• ๒ผลการวิเคราะห์ภาพถ่ายดาวเทียมที่เผยแพร่วานนี้ (22 พ.ย.) โดย BBC และศูนย์ Open Source Centre ในอังกฤษพบว่าเกาหลีเหนือมีการนำเข้าน้ำมันจากรัสเซียมากกว่า 1 ล้านบาร์เรลในช่วง 8 เดือนแรกของปีนี้ ซึ่งถือว่าละเมิดคำสั่งคว่ำบาตรขององค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น)

    รายงานที่เผยแพร่บนเว็บไซต์ขององค์กรวิจัย Open Source Centre ระบุว่า เรือบรรทุกน้ำมันเกาหลีเหนือเดินทางไปยังท่าเรือวอสตอชนี (Vostochny) ในภูมิภาคตะวันออกไกลของรัสเซียมากกว่า 40 ครั้ง

    “อ้างอิงจากภาพถ่ายความละเอียดสูงหลายสิบภาพ ระบบระบุข้อมูลอัตโนมัติ (Automatic Identification System - AIS) รวมถึงฐานข้อมูลและภาพถ่ายที่ได้จากภารกิจลาดตระเวนซึ่งได้รับมอบหมายให้ตรวจตราการบังคับใช้มาตรการคว่ำบาตรเกาหลีเหนือ แสดงให้เห็นว่าเรือบรรทุกน้ำมันเกาหลีเหนือมีการขนถ่ายน้ำมันหลายครั้งที่ท่าเรือขนส่งน้ำมันในวอสตอชนี”

    กระทรวงการต่างประเทศรัสเซียยังไม่ออกมาแสดงความเห็นในเรื่องนี้ ส่วนโฆษกยูเอ็นก็ยังไม่มีถ้อยแถลงใดๆ เช่นกัน

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>
    https://mgronline.com/around/detail/9670000112701

    #MGROnline #กระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย #รัสเซีย #เกาหลีเหนือ
    ๒ผลการวิเคราะห์ภาพถ่ายดาวเทียมที่เผยแพร่วานนี้ (22 พ.ย.) โดย BBC และศูนย์ Open Source Centre ในอังกฤษพบว่าเกาหลีเหนือมีการนำเข้าน้ำมันจากรัสเซียมากกว่า 1 ล้านบาร์เรลในช่วง 8 เดือนแรกของปีนี้ ซึ่งถือว่าละเมิดคำสั่งคว่ำบาตรขององค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) • รายงานที่เผยแพร่บนเว็บไซต์ขององค์กรวิจัย Open Source Centre ระบุว่า เรือบรรทุกน้ำมันเกาหลีเหนือเดินทางไปยังท่าเรือวอสตอชนี (Vostochny) ในภูมิภาคตะวันออกไกลของรัสเซียมากกว่า 40 ครั้ง • “อ้างอิงจากภาพถ่ายความละเอียดสูงหลายสิบภาพ ระบบระบุข้อมูลอัตโนมัติ (Automatic Identification System - AIS) รวมถึงฐานข้อมูลและภาพถ่ายที่ได้จากภารกิจลาดตระเวนซึ่งได้รับมอบหมายให้ตรวจตราการบังคับใช้มาตรการคว่ำบาตรเกาหลีเหนือ แสดงให้เห็นว่าเรือบรรทุกน้ำมันเกาหลีเหนือมีการขนถ่ายน้ำมันหลายครั้งที่ท่าเรือขนส่งน้ำมันในวอสตอชนี” • กระทรวงการต่างประเทศรัสเซียยังไม่ออกมาแสดงความเห็นในเรื่องนี้ ส่วนโฆษกยูเอ็นก็ยังไม่มีถ้อยแถลงใดๆ เช่นกัน • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/around/detail/9670000112701 • #MGROnline #กระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย #รัสเซีย #เกาหลีเหนือ
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 95 Views 0 Reviews
  • ปูตินลงนาม ประกาศหลักการใช้อาวุธนิวเคลียร์ฉบับแก้ไขปรับปรุงใหม่ ซึ่งขยายเงื่อนไขที่รัสเซียจะพิจารณาใช้อาวุธนิวเคลียร์ให้กว้างขวางกว่าเดิม โดยครอบคลุมกรณีแดนหมีขาวถูกโจมตีด้วยขีปนาวุธซึ่งมีมหาอำนาจนิวเคลียร์ให้การสนับสนุนด้วย ถือว่าเป็นการตอบโต้โดยตรงต่อการที่อเมริกาอนุญาตเคียฟใช้ขีปนาวุธพิสัยทำการไกลๆ โจมตีลึกเข้าไปในดินแดนรัสเซีย ขณะเดียวกัน เซเลนสกี้ประกาศในวันเดียวกัน ซึ่งเป็นวันครบรอบมอสโกเปิดฉากรุกรานครบ 1,000 วัน โวลั่นยูเครนจะไม่ยอมจำนน
    .
    ยูเครนเริ่มต้นวันอังคาร (19 ) วันครบรอบ 1,000 วันที่ถูกรัสเซียรุกรานด้วยข่าวการโจมตีของมอสโกในเมืองซูมี ทางตะวันออกของประเทศ เมื่อคืนวันจันทร์ (18 พ.ย.) ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 9 คน รวมถึงเด็ก
    .
    เคียฟระบุว่า ตลอดคืนวันจันทร์ รัสเซียได้ส่งโดรน 87 ลำโจมตีทั่วยูเครน แต่ถูกยิงตก 51 ลำ นอกจากนั้นในวันจันทร์รัสเซียยังยิงขีปนาวุธโจมตีโอเดสซา เมืองท่าสำคัญทางภาคใต้ของประเทศ ซึ่งได้รับการประกาศรับรองจากยูเนสโกให้เป็นเมืองมรดกโลก ทำให้มีผู้เสียชีวิต 10 คน และบาดเจ็บ 55 คน
    .
    ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี้ เผยแพร่ภาพเจ้าหน้าที่กู้ภัยนำร่างผู้เสียชีวิตออกจากซากอาคารที่พักอาศัยในเมืองซูมี ที่ถูกโจมตี และเรียกร้องพันธมิตรบีบให้เครมลินทำข้อตกลงสันติภาพ
    .
    กระทรวงการต่างประเทศยูเครนแถลงในทิศทางเดียวกันด้วยการเรียกร้องบรรดาพันธมิตรเร่งให้การสนับสนุนทางทหารเพื่อยุติสงครามนี้ลงไปอย่าง “ยั่งยืน” และย้ำว่า เคียฟจะไม่ยอมจำนนต่อผู้รุกราน แต่กองทัพรัสเซียต้องถูกลงโทษที่ละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ
    .
    ทว่า ดมิทรี เปสคอฟ โฆษกทำเนียงเครมลิน ประกาศกร้าวเหมือนกันว่า ปฏิบัติการทางทหารของรัสเซียต่อเคียฟจะต้องดำเนินต่อไปจนเสร็จสมบูรณ์
    .
    ถ้อยแถลงนี้มีขึ้นขณะที่ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ลงนามประกาศใช้กฤษฎีกาซึ่งเป็นการขยายขอบเขตเงื่อนไขที่มอสโกจะพิจารณาใช้อาวุธนิวเคลียร์ โดยนอกจากในกรณีถูกโจมตีด้วยอาวุธนิวเคลียร์ ตามที่กล่าวไว้ในหลักนิยมนิวเคลียร์ฉบับเดิมแล้ว ต่อจากนี้ไปรัสเซียจะสามารถใช้อาวุธนิวเคลียร์ได้ด้วย ในกรณีถูกโจมตีด้วยขีปนาวุธตามแบบแผน โดรน หรือเครื่องบินอื่นๆ ของประเทศที่ไม่ได้ครอบครองนิวเคลียร์แต่ได้รับการสนับสนุนจากมหาอำนาจนิวเคลียร์
    .
