• อ่านเพิ่มเติม
    ผู้นำยุโรปว้าวุ่นหนัก หวั่นถูกกีดกันไม่ให้มีส่วนร่วมในการเจรจายุติสงครามยูเครน ขณะที่อเมริกาประกาศชัดยุโรปจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงกับการหารือดังกล่าว แถมยังประกาศรายชื่อทีมเจ้าหน้าที่อาวุโสไปประชุมกับคณะเจรจาของมอสโกและเคียฟในซาอุดีอาระเบีย ในอีกด้านหนึ่ง รัฐมนตรีต่างประเทศอเมริกา-รัสเซีย ก็โทรศัพท์หารือกัน โดยระบุว่าคุยกันทั้งเรื่องสถานการณ์ในยูเครน และการหาทางปรับปรุงความสัมพันธ์ของ 2 ประเทศ . ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ทำให้ยุโรปปั่นป่วนหนัก เมื่อประกาศในสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า ได้พูดคุยทางโทรศัพท์กับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซีย แถมยังระบุว่าเขาน่าจะได้พบปะแบบเจอตัวกับปูตินเร็วๆ นี้ เพื่อเริ่มการหารือยุติการสู้รบขัดแย้งในยูเครน โดยที่การพูดจากับผู้นำรัสเซียนี้ ทรัมป์ไม่เคยบอกกล่าวกับพวกผู้นำของยุโรปมาก่อนเลย จึงทำให้เหล่าพันธมิตรของสหรัฐฯ ในยุโรปกลุ้มหนักว่า ผลประโยชน์ของพวกตนอาจถูกละเลยเพิกเฉย เมื่อวอชิงตันกับมอสโกจะคุยกันโดยตรง ไม่เอายุโรปเข้าร่วมด้วยเช่นนี้ . ต่อมาในวันเสาร์ (15 ก.พ.) เจ้าหน้าที่สหรัฐฯหลายรายเผยว่า มาร์โค รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศ ไมค์ วอลซ์ ที่ปรึกษาฝ่ายความมั่นคงแห่งชาติ และสตีฟ วิตคอฟฟ์ ผู้แทนพิเศษด้านตะวันออกกลางของทรัมป์ จะเดินทางไปซาอุดีอาระเบียเพื่อหารือเกี่ยวกับการทำความตกลงหยุดยิงในยูเครนกับคณะเจรจาของมอสโกและเคียฟ . ยังไม่มีการระบุชัดเจนว่า การประชุมเช่นนี้จะเกิดขึ้นเมื่อใ ดหรือกำหนดเวลาที่ทีมเจ้าหน้าที่ดังกล่าวจะออกเดินทาง แต่เฉพาะตัวรัฐมนตรีต่างประเทศรูบิโอนั้น ได้ออกเดินทางไปยังตะวันออกกลางแล้ว โดยไปถึงอิสราเอลในวันเสาร์ (15) อีกทั้งมีกำหนดการที่จะไปเยือนซาอุดีอาระเบียด้วย . ในวันเสาร์เช่นกัน รูบิโอได้หารือทางโทรศัพท์กับเซียร์เก ราฟลอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย ซึ่งต่อมากระทรวงการต่างประเทศรัสเซียแถลงว่า มีการตกลงคงการติดต่อเพื่อแก้ไขปัญหาด้านความสัมพันธ์ การขจัดอุปสรรคฝ่ายเดียวที่ตกทอดมาจากคณะบริหารชุดก่อนของสหรัฐฯ สำหรับความร่วมมือด้านการค้า เศรษฐกิจ และการลงทุนที่เป็นประโยชน์กับทั้งสองฝ่าย ทั้งสองชาติยังแสดงความกระตือรือร้นในการดำเนินการเกี่ยวกับปัญหาระหว่างประเทศ เช่น สถานการณ์ในตะวันออกกลาง . ทางด้านกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ แถลงว่า รูบิโอยืนยันความมุ่งมั่นของทรัมป์ในการหาทางยุติการสู้รบขัดแย้งในยูเครน และหารือเกี่ยวกับโอกาสในการร่วมมือกันในประเด็นปัญหาทวิภาคีอื่นๆ . ส่วนที่มิวนิก มาร์ก รึตเตอ เลขาธิการองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต) กล่าวในที่ประชุมผู้วางนโยบายระดับสูงเมื่อวันเสาร์ว่า ยุโรปต้องมี “ข้อเสนอที่ดี” เพื่อรับประกันสันติภาพในยูเครน หากต้องการเข้าร่วมการเจรจาที่อเมริกาเป็นแกนนำ . รึตเตอเสริมว่า จะเดินทางไปปารีสในวันจันทร์ (17 ก.พ.) เพื่อร่วมการประชุมผู้นำยุโรปที่จัดโดยประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครง ของฝรั่งเศส ซึ่งจะมีการหารือเกี่ยวกับ “การประชุมอย่างไม่เป็นทางการที่อาจเกิดขึ้น” . นายกรัฐมนตรีเคียร์ สตาร์เมอร์ของอังกฤษ ขานรับว่า ยุโรปต้องรับบทบาทมากขึ้นในนาโต และร่วมมือกับอเมริกาเพื่อปกป้องอนาคตของยูเครน . ทางด้านประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ของยูเครนกล่าว เรียกร้องในงานประชุมความมั่นคงมิวนิกให้สร้างกองทัพยุโรป เนื่องจากยุโรปอาจไม่สามารถพึ่งพิงอเมริกาได้อีกต่อไป . ทั้งนี้ แนวคิดเช่นนี้เคยมีการถกเถียงมาแล้วเมื่อหลายปีก่อนโดยปราศจากความคืบหน้าใดๆ และดูเหมือนการเรียกร้องของเซเลนสกีไม่มีน้ำหนักพอที่จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง . การเรียกร้องดังกล่าวมีขึ้นหลังจากเมื่อวันศุกร์ (14) เซเลนสกีได้พบกับรองประธานาธิบดีเจดี แวนซ์ของอเมริกา และพยายามขอความมั่นใจว่า เคียฟจะไม่ถูกทิ้งระหว่างที่ทรัมป์เจรจากับปูติน . เซเลนสกียังยืนกรานว่า จะไม่ยอมรับข้อตกลงใดๆ ที่เกิดขึ้นโดยที่ยูเครนไม่มีส่วนร่วมด้วย รวมทั้งจะต้องไม่มีการตัดสินใจใดๆ เกี่ยวกับยุโรปที่ยุโรปไม่มีส่วนร่วม . ทว่า คีธ เคลล็อกก์ ผู้แทนพิเศษรับผิดชอบเรื่องยูเครน-รัสเซีย ของทรัมป์ กล่าวชัดเจนในเวทีเดียวกันว่า ยุโรปจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงกับการเจรจาหยุดยิงในยูเครน . นอกจากนั้น เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ยังพยายามยืนยันว่า ยูเครนจะไม่ถูกทิ้งไว้ข้างหลัง โดยแวนซ์กล่าวกับเซเลนสกีว่า อเมริกาต้องการให้เกิดสันติภาพที่ยั่งยืนที่จะไม่นำไปสู่การนองเลือดซ้ำสองในอนาคต . กระนั้น พีท เฮกเซธ รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ ประกาศว่า ยูเครนจะไม่ได้เข้าร่วมเป็นสมาชิกนาโต หรือได้ดินแดนคืนจากรัสเซียแต่อย่างใด . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000015540 .............. Sondhi X
    Like
    Haha
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 633 มุมมอง 0 รีวิว
  • อ่านเพิ่มเติม
    เซอร์เกย์ รีอาบคอฟ (Sergei Ryabkov) รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย ไม่เชื่อว่าทรัมป์จะยุติสงครามยูเครนได้ภายใน 100 วัน หากปราศจากความจริงใจจากสหรัฐ "ก่อนอื่น ผมอยากทำความเข้าใจก่อนว่า ฝ่ายสหรัฐตั้งใจจะดำเนินการเพื่อยุติความขัดแย้งบนพื้นฐานใด หากพิจารณาจากสัญญาณที่เราได้รับมาในช่วงสองสามวันนี้ ดูเหมือนว่าความขัดแย้งจะไม่เกิดขึ้นใน 100 วันอย่างแน่นอน" Ryabkov กล่าวตอบโต้คำขู่ของทรัมป์ที่จะคว่ำบาตรรัสเซียอย่างรุนแรง
    Like
    Love
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 268 มุมมอง 0 รีวิว
  • อ่านเพิ่มเติม
    มาเรีย ชาคาโรวา โฆษกกระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย แสดงความคิดเห็นถากถางความเคลื่อนไหวของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ที่ประกาศทันทีหลังเข้ารับตำแหน่งในวันจันทร์(20ม.ค.) ว่าอเมริกาจะให้การยอมรับบุคคลเพียง 2 เพศ คือ "ชาย" และ "หญิง" พร้อมลงนามคำสั่งบริหารยกเลิกนโยบายต่างๆ ที่มุ่งส่งเสริมความเท่าเทียมทางเชื้อชาติ และปกป้องสิทธิของกลุ่มคนเพศหลากหลาย LGBTQ+ ชี้สหรัฐฯควรถูกสอบสวนในระดับนานาชาติในประเด็นดังกล่าว เนื่องจากบังคับคนอื่นๆให้ยอมรับแนวคิดปลอมๆนี้มานานหลายปี . ชาคาโรวา แสดงความคิดเห็นดังกล่าวในวันอังคาร(21ม.ค.) หนึ่งวันหลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ที่เพิ่งสาบานตนหมาดๆ ลงนามยุติการคุ้มรองสิทธิกลุ่มบุคคลที่มีความหลากหลายทางเพศ รวมถึงหลักการ "ความหลากหลาย ความเสมอภาค และการอยู่ร่วมกัน (Diversity, Equity, and Inclusion หรือ DEI)" ภายในรัฐบาลกลาง . "คุณจินตนาการได้หรือไม่ว่า มีผู้คนมากน้อยแค่ไหนที่ชีวิตต้องล่มจมไปในช่วงหลายขวบปีของการรณรงค์ส่งเสริมหลักการที่ไร้สาระนี้" ชาคาโรวาเขียนบนเทเลแกรม "แล้วตอนนี้ผู้คนหลายหมื่นหลายแสนคนควรทำอย่างไรดี พวกเขาเหล่านี้ถูกบีบบังคับให้ยอมรับแนวคิดแห่งการตัดอวัยวะเพศที่สมบูรณ์แข็งแรงออก แล้วแทนที่มันด้วยอวัยวะเพศเทียม" . ในวันแรกของการกลับสู่ตำแหน่ง ทรัมป์ยกเลิกคำสั่งบริหาร 78 ฉบับที่ลงนามโดย โจ ไบเดน ประธานาธิบดีคนก่อน ในนั้นรวมถึงมาตรการต่างๆหลายสิบมาตรการ ที่สนับสนุนความเท่าเทียมทางเชื้อชาติ ต่อสู้กับการเลือกปฏิบัติกับกลุ่มคนชาวเกย์และคนข้ามเพศ . หน่วยงานต่างๆและกระทรวงต่างๆของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ มีเวลา 60 วัน นับตั้งแต่ลงนาม ในการยุติแนวทางปฏิบัติที่เกี่ยวข้องกับหลักการ "ความหลากหลาย ความเสมอภาค และการอยู่ร่วมกัน" . คำสั่งนี้มีขึ้นหลังจาก ทรัมป์ ประกาศระหว่างกล่าวสุนทรพจน์ในพิธีสาบานตนรับตำแหน่งในวันจันทร์(20ม.ค.) ว่าจะยุตินโยบายรัฐบาลที่พยายามยัดเยียดความเท่าเทียมทางสังคม ทั้งด้านเชื้อชาติและเพศสภาพ เข้าสู่ทุกแง่มุมของสาธารณะและวิถีชีวิตส่วนตัว พร้อมบกว่า "“เราจะสร้างสังคมที่ไม่แคร์เชื้อชาติแต่จะเน้นที่คุณสมบัติ (merit-based)" . ทรัมป์ ยังบอกว่านโยบายอย่างเป็นทางการของสหรัฐฯ จะให้การยอมรับบุคคลเพียง 2 เพศ "นั่นก็คือ เพศชายและเพศหญิง" . คำสั่งของ ทรัมป์ ยังปิดทางไม่ให้นำงบประมาณของรัฐไปใช้โปรโมต “อุดมการณ์ทางเพศ” (gender ideology) ซึ่งเป็นคำกว้างๆ ที่กลุ่มอนุรักษนิยมมักจะใช้อ้างถึงค่านิยมใดๆ ก็ตามที่สนับสนุนมุมมองเกี่ยวกับเพศและเพศสภาพที่ไม่ใช่แบบดั้งเดิม (non-traditional) ในขณะที่นักสิทธิมนุษยชนมองคำนี้ว่าสะท้อนการต่อต้าน LGBTQ และลดทอนคุณค่าความเป็นมนุษย์ . การละทิ้งหลักการความหลากหลาย ความเสมอภาค และการอยู่ร่วมกัน ได้เรียกเสียงโวยวายจากกลุ่มสิทธิพลเมืองในทันที ในขณะที่พวกเขาประกาศต่อสู้กับบทบัญญัติใดๆที่เป็นอันตรายเหล่านี้ . นักเคลื่อนไหวด้านสิทธิหลายคนออกมาเตือนว่า การที่ ทรัมป์ เข้ามายกเลิกหลักการ DEI รวมไปถึงสิทธิต่างๆ ของคนข้ามเพศ จะเป็นการทำลายความพยายามสร้างนโยบายเท่าเทียมที่ได้มาอย่างยากลำบาก และกัดเซาะความก้าวหน้าในการแก้ไขอคติทางสังคมซึ่งทำให้คนกลุ่มน้อยไม่ได้รับโอกาสที่เท่าเทียมมานานหลายทศวรรษ . บางบริษัท ในนั้นรวมถึง วอลมาร์ท นายจ้างเอกชนรายใหญ่ที่สุดของสหรัฐฯ ได้เริ่มถอนโครงการ DEI ไปบ้างแล้ว ในช่วงหลายสัปดาห์ หลังจาก ทรัมป์ ชนะศึกเลือกตั้งเมื่เดือนพฤศจิกายน ส่วน เมตา เมื่อเร็วๆนี้ก็ยุบแผนก DEI อ้างถึงภูมิทัศน์ทางกฎหมายและการเมืองที่เปลี่ยนไป ส่วน แม็คโดนัลด์ ก็ลดระดับเป้าหมายความหลากหลายในตำแหน่งงานผู้นำระดับสูง . อย่างไรก็ตามยังมีบริษัทอื่นๆอย่างเช่น คอสต์โก และ แอปเปิล มีรายงานว่ายังคงมุ่งมั่นต่อนโยบายความหลากหลาย . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000006631 .............. Sondhi X
    Like
    Love
    11
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1533 มุมมอง 0 รีวิว
  • อ่านเพิ่มเติม
    รัสเซียควบคุมตัวชายชาวอุซเบกรายหนึ่ง ซึ่งสารภาพว่าเป็นคนลอบวางและจุดชนวนระเบิดสังหารนายพลระดับสูง ซึ่งทำหน้าที่ควบคุมกองกำลังป้องกันนิวเคลียร์ของรัสเซีย ในกรุงมอสโก เมื่อช่วงต้นสัปดาห์ เจ้าตัวสารภาพทำตามคำส่งของหน่วยงานความมั่นคง SBU ของยูเครน . คิริลลอฟ ผู้บัญชาการกองกำลังป้องกันนิวเคลียร์ ชีวภาพ และเคมีแห่งกองทัพสหพันธรัฐรัสเซีย ถูกสังหารบริเวณด้านนอกอาคารอพาร์ทเมนท์ของตนเองเมื่อวันอังคาร(17ธ.ค.) พร้อมกับผู้ช่วยรายหนึ่ง หลังจากคนร้ายจุดชนวนระเบิดที่ซุกซ่อนอยู่ในสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า . เขากลายเป็นเจ้าหน้าที่ทหารระดับสูงสุดของรัสเซีย ที่ถูกยูเครนลอบสังหารในรัสเซีย ทั้งนี้ SBU หน่วยงานความมั่นคงของยูเครน ออกมากล่าวอ้างความรับผิดชอบต่อเหตุสังหารครั้งนี้ หลังจาก เคียฟ กล่าวหาว่า คิริลลอฟ เป็นผู้อยู่เบื้องหลังการใช้อาวุธเคมีกับทหารยูเครน คำกล่าวหาที่ทางมอสโกปฏิเสธ . คณะกรรมการสืบสวนของรัสเซีย ซึ่งมีหน้าที่สืบสวนอาชญากรรมร้ายแรงต่างๆ ระบุในถ้อยแถลงที่เผยแพร่ในวันพุธ(18ธ.ค.) ว่าผู้ต้องสงสัยซึ่งไม่เปิดเผยชื่อรายนี้ ให้การว่าเขาเดินทางมายังกรุงมอสโก เพื่อทำงานตามที่ได้รับมอบหมายจากหน่วยข่าวกรองยูเครน . ในวิดีโอที่เผยแพร่โดยสำนักข่าวเบซา พบเห็นผู้ต้องสงสัยกำลังนั่งอยู่ในรถตู้คันหนึ่ง บอกเล่าเกี่ยวกับปฏิบัติการของตนเอง เขาบอกว่าเดินทางมายังกรุงมอสโก ตามคำสั่งของหน่วยข่าวกรองยูเครน จากนั้นก็ไปหาซื้อสกู๊ตเตอร์และรับระเบิดแสวงเครื่องมา . ต่อมาก็นำระเบิดแสวงเครื่องดังกล่าวซุกซ่อนในรถสกู๊ตเตอร์และนำมันไปจอดไว้บริเวณด้านนอกของอาคารที่ คิริลลอฟ อาศัยอยู่ ทีมสืบสวนอ้างคำให้การของเขา ระบุว่าชายรายนี้ติดตั้งกล้องวงจรปิดในรถยนต์คันหนึ่งที่เช่ามา เพื่อให้คนที่บงการปฏิบัติการลอบสังหาร ได้เฝ้าดูจากเมืองดริโปรของยูเครน . ผู้ต้องสงสัยรายนี้ ซึ่งเชื่อว่าน่าจะเกิดในช่วงปี 1995 ยังบอกด้วยว่าเขาจุดชนวนวัตถุระเบิดจากระยะไกล ตอนที่ คิริลลอฟ ออกมาจากอาคาร พร้อมสารภาพว่ายูเครนว่าจ้างเขาด้วยเงิน 100,000 ดอลลาร์(ราว 3.4 ล้านบาท) และมีถิ่นที่อยู่ในประเทศยุโรปชาติหนึ่ง . ทีมสืบสวนเผยว่าพวกเขากำลังระบุตัวตนคนอื่นๆที่เกี่ยวข้อง ในขณะที่สื่อมวลชนท้องถิ่นรายงานว่ามีผู้ต้องสงสัยอีกคนถูกควบคุมตัวเช่นกัน แต่รอยเตอร์ไม่ยืนยันรายงานข่าวนี้ . มาเรีย ชาคาโรวา โฆษกกระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย บอกว่ามอสโกจะหยิบยกเหตุลอบสังหารครั้งนี้ เข้าหารือ ณ ที่ประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ในวันศุกร์(20ธ.ค.) พร้อมระบุ "รัสเซียจะตามล่าตัวทุกคนที่เกี่ยวข้องกับการลอบสังหารจนพบและทำการลงโทษ มอสโกจะไม่ยอมถูกข่มขู่ใดๆ" . "เรามองว่ารัฐบาลเคียฟคือผู้อยู่เบื้องหลังอีกครั้ง สำหรับการโจมตีก่อการร้ายครั้งใหม่ พวกขี้แพ้ SBU และรัฐบาลบ้าบอของเคียฟ เป็นเครื่องไม้เครื่องมือที่อยู่ภายใต้การควบคุมของพวกแองโกล-แซกซอน" ถ้อยคำที่รัสเซียใช้เรียกสหรัฐฯและสหราชอาณาจักร "พวกเขาคือผู้รับผลประโยชน์หนักในการก่อการร้ายของเคียฟ" . กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯเมื่อวันอังคาร(17ธ.ค.) ยืนยันว่าวอชิงตันไม่เกี่ยวข้องใดๆหรือรู้ล่วงหน้าในเหตุบอลสังหาร ในขณะที่โฆษกนายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักร ระบุว่า "คิริลลอฟ แผ่ขยายการรุกรานผิดกฎหมายและทำให้ประชาชนชาวยูเครนบาดเจ็บล้มตายและทุกข์ทรมาน" . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000121642 .............. Sondhi X
    Like
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 811 มุมมอง 0 รีวิว
  • อ่านเพิ่มเติม
    สหรัฐฯระบุไม่เกี่ยวข้องในเหตุลอบสังหารเจ้าหน้าที่ทหารระดับสูงรายหนึ่งของรัสเซีย ในปฏิบัติการที่ยูเครนกล่าวอ้างความรับผิดชอบ แต่ประณามความโหดร้ายป่าเถื่อนของนายพลรายนี้ . "ผมสามารถบอกกับพวกคุณได้ว่า สหรัฐฯ ไม่ทราบเรื่องล่วงหน้าและไม่เกี่ยวข้อง" แมตธิว มิลเลอร์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ พูดถึงเหตุลอบสังหารอิกอร์ คิริลลอฟ หัวหน้าหน่วยอาวุธเคมีของกองทัพรัสเซีย . แต่ มิลเลอร์ ชี้ถึงคำประเมินของสหรัฐฯ ก่อนหน้านี้ ที่ว่า คิริลลอฟ เจ้าหน้าที่ทหารระดับสูงที่สุดของรัสเซียที่ถูกลอบสังหารนับตั้งแต่มอสโกรุกรานยูเครน เป็นคนออกคำสั่งให้ใช้สารควบคุมจลาจลในสมรภูมิรบ ซึ่งละเมิดสนธิสัญญาควบคุมอาวุธเคมี "เขาเป็นนายพลที่เกี่ยวข้องกับความโหดร้ายป่าเถื่อนต่างๆ เขาเกี่ยวข้องในการใช้อาวุธเคมีกับกองทัพยูเครน" . มาเรีย ชาคาโรวา โฆษกกระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย กล่าวหาพันธมิตรตะวันตกของยูเครน เป็นผู้สมคบคิดในเหตุลอบสังหารอย่างเลือดเย็นในกรุงมองโก ขณะที่สำนักข่าวอาร์ไอเอของทางการรัสเซียรายงานว่า ดมิทรี เมดเวเดฟ อดีตประธานาธิบดีที่ปัจจุบันเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงด้านความมั่นคงของรัสเซีย ประกาศว่า จะชำระแค้นเอากับผู้นำกองทัพและรัฐบาลยูเครนเร็วๆ นี้ . เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ รายหนึ่ง ซึ่งไม่ประสงค์เอ่ยนาม บอกว่าอเมริกา "ไม่ทราบปฏิบัติการนี้ล่วงหน้า และเราไม่สนับสนุนหรือให้สิทธิความเคลื่อนไหวลักษณะนี้" . เหตุลอบสังหารเกิดขึ้นในพื้นที่ชุมชนแห่งหนึ่งในกรุงมอสโก หนึ่งวันหลังจากประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน อวดอ้างความสำเร็จของทหารรัสเซียในยูเครน หลังจากปฏิบัติการรุกรานประเทศเพื่อนบ้านแห่งนี้ ที่ฝักใฝ่ตะวันตก ลากยาวมาใกล้ครบ 3 ปีแล้ว . คิริลลอฟ วัย 54 ปี เป็นหัวหน้าฝ่ายอาวุธเคมี ชีวภาพและรังสีวิทยาของกองทัพรัสเซีย และเมื่อเร็วๆ นี้ถูกสหราชอาณาจักรคว่ำบาตร ต่อคำกล่าวหาใช้อาวุธเคมีในยูเครน . แหล่งข่าวในหน่วยงานด้านความมั่นคงยูเครน (SBU) บอกกับเอเอฟพี ว่าพวกเขาอยู่เบื้องหลังเหตุระเบิดลอบสังหาร ในสิ่งที่เรียกว่าเป็น "ปฏิบัติการพิเศษ" พร้อมเรียก คาริลลอฟ ว่าเป็น "อาชญากรสงคราม" . คณะกรรมการสืบสวนของรัสเซีย ระบุว่า "วัตถุระเบิดที่ซุกซ่อนในรถสกูตเตอร์คันหนึ่งที่จอดใกล้ทางเข้าของอาคารที่พักอาศัย ถูกจุดชนวนขึ้นในตอนเช้าวันที่ 17 ธันวาคม บนถนนรยาซานสกี ในมอสโก" . แรงระเบิดทำให้บานกระจกหน้าต่างของอาคารแตกกระจัดกระจาย และประตูหน้าได้รับความเสียหายรุนแรง ตามรายงานข่าวของผู้สื่อข่าวเอเอฟพีที่อยู่ ณ จุดเกิดเหตุ . เจ้าหน้าที่รัสเซียระบุว่า พวกเขากำลังดำเนินการสืบสวนเหตุโจมตีก่อการร้าย แต่แหล่งข่าวของ SBU ตอบโต้ว่า "คาริลลอฟ เป็นอาชญากรและเป็นเป้าหมายโดยชอบธรรม เนื่องจากเขาเป็นคนออกคำสั่งให้ใช้อาวุธเคมีต้องห้ามกับกองทัพยูเครน มันคือจุดสิ้นสุดการรอคอยของชาวยูเครนที่ถูกฆ่าอย่างไร้เกียรติ การลงโทษอาชญากรรมสงครามเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้" แหล่งข่าวระบุ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000121240 .............. Sondhi X
    Like
    Love
    7
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 805 มุมมอง 0 รีวิว
  • อ่านเพิ่มเติม
    นายพลระดับท็อปของรัสเซีย ที่ถูกยูเครนกล่าวหาอยู่เบื้องหลังการใช้อาวุธเคมีกับทหารยูเครน ถูกลอบสังหารอุกอาจด้วยระเบิดในกรุงมอสโกเมื่อเช้าวันอังคาร (17 ธ.ค.) โดยที่หน่วยข่าวกรอง เอสยูบี ของยูเครนกระพือข่าวว่าเป็นฝีมือของตน ซึ่งหากเป็นจริงก็ถือว่าเป็นการก่อเหตุเข่นฆ่าลักษณะนี้ครั้งอึกทึกครึกโครมที่สุดทีเดียว . พลโทอิกอร์ คิริลลอฟ ผู้บัญชาการกองทหารหน่วยอาวุธรังสีนิวเคลียร์ เคมี และชีวภาพของรัสเซีย พร้อมผู้ช่วยคนหนึ่งของเขา เสียชีวิตจากระเบิดซึ่งซุกซ่อนอยู่ในรถสกูตเตอร์ไฟฟ้าที่จอดอยู่ใกล้ทางเข้าอพาร์ตเมนต์บนถนนรยาแซนสกี ทางตะวันออกเฉียงใต้ของกรุงมอสโกเมื่อเช้าวันอังคาร ทั้งนี้ตามการแถลงคณะกรรมการสืบสวนสอบสวนของรัสเซีย ซึ่งเป็นหน่วยงานรับผิดชอบการสืบสวนคดีอุกฉกรรจ์ โดยระบุว่าได้เปิดการสอบสวนเหตุการณ์นี้แล้ว คาดกันว่าคดีนี้จะถูกจัดให้เป็นคดีก่อการร้าย . เวลาเดียวกัน สื่อมวลชนหลายแห่ง รวมทั้งสำนักข่าวรอยเตอร์ และสำนักข่าวเอเอฟพี ต่างอ้างอิงแหล่งข่าวรายหนึ่งในหน่วยข่าวกรองเอสบียูของยูเครน ได้ยืนยันว่า เอสบียูอยู่เบื้องหลังการโจมตีครั้งนี้ โดยถือเป็นการปฏิบัติการพิเศษเพื่อสังหารอาชญากรสงคราม เนื่องจากคิริลลอฟเป็นผู้ออกคำสั่งให้ใช้อาวุธเคมีกับทหารยูเครน โดยที่เมื่อวันจันทร์ (16) เช่นกัน เอสบียูเพิ่งกล่าวหารัสเซียใช้กระสุนที่เป็นอาวุธเคมีโจมตีใส่ทหารยูเครนมากกว่า 4,800 กรณี นับตั้งแต่เริ่มต้นรุกรานยูเครนในเดือนกุมภาพันธ์ 2022 . ก่อนหน้านี้ ชาติตะวันตกที่เป็นพันธมิตรของเคียฟ อย่างสหราชอาณาจักรและอเมริกา ก็ได้กล่าวหาว่ารัสเซียใช้สารพิษคลอโรพิกรินกับทหารยูเครน ซึ่งเป็นการละเมิดอนุสัญญาห้ามใช้อาวุธเคมี และเมื่อเดือนตุลาคมสหราชอาณาจักรยังได้ประกาศแซงก์ชันคว่ำบาตร คิริลลอฟและหน่วยงานใต้บังคับบัญชาของเขา ในข้อหาช่วยเหลือให้มีการใช้อาวุธร้ายแรงเหล่านั้น . สำหรับกองทหารหน่วยอาวุธรังสีนิวเคลียร์ เคมี และชีวภาพของรัสเซีย ที่คิริลลอฟ เป็นผู้บังคับบัญชา และเป็นที่รู้จักกันด้วยชื่อย่อว่า RKhBZ นั้น ทางรัสเซียระบุว่าเป็นกองกำลังพิเศษซึ่งปฏิบัติการภายใต้สภาพที่เกิดการปนเปื้อนทางรังสีนิวเคลียร์ เคมี และชีวภาพ และภารกิจของทหารหน่วยนี้คือการพิทักษ์ปกป้องพวกกองกำลังภาคพื้นดินที่กำลังปฏิบัติการในสภาพเงื่อนไขแบบสุดขั้ว . ถ้าหากการกล่าวอ้างของเคียฟได้รับการยืนยัน คิริลลอฟ วัย 54 ปี ก็จะถือเป็นนายทหารอาวุโสที่สุดที่ถูกยูเครนลอบสังหารในรัสเซีย และมีแนวโน้มว่า เหตุการณ์นี้จะกระตุ้นให้รัสเซียทบทวนมาตรการรักษาความปลอดภัยนายทหารระดับสูงของกองทัพ รวมทั้งหาวิธีแก้แค้น . สำนักข่าวอาร์ไอเอของทางการรัสเซียรายงานว่า ดมิทรี เมดเวเดฟ อดีตประธานาธิบดีที่ปัจจุบันเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงด้านความมั่นคงของรัสเซีย ประกาศว่า จะชำระแค้นเอากับผู้นำกองทัพและรัฐบาลยูเครนเร็วๆ นี้ . รัสเซียยังปฏิเสธข้อกล่าวหาของยูเครนเรื่องการใช้อาวุธเคมีในสนามรบในยูเครน โดยบางครั้งคิริลลอฟเองได้บรรยายสรุปทางสถานีทีวีของรัฐบาล กล่าวหาตอบโต้กลับว่า ยูเครนและฝ่ายตะวันตกมีเครือข่ายห้องปฏิบัติการชีววิทยาลับ ที่พัฒนาอาวุธเคมีต้องห้ามทั่วยูเครน . ด้าน มาเรีย ซาคาโรวา โฆษกกระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย แถลงยกย่องคิริลลอฟว่า อุทิศตนให้ประเทศชาติอย่างกล้าหาญในการเปิดโปงอาชญากรรมสงครามที่เกี่ยวข้องกับอาวุธเคมีและโครงการลับของฝ่ายตะวันตกทั้งในซีเรียและประเทศอื่นๆ . ก่อนหน้าคิริลลอฟเสียชีวิต 1 วัน อัยการรัฐบาลยูเครนได้ตั้งข้อหานายทหารรัสเซียผู้นี้ใช้อาวุธเคมีที่ถูกนานาชาติห้ามใช้ นอกจากนั้นคิริลลอฟยังมีชื่ออยู่ในฐานข้อมูลอย่างไม่เป็นทางการของบุคคลที่ถือเป็นศัตรูของยูเครน . การลอบสังหารคิริลลอฟยังเกิดขึ้นหลังจากเมื่อวันจันทร์ (16) ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน อวดอ้างว่า ปีนี้เป็นปีสำคัญของปฏิบัติการพิเศษทางทหารของรัสเซียในยูเครน โดยที่กองทหารรัสเซียอยู่ในสถานะได้เปรียบในทุกสมรภูมิ . ตั้งแต่ก่อนหน้านี้ มอสโกเชื่อว่า เคียฟอยู่เบื้องหลังการลอบสังหารบุคคลสำคัญของรัสเซียมาแล้วหลายคนเพื่อทำลายขวัญและกำลังใจของแดนหมีขาว รวมทั้งเพื่อลงโทษผู้ที่เคียฟระบุว่า มีบทบาทในอาชญากรรมสงคราม โดยยูเครนประกาศชัดเจนว่า การสังหารคนเหล่านั้นเป็นการกระทำอันชอบธรรม . บุคคลที่เป็นที่รู้จักซึ่งถูกลอบสังหารนับจากที่รัสเซียเปิดฉากรุกรานยูเครนเมื่อต้นปี 2022 มีอาทิ ดาร์ยา ดูกินา นักเขียนแนวชาตินิยมและเป็นบุตรสาวของนักปรัชญาการเมืองชื่อดัง อเล็กซานเดอร์ ดูกิน โดยเธอถูกโจมตีด้วยคาร์บอมบ์นอกมอสโก, วลาเดน ตาตาร์สกี บล็อกเกอร์ที่สนับสนุนสงครามยูเครนซึ่งเสียชีวิตจากการลอบวางระเบิดคาเฟ่ในปี 2023 และการลอบยิงผู้บังคับการเรือดำน้ำรัสเซียที่ถูกเคียฟกล่าวหาก่ออาชญากรรมสงครามเมื่อปีที่แล้ว . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000121236 .............. Sondhi X
    Like
    Angry
    8
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 856 มุมมอง 0 รีวิว
  • อ่านเพิ่มเติม
    โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เรียกร้องสำหรับข้อตกลงหยุดยิงในทันทีและขอให้มีการเจรจาระหว่างยูเครนกับรัสเซีย เพื่อยุติ "เรื่องบ้าๆ" ความเคลื่อนไหวที่กระตุ้นให้ทั้งประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครนและวังเครมลิน ต่างลิสต์บัญชีเงื่อนไขความต้องการของฝ่ายตนเอง . เสียงเรียกร้องของทรัมป์ มีขึ้นไม่กี่ชั่วโมง หลังพบปะกับ เซเลนสกี ในกรุงปารีส ซึ่งถือเป็นการพูดคุยแบบเจอหน้ากันเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ ทรัมป์ คว้าชัยชนะในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ เมื่อเดือนก่อนที่ผ่านมา ทรัมป์ ประกาศมาตลอดว่าจะนำมาซึ่งการเจรจาเพื่อยุติความขัดแย้ง แต่จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่เคยให้รายละเอียดใดๆ . "เซเลนสกีและยูเครนอยากทำข้อตกลงและหยุดเรื่องบ้าๆ" ทรัมป์ เขียนบนทรัตช์ โซเชียล แพลตฟอร์มสื่อสังคมออนไลน์ของเขา พร้อมระบุเคียฟสูญเสียกำลังพลไปแล้วราว 400,000 นาย "ควรมีข้อตกลงหยุดยิงในทันที และการเจรจาควรเริ่มต้นขึ้น ผมรู้จัก วลาดิมีร์ ดี นี่คือเวลาที่เขาต้องลงมือ จีนสามารถช่วยได้ โลกกำลังรออยู่" ทรัมป์ ระบุอ้างถึงประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย . ทรัมป์ เดินทางไปยังกรุงปารีส ร่วมพิธีเปิดรอบใหม่มหาวิหารนอร์เทรอดาม ตามหลังการบูรณะครั้งใหญ่ โดยเขานั่งคุยกับ เซเลนสกี เป็นเวลาราว 1 ชั่วโมง ในวันเสาร์ (7 ธ.ค.) ร่วมด้วยเจ้าภาพอย่าง เอ็มมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส . ในภาพข่าวพบเห็น ทรัมป์ และเซเลนสกี จับมือและยิ้มให้กัน แต่ไม่เป็นที่ชัดเจนว่าการสนทนาระหว่างทั้งคู่เป็นไปในทิศทางไหน อ้างอิงข้อมูลจากทั้งฝ่ายฝรั่งเศสและยูเครน พวกเขาบอกเพียงว่าการพูดคุยเป็นไปด้วยดีและผลิดอกออกผล . เซเลนสกี ขานรับสารจากทรัมป์ในวันอาทิตย์ (8 ธ.ค.) ว่าสันติภาพไม่ใช่แค่เศษกระดาษ แต่จำเป็นต้องรับประกันความมั่นคง "ตอนที่เราพูดเกี่ยวกับสันติภาพที่มีประสิทธิผลกับรัสเซีย สิ่งแรกและสำคัญที่สุดที่เราต้องพูดถึงคือการรับประกันสันติภาพอย่างมีประสิทธิภาพ ยูเครนต้องการสันติภาพมากกว่าใครๆ" เขาโพสต์บนแพลตฟอร์มเอ็กซ์ . "สงครามไม่อาจจบลงง่ายๆ ด้วยเศษกระดาษและการลงนามอีกนิดหน่อย การหยุดยิงโดยปราศจากคำรับประกัน อาจโหมกระพือขึ้นรอบใหม่ได้ทุกเวลา แบบเดียวกับที่ ปูติน เคยทำมาก่อน เพื่อรับประกันว่าชาวยูเครนจะไม่ประสบความสูญเสียอีกต่อไป เราต้องรับประกันความน่าเชื่อถือของสันติภาพและไม่หลับตาให้พวกผู้รุกราน" เซเลนสกีกล่าว . รอยเตอร์เชื่อว่าตัวเลขของทรัมป์ เกี่ยวกับความสูญเสียด้านกำลังพลกว่า 400,000 นายของยูเครนในสงคราม น่าจะนับรวมทั้งทหารที่เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บ เนื่องจากก่อนหน้านี้ เซเลนสกี อ้างว่ามีทหารยูคเรนเสียชีวิตเพียง 43,000 นาย และที่ได้รับบาดเจ็บมีจำนวน 370,000 นาย . ดมิทรี เปสคอฟ นัดแถลงข่าวทางไกลกับบรรดาผู้สื่อข่าว ในเรื่องเกี่ยวกับความคิดเห็นที่มีต่อสารของทรัมป์ โดยเขาบอกว่ารัสเซียเปิดกว้างสำหรับการเจรจา แต่มันต้องอยู่บนพื้นฐานของข้อตกลงต่างๆ ที่เห็นพ้องกันในอิสตันบูลใน 2022 และข้อเท็จจริงในปัจจุบันของสนามรบ บริเวณที่กองกำลังรัสเซียกำลังรุกคืบในอัตราที่รวดเร็วที่สุดนับตั้งแต่วันแรกๆของสงครามในปี 2022 . ปูติน เน้นย้ำว่าข้อตกลงในเบื้องต้นดังกล่าวที่บรรลุความเห็นพ้องต้องกันโดยคณะผู้แทนเจรจาของรัสเซียและยูเครน ในสัปดาห์แรกๆของสงคราม ณ โต๊ะเจรจาในอิสตันบูล แต่ไม่เคยถูกบังคับใช้ ควรถูกใช้เป็นพื้นฐานของการเจรจาใดๆ ในอนาคต . "จุดยืนของเราในเรื่องยูเครนเป็นที่รู้กันดี" เปสคอฟกล่าว "เงื่อนไขต่างๆ สำหรับการหยุดความเป็นปรปักษ์ในทันที ถูกวางไว้โดยประธานาธิบดีปูติน ครั้งที่ท่านกล่าวปราศรัยที่กระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย ในเดือนมิถุนายนปีนี้ มันเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องเท้าความว่า ยูเครน เป็นฝ่ายปฏิเสธและยังคงปฏิเสธการเจรจา" เขากล่าว . ปูติน กล่าวในตอนนั้นว่า ยูเครน ต้องไม่เข้าร่วมเป็นสมาชิกพันธมิตรทหารนาโต และรัสเซียควรถูกปล่อยให้ยึดครอง 4 แคว้นของยูเครน ที่ทหารของเขาควบคุมอยู่บางส่วน อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด เพื่อบรรลุข้อตกลงสันติภาพ . เปสคอฟ เน้นว่า เซเลนสกี สั่งแบนการติดต่อกับผู้นำรัสเซียผ่ายกฤษฎีกาฉบับหนึ่ง ซึ่ง เปสคอฟ บอกว่า เซเลนสกี จำเป็นต้องถอนคำสั่งดังกล่าวก่อน เพื่อให้การเจรจาเดินหน้าไปได้ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000118049 .................. Sondhi X
    Like
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 914 มุมมอง 0 รีวิว
  • อ่านเพิ่มเติม
    การตัดสินใจของประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ ในการอภัยโทษ ฮันเตอร์ ลูกชายของเขา จะบ่อนทำลายความซื่อสัตย์สุจริตของอเมริกา จากเสียงประณามของอีลอน มัสก์ มหาเศรษฐีเทคโนโลยี ทั้งที่ก่อนหน้านี้ ไบเดน เคยบ่งชี้ว่าเขาจะไม่เข้าแทรกแซงใดๆ ในกระบวนการทางกฎหมายที่เกี่วข้องกับบุตรชายตนเอง . เมื่อเดือนมิถุนายน ฮันเตอร์ ไบเดน ถูกพิพากษาว่ามีความผิดทางอาญา 3 กระทง โทษฐานโกหกในประเด็นเดี่ยวกับการใช้สารเสพติดในใบเอกสารขอซื้ออาวุธปืน ครั้งที่เขาซื้อปืนพกลูกโม่กระบอกหนึ่งในปี 2018 ส่วนอีกคดีแยกกัน เขายอมรับสารภาพผิดในความผิดอาญาฐานหลีกเลี่ยงภาษี 3 กระทง และความผิดลหุโทษเกี่ยวเนื่องกับภาษีอีก 6 กระทง ในเดือนกันยายน โดยที่ศาลมีกำหนดตัดสินระวางโทษในเดือนตุลาคม . ในข้อความที่เขียนตอบโพสต์ของ เดวิด มาร์คัส นักธุรกิจด้วยกัน บนแพลตฟอร์มเอ็กซ์ เมื่อวันอาทิตย์ (1 ธ.ค.) อีลอน มัสก์ ระบุว่า "ผมไม่แคร์อะไรกับเรื่องยาเสพติดหรอก แต่การบ่อนทำลายความซื่อสัตย์ของสหรัฐอเมริกาเป็นเรื่องที่ไม่โอเคเลย" . ไม่นานหลังจากได้รับชัยชนะในศึกเลือกตั้งเมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน ว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เลือกซีอีโอของเทสลาและสเปซเอ็กซ์รายนี้ ให้ดำรงตำแหน่งผู้นำกระทรวงประสิทธิภาพรัฐบาล ที่จัดตั้งขึ้นมาใหม่ อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่ากระทรวงแห่งนี้จะดำเนินงานอยู่รอบนอกขอบเขตของรัฐบาลสหรัฐฯ . ในถ้อยแถลงที่เผยแพร่ในช่วงเย็นวันอาทิตย์ (1 ธ.ค.) ไบเดน แถลงว่าได้ลงนามคำสั่งอภัยโทษให้ฮันเตอร์ ไบเดน อย่างสมบูรณ์แบบและปราศจากเงื่อนไข ครอบคลุมทุกคดีความที่ลูกชายของเขาก่อหรืออาจก่อ หรือมีส่วนเกี่ยวข้อง ในระหว่างช่วงเวลาตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2014 ถึง 1 ธันวาคม 2024 ในนั้นรวมถึงในทุกๆ ความผิดหรือทุกการดำเนินคดี . ประธานาธิบดีรายนี้อ้างว่าลูกชายของเขาถูกเจาะจงดำเนินคดีและดำเนินคดีอย่างไม่ยุติธรรม สืบเนื่องจากความสัมพันธ์ทางครอบครัว พร้อมเน้นย้ำว่า "คนทั่วไปแทบไม่เคยถูกนำตัวเข้าสู่การพิจารณาคดีตามข้อกล่าวหาทางอาญาใดๆ เลย ในโทษฐานเพียงแค่คนเหล่านั้นกรอกแบบฟอร์มอาวุธปืน" พร้อมระบุว่าคดีที่เอาผิดกับฮันเตอร์นั้น เข้าข่าย "การดำเนินคดีโดยผิดพลาด (miscarriage of justice)" ซึ่งว่ากันว่าพวกฝ่ายค้านรีพับลิกันอยู่เบื้องหลัง . ด้านทำเนียบขาวระบุในวันจันทร์ (2 ธ.ค.) ประธานาธิบดีโจ ไบเดน อภัยโทษให้ลูกชาย ส่วนหนึ่งสืบเนื่องเพราะกังวลว่าฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองของเขาจะยังคงตามประหัตประหาร ฮันเตอร์ ไบเดน ในอนาคต ในนั้นรวมถึงหลังจากที่เขาพ้นจากตำแหน่งแล้ว . นับตั้งแต่ ไบเดน เข้ารับตำแหน่งในปี 2021 เหล่านักการเมืองคนดังจากรีพับลิกันหลายคน กล่าวหาลูกชายของเขาทำตัวเหมือนกับเป็นพ่อค้าเร่ของประธานาธิบดี ในการต่อรองคอร์รัปชันที่เกี่ยวข้องกับต่างประเทศ อย่างไรก็ตาม ไบเดน ปฏิเสธคำกล่าวหานี้ . ในความเห็นเกี่ยวกับการอภัยโทษครั้งนี้ โดนัลด์ ทรัมป์ เขียนบนแพลตฟอร์มทรัสต์ โซเชียล เมื่อวันอาทิตย์ (30 ธ.ย.) ว่าการตัดสินใจของไบเดน ถือเป็นการละเมิดและบิดเบือนกระบวนการยุติธรรม . "การอภัยโทษที่ โจ ให้ ฮันเตอร์ นั้นครอบคลุมถึงกลุ่ม J-6 Hostages ที่ต้องติดคุกมานานหลายปีแล้วด้วยไหม? ช่างเป็นการล่วงละเมิดและบิดเบือนกระบวนการยุติธรรม" ทรัมป์ โพสต์ โดยอ้างถึงกลุ่มผู้สนับสนุนตนเองที่ถูกตัดสินจำคุกจากการบุกเข้าไปก่อจลาจลที่อาคารรัฐสภาเมื่อวันที่ 6 มกราคม 2021 . นอกจาก ทรัมป์ แล้ว สมาชิกสภาคองเกรสจากรีพับลิกันหลายคนก็แสดงความขุ่นเคืองต่อการตัดสินใจของไบเดนเช่นกัน ขณะเดียวกัน มาเรีย ชาคาโรวา โฆษกกระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนท้องถิ่นว่า การอภัยโทษครั้งนี้คือการล้อเลียนประชาธิปไตย . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000116110 .............. Sondhi X
    Like
    Haha
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1074 มุมมอง 0 รีวิว
  • อ่านเพิ่มเติม
    2/ นายไนเจล เคซีย์ เอกอัครราชทูตสหราชอาณาจักรประจำกรุงมอสโกถูกเรียกตัวเข้าพบที่กระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย เพื่อรับจดหมายประท้วงอย่างเป็นทางการจากรัสเซีย หลังจากเจ้าหน้าที่สถานทูตอังกฤษรายหนึ่งมีพฤติกรรมจารกรรมข้อมูลข่าวกรองของรัสเซีย สำนักข่าวกรองกลางของสหพันธรัฐรัสเซียรายงานว่า "เอ็ดเวิร์ด ไพรเออร์ วิลค์ส" (Edward Pryor Wilkes) ซึ่งทำหน้าที่เลขานุการฝ่ายการเมืองของสถานทูตอังกฤษประจำกรุงมอสโก ถูกเพิกถอนการรับรองเป็นนักการทูตอังกฤษ และต้องเดินทางออกนอกรัสเซียภายใน 2 วัน หลังจากเข้ามาแทนที่เจ้าหน้าที่อังกฤษคนหนึ่งที่ถูกไล่ออกก่อนหน้านี้ เมื่อเดือนสิงหาคม 2567 เจ้าหน้าที่การทูตของอังกฤษ 6 คน ถูกขับออกจากรัสเซีย หลังจากนั้น "เอ็ดเวิร์ด ไพรเออร์" ถูกส่งเข้ามาแทนที่เจ้าหน้าที่ 1 ใน 6 รายนั้น ตามรายงานของหน่วยงาน FSB เอ็ดเวิร์ดถูกกล่าวหาว่าให้ข้อมูลรายละเอียดเกี่ยวกับประวัติส่วนตัวเป็นเท็จ ในการยื่นคำร้องขอเข้าประเทศรัสเซีย นอกจากนี้ FSB ยังระบุอีกว่า เอ็ดเวิร์ดมีพฤติกรรมเป็น "สายลับ" โดยการลักลอบทำงานข่าวกรองและก่อวินาศกรรมภายในประเทศรัสเซียด้วย "เอ็ดเวิร์ด ไพรเออร์" เป็นเจ้าหน้าที่ทางการทูตของอังกฤษคนที่ 7 ที่มีพฤติกรรมเป็น "สายลับ" และถูกขับออกจากรัสเซียในรอบ 4 เดือน ท่ามกลางความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นจากความขัดแย้งในยูเครน วิดีโอ1- ไนเจล เคซีย์ เอกอัครราชทูตสหราชอาณาจักรประจำกรุงมอสโกถูกเรียกตัวเข้าพบที่กระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย วิดีโอ2- นายเชย์ โบวส์ (Chay Bowes) ผู้สื่อข่าว RT ตะโกนถามเอกอัครราชทูตอังกฤษประจำรัสเซียตรงๆว่า เหตุใดรัฐบาลของเขาจึงยอมทุ่มเงินหลายร้อยล้านดอลลาร์เพื่อยกระดับสงครามในยูเครนซึ่งทำให้ชาวรัสเซียต้องสูญเสียชีวิต โบวส์ยังตั้งคำถามอีกว่า เหตุใดสถานทูตอังกฤษจึงถูกใช้เป็นฐานข่าวกรองเพื่อบ่อนทำลายสหพันธรัฐรัสเซีย ขณะที่ชาวอังกฤษกำลังเหน็บหนาวจนตายเพราะรัฐบาลตัดสวัสดิการเชื้อเพลิงของพวกเขา "เอกอัครราชทูตอังกฤษ ไม่ต่อบคำถามใดๆ และรับชิ่งหนีไป"
    Video Player is loading.
    Current Time 
    Duration 
    Loaded: 0%
    Stream Type LIVE
    Remaining Time 
     
    1x
      • Chapters
      • descriptions off, selected
      • captions and subtitles off, selected
        0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 518 มุมมอง 21 0 รีวิว
      • อ่านเพิ่มเติม
        1/ นายไนเจล เคซีย์ เอกอัครราชทูตสหราชอาณาจักรประจำกรุงมอสโกถูกเรียกตัวเข้าพบที่กระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย เพื่อรับจดหมายประท้วงอย่างเป็นทางการจากรัสเซีย หลังจากเจ้าหน้าที่สถานทูตอังกฤษรายหนึ่งมีพฤติกรรมจารกรรมข้อมูลข่าวกรองของรัสเซีย สำนักข่าวกรองกลางของสหพันธรัฐรัสเซียรายงานว่า "เอ็ดเวิร์ด ไพรเออร์ วิลค์ส" (Edward Pryor Wilkes) ซึ่งทำหน้าที่เลขานุการฝ่ายการเมืองของสถานทูตอังกฤษประจำกรุงมอสโก ถูกเพิกถอนการรับรองเป็นนักการทูตอังกฤษ และต้องเดินทางออกนอกรัสเซียภายใน 2 วัน หลังจากเข้ามาแทนที่เจ้าหน้าที่อังกฤษคนหนึ่งที่ถูกไล่ออกก่อนหน้านี้ เมื่อเดือนสิงหาคม 2567 เจ้าหน้าที่การทูตของอังกฤษ 6 คน ถูกขับออกจากรัสเซีย หลังจากนั้น "เอ็ดเวิร์ด ไพรเออร์" ถูกส่งเข้ามาแทนที่เจ้าหน้าที่ 1 ใน 6 รายนั้น ตามรายงานของหน่วยงาน FSB เอ็ดเวิร์ดถูกกล่าวหาว่าให้ข้อมูลรายละเอียดเกี่ยวกับประวัติส่วนตัวเป็นเท็จ ในการยื่นคำร้องขอเข้าประเทศรัสเซีย นอกจากนี้ FSB ยังระบุอีกว่า เอ็ดเวิร์ดมีพฤติกรรมเป็น "สายลับ" โดยการลักลอบทำงานข่าวกรองและก่อวินาศกรรมภายในประเทศรัสเซียด้วย "เอ็ดเวิร์ด ไพรเออร์" เป็นเจ้าหน้าที่ทางการทูตของอังกฤษคนที่ 7 ที่มีพฤติกรรมเป็น "สายลับ" และถูกขับออกจากรัสเซียในรอบ 4 เดือน ท่ามกลางความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นจากความขัดแย้งในยูเครน วิดีโอ1- ไนเจล เคซีย์ เอกอัครราชทูตสหราชอาณาจักรประจำกรุงมอสโกถูกเรียกตัวเข้าพบที่กระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย วิดีโอ2- นายเชย์ โบวส์ (Chay Bowes) ผู้สื่อข่าว RT ตะโกนถามเอกอัครราชทูตอังกฤษประจำรัสเซียตรงๆว่า เหตุใดรัฐบาลของเขาจึงยอมทุ่มเงินหลายร้อยล้านดอลลาร์เพื่อยกระดับสงครามในยูเครนซึ่งทำให้ชาวรัสเซียต้องสูญเสียชีวิต โบวส์ยังตั้งคำถามอีกว่า เหตุใดสถานทูตอังกฤษจึงถูกใช้เป็นฐานข่าวกรองเพื่อบ่อนทำลายสหพันธรัฐรัสเซีย ขณะที่ชาวอังกฤษกำลังเหน็บหนาวจนตายเพราะรัฐบาลตัดสวัสดิการเชื้อเพลิงของพวกเขา "เอกอัครราชทูตอังกฤษ ไม่ต่อบคำถามใดๆ และรับชิ่งหนีไป"
        Video Player is loading.
        Current Time 
        Duration 
        Loaded: 0%
        Stream Type LIVE
        Remaining Time 
         
        1x
          • Chapters
          • descriptions off, selected
          • captions and subtitles off, selected
            0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 327 มุมมอง 0 รีวิว
          • อ่านเพิ่มเติม
            โฆษกกระทรวงการต่างประเทศรัสเซียเยาะเย้ยระบบยุติธรรมของสหรัฐฯ หลังจากกระทรวงยุติธรรมยกเลิกข้อกล่าวหาทางอาญาต่อทรัมป์ การตัดสินใจของกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ที่จะยอมความในคดีอาญาทั้งหมดนอกศาลต่อประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ แสดงให้เห็นว่ากระบวนการยุติธรรมของสหรัฐฯ มี "ลักษณะวงจรที่น่าทึ่ง", โฆษกกระทรวงต่างประเทศรัสเซีย มาเรีย ซาคาโรวา กล่าว “เพราะคุณได้คิดมันออกแล้ว, ใช่ไหม? ความยุติธรรมในระบอบประชาธิปไตยของสหรัฐฯ มีลักษณะเป็นวัฏจักรที่น่าทึ่ง - ทุกๆ ๔ ปี, ความยุติธรรมจะแสดงออกมาอย่างชัดเจน ลำดับแรก, ก่อนการเลือกตั้ง, และทันทีหลังจากนั้น, ผลลัพธ์ก็ออกมาแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงถึงสองครั้ง นี่คือสิ่งที่ประชาธิปไตยของสหรัฐฯเป็น,” ซาคาโรวา กล่าวบน Telegram ก่อนหน้านี้ แจ็ค สมิธ อัยการพิเศษของสหรัฐฯ ได้ยื่นคำร้องต่อศาลแขวงประจำเขตโคลัมเบียให้ยกฟ้องคดีที่นายทรัมป์ถูกกล่าวหาว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุจลาจลที่อาคารรัฐสภาเมื่อปี ๒๐๒๑ ซึ่งทำให้นายทรัมป์กลายเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯคนแรกที่ถูกสอบสวนและถูกตัดสินว่ามีความผิด . RUSSIA'S FM SPOKESWOMAN MOCKS US JUSTICE SYSTEM AFTER DOJ DROPS CRIMINAL CHARGES AGAINST TRUMP The US Department of Justice's (DOJ) decision to settle all federal offenses out of court against US President-elect Donald Trump demonstrates the "amazing cyclical nature" of US justice, Russian Foreign Ministry spokeswoman Maria Zakharova said. "Because you have figured it out, right? US democratic justice has an amazing cyclical nature - every 4 years, it demonstrates absolute impartiality. First, before the election, and then immediately after, with two completely different results. This is what US democracy is all about," Zakharova said on Telegram. US Special Counsel Jack Smith has earlier asked the District Court for the District of Columbia to dismiss the case against Trump regarding his alleged role in the Capitol riot of 2021. This makes Trump the first US president-elect into whom probes have been launched and against whom a verdict has been returned. . 2:08 PM · Nov 26, 2024 · 2,448 Views https://x.com/SputnikInt/status/1861306036516221164
            Haha
            1
            0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 709 มุมมอง 0 รีวิว
          • อ่านเพิ่มเติม
            ๒ผลการวิเคราะห์ภาพถ่ายดาวเทียมที่เผยแพร่วานนี้ (22 พ.ย.) โดย BBC และศูนย์ Open Source Centre ในอังกฤษพบว่าเกาหลีเหนือมีการนำเข้าน้ำมันจากรัสเซียมากกว่า 1 ล้านบาร์เรลในช่วง 8 เดือนแรกของปีนี้ ซึ่งถือว่าละเมิดคำสั่งคว่ำบาตรขององค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) • รายงานที่เผยแพร่บนเว็บไซต์ขององค์กรวิจัย Open Source Centre ระบุว่า เรือบรรทุกน้ำมันเกาหลีเหนือเดินทางไปยังท่าเรือวอสตอชนี (Vostochny) ในภูมิภาคตะวันออกไกลของรัสเซียมากกว่า 40 ครั้ง • “อ้างอิงจากภาพถ่ายความละเอียดสูงหลายสิบภาพ ระบบระบุข้อมูลอัตโนมัติ (Automatic Identification System - AIS) รวมถึงฐานข้อมูลและภาพถ่ายที่ได้จากภารกิจลาดตระเวนซึ่งได้รับมอบหมายให้ตรวจตราการบังคับใช้มาตรการคว่ำบาตรเกาหลีเหนือ แสดงให้เห็นว่าเรือบรรทุกน้ำมันเกาหลีเหนือมีการขนถ่ายน้ำมันหลายครั้งที่ท่าเรือขนส่งน้ำมันในวอสตอชนี” • กระทรวงการต่างประเทศรัสเซียยังไม่ออกมาแสดงความเห็นในเรื่องนี้ ส่วนโฆษกยูเอ็นก็ยังไม่มีถ้อยแถลงใดๆ เช่นกัน • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/around/detail/9670000112701 • #MGROnline #กระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย #รัสเซีย #เกาหลีเหนือ
            Like
            2
            0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 440 มุมมอง 0 รีวิว
          • อ่านเพิ่มเติม
            ปูตินลงนาม ประกาศหลักการใช้อาวุธนิวเคลียร์ฉบับแก้ไขปรับปรุงใหม่ ซึ่งขยายเงื่อนไขที่รัสเซียจะพิจารณาใช้อาวุธนิวเคลียร์ให้กว้างขวางกว่าเดิม โดยครอบคลุมกรณีแดนหมีขาวถูกโจมตีด้วยขีปนาวุธซึ่งมีมหาอำนาจนิวเคลียร์ให้การสนับสนุนด้วย ถือว่าเป็นการตอบโต้โดยตรงต่อการที่อเมริกาอนุญาตเคียฟใช้ขีปนาวุธพิสัยทำการไกลๆ โจมตีลึกเข้าไปในดินแดนรัสเซีย ขณะเดียวกัน เซเลนสกี้ประกาศในวันเดียวกัน ซึ่งเป็นวันครบรอบมอสโกเปิดฉากรุกรานครบ 1,000 วัน โวลั่นยูเครนจะไม่ยอมจำนน . ยูเครนเริ่มต้นวันอังคาร (19 ) วันครบรอบ 1,000 วันที่ถูกรัสเซียรุกรานด้วยข่าวการโจมตีของมอสโกในเมืองซูมี ทางตะวันออกของประเทศ เมื่อคืนวันจันทร์ (18 พ.ย.) ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 9 คน รวมถึงเด็ก . เคียฟระบุว่า ตลอดคืนวันจันทร์ รัสเซียได้ส่งโดรน 87 ลำโจมตีทั่วยูเครน แต่ถูกยิงตก 51 ลำ นอกจากนั้นในวันจันทร์รัสเซียยังยิงขีปนาวุธโจมตีโอเดสซา เมืองท่าสำคัญทางภาคใต้ของประเทศ ซึ่งได้รับการประกาศรับรองจากยูเนสโกให้เป็นเมืองมรดกโลก ทำให้มีผู้เสียชีวิต 10 คน และบาดเจ็บ 55 คน . ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี้ เผยแพร่ภาพเจ้าหน้าที่กู้ภัยนำร่างผู้เสียชีวิตออกจากซากอาคารที่พักอาศัยในเมืองซูมี ที่ถูกโจมตี และเรียกร้องพันธมิตรบีบให้เครมลินทำข้อตกลงสันติภาพ . กระทรวงการต่างประเทศยูเครนแถลงในทิศทางเดียวกันด้วยการเรียกร้องบรรดาพันธมิตรเร่งให้การสนับสนุนทางทหารเพื่อยุติสงครามนี้ลงไปอย่าง “ยั่งยืน” และย้ำว่า เคียฟจะไม่ยอมจำนนต่อผู้รุกราน แต่กองทัพรัสเซียต้องถูกลงโทษที่ละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ . ทว่า ดมิทรี เปสคอฟ โฆษกทำเนียงเครมลิน ประกาศกร้าวเหมือนกันว่า ปฏิบัติการทางทหารของรัสเซียต่อเคียฟจะต้องดำเนินต่อไปจนเสร็จสมบูรณ์ . ถ้อยแถลงนี้มีขึ้นขณะที่ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ลงนามประกาศใช้กฤษฎีกาซึ่งเป็นการขยายขอบเขตเงื่อนไขที่มอสโกจะพิจารณาใช้อาวุธนิวเคลียร์ โดยนอกจากในกรณีถูกโจมตีด้วยอาวุธนิวเคลียร์ ตามที่กล่าวไว้ในหลักนิยมนิวเคลียร์ฉบับเดิมแล้ว ต่อจากนี้ไปรัสเซียจะสามารถใช้อาวุธนิวเคลียร์ได้ด้วย ในกรณีถูกโจมตีด้วยขีปนาวุธตามแบบแผน โดรน หรือเครื่องบินอื่นๆ ของประเทศที่ไม่ได้ครอบครองนิวเคลียร์แต่ได้รับการสนับสนุนจากมหาอำนาจนิวเคลียร์ . นอกจากนั้นการรุกรานรัสเซียโดยประเทศที่เป็นสมาชิกแนวร่วมหรือกลุ่มพันธมิตรแห่งใดแห่งหนึ่ง จะถือว่า แนวร่วมหรือกลุ่มพันะมิตรแห่งนั้นมีส่วนร่วมในการรุกรานด้วย . เครมลินระบุว่า การเปลี่ยนแปลงนี้มีความจำเป็นเพื่อทำให้หลักนิยมนิวเคลียร์ของรัสเซียสอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน . ความเคลื่อนไหวนี้ มอสโกมุ่งที่จะเตือนตะวันตกและยูเครนอย่างชัดเจน หลังจากมีรายงานว่าคณะบริหารของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ได้อนุญาตให้เคียฟใช้ขีปนาวุธพิสัยทำการไกลๆ ที่อเมริกาจัดหาให้เข้าโจมตีเป้าหมายทางทหารภายในรัสเซีย . ขณะเดียวกัน เมื่อวันอังคาร โจเซฟ บอร์เรลล์ ประธานด้านนโยบายการต่างประเทศของสหภาพยุโรป ที่กำลังจะหมดวาระดำรงตำแหน่ง ได้ออกมาเรียกร้องให้ชาติสมาชิกอียูปรับแนวทางให้สอดคล้องกับวอชิงตันในการอนุญาตให้เคียฟใช้ขีปนาวุธพิสัยไกลๆที่ยุโรปจัดส่งให้ ในการโจมตีลึกเข้าไปในดินแดนรัสเซีย . เปสคอฟวิจารณ์ว่า คณะบริหารของไบเดนที่กำลังจะหมดวาระต้องการยั่วยุให้ความขัดแย้งในยูเครนบานปลายขยายตัวออกไป และกระทรวงการต่างประเทศรัสเซียยังออกแถลงการณ์ย้ำว่า การที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธพิสัยทำการไกลๆ โจมตีดินแดนรัสเซีย จะถือว่าอเมริกาและรัฐบริวารเป็นปฏิปักษ์ต่อรัสเซีย . เกี่ยวกับสถานการณ์การสู้รบ มีรายงานว่ากองทหารยูเครนในทุกแนวรบขณะนี้อยู่ในสภาพที่ไม่สู้ดีนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเมืองที่ถูกโจมตีอย่างหนักอย่าง คูเปียนสก์ และโปครอฟสก์ ซึ่งต่างอยู่ในแคว้นโดเนตสก์ ทางภาคตะวันออกของยูเครนทั้งคู่ นอกจากนั้น กองกำลังยูเครนยังประสบความเพลี่ยงพล้ำในแคว้นคูร์สก์ของรัสเซีย ที่พวกเขายกำลังบุกเข้าไปเมื่อหลายเดือนก่อน โดยที่มีรายงานระบุด้วยว่า มอสโกกำลังระดมทหารราว 50,000 นายเพื่อขับไล่ทหารยูเครนออกจากแคว้นดังกล่าว . ในวันอังคาร ยูเครนกล่าวหากองกำลังรัสเซียใช้สารเคมีต้องห้าม และเรียกร้องพันธมิตรตอบสนองต่อรายงานขององค์การห้ามอาวุธเคมี (โอพีซีดับเบิลยู) ที่ระบุว่า พบแก๊สควบคุมจลาจลที่ถูกแบนในตัวอย่างดินบริเวณแนวรบในยูเครน . กระทรวงการต่างประเทศยูเครนแถลงว่า การที่รัสเซียใช้สารเคมีต้องห้ามในสนามรบตอกย้ำว่า รัสเซียเพิกเฉยต่อกฎหมายระหว่างประเทศ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000111416 .............. Sondhi X
            Like
            Love
            5
            0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1487 มุมมอง 0 รีวิว
          • อ่านเพิ่มเติม
            imctnews รายงานว่า รัสเซียเผย NATO เตรียมพร้อมปะทะกับมอสโกชี้ซ้อมรบ Steadfast Defender ใหญ่สุดนับแต่จบสงครามเย็น เล็งรัสเซียเป็นศัตรูตัวจริง ปีนี้ระดมพล 9 หมื่นนายจาก 32 ชาติ ไม่ปิดบังว่าเตรียมปะทะมอสโก NATO วางแผนครบถ้วน กำหนดภารกิจเฉพาะให้ทัพใหญ่ พร้อมออปชั่นรุกรัสเซียต่อเนื่อง เศรษฐกิจตะวันตกถูกทำให้เป็นการทหาร อัดงบทัพจัดเต็ม ยันไม่ใช่รัสเซียแต่เป็นนาโตเองที่เดินหน้าสู่ทางเผชิญหน้า ปูตินเคยปัดโจมตี NATO แต่เตือนอย่าให้ยูเครนใช้ขีปนาวุธถล่มรัสเซียลึก อเล็กซานเดอร์ กรุชโก รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย ออกโรงกล่าวหานาโตว่าไม่ได้ปิดบังอีกต่อไปแล้วว่ากำลังเตรียมความพร้อมเพื่อเผชิญหน้ากับรัสเซียในความขัดแย้งด้วยกำลังอาวุธ โดยอ้างถึงการซ้อมรบ Steadfast Defender ในปีนี้ ซึ่งเป็นการฝึกที่ใหญ่ที่สุดของนาโตนับตั้งแต่สิ้นสุดสงครามเย็น โดยมีกำลังพลมากถึง 90,000 นายจากชาติสมาชิก 32 ประเทศ กรุชโกระบุว่าแม้นาโตจะไม่ได้ระบุชื่อรัสเซียตรงๆ แต่ก็เรียกการซ้อมรบครั้งนี้ว่าเป็นการเตรียมพร้อมสำหรับความขัดแย้งกับคู่ต่อสู้ "ที่ใกล้เคียงกัน" ขณะที่เอกสารความมั่นคงหลักของนาโตก็ระบุว่า รัสเซียคือภัยคุกคามที่ใหญ่ที่สุดของพวกเขา นอกจากนี้ กรุชโกยังอ้างว่านาโตมีแผนการป้องกันภูมิภาคที่ชัดเจนแล้ว พร้อมกำหนดภารกิจเฉพาะให้หน่วยงานทหารต่างๆ และกำลังพิจารณาทางเลือกที่เป็นไปได้ในการดำเนินการทางทหารต่อรัสเซียอย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางการทุ่มงบประมาณทางการทหารอย่างมหาศาล และการทำให้เศรษฐกิจของประเทศตะวันตกกลายเป็นแบบการทหาร กรุชโกยืนยันว่าไม่ใช่รัสเซียแต่เป็นนาโตเองที่กำลังเดินหน้าสู่เส้นทางเผชิญหน้า และต้องรับผิดชอบต่อวิกฤตความมั่นคงครั้งใหญ่ของยุโรป ขณะที่ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน แห่งรัสเซีย ก็เคยออกมาปฏิเสธข้อกล่าวหาที่ว่ามอสโกวางแผนโจมตีนาโต แต่ก็เตือนว่าหากชาติตะวันตกปล่อยให้ยูเครนใช้ขีปนาวุธโจมตีเป้าหมายลึกในรัสเซีย ก็จะเท่ากับพวกเขาเข้าไปมีส่วนร่วมโดยตรงในความขัดแย้งครั้งนี้ ที่มา : imctnews https://www.facebook.com/share/p/SLtspzhtya4nB7mS/?mibextid=CTbP7E #Thaitimes
            Like
            6
            0 ความคิดเห็น 2 การแบ่งปัน 843 มุมมอง 0 รีวิว