• รัฐบาลสามารถห้ามนำเข้าได้หมดล่ะ ตลอดแรงงานต่างชาติ ต่างด้าวทั้งหมดด้วย เอกชนไทยหรือต่างชาติใดไม่ยอมก็ถอนใบอนุญาตประกอบธุรกิจบนแผ่นดินไทยทุกๆประเภทได้ทันทีเลย,ย้ายฐานโรงงานตนไปประกอบการค้าที่ประเทศอื่น,จ้างแรงงานในชาตินั้นทันทีได้ ซื้อราคาวัตถุดิบในทันทีได้ ส่วนรัฐบาลไทยจะให้เอกชนนั้นๆนำเข้ามาขายในประเทศไทยได้อีกหรือไม่ก็อีกกรณีหนึ่งเช่นกัน,เพราะไม่ยอมส่งเสริมการจ้างงานคนไทย ไม่ส่งเสริมรับซื้อผลผลิตจากคนไทย ,ฝันอะไรที่รัฐบาลประชาชนจะตีตราอนุญาตสินค้าของบริษัทกิจการนี้มาขายมานำเข้ามาขายในประเทศไทยได้ เราสามารถแบนสินค้าของธุรกิจกิจการนายทุนคนไหนก็ได้เมื่อรัฐบาลไทยเข้มแข็ง การสร้างงานสร้างอาชีพคนไทยต้องมาก่อน ,คนไทยมีงานทำก็มีรายได้,มิใช่ให้ต่างชาติต่างด้าวมาแย่งงานคนไทยทั้งสุมหัวกับเจ้าของกิจการเอกชนภายในไทยทำลายสถานะสัมมาอาชีพคนไทยได้ ทั้งทำงานในกิจการต่างๆในไทยและอิสระดำเนินกิจการเอง,กรมแรงงานไทยต้องพลิกบทบาทใหม่หมดครบคุมกิจการบริษัทได้ ยกเลิกและถอนใบประกอบกิจการได้หากปฏิเสธแรงงานที่รัฐบาลจัดสรรแรงงานให้,กรมแรงงานสามารถวางแผนอัตรางานและกำลังงานได้ เตรียมพร้อมเยาวชนผู้จบใหม่มาทำงานได้ไม่ตกงาน,ยกเลิกกพ.ด้วย.,ให้กรมแรงงานรับผิดชอบการทำงานทั้งของภาครัฐและเอกชนครบวงจรทั้งหมด,การกำกับดูแลจะเป็นในทิศทางเดียวกัน,นักศึกษาจะจบมาสามารถคาดการณ์ว่าตนสามารถเข้างานภาครัฐหรือเอกชนได้ทันทีอย่างไรด้วยเกรดคะแนนที่เล่าเรียนมาตลอดขี้นลำดับการศึกษา,ยกเลิกการสอบครู สอบกพ.ทั้งหมด,ให้ประเมินวิธีอื่นที่เหมาะสมทดแทน ไม่บ้าไม่ประสาทก็จบแล้ว,เพราะเยาวชนไทยเราสามารถฝึกทดลองงานให้เข้ากับเนื้องานหน้างานได้ภายใน1ปี,บรรจุทันทีในทางราชการหรือเอกชนเพื่อให้เยาวชนไทยเรามั่นใจในการทำงานสน้างฐานะรายได้ได้,ปัจจุบันเหี้ยหมดเลอะเทอะไร้ระบบ,เททิ้งเทเยาวชนตกงานหมด,ควบคุมกิจการบริษัทนายลงทุนไม่ได้,นำเข้าแรงงานต่างชาติทำลายเยาวชนตนให้ด้อยค่าอีก,นี้คือการทำลายอธิปไตยด้านความมั่นคงเราอีกนัยยะหนึ่งด้วย.
    ..ผู้นำผู้ปกครองจึงสำคัญมาก เรากากมานานเกินพอจริงๆ,ระบบกากๆต้องถูกทำลาย.

    https://youtube.com/shorts/qd0_qakCj0A?si=lmaEG7-LqFnoGD5q
    รัฐบาลสามารถห้ามนำเข้าได้หมดล่ะ ตลอดแรงงานต่างชาติ ต่างด้าวทั้งหมดด้วย เอกชนไทยหรือต่างชาติใดไม่ยอมก็ถอนใบอนุญาตประกอบธุรกิจบนแผ่นดินไทยทุกๆประเภทได้ทันทีเลย,ย้ายฐานโรงงานตนไปประกอบการค้าที่ประเทศอื่น,จ้างแรงงานในชาตินั้นทันทีได้ ซื้อราคาวัตถุดิบในทันทีได้ ส่วนรัฐบาลไทยจะให้เอกชนนั้นๆนำเข้ามาขายในประเทศไทยได้อีกหรือไม่ก็อีกกรณีหนึ่งเช่นกัน,เพราะไม่ยอมส่งเสริมการจ้างงานคนไทย ไม่ส่งเสริมรับซื้อผลผลิตจากคนไทย ,ฝันอะไรที่รัฐบาลประชาชนจะตีตราอนุญาตสินค้าของบริษัทกิจการนี้มาขายมานำเข้ามาขายในประเทศไทยได้ เราสามารถแบนสินค้าของธุรกิจกิจการนายทุนคนไหนก็ได้เมื่อรัฐบาลไทยเข้มแข็ง การสร้างงานสร้างอาชีพคนไทยต้องมาก่อน ,คนไทยมีงานทำก็มีรายได้,มิใช่ให้ต่างชาติต่างด้าวมาแย่งงานคนไทยทั้งสุมหัวกับเจ้าของกิจการเอกชนภายในไทยทำลายสถานะสัมมาอาชีพคนไทยได้ ทั้งทำงานในกิจการต่างๆในไทยและอิสระดำเนินกิจการเอง,กรมแรงงานไทยต้องพลิกบทบาทใหม่หมดครบคุมกิจการบริษัทได้ ยกเลิกและถอนใบประกอบกิจการได้หากปฏิเสธแรงงานที่รัฐบาลจัดสรรแรงงานให้,กรมแรงงานสามารถวางแผนอัตรางานและกำลังงานได้ เตรียมพร้อมเยาวชนผู้จบใหม่มาทำงานได้ไม่ตกงาน,ยกเลิกกพ.ด้วย.,ให้กรมแรงงานรับผิดชอบการทำงานทั้งของภาครัฐและเอกชนครบวงจรทั้งหมด,การกำกับดูแลจะเป็นในทิศทางเดียวกัน,นักศึกษาจะจบมาสามารถคาดการณ์ว่าตนสามารถเข้างานภาครัฐหรือเอกชนได้ทันทีอย่างไรด้วยเกรดคะแนนที่เล่าเรียนมาตลอดขี้นลำดับการศึกษา,ยกเลิกการสอบครู สอบกพ.ทั้งหมด,ให้ประเมินวิธีอื่นที่เหมาะสมทดแทน ไม่บ้าไม่ประสาทก็จบแล้ว,เพราะเยาวชนไทยเราสามารถฝึกทดลองงานให้เข้ากับเนื้องานหน้างานได้ภายใน1ปี,บรรจุทันทีในทางราชการหรือเอกชนเพื่อให้เยาวชนไทยเรามั่นใจในการทำงานสน้างฐานะรายได้ได้,ปัจจุบันเหี้ยหมดเลอะเทอะไร้ระบบ,เททิ้งเทเยาวชนตกงานหมด,ควบคุมกิจการบริษัทนายลงทุนไม่ได้,นำเข้าแรงงานต่างชาติทำลายเยาวชนตนให้ด้อยค่าอีก,นี้คือการทำลายอธิปไตยด้านความมั่นคงเราอีกนัยยะหนึ่งด้วย. ..ผู้นำผู้ปกครองจึงสำคัญมาก เรากากมานานเกินพอจริงๆ,ระบบกากๆต้องถูกทำลาย. https://youtube.com/shorts/qd0_qakCj0A?si=lmaEG7-LqFnoGD5q
    0 Comments 0 Shares 1 Views 0 Reviews
  • ประเทศเราขนาดนี้เหรอนี้,ถ้าจริง สถาบันการเลือกตั้งอันตรายมาก,เสมือนถูกแทรกแซงให้ภาคประชาชนอ่อนกำลังลงไปทุกที,สถาบันชาติคือประชาชน จะถูกทำลายโดยตัวแทนของภาคประชาชนที่ไม่ซื่อสัตย์แล้วทุจริตอำนาจตรงของประชาชน ไม่ดำรงตนไว้เพื่อปกป้องชาติคือประชาชนของประเทศไทยตนเองคือส่วนใหญ่ แต่ปกป้องผลประโยชน์นายทุนเจ้าสัวที่กอบโกยสาระพัดอย่างจากอิงอำนาจนักการเมืองที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน เสมือนเจ้าของกิจการเหล่านี้ปล้นความมั่งคงของภาคประชาชนทางตรงและทางอ้อมผ่านอำนาจการปกครอง ไม่ว่าจะในนามเอกชนไทยและเอกชนต่างชาติที่มาในสาระพัดรูปแบบที่ลงทุนในไทยแล้วกอบโกยรายได้รายรับมหาศาลออกจากแผ่นดินไทยของประชาชนคนไทยที่อำนาจรัฐไปยกสิทธิที่ไทยเสียเปรียบคือประชาชนเสียเปรียบในการมีตังมีเงินมากมายมหาศาลต้องถูกปล้นชิงแย่งชิงผูกขาดเอาำปจากประชาชนคนไทยซึ่งมาจากเอกชนไทยเองเจ้าสังเจ้าของกิจการบริษัทแม่บริษัทลูกน้อยใหญ่แตกไลน์สาขาออกมาเพื่อช่วงชิงความได้เปรียบจากประชาชนธรรมดาไปและเอกชนต่างชาติทั้งหมดด้วย,
    ..นี้คือการทำลายอิสระเจตจำนงเสรีของการดำเนินชีวิตของประชาชนไทยชัดเจน,ไม่ยอมยกเลิกmou43,44,tor46อีก,สามารถประกาศในนามนายกฯที่32เองแต่ผู้เดียวในอำนาจเต็มตนว่าจะยกเลิกmouนี้ทันที และตนในนามนายกฯประเทศไทยจะรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียวหากมีอะไรเกิดขึ้น แต่ในนามนายกฯไทยพิจารณาชัดเจนแล้วว่าสามารถยกเลิกฝ่ายเดียวได้สิทธิขาดได้ซึ่งเพื่อปกป้องดินแดนอธิปไตยไทยเหนือสูงสุดอื่นใดไว้ก่อน,พร้อมมีหลักเขตแดน1:1ชัดเจน74เสาปักหมุดเขตแดนไว้แล้ว.,mouนี้เป็นอันโมฆะไป,นี้นายกฯไทยต้องแบบนี้,เมื่อสิทธิขาดหนังหน้ามีอำนาจยุบสภาฯได้พะสายกเลิกmou ไม่มีครม.ห่าเหวอะไรก็ได้ ประชาชนยืนข้างนายกฯทั้งประเทศอยู่แล้ว สมัยหน้าคนไทยทั้งประเทศกาเลือกอีกล่ะ,สำคัญคือกล้ามั้ย เก่งมั้ย ใจถึงมั้ย หรือขี้ขลาดตาขาว เอาผลประโยชน์ส่วนตัวเป็นที่ตั้ง,ถ้าเป็นเช่นนั้น เชื่อว่ากรรมติดจรวดมาอย่างรวดเร็วแน่นอน,กูรูดีๆเก่งๆเขาไม่เอาไว้เช่นกัน รวมถึงประชาชนด้วย,สื่อทำหน้าที่ด้วย เจ้าสัวใหญ่โตทำผิดต้องมีจิตสำนึกรายงานข่าวความเป็นจริงด้วย หน่วยงานด่านมีข้อมูลสามารถให้ข้อมูลสื่อได้ ไม่เป็นความลับอะไรหรอก,,กฎหมายหมิ่นประมาทสมควรยกเลิกอย่างยิ่ง.

    https://youtube.com/shorts/E22zAM4RPBI?si=wuxycG9I8IlAWOAb
    ประเทศเราขนาดนี้เหรอนี้,ถ้าจริง สถาบันการเลือกตั้งอันตรายมาก,เสมือนถูกแทรกแซงให้ภาคประชาชนอ่อนกำลังลงไปทุกที,สถาบันชาติคือประชาชน จะถูกทำลายโดยตัวแทนของภาคประชาชนที่ไม่ซื่อสัตย์แล้วทุจริตอำนาจตรงของประชาชน ไม่ดำรงตนไว้เพื่อปกป้องชาติคือประชาชนของประเทศไทยตนเองคือส่วนใหญ่ แต่ปกป้องผลประโยชน์นายทุนเจ้าสัวที่กอบโกยสาระพัดอย่างจากอิงอำนาจนักการเมืองที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน เสมือนเจ้าของกิจการเหล่านี้ปล้นความมั่งคงของภาคประชาชนทางตรงและทางอ้อมผ่านอำนาจการปกครอง ไม่ว่าจะในนามเอกชนไทยและเอกชนต่างชาติที่มาในสาระพัดรูปแบบที่ลงทุนในไทยแล้วกอบโกยรายได้รายรับมหาศาลออกจากแผ่นดินไทยของประชาชนคนไทยที่อำนาจรัฐไปยกสิทธิที่ไทยเสียเปรียบคือประชาชนเสียเปรียบในการมีตังมีเงินมากมายมหาศาลต้องถูกปล้นชิงแย่งชิงผูกขาดเอาำปจากประชาชนคนไทยซึ่งมาจากเอกชนไทยเองเจ้าสังเจ้าของกิจการบริษัทแม่บริษัทลูกน้อยใหญ่แตกไลน์สาขาออกมาเพื่อช่วงชิงความได้เปรียบจากประชาชนธรรมดาไปและเอกชนต่างชาติทั้งหมดด้วย, ..นี้คือการทำลายอิสระเจตจำนงเสรีของการดำเนินชีวิตของประชาชนไทยชัดเจน,ไม่ยอมยกเลิกmou43,44,tor46อีก,สามารถประกาศในนามนายกฯที่32เองแต่ผู้เดียวในอำนาจเต็มตนว่าจะยกเลิกmouนี้ทันที และตนในนามนายกฯประเทศไทยจะรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียวหากมีอะไรเกิดขึ้น แต่ในนามนายกฯไทยพิจารณาชัดเจนแล้วว่าสามารถยกเลิกฝ่ายเดียวได้สิทธิขาดได้ซึ่งเพื่อปกป้องดินแดนอธิปไตยไทยเหนือสูงสุดอื่นใดไว้ก่อน,พร้อมมีหลักเขตแดน1:1ชัดเจน74เสาปักหมุดเขตแดนไว้แล้ว.,mouนี้เป็นอันโมฆะไป,นี้นายกฯไทยต้องแบบนี้,เมื่อสิทธิขาดหนังหน้ามีอำนาจยุบสภาฯได้พะสายกเลิกmou ไม่มีครม.ห่าเหวอะไรก็ได้ ประชาชนยืนข้างนายกฯทั้งประเทศอยู่แล้ว สมัยหน้าคนไทยทั้งประเทศกาเลือกอีกล่ะ,สำคัญคือกล้ามั้ย เก่งมั้ย ใจถึงมั้ย หรือขี้ขลาดตาขาว เอาผลประโยชน์ส่วนตัวเป็นที่ตั้ง,ถ้าเป็นเช่นนั้น เชื่อว่ากรรมติดจรวดมาอย่างรวดเร็วแน่นอน,กูรูดีๆเก่งๆเขาไม่เอาไว้เช่นกัน รวมถึงประชาชนด้วย,สื่อทำหน้าที่ด้วย เจ้าสัวใหญ่โตทำผิดต้องมีจิตสำนึกรายงานข่าวความเป็นจริงด้วย หน่วยงานด่านมีข้อมูลสามารถให้ข้อมูลสื่อได้ ไม่เป็นความลับอะไรหรอก,,กฎหมายหมิ่นประมาทสมควรยกเลิกอย่างยิ่ง. https://youtube.com/shorts/E22zAM4RPBI?si=wuxycG9I8IlAWOAb
    0 Comments 0 Shares 7 Views 0 Reviews
  • นิทานเรื่องจริง เรื่อง “หักหน้า หักหลัง”

    ตอนที่ 6 ฉากนี้ ชื่อ Ukraine

    Ukraine กับรัสเซีย พัวพัน แกะกันแทบไม่ออก ในเรื่องของ เศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม โดยเฉพาะในฝั่งตะวันออกของประเทศ มันแทบจะเป็นเนื้อเดียวกัน ไม่มีอะไรแปลกแยกกันเลย ท่อแก๊สเกือบทั้งหมดของรัสเซีย วิ่งลงมาจากตะวันตกของไซบีเรีย ผ่านตรงลงมาที่ Ukraine เพื่อออกไปสู่เยอรมัน ฝรั่งเศส และประเทศอื่นๆ ในยุโรปตะวันออก ความพยายามของ NATO ที่จะทำให้ Ukraine กลายเป็นรัฐที่ไม่เป็นกลาง ย่อมมีผลกระทบอย่างมากต่อความมั่นคงของรัสเซีย และนี่เป็นตัวชนวน ที่รัฐบาลของ Bush คนลูก ต้องการอย่างที่สุด

    ดูให้ดี ๆ จากแผนที่ของ Eurasia จะเห็นว่า Color – Revolutions การปฏิวัติหลากสี ที่เกิดขึ้นใน Eurasia ในช่วงปี ค.ศ. 2000 เป็นการเดินหมากล้อมของอเมริกา เพื่อโดดเดี่ยวรัสเซีย และเป้าหมายที่สำคัญ คือเพื่อตัดเส้นเลือดสำคัญที่เลี้ยงเศรษฐกิจรัสเซีย คือเครือข่ายการขนส่งน้ำมันและ แก๊สทางท่อส่งจาก Urals และไซบีเรีย มายังยุโรปตะวันตก และ Eurasia โดยผ่าน Ukraine ถ้าอเมริกาเก็บ Ukraine เข้ากระเป๋าตัวเองได้ นั่นคืออวสานของรัสเซีย

    การพยายามเปลี่ยนให้ Ukraine ที่เคยพึ่งพารัสเซีย มาเข้าอยู่ในอ้อมกอดของ NATO จึงเป็นมหกรรมการสร้างฉาก ที่อเมริกาลงทุนทุ่มสุดตัว ผ่านเรื่องราวที่สื่อฟอกย้อมเรียกว่า “Orange Revolution หุ่นเชิดชาว Ukraine ที่อเมริกาเรียกมาเข้าฉาก คือ Viktor Yushchenko อดีตผู้ว่าการธนาคารกลางของ Ukraine วัย 50 ปี เมียของ Yushchenko ชื่อ Kateryna เป็นคนสัญชาติอเมริกันเกิดใน Chicago และเคยเป็นเจ้าหน้าที่ทำงานอยู่ในกระทรวงต่างประเทศอเมริกา ในสมัยของ Reagan และ Bush คนพ่อ คุณนายมาอยู่ Ukraine ในฐานะตัวแทนของ US-Ukraine Foundation ซึ่งมีกรรมการสำคัญ ๆ เช่น นาย Grover Norquist ซึ่งเป็นผู้มีอิทธิพลสูงอยู่ในพรรค Republican ของอเมริกา และเป็นผู้สนับสนุนรายใหญ่ของนาย Bush คนพ่อ
    ทีมงานสร้างหุ่น สร้างฉาก มีหน้าที่ทำแผนการหาเสียง ในการชิงตำแหน่งประธานาธิบดีให้นาย Yushchenko และเพื่อจัดการให้ Ukraine ยื่นใบสมัครเข้าเป็นสมาชิกของ NATO และของ EU ต่อไป ในการหาเสียงของนาย Yushchenko ผู้กำกับบอกใช้สีส้มนะ ถูกโฉลกดี ดังนั้นทุกอย่างตั้งแต่ ผืนธง แผ่นพับ ลูกโป่ง ป้าย ฯลฯ เป็นสีส้มหมด ส้มมันทั้งเมือง ไม่เป็นไร ลูกพี่ใหญ่รวยทุ่มเข้าไป แค่นั้นยังไม่สมกับฐานะเศรษฐี ลงมาเป็นผู้อำนวยการสร้าง วอชิงตันบอกเราต้องสร้างกลุ่มวัยรุ่นด้วย ที่คอยส่งเสียงเรียกร้องหาประชาธิปไตย เอามาวิ่งไป วิ่งมา เดินมันให้เต็มถนน สนุกดีออก เอ๊ะ แบบนี้คล้าย ๆ กับเพิ่งเห็นนะ ที่ไหนหว่า

    นอกจากนี้ นายทุนใหญ่จัดหนัก ส่งบริษัท PR ประชาสัมพันธ์ ตรงมาจากวอชิงตัน ชื่อบริษัท Rock Creek Creative มาเป็นผู้คิดแผนประชาสัมพันธ์สีส้มทั้งหมด ทำ web เชียร์ นาย Yushchenko ให้เป็นเทวดา ใช้ Slogan ว่า Pora (ถึงเวลาแล้ว) และยังเอาทีมงานที่เคยใช้สมัย “Rose Revolution” ของ Georgia มาร่วมด้วยช่วยกัน ส่วนด้านสื่อ CNN และ BBC ก็ช่วยกันประโคมข่าวว่าการเลือ กตั้งก่อนหน้านี้ ที่นาย Yushchenko แพ้นั้น เพราะมีการโกง เมื่อมีการเลือกตั้งใหม่ เมื่อ ค.ศ. 2005 Yushchenko ก็ชนะแบบฉิ่วเฉียด แม้ว่าจะมีทีมงานสีส้มมาจัดฉาก แล้วเขาก็ประกาศตัวเป็นประธานาธิบดี

    งานนี้ นายทุนใหญ่ กระทรวงต่างประเทศของสหรัฐอเมริกาควักกระเป๋าจ่ายไปจิ๊บ ๆ แค่ 20 ล้านเหรียญ คุ้มซะยิ่งกว่าคุ้ม ข่าวว่าลุงกำนันยังฉิบหายมากกว่านี้เลยตอนที่ให้สู้เข้าไป อย่าได้ถอยน่ะ

    นอกจากนี้องค์การ NGO ที่เคยสนับสนุนตอน Georgia ก็มาแจมด้วย ไม่ต้องบอกก็น่าจะเดาออก คือองค์กร Open Society Institute ของไอ้ตัวร้าย George Soros รวมทั้ง Freedom House และ the National Endowment for Democracy (NED) แถมพ่วงพวกองค์กรของนักการเมือ งมาอีก 2 หน่อ คือ National Republican Institute และ National Democratic Institute ไม่ให้น้อยหน้ากัน สื่อท้องถิ่นของ Ukraine ออกข่าวว่า พวกนักสร้างฉากของนอก ที่เข้ามาเผ่นพ่านในเมืองเขานั้น ทำงานกันขยันขันแข็งมาก ทำกันเป็นทีม เดินกันเต็มเมือง เล่นเอาชาว Ukraine เหนียมอายหลบเข้าบ้านกันหมด
    เขียน ๆ ไปแล้วชักสงสัย แล้วไอ้สีเหลือง สีแดง สีฟ้า สี…อื่นๆ ในบ้านเรานี่ มีผู้กำกับนักสร้างฉากของนอก ส่งมาร่วมงานด้วยหรือเปล่าหนอ ? ! ?

    สิ่งที่วอชิงตันกัดฟันแน่น ไม่สามารถพูดออกมาได้ถึงวาระซ่อนเร้นของตน เกี่ยวกับนโยบายถล่มรัสเซีย คือ “พลังงาน” ตราบใดที่รัสเซียยังถือไพ่ใหญ่ในมือ คือการมีน้ำมันและแก๊สธรรมชาติเหลือเฟือในดินแดนของตน ซึ่งทำให้ยุโรปตะวันตก จีน และอีกหลาย ๆ ที่ ยากที่จะไม่เป็นเพื่อนกับรัสเซีย แล้วอย่างนี้อเมริกาจะใช้วิธีไหนที่จะโดดเดี่ยวรัสเซีย !

    ดูกันต่อไป หนังเพิ่งเริ่มเล่นมา 100 ปีกว่าเอง เขาก็เล่นมันไปเรื่อย ๆ เราก็ดูกันไปเรื่อย ๆ หรือไงครับ ? !

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    28 มิย. 2557
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “หักหน้า หักหลัง” ตอนที่ 6 ฉากนี้ ชื่อ Ukraine Ukraine กับรัสเซีย พัวพัน แกะกันแทบไม่ออก ในเรื่องของ เศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม โดยเฉพาะในฝั่งตะวันออกของประเทศ มันแทบจะเป็นเนื้อเดียวกัน ไม่มีอะไรแปลกแยกกันเลย ท่อแก๊สเกือบทั้งหมดของรัสเซีย วิ่งลงมาจากตะวันตกของไซบีเรีย ผ่านตรงลงมาที่ Ukraine เพื่อออกไปสู่เยอรมัน ฝรั่งเศส และประเทศอื่นๆ ในยุโรปตะวันออก ความพยายามของ NATO ที่จะทำให้ Ukraine กลายเป็นรัฐที่ไม่เป็นกลาง ย่อมมีผลกระทบอย่างมากต่อความมั่นคงของรัสเซีย และนี่เป็นตัวชนวน ที่รัฐบาลของ Bush คนลูก ต้องการอย่างที่สุด ดูให้ดี ๆ จากแผนที่ของ Eurasia จะเห็นว่า Color – Revolutions การปฏิวัติหลากสี ที่เกิดขึ้นใน Eurasia ในช่วงปี ค.ศ. 2000 เป็นการเดินหมากล้อมของอเมริกา เพื่อโดดเดี่ยวรัสเซีย และเป้าหมายที่สำคัญ คือเพื่อตัดเส้นเลือดสำคัญที่เลี้ยงเศรษฐกิจรัสเซีย คือเครือข่ายการขนส่งน้ำมันและ แก๊สทางท่อส่งจาก Urals และไซบีเรีย มายังยุโรปตะวันตก และ Eurasia โดยผ่าน Ukraine ถ้าอเมริกาเก็บ Ukraine เข้ากระเป๋าตัวเองได้ นั่นคืออวสานของรัสเซีย การพยายามเปลี่ยนให้ Ukraine ที่เคยพึ่งพารัสเซีย มาเข้าอยู่ในอ้อมกอดของ NATO จึงเป็นมหกรรมการสร้างฉาก ที่อเมริกาลงทุนทุ่มสุดตัว ผ่านเรื่องราวที่สื่อฟอกย้อมเรียกว่า “Orange Revolution หุ่นเชิดชาว Ukraine ที่อเมริกาเรียกมาเข้าฉาก คือ Viktor Yushchenko อดีตผู้ว่าการธนาคารกลางของ Ukraine วัย 50 ปี เมียของ Yushchenko ชื่อ Kateryna เป็นคนสัญชาติอเมริกันเกิดใน Chicago และเคยเป็นเจ้าหน้าที่ทำงานอยู่ในกระทรวงต่างประเทศอเมริกา ในสมัยของ Reagan และ Bush คนพ่อ คุณนายมาอยู่ Ukraine ในฐานะตัวแทนของ US-Ukraine Foundation ซึ่งมีกรรมการสำคัญ ๆ เช่น นาย Grover Norquist ซึ่งเป็นผู้มีอิทธิพลสูงอยู่ในพรรค Republican ของอเมริกา และเป็นผู้สนับสนุนรายใหญ่ของนาย Bush คนพ่อ ทีมงานสร้างหุ่น สร้างฉาก มีหน้าที่ทำแผนการหาเสียง ในการชิงตำแหน่งประธานาธิบดีให้นาย Yushchenko และเพื่อจัดการให้ Ukraine ยื่นใบสมัครเข้าเป็นสมาชิกของ NATO และของ EU ต่อไป ในการหาเสียงของนาย Yushchenko ผู้กำกับบอกใช้สีส้มนะ ถูกโฉลกดี ดังนั้นทุกอย่างตั้งแต่ ผืนธง แผ่นพับ ลูกโป่ง ป้าย ฯลฯ เป็นสีส้มหมด ส้มมันทั้งเมือง ไม่เป็นไร ลูกพี่ใหญ่รวยทุ่มเข้าไป แค่นั้นยังไม่สมกับฐานะเศรษฐี ลงมาเป็นผู้อำนวยการสร้าง วอชิงตันบอกเราต้องสร้างกลุ่มวัยรุ่นด้วย ที่คอยส่งเสียงเรียกร้องหาประชาธิปไตย เอามาวิ่งไป วิ่งมา เดินมันให้เต็มถนน สนุกดีออก เอ๊ะ แบบนี้คล้าย ๆ กับเพิ่งเห็นนะ ที่ไหนหว่า นอกจากนี้ นายทุนใหญ่จัดหนัก ส่งบริษัท PR ประชาสัมพันธ์ ตรงมาจากวอชิงตัน ชื่อบริษัท Rock Creek Creative มาเป็นผู้คิดแผนประชาสัมพันธ์สีส้มทั้งหมด ทำ web เชียร์ นาย Yushchenko ให้เป็นเทวดา ใช้ Slogan ว่า Pora (ถึงเวลาแล้ว) และยังเอาทีมงานที่เคยใช้สมัย “Rose Revolution” ของ Georgia มาร่วมด้วยช่วยกัน ส่วนด้านสื่อ CNN และ BBC ก็ช่วยกันประโคมข่าวว่าการเลือ กตั้งก่อนหน้านี้ ที่นาย Yushchenko แพ้นั้น เพราะมีการโกง เมื่อมีการเลือกตั้งใหม่ เมื่อ ค.ศ. 2005 Yushchenko ก็ชนะแบบฉิ่วเฉียด แม้ว่าจะมีทีมงานสีส้มมาจัดฉาก แล้วเขาก็ประกาศตัวเป็นประธานาธิบดี งานนี้ นายทุนใหญ่ กระทรวงต่างประเทศของสหรัฐอเมริกาควักกระเป๋าจ่ายไปจิ๊บ ๆ แค่ 20 ล้านเหรียญ คุ้มซะยิ่งกว่าคุ้ม ข่าวว่าลุงกำนันยังฉิบหายมากกว่านี้เลยตอนที่ให้สู้เข้าไป อย่าได้ถอยน่ะ นอกจากนี้องค์การ NGO ที่เคยสนับสนุนตอน Georgia ก็มาแจมด้วย ไม่ต้องบอกก็น่าจะเดาออก คือองค์กร Open Society Institute ของไอ้ตัวร้าย George Soros รวมทั้ง Freedom House และ the National Endowment for Democracy (NED) แถมพ่วงพวกองค์กรของนักการเมือ งมาอีก 2 หน่อ คือ National Republican Institute และ National Democratic Institute ไม่ให้น้อยหน้ากัน สื่อท้องถิ่นของ Ukraine ออกข่าวว่า พวกนักสร้างฉากของนอก ที่เข้ามาเผ่นพ่านในเมืองเขานั้น ทำงานกันขยันขันแข็งมาก ทำกันเป็นทีม เดินกันเต็มเมือง เล่นเอาชาว Ukraine เหนียมอายหลบเข้าบ้านกันหมด เขียน ๆ ไปแล้วชักสงสัย แล้วไอ้สีเหลือง สีแดง สีฟ้า สี…อื่นๆ ในบ้านเรานี่ มีผู้กำกับนักสร้างฉากของนอก ส่งมาร่วมงานด้วยหรือเปล่าหนอ ? ! ? สิ่งที่วอชิงตันกัดฟันแน่น ไม่สามารถพูดออกมาได้ถึงวาระซ่อนเร้นของตน เกี่ยวกับนโยบายถล่มรัสเซีย คือ “พลังงาน” ตราบใดที่รัสเซียยังถือไพ่ใหญ่ในมือ คือการมีน้ำมันและแก๊สธรรมชาติเหลือเฟือในดินแดนของตน ซึ่งทำให้ยุโรปตะวันตก จีน และอีกหลาย ๆ ที่ ยากที่จะไม่เป็นเพื่อนกับรัสเซีย แล้วอย่างนี้อเมริกาจะใช้วิธีไหนที่จะโดดเดี่ยวรัสเซีย ! ดูกันต่อไป หนังเพิ่งเริ่มเล่นมา 100 ปีกว่าเอง เขาก็เล่นมันไปเรื่อย ๆ เราก็ดูกันไปเรื่อย ๆ หรือไงครับ ? ! สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 28 มิย. 2557
    0 Comments 0 Shares 32 Views 0 Reviews
  • 18-09-68/01 : หมี CNN / "สภาโกปี๊" หรรษาขาประจำ EP5.2(ตอนจบ)

    (ต่อ) ขณะที่ชาวบ้านมุงดูดารา เน็ตไอดอลกันตรึม สื่อก็ทำข่าวต่อทันที ดูเหมือนว่า เจ้านี้ จะจ่ายหนักกว่า นักข่าวสายชอบเปย์พากันเข้าสัมภาษณ์ทันที พรรคขาวปรี๊ด หนนี้มีความมั่นใจแค่ไหนครับท่าน?

    หัวหน้าพรรคตอบทันควัน "กระผม นายปลิงดูด น้องปรีดู ขอถวายตัวรับใช้เพ่น้องประชาชนอันเป็นที่รัก" ที่ไหนยากจน ความเจริญจะไปหาทันที ด้วยนโยบายพรรคเรา จ่ายหนัก เฮ๊ย..อยากได้ ก็ต้องได้ อยากมี ก็ต้องมี เสกได้ตามสั่ง แค่เลือกพรรคขาวปรี๊ด เบอร์ 00 ศักดิ์ไม่ต้องศรี มีแดร๊กทุกวัน เฮฮาปาร์ตี้กันทั่วหัวมุมถนน ใครใคร่ชอบอะไร ก็เชิญทำตามสบายใจท่าน เราคือพรรคเอนเตอร์เทนตัวพ่อ กาสิโอ๊ะ ไม่จำเป็น เราเน้นนโยบายกระจายรายได้ ใช้ชุมชนเป็นเจ้ามือ ทุกคนมีงานทำ เปิดด่านไปเลย การค้ากลับมาดั่งเดิม ไม่ต้องห่วงระเบิด เปิดเขตเศรษฐกิจพิเศษไปเลย ดูแลทั้ง 2 ฝ่าย จบง่าย รวยด้วยกัน อ่าวไทยเหรอ? เก็บเอาไว้ให้ใคร ขุดขึ้นมาใช้ดิ เราจะได้ใช้น้ำมันถูกไง ไม่ดีเหรอ ส่งออกเพื่อนบ้านได้อีก แบ่งๆ กันกิน ก็ไม่มีใครมารบกับเราแล้ว ปากท้องไม่เข้าใครออกใคร?

    นักข่าวยังช็อค ชาวบ้านอารมณ์เปลี่ยน? LIVE สด อยู่น่ะมรึง?

    1 ในชาวบ้าน ตะโกนถามท่านหัวหน้าพรรคคนใหม่ว่า "แล้วดินแดนล่ะ ต้องแบ่งด้วยมั้ย?"

    อ้าว..แบ่งกันไปเลย จะได้จบจบ มีทองแบ่งทอง มีน้ำมันแบ่งน้ำมัน จะมาฆ่ากันทำไม แค่แผ่นดินเท่าเหมี๊ยวดิ้นตาย คนละครึ่งไงจ๊ะ แฟร์เพลย์ดีมั้ยล่ะ?

    ยังไม่ทันจะสิ้นเสียงเห่าหอน ก็มีเสียงแทรกตะโกนมาว่า "ไอ้สัส!" ประเทศจะมีพวกมรึงไปทำไม? กล้องจับภาพทันที รู้ดี สัญญานแรงแน่ มีข่าวตีชัวร์

    หันไปดูปุ๊บ..ไม่ใช่ใครอื่น? "อาแปะ เปิดฟลอร์แล้วจ๊ะ"

    อาแปะ : มรึงรีบออกไปจากหมู่บ้านกูเลย ก่อนชาวบ้านจะสหบาทา อย่ามาให้กูเห็นหน้าอีก! (หลังเกิดเหตุ ชาวบ้านก็เลิกสนใจดารา เน็ตไอดอลทันที ต่างรู้ดีว่า ไอ้พวกห่าเหี้ยนี่ มาทำไม? เดินกันเข้ามาหนุนอาแปะ)

    อาโก รีบชิงจังหวะ ที่เห็นอีปากหมา(หัวหน้าพรรคคนใหม่) มันยังช็อคกับเหตุการณ์อยู่ ชิงพื้นที่สื่อทันที เดินเข้าขวางหน้ากล้อง พร้อมพูดว่า

    "นี่คือคนที่คุณจะเลือกเหรอ?" เลือกตั้งมันตอบโจทย์ปากท้องเราได้จริงเหรอ? 93 ปี เราได้อะไรบ้างจากประชาธิปไตย ก็แค่เก้าอี้ดนตรี สมบัติผลัดกันชม เหี้ยไป จัญไรมา เวลาเปลี่ยน พรรคเปลี่ยน คนเปลี่ยน แต่ความเสียหายไม่เคยเปลี่ยน มันลงมาที่ชาวบ้านและประเทศนี้เสมอมา คืนพระราชอำนาจต่างหาก คือสิ่งที่ลูกทุกคนควรทำ เราแย่งชิงพระราชอำนาจมาจากพ่อ ด้วยกลโกงของภัยจากตะวันตก เมื่อไม่ใช่ของเรามาตั้งแต่ต้น ก็ควรจะคืนให้พ่อท่านไป เพราะไม่ว่าพ่อท่านจะส่งใครมาดูแล ปกครองเรา ก็ล้วนอยู่ในสายพระเนตรตลอดเวลา มั่นใจในความซื่อสัตย์ เที่ยงตรงแน่นอน แต่นักการเมือง มาจากพรรค มาจากนายทุน กำไรคือเป้าหมาย พวกเราก็เป็นแค่เหยื่อ?

    อาแปะ รับเข้ามาเสริมทันที "กล้องๆ มาทางนี้ เราขอประกาศว่า หมู่บ้านหมีดุ จะทำการขอประชามติ เรื่องคืนพระราชอำนาจ แล้วจะส่งผลไปให้ฝ่ายการปกครองบ้านเมือง ว่า ณ มุมแห่งนี้ มีความต้องการเช่นไร"

    นายอำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ตาตื่น ไอ้สัส! ออกสื่อไม่ปรึกษากูเลย ไอ้แปะ เอาอีกแล้ว งานนี้ กูจะเด้งมั้ยหนอ?

    มีชาวบ้านสนใจ ตะโกนถามอาแปะว่า "จะประชามติเมื่อไหร่" พวกเราพร้อมโหวตจ๊ะ ไม่เอาแล้วการเมือง ยิ่งอยู่ยิ่งรวย ชาวบ้านอดอยากมากยิ่งขึ้น เงินภาษีพวกกู ไม่ได้เอาไปทำความเจริญให้แผ่นดินเลย โดนพวกแม่งแดร๊กเรียบวุธ เอาเลยอาแปะ เราเอาด้วย พอกันที แผ่นดินนี้ต้องการพ่อ ไม่ได้ต้องการเหี้ย?

    นายอำเภอเห็นท่าไม่ดี เรียนเชิญหัวหน้าพรรคขาวปรี๊ด กลับไปก่อน เดี๋ยวชาวบ้านอาจจะไม่พอใจมากไปกว่านี้ อาจควบคุมสถานการณ์ไม่ได้อีก แต่กลับถูกตอกหน้ากลับว่า "แค่หมู่บ้านเล็กๆ จะกลัวไปทำไมกันเล่า" อั๊วเรียก อีกากี ยกกันมาทั้งกรมแล้ว อยากวัด ต้องได้วัด ใครขัดใจ มรึงตาย! เดี๋ยวมรึงหลบไป กูเดาไม่ผิด ต้องเจอพวกหัวแข็ง จึงได้เตรียมจัดฉาก ชาวบ้านคลั่งทำร้ายนักการเมือง จะต้องเป็นข่าวใหญ่แน่ ใครหัวนำ แกนนำ จับมันไปให้หมด งานนี้ ต้องประกาศศักดา พื้นที่นี้ พรรคขาวปรี๊ดเท่านั้น ที่จะตีให้แตกกระจุย

    ไม่ทันไร ขบวนรถขังคุกก็เข้ามาทันควัน เจ้าหน้าที่แห่กันมาเตรียมรวบชาวบ้าน ทั้งๆ ที่ไม่ได้ทำเหี้ยอาไยเลย? นี่ไง ข้าราชการใต้ตรีนนายทุน หาใช่ข้าราชการในหลวงไม่? มีการรประกาศพื้นที่ฉุกเฉิน ห้ามชาวบ้านออกนอกพื้นที่นี้เด็ดขาด อ้างมีกลุ่มก่อการร้ายแฝงตัวเข้ามา ไอ้สัส! แทนที่จะไปปาย เสือกมาหมู่บ้านนี้ เหี้ยกันให้สุดไปเลย

    ชาวบ้านเริ่มไม่พอใจหนัก นี่พวกมรึงคิดการณ์ไว้แล้วชิมิ? จะมากวาดล้างบางหมู่บ้านนี้สิท่า มันไม่ง่ายดอกน่ะ 20 ปีที่ผ่านมา เจออะไรมาเยอะ หนักกว่านี้ก็เจอมาแล้ว ไม่รีรอ ยิงแสงสปอตไลท์ขึ้นฟ้า "หาแม่ทัพกุ้ง SUPER KUNG" ทันที แจ้งรหัสลับ "ขะแมร์บุก"

    ในขณะที่กองกำลังอีกากี กำลังจะทำการสลายม็อบรักชาติ อาแปะก็รับชิงเปิดโทรโข่งเสียงดัง เปิดเพลงปลุกใจเพ่น้องไทย บ้านเมืองเป็นกลียุค เพราะไอ้อีที่ไร้จิตสำนึก ดีชั่ว แยกไม่ออก บรรยากาศ ชวนชนอย่างมว๊าก ชาวบ้านก็ไม่ถอย กล้องทุกตัว จับตาอยู่ตลอด ขณะที่อี 6 เหลี่ยม ผู้นำพรรคขาวปรี๊ด เตรียมสั่งกวาดล้างบางทั้งหมู่บ้าน เหมือนที่เคยทำมาก่อนหน้านี้

    อาโก รีบพาเด็กๆ คนชรา ไปยืนแถวหลังสุด เพื่อไม่ให้ได้รับบาดเจ็บจากการตะลุมบอล ฝา กะละมัง หม้อ สาก ครก เอามาใช้ป้องกันตัวหมด ยามนี้ ชาวหมู่บ้าน ได้รวมใจเป็นหนึ่ง ไม่คิดว่าจะต้องลงเอยแบบนี้ แต่กลับไม่มีใครบ่น หรือกล่าวหาใครทั้งนั้น เพราะหมู่บ้านนี้ ชูเรื่อง รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ เป็นที่ตั้ง ไม่มีอะไรเปลี่ยนใจได้ เมื่อวีรกรรมหมู่บ้านนี้ก่อเกิด มันจะส่งผลเป็นโดมิโน่ ไปทุกหมู่บ้าน ทุกตำบล ทุกอเภอ และทุกจังหวัด กระจายสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ไปทั่วประเทศ นี่แหละ ที่เราต้องการ

    สิ้นเสียงเพลงเร้าใจ ก็เปิดลุยทันที ยังไม่ทันจะได้ประชิดตัว ก็มีเสียงตะโกนดังก้องฟ้าว่า "ทุกคนหยุดเดี๋ยวนี้"

    หลังหันไปมองกันหมด ปรากฎว่า "ลุงกุ้ง" ไม่รู้โผล่มาจากไหน? สัญญาน SOS ส่งถึง SUPER KUNG มีอยู่จริงเฟ้ยเห้ย? ทุกคนต่างยินนิ่ง ดูก่อนว่าจะเกิดอะไรขึ้น?

    ลุงกุ้งของน้องๆ มาแย้วจ๋า.. เอ๊ะ ทำอาไยกันอยู่ เหยียบกับระเบิดกันบ้างแล้วรึยัง?

    อี 6 เหลี่ยม หันมามองกองหนุนอีกากี ทันที "พวกมรึงทำห่าอะไรอยู่ฟ่ะ" มันมาแค่คนเดียว "กลัวเหี้ยอะไรกันนักหนา" ลุยเลย กูจ่ายเต็มที่ กล้องส่องกูก็ไม่สนแล้ว "เลือดขึ้นหน้า" วันนี้ หมู่บ้านหมีดุ ต้องตกเป็นของกูผู้เดียว แค่มดปลวก เสือกไม่คิด อยากวัดกับกูชิมิ? กูจัดให้

    "เดี๋ยวก่อน" อี 6 เหลี่ยม คราวก่อนกูไว้ชีวิตมรึง ยังไม่เข็ดอีกเหรอ? เมื่อคืน กูยังแอบเห็น อีเมีย กับอีลูกร่านมรึง เที่ยวบาร์โฮสต์อยู่เลย ครอบครัวหรรษาดีแท้จริงน่ะมรึง ไปอยู่ไหนมา กูมาคนเดียวก็จริง แต่แค่กูยกมือขึ้น ระเบิดลงหัวมรึงแน่ รู้จักมั้ย ดาวเทียม ขนมาทำไมเยอะแยะ แค่หมู่บ้านเล็กๆ ไม่ต้องยกกันมาทั้งกองทัพดอกน่ะ กับแค่ แก๊งค์สีกากี ไม่กี่ร้อย กูเอาอยู่ จริงมั้ย? เด็กๆ

    ไม่ทันไร F-16 และกริปเพนก็บินผ่านหัวอย่างไว เหมือนรอดูสัญญานมือแม่ทัพกุ้งอยู่ ว่าจะให้ย่างยังไงดี กึ่งสุก กึ่งดิบ หรือเอาแบบ MEDIUM RARE ดี เผาอีขะแมรืไป 5000 ตัวแล้ว ยังไม่หนำใจ ขอพ่วงอีสีกากีซักกองร้อย คงอร่อยเหาะดีเน๊าะ

    อี 6 เหลี่ยม เห็นท่าไม่ดี สั่งถอย "ฝากไว้ก่อนโอฬาร" ติดคุกไม่กี่ปี เดี๋ยวกูออกมาอาละวาดใหม่ได้ แค่ย้ายบ้านอยู่ใหม่ชั่วคราว

    หลังพวกเหี้ยกลับไป บรรยากาศก็กลับคืนสู่ภาวะปกติ ชาวบ้านแยกย้ายกันไปทำมาหาแดร๊กกันต่อ ส่วนลุงกุ้ง ก็แวะเข้ามากินโกปี๊กันต่อ ถามสารทุกข์สุกดิบชาวบ้านตามประสา แม่ทัพผู้ใจดี

    อาฉี : ท่านแม่ทัพ ถามจริง? เราจะได้คืนพระราชอำนาจหรือไม่ ทหารคิดเห็นอย่างไร? และมีแผนการเรียกคืนดินแดนเดิมหรือไม่?

    แม่ทัพกุ้ง : ทหารก็คิดไม่แตกต่างจากพวกเราดอกน่ะ แต่ด้วยวินัยทหาร แสดงออกมาไม่ได้ ทุกอย่างเป็นไปตามสายการบังคับบัญชา แต่ทหารรุ่นใหม่ เค้าเทใจให้วังไปนานแล้ว ไอ้ที่ยังอยู่ เก่า แก่ แต่หวงอำนาจยังคงมี ส่วนแผนการเรียกคืนแผ่นดิน เรื่องนี้ การทหารเค้ามีนานแล้ว แต่จะเดินเกมส์ไปกับเกมส์การเมืองโลก และอำนาจของการปิดด่าน จนเศรษฐกิจอีขะแมร์พินาศ เมื่อประเทศอ่อนแอ การรวมชาติก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป ไปทีละสเตปเร่งไม่ได้ เพราะมันยังไม่เคลียร์เรื่องสนธิสัญญาโตเกียว ที่ไม่ผ่านมติสภา มีผลเป็นโมฆะตามกฎหมายไทย ไม่ว่าใครจะเซ็นต์อะไรไป แต่อำนาจในมือไม่มี ก็ไร้ผล

    อาแปะ : อั๊วว่า ท่านแม่ทัพคงได้สานเรื่องนี้ต่อแน่ หลังเกษียณชัวร์

    แม่ทัพกุ้ง : เราก็หวังเช่นนั้น เพราะทุกฝ่ายวางตัวสืบทอดไว้แล้ว คงต้องใช้เวลาอีกซักระยะนึง เพราะปัญหาโลกนั้นใหญ่เกินกว่าที่เราจะต้านทานเพียงลำพังได้

    อาโก : ท่านแม่ทัพ คิดว่าจะมีปฎิวัติอีกหรือไม่? ผบ.สูงสุด ผบ.ทบ. ท่านพร้อมเรื่องนี้มากแค่ไหน หากสถานการณ์เลวร้ายลง และไม่เป็นไปตามแผน

    แม่ทัพกุ้ง : ดูเหตุ และปัจจัยก่อน หากหาทางออกในฝ่ายการเมืองได้ก็จบ หากหาทางออกในฝ่ายความมั่นคงได้ ก็ไม่จำเป็นต้องรัฐประหาร

    อาคิม : ข่าวมาล่าสุดว่า อีส้มเน่า เตรียมประกาศเป็นผู้นำรัฐบาลแล้ว พร้อมบริหารประเทศ สิ่งแรกที่จะทำ คือ "ยกเลิกมาตรา 112 ในทันที" ท่านแม่ทัพคิดว่ายังไง?

    แม่ทัพกุ้ง : มันทำไม่ได้ดอก แผ่นดินนี้ต้องมีกษัตริย์ และใครก็จะมาดูหมิ่นไม่ได้ เรื่องนี้ แม้ทหารก็ไม่ยอมเช่นกัน เป็นไงเป็นกัน เรื่องนี้ อย่าได้กังวลมากไป เพราะยังมีศาลไคฟงท่านอยู่ ดาบ 2 ดาบ 3 รออีกเพี๊ยบ บางอย่างจะพูดตอนนี้ไปทำไม ทุกอย่างมันต้องมีเหตุก่อน ผลถึงจะตามมา

    อาซิ่ม อินเตอร์ : ท่านแม่ทัพจ๊ะ แล้วเมื่อโลกเปลี่ยนมือไปแล้ว ภายในบ้านเราเองก็ต้องปรับตัวตามเช่นกัน เป็นไปได้หรือไม่ ที่เราจะกลับไปใช้ระบบการปกครองเดิม และประยุกต์ให้มันทันสมัยมากขึ้น ผู้คนเริ่มเบื่อหน่ายกับปชต.ตอแหลแล้ว จะเลือกไปทำไม เสียภาษีไปทำไม เอามาช่วยชาวบ้านอย่างเราเราไม่ดีกว่าเหรอ?

    แม่ทัพกุ้ง : รอบบ้านเราเองก็ยังไม่มั่นคง ต้องรอดูท่าทีอาเซียนก่อน หากสงครามใหญ่มา อาเซียนจะผนึกกำลังเอง ส่วนเรื่องการปกครองนั้น เป็นเรื่องภายในของเราเอง อยากจะเปลี่ยน อยากจะแก้ก็ได้ทั้งนั้น แต่เกมส์โลกต้องได้ผู้ชนะก่อน ถึงจะรู้ทิศทางลมว่าจะต้องเดินไปทางไหน? ศึกใหญ่มันใกล้เข้ามาล่ะ

    ปล.ในแผ่นดิน ย่อมต้องมี ทั้งคนดี คนชั่ว หากแต่ เราต้องช่วยกันส่งมอบอำนาจให้คนดีปกครอง ไม่มีใครทำให้ทุกคนเป็นคนดีได้ทั้งหมด หากแต่ให้คนดีปกครองบ้านเมือง คนชั่วก็จะไม่มีโอกาสทำลายบ้านเมืองได้นั่นเอง แล้วใครล่ะคนดี? ก็คนที่พ่อเลือกไงล่ะ คนที่พ่อไว้วางพระทัย คืนพระราชอำนาจเป็นแค่สัญลักษณ์ เพราะโดยเนื้อแท้แล้ว อำนาจสูงสุดก็ยังอยู่ในมือพระมหากษัตริย์ หาแต่ ที่ผ่านมา ลูกได้ช่วงชิงมันไปจากมือพ่อ ก็ต้องส่งคืนมือพ่อด้วยตัวเองไงล่ะ เป็นการขอพระราชทานอภัยโทษ ในสิ่งที่ลุกได้ทำผิดพลาดไปในครั้งอดีต ซึ่งเปลี่ยนแปลงไม่ได้อีกแล้ว แต่จะทำให้มันถูกต้องดั่งเดิม นั่นคือสิ่งที่ทำได้ในวันนี้

    EP.5.2(อวสาน) เรื่องราวในหมู่บ้านหมีดุ จะกลายเป็นตำนานเล่าขานไปอีกนาน ทุกหมู่บ้านเริ่มดวงตาเห็นธรรม นักการเมือง พรรคการเมือง จะมีไปทำไม แดร๊กภาษี เอาเปรียบคนไทยทั้งชาติ โลกเปลี่ยนมือ ก็ไม่ต้องตามปชต.ตอแหลอีกต่อไป โมเดลรัสเซีย จีน มีให้เห็นอยู่ ว่าทำยังไง ถึงได้เจริญแบบก้าวกระโดด โดยที่ไม่ทิ้งรากเหง้าตัวเอง ตัวอย่างมีให้โลกประจักษ์แล้ว อยู่ที่ใครจะเลือกทางไหน?

    หมี CNN(ไทยสุดทน! ใช้แก๊สน้ำตา-กระสุนยาง ปราบม็อบเติมเงินขะแมร์ บ้านหนองหญ้าแก้ว ส่งสัญญานชัด ใช้วิธีสลายม็อบ แบบสากล แต่เด็ดขาด ชาวโลกประจักษ์ มันมาถึงที่สุดแล้ว ดินแดนใช่จะยอมให้กันง่ายๆ เอาชาวบ้านมาเป็นกันชน สุดท้ายมรึงเลือกเอง อย่าร้อง ไอ้สัส! โลกชื่นชมวิธีการทหารไทย ล่อจะเบาไปหาหนัก ตามความชอบธรรม)
    18 กันยายน 68
    00.01 น.
    18-09-68/01 : หมี CNN / "สภาโกปี๊" หรรษาขาประจำ EP5.2(ตอนจบ) (ต่อ) ขณะที่ชาวบ้านมุงดูดารา เน็ตไอดอลกันตรึม สื่อก็ทำข่าวต่อทันที ดูเหมือนว่า เจ้านี้ จะจ่ายหนักกว่า นักข่าวสายชอบเปย์พากันเข้าสัมภาษณ์ทันที พรรคขาวปรี๊ด หนนี้มีความมั่นใจแค่ไหนครับท่าน? หัวหน้าพรรคตอบทันควัน "กระผม นายปลิงดูด น้องปรีดู ขอถวายตัวรับใช้เพ่น้องประชาชนอันเป็นที่รัก" ที่ไหนยากจน ความเจริญจะไปหาทันที ด้วยนโยบายพรรคเรา จ่ายหนัก เฮ๊ย..อยากได้ ก็ต้องได้ อยากมี ก็ต้องมี เสกได้ตามสั่ง แค่เลือกพรรคขาวปรี๊ด เบอร์ 00 ศักดิ์ไม่ต้องศรี มีแดร๊กทุกวัน เฮฮาปาร์ตี้กันทั่วหัวมุมถนน ใครใคร่ชอบอะไร ก็เชิญทำตามสบายใจท่าน เราคือพรรคเอนเตอร์เทนตัวพ่อ กาสิโอ๊ะ ไม่จำเป็น เราเน้นนโยบายกระจายรายได้ ใช้ชุมชนเป็นเจ้ามือ ทุกคนมีงานทำ เปิดด่านไปเลย การค้ากลับมาดั่งเดิม ไม่ต้องห่วงระเบิด เปิดเขตเศรษฐกิจพิเศษไปเลย ดูแลทั้ง 2 ฝ่าย จบง่าย รวยด้วยกัน อ่าวไทยเหรอ? เก็บเอาไว้ให้ใคร ขุดขึ้นมาใช้ดิ เราจะได้ใช้น้ำมันถูกไง ไม่ดีเหรอ ส่งออกเพื่อนบ้านได้อีก แบ่งๆ กันกิน ก็ไม่มีใครมารบกับเราแล้ว ปากท้องไม่เข้าใครออกใคร? นักข่าวยังช็อค ชาวบ้านอารมณ์เปลี่ยน? LIVE สด อยู่น่ะมรึง? 1 ในชาวบ้าน ตะโกนถามท่านหัวหน้าพรรคคนใหม่ว่า "แล้วดินแดนล่ะ ต้องแบ่งด้วยมั้ย?" อ้าว..แบ่งกันไปเลย จะได้จบจบ มีทองแบ่งทอง มีน้ำมันแบ่งน้ำมัน จะมาฆ่ากันทำไม แค่แผ่นดินเท่าเหมี๊ยวดิ้นตาย คนละครึ่งไงจ๊ะ แฟร์เพลย์ดีมั้ยล่ะ? ยังไม่ทันจะสิ้นเสียงเห่าหอน ก็มีเสียงแทรกตะโกนมาว่า "ไอ้สัส!" ประเทศจะมีพวกมรึงไปทำไม? กล้องจับภาพทันที รู้ดี สัญญานแรงแน่ มีข่าวตีชัวร์ หันไปดูปุ๊บ..ไม่ใช่ใครอื่น? "อาแปะ เปิดฟลอร์แล้วจ๊ะ" อาแปะ : มรึงรีบออกไปจากหมู่บ้านกูเลย ก่อนชาวบ้านจะสหบาทา อย่ามาให้กูเห็นหน้าอีก! (หลังเกิดเหตุ ชาวบ้านก็เลิกสนใจดารา เน็ตไอดอลทันที ต่างรู้ดีว่า ไอ้พวกห่าเหี้ยนี่ มาทำไม? เดินกันเข้ามาหนุนอาแปะ) อาโก รีบชิงจังหวะ ที่เห็นอีปากหมา(หัวหน้าพรรคคนใหม่) มันยังช็อคกับเหตุการณ์อยู่ ชิงพื้นที่สื่อทันที เดินเข้าขวางหน้ากล้อง พร้อมพูดว่า "นี่คือคนที่คุณจะเลือกเหรอ?" เลือกตั้งมันตอบโจทย์ปากท้องเราได้จริงเหรอ? 93 ปี เราได้อะไรบ้างจากประชาธิปไตย ก็แค่เก้าอี้ดนตรี สมบัติผลัดกันชม เหี้ยไป จัญไรมา เวลาเปลี่ยน พรรคเปลี่ยน คนเปลี่ยน แต่ความเสียหายไม่เคยเปลี่ยน มันลงมาที่ชาวบ้านและประเทศนี้เสมอมา คืนพระราชอำนาจต่างหาก คือสิ่งที่ลูกทุกคนควรทำ เราแย่งชิงพระราชอำนาจมาจากพ่อ ด้วยกลโกงของภัยจากตะวันตก เมื่อไม่ใช่ของเรามาตั้งแต่ต้น ก็ควรจะคืนให้พ่อท่านไป เพราะไม่ว่าพ่อท่านจะส่งใครมาดูแล ปกครองเรา ก็ล้วนอยู่ในสายพระเนตรตลอดเวลา มั่นใจในความซื่อสัตย์ เที่ยงตรงแน่นอน แต่นักการเมือง มาจากพรรค มาจากนายทุน กำไรคือเป้าหมาย พวกเราก็เป็นแค่เหยื่อ? อาแปะ รับเข้ามาเสริมทันที "กล้องๆ มาทางนี้ เราขอประกาศว่า หมู่บ้านหมีดุ จะทำการขอประชามติ เรื่องคืนพระราชอำนาจ แล้วจะส่งผลไปให้ฝ่ายการปกครองบ้านเมือง ว่า ณ มุมแห่งนี้ มีความต้องการเช่นไร" นายอำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ตาตื่น ไอ้สัส! ออกสื่อไม่ปรึกษากูเลย ไอ้แปะ เอาอีกแล้ว งานนี้ กูจะเด้งมั้ยหนอ? มีชาวบ้านสนใจ ตะโกนถามอาแปะว่า "จะประชามติเมื่อไหร่" พวกเราพร้อมโหวตจ๊ะ ไม่เอาแล้วการเมือง ยิ่งอยู่ยิ่งรวย ชาวบ้านอดอยากมากยิ่งขึ้น เงินภาษีพวกกู ไม่ได้เอาไปทำความเจริญให้แผ่นดินเลย โดนพวกแม่งแดร๊กเรียบวุธ เอาเลยอาแปะ เราเอาด้วย พอกันที แผ่นดินนี้ต้องการพ่อ ไม่ได้ต้องการเหี้ย? นายอำเภอเห็นท่าไม่ดี เรียนเชิญหัวหน้าพรรคขาวปรี๊ด กลับไปก่อน เดี๋ยวชาวบ้านอาจจะไม่พอใจมากไปกว่านี้ อาจควบคุมสถานการณ์ไม่ได้อีก แต่กลับถูกตอกหน้ากลับว่า "แค่หมู่บ้านเล็กๆ จะกลัวไปทำไมกันเล่า" อั๊วเรียก อีกากี ยกกันมาทั้งกรมแล้ว อยากวัด ต้องได้วัด ใครขัดใจ มรึงตาย! เดี๋ยวมรึงหลบไป กูเดาไม่ผิด ต้องเจอพวกหัวแข็ง จึงได้เตรียมจัดฉาก ชาวบ้านคลั่งทำร้ายนักการเมือง จะต้องเป็นข่าวใหญ่แน่ ใครหัวนำ แกนนำ จับมันไปให้หมด งานนี้ ต้องประกาศศักดา พื้นที่นี้ พรรคขาวปรี๊ดเท่านั้น ที่จะตีให้แตกกระจุย ไม่ทันไร ขบวนรถขังคุกก็เข้ามาทันควัน เจ้าหน้าที่แห่กันมาเตรียมรวบชาวบ้าน ทั้งๆ ที่ไม่ได้ทำเหี้ยอาไยเลย? นี่ไง ข้าราชการใต้ตรีนนายทุน หาใช่ข้าราชการในหลวงไม่? มีการรประกาศพื้นที่ฉุกเฉิน ห้ามชาวบ้านออกนอกพื้นที่นี้เด็ดขาด อ้างมีกลุ่มก่อการร้ายแฝงตัวเข้ามา ไอ้สัส! แทนที่จะไปปาย เสือกมาหมู่บ้านนี้ เหี้ยกันให้สุดไปเลย ชาวบ้านเริ่มไม่พอใจหนัก นี่พวกมรึงคิดการณ์ไว้แล้วชิมิ? จะมากวาดล้างบางหมู่บ้านนี้สิท่า มันไม่ง่ายดอกน่ะ 20 ปีที่ผ่านมา เจออะไรมาเยอะ หนักกว่านี้ก็เจอมาแล้ว ไม่รีรอ ยิงแสงสปอตไลท์ขึ้นฟ้า "หาแม่ทัพกุ้ง SUPER KUNG" ทันที แจ้งรหัสลับ "ขะแมร์บุก" ในขณะที่กองกำลังอีกากี กำลังจะทำการสลายม็อบรักชาติ อาแปะก็รับชิงเปิดโทรโข่งเสียงดัง เปิดเพลงปลุกใจเพ่น้องไทย บ้านเมืองเป็นกลียุค เพราะไอ้อีที่ไร้จิตสำนึก ดีชั่ว แยกไม่ออก บรรยากาศ ชวนชนอย่างมว๊าก ชาวบ้านก็ไม่ถอย กล้องทุกตัว จับตาอยู่ตลอด ขณะที่อี 6 เหลี่ยม ผู้นำพรรคขาวปรี๊ด เตรียมสั่งกวาดล้างบางทั้งหมู่บ้าน เหมือนที่เคยทำมาก่อนหน้านี้ อาโก รีบพาเด็กๆ คนชรา ไปยืนแถวหลังสุด เพื่อไม่ให้ได้รับบาดเจ็บจากการตะลุมบอล ฝา กะละมัง หม้อ สาก ครก เอามาใช้ป้องกันตัวหมด ยามนี้ ชาวหมู่บ้าน ได้รวมใจเป็นหนึ่ง ไม่คิดว่าจะต้องลงเอยแบบนี้ แต่กลับไม่มีใครบ่น หรือกล่าวหาใครทั้งนั้น เพราะหมู่บ้านนี้ ชูเรื่อง รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ เป็นที่ตั้ง ไม่มีอะไรเปลี่ยนใจได้ เมื่อวีรกรรมหมู่บ้านนี้ก่อเกิด มันจะส่งผลเป็นโดมิโน่ ไปทุกหมู่บ้าน ทุกตำบล ทุกอเภอ และทุกจังหวัด กระจายสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ไปทั่วประเทศ นี่แหละ ที่เราต้องการ สิ้นเสียงเพลงเร้าใจ ก็เปิดลุยทันที ยังไม่ทันจะได้ประชิดตัว ก็มีเสียงตะโกนดังก้องฟ้าว่า "ทุกคนหยุดเดี๋ยวนี้" หลังหันไปมองกันหมด ปรากฎว่า "ลุงกุ้ง" ไม่รู้โผล่มาจากไหน? สัญญาน SOS ส่งถึง SUPER KUNG มีอยู่จริงเฟ้ยเห้ย? ทุกคนต่างยินนิ่ง ดูก่อนว่าจะเกิดอะไรขึ้น? ลุงกุ้งของน้องๆ มาแย้วจ๋า.. เอ๊ะ ทำอาไยกันอยู่ เหยียบกับระเบิดกันบ้างแล้วรึยัง? อี 6 เหลี่ยม หันมามองกองหนุนอีกากี ทันที "พวกมรึงทำห่าอะไรอยู่ฟ่ะ" มันมาแค่คนเดียว "กลัวเหี้ยอะไรกันนักหนา" ลุยเลย กูจ่ายเต็มที่ กล้องส่องกูก็ไม่สนแล้ว "เลือดขึ้นหน้า" วันนี้ หมู่บ้านหมีดุ ต้องตกเป็นของกูผู้เดียว แค่มดปลวก เสือกไม่คิด อยากวัดกับกูชิมิ? กูจัดให้ "เดี๋ยวก่อน" อี 6 เหลี่ยม คราวก่อนกูไว้ชีวิตมรึง ยังไม่เข็ดอีกเหรอ? เมื่อคืน กูยังแอบเห็น อีเมีย กับอีลูกร่านมรึง เที่ยวบาร์โฮสต์อยู่เลย ครอบครัวหรรษาดีแท้จริงน่ะมรึง ไปอยู่ไหนมา กูมาคนเดียวก็จริง แต่แค่กูยกมือขึ้น ระเบิดลงหัวมรึงแน่ รู้จักมั้ย ดาวเทียม ขนมาทำไมเยอะแยะ แค่หมู่บ้านเล็กๆ ไม่ต้องยกกันมาทั้งกองทัพดอกน่ะ กับแค่ แก๊งค์สีกากี ไม่กี่ร้อย กูเอาอยู่ จริงมั้ย? เด็กๆ ไม่ทันไร F-16 และกริปเพนก็บินผ่านหัวอย่างไว เหมือนรอดูสัญญานมือแม่ทัพกุ้งอยู่ ว่าจะให้ย่างยังไงดี กึ่งสุก กึ่งดิบ หรือเอาแบบ MEDIUM RARE ดี เผาอีขะแมรืไป 5000 ตัวแล้ว ยังไม่หนำใจ ขอพ่วงอีสีกากีซักกองร้อย คงอร่อยเหาะดีเน๊าะ อี 6 เหลี่ยม เห็นท่าไม่ดี สั่งถอย "ฝากไว้ก่อนโอฬาร" ติดคุกไม่กี่ปี เดี๋ยวกูออกมาอาละวาดใหม่ได้ แค่ย้ายบ้านอยู่ใหม่ชั่วคราว หลังพวกเหี้ยกลับไป บรรยากาศก็กลับคืนสู่ภาวะปกติ ชาวบ้านแยกย้ายกันไปทำมาหาแดร๊กกันต่อ ส่วนลุงกุ้ง ก็แวะเข้ามากินโกปี๊กันต่อ ถามสารทุกข์สุกดิบชาวบ้านตามประสา แม่ทัพผู้ใจดี อาฉี : ท่านแม่ทัพ ถามจริง? เราจะได้คืนพระราชอำนาจหรือไม่ ทหารคิดเห็นอย่างไร? และมีแผนการเรียกคืนดินแดนเดิมหรือไม่? แม่ทัพกุ้ง : ทหารก็คิดไม่แตกต่างจากพวกเราดอกน่ะ แต่ด้วยวินัยทหาร แสดงออกมาไม่ได้ ทุกอย่างเป็นไปตามสายการบังคับบัญชา แต่ทหารรุ่นใหม่ เค้าเทใจให้วังไปนานแล้ว ไอ้ที่ยังอยู่ เก่า แก่ แต่หวงอำนาจยังคงมี ส่วนแผนการเรียกคืนแผ่นดิน เรื่องนี้ การทหารเค้ามีนานแล้ว แต่จะเดินเกมส์ไปกับเกมส์การเมืองโลก และอำนาจของการปิดด่าน จนเศรษฐกิจอีขะแมร์พินาศ เมื่อประเทศอ่อนแอ การรวมชาติก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป ไปทีละสเตปเร่งไม่ได้ เพราะมันยังไม่เคลียร์เรื่องสนธิสัญญาโตเกียว ที่ไม่ผ่านมติสภา มีผลเป็นโมฆะตามกฎหมายไทย ไม่ว่าใครจะเซ็นต์อะไรไป แต่อำนาจในมือไม่มี ก็ไร้ผล อาแปะ : อั๊วว่า ท่านแม่ทัพคงได้สานเรื่องนี้ต่อแน่ หลังเกษียณชัวร์ แม่ทัพกุ้ง : เราก็หวังเช่นนั้น เพราะทุกฝ่ายวางตัวสืบทอดไว้แล้ว คงต้องใช้เวลาอีกซักระยะนึง เพราะปัญหาโลกนั้นใหญ่เกินกว่าที่เราจะต้านทานเพียงลำพังได้ อาโก : ท่านแม่ทัพ คิดว่าจะมีปฎิวัติอีกหรือไม่? ผบ.สูงสุด ผบ.ทบ. ท่านพร้อมเรื่องนี้มากแค่ไหน หากสถานการณ์เลวร้ายลง และไม่เป็นไปตามแผน แม่ทัพกุ้ง : ดูเหตุ และปัจจัยก่อน หากหาทางออกในฝ่ายการเมืองได้ก็จบ หากหาทางออกในฝ่ายความมั่นคงได้ ก็ไม่จำเป็นต้องรัฐประหาร อาคิม : ข่าวมาล่าสุดว่า อีส้มเน่า เตรียมประกาศเป็นผู้นำรัฐบาลแล้ว พร้อมบริหารประเทศ สิ่งแรกที่จะทำ คือ "ยกเลิกมาตรา 112 ในทันที" ท่านแม่ทัพคิดว่ายังไง? แม่ทัพกุ้ง : มันทำไม่ได้ดอก แผ่นดินนี้ต้องมีกษัตริย์ และใครก็จะมาดูหมิ่นไม่ได้ เรื่องนี้ แม้ทหารก็ไม่ยอมเช่นกัน เป็นไงเป็นกัน เรื่องนี้ อย่าได้กังวลมากไป เพราะยังมีศาลไคฟงท่านอยู่ ดาบ 2 ดาบ 3 รออีกเพี๊ยบ บางอย่างจะพูดตอนนี้ไปทำไม ทุกอย่างมันต้องมีเหตุก่อน ผลถึงจะตามมา อาซิ่ม อินเตอร์ : ท่านแม่ทัพจ๊ะ แล้วเมื่อโลกเปลี่ยนมือไปแล้ว ภายในบ้านเราเองก็ต้องปรับตัวตามเช่นกัน เป็นไปได้หรือไม่ ที่เราจะกลับไปใช้ระบบการปกครองเดิม และประยุกต์ให้มันทันสมัยมากขึ้น ผู้คนเริ่มเบื่อหน่ายกับปชต.ตอแหลแล้ว จะเลือกไปทำไม เสียภาษีไปทำไม เอามาช่วยชาวบ้านอย่างเราเราไม่ดีกว่าเหรอ? แม่ทัพกุ้ง : รอบบ้านเราเองก็ยังไม่มั่นคง ต้องรอดูท่าทีอาเซียนก่อน หากสงครามใหญ่มา อาเซียนจะผนึกกำลังเอง ส่วนเรื่องการปกครองนั้น เป็นเรื่องภายในของเราเอง อยากจะเปลี่ยน อยากจะแก้ก็ได้ทั้งนั้น แต่เกมส์โลกต้องได้ผู้ชนะก่อน ถึงจะรู้ทิศทางลมว่าจะต้องเดินไปทางไหน? ศึกใหญ่มันใกล้เข้ามาล่ะ ปล.ในแผ่นดิน ย่อมต้องมี ทั้งคนดี คนชั่ว หากแต่ เราต้องช่วยกันส่งมอบอำนาจให้คนดีปกครอง ไม่มีใครทำให้ทุกคนเป็นคนดีได้ทั้งหมด หากแต่ให้คนดีปกครองบ้านเมือง คนชั่วก็จะไม่มีโอกาสทำลายบ้านเมืองได้นั่นเอง แล้วใครล่ะคนดี? ก็คนที่พ่อเลือกไงล่ะ คนที่พ่อไว้วางพระทัย คืนพระราชอำนาจเป็นแค่สัญลักษณ์ เพราะโดยเนื้อแท้แล้ว อำนาจสูงสุดก็ยังอยู่ในมือพระมหากษัตริย์ หาแต่ ที่ผ่านมา ลูกได้ช่วงชิงมันไปจากมือพ่อ ก็ต้องส่งคืนมือพ่อด้วยตัวเองไงล่ะ เป็นการขอพระราชทานอภัยโทษ ในสิ่งที่ลุกได้ทำผิดพลาดไปในครั้งอดีต ซึ่งเปลี่ยนแปลงไม่ได้อีกแล้ว แต่จะทำให้มันถูกต้องดั่งเดิม นั่นคือสิ่งที่ทำได้ในวันนี้ EP.5.2(อวสาน) เรื่องราวในหมู่บ้านหมีดุ จะกลายเป็นตำนานเล่าขานไปอีกนาน ทุกหมู่บ้านเริ่มดวงตาเห็นธรรม นักการเมือง พรรคการเมือง จะมีไปทำไม แดร๊กภาษี เอาเปรียบคนไทยทั้งชาติ โลกเปลี่ยนมือ ก็ไม่ต้องตามปชต.ตอแหลอีกต่อไป โมเดลรัสเซีย จีน มีให้เห็นอยู่ ว่าทำยังไง ถึงได้เจริญแบบก้าวกระโดด โดยที่ไม่ทิ้งรากเหง้าตัวเอง ตัวอย่างมีให้โลกประจักษ์แล้ว อยู่ที่ใครจะเลือกทางไหน? หมี CNN(ไทยสุดทน! ใช้แก๊สน้ำตา-กระสุนยาง ปราบม็อบเติมเงินขะแมร์ บ้านหนองหญ้าแก้ว ส่งสัญญานชัด ใช้วิธีสลายม็อบ แบบสากล แต่เด็ดขาด ชาวโลกประจักษ์ มันมาถึงที่สุดแล้ว ดินแดนใช่จะยอมให้กันง่ายๆ เอาชาวบ้านมาเป็นกันชน สุดท้ายมรึงเลือกเอง อย่าร้อง ไอ้สัส! โลกชื่นชมวิธีการทหารไทย ล่อจะเบาไปหาหนัก ตามความชอบธรรม) 18 กันยายน 68 00.01 น.
    0 Comments 0 Shares 73 Views 0 Reviews
  • 17-09-68/01 : หมี CNN / "สภาโกปี๊" หรรษาขาประจำ EP5.1

    ณ ร้านอาแปะ "แดร๊กด่วน" วงประชุม "สภาโกปี๊" ชุดเก่า เวลาเดิม เกิดเรื่องใหญ่ เมื่อบรรดาพรรคการเมือง แห่กันเข้ามาในหมู่บ้านหมีดุ เหตุเพราะสถิติแรงเกิน หมู่บ้านเดียว ที่ตลอด 20 ปี ยอด NO VOTE สูงสุดอันดับ 1 ของประเทศ คือไม่เลือกใครเลย เป็นแรงดึงดูด ให้บรรดาเสือหิวทั้งหลาย อยากได้คะแนนจากที่นี่ให้ได้ เค้าเรียก "ด่านโหดหิน" ใครได้คะแนนจากที่นี่ได้ คือสุดยอดนักการเมืองเหี้ยที่ไร้พ่าย ครั้งล่าสุดเมื่อ 2 ปี ก่อน จำนวนผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง มี 3500 คน มีผู้มาใช้สิทธิ์ 3499 ขาด 1 เสียงเพราะนอนพะงาบที่รพ. ICU ใช้สิทธิ์โหวต NO ถึง 3499 เสียงครบตามจำนวนผู้มีสิทธิ์ หมู่บ้านหมีดุ ขึ้นชื่อเรื่อง "ไม่เอาเหี้ยไป จัญไรมา" เพราะไม่ว่าจะกาใคร แม่งก็เหี้ยเหมียงเดิม แล้วกูจะเอาเสียงบริสุทธิ์ในมือไปให้เหี้ยมันทำไมกันล่ะ นโยบายโคตรพ่อง ประชานิยมโคตรแม่ง ดีแต่เผาผลาญงบหาแดร๊ก

    อาแปะ : ไอ้สัส! วันนี้ "เหี้ยบุก" พวกเราเตรียมรับมือกันให้ดีดี งวดนี้ ได้ข่าว มันจัดเต็ม มากันยกแก๊งค์เหี้ย C ท่อน้ำเลี้ยงมันทั้งนั้น 3 พรรคหลอกแดร๊ก 1 พรรคตีเนียน มันเล่นยกสื่อเหี้ยยิวเข้ามา คงถาม หมู่บ้านเรา ไม่นิยมประชาธิปไตยโคตรพ่องยิวบ้างเหรอ?

    อาโก : พอจะมียุบสภาพกันอีก 4 เดือน เดินสายกันเชียวน่ะมรึง 4 ปี แลก 4 วิ หมายังอาย กาเสร็จ กวักมือเรียกให้ตาย แม่งก็ไม่โผล่ สันดาน ใครกันแน่ที่โง่ฟ่ะ?

    อาซิ่ม อินเตอร์ : อีหมู่บ้านชั้น มันเข้าไปเรียบร้อยแล้ว ตามสูตร หัวละ 2000 เริ่มต้น ยิ่งใกล้คืนหมาหอน เอาไปเลย 3500 พร้อมรองเท้าแตะ 1 ข้าง กาเสร็จ ค่อยไปรับอีกข้าง ดูมันทำ? คราวก่อน อีส้มดวย ชนะยกพรรค ทั้งบุคคล และพรรค เพิ่งเคยเห็น แจกบัตรคอนเสิร์ตไอดอลคลั่งฟรี หัวละ 2 ใบ วัยรุ่นแถวบ้านกรี๊ดกร๊าดกันหย่าย ดิ้นเหมือนโดนน้ำร้อนลวกเป๊ะเด๊ะ

    อาฉี : โน้น..ไม่ทันไร มันโผล่มาล่ะ เอาไงดี ใครจะเปิดก่อนดีล่ะ?

    อาคิม : ใจร่มๆ ตามสูตร มันต้องแกล้งเข้ามานั่งแดรีกโกปี๊ แล้วถามสารทุกข์ สุขดิบ เพื่อสร้างความคุ้นเคย และไว้เนื้อเชื้อใจ วิธีการเดียวกับนักล่า จูบก่อนแล้วค่อยขย้ำ มาผิดที่แล้วไอ้นู๋ นี่มันดง "เพชรฆาตนักการเมืองหัวกล้วยนะมรึง" โดนแน่

    อาซิ่ม อินเตอร์ : ไม่รู้ มันจะจำชั้นได้มั้ย เพราะมันเพิ่งจะเข้าไปในหมู่บ้านชั้นเมื่ออาทิตย์ก่อน เงิน 2000 หมดเกลี้ยงแล้ว โดนหวยแดร๊กจ๊ะ แหม..เงินอัปมงคลเสียจริง เงินบาป แทงเหี้ยอะไรก็ไม่ถูก! ให้มากูรับ แต่จะเลือกจริงหรือไม่ เรื่องของกู

    อาแปะ : READY! มันมากันแล้ว สื่อตรึม จัดฉากกันใหญ่เชียวมรึง? เดี๋ยวรู้

    ทันทีที่กองทัพสื่อรับจ้างเหี้ย ดาหน้ากันเข้ามา วางกล้องพร้อม ตัวละครพร้อม ACTION นำหน้าด้วยหัวหน้าพรรคมันม่วง สโลแกน "อยู่ให้สบาย อิ่มหมีพีมันส์" กราบไหว้มาแต่ไกล "สวัสดีครับเพ่น้อง ผมชื่อ "สะเบอเร่อเฮ้ย" ครับเพ่น้อง วันนี้ ขอฝากเนื้อ ฝากตัวไว้ในอ้อมอก อ้อมใจ เพ่น้องชาวหมู่บ้านหมีดุ ด้วยน่ะคร๊าบบบ

    ไม่ทันไร! อาแปะ หน้านิ่ง หน้าตาย ก็นำร่องก่อนเพื่อน ชี้นิ้วไปที่ชื่อป้ายหน้าร้าน ตามสโลแกน "แดร๊กเสร็จก็ไสหัวไปซะ" มันเห็นแล้วสะอึก! กูเพิ่งมาถึง แม่งจะไล่กันแล้วรึเนี่ย? โหดจริง อะไรจริง นี่มันหมู่บ้าน หรือ กรงหมาพันธุ์ดุกันฟ่ะเนี่ย?

    แฮะ..แค่แวะมาทักทาย เพ่น้องทุกท่านคร๊าบ มีอะไรให้รับใช้ บอกมาได้เลย เดี๋ยวจัดการให้ น้ำ ไฟ ถนน สาธารณูปโภค เข้าถึง เข้าถึง อย่าได้ห่วง โปรดเลือก พรรคมันม่วง เบอร์ 88 รับรอง ชีวิตจะสบายไปตลอดกาลขอรับ เพราะเรารับใช้ประชาชนเต็มความสามารถอยู่แล้ว

    อาแปะ : ลื้อจะสั่งอะไร? หากไม่กิน ก็ไสหัวออกไป ที่นี่ เค้าสงบสุขดีอยู่แล้ว

    สะเบอเร่อเฮ้ย : อ๋อ..สั่ง ครับสั่ง โกปี๊ 8 ปาท่องโก๋ 10 ไข่ลวก 10 นมเย็น 4 ขอรับ

    อาแปะ : แล้วบรรดานักข่าวที่ลื้อยกกันมาเป็นขบวนขันหมากเนี่ย ไม่ให้มันได้แดร๊กหน่อยเหรอ? ไหนว่าทำเพื่อประชาชนไง เห็นอยู่ก็ไม่น้อยน่ะ ประมาณ 40 คน จะเลี้ยงมั้ย? (ถามต่อหน้า "สะเบอเร่อเฮ้ย" ขณะ LIVE สดอยู่)

    สะเบอเร่อเฮ้ย : อ๋อ..เลี้ยงสิคร๊าบ เท่าไหร่ ก็เลี้ยงขอรับ(ไอ้สัส..จัดหนักกูทันที)

    อาโก : อ้าว..เลี้ยงแต่นักข่าว ไม่เลี้ยงพวกเรา ชาวบ้านหาเช้ากินค่ำรึจ๊ะ? คุณหัวหน้าพรรค ดูท่าทาง ไม่ใช่คนขี้เหนียวนิจ๊ะ มาทั้งที มันต้องสร้างความประทับใจหน่อยสิ อยากเห็นผู้แทนประชาชนตัวเป็นๆ ของจริง อ่ะน่ะ (คนในร้านเฮ ทันที)

    สะเบอเร่อเฮ้ย : จัดไปขอรับ เป็นเกียรติที่ได้ดูแลประชาชนครับ มันเป็นหน้าที่

    อาฉี : อ้าว..พวกเรา ไปป่าวประกาศเร็ว ท่านหัวหน้าพรรค จะเลี้ยงยกหมู่บ้าน ใครมีลูกเด็ก เล็กแดง ยกกันมากินฟรีเร็ว! ให้ว่อง ให้ไว ชาวบ้านเฮตามน้ำทันที (กล้องจับภาพบรรยากาศคึกคัก แต่หัวหน้าพรรคหน้าเจื่อน)

    หลังผ่านไป 2 ชั่วโมง หลังแดร๊กกันดุเด็ด เผ็ดมันส์ ร้านอาแปะ ทำยอดขายได้มากกว่าขายทั้งเดือนซะอีก ลาภปาก แดร๊กกันดีนัก กูขอเอาคืนมรึงบ้างเหอะ ก็ถึงเวลา "หาเสียง" ยังไงเสียแล้ว เมื่อชาวบ้านมารุมกินฟรีที่ร้านอาแปะ ก็เอาเป็นที่ถ่ายโลเกชั่นหมู่บ้านไปเลย นายอำเภอ ผู้ใหญ่บ้าน อีกำนัน ดาหน้ากันเสนอผลงานกันใหญ่ออกสื่อ ออกมาต้อนรับท่านหัวหน้าพรรคมันม่วง ชาวบ้านเห็นชัด ถึงอาการชะเลียส้นตรีนของข้าราชการ กับฝ่ายการเมือง ยิ่งทำให้แค้นจัด เดี๋ยวมีช็อตเด็ดแน่!

    LIVE สด ณ หมู่บ้านหมีดุ ตำบลหมีงาบ อำเภอหมีตะปบ ถ่ายทำที่ร้าน "แดร๊กเสร็จก็ไสหัวไปซะ" โดยมี อาแปะเป็นเจ้าของร้าน และเป็นศูนย์กลางชาวบ้าน ตั้งสภาโกปี๊มาหลายสิบปี เห็นการเมืองมาเยอะ ถูกเชิญไปให้สัมภาษณ์ โดยมีการจัดฉาก ยืนเรียงกันพร้อม ทั้งฝ่ายข้าราชการ และฝ่ายการเมือง

    สะเบอเร่อเฮ้ย : เรา..ในฐานะพรรคมันม่วง ที่ต้องการจะยกระดับความเจริญให้เพ่น้องประชาชน เราต้องการสิ่งที่ดีกว่า ทันสมัยกว่า และเห็นทันตาเป็นที่ประจักษ์ ดังนั้น นโยบายหลักของเราคือ "กินอิ่ม หลับสบาย" ทุกครัวเรือน จะต้องปลอดภัย และมีกิน มีใช้ ไม่ศักดิ์ศรี ไม่ต้องขอใครกิน อีกต่อไป (ชาวบ้านนั่งฟัง..เงียบกริบ)

    อาแปะ : ลื้อมาเพื่อช่วยพวกเราชิมิ? งั้นลื้อพร้อมจะฟังปัญหา ปากท้องชาวบ้าน และสิ่งที่ชาวบ้านต้องการจริงๆ รึยัง? ที่ไม่ใช่จากปากคนอื่น อ่ะน่ะ กล้าฟังมั้ย?

    (อาแปะพูดคั่นกลาง LIVE สดเลย อี สะเบอเร่อเฮ้ย ถึงกับชงักไป 5 วิ แต่เห็นออกสื่ออยู่ จึงตามน้ำ ผิดแผน กูกะจะใส่นโยบายหลอกแดร๊ก ปั่นหัวควายซะหน่อย แต่เสือกถูกคั่นรายการ เอาเหอะ เดี๋ยวค่อยตบท้ายสวยๆ ปล่อยชาวบ้านได้ปลดปล่อยก่อน)

    อาแปะ : กวักมือเรียก "อาโก" ทันที ตาลื้อล่ะ อั๊วชงให้แล้ว ในหมู่บ้าน ไม่มีใครรู้ดีเท่าลื้อดอก ข้อมูลตรึม ปัญญาเป็นเริ่ด ช่วยบอกท่านหัวหน้าพรรคหน่อยว่า เราต้องการอะไร? จัดไป อย่าให้เสียของ

    อาโก : ก็ไม่มีอะไรมากดอกน่ะ เราอยากให้ท่านรับปากสิ่งที่พวกเราทุกคนต้องการในยามนี้ และในอนาคต หากทำได้ เราทั้งหมู่บ้านจะเลือกพรรคท่านแน่นอน เพราะคนลงมือทำจริง ย่อมดีกว่าเอาแต่พูด พวกเราชอบคนจริง และให้ใจเต็มที่

    สะเบอเร่อเฮ้ย : ยิงลี ก๊าบ..เฮ๊ย ยินดี ขอรับ ผมพร้อมรับฟังปัญหาชาวบ้านอยู่แล้ว ยากแค่ไหน ก็จะทำให้ได้ เพื่อให้ชีวิตที่ดีกลับคืนสู่ทุกหมู่บ้านอีกครั้ง

    อาโก : ใส่ทันที ขอเรียงเป็นข้อๆ ดังนี้

    1.ยกเลิก MOU43/44 ทันที โดยไม่มีเงื่อนไข ปิดด่านให้หมด จนกว่าขะแมร์แพ้
    2.ร่างรมน.ใหม่เมื่อไหร่ ใครแตะต้องสถาบันสูงสุด ประหาร 9 ชั่วโคตร ไม่มียกเว้น
    3.โทษของการคอรัปชั่นคือประหารชีวิตเท่านั้น ไม่มีหมดอายุความ ทำทันที
    4.ตัดทุกอย่างเกี่ยวกับสิทธิพิเศษ และอภิสิทธิ์ของสส. สว. เปลืองงบใช่เหตุ
    5.ร่างรมน.ใหม่เมื่อไหร่ ไม่ใช่เลือกกันเอง ภาคประชาชนต้องเข้าไปมีส่วนร่าง
    6.องค์กรอิสระ ไม่ให้ฝ่ายการเมืองยุ่งเด็ดขาด ให้ประชาชนส่งตัวแทนเข้าไป
    7.ผลัดใบกรมปทุมวัน ผลัดใบอัยกวย ผลัดใบกรุมคุก ผลัดใบข้าราชการทั้งระบบ
    8.กฎหมายควบคุมพรรค ท่อน้ำเลี้ยงต่างชาติ ยุบทันที ถอนสิทธิ์ตลอดชีพ
    9.กระจายอำนาจ ไม่ให้ทุกอย่างเข้าสู่ศูนย์กลาง เพาะเชื้อชั่ว 77 จ. บริหารเอง
    10.ยกเลิกระบบนายทุนผูกขาด ใช้ระบบสวัสดิการรัฐนำ งบประมาณกระจายทั่ว
    11.รากฐานสำคัญ ประวัติศาสตร์ ศีลธรรม บรรจุในระเบียบแห่งชาติต้องมี ทุกรร.
    12.คืนพระราชอำนาจ โปรดเกล้านายกฯ พระราชทาน ฝ่ายการเมือง 30 วัง 70
    13.เรียกคืนอธิปไตยไทย ดินแดนเดิมที่เคยมี และถูกแย่งชิงไปคืนมาให้หมด
    14.ทุนเรียนฟรีต้องมี คนไทยต้องได้รับการศึกษาฟรีไปจนถึงชั้นปริญญา วิชาชีพ
    15.จัดการทุนต่างชาติ ควบคุมผู้อพยพลี้ภัย คนต่างด้าว แรงงานเถื่อน กฎต้องแรง

    หายใจทันมั้ย? เอาแค่นี้ก่อนน่ะ ท่านผู้นำพรรค เดี๋ยวจะฉี่แตกซะก่อน

    สะเบอเร่อเฮ้ย : มึน..โดนหมัดรัว นี่มันเข้ากูทุกดอกนี่หว่า? ตั้งสติได้แป๊บ หันมาหากล้อง ยิ้มหวานๆ เป็นข้อเสนอที่ดี แต่ทำได้ยากน่ะ เพราะหลายข่อมันขัดกับประชาธิปไตย ที่สากลยอมรับน่ะ

    อาโก : สวนกลับทันควัน.. เอาเหรอ? อั๊วคิดว่าที่นี่คือประเทศไทย ที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุก เป็นเอกราชมานับ 1000 ปี มีอะไรที่สากลไม่ยอมรับเราบ้างล่ะ อั๊วก็เห็น ทั่วโลกแห่กันเข้ามาเต็มบ้าน เต็มเมือง ไม่เห็นใครบอกเราไม่ใช่ประชาธิปไตยซะหน่อย

    สะเบอเร่อเฮ้ย : (ของเริ่มขึ้น) ไม่คิดหน่อยรึว่า มันอาจจะกลายเป็นคอมมิวนิสต์น่ะ หากเราไม่ยึดประชาธิปไตยอันทรงคุณค่าเอาไว้ ทั่วโลกเจริญก็เพราะประชาธิปไตยเนี่ยแหละ สิทธิ เสรีภาพ และความเสมอภาค เราจะเดินถอยหลังเอาน่ะ

    อาฉี : แล้วทำไม จีน รัสเซีย ถึงได้เจริญกันล่ะ เพราะมีผู้นำดี ทั้งปูติน สีจิ้นผิง แปลว่าอะไร ระบบอะไรก็ช่าง มันดีหมด หากได้ผู้นำที่ดี เก่ง และฉลาด ที่สำคัญคือ ทำเพื่อส่วนรวมอย่างจริงจัง ประชาธิปไตย 93 ปี ไม่ได้ช่วยให้เราอิ่มได้จริง เลือกตั้งกันมากี่ครั้งแล้วล่ะ แล้วจบยังไง?

    ชาวบ้านเริ่มเฮกันหย่าย สื่อได้ช็อต ปิงปอง เล่นข่าว จับตาดูท่านหัวหน้าพรรค จะเอาตัวรอดยังไงดี? ไม่ทันไร นายอำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ก็ดาหน้าเสนอ องครักษ์พิทักษ์นายทันที เสนอหน้าออกสื่อ "ชมผู้นำพรรคที่มีใจเป็นกลาง" และชื่นชมความเอาใจใส่ แม้แต่ในหมู่บ้านเล็กๆ ยังอุตส่าห์มาเยี่ยมเยียน บอกสื่อไปหน้าตาเฉยว่า ทุกวันนี้ หมู่บ้านนี้ ร่มเย็นเป็นสุขดี เพราะมีผู้ใหญี่หลายท่านให้ความสนใจ(ก็แหงสิ 10 กว่าปี ไม่ได้แดร๊กแม้เพียงเสียงเดียว คะแนนเดียว มรึงถึงอยากจะแย่งกันอย่างกะหมา เพื่อปลดล็อค สร้างวีรกรรมชนะใจคนในหมู่บ้านนี้ให้ได้ วงพนันขันต่อ วางไว้ 100:1 ใครที่ได้เสียงมา คือแชมป์จ๊ะ)

    ยังไม่ทัน ที่อี สะเบอเร่อเฮ้ย จะแถต่อ ก็มีเด็กน้อยโผล่มา สาวน้อยคนนี้มีชื่อว่า "ปุกลุก" ท่านผู้นำขา นู๋มีเรื่องจะขอร้องคร๊า สื่อให้ความสำคัญทันที ด้วยความใสซื่อของเด็ก ก็พูดออกมาโพลงๆ เลยว่า "ทำไมต้องแย่งนมนู๋กินด้วยคร๊า ผู้ใหญ่น่าไม่อาย" เพราะแกเพิ่งจะไปล้างท้องมาหมาดๆ กับเพื่อนนักเรียนร่วมห้อง ท้องเสียเพราะนมบูด งานเข้านายอำเภอทันที จะแถต่อยังไงดีเนี่ย?

    นายอำเภอหันหน้ามาบอกผู้นำพรรคว่า "เป็นเรื่องผิดพลาดทางเทคนิค" การขนส่งล่าช้า และขบวนการขนส่งไม่ได้มาตรฐาน ท่านผู้นำพรรค ก็รีบออกสื่อแจ้งทันที ว่า จะแก้ไขโดยด่วน ต่อไปเด็กๆ จะต้องได้กินนมสดจากฟาร์มทุกวัน สดใหม่เสมอ ยังไม่ทันจะคุยต่อ ก็มีเด็กน้อยโผล่มาอีก ถามว่า "อยากได้ ลุงกุ้ง เป็นนายกฯ อ่ะคร๊าบบ" ฮาแตก ทั้งร้าน เด็กมันยังรู้ ว่าใครคือ "วีรบุรุษชาติ"

    บรรยากาศเริ่มไม่เป็นใจ กระแสรักชาติดาษดื่น ดูท่า การหาเสียงครั้งนี้ มันจะไร้ผล ไม่เป็นดั่งที่คาดคิดไว้ ผู้นำพรรค ถึงได้แถลงการณ์ต่อหน้าสื่อ เพื่อปิดท้ายทันที อ้างว่า "ที่เดินทางมาหมู่บ้านนี้ ก็เพื่อจะดำรงประชาธิปไตย" ให้ระบบแข็งแรง และสนับสนุนให้ทุกคนมีส่วนในการใช้สิทธิ์เลือกตั้ง รงณรงค์ให้ทุกครัวเรือน มีส่วนในการกำหนดชะตากรรมประเทศ เพราะแลเห็นว่า ผ่านมา 20 ปี หมู่บ้านหมีดุ แห่งนี้ ไม่มีคะแนนเสียงของพรรคการเมืองใดเลยที่เจาะได้ แปลว่า ยังไม่ถูกใจผู้แทนคนไหนเลย ถึงได้มาเพื่อแสดงตัวให้เป็นที่พิจารณา แล้วจึงชิ่งหนีกลับทันที

    ยังไม่ทันจะพ้นปากทางหมู่บ้าน คณะพรรคใหม่ก็โผล่มาทันที งวดนี้ จัดหนัก จัดเต็ม ขนอุปกรณ์เวที มาตั้ง กะให้บรรลือไปทั้งโลก พ่วงดารา ไอดอล มาเต็มตรีน อย่างกะขยวนขันหมาก ไอ้สัส! อี สะเบอเร่อเฮ้ย หน้าเหว่อทันที https://www.minds.com/newsfeed/1814952706748571648
    17-09-68/01 : หมี CNN / "สภาโกปี๊" หรรษาขาประจำ EP5.1 ณ ร้านอาแปะ "แดร๊กด่วน" วงประชุม "สภาโกปี๊" ชุดเก่า เวลาเดิม เกิดเรื่องใหญ่ เมื่อบรรดาพรรคการเมือง แห่กันเข้ามาในหมู่บ้านหมีดุ เหตุเพราะสถิติแรงเกิน หมู่บ้านเดียว ที่ตลอด 20 ปี ยอด NO VOTE สูงสุดอันดับ 1 ของประเทศ คือไม่เลือกใครเลย เป็นแรงดึงดูด ให้บรรดาเสือหิวทั้งหลาย อยากได้คะแนนจากที่นี่ให้ได้ เค้าเรียก "ด่านโหดหิน" ใครได้คะแนนจากที่นี่ได้ คือสุดยอดนักการเมืองเหี้ยที่ไร้พ่าย ครั้งล่าสุดเมื่อ 2 ปี ก่อน จำนวนผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง มี 3500 คน มีผู้มาใช้สิทธิ์ 3499 ขาด 1 เสียงเพราะนอนพะงาบที่รพ. ICU ใช้สิทธิ์โหวต NO ถึง 3499 เสียงครบตามจำนวนผู้มีสิทธิ์ หมู่บ้านหมีดุ ขึ้นชื่อเรื่อง "ไม่เอาเหี้ยไป จัญไรมา" เพราะไม่ว่าจะกาใคร แม่งก็เหี้ยเหมียงเดิม แล้วกูจะเอาเสียงบริสุทธิ์ในมือไปให้เหี้ยมันทำไมกันล่ะ นโยบายโคตรพ่อง ประชานิยมโคตรแม่ง ดีแต่เผาผลาญงบหาแดร๊ก อาแปะ : ไอ้สัส! วันนี้ "เหี้ยบุก" พวกเราเตรียมรับมือกันให้ดีดี งวดนี้ ได้ข่าว มันจัดเต็ม มากันยกแก๊งค์เหี้ย C ท่อน้ำเลี้ยงมันทั้งนั้น 3 พรรคหลอกแดร๊ก 1 พรรคตีเนียน มันเล่นยกสื่อเหี้ยยิวเข้ามา คงถาม หมู่บ้านเรา ไม่นิยมประชาธิปไตยโคตรพ่องยิวบ้างเหรอ? อาโก : พอจะมียุบสภาพกันอีก 4 เดือน เดินสายกันเชียวน่ะมรึง 4 ปี แลก 4 วิ หมายังอาย กาเสร็จ กวักมือเรียกให้ตาย แม่งก็ไม่โผล่ สันดาน ใครกันแน่ที่โง่ฟ่ะ? อาซิ่ม อินเตอร์ : อีหมู่บ้านชั้น มันเข้าไปเรียบร้อยแล้ว ตามสูตร หัวละ 2000 เริ่มต้น ยิ่งใกล้คืนหมาหอน เอาไปเลย 3500 พร้อมรองเท้าแตะ 1 ข้าง กาเสร็จ ค่อยไปรับอีกข้าง ดูมันทำ? คราวก่อน อีส้มดวย ชนะยกพรรค ทั้งบุคคล และพรรค เพิ่งเคยเห็น แจกบัตรคอนเสิร์ตไอดอลคลั่งฟรี หัวละ 2 ใบ วัยรุ่นแถวบ้านกรี๊ดกร๊าดกันหย่าย ดิ้นเหมือนโดนน้ำร้อนลวกเป๊ะเด๊ะ อาฉี : โน้น..ไม่ทันไร มันโผล่มาล่ะ เอาไงดี ใครจะเปิดก่อนดีล่ะ? อาคิม : ใจร่มๆ ตามสูตร มันต้องแกล้งเข้ามานั่งแดรีกโกปี๊ แล้วถามสารทุกข์ สุขดิบ เพื่อสร้างความคุ้นเคย และไว้เนื้อเชื้อใจ วิธีการเดียวกับนักล่า จูบก่อนแล้วค่อยขย้ำ มาผิดที่แล้วไอ้นู๋ นี่มันดง "เพชรฆาตนักการเมืองหัวกล้วยนะมรึง" โดนแน่ อาซิ่ม อินเตอร์ : ไม่รู้ มันจะจำชั้นได้มั้ย เพราะมันเพิ่งจะเข้าไปในหมู่บ้านชั้นเมื่ออาทิตย์ก่อน เงิน 2000 หมดเกลี้ยงแล้ว โดนหวยแดร๊กจ๊ะ แหม..เงินอัปมงคลเสียจริง เงินบาป แทงเหี้ยอะไรก็ไม่ถูก! ให้มากูรับ แต่จะเลือกจริงหรือไม่ เรื่องของกู อาแปะ : READY! มันมากันแล้ว สื่อตรึม จัดฉากกันใหญ่เชียวมรึง? เดี๋ยวรู้ ทันทีที่กองทัพสื่อรับจ้างเหี้ย ดาหน้ากันเข้ามา วางกล้องพร้อม ตัวละครพร้อม ACTION นำหน้าด้วยหัวหน้าพรรคมันม่วง สโลแกน "อยู่ให้สบาย อิ่มหมีพีมันส์" กราบไหว้มาแต่ไกล "สวัสดีครับเพ่น้อง ผมชื่อ "สะเบอเร่อเฮ้ย" ครับเพ่น้อง วันนี้ ขอฝากเนื้อ ฝากตัวไว้ในอ้อมอก อ้อมใจ เพ่น้องชาวหมู่บ้านหมีดุ ด้วยน่ะคร๊าบบบ ไม่ทันไร! อาแปะ หน้านิ่ง หน้าตาย ก็นำร่องก่อนเพื่อน ชี้นิ้วไปที่ชื่อป้ายหน้าร้าน ตามสโลแกน "แดร๊กเสร็จก็ไสหัวไปซะ" มันเห็นแล้วสะอึก! กูเพิ่งมาถึง แม่งจะไล่กันแล้วรึเนี่ย? โหดจริง อะไรจริง นี่มันหมู่บ้าน หรือ กรงหมาพันธุ์ดุกันฟ่ะเนี่ย? แฮะ..แค่แวะมาทักทาย เพ่น้องทุกท่านคร๊าบ มีอะไรให้รับใช้ บอกมาได้เลย เดี๋ยวจัดการให้ น้ำ ไฟ ถนน สาธารณูปโภค เข้าถึง เข้าถึง อย่าได้ห่วง โปรดเลือก พรรคมันม่วง เบอร์ 88 รับรอง ชีวิตจะสบายไปตลอดกาลขอรับ เพราะเรารับใช้ประชาชนเต็มความสามารถอยู่แล้ว อาแปะ : ลื้อจะสั่งอะไร? หากไม่กิน ก็ไสหัวออกไป ที่นี่ เค้าสงบสุขดีอยู่แล้ว สะเบอเร่อเฮ้ย : อ๋อ..สั่ง ครับสั่ง โกปี๊ 8 ปาท่องโก๋ 10 ไข่ลวก 10 นมเย็น 4 ขอรับ อาแปะ : แล้วบรรดานักข่าวที่ลื้อยกกันมาเป็นขบวนขันหมากเนี่ย ไม่ให้มันได้แดร๊กหน่อยเหรอ? ไหนว่าทำเพื่อประชาชนไง เห็นอยู่ก็ไม่น้อยน่ะ ประมาณ 40 คน จะเลี้ยงมั้ย? (ถามต่อหน้า "สะเบอเร่อเฮ้ย" ขณะ LIVE สดอยู่) สะเบอเร่อเฮ้ย : อ๋อ..เลี้ยงสิคร๊าบ เท่าไหร่ ก็เลี้ยงขอรับ(ไอ้สัส..จัดหนักกูทันที) อาโก : อ้าว..เลี้ยงแต่นักข่าว ไม่เลี้ยงพวกเรา ชาวบ้านหาเช้ากินค่ำรึจ๊ะ? คุณหัวหน้าพรรค ดูท่าทาง ไม่ใช่คนขี้เหนียวนิจ๊ะ มาทั้งที มันต้องสร้างความประทับใจหน่อยสิ อยากเห็นผู้แทนประชาชนตัวเป็นๆ ของจริง อ่ะน่ะ (คนในร้านเฮ ทันที) สะเบอเร่อเฮ้ย : จัดไปขอรับ เป็นเกียรติที่ได้ดูแลประชาชนครับ มันเป็นหน้าที่ อาฉี : อ้าว..พวกเรา ไปป่าวประกาศเร็ว ท่านหัวหน้าพรรค จะเลี้ยงยกหมู่บ้าน ใครมีลูกเด็ก เล็กแดง ยกกันมากินฟรีเร็ว! ให้ว่อง ให้ไว ชาวบ้านเฮตามน้ำทันที (กล้องจับภาพบรรยากาศคึกคัก แต่หัวหน้าพรรคหน้าเจื่อน) หลังผ่านไป 2 ชั่วโมง หลังแดร๊กกันดุเด็ด เผ็ดมันส์ ร้านอาแปะ ทำยอดขายได้มากกว่าขายทั้งเดือนซะอีก ลาภปาก แดร๊กกันดีนัก กูขอเอาคืนมรึงบ้างเหอะ ก็ถึงเวลา "หาเสียง" ยังไงเสียแล้ว เมื่อชาวบ้านมารุมกินฟรีที่ร้านอาแปะ ก็เอาเป็นที่ถ่ายโลเกชั่นหมู่บ้านไปเลย นายอำเภอ ผู้ใหญ่บ้าน อีกำนัน ดาหน้ากันเสนอผลงานกันใหญ่ออกสื่อ ออกมาต้อนรับท่านหัวหน้าพรรคมันม่วง ชาวบ้านเห็นชัด ถึงอาการชะเลียส้นตรีนของข้าราชการ กับฝ่ายการเมือง ยิ่งทำให้แค้นจัด เดี๋ยวมีช็อตเด็ดแน่! LIVE สด ณ หมู่บ้านหมีดุ ตำบลหมีงาบ อำเภอหมีตะปบ ถ่ายทำที่ร้าน "แดร๊กเสร็จก็ไสหัวไปซะ" โดยมี อาแปะเป็นเจ้าของร้าน และเป็นศูนย์กลางชาวบ้าน ตั้งสภาโกปี๊มาหลายสิบปี เห็นการเมืองมาเยอะ ถูกเชิญไปให้สัมภาษณ์ โดยมีการจัดฉาก ยืนเรียงกันพร้อม ทั้งฝ่ายข้าราชการ และฝ่ายการเมือง สะเบอเร่อเฮ้ย : เรา..ในฐานะพรรคมันม่วง ที่ต้องการจะยกระดับความเจริญให้เพ่น้องประชาชน เราต้องการสิ่งที่ดีกว่า ทันสมัยกว่า และเห็นทันตาเป็นที่ประจักษ์ ดังนั้น นโยบายหลักของเราคือ "กินอิ่ม หลับสบาย" ทุกครัวเรือน จะต้องปลอดภัย และมีกิน มีใช้ ไม่ศักดิ์ศรี ไม่ต้องขอใครกิน อีกต่อไป (ชาวบ้านนั่งฟัง..เงียบกริบ) อาแปะ : ลื้อมาเพื่อช่วยพวกเราชิมิ? งั้นลื้อพร้อมจะฟังปัญหา ปากท้องชาวบ้าน และสิ่งที่ชาวบ้านต้องการจริงๆ รึยัง? ที่ไม่ใช่จากปากคนอื่น อ่ะน่ะ กล้าฟังมั้ย? (อาแปะพูดคั่นกลาง LIVE สดเลย อี สะเบอเร่อเฮ้ย ถึงกับชงักไป 5 วิ แต่เห็นออกสื่ออยู่ จึงตามน้ำ ผิดแผน กูกะจะใส่นโยบายหลอกแดร๊ก ปั่นหัวควายซะหน่อย แต่เสือกถูกคั่นรายการ เอาเหอะ เดี๋ยวค่อยตบท้ายสวยๆ ปล่อยชาวบ้านได้ปลดปล่อยก่อน) อาแปะ : กวักมือเรียก "อาโก" ทันที ตาลื้อล่ะ อั๊วชงให้แล้ว ในหมู่บ้าน ไม่มีใครรู้ดีเท่าลื้อดอก ข้อมูลตรึม ปัญญาเป็นเริ่ด ช่วยบอกท่านหัวหน้าพรรคหน่อยว่า เราต้องการอะไร? จัดไป อย่าให้เสียของ อาโก : ก็ไม่มีอะไรมากดอกน่ะ เราอยากให้ท่านรับปากสิ่งที่พวกเราทุกคนต้องการในยามนี้ และในอนาคต หากทำได้ เราทั้งหมู่บ้านจะเลือกพรรคท่านแน่นอน เพราะคนลงมือทำจริง ย่อมดีกว่าเอาแต่พูด พวกเราชอบคนจริง และให้ใจเต็มที่ สะเบอเร่อเฮ้ย : ยิงลี ก๊าบ..เฮ๊ย ยินดี ขอรับ ผมพร้อมรับฟังปัญหาชาวบ้านอยู่แล้ว ยากแค่ไหน ก็จะทำให้ได้ เพื่อให้ชีวิตที่ดีกลับคืนสู่ทุกหมู่บ้านอีกครั้ง อาโก : ใส่ทันที ขอเรียงเป็นข้อๆ ดังนี้ 1.ยกเลิก MOU43/44 ทันที โดยไม่มีเงื่อนไข ปิดด่านให้หมด จนกว่าขะแมร์แพ้ 2.ร่างรมน.ใหม่เมื่อไหร่ ใครแตะต้องสถาบันสูงสุด ประหาร 9 ชั่วโคตร ไม่มียกเว้น 3.โทษของการคอรัปชั่นคือประหารชีวิตเท่านั้น ไม่มีหมดอายุความ ทำทันที 4.ตัดทุกอย่างเกี่ยวกับสิทธิพิเศษ และอภิสิทธิ์ของสส. สว. เปลืองงบใช่เหตุ 5.ร่างรมน.ใหม่เมื่อไหร่ ไม่ใช่เลือกกันเอง ภาคประชาชนต้องเข้าไปมีส่วนร่าง 6.องค์กรอิสระ ไม่ให้ฝ่ายการเมืองยุ่งเด็ดขาด ให้ประชาชนส่งตัวแทนเข้าไป 7.ผลัดใบกรมปทุมวัน ผลัดใบอัยกวย ผลัดใบกรุมคุก ผลัดใบข้าราชการทั้งระบบ 8.กฎหมายควบคุมพรรค ท่อน้ำเลี้ยงต่างชาติ ยุบทันที ถอนสิทธิ์ตลอดชีพ 9.กระจายอำนาจ ไม่ให้ทุกอย่างเข้าสู่ศูนย์กลาง เพาะเชื้อชั่ว 77 จ. บริหารเอง 10.ยกเลิกระบบนายทุนผูกขาด ใช้ระบบสวัสดิการรัฐนำ งบประมาณกระจายทั่ว 11.รากฐานสำคัญ ประวัติศาสตร์ ศีลธรรม บรรจุในระเบียบแห่งชาติต้องมี ทุกรร. 12.คืนพระราชอำนาจ โปรดเกล้านายกฯ พระราชทาน ฝ่ายการเมือง 30 วัง 70 13.เรียกคืนอธิปไตยไทย ดินแดนเดิมที่เคยมี และถูกแย่งชิงไปคืนมาให้หมด 14.ทุนเรียนฟรีต้องมี คนไทยต้องได้รับการศึกษาฟรีไปจนถึงชั้นปริญญา วิชาชีพ 15.จัดการทุนต่างชาติ ควบคุมผู้อพยพลี้ภัย คนต่างด้าว แรงงานเถื่อน กฎต้องแรง หายใจทันมั้ย? เอาแค่นี้ก่อนน่ะ ท่านผู้นำพรรค เดี๋ยวจะฉี่แตกซะก่อน สะเบอเร่อเฮ้ย : มึน..โดนหมัดรัว นี่มันเข้ากูทุกดอกนี่หว่า? ตั้งสติได้แป๊บ หันมาหากล้อง ยิ้มหวานๆ เป็นข้อเสนอที่ดี แต่ทำได้ยากน่ะ เพราะหลายข่อมันขัดกับประชาธิปไตย ที่สากลยอมรับน่ะ อาโก : สวนกลับทันควัน.. เอาเหรอ? อั๊วคิดว่าที่นี่คือประเทศไทย ที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุก เป็นเอกราชมานับ 1000 ปี มีอะไรที่สากลไม่ยอมรับเราบ้างล่ะ อั๊วก็เห็น ทั่วโลกแห่กันเข้ามาเต็มบ้าน เต็มเมือง ไม่เห็นใครบอกเราไม่ใช่ประชาธิปไตยซะหน่อย สะเบอเร่อเฮ้ย : (ของเริ่มขึ้น) ไม่คิดหน่อยรึว่า มันอาจจะกลายเป็นคอมมิวนิสต์น่ะ หากเราไม่ยึดประชาธิปไตยอันทรงคุณค่าเอาไว้ ทั่วโลกเจริญก็เพราะประชาธิปไตยเนี่ยแหละ สิทธิ เสรีภาพ และความเสมอภาค เราจะเดินถอยหลังเอาน่ะ อาฉี : แล้วทำไม จีน รัสเซีย ถึงได้เจริญกันล่ะ เพราะมีผู้นำดี ทั้งปูติน สีจิ้นผิง แปลว่าอะไร ระบบอะไรก็ช่าง มันดีหมด หากได้ผู้นำที่ดี เก่ง และฉลาด ที่สำคัญคือ ทำเพื่อส่วนรวมอย่างจริงจัง ประชาธิปไตย 93 ปี ไม่ได้ช่วยให้เราอิ่มได้จริง เลือกตั้งกันมากี่ครั้งแล้วล่ะ แล้วจบยังไง? ชาวบ้านเริ่มเฮกันหย่าย สื่อได้ช็อต ปิงปอง เล่นข่าว จับตาดูท่านหัวหน้าพรรค จะเอาตัวรอดยังไงดี? ไม่ทันไร นายอำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ก็ดาหน้าเสนอ องครักษ์พิทักษ์นายทันที เสนอหน้าออกสื่อ "ชมผู้นำพรรคที่มีใจเป็นกลาง" และชื่นชมความเอาใจใส่ แม้แต่ในหมู่บ้านเล็กๆ ยังอุตส่าห์มาเยี่ยมเยียน บอกสื่อไปหน้าตาเฉยว่า ทุกวันนี้ หมู่บ้านนี้ ร่มเย็นเป็นสุขดี เพราะมีผู้ใหญี่หลายท่านให้ความสนใจ(ก็แหงสิ 10 กว่าปี ไม่ได้แดร๊กแม้เพียงเสียงเดียว คะแนนเดียว มรึงถึงอยากจะแย่งกันอย่างกะหมา เพื่อปลดล็อค สร้างวีรกรรมชนะใจคนในหมู่บ้านนี้ให้ได้ วงพนันขันต่อ วางไว้ 100:1 ใครที่ได้เสียงมา คือแชมป์จ๊ะ) ยังไม่ทัน ที่อี สะเบอเร่อเฮ้ย จะแถต่อ ก็มีเด็กน้อยโผล่มา สาวน้อยคนนี้มีชื่อว่า "ปุกลุก" ท่านผู้นำขา นู๋มีเรื่องจะขอร้องคร๊า สื่อให้ความสำคัญทันที ด้วยความใสซื่อของเด็ก ก็พูดออกมาโพลงๆ เลยว่า "ทำไมต้องแย่งนมนู๋กินด้วยคร๊า ผู้ใหญ่น่าไม่อาย" เพราะแกเพิ่งจะไปล้างท้องมาหมาดๆ กับเพื่อนนักเรียนร่วมห้อง ท้องเสียเพราะนมบูด งานเข้านายอำเภอทันที จะแถต่อยังไงดีเนี่ย? นายอำเภอหันหน้ามาบอกผู้นำพรรคว่า "เป็นเรื่องผิดพลาดทางเทคนิค" การขนส่งล่าช้า และขบวนการขนส่งไม่ได้มาตรฐาน ท่านผู้นำพรรค ก็รีบออกสื่อแจ้งทันที ว่า จะแก้ไขโดยด่วน ต่อไปเด็กๆ จะต้องได้กินนมสดจากฟาร์มทุกวัน สดใหม่เสมอ ยังไม่ทันจะคุยต่อ ก็มีเด็กน้อยโผล่มาอีก ถามว่า "อยากได้ ลุงกุ้ง เป็นนายกฯ อ่ะคร๊าบบ" ฮาแตก ทั้งร้าน เด็กมันยังรู้ ว่าใครคือ "วีรบุรุษชาติ" บรรยากาศเริ่มไม่เป็นใจ กระแสรักชาติดาษดื่น ดูท่า การหาเสียงครั้งนี้ มันจะไร้ผล ไม่เป็นดั่งที่คาดคิดไว้ ผู้นำพรรค ถึงได้แถลงการณ์ต่อหน้าสื่อ เพื่อปิดท้ายทันที อ้างว่า "ที่เดินทางมาหมู่บ้านนี้ ก็เพื่อจะดำรงประชาธิปไตย" ให้ระบบแข็งแรง และสนับสนุนให้ทุกคนมีส่วนในการใช้สิทธิ์เลือกตั้ง รงณรงค์ให้ทุกครัวเรือน มีส่วนในการกำหนดชะตากรรมประเทศ เพราะแลเห็นว่า ผ่านมา 20 ปี หมู่บ้านหมีดุ แห่งนี้ ไม่มีคะแนนเสียงของพรรคการเมืองใดเลยที่เจาะได้ แปลว่า ยังไม่ถูกใจผู้แทนคนไหนเลย ถึงได้มาเพื่อแสดงตัวให้เป็นที่พิจารณา แล้วจึงชิ่งหนีกลับทันที ยังไม่ทันจะพ้นปากทางหมู่บ้าน คณะพรรคใหม่ก็โผล่มาทันที งวดนี้ จัดหนัก จัดเต็ม ขนอุปกรณ์เวที มาตั้ง กะให้บรรลือไปทั้งโลก พ่วงดารา ไอดอล มาเต็มตรีน อย่างกะขยวนขันหมาก ไอ้สัส! อี สะเบอเร่อเฮ้ย หน้าเหว่อทันที https://www.minds.com/newsfeed/1814952706748571648
    0 Comments 0 Shares 75 Views 0 Reviews
  • ลาว เวียดนามเป็นฐานรบช่วยจีนแน่นอน ขีปนาวุธมากมายติดตั้งตามยอดภูเขาต่างๆของลาวและเวียดนามแล้ว โดยการสนับสนุนของรัสเชียพันธมิตรจีน,ยิงกัน ขีปนาวุธจากลาวจากเวียดนามจะหันไปทางทะเลจีนใต้ทันทีเช่นกัน,ฟิลิปปินส์จะถูกลาวและเวียดนามยิงขีปนาวุธใส่ และเรืบทุกๆลำที่ยิงใส่จีนด้วย,แต่ติดที่เขมรเพราะถ้าเขมรเป็นขี้ข้าจีนก็จะพลิกทันทีอีกครั้ง,อเมริกาก็ลำบากทันที แต่ถ้าเขมรเป็นขี้ข้าอเมริกาจริง ขีปนาวุธจะหันไปทางจีนทันทีเช่นกัน,ระยะทางพอดีกับระยะทำลายของขีปนาวุธอเมริกาขนาดปานกลางถึงเล็ก,ยิงสะดวกทางบกด้วย.ต่างจากยิงในเรือ,อเมริกาน่าจะขนอาวุธมากมายเข้าไปเขมรแล้วผ่านทางเรือ,ญี่ปุ่น มาเลย์ สิงคโปร์ช่วยจัดหาอาวุธให้อีกด้วย,ไทยจับอาวุธจากนายทุนสิงคโปร์ได้ แน่นอนขายให้เขมรแน่ๆ.เขมรเข้าอินโดแปซิฟิกแล้ว,จะออกมาคงยาก ต่างจากไทย อาจออกมาง่ายๆได้,ไทยสามารถเป็นกลางได้แน่นอนคือไม่ขอสนับสนุนใคร,ถ้าบีบไทยนักก็ให้ตั้งฐานทัพที่ขออยู่ติดกันเลยคือพังงาแดนเหนือกับพังงาแดนใต้ใครจับฉลากตรงไหนได้ก็ได้ตามนั้น,ไทยไม่อาจงัดไม้ใหญ่มหาอำนาจได้จริง,แต่ก็ยอมเท่าที่ยอมได้,ปกป้องประชาชนคนไทยจากมหาสงครามครั้งนี้จึงสำคัญมาก.
    ..อย่างน้อยใครบาดเจ็บหนีตายจากมหาสงครามนี้จะฝั่งไหนเราก็ช่วยเยียวยารักษาได้และอาจเจรจาสงบสงครามโลกได้ด้วย.

    https://youtube.com/watch?v=o9W1BT5Kzkw&si=rl52e8y60npWbQV3
    ลาว เวียดนามเป็นฐานรบช่วยจีนแน่นอน ขีปนาวุธมากมายติดตั้งตามยอดภูเขาต่างๆของลาวและเวียดนามแล้ว โดยการสนับสนุนของรัสเชียพันธมิตรจีน,ยิงกัน ขีปนาวุธจากลาวจากเวียดนามจะหันไปทางทะเลจีนใต้ทันทีเช่นกัน,ฟิลิปปินส์จะถูกลาวและเวียดนามยิงขีปนาวุธใส่ และเรืบทุกๆลำที่ยิงใส่จีนด้วย,แต่ติดที่เขมรเพราะถ้าเขมรเป็นขี้ข้าจีนก็จะพลิกทันทีอีกครั้ง,อเมริกาก็ลำบากทันที แต่ถ้าเขมรเป็นขี้ข้าอเมริกาจริง ขีปนาวุธจะหันไปทางจีนทันทีเช่นกัน,ระยะทางพอดีกับระยะทำลายของขีปนาวุธอเมริกาขนาดปานกลางถึงเล็ก,ยิงสะดวกทางบกด้วย.ต่างจากยิงในเรือ,อเมริกาน่าจะขนอาวุธมากมายเข้าไปเขมรแล้วผ่านทางเรือ,ญี่ปุ่น มาเลย์ สิงคโปร์ช่วยจัดหาอาวุธให้อีกด้วย,ไทยจับอาวุธจากนายทุนสิงคโปร์ได้ แน่นอนขายให้เขมรแน่ๆ.เขมรเข้าอินโดแปซิฟิกแล้ว,จะออกมาคงยาก ต่างจากไทย อาจออกมาง่ายๆได้,ไทยสามารถเป็นกลางได้แน่นอนคือไม่ขอสนับสนุนใคร,ถ้าบีบไทยนักก็ให้ตั้งฐานทัพที่ขออยู่ติดกันเลยคือพังงาแดนเหนือกับพังงาแดนใต้ใครจับฉลากตรงไหนได้ก็ได้ตามนั้น,ไทยไม่อาจงัดไม้ใหญ่มหาอำนาจได้จริง,แต่ก็ยอมเท่าที่ยอมได้,ปกป้องประชาชนคนไทยจากมหาสงครามครั้งนี้จึงสำคัญมาก. ..อย่างน้อยใครบาดเจ็บหนีตายจากมหาสงครามนี้จะฝั่งไหนเราก็ช่วยเยียวยารักษาได้และอาจเจรจาสงบสงครามโลกได้ด้วย. https://youtube.com/watch?v=o9W1BT5Kzkw&si=rl52e8y60npWbQV3
    0 Comments 0 Shares 66 Views 0 Reviews
  • ..ไส้ในก็รู้ๆอยู่แล้วว่านายทุนนั้นล่ะเอาตัวเลขนี้ไปหมด,ประชาชนคนไทย เอาจริงๆมีน้อย,เศษๆตังทั้งนั่นเข้าำปเขมร,
    ..ทองคำเข้าไปฟอกตังชัดเจน,btcและคริปโตฯอื่นๆอีกตรึม ฟอกตังกระจาย,อสังหาฯฟอกสนุกมือในไทยเช่นกันโยกย้ายมาสาระพัด,ปล่อยกู้นอกระบบ,นอนแบงค์ต่างๆสินเชื่อออนไลน์ตัวพ่อวงการฟอกเงินด้วย,ประกันซื้อประกันระยะสั้นก็ด้วย,ปิดสัญญาเร็วๆ,แบงค์นิยมๆขายตรึมๆในไทยที่ผ่านมาก็ตัวพ่อการฟอกเงินเลยล่ะ,โรงงานส่งออกต่างๆในเขมรก็ตั้งมาฟอกเงินทุนอยู่แล้ว,ญี่ปุ่นเดอะสาระพัดแก๊งมาลงทุนในเขมรเพื่อฟอกเงินผ่านกระบวนการอ้างว่าลงทุนก็ด้วยล่ะ,บริษัทชิ้นส่วนรถยนต์ก็ตัวพ่อใช้ลักษณะกิจการฟอกเงินได้เหมือนกัน นอมินีคนบ่อนเอาตังมาลงทุนผ่านโรงงานนี้ค้ำประกันโดยเจ้าพ่อฮุนเซน จะเหลือเหรอ 3-4หมื่นเหรียญ บอกกำไรรายได้ 5-6หมื่นเหรียญแบบญี่ปุ่นโอนตังจากเขมรไปบริษัทแม่ที่ญี่ปุ่นทำกำไรกว่า5-6เหรียญมันว่าก็เป็นตังสุจริตแล้ว,สรุปไม่มีเจ้าของกิจการดีๆที่ไหนหรอกมาลงทุนสร้างนั้นนี้ในเขมร ถ้าเป้าหมายไม่ใช่เพื่อฟอกตังคืออันดับแรก,ค่าแรงถูกแค่ข้ออ้างตีมึนแค่นั้น.,แหล่งอาชญากรโลกฮับคนชั่วสาระพัดประเภทชนิดมารวมที่เขมร มันจะเหลืออะไรล่ะ,ก็อาชญากรรมสาระพัดสากลระดับโลกนั้นล่ะ.,ตีตราได้เลยว่า สินค้าบริการที่มาจากเขมรผลิตขึ้นมาเพื่อฟอกตังสถานเดียว.ขายขาดทุนก็ได้ตังบริสุทธิ์มาใช้ในระบบใครจะไม่เอา,กูมีตังสัก100ล้านล้านบาท ลงทุนสาระพัดทั่วโลก ฟอกตังอย่างไงก็ได้ขาดทุนก็เอา,แพลตฟอร์มขายของออนไลน์ก็ตัวพ่อตัวแมร่งกล้าผลิตมาขายขาดทุนเพื่องานนี้ล่ะ กูใช้100ล้านล้านบาทแลกขาดทุนให้ได้ตังที่หอกเสร็จมาใช้สบายๆที่80ล้านล้านบาทก็โอเคมาก,ขายทองคำทิ้งได้มาสัก1ล้านล้านบาทจากฟอกตังที่3ล้านล้านบาทไป,ซื้อbtcฟอกตังกว่า50ล้านล้านบาทได้คืนมา48ล้านล้านบาทก็สุดยอดแล้ว

    ..เขมรฮับสาระพัดชั่วเลวประจำโลก ฮับรวบรวมอาชญากรและอาชญากรรมจากทั่วโลกมารวมไว้ที่เขมร,ญี่ปุ่นตาโตยังออกมาช่วยเหลือเลย.ตังทั้งนั้นถ้าถล่มชนะไทยได้.

    https://youtube.com/watch?v=GtKbMxAmyXU&si=8rwP3xR5On1B7ZCM
    ..ไส้ในก็รู้ๆอยู่แล้วว่านายทุนนั้นล่ะเอาตัวเลขนี้ไปหมด,ประชาชนคนไทย เอาจริงๆมีน้อย,เศษๆตังทั้งนั่นเข้าำปเขมร, ..ทองคำเข้าไปฟอกตังชัดเจน,btcและคริปโตฯอื่นๆอีกตรึม ฟอกตังกระจาย,อสังหาฯฟอกสนุกมือในไทยเช่นกันโยกย้ายมาสาระพัด,ปล่อยกู้นอกระบบ,นอนแบงค์ต่างๆสินเชื่อออนไลน์ตัวพ่อวงการฟอกเงินด้วย,ประกันซื้อประกันระยะสั้นก็ด้วย,ปิดสัญญาเร็วๆ,แบงค์นิยมๆขายตรึมๆในไทยที่ผ่านมาก็ตัวพ่อการฟอกเงินเลยล่ะ,โรงงานส่งออกต่างๆในเขมรก็ตั้งมาฟอกเงินทุนอยู่แล้ว,ญี่ปุ่นเดอะสาระพัดแก๊งมาลงทุนในเขมรเพื่อฟอกเงินผ่านกระบวนการอ้างว่าลงทุนก็ด้วยล่ะ,บริษัทชิ้นส่วนรถยนต์ก็ตัวพ่อใช้ลักษณะกิจการฟอกเงินได้เหมือนกัน นอมินีคนบ่อนเอาตังมาลงทุนผ่านโรงงานนี้ค้ำประกันโดยเจ้าพ่อฮุนเซน จะเหลือเหรอ 3-4หมื่นเหรียญ บอกกำไรรายได้ 5-6หมื่นเหรียญแบบญี่ปุ่นโอนตังจากเขมรไปบริษัทแม่ที่ญี่ปุ่นทำกำไรกว่า5-6เหรียญมันว่าก็เป็นตังสุจริตแล้ว,สรุปไม่มีเจ้าของกิจการดีๆที่ไหนหรอกมาลงทุนสร้างนั้นนี้ในเขมร ถ้าเป้าหมายไม่ใช่เพื่อฟอกตังคืออันดับแรก,ค่าแรงถูกแค่ข้ออ้างตีมึนแค่นั้น.,แหล่งอาชญากรโลกฮับคนชั่วสาระพัดประเภทชนิดมารวมที่เขมร มันจะเหลืออะไรล่ะ,ก็อาชญากรรมสาระพัดสากลระดับโลกนั้นล่ะ.,ตีตราได้เลยว่า สินค้าบริการที่มาจากเขมรผลิตขึ้นมาเพื่อฟอกตังสถานเดียว.ขายขาดทุนก็ได้ตังบริสุทธิ์มาใช้ในระบบใครจะไม่เอา,กูมีตังสัก100ล้านล้านบาท ลงทุนสาระพัดทั่วโลก ฟอกตังอย่างไงก็ได้ขาดทุนก็เอา,แพลตฟอร์มขายของออนไลน์ก็ตัวพ่อตัวแมร่งกล้าผลิตมาขายขาดทุนเพื่องานนี้ล่ะ กูใช้100ล้านล้านบาทแลกขาดทุนให้ได้ตังที่หอกเสร็จมาใช้สบายๆที่80ล้านล้านบาทก็โอเคมาก,ขายทองคำทิ้งได้มาสัก1ล้านล้านบาทจากฟอกตังที่3ล้านล้านบาทไป,ซื้อbtcฟอกตังกว่า50ล้านล้านบาทได้คืนมา48ล้านล้านบาทก็สุดยอดแล้ว ..เขมรฮับสาระพัดชั่วเลวประจำโลก ฮับรวบรวมอาชญากรและอาชญากรรมจากทั่วโลกมารวมไว้ที่เขมร,ญี่ปุ่นตาโตยังออกมาช่วยเหลือเลย.ตังทั้งนั้นถ้าถล่มชนะไทยได้. https://youtube.com/watch?v=GtKbMxAmyXU&si=8rwP3xR5On1B7ZCM
    0 Comments 0 Shares 125 Views 0 Reviews
  • แหกคอก ตอนที่ 11 – ปฏิบัติการฟอกย้อม
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง ” แหกคอก ”
    ตอนที่ 11 : ปฏิบัติการฟอกย้อม
    ปี ค.ศ.1913 เกิดเหตุการณ์ที่เหมืองถ่านหินในรัฐ Colorado รู้จักกันในชื่อเหตุการณ์ฆ่าโหด Ludlow (Ludlow Massacre) กรรมกรในเหมืองถ่านหินประมาณหมื่นกว่าคน พร้อมใจกันประท้วงนายจ้าง เนื่องจากหัวหน้ากรรมกรถูกฆาตกรรม กรรมกรพวกนี้เป็นคนต่างชาติ เช่น พวกกรีก อิตาเลียน และเซิร์บ ที่อพยพมาอยู่ในอเมริกาในช่วงอุตสาหกรรมบูม การประท้วงลามไปถึง Colorado Fuel & Iron Corporation ซึ่งเป็นของตระกูล Rockefeller กรรมกรขอขึ้นค่าแรง เนื่องจากสภาพความเป็นอยู่สุดห่วย แถมยังมีการกดขี่จากนายจ้าง และฝ่ายรัฐซึ่งเป็นเสมือนขี้ข้าของนายทุน (เพราะรับเงินส่วย !) ที่เป็นเจ้าของเหมือง นายทุนบอกโง่มาก คิดว่าเอากำลังคนมาขู่กำลังเงินจะสำเร็จหรือ ว่าแล้วก็ไล่กรรมกรและครอบครัวกระเจิงออกไปจากเหมือง กรรมกรคอตกไม่มีที่ไป จัดการกางเต็นท์ตั้งมันอยู่ที่นอกเมืองนั่นแหละ นายทุน Rockefeller บอกว่าเมื่อพูดด้วยปากไม่รู้เรื่อง ก็เอาปืนมาพูดแทนแล้วกัน แล้วเขาก็ไปจ้างพวกมือปืนรับจ้าง ซึ่งมีทั้งปืนกลและปืนไรเฟิล มายิ่งถล่มใส่เต้นท์กรรมกร
    ผู้ว่าการรัฐ Colorado รู้เรื่องเข้าก็บอก นายท่านจัดการเองแบบนี้ไม่ได้ เป็นหน้าที่ของกระผม แล้วขี้ข้าก็ไปรวบรวมเจ้าหน้าที่ ของรัฐ ซึ่งแน่นอน กินเงินเดือนของนายทุน Rockefeller มากวาดเต้นท์จนราบ ในวันที่ 20 เมษายน ค.ศ.1914 ประวัติศาสตร์ได้ บันทึกไว้ว่า กรรมกรที่รวมกลุ่มกันตั้งเต้นท์กลุ่มใหญ่ที่สุด มีคนรวมกันประมาณพันคน มีทั้งผู้หญิงผู้ชายและเด็ก ถูกปืนกลของเจ้าหน้าที่รัฐรัวใส่บาดเจ็บล้มตายระเนระนาดไปหมด และเมื่อกรรมกรยกธงขาวเดินเข้ามาขอเจรจาสงบศึก เขาก็ถูกปืนกลรัวใส่ตายคาที่เรียบร้อยอยู่บนพื้นถนน หลังจากนั้นปืนกลก็รัวต่อจนถึงค่ำ ตามต่อด้วยเจ้าหน้าที่จุดไฟเผาเต้นท์จนไม่เหลือ กรรมกรตายเรียบ ในจำนวนผู้ที่ถูกไฟเผามีทั้งผู้หญิงและเด็ก ชื่อของฆ่าโหด Ludlow ก็เป็นที่รู้จักดังไปทั่วตั้งแต่นั้นมา หนังสือพิมพ์ลงข่าวทุกวัน พร้อมคำด่ามาจากทุกสารทิศ
    นายทุน Rockefeller บอกว่าเรื่องแบบนี้จะต้องไม่เกิดขึ้นอีก ขอโทษอย่าเข้าใจผิดว่า เรื่องสาดปืนกลและเอาไฟเผาจะไม่เกิดขึ้นอีก เขาหมายความว่าการที่สื่อประโคมข่าวด่าแบบไม่เลิกนี้ จะต้องไม่เกิดขึ้นอีกต่างหาก ดังนั้น Rockefeller Foundation จึงได้รับมอบหมายให้ทำการวิจัย เกี่ยวกับการโฆษณาชวนเชื่อ propaganda เพื่อหาวิธีปิดปากสังคมเกี่ยวกับความไม่สงบทางสังคม และการเมือง ไหนๆ จะวิเคราะห์วิจัยเกี่ยวกับเรื่องการบิดเบือนข้อเท็จจริงแล้ว มันก็ควรจะทำกันให้ครบถ้วนไปเลย โดยหาวิธีคิดหลักสูตรเพิ่มคือ เอาให้ถึงวิธีชี้นำสังคม ว่าความจริง truth เป็นอย่างไรไม่สำคัญ สำคัญว่าจะทำให้สังคมคิดอย่างไรกับความจริงนั้นต่างหาก หาวิธีใส่ความคิดเข้าในหัวเรา !
    วิธีการนี้มาจากการโฆษณาชวนเชื่อ ซึ่งได้มีการทดลองใช้ในช่วงสงคราม โลกครั้งที่ 1 มาแล้ว โดยประธานาธิบดี Woodrow Wilson ได้ตั้งหน่วยงาน US Committee on Public Information (CPI) เพื่อให้ประชาชนสนับสนุนการทำสงคราม ก่อนทำสงครามประชาชนทั่วไป
    โดยเฉพาะชนชั้นกรรมกร ไม่มีใครอยากให้ทำสงคราม เพราะมีแต่ความอดอยาก ชาวบ้านบอกว่าสงครามเป็นเรื่อง ของคนรวย แต่นาย Walter Lippman นักคิด นักเขียน จากมหาวิทยาลัย Harvard ผู้ซึ่งประธานาธิบดี Roosevelt ปลื้มมาก บอกว่าเป็นคนหนุ่มที่ฉลาดที่สุดในพวกวัยเดียวกับเขา (ตอนนั้นเขาอายุ 25 ปี) นาย Lippman บอกว่าที่ทำสงครามเพื่อทำให้ประชาธิปไตยเราปลอดภัย เป็นการพูดที่ฟังแล้วดูสวยหรู แต่เป็นตรรกะที่ห่วยมาก แต่คนก็พากันเชื่อ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะไอ้หนุ่มน้อยนี้เป็นที่ชื่นชมของประธานาธิบดีหรือเปล่า ฝรั่งก็สอพลอเป็น
    นาย Lippman ยังมีความเห็นอีกว่า คนส่วนใหญ่จะมีความเห็นชอบหรือไม่ชอบ ขึ้นอยู่กับอารมณ์ ว่างั้นเถอะ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับเหตุผล (ด้วยเหตุว่า) คนพวกนี้ไม่ค่อยมีความเฉลียวฉลาดมากนัก และไม่มีความคิดที่มั่นคง แถมเป็นพวกที่ไม่ชอบใช้ความคิด หรือไม่ใช้เวลามานั่งคิดว่าอะไรเกิดขึ้นในโลกนี้บ้าง คนพวกนี้คือคนส่วนใหญ่ของสังคม (พวกโลกสวย?!) เป็นมวลชน เป็นกลุ่มชน ที่ควรจะต้องมีการชี้นำ กำกับ โดยผู้นำ ซึ่งก็อาจจะชี้นำถูกหรือผิดก็ได้ ดังนั้นในความเห็นของนาย Lippman คือ ควรจะมีผู้เชี่ยวชาญ ที่จะทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการแนะนำ ให้แก่ผู้มีหน้าที่ตัดสินใจ
    ผู้เชี่ยวชาญเหล่านี้ เป็นผู้ที่มีความคิดเฉลียวฉลาด มีปัญญามองอะไรทะลุปรุโปร่ง ซึ่งส่วนมากจะเป็นผู้บริหารชั้นสูง คนระดับสูงของประเทศ หรือผู้นำกลุ่มวิชาชีพ ซึ่งเขาเหล่านี้มักจะอยู่ในระดับสูงสุดของสังคม (นี่มันไม่ใช่ แค่แบ่งชนชั้นทางสังคมนะ เป็นการแบ่งชนชั้นทางปัญญาอีกด้วย !)
    นาย Rockefeller ถูกใจมาก เขาเห็นด้วยอย่างยิ่ง บอกใช่แล้วพ่อหนุ่ม เราควรนำมาใช้ในทุกเรื่องเลย โดยเฉพาะใช้ในการครองโลก รวมทั้งด้านธุรกิจสังคมและการเมือง เพื่อชี้นำประชาชน (ฟ้อกย้อมความคิดแบบสมบูรณ์) และนี่เป็นจุดเริ่มต้นของการคิดสร้างถังความคิด (Think Tank) CFR ซึ่งแน่นอนภายหลัง นาย Lippmann เป็นหนึ่งในนักคิดคนสำคัญของ CFR ด้วย
    วิธีการโฆษณาชวนเชื่อ Propaganda พัฒนามาจนถึงปี ค.ศ.1928 Edward Bernays ซึ่งเป็นหลานของ Sigmund Freud และเป็นหนึ่งในกลุ่มผู้วางแผนโฆษณาชวนเชื่อให้กับประธานาธิบดี Woodrow Wilson ในสำนักงาน CPI เขียนหนังสือชื่อ Propaganda การโฆษณาชวนเชื่อ ถือเป็นตำราที่ผู้นำทั้งหลายนำไปใช้ ในการต้อนประชาชนเข้าคอก เขาบอกว่า ประชาชนสามารถถูกชี้นำได้โดยคนไม่กี่คน ที่เข้าใจขบวนการนึกคิดและรูปแบบของมวลชน คนไม่กี่คนนี้สามารถทำหน้าที่เป็นคนกระตุกเชือกในการคุมและชี้นำความคิดของมหาชน เหมือนเวลาจะต้อนสัตว์เข้าคอกนั่นแหละ
    วิธีการเช่นนี้ ปรากฎว่าได้ผลไปในทุกวงการและทั่วโลกและยังใช้อยู่จนทุกวันนี้ เพียงแต่เขาเรียกเป็นภาษาสมัยใหม่ว่า engineering consent หรือ constructing consent กระบวนการจัดการให้ได้รับความยินยอมความเห็นชอบ ที่นักล่าเอาไว้ใช้ในการล่าเหยื่อ โดยไม่ต้องออกแรงใช้อาวุธ เพียงแค่หาวิธีย้อมความคิดเหยื่อ จนเหยื่อหลงเชื่อคล้อยตาม และเต็มใจเดินเข้าปากนักล่าให้เคี้ยวแบบสบายๆ 60 ปีมานี้สมันน้อยเต็มใจเดินเข้าปากนักล่าให้เคี้ยวอย่างสบายใจกันเกือบหมดแล้ว
    คนเล่านิทาน
30 พค. 57
    แหกคอก ตอนที่ 11 – ปฏิบัติการฟอกย้อม นิทานเรื่องจริง เรื่อง ” แหกคอก ” ตอนที่ 11 : ปฏิบัติการฟอกย้อม ปี ค.ศ.1913 เกิดเหตุการณ์ที่เหมืองถ่านหินในรัฐ Colorado รู้จักกันในชื่อเหตุการณ์ฆ่าโหด Ludlow (Ludlow Massacre) กรรมกรในเหมืองถ่านหินประมาณหมื่นกว่าคน พร้อมใจกันประท้วงนายจ้าง เนื่องจากหัวหน้ากรรมกรถูกฆาตกรรม กรรมกรพวกนี้เป็นคนต่างชาติ เช่น พวกกรีก อิตาเลียน และเซิร์บ ที่อพยพมาอยู่ในอเมริกาในช่วงอุตสาหกรรมบูม การประท้วงลามไปถึง Colorado Fuel & Iron Corporation ซึ่งเป็นของตระกูล Rockefeller กรรมกรขอขึ้นค่าแรง เนื่องจากสภาพความเป็นอยู่สุดห่วย แถมยังมีการกดขี่จากนายจ้าง และฝ่ายรัฐซึ่งเป็นเสมือนขี้ข้าของนายทุน (เพราะรับเงินส่วย !) ที่เป็นเจ้าของเหมือง นายทุนบอกโง่มาก คิดว่าเอากำลังคนมาขู่กำลังเงินจะสำเร็จหรือ ว่าแล้วก็ไล่กรรมกรและครอบครัวกระเจิงออกไปจากเหมือง กรรมกรคอตกไม่มีที่ไป จัดการกางเต็นท์ตั้งมันอยู่ที่นอกเมืองนั่นแหละ นายทุน Rockefeller บอกว่าเมื่อพูดด้วยปากไม่รู้เรื่อง ก็เอาปืนมาพูดแทนแล้วกัน แล้วเขาก็ไปจ้างพวกมือปืนรับจ้าง ซึ่งมีทั้งปืนกลและปืนไรเฟิล มายิ่งถล่มใส่เต้นท์กรรมกร ผู้ว่าการรัฐ Colorado รู้เรื่องเข้าก็บอก นายท่านจัดการเองแบบนี้ไม่ได้ เป็นหน้าที่ของกระผม แล้วขี้ข้าก็ไปรวบรวมเจ้าหน้าที่ ของรัฐ ซึ่งแน่นอน กินเงินเดือนของนายทุน Rockefeller มากวาดเต้นท์จนราบ ในวันที่ 20 เมษายน ค.ศ.1914 ประวัติศาสตร์ได้ บันทึกไว้ว่า กรรมกรที่รวมกลุ่มกันตั้งเต้นท์กลุ่มใหญ่ที่สุด มีคนรวมกันประมาณพันคน มีทั้งผู้หญิงผู้ชายและเด็ก ถูกปืนกลของเจ้าหน้าที่รัฐรัวใส่บาดเจ็บล้มตายระเนระนาดไปหมด และเมื่อกรรมกรยกธงขาวเดินเข้ามาขอเจรจาสงบศึก เขาก็ถูกปืนกลรัวใส่ตายคาที่เรียบร้อยอยู่บนพื้นถนน หลังจากนั้นปืนกลก็รัวต่อจนถึงค่ำ ตามต่อด้วยเจ้าหน้าที่จุดไฟเผาเต้นท์จนไม่เหลือ กรรมกรตายเรียบ ในจำนวนผู้ที่ถูกไฟเผามีทั้งผู้หญิงและเด็ก ชื่อของฆ่าโหด Ludlow ก็เป็นที่รู้จักดังไปทั่วตั้งแต่นั้นมา หนังสือพิมพ์ลงข่าวทุกวัน พร้อมคำด่ามาจากทุกสารทิศ นายทุน Rockefeller บอกว่าเรื่องแบบนี้จะต้องไม่เกิดขึ้นอีก ขอโทษอย่าเข้าใจผิดว่า เรื่องสาดปืนกลและเอาไฟเผาจะไม่เกิดขึ้นอีก เขาหมายความว่าการที่สื่อประโคมข่าวด่าแบบไม่เลิกนี้ จะต้องไม่เกิดขึ้นอีกต่างหาก ดังนั้น Rockefeller Foundation จึงได้รับมอบหมายให้ทำการวิจัย เกี่ยวกับการโฆษณาชวนเชื่อ propaganda เพื่อหาวิธีปิดปากสังคมเกี่ยวกับความไม่สงบทางสังคม และการเมือง ไหนๆ จะวิเคราะห์วิจัยเกี่ยวกับเรื่องการบิดเบือนข้อเท็จจริงแล้ว มันก็ควรจะทำกันให้ครบถ้วนไปเลย โดยหาวิธีคิดหลักสูตรเพิ่มคือ เอาให้ถึงวิธีชี้นำสังคม ว่าความจริง truth เป็นอย่างไรไม่สำคัญ สำคัญว่าจะทำให้สังคมคิดอย่างไรกับความจริงนั้นต่างหาก หาวิธีใส่ความคิดเข้าในหัวเรา ! วิธีการนี้มาจากการโฆษณาชวนเชื่อ ซึ่งได้มีการทดลองใช้ในช่วงสงคราม โลกครั้งที่ 1 มาแล้ว โดยประธานาธิบดี Woodrow Wilson ได้ตั้งหน่วยงาน US Committee on Public Information (CPI) เพื่อให้ประชาชนสนับสนุนการทำสงคราม ก่อนทำสงครามประชาชนทั่วไป โดยเฉพาะชนชั้นกรรมกร ไม่มีใครอยากให้ทำสงคราม เพราะมีแต่ความอดอยาก ชาวบ้านบอกว่าสงครามเป็นเรื่อง ของคนรวย แต่นาย Walter Lippman นักคิด นักเขียน จากมหาวิทยาลัย Harvard ผู้ซึ่งประธานาธิบดี Roosevelt ปลื้มมาก บอกว่าเป็นคนหนุ่มที่ฉลาดที่สุดในพวกวัยเดียวกับเขา (ตอนนั้นเขาอายุ 25 ปี) นาย Lippman บอกว่าที่ทำสงครามเพื่อทำให้ประชาธิปไตยเราปลอดภัย เป็นการพูดที่ฟังแล้วดูสวยหรู แต่เป็นตรรกะที่ห่วยมาก แต่คนก็พากันเชื่อ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะไอ้หนุ่มน้อยนี้เป็นที่ชื่นชมของประธานาธิบดีหรือเปล่า ฝรั่งก็สอพลอเป็น นาย Lippman ยังมีความเห็นอีกว่า คนส่วนใหญ่จะมีความเห็นชอบหรือไม่ชอบ ขึ้นอยู่กับอารมณ์ ว่างั้นเถอะ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับเหตุผล (ด้วยเหตุว่า) คนพวกนี้ไม่ค่อยมีความเฉลียวฉลาดมากนัก และไม่มีความคิดที่มั่นคง แถมเป็นพวกที่ไม่ชอบใช้ความคิด หรือไม่ใช้เวลามานั่งคิดว่าอะไรเกิดขึ้นในโลกนี้บ้าง คนพวกนี้คือคนส่วนใหญ่ของสังคม (พวกโลกสวย?!) เป็นมวลชน เป็นกลุ่มชน ที่ควรจะต้องมีการชี้นำ กำกับ โดยผู้นำ ซึ่งก็อาจจะชี้นำถูกหรือผิดก็ได้ ดังนั้นในความเห็นของนาย Lippman คือ ควรจะมีผู้เชี่ยวชาญ ที่จะทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการแนะนำ ให้แก่ผู้มีหน้าที่ตัดสินใจ ผู้เชี่ยวชาญเหล่านี้ เป็นผู้ที่มีความคิดเฉลียวฉลาด มีปัญญามองอะไรทะลุปรุโปร่ง ซึ่งส่วนมากจะเป็นผู้บริหารชั้นสูง คนระดับสูงของประเทศ หรือผู้นำกลุ่มวิชาชีพ ซึ่งเขาเหล่านี้มักจะอยู่ในระดับสูงสุดของสังคม (นี่มันไม่ใช่ แค่แบ่งชนชั้นทางสังคมนะ เป็นการแบ่งชนชั้นทางปัญญาอีกด้วย !) นาย Rockefeller ถูกใจมาก เขาเห็นด้วยอย่างยิ่ง บอกใช่แล้วพ่อหนุ่ม เราควรนำมาใช้ในทุกเรื่องเลย โดยเฉพาะใช้ในการครองโลก รวมทั้งด้านธุรกิจสังคมและการเมือง เพื่อชี้นำประชาชน (ฟ้อกย้อมความคิดแบบสมบูรณ์) และนี่เป็นจุดเริ่มต้นของการคิดสร้างถังความคิด (Think Tank) CFR ซึ่งแน่นอนภายหลัง นาย Lippmann เป็นหนึ่งในนักคิดคนสำคัญของ CFR ด้วย วิธีการโฆษณาชวนเชื่อ Propaganda พัฒนามาจนถึงปี ค.ศ.1928 Edward Bernays ซึ่งเป็นหลานของ Sigmund Freud และเป็นหนึ่งในกลุ่มผู้วางแผนโฆษณาชวนเชื่อให้กับประธานาธิบดี Woodrow Wilson ในสำนักงาน CPI เขียนหนังสือชื่อ Propaganda การโฆษณาชวนเชื่อ ถือเป็นตำราที่ผู้นำทั้งหลายนำไปใช้ ในการต้อนประชาชนเข้าคอก เขาบอกว่า ประชาชนสามารถถูกชี้นำได้โดยคนไม่กี่คน ที่เข้าใจขบวนการนึกคิดและรูปแบบของมวลชน คนไม่กี่คนนี้สามารถทำหน้าที่เป็นคนกระตุกเชือกในการคุมและชี้นำความคิดของมหาชน เหมือนเวลาจะต้อนสัตว์เข้าคอกนั่นแหละ วิธีการเช่นนี้ ปรากฎว่าได้ผลไปในทุกวงการและทั่วโลกและยังใช้อยู่จนทุกวันนี้ เพียงแต่เขาเรียกเป็นภาษาสมัยใหม่ว่า engineering consent หรือ constructing consent กระบวนการจัดการให้ได้รับความยินยอมความเห็นชอบ ที่นักล่าเอาไว้ใช้ในการล่าเหยื่อ โดยไม่ต้องออกแรงใช้อาวุธ เพียงแค่หาวิธีย้อมความคิดเหยื่อ จนเหยื่อหลงเชื่อคล้อยตาม และเต็มใจเดินเข้าปากนักล่าให้เคี้ยวแบบสบายๆ 60 ปีมานี้สมันน้อยเต็มใจเดินเข้าปากนักล่าให้เคี้ยวอย่างสบายใจกันเกือบหมดแล้ว คนเล่านิทาน
30 พค. 57
    0 Comments 0 Shares 176 Views 0 Reviews
  • แหกคอก ตอนที่ 10 – ล้อมเข้าคอก
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง ” แหกคอก ”
    ตอนที่ 10 : ล้อมเข้าคอก
    อีกงานหนึ่งที่มูลนิธิ Rockefeller ทำไปพร้อมๆ กัน คือการคิดหลักสูตรใหม่ในมหาวิทยาลัย ชั้นนำของอเมริกา คือหลักสูตร International Relations ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ โดยเขามอบให้ มหาวิทยาลัย Yale เริ่มศึกษาคิดหลักสูตรนี้ ตั้งแต่ ค.ศ.1930 โดยมูลนิธิควักกระเป๋าเช่นเคย ในที่สุดในปี ค.ศ.1935 Yale Institute of International Studies ก็เกิดขึ้น และต่อมา Yale Institute นี้ ได้ร่วมทำงานกับรัฐบาล ผ่านหน่วยงาน State Department, War Department และ Board of Economic Warfare รับหน้าที่อบรมให้กองทัพอเมริกาโดยเฉพาะ ซึ่ง Yale Institute ก็ตั้ง School of Asiatic Studies ในปี ค.ศ.1945 เพื่อเตรียมตัวกองทัพในการรับมือกับภาระกิจที่จะเกิดขึ้น หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ให้ไปในทิศทางเดียวกับรัฐบาล หรือพูดให้ชัดเป็นไปตามที่ CFR วางแผนไว้
    ทั้งหมดนี้ มูลนิธิ Rockefeller วางยุทธศาสตร์การดำเนินการ เพื่อให้แน่ใจว่า สถาบันองค์กรต่างๆ มหาวิทยาลัย หรือผู้นำทางสังคม มีความเข้าใจ มองโลก และมองบทบาทของอเมริกา ตามที่พี่เลี้ยง CFR กำหนดไว้ และสถาบันเหล่านี้จะสามารถทำให้ประชาชนเชื่อถือและ มีความเห็นคล้อยตาม เขาเรียกโครงการนี้ว่า Scientific Management of Society มันเป็นการสร้างพื้นฐานความคิดให้แก่สังคม หรือการสร้างคอกล้อมความคิดของสังคมเพื่อให้คิดอย่างที่นายทุนนักล่า ต้องการให้สังคมเห็นด้วยคล้อยตาม มันคือการฟอกย้อมความคิด สร้างทั้งคอก มีเชือกผูกคอ ไว้ลากจูงเสร็จ มันเป็นงานใหญ่ที่เอาไว้ใช้ครอบคลุมคนทั้งโลก ทุกชนชั้น และเกือบทุกอาชีพ เขาเริ่มโครงการสร้างคอกในบ้านก่อน จึงไม่น่าแปลกใจว่าแม้คนอเมริกันเองก็ไม่รู้แน่ว่าใครเป็นผู้มีอิทธิพลเหนือรัฐบาลของตนเอง
    เมื่อจัดการวางแผนสร้างคอกในบ้านแล้ว ก็เริ่มโครงการสร้างคอกนอกบ้านทางอ้อม ตั้งแต่ ค.ศ.1934 เป็นต้นมา ทั้งมูลนิธิ Rockefeller, มูลนิธิ Ford และ Caregie ต่างช่วยกันสนับสนุนเงินทุนในการศึกษาโครงการ Area Studies ในวิชาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ของประเทศที่เป็น non-western วิชานี้ เดิมเริ่มมาจากหลักสูตรที่คิดขึ้นโดยสถาบันการศึกษาของอังกฤษ ซึ่งแสดงการแบ่งแยกชัดเจนว่า เป็นเรา (ตะวันตก) เป็นเขา (ตะวันออก) และมีการแสดงออกถึงความเป็นผู้อยู่ในสถานะสูงกว่า (นายเหนือและขี้ข้า) อย่างชัดเจน พี่เลี้ยงบอกว่าวิธีการสอนแบบนี้ มันคงไม่ได้ผล เราจะหลอกต้มเขา เราต้องทำให้เนียน บอกแล้วเราต้องพรางตัว เราคิดหลักสูตรใหม่แล้วกัน สอนแบบอื่น ให้ได้ผลเหมือนกันน่ะ ให้เราก็ยังคุมเขา เป็นนายเขา เหมือนเดิมโดยเขาไม่รู้ตัว เราต้องทำให้เขาคิดว่า ถ้าเขาคิดแบบเรา มีความรู้แบบเรา แล้วจะทำให้เขาเหมือนเรา เป็นที่ยอมรับของเราน่ะ ทำได้ไหม แค่ใส่ความคิดให้เขาน่ะ แต่ความจริงเป็นอีกเรื่องหนึ่ง
    ในที่สุดโดยเงินทุนสนับสนุนจากมูลนิธิใจกว้างทั้ง 3 มหาวิทยาลัยชั้นนำของอเมริกา ตั้งแต่ University of Chicago, Columbia, North Carolina, Harvard, Yale, Virginia, Texas, Stanford etc. ต่างก็นำนโยบายของพี่เลี้ยง CFR ไปตั้งหลักสูตรทางความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ไปปรับความคิด จัดการฟอกย้อมสังคมโดยการศึกษาจากมหาวิทยาลัยของอเมริกาสำเร็จ
    อันที่จริงหลักสูตรการสร้างคอกนี้ ไม่ใช่ทำอยู่แต่ในอเมริกาเท่านั้น ช่วงระหว่าง ค.ศ.1919 – 1940 หลักสูตรการสร้างคอกนี้ ขยายไปถึงอังกฤษผ่านการสนับสนุน ทางการเงินแก่ London School of Economics, the Graduate Institute of International Studies ในสวิส, the Centre dEtudies Politiqnes Etrangeres ในฝรั่งเศส รวมทั้งใน Norway, Sweden, Denmark, Germany และ Holland เขาสร้างหลักสูตรวิชารัฐศาสตร์ สัมพันธ์ระหว่างประเทศ, สังคมวิทยา ฯลฯ ตามทฤษฎีของอเมริกา ไม่ว่าจะเรียกชื่ออย่างไรก็ตาม มันเป็นการฝั่งรากความคิดเกี่ยวกับสังคม/การเมือง เพื่อให้สอดคล้องกับการจัดระเบียบโลกใหม่ ต้องถือว่าการสร้างคอกความคิด ทำได้สำเร็จ คอกยาวล้อมไปทั่วโลก ไม่ว่าจะไปเรียนที่ไหนไม่สำคัญ เพราะอัดสำเนา ถ่ายก็อปบี้มาเหมือนกันหมด
    ทั้งหมดนี้เป็นการให้ทุนสนับสนุนแก่สถาบัน และให้โดยตรงกับนักศึกษา ส่วนผู้สนับสนุนเงินทุน ไม่ต้องเสียเวลาเดา มีอยู่ไม่กี่เจ้าแต่เอาจริงกระเป๋าหนัก เพื่อการครองโลกของเขา Rockefeller Foundation, Carnegie Foundation, Ford Foundation etc.
    ในบ้านเราหลักสูตรการล้อมคอกนี้ มีสอนอยู่ในหลายมหาวิทยาลัย ที่โดดเด่นมาก น่าจะเป็นคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพราะอาจารย์ที่สอนส่วนใหญ่ได้ทุนจากสถาบันต่างๆ ของอเมริกา ตามแนวทางสร้างคอก แต่ถึงจะจบจากประเทศไหนก็คงไม่ต่างกันมาก เพราะอย่างว่าใช้ก็อปบี้สำเนาเดียวกัน ส่วนของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ก็มีและไม่ต่างกันมาก เพียงแต่ช่วงหลังๆ ใส่ผงชูรสจัดเข้าไปตามใบสั่งบวกกับใบเสร็จ และในมหาวิทยาลัยเอกชนที่ตั้งขึ้นมาใหม่ในระยะ 10 – 20 ปี หลังนี้ ก็มีหลักสูตรเช่นนี้ด้วย
    คนเล่านิทาน
30 พค. 57
    แหกคอก ตอนที่ 10 – ล้อมเข้าคอก นิทานเรื่องจริง เรื่อง ” แหกคอก ” ตอนที่ 10 : ล้อมเข้าคอก อีกงานหนึ่งที่มูลนิธิ Rockefeller ทำไปพร้อมๆ กัน คือการคิดหลักสูตรใหม่ในมหาวิทยาลัย ชั้นนำของอเมริกา คือหลักสูตร International Relations ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ โดยเขามอบให้ มหาวิทยาลัย Yale เริ่มศึกษาคิดหลักสูตรนี้ ตั้งแต่ ค.ศ.1930 โดยมูลนิธิควักกระเป๋าเช่นเคย ในที่สุดในปี ค.ศ.1935 Yale Institute of International Studies ก็เกิดขึ้น และต่อมา Yale Institute นี้ ได้ร่วมทำงานกับรัฐบาล ผ่านหน่วยงาน State Department, War Department และ Board of Economic Warfare รับหน้าที่อบรมให้กองทัพอเมริกาโดยเฉพาะ ซึ่ง Yale Institute ก็ตั้ง School of Asiatic Studies ในปี ค.ศ.1945 เพื่อเตรียมตัวกองทัพในการรับมือกับภาระกิจที่จะเกิดขึ้น หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ให้ไปในทิศทางเดียวกับรัฐบาล หรือพูดให้ชัดเป็นไปตามที่ CFR วางแผนไว้ ทั้งหมดนี้ มูลนิธิ Rockefeller วางยุทธศาสตร์การดำเนินการ เพื่อให้แน่ใจว่า สถาบันองค์กรต่างๆ มหาวิทยาลัย หรือผู้นำทางสังคม มีความเข้าใจ มองโลก และมองบทบาทของอเมริกา ตามที่พี่เลี้ยง CFR กำหนดไว้ และสถาบันเหล่านี้จะสามารถทำให้ประชาชนเชื่อถือและ มีความเห็นคล้อยตาม เขาเรียกโครงการนี้ว่า Scientific Management of Society มันเป็นการสร้างพื้นฐานความคิดให้แก่สังคม หรือการสร้างคอกล้อมความคิดของสังคมเพื่อให้คิดอย่างที่นายทุนนักล่า ต้องการให้สังคมเห็นด้วยคล้อยตาม มันคือการฟอกย้อมความคิด สร้างทั้งคอก มีเชือกผูกคอ ไว้ลากจูงเสร็จ มันเป็นงานใหญ่ที่เอาไว้ใช้ครอบคลุมคนทั้งโลก ทุกชนชั้น และเกือบทุกอาชีพ เขาเริ่มโครงการสร้างคอกในบ้านก่อน จึงไม่น่าแปลกใจว่าแม้คนอเมริกันเองก็ไม่รู้แน่ว่าใครเป็นผู้มีอิทธิพลเหนือรัฐบาลของตนเอง เมื่อจัดการวางแผนสร้างคอกในบ้านแล้ว ก็เริ่มโครงการสร้างคอกนอกบ้านทางอ้อม ตั้งแต่ ค.ศ.1934 เป็นต้นมา ทั้งมูลนิธิ Rockefeller, มูลนิธิ Ford และ Caregie ต่างช่วยกันสนับสนุนเงินทุนในการศึกษาโครงการ Area Studies ในวิชาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ของประเทศที่เป็น non-western วิชานี้ เดิมเริ่มมาจากหลักสูตรที่คิดขึ้นโดยสถาบันการศึกษาของอังกฤษ ซึ่งแสดงการแบ่งแยกชัดเจนว่า เป็นเรา (ตะวันตก) เป็นเขา (ตะวันออก) และมีการแสดงออกถึงความเป็นผู้อยู่ในสถานะสูงกว่า (นายเหนือและขี้ข้า) อย่างชัดเจน พี่เลี้ยงบอกว่าวิธีการสอนแบบนี้ มันคงไม่ได้ผล เราจะหลอกต้มเขา เราต้องทำให้เนียน บอกแล้วเราต้องพรางตัว เราคิดหลักสูตรใหม่แล้วกัน สอนแบบอื่น ให้ได้ผลเหมือนกันน่ะ ให้เราก็ยังคุมเขา เป็นนายเขา เหมือนเดิมโดยเขาไม่รู้ตัว เราต้องทำให้เขาคิดว่า ถ้าเขาคิดแบบเรา มีความรู้แบบเรา แล้วจะทำให้เขาเหมือนเรา เป็นที่ยอมรับของเราน่ะ ทำได้ไหม แค่ใส่ความคิดให้เขาน่ะ แต่ความจริงเป็นอีกเรื่องหนึ่ง ในที่สุดโดยเงินทุนสนับสนุนจากมูลนิธิใจกว้างทั้ง 3 มหาวิทยาลัยชั้นนำของอเมริกา ตั้งแต่ University of Chicago, Columbia, North Carolina, Harvard, Yale, Virginia, Texas, Stanford etc. ต่างก็นำนโยบายของพี่เลี้ยง CFR ไปตั้งหลักสูตรทางความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ไปปรับความคิด จัดการฟอกย้อมสังคมโดยการศึกษาจากมหาวิทยาลัยของอเมริกาสำเร็จ อันที่จริงหลักสูตรการสร้างคอกนี้ ไม่ใช่ทำอยู่แต่ในอเมริกาเท่านั้น ช่วงระหว่าง ค.ศ.1919 – 1940 หลักสูตรการสร้างคอกนี้ ขยายไปถึงอังกฤษผ่านการสนับสนุน ทางการเงินแก่ London School of Economics, the Graduate Institute of International Studies ในสวิส, the Centre dEtudies Politiqnes Etrangeres ในฝรั่งเศส รวมทั้งใน Norway, Sweden, Denmark, Germany และ Holland เขาสร้างหลักสูตรวิชารัฐศาสตร์ สัมพันธ์ระหว่างประเทศ, สังคมวิทยา ฯลฯ ตามทฤษฎีของอเมริกา ไม่ว่าจะเรียกชื่ออย่างไรก็ตาม มันเป็นการฝั่งรากความคิดเกี่ยวกับสังคม/การเมือง เพื่อให้สอดคล้องกับการจัดระเบียบโลกใหม่ ต้องถือว่าการสร้างคอกความคิด ทำได้สำเร็จ คอกยาวล้อมไปทั่วโลก ไม่ว่าจะไปเรียนที่ไหนไม่สำคัญ เพราะอัดสำเนา ถ่ายก็อปบี้มาเหมือนกันหมด ทั้งหมดนี้เป็นการให้ทุนสนับสนุนแก่สถาบัน และให้โดยตรงกับนักศึกษา ส่วนผู้สนับสนุนเงินทุน ไม่ต้องเสียเวลาเดา มีอยู่ไม่กี่เจ้าแต่เอาจริงกระเป๋าหนัก เพื่อการครองโลกของเขา Rockefeller Foundation, Carnegie Foundation, Ford Foundation etc. ในบ้านเราหลักสูตรการล้อมคอกนี้ มีสอนอยู่ในหลายมหาวิทยาลัย ที่โดดเด่นมาก น่าจะเป็นคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพราะอาจารย์ที่สอนส่วนใหญ่ได้ทุนจากสถาบันต่างๆ ของอเมริกา ตามแนวทางสร้างคอก แต่ถึงจะจบจากประเทศไหนก็คงไม่ต่างกันมาก เพราะอย่างว่าใช้ก็อปบี้สำเนาเดียวกัน ส่วนของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ก็มีและไม่ต่างกันมาก เพียงแต่ช่วงหลังๆ ใส่ผงชูรสจัดเข้าไปตามใบสั่งบวกกับใบเสร็จ และในมหาวิทยาลัยเอกชนที่ตั้งขึ้นมาใหม่ในระยะ 10 – 20 ปี หลังนี้ ก็มีหลักสูตรเช่นนี้ด้วย คนเล่านิทาน
30 พค. 57
    0 Comments 0 Shares 159 Views 0 Reviews
  • แหกคอก ตอนที่ 7 – ถังความคิด
    ทานเรื่องจริง เรื่อง ” แหกคอก ”
    ตอนที่ 7 : ถังความคิด
    แม้เศรษฐกิจจะอยู่ในกำมือพวกนายทุนใหญ่แล้วก็ตาม แต่พวกเขาบอกว่าแค่อยู่ในมือเรา มันไม่อยู่นาน (พวกนี้คิดรอบคอบ) เราต้องสร้างพรรคพวก ต้องทำให้สังคม โดยเฉพาะสังคมในระดับสูง เห็นคล้อยตามเราด้วย ประเภทเราว่าไงเขาต้องว่าตามกัน มันจะได้คุม (หลอก) กัน ง่ายๆ หน่อย แล้วจะทำให้พวกคนในสังคมระดับสูงเขาเห็นพ้องด้วยได้อย่างไรล่ะ คนพวกนี้ถึงแม้จะมีจำนวนไม่มาก แต่จะให้เรียกให้มาประชุมคงไม่ง่ายนักหรอก พวกเขาหยิ่งยะโสเล่นตัวกันจะตาย แต่จะให้เดินสายไปคุยด้วยทีละราย กว่าจะรู้เรื่องเห็นพ้องกันหมด พวกตูก็แก่ตายหมด ไม่ได้ครองโลกกันเสียที !
    นายทุนใหญ่ ทั้งหลายจึงสรุปว่า อย่ากระนั้นเลย พวกเราควรมอบให้ใครมันไปช่วยคิดช่วยทำให้เราดีกว่านะ รวยแล้ว อย่าต้องลงมือลงแรงเองหมด ใช้ให้ผีมันโม่แป้งแทนก็แล้วกัน แล้วพวกเขาก็ตั้งสถาบันประเภทนักคิด (think tank มาแล้ว) เพื่อให้มีหน้าที่จัดการคิด การชี้นำสังคม วิธีล้อมคอกพวกคนรวย (อื่นๆ) คนในสังคมชั้นสูงจากทุกวงการ ไม่ว่าจะเป็นนักการเมือง นักเศรษฐศาสตร์ นักวิชาการ สื่อ และแม้แต่พวกคุณทหาร เข้ามารับความเข้าใจ และควบคุมความคิดของบุคคลเหล่า นั้น ให้เป็นไปในทิศทางเดียว กับที่นายทุนใหญ่ต้องการ เข้าใจไหม มันเป็นการย้อมความคิด โดยคนถูกย้อมไม่รู้ตัว ว่ากำลังถูกย้อมสมอง ย้อมความคิด เป็นไปไม่ได้น่ะ ไม่มีทางหรอก ไม่เชื่อหรอกว่าเขาจะทำอะไรแบบ นั้น พวกโลกสวยคงกำลังคิดในใจ ฮา มันเป็นวิธีที่เฉียบมาก จูงจมูกคนรวย หรือคนมีอำนาจ หรือนักวิชาการด้วยกัน นี่ถือว่าสุดยอดจริงๆ หรือว่ามันก็ไม่ยากเกิน คนรวย คนมีอำนาจ นักวิชาการ ใช่ว่าจะฉลาดเสมอไป ฮา อีกหน
    ระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 1 กลุ่มนักวิชาการชาวอเมริกัน ได้รับมอบหมายให้วาดภาพสถานการณ์ ให้ประธานาธิบดี Woodlow Wilson ฟังเกี่ยวกับทางเลือกต่างๆ ของอเมริกา ในกรณีที่สงครามโลกจบและ Kaiser และจักรวรรดิเยอรมันหล่นจากบัลลังก์ นักวิชาการกลุ่มนี้เรียกว่ากลุ่ม The Inquiry เวลาวาดภาพให้ประธานาธิบดีฟัง เขามีวิธี เขาใช้วิธีเล่าผ่านคนสนิทที่ประธานาธิบดีเชื่อใจอย่างมาก (จำวิธีนี้กันไว้นะครับ เขาใช้กันทั้งนั้น ปากก็บอกผมไม่เคยเจรจา ไม่เคยพูด แต่ให้คนสนิทเป็นคนพูด ไม่ได้โกหกนี่หว่า !) นายคนสนิท ชื่อ พันเอก Edward M. House นี้สำคัญมาก เป็นผู้เดินสาส์นลับของประธานาธิบดี กับฝ่ายยุโรป ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 ปี ค.ศ.1914 จนถึงช่วงที่อเมริกาเข้าไปมีส่วนด้วยในช่วง ค.ศ.1917 ปากก็บอกว่าฉันสันโดษ Isolist แต่ส่งคนเดินสาส์น จนซ่นร้องเท้าสึกไปหลายคู่ นักการเมืองก็เป็นยังงี้ทั้งนั้น และไม่ว่าพันธุ์เทศ พันธุ์ไทย ปากก็พูดไปอย่าง แล้วก็ไปทำอีก 3 อย่าง คนละเรื่องกัน ท่านนายพันเอก House นี้ เป็นคนสำคัญในการผลักและดันให้ประธานาธิบดี Wilson เห็นชอบในการที่อเมริกาจัดตั้งระบบ Federal Reserve (ตกลงคุณ House นี้ เป็นพวกใครกันแน่ !)
    กลุ่ม The Enquiry นี้เอง เป็นผู้ปูทางการสร้าง the Council on Foreign Relations (CFR) CFR เป็น think tank ถังความคิด ที่ทรงอิทธิพลสูงสุดในอเมริกาตั้งแต่เริ่มตั้งจนถึงปัจจุบัน
    เดือนพฤษภาคม ค.ศ.1919 กลุ่มนักวิชาการและนักการฑูตจากอังกฤษและอเมริกา รวมทั้งกลุ่ม The Inquiry นั่งสุมหัววางแผนกันที่โรงแรม the Majestic ในปารีส เพื่อที่จะร่วมกันตั้งสถาบันเกี่ยวกับกิจการระหว่างประเทศ โดยมีสาขาหนึ่งที่ London และอีกสาขาหนึ่งที่ New York เมื่อบรรดาพวกไปสุมหัวกลับมาถึง New York ก็รายงานผลการคุย ให้กับนักการเงินและนักกฏหมายที่ New York (นายทุนตัวจริง !) ฟัง ทุกคนไชโยโห่ตบมือเป่าปากกับข้อสรุปที่ตกลงกันมา แน่นอนคนที่ดีใจที่สุดคงไม่ใครเกิน นาย Cecil Rhodes นักล่ารุ่นเก๋า ที่แค่ซ่อนเขี้ยวของตัวเองให้มิดชิด นักล่ารุ่นกะเตาะ ก็นึกว่านักล่ารุ่นเก๋าเขี้ยวหลุดหมดปากไปแล้ว แหม ! หลอกง่ายจัง นึกว่าเด็กรุ่นใหม่ ฉลาดกว่ารุ่นโบราณ ! แต่ในที่สุดภาษาอังกฤษสำเนียงอเมริกัน มันคงแปร่งหูเกินกว่าคนอังกฤษจะทนฟังได้ สถาบันนักชักใย CFR เลยเปลี่ยนแผนแยกตัวเป็น 2 แขนง แต่มาจากตอเดียวกัน ต่างคนต่างไปตั้งกลุ่มของพวกตัวเอง อังกฤษกลุ่มหนึ่ง อเมริกากลุ่มหนึ่ง แต่ยังจับมือกอดแขนจิกหัวกันไว้ ยังไงก็ต้องร่วมมือใกล้ชิด ก็คิดจะครองโลกด้วยกัน
    The Milner Group ของก๊วนนาย Cecil Rhodes รับบทเป็นตัวตั้งตัวตีในการตั้ง Royal Institute of International Affairs (Chatham House) ถังความคิด think tank สัญชาติอังกฤษ ในปี ค.ศ.1919 ส่วนกลุ่ม The Inquiry ก็รับมอบหน้าที่ไปตั้ง Council of Foreign Relations think tank สัญชาติอเมริกัน ในปี ค.ศ.1921
    นอกจากนี้ ยังมีองค์กรลับที่มีแนวคิดเดียวกับ Milner Group ทยอยเกิดขึ้นอีกในหลายๆ ประเทศ เขาเรียกกลุ่มพวกนี้ว่าพวกโต๊ะ กลม เอามาจากอัศวินโต๊ะกลม Knights of the Round Table สมัย King Arthur ของอังกฤษนั่นแหละ Round Table Groups ในบรรดาพวกโต๊ะกลม โต๊ะใหญ่ในกลุ่มนี้ก็คือ Royal Institute of International Affairs (Chatham House) ที่ลดหลั่นลงมาก็มี โต๊ะกลม Canada, Australia, New Zealand, South Africa และ India จักรภพอังกฤษถึงล่มก็ยังไม่สลาย ดึงเอาลูกกะเป๋งเก่า ตามมาเข้าขบวนตั้งโต๊ะกลมด้วย กลุ่มโต๊ะกลมนี้ ก็คือ กลุ่มถังความคิด (think tank) นานาชาติรุ่นแรก ซึ่งยังดำเนินการอย่างแข็งขัน และมีอิทธิพลในแต่ละประเทศของตัว จนถึงทุกวันนี้ ในฐานะเป็นรุ่นใหญ่มีชื่อเสียงอยู่ในอันดับต้นมาตลอด รักษาตำแหน่งไว้ไม่เคยปล่อยให้ตกอันดับ
    ส่วนถังความคิดรุ่นใหญ่ในอเมริกา ที่ได้รับความนิยมตาม CFR มาติดๆ ก็มี Brookings Institution, Carnegie Endowment for International Peace, RAND Corporation, Heritage Foundation, Woodrow Wilson International Centre for Scholars, the Centre for Strategic and International Studies และ American Enterprise Institute (นักอ่านนิทานท่านใด ที่อยากรู้วิธีคิด หรืออยากรู้ว่านักล่ากำลังคิดทำอะไรอยู่ อยากติดตามด้วยตัวเองก็ค้นได้จากอากู กดชื่อตัวถัง พวกนี้แหละครับ มีเรื่องให้อ่านเพียบเลย)
    สำหรับถังความคิดที่ไม่ได้สังกัดกับอเมริกา ก็จะมี Chatham House เป็นถังหมายเลขหนึ่งของอังกฤษ เป็นที่นับหน้าถือตา มีอิทธิพล ทำนองเดียวกับ CFR, the International Institute for Strategic Studies in the UK, the German Council on Foreign Relation, the Adam Smith Institute in the UK, the Fraser Institute ใน Canada, the European Council on Foreign Relations, the International Crisis Group in Belgium และ Canadian Institute of International Affairs
    คนเล่านิทาน
30 พค. 57
    แหกคอก ตอนที่ 7 – ถังความคิด ทานเรื่องจริง เรื่อง ” แหกคอก ” ตอนที่ 7 : ถังความคิด แม้เศรษฐกิจจะอยู่ในกำมือพวกนายทุนใหญ่แล้วก็ตาม แต่พวกเขาบอกว่าแค่อยู่ในมือเรา มันไม่อยู่นาน (พวกนี้คิดรอบคอบ) เราต้องสร้างพรรคพวก ต้องทำให้สังคม โดยเฉพาะสังคมในระดับสูง เห็นคล้อยตามเราด้วย ประเภทเราว่าไงเขาต้องว่าตามกัน มันจะได้คุม (หลอก) กัน ง่ายๆ หน่อย แล้วจะทำให้พวกคนในสังคมระดับสูงเขาเห็นพ้องด้วยได้อย่างไรล่ะ คนพวกนี้ถึงแม้จะมีจำนวนไม่มาก แต่จะให้เรียกให้มาประชุมคงไม่ง่ายนักหรอก พวกเขาหยิ่งยะโสเล่นตัวกันจะตาย แต่จะให้เดินสายไปคุยด้วยทีละราย กว่าจะรู้เรื่องเห็นพ้องกันหมด พวกตูก็แก่ตายหมด ไม่ได้ครองโลกกันเสียที ! นายทุนใหญ่ ทั้งหลายจึงสรุปว่า อย่ากระนั้นเลย พวกเราควรมอบให้ใครมันไปช่วยคิดช่วยทำให้เราดีกว่านะ รวยแล้ว อย่าต้องลงมือลงแรงเองหมด ใช้ให้ผีมันโม่แป้งแทนก็แล้วกัน แล้วพวกเขาก็ตั้งสถาบันประเภทนักคิด (think tank มาแล้ว) เพื่อให้มีหน้าที่จัดการคิด การชี้นำสังคม วิธีล้อมคอกพวกคนรวย (อื่นๆ) คนในสังคมชั้นสูงจากทุกวงการ ไม่ว่าจะเป็นนักการเมือง นักเศรษฐศาสตร์ นักวิชาการ สื่อ และแม้แต่พวกคุณทหาร เข้ามารับความเข้าใจ และควบคุมความคิดของบุคคลเหล่า นั้น ให้เป็นไปในทิศทางเดียว กับที่นายทุนใหญ่ต้องการ เข้าใจไหม มันเป็นการย้อมความคิด โดยคนถูกย้อมไม่รู้ตัว ว่ากำลังถูกย้อมสมอง ย้อมความคิด เป็นไปไม่ได้น่ะ ไม่มีทางหรอก ไม่เชื่อหรอกว่าเขาจะทำอะไรแบบ นั้น พวกโลกสวยคงกำลังคิดในใจ ฮา มันเป็นวิธีที่เฉียบมาก จูงจมูกคนรวย หรือคนมีอำนาจ หรือนักวิชาการด้วยกัน นี่ถือว่าสุดยอดจริงๆ หรือว่ามันก็ไม่ยากเกิน คนรวย คนมีอำนาจ นักวิชาการ ใช่ว่าจะฉลาดเสมอไป ฮา อีกหน ระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 1 กลุ่มนักวิชาการชาวอเมริกัน ได้รับมอบหมายให้วาดภาพสถานการณ์ ให้ประธานาธิบดี Woodlow Wilson ฟังเกี่ยวกับทางเลือกต่างๆ ของอเมริกา ในกรณีที่สงครามโลกจบและ Kaiser และจักรวรรดิเยอรมันหล่นจากบัลลังก์ นักวิชาการกลุ่มนี้เรียกว่ากลุ่ม The Inquiry เวลาวาดภาพให้ประธานาธิบดีฟัง เขามีวิธี เขาใช้วิธีเล่าผ่านคนสนิทที่ประธานาธิบดีเชื่อใจอย่างมาก (จำวิธีนี้กันไว้นะครับ เขาใช้กันทั้งนั้น ปากก็บอกผมไม่เคยเจรจา ไม่เคยพูด แต่ให้คนสนิทเป็นคนพูด ไม่ได้โกหกนี่หว่า !) นายคนสนิท ชื่อ พันเอก Edward M. House นี้สำคัญมาก เป็นผู้เดินสาส์นลับของประธานาธิบดี กับฝ่ายยุโรป ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 ปี ค.ศ.1914 จนถึงช่วงที่อเมริกาเข้าไปมีส่วนด้วยในช่วง ค.ศ.1917 ปากก็บอกว่าฉันสันโดษ Isolist แต่ส่งคนเดินสาส์น จนซ่นร้องเท้าสึกไปหลายคู่ นักการเมืองก็เป็นยังงี้ทั้งนั้น และไม่ว่าพันธุ์เทศ พันธุ์ไทย ปากก็พูดไปอย่าง แล้วก็ไปทำอีก 3 อย่าง คนละเรื่องกัน ท่านนายพันเอก House นี้ เป็นคนสำคัญในการผลักและดันให้ประธานาธิบดี Wilson เห็นชอบในการที่อเมริกาจัดตั้งระบบ Federal Reserve (ตกลงคุณ House นี้ เป็นพวกใครกันแน่ !) กลุ่ม The Enquiry นี้เอง เป็นผู้ปูทางการสร้าง the Council on Foreign Relations (CFR) CFR เป็น think tank ถังความคิด ที่ทรงอิทธิพลสูงสุดในอเมริกาตั้งแต่เริ่มตั้งจนถึงปัจจุบัน เดือนพฤษภาคม ค.ศ.1919 กลุ่มนักวิชาการและนักการฑูตจากอังกฤษและอเมริกา รวมทั้งกลุ่ม The Inquiry นั่งสุมหัววางแผนกันที่โรงแรม the Majestic ในปารีส เพื่อที่จะร่วมกันตั้งสถาบันเกี่ยวกับกิจการระหว่างประเทศ โดยมีสาขาหนึ่งที่ London และอีกสาขาหนึ่งที่ New York เมื่อบรรดาพวกไปสุมหัวกลับมาถึง New York ก็รายงานผลการคุย ให้กับนักการเงินและนักกฏหมายที่ New York (นายทุนตัวจริง !) ฟัง ทุกคนไชโยโห่ตบมือเป่าปากกับข้อสรุปที่ตกลงกันมา แน่นอนคนที่ดีใจที่สุดคงไม่ใครเกิน นาย Cecil Rhodes นักล่ารุ่นเก๋า ที่แค่ซ่อนเขี้ยวของตัวเองให้มิดชิด นักล่ารุ่นกะเตาะ ก็นึกว่านักล่ารุ่นเก๋าเขี้ยวหลุดหมดปากไปแล้ว แหม ! หลอกง่ายจัง นึกว่าเด็กรุ่นใหม่ ฉลาดกว่ารุ่นโบราณ ! แต่ในที่สุดภาษาอังกฤษสำเนียงอเมริกัน มันคงแปร่งหูเกินกว่าคนอังกฤษจะทนฟังได้ สถาบันนักชักใย CFR เลยเปลี่ยนแผนแยกตัวเป็น 2 แขนง แต่มาจากตอเดียวกัน ต่างคนต่างไปตั้งกลุ่มของพวกตัวเอง อังกฤษกลุ่มหนึ่ง อเมริกากลุ่มหนึ่ง แต่ยังจับมือกอดแขนจิกหัวกันไว้ ยังไงก็ต้องร่วมมือใกล้ชิด ก็คิดจะครองโลกด้วยกัน The Milner Group ของก๊วนนาย Cecil Rhodes รับบทเป็นตัวตั้งตัวตีในการตั้ง Royal Institute of International Affairs (Chatham House) ถังความคิด think tank สัญชาติอังกฤษ ในปี ค.ศ.1919 ส่วนกลุ่ม The Inquiry ก็รับมอบหน้าที่ไปตั้ง Council of Foreign Relations think tank สัญชาติอเมริกัน ในปี ค.ศ.1921 นอกจากนี้ ยังมีองค์กรลับที่มีแนวคิดเดียวกับ Milner Group ทยอยเกิดขึ้นอีกในหลายๆ ประเทศ เขาเรียกกลุ่มพวกนี้ว่าพวกโต๊ะ กลม เอามาจากอัศวินโต๊ะกลม Knights of the Round Table สมัย King Arthur ของอังกฤษนั่นแหละ Round Table Groups ในบรรดาพวกโต๊ะกลม โต๊ะใหญ่ในกลุ่มนี้ก็คือ Royal Institute of International Affairs (Chatham House) ที่ลดหลั่นลงมาก็มี โต๊ะกลม Canada, Australia, New Zealand, South Africa และ India จักรภพอังกฤษถึงล่มก็ยังไม่สลาย ดึงเอาลูกกะเป๋งเก่า ตามมาเข้าขบวนตั้งโต๊ะกลมด้วย กลุ่มโต๊ะกลมนี้ ก็คือ กลุ่มถังความคิด (think tank) นานาชาติรุ่นแรก ซึ่งยังดำเนินการอย่างแข็งขัน และมีอิทธิพลในแต่ละประเทศของตัว จนถึงทุกวันนี้ ในฐานะเป็นรุ่นใหญ่มีชื่อเสียงอยู่ในอันดับต้นมาตลอด รักษาตำแหน่งไว้ไม่เคยปล่อยให้ตกอันดับ ส่วนถังความคิดรุ่นใหญ่ในอเมริกา ที่ได้รับความนิยมตาม CFR มาติดๆ ก็มี Brookings Institution, Carnegie Endowment for International Peace, RAND Corporation, Heritage Foundation, Woodrow Wilson International Centre for Scholars, the Centre for Strategic and International Studies และ American Enterprise Institute (นักอ่านนิทานท่านใด ที่อยากรู้วิธีคิด หรืออยากรู้ว่านักล่ากำลังคิดทำอะไรอยู่ อยากติดตามด้วยตัวเองก็ค้นได้จากอากู กดชื่อตัวถัง พวกนี้แหละครับ มีเรื่องให้อ่านเพียบเลย) สำหรับถังความคิดที่ไม่ได้สังกัดกับอเมริกา ก็จะมี Chatham House เป็นถังหมายเลขหนึ่งของอังกฤษ เป็นที่นับหน้าถือตา มีอิทธิพล ทำนองเดียวกับ CFR, the International Institute for Strategic Studies in the UK, the German Council on Foreign Relation, the Adam Smith Institute in the UK, the Fraser Institute ใน Canada, the European Council on Foreign Relations, the International Crisis Group in Belgium และ Canadian Institute of International Affairs คนเล่านิทาน
30 พค. 57
    0 Comments 0 Shares 186 Views 0 Reviews
  • แหกคอก ตอนที่ 5 – สร้างพระเจ้าองค์ใหม่
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง ” แหกคอก ”
    ตอนที่ 5 : สร้างพระเจ้าองค์ใหม่
    หลัง Anglo American Establishment กอดคอจับมือกันชัดเจน เมื่อประมาณ ค.ศ.1890 ทั้ง 2 ฝ่าย ร่วมกันสร้างกลไก สร้างระบบด้านการเงินการธนาคารเป็นอันดับแรก เพื่อเอาตัวเองนำหน้าชักใยรัฐบาล และลดบทบาทของประเทศ
    ระบบธนาคารกลาง เกิดขึ้นครั้งแรก เมื่อปี ค.ศ.1694 ที่อังกฤษ เป็นการรวมตัวกันของ เครือข่ายธนาคารกลางนานาชาติ ซึ่งไม่ได้เป็นของรัฐ แต่เป็นของเอกชน ! มีผู้ถือหุ้นเป็นเอกชนคนโคตรรวย ธนาคารกลางนี้เป็นผู้อนุญาตให้ รัฐบาล (จำกันให้ดี เงินเป็นใหญ่กว่ารัฐบาล มาตั้งแต่ ค.ศ.1694 แล้ว !) ในการพิมพ์ธนบัตร เงินสกุลต่างๆ ของแต่ละประเทศ โดยอนุญาตให้กำหนดอัตราดอกเบี้ย และทำกำไรจากดอกเบี้ยนั้น ธนาคารกลางเหล่านี้ เป็นผู้ให้เงินกู้แก่รัฐบาล และผู้ประกอบการอุตสาหกรรม เท่ากับควบคุมลูกค้าใหญ่ 2 กลุ่ม 2 ขาของประเทศไปพร้อมๆ กัน ต่อมาภายหลังประมาณ ปี ค.ศ.1930 ธนาคารกลางเหล่านี้ พร้อมใจกันอยู่ในระบบที่พวกตัว เองสร้างขึ้น เรียกว่า Bank for International Settlements (BIS) ตั้งอยู่ที่เมือง Basle ในสวิสเซอร์แลนด์ เป็นธนาคารของเอกชนเช่นเดียวกัน ทำหน้าที่เป็นธนาคารกลางของเหล่าสมาชิกซึ่งเป็นธนาคารกลางต่างๆ (เขียนแล้วมึนเอง คนอ่านก็คงมึน) เอาแบบง่ายๆ BIS ธนาคารกลางตัวแม่นี้ถือหุ้นโดย ธนาคารกลางตัว ลูกๆ ทั้งหลาย ธนาคารกลางตัวลูกก็ถือหุ้นโดยพวกเอกชนคนโคตรรวยอีกต่อหนึ่ง สรุปว่า พวกคนรวยลงทุนลงขันกันเอง เพื่อตั้งธนาคารกลาง และไม่ให้ใครมายุ่ง เขาดูแลเงินของเขากันเอง ตั้งกฎกติกาเอง โดยให้แม่ BIS คุม รัฐบาลได้แต่ทำตาปริบๆ ดู หน้าจ๋อย มือกุม ก้มหน้า รับคำสั่งรับอำนาจมาจากคนรวยอีกทีหนึ่ง เข้าใจไหม คนรวยใหญ่กว่ารัฐบาล ถึงพูดกันว่าเงินเป็นพระเจ้า
    ระบบธนาคารกลางนี้ หลังจากเกิดขึ้นครั้งแรกที่ London ไปได้สวย คนรวยติดใจ จึงขยายตัวข้ามมาในทวีปยุโรปตะวันตก และกระจายทั่วไปในทวีปยุโรป การปฏิวัติในฝรั่งเศส ทำให้นโปเลียนขึ้นมามีอำนาจ และยอมให้บรรดานายทุนที่รวมตัวกันให้เงินกู้นโปเลียนไปทำการปฏิวัตินั่นแหละ จับมือร่วมกันจัดตั้งธนาคารในฝรั่งเศสขึ้น เป็นธนาคารส่วนบุคคล ที่พวกนายทุนนี้ควบคุมกันเอง รัฐบาลไม่เกี่ยว ธนาคารนี้เป็นต้นกำเนิดของตระกูลโคตรรวยทางฝั่งยุโรป คือ ตระกูล Rothshilds ชาวยิวในยุโรป ซึ่งขยายธุรกิจการเงินของตระกูล โดยการตั้งธนาคารใน London, Paris, Frankfurt, Vienna และ Naples ทำให้ตระกูลนี้ยิ่งรวยเละขึ้นไปอีก และยิ่งรวยเพิ่มขึ้น จากการไปถือหางทุกฝ่ายในการรบทุกครั้งของนโปเลียน (ต้นกำเนิดของการถือไพ่ทุกใบในการต่อสู้ มีเงินซื้อไพ่ทุกใบ มีไพ่ให้เลือกเล่นแยะ เล่นยังไงก็ชนะ ยกเว้นโคตรโง่ หรือ โคตรเลว จนเทวดาบอกมีเงินมากมายมหาศาลแค่ไหนก็ช่วยอะไรพวกเจ้าไม่ได้ ตัวอย่างกำลังมีให้เห็นในบ้านเรา !)
    นาย Carroll Quigley นักประวัติศาสตร์ นักทฤษฎี เจ้าความคิดกำเนิดแห่งศิวิไลย์ของมนุษยชาติ แห่งมหาวิทยาลัย Georgetown เขียนไว้ในหนังสือเล่มหนึ่งซึ่งบรรดาสาวกทั้งหลายถือเป็นคัมภีร์ ชื่อ Tragedy and Hope บอกว่าในช่วง ค.ศ.18101850 พวกวาณิชธนกิจใน London ได้สร้าง ธนาคารแห่งอังกฤษ (Bank of England) ตลาดหุ้นและตลาดเงินแห่ง London และไม่นานหลังจากนั้น พวกเขาก็ขยายธุรกิจ โดยการสร้างธนาคารย่อยในระดับเมือง ต่างๆ ดำเนินกิจการ ในรูปแบบของธนาคารพาณิชย์ และธนาคารออมสิน รวมทั้งทำธุรกิจประกันภัย ธุรกิจ 3 อย่างนี้ มันหมุนเงิน สร้างเงินในตัวของมันเองตามวงจร เขาจึงรวมธุรกิจพวกนี้ไว้ด้วยกัน ในระดับที่ใหญ่ขึ้นไปเรื่อยๆ จนเป็นระดับระหว่างประเทศ จากเมืองไปสู่ประเทศ และด้วยวิธีนี้พวกเขาสามารถชักใย ควบคุมการไหลเข้าออก ของเงินระหว่างประเทศ แน่นอนการดำเนินการแบบนี้ ถึงแม้ในบางครั้งอาจจะควบคุมไม่ได้เบ็ดเสร็จ แต่ก็เรียกว่ามีอิทธิพล เหนือทั้งรัฐบาลและธุรกิจอุตสาหกรรม เงินไม่มี กิจการต่างๆไม่ว่าทางการเมืองหรือธุรกิจก็เป็นง่อยเรียบร้อย ตรงไปตรงมา ไม่ต้องฉลาดมากก็คิดได้ ขอให้มีเงินไว้ก่อน !
    ในขณะเดียวกัน ทางอีกฟากหนึ่งของมหาสมุทรแอตแลนติก ในอเมริกาก็มีการรวมตัวของกลุ่มธนาคารและธุรกิจอุตสาหกรรมในลักษณะนี้เช่นเดียวกัน โดยพวก Morgans, Astors, Vanderbilts, Rockefellers และ Carnegies กลุ่มทุนพวกนี้ก็เริ่มครอบงำอุตสาหกรรมทั้งหมด ตลอดศตวรรษที่ 19 และต่อมาผลประโยชน์ของนายทุนทั้ง 2 ฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติคก็เชื่อมโยงกัน คนมีเงินก็ย่อมเลือกที่จะคบกับคนมีเงินด้วยกัน Anglo American Establishment ก็เกิดขึ้น
    คนรวยมีเงินแล้วก็อยากมีอำนาจ เป็นโรคเดียวกันทั้งนั้น ไม่มีใครต่างกัน กลับมาดูคนรวยที่อังกฤษ พวกคนรวยในอังกฤษเริ่มจับกลุ่มรวมตัวกัน เพื่อแสดงอิทธิพลของตนในระดับชาติ ช่วงนั้นนักล่าแถบนั้น กำลังรุมทิ้งเหยื่ออยู่แถวอาฟริกา ซึ่งเกือบทุกประเทศในอาฟริกา ยกเว้นเอธิโอเปีย ตกเป็นอาณานิคมของนักล่าผมทองจากอังกฤษและยุโรปทั้งสิ้น นักล่าที่มีชื่อเสียงโด่งดังในยุคนั้นคือ นาย Cecil Rhodes นักล่าชาวอังกฤษเป็นคนลงไม้ลงมือล่า แต่กระเป๋าที่อุดหนุนให้เขาปฏิบัติการล่า คือ ตระกูล Rothshilds ซึ่งในช่วงนั้น เป็นแหล่งเงินทุนที่ใหญ่ที่สุดในโลก นาย Cecil Rhodes เป็นคนสุดโต่งอีกคนหนึ่ง เขามองว่าอเมริกายังเป็นอาณานิ คมของจักรภพอังกฤษอยู่ จะปล่อยให้มาทำท่ารวยยะโส เดินหน้าเชิด เทียบชั้นกับอังกฤษ เจ้านายเก่าแบบนี้น่ะ มันจะมากไปหน่อยไหม นาย Rhodes มองตัวเองไม่ใช่แค่เป็นนักล่าเงินรางวัล แต่เขาเป็นนักสร้างอาณาจักร empire builder อย่าลืมเขาสร้างเมือง Rhodesia ในอาฟริกา ซึ่งต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น Zimbabwe
    Carroll Quigley เล่าต่อไปว่า ค.ศ.1891 คนโคตรรวยอังกฤษ 3 หนุ่ม แอบพบกัน เพื่อสมคบกันสร้างสมาคมลับ 3 หนุ่มคือนาย Cecil Rhodes, William T. Stead พี่เบิ้มแห่งวงการหนังสือพิมพ์สมัยนั้น (น่าสังเกตว่า ถ้าจะทำอะไรให้ดังต้องมีสื่อยักษ์มาร่วม มิน่าเล่า มันถึงอยากเป็นสื่อใหญ่กันทั้งนั้น ถีบตัวเองขึ้นมา จนลืมจรรยาบรรณ ฐานันดรที่ 4) และนาย Reginald Baliol Brett ซึ่งเป็นพระสหายผู้ได้รับความไว้วางใจ จากพระราชินีวิกตอเรีย แห่งจักรภพอังกฤษ และต่อมาก็ได้เป็นที่ปรึกษาผู้ มีอิทธิพลต่อพระเจ้า Edward ที่ 7 และพระเจ้า George ที่ 5 ปู่ของพระราชินีElizabeth ที่ 2 ของอังกฤษคนปัจจุบัน สมาคมลับนี้มีนาย Rhodes เป็นหัวหน้า และพระอันดับอีก 3 คน คือ นาย Stead, นาย Brett และคนสุดท้ายแต่มาแรง คือ นาย Alfred Milner
    วัตถุประสงค์ของสมาคมลับนี้ ซึ่งต่อไปจะนำฝูงโดยนาย Alfred Milner คือจัดการให้อังกฤษปกครองไปทั่วโลก ด้วยระบบของอังกฤษ ไม่ว่าจะในด้านปกครองประชาชนหรือทำการค้า พูดให้ชัด เป้าหมายคือจัดการให้อเมริกากลับมาอยู่ในอาณานิคมของอังกฤษ ใช้ระบบอังกฤษดำเนินชีวิต และอยู่ภายใต้การปกครองของอังกฤษ แนวคิดนี้ได้รับการสนับสนุนจากกลุ่ม Rothshilds และกลุ่มธนาคารต่างๆ เต็มที่อย่างลับๆ
    คนเล่านิทาน
30 พค. 57
    แหกคอก ตอนที่ 5 – สร้างพระเจ้าองค์ใหม่ นิทานเรื่องจริง เรื่อง ” แหกคอก ” ตอนที่ 5 : สร้างพระเจ้าองค์ใหม่ หลัง Anglo American Establishment กอดคอจับมือกันชัดเจน เมื่อประมาณ ค.ศ.1890 ทั้ง 2 ฝ่าย ร่วมกันสร้างกลไก สร้างระบบด้านการเงินการธนาคารเป็นอันดับแรก เพื่อเอาตัวเองนำหน้าชักใยรัฐบาล และลดบทบาทของประเทศ ระบบธนาคารกลาง เกิดขึ้นครั้งแรก เมื่อปี ค.ศ.1694 ที่อังกฤษ เป็นการรวมตัวกันของ เครือข่ายธนาคารกลางนานาชาติ ซึ่งไม่ได้เป็นของรัฐ แต่เป็นของเอกชน ! มีผู้ถือหุ้นเป็นเอกชนคนโคตรรวย ธนาคารกลางนี้เป็นผู้อนุญาตให้ รัฐบาล (จำกันให้ดี เงินเป็นใหญ่กว่ารัฐบาล มาตั้งแต่ ค.ศ.1694 แล้ว !) ในการพิมพ์ธนบัตร เงินสกุลต่างๆ ของแต่ละประเทศ โดยอนุญาตให้กำหนดอัตราดอกเบี้ย และทำกำไรจากดอกเบี้ยนั้น ธนาคารกลางเหล่านี้ เป็นผู้ให้เงินกู้แก่รัฐบาล และผู้ประกอบการอุตสาหกรรม เท่ากับควบคุมลูกค้าใหญ่ 2 กลุ่ม 2 ขาของประเทศไปพร้อมๆ กัน ต่อมาภายหลังประมาณ ปี ค.ศ.1930 ธนาคารกลางเหล่านี้ พร้อมใจกันอยู่ในระบบที่พวกตัว เองสร้างขึ้น เรียกว่า Bank for International Settlements (BIS) ตั้งอยู่ที่เมือง Basle ในสวิสเซอร์แลนด์ เป็นธนาคารของเอกชนเช่นเดียวกัน ทำหน้าที่เป็นธนาคารกลางของเหล่าสมาชิกซึ่งเป็นธนาคารกลางต่างๆ (เขียนแล้วมึนเอง คนอ่านก็คงมึน) เอาแบบง่ายๆ BIS ธนาคารกลางตัวแม่นี้ถือหุ้นโดย ธนาคารกลางตัว ลูกๆ ทั้งหลาย ธนาคารกลางตัวลูกก็ถือหุ้นโดยพวกเอกชนคนโคตรรวยอีกต่อหนึ่ง สรุปว่า พวกคนรวยลงทุนลงขันกันเอง เพื่อตั้งธนาคารกลาง และไม่ให้ใครมายุ่ง เขาดูแลเงินของเขากันเอง ตั้งกฎกติกาเอง โดยให้แม่ BIS คุม รัฐบาลได้แต่ทำตาปริบๆ ดู หน้าจ๋อย มือกุม ก้มหน้า รับคำสั่งรับอำนาจมาจากคนรวยอีกทีหนึ่ง เข้าใจไหม คนรวยใหญ่กว่ารัฐบาล ถึงพูดกันว่าเงินเป็นพระเจ้า ระบบธนาคารกลางนี้ หลังจากเกิดขึ้นครั้งแรกที่ London ไปได้สวย คนรวยติดใจ จึงขยายตัวข้ามมาในทวีปยุโรปตะวันตก และกระจายทั่วไปในทวีปยุโรป การปฏิวัติในฝรั่งเศส ทำให้นโปเลียนขึ้นมามีอำนาจ และยอมให้บรรดานายทุนที่รวมตัวกันให้เงินกู้นโปเลียนไปทำการปฏิวัตินั่นแหละ จับมือร่วมกันจัดตั้งธนาคารในฝรั่งเศสขึ้น เป็นธนาคารส่วนบุคคล ที่พวกนายทุนนี้ควบคุมกันเอง รัฐบาลไม่เกี่ยว ธนาคารนี้เป็นต้นกำเนิดของตระกูลโคตรรวยทางฝั่งยุโรป คือ ตระกูล Rothshilds ชาวยิวในยุโรป ซึ่งขยายธุรกิจการเงินของตระกูล โดยการตั้งธนาคารใน London, Paris, Frankfurt, Vienna และ Naples ทำให้ตระกูลนี้ยิ่งรวยเละขึ้นไปอีก และยิ่งรวยเพิ่มขึ้น จากการไปถือหางทุกฝ่ายในการรบทุกครั้งของนโปเลียน (ต้นกำเนิดของการถือไพ่ทุกใบในการต่อสู้ มีเงินซื้อไพ่ทุกใบ มีไพ่ให้เลือกเล่นแยะ เล่นยังไงก็ชนะ ยกเว้นโคตรโง่ หรือ โคตรเลว จนเทวดาบอกมีเงินมากมายมหาศาลแค่ไหนก็ช่วยอะไรพวกเจ้าไม่ได้ ตัวอย่างกำลังมีให้เห็นในบ้านเรา !) นาย Carroll Quigley นักประวัติศาสตร์ นักทฤษฎี เจ้าความคิดกำเนิดแห่งศิวิไลย์ของมนุษยชาติ แห่งมหาวิทยาลัย Georgetown เขียนไว้ในหนังสือเล่มหนึ่งซึ่งบรรดาสาวกทั้งหลายถือเป็นคัมภีร์ ชื่อ Tragedy and Hope บอกว่าในช่วง ค.ศ.18101850 พวกวาณิชธนกิจใน London ได้สร้าง ธนาคารแห่งอังกฤษ (Bank of England) ตลาดหุ้นและตลาดเงินแห่ง London และไม่นานหลังจากนั้น พวกเขาก็ขยายธุรกิจ โดยการสร้างธนาคารย่อยในระดับเมือง ต่างๆ ดำเนินกิจการ ในรูปแบบของธนาคารพาณิชย์ และธนาคารออมสิน รวมทั้งทำธุรกิจประกันภัย ธุรกิจ 3 อย่างนี้ มันหมุนเงิน สร้างเงินในตัวของมันเองตามวงจร เขาจึงรวมธุรกิจพวกนี้ไว้ด้วยกัน ในระดับที่ใหญ่ขึ้นไปเรื่อยๆ จนเป็นระดับระหว่างประเทศ จากเมืองไปสู่ประเทศ และด้วยวิธีนี้พวกเขาสามารถชักใย ควบคุมการไหลเข้าออก ของเงินระหว่างประเทศ แน่นอนการดำเนินการแบบนี้ ถึงแม้ในบางครั้งอาจจะควบคุมไม่ได้เบ็ดเสร็จ แต่ก็เรียกว่ามีอิทธิพล เหนือทั้งรัฐบาลและธุรกิจอุตสาหกรรม เงินไม่มี กิจการต่างๆไม่ว่าทางการเมืองหรือธุรกิจก็เป็นง่อยเรียบร้อย ตรงไปตรงมา ไม่ต้องฉลาดมากก็คิดได้ ขอให้มีเงินไว้ก่อน ! ในขณะเดียวกัน ทางอีกฟากหนึ่งของมหาสมุทรแอตแลนติก ในอเมริกาก็มีการรวมตัวของกลุ่มธนาคารและธุรกิจอุตสาหกรรมในลักษณะนี้เช่นเดียวกัน โดยพวก Morgans, Astors, Vanderbilts, Rockefellers และ Carnegies กลุ่มทุนพวกนี้ก็เริ่มครอบงำอุตสาหกรรมทั้งหมด ตลอดศตวรรษที่ 19 และต่อมาผลประโยชน์ของนายทุนทั้ง 2 ฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติคก็เชื่อมโยงกัน คนมีเงินก็ย่อมเลือกที่จะคบกับคนมีเงินด้วยกัน Anglo American Establishment ก็เกิดขึ้น คนรวยมีเงินแล้วก็อยากมีอำนาจ เป็นโรคเดียวกันทั้งนั้น ไม่มีใครต่างกัน กลับมาดูคนรวยที่อังกฤษ พวกคนรวยในอังกฤษเริ่มจับกลุ่มรวมตัวกัน เพื่อแสดงอิทธิพลของตนในระดับชาติ ช่วงนั้นนักล่าแถบนั้น กำลังรุมทิ้งเหยื่ออยู่แถวอาฟริกา ซึ่งเกือบทุกประเทศในอาฟริกา ยกเว้นเอธิโอเปีย ตกเป็นอาณานิคมของนักล่าผมทองจากอังกฤษและยุโรปทั้งสิ้น นักล่าที่มีชื่อเสียงโด่งดังในยุคนั้นคือ นาย Cecil Rhodes นักล่าชาวอังกฤษเป็นคนลงไม้ลงมือล่า แต่กระเป๋าที่อุดหนุนให้เขาปฏิบัติการล่า คือ ตระกูล Rothshilds ซึ่งในช่วงนั้น เป็นแหล่งเงินทุนที่ใหญ่ที่สุดในโลก นาย Cecil Rhodes เป็นคนสุดโต่งอีกคนหนึ่ง เขามองว่าอเมริกายังเป็นอาณานิ คมของจักรภพอังกฤษอยู่ จะปล่อยให้มาทำท่ารวยยะโส เดินหน้าเชิด เทียบชั้นกับอังกฤษ เจ้านายเก่าแบบนี้น่ะ มันจะมากไปหน่อยไหม นาย Rhodes มองตัวเองไม่ใช่แค่เป็นนักล่าเงินรางวัล แต่เขาเป็นนักสร้างอาณาจักร empire builder อย่าลืมเขาสร้างเมือง Rhodesia ในอาฟริกา ซึ่งต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น Zimbabwe Carroll Quigley เล่าต่อไปว่า ค.ศ.1891 คนโคตรรวยอังกฤษ 3 หนุ่ม แอบพบกัน เพื่อสมคบกันสร้างสมาคมลับ 3 หนุ่มคือนาย Cecil Rhodes, William T. Stead พี่เบิ้มแห่งวงการหนังสือพิมพ์สมัยนั้น (น่าสังเกตว่า ถ้าจะทำอะไรให้ดังต้องมีสื่อยักษ์มาร่วม มิน่าเล่า มันถึงอยากเป็นสื่อใหญ่กันทั้งนั้น ถีบตัวเองขึ้นมา จนลืมจรรยาบรรณ ฐานันดรที่ 4) และนาย Reginald Baliol Brett ซึ่งเป็นพระสหายผู้ได้รับความไว้วางใจ จากพระราชินีวิกตอเรีย แห่งจักรภพอังกฤษ และต่อมาก็ได้เป็นที่ปรึกษาผู้ มีอิทธิพลต่อพระเจ้า Edward ที่ 7 และพระเจ้า George ที่ 5 ปู่ของพระราชินีElizabeth ที่ 2 ของอังกฤษคนปัจจุบัน สมาคมลับนี้มีนาย Rhodes เป็นหัวหน้า และพระอันดับอีก 3 คน คือ นาย Stead, นาย Brett และคนสุดท้ายแต่มาแรง คือ นาย Alfred Milner วัตถุประสงค์ของสมาคมลับนี้ ซึ่งต่อไปจะนำฝูงโดยนาย Alfred Milner คือจัดการให้อังกฤษปกครองไปทั่วโลก ด้วยระบบของอังกฤษ ไม่ว่าจะในด้านปกครองประชาชนหรือทำการค้า พูดให้ชัด เป้าหมายคือจัดการให้อเมริกากลับมาอยู่ในอาณานิคมของอังกฤษ ใช้ระบบอังกฤษดำเนินชีวิต และอยู่ภายใต้การปกครองของอังกฤษ แนวคิดนี้ได้รับการสนับสนุนจากกลุ่ม Rothshilds และกลุ่มธนาคารต่างๆ เต็มที่อย่างลับๆ คนเล่านิทาน
30 พค. 57
    0 Comments 0 Shares 235 Views 0 Reviews
  • แหกคอก ตอนที่ 4 – ทองห่อผ้าขี้ริ้ว
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง ” แหกคอก ”
    ตอนที่ 4 : ทองห่อผ้าขี้ริ้ว
    อำนาจคือทุน ทุนคืออำนาจ คาถาง่ายๆ สั้นๆ ท่องให้ฟังอยู่ในนิทานเกือบทุกเรื่อง โลกใบนี้ไม่ได้ซับซ้อนเกินเข้าใจ ความซับซ้อนถูกสร้างขึ้นมา เพื่อให้เหยื่อสับสนมึนงง แล้วจะได้ถูกล่าง่ายขึ้นต่างหาก
    การจะสร้างนักล่าหมายเลขหนึ่งขึ้นมาครองโลก แบบไม่มีใครกล้ามาท้าทาย ไม่ใช่ทำได้ง่ายๆ มันออกจะเป็นเรื่องเหลือเชื่อ และเพ้อฝันเสียด้วยซ้ำ แต่มันมีคนคิดจริง ขบวนการสร้างนักล่า ใช้เวลาทั้งหมดกว่า 100 ปี เริ่มตั้งแต่ประมาณ ปี ค.ศ.1890 คนคิดสร้างไม่ได้คิดเล่นๆ เขาคิดจริง ทำจริง อดทน วางแผน เป็นขั้นเป็นตอน และที่สำคัญคนคิดนอกจากมีทุนหนามหึมาแล้ว มันต้องมีความบ้าเต็มขั้น มีความอยากทะเยอทะยานเต็มร้อย บวกกับความเหี้ยมโหด อีกไม่รู้กี่พันเท่า มันถึงจะทำได้
    มันเป็นความคิดของพวกนายทุนที่เป็นเจ้าของ และมีอำนาจเหนือธนาคารกลาง และตลาดหุ้น ตลาดทุนที่ Wall Street และ London ไม่กี่ตระกูล ที่หวังจะจัดระเบียบโลกใหม่อย่างที่เขาต้องการ เป็นโลกที่ควบคุมด้วยเงิน ด้วยระบบการเงินที่พวกเขาวางแผนคิดสร้างมานั้น จะทำให้พวกเขาเป็นผู้ควบคุมชักใย รัฐบาล กองทัพ และประชาชนอีกต่อหนึ่งไม่ว่าเป็นชนชาติใด โดยมีเป้าหมายสุดท้ายคือการครองโลก และจัดระเบียบโลกใหม่
    มันไม่ง่ายนักหรอก แต่ก็ไม่ยากเกินความสามารถของพวกเขา พวกเขาคิดว่าถ้าเราสามารถสร้างระบบที่ให้เราเป็นผู้ สร้าง เงินได้ การควบคุมปริมาณและกระแสเงินของโลกนี้ ก็อยู่ในมือพวกเรา ระบบนี้จะทำงานไม่ต่างกับการควบคุมด้วยอาวุธ แต่มันเป็นอาวุธทางการเงิน
    New World Order จัดระเบียบโลกใหม่ Globalization โลกาภิวัฒน์เป็นหน้าใหม่ของประวัติศาสตร์ประมาณ 500 ปี มาแล้ว (นานแล้วครับ แต่ใช้เวลานานมาก กว่าสมันน้อยจะรู้เรื่อง) เรื่องราวมันย้อนไปตั้งแต่สมัยอเมริกายังถูกนับเป็นอาณานิคม อยู่ในอำนาจของอังกฤษ ตั้งแต่ช่วง ค.ศ.1600 กว่าประมาณนั้น อิทธิพลของอังกฤษครอบงำอเมริกาจนถึงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 แม้อเมริกาจะทำสงครามกลางเมืองเหนือใต้เมื่อ ค.ศ.1861 – 1865 โดยฝ่ายเหนือมีอังกฤษสนับสนุน ฝ่ายใต้มีฝรั่งเศสสนับสนุน และอ้างว่าอังกฤษไม่สามารถจะกระทืบอเมริกาซ้ำได้ ต้องถอยกองทัพกลับไปก็ตาม แต่คราบของอังกฤษก็ยังคงครอบอเมริกาอยู่อย่างที่อเมริกาไม่รู้ตัวหรือแกล้งไม่รู้ตัว
    อิทธิพลของอังกฤษ ระบบของอังกฤษในด้านการค้าครอบงำอเมริกามาตั้งแต่ช่วง ค.ศ.1700 แล้ว ก็พวกที่อพยพมาอยู่อเมริกาส่วนหนึ่ง (ไม่น้อย) ก็มาจากอังกฤษนั่นแหละ นอกจากพูดภาษาเดียวกันแล้ว อิทธิพลและวัฒนธรรม ผู้อพยพก็เก็บใส่กระเป๋าเอาติดมาด้วย
    ประมาณปี ค.ศ.1890 หลังอเมริกาปฏิวัติอุตสาหกรรม เกิดเศรษฐีใหม่ขึ้นมาหลายตระกูล ในอเมริกา เช่น Rockefeller, J.P Morgan, Astors, Vanderbits, Carnegies ฯลฯ
    อเมริกาจะเป็นคนรวยแบบไหนล่ะ แบบอินเดียนแดงเจ้าของถิ่นที่อเมริกาไล่ล่าเขา แล้วยึดเอาดินแดนเขามาหรือ ถ้างั้นก็ต้องเดินห้อยลูกปัด เอาขนนกติดหัว แน่นอนอเมริกาไม่เอาหรอกอเมริกาต้องเลือกเป็นคนรวยแบบที่ผู้ดีอังกฤษเขาเป็นกัน แบบที่อเมริกาแอบนับถือปนเกรงกลัวและอิจฉา เพราะรู้สึกด้อยกว่าเขา จึงต้องอพยพมาก่อร่างสร้างตัวในดินแดนใหม่นั่นแหละ ระบบอังกฤษจึงยังครอบงำอเมริกาในหลายๆ รูปแบบ ไม่มากก็น้อย จนถึงทุกวันนี้
    เมื่อคนอเมริกันเริ่มรวย รวยพอที่จะเดินเชิดหน้าในสังคมโลก ก็เริ่มทำการค้าแบบคนอังกฤษ ในระบบอังกฤษ โดยเฉพาะด้านการเงิน และการอุตสาหกรรม ประมาณปี ค.ศ.1890 การร่วมมือ รวมลงทุนระหว่างคนรวยฝั่งอเมริกากับฝั่งอังกฤษก็เริ่มเพิ่มขึ้น Anglo American Establishment ก็เกิดขึ้น แนวคิดที่จะครองโลกร่วมกัน จึงค่อยๆ ก่อตัวขึ้น
    อังกฤษรู้อยู่แก่ใจว่า วันหนึ่งดวงอาทิตย์ต้องตกดินในดินแดนที่ เคย เป็นอาณานิคมของตัว จะอุ้มจะแบกอาณานิคมไปตลอดกาล เป็นไปไม่ได้ อังกฤษเองไม่มีทรัพยากรของตัวเอง เกาะเล็กเท่าปลายนิ้วก้อย ที่แผ่ไพศาลมาได้ขนาดนี้ ก็ต้องชื่นชมในความตะกรามทยานอยากได้อย่างสุดขีด แล้วจะปล่อยให้ทุกอย่างเป็นประวัติศาสตร์ หลุดมือไปหมดกระนั้นหรือ อังกฤษเป็นนักล่ารุ่นเก๋า ย่อมมองเห็น ใครจะขึ้นมาเป็นนักล่ารุ่นใหม่ ดูท่วงทีลีลาของนักล่ารุ่นใหม่แล้ว แยกกันเดินคงเหนื่อย ร่วมกันเดินหลอกชาวบ้านน่าจะรุ่งกว่า ว่าแล้วคนรวย 2 ฝากฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติกก็จับมือกัน แท้จริงแล้วใครนำใคร ใครหลอกใคร เป็นเรื่องที่ต้องติดตามดูไปอีกนาน น่าสนใจอย่างยิ่งจนถึงทุกวันนี้ ย้ำ จนถึงทุกวันนี้ !
    คนเล่านิทาน
30 พค. 57
    แหกคอก ตอนที่ 4 – ทองห่อผ้าขี้ริ้ว นิทานเรื่องจริง เรื่อง ” แหกคอก ” ตอนที่ 4 : ทองห่อผ้าขี้ริ้ว อำนาจคือทุน ทุนคืออำนาจ คาถาง่ายๆ สั้นๆ ท่องให้ฟังอยู่ในนิทานเกือบทุกเรื่อง โลกใบนี้ไม่ได้ซับซ้อนเกินเข้าใจ ความซับซ้อนถูกสร้างขึ้นมา เพื่อให้เหยื่อสับสนมึนงง แล้วจะได้ถูกล่าง่ายขึ้นต่างหาก การจะสร้างนักล่าหมายเลขหนึ่งขึ้นมาครองโลก แบบไม่มีใครกล้ามาท้าทาย ไม่ใช่ทำได้ง่ายๆ มันออกจะเป็นเรื่องเหลือเชื่อ และเพ้อฝันเสียด้วยซ้ำ แต่มันมีคนคิดจริง ขบวนการสร้างนักล่า ใช้เวลาทั้งหมดกว่า 100 ปี เริ่มตั้งแต่ประมาณ ปี ค.ศ.1890 คนคิดสร้างไม่ได้คิดเล่นๆ เขาคิดจริง ทำจริง อดทน วางแผน เป็นขั้นเป็นตอน และที่สำคัญคนคิดนอกจากมีทุนหนามหึมาแล้ว มันต้องมีความบ้าเต็มขั้น มีความอยากทะเยอทะยานเต็มร้อย บวกกับความเหี้ยมโหด อีกไม่รู้กี่พันเท่า มันถึงจะทำได้ มันเป็นความคิดของพวกนายทุนที่เป็นเจ้าของ และมีอำนาจเหนือธนาคารกลาง และตลาดหุ้น ตลาดทุนที่ Wall Street และ London ไม่กี่ตระกูล ที่หวังจะจัดระเบียบโลกใหม่อย่างที่เขาต้องการ เป็นโลกที่ควบคุมด้วยเงิน ด้วยระบบการเงินที่พวกเขาวางแผนคิดสร้างมานั้น จะทำให้พวกเขาเป็นผู้ควบคุมชักใย รัฐบาล กองทัพ และประชาชนอีกต่อหนึ่งไม่ว่าเป็นชนชาติใด โดยมีเป้าหมายสุดท้ายคือการครองโลก และจัดระเบียบโลกใหม่ มันไม่ง่ายนักหรอก แต่ก็ไม่ยากเกินความสามารถของพวกเขา พวกเขาคิดว่าถ้าเราสามารถสร้างระบบที่ให้เราเป็นผู้ สร้าง เงินได้ การควบคุมปริมาณและกระแสเงินของโลกนี้ ก็อยู่ในมือพวกเรา ระบบนี้จะทำงานไม่ต่างกับการควบคุมด้วยอาวุธ แต่มันเป็นอาวุธทางการเงิน New World Order จัดระเบียบโลกใหม่ Globalization โลกาภิวัฒน์เป็นหน้าใหม่ของประวัติศาสตร์ประมาณ 500 ปี มาแล้ว (นานแล้วครับ แต่ใช้เวลานานมาก กว่าสมันน้อยจะรู้เรื่อง) เรื่องราวมันย้อนไปตั้งแต่สมัยอเมริกายังถูกนับเป็นอาณานิคม อยู่ในอำนาจของอังกฤษ ตั้งแต่ช่วง ค.ศ.1600 กว่าประมาณนั้น อิทธิพลของอังกฤษครอบงำอเมริกาจนถึงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 แม้อเมริกาจะทำสงครามกลางเมืองเหนือใต้เมื่อ ค.ศ.1861 – 1865 โดยฝ่ายเหนือมีอังกฤษสนับสนุน ฝ่ายใต้มีฝรั่งเศสสนับสนุน และอ้างว่าอังกฤษไม่สามารถจะกระทืบอเมริกาซ้ำได้ ต้องถอยกองทัพกลับไปก็ตาม แต่คราบของอังกฤษก็ยังคงครอบอเมริกาอยู่อย่างที่อเมริกาไม่รู้ตัวหรือแกล้งไม่รู้ตัว อิทธิพลของอังกฤษ ระบบของอังกฤษในด้านการค้าครอบงำอเมริกามาตั้งแต่ช่วง ค.ศ.1700 แล้ว ก็พวกที่อพยพมาอยู่อเมริกาส่วนหนึ่ง (ไม่น้อย) ก็มาจากอังกฤษนั่นแหละ นอกจากพูดภาษาเดียวกันแล้ว อิทธิพลและวัฒนธรรม ผู้อพยพก็เก็บใส่กระเป๋าเอาติดมาด้วย ประมาณปี ค.ศ.1890 หลังอเมริกาปฏิวัติอุตสาหกรรม เกิดเศรษฐีใหม่ขึ้นมาหลายตระกูล ในอเมริกา เช่น Rockefeller, J.P Morgan, Astors, Vanderbits, Carnegies ฯลฯ อเมริกาจะเป็นคนรวยแบบไหนล่ะ แบบอินเดียนแดงเจ้าของถิ่นที่อเมริกาไล่ล่าเขา แล้วยึดเอาดินแดนเขามาหรือ ถ้างั้นก็ต้องเดินห้อยลูกปัด เอาขนนกติดหัว แน่นอนอเมริกาไม่เอาหรอกอเมริกาต้องเลือกเป็นคนรวยแบบที่ผู้ดีอังกฤษเขาเป็นกัน แบบที่อเมริกาแอบนับถือปนเกรงกลัวและอิจฉา เพราะรู้สึกด้อยกว่าเขา จึงต้องอพยพมาก่อร่างสร้างตัวในดินแดนใหม่นั่นแหละ ระบบอังกฤษจึงยังครอบงำอเมริกาในหลายๆ รูปแบบ ไม่มากก็น้อย จนถึงทุกวันนี้ เมื่อคนอเมริกันเริ่มรวย รวยพอที่จะเดินเชิดหน้าในสังคมโลก ก็เริ่มทำการค้าแบบคนอังกฤษ ในระบบอังกฤษ โดยเฉพาะด้านการเงิน และการอุตสาหกรรม ประมาณปี ค.ศ.1890 การร่วมมือ รวมลงทุนระหว่างคนรวยฝั่งอเมริกากับฝั่งอังกฤษก็เริ่มเพิ่มขึ้น Anglo American Establishment ก็เกิดขึ้น แนวคิดที่จะครองโลกร่วมกัน จึงค่อยๆ ก่อตัวขึ้น อังกฤษรู้อยู่แก่ใจว่า วันหนึ่งดวงอาทิตย์ต้องตกดินในดินแดนที่ เคย เป็นอาณานิคมของตัว จะอุ้มจะแบกอาณานิคมไปตลอดกาล เป็นไปไม่ได้ อังกฤษเองไม่มีทรัพยากรของตัวเอง เกาะเล็กเท่าปลายนิ้วก้อย ที่แผ่ไพศาลมาได้ขนาดนี้ ก็ต้องชื่นชมในความตะกรามทยานอยากได้อย่างสุดขีด แล้วจะปล่อยให้ทุกอย่างเป็นประวัติศาสตร์ หลุดมือไปหมดกระนั้นหรือ อังกฤษเป็นนักล่ารุ่นเก๋า ย่อมมองเห็น ใครจะขึ้นมาเป็นนักล่ารุ่นใหม่ ดูท่วงทีลีลาของนักล่ารุ่นใหม่แล้ว แยกกันเดินคงเหนื่อย ร่วมกันเดินหลอกชาวบ้านน่าจะรุ่งกว่า ว่าแล้วคนรวย 2 ฝากฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติกก็จับมือกัน แท้จริงแล้วใครนำใคร ใครหลอกใคร เป็นเรื่องที่ต้องติดตามดูไปอีกนาน น่าสนใจอย่างยิ่งจนถึงทุกวันนี้ ย้ำ จนถึงทุกวันนี้ ! คนเล่านิทาน
30 พค. 57
    0 Comments 0 Shares 224 Views 0 Reviews
  • แหกคอก ตอนที่ 3 – ซ่อนรูป
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง ” แหกคอก ”
    ตอนที่ 3 : ซ่อนรูป
    ในปี ค.ศ.1940 หลวงพ่อ CFR ก็ทำการศึกษาวางแผนระยะยาวเพิ่มเติมอีก เกี่ยวกับเศรษฐกิจของอเมริการะหว่างการทำสงคราม ซึ่งจะต้องมีการดูแลจัดการเกี่ยวกับเรื่องปากท้อง เงินทอง เพื่อให้อเมริกา นักล่าเข้าไปทำสงครามแบบสบายใจ หลวงพ่อนี่ดูแลแบบ ไม่มีตกไม่หล่นเลย รอบคอบมาก พวกเขาสรุปว่า อเมริกาต้องหาทางทำให้เกิดรายได้เข้าประเทศ โดยหาหรือสร้างตลาดใหญ่ สำหรับรองรับการผลิตสินค้าของอเมริกา และเพื่อให้แน่ใจว่า อเมริกาจะเข้าไปถึงแหล่งวัตถุดิบในบริเวณที่ประทับตรา ควบคุม (ขโมย !) ได้อย่างสะดวกเสรี ปราศจากการปิดกั้น หรือต้องตีตั๋วผ่าน รวมทั้งดูแลส่วนที่เกี่ยวกับ การค้าขาย การลงทุน เพื่อให้การล่าราบรื่น ไม่มีสดุด ติดขัด อเมริกาจำเป็นต้องมีกองทัพอันแข็งแกร่ง Military Supremacy เพื่อการนี้ด้วย แม่เจ้าโว้ย ! ฟันน้ำนมยังไม่ขึ้น พี่เลี้ยงสั่งให้แยกเขี้ยวแล้ว
    เริ่มต้น Grand Area Project บอกว่าศึกษาเพื่อเตรียมให้อเมริกาเข้าสู่สงครามโลกครั้งที่ 2 และดูแลเศรษฐกิจของอเมริการะหว่างรบ ไม่ใช่รบๆ ไปกระเป๋าฉีก กางเกงขาด มันคงทุลักทุเล ทุเรศน่าดู แต่นั่นแหละพี่เลี้ยงนักล่าระดับหลวงพ่อ CFR ทำอะไรจะให้มันเปิดเผยเหมือนยืนล่อนจ้อนอยู่หน้าจอได้ยังไง มันต้องซ่อนต้องซ้อนกันหน่อย แท้จริงแล้ว Grand Area Project ได้ถูกออกแบบตั้งแต่แรก เพื่อให้อเมริกาเป็นนักล่าหมายเลขหนึ่งของโลกเป็นผู้ครองโลก คุมเศรษฐกิจโลกทั้งหมด หลังสงครามโลกสิ้นสุดลง และเพื่อจะควบคุมเศรษฐกิจตามเป้าหมาย ก็จะต้องมีการจัดตั้งองค์กรระหว่างประเทศขึ้นอีกเพียบ เพื่อมาจัดตั้งระบบวางกฎระเบียบ ที่เหมาะสมกับการค้า การลงทุน และระบบการเงินระหว่างประเทศ ให้ทุกอย่างอยู่ในระบบเดียวกับที่อเมริกาต้องการ เอาถึงขนาดนั้นเลยล่ะ และเพื่อจะให้ได้ผลเช่นนั้น อเมริกาจะต้องมีกองกำลังกล้ามใหญ่เอาไว้เบ่ง เวลาพูดจะได้มีคนฟัง ไม่ใช่ทำหูทวนลม แบบนี้เสียหน้ามาถึงหลวงพ่อCFR ด้วย
    น่าสนใจจริงๆ Grand Area Project นี้ ออกแบบไว้ล่วงหน้า โดยใช้ข้อสมมุติฐานว่า
1. อเมริกาต้องเข้าสู่สงครามโลกครั้งที่สอง
2. เยอรมันจะต้องเป็นผู้แพ้สงครามในตอบจบ
3. หลังจากสงครามโลกจบ อเมริกาจะก้าวขึ้นเป็นพี่เบิ้มหมายเลขหนึ่งขึ้นครองโลก หลวงพ่อ CFR ไม่ใช่ธรรมดา ไม่ได้ทำนายหรือศึกษาเหตุการณ์ แต่ดูเหมือนจะ สร้าง เหตุการณ์ได้ด้วย ! ?
    ภายหลังจากเหตุการณ์ Pearl Harbor เมื่อ ค.ศ.1941 อเมริกาประกาศตัวโดดเข้าเล่นสงครามโลกด้วยจริงๆ ทันทีที่อเมริกาประกาศ CFR รีบออกข่าวตามไปติดๆ สำทับว่าฝ่ายอักษะแพ้สงครามแน่นอน แค่ยังไม่ออกข่าวว่าจะแพ้วันไหน เท่านั้นเอง และพร้อมกันนั้น CFR ขอแก้ไข Grand Area ทุ่งใหญ่ ไม่ใช่มีแค่ 4 แหล่ง ตามที่ศึกษาไว้ตอนแรก แต่มันต้องหมายรวมถึงโลกทั้งใบนี้ด้วย โอ้โห ! หลวงพ่อ CFR หนุนนักล่าสุดตัวไปเต็มตีนเลย แนวความคิดการจัดระเบียบโลกใหม่ จึงเกิดขึ้น (New World Order !) เราจำเป็นต้องจัดระเบียบใหม่ เกี่ยวกับการเมืองและเศรษฐกิจระหว่างประเทศ ซึ่งต้องสอดคล้องกันกับแผนการ ที่จะให้อเมริกาเป็นนักล่าหมายเลขหนึ่ง การรวมเป็นหนึ่งเดียวของประเทศทั้งหลายในโลก Unification จึงควรเป็นเป้าหมาย ตามแนวทางความคิดของ CFR พี่เลี้ยง/รัฐบาลอเมริกัน หรือควรจะเรียกว่าผู้กำกับหรือเจ้าของ ! ?
    แล้วเพื่อให้การดำเนินการเป็นไป ตามแผน พี่เลี้ยงบอกนักล่า จำเป็น ต้องเข้าไปมีส่วนร่วม ในกิจการภายในบ้าน (Internal Affairs) ของประเทศหลัก ที่นักล่าจะไป (หลอก) เอาวัตถุดิบที่อยู่ในบ้านเขามา ใช้ ต้องเข้าไปควบคุม ไปล้วงลูก ไปจัดการบ้านของพวกเขา ให้เป็นไปตามแผนเรา และต้องทำให้ประเทศนั้น นอกเหนือจาก ยินยอม ส่งวัถตุดิบให้เราแล้ว เราต้องทำให้เขารู้สึก อยาก ที่จะเป็นผู้บริโภคสินค้าที่เราผลิต (ด้วยวัตถุดิบของเขา) อีกด้วย นี่มันเดินหมากกิน 3 ต่อเลยนะ เพื่อให้นโยบายทั้งหมดสัมฤทธิผล เราจะต้องจัดตั้ง IMF และ IBRD (Bank For Reconstruction and Development ซึ่งต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น World Bank) มาเป็นส่วนสำคัญในการชักใย
    พี่เลี้ยง CFR บอกหน่วยงานพวกนี้ จำเป็นต้องมี เพื่อมาทำหน้าที่สร้างกลไกที่จะทำให้เงินสกุลของประเทศโลก ที่ 3 ที่เราจะไปลงทุน และค้าขายด้วย มีความมั่นคงมีเสถียรภาพ (ใช้ศัพท์วิชาการเลยนะลุง) แหม ! ถ้าเงินของไอ้พวกโลกที่ 3 มันขึ้นลงแบบลิฟท์เสีย ผู้ลงทุนสร้างนักล่าก็ล้มทั้งยืน ซิโยม แล้ว CFR ก็ลงมือร่างแผนการจัดตั้ง World Bank กับ IMF ตั้งแต่ ค.ศ.1941 ในที่สุดโดยการประชุมที่ Bretton Woods ค.ศ.1944 World Bank และ IMF ก็คลอด
    แต่ถึงยังงั้นก็เถอะ พี่เลี้ยง CFR ก็ยังเป็นห่วง พวกเขาดูแลนักล่าแบบพี่เลี้ยงมือโปร จะล่าเหยื่อกินแบบตะกรุมตะกรามให้ชาวบ้านเขาด่าได้ยังไง เรามันพวกครีม อยู่ชั้นบนของขนมเค้กเป็นชนชั้นสูงของสังคมมิใช่หรือ ฉะนั้นเราต้องเอาผ้าเช็ดปากมาปิดปาก เวลาจะอ้าปากเคี้ยว อำพรางตัวเองหน่อย ตั้งอะไรขึ้นมาบังหน้า แล้วเราคุมมันอีกต่อไม่ดีหรือ United Nations สหประชาชาติยังไงเล่า เพราะนายทุนกระเป๋าใหญ่ของ CFR อย่างมูลนิธิ Rockefeller และ Carnegie Corporation ต่างก็เคยฝัน อยากให้ประเทศต่างๆ รวมตัวกันเป็น League of Nations ตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่ 1 จบใหม่ๆ แล้ว แต่ไม่ได้ประโยชน์อะไรหนักหนา ก็ได้แต่มารวมตัวกัน คุยกันหลวมๆ เหมือนมางานสังสรร ระดับ CFR จะคิดจะทำอะไรมันต้องหนักแน่นแม่นยำกว่านั้น มันต้องเป็นเครื่องมือของการล่าเหยื่อชนิดพิเศษ Informal Agenda Group จึงถูก CFR ตั้งขึ้นมาทำการบ้าน ตั้งแต่ปี ค.ศ.1942 (ไอ้พวกนี้มันบ้าจัดตั้งหน่วยงานกันจริงนะ!) เพื่อสร้างฉาก จัดการ ให้มีหน่วยงานตามเป้าหมาย คือ องค์การสหประชาชาติ United Nations นั้นแหละ
    คณะสร้างฉากนี้มีสมาชิกทำงาน 6 คน รวมทั้งตัวนาย Cordell Hull รัฐมนตรีของ State Department คณะสร้างฉากนี้นอกเหนือจากตัวรัฐมนตรีแล้ว ที่เหลืออีก 5 คน เป็นสมาชิกของ CFR ทั้งสิ้น คณะสร้างฉาก ได้ข้อสรุปว่า เพื่อไม่ให้ชาวบ้านจับได้ไล่ทัน ว่าเราจะทำอะไร เราควรเอาตัวละครอื่นมาร่วมเข้า ฉากด้วย เป้ามันจะได้กระจาย เช่น สหภาพโซเวียต แคนาดา อังกฤษ ซึ่งประธานาธิบดี Roosevelt ก็ตกลง (คุณประธานาธิบดีนี่ เวลาหลวงพ่อ CFR เสนอ มีบ้างไหมที่แกไม่ตกลงชักสงสัย) ดังนั้นปี ค.ศ.1944 องค์กรสหประชาชาติก็ถูกจัดตั้งขึ้นเรียบร้อย มีกฎบัตร จัดร่างตีตราประทับอย่างถูกต้อง โดยลากเอาสมาชิก CFR ที่เป็นนักกฎหมายอีกเป็นกระบุง เข้ามาดูแล เข้ามาร่วมจัดร่างด้วย CFR ทำงานกันเป็นทีมแบบนี้ นายทุนกระเป๋าหนัก John D. Rockefeller หน้าบานยิ้มจนหุบปากไม่ลง ว่าแล้วก็ยกที่ดินกลางเมืองนิวยอร์ค ราคา 8.5 ล้านเหรียญ ให้เป็นของขวัญ (สมัยนั้น แปลว่าแยะนะครับ สมัยนี้ก็แยะ ถ้าเป็นเงินของเรา) เพื่อสร้างตึกสำนักงานใหญ่ของสหประชาชาติ
    ตกลงนับตั้งแต่ ค.ศ.1939 เป็นต้นมา อเมริกานักล่าอยู่ภายใต้การกำกับชักใยอย่างเปิดเผย โดยกลุ่มพี่เลี้ยง CFR ตกลงหลวงพ่อ CFR เป็นเจ้าของนักล่า หรือแค่เป็นผู้จัดการ ยังมีใครอื่นที่กำกับหลวงพ่ออีกหรือเปล่า เรารู้กันแน่ไหมว่าใครเป็นคนสั่งให้โลกหมุน ใครเป็นคนกำหนดอนาคตของโลกใบนี้
    คนเล่านิทาน
29 พค. 57
    แหกคอก ตอนที่ 3 – ซ่อนรูป นิทานเรื่องจริง เรื่อง ” แหกคอก ” ตอนที่ 3 : ซ่อนรูป ในปี ค.ศ.1940 หลวงพ่อ CFR ก็ทำการศึกษาวางแผนระยะยาวเพิ่มเติมอีก เกี่ยวกับเศรษฐกิจของอเมริการะหว่างการทำสงคราม ซึ่งจะต้องมีการดูแลจัดการเกี่ยวกับเรื่องปากท้อง เงินทอง เพื่อให้อเมริกา นักล่าเข้าไปทำสงครามแบบสบายใจ หลวงพ่อนี่ดูแลแบบ ไม่มีตกไม่หล่นเลย รอบคอบมาก พวกเขาสรุปว่า อเมริกาต้องหาทางทำให้เกิดรายได้เข้าประเทศ โดยหาหรือสร้างตลาดใหญ่ สำหรับรองรับการผลิตสินค้าของอเมริกา และเพื่อให้แน่ใจว่า อเมริกาจะเข้าไปถึงแหล่งวัตถุดิบในบริเวณที่ประทับตรา ควบคุม (ขโมย !) ได้อย่างสะดวกเสรี ปราศจากการปิดกั้น หรือต้องตีตั๋วผ่าน รวมทั้งดูแลส่วนที่เกี่ยวกับ การค้าขาย การลงทุน เพื่อให้การล่าราบรื่น ไม่มีสดุด ติดขัด อเมริกาจำเป็นต้องมีกองทัพอันแข็งแกร่ง Military Supremacy เพื่อการนี้ด้วย แม่เจ้าโว้ย ! ฟันน้ำนมยังไม่ขึ้น พี่เลี้ยงสั่งให้แยกเขี้ยวแล้ว เริ่มต้น Grand Area Project บอกว่าศึกษาเพื่อเตรียมให้อเมริกาเข้าสู่สงครามโลกครั้งที่ 2 และดูแลเศรษฐกิจของอเมริการะหว่างรบ ไม่ใช่รบๆ ไปกระเป๋าฉีก กางเกงขาด มันคงทุลักทุเล ทุเรศน่าดู แต่นั่นแหละพี่เลี้ยงนักล่าระดับหลวงพ่อ CFR ทำอะไรจะให้มันเปิดเผยเหมือนยืนล่อนจ้อนอยู่หน้าจอได้ยังไง มันต้องซ่อนต้องซ้อนกันหน่อย แท้จริงแล้ว Grand Area Project ได้ถูกออกแบบตั้งแต่แรก เพื่อให้อเมริกาเป็นนักล่าหมายเลขหนึ่งของโลกเป็นผู้ครองโลก คุมเศรษฐกิจโลกทั้งหมด หลังสงครามโลกสิ้นสุดลง และเพื่อจะควบคุมเศรษฐกิจตามเป้าหมาย ก็จะต้องมีการจัดตั้งองค์กรระหว่างประเทศขึ้นอีกเพียบ เพื่อมาจัดตั้งระบบวางกฎระเบียบ ที่เหมาะสมกับการค้า การลงทุน และระบบการเงินระหว่างประเทศ ให้ทุกอย่างอยู่ในระบบเดียวกับที่อเมริกาต้องการ เอาถึงขนาดนั้นเลยล่ะ และเพื่อจะให้ได้ผลเช่นนั้น อเมริกาจะต้องมีกองกำลังกล้ามใหญ่เอาไว้เบ่ง เวลาพูดจะได้มีคนฟัง ไม่ใช่ทำหูทวนลม แบบนี้เสียหน้ามาถึงหลวงพ่อCFR ด้วย น่าสนใจจริงๆ Grand Area Project นี้ ออกแบบไว้ล่วงหน้า โดยใช้ข้อสมมุติฐานว่า
1. อเมริกาต้องเข้าสู่สงครามโลกครั้งที่สอง
2. เยอรมันจะต้องเป็นผู้แพ้สงครามในตอบจบ
3. หลังจากสงครามโลกจบ อเมริกาจะก้าวขึ้นเป็นพี่เบิ้มหมายเลขหนึ่งขึ้นครองโลก หลวงพ่อ CFR ไม่ใช่ธรรมดา ไม่ได้ทำนายหรือศึกษาเหตุการณ์ แต่ดูเหมือนจะ สร้าง เหตุการณ์ได้ด้วย ! ? ภายหลังจากเหตุการณ์ Pearl Harbor เมื่อ ค.ศ.1941 อเมริกาประกาศตัวโดดเข้าเล่นสงครามโลกด้วยจริงๆ ทันทีที่อเมริกาประกาศ CFR รีบออกข่าวตามไปติดๆ สำทับว่าฝ่ายอักษะแพ้สงครามแน่นอน แค่ยังไม่ออกข่าวว่าจะแพ้วันไหน เท่านั้นเอง และพร้อมกันนั้น CFR ขอแก้ไข Grand Area ทุ่งใหญ่ ไม่ใช่มีแค่ 4 แหล่ง ตามที่ศึกษาไว้ตอนแรก แต่มันต้องหมายรวมถึงโลกทั้งใบนี้ด้วย โอ้โห ! หลวงพ่อ CFR หนุนนักล่าสุดตัวไปเต็มตีนเลย แนวความคิดการจัดระเบียบโลกใหม่ จึงเกิดขึ้น (New World Order !) เราจำเป็นต้องจัดระเบียบใหม่ เกี่ยวกับการเมืองและเศรษฐกิจระหว่างประเทศ ซึ่งต้องสอดคล้องกันกับแผนการ ที่จะให้อเมริกาเป็นนักล่าหมายเลขหนึ่ง การรวมเป็นหนึ่งเดียวของประเทศทั้งหลายในโลก Unification จึงควรเป็นเป้าหมาย ตามแนวทางความคิดของ CFR พี่เลี้ยง/รัฐบาลอเมริกัน หรือควรจะเรียกว่าผู้กำกับหรือเจ้าของ ! ? แล้วเพื่อให้การดำเนินการเป็นไป ตามแผน พี่เลี้ยงบอกนักล่า จำเป็น ต้องเข้าไปมีส่วนร่วม ในกิจการภายในบ้าน (Internal Affairs) ของประเทศหลัก ที่นักล่าจะไป (หลอก) เอาวัตถุดิบที่อยู่ในบ้านเขามา ใช้ ต้องเข้าไปควบคุม ไปล้วงลูก ไปจัดการบ้านของพวกเขา ให้เป็นไปตามแผนเรา และต้องทำให้ประเทศนั้น นอกเหนือจาก ยินยอม ส่งวัถตุดิบให้เราแล้ว เราต้องทำให้เขารู้สึก อยาก ที่จะเป็นผู้บริโภคสินค้าที่เราผลิต (ด้วยวัตถุดิบของเขา) อีกด้วย นี่มันเดินหมากกิน 3 ต่อเลยนะ เพื่อให้นโยบายทั้งหมดสัมฤทธิผล เราจะต้องจัดตั้ง IMF และ IBRD (Bank For Reconstruction and Development ซึ่งต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น World Bank) มาเป็นส่วนสำคัญในการชักใย พี่เลี้ยง CFR บอกหน่วยงานพวกนี้ จำเป็นต้องมี เพื่อมาทำหน้าที่สร้างกลไกที่จะทำให้เงินสกุลของประเทศโลก ที่ 3 ที่เราจะไปลงทุน และค้าขายด้วย มีความมั่นคงมีเสถียรภาพ (ใช้ศัพท์วิชาการเลยนะลุง) แหม ! ถ้าเงินของไอ้พวกโลกที่ 3 มันขึ้นลงแบบลิฟท์เสีย ผู้ลงทุนสร้างนักล่าก็ล้มทั้งยืน ซิโยม แล้ว CFR ก็ลงมือร่างแผนการจัดตั้ง World Bank กับ IMF ตั้งแต่ ค.ศ.1941 ในที่สุดโดยการประชุมที่ Bretton Woods ค.ศ.1944 World Bank และ IMF ก็คลอด แต่ถึงยังงั้นก็เถอะ พี่เลี้ยง CFR ก็ยังเป็นห่วง พวกเขาดูแลนักล่าแบบพี่เลี้ยงมือโปร จะล่าเหยื่อกินแบบตะกรุมตะกรามให้ชาวบ้านเขาด่าได้ยังไง เรามันพวกครีม อยู่ชั้นบนของขนมเค้กเป็นชนชั้นสูงของสังคมมิใช่หรือ ฉะนั้นเราต้องเอาผ้าเช็ดปากมาปิดปาก เวลาจะอ้าปากเคี้ยว อำพรางตัวเองหน่อย ตั้งอะไรขึ้นมาบังหน้า แล้วเราคุมมันอีกต่อไม่ดีหรือ United Nations สหประชาชาติยังไงเล่า เพราะนายทุนกระเป๋าใหญ่ของ CFR อย่างมูลนิธิ Rockefeller และ Carnegie Corporation ต่างก็เคยฝัน อยากให้ประเทศต่างๆ รวมตัวกันเป็น League of Nations ตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่ 1 จบใหม่ๆ แล้ว แต่ไม่ได้ประโยชน์อะไรหนักหนา ก็ได้แต่มารวมตัวกัน คุยกันหลวมๆ เหมือนมางานสังสรร ระดับ CFR จะคิดจะทำอะไรมันต้องหนักแน่นแม่นยำกว่านั้น มันต้องเป็นเครื่องมือของการล่าเหยื่อชนิดพิเศษ Informal Agenda Group จึงถูก CFR ตั้งขึ้นมาทำการบ้าน ตั้งแต่ปี ค.ศ.1942 (ไอ้พวกนี้มันบ้าจัดตั้งหน่วยงานกันจริงนะ!) เพื่อสร้างฉาก จัดการ ให้มีหน่วยงานตามเป้าหมาย คือ องค์การสหประชาชาติ United Nations นั้นแหละ คณะสร้างฉากนี้มีสมาชิกทำงาน 6 คน รวมทั้งตัวนาย Cordell Hull รัฐมนตรีของ State Department คณะสร้างฉากนี้นอกเหนือจากตัวรัฐมนตรีแล้ว ที่เหลืออีก 5 คน เป็นสมาชิกของ CFR ทั้งสิ้น คณะสร้างฉาก ได้ข้อสรุปว่า เพื่อไม่ให้ชาวบ้านจับได้ไล่ทัน ว่าเราจะทำอะไร เราควรเอาตัวละครอื่นมาร่วมเข้า ฉากด้วย เป้ามันจะได้กระจาย เช่น สหภาพโซเวียต แคนาดา อังกฤษ ซึ่งประธานาธิบดี Roosevelt ก็ตกลง (คุณประธานาธิบดีนี่ เวลาหลวงพ่อ CFR เสนอ มีบ้างไหมที่แกไม่ตกลงชักสงสัย) ดังนั้นปี ค.ศ.1944 องค์กรสหประชาชาติก็ถูกจัดตั้งขึ้นเรียบร้อย มีกฎบัตร จัดร่างตีตราประทับอย่างถูกต้อง โดยลากเอาสมาชิก CFR ที่เป็นนักกฎหมายอีกเป็นกระบุง เข้ามาดูแล เข้ามาร่วมจัดร่างด้วย CFR ทำงานกันเป็นทีมแบบนี้ นายทุนกระเป๋าหนัก John D. Rockefeller หน้าบานยิ้มจนหุบปากไม่ลง ว่าแล้วก็ยกที่ดินกลางเมืองนิวยอร์ค ราคา 8.5 ล้านเหรียญ ให้เป็นของขวัญ (สมัยนั้น แปลว่าแยะนะครับ สมัยนี้ก็แยะ ถ้าเป็นเงินของเรา) เพื่อสร้างตึกสำนักงานใหญ่ของสหประชาชาติ ตกลงนับตั้งแต่ ค.ศ.1939 เป็นต้นมา อเมริกานักล่าอยู่ภายใต้การกำกับชักใยอย่างเปิดเผย โดยกลุ่มพี่เลี้ยง CFR ตกลงหลวงพ่อ CFR เป็นเจ้าของนักล่า หรือแค่เป็นผู้จัดการ ยังมีใครอื่นที่กำกับหลวงพ่ออีกหรือเปล่า เรารู้กันแน่ไหมว่าใครเป็นคนสั่งให้โลกหมุน ใครเป็นคนกำหนดอนาคตของโลกใบนี้ คนเล่านิทาน
29 พค. 57
    0 Comments 0 Shares 261 Views 0 Reviews
  • แหกคอก ตอนที่ 2 – ทุ่งใหญ่
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง ” แหกคอก ”
    ตอนที่ 2 : ทุ่งใหญ่
    CFR แอบทำโครงการลับๆ อย่างเงียบๆ และต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงปี ค.ศ.1939 ถึง 1945 ชื่อ War and Peace Studies ซึ่งเป็นการประสานงานร่วมมือกันระหว่างสมาชิกของ CFR กับ State Department ของรัฐบาล แต่เงินทุนที่ใช่ในการทำโครงการนี้ทั้งหมด ไม่ต้องบอกก็คงเดากันออก มาจากนายทุนโคตรรวย กระเป๋าของมูลนิธิ Rockefeller ทั้งหมด (อย่าเพิ่งเบื่อชื่อนี้นะครับ ถึงเบื่อ ก็ต้องทนเอา เพราะเขาเป็นตัวจริงเสียงจริง ในการกำกับพวกพี่เลี้ยง หรือเรียกให้ถูก น่าจะต้องใช้คำว่า เขาเป็น เจ้าของ คงไม่เป็นการแดกดันเขานัก)
    โครงการ War and Peace Studies นี้ วัตถุประสงค์หลัก คือ เพื่อสร้างให้อเมริกาเป็นจักรวรรดิอเมริกา เช่นเดียวกับ จักรวรรดิ หรือจักรภพอังกฤษ เพียงแต่จะเป็นจักรวรรดินักล่าที่วิธีการล่าต่างกัน อังกฤษเป็นนักล่าอาณานิคมที่ต้องการขยายดินแดน เพราะประเทศตัวเองเป็นเกาะเล็กเท่าปลายนิ้วก้อย ต้องการเอาประเทศของคนอื่นมาเป็นอาณานิคม เพื่อขยายอาณาจักรตัวเอง เพื่อปกครองและเพื่อใช้ทรัพยากรของเขา เพื่อสร้างความเจริญและความยิ่งใหญ่ของตนเอง แหม ! ให้ใครๆ เรียกว่า Empress of India หรือ Viceroy of Burma มันก็สมเป็นนายเหนือของอาณานิคมกร่างดีออก ภูมิใจนักหนากับประโยคที่พูดซ้ำซากว่า ดวงอาทิตย์ไม่มีวันตกในจักรภพอังกฤษ แสดงให้เห็นถึงอาณาจักรที่กว้างใหญ่ไพศาล
    แต่ผู้คิดสร้างอเมริกานักล่ารุ่นใหม่บอก คิดแบบนั้นมันไม่ฉลาดเท่าไหร่หรอก เอาไปทำไมประเทศคนอื่น ต้องไปเลี้ยงดูประชาชนพลเมืองเขาอีก ตัวเล็ก ตัวดำ ตัวเหลือง พูดกันไม่รู้เรื่อง คิดก็ต่างกัน ไม่เอาหรอก เราอย่าไปคิดเอาประเทศเขามาเป็นอาณานิคมเลยนะ ภาระมันแยะ เราแค่คิดวิธีที่จะทำอะไรก็ได้ ในแผ่นดินเขาดีกว่า ใช้ทรัพยากร ใช้คน ใช้เงิน ใช้กลอุบายทุกอย่าง ให้ผู้คนในแผ่นดินนั้น มันตกหลุมเราทุกประการ โดยเราไม่ต้องไปรับผิดชอบว่าเขาเป็นคนของเรา มันไม่ดีกว่าหรือ เราแค่อ้างว่าเราจะนำความเจริญมาให้เขา เราทำเพื่อความเจริญของโลก แค่นั้น เขาก็รีบเปิดประตูเมืองรับเรามือไม้สั่นไปหมดแล้ว
    แล้วเราอย่าไปเรียกตัวเองว่า จักรวรรดิอเมริกาด้วย มันล่อแหลม (ต่อความล้มเหลว !) ในทางตรงกันข้าม เรากลับต้องปลอมตัว (ลวงโลก) ว่า อเมริกาต่างหากที่เป็นผู้สนับสนุนให้เสรีภาพ อิสระภาพให้เกิดขึ้นกับประเทศอาณานิคม (ถือโอกาสตบหน้าอังกฤษแถมให้) ให้มีประชาธิปไตยเกิดขึ้นในโลกอันสวยงามใบนี้ และให้มีเสรีภาพในการทำมาค้าขาย ไม่มีการปิดกั้น โดยเราจะใช้กลไกที่จะเราจะตั้งขึ้นใหม่ เพื่อการนี้โดยเฉพาะ แต่โลกจะดูไม่รู้ จับไม่ได้ไล่ไม่ทัน
    มันเป็นการโฆษณาชวนเชื่อ ที่สวยหรู ที่บิดเบือนความจริง ลวงโลก ที่ได้ผลอย่างยอดเยี่ยมที่สุดแห่งศตวรรษ จนบัดนี้ยังไม่มีโฆษณาชวนเชื่อใดมาลบล้างได้ !
    ตราบใดที่เศรษฐกิจของอเมริการุ่งเรือง แบงค์ดอลล่าร์สีเขียวของอเมริกา ยังเป็นแผ่นกระดาษที่โลกยอมรับและต้องการ การลวงโลกแบบนี้จะบอกว่าไม่สำเร็จ ได้อย่างไร และตราบใดที่ยุโรปตะวันตก ญี่ปุ่น ตะวันออกกลาง และเอเซียตะวันออก เอเซียตะวันออกเฉียงใต้ ฯลฯ ยังต้องพึ่งพากองทัพ (ที่อ้างว่า) เกรียงไกรของอเมริกาในการปกป้องภูมิภาคของตน นี่แหละคือข้อพิสูจน์ว่า จักรวรรดิอเมริกามีจริงเป็นจริง จักรวรรดิอเมริกา พี่เบิ้มหมายเลขหนึ่งของโลก ใหญ่อย่างชนิด ไม่มีใครกล้ามาท้าทาย (แน่ใจหรือเปล่า ? !)
    นอกจากนี้ โครงการ War and Peace Studies นี้ เสนอความคิด และแนวทาง (shopping list) เพื่อให้อเมริกาปฏิบัติการอีกมากมาย ภายหลังสงครามโลกสิ้นสุด ที่สำคัญคือเขากำหนด บริเวณ ของโลกใบนี้ที่อเมริกาจะต้องประทับตรา ควบคุมหรือครอบครอง เพื่อส่งเสริมให้อเมริกามีเศรษฐกิจที่แข็งแรง บริเวณที่อเมริกาจะควบคุมนี้เขาเรียกกันว่า “Grand Area” ทุ่งใหญ่สำหรับนักล่า ซึ่งอยู่ในบริเวณต่อไปนี้
– ลาตินอเมริกา (ดินแดนกว้างใหญ่ ทรัพยากรแยะ นักล่าจะเอาไว้ทำอะไร ถ้าจำไม่ได้ช่วยกลับไปอ่านนิทานมายากลยุทธอีกรอบนะครับ)
– ยุโรป ซึ่งจะต้องยับเยินหลังจากสงครามโลกครั้งที่ 2 สิ้นสุด (เป็นพี่เลี้ยงที่สุดเจ๋งจริงๆ คาดการณ์ได้แม่นยำเหมือนลงมือจัดการเอง ! ! เป็นการควบคุมให้ล้มอย่างมีระเบียบ ฮา)
– เหล่าอดีตอาณานิคมของจักรภพอังกฤษ (นายเหนือเจ๊ง แล้วขี้ข้าจะทำยังไง ไม่ฉวยโอกาสฉกมาตอนนี้ แล้วจะไปรอหลังสงครามโลกครั้งหน้าหรือไง)
– เอเซียตะวันออกเฉียงใต้ (มาแล้ว ทุ่งหญ้าของพวกเราไง ที่เหล่าสมันน้อยอยู่แบบกินอิ่ม นอนหลับ ตื่นมาก็วิ่งเล่นเต๊าะแต๊ะน่ารัก) เพราะบริเวณนี้ ยังอุดมสมบูรณ์ มีแหล่งทรัพยากรและวัตถุดิบ ที่ Great Britain และญี่ปุ่น จะได้ใช้สอย ในฐานะผู้ผลิต และเหล่าสมันน้อยในทุ่งหญ้านี้จะได้ใช้สอย ในฐานะผู้บริโภคผลผลิต ของญี่ปุ่น (โอ ! นายท่าน ช่างเก่งจริงๆ อ่านขาดล่วงหน้า ตั้งแต่ก่อนเหตุการณ์เกิดขึ้นอีกแบบนี้ ถ้านักการเมืองไทยมันรู้ว่า CFR สุดโปรดของผม มันเยี่ยมขนาดนี้นะ หมอดูอีที เห็นทีจะหมดอาชีพ มิน่าเล่าไอ้หมาไนโจรร้ายมันถึงไปใช้บริการของไอ้ก๊วนพวกนี้ !)
    ดังนั้นโปรดเข้าใจด้วย เวลาเขาพูดถึงผลประโยชน์ของอเมริกา เขาบอกว่าจะต้องนับเอา Grand Area ทุ่งใหญ่ รวมทั้งการปกป้อง คุมครองดูแลทุ่งใหญ่นี้ เข้าไปด้วย อ้าว ! สมันน้อยกลายเป็นผลประโยชน์ของเขา ตั้งแต่ก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 เลยนะ รู้ตัวกันบ้างหรือเปล่า และในที่สุดจะรวมไปถึงโจทย์ที่ว่า จะพิจารณาปกป้องเวียตนาม ให้พ้นจากลัทธิคอมมิวนิสต์ด้วย หรือไม่ นี่เขียนไว้ตั้งแต่ ค.ศ.1939 นะเนี่ย ! ศักดิ์สิทธิจริงๆ หลวงพ่อ CFR ! ผมเลื่อนตำแหน่งให้แล้ว เพราะการวิเคราะห์ แบบนี้ หมอดูคนไหนก็ไม่มีทางสู้หลวงพ่อ CFR ได้แน่นอน
    คนเล่านิทาน
29 พค. 57
    แหกคอก ตอนที่ 2 – ทุ่งใหญ่ นิทานเรื่องจริง เรื่อง ” แหกคอก ” ตอนที่ 2 : ทุ่งใหญ่ CFR แอบทำโครงการลับๆ อย่างเงียบๆ และต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงปี ค.ศ.1939 ถึง 1945 ชื่อ War and Peace Studies ซึ่งเป็นการประสานงานร่วมมือกันระหว่างสมาชิกของ CFR กับ State Department ของรัฐบาล แต่เงินทุนที่ใช่ในการทำโครงการนี้ทั้งหมด ไม่ต้องบอกก็คงเดากันออก มาจากนายทุนโคตรรวย กระเป๋าของมูลนิธิ Rockefeller ทั้งหมด (อย่าเพิ่งเบื่อชื่อนี้นะครับ ถึงเบื่อ ก็ต้องทนเอา เพราะเขาเป็นตัวจริงเสียงจริง ในการกำกับพวกพี่เลี้ยง หรือเรียกให้ถูก น่าจะต้องใช้คำว่า เขาเป็น เจ้าของ คงไม่เป็นการแดกดันเขานัก) โครงการ War and Peace Studies นี้ วัตถุประสงค์หลัก คือ เพื่อสร้างให้อเมริกาเป็นจักรวรรดิอเมริกา เช่นเดียวกับ จักรวรรดิ หรือจักรภพอังกฤษ เพียงแต่จะเป็นจักรวรรดินักล่าที่วิธีการล่าต่างกัน อังกฤษเป็นนักล่าอาณานิคมที่ต้องการขยายดินแดน เพราะประเทศตัวเองเป็นเกาะเล็กเท่าปลายนิ้วก้อย ต้องการเอาประเทศของคนอื่นมาเป็นอาณานิคม เพื่อขยายอาณาจักรตัวเอง เพื่อปกครองและเพื่อใช้ทรัพยากรของเขา เพื่อสร้างความเจริญและความยิ่งใหญ่ของตนเอง แหม ! ให้ใครๆ เรียกว่า Empress of India หรือ Viceroy of Burma มันก็สมเป็นนายเหนือของอาณานิคมกร่างดีออก ภูมิใจนักหนากับประโยคที่พูดซ้ำซากว่า ดวงอาทิตย์ไม่มีวันตกในจักรภพอังกฤษ แสดงให้เห็นถึงอาณาจักรที่กว้างใหญ่ไพศาล แต่ผู้คิดสร้างอเมริกานักล่ารุ่นใหม่บอก คิดแบบนั้นมันไม่ฉลาดเท่าไหร่หรอก เอาไปทำไมประเทศคนอื่น ต้องไปเลี้ยงดูประชาชนพลเมืองเขาอีก ตัวเล็ก ตัวดำ ตัวเหลือง พูดกันไม่รู้เรื่อง คิดก็ต่างกัน ไม่เอาหรอก เราอย่าไปคิดเอาประเทศเขามาเป็นอาณานิคมเลยนะ ภาระมันแยะ เราแค่คิดวิธีที่จะทำอะไรก็ได้ ในแผ่นดินเขาดีกว่า ใช้ทรัพยากร ใช้คน ใช้เงิน ใช้กลอุบายทุกอย่าง ให้ผู้คนในแผ่นดินนั้น มันตกหลุมเราทุกประการ โดยเราไม่ต้องไปรับผิดชอบว่าเขาเป็นคนของเรา มันไม่ดีกว่าหรือ เราแค่อ้างว่าเราจะนำความเจริญมาให้เขา เราทำเพื่อความเจริญของโลก แค่นั้น เขาก็รีบเปิดประตูเมืองรับเรามือไม้สั่นไปหมดแล้ว แล้วเราอย่าไปเรียกตัวเองว่า จักรวรรดิอเมริกาด้วย มันล่อแหลม (ต่อความล้มเหลว !) ในทางตรงกันข้าม เรากลับต้องปลอมตัว (ลวงโลก) ว่า อเมริกาต่างหากที่เป็นผู้สนับสนุนให้เสรีภาพ อิสระภาพให้เกิดขึ้นกับประเทศอาณานิคม (ถือโอกาสตบหน้าอังกฤษแถมให้) ให้มีประชาธิปไตยเกิดขึ้นในโลกอันสวยงามใบนี้ และให้มีเสรีภาพในการทำมาค้าขาย ไม่มีการปิดกั้น โดยเราจะใช้กลไกที่จะเราจะตั้งขึ้นใหม่ เพื่อการนี้โดยเฉพาะ แต่โลกจะดูไม่รู้ จับไม่ได้ไล่ไม่ทัน มันเป็นการโฆษณาชวนเชื่อ ที่สวยหรู ที่บิดเบือนความจริง ลวงโลก ที่ได้ผลอย่างยอดเยี่ยมที่สุดแห่งศตวรรษ จนบัดนี้ยังไม่มีโฆษณาชวนเชื่อใดมาลบล้างได้ ! ตราบใดที่เศรษฐกิจของอเมริการุ่งเรือง แบงค์ดอลล่าร์สีเขียวของอเมริกา ยังเป็นแผ่นกระดาษที่โลกยอมรับและต้องการ การลวงโลกแบบนี้จะบอกว่าไม่สำเร็จ ได้อย่างไร และตราบใดที่ยุโรปตะวันตก ญี่ปุ่น ตะวันออกกลาง และเอเซียตะวันออก เอเซียตะวันออกเฉียงใต้ ฯลฯ ยังต้องพึ่งพากองทัพ (ที่อ้างว่า) เกรียงไกรของอเมริกาในการปกป้องภูมิภาคของตน นี่แหละคือข้อพิสูจน์ว่า จักรวรรดิอเมริกามีจริงเป็นจริง จักรวรรดิอเมริกา พี่เบิ้มหมายเลขหนึ่งของโลก ใหญ่อย่างชนิด ไม่มีใครกล้ามาท้าทาย (แน่ใจหรือเปล่า ? !) นอกจากนี้ โครงการ War and Peace Studies นี้ เสนอความคิด และแนวทาง (shopping list) เพื่อให้อเมริกาปฏิบัติการอีกมากมาย ภายหลังสงครามโลกสิ้นสุด ที่สำคัญคือเขากำหนด บริเวณ ของโลกใบนี้ที่อเมริกาจะต้องประทับตรา ควบคุมหรือครอบครอง เพื่อส่งเสริมให้อเมริกามีเศรษฐกิจที่แข็งแรง บริเวณที่อเมริกาจะควบคุมนี้เขาเรียกกันว่า “Grand Area” ทุ่งใหญ่สำหรับนักล่า ซึ่งอยู่ในบริเวณต่อไปนี้
– ลาตินอเมริกา (ดินแดนกว้างใหญ่ ทรัพยากรแยะ นักล่าจะเอาไว้ทำอะไร ถ้าจำไม่ได้ช่วยกลับไปอ่านนิทานมายากลยุทธอีกรอบนะครับ)
– ยุโรป ซึ่งจะต้องยับเยินหลังจากสงครามโลกครั้งที่ 2 สิ้นสุด (เป็นพี่เลี้ยงที่สุดเจ๋งจริงๆ คาดการณ์ได้แม่นยำเหมือนลงมือจัดการเอง ! ! เป็นการควบคุมให้ล้มอย่างมีระเบียบ ฮา)
– เหล่าอดีตอาณานิคมของจักรภพอังกฤษ (นายเหนือเจ๊ง แล้วขี้ข้าจะทำยังไง ไม่ฉวยโอกาสฉกมาตอนนี้ แล้วจะไปรอหลังสงครามโลกครั้งหน้าหรือไง)
– เอเซียตะวันออกเฉียงใต้ (มาแล้ว ทุ่งหญ้าของพวกเราไง ที่เหล่าสมันน้อยอยู่แบบกินอิ่ม นอนหลับ ตื่นมาก็วิ่งเล่นเต๊าะแต๊ะน่ารัก) เพราะบริเวณนี้ ยังอุดมสมบูรณ์ มีแหล่งทรัพยากรและวัตถุดิบ ที่ Great Britain และญี่ปุ่น จะได้ใช้สอย ในฐานะผู้ผลิต และเหล่าสมันน้อยในทุ่งหญ้านี้จะได้ใช้สอย ในฐานะผู้บริโภคผลผลิต ของญี่ปุ่น (โอ ! นายท่าน ช่างเก่งจริงๆ อ่านขาดล่วงหน้า ตั้งแต่ก่อนเหตุการณ์เกิดขึ้นอีกแบบนี้ ถ้านักการเมืองไทยมันรู้ว่า CFR สุดโปรดของผม มันเยี่ยมขนาดนี้นะ หมอดูอีที เห็นทีจะหมดอาชีพ มิน่าเล่าไอ้หมาไนโจรร้ายมันถึงไปใช้บริการของไอ้ก๊วนพวกนี้ !) ดังนั้นโปรดเข้าใจด้วย เวลาเขาพูดถึงผลประโยชน์ของอเมริกา เขาบอกว่าจะต้องนับเอา Grand Area ทุ่งใหญ่ รวมทั้งการปกป้อง คุมครองดูแลทุ่งใหญ่นี้ เข้าไปด้วย อ้าว ! สมันน้อยกลายเป็นผลประโยชน์ของเขา ตั้งแต่ก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 เลยนะ รู้ตัวกันบ้างหรือเปล่า และในที่สุดจะรวมไปถึงโจทย์ที่ว่า จะพิจารณาปกป้องเวียตนาม ให้พ้นจากลัทธิคอมมิวนิสต์ด้วย หรือไม่ นี่เขียนไว้ตั้งแต่ ค.ศ.1939 นะเนี่ย ! ศักดิ์สิทธิจริงๆ หลวงพ่อ CFR ! ผมเลื่อนตำแหน่งให้แล้ว เพราะการวิเคราะห์ แบบนี้ หมอดูคนไหนก็ไม่มีทางสู้หลวงพ่อ CFR ได้แน่นอน คนเล่านิทาน
29 พค. 57
    0 Comments 0 Shares 258 Views 0 Reviews
  • ♣ เปิดด่านชายแดน บทพิสูจน์ความจริงใจรัฐบาลใหม่
    ห่วงแต่ผลประโยชน์นายทุน ส่วนฝ่ายค้านห่วงแต่แก้รัฐธรรมนูญ
    #7ดอกจิก
    ♣ เปิดด่านชายแดน บทพิสูจน์ความจริงใจรัฐบาลใหม่ ห่วงแต่ผลประโยชน์นายทุน ส่วนฝ่ายค้านห่วงแต่แก้รัฐธรรมนูญ #7ดอกจิก
    0 Comments 0 Shares 182 Views 0 0 Reviews
  • ..เราไม่สนใจว่ารัฐบาลเก่าจะไปหรือรัฐบาลใหม่จะมา,สำคัญคือตอนนีั ภาระกิจเร่งด่วนที่ต้องทำคือ 1.ยกเลิกmou43และ44 ทันที ประกาศกำหนดอัตรา1:50,000อย่างเป็นทางการผ่านรัฐบาลปัจจุบัน
    2.โอนตังเต็มจำนวนทันทีเพื่อสร้างกำแพงรั้วลวดหนามกั้นเขมรตลอดแนวพรมแดนไทยกับเขมร,ตามเสาเขตแดน1:1ที่ทำเสร็จสมบูรณ์แล้วกว่า73-74เสาเขตแดนตามข้อตกลงสันปันน้ำกับฝรั่งเศสทีีได้พระตะบอง เสียมราฐ ศรีโสภณไปก่อนหน้านั้นแล้ว,ซึ่งตกลงกันชัดเจนจบแล้ว,เกิดก่อนmou43,44นี้อีก,เพราะหากอ้างสิทธิทวงคืนจริงๆเรายึดหมดทั้งเขมรได้เลย.
    ..รัฐบาลไทยอย่าปาหี่ เล่นละครลิงใดๆอีก,เรา..ประชาชนกำลังจับตามองรัฐบาลอยู่ ทหารไทยและประชาชนที่เสียชีวิตในครัังนี้จะไม่สูญเปล่า,หากมีการยึดอำนาจเกิดขึ้นจริงและยึดทรัพย์นักการเมืองทั้งหมดตลอดเครือญาติที่ร่วมมีส่วนทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับนักการเมือง เรา..ประชาชนจะยืนเคียงข้างทหารทันที,หมดเวลาแก้ตัวใดๆหรือโอกาสอ้างทำเพื่อชาติบ้านเมืองได้แล้ว,กับเพียงแค่เศษเงินที่แจกจ่ายประชาชนหรืออ้างคำสวยหรูกระตุ้นเศรษฐกิจจับจ่าย สุดท้ายคือเข้าประเป๋านายทุนเจ้าสัวและคนต่างชาติที่อยู่ในไทยทำกิจการในไทย.,แต่เม็ดเงินมหาศาลที่แท้จริงกลับไปไม่ถึงประชาชน ช่วยเหลือประชาชนจริง,ทหารไทยเราคงสิ้นความอดทนเช่นเดียวกับประชาชนเช่นกันแน่นอน.,และอาจเลวร้ายกว่าอินโดฯกว่าพฤษภามทิฬอีกหรือกว่าเสื้อแดงสั่งเผาศาลากลางอีก เผาเลย เผาเลยแบบนั้น.
    ..ประชาชนผู้บริสุทธิ์และทหารหาญเราต้องเสียสละตนไม่สูญเปล่า.,ตลอดรวมทั้งที่บาดเจ็บและพิการไม่น้อย.

    #นี้คือแผ่นดินไทย



    https://youtube.com/shorts/6cwuSmKFvvo?si=gedlAD5QeCvNIgDy
    ..เราไม่สนใจว่ารัฐบาลเก่าจะไปหรือรัฐบาลใหม่จะมา,สำคัญคือตอนนีั ภาระกิจเร่งด่วนที่ต้องทำคือ 1.ยกเลิกmou43และ44 ทันที ประกาศกำหนดอัตรา1:50,000อย่างเป็นทางการผ่านรัฐบาลปัจจุบัน 2.โอนตังเต็มจำนวนทันทีเพื่อสร้างกำแพงรั้วลวดหนามกั้นเขมรตลอดแนวพรมแดนไทยกับเขมร,ตามเสาเขตแดน1:1ที่ทำเสร็จสมบูรณ์แล้วกว่า73-74เสาเขตแดนตามข้อตกลงสันปันน้ำกับฝรั่งเศสทีีได้พระตะบอง เสียมราฐ ศรีโสภณไปก่อนหน้านั้นแล้ว,ซึ่งตกลงกันชัดเจนจบแล้ว,เกิดก่อนmou43,44นี้อีก,เพราะหากอ้างสิทธิทวงคืนจริงๆเรายึดหมดทั้งเขมรได้เลย. ..รัฐบาลไทยอย่าปาหี่ เล่นละครลิงใดๆอีก,เรา..ประชาชนกำลังจับตามองรัฐบาลอยู่ ทหารไทยและประชาชนที่เสียชีวิตในครัังนี้จะไม่สูญเปล่า,หากมีการยึดอำนาจเกิดขึ้นจริงและยึดทรัพย์นักการเมืองทั้งหมดตลอดเครือญาติที่ร่วมมีส่วนทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับนักการเมือง เรา..ประชาชนจะยืนเคียงข้างทหารทันที,หมดเวลาแก้ตัวใดๆหรือโอกาสอ้างทำเพื่อชาติบ้านเมืองได้แล้ว,กับเพียงแค่เศษเงินที่แจกจ่ายประชาชนหรืออ้างคำสวยหรูกระตุ้นเศรษฐกิจจับจ่าย สุดท้ายคือเข้าประเป๋านายทุนเจ้าสัวและคนต่างชาติที่อยู่ในไทยทำกิจการในไทย.,แต่เม็ดเงินมหาศาลที่แท้จริงกลับไปไม่ถึงประชาชน ช่วยเหลือประชาชนจริง,ทหารไทยเราคงสิ้นความอดทนเช่นเดียวกับประชาชนเช่นกันแน่นอน.,และอาจเลวร้ายกว่าอินโดฯกว่าพฤษภามทิฬอีกหรือกว่าเสื้อแดงสั่งเผาศาลากลางอีก เผาเลย เผาเลยแบบนั้น. ..ประชาชนผู้บริสุทธิ์และทหารหาญเราต้องเสียสละตนไม่สูญเปล่า.,ตลอดรวมทั้งที่บาดเจ็บและพิการไม่น้อย. #นี้คือแผ่นดินไทย https://youtube.com/shorts/6cwuSmKFvvo?si=gedlAD5QeCvNIgDy
    0 Comments 0 Shares 208 Views 0 Reviews
  • ♣ สส.ลักแกง จิรัฏฐ์ ร้องเปิดด่านชายแดนเขมร อ้างชาวบ้านเดือดร้อน เพราะไทยส่งออกเขมร 1.3 แสนล้าน ชาวบ้านหรือนายทุนที่จิรัฏฐ์ปกป้อง
    #7ดอกจิก
    #สสลักแกง
    ♣ สส.ลักแกง จิรัฏฐ์ ร้องเปิดด่านชายแดนเขมร อ้างชาวบ้านเดือดร้อน เพราะไทยส่งออกเขมร 1.3 แสนล้าน ชาวบ้านหรือนายทุนที่จิรัฏฐ์ปกป้อง #7ดอกจิก #สสลักแกง
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 123 Views 0 Reviews
  • ## นิยายสั้นเรื่อง รถไฟฟ้า 20 บาท กับ "ตั๋วเที่ยว" ที่หายไป ##
    ..
    ..
    นิยายสั้นเรื่องนี้ ไม่ได้มีส่วนหนึ่งส่วนใดที่ อ้างอิงมาจาก เรื่องจริง เหตุการณ์จริง หรือ บุคคล ที่มีอยู่จริงเลย แม้แต่นิดเดียว...
    ...
    ...
    นับแต่โบราณ การสร้างนโยบายฝันเฟื่อง ประชานิยม นั้นก็เพื่อ ล่อลวงประชาชน
    .
    เพราะนักการเมือง รู้ซึ้งถึงคุณภาพประชากร จึงรู้ว่าจะเกิดช่องว่างขึ้น
    .
    "ตั๋วเที่ยว" อันตรธาน หายไปจากกลุ่มประชากร ซึ่งมีเป็นจำนวนมาก
    .
    ผลจากการลบ "ตั๋วเที่ยว" ออกไปได้ ส่งผลให้ ผลประโยชน์ เพิ่มขึ้นมหาศาล แม้แต่จะเกิดขึ้นเป็นภาวะชั่วคราว...
    .
    หากเกิดขึ้นและคงอยู่ตลอดไปหล่ะ คิดเป็นผลประโยชน์มหาศาลใช่หรือไม่...???
    ....
    ....
    สำนวนจีน เขาว่า “กวนน้ำให้ขุ่นแล้วค่อยจับปลา”
    .
    เพราะ เวลาน้ำใส ปลาจะมองเห็นคนและหนีได้ง่าย จับได้ยาก แต่ถ้าไปกวนน้ำให้ขุ่นจนปลามองไม่เห็นทิศทาง คนก็สามารถอาศัยจังหวะนั้นจับปลาได้ง่ายขึ้น
    .
    “สร้างความปั่นป่วนเสียก่อน แล้วฉวยโอกาสเอาผลประโยชน์”
    .
    ถ้าเป็นนายทุนพรรคการเมืองแล้วไม่ได้ประโยชน์ จะเป็นไปทำไม...???
    .
    ถ้าได้รับท่อน้ำเลี้ยงจากนายทุน พอมีอำนาจแล้ว ก็ต้องตอบแทนนายทุนใช่หรือไม่...???
    .
    การเมืองเป็นเรื่องของการจัดสรรทรัพยากร หรือ ภาษาชาวบ้าน เรียกว่า การแบ่งเค้ก ที่เจือสมกันทุกฝ่าย หรือ วินวิน นั่นเอง...
    ## นิยายสั้นเรื่อง รถไฟฟ้า 20 บาท กับ "ตั๋วเที่ยว" ที่หายไป ## .. .. นิยายสั้นเรื่องนี้ ไม่ได้มีส่วนหนึ่งส่วนใดที่ อ้างอิงมาจาก เรื่องจริง เหตุการณ์จริง หรือ บุคคล ที่มีอยู่จริงเลย แม้แต่นิดเดียว... ... ... นับแต่โบราณ การสร้างนโยบายฝันเฟื่อง ประชานิยม นั้นก็เพื่อ ล่อลวงประชาชน . เพราะนักการเมือง รู้ซึ้งถึงคุณภาพประชากร จึงรู้ว่าจะเกิดช่องว่างขึ้น . "ตั๋วเที่ยว" อันตรธาน หายไปจากกลุ่มประชากร ซึ่งมีเป็นจำนวนมาก . ผลจากการลบ "ตั๋วเที่ยว" ออกไปได้ ส่งผลให้ ผลประโยชน์ เพิ่มขึ้นมหาศาล แม้แต่จะเกิดขึ้นเป็นภาวะชั่วคราว... . หากเกิดขึ้นและคงอยู่ตลอดไปหล่ะ คิดเป็นผลประโยชน์มหาศาลใช่หรือไม่...??? .... .... สำนวนจีน เขาว่า “กวนน้ำให้ขุ่นแล้วค่อยจับปลา” . เพราะ เวลาน้ำใส ปลาจะมองเห็นคนและหนีได้ง่าย จับได้ยาก แต่ถ้าไปกวนน้ำให้ขุ่นจนปลามองไม่เห็นทิศทาง คนก็สามารถอาศัยจังหวะนั้นจับปลาได้ง่ายขึ้น . “สร้างความปั่นป่วนเสียก่อน แล้วฉวยโอกาสเอาผลประโยชน์” . ถ้าเป็นนายทุนพรรคการเมืองแล้วไม่ได้ประโยชน์ จะเป็นไปทำไม...??? . ถ้าได้รับท่อน้ำเลี้ยงจากนายทุน พอมีอำนาจแล้ว ก็ต้องตอบแทนนายทุนใช่หรือไม่...??? . การเมืองเป็นเรื่องของการจัดสรรทรัพยากร หรือ ภาษาชาวบ้าน เรียกว่า การแบ่งเค้ก ที่เจือสมกันทุกฝ่าย หรือ วินวิน นั่นเอง...
    0 Comments 0 Shares 179 Views 0 Reviews
  • ♣ ภูมิใจไทยกดสูตรสำเร็จความใคร่ อ้างประชาชนกำลังเดือดร้อน ยุบสภาฯไม่ได้ แท้จริงคือพรรคกำลังรีดไถตบทรัพย์นายทุนมาเดินเกมการเมือง โดยมีโครงการสัมปทานตอบแทน
    #7ดอกจิก
    #ไชยชนก
    ♣ ภูมิใจไทยกดสูตรสำเร็จความใคร่ อ้างประชาชนกำลังเดือดร้อน ยุบสภาฯไม่ได้ แท้จริงคือพรรคกำลังรีดไถตบทรัพย์นายทุนมาเดินเกมการเมือง โดยมีโครงการสัมปทานตอบแทน #7ดอกจิก #ไชยชนก
    0 Comments 0 Shares 138 Views 0 Reviews
  • ภูมิใจไทย + ประชาชน = โหวต อนุทิน มา
    .
    ภูมิใจไทย ไปดึงพรรคร่วมเก่า มาเพิ่ม
    .
    แต่ พรรคประชาชน ไม่เอาตำแหน่ง เพราะกลัวบริหารงาน ห่วยเหมือน พรรคแดง
    .
    เมื่อคนไทย รู้ไส้ คะแนนนิยมจะตก ปล่อยให้ พรรคการเมืองเก่าๆ เล่นกันให้เละจนคนเบื่อเหมือน ยุค 3 ป.
    .
    พรรคประชาชน ไม่เอาตัวลงไปเสี่ยง รอเล่นเกมยาว รอกุมอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาด สส.เกิน 250 รอบปี 70
    .
    ต้องการ ริดรอนอำนาจกองทัพ ริดรอนสิทธิและอำนาจสถาบันพระมหากษัตริย์ สอดไส้นโยบายของมหาอำนาตตะวันตก อเมริกา
    .
    แม้ว่าแดงจะเสียคะแนนไปเยอะ และ ส้มเอง ก็เสียคะแนนไปไม่น้อย เรื่องชายแดน แต่สุดท้าย ส้ม ยังจะมา
    .
    เพราะ ฝ่ายอนุรักษ์นิยม ก็ห่วย มีแต่ตัวเล็อกเน่าๆ
    .
    ที่พอจะเป็นผู้เป็นคนนั้น ไม่มีนายทุน ไม่เก่งการตลาด คนไม่เลือก เพราะ คะแนนฝ่าย อนุรักษ์นิยม ส่วนใหญ่ ติ่งลุงตูบ ที่เหลือ กระจัดกระจาย Vote No แบบผม ก็เริ่มมีไม่น้อยแล้ว
    ....
    ....
    ดีที่สุดคือต้อง ปฏิวัติ ยกเลิกระบอบเลือกตั้งนี้ ทิ้งไปซะ...!!!
    .
    สร้างระบอบใหม่ที่ ให้อำนาจ จอมทัพไทยมากขึ้น เลือกบุคคลผู้มีความรู้ความสามารถเข้ามาทำงาน
    .
    ขณะเดียวกันก็สร้างระบบที่เลือกคนขึ้นมาจากผู้มีความรู้ที่แท้จริง และ เสียสละ เช่นประเทศจีน
    .
    ประเทศไทย ถึงจะรอดพ้นจาก ระบอบของ วงจรอุบาทว์ ที่ถูกใช้เป็นเครื่องมือให้ กลุ่มทุนธุรกิจการเมืองเข้าสู่อำนาจ แล้วกอบโกย ไม่รู้จักจบสิ้น...!!!
    ภูมิใจไทย + ประชาชน = โหวต อนุทิน มา . ภูมิใจไทย ไปดึงพรรคร่วมเก่า มาเพิ่ม . แต่ พรรคประชาชน ไม่เอาตำแหน่ง เพราะกลัวบริหารงาน ห่วยเหมือน พรรคแดง . เมื่อคนไทย รู้ไส้ คะแนนนิยมจะตก ปล่อยให้ พรรคการเมืองเก่าๆ เล่นกันให้เละจนคนเบื่อเหมือน ยุค 3 ป. . พรรคประชาชน ไม่เอาตัวลงไปเสี่ยง รอเล่นเกมยาว รอกุมอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาด สส.เกิน 250 รอบปี 70 . ต้องการ ริดรอนอำนาจกองทัพ ริดรอนสิทธิและอำนาจสถาบันพระมหากษัตริย์ สอดไส้นโยบายของมหาอำนาตตะวันตก อเมริกา . แม้ว่าแดงจะเสียคะแนนไปเยอะ และ ส้มเอง ก็เสียคะแนนไปไม่น้อย เรื่องชายแดน แต่สุดท้าย ส้ม ยังจะมา . เพราะ ฝ่ายอนุรักษ์นิยม ก็ห่วย มีแต่ตัวเล็อกเน่าๆ . ที่พอจะเป็นผู้เป็นคนนั้น ไม่มีนายทุน ไม่เก่งการตลาด คนไม่เลือก เพราะ คะแนนฝ่าย อนุรักษ์นิยม ส่วนใหญ่ ติ่งลุงตูบ ที่เหลือ กระจัดกระจาย Vote No แบบผม ก็เริ่มมีไม่น้อยแล้ว .... .... ดีที่สุดคือต้อง ปฏิวัติ ยกเลิกระบอบเลือกตั้งนี้ ทิ้งไปซะ...!!! . สร้างระบอบใหม่ที่ ให้อำนาจ จอมทัพไทยมากขึ้น เลือกบุคคลผู้มีความรู้ความสามารถเข้ามาทำงาน . ขณะเดียวกันก็สร้างระบบที่เลือกคนขึ้นมาจากผู้มีความรู้ที่แท้จริง และ เสียสละ เช่นประเทศจีน . ประเทศไทย ถึงจะรอดพ้นจาก ระบอบของ วงจรอุบาทว์ ที่ถูกใช้เป็นเครื่องมือให้ กลุ่มทุนธุรกิจการเมืองเข้าสู่อำนาจ แล้วกอบโกย ไม่รู้จักจบสิ้น...!!!
    0 Comments 0 Shares 186 Views 0 Reviews
  • 555,อ.วีระสุดยอดมาก ถ้าส่วนตัวเป็นนายกฯนะ จะให้อำนาจเป็นผู้ตรวจการมือขวาของนายกฯสำเร็จราชการแทนด้านปฏิวัติที่ดินทั่วประเทศเลย,นายกฯให้อำนาจเต็มที่ในการสั่งบัญชาการปฏิวัติและปฏิรูปที่ดินบนแผ่นดินไทยทั้งหมด,ให้ประชาชนคนไทยอยู่ดีมีสุขไม่โดยเอารัดเอาเปรียบจากนายทุนค้าที่ดินทุกๆประเภท อาทิ นอมินีนาปรังของต่างชาติ ฉีกทิ้งกฎหมายให้ต่างชาติมีกรรมสิทธิ์ที่ดินอธิปไตยไทยทั้งหมด,ต่างชาติทุกๆคนไม่มีสิทธิถือครองและเป็นกรรมสิทธิ์ในที่ดินไทยทัังหมด สงวนให้เด็ดขาดเพื่อคนไทยสัญชาติไทยเท่านั้น แม้เช่าที่ดินบนแผ่นดินไทยก็มิได้,เป็นเพียงผู้เข้าอาศัยชั่วคราว ไปกลับเท่านั้น.และกรณีสาระพัดที่เกี่ยวกับที่ดิน มีเดอะทีมเฉพาะกาลจัดการทางตรงได้ รายงานที่หลังให้นายกฯทราบได้,แต่ถ้านายกฯเห็นสมควรแก้ไข จบที่นายกฯทั้งหมด.,
    ..ชัดเจนว่าไร้ความจริงใจใดๆ สามารถดำเนินการทางอาญาแก่หน่วยงาน และข้าราชการรัฐทั้งหมดในพื้นที่เกิดเหตุการณ์นี้ได้ โดน ม.157ทุกๆตัว ทั้งหน่วยงานที่ดินด้วย,นั่งแช่มากี่ปีแล้ว ตั้งแต่อ.วีระเดินเรื่องคือ2553 ก่อนยึดอำนาจปี57อีก,หลังยึดอำนาจ อำนาจเต็มมือเต็มตีน เป็นที่พึ่งแก่ประชาชนทั้งพื้นที่รับผิดชอบทั่วพรมแดนเขมรอีก,ย่อมาบ้านหนองจานยิ่งสามารถดำเนินการแก้ทุกข์ร้อนปัญหาของชาวบ้านได้ทันที ขับคนเขมรออกจากบ้านหนองจานได้ด้วยเพราะสงครามภายในเขมรฆ่าล้างเผ่าพันธ์มันยุติแล้วจะมาอยู่หาโคตรพ่อโคตรแมร่งมรึงทำไมอีกบนแผ่นดินไทย ก็สมควรกลับเขมรดินแดนตนซึ่งไร้สงครามฆ่าล้างเผ่าเขมรมรึงกันเองแล้ว,ข้าราชการไทยท้องถิ่นติดพื้นที่ ค่าจริงเป็นอย่างไรจริงต้องดำเนินการบนแนวทางที่เหมาะสม สมควรเป็นไปให้ถูกทางถูกต้องชอบธรรมแก่ชาวบ้าน,ขี้หมาขี้แมวแต่มีใบ ทบ. เขาก็เสมือนมีสิทธิ์ชอบธรรมแล้ว ปู่ย่าตายายเขาถางป่าปักเขตดินแดนตนไว้ ชาวบ้านกันเองเขารู้เห็นกันเองหมดล่ะว่าที่ดินนี้ของใคร ใครปักใครจองใครเป็นเจ้าของแล้ว ตรงไหนของส่วนรวมในชุมชนเช่นหนองคลองบึงก็ว่า สาธารณะเขาก็รู้หมด,สรุปข้าราชการท้องถิ่นตลอดนายอำเภอ อบต.อบท. ผญบ.กำนัน ผู้ว่าฯ ย่อมรู้เห็นในค่าจริงหมด,ทหารภาค1ทั้งภาคก็ผิดด้วย ตำรวจพื้นที่นี้ก็ผิดด้วย ,และ.
    ..จริงๆ ผบ.ทบ.สูงสุด หรือ ผบ.เหล่าทัพสูงสุด สมควรออกหนังสือราชการทางทหาร สั่งย้ายแม่ทัพภาค1และทีมงานส่วนหัวทั้งหมดทันที,เข้าไปส่วนกลางเพื่อพิจารณาวินัยทหาร,ตลอดตำรวจในภาคนีัและพื้นที่รับผิดชอบทั้งหมด ต้องถูกสั่งย้ายเข้าส่วนกลางเช่นกัน เพราะอ.วีระ หรือกูรูมากมาย ต่างเชื่อว่ามีการค้าขายสาระพัดเถื่อนตรงจุดนี้อย่างโคตรไม่ธรรมดานั้น,เพื่อกำจัดอำนาจอิทธิพลเดิมตนที่รากงอกมากมายเป็นฐานผู้มีอิทธิพลใหญ่ก็สามารถตีความได้จากกูรูมากมายชี้เป้าแล้วย่อมมีมูล,แม่ทัพทหารสูงสุดควบคุมทุกๆเหล่าทัพ หรือผบ.เหล่าทัพ หรือ ผบ.ทบ.สูงสุงของทหารบก ท่านต้องสั่งการเรื่องอย่างเด็ดขาด เพราะเชื่อมโยงถึงอธิปไตยของแผ่นดินไทยด้วยแล้วอย่างเด่นชัด,ย้ายแม่ทัพภาค1พ้นตำแหน่งเข้าส่วนกลางก่อน,ย้ายแม่ทัพภาค3-4มาแทนก็ได้ทั้งทีมงานสนิทท่านมาจัดการความไม่สงบสุขและดินแดนอธิปไตยไทยเรากับเขมรให้เด็ดขาดอย่างจริงจัง.,หรือให้รองแม่ทัพภาค2เลื่อนขั้นมาคุมกำลังภาค1เฉพาะกาลไปก่อน ,ผลงานดีเช่นยึดพื้นที่คืนแบบแม่ทัพภาค2ได้11จุด สามารถขึ้นดำรงตำแหน่งแม่ทัพภาค1ได้ทันที,ตามผลงาน,เรา..ประชาชนต้องการไว้วางใจทหารที่รักชาติรักบ้านรักเมืองทั้งทางกายและใจจริงมิใช่ทางปาก,พฤติกรรมการแสดงออกในการเด็ดขาดจริงจังจริงใจเพื่อถีบเขมรออกจากแผ่นดินไทยทั้งหมดช่วงวันที24-28ก.ค.2568แม่ทัพภาค1ในปัจจุบันถือว่าไม่เป็นที่ไว้วางใจแก่เรา..ประชาชนคนไทยทั้งชาติแล้ว มิอาจทำใจยอมรับได้ด้วยทหารเราตลอดแนวพรมแดนเช่นอีสานใต้ต่อสู้ในแลกเป็นแลกตาย ตายจริงพิการจริง ทุ่มพละกำลังทั้ง้ลือดเนื้อชีวิตแม้แค่พลทหาร ทั้งทหารสมัครใหม่ต่างเต็มที่สุดกำลังจนยึดพื้นที่จากเขมรสำเร็จเป็นอันมากจากเขมรยึดครองไปกว่า17ปีอย่างบัดสบของฝีมือรัฐบาลในอดีต,แต่เมื่อหันมามองฝั่งแม่ทัพภาค1จากที่เราคาดหวังเป็นอันมากและเข้าใจว่าเด็ดขาดแม้ไร้สื่อออกช่องใดๆต้องปฏิบัติการถีบเขมรออกจากแผ่นดินทั้งหมดในทุกๆตารางนิ้วได้แน่เพราะเขตแดนชัดเจนกว่าอีสานใต้ไร้หลักหมุดขนาดนั้นก็ว่าในระยะเวลา24-28ก.ค.68นี้ แต่เป็นการน่าผิดหวังเป็นอย่างยิ่ง,ไม่สมที่เรา..ประชาชนคนไทยคาดหวังสูงว่าจะถีบคนเขมรออกจากแผ่นดินไทยทั้งหมดได้จริง,ซึ่งภาระกิจหน้าที่ทหารพรมแดนตลอดแนวต้องเข้าใจตรงกันในหน้าที่ทหารองค์รวมร่วมการศึกนี้,แม่ทัพภาค1ไม่สมควรเป็นอีกต่อไปจากผลงานนี้ ไร้ความซื่อสัตย์จริงใจจริงต่อการกำจัดภัยคุกคามรุกรานอธิปไตยชาติไทยตนหรือตกประเมินติดลบทั้งทีมงานและคณะภาค1ทั้งหมด,เสียเกียรติทหารหาญลูกหลานของประชาชนคนไทยที่เข้าไปเป็นทหารด้วยวิธีทั้งเกณฑ์ทหารคัดเลือก ทั้งสมัครเต็มใจเพื่อรับใช้ชาติ ท่านมิคู่ควรเป็นแม่ทัพ นำทัพทหารใดๆสู่สมรรบกับข้าศึกศัตรูไทยเลย,ทั้งกองทัพและไพร่พลทหารเราอาจเสียชีวิตทั้งหมดในสนามรบกับศัตรูได้.เราคาดหวังสูงมากเชื่อมั่นเชื่อใจสูงด้วย,ท่านทรยศน้ำใจเรา..ประชาชนคนไทย,เรา..ไม่ต้องการส่งต่อสงครามนี้แก่คนไทยรุ่นต่อไปอีกแล้ว ต้องจบที่รุ่นเรา.,เด็ดขาดเขมรสันดานพระยาละแวกต้องสิ้นชาติเขมรด้วยมิอาจให้ทวนกระแสมาสร้างภัยพิบัติทางสงครามแก่ประเทศไทยเราได้อีก,เขมรต้องถูกกำจัดนั้นเอง,ไม่ใช่วิสัยไทยต้องปกป้องชาติเขมรที่เป็นภัยรุกรานเราจริงในเวลานี้คุกคามชีวิตประชาชนเราจริงจนยิงระเบิดใส่จริงทำให้เด็กๆผู้บริสุทธิ์เราพลเมืองเราเสียชีวิตและนอกรัศมีแนวรบด้วย,จิตใจท่านต้องเป็นอธิปไตยไทยเท่านั้น เขมรคือสิ่งที่ต้องทำลายให้สิ้นซากเช่นนั้นเมื่อมันเจตนาทำแบบครั้งแรกได้ย่อมมีครั้งต่อๆไปแน่นอน,เขมรจึงต้องสิ้นชาติสถานะเดียว ตีงูมิใช่ตีให้หลังหักต้องฆ่าด้วย.,เขมรก็เช่นกัน มันต้องการฆ่ายึดทำลายเราชัดเจน เก็บไว้จ่งไว้เฮ็ดหยัง!!!.

    https://youtube.com/watch?v=NAhHUXaDS_8&si=l2a5IudsifBLmhiK
    555,อ.วีระสุดยอดมาก ถ้าส่วนตัวเป็นนายกฯนะ จะให้อำนาจเป็นผู้ตรวจการมือขวาของนายกฯสำเร็จราชการแทนด้านปฏิวัติที่ดินทั่วประเทศเลย,นายกฯให้อำนาจเต็มที่ในการสั่งบัญชาการปฏิวัติและปฏิรูปที่ดินบนแผ่นดินไทยทั้งหมด,ให้ประชาชนคนไทยอยู่ดีมีสุขไม่โดยเอารัดเอาเปรียบจากนายทุนค้าที่ดินทุกๆประเภท อาทิ นอมินีนาปรังของต่างชาติ ฉีกทิ้งกฎหมายให้ต่างชาติมีกรรมสิทธิ์ที่ดินอธิปไตยไทยทั้งหมด,ต่างชาติทุกๆคนไม่มีสิทธิถือครองและเป็นกรรมสิทธิ์ในที่ดินไทยทัังหมด สงวนให้เด็ดขาดเพื่อคนไทยสัญชาติไทยเท่านั้น แม้เช่าที่ดินบนแผ่นดินไทยก็มิได้,เป็นเพียงผู้เข้าอาศัยชั่วคราว ไปกลับเท่านั้น.และกรณีสาระพัดที่เกี่ยวกับที่ดิน มีเดอะทีมเฉพาะกาลจัดการทางตรงได้ รายงานที่หลังให้นายกฯทราบได้,แต่ถ้านายกฯเห็นสมควรแก้ไข จบที่นายกฯทั้งหมด., ..ชัดเจนว่าไร้ความจริงใจใดๆ สามารถดำเนินการทางอาญาแก่หน่วยงาน และข้าราชการรัฐทั้งหมดในพื้นที่เกิดเหตุการณ์นี้ได้ โดน ม.157ทุกๆตัว ทั้งหน่วยงานที่ดินด้วย,นั่งแช่มากี่ปีแล้ว ตั้งแต่อ.วีระเดินเรื่องคือ2553 ก่อนยึดอำนาจปี57อีก,หลังยึดอำนาจ อำนาจเต็มมือเต็มตีน เป็นที่พึ่งแก่ประชาชนทั้งพื้นที่รับผิดชอบทั่วพรมแดนเขมรอีก,ย่อมาบ้านหนองจานยิ่งสามารถดำเนินการแก้ทุกข์ร้อนปัญหาของชาวบ้านได้ทันที ขับคนเขมรออกจากบ้านหนองจานได้ด้วยเพราะสงครามภายในเขมรฆ่าล้างเผ่าพันธ์มันยุติแล้วจะมาอยู่หาโคตรพ่อโคตรแมร่งมรึงทำไมอีกบนแผ่นดินไทย ก็สมควรกลับเขมรดินแดนตนซึ่งไร้สงครามฆ่าล้างเผ่าเขมรมรึงกันเองแล้ว,ข้าราชการไทยท้องถิ่นติดพื้นที่ ค่าจริงเป็นอย่างไรจริงต้องดำเนินการบนแนวทางที่เหมาะสม สมควรเป็นไปให้ถูกทางถูกต้องชอบธรรมแก่ชาวบ้าน,ขี้หมาขี้แมวแต่มีใบ ทบ. เขาก็เสมือนมีสิทธิ์ชอบธรรมแล้ว ปู่ย่าตายายเขาถางป่าปักเขตดินแดนตนไว้ ชาวบ้านกันเองเขารู้เห็นกันเองหมดล่ะว่าที่ดินนี้ของใคร ใครปักใครจองใครเป็นเจ้าของแล้ว ตรงไหนของส่วนรวมในชุมชนเช่นหนองคลองบึงก็ว่า สาธารณะเขาก็รู้หมด,สรุปข้าราชการท้องถิ่นตลอดนายอำเภอ อบต.อบท. ผญบ.กำนัน ผู้ว่าฯ ย่อมรู้เห็นในค่าจริงหมด,ทหารภาค1ทั้งภาคก็ผิดด้วย ตำรวจพื้นที่นี้ก็ผิดด้วย ,และ. ..จริงๆ ผบ.ทบ.สูงสุด หรือ ผบ.เหล่าทัพสูงสุด สมควรออกหนังสือราชการทางทหาร สั่งย้ายแม่ทัพภาค1และทีมงานส่วนหัวทั้งหมดทันที,เข้าไปส่วนกลางเพื่อพิจารณาวินัยทหาร,ตลอดตำรวจในภาคนีัและพื้นที่รับผิดชอบทั้งหมด ต้องถูกสั่งย้ายเข้าส่วนกลางเช่นกัน เพราะอ.วีระ หรือกูรูมากมาย ต่างเชื่อว่ามีการค้าขายสาระพัดเถื่อนตรงจุดนี้อย่างโคตรไม่ธรรมดานั้น,เพื่อกำจัดอำนาจอิทธิพลเดิมตนที่รากงอกมากมายเป็นฐานผู้มีอิทธิพลใหญ่ก็สามารถตีความได้จากกูรูมากมายชี้เป้าแล้วย่อมมีมูล,แม่ทัพทหารสูงสุดควบคุมทุกๆเหล่าทัพ หรือผบ.เหล่าทัพ หรือ ผบ.ทบ.สูงสุงของทหารบก ท่านต้องสั่งการเรื่องอย่างเด็ดขาด เพราะเชื่อมโยงถึงอธิปไตยของแผ่นดินไทยด้วยแล้วอย่างเด่นชัด,ย้ายแม่ทัพภาค1พ้นตำแหน่งเข้าส่วนกลางก่อน,ย้ายแม่ทัพภาค3-4มาแทนก็ได้ทั้งทีมงานสนิทท่านมาจัดการความไม่สงบสุขและดินแดนอธิปไตยไทยเรากับเขมรให้เด็ดขาดอย่างจริงจัง.,หรือให้รองแม่ทัพภาค2เลื่อนขั้นมาคุมกำลังภาค1เฉพาะกาลไปก่อน ,ผลงานดีเช่นยึดพื้นที่คืนแบบแม่ทัพภาค2ได้11จุด สามารถขึ้นดำรงตำแหน่งแม่ทัพภาค1ได้ทันที,ตามผลงาน,เรา..ประชาชนต้องการไว้วางใจทหารที่รักชาติรักบ้านรักเมืองทั้งทางกายและใจจริงมิใช่ทางปาก,พฤติกรรมการแสดงออกในการเด็ดขาดจริงจังจริงใจเพื่อถีบเขมรออกจากแผ่นดินไทยทั้งหมดช่วงวันที24-28ก.ค.2568แม่ทัพภาค1ในปัจจุบันถือว่าไม่เป็นที่ไว้วางใจแก่เรา..ประชาชนคนไทยทั้งชาติแล้ว มิอาจทำใจยอมรับได้ด้วยทหารเราตลอดแนวพรมแดนเช่นอีสานใต้ต่อสู้ในแลกเป็นแลกตาย ตายจริงพิการจริง ทุ่มพละกำลังทั้ง้ลือดเนื้อชีวิตแม้แค่พลทหาร ทั้งทหารสมัครใหม่ต่างเต็มที่สุดกำลังจนยึดพื้นที่จากเขมรสำเร็จเป็นอันมากจากเขมรยึดครองไปกว่า17ปีอย่างบัดสบของฝีมือรัฐบาลในอดีต,แต่เมื่อหันมามองฝั่งแม่ทัพภาค1จากที่เราคาดหวังเป็นอันมากและเข้าใจว่าเด็ดขาดแม้ไร้สื่อออกช่องใดๆต้องปฏิบัติการถีบเขมรออกจากแผ่นดินทั้งหมดในทุกๆตารางนิ้วได้แน่เพราะเขตแดนชัดเจนกว่าอีสานใต้ไร้หลักหมุดขนาดนั้นก็ว่าในระยะเวลา24-28ก.ค.68นี้ แต่เป็นการน่าผิดหวังเป็นอย่างยิ่ง,ไม่สมที่เรา..ประชาชนคนไทยคาดหวังสูงว่าจะถีบคนเขมรออกจากแผ่นดินไทยทั้งหมดได้จริง,ซึ่งภาระกิจหน้าที่ทหารพรมแดนตลอดแนวต้องเข้าใจตรงกันในหน้าที่ทหารองค์รวมร่วมการศึกนี้,แม่ทัพภาค1ไม่สมควรเป็นอีกต่อไปจากผลงานนี้ ไร้ความซื่อสัตย์จริงใจจริงต่อการกำจัดภัยคุกคามรุกรานอธิปไตยชาติไทยตนหรือตกประเมินติดลบทั้งทีมงานและคณะภาค1ทั้งหมด,เสียเกียรติทหารหาญลูกหลานของประชาชนคนไทยที่เข้าไปเป็นทหารด้วยวิธีทั้งเกณฑ์ทหารคัดเลือก ทั้งสมัครเต็มใจเพื่อรับใช้ชาติ ท่านมิคู่ควรเป็นแม่ทัพ นำทัพทหารใดๆสู่สมรรบกับข้าศึกศัตรูไทยเลย,ทั้งกองทัพและไพร่พลทหารเราอาจเสียชีวิตทั้งหมดในสนามรบกับศัตรูได้.เราคาดหวังสูงมากเชื่อมั่นเชื่อใจสูงด้วย,ท่านทรยศน้ำใจเรา..ประชาชนคนไทย,เรา..ไม่ต้องการส่งต่อสงครามนี้แก่คนไทยรุ่นต่อไปอีกแล้ว ต้องจบที่รุ่นเรา.,เด็ดขาดเขมรสันดานพระยาละแวกต้องสิ้นชาติเขมรด้วยมิอาจให้ทวนกระแสมาสร้างภัยพิบัติทางสงครามแก่ประเทศไทยเราได้อีก,เขมรต้องถูกกำจัดนั้นเอง,ไม่ใช่วิสัยไทยต้องปกป้องชาติเขมรที่เป็นภัยรุกรานเราจริงในเวลานี้คุกคามชีวิตประชาชนเราจริงจนยิงระเบิดใส่จริงทำให้เด็กๆผู้บริสุทธิ์เราพลเมืองเราเสียชีวิตและนอกรัศมีแนวรบด้วย,จิตใจท่านต้องเป็นอธิปไตยไทยเท่านั้น เขมรคือสิ่งที่ต้องทำลายให้สิ้นซากเช่นนั้นเมื่อมันเจตนาทำแบบครั้งแรกได้ย่อมมีครั้งต่อๆไปแน่นอน,เขมรจึงต้องสิ้นชาติสถานะเดียว ตีงูมิใช่ตีให้หลังหักต้องฆ่าด้วย.,เขมรก็เช่นกัน มันต้องการฆ่ายึดทำลายเราชัดเจน เก็บไว้จ่งไว้เฮ็ดหยัง!!!. https://youtube.com/watch?v=NAhHUXaDS_8&si=l2a5IudsifBLmhiK
    0 Comments 0 Shares 368 Views 0 Reviews
  • มายากลยุทธ ภาค 1 ตอน นักมายากลชั้นเซียน (2)

    นิทานเรื่องจริง เรื่อง ” มายากลยุทธ ”
    ตอนที่ 12 : นักมายากลชั้นเซียน (2)
    ลาตินอเมริกา มี 19 เสียง เทียบกับยุโรปที่มี 9 เสียง จากปฏิบัติการในลาติน
    อเมริกาอยู่ 20 ปี ผลคือทำให้อิทธิพลของนักมายากล สามารถทำให้อเมริกา เป็นผู้คุมเสียงข้างมาก ในสหประชาชาติ และแน่นอนเป็นเสียงชี้ขาดใน World Bank และ IMF ด้วย ที่ดินที่สร้างสำนักงานใหญ่ของสหประชาชาติ ในนครนิวยอร์คจึงเป็นอภินันทนาการจากนักมายากล
    NSSM 200 เป็นตัวอย่างของมายากลยุทธ ที่น่าสนใจอย่างยิ่ง ที่สามารถนำเรื่องการลดการเจริญเติบโตของประชากรในประเทศด้อยพัฒนา (หรือที่เขาพากันดัดจริต เลี่ยงไปเรียกว่าประเทศที่กำลังพัฒนา) มาเป็นนโยบายด้านความมั่นคงของประเทศ ที่มีความสำคัญระดับเร่งด่วนของอเมริกา มันเหลือเชื่อเหมือนเราดูการเล่นกลเลย ที่สามารถทำการวิจัย เรื่อง การสนับสนุนการทำหมันของมนุษย์หรือวางแผนครอบครัว ให้โยงกับประเทศเป้าหมาย ที่มีแหล่งทรัพยากรธรรมชาติ ได้อย่างมหัศจรรย์เกินจะคิด
    แต่เมื่อดูจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ก่อนและหลังของช่วงเวลาปฏิบัติการ ตามแผน NSSM 200 แล้ว สิ่งที่เห็นชัด การเล่นกลทำได้แนบเนียนและได้ผล ทั้งหมดมาจากเงินและอิทธิพลของตระกูลโคตรรวย ที่พัฒนามาเป็นสถาบันผู้ทรงอิทธิพลที่สุดของอเมริกา Trilateral Commission นาย Kissinger และบรรดาผู้มีตำแหน่งสูง ๆ ในรัฐบาลอเมริกาตั้งแต่ระดับประธานาธิบดี รมว.กลาโหม รมว.ตปท. สมัยต่าง ๆ แท้จริงแล้ว แม้จะกินเงินเดือนของประเทศ แต่จริง ๆ แล้ว ดูเสมือนเขาเป็น
    ขี้ข้ารับใช้ Trilateral Commission ผู้มีบารมีเหนือประชาธิปไตยนั่นเอง
    แล้วอำนาจ Trilateral Commission ผู้มีบารมีเหนือประชาธิปไตย ก็ขยายครอบคลุมรัฐบาลอเมริกา รวมทั้งขยายไปควบคุม ประเทศส่วนใหญ่ในโลกนี้ ตามนโยบาย New World Order ตั้งแต่บัดนั้น จนถึงปัจจุบันนี้
    สมันน้อยมองออกบ้างหรือยัง ว่าเป้าหมายแท้จริงของ NSSM 200 คืออะไรและการกำหนด 13 ประเทศเพราะอะไร การเข้าไปในลาตินอเมริกา สมาคมวางแผนครอบครัวของพี่สายรุ้ง นายอานันท์ มรว.เกษมสโมสร ทั้ง 2 มีตำแหน่งอะไร ในหน่วยงานประเทศไทยบ้าง มีความสำคัญอย่างไร และอย่าลืมการวิจัยแผนพัฒนาของนายณรงค์ชัย เกี่ยวกันไหม และนายสารสิน วีระผล แห่ง CP เครือเจริญโภคภัณฑ์ ค้าเมล็ดพันธ์ุพืชมากว่า 50 ปี ใช้เมล็ดพันธ์ GMO หรือไม่ ชาวไร่ ชาวนา เราเจ๊งป่นปี่
    ขายที่ ขายไร่ กันไปเท่าไหร่ ปัจจุบันการกว้านซื้อที่ดินของในประเทศเราโดยนายทุน นักธุรกิจใหญ่ ทั้งในและต่างประเทศเกี่ยวโยงกันไหม จำได้หรือเปล่า เล่าไปแล้วว่าปัจจุบันที่ดินในประเทศไทยจำนวน 1 ใน 3 อยู่ในมือคนต่างชาติไปแล้ว ลองไปคิดเป็นการบ้านดู
    เวลาดูเขาเล่นกล อย่าแค่ตบมือชอบใจ

    คนเล่านิทาน
    มายากลยุทธ ภาค 1 ตอน นักมายากลชั้นเซียน (2) นิทานเรื่องจริง เรื่อง ” มายากลยุทธ ” ตอนที่ 12 : นักมายากลชั้นเซียน (2) ลาตินอเมริกา มี 19 เสียง เทียบกับยุโรปที่มี 9 เสียง จากปฏิบัติการในลาติน อเมริกาอยู่ 20 ปี ผลคือทำให้อิทธิพลของนักมายากล สามารถทำให้อเมริกา เป็นผู้คุมเสียงข้างมาก ในสหประชาชาติ และแน่นอนเป็นเสียงชี้ขาดใน World Bank และ IMF ด้วย ที่ดินที่สร้างสำนักงานใหญ่ของสหประชาชาติ ในนครนิวยอร์คจึงเป็นอภินันทนาการจากนักมายากล NSSM 200 เป็นตัวอย่างของมายากลยุทธ ที่น่าสนใจอย่างยิ่ง ที่สามารถนำเรื่องการลดการเจริญเติบโตของประชากรในประเทศด้อยพัฒนา (หรือที่เขาพากันดัดจริต เลี่ยงไปเรียกว่าประเทศที่กำลังพัฒนา) มาเป็นนโยบายด้านความมั่นคงของประเทศ ที่มีความสำคัญระดับเร่งด่วนของอเมริกา มันเหลือเชื่อเหมือนเราดูการเล่นกลเลย ที่สามารถทำการวิจัย เรื่อง การสนับสนุนการทำหมันของมนุษย์หรือวางแผนครอบครัว ให้โยงกับประเทศเป้าหมาย ที่มีแหล่งทรัพยากรธรรมชาติ ได้อย่างมหัศจรรย์เกินจะคิด แต่เมื่อดูจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ก่อนและหลังของช่วงเวลาปฏิบัติการ ตามแผน NSSM 200 แล้ว สิ่งที่เห็นชัด การเล่นกลทำได้แนบเนียนและได้ผล ทั้งหมดมาจากเงินและอิทธิพลของตระกูลโคตรรวย ที่พัฒนามาเป็นสถาบันผู้ทรงอิทธิพลที่สุดของอเมริกา Trilateral Commission นาย Kissinger และบรรดาผู้มีตำแหน่งสูง ๆ ในรัฐบาลอเมริกาตั้งแต่ระดับประธานาธิบดี รมว.กลาโหม รมว.ตปท. สมัยต่าง ๆ แท้จริงแล้ว แม้จะกินเงินเดือนของประเทศ แต่จริง ๆ แล้ว ดูเสมือนเขาเป็น ขี้ข้ารับใช้ Trilateral Commission ผู้มีบารมีเหนือประชาธิปไตยนั่นเอง แล้วอำนาจ Trilateral Commission ผู้มีบารมีเหนือประชาธิปไตย ก็ขยายครอบคลุมรัฐบาลอเมริกา รวมทั้งขยายไปควบคุม ประเทศส่วนใหญ่ในโลกนี้ ตามนโยบาย New World Order ตั้งแต่บัดนั้น จนถึงปัจจุบันนี้ สมันน้อยมองออกบ้างหรือยัง ว่าเป้าหมายแท้จริงของ NSSM 200 คืออะไรและการกำหนด 13 ประเทศเพราะอะไร การเข้าไปในลาตินอเมริกา สมาคมวางแผนครอบครัวของพี่สายรุ้ง นายอานันท์ มรว.เกษมสโมสร ทั้ง 2 มีตำแหน่งอะไร ในหน่วยงานประเทศไทยบ้าง มีความสำคัญอย่างไร และอย่าลืมการวิจัยแผนพัฒนาของนายณรงค์ชัย เกี่ยวกันไหม และนายสารสิน วีระผล แห่ง CP เครือเจริญโภคภัณฑ์ ค้าเมล็ดพันธ์ุพืชมากว่า 50 ปี ใช้เมล็ดพันธ์ GMO หรือไม่ ชาวไร่ ชาวนา เราเจ๊งป่นปี่ ขายที่ ขายไร่ กันไปเท่าไหร่ ปัจจุบันการกว้านซื้อที่ดินของในประเทศเราโดยนายทุน นักธุรกิจใหญ่ ทั้งในและต่างประเทศเกี่ยวโยงกันไหม จำได้หรือเปล่า เล่าไปแล้วว่าปัจจุบันที่ดินในประเทศไทยจำนวน 1 ใน 3 อยู่ในมือคนต่างชาติไปแล้ว ลองไปคิดเป็นการบ้านดู เวลาดูเขาเล่นกล อย่าแค่ตบมือชอบใจ คนเล่านิทาน
    0 Comments 0 Shares 238 Views 0 Reviews
  • ..กับสันดานคนเขมรต้องรั้วลวดหนามแบบเวียดนามนี้ล่ะ,เวียดนามมันได้จริงๆกับพวกเขมรแบบนี้.ต้นทุนไม่แพงอะไร,เหล็กลวดไทยมีวัตถุดิบ,รัฐสร้างโรงงานผลิตตรงเลยก็ได้,นำเข้าวัตถุดิบปลอดภาษีก็ได้อีก,ห้ามเอกชนรายใดมาวุ่นวายด้วย,หรือหาแดกงบหลวงแม้ตัวนายพลชั่วเลวฝ่ายทหารเองก็ด้วย,เอาจริงๆมันจัดการง่ายจะตายก็ว่า,ถนนลาดยางกิโลเมตรละ1ล้านยังทำได้,แค่800กว่ากิโลเมตรตลอดพรมแดนให้กิโลเมตรละ10ล้านบาทอย่างดีแบบหนาแบบเปลี่ยนสะดวกสบายยกแผงก็ทำได้,รวมก็แค่8,000ล้านบาทเอง,กากมาก,ที่ชดเชยภาษีทรัมป์ที่เป็นข่าวว่าใช้ตังกว่า200,000ล้านบาทใช้ช่วยกิจการเอกชนไทยและโรงงานนายทุนต่างชาติที่มาตั้งฐานผลิตในไทยส่งไปอเมริกามันยังช่วยพวกเหี้ยนี้มากกว่าอีก,200,000ล้านบาทนะถ้าให้แจกแจงรายละเอียดเปิดเผยเอกสารเป็นเว็บสาธารณะว่าใช้จริงไปไหนบ้าง เงิน200,000ล้านบาทนี้ชดเชยเอกชนรายใด โรงงานใดบ้างเป็นกระแสการไหลของเงินสดอย่างชัดเจนคงประชาชนตาสว่างกว่านี้อีก,หรืออดีตงบสร้างถนนหนทางปัจจุบันแบบกูขยายถนนแล้วขยายอีกซ้อมแล้วซ้อมซ้ำซากอีก ทั่วไทยอาจใช้งบตลอดทั้งปีกว่าแสนล้านบาทล่ะ ทำให้มีคุณภาพมาตราขนาดไหนอีกก็ไม่รู้ รถพ่วงเกิน21ตันเหยียบถนนหลวงไม่กี่เที่ยวก็ซ้อมอีกแล้วเป็นต้น,ถนนชาวบ้านไทบ้านรถพ่วงไปเหยียบครั้งเดียวถนนเป็นหลุมเลยพังเลยก็ว่า,จริงๆมาตราฐานถนนทั้งหมดทั่วประเทศต้องเกิน21ตันให้หมดเพราะเอกชนมักง่ายมาก หลายๆถนนชนบททั่วไทยใช้ทางโทมิใช่ทางเอก ลัดทางสั้นตรึม ถนนไทบ้านในชุมชนพังกันมากเพราะมิให้รถเกิน21ตันใช้,แต่เสือกวิ่งเป็นว่าเล่น,รถบรรทุกไทยเยอะมากๆในเวลานี้,ความปลอดภัยชาวบ้านประชาชนอันตรายด้วย,คนขับก็คนจีน คนลาว คนเขมร คนพม่า คนเวียดนามมากกว่าคนไทย,ยิ่งเป็นถนนข้ามแดนง่ายขึ้นเพื่อค้าขายขนส่ง วิ่งกระจายจริงๆ มอไซค์อักเสบและไปวัดไม่น้อย เพราะคนพวกนี้หมายสังหารคนไทยในท้องถนนง่ายๆด้วย ไร้น้ำจิตน้ำใจแบบคนไทย บดเบียด สีใกล้เหี้ยมีหมด.เข้าใต้ท้องมันมีมิใช่น้อยจากนั้นเอาตังตบหัวจบ.

    ..รั้วหนามทำได้สบายแต่เพราะผลประโยชน์ทางการเมืองหรือทางหนีภัยลี้ภัยทางการเมืองตนจะลำบาก สมุนขี้ข้าลูกน้องจะหนีลำบาก ถูกจับได้จะซวยถึงนักการเมืองเดอะแก๊งอิทธิพลสั่งตายใครต่างๆไร้หลบหนีสะดวกทั้งกูและมรึงหากโดนคดีทางการเมืองจากไทย ช่องทางธรรมชาติทั่วรอบไทยจึงละเว้นไม่พยายามสร้าง นัยยะนี้ด้วย อะไรค้าขายเถื่อนๆกูก็ลำบากด้วยเป็นต้น ใครผีบ้าจะสร้างกำแพงตัดแหล่งช่องทางทำเงินทำตังมหาศาลของกู.



    https://www.youtube.com/shorts/lD7tGLBMEDE
    ..กับสันดานคนเขมรต้องรั้วลวดหนามแบบเวียดนามนี้ล่ะ,เวียดนามมันได้จริงๆกับพวกเขมรแบบนี้.ต้นทุนไม่แพงอะไร,เหล็กลวดไทยมีวัตถุดิบ,รัฐสร้างโรงงานผลิตตรงเลยก็ได้,นำเข้าวัตถุดิบปลอดภาษีก็ได้อีก,ห้ามเอกชนรายใดมาวุ่นวายด้วย,หรือหาแดกงบหลวงแม้ตัวนายพลชั่วเลวฝ่ายทหารเองก็ด้วย,เอาจริงๆมันจัดการง่ายจะตายก็ว่า,ถนนลาดยางกิโลเมตรละ1ล้านยังทำได้,แค่800กว่ากิโลเมตรตลอดพรมแดนให้กิโลเมตรละ10ล้านบาทอย่างดีแบบหนาแบบเปลี่ยนสะดวกสบายยกแผงก็ทำได้,รวมก็แค่8,000ล้านบาทเอง,กากมาก,ที่ชดเชยภาษีทรัมป์ที่เป็นข่าวว่าใช้ตังกว่า200,000ล้านบาทใช้ช่วยกิจการเอกชนไทยและโรงงานนายทุนต่างชาติที่มาตั้งฐานผลิตในไทยส่งไปอเมริกามันยังช่วยพวกเหี้ยนี้มากกว่าอีก,200,000ล้านบาทนะถ้าให้แจกแจงรายละเอียดเปิดเผยเอกสารเป็นเว็บสาธารณะว่าใช้จริงไปไหนบ้าง เงิน200,000ล้านบาทนี้ชดเชยเอกชนรายใด โรงงานใดบ้างเป็นกระแสการไหลของเงินสดอย่างชัดเจนคงประชาชนตาสว่างกว่านี้อีก,หรืออดีตงบสร้างถนนหนทางปัจจุบันแบบกูขยายถนนแล้วขยายอีกซ้อมแล้วซ้อมซ้ำซากอีก ทั่วไทยอาจใช้งบตลอดทั้งปีกว่าแสนล้านบาทล่ะ ทำให้มีคุณภาพมาตราขนาดไหนอีกก็ไม่รู้ รถพ่วงเกิน21ตันเหยียบถนนหลวงไม่กี่เที่ยวก็ซ้อมอีกแล้วเป็นต้น,ถนนชาวบ้านไทบ้านรถพ่วงไปเหยียบครั้งเดียวถนนเป็นหลุมเลยพังเลยก็ว่า,จริงๆมาตราฐานถนนทั้งหมดทั่วประเทศต้องเกิน21ตันให้หมดเพราะเอกชนมักง่ายมาก หลายๆถนนชนบททั่วไทยใช้ทางโทมิใช่ทางเอก ลัดทางสั้นตรึม ถนนไทบ้านในชุมชนพังกันมากเพราะมิให้รถเกิน21ตันใช้,แต่เสือกวิ่งเป็นว่าเล่น,รถบรรทุกไทยเยอะมากๆในเวลานี้,ความปลอดภัยชาวบ้านประชาชนอันตรายด้วย,คนขับก็คนจีน คนลาว คนเขมร คนพม่า คนเวียดนามมากกว่าคนไทย,ยิ่งเป็นถนนข้ามแดนง่ายขึ้นเพื่อค้าขายขนส่ง วิ่งกระจายจริงๆ มอไซค์อักเสบและไปวัดไม่น้อย เพราะคนพวกนี้หมายสังหารคนไทยในท้องถนนง่ายๆด้วย ไร้น้ำจิตน้ำใจแบบคนไทย บดเบียด สีใกล้เหี้ยมีหมด.เข้าใต้ท้องมันมีมิใช่น้อยจากนั้นเอาตังตบหัวจบ. ..รั้วหนามทำได้สบายแต่เพราะผลประโยชน์ทางการเมืองหรือทางหนีภัยลี้ภัยทางการเมืองตนจะลำบาก สมุนขี้ข้าลูกน้องจะหนีลำบาก ถูกจับได้จะซวยถึงนักการเมืองเดอะแก๊งอิทธิพลสั่งตายใครต่างๆไร้หลบหนีสะดวกทั้งกูและมรึงหากโดนคดีทางการเมืองจากไทย ช่องทางธรรมชาติทั่วรอบไทยจึงละเว้นไม่พยายามสร้าง นัยยะนี้ด้วย อะไรค้าขายเถื่อนๆกูก็ลำบากด้วยเป็นต้น ใครผีบ้าจะสร้างกำแพงตัดแหล่งช่องทางทำเงินทำตังมหาศาลของกู. https://www.youtube.com/shorts/lD7tGLBMEDE
    0 Comments 0 Shares 312 Views 0 Reviews

  • ตอน 18
    อเมริกาคิดจะทำอะไร ต้องแน่ใจว่าคุมสถานการณ์ คุมเกมได้เบ็ดเสร็จ เมื่อได้เลือกไทยแลนด์แดนสวรรค์ เป็นแหล่งประทับทรง เพื่อเอาไว้จับจ้อง เตรียมต่อกรกับจีน ถึงจะไม่เป็นงานช้างแบบสู้กับคอมมี่ ตรงไปตรงมา แต่สู้กับอาเฮียตาตี่ที่ กำลังเนื้อหอม แถมจิ๊กโก๋๋ก็ทิ้งสาวไทยไปนาน จะกลับเข้ามาก็ต้องดูดีๆ เสียเชิงอาเฮียนี่มันรับไม่ได้จริงๆ นะ
    และโปรดอย่าลืมสันดานเดิมของจิ๊กโก๋๋นักเลงนักล้วง อเมริกาไม่เคยตีตั๋วใบเดียว ไม่เคยเล่นไพ่หน้าเดียว
    จากรายงานของซีไอเอ ที่เดินสายกันให้ควักไขว้ ออกอาการว่า จิ๊กโก๋๋คิดหนัก จะเลือกใครเป็นร่างทรงดี สมัยสู้คอมมี่ จอมพลคนแปลกเป็นนายก อเมริกาก็สนับสนุน 2 นายพล เอาไว้เป็นตัวเลือกคือ นายพลเผ่า กับ นายพลสฤษดิ์ ทั้งฟูมทั้งฟัก ทั้ง 2 นายพล อยากได้อะไรก็ประเคนให้ทั้งคู่ รอดูจนแน่ใจแล้วก็เคาะโป๊ก หวยออกที่นายพลสฤษดิ์ ให้เป็นผู้นำคนต่อไปของประเทศไทยแลนด์ ภายใต้การชักใยของสหรัฐ
    คราวนี้ก็เหมือนกัน อเมริกามีตัวเลือกแยะขึ้น แต่ยากขึ้น
    มองด้านความแน่นอน สัมพันธ์เก่ามีมาต่อเนื่องกว่า 50 ปี ก็มีกลุ่มนักวิ่งผลัด แต่สมัยนี้จะไปชักใย ให้ขยับขาซ้ายย้ายขาขวา อย่างเมื่อก่อนมันไม่ได้แล้วนะ ก็ดันไปตั้ง Doctrine ของตัวเองสนับสนุนประชาธิปไตยให้บานแฉ่ง แล้วถ้าเอาพี่ทหารนักวิ่งผลัดมา ป.ว. เป็นร่างทรงน่ะ ชาวบ้านเขามินินทาเอาหรือจ๊ะ ว่า ปากว่าตาขยิบ
    จะเป็นตัวเลือกหรือเปล่ายังไม่รู้ แต่เพื่อให่แน่ใจว่านักวิ่งพลัดไม่นอกใจ ปลายปี พ.ศ. 2555/ค.ศ.2012 พี่เบิ้มก็ส่งนายลีออน เพนเนตต้า (Leon Pennetta) รมว กลาโหม มานั่งจับเข่า คุณพี่สุกำพล รมว กลาโหมของไทยตอนนั้น
    อย่าลืมนะ สมันน้อย เราอุ้มเจ้าลงเปลเห่กล่อมมากว่า 50 ปีแล้ว สมันน้อยจะไปเห็นคนอื่นดีกว่าเราได้ยังไง ว่าแล้วจากจับเข่า ก็เปลี่ยนเป็นจับมือสมันน้อย แปะโป้งทำสัญญา ซึ่งแปลงเขียนเป็นแถลงการณ์วิสัยทัศน์ร่วม (แหม! อีลูกช่างตะแบง กลัวจะเป็นหนังสือสัญญา ตามมาตรา ม190 ของรัฐธรรมนูญไง) ว่า ด้วยการเป็นหุ้นส่วนร่วมด้านความมั่นคงในศตวรรษที่ 21 ฮั่นแน่ โจ๋งครึ่มจริงๆ
    ไอ้นี่ มันเป็นการส่งสารข้าม(หัว) ไปถึงอาเฮียนี่หว่า ว่านี่เด็กของข้า ลื้ออย่ามาแหยม!
    หลังจากกำชับนักวิ่งพลัดไม่ให้แตกแถวแล้ว คราวนี้ก็ต้องมาดูนักการเมือง ที่จะใช้บริการ ซึ่งตอนนี้ก็มีอยู่ 2 พรรคใหญ่ ระหว่างพรรคแมลงสาบกับพรรคของเหลี่ยมร้าย เอาไงดีล่ะ จิ๊กโก๋๋คิดไม่ตก
    พรรคแมลงสาบนี่ จิ๊กโก๋๋รู้จักดี ตั้งกะสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ปู่เสนีย์เป็นหัวหน้าเสรีไทยฝ่ายสหรัฐ พรรคนี้เคยคิดอย่างไร ทำอย่างไร ตั้งแต่สมัยสงครามโลก เดี๋ยวนี้ก็ยังเป็นอย่างนั้น สมเป็นพรรคแมลงสาปจริง ๆ หัวสมองอยู่ในกระป๋องสี่เหลี่ยม แก้ไม่หาย อุตส่าห์ปั๊ดตะนา เปลี่ยนหัวหน้าพรรคมาจนเดี๋ยวนี้ได้ good boyหน้าหล่อสายอังกฤษ
    แต่มันก็คิดเป็น ทำเป็น แบบจวนสอบได้ ซะเกือบทุกเรื่อง ขนาดแม่ยกยังลุ้นซะจนจะ ล.ด หลายตลบแล้วจิ๊กโก๋๋จะรับไหวเหร๊อ แต่มันก็ว่าง่ายดีนะ ดูตอนกู้เงิน IMF แล้วกัน 5 5 5 พวกไอรวยมาแยะนะ อ้ายน้อย
    ไม่เอาแมลงสาบแล้วจะเอาใคร
    ก็พรรคของเหลี่ยมร้ายไง เหลี่ยมร้ายไม่สนใจอาณาเขต เหลี่ยมร้ายไม่สนใจพรมแดน เหลี่ยมร้ายไม่สนใจขนบธรรมเนียมประเพณี เหลี่ยมร้ายไม่รู้จักความดีงาม เหลี่ยมร้ายไม่รู้จักคุณค่าของ สถาบัน เหลี่ยมร้ายรู้จักแต่อำนาจ การโกหก การโกงทุกรูปแบบ และทุน ทุน ทุน ไม่ว่าจะเป็น ทุนนิยมเสรี ทุนในชาติ ทุนข้ามชาติ ประชานิยม ฯลฯ ล้วนเป็นเรื่องที่เหลี่ยมรัก เหลี่ยมโปรดทั้งนั้น อืม! น่าสนใจ ความคิดคล้ายๆ กับผู้ใดหนอ
    แถม เหลี่ยมก็เคยปลาบปลื้ม จนลืมตน วิ่งไปเชิญ วิ่งไปซบคุณพ่อจิ๊กโก๋๋ มาหลายหน คุณจิ๊กโก๋๋ตัวลูก จอมกร่าง ยิ่งแล้วใหญ่ เหลี่ยมนับเป็นเพื่อนเลยนะ ลองไปหา cable ทูตอเมริกา (ที่วิกิลีกส์ Wikileaks ขวัญใจผม อภินันทนาการแก่ชาวโลก)
    มันรายงานออกมาจ้อยๆ ว่า เหลี่ยมร้าย ปลื้มจิ๊กโก๋๋ขนาดไหน โดนดุ โดนเตือนก็ไปฟ้องคุณพ่ออเมริกันทุกครั้ง แหม ตัวอยู่ไทย แต่ใจเป็นของคุณพ่อจิ๊กโก๋๋หมดแล้ว แบบนี้ไม่เลือกเป็นร่างทรงก็ใจจืดไปหน่อยนะ…
    แต่จิ๊กโก๋๋ไม่โง่ จะใช้คนอย่างเหลี่ยมร้าย มันต้องป้อนด้วย อำนาจและเงินไปตลอด แล้วมันเกิดทำใหญ่คับเกินฟ้า ชาวประชารับไม่ได้ (ก็กำลังชุมนุมขับไล่โค่นล้มอยู่นี่ไง) จิ๊กโก๋๋ จะควบคุมไหวหรือ เอ๊ะ หรือจะเข้าทาง!
    ดูประธานาธิบดีมากอส พระเจ้าชาห์แห่งอิหร่าน มูบารักของอียิปต์ ฯลฯ เป็นตัวอย่างแล้วกัน เด็กสร้างของ จิ๊กโก๋๋ทั้งนั้น ถึงจุดหนึ่งหมดประโยชน์หรือคุมไม่ได้ จิ๊กโก๋๋ก็จัดการเก็บฉาก ให้กลับบ้านเก่ากันแทบไม่ทัน บางคนแทบไม่มีเวลาแต่งศพให้สวย
    ถ้าเหลี่ยมร้ายบังเอิญโชคดี ได้อ่านนิทานเรื่องนี้ ก็อ่านตอนนี้หลายๆ เที่ยวหน่อยนะ เดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือนกัน ยังไงก็คนเคยเห็นหน้า (ทางจอทีวี ฮา) มาหลายหน แต่หนหลังๆ นี้ บอกกันไม่อ้อมค้อมนะ ดูทุเรศ จริงๆ
    บอกได้เลยว่า การประทับทรงไทยแลนด์ของจิ๊กโก๋๋ครั้งนี้ ไม่ง่ายสะดวกโยธินเหมือนสมัยสงคราม เวียต นาม คราวนั้นบ้านเรายังไม่มีกีฬาสี และสถานการณ์ก็สร้างไว้ชัดเจน ถูกเขาขู่ว่า ถ้าไม่สู้คอมมี่ พวกยูก็อาจไม่มีแผ่น ดินเหลือให้นั่งชนไก่
    แต่ตอนนี้กะตอนนู้น มันไม่เหมือนกันนะ คราวนี้ถ้าขู่ว่าจะให้เลือก ระหว่างจิ๊กโก๋๋ผมทอง กับอาเฮียตาตี่ มันก็ไม่ง่ายนะพี่เบิ้ม ระวังมันจะพลิกล็อก
    คนไทยน่ะ นับดีๆ เผลอๆ มีกว่าครึ่งประเทศ ที่มีเชื้อสายจีนปนอยู่ ถึงแม้เขาจะไปฟอกผิวขาวทำตาโต แต่เชื้อไขข้างใน มันก็ยังเชื้อสายจีนปน ถึงเวลาตรุษจีน ก็เอาเป็ดเอาไก่ไปไหว้เจ้าปิดถนนฉลองกัน แล้วใจคอยูจะให้เขาตัดขาดจากอาม้า อาก๋ง เขาง่าย ๆ หรือ จิ๊กโก๋๋คิดให้ดีๆ
    คราวนี้ถ้าจิ๊กโก๋๋คิดว่า ซอยนี้ต้องเป็นของกูคนเดียว ไม่ให้ใครเข้ามายุ่งด้วย บอกได้คำเดียวว่าเหนื่อย เหนื่อยทั้งจิ๊กโก๋๋ และเหนื่อยทั้งสมันน้อย อเมริกาเหนื่อยอย่างไร สมัยต่อสู้กับระบอบคอมมิวนิสต์ มันขู่ให้เรากลัวว่า ระบอบคอมมิวนิสต์เป็นภัยต่อประชาธิปไตย ประชาชนไม่มีสิทธิเป็นเจ้าของทรัพย์สิน ทุกอย่างตกเป็นของรัฐ แค่นี้นายทุนเศรษฐีบ้านเราก็หน้าตก หูตูบกันหมดแล้ว ทุกคนต้องทำงานให้คอมมูน เพื่อความเท่าเทียมกัน ไม่มีการแบ่งชั้นวรรณะ คนไทยเคยอยู่สบายๆ เช้าอยากลุกก็ลุก ไม่อยากก็นอนจนตะวันตรงท้ายทอย แล้วค่อยขยับก้นย้ายออกมา ก็ไม่มีใครว่า แล้วถ้าเป็นคอมมูน มันจะมาทำท่านอนบิดขี้เกียจอย่างนี้ได้เหรอ
    ขู่แบบนี้เข้าไปทุกวัน พออเมริกาบอกว่า ไอจะกำจัดระบอบนี้ให้ออกไปจากภูมิภาคนี้ ชาวเราก็มองเขาเหมือนเทวดามาโปรด
    แต่ตอนนี้ไม่มีผีคอมมี่ให้สร้างแล้ว ของจริงที่ไทยแลนด์ควรมองคือ อาเฮียตาตี่ ไม่ได้เดินย้ายพุงมาคนเดียว แต่เกี่ยวแขนมากับเพื่อนอีกหลายพันล้านคน ในนามของ BRICS จำได้ไหม บราซิล (Brazil) รัสเซีย (Russia) อินเดีย (India) จีน (China) และแอฟริกาใต้ (South Africa) รวมทั้งหมด เกือบ สามพันล้านคน ตลาดใหญ่นะ
    แถมตอนนี้อาเฮียฟิตจัด ตั้งกลุ่มเจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้ (Shanghai Cooperation Organization) หรือ SCO กับพี่ใหญ่รัสเซียและประเทศแถบรัสเซีย ที่จีนมีอาณาเขตติดต่อกันอยู่ แปลว่าถ้าอเมริกาจะมองว่าจีนเป็นศัตรู ต้องรวมเพื่อนของศัตรู เข้าไปด้วย เข้าใจไหม
    แต่ของจริงอเมริกา มองจีนอย่างไร มีระบุไว้ในเอกสาร The National Strategy Forum Review ปี ค.ศ.2011 ว่า สัมพันธ์ระหว่างจีนกับสหรัฐ ในศตวรรษที่ 21 นับว่าเป็นสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่สำคัญที่สุดในโลก ส่วนหนึ่งสืบเนื่องมาจากการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วของจีน และการเสื่อมถอยจากการเป็นผู้นำสุดยอด ของสหรัฐในต่างประเทศ ประกอบกับการที่จีน กำลังพยายามขยายบทบาทในเอเชียแปซิฟิก โดยใช่ว่าจะเห็นพ้องกับนโยบายของสหรัฐเสมอไป ที่สำคัญดูเหมือนว่ากระแสความไม่ไว้ใจและไม่เข้าใจระหว่างประเทศทั้ง 2 จะสูงขึ้นเป็นลำดับอ่านแล้วเป็นงง
    พูดภาษาจิ๊กโก๋๋ ให้เข้าใจง่ายๆดีกว่า สรุปว่า ไอ้จิ๊กโก๋๋มันแสดงอาการหวงรางหญ้า หวงกระดูก

    คนเล่านิทาน
     ตอน 18 อเมริกาคิดจะทำอะไร ต้องแน่ใจว่าคุมสถานการณ์ คุมเกมได้เบ็ดเสร็จ เมื่อได้เลือกไทยแลนด์แดนสวรรค์ เป็นแหล่งประทับทรง เพื่อเอาไว้จับจ้อง เตรียมต่อกรกับจีน ถึงจะไม่เป็นงานช้างแบบสู้กับคอมมี่ ตรงไปตรงมา แต่สู้กับอาเฮียตาตี่ที่ กำลังเนื้อหอม แถมจิ๊กโก๋๋ก็ทิ้งสาวไทยไปนาน จะกลับเข้ามาก็ต้องดูดีๆ เสียเชิงอาเฮียนี่มันรับไม่ได้จริงๆ นะ และโปรดอย่าลืมสันดานเดิมของจิ๊กโก๋๋นักเลงนักล้วง อเมริกาไม่เคยตีตั๋วใบเดียว ไม่เคยเล่นไพ่หน้าเดียว จากรายงานของซีไอเอ ที่เดินสายกันให้ควักไขว้ ออกอาการว่า จิ๊กโก๋๋คิดหนัก จะเลือกใครเป็นร่างทรงดี สมัยสู้คอมมี่ จอมพลคนแปลกเป็นนายก อเมริกาก็สนับสนุน 2 นายพล เอาไว้เป็นตัวเลือกคือ นายพลเผ่า กับ นายพลสฤษดิ์ ทั้งฟูมทั้งฟัก ทั้ง 2 นายพล อยากได้อะไรก็ประเคนให้ทั้งคู่ รอดูจนแน่ใจแล้วก็เคาะโป๊ก หวยออกที่นายพลสฤษดิ์ ให้เป็นผู้นำคนต่อไปของประเทศไทยแลนด์ ภายใต้การชักใยของสหรัฐ คราวนี้ก็เหมือนกัน อเมริกามีตัวเลือกแยะขึ้น แต่ยากขึ้น มองด้านความแน่นอน สัมพันธ์เก่ามีมาต่อเนื่องกว่า 50 ปี ก็มีกลุ่มนักวิ่งผลัด แต่สมัยนี้จะไปชักใย ให้ขยับขาซ้ายย้ายขาขวา อย่างเมื่อก่อนมันไม่ได้แล้วนะ ก็ดันไปตั้ง Doctrine ของตัวเองสนับสนุนประชาธิปไตยให้บานแฉ่ง แล้วถ้าเอาพี่ทหารนักวิ่งผลัดมา ป.ว. เป็นร่างทรงน่ะ ชาวบ้านเขามินินทาเอาหรือจ๊ะ ว่า ปากว่าตาขยิบ จะเป็นตัวเลือกหรือเปล่ายังไม่รู้ แต่เพื่อให่แน่ใจว่านักวิ่งพลัดไม่นอกใจ ปลายปี พ.ศ. 2555/ค.ศ.2012 พี่เบิ้มก็ส่งนายลีออน เพนเนตต้า (Leon Pennetta) รมว กลาโหม มานั่งจับเข่า คุณพี่สุกำพล รมว กลาโหมของไทยตอนนั้น อย่าลืมนะ สมันน้อย เราอุ้มเจ้าลงเปลเห่กล่อมมากว่า 50 ปีแล้ว สมันน้อยจะไปเห็นคนอื่นดีกว่าเราได้ยังไง ว่าแล้วจากจับเข่า ก็เปลี่ยนเป็นจับมือสมันน้อย แปะโป้งทำสัญญา ซึ่งแปลงเขียนเป็นแถลงการณ์วิสัยทัศน์ร่วม (แหม! อีลูกช่างตะแบง กลัวจะเป็นหนังสือสัญญา ตามมาตรา ม190 ของรัฐธรรมนูญไง) ว่า ด้วยการเป็นหุ้นส่วนร่วมด้านความมั่นคงในศตวรรษที่ 21 ฮั่นแน่ โจ๋งครึ่มจริงๆ ไอ้นี่ มันเป็นการส่งสารข้าม(หัว) ไปถึงอาเฮียนี่หว่า ว่านี่เด็กของข้า ลื้ออย่ามาแหยม! หลังจากกำชับนักวิ่งพลัดไม่ให้แตกแถวแล้ว คราวนี้ก็ต้องมาดูนักการเมือง ที่จะใช้บริการ ซึ่งตอนนี้ก็มีอยู่ 2 พรรคใหญ่ ระหว่างพรรคแมลงสาบกับพรรคของเหลี่ยมร้าย เอาไงดีล่ะ จิ๊กโก๋๋คิดไม่ตก พรรคแมลงสาบนี่ จิ๊กโก๋๋รู้จักดี ตั้งกะสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ปู่เสนีย์เป็นหัวหน้าเสรีไทยฝ่ายสหรัฐ พรรคนี้เคยคิดอย่างไร ทำอย่างไร ตั้งแต่สมัยสงครามโลก เดี๋ยวนี้ก็ยังเป็นอย่างนั้น สมเป็นพรรคแมลงสาปจริง ๆ หัวสมองอยู่ในกระป๋องสี่เหลี่ยม แก้ไม่หาย อุตส่าห์ปั๊ดตะนา เปลี่ยนหัวหน้าพรรคมาจนเดี๋ยวนี้ได้ good boyหน้าหล่อสายอังกฤษ แต่มันก็คิดเป็น ทำเป็น แบบจวนสอบได้ ซะเกือบทุกเรื่อง ขนาดแม่ยกยังลุ้นซะจนจะ ล.ด หลายตลบแล้วจิ๊กโก๋๋จะรับไหวเหร๊อ แต่มันก็ว่าง่ายดีนะ ดูตอนกู้เงิน IMF แล้วกัน 5 5 5 พวกไอรวยมาแยะนะ อ้ายน้อย ไม่เอาแมลงสาบแล้วจะเอาใคร ก็พรรคของเหลี่ยมร้ายไง เหลี่ยมร้ายไม่สนใจอาณาเขต เหลี่ยมร้ายไม่สนใจพรมแดน เหลี่ยมร้ายไม่สนใจขนบธรรมเนียมประเพณี เหลี่ยมร้ายไม่รู้จักความดีงาม เหลี่ยมร้ายไม่รู้จักคุณค่าของ สถาบัน เหลี่ยมร้ายรู้จักแต่อำนาจ การโกหก การโกงทุกรูปแบบ และทุน ทุน ทุน ไม่ว่าจะเป็น ทุนนิยมเสรี ทุนในชาติ ทุนข้ามชาติ ประชานิยม ฯลฯ ล้วนเป็นเรื่องที่เหลี่ยมรัก เหลี่ยมโปรดทั้งนั้น อืม! น่าสนใจ ความคิดคล้ายๆ กับผู้ใดหนอ แถม เหลี่ยมก็เคยปลาบปลื้ม จนลืมตน วิ่งไปเชิญ วิ่งไปซบคุณพ่อจิ๊กโก๋๋ มาหลายหน คุณจิ๊กโก๋๋ตัวลูก จอมกร่าง ยิ่งแล้วใหญ่ เหลี่ยมนับเป็นเพื่อนเลยนะ ลองไปหา cable ทูตอเมริกา (ที่วิกิลีกส์ Wikileaks ขวัญใจผม อภินันทนาการแก่ชาวโลก) มันรายงานออกมาจ้อยๆ ว่า เหลี่ยมร้าย ปลื้มจิ๊กโก๋๋ขนาดไหน โดนดุ โดนเตือนก็ไปฟ้องคุณพ่ออเมริกันทุกครั้ง แหม ตัวอยู่ไทย แต่ใจเป็นของคุณพ่อจิ๊กโก๋๋หมดแล้ว แบบนี้ไม่เลือกเป็นร่างทรงก็ใจจืดไปหน่อยนะ… แต่จิ๊กโก๋๋ไม่โง่ จะใช้คนอย่างเหลี่ยมร้าย มันต้องป้อนด้วย อำนาจและเงินไปตลอด แล้วมันเกิดทำใหญ่คับเกินฟ้า ชาวประชารับไม่ได้ (ก็กำลังชุมนุมขับไล่โค่นล้มอยู่นี่ไง) จิ๊กโก๋๋ จะควบคุมไหวหรือ เอ๊ะ หรือจะเข้าทาง! ดูประธานาธิบดีมากอส พระเจ้าชาห์แห่งอิหร่าน มูบารักของอียิปต์ ฯลฯ เป็นตัวอย่างแล้วกัน เด็กสร้างของ จิ๊กโก๋๋ทั้งนั้น ถึงจุดหนึ่งหมดประโยชน์หรือคุมไม่ได้ จิ๊กโก๋๋ก็จัดการเก็บฉาก ให้กลับบ้านเก่ากันแทบไม่ทัน บางคนแทบไม่มีเวลาแต่งศพให้สวย ถ้าเหลี่ยมร้ายบังเอิญโชคดี ได้อ่านนิทานเรื่องนี้ ก็อ่านตอนนี้หลายๆ เที่ยวหน่อยนะ เดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือนกัน ยังไงก็คนเคยเห็นหน้า (ทางจอทีวี ฮา) มาหลายหน แต่หนหลังๆ นี้ บอกกันไม่อ้อมค้อมนะ ดูทุเรศ จริงๆ บอกได้เลยว่า การประทับทรงไทยแลนด์ของจิ๊กโก๋๋ครั้งนี้ ไม่ง่ายสะดวกโยธินเหมือนสมัยสงคราม เวียต นาม คราวนั้นบ้านเรายังไม่มีกีฬาสี และสถานการณ์ก็สร้างไว้ชัดเจน ถูกเขาขู่ว่า ถ้าไม่สู้คอมมี่ พวกยูก็อาจไม่มีแผ่น ดินเหลือให้นั่งชนไก่ แต่ตอนนี้กะตอนนู้น มันไม่เหมือนกันนะ คราวนี้ถ้าขู่ว่าจะให้เลือก ระหว่างจิ๊กโก๋๋ผมทอง กับอาเฮียตาตี่ มันก็ไม่ง่ายนะพี่เบิ้ม ระวังมันจะพลิกล็อก คนไทยน่ะ นับดีๆ เผลอๆ มีกว่าครึ่งประเทศ ที่มีเชื้อสายจีนปนอยู่ ถึงแม้เขาจะไปฟอกผิวขาวทำตาโต แต่เชื้อไขข้างใน มันก็ยังเชื้อสายจีนปน ถึงเวลาตรุษจีน ก็เอาเป็ดเอาไก่ไปไหว้เจ้าปิดถนนฉลองกัน แล้วใจคอยูจะให้เขาตัดขาดจากอาม้า อาก๋ง เขาง่าย ๆ หรือ จิ๊กโก๋๋คิดให้ดีๆ คราวนี้ถ้าจิ๊กโก๋๋คิดว่า ซอยนี้ต้องเป็นของกูคนเดียว ไม่ให้ใครเข้ามายุ่งด้วย บอกได้คำเดียวว่าเหนื่อย เหนื่อยทั้งจิ๊กโก๋๋ และเหนื่อยทั้งสมันน้อย อเมริกาเหนื่อยอย่างไร สมัยต่อสู้กับระบอบคอมมิวนิสต์ มันขู่ให้เรากลัวว่า ระบอบคอมมิวนิสต์เป็นภัยต่อประชาธิปไตย ประชาชนไม่มีสิทธิเป็นเจ้าของทรัพย์สิน ทุกอย่างตกเป็นของรัฐ แค่นี้นายทุนเศรษฐีบ้านเราก็หน้าตก หูตูบกันหมดแล้ว ทุกคนต้องทำงานให้คอมมูน เพื่อความเท่าเทียมกัน ไม่มีการแบ่งชั้นวรรณะ คนไทยเคยอยู่สบายๆ เช้าอยากลุกก็ลุก ไม่อยากก็นอนจนตะวันตรงท้ายทอย แล้วค่อยขยับก้นย้ายออกมา ก็ไม่มีใครว่า แล้วถ้าเป็นคอมมูน มันจะมาทำท่านอนบิดขี้เกียจอย่างนี้ได้เหรอ ขู่แบบนี้เข้าไปทุกวัน พออเมริกาบอกว่า ไอจะกำจัดระบอบนี้ให้ออกไปจากภูมิภาคนี้ ชาวเราก็มองเขาเหมือนเทวดามาโปรด แต่ตอนนี้ไม่มีผีคอมมี่ให้สร้างแล้ว ของจริงที่ไทยแลนด์ควรมองคือ อาเฮียตาตี่ ไม่ได้เดินย้ายพุงมาคนเดียว แต่เกี่ยวแขนมากับเพื่อนอีกหลายพันล้านคน ในนามของ BRICS จำได้ไหม บราซิล (Brazil) รัสเซีย (Russia) อินเดีย (India) จีน (China) และแอฟริกาใต้ (South Africa) รวมทั้งหมด เกือบ สามพันล้านคน ตลาดใหญ่นะ แถมตอนนี้อาเฮียฟิตจัด ตั้งกลุ่มเจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้ (Shanghai Cooperation Organization) หรือ SCO กับพี่ใหญ่รัสเซียและประเทศแถบรัสเซีย ที่จีนมีอาณาเขตติดต่อกันอยู่ แปลว่าถ้าอเมริกาจะมองว่าจีนเป็นศัตรู ต้องรวมเพื่อนของศัตรู เข้าไปด้วย เข้าใจไหม แต่ของจริงอเมริกา มองจีนอย่างไร มีระบุไว้ในเอกสาร The National Strategy Forum Review ปี ค.ศ.2011 ว่า สัมพันธ์ระหว่างจีนกับสหรัฐ ในศตวรรษที่ 21 นับว่าเป็นสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่สำคัญที่สุดในโลก ส่วนหนึ่งสืบเนื่องมาจากการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วของจีน และการเสื่อมถอยจากการเป็นผู้นำสุดยอด ของสหรัฐในต่างประเทศ ประกอบกับการที่จีน กำลังพยายามขยายบทบาทในเอเชียแปซิฟิก โดยใช่ว่าจะเห็นพ้องกับนโยบายของสหรัฐเสมอไป ที่สำคัญดูเหมือนว่ากระแสความไม่ไว้ใจและไม่เข้าใจระหว่างประเทศทั้ง 2 จะสูงขึ้นเป็นลำดับอ่านแล้วเป็นงง พูดภาษาจิ๊กโก๋๋ ให้เข้าใจง่ายๆดีกว่า สรุปว่า ไอ้จิ๊กโก๋๋มันแสดงอาการหวงรางหญ้า หวงกระดูก คนเล่านิทาน
    1 Comments 0 Shares 486 Views 0 Reviews

  • ตอน 11
    ท่านผู้อ่านนิทาน อ่านกันมาถึงตรงนี้แล้ว คงพอจะรู้จักจิ๊กโก๋๋ นักล่ารุ่นใหม่ หมายเลข 1 กันบ้างแล้ว

    และคิดว่าจิ๊กโก๋๋เขาจะจบแค่เวียตนาม หรือ เปล่าหรอก หมดธุระเรื่องเวียตนาม เขาได้อย่างที่ต้องการ ตามใบสั่งของนายทุนผู้ค้าอาวุธ ซึ่งกุมคอหอยจิ๊กโก๋๋อีกที แล้วเขาก็เปลี่ยนเข็มทิศ มองไปทางไหนหนอ อ้อ ทางไหนก็ได้ที่มีทรัพยากรของคนอื่น ที่เขาอยากได้ไง
    น้ำมัน น้ำมันไง มาถึงแล้ว จิ๊กโก๋๋มันแสนรู้ จมูกไว
    เมื่อทุนนิยมเข้าไปที่ไหน อุตสาหกรรมก็เกิด เมื่อมีอุตสาหกรรม ก็ต้องอาศัยพลังงาน ทั้งไฟฟ้าและ น้ำมัน แหม! แล้วใครล่ะ ที่มีน้ำมันมีมาก ก็พวกคุณอาทั้งหลาย แถวทะเลทรายไงล่ะ
    ดังนั้นแผนของนักล่า ตั้งแต่ช่วงหลังสงครามเวียตนาม จึงเพ่นพ่าน ถือไม้สามง่ามเล็งหาน้ำมัน นู่นไปนู่นเลย ไปหาประวัติศาสตร์อิหร่านแตก พระเจ้าชาห์หนี ซาอุดิอารเบียจับมือกับอเมริกา สงคราม Gulf War ระหว่างคูเวต อิรัก อเมริกา จนถึงสงครามอิรัก ขอไม่เล่ารายละเอียด เพราะวันนี้จะเขียนที่เกี่ยว กับไทยแลนด์จังๆ ก่อนนะ แต่ถ้าไม่บอกเดี๋ยวท่านผู้อ่านนิทานก็จะงงว่าแล้วไง มันหายไปจากบ้านเรา แล้วมันไปไหน ไปทำอะไร
    ก็อย่างว่า จิ๊กโก๋๋เขาไม่ได้หายไปไหนหรอก มันก็ไปทำมาหากิน ขุดเผือกขุดมันขุดน้ำมันของคนอื่นเขาละซิ เราก็นึกว่าเขาไม่ยุ่งกะเราแล้ว เปล่าหร๊อก มันแค่เปลี่ยนแนว เหมือนหนังฮอลลีวู้ดเปลี่ยนฉากน่ะ ไม่ต้องตื่นเต้น บทเขาเขียนไว้ต่อเนื่อง ตั้งกะปีมะโว้ อีกร้อยปีก็เล่นไม่จบ เว้นแต่มันจะจบกันไปคนละข้างก่อน
    ระหว่างที่จิ๊กโก๋๋ ย้ายซอยไปขุดเผือกขุดน้ำมันที่อื่น บ้านเราก็อ้างว่า เป็นช่วงเวลาพัฒนาประชาธิปไตย ที่จิ๊กโก๋๋หว่านเมล็ดพันธุ์ไว้ ทุกคนก็ร่ำร้องหาแต่ประชาธิปไตย (ตอนนี้ยังหาอยู่เลย ลูกพระยาพหล อยู่ไหมจ๊ะ ป่านนี้แก่หง่อมหรือลาขึ้นสวรรค์ไปแล้วก็ไม่รู้)
    บ้านเมืองเราก็เลยล้มลุก หกคะเมนตีลังกาตั้งแต่ 14 ตุลาคม พ.ศ.2516 จนถึง 6 ตุลาคม พ.ศ.2519
    ถึงจิ๊กโก๋๋จะไปขุดน้ำมัน เขาก็ใช่ว่า จะลืมสมันน้อยนะ จิ๊กโก๋๋ชอบทหาร ก็ของมันคุ้น ของมันเคย รัฐบาลพลเรือน เจอแต่ละคน จิ๊กโก๋๋ก็มึนเหมือนกัน อย่างอาจารย์สัญญาน่ะ เหมือนเป็นพ่อพระ จะสั่งให้พระไปทิ้งระเบิดใคร มันง่ายนักเหรอ แล้วอาจารย์คึกฤทธิ์ล่ะ เล่นด่า Ugly American ใส่ แถมยืนคำขาด กำหนดวันที่พี่เบิ้มต้องถอนทหารอเมริกันให้หมดจากบ้านเราด้วย ส่วนคุณหอยธานินทร์นั้น เกินกว่าจะบรรยาย
    ว่าแล้วการเมืองไทยก็กลับมาอยู่ใน ความครอบงำของทหารเหมือนเดิม แปลกดีไหมคิดสิ เป็นไปตามธรรมชาติ หรือมีใบสั่ง อย่าให้ต้องเขียนรายละเอียด เหมือนสมัยคุณป๋าสฤษดิ์ คุณน้าหนอมเลยนะ เอาย่อๆว่า ไม่มีอะไรลอดสายตาพญาอินทรีหรอก เพียงแต่เขาจะกางกรงเล็บขยุมเราโดยตรง หรือใช้ “วิธีอื่น” เท่านั้นเอง
    หลังจากเกิดเหตุการณ์ 6 ตุลา พ.ศ.2519 เราก็เลยได้ทหารกลับมาบริหารประเทศอีก พล.อ. เกรียงศักดิ์ ทำแกงเนื้อใส่บรั่นดี ตั้งแต่ปี พ.ศ.2520 – 2523 พล.อ. ป๋า เจ้าของวลีเด็ด เราเป็น Jockey ไม่ใช่เจ้าของคอก ทำหน้าที่ Jockey  ตั้งแต่ปี พ.ศ.2523 – 2531 พล.อ. น้าชาติ ขวัญใจนักธุรกิจสาวอินเตอร์ ปี พ.ศ.2531- 2534 ช่วงทหารมีอำนาจบริหารบ้านเมือง ยุคหลัง 14 ตุลา พ.ศ.2516 ต่างกับ ช่วงก่อน 14 ตุลา พ.ศ.2516 อย่างน่าสนใจ

    อย่างที่เล่ามาตอนแรกก่อน 14 ตุลาคม พ.ศ.2516 เรามีจอมพลคนใส่หมวกแล้วชาติเจริญ คุณป๋ารักชาติ และเหล่านักวิ่งผลัด การพัฒนาประเทศช่วงนั้น ถูกกำกับโดยแผนพัฒนาเศรษฐกิจและผู้เชี่ยวชาญต่าง ชาติมาดเข้ม เดินประกบหน้าประกบหลังไทยแลนด์ เอาผ้าห่มวัฒนธรรมอเมริกัน ห่อไทยแลนด์เสียมิด ชิด จนไทยแลนด์ลืมสนิทไปเลย ว่า ไทยแท้เป็นยังไง จำได้แต่ไทยแลนด์แบรนด์อเมริกัน
    แต่ช่วงหลัง 14 ตุลา พ.ศ.2516  ผู้เชี่ยวชาญต่างชาติถูกอัญเชิญออกไปแยะ จากปัจจัยภายในประเทศเราและประเทศเขา แต่พี่เบิ้มเขาก็ไม่ปล่อยเกียร์ว่าง เขาควบคุมด้วยวิธีแยบยล โดยใช้เหล่าข้าราชการที่เรียกว่า Technocrat มาช่วยคุณทหาร บริหารประเทศ
    Technocrat เหล่านี้เป็นใคร ก็เป็นต้นกล้าที่คุณพ่ออเมริกาหว่านเอาไว้ เขาเหล่านั้นเป็นนักเรียนนอก เติบโตมาภายใต้ระบบการศึกษาและแนวคิดของฝรั่ง เรียนแบบถ่ายสำเนาอัดก็อปบี้ออกมาเลย คุณพ่อฝรั่งว่า ขาวก็ขาวด้วย คุณพ่อว่า ดำก็ดำด้วย นี่สี่เหลี่ยม นี่กลม โอ้ย! ท่องจำกันได้หมด แล้วก็กลับเอาคำท่องจำมาใช้สอนต่อ หรือมาใช้ทำงานในบ้านเรา
    ดังนั้นไม่ต้องห่วงหรอก สมันน้อยไม่ไปไหน คุณพ่อฝรั่งไม่อยู่ คุณพ่อก็ให้พวก good boy technocratเด็กในคาถา มาทำหน้าที่ดูแลแทน นี่ยังไง นักวิชาการ ข้าราชการ สื่อฯลฯ ที่ถูกฟอกย้อมเอาไว้เรียบ ร้อยแบบไม่รู้ตัว… หรือรู้ตัวแต่ชอบ ของย้อมน่ะ… แล้วจะมีอะไรเหลือ …ไทยพันธุ์แท้หายไปไหนหมด เหลือแต่ไทยแลนด์แบรนด์อเมริกา!
    แต่เรื่องทุกเรื่องมันก็มีหักมุมนะ คุณน้าชาตินี้แกใช่ย่อยที่ไหน ถึงจะเป็นทหาร แกก็ไม่ได้ฟังเทคโนแครตมากนัก แกตั้งที่ปรึกษาบ้านพิษขึ้นมาเอง พวกนี้ก็มีพิษไปอีกแบบ ไทยแลนด์ก็เลยเหมือนหนีเสือปะจระเข้ หนีชะนีไปเจอค่าง อะไรอย่างนั้นแหละ รัฐบาลคุณน้าชาติ เป็นตัวแปรที่สำคัญ ต้องศึกษากันให้ดีๆ
    คุณน้า แกมีนโยบายล้ำเลิศ จะเปลี่ยนสนามรบ เป็นสนามค้า แกคิดโครงการแต่ละอัน เด็ดสะระตี่ทั้ง นั้น จะค้าขาย มันก็ต้องมีท่าเรือมารองรับการขนส่ง นั่นมาแล้ว Eastern Sea Board จะติดต่อค้าขายกัน การสื่อ สารมันก็ต้องทันสมัย จะใช้นกพิราบไปเรื่อยๆ ไม่ไหวมั้ง คุณน้าก็ให้คิดโครงการ 3 ล้านเลขหมาย คิดเรื่องดาว เทียม! คิดโครงการขนส่ง Hopewell ระบบทางด่วน ฯลฯ คุณน้าแกช่างคิดหาตังค์จริงๆ ต้องยอมรับ ไม่งั้นจะได้สมญารัฐบาลฟาสต์ฟูดเหรอ
    โครงการต่างๆ เหล่านี้ มันมูลค่ามหึมา ไอ้ 3 เกลอหัวแข็งที่มัวแต่ไปวุ่นๆ อยู่ทางอื่นของโลก ก็หันขวับจนคอเคล็ดมาดู เออ! เฮ้ย! มันกำลังจะทำอะไร สมันน้อยทำไมไม่บอกไอ นี่มันเรื่องผลประโยชน์ทั้งนั้น ไอ้พวกgood boy technocrat เด็กๆ ของเราหายไปไหนหมด ทำไม่มันไม่เตือน เขากำลังจะเข้าฮอร์สกันหมดแล้ว

    คนเล่านิทาน
     ตอน 11 ท่านผู้อ่านนิทาน อ่านกันมาถึงตรงนี้แล้ว คงพอจะรู้จักจิ๊กโก๋๋ นักล่ารุ่นใหม่ หมายเลข 1 กันบ้างแล้ว และคิดว่าจิ๊กโก๋๋เขาจะจบแค่เวียตนาม หรือ เปล่าหรอก หมดธุระเรื่องเวียตนาม เขาได้อย่างที่ต้องการ ตามใบสั่งของนายทุนผู้ค้าอาวุธ ซึ่งกุมคอหอยจิ๊กโก๋๋อีกที แล้วเขาก็เปลี่ยนเข็มทิศ มองไปทางไหนหนอ อ้อ ทางไหนก็ได้ที่มีทรัพยากรของคนอื่น ที่เขาอยากได้ไง น้ำมัน น้ำมันไง มาถึงแล้ว จิ๊กโก๋๋มันแสนรู้ จมูกไว เมื่อทุนนิยมเข้าไปที่ไหน อุตสาหกรรมก็เกิด เมื่อมีอุตสาหกรรม ก็ต้องอาศัยพลังงาน ทั้งไฟฟ้าและ น้ำมัน แหม! แล้วใครล่ะ ที่มีน้ำมันมีมาก ก็พวกคุณอาทั้งหลาย แถวทะเลทรายไงล่ะ ดังนั้นแผนของนักล่า ตั้งแต่ช่วงหลังสงครามเวียตนาม จึงเพ่นพ่าน ถือไม้สามง่ามเล็งหาน้ำมัน นู่นไปนู่นเลย ไปหาประวัติศาสตร์อิหร่านแตก พระเจ้าชาห์หนี ซาอุดิอารเบียจับมือกับอเมริกา สงคราม Gulf War ระหว่างคูเวต อิรัก อเมริกา จนถึงสงครามอิรัก ขอไม่เล่ารายละเอียด เพราะวันนี้จะเขียนที่เกี่ยว กับไทยแลนด์จังๆ ก่อนนะ แต่ถ้าไม่บอกเดี๋ยวท่านผู้อ่านนิทานก็จะงงว่าแล้วไง มันหายไปจากบ้านเรา แล้วมันไปไหน ไปทำอะไร ก็อย่างว่า จิ๊กโก๋๋เขาไม่ได้หายไปไหนหรอก มันก็ไปทำมาหากิน ขุดเผือกขุดมันขุดน้ำมันของคนอื่นเขาละซิ เราก็นึกว่าเขาไม่ยุ่งกะเราแล้ว เปล่าหร๊อก มันแค่เปลี่ยนแนว เหมือนหนังฮอลลีวู้ดเปลี่ยนฉากน่ะ ไม่ต้องตื่นเต้น บทเขาเขียนไว้ต่อเนื่อง ตั้งกะปีมะโว้ อีกร้อยปีก็เล่นไม่จบ เว้นแต่มันจะจบกันไปคนละข้างก่อน ระหว่างที่จิ๊กโก๋๋ ย้ายซอยไปขุดเผือกขุดน้ำมันที่อื่น บ้านเราก็อ้างว่า เป็นช่วงเวลาพัฒนาประชาธิปไตย ที่จิ๊กโก๋๋หว่านเมล็ดพันธุ์ไว้ ทุกคนก็ร่ำร้องหาแต่ประชาธิปไตย (ตอนนี้ยังหาอยู่เลย ลูกพระยาพหล อยู่ไหมจ๊ะ ป่านนี้แก่หง่อมหรือลาขึ้นสวรรค์ไปแล้วก็ไม่รู้) บ้านเมืองเราก็เลยล้มลุก หกคะเมนตีลังกาตั้งแต่ 14 ตุลาคม พ.ศ.2516 จนถึง 6 ตุลาคม พ.ศ.2519 ถึงจิ๊กโก๋๋จะไปขุดน้ำมัน เขาก็ใช่ว่า จะลืมสมันน้อยนะ จิ๊กโก๋๋ชอบทหาร ก็ของมันคุ้น ของมันเคย รัฐบาลพลเรือน เจอแต่ละคน จิ๊กโก๋๋ก็มึนเหมือนกัน อย่างอาจารย์สัญญาน่ะ เหมือนเป็นพ่อพระ จะสั่งให้พระไปทิ้งระเบิดใคร มันง่ายนักเหรอ แล้วอาจารย์คึกฤทธิ์ล่ะ เล่นด่า Ugly American ใส่ แถมยืนคำขาด กำหนดวันที่พี่เบิ้มต้องถอนทหารอเมริกันให้หมดจากบ้านเราด้วย ส่วนคุณหอยธานินทร์นั้น เกินกว่าจะบรรยาย ว่าแล้วการเมืองไทยก็กลับมาอยู่ใน ความครอบงำของทหารเหมือนเดิม แปลกดีไหมคิดสิ เป็นไปตามธรรมชาติ หรือมีใบสั่ง อย่าให้ต้องเขียนรายละเอียด เหมือนสมัยคุณป๋าสฤษดิ์ คุณน้าหนอมเลยนะ เอาย่อๆว่า ไม่มีอะไรลอดสายตาพญาอินทรีหรอก เพียงแต่เขาจะกางกรงเล็บขยุมเราโดยตรง หรือใช้ “วิธีอื่น” เท่านั้นเอง หลังจากเกิดเหตุการณ์ 6 ตุลา พ.ศ.2519 เราก็เลยได้ทหารกลับมาบริหารประเทศอีก พล.อ. เกรียงศักดิ์ ทำแกงเนื้อใส่บรั่นดี ตั้งแต่ปี พ.ศ.2520 – 2523 พล.อ. ป๋า เจ้าของวลีเด็ด เราเป็น Jockey ไม่ใช่เจ้าของคอก ทำหน้าที่ Jockey  ตั้งแต่ปี พ.ศ.2523 – 2531 พล.อ. น้าชาติ ขวัญใจนักธุรกิจสาวอินเตอร์ ปี พ.ศ.2531- 2534 ช่วงทหารมีอำนาจบริหารบ้านเมือง ยุคหลัง 14 ตุลา พ.ศ.2516 ต่างกับ ช่วงก่อน 14 ตุลา พ.ศ.2516 อย่างน่าสนใจ อย่างที่เล่ามาตอนแรกก่อน 14 ตุลาคม พ.ศ.2516 เรามีจอมพลคนใส่หมวกแล้วชาติเจริญ คุณป๋ารักชาติ และเหล่านักวิ่งผลัด การพัฒนาประเทศช่วงนั้น ถูกกำกับโดยแผนพัฒนาเศรษฐกิจและผู้เชี่ยวชาญต่าง ชาติมาดเข้ม เดินประกบหน้าประกบหลังไทยแลนด์ เอาผ้าห่มวัฒนธรรมอเมริกัน ห่อไทยแลนด์เสียมิด ชิด จนไทยแลนด์ลืมสนิทไปเลย ว่า ไทยแท้เป็นยังไง จำได้แต่ไทยแลนด์แบรนด์อเมริกัน แต่ช่วงหลัง 14 ตุลา พ.ศ.2516  ผู้เชี่ยวชาญต่างชาติถูกอัญเชิญออกไปแยะ จากปัจจัยภายในประเทศเราและประเทศเขา แต่พี่เบิ้มเขาก็ไม่ปล่อยเกียร์ว่าง เขาควบคุมด้วยวิธีแยบยล โดยใช้เหล่าข้าราชการที่เรียกว่า Technocrat มาช่วยคุณทหาร บริหารประเทศ Technocrat เหล่านี้เป็นใคร ก็เป็นต้นกล้าที่คุณพ่ออเมริกาหว่านเอาไว้ เขาเหล่านั้นเป็นนักเรียนนอก เติบโตมาภายใต้ระบบการศึกษาและแนวคิดของฝรั่ง เรียนแบบถ่ายสำเนาอัดก็อปบี้ออกมาเลย คุณพ่อฝรั่งว่า ขาวก็ขาวด้วย คุณพ่อว่า ดำก็ดำด้วย นี่สี่เหลี่ยม นี่กลม โอ้ย! ท่องจำกันได้หมด แล้วก็กลับเอาคำท่องจำมาใช้สอนต่อ หรือมาใช้ทำงานในบ้านเรา ดังนั้นไม่ต้องห่วงหรอก สมันน้อยไม่ไปไหน คุณพ่อฝรั่งไม่อยู่ คุณพ่อก็ให้พวก good boy technocratเด็กในคาถา มาทำหน้าที่ดูแลแทน นี่ยังไง นักวิชาการ ข้าราชการ สื่อฯลฯ ที่ถูกฟอกย้อมเอาไว้เรียบ ร้อยแบบไม่รู้ตัว… หรือรู้ตัวแต่ชอบ ของย้อมน่ะ… แล้วจะมีอะไรเหลือ …ไทยพันธุ์แท้หายไปไหนหมด เหลือแต่ไทยแลนด์แบรนด์อเมริกา! แต่เรื่องทุกเรื่องมันก็มีหักมุมนะ คุณน้าชาตินี้แกใช่ย่อยที่ไหน ถึงจะเป็นทหาร แกก็ไม่ได้ฟังเทคโนแครตมากนัก แกตั้งที่ปรึกษาบ้านพิษขึ้นมาเอง พวกนี้ก็มีพิษไปอีกแบบ ไทยแลนด์ก็เลยเหมือนหนีเสือปะจระเข้ หนีชะนีไปเจอค่าง อะไรอย่างนั้นแหละ รัฐบาลคุณน้าชาติ เป็นตัวแปรที่สำคัญ ต้องศึกษากันให้ดีๆ คุณน้า แกมีนโยบายล้ำเลิศ จะเปลี่ยนสนามรบ เป็นสนามค้า แกคิดโครงการแต่ละอัน เด็ดสะระตี่ทั้ง นั้น จะค้าขาย มันก็ต้องมีท่าเรือมารองรับการขนส่ง นั่นมาแล้ว Eastern Sea Board จะติดต่อค้าขายกัน การสื่อ สารมันก็ต้องทันสมัย จะใช้นกพิราบไปเรื่อยๆ ไม่ไหวมั้ง คุณน้าก็ให้คิดโครงการ 3 ล้านเลขหมาย คิดเรื่องดาว เทียม! คิดโครงการขนส่ง Hopewell ระบบทางด่วน ฯลฯ คุณน้าแกช่างคิดหาตังค์จริงๆ ต้องยอมรับ ไม่งั้นจะได้สมญารัฐบาลฟาสต์ฟูดเหรอ โครงการต่างๆ เหล่านี้ มันมูลค่ามหึมา ไอ้ 3 เกลอหัวแข็งที่มัวแต่ไปวุ่นๆ อยู่ทางอื่นของโลก ก็หันขวับจนคอเคล็ดมาดู เออ! เฮ้ย! มันกำลังจะทำอะไร สมันน้อยทำไมไม่บอกไอ นี่มันเรื่องผลประโยชน์ทั้งนั้น ไอ้พวกgood boy technocrat เด็กๆ ของเราหายไปไหนหมด ทำไม่มันไม่เตือน เขากำลังจะเข้าฮอร์สกันหมดแล้ว คนเล่านิทาน
    2 Comments 0 Shares 453 Views 0 Reviews
More Results