• ระวังตัณหา
    พาก่อกรรมชั่ว
    เดือดร้อนไปทั่ว
    พัวพันถึงตัว

    กิเลสความอยาก
    ลากพาไปทั่ว
    ก่อกรรมทำชั่ว
    นัวเนียติดอยู่

    อยากหรือไม่อยาก
    หากไม่ตามรู้
    ควบคุมให้อยู่
    สู้ทุกข์ไม่ได้

    อยากหรือไม่อยาก
    หากสติหาย
    กระวนกระวาย
    ไปตามความอยาก

    กิเลสกรรมชั่ว
    พัวพันความอยาก
    ยึดแล้วลำบาก
    ลากสู่ทุกข์ภัย

    ยิ่งยึดยิ่งทุกข์
    ซุกหมักหมมไว้
    ชำระไม่ได้
    ล้วนไม่สบาย

    ศีลธรรมกรรมดี
    มีอยากทำไป
    สติครองไว้
    ทำไปวางไป

    มีธรรมสายกลาง
    ทางประเสริฐไว้
    รู้ตามจริงได้
    ไกลทุกข์พอใจ

    ขอให้พบธรรมความดีมีสุข ยิ่งทำยิ่งเจริญรุ่งเรือง สวัสดีมงคลชัย

    นิพพานะ ปัจจะโยโหตุ
    ระวังตัณหา พาก่อกรรมชั่ว เดือดร้อนไปทั่ว พัวพันถึงตัว กิเลสความอยาก ลากพาไปทั่ว ก่อกรรมทำชั่ว นัวเนียติดอยู่ อยากหรือไม่อยาก หากไม่ตามรู้ ควบคุมให้อยู่ สู้ทุกข์ไม่ได้ อยากหรือไม่อยาก หากสติหาย กระวนกระวาย ไปตามความอยาก กิเลสกรรมชั่ว พัวพันความอยาก ยึดแล้วลำบาก ลากสู่ทุกข์ภัย ยิ่งยึดยิ่งทุกข์ ซุกหมักหมมไว้ ชำระไม่ได้ ล้วนไม่สบาย ศีลธรรมกรรมดี มีอยากทำไป สติครองไว้ ทำไปวางไป มีธรรมสายกลาง ทางประเสริฐไว้ รู้ตามจริงได้ ไกลทุกข์พอใจ ขอให้พบธรรมความดีมีสุข ยิ่งทำยิ่งเจริญรุ่งเรือง สวัสดีมงคลชัย นิพพานะ ปัจจะโยโหตุ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 18 มุมมอง 0 รีวิว
  • อริยสาวกพึงฝึกหัดศึกษาว่ารายละเอียดที่ควรศึกษาเกี่ยวกับกาม
    สัทธรรมลำดับที่ : 269
    ชื่อบทธรรม :- รายละเอียดที่ควรศึกษาเกี่ยวกับกาม
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=269
    เนื้อความทั้งหมด :-
    --รายละเอียดที่ควรศึกษาเกี่ยวกับกาม
    --ภิกษุ ท. ! ที่เรากล่าวว่า
    “กาม นิทานสัมภวะแห่งกาม เวมัตตตา แห่งกาม
    วิบากแห่งกาม นิโรธแห่งกาม ปฏิปทาให้ถึงซึ่งนิโรธแห่งกาม เป็นสิ่งที่ควรรู้แจ้ง”
    นั้น เรากล่าวหมายถึงกามไหนกันเล่า ?
    --ภิกษุ ท. ! กามคุณ ๕ อย่างเหล่านี้ คือ
    รูป ทั้งหลาย อันจะพึงรู้แจ้งได้ด้วยจักษุ(ตา)
    ....
    เสียง ทั้งหลาย อันจะถึงรู้แจ้งได้ด้วยโสตะ(หู)
    ....
    กลิ่น ทั้งหลาย อันจะพึงรู้แจ้งได้ด้วยฆานะ(จมูก)
    ....
    รส ทั้งหลาย อันจะพึงรู้แจ้งได้ด้วยชิวหา(ลิ้น)
    ....
    โผฏฐัพพะ ทั้งหลาย อันจะพึงรู้แจ้ง ได้ด้วยกาย (ผิวกาย)
    อันเป็นสิ่งที่น่าปรารถนา น่ารักใคร่ น่าพอใจ มีลักษณะอันน่ารัก
    เป็นที่เข้าไปตั้งอาศัยแห่งความใคร่ เป็นที่ตั้งแห่งความกำหนัด มีอยู่,
    --ภิกษุ ท. ! อารมณ์ ๕ อย่างเหล่านี้ หาใช่กามไม่ ;
    ห้าอย่างเหล่านี้ เรียกกันในอริยวินัย ว่า กามคุณ.(คาถาจำกัดความตอนนี้)
    ความกำหนัดไปตามอำนาจความตริตรึก (สงฺกปฺปราโค) นั่นแหละคือกามของคนเรา ;
    http://etipitaka.com/read/pali/22/460/?keywords=สงฺกปฺปราโค
    อารมณ์อันวิจิตรทั้งหลายในโลกนั้น หาใช่กามไม่ ;
    ความกำหนัดไปตามอำนาจความตริตรึกนั่นแหละคือ กาม ของคนเรา ;
    อารมณ์อันวิจิตร ก็มีอยู่ในโลกตามประสาของมันเท่านั้น ;
    ดังนั้น ผู้มีปัญญาจึงนำออกเสียซึ่งฉันทะ ในอารมณ์อันวิจิตรเหล่านั้น
    ดังนี้.
    --ภิกษุ ท. ! นิทานสัมภวะ (เหตุเป็นแดนเกิด) แห่งกาม เป็นอย่างไรเล่า ?
    นิทานสัมภวะแห่งกาม คือ #ผัสสะ.

    --ภิกษุ ท. ! เวมัตตา (ประมาณต่าง ๆ) แห่งกาม เป็นอย่างไรเล่า ?
    ภิกษุ ท. ! เวมัตตตาแห่งกาม คือ
    ความใคร่ (กาม) ในรูปารมณ์ก็อย่างหนึ่ง ๆ,
    ความใคร่ในสัททารมณ์ ก็อย่างหนึ่งๆ,
    ความใคร่ในคันธารมณ์ ก็อย่างหนึ่ง ๆ,
    ความใคร่ในรสารมณ์ ก็อย่างหนึ่ง ๆ,
    ความใคร่ในโผฏฐัพพารมณ์ ก็อย่างหนึ่ง ๆ ;
    --ภิกษุ ท. ! นี้เราเรียกว่า เวมัตตาแห่งกาม.

    --ภิกษุ ท. ! วิบากแห่งกาม เป็นอย่างไรเล่า ?
    --ภิกษุ ท. ! บุคคลใคร่อยู่ซึ่งอารมณ์ (แห่งกาม) ใด
    เขากระทำอัตตภาพอันเกิดจากกามนั้น ๆ ให้เกิดขึ้น *--๑
    เป็นอัตตภาพ มีส่วนแห่งบุญ ก็ดี มีส่วนแห่งอบุญ ก็ดี ;
    --ภิกษุ ท. ! นี้เราเรียกว่า วิบากแห่งกาม.
    --ภิกษุ ท. ! นิโรธ (ความดับ) แห่งกาม เป็นอย่างไรเล่า ?
    --ภิกษุ ท. ! นิโรธแห่งกามย่อมมี เพราะนิโรธแห่งผัสสะ. อริยอัฏฐังคิกมรรคนี้นั่นแล เป็นปฏิปทาให้ถึงซึ่งนิโรธแห่งกาม ;
    ปฏิปทานั้นได้แก่ สัมมาทิฏฐิ สัมมาสังกัปปะ
    สัมมาวาจา สัมมากัมมันตะ สัมมาอาชีวะ
    สัมมาวายามะ สัมมาสติ สัมมาสมาธิ.

    --ภิกษุ ท. ! ในกาลใดแล อริยสาวกย่อม
    รู้ชัดซึ่งกาม อย่างนี้, รู้ชัดซึ่งนิทานสัมภวะแห่งกาม อย่างนี้,
    รู้ชัดซึ่งเวมัตตตาแห่งกาม อย่างนี้, รู้ชัดซึ่งวิบากแห่งกาม อย่างนี้,
    รู้ชัดซึ่งนิโรธแห่งกาม อย่างนี้, รู้ชัดซึ่งปฏิปทาให้ถึงซึ่งนิโรธแห่งกาม อย่างนี้ ;
    ในกาลนั้น อริยสาวกนั้น
    ย่อมรู้ชัดซึ่งพรหมจรรย์นี้อันเป็นเครื่องเจาะแทงกิเลส ว่าเป็นนิโรธแห่งกาม.-

    *--๑. ข้อความนี้ใช้ได้ทั้งภาษาคนและภาษาธรรม
    : ภาษาคนก็คือเกิดใหม่หลังจากตายแล้ว ดังที่ทราบกันอยู่ ;
    ถ้าเป็นภาษาธรรมก็คือ จิตที่ครองอัตตภาพปัจจุบันของเขานั้นเกิดเปลี่ยนเป็นบุญหรือบาป
    ตามสมควรแก่อุปาทานที่เกิดขึ้นจากความใคร่นั้น ๆ
    โดยที่ยังไม่ต้องตาย ;
    ทั้งนี้แล้วแต่ผู้ศึกษาจะถือเอาความหมายไหน.

    #ทุกขสมุทัย #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์
    อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - ฉกฺก. อ. 22/365-368/334.
    http://etipitaka.com/read/thai/22/365/?keywords=%E0%B9%93%E0%B9%93%E0%B9%94
    อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - ฉกฺก. อ. ๒๒/๔๕๘-๔๖๐/๓๓๔.
    http://etipitaka.com/read/pali/22/458/?keywords=%E0%B9%93%E0%B9%93%E0%B9%94
    ศึกษาเพิ่มเติม...
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=269
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=18&id=269
    หรือ
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=18
    ลำดับสาธยายธรรม : 18 ฟังเสียง...
    http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_18.mp3
    อริยสาวกพึงฝึกหัดศึกษาว่ารายละเอียดที่ควรศึกษาเกี่ยวกับกาม สัทธรรมลำดับที่ : 269 ชื่อบทธรรม :- รายละเอียดที่ควรศึกษาเกี่ยวกับกาม https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=269 เนื้อความทั้งหมด :- --รายละเอียดที่ควรศึกษาเกี่ยวกับกาม --ภิกษุ ท. ! ที่เรากล่าวว่า “กาม นิทานสัมภวะแห่งกาม เวมัตตตา แห่งกาม วิบากแห่งกาม นิโรธแห่งกาม ปฏิปทาให้ถึงซึ่งนิโรธแห่งกาม เป็นสิ่งที่ควรรู้แจ้ง” นั้น เรากล่าวหมายถึงกามไหนกันเล่า ? --ภิกษุ ท. ! กามคุณ ๕ อย่างเหล่านี้ คือ รูป ทั้งหลาย อันจะพึงรู้แจ้งได้ด้วยจักษุ(ตา) .... เสียง ทั้งหลาย อันจะถึงรู้แจ้งได้ด้วยโสตะ(หู) .... กลิ่น ทั้งหลาย อันจะพึงรู้แจ้งได้ด้วยฆานะ(จมูก) .... รส ทั้งหลาย อันจะพึงรู้แจ้งได้ด้วยชิวหา(ลิ้น) .... โผฏฐัพพะ ทั้งหลาย อันจะพึงรู้แจ้ง ได้ด้วยกาย (ผิวกาย) อันเป็นสิ่งที่น่าปรารถนา น่ารักใคร่ น่าพอใจ มีลักษณะอันน่ารัก เป็นที่เข้าไปตั้งอาศัยแห่งความใคร่ เป็นที่ตั้งแห่งความกำหนัด มีอยู่, --ภิกษุ ท. ! อารมณ์ ๕ อย่างเหล่านี้ หาใช่กามไม่ ; ห้าอย่างเหล่านี้ เรียกกันในอริยวินัย ว่า กามคุณ.(คาถาจำกัดความตอนนี้) ความกำหนัดไปตามอำนาจความตริตรึก (สงฺกปฺปราโค) นั่นแหละคือกามของคนเรา ; http://etipitaka.com/read/pali/22/460/?keywords=สงฺกปฺปราโค อารมณ์อันวิจิตรทั้งหลายในโลกนั้น หาใช่กามไม่ ; ความกำหนัดไปตามอำนาจความตริตรึกนั่นแหละคือ กาม ของคนเรา ; อารมณ์อันวิจิตร ก็มีอยู่ในโลกตามประสาของมันเท่านั้น ; ดังนั้น ผู้มีปัญญาจึงนำออกเสียซึ่งฉันทะ ในอารมณ์อันวิจิตรเหล่านั้น ดังนี้. --ภิกษุ ท. ! นิทานสัมภวะ (เหตุเป็นแดนเกิด) แห่งกาม เป็นอย่างไรเล่า ? นิทานสัมภวะแห่งกาม คือ #ผัสสะ. --ภิกษุ ท. ! เวมัตตา (ประมาณต่าง ๆ) แห่งกาม เป็นอย่างไรเล่า ? ภิกษุ ท. ! เวมัตตตาแห่งกาม คือ ความใคร่ (กาม) ในรูปารมณ์ก็อย่างหนึ่ง ๆ, ความใคร่ในสัททารมณ์ ก็อย่างหนึ่งๆ, ความใคร่ในคันธารมณ์ ก็อย่างหนึ่ง ๆ, ความใคร่ในรสารมณ์ ก็อย่างหนึ่ง ๆ, ความใคร่ในโผฏฐัพพารมณ์ ก็อย่างหนึ่ง ๆ ; --ภิกษุ ท. ! นี้เราเรียกว่า เวมัตตาแห่งกาม. --ภิกษุ ท. ! วิบากแห่งกาม เป็นอย่างไรเล่า ? --ภิกษุ ท. ! บุคคลใคร่อยู่ซึ่งอารมณ์ (แห่งกาม) ใด เขากระทำอัตตภาพอันเกิดจากกามนั้น ๆ ให้เกิดขึ้น *--๑ เป็นอัตตภาพ มีส่วนแห่งบุญ ก็ดี มีส่วนแห่งอบุญ ก็ดี ; --ภิกษุ ท. ! นี้เราเรียกว่า วิบากแห่งกาม. --ภิกษุ ท. ! นิโรธ (ความดับ) แห่งกาม เป็นอย่างไรเล่า ? --ภิกษุ ท. ! นิโรธแห่งกามย่อมมี เพราะนิโรธแห่งผัสสะ. อริยอัฏฐังคิกมรรคนี้นั่นแล เป็นปฏิปทาให้ถึงซึ่งนิโรธแห่งกาม ; ปฏิปทานั้นได้แก่ สัมมาทิฏฐิ สัมมาสังกัปปะ สัมมาวาจา สัมมากัมมันตะ สัมมาอาชีวะ สัมมาวายามะ สัมมาสติ สัมมาสมาธิ. --ภิกษุ ท. ! ในกาลใดแล อริยสาวกย่อม รู้ชัดซึ่งกาม อย่างนี้, รู้ชัดซึ่งนิทานสัมภวะแห่งกาม อย่างนี้, รู้ชัดซึ่งเวมัตตตาแห่งกาม อย่างนี้, รู้ชัดซึ่งวิบากแห่งกาม อย่างนี้, รู้ชัดซึ่งนิโรธแห่งกาม อย่างนี้, รู้ชัดซึ่งปฏิปทาให้ถึงซึ่งนิโรธแห่งกาม อย่างนี้ ; ในกาลนั้น อริยสาวกนั้น ย่อมรู้ชัดซึ่งพรหมจรรย์นี้อันเป็นเครื่องเจาะแทงกิเลส ว่าเป็นนิโรธแห่งกาม.- *--๑. ข้อความนี้ใช้ได้ทั้งภาษาคนและภาษาธรรม : ภาษาคนก็คือเกิดใหม่หลังจากตายแล้ว ดังที่ทราบกันอยู่ ; ถ้าเป็นภาษาธรรมก็คือ จิตที่ครองอัตตภาพปัจจุบันของเขานั้นเกิดเปลี่ยนเป็นบุญหรือบาป ตามสมควรแก่อุปาทานที่เกิดขึ้นจากความใคร่นั้น ๆ โดยที่ยังไม่ต้องตาย ; ทั้งนี้แล้วแต่ผู้ศึกษาจะถือเอาความหมายไหน. #ทุกขสมุทัย #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์ อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - ฉกฺก. อ. 22/365-368/334. http://etipitaka.com/read/thai/22/365/?keywords=%E0%B9%93%E0%B9%93%E0%B9%94 อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - ฉกฺก. อ. ๒๒/๔๕๘-๔๖๐/๓๓๔. http://etipitaka.com/read/pali/22/458/?keywords=%E0%B9%93%E0%B9%93%E0%B9%94 ศึกษาเพิ่มเติม... https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=269 http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=18&id=269 หรือ http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=18 ลำดับสาธยายธรรม : 18 ฟังเสียง... http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_18.mp3
    WWW.XN--N3CCDACA9AWFTA5NMBZD0ND.COM
    - รายละเอียดที่ควรศึกษาเกี่ยวกับกาม
    -รายละเอียดที่ควรศึกษาเกี่ยวกับกาม ภิกษุ ท. ! ที่เรากล่าวว่า “กาม นิทานสัมภวะแห่งกาม เวมัตตตา แห่งกาม วิบากแห่งกาม นิโรธแห่งกาม ปฏิปทาให้ถึงซึ่งนิโรธแห่งกาม เป็นสิ่งที่ควรรู้แจ้ง” นั้น เรากล่าวหมายถึงกามไหนกันเล่า ? ภิกษุ ท. ! กามคุณ ๕ อย่างเหล่านี้ คือ รูป ทั้งหลาย อันจะพึงรู้แจ้งได้ด้วยจักษุ.... เสียง ทั้งหลาย อันจะถึงรู้แจ้งได้ด้วยโสตะ.... กลิ่น ทั้งหลาย อันจะพึงรู้แจ้งได้ด้วยฆานะ.... รส ทั้งหลาย อันจะพึงรู้แจ้งได้ด้วยชิวหา.... โผฏฐัพพะ ทั้งหลาย อันจะพึงรู้แจ้ง ได้ด้วยกาย อันเป็นสิ่งที่น่าปรารถนา น่ารักใคร่ น่าพอใจ มีลักษณะอันน่ารัก เป็นที่เข้าไปตั้งอาศัยแห่งความใคร่ เป็นที่ตั้งแห่งความกำหนัด มีอยู่, ภิกษุ ท. ! อารมณ์ ๕ อย่างเหล่านี้ หาใช่กามไม่ ; ห้าอย่างเหล่านี้ เรียกกันในอริยวินัย ว่า กามคุณ. (คาถาจำกัดความตอนนี้) ความกำหนัดไปตามอำนาจความตริตรึก (สงฺกปฺปราค) นั่นแหละคือกามของคนเรา ; อารมณ์อันวิจิตรทั้งหลายในโลก นั้น หาใช่กามไม่ ; ความกำหนัดไปตามอำนาจความตริตรึก นั่นแหละคือกามของคนเรา ; อารมณ์อันวิจิตร ก็มีอยู่ในโลก ตามประสาของมันเท่านั้น ; ดังนั้น ผู้มีปัญญาจึงนำออกเสียซึ่งฉันทะ ในอารมณ์อันวิจิตรเหล่านั้น ดังนี้. ภิกษุ ท. ! นิทานสัมภวะ (เหตุเป็นแดนเกิด) แห่งกาม เป็นอย่างไรเล่า ? นิทานสัมภวะแห่งกาม คือ ผัสสะ. ภิกษุ ท. ! เวมัตตา (ประมาณต่าง ๆ) แห่งกาม เป็นอย่างไรเล่า ? ภิกษุ ท. ! เวมัตตตาแห่งกาม คือ ความใคร่ (กาม) ในรูปารมณ์ก็อย่างหนึ่ง ๆ, ความใคร่ในสัททารมณ์ ก็อย่างหนึ่งๆ, ความใคร่ในคันธารมณ์ ก็อย่างหนึ่ง ๆ, ความใคร่ในรสารมณ์ ก็อย่างหนึ่ง ๆ, ความใคร่ในโผฏฐัพพารมณ์ ก็อย่างหนึ่ง ๆ ; ภิกษุ ท. ! นี้เราเรียกว่า เวมัตตาแห่งกาม. ภิกษุ ท. ! วิบากแห่งกาม เป็นอย่างไรเล่า ? ภิกษุ ท. ! บุคคลใคร่อยู่ซึ่งอารมณ์ (แห่งกาม) ใด เขากระทำอัตตภาพอันเกิดจากกามนั้น ๆ ให้เกิดขึ้น๑ เป็นอัตตภาพมีส่วนแห่งบุญ ก็ดี มีส่วนแห่งอบุญ ก็ดี ; ภิกษุ ท. ! นี้เราเรียกว่า วิบากแห่งกาม. ภิกษุ ท. ! นิโรธ (ความดับ) แห่งกาม เป็นอย่างไรเล่า ? ภิกษุ ท. ! นิโรธแห่งกามย่อมมี เพราะนิโรธแห่งผัสสะ. อริยอัฏฐังคิกมรรคนี้นั่นแล เป็น ๑. ข้อความนี้ใช้ได้ทั้งภาษาคนและภาษาธรรม : ภาษาคนก็คือเกิดใหม่หลังจากตายแล้ว ดังที่ทราบกันอยู่ ; ถ้าเป็นภาษาธรรมก็คือ จิตที่ครองอัตตภาพปัจจุบันของเขานั้นเกิดเปลี่ยนเป็นบุญหรือบาป ตามสมควรแก่อุปาทานที่เกิดขึ้นจากความใคร่นั้น ๆ โดยที่ยังไม่ต้องตาย ; ทั้งนี้แล้วแต่ผู้ศึกษาจะถือเอาความหมายไหน. ปฏิปทาให้ถึงซึ่งนิโรธแห่งกาม ; ปฏิปทานั้นได้แก่ สัมมาทิฏฐิ สัมมาสังกัปปะ สัมมาวาจา สัมมากัมมันตะ สัมมาอาชีวะ สัมมาวายามะ สัมมาสติ สัมมาสมาธิ. ภิกษุ ท. ! ในกาลใดแล อริยสาวกย่อมรู้ชัดซึ่งกาม อย่างนี้, รู้ชัดซึ่งนิทานสัมภวะแห่งกาม อย่างนี้, รู้ชัดซึ่งเวมัตตตาแห่งกาม อย่างนี้, รู้ชัดซึ่งวิบากแห่งกาม อย่างนี้, รู้ชัดซึ่งนิโรธแห่งกาม อย่างนี้, รู้ชัดซึ่งปฏิปทาให้ถึงซึ่งนิโรธแห่งกาม อย่างนี้ ; ในกาลนั้น อริยสาวกนั้น ย่อมรู้ชัดซึ่งพรหมจรรย์นี้อันเป็นเครื่องเจาะแทงกิเลส ว่าเป็นนิโรธแห่งกาม.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 61 มุมมอง 0 รีวิว
  • **ภาพวาด 24 กตัญญู**

    สวัสดีค่ะ สัปดาห์ที่แล้วคุยกันถึงฉากที่พระนางในเรื่อง <จิ่วฉงจื่อ บุปผาเหนือลิขิต> สวมหน้ากากร่วมทายปริศนากันในเทศกาลโคมไฟ วันนี้มาคุยกันต่ออีกนิดเกี่ยวกับฉากนี้ ในเนื้อเรื่องนางเอกชนะได้โคมไฟหนึ่งใบซึ่งนางมอบให้พระเอกและพระเอกให้คนส่งต่อไปให้พ่อของเขา โดยโคมไฟใบนี้เป็นลายภาพที่นางเอกเรียกว่า ‘ภาพวาด 24 กตัญญู’

    ‘24 กตัญญู’ (二十四孝/เอ้อร์สือซื่อเซี่ยว) เป็นเรื่องราวความกตัญญูยี่สิบสี่เรื่องที่ถูกเรียบเรียงขึ้นในสมัยหยวนโดยกัวจวีจิ้ง บัณฑิตชนบทธรรดาจากหมู่บ้านเล็กแห่งหนึ่งในมณฑลฝูเจี้ยน โดยเป็นการรวบรวมเรื่องเล่าความกตัญญูในประวัติศาสตร์จากหลายแหล่งมาเรียบเรียงเป็นประโยคกลอนสั้นประมาณสี่วรรค ทำให้ง่ายต่อการเล่าต่อและจดจำ จึงกลายเป็นหนึ่งในนิทานสอนเด็กที่ชาวบ้านนิยมอย่างแพร่หลาย ต่อมาถูกหยิบยกมาเป็นเนื้อหาของภาพวาดหรืองานแกะสลักโดยหลากหลายศิลปินหลายยุคสมัย

    เนื้อหาส่วนใหญ่ของบทกวี 24 กตัญญูมีที่มาจาก ‘ตำนานบุตรกตัญญู’ (孝子传/เซี่ยวจื่อจ้วน) ซึ่งถูกประพันธ์ขึ้นโดยหลิวเซี่ยง ราชนิกุลและนักประวัติศาสตร์อักษรศาสตร์สมัยฮั่นตะวันตก เป็นหนึ่งในบทประพันธ์ที่สะท้อนแนวคำสอนและปรัชญาของขงจื๊อ และต่อมา ‘ตำนานบุตรกตัญญู’ ถูกนำไปรวมอยู่ในอีกหลากหลายบทประพันธ์ในอีกหลายยุคสมัย หนึ่งในนั้นคือบันทึกเรื่องเล่าความกตัญญูยาวกว่าห้าม้วนที่ถูกค้นพบในห้องศิลาที่ตุนหวง

    24 กตัญญูกล่าวถึงอะไรบ้าง บทความยาวหน่อยนะคะ สรุปโดยสั้นได้ดังนี้ (ดูรูปประกอบ):

    1. กตัญญูสะเทือนสวรรค์: เป็นเรื่องราวของจักรพรรดิซุ่นกว่าสี่พันปีที่แล้ว (เป็นหนึ่งในสามราชันห้าจักรพรรดิในตำนาน) เมื่อครั้งเขายังเป็นชาวบ้านธรรมดาก็ถูกพ่อ แม่เลี้ยงและน้องต่างมารดาให้ร้ายสารพัดจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด แต่เขาไม่คิดแค้นเคืองและยังคงดูแลพวกเขาอย่างดี จนสวรรค์เห็นใจจึงบันดาลให้มีช้างมาช่วยปรับผิวดินและมีนกมาช่วยหว่านเมล็ดพืชจนทำมาหาเลี้ยงชีพได้ ต่อมาจักรพรรดิ์เหยาได้ยินกิตติศัพท์ความกตัญญูของเขาก็รับเป็นราชบุตรเขยและสุดท้ายให้สืบทอดราชบัลลังก์ต่อไป

    2. แบกข้าวให้บุพการี: กล่าวถึงจงโหยว (นามรองจื่อลู่) หนึ่งในศิษย์เอกของขงจื๊อ ขุนนางชื่อดังแห่งแคว้นเว่ยในยุคสมัยชุนชิว เขามีพื้นเพยากจน ทุกวันจะกินแต่ผักผลไม้ป่าเพื่อประหยัดเงิน แต่ยอมเดินทางไกลกว่าร้อยหลี่เพื่อไปหาซื้อข้าวแบกกลับมาให้พ่อแม่กิน ต่อมาเมื่อชีวิตความเป็นอยู่ดีมีอันจะกินก็มักจะพร่ำเสียดายที่พ่อแม่ไม่มีชีวิตอยู่ดีกินดีกับเขา

    3. ฮ่องเต้ชิมยา: เป็นเรื่องราวของฮั่นเหวินตี้หลิวเหิง บุตรของป๋อไทเฮา ที่คอยดูแลป๋อไทเฮาในยามป่วยตลอดสามปีด้วยตนเองแม้จะเป็นถึงฮ่องเต้มีข้าราชบริพารมากมาย โดยจะชิมยาของแม่ก่อนป้อนให้แม่ทุกครั้งเพื่อทดสอบว่ายานั้นอุ่นกำลังดีไม่ร้อนเกินไป

    4. ขายตัวฝังศพพ่อ: เป็นเรื่องราวของบุรุษนามว่าตงหย่งในสมัยฮั่นที่กำพร้าแม่แต่เด็ก ต่อมาเมื่อพ่อเสียชีวิตก็ไม่มีเงินทำศพพ่อจึงยอมขายตัวเองไปเป็นทาส วันหนึ่งพบเข้ากับสตรีกำพร้าไร้ที่ไป นางขอให้เขาช่วยแต่งงานอยู่กินกันโดยนางยินดีเข้าไปช่วยทำงานที่เรือนเศรษฐีด้วย เศรษฐีตกลงว่าเมื่อนางทอผ้าได้ครบสามร้อยพับก็จะอนุญาตให้ทั้งคู่ไถ่ตัวได้ นางใช้เวลาเพียงเดือนเดียวก็ทำสำเร็จ ต่อมานางบอกความจริงว่านางเป็นเทพธิดาและสวรรค์ซาบซึ้งกับความกตัญญูของเขาจึงมอบหมายให้มาช่วยเขา จากนั้นก็อำลาจากไป

    5. สีสันบันเทิงเพื่อบุพการี: กล่าวถึงเหล่าช่ายจื่อ หนึ่งในบัณฑิตมากความรู้ที่เร้นกายอยู่ในป่าในสมัยชุนชิว เขารักพ่อแม่มากอยากให้พ่อแม่เบิกบานใจทุกวัน ถึงขนาดว่าตัวเองอยู่ในวัย 70 ปีแล้วแต่ก็ยังแต่งตัวสีสันฉูดฉาดเล่นเป็นเด็ก หกล้มลงก็แกล้งทำเป็นกลิ้งเล่นอยู่บนพื้นเพื่อให้พ่อแม่วัยเฒ่าหัวเราะแทนที่จะตกใจเสียใจ

    6. นิ้วแม่เชื่อมใจลูก: เป็นเรื่องราวของเจิงจื่อ นักปรัชญาแห่งราชสำนักโจวและลูกศิษย์ของขงจื๊อ ที่วันหนึ่งออกไปเก็บฟืน แต่มีแขกมาเยือน แม่ของเขาอยู่บ้านคนเดียวก็กระวนกระวายไม่รู้ว่าจะต้อนรับขับสู้อย่างไรดี จนถึงขนาดกัดนิ้วตนเองด้วยความเครียด เจิงจื่อที่อยู่ในป่ากลับรู้สึกได้ถึงความเจ็บนั้น จึงรีบรุดกลับบ้านมาดูแม่และรับรองแขกด้วยตนเอง บ่งบอกถึงสายใยเหนียวแน่นของแม่ลูก

    7. คัดผลไม้ให้แม่กิน: เป็นเรื่องราวของไช่ซุ่นในสมัยฮั่น เขาอาศัยเก็บผลหม่อนกินประทังชีวิตเพราะยากจนมากและข้าวของราคาแพงเพราะสงคราม อยู่มาวันหนึ่งมีนายทหารชั้นผู้ใหญ่นำขบวนทหารผ่านมาเห็นเขาแยกผลหม่อน ถามได้ความว่าเขาแยกผลสุกสีเข้มให้แม่กิน ส่วนตัวเองกินที่สีแดงที่ยังเปรี้ยวเฝื่อน นายทหารเห็นแก่ความกตัญญูของเขาจึงแบ่งปันเสบียงทหารให้ชายหนุ่ม

    8. กราบไหว้รูปสลักบุพการี: กล่าวถึงบุรุษสมัยฮั่นตะวันออกนามว่าหลันติงที่กำพร้าพ่อแม่แต่เด็ก เขาแกะสลักรูปปั้นพ่อแม่ตั้งไว้ในบ้านกราบไหว้ทุกวันเพราะละอายใจที่ไม่มีโอกาสได้ทดแทนบุญคุณ ไม่เพียงกราบไหว้สามมื้อก่อนจะกินข้าว แต่มีเรื่องอะไรก็จะไปนั่งคุยให้รูปปั้นฟัง หนักเข้าภรรยาก็รำคาญ เลยลองเอาเข็มไปจิ้มรูปปั้น เมื่อเขากลับมาบ้านพบว่ารูปปั้นน้ำตาไหล เมื่อสืบสาวราวเรื่องได้แล้วเขาก็เลิกกับภรรยา

    9. น้ำนมกวางเพื่อบุพการี: กล่าวถึงถานจื่อ ประมุขแคว้นถานซึ่งเป็นแคว้นเล็กในสมัยราชวงศ์โจว ในสมัยเด็กเขายากจนและต้องดูแลพ่อแม่ที่แก่ชราแล้วและตาไม่ดี ต้องกินนมกวางช่วยบำรุงรักษา เขามักจะใช้หนังกวางคลุมตัวแล้วย่องเข้าไปปะปนอยู่ในฝูงกวางเพื่อเอานมกวางมาให้พ่อแม่กิน มีอยู่ครั้งหนึ่งเกือบโดนนายพรานยิง แต่เมื่อนายพรานได้ยินเรื่องราวความจำเป็นของเขาก็ยกนมกวางให้และยังส่งเขากลับบ้านด้วยตนเอง

    10. สวมเสื้อไส้ใยกก: เป็นเรื่องของหมินสุ่น (นามรองจื่อเชียน) หนึ่งในลูกศิษย์ของขงจื๊อ เขากำพร้าแม่ตั้งแต่เด็ก พ่อแต่งภรรยาใหม่มีลูกชายอีกสองคน เขาถูกแม่เลี้ยงกลั่นแกล้งบ่อยครั้ง ต้องสวมเสื้อใยกกในขณะที่น้องๆ ได้สวมเสื้อบุฝ้ายในยามหนาว วันหนึ่งเขาช่วยจูงรถให้พ่อแต่หนาวจนทำให้เชือกหลุดมือ พ่อบันดาลโทสะเฆี่ยนจนเสื้อขาดจึงพบว่าลูกชายคนนี้ใส่เสื้อผ้าที่ไม่ช่วยกันหนาว พ่อโกรธแม่เลี้ยงมากถึงกับเอ่ยปากบอกเลิกทันทีที่กลับถึงบ้าน แต่หมินสุ่นอ้อนวอนขออภัยแทนแม่เลี้ยง โดยให้เหตุผลว่า ตอนนี้มีลูกเพียงคนเดียวที่ลำบาก แต่ถ้าแม่เลี้ยงไม่อยู่จะมีลูกถึงสามคนที่ลำบาก สุดท้ายแม่เลี้ยงได้รับการให้อภัย นางจึงกลับตัวกลับใจดูแลหมินสุ่นอย่างดีนับแต่นั้นมา

    11. ฝังลูกเพื่อแม่: กล่าวถึงบุรุษนามว่ากัวจวี้ในสมัยฮั่น เขามีฐานะยากจน เมื่อพ่อเสียก็แลแม่เป็นอย่างดี ต่อมาเมื่อภรรยาคลอดบุตร เขาก็รู้สึกว่าเลี้ยงดูไม่ไหวและไม่อยากให้แม่ต้องมาอดมื้อกินมื้อไปกับเขา จึงตัดสินใจจะฝังลูกเพื่อจะได้ลดค่าใช้จ่ายโดยไม่ฟังคำทัดทานของภรรยา แต่เมื่อขุดดินลงไปกลับพบทองคำหนึ่งไห เรื่องราวจบลงด้วยดีโดยเขาไม่ต้องฆ่าลูกตัวเองและมีฐานะดีขึ้น

    12. ปลากระโดดจากบ่อน้ำ: กล่าวถึงบุรุษนามว่าเจียงซือในสมัยฮั่น เขามีภรรยาแซ่ผางที่กตัญญูกับแม่สามีมาก แม่สามีชอบกินปลาก็ออกไปจับปลามาให้กิน อยู่มาวันหนึ่งอากาศไม่ดีกว่านางแซ่ผางจะกลับถึงบ้านก็ดึกจึงถูกเจียงซือไล่ออกจากบ้านเพราะเข้าใจผิดว่านางตั้งใจละเลยแม่ของเขา เมื่อแม่ของเจียงซือรู้เรื่องให้เจียงซือไปรับนางกลับมา และตั้งแต่วันที่นางกลับเข้าบ้านมาก็ปรากฏปลาหลีฮื้อสองตัวกระโดดออกมาจากบ่อน้ำกลางบ้านทุกวัน ทำให้นางไม่ต้องไปจับปลาในแม่น้ำอีกต่อไป

    13. ซุกส้มให้แม่: เป็นเรื่องราวของลู่จี้ ขุนนางในสมัยราชวงศ์ฮั่นตอนปลาย กล่าวถึงเมื่อตอนเขาอายุหกขวบ ได้มีโอกาสติดตามพ่อไปพบแม่ทัพท่านหนึ่งที่จวน ครั้นพอเขาคารวะอำลากลับ ส้มสองลูกที่เขาซุกไว้อยู่ในแขนเสื้อกลิ้งหล่นออกมา สอบถามได้ใจความว่าเขาเห็นแม่ชอบกินส้มจึงตั้งใจเก็บเอาไปให้แม่กิน ทำให้แม่ทัพรู้สึกประหลาดใจและชมชอบในความกตัญญูของเด็กคนนี้

    14. ยินเสียงฟ้าร้องปลอบแม่ที่หลุมศพ: กล่าวถึงบัณฑิตหนุ่มจากแคว้นเว่ยนามว่าหวางโผว แม่ของเขาเป็นคนกลัวเสียงฟ้าร้องมาก แม้ว่าจะตายไปแล้วแต่ทุกครั้งที่ฝนตกหนักฟ้าร้อง หวางโผวจะไปกราบหลุมศพนางพร้อมกับปลอบให้นางไม่ต้องกลัว

    15. กอดเสือช่วยพ่อ: กล่าวถึงสตรีนางหนึ่งในสมัยราชวงศ์จิ้นนามว่าหยางเซียง เมื่อครั้งนางมีอายุสิบสี่ปีได้ออกไปทำนากับพ่อ แต่พลันปรากฏเสือตัวหนึ่งกระโจนใส่พ่อจนล้มไป นางไม่มีอาวุธใดแต่ก็กระโดดกอดคอเสือแน่นเพื่อไม่ให้เสือกัดพ่อ สุดท้ายเสือยอมแพ้ปล่อยพ่อของนางแล้วหนีไป

    16. ให้นมย่าทวด: เป็นเรื่องราวความกตัญญูของย่าของเจี๋ยตู้สื่อชุยซานหนานในสมัยถัง เล่าถึงเมื่อครั้งที่ย่าทวดของชุยซานหนานทั้งแก่ทั้งไม่สบายจนเคี้ยวอาหารหยาบไม่ได้เลย ย่าของเขาคอยดูแลโดยใช้น้ำนมของตนป้อนจนย่าทวดอิ่ม ต่อมาทั้งครอบครัวอยู่กันอย่างสงบสุขและรุ่นลูกรุ่นหลานล้วนแสดงความกตัญญูต่อย่าของเขาเช่นกัน

    17. พัดหมอนอุ่นผ้าห่ม: เป็นเรื่องราวของขุนนางชั้นผู้ใหญ่ในสมัยฮั่นนามว่าหวงเซียง เขากำพร้าแม่แต่เด็กและคอยดูแลพ่อ แม้ด้วยวัยเพียงเก้าขวบก็รู้จักพัดหมอนของพ่อให้คลายร้อนในหน้าร้อนและนอนอุ่นผ้าห่มของพ่อในหน้าหนาวเพื่อว่าพ่อของเขาจะได้นอนหลับสบาย

    18. ร่ำไห้จนเกิดหน่อไม้: กล่าวถึงขุนนางสมัยสามก๊กนามว่าเมิ่งจง เขากำพร้าพ่อแต่เด็ก เมื่อครั้งยังหนุ่มต้องดูแลแม่ที่ชราและป่วยหนัก หมอบอกว่าต้องให้แม่กินหน่อไม้สด แต่จนใจเป็นฤดูหนาว เขาหาจนทั่วก็ไม่มีจึงเสียใจคุกเข่าร้องไห้กลางป่า ปรากฏว่าอยู่ดีๆ พื้นดินก็แยกออกแล้วมีหน่อไม้ผุดขึ้นมาให้เขาเก็บกลับบ้านให้แม่กินจนหายป่วย

    19. ล่อยุงแทนพ่อ: กล่าวถึงอู๋เหมิ่ง นักพรตในสมัยสามก๊ก ที่ในสมัยเด็กครอบครัวยากจนไม่มีแม้แต่มุ้งจะกางนอน เขามักจะถอดเสื้อนอนล่อให้ยุงมากัด เพื่อว่าพ่อแม่จะได้นอนหลับสบาย

    20. ล้างกระโถนให้แม่: เป็นเรื่องราวของกวีและนักเขียนอักษรชื่อดังสมัยซ่งเหนือนามว่าหวงถิงเจียน เขาดูแลแม่อย่างเสมอต้นเสมอปลายแม้ว่าจะมีฐานะดี และจะเอากระโถนของแม่ไปเทล้างด้วยตนเองทุกวันไม่เคยขาด

    21. แบกแม่หลบภัย: กล่าวถึงเจียงเก๋อ ขุนนางตงฉินชื่อดังผู้ถูกยกย่องเป็นขุนนางยอดกตัญญูในรัชสมัยของกษัตริย์อู่ตี้แห่งราชวงศ์เหลียงในยุคราชวงศ์เหนือใต้ เจียงเก๋อกำพร้าพ่อแต่เด็กและกตัญญูต่อแม่มาก ครั้งหนึ่งเคยแบกแม่เดินทางหนีสงคราม พบเข้ากับโจรภูเขา เขาอ้อนวอนว่าถ้าเขาตายไป แม่ผู้ชราก็ไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้ สุดท้ายโจรภูเขาเลยย้อมไว้ชีวิตปล่อยตัวไปทั้งเขาและแม่

    22. ขอปลาบนน้ำแข็ง: เป็นเรื่องของหวางเสียง หนึ่งในขุนนางระดับสูงของราชวงศ์จิ้นตะวันตก เขากำพร้าแม่แต่เด็ก มีแม่เลี้ยงก็ถูกแม่เลี้ยงใส่ไฟจนพ่อไม่รัก อยู่มาวันหนึ่งแม่เลี้ยงไม่สบายมากเขาก็ดูแลนางอย่างใกล้ชิด ครั้นเห็นนางอยากกินปลาจึงออกไปจับปลา แต่จนใจอากาศหนาวจัดจนผิวน้ำเป็นน้ำแข็ง ไม่รู้จะทำอย่างไรจึงถอดเสื้อลงนอนทาบน้ำแข็งโดยหวังว่ามันจะทำให้น้ำแข็งละลาย แล้วปาฏิหารย์ก็เกิดขึ้น น้ำแข็งละลายจริงและมีปลาโดดออกมาให้เขาจับกลับบ้าน เมื่อแม่เลี้ยงได้กินปลาก็หายป่วย

    23. ชิมอุจจาระดูอาการป่วยพ่อ: เป็นเรื่องของขุนนางสมัยฉีใต้นามว่าอวี่เฉียนโหลว อยู่มาวันหนึ่งเขารู้สึกใจคอว้าวุ่นคิดถึงพ่อที่อยู่บ้านนอก จึงตัดสินใจลาเกษียณกลับไปดูแลพ่อที่ชรามากแล้ว เมื่อถึงบ้านก็พบว่าพ่อของเขาไม่สบายมาก หมอบอกว่าอาการของพ่อเขาสาหัสมาก หากอุจจาระมีรสขมก็จะดีมีโอกาสหาย เขาจึงแอบชิมอุจจาระพ่อ พบว่ามันมีรสหวานก็ยิ่งรู้สึกไม่สบายใจ กราบไหว้ฟ้าขอให้พ่อให้และยอมแลกด้วยชีวิตตัวเองแทน แต่หลังจากนั้นไม่กี่วันพ่อของเขาก็สิ้นใจ

    24. ออกจากราชการเพื่อตามหาแม่: กล่าวถึงขุนนางสมัยซ่งนามว่าจูโซ่วชาง เมื่อครั้งเขาอายุเพียงเจ็ดขวบ แม่ของเขาที่มีสถานะเป็นอนุภรรยาได้ถูกภรรยาเอกของพ่อบีบให้ต้องแต่งงานไปกับคนอื่นจนเขาต้องพลัดพรากจากแม่โดยไม่มีข่าวคราว แต่เขาไม่เคยหยุดที่จะสืบหาแม่ของเขา ต่อมาห้าสิบปีให้หลังเขาได้รับเบาะแสเกี่ยวกับแม่ จึงขอลาออกจากตำแหน่งขุนนางระดับสูงเพื่อออกตามหาแม่พร้อมประกาศกร้าวว่าถ้าไม่พบแม่จะไม่กลับเมืองหลวงอีก และเขาก็ทำสำเร็จพบแม่ที่มีอายุเจ็ดสิบกว่าปีแล้วและพานางกลับเมืองหลวงด้วยกัน

    อย่างที่กล่าวไว้ข้างต้น เรื่องราว 24 กตัญญูถูกเรียบเรียงเป็นกลอนสั้น แต่ละเรื่องยาวเพียงสี่วรรค ง่ายต่อการจดจำ เชื่อว่าเพื่อนเพจหลายท่านคงรู้สึกไม่อินกับบางเรื่อง และที่ประเทศจีนเองก็มีการถกกันในวงกว้างว่า การกระทำต่างๆ ที่ถูกกล่าวถึงในเรื่องราวเหล่านี้ยังเหมาะสมต่อบริบทสังคมปัจจุบันหรือไม่ แต่อย่างไรก็ดีเชื่อว่าเพื่อนเพจอ่านแล้วคงพอเห็นภาพว่า เหตุใดเรื่องราวเหล่านี้จึงถูกยกเป็นตัวอย่างเพื่อสะท้อนความดีงามของความกตัญญูต่อพ่อแม่และเป็นตัวอย่างของการทำดีแล้วได้ดี

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory)

    Credit รูปภาพจากในละครและจาก:
    https://news.qq.com/rain/a/20241216A05PWX00
    http://www.n12345.com/wenji/24xiao.html?id=1
    Credit ข้อมูลรวบรวมจาก:
    https://www.chinakongzi.org/zt/3419/tp/201705/t20170510_135104.htm
    http://www.chinaknowledge.de/Literature/Historiography/xiaozizhuan.html
    http://www.n12345.com/wenji/24xiao.html?id=1
    https://www.8bei8.com/book/24xiao_1.html

    #จิ่วฉงจื่อ #24กตัญญู #เรื่องเล่าจีนโบราณ #สาระจีน
    **ภาพวาด 24 กตัญญู** สวัสดีค่ะ สัปดาห์ที่แล้วคุยกันถึงฉากที่พระนางในเรื่อง <จิ่วฉงจื่อ บุปผาเหนือลิขิต> สวมหน้ากากร่วมทายปริศนากันในเทศกาลโคมไฟ วันนี้มาคุยกันต่ออีกนิดเกี่ยวกับฉากนี้ ในเนื้อเรื่องนางเอกชนะได้โคมไฟหนึ่งใบซึ่งนางมอบให้พระเอกและพระเอกให้คนส่งต่อไปให้พ่อของเขา โดยโคมไฟใบนี้เป็นลายภาพที่นางเอกเรียกว่า ‘ภาพวาด 24 กตัญญู’ ‘24 กตัญญู’ (二十四孝/เอ้อร์สือซื่อเซี่ยว) เป็นเรื่องราวความกตัญญูยี่สิบสี่เรื่องที่ถูกเรียบเรียงขึ้นในสมัยหยวนโดยกัวจวีจิ้ง บัณฑิตชนบทธรรดาจากหมู่บ้านเล็กแห่งหนึ่งในมณฑลฝูเจี้ยน โดยเป็นการรวบรวมเรื่องเล่าความกตัญญูในประวัติศาสตร์จากหลายแหล่งมาเรียบเรียงเป็นประโยคกลอนสั้นประมาณสี่วรรค ทำให้ง่ายต่อการเล่าต่อและจดจำ จึงกลายเป็นหนึ่งในนิทานสอนเด็กที่ชาวบ้านนิยมอย่างแพร่หลาย ต่อมาถูกหยิบยกมาเป็นเนื้อหาของภาพวาดหรืองานแกะสลักโดยหลากหลายศิลปินหลายยุคสมัย เนื้อหาส่วนใหญ่ของบทกวี 24 กตัญญูมีที่มาจาก ‘ตำนานบุตรกตัญญู’ (孝子传/เซี่ยวจื่อจ้วน) ซึ่งถูกประพันธ์ขึ้นโดยหลิวเซี่ยง ราชนิกุลและนักประวัติศาสตร์อักษรศาสตร์สมัยฮั่นตะวันตก เป็นหนึ่งในบทประพันธ์ที่สะท้อนแนวคำสอนและปรัชญาของขงจื๊อ และต่อมา ‘ตำนานบุตรกตัญญู’ ถูกนำไปรวมอยู่ในอีกหลากหลายบทประพันธ์ในอีกหลายยุคสมัย หนึ่งในนั้นคือบันทึกเรื่องเล่าความกตัญญูยาวกว่าห้าม้วนที่ถูกค้นพบในห้องศิลาที่ตุนหวง 24 กตัญญูกล่าวถึงอะไรบ้าง บทความยาวหน่อยนะคะ สรุปโดยสั้นได้ดังนี้ (ดูรูปประกอบ): 1. กตัญญูสะเทือนสวรรค์: เป็นเรื่องราวของจักรพรรดิซุ่นกว่าสี่พันปีที่แล้ว (เป็นหนึ่งในสามราชันห้าจักรพรรดิในตำนาน) เมื่อครั้งเขายังเป็นชาวบ้านธรรมดาก็ถูกพ่อ แม่เลี้ยงและน้องต่างมารดาให้ร้ายสารพัดจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด แต่เขาไม่คิดแค้นเคืองและยังคงดูแลพวกเขาอย่างดี จนสวรรค์เห็นใจจึงบันดาลให้มีช้างมาช่วยปรับผิวดินและมีนกมาช่วยหว่านเมล็ดพืชจนทำมาหาเลี้ยงชีพได้ ต่อมาจักรพรรดิ์เหยาได้ยินกิตติศัพท์ความกตัญญูของเขาก็รับเป็นราชบุตรเขยและสุดท้ายให้สืบทอดราชบัลลังก์ต่อไป 2. แบกข้าวให้บุพการี: กล่าวถึงจงโหยว (นามรองจื่อลู่) หนึ่งในศิษย์เอกของขงจื๊อ ขุนนางชื่อดังแห่งแคว้นเว่ยในยุคสมัยชุนชิว เขามีพื้นเพยากจน ทุกวันจะกินแต่ผักผลไม้ป่าเพื่อประหยัดเงิน แต่ยอมเดินทางไกลกว่าร้อยหลี่เพื่อไปหาซื้อข้าวแบกกลับมาให้พ่อแม่กิน ต่อมาเมื่อชีวิตความเป็นอยู่ดีมีอันจะกินก็มักจะพร่ำเสียดายที่พ่อแม่ไม่มีชีวิตอยู่ดีกินดีกับเขา 3. ฮ่องเต้ชิมยา: เป็นเรื่องราวของฮั่นเหวินตี้หลิวเหิง บุตรของป๋อไทเฮา ที่คอยดูแลป๋อไทเฮาในยามป่วยตลอดสามปีด้วยตนเองแม้จะเป็นถึงฮ่องเต้มีข้าราชบริพารมากมาย โดยจะชิมยาของแม่ก่อนป้อนให้แม่ทุกครั้งเพื่อทดสอบว่ายานั้นอุ่นกำลังดีไม่ร้อนเกินไป 4. ขายตัวฝังศพพ่อ: เป็นเรื่องราวของบุรุษนามว่าตงหย่งในสมัยฮั่นที่กำพร้าแม่แต่เด็ก ต่อมาเมื่อพ่อเสียชีวิตก็ไม่มีเงินทำศพพ่อจึงยอมขายตัวเองไปเป็นทาส วันหนึ่งพบเข้ากับสตรีกำพร้าไร้ที่ไป นางขอให้เขาช่วยแต่งงานอยู่กินกันโดยนางยินดีเข้าไปช่วยทำงานที่เรือนเศรษฐีด้วย เศรษฐีตกลงว่าเมื่อนางทอผ้าได้ครบสามร้อยพับก็จะอนุญาตให้ทั้งคู่ไถ่ตัวได้ นางใช้เวลาเพียงเดือนเดียวก็ทำสำเร็จ ต่อมานางบอกความจริงว่านางเป็นเทพธิดาและสวรรค์ซาบซึ้งกับความกตัญญูของเขาจึงมอบหมายให้มาช่วยเขา จากนั้นก็อำลาจากไป 5. สีสันบันเทิงเพื่อบุพการี: กล่าวถึงเหล่าช่ายจื่อ หนึ่งในบัณฑิตมากความรู้ที่เร้นกายอยู่ในป่าในสมัยชุนชิว เขารักพ่อแม่มากอยากให้พ่อแม่เบิกบานใจทุกวัน ถึงขนาดว่าตัวเองอยู่ในวัย 70 ปีแล้วแต่ก็ยังแต่งตัวสีสันฉูดฉาดเล่นเป็นเด็ก หกล้มลงก็แกล้งทำเป็นกลิ้งเล่นอยู่บนพื้นเพื่อให้พ่อแม่วัยเฒ่าหัวเราะแทนที่จะตกใจเสียใจ 6. นิ้วแม่เชื่อมใจลูก: เป็นเรื่องราวของเจิงจื่อ นักปรัชญาแห่งราชสำนักโจวและลูกศิษย์ของขงจื๊อ ที่วันหนึ่งออกไปเก็บฟืน แต่มีแขกมาเยือน แม่ของเขาอยู่บ้านคนเดียวก็กระวนกระวายไม่รู้ว่าจะต้อนรับขับสู้อย่างไรดี จนถึงขนาดกัดนิ้วตนเองด้วยความเครียด เจิงจื่อที่อยู่ในป่ากลับรู้สึกได้ถึงความเจ็บนั้น จึงรีบรุดกลับบ้านมาดูแม่และรับรองแขกด้วยตนเอง บ่งบอกถึงสายใยเหนียวแน่นของแม่ลูก 7. คัดผลไม้ให้แม่กิน: เป็นเรื่องราวของไช่ซุ่นในสมัยฮั่น เขาอาศัยเก็บผลหม่อนกินประทังชีวิตเพราะยากจนมากและข้าวของราคาแพงเพราะสงคราม อยู่มาวันหนึ่งมีนายทหารชั้นผู้ใหญ่นำขบวนทหารผ่านมาเห็นเขาแยกผลหม่อน ถามได้ความว่าเขาแยกผลสุกสีเข้มให้แม่กิน ส่วนตัวเองกินที่สีแดงที่ยังเปรี้ยวเฝื่อน นายทหารเห็นแก่ความกตัญญูของเขาจึงแบ่งปันเสบียงทหารให้ชายหนุ่ม 8. กราบไหว้รูปสลักบุพการี: กล่าวถึงบุรุษสมัยฮั่นตะวันออกนามว่าหลันติงที่กำพร้าพ่อแม่แต่เด็ก เขาแกะสลักรูปปั้นพ่อแม่ตั้งไว้ในบ้านกราบไหว้ทุกวันเพราะละอายใจที่ไม่มีโอกาสได้ทดแทนบุญคุณ ไม่เพียงกราบไหว้สามมื้อก่อนจะกินข้าว แต่มีเรื่องอะไรก็จะไปนั่งคุยให้รูปปั้นฟัง หนักเข้าภรรยาก็รำคาญ เลยลองเอาเข็มไปจิ้มรูปปั้น เมื่อเขากลับมาบ้านพบว่ารูปปั้นน้ำตาไหล เมื่อสืบสาวราวเรื่องได้แล้วเขาก็เลิกกับภรรยา 9. น้ำนมกวางเพื่อบุพการี: กล่าวถึงถานจื่อ ประมุขแคว้นถานซึ่งเป็นแคว้นเล็กในสมัยราชวงศ์โจว ในสมัยเด็กเขายากจนและต้องดูแลพ่อแม่ที่แก่ชราแล้วและตาไม่ดี ต้องกินนมกวางช่วยบำรุงรักษา เขามักจะใช้หนังกวางคลุมตัวแล้วย่องเข้าไปปะปนอยู่ในฝูงกวางเพื่อเอานมกวางมาให้พ่อแม่กิน มีอยู่ครั้งหนึ่งเกือบโดนนายพรานยิง แต่เมื่อนายพรานได้ยินเรื่องราวความจำเป็นของเขาก็ยกนมกวางให้และยังส่งเขากลับบ้านด้วยตนเอง 10. สวมเสื้อไส้ใยกก: เป็นเรื่องของหมินสุ่น (นามรองจื่อเชียน) หนึ่งในลูกศิษย์ของขงจื๊อ เขากำพร้าแม่ตั้งแต่เด็ก พ่อแต่งภรรยาใหม่มีลูกชายอีกสองคน เขาถูกแม่เลี้ยงกลั่นแกล้งบ่อยครั้ง ต้องสวมเสื้อใยกกในขณะที่น้องๆ ได้สวมเสื้อบุฝ้ายในยามหนาว วันหนึ่งเขาช่วยจูงรถให้พ่อแต่หนาวจนทำให้เชือกหลุดมือ พ่อบันดาลโทสะเฆี่ยนจนเสื้อขาดจึงพบว่าลูกชายคนนี้ใส่เสื้อผ้าที่ไม่ช่วยกันหนาว พ่อโกรธแม่เลี้ยงมากถึงกับเอ่ยปากบอกเลิกทันทีที่กลับถึงบ้าน แต่หมินสุ่นอ้อนวอนขออภัยแทนแม่เลี้ยง โดยให้เหตุผลว่า ตอนนี้มีลูกเพียงคนเดียวที่ลำบาก แต่ถ้าแม่เลี้ยงไม่อยู่จะมีลูกถึงสามคนที่ลำบาก สุดท้ายแม่เลี้ยงได้รับการให้อภัย นางจึงกลับตัวกลับใจดูแลหมินสุ่นอย่างดีนับแต่นั้นมา 11. ฝังลูกเพื่อแม่: กล่าวถึงบุรุษนามว่ากัวจวี้ในสมัยฮั่น เขามีฐานะยากจน เมื่อพ่อเสียก็แลแม่เป็นอย่างดี ต่อมาเมื่อภรรยาคลอดบุตร เขาก็รู้สึกว่าเลี้ยงดูไม่ไหวและไม่อยากให้แม่ต้องมาอดมื้อกินมื้อไปกับเขา จึงตัดสินใจจะฝังลูกเพื่อจะได้ลดค่าใช้จ่ายโดยไม่ฟังคำทัดทานของภรรยา แต่เมื่อขุดดินลงไปกลับพบทองคำหนึ่งไห เรื่องราวจบลงด้วยดีโดยเขาไม่ต้องฆ่าลูกตัวเองและมีฐานะดีขึ้น 12. ปลากระโดดจากบ่อน้ำ: กล่าวถึงบุรุษนามว่าเจียงซือในสมัยฮั่น เขามีภรรยาแซ่ผางที่กตัญญูกับแม่สามีมาก แม่สามีชอบกินปลาก็ออกไปจับปลามาให้กิน อยู่มาวันหนึ่งอากาศไม่ดีกว่านางแซ่ผางจะกลับถึงบ้านก็ดึกจึงถูกเจียงซือไล่ออกจากบ้านเพราะเข้าใจผิดว่านางตั้งใจละเลยแม่ของเขา เมื่อแม่ของเจียงซือรู้เรื่องให้เจียงซือไปรับนางกลับมา และตั้งแต่วันที่นางกลับเข้าบ้านมาก็ปรากฏปลาหลีฮื้อสองตัวกระโดดออกมาจากบ่อน้ำกลางบ้านทุกวัน ทำให้นางไม่ต้องไปจับปลาในแม่น้ำอีกต่อไป 13. ซุกส้มให้แม่: เป็นเรื่องราวของลู่จี้ ขุนนางในสมัยราชวงศ์ฮั่นตอนปลาย กล่าวถึงเมื่อตอนเขาอายุหกขวบ ได้มีโอกาสติดตามพ่อไปพบแม่ทัพท่านหนึ่งที่จวน ครั้นพอเขาคารวะอำลากลับ ส้มสองลูกที่เขาซุกไว้อยู่ในแขนเสื้อกลิ้งหล่นออกมา สอบถามได้ใจความว่าเขาเห็นแม่ชอบกินส้มจึงตั้งใจเก็บเอาไปให้แม่กิน ทำให้แม่ทัพรู้สึกประหลาดใจและชมชอบในความกตัญญูของเด็กคนนี้ 14. ยินเสียงฟ้าร้องปลอบแม่ที่หลุมศพ: กล่าวถึงบัณฑิตหนุ่มจากแคว้นเว่ยนามว่าหวางโผว แม่ของเขาเป็นคนกลัวเสียงฟ้าร้องมาก แม้ว่าจะตายไปแล้วแต่ทุกครั้งที่ฝนตกหนักฟ้าร้อง หวางโผวจะไปกราบหลุมศพนางพร้อมกับปลอบให้นางไม่ต้องกลัว 15. กอดเสือช่วยพ่อ: กล่าวถึงสตรีนางหนึ่งในสมัยราชวงศ์จิ้นนามว่าหยางเซียง เมื่อครั้งนางมีอายุสิบสี่ปีได้ออกไปทำนากับพ่อ แต่พลันปรากฏเสือตัวหนึ่งกระโจนใส่พ่อจนล้มไป นางไม่มีอาวุธใดแต่ก็กระโดดกอดคอเสือแน่นเพื่อไม่ให้เสือกัดพ่อ สุดท้ายเสือยอมแพ้ปล่อยพ่อของนางแล้วหนีไป 16. ให้นมย่าทวด: เป็นเรื่องราวความกตัญญูของย่าของเจี๋ยตู้สื่อชุยซานหนานในสมัยถัง เล่าถึงเมื่อครั้งที่ย่าทวดของชุยซานหนานทั้งแก่ทั้งไม่สบายจนเคี้ยวอาหารหยาบไม่ได้เลย ย่าของเขาคอยดูแลโดยใช้น้ำนมของตนป้อนจนย่าทวดอิ่ม ต่อมาทั้งครอบครัวอยู่กันอย่างสงบสุขและรุ่นลูกรุ่นหลานล้วนแสดงความกตัญญูต่อย่าของเขาเช่นกัน 17. พัดหมอนอุ่นผ้าห่ม: เป็นเรื่องราวของขุนนางชั้นผู้ใหญ่ในสมัยฮั่นนามว่าหวงเซียง เขากำพร้าแม่แต่เด็กและคอยดูแลพ่อ แม้ด้วยวัยเพียงเก้าขวบก็รู้จักพัดหมอนของพ่อให้คลายร้อนในหน้าร้อนและนอนอุ่นผ้าห่มของพ่อในหน้าหนาวเพื่อว่าพ่อของเขาจะได้นอนหลับสบาย 18. ร่ำไห้จนเกิดหน่อไม้: กล่าวถึงขุนนางสมัยสามก๊กนามว่าเมิ่งจง เขากำพร้าพ่อแต่เด็ก เมื่อครั้งยังหนุ่มต้องดูแลแม่ที่ชราและป่วยหนัก หมอบอกว่าต้องให้แม่กินหน่อไม้สด แต่จนใจเป็นฤดูหนาว เขาหาจนทั่วก็ไม่มีจึงเสียใจคุกเข่าร้องไห้กลางป่า ปรากฏว่าอยู่ดีๆ พื้นดินก็แยกออกแล้วมีหน่อไม้ผุดขึ้นมาให้เขาเก็บกลับบ้านให้แม่กินจนหายป่วย 19. ล่อยุงแทนพ่อ: กล่าวถึงอู๋เหมิ่ง นักพรตในสมัยสามก๊ก ที่ในสมัยเด็กครอบครัวยากจนไม่มีแม้แต่มุ้งจะกางนอน เขามักจะถอดเสื้อนอนล่อให้ยุงมากัด เพื่อว่าพ่อแม่จะได้นอนหลับสบาย 20. ล้างกระโถนให้แม่: เป็นเรื่องราวของกวีและนักเขียนอักษรชื่อดังสมัยซ่งเหนือนามว่าหวงถิงเจียน เขาดูแลแม่อย่างเสมอต้นเสมอปลายแม้ว่าจะมีฐานะดี และจะเอากระโถนของแม่ไปเทล้างด้วยตนเองทุกวันไม่เคยขาด 21. แบกแม่หลบภัย: กล่าวถึงเจียงเก๋อ ขุนนางตงฉินชื่อดังผู้ถูกยกย่องเป็นขุนนางยอดกตัญญูในรัชสมัยของกษัตริย์อู่ตี้แห่งราชวงศ์เหลียงในยุคราชวงศ์เหนือใต้ เจียงเก๋อกำพร้าพ่อแต่เด็กและกตัญญูต่อแม่มาก ครั้งหนึ่งเคยแบกแม่เดินทางหนีสงคราม พบเข้ากับโจรภูเขา เขาอ้อนวอนว่าถ้าเขาตายไป แม่ผู้ชราก็ไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้ สุดท้ายโจรภูเขาเลยย้อมไว้ชีวิตปล่อยตัวไปทั้งเขาและแม่ 22. ขอปลาบนน้ำแข็ง: เป็นเรื่องของหวางเสียง หนึ่งในขุนนางระดับสูงของราชวงศ์จิ้นตะวันตก เขากำพร้าแม่แต่เด็ก มีแม่เลี้ยงก็ถูกแม่เลี้ยงใส่ไฟจนพ่อไม่รัก อยู่มาวันหนึ่งแม่เลี้ยงไม่สบายมากเขาก็ดูแลนางอย่างใกล้ชิด ครั้นเห็นนางอยากกินปลาจึงออกไปจับปลา แต่จนใจอากาศหนาวจัดจนผิวน้ำเป็นน้ำแข็ง ไม่รู้จะทำอย่างไรจึงถอดเสื้อลงนอนทาบน้ำแข็งโดยหวังว่ามันจะทำให้น้ำแข็งละลาย แล้วปาฏิหารย์ก็เกิดขึ้น น้ำแข็งละลายจริงและมีปลาโดดออกมาให้เขาจับกลับบ้าน เมื่อแม่เลี้ยงได้กินปลาก็หายป่วย 23. ชิมอุจจาระดูอาการป่วยพ่อ: เป็นเรื่องของขุนนางสมัยฉีใต้นามว่าอวี่เฉียนโหลว อยู่มาวันหนึ่งเขารู้สึกใจคอว้าวุ่นคิดถึงพ่อที่อยู่บ้านนอก จึงตัดสินใจลาเกษียณกลับไปดูแลพ่อที่ชรามากแล้ว เมื่อถึงบ้านก็พบว่าพ่อของเขาไม่สบายมาก หมอบอกว่าอาการของพ่อเขาสาหัสมาก หากอุจจาระมีรสขมก็จะดีมีโอกาสหาย เขาจึงแอบชิมอุจจาระพ่อ พบว่ามันมีรสหวานก็ยิ่งรู้สึกไม่สบายใจ กราบไหว้ฟ้าขอให้พ่อให้และยอมแลกด้วยชีวิตตัวเองแทน แต่หลังจากนั้นไม่กี่วันพ่อของเขาก็สิ้นใจ 24. ออกจากราชการเพื่อตามหาแม่: กล่าวถึงขุนนางสมัยซ่งนามว่าจูโซ่วชาง เมื่อครั้งเขาอายุเพียงเจ็ดขวบ แม่ของเขาที่มีสถานะเป็นอนุภรรยาได้ถูกภรรยาเอกของพ่อบีบให้ต้องแต่งงานไปกับคนอื่นจนเขาต้องพลัดพรากจากแม่โดยไม่มีข่าวคราว แต่เขาไม่เคยหยุดที่จะสืบหาแม่ของเขา ต่อมาห้าสิบปีให้หลังเขาได้รับเบาะแสเกี่ยวกับแม่ จึงขอลาออกจากตำแหน่งขุนนางระดับสูงเพื่อออกตามหาแม่พร้อมประกาศกร้าวว่าถ้าไม่พบแม่จะไม่กลับเมืองหลวงอีก และเขาก็ทำสำเร็จพบแม่ที่มีอายุเจ็ดสิบกว่าปีแล้วและพานางกลับเมืองหลวงด้วยกัน อย่างที่กล่าวไว้ข้างต้น เรื่องราว 24 กตัญญูถูกเรียบเรียงเป็นกลอนสั้น แต่ละเรื่องยาวเพียงสี่วรรค ง่ายต่อการจดจำ เชื่อว่าเพื่อนเพจหลายท่านคงรู้สึกไม่อินกับบางเรื่อง และที่ประเทศจีนเองก็มีการถกกันในวงกว้างว่า การกระทำต่างๆ ที่ถูกกล่าวถึงในเรื่องราวเหล่านี้ยังเหมาะสมต่อบริบทสังคมปัจจุบันหรือไม่ แต่อย่างไรก็ดีเชื่อว่าเพื่อนเพจอ่านแล้วคงพอเห็นภาพว่า เหตุใดเรื่องราวเหล่านี้จึงถูกยกเป็นตัวอย่างเพื่อสะท้อนความดีงามของความกตัญญูต่อพ่อแม่และเป็นตัวอย่างของการทำดีแล้วได้ดี (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory) Credit รูปภาพจากในละครและจาก: https://news.qq.com/rain/a/20241216A05PWX00 http://www.n12345.com/wenji/24xiao.html?id=1 Credit ข้อมูลรวบรวมจาก: https://www.chinakongzi.org/zt/3419/tp/201705/t20170510_135104.htm http://www.chinaknowledge.de/Literature/Historiography/xiaozizhuan.html http://www.n12345.com/wenji/24xiao.html?id=1 https://www.8bei8.com/book/24xiao_1.html #จิ่วฉงจื่อ #24กตัญญู #เรื่องเล่าจีนโบราณ #สาระจีน
    NEWS.QQ.COM
    《九重紫》暴露了他好身材,长相人畜无害,却脱衣有肉穿衣显瘦_腾讯新闻
    由孟子义、李昀锐主演的电视剧《九重紫》,自开播以来,热度迅速攀升,播到15集,站内热度破了29000,有望展望30000了。 这个成绩在今年古装剧中是相当牛了,要知道,腾讯今年的古装剧热度....
    3 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 138 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🧠 เทคโนโลยี e-tattoo: นวัตกรรมติดตามความเหนื่อยล้าทางจิตใจ
    นักวิจัยจาก มหาวิทยาลัยเท็กซัสที่ออสติน ได้พัฒนา e-tattoo ซึ่งเป็นเซ็นเซอร์แบบสติ๊กเกอร์ที่สามารถติดบนหน้าผากเพื่อตรวจสอบ ความเหนื่อยล้าทางจิตใจแบบเรียลไทม์ โดยอุปกรณ์นี้อาจช่วย นักบิน, คนขับรถ, ผู้ควบคุมหุ่นยนต์ และผู้ที่ทำงานที่ต้องใช้สมาธิสูง

    e-tattoo ใช้ EEG และ EOG เพื่อตรวจจับคลื่นสมองและการเคลื่อนไหวของดวงตา ซึ่งช่วยให้สามารถวิเคราะห์ ภาระทางจิตใจ ของผู้ใช้ได้อย่างแม่นยำ

    นักวิจัยพบว่า เมื่อภาระทางจิตใจเพิ่มขึ้น คลื่นสมองประเภท theta และ delta จะเพิ่มขึ้น ในขณะที่ คลื่น alpha และ beta จะเพิ่มขึ้นเมื่อเกิดความเหนื่อยล้า

    ✅ ข้อมูลจากข่าว
    - e-tattoo เป็นเซ็นเซอร์แบบสติ๊กเกอร์ที่ติดบนหน้าผากเพื่อตรวจสอบความเหนื่อยล้าทางจิตใจ
    - ใช้ EEG และ EOG เพื่อตรวจจับคลื่นสมองและการเคลื่อนไหวของดวงตา
    - สามารถช่วยนักบิน, คนขับรถ และผู้ที่ทำงานที่ต้องใช้สมาธิสูง
    - คลื่น theta และ delta เพิ่มขึ้นเมื่อภาระทางจิตใจสูงขึ้น
    - คลื่น alpha และ beta เพิ่มขึ้นเมื่อเกิดความเหนื่อยล้า

    ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - เทคโนโลยีนี้ยังอยู่ในช่วงต้นของการพัฒนา และต้องมีการทดสอบเพิ่มเติม
    - ต้องหาวิธีให้เซ็นเซอร์สามารถถอดรหัสสัญญาณและแจ้งเตือนผ่านแอปได้โดยตรง
    - อุปกรณ์นี้อาจมีข้อจำกัดด้านความแม่นยำเมื่อใช้งานในสภาพแวดล้อมที่มีการเคลื่อนไหวมาก
    - ต้องรอดูว่าผู้ใช้จะยอมรับการติดเซ็นเซอร์บนใบหน้าหรือไม่

    e-tattoo อาจเป็นก้าวสำคัญในการพัฒนา เทคโนโลยีติดตามสุขภาพทางจิตใจ โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่ทำงานที่ต้องใช้สมาธิสูง อย่างไรก็ตาม ต้องมีการทดสอบเพิ่มเติมเพื่อให้แน่ใจว่าอุปกรณ์นี้สามารถใช้งานได้จริงในสถานการณ์ต่าง ๆ

    https://www.techspot.com/news/108124-stick-e-tattoo-tracks-mental-fatigue-real-time.html
    🧠 เทคโนโลยี e-tattoo: นวัตกรรมติดตามความเหนื่อยล้าทางจิตใจ นักวิจัยจาก มหาวิทยาลัยเท็กซัสที่ออสติน ได้พัฒนา e-tattoo ซึ่งเป็นเซ็นเซอร์แบบสติ๊กเกอร์ที่สามารถติดบนหน้าผากเพื่อตรวจสอบ ความเหนื่อยล้าทางจิตใจแบบเรียลไทม์ โดยอุปกรณ์นี้อาจช่วย นักบิน, คนขับรถ, ผู้ควบคุมหุ่นยนต์ และผู้ที่ทำงานที่ต้องใช้สมาธิสูง e-tattoo ใช้ EEG และ EOG เพื่อตรวจจับคลื่นสมองและการเคลื่อนไหวของดวงตา ซึ่งช่วยให้สามารถวิเคราะห์ ภาระทางจิตใจ ของผู้ใช้ได้อย่างแม่นยำ นักวิจัยพบว่า เมื่อภาระทางจิตใจเพิ่มขึ้น คลื่นสมองประเภท theta และ delta จะเพิ่มขึ้น ในขณะที่ คลื่น alpha และ beta จะเพิ่มขึ้นเมื่อเกิดความเหนื่อยล้า ✅ ข้อมูลจากข่าว - e-tattoo เป็นเซ็นเซอร์แบบสติ๊กเกอร์ที่ติดบนหน้าผากเพื่อตรวจสอบความเหนื่อยล้าทางจิตใจ - ใช้ EEG และ EOG เพื่อตรวจจับคลื่นสมองและการเคลื่อนไหวของดวงตา - สามารถช่วยนักบิน, คนขับรถ และผู้ที่ทำงานที่ต้องใช้สมาธิสูง - คลื่น theta และ delta เพิ่มขึ้นเมื่อภาระทางจิตใจสูงขึ้น - คลื่น alpha และ beta เพิ่มขึ้นเมื่อเกิดความเหนื่อยล้า ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - เทคโนโลยีนี้ยังอยู่ในช่วงต้นของการพัฒนา และต้องมีการทดสอบเพิ่มเติม - ต้องหาวิธีให้เซ็นเซอร์สามารถถอดรหัสสัญญาณและแจ้งเตือนผ่านแอปได้โดยตรง - อุปกรณ์นี้อาจมีข้อจำกัดด้านความแม่นยำเมื่อใช้งานในสภาพแวดล้อมที่มีการเคลื่อนไหวมาก - ต้องรอดูว่าผู้ใช้จะยอมรับการติดเซ็นเซอร์บนใบหน้าหรือไม่ e-tattoo อาจเป็นก้าวสำคัญในการพัฒนา เทคโนโลยีติดตามสุขภาพทางจิตใจ โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่ทำงานที่ต้องใช้สมาธิสูง อย่างไรก็ตาม ต้องมีการทดสอบเพิ่มเติมเพื่อให้แน่ใจว่าอุปกรณ์นี้สามารถใช้งานได้จริงในสถานการณ์ต่าง ๆ https://www.techspot.com/news/108124-stick-e-tattoo-tracks-mental-fatigue-real-time.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    This stick-on e-tattoo tracks mental fatigue in real time
    Dr Nanshu Lu, an author of the research from the University of Texas at Austin, writes that the e-tattoo could be valuable for professions that require high...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 66 มุมมอง 0 รีวิว
  • บทความเก่าขอนำมาโพสอีกครั้ง
    ----------------------------
    สงครามน้ำจะมาถึงในไม่ช้า
    นี่เป็นคำพยากรณ์...
    .
    อันที่จริงผมพูดเรื่องนี้มานานแล้วตั้งแต่ราวปี 2003 ผมเคยพยายามที่จะทำโครงการหนึ่งชื่อ Voices of Asia รวมทั้งเคยหาข้อมูลเพื่อทำสารคดีเรื่องแม่น้ำ.. มันไม่ได้รับการสนับสนุนให้ทำ แต่ยังคงเป็นสิ่งที่วนเวียนหลอกหลอนอยู่ในความคิดผมเสมอมา ความกังวลนี้มาจากการได้อ่านข้อมูลที่เกี่ยวกับปัญหาวิกฤติน้ำในเอธิโอเปียในช่วงเวลานั้น
    .
    แม่น้ำไนล์ เป็นที่รู้ดีมานานแล้วว่า คือกระแสโลหิตที่หล่อเลี้ยงแอฟริกาตอนบน และมันไม่เคยเพียงพอต่อความต้องการเลย นับแต่ซาฮาร่าโบราณที่เคยอุดมสมบูรณ์ในยุคโบราณได้แปรเปลี่ยนเป็นทะเลทราย และบรรพบุรุษของโฮโมเซเปี้ยนส์เริ่มอพยพหนีออกมาจากที่นั่น.. ซาฮาร่าแห้งแล้งลงเรื่อยๆ ผ่านเวลาแสนปีจนถึงปัจจุบัน.. ยิ่งเมื่อภาวะวิกฤติโลกร้อนและอุณหภูมิโลกและอากาศเปลี่ยนแปลงในทุกวันนี้ มันก็ยิ่งเหือดแห้งลงกว่าเดิม และยิ่งไม่เพียงพอต่อความต้องการมากยิ่งขึ้น..
    .
    ต้นกำเนิดของแม่น้ำสายนี้อยู่ในเอธิโอเปีย. ประเทศอันแสนยากจน พวกเขาส่วนใหญ่ยากจนแสนเข็ญจริงๆ และแม้ว่าแม่น้ำนี้จะกำเนิดจากดินแดนแห่งนี้ แต่พวกเขาในพื้นที่ห่างไกลกลับยากลำบากและขาดแคลนน้ำที่จะนำมาเป็นปัจจัยพื้นฐานเพื่อเอาชีวิตรอด นั่นคือใช้ในการทำเกษตรกรรม. พวกเขาคงจะมีโอกาสรอดมากขึ้น ถ้าเพียงพวกเขาจะทำเขื่อนเพื่อที่จะกักและชะลอน้ำไว้บ้างสำหรับการเพาะปลูกเท่าที่จำเป็น แต่การทำเช่นนั้น.. สร้างความวิตกว่าน้ำจะยิ่งไม่เพียงพอแก่ประเทศอื่นที่ใช้แม่น้ำนี้ร่วมกัน เช่น อียิปต์ และ ซูดาน.. สองประเทศนี้มีแสนยานุภาพ มีขีปนาวุธ และเครื่องบินรบทันสมัยอย่างเอฟสิบหก ทันทีที่เอธิโอเปียสร้างเขื่อน มันจะถูกยิงถล่มเป็นผุยผง.. ประชาชนเอธิโอเปียไม่อาจทำอย่างไรได้ นอกจากจ้องมองแม่น้ำของพวกเขาด้วยความสิ้นหวังและล้มลงตายกับพื้นดิน.
    .
    เหตุการณ์แบบนี้อาจจะเกิดขึ้นที่อื่นอีก อย่างแน่นอน ไม่ช้าก็เร็ว
    และมันอาจเกิดขึ้นกับเรา คุณและผม... สักวันหนึ่ง
    .
    คนไทยอย่างเราอาจมองเรื่องเช่นนี้เป็นเรื่องไกลตัว เราใช้น้ำอย่างสบายใจและฟุ่มเฟือย เราเดินเข้าห้าง เข้ามินิมาร์ตที่มีน้ำดื่มบรรจุขวดมากมายเรียงรายเต็มหิ้งให้เลือก จนเราอาจลืมข้อเท็จจริงและเผลอคิดไปได้ว่า น้ำนี้จะไม่มีวันหมด และมันจะรอเราอยู่บนหิ้งนั้นชั่วนิรันดร์.. นั่นเป็นความคิดที่โง่เขลาสิ้นดีและไม่เป็นความจริง.
    .
    วันนึง ..จะไม่มีน้ำแม้สักครึ่งขวดเหลืออยู่บนหิ้งพวกนั้น และวันนั้นอาจมาถึงในไม่ช้า
    .
    สมัยเด็ก ผมโตมาบนถนนพระอาทิตย์และถนนพระสุเมรุ บ้านพ่ออยู่ติดแม่น้ำหน้าท่าพระอาทิตย์ ส่วนบ้านแม่อยู่ตรอกวัดสังเวช อยู่บนริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาเลย. ยุคนั้น ที่บ้านแม่ตักน้ำจากแม่น้ำแล้วกวนด้วยสารส้มใช้เป็นประจำ นำมาต้ม แล้วใช้ปรุงอาหารได้.. น้ำดื่มคือน้ำฝนที่รองใส่โอ่ง..
    .
    ทุกวันนี้เราไม่สามารถทำเช่นนั้นได้อีกแล้ว แม่น้ำเจ้าพระยาตอนบนอาจจะยังคงสะอาดพอควร แต่ตอนกลางนั้นมีการปนเปื้อนอยู่หลายจุดตลอดเส้นทาง.. ไม่ต้องพูดถึงแม่น้ำตอนล่าง ที่ไหลผ่านเมืองใหญ่อย่างอยุธยาและกรุงเทพเลย พวกมันล้วนอุดมด้วยสารพิษอย่างเช่น ปรอท โลหะหนัก และสารเคมีสารพัด เช่น แคดเมี่ยม ฯลฯ พวกมันถูกปล่อยจากโรงงานอุตสาหกรรมที่อยู่เรียงรายตามริมแม่น้ำ ผสมโรงด้วยขยะพิษที่ประชาชนปล่อยลงไป ทั้งจากเคมีที่ใช้ประจำวันและยาฆ่าแมลง จากวัตถุมีพิษอื่นๆ เช่น อุปกรณ์อีเลคโทรนิคส์ แบตเตอรี่ ฯลฯ
    .
    ขณะที่ทุกคนต่างใช้ชีวิตอย่างเคยชินกับสิ่งเหล่านี้และไม่สนใจเพิกเฉยปัญหาของมัน หายนะกำลังคืบคลานอย่างช้าๆ มาสู่เราโดยไม่รู้ตัว.. ในภาวะปกตินี้ บ้านเมืองที่มีระบบรองรับ ก็ขับเคลื่อนหน่วยงานกลไกของมันไปตามสถานะที่ยังคงเลื่อนไหลไปได้ตามสภาพที่มี คนทั่วไปนั้นไม่ได้สนใจจะไปรับรู้ว่า กลไกเหล่านั้นขับเคลื่อนได้ดีแค่ไหน? ปลอดภัยแค่ไหน? ได้มาตรฐานแค่ไหน?.. พวกเขาสนใจแค่เรื่องตัวเองและคงคิดแค่ว่า "มีใครสักคนที่รับผิดชอบสิ่งเหล่านี้อยู่ และไม่ใช่ภาระที่ฉันจะเอามาใส่ใจ.." คงมีใครกำลังดูแลมันอยู่และมันก็คงดำเนินไปได้อย่างไม่มีปัญหาอะไร "ตลอดไป"..
    .
    งั้นสินะ? โอ้.. ฉันมีการประปานครหลวง กองบำบัดน้ำเสีย กระทรวงสาธารณะสุข กรมประมง เทศบาลเมือง การท่า.. ฯลฯ พวกเขาคงทำทุกอย่างได้ราบรื่นไม่มีปัญหา คนทั้งหลายไม่สำเหนียกว่า จักรเฟืองพวกนี้มีวันหยุดชะงักได้ และเมื่อวันนึงเกิดหายนะภัยพิบัติสักอย่างขึ้น เช่น สงครามโลก ภัยจากอวกาศภายนอกอย่างอุกกาบาต แผ่นดินไหวรุนแรง ซุปเปอร์อีรัพชั่น สภาพอากาศวิกฤติ ยุคน้ำแข็ง.. ฯ ระบบที่ขับเคลื่อนไปทั้งหมดนี้ อาจล่มสลายได้ในชั่วข้ามคืน และเมื่อมันเกิดขึ้น คำถามง่ายๆ ที่สุดที่ไม่มีใครคิดอย่างเช่น.. จะยังจะมีน้ำบรรจุขวดอยู่บนหิ้งในห้างร้านอยู่ไหม? อาจตามมาด้วยคำตอบที่แย่เกินกว่าจะยอมรับ.
    .
    กรณีนี้ ถ้าเราไม่มีน้ำดื่มให้ซื้อหาอีกต่อไป ถามว่าเราจะทำอย่างไร? จะดื่มน้ำจากแม่น้ำลำคลองอย่างที่คนโบราณเคยทำได้ไหม? ทำไม่ได้แน่นอน ถ้ามันเป็นพิษ.. เว้นแต่คนจะหมดสิ้นหนทางและความตายเป็นการปลดปล่อยจากความทุกข์ยาก.. ยิ่งเมื่อระบบเมืองและรัฐที่ขับเคลื่อนชาติต้องล่มสลายเพราะหายนะที่กล่าวไป จะเอางบประมาณ จะเอาอุปกรณ์ จะเอาวัตถุดิบ จะเอาเทคโนโลยี่ที่ไหนกัน มาเยียวยาแม่น้ำให้กลับมาดีดังเดิมและสามารถใช้กินใช้ดื่มได้อีก? ถ้าเราไม่แก้ไขเสียแต่ตอนนี้ จนกระทั่งเราไปถึงจุดนั้น แม่น้ำก็จะไม่สามารถกู้คืนได้อีกเลย.
    .
    ครั้งหนึ่ง แม่น้ำโวลกาในรัสเซียนั้น เคยวิกฤติถึงขั้นอันตรายจนกินใช้ไม่ได้เลยอย่างสิ้นเชิง ปลาในแม่น้ำเต็มไปด้วยพิษ แต่ด้วยการร่วมแรงร่วมใจของภาครัฐ ภาคเอกชนและประชาชน แม้ใช้เวลานับสิบปีในการพยายามกู้แม่น้ำสายนี้ ในที่สุดแม่น้ำนี้ก็กลับมาดีจนใช้ได้ในที่สุด แม้มันจะไม่ดีพอที่จะดื่มมันได้ก็ตามในตอนนี้..
    .
    แน่นอนว่า แม่น้ำเจ้าพระยานั้นยังไม่เลวร้ายขนาดนั้น และมันเป็นไปได้อย่างแน่นอน ที่จะฟื้นคืนชีวิตแก่มันอย่างสมบูรณ์ หากเราจะถือว่านี่คือวาระแห่งชาติ และร่วมมือกันฟื้นฟูอย่างจริงจัง
    .
    แม่น้ำเจ้าพระยานั้น มีต้นกำเนิดจากป่าต้นน้ำทางภาคเหนือสี่แห่ง ซึ่งคือหัวใจที่ให้ชีวิตแก่แควทั้งสี่ คือ ปิง วัง ยม และ น่าน.. นี่นับเป็นความโชคดีของคนไทยเหลือคณานับ ที่ต้นแม่น้ำสายใหญ่นี้อยู่ในประเทศไทย ไม่ได้อยู่ในประเทศอื่น. นี่เป็นทรัพยากรเลอค่าที่สุด ที่จะพยุงชีวิตให้แก่ชาตินี้ แม้แต่คนโง่ที่สุดก็ควรจะเห็นความสำคัญในจุดนี้ได้. การฟื้นฟูแม่น้ำต้องเริ่มจากป่าต้นน้ำของมัน จะต้องไม่มีการทำลายอีก จะต้องฟื้นฟูป่าเหล่านี้ให้กลับมา จากนั้นฟื้นฟูแม่น้ำแควทั้งสี่ เชื่อมไปสู่แม่น้ำเจ้าพระยาตอนบน จนจรดเจ้าพระยาตอนล่าง.
    .
    นี่แหละคือชีพจรชีวิตของสยามประเทศ นี่คือหนทางที่จะทำให้เราอยู่รอดได้ หากวันนึงหายนะน้ำเกิดขึ้นและนำไปสู่จุดที่กลายเป็นสงครามแย่งชิงน้ำ ดังนั้นฟื้นฟูมันเสียตั้งแต่บัดนี้ ก่อนที่จะสายเกินไป!
    .
    หากคุณติดตามข่าว พระเจ้าอยู่หัววชิราลงกรณ์ฯ ท่านทรงไล่ฟื้นฟูคลองในกรุงเทพไล่เรียงไปทีละสาย หลายสายบัดนี้ได้กลับมาสะอาดดังเดิม หากแม่น้ำฟื้นคืนชีวิต คลองทั้งหลายเหล่านี้จะยิ่งหล่อเลี้ยงไปยังแขนงน้อยใหญ่ให้แก่เมือง
    .
    ลองดูภาพแผนที่ เมื่อเราพิจารณาดูแผนที่ที่เห็นอยู่นี้ซึ่งแสดงแม่น้ำสายใหญ่ๆ ในเอเชีย มันต่างกับแม่น้ำเจ้าพระยาที่ต้นน้ำอยู่ในประเทศไทย ทั้งหมดนั้นล้วนมีต้นกำเนิดอยู่ในทิเบต แม่น้ำทั้งหมดนี้คือสายโลหิตที่เลี้ยงเอเชีย มันไม่ได้มีความสำคัญแค่เป็นจุดกำเนิดวัฒนธรรมอันเก่าแก่ลึกล้ำ มันเป็นหัวใจที่หล่อเลี้ยงความอุดมสมบูรณ์ของแผ่นดิน และมันยังเป็นปัจจัยสำคัญหลายอย่างโดยเฉพาะทางภูมิรัฐศาสตร์และความมั่นคงของภูมิภาค.
    .
    นี่คือเหตุผลสำคัญที่ว่า ทำไมจีนจึงต้องปกป้องให้ทิเบตสุดชีวิต
    นี่เป็นอาณาเขตที่อ่อนไหวและหวงแหนยิ่งของจีน. เพราะอะไร?
    .
    ดินแดนนี้เป็นดังเขตกันชนที่ต้องเฝ้าระวังการรุกล้ำครอบงำจากโลกฝั่งตะวันตก ที่อาจแทรกทะลุผ่านเอเชียกลางเข้ามาได้. ดินแดนเปราะบางบางส่วนที่เป็นประตูเข้ามาสู่ดินแดนแถบนี้ ถูกแทรกแซงครอบงำจากตะวันตกไปบ้างแล้ว เช่น อัฟกานิสถาน คาซัคสถาน ทาจิกิสถาน... มหาอำนาจตะวันตกนั้นมุ่งหวังเป็นอย่างยิ่งที่จะเข้ามามีอิทธิพลเหนือทิเบตให้ได้ ด้วยกลยุทธมากมายหลายอย่าง แม้กระทั่งด้วยวิธีการใช้พรอพพาแกนดามากมาย เช่น ฟรีทิเบต เป็นต้น. แม้เราจะเคารพรักองค์ดาไลลามะและเห็นใจพุทธศาสนิกชน ประชากรชาวทิเบตเพียงใด แต่เราก็จำเป็นต้องไตร่ตรองในความเปราะบางของสถานะการณ์เช่นนี้อย่างระมัดระวัง. จีนนั้นมีเหตุผลเช่นไร ในการที่จะปกป้องพื้นที่นี้เอาไว้ให้เป็นส่วนหนึ่งของประเทศจีนอย่างสุดกำลังความสามารถ เราสามารถพิจารณาได้จากแผนที่ที่เห็น..
    .
    หากมหาอำนาจตะวันตกใดก็ตามเข้ามายึดครองควบคุมทิเบต ไม่เพียงแค่จีนเท่านั้นที่จะเส่ียงต่อความมั่นคง.. แต่ ไทย ลาว กัมพูชา พม่า และบางส่วนของอินเดีย อาจตกอยู่ในสถานะการณ์ที่ยากลำบากได้. ใครครอบครองทิเบต ผู้นั้นกุมชะตาเอเชีย เท่าที่ผ่านมานับพันปี แม้มีความไม่น่ายินดีกับการจัดการทรัพยากรต้นน้ำของจีนนัก แต่จีนก็แสดงให้เห็นว่าพวกเขาไม่ได้ชั่วร้ายที่จะฉกฉวยประโยชน์จากสายเลือดใหญ่เหล่านี้แต่เพียงฝ่ายเดียว พวกเรายังอยู่ร่วมกันมาได้นับพันปี แต่เราไม่อาจคาดการได้เลยว่าจะเกิดอะไรขึ้น หากมหาอำนาจอื่น เข้ามามีอำนาจในการควบคุมแม่น้ำสายใหญ่เหล่านี้.
    .
    แน่นอนว่า เวลาเปลี่ยน ปัจจัยเปลี่ยน.. ทั้งมนุษย์ ทั้งปัจจัยทางธรรมชาติ ทั้งสถานะการณ์โลกและนอกโลก.. เราไม่อาจรู้ได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เราได้แต่ตัดสินใจจากพื้นฐานที่เป็นประสบการณ์ของเราจากประวัติศาสตร์และบทเรียนที่ผ่านมา
    .
    พระพุทธองค์ตรัสว่า สังขารนั้นไม่เที่ยง ย่อมเสื่อมไปตามเหตุและปัจจัย
    มีเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป
    จงมีสติปัญญาที่จะพิจารณาวิเคราะห์และแยกแยะสิ่งต่างๆ ให้ถี่ถ้วนและพร้อมที่จะตัดสินใจ แก้ไขมันอย่างทันท่วงที โดยเลือกทางเลือกที่ถูกต้องที่สุด
    .
    ด้วยความปรารถนาดีและห่วงใยทุกท่าน
    - พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา -
    .
    อัพเดทข้อมูลในปี 2566
    --------------------------
    - แม่น้ำโวลก้าในเวลานี้มีสภาพที่ดีขึ้นมากกว่าเดิม โลหะหนักเป็นพิษลดสู่ปริมาณที่ต่ำลงอย่างมีนัยยะ
    - พื้นที่ในเอเชียกลางที่เคยถูกแทรกแซงครอบงำจากอิทธิพลตะวันตก เช่นอัฟกานิสถานและปากีสถาน กำลังเป็นอิสระและฟื้นฟูโดยความช่วยเหลือของจีนและรัสเซีย เส้นทางลำเลียงยาเสพติดของซีไอเอในเอเชียกลางถูกกำจัด และเอเชียกลางทั้งหมดผนึกเป็นส่วนเดียวกับพันธมิตรรัสเซีย-จีน เดินหน้าไปสู่ความเจริญของโครงการ One Belt One Road นั่นหมายความว่าแหล่งน้ำในทิเบตในเวลานี้ ได้รอดพ้นจากความเสี่ยงในการเข้าแทรกแซงของมหาอำนาจตะวันตกแล้ว และมันจะกลายเป็นพื้นที่ที่จะได้รับการดูแลรักษาอย่างเอาใจใส่
    - เอธิโอเปีย เข้าร่วมสมาขิก BRICS นั่นหมายความว่า ในที่สุดชาติที่น่าสงสารนี้จะได้ลืมตาอ้าปากเสียที และจีนกำลังเข้าช่วยเหลือด้านเศรษฐกิจ เช่นเดียวกับชาติอื่นๆ ในแอฟริกา หลังจากหลายปีแห่งความทุกข์ทรมานจากการถูกเอาเปรียบขูดรีดทรัพยากรโดยมหาทุนตะวันตก
    --------------------------
    บทความเก่าขอนำมาโพสอีกครั้ง ---------------------------- สงครามน้ำจะมาถึงในไม่ช้า นี่เป็นคำพยากรณ์... . อันที่จริงผมพูดเรื่องนี้มานานแล้วตั้งแต่ราวปี 2003 ผมเคยพยายามที่จะทำโครงการหนึ่งชื่อ Voices of Asia รวมทั้งเคยหาข้อมูลเพื่อทำสารคดีเรื่องแม่น้ำ.. มันไม่ได้รับการสนับสนุนให้ทำ แต่ยังคงเป็นสิ่งที่วนเวียนหลอกหลอนอยู่ในความคิดผมเสมอมา ความกังวลนี้มาจากการได้อ่านข้อมูลที่เกี่ยวกับปัญหาวิกฤติน้ำในเอธิโอเปียในช่วงเวลานั้น . แม่น้ำไนล์ เป็นที่รู้ดีมานานแล้วว่า คือกระแสโลหิตที่หล่อเลี้ยงแอฟริกาตอนบน และมันไม่เคยเพียงพอต่อความต้องการเลย นับแต่ซาฮาร่าโบราณที่เคยอุดมสมบูรณ์ในยุคโบราณได้แปรเปลี่ยนเป็นทะเลทราย และบรรพบุรุษของโฮโมเซเปี้ยนส์เริ่มอพยพหนีออกมาจากที่นั่น.. ซาฮาร่าแห้งแล้งลงเรื่อยๆ ผ่านเวลาแสนปีจนถึงปัจจุบัน.. ยิ่งเมื่อภาวะวิกฤติโลกร้อนและอุณหภูมิโลกและอากาศเปลี่ยนแปลงในทุกวันนี้ มันก็ยิ่งเหือดแห้งลงกว่าเดิม และยิ่งไม่เพียงพอต่อความต้องการมากยิ่งขึ้น.. . ต้นกำเนิดของแม่น้ำสายนี้อยู่ในเอธิโอเปีย. ประเทศอันแสนยากจน พวกเขาส่วนใหญ่ยากจนแสนเข็ญจริงๆ และแม้ว่าแม่น้ำนี้จะกำเนิดจากดินแดนแห่งนี้ แต่พวกเขาในพื้นที่ห่างไกลกลับยากลำบากและขาดแคลนน้ำที่จะนำมาเป็นปัจจัยพื้นฐานเพื่อเอาชีวิตรอด นั่นคือใช้ในการทำเกษตรกรรม. พวกเขาคงจะมีโอกาสรอดมากขึ้น ถ้าเพียงพวกเขาจะทำเขื่อนเพื่อที่จะกักและชะลอน้ำไว้บ้างสำหรับการเพาะปลูกเท่าที่จำเป็น แต่การทำเช่นนั้น.. สร้างความวิตกว่าน้ำจะยิ่งไม่เพียงพอแก่ประเทศอื่นที่ใช้แม่น้ำนี้ร่วมกัน เช่น อียิปต์ และ ซูดาน.. สองประเทศนี้มีแสนยานุภาพ มีขีปนาวุธ และเครื่องบินรบทันสมัยอย่างเอฟสิบหก ทันทีที่เอธิโอเปียสร้างเขื่อน มันจะถูกยิงถล่มเป็นผุยผง.. ประชาชนเอธิโอเปียไม่อาจทำอย่างไรได้ นอกจากจ้องมองแม่น้ำของพวกเขาด้วยความสิ้นหวังและล้มลงตายกับพื้นดิน. . เหตุการณ์แบบนี้อาจจะเกิดขึ้นที่อื่นอีก อย่างแน่นอน ไม่ช้าก็เร็ว และมันอาจเกิดขึ้นกับเรา คุณและผม... สักวันหนึ่ง . คนไทยอย่างเราอาจมองเรื่องเช่นนี้เป็นเรื่องไกลตัว เราใช้น้ำอย่างสบายใจและฟุ่มเฟือย เราเดินเข้าห้าง เข้ามินิมาร์ตที่มีน้ำดื่มบรรจุขวดมากมายเรียงรายเต็มหิ้งให้เลือก จนเราอาจลืมข้อเท็จจริงและเผลอคิดไปได้ว่า น้ำนี้จะไม่มีวันหมด และมันจะรอเราอยู่บนหิ้งนั้นชั่วนิรันดร์.. นั่นเป็นความคิดที่โง่เขลาสิ้นดีและไม่เป็นความจริง. . วันนึง ..จะไม่มีน้ำแม้สักครึ่งขวดเหลืออยู่บนหิ้งพวกนั้น และวันนั้นอาจมาถึงในไม่ช้า . สมัยเด็ก ผมโตมาบนถนนพระอาทิตย์และถนนพระสุเมรุ บ้านพ่ออยู่ติดแม่น้ำหน้าท่าพระอาทิตย์ ส่วนบ้านแม่อยู่ตรอกวัดสังเวช อยู่บนริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาเลย. ยุคนั้น ที่บ้านแม่ตักน้ำจากแม่น้ำแล้วกวนด้วยสารส้มใช้เป็นประจำ นำมาต้ม แล้วใช้ปรุงอาหารได้.. น้ำดื่มคือน้ำฝนที่รองใส่โอ่ง.. . ทุกวันนี้เราไม่สามารถทำเช่นนั้นได้อีกแล้ว แม่น้ำเจ้าพระยาตอนบนอาจจะยังคงสะอาดพอควร แต่ตอนกลางนั้นมีการปนเปื้อนอยู่หลายจุดตลอดเส้นทาง.. ไม่ต้องพูดถึงแม่น้ำตอนล่าง ที่ไหลผ่านเมืองใหญ่อย่างอยุธยาและกรุงเทพเลย พวกมันล้วนอุดมด้วยสารพิษอย่างเช่น ปรอท โลหะหนัก และสารเคมีสารพัด เช่น แคดเมี่ยม ฯลฯ พวกมันถูกปล่อยจากโรงงานอุตสาหกรรมที่อยู่เรียงรายตามริมแม่น้ำ ผสมโรงด้วยขยะพิษที่ประชาชนปล่อยลงไป ทั้งจากเคมีที่ใช้ประจำวันและยาฆ่าแมลง จากวัตถุมีพิษอื่นๆ เช่น อุปกรณ์อีเลคโทรนิคส์ แบตเตอรี่ ฯลฯ . ขณะที่ทุกคนต่างใช้ชีวิตอย่างเคยชินกับสิ่งเหล่านี้และไม่สนใจเพิกเฉยปัญหาของมัน หายนะกำลังคืบคลานอย่างช้าๆ มาสู่เราโดยไม่รู้ตัว.. ในภาวะปกตินี้ บ้านเมืองที่มีระบบรองรับ ก็ขับเคลื่อนหน่วยงานกลไกของมันไปตามสถานะที่ยังคงเลื่อนไหลไปได้ตามสภาพที่มี คนทั่วไปนั้นไม่ได้สนใจจะไปรับรู้ว่า กลไกเหล่านั้นขับเคลื่อนได้ดีแค่ไหน? ปลอดภัยแค่ไหน? ได้มาตรฐานแค่ไหน?.. พวกเขาสนใจแค่เรื่องตัวเองและคงคิดแค่ว่า "มีใครสักคนที่รับผิดชอบสิ่งเหล่านี้อยู่ และไม่ใช่ภาระที่ฉันจะเอามาใส่ใจ.." คงมีใครกำลังดูแลมันอยู่และมันก็คงดำเนินไปได้อย่างไม่มีปัญหาอะไร "ตลอดไป".. . งั้นสินะ? โอ้.. ฉันมีการประปานครหลวง กองบำบัดน้ำเสีย กระทรวงสาธารณะสุข กรมประมง เทศบาลเมือง การท่า.. ฯลฯ พวกเขาคงทำทุกอย่างได้ราบรื่นไม่มีปัญหา คนทั้งหลายไม่สำเหนียกว่า จักรเฟืองพวกนี้มีวันหยุดชะงักได้ และเมื่อวันนึงเกิดหายนะภัยพิบัติสักอย่างขึ้น เช่น สงครามโลก ภัยจากอวกาศภายนอกอย่างอุกกาบาต แผ่นดินไหวรุนแรง ซุปเปอร์อีรัพชั่น สภาพอากาศวิกฤติ ยุคน้ำแข็ง.. ฯ ระบบที่ขับเคลื่อนไปทั้งหมดนี้ อาจล่มสลายได้ในชั่วข้ามคืน และเมื่อมันเกิดขึ้น คำถามง่ายๆ ที่สุดที่ไม่มีใครคิดอย่างเช่น.. จะยังจะมีน้ำบรรจุขวดอยู่บนหิ้งในห้างร้านอยู่ไหม? อาจตามมาด้วยคำตอบที่แย่เกินกว่าจะยอมรับ. . กรณีนี้ ถ้าเราไม่มีน้ำดื่มให้ซื้อหาอีกต่อไป ถามว่าเราจะทำอย่างไร? จะดื่มน้ำจากแม่น้ำลำคลองอย่างที่คนโบราณเคยทำได้ไหม? ทำไม่ได้แน่นอน ถ้ามันเป็นพิษ.. เว้นแต่คนจะหมดสิ้นหนทางและความตายเป็นการปลดปล่อยจากความทุกข์ยาก.. ยิ่งเมื่อระบบเมืองและรัฐที่ขับเคลื่อนชาติต้องล่มสลายเพราะหายนะที่กล่าวไป จะเอางบประมาณ จะเอาอุปกรณ์ จะเอาวัตถุดิบ จะเอาเทคโนโลยี่ที่ไหนกัน มาเยียวยาแม่น้ำให้กลับมาดีดังเดิมและสามารถใช้กินใช้ดื่มได้อีก? ถ้าเราไม่แก้ไขเสียแต่ตอนนี้ จนกระทั่งเราไปถึงจุดนั้น แม่น้ำก็จะไม่สามารถกู้คืนได้อีกเลย. . ครั้งหนึ่ง แม่น้ำโวลกาในรัสเซียนั้น เคยวิกฤติถึงขั้นอันตรายจนกินใช้ไม่ได้เลยอย่างสิ้นเชิง ปลาในแม่น้ำเต็มไปด้วยพิษ แต่ด้วยการร่วมแรงร่วมใจของภาครัฐ ภาคเอกชนและประชาชน แม้ใช้เวลานับสิบปีในการพยายามกู้แม่น้ำสายนี้ ในที่สุดแม่น้ำนี้ก็กลับมาดีจนใช้ได้ในที่สุด แม้มันจะไม่ดีพอที่จะดื่มมันได้ก็ตามในตอนนี้.. . แน่นอนว่า แม่น้ำเจ้าพระยานั้นยังไม่เลวร้ายขนาดนั้น และมันเป็นไปได้อย่างแน่นอน ที่จะฟื้นคืนชีวิตแก่มันอย่างสมบูรณ์ หากเราจะถือว่านี่คือวาระแห่งชาติ และร่วมมือกันฟื้นฟูอย่างจริงจัง . แม่น้ำเจ้าพระยานั้น มีต้นกำเนิดจากป่าต้นน้ำทางภาคเหนือสี่แห่ง ซึ่งคือหัวใจที่ให้ชีวิตแก่แควทั้งสี่ คือ ปิง วัง ยม และ น่าน.. นี่นับเป็นความโชคดีของคนไทยเหลือคณานับ ที่ต้นแม่น้ำสายใหญ่นี้อยู่ในประเทศไทย ไม่ได้อยู่ในประเทศอื่น. นี่เป็นทรัพยากรเลอค่าที่สุด ที่จะพยุงชีวิตให้แก่ชาตินี้ แม้แต่คนโง่ที่สุดก็ควรจะเห็นความสำคัญในจุดนี้ได้. การฟื้นฟูแม่น้ำต้องเริ่มจากป่าต้นน้ำของมัน จะต้องไม่มีการทำลายอีก จะต้องฟื้นฟูป่าเหล่านี้ให้กลับมา จากนั้นฟื้นฟูแม่น้ำแควทั้งสี่ เชื่อมไปสู่แม่น้ำเจ้าพระยาตอนบน จนจรดเจ้าพระยาตอนล่าง. . นี่แหละคือชีพจรชีวิตของสยามประเทศ นี่คือหนทางที่จะทำให้เราอยู่รอดได้ หากวันนึงหายนะน้ำเกิดขึ้นและนำไปสู่จุดที่กลายเป็นสงครามแย่งชิงน้ำ ดังนั้นฟื้นฟูมันเสียตั้งแต่บัดนี้ ก่อนที่จะสายเกินไป! . หากคุณติดตามข่าว พระเจ้าอยู่หัววชิราลงกรณ์ฯ ท่านทรงไล่ฟื้นฟูคลองในกรุงเทพไล่เรียงไปทีละสาย หลายสายบัดนี้ได้กลับมาสะอาดดังเดิม หากแม่น้ำฟื้นคืนชีวิต คลองทั้งหลายเหล่านี้จะยิ่งหล่อเลี้ยงไปยังแขนงน้อยใหญ่ให้แก่เมือง . ลองดูภาพแผนที่ เมื่อเราพิจารณาดูแผนที่ที่เห็นอยู่นี้ซึ่งแสดงแม่น้ำสายใหญ่ๆ ในเอเชีย มันต่างกับแม่น้ำเจ้าพระยาที่ต้นน้ำอยู่ในประเทศไทย ทั้งหมดนั้นล้วนมีต้นกำเนิดอยู่ในทิเบต แม่น้ำทั้งหมดนี้คือสายโลหิตที่เลี้ยงเอเชีย มันไม่ได้มีความสำคัญแค่เป็นจุดกำเนิดวัฒนธรรมอันเก่าแก่ลึกล้ำ มันเป็นหัวใจที่หล่อเลี้ยงความอุดมสมบูรณ์ของแผ่นดิน และมันยังเป็นปัจจัยสำคัญหลายอย่างโดยเฉพาะทางภูมิรัฐศาสตร์และความมั่นคงของภูมิภาค. . นี่คือเหตุผลสำคัญที่ว่า ทำไมจีนจึงต้องปกป้องให้ทิเบตสุดชีวิต นี่เป็นอาณาเขตที่อ่อนไหวและหวงแหนยิ่งของจีน. เพราะอะไร? . ดินแดนนี้เป็นดังเขตกันชนที่ต้องเฝ้าระวังการรุกล้ำครอบงำจากโลกฝั่งตะวันตก ที่อาจแทรกทะลุผ่านเอเชียกลางเข้ามาได้. ดินแดนเปราะบางบางส่วนที่เป็นประตูเข้ามาสู่ดินแดนแถบนี้ ถูกแทรกแซงครอบงำจากตะวันตกไปบ้างแล้ว เช่น อัฟกานิสถาน คาซัคสถาน ทาจิกิสถาน... มหาอำนาจตะวันตกนั้นมุ่งหวังเป็นอย่างยิ่งที่จะเข้ามามีอิทธิพลเหนือทิเบตให้ได้ ด้วยกลยุทธมากมายหลายอย่าง แม้กระทั่งด้วยวิธีการใช้พรอพพาแกนดามากมาย เช่น ฟรีทิเบต เป็นต้น. แม้เราจะเคารพรักองค์ดาไลลามะและเห็นใจพุทธศาสนิกชน ประชากรชาวทิเบตเพียงใด แต่เราก็จำเป็นต้องไตร่ตรองในความเปราะบางของสถานะการณ์เช่นนี้อย่างระมัดระวัง. จีนนั้นมีเหตุผลเช่นไร ในการที่จะปกป้องพื้นที่นี้เอาไว้ให้เป็นส่วนหนึ่งของประเทศจีนอย่างสุดกำลังความสามารถ เราสามารถพิจารณาได้จากแผนที่ที่เห็น.. . หากมหาอำนาจตะวันตกใดก็ตามเข้ามายึดครองควบคุมทิเบต ไม่เพียงแค่จีนเท่านั้นที่จะเส่ียงต่อความมั่นคง.. แต่ ไทย ลาว กัมพูชา พม่า และบางส่วนของอินเดีย อาจตกอยู่ในสถานะการณ์ที่ยากลำบากได้. ใครครอบครองทิเบต ผู้นั้นกุมชะตาเอเชีย เท่าที่ผ่านมานับพันปี แม้มีความไม่น่ายินดีกับการจัดการทรัพยากรต้นน้ำของจีนนัก แต่จีนก็แสดงให้เห็นว่าพวกเขาไม่ได้ชั่วร้ายที่จะฉกฉวยประโยชน์จากสายเลือดใหญ่เหล่านี้แต่เพียงฝ่ายเดียว พวกเรายังอยู่ร่วมกันมาได้นับพันปี แต่เราไม่อาจคาดการได้เลยว่าจะเกิดอะไรขึ้น หากมหาอำนาจอื่น เข้ามามีอำนาจในการควบคุมแม่น้ำสายใหญ่เหล่านี้. . แน่นอนว่า เวลาเปลี่ยน ปัจจัยเปลี่ยน.. ทั้งมนุษย์ ทั้งปัจจัยทางธรรมชาติ ทั้งสถานะการณ์โลกและนอกโลก.. เราไม่อาจรู้ได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เราได้แต่ตัดสินใจจากพื้นฐานที่เป็นประสบการณ์ของเราจากประวัติศาสตร์และบทเรียนที่ผ่านมา . พระพุทธองค์ตรัสว่า สังขารนั้นไม่เที่ยง ย่อมเสื่อมไปตามเหตุและปัจจัย มีเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป จงมีสติปัญญาที่จะพิจารณาวิเคราะห์และแยกแยะสิ่งต่างๆ ให้ถี่ถ้วนและพร้อมที่จะตัดสินใจ แก้ไขมันอย่างทันท่วงที โดยเลือกทางเลือกที่ถูกต้องที่สุด . ด้วยความปรารถนาดีและห่วงใยทุกท่าน - พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา - . อัพเดทข้อมูลในปี 2566 -------------------------- - แม่น้ำโวลก้าในเวลานี้มีสภาพที่ดีขึ้นมากกว่าเดิม โลหะหนักเป็นพิษลดสู่ปริมาณที่ต่ำลงอย่างมีนัยยะ - พื้นที่ในเอเชียกลางที่เคยถูกแทรกแซงครอบงำจากอิทธิพลตะวันตก เช่นอัฟกานิสถานและปากีสถาน กำลังเป็นอิสระและฟื้นฟูโดยความช่วยเหลือของจีนและรัสเซีย เส้นทางลำเลียงยาเสพติดของซีไอเอในเอเชียกลางถูกกำจัด และเอเชียกลางทั้งหมดผนึกเป็นส่วนเดียวกับพันธมิตรรัสเซีย-จีน เดินหน้าไปสู่ความเจริญของโครงการ One Belt One Road นั่นหมายความว่าแหล่งน้ำในทิเบตในเวลานี้ ได้รอดพ้นจากความเสี่ยงในการเข้าแทรกแซงของมหาอำนาจตะวันตกแล้ว และมันจะกลายเป็นพื้นที่ที่จะได้รับการดูแลรักษาอย่างเอาใจใส่ - เอธิโอเปีย เข้าร่วมสมาขิก BRICS นั่นหมายความว่า ในที่สุดชาติที่น่าสงสารนี้จะได้ลืมตาอ้าปากเสียที และจีนกำลังเข้าช่วยเหลือด้านเศรษฐกิจ เช่นเดียวกับชาติอื่นๆ ในแอฟริกา หลังจากหลายปีแห่งความทุกข์ทรมานจากการถูกเอาเปรียบขูดรีดทรัพยากรโดยมหาทุนตะวันตก --------------------------
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 247 มุมมอง 0 รีวิว
  • ”ทักษิณ“ ลั่นต้องให้บอกชื่อด้วยไหม หลังคนสงสัยแชตแพทยสภาหลุดอาจไม่ใช่ของจริง แย้มคนส่งสติ๊กเกอร์ Yes ระดับสูงมาก! ชี้ทีม "สมศักดิ์" วีโต้ เป็นไปตามอำนาจหน้าที่ ของ รมว.สธ.บอกไม่รู้เป็นผลดีทางคดีหรือไม่-แล้วแต่คนมอง ระบุ “เสรีพิศุทธ์” ส่งหลักฐานเพิ่มเติม ศาลก็ไม่รับเพราะไม่ใช่ผู้เกี่ยวข้องกับคดี ถาม “หนูรี สบายดีไหม เป็นห่วงอยู่”

