• เอาอันนี้ก่อนดีมั้ย,เรื่องพวกร่วมกระทำการเป็นเดอะแก๊งขนาดใหญ่ทำให้ดินแดนไทยเราถูกเขมรยึดครองกันเสียนานนี้ หลักฐานประจักษ์ชัดเจนแล้ว 11จุด,บ้านหนองจานก็ไม่ผลักดันออกจริง,สร้างบ้านแน่นหนามั่นคงชัดเจน ชาวไทยถือปล้นชิงที่ทำกินโดยเขมรชัดเจนก็ด้วย ผู้ว่ารับรองอีกว่าไม่มีเอกสารสิทธิ์ที่ทางราชการออกให้ เป็นพื้นที่ไร้คนไทยจับจ้องจริงประมาณนั้นเพราะราชการไทยไม่รับรอง ไม่เคยมีการออกเอกสารใดๆด้วย,นีัจัดการเดอะแก๊งทั้งหมดตอนนี้ก่อน,ถ้าศาลเป็นเดอะแก๊งมันอีก ก็จัดการศาลด้วยต้องดีแน่ กวาดล้างจริงในคราวเดียวเลย.

    มาตรา 119 ” หรือ “มาตรา 119 อาญา” คือหนึ่งในมาตราของประมวลกฎหมายอาญา
    ซึ่งบัญญัติไว้ว่า “ผู้ใดกระทำการใด ๆ เพื่อให้ราชอาณาจักรหรือส่วนหนึ่งส่วนใดของราชอาณาจักรตกไปอยู่ใต้อำนาจอธิปไตยของรัฐต่างประเทศ หรือเพื่อให้เอกราชของรัฐเสื่อมเสียไป ต้องระวางโทษประหารชีวิต หรือจำคุกตลอดชีวิต”


    https://youtube.com/shorts/4UkW18k3uN0?si=cEhCEOc5wffEJHs_



    เอาอันนี้ก่อนดีมั้ย,เรื่องพวกร่วมกระทำการเป็นเดอะแก๊งขนาดใหญ่ทำให้ดินแดนไทยเราถูกเขมรยึดครองกันเสียนานนี้ หลักฐานประจักษ์ชัดเจนแล้ว 11จุด,บ้านหนองจานก็ไม่ผลักดันออกจริง,สร้างบ้านแน่นหนามั่นคงชัดเจน ชาวไทยถือปล้นชิงที่ทำกินโดยเขมรชัดเจนก็ด้วย ผู้ว่ารับรองอีกว่าไม่มีเอกสารสิทธิ์ที่ทางราชการออกให้ เป็นพื้นที่ไร้คนไทยจับจ้องจริงประมาณนั้นเพราะราชการไทยไม่รับรอง ไม่เคยมีการออกเอกสารใดๆด้วย,นีัจัดการเดอะแก๊งทั้งหมดตอนนี้ก่อน,ถ้าศาลเป็นเดอะแก๊งมันอีก ก็จัดการศาลด้วยต้องดีแน่ กวาดล้างจริงในคราวเดียวเลย. มาตรา 119 ” หรือ “มาตรา 119 อาญา” คือหนึ่งในมาตราของประมวลกฎหมายอาญา ซึ่งบัญญัติไว้ว่า “ผู้ใดกระทำการใด ๆ เพื่อให้ราชอาณาจักรหรือส่วนหนึ่งส่วนใดของราชอาณาจักรตกไปอยู่ใต้อำนาจอธิปไตยของรัฐต่างประเทศ หรือเพื่อให้เอกราชของรัฐเสื่อมเสียไป ต้องระวางโทษประหารชีวิต หรือจำคุกตลอดชีวิต” https://youtube.com/shorts/4UkW18k3uN0?si=cEhCEOc5wffEJHs_
    0 Comments 0 Shares 81 Views 0 Reviews
  • บูรพาไม่แพ้ Ep.135 : สิงคโปร์คุมเข้ม จัด “บุหรี่ไฟฟ้า = ยาเสพติด” !
    .
    เรื่อง “บุหรี่ไฟฟ้า” นั้นเป็นประเด็นที่ถูกพูดถึงกันมากในช่วงหลายปีที่ผ่านมา และประเทศต่าง ๆ ก็มีนโยบายที่แตกต่างกันออกไป คือ มีทั้งประเทศที่อนุญาตให้ใช้บุหรี่ไฟฟ้าได้อย่างถูกกฎหมาย, ประเทศที่ห้ามอย่างเด็ดขาด และประเทศที่อนุญาตให้ใช้ได้โดยมีข้อจำกัดบางอย่าง แต่สิงคโปร์ ถือเป็นประเทศแรกในโลกที่จัดให้ “บุหรี่ไฟฟ้า” มีสถานะเทียบเท่ากับ “ยาเสพติด” และมีมาตรการลงโทษรุนแรง ถึงขั้นจำคุกเลยครับ
    .
    คลิก >> https://www.youtube.com/watch?v=ykr2bxPEl9Q
    .
    #บูรพาไม่แพ้ #บุหรี่ไฟฟ้า
    บูรพาไม่แพ้ Ep.135 : สิงคโปร์คุมเข้ม จัด “บุหรี่ไฟฟ้า = ยาเสพติด” ! . เรื่อง “บุหรี่ไฟฟ้า” นั้นเป็นประเด็นที่ถูกพูดถึงกันมากในช่วงหลายปีที่ผ่านมา และประเทศต่าง ๆ ก็มีนโยบายที่แตกต่างกันออกไป คือ มีทั้งประเทศที่อนุญาตให้ใช้บุหรี่ไฟฟ้าได้อย่างถูกกฎหมาย, ประเทศที่ห้ามอย่างเด็ดขาด และประเทศที่อนุญาตให้ใช้ได้โดยมีข้อจำกัดบางอย่าง แต่สิงคโปร์ ถือเป็นประเทศแรกในโลกที่จัดให้ “บุหรี่ไฟฟ้า” มีสถานะเทียบเท่ากับ “ยาเสพติด” และมีมาตรการลงโทษรุนแรง ถึงขั้นจำคุกเลยครับ . คลิก >> https://www.youtube.com/watch?v=ykr2bxPEl9Q . #บูรพาไม่แพ้ #บุหรี่ไฟฟ้า
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 67 Views 0 Reviews
  • เมื่อไนจีเรียลุกขึ้นสู้กับอาชญากรรมไซเบอร์ – และ 50 ชาวจีนต้องกลับบ้าน

    กลางเดือนสิงหาคม 2025 รัฐบาลไนจีเรียเปิดปฏิบัติการครั้งใหญ่เพื่อปราบปรามเครือข่ายอาชญากรรมไซเบอร์ที่มีชาวต่างชาติเป็นแกนนำ โดยหน่วยงาน Economic and Financial Crimes Commission (EFCC) ร่วมมือกับสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง จับกุมผู้ต้องสงสัยกว่า 192 คนในเมืองลากอส ซึ่งเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจของประเทศ

    ผลจากการสอบสวนและดำเนินคดีนำไปสู่การเนรเทศชาวจีน 50 คน และชาวตูนิเซียอีก 1 คน หลังถูกตัดสินว่ามีความผิดฐาน “cyber-terrorism” และ “internet fraud” โดยศาลมีคำสั่งให้ส่งตัวกลับประเทศหลังจากรับโทษจำคุก

    EFCC ระบุว่า การกระทำของกลุ่มนี้มีเป้าหมายเพื่อบ่อนทำลายความมั่นคงทางการเงินของไนจีเรีย และสร้างความเสียหายต่อระบบเศรษฐกิจผ่านการหลอกลวงออนไลน์ เช่น romance scam และการลงทุนในคริปโตปลอม

    การเนรเทศครั้งนี้ถือเป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์ระยะยาวในการปกป้องพลเมืองและระบบการเงินของประเทศ โดย EFCC ยืนยันว่าจะมีการเนรเทศเพิ่มเติมในอีกไม่กี่วันข้างหน้า

    สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ
    ไนจีเรียเนรเทศชาวจีน 50 คน และชาวตูนิเซีย 1 คน ฐาน cyber-terrorism และ internet fraud
    ปฏิบัติการเริ่มเมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2025 โดย EFCC ร่วมกับสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง
    มีผู้ต้องสงสัยถูกจับกุมรวม 192 คนในเมืองลากอส
    การดำเนินคดีนำไปสู่คำสั่งศาลให้เนรเทศหลังรับโทษจำคุก
    EFCC ระบุว่ากลุ่มนี้เป็นหนึ่งในเครือข่ายอาชญากรรมไซเบอร์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ
    การโจมตีรวมถึง romance scam และการหลอกลงทุนในคริปโตปลอม
    มีการเนรเทศรวมแล้ว 102 คนตั้งแต่เริ่มปฏิบัติการ
    EFCC ยืนยันว่าจะมีการเนรเทศเพิ่มเติมในเร็ว ๆ นี้
    EFCC ประกาศว่านี่คือ “หมุดหมายสำคัญ” ในการต่อสู้กับอาชญากรรมไซเบอร์
    การเนรเทศมีเป้าหมายเพื่อปกป้องความมั่นคงและความน่าเชื่อถือของระบบการเงินไนจีเรีย

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    ในปี 2024 EFCC เคยจับกุมผู้ต้องสงสัยกว่า 800 คนในอาคารเดียวที่ใช้เป็นศูนย์กลางหลอกลวง
    Romance scam เป็นหนึ่งในรูปแบบที่สร้างความเสียหายสูงสุดในไนจีเรีย
    การหลอกลงทุนในคริปโตปลอมมีเป้าหมายทั้งในประเทศและต่างประเทศ
    EFCC ได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานระหว่างประเทศในการติดตามธุรกรรมข้ามพรมแดน
    การเน้นปราบปรามชาวต่างชาติสะท้อนถึงความพยายามควบคุมอิทธิพลภายนอกในอาชญากรรมไซเบอร์

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/08/21/nigeria-deports-50-chinese-nationals-in-cybercrime-crackdown
    🎙️ เมื่อไนจีเรียลุกขึ้นสู้กับอาชญากรรมไซเบอร์ – และ 50 ชาวจีนต้องกลับบ้าน กลางเดือนสิงหาคม 2025 รัฐบาลไนจีเรียเปิดปฏิบัติการครั้งใหญ่เพื่อปราบปรามเครือข่ายอาชญากรรมไซเบอร์ที่มีชาวต่างชาติเป็นแกนนำ โดยหน่วยงาน Economic and Financial Crimes Commission (EFCC) ร่วมมือกับสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง จับกุมผู้ต้องสงสัยกว่า 192 คนในเมืองลากอส ซึ่งเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจของประเทศ ผลจากการสอบสวนและดำเนินคดีนำไปสู่การเนรเทศชาวจีน 50 คน และชาวตูนิเซียอีก 1 คน หลังถูกตัดสินว่ามีความผิดฐาน “cyber-terrorism” และ “internet fraud” โดยศาลมีคำสั่งให้ส่งตัวกลับประเทศหลังจากรับโทษจำคุก EFCC ระบุว่า การกระทำของกลุ่มนี้มีเป้าหมายเพื่อบ่อนทำลายความมั่นคงทางการเงินของไนจีเรีย และสร้างความเสียหายต่อระบบเศรษฐกิจผ่านการหลอกลวงออนไลน์ เช่น romance scam และการลงทุนในคริปโตปลอม การเนรเทศครั้งนี้ถือเป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์ระยะยาวในการปกป้องพลเมืองและระบบการเงินของประเทศ โดย EFCC ยืนยันว่าจะมีการเนรเทศเพิ่มเติมในอีกไม่กี่วันข้างหน้า 📌 สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ ➡️ ไนจีเรียเนรเทศชาวจีน 50 คน และชาวตูนิเซีย 1 คน ฐาน cyber-terrorism และ internet fraud ➡️ ปฏิบัติการเริ่มเมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2025 โดย EFCC ร่วมกับสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ➡️ มีผู้ต้องสงสัยถูกจับกุมรวม 192 คนในเมืองลากอส ➡️ การดำเนินคดีนำไปสู่คำสั่งศาลให้เนรเทศหลังรับโทษจำคุก ➡️ EFCC ระบุว่ากลุ่มนี้เป็นหนึ่งในเครือข่ายอาชญากรรมไซเบอร์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ ➡️ การโจมตีรวมถึง romance scam และการหลอกลงทุนในคริปโตปลอม ➡️ มีการเนรเทศรวมแล้ว 102 คนตั้งแต่เริ่มปฏิบัติการ ➡️ EFCC ยืนยันว่าจะมีการเนรเทศเพิ่มเติมในเร็ว ๆ นี้ ➡️ EFCC ประกาศว่านี่คือ “หมุดหมายสำคัญ” ในการต่อสู้กับอาชญากรรมไซเบอร์ ➡️ การเนรเทศมีเป้าหมายเพื่อปกป้องความมั่นคงและความน่าเชื่อถือของระบบการเงินไนจีเรีย ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ ในปี 2024 EFCC เคยจับกุมผู้ต้องสงสัยกว่า 800 คนในอาคารเดียวที่ใช้เป็นศูนย์กลางหลอกลวง ➡️ Romance scam เป็นหนึ่งในรูปแบบที่สร้างความเสียหายสูงสุดในไนจีเรีย ➡️ การหลอกลงทุนในคริปโตปลอมมีเป้าหมายทั้งในประเทศและต่างประเทศ ➡️ EFCC ได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานระหว่างประเทศในการติดตามธุรกรรมข้ามพรมแดน ➡️ การเน้นปราบปรามชาวต่างชาติสะท้อนถึงความพยายามควบคุมอิทธิพลภายนอกในอาชญากรรมไซเบอร์ https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/08/21/nigeria-deports-50-chinese-nationals-in-cybercrime-crackdown
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Nigeria deports 50 Chinese nationals in cybercrime crackdown
    ABUJA (Reuters) -Nigeria has deported 50 Chinese nationals and one Tunisian convicted of cyber-terrorism and internet fraud as part of a crackdown on foreign-led cybercrime networks, the country's anti-graft agency said on Thursday.
    0 Comments 0 Shares 104 Views 0 Reviews
  • Rapper Bot – จากเครือข่ายโจมตีระดับโลก สู่การล่มสลายด้วยหมายจับเดียว

    ในเดือนสิงหาคม 2025 Ethan Foltz ชายวัย 22 ปีจากรัฐโอเรกอน ถูกจับกุมโดยเจ้าหน้าที่ของกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ (DoJ) หลังถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้สร้างและบริหาร “Rapper Bot” เครือข่าย DDoS-for-hire ที่ถูกใช้ในการโจมตีมากกว่า 370,000 ครั้งทั่วโลก

    Rapper Bot เป็นมัลแวร์ที่แพร่กระจายผ่านอุปกรณ์ทั่วไป เช่น DVR และ WiFi router โดยแฮกเกอร์สามารถควบคุมอุปกรณ์เหล่านี้ได้มากถึง 95,000 เครื่อง และใช้เป็นฐานยิงข้อมูลมหาศาลเพื่อโจมตีเป้าหมายแบบ DDoS (Distributed Denial of Service)

    เป้าหมายของการโจมตีมีตั้งแต่หน่วยงานรัฐบาล สื่อสังคมออนไลน์ ไปจนถึงบริษัทเทคโนโลยีในสหรัฐฯ โดยบางครั้งการโจมตีมีขนาดสูงถึง 6 Tbps ซึ่งสามารถทำให้ระบบล่มได้ภายในไม่กี่วินาที

    Foltzถูกกล่าวหาว่าให้บริการเช่าเครือข่ายนี้แก่ลูกค้าทั่วโลกในรูปแบบ “DDoS-for-hire” และบางรายยังใช้เพื่อข่มขู่เรียกค่าไถ่จากเหยื่อด้วย

    การจับกุมครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของปฏิบัติการ PowerOFF ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างหน่วยงานระหว่างประเทศในการปราบปรามบริการ DDoS-for-hire โดยก่อนหน้านี้ในปี 2024 มีการยึดโดเมนที่เกี่ยวข้องถึง 27 แห่ง

    สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ
    Ethan Foltz อายุ 22 ปี ถูกจับในรัฐโอเรกอน ฐานสร้างและบริหาร Rapper Bot
    Rapper Bot เป็นเครือข่าย DDoS-for-hire ที่ควบคุมอุปกรณ์ได้ถึง 95,000 เครื่อง
    ใช้มัลแวร์เจาะ DVR และ WiFi router เพื่อสร้าง botnet
    มีการโจมตีมากกว่า 370,000 ครั้งต่อ 18,000 เหยื่อใน 80 ประเทศ
    ขนาดการโจมตีสูงสุดถึง 6 Tbps ซึ่งถือว่าใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ DDoS
    เป้าหมายรวมถึงหน่วยงานรัฐบาล สื่อสังคม และบริษัทเทคโนโลยีสหรัฐฯ
    ลูกค้าบางรายใช้ Rapper Bot เพื่อข่มขู่เรียกค่าไถ่จากเหยื่อ
    การจับกุมเป็นส่วนหนึ่งของปฏิบัติการ PowerOFF ที่ปราบปรามบริการ DDoS-for-hire
    หลังการจับกุม ไม่มีรายงานการโจมตีจาก Rapper Bot เพิ่มเติม
    Foltz ถูกตั้งข้อหาสนับสนุนการบุกรุกระบบคอมพิวเตอร์ และอาจถูกจำคุกสูงสุด 10 ปี

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    DDoS ขนาด 2–3 Tbps สามารถทำให้เว็บไซต์หรือบริการล่มได้ภายในไม่กี่วินาที
    ค่าเสียหายจากการโจมตี 30 วินาทีอาจสูงถึง $10,000 ต่อครั้ง
    Botnet ที่ใช้ IoT device เป็นเป้าหมายหลัก เพราะมีความปลอดภัยต่ำ
    Rapper Bot เคยถูกเรียกอีกชื่อว่า “Eleven Eleven Botnet” และ “CowBot”
    การจับกุมครั้งนี้ได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานความมั่นคงของกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ

    https://www.techradar.com/pro/security/hacker-behind-rapper-bot-ddos-for-hire-botnet-which-carried-out-over-370-000-attacks-arrested
    🎙️ Rapper Bot – จากเครือข่ายโจมตีระดับโลก สู่การล่มสลายด้วยหมายจับเดียว ในเดือนสิงหาคม 2025 Ethan Foltz ชายวัย 22 ปีจากรัฐโอเรกอน ถูกจับกุมโดยเจ้าหน้าที่ของกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ (DoJ) หลังถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้สร้างและบริหาร “Rapper Bot” เครือข่าย DDoS-for-hire ที่ถูกใช้ในการโจมตีมากกว่า 370,000 ครั้งทั่วโลก Rapper Bot เป็นมัลแวร์ที่แพร่กระจายผ่านอุปกรณ์ทั่วไป เช่น DVR และ WiFi router โดยแฮกเกอร์สามารถควบคุมอุปกรณ์เหล่านี้ได้มากถึง 95,000 เครื่อง และใช้เป็นฐานยิงข้อมูลมหาศาลเพื่อโจมตีเป้าหมายแบบ DDoS (Distributed Denial of Service) เป้าหมายของการโจมตีมีตั้งแต่หน่วยงานรัฐบาล สื่อสังคมออนไลน์ ไปจนถึงบริษัทเทคโนโลยีในสหรัฐฯ โดยบางครั้งการโจมตีมีขนาดสูงถึง 6 Tbps ซึ่งสามารถทำให้ระบบล่มได้ภายในไม่กี่วินาที Foltzถูกกล่าวหาว่าให้บริการเช่าเครือข่ายนี้แก่ลูกค้าทั่วโลกในรูปแบบ “DDoS-for-hire” และบางรายยังใช้เพื่อข่มขู่เรียกค่าไถ่จากเหยื่อด้วย การจับกุมครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของปฏิบัติการ PowerOFF ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างหน่วยงานระหว่างประเทศในการปราบปรามบริการ DDoS-for-hire โดยก่อนหน้านี้ในปี 2024 มีการยึดโดเมนที่เกี่ยวข้องถึง 27 แห่ง 📌 สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ ➡️ Ethan Foltz อายุ 22 ปี ถูกจับในรัฐโอเรกอน ฐานสร้างและบริหาร Rapper Bot ➡️ Rapper Bot เป็นเครือข่าย DDoS-for-hire ที่ควบคุมอุปกรณ์ได้ถึง 95,000 เครื่อง ➡️ ใช้มัลแวร์เจาะ DVR และ WiFi router เพื่อสร้าง botnet ➡️ มีการโจมตีมากกว่า 370,000 ครั้งต่อ 18,000 เหยื่อใน 80 ประเทศ ➡️ ขนาดการโจมตีสูงสุดถึง 6 Tbps ซึ่งถือว่าใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ DDoS ➡️ เป้าหมายรวมถึงหน่วยงานรัฐบาล สื่อสังคม และบริษัทเทคโนโลยีสหรัฐฯ ➡️ ลูกค้าบางรายใช้ Rapper Bot เพื่อข่มขู่เรียกค่าไถ่จากเหยื่อ ➡️ การจับกุมเป็นส่วนหนึ่งของปฏิบัติการ PowerOFF ที่ปราบปรามบริการ DDoS-for-hire ➡️ หลังการจับกุม ไม่มีรายงานการโจมตีจาก Rapper Bot เพิ่มเติม ➡️ Foltz ถูกตั้งข้อหาสนับสนุนการบุกรุกระบบคอมพิวเตอร์ และอาจถูกจำคุกสูงสุด 10 ปี ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ DDoS ขนาด 2–3 Tbps สามารถทำให้เว็บไซต์หรือบริการล่มได้ภายในไม่กี่วินาที ➡️ ค่าเสียหายจากการโจมตี 30 วินาทีอาจสูงถึง $10,000 ต่อครั้ง ➡️ Botnet ที่ใช้ IoT device เป็นเป้าหมายหลัก เพราะมีความปลอดภัยต่ำ ➡️ Rapper Bot เคยถูกเรียกอีกชื่อว่า “Eleven Eleven Botnet” และ “CowBot” ➡️ การจับกุมครั้งนี้ได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานความมั่นคงของกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ https://www.techradar.com/pro/security/hacker-behind-rapper-bot-ddos-for-hire-botnet-which-carried-out-over-370-000-attacks-arrested
    0 Comments 0 Shares 96 Views 0 Reviews
  • ห้ามเคลื่อนย้ายกำลังทหาร ยิ่งเป็นกำลังทหารเขมร เคลื่อนย้ายชัดเจนมาไทย,ยิ่งหมดสิทธิและห้ามเคลื่อนย้ายเด็ดขาด,ยิงเด็กๆเราจนเสียชีวิตคา7/11เกือบทั้งครอบครัว ยิงโรงพยาบาลไทย เสือกยังมีหน้าอยากมารักษาในประเทศไทยอีก,เขมรสันดานเลวต้องไม่มีที่ยืนใดๆบนแผ่นดินไทย,จริงๆต้องผลักดันออกจากประเทศไทยทั้งหมด จะสถานะใดอาจไปประเทศโลกที่สามก็ได้,ในภาวะสงครามนี้,สงบจึงค่อยกลับเขมรมึง,นีัยังอ้างสาระพัดอีกตลอดถึงแรงงานก็ด้วย,ปะปนมาก่อการร้ายทั่วกรุงฯจะหาว่าไม่เดือด,ระเบิดสาระพัดบอมในหลายๆตึกจะเกิดอะไรขึ้น,ยิ่งรัฐบาลสภาพที่ประชาชนไม่ไว้วางใจใดๆได้อีกเลย,ถ้าเกิดเหตุขึ้นจริง สส.ทั้งสภา ต้องถูกจำคุกทั้งหมดเพราะเรา..ประชาชนเชื่อว่าคือพวกเดียวกันทั้งหมด,แกนนำพรรคหลักและพรรคร่วมต้องโทษประหารชีวิตด้วย เพราะแต่ละบริบทพวกนี้ไม่สนใจอธิปไตยดินแดนไทยภัยรุกรานจริงๆเลย หมาหยอกไก่,ปล่อยไก่ให้จังหวะเขมรเรื่อย ตลอดจังหวะไทยจะรบชนะเขมรเด็ดขาดอยู่แล้วเสือกขัดขวางเสีย,นี้คือกิริยาไส้ศึกขัดขวางชัดๆ รีบวิ่งแล่นไปอยากหยุดยิงกับเขมรเร็วๆโน้น เราประชาชนทั้งประเทศแม้เด็ก7-8ขวบก็ดูออก.
    ห้ามเคลื่อนย้ายกำลังทหาร ยิ่งเป็นกำลังทหารเขมร เคลื่อนย้ายชัดเจนมาไทย,ยิ่งหมดสิทธิและห้ามเคลื่อนย้ายเด็ดขาด,ยิงเด็กๆเราจนเสียชีวิตคา7/11เกือบทั้งครอบครัว ยิงโรงพยาบาลไทย เสือกยังมีหน้าอยากมารักษาในประเทศไทยอีก,เขมรสันดานเลวต้องไม่มีที่ยืนใดๆบนแผ่นดินไทย,จริงๆต้องผลักดันออกจากประเทศไทยทั้งหมด จะสถานะใดอาจไปประเทศโลกที่สามก็ได้,ในภาวะสงครามนี้,สงบจึงค่อยกลับเขมรมึง,นีัยังอ้างสาระพัดอีกตลอดถึงแรงงานก็ด้วย,ปะปนมาก่อการร้ายทั่วกรุงฯจะหาว่าไม่เดือด,ระเบิดสาระพัดบอมในหลายๆตึกจะเกิดอะไรขึ้น,ยิ่งรัฐบาลสภาพที่ประชาชนไม่ไว้วางใจใดๆได้อีกเลย,ถ้าเกิดเหตุขึ้นจริง สส.ทั้งสภา ต้องถูกจำคุกทั้งหมดเพราะเรา..ประชาชนเชื่อว่าคือพวกเดียวกันทั้งหมด,แกนนำพรรคหลักและพรรคร่วมต้องโทษประหารชีวิตด้วย เพราะแต่ละบริบทพวกนี้ไม่สนใจอธิปไตยดินแดนไทยภัยรุกรานจริงๆเลย หมาหยอกไก่,ปล่อยไก่ให้จังหวะเขมรเรื่อย ตลอดจังหวะไทยจะรบชนะเขมรเด็ดขาดอยู่แล้วเสือกขัดขวางเสีย,นี้คือกิริยาไส้ศึกขัดขวางชัดๆ รีบวิ่งแล่นไปอยากหยุดยิงกับเขมรเร็วๆโน้น เราประชาชนทั้งประเทศแม้เด็ก7-8ขวบก็ดูออก.
    ชนชาติทรยศลอบกัด พอป่วยหนักขึ้นมา ชาวเน็ตเขมรร้องขอให้ไทยรับรักษา แถมมีบางส่วนอ้างว่าไทยเล่นของใส่ ป่วยอยู่ตรงไหนก็สายตรงนั้นแหละ มนุษยธรรมไม่มีให้ชนชาติมึง
    #คิงส์โพธิ์แดง
    0 Comments 0 Shares 64 Views 0 Reviews
  • เรื่องเล่าใหม่: อินเดียเตรียมแบนเกมออนไลน์ที่ใช้เงินจริง – เมื่อความสนุกกลายเป็นภัยเงียบ

    ลองนึกภาพว่าคุณเล่นเกมแฟนตาซีคริกเก็ตบนมือถือ จ่ายเงินแค่ 10 เซ็นต์เพื่อสร้างทีม แล้วลุ้นเงินรางวัลหลักหมื่นรูปี ฟังดูน่าสนุกใช่ไหม? แต่สำหรับรัฐบาลอินเดีย นี่คือปัญหาที่กำลังลุกลาม

    ในเดือนสิงหาคม 2025 รัฐบาลอินเดียเสนอร่างกฎหมาย “Promotion and Regulation of Online Gaming Act” ที่จะห้ามเกมออนไลน์ที่ใช้เงินจริงทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นเกมที่อิงจากทักษะหรือโชค โดยให้เหตุผลว่าเกมเหล่านี้ส่งผลเสียทั้งด้านจิตใจและการเงิน โดยเฉพาะในกลุ่มเยาวชนและผู้มีรายได้น้อย

    เกมเหล่านี้มักใช้เทคนิคการออกแบบที่กระตุ้นให้เล่นซ้ำ เช่น อัลกอริธึมที่สร้างความรู้สึกใกล้ชนะ หรือการแจกรางวัลแบบสุ่ม ซึ่งส่งผลให้ผู้เล่นติดเกมและเสียเงินจำนวนมาก บางกรณีถึงขั้นเกิดเหตุสลด เช่น การฆ่าตัวตายหลังจากสูญเงินไปกับเกม

    อุตสาหกรรมเกมเงินจริงในอินเดียมีมูลค่ากว่า $2.4 พันล้าน และคาดว่าจะโตถึง $3.6 พันล้านภายในปี 2029 โดยมีบริษัทใหญ่เช่น Dream11 และ Mobile Premier League ที่มีมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ แต่หากกฎหมายนี้ผ่าน จะส่งผลกระทบอย่างหนักต่อธุรกิจเหล่านี้ รวมถึงนักลงทุนต่างชาติ

    ร่างกฎหมายยังระบุโทษจำคุกสูงสุด 3 ปี และปรับสูงสุด ₹10 ล้าน สำหรับผู้ให้บริการเกมเงินจริง และแม้แต่คนดังที่โฆษณาเกมเหล่านี้ก็อาจถูกลงโทษเช่นกัน

    ข้อมูลในข่าว
    รัฐบาลอินเดียเสนอร่างกฎหมายแบนเกมออนไลน์ที่ใช้เงินจริงทั้งหมด
    ร่างกฎหมายชื่อ Promotion and Regulation of Online Gaming Act 2025
    ห้ามโฆษณาเกมเงินจริง และห้ามสถาบันการเงินทำธุรกรรมเกี่ยวข้อง
    ผู้ฝ่าฝืนอาจถูกจำคุกสูงสุด 3 ปี หรือปรับ ₹10 ล้าน
    คนดังที่โฆษณาเกมเงินจริงอาจถูกปรับ ₹5 ล้าน หรือจำคุก 2 ปี
    อุตสาหกรรมเกมเงินจริงมีมูลค่ากว่า $2.4 พันล้านในปี 2024
    Dream11 มีมูลค่าบริษัท $8 พันล้าน ส่วน Mobile Premier League อยู่ที่ $2.5 พันล้าน
    เกมเหล่านี้ได้รับความนิยมสูงช่วงการแข่งขัน IPL
    กระทรวง IT ของอินเดียจะเป็นหน่วยงานกำกับดูแลตามร่างกฎหมาย

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    เกมเงินจริงมักใช้เทคนิค “near win” และ “variable rewards” เพื่อกระตุ้นให้เล่นต่อ
    การติดเกมสามารถนำไปสู่ภาวะซึมเศร้าและปัญหาทางการเงิน
    อินเดียเคยเก็บภาษีเกมออนไลน์ 28% ตั้งแต่ปี 2023 และอาจเพิ่มเป็น 40%
    รัฐบาลอินเดียเคยบล็อกเว็บไซต์พนันกว่า 1,400 แห่งระหว่างปี 2022–2025
    การควบคุมเกมออนไลน์เป็นเรื่องท้าทาย เพราะบางแพลตฟอร์มตั้งเซิร์ฟเวอร์นอกประเทศ
    หลายประเทศ เช่น จีนและเกาหลีใต้ ก็มีมาตรการควบคุมเกมเงินจริงอย่างเข้มงวด

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/08/20/india-plans-to-ban-online-games-played-with-money-citing-addiction-risks
    🎯 เรื่องเล่าใหม่: อินเดียเตรียมแบนเกมออนไลน์ที่ใช้เงินจริง – เมื่อความสนุกกลายเป็นภัยเงียบ ลองนึกภาพว่าคุณเล่นเกมแฟนตาซีคริกเก็ตบนมือถือ จ่ายเงินแค่ 10 เซ็นต์เพื่อสร้างทีม แล้วลุ้นเงินรางวัลหลักหมื่นรูปี ฟังดูน่าสนุกใช่ไหม? แต่สำหรับรัฐบาลอินเดีย นี่คือปัญหาที่กำลังลุกลาม ในเดือนสิงหาคม 2025 รัฐบาลอินเดียเสนอร่างกฎหมาย “Promotion and Regulation of Online Gaming Act” ที่จะห้ามเกมออนไลน์ที่ใช้เงินจริงทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นเกมที่อิงจากทักษะหรือโชค โดยให้เหตุผลว่าเกมเหล่านี้ส่งผลเสียทั้งด้านจิตใจและการเงิน โดยเฉพาะในกลุ่มเยาวชนและผู้มีรายได้น้อย เกมเหล่านี้มักใช้เทคนิคการออกแบบที่กระตุ้นให้เล่นซ้ำ เช่น อัลกอริธึมที่สร้างความรู้สึกใกล้ชนะ หรือการแจกรางวัลแบบสุ่ม ซึ่งส่งผลให้ผู้เล่นติดเกมและเสียเงินจำนวนมาก บางกรณีถึงขั้นเกิดเหตุสลด เช่น การฆ่าตัวตายหลังจากสูญเงินไปกับเกม อุตสาหกรรมเกมเงินจริงในอินเดียมีมูลค่ากว่า $2.4 พันล้าน และคาดว่าจะโตถึง $3.6 พันล้านภายในปี 2029 โดยมีบริษัทใหญ่เช่น Dream11 และ Mobile Premier League ที่มีมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ แต่หากกฎหมายนี้ผ่าน จะส่งผลกระทบอย่างหนักต่อธุรกิจเหล่านี้ รวมถึงนักลงทุนต่างชาติ ร่างกฎหมายยังระบุโทษจำคุกสูงสุด 3 ปี และปรับสูงสุด ₹10 ล้าน สำหรับผู้ให้บริการเกมเงินจริง และแม้แต่คนดังที่โฆษณาเกมเหล่านี้ก็อาจถูกลงโทษเช่นกัน ✅ ข้อมูลในข่าว ➡️ รัฐบาลอินเดียเสนอร่างกฎหมายแบนเกมออนไลน์ที่ใช้เงินจริงทั้งหมด ➡️ ร่างกฎหมายชื่อ Promotion and Regulation of Online Gaming Act 2025 ➡️ ห้ามโฆษณาเกมเงินจริง และห้ามสถาบันการเงินทำธุรกรรมเกี่ยวข้อง ➡️ ผู้ฝ่าฝืนอาจถูกจำคุกสูงสุด 3 ปี หรือปรับ ₹10 ล้าน ➡️ คนดังที่โฆษณาเกมเงินจริงอาจถูกปรับ ₹5 ล้าน หรือจำคุก 2 ปี ➡️ อุตสาหกรรมเกมเงินจริงมีมูลค่ากว่า $2.4 พันล้านในปี 2024 ➡️ Dream11 มีมูลค่าบริษัท $8 พันล้าน ส่วน Mobile Premier League อยู่ที่ $2.5 พันล้าน ➡️ เกมเหล่านี้ได้รับความนิยมสูงช่วงการแข่งขัน IPL ➡️ กระทรวง IT ของอินเดียจะเป็นหน่วยงานกำกับดูแลตามร่างกฎหมาย ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ เกมเงินจริงมักใช้เทคนิค “near win” และ “variable rewards” เพื่อกระตุ้นให้เล่นต่อ ➡️ การติดเกมสามารถนำไปสู่ภาวะซึมเศร้าและปัญหาทางการเงิน ➡️ อินเดียเคยเก็บภาษีเกมออนไลน์ 28% ตั้งแต่ปี 2023 และอาจเพิ่มเป็น 40% ➡️ รัฐบาลอินเดียเคยบล็อกเว็บไซต์พนันกว่า 1,400 แห่งระหว่างปี 2022–2025 ➡️ การควบคุมเกมออนไลน์เป็นเรื่องท้าทาย เพราะบางแพลตฟอร์มตั้งเซิร์ฟเวอร์นอกประเทศ ➡️ หลายประเทศ เช่น จีนและเกาหลีใต้ ก็มีมาตรการควบคุมเกมเงินจริงอย่างเข้มงวด https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/08/20/india-plans-to-ban-online-games-played-with-money-citing-addiction-risks
    WWW.THESTAR.COM.MY
    India plans to ban online games played with money, citing addiction risks
    NEW DELHI (Reuters) -India's government plans to ban online games played with money, a proposed bill showed on Tuesday, in what would be a heavy blow for an industry that has attracted billions of dollars of foreign investment.
    0 Comments 0 Shares 108 Views 0 Reviews
  • จากชิปสู่ไวน์: เมื่ออดีตวิศวกร Intel ต้องเริ่มต้นใหม่ในไร่องุ่นฝรั่งเศส

    Varun Gupta เคยเป็นวิศวกรการตลาดผลิตภัณฑ์ของ Intel มานานกว่า 10 ปี ก่อนจะย้ายไปทำงานกับ Microsoft ในปี 2020 แต่การย้ายงานครั้งนั้นกลับกลายเป็นจุดเริ่มต้นของคดีใหญ่ เมื่อ Intel พบว่าเขานำเอกสารลับกว่า 4,000 ไฟล์ติดตัวไปด้วย

    เอกสารเหล่านั้นมีข้อมูลสำคัญ เช่น กลยุทธ์การตั้งราคาของ Intel และการวิเคราะห์คู่แข่ง ซึ่ง Gupta ใช้ในการเจรจาสัญญาซื้อชิปกับ Intel ในนามของ Microsoft

    หลังจากถูกจับได้ในปี 2021 เขายอมจ่ายเงินชดเชยให้ Intel เป็นจำนวน 40,000 ดอลลาร์ และในปี 2024 ถูกตั้งข้อหาทางอาญาในข้อหาครอบครองข้อมูลลับโดยมิชอบ

    แม้อัยการจะขอให้ศาลลงโทษจำคุก 8 เดือน แต่ผู้พิพากษา Amy Baggio เห็นว่าการสูญเสียชื่อเสียงและอาชีพในวงการเทคโนโลยีเป็นบทเรียนที่รุนแรงพอแล้ว จึงตัดสินให้ Gupta รับโทษคุมประพฤติ 8 เดือน และปรับเงิน 34,472 ดอลลาร์

    Gupta ตัดสินใจย้ายครอบครัวไปฝรั่งเศส และเริ่มเรียนด้านการจัดการไร่องุ่น เพื่อเข้าสู่วงการไวน์อย่างเต็มตัว—จากโลกของชิปสู่โลกขององุ่น

    https://wccftech.com/former-intel-engineer-sentenced-for-trade-secret-theft-will-now-work-in-french-winemaking-industry/
    🧠 จากชิปสู่ไวน์: เมื่ออดีตวิศวกร Intel ต้องเริ่มต้นใหม่ในไร่องุ่นฝรั่งเศส Varun Gupta เคยเป็นวิศวกรการตลาดผลิตภัณฑ์ของ Intel มานานกว่า 10 ปี ก่อนจะย้ายไปทำงานกับ Microsoft ในปี 2020 แต่การย้ายงานครั้งนั้นกลับกลายเป็นจุดเริ่มต้นของคดีใหญ่ เมื่อ Intel พบว่าเขานำเอกสารลับกว่า 4,000 ไฟล์ติดตัวไปด้วย เอกสารเหล่านั้นมีข้อมูลสำคัญ เช่น กลยุทธ์การตั้งราคาของ Intel และการวิเคราะห์คู่แข่ง ซึ่ง Gupta ใช้ในการเจรจาสัญญาซื้อชิปกับ Intel ในนามของ Microsoft หลังจากถูกจับได้ในปี 2021 เขายอมจ่ายเงินชดเชยให้ Intel เป็นจำนวน 40,000 ดอลลาร์ และในปี 2024 ถูกตั้งข้อหาทางอาญาในข้อหาครอบครองข้อมูลลับโดยมิชอบ แม้อัยการจะขอให้ศาลลงโทษจำคุก 8 เดือน แต่ผู้พิพากษา Amy Baggio เห็นว่าการสูญเสียชื่อเสียงและอาชีพในวงการเทคโนโลยีเป็นบทเรียนที่รุนแรงพอแล้ว จึงตัดสินให้ Gupta รับโทษคุมประพฤติ 8 เดือน และปรับเงิน 34,472 ดอลลาร์ Gupta ตัดสินใจย้ายครอบครัวไปฝรั่งเศส และเริ่มเรียนด้านการจัดการไร่องุ่น เพื่อเข้าสู่วงการไวน์อย่างเต็มตัว—จากโลกของชิปสู่โลกขององุ่น https://wccftech.com/former-intel-engineer-sentenced-for-trade-secret-theft-will-now-work-in-french-winemaking-industry/
    WCCFTECH.COM
    Former Intel Engineer Sentenced For Trade Secret Theft Will Now Work In French Winemaking Industry
    Varun Gupta, a former Intel employee, received two years' probation and a $34,472 fine for stealing trade secrets.
    0 Comments 0 Shares 182 Views 0 Reviews
  • เมื่อผู้พิทักษ์ไซเบอร์กลายเป็นผู้ต้องหา: คดีที่สะเทือนความเชื่อมั่นระดับโลก

    Tom Artiom Alexandrovich วัย 38 ปี ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายเทคโนโลยีของ Israel Cyber Directorate ถูกจับในลาสเวกัสระหว่างการประชุม Black Hat 2025 ซึ่งเป็นงานใหญ่ด้านความปลอดภัยไซเบอร์ระดับโลก

    เขาเป็นหนึ่งใน 8 ผู้ต้องหาที่ถูกจับจากปฏิบัติการลับร่วมกันระหว่าง FBI, ICAC และตำรวจท้องถิ่น โดยทั้งหมดถูกตั้งข้อหา “ล่อลวงเด็กผ่านคอมพิวเตอร์เพื่อการล่วงละเมิดทางเพศ” ซึ่งตามกฎหมายรัฐเนวาดา มีโทษจำคุก 1–10 ปี

    แม้ตำรวจลาสเวกัสจะยืนยันการจับกุมและการฝากขัง แต่รัฐบาลอิสราเอลกลับแถลงว่า Alexandrovich “ไม่ได้ถูกจับกุม แต่ถูกสอบสวน” และเดินทางกลับประเทศตามกำหนด โดยถูกสั่งพักงานเพื่อรอผลสอบสวน

    เขาเคยมีบทบาทสำคัญในการพัฒนา “Cyber Dome” ระบบป้องกันภัยไซเบอร์ระดับชาติของอิสราเอล และเคยได้รับรางวัล Israel Defense Prize จากผลงานด้านความมั่นคงไซเบอร์

    เหตุการณ์นี้จึงไม่ใช่แค่คดีอาชญากรรมธรรมดา แต่สะท้อนถึงความเปราะบางของระบบที่ควรปกป้องผู้คนจากภัยออนไลน์ และยังตอกย้ำความจำเป็นของความร่วมมือระหว่างประเทศในการจัดการอาชญากรรมไซเบอร์ที่ข้ามพรมแดน

    ข้อมูลการจับกุม
    Tom Artiom Alexandrovich ถูกจับในลาสเวกัสระหว่างร่วมงาน Black Hat 2025
    เป็นหนึ่งใน 8 ผู้ต้องหาที่ถูกจับจากปฏิบัติการลับของ FBI และ ICAC
    ถูกตั้งข้อหาล่อลวงเด็กผ่านคอมพิวเตอร์เพื่อการล่วงละเมิดทางเพศ

    ความขัดแย้งระหว่างประเทศ
    ตำรวจสหรัฐฯ ยืนยันการจับกุมและฝากขัง
    รัฐบาลอิสราเอลแถลงว่าเป็นเพียงการสอบสวน ไม่ใช่การจับกุม
    Alexandrovich ถูกสั่งพักงานและกลับประเทศตามกำหนด

    ประวัติและบทบาทของผู้ต้องหา
    เคยดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายเทคโนโลยีของ Israel Cyber Directorate
    มีบทบาทสำคัญในการพัฒนา Cyber Dome และระบบป้องกันโครงสร้างพื้นฐาน
    เคยได้รับรางวัล Israel Defense Prize จากผลงานด้านความมั่นคงไซเบอร์

    ความร่วมมือระหว่างประเทศ
    ปฏิบัติการลับครั้งนี้เป็นความร่วมมือระหว่าง FBI, ICAC และหน่วยงานท้องถิ่น
    แสดงให้เห็นถึงความจำเป็นของการทำงานร่วมกันเพื่อจัดการภัยออนไลน์
    เป็นตัวอย่างของการบังคับใช้กฎหมายข้ามพรมแดนในยุคดิจิทัล

    การล่อลวงเด็กทางออนไลน์ยังคงเป็นภัยที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง
    ความขัดแย้งระหว่างข้อมูลจากต่างประเทศอาจทำให้คดีไม่โปร่งใส
    การขาดนโยบายตรวจสอบบุคลากรในหน่วยงานความมั่นคงอาจนำไปสู่ความเสี่ยงระดับชาติ

    https://hackread.com/israeli-cybersecurity-director-arrest-us-child-exploit-sting/
    🧠 เมื่อผู้พิทักษ์ไซเบอร์กลายเป็นผู้ต้องหา: คดีที่สะเทือนความเชื่อมั่นระดับโลก Tom Artiom Alexandrovich วัย 38 ปี ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายเทคโนโลยีของ Israel Cyber Directorate ถูกจับในลาสเวกัสระหว่างการประชุม Black Hat 2025 ซึ่งเป็นงานใหญ่ด้านความปลอดภัยไซเบอร์ระดับโลก เขาเป็นหนึ่งใน 8 ผู้ต้องหาที่ถูกจับจากปฏิบัติการลับร่วมกันระหว่าง FBI, ICAC และตำรวจท้องถิ่น โดยทั้งหมดถูกตั้งข้อหา “ล่อลวงเด็กผ่านคอมพิวเตอร์เพื่อการล่วงละเมิดทางเพศ” ซึ่งตามกฎหมายรัฐเนวาดา มีโทษจำคุก 1–10 ปี แม้ตำรวจลาสเวกัสจะยืนยันการจับกุมและการฝากขัง แต่รัฐบาลอิสราเอลกลับแถลงว่า Alexandrovich “ไม่ได้ถูกจับกุม แต่ถูกสอบสวน” และเดินทางกลับประเทศตามกำหนด โดยถูกสั่งพักงานเพื่อรอผลสอบสวน เขาเคยมีบทบาทสำคัญในการพัฒนา “Cyber Dome” ระบบป้องกันภัยไซเบอร์ระดับชาติของอิสราเอล และเคยได้รับรางวัล Israel Defense Prize จากผลงานด้านความมั่นคงไซเบอร์ เหตุการณ์นี้จึงไม่ใช่แค่คดีอาชญากรรมธรรมดา แต่สะท้อนถึงความเปราะบางของระบบที่ควรปกป้องผู้คนจากภัยออนไลน์ และยังตอกย้ำความจำเป็นของความร่วมมือระหว่างประเทศในการจัดการอาชญากรรมไซเบอร์ที่ข้ามพรมแดน ✅ ข้อมูลการจับกุม ➡️ Tom Artiom Alexandrovich ถูกจับในลาสเวกัสระหว่างร่วมงาน Black Hat 2025 ➡️ เป็นหนึ่งใน 8 ผู้ต้องหาที่ถูกจับจากปฏิบัติการลับของ FBI และ ICAC ➡️ ถูกตั้งข้อหาล่อลวงเด็กผ่านคอมพิวเตอร์เพื่อการล่วงละเมิดทางเพศ ✅ ความขัดแย้งระหว่างประเทศ ➡️ ตำรวจสหรัฐฯ ยืนยันการจับกุมและฝากขัง ➡️ รัฐบาลอิสราเอลแถลงว่าเป็นเพียงการสอบสวน ไม่ใช่การจับกุม ➡️ Alexandrovich ถูกสั่งพักงานและกลับประเทศตามกำหนด ✅ ประวัติและบทบาทของผู้ต้องหา ➡️ เคยดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายเทคโนโลยีของ Israel Cyber Directorate ➡️ มีบทบาทสำคัญในการพัฒนา Cyber Dome และระบบป้องกันโครงสร้างพื้นฐาน ➡️ เคยได้รับรางวัล Israel Defense Prize จากผลงานด้านความมั่นคงไซเบอร์ ✅ ความร่วมมือระหว่างประเทศ ➡️ ปฏิบัติการลับครั้งนี้เป็นความร่วมมือระหว่าง FBI, ICAC และหน่วยงานท้องถิ่น ➡️ แสดงให้เห็นถึงความจำเป็นของการทำงานร่วมกันเพื่อจัดการภัยออนไลน์ ➡️ เป็นตัวอย่างของการบังคับใช้กฎหมายข้ามพรมแดนในยุคดิจิทัล ⛔ การล่อลวงเด็กทางออนไลน์ยังคงเป็นภัยที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง ⛔ ความขัดแย้งระหว่างข้อมูลจากต่างประเทศอาจทำให้คดีไม่โปร่งใส ⛔ การขาดนโยบายตรวจสอบบุคลากรในหน่วยงานความมั่นคงอาจนำไปสู่ความเสี่ยงระดับชาติ https://hackread.com/israeli-cybersecurity-director-arrest-us-child-exploit-sting/
    HACKREAD.COM
    Top Israeli Cybersecurity Official Arrested in US Child Exploitation Sting
    Follow us on Bluesky, Twitter (X), Mastodon and Facebook at @Hackread
    0 Comments 0 Shares 189 Views 0 Reviews

  • จริงเท็จไม่รู้,แต่ทำไมคนดี รักชาติบ้านเมือง จึงไม่มีที่ยืนบนสังคมบนอำนาจปกครองจริง,เห็นแต่คนชั่วเลวยืนเต็มบ้านเต็มเมืองเต็มระบบราชการไทยและการอำนาจปกครองเกือบทุกๆองค์กรหน่วยงานรัฐและการปกครองส่วนท้องถิ่นทั่วประเทศ,หัวไม่ดี นำพาทั้งกลางทั้งส่วนหางไม่ดีไปทั้งตังทั้งร่างทั้งประเทศ,ประชาชนเองคนดีก็ยิ่งไม่มีที่ยืนจริง สัมมาอาชีพมากมายยืนประกอบสัมมาอาชีพตนลำบากเข้าทุกแหล่งเงินตั้งตนตั้งอาชีพไม่ได้ เข้าถึงลำบากยืนเดินไปหายากลำบากนั้นเอง กลเอาเปรียบด้านดอกเบี้ยเงินต้นการชำระก็บีบคอประชาชนตลอดเวลา,คนสัมมาอาชีพจึงไม่มีที่ยืนในมิตนี้ด้วย ประชาชนคนดีไม่มีที่ยืนยิ่งกว่าพวกเล่นอำนาจตำแหน่งการงานหน้าที่สายอำนาจรัฐสายปกครองของรัฐก็อีกตัวหนึ่งด้วย,นอกจากคนดีไม่มีที่ยืนเพื่อเข้าสู้การปกครองเพื่อเปลี่ยนแปลงพัฒนารอบด้านในไทยตนให้ดีจริงได้นั้นเอง,เข้าไปอยู่ในระบบชั่วเลวอีกก็มีกระบวนการล้างพฤติกรรมเป็นพวกตนอีกผ่านระบบกฎเกณฑ์เขียนขึ้นมาผีบ้าต่างๆนั้นล่ะ,

    ..อยู่ด้านนอกดีๆอิสระเสรีประยุกต์ปรับสาระพัดสู้ศึกรอบด้าน ,คิดว่าถ้าเข้าไปแล้วคนลักษณะนี้สร้างการเปลี่ยนแปลงใหม่ที่ดีงามได้แน่ๆ แต่พอเอาเข้าจริงแบบปุ๋มปนัดดานั้นล่ะ กระแสดีตรึม สุดท้ายดับอนาถสิ้นตอบโต้อิสระสาระพัดอะไรได้ ต้องรอคำสั่งอนุญาตนั้นนี้ตามเกณฑ์ผีบ้าที่ผู้ใหญ่หรือกฎระเบียบควบคุมผีบ้าแบบนั้นอีก,จึงต้องเข้าไปล้างระบกฎผีบ้ามากมายที่เขียนผีบ้าขัดขวางสภาพคล่องอันดีงามมากกว่าของคนดีเพื่อเร่งรีบดำเนินกิจกรรมต่างๆให้เป็นประโยชน์ตามเป้าหมายจริงทันการแก้ไขปัญหาจริง,มิใช่เอาตัวหนังสือผีบ้ามากมายมากดควบคุมเจตนาดีๆผลลัพธ์ดีๆมากมายที่จะสร้างประโยชน์จริงแก่คนทั้งประเทศ,ส่วนกฎกติกานั้นๆที่ตั้งมาแม้ไม่กี่ความผิด บทลงโทษอาจร้ายแรงเพื่อมิให้มาก่อกรรมทำชั่วจริงได้อีก,เช่นคดียุบพรรคการเมือง สส.และกรรมการพรรคทั้งหมดตัดสินห้ามเด็ดขาดยุ่งเกี่ยวกับการเมืองทุกๆกรณีตลอดชีวิต,หากเข้าข่ายขายชาติขายเมืองเจตนาทำให้จะเสี่ยงดินแดนอธิปไตยตนชัดเจนแบบกอดmou43และ44อย่างมุ่งมั่นหรือใช้1:200,000ให้ได้ไม่ใช้1:50,000ซึ่งเป็นมาตราสากลกว่า,1:200,000คือเจตนาทำให้เขมรได้ดินแดนไทยนั้นเอง เจตนาให้ทำให้สูญเสียดินแดนอธิปไตยตนชัดเจน,สส.รัฐบาลทั้งหมดมีโทษประหารชีวิตและจำคุกตลอดชีวิตไม่มีการรอลงอาญาใดๆเป็นต้น,นี้กฎหมายต้องเด็ดขาดลักษณะนี้แม้มีไม่กี่ข้อก็ตาม,ภาคปกครองเด็ดขาดกับพวกมาปกครองทำหน้าที่จะเป็นไม้กันหมาที่หมาไม่ซื่อสัตย์หลงเข้ามาเป็นก็ว่า มิใช่ราชเสือราชสิงมาเป็น ทำอะไรซื่อสัตย์สุจริตไร้นอกในใต้โต๊ะแดกสาระพัดทำลายชาติบ้านเมืองตน.
    ..


    https://youtube.com/shorts/Z3vVYWjaGIw?si=yvb3PCuQCtgcUSz_
    จริงเท็จไม่รู้,แต่ทำไมคนดี รักชาติบ้านเมือง จึงไม่มีที่ยืนบนสังคมบนอำนาจปกครองจริง,เห็นแต่คนชั่วเลวยืนเต็มบ้านเต็มเมืองเต็มระบบราชการไทยและการอำนาจปกครองเกือบทุกๆองค์กรหน่วยงานรัฐและการปกครองส่วนท้องถิ่นทั่วประเทศ,หัวไม่ดี นำพาทั้งกลางทั้งส่วนหางไม่ดีไปทั้งตังทั้งร่างทั้งประเทศ,ประชาชนเองคนดีก็ยิ่งไม่มีที่ยืนจริง สัมมาอาชีพมากมายยืนประกอบสัมมาอาชีพตนลำบากเข้าทุกแหล่งเงินตั้งตนตั้งอาชีพไม่ได้ เข้าถึงลำบากยืนเดินไปหายากลำบากนั้นเอง กลเอาเปรียบด้านดอกเบี้ยเงินต้นการชำระก็บีบคอประชาชนตลอดเวลา,คนสัมมาอาชีพจึงไม่มีที่ยืนในมิตนี้ด้วย ประชาชนคนดีไม่มีที่ยืนยิ่งกว่าพวกเล่นอำนาจตำแหน่งการงานหน้าที่สายอำนาจรัฐสายปกครองของรัฐก็อีกตัวหนึ่งด้วย,นอกจากคนดีไม่มีที่ยืนเพื่อเข้าสู้การปกครองเพื่อเปลี่ยนแปลงพัฒนารอบด้านในไทยตนให้ดีจริงได้นั้นเอง,เข้าไปอยู่ในระบบชั่วเลวอีกก็มีกระบวนการล้างพฤติกรรมเป็นพวกตนอีกผ่านระบบกฎเกณฑ์เขียนขึ้นมาผีบ้าต่างๆนั้นล่ะ, ..อยู่ด้านนอกดีๆอิสระเสรีประยุกต์ปรับสาระพัดสู้ศึกรอบด้าน ,คิดว่าถ้าเข้าไปแล้วคนลักษณะนี้สร้างการเปลี่ยนแปลงใหม่ที่ดีงามได้แน่ๆ แต่พอเอาเข้าจริงแบบปุ๋มปนัดดานั้นล่ะ กระแสดีตรึม สุดท้ายดับอนาถสิ้นตอบโต้อิสระสาระพัดอะไรได้ ต้องรอคำสั่งอนุญาตนั้นนี้ตามเกณฑ์ผีบ้าที่ผู้ใหญ่หรือกฎระเบียบควบคุมผีบ้าแบบนั้นอีก,จึงต้องเข้าไปล้างระบกฎผีบ้ามากมายที่เขียนผีบ้าขัดขวางสภาพคล่องอันดีงามมากกว่าของคนดีเพื่อเร่งรีบดำเนินกิจกรรมต่างๆให้เป็นประโยชน์ตามเป้าหมายจริงทันการแก้ไขปัญหาจริง,มิใช่เอาตัวหนังสือผีบ้ามากมายมากดควบคุมเจตนาดีๆผลลัพธ์ดีๆมากมายที่จะสร้างประโยชน์จริงแก่คนทั้งประเทศ,ส่วนกฎกติกานั้นๆที่ตั้งมาแม้ไม่กี่ความผิด บทลงโทษอาจร้ายแรงเพื่อมิให้มาก่อกรรมทำชั่วจริงได้อีก,เช่นคดียุบพรรคการเมือง สส.และกรรมการพรรคทั้งหมดตัดสินห้ามเด็ดขาดยุ่งเกี่ยวกับการเมืองทุกๆกรณีตลอดชีวิต,หากเข้าข่ายขายชาติขายเมืองเจตนาทำให้จะเสี่ยงดินแดนอธิปไตยตนชัดเจนแบบกอดmou43และ44อย่างมุ่งมั่นหรือใช้1:200,000ให้ได้ไม่ใช้1:50,000ซึ่งเป็นมาตราสากลกว่า,1:200,000คือเจตนาทำให้เขมรได้ดินแดนไทยนั้นเอง เจตนาให้ทำให้สูญเสียดินแดนอธิปไตยตนชัดเจน,สส.รัฐบาลทั้งหมดมีโทษประหารชีวิตและจำคุกตลอดชีวิตไม่มีการรอลงอาญาใดๆเป็นต้น,นี้กฎหมายต้องเด็ดขาดลักษณะนี้แม้มีไม่กี่ข้อก็ตาม,ภาคปกครองเด็ดขาดกับพวกมาปกครองทำหน้าที่จะเป็นไม้กันหมาที่หมาไม่ซื่อสัตย์หลงเข้ามาเป็นก็ว่า มิใช่ราชเสือราชสิงมาเป็น ทำอะไรซื่อสัตย์สุจริตไร้นอกในใต้โต๊ะแดกสาระพัดทำลายชาติบ้านเมืองตน. .. https://youtube.com/shorts/Z3vVYWjaGIw?si=yvb3PCuQCtgcUSz_
    0 Comments 0 Shares 195 Views 0 Reviews
  • เรื่องเล่าจากโลกคริปโต: Do Kwon เตรียมรับสารภาพในคดีฉ้อโกงมูลค่า 40,000 ล้านดอลลาร์

    Do Kwon ผู้ร่วมก่อตั้ง Terraform Labs และผู้พัฒนาเหรียญ TerraUSD (UST) และ Luna ซึ่งเคยเป็นดาวรุ่งในโลกคริปโต กำลังจะเข้าสู่จุดเปลี่ยนครั้งใหญ่ในชีวิต เมื่อเขาเตรียมรับสารภาพในคดีฉ้อโกงที่เกิดจากการล่มสลายของระบบ stablecoin ที่เขาสร้างขึ้นในปี 2022 ซึ่งสร้างความเสียหายให้กับนักลงทุนทั่วโลกกว่า 40,000 ล้านดอลลาร์

    ก่อนหน้านี้ Kwon เคยปฏิเสธข้อกล่าวหา 9 กระทง รวมถึงการฉ้อโกงหลักทรัพย์ ฉ้อโกงสินค้าโภคภัณฑ์ ฉ้อโกงผ่านระบบสื่อสาร และสมคบคิดฟอกเงิน แต่ล่าสุดศาลแขวงแมนฮัตตันได้รับแจ้งว่าเขาอาจเปลี่ยนคำให้การเป็น “รับสารภาพ” โดยมีการนัดไต่สวนในวันที่ 12 สิงหาคม 2025

    การรับสารภาพครั้งนี้อาจเป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงเพื่อหลีกเลี่ยงการพิจารณาคดีที่อาจนำไปสู่โทษจำคุกสูงสุดถึง 100 ปี และอาจรวมถึงการยอมรับความผิดอย่างเป็นทางการต่อหน้าศาล

    เบื้องหลังของคดีนี้คือการล่มสลายของ TerraUSD ซึ่งเป็น stablecoin แบบอัลกอริธึมที่ไม่ได้มีสินทรัพย์ค้ำประกันจริง ทำให้ระบบพังทลายเมื่อเกิดความผันผวน ส่งผลให้ Luna ซึ่งเป็นเหรียญคู่ขนานสูญมูลค่าอย่างรวดเร็ว และสร้างความเสียหายเป็นวงกว้าง

    Kwon ถูกจับในมอนเตเนโกรเมื่อปี 2023 ขณะพยายามเดินทางด้วยหนังสือเดินทางปลอม และถูกส่งตัวกลับมายังสหรัฐฯ เพื่อรับการพิจารณาคดี

    Do Kwon เตรียมเปลี่ยนคำให้การเป็น “รับสารภาพ” ในคดีฉ้อโกง
    ศาลนัดไต่สวนวันที่ 12 สิงหาคม 2025 ที่แมนฮัตตัน

    เขาเคยปฏิเสธข้อกล่าวหา 9 กระทง รวมถึงฉ้อโกงและฟอกเงิน
    หากถูกตัดสินผิดทุกข้อหา อาจถูกจำคุกสูงสุด 100 ปี

    คดีเกี่ยวข้องกับการล่มสลายของ TerraUSD และ Luna ในปี 2022
    สร้างความเสียหายกว่า 40,000 ล้านดอลลาร์

    TerraUSD เป็น stablecoin แบบอัลกอริธึมที่ไม่มีสินทรัพย์ค้ำประกัน
    ระบบพังเมื่อเกิดความผันผวน ทำให้ Luna สูญมูลค่า

    Kwon ถูกจับในมอนเตเนโกรและส่งตัวกลับสหรัฐฯ
    หลังพยายามเดินทางด้วยหนังสือเดินทางปลอม

    Terraform และ Kwon ถูกตัดสินว่ามีความผิดทางแพ่งในปี 2024
    ต้องจ่ายค่าปรับและชดใช้กว่า 4.47 พันล้านดอลลาร์

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/08/12/crypto-exec-do-kwon-charged-with-fraud-expected-to-plead-guilty-
    💸⚖️ เรื่องเล่าจากโลกคริปโต: Do Kwon เตรียมรับสารภาพในคดีฉ้อโกงมูลค่า 40,000 ล้านดอลลาร์ Do Kwon ผู้ร่วมก่อตั้ง Terraform Labs และผู้พัฒนาเหรียญ TerraUSD (UST) และ Luna ซึ่งเคยเป็นดาวรุ่งในโลกคริปโต กำลังจะเข้าสู่จุดเปลี่ยนครั้งใหญ่ในชีวิต เมื่อเขาเตรียมรับสารภาพในคดีฉ้อโกงที่เกิดจากการล่มสลายของระบบ stablecoin ที่เขาสร้างขึ้นในปี 2022 ซึ่งสร้างความเสียหายให้กับนักลงทุนทั่วโลกกว่า 40,000 ล้านดอลลาร์ ก่อนหน้านี้ Kwon เคยปฏิเสธข้อกล่าวหา 9 กระทง รวมถึงการฉ้อโกงหลักทรัพย์ ฉ้อโกงสินค้าโภคภัณฑ์ ฉ้อโกงผ่านระบบสื่อสาร และสมคบคิดฟอกเงิน แต่ล่าสุดศาลแขวงแมนฮัตตันได้รับแจ้งว่าเขาอาจเปลี่ยนคำให้การเป็น “รับสารภาพ” โดยมีการนัดไต่สวนในวันที่ 12 สิงหาคม 2025 การรับสารภาพครั้งนี้อาจเป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงเพื่อหลีกเลี่ยงการพิจารณาคดีที่อาจนำไปสู่โทษจำคุกสูงสุดถึง 100 ปี และอาจรวมถึงการยอมรับความผิดอย่างเป็นทางการต่อหน้าศาล เบื้องหลังของคดีนี้คือการล่มสลายของ TerraUSD ซึ่งเป็น stablecoin แบบอัลกอริธึมที่ไม่ได้มีสินทรัพย์ค้ำประกันจริง ทำให้ระบบพังทลายเมื่อเกิดความผันผวน ส่งผลให้ Luna ซึ่งเป็นเหรียญคู่ขนานสูญมูลค่าอย่างรวดเร็ว และสร้างความเสียหายเป็นวงกว้าง Kwon ถูกจับในมอนเตเนโกรเมื่อปี 2023 ขณะพยายามเดินทางด้วยหนังสือเดินทางปลอม และถูกส่งตัวกลับมายังสหรัฐฯ เพื่อรับการพิจารณาคดี ✅ Do Kwon เตรียมเปลี่ยนคำให้การเป็น “รับสารภาพ” ในคดีฉ้อโกง ➡️ ศาลนัดไต่สวนวันที่ 12 สิงหาคม 2025 ที่แมนฮัตตัน ✅ เขาเคยปฏิเสธข้อกล่าวหา 9 กระทง รวมถึงฉ้อโกงและฟอกเงิน ➡️ หากถูกตัดสินผิดทุกข้อหา อาจถูกจำคุกสูงสุด 100 ปี ✅ คดีเกี่ยวข้องกับการล่มสลายของ TerraUSD และ Luna ในปี 2022 ➡️ สร้างความเสียหายกว่า 40,000 ล้านดอลลาร์ ✅ TerraUSD เป็น stablecoin แบบอัลกอริธึมที่ไม่มีสินทรัพย์ค้ำประกัน ➡️ ระบบพังเมื่อเกิดความผันผวน ทำให้ Luna สูญมูลค่า ✅ Kwon ถูกจับในมอนเตเนโกรและส่งตัวกลับสหรัฐฯ ➡️ หลังพยายามเดินทางด้วยหนังสือเดินทางปลอม ✅ Terraform และ Kwon ถูกตัดสินว่ามีความผิดทางแพ่งในปี 2024 ➡️ ต้องจ่ายค่าปรับและชดใช้กว่า 4.47 พันล้านดอลลาร์ https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/08/12/crypto-exec-do-kwon-charged-with-fraud-expected-to-plead-guilty-
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Crypto exec Do Kwon, charged with fraud, expected to plead guilty
    NEW YORK (Reuters) -Do Kwon, the South Korean cryptocurrency entrepreneur facing U.S. fraud charges over two digital currencies that lost an estimated $40 billion in 2022, is expected to enter a guilty plea, court records showed on Monday.
    0 Comments 0 Shares 221 Views 0 Reviews
  • เรื่องเล่าจากโลกชิป: เมื่ออดีตพนักงาน Huawei ถูกตัดสินจำคุกจากคดีลับเทคโนโลยี

    ในโลกของเซมิคอนดักเตอร์ที่แข่งขันกันอย่างดุเดือด คดีล่าสุดจากประเทศจีนได้สร้างแรงสั่นสะเทือนครั้งใหญ่ เมื่อศาลในเซี่ยงไฮ้ตัดสินจำคุกอดีตพนักงาน Huawei จำนวน 14 คน จากข้อหาขโมยข้อมูลลับด้านเทคโนโลยีชิปไปใช้ในการก่อตั้งบริษัทใหม่ชื่อ Zunpai Communication Technology

    Zhang Kun อดีตนักวิจัยจาก HiSilicon ซึ่งเป็นหน่วยงานพัฒนาชิปของ Huawei ได้ลาออกในปี 2019 และก่อตั้ง Zunpai ในปี 2021 โดยดึงอดีตเพื่อนร่วมงานมาร่วมทีม พร้อมเสนอเงินเดือนสูงและหุ้นในบริษัท แต่สิ่งที่ตามมาคือข้อกล่าวหาว่า พวกเขาได้คัดลอกข้อมูลลับก่อนลาออก และนำไปใช้ในการพัฒนาชิป Wi-Fi ของ Zunpai

    ในเดือนธันวาคม 2023 ตำรวจเซี่ยงไฮ้ได้จับกุมผู้ต้องสงสัยทั้ง 14 คน และอายัดทรัพย์สินของ Zunpai มูลค่า 95 ล้านหยวน โดยพบว่าเทคโนโลยีที่ใช้ใน Zunpai มีความคล้ายคลึงกับของ Huawei ถึง 90% แม้คำตัดสินจะยังไม่เผยแพร่สู่สาธารณะ แต่มีรายงานว่าผู้ต้องหาอาจถูกจำคุกสูงสุด 6 ปี พร้อมโทษปรับ

    คดีนี้สะท้อนถึงความเข้มงวดของจีนในการปกป้องทรัพย์สินทางปัญญา โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมชิปที่ถือเป็นหัวใจของเศรษฐกิจดิจิทัล และยังเป็นการเตือนว่า “การลอกเลียนเทคโนโลยี” ไม่ใช่เรื่องเล็กอีกต่อไป

    ศาลเซี่ยงไฮ้ตัดสินจำคุกอดีตพนักงาน Huawei 14 คน
    จากข้อหาขโมยข้อมูลลับด้านเทคโนโลยีชิป

    ผู้ต้องหาก่อตั้งบริษัท Zunpai เพื่อพัฒนาชิป Wi-Fi
    โดยใช้ข้อมูลจาก HiSilicon ซึ่งเป็นหน่วยงานของ Huawei

    ตำรวจพบว่าเทคโนโลยีของ Zunpai คล้ายกับของ Huawei ถึง 90%
    และอายัดทรัพย์สินมูลค่า 95 ล้านหยวน

    คำตัดสินยังไม่เผยแพร่ แต่มีรายงานว่าผู้ต้องหาอาจถูกจำคุกสูงสุด 6 ปี
    พร้อมโทษปรับทางการเงิน

    Huawei ยังไม่ออกความเห็นอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับคดีนี้
    แต่ได้ดำเนินการทางกฎหมายตั้งแต่ปี 2023

    จีนมีแนวโน้มเพิ่มความเข้มงวดในการปกป้องทรัพย์สินทางปัญญา
    มีผู้ถูกดำเนินคดีด้าน IP มากกว่า 21,000 คนในปี 2024

    HiSilicon เป็นหน่วยงานพัฒนาชิปของ Huawei ที่มีบทบาทสำคัญ
    โดยเฉพาะในด้านการพัฒนา AI และการสื่อสาร

    การลอกเลียนเทคโนโลยีชิปส่งผลต่อการแข่งขันในระดับโลก
    และอาจกระทบต่อความมั่นคงของห่วงโซ่อุปทานเทคโนโลยี

    การตั้งบริษัทใหม่โดยอดีตพนักงานเป็นเรื่องปกติในวงการเทคโนโลยี
    แต่ต้องไม่ละเมิดข้อมูลลับของบริษัทเดิม

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/14-ex-huawei-employees-handed-down-prison-sentences-in-china-accused-face-up-to-six-years-for-taking-chip-related-business-secrets-with-them-to-form-startup-zunpai
    🔐⚖️ เรื่องเล่าจากโลกชิป: เมื่ออดีตพนักงาน Huawei ถูกตัดสินจำคุกจากคดีลับเทคโนโลยี ในโลกของเซมิคอนดักเตอร์ที่แข่งขันกันอย่างดุเดือด คดีล่าสุดจากประเทศจีนได้สร้างแรงสั่นสะเทือนครั้งใหญ่ เมื่อศาลในเซี่ยงไฮ้ตัดสินจำคุกอดีตพนักงาน Huawei จำนวน 14 คน จากข้อหาขโมยข้อมูลลับด้านเทคโนโลยีชิปไปใช้ในการก่อตั้งบริษัทใหม่ชื่อ Zunpai Communication Technology Zhang Kun อดีตนักวิจัยจาก HiSilicon ซึ่งเป็นหน่วยงานพัฒนาชิปของ Huawei ได้ลาออกในปี 2019 และก่อตั้ง Zunpai ในปี 2021 โดยดึงอดีตเพื่อนร่วมงานมาร่วมทีม พร้อมเสนอเงินเดือนสูงและหุ้นในบริษัท แต่สิ่งที่ตามมาคือข้อกล่าวหาว่า พวกเขาได้คัดลอกข้อมูลลับก่อนลาออก และนำไปใช้ในการพัฒนาชิป Wi-Fi ของ Zunpai ในเดือนธันวาคม 2023 ตำรวจเซี่ยงไฮ้ได้จับกุมผู้ต้องสงสัยทั้ง 14 คน และอายัดทรัพย์สินของ Zunpai มูลค่า 95 ล้านหยวน โดยพบว่าเทคโนโลยีที่ใช้ใน Zunpai มีความคล้ายคลึงกับของ Huawei ถึง 90% แม้คำตัดสินจะยังไม่เผยแพร่สู่สาธารณะ แต่มีรายงานว่าผู้ต้องหาอาจถูกจำคุกสูงสุด 6 ปี พร้อมโทษปรับ คดีนี้สะท้อนถึงความเข้มงวดของจีนในการปกป้องทรัพย์สินทางปัญญา โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมชิปที่ถือเป็นหัวใจของเศรษฐกิจดิจิทัล และยังเป็นการเตือนว่า “การลอกเลียนเทคโนโลยี” ไม่ใช่เรื่องเล็กอีกต่อไป ✅ ศาลเซี่ยงไฮ้ตัดสินจำคุกอดีตพนักงาน Huawei 14 คน ➡️ จากข้อหาขโมยข้อมูลลับด้านเทคโนโลยีชิป ✅ ผู้ต้องหาก่อตั้งบริษัท Zunpai เพื่อพัฒนาชิป Wi-Fi ➡️ โดยใช้ข้อมูลจาก HiSilicon ซึ่งเป็นหน่วยงานของ Huawei ✅ ตำรวจพบว่าเทคโนโลยีของ Zunpai คล้ายกับของ Huawei ถึง 90% ➡️ และอายัดทรัพย์สินมูลค่า 95 ล้านหยวน ✅ คำตัดสินยังไม่เผยแพร่ แต่มีรายงานว่าผู้ต้องหาอาจถูกจำคุกสูงสุด 6 ปี ➡️ พร้อมโทษปรับทางการเงิน ✅ Huawei ยังไม่ออกความเห็นอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับคดีนี้ ➡️ แต่ได้ดำเนินการทางกฎหมายตั้งแต่ปี 2023 ✅ จีนมีแนวโน้มเพิ่มความเข้มงวดในการปกป้องทรัพย์สินทางปัญญา ➡️ มีผู้ถูกดำเนินคดีด้าน IP มากกว่า 21,000 คนในปี 2024 ✅ HiSilicon เป็นหน่วยงานพัฒนาชิปของ Huawei ที่มีบทบาทสำคัญ ➡️ โดยเฉพาะในด้านการพัฒนา AI และการสื่อสาร ✅ การลอกเลียนเทคโนโลยีชิปส่งผลต่อการแข่งขันในระดับโลก ➡️ และอาจกระทบต่อความมั่นคงของห่วงโซ่อุปทานเทคโนโลยี ✅ การตั้งบริษัทใหม่โดยอดีตพนักงานเป็นเรื่องปกติในวงการเทคโนโลยี ➡️ แต่ต้องไม่ละเมิดข้อมูลลับของบริษัทเดิม https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/14-ex-huawei-employees-handed-down-prison-sentences-in-china-accused-face-up-to-six-years-for-taking-chip-related-business-secrets-with-them-to-form-startup-zunpai
    0 Comments 0 Shares 277 Views 0 Reviews
  • เรื่องเล่าจากโลกชิป: เมื่อเทคโนโลยีระดับนาโนกลายเป็นเป้าหมายของการจารกรรม

    ในโลกของเซมิคอนดักเตอร์ที่แข่งขันกันดุเดือด TSMC บริษัทผู้ผลิตชิปอันดับหนึ่งของโลกจากไต้หวัน กำลังเผชิญกับคดีร้ายแรง เมื่อมีพนักงานปัจจุบันและอดีตพนักงานรวม 6 คนถูกจับกุมในข้อหาพยายามขโมยข้อมูลลับเกี่ยวกับเทคโนโลยีการผลิตชิปขนาด 2 นาโนเมตร ซึ่งถือเป็นเทคโนโลยีล้ำหน้าที่สุดในปัจจุบัน และมีมูลค่าสูงถึง $30,000 ต่อแผ่นเวเฟอร์

    การสืบสวนเริ่มต้นจากระบบตรวจสอบภายในของ TSMC ที่พบพฤติกรรมเข้าถึงข้อมูลโดยไม่ได้รับอนุญาต ก่อนส่งเรื่องให้เจ้าหน้าที่ดำเนินคดีภายใต้กฎหมายความมั่นคงแห่งชาติฉบับแก้ไขของไต้หวัน ซึ่งระบุชัดว่าการรั่วไหลของเทคโนโลยีระดับต่ำกว่า 14 นาโนเมตรถือเป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติ

    เจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจค้นบ้านและที่ทำงานของผู้ต้องสงสัย รวมถึงบริษัทญี่ปุ่น Tokyo Electron ที่อาจเกี่ยวข้องกับคดีนี้ แม้ยังไม่มีการเปิดเผยว่าข้อมูลถูกส่งต่อไปยังใคร แต่ความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นนั้นมหาศาล เพราะ TSMC เป็นผู้ผลิตชิปให้กับบริษัทระดับโลกอย่าง Apple, Nvidia และ Qualcomm

    ในยุคที่ AI และเทคโนโลยีขั้นสูงเป็นหัวใจของเศรษฐกิจโลก การขโมยข้อมูลลับไม่ใช่แค่เรื่องธุรกิจ แต่เป็นเรื่องของความมั่นคงระดับชาติ และผู้กระทำผิดอาจต้องโทษจำคุกสูงสุด 12 ปี พร้อมปรับกว่า 100 ล้านดอลลาร์ไต้หวัน

    พนักงาน TSMC ถูกจับกุมในข้อหาพยายามขโมยข้อมูลเทคโนโลยี 2nm
    รวมทั้งหมด 6 คน มีทั้งพนักงานปัจจุบันและอดีต

    TSMC ตรวจพบการเข้าถึงข้อมูลโดยไม่ได้รับอนุญาตจากระบบภายใน
    ก่อนส่งเรื่องให้เจ้าหน้าที่ดำเนินคดี

    คดีนี้อยู่ภายใต้กฎหมายความมั่นคงแห่งชาติฉบับใหม่ของไต้หวัน
    เน้นปกป้องเทคโนโลยีระดับนาโนที่ถือเป็น “เทคโนโลยีหลักของชาติ”

    เจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้นบ้านและที่ทำงานของผู้ต้องสงสัย
    รวมถึงบริษัทญี่ปุ่น Tokyo Electron ที่อาจเกี่ยวข้อง

    TSMC ยืนยันจะดำเนินคดีอย่างเต็มที่และเสริมระบบตรวจสอบภายใน
    เพื่อรักษาความได้เปรียบทางการแข่งขันและเสถียรภาพองค์กร

    เทคโนโลยี 2nm เป็นขั้นสูงสุดของการผลิตชิปในปัจจุบัน
    มีประสิทธิภาพสูงและใช้ในอุปกรณ์ระดับพรีเมียม เช่น iPhone 18

    ราคาการผลิตชิป 2nm สูงถึง $30,000 ต่อเวเฟอร์
    แพงกว่าชิป 3nm ถึง 66%

    TSMC มีส่วนแบ่งตลาดมากกว่า Samsung ถึง 3 เท่า
    เป็นผู้ผลิตชิปให้บริษัทเทคโนโลยีชั้นนำทั่วโลก

    การแข่งขันด้าน AI และเซิร์ฟเวอร์ทำให้เทคโนโลยีชิปเป็นเป้าหมายสำคัญ
    โดยเฉพาะในยุคหลัง ChatGPT ที่ต้องใช้พลังประมวลผลมหาศาล

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/two-former-tsmc-employees-arrested
    🔍💥 เรื่องเล่าจากโลกชิป: เมื่อเทคโนโลยีระดับนาโนกลายเป็นเป้าหมายของการจารกรรม ในโลกของเซมิคอนดักเตอร์ที่แข่งขันกันดุเดือด TSMC บริษัทผู้ผลิตชิปอันดับหนึ่งของโลกจากไต้หวัน กำลังเผชิญกับคดีร้ายแรง เมื่อมีพนักงานปัจจุบันและอดีตพนักงานรวม 6 คนถูกจับกุมในข้อหาพยายามขโมยข้อมูลลับเกี่ยวกับเทคโนโลยีการผลิตชิปขนาด 2 นาโนเมตร ซึ่งถือเป็นเทคโนโลยีล้ำหน้าที่สุดในปัจจุบัน และมีมูลค่าสูงถึง $30,000 ต่อแผ่นเวเฟอร์ การสืบสวนเริ่มต้นจากระบบตรวจสอบภายในของ TSMC ที่พบพฤติกรรมเข้าถึงข้อมูลโดยไม่ได้รับอนุญาต ก่อนส่งเรื่องให้เจ้าหน้าที่ดำเนินคดีภายใต้กฎหมายความมั่นคงแห่งชาติฉบับแก้ไขของไต้หวัน ซึ่งระบุชัดว่าการรั่วไหลของเทคโนโลยีระดับต่ำกว่า 14 นาโนเมตรถือเป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติ เจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจค้นบ้านและที่ทำงานของผู้ต้องสงสัย รวมถึงบริษัทญี่ปุ่น Tokyo Electron ที่อาจเกี่ยวข้องกับคดีนี้ แม้ยังไม่มีการเปิดเผยว่าข้อมูลถูกส่งต่อไปยังใคร แต่ความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นนั้นมหาศาล เพราะ TSMC เป็นผู้ผลิตชิปให้กับบริษัทระดับโลกอย่าง Apple, Nvidia และ Qualcomm ในยุคที่ AI และเทคโนโลยีขั้นสูงเป็นหัวใจของเศรษฐกิจโลก การขโมยข้อมูลลับไม่ใช่แค่เรื่องธุรกิจ แต่เป็นเรื่องของความมั่นคงระดับชาติ และผู้กระทำผิดอาจต้องโทษจำคุกสูงสุด 12 ปี พร้อมปรับกว่า 100 ล้านดอลลาร์ไต้หวัน ✅ พนักงาน TSMC ถูกจับกุมในข้อหาพยายามขโมยข้อมูลเทคโนโลยี 2nm ➡️ รวมทั้งหมด 6 คน มีทั้งพนักงานปัจจุบันและอดีต ✅ TSMC ตรวจพบการเข้าถึงข้อมูลโดยไม่ได้รับอนุญาตจากระบบภายใน ➡️ ก่อนส่งเรื่องให้เจ้าหน้าที่ดำเนินคดี ✅ คดีนี้อยู่ภายใต้กฎหมายความมั่นคงแห่งชาติฉบับใหม่ของไต้หวัน ➡️ เน้นปกป้องเทคโนโลยีระดับนาโนที่ถือเป็น “เทคโนโลยีหลักของชาติ” ✅ เจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้นบ้านและที่ทำงานของผู้ต้องสงสัย ➡️ รวมถึงบริษัทญี่ปุ่น Tokyo Electron ที่อาจเกี่ยวข้อง ✅ TSMC ยืนยันจะดำเนินคดีอย่างเต็มที่และเสริมระบบตรวจสอบภายใน ➡️ เพื่อรักษาความได้เปรียบทางการแข่งขันและเสถียรภาพองค์กร ✅ เทคโนโลยี 2nm เป็นขั้นสูงสุดของการผลิตชิปในปัจจุบัน ➡️ มีประสิทธิภาพสูงและใช้ในอุปกรณ์ระดับพรีเมียม เช่น iPhone 18 ✅ ราคาการผลิตชิป 2nm สูงถึง $30,000 ต่อเวเฟอร์ ➡️ แพงกว่าชิป 3nm ถึง 66% ✅ TSMC มีส่วนแบ่งตลาดมากกว่า Samsung ถึง 3 เท่า ➡️ เป็นผู้ผลิตชิปให้บริษัทเทคโนโลยีชั้นนำทั่วโลก ✅ การแข่งขันด้าน AI และเซิร์ฟเวอร์ทำให้เทคโนโลยีชิปเป็นเป้าหมายสำคัญ ➡️ โดยเฉพาะในยุคหลัง ChatGPT ที่ต้องใช้พลังประมวลผลมหาศาล https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/two-former-tsmc-employees-arrested
    0 Comments 0 Shares 260 Views 0 Reviews
  • เรื่องเล่าจากโลกไซเบอร์: เมื่อ AI กลายเป็นเครื่องมือของสายลับเกาหลีเหนือ

    ลองจินตนาการว่าคุณกำลังสัมภาษณ์พนักงานไอทีผ่านวิดีโอคอล—เขาดูมืออาชีพ พูดภาษาอังกฤษคล่อง และมีโปรไฟล์ LinkedIn สมบูรณ์แบบ แต่เบื้องหลังนั้นคือปฏิบัติการระดับชาติของเกาหลีเหนือที่ใช้ AI ปลอมตัวคน สร้างเอกสารปลอม และแทรกซึมเข้าไปในบริษัทเทคโนโลยีทั่วโลก เพื่อหาเงินสนับสนุนโครงการอาวุธนิวเคลียร์

    รายงานล่าสุดจาก CrowdStrike เผยว่าในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา มีกรณีที่สายลับไซเบอร์ของเกาหลีเหนือได้งานเป็นนักพัฒนาซอฟต์แวร์แบบรีโมตกว่า 320 ครั้ง โดยใช้เครื่องมือ AI สร้างเรซูเม่ ปลอมภาพโปรไฟล์ และแม้แต่ใช้ deepfake เปลี่ยนใบหน้าในวิดีโอคอลให้ดูเหมือนคนอื่น

    เมื่อได้งานแล้ว พวกเขาใช้ AI ช่วยเขียนโค้ด แปลภาษา และตอบอีเมลจากหัวหน้าอย่างมืออาชีพ ทั้งที่บางคนทำงานพร้อมกันถึง 3–4 บริษัท และไม่พูดอังกฤษได้จริง

    เบื้องหลังความสำเร็จนี้คือ “ฟาร์มแล็ปท็อป” ที่ตั้งอยู่ในสหรัฐฯ โดยมีผู้ร่วมขบวนการชาวอเมริกันช่วยรับเครื่องจากบริษัท แล้วติดตั้งซอฟต์แวร์ให้สายลับเกาหลีเหนือเข้าถึงระบบจากต่างประเทศได้อย่างแนบเนียน

    รายได้จากแผนนี้สูงถึง 600 ล้านดอลลาร์ต่อปี และบางกรณีมีการขโมยข้อมูลภายในบริษัทเพื่อใช้ในการแบล็กเมล์หรือขายต่อให้แฮกเกอร์อื่น

    แม้จะมีการจับกุมและลงโทษผู้ร่วมขบวนการในสหรัฐฯ แต่ CrowdStrike เตือนว่าการตรวจสอบตัวตนแบบเดิมไม่เพียงพออีกต่อไป และแนะนำให้ใช้เทคนิคใหม่ เช่น การทดสอบ deepfake แบบเรียลไทม์ในระหว่างสัมภาษณ์

    CrowdStrike พบการแทรกซึมของสายลับเกาหลีเหนือในบริษัทไอทีแบบรีโมตกว่า 320 กรณีใน 12 เดือน
    ใช้ AI สร้างเรซูเม่ ปลอมโปรไฟล์ และ deepfake ในวิดีโอคอล

    สายลับใช้ AI ช่วยทำงานจริง เช่น เขียนโค้ด แปลภาษา และตอบอีเมล
    บางคนทำงานพร้อมกันหลายบริษัทโดยไม่ถูกจับได้

    มีการตั้ง “ฟาร์มแล็ปท็อป” ในสหรัฐฯ เพื่อให้สายลับเข้าถึงระบบจากต่างประเทศ
    ผู้ร่วมขบวนการในสหรัฐฯ ถูกจับและจำคุกหลายปี

    รายได้จากแผนนี้ถูกนำไปสนับสนุนโครงการอาวุธของเกาหลีเหนือ
    สร้างรายได้สูงถึง 600 ล้านดอลลาร์ต่อปี

    Microsoft พบว่าเกาหลีเหนือใช้ AI เปลี่ยนภาพในเอกสารและใช้ซอฟต์แวร์เปลี่ยนเสียง
    เพื่อให้ดูเหมือนเป็นผู้สมัครงานจริงจากประเทศตะวันตก

    ทีมสายลับถูกฝึกจากมหาวิทยาลัยชั้นนำในเปียงยาง
    มีเป้าหมายหาเงินเดือนขั้นต่ำ $10,000 ต่อคนต่อเดือน

    ฟาร์มแล็ปท็อปในสหรัฐฯ มีการควบคุมอุปกรณ์หลายสิบเครื่องพร้อมกัน
    ใช้ซอฟต์แวร์รีโมตเพื่อให้สายลับทำงานจากต่างประเทศได้

    บริษัทที่จ้างพนักงานรีโมตโดยไม่ตรวจสอบตัวตนอาจตกเป็นเหยื่อ
    เสี่ยงต่อการถูกขโมยข้อมูลหรือถูกแบล็กเมล์

    การใช้ deepfake ทำให้การสัมภาษณ์ผ่านวิดีโอไม่ปลอดภัยอีกต่อไป
    ผู้สมัครสามารถเปลี่ยนใบหน้าและเสียงแบบเรียลไทม์

    การจ้างงานแบบรีโมตเปิดช่องให้สายลับแทรกซึมได้ง่ายขึ้น
    โดยเฉพาะในบริษัทที่ไม่มีระบบตรวจสอบดิจิทัลอย่างเข้มงวด

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/cyber-security/crowdstrike-report-details-scale-of-north-koreas-use-of-ai-in-remote-work-schemes-320-known-cases-in-the-last-year-funding-nations-weapons-programs
    🕵️‍♂️ เรื่องเล่าจากโลกไซเบอร์: เมื่อ AI กลายเป็นเครื่องมือของสายลับเกาหลีเหนือ ลองจินตนาการว่าคุณกำลังสัมภาษณ์พนักงานไอทีผ่านวิดีโอคอล—เขาดูมืออาชีพ พูดภาษาอังกฤษคล่อง และมีโปรไฟล์ LinkedIn สมบูรณ์แบบ แต่เบื้องหลังนั้นคือปฏิบัติการระดับชาติของเกาหลีเหนือที่ใช้ AI ปลอมตัวคน สร้างเอกสารปลอม และแทรกซึมเข้าไปในบริษัทเทคโนโลยีทั่วโลก เพื่อหาเงินสนับสนุนโครงการอาวุธนิวเคลียร์ รายงานล่าสุดจาก CrowdStrike เผยว่าในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา มีกรณีที่สายลับไซเบอร์ของเกาหลีเหนือได้งานเป็นนักพัฒนาซอฟต์แวร์แบบรีโมตกว่า 320 ครั้ง โดยใช้เครื่องมือ AI สร้างเรซูเม่ ปลอมภาพโปรไฟล์ และแม้แต่ใช้ deepfake เปลี่ยนใบหน้าในวิดีโอคอลให้ดูเหมือนคนอื่น เมื่อได้งานแล้ว พวกเขาใช้ AI ช่วยเขียนโค้ด แปลภาษา และตอบอีเมลจากหัวหน้าอย่างมืออาชีพ ทั้งที่บางคนทำงานพร้อมกันถึง 3–4 บริษัท และไม่พูดอังกฤษได้จริง เบื้องหลังความสำเร็จนี้คือ “ฟาร์มแล็ปท็อป” ที่ตั้งอยู่ในสหรัฐฯ โดยมีผู้ร่วมขบวนการชาวอเมริกันช่วยรับเครื่องจากบริษัท แล้วติดตั้งซอฟต์แวร์ให้สายลับเกาหลีเหนือเข้าถึงระบบจากต่างประเทศได้อย่างแนบเนียน รายได้จากแผนนี้สูงถึง 600 ล้านดอลลาร์ต่อปี และบางกรณีมีการขโมยข้อมูลภายในบริษัทเพื่อใช้ในการแบล็กเมล์หรือขายต่อให้แฮกเกอร์อื่น แม้จะมีการจับกุมและลงโทษผู้ร่วมขบวนการในสหรัฐฯ แต่ CrowdStrike เตือนว่าการตรวจสอบตัวตนแบบเดิมไม่เพียงพออีกต่อไป และแนะนำให้ใช้เทคนิคใหม่ เช่น การทดสอบ deepfake แบบเรียลไทม์ในระหว่างสัมภาษณ์ ✅ CrowdStrike พบการแทรกซึมของสายลับเกาหลีเหนือในบริษัทไอทีแบบรีโมตกว่า 320 กรณีใน 12 เดือน ➡️ ใช้ AI สร้างเรซูเม่ ปลอมโปรไฟล์ และ deepfake ในวิดีโอคอล ✅ สายลับใช้ AI ช่วยทำงานจริง เช่น เขียนโค้ด แปลภาษา และตอบอีเมล ➡️ บางคนทำงานพร้อมกันหลายบริษัทโดยไม่ถูกจับได้ ✅ มีการตั้ง “ฟาร์มแล็ปท็อป” ในสหรัฐฯ เพื่อให้สายลับเข้าถึงระบบจากต่างประเทศ ➡️ ผู้ร่วมขบวนการในสหรัฐฯ ถูกจับและจำคุกหลายปี ✅ รายได้จากแผนนี้ถูกนำไปสนับสนุนโครงการอาวุธของเกาหลีเหนือ ➡️ สร้างรายได้สูงถึง 600 ล้านดอลลาร์ต่อปี ✅ Microsoft พบว่าเกาหลีเหนือใช้ AI เปลี่ยนภาพในเอกสารและใช้ซอฟต์แวร์เปลี่ยนเสียง ➡️ เพื่อให้ดูเหมือนเป็นผู้สมัครงานจริงจากประเทศตะวันตก ✅ ทีมสายลับถูกฝึกจากมหาวิทยาลัยชั้นนำในเปียงยาง ➡️ มีเป้าหมายหาเงินเดือนขั้นต่ำ $10,000 ต่อคนต่อเดือน ✅ ฟาร์มแล็ปท็อปในสหรัฐฯ มีการควบคุมอุปกรณ์หลายสิบเครื่องพร้อมกัน ➡️ ใช้ซอฟต์แวร์รีโมตเพื่อให้สายลับทำงานจากต่างประเทศได้ ‼️ บริษัทที่จ้างพนักงานรีโมตโดยไม่ตรวจสอบตัวตนอาจตกเป็นเหยื่อ ⛔ เสี่ยงต่อการถูกขโมยข้อมูลหรือถูกแบล็กเมล์ ‼️ การใช้ deepfake ทำให้การสัมภาษณ์ผ่านวิดีโอไม่ปลอดภัยอีกต่อไป ⛔ ผู้สมัครสามารถเปลี่ยนใบหน้าและเสียงแบบเรียลไทม์ ‼️ การจ้างงานแบบรีโมตเปิดช่องให้สายลับแทรกซึมได้ง่ายขึ้น ⛔ โดยเฉพาะในบริษัทที่ไม่มีระบบตรวจสอบดิจิทัลอย่างเข้มงวด https://www.tomshardware.com/tech-industry/cyber-security/crowdstrike-report-details-scale-of-north-koreas-use-of-ai-in-remote-work-schemes-320-known-cases-in-the-last-year-funding-nations-weapons-programs
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    CrowdStrike report details scale of North Korea's use of AI in remote work schemes — 320 known cases in the last year, funding nation's weapons programs
    The Democratic People's Republic of Korea is using generative AI tools to land agents jobs at tech companies to fund its weapons programs.
    0 Comments 0 Shares 279 Views 0 Reviews
  • "ศุภชัย" ชี้ "เขากระโดง" ไม่มีใครบุกรุก ย้อนถาม เดชอิศม์ ญาติถูกจำคุก รุกโบราณสถานหัวเขาแดง จะว่าอย่างไร
    https://www.thai-tai.tv/news/20751/
    .
    #ศุภชัยใจสมุทร #เดชอิศม์ขาวทอง #คดีบุกรุกโบราณสถาน #เขาน้อยสงขลา #การเมือง #ไทยไท
    "ศุภชัย" ชี้ "เขากระโดง" ไม่มีใครบุกรุก ย้อนถาม เดชอิศม์ ญาติถูกจำคุก รุกโบราณสถานหัวเขาแดง จะว่าอย่างไร https://www.thai-tai.tv/news/20751/ . #ศุภชัยใจสมุทร #เดชอิศม์ขาวทอง #คดีบุกรุกโบราณสถาน #เขาน้อยสงขลา #การเมือง #ไทยไท
    0 Comments 0 Shares 134 Views 0 Reviews
  • ศาลฎีกาฯ ตัดสินจำคุก “วิรัช-ภรรยา” คดีสนามฟุตซอล เสียหายรวมกว่า 4.4 พันล้าน ยื่น 4 เเสน ศาลอนุญาตให้ประกัน
    https://www.thai-tai.tv/news/20678/
    .
    #ไทยไทด้วย #วิรัชรัตนเศรษฐ #คดีทุจริต #สนามฟุตซอล #ศาลฎีกานักการเมือง #จำคุก #ปปช #การเมืองไทย #คอร์รัปชัน #นักการเมือง
    ศาลฎีกาฯ ตัดสินจำคุก “วิรัช-ภรรยา” คดีสนามฟุตซอล เสียหายรวมกว่า 4.4 พันล้าน ยื่น 4 เเสน ศาลอนุญาตให้ประกัน https://www.thai-tai.tv/news/20678/ . #ไทยไทด้วย #วิรัชรัตนเศรษฐ #คดีทุจริต #สนามฟุตซอล #ศาลฎีกานักการเมือง #จำคุก #ปปช #การเมืองไทย #คอร์รัปชัน #นักการเมือง
    0 Comments 0 Shares 186 Views 0 Reviews
  • ศาลฎีกา พิพากษาจำคุก 4 ปี "วิรัช รัตนเศรษฐ" อดีตสส.ชื่อดัง โดยไม่รอลงอาญา เอี่ยวทุจริตก่อสร้างสนามฟุตซอลให้กับโรงเรียนในสังกัด สพฐ.พื้นที่ 18 จังหวัด เสียหายรวม 4,459 ล้านบาท

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000072607

    #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    ศาลฎีกา พิพากษาจำคุก 4 ปี "วิรัช รัตนเศรษฐ" อดีตสส.ชื่อดัง โดยไม่รอลงอาญา เอี่ยวทุจริตก่อสร้างสนามฟุตซอลให้กับโรงเรียนในสังกัด สพฐ.พื้นที่ 18 จังหวัด เสียหายรวม 4,459 ล้านบาท อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000072607 #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    Like
    1
    1 Comments 0 Shares 468 Views 0 Reviews
  • เรื่องเล่าจากโลกไซเบอร์: เมื่อ “งานไอที” กลายเป็นช่องทางส่งเงินให้โครงการนิวเคลียร์เกาหลีเหนือ

    ลองจินตนาการว่าคุณเป็นบริษัทเทคโนโลยีในสหรัฐฯ ที่จ้างพนักงานไอทีทำงานจากระยะไกล โดยเชื่อว่าเขาเป็นพลเมืองอเมริกัน แต่จริงๆ แล้ว เขาคือเจ้าหน้าที่จากเกาหลีเหนือที่ใช้ตัวตนปลอม และเงินเดือนที่คุณจ่ายไปนั้นถูกส่งตรงไปยังรัฐบาลเปียงยางเพื่อใช้ในโครงการอาวุธนิวเคลียร์!

    นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นจริงในคดีของ Christina Marie Chapman หญิงวัย 50 ปีจากรัฐแอริโซนา ที่ถูกตัดสินจำคุก 8.5 ปีในเดือนกรกฎาคม 2025 จากการช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ไอทีของเกาหลีเหนือให้ได้งานในบริษัทสหรัฐฯ กว่า 309 แห่ง รวมถึงบริษัทระดับ Fortune 500 โดยใช้เทคนิคที่เรียกว่า “ฟาร์มแล็ปท็อป” เพื่อหลอกให้บริษัทเชื่อว่าพนักงานเหล่านั้นทำงานจากในประเทศ

    Christina Chapman ถูกตัดสินจำคุก 102 เดือน ฐานช่วยเหลือขบวนการหลอกลวงงานไอทีให้เกาหลีเหนือ
    รับโทษจำคุก 8.5 ปี พร้อมถูกควบคุมหลังพ้นโทษอีก 3 ปี
    ต้องยึดทรัพย์ $284,555.92 และจ่ายค่าปรับ $176,850

    ขบวนการนี้สร้างรายได้ให้เกาหลีเหนือกว่า $17.1 ล้าน
    ใช้ตัวตนปลอมของชาวอเมริกัน 68 คน
    ส่งข้อมูลเท็จไปยังหน่วยงานรัฐกว่า 100 ครั้ง

    Chapman ดำเนินการ “ฟาร์มแล็ปท็อป” ที่บ้านของเธอ
    รับเครื่องจากบริษัทสหรัฐฯ แล้วให้เจ้าหน้าที่เกาหลีเหนือเข้าระบบจากต่างประเทศ
    ส่งแล็ปท็อป 49 เครื่องไปยังเมืองชายแดนจีน-เกาหลีเหนือ

    บริษัทที่ถูกหลอกรวมถึงเครือข่ายโทรทัศน์รายใหญ่, บริษัทเทคโนโลยีใน Silicon Valley, ผู้ผลิตรถยนต์และอากาศยาน
    มีความพยายามเข้าถึงหน่วยงานรัฐบาลสหรัฐฯ 2 แห่ง แต่ถูกสกัดไว้ได้
    บางบริษัทถูกขบวนการนี้ “เลือกเป้าหมาย” โดยเฉพาะ

    รายได้จากงานไอทีถูกส่งกลับไปยังเกาหลีเหนือผ่านการฟอกเงิน
    Chapman รับเงินเดือนแทน, ปลอมลายเซ็น, ฝากเช็ค และโอนเงินไปต่างประเทศ
    รายได้ถูกแจ้งเท็จต่อ IRS และ Social Security

    FBI และ IRS เป็นผู้สืบสวนหลักในคดีนี้
    ยึดแล็ปท็อปกว่า 90 เครื่องจากบ้านของ Chapman
    ถือเป็นหนึ่งในคดีใหญ่ที่สุดที่เกี่ยวข้องกับการหลอกลวงงานไอทีของเกาหลีเหนือ

    รัฐบาลสหรัฐฯ ออกคำแนะนำใหม่สำหรับบริษัทในการตรวจสอบพนักงานระยะไกล
    ตรวจสอบเอกสารตัวตน, ประวัติการศึกษาและการทำงาน
    ใช้วิดีโอสัมภาษณ์แบบเปิดกล้องและตรวจสอบภาพพื้นหลัง

    บริษัทที่ไม่ตรวจสอบพนักงานระยะไกลอย่างเข้มงวดเสี่ยงต่อการถูกแทรกซึม
    อาจถูกขโมยข้อมูล, ติดมัลแวร์ หรือถูกใช้เป็นช่องทางฟอกเงิน
    การใช้บริษัทจัดหางานภายนอกเพิ่มความเสี่ยง

    การใช้ตัวตนปลอมสร้างภาระให้กับพลเมืองสหรัฐฯ ที่ถูกขโมยข้อมูล
    เกิดภาระภาษีเท็จและข้อมูลผิดพลาดในระบบราชการ
    สร้างความเสียหายทางจิตใจและการเงินแก่ผู้ถูกแอบอ้าง

    รายได้จากงานไอทีถูกนำไปใช้สนับสนุนโครงการอาวุธของเกาหลีเหนือ
    เป็นการละเมิดมาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ และสหประชาชาติ
    ส่งผลต่อความมั่นคงระดับโลก

    การใช้ AI และเทคโนโลยีใหม่เพิ่มความซับซ้อนในการปลอมตัว
    มีการใช้ AI เปลี่ยนภาพเอกสาร, ปรับเสียง และสร้างวิดีโอปลอม
    ทำให้การตรวจสอบตัวตนยากขึ้นสำหรับบริษัททั่วไป

    https://hackread.com/arizona-woman-jailed-help-north-korea-it-job-scam/
    🧑‍💻 เรื่องเล่าจากโลกไซเบอร์: เมื่อ “งานไอที” กลายเป็นช่องทางส่งเงินให้โครงการนิวเคลียร์เกาหลีเหนือ ลองจินตนาการว่าคุณเป็นบริษัทเทคโนโลยีในสหรัฐฯ ที่จ้างพนักงานไอทีทำงานจากระยะไกล โดยเชื่อว่าเขาเป็นพลเมืองอเมริกัน แต่จริงๆ แล้ว เขาคือเจ้าหน้าที่จากเกาหลีเหนือที่ใช้ตัวตนปลอม และเงินเดือนที่คุณจ่ายไปนั้นถูกส่งตรงไปยังรัฐบาลเปียงยางเพื่อใช้ในโครงการอาวุธนิวเคลียร์! นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นจริงในคดีของ Christina Marie Chapman หญิงวัย 50 ปีจากรัฐแอริโซนา ที่ถูกตัดสินจำคุก 8.5 ปีในเดือนกรกฎาคม 2025 จากการช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ไอทีของเกาหลีเหนือให้ได้งานในบริษัทสหรัฐฯ กว่า 309 แห่ง รวมถึงบริษัทระดับ Fortune 500 โดยใช้เทคนิคที่เรียกว่า “ฟาร์มแล็ปท็อป” เพื่อหลอกให้บริษัทเชื่อว่าพนักงานเหล่านั้นทำงานจากในประเทศ ✅ Christina Chapman ถูกตัดสินจำคุก 102 เดือน ฐานช่วยเหลือขบวนการหลอกลวงงานไอทีให้เกาหลีเหนือ ➡️ รับโทษจำคุก 8.5 ปี พร้อมถูกควบคุมหลังพ้นโทษอีก 3 ปี ➡️ ต้องยึดทรัพย์ $284,555.92 และจ่ายค่าปรับ $176,850 ✅ ขบวนการนี้สร้างรายได้ให้เกาหลีเหนือกว่า $17.1 ล้าน ➡️ ใช้ตัวตนปลอมของชาวอเมริกัน 68 คน ➡️ ส่งข้อมูลเท็จไปยังหน่วยงานรัฐกว่า 100 ครั้ง ✅ Chapman ดำเนินการ “ฟาร์มแล็ปท็อป” ที่บ้านของเธอ ➡️ รับเครื่องจากบริษัทสหรัฐฯ แล้วให้เจ้าหน้าที่เกาหลีเหนือเข้าระบบจากต่างประเทศ ➡️ ส่งแล็ปท็อป 49 เครื่องไปยังเมืองชายแดนจีน-เกาหลีเหนือ ✅ บริษัทที่ถูกหลอกรวมถึงเครือข่ายโทรทัศน์รายใหญ่, บริษัทเทคโนโลยีใน Silicon Valley, ผู้ผลิตรถยนต์และอากาศยาน ➡️ มีความพยายามเข้าถึงหน่วยงานรัฐบาลสหรัฐฯ 2 แห่ง แต่ถูกสกัดไว้ได้ ➡️ บางบริษัทถูกขบวนการนี้ “เลือกเป้าหมาย” โดยเฉพาะ ✅ รายได้จากงานไอทีถูกส่งกลับไปยังเกาหลีเหนือผ่านการฟอกเงิน ➡️ Chapman รับเงินเดือนแทน, ปลอมลายเซ็น, ฝากเช็ค และโอนเงินไปต่างประเทศ ➡️ รายได้ถูกแจ้งเท็จต่อ IRS และ Social Security ✅ FBI และ IRS เป็นผู้สืบสวนหลักในคดีนี้ ➡️ ยึดแล็ปท็อปกว่า 90 เครื่องจากบ้านของ Chapman ➡️ ถือเป็นหนึ่งในคดีใหญ่ที่สุดที่เกี่ยวข้องกับการหลอกลวงงานไอทีของเกาหลีเหนือ ✅ รัฐบาลสหรัฐฯ ออกคำแนะนำใหม่สำหรับบริษัทในการตรวจสอบพนักงานระยะไกล ➡️ ตรวจสอบเอกสารตัวตน, ประวัติการศึกษาและการทำงาน ➡️ ใช้วิดีโอสัมภาษณ์แบบเปิดกล้องและตรวจสอบภาพพื้นหลัง ‼️ บริษัทที่ไม่ตรวจสอบพนักงานระยะไกลอย่างเข้มงวดเสี่ยงต่อการถูกแทรกซึม ⛔ อาจถูกขโมยข้อมูล, ติดมัลแวร์ หรือถูกใช้เป็นช่องทางฟอกเงิน ⛔ การใช้บริษัทจัดหางานภายนอกเพิ่มความเสี่ยง ‼️ การใช้ตัวตนปลอมสร้างภาระให้กับพลเมืองสหรัฐฯ ที่ถูกขโมยข้อมูล ⛔ เกิดภาระภาษีเท็จและข้อมูลผิดพลาดในระบบราชการ ⛔ สร้างความเสียหายทางจิตใจและการเงินแก่ผู้ถูกแอบอ้าง ‼️ รายได้จากงานไอทีถูกนำไปใช้สนับสนุนโครงการอาวุธของเกาหลีเหนือ ⛔ เป็นการละเมิดมาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ และสหประชาชาติ ⛔ ส่งผลต่อความมั่นคงระดับโลก ‼️ การใช้ AI และเทคโนโลยีใหม่เพิ่มความซับซ้อนในการปลอมตัว ⛔ มีการใช้ AI เปลี่ยนภาพเอกสาร, ปรับเสียง และสร้างวิดีโอปลอม ⛔ ทำให้การตรวจสอบตัวตนยากขึ้นสำหรับบริษัททั่วไป https://hackread.com/arizona-woman-jailed-help-north-korea-it-job-scam/
    HACKREAD.COM
    Arizona Woman Jailed for Helping North Korea in $17M IT Job Scam
    Follow us on Bluesky, Twitter (X), Mastodon and Facebook at @Hackread
    0 Comments 0 Shares 303 Views 0 Reviews
  • น้องเมยเหยื่อเตรียมทหาร พ่อแม่คาใจทั้งน้ำตา

    การเสียชีวิตของ นตท.ภคพงศ์ ตัญกาญจน์ หรือน้องเมย นักเรียนเตรียมทหาร (นตท.) รุ่นที่ 60 ชั้นปีที่ 1 วัย 19 ปี หลังถูกรุ่นพี่ธำรงวินัยจนหมดสติและถึงแก่ความตาย เหตุเกิดที่โรงเรียนเตรียมทหาร อ.บ้านนา จ.นครนายก เมื่อวันที่ 17 ต.ค. 2560 คดีแรกถึงที่สุด เมื่อวันที่ 22 ก.ค. ที่ศาลมณฑลทหารบกที่ 12 จ.ปราจีนบุรี ศาลทหารชั้นฎีกาพิพากษา ร.ต.ท.ธีร์จุฑา (สงวนนามสกุล) ข้าราชการตำรวจ รุ่นพี่ นตท.59 ที่เป็นนักเรียนบังคับบัญชาของน้องเมย ฐานทำร้ายผู้อื่นถึงแก่ความตาย โดยพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ ให้จำคุก 6 เดือน ปรับ 20,000 บาท แต่ศาลลดโทษให้เหลือจำคุก 4 เดือน 16 วัน ปรับ 15,000 บาท

    ส่วนที่โจทก์ คือ ครอบครัวตัญกาญจน์ ขอให้ลงโทษจำเลยทันทีนั้น ศาลเห็นว่าด้วยอายุจำเลยไม่เคยได้รับโทษ การจะลงโทษจำเลยไปก็ไม่เป็นประโยชน์ ให้จำเลยปรับปรุงตัวรับราชการรับใช้ชาติต่อไปจะเป็นประโยชน์มากกว่า ทำให้นางสุกัลยา ตัญกาญจน์ มารดาน้องเมย เปิดใจทั้งน้ำตาว่า ที่ศาลเห็นว่าจำเลยทำคุณประโยชน์ให้แก่ประเทศชาติ แล้วถ้าลูกตนมีชีวิตอยู่ เขาสามารถทำคุณประโยชน์ให้แก่ประเทศชาติได้ไหม อีกทั้งจำเลยยังเป็นนักเรียนบังคับบัญชา เหมือนผู้ที่กำกฎหมายไว้ในมือ แต่ทำผิดซะเอง ต่อไปเขาจะทำประโยชน์ให้แก่ประเทศชาติได้มากขนาดไหน

    นายพิเชษฐ ตัญกาญจน์ บิดาน้องเมย ยืนยันว่าตั้งแต่เกิดเรื่อง จำเลยไม่เคยเข้ามาขอโทษหรือแสดงความรับผิดชอบใดๆ และระหว่างพิจารณาคดีจำเลยไม่กล้าเจอหน้า มาปุ๊บๆ ก็ไป ซึ่งนับจากนี้จะทำเรื่องไปยังผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติว่า เมื่อมีคำพิพากษาถึงที่สุดเช่นนี้ จะยังมีคุณสมบัติรับราชการตำรวจได้อีกหรือไม่ นอกจากนี้ ยังมีคดีการผ่าชันสูตรครั้งแรกของโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า ที่พบว่าอวัยวะบางส่วนหาย บางส่วนเสียหาย และบางส่วนถูกทำลาย ซึ่งมารดาแจ้งความไว้ที่ สน.พญาไท คดีก็ยังไม่มีความคืบหน้า เพราะยังไม่ออกหมายจับแพทย์ทหารยศพันตรี ที่ผ่าชันสูตรครั้งแรกแต่อย่างใด

    นางสุกัญญา กล่าวทั้งน้ำตาว่า เคยถูกตำรวจ สภ.บ้านนาที่ชื่อกสินธุ์กล่าวดูถูกว่า คดีลูกคุณเปลืองงบประมาณไปเท่าไหร่ ส่วนตำรวจ สภ.เมืองนครนายก เจ้าของสำนวนกล่าวว่า "คุณแม่เข้าใจผมนะ ลูกผมยังเล็ก ผมยังไม่อยากตาย" นอกจากนี้ ใครที่เข้ามาคุยกับครอบครัวจะโดนแบนทั้งหมด มีโทรศัพท์ข่มขู่ตลอด ทุกคนบอกว่าสู้ไปก็แพ้ สู้ไปก็ไม่ได้ ตนไม่ต้องการให้ใครแพ้ใครชนะ แต่สู้เพื่อให้สังคมรู้ความจริง ขอบคุณประชาชนที่ตามข่าวทั้งที่รู้จักและไม่รู้จัก ที่สนใจและเห็นใจ รักตนและน้องเมย แม้ว่าคดีจะเป็นอย่างไร แต่ได้เห็นแสงสว่างจากหัวใจของประชาชนมาถึงตน

    #Newskit
    น้องเมยเหยื่อเตรียมทหาร พ่อแม่คาใจทั้งน้ำตา การเสียชีวิตของ นตท.ภคพงศ์ ตัญกาญจน์ หรือน้องเมย นักเรียนเตรียมทหาร (นตท.) รุ่นที่ 60 ชั้นปีที่ 1 วัย 19 ปี หลังถูกรุ่นพี่ธำรงวินัยจนหมดสติและถึงแก่ความตาย เหตุเกิดที่โรงเรียนเตรียมทหาร อ.บ้านนา จ.นครนายก เมื่อวันที่ 17 ต.ค. 2560 คดีแรกถึงที่สุด เมื่อวันที่ 22 ก.ค. ที่ศาลมณฑลทหารบกที่ 12 จ.ปราจีนบุรี ศาลทหารชั้นฎีกาพิพากษา ร.ต.ท.ธีร์จุฑา (สงวนนามสกุล) ข้าราชการตำรวจ รุ่นพี่ นตท.59 ที่เป็นนักเรียนบังคับบัญชาของน้องเมย ฐานทำร้ายผู้อื่นถึงแก่ความตาย โดยพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ ให้จำคุก 6 เดือน ปรับ 20,000 บาท แต่ศาลลดโทษให้เหลือจำคุก 4 เดือน 16 วัน ปรับ 15,000 บาท ส่วนที่โจทก์ คือ ครอบครัวตัญกาญจน์ ขอให้ลงโทษจำเลยทันทีนั้น ศาลเห็นว่าด้วยอายุจำเลยไม่เคยได้รับโทษ การจะลงโทษจำเลยไปก็ไม่เป็นประโยชน์ ให้จำเลยปรับปรุงตัวรับราชการรับใช้ชาติต่อไปจะเป็นประโยชน์มากกว่า ทำให้นางสุกัลยา ตัญกาญจน์ มารดาน้องเมย เปิดใจทั้งน้ำตาว่า ที่ศาลเห็นว่าจำเลยทำคุณประโยชน์ให้แก่ประเทศชาติ แล้วถ้าลูกตนมีชีวิตอยู่ เขาสามารถทำคุณประโยชน์ให้แก่ประเทศชาติได้ไหม อีกทั้งจำเลยยังเป็นนักเรียนบังคับบัญชา เหมือนผู้ที่กำกฎหมายไว้ในมือ แต่ทำผิดซะเอง ต่อไปเขาจะทำประโยชน์ให้แก่ประเทศชาติได้มากขนาดไหน นายพิเชษฐ ตัญกาญจน์ บิดาน้องเมย ยืนยันว่าตั้งแต่เกิดเรื่อง จำเลยไม่เคยเข้ามาขอโทษหรือแสดงความรับผิดชอบใดๆ และระหว่างพิจารณาคดีจำเลยไม่กล้าเจอหน้า มาปุ๊บๆ ก็ไป ซึ่งนับจากนี้จะทำเรื่องไปยังผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติว่า เมื่อมีคำพิพากษาถึงที่สุดเช่นนี้ จะยังมีคุณสมบัติรับราชการตำรวจได้อีกหรือไม่ นอกจากนี้ ยังมีคดีการผ่าชันสูตรครั้งแรกของโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า ที่พบว่าอวัยวะบางส่วนหาย บางส่วนเสียหาย และบางส่วนถูกทำลาย ซึ่งมารดาแจ้งความไว้ที่ สน.พญาไท คดีก็ยังไม่มีความคืบหน้า เพราะยังไม่ออกหมายจับแพทย์ทหารยศพันตรี ที่ผ่าชันสูตรครั้งแรกแต่อย่างใด นางสุกัญญา กล่าวทั้งน้ำตาว่า เคยถูกตำรวจ สภ.บ้านนาที่ชื่อกสินธุ์กล่าวดูถูกว่า คดีลูกคุณเปลืองงบประมาณไปเท่าไหร่ ส่วนตำรวจ สภ.เมืองนครนายก เจ้าของสำนวนกล่าวว่า "คุณแม่เข้าใจผมนะ ลูกผมยังเล็ก ผมยังไม่อยากตาย" นอกจากนี้ ใครที่เข้ามาคุยกับครอบครัวจะโดนแบนทั้งหมด มีโทรศัพท์ข่มขู่ตลอด ทุกคนบอกว่าสู้ไปก็แพ้ สู้ไปก็ไม่ได้ ตนไม่ต้องการให้ใครแพ้ใครชนะ แต่สู้เพื่อให้สังคมรู้ความจริง ขอบคุณประชาชนที่ตามข่าวทั้งที่รู้จักและไม่รู้จัก ที่สนใจและเห็นใจ รักตนและน้องเมย แม้ว่าคดีจะเป็นอย่างไร แต่ได้เห็นแสงสว่างจากหัวใจของประชาชนมาถึงตน #Newskit
    0 Comments 1 Shares 459 Views 0 Reviews
  • "ครอบครัวตัญกาญจน์" ​ยังไม่โอเคแต่ไม่ก้าวล่วงคำสั่งศาลฎีกา พิพากษาความผิดรุ่นพี่ทำร้าย "นัองเมย" จนเสียชีวิต จำคุก4 เดือน 16 วัน รอลงอาญา 2ปี ถาม ผบ.ตร.เจ้าหน้าที่ที่มีคดีติดตัวยังรับราชการได้หรือ

    วันนี้ (22 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าการนัดอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาในคดีแรกของ "น้องเมย" นายภคพงศ์ ตัญกาญจน์ นักเรียนเตรียมทหาร ชั้นปีที่ 1 ซึ่งถูกสั่งธำรงวินัยจนหมดสติและเสียชีวิต เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2560 ที่ผ่านมา ซึ่ง นายพิเชษฐ์ -​นางสุกัลยา ตัญกาญจน์​พ่อและแม่ได้ใช้เวลานานถึว 8 ปีเรียกร้องความยุติธรรมให้กับลูกชายว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ศาลทหารสูงสุด มีคำพิพากษาชั้นฎีกาว่า ให้ยืนตามศาลชั้นอุทธรณ์ จำเลยมีความผิดทำร้ายร่างกาย ทำโทษ โดยฝ่าฝืนคำสั่งกลุ่มนักเรียนโรงเรียนเตรียมทหาร

    ส่วนที่โจทก์ขอให้ลงโทษจำเลยทันทีนั้น ศาลเห็นว่าด้วยอายุจำเลยนั้นไม่เคยได้รับโทษ การจะลงโทษจำเลยไปก็ไม่เป็นประโยชน์ ให้จำเลยปรับปรุงตัวรับราชการ รับใช้ชาติต่อไปจะเป็นประโยชน์มากกว่า โดยมีโทษจำคุก 4 เดือน 16 วัน ปรับ 15,000 บาทและรอลงอาญา 2 ปี

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/local/detail/9680000068816

    #Thaitimes #MGROnline #ครอบครัวตัญกาญจน์ #รุ่นพี่ #นัองเมย
    "ครอบครัวตัญกาญจน์" ​ยังไม่โอเคแต่ไม่ก้าวล่วงคำสั่งศาลฎีกา พิพากษาความผิดรุ่นพี่ทำร้าย "นัองเมย" จนเสียชีวิต จำคุก4 เดือน 16 วัน รอลงอาญา 2ปี ถาม ผบ.ตร.เจ้าหน้าที่ที่มีคดีติดตัวยังรับราชการได้หรือ • วันนี้ (22 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าการนัดอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาในคดีแรกของ "น้องเมย" นายภคพงศ์ ตัญกาญจน์ นักเรียนเตรียมทหาร ชั้นปีที่ 1 ซึ่งถูกสั่งธำรงวินัยจนหมดสติและเสียชีวิต เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2560 ที่ผ่านมา ซึ่ง นายพิเชษฐ์ -​นางสุกัลยา ตัญกาญจน์​พ่อและแม่ได้ใช้เวลานานถึว 8 ปีเรียกร้องความยุติธรรมให้กับลูกชายว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ศาลทหารสูงสุด มีคำพิพากษาชั้นฎีกาว่า ให้ยืนตามศาลชั้นอุทธรณ์ จำเลยมีความผิดทำร้ายร่างกาย ทำโทษ โดยฝ่าฝืนคำสั่งกลุ่มนักเรียนโรงเรียนเตรียมทหาร • ส่วนที่โจทก์ขอให้ลงโทษจำเลยทันทีนั้น ศาลเห็นว่าด้วยอายุจำเลยนั้นไม่เคยได้รับโทษ การจะลงโทษจำเลยไปก็ไม่เป็นประโยชน์ ให้จำเลยปรับปรุงตัวรับราชการ รับใช้ชาติต่อไปจะเป็นประโยชน์มากกว่า โดยมีโทษจำคุก 4 เดือน 16 วัน ปรับ 15,000 บาทและรอลงอาญา 2 ปี • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/local/detail/9680000068816 • #Thaitimes #MGROnline #ครอบครัวตัญกาญจน์ #รุ่นพี่ #นัองเมย
    0 Comments 0 Shares 362 Views 0 Reviews
  • ศาลทหารชั้นฎีกาตัดสินจำคุก 4 เดือน 16 วัน ปรับ 15,000 บาท ตำรวจยศ ร.ต.ท.นายหนึ่ง คดีทำร้ายร่างกายน้องเมย นักเรียนเตรียมทหารชั้นปี 1 ถึงแก่ความตาย ขณะธำรงวินัยเมื่อปี 60 ศาลเห็นว่าจำคุกไปไม่มีประโยชน์ ปรับปรุงตัวรับใช้ชาติเป็นประโยชน์มากกว่า ด้านพ่อแม่คาใจ เตรียมร้อง ผบ.ตร. พิจารณาให้รับราชการต่อไปหรือไม่ ชี้ยังมีคดี สน.พญาไท กรณีผ่าชันสูตรศพครั้งแรกอวัยวะหาย ยังออกหมายจับหมอคนผ่าครั้งแรกไม่ได้
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000068873

    #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    ศาลทหารชั้นฎีกาตัดสินจำคุก 4 เดือน 16 วัน ปรับ 15,000 บาท ตำรวจยศ ร.ต.ท.นายหนึ่ง คดีทำร้ายร่างกายน้องเมย นักเรียนเตรียมทหารชั้นปี 1 ถึงแก่ความตาย ขณะธำรงวินัยเมื่อปี 60 ศาลเห็นว่าจำคุกไปไม่มีประโยชน์ ปรับปรุงตัวรับใช้ชาติเป็นประโยชน์มากกว่า ด้านพ่อแม่คาใจ เตรียมร้อง ผบ.ตร. พิจารณาให้รับราชการต่อไปหรือไม่ ชี้ยังมีคดี สน.พญาไท กรณีผ่าชันสูตรศพครั้งแรกอวัยวะหาย ยังออกหมายจับหมอคนผ่าครั้งแรกไม่ได้ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000068873 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    Like
    3
    0 Comments 0 Shares 1093 Views 0 Reviews
  • สุรินทร์-ศาลจังหวัดสุรินทร์สั่งจำคุกลุงสมหมายคดีชกทหารเขมร 1 เดือน ปรับ 5,000 บาท จำเลยให้การรับสารภาพลดกึ่งหนึ่ง เหลือจำคุก 15 วัน ปรับ 2,500 บาท โทษจำคุกให้รอลงอาญา ด้านเจ้าตัวน้อมรับคำตัดสินของศาล จะไม่ต่อยใครอีกภายใน 1 ปี

    วันนี้ (21ก.ค.) ที่ศาลจังหวัดสุรินทร์ ได้มีนัดพิจารณาคดีกรณีพนักงานอัยการเป็นโจทก์ คดีที่นายสมหมาย ศรีศุกรานันทน์ อดีตอาสาสมัครทหารพรานและพวกคือนายปฐมพงษ์ ยุกวนิช ชกทหารเขมร ที่บริเวณปราสาทตาเมือนธม อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์เมื่อสัปดาห์ก่อน โดยก่อนนี้พนักงานสอบสวน สภ.พนมดงรัก ได้แจ้งข้อกล่าวหานายสมหมายและนายปฐมพงษ์ในข้อหา ร่วมกันใช้กำลังทำร้ายผู้อื่น โดยไม่ถึงกับเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจ”

    โดยศาลมีคำพิพากษาสั่งจำคุกทั้งคู่ 1 เดือน ปรับ 5,000 บาท จำเลยให้การรับสารภาพ ศาลลดโทษกึ่งหนึ่ง เหลือจำคุก 15 วัน ปรับ 2,500 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษ ไว้ 1 ปี

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/local/detail/9680000068592

    #Thaitimes #MGROnline #ศาลจังหวัดสุรินทร์ #จำคุก #ลุงสมหมาย #คดีชกทหารเขมร
    สุรินทร์-ศาลจังหวัดสุรินทร์สั่งจำคุกลุงสมหมายคดีชกทหารเขมร 1 เดือน ปรับ 5,000 บาท จำเลยให้การรับสารภาพลดกึ่งหนึ่ง เหลือจำคุก 15 วัน ปรับ 2,500 บาท โทษจำคุกให้รอลงอาญา ด้านเจ้าตัวน้อมรับคำตัดสินของศาล จะไม่ต่อยใครอีกภายใน 1 ปี • วันนี้ (21ก.ค.) ที่ศาลจังหวัดสุรินทร์ ได้มีนัดพิจารณาคดีกรณีพนักงานอัยการเป็นโจทก์ คดีที่นายสมหมาย ศรีศุกรานันทน์ อดีตอาสาสมัครทหารพรานและพวกคือนายปฐมพงษ์ ยุกวนิช ชกทหารเขมร ที่บริเวณปราสาทตาเมือนธม อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์เมื่อสัปดาห์ก่อน โดยก่อนนี้พนักงานสอบสวน สภ.พนมดงรัก ได้แจ้งข้อกล่าวหานายสมหมายและนายปฐมพงษ์ในข้อหา ร่วมกันใช้กำลังทำร้ายผู้อื่น โดยไม่ถึงกับเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจ” • โดยศาลมีคำพิพากษาสั่งจำคุกทั้งคู่ 1 เดือน ปรับ 5,000 บาท จำเลยให้การรับสารภาพ ศาลลดโทษกึ่งหนึ่ง เหลือจำคุก 15 วัน ปรับ 2,500 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษ ไว้ 1 ปี • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/local/detail/9680000068592 • #Thaitimes #MGROnline #ศาลจังหวัดสุรินทร์ #จำคุก #ลุงสมหมาย #คดีชกทหารเขมร
    0 Comments 0 Shares 369 Views 0 Reviews
  • ศาลจังหวัดสุรินทร์สั่งจำคุกลุงสมหมายคดีชกทหารเขมร 1 เดือน ปรับ 5,000 บาท จำเลยให้การรับสารภาพลดกึ่งหนึ่ง เหลือจำคุก 15 วัน ปรับ 2,500 บาท โทษจำคุกให้รอลงอาญา ด้านเจ้าตัวน้อมรับคำตัดสินของศาล จะไม่ต่อยใครอีกภายใน 1 ปี

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000068592

    #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    ศาลจังหวัดสุรินทร์สั่งจำคุกลุงสมหมายคดีชกทหารเขมร 1 เดือน ปรับ 5,000 บาท จำเลยให้การรับสารภาพลดกึ่งหนึ่ง เหลือจำคุก 15 วัน ปรับ 2,500 บาท โทษจำคุกให้รอลงอาญา ด้านเจ้าตัวน้อมรับคำตัดสินของศาล จะไม่ต่อยใครอีกภายใน 1 ปี อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000068592 #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    Like
    3
    0 Comments 0 Shares 488 Views 0 Reviews
  • พรุ่งนี้ศาลจังหวัดธัญบุรีนัดฟังคำพิพากษาชั้นอุทธรณ์ คดี112 นังลูกเกดชลธิชา เชื่อยืนโทษจำคุก 2 ปีตามศาลชั้นต้น
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #ลูกเกดชลธิชา
    พรุ่งนี้ศาลจังหวัดธัญบุรีนัดฟังคำพิพากษาชั้นอุทธรณ์ คดี112 นังลูกเกดชลธิชา เชื่อยืนโทษจำคุก 2 ปีตามศาลชั้นต้น #คิงส์โพธิ์แดง #ลูกเกดชลธิชา
    0 Comments 0 Shares 171 Views 0 Reviews
  • ปาร์ตี้เกย์ในกลันตัน เรื่องจริงหรือจ้อจี้?

    ใครจะเชื่อว่ารัฐอนุรักษ์นิยมที่เคร่งครัดในศาสนาอิสลามมากที่สุดในบรรดารัฐต่างๆ ของมาเลเซีย เฉกเช่นรัฐกลันตันจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น เมื่อโมฮัมหมัด ยูซอฟ มามัต ผู้บัญชาการตำรวจรัฐกลันตัน เปิดเผยเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา (17 ก.ค.) ว่า ได้เข้าตรวจค้นบ้านพักบังกะโลหลังหนึ่งบนถนนเกมูมิน (Jalan Kemumin) เมืองโกตาบารู เมื่อกลางเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา หลังได้รับเบาะแสว่ามีการจัดปาร์ตี้เกย์ คาดว่าจะมีคนในท้องถิ่นเข้าร่วมกิจกรรมมากกว่า 100 คน แต่เหลือเพียงกลุ่มคนที่อยู่ในบ้านประมาณ 20 คนเท่านั้น อายุตั้งแต่ 20-30 ปี พบถุงยางอนามัยหลายร้อยชิ้นและกล่องยาต้านไวรัสเอชไอวีหลายกล่อง

    อีกทั้งพบสื่อลามกอนาจารในมือถือ 3 คน จึงดำเนินคดีข้อหาครอบครองสื่อลามกอนาจาร ส่วนที่เหลือไม่ได้ดำเนินคดี เนื่องจากไม่มีหลักฐานการมีเพศสัมพันธ์ และทุกคนยังสวมเสื้อผ้าครบชุด นับเป็นรายงานการรวมตัวกันของกลุ่มชายรักชายครั้งแรกในรัฐกลันตัน ตำรวจกำลังดำเนินการเรื่องนี้อย่างจริงจัง เนื่องจากอาจก่อให้เกิดกิจกรรมที่ผิดศีลธรรมในมาเลเซียและเพิ่มความเสี่ยงในการแพร่ระบาดของโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ และการติดเชื้อเอชไอวี ซึ่งตำรวจจะติดตามความเคลื่อนไหวของกลุ่มชายรักชายดังกล่าวต่อไป เพราะกังวลว่ากลุ่มคนเหล่านี้จะเคลื่อนไหวและไม่เกรงกลัวต่อกฎหมายมากขึ้น

    เรื่องดังกล่าวถูกตอบโต้จากกลุ่ม Justice for Sisters เรียกร้องให้ตำรวจรัฐกลันตันแก้ไขข้อมูลให้ถูกต้อง เพราะเป็นกิจกรรมให้ความรู้เรื่องเพศสัมพันธ์ การใช้ถุงยางอนามัย และการตรวจเอชไอวีแบบสมัครใจในกลุ่มชายที่มีเพศสัมพันธ์กับชาย ไม่ใช่งานมั่วสุมทางเพศ ขณะนั้นมีแพทย์ให้ข้อมูลสุขภาพ กำลังทยอยปิดงานประมาณเที่ยงคืน แต่ยังมีอีก 20 คนที่รอผลตรวจสุขภาพ นอกจากนี้ ตำรวจยังยัดเยียดข้อหาครอบครองสื่อลามกแก่ผู้เข้าร่วมกิจกรรม ตีตราว่าผู้เข้าร่วมกิจกรรมบางคนติดเชื้อเอชไอวี และยาต้านไวรัสเตรียมไว้มีเพศสัมพันธ์ สร้างความหวาดกลัวและลดทอนการเข้าถึงบริการสุขภาพของกลุ่ม LGBTQ

    มาเลเซีย เป็น 1 ใน 64 ประเทศที่มีกฎหมายลงโทษผู้ที่มีความสัมพันธ์ทางเพศกับเพศเดียวกัน มาตั้งแต่สมัยที่ตกเป็นเมืองขึ้นของสหราชอาณาจักร ปัจจุบันได้แก้กฎหมายเพิ่มเติมให้กลุ่มหญิงรักหญิงถูกลงโทษด้วย การมีเพศสัมพันธ์ที่ผิดธรรมชาติของทั้งชายและหญิง มีบทลงโทษจำคุกไม่เกิน 20 ปี และ/หรือลงโทษด้วยการโบย ส่วนพฤติกรรมอนาจารมีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี นอกจากนี้ ผู้ที่นับถือศาสนาอิสลาม ยังต้องถูกลงโทษตามกฎหมายชารีอะ (Sharia Law) ที่ห้ามทั้งการมีเพศสัมพันธ์กับเพศเดียวกัน และแต่งกายข้ามเพศ

    #Newskit
    ปาร์ตี้เกย์ในกลันตัน เรื่องจริงหรือจ้อจี้? ใครจะเชื่อว่ารัฐอนุรักษ์นิยมที่เคร่งครัดในศาสนาอิสลามมากที่สุดในบรรดารัฐต่างๆ ของมาเลเซีย เฉกเช่นรัฐกลันตันจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น เมื่อโมฮัมหมัด ยูซอฟ มามัต ผู้บัญชาการตำรวจรัฐกลันตัน เปิดเผยเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา (17 ก.ค.) ว่า ได้เข้าตรวจค้นบ้านพักบังกะโลหลังหนึ่งบนถนนเกมูมิน (Jalan Kemumin) เมืองโกตาบารู เมื่อกลางเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา หลังได้รับเบาะแสว่ามีการจัดปาร์ตี้เกย์ คาดว่าจะมีคนในท้องถิ่นเข้าร่วมกิจกรรมมากกว่า 100 คน แต่เหลือเพียงกลุ่มคนที่อยู่ในบ้านประมาณ 20 คนเท่านั้น อายุตั้งแต่ 20-30 ปี พบถุงยางอนามัยหลายร้อยชิ้นและกล่องยาต้านไวรัสเอชไอวีหลายกล่อง อีกทั้งพบสื่อลามกอนาจารในมือถือ 3 คน จึงดำเนินคดีข้อหาครอบครองสื่อลามกอนาจาร ส่วนที่เหลือไม่ได้ดำเนินคดี เนื่องจากไม่มีหลักฐานการมีเพศสัมพันธ์ และทุกคนยังสวมเสื้อผ้าครบชุด นับเป็นรายงานการรวมตัวกันของกลุ่มชายรักชายครั้งแรกในรัฐกลันตัน ตำรวจกำลังดำเนินการเรื่องนี้อย่างจริงจัง เนื่องจากอาจก่อให้เกิดกิจกรรมที่ผิดศีลธรรมในมาเลเซียและเพิ่มความเสี่ยงในการแพร่ระบาดของโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ และการติดเชื้อเอชไอวี ซึ่งตำรวจจะติดตามความเคลื่อนไหวของกลุ่มชายรักชายดังกล่าวต่อไป เพราะกังวลว่ากลุ่มคนเหล่านี้จะเคลื่อนไหวและไม่เกรงกลัวต่อกฎหมายมากขึ้น เรื่องดังกล่าวถูกตอบโต้จากกลุ่ม Justice for Sisters เรียกร้องให้ตำรวจรัฐกลันตันแก้ไขข้อมูลให้ถูกต้อง เพราะเป็นกิจกรรมให้ความรู้เรื่องเพศสัมพันธ์ การใช้ถุงยางอนามัย และการตรวจเอชไอวีแบบสมัครใจในกลุ่มชายที่มีเพศสัมพันธ์กับชาย ไม่ใช่งานมั่วสุมทางเพศ ขณะนั้นมีแพทย์ให้ข้อมูลสุขภาพ กำลังทยอยปิดงานประมาณเที่ยงคืน แต่ยังมีอีก 20 คนที่รอผลตรวจสุขภาพ นอกจากนี้ ตำรวจยังยัดเยียดข้อหาครอบครองสื่อลามกแก่ผู้เข้าร่วมกิจกรรม ตีตราว่าผู้เข้าร่วมกิจกรรมบางคนติดเชื้อเอชไอวี และยาต้านไวรัสเตรียมไว้มีเพศสัมพันธ์ สร้างความหวาดกลัวและลดทอนการเข้าถึงบริการสุขภาพของกลุ่ม LGBTQ มาเลเซีย เป็น 1 ใน 64 ประเทศที่มีกฎหมายลงโทษผู้ที่มีความสัมพันธ์ทางเพศกับเพศเดียวกัน มาตั้งแต่สมัยที่ตกเป็นเมืองขึ้นของสหราชอาณาจักร ปัจจุบันได้แก้กฎหมายเพิ่มเติมให้กลุ่มหญิงรักหญิงถูกลงโทษด้วย การมีเพศสัมพันธ์ที่ผิดธรรมชาติของทั้งชายและหญิง มีบทลงโทษจำคุกไม่เกิน 20 ปี และ/หรือลงโทษด้วยการโบย ส่วนพฤติกรรมอนาจารมีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี นอกจากนี้ ผู้ที่นับถือศาสนาอิสลาม ยังต้องถูกลงโทษตามกฎหมายชารีอะ (Sharia Law) ที่ห้ามทั้งการมีเพศสัมพันธ์กับเพศเดียวกัน และแต่งกายข้ามเพศ #Newskit
    Like
    2
    0 Comments 0 Shares 380 Views 0 Reviews
  • เรื่องเล่าจากโลกไซเบอร์: เมื่ออดีตทหารแฮก AT&T ขู่รัฐบาลด้วยข้อมูลโทรศัพท์

    Cameron John Wagenius ใช้นามแฝง “kiberphant0m” และ “cyb3rph4nt0m” ในการเจาะระบบคลาวด์ของ AT&T และ Verizon ระหว่างเดือนเมษายน 2023 ถึงธันวาคม 2024 โดยบางส่วนของการโจมตียังเกิดขึ้นขณะเขายังรับราชการในกองทัพสหรัฐฯ

    เขาเข้าถึงข้อมูลการโทรและข้อความของผู้ใช้นับล้านคน รวมถึงข้อมูลของเจ้าหน้าที่ระดับสูง เช่น ประธานาธิบดี Donald Trump ซึ่งเขาเคยโอ้อวดบนโลกออนไลน์จนถูกจับใกล้ฐานทัพในรัฐเท็กซัสเมื่อปลายปี 2024

    Wagenius ยอมรับสารภาพในข้อหาหลายกระทง ได้แก่:
    - การฉ้อโกงผ่านระบบสื่อสาร (wire fraud)
    - การขู่กรรโชก (extortion)
    - การขโมยข้อมูลส่วนบุคคล (identity theft)
    - การโอนข้อมูลโทรศัพท์อย่างผิดกฎหมาย

    เขาอาจต้องรับโทษจำคุกสูงสุดถึง 27 ปี โดยจะเริ่มพิจารณาโทษในวันที่ 6 ตุลาคม 2025

    ข้อมูลที่ถูกขโมยมาจากระบบคลาวด์ของ Snowflake ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่ AT&T ใช้จัดเก็บข้อมูล โดยบริษัทออกมายืนยันว่าข้อมูลของลูกค้าเกือบทั้งหมดได้รับผลกระทบ

    Cameron John Wagenius แฮกระบบคลาวด์ของ AT&T และ Verizon
    ใช้นามแฝง “kiberphant0m” และ “cyb3rph4nt0m” ระหว่างปี 2023–2024

    ขโมยข้อมูลการโทรและข้อความของผู้ใช้นับล้าน
    รวมถึงข้อมูลของเจ้าหน้าที่ระดับสูง เช่น ประธานาธิบดี Trump

    ถูกจับใกล้ฐานทัพในรัฐเท็กซัสหลังโอ้อวดบนโลกออนไลน์
    นำไปสู่การสอบสวนและจับกุมโดยหน่วยงานกลาง

    ยอมรับสารภาพในข้อหาฉ้อโกง ขู่กรรโชก และขโมยข้อมูล
    อาจต้องรับโทษจำคุกสูงสุด 27 ปี เริ่มพิจารณาโทษ 6 ตุลาคม 2025

    ข้อมูลถูกขโมยจากระบบคลาวด์ Snowflake ที่ AT&T ใช้งาน
    บริษัทยืนยันว่าข้อมูลลูกค้าเกือบทั้งหมดได้รับผลกระทบ

    เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยยกให้เป็น “ชัยชนะครั้งใหญ่” ในการต่อสู้กับอาชญากรรมไซเบอร์
    เป็นหนึ่งในการจับกุมที่เร็วที่สุดในระดับรัฐบาลกลาง

    การใช้ระบบคลาวด์โดยไม่มีการป้องกันที่เพียงพอเสี่ยงต่อการถูกเจาะ
    โดยเฉพาะเมื่อจัดเก็บข้อมูลสำคัญของผู้ใช้งานจำนวนมาก

    การโอ้อวดหรือเปิดเผยข้อมูลที่แฮกได้บนโลกออนไลน์อาจนำไปสู่การจับกุม
    แต่ก็แสดงถึงความประมาทของผู้ก่อเหตุที่อาจทำให้การสืบสวนง่ายขึ้น

    การขู่กรรโชกเจ้าหน้าที่ระดับสูงเป็นภัยต่อความมั่นคงของประเทศ
    อาจนำไปสู่การเพิ่มมาตรการควบคุมข้อมูลในระดับรัฐบาล

    ผู้ใช้บริการโทรคมนาคมอาจสูญเสียความเชื่อมั่นในผู้ให้บริการ
    โดยเฉพาะเมื่อข้อมูลส่วนตัวถูกละเมิดในระดับใหญ่

    https://wccftech.com/ex-army-soldier-pleads-guilty-to-att-cloud-hack-massive-call-data-breach-and-500k-extortion-threat-targeting-high-level-government-officials/
    🎙️ เรื่องเล่าจากโลกไซเบอร์: เมื่ออดีตทหารแฮก AT&T ขู่รัฐบาลด้วยข้อมูลโทรศัพท์ Cameron John Wagenius ใช้นามแฝง “kiberphant0m” และ “cyb3rph4nt0m” ในการเจาะระบบคลาวด์ของ AT&T และ Verizon ระหว่างเดือนเมษายน 2023 ถึงธันวาคม 2024 โดยบางส่วนของการโจมตียังเกิดขึ้นขณะเขายังรับราชการในกองทัพสหรัฐฯ เขาเข้าถึงข้อมูลการโทรและข้อความของผู้ใช้นับล้านคน รวมถึงข้อมูลของเจ้าหน้าที่ระดับสูง เช่น ประธานาธิบดี Donald Trump ซึ่งเขาเคยโอ้อวดบนโลกออนไลน์จนถูกจับใกล้ฐานทัพในรัฐเท็กซัสเมื่อปลายปี 2024 Wagenius ยอมรับสารภาพในข้อหาหลายกระทง ได้แก่: - การฉ้อโกงผ่านระบบสื่อสาร (wire fraud) - การขู่กรรโชก (extortion) - การขโมยข้อมูลส่วนบุคคล (identity theft) - การโอนข้อมูลโทรศัพท์อย่างผิดกฎหมาย เขาอาจต้องรับโทษจำคุกสูงสุดถึง 27 ปี โดยจะเริ่มพิจารณาโทษในวันที่ 6 ตุลาคม 2025 ข้อมูลที่ถูกขโมยมาจากระบบคลาวด์ของ Snowflake ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่ AT&T ใช้จัดเก็บข้อมูล โดยบริษัทออกมายืนยันว่าข้อมูลของลูกค้าเกือบทั้งหมดได้รับผลกระทบ ✅ Cameron John Wagenius แฮกระบบคลาวด์ของ AT&T และ Verizon ➡️ ใช้นามแฝง “kiberphant0m” และ “cyb3rph4nt0m” ระหว่างปี 2023–2024 ✅ ขโมยข้อมูลการโทรและข้อความของผู้ใช้นับล้าน ➡️ รวมถึงข้อมูลของเจ้าหน้าที่ระดับสูง เช่น ประธานาธิบดี Trump ✅ ถูกจับใกล้ฐานทัพในรัฐเท็กซัสหลังโอ้อวดบนโลกออนไลน์ ➡️ นำไปสู่การสอบสวนและจับกุมโดยหน่วยงานกลาง ✅ ยอมรับสารภาพในข้อหาฉ้อโกง ขู่กรรโชก และขโมยข้อมูล ➡️ อาจต้องรับโทษจำคุกสูงสุด 27 ปี เริ่มพิจารณาโทษ 6 ตุลาคม 2025 ✅ ข้อมูลถูกขโมยจากระบบคลาวด์ Snowflake ที่ AT&T ใช้งาน ➡️ บริษัทยืนยันว่าข้อมูลลูกค้าเกือบทั้งหมดได้รับผลกระทบ ✅ เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยยกให้เป็น “ชัยชนะครั้งใหญ่” ในการต่อสู้กับอาชญากรรมไซเบอร์ ➡️ เป็นหนึ่งในการจับกุมที่เร็วที่สุดในระดับรัฐบาลกลาง ‼️ การใช้ระบบคลาวด์โดยไม่มีการป้องกันที่เพียงพอเสี่ยงต่อการถูกเจาะ ⛔ โดยเฉพาะเมื่อจัดเก็บข้อมูลสำคัญของผู้ใช้งานจำนวนมาก ‼️ การโอ้อวดหรือเปิดเผยข้อมูลที่แฮกได้บนโลกออนไลน์อาจนำไปสู่การจับกุม ⛔ แต่ก็แสดงถึงความประมาทของผู้ก่อเหตุที่อาจทำให้การสืบสวนง่ายขึ้น ‼️ การขู่กรรโชกเจ้าหน้าที่ระดับสูงเป็นภัยต่อความมั่นคงของประเทศ ⛔ อาจนำไปสู่การเพิ่มมาตรการควบคุมข้อมูลในระดับรัฐบาล ‼️ ผู้ใช้บริการโทรคมนาคมอาจสูญเสียความเชื่อมั่นในผู้ให้บริการ ⛔ โดยเฉพาะเมื่อข้อมูลส่วนตัวถูกละเมิดในระดับใหญ่ https://wccftech.com/ex-army-soldier-pleads-guilty-to-att-cloud-hack-massive-call-data-breach-and-500k-extortion-threat-targeting-high-level-government-officials/
    WCCFTECH.COM
    Ex-Army Soldier Pleads Guilty To AT&T Cloud Hack, Massive Call Data Breach, And $500K Extortion Threat Targeting High-Level Government Officials
    AT&T and Verizon had their internal systems exploited by an ex-army soldier who has now pleaded guilty to the charges against him
    0 Comments 0 Shares 442 Views 0 Reviews
More Results