    นอกจากนั้นการรุกรานรัสเซียโดยประเทศที่เป็นสมาชิกแนวร่วมหรือกลุ่มพันธมิตรแห่งใดแห่งหนึ่ง จะถือว่า แนวร่วมหรือกลุ่มพันะมิตรแห่งนั้นมีส่วนร่วมในการรุกรานด้วย
    .
    เครมลินระบุว่า การเปลี่ยนแปลงนี้มีความจำเป็นเพื่อทำให้หลักนิยมนิวเคลียร์ของรัสเซียสอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน
    .
    ความเคลื่อนไหวนี้ มอสโกมุ่งที่จะเตือนตะวันตกและยูเครนอย่างชัดเจน หลังจากมีรายงานว่าคณะบริหารของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ได้อนุญาตให้เคียฟใช้ขีปนาวุธพิสัยทำการไกลๆ ที่อเมริกาจัดหาให้เข้าโจมตีเป้าหมายทางทหารภายในรัสเซีย
    .
    ขณะเดียวกัน เมื่อวันอังคาร โจเซฟ บอร์เรลล์ ประธานด้านนโยบายการต่างประเทศของสหภาพยุโรป ที่กำลังจะหมดวาระดำรงตำแหน่ง ได้ออกมาเรียกร้องให้ชาติสมาชิกอียูปรับแนวทางให้สอดคล้องกับวอชิงตันในการอนุญาตให้เคียฟใช้ขีปนาวุธพิสัยไกลๆที่ยุโรปจัดส่งให้ ในการโจมตีลึกเข้าไปในดินแดนรัสเซีย
    .
    เปสคอฟวิจารณ์ว่า คณะบริหารของไบเดนที่กำลังจะหมดวาระต้องการยั่วยุให้ความขัดแย้งในยูเครนบานปลายขยายตัวออกไป และกระทรวงการต่างประเทศรัสเซียยังออกแถลงการณ์ย้ำว่า การที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธพิสัยทำการไกลๆ โจมตีดินแดนรัสเซีย จะถือว่าอเมริกาและรัฐบริวารเป็นปฏิปักษ์ต่อรัสเซีย
    .
    เกี่ยวกับสถานการณ์การสู้รบ มีรายงานว่ากองทหารยูเครนในทุกแนวรบขณะนี้อยู่ในสภาพที่ไม่สู้ดีนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเมืองที่ถูกโจมตีอย่างหนักอย่าง คูเปียนสก์ และโปครอฟสก์ ซึ่งต่างอยู่ในแคว้นโดเนตสก์ ทางภาคตะวันออกของยูเครนทั้งคู่ นอกจากนั้น กองกำลังยูเครนยังประสบความเพลี่ยงพล้ำในแคว้นคูร์สก์ของรัสเซีย ที่พวกเขายกำลังบุกเข้าไปเมื่อหลายเดือนก่อน โดยที่มีรายงานระบุด้วยว่า มอสโกกำลังระดมทหารราว 50,000 นายเพื่อขับไล่ทหารยูเครนออกจากแคว้นดังกล่าว
    .
    ในวันอังคาร ยูเครนกล่าวหากองกำลังรัสเซียใช้สารเคมีต้องห้าม และเรียกร้องพันธมิตรตอบสนองต่อรายงานขององค์การห้ามอาวุธเคมี (โอพีซีดับเบิลยู) ที่ระบุว่า พบแก๊สควบคุมจลาจลที่ถูกแบนในตัวอย่างดินบริเวณแนวรบในยูเครน
    .
    กระทรวงการต่างประเทศยูเครนแถลงว่า การที่รัสเซียใช้สารเคมีต้องห้ามในสนามรบตอกย้ำว่า รัสเซียเพิกเฉยต่อกฎหมายระหว่างประเทศ
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000111416
    ..............
    Sondhi X
    ปูตินลงนาม ประกาศหลักการใช้อาวุธนิวเคลียร์ฉบับแก้ไขปรับปรุงใหม่ ซึ่งขยายเงื่อนไขที่รัสเซียจะพิจารณาใช้อาวุธนิวเคลียร์ให้กว้างขวางกว่าเดิม โดยครอบคลุมกรณีแดนหมีขาวถูกโจมตีด้วยขีปนาวุธซึ่งมีมหาอำนาจนิวเคลียร์ให้การสนับสนุนด้วย ถือว่าเป็นการตอบโต้โดยตรงต่อการที่อเมริกาอนุญาตเคียฟใช้ขีปนาวุธพิสัยทำการไกลๆ โจมตีลึกเข้าไปในดินแดนรัสเซีย ขณะเดียวกัน เซเลนสกี้ประกาศในวันเดียวกัน ซึ่งเป็นวันครบรอบมอสโกเปิดฉากรุกรานครบ 1,000 วัน โวลั่นยูเครนจะไม่ยอมจำนน . ยูเครนเริ่มต้นวันอังคาร (19 ) วันครบรอบ 1,000 วันที่ถูกรัสเซียรุกรานด้วยข่าวการโจมตีของมอสโกในเมืองซูมี ทางตะวันออกของประเทศ เมื่อคืนวันจันทร์ (18 พ.ย.) ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 9 คน รวมถึงเด็ก . เคียฟระบุว่า ตลอดคืนวันจันทร์ รัสเซียได้ส่งโดรน 87 ลำโจมตีทั่วยูเครน แต่ถูกยิงตก 51 ลำ นอกจากนั้นในวันจันทร์รัสเซียยังยิงขีปนาวุธโจมตีโอเดสซา เมืองท่าสำคัญทางภาคใต้ของประเทศ ซึ่งได้รับการประกาศรับรองจากยูเนสโกให้เป็นเมืองมรดกโลก ทำให้มีผู้เสียชีวิต 10 คน และบาดเจ็บ 55 คน . ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี้ เผยแพร่ภาพเจ้าหน้าที่กู้ภัยนำร่างผู้เสียชีวิตออกจากซากอาคารที่พักอาศัยในเมืองซูมี ที่ถูกโจมตี และเรียกร้องพันธมิตรบีบให้เครมลินทำข้อตกลงสันติภาพ . กระทรวงการต่างประเทศยูเครนแถลงในทิศทางเดียวกันด้วยการเรียกร้องบรรดาพันธมิตรเร่งให้การสนับสนุนทางทหารเพื่อยุติสงครามนี้ลงไปอย่าง “ยั่งยืน” และย้ำว่า เคียฟจะไม่ยอมจำนนต่อผู้รุกราน แต่กองทัพรัสเซียต้องถูกลงโทษที่ละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ . ทว่า ดมิทรี เปสคอฟ โฆษกทำเนียงเครมลิน ประกาศกร้าวเหมือนกันว่า ปฏิบัติการทางทหารของรัสเซียต่อเคียฟจะต้องดำเนินต่อไปจนเสร็จสมบูรณ์ . ถ้อยแถลงนี้มีขึ้นขณะที่ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ลงนามประกาศใช้กฤษฎีกาซึ่งเป็นการขยายขอบเขตเงื่อนไขที่มอสโกจะพิจารณาใช้อาวุธนิวเคลียร์ โดยนอกจากในกรณีถูกโจมตีด้วยอาวุธนิวเคลียร์ ตามที่กล่าวไว้ในหลักนิยมนิวเคลียร์ฉบับเดิมแล้ว ต่อจากนี้ไปรัสเซียจะสามารถใช้อาวุธนิวเคลียร์ได้ด้วย ในกรณีถูกโจมตีด้วยขีปนาวุธตามแบบแผน โดรน หรือเครื่องบินอื่นๆ ของประเทศที่ไม่ได้ครอบครองนิวเคลียร์แต่ได้รับการสนับสนุนจากมหาอำนาจนิวเคลียร์ . นอกจากนั้นการรุกรานรัสเซียโดยประเทศที่เป็นสมาชิกแนวร่วมหรือกลุ่มพันธมิตรแห่งใดแห่งหนึ่ง จะถือว่า แนวร่วมหรือกลุ่มพันะมิตรแห่งนั้นมีส่วนร่วมในการรุกรานด้วย . เครมลินระบุว่า การเปลี่ยนแปลงนี้มีความจำเป็นเพื่อทำให้หลักนิยมนิวเคลียร์ของรัสเซียสอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน . ความเคลื่อนไหวนี้ มอสโกมุ่งที่จะเตือนตะวันตกและยูเครนอย่างชัดเจน หลังจากมีรายงานว่าคณะบริหารของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ได้อนุญาตให้เคียฟใช้ขีปนาวุธพิสัยทำการไกลๆ ที่อเมริกาจัดหาให้เข้าโจมตีเป้าหมายทางทหารภายในรัสเซีย . ขณะเดียวกัน เมื่อวันอังคาร โจเซฟ บอร์เรลล์ ประธานด้านนโยบายการต่างประเทศของสหภาพยุโรป ที่กำลังจะหมดวาระดำรงตำแหน่ง ได้ออกมาเรียกร้องให้ชาติสมาชิกอียูปรับแนวทางให้สอดคล้องกับวอชิงตันในการอนุญาตให้เคียฟใช้ขีปนาวุธพิสัยไกลๆที่ยุโรปจัดส่งให้ ในการโจมตีลึกเข้าไปในดินแดนรัสเซีย . เปสคอฟวิจารณ์ว่า คณะบริหารของไบเดนที่กำลังจะหมดวาระต้องการยั่วยุให้ความขัดแย้งในยูเครนบานปลายขยายตัวออกไป และกระทรวงการต่างประเทศรัสเซียยังออกแถลงการณ์ย้ำว่า การที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธพิสัยทำการไกลๆ โจมตีดินแดนรัสเซีย จะถือว่าอเมริกาและรัฐบริวารเป็นปฏิปักษ์ต่อรัสเซีย . เกี่ยวกับสถานการณ์การสู้รบ มีรายงานว่ากองทหารยูเครนในทุกแนวรบขณะนี้อยู่ในสภาพที่ไม่สู้ดีนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเมืองที่ถูกโจมตีอย่างหนักอย่าง คูเปียนสก์ และโปครอฟสก์ ซึ่งต่างอยู่ในแคว้นโดเนตสก์ ทางภาคตะวันออกของยูเครนทั้งคู่ นอกจากนั้น กองกำลังยูเครนยังประสบความเพลี่ยงพล้ำในแคว้นคูร์สก์ของรัสเซีย ที่พวกเขายกำลังบุกเข้าไปเมื่อหลายเดือนก่อน โดยที่มีรายงานระบุด้วยว่า มอสโกกำลังระดมทหารราว 50,000 นายเพื่อขับไล่ทหารยูเครนออกจากแคว้นดังกล่าว . ในวันอังคาร ยูเครนกล่าวหากองกำลังรัสเซียใช้สารเคมีต้องห้าม และเรียกร้องพันธมิตรตอบสนองต่อรายงานขององค์การห้ามอาวุธเคมี (โอพีซีดับเบิลยู) ที่ระบุว่า พบแก๊สควบคุมจลาจลที่ถูกแบนในตัวอย่างดินบริเวณแนวรบในยูเครน . กระทรวงการต่างประเทศยูเครนแถลงว่า การที่รัสเซียใช้สารเคมีต้องห้ามในสนามรบตอกย้ำว่า รัสเซียเพิกเฉยต่อกฎหมายระหว่างประเทศ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000111416 .............. Sondhi X
    Like
    Love
    5
    0 Comments 0 Shares 798 Views 0 Reviews
  • imctnews รายงานว่า รัสเซียเผย NATO เตรียมพร้อมปะทะกับมอสโกชี้ซ้อมรบ Steadfast Defender ใหญ่สุดนับแต่จบสงครามเย็น เล็งรัสเซียเป็นศัตรูตัวจริง ปีนี้ระดมพล 9 หมื่นนายจาก 32 ชาติ ไม่ปิดบังว่าเตรียมปะทะมอสโก NATO วางแผนครบถ้วน กำหนดภารกิจเฉพาะให้ทัพใหญ่ พร้อมออปชั่นรุกรัสเซียต่อเนื่อง เศรษฐกิจตะวันตกถูกทำให้เป็นการทหาร อัดงบทัพจัดเต็ม ยันไม่ใช่รัสเซียแต่เป็นนาโตเองที่เดินหน้าสู่ทางเผชิญหน้า ปูตินเคยปัดโจมตี NATO แต่เตือนอย่าให้ยูเครนใช้ขีปนาวุธถล่มรัสเซียลึก

    อเล็กซานเดอร์ กรุชโก รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย ออกโรงกล่าวหานาโตว่าไม่ได้ปิดบังอีกต่อไปแล้วว่ากำลังเตรียมความพร้อมเพื่อเผชิญหน้ากับรัสเซียในความขัดแย้งด้วยกำลังอาวุธ โดยอ้างถึงการซ้อมรบ Steadfast Defender ในปีนี้ ซึ่งเป็นการฝึกที่ใหญ่ที่สุดของนาโตนับตั้งแต่สิ้นสุดสงครามเย็น โดยมีกำลังพลมากถึง 90,000 นายจากชาติสมาชิก 32 ประเทศ

    กรุชโกระบุว่าแม้นาโตจะไม่ได้ระบุชื่อรัสเซียตรงๆ แต่ก็เรียกการซ้อมรบครั้งนี้ว่าเป็นการเตรียมพร้อมสำหรับความขัดแย้งกับคู่ต่อสู้ "ที่ใกล้เคียงกัน" ขณะที่เอกสารความมั่นคงหลักของนาโตก็ระบุว่า รัสเซียคือภัยคุกคามที่ใหญ่ที่สุดของพวกเขา นอกจากนี้ กรุชโกยังอ้างว่านาโตมีแผนการป้องกันภูมิภาคที่ชัดเจนแล้ว พร้อมกำหนดภารกิจเฉพาะให้หน่วยงานทหารต่างๆ และกำลังพิจารณาทางเลือกที่เป็นไปได้ในการดำเนินการทางทหารต่อรัสเซียอย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางการทุ่มงบประมาณทางการทหารอย่างมหาศาล และการทำให้เศรษฐกิจของประเทศตะวันตกกลายเป็นแบบการทหาร

    กรุชโกยืนยันว่าไม่ใช่รัสเซียแต่เป็นนาโตเองที่กำลังเดินหน้าสู่เส้นทางเผชิญหน้า และต้องรับผิดชอบต่อวิกฤตความมั่นคงครั้งใหญ่ของยุโรป ขณะที่ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน แห่งรัสเซีย ก็เคยออกมาปฏิเสธข้อกล่าวหาที่ว่ามอสโกวางแผนโจมตีนาโต แต่ก็เตือนว่าหากชาติตะวันตกปล่อยให้ยูเครนใช้ขีปนาวุธโจมตีเป้าหมายลึกในรัสเซีย ก็จะเท่ากับพวกเขาเข้าไปมีส่วนร่วมโดยตรงในความขัดแย้งครั้งนี้

    ที่มา : imctnews https://www.facebook.com/share/p/SLtspzhtya4nB7mS/?mibextid=CTbP7E

    #Thaitimes
    imctnews รายงานว่า รัสเซียเผย NATO เตรียมพร้อมปะทะกับมอสโกชี้ซ้อมรบ Steadfast Defender ใหญ่สุดนับแต่จบสงครามเย็น เล็งรัสเซียเป็นศัตรูตัวจริง ปีนี้ระดมพล 9 หมื่นนายจาก 32 ชาติ ไม่ปิดบังว่าเตรียมปะทะมอสโก NATO วางแผนครบถ้วน กำหนดภารกิจเฉพาะให้ทัพใหญ่ พร้อมออปชั่นรุกรัสเซียต่อเนื่อง เศรษฐกิจตะวันตกถูกทำให้เป็นการทหาร อัดงบทัพจัดเต็ม ยันไม่ใช่รัสเซียแต่เป็นนาโตเองที่เดินหน้าสู่ทางเผชิญหน้า ปูตินเคยปัดโจมตี NATO แต่เตือนอย่าให้ยูเครนใช้ขีปนาวุธถล่มรัสเซียลึก อเล็กซานเดอร์ กรุชโก รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย ออกโรงกล่าวหานาโตว่าไม่ได้ปิดบังอีกต่อไปแล้วว่ากำลังเตรียมความพร้อมเพื่อเผชิญหน้ากับรัสเซียในความขัดแย้งด้วยกำลังอาวุธ โดยอ้างถึงการซ้อมรบ Steadfast Defender ในปีนี้ ซึ่งเป็นการฝึกที่ใหญ่ที่สุดของนาโตนับตั้งแต่สิ้นสุดสงครามเย็น โดยมีกำลังพลมากถึง 90,000 นายจากชาติสมาชิก 32 ประเทศ กรุชโกระบุว่าแม้นาโตจะไม่ได้ระบุชื่อรัสเซียตรงๆ แต่ก็เรียกการซ้อมรบครั้งนี้ว่าเป็นการเตรียมพร้อมสำหรับความขัดแย้งกับคู่ต่อสู้ "ที่ใกล้เคียงกัน" ขณะที่เอกสารความมั่นคงหลักของนาโตก็ระบุว่า รัสเซียคือภัยคุกคามที่ใหญ่ที่สุดของพวกเขา นอกจากนี้ กรุชโกยังอ้างว่านาโตมีแผนการป้องกันภูมิภาคที่ชัดเจนแล้ว พร้อมกำหนดภารกิจเฉพาะให้หน่วยงานทหารต่างๆ และกำลังพิจารณาทางเลือกที่เป็นไปได้ในการดำเนินการทางทหารต่อรัสเซียอย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางการทุ่มงบประมาณทางการทหารอย่างมหาศาล และการทำให้เศรษฐกิจของประเทศตะวันตกกลายเป็นแบบการทหาร กรุชโกยืนยันว่าไม่ใช่รัสเซียแต่เป็นนาโตเองที่กำลังเดินหน้าสู่เส้นทางเผชิญหน้า และต้องรับผิดชอบต่อวิกฤตความมั่นคงครั้งใหญ่ของยุโรป ขณะที่ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน แห่งรัสเซีย ก็เคยออกมาปฏิเสธข้อกล่าวหาที่ว่ามอสโกวางแผนโจมตีนาโต แต่ก็เตือนว่าหากชาติตะวันตกปล่อยให้ยูเครนใช้ขีปนาวุธโจมตีเป้าหมายลึกในรัสเซีย ก็จะเท่ากับพวกเขาเข้าไปมีส่วนร่วมโดยตรงในความขัดแย้งครั้งนี้ ที่มา : imctnews https://www.facebook.com/share/p/SLtspzhtya4nB7mS/?mibextid=CTbP7E #Thaitimes
    Like
    6
    0 Comments 2 Shares 670 Views 0 Reviews