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000050751

    #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    ”ทักษิณ“ ลั่นต้องให้บอกชื่อด้วยไหม หลังคนสงสัยแชตแพทยสภาหลุดอาจไม่ใช่ของจริง แย้มคนส่งสติ๊กเกอร์ Yes ระดับสูงมาก! ชี้ทีม "สมศักดิ์" วีโต้ เป็นไปตามอำนาจหน้าที่ ของ รมว.สธ.บอกไม่รู้เป็นผลดีทางคดีหรือไม่-แล้วแต่คนมอง ระบุ “เสรีพิศุทธ์” ส่งหลักฐานเพิ่มเติม ศาลก็ไม่รับเพราะไม่ใช่ผู้เกี่ยวข้องกับคดี ถาม “หนูรี สบายดีไหม เป็นห่วงอยู่” อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000050751 #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    Haha
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 475 มุมมอง 0 รีวิว
  • มีคนงานการความคิด
    วิปริตผิดครรลอง
    จึงพินาศขาดธรรมครอง
    ล้วนเกี่ยวข้องต้องทุกข์ภัย

    ความจัญไรหมายครองเมือง
    วิบัติเยือนเตือนไม่ได้
    ก่อเวรกรรมซ้ำเลวร้าย
    พากระจายไฟลามทุ่ง

    ความระยำทำเอาไว้
    งานเลวร้ายหมายแต่มุ่ง
    คิดชั่วทำกรรมล้วนยุ่่ง
    บาปกรรมฟุ้งรุ่งริ่งได้

    ตั้งสติจิตตั้งมั่น
    นิ่งรู้ทันปัญญาใช้
    ธรรมความจริงทิ้งไม่ได้
    เพียรขวนขวายให้เห็นจริง

    จริงหนึ่งเดียวเกี่ยวโยงใย
    เพียงมุ่งหมายไว้พึ่งพิง
    ตื่นรู้ตื่นยืนหยัดจริง
    ได้สุงสิงยิ่งสว่าง

    ขอให้พบธรรมความจริงความดีมีสุข ยิ่งทำยิ่งเจริญรุ่งเรือง สวัสดีมงคลชัย

    นิพพานะ ปัจจะโยโหตุ
    มีคนงานการความคิด วิปริตผิดครรลอง จึงพินาศขาดธรรมครอง ล้วนเกี่ยวข้องต้องทุกข์ภัย ความจัญไรหมายครองเมือง วิบัติเยือนเตือนไม่ได้ ก่อเวรกรรมซ้ำเลวร้าย พากระจายไฟลามทุ่ง ความระยำทำเอาไว้ งานเลวร้ายหมายแต่มุ่ง คิดชั่วทำกรรมล้วนยุ่่ง บาปกรรมฟุ้งรุ่งริ่งได้ ตั้งสติจิตตั้งมั่น นิ่งรู้ทันปัญญาใช้ ธรรมความจริงทิ้งไม่ได้ เพียรขวนขวายให้เห็นจริง จริงหนึ่งเดียวเกี่ยวโยงใย เพียงมุ่งหมายไว้พึ่งพิง ตื่นรู้ตื่นยืนหยัดจริง ได้สุงสิงยิ่งสว่าง ขอให้พบธรรมความจริงความดีมีสุข ยิ่งทำยิ่งเจริญรุ่งเรือง สวัสดีมงคลชัย นิพพานะ ปัจจะโยโหตุ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 60 มุมมอง 0 รีวิว
  • อริยสาวก​พึง​ฝึกหัด​ศึกษา​ลักษณะแห่งผู้เจริญอินทรีย์ขั้นอริยะ
    สัทธรรมลำดับที่ : 1006
    ชื่อบทธรรม :- ค. ลักษณะแห่งผู้เจริญอินทรีย์ขั้นอริยะ
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=1006
    เนื้อความทั้งหมด :-
    --ค. ลักษณะแห่งผู้เจริญอินทรีย์ขั้นอริยะ
    --อานนท์ ! บุคคลผู้มีอินทรีย์อันอบรมแล้ว
    ในขั้นอริยะ (อริยภาวิตินฺทฺริย) เป็นอย่างไรเล่า ?
    http://etipitaka.com/read/pali/14/546/?keywords=อริโย+ภาวิตินฺทฺริโย
    --อานนท์ ! ในกรณีนี้
    ความพอใจ – ความไม่พอใจ – ความพอใจและไม่พอใจ
    เกิดขึ้นแก่ภิกษุเพราะ
    เห็นรูปด้วยจักษุ ....
    ฟังเสียงด้วยโสตะ ....
    ดมกลิ่นด้วยฆานะ ....
    ลิ้มรสด้วยชิวหา ....
    ถูกต้องโผฏฐัพพะด้วยผิวกาย ....
    รู้แจ้งธรรมารมณ์ด้วยใจ.
    ภิกษุนั้น : -
    +--ถ้าเธอหวังว่า จะเป็นผู้อยู่อย่างมีความรู้สึกว่า
    ไม่ปฏิกูล ในสิ่งที่เป็นปฏิกูล (คือไม่พอใจ หรือเป็นที่ตั้งของโทสะ)
    ดังนี้
    เธอก็ อยู่อย่างผู้มี ความรู้สึกว่าไม่ปฏิกูลในสิ่งที่เป็นปฏิกูลนั้นได้.
    +--ถ้าเธอหวังว่า จะเป็นผู้อยู่อย่างมีความรู้สึกว่า
    ปฏิกูล ในสิ่งที่ไม่ปฏิกูล (คือไม่เป็นที่ตั้งแห่งโทสะ รังแต่จะเป็นที่ตั้งแห่งราคะ)
    ดังนี้
    เธอก็ อยู่อย่างผู้มีความรู้สึกว่าปฏิกูลในสิ่งที่ไม่ปฏิกูลนั้นได้.
    +--ถ้าเธอหวังว่า จะเป็นผู้อยู่อย่างมีความรู้สึกว่า
    ไม่ปฏิกูล ทั้งในสิ่งที่เป็นปฏิกูลและไม่เป็นปฏิกูล
    ดังนี้
    เธอก็ อยู่อย่างผู้มีความรู้สึกว่าไม่ปฏิกูลทั้งในสิ่งที่เป็นปฏิกูลและไม่ปฏิกูลนั้นได้.
    +--ถ้าเธอหวังว่า จะเป็นผู้อยู่อย่างมีความรู้สึกว่า
    ปฏิกูล ทั้งในสิ่งที่ไม่ปฏิกูลและสิ่งที่เป็นปฏิกูล
    ดังนี้
    เธอก็ อยู่อย่างผู้มีความรู้สึกว่าปฏิกูลทั้งในสิ่งที่ไม่ปฏิกูลและสิ่งที่เป็นปฏิกูลนั้นได้.
    +--และถ้าเธอหวังว่า จะเป็นผู้อยู่อย่างเว้นขาดจากความรู้สึกว่า
    ปฏิกูลและไม่ปฏิกูลทั้งสองอย่างเสีย แล้วอยู่อย่างผู้อุเบกขา #มีสติสัมปชัญญะ
    ดังนี้
    เธอก็ อยู่อย่างผู้อุเบกขามีสติสัมปชัญญะในสิ่งที่เป็นปฏิกูลและไม่ปฏิกูลทั้งสองอย่างนั้นได้.
    --อานนท์ ! อย่างนี้แล ชื่อว่า #บุคคลผู้มีอินทรีย์อันเจริญแล้ว ในขั้นอริยะ.
    http://etipitaka.com/read/pali/14/547/?keywords=อริโย+ภาวิตินฺทฺริโย

    ( ข้อนี้หมายถึงผู้เจริญอินทรีย์จนบังคับจิตได้
    ในกรณีที่เกี่ยวกับความเป็นปฏิกูล ความไม่ปฏิกูล และ
    ความพ้นจากความหมายแห่งความเป็นปฏิกูลและไม่ปฏิกูล
    จึงสามารถบังคับจิต ควบคุมจิตไม่ให้เกิดความยินดียินร้าย
    แต่อยู่ด้วยอุเบกขาได้ถึงที่สุด.
    เข้าใจว่า แม้ยังไม่เป็นพระอรหันต์ก็สามารถกระทำได้.
    อนึ่ง ผู้ศึกษาพึงสังเกตให้เห็น
    ความหมายของคำว่าเสขะ
    จากข้อความในเนื้อความบทธรรม สัทธรรมลำดับที่​ 1005 และ
    ความหมายของคำว่าอริยะ
    จากข้อความในเรื่องนี้, ว่าจะต่างกันอย่างไร
    ).
    --อานนท์ ! ด้วยอาการอย่างนี้แล เป็นอันว่า
    #อนุตตรอินทรียภาวนา ในอริยวินัย เราแสดงแล้วแก่เธอ.
    http://etipitaka.com/read/pali/14/547/?keywords=อริยสฺส+อินฺทฺริยภาวนา
    เสขปาฏิบท เราก็แสดงแล้วแก่เธอ.
    อริยภาวิตินทริยะ เราก็แสดงแล้วแก่เธอ.
    --อานนท์ !
    กิจอันใด ที่ศาสดาผู้เอ็นดูแสวงหาประโยชน์เกื้อกูล
    อาศัยความเอ็นดูแล้ว จะพึงทำแก่สาวกทั้งหลาย ;
    กิจอันนั้น เราได้ทำแล้วแก่พวกเธอทั้งหลาย.
    --อานนท์ ! นั่น โคนไม้ทั้งหลาย(รุกฺขมูลานิ) นั่น เรือนว่างทั้งหลาย.
    http://etipitaka.com/read/pali/14/548/?keywords=รุกฺขมูลานิ
    --อานนท์ ! พวกเธอจงเพียรเผากิเลส, อย่าได้ประมาท.
    พวกเธอทั้งหลายอย่าได้เป็นผู้ที่ต้องร้อนใจ ในภายหลังเลย.
    นี่แล เป็นวาจาเครื่องพร่ำสอนพวกเธอทั้งหลายของเรา.-

    #ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์
    อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - อุปริ. ม. 14/411-412/863-865.
    http://etipitaka.com/read/thai/14/411/?keywords=%E0%B9%98%E0%B9%96%E0%B9%93
    อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - อุปริ. ม. ๑๔/๕๔๖ - ๕๔๗/๘๖๓ - ๘๖๕.
    http://etipitaka.com/read/pali/14/546/?keywords=%E0%B9%98%E0%B9%96%E0%B9%93
    ศึกษา​เพิ่มเติม...
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=1006
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=87&id=1006
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=87
    ลำดับสาธยายธรรม : 87 ฟังเสียงอ่าน...
    http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_87.mp3
    อริยสาวก​พึง​ฝึกหัด​ศึกษา​ลักษณะแห่งผู้เจริญอินทรีย์ขั้นอริยะ สัทธรรมลำดับที่ : 1006 ชื่อบทธรรม :- ค. ลักษณะแห่งผู้เจริญอินทรีย์ขั้นอริยะ https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=1006 เนื้อความทั้งหมด :- --ค. ลักษณะแห่งผู้เจริญอินทรีย์ขั้นอริยะ --อานนท์ ! บุคคลผู้มีอินทรีย์อันอบรมแล้ว ในขั้นอริยะ (อริยภาวิตินฺทฺริย) เป็นอย่างไรเล่า ? http://etipitaka.com/read/pali/14/546/?keywords=อริโย+ภาวิตินฺทฺริโย --อานนท์ ! ในกรณีนี้ ความพอใจ – ความไม่พอใจ – ความพอใจและไม่พอใจ เกิดขึ้นแก่ภิกษุเพราะ เห็นรูปด้วยจักษุ .... ฟังเสียงด้วยโสตะ .... ดมกลิ่นด้วยฆานะ .... ลิ้มรสด้วยชิวหา .... ถูกต้องโผฏฐัพพะด้วยผิวกาย .... รู้แจ้งธรรมารมณ์ด้วยใจ. ภิกษุนั้น : - +--ถ้าเธอหวังว่า จะเป็นผู้อยู่อย่างมีความรู้สึกว่า ไม่ปฏิกูล ในสิ่งที่เป็นปฏิกูล (คือไม่พอใจ หรือเป็นที่ตั้งของโทสะ) ดังนี้ เธอก็ อยู่อย่างผู้มี ความรู้สึกว่าไม่ปฏิกูลในสิ่งที่เป็นปฏิกูลนั้นได้. +--ถ้าเธอหวังว่า จะเป็นผู้อยู่อย่างมีความรู้สึกว่า ปฏิกูล ในสิ่งที่ไม่ปฏิกูล (คือไม่เป็นที่ตั้งแห่งโทสะ รังแต่จะเป็นที่ตั้งแห่งราคะ) ดังนี้ เธอก็ อยู่อย่างผู้มีความรู้สึกว่าปฏิกูลในสิ่งที่ไม่ปฏิกูลนั้นได้. +--ถ้าเธอหวังว่า จะเป็นผู้อยู่อย่างมีความรู้สึกว่า ไม่ปฏิกูล ทั้งในสิ่งที่เป็นปฏิกูลและไม่เป็นปฏิกูล ดังนี้ เธอก็ อยู่อย่างผู้มีความรู้สึกว่าไม่ปฏิกูลทั้งในสิ่งที่เป็นปฏิกูลและไม่ปฏิกูลนั้นได้. +--ถ้าเธอหวังว่า จะเป็นผู้อยู่อย่างมีความรู้สึกว่า ปฏิกูล ทั้งในสิ่งที่ไม่ปฏิกูลและสิ่งที่เป็นปฏิกูล ดังนี้ เธอก็ อยู่อย่างผู้มีความรู้สึกว่าปฏิกูลทั้งในสิ่งที่ไม่ปฏิกูลและสิ่งที่เป็นปฏิกูลนั้นได้. +--และถ้าเธอหวังว่า จะเป็นผู้อยู่อย่างเว้นขาดจากความรู้สึกว่า ปฏิกูลและไม่ปฏิกูลทั้งสองอย่างเสีย แล้วอยู่อย่างผู้อุเบกขา #มีสติสัมปชัญญะ ดังนี้ เธอก็ อยู่อย่างผู้อุเบกขามีสติสัมปชัญญะในสิ่งที่เป็นปฏิกูลและไม่ปฏิกูลทั้งสองอย่างนั้นได้. --อานนท์ ! อย่างนี้แล ชื่อว่า #บุคคลผู้มีอินทรีย์อันเจริญแล้ว ในขั้นอริยะ. http://etipitaka.com/read/pali/14/547/?keywords=อริโย+ภาวิตินฺทฺริโย ( ข้อนี้หมายถึงผู้เจริญอินทรีย์จนบังคับจิตได้ ในกรณีที่เกี่ยวกับความเป็นปฏิกูล ความไม่ปฏิกูล และ ความพ้นจากความหมายแห่งความเป็นปฏิกูลและไม่ปฏิกูล จึงสามารถบังคับจิต ควบคุมจิตไม่ให้เกิดความยินดียินร้าย แต่อยู่ด้วยอุเบกขาได้ถึงที่สุด. เข้าใจว่า แม้ยังไม่เป็นพระอรหันต์ก็สามารถกระทำได้. อนึ่ง ผู้ศึกษาพึงสังเกตให้เห็น ความหมายของคำว่าเสขะ จากข้อความในเนื้อความบทธรรม สัทธรรมลำดับที่​ 1005 และ ความหมายของคำว่าอริยะ จากข้อความในเรื่องนี้, ว่าจะต่างกันอย่างไร ). --อานนท์ ! ด้วยอาการอย่างนี้แล เป็นอันว่า #อนุตตรอินทรียภาวนา ในอริยวินัย เราแสดงแล้วแก่เธอ. http://etipitaka.com/read/pali/14/547/?keywords=อริยสฺส+อินฺทฺริยภาวนา เสขปาฏิบท เราก็แสดงแล้วแก่เธอ. อริยภาวิตินทริยะ เราก็แสดงแล้วแก่เธอ. --อานนท์ ! กิจอันใด ที่ศาสดาผู้เอ็นดูแสวงหาประโยชน์เกื้อกูล อาศัยความเอ็นดูแล้ว จะพึงทำแก่สาวกทั้งหลาย ; กิจอันนั้น เราได้ทำแล้วแก่พวกเธอทั้งหลาย. --อานนท์ ! นั่น โคนไม้ทั้งหลาย(รุกฺขมูลานิ) นั่น เรือนว่างทั้งหลาย. http://etipitaka.com/read/pali/14/548/?keywords=รุกฺขมูลานิ --อานนท์ ! พวกเธอจงเพียรเผากิเลส, อย่าได้ประมาท. พวกเธอทั้งหลายอย่าได้เป็นผู้ที่ต้องร้อนใจ ในภายหลังเลย. นี่แล เป็นวาจาเครื่องพร่ำสอนพวกเธอทั้งหลายของเรา.- #ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์ อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - อุปริ. ม. 14/411-412/863-865. http://etipitaka.com/read/thai/14/411/?keywords=%E0%B9%98%E0%B9%96%E0%B9%93 อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - อุปริ. ม. ๑๔/๕๔๖ - ๕๔๗/๘๖๓ - ๘๖๕. http://etipitaka.com/read/pali/14/546/?keywords=%E0%B9%98%E0%B9%96%E0%B9%93 ศึกษา​เพิ่มเติม... https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=1006 https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=87&id=1006 https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=87 ลำดับสาธยายธรรม : 87 ฟังเสียงอ่าน... http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_87.mp3
    WWW.XN--N3CCDACA9AWFTA5NMBZD0ND.COM
    - ค. ลักษณะแห่งผู้เจริญอินทรีย์ขั้นอริยะ
    -(พระอริยบุคคลระดับเสขะ ยังไม่เป็นพระอรหันต์ ยังรู้สึกอึดอัดกระทบกระทั่งต่ออารมณ์ที่มากระทบ ; แม้จะเป็นอิฏฐารมณ์ฝ่ายกุศล เป็นที่ตั้งแห่งความยินดีพอใจ ก็อึดอัดในฐานะที่เป็นอารมณ์อันมากระทบตน เพราะยังมีความยึดมั่นถือมั่น ( อุปาทาน ) บางส่วนที่เหลืออยู่ ; กล่าวอีกอย่างหนึ่งก็คือ ยังมีตัวตนเหลืออยู่สำหรับรับการกระทบกระทั่ง จึงไม่ว่างไม่เกลี้ยงไม่สงบเย็น ). ค. ลักษณะแห่งผู้เจริญอินทรีย์ขั้นอริยะ อานนท์ ! บุคคลผู้มีอินทรีย์อันอบรมแล้ว ในขั้นอริยะ (อริยภาวิตินฺทฺริย) เป็นอย่างไรเล่า ? อานนท์ ! ในกรณีนี้ ความพอใจ – ความไม่พอใจ – ความพอใจและไม่พอใจ เกิดขึ้นแก่ภิกษุเพราะเห็นรูปด้วยจักษุ .... ฟังเสียงด้วยโสตะ .... ดมกลิ่นด้วยฆานะ .... ลิ้มรสด้วยชิวหา .... ถูกต้องโผฏฐัพพะด้วยผิวกาย .... รู้แจ้งธรรมารมณ์ด้วยใจ. ภิกษุนั้น : ถ้าเธอหวังว่า จะเป็นผู้อยู่อย่างมีความรู้สึกว่าไม่ปฏิกูล ในสิ่งที่เป็นปฏิกูล (คือไม่พอใจ หรือเป็นที่ตั้งของโทสะ) ดังนี้ เธอก็ อยู่อย่างผู้มี ความรู้สึกว่าไม่ปฏิกูลในสิ่งที่เป็นปฏิกูลนั้นได้. ถ้าเธอหวังว่า จะเป็นผู้อยู่อย่างมีความรู้สึกว่าปฏิกูล ในสิ่งที่ไม่ปฏิกูล (คือไม่เป็นที่ตั้งแห่งโทสะ รังแต่จะเป็นที่ตั้งแห่งราคะ) ดังนี้ เธอก็ อยู่อย่างผู้มีความรู้สึกว่าปฏิกูลในสิ่งที่ไม่ปฏิกูลนั้นได้. ถ้าเธอหวังว่า จะเป็นผู้อยู่อย่างมีความรู้สึกว่าไม่ปฏิกูล ทั้งในสิ่งที่เป็นปฏิกูลและไม่เป็นปฏิกูล ดังนี้ เธอก็ อยู่อย่างผู้มีความรู้สึกว่าไม่ปฏิกูลทั้งในสิ่งที่เป็นปฏิกูลและไม่ปฏิกูลนั้นได้. ถ้าเธอหวังว่า จะเป็นผู้อยู่อย่างมีความรู้สึกว่าปฏิกูล ทั้งในสิ่งที่ไม่ปฏิกูลและสิ่งที่เป็นปฏิกูล ดังนี้ เธอก็ อยู่อย่างผู้มีความรู้สึกว่าปฏิกูลทั้งในสิ่งที่ไม่ปฏิกูลและสิ่งที่เป็นปฏิกูลนั้นได้. และถ้าเธอหวังว่า จะเป็นผู้อยู่อย่างเว้นขาดจากความรู้สึกว่าปฏิกูลและไม่ปฏิกูลทั้งสองอย่างเสีย แล้วอยู่อย่างผู้อุเบกขา มีสติสัมปชัญญะ ดังนี้ เธอก็ อยู่อย่างผู้อุเบกขามีสติสัมปชัญญะในสิ่งที่เป็นปฏิกูลและไม่ปฏิกูลทั้งสองอย่างนั้นได้. อานนท์ ! อย่างนี้แล ชื่อว่า บุคคลผู้มีอินทรีย์อันเจริญแล้ว ในขั้นอริยะ. ( ข้อนี้หมายถึงผู้เจริญอินทรีย์จนบังคับจิตได้ ในกรณีที่เกี่ยวกับความเป็นปฏิกูล ความไม่ปฏิกูล และความพ้นจากความหมายแห่งความเป็นปฏิกูลและไม่ปฏิกูล จึงสามารถบังคับจิต ควบคุมจิตไม่ให้เกิดความยินดียินร้าย แต่อยู่ด้วยอุเบกขาได้ถึงที่สุด. เข้าใจว่า แม้ยังไม่เป็นพระอรหันต์ก็สามารถกระทำได้. อนึ่ง ผู้ศึกษาพึงสังเกตให้เห็น ความหมายของคำว่าเสขะ จากข้อความในเรื่องข้างบน และ ความหมายของคำว่าอริยะ จากข้อความในเรื่องนี้, ว่าจะต่างกันอย่างไร ). อานนท์ ! ด้วยอาการอย่างนี้แล เป็นอันว่า อนุตตรอินทรียภาวนาในอริยวินัย เราแสดงแล้วแก่เธอ. เสขปาฏิบท เราก็แสดงแล้วแก่เธอ. อริยภาวิตินทริยะ เราก็แสดงแล้วแก่เธอ. อานนท์ ! กิจอันใด ที่ศาสดาผู้เอ็นดูแสวงหาประโยชน์เกื้อกูล อาศัยความเอ็นดูแล้ว จะพึงทำแก่สาวกทั้งหลาย ; กิจอันนั้น เราได้ทำแล้วแก่พวกเธอทั้งหลาย. อานนท์ ! นั่น โคนไม้ทั้งหลาย นั่น เรือนว่างทั้งหลาย. อานนท์ ! พวกเธอจงเพียรเผากิเลส, อย่าได้ประมาท. พวกเธอทั้งหลายอย่าได้เป็นผู้ที่ต้องร้อนใจ ในภายหลังเลย. นี่แล เป็นวาจาเครื่องพร่ำสอนพวกเธอทั้งหลายของเรา.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 160 มุมมอง 0 รีวิว
  • ภาษาทางโลกว่า ขีวิตไม่เหลืออะไร (ทรัพย์สิน เงินทองไม่มี) แต่เรายังมีชีวิต มีลมหายใจ มีจิตวิญญาณอยู่ มีสติ ทำดีไป ผู้คนมาเห็นเขาก็ยังเมตตาให้กินอยู่ บาวคนก็หาที่หลับร้อนหนาวให้ ลมหายก็พุทโธ ไว้ (ชีวิตพราหมณ์เป็นแบบนี้)
    ภาษาทางโลกว่า ขีวิตไม่เหลืออะไร (ทรัพย์สิน เงินทองไม่มี) แต่เรายังมีชีวิต มีลมหายใจ มีจิตวิญญาณอยู่ มีสติ ทำดีไป ผู้คนมาเห็นเขาก็ยังเมตตาให้กินอยู่ บาวคนก็หาที่หลับร้อนหนาวให้ ลมหายก็พุทโธ ไว้ (ชีวิตพราหมณ์เป็นแบบนี้)
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 49 มุมมอง 0 รีวิว
  • สติดูรู้เท่าทัน
    จิตตั้งมั่นปัญญาเกิด
    เห็นกระจ่างทางประเสริฐ
    ไม่เตลิดเกิดธรรมจริง

    ธรรมถูกตรงคงที่แน่
    กิเลสแย่แก้ดั่งลิง
    ถูกตัณหาพารุ่งริ่ง
    กรรมยุ่งยิ่งยิ่งทุกข์ตรม

    ธรรมถูกตรงปลงได้แน่
    จริงแน่แท้และเกลียวกลม
    ธรรมสว่างทางเหมาะสม
    ปัญญาคมบ่มฟอกจิต

    ธรรมฟอกจิตจิตผ่องแผ้ว
    ถูกตรงแนวแผ้วถางจิต
    บริสุทธิ์ผุดผ่องจิต
    แท้ธรรมจิตมิตรเพื่อนตาย

    จิตฟอกกายให้ผุดผ่อง
    พาคล้องจองต้องจิตกาย
    ธรรมความจริงยิ่งอาศัย
    ปีติได้ให้ศรัทธา

    ขอให้พบธรรมความจริงมีความสุข ยิ่งทำยิ่งเจริญรุ่งเรือง สวัสดีมงคลชัย

    นิพพานะ ปัจจะโยโหตุ
    สติดูรู้เท่าทัน จิตตั้งมั่นปัญญาเกิด เห็นกระจ่างทางประเสริฐ ไม่เตลิดเกิดธรรมจริง ธรรมถูกตรงคงที่แน่ กิเลสแย่แก้ดั่งลิง ถูกตัณหาพารุ่งริ่ง กรรมยุ่งยิ่งยิ่งทุกข์ตรม ธรรมถูกตรงปลงได้แน่ จริงแน่แท้และเกลียวกลม ธรรมสว่างทางเหมาะสม ปัญญาคมบ่มฟอกจิต ธรรมฟอกจิตจิตผ่องแผ้ว ถูกตรงแนวแผ้วถางจิต บริสุทธิ์ผุดผ่องจิต แท้ธรรมจิตมิตรเพื่อนตาย จิตฟอกกายให้ผุดผ่อง พาคล้องจองต้องจิตกาย ธรรมความจริงยิ่งอาศัย ปีติได้ให้ศรัทธา ขอให้พบธรรมความจริงมีความสุข ยิ่งทำยิ่งเจริญรุ่งเรือง สวัสดีมงคลชัย นิพพานะ ปัจจะโยโหตุ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 73 มุมมอง 0 รีวิว
  • Ep 26 ) ยามเฝ้าแผ่นดิน . ฝึกเจริญสติให้เป็นนิสัย . คดีแตงโมกลัดกระดุมเม็ดแรกผิด และสาเหตุที่แท้จริงที่ทำให้คนไทยหนี้ท่วม สมัครสมาชิกยามเฝ้าแผ่นดิน "ทวงความถูกต้องให้คนไทย"กรอกแบบฟอร์มออนไลน์ (Google form) ได้ที่ลิงค์ : https://docs.google.com/forms/d/e/1FAIpQLSdZJZLh_L5S-103AtRCRIgC5fee1DggMhr_QzF5yqbndszTdA/viewform#Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #ความจริงมีหนึ่งเดียว #ความจริงมีหนึ่งเดียวครั้งที่2 #คดีแตงโม #หนี้ท่วมคนไทย #อาจารย์ปานเทพพัวพงษ์พันธ์ #มูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดิน • สมัครสมาชิก membership ความจริงมีหนึ่งเดียว ช่อง SONDHITALK บน YouTube : https://www.youtube.com/@sondhitalk/join• ติดต่อสอบถามได้ที่ Line : @sondhitalk
    Ep 26 ) ยามเฝ้าแผ่นดิน . ฝึกเจริญสติให้เป็นนิสัย . คดีแตงโมกลัดกระดุมเม็ดแรกผิด และสาเหตุที่แท้จริงที่ทำให้คนไทยหนี้ท่วม สมัครสมาชิกยามเฝ้าแผ่นดิน "ทวงความถูกต้องให้คนไทย"กรอกแบบฟอร์มออนไลน์ (Google form) ได้ที่ลิงค์ : https://docs.google.com/forms/d/e/1FAIpQLSdZJZLh_L5S-103AtRCRIgC5fee1DggMhr_QzF5yqbndszTdA/viewform#Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #ความจริงมีหนึ่งเดียว #ความจริงมีหนึ่งเดียวครั้งที่2 #คดีแตงโม #หนี้ท่วมคนไทย #อาจารย์ปานเทพพัวพงษ์พันธ์ #มูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดิน • สมัครสมาชิก membership ความจริงมีหนึ่งเดียว ช่อง SONDHITALK บน YouTube : https://www.youtube.com/@sondhitalk/join• ติดต่อสอบถามได้ที่ Line : @sondhitalk
    Love
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 182 มุมมอง 1 0 รีวิว

  • "ทักษิณ" โวยแหลก โดนสมาชิกแพทยสภาด่าในไลน์กลุ่ม ซัดมีหน้าที่ตรวจสอบจริยธรรมแต่ไม่มีจริยธรรมเสียเอง เชื่อ “สมศักดิ์” มีข้อมูลทุกอย่าง แต่ต้องคิดเยอะหน่อย

    วันนี้ (27พ.ย.) เมื่อเวลา 14.55 น. ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่แพทยสภามีมติลงโทษแพทยสภา 3 คนกรณีการพักรักษาตัวนายทักษิณ ที่ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ ว่า แพทยสภามีหน้าที่ดูเรื่องจริยธรรมของแพทย์ บางทีแพทยสภาก็ไม่มีจริยธรรมเสียเองก็มี

    “ไลน์กลุ่มหลุดออกมา แพทยสภาบางคนด่าผมอยู่ในกลุ่มไลน์กลุ่ม แล้วก็มีแพทยสภาคนหนึ่ง ตอบไปเป็นสติ๊กเกอร์ว่า yes อย่างงี้มันยังไม่ทันพิจารณาเลย อย่างงี้ เค้าเรียกจริยธรรมมีปัญหาซะเอง

    “คือเป็นมันทุกฝ่ายด้วยนะ ถ้ารักษากติกาและรักษาจริยธรรมในวิชาชีพมันไม่มีปัญหานะครับ”

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/politics/detail/9680000049633

    #MGROnline #แพทยสภา #ทักษิณ #ชั้น14 #โรงพยาบาลตำรวจ
    "ทักษิณ" โวยแหลก โดนสมาชิกแพทยสภาด่าในไลน์กลุ่ม ซัดมีหน้าที่ตรวจสอบจริยธรรมแต่ไม่มีจริยธรรมเสียเอง เชื่อ “สมศักดิ์” มีข้อมูลทุกอย่าง แต่ต้องคิดเยอะหน่อย • วันนี้ (27พ.ย.) เมื่อเวลา 14.55 น. ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่แพทยสภามีมติลงโทษแพทยสภา 3 คนกรณีการพักรักษาตัวนายทักษิณ ที่ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ ว่า แพทยสภามีหน้าที่ดูเรื่องจริยธรรมของแพทย์ บางทีแพทยสภาก็ไม่มีจริยธรรมเสียเองก็มี • “ไลน์กลุ่มหลุดออกมา แพทยสภาบางคนด่าผมอยู่ในกลุ่มไลน์กลุ่ม แล้วก็มีแพทยสภาคนหนึ่ง ตอบไปเป็นสติ๊กเกอร์ว่า yes อย่างงี้มันยังไม่ทันพิจารณาเลย อย่างงี้ เค้าเรียกจริยธรรมมีปัญหาซะเอง • “คือเป็นมันทุกฝ่ายด้วยนะ ถ้ารักษากติกาและรักษาจริยธรรมในวิชาชีพมันไม่มีปัญหานะครับ” • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/politics/detail/9680000049633 • #MGROnline #แพทยสภา #ทักษิณ #ชั้น14 #โรงพยาบาลตำรวจ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 152 มุมมอง 0 รีวิว
  • กทม. รับมอบคู่มือสอนแยกขยะ ปลูกฝังเด็ก 437 โรงเรียน เรียนรู้จัดการพลาสติกตั้งแต่ต้นทาง
    https://www.thai-tai.tv/news/18976/
    กทม. รับมอบคู่มือสอนแยกขยะ ปลูกฝังเด็ก 437 โรงเรียน เรียนรู้จัดการพลาสติกตั้งแต่ต้นทาง https://www.thai-tai.tv/news/18976/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 70 มุมมอง 0 รีวิว
  • ตำรวจภูธรภาค ๓ ตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา, สถานีตำรวจภูธรโพธิ์กลาง ,จังหวัดนครราชสีมา และ ปปส.ภาค ๓ ร่วมกันแถลงผลการสืบสวนจับกุมคดียาเสพติดรายสําคัญ ตรวจยึดยาบ้า จำนวน 198,000 เม็ด

    คณะรัฐมนตรีโดย นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีแถลงนโยบายต่อรัฐสภา กรอบ นโยบายในการบริหารและพัฒนาประเทศตามกรอบความเร่งด่วน เพื่อสร้างคุณภาพชีวิตที่ดี นําความ ปลอดภัย สร้างศักดิ์ศรีและนำความภาคภูมิใจมาสู่ประชาชนไทย นโยบายด้านความปลอดภัย จะทำงาน รวมกับทุกภาคส่วนเพื่อดำเนินการปราบปรามผู้มีอิทธิพลและยาเสพติดให้หมดไปจากสังคมไทย โดยยึด หลัก “เปลี่ยนผู้เสพเป็นผู้ป่วย” สนับสนุนให้ผู้เสพเขารับการรักษาบำบัดอย่างมีประสิทธิภาพและทั่วถึง ส่วนผู้ผลิตผู้ค้า คือผู้ที่ต้องได้รับโทษตามกระบวนการยุติธรรม โดยใช้มาตรการปราบปรามทางกฎหมาย อย่างจริงจัง ซึ่งรวมถึงการ “ยึดทรัพย์” เพื่อตัดวงจรการค้ายาเสพติดพร้อมดำเนินการเจรจาทางการทูต กับประเทศตามแนวชายแดน เพื่อควบคุมการลักลอบนำยาเสพติดเข้ามาในประเทศไทย ประชาชนออกจากวงจรการค้ายาเสพติดอย่างถาวร และตึง และปฏิบัติการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด “Seal Stop Safe” เพื่อสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติดตามแนวชายแดนถือเป็นนโยบายเร่งด่วนต้อง ทําทันที

    ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.วัฒนา ยี่จีน ผบช.ภ.๓/ผอ.ศอ.ปส.ภ.๓, พล.ต.ต.ประสงค์ เรื่องเดช รอง จตร.รรท.รอง ผบช.ภ.๓/รอง ผอ.ศอ.ปส.ภ.๓ ได้สั่งการให้ทุกหน่วยในสังกัดเร่งรัดสืบสวน จับกุมผู้ค้ายาเสพติดในเขตพื้นที่รับผิดชอบ การกวาดล้างยาเสพติดในทุกมิติการทำลายเครือข่ายวงจร ยาเสพติดทุกระดับ การสกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติดตามแนวชายแดน และพื้นที่ชั้นใน
    .
    พล.ต.ต.ไพโรจน์ ขุนหมื่น ผบก.ภ.จว.นครราชสีมา พ.ต.อ.คเชนท์ เสตะปุตตะ รอง ผบก.ภ.จว. นครราชสีมา, พ.ต.อ.วีณวัฒน์ ศรีแย้ม ผกก.สภ.โพธิ์กลาง, พ.ต.ท.สมาน เชาว์มะเริง รอง ผกก.สส. สภ.โพธิ์กลาง สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.โพธิ์กลาง จว.นครราชสีมา นำโดย พ.ต.ท.ชัยพล คงขุนทด สว.สส.สภ.โพธิ์กลาง, พธิ์กลาง, ร.ต.อ.ภาคิน พิทักษ์ศุภกร พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.โพธิ์กลาง ร่วมสืบสวนจับกุมตัว
    ๑. นายเสือ (นามสมมุติ) อายุ ๒๔ ปี ที่อยู่ อ.ลำปลายมาศ จว.บุรีรัมย์ (ผู้ต้องหาที่ ๑)
    ๒. นายยุทธ (นามสมมุติ) อายุ ๒๔ ปี ที่อยู่ อ.ลำปลายมาศ จว.บุรีรัมย์ (ผู้ต้องหาที่ ๒)
    ๓. นายมอล (นามสมมุติ) อายุ ๓๒ ปี ที่อยู่ อ.ลำปลายมาศ จว.บุรีรัมย์ (ผู้ต้องหาที่ ๓)
    ๔. นางสาวพลอย (นามสมุติ) อายุ ๒๑ ปี ที่อยู่ อ.ลำปลายมาศ จว.บุรีรัมย์ (ผู้ต้องหาที่ ๔)
    พร้อมด้วยของกลาง
    .
    ๑. ยาบ้า จํานวน ๒ เม็ด
    ๒. ยาบ้าที่ห่อด้วยกระดาษสีน้ำตาล จำนวน ๓๓ หมอน หมอนละ ๓ มัด รวม ๙๙ มัด มัดละ ๒,๐๐๐ เม็ด ซุกซ่อนอยู่ถุงพลาสติกสีดำ รวมยาบ้าทั้งหมดประมาณ ๑๙๘,๐๐๐ เม็ด
    ๓. โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อไอโฟน รุ่น ๑๑ สีดำ จำนวน ๑ เครื่อง
    ๔. โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อซัมซุง รุ่นเอ ๒๔ จำนวน ๑ เครื่อง
    ๕. โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อซัมซุง รุ่นเอ๕๘ จำนวน ๑ เครื่อง
    ๖. น้ำปัสสาวะบรรจุขวดพลาสติก จำนวน ๔ ขวด
    .
    พฤติการณ์แห่งคดี วันที่ ๒๓ พ.ค.๖๘ เวลาประมาณ 00.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.โพธิ์กลางได้รับมอบหมายจากผู้บังคับบัญชาให้ทำการตั้งจุดตรวจจุดสกัดเพื่อป้องกันเหตุอาชญากรรมและลำเลียงยาเสพติดที่ถนนมิตรภาพ ต.โคกกรวด อ.เมือง จว.นครราชสีมา ซึ่งเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.โพธิ์กลางได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่ชุดสนับสนุน จึงได้ทำการออกตรวจในบริเวณก่อนถึงจุดตรวจจุดสกัดฯ ดังกล่าว
    .
    ต่อมาเวลา ๐๐.๒๐ น. พบว่ามีรถยนต์กลับรถก่อนถึงจุดตั้งจุดตรวจ เจ้าหน้าที่จึงได้ขับรถติดตามไปจนถึงถนนหมายเลข ๒๙๐ บ้านหนองกุ้ง หมู่ที่ ๑๓ ต.โคกกรวด อ.เมืองนครราชสีมา พบรถยนต์กระบะแค๊ปสีเขียว ยี่ห้ออีซูซุ จังหวัดบุรีรัมย์ เลี้ยวเข้าไปจอดที่บริเวณอยู่หน้าสนามชนไก่แก้ว เจ้าหน้าที่จึงได้แสดงตัวเข้าทำการตรวจสอบ พบบุคคลชาย ๒ คน คือนายเสือ (ผู้ต้องหาที่ ๑) เป็นคนขับรถ และนายยุทธ (ผู้ต้องหาที่ ๒) นั่งอยู่ฝั่งผู้โดยสาร ท่าทางมีพิรุธสงสัย จึงได้ทำการสอบ ทั้งสองแจ้งว่ารถยนต์เสีย แต่เจ้าหน้าที่ไม่เชื่อ จึงได้สอบถามจนทั้งสองคนยอมรับว่าได้เสพยาบ้ามาและเป็นคนขับรถนำทางหรือสเก้าท์หน้ารถที่ขนยาบ้า แต่ระหว่างขับรถมาทราบว่ามีการตั้งจุดตรวจอยู่ด้านหน้า จึงเลี้ยวกลับรถก่อนถึงจุดตรวจแล้วมาจอดรถรอเพื่อให้จุดตรวจเลิกก่อนจึงจะเดินทางต่อ เจ้าหน้าที่จึงได้ขอทำการตรวจค้นภายในรถยนต์ดังกล่าวพบยาบ้าจำนวน ๒ เม็ด ของกลางลำดับที่ ๑) จึงได้แจ้งข้อหา “ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษ ประเภท ๑ (ยาบ้า) ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตและแจ้งผู้ต้องหาที่ ๑ เป็นผู้ขับขี่รถยนต์เสพยาเสพ ติดให้โทษประเภท ๑ (ยาบ้า) โดยผิดกฎหมาย” และสิทธิ์ให้ผู้ต้องหาทั้งสองทราบ
    .
    นายเสือฯ และนายยุทธฯ ทราบสิทธิดังกล่าวดีโดยละเอียดแล้วได้สมัครใจช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยให้การว่าได้เป็นคนขับรถนำทางหรือสเก้าท์หน้ารถคันที่ขนยาบ้า จะขับรถนำทางห่างกันประมาณ ๔-๕ กิโลเมตร ซึ่งรถขนยาบ้ามีจำนวน ๓ คน ชื่อนายต้า (คนขับรถ), นายมอล และ น.ส.พลอย ใช้รถยนต์เก๋ง ยี่ห้อโตโยต้า สีขาว กทม. เดินทางไปรับยาบ้ามาจาก อ.พระพุทธบาท จว.สระบุรี ซึ่งจะติดต่อกันผ่านแอฟพลิเคชั่นเฟสบุ๊คของนายต้า ตลอดเวลาที่เดินทาง
    .
    เจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงได้วางแผนจับกุมโดยให้ผู้ต้องหาทั้งสอง ติดต่อกับรถคันที่ขนยาบ้าให้มาพบที่จุดที่ตนเอง
    อยู่ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้วางกำลังซุ่มดูอยู่บริเวณใกล้ๆจุดนัดหมาย ต่อมาเวลาประมาณ ๐๑.๐๐ น. รถยนต์เป้าหมายได้มาจอดที่จุดนัดหมาย โดยไม่ดับเครื่องและไม่ลงจากรถยนต์ เจ้าหน้าที่ตำรวจเกรงว่า เป้าหมายจะหลบหนีจึงได้แสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อเข้าทำการจับกุม แต่รถยนต์เป้าหมายได้ขับ หลบหนีไปอย่างรวดเร็ว เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการติดตามไปอย่างกระชั้นชิด มุ่งหน้าผ่านสวนสัตว์นครราชสีมา จนมาถึงจุดสร้างสะพานแห่งใหม่บ้านหนองบัวศาลา ต.หนองบัวศาลา อ.เมืองนครราชสีมา รถยนต์เป้าหมายได้เสียหลักไปชนเสาไฟฟ้าข้างถนนไม่สามารถขับต่อไปได้ คนภายในรถทั้ง ๓ คน ได้ลงจากรถแล้ววิ่งหลบหนีเข้าไปในป่ามันสำปะหลังข้างทาง เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงวิ่งไล่ติดตามจับกุมตัวมาได้ จำนวน ๒ คน คือนายมอล (ผู้ต้องหาที่ ๓) และ น.ส.พลอย (ผู้ต้องหาที่ ๔) ส่วนผู้ชายอีก ๑ คน (นายต้า) หลบหนีไปได้ เจ้าหน้าชุดจับกุมจึงได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้งสองคนมาตรวจค้นรถยนต์คันที่ผู้ต้องหาทั้งสองนั่งมา ผลการตรวจค้นพบยาบ้าที่ห่อด้วยกระดาษสีน้ำตาล จำนวน ๓๓ หมอน หมอนละ ๓ มัด รวม ๙๙ มัด มัดละ ๒,๐๐๐ เม็ด ซุกซ่อนอยู่ ถุงพลาสติกสีดำ รวมยาบ้าทั้งหมดประมาณ ๑๙๘,๐๐๐ เม็ด
    .
    เจ้าหน้าที่ตำรวจได้สอบถามมอล (ผู้ต้องหาที่ ๓) และ น.ส.พลอย (ผู้ต้องหาที่ ๔) ให้การว่าเมื่อวันที่ ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๖๘ เวลาประมาณ ๑๕.๐๐ น. นายต้าฯ ขับรถยนต์คันดังกล่าว มาพบและชวนให้นั่งรถไปเป็นเพื่อนที่ จว.สระบุรี โดยนายมอล (ผู้ต้องหาที่ ๓) นั่งข้างคนขับ ส่วน น.ส.พลอยฯ (ผู้ต้องหาที่ ๔) นั่งที่เบาะหลัง เวลาประมาณ ๒๐.๐๐น. ได้จอดรถริมทางบริเวณทุ่งนาที่ ต.หนองแก อ.พระพุทธบาท จว.สระบุรี นายต้าฯ ก็ได้ให้นายมอลฯ ลงไปเอาถุงสีดำที่วางไว้ข้างทางขึ้นมาเก็บบนรถ จำนวน ๑ ถุง แล้วเดินทางกลับ อ.ลำปลายมาศ จว.บุรีรัมย์ โดยให้รถยนต์ของนายเสือฯ (ผู้ต้องหาที่ ๑) เป็นรถนำเพื่อคอยดูเส้นทางว่ามีด่านตำรวจหรือไม่ จนมาถึงที่เกิดเหตุแล้วถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจสกัดจับกุมตัวได้พร้อมของกลางดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งสิทธิ์และข้อกล่าวหาว่า “ร่วมกันจำหน่ายซึ่งยาเสพติดให้โทษประเภท ๑ (ยาบ้า) โดยมีไว้ เพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต อันเป็นการกระทำเพื่อการค้า ซึ่งก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่ม ประชาชน และทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐหรือความปลอดภัยของประชาชนทั่วไปโดยฝ่าฝืนกฎหมาย” ซึ่งผู้ต้องหาทราบสิทธิ์และข้อกล่าวหาดีโดยละเอียดแล้ว ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา นำตัวผู้ต้องหาทั้งหมดพร้อมด้วยของกลาง ส่ง พงส.สภ.โพธิ์กลาง ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
    .
    ตำารวจภูธรภาค ๓ จึงขอความร่วมมือพี่น้องประชาชน และสถานประกอบการทุกแห่งแจ้ง เบาะแส/ข้อมูล ผู้เกี่ยวข้องกับยาเสพติด ทั้งผู้เสพ ผู้ค้า ในสถานประกอบการฯ และอาศัยสถาน ประกอบการฯ ในการกระทำผิด โดยแจ้งขอมูลผ่านสายด่วนยาเสพติด ๑๕๙๙ สายด่วน ๑๙๑ และ Application Police I lert U ได้ตลอด ๒๔ ชม. เพื่อดำเนินการปราบปราม จับกุม ดำเนินคดี ผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดและลดปัญหายาเสพติดในภาพรวมอย่างต่อเนื่องและเข้มข้นเพื่อให้สั งคมมีความปลอดภัยจากปัญหายาเสพติด ปัญหาอาชญากรรมที่เกี่ยวเนื่องกับยาเสพติดต่อไป.
    ตำรวจภูธรภาค ๓ ตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา, สถานีตำรวจภูธรโพธิ์กลาง ,จังหวัดนครราชสีมา และ ปปส.ภาค ๓ ร่วมกันแถลงผลการสืบสวนจับกุมคดียาเสพติดรายสําคัญ ตรวจยึดยาบ้า จำนวน 198,000 เม็ด คณะรัฐมนตรีโดย นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีแถลงนโยบายต่อรัฐสภา กรอบ นโยบายในการบริหารและพัฒนาประเทศตามกรอบความเร่งด่วน เพื่อสร้างคุณภาพชีวิตที่ดี นําความ ปลอดภัย สร้างศักดิ์ศรีและนำความภาคภูมิใจมาสู่ประชาชนไทย นโยบายด้านความปลอดภัย จะทำงาน รวมกับทุกภาคส่วนเพื่อดำเนินการปราบปรามผู้มีอิทธิพลและยาเสพติดให้หมดไปจากสังคมไทย โดยยึด หลัก “เปลี่ยนผู้เสพเป็นผู้ป่วย” สนับสนุนให้ผู้เสพเขารับการรักษาบำบัดอย่างมีประสิทธิภาพและทั่วถึง ส่วนผู้ผลิตผู้ค้า คือผู้ที่ต้องได้รับโทษตามกระบวนการยุติธรรม โดยใช้มาตรการปราบปรามทางกฎหมาย อย่างจริงจัง ซึ่งรวมถึงการ “ยึดทรัพย์” เพื่อตัดวงจรการค้ายาเสพติดพร้อมดำเนินการเจรจาทางการทูต กับประเทศตามแนวชายแดน เพื่อควบคุมการลักลอบนำยาเสพติดเข้ามาในประเทศไทย ประชาชนออกจากวงจรการค้ายาเสพติดอย่างถาวร และตึง และปฏิบัติการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด “Seal Stop Safe” เพื่อสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติดตามแนวชายแดนถือเป็นนโยบายเร่งด่วนต้อง ทําทันที ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.วัฒนา ยี่จีน ผบช.ภ.๓/ผอ.ศอ.ปส.ภ.๓, พล.ต.ต.ประสงค์ เรื่องเดช รอง จตร.รรท.รอง ผบช.ภ.๓/รอง ผอ.ศอ.ปส.ภ.๓ ได้สั่งการให้ทุกหน่วยในสังกัดเร่งรัดสืบสวน จับกุมผู้ค้ายาเสพติดในเขตพื้นที่รับผิดชอบ การกวาดล้างยาเสพติดในทุกมิติการทำลายเครือข่ายวงจร ยาเสพติดทุกระดับ การสกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติดตามแนวชายแดน และพื้นที่ชั้นใน . พล.ต.ต.ไพโรจน์ ขุนหมื่น ผบก.ภ.จว.นครราชสีมา พ.ต.อ.คเชนท์ เสตะปุตตะ รอง ผบก.ภ.จว. นครราชสีมา, พ.ต.อ.วีณวัฒน์ ศรีแย้ม ผกก.สภ.โพธิ์กลาง, พ.ต.ท.สมาน เชาว์มะเริง รอง ผกก.สส. สภ.โพธิ์กลาง สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.โพธิ์กลาง จว.นครราชสีมา นำโดย พ.ต.ท.ชัยพล คงขุนทด สว.สส.สภ.โพธิ์กลาง, พธิ์กลาง, ร.ต.อ.ภาคิน พิทักษ์ศุภกร พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.โพธิ์กลาง ร่วมสืบสวนจับกุมตัว ๑. นายเสือ (นามสมมุติ) อายุ ๒๔ ปี ที่อยู่ อ.ลำปลายมาศ จว.บุรีรัมย์ (ผู้ต้องหาที่ ๑) ๒. นายยุทธ (นามสมมุติ) อายุ ๒๔ ปี ที่อยู่ อ.ลำปลายมาศ จว.บุรีรัมย์ (ผู้ต้องหาที่ ๒) ๓. นายมอล (นามสมมุติ) อายุ ๓๒ ปี ที่อยู่ อ.ลำปลายมาศ จว.บุรีรัมย์ (ผู้ต้องหาที่ ๓) ๔. นางสาวพลอย (นามสมุติ) อายุ ๒๑ ปี ที่อยู่ อ.ลำปลายมาศ จว.บุรีรัมย์ (ผู้ต้องหาที่ ๔) พร้อมด้วยของกลาง . ๑. ยาบ้า จํานวน ๒ เม็ด ๒. ยาบ้าที่ห่อด้วยกระดาษสีน้ำตาล จำนวน ๓๓ หมอน หมอนละ ๓ มัด รวม ๙๙ มัด มัดละ ๒,๐๐๐ เม็ด ซุกซ่อนอยู่ถุงพลาสติกสีดำ รวมยาบ้าทั้งหมดประมาณ ๑๙๘,๐๐๐ เม็ด ๓. โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อไอโฟน รุ่น ๑๑ สีดำ จำนวน ๑ เครื่อง ๔. โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อซัมซุง รุ่นเอ ๒๔ จำนวน ๑ เครื่อง ๕. โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อซัมซุง รุ่นเอ๕๘ จำนวน ๑ เครื่อง ๖. น้ำปัสสาวะบรรจุขวดพลาสติก จำนวน ๔ ขวด . พฤติการณ์แห่งคดี วันที่ ๒๓ พ.ค.๖๘ เวลาประมาณ 00.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.โพธิ์กลางได้รับมอบหมายจากผู้บังคับบัญชาให้ทำการตั้งจุดตรวจจุดสกัดเพื่อป้องกันเหตุอาชญากรรมและลำเลียงยาเสพติดที่ถนนมิตรภาพ ต.โคกกรวด อ.เมือง จว.นครราชสีมา ซึ่งเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.โพธิ์กลางได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่ชุดสนับสนุน จึงได้ทำการออกตรวจในบริเวณก่อนถึงจุดตรวจจุดสกัดฯ ดังกล่าว . ต่อมาเวลา ๐๐.๒๐ น. พบว่ามีรถยนต์กลับรถก่อนถึงจุดตั้งจุดตรวจ เจ้าหน้าที่จึงได้ขับรถติดตามไปจนถึงถนนหมายเลข ๒๙๐ บ้านหนองกุ้ง หมู่ที่ ๑๓ ต.โคกกรวด อ.เมืองนครราชสีมา พบรถยนต์กระบะแค๊ปสีเขียว ยี่ห้ออีซูซุ จังหวัดบุรีรัมย์ เลี้ยวเข้าไปจอดที่บริเวณอยู่หน้าสนามชนไก่แก้ว เจ้าหน้าที่จึงได้แสดงตัวเข้าทำการตรวจสอบ พบบุคคลชาย ๒ คน คือนายเสือ (ผู้ต้องหาที่ ๑) เป็นคนขับรถ และนายยุทธ (ผู้ต้องหาที่ ๒) นั่งอยู่ฝั่งผู้โดยสาร ท่าทางมีพิรุธสงสัย จึงได้ทำการสอบ ทั้งสองแจ้งว่ารถยนต์เสีย แต่เจ้าหน้าที่ไม่เชื่อ จึงได้สอบถามจนทั้งสองคนยอมรับว่าได้เสพยาบ้ามาและเป็นคนขับรถนำทางหรือสเก้าท์หน้ารถที่ขนยาบ้า แต่ระหว่างขับรถมาทราบว่ามีการตั้งจุดตรวจอยู่ด้านหน้า จึงเลี้ยวกลับรถก่อนถึงจุดตรวจแล้วมาจอดรถรอเพื่อให้จุดตรวจเลิกก่อนจึงจะเดินทางต่อ เจ้าหน้าที่จึงได้ขอทำการตรวจค้นภายในรถยนต์ดังกล่าวพบยาบ้าจำนวน ๒ เม็ด ของกลางลำดับที่ ๑) จึงได้แจ้งข้อหา “ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษ ประเภท ๑ (ยาบ้า) ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตและแจ้งผู้ต้องหาที่ ๑ เป็นผู้ขับขี่รถยนต์เสพยาเสพ ติดให้โทษประเภท ๑ (ยาบ้า) โดยผิดกฎหมาย” และสิทธิ์ให้ผู้ต้องหาทั้งสองทราบ . นายเสือฯ และนายยุทธฯ ทราบสิทธิดังกล่าวดีโดยละเอียดแล้วได้สมัครใจช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยให้การว่าได้เป็นคนขับรถนำทางหรือสเก้าท์หน้ารถคันที่ขนยาบ้า จะขับรถนำทางห่างกันประมาณ ๔-๕ กิโลเมตร ซึ่งรถขนยาบ้ามีจำนวน ๓ คน ชื่อนายต้า (คนขับรถ), นายมอล และ น.ส.พลอย ใช้รถยนต์เก๋ง ยี่ห้อโตโยต้า สีขาว กทม. เดินทางไปรับยาบ้ามาจาก อ.พระพุทธบาท จว.สระบุรี ซึ่งจะติดต่อกันผ่านแอฟพลิเคชั่นเฟสบุ๊คของนายต้า ตลอดเวลาที่เดินทาง . เจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงได้วางแผนจับกุมโดยให้ผู้ต้องหาทั้งสอง ติดต่อกับรถคันที่ขนยาบ้าให้มาพบที่จุดที่ตนเอง อยู่ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้วางกำลังซุ่มดูอยู่บริเวณใกล้ๆจุดนัดหมาย ต่อมาเวลาประมาณ ๐๑.๐๐ น. รถยนต์เป้าหมายได้มาจอดที่จุดนัดหมาย โดยไม่ดับเครื่องและไม่ลงจากรถยนต์ เจ้าหน้าที่ตำรวจเกรงว่า เป้าหมายจะหลบหนีจึงได้แสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อเข้าทำการจับกุม แต่รถยนต์เป้าหมายได้ขับ หลบหนีไปอย่างรวดเร็ว เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการติดตามไปอย่างกระชั้นชิด มุ่งหน้าผ่านสวนสัตว์นครราชสีมา จนมาถึงจุดสร้างสะพานแห่งใหม่บ้านหนองบัวศาลา ต.หนองบัวศาลา อ.เมืองนครราชสีมา รถยนต์เป้าหมายได้เสียหลักไปชนเสาไฟฟ้าข้างถนนไม่สามารถขับต่อไปได้ คนภายในรถทั้ง ๓ คน ได้ลงจากรถแล้ววิ่งหลบหนีเข้าไปในป่ามันสำปะหลังข้างทาง เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงวิ่งไล่ติดตามจับกุมตัวมาได้ จำนวน ๒ คน คือนายมอล (ผู้ต้องหาที่ ๓) และ น.ส.พลอย (ผู้ต้องหาที่ ๔) ส่วนผู้ชายอีก ๑ คน (นายต้า) หลบหนีไปได้ เจ้าหน้าชุดจับกุมจึงได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้งสองคนมาตรวจค้นรถยนต์คันที่ผู้ต้องหาทั้งสองนั่งมา ผลการตรวจค้นพบยาบ้าที่ห่อด้วยกระดาษสีน้ำตาล จำนวน ๓๓ หมอน หมอนละ ๓ มัด รวม ๙๙ มัด มัดละ ๒,๐๐๐ เม็ด ซุกซ่อนอยู่ ถุงพลาสติกสีดำ รวมยาบ้าทั้งหมดประมาณ ๑๙๘,๐๐๐ เม็ด . เจ้าหน้าที่ตำรวจได้สอบถามมอล (ผู้ต้องหาที่ ๓) และ น.ส.พลอย (ผู้ต้องหาที่ ๔) ให้การว่าเมื่อวันที่ ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๖๘ เวลาประมาณ ๑๕.๐๐ น. นายต้าฯ ขับรถยนต์คันดังกล่าว มาพบและชวนให้นั่งรถไปเป็นเพื่อนที่ จว.สระบุรี โดยนายมอล (ผู้ต้องหาที่ ๓) นั่งข้างคนขับ ส่วน น.ส.พลอยฯ (ผู้ต้องหาที่ ๔) นั่งที่เบาะหลัง เวลาประมาณ ๒๐.๐๐น. ได้จอดรถริมทางบริเวณทุ่งนาที่ ต.หนองแก อ.พระพุทธบาท จว.สระบุรี นายต้าฯ ก็ได้ให้นายมอลฯ ลงไปเอาถุงสีดำที่วางไว้ข้างทางขึ้นมาเก็บบนรถ จำนวน ๑ ถุง แล้วเดินทางกลับ อ.ลำปลายมาศ จว.บุรีรัมย์ โดยให้รถยนต์ของนายเสือฯ (ผู้ต้องหาที่ ๑) เป็นรถนำเพื่อคอยดูเส้นทางว่ามีด่านตำรวจหรือไม่ จนมาถึงที่เกิดเหตุแล้วถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจสกัดจับกุมตัวได้พร้อมของกลางดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งสิทธิ์และข้อกล่าวหาว่า “ร่วมกันจำหน่ายซึ่งยาเสพติดให้โทษประเภท ๑ (ยาบ้า) โดยมีไว้ เพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต อันเป็นการกระทำเพื่อการค้า ซึ่งก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่ม ประชาชน และทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐหรือความปลอดภัยของประชาชนทั่วไปโดยฝ่าฝืนกฎหมาย” ซึ่งผู้ต้องหาทราบสิทธิ์และข้อกล่าวหาดีโดยละเอียดแล้ว ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา นำตัวผู้ต้องหาทั้งหมดพร้อมด้วยของกลาง ส่ง พงส.สภ.โพธิ์กลาง ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป . ตำารวจภูธรภาค ๓ จึงขอความร่วมมือพี่น้องประชาชน และสถานประกอบการทุกแห่งแจ้ง เบาะแส/ข้อมูล ผู้เกี่ยวข้องกับยาเสพติด ทั้งผู้เสพ ผู้ค้า ในสถานประกอบการฯ และอาศัยสถาน ประกอบการฯ ในการกระทำผิด โดยแจ้งขอมูลผ่านสายด่วนยาเสพติด ๑๕๙๙ สายด่วน ๑๙๑ และ Application Police I lert U ได้ตลอด ๒๔ ชม. เพื่อดำเนินการปราบปราม จับกุม ดำเนินคดี ผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดและลดปัญหายาเสพติดในภาพรวมอย่างต่อเนื่องและเข้มข้นเพื่อให้สั งคมมีความปลอดภัยจากปัญหายาเสพติด ปัญหาอาชญากรรมที่เกี่ยวเนื่องกับยาเสพติดต่อไป.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 239 มุมมอง 0 รีวิว
  • ตำรวจภูธรภาค ๓ ตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา, สถานีตำรวจภูธรโพธิ์กลาง, จังหวัดนครราชสีมา และ ปปส.ภาค ๓ ร่วมกันแถลงผลการสืบสวนจับกุมคดียาเสพติดรายสําคัญ ตรวจยึดยาบ้า จำนวน 198,000 เม็ด

    คณะรัฐมนตรีโดย นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีแถลงนโยบายต่อรัฐสภา กรอบ นโยบายในการบริหารและพัฒนาประเทศตามกรอบความเร่งด่วน เพื่อสร้างคุณภาพชีวิตที่ดี นําความ ปลอดภัย สร้างศักดิ์ศรีและนำความภาคภูมิใจมาสู่ประชาชนไทย นโยบายด้านความปลอดภัย จะทำงาน รวมกับทุกภาคส่วนเพื่อดำเนินการปราบปรามผู้มีอิทธิพลและยาเสพติดให้หมดไปจากสังคมไทย โดยยึด หลัก “เปลี่ยนผู้เสพเป็นผู้ป่วย” สนับสนุนให้ผู้เสพเขารับการรักษาบำบัดอย่างมีประสิทธิภาพและทั่วถึง ส่วนผู้ผลิตผู้ค้า คือผู้ที่ต้องได้รับโทษตามกระบวนการยุติธรรม โดยใช้มาตรการปราบปรามทางกฎหมาย อย่างจริงจัง ซึ่งรวมถึงการ “ยึดทรัพย์” เพื่อตัดวงจรการค้ายาเสพติดพร้อมดำเนินการเจรจาทางการทูต กับประเทศตามแนวชายแดน เพื่อควบคุมการลักลอบนำยาเสพติดเข้ามาในประเทศไทย ประชาชนออกจากวงจรการค้ายาเสพติดอย่างถาวร และตึง และปฏิบัติการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด “Seal Stop Safe” เพื่อสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติดตามแนวชายแดนถือเป็นนโยบายเร่งด่วนต้อง ทําทันที

    ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.วัฒนา ยี่จีน ผบช.ภ.๓/ผอ.ศอ.ปส.ภ.๓, พล.ต.ต.ประสงค์ เรื่องเดช รอง จตร.รรท.รอง ผบช.ภ.๓/รอง ผอ.ศอ.ปส.ภ.๓ ได้สั่งการให้ทุกหน่วยในสังกัดเร่งรัดสืบสวน จับกุมผู้ค้ายาเสพติดในเขตพื้นที่รับผิดชอบ การกวาดล้างยาเสพติดในทุกมิติการทำลายเครือข่ายวงจร ยาเสพติดทุกระดับ การสกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติดตามแนวชายแดน และพื้นที่ชั้นใน
    .
    พล.ต.ต.ไพโรจน์ ขุนหมื่น ผบก.ภ.จว.นครราชสีมา พ.ต.อ.คเชนท์ เสตะปุตตะ รอง ผบก.ภ.จว. นครราชสีมา, พ.ต.อ.วีณวัฒน์ ศรีแย้ม ผกก.สภ.โพธิ์กลาง, พ.ต.ท.สมาน เชาว์มะเริง รอง ผกก.สส. สภ.โพธิ์กลาง สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.โพธิ์กลาง จว.นครราชสีมา นำโดย พ.ต.ท.ชัยพล คงขุนทด สว.สส.สภ.โพธิ์กลาง, พธิ์กลาง, ร.ต.อ.ภาคิน พิทักษ์ศุภกร พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.โพธิ์กลาง ร่วมสืบสวนจับกุมตัว
    ๑. นายเสือ (นามสมมุติ) อายุ ๒๔ ปี ที่อยู่ อ.ลำปลายมาศ จว.บุรีรัมย์ (ผู้ต้องหาที่ ๑)
    ๒. นายยุทธ (นามสมมุติ) อายุ ๒๔ ปี ที่อยู่ อ.ลำปลายมาศ จว.บุรีรัมย์ (ผู้ต้องหาที่ ๒)
    ๓. นายมอล (นามสมมุติ) อายุ ๓๒ ปี ที่อยู่ อ.ลำปลายมาศ จว.บุรีรัมย์ (ผู้ต้องหาที่ ๓)
    ๔. นางสาวพลอย (นามสมุติ) อายุ ๒๑ ปี ที่อยู่ อ.ลำปลายมาศ จว.บุรีรัมย์ (ผู้ต้องหาที่ ๔)
    พร้อมด้วยของกลาง
    .
    ๑. ยาบ้า จํานวน ๒ เม็ด
    ๒. ยาบ้าที่ห่อด้วยกระดาษสีน้ำตาล จำนวน ๓๓ หมอน หมอนละ ๓ มัด รวม ๙๙ มัด มัดละ ๒,๐๐๐ เม็ด ซุกซ่อนอยู่ถุงพลาสติกสีดำ รวมยาบ้าทั้งหมดประมาณ ๑๙๘,๐๐๐ เม็ด
    ๓. โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อไอโฟน รุ่น ๑๑ สีดำ จำนวน ๑ เครื่อง
    ๔. โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อซัมซุง รุ่นเอ ๒๔ จำนวน ๑ เครื่อง
    ๕. โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อซัมซุง รุ่นเอ๕๘ จำนวน ๑ เครื่อง
    ๖. น้ำปัสสาวะบรรจุขวดพลาสติก จำนวน ๔ ขวด
    .
    พฤติการณ์แห่งคดี วันที่ ๒๓ พ.ค.๖๘ เวลาประมาณ 00.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.โพธิ์กลางได้รับมอบหมายจากผู้บังคับบัญชาให้ทำการตั้งจุดตรวจจุดสกัดเพื่อป้องกันเหตุอาชญากรรมและลำเลียงยาเสพติดที่ถนนมิตรภาพ ต.โคกกรวด อ.เมือง จว.นครราชสีมา ซึ่งเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.โพธิ์กลางได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่ชุดสนับสนุน จึงได้ทำการออกตรวจในบริเวณก่อนถึงจุดตรวจจุดสกัดฯ ดังกล่าว
    .
    ต่อมาเวลา ๐๐.๒๐ น. พบว่ามีรถยนต์กลับรถก่อนถึงจุดตั้งจุดตรวจ เจ้าหน้าที่จึงได้ขับรถติดตามไปจนถึงถนนหมายเลข ๒๙๐ บ้านหนองกุ้ง หมู่ที่ ๑๓ ต.โคกกรวด อ.เมืองนครราชสีมา พบรถยนต์กระบะแค๊ปสีเขียว ยี่ห้ออีซูซุ จังหวัดบุรีรัมย์ เลี้ยวเข้าไปจอดที่บริเวณอยู่หน้าสนามชนไก่แก้ว เจ้าหน้าที่จึงได้แสดงตัวเข้าทำการตรวจสอบ พบบุคคลชาย ๒ คน คือนายเสือ (ผู้ต้องหาที่ ๑) เป็นคนขับรถ และนายยุทธ (ผู้ต้องหาที่ ๒) นั่งอยู่ฝั่งผู้โดยสาร ท่าทางมีพิรุธสงสัย จึงได้ทำการสอบ ทั้งสองแจ้งว่ารถยนต์เสีย แต่เจ้าหน้าที่ไม่เชื่อ จึงได้สอบถามจนทั้งสองคนยอมรับว่าได้เสพยาบ้ามาและเป็นคนขับรถนำทางหรือสเก้าท์หน้ารถที่ขนยาบ้า แต่ระหว่างขับรถมาทราบว่ามีการตั้งจุดตรวจอยู่ด้านหน้า จึงเลี้ยวกลับรถก่อนถึงจุดตรวจแล้วมาจอดรถรอเพื่อให้จุดตรวจเลิกก่อนจึงจะเดินทางต่อ เจ้าหน้าที่จึงได้ขอทำการตรวจค้นภายในรถยนต์ดังกล่าวพบยาบ้าจำนวน ๒ เม็ด ของกลางลำดับที่ ๑) จึงได้แจ้งข้อหา “ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษ ประเภท ๑ (ยาบ้า) ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตและแจ้งผู้ต้องหาที่ ๑ เป็นผู้ขับขี่รถยนต์เสพยาเสพ ติดให้โทษประเภท ๑ (ยาบ้า) โดยผิดกฎหมาย” และสิทธิ์ให้ผู้ต้องหาทั้งสองทราบ
    .
    นายเสือฯ และนายยุทธฯ ทราบสิทธิดังกล่าวดีโดยละเอียดแล้วได้สมัครใจช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยให้การว่าได้เป็นคนขับรถนำทางหรือสเก้าท์หน้ารถคันที่ขนยาบ้า จะขับรถนำทางห่างกันประมาณ ๔-๕ กิโลเมตร ซึ่งรถขนยาบ้ามีจำนวน ๓ คน ชื่อนายต้า (คนขับรถ), นายมอล และ น.ส.พลอย ใช้รถยนต์เก๋ง ยี่ห้อโตโยต้า สีขาว กทม. เดินทางไปรับยาบ้ามาจาก อ.พระพุทธบาท จว.สระบุรี ซึ่งจะติดต่อกันผ่านแอฟพลิเคชั่นเฟสบุ๊คของนายต้า ตลอดเวลาที่เดินทาง
    .
    เจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงได้วางแผนจับกุมโดยให้ผู้ต้องหาทั้งสอง ติดต่อกับรถคันที่ขนยาบ้าให้มาพบที่จุดที่ตนเอง
    อยู่ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้วางกำลังซุ่มดูอยู่บริเวณใกล้ๆจุดนัดหมาย ต่อมาเวลาประมาณ ๐๑.๐๐ น. รถยนต์เป้าหมายได้มาจอดที่จุดนัดหมาย โดยไม่ดับเครื่องและไม่ลงจากรถยนต์ เจ้าหน้าที่ตำรวจเกรงว่า เป้าหมายจะหลบหนีจึงได้แสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อเข้าทำการจับกุม แต่รถยนต์เป้าหมายได้ขับ หลบหนีไปอย่างรวดเร็ว เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการติดตามไปอย่างกระชั้นชิด มุ่งหน้าผ่านสวนสัตว์นครราชสีมา จนมาถึงจุดสร้างสะพานแห่งใหม่บ้านหนองบัวศาลา ต.หนองบัวศาลา อ.เมืองนครราชสีมา รถยนต์เป้าหมายได้เสียหลักไปชนเสาไฟฟ้าข้างถนนไม่สามารถขับต่อไปได้ คนภายในรถทั้ง ๓ คน ได้ลงจากรถแล้ววิ่งหลบหนีเข้าไปในป่ามันสำปะหลังข้างทาง เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงวิ่งไล่ติดตามจับกุมตัวมาได้ จำนวน ๒ คน คือนายมอล (ผู้ต้องหาที่ ๓) และ น.ส.พลอย (ผู้ต้องหาที่ ๔) ส่วนผู้ชายอีก ๑ คน (นายต้า) หลบหนีไปได้ เจ้าหน้าชุดจับกุมจึงได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้งสองคนมาตรวจค้นรถยนต์คันที่ผู้ต้องหาทั้งสองนั่งมา ผลการตรวจค้นพบยาบ้าที่ห่อด้วยกระดาษสีน้ำตาล จำนวน ๓๓ หมอน หมอนละ ๓ มัด รวม ๙๙ มัด มัดละ ๒,๐๐๐ เม็ด ซุกซ่อนอยู่ ถุงพลาสติกสีดำ รวมยาบ้าทั้งหมดประมาณ ๑๙๘,๐๐๐ เม็ด
    .
    เจ้าหน้าที่ตำรวจได้สอบถามมอล (ผู้ต้องหาที่ ๓) และ น.ส.พลอย (ผู้ต้องหาที่ ๔) ให้การว่าเมื่อวันที่ ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๖๘ เวลาประมาณ ๑๕.๐๐ น. นายต้าฯ ขับรถยนต์คันดังกล่าว มาพบและชวนให้นั่งรถไปเป็นเพื่อนที่ จว.สระบุรี โดยนายมอล (ผู้ต้องหาที่ ๓) นั่งข้างคนขับ ส่วน น.ส.พลอยฯ (ผู้ต้องหาที่ ๔) นั่งที่เบาะหลัง เวลาประมาณ ๒๐.๐๐น. ได้จอดรถริมทางบริเวณทุ่งนาที่ ต.หนองแก อ.พระพุทธบาท จว.สระบุรี นายต้าฯ ก็ได้ให้นายมอลฯ ลงไปเอาถุงสีดำที่วางไว้ข้างทางขึ้นมาเก็บบนรถ จำนวน ๑ ถุง แล้วเดินทางกลับ อ.ลำปลายมาศ จว.บุรีรัมย์ โดยให้รถยนต์ของนายเสือฯ (ผู้ต้องหาที่ ๑) เป็นรถนำเพื่อคอยดูเส้นทางว่ามีด่านตำรวจหรือไม่ จนมาถึงที่เกิดเหตุแล้วถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจสกัดจับกุมตัวได้พร้อมของกลางดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งสิทธิ์และข้อกล่าวหาว่า “ร่วมกันจำหน่ายซึ่งยาเสพติดให้โทษประเภท ๑ (ยาบ้า) โดยมีไว้ เพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต อันเป็นการกระทำเพื่อการค้า ซึ่งก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่ม ประชาชน และทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐหรือความปลอดภัยของประชาชนทั่วไปโดยฝ่าฝืนกฎหมาย” ซึ่งผู้ต้องหาทราบสิทธิ์และข้อกล่าวหาดีโดยละเอียดแล้ว ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา นำตัวผู้ต้องหาทั้งหมดพร้อมด้วยของกลาง ส่ง พงส.สภ.โพธิ์กลาง ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
    .
    ตำารวจภูธรภาค ๓ จึงขอความร่วมมือพี่น้องประชาชน และสถานประกอบการทุกแห่งแจ้ง เบาะแส/ข้อมูล ผู้เกี่ยวข้องกับยาเสพติด ทั้งผู้เสพ ผู้ค้า ในสถานประกอบการฯ และอาศัยสถาน ประกอบการฯ ในการกระทำผิด โดยแจ้งขอมูลผ่านสายด่วนยาเสพติด ๑๕๙๙ สายด่วน ๑๙๑ และ Application Police I lert U ได้ตลอด ๒๔ ชม. เพื่อดำเนินการปราบปราม จับกุม ดำเนินคดี ผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดและลดปัญหายาเสพติดในภาพรวมอย่างต่อเนื่องและเข้มข้นเพื่อให้สั งคมมีความปลอดภัยจากปัญหายาเสพติด ปัญหาอาชญากรรมที่เกี่ยวเนื่องกับยาเสพติดต่อไป.
    ตำรวจภูธรภาค ๓ ตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา, สถานีตำรวจภูธรโพธิ์กลาง, จังหวัดนครราชสีมา และ ปปส.ภาค ๓ ร่วมกันแถลงผลการสืบสวนจับกุมคดียาเสพติดรายสําคัญ ตรวจยึดยาบ้า จำนวน 198,000 เม็ด คณะรัฐมนตรีโดย นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีแถลงนโยบายต่อรัฐสภา กรอบ นโยบายในการบริหารและพัฒนาประเทศตามกรอบความเร่งด่วน เพื่อสร้างคุณภาพชีวิตที่ดี นําความ ปลอดภัย สร้างศักดิ์ศรีและนำความภาคภูมิใจมาสู่ประชาชนไทย นโยบายด้านความปลอดภัย จะทำงาน รวมกับทุกภาคส่วนเพื่อดำเนินการปราบปรามผู้มีอิทธิพลและยาเสพติดให้หมดไปจากสังคมไทย โดยยึด หลัก “เปลี่ยนผู้เสพเป็นผู้ป่วย” สนับสนุนให้ผู้เสพเขารับการรักษาบำบัดอย่างมีประสิทธิภาพและทั่วถึง ส่วนผู้ผลิตผู้ค้า คือผู้ที่ต้องได้รับโทษตามกระบวนการยุติธรรม โดยใช้มาตรการปราบปรามทางกฎหมาย อย่างจริงจัง ซึ่งรวมถึงการ “ยึดทรัพย์” เพื่อตัดวงจรการค้ายาเสพติดพร้อมดำเนินการเจรจาทางการทูต กับประเทศตามแนวชายแดน เพื่อควบคุมการลักลอบนำยาเสพติดเข้ามาในประเทศไทย ประชาชนออกจากวงจรการค้ายาเสพติดอย่างถาวร และตึง และปฏิบัติการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด “Seal Stop Safe” เพื่อสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติดตามแนวชายแดนถือเป็นนโยบายเร่งด่วนต้อง ทําทันที ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.วัฒนา ยี่จีน ผบช.ภ.๓/ผอ.ศอ.ปส.ภ.๓, พล.ต.ต.ประสงค์ เรื่องเดช รอง จตร.รรท.รอง ผบช.ภ.๓/รอง ผอ.ศอ.ปส.ภ.๓ ได้สั่งการให้ทุกหน่วยในสังกัดเร่งรัดสืบสวน จับกุมผู้ค้ายาเสพติดในเขตพื้นที่รับผิดชอบ การกวาดล้างยาเสพติดในทุกมิติการทำลายเครือข่ายวงจร ยาเสพติดทุกระดับ การสกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติดตามแนวชายแดน และพื้นที่ชั้นใน . พล.ต.ต.ไพโรจน์ ขุนหมื่น ผบก.ภ.จว.นครราชสีมา พ.ต.อ.คเชนท์ เสตะปุตตะ รอง ผบก.ภ.จว. นครราชสีมา, พ.ต.อ.วีณวัฒน์ ศรีแย้ม ผกก.สภ.โพธิ์กลาง, พ.ต.ท.สมาน เชาว์มะเริง รอง ผกก.สส. สภ.โพธิ์กลาง สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.โพธิ์กลาง จว.นครราชสีมา นำโดย พ.ต.ท.ชัยพล คงขุนทด สว.สส.สภ.โพธิ์กลาง, พธิ์กลาง, ร.ต.อ.ภาคิน พิทักษ์ศุภกร พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.โพธิ์กลาง ร่วมสืบสวนจับกุมตัว ๑. นายเสือ (นามสมมุติ) อายุ ๒๔ ปี ที่อยู่ อ.ลำปลายมาศ จว.บุรีรัมย์ (ผู้ต้องหาที่ ๑) ๒. นายยุทธ (นามสมมุติ) อายุ ๒๔ ปี ที่อยู่ อ.ลำปลายมาศ จว.บุรีรัมย์ (ผู้ต้องหาที่ ๒) ๓. นายมอล (นามสมมุติ) อายุ ๓๒ ปี ที่อยู่ อ.ลำปลายมาศ จว.บุรีรัมย์ (ผู้ต้องหาที่ ๓) ๔. นางสาวพลอย (นามสมุติ) อายุ ๒๑ ปี ที่อยู่ อ.ลำปลายมาศ จว.บุรีรัมย์ (ผู้ต้องหาที่ ๔) พร้อมด้วยของกลาง . ๑. ยาบ้า จํานวน ๒ เม็ด ๒. ยาบ้าที่ห่อด้วยกระดาษสีน้ำตาล จำนวน ๓๓ หมอน หมอนละ ๓ มัด รวม ๙๙ มัด มัดละ ๒,๐๐๐ เม็ด ซุกซ่อนอยู่ถุงพลาสติกสีดำ รวมยาบ้าทั้งหมดประมาณ ๑๙๘,๐๐๐ เม็ด ๓. โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อไอโฟน รุ่น ๑๑ สีดำ จำนวน ๑ เครื่อง ๔. โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อซัมซุง รุ่นเอ ๒๔ จำนวน ๑ เครื่อง ๕. โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อซัมซุง รุ่นเอ๕๘ จำนวน ๑ เครื่อง ๖. น้ำปัสสาวะบรรจุขวดพลาสติก จำนวน ๔ ขวด . พฤติการณ์แห่งคดี วันที่ ๒๓ พ.ค.๖๘ เวลาประมาณ 00.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.โพธิ์กลางได้รับมอบหมายจากผู้บังคับบัญชาให้ทำการตั้งจุดตรวจจุดสกัดเพื่อป้องกันเหตุอาชญากรรมและลำเลียงยาเสพติดที่ถนนมิตรภาพ ต.โคกกรวด อ.เมือง จว.นครราชสีมา ซึ่งเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.โพธิ์กลางได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่ชุดสนับสนุน จึงได้ทำการออกตรวจในบริเวณก่อนถึงจุดตรวจจุดสกัดฯ ดังกล่าว . ต่อมาเวลา ๐๐.๒๐ น. พบว่ามีรถยนต์กลับรถก่อนถึงจุดตั้งจุดตรวจ เจ้าหน้าที่จึงได้ขับรถติดตามไปจนถึงถนนหมายเลข ๒๙๐ บ้านหนองกุ้ง หมู่ที่ ๑๓ ต.โคกกรวด อ.เมืองนครราชสีมา พบรถยนต์กระบะแค๊ปสีเขียว ยี่ห้ออีซูซุ จังหวัดบุรีรัมย์ เลี้ยวเข้าไปจอดที่บริเวณอยู่หน้าสนามชนไก่แก้ว เจ้าหน้าที่จึงได้แสดงตัวเข้าทำการตรวจสอบ พบบุคคลชาย ๒ คน คือนายเสือ (ผู้ต้องหาที่ ๑) เป็นคนขับรถ และนายยุทธ (ผู้ต้องหาที่ ๒) นั่งอยู่ฝั่งผู้โดยสาร ท่าทางมีพิรุธสงสัย จึงได้ทำการสอบ ทั้งสองแจ้งว่ารถยนต์เสีย แต่เจ้าหน้าที่ไม่เชื่อ จึงได้สอบถามจนทั้งสองคนยอมรับว่าได้เสพยาบ้ามาและเป็นคนขับรถนำทางหรือสเก้าท์หน้ารถที่ขนยาบ้า แต่ระหว่างขับรถมาทราบว่ามีการตั้งจุดตรวจอยู่ด้านหน้า จึงเลี้ยวกลับรถก่อนถึงจุดตรวจแล้วมาจอดรถรอเพื่อให้จุดตรวจเลิกก่อนจึงจะเดินทางต่อ เจ้าหน้าที่จึงได้ขอทำการตรวจค้นภายในรถยนต์ดังกล่าวพบยาบ้าจำนวน ๒ เม็ด ของกลางลำดับที่ ๑) จึงได้แจ้งข้อหา “ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษ ประเภท ๑ (ยาบ้า) ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตและแจ้งผู้ต้องหาที่ ๑ เป็นผู้ขับขี่รถยนต์เสพยาเสพ ติดให้โทษประเภท ๑ (ยาบ้า) โดยผิดกฎหมาย” และสิทธิ์ให้ผู้ต้องหาทั้งสองทราบ . นายเสือฯ และนายยุทธฯ ทราบสิทธิดังกล่าวดีโดยละเอียดแล้วได้สมัครใจช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยให้การว่าได้เป็นคนขับรถนำทางหรือสเก้าท์หน้ารถคันที่ขนยาบ้า จะขับรถนำทางห่างกันประมาณ ๔-๕ กิโลเมตร ซึ่งรถขนยาบ้ามีจำนวน ๓ คน ชื่อนายต้า (คนขับรถ), นายมอล และ น.ส.พลอย ใช้รถยนต์เก๋ง ยี่ห้อโตโยต้า สีขาว กทม. เดินทางไปรับยาบ้ามาจาก อ.พระพุทธบาท จว.สระบุรี ซึ่งจะติดต่อกันผ่านแอฟพลิเคชั่นเฟสบุ๊คของนายต้า ตลอดเวลาที่เดินทาง . เจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงได้วางแผนจับกุมโดยให้ผู้ต้องหาทั้งสอง ติดต่อกับรถคันที่ขนยาบ้าให้มาพบที่จุดที่ตนเอง อยู่ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้วางกำลังซุ่มดูอยู่บริเวณใกล้ๆจุดนัดหมาย ต่อมาเวลาประมาณ ๐๑.๐๐ น. รถยนต์เป้าหมายได้มาจอดที่จุดนัดหมาย โดยไม่ดับเครื่องและไม่ลงจากรถยนต์ เจ้าหน้าที่ตำรวจเกรงว่า เป้าหมายจะหลบหนีจึงได้แสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อเข้าทำการจับกุม แต่รถยนต์เป้าหมายได้ขับ หลบหนีไปอย่างรวดเร็ว เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการติดตามไปอย่างกระชั้นชิด มุ่งหน้าผ่านสวนสัตว์นครราชสีมา จนมาถึงจุดสร้างสะพานแห่งใหม่บ้านหนองบัวศาลา ต.หนองบัวศาลา อ.เมืองนครราชสีมา รถยนต์เป้าหมายได้เสียหลักไปชนเสาไฟฟ้าข้างถนนไม่สามารถขับต่อไปได้ คนภายในรถทั้ง ๓ คน ได้ลงจากรถแล้ววิ่งหลบหนีเข้าไปในป่ามันสำปะหลังข้างทาง เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงวิ่งไล่ติดตามจับกุมตัวมาได้ จำนวน ๒ คน คือนายมอล (ผู้ต้องหาที่ ๓) และ น.ส.พลอย (ผู้ต้องหาที่ ๔) ส่วนผู้ชายอีก ๑ คน (นายต้า) หลบหนีไปได้ เจ้าหน้าชุดจับกุมจึงได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้งสองคนมาตรวจค้นรถยนต์คันที่ผู้ต้องหาทั้งสองนั่งมา ผลการตรวจค้นพบยาบ้าที่ห่อด้วยกระดาษสีน้ำตาล จำนวน ๓๓ หมอน หมอนละ ๓ มัด รวม ๙๙ มัด มัดละ ๒,๐๐๐ เม็ด ซุกซ่อนอยู่ ถุงพลาสติกสีดำ รวมยาบ้าทั้งหมดประมาณ ๑๙๘,๐๐๐ เม็ด . เจ้าหน้าที่ตำรวจได้สอบถามมอล (ผู้ต้องหาที่ ๓) และ น.ส.พลอย (ผู้ต้องหาที่ ๔) ให้การว่าเมื่อวันที่ ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๖๘ เวลาประมาณ ๑๕.๐๐ น. นายต้าฯ ขับรถยนต์คันดังกล่าว มาพบและชวนให้นั่งรถไปเป็นเพื่อนที่ จว.สระบุรี โดยนายมอล (ผู้ต้องหาที่ ๓) นั่งข้างคนขับ ส่วน น.ส.พลอยฯ (ผู้ต้องหาที่ ๔) นั่งที่เบาะหลัง เวลาประมาณ ๒๐.๐๐น. ได้จอดรถริมทางบริเวณทุ่งนาที่ ต.หนองแก อ.พระพุทธบาท จว.สระบุรี นายต้าฯ ก็ได้ให้นายมอลฯ ลงไปเอาถุงสีดำที่วางไว้ข้างทางขึ้นมาเก็บบนรถ จำนวน ๑ ถุง แล้วเดินทางกลับ อ.ลำปลายมาศ จว.บุรีรัมย์ โดยให้รถยนต์ของนายเสือฯ (ผู้ต้องหาที่ ๑) เป็นรถนำเพื่อคอยดูเส้นทางว่ามีด่านตำรวจหรือไม่ จนมาถึงที่เกิดเหตุแล้วถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจสกัดจับกุมตัวได้พร้อมของกลางดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งสิทธิ์และข้อกล่าวหาว่า “ร่วมกันจำหน่ายซึ่งยาเสพติดให้โทษประเภท ๑ (ยาบ้า) โดยมีไว้ เพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต อันเป็นการกระทำเพื่อการค้า ซึ่งก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่ม ประชาชน และทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐหรือความปลอดภัยของประชาชนทั่วไปโดยฝ่าฝืนกฎหมาย” ซึ่งผู้ต้องหาทราบสิทธิ์และข้อกล่าวหาดีโดยละเอียดแล้ว ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา นำตัวผู้ต้องหาทั้งหมดพร้อมด้วยของกลาง ส่ง พงส.สภ.โพธิ์กลาง ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป . ตำารวจภูธรภาค ๓ จึงขอความร่วมมือพี่น้องประชาชน และสถานประกอบการทุกแห่งแจ้ง เบาะแส/ข้อมูล ผู้เกี่ยวข้องกับยาเสพติด ทั้งผู้เสพ ผู้ค้า ในสถานประกอบการฯ และอาศัยสถาน ประกอบการฯ ในการกระทำผิด โดยแจ้งขอมูลผ่านสายด่วนยาเสพติด ๑๕๙๙ สายด่วน ๑๙๑ และ Application Police I lert U ได้ตลอด ๒๔ ชม. เพื่อดำเนินการปราบปราม จับกุม ดำเนินคดี ผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดและลดปัญหายาเสพติดในภาพรวมอย่างต่อเนื่องและเข้มข้นเพื่อให้สั งคมมีความปลอดภัยจากปัญหายาเสพติด ปัญหาอาชญากรรมที่เกี่ยวเนื่องกับยาเสพติดต่อไป.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 304 มุมมอง 0 รีวิว
  • อริยสาวก​พึง​ฝึกหัด​ศึกษา​ปฏิปทาเพื่อสิ้นอาสวะ ๔ แบบ
    สัทธรรมลำดับที่ : 1003
    ชื่อบทธรรม : -ปฏิปทาเพื่อสิ้นอาสวะ ๔ แบบ
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=1003
    เนื้อความทั้งหมด :-
    --ปฏิปทาเพื่อสิ้นอาสวะ ๔ แบบ
    --ภิกษุ ท. ! ปฏิปทา ๔ ประการเหล่านี้ มีอยู่; คือ
    http://etipitaka.com/read/pali/21/202/?keywords=จตสฺโส
    ปฏิบัติลำบาก รู้ได้ช้า ๑,
    ปฏิบัติลำบาก รู้ได้เร็ว ๑,
    ปฏิบัติสบาย รู้ได้ช้า ๑,
    ปฏิบัติสบาย รู้ได้เร็ว ๑.

    ก. แบบปฏิบัติลำบาก ประสพผลช้า
    --ภิกษุ ท. ! ในกรณีนี้ ภิกษุ
    เป็นผู้มีปกติเห็นความไม่งามในกาย
    มีสัญญาว่าปฏิกูลในอาหาร
    มีสัญญาในโลกทั้งปวงโดยความเป็นของไม่น่ายินดี
    เป็นผู้มีปกติตามเห็นความไม่เที่ยงในสังขารทั้งปวง
    มรณสัญญาก็เป็นสิ่งที่เขาตั้งไว้ดีแล้วในภายใน.
    +--ภิกษุนั้นเข้าไปอาศัยธรรมเป็นกำลังของพระเสขะ ๕ ประการเหล่านี้อยู่ คือ
    สัทธาพละ หิริพละ โอตตัปปพละ วิริยพละ ปัญญาพละ; แต่
    อินทรีย์ ๕ ประการเหล่านี้ของเธอนั้น ปรากฏว่าอ่อน คือ
    สัทธินทรีย์ วิริยินทรีย์ สตินทรีย์ สมาธินทรีย์ ปัญญินทรีย์.
    เพราะเหตุที่อินทรีย์ทั้งห้าเหล่านี้ยังอ่อน
    +--ภิกษุนั้นจึง บรรลุอนันตริยกิจ*--๑ เพื่อความสิ้น อาสวะได้ช้า
    http://etipitaka.com/read/pali/21/202/?keywords=อนนฺตริยํ+หิรีพลํ+โอตฺตปฺปพลํ+วิริยพลํ+ปญฺญาพลํ
    : ภิกษุ ท. ! นี้เรียกว่า #ปฏิบัติลำบากรู้ได้ช้า.
    http://etipitaka.com/read/pali/21/202/?keywords=ทุกฺขา+ปฏิปทา

    ข. แบบปฏิบัติลำบาก ประสพผลเร็ว
    --ภิกษุ ท. ! ในกรณีนี้ ภิกษุ เป็นผู้มีปกติเห็นความไม่งามในกาย
    มีสัญญาว่าปฏิกูลในอาหาร มีสัญญาในโลกทั้งปวงโดยความเป็นของไม่น่ายินดี
    เป็นผู้มีปกติตามเห็นความไม่เที่ยงในสังขารทั้งปวง
    มรณสัญญาก็เป็นสิ่งที่เขาตั้งไว้ดีแล้วในภายใน.
    +--ภิกษุนั้นเข้าไปอาศัยธรรมเป็นกำลังของพระเสขะ ๕ ประการเหล่านี้อยู่ คือ
    สัทธาพละ หิริพละ โอตตัปปพละ วิริยพละ ปัญญาพละ; แต่
    อินทรีย์ ๕ ประการเหล่านี้ของเธอนั้น ปรากฏว่ามีประมาณยิ่ง (แก่กล้า) คือ
    สัทธินทรีย์ วิริยินทรีย์ สตินทรีย์ สมาธินทรีย์ ปัญญินทรีย์.
    เพราะเหตุที่ อินทรีย์ทั้งห้าเหล่านี้มีประมาณยิ่ง
    +--ภิกษุนั้นจึง บรรลุอนันตริยกิจ*--๑ เพื่อความสิ้นอาสวะ ได้เร็ว
    : ภิกษุ ท. ! นี้เรียกว่า #ปฏิบัติลำบากรู้ได้เร็ว.
    http://etipitaka.com/read/pali/21/202/?keywords=ทุกฺขา+ปฏิปทา

    --ค. แบบปฏิบัติสบาย ประสพผลช้า
    --ภิกษุ ท. ! ในกรณีนี้ ภิกษุ เพราะสงัดจากกามและอกุศลธรรมทั้งหลาย
    จึงบรรลุปฐมฌาน . . . .
    ทุติยฌาน . . . .
    ตติยฌาน . . . .
    จตุตถฌาน...
    แล้วแลอยู่.
    +--ภิกษุนั้นเข้าไปอาศัยธรรมเป็นกำลังของพระเสขะ ๕ ประการเหล่านี้อยู่ คือ
    สัทธาพละ หิริพละ โอตตัปปพละ วิริยพละ ปัญญาพละ; แต่
    อินทรีย์ ๕ ประการเหล่านี้ของเธอนั้น ปรากฏว่าอ่อน คือ
    สัทธินทรีย์ วิริยินทรีย์ สตินทรีย์ สมาธินทรีย์ ปัญญินทรีย์.
    เพราะเหตุที่ อินทรีย์ทั้งห้าเหล่านี้ยังอ่อน
    +--ภิกษุนั้นจึง บรรลุอนันตริยกิจ*--๑ เพื่อความสิ้นอาสวะ ได้ช้า
    http://etipitaka.com/read/pali/21/203/?keywords=อนนฺตริยํ+หิรีพลํ+โอตฺตปฺปพลํ+วิริยพลํ+ปญฺญาพลํ
    : ภิกษุ ท. ! นี้เรียกว่า #ปฏิบัติสบายรู้ได้ช้า.
    http://etipitaka.com/read/pali/21/203/?keywords=สุขา+ปฏิปทา

    ง. แบบปฏิบัติสบาย ประสพผลเร็ว
    --ภิกษุ ท. ! ในกรณีนี้ ภิกษุ เพราะสงัดจากกามและอกุศลธรรมทั้งหลาย
    จึงบรรลุปฐมฌาน . . . .
    ทุติยฌาน . . . .
    ตติยฌาน . . . .
    จตุตถฌาน . . . .
    แล้วแลอยู่.
    +--ภิกษุนั้นเข้าไปอาศัยธรรมเป็นกำลังของพระเสขะ ๕ ประการเหล่านี้อยู่ คือ
    สัทธาพละ หิริพละ โอตตัปปพละ วิริยพละ ปัญญาพละ; แต่
    อินทรีย์ ๕ ประการเหล่านี้ของเธอนั้น ปรากฏว่ามีประมาณยิ่ง คือ
    สัทธินทรีย์ วิริยินทรีย์ สตินทรีย์ สมาธินทรีย์ ปัญญินทรีย์.
    เพราะเหตุที่อินทรีย์ทั้งห้าเหล่านี้มีประมาณยิ่ง
    +--ภิกษุนั้นจึง บรรลุอนันตริยกิจ*--๑ เพื่อความสิ้นอาสวะ ได้เร็ว
    http://etipitaka.com/read/pali/21/204/?keywords=อนนฺตริยํ+หิรีพลํ+โอตฺตปฺปพลํ+วิริยพลํ+ปญฺญาพลํ
    : ภิกษุ ท. ! นี้เรียกว่า #ปฏิบัติสบายรู้ได้เร็ว.
    http://etipitaka.com/read/pali/21/204/?keywords=สุขา+ปฏิปทา
    --ภิกษุ ท. ! เหล่านี้แล ปฏิปทา ๔ ประการ.-

    *--๑. อนันตริยกิจ คือสมถะและวิปัสสนา
    รวมกำลังกันทำหน้าที่ของอริยมรรค
    ตัดกิเลสบรรลุมรรคผลขึ้นไปตามลำดับจนถึงขั้นสูงสุด ไม่มีระยะว่างขั้น.

    ( บาลีนี้ แบ่งการปฏิบัติออกเป็น ๒ จำพวก
    1: พวกหนึ่ง ปฏิบัติลำบาก ยุ่งยาก อย่างที่เรียกว่าทุลักทุเล น่าหวาดเสียวปฏิกูล
    ไม่สะดวกสบาย ที่ระบุในสูตรนี้ว่าการตามเห็นความไม่งามในกาย เป็นต้น;
    2: ส่วนอีกจำพวกหนึ่ง นั้น เป็นการปฏิบัติที่เยือกเย็น เป็นสุขสบายไปแต่ต้นมือ
    ที่ระบุในสูตรนี้เรียกว่าเป็นการได้ฌานทั้งสี่; ต่างกันอยู่อย่างตรงกันข้าม.
    =: คนบางพวกเหมาะสำหรับระบบปฏิบัติลำบาก บางพวกเหมาะสำหรับระบบปฏิบัติสบาย
    แต่จะ ประสพผลเร็วหรือช้านั้น ขึ้นอยู่กับอินทรีย์ทั้งห้าของเขา
    ).

    #ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์
    อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - จตุกฺก. อํ. 21/148/163.
    http://etipitaka.com/read/thai/21/148/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%96%E0%B9%93
    อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - จตุกฺก. อํ. ๒๑/๒๐๒/๑๖๓.
    http://etipitaka.com/read/pali/21/202/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%96%E0%B9%93
    ศึกษา​เพิ่มเติม...
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=1003
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=86&id=1003
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=86
    ลำดับสาธยายธรรม : 86 ฟังเสียงอ่าน...
    http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_86.mp3
    อริยสาวก​พึง​ฝึกหัด​ศึกษา​ปฏิปทาเพื่อสิ้นอาสวะ ๔ แบบ สัทธรรมลำดับที่ : 1003 ชื่อบทธรรม : -ปฏิปทาเพื่อสิ้นอาสวะ ๔ แบบ https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=1003 เนื้อความทั้งหมด :- --ปฏิปทาเพื่อสิ้นอาสวะ ๔ แบบ --ภิกษุ ท. ! ปฏิปทา ๔ ประการเหล่านี้ มีอยู่; คือ http://etipitaka.com/read/pali/21/202/?keywords=จตสฺโส ปฏิบัติลำบาก รู้ได้ช้า ๑, ปฏิบัติลำบาก รู้ได้เร็ว ๑, ปฏิบัติสบาย รู้ได้ช้า ๑, ปฏิบัติสบาย รู้ได้เร็ว ๑. ก. แบบปฏิบัติลำบาก ประสพผลช้า --ภิกษุ ท. ! ในกรณีนี้ ภิกษุ เป็นผู้มีปกติเห็นความไม่งามในกาย มีสัญญาว่าปฏิกูลในอาหาร มีสัญญาในโลกทั้งปวงโดยความเป็นของไม่น่ายินดี เป็นผู้มีปกติตามเห็นความไม่เที่ยงในสังขารทั้งปวง มรณสัญญาก็เป็นสิ่งที่เขาตั้งไว้ดีแล้วในภายใน. +--ภิกษุนั้นเข้าไปอาศัยธรรมเป็นกำลังของพระเสขะ ๕ ประการเหล่านี้อยู่ คือ สัทธาพละ หิริพละ โอตตัปปพละ วิริยพละ ปัญญาพละ; แต่ อินทรีย์ ๕ ประการเหล่านี้ของเธอนั้น ปรากฏว่าอ่อน คือ สัทธินทรีย์ วิริยินทรีย์ สตินทรีย์ สมาธินทรีย์ ปัญญินทรีย์. เพราะเหตุที่อินทรีย์ทั้งห้าเหล่านี้ยังอ่อน +--ภิกษุนั้นจึง บรรลุอนันตริยกิจ*--๑ เพื่อความสิ้น อาสวะได้ช้า http://etipitaka.com/read/pali/21/202/?keywords=อนนฺตริยํ+หิรีพลํ+โอตฺตปฺปพลํ+วิริยพลํ+ปญฺญาพลํ : ภิกษุ ท. ! นี้เรียกว่า #ปฏิบัติลำบากรู้ได้ช้า. http://etipitaka.com/read/pali/21/202/?keywords=ทุกฺขา+ปฏิปทา ข. แบบปฏิบัติลำบาก ประสพผลเร็ว --ภิกษุ ท. ! ในกรณีนี้ ภิกษุ เป็นผู้มีปกติเห็นความไม่งามในกาย มีสัญญาว่าปฏิกูลในอาหาร มีสัญญาในโลกทั้งปวงโดยความเป็นของไม่น่ายินดี เป็นผู้มีปกติตามเห็นความไม่เที่ยงในสังขารทั้งปวง มรณสัญญาก็เป็นสิ่งที่เขาตั้งไว้ดีแล้วในภายใน. +--ภิกษุนั้นเข้าไปอาศัยธรรมเป็นกำลังของพระเสขะ ๕ ประการเหล่านี้อยู่ คือ สัทธาพละ หิริพละ โอตตัปปพละ วิริยพละ ปัญญาพละ; แต่ อินทรีย์ ๕ ประการเหล่านี้ของเธอนั้น ปรากฏว่ามีประมาณยิ่ง (แก่กล้า) คือ สัทธินทรีย์ วิริยินทรีย์ สตินทรีย์ สมาธินทรีย์ ปัญญินทรีย์. เพราะเหตุที่ อินทรีย์ทั้งห้าเหล่านี้มีประมาณยิ่ง +--ภิกษุนั้นจึง บรรลุอนันตริยกิจ*--๑ เพื่อความสิ้นอาสวะ ได้เร็ว : ภิกษุ ท. ! นี้เรียกว่า #ปฏิบัติลำบากรู้ได้เร็ว. http://etipitaka.com/read/pali/21/202/?keywords=ทุกฺขา+ปฏิปทา --ค. แบบปฏิบัติสบาย ประสพผลช้า --ภิกษุ ท. ! ในกรณีนี้ ภิกษุ เพราะสงัดจากกามและอกุศลธรรมทั้งหลาย จึงบรรลุปฐมฌาน . . . . ทุติยฌาน . . . . ตติยฌาน . . . . จตุตถฌาน... แล้วแลอยู่. +--ภิกษุนั้นเข้าไปอาศัยธรรมเป็นกำลังของพระเสขะ ๕ ประการเหล่านี้อยู่ คือ สัทธาพละ หิริพละ โอตตัปปพละ วิริยพละ ปัญญาพละ; แต่ อินทรีย์ ๕ ประการเหล่านี้ของเธอนั้น ปรากฏว่าอ่อน คือ สัทธินทรีย์ วิริยินทรีย์ สตินทรีย์ สมาธินทรีย์ ปัญญินทรีย์. เพราะเหตุที่ อินทรีย์ทั้งห้าเหล่านี้ยังอ่อน +--ภิกษุนั้นจึง บรรลุอนันตริยกิจ*--๑ เพื่อความสิ้นอาสวะ ได้ช้า http://etipitaka.com/read/pali/21/203/?keywords=อนนฺตริยํ+หิรีพลํ+โอตฺตปฺปพลํ+วิริยพลํ+ปญฺญาพลํ : ภิกษุ ท. ! นี้เรียกว่า #ปฏิบัติสบายรู้ได้ช้า. http://etipitaka.com/read/pali/21/203/?keywords=สุขา+ปฏิปทา ง. แบบปฏิบัติสบาย ประสพผลเร็ว --ภิกษุ ท. ! ในกรณีนี้ ภิกษุ เพราะสงัดจากกามและอกุศลธรรมทั้งหลาย จึงบรรลุปฐมฌาน . . . . ทุติยฌาน . . . . ตติยฌาน . . . . จตุตถฌาน . . . . แล้วแลอยู่. +--ภิกษุนั้นเข้าไปอาศัยธรรมเป็นกำลังของพระเสขะ ๕ ประการเหล่านี้อยู่ คือ สัทธาพละ หิริพละ โอตตัปปพละ วิริยพละ ปัญญาพละ; แต่ อินทรีย์ ๕ ประการเหล่านี้ของเธอนั้น ปรากฏว่ามีประมาณยิ่ง คือ สัทธินทรีย์ วิริยินทรีย์ สตินทรีย์ สมาธินทรีย์ ปัญญินทรีย์. เพราะเหตุที่อินทรีย์ทั้งห้าเหล่านี้มีประมาณยิ่ง +--ภิกษุนั้นจึง บรรลุอนันตริยกิจ*--๑ เพื่อความสิ้นอาสวะ ได้เร็ว http://etipitaka.com/read/pali/21/204/?keywords=อนนฺตริยํ+หิรีพลํ+โอตฺตปฺปพลํ+วิริยพลํ+ปญฺญาพลํ : ภิกษุ ท. ! นี้เรียกว่า #ปฏิบัติสบายรู้ได้เร็ว. http://etipitaka.com/read/pali/21/204/?keywords=สุขา+ปฏิปทา --ภิกษุ ท. ! เหล่านี้แล ปฏิปทา ๔ ประการ.- *--๑. อนันตริยกิจ คือสมถะและวิปัสสนา รวมกำลังกันทำหน้าที่ของอริยมรรค ตัดกิเลสบรรลุมรรคผลขึ้นไปตามลำดับจนถึงขั้นสูงสุด ไม่มีระยะว่างขั้น. ( บาลีนี้ แบ่งการปฏิบัติออกเป็น ๒ จำพวก 1: พวกหนึ่ง ปฏิบัติลำบาก ยุ่งยาก อย่างที่เรียกว่าทุลักทุเล น่าหวาดเสียวปฏิกูล ไม่สะดวกสบาย ที่ระบุในสูตรนี้ว่าการตามเห็นความไม่งามในกาย เป็นต้น; 2: ส่วนอีกจำพวกหนึ่ง นั้น เป็นการปฏิบัติที่เยือกเย็น เป็นสุขสบายไปแต่ต้นมือ ที่ระบุในสูตรนี้เรียกว่าเป็นการได้ฌานทั้งสี่; ต่างกันอยู่อย่างตรงกันข้าม. =: คนบางพวกเหมาะสำหรับระบบปฏิบัติลำบาก บางพวกเหมาะสำหรับระบบปฏิบัติสบาย แต่จะ ประสพผลเร็วหรือช้านั้น ขึ้นอยู่กับอินทรีย์ทั้งห้าของเขา ). #ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์ อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - จตุกฺก. อํ. 21/148/163. http://etipitaka.com/read/thai/21/148/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%96%E0%B9%93 อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - จตุกฺก. อํ. ๒๑/๒๐๒/๑๖๓. http://etipitaka.com/read/pali/21/202/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%96%E0%B9%93 ศึกษา​เพิ่มเติม... https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=1003 https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=86&id=1003 https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=86 ลำดับสาธยายธรรม : 86 ฟังเสียงอ่าน... http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_86.mp3
    WWW.XN--N3CCDACA9AWFTA5NMBZD0ND.COM
    - ปฏิปทาเพื่อสิ้นอาสวะ ๔ แบบ
    -ปฏิปทาเพื่อสิ้นอาสวะ ๔ แบบ ภิกษุ ท. ! ปฏิปทา ๔ ประการเหล่านี้ มีอยู่; คือ ปฏิบัติลำบาก รู้ได้ช้า ๑, ปฏิบัติลำบาก รู้ได้เร็ว ๑, ปฏิบัติสบาย รู้ได้ช้า ๑, ปฏิบัติสบาย รู้ได้เร็ว ๑. ก. แบบปฏิบัติลำบาก ประสพผลช้า ภิกษุ ท. ! ในกรณีนี้ ภิกษุ เป็นผู้มีปกติเห็นความไม่งามในกาย มีสัญญาว่าปฏิกูลในอาหาร มีสัญญาในโลกทั้งปวงโดยความเป็นของไม่น่ายินดี เป็นผู้มีปกติตามเห็นความไม่เที่ยงในสังขารทั้งปวง มรณสัญญาก็เป็นสิ่งที่เขาตั้งไว้ดีแล้วใน ภายใน. ภิกษุนั้นเข้าไปอาศัยธรรมเป็นกำลังของพระเสขะ ๕ ประการเหล่านี้อยู่ คือ สัทธาพละ หิริพละ โอตตัปปพละ วิริยพละ ปัญญาพละ; แต่ อินทรีย์ ๕ ประการเหล่านี้ของเธอนั้น ปรากฏว่าอ่อน คือ สัทธินทรีย์ วิริยินทรีย์ สตินทรีย์ สมาธินทรีย์ ปัญญินทรีย์. เพราะเหตุที่อินทรีย์ทั้งห้าเหล่านี้ยังอ่อน ภิกษุนั้นจึง บรรลุอนันตริยกิจ๑ เพื่อความสิ้น อาสวะได้ช้า : ภิกษุ ท. ! นี้เรียกว่า ปฏิบัติลำบาก รู้ได้ช้า. ข. แบบปฏิบัติลำบาก ประสพผลเร็ว ภิกษุ ท. ! ในกรณีนี้ ภิกษุ เป็นผู้มีปกติเห็นความไม่งามในกาย มีสัญญาว่าปฏิกูลในอาหาร มีสัญญาในโลกทั้งปวงโดยความเป็นของไม่น่ายินดี เป็นผู้มีปกติตามเห็นความไม่เที่ยงในสังขารทั้งปวง มรณสัญญาก็เป็นสิ่งที่เขาตั้งไว้ดีแล้วในภายใน. ภิกษุนั้นเข้าไปอาศัยธรรมเป็นกำลังของพระเสขะ ๕ ประการเหล่านี้อยู่ คือ สัทธาพละ หิริพละ โอตตัปปพละ วิริยพละ ปัญญาพละ; แต่ อินทรีย์ ๕ ประการเหล่านี้ของเธอนั้น ปรากฏว่ามีประมาณยิ่ง (แก่กล้า) คือ สัทธินทรีย์ วิริยินทรีย์ สตินทรีย์ สมาธินทรีย์ ปัญญินทรีย์. เพราะเหตุที่ อินทรีย์ทั้งห้าเหล่านี้มีประมาณยิ่ง ภิกษุนั้นจึง บรรลุอนันตริยกิจ เพื่อความสิ้นอาสวะ ได้เร็ว : ภิกษุ ท. ! นี้เรียกว่า ปฏิบัติลำบาก รู้ได้เร็ว. ค. แบบปฏิบัติสบาย ประสพผลช้า ภิกษุ ท. ! ในกรณีนี้ ภิกษุ เพราะสงัดจากกามและอกุศลธรรมทั้งหลาย จึงบรรลุปฐมฌาน . . . . ทุติยฌาน . . . . ตติยฌาน . . . . จตุตถฌาน ๑. อนันตริยกิจ คือสมถะและวิปัสสนา รวมกำลังกันทำหน้าที่ของอริยมรรค ตัดกิเลสบรรลุมรรคผลขึ้นไปตามลำดับจนถึงขั้นสูงสุด ไม่มีระยะว่างขั้น. ( มีรายละเอียดดังที่แสดงแล้วในที่ทั่วไป ) แล้วแลอยู่. ภิกษุนั้นเข้าไปอาศัยธรรมเป็นกำลังของพระเสขะ ๕ ประการเหล่านี้อยู่ คือ สัทธาพละ หิริพละ โอตตัปปพละ วิริยพละ ปัญญาพละ; แต่ อินทรีย์ ๕ ประการเหล่านี้ของเธอนั้น ปรากฏว่าอ่อน คือสัทธินทรีย์ วิริยินทรีย์ สตินทรีย์ สมาธินทรีย์ ปัญญินทรีย์. เพราะเหตุที่ อินทรีย์ทั้งห้าเหล่านี้ยังอ่อน ภิกษุนั้นจึง บรรลุอนันตริยกิจ เพื่อความสิ้นอาสวะ ได้ช้า : ภิกษุ ท. ! นี้เรียกว่า ปฏิบัติสบาย รู้ได้ช้า. ง. แบบปฏิบัติสบาย ประสพผลเร็ว ภิกษุ ท. ! ในกรณีนี้ ภิกษุ เพราะสงัดจากกามและอกุศลธรรมทั้งหลาย จึงบรรลุปฐมฌาน . . . . ทุติยฌาน . . . . ตติยฌาน . . . . จตุตถฌาน . . . . แล้วแลอยู่. ภิกษุนั้นเข้าไปอาศัยธรรมเป็นกำลังของพระเสขะ ๕ ประการเหล่านี้อยู่ คือสัทธาพละ หิริพละ โอตตัปปพละ วิริยพละ ปัญญาพละ; แต่ อินทรีย์ ๕ ประการเหล่านี้ของเธอนั้น ปรากฏว่ามีประมาณยิ่ง คือสัทธินทรีย์ วิริยินทรีย์ สตินทรีย์ สมาธินทรีย์ ปัญญินทรีย์. เพราะเหตุที่อินทรีย์ทั้งห้าเหล่านี้มีประมาณยิ่ง ภิกษุนั้นจึง บรรลุอนันตริยกิจ เพื่อความสิ้นอาสวะ ได้เร็ว : ภิกษุ ท. ! นี้เรียกว่า ปฏิบัติสบาย รู้ได้เร็ว. ภิกษุ ท. ! เหล่านี้แล ปฏิปทา ๔ ประการ.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 162 มุมมอง 0 รีวิว
  • ..ประเทศจีนและอเมริกา จริงๆสมควรมีการแตกประเทศ&แยกประเทศใหม่ได้แล้ว,เนื้อที่แผ่นดินมากมายบวกประชาชนมากมาย,โดยเฉพาะคนจีนที่เสมือนเป็นเหมืองมนุษย์จริงๆ,ไร้ค่า&และเป็นเครื่องมือให้อีลิทฝ่ายมืดปกครองในนามเผด็จการจีน,แฝงตัวภายใต้การปกครองเผด็จการจีนหรืออาศัยวิถีปกครองเผด็จการแบบจีนทำการปกครองคนจีนแบบสถานะทาสรับใช้เหมือนยุคจักรพรรดิญี่ปุ่นรุ่นซาตานปกครองในนามจักรพรรดิญี่ปุ่นก่อนสงครามโลกที่ญี่ปุ่นก่อการก็ไม่ต่างกันนัก,
    ..คนจีนสมควรถูกปลดปล่อยจริงๆ เราเข้ามาไทย มาอยู่ไทยจริงๆเชื่อว่าไทยคือที่ๆตอบสนองความเป็นอิสระเหมือนเช่นมนุษย์บนโลกๆทั่วไปจะใช้ชีวิตได้ดีกว่าอยู่ที่จีนแต่มิวานด้วยสถานะพลเมืองสัญชาติจีนภายใต้การปกครองใต้ปีกคอมมิวนิสต์เหมือนเก่าเดิม ชีวิตคนจีนทุกๆคนแม้จะออกนอกประเทศมาในสถานะใดๆอิสระแห่งชีวิตเขาก็ยังคือทาสมนุษย์ภายใต้เผด็จการเหมือนเดิม,ดูแอปจีนเลย,มันบล็อคมันปิดสถานะuserคุณและจดจำตัวตนคุณตลอดกาลที่ถูกแบนถูกลงโทษจากแอปมันเลย,ไม่อนุญาตการเข้าถึงก็ว่าเพราะidบัตรคุณถูกมันบันทึกความถูกผิดตลอดกาลแล้ว,คอมมิวนิสต์ก็คือคอมมิวนิสต์ เผด็จการก็คือเผด็จการ มองมนุษย์คือสินทรัพย์ในการใช้ทำประโยชน์ต่อระบบมันของจริง,แม้เผด็จการประชาธิปไตยว่าเหี้ยเหมือนกันแต่อิสระภาพในหลายๆด้านของคุณค่ามนุษย์ก็ยังพอมีอิสระเสรีแสดงออกได้.หรือกำหนดอัพเรเวลไปทางดีกว่าขึ้นๆขึ้นไปได้,ไร้กรอบได้ ทำลายกรอบสไตล์คนร่วมกันตัดสินได้,แต่เผด็จการทำลายกรอบไม่ได้ กฎเผด็จการคือกรอบสูงสุดใครจะทำลายคือตายสถานเดียว,ประเทศเสรีจึงต่างจากประเทศเผด็จการมาก,คนคือเครื่องจักรใช้ทำประโยชน์บีบบังคับ ,ประเทศเสรีมิใช่แบบนั้น,แต่ถ้าคนชั่วเลวปกครองในประเทศเสรีก็มีวิถีชีวิตไม่ต่างจากเผด็จการแต่ต่างกันคือกำจัดผู้ปกครองสไตล์ระบบประเทศเสรีได้เปิดเผยทุบกรอบทำลายกฎกรอบที่ผู้ปกครองเลวชั่วคนเก่าก่อนทิ้งได้,เผด็จการคือทหารเผด็จการชนชั้นปกครองเป็นใหญ่,แต่ระบบเสรี คือทุกๆประชาชนร่วมกันพิจารณาดีชั่วเลวแล้วแก่ไขได้ ส่วนสิ่งดีๆจะเกิดได้นั้นคนดีมีสติปัญญาร่วมกระทำการก่อเกิดขึ้นเช่นกันจึงจะแสดงผลให้เห็นได้ชัดเจนกว่าหรือคนดีปกครองนั้นเองบวกประชาชนมีองค์ความรู้มีคุณธรรมศีลธรรมในใจดีงามร่วมกันด้วย,แบบประชาชนกากๆเห็นหญ้าหวานว่าดีขายเสียงไร้คุณภาพไร้ปัญญาแบบประชาชนโง่ๆรับตังขายสิทธิ์ขายเสียง,หน่วยงานรู้เห็นการซื้อเสียงแจกตังและไม่ลงโทษห่าอะไรเด็ดขาดก็ซวยก็แย่แก่ประเทศ&ทั้งประเทศได้เช่นกัน.,คือโง่ทั้งตัวราชการคนขององค์กรหน่วยงานรัฐด้วยหรือทุจริตคตในหน้าที่&ไม่ซื่อสัตย์ปกป้องดำรงรักษาคุณความดี,สงวนให้คนเลวชั่วมีที่ยืนมีตำแหน่งใหญ่โตบนแผ่นดินตนหรือชั่วเลวแบบตนที่เป็นข้าราชการเลวรับตังปิดตาไม่ทำหน้าที่ที่ดีก็ว่า,ชาติก็พังพินาศในอัตราเร่งเช่นกับประชาชนโง่ๆที่ขายเสียงขายสิทธิ์ตนเป็นสะพานควายวัวบรมโคตรสะพานควายวัวให้เขาเหยียบสะพานควายที่ตนเป็นควายวัวทั้งระดับควายวัวข้าราชการเองที่ได้หญ้าหวานเป็นกองๆมิใช่เศษหญ้าหรือระดับควายๆวัวๆประชาชนที่เป็นโคตรควายโคตรวัวไม่ต่างจากบรมโคตรควายๆบรมโคตรวัวๆแบบข้าราชการที่ทุจริตในหน่วยงานตนที่รับผิดชอบในองค์กรตนทั้งหน่วยงานตัังแต่ระดับธุรการถึงอธิบดีล้วนร่วมสถานะผิดหมด,มิใช่คนหัวทำผิดแค่ฝ่ายเดียว,คนน้อยๆก็ต้องรับผิดด้วย ที่ปล่อยโอกาสคนใหญ่โตทำผิดได้,แม้ตนคือผู้ใต้บังคับบัญชาแต่หัวหน้าทำเลวย่อมลูกน้องรู้เห็นด้วย,ที่รับคำสั่งไม่ทำงานในหน้าที่ร่วมละเว้นในหน้าที่นั้นเอง.
    ..

    https://youtube.com/watch?v=3iBI-rF1r9U&si=vobLc0e0TTsEFvmO
    ..ประเทศจีนและอเมริกา จริงๆสมควรมีการแตกประเทศ&แยกประเทศใหม่ได้แล้ว,เนื้อที่แผ่นดินมากมายบวกประชาชนมากมาย,โดยเฉพาะคนจีนที่เสมือนเป็นเหมืองมนุษย์จริงๆ,ไร้ค่า&และเป็นเครื่องมือให้อีลิทฝ่ายมืดปกครองในนามเผด็จการจีน,แฝงตัวภายใต้การปกครองเผด็จการจีนหรืออาศัยวิถีปกครองเผด็จการแบบจีนทำการปกครองคนจีนแบบสถานะทาสรับใช้เหมือนยุคจักรพรรดิญี่ปุ่นรุ่นซาตานปกครองในนามจักรพรรดิญี่ปุ่นก่อนสงครามโลกที่ญี่ปุ่นก่อการก็ไม่ต่างกันนัก, ..คนจีนสมควรถูกปลดปล่อยจริงๆ เราเข้ามาไทย มาอยู่ไทยจริงๆเชื่อว่าไทยคือที่ๆตอบสนองความเป็นอิสระเหมือนเช่นมนุษย์บนโลกๆทั่วไปจะใช้ชีวิตได้ดีกว่าอยู่ที่จีนแต่มิวานด้วยสถานะพลเมืองสัญชาติจีนภายใต้การปกครองใต้ปีกคอมมิวนิสต์เหมือนเก่าเดิม ชีวิตคนจีนทุกๆคนแม้จะออกนอกประเทศมาในสถานะใดๆอิสระแห่งชีวิตเขาก็ยังคือทาสมนุษย์ภายใต้เผด็จการเหมือนเดิม,ดูแอปจีนเลย,มันบล็อคมันปิดสถานะuserคุณและจดจำตัวตนคุณตลอดกาลที่ถูกแบนถูกลงโทษจากแอปมันเลย,ไม่อนุญาตการเข้าถึงก็ว่าเพราะidบัตรคุณถูกมันบันทึกความถูกผิดตลอดกาลแล้ว,คอมมิวนิสต์ก็คือคอมมิวนิสต์ เผด็จการก็คือเผด็จการ มองมนุษย์คือสินทรัพย์ในการใช้ทำประโยชน์ต่อระบบมันของจริง,แม้เผด็จการประชาธิปไตยว่าเหี้ยเหมือนกันแต่อิสระภาพในหลายๆด้านของคุณค่ามนุษย์ก็ยังพอมีอิสระเสรีแสดงออกได้.หรือกำหนดอัพเรเวลไปทางดีกว่าขึ้นๆขึ้นไปได้,ไร้กรอบได้ ทำลายกรอบสไตล์คนร่วมกันตัดสินได้,แต่เผด็จการทำลายกรอบไม่ได้ กฎเผด็จการคือกรอบสูงสุดใครจะทำลายคือตายสถานเดียว,ประเทศเสรีจึงต่างจากประเทศเผด็จการมาก,คนคือเครื่องจักรใช้ทำประโยชน์บีบบังคับ ,ประเทศเสรีมิใช่แบบนั้น,แต่ถ้าคนชั่วเลวปกครองในประเทศเสรีก็มีวิถีชีวิตไม่ต่างจากเผด็จการแต่ต่างกันคือกำจัดผู้ปกครองสไตล์ระบบประเทศเสรีได้เปิดเผยทุบกรอบทำลายกฎกรอบที่ผู้ปกครองเลวชั่วคนเก่าก่อนทิ้งได้,เผด็จการคือทหารเผด็จการชนชั้นปกครองเป็นใหญ่,แต่ระบบเสรี คือทุกๆประชาชนร่วมกันพิจารณาดีชั่วเลวแล้วแก่ไขได้ ส่วนสิ่งดีๆจะเกิดได้นั้นคนดีมีสติปัญญาร่วมกระทำการก่อเกิดขึ้นเช่นกันจึงจะแสดงผลให้เห็นได้ชัดเจนกว่าหรือคนดีปกครองนั้นเองบวกประชาชนมีองค์ความรู้มีคุณธรรมศีลธรรมในใจดีงามร่วมกันด้วย,แบบประชาชนกากๆเห็นหญ้าหวานว่าดีขายเสียงไร้คุณภาพไร้ปัญญาแบบประชาชนโง่ๆรับตังขายสิทธิ์ขายเสียง,หน่วยงานรู้เห็นการซื้อเสียงแจกตังและไม่ลงโทษห่าอะไรเด็ดขาดก็ซวยก็แย่แก่ประเทศ&ทั้งประเทศได้เช่นกัน.,คือโง่ทั้งตัวราชการคนขององค์กรหน่วยงานรัฐด้วยหรือทุจริตคตในหน้าที่&ไม่ซื่อสัตย์ปกป้องดำรงรักษาคุณความดี,สงวนให้คนเลวชั่วมีที่ยืนมีตำแหน่งใหญ่โตบนแผ่นดินตนหรือชั่วเลวแบบตนที่เป็นข้าราชการเลวรับตังปิดตาไม่ทำหน้าที่ที่ดีก็ว่า,ชาติก็พังพินาศในอัตราเร่งเช่นกับประชาชนโง่ๆที่ขายเสียงขายสิทธิ์ตนเป็นสะพานควายวัวบรมโคตรสะพานควายวัวให้เขาเหยียบสะพานควายที่ตนเป็นควายวัวทั้งระดับควายวัวข้าราชการเองที่ได้หญ้าหวานเป็นกองๆมิใช่เศษหญ้าหรือระดับควายๆวัวๆประชาชนที่เป็นโคตรควายโคตรวัวไม่ต่างจากบรมโคตรควายๆบรมโคตรวัวๆแบบข้าราชการที่ทุจริตในหน่วยงานตนที่รับผิดชอบในองค์กรตนทั้งหน่วยงานตัังแต่ระดับธุรการถึงอธิบดีล้วนร่วมสถานะผิดหมด,มิใช่คนหัวทำผิดแค่ฝ่ายเดียว,คนน้อยๆก็ต้องรับผิดด้วย ที่ปล่อยโอกาสคนใหญ่โตทำผิดได้,แม้ตนคือผู้ใต้บังคับบัญชาแต่หัวหน้าทำเลวย่อมลูกน้องรู้เห็นด้วย,ที่รับคำสั่งไม่ทำงานในหน้าที่ร่วมละเว้นในหน้าที่นั้นเอง. .. https://youtube.com/watch?v=3iBI-rF1r9U&si=vobLc0e0TTsEFvmO
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 166 มุมมอง 0 รีวิว
  • ขุมทรัพย์นับไม่ได้ . วันพระ จันทร์ ที่ 26 พฤษภาคม 2568 🪷 ว. วชิรเมธี . ฝึกเจริญสติให้เป็นนิสัย
    ขุมทรัพย์นับไม่ได้ . วันพระ จันทร์ ที่ 26 พฤษภาคม 2568 🪷 ว. วชิรเมธี . ฝึกเจริญสติให้เป็นนิสัย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 72 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • มีธรรมเมตตา
    พาให้โดดเด่น
    ความจริงรู้เห็น
    เป็นธรรมอาศัย

    ไร้ธรรมเมตตา
    พากรรมเลวร้าย
    กิเลสหลอกได้
    ไร้ธรรมความจริง

    ทางธรรมความจริง
    พึ่งพิงอย่าทิ้ง
    หนึ่งเดียวแท้จริง
    ยิ่งพาผ่องแผ้ว

    ขอให้พบธรรม
    กรรมดีวาวแวว
    ได้ทางเพริศแพร้ว
    ผ่องแผ้วสุขมี

    กิเลสทุกข์ไกล
    ให้สติดี
    สมาธิมี
    ดีคุณปัญญา

    วันพระ เตือนตนพึ่งตนบำเพ็ญเพียรจิตภาวนา ยิ่งทำยิ่งเจริญรุ่งเรือง สวัสดีมงคลชัย
    มีธรรมเมตตา พาให้โดดเด่น ความจริงรู้เห็น เป็นธรรมอาศัย ไร้ธรรมเมตตา พากรรมเลวร้าย กิเลสหลอกได้ ไร้ธรรมความจริง ทางธรรมความจริง พึ่งพิงอย่าทิ้ง หนึ่งเดียวแท้จริง ยิ่งพาผ่องแผ้ว ขอให้พบธรรม กรรมดีวาวแวว ได้ทางเพริศแพร้ว ผ่องแผ้วสุขมี กิเลสทุกข์ไกล ให้สติดี สมาธิมี ดีคุณปัญญา วันพระ เตือนตนพึ่งตนบำเพ็ญเพียรจิตภาวนา ยิ่งทำยิ่งเจริญรุ่งเรือง สวัสดีมงคลชัย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 80 มุมมอง 0 รีวิว
  • แบบฝึกหัดของชีวิต คือเครื่องยืนยันว่าเรากำลัง “สูงขึ้น”

    คนที่มองเรื่องร้ายเป็นแบบฝึกหัด
    คือคนที่กำลังเดินขึ้นที่สูง
    ไม่ว่าทางโลก หรือทางธรรม
    ย่อมมีแรงเสียดทานเสมอ
    แต่ยิ่งเหนื่อยมากเท่าไหร่
    ก็ยิ่งพิสูจน์ความเป็น “ของจริง” ได้ชัดเท่านั้น

    เราควบคุมไม่ได้
    ว่าจะต้องเจอกับคนไม่ดีมากแค่ไหน
    แต่เราควบคุมได้
    ว่าจะไม่เลวตาม
    ไม่เติมไฟ ไม่ส่งพิษ
    แค่พอเจอก็รู้ว่า “กำลังเข้าสอบ”
    ถ้าผ่านไปได้...ก็สอบผ่านไปอีกหนึ่งด่าน

    ทุกวันเต็มไปด้วยข้อสอบจากชีวิต
    อยู่ที่ว่า...เราจะตอบแบบเดิม
    หรือจะลองตอบด้วย “สติ” แบบใหม่?

    เพราะถ้าเราเปลี่ยนเรื่องร้ายให้กลายเป็นดีไม่ได้
    เรื่องร้ายนั่นแหละจะค่อย ๆ เปลี่ยนเราให้ร้ายขึ้นตามมัน!

    คำสอนของพระพุทธเจ้าไม่ซับซ้อนเลยครับ...

    ชนะคนโกหกด้วยคำจริง

    ชนะคนโกรธด้วยเมตตา

    ชนะคนร้ายด้วยความดี

    พูดง่าย ๆ คือ
    เขาร้ายมาอย่างไร...เรากลับไปอย่างดีอย่างนั้น
    ไม่หวังให้เขาเปลี่ยน
    แต่หวังให้เรารอด!

    ยิ่งถูกทดสอบหนักแค่ไหน
    ยิ่งเหมือนถูกท้าทายว่า
    คุณคือเพชร หรือแค่ตมในร่างคำพูดธรรมะ?

    และเมื่อคุณผ่านแบบทดสอบยาก ๆ
    คุณจะรู้สึกชัดขึ้นว่า
    “เราคือของจริง”
    “เรามีธรรมะอยู่ในตัวจริง ๆ”
    แบบฝึกหัดของชีวิต คือเครื่องยืนยันว่าเรากำลัง “สูงขึ้น” คนที่มองเรื่องร้ายเป็นแบบฝึกหัด คือคนที่กำลังเดินขึ้นที่สูง ไม่ว่าทางโลก หรือทางธรรม ย่อมมีแรงเสียดทานเสมอ แต่ยิ่งเหนื่อยมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งพิสูจน์ความเป็น “ของจริง” ได้ชัดเท่านั้น เราควบคุมไม่ได้ ว่าจะต้องเจอกับคนไม่ดีมากแค่ไหน แต่เราควบคุมได้ ว่าจะไม่เลวตาม ไม่เติมไฟ ไม่ส่งพิษ แค่พอเจอก็รู้ว่า “กำลังเข้าสอบ” ถ้าผ่านไปได้...ก็สอบผ่านไปอีกหนึ่งด่าน ทุกวันเต็มไปด้วยข้อสอบจากชีวิต อยู่ที่ว่า...เราจะตอบแบบเดิม หรือจะลองตอบด้วย “สติ” แบบใหม่? เพราะถ้าเราเปลี่ยนเรื่องร้ายให้กลายเป็นดีไม่ได้ เรื่องร้ายนั่นแหละจะค่อย ๆ เปลี่ยนเราให้ร้ายขึ้นตามมัน! คำสอนของพระพุทธเจ้าไม่ซับซ้อนเลยครับ... ชนะคนโกหกด้วยคำจริง ชนะคนโกรธด้วยเมตตา ชนะคนร้ายด้วยความดี พูดง่าย ๆ คือ เขาร้ายมาอย่างไร...เรากลับไปอย่างดีอย่างนั้น ไม่หวังให้เขาเปลี่ยน แต่หวังให้เรารอด! ยิ่งถูกทดสอบหนักแค่ไหน ยิ่งเหมือนถูกท้าทายว่า คุณคือเพชร หรือแค่ตมในร่างคำพูดธรรมะ? และเมื่อคุณผ่านแบบทดสอบยาก ๆ คุณจะรู้สึกชัดขึ้นว่า “เราคือของจริง” “เรามีธรรมะอยู่ในตัวจริง ๆ”
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 98 มุมมอง 0 รีวิว
  • องค์ประกอบของมรรค 8:
    1. สัมมาทิฏฐิ (ความเห็นชอบ):
    คือความเห็นถูกต้อง ตามความเป็นจริง ไม่เห็นผิดตามความคิดอันตราย เช่น ความเห็นที่ว่าไม่มีกรรม ไม่มีผลของการกระทำ.
    2. สัมมาสังกัปปะ (ความดำริชอบ):
    คือการดำริในสิ่งที่ดี ไม่ว่าจะเป็นการดำริถึงความสุขทางโลก ความสุขทางธรรม หรือการดำริถึงความไม่รุนแรงต่อผู้อื่น.
    3. สัมมาวาจา (การเจรจาชอบ):
    คือการพูดแต่สิ่งที่เป็นประโยชน์ ไม่พูดเท็จ ไม่พูดส่อเสียด ไม่พูดคำหยาบคาย ไม่พูดเพ้อเจ้อ.
    4. สัมมากัมมันตะ (การกระทำชอบ):
    คือการกระทำที่ถูกที่ควร ไม่ฆ่าสัตว์ ไม่ลักขโมย ไม่ประพฤติผิดทางกาม.
    5. สัมมาอาชีวะ (การเลี้ยงชีพชอบ):
    คือการทำมาหากินด้วยอาชีพสุจริต ไม่คดโกง ไม่หลอกลวง.
    6. สัมมาวายามะ (ความพยายามชอบ):
    คือความพยายามที่จะละความชั่ว ป้องกันมิให้ความชั่วเกิดขึ้น พยายามสร้างความดีให้เกิดและรักษาความดีให้คงอยู่.
    7. สัมมาสติ (การระลึกชอบ):
    คือการระลึกถึงสิ่งต่างๆ ตามความเป็นจริง รู้ตัวอยู่เสมอว่ากำลังทำอะไร คิดอะไร.
    8. สัมมาสมาธิ (ความตั้งจิตมั่นชอบ):
    คือการตั้งจิตให้จดจ่อกับสิ่งใดสิ่งหนึ่งได้นาน หรือการมีสมาธิที่ทำให้จิตสงบ.
    การนำไปใช้:
    การปฏิบัติมรรค 8 ช่วยให้ลดความทุกข์ ลดความขัดแย้งในจิตใจ และนำไปสู่การดับทุกข์ในที่สุด. การฝึกฝนความเห็นชอบ การดำริชอบ การเจรจาชอบ การกระทำชอบ การเลี้ยงชีพชอบ ความพยายามชอบ การระลึกชอบ และความตั้งจิตมั่นชอบ จะนำไปสู่การพัฒนาตนเองและสังคมให้ดีขึ้น.
    องค์ประกอบของมรรค 8: 1. สัมมาทิฏฐิ (ความเห็นชอบ): คือความเห็นถูกต้อง ตามความเป็นจริง ไม่เห็นผิดตามความคิดอันตราย เช่น ความเห็นที่ว่าไม่มีกรรม ไม่มีผลของการกระทำ. 2. สัมมาสังกัปปะ (ความดำริชอบ): คือการดำริในสิ่งที่ดี ไม่ว่าจะเป็นการดำริถึงความสุขทางโลก ความสุขทางธรรม หรือการดำริถึงความไม่รุนแรงต่อผู้อื่น. 3. สัมมาวาจา (การเจรจาชอบ): คือการพูดแต่สิ่งที่เป็นประโยชน์ ไม่พูดเท็จ ไม่พูดส่อเสียด ไม่พูดคำหยาบคาย ไม่พูดเพ้อเจ้อ. 4. สัมมากัมมันตะ (การกระทำชอบ): คือการกระทำที่ถูกที่ควร ไม่ฆ่าสัตว์ ไม่ลักขโมย ไม่ประพฤติผิดทางกาม. 5. สัมมาอาชีวะ (การเลี้ยงชีพชอบ): คือการทำมาหากินด้วยอาชีพสุจริต ไม่คดโกง ไม่หลอกลวง. 6. สัมมาวายามะ (ความพยายามชอบ): คือความพยายามที่จะละความชั่ว ป้องกันมิให้ความชั่วเกิดขึ้น พยายามสร้างความดีให้เกิดและรักษาความดีให้คงอยู่. 7. สัมมาสติ (การระลึกชอบ): คือการระลึกถึงสิ่งต่างๆ ตามความเป็นจริง รู้ตัวอยู่เสมอว่ากำลังทำอะไร คิดอะไร. 8. สัมมาสมาธิ (ความตั้งจิตมั่นชอบ): คือการตั้งจิตให้จดจ่อกับสิ่งใดสิ่งหนึ่งได้นาน หรือการมีสมาธิที่ทำให้จิตสงบ. การนำไปใช้: การปฏิบัติมรรค 8 ช่วยให้ลดความทุกข์ ลดความขัดแย้งในจิตใจ และนำไปสู่การดับทุกข์ในที่สุด. การฝึกฝนความเห็นชอบ การดำริชอบ การเจรจาชอบ การกระทำชอบ การเลี้ยงชีพชอบ ความพยายามชอบ การระลึกชอบ และความตั้งจิตมั่นชอบ จะนำไปสู่การพัฒนาตนเองและสังคมให้ดีขึ้น.
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 187 มุมมอง 0 รีวิว
  • สติครองจิต
    กิจควรแยแส
    สมาธิแน่น
    แล่นสู่ปัญญา

    ปัญญาโดดเด่น
    เป็นได้วิชชา
    ธรรมวิจัยพา
    มาเป็นกำลัง

    คุณธรรมความเพียร
    เรียนรู้สอนสั่ง
    ให้ธรรมความจริง
    ยิ่งพาปีติ

    สงบระงับ
    จับธรรมถึงจิต
    เป็นสมาธิ
    จิตอุเบกขา

    ธรรมจริงรวมหนึ่ง
    ถึงจิตแน่นหนา
    เข้ากันนำพา
    มาเป็นกำลัง

    ขอให้พบธรรมความดีมีสุข ยิ่งทำยิ่งเจริญรุ่งเรือง สวัสดีมงคลขัย

    นิพพานะ ปัจจะโยโหตุ
    สติครองจิต กิจควรแยแส สมาธิแน่น แล่นสู่ปัญญา ปัญญาโดดเด่น เป็นได้วิชชา ธรรมวิจัยพา มาเป็นกำลัง คุณธรรมความเพียร เรียนรู้สอนสั่ง ให้ธรรมความจริง ยิ่งพาปีติ สงบระงับ จับธรรมถึงจิต เป็นสมาธิ จิตอุเบกขา ธรรมจริงรวมหนึ่ง ถึงจิตแน่นหนา เข้ากันนำพา มาเป็นกำลัง ขอให้พบธรรมความดีมีสุข ยิ่งทำยิ่งเจริญรุ่งเรือง สวัสดีมงคลขัย นิพพานะ ปัจจะโยโหตุ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 169 มุมมอง 0 รีวิว
  • สติปัญญาก็อาจจะแตกต่างกัน..มีปัญญาดี มีปัญญาสูงแต่ก็เป็นคนเหมือน สมัยนี้ปัญญามากๆตกเป็นเหยื่อของโจรต่างๆ หรือก็โลภหลงไปเองเป็นโจรเอง
    สติปัญญาก็อาจจะแตกต่างกัน..มีปัญญาดี มีปัญญาสูงแต่ก็เป็นคนเหมือน สมัยนี้ปัญญามากๆตกเป็นเหยื่อของโจรต่างๆ หรือก็โลภหลงไปเองเป็นโจรเอง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 45 มุมมอง 0 รีวิว
  • พบข้อมูลล็อกอินและรหัสผ่านของ Apple, Google และ Meta ในฐานข้อมูลที่รั่วไหล

    นักวิจัยด้านความปลอดภัย ค้นพบฐานข้อมูลที่ไม่มีการป้องกันด้วยรหัสผ่าน ซึ่งมีข้อมูลล็อกอินและรหัสผ่านของ Apple, Google, Meta และบริการอื่น ๆ กว่า 184 ล้านบัญชี โดยข้อมูลเหล่านี้ อาจถูกขโมยผ่านมัลแวร์ Infostealer

    🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับการรั่วไหลของข้อมูล
    ✅ ฐานข้อมูลที่รั่วไหลมีข้อมูลล็อกอินและรหัสผ่านของหลายแพลตฟอร์ม
    - รวมถึง Microsoft, Facebook, Instagram, Snapchat, Roblox และบริการธนาคาร

    ✅ นักวิจัยสามารถยืนยันความถูกต้องของข้อมูลบางส่วนได้
    - โดย ติดต่ออีเมลที่พบในฐานข้อมูลและได้รับการตอบกลับ

    ✅ ฐานข้อมูลนี้เชื่อมโยงกับสองโดเมนที่ไม่สามารถระบุเจ้าของได้
    - หนึ่งโดเมน ถูกจอดไว้และไม่สามารถเข้าถึงได้
    - อีกโดเมน ยังไม่ได้ลงทะเบียนและสามารถซื้อได้

    ✅ นักวิจัยเชื่อว่าข้อมูลถูกขโมยผ่านมัลแวร์ Infostealer
    - Infostealer มักแพร่กระจายผ่านฟิชชิ่ง, เว็บไซต์อันตราย หรืออัปเดตปลอม

    ✅ ข้อมูลที่ถูกขโมยอาจถูกใช้เพื่อโจมตีทางไซเบอร์เพิ่มเติม
    - เช่น การส่งอีเมลฟิชชิ่งหรือขโมยข้อมูลทางการเงิน

    ✅ นักวิจัยแจ้งผู้ให้บริการโฮสติ้งให้ปิดการเข้าถึงฐานข้อมูล
    - แต่ ผู้ให้บริการไม่ได้เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับเจ้าของฐานข้อมูล

    https://www.techradar.com/pro/security/login-and-password-details-for-apple-google-and-meta-accounts-found-in-huge-data-breach-of-184-million-accounts
    พบข้อมูลล็อกอินและรหัสผ่านของ Apple, Google และ Meta ในฐานข้อมูลที่รั่วไหล นักวิจัยด้านความปลอดภัย ค้นพบฐานข้อมูลที่ไม่มีการป้องกันด้วยรหัสผ่าน ซึ่งมีข้อมูลล็อกอินและรหัสผ่านของ Apple, Google, Meta และบริการอื่น ๆ กว่า 184 ล้านบัญชี โดยข้อมูลเหล่านี้ อาจถูกขโมยผ่านมัลแวร์ Infostealer 🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับการรั่วไหลของข้อมูล ✅ ฐานข้อมูลที่รั่วไหลมีข้อมูลล็อกอินและรหัสผ่านของหลายแพลตฟอร์ม - รวมถึง Microsoft, Facebook, Instagram, Snapchat, Roblox และบริการธนาคาร ✅ นักวิจัยสามารถยืนยันความถูกต้องของข้อมูลบางส่วนได้ - โดย ติดต่ออีเมลที่พบในฐานข้อมูลและได้รับการตอบกลับ ✅ ฐานข้อมูลนี้เชื่อมโยงกับสองโดเมนที่ไม่สามารถระบุเจ้าของได้ - หนึ่งโดเมน ถูกจอดไว้และไม่สามารถเข้าถึงได้ - อีกโดเมน ยังไม่ได้ลงทะเบียนและสามารถซื้อได้ ✅ นักวิจัยเชื่อว่าข้อมูลถูกขโมยผ่านมัลแวร์ Infostealer - Infostealer มักแพร่กระจายผ่านฟิชชิ่ง, เว็บไซต์อันตราย หรืออัปเดตปลอม ✅ ข้อมูลที่ถูกขโมยอาจถูกใช้เพื่อโจมตีทางไซเบอร์เพิ่มเติม - เช่น การส่งอีเมลฟิชชิ่งหรือขโมยข้อมูลทางการเงิน ✅ นักวิจัยแจ้งผู้ให้บริการโฮสติ้งให้ปิดการเข้าถึงฐานข้อมูล - แต่ ผู้ให้บริการไม่ได้เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับเจ้าของฐานข้อมูล https://www.techradar.com/pro/security/login-and-password-details-for-apple-google-and-meta-accounts-found-in-huge-data-breach-of-184-million-accounts
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 196 มุมมอง 0 รีวิว
  • จิตเจตนา
    พาวนเวียนว่าย
    เจตนาร้าย
    ได้กรรมเดือดร้อน

    เจตนาดี
    มีบุญโคจร
    ไร้กรรมเดือดร้อน
    พรดีอาศัย

    สติที่ดี
    มีธรรมครองไว้
    จิตเกี่ยวโยงใย
    ได้สำนึกดี

    จิตสำนึกดี
    มีกรรมคลุกคลี
    ศีลธรรมกรรมดี
    มีแล้วร่มเย็น

    มีความประมาท
    พลาดพลั้งทุกข์เข็ญ
    เพียรระวังเป็น
    เห็นทุกข์รู้ทัน

    สมาธิจิต
    กิจควรมุ่งมั่น
    ธรรมจริงยืนยัน
    ปัญญารู้แจ้ง

    ขอให้พบธรรมความดีมีสุข ยิ่งทำยิ่งเจริญรุ่งเรือง สวัสดีมีชัย

    นิพพานะ ปัจจะโยโหตุ
    จิตเจตนา พาวนเวียนว่าย เจตนาร้าย ได้กรรมเดือดร้อน เจตนาดี มีบุญโคจร ไร้กรรมเดือดร้อน พรดีอาศัย สติที่ดี มีธรรมครองไว้ จิตเกี่ยวโยงใย ได้สำนึกดี จิตสำนึกดี มีกรรมคลุกคลี ศีลธรรมกรรมดี มีแล้วร่มเย็น มีความประมาท พลาดพลั้งทุกข์เข็ญ เพียรระวังเป็น เห็นทุกข์รู้ทัน สมาธิจิต กิจควรมุ่งมั่น ธรรมจริงยืนยัน ปัญญารู้แจ้ง ขอให้พบธรรมความดีมีสุข ยิ่งทำยิ่งเจริญรุ่งเรือง สวัสดีมีชัย นิพพานะ ปัจจะโยโหตุ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 83 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts