ : 066-095-4524 (จิม) , 081-625-2587(ด็อง)
    .
    .
    #ดูดวงธุรกิจ #โลโก้ดี #ออกแบบโลโก้ #เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ #ฮวงจุ้ย #พี่อ๋า #สมศักดิ์ #ชาคริตฐากูร
    #FengshuiBiz #FengshuiBizDesigner
    แก้ชง...ถูกเวลา ถูกองค์ ทุกวันนี้คนส่วนใหญ่ต่างเชื่อว่า วันขึ้นปีใหม่เปรียบเสมือนเป็นวันเริ่มต้นชีวิตใหม่ หากได้ริเริ่ม กระทำสิ่งมงคลแก่ชีวิตย่อมเสริมส่งชะตาของตนได้ตลอดทั้งปี ดั่งเช่น การไหว้แก้ชงในช่วงต้นปีจะช่วยปัดเป่าเคราะห์ร้ายภัยเวรของตนได้ อีกทั้งยังช่วยประทานพรความสุขสิริมงคลแก่ชีวิตให้ไม่ตกต่ำย่ำแย่สาหัสจนเกินไป โดยไม่เคยรับรู้เลยว่าวันเริ่มต้นปีใหม่ทางโหราศาสตร์จีนที่แท้จริงนั้นคือวันใด บ้างก็เข้าใจว่าเป็นวันที่ 1 มกราคมของทุกปี บ้างก็คิดว่าเป็นวัน 初一 (ชิวอิก)ในเทศกาลตรุษจีน ซึ่งความเข้าใจเหล่านั้นค่อนข้างจะคลาดเคลื่อนเป็นอันมาก เพราะหากแก้ชงผิดช่วงห้วงเวลาย่อมส่งผลกระทบต่อการไหว้ให้ถูกต้องถูกองค์ต่อองค์เทพเจ้าคุ้มครองดวงชะตา 太歲爺 (ไท๊ส่วยเอี๊ย) ประจำปีใหม่นั้นๆไปด้วย โหราศาสตร์จีนโบราณจะประกอบด้วยฤดูใบไม้ผลิ ฤดูร้อน ฤดูใบไม้ร่วง และฤดูหนาว โดยจะเริ่มฤดูใบไม้ผลิเป็นต้นแห่งฤดูกาลประมาณช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ของทุกๆปีตามที่ชาวจีนเรียกสาร์ทๆนี้ว่า สาร์ท "立春"(หลิบชุน) เป็นจุดเริ่มต้นแห่งการผลัดเปลี่ยนนักษัตรประจำปีในแต่ละปี ประเทศจีนเป็นประเทศเกษตรกรรมมาแต่เก่าก่อน ฤดูใบไม้ผลิจึงเปรียบเสมือนธาตุไม้ที่เป็นตัวแทนแห่งการก่อเกิดของมวลสรรพสิ่ง ด้วยสภาพอากาศที่เหมาะแก่การเพาะปลูกส่งผลให้เกิดผลิตผลเป็นจำนวนมาก ญาติพี่น้องลูกหลานที่อยู่ต่างถิ่นจะเดินทางกลับมาช่วยกันหว่านไถเพาะปลูก จึงถือโอกาสนี้เป็นจุดเริ่มต้นแห่งการผลัดเปลี่ยนนักษัตรประจำปี ซึ่งในปีพ.ศ.2568 นี้จะตรงกับวันจันทร์ที่ 3 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา 22:10 น. ถึงจะนับได้ว่าเข้าสู่ปีมะเส็งไม้乙巳(อิกจี๋) ธาตุไฟ เต็มตัวอย่างแท้จริง สำหรับท่านที่แก้ชงก่อนหน้าสำเร็จเสร็จสิ้นเป็นที่เรียบร้อยแล้วควรกลับไปแก้ชงอีกครั้ง หลังวันและเวลาดังกล่าว เพื่อแสดงตนเป็นลูกหลานพร้อมขอขมาและกราบสักการะบูชาต่อองค์เทพเจ้าเฝ้าดูแลดวงชะตา“太歲爺”(ไท๊ส่วยเอี๊ย) ประจำปีจร 2568 มะเส็งไม้“乙巳”(อิกจี๋) ธาตุไฟ ที่มีพระนามว่า“吳遂大星軍”(โง้วซุ้ยไต่แชกุง) จึงจะแก้ชงได้ถูกต้องถูกองค์ ___________________________________ FengshuiBizDesigner ฮวงจุ้ย...ออกแบบได้ เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ แอดเลย!! คลิก https://lin.ee/nyL0NuG ติดต่อ : 066-095-4524 (จิม) , 081-625-2587(ด็อง) . . #ดูดวงธุรกิจ #โลโก้ดี #ออกแบบโลโก้ #เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ #ฮวงจุ้ย #พี่อ๋า #สมศักดิ์ #ชาคริตฐากูร #FengshuiBiz #FengshuiBizDesigner
    0 Comments 0 Shares 674 Views 0 Reviews
  • ๘ มกราคม ๒๕๖๘ วันคล้ายวันประสูติ
    สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา

    ทรงพระเจริญ 🙏🏼

    ควรมิควรแล้วแต่จะโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม
    ข้าพระพุทธเจ้า ผู้ประกอบวิชาชีพเกษตรกรรม บ้านไร่นาโสก อ.เมือง จ.มุกดาหาร
    ๘ มกราคม ๒๕๖๘ วันคล้ายวันประสูติ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ทรงพระเจริญ 🙏🏼✨ ควรมิควรแล้วแต่จะโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ข้าพระพุทธเจ้า ผู้ประกอบวิชาชีพเกษตรกรรม บ้านไร่นาโสก อ.เมือง จ.มุกดาหาร 🇹🇭
    Love
    1
    0 Comments 0 Shares 527 Views 0 Reviews
More Results