• เรื่องเล่าจากข่าว: ARM พลิกเกมจากเบื้องหลังสู่เวทีหน้าในตลาด AI

    ARM เคยเป็นผู้ให้สิทธิ์ใช้งานสถาปัตยกรรม CPU ให้กับบริษัทต่างๆ เช่น Apple, Qualcomm, NVIDIA และ AWS โดยไม่ผลิตชิปเอง แต่ในปี 2025 ARM ประกาศแผนใหม่—จะพัฒนา “Full-End Solutions” ด้วยตัวเอง ตั้งแต่ชิปเล็ก (chiplet) ไปจนถึงระบบคอมพิวเตอร์ครบชุด เพื่อรองรับความต้องการด้าน AI ที่เติบโตอย่างรวดเร็ว

    CEO ของ ARM, Rene Haas เผยว่า “เราไม่ใช่แค่จะออกแบบ แต่จะสร้างจริง” ซึ่งหมายถึงการลงทุนมหาศาลใน R&D การเลือกโรงงานผลิต และการจัดจำหน่าย ซึ่งอาจมีค่าใช้จ่ายสูงถึง $500 ล้านต่อชิปหนึ่งตัว

    แม้จะเสี่ยงต่อการสูญเสียลูกค้าเดิมที่อาจมองว่า ARM กลายเป็นคู่แข่ง แต่ ARM ก็มีจุดแข็งจากประสบการณ์และการยอมรับในตลาด โดยเฉพาะในกลุ่ม hyperscaler เช่น AWS, Google, Microsoft ที่ใช้ชิป Neoverse ของ ARM ในระบบ AI ของตน

    ARM เตรียมพัฒนา Full-End Solutions สำหรับตลาด AI
    รวมถึง chiplets, บอร์ด, และระบบคอมพิวเตอร์ครบชุด
    เปลี่ยนจากโมเดล IP licensing ไปสู่การผลิตจริง

    CEO Rene Haas ยืนยันการลงทุนใน R&D และการสร้างชิปเอง
    อาจมีค่าใช้จ่ายสูงถึง $500 ล้านต่อชิป
    ต้องเลือกโรงงานผลิตและจัดจำหน่ายเอง

    ARM มีฐานลูกค้าในตลาด AI ที่เติบโตอย่างรวดเร็ว
    Neoverse CPU ถูกใช้ใน AWS Graviton, Google Axion, Microsoft Cobalt
    คาดว่า 50% ของ CPU ใน data center จะใช้สถาปัตยกรรม ARM ภายในปีนี้

    SoftBank เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของ ARM และมีประวัติการลงทุนในโครงการเสี่ยง
    เพิ่มความมั่นใจในการสนับสนุนแผนใหม่ของ ARM
    เคยลงทุนหลายพันล้านในเทคโนโลยีล้ำสมัย

    ARM ไม่ได้ตั้งใจเป็นผู้ผลิตชิปเต็มรูปแบบ แต่จะสร้าง prototype เพื่อเร่งนวัตกรรมของลูกค้า
    ใช้เป็นตัวอย่างเพื่อช่วยลูกค้าออกแบบชิปเฉพาะทาง
    เน้นตลาด AI inference และ data center

    https://wccftech.com/arm-is-reportedly-exploring-full-end-solutions-for-the-ai-market/
    🎙️ เรื่องเล่าจากข่าว: ARM พลิกเกมจากเบื้องหลังสู่เวทีหน้าในตลาด AI ARM เคยเป็นผู้ให้สิทธิ์ใช้งานสถาปัตยกรรม CPU ให้กับบริษัทต่างๆ เช่น Apple, Qualcomm, NVIDIA และ AWS โดยไม่ผลิตชิปเอง แต่ในปี 2025 ARM ประกาศแผนใหม่—จะพัฒนา “Full-End Solutions” ด้วยตัวเอง ตั้งแต่ชิปเล็ก (chiplet) ไปจนถึงระบบคอมพิวเตอร์ครบชุด เพื่อรองรับความต้องการด้าน AI ที่เติบโตอย่างรวดเร็ว CEO ของ ARM, Rene Haas เผยว่า “เราไม่ใช่แค่จะออกแบบ แต่จะสร้างจริง” ซึ่งหมายถึงการลงทุนมหาศาลใน R&D การเลือกโรงงานผลิต และการจัดจำหน่าย ซึ่งอาจมีค่าใช้จ่ายสูงถึง $500 ล้านต่อชิปหนึ่งตัว แม้จะเสี่ยงต่อการสูญเสียลูกค้าเดิมที่อาจมองว่า ARM กลายเป็นคู่แข่ง แต่ ARM ก็มีจุดแข็งจากประสบการณ์และการยอมรับในตลาด โดยเฉพาะในกลุ่ม hyperscaler เช่น AWS, Google, Microsoft ที่ใช้ชิป Neoverse ของ ARM ในระบบ AI ของตน ✅ ARM เตรียมพัฒนา Full-End Solutions สำหรับตลาด AI ➡️ รวมถึง chiplets, บอร์ด, และระบบคอมพิวเตอร์ครบชุด ➡️ เปลี่ยนจากโมเดล IP licensing ไปสู่การผลิตจริง ✅ CEO Rene Haas ยืนยันการลงทุนใน R&D และการสร้างชิปเอง ➡️ อาจมีค่าใช้จ่ายสูงถึง $500 ล้านต่อชิป ➡️ ต้องเลือกโรงงานผลิตและจัดจำหน่ายเอง ✅ ARM มีฐานลูกค้าในตลาด AI ที่เติบโตอย่างรวดเร็ว ➡️ Neoverse CPU ถูกใช้ใน AWS Graviton, Google Axion, Microsoft Cobalt ➡️ คาดว่า 50% ของ CPU ใน data center จะใช้สถาปัตยกรรม ARM ภายในปีนี้ ✅ SoftBank เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของ ARM และมีประวัติการลงทุนในโครงการเสี่ยง ➡️ เพิ่มความมั่นใจในการสนับสนุนแผนใหม่ของ ARM ➡️ เคยลงทุนหลายพันล้านในเทคโนโลยีล้ำสมัย ✅ ARM ไม่ได้ตั้งใจเป็นผู้ผลิตชิปเต็มรูปแบบ แต่จะสร้าง prototype เพื่อเร่งนวัตกรรมของลูกค้า ➡️ ใช้เป็นตัวอย่างเพื่อช่วยลูกค้าออกแบบชิปเฉพาะทาง ➡️ เน้นตลาด AI inference และ data center https://wccftech.com/arm-is-reportedly-exploring-full-end-solutions-for-the-ai-market/
    WCCFTECH.COM
    ARM Is Reportedly Exploring "Full-End" Solutions for the AI Market, Marking a Major Pivot from CPU IP Licensing to Competing with Mainstream Players Like AMD & Intel
    ARM is expected to make a pivot towards full-end solutions for its customers, creating its own chips to compete with Intel and AMD.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 127 มุมมอง 0 รีวิว
  • ตอน 2

    จิ๊กโก๋ปากซอย สร้างวินมอ’ไซค์



    อเมริกาเป็นนักวางแผนตัวพ่อ อเมริกามีแผนสำหรับทุกประเทศเป้าหมาย ทุกขั้นตอน เขียนแผนอย่างละเอียด มีรายงานทุกเรื่องที่เห็นว่าสำคัญ ….เก็บเรื่องระบบทุนนิยมไว้ก่อน เด็กมันยังละอ่อนนัก เดี๋ยวมันตกใจ วิ่งหนีรอดตาข่าย จะกินอาหารอร่อยต้องใจเย็นๆ

    แผนหมายเลข 1 สำหรับการเคี้ยวไทยของอเมริกา ตาม Pax Americana เน้นเรื่องเศรษฐกิจและความมั่นคงนำหน้า ดังนั้น ต้องเปลี่ยนประเทศไทยจากที่เป็นประเทศเกษตรกรรม เป็นประเทศอุตสาหกรรมให้ได้ก่อน เรื่องความมั่นคงอย่าเพิ่งถาม เดี๋ยวจะเห็นว่ามาอย่างไร

    อเมริกา เป็นนักวางแผนที่มีจิตวิทยาสูง คนเราน่ะนะ จะให้ทำอะไร มันต้องให้สบายกระเป๋าก่อน มีเงินแล้วมันถึงจะพูดกันรู้เรื่อง แหม! มันเดินตามกันเปี๊ยบเลย ใครนะ ที่ใช้เงินเข้าล่อ แบบคุณพ่ออเมริกา

    ปี พ.ศ.2501 อเมริกาจึงส่งผู้เชี่ยวชาญจากธนาคารโลก เป็นของขวัญให้รัฐบาลสฤษดิ์ มาเป็นทีมใหญ่ ไทยแลนด์ดีใจเหมือนได้แก้ว

    กลุ่มผู้เชี่ยวชาญขนกันมาทำการสำรวจประเทศไทยอย่างละเอียดถี่ถ้วน ดูทั้งบนดินใต้ดินใต้น้ำในทะเล ทุกซอก ทุกหลุม ประมาณว่าแทบจะถลกผ้านุ่งคุณยายดูยังงั้นเชียว สำรวจอยู่ 1 ปีจึงเสร็จ เสร็จแล้วก็ทำรายงานสำรวจชุดใหญ่ ส่งให้คุณพ่ออเมริกา ชุดเล็กก็เสนอให้คุณป๋าผ้าขะม้าไทย

    (แสดงว่ามันดูกันละเอียดจริง ไม่เหมือนข้าราชการบ้านเราไปดูงานบ้านเขาเลยนะ ไป 15 วัน ช้อปปิ้งเสีย 10 วัน เข้าบ่อนอีก 5 วัน อ้าว แล้วดูงานตอนไหน ก็ตอนขึ้นเครื่องกลับ หลับฝันเอาไง บ้านเรามันถึงเจริญ)

    ผลสำรวจสรุปว่า เพื่อทดแทนการนำเข้า ที่ทำให้ไทยแลนด์ขาดดุลการค้า ฝรั่งบอกว่า ไทยควรเปลี่ยนจากประเทศกสิกรรม ทำการเกษตร มาเป็นประเทศอุตสาหกรรม ทำการผลิตสินค้าส่งออก เขียนตามโผที่ล็อกไว้เลย กองสลากเรายังล็อกโผไม่ได้เท่านี้

    รายงานสำรวจดังกล่าว เป็นไปตามใบสั่งคุณพ่ออเมริกา ที่ต้องการให้ประเทศด้อยพัฒนาทั้งหลาย (ตอนนั้นเราก็เป็นประเทศด้อยนะ ไม่ต้องค้อน ตอนนี้ก็ยังด้อยอยู่อีกหลายเรื่อง) เปิดทางให้ทุนอเมริกัน เข้าไปลงทุนผลิตสินค้าอุตสาหกรรม นอกจากอเมริกา จะได้ประโยชน์ในการขยายการลงทุนแล้ว อเมริกาจะได้ขายเครื่อง จักร และสารพัดอุปกรณ์ที่ต้องใช้ในขบวนการผลิต เช่น พลังงานไฟฟ้า น้ำมัน เขื่อน อุปกรณ์เทคนิค อุปกรณ์การขนส่ง ฯลฯ ให้ไทยอีกด้วย

    สิ่งที่ไทยได้ขายคือ วัตถุดิบบางอย่างที่มีในประเทศและแรงงาน แค่นั้นเอง ….อืมมม คุ้มแสนคุ้ม…

    คุณป๋าไทยเมื่อได้รับรายงานสำรวจฯ ก็เนื้อเต้นไปหมด เห็นโอกาสทองทำเงินอยู่ข้างหน้า… งานคือเงิน เงินคืองาน บันดาลสุข …คุณป๋าไทยรีบออกคำสั่ง แต่งตั้งคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่ง ชาติทันที ในปี พ.ศ.2504 และนั่นคือกำเนิดสภาพัฒน์ฯ ที่เรารู้จัก

    สภาพัฒน์ฯ ทำหน้าที่วางแผนพัฒนาเศรษฐกิจประเทศไทยตั้งแต่ พ.ศ.2504 ถึงปัจจุบัน ตามแนวทางที่ฝรั่ง (หลอก) ให้ไทยเดิน

    ควรรู้ด้วยว่า แผนพัฒนาเศรษฐกิจประเทศไทย ฉบับที่ 1 ใช้รายงานธนาคารโลก ฉบับใบสั่งทั้งฉบับนั่นแหละ แปลเป็นไทย ทำเป็นแผนแม่บท ง่ายดีจัง

    ไม่ต้องเสียเวลา ไทยมีส่วนร่วมเพียงในฐานะผู้รับบัญชา ขอรับกระผม

    นอกจากนี้แผนพัฒนาเศรษฐกิจประเทศไทย ตั้งแต่ฉบับที่ 1 ถึง 6 เดินตามแนวทางรายงานธนาคารโลกทั้งสิ้น ปัจจุบันเป็นฉบับที่ 12 ซึ่งก็ไม่มีแนวทางพัฒนาประเทศ ที่ชัดเจนเหมาะสมกับสภาพ และสภาวะของประเทศ แถม เละเทะเหมือนกินจับฉ่าย

    ควรรู้อีกด้วยว่าในรายงานของธนาคารโลก ไม่เน้นถึงการพัฒนาการปลูกข้าว ซึ่งเป็นสินค้าส่งออกอันดับ 1 ของไทย ตรงกันข้ามดันมีข้อเสนอให้เก็บพรีเมี่ยมข้าว!

    พอจะเห็นกันบ้างหรือยังว่า สิ่งที่เรียกว่าแผนพัฒนาเศรษฐกิจฯของขวัญจากคุณพ่ออเมริกา แท้จริงแล้ว เป็นบัวหิมะพันปีเพิ่มพลัง หรือ ยาละลายกระดูกสลายพลัง

    นักล่าอาณานิคมรุ่นใหม่นี่เยี่ยมจริงๆ

    หลังจากนั้น การพัฒนาประเทศไทยก็เดินตามแนวที่คุณพ่ออเมริกากำหนด หรือกำกับ ผ่านหน่วยงานธนาคารโลก (World Bank), IMF, IFC, ADB ฯลฯ ที่เราขยันกู้เขามาตลอด เริ่มเข้าใจหรือยังครับ ทำไมเขาถึงต้องตั้งธนาคารโลก, IMF ฯลฯ

    สัญญาเงินกู้ทุกฉบับของ World Bank, IMF , IFC จะมีข้อกำหนดบังคับผู้กู้ ตามที่คุณพ่ออเมริกาต้อง การ ให้โลกเดินไปในทิศทางที่คุณพ่อและพวกต้องการคือ ทุนนิยมเสรี นั่นเอง

    อเมริกาสามารถควบคุมธนาคารโลก, IMF, IFC ได้ในกำมือ เพราะอเมริกาจ่ายเงินสนับสนุนสูงที่สุดมากกว่าประเทศอื่นๆ

    พูดให้ชัดธนาคารโลก, IMF, IFC ก็เด็กในกระเป๋าอเมริกานั่นแหละ!

    แต่การพัฒนาประเทศ จะเดินตามใบสั่งของคุณพ่ออเมริกาไม่ได้ ถ้าไม่มีข้าราชการที่จูงง่าย พร้อมเป็นขี้ข้า ไม่ว่าจะเป็นขี้ข้าฝรั่ง หรือนักการเมืองไทย เห็นๆ กันอยู่ตั้งกะสมัย 50 ปีก่อน จนถึงเดี๋ยวนี้ มีอะไรเปลี่ยนไปบ้าง

    ข้าราชการที่มีความสามารถ แต่พร้อมที่จะถูกฝรั่งหลอกใช้ (เอ๊ะ หรือเต็มใจ!)ที่เรียกกันว่า technocrat (technocrat ต้นแบบก็อย่างนายเกษม จาติกวนิช นายอานันท์ ปันยารชุน นายอำนวย วีรวรรณ นั่นแหละ) ก็เป็นผู้รับแผนคุณพ่อฝรั่งมาดำเนินการ

    Technocrat เหล่านี้มาจากไหนล่ะ? อ้า! เดี๋ยวต้องหาที่มาแบบ CSI (Crime Scene Investigation สำหรับผู้ไม่ได้ดูหนัง ดูแต่ละคร ก็นึกถึงคุณหมอพรทิพย์หัวฟูคนเก่งของเราแล้วกัน ประเภทสืบจากศพอะไรทำนองนั้นแหละครับ)

    Technocrat เหล่านี้ ส่วนใหญ่เป็นผู้จบการศึกษาจากต่างประเทศ โดยเฉพาะจากอังกฤษและอเมริกา มีความคุ้นเคยกับระบบการศึกษา ตำรับตำรา วิชาการ ความคิด ที่ฝรั่งแป๊ะติดใส่หัวเอาไว้ตั้งแต่สมัยไปเรียนหนังสือ ท่านเหล่านั้นก็มีวิชาความรู้เพิ่มพูน ฝรั่งสอนอะไรก็จด ฝรั่งพูดอะไรก็จำ ทำตัวเป็นเครื่องถ่ายเอกสาร (ฮา) กลับมาก็ฟิตเปรี๊ยะ เครื่องถ่ายอัดสำเนาไว้เต็ม

    คิดว่าบ้านเมืองเราจะเจริญได้ ต้องดูจากที่ฝรั่งเขาพัฒนาบ้านเมืองเขา ไม่เคยใช้สมองของตัวคิดบ้างว่า บ้านเขากับบ้านเราน่ะ มันต่างกันขนาดไหน

    ดูภูมิประเทศ อากาศ ทรัพยากร ความถนัด ประเพณี ฯลฯ โอ้ยสารพัด มันเหมือนกันตรงไหน ข้างหนึ่งหัวดำตัวเหลือง อีกข้างหนึ่งหัวทองตัวขาวเผือด ข้างหนึ่งหนาวหิมะตก ข้างหนึ่งเดี๋ยวร้อน เดี๋ยวฝนตกน้ำท่วม ยังคิดก็อบปี้ตะบี้ตะบันท่าเดียว เพราะถูกทำให้เชื่อว่า ฝรั่งนั้นฉลาดกว่าเรา สิ่งที่เขาคิด ดีกว่าที่เราคิด มันฝังหัว ตั้งกะไปเรียน prep school หรือ public school กับฝรั่งมาแล้ว

    ดังนั้น เมื่อฝรั่งบอกเดินหน้าเป็นประเทศอุตสาหกรรม ทุกท่านก็ลุย! เฮ้อ! เศร้าใจ

    การพัฒนาเศรษฐกิจประเทศไทย เมื่อกลัดกระดุมเม็ดแรกผิด มันก็ผิดไปเรื่อยๆ จนถึงปัจจุบันนี้ก็ยังไม่แก้ไข คนอะไรเดินใส่เสื้อติดกระดุมเขย่งมาเกือบ 60 ปี ยังไม่รู้ตัว

    นิคมอุตสาหกรรม จึงผุดขึ้นเป็นดอกเห็ด แล้วดอกเห็ดพวกนี้ไม่รู้เป็นอะไร ก็ชอบขึ้นอยู่ตามที่ลุ่ม ซึ่งเป็นทางเดินของน้ำ ดูนิคมบางชัน นิคมแถวอยุธยา บางปะอิน เป็นตัวอย่างแล้วกัน ยิ่งนานวันดอกเห็ดก็แผ่ขยายบานกินเมืองเข้าไปลึกขวางทางไหลหลากของน้ำ ซึ่งมาประจำปี

    ดังนั้น ปัญหาน้ำท่วมก็ยังจะมีอยู่ต่อไป ต้องใช้เรือดำน้ำกี่ลำ หญ้าแพรกเท่าไหร่ก็เอาไม่อยู่ ถ้ายังดันทุรังเดินใส่เสื้อกระดุมเขย่งกันอยู่อย่างนี้

    นี่ยังไม่ได้พูดถึงเรื่องท่าเรือแหลมฉบัง ผาแดง แทนทาลัม นิคมอุตสาหกรรมระยอง โรงไฟฟ้าบ้านกรูด การวางท่อแก๊ส ฯลฯ ที่ไม่เข้ากับสภาพภูมิประเทศ และความเป็นอยู่ของท้องถิ่นนะ แค่นี้ก็น่าจะพอเห็นภาพกันแล้ว

    แหล่งอุตสาหกรรมใหญ่ทั้งหลาย สร้างรายได้ให้กับผู้ถือหุ้นอย่างมหาศาล คนท้องถิ่นได้แต่ค่าแรงวันละไม่กี่บาท แล้วใครเป็นผู้ถือหุ้น… ก็คนต่างชาติส่วนใหญ่ บวกกับคนไทยขายชาติที่ถือหุ้นแทนฝรั่งไง

    คนท้องถิ่นไม่เคยได้เป็นผู้ถือหุ้น!

    ประเด็นปัญหาสิ่งแวดล้อม ที่ทำกิน และที่สำคัญ สุขอนามัยของชาวบ้าน ไม่เคยเป็นปัจจัยที่ผู้ให้กู้ หรือนักลงทุนต่างชาติ ให้ความสนใจหรือห่วงใย

    ผู้ให้กู้ หรือนักลงทุน ให้ความสนใจแต่ ผลผลิต และผลกำไรของพวกเขาเท่านั้น

    ส่วนนักการเมืองไทย ก็นึกแต่ค่าหัวคิว ใต้โต๊ะ บนโต๊ะ ที่จะได้รับ รับแล้วเอาไปซุกไว้ที่ไหนดีหนอ หลังบ้าน ใต้เตียง ในตู้เสื้อผ้า หรือซุกไว้กับคนรถ คนใช้ ฯลฯ แล้วประเทศได้อะไร ประชาชนได้อะไร …เคยมีนักการเมืองหน้าไหนดูแลเราจริงๆ จังๆ บ้าง


    คนเล่านิทาน
    ตอน 2 จิ๊กโก๋ปากซอย สร้างวินมอ’ไซค์ อเมริกาเป็นนักวางแผนตัวพ่อ อเมริกามีแผนสำหรับทุกประเทศเป้าหมาย ทุกขั้นตอน เขียนแผนอย่างละเอียด มีรายงานทุกเรื่องที่เห็นว่าสำคัญ ….เก็บเรื่องระบบทุนนิยมไว้ก่อน เด็กมันยังละอ่อนนัก เดี๋ยวมันตกใจ วิ่งหนีรอดตาข่าย จะกินอาหารอร่อยต้องใจเย็นๆ แผนหมายเลข 1 สำหรับการเคี้ยวไทยของอเมริกา ตาม Pax Americana เน้นเรื่องเศรษฐกิจและความมั่นคงนำหน้า ดังนั้น ต้องเปลี่ยนประเทศไทยจากที่เป็นประเทศเกษตรกรรม เป็นประเทศอุตสาหกรรมให้ได้ก่อน เรื่องความมั่นคงอย่าเพิ่งถาม เดี๋ยวจะเห็นว่ามาอย่างไร อเมริกา เป็นนักวางแผนที่มีจิตวิทยาสูง คนเราน่ะนะ จะให้ทำอะไร มันต้องให้สบายกระเป๋าก่อน มีเงินแล้วมันถึงจะพูดกันรู้เรื่อง แหม! มันเดินตามกันเปี๊ยบเลย ใครนะ ที่ใช้เงินเข้าล่อ แบบคุณพ่ออเมริกา ปี พ.ศ.2501 อเมริกาจึงส่งผู้เชี่ยวชาญจากธนาคารโลก เป็นของขวัญให้รัฐบาลสฤษดิ์ มาเป็นทีมใหญ่ ไทยแลนด์ดีใจเหมือนได้แก้ว กลุ่มผู้เชี่ยวชาญขนกันมาทำการสำรวจประเทศไทยอย่างละเอียดถี่ถ้วน ดูทั้งบนดินใต้ดินใต้น้ำในทะเล ทุกซอก ทุกหลุม ประมาณว่าแทบจะถลกผ้านุ่งคุณยายดูยังงั้นเชียว สำรวจอยู่ 1 ปีจึงเสร็จ เสร็จแล้วก็ทำรายงานสำรวจชุดใหญ่ ส่งให้คุณพ่ออเมริกา ชุดเล็กก็เสนอให้คุณป๋าผ้าขะม้าไทย (แสดงว่ามันดูกันละเอียดจริง ไม่เหมือนข้าราชการบ้านเราไปดูงานบ้านเขาเลยนะ ไป 15 วัน ช้อปปิ้งเสีย 10 วัน เข้าบ่อนอีก 5 วัน อ้าว แล้วดูงานตอนไหน ก็ตอนขึ้นเครื่องกลับ หลับฝันเอาไง บ้านเรามันถึงเจริญ) ผลสำรวจสรุปว่า เพื่อทดแทนการนำเข้า ที่ทำให้ไทยแลนด์ขาดดุลการค้า ฝรั่งบอกว่า ไทยควรเปลี่ยนจากประเทศกสิกรรม ทำการเกษตร มาเป็นประเทศอุตสาหกรรม ทำการผลิตสินค้าส่งออก เขียนตามโผที่ล็อกไว้เลย กองสลากเรายังล็อกโผไม่ได้เท่านี้ รายงานสำรวจดังกล่าว เป็นไปตามใบสั่งคุณพ่ออเมริกา ที่ต้องการให้ประเทศด้อยพัฒนาทั้งหลาย (ตอนนั้นเราก็เป็นประเทศด้อยนะ ไม่ต้องค้อน ตอนนี้ก็ยังด้อยอยู่อีกหลายเรื่อง) เปิดทางให้ทุนอเมริกัน เข้าไปลงทุนผลิตสินค้าอุตสาหกรรม นอกจากอเมริกา จะได้ประโยชน์ในการขยายการลงทุนแล้ว อเมริกาจะได้ขายเครื่อง จักร และสารพัดอุปกรณ์ที่ต้องใช้ในขบวนการผลิต เช่น พลังงานไฟฟ้า น้ำมัน เขื่อน อุปกรณ์เทคนิค อุปกรณ์การขนส่ง ฯลฯ ให้ไทยอีกด้วย สิ่งที่ไทยได้ขายคือ วัตถุดิบบางอย่างที่มีในประเทศและแรงงาน แค่นั้นเอง ….อืมมม คุ้มแสนคุ้ม… คุณป๋าไทยเมื่อได้รับรายงานสำรวจฯ ก็เนื้อเต้นไปหมด เห็นโอกาสทองทำเงินอยู่ข้างหน้า… งานคือเงิน เงินคืองาน บันดาลสุข …คุณป๋าไทยรีบออกคำสั่ง แต่งตั้งคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่ง ชาติทันที ในปี พ.ศ.2504 และนั่นคือกำเนิดสภาพัฒน์ฯ ที่เรารู้จัก สภาพัฒน์ฯ ทำหน้าที่วางแผนพัฒนาเศรษฐกิจประเทศไทยตั้งแต่ พ.ศ.2504 ถึงปัจจุบัน ตามแนวทางที่ฝรั่ง (หลอก) ให้ไทยเดิน ควรรู้ด้วยว่า แผนพัฒนาเศรษฐกิจประเทศไทย ฉบับที่ 1 ใช้รายงานธนาคารโลก ฉบับใบสั่งทั้งฉบับนั่นแหละ แปลเป็นไทย ทำเป็นแผนแม่บท ง่ายดีจัง ไม่ต้องเสียเวลา ไทยมีส่วนร่วมเพียงในฐานะผู้รับบัญชา ขอรับกระผม นอกจากนี้แผนพัฒนาเศรษฐกิจประเทศไทย ตั้งแต่ฉบับที่ 1 ถึง 6 เดินตามแนวทางรายงานธนาคารโลกทั้งสิ้น ปัจจุบันเป็นฉบับที่ 12 ซึ่งก็ไม่มีแนวทางพัฒนาประเทศ ที่ชัดเจนเหมาะสมกับสภาพ และสภาวะของประเทศ แถม เละเทะเหมือนกินจับฉ่าย ควรรู้อีกด้วยว่าในรายงานของธนาคารโลก ไม่เน้นถึงการพัฒนาการปลูกข้าว ซึ่งเป็นสินค้าส่งออกอันดับ 1 ของไทย ตรงกันข้ามดันมีข้อเสนอให้เก็บพรีเมี่ยมข้าว! พอจะเห็นกันบ้างหรือยังว่า สิ่งที่เรียกว่าแผนพัฒนาเศรษฐกิจฯของขวัญจากคุณพ่ออเมริกา แท้จริงแล้ว เป็นบัวหิมะพันปีเพิ่มพลัง หรือ ยาละลายกระดูกสลายพลัง นักล่าอาณานิคมรุ่นใหม่นี่เยี่ยมจริงๆ หลังจากนั้น การพัฒนาประเทศไทยก็เดินตามแนวที่คุณพ่ออเมริกากำหนด หรือกำกับ ผ่านหน่วยงานธนาคารโลก (World Bank), IMF, IFC, ADB ฯลฯ ที่เราขยันกู้เขามาตลอด เริ่มเข้าใจหรือยังครับ ทำไมเขาถึงต้องตั้งธนาคารโลก, IMF ฯลฯ สัญญาเงินกู้ทุกฉบับของ World Bank, IMF , IFC จะมีข้อกำหนดบังคับผู้กู้ ตามที่คุณพ่ออเมริกาต้อง การ ให้โลกเดินไปในทิศทางที่คุณพ่อและพวกต้องการคือ ทุนนิยมเสรี นั่นเอง อเมริกาสามารถควบคุมธนาคารโลก, IMF, IFC ได้ในกำมือ เพราะอเมริกาจ่ายเงินสนับสนุนสูงที่สุดมากกว่าประเทศอื่นๆ พูดให้ชัดธนาคารโลก, IMF, IFC ก็เด็กในกระเป๋าอเมริกานั่นแหละ! แต่การพัฒนาประเทศ จะเดินตามใบสั่งของคุณพ่ออเมริกาไม่ได้ ถ้าไม่มีข้าราชการที่จูงง่าย พร้อมเป็นขี้ข้า ไม่ว่าจะเป็นขี้ข้าฝรั่ง หรือนักการเมืองไทย เห็นๆ กันอยู่ตั้งกะสมัย 50 ปีก่อน จนถึงเดี๋ยวนี้ มีอะไรเปลี่ยนไปบ้าง ข้าราชการที่มีความสามารถ แต่พร้อมที่จะถูกฝรั่งหลอกใช้ (เอ๊ะ หรือเต็มใจ!)ที่เรียกกันว่า technocrat (technocrat ต้นแบบก็อย่างนายเกษม จาติกวนิช นายอานันท์ ปันยารชุน นายอำนวย วีรวรรณ นั่นแหละ) ก็เป็นผู้รับแผนคุณพ่อฝรั่งมาดำเนินการ Technocrat เหล่านี้มาจากไหนล่ะ? อ้า! เดี๋ยวต้องหาที่มาแบบ CSI (Crime Scene Investigation สำหรับผู้ไม่ได้ดูหนัง ดูแต่ละคร ก็นึกถึงคุณหมอพรทิพย์หัวฟูคนเก่งของเราแล้วกัน ประเภทสืบจากศพอะไรทำนองนั้นแหละครับ) Technocrat เหล่านี้ ส่วนใหญ่เป็นผู้จบการศึกษาจากต่างประเทศ โดยเฉพาะจากอังกฤษและอเมริกา มีความคุ้นเคยกับระบบการศึกษา ตำรับตำรา วิชาการ ความคิด ที่ฝรั่งแป๊ะติดใส่หัวเอาไว้ตั้งแต่สมัยไปเรียนหนังสือ ท่านเหล่านั้นก็มีวิชาความรู้เพิ่มพูน ฝรั่งสอนอะไรก็จด ฝรั่งพูดอะไรก็จำ ทำตัวเป็นเครื่องถ่ายเอกสาร (ฮา) กลับมาก็ฟิตเปรี๊ยะ เครื่องถ่ายอัดสำเนาไว้เต็ม คิดว่าบ้านเมืองเราจะเจริญได้ ต้องดูจากที่ฝรั่งเขาพัฒนาบ้านเมืองเขา ไม่เคยใช้สมองของตัวคิดบ้างว่า บ้านเขากับบ้านเราน่ะ มันต่างกันขนาดไหน ดูภูมิประเทศ อากาศ ทรัพยากร ความถนัด ประเพณี ฯลฯ โอ้ยสารพัด มันเหมือนกันตรงไหน ข้างหนึ่งหัวดำตัวเหลือง อีกข้างหนึ่งหัวทองตัวขาวเผือด ข้างหนึ่งหนาวหิมะตก ข้างหนึ่งเดี๋ยวร้อน เดี๋ยวฝนตกน้ำท่วม ยังคิดก็อบปี้ตะบี้ตะบันท่าเดียว เพราะถูกทำให้เชื่อว่า ฝรั่งนั้นฉลาดกว่าเรา สิ่งที่เขาคิด ดีกว่าที่เราคิด มันฝังหัว ตั้งกะไปเรียน prep school หรือ public school กับฝรั่งมาแล้ว ดังนั้น เมื่อฝรั่งบอกเดินหน้าเป็นประเทศอุตสาหกรรม ทุกท่านก็ลุย! เฮ้อ! เศร้าใจ การพัฒนาเศรษฐกิจประเทศไทย เมื่อกลัดกระดุมเม็ดแรกผิด มันก็ผิดไปเรื่อยๆ จนถึงปัจจุบันนี้ก็ยังไม่แก้ไข คนอะไรเดินใส่เสื้อติดกระดุมเขย่งมาเกือบ 60 ปี ยังไม่รู้ตัว นิคมอุตสาหกรรม จึงผุดขึ้นเป็นดอกเห็ด แล้วดอกเห็ดพวกนี้ไม่รู้เป็นอะไร ก็ชอบขึ้นอยู่ตามที่ลุ่ม ซึ่งเป็นทางเดินของน้ำ ดูนิคมบางชัน นิคมแถวอยุธยา บางปะอิน เป็นตัวอย่างแล้วกัน ยิ่งนานวันดอกเห็ดก็แผ่ขยายบานกินเมืองเข้าไปลึกขวางทางไหลหลากของน้ำ ซึ่งมาประจำปี ดังนั้น ปัญหาน้ำท่วมก็ยังจะมีอยู่ต่อไป ต้องใช้เรือดำน้ำกี่ลำ หญ้าแพรกเท่าไหร่ก็เอาไม่อยู่ ถ้ายังดันทุรังเดินใส่เสื้อกระดุมเขย่งกันอยู่อย่างนี้ นี่ยังไม่ได้พูดถึงเรื่องท่าเรือแหลมฉบัง ผาแดง แทนทาลัม นิคมอุตสาหกรรมระยอง โรงไฟฟ้าบ้านกรูด การวางท่อแก๊ส ฯลฯ ที่ไม่เข้ากับสภาพภูมิประเทศ และความเป็นอยู่ของท้องถิ่นนะ แค่นี้ก็น่าจะพอเห็นภาพกันแล้ว แหล่งอุตสาหกรรมใหญ่ทั้งหลาย สร้างรายได้ให้กับผู้ถือหุ้นอย่างมหาศาล คนท้องถิ่นได้แต่ค่าแรงวันละไม่กี่บาท แล้วใครเป็นผู้ถือหุ้น… ก็คนต่างชาติส่วนใหญ่ บวกกับคนไทยขายชาติที่ถือหุ้นแทนฝรั่งไง คนท้องถิ่นไม่เคยได้เป็นผู้ถือหุ้น! ประเด็นปัญหาสิ่งแวดล้อม ที่ทำกิน และที่สำคัญ สุขอนามัยของชาวบ้าน ไม่เคยเป็นปัจจัยที่ผู้ให้กู้ หรือนักลงทุนต่างชาติ ให้ความสนใจหรือห่วงใย ผู้ให้กู้ หรือนักลงทุน ให้ความสนใจแต่ ผลผลิต และผลกำไรของพวกเขาเท่านั้น ส่วนนักการเมืองไทย ก็นึกแต่ค่าหัวคิว ใต้โต๊ะ บนโต๊ะ ที่จะได้รับ รับแล้วเอาไปซุกไว้ที่ไหนดีหนอ หลังบ้าน ใต้เตียง ในตู้เสื้อผ้า หรือซุกไว้กับคนรถ คนใช้ ฯลฯ แล้วประเทศได้อะไร ประชาชนได้อะไร …เคยมีนักการเมืองหน้าไหนดูแลเราจริงๆ จังๆ บ้าง คนเล่านิทาน
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 210 มุมมอง 0 รีวิว
  • ..พูดจริงๆนะ.,ประชาชนควรมีธนาคารกลางของประชาชนแยกออกต่างหากให้ชัดเชนไปจากแบงค์ชาติปัจจุบันนี้,ให้แบงค์ชาติไปทำหน้าที่เต็มที่กับแบงค์เอกชนมหาชนของนายทุนผู้ถือหุ้นต่างๆ,ส่วนธนาคารกลางภาคประชาชนถึงเวลาบริหารจัดการสภาพคล่องของประชาชนคนไทยเอง เป็นกองทุนภาคประชาชนภายใต้การกำกับตัวเองของธนาคารกลางของภาคประชาชนจริงๆ,เช่น เงินงบประมาณลงอัดไปในกองทุนหมู่บ้านทั่วประเทศก็ดึงมาบริหารจัดการเองแทนธกส.ทางตรง,สามารถตั้งธนาคารกองทุนหมู่บ้านแต่ละหมู่บ้านได้จริงจังเต็มที่ในการบริหารจัดการสภาคคล่องเงินทุนสัมมาอาชีพช่วยประชาชนเข้าถึงแหล่งเงินทุนทางตรงติดบ้านใกล้บ้านจริงได้คือมีสำนักประจำทุกๆ80,000หมู่บ้านชุมชนทั่วประเทศจริงนั้นเอง,ธนาคารกลางภาคประชาชนสามารถเปิดรับฝากออมตังได้จริงถอนตังได้จริงประจำหมู่บ้านนั้นๆทันที,สามารถให้เงินทุนสัมมาอาชีพแบบยืมไร้ดอกเบี้ยได้,และฝากไม่มีดอกเบี้ยด้วยเช่นกันนั้นเอง,เป็นสถานีรักษาตังแทนเก็บไว้ในบ้านนั้นเอง,เรียลไทม์อะเลิทป๊อบอัพหากมีการถอนเงินโอนเงินจากบัญชีหรือมีการเคลื่อนไหวตังนั้นเอง,ซึ่งเราจะผูกขาดยึดคลื่นความถี่หนึ่งไว้เป็นสาธารณะประโยชน์เพื่อเราประชาชนไว้มิให้ กสทช.ผูกขาดมอบคลื่นนั้นให้เอกชนไปทำแดก,เราจะมาใช้ประโยชน์ด้านอีกมุก,ป้องกันปัญหาจากผู้ไม่ประสงค์ดีดูดตังเราไปอีกชั้นหนึ่งหากมี,ใครต้องการตังมายืมที่กองทุนเรานี้ทันทีที่เกืดจากการบริหารจัดการอย่างมืออาชีพเป็นระบบ,เชื่อมโครงการช่วยเหลือรัฐ,เช่นตังช่วยเหลือเกษตรกรปล่อยกู้ ปกติผ่านธกส. รัฐโอนงบประมาณหลวงให้ธกส.จัดการทั้งหมด ก็โอนมาที่เรากองทุนเราแทน ธนาคารกลางของประชาชนแทนเช่น200,000ล้านบาทหรือหลายกว่าล้านล้านบาทที่ช่วยอุ้มธนาคารเอกชนต่างๆสมัยยุคปี40นั้น โอนมาช่วยประชาชนคนเกษตร ประชาชนรับไป ตอนเอามาคืนก็หมุนเวียนตังนั้นฟรีๆช่วยประชาชนคนอื่นๆต่อไปได้ ทั้งเราสามารถหาตลาด จัดโปรส่งเสริมการขายออกไป การผลิตต้นทางให้ปลอดสารพิษต้นทุนต่ำได้ อาจติดต่อคนนำเข้าสายการเกษตรเองในนามภาคประชาชน อาจภาษีนำเข้า0%,ประชาชนคนชาวบ้านจะลดค่าปุ๋ยค่าอุปกรณ์ล้ำทุ่นแรงทางการเกษตรหรือนวัตกรรมล้ำๆจากต่างชาติมาไทยได้ไม่แพงนั้นเอง,ตัดตอนพ่อค้าคนกลางก็ว่าเพื่อผลักดันให้คนไทยเรายืนได้จริงพึ่งพาตนเองรอดจริงในทุกๆคนไทยเราจริงมิใช่แหกตาปลอมๆเหมือนในอดีตที่ผ่านๆมา,เมื่อประชาชนมีรายได้,แบบปลูกพืชสมุนไพรสกัดแปรรูปประยุกต์ผสมผสานในสินค้าทั่วไทยทั่วโลกขายสาระพัดตรึมก็ว่า อาทิอดีตกัญชาเสรีกำลังโปร ทั้งปลูกค้าขายในชาวบ้านทั้งส่งให้โรงพยาบาลรัฐเราสกัดฟรีๆทำยารักษาโรคครอบจักรวาล เม็ดที่ประยุกต์ค้าขายในสินค้าต่างๆด้วย จริงๆทั่วโลกอาจกว่า100ล้านล้านบาทเข้าประเทศไทยได้สบายมา เช่นชานมไข่มุกผสมสารสกัดกัญชาเสรี จะเพิ่มยอดคำสั่งซื้อขนาดไหน บำรุงร่างกายทางธรรมชาติ ยอดขายชานมไข่มุกทั่วโลกกว่าหมื่นล้านเหรียญต่อปี,ใยกัญชงกัญชาสามารถใช้ทำโครงสร้างรถยนต์ได้อีก ชุดเกราะกันกระสุนก็ด้วย,เครื่องบินก็ใช่อัดแน่นแข็งแกร่งและเบาอีกด้วย,สมมุติตังมากมายในมือประชาชนเราไว้ใจก็มาฝากตังที่กองทุนหมู่บ้านใครมันทั่วประเทศ ตังทั้งหมดอาจกว่า10ล้านล้านบาทส่วนของภาคครัวเรือนประชาชนที่เก็บออมจริงก็ว่า,จะมีดาต้าจริงในธนาคารกลางของประชาชนเราจริงอีกด้วย,เปรียบเทียบตังสะพัดต่อปีแบบอดีตกว่า 50-60ล้านล้านบาทในปีที่ผ่านๆมาในอดีตเก่าอาจหลายๆปีมาแล้วก่อนยุคเศรษฐกิจจะพังมาถึงไทยปัจจุบันนี้ก็ตาม,ทำสถิติสูงสุด จะสามารถรับรู้แยกชัดเจนว่าเป็นตังของภาคฝ่ายอุตสาหกรรมที่มีธนาคารเอกชนปล่อยกู้กำกับดูแลโดยแบงค์ชาติอีกทีสร้างสภาพสะพัดนั้นด้วยมั้ยในชนชั้นกลางชนชั้นสูงผู้ดีมีตังปกติมั้ยหรือภาคประชาชนชาวบ้านธรรมดาแบบเราๆคือธนาคารภาคประชาชนรวบรวมข้อมูลนี้เอง,เก็บสำรวจค้นคว้าพบเจอเองก็ว่าด้วย,จากนั้นเราสามารถบริหารจัดการตังนี้ในระบบหมุนสภาพคล่องจริงแก่ไทบ้านเราจริงๆได้,คล่องขึ้นแน่นอน ใครต้องการตังตรงไหนเบิกทันที เวลานั้นเช่นแต่ละวันฝากถอนแค่1ล้านล้านบาททั่วประเทศ, ตังในระบบเย็นคือ9ล้านล้านบาท ทดลองปล่อยยืมให้ชาวบ้านคนละ10,000บาทค้าขายทำสัมมาอาชีพเล็กๆน้อยๆและปล่อยยืมระหว่างรอเก็บเกี่ยวผลผลิตที่ปลูกพืชผักระยะสั้นๆหรือหาบเร่แผงลอยรถเข็ญขายในบ้านในตลาดชุมชนตลาดนัดตลาดค่ำตลาดคลองถมชุมชนตนอีก10,000บาทรวมอาจ20,000บาท หมู่บ้านละ100คน,มี80,000หมู่บ้านทั่วประเทศชุมชนคือ160,000,000,000บาทหรือ160,000ล้านบาทเอง,ตังยังเหลือ8.84ล้านล้านบาทโน้นในธนาคารภาคประชาชนเรา,จากนั้นเราสามารถสร้างแพลตฟอร์มตลาดเสรีออนไลน์เองได้แบบซ็อปปี้ ลาซาด้า อะไรนั้นขึ้นเอง เรามีโลจิสต์ขนส่งเราเองศูนย์รวบรวมสินค้าเข้าและออกคือกองทุนร้านหมู่บ้านเรานั้นเอง เป็นไปรษณีย์ขนส่งในตัว รับสินค้าประชาชนช่วยค้าขายได้,อาจมีโดรนขนส่งประจำสำนักงานหมู่บ้านนั้นๆคนละ2-3ตัว ส่งถึงมือคนรับซื้อในหมู่บ้านตนเอง เข้าป่าเข้าเขาขึ้นดอยขึ้นภูลำบาก,ส่งผ่านโดรนตั้งพิกัดgpsประกอบคลื่นมือถือดาวเทียมรวมก็ได้อีก,สั่งผลิตดาวเทียมเน็ตแบบstarlinkก็ได้ตัวละไม่เกิน3,000ล้านบาทเอง,ภาคเหนือเรา4ดวง อีสาน4ดวง กลาง4ดวง ตะวันออก2ดวง ตะวันตก2ดวง ใต้4ดวง ชัดเจนคลื่นส่งแน่นอนรวม20ดวงคูณ3,000ล้านคือ60,000ล้านบาทเอง บวกระบบควบคุมดูแลทั้งหมดทั้งประเทศไม่เกิน100,000ล้านบาทต่อปีภายในประเทศไทยเรา,และเชื่อมstarlinkหรือดาวเทียมนานาชาติทั่วโลกอีก สะดวกในการค้าขายของประชาชนคนไทยเราอีกไม่เกิน1แสนล้านบาทต่อปี,ซึ่งแพลตฟอร์มเราจะรองรับชาวโลกสากลมาร่วมค้าขายเสรีแลกเปลี่ยนสินค้ากันได้คือเราสร้างฮับตลาดอีคอมเมิร์ซโลกประจำประเทศไทยนั้นเอง,รองรับสกุลเงินbricsในอนาคตด้วย,รายได้ในตลาดอีคอมเมิร์ซทั่วโลกคือ30-40ล้านล้านเหรียญต่อปี,ไทยเราอาจสร้างปรากฎการณ์ครั้งใหม่เฉพาะภายในแพลตฟอร์มไทยเราเองอาจกว่าสะพัดถึง100ล้านล้านเหรียญก็ได้ คือGtG GtB BtB Btc CtC แพลตฟอร์มเราตอบสนองความสะดวกสบายให้ได้หมดก็ว่า,คือตังในบัญชีเงินฝากของประชาชนไทยเราจะเพิ่มขึ้นเพิ่มขึ้นนั้นเอง,และนั้นคือเงินในธนาคารกลางภาคประชาชนเราที่ฝากเอาไว้ก็เพิ่มขึ้นมหาศาลด้วย,เรายิ่งสามารถช่วยเหลือชาวบ้านคนไทยเราประชาชนไทบ้านเราที่ขาดโอกาสเข้าถึงแหล่งเงินทุนแบบธนาึราเอกชนเอกชนเจ้าสัวไทย,เรายิ่งปล่อยยืมให้ชาวบ้านเราเองมากขึ้นเพิ่มขึ้นได้เรื่อยๆแบบไม่คิดกำไรดอกเบี้ยใดๆเลยนั้นเอง.,ตลอดขุดคลองคอดกระในอนาคต สร้างแลนด์บริดจ์ในภาคใต้ใดๆก็ตาม ,พื้นที่บริหารจัดการทั้งหมด เราประชาชนทั้งลงทุนสร้างเอง ขุดเองจ้างเองเป็นเจ้าของเองร่วมกันในนามภาคประชาชนไทยเราก็ว่า100%,พื้นที่บริหารแลนด์บริดจ์เิย พื้นที่บริหารคลองคอดกระเอย เราภาคประชาชนร่วมกันเป็นเจ้าของตัวจริงและบริหารจัดการตัวจริงร่วมกันนั้น อย่างเป็นรูปธรรม เช่น จัดตั้งกองทุนคาบมหาสมุทรประจำประเทศไทยขึ้น แจกหุ้นสามัญฟรีๆแก่คนไทยคนละ10,000หุ้นทันทีแม้พึงเกิดก็รับอัตโนมัติที่เป็นคนไทยเรา เป็นเจ้าของจริงจับต้องได้ มีหลักฐานพิสูจน์ได้,ไม่ใช่อ้างว่าทำในนามรัฐบาลแล้วรัฐบาลก็ยกสิทธิบริหารจัดการทั้งหมดและเงินทองก็ว่าผ่องถ่ายไปให้เอกชนไทยและเอกชนต่างชาติทำกินหาแดกเองจนร่ำรวยมั่งคั่งแบบบ่อน้ำมันไทยเรา,จึงต้องตัดตอนยุติการทำหน้าที่ไม่ซื่อสัตย์ต่อประชาชนไม่สุจริตต่อชาติไทยตนทันที,จากนั้นออกหุ้นเพิ่มทุนเพิ่มทันทีให้ประชาชนคนไทยสามารถซื้อสิทธิความเป็นเจ้าของเพิ่มได้อีกคนละไม่เกิน10,000หุ้นๆละ0.01บาท.,ความเป็นเจ้าของนี้ไม่สามารถซื้อขายต่อได้ทุกๆกรณีจะเป็นหุ้นสามัญหรือหุ้นเพิ่มทุนก็ตาม,และจะตายสูญทันทีไปพร้อมกับคนไทยนั้นๆไม่สามารถมอบเป็นมรดกสืบต่อได้,เพราะทุกๆคนไทยมีสถานะการได้มาเมื่อเกิดทันทีอยู่แล้วทุกๆคนและสิทธิซื้อเพิ่มก็เสมอกันหมดตลอดชีพ,ห้ามนำเข้าตลาดหุ้นทุกๆกรณีด้วย,อธิปไตยนี้จะเป็นของคนไทยเราจริงทันที100%,ทุนการก่อสร้างแลนด์บริดจ์ประมาณการคือ1ล้านล้านบาท, ขุดคลองคอดกระคือ2ล้านล้านบาท ถ้า2เลนก็4ล้านล้านบาท,เงินกองทุนเราเติบโตต่อเนื่องหรือขั้นต่ำมีในมือกว่า8ล้านล้านบาทก็ว่า สามารถโยกตังมาลงทุนได้,และเหลือพ้นบริหารจัดการทั้งหมดต่อไปในอนาคตด้วย,ไม่รวมเงินมากมายที่ไหลเข้าสะสมออมในธนาคารเราต่อเนื่องทุกวินาทีด้วยตลิดปีอาจกว่า100ล้านล้านบาทในแพลตฟอร์มตลาดอีคอมเมิร์ซของไทยเราเอง,เมื่อขุดคลองคอดกระเสร็จ สร้างแลนด์บริดจ์เสร็จ เราประเทศไทยจะเป็นฮับสากลของโลกสาระพัดฮับทันที อาทิ ฮับการรักษาทางเทคโนโลยีและสมุนไพรของโลก ฮับโรงพยาบาลโลกนั่นเอง,ฮับการขนส่งทางเรือและทางบกของโลก,ฮับต่อเรือขนาดใหญ่ของโลก,ฮับยานยนต์ภายในโลกและยานยนต์อวกาศโลก, สรุปสาระพัดฮับก็ว่า เม็ดเงินโคตรมหาศาลในพื้นที่บริเวณบริหารจัเการนี้ขั่นต่ำในอนาคต1,000ล้านล้านบาทต่อปีที่เข้าสู่ประเทศไทยเรา เฉลี่ยประชาชนคนไทยเราจะได้ประโยชน์จริงจากการถือหุ้นสามัญหุ้นเพิ่มทุน20,000หุ้นนั้นแน่นอน,เข้าบัญชีคนไทยทุกๆคนต่อปีขั้นต่ำ10ล้านบาทต่อปีนั้นเอง.อนาคตเราอาจจะมีประชากร100ล้านคน,หรือวัคซีนออกฤทธิ์อาจเหลือแค่10ล้านคนก็ว่าอีก,รอด10%ก็ว่า,สรุปรายได้เราเข้ามาสารพัดทางนั้นเอง,เราคนไทยจะไม่ผีบ้าดิ้นรนบ้าคลั่งแบบๆในอดีตๆที่ผ่านๆมานั้นเอง,จะมีเวลาพัฒนาตนเองสู่ประเทศผู้นำแห่งจิตวิญญาณของโลกในอนาคตก็ด้วย,บันเทิงกันเลยแน่ล่ะ ทุกๆคนไทยจะได้ท่องเที่ยวผ่านจิตท่องอาณาจักรจักรวาลน้อยใหญ่เสรีเป็นอันมาก แล้วนำพาโลกเราสู่แสงสว่างแห่งธรรมจักรวาลของจริงนั้นเอง.,ประเทศไทยเราจึงธรรมดาที่ไหน?.,555มโนก็ว่า.

    https://youtube.com/shorts/-p9TQjRaM-o?si=Jyhv-HoJ5HiR0r_i
    ..พูดจริงๆนะ.,ประชาชนควรมีธนาคารกลางของประชาชนแยกออกต่างหากให้ชัดเชนไปจากแบงค์ชาติปัจจุบันนี้,ให้แบงค์ชาติไปทำหน้าที่เต็มที่กับแบงค์เอกชนมหาชนของนายทุนผู้ถือหุ้นต่างๆ,ส่วนธนาคารกลางภาคประชาชนถึงเวลาบริหารจัดการสภาพคล่องของประชาชนคนไทยเอง เป็นกองทุนภาคประชาชนภายใต้การกำกับตัวเองของธนาคารกลางของภาคประชาชนจริงๆ,เช่น เงินงบประมาณลงอัดไปในกองทุนหมู่บ้านทั่วประเทศก็ดึงมาบริหารจัดการเองแทนธกส.ทางตรง,สามารถตั้งธนาคารกองทุนหมู่บ้านแต่ละหมู่บ้านได้จริงจังเต็มที่ในการบริหารจัดการสภาคคล่องเงินทุนสัมมาอาชีพช่วยประชาชนเข้าถึงแหล่งเงินทุนทางตรงติดบ้านใกล้บ้านจริงได้คือมีสำนักประจำทุกๆ80,000หมู่บ้านชุมชนทั่วประเทศจริงนั้นเอง,ธนาคารกลางภาคประชาชนสามารถเปิดรับฝากออมตังได้จริงถอนตังได้จริงประจำหมู่บ้านนั้นๆทันที,สามารถให้เงินทุนสัมมาอาชีพแบบยืมไร้ดอกเบี้ยได้,และฝากไม่มีดอกเบี้ยด้วยเช่นกันนั้นเอง,เป็นสถานีรักษาตังแทนเก็บไว้ในบ้านนั้นเอง,เรียลไทม์อะเลิทป๊อบอัพหากมีการถอนเงินโอนเงินจากบัญชีหรือมีการเคลื่อนไหวตังนั้นเอง,ซึ่งเราจะผูกขาดยึดคลื่นความถี่หนึ่งไว้เป็นสาธารณะประโยชน์เพื่อเราประชาชนไว้มิให้ กสทช.ผูกขาดมอบคลื่นนั้นให้เอกชนไปทำแดก,เราจะมาใช้ประโยชน์ด้านอีกมุก,ป้องกันปัญหาจากผู้ไม่ประสงค์ดีดูดตังเราไปอีกชั้นหนึ่งหากมี,ใครต้องการตังมายืมที่กองทุนเรานี้ทันทีที่เกืดจากการบริหารจัดการอย่างมืออาชีพเป็นระบบ,เชื่อมโครงการช่วยเหลือรัฐ,เช่นตังช่วยเหลือเกษตรกรปล่อยกู้ ปกติผ่านธกส. รัฐโอนงบประมาณหลวงให้ธกส.จัดการทั้งหมด ก็โอนมาที่เรากองทุนเราแทน ธนาคารกลางของประชาชนแทนเช่น200,000ล้านบาทหรือหลายกว่าล้านล้านบาทที่ช่วยอุ้มธนาคารเอกชนต่างๆสมัยยุคปี40นั้น โอนมาช่วยประชาชนคนเกษตร ประชาชนรับไป ตอนเอามาคืนก็หมุนเวียนตังนั้นฟรีๆช่วยประชาชนคนอื่นๆต่อไปได้ ทั้งเราสามารถหาตลาด จัดโปรส่งเสริมการขายออกไป การผลิตต้นทางให้ปลอดสารพิษต้นทุนต่ำได้ อาจติดต่อคนนำเข้าสายการเกษตรเองในนามภาคประชาชน อาจภาษีนำเข้า0%,ประชาชนคนชาวบ้านจะลดค่าปุ๋ยค่าอุปกรณ์ล้ำทุ่นแรงทางการเกษตรหรือนวัตกรรมล้ำๆจากต่างชาติมาไทยได้ไม่แพงนั้นเอง,ตัดตอนพ่อค้าคนกลางก็ว่าเพื่อผลักดันให้คนไทยเรายืนได้จริงพึ่งพาตนเองรอดจริงในทุกๆคนไทยเราจริงมิใช่แหกตาปลอมๆเหมือนในอดีตที่ผ่านๆมา,เมื่อประชาชนมีรายได้,แบบปลูกพืชสมุนไพรสกัดแปรรูปประยุกต์ผสมผสานในสินค้าทั่วไทยทั่วโลกขายสาระพัดตรึมก็ว่า อาทิอดีตกัญชาเสรีกำลังโปร ทั้งปลูกค้าขายในชาวบ้านทั้งส่งให้โรงพยาบาลรัฐเราสกัดฟรีๆทำยารักษาโรคครอบจักรวาล เม็ดที่ประยุกต์ค้าขายในสินค้าต่างๆด้วย จริงๆทั่วโลกอาจกว่า100ล้านล้านบาทเข้าประเทศไทยได้สบายมา เช่นชานมไข่มุกผสมสารสกัดกัญชาเสรี จะเพิ่มยอดคำสั่งซื้อขนาดไหน บำรุงร่างกายทางธรรมชาติ ยอดขายชานมไข่มุกทั่วโลกกว่าหมื่นล้านเหรียญต่อปี,ใยกัญชงกัญชาสามารถใช้ทำโครงสร้างรถยนต์ได้อีก ชุดเกราะกันกระสุนก็ด้วย,เครื่องบินก็ใช่อัดแน่นแข็งแกร่งและเบาอีกด้วย,สมมุติตังมากมายในมือประชาชนเราไว้ใจก็มาฝากตังที่กองทุนหมู่บ้านใครมันทั่วประเทศ ตังทั้งหมดอาจกว่า10ล้านล้านบาทส่วนของภาคครัวเรือนประชาชนที่เก็บออมจริงก็ว่า,จะมีดาต้าจริงในธนาคารกลางของประชาชนเราจริงอีกด้วย,เปรียบเทียบตังสะพัดต่อปีแบบอดีตกว่า 50-60ล้านล้านบาทในปีที่ผ่านๆมาในอดีตเก่าอาจหลายๆปีมาแล้วก่อนยุคเศรษฐกิจจะพังมาถึงไทยปัจจุบันนี้ก็ตาม,ทำสถิติสูงสุด จะสามารถรับรู้แยกชัดเจนว่าเป็นตังของภาคฝ่ายอุตสาหกรรมที่มีธนาคารเอกชนปล่อยกู้กำกับดูแลโดยแบงค์ชาติอีกทีสร้างสภาพสะพัดนั้นด้วยมั้ยในชนชั้นกลางชนชั้นสูงผู้ดีมีตังปกติมั้ยหรือภาคประชาชนชาวบ้านธรรมดาแบบเราๆคือธนาคารภาคประชาชนรวบรวมข้อมูลนี้เอง,เก็บสำรวจค้นคว้าพบเจอเองก็ว่าด้วย,จากนั้นเราสามารถบริหารจัดการตังนี้ในระบบหมุนสภาพคล่องจริงแก่ไทบ้านเราจริงๆได้,คล่องขึ้นแน่นอน ใครต้องการตังตรงไหนเบิกทันที เวลานั้นเช่นแต่ละวันฝากถอนแค่1ล้านล้านบาททั่วประเทศ, ตังในระบบเย็นคือ9ล้านล้านบาท ทดลองปล่อยยืมให้ชาวบ้านคนละ10,000บาทค้าขายทำสัมมาอาชีพเล็กๆน้อยๆและปล่อยยืมระหว่างรอเก็บเกี่ยวผลผลิตที่ปลูกพืชผักระยะสั้นๆหรือหาบเร่แผงลอยรถเข็ญขายในบ้านในตลาดชุมชนตลาดนัดตลาดค่ำตลาดคลองถมชุมชนตนอีก10,000บาทรวมอาจ20,000บาท หมู่บ้านละ100คน,มี80,000หมู่บ้านทั่วประเทศชุมชนคือ160,000,000,000บาทหรือ160,000ล้านบาทเอง,ตังยังเหลือ8.84ล้านล้านบาทโน้นในธนาคารภาคประชาชนเรา,จากนั้นเราสามารถสร้างแพลตฟอร์มตลาดเสรีออนไลน์เองได้แบบซ็อปปี้ ลาซาด้า อะไรนั้นขึ้นเอง เรามีโลจิสต์ขนส่งเราเองศูนย์รวบรวมสินค้าเข้าและออกคือกองทุนร้านหมู่บ้านเรานั้นเอง เป็นไปรษณีย์ขนส่งในตัว รับสินค้าประชาชนช่วยค้าขายได้,อาจมีโดรนขนส่งประจำสำนักงานหมู่บ้านนั้นๆคนละ2-3ตัว ส่งถึงมือคนรับซื้อในหมู่บ้านตนเอง เข้าป่าเข้าเขาขึ้นดอยขึ้นภูลำบาก,ส่งผ่านโดรนตั้งพิกัดgpsประกอบคลื่นมือถือดาวเทียมรวมก็ได้อีก,สั่งผลิตดาวเทียมเน็ตแบบstarlinkก็ได้ตัวละไม่เกิน3,000ล้านบาทเอง,ภาคเหนือเรา4ดวง อีสาน4ดวง กลาง4ดวง ตะวันออก2ดวง ตะวันตก2ดวง ใต้4ดวง ชัดเจนคลื่นส่งแน่นอนรวม20ดวงคูณ3,000ล้านคือ60,000ล้านบาทเอง บวกระบบควบคุมดูแลทั้งหมดทั้งประเทศไม่เกิน100,000ล้านบาทต่อปีภายในประเทศไทยเรา,และเชื่อมstarlinkหรือดาวเทียมนานาชาติทั่วโลกอีก สะดวกในการค้าขายของประชาชนคนไทยเราอีกไม่เกิน1แสนล้านบาทต่อปี,ซึ่งแพลตฟอร์มเราจะรองรับชาวโลกสากลมาร่วมค้าขายเสรีแลกเปลี่ยนสินค้ากันได้คือเราสร้างฮับตลาดอีคอมเมิร์ซโลกประจำประเทศไทยนั้นเอง,รองรับสกุลเงินbricsในอนาคตด้วย,รายได้ในตลาดอีคอมเมิร์ซทั่วโลกคือ30-40ล้านล้านเหรียญต่อปี,ไทยเราอาจสร้างปรากฎการณ์ครั้งใหม่เฉพาะภายในแพลตฟอร์มไทยเราเองอาจกว่าสะพัดถึง100ล้านล้านเหรียญก็ได้ คือGtG GtB BtB Btc CtC แพลตฟอร์มเราตอบสนองความสะดวกสบายให้ได้หมดก็ว่า,คือตังในบัญชีเงินฝากของประชาชนไทยเราจะเพิ่มขึ้นเพิ่มขึ้นนั้นเอง,และนั้นคือเงินในธนาคารกลางภาคประชาชนเราที่ฝากเอาไว้ก็เพิ่มขึ้นมหาศาลด้วย,เรายิ่งสามารถช่วยเหลือชาวบ้านคนไทยเราประชาชนไทบ้านเราที่ขาดโอกาสเข้าถึงแหล่งเงินทุนแบบธนาึราเอกชนเอกชนเจ้าสัวไทย,เรายิ่งปล่อยยืมให้ชาวบ้านเราเองมากขึ้นเพิ่มขึ้นได้เรื่อยๆแบบไม่คิดกำไรดอกเบี้ยใดๆเลยนั้นเอง.,ตลอดขุดคลองคอดกระในอนาคต สร้างแลนด์บริดจ์ในภาคใต้ใดๆก็ตาม ,พื้นที่บริหารจัดการทั้งหมด เราประชาชนทั้งลงทุนสร้างเอง ขุดเองจ้างเองเป็นเจ้าของเองร่วมกันในนามภาคประชาชนไทยเราก็ว่า100%,พื้นที่บริหารแลนด์บริดจ์เิย พื้นที่บริหารคลองคอดกระเอย เราภาคประชาชนร่วมกันเป็นเจ้าของตัวจริงและบริหารจัดการตัวจริงร่วมกันนั้น อย่างเป็นรูปธรรม เช่น จัดตั้งกองทุนคาบมหาสมุทรประจำประเทศไทยขึ้น แจกหุ้นสามัญฟรีๆแก่คนไทยคนละ10,000หุ้นทันทีแม้พึงเกิดก็รับอัตโนมัติที่เป็นคนไทยเรา เป็นเจ้าของจริงจับต้องได้ มีหลักฐานพิสูจน์ได้,ไม่ใช่อ้างว่าทำในนามรัฐบาลแล้วรัฐบาลก็ยกสิทธิบริหารจัดการทั้งหมดและเงินทองก็ว่าผ่องถ่ายไปให้เอกชนไทยและเอกชนต่างชาติทำกินหาแดกเองจนร่ำรวยมั่งคั่งแบบบ่อน้ำมันไทยเรา,จึงต้องตัดตอนยุติการทำหน้าที่ไม่ซื่อสัตย์ต่อประชาชนไม่สุจริตต่อชาติไทยตนทันที,จากนั้นออกหุ้นเพิ่มทุนเพิ่มทันทีให้ประชาชนคนไทยสามารถซื้อสิทธิความเป็นเจ้าของเพิ่มได้อีกคนละไม่เกิน10,000หุ้นๆละ0.01บาท.,ความเป็นเจ้าของนี้ไม่สามารถซื้อขายต่อได้ทุกๆกรณีจะเป็นหุ้นสามัญหรือหุ้นเพิ่มทุนก็ตาม,และจะตายสูญทันทีไปพร้อมกับคนไทยนั้นๆไม่สามารถมอบเป็นมรดกสืบต่อได้,เพราะทุกๆคนไทยมีสถานะการได้มาเมื่อเกิดทันทีอยู่แล้วทุกๆคนและสิทธิซื้อเพิ่มก็เสมอกันหมดตลอดชีพ,ห้ามนำเข้าตลาดหุ้นทุกๆกรณีด้วย,อธิปไตยนี้จะเป็นของคนไทยเราจริงทันที100%,ทุนการก่อสร้างแลนด์บริดจ์ประมาณการคือ1ล้านล้านบาท, ขุดคลองคอดกระคือ2ล้านล้านบาท ถ้า2เลนก็4ล้านล้านบาท,เงินกองทุนเราเติบโตต่อเนื่องหรือขั้นต่ำมีในมือกว่า8ล้านล้านบาทก็ว่า สามารถโยกตังมาลงทุนได้,และเหลือพ้นบริหารจัดการทั้งหมดต่อไปในอนาคตด้วย,ไม่รวมเงินมากมายที่ไหลเข้าสะสมออมในธนาคารเราต่อเนื่องทุกวินาทีด้วยตลิดปีอาจกว่า100ล้านล้านบาทในแพลตฟอร์มตลาดอีคอมเมิร์ซของไทยเราเอง,เมื่อขุดคลองคอดกระเสร็จ สร้างแลนด์บริดจ์เสร็จ เราประเทศไทยจะเป็นฮับสากลของโลกสาระพัดฮับทันที อาทิ ฮับการรักษาทางเทคโนโลยีและสมุนไพรของโลก ฮับโรงพยาบาลโลกนั่นเอง,ฮับการขนส่งทางเรือและทางบกของโลก,ฮับต่อเรือขนาดใหญ่ของโลก,ฮับยานยนต์ภายในโลกและยานยนต์อวกาศโลก, สรุปสาระพัดฮับก็ว่า เม็ดเงินโคตรมหาศาลในพื้นที่บริเวณบริหารจัเการนี้ขั่นต่ำในอนาคต1,000ล้านล้านบาทต่อปีที่เข้าสู่ประเทศไทยเรา เฉลี่ยประชาชนคนไทยเราจะได้ประโยชน์จริงจากการถือหุ้นสามัญหุ้นเพิ่มทุน20,000หุ้นนั้นแน่นอน,เข้าบัญชีคนไทยทุกๆคนต่อปีขั้นต่ำ10ล้านบาทต่อปีนั้นเอง.อนาคตเราอาจจะมีประชากร100ล้านคน,หรือวัคซีนออกฤทธิ์อาจเหลือแค่10ล้านคนก็ว่าอีก,รอด10%ก็ว่า,สรุปรายได้เราเข้ามาสารพัดทางนั้นเอง,เราคนไทยจะไม่ผีบ้าดิ้นรนบ้าคลั่งแบบๆในอดีตๆที่ผ่านๆมานั้นเอง,จะมีเวลาพัฒนาตนเองสู่ประเทศผู้นำแห่งจิตวิญญาณของโลกในอนาคตก็ด้วย,บันเทิงกันเลยแน่ล่ะ ทุกๆคนไทยจะได้ท่องเที่ยวผ่านจิตท่องอาณาจักรจักรวาลน้อยใหญ่เสรีเป็นอันมาก แล้วนำพาโลกเราสู่แสงสว่างแห่งธรรมจักรวาลของจริงนั้นเอง.,ประเทศไทยเราจึงธรรมดาที่ไหน?.,555มโนก็ว่า. https://youtube.com/shorts/-p9TQjRaM-o?si=Jyhv-HoJ5HiR0r_i
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 452 มุมมอง 0 รีวิว
  • เหตุผลที่ EA ไปไหน ไม่ได้ไกล 27/06/68 #EA #ผู้ถือหุ้นกู้ #ตลาดหุ้น #หุ้นไทย #เศรษฐกิจ
    เหตุผลที่ EA ไปไหน ไม่ได้ไกล 27/06/68 #EA #ผู้ถือหุ้นกู้ #ตลาดหุ้น #หุ้นไทย #เศรษฐกิจ
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 527 มุมมอง 24 0 รีวิว
  • 5 ปีผ่านไป การบินไทยออกแผนฟื้นฟูฯ

    ประวัติศาสตร์อีกหน้าหนึ่งของสายการบินแห่งชาติ ที่เกือบจะดับแต่กลับฟื้นมาได้ เมื่อวันที่ 16 มิ.ย. ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งยกเลิกการฟื้นฟูกิจการของบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) หรือ THAI หลังยื่นคำร้องขอยกเลิกการฟื้นฟูกิจการเมื่อวันที่ 28 เม.ย.ที่ผ่านมา หลังทำตามเงื่อนไขของแผนฟื้นฟูกิจการทั้ง 4 ข้อ ได้แก่ 1. จดทะเบียนเพิ่มทุน 2. ดำเนินการตามแผนฟื้นฟูโดยไม่เกิดเหตุผิดนัด 3. กำไรหลังหักค่าเช่าเครื่องบิน เกินกว่าที่กำหนดไว้ 20,000 ล้านบาท เพราะงบเฉพาะกิจการย้อนหลัง 12 เดือน มีกำไรประมาณ 40,308 ล้านบาท ก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) และกำไรส่วนของผู้ถือหุ้นเป็นบวก จากการปรับโครงสร้างทุน และ 4. ผู้ถือหุ้นอนุมัติแต่งตั้งคณะกรรมการใหม่เมื่อวันที่ 18 เม.ย. 2568

    หลังจากนี้ การบินไทยจะขออนุญาตหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง นำหุ้น THAI กลับเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ อีกครั้ง หลังหายไปจากตลาดหุ้นไทยเมื่อปี 2564 คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในช่วงต้นเดือน ส.ค. 2568

    ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 26 พ.ค. 2563 การบินไทยตัดสินใจยื่นคำร้องขอฟื้นฟูกิจการต่อศาลล้มละลายกลาง หลังประสบปัญหารายได้ลดลง ขาดทุนสะสมติดต่อกัน 8 ปี รวมกว่า 141,170 ล้านบาท และทำให้ส่วนของผู้ถือหุ้นติดลบประมาณ 128,000 ล้านบาท ซ้ำด้วยสถานการณ์โควิด-19 ที่ทำให้ธุรกิจการบินหยุดชะงัก กระทั่งศาลมีคำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการและแต่งตั้งผู้ทำแผนเมื่อวันที่ 14 ก.ย. 2563 ที่ผ่านมาการบินไทยพยายามปรับโครงสร้างองค์กร ทั้งการปรับลดพนักงานลงเหลือ 14,000 คน ปรับโครงสร้างธุรกิจ ยุบสายการบินไทยสมายล์รวมกับการบินไทย ปรับฝูงบินและเส้นทางการบินเพื่อเพิ่มรายได้และสร้างกำไรในทุกเส้นทาง ปรับโครงสร้างทางการเงิน บริหารจัดการทรัพย์สิน เช่น ขายอาคารสำนักงาน 7 แห่ง แล้วนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้

    นอกจากนี้ ยังปรับโครงสร้างทางการเงิน เจรจากับเจ้าหนี้โดยไม่ตัดหนี้ (Hair Cut) แต่ปรับปรุงเงื่อนไขให้สอดคล้องกับสถานการณ์ ทำให้ชำระหนี้ไปแล้วทั้งสิ้น 94,080 ล้านบาท ยังเหลือมูลหนี้ที่ต้องชำระจนถึงปี 2579 ประมาณ 95,498 ล้านบาท

    แม้ในวันนี้การบินไทยออกจากแผนฟื้นฟูสำเร็จ แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงนับจากนี้ คือการแทรกแซงทางการเมืองในการบินไทย บริษัทเอกชนที่กระทรวงการคลังยังเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ 38.90% จะกลับมาอีกครั้ง จากผู้มีอำนาจในรัฐบาลแต่ละยุคสมัย ส่งข้าราชการการเมืองจากฝ่ายตนเองเข้ามาเป็นบอร์ด ดำเนินนโยบายหวังทุจริตคอรัปชัน อาจทำให้สายการบินแห่งชาติ ที่เพิ่งฟื้นตัวกลับมาขาดทุน กลายเป็นผู้ป่วยโคม่ารอวันตายอีกครั้ง

    #Newskit
    5 ปีผ่านไป การบินไทยออกแผนฟื้นฟูฯ ประวัติศาสตร์อีกหน้าหนึ่งของสายการบินแห่งชาติ ที่เกือบจะดับแต่กลับฟื้นมาได้ เมื่อวันที่ 16 มิ.ย. ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งยกเลิกการฟื้นฟูกิจการของบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) หรือ THAI หลังยื่นคำร้องขอยกเลิกการฟื้นฟูกิจการเมื่อวันที่ 28 เม.ย.ที่ผ่านมา หลังทำตามเงื่อนไขของแผนฟื้นฟูกิจการทั้ง 4 ข้อ ได้แก่ 1. จดทะเบียนเพิ่มทุน 2. ดำเนินการตามแผนฟื้นฟูโดยไม่เกิดเหตุผิดนัด 3. กำไรหลังหักค่าเช่าเครื่องบิน เกินกว่าที่กำหนดไว้ 20,000 ล้านบาท เพราะงบเฉพาะกิจการย้อนหลัง 12 เดือน มีกำไรประมาณ 40,308 ล้านบาท ก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) และกำไรส่วนของผู้ถือหุ้นเป็นบวก จากการปรับโครงสร้างทุน และ 4. ผู้ถือหุ้นอนุมัติแต่งตั้งคณะกรรมการใหม่เมื่อวันที่ 18 เม.ย. 2568 หลังจากนี้ การบินไทยจะขออนุญาตหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง นำหุ้น THAI กลับเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ อีกครั้ง หลังหายไปจากตลาดหุ้นไทยเมื่อปี 2564 คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในช่วงต้นเดือน ส.ค. 2568 ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 26 พ.ค. 2563 การบินไทยตัดสินใจยื่นคำร้องขอฟื้นฟูกิจการต่อศาลล้มละลายกลาง หลังประสบปัญหารายได้ลดลง ขาดทุนสะสมติดต่อกัน 8 ปี รวมกว่า 141,170 ล้านบาท และทำให้ส่วนของผู้ถือหุ้นติดลบประมาณ 128,000 ล้านบาท ซ้ำด้วยสถานการณ์โควิด-19 ที่ทำให้ธุรกิจการบินหยุดชะงัก กระทั่งศาลมีคำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการและแต่งตั้งผู้ทำแผนเมื่อวันที่ 14 ก.ย. 2563 ที่ผ่านมาการบินไทยพยายามปรับโครงสร้างองค์กร ทั้งการปรับลดพนักงานลงเหลือ 14,000 คน ปรับโครงสร้างธุรกิจ ยุบสายการบินไทยสมายล์รวมกับการบินไทย ปรับฝูงบินและเส้นทางการบินเพื่อเพิ่มรายได้และสร้างกำไรในทุกเส้นทาง ปรับโครงสร้างทางการเงิน บริหารจัดการทรัพย์สิน เช่น ขายอาคารสำนักงาน 7 แห่ง แล้วนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ นอกจากนี้ ยังปรับโครงสร้างทางการเงิน เจรจากับเจ้าหนี้โดยไม่ตัดหนี้ (Hair Cut) แต่ปรับปรุงเงื่อนไขให้สอดคล้องกับสถานการณ์ ทำให้ชำระหนี้ไปแล้วทั้งสิ้น 94,080 ล้านบาท ยังเหลือมูลหนี้ที่ต้องชำระจนถึงปี 2579 ประมาณ 95,498 ล้านบาท แม้ในวันนี้การบินไทยออกจากแผนฟื้นฟูสำเร็จ แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงนับจากนี้ คือการแทรกแซงทางการเมืองในการบินไทย บริษัทเอกชนที่กระทรวงการคลังยังเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ 38.90% จะกลับมาอีกครั้ง จากผู้มีอำนาจในรัฐบาลแต่ละยุคสมัย ส่งข้าราชการการเมืองจากฝ่ายตนเองเข้ามาเป็นบอร์ด ดำเนินนโยบายหวังทุจริตคอรัปชัน อาจทำให้สายการบินแห่งชาติ ที่เพิ่งฟื้นตัวกลับมาขาดทุน กลายเป็นผู้ป่วยโคม่ารอวันตายอีกครั้ง #Newskit
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 513 มุมมอง 0 รีวิว
  • EchoStar อาจยื่นล้มละลายเพื่อปกป้องใบอนุญาตคลื่นความถี่
    EchoStar กำลังพิจารณายื่น Chapter 11 Bankruptcy เพื่อปกป้อง ใบอนุญาตคลื่นความถี่ไร้สาย จากการถูกเพิกถอนโดย คณะกรรมการกลางกำกับดูแลกิจการสื่อสารของสหรัฐฯ (FCC) ซึ่งกำลังตรวจสอบการปฏิบัติตามข้อกำหนดของบริษัทเกี่ยวกับ บริการ 5G และดาวเทียมเคลื่อนที่

    สาเหตุที่ EchoStar อาจต้องยื่นล้มละลาย
    FCC ได้แจ้ง EchoStar ว่ากำลังตรวจสอบ การขยายเวลาการพัฒนาเครือข่าย 5G และ บริการดาวเทียมเคลื่อนที่ ซึ่งส่งผลให้บริษัท ไม่สามารถตัดสินใจเชิงกลยุทธ์เกี่ยวกับธุรกิจ Boost Mobile ได้อย่างเต็มที่

    นอกจากนี้ EchoStar ยังเปิดเผยว่า บริษัทพลาดการจ่ายดอกเบี้ยมูลค่าประมาณ 500 ล้านดอลลาร์ เนื่องจากความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการตรวจสอบของ FCC

    ก่อนหน้านี้ DirecTV ได้ยกเลิกข้อตกลงซื้อธุรกิจโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมของ EchoStar ซึ่งรวมถึง Dish TV เนื่องจาก ข้อเสนอแลกเปลี่ยนหนี้ล้มเหลว

    ข้อมูลจากข่าว
    - EchoStar อาจยื่น Chapter 11 Bankruptcy เพื่อปกป้องใบอนุญาตคลื่นความถี่ไร้สาย
    - FCC กำลังตรวจสอบการขยายเวลาการพัฒนาเครือข่าย 5G และบริการดาวเทียมเคลื่อนที่ของบริษัท
    - การตรวจสอบของ FCC ส่งผลให้ EchoStar ไม่สามารถตัดสินใจเชิงกลยุทธ์เกี่ยวกับธุรกิจ Boost Mobile ได้อย่างเต็มที่
    - EchoStar พลาดการจ่ายดอกเบี้ยมูลค่าประมาณ 500 ล้านดอลลาร์
    - DirecTV ยกเลิกข้อตกลงซื้อธุรกิจโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมของ EchoStar เนื่องจากข้อเสนอแลกเปลี่ยนหนี้ล้มเหลว

    คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - หาก EchoStar ยื่นล้มละลาย อาจส่งผลกระทบต่อผู้ถือหุ้นและลูกค้า
    - FCC อาจเพิกถอนใบอนุญาตคลื่นความถี่ของ EchoStar หากพบว่าบริษัทไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนด
    - การตรวจสอบของ FCC อาจส่งผลต่อการลงทุนและการเติบโตของธุรกิจดาวเทียมในสหรัฐฯ
    - ต้องติดตามว่าการล้มละลายจะส่งผลต่อการดำเนินงานของ Boost Mobile หรือไม่

    หาก EchoStar ยื่นล้มละลาย อาจส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมโทรคมนาคมและบริการดาวเทียม โดยเฉพาะ การพัฒนาเครือข่าย 5G และการใช้คลื่นความถี่ไร้สาย อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามว่าการตรวจสอบของ FCC จะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงด้านกฎระเบียบหรือไม่

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/06/07/echostar-prepares-potential-bankruptcy-filing-amid-fcc-review-wsj-reports
    🚨 EchoStar อาจยื่นล้มละลายเพื่อปกป้องใบอนุญาตคลื่นความถี่ EchoStar กำลังพิจารณายื่น Chapter 11 Bankruptcy เพื่อปกป้อง ใบอนุญาตคลื่นความถี่ไร้สาย จากการถูกเพิกถอนโดย คณะกรรมการกลางกำกับดูแลกิจการสื่อสารของสหรัฐฯ (FCC) ซึ่งกำลังตรวจสอบการปฏิบัติตามข้อกำหนดของบริษัทเกี่ยวกับ บริการ 5G และดาวเทียมเคลื่อนที่ 🔍 สาเหตุที่ EchoStar อาจต้องยื่นล้มละลาย FCC ได้แจ้ง EchoStar ว่ากำลังตรวจสอบ การขยายเวลาการพัฒนาเครือข่าย 5G และ บริการดาวเทียมเคลื่อนที่ ซึ่งส่งผลให้บริษัท ไม่สามารถตัดสินใจเชิงกลยุทธ์เกี่ยวกับธุรกิจ Boost Mobile ได้อย่างเต็มที่ นอกจากนี้ EchoStar ยังเปิดเผยว่า บริษัทพลาดการจ่ายดอกเบี้ยมูลค่าประมาณ 500 ล้านดอลลาร์ เนื่องจากความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการตรวจสอบของ FCC ก่อนหน้านี้ DirecTV ได้ยกเลิกข้อตกลงซื้อธุรกิจโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมของ EchoStar ซึ่งรวมถึง Dish TV เนื่องจาก ข้อเสนอแลกเปลี่ยนหนี้ล้มเหลว ✅ ข้อมูลจากข่าว - EchoStar อาจยื่น Chapter 11 Bankruptcy เพื่อปกป้องใบอนุญาตคลื่นความถี่ไร้สาย - FCC กำลังตรวจสอบการขยายเวลาการพัฒนาเครือข่าย 5G และบริการดาวเทียมเคลื่อนที่ของบริษัท - การตรวจสอบของ FCC ส่งผลให้ EchoStar ไม่สามารถตัดสินใจเชิงกลยุทธ์เกี่ยวกับธุรกิจ Boost Mobile ได้อย่างเต็มที่ - EchoStar พลาดการจ่ายดอกเบี้ยมูลค่าประมาณ 500 ล้านดอลลาร์ - DirecTV ยกเลิกข้อตกลงซื้อธุรกิจโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมของ EchoStar เนื่องจากข้อเสนอแลกเปลี่ยนหนี้ล้มเหลว ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - หาก EchoStar ยื่นล้มละลาย อาจส่งผลกระทบต่อผู้ถือหุ้นและลูกค้า - FCC อาจเพิกถอนใบอนุญาตคลื่นความถี่ของ EchoStar หากพบว่าบริษัทไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนด - การตรวจสอบของ FCC อาจส่งผลต่อการลงทุนและการเติบโตของธุรกิจดาวเทียมในสหรัฐฯ - ต้องติดตามว่าการล้มละลายจะส่งผลต่อการดำเนินงานของ Boost Mobile หรือไม่ หาก EchoStar ยื่นล้มละลาย อาจส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมโทรคมนาคมและบริการดาวเทียม โดยเฉพาะ การพัฒนาเครือข่าย 5G และการใช้คลื่นความถี่ไร้สาย อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามว่าการตรวจสอบของ FCC จะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงด้านกฎระเบียบหรือไม่ https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/06/07/echostar-prepares-potential-bankruptcy-filing-amid-fcc-review-wsj-reports
    WWW.THESTAR.COM.MY
    EchoStar prepares potential bankruptcy filing amid FCC review, WSJ reports
    (Reuters) -EchoStar is considering a Chapter 11 bankruptcy filing as the telecommunications services firm vies to shield its cache of wireless spectrum licenses from the threat of revocation by federal regulators, the Wall Street Journal reported on Friday, citing people familiar with the matter.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 239 มุมมอง 0 รีวิว
  • SCB แจงข้อมูลผู้ถือหุ้น 30/05/68 #คุยคุ้ยหุ้น #ผู้ถือหุ้น #SCB #ตลาดหลักทรัพย์ #ตลาดหุ้น
    SCB แจงข้อมูลผู้ถือหุ้น 30/05/68 #คุยคุ้ยหุ้น #ผู้ถือหุ้น #SCB #ตลาดหลักทรัพย์ #ตลาดหุ้น
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 614 มุมมอง 27 0 รีวิว
  • Tesla เตรียมเปิดตัวบริการ Robotaxi ทดลองใน Austin, Texas

    Elon Musk ประกาศว่า Tesla จะเริ่มทดสอบบริการ Robotaxi ใน Austin, Texas ภายในสิ้นเดือนมิถุนายน 2025 โดยจะเริ่มต้นด้วย รถยนต์ไร้คนขับ 10 คัน และเพิ่มจำนวนเป็น 1,000 คันภายในไม่กี่เดือน

    รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับบริการ Robotaxi ของ Tesla
    Tesla จะเปิดตัว Robotaxi ในพื้นที่ที่ปลอดภัยที่สุดของ Austin
    - Musk ยืนยันว่า จะไม่เปิดให้บริการทั่วทั้งเมืองในช่วงแรก

    Tesla กำลังเจรจากับผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่เพื่อให้ใช้ซอฟต์แวร์ Full Self-Driving (FSD)
    - คาดว่า FSD จะเป็นเทคโนโลยีหลักที่ขับเคลื่อน Robotaxi

    Musk เปลี่ยนโฟกัสของ Tesla จากการพัฒนา EV ราคาถูกไปสู่ Robotaxi และ Optimus หุ่นยนต์ AI
    - เขาระบุว่า "สิ่งที่สำคัญในระยะยาวคือความสามารถในการขับขี่อัตโนมัติและ Optimus"

    Tesla กำลังขยายศูนย์ข้อมูลเพื่อพัฒนา AI ผ่านบริษัท xAI
    - xAI จะใช้ชิป Nvidia Blackwell จำนวน 1 ล้านตัวในศูนย์ข้อมูลที่ Memphis, Tennessee

    Musk ปฏิเสธข่าวลือเรื่องการควบรวมกิจการระหว่าง Tesla และ xAI แต่บอกว่า "ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้"
    - หากมีการควบรวมต้องได้รับการอนุมัติจากผู้ถือหุ้น

    Tesla กำลังถูกตรวจสอบโดย National Highway Traffic Safety Administration (NHTSA) เกี่ยวกับความปลอดภัยของ FSD
    - หน่วยงานกำลัง สอบสวนอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นในสภาพถนนที่มีทัศนวิสัยต่ำ

    Tesla ต้องตอบคำถามเกี่ยวกับการเปิดตัว Robotaxi ในสภาพอากาศที่ไม่เอื้ออำนวย
    - NHTSA ต้องการข้อมูลเกี่ยวกับการทำงานของรถยนต์ไร้คนขับในสภาพอากาศเลวร้าย

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/21/tesla-on-track-to-launch-robotaxi-trial-in-austin-texas-by-june-end-musk-says
    Tesla เตรียมเปิดตัวบริการ Robotaxi ทดลองใน Austin, Texas Elon Musk ประกาศว่า Tesla จะเริ่มทดสอบบริการ Robotaxi ใน Austin, Texas ภายในสิ้นเดือนมิถุนายน 2025 โดยจะเริ่มต้นด้วย รถยนต์ไร้คนขับ 10 คัน และเพิ่มจำนวนเป็น 1,000 คันภายในไม่กี่เดือน 🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับบริการ Robotaxi ของ Tesla ✅ Tesla จะเปิดตัว Robotaxi ในพื้นที่ที่ปลอดภัยที่สุดของ Austin - Musk ยืนยันว่า จะไม่เปิดให้บริการทั่วทั้งเมืองในช่วงแรก ✅ Tesla กำลังเจรจากับผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่เพื่อให้ใช้ซอฟต์แวร์ Full Self-Driving (FSD) - คาดว่า FSD จะเป็นเทคโนโลยีหลักที่ขับเคลื่อน Robotaxi ✅ Musk เปลี่ยนโฟกัสของ Tesla จากการพัฒนา EV ราคาถูกไปสู่ Robotaxi และ Optimus หุ่นยนต์ AI - เขาระบุว่า "สิ่งที่สำคัญในระยะยาวคือความสามารถในการขับขี่อัตโนมัติและ Optimus" ✅ Tesla กำลังขยายศูนย์ข้อมูลเพื่อพัฒนา AI ผ่านบริษัท xAI - xAI จะใช้ชิป Nvidia Blackwell จำนวน 1 ล้านตัวในศูนย์ข้อมูลที่ Memphis, Tennessee ✅ Musk ปฏิเสธข่าวลือเรื่องการควบรวมกิจการระหว่าง Tesla และ xAI แต่บอกว่า "ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้" - หากมีการควบรวมต้องได้รับการอนุมัติจากผู้ถือหุ้น ‼️ Tesla กำลังถูกตรวจสอบโดย National Highway Traffic Safety Administration (NHTSA) เกี่ยวกับความปลอดภัยของ FSD - หน่วยงานกำลัง สอบสวนอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นในสภาพถนนที่มีทัศนวิสัยต่ำ ‼️ Tesla ต้องตอบคำถามเกี่ยวกับการเปิดตัว Robotaxi ในสภาพอากาศที่ไม่เอื้ออำนวย - NHTSA ต้องการข้อมูลเกี่ยวกับการทำงานของรถยนต์ไร้คนขับในสภาพอากาศเลวร้าย https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/21/tesla-on-track-to-launch-robotaxi-trial-in-austin-texas-by-june-end-musk-says
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Tesla on track to launch robotaxi trial in Austin, Texas, by June end, Musk says
    (Reuters) -Tesla is set to begin a test of its long-promised robotaxi service on schedule in Austin, Texas, by the end of June, Chief Executive Elon Musk said on Tuesday, even as the company faces safety questions from a U.S. regulator.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 349 มุมมอง 0 รีวิว
  • No Processing Fee แค่มุกใหม่ไทยแอร์เอเชีย

    แคมเปญล่าสุดของสายการบินไทยแอร์เอเชีย คือการงดเก็บค่าธรรมเนียมการชำระเงิน (Processing Fee) สำหรับทุกการจองเที่ยวบิน FD ผ่านแอปพลิเคชัน AirAsia MOVE ตั้งแต่วันที่ 15 พ.ค. ถึง 15 ส.ค. 2568 ถือเป็นกลยุทธ์ทางการตลาดล่าสุดนอกจากการออกโปรโมชัน BIG SALE จ่ายเฉพาะภาษีสนามบิน (Airport Tax) แต่ก็ต้องจ่ายค่า Processing Fee ตั้งแต่ 107.00 ถึง 128.40 บาทต่อคนต่อเที่ยวบิน เท่ากับค่าโดยสารราคาโปรโมชันประมาณ 300-600 บาทต่อเที่ยวบิน ถึงกระนั้น ในช่วงนี้ยังไม่มีโปรโมชันแรงๆ อย่าง BIG SALE เกิดขึ้น มีแต่โปรโมชันปกติ ราคาเริ่มต้นที่ 900-930 บาทต่อเที่ยว ซึ่งช่วงนอกฤดูการท่องเที่ยว (Low Season) ที่นักท่องเที่ยวลดลง ราคาบัตรโดยสารไม่น่าจะเกิน 2,000 บาทต่อเที่ยว

    แต่ถ้าเป็นประเทศมาเลเซีย ต้นกำเนิดแอร์เอเชีย เส้นทางบินทั้งในมาเลเซียและต่างประเทศ เช่น ดอนเมือง สุวรรณภูมิ ไม่มีค่า Processing Fee อย่างชัดเจน เพราะได้ยกเลิกไปตั้งแต่วันที่ 22 ก.ย. 2562 หรือเมื่อ 6 ปีก่อน หลังคณะกรรมการการบินแห่งมาเลเซีย (MAVCOM) สั่งปรับสายการบินแอร์เอเชีย และแอร์เอเชียเอ็กซ์ สายการบินละ 200,000 ริงกิต เนื่องจากคิดค่า Processing Fee แยกจากค่าโดยสารพื้นฐาน เพราะก่อนหน้านี้ MAVCOM กำหนดให้ทุกสายการบินในมาเลเซียยกเลิกเรียกเก็บค่าธรรมเนียมแฝง หนึ่งในนั้นคือค่า Processing Fee ตามกฎหมายคุ้มครองผู้บริโภคการบินแห่งมาเลเซีย 2016 (MACPC) นับจากนั้นเป็นต้นมาการจองผ่านแอปฯ ของแอร์เอเชีย โดยเฉพาะบัตรเครดิตจะไม่ถูกเรียกเก็บค่า Processing Fee อีกต่อไป

    น่าเสียดายที่สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) หรือ CAAT กลับมองข้ามถึงเรื่องนี้ ทั้งที่เป็นการคุ้มครองผู้โดยสารไม่ให้ถูกเอารัดเอาเปรียบอีกทางหนึ่ง เพราะที่ผ่านมาโปรโมชันค่าโดยสารถูกที่สุดมีเพียงแค่การนำที่นั่งในช่วงเวลาที่ไม่มีผู้โดยสารคับคั่งออกมาลดราคา เฉลี่ยแล้วไม่เกิน 20% ของจำนวนที่นั่งต่อเที่ยวบิน ผู้โดยสารจำนวนไม่น้อยนอกจากจะต้องจ่ายในราคาที่สูงแล้ว ต่อที่สองยังต้องจ่ายค่า Processing Fee ต่อคนต่อเที่ยวบินอีก ถึงกระนั้นหากมองอีกมุมหนึ่ง ถือเป็นช่องทางหารายได้ของสายการบิน ตราบใดที่ประเทศไทยยังไม่มีกฎหมายห้ามเหมือนมาเลเซีย อีกทั้งการชำระเงินผ่านช่องทาง Direct Debit และบัตรเครดิต สายการบินยังต้องจ่ายค่าธรรมเนียมแก่ผู้ให้บริการอีก

    สำหรับผลประกอบการไตรมาส 1/2568 บริษัท เอเชีย เอวิเอชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ AAV ผู้ถือหุ้นในสายการบินแอร์เอเชีย พบว่า รายได้จากการขายและบริการ 13,225 ล้านบาท กำไรสุทธิ 1,387 ล้านบาท

    #Newskit
    No Processing Fee แค่มุกใหม่ไทยแอร์เอเชีย แคมเปญล่าสุดของสายการบินไทยแอร์เอเชีย คือการงดเก็บค่าธรรมเนียมการชำระเงิน (Processing Fee) สำหรับทุกการจองเที่ยวบิน FD ผ่านแอปพลิเคชัน AirAsia MOVE ตั้งแต่วันที่ 15 พ.ค. ถึง 15 ส.ค. 2568 ถือเป็นกลยุทธ์ทางการตลาดล่าสุดนอกจากการออกโปรโมชัน BIG SALE จ่ายเฉพาะภาษีสนามบิน (Airport Tax) แต่ก็ต้องจ่ายค่า Processing Fee ตั้งแต่ 107.00 ถึง 128.40 บาทต่อคนต่อเที่ยวบิน เท่ากับค่าโดยสารราคาโปรโมชันประมาณ 300-600 บาทต่อเที่ยวบิน ถึงกระนั้น ในช่วงนี้ยังไม่มีโปรโมชันแรงๆ อย่าง BIG SALE เกิดขึ้น มีแต่โปรโมชันปกติ ราคาเริ่มต้นที่ 900-930 บาทต่อเที่ยว ซึ่งช่วงนอกฤดูการท่องเที่ยว (Low Season) ที่นักท่องเที่ยวลดลง ราคาบัตรโดยสารไม่น่าจะเกิน 2,000 บาทต่อเที่ยว แต่ถ้าเป็นประเทศมาเลเซีย ต้นกำเนิดแอร์เอเชีย เส้นทางบินทั้งในมาเลเซียและต่างประเทศ เช่น ดอนเมือง สุวรรณภูมิ ไม่มีค่า Processing Fee อย่างชัดเจน เพราะได้ยกเลิกไปตั้งแต่วันที่ 22 ก.ย. 2562 หรือเมื่อ 6 ปีก่อน หลังคณะกรรมการการบินแห่งมาเลเซีย (MAVCOM) สั่งปรับสายการบินแอร์เอเชีย และแอร์เอเชียเอ็กซ์ สายการบินละ 200,000 ริงกิต เนื่องจากคิดค่า Processing Fee แยกจากค่าโดยสารพื้นฐาน เพราะก่อนหน้านี้ MAVCOM กำหนดให้ทุกสายการบินในมาเลเซียยกเลิกเรียกเก็บค่าธรรมเนียมแฝง หนึ่งในนั้นคือค่า Processing Fee ตามกฎหมายคุ้มครองผู้บริโภคการบินแห่งมาเลเซีย 2016 (MACPC) นับจากนั้นเป็นต้นมาการจองผ่านแอปฯ ของแอร์เอเชีย โดยเฉพาะบัตรเครดิตจะไม่ถูกเรียกเก็บค่า Processing Fee อีกต่อไป น่าเสียดายที่สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) หรือ CAAT กลับมองข้ามถึงเรื่องนี้ ทั้งที่เป็นการคุ้มครองผู้โดยสารไม่ให้ถูกเอารัดเอาเปรียบอีกทางหนึ่ง เพราะที่ผ่านมาโปรโมชันค่าโดยสารถูกที่สุดมีเพียงแค่การนำที่นั่งในช่วงเวลาที่ไม่มีผู้โดยสารคับคั่งออกมาลดราคา เฉลี่ยแล้วไม่เกิน 20% ของจำนวนที่นั่งต่อเที่ยวบิน ผู้โดยสารจำนวนไม่น้อยนอกจากจะต้องจ่ายในราคาที่สูงแล้ว ต่อที่สองยังต้องจ่ายค่า Processing Fee ต่อคนต่อเที่ยวบินอีก ถึงกระนั้นหากมองอีกมุมหนึ่ง ถือเป็นช่องทางหารายได้ของสายการบิน ตราบใดที่ประเทศไทยยังไม่มีกฎหมายห้ามเหมือนมาเลเซีย อีกทั้งการชำระเงินผ่านช่องทาง Direct Debit และบัตรเครดิต สายการบินยังต้องจ่ายค่าธรรมเนียมแก่ผู้ให้บริการอีก สำหรับผลประกอบการไตรมาส 1/2568 บริษัท เอเชีย เอวิเอชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ AAV ผู้ถือหุ้นในสายการบินแอร์เอเชีย พบว่า รายได้จากการขายและบริการ 13,225 ล้านบาท กำไรสุทธิ 1,387 ล้านบาท #Newskit
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 624 มุมมอง 0 รีวิว
  • เช็คบิลปมใหม่ พีระพันธุ์ ขาดคุณสมบัติ เป็นรัฐมนตรี
    .
    “ดร.ณัฏฐ์” เปิดปมใหม่ “พีระพันธุ์” คุณสมบัติรัฐมนตรี ขาดตั้งแต่วันยื่นใบสมัคร สส.บัญชีรายชื่อ -แต่งตั้งกรรมการบริษัท-ผู้ถือหุ้นในบริษัทตนเอง ผลประโยชน์ทับซ้อน

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000044176

    #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    เช็คบิลปมใหม่ พีระพันธุ์ ขาดคุณสมบัติ เป็นรัฐมนตรี . “ดร.ณัฏฐ์” เปิดปมใหม่ “พีระพันธุ์” คุณสมบัติรัฐมนตรี ขาดตั้งแต่วันยื่นใบสมัคร สส.บัญชีรายชื่อ -แต่งตั้งกรรมการบริษัท-ผู้ถือหุ้นในบริษัทตนเอง ผลประโยชน์ทับซ้อน อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000044176 #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 671 มุมมอง 0 รีวิว
  • Microsoft ได้เปลี่ยนสำนักงานกฎหมายที่เป็นตัวแทนในคดีฟ้องร้องของผู้ถือหุ้น โดยเลือก Jenner & Block แทน Simpson Thacher ซึ่งเคยเป็นตัวแทนของบริษัทในการซื้อกิจการ Activision Blizzard มูลค่า 69 พันล้านดอลลาร์

    การเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้นในขณะที่ Jenner & Block กำลังต่อสู้กับรัฐบาลของ Donald Trump ในคดีที่เกี่ยวข้องกับคำสั่งบริหารที่จำกัดการเข้าถึงข้อมูลของบริษัทกฎหมายบางแห่ง และพยายามยกเลิกสัญญาของลูกค้าของพวกเขา

    Microsoft ไม่ได้ให้เหตุผลในการเปลี่ยนสำนักงานกฎหมาย แต่ระบุว่า Simpson Thacher ยังคงเป็นตัวแทนของบริษัทในเรื่องอื่นๆ ขณะที่ Jenner & Block เคยทำงานให้ Microsoft มาก่อน และมีประสบการณ์ในการต่อสู้คดีที่เกี่ยวข้องกับรัฐบาล

    คดีในศาล Delaware Chancery Court เกี่ยวข้องกับข้อกล่าวหาว่า Activision Blizzard อนุมัติร่างข้อตกลงการควบรวมกิจการโดยไม่ผ่านการตรวจสอบขั้นสุดท้าย Microsoft ได้ขอให้ศาลรับรองการซื้อกิจการและปฏิเสธคำร้องขอค่าธรรมเนียม 15 ล้านดอลลาร์ จากทนายความของผู้ถือหุ้น Activision

    Microsoft เปลี่ยนสำนักงานกฎหมายในคดีผู้ถือหุ้น
    - เลือก Jenner & Block แทน Simpson Thacher
    - คดีเกี่ยวข้องกับการซื้อกิจการ Activision Blizzard มูลค่า 69 พันล้านดอลลาร์

    ความเกี่ยวข้องกับรัฐบาล Trump
    - Jenner & Block กำลังต่อสู้กับรัฐบาล Trump ในคดีเกี่ยวกับคำสั่งบริหาร
    - คำสั่งดังกล่าวจำกัดการเข้าถึงข้อมูลและพยายามยกเลิกสัญญาของลูกค้าบริษัทกฎหมาย

    รายละเอียดของคดีในศาล Delaware
    - Activision Blizzard ถูกกล่าวหาว่าอนุมัติร่างข้อตกลงโดยไม่ผ่านการตรวจสอบขั้นสุดท้าย
    - Microsoft ขอให้ศาลรับรองการซื้อกิจการและปฏิเสธค่าธรรมเนียม 15 ล้านดอลลาร์

    บทบาทของ Jenner & Block
    - เคยทำงานให้ Microsoft มาก่อน
    - มีประสบการณ์ในการต่อสู้คดีที่เกี่ยวข้องกับรัฐบาล

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/02/microsoft-swaps-law-firms-in-shareholder-case-hiring-trump-adversary
    Microsoft ได้เปลี่ยนสำนักงานกฎหมายที่เป็นตัวแทนในคดีฟ้องร้องของผู้ถือหุ้น โดยเลือก Jenner & Block แทน Simpson Thacher ซึ่งเคยเป็นตัวแทนของบริษัทในการซื้อกิจการ Activision Blizzard มูลค่า 69 พันล้านดอลลาร์ การเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้นในขณะที่ Jenner & Block กำลังต่อสู้กับรัฐบาลของ Donald Trump ในคดีที่เกี่ยวข้องกับคำสั่งบริหารที่จำกัดการเข้าถึงข้อมูลของบริษัทกฎหมายบางแห่ง และพยายามยกเลิกสัญญาของลูกค้าของพวกเขา Microsoft ไม่ได้ให้เหตุผลในการเปลี่ยนสำนักงานกฎหมาย แต่ระบุว่า Simpson Thacher ยังคงเป็นตัวแทนของบริษัทในเรื่องอื่นๆ ขณะที่ Jenner & Block เคยทำงานให้ Microsoft มาก่อน และมีประสบการณ์ในการต่อสู้คดีที่เกี่ยวข้องกับรัฐบาล คดีในศาล Delaware Chancery Court เกี่ยวข้องกับข้อกล่าวหาว่า Activision Blizzard อนุมัติร่างข้อตกลงการควบรวมกิจการโดยไม่ผ่านการตรวจสอบขั้นสุดท้าย Microsoft ได้ขอให้ศาลรับรองการซื้อกิจการและปฏิเสธคำร้องขอค่าธรรมเนียม 15 ล้านดอลลาร์ จากทนายความของผู้ถือหุ้น Activision ✅ Microsoft เปลี่ยนสำนักงานกฎหมายในคดีผู้ถือหุ้น - เลือก Jenner & Block แทน Simpson Thacher - คดีเกี่ยวข้องกับการซื้อกิจการ Activision Blizzard มูลค่า 69 พันล้านดอลลาร์ ✅ ความเกี่ยวข้องกับรัฐบาล Trump - Jenner & Block กำลังต่อสู้กับรัฐบาล Trump ในคดีเกี่ยวกับคำสั่งบริหาร - คำสั่งดังกล่าวจำกัดการเข้าถึงข้อมูลและพยายามยกเลิกสัญญาของลูกค้าบริษัทกฎหมาย ✅ รายละเอียดของคดีในศาล Delaware - Activision Blizzard ถูกกล่าวหาว่าอนุมัติร่างข้อตกลงโดยไม่ผ่านการตรวจสอบขั้นสุดท้าย - Microsoft ขอให้ศาลรับรองการซื้อกิจการและปฏิเสธค่าธรรมเนียม 15 ล้านดอลลาร์ ✅ บทบาทของ Jenner & Block - เคยทำงานให้ Microsoft มาก่อน - มีประสบการณ์ในการต่อสู้คดีที่เกี่ยวข้องกับรัฐบาล https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/02/microsoft-swaps-law-firms-in-shareholder-case-hiring-trump-adversary
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Microsoft swaps law firms in shareholder case, hiring Trump adversary
    (Reuters) -Microsoft is switching the law firm representing it in a shareholder case, replacing one that settled with the Trump administration to avoid a punishing executive order with one that is fighting the White House.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 266 มุมมอง 0 รีวิว
  • เมื่อวันที่ 28 เมษายน 2568 ท่ามกลางบรรยากาศหรูหราและนางแบบสาวสวยในงานมหกรรมรถยนต์ในนครเซี่ยงไฮ้ ชายคนหนึ่งกลับปรากฏตัวโดยสวมเสื้อยีนส์ขาดๆ กางเกงธรรมดา และรองเท้าเก่าๆ ดูเหมือนคนหลงเข้ามาในพื้นที่ที่เต็มไปด้วยความหรูหรา

    แต่เบื้องหลังรูปลักษณ์ซอมซ่อของเขา ชายผู้นี้คือหนึ่งในผู้ถือหุ้นของ Peace Hotel โรงแรมหรูเก่าแก่ระดับตำนานบนถนนนานกิงในนครเซี่ยงไฮ้ ซึ่งมีประวัติศาสตร์ยาวนานและได้รับการยกย่องว่าเป็นสัญลักษณ์ของความหรูหราในจีน

    เสื้อยีนส์ที่ดูเหมือนจะขาดเกินรับได้นั้น เป็นสินค้าแฟชั่น Balenciaga แบรนด์เก่าแก่ร้อยกว่าปีของสเปน โดยเป็นรุ่น "乞丐装" หรือ "เสื้อสไตล์ขอทาน" ที่ผลิตเพียงสิบตัวทั่วโลก ตัวที่ชายผู้นี้สวมใส่มีราคาสูงถึง 250,000 หยวน (ประมาณ 1,250,000 บาท) ขณะเดียวกันป้ายห้อยเสื้อที่ดูเหมือนเป็นเพียงของตกแต่งธรรมดา กลับมีมูลค่ามหาศาลถึง 3,000,000 หยวน (ประมาณ 15,000,000 บาท)

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม https://m.mgronline.com/china/detail/9680000040062

    #MGROnline #Balenciaga
    เมื่อวันที่ 28 เมษายน 2568 ท่ามกลางบรรยากาศหรูหราและนางแบบสาวสวยในงานมหกรรมรถยนต์ในนครเซี่ยงไฮ้ ชายคนหนึ่งกลับปรากฏตัวโดยสวมเสื้อยีนส์ขาดๆ กางเกงธรรมดา และรองเท้าเก่าๆ ดูเหมือนคนหลงเข้ามาในพื้นที่ที่เต็มไปด้วยความหรูหรา • แต่เบื้องหลังรูปลักษณ์ซอมซ่อของเขา ชายผู้นี้คือหนึ่งในผู้ถือหุ้นของ Peace Hotel โรงแรมหรูเก่าแก่ระดับตำนานบนถนนนานกิงในนครเซี่ยงไฮ้ ซึ่งมีประวัติศาสตร์ยาวนานและได้รับการยกย่องว่าเป็นสัญลักษณ์ของความหรูหราในจีน • เสื้อยีนส์ที่ดูเหมือนจะขาดเกินรับได้นั้น เป็นสินค้าแฟชั่น Balenciaga แบรนด์เก่าแก่ร้อยกว่าปีของสเปน โดยเป็นรุ่น "乞丐装" หรือ "เสื้อสไตล์ขอทาน" ที่ผลิตเพียงสิบตัวทั่วโลก ตัวที่ชายผู้นี้สวมใส่มีราคาสูงถึง 250,000 หยวน (ประมาณ 1,250,000 บาท) ขณะเดียวกันป้ายห้อยเสื้อที่ดูเหมือนเป็นเพียงของตกแต่งธรรมดา กลับมีมูลค่ามหาศาลถึง 3,000,000 หยวน (ประมาณ 15,000,000 บาท) • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม https://m.mgronline.com/china/detail/9680000040062 • #MGROnline #Balenciaga
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 618 มุมมอง 0 รีวิว
  • Match Group ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของแพลตฟอร์มหาคู่ชื่อดัง เช่น Tinder, Hinge และ OkCupid ได้บรรลุข้อตกลงกับ Anson Funds ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นที่เคยเรียกร้องให้มีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างบริหารของบริษัท โดยข้อตกลงนี้รวมถึงการแต่งตั้ง Kelly Campbell อดีตประธานของ NBCUniversal Peacock เป็นกรรมการบริษัท และการเปลี่ยนแปลงนโยบายให้กรรมการทุกคนต้องเข้ารับการเลือกตั้งใหม่ทุกปี

    Anson Funds ซึ่งถือหุ้นประมาณ 0.6% ของ Match Group ได้ผลักดันให้มีการเลือกตั้งกรรมการใหม่สามคนเพื่อปรับปรุงโครงสร้างบริหารที่พวกเขามองว่า ล้าสมัยและขาดความโปร่งใส อย่างไรก็ตาม ข้อตกลงที่เกิดขึ้นช่วยให้ทั้งสองฝ่ายสามารถหาทางออกที่ไม่ก่อให้เกิดความขัดแย้งรุนแรง และอาจนำไปสู่การปรับปรุงกลยุทธ์ทางธุรกิจ เช่น การจัดสรรเงินทุนใหม่ การลดต้นทุน และการพิจารณาทิศทางของธุรกิจ MG Asia

    Match Group ประสบปัญหาหุ้นตกลงเกือบ 70% ในช่วงห้าปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้ผู้ถือหุ้นต้องการการเปลี่ยนแปลง

    การแต่งตั้งกรรมการใหม่
    - Kelly Campbell อดีตประธานของ NBCUniversal Peacock ได้รับแต่งตั้งเป็นกรรมการบริษัท
    - Alan Spoon ซึ่งเป็นกรรมการเดิมจะไม่เข้ารับการเลือกตั้งใหม่

    การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างบริหาร
    - กรรมการทุกคนต้องเข้ารับการเลือกตั้งใหม่ทุกปี
    - ลดความขัดแย้งระหว่างผู้ถือหุ้นและบริษัท

    ผลกระทบต่อกลยุทธ์ทางธุรกิจ
    - อาจมีการปรับปรุงการจัดสรรเงินทุนและการลดต้นทุน
    - พิจารณาทิศทางของธุรกิจ MG Asia

    สถานการณ์หุ้นของ Match Group
    - หุ้นของบริษัทลดลงเกือบ 70% ในช่วงห้าปีที่ผ่านมา

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/29/match-settles-dispute-with-anson-funds-adds-new-director-to-board
    Match Group ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของแพลตฟอร์มหาคู่ชื่อดัง เช่น Tinder, Hinge และ OkCupid ได้บรรลุข้อตกลงกับ Anson Funds ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นที่เคยเรียกร้องให้มีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างบริหารของบริษัท โดยข้อตกลงนี้รวมถึงการแต่งตั้ง Kelly Campbell อดีตประธานของ NBCUniversal Peacock เป็นกรรมการบริษัท และการเปลี่ยนแปลงนโยบายให้กรรมการทุกคนต้องเข้ารับการเลือกตั้งใหม่ทุกปี Anson Funds ซึ่งถือหุ้นประมาณ 0.6% ของ Match Group ได้ผลักดันให้มีการเลือกตั้งกรรมการใหม่สามคนเพื่อปรับปรุงโครงสร้างบริหารที่พวกเขามองว่า ล้าสมัยและขาดความโปร่งใส อย่างไรก็ตาม ข้อตกลงที่เกิดขึ้นช่วยให้ทั้งสองฝ่ายสามารถหาทางออกที่ไม่ก่อให้เกิดความขัดแย้งรุนแรง และอาจนำไปสู่การปรับปรุงกลยุทธ์ทางธุรกิจ เช่น การจัดสรรเงินทุนใหม่ การลดต้นทุน และการพิจารณาทิศทางของธุรกิจ MG Asia Match Group ประสบปัญหาหุ้นตกลงเกือบ 70% ในช่วงห้าปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้ผู้ถือหุ้นต้องการการเปลี่ยนแปลง ✅ การแต่งตั้งกรรมการใหม่ - Kelly Campbell อดีตประธานของ NBCUniversal Peacock ได้รับแต่งตั้งเป็นกรรมการบริษัท - Alan Spoon ซึ่งเป็นกรรมการเดิมจะไม่เข้ารับการเลือกตั้งใหม่ ✅ การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างบริหาร - กรรมการทุกคนต้องเข้ารับการเลือกตั้งใหม่ทุกปี - ลดความขัดแย้งระหว่างผู้ถือหุ้นและบริษัท ✅ ผลกระทบต่อกลยุทธ์ทางธุรกิจ - อาจมีการปรับปรุงการจัดสรรเงินทุนและการลดต้นทุน - พิจารณาทิศทางของธุรกิจ MG Asia ✅ สถานการณ์หุ้นของ Match Group - หุ้นของบริษัทลดลงเกือบ 70% ในช่วงห้าปีที่ผ่านมา https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/29/match-settles-dispute-with-anson-funds-adds-new-director-to-board
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Match settles dispute with Anson Funds, adds new director to board
    (Reuters) - Online dating company Match Group will add a consumer-technology executive to its board and lay the groundwork for all directors to stand for election annually, ending a dispute with shareholder Anson Funds.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 383 มุมมอง 0 รีวิว
  • Novomatic บริษัทเทคโนโลยีเกมรายใหญ่ในยุโรป ได้ประกาศการเข้าซื้อกิจการ Ainsworth Game Technology ผู้ผลิตเครื่องสล็อตชั้นนำของออสเตรเลียอย่างเต็มรูปแบบ โดยการซื้อหุ้นที่เหลืออีก 47.1% ที่ Novomatic ยังไม่ได้ถือครองในราคา AU$1.00 ต่อหุ้น ซึ่งสูงกว่าราคาซื้อขายล่าสุดถึง 35% การเข้าซื้อกิจการครั้งนี้มีมูลค่ารวมประมาณ AU$336 ล้าน และถือเป็นการเปลี่ยนแปลงสำคัญในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีเกมคาสิโนทั่วโลก

    Novomatic ซึ่งถือหุ้นส่วนใหญ่ใน Ainsworth ตั้งแต่ปี 2016 ได้วางแผนที่จะใช้การควบรวมกิจการนี้เพื่อขยายตลาดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและอเมริกาเหนือ รวมถึงการพัฒนานวัตกรรมผลิตภัณฑ์ เช่น เครื่องสล็อตและแพลตฟอร์มดิจิทัล

    การซื้อหุ้นและมูลค่าการซื้อขาย
    - Novomatic ซื้อหุ้นที่เหลืออีก 47.1% ในราคา AU$1.00 ต่อหุ้น
    - มูลค่ารวมของการซื้อกิจการประมาณ AU$336 ล้าน

    เป้าหมายของการควบรวมกิจการ
    - ขยายตลาดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและอเมริกาเหนือ
    - พัฒนานวัตกรรมผลิตภัณฑ์ เช่น เครื่องสล็อตและแพลตฟอร์มดิจิทัล

    ผลกระทบต่อ Ainsworth
    - Ainsworth ได้รับความมั่นคงทางการเงินจากการควบรวมกิจการ
    - การพัฒนา R&D และการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่จะได้รับการสนับสนุนจาก Novomatic

    กระบวนการและการอนุมัติ
    - การซื้อกิจการจะดำเนินการผ่าน Scheme of Arrangement
    - ได้รับการอนุมัติจาก FIRB และต้องการการอนุมัติจากผู้ถือหุ้นและศาล

    https://computercity.com/software/gaming/novomatic-to-acquire-ainsworth-in-strategic-gaming-industry-move
    Novomatic บริษัทเทคโนโลยีเกมรายใหญ่ในยุโรป ได้ประกาศการเข้าซื้อกิจการ Ainsworth Game Technology ผู้ผลิตเครื่องสล็อตชั้นนำของออสเตรเลียอย่างเต็มรูปแบบ โดยการซื้อหุ้นที่เหลืออีก 47.1% ที่ Novomatic ยังไม่ได้ถือครองในราคา AU$1.00 ต่อหุ้น ซึ่งสูงกว่าราคาซื้อขายล่าสุดถึง 35% การเข้าซื้อกิจการครั้งนี้มีมูลค่ารวมประมาณ AU$336 ล้าน และถือเป็นการเปลี่ยนแปลงสำคัญในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีเกมคาสิโนทั่วโลก Novomatic ซึ่งถือหุ้นส่วนใหญ่ใน Ainsworth ตั้งแต่ปี 2016 ได้วางแผนที่จะใช้การควบรวมกิจการนี้เพื่อขยายตลาดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและอเมริกาเหนือ รวมถึงการพัฒนานวัตกรรมผลิตภัณฑ์ เช่น เครื่องสล็อตและแพลตฟอร์มดิจิทัล ✅ การซื้อหุ้นและมูลค่าการซื้อขาย - Novomatic ซื้อหุ้นที่เหลืออีก 47.1% ในราคา AU$1.00 ต่อหุ้น - มูลค่ารวมของการซื้อกิจการประมาณ AU$336 ล้าน ✅ เป้าหมายของการควบรวมกิจการ - ขยายตลาดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและอเมริกาเหนือ - พัฒนานวัตกรรมผลิตภัณฑ์ เช่น เครื่องสล็อตและแพลตฟอร์มดิจิทัล ✅ ผลกระทบต่อ Ainsworth - Ainsworth ได้รับความมั่นคงทางการเงินจากการควบรวมกิจการ - การพัฒนา R&D และการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่จะได้รับการสนับสนุนจาก Novomatic ✅ กระบวนการและการอนุมัติ - การซื้อกิจการจะดำเนินการผ่าน Scheme of Arrangement - ได้รับการอนุมัติจาก FIRB และต้องการการอนุมัติจากผู้ถือหุ้นและศาล https://computercity.com/software/gaming/novomatic-to-acquire-ainsworth-in-strategic-gaming-industry-move
    COMPUTERCITY.COM
    Novomatic To Acquire Ainsworth In Strategic Gaming Industry Move
    Novomatic, one of Europe’s largest gaming technology giants, has announced a strategic move to fully acquire Ainsworth Game Technology, a leading Australian
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 351 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทนายความพา 3 นอมินีคนไทย บ.ไชน่า เรลเวย์ฯ เข้าพบพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ดีเอสไอ พร้อมแสดงหมายจับ สอบปากคำตามขั้นตอน

    วันนี้ (21 เม.ย.) ณ ห้องสำนักงานรองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ชั้น 8 ศูนย์ราชการฯ แจ้งวัฒนะ อาคารบี กรุงเทพฯ คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ เปิดเผยว่า สำหรับ 3 กรรมการผู้ถือหุ้นชาวไทยของบริษัท ไชน่า เรลเวย์ฯ ติดต่อขอเข้ามอบตัวทั้งหมด คือ นายโสภณ มีชัย ถือหุ้น 407,997 หุ้น (40.7997%) , นายประจวบ ศิริเขตร ถือหุ้น 102,000 หุ้น (10.2%) และ นายมานัส ศรีอนันท์ ถือหุ้น 3 หุ้น (0.0003%) ซึ่งจากการสอบสวนของดีเอสไอ ชัดเจนว่าเจ้าตัวไม่ได้อยู่ในสถานะเพียงพอที่จะดำเนินธุรกิจขนาดใหญ่ และไม่มีวิชาชีพเชี่ยวชาญเกี่ยวข้องในด้านงานวิศวกรรมก่อสร้าง

    ต่อมา ทนายความของนายมานัส ศรีอนันท์ ได้เดินทางนำเอกสารชี้แจงข้อมูลเข้าพบพนักงานสอบสวน โดยได้ให้ข้อมูลสั้น ๆ กับผู้สื่อข่าว ว่า ตนเองเป็นทนายความให้นายมานัส โดยนำเอกสารมาชี้แจง เบื้องต้นทราบว่าวันนี้มาทั้ง 3 คน ที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นนอมินีของบริษัทไชน่า เรลเวย์ฯ ยืนยันว่าทั้ง 3 รายไม่ได้เป็นไปตามที่ถูกกล่าวหา อย่างไรก็ตาม ขอให้ตนได้เข้าไปรับฟังข้อมูลและนำเอกสารไปชี้แจงก่อน และจะชี้แจงอีกครั้ง

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/crime/detail/9680000037248

    #MGROnline #ดีเอสไอ
    ทนายความพา 3 นอมินีคนไทย บ.ไชน่า เรลเวย์ฯ เข้าพบพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ดีเอสไอ พร้อมแสดงหมายจับ สอบปากคำตามขั้นตอน • วันนี้ (21 เม.ย.) ณ ห้องสำนักงานรองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ชั้น 8 ศูนย์ราชการฯ แจ้งวัฒนะ อาคารบี กรุงเทพฯ คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ เปิดเผยว่า สำหรับ 3 กรรมการผู้ถือหุ้นชาวไทยของบริษัท ไชน่า เรลเวย์ฯ ติดต่อขอเข้ามอบตัวทั้งหมด คือ นายโสภณ มีชัย ถือหุ้น 407,997 หุ้น (40.7997%) , นายประจวบ ศิริเขตร ถือหุ้น 102,000 หุ้น (10.2%) และ นายมานัส ศรีอนันท์ ถือหุ้น 3 หุ้น (0.0003%) ซึ่งจากการสอบสวนของดีเอสไอ ชัดเจนว่าเจ้าตัวไม่ได้อยู่ในสถานะเพียงพอที่จะดำเนินธุรกิจขนาดใหญ่ และไม่มีวิชาชีพเชี่ยวชาญเกี่ยวข้องในด้านงานวิศวกรรมก่อสร้าง • ต่อมา ทนายความของนายมานัส ศรีอนันท์ ได้เดินทางนำเอกสารชี้แจงข้อมูลเข้าพบพนักงานสอบสวน โดยได้ให้ข้อมูลสั้น ๆ กับผู้สื่อข่าว ว่า ตนเองเป็นทนายความให้นายมานัส โดยนำเอกสารมาชี้แจง เบื้องต้นทราบว่าวันนี้มาทั้ง 3 คน ที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นนอมินีของบริษัทไชน่า เรลเวย์ฯ ยืนยันว่าทั้ง 3 รายไม่ได้เป็นไปตามที่ถูกกล่าวหา อย่างไรก็ตาม ขอให้ตนได้เข้าไปรับฟังข้อมูลและนำเอกสารไปชี้แจงก่อน และจะชี้แจงอีกครั้ง • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/crime/detail/9680000037248 • #MGROnline #ดีเอสไอ
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 420 มุมมอง 0 รีวิว
  • การบินไทย เตรียมออกจากแผนฟื้นฟูกิจการ

    หลังประชุมผู้ถือหุ้น มีมติรับรองบอร์ดใหม่ 8 คน บอร์ดเดิม 3 คน (นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ นายชาญศิลป์ ตรีนุชกร พล.อ.อ.อำนาจ จีระมณีมัย) รวมเป็น 11 คน

    กระทรวงการคลังคุมเสียงข้างมากถึง 9 ที่นั่ง เตรียมเสนอชื่อ "ลวรณ แสงสนิท" ปลัดกระทรวงการคลัง เป็นประธานบอร์ดคนใหม่

    จดทะเบียนเพิ่มกรรมการใหม่ภายใน 25 เมษายน 2568
    ยื่นคำขอต่อศาลล้มละลายเพื่อออกจากแผนฟื้นฟูวันที่ 28 เมษายน (โดยศาลนัดพิจารณาคำขอวันที่ 22 พฤษภาคม และคาดว่าจะมีคำสั่งให้ออกจากแผนต้นเดือนมิถุนายน)

    หลังพ้นแผนฟื้นฟู การบินไทยจะยื่นขอกลับเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ทันที คาดว่าจะสามารถกลับมาซื้อขายได้ในช่วงปลายเดือนมิถุนายน 2568

    รายชื่อบอร์ดใหม่ที่ได้รับการแต่งตั้ง 8 คน ได้แก่:
    1. นายชาย เอี่ยมศิริ CEO การบินไทย
    2. ดร.กุลยา ตันติเตมิท อธิบดีกรมสรรพสามิต
    3. นายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง
    4. นายชาครีย์ บำรุงวงศ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงคมนาคม
    5. นายณปกรณ์ ธนสุวรรณเกษม ผู้ทรงคุณวุฒิด้านการเงินการธนาคาร
    6. นายยรรยง เดชภิรัตนมงคล อัยการพิเศษ
    7. นายสัมฤทธิ์ สำเนียง อดีตผู้บริหาร ปตท.สผ.
    8. พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ

    สำหรับ กรรมการบอร์ดเดิม 3 ท่านของการบินไทย ยังมีอายุทำงานอีก 1 ปี ประกอบด้วย
    1. นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันท์
    2. นายชาญศิลป์ ตรีนุชกร
    3. พล.อ.อ.อำนาจ จีระมณีมัย รองเลขาธิการพระราชวัง ท่านนี้มีความสำคัญ เนื่องจากต้องเป็นผู้ประสานงานระหว่างการบินไทยกับในวัง ในเวลาที่พระมหากษัตริย์และพระราชินีต้องใช้การบินไทยเสด็จต่างประเทศ)

    .
    เครดิต:
    https://web.facebook.com/roytunpd
    การบินไทย เตรียมออกจากแผนฟื้นฟูกิจการ หลังประชุมผู้ถือหุ้น มีมติรับรองบอร์ดใหม่ 8 คน บอร์ดเดิม 3 คน (นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ นายชาญศิลป์ ตรีนุชกร พล.อ.อ.อำนาจ จีระมณีมัย) รวมเป็น 11 คน กระทรวงการคลังคุมเสียงข้างมากถึง 9 ที่นั่ง เตรียมเสนอชื่อ "ลวรณ แสงสนิท" ปลัดกระทรวงการคลัง เป็นประธานบอร์ดคนใหม่ จดทะเบียนเพิ่มกรรมการใหม่ภายใน 25 เมษายน 2568 ยื่นคำขอต่อศาลล้มละลายเพื่อออกจากแผนฟื้นฟูวันที่ 28 เมษายน (โดยศาลนัดพิจารณาคำขอวันที่ 22 พฤษภาคม และคาดว่าจะมีคำสั่งให้ออกจากแผนต้นเดือนมิถุนายน) หลังพ้นแผนฟื้นฟู การบินไทยจะยื่นขอกลับเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ทันที คาดว่าจะสามารถกลับมาซื้อขายได้ในช่วงปลายเดือนมิถุนายน 2568 รายชื่อบอร์ดใหม่ที่ได้รับการแต่งตั้ง 8 คน ได้แก่: 1. นายชาย เอี่ยมศิริ CEO การบินไทย 2. ดร.กุลยา ตันติเตมิท อธิบดีกรมสรรพสามิต 3. นายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง 4. นายชาครีย์ บำรุงวงศ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงคมนาคม 5. นายณปกรณ์ ธนสุวรรณเกษม ผู้ทรงคุณวุฒิด้านการเงินการธนาคาร 6. นายยรรยง เดชภิรัตนมงคล อัยการพิเศษ 7. นายสัมฤทธิ์ สำเนียง อดีตผู้บริหาร ปตท.สผ. 8. พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ สำหรับ กรรมการบอร์ดเดิม 3 ท่านของการบินไทย ยังมีอายุทำงานอีก 1 ปี ประกอบด้วย 1. นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันท์ 2. นายชาญศิลป์ ตรีนุชกร 3. พล.อ.อ.อำนาจ จีระมณีมัย รองเลขาธิการพระราชวัง ท่านนี้มีความสำคัญ เนื่องจากต้องเป็นผู้ประสานงานระหว่างการบินไทยกับในวัง ในเวลาที่พระมหากษัตริย์และพระราชินีต้องใช้การบินไทยเสด็จต่างประเทศ) . เครดิต: https://web.facebook.com/roytunpd
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 710 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องงาน World Expo ที่โอซาก้า มี feedback หลากหลาย เด่นสุดของคนที่เข้าชมให้ความเห็นตรงกันว่า มีความสวยด้านสถาปัตยกรรม แต่การสื่อสาร เมสเสจที่อยากจะสื่อกลับเป็นในรูปแบบ "เปลือกเอกชน เนื้อในข้าราชการ" การนำเสนอไม่เชื่อมโยง และหน่วยงานนั้นคือกระทรวงสาธารณสุขที่ใช้งบประมาณไปทำกว่า 1,000 ล้าน!เหตุผลที่บอกว่าต้องเป็นสธ. เพื่อไปโฆษณา medical hub, wellness ในขณะที่ไทยตอนนี้ข่าวที่ลุกโชนที่สุดคือข่าวบุคลากรทางการแพทย์แห่กันลาออกรัฐมนตรีของสวีเดนเคยพูดว่า หมอ 1 คนที่ออกไปรักษาคนไข้เอกชน-wellness คือหมอ 1 คนที่สูญเสียไปจากการรักษาคนไข้ในระบบรัฐ ในขณะที่ไทยโหมโฆษณาเรื่อง medical hub ได้มองเรื่องการโยกย้ายของแรงงานภาคสุขภาพหรือไม่? โรงพยาบาลภาครัฐปัจจุบันนี้ คนไข้คนไทยอาการหนักยังหาเตียงแทบไม่ได้ OPD ยังต้องต่อคิวเกือบทั้งวัน ในขณะที่โรงพยาบาลเอกชนที่รัฐพยายามพาไปโฆษณา กำไรปีละ 4,000 ล้านต่อปี และผู้ถือหุ้น ก็แทบจะต่างประเทศเกือบหมดงบ 1,000 ล้านนี้ เราทำอะไรได้บ้าง- งบ 1,000 ล้านนี้ คืองบประมาณคนไข้ล้างไตเกือบปีของประกันสังคม- 55 เท่าของงบประมาณดูแลสุขภาพจิตของเด็กในโรงเรียนทั้งประเทศ- เกือบ 1,000 เท่า ของงบที่ไว้รับมือ PM2.5 ของสธ.- งบประมาณที่จ้างหมอเต็มเวลาได้อีก 1,660 คน/ปี- เป็นค่าแรงที่กดขี่จนแย่กว่าค่าแรงขั้นต่ำตามพรบ.คุ้มครองแรงงานของพี่ๆผู้ช่วยพยาบาลมากถึง 7,200 คนต่อปีการลงทุนในการโปรโมทประเทศไทยเป็นเรื่องดี แต่ต้องระวังในการสื่อสารและใช้งบประมาณให้เหมาะสม ท่ามกลางข่าววิกฤตศรัทธาในรัฐข้าราชการ การใช้งบประมาณระดับพันล้านเพื่อโปรโมทในเรื่องที่อนาคตจะทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำด้านสุขภาพไปอีก ต้องทำอย่างระมัดระวังและไม่เหยียบหัวคนทำงานหน้างานจนรู้สึกว่า เงินเดือนจากงานที่เขาทำจนเผาเวลาชีวิต ร่างกายไป เป็นเพียงเศษเงินเมื่อเทียบกับโครงการใช้ครั้งเดียวจบของกระทรวงเพิ่มเติม: มีเรื่องที่มาบริษัทที่รับทำ เป็นการสรรหาแบบจำเพาะเจาะจง ต้องติดตามว่า บริษัทที่รับจัดงาน 800 ล้านจากภาษีเราเป็นใคร———— ขอขอบคุณ คุณหมอนิรนามที่ส่งมาให้ครับ
    เรื่องงาน World Expo ที่โอซาก้า มี feedback หลากหลาย เด่นสุดของคนที่เข้าชมให้ความเห็นตรงกันว่า มีความสวยด้านสถาปัตยกรรม แต่การสื่อสาร เมสเสจที่อยากจะสื่อกลับเป็นในรูปแบบ "เปลือกเอกชน เนื้อในข้าราชการ" การนำเสนอไม่เชื่อมโยง และหน่วยงานนั้นคือกระทรวงสาธารณสุขที่ใช้งบประมาณไปทำกว่า 1,000 ล้าน!เหตุผลที่บอกว่าต้องเป็นสธ. เพื่อไปโฆษณา medical hub, wellness ในขณะที่ไทยตอนนี้ข่าวที่ลุกโชนที่สุดคือข่าวบุคลากรทางการแพทย์แห่กันลาออกรัฐมนตรีของสวีเดนเคยพูดว่า หมอ 1 คนที่ออกไปรักษาคนไข้เอกชน-wellness คือหมอ 1 คนที่สูญเสียไปจากการรักษาคนไข้ในระบบรัฐ ในขณะที่ไทยโหมโฆษณาเรื่อง medical hub ได้มองเรื่องการโยกย้ายของแรงงานภาคสุขภาพหรือไม่? โรงพยาบาลภาครัฐปัจจุบันนี้ คนไข้คนไทยอาการหนักยังหาเตียงแทบไม่ได้ OPD ยังต้องต่อคิวเกือบทั้งวัน ในขณะที่โรงพยาบาลเอกชนที่รัฐพยายามพาไปโฆษณา กำไรปีละ 4,000 ล้านต่อปี และผู้ถือหุ้น ก็แทบจะต่างประเทศเกือบหมดงบ 1,000 ล้านนี้ เราทำอะไรได้บ้าง- งบ 1,000 ล้านนี้ คืองบประมาณคนไข้ล้างไตเกือบปีของประกันสังคม- 55 เท่าของงบประมาณดูแลสุขภาพจิตของเด็กในโรงเรียนทั้งประเทศ- เกือบ 1,000 เท่า ของงบที่ไว้รับมือ PM2.5 ของสธ.- งบประมาณที่จ้างหมอเต็มเวลาได้อีก 1,660 คน/ปี- เป็นค่าแรงที่กดขี่จนแย่กว่าค่าแรงขั้นต่ำตามพรบ.คุ้มครองแรงงานของพี่ๆผู้ช่วยพยาบาลมากถึง 7,200 คนต่อปีการลงทุนในการโปรโมทประเทศไทยเป็นเรื่องดี แต่ต้องระวังในการสื่อสารและใช้งบประมาณให้เหมาะสม ท่ามกลางข่าววิกฤตศรัทธาในรัฐข้าราชการ การใช้งบประมาณระดับพันล้านเพื่อโปรโมทในเรื่องที่อนาคตจะทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำด้านสุขภาพไปอีก ต้องทำอย่างระมัดระวังและไม่เหยียบหัวคนทำงานหน้างานจนรู้สึกว่า เงินเดือนจากงานที่เขาทำจนเผาเวลาชีวิต ร่างกายไป เป็นเพียงเศษเงินเมื่อเทียบกับโครงการใช้ครั้งเดียวจบของกระทรวงเพิ่มเติม: มีเรื่องที่มาบริษัทที่รับทำ เป็นการสรรหาแบบจำเพาะเจาะจง ต้องติดตามว่า บริษัทที่รับจัดงาน 800 ล้านจากภาษีเราเป็นใคร———— ขอขอบคุณ คุณหมอนิรนามที่ส่งมาให้ครับ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 822 มุมมอง 0 รีวิว
  • รู้จักใช้ เข้าใจเงิน ตอนที่ 9 ทางเลือกในการลงทุนและความเสี่ยง (2)
    .
    1.ฝากเงินกับธนาคาร มีความเสี่ยงน้อยที่สุด
    2.ซื้อตราสารหนี้ ซางหมายถึงสัญญาที่ออกโดยกิจการหนึ่งเพื่อกู้เงินจากผู้อื่น ถ้ารัฐบาลเป็นผู้กู้ ตราสารหรือสัญญานี้เรียกว่าตั๋วเงินคลัง หรือพันธบัตรรัฐบาล แต่ถ้าเป็นเอกชน จะเรียกว่าตั๋วสัญญาใช้เงิน ตั๋วแลกเงิน หรือหุ้นกู้ การลงทุนซื้อตราสารหนี้มีความเสี่ยงต่ำกว่า โดยเปรียบเทียบ เพราะผลตอบแทนอยู่ในรูปของดอกเบี้ยที่จ่ายให้เงินกู้ซึ่งแตกต่างจากผลตอบแทนในรูปเงินปันผลจากหุ้น ซึ่งขึ้นอยู่กับความสำเร็จในการประกอบการ
    .
    3.ซื้อหน่วยลงทุนกองทุนรวม หมายถึงการร่วมทุนกับนักลงทุนรายย่อยอื่นๆ เพื่อลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ และ/หรือ ตลาดตราสารหนี้ โดยมีบริษัทจัดการกองทุนตามกฏหมายเป็นผู้รับผิดชอบเป็นการเฉพาะ เนื่องจากมีความรอบรู้เป็นพิเศษในเรื่องการลงทุนในหลักทรัพย์เหล่านี้
    .
    กองทุนแบ่งออกเป็น 2 ลักษณะ คือ (1) กองทุนปิด ซึ่งมีมูลค่ากองทุน (เงินลงทุนร่วมกันครั้งแรก) แน่นอน มีอายุเวลาไถ่ถอนเมื่อครบกำหนดเวลาลงทุนชัดเจน หากผู้บริหารกองทุนมีความสามารถเลือกลงทุนในหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าเพิ่มขึ้นและมีเงินปันผลดี หน่วยลงทุนนั้นก็จะมีราคาสูงกว่าตอนซื้อครั้งแรก
    .
    (2) กองทุนเปิด ไม่กำหนดระยะเวลาไถ่ถอนที่แน่นอน หากผู้ซื้อหน่วยลงทุนต้องการถอนการลงทุนเมื่อใดก็สามารถขายคืนให้บริษัทผู้จัดการกองทุนได้ โดยจะคำนวนราคาซื้อคืนตามมูลค่าสินทรัพย์สุทธิของกองทุนในขณะนั้น ทางการกำหนดให้บริษัทผู้จัดการกองทุนรายงานตัวเลขแสดงสินทรัพย์สุทธิของกองทุนที่เรียกว่า NAV ( Net Asset Value ) เป็นประจำทุกเดือน เพื่อรายงานว่ามูลค่าสุทธิของแต่ละหน่วยลงทุนนั้นมัมูลค่าเท่าใด เพื่อเป็นข้อมูลเปรียบเทียบกับกองทุนอื่นๆ ซึ่งจะช่วยให้ผู้ถือหุ้นกองทุนรวมกองหนึ่งกองใด สามารถตัดสินใจได้ว่าจะขายหรือถือไว้ต่อไป
    .
    4.ซื้อหน่วยลงทุนของกองทุนรวมที่เรียกว่า กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ หรือ RMF ( Retirement Mutual Fund ) เป็นกองทุนรวมชนิดพิเศษ เพื่อส่งเสริมการออมเพื่อวัยเกษียณ เงินที่ซื้อกองทุนนี้สามารถใช้เป็นค่าลดหย่อนของภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา โดยไม่เกินร้อยละ 15 ของรายได้ทั้งปี แต่ต้องไม่เกิน 300,000 บาท ผู้ซื้อต้องซื้อติดต่อจนถึงอายุ 55 ปี หรือซื้อต่อเนื่องไม่น้อยกว่า 5 ปี ในกรณีที่มีอายุ 55 ปี ขึ่นไปจึงจะสามารถถอนเงินที่ซื้อกองทุนรวมไว้ทั้งหมดออกไปได้โดยไม่เสียภาษี
    .
    5.ซื้อหน่วยลงทุนของกองทุนที่เรียกว่า LTF ( Long Term Equity Fund ) หรือกองทุนหุ้นระยะยาว ซึ่งเป็นกองทุนรวมชนิดพิเศษอีกกองทุนหนึ่ง เพื่อส่งเสริมการลงทุนตลาดหุ้นระยะยาว มีเงื่อนไขคล้ายกับ RMF กล่าวคือ ซื้อได้ไม่เกินร้อยละ 15 ของรายได้ทั้งปี แต่ไม่เกิน 300,000 บาท เงินที่ซื้อกองทุนสามารถนำไปหักเป็นค่าลดหย่อนของภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ผู้ลงทุนต้องซื้อติดต่อกันไม่น้อยกว่า 5 ปี จึงจะสามารถถอนเงินที่ซื้อกองทุนรวมนี้ไว้ทั้งหมดออกไปได้โดยไม่เสียภาษี
    .
    ผู้มีรายได้สามารถใช้สิทธิทางภาษีในการลดหย่อนภาษีของทั้ง RMF และ LMF กล่าวคือ ลดหย่อนได้สูงสุดด้วยการซื้อกองทุน RMF และ LMF อย่างละร้อยละ 15 ของรายได้ทั้งปี โดยไม่เกินกองทุนละ 300,000 บาท รวมแล้วเป็นค่าลดหย่อนสูงสุด 600,000 บาทต่อปี
    .
    อนึ่ง ยอดเงินลดหย่อนสูงสุด 300,000 บาท ของ RMF ต้องรวมเงินกองทุนสำรองเลี้ยงชีพที่ลูกจ้างและนายจ้างจ่ายรวมกันในแต่ละปีด้วย ผู้ซื้อกองทุน RMF สามารถเลือกกองทุนรวมประเภทซื้อหุ้นอย่างเดียว (เสี่ยงที่สุด) หรือซื้อตราสารหนี้อย่างเดียว (เสี่ยงน้อยที่สุด) หรือซื้อปนกันทั้งหั้นและตราสารหนี้ (ความเสี่ยงอยู่ระหว่างสองประเภทกองทุนข้างต้น) ก็ได้
    .
    LTF โดยทั่วไปมีความเสี่ยงสูงกว่า RMF (ยกเว้นกองทุนที่ซื้อหุ้นอย่างเดียว) เนื่องจากเป็นกองทุนที่ซื้อหุ้นอย่างเดียว การลงทุนใน RMF และ LTF น่าสนใจเพราะเงินที่ซื้อกองทุนเป็นค่าลดหย่อนภาษี และยอดเงินนี้ก็เป็นการลงทุนอย่างหนึ่งที่ผู้รู้ช่วยเลือกลงทุนให้ นอกจากนี้เมื่อครบกำหนด ก็ยังสามารถถอนออกมาได้โดยไม่เสียภาษีอีกด้วย
    .
    6.ซื้อหุ้นโดยตรง ซึงหมายถึงการเข้าร่วมลงทุนหรือร่วมเป็นเจ้าของบริษัทนั้นๆ หากบริษัทประสบผลสำเร็จก็ได้ส่วนแบ่งกำไรในรูปของเงินปันผล และมีโอกาสได้ส่วนต่างของราคาหุ้น ทั้งจากหุ้นที่ซื้อไปและหุ้นออกใหม่ที่ขายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมในราคาต่ำกว่าตลาด
    .
    7.ซื้อที่อยู่อาศัยไว้สำหรับเช่า ไม่ว่าจะเป็นบ้าน คอนโด อพาร์ตเมนต์ หรือหอพักที่ตั้งอยู่ในทำเลดี มีผู้เช่าแน่นอน โดยใช้เงินออมเป็นเงินดาวน์ และใช้ค่าเช่าและบางส่วนของรายได้ประจำเป็นเงินผ่อนชำระเงินกู้นั้น การให้เช่าข้ามช่วงเวลาที่ยาวจนครบกำหนดเวลากู้ ก็จะได้อสังหาริมทรัพย์มาเป็นสมบัติของครอบครัว ในอนาคตลูกก็จะสามารถเก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากค่าเช่าและมูลค่าของที่อยู่อาศัยที่เพิ่มขึ้นได้
    รู้จักใช้ เข้าใจเงิน ตอนที่ 9 ทางเลือกในการลงทุนและความเสี่ยง (2) . 1.ฝากเงินกับธนาคาร มีความเสี่ยงน้อยที่สุด 2.ซื้อตราสารหนี้ ซางหมายถึงสัญญาที่ออกโดยกิจการหนึ่งเพื่อกู้เงินจากผู้อื่น ถ้ารัฐบาลเป็นผู้กู้ ตราสารหรือสัญญานี้เรียกว่าตั๋วเงินคลัง หรือพันธบัตรรัฐบาล แต่ถ้าเป็นเอกชน จะเรียกว่าตั๋วสัญญาใช้เงิน ตั๋วแลกเงิน หรือหุ้นกู้ การลงทุนซื้อตราสารหนี้มีความเสี่ยงต่ำกว่า โดยเปรียบเทียบ เพราะผลตอบแทนอยู่ในรูปของดอกเบี้ยที่จ่ายให้เงินกู้ซึ่งแตกต่างจากผลตอบแทนในรูปเงินปันผลจากหุ้น ซึ่งขึ้นอยู่กับความสำเร็จในการประกอบการ . 3.ซื้อหน่วยลงทุนกองทุนรวม หมายถึงการร่วมทุนกับนักลงทุนรายย่อยอื่นๆ เพื่อลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ และ/หรือ ตลาดตราสารหนี้ โดยมีบริษัทจัดการกองทุนตามกฏหมายเป็นผู้รับผิดชอบเป็นการเฉพาะ เนื่องจากมีความรอบรู้เป็นพิเศษในเรื่องการลงทุนในหลักทรัพย์เหล่านี้ . กองทุนแบ่งออกเป็น 2 ลักษณะ คือ (1) กองทุนปิด ซึ่งมีมูลค่ากองทุน (เงินลงทุนร่วมกันครั้งแรก) แน่นอน มีอายุเวลาไถ่ถอนเมื่อครบกำหนดเวลาลงทุนชัดเจน หากผู้บริหารกองทุนมีความสามารถเลือกลงทุนในหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าเพิ่มขึ้นและมีเงินปันผลดี หน่วยลงทุนนั้นก็จะมีราคาสูงกว่าตอนซื้อครั้งแรก . (2) กองทุนเปิด ไม่กำหนดระยะเวลาไถ่ถอนที่แน่นอน หากผู้ซื้อหน่วยลงทุนต้องการถอนการลงทุนเมื่อใดก็สามารถขายคืนให้บริษัทผู้จัดการกองทุนได้ โดยจะคำนวนราคาซื้อคืนตามมูลค่าสินทรัพย์สุทธิของกองทุนในขณะนั้น ทางการกำหนดให้บริษัทผู้จัดการกองทุนรายงานตัวเลขแสดงสินทรัพย์สุทธิของกองทุนที่เรียกว่า NAV ( Net Asset Value ) เป็นประจำทุกเดือน เพื่อรายงานว่ามูลค่าสุทธิของแต่ละหน่วยลงทุนนั้นมัมูลค่าเท่าใด เพื่อเป็นข้อมูลเปรียบเทียบกับกองทุนอื่นๆ ซึ่งจะช่วยให้ผู้ถือหุ้นกองทุนรวมกองหนึ่งกองใด สามารถตัดสินใจได้ว่าจะขายหรือถือไว้ต่อไป . 4.ซื้อหน่วยลงทุนของกองทุนรวมที่เรียกว่า กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ หรือ RMF ( Retirement Mutual Fund ) เป็นกองทุนรวมชนิดพิเศษ เพื่อส่งเสริมการออมเพื่อวัยเกษียณ เงินที่ซื้อกองทุนนี้สามารถใช้เป็นค่าลดหย่อนของภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา โดยไม่เกินร้อยละ 15 ของรายได้ทั้งปี แต่ต้องไม่เกิน 300,000 บาท ผู้ซื้อต้องซื้อติดต่อจนถึงอายุ 55 ปี หรือซื้อต่อเนื่องไม่น้อยกว่า 5 ปี ในกรณีที่มีอายุ 55 ปี ขึ่นไปจึงจะสามารถถอนเงินที่ซื้อกองทุนรวมไว้ทั้งหมดออกไปได้โดยไม่เสียภาษี . 5.ซื้อหน่วยลงทุนของกองทุนที่เรียกว่า LTF ( Long Term Equity Fund ) หรือกองทุนหุ้นระยะยาว ซึ่งเป็นกองทุนรวมชนิดพิเศษอีกกองทุนหนึ่ง เพื่อส่งเสริมการลงทุนตลาดหุ้นระยะยาว มีเงื่อนไขคล้ายกับ RMF กล่าวคือ ซื้อได้ไม่เกินร้อยละ 15 ของรายได้ทั้งปี แต่ไม่เกิน 300,000 บาท เงินที่ซื้อกองทุนสามารถนำไปหักเป็นค่าลดหย่อนของภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ผู้ลงทุนต้องซื้อติดต่อกันไม่น้อยกว่า 5 ปี จึงจะสามารถถอนเงินที่ซื้อกองทุนรวมนี้ไว้ทั้งหมดออกไปได้โดยไม่เสียภาษี . ผู้มีรายได้สามารถใช้สิทธิทางภาษีในการลดหย่อนภาษีของทั้ง RMF และ LMF กล่าวคือ ลดหย่อนได้สูงสุดด้วยการซื้อกองทุน RMF และ LMF อย่างละร้อยละ 15 ของรายได้ทั้งปี โดยไม่เกินกองทุนละ 300,000 บาท รวมแล้วเป็นค่าลดหย่อนสูงสุด 600,000 บาทต่อปี . อนึ่ง ยอดเงินลดหย่อนสูงสุด 300,000 บาท ของ RMF ต้องรวมเงินกองทุนสำรองเลี้ยงชีพที่ลูกจ้างและนายจ้างจ่ายรวมกันในแต่ละปีด้วย ผู้ซื้อกองทุน RMF สามารถเลือกกองทุนรวมประเภทซื้อหุ้นอย่างเดียว (เสี่ยงที่สุด) หรือซื้อตราสารหนี้อย่างเดียว (เสี่ยงน้อยที่สุด) หรือซื้อปนกันทั้งหั้นและตราสารหนี้ (ความเสี่ยงอยู่ระหว่างสองประเภทกองทุนข้างต้น) ก็ได้ . LTF โดยทั่วไปมีความเสี่ยงสูงกว่า RMF (ยกเว้นกองทุนที่ซื้อหุ้นอย่างเดียว) เนื่องจากเป็นกองทุนที่ซื้อหุ้นอย่างเดียว การลงทุนใน RMF และ LTF น่าสนใจเพราะเงินที่ซื้อกองทุนเป็นค่าลดหย่อนภาษี และยอดเงินนี้ก็เป็นการลงทุนอย่างหนึ่งที่ผู้รู้ช่วยเลือกลงทุนให้ นอกจากนี้เมื่อครบกำหนด ก็ยังสามารถถอนออกมาได้โดยไม่เสียภาษีอีกด้วย . 6.ซื้อหุ้นโดยตรง ซึงหมายถึงการเข้าร่วมลงทุนหรือร่วมเป็นเจ้าของบริษัทนั้นๆ หากบริษัทประสบผลสำเร็จก็ได้ส่วนแบ่งกำไรในรูปของเงินปันผล และมีโอกาสได้ส่วนต่างของราคาหุ้น ทั้งจากหุ้นที่ซื้อไปและหุ้นออกใหม่ที่ขายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมในราคาต่ำกว่าตลาด . 7.ซื้อที่อยู่อาศัยไว้สำหรับเช่า ไม่ว่าจะเป็นบ้าน คอนโด อพาร์ตเมนต์ หรือหอพักที่ตั้งอยู่ในทำเลดี มีผู้เช่าแน่นอน โดยใช้เงินออมเป็นเงินดาวน์ และใช้ค่าเช่าและบางส่วนของรายได้ประจำเป็นเงินผ่อนชำระเงินกู้นั้น การให้เช่าข้ามช่วงเวลาที่ยาวจนครบกำหนดเวลากู้ ก็จะได้อสังหาริมทรัพย์มาเป็นสมบัติของครอบครัว ในอนาคตลูกก็จะสามารถเก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากค่าเช่าและมูลค่าของที่อยู่อาศัยที่เพิ่มขึ้นได้
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 881 มุมมอง 0 รีวิว
  • Amazon ได้เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับค่าตอบแทนของผู้บริหารในปี 2024 โดยพบว่า Jeff Bezos อดีต CEO ของบริษัทได้รับค่าตอบแทนรวมมากกว่าผู้บริหารคนปัจจุบัน Andy Jassy แม้ว่าจะมีเงินเดือนที่ต่ำกว่า

    Jeff Bezos ได้รับค่าตอบแทนรวมสูงกว่า Andy Jassy
    - เงินเดือนของ Bezos อยู่ที่ 81,840 ดอลลาร์ ในปี 2024
    - Andy Jassy ได้รับเงินเดือน 365,000 ดอลลาร์ ซึ่งสูงกว่า Bezos ถึง 4.5 เท่า
    - อย่างไรก็ตาม Bezos ได้รับ ค่าใช้จ่ายด้านความปลอดภัย 1.6 ล้านดอลลาร์ ซึ่งทำให้ค่าตอบแทนรวมของเขาสูงขึ้น

    ค่าตอบแทนของผู้บริหารระดับสูงของ Amazon
    - CEO ของ AWS Matt Garman ได้รับเงินเดือน 358,750 ดอลลาร์
    - CFO Brian Olsavsky, CEO ของ Amazon Stores Douglas Herrington และ Chief Global Affairs & Legal Officer David Zapolsky ได้รับเงินเดือน 365,000 ดอลลาร์ เช่นเดียวกับ Jassy

    การประชุมผู้ถือหุ้นและข้อเสนอที่ถูกปฏิเสธ
    - มีการเสนอให้ เพิ่มความโปร่งใสในการรายงานการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
    - มีข้อเสนอให้ รายงานผลกระทบของศูนย์ข้อมูลและบรรจุภัณฑ์
    - คณะกรรมการบริษัทลงมติ ปฏิเสธข้อเสนอทั้งหมด โดยให้เหตุผลว่าบริษัทมีมาตรการที่เพียงพออยู่แล้ว

    ข้อควรระวังและประเด็นที่ต้องติดตาม
    ค่าใช้จ่ายด้านความปลอดภัยของ Bezos
    - Amazon ให้เหตุผลว่าค่าใช้จ่ายด้านความปลอดภัยของ Bezos เป็นสิ่งจำเป็นและสมเหตุสมผล
    - อย่างไรก็ตาม มีการตั้งคำถามเกี่ยวกับความจำเป็นของค่าใช้จ่ายที่สูงขนาดนี้

    ความโปร่งใสในการบริหารของ Amazon
    - การปฏิเสธข้อเสนอเกี่ยวกับการรายงานผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอาจทำให้เกิดข้อกังวลในกลุ่มนักลงทุน
    - ต้องติดตามว่า Amazon จะมีการปรับปรุงนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมในอนาคตหรือไม่

    แนวโน้มของค่าตอบแทนผู้บริหารในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี
    - บริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ เช่น Google และ Microsoft มีแนวโน้มให้ค่าตอบแทนผู้บริหารสูงขึ้น
    - อาจมีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างค่าตอบแทนเพื่อให้สอดคล้องกับแนวโน้มของตลาด

    https://www.techradar.com/pro/amazon-paid-out-more-to-jeff-bezos-than-its-actual-ceo-in-2024
    Amazon ได้เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับค่าตอบแทนของผู้บริหารในปี 2024 โดยพบว่า Jeff Bezos อดีต CEO ของบริษัทได้รับค่าตอบแทนรวมมากกว่าผู้บริหารคนปัจจุบัน Andy Jassy แม้ว่าจะมีเงินเดือนที่ต่ำกว่า ✅ Jeff Bezos ได้รับค่าตอบแทนรวมสูงกว่า Andy Jassy - เงินเดือนของ Bezos อยู่ที่ 81,840 ดอลลาร์ ในปี 2024 - Andy Jassy ได้รับเงินเดือน 365,000 ดอลลาร์ ซึ่งสูงกว่า Bezos ถึง 4.5 เท่า - อย่างไรก็ตาม Bezos ได้รับ ค่าใช้จ่ายด้านความปลอดภัย 1.6 ล้านดอลลาร์ ซึ่งทำให้ค่าตอบแทนรวมของเขาสูงขึ้น ✅ ค่าตอบแทนของผู้บริหารระดับสูงของ Amazon - CEO ของ AWS Matt Garman ได้รับเงินเดือน 358,750 ดอลลาร์ - CFO Brian Olsavsky, CEO ของ Amazon Stores Douglas Herrington และ Chief Global Affairs & Legal Officer David Zapolsky ได้รับเงินเดือน 365,000 ดอลลาร์ เช่นเดียวกับ Jassy ✅ การประชุมผู้ถือหุ้นและข้อเสนอที่ถูกปฏิเสธ - มีการเสนอให้ เพิ่มความโปร่งใสในการรายงานการปล่อยก๊าซเรือนกระจก - มีข้อเสนอให้ รายงานผลกระทบของศูนย์ข้อมูลและบรรจุภัณฑ์ - คณะกรรมการบริษัทลงมติ ปฏิเสธข้อเสนอทั้งหมด โดยให้เหตุผลว่าบริษัทมีมาตรการที่เพียงพออยู่แล้ว ⚠️ ข้อควรระวังและประเด็นที่ต้องติดตาม ℹ️ ค่าใช้จ่ายด้านความปลอดภัยของ Bezos - Amazon ให้เหตุผลว่าค่าใช้จ่ายด้านความปลอดภัยของ Bezos เป็นสิ่งจำเป็นและสมเหตุสมผล - อย่างไรก็ตาม มีการตั้งคำถามเกี่ยวกับความจำเป็นของค่าใช้จ่ายที่สูงขนาดนี้ ℹ️ ความโปร่งใสในการบริหารของ Amazon - การปฏิเสธข้อเสนอเกี่ยวกับการรายงานผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอาจทำให้เกิดข้อกังวลในกลุ่มนักลงทุน - ต้องติดตามว่า Amazon จะมีการปรับปรุงนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมในอนาคตหรือไม่ ℹ️ แนวโน้มของค่าตอบแทนผู้บริหารในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี - บริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ เช่น Google และ Microsoft มีแนวโน้มให้ค่าตอบแทนผู้บริหารสูงขึ้น - อาจมีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างค่าตอบแทนเพื่อให้สอดคล้องกับแนวโน้มของตลาด https://www.techradar.com/pro/amazon-paid-out-more-to-jeff-bezos-than-its-actual-ceo-in-2024
    WWW.TECHRADAR.COM
    Amazon paid out more to Jeff Bezos than its actual CEO in 2024
    Former CEO Jeff Bezos is still costing Amazon millions
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 513 มุมมอง 0 รีวิว
  • Amazon CEO Andy Jassy ได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการลงทุนใน AI ในจดหมายถึงผู้ถือหุ้น โดยระบุว่า AI เป็นกุญแจสำคัญในการสร้างประสบการณ์ที่ดีขึ้นสำหรับลูกค้าและช่วยให้บริษัทสามารถแข่งขันในตลาดได้อย่างยั่งยืน

    การลงทุนใน AI:
    - Amazon ลงทุนหลายพันล้านดอลลาร์ใน AI เพื่อปรับปรุงประสบการณ์ของลูกค้าและเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน
    - Andy Jassy เชื่อว่า AI จะเปลี่ยนแปลงทุกแง่มุมของการบริการลูกค้า

    เป้าหมายของการลงทุน:
    - การลงทุนใน AI มีเป้าหมายเพื่อทำให้ชีวิตของลูกค้าง่ายขึ้นและดีขึ้นในทุกวัน
    - Amazon มุ่งเน้นการพัฒนา AI ในหลากหลายด้าน เช่น การจัดการสินค้าคงคลังและการปรับปรุงการค้นหาสินค้า

    การแข่งขันในตลาด:
    - Andy Jassy ระบุว่าการลงทุนใน AI เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการรักษาความสามารถในการแข่งขันในตลาดที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/10/amazon-ceo-sets-out-ai-investment-mission-in-annual-shareholder-letter
    Amazon CEO Andy Jassy ได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการลงทุนใน AI ในจดหมายถึงผู้ถือหุ้น โดยระบุว่า AI เป็นกุญแจสำคัญในการสร้างประสบการณ์ที่ดีขึ้นสำหรับลูกค้าและช่วยให้บริษัทสามารถแข่งขันในตลาดได้อย่างยั่งยืน ✅ การลงทุนใน AI: - Amazon ลงทุนหลายพันล้านดอลลาร์ใน AI เพื่อปรับปรุงประสบการณ์ของลูกค้าและเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน - Andy Jassy เชื่อว่า AI จะเปลี่ยนแปลงทุกแง่มุมของการบริการลูกค้า ✅ เป้าหมายของการลงทุน: - การลงทุนใน AI มีเป้าหมายเพื่อทำให้ชีวิตของลูกค้าง่ายขึ้นและดีขึ้นในทุกวัน - Amazon มุ่งเน้นการพัฒนา AI ในหลากหลายด้าน เช่น การจัดการสินค้าคงคลังและการปรับปรุงการค้นหาสินค้า ✅ การแข่งขันในตลาด: - Andy Jassy ระบุว่าการลงทุนใน AI เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการรักษาความสามารถในการแข่งขันในตลาดที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/10/amazon-ceo-sets-out-ai-investment-mission-in-annual-shareholder-letter
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Amazon CEO sets out AI investment mission in annual shareholder letter
    (Reuters) - Amazon chief executive Andy Jassy on Thursday justified the company's billions of dollars in outlays for artificial intelligence development, saying the investment was necessary to remain competitive.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 284 มุมมอง 0 รีวิว
  • กลายเป็นข่าวที่ก่อให้เกิดผลในวงกว้างพอสมควร ภายหลังนายเฉลิมชัย มหากิจศิริ ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้นใน บริษัท ควอลิตี้ คอฟฟี่ โปรดักท์ส จำกัด (QCP) ฟ้องร้องต่อศาลแพ่งมีนบุรี เพื่อให้มีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว และศาลแพ่งมีนบุรี ได้ออกคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว ห้ามมิให้เนสท์เล่ ผลิต ว่าจ้างผลิต จำหน่าย และนำเข้าผลิตภัณฑ์กาแฟสำเร็จรูป โดยใช้เครื่องหมายการค้า Nescafé ในประเทศไทย ส่งผลให้เนสท์เล่ไม่สามารถรับคำสั่งซื้อผลิตภัณฑ์เนสกาแฟจากร้านค้าต่างๆ
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000034133
    กลายเป็นข่าวที่ก่อให้เกิดผลในวงกว้างพอสมควร ภายหลังนายเฉลิมชัย มหากิจศิริ ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้นใน บริษัท ควอลิตี้ คอฟฟี่ โปรดักท์ส จำกัด (QCP) ฟ้องร้องต่อศาลแพ่งมีนบุรี เพื่อให้มีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว และศาลแพ่งมีนบุรี ได้ออกคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว ห้ามมิให้เนสท์เล่ ผลิต ว่าจ้างผลิต จำหน่าย และนำเข้าผลิตภัณฑ์กาแฟสำเร็จรูป โดยใช้เครื่องหมายการค้า Nescafé ในประเทศไทย ส่งผลให้เนสท์เล่ไม่สามารถรับคำสั่งซื้อผลิตภัณฑ์เนสกาแฟจากร้านค้าต่างๆ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000034133
    Like
    Love
    Wow
    Haha
    26
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2428 มุมมอง 0 รีวิว
  • รัฐบาลอิตาลีคัดค้าน CEO ของ STMicroelectronics เนื่องจากการบริหารงานที่สร้างความกังวลในหมู่นักลงทุนและผลกระทบต่อรายได้ของบริษัท อิตาลีเรียกร้องให้ฝรั่งเศสสนับสนุนการเปลี่ยนแปลงผู้บริหารเพื่อฟื้นฟูความเชื่อมั่นในบริษัท

    เหตุผลที่อิตาลีไม่พอใจ:
    รายได้ลดลง: STMicroelectronics คาดการณ์ว่ารายได้ในไตรมาสแรกจะลดลงถึง 28% ซึ่งสร้างความกังวลในหมู่นักลงทุน

    การขายหุ้นก่อนรายงานผลประกอบการ: Jean-Marc Chery และผู้บริหารคนอื่น ๆ ถูกกล่าวหาว่าขายหุ้นของบริษัทก่อนที่จะเปิดเผยผลประกอบการที่ลดลง

    ผลกระทบและความขัดแย้ง:
    การเรียกร้องจากอิตาลี: รัฐบาลอิตาลีต้องการให้ฝรั่งเศสสนับสนุนการเปลี่ยนแปลงผู้บริหารระดับสูงในบริษัท

    คดีความในสหรัฐฯ: STMicroelectronics เผชิญกับการฟ้องร้องจากผู้ถือหุ้นในสหรัฐฯ ที่กล่าวหาว่าบริษัทให้ข้อมูลที่ไม่ถูกต้องเกี่ยวกับสถานะทางธุรกิจ

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/10/italy-says-it-opposes-the-ceo-of-stmicro
    รัฐบาลอิตาลีคัดค้าน CEO ของ STMicroelectronics เนื่องจากการบริหารงานที่สร้างความกังวลในหมู่นักลงทุนและผลกระทบต่อรายได้ของบริษัท อิตาลีเรียกร้องให้ฝรั่งเศสสนับสนุนการเปลี่ยนแปลงผู้บริหารเพื่อฟื้นฟูความเชื่อมั่นในบริษัท 🌐 เหตุผลที่อิตาลีไม่พอใจ: 📉 รายได้ลดลง: STMicroelectronics คาดการณ์ว่ารายได้ในไตรมาสแรกจะลดลงถึง 28% ซึ่งสร้างความกังวลในหมู่นักลงทุน 💼 การขายหุ้นก่อนรายงานผลประกอบการ: Jean-Marc Chery และผู้บริหารคนอื่น ๆ ถูกกล่าวหาว่าขายหุ้นของบริษัทก่อนที่จะเปิดเผยผลประกอบการที่ลดลง ⚠️ ผลกระทบและความขัดแย้ง: ⚖️ การเรียกร้องจากอิตาลี: รัฐบาลอิตาลีต้องการให้ฝรั่งเศสสนับสนุนการเปลี่ยนแปลงผู้บริหารระดับสูงในบริษัท ⚖️ คดีความในสหรัฐฯ: STMicroelectronics เผชิญกับการฟ้องร้องจากผู้ถือหุ้นในสหรัฐฯ ที่กล่าวหาว่าบริษัทให้ข้อมูลที่ไม่ถูกต้องเกี่ยวกับสถานะทางธุรกิจ https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/10/italy-says-it-opposes-the-ceo-of-stmicro
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Italy says it opposes the CEO of STMicro
    ROME (Reuters) - The Italian government opposes the CEO of STMicroelectronics, the economy minister said on Wednesday, as the Franco-Italian chipmaker faces a sustained downturn in its key automotive and industrial markets.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 427 มุมมอง 0 รีวิว
  • "อธิบดีดีเอสไอ" แจงพนักงานสอบสวนพบญาติ "มานัส" หนึ่งในผู้ถือหุ้น บ.ไชน่า เรลเวย์ ยันเจ้าตัวทำอาชีพรับจ้างขับรถส่งของ รายได้ไม่เยอะเป็นรายวัน

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000033879

    #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    "อธิบดีดีเอสไอ" แจงพนักงานสอบสวนพบญาติ "มานัส" หนึ่งในผู้ถือหุ้น บ.ไชน่า เรลเวย์ ยันเจ้าตัวทำอาชีพรับจ้างขับรถส่งของ รายได้ไม่เยอะเป็นรายวัน อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000033879 #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Love
    Haha
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 703 มุมมอง 0 รีวิว
  • Broadcom เตรียมซื้อหุ้นคืน 10 พันล้านดอลลาร์ โดยมั่นใจว่าธุรกิจเซมิคอนดักเตอร์และซอฟต์แวร์ของพวกเขากำลังเติบโตในตลาดแข่งขัน โดยเฉพาะความต้องการชิป AI ที่สูงขึ้นในกลุ่มบริษัทคลาวด์ สิ่งนี้ไม่เพียงสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้ถือหุ้น แต่ยังบอกถึงศักยภาพในการแข่งขันกับยักษ์ใหญ่อย่าง Nvidia ในตลาดชิป AI

    เซมิคอนดักเตอร์และซอฟต์แวร์ที่ก้าวหน้า:
    - CEO Hock Tan เน้นย้ำว่าธุรกิจของ Broadcom ทั้งในด้านเซมิคอนดักเตอร์และซอฟต์แวร์โครงสร้างพื้นฐานมีศักยภาพสูงในตลาดที่แข่งขันกันอย่างดุเดือด

    อุปสงค์พุ่งแรงสำหรับชิป AI:
    - Broadcom กำลังได้รับความสนใจจากบริษัทคลาวด์คอมพิวติ้งขนาดใหญ่ที่มองหาทางเลือกใหม่ที่มีประสิทธิภาพสูงแทนชิป AI ที่ออกแบบโดย Nvidia

    การเติบโตของมูลค่าหุ้น:
    - หลังการประกาศแผนซื้อหุ้นคืน หุ้น Broadcom พุ่งขึ้น 3% ในการซื้อขายหลังเวลาทำการ และเพิ่มขึ้น 5% เมื่อปิดตลาด

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/08/broadcom-announces-10-billion-share-buyback-plan
    Broadcom เตรียมซื้อหุ้นคืน 10 พันล้านดอลลาร์ โดยมั่นใจว่าธุรกิจเซมิคอนดักเตอร์และซอฟต์แวร์ของพวกเขากำลังเติบโตในตลาดแข่งขัน โดยเฉพาะความต้องการชิป AI ที่สูงขึ้นในกลุ่มบริษัทคลาวด์ สิ่งนี้ไม่เพียงสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้ถือหุ้น แต่ยังบอกถึงศักยภาพในการแข่งขันกับยักษ์ใหญ่อย่าง Nvidia ในตลาดชิป AI ✅ เซมิคอนดักเตอร์และซอฟต์แวร์ที่ก้าวหน้า: - CEO Hock Tan เน้นย้ำว่าธุรกิจของ Broadcom ทั้งในด้านเซมิคอนดักเตอร์และซอฟต์แวร์โครงสร้างพื้นฐานมีศักยภาพสูงในตลาดที่แข่งขันกันอย่างดุเดือด ✅ อุปสงค์พุ่งแรงสำหรับชิป AI: - Broadcom กำลังได้รับความสนใจจากบริษัทคลาวด์คอมพิวติ้งขนาดใหญ่ที่มองหาทางเลือกใหม่ที่มีประสิทธิภาพสูงแทนชิป AI ที่ออกแบบโดย Nvidia ✅ การเติบโตของมูลค่าหุ้น: - หลังการประกาศแผนซื้อหุ้นคืน หุ้น Broadcom พุ่งขึ้น 3% ในการซื้อขายหลังเวลาทำการ และเพิ่มขึ้น 5% เมื่อปิดตลาด https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/08/broadcom-announces-10-billion-share-buyback-plan
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Broadcom announces new $10 billion share buyback plan
    (Reuters) -Broadcom said on Monday it was launching a new share buyback program of up to $10 billion, set to run through the end of the year, sending its shares up nearly 3% in extended trading.
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 169 มุมมอง 0 รีวิว
  • โฆษกดีเอสไอกรมสอบสวนคดีพิเศษ เตรียมประสาน กทม. ลงพื้นที่ตึก สตง.ถล่ม หาหลักฐานเพิ่มเติม วอนผู้ถือหุ้น บ.ไชน่า เรลเวย์ฯ ชาวไทย 3 คน เข้ามาให้ข้อมูล

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000033117

    #News1live #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    โฆษกดีเอสไอกรมสอบสวนคดีพิเศษ เตรียมประสาน กทม. ลงพื้นที่ตึก สตง.ถล่ม หาหลักฐานเพิ่มเติม วอนผู้ถือหุ้น บ.ไชน่า เรลเวย์ฯ ชาวไทย 3 คน เข้ามาให้ข้อมูล อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000033117 #News1live #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Yay
    6
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 557 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts