• ฝ่ายบริหารของไบเดนเคลื่อนไหวที่จะยกหนี้มูลค่า ๔.๗ พันล้านดอลลาร์ ให้กับยูเครน.. - รอยเตอร์

    Douglas Macgregor
    .
    BREAKING: Biden Administration makes move to forgive $4.7 BILLION worth of loans to Ukraine.. - Reuters

    Last edited 5:35 AM · Nov 21, 2024 · 76.2K Views
    https://x.com/DougAMacgregor/status/1859364912973431047
    ฝ่ายบริหารของไบเดนเคลื่อนไหวที่จะยกหนี้มูลค่า ๔.๗ พันล้านดอลลาร์ ให้กับยูเครน.. - รอยเตอร์ Douglas Macgregor . BREAKING: Biden Administration makes move to forgive $4.7 BILLION worth of loans to Ukraine.. - Reuters Last edited 5:35 AM · Nov 21, 2024 · 76.2K Views https://x.com/DougAMacgregor/status/1859364912973431047
    Haha
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 127 มุมมอง 0 รีวิว
  • ยูเครนยิงขีปนาวุธ Storm Shadow ของอังกฤษเข้าไปในรัสเซีย.. - รอยเตอร์

    กำลังพัฒนา..

    ก่อนหน้านี้ สหราชอาณาจักรอนุญาตให้ยูเครนใช้ขีปนาวุธร่อน Storm Shadow ภายในดินแดนของตนเอง, แต่หลายเดือนที่ผ่านมา, รัฐบาลได้เรียกร้องให้สหรัฐฯ อนุญาตให้ใช้ขีปนาวุธดังกล่าวโจมตีเป้าหมายภายในรัสเซีย

    Douglas Macgregor
    .
    BREAKING: Ukraine fires British Storm Shadow missiles into Russia.. -Reuters

    Developing..

    The UK had previously allowed Ukraine to use Storm Shadow cruise missiles within its own territory, but for several months, the government has been urging the United States to grant permission for their use against targets inside Russia.
    .
    9:56 PM · Nov 20, 2024 · 248K Views
    https://x.com/DougAMacgregor/status/1859249382002245758
    ยูเครนยิงขีปนาวุธ Storm Shadow ของอังกฤษเข้าไปในรัสเซีย.. - รอยเตอร์ กำลังพัฒนา.. ก่อนหน้านี้ สหราชอาณาจักรอนุญาตให้ยูเครนใช้ขีปนาวุธร่อน Storm Shadow ภายในดินแดนของตนเอง, แต่หลายเดือนที่ผ่านมา, รัฐบาลได้เรียกร้องให้สหรัฐฯ อนุญาตให้ใช้ขีปนาวุธดังกล่าวโจมตีเป้าหมายภายในรัสเซีย Douglas Macgregor . BREAKING: Ukraine fires British Storm Shadow missiles into Russia.. -Reuters Developing.. The UK had previously allowed Ukraine to use Storm Shadow cruise missiles within its own territory, but for several months, the government has been urging the United States to grant permission for their use against targets inside Russia. . 9:56 PM · Nov 20, 2024 · 248K Views https://x.com/DougAMacgregor/status/1859249382002245758
    Haha
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 148 มุมมอง 0 รีวิว
  • องค์การสหประชาชาติเพื่อผู้ลี้ภัยปาเลสไตน์ UNRWA แถลงว่า ขบวนคอนวอยรถบรรทุกบรรเทาทุกข์ขนอาหารจำนวน 109 คันของ UN โดนปล้นสะดมอย่างป่าเถื่อน โดยกลุ่มกองกำลังปิดหน้า คนขับรถบรรทุกโดนปืนจ่อทางใต้ของกาซา ขณะที่กาตาร์ประกาศ สำนักงานฮามาสในโดฮาปิดแค่ชั่วคราวส่วนตัวแทนเจรจาฮามาสถูกสั่งออกนอกประเทศ
    .
    บีบีซีของอังกฤษรายงานวันอังคาร(19 พ.ย)ว่า ขบวนคอนวอยบรรเทาทุกข์ร่วม 109 คันขององค์การสหประชาชาติเพื่อผู้ลี้ภัยปาเลสไตน์ UNRWA และโครงการอาหารโลกของสหประชาชาติถูกปล้นสะดมวันเสาร์(16) ด้วยความป่าเถื่อน
    .
    และพบว่ารถบรรทุก 97 คันจากทั้งหมดสูญหายและคนขับถูกใช้ปืนจ่อสั่งให้นำสิ่งของบรรเทาทุกข์ลงมาหลังข้ามจุดข้ามแดน เคเรม ชาลอม (Kerem Shalom) ที่อยู่ภายใต้การควบคุมของอิสราเอลเข้าสู่ทางใต้ของเขตฉวนกาซา
    .
    อ้างอิงการรายงานจากรอยเตอร์ ลุยส์ เวตริดจ์ ( Louise Wateridge )เจ้าหน้าที่ฉุกเฉินระดับสูงของ UNRWA เปิดเผยว่า ขบวนคอนวอบขนอาหารบรรเทาทุกข์ถูกสั่งโดยอิสราเอลให้ออกเดินทางในช่วงเวลาการแจ้งอย่างกระชั้นชิดเดินทางผ่านเส้นทางที่ไม่คุ้นเคยจากจุดข้ามแดน เคเรม ชาลอม
    .
    การปล้นสะดมสิ่งของบรรเทาทุกข์สหประชาชาติล่าสุดนี้ถือเป็นครั้งที่ร้ายแรงที่สุดเท่าที่เคยมีมา
    .
    เวตริดจ์กล่าวยืนยันว่า รถบรรทุก 98 คันจากทั้งหมด 109 คันถูกบุกค้นและมีเจ้าหน้าที่ขนส่งให้สหประชาชาติบางส่วนได้รับบาดเจ็บระหว่างเหตุที่เกิด โดยที่ไม่ได้เอ่ยชื่อระบุไปถึงคนร้ายที่บุกโจมตีคอนวอยขนส่งอาหาร UN เข้ากาซา
    .
    บีบีซีรายงานว่า ฟิลิปป์ ลาซซารินี ( Philippe Lazzarini )ผู้อำนวยการใหญ่ UNRWA ไม่ได้กล่าวไปถึงคนร้ายที่ก่อเหตุเช่นกัน แต่ยอมรับว่าสภาพแวดล้อมที่ไร้การควบคุมอย่างเป็นระบบในเขตฉนวนกาซานี้ทำให้เป็นการยากที่ทางหน่วยจะออกปฎิบัติการช่วยเหลือชาวปาเลสไตน์ที่ติดอยู่ระหว่างสงครามได้
    .
    และหากปราศจากการเข้าแทรกแซงทันที เชื่อว่าวิกฤตขาดอาหารร้ายแรงจะเลวร้ายลงสำหรับชาวปาเลสไตน์ร่วม 2 ล้านคนที่พึ่งพาความช่วยเหลือทางมนุษยธรรมอ้างอิงจาก UNRWA
    .
    กระทรวงมหาดไทยกาซาแถลงว่า เจ้าหน้าที่ความมั่นคงกาซาที่เกี่ยวข้องกับฮามาสได้สังหารสมาชิกแก๊งไปไม่ต่ำกว่า 20 คนในการขโมยรถบรรทุกเพื่อการบรรเทาทุกข์ในปฎิบัติการในความร่วมมือกับคณะกรรมการชนเผ่า
    .
    ทั้งนี้สัปดาห์ที่แล้ว องค์กร NGO จำนวน 29 แห่งเปิดเผยในรายงานว่า การปล้นสะดมขบวนคอนวอยบรรเทาทุกข์นั้นเป็นผลที่ตามมาจากการที่อิสราเอลตั้งเป้าโจมตีกองกำลังตำรวจที่ยังเหลืออยู่ในกาซา
    .
    ขณะเดียวกันกาตาร์ซึ่งได้ประกาศถอนตัวจากการเป็นประเทศตัวกลางไกล่เกลี่ยเจรจาสันติภาพระหว่างอิสราเอลและกลุ่มติดอาวุธฮามาส เอเอฟพีรายงานว่า โดฮาแถลงวันอังคาร(19)กล่าวว่า การปิดสำนักงานฮามาสนี้เป็นการปิดแค่ชั่วคราว
    .
    มาเจด อัล-อันซารี (Majed Al-Ansari) โฆษกกระทรวงต่างประเทศกาตาร์ กล่าวผ่านแถลงการณ์ว่า “บรรดาผู้นำของฮามาสที่อยู่ในทีมเจรจาปัจจุบันไม่ได้อยู่ในกรุงโดฮา”
    .
    และเสริมต่อว่า “การตัดสินใจ..ในการปิดสำนักงาน(ฮามาส)อย่างถาวรจะเป็นสิ่งที่พวกคุณจะได้ยินโดยตรงจากพวกเรา”
    .
    อย่างไรก็ตาม แกนนำระดับสูงของฮามาสได้ให้สัมภาษณ์เอเอฟพีวันจันทร์(18)ว่า “ไม่มีใครขอให้พวกเราเดินทางออกไป”
    .
    พร้อมกันนั้นยังได้โต้รายงานที่อ้างว่าบรรดาสมาชิกได้โยกย้ายไปอยู่ในตุรกีแทน โดยกล่าวว่า “บรรดาผู้นำจากระดับที่แตกต่างในหน่วยการเมืองของฮามาสต่างเดินทางเข้าตุรกีเป็นระยะๆ”
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000111413
    ..............
    Sondhi X
    องค์การสหประชาชาติเพื่อผู้ลี้ภัยปาเลสไตน์ UNRWA แถลงว่า ขบวนคอนวอยรถบรรทุกบรรเทาทุกข์ขนอาหารจำนวน 109 คันของ UN โดนปล้นสะดมอย่างป่าเถื่อน โดยกลุ่มกองกำลังปิดหน้า คนขับรถบรรทุกโดนปืนจ่อทางใต้ของกาซา ขณะที่กาตาร์ประกาศ สำนักงานฮามาสในโดฮาปิดแค่ชั่วคราวส่วนตัวแทนเจรจาฮามาสถูกสั่งออกนอกประเทศ . บีบีซีของอังกฤษรายงานวันอังคาร(19 พ.ย)ว่า ขบวนคอนวอยบรรเทาทุกข์ร่วม 109 คันขององค์การสหประชาชาติเพื่อผู้ลี้ภัยปาเลสไตน์ UNRWA และโครงการอาหารโลกของสหประชาชาติถูกปล้นสะดมวันเสาร์(16) ด้วยความป่าเถื่อน . และพบว่ารถบรรทุก 97 คันจากทั้งหมดสูญหายและคนขับถูกใช้ปืนจ่อสั่งให้นำสิ่งของบรรเทาทุกข์ลงมาหลังข้ามจุดข้ามแดน เคเรม ชาลอม (Kerem Shalom) ที่อยู่ภายใต้การควบคุมของอิสราเอลเข้าสู่ทางใต้ของเขตฉวนกาซา . อ้างอิงการรายงานจากรอยเตอร์ ลุยส์ เวตริดจ์ ( Louise Wateridge )เจ้าหน้าที่ฉุกเฉินระดับสูงของ UNRWA เปิดเผยว่า ขบวนคอนวอบขนอาหารบรรเทาทุกข์ถูกสั่งโดยอิสราเอลให้ออกเดินทางในช่วงเวลาการแจ้งอย่างกระชั้นชิดเดินทางผ่านเส้นทางที่ไม่คุ้นเคยจากจุดข้ามแดน เคเรม ชาลอม . การปล้นสะดมสิ่งของบรรเทาทุกข์สหประชาชาติล่าสุดนี้ถือเป็นครั้งที่ร้ายแรงที่สุดเท่าที่เคยมีมา . เวตริดจ์กล่าวยืนยันว่า รถบรรทุก 98 คันจากทั้งหมด 109 คันถูกบุกค้นและมีเจ้าหน้าที่ขนส่งให้สหประชาชาติบางส่วนได้รับบาดเจ็บระหว่างเหตุที่เกิด โดยที่ไม่ได้เอ่ยชื่อระบุไปถึงคนร้ายที่บุกโจมตีคอนวอยขนส่งอาหาร UN เข้ากาซา . บีบีซีรายงานว่า ฟิลิปป์ ลาซซารินี ( Philippe Lazzarini )ผู้อำนวยการใหญ่ UNRWA ไม่ได้กล่าวไปถึงคนร้ายที่ก่อเหตุเช่นกัน แต่ยอมรับว่าสภาพแวดล้อมที่ไร้การควบคุมอย่างเป็นระบบในเขตฉนวนกาซานี้ทำให้เป็นการยากที่ทางหน่วยจะออกปฎิบัติการช่วยเหลือชาวปาเลสไตน์ที่ติดอยู่ระหว่างสงครามได้ . และหากปราศจากการเข้าแทรกแซงทันที เชื่อว่าวิกฤตขาดอาหารร้ายแรงจะเลวร้ายลงสำหรับชาวปาเลสไตน์ร่วม 2 ล้านคนที่พึ่งพาความช่วยเหลือทางมนุษยธรรมอ้างอิงจาก UNRWA . กระทรวงมหาดไทยกาซาแถลงว่า เจ้าหน้าที่ความมั่นคงกาซาที่เกี่ยวข้องกับฮามาสได้สังหารสมาชิกแก๊งไปไม่ต่ำกว่า 20 คนในการขโมยรถบรรทุกเพื่อการบรรเทาทุกข์ในปฎิบัติการในความร่วมมือกับคณะกรรมการชนเผ่า . ทั้งนี้สัปดาห์ที่แล้ว องค์กร NGO จำนวน 29 แห่งเปิดเผยในรายงานว่า การปล้นสะดมขบวนคอนวอยบรรเทาทุกข์นั้นเป็นผลที่ตามมาจากการที่อิสราเอลตั้งเป้าโจมตีกองกำลังตำรวจที่ยังเหลืออยู่ในกาซา . ขณะเดียวกันกาตาร์ซึ่งได้ประกาศถอนตัวจากการเป็นประเทศตัวกลางไกล่เกลี่ยเจรจาสันติภาพระหว่างอิสราเอลและกลุ่มติดอาวุธฮามาส เอเอฟพีรายงานว่า โดฮาแถลงวันอังคาร(19)กล่าวว่า การปิดสำนักงานฮามาสนี้เป็นการปิดแค่ชั่วคราว . มาเจด อัล-อันซารี (Majed Al-Ansari) โฆษกกระทรวงต่างประเทศกาตาร์ กล่าวผ่านแถลงการณ์ว่า “บรรดาผู้นำของฮามาสที่อยู่ในทีมเจรจาปัจจุบันไม่ได้อยู่ในกรุงโดฮา” . และเสริมต่อว่า “การตัดสินใจ..ในการปิดสำนักงาน(ฮามาส)อย่างถาวรจะเป็นสิ่งที่พวกคุณจะได้ยินโดยตรงจากพวกเรา” . อย่างไรก็ตาม แกนนำระดับสูงของฮามาสได้ให้สัมภาษณ์เอเอฟพีวันจันทร์(18)ว่า “ไม่มีใครขอให้พวกเราเดินทางออกไป” . พร้อมกันนั้นยังได้โต้รายงานที่อ้างว่าบรรดาสมาชิกได้โยกย้ายไปอยู่ในตุรกีแทน โดยกล่าวว่า “บรรดาผู้นำจากระดับที่แตกต่างในหน่วยการเมืองของฮามาสต่างเดินทางเข้าตุรกีเป็นระยะๆ” . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000111413 .............. Sondhi X
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 679 มุมมอง 0 รีวิว
  • เลบานอนและฮิซบอลเลาะห์ เห็นพ้องต่อข้อเสนอหนึ่งของสหรัฐฯ สำหรับหยุดยิงกับอิสราเอล และได้แสดงความคิดเห็นบางอย่างเกี่ยวกับเนื้อหาของข้อตกลงดังกล่าว เจ้าหน้าที่ระดับสูงของเลบานอนเปิดเผยกับรอยเตอร์ พร้อมให้คำนิยามความพยายามนี้ ว่าจริงจังที่สุดเท่าที่เคยมีมา ในการหยุดการสู้รบ
    .
    อาลี ฮัสซัน คาลิล ผู้ช่วยรายหนึ่งของ นาบีห์ เบอร์รี ประธานสภาผู้แทนราษฏร ระบุว่าเลบานอนได้เขียนหนังสือเป็นลายลักษณ์อักษรตอบกลับไปยังสถานทูตสหรัฐฯประจำเลบานอนในวันจันทร์(18พ.ย.) และ อามอส ฮอชสไตน์ ผู้แทนด้านการทูตของทำเนียบขาว กำลังเดินทางมายังกรุงเบรุต เพื่อเดินหน้าการพูดคุยเจรจา
    .
    อย่างไรก็ตามยังไม่มีความคิดเห็นมาจากฝั่งของอิสราเอล
    .
    ฮิซบอลเลาะห์ ขบวนการเคลื่อนไหวติดอาวุธหนักที่ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่าน ได้ให้การรับรอง เบอร์รี มาช้านาน ในการเจรจาหยุดยิง
    .
    "เลบานอนเสนอความคิดเห็นต่างๆในหนังสือดังกล่าว ในบรรยากาศที่เป็นบวก" คาลิลกล่าว แต่ปฏิเสธให้รายละเอียดเพิ่มเติม "ทุกความเห็นที่เรานำเสนอได้เน้นย้ำถึงการยึดถืออย่างเที่ยงตรงต่อมติ 1701 ของสหประชาชาติ ในทุกมาตรา" เขากล่าว
    .
    คาลิล อ้างถึงมติ 1701 ของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ที่ยุติสงครามครั้งก่อนหน้านี้ระหว่างฮิซบอลเลาะห์กับอิสราเอลในปี 2006
    .
    เงื่อนไขของมติดังกล่าว บังคับให้ฮิซบอลเลาะห์ต้องไม่ประจำการอาวุธในพื้นที่ระหว่างชายแดนเลบานอน-อิสราเอล รวมถึงแม่น้ำลิตานี ซึ่งทอดยาวห่างจากทางเหนือของชายแดนราว 30 กิโลเมตร
    .
    คาลิล ระบุว่าความคิดริเริ่มนี้จะประสบความสำเร็จหรือไม่ เวลานี้ขึ้นอยู่กับอิสราเอลแล้ว และบอกว่าถ้าอิสราเอลไม่ต้องการทางออกหนึ่งๆ "มันก็อาจจะก่อปัญหาอีกนับร้อยตามมา"
    .
    อิสราเอล กล่าวอ้างมาช้านานว่ามติ 1701 ไม่เคยถูกบังคับใช้อย่างเหมาะสม โดยชี้ถึงการปรากฏตัวของพวกนักรบฮิซบอลเลาะห์และอาวุธตามแนวชายแดน ขณะที่เลบานอนกล่าวหาอิสราเอลละเมิดมติดังกล่าวเช่นกัน ในนั้นรวมถึงกรณีที่ส่งเครื่องบินล้ำเข้ามาในน่านฟ้า
    .
    คาลิล บอกว่าอิสราเอลพยายามเจรจา "ใต้เปลวเพลิง" อ้างถึงการยกระดับทิ้งบอมบ์ถล่มกรุงเบรุต และย่านต่างๆทางใต้ที่อยู่ภายใต้การควบคุมของฮิซบอลเลาะห์ "แต่มันไม่ส่งผลกระทบต่อสถานะของเรา" เขากล่าว
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000111068
    ..............
    Sondhi X
    เลบานอนและฮิซบอลเลาะห์ เห็นพ้องต่อข้อเสนอหนึ่งของสหรัฐฯ สำหรับหยุดยิงกับอิสราเอล และได้แสดงความคิดเห็นบางอย่างเกี่ยวกับเนื้อหาของข้อตกลงดังกล่าว เจ้าหน้าที่ระดับสูงของเลบานอนเปิดเผยกับรอยเตอร์ พร้อมให้คำนิยามความพยายามนี้ ว่าจริงจังที่สุดเท่าที่เคยมีมา ในการหยุดการสู้รบ . อาลี ฮัสซัน คาลิล ผู้ช่วยรายหนึ่งของ นาบีห์ เบอร์รี ประธานสภาผู้แทนราษฏร ระบุว่าเลบานอนได้เขียนหนังสือเป็นลายลักษณ์อักษรตอบกลับไปยังสถานทูตสหรัฐฯประจำเลบานอนในวันจันทร์(18พ.ย.) และ อามอส ฮอชสไตน์ ผู้แทนด้านการทูตของทำเนียบขาว กำลังเดินทางมายังกรุงเบรุต เพื่อเดินหน้าการพูดคุยเจรจา . อย่างไรก็ตามยังไม่มีความคิดเห็นมาจากฝั่งของอิสราเอล . ฮิซบอลเลาะห์ ขบวนการเคลื่อนไหวติดอาวุธหนักที่ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่าน ได้ให้การรับรอง เบอร์รี มาช้านาน ในการเจรจาหยุดยิง . "เลบานอนเสนอความคิดเห็นต่างๆในหนังสือดังกล่าว ในบรรยากาศที่เป็นบวก" คาลิลกล่าว แต่ปฏิเสธให้รายละเอียดเพิ่มเติม "ทุกความเห็นที่เรานำเสนอได้เน้นย้ำถึงการยึดถืออย่างเที่ยงตรงต่อมติ 1701 ของสหประชาชาติ ในทุกมาตรา" เขากล่าว . คาลิล อ้างถึงมติ 1701 ของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ที่ยุติสงครามครั้งก่อนหน้านี้ระหว่างฮิซบอลเลาะห์กับอิสราเอลในปี 2006 . เงื่อนไขของมติดังกล่าว บังคับให้ฮิซบอลเลาะห์ต้องไม่ประจำการอาวุธในพื้นที่ระหว่างชายแดนเลบานอน-อิสราเอล รวมถึงแม่น้ำลิตานี ซึ่งทอดยาวห่างจากทางเหนือของชายแดนราว 30 กิโลเมตร . คาลิล ระบุว่าความคิดริเริ่มนี้จะประสบความสำเร็จหรือไม่ เวลานี้ขึ้นอยู่กับอิสราเอลแล้ว และบอกว่าถ้าอิสราเอลไม่ต้องการทางออกหนึ่งๆ "มันก็อาจจะก่อปัญหาอีกนับร้อยตามมา" . อิสราเอล กล่าวอ้างมาช้านานว่ามติ 1701 ไม่เคยถูกบังคับใช้อย่างเหมาะสม โดยชี้ถึงการปรากฏตัวของพวกนักรบฮิซบอลเลาะห์และอาวุธตามแนวชายแดน ขณะที่เลบานอนกล่าวหาอิสราเอลละเมิดมติดังกล่าวเช่นกัน ในนั้นรวมถึงกรณีที่ส่งเครื่องบินล้ำเข้ามาในน่านฟ้า . คาลิล บอกว่าอิสราเอลพยายามเจรจา "ใต้เปลวเพลิง" อ้างถึงการยกระดับทิ้งบอมบ์ถล่มกรุงเบรุต และย่านต่างๆทางใต้ที่อยู่ภายใต้การควบคุมของฮิซบอลเลาะห์ "แต่มันไม่ส่งผลกระทบต่อสถานะของเรา" เขากล่าว . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000111068 .............. Sondhi X
    Like
    Love
    6
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 619 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🚨ยูเครนกำลังเตรียมโจมตีรัสเซียระยะไกลเป็นครั้งแรกในอีกไม่กี่วันข้างหน้า, สำนักข่าวรอยเตอร์รายงาน – โดยอ้างแหล่งข่าวที่ปกปิดรายละเอียดบางส่วนไว้ด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัยในการปฏิบัติการ

    ทำเนียบขาวไม่ได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับรายงานดังกล่าว
    .
    🚨UKRAINE IS PREPARING TO CARRY OUT ITS FIRST LONG-RANGE ATTACKS ON RUSSIA IN THE COMING DAYS, the Reuters news agency reported – quoting sources who withheld specific details for operational security reasons.

    The White House did not comment on the report.
    .
    1:47 AM · Nov 18, 2024 · 13.2K Views
    https://x.com/SputnikInt/status/1858220495419642057
    🚨ยูเครนกำลังเตรียมโจมตีรัสเซียระยะไกลเป็นครั้งแรกในอีกไม่กี่วันข้างหน้า, สำนักข่าวรอยเตอร์รายงาน – โดยอ้างแหล่งข่าวที่ปกปิดรายละเอียดบางส่วนไว้ด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัยในการปฏิบัติการ ทำเนียบขาวไม่ได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับรายงานดังกล่าว . 🚨UKRAINE IS PREPARING TO CARRY OUT ITS FIRST LONG-RANGE ATTACKS ON RUSSIA IN THE COMING DAYS, the Reuters news agency reported – quoting sources who withheld specific details for operational security reasons. The White House did not comment on the report. . 1:47 AM · Nov 18, 2024 · 13.2K Views https://x.com/SputnikInt/status/1858220495419642057
    Haha
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 123 มุมมอง 0 รีวิว
  • สหรัฐฯ ทำการเปิดฐานป้องกันภัยทางอากาศแห่งใหม่อย่างเป็นทางการ ทางเหนือของโปแลนด์ ความเคลื่อนไหวที่ทางวอร์ซอหาทางสร้างความอุ่นใจแก่พลเมืองว่านาโตการันตีความปลอดภัยของพวกเขา ท่ามกลางความหวั่นวิตก หลังจาก โดนัลด์ ทรัมป์ คว้าชัยศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีอเมริกา
    .
    ฐานป้องกันภัยทางอากาศแห่งนี้ ซึ่งตั้งอยู่ในเมืองเรดซิโคโว ใกล้ชายฝั่งบอลติก ดำเนินการก่อสร้างมาตั้งแต่ทศวรรษ 2000 และวอร์ซอระบุว่ามันแสดงให้เห็นว่าความเป็นพันธมิตรทางทหารระหว่างโปแลนด์กับวอชิงตันยังคงเหนียวแน่น ไม่ว่าใครจะอยู่ในทำเนียบขาวก็ตาม
    .
    "มันใช้เวลาพักใหญ่ แต่โครงการก่อสร้างนี้พิสูจน์ถึงความแน่วแน่ในเชิงยุทธศาสตร์ของสหรัฐฯ" ราโดสลอว์ ซิคอร์สกี รัฐมนตรีต่างประเทศโปแลนด์ กล่าวในวิดีโอที่โพสต์บนแพลตฟอร์มเอ็กซ์
    .
    ประธานาธิบดีอันด์แซย์ ดูดา ของโปแลนด์ ผู้นำหัวอนุรักษนิยมซึ่งเน้นย้ำความสัมพันธ์อันอบอุ่นกับทรัมป์ เข้าร่วมในพิธีเปิดฐานป้องกันภัยทางอากาศแห่งใหม่ด้วย ในขณะที่วังเครมลินเรียกความเคลื่อนไหวครั้งนี้ว่าเป็นความพยายามควบคุมรัสเซีย ด้วยการเคลื่อนย้ายโครงสร้างพื้นฐานทางทหารของอเมริกาเข้ามาใกล้ชายแดนของพวกเขา
    .
    ดมิทรี เปสคอฟ โฆษกวังเครมลิน กล่าวว่าประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน คัดค้านแผนการต่างๆ สำหรับฐานขีปนาวุธแห่งนี้ ย้อนกลับไปตั้งแต่ช่วงทศวรรษที่ 2000 ครั้งที่ จอร์จ ดับเบิลยู.บุช เป็นประธานาธิบดี
    .
    โฆษกรายนี้บอกว่า ปูติน เคยเน้นย้ำในช่วงเวลาดังกล่าว ว่าสหรัฐฯ กำลังโกหก ที่อ้างว่ามันมีจุดประสงค์เพื่อสกัดความเป็นไปได้ที่อิหร่านจะยิงขีปนาวุธเข้ามา "มันเป็นการยืนยันว่าประธานาธิบดีพูดถูก พวกเขายังคงเดินหน้าแผนการนี้ นี่คือโครงสร้างพื้นฐานทางทหารล้ำสมัยของอเมริกาบนดินแดนยุโรป ที่หันหน้าเข้าหาเขตแดนของเรา" เปสคอฟกล่าว "มันไม่มีอะไรมากไปกว่าความพยายามควบคุมแสนยานุภาพทางทหารของเรา และแน่นอนว่ามันจะนำมาซึ่้งการใช้มาตรการที่เหมาะสม เพื่อรับประกันความเท่าเทียม"
    .
    อย่างไรก็ตาม เปสคอฟ ไม่ได้ระบุว่ารัสเซียจะใช้มาตรการใดในการตอบโต้
    .
    การเปิดฐานป้องกันภัยทางอากาศแห่งใหม่อย่างเป็นทางการในโปแลนด์ มีขึ้นหลังจากทรัมป์ได้รับชัยชนะในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในขณะที่เสียงวิพากษ์วิจารณ์ของทรัมป์ที่มีต่อนาโตในอดีต ได้ก่อความไม่สบายใจแก่รัฐสมาชิกบางส่วน โดยเขาเคยประกาศกร้าวว่าอเมริกาภายใต้การบริหารงานของเขา จะไม่ปกป้องประเทศต่างๆ ที่ไม่ใช้จ่ายในด้านกลาโหมอย่างเพียงพอ
    .
    กระนั้นก็ตาม โปแลนด์ บอกว่าไม่มีอะไรให้ต้องกังวล เนื่องจากพวกเขาเป็นผู้ใช้จ่ายงบประมาณด้านกลาโหมรายใหญ่ที่สุดรายหนึ่งของพันธมิตรทหารแห่งนี้ เมื่อเทียบกับขนาดเศรษฐกิจ
    .
    ฐานทัพของสหรัฐฯ ในเมืองเรดซิโคโว เป็นส่วนหนึ่งของโล่ป้องกันขีปนาวุธอย่างครอบคลุมของนาโต ที่ได้รับสมญานามว่า "Aegis Ashore" ซึ่งพันธมิตรทหารแห่งนี้อวดอ้างว่าสามารถสกัดขีปนาวุธพิสัยใกล้ไปจนถึงพิสัยปานกลางที่พุ่งเข้ามาได้
    .
    มอสโกเคยตราหน้าฐานทัพแห่งนี้ว่าเป็นภัยคุกคาม ย้อนกลับไปในปี 2007 ตั้งแต่ช่วงที่มันยังอยู่ในขั้นของการวางแผน อย่างไรก็ตาม นาโตอ้างว่าโล่ดังกล่าวมีไว้เพื่อจุดประสงค์ป้องกันตนเองแต่เพียงอย่างเดียว
    .
    แหล่งข่าวด้านการทหารบอกกับรอยเตอร์ว่า ด้วยการติดตั้งระบบนี้ในโปแลนด์ เวลานี้นาโตไม่ใช่แค่สามารถใช้มันสกัดขีปนาวุธที่ยิงออกมาจากตะวันออกกลางเท่านั้น แต่มันยังมีระบบเรดาร์ที่จำเป็นที่้สามารถเปลี่ยนทิศทางเข้าสกัดขีปนาวุธที่ยิงออกมาจากรัสเซียด้วยเช่นกัน
    .
    รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของโปแลนด์ระบุในวันจันทร์ (11 พ.ย.) ว่าจำเป็นต้องขยายขอบเขตโล่ป้องกันขีปนาวุธนี้เพิ่มเติม ซึ่งทางวอร์ซอจะมีการพูดคุยหารือกับนาโตและสหรัฐฯ อีกครั้ง
    .
    ทั้งนี้ มีรายงานว่า มาร์ค รุตต์ เลขาธิการนาโต ได้พบปะหารือกับประธานาธิบดี ดูดา และนายกรัฐมนตรีโดนัลด์ ทัสก์ ของโปแลนด์ ในกรุงวอร์ซอ หลังจากพิธีเปิดฐานทัพในวันพุธ (13 พ.ย.)
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000109494
    ..............
    Sondhi X
    สหรัฐฯ ทำการเปิดฐานป้องกันภัยทางอากาศแห่งใหม่อย่างเป็นทางการ ทางเหนือของโปแลนด์ ความเคลื่อนไหวที่ทางวอร์ซอหาทางสร้างความอุ่นใจแก่พลเมืองว่านาโตการันตีความปลอดภัยของพวกเขา ท่ามกลางความหวั่นวิตก หลังจาก โดนัลด์ ทรัมป์ คว้าชัยศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีอเมริกา . ฐานป้องกันภัยทางอากาศแห่งนี้ ซึ่งตั้งอยู่ในเมืองเรดซิโคโว ใกล้ชายฝั่งบอลติก ดำเนินการก่อสร้างมาตั้งแต่ทศวรรษ 2000 และวอร์ซอระบุว่ามันแสดงให้เห็นว่าความเป็นพันธมิตรทางทหารระหว่างโปแลนด์กับวอชิงตันยังคงเหนียวแน่น ไม่ว่าใครจะอยู่ในทำเนียบขาวก็ตาม . "มันใช้เวลาพักใหญ่ แต่โครงการก่อสร้างนี้พิสูจน์ถึงความแน่วแน่ในเชิงยุทธศาสตร์ของสหรัฐฯ" ราโดสลอว์ ซิคอร์สกี รัฐมนตรีต่างประเทศโปแลนด์ กล่าวในวิดีโอที่โพสต์บนแพลตฟอร์มเอ็กซ์ . ประธานาธิบดีอันด์แซย์ ดูดา ของโปแลนด์ ผู้นำหัวอนุรักษนิยมซึ่งเน้นย้ำความสัมพันธ์อันอบอุ่นกับทรัมป์ เข้าร่วมในพิธีเปิดฐานป้องกันภัยทางอากาศแห่งใหม่ด้วย ในขณะที่วังเครมลินเรียกความเคลื่อนไหวครั้งนี้ว่าเป็นความพยายามควบคุมรัสเซีย ด้วยการเคลื่อนย้ายโครงสร้างพื้นฐานทางทหารของอเมริกาเข้ามาใกล้ชายแดนของพวกเขา . ดมิทรี เปสคอฟ โฆษกวังเครมลิน กล่าวว่าประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน คัดค้านแผนการต่างๆ สำหรับฐานขีปนาวุธแห่งนี้ ย้อนกลับไปตั้งแต่ช่วงทศวรรษที่ 2000 ครั้งที่ จอร์จ ดับเบิลยู.บุช เป็นประธานาธิบดี . โฆษกรายนี้บอกว่า ปูติน เคยเน้นย้ำในช่วงเวลาดังกล่าว ว่าสหรัฐฯ กำลังโกหก ที่อ้างว่ามันมีจุดประสงค์เพื่อสกัดความเป็นไปได้ที่อิหร่านจะยิงขีปนาวุธเข้ามา "มันเป็นการยืนยันว่าประธานาธิบดีพูดถูก พวกเขายังคงเดินหน้าแผนการนี้ นี่คือโครงสร้างพื้นฐานทางทหารล้ำสมัยของอเมริกาบนดินแดนยุโรป ที่หันหน้าเข้าหาเขตแดนของเรา" เปสคอฟกล่าว "มันไม่มีอะไรมากไปกว่าความพยายามควบคุมแสนยานุภาพทางทหารของเรา และแน่นอนว่ามันจะนำมาซึ่้งการใช้มาตรการที่เหมาะสม เพื่อรับประกันความเท่าเทียม" . อย่างไรก็ตาม เปสคอฟ ไม่ได้ระบุว่ารัสเซียจะใช้มาตรการใดในการตอบโต้ . การเปิดฐานป้องกันภัยทางอากาศแห่งใหม่อย่างเป็นทางการในโปแลนด์ มีขึ้นหลังจากทรัมป์ได้รับชัยชนะในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในขณะที่เสียงวิพากษ์วิจารณ์ของทรัมป์ที่มีต่อนาโตในอดีต ได้ก่อความไม่สบายใจแก่รัฐสมาชิกบางส่วน โดยเขาเคยประกาศกร้าวว่าอเมริกาภายใต้การบริหารงานของเขา จะไม่ปกป้องประเทศต่างๆ ที่ไม่ใช้จ่ายในด้านกลาโหมอย่างเพียงพอ . กระนั้นก็ตาม โปแลนด์ บอกว่าไม่มีอะไรให้ต้องกังวล เนื่องจากพวกเขาเป็นผู้ใช้จ่ายงบประมาณด้านกลาโหมรายใหญ่ที่สุดรายหนึ่งของพันธมิตรทหารแห่งนี้ เมื่อเทียบกับขนาดเศรษฐกิจ . ฐานทัพของสหรัฐฯ ในเมืองเรดซิโคโว เป็นส่วนหนึ่งของโล่ป้องกันขีปนาวุธอย่างครอบคลุมของนาโต ที่ได้รับสมญานามว่า "Aegis Ashore" ซึ่งพันธมิตรทหารแห่งนี้อวดอ้างว่าสามารถสกัดขีปนาวุธพิสัยใกล้ไปจนถึงพิสัยปานกลางที่พุ่งเข้ามาได้ . มอสโกเคยตราหน้าฐานทัพแห่งนี้ว่าเป็นภัยคุกคาม ย้อนกลับไปในปี 2007 ตั้งแต่ช่วงที่มันยังอยู่ในขั้นของการวางแผน อย่างไรก็ตาม นาโตอ้างว่าโล่ดังกล่าวมีไว้เพื่อจุดประสงค์ป้องกันตนเองแต่เพียงอย่างเดียว . แหล่งข่าวด้านการทหารบอกกับรอยเตอร์ว่า ด้วยการติดตั้งระบบนี้ในโปแลนด์ เวลานี้นาโตไม่ใช่แค่สามารถใช้มันสกัดขีปนาวุธที่ยิงออกมาจากตะวันออกกลางเท่านั้น แต่มันยังมีระบบเรดาร์ที่จำเป็นที่้สามารถเปลี่ยนทิศทางเข้าสกัดขีปนาวุธที่ยิงออกมาจากรัสเซียด้วยเช่นกัน . รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของโปแลนด์ระบุในวันจันทร์ (11 พ.ย.) ว่าจำเป็นต้องขยายขอบเขตโล่ป้องกันขีปนาวุธนี้เพิ่มเติม ซึ่งทางวอร์ซอจะมีการพูดคุยหารือกับนาโตและสหรัฐฯ อีกครั้ง . ทั้งนี้ มีรายงานว่า มาร์ค รุตต์ เลขาธิการนาโต ได้พบปะหารือกับประธานาธิบดี ดูดา และนายกรัฐมนตรีโดนัลด์ ทัสก์ ของโปแลนด์ ในกรุงวอร์ซอ หลังจากพิธีเปิดฐานทัพในวันพุธ (13 พ.ย.) . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000109494 .............. Sondhi X
    Like
    8
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1045 มุมมอง 0 รีวิว
  • รัสเซียออกมาปฏิเสธรายงานข่าวของวอชิงตันโพสต์ที่ว่า มีการพูดคุยทางโทรศัพท์กันแล้วระหว่างปูติน กับ ทรัมป์ โดยว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เรียกร้องผู้นำรัสเซียอย่าทำให้สงครามในยูเครนลุกลาม ทั้งนี้แดนหมีขาวบอกว่านี่เป็นข่าวเท็จ ปูตินไม่มีแผนคุยกับทรัมป์ อีกทั้งบอกด้วยว่าไม่มีสัญญาณใดๆ แสดงว่า ฝ่ายตะวันตกพร้อมแล้วสำหรับการพูดจากัน
    .
    หนังสือพิมพ์วอชิงตัน โพสต์รายงานเมื่อวันอาทิตย์ (10) โดยอ้างอิงแหล่งข่าวงในหลายคนว่า ทรัมป์ ได้โทรศัพท์ไปหาประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินของรัสเซีย จากรีสอร์ตส่วนตัวของเขาที่มาร์-อะลา-โก รัฐฟลอริดาเมื่อวันพฤหัสฯ (7) หรือหนึ่งวันหลังสื่อใหญ่ทุกสำนักประกาศว่า ทรัมป์ชนะรองประธานาธิบดีกมลา แฮร์ริสจากพรรคเดโมแครต ในศึกชิงทำเนียบขาวที่จัดขึ้นเมื่อวันอังคาร (5)
    .
    วอชิงตันโพสต์ระบุว่า ทรัมป์เรียกร้องปูตินอย่าทำให้สงครามในยูเครนลุกลาม และเตือนว่า อเมริกากองทหารขนาดใหญ่ประจำการอยู่ในยุโรป รวมทั้งยังแสดงความสนใจหารือกันเพิ่มเติมเกี่ยวกับการแก้ไขวิกฤตยูเครนเร็วๆ นี้
    .
    นอกจากวอชิงตันโพสต์แล้ว สำนักข่าวรอยเตอร์ก็รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวรายหนึ่งกล่าวเมื่อวันอาทิตย์ (10) ว่า ทรัมป์ได้พูดคุยกับปูตินจริงๆ ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา
    .
    ทว่า ในวันจันทร์ (11) ดมิตริ เปสคอฟ โฆษกทำเนียบเครมลินออกมาแถลงว่า ข่าวดังกล่าวเป็นการกุเรื่องขึ้น และยืนยันว่า ปูตินไม่มีแผนการเฉพาะเจาะจงในการพูดคุยกับทรัมป์ในขณะนี้
    .
    ขณะที่ สตีเฟน เฉิง ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารของทรัมป์ ระบุในคำแถลงเป็นลายลักษณ์อักษรว่า จะไม่มีการแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการพูดคุยโทรศัพท์เป็นการส่วนตัวระหว่างทรัมป์กับผู้นำโลกคนอื่นๆ
    .
    ส่วนกระทรวงการต่างประเทศยูเครนกล่าวว่า ไม่ได้รับแจ้งล่วงหน้าเรื่องการหารือระหว่างทรัมป์กับปูติน จึงไม่อาจยืนยันหรือปฏิเสธได้
    .
    อย่างไรก็ตาม ในวันอาทิตย์ (10) ทรัมป์ได้พูดคุยทางโทรศัพท์กับนายกรัฐมนตรีโอลาฟ ชอลซ์ ของเยอรมนี โดยที่โฆษกของชอลซ์แถลงว่า ผู้นำทั้งสองเห็นพ้องกันที่จะทำงานด้วยกันเพื่อหาทางนำสันติภาพกลับคืนสู่ยุโรป
    .
    เมื่อถูกสอบถามเกี่ยวกับเรื่องนี้ เปสคอฟ โฆษกทำเนียบเครมลิน กล่าวว่า ไม่มีการตระเตรียมใดๆ สำหรับที่ปูตินจะพูดจาหารือกับชอลซ์ และเขาเห็นว่าตอนนี้ยังเร็วเกินไปที่จะกล่าวว่าจุดยืนของยุโรปในเรื่องยูเครนมีการเปลี่ยนแปลงไปแล้ว
    .
    “เรามองเห็นความหงุดหงิดว้าวุ่นอย่างชัดเจน รวมทั้งมีความหวาดกลัวต่างๆ ในหมู่ชาวยุโรปเกี่ยวกับการเลือกตั้งมิสเตอร์ทรัมป์เป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ” เปสคอฟ บอก พร้อมกับย้ำว่า ปูตินได้พูดอีกครั้งในสัปดาห์ที่แล้วว่าเปิดกว้างสำหรับการพูดจากันทุกอย่าง ทว่าจนถึงเวลานี้ยังไม่ได้มีการตระเตรียมใดๆ รัสเซียยังไม่ได้รับสัญญาณใดๆ
    .
    เขากล่าวว่า จนถึงตอนนี้ “พวกผู้นำยุโรปยังคงกำลังพยายามที่จะบรรลุถึงการทำให้รัสเซียประสบความพ่ายแพ้ทางยุทธศาสตร์” แต่มอสโกจะ “ดำเนินปฏิบัติการพิเศษของเราต่อไปจนกว่าจะบรรลุจุดมุ่งหมายทั้งหมดของเรา”
    .
    ชัยชนะในการเลือกตั้งของทรัมป์มีแนวโน้มส่งผลต่อการสู้รบขัดแย้งในยูเครนที่ดำเนินมาเกือบ 3 ปี เนื่องจากว่าที่ผู้นำสหรัฐฯ ผู้นี้หาเสียงโดยยืนกรานมาตลอดว่า การสู้รบจะต้องยุติลงโดยเร็ว รวมทั้งแสดงความเคลือบแคลงกับการที่อเมริกาให้การสนับสนุนเคียฟมูลค่าเป็นหมื่นล้านแสนล้านดอลลาร์
    .
    ทางฝ่ายประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกีของยูเครน ได้หารือกับทรัมป์เมื่อวันพุธ (6 พ.ย.) โดยมีอีลอน มัสก์ ร่วมหารือด้วย มหาเศรษฐีที่ให้การสนับสนุนทรัมป์อย่างแข็งขันผู้นี้ เคยพูดระบุว่าเคียฟต้องยอมรับความเป็นจริงเรื่องจะต้องเสียดินแดนให้รัสเซีย
    .
    ในอีกด้านหนึ่ง เจค ซัลลิแวน ที่ปรึกษาฝ่ายความมั่นคงแห่งชาติของอเมริกา ให้สัมภาษณ์ซีบีเอสนิวส์เมื่อวันอาทิตย์ว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดนที่กำลังจะพ้นตำแหน่ง ยืนยันว่า จะจัดส่งความช่วยเหลือให้ยูเครนมากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ก่อนที่ทรัมป์จะเข้ารับตำแหน่งในวันที่ 20 ม.ค.ปีหน้า เพื่อให้เคียฟมีสถานะที่เข้มแข็งที่สุดทั้งในสนามรบและการเจรจา ซึ่งจะรวมถึงการให้เงินสนับสนุนที่เหลืออยู่อีก 6,000 ล้านดอลลาร์
    .
    ซัลลิแวนเสริมว่า ไบเดนจะใช้เวลาที่เหลืออยู่ดำเนินการให้รัฐสภาและคณะบริหารชุดต่อไปตระหนักว่า อเมริกาไม่อาจทิ้งยูเครนได้ เนื่องจากจะทำให้ยุโรปไร้เสถียรภาพมากขึ้น
    .
    ระหว่างหาเสียง ทรัมป์ประกาศว่า จะทำให้สงครามยูเครนยุติลงโดยเร็วก่อนที่ตนเองจะสาบานตนเข้ารับตำแหน่งด้วยซ้ำ แต่ไม่ได้บอกว่า จะทำอย่างไร
    .
    ทรัมป์และพันธมิตรต่างคัดค้านการที่อเมริกาให้เงินช่วยเหลือยูเครน และเปรยว่า การกระทำดังกล่าวเป็นการอัดฉีดเงินให้บริษัทอุตสาหกรรมการทหารที่ฉ้อฉลและสนับสนุนสงคราม รวมทั้งพวกสายเหยี่ยวด้านนโยบายการต่างประเทศ
    .
    นอกจากนั้น ยังคาดกันว่า การทำข้อตกลงกันให้ได้โดยเร็ว ย่อมหมายถึงเคียฟต้องยอมเสียดินแดนที่ถูกกองทัพรัสเซียเข้ายึดครองทางด้านใต้และตะวันออกของประเทศ
    .
    ไบรอัน แลนซา ที่ปรึกษาสำคัญคนหนึ่งของทรัมป์ให้สัมภาษณ์บีบีซีเมื่อวันเสาร์ (9 ) โดยยกตัวอย่างว่า ยูเครนต้องเลิกคิดว่าจะได้ไครเมียที่รัสเซียเข้าผนวกเมื่อปี 2014 คืน
    .
    ทว่า เคียฟยืนกรานว่า จะไม่ยอมยกดินแดนหรือยอมตามข้อเรียกร้องอื่นๆ ของรัสเซีย เนื่องจากจะทำให้ปูตินได้ใจและยั่วยุก้าวร้าวขึ้น ขณะที่รู้กันว่า พันธมิตรในยุโรปอย่างอังกฤษและฝรั่งเศสรู้สึกกังวลกับการดำเนินการฝ่ายเดียวของทรัมป์
    .
    ช่วงหลายเดือนมานี้ทั้งมอสโกและเคียฟต่างพยายามอย่างหนักเพื่อให้ตัวเองอยู่ในสถานะได้เปรียบในการเจรจาที่อาจเกิดขึ้นในท้ายที่สุด โดยยูเครนได้เข้ายึดพื้นที่บางส่วนในแคว้นคูร์สก์ของรัสเซีย และกองกำลังมอสโกรุกคืบเร็วขึ้นในยูเครน
    .
    สุดสัปดาห์ที่ผ่านมามีการโจมตีกันด้วยโดรนหนักที่สุด โดยเซเลนสกีเผยว่า รัสเซียส่งโดรน 145 ลำโจมตียูเครนเมื่อคืนวันเสาร์ และมอสโกระบุว่า สอยโดรนยูเครน 34 ลำที่มุ่งโจมตีมอสโกในวันอาทิตย์
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000108683
    ..............
    Sondhi X
    รัสเซียออกมาปฏิเสธรายงานข่าวของวอชิงตันโพสต์ที่ว่า มีการพูดคุยทางโทรศัพท์กันแล้วระหว่างปูติน กับ ทรัมป์ โดยว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เรียกร้องผู้นำรัสเซียอย่าทำให้สงครามในยูเครนลุกลาม ทั้งนี้แดนหมีขาวบอกว่านี่เป็นข่าวเท็จ ปูตินไม่มีแผนคุยกับทรัมป์ อีกทั้งบอกด้วยว่าไม่มีสัญญาณใดๆ แสดงว่า ฝ่ายตะวันตกพร้อมแล้วสำหรับการพูดจากัน . หนังสือพิมพ์วอชิงตัน โพสต์รายงานเมื่อวันอาทิตย์ (10) โดยอ้างอิงแหล่งข่าวงในหลายคนว่า ทรัมป์ ได้โทรศัพท์ไปหาประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินของรัสเซีย จากรีสอร์ตส่วนตัวของเขาที่มาร์-อะลา-โก รัฐฟลอริดาเมื่อวันพฤหัสฯ (7) หรือหนึ่งวันหลังสื่อใหญ่ทุกสำนักประกาศว่า ทรัมป์ชนะรองประธานาธิบดีกมลา แฮร์ริสจากพรรคเดโมแครต ในศึกชิงทำเนียบขาวที่จัดขึ้นเมื่อวันอังคาร (5) . วอชิงตันโพสต์ระบุว่า ทรัมป์เรียกร้องปูตินอย่าทำให้สงครามในยูเครนลุกลาม และเตือนว่า อเมริกากองทหารขนาดใหญ่ประจำการอยู่ในยุโรป รวมทั้งยังแสดงความสนใจหารือกันเพิ่มเติมเกี่ยวกับการแก้ไขวิกฤตยูเครนเร็วๆ นี้ . นอกจากวอชิงตันโพสต์แล้ว สำนักข่าวรอยเตอร์ก็รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวรายหนึ่งกล่าวเมื่อวันอาทิตย์ (10) ว่า ทรัมป์ได้พูดคุยกับปูตินจริงๆ ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา . ทว่า ในวันจันทร์ (11) ดมิตริ เปสคอฟ โฆษกทำเนียบเครมลินออกมาแถลงว่า ข่าวดังกล่าวเป็นการกุเรื่องขึ้น และยืนยันว่า ปูตินไม่มีแผนการเฉพาะเจาะจงในการพูดคุยกับทรัมป์ในขณะนี้ . ขณะที่ สตีเฟน เฉิง ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารของทรัมป์ ระบุในคำแถลงเป็นลายลักษณ์อักษรว่า จะไม่มีการแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการพูดคุยโทรศัพท์เป็นการส่วนตัวระหว่างทรัมป์กับผู้นำโลกคนอื่นๆ . ส่วนกระทรวงการต่างประเทศยูเครนกล่าวว่า ไม่ได้รับแจ้งล่วงหน้าเรื่องการหารือระหว่างทรัมป์กับปูติน จึงไม่อาจยืนยันหรือปฏิเสธได้ . อย่างไรก็ตาม ในวันอาทิตย์ (10) ทรัมป์ได้พูดคุยทางโทรศัพท์กับนายกรัฐมนตรีโอลาฟ ชอลซ์ ของเยอรมนี โดยที่โฆษกของชอลซ์แถลงว่า ผู้นำทั้งสองเห็นพ้องกันที่จะทำงานด้วยกันเพื่อหาทางนำสันติภาพกลับคืนสู่ยุโรป . เมื่อถูกสอบถามเกี่ยวกับเรื่องนี้ เปสคอฟ โฆษกทำเนียบเครมลิน กล่าวว่า ไม่มีการตระเตรียมใดๆ สำหรับที่ปูตินจะพูดจาหารือกับชอลซ์ และเขาเห็นว่าตอนนี้ยังเร็วเกินไปที่จะกล่าวว่าจุดยืนของยุโรปในเรื่องยูเครนมีการเปลี่ยนแปลงไปแล้ว . “เรามองเห็นความหงุดหงิดว้าวุ่นอย่างชัดเจน รวมทั้งมีความหวาดกลัวต่างๆ ในหมู่ชาวยุโรปเกี่ยวกับการเลือกตั้งมิสเตอร์ทรัมป์เป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ” เปสคอฟ บอก พร้อมกับย้ำว่า ปูตินได้พูดอีกครั้งในสัปดาห์ที่แล้วว่าเปิดกว้างสำหรับการพูดจากันทุกอย่าง ทว่าจนถึงเวลานี้ยังไม่ได้มีการตระเตรียมใดๆ รัสเซียยังไม่ได้รับสัญญาณใดๆ . เขากล่าวว่า จนถึงตอนนี้ “พวกผู้นำยุโรปยังคงกำลังพยายามที่จะบรรลุถึงการทำให้รัสเซียประสบความพ่ายแพ้ทางยุทธศาสตร์” แต่มอสโกจะ “ดำเนินปฏิบัติการพิเศษของเราต่อไปจนกว่าจะบรรลุจุดมุ่งหมายทั้งหมดของเรา” . ชัยชนะในการเลือกตั้งของทรัมป์มีแนวโน้มส่งผลต่อการสู้รบขัดแย้งในยูเครนที่ดำเนินมาเกือบ 3 ปี เนื่องจากว่าที่ผู้นำสหรัฐฯ ผู้นี้หาเสียงโดยยืนกรานมาตลอดว่า การสู้รบจะต้องยุติลงโดยเร็ว รวมทั้งแสดงความเคลือบแคลงกับการที่อเมริกาให้การสนับสนุนเคียฟมูลค่าเป็นหมื่นล้านแสนล้านดอลลาร์ . ทางฝ่ายประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกีของยูเครน ได้หารือกับทรัมป์เมื่อวันพุธ (6 พ.ย.) โดยมีอีลอน มัสก์ ร่วมหารือด้วย มหาเศรษฐีที่ให้การสนับสนุนทรัมป์อย่างแข็งขันผู้นี้ เคยพูดระบุว่าเคียฟต้องยอมรับความเป็นจริงเรื่องจะต้องเสียดินแดนให้รัสเซีย . ในอีกด้านหนึ่ง เจค ซัลลิแวน ที่ปรึกษาฝ่ายความมั่นคงแห่งชาติของอเมริกา ให้สัมภาษณ์ซีบีเอสนิวส์เมื่อวันอาทิตย์ว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดนที่กำลังจะพ้นตำแหน่ง ยืนยันว่า จะจัดส่งความช่วยเหลือให้ยูเครนมากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ก่อนที่ทรัมป์จะเข้ารับตำแหน่งในวันที่ 20 ม.ค.ปีหน้า เพื่อให้เคียฟมีสถานะที่เข้มแข็งที่สุดทั้งในสนามรบและการเจรจา ซึ่งจะรวมถึงการให้เงินสนับสนุนที่เหลืออยู่อีก 6,000 ล้านดอลลาร์ . ซัลลิแวนเสริมว่า ไบเดนจะใช้เวลาที่เหลืออยู่ดำเนินการให้รัฐสภาและคณะบริหารชุดต่อไปตระหนักว่า อเมริกาไม่อาจทิ้งยูเครนได้ เนื่องจากจะทำให้ยุโรปไร้เสถียรภาพมากขึ้น . ระหว่างหาเสียง ทรัมป์ประกาศว่า จะทำให้สงครามยูเครนยุติลงโดยเร็วก่อนที่ตนเองจะสาบานตนเข้ารับตำแหน่งด้วยซ้ำ แต่ไม่ได้บอกว่า จะทำอย่างไร . ทรัมป์และพันธมิตรต่างคัดค้านการที่อเมริกาให้เงินช่วยเหลือยูเครน และเปรยว่า การกระทำดังกล่าวเป็นการอัดฉีดเงินให้บริษัทอุตสาหกรรมการทหารที่ฉ้อฉลและสนับสนุนสงคราม รวมทั้งพวกสายเหยี่ยวด้านนโยบายการต่างประเทศ . นอกจากนั้น ยังคาดกันว่า การทำข้อตกลงกันให้ได้โดยเร็ว ย่อมหมายถึงเคียฟต้องยอมเสียดินแดนที่ถูกกองทัพรัสเซียเข้ายึดครองทางด้านใต้และตะวันออกของประเทศ . ไบรอัน แลนซา ที่ปรึกษาสำคัญคนหนึ่งของทรัมป์ให้สัมภาษณ์บีบีซีเมื่อวันเสาร์ (9 ) โดยยกตัวอย่างว่า ยูเครนต้องเลิกคิดว่าจะได้ไครเมียที่รัสเซียเข้าผนวกเมื่อปี 2014 คืน . ทว่า เคียฟยืนกรานว่า จะไม่ยอมยกดินแดนหรือยอมตามข้อเรียกร้องอื่นๆ ของรัสเซีย เนื่องจากจะทำให้ปูตินได้ใจและยั่วยุก้าวร้าวขึ้น ขณะที่รู้กันว่า พันธมิตรในยุโรปอย่างอังกฤษและฝรั่งเศสรู้สึกกังวลกับการดำเนินการฝ่ายเดียวของทรัมป์ . ช่วงหลายเดือนมานี้ทั้งมอสโกและเคียฟต่างพยายามอย่างหนักเพื่อให้ตัวเองอยู่ในสถานะได้เปรียบในการเจรจาที่อาจเกิดขึ้นในท้ายที่สุด โดยยูเครนได้เข้ายึดพื้นที่บางส่วนในแคว้นคูร์สก์ของรัสเซีย และกองกำลังมอสโกรุกคืบเร็วขึ้นในยูเครน . สุดสัปดาห์ที่ผ่านมามีการโจมตีกันด้วยโดรนหนักที่สุด โดยเซเลนสกีเผยว่า รัสเซียส่งโดรน 145 ลำโจมตียูเครนเมื่อคืนวันเสาร์ และมอสโกระบุว่า สอยโดรนยูเครน 34 ลำที่มุ่งโจมตีมอสโกในวันอาทิตย์ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000108683 .............. Sondhi X
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 965 มุมมอง 0 รีวิว
  • ว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ พูดคุยกับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา และแนะนำผู้นำรัสเซียอย่าทำให้สงครามยูคเรนลุกลามบานปลาย แหล่งข่าวใกล้ชิดกับการสนทนาเปิดเผยกับรอยเตอร์ ขณะที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน มีแผนเรียกร้อง ทรัมป์ อย่าได้ทอดทิ้งเคียฟ
    .
    แหล่งข่าวเปิดเผยกับรอยเตอร์ว่า ทรัมป์และปูติน พูดคุยกันเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ในขณะเดียวกัน ทรัมป์ ก็ได้หารือกับประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน ในวันพุธ (6 พ.ย.) ทั้งนี้ ทรัมป์ เคยวิพากษ์จารณ์ขอบเขตที่สหรัฐฯ มอบแรงสนับสนุนทั้งทางการเงินและทางทหารแก่เคียฟ และประกาศยุติสงครามอย่างรวดเร็ว แต่ไม่บอกว่าด้วยวิธีการใด
    .
    กระทรวงการต่างประเทศยูเครนบอกว่าพวกเขาไม่ได้รับแจ้งล่วงหน้าเกี่ยวกับการพูดคุยทางโทรศัพท์ระหว่างทรัมป์กับปูติน ดังนั้นจึงไม่อาจเห็นด้วยหรือคัดค้าน
    .
    ส่วน สตีเวน เฉิง ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารของทรัมป์ ตอบคำถามเมื่อถูกถามเกี่ยวกับการโทรศัพท์หารือระหว่าง ทรัมป์ กับ ปูติน โดยบอกว่า "เราไม่ขอแสดงความคิดเห็นต่อการพูดคุยแบบส่วนตัวระหว่างว่าที่ประธานาธิบดีทรัมป์ และบรรดาผู้นำโลกคนอื่นๆ" ขณะที่สถานทูตรัสเซียในวอชิงตัน ยังไม่ออกมาแสดงความคิดเห็นในเรื่องนี้
    .
    ทรัมป์ ตัวแทนจากรีพับลิกันจะเข้ารับตำแหน่งในวันที่ 20 มกราคม หลังเอาชนะรองประธานาธิบดี กมลา แฮร์ริส จากพรรคเดโมแครต ในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีวันที่ 5 พฤศจิกายน และล่าสุดทำเนียบขาวเผยว่า ไบเดน เชิญ ทรัมป์ เข้ามาหารือที่ห้องทำงานรูปไข่ในวันพุธ (13 พ.ย.) ที่จะถึงนี้
    .
    เจค ซัลลิแวน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ ระบุในวันอาทิตย์ (10 ก.ย.) ว่าสารสำคัญสุดของไบเดน คือจะเป็นการรับปากถ่ายโอนอำนาจอย่างสันติ และเขาจะพูดคุยกับ ทรัมป์ เกี่ยวกับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในยุโรป เอเชีย และตะวันออกกลาง
    .
    "ประธานาธิบดีไบเดน จะใช้โอกาสในช่วง 70 วันที่เหลืออยู่ เสนอแนะสภาคองเกรสและว่าที่รัฐบาลใหม่ ว่าสหรัฐฯ ไม่ควรตีจากยูเครน การทอดทิ้งยูเครนจะหมายถึงภาวะไร้เสถียรภาพในยุโรป" ซัลลิแวน บอกกับซีบีเอสนิวส์
    .
    ความเห็นของซัลลิแวน มีขึ้นในขณะที่ยูเครนโจมตีกรุงมอสโกด้วยโดรนอย่างน้อยๆ 34 ลำ เมื่อวันอาทิตย์ (10 พ.ย.) ซึ่งถือเป็นปฏิบัติการโดรนโจมตีเล่นงานเมืองหลวงของรัสเซียครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่สงครามเริ่มต้นขึ้น
    .
    วอชิงตันมอบความช่วยเหลือทั้งทางทหารและทางเศรษฐกิจแก่ยูเครนไปแล้วหลายหมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ นับตั้งแต่ถูกรัสเซียรุกรานในเดือนกุมภาพันธ์ 2022 เงินจำนวนมหาศาลที่ ทรัมป์ เสียงเสียงวิพากษ์วิจารณ์ซ้ำๆ และถูกต่อต้านจากบรรดาสมาชิกสภาคองเกรสจากรีพับลิกันคนอื่นๆ
    .
    ทรัมป์ กล่าวอ้างเมื่อปีที่แล้ว ว่า ปูติน จะไม่มีวันรุกรานยูเครน หากว่าเขาอยู่ในทำเนียบขาวในช่วงเวลาดังกล่าว และเขาบอกกับรอยเตอร์ว่า ยูเครนอาจจำเป็นต้องยอมสละดินแดนเพื่อบรรลุข้อตกลงสันติภาพ บางอย่างที่เคียฟปฏิเสธและทางไบเดน ก็ไม่เคยชี้แนะไปในทิศทางนี้
    .
    เซเลนสกี ระบุเมื่อวันพฤหัสบดี (7 พ.ย.) เขาไม่ทราบรายละเอียดเกี่ยวกับแผนของทรัมป์ ในการยุติสงครามยูเครนอย่างรวดเร็ว และเขาเชื่อว่าการยุติสงครามอย่างรวดเร็ว จะหมายถึงการที่เคียฟต้องยอมอ่อนข้อครั้งใหญ่
    .
    อ้างอิงข้อมูลจากสำนักงานความรับผิดชอบของรัฐบาลสหรัฐฯ (GAO) พบว่าภายใต้การบริหารงานของไบเดน สภาคองเกรสจัดสรรงบประมาณไปให้ยูเครนแล้วกว่า 174,000 ล้านดอลลาร์ แต่คาดหมายว่าจำนวนดังกล่าวจะลดลงอย่างมาก ภายใต้การนำของทรัมป์ ในขณะที่พรรครีพับลิกันก็ครองเสียงข้างมากในวุฒิสภาสหรัฐฯ ด้วยเช่นกัน
    .
    ในส่วนของสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ยังไม่เป็นที่ชัดเจนว่าใครจะครองเสียงข้างมาก ด้วยยังอยู่ระหว่างการนับคะแนนเสียงบางส่วน เวลานี้รีพับลิกันได้ไปแล้วอย่างน้อย 213 ที่นั่ง และต้องการอีกเพียงอย่างน้อย 5 ที่นั่ง เพื่อให้ถึงเกณฑ์ขั้นต่ำของการครองเสียงข้างมากในสภาล่าง คืออย่างน้อย 218 ที่นั่ง
    .
    ถ้ารีพับลิกันครองเสียงข้างมากทั้ง 2 สภา นั่นจะหมายความว่าวาระต่างๆ ส่วนใหญ่ของทรัมป์ น่าจะผ่านความเห็นชอบจากสภาคองเกรสแบบง่ายดาย
    .
    บิล ฮาเกอร์ตี วุฒิสมาชิกจากรีพับลิกัน พันธมิตรของทรัมป์ ที่ถูกมองว่าเป็นตัวเต็งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ วิพากษ์วิจารณ์เงินสนับสนุนที่อเมริกามอบให้ยูเครน ผ่านการให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวซีบีเอส "ประชาชนชาวอเมริกาต้องการปกป้องอธิปไตยที่นี่ ในอเมริกา ก่อนที่เราจะใช้งบประมาณของเราและทรัพยากรของเรา ปกป้องอธิปไตยของประเทศอื่น" ฮาเกอร์ตีกล่าว
    .
    ปัจจุบัน กองกำลังมอสโกยึดครองพื้นที่ราว 1 ใน 5 ของยูเครน และรัสเซียประกาศแข็งกร้าวว่าสงครามจะไม่อาจหยุดลง จนกว่าดินแดนต่างๆ ที่พวกเขาผนวกนั้นได้รับการรับรองแล้ว ในขณะที่ยูเครนเรียกร้องให้คืนดินแดนทั้งหมด จุดยืนที่ได้รับการสนับสนุนจากบรรดาพันธมิตรตะวันตกเป็นส่วนใหญ่
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000108315
    ..............
    Sondhi X
    ว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ พูดคุยกับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา และแนะนำผู้นำรัสเซียอย่าทำให้สงครามยูคเรนลุกลามบานปลาย แหล่งข่าวใกล้ชิดกับการสนทนาเปิดเผยกับรอยเตอร์ ขณะที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน มีแผนเรียกร้อง ทรัมป์ อย่าได้ทอดทิ้งเคียฟ . แหล่งข่าวเปิดเผยกับรอยเตอร์ว่า ทรัมป์และปูติน พูดคุยกันเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ในขณะเดียวกัน ทรัมป์ ก็ได้หารือกับประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน ในวันพุธ (6 พ.ย.) ทั้งนี้ ทรัมป์ เคยวิพากษ์จารณ์ขอบเขตที่สหรัฐฯ มอบแรงสนับสนุนทั้งทางการเงินและทางทหารแก่เคียฟ และประกาศยุติสงครามอย่างรวดเร็ว แต่ไม่บอกว่าด้วยวิธีการใด . กระทรวงการต่างประเทศยูเครนบอกว่าพวกเขาไม่ได้รับแจ้งล่วงหน้าเกี่ยวกับการพูดคุยทางโทรศัพท์ระหว่างทรัมป์กับปูติน ดังนั้นจึงไม่อาจเห็นด้วยหรือคัดค้าน . ส่วน สตีเวน เฉิง ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารของทรัมป์ ตอบคำถามเมื่อถูกถามเกี่ยวกับการโทรศัพท์หารือระหว่าง ทรัมป์ กับ ปูติน โดยบอกว่า "เราไม่ขอแสดงความคิดเห็นต่อการพูดคุยแบบส่วนตัวระหว่างว่าที่ประธานาธิบดีทรัมป์ และบรรดาผู้นำโลกคนอื่นๆ" ขณะที่สถานทูตรัสเซียในวอชิงตัน ยังไม่ออกมาแสดงความคิดเห็นในเรื่องนี้ . ทรัมป์ ตัวแทนจากรีพับลิกันจะเข้ารับตำแหน่งในวันที่ 20 มกราคม หลังเอาชนะรองประธานาธิบดี กมลา แฮร์ริส จากพรรคเดโมแครต ในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีวันที่ 5 พฤศจิกายน และล่าสุดทำเนียบขาวเผยว่า ไบเดน เชิญ ทรัมป์ เข้ามาหารือที่ห้องทำงานรูปไข่ในวันพุธ (13 พ.ย.) ที่จะถึงนี้ . เจค ซัลลิแวน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ ระบุในวันอาทิตย์ (10 ก.ย.) ว่าสารสำคัญสุดของไบเดน คือจะเป็นการรับปากถ่ายโอนอำนาจอย่างสันติ และเขาจะพูดคุยกับ ทรัมป์ เกี่ยวกับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในยุโรป เอเชีย และตะวันออกกลาง . "ประธานาธิบดีไบเดน จะใช้โอกาสในช่วง 70 วันที่เหลืออยู่ เสนอแนะสภาคองเกรสและว่าที่รัฐบาลใหม่ ว่าสหรัฐฯ ไม่ควรตีจากยูเครน การทอดทิ้งยูเครนจะหมายถึงภาวะไร้เสถียรภาพในยุโรป" ซัลลิแวน บอกกับซีบีเอสนิวส์ . ความเห็นของซัลลิแวน มีขึ้นในขณะที่ยูเครนโจมตีกรุงมอสโกด้วยโดรนอย่างน้อยๆ 34 ลำ เมื่อวันอาทิตย์ (10 พ.ย.) ซึ่งถือเป็นปฏิบัติการโดรนโจมตีเล่นงานเมืองหลวงของรัสเซียครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่สงครามเริ่มต้นขึ้น . วอชิงตันมอบความช่วยเหลือทั้งทางทหารและทางเศรษฐกิจแก่ยูเครนไปแล้วหลายหมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ นับตั้งแต่ถูกรัสเซียรุกรานในเดือนกุมภาพันธ์ 2022 เงินจำนวนมหาศาลที่ ทรัมป์ เสียงเสียงวิพากษ์วิจารณ์ซ้ำๆ และถูกต่อต้านจากบรรดาสมาชิกสภาคองเกรสจากรีพับลิกันคนอื่นๆ . ทรัมป์ กล่าวอ้างเมื่อปีที่แล้ว ว่า ปูติน จะไม่มีวันรุกรานยูเครน หากว่าเขาอยู่ในทำเนียบขาวในช่วงเวลาดังกล่าว และเขาบอกกับรอยเตอร์ว่า ยูเครนอาจจำเป็นต้องยอมสละดินแดนเพื่อบรรลุข้อตกลงสันติภาพ บางอย่างที่เคียฟปฏิเสธและทางไบเดน ก็ไม่เคยชี้แนะไปในทิศทางนี้ . เซเลนสกี ระบุเมื่อวันพฤหัสบดี (7 พ.ย.) เขาไม่ทราบรายละเอียดเกี่ยวกับแผนของทรัมป์ ในการยุติสงครามยูเครนอย่างรวดเร็ว และเขาเชื่อว่าการยุติสงครามอย่างรวดเร็ว จะหมายถึงการที่เคียฟต้องยอมอ่อนข้อครั้งใหญ่ . อ้างอิงข้อมูลจากสำนักงานความรับผิดชอบของรัฐบาลสหรัฐฯ (GAO) พบว่าภายใต้การบริหารงานของไบเดน สภาคองเกรสจัดสรรงบประมาณไปให้ยูเครนแล้วกว่า 174,000 ล้านดอลลาร์ แต่คาดหมายว่าจำนวนดังกล่าวจะลดลงอย่างมาก ภายใต้การนำของทรัมป์ ในขณะที่พรรครีพับลิกันก็ครองเสียงข้างมากในวุฒิสภาสหรัฐฯ ด้วยเช่นกัน . ในส่วนของสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ยังไม่เป็นที่ชัดเจนว่าใครจะครองเสียงข้างมาก ด้วยยังอยู่ระหว่างการนับคะแนนเสียงบางส่วน เวลานี้รีพับลิกันได้ไปแล้วอย่างน้อย 213 ที่นั่ง และต้องการอีกเพียงอย่างน้อย 5 ที่นั่ง เพื่อให้ถึงเกณฑ์ขั้นต่ำของการครองเสียงข้างมากในสภาล่าง คืออย่างน้อย 218 ที่นั่ง . ถ้ารีพับลิกันครองเสียงข้างมากทั้ง 2 สภา นั่นจะหมายความว่าวาระต่างๆ ส่วนใหญ่ของทรัมป์ น่าจะผ่านความเห็นชอบจากสภาคองเกรสแบบง่ายดาย . บิล ฮาเกอร์ตี วุฒิสมาชิกจากรีพับลิกัน พันธมิตรของทรัมป์ ที่ถูกมองว่าเป็นตัวเต็งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ วิพากษ์วิจารณ์เงินสนับสนุนที่อเมริกามอบให้ยูเครน ผ่านการให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวซีบีเอส "ประชาชนชาวอเมริกาต้องการปกป้องอธิปไตยที่นี่ ในอเมริกา ก่อนที่เราจะใช้งบประมาณของเราและทรัพยากรของเรา ปกป้องอธิปไตยของประเทศอื่น" ฮาเกอร์ตีกล่าว . ปัจจุบัน กองกำลังมอสโกยึดครองพื้นที่ราว 1 ใน 5 ของยูเครน และรัสเซียประกาศแข็งกร้าวว่าสงครามจะไม่อาจหยุดลง จนกว่าดินแดนต่างๆ ที่พวกเขาผนวกนั้นได้รับการรับรองแล้ว ในขณะที่ยูเครนเรียกร้องให้คืนดินแดนทั้งหมด จุดยืนที่ได้รับการสนับสนุนจากบรรดาพันธมิตรตะวันตกเป็นส่วนใหญ่ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000108315 .............. Sondhi X
    Like
    10
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 822 มุมมอง 0 รีวิว
  • รัฐบาลประธานาธิบดี โจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ เตรียมจัดส่งขีปนาวุธสกัดกั้นกว่า 500 ลูกให้กับยูเครนภายในอีกไม่กี่สัปดาห์นับจากนี้ ซึ่งดูเหมือนจะเป็นการรีบเร่งส่งความช่วยเหลือให้ถึงมือเคียฟ ก่อนที่ โดนัลด์ ทรัมป์ จะกลับเข้าครองทำเนียบขาวในปีหน้า
    .
    หนังสือพิมพ์วอลล์สตรีทเจอร์นัล (WSJ) รายงานเมื่อวันเสาร์ (9 พ.ย.) โดยอ้างแหล่งข่าวเจ้าหน้าที่กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ที่ระบุว่า ก่อนหน้าที่ ทรัมป์ จะเอาชนะ กมลา แฮร์ริส ในศึกเลือกตั้งเมื่อวันที่ 5 พ.ย. รัฐบาล ไบเดน ได้ตั้งกรอบเวลาจัดส่งความช่วยเหลือที่อนุมัติแก่ยูเครนให้แล้วเสร็จภายในเดือน เม.ย. ปี 2025
    .
    การจัดส่งขีปนาวุธสกัดกั้นสำหรับใช้งานร่วมกับระบบแพทริออต (Patriot) และระบบขีปนาวุธยิงจากพื้นดินสู่อากาศขั้นสูงแห่งชาติหรือ NASAMS จะต้องให้เพียงพอต่อความจำเป็นในการป้องกันตนเองของยูเครนจนถึงสิ้นปีนี้ ตามข้อมูลจาก WSJ
    .
    ด้านสำนักงานของประธานาธิบดี โวโลดิมีร์ เซเลนสกี กระทรวงกลาโหมยูเครน และกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ยังไม่ออกมาตอบข้อซักถามของผู้สื่อข่าวรอยเตอร์
    .
    เซเลนสกี เรียกร้องมานานหลายเดือนให้ชาติตะวันตกเพิ่มการจัดส่งอาวุธ และยังขอให้กลุ่มชาติในองค์การสนธิสัญญาแตแลนติกเหนือ (นาโต) ช่วยเปิดทางให้เคียฟเอาอาวุธพิสัยไกลที่ได้จากตะวันตกไปใช้ยิงโจมตีเป้าหมายที่อยู่ลึกเข้าไปในดินแดนรัสเซีย
    .
    สงครามยูเครนที่ลากยาวมานานกว่า 2 ปีครึ่งกลายเป็นชนวนการเผชิญหน้าครั้งใหญ่ที่สุดระหว่างรัสเซียกับชาติตะวันตกในยุคหลังสงครามเย็น ซึ่งเจ้าหน้าที่รัสเซียเองก็ยอมรับว่า สงครามกำลังก้าวเข้าสู่ "เฟสที่อันตรายที่สุด"
    .
    วันศุกร์ที่แล้ว (8) รัฐบาล ไบเดน ประกาศจะอนุญาตให้บริษัทคู่สัญญากลาโหมของสหรัฐฯ เข้าไปทำงานในยูเครน เพื่อซ่อมบำรุงระบบอาวุธที่เพนตากอนส่งไปให้ นับเป็นการปรับนโยบายครั้งสำคัญที่มุ่งช่วยเหลือให้เคียฟมีศักยภาพเพียงพอที่จะต่อต้านการบุกของรัสเซีย
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000108290
    ..............
    Sondhi X
    รัฐบาลประธานาธิบดี โจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ เตรียมจัดส่งขีปนาวุธสกัดกั้นกว่า 500 ลูกให้กับยูเครนภายในอีกไม่กี่สัปดาห์นับจากนี้ ซึ่งดูเหมือนจะเป็นการรีบเร่งส่งความช่วยเหลือให้ถึงมือเคียฟ ก่อนที่ โดนัลด์ ทรัมป์ จะกลับเข้าครองทำเนียบขาวในปีหน้า . หนังสือพิมพ์วอลล์สตรีทเจอร์นัล (WSJ) รายงานเมื่อวันเสาร์ (9 พ.ย.) โดยอ้างแหล่งข่าวเจ้าหน้าที่กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ที่ระบุว่า ก่อนหน้าที่ ทรัมป์ จะเอาชนะ กมลา แฮร์ริส ในศึกเลือกตั้งเมื่อวันที่ 5 พ.ย. รัฐบาล ไบเดน ได้ตั้งกรอบเวลาจัดส่งความช่วยเหลือที่อนุมัติแก่ยูเครนให้แล้วเสร็จภายในเดือน เม.ย. ปี 2025 . การจัดส่งขีปนาวุธสกัดกั้นสำหรับใช้งานร่วมกับระบบแพทริออต (Patriot) และระบบขีปนาวุธยิงจากพื้นดินสู่อากาศขั้นสูงแห่งชาติหรือ NASAMS จะต้องให้เพียงพอต่อความจำเป็นในการป้องกันตนเองของยูเครนจนถึงสิ้นปีนี้ ตามข้อมูลจาก WSJ . ด้านสำนักงานของประธานาธิบดี โวโลดิมีร์ เซเลนสกี กระทรวงกลาโหมยูเครน และกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ยังไม่ออกมาตอบข้อซักถามของผู้สื่อข่าวรอยเตอร์ . เซเลนสกี เรียกร้องมานานหลายเดือนให้ชาติตะวันตกเพิ่มการจัดส่งอาวุธ และยังขอให้กลุ่มชาติในองค์การสนธิสัญญาแตแลนติกเหนือ (นาโต) ช่วยเปิดทางให้เคียฟเอาอาวุธพิสัยไกลที่ได้จากตะวันตกไปใช้ยิงโจมตีเป้าหมายที่อยู่ลึกเข้าไปในดินแดนรัสเซีย . สงครามยูเครนที่ลากยาวมานานกว่า 2 ปีครึ่งกลายเป็นชนวนการเผชิญหน้าครั้งใหญ่ที่สุดระหว่างรัสเซียกับชาติตะวันตกในยุคหลังสงครามเย็น ซึ่งเจ้าหน้าที่รัสเซียเองก็ยอมรับว่า สงครามกำลังก้าวเข้าสู่ "เฟสที่อันตรายที่สุด" . วันศุกร์ที่แล้ว (8) รัฐบาล ไบเดน ประกาศจะอนุญาตให้บริษัทคู่สัญญากลาโหมของสหรัฐฯ เข้าไปทำงานในยูเครน เพื่อซ่อมบำรุงระบบอาวุธที่เพนตากอนส่งไปให้ นับเป็นการปรับนโยบายครั้งสำคัญที่มุ่งช่วยเหลือให้เคียฟมีศักยภาพเพียงพอที่จะต่อต้านการบุกของรัสเซีย . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000108290 .............. Sondhi X
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 703 มุมมอง 0 รีวิว
  • โดนัลด์ ทรัมป์ กำชัยชนะเหนือ กมลา แฮร์ริส อย่างง่ายดายและเด็ดขาดเกินคาดหมายในวันพุธ (6 พ.ย.) หลังกวาดคะแนนจากรัฐสมรภูมิสำคัญ และได้กลับสู่ทำเนียบขาวสมัยที่สองที่มีแนวโน้มสร้างแรงกระเพื่อมทั่วโลก นอกจากนั้น พรรครีพับลิกันของเขายังสามารถชิงอำนาจการควบคุมวุฒิสภาจากเดโมแครตได้สำเร็จ
    .
    ถึงแม้ผลสำรวจจากหลายสำนักก่อนหน้าการเลือกตั้งซึ่งจัดขึ้นในวันอังคาร (5) ต่างระบุว่า การแข่งขันครั้งนี้จะคู่คี่สูสีกันมากและอาจต้องรอนานหลายวันกว่าจะรู้ผล แต่กลายเป็นว่า พวกสื่อยักษ์ใหญ่สหรัฐฯ สามารถประกาศอย่างเป็นเสียงเอกฉันท์ชนิดไม่มีเจ้าไหนแตกแถวตั้งแต่ในวันพุธ (6) ว่า โดนัลด์ ทรัมป์ วัย 78 ปี เป็นผู้ชนะ หลังจากอดีตประธานาธิบดีจากพรรครีพับลิกันผู้นี้สามารถกวาดคะแนนจากคณะผู้เลือกตั้ง (electoral vote) เกิน 270 คะแนนซึ่งเป็นเกณฑ์สำหรับผู้ชนะ และได้เป็นว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนที่ 47
    .
    วิสคอนซิน ซึ่งเป็น 1 ใน 7 รัฐสมรภูมิที่ผู้ออกเสียงไม่ได้แสดงความนิยมในผู้สมัครคนไหนหรือพรรคใหญ่พรรคใดอย่างชัดเจน จึงถูกมองว่าจะเป็นตัวชี้ขาดผู้มีชัยในการเลือกตั้งคราวนี้ ได้กลายเป็นรัฐตัดสินไปจริงๆ โดยหลังจากฟ็อกซ์นิวส์ เป็นสื่อยักษ์ใหญ่เจ้าแรกที่คาดการณ์ว่าทรัมป์ชนะในรัฐนี้ แล้วจึงประกาศว่าเขาได้เสียงคณะผู้เลือกตั้งเกิน 270 เสียงและเป็นผู้ชนะได้เป็นประธานาธิบดีคนต่อไปแล้ว ถัดจากนั้นอีกหลายชั่วโมงต่อมา สื่อยักษ์ใหญ่อื่นๆ ได้แก่ เอบีซี ซีบีเอส เอ็นบีซี ซีเอ็นเอ็น เอพี ก็เดินมาในรอยทางเดียวกัน กล่าวคือ ทยอยประกาศคาดการณ์ว่าทรัมป์ได้วิสคอนซินซึ่งมีคะแนนคณะผู้เลือกตั้ง 10 เสียงไป และทำให้เป็นผู้ชนะโดยรวม ถึงแม้ในทางเป็นจริงแล้วยังมีอีกหลายรัฐที่นับคะแนนยังไม่ทันเสร็จสิ้นก็ตามที
    .
    ไม่เพียงชนะด้วยเสียงคณะผู้เลือกตั้ง ในครั้งนี้ทรัมป์ยังได้คะแนนป็อปปูลาร์โหวต หรือเสียงโหวตจากผู้ออกเสียงทั่วประเทศ นำหน้าแฮร์ริสถึงประมาณ 5 ล้านคะแนน แตกต่างจากตอนที่เขาชนะเลือกตั้งได้เป็นประธานาธิบดีสมัยแรกในปี 2016 ซึ่งเขามีชัยด้านเสียงคณะผู้เลือกตั้ง แต่แพ้ป็อปปูลาร์โหวตให้แก่คู่แข่งคือ ฮิลลารี คลินตัน เกือบ 3 ล้านคะแนน
    .
    นอกจากนั้นแล้ว พรรครีพับลิกันของทรัมป์ ยังเข้ายึดวุฒิสภามาจากเดโมแครตได้สำเร็จ โดยชิงที่นั่งซึ่งเดิมเป็นของเดโมแครตมาได้ 2 ที่นั่ง ทำให้พวกเขาเวลานี้เป็นฝ่ายที่มีเสียงเกินกึ่งหนึ่ง ขณะที่ในสภาผู้แทนราษฎรที่ชุดที่แล้วรีพับลิกันครองเสียงข้างมากเกินครึ่งเพียงเล็กน้อยนั้น ยังไม่มีพรรคใดทำท่าชนะอย่างแน่นอนชัดเจน และต้องรอผลการนับคะแนนอย่างละเอียดถี่ถ้วนกว่านี้
    .
    แฮร์ริสที่ถูกเปลี่ยนตัวเข้าแทนที่ โจ ไบเดน และมีเวลาในการรณรงค์หาเสียงเพียง 15 สัปดาห์เท่านั้น ทำไม่สำเร็จในการระดมเสียงสนับสนุนให้มากพอเพื่อยับยั้งทรัมป์ โดยเฉพาะในการคลายความกังวลของผู้มีสิทธิเลือกตั้งเกี่ยวกับปัญหาเศรษฐกิจ ซึ่งที่สำคัญที่สุดคือภาวะเงินเฟ้อ และปัญหาผู้อพยพ มิหนำซ้ำผู้ออกเสียงส่วนใหญ่ยังไม่สนใจคำเตือนของแคนดิเดตจากพรรคเดโมแครตผู้นี้ที่ว่า ทรัมป์ต้องการอำนาจแบบไม่มีการตรวจสอบและเป็นตัวอันตรายสำหรับประชาธิปไตย ทำให้ประเด็นหลักในการหาเสียงของแฮร์ริสคือ การสร้างความเป็นเอกภาพและสนับสนุนสิทธิในการทำแท้ง สุดท้ายยังไม่เพียงพอให้เธอสามารถสร้างประวัติศาสตร์ในการเป็นประธานาธิบดีหญิงคนแรกของสหรัฐฯ อีกทั้งเป็นหญิงผิวดำและเชื้อสายเอเชียใต้คนแรกด้วย
    .
    จากโพลสำเร็จของรอยเตอร์/อิปซอสส์ บ่งชี้ว่าพวกผู้มีสิทธิเลือกตั้งมองว่า เรื่องงานและเศรษฐกิจเป็นปัญหาใหญ่ที่สุดของอเมริกา โดยคนอเมริกันจำนวนมากไม่พอใจปัญหาเงินเฟ้อที่เกิดขึ้น ถึงแม้ภาวะเศรษฐกิจด้านอื่นๆ อยู่ในอาการที่ดี ไม่ว่าจะเป็นราคาหุ้นพุ่งทำสถิติ ค่าแรงเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และอัตราว่างงานต่ำ ทั้งนี้นอกจากคนเหล่านั้นมองว่า เรื่องเงินเฟ้อเป็นความผิดของคณะบริหารของประธานาธิบดีโจ ไบเดน จากพรรคเดโมแครตแล้ว พวกเขาส่วนใหญ่ยังบอกว่า ไว้ใจทรัมป์มากกว่าแฮร์ริสในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ
    .
    กลุ่มฮิสปานิกหรือกลุ่มคนพูดภาษาสเปน ที่เดิมทีเป็นฐานเสียงของเดโมแครต รวมทั้งครัวเรือนที่มีรายได้ต่ำที่ได้รับผลกระทบจากเงินเฟ้อรุนแรงที่สุด กลายเป็นตัวช่วยส่งให้ทรัมป์ได้รับชัยชนะในครั้งนี้ นอกเหนือจากฐานเสียงที่จงรักภักดีเหนียวแน่นกับพวกเขาซึ่งได้แก่กลุ่มคนผิวขาวที่เรียนไม่ถึงระดับมหาวิทยาลัย
    .
    ชัยชนะครั้งนี้เกิดขึ้นมา ถึงแม้ว่า ทรัมป์มีคะแนนนิยมต่ำต่อเนื่อง เคยผ่านกระบวนการถูกพิจารณาถอดถอนถึง 2 ครั้ง ถูกอดีตหัวหน้าคณะทำงานในทำเนียบขาวของตนเองระบุว่าเป็น “ฟาสซิสต์” ถูกฟ้องร้องคดีอาญา 4 คดี และถูกตัดสินว่าผิดในคดีแพ่งจากการล่วงละเมิดทางเพศและการหมิ่นประมาท ในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาเขาถูกคณะลูกขุนในนิวยอร์กตัดสินว่า กระทำผิดในการปลอมแปลงข้อมูลธุรกิจเพื่อปกปิดการจ่ายเงินปิดปากดาราหนังปลุกใจเสือป่า
    .
    ด้วยวัย 78 ปี ทรัมป์กำลังจะสร้างสถิติใหม่ในการเป็นประธานาธิบดีที่อายุมากที่สุด
    .
    ชัยชนะของทรัมป์ยังมีนัยสำคัญต่อนโยบายการค้า ผู้อพยพ และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของอเมริกา และสงครามในยูเครน
    .
    นักเศรษฐศาสตร์ชี้ว่า ข้อเสนอขึ้นภาษีศุลกากรอย่างแรงของทรัมป์มีแนวโน้มจุดชนวนสงครามการค้ารุนแรงขึ้นกับจีน ตลอดจนกับพวกประเทศพันธมิตรของอเมริกา นอกจากนั้นเขายังให้สัญญาเนรเทศผู้อพยพผิดกฎหมายครั้งใหญ่
    .
    ท่ามกลางเสียงโห่ร้องแสดงความยินดีของผู้สนับสนุนที่ไปรวมตัวติดตามดูการนับคะแนนอยู่ที่รัฐฟลอริดา ทรัมป์ขึ้นเวทีพร้อมเมลาเนีย ภรรยา และลูกๆ และประกาศว่า นี่คือชัยชนะอันงดงามสำหรับคนอเมริกัน ซึ่งจะเปิดโอกาสให้ตนทำให้อเมริกากลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง
    .
    เขายังกล่าวถึงการรอดชีวิตจากความพยายามลอบสังหารสองครั้งระหว่างช่วงหาเสียงว่า หลายคนบอกว่าพระเจ้าปกป้องเขา
    .
    นอกจากครอบครัวทรัมป์ วุฒิสมาชิก เจดี. แวนซ์ คู่หูในตำแหน่งรองประธานาธิบดี และบรรดาผู้นำพรรครีพับลิกันแล้ว งานนี้ยังมี อีลอน มัสก์ นักธุรกิจและมหาเศรษฐีเบอร์หนึ่งของโลกที่อัดฉีดแคมเปญหาเสียงของทรัมป์ราว 120 ล้านดอลลาร์ เข้าร่วมฉลองด้วย โดยทรัมป์ยกย่องนายใหญ่เอ็กซ์และเทสลาผู้นี้เป็น “ดาวดวงใหม่” และก่อนหน้านี้ยังประกาศว่า จะแต่งตั้งมัสก์เป็นประธานคณะกรรมาธิการตรวจสอบประสิทธิภาพของรัฐบาล
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000107148
    ..............
    Sondhi X
    โดนัลด์ ทรัมป์ กำชัยชนะเหนือ กมลา แฮร์ริส อย่างง่ายดายและเด็ดขาดเกินคาดหมายในวันพุธ (6 พ.ย.) หลังกวาดคะแนนจากรัฐสมรภูมิสำคัญ และได้กลับสู่ทำเนียบขาวสมัยที่สองที่มีแนวโน้มสร้างแรงกระเพื่อมทั่วโลก นอกจากนั้น พรรครีพับลิกันของเขายังสามารถชิงอำนาจการควบคุมวุฒิสภาจากเดโมแครตได้สำเร็จ . ถึงแม้ผลสำรวจจากหลายสำนักก่อนหน้าการเลือกตั้งซึ่งจัดขึ้นในวันอังคาร (5) ต่างระบุว่า การแข่งขันครั้งนี้จะคู่คี่สูสีกันมากและอาจต้องรอนานหลายวันกว่าจะรู้ผล แต่กลายเป็นว่า พวกสื่อยักษ์ใหญ่สหรัฐฯ สามารถประกาศอย่างเป็นเสียงเอกฉันท์ชนิดไม่มีเจ้าไหนแตกแถวตั้งแต่ในวันพุธ (6) ว่า โดนัลด์ ทรัมป์ วัย 78 ปี เป็นผู้ชนะ หลังจากอดีตประธานาธิบดีจากพรรครีพับลิกันผู้นี้สามารถกวาดคะแนนจากคณะผู้เลือกตั้ง (electoral vote) เกิน 270 คะแนนซึ่งเป็นเกณฑ์สำหรับผู้ชนะ และได้เป็นว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนที่ 47 . วิสคอนซิน ซึ่งเป็น 1 ใน 7 รัฐสมรภูมิที่ผู้ออกเสียงไม่ได้แสดงความนิยมในผู้สมัครคนไหนหรือพรรคใหญ่พรรคใดอย่างชัดเจน จึงถูกมองว่าจะเป็นตัวชี้ขาดผู้มีชัยในการเลือกตั้งคราวนี้ ได้กลายเป็นรัฐตัดสินไปจริงๆ โดยหลังจากฟ็อกซ์นิวส์ เป็นสื่อยักษ์ใหญ่เจ้าแรกที่คาดการณ์ว่าทรัมป์ชนะในรัฐนี้ แล้วจึงประกาศว่าเขาได้เสียงคณะผู้เลือกตั้งเกิน 270 เสียงและเป็นผู้ชนะได้เป็นประธานาธิบดีคนต่อไปแล้ว ถัดจากนั้นอีกหลายชั่วโมงต่อมา สื่อยักษ์ใหญ่อื่นๆ ได้แก่ เอบีซี ซีบีเอส เอ็นบีซี ซีเอ็นเอ็น เอพี ก็เดินมาในรอยทางเดียวกัน กล่าวคือ ทยอยประกาศคาดการณ์ว่าทรัมป์ได้วิสคอนซินซึ่งมีคะแนนคณะผู้เลือกตั้ง 10 เสียงไป และทำให้เป็นผู้ชนะโดยรวม ถึงแม้ในทางเป็นจริงแล้วยังมีอีกหลายรัฐที่นับคะแนนยังไม่ทันเสร็จสิ้นก็ตามที . ไม่เพียงชนะด้วยเสียงคณะผู้เลือกตั้ง ในครั้งนี้ทรัมป์ยังได้คะแนนป็อปปูลาร์โหวต หรือเสียงโหวตจากผู้ออกเสียงทั่วประเทศ นำหน้าแฮร์ริสถึงประมาณ 5 ล้านคะแนน แตกต่างจากตอนที่เขาชนะเลือกตั้งได้เป็นประธานาธิบดีสมัยแรกในปี 2016 ซึ่งเขามีชัยด้านเสียงคณะผู้เลือกตั้ง แต่แพ้ป็อปปูลาร์โหวตให้แก่คู่แข่งคือ ฮิลลารี คลินตัน เกือบ 3 ล้านคะแนน . นอกจากนั้นแล้ว พรรครีพับลิกันของทรัมป์ ยังเข้ายึดวุฒิสภามาจากเดโมแครตได้สำเร็จ โดยชิงที่นั่งซึ่งเดิมเป็นของเดโมแครตมาได้ 2 ที่นั่ง ทำให้พวกเขาเวลานี้เป็นฝ่ายที่มีเสียงเกินกึ่งหนึ่ง ขณะที่ในสภาผู้แทนราษฎรที่ชุดที่แล้วรีพับลิกันครองเสียงข้างมากเกินครึ่งเพียงเล็กน้อยนั้น ยังไม่มีพรรคใดทำท่าชนะอย่างแน่นอนชัดเจน และต้องรอผลการนับคะแนนอย่างละเอียดถี่ถ้วนกว่านี้ . แฮร์ริสที่ถูกเปลี่ยนตัวเข้าแทนที่ โจ ไบเดน และมีเวลาในการรณรงค์หาเสียงเพียง 15 สัปดาห์เท่านั้น ทำไม่สำเร็จในการระดมเสียงสนับสนุนให้มากพอเพื่อยับยั้งทรัมป์ โดยเฉพาะในการคลายความกังวลของผู้มีสิทธิเลือกตั้งเกี่ยวกับปัญหาเศรษฐกิจ ซึ่งที่สำคัญที่สุดคือภาวะเงินเฟ้อ และปัญหาผู้อพยพ มิหนำซ้ำผู้ออกเสียงส่วนใหญ่ยังไม่สนใจคำเตือนของแคนดิเดตจากพรรคเดโมแครตผู้นี้ที่ว่า ทรัมป์ต้องการอำนาจแบบไม่มีการตรวจสอบและเป็นตัวอันตรายสำหรับประชาธิปไตย ทำให้ประเด็นหลักในการหาเสียงของแฮร์ริสคือ การสร้างความเป็นเอกภาพและสนับสนุนสิทธิในการทำแท้ง สุดท้ายยังไม่เพียงพอให้เธอสามารถสร้างประวัติศาสตร์ในการเป็นประธานาธิบดีหญิงคนแรกของสหรัฐฯ อีกทั้งเป็นหญิงผิวดำและเชื้อสายเอเชียใต้คนแรกด้วย . จากโพลสำเร็จของรอยเตอร์/อิปซอสส์ บ่งชี้ว่าพวกผู้มีสิทธิเลือกตั้งมองว่า เรื่องงานและเศรษฐกิจเป็นปัญหาใหญ่ที่สุดของอเมริกา โดยคนอเมริกันจำนวนมากไม่พอใจปัญหาเงินเฟ้อที่เกิดขึ้น ถึงแม้ภาวะเศรษฐกิจด้านอื่นๆ อยู่ในอาการที่ดี ไม่ว่าจะเป็นราคาหุ้นพุ่งทำสถิติ ค่าแรงเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และอัตราว่างงานต่ำ ทั้งนี้นอกจากคนเหล่านั้นมองว่า เรื่องเงินเฟ้อเป็นความผิดของคณะบริหารของประธานาธิบดีโจ ไบเดน จากพรรคเดโมแครตแล้ว พวกเขาส่วนใหญ่ยังบอกว่า ไว้ใจทรัมป์มากกว่าแฮร์ริสในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ . กลุ่มฮิสปานิกหรือกลุ่มคนพูดภาษาสเปน ที่เดิมทีเป็นฐานเสียงของเดโมแครต รวมทั้งครัวเรือนที่มีรายได้ต่ำที่ได้รับผลกระทบจากเงินเฟ้อรุนแรงที่สุด กลายเป็นตัวช่วยส่งให้ทรัมป์ได้รับชัยชนะในครั้งนี้ นอกเหนือจากฐานเสียงที่จงรักภักดีเหนียวแน่นกับพวกเขาซึ่งได้แก่กลุ่มคนผิวขาวที่เรียนไม่ถึงระดับมหาวิทยาลัย . ชัยชนะครั้งนี้เกิดขึ้นมา ถึงแม้ว่า ทรัมป์มีคะแนนนิยมต่ำต่อเนื่อง เคยผ่านกระบวนการถูกพิจารณาถอดถอนถึง 2 ครั้ง ถูกอดีตหัวหน้าคณะทำงานในทำเนียบขาวของตนเองระบุว่าเป็น “ฟาสซิสต์” ถูกฟ้องร้องคดีอาญา 4 คดี และถูกตัดสินว่าผิดในคดีแพ่งจากการล่วงละเมิดทางเพศและการหมิ่นประมาท ในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาเขาถูกคณะลูกขุนในนิวยอร์กตัดสินว่า กระทำผิดในการปลอมแปลงข้อมูลธุรกิจเพื่อปกปิดการจ่ายเงินปิดปากดาราหนังปลุกใจเสือป่า . ด้วยวัย 78 ปี ทรัมป์กำลังจะสร้างสถิติใหม่ในการเป็นประธานาธิบดีที่อายุมากที่สุด . ชัยชนะของทรัมป์ยังมีนัยสำคัญต่อนโยบายการค้า ผู้อพยพ และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของอเมริกา และสงครามในยูเครน . นักเศรษฐศาสตร์ชี้ว่า ข้อเสนอขึ้นภาษีศุลกากรอย่างแรงของทรัมป์มีแนวโน้มจุดชนวนสงครามการค้ารุนแรงขึ้นกับจีน ตลอดจนกับพวกประเทศพันธมิตรของอเมริกา นอกจากนั้นเขายังให้สัญญาเนรเทศผู้อพยพผิดกฎหมายครั้งใหญ่ . ท่ามกลางเสียงโห่ร้องแสดงความยินดีของผู้สนับสนุนที่ไปรวมตัวติดตามดูการนับคะแนนอยู่ที่รัฐฟลอริดา ทรัมป์ขึ้นเวทีพร้อมเมลาเนีย ภรรยา และลูกๆ และประกาศว่า นี่คือชัยชนะอันงดงามสำหรับคนอเมริกัน ซึ่งจะเปิดโอกาสให้ตนทำให้อเมริกากลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง . เขายังกล่าวถึงการรอดชีวิตจากความพยายามลอบสังหารสองครั้งระหว่างช่วงหาเสียงว่า หลายคนบอกว่าพระเจ้าปกป้องเขา . นอกจากครอบครัวทรัมป์ วุฒิสมาชิก เจดี. แวนซ์ คู่หูในตำแหน่งรองประธานาธิบดี และบรรดาผู้นำพรรครีพับลิกันแล้ว งานนี้ยังมี อีลอน มัสก์ นักธุรกิจและมหาเศรษฐีเบอร์หนึ่งของโลกที่อัดฉีดแคมเปญหาเสียงของทรัมป์ราว 120 ล้านดอลลาร์ เข้าร่วมฉลองด้วย โดยทรัมป์ยกย่องนายใหญ่เอ็กซ์และเทสลาผู้นี้เป็น “ดาวดวงใหม่” และก่อนหน้านี้ยังประกาศว่า จะแต่งตั้งมัสก์เป็นประธานคณะกรรมาธิการตรวจสอบประสิทธิภาพของรัฐบาล . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000107148 .............. Sondhi X
    Like
    6
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1413 มุมมอง 0 รีวิว
  • ประธานาธิบดี ไมอา ซานดู หญิงแกร่งสามารถชนะเลือกรอบ 2 ตั้งประธานาธิบดีมอลโดวาวันอาทิตย์ (3 พ.ย.) ฝ่ามรสุมมอสโกแทรกแซงเลือกตั้ง ชนะไป 54.35% มีชัยเหนือคู่แข่ง อเล็กซานเดอร์ สตอยอาโนโกล (Alexandr Stoianoglo) จากพรรคโซเชียลลิสต์โปรรัสเซีย ผู้นำตะวันตกสุดดีใจแห่ร่วมแสดงความยินดีปูหนทางเข้าสู่ EU
    .
    รอยเตอร์รายงานวันนี้ (4 พ.ย.) ว่า หลังนับไปแล้ว 98% พบว่าอดีตที่ปรึกษาเวิลด์แบงก์ ประธานาธิบดีหญิง ไมอา ซานดู (Maia Sandu) ได้คะแนน 54.35% คณะกรรมการการเลือกตั้มอลโดวาประกาศ
    .
    เป็นการเลือกตั้งครั้งสำคัญที่จะนำมอลโดวาไปสู่การเข้าสู่สหภาพยุโรปได้หรือไม่ ท่ามกลางขวากหนามอย่างรัสเซียที่ถูกกล่าวหาว่ายื่นมาเข้ามาแทรกแซงกิจการภายในป่วนเลือกตั้ง
    .
    รัฐมนตรีต่างประเทศเยอรมนี อันนาเลนา แบร์บ็อค (Annalena Baerbock) ตามรายงานวันจันทร์ (4) ของเดอะการ์เดียน อังกฤษ ได้กล่าวประณามมอสโกพยายามขัดขวางผู้มีสิทธิเลือกตั้งมอลโดวาในต่างแดนออกเสียงเลือกตั้ง ได้แก่ การซื้อเสียง ควบคุม ขู่วางระเบิดคูหาเลือกตั้งหลายแห่งในเยอรมนี รวม แฟรงก์เฟิร์ต ฮัมบูร์ก และกรุงเบอร์ลิน
    .
    อย่างไรก็ตาม รัสเซียที่ออกมาประณามผลเลือกตั้งมอลโดวานี รอยเตอร์ชี้ว่า วุฒิสมาชิกรัสเซียใกล้ชิดปูติน อันเดร คลีชาส (Andrei Klishas) ออกมาโจมตีวันจันทร์ (4) เลียนวาทะทรัมป์อ้างว่า มอลโดวา “นำเข้าเสียงเลือกตั้งต่างแดน” เพื่อช่วยให้ประธานาธิบดีโปรตะวันตก ไมอา ซานดู ชนะคู่แข่ง
    .
    ตำรวจมอลโดวาแถลงในเดือนที่ผ่านมาว่า นักธุรกิจมอลโดวาที่หลบหนีคดีโปรรัสเซีย อีลาน ชอร์ (Ilan Shor) แอบเป็นท่อน้ำเลี้ยงส่งเงิน 24 ล้านดอลลาร์เมื่อตุลาคมจ่ายให้ผู้มีสิทธิออกเสียงมอลโดวาในการเลือกตั้งประธานาธิบดีมอลโดวา และการลงประชามติครั้งสำคัญเข้าร่วมสหภาพยุโรป
    .
    รอยเตอร์ชี้ว่า ชัยชนะของประธานาธิบดีไมดูที่พยายามอย่างหนักในการผลักดันให้มอลโดวาหลุดออกจากวงโคจรรัสเซียและเข้าร่วมสหภาพยุโรปถูกมองจากบรรดาผู้สนับสนุนว่า การชนะเลือกตั้งเป็นเสมือนประชามติในการนำมอลโดวาอดีตเคยอยู่ภายใต้อดีตสหภาพโซเวียตเข้าสู่ EU
    .
    การเลือกตั้งครั้งนี้ถูกจับตาใกล้ชิดในบรัสเซลส์ 1 สัปดาห์หลังพรรคโปรเครมลิน พรรคความฝันจอร์เจีย GD (Georgian Dream) ชนะเลือกตั้งและทำให้วิตกกันว่า รัฐบาลจอร์เจียชุดใหม่จะยุติกระบวนการพาประเทศยูเรเชียแห่งนี้เดินหน้าเข้าสหภาพยุโรป
    .
    รอยเตอร์รายงานว่า สตอยอาโนโกล ในระหว่างหาเสียงประกาศว่า เขาสนับสนุนการเข้าสู่ EU แต่เขาต้องการพัฒนาความสัมพันธ์กับรัสเซียเช่นกัน แต่ซานดูชี้ว่า เขาเป็นเสมือนม้าไม้เมืองทรอยทำเพื่อผลประโยชน์ประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน แต่ สตอยอาโนโกล ปฏิเสธ
    .
    มอลโดวากลายเป็นจุดสนใจหลังรัสเซียส่งกำลังทหารบุกยูเครนเมื่อปี 2022
    .
    บรรดาผู้นำตะวันตกทั้งสหรัฐฯ อังกฤษ สหภาพยุโรป และยูเครนต่างร่วมแสดงความยินดีต่อประธานาธิบดีซานดู
    .
    รอยเตอร์รายงานว่า ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โจ ไบเดน แถลงการณ์แสดงความยินดีได้ชี้ว่า รัสเซียล้มเหลวในการแทรกแซงการเลือกตั้งมอลโดวา
    .
    ขณะที่รัฐมนตรีต่างประเทศอังกฤษ เดวิด แลมมี (David Lammy) แถลงแสดงความยินดี พร้อมชี้ว่า อังกฤษยังคงเดินหน้าสนับสนุนการปฏิรูปทางประชาธิปไตยมอลโดวาหลังเสร็จสิ้นการเลือกตั้งประธานาธิบดี
    .
    หัวหน้านโยบายสหภาพยุโรป โจเซฟ บอร์เรลล์ แสดงความยินดีอย่างอบอุ่นต่อความสำเร็จประธานาธิบดี ไมอา ซานดู ที่สามารถชนะเลือกตั้งเป็นสมัยที่ 2 ได้สำเร็จ
    .
    และประธานาธิบดียูเครน โวโลดิมีร์ เซเลนสกี แสดงความยินและพร้อมกันนั้นยังประกาศความยึดมั่นต่อข้อผูกพันของยูเครนในการทำงานร่วมกันต่อเป้าหมายร่วมเพื่อเข้าสู่ความเป็นสมาชิกสหภาพยุโรปให้สำเร็จ
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000106362
    ..............
    Sondhi X
    ประธานาธิบดี ไมอา ซานดู หญิงแกร่งสามารถชนะเลือกรอบ 2 ตั้งประธานาธิบดีมอลโดวาวันอาทิตย์ (3 พ.ย.) ฝ่ามรสุมมอสโกแทรกแซงเลือกตั้ง ชนะไป 54.35% มีชัยเหนือคู่แข่ง อเล็กซานเดอร์ สตอยอาโนโกล (Alexandr Stoianoglo) จากพรรคโซเชียลลิสต์โปรรัสเซีย ผู้นำตะวันตกสุดดีใจแห่ร่วมแสดงความยินดีปูหนทางเข้าสู่ EU . รอยเตอร์รายงานวันนี้ (4 พ.ย.) ว่า หลังนับไปแล้ว 98% พบว่าอดีตที่ปรึกษาเวิลด์แบงก์ ประธานาธิบดีหญิง ไมอา ซานดู (Maia Sandu) ได้คะแนน 54.35% คณะกรรมการการเลือกตั้มอลโดวาประกาศ . เป็นการเลือกตั้งครั้งสำคัญที่จะนำมอลโดวาไปสู่การเข้าสู่สหภาพยุโรปได้หรือไม่ ท่ามกลางขวากหนามอย่างรัสเซียที่ถูกกล่าวหาว่ายื่นมาเข้ามาแทรกแซงกิจการภายในป่วนเลือกตั้ง . รัฐมนตรีต่างประเทศเยอรมนี อันนาเลนา แบร์บ็อค (Annalena Baerbock) ตามรายงานวันจันทร์ (4) ของเดอะการ์เดียน อังกฤษ ได้กล่าวประณามมอสโกพยายามขัดขวางผู้มีสิทธิเลือกตั้งมอลโดวาในต่างแดนออกเสียงเลือกตั้ง ได้แก่ การซื้อเสียง ควบคุม ขู่วางระเบิดคูหาเลือกตั้งหลายแห่งในเยอรมนี รวม แฟรงก์เฟิร์ต ฮัมบูร์ก และกรุงเบอร์ลิน . อย่างไรก็ตาม รัสเซียที่ออกมาประณามผลเลือกตั้งมอลโดวานี รอยเตอร์ชี้ว่า วุฒิสมาชิกรัสเซียใกล้ชิดปูติน อันเดร คลีชาส (Andrei Klishas) ออกมาโจมตีวันจันทร์ (4) เลียนวาทะทรัมป์อ้างว่า มอลโดวา “นำเข้าเสียงเลือกตั้งต่างแดน” เพื่อช่วยให้ประธานาธิบดีโปรตะวันตก ไมอา ซานดู ชนะคู่แข่ง . ตำรวจมอลโดวาแถลงในเดือนที่ผ่านมาว่า นักธุรกิจมอลโดวาที่หลบหนีคดีโปรรัสเซีย อีลาน ชอร์ (Ilan Shor) แอบเป็นท่อน้ำเลี้ยงส่งเงิน 24 ล้านดอลลาร์เมื่อตุลาคมจ่ายให้ผู้มีสิทธิออกเสียงมอลโดวาในการเลือกตั้งประธานาธิบดีมอลโดวา และการลงประชามติครั้งสำคัญเข้าร่วมสหภาพยุโรป . รอยเตอร์ชี้ว่า ชัยชนะของประธานาธิบดีไมดูที่พยายามอย่างหนักในการผลักดันให้มอลโดวาหลุดออกจากวงโคจรรัสเซียและเข้าร่วมสหภาพยุโรปถูกมองจากบรรดาผู้สนับสนุนว่า การชนะเลือกตั้งเป็นเสมือนประชามติในการนำมอลโดวาอดีตเคยอยู่ภายใต้อดีตสหภาพโซเวียตเข้าสู่ EU . การเลือกตั้งครั้งนี้ถูกจับตาใกล้ชิดในบรัสเซลส์ 1 สัปดาห์หลังพรรคโปรเครมลิน พรรคความฝันจอร์เจีย GD (Georgian Dream) ชนะเลือกตั้งและทำให้วิตกกันว่า รัฐบาลจอร์เจียชุดใหม่จะยุติกระบวนการพาประเทศยูเรเชียแห่งนี้เดินหน้าเข้าสหภาพยุโรป . รอยเตอร์รายงานว่า สตอยอาโนโกล ในระหว่างหาเสียงประกาศว่า เขาสนับสนุนการเข้าสู่ EU แต่เขาต้องการพัฒนาความสัมพันธ์กับรัสเซียเช่นกัน แต่ซานดูชี้ว่า เขาเป็นเสมือนม้าไม้เมืองทรอยทำเพื่อผลประโยชน์ประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน แต่ สตอยอาโนโกล ปฏิเสธ . มอลโดวากลายเป็นจุดสนใจหลังรัสเซียส่งกำลังทหารบุกยูเครนเมื่อปี 2022 . บรรดาผู้นำตะวันตกทั้งสหรัฐฯ อังกฤษ สหภาพยุโรป และยูเครนต่างร่วมแสดงความยินดีต่อประธานาธิบดีซานดู . รอยเตอร์รายงานว่า ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โจ ไบเดน แถลงการณ์แสดงความยินดีได้ชี้ว่า รัสเซียล้มเหลวในการแทรกแซงการเลือกตั้งมอลโดวา . ขณะที่รัฐมนตรีต่างประเทศอังกฤษ เดวิด แลมมี (David Lammy) แถลงแสดงความยินดี พร้อมชี้ว่า อังกฤษยังคงเดินหน้าสนับสนุนการปฏิรูปทางประชาธิปไตยมอลโดวาหลังเสร็จสิ้นการเลือกตั้งประธานาธิบดี . หัวหน้านโยบายสหภาพยุโรป โจเซฟ บอร์เรลล์ แสดงความยินดีอย่างอบอุ่นต่อความสำเร็จประธานาธิบดี ไมอา ซานดู ที่สามารถชนะเลือกตั้งเป็นสมัยที่ 2 ได้สำเร็จ . และประธานาธิบดียูเครน โวโลดิมีร์ เซเลนสกี แสดงความยินและพร้อมกันนั้นยังประกาศความยึดมั่นต่อข้อผูกพันของยูเครนในการทำงานร่วมกันต่อเป้าหมายร่วมเพื่อเข้าสู่ความเป็นสมาชิกสหภาพยุโรปให้สำเร็จ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000106362 .............. Sondhi X
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1165 มุมมอง 0 รีวิว
  • 2 พฤศจิกายน 2567-รายงานข่าวรอยเตอร์ระบุว่า นายดมิทรี เมดเวเดฟ รองประธานสภาความมั่นคงแห่งชาติรัสเซีย ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีรัสเซียจากปี 2008 ถึง 2012 เตือนสหรัฐฯให้จริงจังกับคำเตือนนิวเคลียร์ของรัสเซีย เพื่อหลีกเลี่ยงสงครามโลกครั้งที่ 3

    เมดเวเดฟ ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งรองประธานสภาความมั่นคงแห่งชาติอันทรงอิทธิพลของรัสเซีย ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวอาร์ทีนิวส์ ว่าพวกเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐฯ ไม่ต้องการสงครามโลกครั้งที่ 3 และในเหตุผลบางอย่าง พวกเขาเชื่อว่า "รัสเซียจะไม่มีวันข้ามเส้นตายนั้น"

    อย่างไรก็ตาม "พวกเขาคิดผิด" เมดเวเดฟกล่าวกับอาร์ทีนิวส์ พร้อมระบุมอสโกเชื่อว่าสถาบันการเมืองทั้งในสหรัฐฯ และยุโรปในปัจจุบัน ขาดวิสัยทัศน์ที่ยาวไกลและความคิดที่ละเอียดละอ่อน ต่างจากนายเฮนรี คิสซิงเจอร์ อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ผู้ล่วงลับ

    ทั้งนี้ คิสซิงเจอร์ ซึ่งเสียชีวิตเมื่อช่วงปลายเดือนพฤศจิกายนปีก่อน เป็นคนดำเนินการเจรจาระหว่างสหรัฐฯ และสหภาพโซเวียตในทศวรรษปี 1970 ซึ่งนำไปสู่สนธิสัญญาควบคุมอาวุธนิวเคลียร์ครั้งสำคัญครั้งแรกระหว่างสองมหาอำนาจในช่วงสงครามเย็น

    "ถ้าเราพูดถึงการอยู่รอดของประเทศของเรา ก็ตามที่ประธานาธิบดีของเรากล่าวซ้ำๆ เราคงไม่มีทางเลือกอื่น" เมดเวเดฟระบุ

    สงครามในยูเครนที่ยืดเยื้อมานาน 2 ปีครึ่ง กำลังเข้าสู่สิ่งที่พวกเจ้าหน้าที่รัสเซียเรียกว่าขั้นอันตรายที่สุด ในขณะที่กองกำลังมอสโกกำลังรุกคืบทางภาคตะวันออกของยูเครน และตะวันตกกำลังขบคิดว่าจะค้ำยันประคับประคองเคียฟอย่างไร

    รัสเซียส่งสัญญาณไปยังตะวันตกมานานหลายสัปดาห์แล้วว่า มอสโกจะตอบโต้หากว่าสหรัฐฯ และพันธมิตรไฟเขียวให้ยูเครนใช้อาวุธพิสัยไกลของตะวันตกโจมตีลึกเข้าไปในดินแดนรัสเซีย ในขณะที่อีกด้านหนึ่ง ทางนาโตก็กล่าวหาว่าเกาหลีเหนือได้ส่งทหารไปยังทางตะวันตกของรัสเซีย ในความเป็นไปได้ว่าจะเข้าช่วยเหลือกองกำลังมอสโกสู้รบกับยูเครน

    พวกเจ้าหน้าที่รัสเซียกล่าวหาว่าบรรดาผู้นำตะวันตกเพิกเฉยต่อสัญญาณต่างๆ ของมอสโกที่ส่งไปถึง เกี่ยวกับประเด็นด้านความมั่นคงของยุโรปและสถานการณ์ที่ลุกลามบานปลายในยูเครน

    บรรดานักการทูตสหรัฐฯ บอกว่าแม้ความสัมพันธ์กับรัสเซียจะดำดิ่งเลวร้ายที่สุดนับตั้งแต่สงครามเย็น แต่วอชิงตันไม่ได้หาทางขยายสงครามในยูเครนให้ลุกลาม

    (ที่มา : รอยเตอร์)

    #Thaitimes
    2 พฤศจิกายน 2567-รายงานข่าวรอยเตอร์ระบุว่า นายดมิทรี เมดเวเดฟ รองประธานสภาความมั่นคงแห่งชาติรัสเซีย ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีรัสเซียจากปี 2008 ถึง 2012 เตือนสหรัฐฯให้จริงจังกับคำเตือนนิวเคลียร์ของรัสเซีย เพื่อหลีกเลี่ยงสงครามโลกครั้งที่ 3 เมดเวเดฟ ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งรองประธานสภาความมั่นคงแห่งชาติอันทรงอิทธิพลของรัสเซีย ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวอาร์ทีนิวส์ ว่าพวกเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐฯ ไม่ต้องการสงครามโลกครั้งที่ 3 และในเหตุผลบางอย่าง พวกเขาเชื่อว่า "รัสเซียจะไม่มีวันข้ามเส้นตายนั้น" อย่างไรก็ตาม "พวกเขาคิดผิด" เมดเวเดฟกล่าวกับอาร์ทีนิวส์ พร้อมระบุมอสโกเชื่อว่าสถาบันการเมืองทั้งในสหรัฐฯ และยุโรปในปัจจุบัน ขาดวิสัยทัศน์ที่ยาวไกลและความคิดที่ละเอียดละอ่อน ต่างจากนายเฮนรี คิสซิงเจอร์ อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ผู้ล่วงลับ ทั้งนี้ คิสซิงเจอร์ ซึ่งเสียชีวิตเมื่อช่วงปลายเดือนพฤศจิกายนปีก่อน เป็นคนดำเนินการเจรจาระหว่างสหรัฐฯ และสหภาพโซเวียตในทศวรรษปี 1970 ซึ่งนำไปสู่สนธิสัญญาควบคุมอาวุธนิวเคลียร์ครั้งสำคัญครั้งแรกระหว่างสองมหาอำนาจในช่วงสงครามเย็น "ถ้าเราพูดถึงการอยู่รอดของประเทศของเรา ก็ตามที่ประธานาธิบดีของเรากล่าวซ้ำๆ เราคงไม่มีทางเลือกอื่น" เมดเวเดฟระบุ สงครามในยูเครนที่ยืดเยื้อมานาน 2 ปีครึ่ง กำลังเข้าสู่สิ่งที่พวกเจ้าหน้าที่รัสเซียเรียกว่าขั้นอันตรายที่สุด ในขณะที่กองกำลังมอสโกกำลังรุกคืบทางภาคตะวันออกของยูเครน และตะวันตกกำลังขบคิดว่าจะค้ำยันประคับประคองเคียฟอย่างไร รัสเซียส่งสัญญาณไปยังตะวันตกมานานหลายสัปดาห์แล้วว่า มอสโกจะตอบโต้หากว่าสหรัฐฯ และพันธมิตรไฟเขียวให้ยูเครนใช้อาวุธพิสัยไกลของตะวันตกโจมตีลึกเข้าไปในดินแดนรัสเซีย ในขณะที่อีกด้านหนึ่ง ทางนาโตก็กล่าวหาว่าเกาหลีเหนือได้ส่งทหารไปยังทางตะวันตกของรัสเซีย ในความเป็นไปได้ว่าจะเข้าช่วยเหลือกองกำลังมอสโกสู้รบกับยูเครน พวกเจ้าหน้าที่รัสเซียกล่าวหาว่าบรรดาผู้นำตะวันตกเพิกเฉยต่อสัญญาณต่างๆ ของมอสโกที่ส่งไปถึง เกี่ยวกับประเด็นด้านความมั่นคงของยุโรปและสถานการณ์ที่ลุกลามบานปลายในยูเครน บรรดานักการทูตสหรัฐฯ บอกว่าแม้ความสัมพันธ์กับรัสเซียจะดำดิ่งเลวร้ายที่สุดนับตั้งแต่สงครามเย็น แต่วอชิงตันไม่ได้หาทางขยายสงครามในยูเครนให้ลุกลาม (ที่มา : รอยเตอร์) #Thaitimes
    Like
    4
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 516 มุมมอง 0 รีวิว
  • ส.ส.สหรัฐเรียกร้องให้ทบทวนภัยคุกคามจากเทคโนโลยีโฟโตนิกส์ของจีน

    28 ตุลาคม 2567-สำนักข่าวรอยเตอร์ระบุว่า กลุ่มสมาชิกรัฐสภาสหรัฐจากทั้ง 2 พรรคเรียกร้องให้กระทรวงพาณิชย์ตรวจสอบภัยคุกคามต่อความมั่นคงของชาติจากการพัฒนาเทคโนโลยีซิลิคอนโฟโตนิกส์ของจีน ซึ่งเป็นสาขาที่กำลังพัฒนาอย่างรวดเร็วที่สามารถเร่งการพัฒนาปัญญาประดิษฐ์ได้

    โฟโตนิกส์ซิลิคอนนั้นอาศัยแสงแทนสัญญาณไฟฟ้าในการเคลื่อนย้ายข้อมูลภายในระบบคอมพิวเตอร์ และมีการใช้ในระบบปัญญาประดิษฐ์ที่เชื่อมต่อชิปคอมพิวเตอร์หลายหมื่นชิ้น บริษัทชิป AI ชั้นนำ เช่น Nvidia (NVDA.O)และบริษัท Advanced Micro Devices (AMD.O)ได้เผยแพร่ผลงานวิจัยเกี่ยวกับวิธีการผสานโฟโตนิกส์เข้ากับชิปของตน ขณะที่ Lightmatter ซึ่งเป็นบริษัทสตาร์ทอัพในซิลิคอนวัลเลย์เพิ่งระดมทุน 400 ล้านดอลลาร์สำหรับเทคโนโลยีโฟโตนิกส์ของตน ส่งผลให้มูลค่าบริษัทพุ่งสูงถึง 4.4 พันล้านดอลลาร์

    จีนยังคงเดินหน้าพัฒนาเทคโนโลยีดังกล่าวอย่างเข้มข้น โดยในสัปดาห์ที่ผ่านมา มณฑลกวางตุ้งได้เข้าร่วมโครงการระดมทุนมากมายที่มุ่งสร้างชิปโฟโตนิกส์ในจีน ตามรายงานของสื่อของรัฐ
    เมื่อวันจันทร์ คณะกรรมาธิการวิสามัญเรื่องจีนของสภาผู้แทนราษฎรของสหรัฐฯ ได้ขอให้กระทรวงพาณิชย์ตรวจสอบว่าการทำงานด้านโฟโตนิกส์ของจีนอาจก่อให้เกิดภัยคุกคามใดบ้าง และควรแก้ไขกฎการควบคุมการส่งออกเพื่อปกป้องความพยายามของสหรัฐฯ หรือไม่

    “ลักษณะการใช้งานสองแบบของเทคโนโลยีโฟโตนิกส์ทำให้มีความเสี่ยงเป็นพิเศษที่จะถูกนำไปใช้ในทางการทหารโดยผู้ที่มีปัญหา” ส.ส. จอห์น มูเลนนาร์ จากพรรครีพับลิกัน และราชา กฤษณมูรติ จากพรรคเดโมแครต เขียนในจดหมายของพวกเขา

    Sunny Cheung นักวิจัยประจำภาควิชาศึกษาจีนที่ Jamestown Foundation ซึ่งศึกษาความพยายามของจีน กล่าวกับ Reuters ว่า "จีนอาจเป็นรัฐวิสาหกิจที่เร็วที่สุดในการระดมทรัพยากรและสนับสนุนให้รัฐบาลท้องถิ่นและระดับภูมิภาคทำงานด้านเทคโนโลยีโฟโตนิกส์"

    ที่มา https://www.reuters.com/technology/us-lawmakers-urge-review-china-threat-photonics-technology-2024-10-28

    #Thaitimes

    ส.ส.สหรัฐเรียกร้องให้ทบทวนภัยคุกคามจากเทคโนโลยีโฟโตนิกส์ของจีน 28 ตุลาคม 2567-สำนักข่าวรอยเตอร์ระบุว่า กลุ่มสมาชิกรัฐสภาสหรัฐจากทั้ง 2 พรรคเรียกร้องให้กระทรวงพาณิชย์ตรวจสอบภัยคุกคามต่อความมั่นคงของชาติจากการพัฒนาเทคโนโลยีซิลิคอนโฟโตนิกส์ของจีน ซึ่งเป็นสาขาที่กำลังพัฒนาอย่างรวดเร็วที่สามารถเร่งการพัฒนาปัญญาประดิษฐ์ได้ โฟโตนิกส์ซิลิคอนนั้นอาศัยแสงแทนสัญญาณไฟฟ้าในการเคลื่อนย้ายข้อมูลภายในระบบคอมพิวเตอร์ และมีการใช้ในระบบปัญญาประดิษฐ์ที่เชื่อมต่อชิปคอมพิวเตอร์หลายหมื่นชิ้น บริษัทชิป AI ชั้นนำ เช่น Nvidia (NVDA.O)และบริษัท Advanced Micro Devices (AMD.O)ได้เผยแพร่ผลงานวิจัยเกี่ยวกับวิธีการผสานโฟโตนิกส์เข้ากับชิปของตน ขณะที่ Lightmatter ซึ่งเป็นบริษัทสตาร์ทอัพในซิลิคอนวัลเลย์เพิ่งระดมทุน 400 ล้านดอลลาร์สำหรับเทคโนโลยีโฟโตนิกส์ของตน ส่งผลให้มูลค่าบริษัทพุ่งสูงถึง 4.4 พันล้านดอลลาร์ จีนยังคงเดินหน้าพัฒนาเทคโนโลยีดังกล่าวอย่างเข้มข้น โดยในสัปดาห์ที่ผ่านมา มณฑลกวางตุ้งได้เข้าร่วมโครงการระดมทุนมากมายที่มุ่งสร้างชิปโฟโตนิกส์ในจีน ตามรายงานของสื่อของรัฐ เมื่อวันจันทร์ คณะกรรมาธิการวิสามัญเรื่องจีนของสภาผู้แทนราษฎรของสหรัฐฯ ได้ขอให้กระทรวงพาณิชย์ตรวจสอบว่าการทำงานด้านโฟโตนิกส์ของจีนอาจก่อให้เกิดภัยคุกคามใดบ้าง และควรแก้ไขกฎการควบคุมการส่งออกเพื่อปกป้องความพยายามของสหรัฐฯ หรือไม่ “ลักษณะการใช้งานสองแบบของเทคโนโลยีโฟโตนิกส์ทำให้มีความเสี่ยงเป็นพิเศษที่จะถูกนำไปใช้ในทางการทหารโดยผู้ที่มีปัญหา” ส.ส. จอห์น มูเลนนาร์ จากพรรครีพับลิกัน และราชา กฤษณมูรติ จากพรรคเดโมแครต เขียนในจดหมายของพวกเขา Sunny Cheung นักวิจัยประจำภาควิชาศึกษาจีนที่ Jamestown Foundation ซึ่งศึกษาความพยายามของจีน กล่าวกับ Reuters ว่า "จีนอาจเป็นรัฐวิสาหกิจที่เร็วที่สุดในการระดมทรัพยากรและสนับสนุนให้รัฐบาลท้องถิ่นและระดับภูมิภาคทำงานด้านเทคโนโลยีโฟโตนิกส์" ที่มา https://www.reuters.com/technology/us-lawmakers-urge-review-china-threat-photonics-technology-2024-10-28 #Thaitimes
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 610 มุมมอง 0 รีวิว
  • ผู้นำสูงสุดอิหร่านเผยท่าที กำลังชั่งใจวิธีดีที่สุดในการตอบโต้ “ความชั่วร้าย” ที่อิสราเอลก่อขึ้น เพื่อให้รัฐยิวรับรู้ถึงแสนยานุภาพของประเทศ ขณะอิสราเอลขู่เตหะรานให้เลิกคิดแก้แค้น ส่วนฝ่ายตะวันตกนำโดยสหรัฐฯก็สำทับเรียกร้องอิหร่านอย่าทำให้สถานการณ์บานปลาย
    .
    กองทัพอิสราเอลแถลงยืนยันว่า ได้ส่งเครื่องบินรบเข้าโจมตีโรงงานผลิตขีปนาวุธและที่ตั้งทางทหารในหลายจังหวัดของอิหร่านรวม 3 ระลอกเมื่อเช้ามืดวันเสาร์ (26) ซึ่งภารกิจการโจมตีตอบโต้สำเร็จด้วยดี พร้อมกันนั้นก็เตือนอิหร่านไม่ให้ตอบโต้กลับ
    .
    กองทัพอิสราเอลยังประกาศว่า ไม่มีการเปลี่ยนแปลงข้อจำกัดด้านความปลอดภัยสาธารณะทั่วประเทศ บ่งชี้ว่า อิสราเอลไม่คิดว่า อิหร่านจะตอบโต้กลับในทันที
    .
    เจ้าหน้าที่กลาโหมอิสราเอลคนหนึ่งบอกกับพวกผู้สื่อข่าวว่า อเมริกาไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับภารกิจนี้ แต่ในเวลาต่อมา ประธานาธิบดีไอแซก เฮอร์ซ็อก ของอิสราเอล กลับกล่าวขอบคุณอเมริกาที่เป็นพันธมิตรที่แท้จริง รวมทั้งขอบคุณสำหรับความร่วมมือทั้งที่เปิดเผยและแบบลับๆ
    .
    ด้าน ฌอน ซาเวตต์ โฆษกสภาความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐฯ กล่าวว่า การตอบโต้ของอิสราเอลเป็นการป้องกันตนเอง และเรียกร้องให้อิหร่านยุติการโจมตีอิสราเอลเพื่อให้วงจรการต่อสู้นี้ยุติลงโดยไม่ทำให้สถานการณ์ลุกลาม
    .
    เช่นเดียวกับ ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ที่แสดงความหวังว่า “ถึงตอนจบได้แล้ว” พร้อมตั้งข้อสังเกตว่า ดูเหมือนการโจมตีของอิสราเอลจำกัดเฉพาะเป้าหมายทางทหารเท่านั้น โดยก่อนหน้านี้ผู้นำสหรัฐฯระบุว่า ได้ขอให้อิสราเอลงดโจมตีเป้าหมายด้านนิวเคลียร์และด้านพลังงาน ในการตอบโต้ที่อิหร่านยิงขีปนาวุธราว 200 ลูกโจมตีใส่อิสราเอลเมื่อวันที่ 1 ต.ค.ที่ผ่านมา
    .
    ทว่า นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ยังคงแถลงกร้าวว่า อิสราเอลเลือกเป้าหมายโจมตีโดยอิงกับผลประโยชน์ของประเทศ ไม่ได้ทำตามที่อเมริกาชี้นำ
    .
    รัฐมนตรีกลาโหม ลอยด์ ออสติน เป็นเจ้าหน้าที่สหรัฐฯอีกคนหนึ่ง ซึ่งออกมาแถลงว่า อิหร่านไม่ควรทำผิดพลาดด้วยการตอบโต้อิสราเอล และย้ำว่าระหว่างที่เขาหารือกับโยอาฟ กัลแลนต์ รัฐมนตรีกลาโหมอิสราเอล มีการพูดกันถึงโอกาสทางการทูตในการผ่อนคลายสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลาง ซึ่งรวมถึงในกาซาและเลบานอน
    .
    สำหรับสหภาพยุโรป และรัสเซีย ต่างออกมาเรียกร้องให้ทุกฝ่ายอดกลั้นถึงที่สุดเพื่อหลีกเลี่ยงการทำให้สถานการณ์บานปลายจนเกินการควบคุม ขณะที่หลายประเทศ ที่รวมถึงเพื่อนบ้านของอิหร่าน ได้แถลงประณามอิสราเอล
    .
    ต่อมาในวันอาทิตย์ (27) สำนักข่าวไออาร์เอ็นเอของทางการอิหร่านรายงานว่า อยาตอลเลาะห์ อาลี คอเมเนอี ผู้นำสูงสุดของประเทศ ประกาศว่า เตหะรานควรพิจารณาวิธีที่ดีที่สุดเพื่อให้อิสราเอลรับรู้ถึงแสนยานุภาพของอิหร่าน และต้องคำนึงถึงผลประโยชน์สูงสุดของประชาชนและประเทศชาติ ก่อนสำทับว่า ความชั่วร้ายที่อิสราเอลก่อขึ้นจากการโจมตีใส่อิหร่านเมื่อคืนวันศุกร์ต่อกับก่อนรุ่งสางวันเสาร์ ต้องไม่ถูกทำให้ดูเป็นเหตุการณ์ที่ไม่สำคัญ และก็ไม่ขยายความให้ใหญ่เกินจริง
    .
    ทั้งนี้ ตั้งแต่วันเสาร์ อิหร่านประณามการกระทำของอิสราเอล โดยกระทรวงต่างประเทศแถลงว่า อิหร่านมีสิทธิ์และหน้าที่ในการปกป้องตนเอง แต่ขณะเดียวกันก็ตระหนักถึงความรับผิดชอบที่มีต่อสันติภาพและความมั่นคงของภูมิภาค
    .
    ทางด้านกองทัพอิหร่านระบุว่า เครื่องบินรบของอิสราเอลใช้หัวรบขนาดเล็กมากเพื่อโจมตีระบบเรดาร์ใน 2 จังหวัดและรอบเตหะราน ซึ่งสร้างความเสียหายเพียงจำกัด แต่มีทหารเสียชีวิต 4 นาย
    .
    อย่างไรก็ดี เจ้าหน้าที่ในภูมิภาค 2 คนที่ได้รับการบรรยายสรุปสถานการณ์จากอิหร่านเผยว่า เตหะรานได้จัดประชุมเจ้าหน้าที่ระดับสูงเพื่อพิจารณาขอบเขตการตอบโต้ ซึ่งเจ้าหน้าที่คนหนึ่งระบุว่า ความเสียหายเล็กน้อยมาก แต่สำทับว่า ฐานที่มั่นของกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติหลายแห่งในและรอบเตหะรานถูกโจมตีด้วย
    .
    กระนั้น ในอีกด้านหนึ่ง เดวิด อัลไบรต์ อดีตเจ้าหน้าที่ตรวจสอบอาวุธนิวเคลียร์ของสหประชาชาติ เปิดเผยกับรอยเตอร์ว่า ภาพจากดาวเทียมพาณิชย์ที่มีความละเอียดต่ำของพลาเน็ต แลบส์ แสดงให้เห็นว่า จุดหนึ่งที่ตกเป็นเป้าหมายการโจมตีของอิสราเอลคราวล่าสุดนี้ คือนิคมอุตสาหกรรมทหารพาร์ชิน ใกล้เตหะราน ซึ่งทำให้อาคาร 3 แห่งเสียหาย และ 2 แห่งในจำนวนนั้นเป็นสถานที่ผสมเชื้อเพลิงแข็ง ใช้กับพวกขีปนาวุธทิ้งตัว
    .
    รอยเตอร์รายงานว่า ยังมี เดคเกอร์ เอเวเลธ ผู้ช่วยนักวิเคราะห์ของซีเอ็นเอ ซึ่งเป็นกลุ่มคลังสมองในวอชิงตัน ที่วิเคราะห์ภาพถ่ายดาวเทียมของพลาเน็ต แลบส์เช่นเดียวกัน ได้ระบุว่า อิสราเอลยังโจมตีโคจีร์ ที่เป็นสถานที่ผลิตขีปนาวุธใกล้เตหะราน ซึ่งอาจบ่อนทำลายความสามารถของอิหร่านในการผลิตขีปนาวุธเป็นจำนวนมาก รวมทั้งความสามารถในการโจมตีด้วยขีปนาวุธเพื่อเจาะระบบป้องกันขีปนาวุธของอิสราเอล
    .
    สำหรับสถานการณ์ในแนวรบอื่นๆ กลุ่มฮิซบอลเลาะห์ซึ่งเป็นกลุ่มติดอาวุธในเลบานอนที่ได้รับการสนับสนุนจากเตหะราน เผยว่า ในวันเสาร์ได้ยิงจรวดโจมตีเขตที่พักอาศัย 5 แห่งทางตอนเหนือของอิสราเอล ขณะที่กองทัพอิสราเอลยืนยันว่า มีจรวด 80 ลูกยิงข้ามแดนไปจริงในวันดังกล่าว
    .
    นอกจากนั้นฮิซบอลเลาะห์ยังประกาศให้ชาวอิสราเอลในพื้นที่กว่า 20 แห่งอพยพ ขณะที่กองทัพอิสราเอลเระบุว่า ได้โจมตีที่ตั้งของฮิซบอลเลาะห์ในย่านดานิเยห์ ทางใต้ของกรุงเบรุต ซึ่งรวมถึงสถานที่ผลิตอาวุธและศูนย์บัญชาการข่าวกรอง
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000103586
    ..............
    Sondhi X
    ผู้นำสูงสุดอิหร่านเผยท่าที กำลังชั่งใจวิธีดีที่สุดในการตอบโต้ “ความชั่วร้าย” ที่อิสราเอลก่อขึ้น เพื่อให้รัฐยิวรับรู้ถึงแสนยานุภาพของประเทศ ขณะอิสราเอลขู่เตหะรานให้เลิกคิดแก้แค้น ส่วนฝ่ายตะวันตกนำโดยสหรัฐฯก็สำทับเรียกร้องอิหร่านอย่าทำให้สถานการณ์บานปลาย . กองทัพอิสราเอลแถลงยืนยันว่า ได้ส่งเครื่องบินรบเข้าโจมตีโรงงานผลิตขีปนาวุธและที่ตั้งทางทหารในหลายจังหวัดของอิหร่านรวม 3 ระลอกเมื่อเช้ามืดวันเสาร์ (26) ซึ่งภารกิจการโจมตีตอบโต้สำเร็จด้วยดี พร้อมกันนั้นก็เตือนอิหร่านไม่ให้ตอบโต้กลับ . กองทัพอิสราเอลยังประกาศว่า ไม่มีการเปลี่ยนแปลงข้อจำกัดด้านความปลอดภัยสาธารณะทั่วประเทศ บ่งชี้ว่า อิสราเอลไม่คิดว่า อิหร่านจะตอบโต้กลับในทันที . เจ้าหน้าที่กลาโหมอิสราเอลคนหนึ่งบอกกับพวกผู้สื่อข่าวว่า อเมริกาไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับภารกิจนี้ แต่ในเวลาต่อมา ประธานาธิบดีไอแซก เฮอร์ซ็อก ของอิสราเอล กลับกล่าวขอบคุณอเมริกาที่เป็นพันธมิตรที่แท้จริง รวมทั้งขอบคุณสำหรับความร่วมมือทั้งที่เปิดเผยและแบบลับๆ . ด้าน ฌอน ซาเวตต์ โฆษกสภาความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐฯ กล่าวว่า การตอบโต้ของอิสราเอลเป็นการป้องกันตนเอง และเรียกร้องให้อิหร่านยุติการโจมตีอิสราเอลเพื่อให้วงจรการต่อสู้นี้ยุติลงโดยไม่ทำให้สถานการณ์ลุกลาม . เช่นเดียวกับ ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ที่แสดงความหวังว่า “ถึงตอนจบได้แล้ว” พร้อมตั้งข้อสังเกตว่า ดูเหมือนการโจมตีของอิสราเอลจำกัดเฉพาะเป้าหมายทางทหารเท่านั้น โดยก่อนหน้านี้ผู้นำสหรัฐฯระบุว่า ได้ขอให้อิสราเอลงดโจมตีเป้าหมายด้านนิวเคลียร์และด้านพลังงาน ในการตอบโต้ที่อิหร่านยิงขีปนาวุธราว 200 ลูกโจมตีใส่อิสราเอลเมื่อวันที่ 1 ต.ค.ที่ผ่านมา . ทว่า นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ยังคงแถลงกร้าวว่า อิสราเอลเลือกเป้าหมายโจมตีโดยอิงกับผลประโยชน์ของประเทศ ไม่ได้ทำตามที่อเมริกาชี้นำ . รัฐมนตรีกลาโหม ลอยด์ ออสติน เป็นเจ้าหน้าที่สหรัฐฯอีกคนหนึ่ง ซึ่งออกมาแถลงว่า อิหร่านไม่ควรทำผิดพลาดด้วยการตอบโต้อิสราเอล และย้ำว่าระหว่างที่เขาหารือกับโยอาฟ กัลแลนต์ รัฐมนตรีกลาโหมอิสราเอล มีการพูดกันถึงโอกาสทางการทูตในการผ่อนคลายสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลาง ซึ่งรวมถึงในกาซาและเลบานอน . สำหรับสหภาพยุโรป และรัสเซีย ต่างออกมาเรียกร้องให้ทุกฝ่ายอดกลั้นถึงที่สุดเพื่อหลีกเลี่ยงการทำให้สถานการณ์บานปลายจนเกินการควบคุม ขณะที่หลายประเทศ ที่รวมถึงเพื่อนบ้านของอิหร่าน ได้แถลงประณามอิสราเอล . ต่อมาในวันอาทิตย์ (27) สำนักข่าวไออาร์เอ็นเอของทางการอิหร่านรายงานว่า อยาตอลเลาะห์ อาลี คอเมเนอี ผู้นำสูงสุดของประเทศ ประกาศว่า เตหะรานควรพิจารณาวิธีที่ดีที่สุดเพื่อให้อิสราเอลรับรู้ถึงแสนยานุภาพของอิหร่าน และต้องคำนึงถึงผลประโยชน์สูงสุดของประชาชนและประเทศชาติ ก่อนสำทับว่า ความชั่วร้ายที่อิสราเอลก่อขึ้นจากการโจมตีใส่อิหร่านเมื่อคืนวันศุกร์ต่อกับก่อนรุ่งสางวันเสาร์ ต้องไม่ถูกทำให้ดูเป็นเหตุการณ์ที่ไม่สำคัญ และก็ไม่ขยายความให้ใหญ่เกินจริง . ทั้งนี้ ตั้งแต่วันเสาร์ อิหร่านประณามการกระทำของอิสราเอล โดยกระทรวงต่างประเทศแถลงว่า อิหร่านมีสิทธิ์และหน้าที่ในการปกป้องตนเอง แต่ขณะเดียวกันก็ตระหนักถึงความรับผิดชอบที่มีต่อสันติภาพและความมั่นคงของภูมิภาค . ทางด้านกองทัพอิหร่านระบุว่า เครื่องบินรบของอิสราเอลใช้หัวรบขนาดเล็กมากเพื่อโจมตีระบบเรดาร์ใน 2 จังหวัดและรอบเตหะราน ซึ่งสร้างความเสียหายเพียงจำกัด แต่มีทหารเสียชีวิต 4 นาย . อย่างไรก็ดี เจ้าหน้าที่ในภูมิภาค 2 คนที่ได้รับการบรรยายสรุปสถานการณ์จากอิหร่านเผยว่า เตหะรานได้จัดประชุมเจ้าหน้าที่ระดับสูงเพื่อพิจารณาขอบเขตการตอบโต้ ซึ่งเจ้าหน้าที่คนหนึ่งระบุว่า ความเสียหายเล็กน้อยมาก แต่สำทับว่า ฐานที่มั่นของกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติหลายแห่งในและรอบเตหะรานถูกโจมตีด้วย . กระนั้น ในอีกด้านหนึ่ง เดวิด อัลไบรต์ อดีตเจ้าหน้าที่ตรวจสอบอาวุธนิวเคลียร์ของสหประชาชาติ เปิดเผยกับรอยเตอร์ว่า ภาพจากดาวเทียมพาณิชย์ที่มีความละเอียดต่ำของพลาเน็ต แลบส์ แสดงให้เห็นว่า จุดหนึ่งที่ตกเป็นเป้าหมายการโจมตีของอิสราเอลคราวล่าสุดนี้ คือนิคมอุตสาหกรรมทหารพาร์ชิน ใกล้เตหะราน ซึ่งทำให้อาคาร 3 แห่งเสียหาย และ 2 แห่งในจำนวนนั้นเป็นสถานที่ผสมเชื้อเพลิงแข็ง ใช้กับพวกขีปนาวุธทิ้งตัว . รอยเตอร์รายงานว่า ยังมี เดคเกอร์ เอเวเลธ ผู้ช่วยนักวิเคราะห์ของซีเอ็นเอ ซึ่งเป็นกลุ่มคลังสมองในวอชิงตัน ที่วิเคราะห์ภาพถ่ายดาวเทียมของพลาเน็ต แลบส์เช่นเดียวกัน ได้ระบุว่า อิสราเอลยังโจมตีโคจีร์ ที่เป็นสถานที่ผลิตขีปนาวุธใกล้เตหะราน ซึ่งอาจบ่อนทำลายความสามารถของอิหร่านในการผลิตขีปนาวุธเป็นจำนวนมาก รวมทั้งความสามารถในการโจมตีด้วยขีปนาวุธเพื่อเจาะระบบป้องกันขีปนาวุธของอิสราเอล . สำหรับสถานการณ์ในแนวรบอื่นๆ กลุ่มฮิซบอลเลาะห์ซึ่งเป็นกลุ่มติดอาวุธในเลบานอนที่ได้รับการสนับสนุนจากเตหะราน เผยว่า ในวันเสาร์ได้ยิงจรวดโจมตีเขตที่พักอาศัย 5 แห่งทางตอนเหนือของอิสราเอล ขณะที่กองทัพอิสราเอลยืนยันว่า มีจรวด 80 ลูกยิงข้ามแดนไปจริงในวันดังกล่าว . นอกจากนั้นฮิซบอลเลาะห์ยังประกาศให้ชาวอิสราเอลในพื้นที่กว่า 20 แห่งอพยพ ขณะที่กองทัพอิสราเอลเระบุว่า ได้โจมตีที่ตั้งของฮิซบอลเลาะห์ในย่านดานิเยห์ ทางใต้ของกรุงเบรุต ซึ่งรวมถึงสถานที่ผลิตอาวุธและศูนย์บัญชาการข่าวกรอง . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000103586 .............. Sondhi X
    Like
    Love
    8
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1409 มุมมอง 0 รีวิว
  • อิสราเอลโจมตีที่ตั้งทางทหารของอิหร่าน ระบุเป็นการแก้แค้นกรณีที่เตหะรานยังยิงขีปนาวุธเข้าใส่รัฐยิวเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม ในการยิงตอบโต้กันไปมาล่าสุด ในความขัดแย้งที่ดูเหมือนกำลังลุกลามบานปลายระหว่าง 2 คู่อริในตะวันออกกลาง
    .
    แม้กองทัพอิสราเอลประกาศว่าภารกิจการโจมตีเสร็จสิ้นแล้วและบรรลุเป้าหมายที่วางเอาไว้ พร้อมกับเตือนอิหร่านอย่าคิดตอบโต้ แต่ดูเหมือนสถานการณ์ส่อเค้าหลุดจากการควบคุม เมื่อสื่อมวลชนกึ่งรัฐของเตหะราน รายงานว่า อิหร่านประกาศจะตอบโต้อย่างทัดเทียมต่อปฏิบัติการของอิสราเอล
    .
    ท่ามกลางการยิงตอบโต้กันทางอากาศพิสัยไกล สำนักข่าวรอยเตอร์จึงนำข้อมูลเกี่ยวกับกองทัพอากาศและระบบป้องกันภัยทางอากาศของทั้ง 2 ประเทศมาเปรียบเทียบกัน
    .
    กองทัพอากาศอิหร่านมีบุคลากร 37,000 นาย แต่มาตรการคว่ำบาตรของนานาชาติที่บังคับใช้มานานหลายทศวรรษ ได้ตัดขาดอิหร่านอออกจากยุทโธปกรณ์ทางทหารล้ำสมัยล่าสุดเป็นส่วนใหญ่ จากข้อมูลของสถาบันระหว่างประเทศว่าด้วยยุทธศาสตร์ศึกษา (IISS)
    .
    ข้อมูลระบุว่า กองทัพอากาศอิหร่านมีเครื่องบินโจมตีที่ใช้งานได้เพียงไม่กี่สิบลำ ในนั้นรวมถึงเครื่องบินสัญชาติรัสเซียและเครื่องบินรุ่นเก่าๆ ของสหรัฐฯ ที่จัดซื้อก่อนหน้าเหตุการณ์ปฏิวัติอิสลามปี 1979
    .
    IISS บอกว่าสาธารณรัฐอิสลามอิหร่านมีฝูงบินเครื่องบินขับไล่ F-4 และ F-5 จำนวน 9 ลำ และฝูงบินซูคอย-24 ที่ผลิตโดยรัสเซีย 1 กองบิน และมีเครื่องบิน MiG-29s, F7 และ F14 อยู่อีกจำนวนหนึ่ง
    .
    นอกจากนี้ อิหร่านยังมีเครื่องบินไร้คนขับที่ออกแบบมาเพื่อบินสู่เป้าหมายและจุดชนวนระเบิด ขณะที่พวกนักวิเคราะห์ประมาณการว่าคลังแสงโดรนของเตหะรานอยู่ในระดับต่ำไม่กี่พันลำ ยิ่งไปกว่านั้น แม้อิหร่านมีขีปนาวุธยิงจากพื้นผิวสู่พื้นผิวมากกว่า 3,500 ลูกและบางส่วนสามารถบรรทุกหัวรบได้หนักกว่าครึ่งตัน แต่มีจำนวนไม่มากนักที่มีศักยภาพพุ่งไปถึงอิสราเอล
    .
    กองบัญชาการกองทัพอิหร่านเคยระบุเมื่อเดือนเมษายน ว่า ฝูงบินซูคอย-24 ของพวกเขา "อยู่ในสถานะพร้อมเต็มขั้น" สำหรับตอบโต้การโจมตีใดๆ ของอิสราเอล แต่การที่อิหร่านพึ่งพิงซูคอย-24 ที่พัฒนาขึ้นเป็นครั้งแรกตั้งแต่ยุคสมัยทศวรรษ 1960 เน้นย้ำว่ากองทัพอากาศของพวกเขาอยู่ในสถานะที่ค่อนข้างอ่อนแอ
    .
    สำหรับการป้องกันตนเอง อิหร่านพึ่งพิงขีปนาวุธยิงจากภาคพื้นสู่อากาศและระบบป้องกันภัยทางอากาศ ทั้งจากรัสเซียและที่ผลิตเองภายในประเทศ

    อิหร่านเคยได้รับระบบป้องกันภัยทางอากาศ S-300 จากรัสเซียในปี 2026 โดย S-300 คือขีปนาวุธพิสัยไกลยิงจากภาคพื้นสู่อากาศ ศักยภาพโจมตีเป้าหมายต่างๆ หลายเป้าหมายพร้อมกัน ในนั้นรวมถึงเครื่องบินและขีปนาวุธ
    .
    นอกจากนี้ อิหร่านยังมีแท่นยิงขีปนาวุธจากภาคพื้นสู่อากาศ "บาวาร์-373" เช่นเดียวกับระบบป้องกันตนเอง Sayyad และ Raad
    .
    ในส่วนของอิสราเอล พวกเขามีกองทัพอากาศล้ำสมัยที่จัดหาให้โดยสหรัฐฯ ในนั้นรวมถึงเครื่องบินขับไล่อเนกประสงค์ F-15, F-16 และ F-35 จำนวนหลายร้อยลำ เครื่องบินเหล่านี้มีบทบาทในการสอยร่วงโดรนของอิหร่านเมื่อเดือนเมษายน ครั้งที่เตหะรานปล่อยโดรนระเบิดและรัวยิงขีปนาวุธโจมตีโดยตรงเข้าใส่ดินแดนของอิสราเอลเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์
    .
    อย่างไรก็ตาม กองทัพอากาศอิสราเอลไม่มีฝูงบินทิ้งระเบิดพิสัยไกล แม้มีเครื่องบินโบอิ้ง 707 ฝูงเล็กๆ ที่ถูกปรับเปลี่ยนวัตถุประสงค์เป็นเครื่องเติมน้ำมัน ที่จะคอยช่วยเหลือให้บรรดาเครื่องบินขับไล่บินไปถึงอิหร่าน เพื่อทำการโจมตีเป้าหมายที่เล็งเอาไว้
    .
    กองทัพอากาศอิสราเอลเคยพิสูจน์ถึงศักยภาพในการโจมตีเป้าหมายพิสัยไกลต่างๆ เมื่อเดือนกรกฎาคม ครั้งที่ฝูงบินขับไล่ของพวกเขาโจมตีพื้นที่ต่างๆ ใกล้ท่าเรือโฮเดดาห์ของเยเมน แก้แค้นที่พวกฮูตีส่งโดรนโจมตีเมืองเทลอาวีฟ
    .
    ในการบุกเบิกสู่เทคโนโลยีโดรน อิสราเอลมีเครื่องบินไร้คนขับ "เฮรอน" ที่สามารถบินไปนานกว่า 30 ชั่วโมง เพียงพอที่จะปฏิบัติการเล่นงานเป้าหมายที่อยู่ห่างไกล กระสุนร่อนขีปนาวุธ Delilah ของมัน คาดการณ์ว่าระยะทำการราว 250 กิโลเมตร ใกล้เคียงกับภูมิภาคอ่าวเปอร์เซีย บริเวณที่อิหร่านตั้งอยู่ แต่กองทัพสามารถปิดช่องว่างดังกล่าวด้วยการส่งกระสุนเข้าไปใกล้ชายแดนของอิหร่านมากขึ้น
    .
    เชื่อกันว่า อิสราเอลกำลังพัฒนาขีปนาวุธพิสัยไกลยิงจากภาคพื้นสู่ภาคพื้น แต่พวกเขาไม่ยืนยันหรือปฏิเสธรายงานข่าวดังกล่าว
    .
    นอกจากนี้ ระบบป้องกันภัยทางอากาศหลายชั้นที่พัฒนาขึ้นภายใต้ความช่วยเหลือจากสหรัฐฯ หลังสงครามอ่าวเปอร์เซียปี 1991 ก็เป็นอีกหนึ่งตัวช่วยเช่นกัน โดยมันมอบทางเลือกเพิ่มเติมหลายทางเลือกแก่อิสราเอล สำหรับสอยร่วงการโจมตีพิสัยไกลด้วยโดรนและขีปนาวุธโดยอิหร่าน
    .
    ระบบดังกล่าวคือ Arrow-3 ซึ่งออกแบบมาเพื่อสกัดกั้นขีปนาวุธพิสัยไกลที่เคลื่อนที่ไปในแนวโค้งสูงสุดนอกชั้นบรรยากาศของโลก ขณะที่รุ่นก่อนหน้านี้ Arrow-2 ทำงานในระดับความสูงที่ต่ำกว่า นอกจากนี้ อิสราเอลยังมีระบบพิสัยกลาง David's Sling ไว้ตอบโต้ขีปนาวุธและขีปนาวุธร่อน ส่วนระบบโล่ป้องกันขีปนาวุธ Iron Dome มีไว้จัดการกับจรวดและกระสุนปืนครกที่พวกกลุ่มติดอาวุธที่ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่านในกาซาและเลบานอนใช้ยิงเข้าใส่ แต่ในทางทฤษฎีแล้ว มันสามารถยิงสกัดขีปนาวุธทรงอานุภาพใดๆ ที่เล็ดลอด Arrow หรือ avid's Sling มาได้
    .
    ทั้งนี้ ระบบต่างๆ ของอิสราเอลถูกออกแบบให้เข้ากับตัวสกัดกั้นต่างๆ ของกองทัพสหรัฐฯ ที่มีอยู่ในภูมิภาค เพื่อเสริมความเข้มแข็งแก่การป้องกันตนเองของพันธมิตร
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000103386
    ..............
    Sondhi X
    อิสราเอลโจมตีที่ตั้งทางทหารของอิหร่าน ระบุเป็นการแก้แค้นกรณีที่เตหะรานยังยิงขีปนาวุธเข้าใส่รัฐยิวเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม ในการยิงตอบโต้กันไปมาล่าสุด ในความขัดแย้งที่ดูเหมือนกำลังลุกลามบานปลายระหว่าง 2 คู่อริในตะวันออกกลาง . แม้กองทัพอิสราเอลประกาศว่าภารกิจการโจมตีเสร็จสิ้นแล้วและบรรลุเป้าหมายที่วางเอาไว้ พร้อมกับเตือนอิหร่านอย่าคิดตอบโต้ แต่ดูเหมือนสถานการณ์ส่อเค้าหลุดจากการควบคุม เมื่อสื่อมวลชนกึ่งรัฐของเตหะราน รายงานว่า อิหร่านประกาศจะตอบโต้อย่างทัดเทียมต่อปฏิบัติการของอิสราเอล . ท่ามกลางการยิงตอบโต้กันทางอากาศพิสัยไกล สำนักข่าวรอยเตอร์จึงนำข้อมูลเกี่ยวกับกองทัพอากาศและระบบป้องกันภัยทางอากาศของทั้ง 2 ประเทศมาเปรียบเทียบกัน . กองทัพอากาศอิหร่านมีบุคลากร 37,000 นาย แต่มาตรการคว่ำบาตรของนานาชาติที่บังคับใช้มานานหลายทศวรรษ ได้ตัดขาดอิหร่านอออกจากยุทโธปกรณ์ทางทหารล้ำสมัยล่าสุดเป็นส่วนใหญ่ จากข้อมูลของสถาบันระหว่างประเทศว่าด้วยยุทธศาสตร์ศึกษา (IISS) . ข้อมูลระบุว่า กองทัพอากาศอิหร่านมีเครื่องบินโจมตีที่ใช้งานได้เพียงไม่กี่สิบลำ ในนั้นรวมถึงเครื่องบินสัญชาติรัสเซียและเครื่องบินรุ่นเก่าๆ ของสหรัฐฯ ที่จัดซื้อก่อนหน้าเหตุการณ์ปฏิวัติอิสลามปี 1979 . IISS บอกว่าสาธารณรัฐอิสลามอิหร่านมีฝูงบินเครื่องบินขับไล่ F-4 และ F-5 จำนวน 9 ลำ และฝูงบินซูคอย-24 ที่ผลิตโดยรัสเซีย 1 กองบิน และมีเครื่องบิน MiG-29s, F7 และ F14 อยู่อีกจำนวนหนึ่ง . นอกจากนี้ อิหร่านยังมีเครื่องบินไร้คนขับที่ออกแบบมาเพื่อบินสู่เป้าหมายและจุดชนวนระเบิด ขณะที่พวกนักวิเคราะห์ประมาณการว่าคลังแสงโดรนของเตหะรานอยู่ในระดับต่ำไม่กี่พันลำ ยิ่งไปกว่านั้น แม้อิหร่านมีขีปนาวุธยิงจากพื้นผิวสู่พื้นผิวมากกว่า 3,500 ลูกและบางส่วนสามารถบรรทุกหัวรบได้หนักกว่าครึ่งตัน แต่มีจำนวนไม่มากนักที่มีศักยภาพพุ่งไปถึงอิสราเอล . กองบัญชาการกองทัพอิหร่านเคยระบุเมื่อเดือนเมษายน ว่า ฝูงบินซูคอย-24 ของพวกเขา "อยู่ในสถานะพร้อมเต็มขั้น" สำหรับตอบโต้การโจมตีใดๆ ของอิสราเอล แต่การที่อิหร่านพึ่งพิงซูคอย-24 ที่พัฒนาขึ้นเป็นครั้งแรกตั้งแต่ยุคสมัยทศวรรษ 1960 เน้นย้ำว่ากองทัพอากาศของพวกเขาอยู่ในสถานะที่ค่อนข้างอ่อนแอ . สำหรับการป้องกันตนเอง อิหร่านพึ่งพิงขีปนาวุธยิงจากภาคพื้นสู่อากาศและระบบป้องกันภัยทางอากาศ ทั้งจากรัสเซียและที่ผลิตเองภายในประเทศ อิหร่านเคยได้รับระบบป้องกันภัยทางอากาศ S-300 จากรัสเซียในปี 2026 โดย S-300 คือขีปนาวุธพิสัยไกลยิงจากภาคพื้นสู่อากาศ ศักยภาพโจมตีเป้าหมายต่างๆ หลายเป้าหมายพร้อมกัน ในนั้นรวมถึงเครื่องบินและขีปนาวุธ . นอกจากนี้ อิหร่านยังมีแท่นยิงขีปนาวุธจากภาคพื้นสู่อากาศ "บาวาร์-373" เช่นเดียวกับระบบป้องกันตนเอง Sayyad และ Raad . ในส่วนของอิสราเอล พวกเขามีกองทัพอากาศล้ำสมัยที่จัดหาให้โดยสหรัฐฯ ในนั้นรวมถึงเครื่องบินขับไล่อเนกประสงค์ F-15, F-16 และ F-35 จำนวนหลายร้อยลำ เครื่องบินเหล่านี้มีบทบาทในการสอยร่วงโดรนของอิหร่านเมื่อเดือนเมษายน ครั้งที่เตหะรานปล่อยโดรนระเบิดและรัวยิงขีปนาวุธโจมตีโดยตรงเข้าใส่ดินแดนของอิสราเอลเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ . อย่างไรก็ตาม กองทัพอากาศอิสราเอลไม่มีฝูงบินทิ้งระเบิดพิสัยไกล แม้มีเครื่องบินโบอิ้ง 707 ฝูงเล็กๆ ที่ถูกปรับเปลี่ยนวัตถุประสงค์เป็นเครื่องเติมน้ำมัน ที่จะคอยช่วยเหลือให้บรรดาเครื่องบินขับไล่บินไปถึงอิหร่าน เพื่อทำการโจมตีเป้าหมายที่เล็งเอาไว้ . กองทัพอากาศอิสราเอลเคยพิสูจน์ถึงศักยภาพในการโจมตีเป้าหมายพิสัยไกลต่างๆ เมื่อเดือนกรกฎาคม ครั้งที่ฝูงบินขับไล่ของพวกเขาโจมตีพื้นที่ต่างๆ ใกล้ท่าเรือโฮเดดาห์ของเยเมน แก้แค้นที่พวกฮูตีส่งโดรนโจมตีเมืองเทลอาวีฟ . ในการบุกเบิกสู่เทคโนโลยีโดรน อิสราเอลมีเครื่องบินไร้คนขับ "เฮรอน" ที่สามารถบินไปนานกว่า 30 ชั่วโมง เพียงพอที่จะปฏิบัติการเล่นงานเป้าหมายที่อยู่ห่างไกล กระสุนร่อนขีปนาวุธ Delilah ของมัน คาดการณ์ว่าระยะทำการราว 250 กิโลเมตร ใกล้เคียงกับภูมิภาคอ่าวเปอร์เซีย บริเวณที่อิหร่านตั้งอยู่ แต่กองทัพสามารถปิดช่องว่างดังกล่าวด้วยการส่งกระสุนเข้าไปใกล้ชายแดนของอิหร่านมากขึ้น . เชื่อกันว่า อิสราเอลกำลังพัฒนาขีปนาวุธพิสัยไกลยิงจากภาคพื้นสู่ภาคพื้น แต่พวกเขาไม่ยืนยันหรือปฏิเสธรายงานข่าวดังกล่าว . นอกจากนี้ ระบบป้องกันภัยทางอากาศหลายชั้นที่พัฒนาขึ้นภายใต้ความช่วยเหลือจากสหรัฐฯ หลังสงครามอ่าวเปอร์เซียปี 1991 ก็เป็นอีกหนึ่งตัวช่วยเช่นกัน โดยมันมอบทางเลือกเพิ่มเติมหลายทางเลือกแก่อิสราเอล สำหรับสอยร่วงการโจมตีพิสัยไกลด้วยโดรนและขีปนาวุธโดยอิหร่าน . ระบบดังกล่าวคือ Arrow-3 ซึ่งออกแบบมาเพื่อสกัดกั้นขีปนาวุธพิสัยไกลที่เคลื่อนที่ไปในแนวโค้งสูงสุดนอกชั้นบรรยากาศของโลก ขณะที่รุ่นก่อนหน้านี้ Arrow-2 ทำงานในระดับความสูงที่ต่ำกว่า นอกจากนี้ อิสราเอลยังมีระบบพิสัยกลาง David's Sling ไว้ตอบโต้ขีปนาวุธและขีปนาวุธร่อน ส่วนระบบโล่ป้องกันขีปนาวุธ Iron Dome มีไว้จัดการกับจรวดและกระสุนปืนครกที่พวกกลุ่มติดอาวุธที่ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่านในกาซาและเลบานอนใช้ยิงเข้าใส่ แต่ในทางทฤษฎีแล้ว มันสามารถยิงสกัดขีปนาวุธทรงอานุภาพใดๆ ที่เล็ดลอด Arrow หรือ avid's Sling มาได้ . ทั้งนี้ ระบบต่างๆ ของอิสราเอลถูกออกแบบให้เข้ากับตัวสกัดกั้นต่างๆ ของกองทัพสหรัฐฯ ที่มีอยู่ในภูมิภาค เพื่อเสริมความเข้มแข็งแก่การป้องกันตนเองของพันธมิตร . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000103386 .............. Sondhi X
    Like
    Haha
    7
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1431 มุมมอง 1 รีวิว
  • 24 ตุลาคม 2567-รายงานข่าวรอยเตอร์สรุปสั้นๆผลการประชุมสุดยอด BRICS 2024 คาซาน รัสเซียว่า
    * สีจิ้นผิงและโมดี: ประธานาธิบดีสีจิ้นผิงของจีนและนายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดีของอินเดีย พบกันเพียงสองวันหลังจากนิวเดลีประกาศว่าได้บรรลุข้อตกลงกับปักกิ่งในการแก้ปัญหาการเผชิญหน้าทางทหารที่ยืดเยื้อมานานสี่ปีบนพรมแดนหิมาลัยของพวกเขา
    * มีผู้นำเข้าร่วมจำนวนมาก: ปูตินต้องการแสดงให้เห็นว่าความพยายามของชาติตะวันตกในการแยกรัสเซียออกจากกันในสงครามยูเครนล้มเหลว แต่สามารถดึงดูดผู้นำสำคัญๆ เช่น สี จิ้นผิง และโมดี รวมถึงผู้นำอีกเกือบ 20 คน รวมถึงไตยิป เออร์โดกันของตุรกี อันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติก็เข้าร่วมด้วยเช่นกัน
    * รายชื่อรอของกลุ่ม BRICS: ปูตินกล่าวว่ามีมากกว่า 30 ประเทศแสดงความปรารถนาที่จะเข้าร่วมกลุ่ม BRICS แม้ว่าจะยังไม่มีความชัดเจนในทันทีว่าการขยายตัวดังกล่าวจะดำเนินการอย่างไร
    * สงครามยูเครน: ผู้นำกลุ่ม BRICS หยิบยกสงครามยูเครนกับปูตินขึ้นมาในรูปแบบต่างๆ แต่ไม่มีสัญญาณว่าจะมีการดำเนินการใดที่เจาะจงเพื่อยุติความขัดแย้ง
    * เงินของกลุ่ม BRICS: กลุ่ม BRICS คาดการณ์ว่าอิทธิพลของกลุ่มจะเติบโตขึ้นและได้ร่างโครงการร่วมกันตั้งแต่การแลกเปลี่ยนธัญพืชไปจนถึงระบบการชำระเงินข้ามพรมแดน ต่อไปนี้คือประเด็นหลัก
    * ตะวันออกกลาง: ปูตินกล่าวกับผู้นำกลุ่ม BRICS ว่าตะวันออกกลางอยู่บนขอบเหวของสงครามเต็มรูปแบบ หลังจากความตึงเครียดระหว่างอิสราเอลและอิหร่านเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

    ที่มา https://www.reuters.com/world/main-takeaways-brics-summit-2024-10-24/

    #Thaitimes
    24 ตุลาคม 2567-รายงานข่าวรอยเตอร์สรุปสั้นๆผลการประชุมสุดยอด BRICS 2024 คาซาน รัสเซียว่า * สีจิ้นผิงและโมดี: ประธานาธิบดีสีจิ้นผิงของจีนและนายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดีของอินเดีย พบกันเพียงสองวันหลังจากนิวเดลีประกาศว่าได้บรรลุข้อตกลงกับปักกิ่งในการแก้ปัญหาการเผชิญหน้าทางทหารที่ยืดเยื้อมานานสี่ปีบนพรมแดนหิมาลัยของพวกเขา * มีผู้นำเข้าร่วมจำนวนมาก: ปูตินต้องการแสดงให้เห็นว่าความพยายามของชาติตะวันตกในการแยกรัสเซียออกจากกันในสงครามยูเครนล้มเหลว แต่สามารถดึงดูดผู้นำสำคัญๆ เช่น สี จิ้นผิง และโมดี รวมถึงผู้นำอีกเกือบ 20 คน รวมถึงไตยิป เออร์โดกันของตุรกี อันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติก็เข้าร่วมด้วยเช่นกัน * รายชื่อรอของกลุ่ม BRICS: ปูตินกล่าวว่ามีมากกว่า 30 ประเทศแสดงความปรารถนาที่จะเข้าร่วมกลุ่ม BRICS แม้ว่าจะยังไม่มีความชัดเจนในทันทีว่าการขยายตัวดังกล่าวจะดำเนินการอย่างไร * สงครามยูเครน: ผู้นำกลุ่ม BRICS หยิบยกสงครามยูเครนกับปูตินขึ้นมาในรูปแบบต่างๆ แต่ไม่มีสัญญาณว่าจะมีการดำเนินการใดที่เจาะจงเพื่อยุติความขัดแย้ง * เงินของกลุ่ม BRICS: กลุ่ม BRICS คาดการณ์ว่าอิทธิพลของกลุ่มจะเติบโตขึ้นและได้ร่างโครงการร่วมกันตั้งแต่การแลกเปลี่ยนธัญพืชไปจนถึงระบบการชำระเงินข้ามพรมแดน ต่อไปนี้คือประเด็นหลัก * ตะวันออกกลาง: ปูตินกล่าวกับผู้นำกลุ่ม BRICS ว่าตะวันออกกลางอยู่บนขอบเหวของสงครามเต็มรูปแบบ หลังจากความตึงเครียดระหว่างอิสราเอลและอิหร่านเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ที่มา https://www.reuters.com/world/main-takeaways-brics-summit-2024-10-24/ #Thaitimes
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 815 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทีมหาเสียงของโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวหาพรรคเลเบอร์ของนายกรัฐมนตรีเคียร์ สตาร์เมอร์ แห่งสหราชอาณาจักร ว่าแทรกแซงอย่างโจ่งแจ้งในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ หลังมีอาสาสมัครบางส่วนเดินทางมาช่วยหาเสียงให้กมลา แฮร์ริส
    .
    แคมป์หาเสียงของผู้สมัครจากรีพับลิกัน ยื่นคำร้องไปยังคณะกรรมการการเลือกตั้งกลางในวอชิงตัน เรียกร้องให้ทำการสืบสวนในสิ่งที่พวกเขาให้คำจำกัดความว่าเป็นความช่วยเหลืออย่างผิดกฎหมายจากพรรคเลเบอร์ที่มอบแก่ทีมหาเสียงของแฮร์ริส
    .
    รอยเตอร์อ้างว่าเป็นเวลานานแล้วที่บรรดาอาสาสมัครทางการเมืองสหราชอาณาจักร จะเดินทางมายังสหรัฐฯ ก่อนหน้าศึกเลือกตั้ง โดยที่พวกนักเคลื่อนไหวจากพรรคเลเบอร์ พรรคซ้ายกลาง ปกติแล้วมักให้การสนับสนุนพรรคเดโมแครต ส่วนพรรคคอนเซอร์เวทีฟ จะให้การสนับสนุนพรรครีพับลิกัน
    .
    พวกเจ้าหน้าที่สหราชอาณาจักร ซึ่งไม่ประสงค์เอ่ยนาม บอกกับรอยเตอร์ ยอมรับว่าที่ปรึกษาระดับสูงบางส่วนของพรรคเลเบอร์ เดินทางไปพบกับเหล่านักยุทธศาสตร์ของเดโมแครตในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา หลังจากพวกเขาได้รับชัยชนะอย่างถล่มทลายในศึกเลือกตั้งสหราชอาณาจักรเมื่อเดือนกรกฎาคม
    .
    นายกรัฐมนตรีสตาร์เมอร์ ปฏิเสธข้อสันนิษฐานที่ว่าเสียงคร่ำครวญเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวจะก่อความเสียหายในความสัมพันธ์กับทรัมป์ หากว่าอดีตประธานาธิบดีรายนี้คว้าชัยชนะอีกครั้งในวันที่ 5 พฤศจิกายน โดยอ้างว่าบรรดาผู้สนับสนุนพรรคเลเบอร์สมัครใจช่วยแฮร์ริส หาเสียงนอกเวลางาน
    .
    "พวกเขาทำมันในเวลาว่าง พวกเขาทำมันโดยสมัครใจ ผมคิดว่าพวกเขาคงอยู่ที่นั่น พร้อมกับอาสมัครคนอื่นๆ มันเป็นเรื่องที่ตรงไปตรงมาอย่างมาก"
    .
    เกรก สเวนสัน ประธาน Republicans Overseas UK องค์กรการเมืองที่เกี่ยวข้องกับชาวอเมริกาที่โหวตเลือกรีพับลิกัน ที่พำนักอยู่ในสหราชอาณาจักร บอกว่า ทรัมป์ เป็นคนที่ยากจะคาดเดา แต่ถ้าเขาชนะเลือกตั้งประธานาธิบดีในเดือนหน้า เหตุการณ์นี้ไม่น่าจะก่อความเสียหายในความสัมพันธ์กับสตาร์เมอร์
    .
    "ทรัมป์มักทำเรื่องต่างๆ ให้เป็นเรื่องส่วนตัว และปล่อยให้เป็นประเด็นพิพาทส่วนตัวส่งผลกระทบกับเขา" สเวนสันกล่าวกับรอยเตอร์ "แต่ผมคิดว่าทรัมป์จะมองข้ามเรื่องนี้ เรื่องนี้อาจก่อรอยแผลเป็นเล็กๆ น้อยๆ หรืออาจจะไม่ก่อบาดแผลใดๆ เลยก็ได้"
    .
    อ้างอิงกฎระเบียบในสหรัฐฯ ชาวต่างชาติสามารถสมัครใจเข้าร่วมรณรงค์หาเสียง แต่ไม่มีสิทธิให้การสนับสนุนทางการเงิน
    .
    คำร้องเรียนจากทีมหาเสียงของทรัมปื อ้างรายงานข่าวของสื่อมวลชนและข้อความหนึ่งบน LinkedIn ที่โพสต์โดย โซเฟีย พาเทล หัวหน้าฝ่ายปฏิบัติการของพรรคเลเบอร์สหราชอาณาจักร ที่เขียนว่ามีเจ้าหน้าที่พรรคเลเบอร์ทั้งในอดีตและปัจจุบันเกือบ 100 คน ที่จะเดินทางไปยังสหรัฐฯ ในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า เพื่อช่วยให้ แฮร์ริส รองประธานาธิบดีจากพรรคเดโมแครตได้รับเลือกตั้ง
    .
    ในคำร้องเรียนเขียนว่า "ข้าพเจ้าในนามของโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้สมัครเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ 2024 ร้องขอให้ดำเนินการสืบสวนในทันทีต่อการแทรกแซงโดยต่างชาติอย่างโจ่งแจ้งในศึกเลือตั้งประธานาธิบดี 2024 ในรูปแบบที่เหมือนเป็นการสนับสนุนอย่างผิดกฎหมายโดยต่างประเทศ"
    .
    "การค้นหาว่ามีต่างชาติแทรกแซงศึกเลือกตั้งของเราหรือไม่ ไม่จำเป็นต้องมองไม่ไกลนอกเหนือจากโพสต์บน LinkedIn เลย มองด้วยสายตาเปล่าก็รู้ว่าการแทรกแซงกำลังเกิดขึ้น"
    .
    ในข่าวประชาสัมพันธ์ที่ใช้ชื่อว่า "สหราชอาณาจักรกำลังมา" ทีมหาเสียงของทรัมป์ยังกล่าวด้วยว่า "พรรคเลเบอร์ พรรคฝ่ายซ้าย" เป็นแรงบันดาลใจในนโยบายเสรีนิยมและวาทกรรมที่เป็นอันตรายของกมลา แฮร์ริส
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000102310
    ..............
    Sondhi X
    ทีมหาเสียงของโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวหาพรรคเลเบอร์ของนายกรัฐมนตรีเคียร์ สตาร์เมอร์ แห่งสหราชอาณาจักร ว่าแทรกแซงอย่างโจ่งแจ้งในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ หลังมีอาสาสมัครบางส่วนเดินทางมาช่วยหาเสียงให้กมลา แฮร์ริส . แคมป์หาเสียงของผู้สมัครจากรีพับลิกัน ยื่นคำร้องไปยังคณะกรรมการการเลือกตั้งกลางในวอชิงตัน เรียกร้องให้ทำการสืบสวนในสิ่งที่พวกเขาให้คำจำกัดความว่าเป็นความช่วยเหลืออย่างผิดกฎหมายจากพรรคเลเบอร์ที่มอบแก่ทีมหาเสียงของแฮร์ริส . รอยเตอร์อ้างว่าเป็นเวลานานแล้วที่บรรดาอาสาสมัครทางการเมืองสหราชอาณาจักร จะเดินทางมายังสหรัฐฯ ก่อนหน้าศึกเลือกตั้ง โดยที่พวกนักเคลื่อนไหวจากพรรคเลเบอร์ พรรคซ้ายกลาง ปกติแล้วมักให้การสนับสนุนพรรคเดโมแครต ส่วนพรรคคอนเซอร์เวทีฟ จะให้การสนับสนุนพรรครีพับลิกัน . พวกเจ้าหน้าที่สหราชอาณาจักร ซึ่งไม่ประสงค์เอ่ยนาม บอกกับรอยเตอร์ ยอมรับว่าที่ปรึกษาระดับสูงบางส่วนของพรรคเลเบอร์ เดินทางไปพบกับเหล่านักยุทธศาสตร์ของเดโมแครตในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา หลังจากพวกเขาได้รับชัยชนะอย่างถล่มทลายในศึกเลือกตั้งสหราชอาณาจักรเมื่อเดือนกรกฎาคม . นายกรัฐมนตรีสตาร์เมอร์ ปฏิเสธข้อสันนิษฐานที่ว่าเสียงคร่ำครวญเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวจะก่อความเสียหายในความสัมพันธ์กับทรัมป์ หากว่าอดีตประธานาธิบดีรายนี้คว้าชัยชนะอีกครั้งในวันที่ 5 พฤศจิกายน โดยอ้างว่าบรรดาผู้สนับสนุนพรรคเลเบอร์สมัครใจช่วยแฮร์ริส หาเสียงนอกเวลางาน . "พวกเขาทำมันในเวลาว่าง พวกเขาทำมันโดยสมัครใจ ผมคิดว่าพวกเขาคงอยู่ที่นั่น พร้อมกับอาสมัครคนอื่นๆ มันเป็นเรื่องที่ตรงไปตรงมาอย่างมาก" . เกรก สเวนสัน ประธาน Republicans Overseas UK องค์กรการเมืองที่เกี่ยวข้องกับชาวอเมริกาที่โหวตเลือกรีพับลิกัน ที่พำนักอยู่ในสหราชอาณาจักร บอกว่า ทรัมป์ เป็นคนที่ยากจะคาดเดา แต่ถ้าเขาชนะเลือกตั้งประธานาธิบดีในเดือนหน้า เหตุการณ์นี้ไม่น่าจะก่อความเสียหายในความสัมพันธ์กับสตาร์เมอร์ . "ทรัมป์มักทำเรื่องต่างๆ ให้เป็นเรื่องส่วนตัว และปล่อยให้เป็นประเด็นพิพาทส่วนตัวส่งผลกระทบกับเขา" สเวนสันกล่าวกับรอยเตอร์ "แต่ผมคิดว่าทรัมป์จะมองข้ามเรื่องนี้ เรื่องนี้อาจก่อรอยแผลเป็นเล็กๆ น้อยๆ หรืออาจจะไม่ก่อบาดแผลใดๆ เลยก็ได้" . อ้างอิงกฎระเบียบในสหรัฐฯ ชาวต่างชาติสามารถสมัครใจเข้าร่วมรณรงค์หาเสียง แต่ไม่มีสิทธิให้การสนับสนุนทางการเงิน . คำร้องเรียนจากทีมหาเสียงของทรัมปื อ้างรายงานข่าวของสื่อมวลชนและข้อความหนึ่งบน LinkedIn ที่โพสต์โดย โซเฟีย พาเทล หัวหน้าฝ่ายปฏิบัติการของพรรคเลเบอร์สหราชอาณาจักร ที่เขียนว่ามีเจ้าหน้าที่พรรคเลเบอร์ทั้งในอดีตและปัจจุบันเกือบ 100 คน ที่จะเดินทางไปยังสหรัฐฯ ในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า เพื่อช่วยให้ แฮร์ริส รองประธานาธิบดีจากพรรคเดโมแครตได้รับเลือกตั้ง . ในคำร้องเรียนเขียนว่า "ข้าพเจ้าในนามของโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้สมัครเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ 2024 ร้องขอให้ดำเนินการสืบสวนในทันทีต่อการแทรกแซงโดยต่างชาติอย่างโจ่งแจ้งในศึกเลือตั้งประธานาธิบดี 2024 ในรูปแบบที่เหมือนเป็นการสนับสนุนอย่างผิดกฎหมายโดยต่างประเทศ" . "การค้นหาว่ามีต่างชาติแทรกแซงศึกเลือกตั้งของเราหรือไม่ ไม่จำเป็นต้องมองไม่ไกลนอกเหนือจากโพสต์บน LinkedIn เลย มองด้วยสายตาเปล่าก็รู้ว่าการแทรกแซงกำลังเกิดขึ้น" . ในข่าวประชาสัมพันธ์ที่ใช้ชื่อว่า "สหราชอาณาจักรกำลังมา" ทีมหาเสียงของทรัมป์ยังกล่าวด้วยว่า "พรรคเลเบอร์ พรรคฝ่ายซ้าย" เป็นแรงบันดาลใจในนโยบายเสรีนิยมและวาทกรรมที่เป็นอันตรายของกมลา แฮร์ริส . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000102310 .............. Sondhi X
    Like
    Haha
    9
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1892 มุมมอง 0 รีวิว
  • "สี จิ้นผิง" พบ "ปูติน" ในการประชุมสุดยอดผู้นำ ซัมมิต BRICS ครั้งที่ 16 ที่เมืองโบราณ คาซานของรัสเซีย

    โกลบอลไทมส์สื่อของทางการจีนรายงานว่า ระหว่างพบปะกับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย ในพิธีเปิดการประชุมผู้นำชาติกลุ่มบริกส์ (BRICS) ครั้งที่ 16 ที่เมืองคาซาน สาธารณรัฐตาตาร์สถานของรัสเซีย เมื่อวันอังคาร (22 ต.ค.) นั้น

    ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีนได้กล่าวยกย่องการก่อตั้งกลไกความร่วมมือบริกส์ ซึ่งมีชาติทั้งสองเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงใหญ่ว่า จีนและรัสเซียได้พบหนทางที่ถูกต้องแล้วในการอยู่ร่วมกันระหว่างชาติใหญ่ๆ ในลักษณะที่ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด ไม่มีการเผชิญหน้า และไม่มีการล็อกเป้าหมายใดๆ ทั้งสิ้นกับฝ่ายที่สาม

    ผู้นำจีนระบุว่า กลไกความร่วมมือบริกส์ถือเป็นกำลังหลักในการส่งเสริมโลกที่มีหลายขั้วอำนาจอย่างเท่าเทียมกันและเป็นระเบียบ ตลอดจนส่งเสริมการสร้างโลกาภิวัตน์ทางเศรษฐกิจที่เป็นประโยชน์อย่างครอบคลุมทั่วโลก

    นอกจากนั้น สี จิ้นผิงยังกล่าวด้วยว่า ความสัมพันธ์จีน-รัสเซียเดินมาไกลและบุกเบิกสร้างความสำเร็จมาด้วยกันหลายประการ

    ด้านรายงานของสำนักข่าวรอยเตอร์ สี จิ้นผิงได้กล่าวกับผู้นำรัสเซียว่า ขณะนี้โลกกำลังประสบกับการเปลี่ยนแปลงต่างๆ อย่างที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อนในรอบหนึ่งร้อยปี สถานการณ์ระหว่างประเทศพัวพันกันยุ่งเหยิงวุ่นวาย “แต่ผมเชื่อมั่นหนักแน่นว่า มิตรภาพระหว่างจีนกับรัสเซียจะดำเนินต่อไปหลายชั่วอายุคน และชาติที่ยิ่งใหญ่จะมีความรับผิดชอบต่อประชาชนของตนอย่างไม่เปลี่ยนแปลง”

    ขณะที่ปูตินเรียกสี จิ้นผิงว่า “เพื่อนรัก” และกล่าวว่า ความร่วมมือรัสเซีย-จีนบนเวทีโลกเป็นปัจจัยหลักอันหนึ่งในการสร้างเสถียรภาพในโลก

    ทั้งนี้ กลุ่มบริกส์ประกอบด้วยบราซิล รัสเซีย อินเดีย จีน และแอฟริกาใต้ โดยคำว่า BRICS เป็นอักษรตัวแรกของชื่อชาติสมาชิกเหล่านี้ อย่างไรก็ตาม จีนมองคำว่า BRICS นี้คือ “ก้อนทองคำ” (gold bricks) สำหรับจีน ซึ่งบ่งบอกถึงการมองศักยภาพและอนาคตอันสดใสของกลุ่มบริกส์ในแง่ดีนั่นเอง

    ภาพประกอบข่าว
    1ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน พบกับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซีย ในพิธีเปิดการประชุมสุดยอดกลุ่มบริกส์ (BRICS) ครั้งที่ 16 เมืองคาซาน ประเทศรัสเซีย เมื่อวันที่ 22 ต.ค.2567 - ภาพ: ซินหัว
    2 ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน พบกับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซีย ในพิธีเปิดการประชุมสุดยอดกลุ่มบริกส์ (BRICS) ครั้งที่ 16 เมืองคาซาน ประเทศรัสเซีย เมื่อวันที่ 22 ต.ค.2567 - ภาพ : รอยเตอร์
    3 ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน และประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซีย ชมคอนเสิร์ตก่อนงานเลี้ยงอาหารค่ำอย่างไม่เป็นทางการระหว่างการประชุมสุดยอด BRICS ที่เมืองคาซาน รัสเซีย เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2567 - ภาพ : รอยเตอร์

    ที่มา https://www.facebook.com/share/p/oFBNCmDeuDCUXw9G/?mibextid=CTbP7E

    #Thaitimes
    "สี จิ้นผิง" พบ "ปูติน" ในการประชุมสุดยอดผู้นำ ซัมมิต BRICS ครั้งที่ 16 ที่เมืองโบราณ คาซานของรัสเซีย โกลบอลไทมส์สื่อของทางการจีนรายงานว่า ระหว่างพบปะกับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย ในพิธีเปิดการประชุมผู้นำชาติกลุ่มบริกส์ (BRICS) ครั้งที่ 16 ที่เมืองคาซาน สาธารณรัฐตาตาร์สถานของรัสเซีย เมื่อวันอังคาร (22 ต.ค.) นั้น ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีนได้กล่าวยกย่องการก่อตั้งกลไกความร่วมมือบริกส์ ซึ่งมีชาติทั้งสองเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงใหญ่ว่า จีนและรัสเซียได้พบหนทางที่ถูกต้องแล้วในการอยู่ร่วมกันระหว่างชาติใหญ่ๆ ในลักษณะที่ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด ไม่มีการเผชิญหน้า และไม่มีการล็อกเป้าหมายใดๆ ทั้งสิ้นกับฝ่ายที่สาม ผู้นำจีนระบุว่า กลไกความร่วมมือบริกส์ถือเป็นกำลังหลักในการส่งเสริมโลกที่มีหลายขั้วอำนาจอย่างเท่าเทียมกันและเป็นระเบียบ ตลอดจนส่งเสริมการสร้างโลกาภิวัตน์ทางเศรษฐกิจที่เป็นประโยชน์อย่างครอบคลุมทั่วโลก นอกจากนั้น สี จิ้นผิงยังกล่าวด้วยว่า ความสัมพันธ์จีน-รัสเซียเดินมาไกลและบุกเบิกสร้างความสำเร็จมาด้วยกันหลายประการ ด้านรายงานของสำนักข่าวรอยเตอร์ สี จิ้นผิงได้กล่าวกับผู้นำรัสเซียว่า ขณะนี้โลกกำลังประสบกับการเปลี่ยนแปลงต่างๆ อย่างที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อนในรอบหนึ่งร้อยปี สถานการณ์ระหว่างประเทศพัวพันกันยุ่งเหยิงวุ่นวาย “แต่ผมเชื่อมั่นหนักแน่นว่า มิตรภาพระหว่างจีนกับรัสเซียจะดำเนินต่อไปหลายชั่วอายุคน และชาติที่ยิ่งใหญ่จะมีความรับผิดชอบต่อประชาชนของตนอย่างไม่เปลี่ยนแปลง” ขณะที่ปูตินเรียกสี จิ้นผิงว่า “เพื่อนรัก” และกล่าวว่า ความร่วมมือรัสเซีย-จีนบนเวทีโลกเป็นปัจจัยหลักอันหนึ่งในการสร้างเสถียรภาพในโลก ทั้งนี้ กลุ่มบริกส์ประกอบด้วยบราซิล รัสเซีย อินเดีย จีน และแอฟริกาใต้ โดยคำว่า BRICS เป็นอักษรตัวแรกของชื่อชาติสมาชิกเหล่านี้ อย่างไรก็ตาม จีนมองคำว่า BRICS นี้คือ “ก้อนทองคำ” (gold bricks) สำหรับจีน ซึ่งบ่งบอกถึงการมองศักยภาพและอนาคตอันสดใสของกลุ่มบริกส์ในแง่ดีนั่นเอง ภาพประกอบข่าว 1ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน พบกับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซีย ในพิธีเปิดการประชุมสุดยอดกลุ่มบริกส์ (BRICS) ครั้งที่ 16 เมืองคาซาน ประเทศรัสเซีย เมื่อวันที่ 22 ต.ค.2567 - ภาพ: ซินหัว 2 ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน พบกับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซีย ในพิธีเปิดการประชุมสุดยอดกลุ่มบริกส์ (BRICS) ครั้งที่ 16 เมืองคาซาน ประเทศรัสเซีย เมื่อวันที่ 22 ต.ค.2567 - ภาพ : รอยเตอร์ 3 ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน และประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซีย ชมคอนเสิร์ตก่อนงานเลี้ยงอาหารค่ำอย่างไม่เป็นทางการระหว่างการประชุมสุดยอด BRICS ที่เมืองคาซาน รัสเซีย เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2567 - ภาพ : รอยเตอร์ ที่มา https://www.facebook.com/share/p/oFBNCmDeuDCUXw9G/?mibextid=CTbP7E #Thaitimes
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 306 มุมมอง 0 รีวิว
  • ที่ประชุมซัมมิต BRICS ในสัปดาห์นี้ ที่เมืองคาซาน ประเทศรัสเซีย จะดึงดูดอีกหลายประเทศเข้าร่วมกลุ่มเพิ่มเติม ท่ามกลางสัญญาณว่ากลุ่ม BRICS กำลังเติบโตขึ้นเรื่อยๆ และสถานการณ์เช่นนี้ วอชิงตัน ไม่อาจโทษใครอื่นได้ยกเว้นตนเอง จากความเห็นของ ไมเคิล มาลูฟ อดีตนักวิเคราะห์กระทรวงกลาโหมอเมริกา(เพนตากอน)
    .
    ระหว่างให้สัมภาษณ์กับรายงานมาเธอร์ ออฟ ออล ทอล์ค โชว์ (MOATS) ของจอร์จ กัลโลเวย์ อดีตสมาชิกรัฐสภาสหราชอาณาจักรเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา มาลูฟ ชื่นชมประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย สำหรับการตระหนักว่าประเทศต่างๆทั่วโลกเหลือคณานับ ต่างกำลังเสาะหาระบบเศรษฐกิจที่มีความครอบคลุมมากกว่าเดิมและหาทางในสิ่งที่ มาลูฟ บอกว่า "ออกจากการอยู่ภายใต้มาตรการคว่ำบาตรอันน่ารังเกียจของตะวันตก และระบบการเงินที่กีดขวางพวกเขา"
    .
    "สหรัฐฯควบคุมระเบียบระหว่างประเทศที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานของกติกา(rules-based order) ซึ่งนั่นหมายความว่า พวกเขาไม่ใช่แค่เพียงเป็นคนสร้างกฏขึ้นมา แต่ยังสามารถละเมิดมันได้ตามความต้องการ และเราพบเห็นสิ่งนี้มาอย่างต่อเนื่อง ในการตัดสินใจทำสิ่งต่างๆของพวกเขา และโลกกำลังบอกว่าเราไม่เอาแล้ว พอแล้วสำหรับเรื่องแบบนี้" มาลูปบอกกับกัลโลเวย์
    .
    "สิ่งที่เรากำลังพบเห็นคือการท้าทายความเป็นเจ้าโลกของดอลลาร์ และการท้าทายการใช้ดอลลาร์เป็นอาวุธและระบบตะวันตก และเราได้พบเห็นกลไกต่างๆนานา ที่จะถูกนำเสนอ ณ ที่ประชุมซัมมิตครั้งนี้ ในสัปดาห์นี้"
    .
    หลังจากเสมือนถูกตัดขาดจากระบบการเงินของตะวันตก ต่อกรณีเปิดฉากรุกรานยูเครนในปี 2022 รัสเซียยกระดับความพยายามชำระการค้าต่างประเทศด้วยสกุลเงินรูเบิลและสกุลเงินอื่นๆ "เราไม่ได้เป็นคนปฏิเสธการทำธุรกรรมในรูปแบบของดอลลาร์ แต่เราถูกปฏิเสธ และเราถูกบีบให้มองหาทางเลือกอื่นๆ" ปูติน อธิบายระหว่างร่วมบรรยาย ณ เวที อิสเทิร์น อีโคโนมิค ฟอรัม ในเมืองวลาดิวอสตอค เมื่อเดือนที่แล้ว
    .
    ปูติน เน้นว่า รัสเซียและพันธมิตรในกลุ่ม BRICS เวลานี้กำลังใช้สกุลเงินท้องถิ่นในการค้าขายระหว่างกัน คิดเป็นสัดส่วนแล้วกว่า 65% และอ้างอิงจากรายงานของรอยเตอร์ รัสเซีย จะเสนอระบบการเงินระหว่างประเทศใหม่ที่อยู่บนพื้นฐาของบล็อคเชน ณ ที่ประชุมในสัปดาห์นี้
    .
    แม้มอสโกไม่ได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับรายงานของรอยเตอร์ แต่ อันทอน ซิลูอานอฟ รัฐมนตรีคลังของรัสเซีย ให้สัมภาษณ์กับอาร์ทีนิวส์ ว่ามอสโกและประเทศอื่นๆในกลุ่ม BRICS กำลังหาทางจัดตั้งโครงสร้างพื้นฐานการชำระเงินข้ามชาติใหม่ ที่ไม่ต้องพึ่งพิงระบบ SWIFT ของตะวันตกอีกต่อไป
    .
    มาลูฟ กล่าวกับ กัลโลเวย์ ว่า "ความตั้งใจของสหรัฐฯและพันธมิตรที่ในการใช้ดอลลาร์เป็นอาวุธ และปิดตายมหาอำนาจคู่อริไม่ให้เข้าถึงระบบของตะวันตก กลับกลายเป็นการผลักดันให้บรรดาประเทศที่เป็นมิตรกับวอชิงตัน อย่างบราซิล อินเดียและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ กำลังหาทางเลือกอื่น"
    .
    "ประกอบกับที่ข้อเท็จจริงที่ว่า มาตรการคว่ำบาตรผลักให้รัสเซียและจีน เข้าสู่ความเป็นพันธมิตรใกล้ชิดที่สุดเท่าที่เคยมีมาก มันพิสูจน์แล้วว่า คุณไม่อาจพบเห็นความคิดเชิงกลยุทธ์ออกมาจากสหรัฐฯอีกต่อไปแล้ว" เขาบอกกับกัลโลเวย์
    .
    BRICS เดิมทีก่อตั้งโดย บราซิล จีน อินเดียและจีน ก่อนแอฟริกาเข้าร่วมในปี 2011 ขณะที่ล่าสุด อียิปต์, เอธิโอเปีย อิหร่านและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เข้าร่วมในปี 2024 ส่วน ซาอุดีอาระเบีย ยังไม่ได้ให้สัตยาบันความเป็นรัฐสมาชิก หลังจากได้รับเชิญให้เข้าร่วม
    .
    ปัจจุบัน รัสเซีย ดำรงตำแหน่งประธาน BRICS และมีมากกว่า 30 ประเทศ ในนั้นรวมถึงสมาชิกนาโตอย่างตุรกี ที่ยื่นสมัครเข้าเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่ม
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000101624
    ..............
    Sondhi X
    ที่ประชุมซัมมิต BRICS ในสัปดาห์นี้ ที่เมืองคาซาน ประเทศรัสเซีย จะดึงดูดอีกหลายประเทศเข้าร่วมกลุ่มเพิ่มเติม ท่ามกลางสัญญาณว่ากลุ่ม BRICS กำลังเติบโตขึ้นเรื่อยๆ และสถานการณ์เช่นนี้ วอชิงตัน ไม่อาจโทษใครอื่นได้ยกเว้นตนเอง จากความเห็นของ ไมเคิล มาลูฟ อดีตนักวิเคราะห์กระทรวงกลาโหมอเมริกา(เพนตากอน) . ระหว่างให้สัมภาษณ์กับรายงานมาเธอร์ ออฟ ออล ทอล์ค โชว์ (MOATS) ของจอร์จ กัลโลเวย์ อดีตสมาชิกรัฐสภาสหราชอาณาจักรเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา มาลูฟ ชื่นชมประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย สำหรับการตระหนักว่าประเทศต่างๆทั่วโลกเหลือคณานับ ต่างกำลังเสาะหาระบบเศรษฐกิจที่มีความครอบคลุมมากกว่าเดิมและหาทางในสิ่งที่ มาลูฟ บอกว่า "ออกจากการอยู่ภายใต้มาตรการคว่ำบาตรอันน่ารังเกียจของตะวันตก และระบบการเงินที่กีดขวางพวกเขา" . "สหรัฐฯควบคุมระเบียบระหว่างประเทศที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานของกติกา(rules-based order) ซึ่งนั่นหมายความว่า พวกเขาไม่ใช่แค่เพียงเป็นคนสร้างกฏขึ้นมา แต่ยังสามารถละเมิดมันได้ตามความต้องการ และเราพบเห็นสิ่งนี้มาอย่างต่อเนื่อง ในการตัดสินใจทำสิ่งต่างๆของพวกเขา และโลกกำลังบอกว่าเราไม่เอาแล้ว พอแล้วสำหรับเรื่องแบบนี้" มาลูปบอกกับกัลโลเวย์ . "สิ่งที่เรากำลังพบเห็นคือการท้าทายความเป็นเจ้าโลกของดอลลาร์ และการท้าทายการใช้ดอลลาร์เป็นอาวุธและระบบตะวันตก และเราได้พบเห็นกลไกต่างๆนานา ที่จะถูกนำเสนอ ณ ที่ประชุมซัมมิตครั้งนี้ ในสัปดาห์นี้" . หลังจากเสมือนถูกตัดขาดจากระบบการเงินของตะวันตก ต่อกรณีเปิดฉากรุกรานยูเครนในปี 2022 รัสเซียยกระดับความพยายามชำระการค้าต่างประเทศด้วยสกุลเงินรูเบิลและสกุลเงินอื่นๆ "เราไม่ได้เป็นคนปฏิเสธการทำธุรกรรมในรูปแบบของดอลลาร์ แต่เราถูกปฏิเสธ และเราถูกบีบให้มองหาทางเลือกอื่นๆ" ปูติน อธิบายระหว่างร่วมบรรยาย ณ เวที อิสเทิร์น อีโคโนมิค ฟอรัม ในเมืองวลาดิวอสตอค เมื่อเดือนที่แล้ว . ปูติน เน้นว่า รัสเซียและพันธมิตรในกลุ่ม BRICS เวลานี้กำลังใช้สกุลเงินท้องถิ่นในการค้าขายระหว่างกัน คิดเป็นสัดส่วนแล้วกว่า 65% และอ้างอิงจากรายงานของรอยเตอร์ รัสเซีย จะเสนอระบบการเงินระหว่างประเทศใหม่ที่อยู่บนพื้นฐาของบล็อคเชน ณ ที่ประชุมในสัปดาห์นี้ . แม้มอสโกไม่ได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับรายงานของรอยเตอร์ แต่ อันทอน ซิลูอานอฟ รัฐมนตรีคลังของรัสเซีย ให้สัมภาษณ์กับอาร์ทีนิวส์ ว่ามอสโกและประเทศอื่นๆในกลุ่ม BRICS กำลังหาทางจัดตั้งโครงสร้างพื้นฐานการชำระเงินข้ามชาติใหม่ ที่ไม่ต้องพึ่งพิงระบบ SWIFT ของตะวันตกอีกต่อไป . มาลูฟ กล่าวกับ กัลโลเวย์ ว่า "ความตั้งใจของสหรัฐฯและพันธมิตรที่ในการใช้ดอลลาร์เป็นอาวุธ และปิดตายมหาอำนาจคู่อริไม่ให้เข้าถึงระบบของตะวันตก กลับกลายเป็นการผลักดันให้บรรดาประเทศที่เป็นมิตรกับวอชิงตัน อย่างบราซิล อินเดียและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ กำลังหาทางเลือกอื่น" . "ประกอบกับที่ข้อเท็จจริงที่ว่า มาตรการคว่ำบาตรผลักให้รัสเซียและจีน เข้าสู่ความเป็นพันธมิตรใกล้ชิดที่สุดเท่าที่เคยมีมาก มันพิสูจน์แล้วว่า คุณไม่อาจพบเห็นความคิดเชิงกลยุทธ์ออกมาจากสหรัฐฯอีกต่อไปแล้ว" เขาบอกกับกัลโลเวย์ . BRICS เดิมทีก่อตั้งโดย บราซิล จีน อินเดียและจีน ก่อนแอฟริกาเข้าร่วมในปี 2011 ขณะที่ล่าสุด อียิปต์, เอธิโอเปีย อิหร่านและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เข้าร่วมในปี 2024 ส่วน ซาอุดีอาระเบีย ยังไม่ได้ให้สัตยาบันความเป็นรัฐสมาชิก หลังจากได้รับเชิญให้เข้าร่วม . ปัจจุบัน รัสเซีย ดำรงตำแหน่งประธาน BRICS และมีมากกว่า 30 ประเทศ ในนั้นรวมถึงสมาชิกนาโตอย่างตุรกี ที่ยื่นสมัครเข้าเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่ม . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000101624 .............. Sondhi X
    Like
    8
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 935 มุมมอง 0 รีวิว
  • อเมริกาส่งผู้แทนไปเบรุตหารือเงื่อนไขการหยุดยิงระหว่างอิสราเอลกับฮิซบอลเลาะห์ ขณะที่กองทัพยิวเปลี่ยนเป้าหมาย อ้างมุ่งถล่มธนาคารเงาของฮิซบอลเลาะห์ทั่วเลบานอน ด้านนักการทูตและแหล่งข่าวในตะวันออกกลางระบุว่า อิสราเอลกำลังพยายามสร้างความเสียหายต่อศัตรูให้ได้มากที่สุดเพื่อสร้างความเป็นจริงใหม่ที่ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้ในภูมิภาคก่อนที่ประธานาธิบดีคนใหม่ของอเมริกาจะเข้ารับตำแหน่งในเดือนมกราคมปีหน้า
    .
    มีรายงานว่า อเมริกาตั้งความหวังกับการผลักดันสันติภาพในตะวันออกกลางครั้งใหม่ ภายหลังยาห์ยา ซินวาร์ ผู้นำกลุ่มฮามาสและผู้วางแผนโจมตีอิสราเอลเมื่อวันที่ 7 ตุลาคมปีที่แล้ว ที่จุดชนวนสงครามในกาซา ถูกสังหารเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา
    .
    เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ กำลังพยายามเป็นตัวกลางการหยุดยิงในเลบานอนที่อิสราเอลเริ่มปฏิบัติการภาคพื้นดินเมื่อเดือนที่แล้ว รวมทั้งสังหารผู้นำอาวุโสของฮิซบอลเลาะห์ที่ประกาศต่อสู้กับอิสราเอลในนามชาวปาเลสไตน์
    .
    รายงานระบุว่า ตลอดคืนวันอาทิตย์ (20 ต.ค.) อิสราเอลโจมตีสถานที่หลายแห่งในกรุงเบรุต ทางใต้ของเลบานอน และหุบเขาเบกา ซึ่งอยู่ทางภาคตะวันออกของเลบานอน เป้าหมายคือสาขาต่างๆ ของอัล-การ์ด อัล-ฮัสซัน แอสโซซิเอชัน ซึ่งเป็นระบบธนาคารทางเลือกในเลบานอนที่ฮิซบอลเลาะห์ดำเนินการและใช้เพื่อจัดการการเงินของกลุ่มที่รวมถึงการจ่ายเงินเดือนนักรบและซื้ออาวุธ
    .
    การโจมตีดังกล่าวส่งผลให้ประชาชนหลายร้อยครอบครัวที่อาศัยอยู่ใกล้กับสถานที่ซึ่งตกเป็นเป้าหมายต้องอพยพก่อนการโจมตี แม้ล่าสุดยังไม่มีรายงานผู้เสียชีวิต
    .
    อัล-การ์ด อัล-ฮัสซัน ซึ่งเป็นองค์การที่ถูกอเมริกาแซงก์ชันอยู่แล้ว มีสาขากว่า 30 แห่งในเลบานอน รวมถึงสาขา 15 แห่งที่ตั้งอยู่ในย่านที่มีผู้คนแออัดบริเวณใจกลางและชานเมืองเบรุต
    .
    นอกจากนั้นโทรทัศน์ข่าวเอ็นเอ็นเอยังรายงานว่า มีการโจมตีใกล้ๆ กับท่าอากาศยานของเบรุต ซึ่งเป็นช่องทางหลักในการจัดส่งความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมสู่เลบานอน และฮับการอพยพสำคัญ
    .
    ขณะเดียวกัน รอยเตอร์รายงานว่า อามอส ฮ็อกสทีน ผู้แทนของอเมริกา มีกำหนดเข้าพบ นาจิบ มิคาติ รักษาการนายกรัฐมนตรีเลบานอน และนาบิห์ เบอร์รี ประธานสภาผู้แทนราษฎรเลบานอน ที่เบรุตในวันจันทร์
    .
    เบอร์รีให้สัมภาษณ์สถานีอัล-อราบิยา เมื่อสุดสัปดาห์ว่า การเยือนของฮ็อกสทีนเป็นโอกาสสุดท้ายในการบรรลุข้อตกลงหยุดยิงก่อนที่อเมริกาจะจัดการเลือกตั้ง อย่างไรก็ดี เขาคัดค้านการเปลี่ยนแปลงใดๆ ต่อข้อตกลงที่ปิดฉากสงครามใหญ่ระหว่างฮิซบอลเลาะห์กับอิสราเอลเมื่อปี 2006
    .
    ขณะเดียวกัน แอกซิออส สื่อออนไลน์ของอเมริการายงานเมื่อวันอาทิตย์โดยอ้างการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ และเจ้าหน้าที่อิสราเอลฝ่ายละ 2 คนว่า อิสราเอลส่งเงื่อนไขการยุติสงครามในเลบานอนด้วยแนวทางการทูตให้วอชิงตัน ซึ่งประกอบด้วยการที่อิสราเอลจะต้องได้รับอนุญาตให้มีส่วนร่วมในการใช้กำลังบังคับเพื่อให้แน่ใจว่า ฮิซบอลเลาะห์จะไม่สามารถซ่องสุมกำลังใหม่ใกล้ชายแดนอิสราเอล และกองทัพอิสราเอลสามารถปฏิบัติภารกิจเหนือน่านฟ้าเลบานอนได้อย่างเสรี
    .
    ทว่า เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ สำทับกับแอกซิออสว่า เลบานอนและนานาชาติไม่มีแนวโน้มยอมรับเงื่อนไขของอิสราเอล
    .
    เวลาเดียวกัน นักการทูตและแหล่งข่าวอื่นๆ ในตะวันออกกลางระบุว่า อิสราเอลกำลังพยายามสร้างความเสียหายต่อศัตรูให้ได้มากที่สุดเพื่อสร้างความเป็นจริงใหม่ที่ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้ในภูมิภาคก่อนที่ประธานาธิบดีคนใหม่ของอเมริกาจะเข้ารับตำแหน่งในเดือนมกราคมปีหน้า
    .
    นอกจากเดินหน้าปฏิบัติการทางทหารอย่างรุนแรงต่อเนื่องทั้งในเลบานอนและฉนวนกาซา กองทัพอิสราเอลยังกำลังเตรียมการแก้แค้นอิหร่านที่ยิงขีปนาวุธใส่หลายร้อยลูกเมื่อต้นเดือน โดยที่วอชิงตันพยายามกดดันไม่ให้ยิวโจมตีโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานและที่ตั้งนิวเคลียร์ของเตหะราน
    .
    ลอยด์ ออสติน รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ เปิดเผยระหว่างเดินทางเยือนยูเครนว่า กองทัพสหรัฐฯ ส่งระบบต่อต้านขีปนาวุธขั้นสูงถึงอิสราเอลและติดตั้งแล้ว แต่ปฏิเสธที่จะให้รายละเอียดว่า มีการประจำการระบบป้องกันภัยทางอากาศในบรรยากาศชั้นสูง (THAAD) หรือไม่
    .
    ทางด้านอิหร่านนั้น เอสมาอิล บาเกอี โฆษกกระทรวงการต่างประเทศร้องเรียนกับหน่วยงานกำกับดูแลด้านนิวเคลียร์ของสหประชาชาติ เกี่ยวกับการคุกคามของอิสราเอลต่อที่ตั้งนิวเคลียร์ของตนระหว่างการแถลงข่าวประจำสัปดาห์เมื่อวันจันทร์ (21 ต.ค.)
    .
    อนึ่ง เมื่อวันอาทิตย์ พลเรือตรีแดเนียล ฮาการี โฆษกกองทัพอิสราเอล แถลงว่า พันเอกอาห์ซาน ดัคซา ผู้บังคับการกองพลน้อยที่ 401 ของตน ถูกระเบิดเสียชีวิตระหว่างลงจากรถถังเพื่อตรวจสอบพื้นที่ในค่ายผู้ลี้ภัยจาบาเลีย ทางตอนเหนือของกาซา นับเป็นหนึ่งในผู้บัญชาการทหารอาวุโสที่สุดที่เสียชีวิตในสงครามกาซา
    .
    นอกจากนั้นในเหตุการณ์ดังกล่าวยังมีผู้บังคับการกองพลน้อยอีกนายหนึ่ง รวมถึงทหารอีก 2 นายได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย
    .
    ด้านรัฐมนตรีกลาโหม โยอัฟ แกลลันต์ กล่าวในคำแถลงแยกต่างหากอีกฉบับหนึ่งว่า ดัคซาถูกสังหาร “ขณะกำลังสู้รบกับพวกผู้ก่อการร้ายฮามาส”
    .
    พวกเขาก้าวออกมานอกรถถัง “เพื่อสังเกตการณ์พื้นที่บริเวณนั้น และถูกโจมตีด้วยวัตถุระเบิด” ฮาการี บอก
    .
    ดัคซา ซึ่งอยู่ในวัย 41 ปี เป็นสมาชิกคนหนึ่งของชุมชนดรูซ และได้รับแต่งตั้งเป็นผู้บังคับการกองพลน้อยเมื่อ 4 เดือนก่อน ฮาการี บอกว่า กองพลน้อยของเขา “เป็นผู้นำการโจมตี” ใน จาบาเลีย
    .
    กองทหารอิสราเอลนั้นเปิดการถล่มโจมตีทั้งทางภาคพื้นดินและทางอากาศแบบมุ่งทำลายล้างในจาบาเลีย และส่วนอื่นๆ ของภาคเหนือกาซามาตั้งแต่วันที่ 6 ตุลาคม โดยที่รัฐยิวอ้างว่าเพื่อป้องกันไม่ให้พวกนักรบฮามาสกลับมารวมตัวกันได้อีก
    .
    สำนักงานป้องกันภัยฝ่ายพลเรือนในพื้นที่ปกครองของฮามาสแถลงว่า มีผู้คนกว่า 400 คนแล้วที่ถูกเข่นฆ่าในช่วง 2 สัปดาห์ของการถูกถล่มโจมตี ซึ่งยังคงดำเนินอยู่ในวันอาทิตย์ (20)
    .
    ดัคซา ได้รับเหรียญกล้าหาญจากการช่วยชีวิตพวกทหารที่ได้รับบาดเจ็บระหว่างสงครามที่อิสราเอลทำกับฮิซบอลเลาะห์ในปี 2006 ขณะที่ประธานาธิบดีไอฉซค เฮอร์ซอค ของอิสราเอล กล่าวสรรเสริญ ดัคซา ในวันอาทิตย์ โดยเรียกเขาว่าเป็น “ฮีโร่” และบอกว่าการตายของเขาเป็น “ความสูญเสียของอิสราเอล และความสูญเสียสำหรับสังคมอิสราเอล”
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000101618
    ..............
    Sondhi X
    อเมริกาส่งผู้แทนไปเบรุตหารือเงื่อนไขการหยุดยิงระหว่างอิสราเอลกับฮิซบอลเลาะห์ ขณะที่กองทัพยิวเปลี่ยนเป้าหมาย อ้างมุ่งถล่มธนาคารเงาของฮิซบอลเลาะห์ทั่วเลบานอน ด้านนักการทูตและแหล่งข่าวในตะวันออกกลางระบุว่า อิสราเอลกำลังพยายามสร้างความเสียหายต่อศัตรูให้ได้มากที่สุดเพื่อสร้างความเป็นจริงใหม่ที่ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้ในภูมิภาคก่อนที่ประธานาธิบดีคนใหม่ของอเมริกาจะเข้ารับตำแหน่งในเดือนมกราคมปีหน้า . มีรายงานว่า อเมริกาตั้งความหวังกับการผลักดันสันติภาพในตะวันออกกลางครั้งใหม่ ภายหลังยาห์ยา ซินวาร์ ผู้นำกลุ่มฮามาสและผู้วางแผนโจมตีอิสราเอลเมื่อวันที่ 7 ตุลาคมปีที่แล้ว ที่จุดชนวนสงครามในกาซา ถูกสังหารเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา . เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ กำลังพยายามเป็นตัวกลางการหยุดยิงในเลบานอนที่อิสราเอลเริ่มปฏิบัติการภาคพื้นดินเมื่อเดือนที่แล้ว รวมทั้งสังหารผู้นำอาวุโสของฮิซบอลเลาะห์ที่ประกาศต่อสู้กับอิสราเอลในนามชาวปาเลสไตน์ . รายงานระบุว่า ตลอดคืนวันอาทิตย์ (20 ต.ค.) อิสราเอลโจมตีสถานที่หลายแห่งในกรุงเบรุต ทางใต้ของเลบานอน และหุบเขาเบกา ซึ่งอยู่ทางภาคตะวันออกของเลบานอน เป้าหมายคือสาขาต่างๆ ของอัล-การ์ด อัล-ฮัสซัน แอสโซซิเอชัน ซึ่งเป็นระบบธนาคารทางเลือกในเลบานอนที่ฮิซบอลเลาะห์ดำเนินการและใช้เพื่อจัดการการเงินของกลุ่มที่รวมถึงการจ่ายเงินเดือนนักรบและซื้ออาวุธ . การโจมตีดังกล่าวส่งผลให้ประชาชนหลายร้อยครอบครัวที่อาศัยอยู่ใกล้กับสถานที่ซึ่งตกเป็นเป้าหมายต้องอพยพก่อนการโจมตี แม้ล่าสุดยังไม่มีรายงานผู้เสียชีวิต . อัล-การ์ด อัล-ฮัสซัน ซึ่งเป็นองค์การที่ถูกอเมริกาแซงก์ชันอยู่แล้ว มีสาขากว่า 30 แห่งในเลบานอน รวมถึงสาขา 15 แห่งที่ตั้งอยู่ในย่านที่มีผู้คนแออัดบริเวณใจกลางและชานเมืองเบรุต . นอกจากนั้นโทรทัศน์ข่าวเอ็นเอ็นเอยังรายงานว่า มีการโจมตีใกล้ๆ กับท่าอากาศยานของเบรุต ซึ่งเป็นช่องทางหลักในการจัดส่งความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมสู่เลบานอน และฮับการอพยพสำคัญ . ขณะเดียวกัน รอยเตอร์รายงานว่า อามอส ฮ็อกสทีน ผู้แทนของอเมริกา มีกำหนดเข้าพบ นาจิบ มิคาติ รักษาการนายกรัฐมนตรีเลบานอน และนาบิห์ เบอร์รี ประธานสภาผู้แทนราษฎรเลบานอน ที่เบรุตในวันจันทร์ . เบอร์รีให้สัมภาษณ์สถานีอัล-อราบิยา เมื่อสุดสัปดาห์ว่า การเยือนของฮ็อกสทีนเป็นโอกาสสุดท้ายในการบรรลุข้อตกลงหยุดยิงก่อนที่อเมริกาจะจัดการเลือกตั้ง อย่างไรก็ดี เขาคัดค้านการเปลี่ยนแปลงใดๆ ต่อข้อตกลงที่ปิดฉากสงครามใหญ่ระหว่างฮิซบอลเลาะห์กับอิสราเอลเมื่อปี 2006 . ขณะเดียวกัน แอกซิออส สื่อออนไลน์ของอเมริการายงานเมื่อวันอาทิตย์โดยอ้างการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ และเจ้าหน้าที่อิสราเอลฝ่ายละ 2 คนว่า อิสราเอลส่งเงื่อนไขการยุติสงครามในเลบานอนด้วยแนวทางการทูตให้วอชิงตัน ซึ่งประกอบด้วยการที่อิสราเอลจะต้องได้รับอนุญาตให้มีส่วนร่วมในการใช้กำลังบังคับเพื่อให้แน่ใจว่า ฮิซบอลเลาะห์จะไม่สามารถซ่องสุมกำลังใหม่ใกล้ชายแดนอิสราเอล และกองทัพอิสราเอลสามารถปฏิบัติภารกิจเหนือน่านฟ้าเลบานอนได้อย่างเสรี . ทว่า เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ สำทับกับแอกซิออสว่า เลบานอนและนานาชาติไม่มีแนวโน้มยอมรับเงื่อนไขของอิสราเอล . เวลาเดียวกัน นักการทูตและแหล่งข่าวอื่นๆ ในตะวันออกกลางระบุว่า อิสราเอลกำลังพยายามสร้างความเสียหายต่อศัตรูให้ได้มากที่สุดเพื่อสร้างความเป็นจริงใหม่ที่ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้ในภูมิภาคก่อนที่ประธานาธิบดีคนใหม่ของอเมริกาจะเข้ารับตำแหน่งในเดือนมกราคมปีหน้า . นอกจากเดินหน้าปฏิบัติการทางทหารอย่างรุนแรงต่อเนื่องทั้งในเลบานอนและฉนวนกาซา กองทัพอิสราเอลยังกำลังเตรียมการแก้แค้นอิหร่านที่ยิงขีปนาวุธใส่หลายร้อยลูกเมื่อต้นเดือน โดยที่วอชิงตันพยายามกดดันไม่ให้ยิวโจมตีโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานและที่ตั้งนิวเคลียร์ของเตหะราน . ลอยด์ ออสติน รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ เปิดเผยระหว่างเดินทางเยือนยูเครนว่า กองทัพสหรัฐฯ ส่งระบบต่อต้านขีปนาวุธขั้นสูงถึงอิสราเอลและติดตั้งแล้ว แต่ปฏิเสธที่จะให้รายละเอียดว่า มีการประจำการระบบป้องกันภัยทางอากาศในบรรยากาศชั้นสูง (THAAD) หรือไม่ . ทางด้านอิหร่านนั้น เอสมาอิล บาเกอี โฆษกกระทรวงการต่างประเทศร้องเรียนกับหน่วยงานกำกับดูแลด้านนิวเคลียร์ของสหประชาชาติ เกี่ยวกับการคุกคามของอิสราเอลต่อที่ตั้งนิวเคลียร์ของตนระหว่างการแถลงข่าวประจำสัปดาห์เมื่อวันจันทร์ (21 ต.ค.) . อนึ่ง เมื่อวันอาทิตย์ พลเรือตรีแดเนียล ฮาการี โฆษกกองทัพอิสราเอล แถลงว่า พันเอกอาห์ซาน ดัคซา ผู้บังคับการกองพลน้อยที่ 401 ของตน ถูกระเบิดเสียชีวิตระหว่างลงจากรถถังเพื่อตรวจสอบพื้นที่ในค่ายผู้ลี้ภัยจาบาเลีย ทางตอนเหนือของกาซา นับเป็นหนึ่งในผู้บัญชาการทหารอาวุโสที่สุดที่เสียชีวิตในสงครามกาซา . นอกจากนั้นในเหตุการณ์ดังกล่าวยังมีผู้บังคับการกองพลน้อยอีกนายหนึ่ง รวมถึงทหารอีก 2 นายได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย . ด้านรัฐมนตรีกลาโหม โยอัฟ แกลลันต์ กล่าวในคำแถลงแยกต่างหากอีกฉบับหนึ่งว่า ดัคซาถูกสังหาร “ขณะกำลังสู้รบกับพวกผู้ก่อการร้ายฮามาส” . พวกเขาก้าวออกมานอกรถถัง “เพื่อสังเกตการณ์พื้นที่บริเวณนั้น และถูกโจมตีด้วยวัตถุระเบิด” ฮาการี บอก . ดัคซา ซึ่งอยู่ในวัย 41 ปี เป็นสมาชิกคนหนึ่งของชุมชนดรูซ และได้รับแต่งตั้งเป็นผู้บังคับการกองพลน้อยเมื่อ 4 เดือนก่อน ฮาการี บอกว่า กองพลน้อยของเขา “เป็นผู้นำการโจมตี” ใน จาบาเลีย . กองทหารอิสราเอลนั้นเปิดการถล่มโจมตีทั้งทางภาคพื้นดินและทางอากาศแบบมุ่งทำลายล้างในจาบาเลีย และส่วนอื่นๆ ของภาคเหนือกาซามาตั้งแต่วันที่ 6 ตุลาคม โดยที่รัฐยิวอ้างว่าเพื่อป้องกันไม่ให้พวกนักรบฮามาสกลับมารวมตัวกันได้อีก . สำนักงานป้องกันภัยฝ่ายพลเรือนในพื้นที่ปกครองของฮามาสแถลงว่า มีผู้คนกว่า 400 คนแล้วที่ถูกเข่นฆ่าในช่วง 2 สัปดาห์ของการถูกถล่มโจมตี ซึ่งยังคงดำเนินอยู่ในวันอาทิตย์ (20) . ดัคซา ได้รับเหรียญกล้าหาญจากการช่วยชีวิตพวกทหารที่ได้รับบาดเจ็บระหว่างสงครามที่อิสราเอลทำกับฮิซบอลเลาะห์ในปี 2006 ขณะที่ประธานาธิบดีไอฉซค เฮอร์ซอค ของอิสราเอล กล่าวสรรเสริญ ดัคซา ในวันอาทิตย์ โดยเรียกเขาว่าเป็น “ฮีโร่” และบอกว่าการตายของเขาเป็น “ความสูญเสียของอิสราเอล และความสูญเสียสำหรับสังคมอิสราเอล” . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000101618 .............. Sondhi X
    Like
    Haha
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 892 มุมมอง 0 รีวิว
  • อับบาส อารากชี รัฐมนตรีต่างประเทศอิหร่าน เตือนว่าพวกเขาจะมองสหรัฐฯ เป็นผู้สมคบคิดหากว่าอิสราเอลทำตามคำขู่ ด้วยการโจมตีครั้งใหญ่ใส่สาธารณรัฐอิสลาม
    .
    เมื่อวันศุกร์ (18 ต.ค.) พวกผู้สื่อข่าวสอบถามประธานาธิบดีโจ ไบเดน ว่าเขารับทราบหรือไม่ ว่าอิสราเอล พันธมิตรใกล้ชิดที่สุดของวอชิงตันในตะวันออกกลางจะดำเนินการอย่างไรในการตอบโต้อิหร่าน ต่อกรณีห่ายิงขีปนาวุธเข้าใส่เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม และ อิสราเอลจะทำการแก้แค้นอิหร่านจริงๆ ใช่หรือไม่
    .
    ในเรื่องนี้ ไบเดน ตอบกลับว่า "ใช่ ใช่" แต่ปฏิเสธให้รายละเอียดเพิ่มเติม
    .
    อารากชี เขียนบนแพลตฟอร์มเอ็กซ์เมื่อวันเสาร์ (19 ต.ค.) เน้นย้ำว่า "ใครก็ตามที่รับทราบหรือเข้าใจว่าอิสราเอลจะตอบโต้อิหร่านอย่างไรและเมื่อไหร่ หรือมอบหนทางต่างๆ และสนับสนุนความคิดที่โง่เขลาดังกล่าว มันเป็นเรื่องสมเหตุสมผลที่พวกเขาควรต้องรับผิดชอบสำหรับความเป็นไปได้ของความสูญเสียใดๆ"
    .
    สารของรัฐมนตรีรายนี้ไม่ได้พาดพิงถึงวอชิงตันโดยตรง แต่โพสต์ของเขาได้แนบรายงานข่าวชิ้นหนึ่งของรอยเตอร์ เกี่ยวกับคำสัมภาษณ์ของไบเดน ที่ยืนยันว่าเขารับทราบเกี่ยวกับแผนการต่างๆ ของอิสราเอลในการเล็งเป้าเล่นงานอิหร่าน"
    .
    สำนักข่าวซีเอ็นเอ็นรายงานในวันเสาร์ (19 ต.ค.) รายงานอ้างแหล่งข่าว 3 คน ว่าสหรัฐฯ ได้เปิดการสืบสวนหนึ่ง หลังจากข่าวกรองลับสุดยอดต่อกรณีอิสราเอลกำลังเตรียมการสำหรับความเป็นไปได้ในการโจมตีอิสราเอล รั่วหลุดสู่สื่อสังคมออนไลน์
    .
    เอกสาร 2 ฉบับที่โพสต์บนเทเลแกรมเมื่อวันศุกร์ (18 ต.ค.) หนึ่งในนั้นดูเหมือนเป็นเอกสารที่ตระเตรียมโดยสำนักงานข่าวกรองภูมิสารสนเทศแห่งชาติของกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ที่ระบุว่ากองทัพอิสราเอลกำลังเดินหน้าเตรียมการกระสุน และเบี่ยงความเคลื่อนไหวต่างๆ ของอากาศยานไร้คนขับในวันที่ 19 ตุลาคม ซึ่งชัดเจนว่าน่าจะเพื่อการโจมตีเล่นงานอิหร่าน
    .
    ส่วนเอกสารอีกฉบับบรรจุรายละเอียดหนึ่งของการฝึกซ้อมประจำการทางทหารขนานใหญ่ โดยกองทัพอากาศอิสราเอล ระหว่างวันที่ 15 และ 16 ตุลาคมที่ผ่านมา
    .
    เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม อิหร่านรัวยิงขีปนาวุธเกือบ 200 ลูกเข้าใส่อิสราเอล เรียกมันว่าเป็นการแก้แค้นให้เหตุลอบสังหารพวกผู้นำฮามาสและฮิซบอลเลาะห์ เช่นเดียวกับนายพลรายหนึ่งของกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลามแห่งอิหร่าน
    .
    นับตั้งแต่นั้น โยอาฟ กัลแลนท์ รัฐมนตรีกลาโหมของอิสราเอล ขู่ทำการแก้แค้น "นองเลือด แม่นยำและแบบไม่คาดคิด" ในขณะที่พวกเจ้าหน้าที่อิสราเอลบางส่วนเรียกร้องให้โจมตีโครงสร้างพื้นฐานทางพลังงานของอิหร่าน ในนั้นรวมถึงโรงงานนิวเคลียร์
    .
    ทำเนียบของ เบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล ระบุในวันพฤหัสบดี (17 ต.ค.) ว่าประเทศแห่งนี้จะตัดสินใจขั้นสุดท้ายเกี่ยวกับการแก้แค้น "บนพื้นฐานของผลประโยชน์แห่งชาติของเรา"
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000101220
    ..............
    Sondhi X
    อับบาส อารากชี รัฐมนตรีต่างประเทศอิหร่าน เตือนว่าพวกเขาจะมองสหรัฐฯ เป็นผู้สมคบคิดหากว่าอิสราเอลทำตามคำขู่ ด้วยการโจมตีครั้งใหญ่ใส่สาธารณรัฐอิสลาม . เมื่อวันศุกร์ (18 ต.ค.) พวกผู้สื่อข่าวสอบถามประธานาธิบดีโจ ไบเดน ว่าเขารับทราบหรือไม่ ว่าอิสราเอล พันธมิตรใกล้ชิดที่สุดของวอชิงตันในตะวันออกกลางจะดำเนินการอย่างไรในการตอบโต้อิหร่าน ต่อกรณีห่ายิงขีปนาวุธเข้าใส่เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม และ อิสราเอลจะทำการแก้แค้นอิหร่านจริงๆ ใช่หรือไม่ . ในเรื่องนี้ ไบเดน ตอบกลับว่า "ใช่ ใช่" แต่ปฏิเสธให้รายละเอียดเพิ่มเติม . อารากชี เขียนบนแพลตฟอร์มเอ็กซ์เมื่อวันเสาร์ (19 ต.ค.) เน้นย้ำว่า "ใครก็ตามที่รับทราบหรือเข้าใจว่าอิสราเอลจะตอบโต้อิหร่านอย่างไรและเมื่อไหร่ หรือมอบหนทางต่างๆ และสนับสนุนความคิดที่โง่เขลาดังกล่าว มันเป็นเรื่องสมเหตุสมผลที่พวกเขาควรต้องรับผิดชอบสำหรับความเป็นไปได้ของความสูญเสียใดๆ" . สารของรัฐมนตรีรายนี้ไม่ได้พาดพิงถึงวอชิงตันโดยตรง แต่โพสต์ของเขาได้แนบรายงานข่าวชิ้นหนึ่งของรอยเตอร์ เกี่ยวกับคำสัมภาษณ์ของไบเดน ที่ยืนยันว่าเขารับทราบเกี่ยวกับแผนการต่างๆ ของอิสราเอลในการเล็งเป้าเล่นงานอิหร่าน" . สำนักข่าวซีเอ็นเอ็นรายงานในวันเสาร์ (19 ต.ค.) รายงานอ้างแหล่งข่าว 3 คน ว่าสหรัฐฯ ได้เปิดการสืบสวนหนึ่ง หลังจากข่าวกรองลับสุดยอดต่อกรณีอิสราเอลกำลังเตรียมการสำหรับความเป็นไปได้ในการโจมตีอิสราเอล รั่วหลุดสู่สื่อสังคมออนไลน์ . เอกสาร 2 ฉบับที่โพสต์บนเทเลแกรมเมื่อวันศุกร์ (18 ต.ค.) หนึ่งในนั้นดูเหมือนเป็นเอกสารที่ตระเตรียมโดยสำนักงานข่าวกรองภูมิสารสนเทศแห่งชาติของกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ที่ระบุว่ากองทัพอิสราเอลกำลังเดินหน้าเตรียมการกระสุน และเบี่ยงความเคลื่อนไหวต่างๆ ของอากาศยานไร้คนขับในวันที่ 19 ตุลาคม ซึ่งชัดเจนว่าน่าจะเพื่อการโจมตีเล่นงานอิหร่าน . ส่วนเอกสารอีกฉบับบรรจุรายละเอียดหนึ่งของการฝึกซ้อมประจำการทางทหารขนานใหญ่ โดยกองทัพอากาศอิสราเอล ระหว่างวันที่ 15 และ 16 ตุลาคมที่ผ่านมา . เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม อิหร่านรัวยิงขีปนาวุธเกือบ 200 ลูกเข้าใส่อิสราเอล เรียกมันว่าเป็นการแก้แค้นให้เหตุลอบสังหารพวกผู้นำฮามาสและฮิซบอลเลาะห์ เช่นเดียวกับนายพลรายหนึ่งของกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลามแห่งอิหร่าน . นับตั้งแต่นั้น โยอาฟ กัลแลนท์ รัฐมนตรีกลาโหมของอิสราเอล ขู่ทำการแก้แค้น "นองเลือด แม่นยำและแบบไม่คาดคิด" ในขณะที่พวกเจ้าหน้าที่อิสราเอลบางส่วนเรียกร้องให้โจมตีโครงสร้างพื้นฐานทางพลังงานของอิหร่าน ในนั้นรวมถึงโรงงานนิวเคลียร์ . ทำเนียบของ เบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล ระบุในวันพฤหัสบดี (17 ต.ค.) ว่าประเทศแห่งนี้จะตัดสินใจขั้นสุดท้ายเกี่ยวกับการแก้แค้น "บนพื้นฐานของผลประโยชน์แห่งชาติของเรา" . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000101220 .............. Sondhi X
    Like
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 820 มุมมอง 0 รีวิว
  • อภิมหาเศรษฐี อีลอน มัสก์ ประกาศแจกเงินวันละ 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ไปจนถึงศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีในเดือนพฤศจิกายน ให้คนที่ลงชื่อในคำร้องออนไลน์ของเขา เกี่ยวกับการสนับสนุนรัฐธรรมนูญอเมริกา แต่ด้วยพิธีมอบรางวัลเป็นครั้งแรกจัดขึ้นที่กิจกรรมของพีเอซี องค์กรความเคลื่อนไหวทางการเมืองเพื่อสนับสนุนการหาเสียงของโดนัลด์ ทรัมป์ มันจึงก่อคำถามต่างๆ เกี่ยวกับความชอบธรรมทางกฎหมายของการแจกเงินดังกล่าว
    .
    มัสก์ มอบเช็คมูลค่า 1 ล้านดอลลาร์ แก่ผู้เข้าร่วมงานรายหนึ่ง ในกิจกรรมของพีเอซี ในเมืองแฮร์ริสเบิร์ก รัฐเพนซิลเวเนีย ซึ่งมีเป้าหมายระดมเสียงสนับสนับสนุนหนุนหลัง ทรัมป์ และผู้คว้าเงินดังกล่าวมีชื่อว่านายจอห์น เดรเฮอร์ อ้างอิงของเจ้าหน้าที่ฝ่ายจัดงาน "ว่าแต่ คุณจอห์นไม่รู้เรื่องนี้มาก่อนเลย ยังไงก็ยินดีด้วยนะครับ" มัสก์พูดติดตลกขณะยื่นเช็คให้เดรเฮอร์
    .
    สำนักข่าวรอยเตอร์ระบุว่า เงินก้อนนี้เป็นตัวอย่างล่าสุดที่แสดงให้เห็นว่ามัสก์กำลังใช้ความมั่งคั่งมหาศาลของเขาเพื่อชี้นำการเลือกตั้งประธานาธิบดีที่กำลังเป็นไปอย่างดุเดือด ระหว่างทรัมป์ กับรองประธานาธิบดีกมลา แฮร์ริส คู่แข่งจากพรรคเดโมแครต
    .
    มัสก์ ได้ก่อตั้งกลุ่ม America PAC ซึ่งเป็นองค์กรเคลื่อนไหวทางการเมืองที่จัดตั้งขึ้นมาเพื่อสนับสนุนการหาเสียงของทรัมป์ หน้าที่หลักๆ ขององค์กรนี้คือการระดมคนไปลงทะเบียนเลือกตั้งในรัฐสมรภูมิ ซึ่งหมายถึงรัฐที่ผลการเลือกตั้งคาดเดาได้ยากว่าจะเทไปทางพรรคใด อย่างไรก็ตาม มีสัญญาณต่างๆ บ่งชี้ว่าพวกเขากำลังประสบปัญหาในการทำให้ได้ตามเป้าหมาย
    .
    จอช ชาปิโร ผู้ว่าการรัฐเพนซิลเวเนีย ให้สัมภาษณ์กับรายการ "มีท เดอะ เกรส" ทางสถานีโทรทัศน์เอ็นบีซี ในวันอาทิตย์ (20 ต.ค.) ว่าแผนของมัสก์ ในการมอบเงินแก่ผู้มีสิทธิออกเสียงในเพนซิลเวเนีย "ก่อความกังวลใหญ่หลวง" และ "มันเป็นอะไรบางอย่างที่พวกเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายอาจทำการตรวจสอบ"
    .
    ข้อสงสัยต่างๆ เกี่ยวกับความชอบธรรมทางกฎหมายของการจ่ายเงินดังกล่าว ผุดขึ้นมาไม่หยุดในวันเสาร์ (19 ต.ค.) ในขณะที่พวกเชี่ยวชาญทางกฎหมายชี้ว่ามีหลายมาตราของกฎหมายรัฐบาลกลางที่ห้ามจ่ายเงินแก่ผู้มีสิทธิออกเสียง
    .
    การจ่ายเงินผู้คนโดยมีเจตนาชักนำหรือให้รางวัลแก่บุคคลนั้นๆ สำหรับลงคะแนนโหวตและลงทะเบียยโหวต ถือเป็นความผิดทางอาญาตามกฎหมายรัฐบาลกลาง และมีบทลงโทษถึงขั้นจำคุก โดยข้อห้ามนั้นไม่ใช่ครอบคลุมเฉพาะการจ่ายเงินเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงสิ่งของมีค่าอื่นๆ อย่างเช่นสุราหรือลอตเตอรี่
    .
    กิจกรรมในเมืองแฮร์ริสเบิร์ก ถือเป็นวันที่ 3 ในรอบหลายวันที่จัดขึ้นในเพนซิลเวเนีย รัฐที่ทาง มัสก์ กำลังวาดภาพศึกเลือกตั้งเดือนพฤศจิกายน ว่าเป็นศึกครั้งสำคัญ และกระตุ้นให้ผู้สนับสนุนไปใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้า รวมถึงชักชวนคนอื่นๆ ให้ทำแบบเดียวกัน
    .
    เขาบอกในวันเสาร์ (19 ต.ค.) ว่า ถ้า แฮร์ริส เป็นฝ่ายคว้าชัยชนะ มันจะเป็นศึกเลือกตั้งครั้งสุดท้ายในประวัติศาสตร์ของสหรัฐฯ
    .
    มัสก์ ยังกล่าวด้วยว่า การที่มีคนพยายามลอบสังหารทรัมป์ถึงสองครั้ง แสดงให้เห็นว่าทรัมป์เป็นผู้นำที่กล้าท้าทายและเปลี่ยนแปลงระบบเดิมๆ ในแบบที่แฮร์ริสไม่มีวันทำได้ และการที่ไม่มีใครคิดจะลอบสังหารแฮร์ริสนั้น ก็เพราะเธอเป็นแค่หุ่นเชิด
    .
    ในคำร้องทางออนไลน์ที่มัสก์ขอให้ประชาชนร่วมลงชื่อ มีใจความว่า "การแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญสหรัฐฯ ครั้งที่ 1 และ 2 รับรองเสรีภาพในการพูดและสิทธิในการครอบครองอาวุธ ด้วยการลงชื่อด้านล่างนี้หมายความว่าข้าพเจ้าประกาศสนับสนุนการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญสหรัฐฯ ครั้งที่ 1 และ 2"
    .
    บรรดาผู้เข้าร่วมกิจกรรมในวันเสาร์ (19 ต.ค.) จำเป็นต้องลงนามในคำร้องดังกล่าว ซึ่งเปิดทางให้ทาง America PAC รวบรวมรายละเอียดการติดต่อของบรรดาผู้สิทธิเลือกตั้งที่มีแนวโน้มสนับสนุนทรัมป์ เพื่อใช้ข้อมูลการติดต่อนี้สำหรับโน้มน้าวและกระตุ้นให้พวกเขาออกไปใช้สิทธิเลือกตั้ง ลงคะแนนให้ทรัมป์
    .
    สำหรับ มัสก์ ซึ่งได้รับการจัดอันดับจากนิตยสารฟอร์บส์ ให้เป็นอภิมหาเศรษฐีที่ร่ำรวยที่สุดในโลกในปัจจุบัน จนถึงตอนนี้ได้มอบทุนแก่ทาง America PAC ไปแล้วอย่างน้อย 75 ล้านดอลลาร์ ทำให้ทางกลุ่มเป็นส่วนสำคัญยิ่งในความพยายามของทรัมป์ ในการกลับสู่ทำเนียบขาวอีกสมัย
    .
    มัสก์ ผู้ก่อตั้งเทสลาและสเปซเอ็กซ์ ได้ยกระดับสนับสนุนพรรครีพับลิกันมากขึ้นเรื่อยๆ และในปีนี้ถึงขั้นกลายมาเป็นผู้สนับสนุนทรัมป์อย่างเปิดเผย
    .
    ในทางกลับกัน ทางฝั่งทรัมป์ก็รับปากว่า ถ้าได้นั่งเก้าอี้ประธานาธิบดีอีกสมัย เขาจะแต่งตั้งมัสก์ให้เป็นหัวหน้าคณะกรรมการด้านการเพิ่มประสิทธิภาพภาครัฐ
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000101221
    ..............
    Sondhi X
    อภิมหาเศรษฐี อีลอน มัสก์ ประกาศแจกเงินวันละ 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ไปจนถึงศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีในเดือนพฤศจิกายน ให้คนที่ลงชื่อในคำร้องออนไลน์ของเขา เกี่ยวกับการสนับสนุนรัฐธรรมนูญอเมริกา แต่ด้วยพิธีมอบรางวัลเป็นครั้งแรกจัดขึ้นที่กิจกรรมของพีเอซี องค์กรความเคลื่อนไหวทางการเมืองเพื่อสนับสนุนการหาเสียงของโดนัลด์ ทรัมป์ มันจึงก่อคำถามต่างๆ เกี่ยวกับความชอบธรรมทางกฎหมายของการแจกเงินดังกล่าว . มัสก์ มอบเช็คมูลค่า 1 ล้านดอลลาร์ แก่ผู้เข้าร่วมงานรายหนึ่ง ในกิจกรรมของพีเอซี ในเมืองแฮร์ริสเบิร์ก รัฐเพนซิลเวเนีย ซึ่งมีเป้าหมายระดมเสียงสนับสนับสนุนหนุนหลัง ทรัมป์ และผู้คว้าเงินดังกล่าวมีชื่อว่านายจอห์น เดรเฮอร์ อ้างอิงของเจ้าหน้าที่ฝ่ายจัดงาน "ว่าแต่ คุณจอห์นไม่รู้เรื่องนี้มาก่อนเลย ยังไงก็ยินดีด้วยนะครับ" มัสก์พูดติดตลกขณะยื่นเช็คให้เดรเฮอร์ . สำนักข่าวรอยเตอร์ระบุว่า เงินก้อนนี้เป็นตัวอย่างล่าสุดที่แสดงให้เห็นว่ามัสก์กำลังใช้ความมั่งคั่งมหาศาลของเขาเพื่อชี้นำการเลือกตั้งประธานาธิบดีที่กำลังเป็นไปอย่างดุเดือด ระหว่างทรัมป์ กับรองประธานาธิบดีกมลา แฮร์ริส คู่แข่งจากพรรคเดโมแครต . มัสก์ ได้ก่อตั้งกลุ่ม America PAC ซึ่งเป็นองค์กรเคลื่อนไหวทางการเมืองที่จัดตั้งขึ้นมาเพื่อสนับสนุนการหาเสียงของทรัมป์ หน้าที่หลักๆ ขององค์กรนี้คือการระดมคนไปลงทะเบียนเลือกตั้งในรัฐสมรภูมิ ซึ่งหมายถึงรัฐที่ผลการเลือกตั้งคาดเดาได้ยากว่าจะเทไปทางพรรคใด อย่างไรก็ตาม มีสัญญาณต่างๆ บ่งชี้ว่าพวกเขากำลังประสบปัญหาในการทำให้ได้ตามเป้าหมาย . จอช ชาปิโร ผู้ว่าการรัฐเพนซิลเวเนีย ให้สัมภาษณ์กับรายการ "มีท เดอะ เกรส" ทางสถานีโทรทัศน์เอ็นบีซี ในวันอาทิตย์ (20 ต.ค.) ว่าแผนของมัสก์ ในการมอบเงินแก่ผู้มีสิทธิออกเสียงในเพนซิลเวเนีย "ก่อความกังวลใหญ่หลวง" และ "มันเป็นอะไรบางอย่างที่พวกเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายอาจทำการตรวจสอบ" . ข้อสงสัยต่างๆ เกี่ยวกับความชอบธรรมทางกฎหมายของการจ่ายเงินดังกล่าว ผุดขึ้นมาไม่หยุดในวันเสาร์ (19 ต.ค.) ในขณะที่พวกเชี่ยวชาญทางกฎหมายชี้ว่ามีหลายมาตราของกฎหมายรัฐบาลกลางที่ห้ามจ่ายเงินแก่ผู้มีสิทธิออกเสียง . การจ่ายเงินผู้คนโดยมีเจตนาชักนำหรือให้รางวัลแก่บุคคลนั้นๆ สำหรับลงคะแนนโหวตและลงทะเบียยโหวต ถือเป็นความผิดทางอาญาตามกฎหมายรัฐบาลกลาง และมีบทลงโทษถึงขั้นจำคุก โดยข้อห้ามนั้นไม่ใช่ครอบคลุมเฉพาะการจ่ายเงินเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงสิ่งของมีค่าอื่นๆ อย่างเช่นสุราหรือลอตเตอรี่ . กิจกรรมในเมืองแฮร์ริสเบิร์ก ถือเป็นวันที่ 3 ในรอบหลายวันที่จัดขึ้นในเพนซิลเวเนีย รัฐที่ทาง มัสก์ กำลังวาดภาพศึกเลือกตั้งเดือนพฤศจิกายน ว่าเป็นศึกครั้งสำคัญ และกระตุ้นให้ผู้สนับสนุนไปใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้า รวมถึงชักชวนคนอื่นๆ ให้ทำแบบเดียวกัน . เขาบอกในวันเสาร์ (19 ต.ค.) ว่า ถ้า แฮร์ริส เป็นฝ่ายคว้าชัยชนะ มันจะเป็นศึกเลือกตั้งครั้งสุดท้ายในประวัติศาสตร์ของสหรัฐฯ . มัสก์ ยังกล่าวด้วยว่า การที่มีคนพยายามลอบสังหารทรัมป์ถึงสองครั้ง แสดงให้เห็นว่าทรัมป์เป็นผู้นำที่กล้าท้าทายและเปลี่ยนแปลงระบบเดิมๆ ในแบบที่แฮร์ริสไม่มีวันทำได้ และการที่ไม่มีใครคิดจะลอบสังหารแฮร์ริสนั้น ก็เพราะเธอเป็นแค่หุ่นเชิด . ในคำร้องทางออนไลน์ที่มัสก์ขอให้ประชาชนร่วมลงชื่อ มีใจความว่า "การแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญสหรัฐฯ ครั้งที่ 1 และ 2 รับรองเสรีภาพในการพูดและสิทธิในการครอบครองอาวุธ ด้วยการลงชื่อด้านล่างนี้หมายความว่าข้าพเจ้าประกาศสนับสนุนการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญสหรัฐฯ ครั้งที่ 1 และ 2" . บรรดาผู้เข้าร่วมกิจกรรมในวันเสาร์ (19 ต.ค.) จำเป็นต้องลงนามในคำร้องดังกล่าว ซึ่งเปิดทางให้ทาง America PAC รวบรวมรายละเอียดการติดต่อของบรรดาผู้สิทธิเลือกตั้งที่มีแนวโน้มสนับสนุนทรัมป์ เพื่อใช้ข้อมูลการติดต่อนี้สำหรับโน้มน้าวและกระตุ้นให้พวกเขาออกไปใช้สิทธิเลือกตั้ง ลงคะแนนให้ทรัมป์ . สำหรับ มัสก์ ซึ่งได้รับการจัดอันดับจากนิตยสารฟอร์บส์ ให้เป็นอภิมหาเศรษฐีที่ร่ำรวยที่สุดในโลกในปัจจุบัน จนถึงตอนนี้ได้มอบทุนแก่ทาง America PAC ไปแล้วอย่างน้อย 75 ล้านดอลลาร์ ทำให้ทางกลุ่มเป็นส่วนสำคัญยิ่งในความพยายามของทรัมป์ ในการกลับสู่ทำเนียบขาวอีกสมัย . มัสก์ ผู้ก่อตั้งเทสลาและสเปซเอ็กซ์ ได้ยกระดับสนับสนุนพรรครีพับลิกันมากขึ้นเรื่อยๆ และในปีนี้ถึงขั้นกลายมาเป็นผู้สนับสนุนทรัมป์อย่างเปิดเผย . ในทางกลับกัน ทางฝั่งทรัมป์ก็รับปากว่า ถ้าได้นั่งเก้าอี้ประธานาธิบดีอีกสมัย เขาจะแต่งตั้งมัสก์ให้เป็นหัวหน้าคณะกรรมการด้านการเพิ่มประสิทธิภาพภาครัฐ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000101221 .............. Sondhi X
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 856 มุมมอง 0 รีวิว
  • ยาห์ยา ซินวาร์ ผู้นำฮามาส ผู้บงการเหตุโจมตีอิสราเอลแบบไม่ทันตั้งตัวเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2023 จุดชนวนสงครามในกาซา ถูกสังหารแล้วโดยกองกำลังอิสราเอล ในฉนวนปาเลสไตน์ จากการเปิดเผยของอิสราเอลเมื่อวันพฤหัสบดี (17 ต.ค.)

    การปลิดชีพผู้นำรายนี้ถือเป็นความสำเร็จใหญ่หลวงของอิสราเอล และเป็นเหตุการณ์สำคัญในความขัดแย้งที่ลากยาวมานานกว่า 1 ปี ในขณะที่พวกผู้นำตะวันตกมองว่าการเสียชีวิตของ ซินวาร์ มอบโอกาสที่จะทำให้สงครามยุติลง ทว่า เบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอลประกาศจะเดินหน้าต่อไป

    กองทัพอิสราเอลเปิดเผยว่าพวกเขาสังหาร ซินวาร์ ในปฏิบัติการหนึ่งทางใต้ของฉนวนกาซา เมื่อวันพุธ (16 ต.ค.) "หลังจากเสร็จสิ้นกระบวนการระบุเอกลักษณ์บุคคลศพ สามารถยืนยันได้ว่า ยาห์ยา ซินวาร์ ถูกกำจัดแล้ว"

    ยังไม่มีความเห็นออกมาจากฮามาส แต่รอยเตอร์อ้างแหล่งข่าวในพวกนักรบกลุ่มนี้ในกาซา บ่งชี้ว่า ซินวาร์ เสียชีวิตแล้วในปฏิบัติการของอิสราเอล

    ในอิสราเอลบรรดาครอบครัวตัวประกันที่ถูกฮามาสควบคุมตัวในกาซา แสดงความหวังว่าจะเกิดข้อตกลงหยุดยิงเดี๋ยวนี้เลย เพื่อพาตัวประกันเหล่านั้นกลับบ้าน แต่อีกด้านหนึ่งก็หวั่นเกรงว่าบุคคลที่พวกเขารักนั้นจะอยู่ในอันตรายมากกว่าเดิม

    ประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ ได้พูดคุยทางโทรศัพท์กับ เนทันยาฮู แสดงความยินดีกับ เนทันยาฮู ในเรื่องนี้ เช่นเดียวกับประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง แห่งฝรั่งเศส จากนั้น ไบเดน บอกว่าการตายของ ซินวาร์ มอบโอกาสแห่งการยุติความขัดแย้งในกาซาที่ลากยาวมานานกว่า 1 ปี และพาตัวประกันอิสราเอลกลับบ้าน

    แมตธิว มิลเลอร์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ เผยว่าอเมริกาต้องการเริ่มต้นการพูดคุยเกี่ยวกับข้อเสนอหนึ่งที่นำไปสู้การบรรลุข้อตกลงหยุดยิง และรับประกันการปล่อยตัวประกัน และเรียก ซินวาร์ ว่าเป็นอุปสรรคหลักที่ขัดขวางการยุติสงคราม

    เนทันยาฮู กล่าวในเยรูซาเลม ไม่นานหลังข่าวการตายของ ซินวาร์ ได้รับการยืนยันเช่นกันว่าการตายของ ซินวาร์ มอบโอกาสแห่งสันติภาพในตะวันออกกลาง อย่างไรก็ตามเขาเตือนว่าสงครามในกาซายังไม่ถึงจุดจบ และอิสราเอลจะเดินหน้าต่อไปจนกว่าจะได้ตัวประกันกลับมา

    "วันนี้เราได้ชำระแค้น วันนี้พวกปีศาจได้รับความเสียหายใหญ่หลวง แต่ภารกิจของเรายังไม่เสร็จสมบูรณ์" เนทันยาฮูกล่าวในถ้อยแถลงที่เผยแพร่ผ่านวิดีโอที่บันทึกไว้ล่วงหน้า "ถึงครอบครัวตัวประกันที่รักทุกคน ผมอยากบอกว่านี่คือช่วงเวลาสำคัญของสงคราม เราจะเดินหน้าเต็มกำลังจนกว่าบุคคลอันเป็นที่รักของคุณ เป็นที่รักของเขาได้กลับบ้าน"

    อิสราเอล คาตช์ รัฐมนตรีต่างประเทศอิสราเอล บอกวา "นี่คือความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ทั้งในด้านกองทัพและขวัญกำลังใจสำหรับอิสราเอล" เขาเรียก ซินวาร์ ว่าเป็นฆาตกรสังหารหมู่ที่อยู่เบื้องหลังการสังหารหมู่อย่างโหดร้ายป่าเถื่อนเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม การโจมตีของพวกฮามาสที่เล่นงานอิสราเอล ที่กระตุ้นให้อิสราเอลปลดปล่อยปฏิบัติการแก้แค้นถล่มฉนวนกาซา

    สถานีวิทยุกองทัพอิสราเอล รายงานว่าเหตุสังหารซินวาร์ เกิดขึ้นระหว่างปฏิบัติการทางภาคพื้นในเมืองราฟาห์ ทางใต้ของกาซา ซึ่งระหว่างนั้นทหารอิสราเอลได้ปลิดชีพนักรบ 3 ราย และนำศพกลับมาด้วย

    ซินวาร์ ถูกแต่งตั้งให้เป็นผู้นำโดยรวมของฮามาส ตามหลังเหตุลอบสังหาร อิสมาอิล ฮานิเยห์ ผู้นำทางการเมืองของกลุ่มในเตหะรานเมื่อเดือนกรกฎาคม ทั้งนี้เชื่อว่าเขาหลบซ่อนอยู่ในเครือข่ายอุโมงค์ของฮามาส ที่สร้างไว้ใต้กาซา ตลอดช่วง 2 ทศวรรษที่ผ่านมา

    แม้ตะวันตกแสดงความหวังเกี่ยวกับข้อตกลงหยุดยิง แต่การตายของ ซินวาร์ อาจกระพือความเป็นปรปักษ์ในตะวันออกกลาง ดินแดนที่มีแนวโน้มมากขึ้นเรื่อยๆ อยู่ก่อนแล้ว ว่าสถานการณ์ความขัดแย้งจะลุกลามบานปลาย หลัง อิสราเอล เริ่มเปิดปฏิบัติการทางภาคพื้นในเลบานอน ในเดือนที่แล้ว และตอนนี้กำลังวางแผนตอบโต้อิหร่าน พันธมิตรของฮามาสและฮิซบอลเลาะห์ในเลบานอน กรณีที่เตหะรานรัวยิงขีปนาวุธเข้าใส่เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม

    กระนั้นอีกมิติของการเสียชีวิตของ ซินวาร์ ผู้วางแผนโจมตีเมื่อปีที่แล้ว ที่พวกนักรบฮามาสสังหารผู้คนไปมากกว่า 1,200 คน ในอิสราเอล และจับตัวประกันไปประมาณ 250 คน อาจช่วยผลักดันให้ความพยายามยุติสงครามที่หยุดชะงักกลับมาเดินหน้าอีกครั้ง ในขณะที่ปฏิบัติการรุกรานแก้แค้นของอิสราเอล ได้ปลิดชีพชาวปาเลสไตน์ไปแล้วมากกว่า 42,000 คน

    อย่างไรก็ตาม การตายของ ซินวาร์ ได้ก่อคำถามใหม่ขึ้นมาเช่นกันเกี่ยวกับชะตากรรมของพวกตัวประกันที่อยู่ภายใต้การควบคุมตัวของกาซา เนื่องจาก ซินวาร์ เกี่ยวข้องในการเจรจาต่างๆ ที่จะนำมาสู่การปล่อยตัวของพวกเขา

    ครอบครัวตัวประกันชาวอิสราเอล บอกว่าในขณะที่ปฏิบัติการสังหาร ซินวาร์ ถือเป็นความสำเร็จสำคัญ แต่มันจะไม่ใช่ความสำเร็จที่สมบูรณ์ หากว่าตัวประกันยังอยู่ในกาซา
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000100482
    ..............
    Sondhi X
    ยาห์ยา ซินวาร์ ผู้นำฮามาส ผู้บงการเหตุโจมตีอิสราเอลแบบไม่ทันตั้งตัวเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2023 จุดชนวนสงครามในกาซา ถูกสังหารแล้วโดยกองกำลังอิสราเอล ในฉนวนปาเลสไตน์ จากการเปิดเผยของอิสราเอลเมื่อวันพฤหัสบดี (17 ต.ค.) การปลิดชีพผู้นำรายนี้ถือเป็นความสำเร็จใหญ่หลวงของอิสราเอล และเป็นเหตุการณ์สำคัญในความขัดแย้งที่ลากยาวมานานกว่า 1 ปี ในขณะที่พวกผู้นำตะวันตกมองว่าการเสียชีวิตของ ซินวาร์ มอบโอกาสที่จะทำให้สงครามยุติลง ทว่า เบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอลประกาศจะเดินหน้าต่อไป กองทัพอิสราเอลเปิดเผยว่าพวกเขาสังหาร ซินวาร์ ในปฏิบัติการหนึ่งทางใต้ของฉนวนกาซา เมื่อวันพุธ (16 ต.ค.) "หลังจากเสร็จสิ้นกระบวนการระบุเอกลักษณ์บุคคลศพ สามารถยืนยันได้ว่า ยาห์ยา ซินวาร์ ถูกกำจัดแล้ว" ยังไม่มีความเห็นออกมาจากฮามาส แต่รอยเตอร์อ้างแหล่งข่าวในพวกนักรบกลุ่มนี้ในกาซา บ่งชี้ว่า ซินวาร์ เสียชีวิตแล้วในปฏิบัติการของอิสราเอล ในอิสราเอลบรรดาครอบครัวตัวประกันที่ถูกฮามาสควบคุมตัวในกาซา แสดงความหวังว่าจะเกิดข้อตกลงหยุดยิงเดี๋ยวนี้เลย เพื่อพาตัวประกันเหล่านั้นกลับบ้าน แต่อีกด้านหนึ่งก็หวั่นเกรงว่าบุคคลที่พวกเขารักนั้นจะอยู่ในอันตรายมากกว่าเดิม ประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ ได้พูดคุยทางโทรศัพท์กับ เนทันยาฮู แสดงความยินดีกับ เนทันยาฮู ในเรื่องนี้ เช่นเดียวกับประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง แห่งฝรั่งเศส จากนั้น ไบเดน บอกว่าการตายของ ซินวาร์ มอบโอกาสแห่งการยุติความขัดแย้งในกาซาที่ลากยาวมานานกว่า 1 ปี และพาตัวประกันอิสราเอลกลับบ้าน แมตธิว มิลเลอร์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ เผยว่าอเมริกาต้องการเริ่มต้นการพูดคุยเกี่ยวกับข้อเสนอหนึ่งที่นำไปสู้การบรรลุข้อตกลงหยุดยิง และรับประกันการปล่อยตัวประกัน และเรียก ซินวาร์ ว่าเป็นอุปสรรคหลักที่ขัดขวางการยุติสงคราม เนทันยาฮู กล่าวในเยรูซาเลม ไม่นานหลังข่าวการตายของ ซินวาร์ ได้รับการยืนยันเช่นกันว่าการตายของ ซินวาร์ มอบโอกาสแห่งสันติภาพในตะวันออกกลาง อย่างไรก็ตามเขาเตือนว่าสงครามในกาซายังไม่ถึงจุดจบ และอิสราเอลจะเดินหน้าต่อไปจนกว่าจะได้ตัวประกันกลับมา "วันนี้เราได้ชำระแค้น วันนี้พวกปีศาจได้รับความเสียหายใหญ่หลวง แต่ภารกิจของเรายังไม่เสร็จสมบูรณ์" เนทันยาฮูกล่าวในถ้อยแถลงที่เผยแพร่ผ่านวิดีโอที่บันทึกไว้ล่วงหน้า "ถึงครอบครัวตัวประกันที่รักทุกคน ผมอยากบอกว่านี่คือช่วงเวลาสำคัญของสงคราม เราจะเดินหน้าเต็มกำลังจนกว่าบุคคลอันเป็นที่รักของคุณ เป็นที่รักของเขาได้กลับบ้าน" อิสราเอล คาตช์ รัฐมนตรีต่างประเทศอิสราเอล บอกวา "นี่คือความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ทั้งในด้านกองทัพและขวัญกำลังใจสำหรับอิสราเอล" เขาเรียก ซินวาร์ ว่าเป็นฆาตกรสังหารหมู่ที่อยู่เบื้องหลังการสังหารหมู่อย่างโหดร้ายป่าเถื่อนเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม การโจมตีของพวกฮามาสที่เล่นงานอิสราเอล ที่กระตุ้นให้อิสราเอลปลดปล่อยปฏิบัติการแก้แค้นถล่มฉนวนกาซา สถานีวิทยุกองทัพอิสราเอล รายงานว่าเหตุสังหารซินวาร์ เกิดขึ้นระหว่างปฏิบัติการทางภาคพื้นในเมืองราฟาห์ ทางใต้ของกาซา ซึ่งระหว่างนั้นทหารอิสราเอลได้ปลิดชีพนักรบ 3 ราย และนำศพกลับมาด้วย ซินวาร์ ถูกแต่งตั้งให้เป็นผู้นำโดยรวมของฮามาส ตามหลังเหตุลอบสังหาร อิสมาอิล ฮานิเยห์ ผู้นำทางการเมืองของกลุ่มในเตหะรานเมื่อเดือนกรกฎาคม ทั้งนี้เชื่อว่าเขาหลบซ่อนอยู่ในเครือข่ายอุโมงค์ของฮามาส ที่สร้างไว้ใต้กาซา ตลอดช่วง 2 ทศวรรษที่ผ่านมา แม้ตะวันตกแสดงความหวังเกี่ยวกับข้อตกลงหยุดยิง แต่การตายของ ซินวาร์ อาจกระพือความเป็นปรปักษ์ในตะวันออกกลาง ดินแดนที่มีแนวโน้มมากขึ้นเรื่อยๆ อยู่ก่อนแล้ว ว่าสถานการณ์ความขัดแย้งจะลุกลามบานปลาย หลัง อิสราเอล เริ่มเปิดปฏิบัติการทางภาคพื้นในเลบานอน ในเดือนที่แล้ว และตอนนี้กำลังวางแผนตอบโต้อิหร่าน พันธมิตรของฮามาสและฮิซบอลเลาะห์ในเลบานอน กรณีที่เตหะรานรัวยิงขีปนาวุธเข้าใส่เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม กระนั้นอีกมิติของการเสียชีวิตของ ซินวาร์ ผู้วางแผนโจมตีเมื่อปีที่แล้ว ที่พวกนักรบฮามาสสังหารผู้คนไปมากกว่า 1,200 คน ในอิสราเอล และจับตัวประกันไปประมาณ 250 คน อาจช่วยผลักดันให้ความพยายามยุติสงครามที่หยุดชะงักกลับมาเดินหน้าอีกครั้ง ในขณะที่ปฏิบัติการรุกรานแก้แค้นของอิสราเอล ได้ปลิดชีพชาวปาเลสไตน์ไปแล้วมากกว่า 42,000 คน อย่างไรก็ตาม การตายของ ซินวาร์ ได้ก่อคำถามใหม่ขึ้นมาเช่นกันเกี่ยวกับชะตากรรมของพวกตัวประกันที่อยู่ภายใต้การควบคุมตัวของกาซา เนื่องจาก ซินวาร์ เกี่ยวข้องในการเจรจาต่างๆ ที่จะนำมาสู่การปล่อยตัวของพวกเขา ครอบครัวตัวประกันชาวอิสราเอล บอกว่าในขณะที่ปฏิบัติการสังหาร ซินวาร์ ถือเป็นความสำเร็จสำคัญ แต่มันจะไม่ใช่ความสำเร็จที่สมบูรณ์ หากว่าตัวประกันยังอยู่ในกาซา . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000100482 .............. Sondhi X
    Like
    Sad
    8
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1351 มุมมอง 0 รีวิว
  • สหรัฐฯมีความกังวลต่อรายงานข่าวที่ว่าทหารเกาหลีเหนือกำลังสู้รบเคียงข้างรัสเซียในยูเครน จากความเห็นของโฆษกทำเนียบขาวรายหนึ่งในวันอังคาร(15ต.ค.) ขณะเดียวกันสื่อมวลชนแห่งรัฐของเปียงยาง คุยโวว่ามีคนหนุ่มสาวมากกว่า 1.4 ล้านคนที่เข้าร่วมหรือกลับสู่กองทัพในสัปดาห์นี้ พร้อมความมุ่งมั่นทำลายอริศัตรู

    ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน ในสัปดาห์นี้ กล่าวหาเกาหลีเหนือ โอนถ่ายบุคลากรไปยังกองทัพรัสเซีย อ้างบรรดาหน่วยข่าวกรองบรรยายสรุปกับเขา เกี่ยวกับความเกี่ยวข้องที่แท้จริงของเกาหลีเหนือในสงครามในยูเครน

    เครมลิน ออกมาปฏิเสธคำกล่าวอ้างดังกล่าว โดยบอกว่ามันเป็น "ข่าวปลอม"

    ฌอน ซาเวตต์ โฆษกสภาความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ ระบุในถ้อยแถลงว่า ความเกี่ยวข้องของทหารเกาหลีเหนือในยูเครน ถ้าเป็นจริง มันจะบ่งชี้ว่าเกาหลีเหนือและรัสเซียได้ยกระดับความสัมพันธ์ทางกลาโหมขึ้นอย่างมาก"

    "และความเคลื่อนไหวดังกล่าวจะบ่งชี้เช่นกันถึงระดับความสิ้นหวังครั้งใหม่ของรัสเซีย ในขณะที่พวกเขาเผชิญกับความสูญเสียอย่างมากอย่างต่อเนื่อง ในสมรภูมิรบในสงครามป่าเถื่อนของพวกเขากับยูเครน" โฆษกสภาความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ

    วอชิงตันเคยกล่าวอ้างว่าเกาหลีเหนือจัดหาขีปนาวุธและกระสุนแก่รัสเซีย กระตุ้นให้ทางมอสโกและเปียงยางออกมาปฏิเสธ แต่ทั้ง 2 ชาติประกาศยกระดับความสัมพันธ์ทางทหาร ในนั้นรวมถึงความเป็นไปได้ที่จะจัดการซ้อมรบร่วม

    ท่ามกลางสถานการณ์ความตึงเครียดที่ร้อนระอุขึ้นเรื่อยๆ สื่อมวลชนแห่งรัฐของเกาหลีเหนือรายงานในวันพุธ(16ต.ค.) ว่ามีคนหนุ่มสาวมากกว่า 1.4 ล้านคน ในนั้นรวมถึงพวกนักศึกษาและเจ้าหน้าที่จากองค์กรเยาวชน ที่เข้าร่วมหรือกลับสู่กองทัพในสัปดาห์นี้

    เคซีเอ็นเอรายงานว่าคนหนุ่มสาวเหล่านี้มีความมุ่งมั่นในการ "ทำสงครามศักดิ์สิทธิ์ ทำลายล้างศัตรูด้วยอาวุธแห่งการปฏิวัติ"

    รอยเตอร์ระบุว่า เกาหลีเหนือมักกล่าวอ้างมีคนหนุ่มสาวมากกว่า 1 ล้านคน เข้าร่วมในกองทัพสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลี ราวๆ 1 หรือ 2 วัน ในแทบทุกๆครั้งที่ความตึงเครียดในคาบสมุทรเกาหลีพุ่งสูง

    เมื่อปีที่แล้ว สื่อมวลชนเกาหลีเหนือรายงานคำกล่าวอ้างแบบเดียวกัน ว่ามีพลเมืองเข้าร่วมกองทัพ เพื่อสู้รบกับสหรัฐฯ

    เกาหลีเหนือได้ระเบิดทำลายถนนและทางรถไฟเชื่อมต่อสองเกาหลีในฝั่งของตนเอง ตามแนวชายแดนที่มีการคุ้มกันอย่างหนาแน่นระหว่าง 2 ชาติเกาหลีในวันอังคาร(15ต.ค.) กระตุ้นให้กองทัพเกาหลีใต้ต้องทำการยิงเตือน

    กองทัพประชาชนเกาหลีเหนือแถลงเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ว่ามาตรการนี้จะช่วยแยกดินแดนเกาหลีเหนือจากเกาหลีใต้โดยสิ้นเชิง

    ความเคลื่อนไหวนี้เกิดขึ้นจากความเดือดดาล โดยเกาหลีเหนือกล่าวหาเกาหลีใต้ ส่งโดรนบินเข้าไปมายังกรุงเปียงบาง ขณะที่ 2 ชาติเกาหลี มีปัญหากระทบกระทั่งกันเกี่ยวกับการปล่อยบอลลูนขยะของเกาหลีเหนือมาตั้งแต่เดือนพฤษภาคม เปียงยางบอกว่าปฏิบัติการดังกล่าวเป็นการตอบโต้บอลลูนแพร่กระจายใบปลิวต่อต้านระบอบคิม จองอึน ที่ปล่อยออกมาโดยเกาหลีใต้

    "ถ้าสงครามปะทุขึ้น เกาหลีใต้จะถูกกำจัดออกจากแผนที่ ถ้าพวกเขาต้องการสงคราม เราจะทำให้ความมีอยู่ของพวกเขาถึงจุดจบ" เคซีเอ็นเอรายงาน
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000099601
    ..............
    Sondhi X
    สหรัฐฯมีความกังวลต่อรายงานข่าวที่ว่าทหารเกาหลีเหนือกำลังสู้รบเคียงข้างรัสเซียในยูเครน จากความเห็นของโฆษกทำเนียบขาวรายหนึ่งในวันอังคาร(15ต.ค.) ขณะเดียวกันสื่อมวลชนแห่งรัฐของเปียงยาง คุยโวว่ามีคนหนุ่มสาวมากกว่า 1.4 ล้านคนที่เข้าร่วมหรือกลับสู่กองทัพในสัปดาห์นี้ พร้อมความมุ่งมั่นทำลายอริศัตรู ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน ในสัปดาห์นี้ กล่าวหาเกาหลีเหนือ โอนถ่ายบุคลากรไปยังกองทัพรัสเซีย อ้างบรรดาหน่วยข่าวกรองบรรยายสรุปกับเขา เกี่ยวกับความเกี่ยวข้องที่แท้จริงของเกาหลีเหนือในสงครามในยูเครน เครมลิน ออกมาปฏิเสธคำกล่าวอ้างดังกล่าว โดยบอกว่ามันเป็น "ข่าวปลอม" ฌอน ซาเวตต์ โฆษกสภาความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ ระบุในถ้อยแถลงว่า ความเกี่ยวข้องของทหารเกาหลีเหนือในยูเครน ถ้าเป็นจริง มันจะบ่งชี้ว่าเกาหลีเหนือและรัสเซียได้ยกระดับความสัมพันธ์ทางกลาโหมขึ้นอย่างมาก" "และความเคลื่อนไหวดังกล่าวจะบ่งชี้เช่นกันถึงระดับความสิ้นหวังครั้งใหม่ของรัสเซีย ในขณะที่พวกเขาเผชิญกับความสูญเสียอย่างมากอย่างต่อเนื่อง ในสมรภูมิรบในสงครามป่าเถื่อนของพวกเขากับยูเครน" โฆษกสภาความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ วอชิงตันเคยกล่าวอ้างว่าเกาหลีเหนือจัดหาขีปนาวุธและกระสุนแก่รัสเซีย กระตุ้นให้ทางมอสโกและเปียงยางออกมาปฏิเสธ แต่ทั้ง 2 ชาติประกาศยกระดับความสัมพันธ์ทางทหาร ในนั้นรวมถึงความเป็นไปได้ที่จะจัดการซ้อมรบร่วม ท่ามกลางสถานการณ์ความตึงเครียดที่ร้อนระอุขึ้นเรื่อยๆ สื่อมวลชนแห่งรัฐของเกาหลีเหนือรายงานในวันพุธ(16ต.ค.) ว่ามีคนหนุ่มสาวมากกว่า 1.4 ล้านคน ในนั้นรวมถึงพวกนักศึกษาและเจ้าหน้าที่จากองค์กรเยาวชน ที่เข้าร่วมหรือกลับสู่กองทัพในสัปดาห์นี้ เคซีเอ็นเอรายงานว่าคนหนุ่มสาวเหล่านี้มีความมุ่งมั่นในการ "ทำสงครามศักดิ์สิทธิ์ ทำลายล้างศัตรูด้วยอาวุธแห่งการปฏิวัติ" รอยเตอร์ระบุว่า เกาหลีเหนือมักกล่าวอ้างมีคนหนุ่มสาวมากกว่า 1 ล้านคน เข้าร่วมในกองทัพสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลี ราวๆ 1 หรือ 2 วัน ในแทบทุกๆครั้งที่ความตึงเครียดในคาบสมุทรเกาหลีพุ่งสูง เมื่อปีที่แล้ว สื่อมวลชนเกาหลีเหนือรายงานคำกล่าวอ้างแบบเดียวกัน ว่ามีพลเมืองเข้าร่วมกองทัพ เพื่อสู้รบกับสหรัฐฯ เกาหลีเหนือได้ระเบิดทำลายถนนและทางรถไฟเชื่อมต่อสองเกาหลีในฝั่งของตนเอง ตามแนวชายแดนที่มีการคุ้มกันอย่างหนาแน่นระหว่าง 2 ชาติเกาหลีในวันอังคาร(15ต.ค.) กระตุ้นให้กองทัพเกาหลีใต้ต้องทำการยิงเตือน กองทัพประชาชนเกาหลีเหนือแถลงเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ว่ามาตรการนี้จะช่วยแยกดินแดนเกาหลีเหนือจากเกาหลีใต้โดยสิ้นเชิง ความเคลื่อนไหวนี้เกิดขึ้นจากความเดือดดาล โดยเกาหลีเหนือกล่าวหาเกาหลีใต้ ส่งโดรนบินเข้าไปมายังกรุงเปียงบาง ขณะที่ 2 ชาติเกาหลี มีปัญหากระทบกระทั่งกันเกี่ยวกับการปล่อยบอลลูนขยะของเกาหลีเหนือมาตั้งแต่เดือนพฤษภาคม เปียงยางบอกว่าปฏิบัติการดังกล่าวเป็นการตอบโต้บอลลูนแพร่กระจายใบปลิวต่อต้านระบอบคิม จองอึน ที่ปล่อยออกมาโดยเกาหลีใต้ "ถ้าสงครามปะทุขึ้น เกาหลีใต้จะถูกกำจัดออกจากแผนที่ ถ้าพวกเขาต้องการสงคราม เราจะทำให้ความมีอยู่ของพวกเขาถึงจุดจบ" เคซีเอ็นเอรายงาน . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000099601 .............. Sondhi X
    Like
    Angry
    6
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1090 มุมมอง 0 รีวิว
  • กองทัพจีนเริ่มทำการซ้อมรบครั้งใหม่ใกล้ไต้หวัน ระบุเป็นสัญญาณเตือนที่ส่งถึง "พฤติกรรมแบ่งแยกดินแดนของกองกำลังเอกราชไต้หวัน" โดยคราวนี้ไม่มีการกำหนดวันสิ้นสุดใดๆ ความเคลื่อนไหวที่เรียกเสียงประณามจากรัฐบาลไทเป
    .
    ไต้หวันซึ่งปกครองตนเองตามระบอบประชาธิปไตย และถูกจีนกล่าวอ้างเป็นส่วนหนึ่งของดินแดน อยู่ในภาวะเฝ้าระวังขั้นสูงต่อการซ้อมรบครั้งใหม่ใดๆ ของจีน นับตั้งแต่ประธานาธิบดี ไล่ ชิงเต๋อ กล่าวสุนทรพจน์เนื่องในวันชาติเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
    .
    ในสุนทรพจน์ ไล่ ได้ประกาศกร้าวจะเดินหน้าต่อต้านการผนวกดินแดนของจีนแผ่นดินใหญ่ และบอกว่าปักกิ่งไม่มีสิทธิเป็นตัวแทนของไต้หวัน แม้อีกด้านหนึ่งเขาได้เสนอร่วมมือกับปักกิ่งก็ตาม
    .
    สุนทรพจน์ดังกล่าวเรียกเสียงปะณามมาจากปักกิ่ง และล่าสุดทางกองบัญชาการยุทธภูมิตะวันออกของกองทัพปลดแอกประชาชนจีน เปิดเผยว่า การซ้อมรบ Joint Sword-2024B ได้เริ่มขึ้นแล้วและกำลังมีขึ้นในช่องแคบไต้หวัน และพื้นที่ต่างๆ ทางเหนือ ทางใต้และตะวันออกของไต้หวัน
    .
    "การซ้อมรบยังเป็นคำเตือนอย่างจริงจังต่อพฤติกรรมแบ่งแยกดินแดนของกองกำลังเอกราชไต้หวัน มันเป็นปฏิบัติการที่ชอบด้วยกฎหมายและจำเป็น เพื่อปกป้องอธิปไตยและความเป็นหนึ่งเดียวกันของประเทศชาติ" ถ้อยแถลงของกองทัพจีนระบุ ทั้งนี้ ถ้อยแถลงนี้มีเผยแพร่ทั้งในรูปแบบภาษาจีนและภาษาอังกฤษ
    .
    กองบัญชาการยุทธภูมิตะวันออกของกองทัพปลดแอกประชาชนจีน ได้เผยแพร่แผนที่หนึ่งซึ่งเผยให้เห็น 9 พื้นที่รอบไต้หวัน บริเวณที่มีการซ้อมรบ ในนั้น 2 จุดอยู่ทางชายฝั่งตะวันออกของเกาะ 3 จุดอยู่ทางชายฝั่งตะวันตก 1 จุดทางเหนือ และอีก 3 จุด แถวหมู่เกาะต่างๆ ที่อยู่ภายใต้การควบคุมของไต้หวัน ใกล้กับชายฝั่งของจีน
    .
    "กองเรือและฝูงบินของจีนมุ่งหน้าเข้าหาไต้หวันในระยะประชิดจากทุกทิศทุกทาง มุ่งเน้นไปที่การฝึกซ้อมลาดตระเวนเพื่อความพร้อมด้านการสู้รบทั้งทางทะเลและอากาศ การปิดล้อมท่าเรือและพื้นที่สำคัญๆ การจู่โจมเป้าหมายทางทะเลและทางภาคพื้น รวมถึงฉวยความได้เปรียบอย่างครอบคลุม"
    .
    อย่างไรก็ตาม พวกเขาไม่ได้แถลงว่ามีการฝึกซ้อมกระสุนจริงหรือกำหนดเขตห้ามบินใดๆ หรือไม่ ในขณะที่เมื่อปี 2022 ไม่นานหลังจาก แนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ณ ขณะนั้นเดินทางเยือนไต้หวัน ทางจีนได้รัวยิงขีปนาวุธข้ามเกาะแห่งนี้
    .
    สภากิจการแผ่นดินใหญ่ของไต้หวัน กล่าวว่าการซ้อมรบล่าสุดของจีนและไม่ตัดความเป็นไปได้ในการใช้กำลัง คือการยั่วยุอย่างโจ่งแจ้งที่บ่อนทำลายเสถียรภาพและสันติภาพในภูมิภาคอย่างร้ายแรง
    .
    อย่างไรก็ตาม สภากิจการแผ่นดินใหญ่ของไต้หวัน เน้นย้ำว่าแม้ถูกจีนยกระดับข่มขู่ทางการเมือง ทางทหารและเศรษฐกิจหนักหน่วงขึ้นในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา แต่ไต้หวันจะไม่ยอมจำนน "ประธานาธิบดีไล่ ได้แสดงออกถึงไมตรีจิตในคำกล่าวสุนทรพจน์เรื่องในวันชาติ และมีความตั้งใจแบกรับความรับผิดชอบธำรงไว้ซึ่งสันติภาพในช่องแคบไต้หวัน ร่วมกับคอมมิวนิสต์จีน"
    .
    กระทรวงกลาโหมไต้หวันเปิดเผยว่าพวกเขาได้ส่งกองกำลังของตนเองออกไปเช่นกัน
    .
    เจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงระดับสูงรายหนึ่งของไต้หวัน ให้สัมภาษณ์กับรอยเตอร์โดยไม่ประสงค์เอ่ยนาม เนื่องจากเป็นประเด็นอ่อนไหว เชื่อว่าจีนกำลังฝึกซ้อมปิดกั้นท่าเรือต่างๆ ของไต้หวันในทางเหนือและทางใต้ของเกาะ รวมถึงเส้นทางการเดินเรือระหว่างประเทศ เช่นเดียวกับการฝึกซ้อมสกัดการเดินทางเข้ามาของกองกำลังต่างชาติ
    .
    ไต้หวันเมื่อวันอาทิตย์ (13 ต.ค.) รายงานว่าเรือบรรทุกเครื่องบินลำหนึ่งของจีน ล่องสู่ทางใต้ของเกาะ ผ่านช่องแคบยุทธศาสตร์ "บาชิ" ที่กั้นระหว่างไต้หวันกับฟิลิปปินส์ และเชื่อมทะเลจีนใต้ไปยังมหาสมุทรแปซิฟิก
    .
    นับตั้งแต่วันพฤหัสบดีที่แล้ว สื่อมวลชนแห่งรัฐจีนรายงานเรื่องราวต่างๆ และความคิดเห็นของบรรดาผู้สันทัดกรณี ที่ประณามคำกล่าวสุนทรพจน์ของไล่ และในวันอาทิตย์ (13 ต.ค.) ทางกองบัญชาการยุทธภูมิตะวันออกของกองทัพปลดแอกประชาชนจีน เผยแพร่วิดีโอหนึ่งซึ่งเป็นภาพที่อ้างว่าพวกเขากำลังเตรียมพร้อมสำหรับการสู้รบ
    .
    จีนเคยจัดการซ้อมรบ Joint Sword-2024A รอบเกาะไต้หวัน เป็นเวลา 2 วัน ในเดือนพฤษภาคม ไม่นานหลังจาก ไล่ เข้ารับตำแหน่ง โดยบอกว่ามันเป็นการลงโทษต่อคำกล่าวสาบานตนเข้ารับตำแหน่งของไล่ ที่มีเนื้อหาแบ่งแยกดินแดน
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000098420
    ..............
    Sondhi X
    กองทัพจีนเริ่มทำการซ้อมรบครั้งใหม่ใกล้ไต้หวัน ระบุเป็นสัญญาณเตือนที่ส่งถึง "พฤติกรรมแบ่งแยกดินแดนของกองกำลังเอกราชไต้หวัน" โดยคราวนี้ไม่มีการกำหนดวันสิ้นสุดใดๆ ความเคลื่อนไหวที่เรียกเสียงประณามจากรัฐบาลไทเป . ไต้หวันซึ่งปกครองตนเองตามระบอบประชาธิปไตย และถูกจีนกล่าวอ้างเป็นส่วนหนึ่งของดินแดน อยู่ในภาวะเฝ้าระวังขั้นสูงต่อการซ้อมรบครั้งใหม่ใดๆ ของจีน นับตั้งแต่ประธานาธิบดี ไล่ ชิงเต๋อ กล่าวสุนทรพจน์เนื่องในวันชาติเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว . ในสุนทรพจน์ ไล่ ได้ประกาศกร้าวจะเดินหน้าต่อต้านการผนวกดินแดนของจีนแผ่นดินใหญ่ และบอกว่าปักกิ่งไม่มีสิทธิเป็นตัวแทนของไต้หวัน แม้อีกด้านหนึ่งเขาได้เสนอร่วมมือกับปักกิ่งก็ตาม . สุนทรพจน์ดังกล่าวเรียกเสียงปะณามมาจากปักกิ่ง และล่าสุดทางกองบัญชาการยุทธภูมิตะวันออกของกองทัพปลดแอกประชาชนจีน เปิดเผยว่า การซ้อมรบ Joint Sword-2024B ได้เริ่มขึ้นแล้วและกำลังมีขึ้นในช่องแคบไต้หวัน และพื้นที่ต่างๆ ทางเหนือ ทางใต้และตะวันออกของไต้หวัน . "การซ้อมรบยังเป็นคำเตือนอย่างจริงจังต่อพฤติกรรมแบ่งแยกดินแดนของกองกำลังเอกราชไต้หวัน มันเป็นปฏิบัติการที่ชอบด้วยกฎหมายและจำเป็น เพื่อปกป้องอธิปไตยและความเป็นหนึ่งเดียวกันของประเทศชาติ" ถ้อยแถลงของกองทัพจีนระบุ ทั้งนี้ ถ้อยแถลงนี้มีเผยแพร่ทั้งในรูปแบบภาษาจีนและภาษาอังกฤษ . กองบัญชาการยุทธภูมิตะวันออกของกองทัพปลดแอกประชาชนจีน ได้เผยแพร่แผนที่หนึ่งซึ่งเผยให้เห็น 9 พื้นที่รอบไต้หวัน บริเวณที่มีการซ้อมรบ ในนั้น 2 จุดอยู่ทางชายฝั่งตะวันออกของเกาะ 3 จุดอยู่ทางชายฝั่งตะวันตก 1 จุดทางเหนือ และอีก 3 จุด แถวหมู่เกาะต่างๆ ที่อยู่ภายใต้การควบคุมของไต้หวัน ใกล้กับชายฝั่งของจีน . "กองเรือและฝูงบินของจีนมุ่งหน้าเข้าหาไต้หวันในระยะประชิดจากทุกทิศทุกทาง มุ่งเน้นไปที่การฝึกซ้อมลาดตระเวนเพื่อความพร้อมด้านการสู้รบทั้งทางทะเลและอากาศ การปิดล้อมท่าเรือและพื้นที่สำคัญๆ การจู่โจมเป้าหมายทางทะเลและทางภาคพื้น รวมถึงฉวยความได้เปรียบอย่างครอบคลุม" . อย่างไรก็ตาม พวกเขาไม่ได้แถลงว่ามีการฝึกซ้อมกระสุนจริงหรือกำหนดเขตห้ามบินใดๆ หรือไม่ ในขณะที่เมื่อปี 2022 ไม่นานหลังจาก แนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ณ ขณะนั้นเดินทางเยือนไต้หวัน ทางจีนได้รัวยิงขีปนาวุธข้ามเกาะแห่งนี้ . สภากิจการแผ่นดินใหญ่ของไต้หวัน กล่าวว่าการซ้อมรบล่าสุดของจีนและไม่ตัดความเป็นไปได้ในการใช้กำลัง คือการยั่วยุอย่างโจ่งแจ้งที่บ่อนทำลายเสถียรภาพและสันติภาพในภูมิภาคอย่างร้ายแรง . อย่างไรก็ตาม สภากิจการแผ่นดินใหญ่ของไต้หวัน เน้นย้ำว่าแม้ถูกจีนยกระดับข่มขู่ทางการเมือง ทางทหารและเศรษฐกิจหนักหน่วงขึ้นในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา แต่ไต้หวันจะไม่ยอมจำนน "ประธานาธิบดีไล่ ได้แสดงออกถึงไมตรีจิตในคำกล่าวสุนทรพจน์เรื่องในวันชาติ และมีความตั้งใจแบกรับความรับผิดชอบธำรงไว้ซึ่งสันติภาพในช่องแคบไต้หวัน ร่วมกับคอมมิวนิสต์จีน" . กระทรวงกลาโหมไต้หวันเปิดเผยว่าพวกเขาได้ส่งกองกำลังของตนเองออกไปเช่นกัน . เจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงระดับสูงรายหนึ่งของไต้หวัน ให้สัมภาษณ์กับรอยเตอร์โดยไม่ประสงค์เอ่ยนาม เนื่องจากเป็นประเด็นอ่อนไหว เชื่อว่าจีนกำลังฝึกซ้อมปิดกั้นท่าเรือต่างๆ ของไต้หวันในทางเหนือและทางใต้ของเกาะ รวมถึงเส้นทางการเดินเรือระหว่างประเทศ เช่นเดียวกับการฝึกซ้อมสกัดการเดินทางเข้ามาของกองกำลังต่างชาติ . ไต้หวันเมื่อวันอาทิตย์ (13 ต.ค.) รายงานว่าเรือบรรทุกเครื่องบินลำหนึ่งของจีน ล่องสู่ทางใต้ของเกาะ ผ่านช่องแคบยุทธศาสตร์ "บาชิ" ที่กั้นระหว่างไต้หวันกับฟิลิปปินส์ และเชื่อมทะเลจีนใต้ไปยังมหาสมุทรแปซิฟิก . นับตั้งแต่วันพฤหัสบดีที่แล้ว สื่อมวลชนแห่งรัฐจีนรายงานเรื่องราวต่างๆ และความคิดเห็นของบรรดาผู้สันทัดกรณี ที่ประณามคำกล่าวสุนทรพจน์ของไล่ และในวันอาทิตย์ (13 ต.ค.) ทางกองบัญชาการยุทธภูมิตะวันออกของกองทัพปลดแอกประชาชนจีน เผยแพร่วิดีโอหนึ่งซึ่งเป็นภาพที่อ้างว่าพวกเขากำลังเตรียมพร้อมสำหรับการสู้รบ . จีนเคยจัดการซ้อมรบ Joint Sword-2024A รอบเกาะไต้หวัน เป็นเวลา 2 วัน ในเดือนพฤษภาคม ไม่นานหลังจาก ไล่ เข้ารับตำแหน่ง โดยบอกว่ามันเป็นการลงโทษต่อคำกล่าวสาบานตนเข้ารับตำแหน่งของไล่ ที่มีเนื้อหาแบ่งแยกดินแดน . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000098420 .............. Sondhi X
    Like
    Love
    8
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 1026 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts