• จีนค้นพบแหล่งทองคำสำรองมูลค่า 600,000 ล้านหยวน (82,900 ล้านดอลลาร์) ในมณฑลหูหนาน ทางตอนกลาง สำนักข่าวซินหัวของรัฐรายงานเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 21 พฤศจิกายน 2567จีนเป็นผู้ผลิตทองคำรายใหญ่ที่สุดในโลก โดยคิดเป็นประมาณ 10% ของผลผลิตทั่วโลกในปี 2566 ตามข้อมูลจากสภาทองคำโลกโดยมีการบริโภคทองคำ 741.732 เมตริกตันในช่วงสามไตรมาสแรกของปีนี้ ในขณะที่ผลผลิตอยู่ที่ 268.068 ตัน ซึ่งหมายความว่าต้องพึ่งพาการนำเข้าเพื่อตอบสนองความต้องการในประเทศสถาบันธรณีวิทยาหูหนานค้นพบเส้นแร่ทองคำมากกว่า 40 เส้นที่ความลึกมากกว่า 2,000 เมตรในเขตผิงเจียง โดยพบแหล่งแร่ทองคำรวม 300.2 ตันในพื้นที่สำรวจหลัก และมีเกรดสูงสุดที่ 138 กรัมต่อเมตริกตัน ซินหัวกล่าวกลุ่มดังกล่าวคาดการณ์ว่ามีทองคำสำรองมากกว่า 1,000 ตันในระดับความลึกมากกว่า 3,000 เมตร ตามรายงานของซินหัวโดยทั่วไปสำรองทองคำหมายถึงส่วนหนึ่งของทรัพยากรที่สามารถสกัดได้ในทางเศรษฐกิจราคาทองคำปรับตัวเพิ่มขึ้นในปีนี้ เนื่องมาจากความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ทั่วโลกที่เพิ่มมากขึ้นสัญญาซื้อขายล่วงหน้าทองคำที่มีการซื้อขายมากที่สุดในตลาดซื้อขายล่วงหน้าเซี่ยงไฮ้ แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 639.48 หยวนต่อกรัมเมื่อวันที่ 30 ต.ค.ด้วยการค้นพบในมณฑลหูหนาน จีนตอกย้ำความเป็นผู้นำในภาคเหมืองแร่ทองคำ การลงทุนด้านเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง ผสมผสานกับการสำรวจเชิงกลยุทธ์ในพื้นที่ใหม่ๆ ทำให้ประเทศอยู่ในแถวหน้าของการผลิตทั่วโลกแม้ว่าความท้าทายต่างๆ เช่น ต้นทุนที่สูงขึ้น และแรงกดดันด้านความยั่งยืนยังคงมีอยู่ แต่การเติบโตของอุตสาหกรรมทองคำของจีนบ่งชี้ว่าประเทศพร้อมที่จะแก้ไขปัญหาเหล่านี้อย่างมีประสิทธิภาพแหล่งทองคำใหม่ที่ค้นพบในมณฑลหูหนานไม่เพียงแต่เป็นเหตุการณ์สำคัญสำหรับเศรษฐกิจจีนเท่านั้น แต่ยังเป็นเครื่องเตือนใจถึงบทบาทที่สำคัญของประเทศในการกำหนดอนาคตของตลาดทองคำทั่วโลก ผลกระทบของการค้นพบนี้อาจสะท้อนให้เห็นต่อไปอีกหลายปีข้างหน้า พลวัตทางเศรษฐกิจและยุทธศาสตร์ของอุตสาหกรรม
    จีนค้นพบแหล่งทองคำสำรองมูลค่า 600,000 ล้านหยวน (82,900 ล้านดอลลาร์) ในมณฑลหูหนาน ทางตอนกลาง สำนักข่าวซินหัวของรัฐรายงานเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 21 พฤศจิกายน 2567จีนเป็นผู้ผลิตทองคำรายใหญ่ที่สุดในโลก โดยคิดเป็นประมาณ 10% ของผลผลิตทั่วโลกในปี 2566 ตามข้อมูลจากสภาทองคำโลกโดยมีการบริโภคทองคำ 741.732 เมตริกตันในช่วงสามไตรมาสแรกของปีนี้ ในขณะที่ผลผลิตอยู่ที่ 268.068 ตัน ซึ่งหมายความว่าต้องพึ่งพาการนำเข้าเพื่อตอบสนองความต้องการในประเทศสถาบันธรณีวิทยาหูหนานค้นพบเส้นแร่ทองคำมากกว่า 40 เส้นที่ความลึกมากกว่า 2,000 เมตรในเขตผิงเจียง โดยพบแหล่งแร่ทองคำรวม 300.2 ตันในพื้นที่สำรวจหลัก และมีเกรดสูงสุดที่ 138 กรัมต่อเมตริกตัน ซินหัวกล่าวกลุ่มดังกล่าวคาดการณ์ว่ามีทองคำสำรองมากกว่า 1,000 ตันในระดับความลึกมากกว่า 3,000 เมตร ตามรายงานของซินหัวโดยทั่วไปสำรองทองคำหมายถึงส่วนหนึ่งของทรัพยากรที่สามารถสกัดได้ในทางเศรษฐกิจราคาทองคำปรับตัวเพิ่มขึ้นในปีนี้ เนื่องมาจากความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ทั่วโลกที่เพิ่มมากขึ้นสัญญาซื้อขายล่วงหน้าทองคำที่มีการซื้อขายมากที่สุดในตลาดซื้อขายล่วงหน้าเซี่ยงไฮ้ แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 639.48 หยวนต่อกรัมเมื่อวันที่ 30 ต.ค.ด้วยการค้นพบในมณฑลหูหนาน จีนตอกย้ำความเป็นผู้นำในภาคเหมืองแร่ทองคำ การลงทุนด้านเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง ผสมผสานกับการสำรวจเชิงกลยุทธ์ในพื้นที่ใหม่ๆ ทำให้ประเทศอยู่ในแถวหน้าของการผลิตทั่วโลกแม้ว่าความท้าทายต่างๆ เช่น ต้นทุนที่สูงขึ้น และแรงกดดันด้านความยั่งยืนยังคงมีอยู่ แต่การเติบโตของอุตสาหกรรมทองคำของจีนบ่งชี้ว่าประเทศพร้อมที่จะแก้ไขปัญหาเหล่านี้อย่างมีประสิทธิภาพแหล่งทองคำใหม่ที่ค้นพบในมณฑลหูหนานไม่เพียงแต่เป็นเหตุการณ์สำคัญสำหรับเศรษฐกิจจีนเท่านั้น แต่ยังเป็นเครื่องเตือนใจถึงบทบาทที่สำคัญของประเทศในการกำหนดอนาคตของตลาดทองคำทั่วโลก ผลกระทบของการค้นพบนี้อาจสะท้อนให้เห็นต่อไปอีกหลายปีข้างหน้า พลวัตทางเศรษฐกิจและยุทธศาสตร์ของอุตสาหกรรม
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 66 มุมมอง 0 รีวิว
  • ปฏิทินผักตามฤดูกาล: เคล็ดลับเลือกผักให้เหมาะกับช่วงเวลาการเลือกผักตามฤดูกาลไม่เพียงแต่ช่วยลดต้นทุนการผลิต แต่ยังส่งผลดีต่อสุขภาพ เพราะเราจะได้ผักที่สดใหม่ เต็มไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการ และรสชาติที่ดีที่สุด!ฤดูร้อน: • แนะนำผักที่เจริญเติบโตได้ดีในอากาศร้อน เช่น แตงกวา, บวบ, ฟักฤดูฝน: • ช่วงนี้เหมาะกับผักใบที่ชอบน้ำ เช่น ผักบุ้ง, คะน้า, ถั่วฝักยาวฤดูหนาว: • ฤดูนี้ปลูกผักได้หลากหลาย โดยเฉพาะผักที่ชอบอากาศเย็น เช่น กะหล่ำปลี, ผักชี, ผักกาดขาว, ขึ้นฉ่ายข้อดีของการปลูกผักตามฤดูกาล: 1. ลดการใช้สารเคมี เพราะผักเติบโตตามธรรมชาติ 2. ประหยัดต้นทุน ลดค่าแรงและการดูแลรักษา 3. เพิ่มรายได้ เพราะผักที่มีคุณภาพดีย่อมขายได้ราคาสูงลองเลือกปลูกผักตามฤดูกาลที่เหมาะสมกับพื้นที่และสภาพอากาศ แล้วเราจะได้ผลผลิตที่คุ้มค่าและยั่งยืน! 🌱#เกษตรน้อย #ร้านเกษตรน้อย #ผักตามฤดูกาล
    ปฏิทินผักตามฤดูกาล: เคล็ดลับเลือกผักให้เหมาะกับช่วงเวลาการเลือกผักตามฤดูกาลไม่เพียงแต่ช่วยลดต้นทุนการผลิต แต่ยังส่งผลดีต่อสุขภาพ เพราะเราจะได้ผักที่สดใหม่ เต็มไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการ และรสชาติที่ดีที่สุด!ฤดูร้อน: • แนะนำผักที่เจริญเติบโตได้ดีในอากาศร้อน เช่น แตงกวา, บวบ, ฟักฤดูฝน: • ช่วงนี้เหมาะกับผักใบที่ชอบน้ำ เช่น ผักบุ้ง, คะน้า, ถั่วฝักยาวฤดูหนาว: • ฤดูนี้ปลูกผักได้หลากหลาย โดยเฉพาะผักที่ชอบอากาศเย็น เช่น กะหล่ำปลี, ผักชี, ผักกาดขาว, ขึ้นฉ่ายข้อดีของการปลูกผักตามฤดูกาล: 1. ลดการใช้สารเคมี เพราะผักเติบโตตามธรรมชาติ 2. ประหยัดต้นทุน ลดค่าแรงและการดูแลรักษา 3. เพิ่มรายได้ เพราะผักที่มีคุณภาพดีย่อมขายได้ราคาสูงลองเลือกปลูกผักตามฤดูกาลที่เหมาะสมกับพื้นที่และสภาพอากาศ แล้วเราจะได้ผลผลิตที่คุ้มค่าและยั่งยืน! 🌱#เกษตรน้อย #ร้านเกษตรน้อย #ผักตามฤดูกาล
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 272 มุมมอง 0 รีวิว
  • ดินดีน้ำดีธาตุอาหารดี แล้วผลผลิตดีแน่นอน
    ดินดีน้ำดีธาตุอาหารดี แล้วผลผลิตดีแน่นอน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 338 มุมมอง 1 0 รีวิว
  • เมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา อิหร่านเพิ่งประกาศเดินเครื่องหมุนเหวี่ยง (Centrifuge) แบบใหม่เพื่อเพิ่มผลผลิตยูเรเนียมเสริมสมรรถนะที่ใช้สำหรับการผลิตเชื้อเพลิงให้กับระเบิดนิวเคลียร์เป็นครั้งแรก

    บางส่วนของแถลงการณ์ร่วมของกระทรวงการต่างประเทศและสำนักงานพลังงานปรมาณูของอิหร่าน:

    "เนื่องด้วยการกระทำที่ผิดกฏหมายของประเทศตะวันตกและตามกฎหมายระหว่างประเทศ และเพื่อตอบโต้ต่อการรับรองมติต่อต้านอิหร่านของ IAEA เราจึงได้ออกคำสั่งให้เปิดใช้งานเครื่องหมุนเหวี่ยงแบบใหม่ที่ล้ำหน้าเพื่อเพิ่มผลผลิตยูเรเนียมเสริมสมรรถนะอีกครั้ง"

    ก่อนหน้านี้ไม่กี่วัน อิหร่านเพิ่งประกาศยุติการผลิตยูเรเนียมเสริมสมรรถนะซึ่งซึ่งเป็นระดับที่ใช้ผลิตอาวุธนิวเคลียร์ตามคำร้องขอของ IAEA
    เมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา อิหร่านเพิ่งประกาศเดินเครื่องหมุนเหวี่ยง (Centrifuge) แบบใหม่เพื่อเพิ่มผลผลิตยูเรเนียมเสริมสมรรถนะที่ใช้สำหรับการผลิตเชื้อเพลิงให้กับระเบิดนิวเคลียร์เป็นครั้งแรก บางส่วนของแถลงการณ์ร่วมของกระทรวงการต่างประเทศและสำนักงานพลังงานปรมาณูของอิหร่าน: "เนื่องด้วยการกระทำที่ผิดกฏหมายของประเทศตะวันตกและตามกฎหมายระหว่างประเทศ และเพื่อตอบโต้ต่อการรับรองมติต่อต้านอิหร่านของ IAEA เราจึงได้ออกคำสั่งให้เปิดใช้งานเครื่องหมุนเหวี่ยงแบบใหม่ที่ล้ำหน้าเพื่อเพิ่มผลผลิตยูเรเนียมเสริมสมรรถนะอีกครั้ง" ก่อนหน้านี้ไม่กี่วัน อิหร่านเพิ่งประกาศยุติการผลิตยูเรเนียมเสริมสมรรถนะซึ่งซึ่งเป็นระดับที่ใช้ผลิตอาวุธนิวเคลียร์ตามคำร้องขอของ IAEA
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 314 มุมมอง 0 รีวิว
  • ดินดีน้ำดีอาหารดี แล้วผลผลิตจะดี #Thaitimes
    ดินดีน้ำดีอาหารดี แล้วผลผลิตจะดี #Thaitimes
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 93 มุมมอง 0 รีวิว
  • นาข้าวของเกษตรกรอำเภอเวียงป่าเป้าจังหวัดเชียงราย พื้นที่ 10 ไร่ปีนี้ใช้ธรณีสยามตามคำแนะนำของเพื่อนบ้าน ได้ผลผลิตดีเกินคาดดีกว่าทุกปี
    นาข้าวของเกษตรกรอำเภอเวียงป่าเป้าจังหวัดเชียงราย พื้นที่ 10 ไร่ปีนี้ใช้ธรณีสยามตามคำแนะนำของเพื่อนบ้าน ได้ผลผลิตดีเกินคาดดีกว่าทุกปี
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 161 มุมมอง 0 รีวิว
  • "🌟 #เทคนิคการทำหวานเมล่อนแบบมืออาชีพ: ความลับที่คุณต้องรู้! 🍈รู้หรือไม่? การสร้างความหวานในเมล่อนเป็นศิลปะที่ต้องเข้าใจธรรมชาติของพืช! 🌱📗 หลักการสำคัญที่ต้องรู้:• เมล่อนสร้างความหวานเองตามธรรมชาติผ่านการสังเคราะห์แสง• ปัจจัยที่มีผลต่อความหวาน: - ธาตุอาหารในดินครบถ้วน - ใบสมบูรณ์แข็งแรง - ไม่มีโรคและแมลงรบกวน - สภาพอากาศเหมาะสม⚡️ เคล็ดลับจากประสบการณ์จริง:ช่วง 25 วันหลังผสมเกสรสำคัญที่สุด! เพราะเป็นช่วงสะสมความหวาน• สังเกตใบเมล่อน: ต้องเขียวเข้ม แข็งแรง หนา = แสดงว่าผลิตน้ำตาลได้ดี• การให้ธาตุโพแทสเซียม (K): ช่วยส่งน้ำตาลจากใบลงสู่ผล⚠️ ข้อควรระวังจากประสบการณ์:ระวังการใช้โพแทสเซียมมากเกินไป เพราะอาจทำให้:- ผลสุกเร็วเกินไป- เนื้อเละ นิ่มเกินไป- เสียคุณภาพผลผลิต💡 Little Farm มีครบทุกคำตอบ:เรามีทุกสิ่งที่คุณต้องการเพื่อความสำเร็จ:✅ อุปกรณ์การปลูกคุณภาพสูง✅ ปุ๋ย AB สูตรพิเศษ มาตรฐานส่งออก✅ เมล็ดพันธุ์คุณภาพเยี่ยม✅ ชีวภัณฑ์ปลอดภัย ประสิทธิภาพสูง✅ ที่ปรึกษามืออาชีพตลอดการปลูก🎯 โปรโมชั่นพิเศษเดือนนี้:• รับฟรี! คู่มือการจัดการธาตุอาหารเมล่อนมูลค่า 499 บาท• ส่วนลด 10% สำหรับชุดอุปกรณ์สตาร์ทอัพ📞 สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม:☎️ 093-696-2691💬 Line: @littlefarm🏡 Little Farm - ฟาร์มอารมณ์ดี เคียงข้างเกษตรกรไทย#เมล่อน #สวนเมล่อน #เกษตรสมัยใหม่ #ปลูกเมล่อน #LittleFarm #ฟาร์มอารมณ์ดี
    "🌟 #เทคนิคการทำหวานเมล่อนแบบมืออาชีพ: ความลับที่คุณต้องรู้! 🍈รู้หรือไม่? การสร้างความหวานในเมล่อนเป็นศิลปะที่ต้องเข้าใจธรรมชาติของพืช! 🌱📗 หลักการสำคัญที่ต้องรู้:• เมล่อนสร้างความหวานเองตามธรรมชาติผ่านการสังเคราะห์แสง• ปัจจัยที่มีผลต่อความหวาน: - ธาตุอาหารในดินครบถ้วน - ใบสมบูรณ์แข็งแรง - ไม่มีโรคและแมลงรบกวน - สภาพอากาศเหมาะสม⚡️ เคล็ดลับจากประสบการณ์จริง:ช่วง 25 วันหลังผสมเกสรสำคัญที่สุด! เพราะเป็นช่วงสะสมความหวาน• สังเกตใบเมล่อน: ต้องเขียวเข้ม แข็งแรง หนา = แสดงว่าผลิตน้ำตาลได้ดี• การให้ธาตุโพแทสเซียม (K): ช่วยส่งน้ำตาลจากใบลงสู่ผล⚠️ ข้อควรระวังจากประสบการณ์:ระวังการใช้โพแทสเซียมมากเกินไป เพราะอาจทำให้:- ผลสุกเร็วเกินไป- เนื้อเละ นิ่มเกินไป- เสียคุณภาพผลผลิต💡 Little Farm มีครบทุกคำตอบ:เรามีทุกสิ่งที่คุณต้องการเพื่อความสำเร็จ:✅ อุปกรณ์การปลูกคุณภาพสูง✅ ปุ๋ย AB สูตรพิเศษ มาตรฐานส่งออก✅ เมล็ดพันธุ์คุณภาพเยี่ยม✅ ชีวภัณฑ์ปลอดภัย ประสิทธิภาพสูง✅ ที่ปรึกษามืออาชีพตลอดการปลูก🎯 โปรโมชั่นพิเศษเดือนนี้:• รับฟรี! คู่มือการจัดการธาตุอาหารเมล่อนมูลค่า 499 บาท• ส่วนลด 10% สำหรับชุดอุปกรณ์สตาร์ทอัพ📞 สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม:☎️ 093-696-2691💬 Line: @littlefarm🏡 Little Farm - ฟาร์มอารมณ์ดี เคียงข้างเกษตรกรไทย#เมล่อน #สวนเมล่อน #เกษตรสมัยใหม่ #ปลูกเมล่อน #LittleFarm #ฟาร์มอารมณ์ดี
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 380 มุมมอง 0 รีวิว
  • "🌟 #เทคนิคการทำหวานเมล่อนแบบมืออาชีพ: ความลับที่คุณต้องรู้! 🍈รู้หรือไม่? การสร้างความหวานในเมล่อนเป็นศิลปะที่ต้องเข้าใจธรรมชาติของพืช! 🌱📗 หลักการสำคัญที่ต้องรู้:• เมล่อนสร้างความหวานเองตามธรรมชาติผ่านการสังเคราะห์แสง• ปัจจัยที่มีผลต่อความหวาน: - ธาตุอาหารในดินครบถ้วน - ใบสมบูรณ์แข็งแรง - ไม่มีโรคและแมลงรบกวน - สภาพอากาศเหมาะสม⚡️ เคล็ดลับจากประสบการณ์จริง:ช่วง 25 วันหลังผสมเกสรสำคัญที่สุด! เพราะเป็นช่วงสะสมความหวาน• สังเกตใบเมล่อน: ต้องเขียวเข้ม แข็งแรง หนา = แสดงว่าผลิตน้ำตาลได้ดี• การให้ธาตุโพแทสเซียม (K): ช่วยส่งน้ำตาลจากใบลงสู่ผล⚠️ ข้อควรระวังจากประสบการณ์:ระวังการใช้โพแทสเซียมมากเกินไป เพราะอาจทำให้:- ผลสุกเร็วเกินไป- เนื้อเละ นิ่มเกินไป- เสียคุณภาพผลผลิต💡 Little Farm มีครบทุกคำตอบ:เรามีทุกสิ่งที่คุณต้องการเพื่อความสำเร็จ:✅ อุปกรณ์การปลูกคุณภาพสูง✅ ปุ๋ย AB สูตรพิเศษ มาตรฐานส่งออก✅ เมล็ดพันธุ์คุณภาพเยี่ยม✅ ชีวภัณฑ์ปลอดภัย ประสิทธิภาพสูง✅ ที่ปรึกษามืออาชีพตลอดการปลูก🎯 โปรโมชั่นพิเศษเดือนนี้:• รับฟรี! คู่มือการจัดการธาตุอาหารเมล่อนมูลค่า 499 บาท• ส่วนลด 10% สำหรับชุดอุปกรณ์สตาร์ทอัพ📞 สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม:☎️ 093-696-2691💬 Line: @littlefarm🏡 Little Farm - ฟาร์มอารมณ์ดี เคียงข้างเกษตรกรไทย#เมล่อน #สวนเมล่อน #เกษตรสมัยใหม่ #ปลูกเมล่อน #LittleFarm #ฟาร์มอารมณ์ดี
    "🌟 #เทคนิคการทำหวานเมล่อนแบบมืออาชีพ: ความลับที่คุณต้องรู้! 🍈รู้หรือไม่? การสร้างความหวานในเมล่อนเป็นศิลปะที่ต้องเข้าใจธรรมชาติของพืช! 🌱📗 หลักการสำคัญที่ต้องรู้:• เมล่อนสร้างความหวานเองตามธรรมชาติผ่านการสังเคราะห์แสง• ปัจจัยที่มีผลต่อความหวาน: - ธาตุอาหารในดินครบถ้วน - ใบสมบูรณ์แข็งแรง - ไม่มีโรคและแมลงรบกวน - สภาพอากาศเหมาะสม⚡️ เคล็ดลับจากประสบการณ์จริง:ช่วง 25 วันหลังผสมเกสรสำคัญที่สุด! เพราะเป็นช่วงสะสมความหวาน• สังเกตใบเมล่อน: ต้องเขียวเข้ม แข็งแรง หนา = แสดงว่าผลิตน้ำตาลได้ดี• การให้ธาตุโพแทสเซียม (K): ช่วยส่งน้ำตาลจากใบลงสู่ผล⚠️ ข้อควรระวังจากประสบการณ์:ระวังการใช้โพแทสเซียมมากเกินไป เพราะอาจทำให้:- ผลสุกเร็วเกินไป- เนื้อเละ นิ่มเกินไป- เสียคุณภาพผลผลิต💡 Little Farm มีครบทุกคำตอบ:เรามีทุกสิ่งที่คุณต้องการเพื่อความสำเร็จ:✅ อุปกรณ์การปลูกคุณภาพสูง✅ ปุ๋ย AB สูตรพิเศษ มาตรฐานส่งออก✅ เมล็ดพันธุ์คุณภาพเยี่ยม✅ ชีวภัณฑ์ปลอดภัย ประสิทธิภาพสูง✅ ที่ปรึกษามืออาชีพตลอดการปลูก🎯 โปรโมชั่นพิเศษเดือนนี้:• รับฟรี! คู่มือการจัดการธาตุอาหารเมล่อนมูลค่า 499 บาท• ส่วนลด 10% สำหรับชุดอุปกรณ์สตาร์ทอัพ📞 สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม:☎️ 093-696-2691💬 Line: @littlefarm🏡 Little Farm - ฟาร์มอารมณ์ดี เคียงข้างเกษตรกรไทย#เมล่อน #สวนเมล่อน #เกษตรสมัยใหม่ #ปลูกเมล่อน #LittleFarm #ฟาร์มอารมณ์ดี
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 378 มุมมอง 0 รีวิว
  • "🌟 #เทคนิคการทำหวานเมล่อนแบบมืออาชีพ: ความลับที่คุณต้องรู้! 🍈รู้หรือไม่? การสร้างความหวานในเมล่อนเป็นศิลปะที่ต้องเข้าใจธรรมชาติของพืช! 🌱📗 หลักการสำคัญที่ต้องรู้:• เมล่อนสร้างความหวานเองตามธรรมชาติผ่านการสังเคราะห์แสง• ปัจจัยที่มีผลต่อความหวาน: - ธาตุอาหารในดินครบถ้วน - ใบสมบูรณ์แข็งแรง - ไม่มีโรคและแมลงรบกวน - สภาพอากาศเหมาะสม⚡️ เคล็ดลับจากประสบการณ์จริง:ช่วง 25 วันหลังผสมเกสรสำคัญที่สุด! เพราะเป็นช่วงสะสมความหวาน• สังเกตใบเมล่อน: ต้องเขียวเข้ม แข็งแรง หนา = แสดงว่าผลิตน้ำตาลได้ดี• การให้ธาตุโพแทสเซียม (K): ช่วยส่งน้ำตาลจากใบลงสู่ผล⚠️ ข้อควรระวังจากประสบการณ์:ระวังการใช้โพแทสเซียมมากเกินไป เพราะอาจทำให้:- ผลสุกเร็วเกินไป- เนื้อเละ นิ่มเกินไป- เสียคุณภาพผลผลิต💡 Little Farm มีครบทุกคำตอบ:เรามีทุกสิ่งที่คุณต้องการเพื่อความสำเร็จ:✅ อุปกรณ์การปลูกคุณภาพสูง✅ ปุ๋ย AB สูตรพิเศษ มาตรฐานส่งออก✅ เมล็ดพันธุ์คุณภาพเยี่ยม✅ ชีวภัณฑ์ปลอดภัย ประสิทธิภาพสูง✅ ที่ปรึกษามืออาชีพตลอดการปลูก🎯 โปรโมชั่นพิเศษเดือนนี้:• รับฟรี! คู่มือการจัดการธาตุอาหารเมล่อนมูลค่า 499 บาท• ส่วนลด 10% สำหรับชุดอุปกรณ์สตาร์ทอัพ📞 สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม:☎️ 093-696-2691💬 Line: @littlefarm🏡 Little Farm - ฟาร์มอารมณ์ดี เคียงข้างเกษตรกรไทย#เมล่อน #สวนเมล่อน #เกษตรสมัยใหม่ #ปลูกเมล่อน #LittleFarm #ฟาร์มอารมณ์ดี
    "🌟 #เทคนิคการทำหวานเมล่อนแบบมืออาชีพ: ความลับที่คุณต้องรู้! 🍈รู้หรือไม่? การสร้างความหวานในเมล่อนเป็นศิลปะที่ต้องเข้าใจธรรมชาติของพืช! 🌱📗 หลักการสำคัญที่ต้องรู้:• เมล่อนสร้างความหวานเองตามธรรมชาติผ่านการสังเคราะห์แสง• ปัจจัยที่มีผลต่อความหวาน: - ธาตุอาหารในดินครบถ้วน - ใบสมบูรณ์แข็งแรง - ไม่มีโรคและแมลงรบกวน - สภาพอากาศเหมาะสม⚡️ เคล็ดลับจากประสบการณ์จริง:ช่วง 25 วันหลังผสมเกสรสำคัญที่สุด! เพราะเป็นช่วงสะสมความหวาน• สังเกตใบเมล่อน: ต้องเขียวเข้ม แข็งแรง หนา = แสดงว่าผลิตน้ำตาลได้ดี• การให้ธาตุโพแทสเซียม (K): ช่วยส่งน้ำตาลจากใบลงสู่ผล⚠️ ข้อควรระวังจากประสบการณ์:ระวังการใช้โพแทสเซียมมากเกินไป เพราะอาจทำให้:- ผลสุกเร็วเกินไป- เนื้อเละ นิ่มเกินไป- เสียคุณภาพผลผลิต💡 Little Farm มีครบทุกคำตอบ:เรามีทุกสิ่งที่คุณต้องการเพื่อความสำเร็จ:✅ อุปกรณ์การปลูกคุณภาพสูง✅ ปุ๋ย AB สูตรพิเศษ มาตรฐานส่งออก✅ เมล็ดพันธุ์คุณภาพเยี่ยม✅ ชีวภัณฑ์ปลอดภัย ประสิทธิภาพสูง✅ ที่ปรึกษามืออาชีพตลอดการปลูก🎯 โปรโมชั่นพิเศษเดือนนี้:• รับฟรี! คู่มือการจัดการธาตุอาหารเมล่อนมูลค่า 499 บาท• ส่วนลด 10% สำหรับชุดอุปกรณ์สตาร์ทอัพ📞 สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม:☎️ 093-696-2691💬 Line: @littlefarm🏡 Little Farm - ฟาร์มอารมณ์ดี เคียงข้างเกษตรกรไทย#เมล่อน #สวนเมล่อน #เกษตรสมัยใหม่ #ปลูกเมล่อน #LittleFarm #ฟาร์มอารมณ์ดี
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 375 มุมมอง 0 รีวิว
  • "🌟 #เทคนิคการทำหวานเมล่อนแบบมืออาชีพ: ความลับที่คุณต้องรู้! 🍈รู้หรือไม่? การสร้างความหวานในเมล่อนเป็นศิลปะที่ต้องเข้าใจธรรมชาติของพืช! 🌱📗 หลักการสำคัญที่ต้องรู้:• เมล่อนสร้างความหวานเองตามธรรมชาติผ่านการสังเคราะห์แสง• ปัจจัยที่มีผลต่อความหวาน: - ธาตุอาหารในดินครบถ้วน - ใบสมบูรณ์แข็งแรง - ไม่มีโรคและแมลงรบกวน - สภาพอากาศเหมาะสม⚡️ เคล็ดลับจากประสบการณ์จริง:ช่วง 25 วันหลังผสมเกสรสำคัญที่สุด! เพราะเป็นช่วงสะสมความหวาน• สังเกตใบเมล่อน: ต้องเขียวเข้ม แข็งแรง หนา = แสดงว่าผลิตน้ำตาลได้ดี• การให้ธาตุโพแทสเซียม (K): ช่วยส่งน้ำตาลจากใบลงสู่ผล⚠️ ข้อควรระวังจากประสบการณ์:ระวังการใช้โพแทสเซียมมากเกินไป เพราะอาจทำให้:- ผลสุกเร็วเกินไป- เนื้อเละ นิ่มเกินไป- เสียคุณภาพผลผลิต💡 Little Farm มีครบทุกคำตอบ:เรามีทุกสิ่งที่คุณต้องการเพื่อความสำเร็จ:✅ อุปกรณ์การปลูกคุณภาพสูง✅ ปุ๋ย AB สูตรพิเศษ มาตรฐานส่งออก✅ เมล็ดพันธุ์คุณภาพเยี่ยม✅ ชีวภัณฑ์ปลอดภัย ประสิทธิภาพสูง✅ ที่ปรึกษามืออาชีพตลอดการปลูก🎯 โปรโมชั่นพิเศษเดือนนี้:• รับฟรี! คู่มือการจัดการธาตุอาหารเมล่อนมูลค่า 499 บาท• ส่วนลด 10% สำหรับชุดอุปกรณ์สตาร์ทอัพ📞 สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม:☎️ 093-696-2691💬 Line: @littlefarm🏡 Little Farm - ฟาร์มอารมณ์ดี เคียงข้างเกษตรกรไทย#เมล่อน #สวนเมล่อน #เกษตรสมัยใหม่ #ปลูกเมล่อน #LittleFarm #ฟาร์มอารมณ์ดี
    "🌟 #เทคนิคการทำหวานเมล่อนแบบมืออาชีพ: ความลับที่คุณต้องรู้! 🍈รู้หรือไม่? การสร้างความหวานในเมล่อนเป็นศิลปะที่ต้องเข้าใจธรรมชาติของพืช! 🌱📗 หลักการสำคัญที่ต้องรู้:• เมล่อนสร้างความหวานเองตามธรรมชาติผ่านการสังเคราะห์แสง• ปัจจัยที่มีผลต่อความหวาน: - ธาตุอาหารในดินครบถ้วน - ใบสมบูรณ์แข็งแรง - ไม่มีโรคและแมลงรบกวน - สภาพอากาศเหมาะสม⚡️ เคล็ดลับจากประสบการณ์จริง:ช่วง 25 วันหลังผสมเกสรสำคัญที่สุด! เพราะเป็นช่วงสะสมความหวาน• สังเกตใบเมล่อน: ต้องเขียวเข้ม แข็งแรง หนา = แสดงว่าผลิตน้ำตาลได้ดี• การให้ธาตุโพแทสเซียม (K): ช่วยส่งน้ำตาลจากใบลงสู่ผล⚠️ ข้อควรระวังจากประสบการณ์:ระวังการใช้โพแทสเซียมมากเกินไป เพราะอาจทำให้:- ผลสุกเร็วเกินไป- เนื้อเละ นิ่มเกินไป- เสียคุณภาพผลผลิต💡 Little Farm มีครบทุกคำตอบ:เรามีทุกสิ่งที่คุณต้องการเพื่อความสำเร็จ:✅ อุปกรณ์การปลูกคุณภาพสูง✅ ปุ๋ย AB สูตรพิเศษ มาตรฐานส่งออก✅ เมล็ดพันธุ์คุณภาพเยี่ยม✅ ชีวภัณฑ์ปลอดภัย ประสิทธิภาพสูง✅ ที่ปรึกษามืออาชีพตลอดการปลูก🎯 โปรโมชั่นพิเศษเดือนนี้:• รับฟรี! คู่มือการจัดการธาตุอาหารเมล่อนมูลค่า 499 บาท• ส่วนลด 10% สำหรับชุดอุปกรณ์สตาร์ทอัพ📞 สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม:☎️ 093-696-2691💬 Line: @littlefarm🏡 Little Farm - ฟาร์มอารมณ์ดี เคียงข้างเกษตรกรไทย#เมล่อน #สวนเมล่อน #เกษตรสมัยใหม่ #ปลูกเมล่อน #LittleFarm #ฟาร์มอารมณ์ดี
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 371 มุมมอง 0 รีวิว
  • "🌟 #เทคนิคการทำหวานเมล่อนแบบมืออาชีพ: ความลับที่คุณต้องรู้! 🍈รู้หรือไม่? การสร้างความหวานในเมล่อนเป็นศิลปะที่ต้องเข้าใจธรรมชาติของพืช! 🌱📗 หลักการสำคัญที่ต้องรู้:• เมล่อนสร้างความหวานเองตามธรรมชาติผ่านการสังเคราะห์แสง• ปัจจัยที่มีผลต่อความหวาน: - ธาตุอาหารในดินครบถ้วน - ใบสมบูรณ์แข็งแรง - ไม่มีโรคและแมลงรบกวน - สภาพอากาศเหมาะสม⚡️ เคล็ดลับจากประสบการณ์จริง:ช่วง 25 วันหลังผสมเกสรสำคัญที่สุด! เพราะเป็นช่วงสะสมความหวาน• สังเกตใบเมล่อน: ต้องเขียวเข้ม แข็งแรง หนา = แสดงว่าผลิตน้ำตาลได้ดี• การให้ธาตุโพแทสเซียม (K): ช่วยส่งน้ำตาลจากใบลงสู่ผล⚠️ ข้อควรระวังจากประสบการณ์:ระวังการใช้โพแทสเซียมมากเกินไป เพราะอาจทำให้:- ผลสุกเร็วเกินไป- เนื้อเละ นิ่มเกินไป- เสียคุณภาพผลผลิต💡 Little Farm มีครบทุกคำตอบ:เรามีทุกสิ่งที่คุณต้องการเพื่อความสำเร็จ:✅ อุปกรณ์การปลูกคุณภาพสูง✅ ปุ๋ย AB สูตรพิเศษ มาตรฐานส่งออก✅ เมล็ดพันธุ์คุณภาพเยี่ยม✅ ชีวภัณฑ์ปลอดภัย ประสิทธิภาพสูง✅ ที่ปรึกษามืออาชีพตลอดการปลูก🎯 โปรโมชั่นพิเศษเดือนนี้:• รับฟรี! คู่มือการจัดการธาตุอาหารเมล่อนมูลค่า 499 บาท• ส่วนลด 10% สำหรับชุดอุปกรณ์สตาร์ทอัพ📞 สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม:☎️ 093-696-2691💬 Line: @littlefarm🏡 Little Farm - ฟาร์มอารมณ์ดี เคียงข้างเกษตรกรไทย#เมล่อน #สวนเมล่อน #เกษตรสมัยใหม่ #ปลูกเมล่อน #LittleFarm #ฟาร์มอารมณ์ดี
    "🌟 #เทคนิคการทำหวานเมล่อนแบบมืออาชีพ: ความลับที่คุณต้องรู้! 🍈รู้หรือไม่? การสร้างความหวานในเมล่อนเป็นศิลปะที่ต้องเข้าใจธรรมชาติของพืช! 🌱📗 หลักการสำคัญที่ต้องรู้:• เมล่อนสร้างความหวานเองตามธรรมชาติผ่านการสังเคราะห์แสง• ปัจจัยที่มีผลต่อความหวาน: - ธาตุอาหารในดินครบถ้วน - ใบสมบูรณ์แข็งแรง - ไม่มีโรคและแมลงรบกวน - สภาพอากาศเหมาะสม⚡️ เคล็ดลับจากประสบการณ์จริง:ช่วง 25 วันหลังผสมเกสรสำคัญที่สุด! เพราะเป็นช่วงสะสมความหวาน• สังเกตใบเมล่อน: ต้องเขียวเข้ม แข็งแรง หนา = แสดงว่าผลิตน้ำตาลได้ดี• การให้ธาตุโพแทสเซียม (K): ช่วยส่งน้ำตาลจากใบลงสู่ผล⚠️ ข้อควรระวังจากประสบการณ์:ระวังการใช้โพแทสเซียมมากเกินไป เพราะอาจทำให้:- ผลสุกเร็วเกินไป- เนื้อเละ นิ่มเกินไป- เสียคุณภาพผลผลิต💡 Little Farm มีครบทุกคำตอบ:เรามีทุกสิ่งที่คุณต้องการเพื่อความสำเร็จ:✅ อุปกรณ์การปลูกคุณภาพสูง✅ ปุ๋ย AB สูตรพิเศษ มาตรฐานส่งออก✅ เมล็ดพันธุ์คุณภาพเยี่ยม✅ ชีวภัณฑ์ปลอดภัย ประสิทธิภาพสูง✅ ที่ปรึกษามืออาชีพตลอดการปลูก🎯 โปรโมชั่นพิเศษเดือนนี้:• รับฟรี! คู่มือการจัดการธาตุอาหารเมล่อนมูลค่า 499 บาท• ส่วนลด 10% สำหรับชุดอุปกรณ์สตาร์ทอัพ📞 สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม:☎️ 093-696-2691💬 Line: @littlefarm🏡 Little Farm - ฟาร์มอารมณ์ดี เคียงข้างเกษตรกรไทย#เมล่อน #สวนเมล่อน #เกษตรสมัยใหม่ #ปลูกเมล่อน #LittleFarm #ฟาร์มอารมณ์ดี
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 369 มุมมอง 0 รีวิว
  • "🌟 #เทคนิคการทำหวานเมล่อนแบบมืออาชีพ: ความลับที่คุณต้องรู้! 🍈รู้หรือไม่? การสร้างความหวานในเมล่อนเป็นศิลปะที่ต้องเข้าใจธรรมชาติของพืช! 🌱📗 หลักการสำคัญที่ต้องรู้:• เมล่อนสร้างความหวานเองตามธรรมชาติผ่านการสังเคราะห์แสง• ปัจจัยที่มีผลต่อความหวาน: - ธาตุอาหารในดินครบถ้วน - ใบสมบูรณ์แข็งแรง - ไม่มีโรคและแมลงรบกวน - สภาพอากาศเหมาะสม⚡️ เคล็ดลับจากประสบการณ์จริง:ช่วง 25 วันหลังผสมเกสรสำคัญที่สุด! เพราะเป็นช่วงสะสมความหวาน• สังเกตใบเมล่อน: ต้องเขียวเข้ม แข็งแรง หนา = แสดงว่าผลิตน้ำตาลได้ดี• การให้ธาตุโพแทสเซียม (K): ช่วยส่งน้ำตาลจากใบลงสู่ผล⚠️ ข้อควรระวังจากประสบการณ์:ระวังการใช้โพแทสเซียมมากเกินไป เพราะอาจทำให้:- ผลสุกเร็วเกินไป- เนื้อเละ นิ่มเกินไป- เสียคุณภาพผลผลิต💡 Little Farm มีครบทุกคำตอบ:เรามีทุกสิ่งที่คุณต้องการเพื่อความสำเร็จ:✅ อุปกรณ์การปลูกคุณภาพสูง✅ ปุ๋ย AB สูตรพิเศษ มาตรฐานส่งออก✅ เมล็ดพันธุ์คุณภาพเยี่ยม✅ ชีวภัณฑ์ปลอดภัย ประสิทธิภาพสูง✅ ที่ปรึกษามืออาชีพตลอดการปลูก🎯 โปรโมชั่นพิเศษเดือนนี้:• รับฟรี! คู่มือการจัดการธาตุอาหารเมล่อนมูลค่า 499 บาท• ส่วนลด 10% สำหรับชุดอุปกรณ์สตาร์ทอัพ📞 สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม:☎️ 093-696-2691💬 Line: @littlefarm🏡 Little Farm - ฟาร์มอารมณ์ดี เคียงข้างเกษตรกรไทย#เมล่อน #สวนเมล่อน #เกษตรสมัยใหม่ #ปลูกเมล่อน #LittleFarm #ฟาร์มอารมณ์ดี
    "🌟 #เทคนิคการทำหวานเมล่อนแบบมืออาชีพ: ความลับที่คุณต้องรู้! 🍈รู้หรือไม่? การสร้างความหวานในเมล่อนเป็นศิลปะที่ต้องเข้าใจธรรมชาติของพืช! 🌱📗 หลักการสำคัญที่ต้องรู้:• เมล่อนสร้างความหวานเองตามธรรมชาติผ่านการสังเคราะห์แสง• ปัจจัยที่มีผลต่อความหวาน: - ธาตุอาหารในดินครบถ้วน - ใบสมบูรณ์แข็งแรง - ไม่มีโรคและแมลงรบกวน - สภาพอากาศเหมาะสม⚡️ เคล็ดลับจากประสบการณ์จริง:ช่วง 25 วันหลังผสมเกสรสำคัญที่สุด! เพราะเป็นช่วงสะสมความหวาน• สังเกตใบเมล่อน: ต้องเขียวเข้ม แข็งแรง หนา = แสดงว่าผลิตน้ำตาลได้ดี• การให้ธาตุโพแทสเซียม (K): ช่วยส่งน้ำตาลจากใบลงสู่ผล⚠️ ข้อควรระวังจากประสบการณ์:ระวังการใช้โพแทสเซียมมากเกินไป เพราะอาจทำให้:- ผลสุกเร็วเกินไป- เนื้อเละ นิ่มเกินไป- เสียคุณภาพผลผลิต💡 Little Farm มีครบทุกคำตอบ:เรามีทุกสิ่งที่คุณต้องการเพื่อความสำเร็จ:✅ อุปกรณ์การปลูกคุณภาพสูง✅ ปุ๋ย AB สูตรพิเศษ มาตรฐานส่งออก✅ เมล็ดพันธุ์คุณภาพเยี่ยม✅ ชีวภัณฑ์ปลอดภัย ประสิทธิภาพสูง✅ ที่ปรึกษามืออาชีพตลอดการปลูก🎯 โปรโมชั่นพิเศษเดือนนี้:• รับฟรี! คู่มือการจัดการธาตุอาหารเมล่อนมูลค่า 499 บาท• ส่วนลด 10% สำหรับชุดอุปกรณ์สตาร์ทอัพ📞 สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม:☎️ 093-696-2691💬 Line: @littlefarm🏡 Little Farm - ฟาร์มอารมณ์ดี เคียงข้างเกษตรกรไทย#เมล่อน #สวนเมล่อน #เกษตรสมัยใหม่ #ปลูกเมล่อน #LittleFarm #ฟาร์มอารมณ์ดี
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 365 มุมมอง 0 รีวิว
  • #Himcoffee เมล็ดกาแฟไทยแท้ 100%
    ไม่ยัดใส้ ไม่มั่วแหล่ง ไม่ปนของนอก ผลผลิตของเกษตรกรไทย ในท้องถิ่นเมืองปาน จ.ลำปาง

    จำหน่ายเมล็ดกาแฟคั่วทุกชนิด ปลีก/ส่ง
    จำหน่ายสารกาแฟคุณภาพ ทุกชนิด
    รับผลิตงานสั่ง OEM ทุกชนิด

    ติดต่อสอบถาม
    Tel.088-443 5266
    Line@himcoffee

    ดูข้อมูลสินค้า ได้ทุกช่องทางออนไลน์

    #กินของไทยใช้ของดี #ไทยทำไทยใช้ไทยเจริญ #ไทยยั่งยืน

    #เมล็ดกาแฟ #กาแฟลำปาง #Himcoffeestory #specialtycoffee #singleorigin #ส่งออกกาแฟไทย #myroadmycoffee #โรงคั่วกาแฟลำปาง #กาแฟพิเศษไทย #Himcoffeefarmers #specialprocess #arabicathailand #กาแฟสด #ร้านกาแฟลำปาง #คาเฟ่ลำปาง #คั่วกลางเข้ม #สู้นม #ขายส่งเมล็ดกาแฟ

    ช่วยกันสนับสนุน #เกษตรกรไทย #ผลักดันสินค้าไทย #เศรษฐกิจไทย จะเติบโตได้อย่างเข้มแข็ง มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน
    #Himcoffee เมล็ดกาแฟไทยแท้ 100% ไม่ยัดใส้ ไม่มั่วแหล่ง ไม่ปนของนอก ผลผลิตของเกษตรกรไทย ในท้องถิ่นเมืองปาน จ.ลำปาง จำหน่ายเมล็ดกาแฟคั่วทุกชนิด ปลีก/ส่ง จำหน่ายสารกาแฟคุณภาพ ทุกชนิด รับผลิตงานสั่ง OEM ทุกชนิด ติดต่อสอบถาม Tel.088-443 5266 Line@himcoffee ดูข้อมูลสินค้า ได้ทุกช่องทางออนไลน์ #กินของไทยใช้ของดี #ไทยทำไทยใช้ไทยเจริญ #ไทยยั่งยืน #เมล็ดกาแฟ #กาแฟลำปาง #Himcoffeestory #specialtycoffee #singleorigin #ส่งออกกาแฟไทย #myroadmycoffee #โรงคั่วกาแฟลำปาง #กาแฟพิเศษไทย #Himcoffeefarmers #specialprocess #arabicathailand #กาแฟสด #ร้านกาแฟลำปาง #คาเฟ่ลำปาง #คั่วกลางเข้ม #สู้นม #ขายส่งเมล็ดกาแฟ ช่วยกันสนับสนุน #เกษตรกรไทย #ผลักดันสินค้าไทย #เศรษฐกิจไทย จะเติบโตได้อย่างเข้มแข็ง มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 603 มุมมอง 0 รีวิว
  • จบทุกปัญหาของเกษตรกร จบทุกปัญหาเรื่องดิน ธรณีสยาม นารายณ์พลิกแผ่นดิน พลิกชีวิต พลิกวิกฤติ สร้างโอกาส ลดต้นทุน เพิ่มผลผลิต #สารปรับสภาพดิน #ดินเน่าดินเสีย #ธรณีสยาม #นารายณ์พลิกแผ่นดิน #เกษตร #รากเน่าโคนเน่า
    จบทุกปัญหาของเกษตรกร จบทุกปัญหาเรื่องดิน ธรณีสยาม นารายณ์พลิกแผ่นดิน พลิกชีวิต พลิกวิกฤติ สร้างโอกาส ลดต้นทุน เพิ่มผลผลิต #สารปรับสภาพดิน #ดินเน่าดินเสีย #ธรณีสยาม #นารายณ์พลิกแผ่นดิน #เกษตร #รากเน่าโคนเน่า
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 200 มุมมอง 50 0 รีวิว
  • 8 พฤศจิกายน 2567-กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้าว่า บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังปานกลางถึงค่อนข้างแรงจากประเทศจีนปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้ ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณดังกล่าวมีอากาศเย็นในตอนเช้า และอุณหภูมิจะลดลงอีกเล็กน้อยในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ในขณะที่คลื่นกระแสลมฝ่ายตะวันตกจากประเทศเมียนมาเคลื่อนเข้าปกคลุมภาคเหนือตอนบน ประกอบกับมีลมตะวันออกเฉียงใต้ในระดับบนพัดปกคลุมประเทศไทยตอนบน ลักษณะเช่นนี้ทำให้ภาคเหนือตอนบน ภาคกลางตอนล่าง และภาคตะวันออก มีฝน/ฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาวะอากาศที่เปลี่ยนแปลง ส่วนเกษตรกรควรเตรียมการป้องกันและระวังความเสียหายที่จะเกิดต่อผลผลิตทางการเกษตรไว้ด้วย

    #Thaitimes
    8 พฤศจิกายน 2567-กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้าว่า บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังปานกลางถึงค่อนข้างแรงจากประเทศจีนปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้ ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณดังกล่าวมีอากาศเย็นในตอนเช้า และอุณหภูมิจะลดลงอีกเล็กน้อยในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ในขณะที่คลื่นกระแสลมฝ่ายตะวันตกจากประเทศเมียนมาเคลื่อนเข้าปกคลุมภาคเหนือตอนบน ประกอบกับมีลมตะวันออกเฉียงใต้ในระดับบนพัดปกคลุมประเทศไทยตอนบน ลักษณะเช่นนี้ทำให้ภาคเหนือตอนบน ภาคกลางตอนล่าง และภาคตะวันออก มีฝน/ฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาวะอากาศที่เปลี่ยนแปลง ส่วนเกษตรกรควรเตรียมการป้องกันและระวังความเสียหายที่จะเกิดต่อผลผลิตทางการเกษตรไว้ด้วย #Thaitimes
    Like
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 508 มุมมอง 0 รีวิว
  • ถึงเวลาปรับสื่อ กรองสันด..านแขก ก่อนออกรายการ
    จากคดีทนายตั้มนายสิทธา เบี้ยบังเกิด ที่สังคมกําลังสนใจว่าจะจบลงอย่างไรเพราะมีการแจ้งความเอาผิดเพิ่มอีกสามคดี คือคดีหลอกลวงได้เงินไปสามสิบเก้าล้านบาท คดีอมเงินซื้อรถเบนซ์และ คดีเงินค่าออกแบบโรงแรมเก้าล้านบาทของพี่อ้อย
    สิ่งหนึ่งที่เราต้องไม่มองข้ามคือการสร้างฮีโร่โดยกลุ่มเครือข่ายสื่อ รายการต่างๆ อย่าลืมว่าทนายตั้มเป็นฝ่ายออกตัวปูดเรื่องเงิน 71ล้าน ขึ้นมาเองกลางรายการโหนกระแสว่าได้มาโดยเสน่หารับด้วยอาการตกใจของหนุ่มกรรชัยซึ่ งจนบัดนี้ก็ยังมีคนสงสัยอยู่ดีว่าหนุ่มและตั้มตกใจจริง หรือว่ารู้กัน
    แม้ว่าหนุ่มกรรชัยจะยืนยันไปแล้วด้วยเกียรติของพิธีกรใหญ่ว่าเขาไม่รู้จริงๆว่าทนายตั้มจับโผงเรื่องนี้ขึ้นมา ทุกวันนี้สื่อเครือข่ายมีอิทธิพลในการชักจูงความคิดคนย้อนไปตั้งแต่เรื่องลุงพลจากผู้ต้องสงสัยกลายเป็นผู้ต้องสงสาร
    แล้วสื่อก็รุมปั้นจนลุงพลกลายเป็นซุปตาร์ไปเลย จากชาวไร่จนๆเปลี่ยนฐานะเป็นเศรษฐีในเวลาอันสั้นแต่สุดท้ายลุงพลกลับถูกศาลลงโทษจําคุกนานถึง20 ปี
    การปั้นฮีโร่กันแบบลวกลวกไม่ดูตาม้าตาเรืออีกบทบาทสื่อซึ่งกําลังถูกสังคมตั้งคําถามคือการปั้นซุปเปอร์ฮีโร่หน้าจอออกมาแสดงตัวเป็นคนดีกอบกู้สังคมเลวร้ายไปไปมาๆกลุ่มคนที่ยึดหน้าจอเป็นซุปเปอร์ฮีโร่พวกนี้กลับดีแตกกันทีละคน 2 คนตัวอย่างชัดเจนสุดก็คือทนายตั้มทนายต้มซึ่งถูกพีอ้อย จตุพรเศรษฐีนีใจดีแจ้งจับฉ้อโกงรวมมูลค่าความเสียหายเกิน 100,000,000 ส่งผลให้เกิดภาวะน้ําลดตอผุดบันไดเหยื่อเก่าเก่าออกมาแสดงตัวแฉวีรกรรมสารพัดอย่างของทนายตั้มจนกลายเป็นทนายต้มแม้แต่จังหวะฟอกขาวตัวเองทนายตั้มก็วิ่งไปหารายการเรตติ้งสูงอย่างโหนกระแสและรายการคนดังนั่งเคลียร์เพื่อชิงเคลียร์ตัวเองว่ารวยจากเสน่หา
    เรียกว่าทนายตั้มใช้สื่อเครือข่ายอย่างคุ้มค่าทั้งสร้างตัวตนให้เป็นคนดังทั้งฟอกขาวตัวเองยามไปก่อเรื่องเลวร้าย
    สื่อทีวีทั้งหลายจะรับรู้ถึงความผิดพลาดหรือไม่ เมื่อบรรดาเด็กปั้นผลผลิตจากหน้าจอทั้งหลายเนื้อแท้ดันไม่ได้ดีพร้อม อาจถึงเวลาต้องกลั่นกรองคนให้ละเอียดกว่านี้แค่เน้นเอามัน มันไม่พอ
    ติดตามข่าวซีฟๆแบบนี้ได้ที่
    #คิงส์โพธิ์ดำ
    ถึงเวลาปรับสื่อ กรองสันด..านแขก ก่อนออกรายการ จากคดีทนายตั้มนายสิทธา เบี้ยบังเกิด ที่สังคมกําลังสนใจว่าจะจบลงอย่างไรเพราะมีการแจ้งความเอาผิดเพิ่มอีกสามคดี คือคดีหลอกลวงได้เงินไปสามสิบเก้าล้านบาท คดีอมเงินซื้อรถเบนซ์และ คดีเงินค่าออกแบบโรงแรมเก้าล้านบาทของพี่อ้อย สิ่งหนึ่งที่เราต้องไม่มองข้ามคือการสร้างฮีโร่โดยกลุ่มเครือข่ายสื่อ รายการต่างๆ อย่าลืมว่าทนายตั้มเป็นฝ่ายออกตัวปูดเรื่องเงิน 71ล้าน ขึ้นมาเองกลางรายการโหนกระแสว่าได้มาโดยเสน่หารับด้วยอาการตกใจของหนุ่มกรรชัยซึ่ งจนบัดนี้ก็ยังมีคนสงสัยอยู่ดีว่าหนุ่มและตั้มตกใจจริง หรือว่ารู้กัน แม้ว่าหนุ่มกรรชัยจะยืนยันไปแล้วด้วยเกียรติของพิธีกรใหญ่ว่าเขาไม่รู้จริงๆว่าทนายตั้มจับโผงเรื่องนี้ขึ้นมา ทุกวันนี้สื่อเครือข่ายมีอิทธิพลในการชักจูงความคิดคนย้อนไปตั้งแต่เรื่องลุงพลจากผู้ต้องสงสัยกลายเป็นผู้ต้องสงสาร แล้วสื่อก็รุมปั้นจนลุงพลกลายเป็นซุปตาร์ไปเลย จากชาวไร่จนๆเปลี่ยนฐานะเป็นเศรษฐีในเวลาอันสั้นแต่สุดท้ายลุงพลกลับถูกศาลลงโทษจําคุกนานถึง20 ปี การปั้นฮีโร่กันแบบลวกลวกไม่ดูตาม้าตาเรืออีกบทบาทสื่อซึ่งกําลังถูกสังคมตั้งคําถามคือการปั้นซุปเปอร์ฮีโร่หน้าจอออกมาแสดงตัวเป็นคนดีกอบกู้สังคมเลวร้ายไปไปมาๆกลุ่มคนที่ยึดหน้าจอเป็นซุปเปอร์ฮีโร่พวกนี้กลับดีแตกกันทีละคน 2 คนตัวอย่างชัดเจนสุดก็คือทนายตั้มทนายต้มซึ่งถูกพีอ้อย จตุพรเศรษฐีนีใจดีแจ้งจับฉ้อโกงรวมมูลค่าความเสียหายเกิน 100,000,000 ส่งผลให้เกิดภาวะน้ําลดตอผุดบันไดเหยื่อเก่าเก่าออกมาแสดงตัวแฉวีรกรรมสารพัดอย่างของทนายตั้มจนกลายเป็นทนายต้มแม้แต่จังหวะฟอกขาวตัวเองทนายตั้มก็วิ่งไปหารายการเรตติ้งสูงอย่างโหนกระแสและรายการคนดังนั่งเคลียร์เพื่อชิงเคลียร์ตัวเองว่ารวยจากเสน่หา เรียกว่าทนายตั้มใช้สื่อเครือข่ายอย่างคุ้มค่าทั้งสร้างตัวตนให้เป็นคนดังทั้งฟอกขาวตัวเองยามไปก่อเรื่องเลวร้าย สื่อทีวีทั้งหลายจะรับรู้ถึงความผิดพลาดหรือไม่ เมื่อบรรดาเด็กปั้นผลผลิตจากหน้าจอทั้งหลายเนื้อแท้ดันไม่ได้ดีพร้อม อาจถึงเวลาต้องกลั่นกรองคนให้ละเอียดกว่านี้แค่เน้นเอามัน มันไม่พอ ติดตามข่าวซีฟๆแบบนี้ได้ที่ #คิงส์โพธิ์ดำ
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 489 มุมมอง 1 รีวิว
  • โลกร้อนขึ้นเป็นวัฏจักรธรรมชาติ และในภาพรวมกำลังจะเย็นลง
    แต่…
    เราถูกฝังหัวกันมานานว่ามนุษย์เป็นคนทำให้โลกร้อน
    เพื่อนำไปสู่การใช้คาร์บอนเครดิต เพื่อการบีบบังคับนำไปสู่การเป็นทาส
    ไลฟ์สด โลกร้อนลวงโลก โดย อดิเทพ จาวลาห์
    https://www.facebook.com/share/v/JjrAnsFTf9vwcQ4u/
    ชี้แหล่งศึกษาข้อมูล
    https://www.rookon.com/?p=339
    https://www.rookon.com/?p=975
    https://www.rookon.com/?p=1011
    https://www.rookon.com/?p=1076
    https://www.rookon.com/?p=119เก้า ลิงก์นี้ต้องแก้คำว่าเก้าเป็นตัวเลขก่อน FBแบน
    https://www.rookon.com/?p=1147
    https://vt.tiktok.com/ZSFvhkGKK/
    ตอน 1. https://www.tiktok.com/@adit.../video/7361783535104953601...
    ตอน 2.
    https://www.tiktok.com/@adit.../video/7361783574783200513...
    https://vt.tiktok.com/ZSYeFkn5t/ หรือ
    https://fb.watch/s0HF9m7C09/ (ไลฟ์สดกับอ.ทีน่า อ.เกรซ)
    #คลิป 1 🌎 โลกร้อน (เพราะ CO2) เป็นเรื่องหลอกลวง🔥
    https://t.me/awakened_thailand/424
    ✨หลักฐานทางวิทยาศาสตร์จากการขุดเจาะแท่งน้ำแข็งพบว่า อุณหภูมิโลกสูงขึ้นก่อน ☀️ ต่อมาอีก 800 ปี CO2 ถึงจะสูงขึ้นตามมา...แปลว่า CO2 ไม่ใช่สาเหตุของโลกร้อน 😳 แต่อุณหภูมิที่สูงขึ้นต่างหากที่ทำให้ CO2 เพิ่มขึ้น
    สั้นๆ ง่ายๆ หลักฐานทางวิทยาศาสตร์พิสูจน์ชัดแล้ว! โลกร้อนตามวัฏจักรของโลก มันเป็นธรรมชาติ 😎 มนุษย์ไม่ได้ทำให้โลกร้อน แต่เราทำให้โลกสกปรก...ฉะนั้น CO2 ไม่เกี่ยวอะไรเลย
    แยกให้ออก 🧐 โลกร้อน กับ โลกสกปรก มันคือคนละเรื่องกัน เรื่องง่ายๆ เด็กป.4 ยังรู้เรื่อง
    #คลิป 2 🌎 โลกร้อน (เพราะ CO2) เป็นเรื่องหลอกลวง🔥
    https://t.me/awakened_thailand/425
    โลกร้อนขึ้น และเย็นลง เป็นวัฏจักร เป็นธรรมชาติ ไม่เกี่ยวกับ CO2 แม้แต่น้อย
    คำถาม ❓: รู้ได้ไง? 🤔
    ตอบ: เจาะน้ำแข็งลงไปหลายกิโล แล้วดึงแท่งน้ำแข็งขึ้นมาศึกษา (เหมือนศึกษาวงปีของต้นไม้) 😎
    มหาสมุทรกักเก็บ CO2 ไว้เป็นจำนวนมาก 🥵เมื่อโลกร้อนขึ้นเอง ทะเลคือตัวคาย CO2 ออกมาสู่ชั้นบรรยากาศ
    🌎อุณหภูมิโลกสูงขึ้นก่อน ส่งผลให้ CO2 สูงตามมาทีหลัง
    หมายความว่า CO2 ไม่ใช่ "เหตุ" ที่ทำให้โลกร้อน...แต่ CO2 คือ "ผล" จากโลกร้อน👍✨
    ฉะนั้นสรุป CO2 ไม่ใช่สาเหตุของโลกร้อน ✨
    ถาม ❓: แล้วเขาหลอกเราทำไม? ตั้งนานหลายสิบปี 😈
    ตอบ: เขาใช้ CO2 เป็นข้ออ้างในการบังคับเรา เช่น ออกกฎบังคับเรื่อง CO2 เก็บภาษีฟาร์มวัว เพราะต้องการให้ฟาร์มเจ๊ง 😱 นายทุนจะได้เข้ามาฮุบ, เก็บภาษีทุกอย่าง โดยเอาไปผูกกับ CO2 หลอกลวง เพราะจุดประสงค์ของกลุ่มทุนสามานต่างชาติ คือ การควบคุมอาหารแบบเบ็ดเสร็จ 👎
    #คลิป 3 🔥โลกร้อนเพราะ CO2 เป็นเรื่องหลอกลวง 🌎
    https://t.me/awakened_thailand/426
    💸💵💰Dan Pena มหาเศรษฐีอเมริกัน แฉว่า เรื่องโลกร้อน เป็นเรื่องหลอกลวง นักวิทยาศาสตร์ขุดแท่งน้ำแข็งขึ้นมาให้ดู แล้วบอกว่า หลายหมื่นปีก่อน ทุกประเทศบนโลกมันร้อนกว่าตอนนี้เลย! วิทยาศาสตร์ไม่หลอกลวง! มันคือหลักฐาน! มีแต่คนนี่แหละ ที่หลอกลวง เพื่อผลประโยชน์ของพวกพ้องของตนเอง 😡
    โลกร้อนฝรั่งหลอกเรามานานมากแล้ว หลอกเพื่อให้เราเชื่อ และยอมรับ กฎเกณฑ์ใหม่ๆ ที่เขาจะบังคับ เช่น ขึ้นภาษีคาร์บอนไดออกไซด์ เพื่อให้ธุรกิจเราเจ๊ง เป้าหมายคือ เพื่อฮุบทรัพยากรของคนทั้งโลก 😈
    อย่าหลงทาง!! 🐑🐏
    "โลกร้อน" กับ "โลกสกปรก" มันคนละประเด็น
    🌎✨อยากให้โลกสวยใช่มั้ย? ไปไล่ให้บริษัทขายยาเคมี มันเลิกขายเคมีนู่น! เลิกใช้ซะ พวกไกลโฟเซตน่ะ ☠
    #คลิป 4 🔥โลกร้อนเพราะ CO2 เป็นเรื่องหลอกลวง 🌎
    https://t.me/awakened_thailand/444
    คาร์บอนไดออกไซด์ คือ สิ่งจำเป็นสำหรับพืช เป็นอย่างมาก 🍀
    ต่างประเทศใช้อุปกรณ์เพิ่มคาร์บอนไดออกไซด์ในอากาศ สำหรับพืชที่ปลูกในโรงเรือน ทำให้มันแข็งแรงทนทานต่อโรค และแมลง 🍊🍎 ทำให้ผลผลิตเพิ่มมากขึ้นกว่าปกติได้ถึง 30%
    คาร์บอนไดออกไซด์เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับพืช/ต้นไม้
    พืช/ต้นไม้ ก็จำเป็นสำหรับมนุษย์และโลกของเรา
    คาร์บอนไดออกไซด์จึงจำเป็นสำหรับโลกเรา อย่าให้ใครมาหลอกเราว่าคาร์บอนไดออกไซด์ คือ สิ่งไม่ดี หรือ ทำให้โลกร้อน ถ้าคุณเชื่อแบบนั้นคุณกำลังโดนหลอก
    คลิป #5 โลกร้อนเพราะ CO2 เป็นเรื่องหลอกลวง
    https://t.me/awakened_thailand/468
    🌎🔥 ข้อมูลจากนาซ่ายืนยันว่า โลกของเราเขียวขึ้น เพราะมีต้นไม้มากขึ้น 🌳🍀ซึ่งเป็นผลมาจากก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่สูงขึ้น (ต้นไม้ชอบก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์)
    โลกร้อนขึ้นเองตามธรรมชาติ และเป็นสาเหตุที่ทำให้น้ำทะเลร้อนขึ้น ส่งผลให้ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ระเหยออกมาจากทะเลมากขึ้น
    คาร์บอนไดออกไซด์ จึงไม่ใช่สาเหตุของโลกร้อนแม้แต่นิดเดียว ✨ ข้อมูลในอดีต เช่น อุณหภูมิ และระดับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สามารถตรวจสอบย้อนหลังได้เป็นแสนๆปี ด้วยการเจาะแท่งน้ำแข็งในบริเวณขั้วโลกขึ้นมาวิเคราะห์ นี่คือวิทยาศาสตร์!
    แต่พวกคุมโลก คุมสื่อ คุมนักการเมือง 😈 ต้องการคุมพฤติกรรมประชากรโลก จึงต้องกุเรื่องแหกตาชาวโลกมาเป็นเวลาหลายสิบปี เตรียมล่วงหน้าไว้ก่อน จนเราๆเชื่อสนิทใจ ว่าคาร์บอนไดออกไซด์คือสิ่งไม่ดี บัดนี้ได้เวลาตื่นจากการหลับใหลมาเป็นเวลานาน อย่าหลงคารมนักการเมือง หรือข่าว ให้ยึดหลักวิทยาศาสตร์ และพิจารณาเอาเอง
    "คาร์บอนไดออกไซด์ คือ ฮีโร่ ที่มาช่วยให้โลกเรามีต้นไม้มากขึ้น" 🌿🌳🌲
    #คลิปไลฟ์สด https://t.me/awakened_thailand/445
    ❗️สาเหตุที่เขาหลอกเราเรื่อง CO2 🌎
    เพราะจะเอามันมาผูกกับระบบเงินดิจิตอล Digital Currency และจะใช้ระบบใหม่นี้ควบคุมพฤติกรรมของเรา เพราะเงินดิจิตอลถูกโปรแกรมได้ เช่น ห้ามใช้นอกรัศมี 4 กิโลเมตร 😱
    การเอาเรื่อง CO2 มาผูกกับเงินดิจิตอลจึงเป็นเรื่องง่ายมาก
    หากเราเชื่อว่าคาร์บอนไดออกไซด์คือสาเหตุที่ทำให้โลกร้อน 🔥และต้องร่วมมือกันลดคาร์บอนไดออกไซด์ลง เขาก็จะใช้ความเชื่อนี้ตั้งกฎเกณฑ์ขึ้นมาใหม่ 👿 เช่น เอาระบบคะแนนคาร์บอนมาใช้กับอาหาร โดยให้เหตุผลว่า ทุกสิ่งทุกอย่างตั้งแต่การทำฟาร์มสัตว์ 🐮🐷 ปลูกผัก 🌾ล้วนแต่ผลิต คาร์บอนไดออกไซด์ จึงต้องกำหนดคะแนนไปเลยว่า อาหารจานไหน ต้องใช้คะแนนคาร์บอนเท่าไหร่ในการซื้อ สมมุติว่าเรามีคะแนนไม่พอ เราก็จะไม่สามารถซื้ออาหารนั้นได้แม้ว่าเราจะมีเงินอยู่ในกระเป๋าก็ตาม
    ระบบที่ใช้คะแนนลักษณะนี้ ได้ถูกใช้งานในจีนมาหลายปีแล้ว เรียกว่า Social Credit System ดูคลิปได้ที่นี่:
    https://t.me/awakened_thailand/148
    ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมจาก คุณ Patrick Moore ใน Rumble.com
    แกเป็น cofounder และ อดีต ceo ของ Greenpeace ครับ
    ✍️ไลฟ์สด แผนการโลกร้อนลวงโลกสู่การเป็นทาส
    โดย อดิเทพ จาวลาห์ และครูหนึ่ง
    ยูทูป https://www.youtube.com/live/YrrTEeqnsMU?si=1sMRr89nEAfhVFIn
    เฟสบุ๊ก https://www.facebook.com/share/v/1JZkhFrjJk/
    ✍️ชมคลิป 9 นาที: https://t.me/chemtrailshaarpthaichat/2358
    - การคาดการณ์การเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ (หลอกลวง) ที่ไม่ได้เกิดขึ้นจริง
    - ประเทศไทยกำลังเปลี่ยนแปลงกฎหมายเพื่อรองรับเครดิตคาร์บอน แผนทำลาย SME และเพิ่มค่าครองชีพ
    Facebook : https://fb.watch/v-Y9M4uxbd/
    Youtube : https://youtu.be/lM_ZXNjdjYg
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@adithepchawla01?_t=8rbKMSdXMQ6&_r=1
    Cr.อดิเทพ จาวลาห์ จาก rookon.com
    และคลิปจากเทเลแกรม คนไทยตื่นรู้ https://t.me/awakened_thailand
    โลกร้อนขึ้นเป็นวัฏจักรธรรมชาติ และในภาพรวมกำลังจะเย็นลง แต่… เราถูกฝังหัวกันมานานว่ามนุษย์เป็นคนทำให้โลกร้อน เพื่อนำไปสู่การใช้คาร์บอนเครดิต เพื่อการบีบบังคับนำไปสู่การเป็นทาส ไลฟ์สด โลกร้อนลวงโลก โดย อดิเทพ จาวลาห์ https://www.facebook.com/share/v/JjrAnsFTf9vwcQ4u/ ชี้แหล่งศึกษาข้อมูล https://www.rookon.com/?p=339 https://www.rookon.com/?p=975 https://www.rookon.com/?p=1011 https://www.rookon.com/?p=1076 https://www.rookon.com/?p=119เก้า ลิงก์นี้ต้องแก้คำว่าเก้าเป็นตัวเลขก่อน FBแบน https://www.rookon.com/?p=1147 https://vt.tiktok.com/ZSFvhkGKK/ ตอน 1. https://www.tiktok.com/@adit.../video/7361783535104953601... ตอน 2. https://www.tiktok.com/@adit.../video/7361783574783200513... https://vt.tiktok.com/ZSYeFkn5t/ หรือ https://fb.watch/s0HF9m7C09/ (ไลฟ์สดกับอ.ทีน่า อ.เกรซ) #คลิป 1 🌎 โลกร้อน (เพราะ CO2) เป็นเรื่องหลอกลวง🔥 https://t.me/awakened_thailand/424 ✨หลักฐานทางวิทยาศาสตร์จากการขุดเจาะแท่งน้ำแข็งพบว่า อุณหภูมิโลกสูงขึ้นก่อน ☀️ ต่อมาอีก 800 ปี CO2 ถึงจะสูงขึ้นตามมา...แปลว่า CO2 ไม่ใช่สาเหตุของโลกร้อน 😳 แต่อุณหภูมิที่สูงขึ้นต่างหากที่ทำให้ CO2 เพิ่มขึ้น สั้นๆ ง่ายๆ หลักฐานทางวิทยาศาสตร์พิสูจน์ชัดแล้ว! โลกร้อนตามวัฏจักรของโลก มันเป็นธรรมชาติ 😎 มนุษย์ไม่ได้ทำให้โลกร้อน แต่เราทำให้โลกสกปรก...ฉะนั้น CO2 ไม่เกี่ยวอะไรเลย แยกให้ออก 🧐 โลกร้อน กับ โลกสกปรก มันคือคนละเรื่องกัน เรื่องง่ายๆ เด็กป.4 ยังรู้เรื่อง #คลิป 2 🌎 โลกร้อน (เพราะ CO2) เป็นเรื่องหลอกลวง🔥 https://t.me/awakened_thailand/425 โลกร้อนขึ้น และเย็นลง เป็นวัฏจักร เป็นธรรมชาติ ไม่เกี่ยวกับ CO2 แม้แต่น้อย คำถาม ❓: รู้ได้ไง? 🤔 ตอบ: เจาะน้ำแข็งลงไปหลายกิโล แล้วดึงแท่งน้ำแข็งขึ้นมาศึกษา (เหมือนศึกษาวงปีของต้นไม้) 😎 มหาสมุทรกักเก็บ CO2 ไว้เป็นจำนวนมาก 🥵เมื่อโลกร้อนขึ้นเอง ทะเลคือตัวคาย CO2 ออกมาสู่ชั้นบรรยากาศ 🌎อุณหภูมิโลกสูงขึ้นก่อน ส่งผลให้ CO2 สูงตามมาทีหลัง หมายความว่า CO2 ไม่ใช่ "เหตุ" ที่ทำให้โลกร้อน...แต่ CO2 คือ "ผล" จากโลกร้อน👍✨ ฉะนั้นสรุป CO2 ไม่ใช่สาเหตุของโลกร้อน ✨ ถาม ❓: แล้วเขาหลอกเราทำไม? ตั้งนานหลายสิบปี 😈 ตอบ: เขาใช้ CO2 เป็นข้ออ้างในการบังคับเรา เช่น ออกกฎบังคับเรื่อง CO2 เก็บภาษีฟาร์มวัว เพราะต้องการให้ฟาร์มเจ๊ง 😱 นายทุนจะได้เข้ามาฮุบ, เก็บภาษีทุกอย่าง โดยเอาไปผูกกับ CO2 หลอกลวง เพราะจุดประสงค์ของกลุ่มทุนสามานต่างชาติ คือ การควบคุมอาหารแบบเบ็ดเสร็จ 👎 #คลิป 3 🔥โลกร้อนเพราะ CO2 เป็นเรื่องหลอกลวง 🌎 https://t.me/awakened_thailand/426 💸💵💰Dan Pena มหาเศรษฐีอเมริกัน แฉว่า เรื่องโลกร้อน เป็นเรื่องหลอกลวง นักวิทยาศาสตร์ขุดแท่งน้ำแข็งขึ้นมาให้ดู แล้วบอกว่า หลายหมื่นปีก่อน ทุกประเทศบนโลกมันร้อนกว่าตอนนี้เลย! วิทยาศาสตร์ไม่หลอกลวง! มันคือหลักฐาน! มีแต่คนนี่แหละ ที่หลอกลวง เพื่อผลประโยชน์ของพวกพ้องของตนเอง 😡 โลกร้อนฝรั่งหลอกเรามานานมากแล้ว หลอกเพื่อให้เราเชื่อ และยอมรับ กฎเกณฑ์ใหม่ๆ ที่เขาจะบังคับ เช่น ขึ้นภาษีคาร์บอนไดออกไซด์ เพื่อให้ธุรกิจเราเจ๊ง เป้าหมายคือ เพื่อฮุบทรัพยากรของคนทั้งโลก 😈 อย่าหลงทาง!! 🐑🐏 "โลกร้อน" กับ "โลกสกปรก" มันคนละประเด็น 🌎✨อยากให้โลกสวยใช่มั้ย? ไปไล่ให้บริษัทขายยาเคมี มันเลิกขายเคมีนู่น! เลิกใช้ซะ พวกไกลโฟเซตน่ะ ☠ #คลิป 4 🔥โลกร้อนเพราะ CO2 เป็นเรื่องหลอกลวง 🌎 https://t.me/awakened_thailand/444 คาร์บอนไดออกไซด์ คือ สิ่งจำเป็นสำหรับพืช เป็นอย่างมาก 🍀 ต่างประเทศใช้อุปกรณ์เพิ่มคาร์บอนไดออกไซด์ในอากาศ สำหรับพืชที่ปลูกในโรงเรือน ทำให้มันแข็งแรงทนทานต่อโรค และแมลง 🍊🍎 ทำให้ผลผลิตเพิ่มมากขึ้นกว่าปกติได้ถึง 30% คาร์บอนไดออกไซด์เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับพืช/ต้นไม้ พืช/ต้นไม้ ก็จำเป็นสำหรับมนุษย์และโลกของเรา คาร์บอนไดออกไซด์จึงจำเป็นสำหรับโลกเรา อย่าให้ใครมาหลอกเราว่าคาร์บอนไดออกไซด์ คือ สิ่งไม่ดี หรือ ทำให้โลกร้อน ถ้าคุณเชื่อแบบนั้นคุณกำลังโดนหลอก คลิป #5 โลกร้อนเพราะ CO2 เป็นเรื่องหลอกลวง https://t.me/awakened_thailand/468 🌎🔥 ข้อมูลจากนาซ่ายืนยันว่า โลกของเราเขียวขึ้น เพราะมีต้นไม้มากขึ้น 🌳🍀ซึ่งเป็นผลมาจากก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่สูงขึ้น (ต้นไม้ชอบก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์) โลกร้อนขึ้นเองตามธรรมชาติ และเป็นสาเหตุที่ทำให้น้ำทะเลร้อนขึ้น ส่งผลให้ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ระเหยออกมาจากทะเลมากขึ้น คาร์บอนไดออกไซด์ จึงไม่ใช่สาเหตุของโลกร้อนแม้แต่นิดเดียว ✨ ข้อมูลในอดีต เช่น อุณหภูมิ และระดับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สามารถตรวจสอบย้อนหลังได้เป็นแสนๆปี ด้วยการเจาะแท่งน้ำแข็งในบริเวณขั้วโลกขึ้นมาวิเคราะห์ นี่คือวิทยาศาสตร์! แต่พวกคุมโลก คุมสื่อ คุมนักการเมือง 😈 ต้องการคุมพฤติกรรมประชากรโลก จึงต้องกุเรื่องแหกตาชาวโลกมาเป็นเวลาหลายสิบปี เตรียมล่วงหน้าไว้ก่อน จนเราๆเชื่อสนิทใจ ว่าคาร์บอนไดออกไซด์คือสิ่งไม่ดี บัดนี้ได้เวลาตื่นจากการหลับใหลมาเป็นเวลานาน อย่าหลงคารมนักการเมือง หรือข่าว ให้ยึดหลักวิทยาศาสตร์ และพิจารณาเอาเอง "คาร์บอนไดออกไซด์ คือ ฮีโร่ ที่มาช่วยให้โลกเรามีต้นไม้มากขึ้น" 🌿🌳🌲 #คลิปไลฟ์สด https://t.me/awakened_thailand/445 ❗️สาเหตุที่เขาหลอกเราเรื่อง CO2 🌎 เพราะจะเอามันมาผูกกับระบบเงินดิจิตอล Digital Currency และจะใช้ระบบใหม่นี้ควบคุมพฤติกรรมของเรา เพราะเงินดิจิตอลถูกโปรแกรมได้ เช่น ห้ามใช้นอกรัศมี 4 กิโลเมตร 😱 การเอาเรื่อง CO2 มาผูกกับเงินดิจิตอลจึงเป็นเรื่องง่ายมาก หากเราเชื่อว่าคาร์บอนไดออกไซด์คือสาเหตุที่ทำให้โลกร้อน 🔥และต้องร่วมมือกันลดคาร์บอนไดออกไซด์ลง เขาก็จะใช้ความเชื่อนี้ตั้งกฎเกณฑ์ขึ้นมาใหม่ 👿 เช่น เอาระบบคะแนนคาร์บอนมาใช้กับอาหาร โดยให้เหตุผลว่า ทุกสิ่งทุกอย่างตั้งแต่การทำฟาร์มสัตว์ 🐮🐷 ปลูกผัก 🌾ล้วนแต่ผลิต คาร์บอนไดออกไซด์ จึงต้องกำหนดคะแนนไปเลยว่า อาหารจานไหน ต้องใช้คะแนนคาร์บอนเท่าไหร่ในการซื้อ สมมุติว่าเรามีคะแนนไม่พอ เราก็จะไม่สามารถซื้ออาหารนั้นได้แม้ว่าเราจะมีเงินอยู่ในกระเป๋าก็ตาม ระบบที่ใช้คะแนนลักษณะนี้ ได้ถูกใช้งานในจีนมาหลายปีแล้ว เรียกว่า Social Credit System ดูคลิปได้ที่นี่: https://t.me/awakened_thailand/148 ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมจาก คุณ Patrick Moore ใน Rumble.com แกเป็น cofounder และ อดีต ceo ของ Greenpeace ครับ ✍️ไลฟ์สด แผนการโลกร้อนลวงโลกสู่การเป็นทาส โดย อดิเทพ จาวลาห์ และครูหนึ่ง ยูทูป https://www.youtube.com/live/YrrTEeqnsMU?si=1sMRr89nEAfhVFIn เฟสบุ๊ก https://www.facebook.com/share/v/1JZkhFrjJk/ ✍️ชมคลิป 9 นาที: https://t.me/chemtrailshaarpthaichat/2358 - การคาดการณ์การเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ (หลอกลวง) ที่ไม่ได้เกิดขึ้นจริง - ประเทศไทยกำลังเปลี่ยนแปลงกฎหมายเพื่อรองรับเครดิตคาร์บอน แผนทำลาย SME และเพิ่มค่าครองชีพ Facebook : https://fb.watch/v-Y9M4uxbd/ Youtube : https://youtu.be/lM_ZXNjdjYg Tiktok : https://www.tiktok.com/@adithepchawla01?_t=8rbKMSdXMQ6&_r=1 Cr.อดิเทพ จาวลาห์ จาก rookon.com และคลิปจากเทเลแกรม คนไทยตื่นรู้ https://t.me/awakened_thailand
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 433 มุมมอง 0 รีวิว
  • ณ บ้านพระอาทิตย์
    ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์

    การประกาศขีดเส้นเขตไหล่ทวีป และทะเลอาณาเขตของกัมพูชาในปี พ.ศ. 2515 ที่ไม่เป็นไปตามกฎหมายทะเลสากลนั้น ได้มีการละเมิดสิทธิและอธิปไตยทางทะเลของราชอาณาจักรไทยอย่างชัดเจน และส่งผลทำให้ราชอาณาจักรไทยได้ “ปฏิเสธ” การประกาศขีดเส้นที่ไม่เป็นไปตามกฎหมายสากลของกัมพูชาไปแล้ว ด้วยการมีพระบรมราชโองการประกาศกำหนดเขตไหล่ทวีปประเทศไทยด้านอ่าวไทยเมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2516



    นอกจากนั้นในสมัยรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้มีมติคณะรัฐมนตรีเห็นชอบในหลักการให้ยกเลิกบันทึกความเข้าใจระหว่างราชอาณาจักไทย-กัมพูชา เกี่ยวกับอ้างสิทธิทับซ้อนทางทะเลในอ่าวไทย ปี พ.ศ. 2544 (MOU 2544) ตั้งแต่วันที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552 อีกด้วย

    โดยมีรายละเอียด ดังนี้

    พระราชกฤษฎีกาของราชอาณาจักรกัมพูชาได้กำหนดแผนที่ “เส้นเขตไหล่ทวีป” ของราชอาณาจักรกัมพูชา ฉบับเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2515 ที่ลากเส้นจากหลักเขตที่ 73 มาประชิดเกาะกูดด้านตะวันออก แล้วอ้อมเกาะกูดไปด้านล่างแล้ววกกลับมาเป็นรูปตัว U แล้วลากเส้นต่อเนื่องไปยังทิศตะวันตกของเกาะกูดลึกเข้าไปในอ่าวไทยก็ดี หรือพระราชกฤษฎีกาของราชอาณาจักรกัมพูชาฝ่ายเดียว ซึ่งกำหนดแผนที่แสดงการลาก “เส้นทะเลอาณาเขต” ของกัมพูชาจากหลักเขตที่ 73 ประชิดด้านทิศตะวันตกของเกาะกูด ฉบับเมื่อวันที่ 12 กันยายน พ.ศ.2515 ก็ดี ล้วนเป็นแผนที่กำหนดเส้นเขตแดนทางทะเลที่ “ละเมิดสิทธิและละเมิดอธิปไตยของประเทศไทย“ทั้งสิ้น และยังไม่เป็นไปตามกฎหมายทะเลสากล เพราะไม่เป็นไปตามบทบัญญัติอนุสัญญาว่าด้วยไหล่ทวีป ซึ่งกระทำ ณ กรุงเจนีวา ลงวันที่ 29 เมษายน ค.ศ. 1958 อีกด้วย โดยมีผลตามมาดังนี้

    1.ละเมิด ทะเลอาณาเขต 12 ไมล์ทะเลของราชอาณาจักรไทยรอบเกาะกูด

    2.ละเมิดเขตทะเลต่อเนื่อง 24 ไมล์ทะเลของราชอาณาจักรไทยรอบเกาะกูด

    3.ละเมิดเขตเศรษฐกิจจำเพาะของราชอาณาจักรไทยที่มีการแบ่งครึ่งมุมระหว่างเกาะกูดกับเกาะกงจากหลักเขตที่ 73 จึงเป็นการละเมิดเส้นแบ่งที่ระยะทางเท่ากันระหว่างไทยและกัมพูชา (Equidistant Line)

    อย่างไรก็ตาม ราชอาณาจักรไทยได้เคย “ปฏิเสธ” การขีดเส้นทางทะเลของกัมพูชาที่ไม่เป็นไปตามกฎหมายสากลไปแล้วในเวลาต่อมา

    โดยราชอาณาจักรไทยได้มีพระบรมราชโองการในสมัยรัชกาลที่ 9 ประกาศกำหนดเขตไหล่ทวีปประเทศไทยด้านอ่าวไทยของราชอาณาจักรไทย เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2516 ลงราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2516 โดยมีจอมพลถนอม กิตติขจร นายกรัฐมนตรี เป็นผู้รับสนองพระบรมราชโองการ

    “พระบรมราชโองการ” ตรงกับภาษาอังกฤษคำว่า “Royal Command” ซึ่งมีความหมายว่า “คำสั่งราชการของพระมหากษัตริย์”

    พระบรมราชโองการในสมัยรัชกาลที่ 9 ประกาศกำหนดเขตไหล่ทวีปประเทศไทยด้านอ่าวไทยเมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2516 เป็นพระราชอำนาจภายใต้ธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2515 ที่เกี่ยวพันกับสถานภาพกำหนดเขตแดนทางทะเลของ “ราชอาณาจักรไทย” กับ “จอมทัพไทย” และองค์พระมหากษัตริย์ไทยผู้ทรงเป็นประมุขแห่งราชอาณาจักรไทยภายใต้รัฐธรรมนูญ ดังนี้

    “มาตรา 1 ประเทศไทยเป็นราชอาณาจักรอันหนึ่งอันเดียวจะแบ่งแยกมิได้

    พระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขและดำรงตำแหน่งจอมทัพไทย

    มาตรา 18 บรรดาบทกฎหมาย พระราชหัตถเลขา และพระบรมราชโองการใดๆ อันเกี่ยวกับราชการแผ่นดิน ต้องมีนายกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรีเป็นผู้ลงนามรับสนองพระบรมราชโองการ”

    ดังนั้น พระบรมราชโองการประกาศกำหนดเขตไหล่ทวีปประเทศไทยด้านอ่าวไทยเมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2516 เป็นพระบรมราชโองการที่เกี่ยวกับราชการแผ่นดิน จึงมีผลตามกฎหมายและต้องมีการบังคับใช้จนถึงปัจจุบัน หากมีการเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่นต้องมีการแก้ไขด้วยพระบรมราชโองการเช่นกัน ดังนั้นจะอาศัยนักการเมืองไปตกลงกันเองตามอำเภอใจโดยขัดต่อพระบรมราชโองการนั้นไม่ได้

    ความสำคัญของพระบรมราชโองการในสมัยรัชกาลที่ 9 ที่ประกาศกำหนดเขตไหล่ทวีปประเทศไทยด้านอ่าวไทยเมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2516 นอกจากจะมีความหมายถึงการ “ปฏิเสธ” เส้นเขตไหล่ทวีปของกัมพูชาที่รุกล้ำราชอาณาเขตทะเลไทยแล้ว ยังได้ประกาศถึงเรื่อง “สิทธิอธิปไตยในการสำรวจและแสวงหาทรัพยากรธรรมชาติ” อย่างชัดเจนดังปรากฏเป็นข้อความในพระบรมราชโองการความว่า



    “เพื่อความมุ่งประสงค์ในการใช้สิทธิอธิปไตยของประเทศไทยในการสำรวจและการแสวงประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติในอ่าวไทย จึงกำหนดให้เขตไหล่ทวีปตามแผนที่และพิกัดภูมิศาสตร์ของแต่ละจุดที่ประกอบเป็นเขตไหล่ทวีปของไทย ซึ่งแนบท้ายประกาศนี้เป็นเขตไหล่ทวีปของประเทศไทยด้านอ่าวไทย“

    อย่างไรก็ตาม ก่อนที่จะมีพระบรมราชโองการฉบับนี้เป็นเวลา 2 ปี คือปี พ.ศ. 2514 และ พ.ศ. 2515 รัฐบาลราชอาณาจักรไทยได้ทำการให้สัมปทานปิโตรเลียมให้กับต่างชาติไปแล้วหลายแปลง โดยเฉพาะกลุ่มทุนจาก สหรัฐอเมริกา อังกฤษ และญี่ปุ่น ที่ยึดถือการซื้อขายปิโตรเลียมเป็นเงินดอลลาร์สหรัฐ หรือที่เรียกว่า ปิโตรดอลลาร์

    ดังนั้น การที่กัมพูชาตราพระราชกฤษฎีกาของราชอาณาจักรกัมพูชาได้กำหนดแผนที่ “เส้นเขตไหล่ทวีป” ของราชอาณาจักรกัมพูชา ฉบับเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2515 ย่อมทำให้ผู้รับสัมปทานในประเทศไทยยังไม่สามารถดำเนินการให้สำรวจและแสวงประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติในอ่าวไทยได้ และอาจทำให้แหล่งปิโตรเลียมของราชอาณาจักรไทยกลายเป็นของกัมพูชาได้ด้วย

    ประกอบกับในเวลานั้นประเทศไทยได้ผ่านบทเรียนราคาแพงมาเป็นเวลา 10 ปีที่ได้สูญเสียปราสาทพระวิหารไปแล้วตั้งแต่ปี พ.ศ. 2505 ที่คำตัดสินของศาลโลกให้ประเทศไทยแพ้คดีด้วยเพราะ “กฎหมายปิดปาก” โดยอ้างว่าฝ่ายไทยนิ่งเฉยไม่ปฏิเสธต่อแผนที่ฝรั่งเศส อ้างว่าฝ่ายไทยนิ่งเฉยต่อการสำแดงอธิปไตยของกัมพูชา ทั้งๆ ที่ปราสาทพระวิหารตั้งอยู่บนยอดหน้าผาฝั่งราชอาณาจักรไทยซึ่งเป็นเส้นเขตแดนตามธรรมชาติที่ชัดเจน

    ดังนั้น ประเทศไทยจะดำเนินการปฏิเสธเส้นเขตไหล่ทวีปของกัมพูชาฉบับปี พ.ศ. 2515 จึงต้องมีความรอบคอบ รัดกุม และคำนึงถึงการปกป้องสิทธิและอธิปไตยของชาติ ไม่ให้ถูกแย่งชิงแหล่งสัมปทานปิโตรเลียมในอ่าวไทยให้ไปเป็นของกัมพูชา ไม่ให้ซ้ำรอยการสูญเสียปราสาทพระวิหารของไทยในปี พ.ศ. 2505 ด้วย

    ดังนั้น เพื่อความสมบูรณ์และชอบธรรมในการ “ปฏิเสธ” แผนที่เส้นเขตไหล่ทวีปของกัมพูชาที่ไม่กระทำการตามกฎหมายทะเลสากล พระบรมราชโองการประกาศกำหนดเขตไหล่ทวีปประเทศไทยด้านอ่าวไทยเมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2516 จึงอยู่บน “มูลฐานของกฎหมายทะเลสากล” ดังความปรากฎในพระบรมราชโองการว่า

    “ในการกำหนดเขตไหล่ทวีปนี้ ได้ยึดถือมูลฐานแห่งสิทธิตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศ อันเป็นที่ยอมรับนับถือกันทั่วไป และตามอนุสัญญาว่าด้วยไหล่ทวีป ซึ่งกระทำ ณ กรุงเจนีวา ลงวันที่ 29 เมษายน ค.ศ. 1958 และประเทศไทยได้ให้สัตยาบันไว้แล้วเมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2511”

    แม้ราชอาณาจักรไทยจะมีพระบรมราชโองการประกาศเส้นเขตไหล่ทวีปที่อยู่บนมูลฐานของกฎหมายสากล แต่ก็ยังมีความตระหนักด้วยว่าอาจจะต้องมีความเสี่ยงที่จะเกิดข้อพิพาท “ในอนาคต” กับเส้นเขตไหล่ทวีปของกัมพูชาอย่างแน่นอน

    ราชอาณาจักรไทยจึงได้ประกาศโดยพระบรมราชโองการในสมัยรัชกาลที่ 9 กำหนดเส้นเขตไหล่ทวีปนั้น ได้วางหลักในอนาคตว่าหากจะมีการตกลงกันในวันข้างหน้าจะต้องใช้มูลฐานของกฎหมายสากลเท่านั้น

    ซึ่งแปลว่าฝ่ายราชอาณาจักรไทยนอกจากจะประกาศ “ปฏิเสธ” เส้นเขตไหล่ทวีปที่ละเมิดสิทธิและอธิปไตย ณ วันที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2516 แล้ว ยังจะต้อง “ปฏิเสธ” เส้นเขตไหล่ทวีปที่ไม่เป็นไปตามกฎหมายสากลทุกกรณีใน “อนาคต” ด้วย ดังข้อความปรากฏในพระบรมราชโองการความว่า

    “สำหรับสิทธิอธิปไตยในส่วนที่เป็นทะเลอาณาเขตซึ่งต่อเนื่องกับทะเลอาณาเขตใกล้เคียงอันจะถือเป็นจุดเริ่มของเส้นแบ่งเขตไหล่ทวีปนั้นจะเป็นไปตามที่จะได้ตกลงกัน โดยยึดถือมูลฐานแห่งบทบัญญัติของอนุสัญญาว่าด้วยทะเล อาณาเขตและเขตต่อเนื่อง ซึ่งกระทำ ณ กรุงเจนีวา ลงวันที่ 29 เมษายน ค.ศ. 1958“



    หมายความว่าหากราชอาณาจักรไทยมีข้อพิพาทในอาณาเขตใกล้เคียงกันแล้วก็เปิดทางให้ตกลงกันได้ แต่ต้อง “ยึดถือมูลฐานแห่งบทบัญญัติของอนุสัญญาว่าด้วยทะเล อาณาเขตและเขตต่อเนื่อง ซึ่งกระทำ ณ กรุงเจนีวา ลงวันที่ 29 เมษายน ค.ศ. 1958” เท่านั้น

    ดังเช่นกรณีพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลระหว่างไทย-มาเลเซีย ที่ต่างฝ่ายต่างอ้างเส้นเขตไหล่ทวีปของประเทศตัวเองให้ได้เปรียบที่สุด

    แต่เมื่อทั้ง 2 ประเทศได้ตกลงกันโดยอาศัยมูลฐานของกฎหมายทะเลสากล จึงสามารถยอมรับการอ้างสิทธิทับซ้อนเหลื่อมล้ำกันของพื้นที่ซึ่งกันและกันได้ และยังคงเป็นการดำเนินรอยตามพระบรมราชโองการสมัยรัชกาลที่ 9 ที่ประกาศกำหนดเขตไหล่ทวีปประเทศไทยด้านอ่าวไทยเมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2516

    ด้วยเหตุนี้จึงทำให้เกิดพื้นที่พัฒนาร่วมไทย-มาเลเซียในการแบ่งปันผลผลิตปิโตรเลียม โดยการจัดตั้งองค์กรร่วมเพื่อแสวงหาผลประโยชน์จากทรัพยากรในพื้นดินใต้ทะเลในบริเวณที่กำหนดของไหล่ทวีปของไทย-มาเลเซียในอ่าวไทย

    แต่เมื่อจะมีบันทึกความเข้าใจเกี่ยวกับการจัดตั้งองค์กรร่วมเพื่อแสวงหาผลประโยชน์จากทรัพยากรในพื้นดินใต้ทะเลในบริเวณที่กำหนดของไหล่ทวีปของประเทศทั้งสองในอ่าวไทยแล้ว ก็ยังต้องอาศัยพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ประกาศใช้บันทีกความเข้าใจฉบับดังกล่าว เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2523 และรับสนองพระบรมราชโองการโดย พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ นายกรัฐมนตรี

    แต่กรณีของเส้นเขตไหล่ทวีปของกัมพูชาซึ่งไม่อยู่บนฐานของมูลฐานของกฎหมายทะเลสากล ซึ่งราชอาณาจักรไทย ได้ “ปฏิเสธ” ไปแล้วโดยมีพระบรมราชโองการในสมัยรัชกาลที่ 9 ที่ได้ทรงประกาศกำหนดเขตไหล่ทวีปประเทศไทยด้านอ่าวไทยของราชอาณาจักรไทย เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2516 และได้ “ปฏิเสธ” การตกลงกันในอนาคตด้วย เพราะการขีดเส้นเขตไหล่ทวีปของกัมพูชาดังกล่าวไม่ได้อยู่บนมูลฐานของมูลฐานแห่งบทบัญญัติของกฎหมายทะเลสากล

    ดังนั้น บันทึกความเข้าใจระหว่างไทย-กัมพูชาเรื่องพื้นที่อ้างสิทธิทับซ้อนทางทะเลในอ่าวไทย ปี พ.ศ. 2544 (MOU 2544) ในสมัยรัฐบาลทักษิณ ชินวัตร ลงนามกันเมื่อวันที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2544 ได้เปลี่ยนสถานภาพในหลักการสำคัญ จากการ “ปฏิเสธ“ เส้นเขตไหล่ทวีปของกัมพูชาที่ละเมิดสิทธิและอธิปไตยของราชอาณาจักรไทย มากลายเป็น “รับรู้” และ “ไม่ปฏิเสธ” พื้นที่อ้างสิทธิเขตไหล่ทวีปของประเทศกัมพูชาที่ขีดเส้นตามอำเภอใจและไม่เป็นไปตามกฎหมายสากล

    การที่ประเทศไทย “ไม่ปฏิเสธ” การลากเส้นเขตไหล่ทวีปที่ไม่เป็นไปตามกฎหมายสากลของกัมพูชา ย่อมเท่ากับประเทศไทยเข้าสู่ภาวะสุ่มเสี่ยงที่ถูกตีความได้ว่าราชอาณาจักรไทยได้ “สละสิทธิ” จุดแข็งที่สุดคือการลากเส้นไหล่ทวีปตามกฎหมายสากลเพียงอย่างเดียว ให้กลายเป็นการยอมรับการเกิดพื้นที่ไม่แน่ชัดเหลื่อมซ้อนกันระหว่างการลากเส้นตามกฎหมายสากลของราชอาณาจักรไทย กับการลากเส้นตามอำเภอใจของกัมพูชาที่ละเมิดสิทธิและอธิปไตยของราชอาณาจักรไทย

    MOU 2544 จึงอาจเข้าข่ายการฝ่าฝืนพระบรมราชโองการในสมัยรัชกาลที่ 9 ประกาศกำหนดเขตไหล่ทวีปประเทศไทยด้านอ่าวไทยของราชอาณาจักรไทย เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2516 เนื่องด้วยมีการ “รับรู้” และ “ไม่ปฏิเสธ” การอ้างสิทธิทับซ้อนโดยอาศัยการขีดเส้นไหล่ทวีปของกัมพูชาซึ่งไม่อยู่บน ”มูลฐานของกฎหมายทะเลสากล“

    เรากำลังขาดสติเดินตามรอย “กฎหมายปิดปาก”เสี่ยงสูญเสียเกาะกูดในอนาคตได้เหมือนการสูญเสียปราสาทพระวิหารในอดีตหรือไม่?

    ความสุ่มเสี่ยงดังกล่าวได้เคยเป็นปัญหาที่มีการถกเถียงกันอย่างมากระหว่างรัฐบาลไทยและภาคประชาชนต่อเนื่องมาก่อนแล้วเมื่อ 16 ปีก่อน

    จนในที่สุดในสมัยรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี ได้มีการประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552 ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบในหลักการให้ยกเลิก MOU 2544 ไปแล้ว ดังปรากฏหลักฐานของ นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ผู้ได้ตอบกระทู้ของนายคำนูณ สิทธิสมาน สมาชิกวุฒิสภา เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2553 ความตอนหนึ่งว่า

    “ขอกราบเรียนดังนี้ คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2552 เห็นชอบในหลักการให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการยกเลิกบันทึกความเข้าใจระหว่างไทยและกัมพูชาว่าด้วยพื้นที่ที่ไทยและกัมพูชาอ้างสิทธิในไหล่ทวีปทับซ้อนกัน ฉบับวันที่ 18 มิถุนายน 2554 แต่โดยที่เรื่องดังกล่าวต้องนำเสนอรัฐสภาเพื่อขอความเห็นชอบ

    จึงมอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศพิจารณาข้อกฎหมายให้รอบคอบก่อนดำเนินการต่อไป แล้วก็กระทรวงการต่างประเทศโดยกรมสนธิสัญญาและกฎหมายกำลังดำเนินการศึกษาและพิจารณาข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องโดยละเอียดก่อนนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณา แล้วก็เพื่อเสนอต่อรัฐสภาต่อไป”

    โดยพรรคร่วมรัฐบาลในขณะนั้นที่เห็นชอบในหลักการให้ยกเลิก MOU 2544 ประกอบไปด้วย พรรคประชาธิปัตย์ พรรคภูมิใจไทย พรรคชาติไทยพัฒนา พรรคเพื่อแผ่นดิน พรรครวมชาติพัฒนา พรรคกิจสังคม และพรรคมาตุภูมิ

    จริงอยู่ที่ว่าการยกเลิก MOU 2544 จนปัจจุบันยังไม่แล้วเสร็จ แต่มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552 มีผลผูกพันทางกฎหมายอย่างแน่นอน และยังมีผลจนถึงปัจจุบันหากยังไม่มีมติคณะรัฐมนตรีเป็นอย่างอื่น

    ดังนั้น การปฏิบัติหน้าที่ของทุกกระทรวงจะดำเนินการไปในหลักการอื่นโดยฝ่าฝืนต่อมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552 จะทำต่อไปได้อย่างไร ยกเว้นเสียแต่ว่ามีการขอความเห็นชอบต่อคณะรัฐมนตรีเสียใหม่ จริงหรือไม่?

    ดังนั้น การเดินหน้าในการแบ่งผลประโยชน์ระหว่างไทย-กัมพูชาตาม MOU 2544 ต่อไป อาจเข้าข่ายไม่เพียงเป็นการฝ่าฝืนพระบรมราชโองการสมัยรัชกาลที่ 9 ที่ประกาศกำหนดเขตไหล่ทวีปประเทศไทยด้านอ่าวไทยเมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2516 เท่านั้น แต่ยังฝ่าฝืนต่อมติคณะรัฐมนตรีเมื่อ วันที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552 อีกด้วย

    สำหรับ นายภูมิธรรม เวชชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แทนที่จะมากล่าวหาว่าประชาชนผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับการเดินหน้า MOU 2544 ว่าเป็นพวกคลั่งชาตินั้น ก็ควรจะสำรวจรัฐบาลตัวเองด้วยว่ากำลังขายชาติอยู่หรือไม่

    ด้วยจิตคารวะ
    ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์
    คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต

    https://mgronline.com/daily/detail/9670000105530

    #Thaitimes
    ณ บ้านพระอาทิตย์ ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ การประกาศขีดเส้นเขตไหล่ทวีป และทะเลอาณาเขตของกัมพูชาในปี พ.ศ. 2515 ที่ไม่เป็นไปตามกฎหมายทะเลสากลนั้น ได้มีการละเมิดสิทธิและอธิปไตยทางทะเลของราชอาณาจักรไทยอย่างชัดเจน และส่งผลทำให้ราชอาณาจักรไทยได้ “ปฏิเสธ” การประกาศขีดเส้นที่ไม่เป็นไปตามกฎหมายสากลของกัมพูชาไปแล้ว ด้วยการมีพระบรมราชโองการประกาศกำหนดเขตไหล่ทวีปประเทศไทยด้านอ่าวไทยเมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2516 นอกจากนั้นในสมัยรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้มีมติคณะรัฐมนตรีเห็นชอบในหลักการให้ยกเลิกบันทึกความเข้าใจระหว่างราชอาณาจักไทย-กัมพูชา เกี่ยวกับอ้างสิทธิทับซ้อนทางทะเลในอ่าวไทย ปี พ.ศ. 2544 (MOU 2544) ตั้งแต่วันที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552 อีกด้วย โดยมีรายละเอียด ดังนี้ พระราชกฤษฎีกาของราชอาณาจักรกัมพูชาได้กำหนดแผนที่ “เส้นเขตไหล่ทวีป” ของราชอาณาจักรกัมพูชา ฉบับเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2515 ที่ลากเส้นจากหลักเขตที่ 73 มาประชิดเกาะกูดด้านตะวันออก แล้วอ้อมเกาะกูดไปด้านล่างแล้ววกกลับมาเป็นรูปตัว U แล้วลากเส้นต่อเนื่องไปยังทิศตะวันตกของเกาะกูดลึกเข้าไปในอ่าวไทยก็ดี หรือพระราชกฤษฎีกาของราชอาณาจักรกัมพูชาฝ่ายเดียว ซึ่งกำหนดแผนที่แสดงการลาก “เส้นทะเลอาณาเขต” ของกัมพูชาจากหลักเขตที่ 73 ประชิดด้านทิศตะวันตกของเกาะกูด ฉบับเมื่อวันที่ 12 กันยายน พ.ศ.2515 ก็ดี ล้วนเป็นแผนที่กำหนดเส้นเขตแดนทางทะเลที่ “ละเมิดสิทธิและละเมิดอธิปไตยของประเทศไทย“ทั้งสิ้น และยังไม่เป็นไปตามกฎหมายทะเลสากล เพราะไม่เป็นไปตามบทบัญญัติอนุสัญญาว่าด้วยไหล่ทวีป ซึ่งกระทำ ณ กรุงเจนีวา ลงวันที่ 29 เมษายน ค.ศ. 1958 อีกด้วย โดยมีผลตามมาดังนี้ 1.ละเมิด ทะเลอาณาเขต 12 ไมล์ทะเลของราชอาณาจักรไทยรอบเกาะกูด 2.ละเมิดเขตทะเลต่อเนื่อง 24 ไมล์ทะเลของราชอาณาจักรไทยรอบเกาะกูด 3.ละเมิดเขตเศรษฐกิจจำเพาะของราชอาณาจักรไทยที่มีการแบ่งครึ่งมุมระหว่างเกาะกูดกับเกาะกงจากหลักเขตที่ 73 จึงเป็นการละเมิดเส้นแบ่งที่ระยะทางเท่ากันระหว่างไทยและกัมพูชา (Equidistant Line) อย่างไรก็ตาม ราชอาณาจักรไทยได้เคย “ปฏิเสธ” การขีดเส้นทางทะเลของกัมพูชาที่ไม่เป็นไปตามกฎหมายสากลไปแล้วในเวลาต่อมา โดยราชอาณาจักรไทยได้มีพระบรมราชโองการในสมัยรัชกาลที่ 9 ประกาศกำหนดเขตไหล่ทวีปประเทศไทยด้านอ่าวไทยของราชอาณาจักรไทย เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2516 ลงราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2516 โดยมีจอมพลถนอม กิตติขจร นายกรัฐมนตรี เป็นผู้รับสนองพระบรมราชโองการ “พระบรมราชโองการ” ตรงกับภาษาอังกฤษคำว่า “Royal Command” ซึ่งมีความหมายว่า “คำสั่งราชการของพระมหากษัตริย์” พระบรมราชโองการในสมัยรัชกาลที่ 9 ประกาศกำหนดเขตไหล่ทวีปประเทศไทยด้านอ่าวไทยเมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2516 เป็นพระราชอำนาจภายใต้ธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2515 ที่เกี่ยวพันกับสถานภาพกำหนดเขตแดนทางทะเลของ “ราชอาณาจักรไทย” กับ “จอมทัพไทย” และองค์พระมหากษัตริย์ไทยผู้ทรงเป็นประมุขแห่งราชอาณาจักรไทยภายใต้รัฐธรรมนูญ ดังนี้ “มาตรา 1 ประเทศไทยเป็นราชอาณาจักรอันหนึ่งอันเดียวจะแบ่งแยกมิได้ พระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขและดำรงตำแหน่งจอมทัพไทย มาตรา 18 บรรดาบทกฎหมาย พระราชหัตถเลขา และพระบรมราชโองการใดๆ อันเกี่ยวกับราชการแผ่นดิน ต้องมีนายกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรีเป็นผู้ลงนามรับสนองพระบรมราชโองการ” ดังนั้น พระบรมราชโองการประกาศกำหนดเขตไหล่ทวีปประเทศไทยด้านอ่าวไทยเมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2516 เป็นพระบรมราชโองการที่เกี่ยวกับราชการแผ่นดิน จึงมีผลตามกฎหมายและต้องมีการบังคับใช้จนถึงปัจจุบัน หากมีการเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่นต้องมีการแก้ไขด้วยพระบรมราชโองการเช่นกัน ดังนั้นจะอาศัยนักการเมืองไปตกลงกันเองตามอำเภอใจโดยขัดต่อพระบรมราชโองการนั้นไม่ได้ ความสำคัญของพระบรมราชโองการในสมัยรัชกาลที่ 9 ที่ประกาศกำหนดเขตไหล่ทวีปประเทศไทยด้านอ่าวไทยเมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2516 นอกจากจะมีความหมายถึงการ “ปฏิเสธ” เส้นเขตไหล่ทวีปของกัมพูชาที่รุกล้ำราชอาณาเขตทะเลไทยแล้ว ยังได้ประกาศถึงเรื่อง “สิทธิอธิปไตยในการสำรวจและแสวงหาทรัพยากรธรรมชาติ” อย่างชัดเจนดังปรากฏเป็นข้อความในพระบรมราชโองการความว่า “เพื่อความมุ่งประสงค์ในการใช้สิทธิอธิปไตยของประเทศไทยในการสำรวจและการแสวงประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติในอ่าวไทย จึงกำหนดให้เขตไหล่ทวีปตามแผนที่และพิกัดภูมิศาสตร์ของแต่ละจุดที่ประกอบเป็นเขตไหล่ทวีปของไทย ซึ่งแนบท้ายประกาศนี้เป็นเขตไหล่ทวีปของประเทศไทยด้านอ่าวไทย“ อย่างไรก็ตาม ก่อนที่จะมีพระบรมราชโองการฉบับนี้เป็นเวลา 2 ปี คือปี พ.ศ. 2514 และ พ.ศ. 2515 รัฐบาลราชอาณาจักรไทยได้ทำการให้สัมปทานปิโตรเลียมให้กับต่างชาติไปแล้วหลายแปลง โดยเฉพาะกลุ่มทุนจาก สหรัฐอเมริกา อังกฤษ และญี่ปุ่น ที่ยึดถือการซื้อขายปิโตรเลียมเป็นเงินดอลลาร์สหรัฐ หรือที่เรียกว่า ปิโตรดอลลาร์ ดังนั้น การที่กัมพูชาตราพระราชกฤษฎีกาของราชอาณาจักรกัมพูชาได้กำหนดแผนที่ “เส้นเขตไหล่ทวีป” ของราชอาณาจักรกัมพูชา ฉบับเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2515 ย่อมทำให้ผู้รับสัมปทานในประเทศไทยยังไม่สามารถดำเนินการให้สำรวจและแสวงประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติในอ่าวไทยได้ และอาจทำให้แหล่งปิโตรเลียมของราชอาณาจักรไทยกลายเป็นของกัมพูชาได้ด้วย ประกอบกับในเวลานั้นประเทศไทยได้ผ่านบทเรียนราคาแพงมาเป็นเวลา 10 ปีที่ได้สูญเสียปราสาทพระวิหารไปแล้วตั้งแต่ปี พ.ศ. 2505 ที่คำตัดสินของศาลโลกให้ประเทศไทยแพ้คดีด้วยเพราะ “กฎหมายปิดปาก” โดยอ้างว่าฝ่ายไทยนิ่งเฉยไม่ปฏิเสธต่อแผนที่ฝรั่งเศส อ้างว่าฝ่ายไทยนิ่งเฉยต่อการสำแดงอธิปไตยของกัมพูชา ทั้งๆ ที่ปราสาทพระวิหารตั้งอยู่บนยอดหน้าผาฝั่งราชอาณาจักรไทยซึ่งเป็นเส้นเขตแดนตามธรรมชาติที่ชัดเจน ดังนั้น ประเทศไทยจะดำเนินการปฏิเสธเส้นเขตไหล่ทวีปของกัมพูชาฉบับปี พ.ศ. 2515 จึงต้องมีความรอบคอบ รัดกุม และคำนึงถึงการปกป้องสิทธิและอธิปไตยของชาติ ไม่ให้ถูกแย่งชิงแหล่งสัมปทานปิโตรเลียมในอ่าวไทยให้ไปเป็นของกัมพูชา ไม่ให้ซ้ำรอยการสูญเสียปราสาทพระวิหารของไทยในปี พ.ศ. 2505 ด้วย ดังนั้น เพื่อความสมบูรณ์และชอบธรรมในการ “ปฏิเสธ” แผนที่เส้นเขตไหล่ทวีปของกัมพูชาที่ไม่กระทำการตามกฎหมายทะเลสากล พระบรมราชโองการประกาศกำหนดเขตไหล่ทวีปประเทศไทยด้านอ่าวไทยเมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2516 จึงอยู่บน “มูลฐานของกฎหมายทะเลสากล” ดังความปรากฎในพระบรมราชโองการว่า “ในการกำหนดเขตไหล่ทวีปนี้ ได้ยึดถือมูลฐานแห่งสิทธิตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศ อันเป็นที่ยอมรับนับถือกันทั่วไป และตามอนุสัญญาว่าด้วยไหล่ทวีป ซึ่งกระทำ ณ กรุงเจนีวา ลงวันที่ 29 เมษายน ค.ศ. 1958 และประเทศไทยได้ให้สัตยาบันไว้แล้วเมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2511” แม้ราชอาณาจักรไทยจะมีพระบรมราชโองการประกาศเส้นเขตไหล่ทวีปที่อยู่บนมูลฐานของกฎหมายสากล แต่ก็ยังมีความตระหนักด้วยว่าอาจจะต้องมีความเสี่ยงที่จะเกิดข้อพิพาท “ในอนาคต” กับเส้นเขตไหล่ทวีปของกัมพูชาอย่างแน่นอน ราชอาณาจักรไทยจึงได้ประกาศโดยพระบรมราชโองการในสมัยรัชกาลที่ 9 กำหนดเส้นเขตไหล่ทวีปนั้น ได้วางหลักในอนาคตว่าหากจะมีการตกลงกันในวันข้างหน้าจะต้องใช้มูลฐานของกฎหมายสากลเท่านั้น ซึ่งแปลว่าฝ่ายราชอาณาจักรไทยนอกจากจะประกาศ “ปฏิเสธ” เส้นเขตไหล่ทวีปที่ละเมิดสิทธิและอธิปไตย ณ วันที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2516 แล้ว ยังจะต้อง “ปฏิเสธ” เส้นเขตไหล่ทวีปที่ไม่เป็นไปตามกฎหมายสากลทุกกรณีใน “อนาคต” ด้วย ดังข้อความปรากฏในพระบรมราชโองการความว่า “สำหรับสิทธิอธิปไตยในส่วนที่เป็นทะเลอาณาเขตซึ่งต่อเนื่องกับทะเลอาณาเขตใกล้เคียงอันจะถือเป็นจุดเริ่มของเส้นแบ่งเขตไหล่ทวีปนั้นจะเป็นไปตามที่จะได้ตกลงกัน โดยยึดถือมูลฐานแห่งบทบัญญัติของอนุสัญญาว่าด้วยทะเล อาณาเขตและเขตต่อเนื่อง ซึ่งกระทำ ณ กรุงเจนีวา ลงวันที่ 29 เมษายน ค.ศ. 1958“ หมายความว่าหากราชอาณาจักรไทยมีข้อพิพาทในอาณาเขตใกล้เคียงกันแล้วก็เปิดทางให้ตกลงกันได้ แต่ต้อง “ยึดถือมูลฐานแห่งบทบัญญัติของอนุสัญญาว่าด้วยทะเล อาณาเขตและเขตต่อเนื่อง ซึ่งกระทำ ณ กรุงเจนีวา ลงวันที่ 29 เมษายน ค.ศ. 1958” เท่านั้น ดังเช่นกรณีพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลระหว่างไทย-มาเลเซีย ที่ต่างฝ่ายต่างอ้างเส้นเขตไหล่ทวีปของประเทศตัวเองให้ได้เปรียบที่สุด แต่เมื่อทั้ง 2 ประเทศได้ตกลงกันโดยอาศัยมูลฐานของกฎหมายทะเลสากล จึงสามารถยอมรับการอ้างสิทธิทับซ้อนเหลื่อมล้ำกันของพื้นที่ซึ่งกันและกันได้ และยังคงเป็นการดำเนินรอยตามพระบรมราชโองการสมัยรัชกาลที่ 9 ที่ประกาศกำหนดเขตไหล่ทวีปประเทศไทยด้านอ่าวไทยเมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2516 ด้วยเหตุนี้จึงทำให้เกิดพื้นที่พัฒนาร่วมไทย-มาเลเซียในการแบ่งปันผลผลิตปิโตรเลียม โดยการจัดตั้งองค์กรร่วมเพื่อแสวงหาผลประโยชน์จากทรัพยากรในพื้นดินใต้ทะเลในบริเวณที่กำหนดของไหล่ทวีปของไทย-มาเลเซียในอ่าวไทย แต่เมื่อจะมีบันทึกความเข้าใจเกี่ยวกับการจัดตั้งองค์กรร่วมเพื่อแสวงหาผลประโยชน์จากทรัพยากรในพื้นดินใต้ทะเลในบริเวณที่กำหนดของไหล่ทวีปของประเทศทั้งสองในอ่าวไทยแล้ว ก็ยังต้องอาศัยพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ประกาศใช้บันทีกความเข้าใจฉบับดังกล่าว เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2523 และรับสนองพระบรมราชโองการโดย พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ นายกรัฐมนตรี แต่กรณีของเส้นเขตไหล่ทวีปของกัมพูชาซึ่งไม่อยู่บนฐานของมูลฐานของกฎหมายทะเลสากล ซึ่งราชอาณาจักรไทย ได้ “ปฏิเสธ” ไปแล้วโดยมีพระบรมราชโองการในสมัยรัชกาลที่ 9 ที่ได้ทรงประกาศกำหนดเขตไหล่ทวีปประเทศไทยด้านอ่าวไทยของราชอาณาจักรไทย เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2516 และได้ “ปฏิเสธ” การตกลงกันในอนาคตด้วย เพราะการขีดเส้นเขตไหล่ทวีปของกัมพูชาดังกล่าวไม่ได้อยู่บนมูลฐานของมูลฐานแห่งบทบัญญัติของกฎหมายทะเลสากล ดังนั้น บันทึกความเข้าใจระหว่างไทย-กัมพูชาเรื่องพื้นที่อ้างสิทธิทับซ้อนทางทะเลในอ่าวไทย ปี พ.ศ. 2544 (MOU 2544) ในสมัยรัฐบาลทักษิณ ชินวัตร ลงนามกันเมื่อวันที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2544 ได้เปลี่ยนสถานภาพในหลักการสำคัญ จากการ “ปฏิเสธ“ เส้นเขตไหล่ทวีปของกัมพูชาที่ละเมิดสิทธิและอธิปไตยของราชอาณาจักรไทย มากลายเป็น “รับรู้” และ “ไม่ปฏิเสธ” พื้นที่อ้างสิทธิเขตไหล่ทวีปของประเทศกัมพูชาที่ขีดเส้นตามอำเภอใจและไม่เป็นไปตามกฎหมายสากล การที่ประเทศไทย “ไม่ปฏิเสธ” การลากเส้นเขตไหล่ทวีปที่ไม่เป็นไปตามกฎหมายสากลของกัมพูชา ย่อมเท่ากับประเทศไทยเข้าสู่ภาวะสุ่มเสี่ยงที่ถูกตีความได้ว่าราชอาณาจักรไทยได้ “สละสิทธิ” จุดแข็งที่สุดคือการลากเส้นไหล่ทวีปตามกฎหมายสากลเพียงอย่างเดียว ให้กลายเป็นการยอมรับการเกิดพื้นที่ไม่แน่ชัดเหลื่อมซ้อนกันระหว่างการลากเส้นตามกฎหมายสากลของราชอาณาจักรไทย กับการลากเส้นตามอำเภอใจของกัมพูชาที่ละเมิดสิทธิและอธิปไตยของราชอาณาจักรไทย MOU 2544 จึงอาจเข้าข่ายการฝ่าฝืนพระบรมราชโองการในสมัยรัชกาลที่ 9 ประกาศกำหนดเขตไหล่ทวีปประเทศไทยด้านอ่าวไทยของราชอาณาจักรไทย เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2516 เนื่องด้วยมีการ “รับรู้” และ “ไม่ปฏิเสธ” การอ้างสิทธิทับซ้อนโดยอาศัยการขีดเส้นไหล่ทวีปของกัมพูชาซึ่งไม่อยู่บน ”มูลฐานของกฎหมายทะเลสากล“ เรากำลังขาดสติเดินตามรอย “กฎหมายปิดปาก”เสี่ยงสูญเสียเกาะกูดในอนาคตได้เหมือนการสูญเสียปราสาทพระวิหารในอดีตหรือไม่? ความสุ่มเสี่ยงดังกล่าวได้เคยเป็นปัญหาที่มีการถกเถียงกันอย่างมากระหว่างรัฐบาลไทยและภาคประชาชนต่อเนื่องมาก่อนแล้วเมื่อ 16 ปีก่อน จนในที่สุดในสมัยรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี ได้มีการประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552 ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบในหลักการให้ยกเลิก MOU 2544 ไปแล้ว ดังปรากฏหลักฐานของ นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ผู้ได้ตอบกระทู้ของนายคำนูณ สิทธิสมาน สมาชิกวุฒิสภา เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2553 ความตอนหนึ่งว่า “ขอกราบเรียนดังนี้ คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2552 เห็นชอบในหลักการให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการยกเลิกบันทึกความเข้าใจระหว่างไทยและกัมพูชาว่าด้วยพื้นที่ที่ไทยและกัมพูชาอ้างสิทธิในไหล่ทวีปทับซ้อนกัน ฉบับวันที่ 18 มิถุนายน 2554 แต่โดยที่เรื่องดังกล่าวต้องนำเสนอรัฐสภาเพื่อขอความเห็นชอบ จึงมอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศพิจารณาข้อกฎหมายให้รอบคอบก่อนดำเนินการต่อไป แล้วก็กระทรวงการต่างประเทศโดยกรมสนธิสัญญาและกฎหมายกำลังดำเนินการศึกษาและพิจารณาข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องโดยละเอียดก่อนนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณา แล้วก็เพื่อเสนอต่อรัฐสภาต่อไป” โดยพรรคร่วมรัฐบาลในขณะนั้นที่เห็นชอบในหลักการให้ยกเลิก MOU 2544 ประกอบไปด้วย พรรคประชาธิปัตย์ พรรคภูมิใจไทย พรรคชาติไทยพัฒนา พรรคเพื่อแผ่นดิน พรรครวมชาติพัฒนา พรรคกิจสังคม และพรรคมาตุภูมิ จริงอยู่ที่ว่าการยกเลิก MOU 2544 จนปัจจุบันยังไม่แล้วเสร็จ แต่มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552 มีผลผูกพันทางกฎหมายอย่างแน่นอน และยังมีผลจนถึงปัจจุบันหากยังไม่มีมติคณะรัฐมนตรีเป็นอย่างอื่น ดังนั้น การปฏิบัติหน้าที่ของทุกกระทรวงจะดำเนินการไปในหลักการอื่นโดยฝ่าฝืนต่อมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552 จะทำต่อไปได้อย่างไร ยกเว้นเสียแต่ว่ามีการขอความเห็นชอบต่อคณะรัฐมนตรีเสียใหม่ จริงหรือไม่? ดังนั้น การเดินหน้าในการแบ่งผลประโยชน์ระหว่างไทย-กัมพูชาตาม MOU 2544 ต่อไป อาจเข้าข่ายไม่เพียงเป็นการฝ่าฝืนพระบรมราชโองการสมัยรัชกาลที่ 9 ที่ประกาศกำหนดเขตไหล่ทวีปประเทศไทยด้านอ่าวไทยเมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2516 เท่านั้น แต่ยังฝ่าฝืนต่อมติคณะรัฐมนตรีเมื่อ วันที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552 อีกด้วย สำหรับ นายภูมิธรรม เวชชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แทนที่จะมากล่าวหาว่าประชาชนผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับการเดินหน้า MOU 2544 ว่าเป็นพวกคลั่งชาตินั้น ก็ควรจะสำรวจรัฐบาลตัวเองด้วยว่ากำลังขายชาติอยู่หรือไม่ ด้วยจิตคารวะ ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต https://mgronline.com/daily/detail/9670000105530 #Thaitimes
    Like
    Love
    8
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 878 มุมมอง 0 รีวิว
  • สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาของไทย (อย.) ได้เผยแพร่ผลการตรวจสอบองุ่นพันธุ์ไชน์มัสแคท (Shine Muscat) ที่สุ่มตัวอย่างจากตลาดภายในประเทศ พบว่ามีสารเคมีตกค้างเกินมาตรฐานถึง 95.8% จากตัวอย่างที่ตรวจสอบทั้งหมด 24 ตัวอย่าง

    รายงานระบุว่า ในจำนวนนี้ 9 ตัวอย่างถูกยืนยันว่าเป็นองุ่นนำเข้าจากประเทศจีน ส่วนอีก 15 ตัวอย่างยังไม่สามารถระบุแหล่งที่มาได้อย่างชัดเจน เหตุการณ์นี้ได้สร้างความกังวลในด้านความปลอดภัยของอาหารในหมู่ผู้บริโภคอย่างมาก

    องุ่นไชน์มัสแคทเป็นพันธุ์องุ่นที่ได้รับการพัฒนาจากประเทศญี่ปุ่น โดดเด่นด้วยรสชาติหวานหอมและเนื้อกรอบ ทำให้ได้รับความนิยมสูงในตลาดผลไม้พรีเมียม จนได้รับการขนานนามว่าเป็น “Hermès แห่งวงการองุ่น” ด้วยราคาที่สูงและคุณภาพที่โดดเด่น

    องุ่นไชน์มัสแคทได้รับการนำเข้าไปเพาะปลูกในหลายประเทศ รวมถึงจีนและเกาหลีใต้ ซึ่งทำให้ปริมาณการผลิตเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในจีนที่มีการขยายพื้นที่เพาะปลูกอย่างมาก ส่งผลให้ราคาขององุ่นพันธุ์นี้ลดลงตามกลไกตลาด อย่างไรก็ตาม การเก็บเกี่ยวผลผลิตก่อนสุกเต็มที่ ทำให้ระดับความหวานไม่เพียงพอ และมีการใช้สารเคมีเพื่อเร่งการเติบโตของผลผลิต

    นักวิจัยด้านความปลอดภัยอาหารในจีนระบุว่า ในกระบวนการปลูกองุ่นไชน์มัสแคทนั้น มีการใช้สารเคมีเพื่อควบคุมศัตรูพืชและโรคต่างๆ ประมาณ 5-10 ครั้งในช่วงการเจริญเติบโตขององุ่น โดยเฉพาะในช่วงที่ต้นองุ่นกำลังออกดอกและมีผลอ่อน ทั้งนี้ หากใช้สารเคมีอย่างถูกต้องและเว้นระยะห่างการเก็บเกี่ยวให้เหมาะสม จะทำให้สารเคมีตกค้างอยู่ในระดับที่ปลอดภัย โดยระยะห่างระหว่างการฉีดพ่นสารเคมีกับการเก็บเกี่ยวจะช่วยให้สารเคมีสลายตัวในระยะเวลาที่เหมาะสม

    นายหวังเฉียง ผู้เชี่ยวชาญด้านคุณภาพผลิตภัณฑ์เกษตรจากจีนกล่าวว่า หากมีการใช้สารเคมีตามระเบียบที่กำหนด และเว้นระยะเวลาการเก็บเกี่ยวที่เหมาะสม สารตกค้างในองุ่นไชน์มัสแคทจะไม่เกินมาตรฐานความปลอดภัยสำหรับการบริโภค โดยเสริมว่า "สารเคมีหลายชนิดมีครึ่งชีวิต (half-life) ที่สลายตัวภายใน 7-14 วัน และสามารถถูกชะล้างออกไปด้วยน้ำฝนหรือแสงแดด ซึ่งจะช่วยลดสารตกค้างได้"

    #MGROnline #องุ่นไชน์มัสแคท
    สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาของไทย (อย.) ได้เผยแพร่ผลการตรวจสอบองุ่นพันธุ์ไชน์มัสแคท (Shine Muscat) ที่สุ่มตัวอย่างจากตลาดภายในประเทศ พบว่ามีสารเคมีตกค้างเกินมาตรฐานถึง 95.8% จากตัวอย่างที่ตรวจสอบทั้งหมด 24 ตัวอย่าง • รายงานระบุว่า ในจำนวนนี้ 9 ตัวอย่างถูกยืนยันว่าเป็นองุ่นนำเข้าจากประเทศจีน ส่วนอีก 15 ตัวอย่างยังไม่สามารถระบุแหล่งที่มาได้อย่างชัดเจน เหตุการณ์นี้ได้สร้างความกังวลในด้านความปลอดภัยของอาหารในหมู่ผู้บริโภคอย่างมาก • องุ่นไชน์มัสแคทเป็นพันธุ์องุ่นที่ได้รับการพัฒนาจากประเทศญี่ปุ่น โดดเด่นด้วยรสชาติหวานหอมและเนื้อกรอบ ทำให้ได้รับความนิยมสูงในตลาดผลไม้พรีเมียม จนได้รับการขนานนามว่าเป็น “Hermès แห่งวงการองุ่น” ด้วยราคาที่สูงและคุณภาพที่โดดเด่น • องุ่นไชน์มัสแคทได้รับการนำเข้าไปเพาะปลูกในหลายประเทศ รวมถึงจีนและเกาหลีใต้ ซึ่งทำให้ปริมาณการผลิตเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในจีนที่มีการขยายพื้นที่เพาะปลูกอย่างมาก ส่งผลให้ราคาขององุ่นพันธุ์นี้ลดลงตามกลไกตลาด อย่างไรก็ตาม การเก็บเกี่ยวผลผลิตก่อนสุกเต็มที่ ทำให้ระดับความหวานไม่เพียงพอ และมีการใช้สารเคมีเพื่อเร่งการเติบโตของผลผลิต • นักวิจัยด้านความปลอดภัยอาหารในจีนระบุว่า ในกระบวนการปลูกองุ่นไชน์มัสแคทนั้น มีการใช้สารเคมีเพื่อควบคุมศัตรูพืชและโรคต่างๆ ประมาณ 5-10 ครั้งในช่วงการเจริญเติบโตขององุ่น โดยเฉพาะในช่วงที่ต้นองุ่นกำลังออกดอกและมีผลอ่อน ทั้งนี้ หากใช้สารเคมีอย่างถูกต้องและเว้นระยะห่างการเก็บเกี่ยวให้เหมาะสม จะทำให้สารเคมีตกค้างอยู่ในระดับที่ปลอดภัย โดยระยะห่างระหว่างการฉีดพ่นสารเคมีกับการเก็บเกี่ยวจะช่วยให้สารเคมีสลายตัวในระยะเวลาที่เหมาะสม • นายหวังเฉียง ผู้เชี่ยวชาญด้านคุณภาพผลิตภัณฑ์เกษตรจากจีนกล่าวว่า หากมีการใช้สารเคมีตามระเบียบที่กำหนด และเว้นระยะเวลาการเก็บเกี่ยวที่เหมาะสม สารตกค้างในองุ่นไชน์มัสแคทจะไม่เกินมาตรฐานความปลอดภัยสำหรับการบริโภค โดยเสริมว่า "สารเคมีหลายชนิดมีครึ่งชีวิต (half-life) ที่สลายตัวภายใน 7-14 วัน และสามารถถูกชะล้างออกไปด้วยน้ำฝนหรือแสงแดด ซึ่งจะช่วยลดสารตกค้างได้" • #MGROnline #องุ่นไชน์มัสแคท
    Like
    Angry
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 282 มุมมอง 0 รีวิว
  • ปุ๋ย AB ไฮโดรโปนิกส์+เร่งใบและลำต้น+ปุ๋ยทางใบ/ใบดก+เพิ่มรากฝอย
    (สูตรปุ๋ย 12 ตัว)
    สนใจ Inbox ได้เลยครับ https://bit.ly/46vABmX
    Line : 0851011755 โทร. 084-2616357
    ปุ๋ย AB ชูดคู่ 5 ลิตร 299.- (โอนเงิน ค่าส่ง 45.-, ปลายทาง ค่าส่ง 65.-)
    ปุ๋ย AB ชูดคู่ 10 ลิตร 598.- (โอนเงิน ส่งฟรี!.-, ปลายทาง ค่าส่ง 85.-)
    ปุ๋ย AB ชูดคู่ 20 ลิตร 1100.- (โอนเงินส่งฟรี, ปลายทาง +100.-)
    🍀 พร้อมเร่งราก+เพิ่มรากฝอย ในสูตร
    🍀 รับประกันจำนวนธาตุอาหารเยอะกว่า! ด้วยปุ๋ย 12 ตัว
    🍀 รากเยอะ โตเร็ว รสชาติดี มีน้ำหนัก
    🍀 แคลเซียมโบรอน ช่วยเพิ่มผลผลิต ผักสวย ผักโตเร็ว รสชาติดี มีน้ำหนัก
    🍀 ใช้ได้ทั้งระบบน้ำนิ่งและน้ำวน
    🍀 ใส่ปุ๋ยครั้งเดียว ใช้ได้ทั้งเดือน รอผักโตอย่างเดียว
    🍀 สูตร 1 : 400 (ใช้ 2.5 cc ต่อน้ำ 1 ลิตร)
    👉 มีคู่มือการผสมปุ๋ยและการใช้ปุ๋ยในกล่องทุกออเดอร์
    📍 วิธีใช้
    1. นำปุ๋ยแบบผง มาผสมเป็นหัวเชื้อปุ๋ย A กับ B กับน้ำ เช่น 5, 10, 20, 100 ลิตร (แยกถัง A แยกถัง B)
    2. ผสมหัวเชื้อปุ๋ย A กับ B อย่างละ 2.5 cc ต่อน้ำในแปลงผัก 1 ลิตร
    ปุ๋ย AB ไฮโดรโปนิกส์+เร่งใบและลำต้น+ปุ๋ยทางใบ/ใบดก+เพิ่มรากฝอย (สูตรปุ๋ย 12 ตัว) สนใจ Inbox ได้เลยครับ https://bit.ly/46vABmX Line : 0851011755 โทร. 084-2616357 ปุ๋ย AB ชูดคู่ 5 ลิตร 299.- (โอนเงิน ค่าส่ง 45.-, ปลายทาง ค่าส่ง 65.-) ปุ๋ย AB ชูดคู่ 10 ลิตร 598.- (โอนเงิน ส่งฟรี!.-, ปลายทาง ค่าส่ง 85.-) ปุ๋ย AB ชูดคู่ 20 ลิตร 1100.- (โอนเงินส่งฟรี, ปลายทาง +100.-) 🍀 พร้อมเร่งราก+เพิ่มรากฝอย ในสูตร 🍀 รับประกันจำนวนธาตุอาหารเยอะกว่า! ด้วยปุ๋ย 12 ตัว 🍀 รากเยอะ โตเร็ว รสชาติดี มีน้ำหนัก 🍀 แคลเซียมโบรอน ช่วยเพิ่มผลผลิต ผักสวย ผักโตเร็ว รสชาติดี มีน้ำหนัก 🍀 ใช้ได้ทั้งระบบน้ำนิ่งและน้ำวน 🍀 ใส่ปุ๋ยครั้งเดียว ใช้ได้ทั้งเดือน รอผักโตอย่างเดียว 🍀 สูตร 1 : 400 (ใช้ 2.5 cc ต่อน้ำ 1 ลิตร) 👉 มีคู่มือการผสมปุ๋ยและการใช้ปุ๋ยในกล่องทุกออเดอร์ 📍 วิธีใช้ 1. นำปุ๋ยแบบผง มาผสมเป็นหัวเชื้อปุ๋ย A กับ B กับน้ำ เช่น 5, 10, 20, 100 ลิตร (แยกถัง A แยกถัง B) 2. ผสมหัวเชื้อปุ๋ย A กับ B อย่างละ 2.5 cc ต่อน้ำในแปลงผัก 1 ลิตร
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 83 มุมมอง 0 รีวิว
  • ปุ๋ย AB ไฮโดรโปนิกส์+เร่งใบและลำต้น+ปุ๋ยทางใบ/ใบดก+เพิ่มรากฝอย
    (สูตรปุ๋ย 12 ตัว)
    สนใจ Inbox ได้เลยครับ https://bit.ly/46vABmX
    Line : 0851011755 โทร. 084-2616357
    ปุ๋ย AB ชูดคู่ 5 ลิตร 299.- (โอนเงิน ค่าส่ง 45.-, ปลายทาง ค่าส่ง 65.-)
    ปุ๋ย AB ชูดคู่ 10 ลิตร 598.- (โอนเงิน ส่งฟรี!.-, ปลายทาง ค่าส่ง 85.-)
    ปุ๋ย AB ชูดคู่ 20 ลิตร 1100.- (โอนเงินส่งฟรี, ปลายทาง +100.-)
    🍀 พร้อมเร่งราก+เพิ่มรากฝอย ในสูตร
    🍀 รับประกันจำนวนธาตุอาหารเยอะกว่า! ด้วยปุ๋ย 12 ตัว
    🍀 รากเยอะ โตเร็ว รสชาติดี มีน้ำหนัก
    🍀 แคลเซียมโบรอน ช่วยเพิ่มผลผลิต ผักสวย ผักโตเร็ว รสชาติดี มีน้ำหนัก
    🍀 ใช้ได้ทั้งระบบน้ำนิ่งและน้ำวน
    🍀 ใส่ปุ๋ยครั้งเดียว ใช้ได้ทั้งเดือน รอผักโตอย่างเดียว
    🍀 สูตร 1 : 400 (ใช้ 2.5 cc ต่อน้ำ 1 ลิตร)
    👉 มีคู่มือการผสมปุ๋ยและการใช้ปุ๋ยในกล่องทุกออเดอร์
    📍 วิธีใช้
    1. นำปุ๋ยแบบผง มาผสมเป็นหัวเชื้อปุ๋ย A กับ B กับน้ำ เช่น 5, 10, 20, 100 ลิตร (แยกถัง A แยกถัง B)
    2. ผสมหัวเชื้อปุ๋ย A กับ B อย่างละ 2.5 cc ต่อน้ำในแปลงผัก 1 ลิตร
    ปุ๋ย AB ไฮโดรโปนิกส์+เร่งใบและลำต้น+ปุ๋ยทางใบ/ใบดก+เพิ่มรากฝอย (สูตรปุ๋ย 12 ตัว) สนใจ Inbox ได้เลยครับ https://bit.ly/46vABmX Line : 0851011755 โทร. 084-2616357 ปุ๋ย AB ชูดคู่ 5 ลิตร 299.- (โอนเงิน ค่าส่ง 45.-, ปลายทาง ค่าส่ง 65.-) ปุ๋ย AB ชูดคู่ 10 ลิตร 598.- (โอนเงิน ส่งฟรี!.-, ปลายทาง ค่าส่ง 85.-) ปุ๋ย AB ชูดคู่ 20 ลิตร 1100.- (โอนเงินส่งฟรี, ปลายทาง +100.-) 🍀 พร้อมเร่งราก+เพิ่มรากฝอย ในสูตร 🍀 รับประกันจำนวนธาตุอาหารเยอะกว่า! ด้วยปุ๋ย 12 ตัว 🍀 รากเยอะ โตเร็ว รสชาติดี มีน้ำหนัก 🍀 แคลเซียมโบรอน ช่วยเพิ่มผลผลิต ผักสวย ผักโตเร็ว รสชาติดี มีน้ำหนัก 🍀 ใช้ได้ทั้งระบบน้ำนิ่งและน้ำวน 🍀 ใส่ปุ๋ยครั้งเดียว ใช้ได้ทั้งเดือน รอผักโตอย่างเดียว 🍀 สูตร 1 : 400 (ใช้ 2.5 cc ต่อน้ำ 1 ลิตร) 👉 มีคู่มือการผสมปุ๋ยและการใช้ปุ๋ยในกล่องทุกออเดอร์ 📍 วิธีใช้ 1. นำปุ๋ยแบบผง มาผสมเป็นหัวเชื้อปุ๋ย A กับ B กับน้ำ เช่น 5, 10, 20, 100 ลิตร (แยกถัง A แยกถัง B) 2. ผสมหัวเชื้อปุ๋ย A กับ B อย่างละ 2.5 cc ต่อน้ำในแปลงผัก 1 ลิตร
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 70 มุมมอง 0 รีวิว
  • ปุ๋ย AB ไฮโดรโปนิกส์+เร่งใบและลำต้น+ปุ๋ยทางใบ/ใบดก+เพิ่มรากฝอย
    (สูตรปุ๋ย 12 ตัว)
    สนใจ Inbox ได้เลยครับ https://bit.ly/46vABmX
    Line : 0851011755 โทร. 084-2616357

    ปุ๋ย AB ชูดคู่ 5 ลิตร 299.- (โอนเงิน ค่าส่ง 45.-, ปลายทาง ค่าส่ง 65.-)
    ปุ๋ย AB ชูดคู่ 10 ลิตร 598.- (โอนเงิน ส่งฟรี!.-, ปลายทาง ค่าส่ง 85.-)
    ปุ๋ย AB ชูดคู่ 20 ลิตร 1100.- (โอนเงินส่งฟรี, ปลายทาง +100.-)
    🍀 พร้อมเร่งราก+เพิ่มรากฝอย ในสูตร
    🍀 รับประกันจำนวนธาตุอาหารเยอะกว่า! ด้วยปุ๋ย 12 ตัว
    🍀 รากเยอะ โตเร็ว รสชาติดี มีน้ำหนัก
    🍀 แคลเซียมโบรอน ช่วยเพิ่มผลผลิต ผักสวย ผักโตเร็ว รสชาติดี มีน้ำหนัก
    🍀 ใช้ได้ทั้งระบบน้ำนิ่งและน้ำวน
    🍀 ใส่ปุ๋ยครั้งเดียว ใช้ได้ทั้งเดือน รอผักโตอย่างเดียว
    🍀 สูตร 1 : 400 (ใช้ 2.5 cc ต่อน้ำ 1 ลิตร)
    👉 มีคู่มือการผสมปุ๋ยและการใช้ปุ๋ยในกล่องทุกออเดอร์
    📍 วิธีใช้
    1. นำปุ๋ยแบบผง มาผสมเป็นหัวเชื้อปุ๋ย A กับ B กับน้ำ เช่น 5, 10, 20, 100 ลิตร (แยกถัง A แยกถัง B)
    2. ผสมหัวเชื้อปุ๋ย A กับ B อย่างละ 2.5 cc ต่อน้ำในแปลงผัก 1 ลิตร
    ปุ๋ย AB ไฮโดรโปนิกส์+เร่งใบและลำต้น+ปุ๋ยทางใบ/ใบดก+เพิ่มรากฝอย (สูตรปุ๋ย 12 ตัว) สนใจ Inbox ได้เลยครับ https://bit.ly/46vABmX Line : 0851011755 โทร. 084-2616357 ปุ๋ย AB ชูดคู่ 5 ลิตร 299.- (โอนเงิน ค่าส่ง 45.-, ปลายทาง ค่าส่ง 65.-) ปุ๋ย AB ชูดคู่ 10 ลิตร 598.- (โอนเงิน ส่งฟรี!.-, ปลายทาง ค่าส่ง 85.-) ปุ๋ย AB ชูดคู่ 20 ลิตร 1100.- (โอนเงินส่งฟรี, ปลายทาง +100.-) 🍀 พร้อมเร่งราก+เพิ่มรากฝอย ในสูตร 🍀 รับประกันจำนวนธาตุอาหารเยอะกว่า! ด้วยปุ๋ย 12 ตัว 🍀 รากเยอะ โตเร็ว รสชาติดี มีน้ำหนัก 🍀 แคลเซียมโบรอน ช่วยเพิ่มผลผลิต ผักสวย ผักโตเร็ว รสชาติดี มีน้ำหนัก 🍀 ใช้ได้ทั้งระบบน้ำนิ่งและน้ำวน 🍀 ใส่ปุ๋ยครั้งเดียว ใช้ได้ทั้งเดือน รอผักโตอย่างเดียว 🍀 สูตร 1 : 400 (ใช้ 2.5 cc ต่อน้ำ 1 ลิตร) 👉 มีคู่มือการผสมปุ๋ยและการใช้ปุ๋ยในกล่องทุกออเดอร์ 📍 วิธีใช้ 1. นำปุ๋ยแบบผง มาผสมเป็นหัวเชื้อปุ๋ย A กับ B กับน้ำ เช่น 5, 10, 20, 100 ลิตร (แยกถัง A แยกถัง B) 2. ผสมหัวเชื้อปุ๋ย A กับ B อย่างละ 2.5 cc ต่อน้ำในแปลงผัก 1 ลิตร
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 73 มุมมอง 0 รีวิว
  • จากแหล่งช่าวในกัมพูชา คือ กัมพูชาเดลี่ และขแมร์ไทมส์ และข่าวจาก เซาท์ ไชน่า มอร์นิ่งโพสต์ ลงข่าวตรงกันว่ารัฐบาลไทยเป็นฝ่ายเร่งรีบเจรจาพื้นที่ทางทะเลระหว่างไทยและกัมพูชาในอ่าวไทย การกระทำเช่นนี้ย่อมเสี่ยงเป็นการยกพื้นที่ทางทะเลของไทย ให้กลายเป็นพื้นที่ทับซ้อนของไทย-กัมพูชา ผลคือเราแทบไม่ได้อะไร พลังงานที่จะตกอยู่กับผู้รับสัมปทานเดิม คือยกให้เชฟรอนของสหรัฐอเมริกาที่ได้รับสัญญาสัปทานที่ไทยเสียเปรียบเมื่อ 50 ปีก่อน โดยที่ฝ่ายไทยไม่ได้เงื่อนไขการยกเลิกสัญญาจนถึงวันนี้ โดยในขณะที่ดอลลาร์สหรัฐกำลังเสื่อมถอย และในขณะที่ BRICS กำลังสถาปนาสกุลเงินของโลกใหม่ ย่อมเท่ากับไทยประกาศให้แหล่งปิโตรเลียมขนาดใหญ่ของโลกตรึงอยู่กับเงินดอลลาร์สหรัฐ(ปิโตรดอลลาร์)ไปโดยปริยาย ดังนั้นประเทศไทยจะไม่ได้อะไรอย่างที่กล่าวอ้าง ประชาชนไม่ได้อะไรเรื่องค่าไฟฟ้า เพราะปัจจุบันปัญหาที่แท้จริงคือโรงไฟฟ้าเราก็ผลิตล้นเกินจนค่าไฟแพงมหาศาล แหล่งปิโตรเลียมราคาขายให้ประชาชนก็อิงราคาตลาดโลก ก๊าซธรรมชาติผ่านโรงแยกก๊าซก็จะมอบให้อุตสาหกรรมปิโตรเลียมก่อนประชาชน มีแต่สหรัฐอเมริกาจะอาศัยสิทธิ์ให้มีกองกำลังเข้ามาคุ้มครองแหล่งปิโตรเลียมในอ่าวไทย เหมือนกับที่จีนเข้ามาคุ้มครองท่อก๊าซธรรมชาติในเมียนมา การใช้นโยบายต่างประเทศเช่นนี้จึงป็นการชักศึกเข้าบ้านในสถานการเประาบางอ่อนไหวในทางภูมิรัฐศาสตร์ จะมาอ้างไม่ได้ว่าเป็นการเจรจาร่วมเรื่องพลังงานอย่างเดียวไม่เกี่ยวกับเขตแดน คำถามคือ แล้วแหล่งพลังงานที่เคยเป็นของไทยแท้ๆ ผู้รับสัมปทานหรือแบ่งปันผลผลิตจะเป็นการเซ็นสัญญากับชาติใด? ถ้าเป็นของไทยก็ต้องเซ็นกับรัฐบาลไทยเท่านั้น ถ้ายอมรับว่าเป็นพื้นที่ทับซ้อน ก็ต้องเซ็นลงนาม 2 ประเทศ การกระทำเช่นนี้จึงย่อมเท่ากับยกทรัพยากรของไทยในประเทศไทย ให้กลายเป็นของทั้ง 2 ประเทศ เป็นการสละทะเลอาณาเขตของไทย ทั้งๆที่กัมพูชาขีดเส้นทางทะเลอย่างไม่ถูกต้องตามกฎหมายสากลคร่อมเกาะกูดประเทศไทย กองทัพเรือและประชาชนชาวไทยจะยอมได้อย่างไร

    ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์
    22 ตุลาคม 2567

    https://www.facebook.com/100044511276276/posts/1078558973637802/?
    จากแหล่งช่าวในกัมพูชา คือ กัมพูชาเดลี่ และขแมร์ไทมส์ และข่าวจาก เซาท์ ไชน่า มอร์นิ่งโพสต์ ลงข่าวตรงกันว่ารัฐบาลไทยเป็นฝ่ายเร่งรีบเจรจาพื้นที่ทางทะเลระหว่างไทยและกัมพูชาในอ่าวไทย การกระทำเช่นนี้ย่อมเสี่ยงเป็นการยกพื้นที่ทางทะเลของไทย ให้กลายเป็นพื้นที่ทับซ้อนของไทย-กัมพูชา ผลคือเราแทบไม่ได้อะไร พลังงานที่จะตกอยู่กับผู้รับสัมปทานเดิม คือยกให้เชฟรอนของสหรัฐอเมริกาที่ได้รับสัญญาสัปทานที่ไทยเสียเปรียบเมื่อ 50 ปีก่อน โดยที่ฝ่ายไทยไม่ได้เงื่อนไขการยกเลิกสัญญาจนถึงวันนี้ โดยในขณะที่ดอลลาร์สหรัฐกำลังเสื่อมถอย และในขณะที่ BRICS กำลังสถาปนาสกุลเงินของโลกใหม่ ย่อมเท่ากับไทยประกาศให้แหล่งปิโตรเลียมขนาดใหญ่ของโลกตรึงอยู่กับเงินดอลลาร์สหรัฐ(ปิโตรดอลลาร์)ไปโดยปริยาย ดังนั้นประเทศไทยจะไม่ได้อะไรอย่างที่กล่าวอ้าง ประชาชนไม่ได้อะไรเรื่องค่าไฟฟ้า เพราะปัจจุบันปัญหาที่แท้จริงคือโรงไฟฟ้าเราก็ผลิตล้นเกินจนค่าไฟแพงมหาศาล แหล่งปิโตรเลียมราคาขายให้ประชาชนก็อิงราคาตลาดโลก ก๊าซธรรมชาติผ่านโรงแยกก๊าซก็จะมอบให้อุตสาหกรรมปิโตรเลียมก่อนประชาชน มีแต่สหรัฐอเมริกาจะอาศัยสิทธิ์ให้มีกองกำลังเข้ามาคุ้มครองแหล่งปิโตรเลียมในอ่าวไทย เหมือนกับที่จีนเข้ามาคุ้มครองท่อก๊าซธรรมชาติในเมียนมา การใช้นโยบายต่างประเทศเช่นนี้จึงป็นการชักศึกเข้าบ้านในสถานการเประาบางอ่อนไหวในทางภูมิรัฐศาสตร์ จะมาอ้างไม่ได้ว่าเป็นการเจรจาร่วมเรื่องพลังงานอย่างเดียวไม่เกี่ยวกับเขตแดน คำถามคือ แล้วแหล่งพลังงานที่เคยเป็นของไทยแท้ๆ ผู้รับสัมปทานหรือแบ่งปันผลผลิตจะเป็นการเซ็นสัญญากับชาติใด? ถ้าเป็นของไทยก็ต้องเซ็นกับรัฐบาลไทยเท่านั้น ถ้ายอมรับว่าเป็นพื้นที่ทับซ้อน ก็ต้องเซ็นลงนาม 2 ประเทศ การกระทำเช่นนี้จึงย่อมเท่ากับยกทรัพยากรของไทยในประเทศไทย ให้กลายเป็นของทั้ง 2 ประเทศ เป็นการสละทะเลอาณาเขตของไทย ทั้งๆที่กัมพูชาขีดเส้นทางทะเลอย่างไม่ถูกต้องตามกฎหมายสากลคร่อมเกาะกูดประเทศไทย กองทัพเรือและประชาชนชาวไทยจะยอมได้อย่างไร ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ 22 ตุลาคม 2567 https://www.facebook.com/100044511276276/posts/1078558973637802/?
    Like
    Love
    Sad
    Angry
    15
    1 ความคิดเห็น 2 การแบ่งปัน 860 มุมมอง 0 รีวิว
  • ฝ้าไม้ไผ่แทนแบบเก่าช่วยผลผลิตเกษตรกร
    ฝ้าไม้ไผ่แทนแบบเก่าช่วยผลผลิตเกษตรกร
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 56 มุมมอง 0 รีวิว
  • ต้นมะกอกที่เก่าแก่ที่สุดในปาเลสไตน์มีอายุประมาณ 5,000 ปี มันได้รับฉายาว่า “หญิงชรา” “มารดาแห่งมะกอก” และ “เจ้าสาวของปาเลสไตน์” มันสูง 13 เมตร มีเส้นรอบวงประมาณ 25 เมตร มีพื้นที่มากกว่า 250 ตารางเมตร และให้ผลผลิตมะกอก 500 กิโลกรัมต่อปี
    ต้นมะกอกที่เก่าแก่ที่สุดในปาเลสไตน์มีอายุประมาณ 5,000 ปี มันได้รับฉายาว่า “หญิงชรา” “มารดาแห่งมะกอก” และ “เจ้าสาวของปาเลสไตน์” มันสูง 13 เมตร มีเส้นรอบวงประมาณ 25 เมตร มีพื้นที่มากกว่า 250 ตารางเมตร และให้ผลผลิตมะกอก 500 กิโลกรัมต่อปี
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 111 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts