• คีธ เคลล็อกก์ (Keith Kellogg) ผู้แทนพิเศษของทรัมป์ประจำยูเครนกล่าวในการประชุมด้านความมั่นคงที่เมืองมิวนิก "Munich Security Conference"(MSC) ระบุอย่างชัดเจนว่ายุโรปจะไม่ได้เข้าร่วมการเจรจาเกี่ยวกับความขัดแย้งระหว่างยูเครนกับรัสเซีย

    - ยุโรปจะไม่มีส่วนร่วมในการเจรจาอย่างแน่นอน แต่ยูเครนยังสามารถมีส่วนร่วมได้

    - เคลล็อกก์ต้องการให้ยุโรปมีส่วนร่วมเพียงแค่การเสนอแนะแนวทาง ให้ข้อคิดเห็น ดีกว่าจะมาส่งเสียงร้องโวยวายว่าตัวเองจะได้เข้าร่วมโต๊ะเจรจาหรือไม่หรือไม่ได้เข้าร่วม

    - นอกจากนี้เคลล็อกก์ยังแนะนำให้ยุโรปเอาเวลาไปคิดหาทางเพิ่มงบประมาณด้านการทหารของตัวเองจะดีกว่า
    สหรัฐมีเป้าหมายสูงสุดคือยุติสงครามโดยเร็วที่สุด การเจรจาจะไม่ยืดเยื้อเป็นเวลาหลายเดือน สหรัฐต้องการใช้เวลาเพียงไม่กี่วันหรือไม่กี่สัปดาห์

    - ในการเจรจาข้อตกลงที่ผ่านมา การมีหลายประเทศเข้าร่วมมากเกินไปส่งผลเสียมากกว่า เคลล็อกก์ยกตัวอย่างข้อตกลงมินสค์ว่า ล้มเหลว เนื่องจากมีผู้คนจำนวนมากเข้าร่วม ทำให้การดำเนินกระบวนการสันติภาพเป็นไปได้ยากในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง

    - เคลล็อกก์ยังโจมตีไบเดนว่า การปล่อยปละละเลยและความอ่อนแอของเขา ทำให้รัสเซีย-จีน-อิหร่าน-เกาหลีเหนือ แข็งแกร่งขึ้นมากในเวลาไม่กี่ปี

    - สหรัฐจะช่วยยูเครนต่อไป แต่เพื่อการฟื้นฟู โดยมีเงื่อนไขว่าสงครามจะต้องหยุดลงทันทีก่อน
    คีธ เคลล็อกก์ (Keith Kellogg) ผู้แทนพิเศษของทรัมป์ประจำยูเครนกล่าวในการประชุมด้านความมั่นคงที่เมืองมิวนิก "Munich Security Conference"(MSC) ระบุอย่างชัดเจนว่ายุโรปจะไม่ได้เข้าร่วมการเจรจาเกี่ยวกับความขัดแย้งระหว่างยูเครนกับรัสเซีย - ยุโรปจะไม่มีส่วนร่วมในการเจรจาอย่างแน่นอน แต่ยูเครนยังสามารถมีส่วนร่วมได้ - เคลล็อกก์ต้องการให้ยุโรปมีส่วนร่วมเพียงแค่การเสนอแนะแนวทาง ให้ข้อคิดเห็น ดีกว่าจะมาส่งเสียงร้องโวยวายว่าตัวเองจะได้เข้าร่วมโต๊ะเจรจาหรือไม่หรือไม่ได้เข้าร่วม - นอกจากนี้เคลล็อกก์ยังแนะนำให้ยุโรปเอาเวลาไปคิดหาทางเพิ่มงบประมาณด้านการทหารของตัวเองจะดีกว่า สหรัฐมีเป้าหมายสูงสุดคือยุติสงครามโดยเร็วที่สุด การเจรจาจะไม่ยืดเยื้อเป็นเวลาหลายเดือน สหรัฐต้องการใช้เวลาเพียงไม่กี่วันหรือไม่กี่สัปดาห์ - ในการเจรจาข้อตกลงที่ผ่านมา การมีหลายประเทศเข้าร่วมมากเกินไปส่งผลเสียมากกว่า เคลล็อกก์ยกตัวอย่างข้อตกลงมินสค์ว่า ล้มเหลว เนื่องจากมีผู้คนจำนวนมากเข้าร่วม ทำให้การดำเนินกระบวนการสันติภาพเป็นไปได้ยากในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง - เคลล็อกก์ยังโจมตีไบเดนว่า การปล่อยปละละเลยและความอ่อนแอของเขา ทำให้รัสเซีย-จีน-อิหร่าน-เกาหลีเหนือ แข็งแกร่งขึ้นมากในเวลาไม่กี่ปี - สหรัฐจะช่วยยูเครนต่อไป แต่เพื่อการฟื้นฟู โดยมีเงื่อนไขว่าสงครามจะต้องหยุดลงทันทีก่อน
    Sad
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 192 มุมมอง 0 รีวิว
  • มีรายงานจาก Google ที่ระบุว่าอาชญากรรมไซเบอร์กำลังเพิ่มขึ้นและช่วยเพิ่มรายได้ให้กับประเทศที่ไม่เป็นมิตรต่อโลก เช่น รัสเซีย, จีน, อิหร่าน และเกาหลีเหนือ ตามรายงานของกลุ่ม Threat Intelligence ของ Google พบว่าการโจมตีทางไซเบอร์ในปี 2024 ส่วนใหญ่เกิดจากแรงจูงใจทางการเงินมากกว่าการโจมตีที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐ

    แม้ว่าภัยคุกคามทางความมั่นคงของชาติจะเป็นสิ่งที่ควรกังวล แต่การโจมตีใด ๆ ที่มุ่งเป้าหมายไปที่โครงสร้างพื้นฐานสำคัญสามารถส่งผลกระทบร้ายแรงต่อชีวิตของผู้คนได้ เช่น เมื่อแหล่งจ่ายไฟถูกปิดลง ชุมชนทั้งหมดจะตกอยู่ในความเสี่ยง ผลกระทบของอาชญากรรมไซเบอร์ไม่ได้หยุดที่การขโมยเงินหรือข้อมูลเท่านั้น แต่ยังทำลายความไว้วางใจของประชาชนและทำให้บริการที่สำคัญหยุดชะงัก

    ในการโจมตีทางไซเบอร์ในปีที่ผ่านมา เป้าหมายสำคัญคือองค์กรด้านสุขภาพ เนื่องจากข้อมูลที่เป็นความลับและสำคัญที่พวกเขาถือไว้ ทำให้ผู้โจมตีสามารถสร้างความเสียหายอย่างมากหากข้อมูลนี้ถูกขโมยและเผยแพร่บนเว็บไซต์ต่างๆ

    อีกหนึ่งเรื่องที่น่าสนใจคือ แต่ละประเทศที่ถูกระบุในรายงานนี้ เช่น เกาหลีเหนือ ซึ่งมีการโจมตีทางไซเบอร์ขนาดใหญ่เพื่อระดมทุนในการดำเนินการของรัฐ โดยการใช้งาน ransomware หรือ malware เป็นเครื่องมือสำคัญในการสร้างรายได้

    ผลกระทบที่เกิดจากการโจมตีทางไซเบอร์นี้ไม่ได้เพียงแค่ขโมยข้อมูลหรือเงินเท่านั้น แต่ยังทำให้บริการที่สำคัญหยุดชะงักและส่งผลกระทบต่อชีวิตของผู้คนอย่างมาก

    https://www.techradar.com/pro/security/cybercrime-is-helping-fund-rogue-nations-across-the-world-and-its-only-going-to-get-worse-google-warns
    มีรายงานจาก Google ที่ระบุว่าอาชญากรรมไซเบอร์กำลังเพิ่มขึ้นและช่วยเพิ่มรายได้ให้กับประเทศที่ไม่เป็นมิตรต่อโลก เช่น รัสเซีย, จีน, อิหร่าน และเกาหลีเหนือ ตามรายงานของกลุ่ม Threat Intelligence ของ Google พบว่าการโจมตีทางไซเบอร์ในปี 2024 ส่วนใหญ่เกิดจากแรงจูงใจทางการเงินมากกว่าการโจมตีที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐ แม้ว่าภัยคุกคามทางความมั่นคงของชาติจะเป็นสิ่งที่ควรกังวล แต่การโจมตีใด ๆ ที่มุ่งเป้าหมายไปที่โครงสร้างพื้นฐานสำคัญสามารถส่งผลกระทบร้ายแรงต่อชีวิตของผู้คนได้ เช่น เมื่อแหล่งจ่ายไฟถูกปิดลง ชุมชนทั้งหมดจะตกอยู่ในความเสี่ยง ผลกระทบของอาชญากรรมไซเบอร์ไม่ได้หยุดที่การขโมยเงินหรือข้อมูลเท่านั้น แต่ยังทำลายความไว้วางใจของประชาชนและทำให้บริการที่สำคัญหยุดชะงัก ในการโจมตีทางไซเบอร์ในปีที่ผ่านมา เป้าหมายสำคัญคือองค์กรด้านสุขภาพ เนื่องจากข้อมูลที่เป็นความลับและสำคัญที่พวกเขาถือไว้ ทำให้ผู้โจมตีสามารถสร้างความเสียหายอย่างมากหากข้อมูลนี้ถูกขโมยและเผยแพร่บนเว็บไซต์ต่างๆ อีกหนึ่งเรื่องที่น่าสนใจคือ แต่ละประเทศที่ถูกระบุในรายงานนี้ เช่น เกาหลีเหนือ ซึ่งมีการโจมตีทางไซเบอร์ขนาดใหญ่เพื่อระดมทุนในการดำเนินการของรัฐ โดยการใช้งาน ransomware หรือ malware เป็นเครื่องมือสำคัญในการสร้างรายได้ ผลกระทบที่เกิดจากการโจมตีทางไซเบอร์นี้ไม่ได้เพียงแค่ขโมยข้อมูลหรือเงินเท่านั้น แต่ยังทำให้บริการที่สำคัญหยุดชะงักและส่งผลกระทบต่อชีวิตของผู้คนอย่างมาก https://www.techradar.com/pro/security/cybercrime-is-helping-fund-rogue-nations-across-the-world-and-its-only-going-to-get-worse-google-warns
    WWW.TECHRADAR.COM
    Cybercrime is helping fund rogue nations across the world - and it's only going to get worse, Google warns
    Financial motivations much more prominent than national security threats, report warns
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 87 มุมมอง 0 รีวิว
  • ภาพหน้าปกนิตยสารไทม์สล่าสุดทำเอาจี๊ดเมื่อจับมหาเศรษฐีพันล้าน “อีลอน มัสก์” ขึ้นปกจัดให้นั่งหลังโต๊ะประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในทำเนียบขาวบริหารอเมริกา นักข่าวใช้ไมโครโฟนจี้ถาม ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ถึงภาพปกใหม่ โดนตอบกลับ “ยังทำธุรกิจอยู่อีกหรือ?”
    .
    CNNของสหรัฐฯ รายงานวันศุกร์ (7 ก.พ.) ว่า นักข่าวชื่อดังประจำนิตยสารไทม์ส ไซมอน ชัสเตอร์ (Simon Schuster) และไบรอัน เบนเนตต์ (Brian Bennett) แสดงความเห็นว่า “มาจนถึงเวลานี้ มัสก์์ (อีลอน มัสก์) ดูเหมือนไม่อยู่ภายใต้ใครยกเว้นประธานาธิบดีทรัมป์ผู้ที่ให้อำนาจกวาดล้างแก่คนที่ช่วยให้เขาชนะเพื่อให้รัฐบาลสหรัฐฯ ทำตามเป้าหมายของเขา”
    .
    โดยภาพปกฮือฮาและมีสีสันของนิตยสารไทม์สล่าสุดแสดงให้เห็นมหาเศรษฐีอเมริกันเจ้าของเทสลาและสเปซเอ็กซ์ “อีลอน มัสก์” ขึ้นปกจัดให้นั่งหลังโต๊ะทำงานประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในห้องทำงานรูปไข่ภายในทำเนียบขาวนั่งบริหารประเทศแทนทรัมป์
    .
    มือของมัสก์ถือแก้วกาแฟและเขานั่งระหว่างธงชาติสหรัฐฯ และธงประธานาธิบดีสหรัฐฯ ตัดฉากหลังสีแดงสด เป็นภาพปกที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่สำนักงานประสิทธิภาพรัฐ DOGE ที่ตั้งใหม่โดยทรัมป์ให้มัสก์บริหาร และตามมาด้วยการสั่งปิด USAID และหมายตาเพื่อล้างบางไปที่หน่วยงานรัฐบาลกลางสหรัฐฯ อื่นอีก 14 แห่ง รวมกระทรวงศึกษาธิการสหรัฐฯ อ้างอิงจากหนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์
    .
    CNN รายงานว่าขณะที่ทรัมป์เองวันศุกร์ (7) สั่งปลดผู้บริหารสูงสุดสำนักหอจดหมายเหตุแห่งชาติสหรัฐฯ NARA แบบฟ้าผ่าจากเหตุผลเกี่ยวข้องกับคดีทรัมป์นำเอกสารลับทำเนียบขาว รวมจดหมายจากประธานาธิบดีเกาหลีเหนือ คิม จองอึน มาเก็บไว้ที่คฤหาสน์ Mar-a-Lago ที่รัฐฟลอริดา
    .
    และในวันเดียวกัน (7) ประธานาธิบดีทรัมป์ได้ลงนามคำสั่งทางบริหารสั่งตัดเงินช่วยเหลือแอฟริกาใต้ อ้างอิงจากเดอะการ์เดียนของอังกฤษรายงานวันเสาร์ (8)
    .
    โดยทรัมป์ให้เหตุผลว่า เป็นการกีดกันทางเชื้อชาติอย่างไม่ชอบธรรมต่อชาวแอฟริกาใต้ผิวขาวพร้อมเสนอให้คนเหล่านั้นสามารถเข้าไปลี้ภัยต่อในอเมริกา
    .
    เป็นการออกมาวิจารณ์ต่อกฎหมายที่ทรัมป์เห็นว่าไม่ชอบธรรมในการพริทอเรียเปิดโอกาสให้สามารถยึดที่ดินของแอฟริกันผิวขาวได้โดยไม่ต้องจ่ายค่าเยียวยาในบางกรณี
    .
    แอฟริกาใต้เป็นประเทศบ้านเกิดของอีลอน มัสก์ ก่อนที่เขาจะย้ายไปอเมริกาและเปลี่ยนสัญชาติในที่สุด พ่อของเขาคือ เออโรล มัสก์ (Errol Musk) ปัจจุบันอายุ 79 ปี และยังอาศัยอยู่ที่แอฟริกาใต้ แต่เมื่อวันที่ 4 ก.พ.ที่ผ่านมา รอยเตอร์รายงานว่า พ่อของเขาอ้างว่า ที่ปรึกษาของประธานาธิบดีแอฟริกาใต้ ซีริล รามาโฟซา ได้ร้องขอให้ช่วยประสานโทรศัพท์ติดต่อหารือระหว่างรามาโฟซา และลูกชายอีลอน มัสก์เกิดขึ้นก่อนข่าวสหรัฐฯ จะตัดเงินช่วยเหลือแอฟริกาใต้อ้างเหตุกฎหมายที่ดินแอฟริกาใต้
    .
    โดยการทูตหลังบ้านแบบรีบด่วนหลังผู้นำสหรัฐฯ ได้โพสต์ทางออนไลน์โดยไม่แสดงหลักฐานว่า แอฟริกาใต้กำลังยึดที่ดินและ “บางชนชั้น” กำลังได้รับการปฏิบัติอย่างเลวร้าย
    .
    CNN รายงานต่อว่า เป็นครั้งที่ 2 ที่นิตยสารไทม์สขึ้นปก อีลอน มัสก์ หลังเมื่อพฤศจิกายนล่าสุดมีการขึ้นปกรูปเจ้าของบริษัทเทสลาพร้อมคำว่า “ประชาชนมัสก์” (Citizen Musk) แสดงให้เห็นถึงความเป็นคนที่ช่วยให้ทรัมป์ชนะเลือกตั้งได้สำเร็จ
    .
    อย่างไรก็ตาม เมื่อนักข่าวถามทรัมป์ที่ทำเนียบขาวในวันศุกร์ (7) ถึงปกนิตยสารไทม์สล่าสุดว่าเป็นเช่นใด
    .
    เขากลับตอบกลับมาว่า “นิตยสารไทม์สยังทำธุรกิจอยู่อีกหรือ?” และเสริมต่อว่า “ผมไม่รู้เลยนะนี่
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000013144
    ..............
    Sondhi X
    ภาพหน้าปกนิตยสารไทม์สล่าสุดทำเอาจี๊ดเมื่อจับมหาเศรษฐีพันล้าน “อีลอน มัสก์” ขึ้นปกจัดให้นั่งหลังโต๊ะประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในทำเนียบขาวบริหารอเมริกา นักข่าวใช้ไมโครโฟนจี้ถาม ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ถึงภาพปกใหม่ โดนตอบกลับ “ยังทำธุรกิจอยู่อีกหรือ?” . CNNของสหรัฐฯ รายงานวันศุกร์ (7 ก.พ.) ว่า นักข่าวชื่อดังประจำนิตยสารไทม์ส ไซมอน ชัสเตอร์ (Simon Schuster) และไบรอัน เบนเนตต์ (Brian Bennett) แสดงความเห็นว่า “มาจนถึงเวลานี้ มัสก์์ (อีลอน มัสก์) ดูเหมือนไม่อยู่ภายใต้ใครยกเว้นประธานาธิบดีทรัมป์ผู้ที่ให้อำนาจกวาดล้างแก่คนที่ช่วยให้เขาชนะเพื่อให้รัฐบาลสหรัฐฯ ทำตามเป้าหมายของเขา” . โดยภาพปกฮือฮาและมีสีสันของนิตยสารไทม์สล่าสุดแสดงให้เห็นมหาเศรษฐีอเมริกันเจ้าของเทสลาและสเปซเอ็กซ์ “อีลอน มัสก์” ขึ้นปกจัดให้นั่งหลังโต๊ะทำงานประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในห้องทำงานรูปไข่ภายในทำเนียบขาวนั่งบริหารประเทศแทนทรัมป์ . มือของมัสก์ถือแก้วกาแฟและเขานั่งระหว่างธงชาติสหรัฐฯ และธงประธานาธิบดีสหรัฐฯ ตัดฉากหลังสีแดงสด เป็นภาพปกที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่สำนักงานประสิทธิภาพรัฐ DOGE ที่ตั้งใหม่โดยทรัมป์ให้มัสก์บริหาร และตามมาด้วยการสั่งปิด USAID และหมายตาเพื่อล้างบางไปที่หน่วยงานรัฐบาลกลางสหรัฐฯ อื่นอีก 14 แห่ง รวมกระทรวงศึกษาธิการสหรัฐฯ อ้างอิงจากหนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์ . CNN รายงานว่าขณะที่ทรัมป์เองวันศุกร์ (7) สั่งปลดผู้บริหารสูงสุดสำนักหอจดหมายเหตุแห่งชาติสหรัฐฯ NARA แบบฟ้าผ่าจากเหตุผลเกี่ยวข้องกับคดีทรัมป์นำเอกสารลับทำเนียบขาว รวมจดหมายจากประธานาธิบดีเกาหลีเหนือ คิม จองอึน มาเก็บไว้ที่คฤหาสน์ Mar-a-Lago ที่รัฐฟลอริดา . และในวันเดียวกัน (7) ประธานาธิบดีทรัมป์ได้ลงนามคำสั่งทางบริหารสั่งตัดเงินช่วยเหลือแอฟริกาใต้ อ้างอิงจากเดอะการ์เดียนของอังกฤษรายงานวันเสาร์ (8) . โดยทรัมป์ให้เหตุผลว่า เป็นการกีดกันทางเชื้อชาติอย่างไม่ชอบธรรมต่อชาวแอฟริกาใต้ผิวขาวพร้อมเสนอให้คนเหล่านั้นสามารถเข้าไปลี้ภัยต่อในอเมริกา . เป็นการออกมาวิจารณ์ต่อกฎหมายที่ทรัมป์เห็นว่าไม่ชอบธรรมในการพริทอเรียเปิดโอกาสให้สามารถยึดที่ดินของแอฟริกันผิวขาวได้โดยไม่ต้องจ่ายค่าเยียวยาในบางกรณี . แอฟริกาใต้เป็นประเทศบ้านเกิดของอีลอน มัสก์ ก่อนที่เขาจะย้ายไปอเมริกาและเปลี่ยนสัญชาติในที่สุด พ่อของเขาคือ เออโรล มัสก์ (Errol Musk) ปัจจุบันอายุ 79 ปี และยังอาศัยอยู่ที่แอฟริกาใต้ แต่เมื่อวันที่ 4 ก.พ.ที่ผ่านมา รอยเตอร์รายงานว่า พ่อของเขาอ้างว่า ที่ปรึกษาของประธานาธิบดีแอฟริกาใต้ ซีริล รามาโฟซา ได้ร้องขอให้ช่วยประสานโทรศัพท์ติดต่อหารือระหว่างรามาโฟซา และลูกชายอีลอน มัสก์เกิดขึ้นก่อนข่าวสหรัฐฯ จะตัดเงินช่วยเหลือแอฟริกาใต้อ้างเหตุกฎหมายที่ดินแอฟริกาใต้ . โดยการทูตหลังบ้านแบบรีบด่วนหลังผู้นำสหรัฐฯ ได้โพสต์ทางออนไลน์โดยไม่แสดงหลักฐานว่า แอฟริกาใต้กำลังยึดที่ดินและ “บางชนชั้น” กำลังได้รับการปฏิบัติอย่างเลวร้าย . CNN รายงานต่อว่า เป็นครั้งที่ 2 ที่นิตยสารไทม์สขึ้นปก อีลอน มัสก์ หลังเมื่อพฤศจิกายนล่าสุดมีการขึ้นปกรูปเจ้าของบริษัทเทสลาพร้อมคำว่า “ประชาชนมัสก์” (Citizen Musk) แสดงให้เห็นถึงความเป็นคนที่ช่วยให้ทรัมป์ชนะเลือกตั้งได้สำเร็จ . อย่างไรก็ตาม เมื่อนักข่าวถามทรัมป์ที่ทำเนียบขาวในวันศุกร์ (7) ถึงปกนิตยสารไทม์สล่าสุดว่าเป็นเช่นใด . เขากลับตอบกลับมาว่า “นิตยสารไทม์สยังทำธุรกิจอยู่อีกหรือ?” และเสริมต่อว่า “ผมไม่รู้เลยนะนี่ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000013144 .............. Sondhi X
    Like
    Haha
    Yay
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1234 มุมมอง 0 รีวิว
  • กลุ่มแฮ็กเกอร์ชาวเกาหลีเหนือที่รู้จักกันในชื่อ "Kimsuky" ได้ใช้เครื่องมือ RDP Wrapper ที่ปรับแต่งขึ้นใหม่เพื่อเข้าถึงเครื่องที่ติดไวรัสได้โดยตรง นี่แสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงของกลยุทธ์การโจมตีของกลุ่มนี้

    กลุ่ม Kimsuky ได้เริ่มต้นการโจมตีโดยการส่งอีเมลฟิชชิ่ง ซึ่งมีไฟล์ลัด (.LNK) ที่เป็นอันตรายและถูกอำพรางให้ดูเหมือนไฟล์ PDF หรือ Word เมื่อเปิดไฟล์ลัดนี้ มันจะเรียกใช้ PowerShell หรือ Mshta เพื่อดึง payload เพิ่มเติมจากเซิร์ฟเวอร์ภายนอก ซึ่งรวมถึง:
    - PebbleDash ซึ่งเป็น backdoor ของ Kimsuky ที่ให้การควบคุมระบบเบื้องต้น
    - เครื่องมือ RDP Wrapper ที่ปรับแต่งใหม่ ซึ่งช่วยให้สามารถเข้าถึง RDP ได้อย่างต่อเนื่องและสามารถหลีกเลี่ยงมาตรการรักษาความปลอดภัยได้
    - เครื่องมือ Proxy ที่ช่วยให้สามารถเข้าถึงระบบได้แม้ว่า RDP ถูกบล็อก

    เครื่องมือ RDP Wrapper ถูกออกแบบมาเพื่อเปิดใช้งานฟังก์ชัน Remote Desktop Protocol (RDP) บน Windows รุ่นที่ไม่รองรับ เช่น Windows Home โดยไม่ต้องแก้ไขไฟล์ระบบ Kimsuky ได้ปรับแต่งฟังก์ชันการส่งออกเพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจจับของแอนตี้ไวรัส และเปลี่ยนแปลงการทำงานพอที่จะหลีกเลี่ยงการตรวจจับที่ใช้วิธีการตามลายเซ็น

    ข้อดีหลักของการใช้ RDP Wrapper ที่ปรับแต่งคือการหลีกเลี่ยงการตรวจจับ เนื่องจากการเชื่อมต่อ RDP มักจะถูกมองว่าเป็นการเชื่อมต่อที่ถูกต้อง Kimsuky สามารถหลบหนีการตรวจจับได้นานขึ้น นอกจากนี้ ยังให้การควบคุมระยะไกลที่สะดวกยิ่งขึ้นเมื่อเทียบกับการเข้าถึงผ่าน shell โดยมัลแวร์ และสามารถหลีกเลี่ยงการบล็อกไฟร์วอลล์หรือ NAT ผ่านการ relay ทำให้สามารถเข้าถึง RDP ได้จากภายนอก

    หลังจากที่ Kimsuky สามารถยึดที่มั่นในเครือข่ายได้แล้ว พวกเขาจะปล่อย payload รอง ซึ่งรวมถึง:
    - Keylogger ที่จับการกดแป้นพิมพ์และบันทึกไว้ในไฟล์ข้อความในไดเรกทอรีระบบ
    - Infostealer (forceCopy) ที่ขโมยข้อมูลประจำตัวที่บันทึกไว้ในเว็บเบราว์เซอร์
    - ReflectiveLoader ที่ทำงานบน PowerShell เพื่อเรียกใช้ payload ในหน่วยความจำ

    โดยรวมแล้ว Kimsuky เป็นกลุ่มแฮ็กเกอร์ที่มีความอันตรายและพัฒนาต่อเนื่อง และเป็นหนึ่งในกลุ่มที่มีการโจมตีทางไซเบอร์มากที่สุดของเกาหลีเหนือที่มุ่งเก็บรวบรวมข้อมูลทางการข่าวกรอง การวิจัยล่าสุดของ ASEC ระบุว่าผู้โจมตีเลือกใช้วิธีการเข้าถึงระยะไกลที่ซ่อนตัวมากขึ้นเพื่อการยึดที่มั่นในเครือข่ายที่ถูกโจมตีให้นานที่สุด

    https://www.bleepingcomputer.com/news/security/kimsuky-hackers-use-new-custom-rdp-wrapper-for-remote-access/
    กลุ่มแฮ็กเกอร์ชาวเกาหลีเหนือที่รู้จักกันในชื่อ "Kimsuky" ได้ใช้เครื่องมือ RDP Wrapper ที่ปรับแต่งขึ้นใหม่เพื่อเข้าถึงเครื่องที่ติดไวรัสได้โดยตรง นี่แสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงของกลยุทธ์การโจมตีของกลุ่มนี้ กลุ่ม Kimsuky ได้เริ่มต้นการโจมตีโดยการส่งอีเมลฟิชชิ่ง ซึ่งมีไฟล์ลัด (.LNK) ที่เป็นอันตรายและถูกอำพรางให้ดูเหมือนไฟล์ PDF หรือ Word เมื่อเปิดไฟล์ลัดนี้ มันจะเรียกใช้ PowerShell หรือ Mshta เพื่อดึง payload เพิ่มเติมจากเซิร์ฟเวอร์ภายนอก ซึ่งรวมถึง: - PebbleDash ซึ่งเป็น backdoor ของ Kimsuky ที่ให้การควบคุมระบบเบื้องต้น - เครื่องมือ RDP Wrapper ที่ปรับแต่งใหม่ ซึ่งช่วยให้สามารถเข้าถึง RDP ได้อย่างต่อเนื่องและสามารถหลีกเลี่ยงมาตรการรักษาความปลอดภัยได้ - เครื่องมือ Proxy ที่ช่วยให้สามารถเข้าถึงระบบได้แม้ว่า RDP ถูกบล็อก เครื่องมือ RDP Wrapper ถูกออกแบบมาเพื่อเปิดใช้งานฟังก์ชัน Remote Desktop Protocol (RDP) บน Windows รุ่นที่ไม่รองรับ เช่น Windows Home โดยไม่ต้องแก้ไขไฟล์ระบบ Kimsuky ได้ปรับแต่งฟังก์ชันการส่งออกเพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจจับของแอนตี้ไวรัส และเปลี่ยนแปลงการทำงานพอที่จะหลีกเลี่ยงการตรวจจับที่ใช้วิธีการตามลายเซ็น ข้อดีหลักของการใช้ RDP Wrapper ที่ปรับแต่งคือการหลีกเลี่ยงการตรวจจับ เนื่องจากการเชื่อมต่อ RDP มักจะถูกมองว่าเป็นการเชื่อมต่อที่ถูกต้อง Kimsuky สามารถหลบหนีการตรวจจับได้นานขึ้น นอกจากนี้ ยังให้การควบคุมระยะไกลที่สะดวกยิ่งขึ้นเมื่อเทียบกับการเข้าถึงผ่าน shell โดยมัลแวร์ และสามารถหลีกเลี่ยงการบล็อกไฟร์วอลล์หรือ NAT ผ่านการ relay ทำให้สามารถเข้าถึง RDP ได้จากภายนอก หลังจากที่ Kimsuky สามารถยึดที่มั่นในเครือข่ายได้แล้ว พวกเขาจะปล่อย payload รอง ซึ่งรวมถึง: - Keylogger ที่จับการกดแป้นพิมพ์และบันทึกไว้ในไฟล์ข้อความในไดเรกทอรีระบบ - Infostealer (forceCopy) ที่ขโมยข้อมูลประจำตัวที่บันทึกไว้ในเว็บเบราว์เซอร์ - ReflectiveLoader ที่ทำงานบน PowerShell เพื่อเรียกใช้ payload ในหน่วยความจำ โดยรวมแล้ว Kimsuky เป็นกลุ่มแฮ็กเกอร์ที่มีความอันตรายและพัฒนาต่อเนื่อง และเป็นหนึ่งในกลุ่มที่มีการโจมตีทางไซเบอร์มากที่สุดของเกาหลีเหนือที่มุ่งเก็บรวบรวมข้อมูลทางการข่าวกรอง การวิจัยล่าสุดของ ASEC ระบุว่าผู้โจมตีเลือกใช้วิธีการเข้าถึงระยะไกลที่ซ่อนตัวมากขึ้นเพื่อการยึดที่มั่นในเครือข่ายที่ถูกโจมตีให้นานที่สุด https://www.bleepingcomputer.com/news/security/kimsuky-hackers-use-new-custom-rdp-wrapper-for-remote-access/
    WWW.BLEEPINGCOMPUTER.COM
    Kimsuky hackers use new custom RDP Wrapper for remote access
    The North Korean hacking group known as Kimsuky was observed in recent attacks using a custom-built RDP Wrapper and proxy tools to directly access infected machines.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 163 มุมมอง 0 รีวิว
  • มีรายงานว่ากลุ่มแฮ็กเกอร์ชาวเกาหลีเหนือที่รู้จักในนาม "Lazarus" กำลังใช้ LinkedIn เพื่อหลอกลวงผู้หางานด้วยมัลแวร์ใหม่ๆ กลุ่มนี้มีความชำนาญในการใช้งานแอป LinkedIn เพื่อแสวงหาผู้เสียหายที่เป็นผู้หางานในอุตสาหกรรมที่มีชื่อเสียง เช่น กลาโหม อวกาศ หรือวิศวกรรม และสร้างโปรไฟล์ปลอมที่ดูน่าเชื่อถือ พวกเขาจะส่งข้อความเสนอการงานที่ดูดีกับผู้หางาน และขอประวัติย่อหรือข้อมูลส่วนบุคคลจาก GitHub

    หลังจากนั้น แฮ็กเกอร์จะส่งเอกสาร "ความคิดเห็น" ปลอม ซึ่งเมื่อเปิดแล้วจะติดตั้งมัลแวร์ในคอมพิวเตอร์ของเหยื่อ เพื่อขโมยข้อมูลที่เป็นความลับหรือข้อมูลที่ละเอียดอ่อน เช่น ข้อมูลของบริษัท หรือข้อมูลการเข้าสู่ระบบ

    สิ่งที่น่าสนใจเพิ่มเติมคือ การโจมตีครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของแคมเปญ "Contagious Interview" ซึ่ง Lazarus ได้สร้างวิธีการใหม่ๆ ในการหลอกลวงผู้หางาน เช่น การทดสอบการเขียนโค้ดปลอม การติดตั้งมัลแวร์ในซอฟต์แวร์ที่ใช้ในการสัมภาษณ์ และการโจมตีลักษณะอื่นๆ

    นอกจากนี้ ในเดือนกุมภาพันธ์ 2025 Apple ได้ออกแพทช์ใหม่ใน Xprotect ซึ่งเป็นเครื่องมือกำจัดมัลแวร์ในอุปกรณ์ เพื่อบล็อกมัลแวร์แบบใหม่ที่เรียกว่า "FerretFamily" ที่ถูกพบว่าปลอมเป็นตัวติดตั้ง Chrome หรือ Zoom เพื่อโจมตีผู้หางาน

    https://www.techradar.com/pro/security/north-korean-hackers-targeting-linkedin-jobseekers-with-new-malware
    มีรายงานว่ากลุ่มแฮ็กเกอร์ชาวเกาหลีเหนือที่รู้จักในนาม "Lazarus" กำลังใช้ LinkedIn เพื่อหลอกลวงผู้หางานด้วยมัลแวร์ใหม่ๆ กลุ่มนี้มีความชำนาญในการใช้งานแอป LinkedIn เพื่อแสวงหาผู้เสียหายที่เป็นผู้หางานในอุตสาหกรรมที่มีชื่อเสียง เช่น กลาโหม อวกาศ หรือวิศวกรรม และสร้างโปรไฟล์ปลอมที่ดูน่าเชื่อถือ พวกเขาจะส่งข้อความเสนอการงานที่ดูดีกับผู้หางาน และขอประวัติย่อหรือข้อมูลส่วนบุคคลจาก GitHub หลังจากนั้น แฮ็กเกอร์จะส่งเอกสาร "ความคิดเห็น" ปลอม ซึ่งเมื่อเปิดแล้วจะติดตั้งมัลแวร์ในคอมพิวเตอร์ของเหยื่อ เพื่อขโมยข้อมูลที่เป็นความลับหรือข้อมูลที่ละเอียดอ่อน เช่น ข้อมูลของบริษัท หรือข้อมูลการเข้าสู่ระบบ สิ่งที่น่าสนใจเพิ่มเติมคือ การโจมตีครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของแคมเปญ "Contagious Interview" ซึ่ง Lazarus ได้สร้างวิธีการใหม่ๆ ในการหลอกลวงผู้หางาน เช่น การทดสอบการเขียนโค้ดปลอม การติดตั้งมัลแวร์ในซอฟต์แวร์ที่ใช้ในการสัมภาษณ์ และการโจมตีลักษณะอื่นๆ นอกจากนี้ ในเดือนกุมภาพันธ์ 2025 Apple ได้ออกแพทช์ใหม่ใน Xprotect ซึ่งเป็นเครื่องมือกำจัดมัลแวร์ในอุปกรณ์ เพื่อบล็อกมัลแวร์แบบใหม่ที่เรียกว่า "FerretFamily" ที่ถูกพบว่าปลอมเป็นตัวติดตั้ง Chrome หรือ Zoom เพื่อโจมตีผู้หางาน https://www.techradar.com/pro/security/north-korean-hackers-targeting-linkedin-jobseekers-with-new-malware
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 157 มุมมอง 0 รีวิว
  • มีอะไรที่รู้เรื่องจริงมั่ง!!

    เกาหลีเหนือกลับมาแล้ว!
    เซเลนสกี้ประกาศว่าขณะนี้ ในพื้นที่ปฏิบัติการเคิร์สก์ (Kursk) มีการโจมตีครั้งใหม่เกิดขึ้น รัสเซียได้ส่งทหารเกาหลีเหนือไปสมทบกับกองกำลังอีกครั้ง

    เมื่อสัปดาห์ก่อน เซเลนสกีเพิ่งประกาศด้วยความยินดีว่า กองทัพของเขาสามารถสร้างความเสียหายให้กับทหารเกาหลีเหนืออย่างมาก จนต้องถอนกำลังออกจากแนวหน้าใน Kursk
    มีอะไรที่รู้เรื่องจริงมั่ง!! เกาหลีเหนือกลับมาแล้ว! เซเลนสกี้ประกาศว่าขณะนี้ ในพื้นที่ปฏิบัติการเคิร์สก์ (Kursk) มีการโจมตีครั้งใหม่เกิดขึ้น รัสเซียได้ส่งทหารเกาหลีเหนือไปสมทบกับกองกำลังอีกครั้ง เมื่อสัปดาห์ก่อน เซเลนสกีเพิ่งประกาศด้วยความยินดีว่า กองทัพของเขาสามารถสร้างความเสียหายให้กับทหารเกาหลีเหนืออย่างมาก จนต้องถอนกำลังออกจากแนวหน้าใน Kursk
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 277 มุมมอง 9 0 รีวิว
  • ในช่วง ปธน. ทรัมป์ ให้สัมภาษณ์กับสื่อ พร้อมกับนายกอิชิบะ #ญี่ปุ่น
    ทรัมป์ ถือโอกาสประกาศความสัมพันธ์กับเกาหลีเหนือ:
    “คิม จองอึน เป็นคนฉลาด เราจะมีความสัมพันธ์กับเกาหลีเหนือ”

    ด้านนายกฯอิชิบะ กล่าวว่า "ประธานาธิบดีทรัมป์สามารถพบกับคิมจองอึนได้ ผมคิดว่านี่คือเรื่องดี"
    ในช่วง ปธน. ทรัมป์ ให้สัมภาษณ์กับสื่อ พร้อมกับนายกอิชิบะ #ญี่ปุ่น ทรัมป์ ถือโอกาสประกาศความสัมพันธ์กับเกาหลีเหนือ: “คิม จองอึน เป็นคนฉลาด เราจะมีความสัมพันธ์กับเกาหลีเหนือ” ด้านนายกฯอิชิบะ กล่าวว่า "ประธานาธิบดีทรัมป์สามารถพบกับคิมจองอึนได้ ผมคิดว่านี่คือเรื่องดี"
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 248 มุมมอง 16 0 รีวิว
  • ข่าวนี้พูดถึงการที่แฮกเกอร์จากกลุ่มที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐกำลังทดลองใช้ AI Gemini ของ Google เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการโจมตีและการวิจัยโครงสร้างพื้นฐานสำหรับการโจมตีหรือการสอดแนมเป้าหมาย กลุ่มแฮกเกอร์เหล่านี้ใช้ Gemini เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานมากกว่าการพัฒนาและดำเนินการโจมตีที่ใช้ AI ใหม่ ๆ ที่สามารถหลบเลี่ยงการป้องกันแบบดั้งเดิมได้

    Google พบว่ากลุ่ม APT (Advanced Persistent Threat) จากกว่า 20 ประเทศใช้ Gemini โดยกลุ่มที่โดดเด่นที่สุดมาจากอิหร่านและจีน การใช้งาน Gemini ของแฮกเกอร์รวมถึงการช่วยในการเขียนโค้ดสำหรับพัฒนาเครื่องมือและสคริปต์, การวิจัยช่องโหว่ที่เปิดเผยต่อสาธารณะ, การตรวจสอบเทคโนโลยี, การค้นหารายละเอียดเกี่ยวกับองค์กรเป้าหมาย, และการค้นหาวิธีการหลบเลี่ยงการตรวจจับ, การยกระดับสิทธิ์, หรือการสอดแนมภายในเครือข่ายที่ถูกโจมตี

    แฮกเกอร์จากอิหร่านใช้ Gemini มากที่สุด โดยใช้ในการสอดแนมองค์กรป้องกันและผู้เชี่ยวชาญระหว่างประเทศ, การวิจัยช่องโหว่ที่เปิดเผยต่อสาธารณะ, การพัฒนาแคมเปญฟิชชิ่ง, และการสร้างเนื้อหาสำหรับการปฏิบัติการด้านอิทธิพล พวกเขายังใช้ Gemini สำหรับการแปลและคำอธิบายทางเทคนิคที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีทางทหาร เช่น ยานพาหนะไร้คนขับ (UAV) และระบบป้องกันขีปนาวุธ

    แฮกเกอร์จากจีนใช้ Gemini สำหรับการสอดแนมองค์กรทหารและรัฐบาลของสหรัฐอเมริกา, การวิจัยช่องโหว่, การเขียนสคริปต์สำหรับการเคลื่อนที่ด้านข้างและการยกระดับสิทธิ์, และการดำเนินการหลังจากการโจมตี เช่น การหลบเลี่ยงการตรวจจับและการรักษาความคงทนในเครือข่าย

    แฮกเกอร์จากเกาหลีเหนือใช้ Gemini เพื่อสนับสนุนหลายขั้นตอนของวงจรการโจมตี รวมถึงการวิจัยผู้ให้บริการโฮสติ้งฟรี, การสอดแนมองค์กรเป้าหมาย, และการช่วยในการพัฒนามัลแวร์และเทคนิคการหลบเลี่ยง

    แฮกเกอร์จากรัสเซียมีการใช้งาน Gemini น้อยที่สุด โดยส่วนใหญ่ใช้สำหรับการช่วยในการเขียนสคริปต์, การแปล, และการสร้างเพย์โหลด การใช้งานของพวกเขารวมถึงการเขียนมัลแวร์ที่มีอยู่ในภาษาการเขียนโปรแกรมต่าง ๆ, การเพิ่มฟังก์ชันการเข้ารหัสให้กับโค้ดที่เป็นอันตราย, และการทำความเข้าใจวิธีการทำงานของมัลแวร์สาธารณะ

    Google ยังพบว่ามีกรณีที่แฮกเกอร์พยายามใช้การเจลเบรกสาธารณะกับ Gemini หรือการปรับเปลี่ยนคำสั่งเพื่อหลบเลี่ยงมาตรการรักษาความปลอดภัยของแพลตฟอร์ม แต่ความพยายามเหล่านี้ไม่ประสบความสำเร็จ

    https://www.bleepingcomputer.com/news/security/google-says-hackers-abuse-gemini-ai-to-empower-their-attacks/
    ข่าวนี้พูดถึงการที่แฮกเกอร์จากกลุ่มที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐกำลังทดลองใช้ AI Gemini ของ Google เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการโจมตีและการวิจัยโครงสร้างพื้นฐานสำหรับการโจมตีหรือการสอดแนมเป้าหมาย กลุ่มแฮกเกอร์เหล่านี้ใช้ Gemini เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานมากกว่าการพัฒนาและดำเนินการโจมตีที่ใช้ AI ใหม่ ๆ ที่สามารถหลบเลี่ยงการป้องกันแบบดั้งเดิมได้ Google พบว่ากลุ่ม APT (Advanced Persistent Threat) จากกว่า 20 ประเทศใช้ Gemini โดยกลุ่มที่โดดเด่นที่สุดมาจากอิหร่านและจีน การใช้งาน Gemini ของแฮกเกอร์รวมถึงการช่วยในการเขียนโค้ดสำหรับพัฒนาเครื่องมือและสคริปต์, การวิจัยช่องโหว่ที่เปิดเผยต่อสาธารณะ, การตรวจสอบเทคโนโลยี, การค้นหารายละเอียดเกี่ยวกับองค์กรเป้าหมาย, และการค้นหาวิธีการหลบเลี่ยงการตรวจจับ, การยกระดับสิทธิ์, หรือการสอดแนมภายในเครือข่ายที่ถูกโจมตี แฮกเกอร์จากอิหร่านใช้ Gemini มากที่สุด โดยใช้ในการสอดแนมองค์กรป้องกันและผู้เชี่ยวชาญระหว่างประเทศ, การวิจัยช่องโหว่ที่เปิดเผยต่อสาธารณะ, การพัฒนาแคมเปญฟิชชิ่ง, และการสร้างเนื้อหาสำหรับการปฏิบัติการด้านอิทธิพล พวกเขายังใช้ Gemini สำหรับการแปลและคำอธิบายทางเทคนิคที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีทางทหาร เช่น ยานพาหนะไร้คนขับ (UAV) และระบบป้องกันขีปนาวุธ แฮกเกอร์จากจีนใช้ Gemini สำหรับการสอดแนมองค์กรทหารและรัฐบาลของสหรัฐอเมริกา, การวิจัยช่องโหว่, การเขียนสคริปต์สำหรับการเคลื่อนที่ด้านข้างและการยกระดับสิทธิ์, และการดำเนินการหลังจากการโจมตี เช่น การหลบเลี่ยงการตรวจจับและการรักษาความคงทนในเครือข่าย แฮกเกอร์จากเกาหลีเหนือใช้ Gemini เพื่อสนับสนุนหลายขั้นตอนของวงจรการโจมตี รวมถึงการวิจัยผู้ให้บริการโฮสติ้งฟรี, การสอดแนมองค์กรเป้าหมาย, และการช่วยในการพัฒนามัลแวร์และเทคนิคการหลบเลี่ยง แฮกเกอร์จากรัสเซียมีการใช้งาน Gemini น้อยที่สุด โดยส่วนใหญ่ใช้สำหรับการช่วยในการเขียนสคริปต์, การแปล, และการสร้างเพย์โหลด การใช้งานของพวกเขารวมถึงการเขียนมัลแวร์ที่มีอยู่ในภาษาการเขียนโปรแกรมต่าง ๆ, การเพิ่มฟังก์ชันการเข้ารหัสให้กับโค้ดที่เป็นอันตราย, และการทำความเข้าใจวิธีการทำงานของมัลแวร์สาธารณะ Google ยังพบว่ามีกรณีที่แฮกเกอร์พยายามใช้การเจลเบรกสาธารณะกับ Gemini หรือการปรับเปลี่ยนคำสั่งเพื่อหลบเลี่ยงมาตรการรักษาความปลอดภัยของแพลตฟอร์ม แต่ความพยายามเหล่านี้ไม่ประสบความสำเร็จ https://www.bleepingcomputer.com/news/security/google-says-hackers-abuse-gemini-ai-to-empower-their-attacks/
    WWW.BLEEPINGCOMPUTER.COM
    Google says hackers abuse Gemini AI to empower their attacks
    Multiple state-sponsored groups are experimenting with the AI-powered Gemini assistant from Google to increase productivity and to conduct research on potential infrastructure for attacks or for reconnaissance on targets.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 196 มุมมอง 0 รีวิว
  • ข่าวนี้เกี่ยวกับการโจมตีทางไซเบอร์ครั้งใหญ่ที่ดำเนินการโดยกลุ่มแฮกเกอร์ Lazarus จากเกาหลีเหนือ กลุ่มนี้ได้ใช้วิธีการที่เรียกว่า "Phantom Circuit" โดยการคัดลอกซอฟต์แวร์โอเพ่นซอร์สและเพิ่มโค้ดที่เป็นอันตรายเข้าไป จากนั้นนำกลับไปเผยแพร่ในที่เก็บโค้ดเช่น Gitlab

    การโจมตีนี้มุ่งเป้าไปที่นักพัฒนาซอฟต์แวร์ โดยเฉพาะในอุตสาหกรรม Web3 ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาแอปพลิเคชันที่ใช้บล็อกเชน นักพัฒนาที่ไม่รู้ตัวจะดาวน์โหลดเครื่องมือที่ถูกแก้ไขเหล่านี้และติดมัลแวร์โดยไม่รู้ตัว มัลแวร์นี้สามารถขโมยข้อมูลสำคัญ เช่น ข้อมูลรับรองและโทเค็นการยืนยันตัวตน

    การโจมตีนี้มีผลกระทบต่อเหยื่อมากกว่า 1,500 ราย ส่วนใหญ่เป็นนักพัฒนาซอฟต์แวร์ในยุโรป อินเดีย และบราซิล ซอฟต์แวร์ที่ถูกแก้ไขรวมถึง Codementor, CoinProperty, Web3 E-Store และแอปพลิเคชันที่เกี่ยวข้องกับสกุลเงินดิจิทัลอื่นๆ

    กลุ่ม Lazarus มักจะมุ่งเป้าไปที่บริษัทสกุลเงินดิจิทัล และมีการใช้แคมเปญหลอกลวงที่เรียกว่า "Operation DreamJob" ซึ่งแฮกเกอร์จะเสนอข้อเสนองานที่น่าสนใจให้กับนักพัฒนา Web3 และในระหว่างการสัมภาษณ์จะหลอกให้ผู้สมัครดาวน์โหลดและรันมัลแวร์เพื่อขโมยโทเค็นและข้อมูลสำคัญอื่นๆ

    https://www.techradar.com/pro/security/north-korean-lazarus-hackers-launch-large-scale-cyberattack-by-cloning-open-source-software
    ข่าวนี้เกี่ยวกับการโจมตีทางไซเบอร์ครั้งใหญ่ที่ดำเนินการโดยกลุ่มแฮกเกอร์ Lazarus จากเกาหลีเหนือ กลุ่มนี้ได้ใช้วิธีการที่เรียกว่า "Phantom Circuit" โดยการคัดลอกซอฟต์แวร์โอเพ่นซอร์สและเพิ่มโค้ดที่เป็นอันตรายเข้าไป จากนั้นนำกลับไปเผยแพร่ในที่เก็บโค้ดเช่น Gitlab การโจมตีนี้มุ่งเป้าไปที่นักพัฒนาซอฟต์แวร์ โดยเฉพาะในอุตสาหกรรม Web3 ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาแอปพลิเคชันที่ใช้บล็อกเชน นักพัฒนาที่ไม่รู้ตัวจะดาวน์โหลดเครื่องมือที่ถูกแก้ไขเหล่านี้และติดมัลแวร์โดยไม่รู้ตัว มัลแวร์นี้สามารถขโมยข้อมูลสำคัญ เช่น ข้อมูลรับรองและโทเค็นการยืนยันตัวตน การโจมตีนี้มีผลกระทบต่อเหยื่อมากกว่า 1,500 ราย ส่วนใหญ่เป็นนักพัฒนาซอฟต์แวร์ในยุโรป อินเดีย และบราซิล ซอฟต์แวร์ที่ถูกแก้ไขรวมถึง Codementor, CoinProperty, Web3 E-Store และแอปพลิเคชันที่เกี่ยวข้องกับสกุลเงินดิจิทัลอื่นๆ กลุ่ม Lazarus มักจะมุ่งเป้าไปที่บริษัทสกุลเงินดิจิทัล และมีการใช้แคมเปญหลอกลวงที่เรียกว่า "Operation DreamJob" ซึ่งแฮกเกอร์จะเสนอข้อเสนองานที่น่าสนใจให้กับนักพัฒนา Web3 และในระหว่างการสัมภาษณ์จะหลอกให้ผู้สมัครดาวน์โหลดและรันมัลแวร์เพื่อขโมยโทเค็นและข้อมูลสำคัญอื่นๆ https://www.techradar.com/pro/security/north-korean-lazarus-hackers-launch-large-scale-cyberattack-by-cloning-open-source-software
    WWW.TECHRADAR.COM
    North Korean Lazarus hackers launch large-scale cyberattack by cloning open source software
    Lazarus clones the software, spice it up with malware, and return it to the wild
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 272 มุมมอง 0 รีวิว
  • มีข่าวที่น่าสนใจเกี่ยวกับการโจมตีทางไซเบอร์ที่ใช้เทคนิค RID hijacking เพื่อสร้างบัญชีผู้ดูแลระบบที่ซ่อนอยู่ใน Windows! กลุ่มแฮกเกอร์จากเกาหลีเหนือได้ใช้เทคนิคนี้เพื่อหลอกให้ Windows มองว่าบัญชีที่มีสิทธิ์ต่ำเป็นบัญชีที่มีสิทธิ์ผู้ดูแลระบบ

    เทคนิคนี้ทำงานโดยการแก้ไขค่า RID (Relative Identifier) ของบัญชีที่มีสิทธิ์ต่ำให้ตรงกับค่าของบัญชีผู้ดูแลระบบ ซึ่งทำให้ Windows มอบสิทธิ์ที่สูงขึ้นให้กับบัญชีนี้ อย่างไรก็ตาม การโจมตีนี้ต้องการการเข้าถึงรีจิสทรี SAM (Security Account Manager) ดังนั้นแฮกเกอร์ต้องเจาะระบบและได้รับสิทธิ์ SYSTEM ก่อน

    กลุ่มแฮกเกอร์ Andariel ซึ่งเชื่อมโยงกับกลุ่ม Lazarus ของเกาหลีเหนือ ได้ใช้เทคนิคนี้ในการโจมตี โดยเริ่มจากการสร้างบัญชีผู้ใช้ที่มีสิทธิ์ต่ำและซ่อนอยู่ จากนั้นทำการ hijack RID เพื่อเพิ่มสิทธิ์เป็นผู้ดูแลระบบ บัญชีที่ซ่อนอยู่นี้จะไม่ปรากฏในคำสั่ง "net user" แต่สามารถพบได้ในรีจิสทรี SAM

    เพื่อป้องกันการโจมตีแบบนี้ ผู้ดูแลระบบควรใช้ Local Security Authority (LSA) Subsystem Service เพื่อตรวจสอบการพยายามเข้าสู่ระบบและการเปลี่ยนรหัสผ่าน รวมถึงป้องกันการเข้าถึงและการเปลี่ยนแปลงรีจิสทรี SAM โดยไม่ได้รับอนุญาต นอกจากนี้ยังควรจำกัดการใช้งานเครื่องมือเช่น PsExec และ JuicyPotato และป้องกันบัญชีผู้ใช้ที่มีสิทธิ์ต่ำด้วยการยืนยันตัวตนหลายขั้นตอน

    https://www.bleepingcomputer.com/news/security/hackers-use-windows-rid-hijacking-to-create-hidden-admin-account/
    มีข่าวที่น่าสนใจเกี่ยวกับการโจมตีทางไซเบอร์ที่ใช้เทคนิค RID hijacking เพื่อสร้างบัญชีผู้ดูแลระบบที่ซ่อนอยู่ใน Windows! กลุ่มแฮกเกอร์จากเกาหลีเหนือได้ใช้เทคนิคนี้เพื่อหลอกให้ Windows มองว่าบัญชีที่มีสิทธิ์ต่ำเป็นบัญชีที่มีสิทธิ์ผู้ดูแลระบบ เทคนิคนี้ทำงานโดยการแก้ไขค่า RID (Relative Identifier) ของบัญชีที่มีสิทธิ์ต่ำให้ตรงกับค่าของบัญชีผู้ดูแลระบบ ซึ่งทำให้ Windows มอบสิทธิ์ที่สูงขึ้นให้กับบัญชีนี้ อย่างไรก็ตาม การโจมตีนี้ต้องการการเข้าถึงรีจิสทรี SAM (Security Account Manager) ดังนั้นแฮกเกอร์ต้องเจาะระบบและได้รับสิทธิ์ SYSTEM ก่อน กลุ่มแฮกเกอร์ Andariel ซึ่งเชื่อมโยงกับกลุ่ม Lazarus ของเกาหลีเหนือ ได้ใช้เทคนิคนี้ในการโจมตี โดยเริ่มจากการสร้างบัญชีผู้ใช้ที่มีสิทธิ์ต่ำและซ่อนอยู่ จากนั้นทำการ hijack RID เพื่อเพิ่มสิทธิ์เป็นผู้ดูแลระบบ บัญชีที่ซ่อนอยู่นี้จะไม่ปรากฏในคำสั่ง "net user" แต่สามารถพบได้ในรีจิสทรี SAM เพื่อป้องกันการโจมตีแบบนี้ ผู้ดูแลระบบควรใช้ Local Security Authority (LSA) Subsystem Service เพื่อตรวจสอบการพยายามเข้าสู่ระบบและการเปลี่ยนรหัสผ่าน รวมถึงป้องกันการเข้าถึงและการเปลี่ยนแปลงรีจิสทรี SAM โดยไม่ได้รับอนุญาต นอกจากนี้ยังควรจำกัดการใช้งานเครื่องมือเช่น PsExec และ JuicyPotato และป้องกันบัญชีผู้ใช้ที่มีสิทธิ์ต่ำด้วยการยืนยันตัวตนหลายขั้นตอน https://www.bleepingcomputer.com/news/security/hackers-use-windows-rid-hijacking-to-create-hidden-admin-account/
    WWW.BLEEPINGCOMPUTER.COM
    Hackers use Windows RID hijacking to create hidden admin account
    A North Korean threat group has been using a technique called RID hijacking that tricks Windows into treating a low-privileged account as one with administrator permissions.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 183 มุมมอง 0 รีวิว
  • ฌอน ฮันนิตี (Sean Hannity) นักข่าว Fox News ถามโดนัลด์ ทรัมป์ เกี่ยวกับความเป็นไปได้ในการพบปะกับคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนืออีกครั้ง

    “ผมเข้ากับเขาได้ดี เขาไม่ใช่พวกเคร่งศาสนา เขาดูจะเป็นคนฉลาดด้วยซ้ำ ผมจะติดต่อกับเขาและเขาก็ชอบผม”
    -โดนัลด์ ทรัมป์-

    ทรัมป์แสดงความเต็มใจที่จะกลับมาติดต่อกับผู้นำเกาหลีเหนืออีกครั้ง และยังใช้โอกาสนี้เปรียบเทียบผู้นำคิม กับผู้นำอิหร่านว่าทั้งสองแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ทรัมป์กล่าวถึงอิหร่านว่าเป็นกลุ่มเคร่งศาสนามาก แต่คิมไม่ใช่ขนาดนั้น

    นอกจากนี้ ทรัมป์ยังกล่าวเปรียบตัวเขากับโจ ไบเดน ที่ให้อิสระในการนำเสนอ หรือการพูดมากกว่ายุคเดโมแครตครองเมือง หลังจาก ฮันนิตี พูดติดตลกว่าเขาอาจจะโดนต้นสังกัดลงโทษในการเอ่ยปากถามเรื่องเกาหลีเหนือ
    ฌอน ฮันนิตี (Sean Hannity) นักข่าว Fox News ถามโดนัลด์ ทรัมป์ เกี่ยวกับความเป็นไปได้ในการพบปะกับคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนืออีกครั้ง “ผมเข้ากับเขาได้ดี เขาไม่ใช่พวกเคร่งศาสนา เขาดูจะเป็นคนฉลาดด้วยซ้ำ ผมจะติดต่อกับเขาและเขาก็ชอบผม” -โดนัลด์ ทรัมป์- ทรัมป์แสดงความเต็มใจที่จะกลับมาติดต่อกับผู้นำเกาหลีเหนืออีกครั้ง และยังใช้โอกาสนี้เปรียบเทียบผู้นำคิม กับผู้นำอิหร่านว่าทั้งสองแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ทรัมป์กล่าวถึงอิหร่านว่าเป็นกลุ่มเคร่งศาสนามาก แต่คิมไม่ใช่ขนาดนั้น นอกจากนี้ ทรัมป์ยังกล่าวเปรียบตัวเขากับโจ ไบเดน ที่ให้อิสระในการนำเสนอ หรือการพูดมากกว่ายุคเดโมแครตครองเมือง หลังจาก ฮันนิตี พูดติดตลกว่าเขาอาจจะโดนต้นสังกัดลงโทษในการเอ่ยปากถามเรื่องเกาหลีเหนือ
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 385 มุมมอง 19 0 รีวิว
  • ศาลอุทธรณ์สหรัฐยกเลิกคำสั่งสำนักงานควบคุมทรัพย์สินต่างประเทศ (OFAC) ของกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ให้ถอนการคว่ำบาตร Tornado Cash ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มคริปโตมิกเซอร์ โดยคำตัดสินใหม่ระบุว่า “ศาลมีคำสั่งให้คำตัดสินเดิมถูกยกเลิก และส่งกลับไปยังศาลชั้นต้นเพื่อดำเนินการพิจารณาเพิ่มเติม”

    ทั้งนี้ OFAC ทำหน้าที่บริหารและบังคับใช้มาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจและการค้าต่อเขตอำนาจศาลและระบอบการปกครองต่างประเทศที่เป็นเป้าหมาย ตลอดจนบุคคลและนิติบุคคลที่กระทำกิจกรรมที่เป็นอันตราย เช่น ผู้ก่อการร้าย ผู้ค้ายาเสพติดระหว่างประเทศ ผู้แพร่ขยายอาวุธทำลายล้างสูง

    สาเหตุคว่ำบาตร Tornado Cash เกิดขึ้นในเดือนสิงหาคม 2022 Office of Foreign Assets Control (OFAC) ได้กำหนดให้ Tornado Cash เป็นหน่วยงานที่ถูกคว่ำบาตร โดยอ้างว่าแพลตฟอร์มนี้ถูกใช้โดยเกาหลีเหนือในการก่ออาชญากรรมทางไซเบอร์ เช่น การฟอกเงินจากคริปโตที่ถูกขโมย นอกจากนี้ Alexey Pertsev นักพัฒนาของ Tornado Cash ยังถูกตัดสินจำคุกกว่า 5 ปีในข้อหาฟอกเงิน

    หลังจากการคว่ำบาตร Tornado Cash ผู้ใช้งานชื่อ Joseph Van Loon และผู้ร่วมฟ้องร้องอีก 5 คนได้ยื่นฟ้องต่อกระทรวงการคลังสหรัฐฯ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง โดยอ้างว่าการคว่ำบาตรดังกล่าวเกินขอบเขตอำนาจที่กำหนดไว้ใน International Emergency Economic Powers Act (IEEPA)

    โดยข้อถกเถียงหลักอยู่ที่คำจำกัดความของคำว่า “ทรัพย์สิน” ซึ่งในกรณีของ Tornado Cash ศาลอุทธรณ์เห็นว่า smart contracts ที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ (immutable) ไม่ถือเป็นทรัพย์สินตามคำจำกัดความ

    ในขณะที่ศาลอุทธรณ์ระบุว่า แม้ OFAC จะอ้างว่าการคว่ำบาตรสามารถขยายไปถึง “สัญญา” แต่ immutable smart contracts ไม่ใช่สัญญาที่ต้องมีการตกลงกันระหว่างสองฝ่าย อีกทั้ง Tornado Cash ซึ่งดำเนินการโดยปราศจากการแทรกแซงของมนุษย์ ก็ไม่เข้าข่ายการเป็น “บริการ” ตามที่กระทรวงการคลังได้โต้แย้ง

    คำตัดสินนี้แสดงให้เห็นถึงข้อจำกัดของ IEEPA ในการกำหนดอำนาจของประธานาธิบดีในการควบคุมธุรกรรมทางเศรษฐกิจ ศาลย้ำว่า “การแก้ไขช่องโหว่หรือปรับปรุงผลกระทบของกฎหมายเป็นหน้าที่ของฝ่ายนิติบัญญัติ ไม่ใช่ของศาล”

    ที่มา: TheBlock ในขณะที่ศาลอุทธรณ์ระบุว่า แม้ OFAC จะอ้างว่าการคว่ำบาตรสามารถขยายไปถึง “สัญญา” แต่ immutable smart contracts ไม่ใช่สัญญาที่ต้องมีการตกลงกันระหว่างสองฝ่าย อีกทั้ง Tornado Cash ซึ่งดำเนินการโดยปราศจากการแทรกแซงของมนุษย์ ก็ไม่เข้าข่ายการเป็น “บริการ” ตามที่กระทรวงการคลังได้โต้แย้ง

    คำตัดสินนี้แสดงให้เห็นถึงข้อจำกัดของ IEEPA ในการกำหนดอำนาจของประธานาธิบดีในการควบคุมธุรกรรมทางเศรษฐกิจ ศาลย้ำว่า “การแก้ไขช่องโหว่หรือปรับปรุงผลกระทบของกฎหมายเป็นหน้าที่ของฝ่ายนิติบัญญัติ ไม่ใช่ของศาล”

    ที่มา:
    https://storage.courtlistener.com/recap/gov.uscourts.txwd.1211705/gov.uscourts.txwd.1211705.99.0.pdf
    ศาลอุทธรณ์สหรัฐยกเลิกคำสั่งสำนักงานควบคุมทรัพย์สินต่างประเทศ (OFAC) ของกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ให้ถอนการคว่ำบาตร Tornado Cash ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มคริปโตมิกเซอร์ โดยคำตัดสินใหม่ระบุว่า “ศาลมีคำสั่งให้คำตัดสินเดิมถูกยกเลิก และส่งกลับไปยังศาลชั้นต้นเพื่อดำเนินการพิจารณาเพิ่มเติม” ทั้งนี้ OFAC ทำหน้าที่บริหารและบังคับใช้มาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจและการค้าต่อเขตอำนาจศาลและระบอบการปกครองต่างประเทศที่เป็นเป้าหมาย ตลอดจนบุคคลและนิติบุคคลที่กระทำกิจกรรมที่เป็นอันตราย เช่น ผู้ก่อการร้าย ผู้ค้ายาเสพติดระหว่างประเทศ ผู้แพร่ขยายอาวุธทำลายล้างสูง สาเหตุคว่ำบาตร Tornado Cash เกิดขึ้นในเดือนสิงหาคม 2022 Office of Foreign Assets Control (OFAC) ได้กำหนดให้ Tornado Cash เป็นหน่วยงานที่ถูกคว่ำบาตร โดยอ้างว่าแพลตฟอร์มนี้ถูกใช้โดยเกาหลีเหนือในการก่ออาชญากรรมทางไซเบอร์ เช่น การฟอกเงินจากคริปโตที่ถูกขโมย นอกจากนี้ Alexey Pertsev นักพัฒนาของ Tornado Cash ยังถูกตัดสินจำคุกกว่า 5 ปีในข้อหาฟอกเงิน หลังจากการคว่ำบาตร Tornado Cash ผู้ใช้งานชื่อ Joseph Van Loon และผู้ร่วมฟ้องร้องอีก 5 คนได้ยื่นฟ้องต่อกระทรวงการคลังสหรัฐฯ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง โดยอ้างว่าการคว่ำบาตรดังกล่าวเกินขอบเขตอำนาจที่กำหนดไว้ใน International Emergency Economic Powers Act (IEEPA) โดยข้อถกเถียงหลักอยู่ที่คำจำกัดความของคำว่า “ทรัพย์สิน” ซึ่งในกรณีของ Tornado Cash ศาลอุทธรณ์เห็นว่า smart contracts ที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ (immutable) ไม่ถือเป็นทรัพย์สินตามคำจำกัดความ ในขณะที่ศาลอุทธรณ์ระบุว่า แม้ OFAC จะอ้างว่าการคว่ำบาตรสามารถขยายไปถึง “สัญญา” แต่ immutable smart contracts ไม่ใช่สัญญาที่ต้องมีการตกลงกันระหว่างสองฝ่าย อีกทั้ง Tornado Cash ซึ่งดำเนินการโดยปราศจากการแทรกแซงของมนุษย์ ก็ไม่เข้าข่ายการเป็น “บริการ” ตามที่กระทรวงการคลังได้โต้แย้ง คำตัดสินนี้แสดงให้เห็นถึงข้อจำกัดของ IEEPA ในการกำหนดอำนาจของประธานาธิบดีในการควบคุมธุรกรรมทางเศรษฐกิจ ศาลย้ำว่า “การแก้ไขช่องโหว่หรือปรับปรุงผลกระทบของกฎหมายเป็นหน้าที่ของฝ่ายนิติบัญญัติ ไม่ใช่ของศาล” ที่มา: TheBlock ในขณะที่ศาลอุทธรณ์ระบุว่า แม้ OFAC จะอ้างว่าการคว่ำบาตรสามารถขยายไปถึง “สัญญา” แต่ immutable smart contracts ไม่ใช่สัญญาที่ต้องมีการตกลงกันระหว่างสองฝ่าย อีกทั้ง Tornado Cash ซึ่งดำเนินการโดยปราศจากการแทรกแซงของมนุษย์ ก็ไม่เข้าข่ายการเป็น “บริการ” ตามที่กระทรวงการคลังได้โต้แย้ง คำตัดสินนี้แสดงให้เห็นถึงข้อจำกัดของ IEEPA ในการกำหนดอำนาจของประธานาธิบดีในการควบคุมธุรกรรมทางเศรษฐกิจ ศาลย้ำว่า “การแก้ไขช่องโหว่หรือปรับปรุงผลกระทบของกฎหมายเป็นหน้าที่ของฝ่ายนิติบัญญัติ ไม่ใช่ของศาล” ที่มา: https://storage.courtlistener.com/recap/gov.uscourts.txwd.1211705/gov.uscourts.txwd.1211705.99.0.pdf
    Wow
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 382 มุมมอง 0 รีวิว
  • เซเลนสกี คุยโวในงานประชุมทางเศรษฐกิจ World Economic Forum (WEF) ว่ายูเครนสังหารทหารเกาหลีเหนือไปแล้ว 4,000 คน จากที่มีทหารเกาหลีเหนือ 12,000 คน ร่วมต่อสู้เคียงข้างรัสเซีย

    นอกจากนี้เขายังกล่าวพาดพิงสหรัฐว่า วอชิงตันไม่เชื่อว่าสหภาพยุโรปจะมีความสามารถมากพอที่จะทำให้เกิดการเจรจาระหว่างยูเครนกับรัสเซียได้
    เซเลนสกี คุยโวในงานประชุมทางเศรษฐกิจ World Economic Forum (WEF) ว่ายูเครนสังหารทหารเกาหลีเหนือไปแล้ว 4,000 คน จากที่มีทหารเกาหลีเหนือ 12,000 คน ร่วมต่อสู้เคียงข้างรัสเซีย นอกจากนี้เขายังกล่าวพาดพิงสหรัฐว่า วอชิงตันไม่เชื่อว่าสหภาพยุโรปจะมีความสามารถมากพอที่จะทำให้เกิดการเจรจาระหว่างยูเครนกับรัสเซียได้
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 257 มุมมอง 18 0 รีวิว
  • ประธานาธิบดีอิหร่าน มาซูด เปเซชเคียน เข้าพบประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินของรัสเซีย ที่มอสโกเพื่อลงนามข้อตกลงหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ (Russia-Iran Comprehensive Strategic Partnership Agreement)

    ตามรายงานก่อนหน้านี้ ข้อตกลงความร่วมมือดังกล่าว มีกำหนดระยะเวลายาวนานถึง 20 ปี

    ข้อตกลงดังกล่าว จะรวมถึงข้อตกลงการป้องกันภัยคุกคามที่ครอบคลุมร่วมกันด้วย โดยมีภาระผูกพันที่จะต้องปกป้องช่วยเหลือซึ่งกันและกัน หากประเทศใดประเทศหนึ่งถูกโจมตี (ลักษณะมาตรา 5 ของนาโต้)

    นอกจากนี้ ข้อตกลงความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์ที่ครอบคลุมนี้จะเป็นการพัฒนาครั้งสำคัญในความสัมพันธ์ระหว่างอิหร่าน-รัสเซีย ซึ่งจะรวมถึงการลงทุน ความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจที่กว้างขวาง การแบ่งปันความรู้ วิทยาการ และความร่วมมือทางทหารอย่างกว้างขวาง

    รัสเซียได้ทำข้อตกลงหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์กับเกาหลีเหนือด้วยเช่นกันเมื่อกลางปี 2567
    ประธานาธิบดีอิหร่าน มาซูด เปเซชเคียน เข้าพบประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินของรัสเซีย ที่มอสโกเพื่อลงนามข้อตกลงหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ (Russia-Iran Comprehensive Strategic Partnership Agreement) ตามรายงานก่อนหน้านี้ ข้อตกลงความร่วมมือดังกล่าว มีกำหนดระยะเวลายาวนานถึง 20 ปี ข้อตกลงดังกล่าว จะรวมถึงข้อตกลงการป้องกันภัยคุกคามที่ครอบคลุมร่วมกันด้วย โดยมีภาระผูกพันที่จะต้องปกป้องช่วยเหลือซึ่งกันและกัน หากประเทศใดประเทศหนึ่งถูกโจมตี (ลักษณะมาตรา 5 ของนาโต้) นอกจากนี้ ข้อตกลงความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์ที่ครอบคลุมนี้จะเป็นการพัฒนาครั้งสำคัญในความสัมพันธ์ระหว่างอิหร่าน-รัสเซีย ซึ่งจะรวมถึงการลงทุน ความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจที่กว้างขวาง การแบ่งปันความรู้ วิทยาการ และความร่วมมือทางทหารอย่างกว้างขวาง รัสเซียได้ทำข้อตกลงหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์กับเกาหลีเหนือด้วยเช่นกันเมื่อกลางปี 2567
    Like
    6
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 586 มุมมอง 22 0 รีวิว
  • กองทัพเกาหลีใต้แถลงว่า เปียงยางยิงมิสไซล์พิสัยใกล้ไม่กี่ลูกตกทะเลตะวันออก บังเอิญเกิดในช่วงเวลาที่รัฐมนตรีต่างประเทศญี่ปุ่น ทาเคชิ อิวายะ (Takeshi Iwaya) อยู่ระหว่างเยือนโซลเป็นทางการ
    .
    เอเอฟพีรายงาน(14 ม.ค.) ว่า การยิงทดสอบมิสไซล์ของเกาหลีเหนือเช้าวันอังคาร (14) นี้ มีผู้เชี่ยวชาญหลายคนมองว่าเป็นเสมือนสัญญาณส่งไปให้รัฐบาลสหรัฐฯ ชุดใหม่ของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ที่กำลังจะเข้าสู่พิธีสาบานตนรับตำแหน่งในวันจันทร์ที่ 20 ม.ค.ที่จะถึง
    .
    คณะเสนาธิการทหารร่วมของเกาหลีใต้ (JCS) ออกแถลงการณ์มีใจความว่า "มิสไซล์เดินทางราว 250 กม.หลังถูกปล่อยจากฐานเมื่อเวลาราว 09.30 น.ตามเวลาท้องถิ่นจาก Kanggye จังหวัดจากัง (Jagang) ติดพรมแดนจีน" อ้างอิงจากรอยเตอร์
    .
    เอเอฟพีชี้ว่า เป็นการยิงมิสไซล์พิสัยใกล้จำนวนไม่กี่ลูกลงทะเลตะวันออกในวันอังคาร (14)
    .
    เปียงยางยิงทดสอบเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่รัฐมนตรีต่างประเทศญี่ปุ่น ทาเคชิ อิวาระ (Takeshi Iwaya) อยู่ระหว่างการเยือนกรุงโซลอย่างเป็นทางการ และร่วมประชุมหลายคณะกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงเกาหลีใต้ เพื่อกระชับความสัมพันธ์ระดับทวิภาคีก่อนที่ทรัมป์จะรับตำแหน่งต่อจากประธานาธิบดี โจ ไบเดน สัปดาห์หน้า
    .
    สำนักงานข่าวกรองเกาหลีใต้และสำนักงานข่าวกรองสหรัฐฯ ได้เฝ้าจับตาการเตรียมพร้อมยิงของเปียงยาง กองทัพเกาหลีใต้แถลง พร้อมยืนยันว่า โซลยังคงอยู่ในการเตรียมความพร้อมสูงสุดและมีการแชร์ข้อมูลร่วมกับทั้งวอชิงตันและโตเกียว
    .
    การยิงทดสอบมิสไซล์เกาหลีเหนือเรียกเสียงประณามจากรักษาการประธานาธิบดีเกาหลีใต้ ชเว ซังมก (Choi Sang-mok) ที่ชี้ว่าเป็นการละเมิดมติที่ประชุมคณะมนตรีความมั่นคงสหประชาชาติ
    .
    “โซลจะตอบโต้อย่างรุนแรงมากกว่าในการยั่วยุของเกาหลีเหนือบนพื้นฐานของจุดยืนทางความมั่นคงที่แข็งแกร่งและความเป็นพันธมิตรกับสหรัฐฯ”
    .
    ขณะเดียวกัน กองบัญชาการอินโด-แปซิฟิกของสหรัฐฯ ได้ประณามการทดสอบของเปียงยาง พร้อมเรียกร้องให้เกาหลีเหนือหยุดจากการทดสอบที่ไม่ชอบธรรมด้วยกฎหมายและการกระทำที่สร้างความไร้เสถียรภาพ
    .
    ผู้เชี่ยวชาญออกมาเตือนว่า การยิงทดสอบก่อนสัปดาห์พิธีสาบานตนของประธานาธิบดีอเมริกันคนใหม่นี้ “มันอาจชี้ไปว่าถึงความตั้งใจในการกดดันก่อนหน้ารัฐบาลทรัมป์ สมัยที่ 2 ก็เป็นได้” ยาง มู-จิน (Yang Moo-jin) อธิการบดีมหาวิทยาลัยการศึกษาเกาหลีเหนือในกรุงโซลแสดงความเห็น
    .
    ขณะที่ อาห์น ชาน-อิล (Ahn Chan-il) อดีตเกาหลีเหนือแปรพักตร์ที่ผันตัวกลายเป็นนักวิจัยบริหารสถาบันโลกเพื่อการศึกษาเกาหลีเหนือ (World Institute for North Korea Studies) ให้ความเห็นกับเอเอฟพีว่า นอกจากจะเป็นการแสดงตนให้รู้ต่อรัฐบาลทรัมป์แล้ว อาจจะมีเป้าหมายไปที่สร้างความไร้เสถียรภาพให้โซลในช่วงที่เกาหลีใต้กำลังตกอยู่ในความอลหม่านทางการเมืองภายในจากปัญหาผู้นำ ยุน ซอกยอล ประกาศใช้กฎอัยการศึกและทำให้ต้องโดนถอดถอนออกจากตำแหน่ง
    .
    เอเอฟพีรายงานว่า พิกัดที่ตั้งจุดการทดสอบไม่เป็นที่เปิดเผย แต่ทว่า ภาพที่เผยแพร่ออกมาจากสำนักข่าวทางการเกาหลีเหนือ KCNA แสดงให้เห็นประธานาธิบดี คิม จองอึน พร้อมบุตรสาว คิมจูแอ (Kim Ju Ae) กำลังเฝ้ากำกับการทดสอบสัปดาห์ที่แล้ว
    .
    KCNA รายงานถึงการใช้วัสดุใหม่คาร์บอนไฟเบอร์ (carbon fibre) ในเครื่องยนต์ของขีปนาวุธที่มีผู้เชี่ยวชาญหลายคนออกมาเตือนว่า อาจช่วยให้เปียงยางสามารถส่งขีปนาวุธไปไกลมากขึ้นที่ซึ่งปัจจุบันเทคโนโลยีมิสไซล์นี้มีแต่แค่สหรัฐฯ รัสเซีย และจีน เท่านั้นที่ครอบครอง
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000004282
    ..............
    Sondhi X
    กองทัพเกาหลีใต้แถลงว่า เปียงยางยิงมิสไซล์พิสัยใกล้ไม่กี่ลูกตกทะเลตะวันออก บังเอิญเกิดในช่วงเวลาที่รัฐมนตรีต่างประเทศญี่ปุ่น ทาเคชิ อิวายะ (Takeshi Iwaya) อยู่ระหว่างเยือนโซลเป็นทางการ . เอเอฟพีรายงาน(14 ม.ค.) ว่า การยิงทดสอบมิสไซล์ของเกาหลีเหนือเช้าวันอังคาร (14) นี้ มีผู้เชี่ยวชาญหลายคนมองว่าเป็นเสมือนสัญญาณส่งไปให้รัฐบาลสหรัฐฯ ชุดใหม่ของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ที่กำลังจะเข้าสู่พิธีสาบานตนรับตำแหน่งในวันจันทร์ที่ 20 ม.ค.ที่จะถึง . คณะเสนาธิการทหารร่วมของเกาหลีใต้ (JCS) ออกแถลงการณ์มีใจความว่า "มิสไซล์เดินทางราว 250 กม.หลังถูกปล่อยจากฐานเมื่อเวลาราว 09.30 น.ตามเวลาท้องถิ่นจาก Kanggye จังหวัดจากัง (Jagang) ติดพรมแดนจีน" อ้างอิงจากรอยเตอร์ . เอเอฟพีชี้ว่า เป็นการยิงมิสไซล์พิสัยใกล้จำนวนไม่กี่ลูกลงทะเลตะวันออกในวันอังคาร (14) . เปียงยางยิงทดสอบเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่รัฐมนตรีต่างประเทศญี่ปุ่น ทาเคชิ อิวาระ (Takeshi Iwaya) อยู่ระหว่างการเยือนกรุงโซลอย่างเป็นทางการ และร่วมประชุมหลายคณะกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงเกาหลีใต้ เพื่อกระชับความสัมพันธ์ระดับทวิภาคีก่อนที่ทรัมป์จะรับตำแหน่งต่อจากประธานาธิบดี โจ ไบเดน สัปดาห์หน้า . สำนักงานข่าวกรองเกาหลีใต้และสำนักงานข่าวกรองสหรัฐฯ ได้เฝ้าจับตาการเตรียมพร้อมยิงของเปียงยาง กองทัพเกาหลีใต้แถลง พร้อมยืนยันว่า โซลยังคงอยู่ในการเตรียมความพร้อมสูงสุดและมีการแชร์ข้อมูลร่วมกับทั้งวอชิงตันและโตเกียว . การยิงทดสอบมิสไซล์เกาหลีเหนือเรียกเสียงประณามจากรักษาการประธานาธิบดีเกาหลีใต้ ชเว ซังมก (Choi Sang-mok) ที่ชี้ว่าเป็นการละเมิดมติที่ประชุมคณะมนตรีความมั่นคงสหประชาชาติ . “โซลจะตอบโต้อย่างรุนแรงมากกว่าในการยั่วยุของเกาหลีเหนือบนพื้นฐานของจุดยืนทางความมั่นคงที่แข็งแกร่งและความเป็นพันธมิตรกับสหรัฐฯ” . ขณะเดียวกัน กองบัญชาการอินโด-แปซิฟิกของสหรัฐฯ ได้ประณามการทดสอบของเปียงยาง พร้อมเรียกร้องให้เกาหลีเหนือหยุดจากการทดสอบที่ไม่ชอบธรรมด้วยกฎหมายและการกระทำที่สร้างความไร้เสถียรภาพ . ผู้เชี่ยวชาญออกมาเตือนว่า การยิงทดสอบก่อนสัปดาห์พิธีสาบานตนของประธานาธิบดีอเมริกันคนใหม่นี้ “มันอาจชี้ไปว่าถึงความตั้งใจในการกดดันก่อนหน้ารัฐบาลทรัมป์ สมัยที่ 2 ก็เป็นได้” ยาง มู-จิน (Yang Moo-jin) อธิการบดีมหาวิทยาลัยการศึกษาเกาหลีเหนือในกรุงโซลแสดงความเห็น . ขณะที่ อาห์น ชาน-อิล (Ahn Chan-il) อดีตเกาหลีเหนือแปรพักตร์ที่ผันตัวกลายเป็นนักวิจัยบริหารสถาบันโลกเพื่อการศึกษาเกาหลีเหนือ (World Institute for North Korea Studies) ให้ความเห็นกับเอเอฟพีว่า นอกจากจะเป็นการแสดงตนให้รู้ต่อรัฐบาลทรัมป์แล้ว อาจจะมีเป้าหมายไปที่สร้างความไร้เสถียรภาพให้โซลในช่วงที่เกาหลีใต้กำลังตกอยู่ในความอลหม่านทางการเมืองภายในจากปัญหาผู้นำ ยุน ซอกยอล ประกาศใช้กฎอัยการศึกและทำให้ต้องโดนถอดถอนออกจากตำแหน่ง . เอเอฟพีรายงานว่า พิกัดที่ตั้งจุดการทดสอบไม่เป็นที่เปิดเผย แต่ทว่า ภาพที่เผยแพร่ออกมาจากสำนักข่าวทางการเกาหลีเหนือ KCNA แสดงให้เห็นประธานาธิบดี คิม จองอึน พร้อมบุตรสาว คิมจูแอ (Kim Ju Ae) กำลังเฝ้ากำกับการทดสอบสัปดาห์ที่แล้ว . KCNA รายงานถึงการใช้วัสดุใหม่คาร์บอนไฟเบอร์ (carbon fibre) ในเครื่องยนต์ของขีปนาวุธที่มีผู้เชี่ยวชาญหลายคนออกมาเตือนว่า อาจช่วยให้เปียงยางสามารถส่งขีปนาวุธไปไกลมากขึ้นที่ซึ่งปัจจุบันเทคโนโลยีมิสไซล์นี้มีแต่แค่สหรัฐฯ รัสเซีย และจีน เท่านั้นที่ครอบครอง . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000004282 .............. Sondhi X
    Like
    9
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1703 มุมมอง 0 รีวิว
  • เครมลินประกาศเมื่อวันจันทร์ว่า ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินของรัสเซียและประธานาธิบดีอิหร่าน มาซูด เปเซชเคียน จะพบกันที่มอสโกในวันศุกร์นี้ เพื่อลงนามข้อตกลงหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ (Russia-Iran Comprehensive Strategic Partnership Agreement)

    ข้อตกลงดังกล่าว จะรวมถึงข้อตกลงการป้องกันภัยคุกคามที่ครอบคลุมร่วมกันด้วย โดยมีภาระผูกพันที่จะต้องปกป้องช่วยเหลือซึ่งกันและกัน หากประเทศใดประเทศหนึ่งถูกโจมตี (ลักษณะมาตรา 5 ของนาโต้)

    นอกจากนี้ ข้อตกลงความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์ที่ครอบคลุมนี้จะเป็นการพัฒนาครั้งสำคัญในความสัมพันธ์ระหว่างอิหร่าน-รัสเซีย ซึ่งจะรวมถึงการลงทุน ความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจที่กว้างขวาง การแบ่งปันความรู้ วิทยาการ และความร่วมมือทางทหารอย่างกว้างขวาง

    “หลังจากลงนามข้อตกลงแล้ว จะส่งเรื่องเพื่อรับการอนุมัติจากรัฐสภาอิหร่าน และหลังจากให้สัตยาบันแล้ว ข้อตกลงจะมีผลยาวนาน 20 ปี” คาเซม จาลาลี กล่าวกับ IRIB

    รัสเซียได้ทำข้อตกลงหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์กับเกาหลีเหนือด้วยเช่นกันเมื่อกลางปี 2567
    เครมลินประกาศเมื่อวันจันทร์ว่า ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินของรัสเซียและประธานาธิบดีอิหร่าน มาซูด เปเซชเคียน จะพบกันที่มอสโกในวันศุกร์นี้ เพื่อลงนามข้อตกลงหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ (Russia-Iran Comprehensive Strategic Partnership Agreement) ข้อตกลงดังกล่าว จะรวมถึงข้อตกลงการป้องกันภัยคุกคามที่ครอบคลุมร่วมกันด้วย โดยมีภาระผูกพันที่จะต้องปกป้องช่วยเหลือซึ่งกันและกัน หากประเทศใดประเทศหนึ่งถูกโจมตี (ลักษณะมาตรา 5 ของนาโต้) นอกจากนี้ ข้อตกลงความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์ที่ครอบคลุมนี้จะเป็นการพัฒนาครั้งสำคัญในความสัมพันธ์ระหว่างอิหร่าน-รัสเซีย ซึ่งจะรวมถึงการลงทุน ความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจที่กว้างขวาง การแบ่งปันความรู้ วิทยาการ และความร่วมมือทางทหารอย่างกว้างขวาง “หลังจากลงนามข้อตกลงแล้ว จะส่งเรื่องเพื่อรับการอนุมัติจากรัฐสภาอิหร่าน และหลังจากให้สัตยาบันแล้ว ข้อตกลงจะมีผลยาวนาน 20 ปี” คาเซม จาลาลี กล่าวกับ IRIB รัสเซียได้ทำข้อตกลงหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์กับเกาหลีเหนือด้วยเช่นกันเมื่อกลางปี 2567
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 418 มุมมอง 0 รีวิว
  • วิดีโอการสอบสวนนักโทษชาวเกาหลีเหนือที่ถูกจับกุมตัวได้ในทิศทางภูมิภาคเคิร์ส ตามคำกล่าวอ้างของเซเลนสกี

    น่าเสียดายที่นักโทษ "พูดน้อยไปหน่อย" ทำให้ไม่สามารถฟังสำเนียงการพูดภาษาเกาหลีเหนือได้อย่างชัดเจน
    วิดีโอการสอบสวนนักโทษชาวเกาหลีเหนือที่ถูกจับกุมตัวได้ในทิศทางภูมิภาคเคิร์ส ตามคำกล่าวอ้างของเซเลนสกี น่าเสียดายที่นักโทษ "พูดน้อยไปหน่อย" ทำให้ไม่สามารถฟังสำเนียงการพูดภาษาเกาหลีเหนือได้อย่างชัดเจน
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 404 มุมมอง 27 0 รีวิว
  • เซเลนสกียื่นเงื่อนไข‘คิม จองอึน’ พร้อมปล่อยทหารโสมแดง หากเขาสามารถจัดการแลกเปลี่ยนตัวกับนักรบยูเครนที่ถูกคุมขังอยู่ในรัสเซียได้

    เซเลนสกี แถลงเมื่อวันอาทิตย์ “ยูเครนพร้อมที่จะส่งคนของเขาคืนให้คิมจองอึน หากเขาสามารถจัดการแลกเปลี่ยนตัวทหารของเราที่ถูกจับในรัสเซียได้ สำหรับทหารเกาหลีเหนือที่ไม่ต้องการกลับประเทศ อาจมีวิธีการอื่นๆ”

    เซเลนสกียังเปิดเผยอีกว่า จากการสอบสวนทหารเกาหลีเหนือทั้งสองรายให้รายละเอียดว่า มารัสเซียเพียงเพื่อการฝึกซ้อมเท่านั้น ไม่ใช่มาเข้าร่วมสงคราม และทหารเกาหลีเหนือรายหนึ่งต้องการกลับบ้าน ส่วนอีกรายอยากใช้ชีวิตต่อในยูเครน

    นอกจากนี้ เซเลนสกียังกล่าวโจมตีรัสเซียว่าสังหารทหารเกาหลีเหนือที่บาดเจ็บทิ้งทั้งหมด เพียงเพราะไม่อยากทิ้งหลักฐานไว้ "ภารกิจนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย พวกรัสเซียและทหารเกาหลีเหนืออื่นๆ จะสังหารผู้บาดเจ็บของตน และพยายามทุกวิถีทางเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีหลักฐานใดๆ ที่บ่งชี้ว่าเกาหลีเหนือเข้าร่วมสงครามกับยูเครน"
    เซเลนสกียื่นเงื่อนไข‘คิม จองอึน’ พร้อมปล่อยทหารโสมแดง หากเขาสามารถจัดการแลกเปลี่ยนตัวกับนักรบยูเครนที่ถูกคุมขังอยู่ในรัสเซียได้ เซเลนสกี แถลงเมื่อวันอาทิตย์ “ยูเครนพร้อมที่จะส่งคนของเขาคืนให้คิมจองอึน หากเขาสามารถจัดการแลกเปลี่ยนตัวทหารของเราที่ถูกจับในรัสเซียได้ สำหรับทหารเกาหลีเหนือที่ไม่ต้องการกลับประเทศ อาจมีวิธีการอื่นๆ” เซเลนสกียังเปิดเผยอีกว่า จากการสอบสวนทหารเกาหลีเหนือทั้งสองรายให้รายละเอียดว่า มารัสเซียเพียงเพื่อการฝึกซ้อมเท่านั้น ไม่ใช่มาเข้าร่วมสงคราม และทหารเกาหลีเหนือรายหนึ่งต้องการกลับบ้าน ส่วนอีกรายอยากใช้ชีวิตต่อในยูเครน นอกจากนี้ เซเลนสกียังกล่าวโจมตีรัสเซียว่าสังหารทหารเกาหลีเหนือที่บาดเจ็บทิ้งทั้งหมด เพียงเพราะไม่อยากทิ้งหลักฐานไว้ "ภารกิจนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย พวกรัสเซียและทหารเกาหลีเหนืออื่นๆ จะสังหารผู้บาดเจ็บของตน และพยายามทุกวิถีทางเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีหลักฐานใดๆ ที่บ่งชี้ว่าเกาหลีเหนือเข้าร่วมสงครามกับยูเครน"
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 298 มุมมอง 0 รีวิว
  • ในขณะที่เซเลนสกีโวยวายฟูมฟายฟ้องประชาคมโลกว่าทหารเกาหลีเหนือมาช่วยรัสเซียสู้รบกับยูเครน

    ขณะเดียวกันพบเห็นทหารยูเครน "ผิวสี" ในเมืองเคียฟ เมืองหลวงของยูเครน
    ในขณะที่เซเลนสกีโวยวายฟูมฟายฟ้องประชาคมโลกว่าทหารเกาหลีเหนือมาช่วยรัสเซียสู้รบกับยูเครน ขณะเดียวกันพบเห็นทหารยูเครน "ผิวสี" ในเมืองเคียฟ เมืองหลวงของยูเครน
    Like
    3
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 527 มุมมอง 33 1 รีวิว
  • หลายฝ่ายกำลังรอคำพูดที่ออกมาจากปากของนักโทษที่เซเลนสกีอ้างว่าเป็นชาวเกาหลีเหนือ ว่าเขาจะพูดภาษาอะไร

    เนื่องจากมีคลิปวิดีโอเริ่มเผยแพร่ออกมา แต่ก็ยังไม่มีการอนุญาตให้นักโทษเอ่ยคำพูดใดๆออกมา แม้แต่การระบุชื่อตนเอง

    ยังคงเป็นเรื่องที่ต้องจับตาดูว่า นี่จะเป็นโกหกคำโตของเซเลนสกีอีกครั้งหรือไม่

    .
    ลิ้งค์แรกที่โซเชียลตั้งข้อสงสัยไว้
    https://thaitimes.co/posts/153978
    หลายฝ่ายกำลังรอคำพูดที่ออกมาจากปากของนักโทษที่เซเลนสกีอ้างว่าเป็นชาวเกาหลีเหนือ ว่าเขาจะพูดภาษาอะไร เนื่องจากมีคลิปวิดีโอเริ่มเผยแพร่ออกมา แต่ก็ยังไม่มีการอนุญาตให้นักโทษเอ่ยคำพูดใดๆออกมา แม้แต่การระบุชื่อตนเอง ยังคงเป็นเรื่องที่ต้องจับตาดูว่า นี่จะเป็นโกหกคำโตของเซเลนสกีอีกครั้งหรือไม่ . ลิ้งค์แรกที่โซเชียลตั้งข้อสงสัยไว้ https://thaitimes.co/posts/153978
    Like
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 576 มุมมอง 35 0 รีวิว
  • " ที่มาของคำว่าทรัมป์บ้า!!!!! "

    Foreign Policy : ทรัมป์เคยพ่ายแพ้ต่ออิหร่านมาแล้ว
    กลยุทธ์ "ทฤษฎีคนบ้า" (Madman Theory) ของทรัมป์ในเวทีการเผชิญหน้ากับอิหร่าน กลับกลายเป็นหมากที่ไม่ได้ผล เพราะอิหร่านมองทะลุถึงเจตนาและวิธีการของทรัมป์อย่างชัดเจน
    นิตยสาร ฟอเรน โพลิซี (Foreign Policy) ซึ่งเป็นสื่อวิเคราะห์นโยบายต่างประเทศของสหรัฐฯ ได้ตีพิมพ์บทความชิ้นสำคัญ โดยระบุว่า อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ใช้กลยุทธ์ที่เรียกว่า "ทฤษฎีคนบ้า" ในการสร้างภาพลักษณ์ตนเองให้ดูเป็นผู้นำที่คาดเดาไม่ได้และเต็มไปด้วยความอันตราย แต่คำถามสำคัญคือ วิธีการนี้สามารถบีบให้อิหร่านเปลี่ยนพฤติกรรมได้หรือไม่ หรือกลับทำให้ความขัดแย้งยิ่งรุนแรงขึ้น?
    ทรัมป์เป็นที่รู้จักจากแนวทางที่ผิดแผกไปจากผู้นำทั่วไปในด้านการทูต หนึ่งในกลยุทธ์ที่เขานำมาใช้อย่างต่อเนื่องคือ "ทฤษฎีคนบ้า" ซึ่งมีรากฐานมาจากยุคสงครามเย็นในสมัยริชาร์ด นิกสัน แนวคิดนี้เชื่อว่า ผู้นำสามารถบีบให้คู่ต่อสู้ยอมอ่อนข้อได้โดยการแสดงออกถึงความไม่แน่นอนและการข่มขู่ที่ดูรุนแรง แต่สำหรับเวทีการปะทะกับอิหร่าน คำถามคือ ทฤษฎีนี้ช่วยทรัมป์ได้จริงหรือไม่ หรือกลับเป็นชนวนที่ทำให้สถานการณ์ยิ่งดิ่งลึกสู่ความรุนแรง?

    ทรัมป์และกลยุทธ์การเจรจาที่อิหร่านไม่สะทกสะท้าน
    โดนัลด์ ทรัมป์เคยพูดถึงแนวทางการเจรจาของเขาอย่างภาคภูมิใจ โดยในการสัมภาษณ์เมื่อปี 2018 เขากล่าวว่า "ผมเป็นนักเจรจาที่มักจะวางตัวเลือกที่หลากหลายไว้บนโต๊ะ เพื่อให้ฝ่ายตรงข้ามไม่อาจคาดเดาก้าวต่อไปของผมได้" หนึ่งในตัวอย่างที่เด่นชัดที่สุดของแนวทางนี้คือการข่มขู่ "ทำลายล้างอย่างสมบูรณ์" เกาหลีเหนือ ในสุนทรพจน์ที่สหประชาชาติ แต่เมื่อใช้วิธีเดียวกันนี้กับอิหร่าน ผลลัพธ์กลับไม่เป็นไปตามที่ทรัมป์หวังไว้

    นโยบาย “กดดันสูงสุด” และความล้มเหลวในการบีบอิหร่าน
    ในปี 2018 ทรัมป์ถอนตัวจากข้อตกลงนิวเคลียร์ (JCPOA) และเริ่มดำเนินนโยบาย "กดดันสูงสุด" (Maximum Pressure) ด้วยความหวังว่าอิหร่านจะยอมรับข้อตกลงใหม่ที่เข้มงวดกว่าเดิม จอห์น โบลตัน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติในขณะนั้น เปิดเผยในหนังสือของเขาว่า ทรัมป์เชื่อมั่นว่า "อิหร่านจะไม่สามารถทนต่อแรงกดดันทางเศรษฐกิจได้ และในที่สุดจะกลับมาที่โต๊ะเจรจา"

    การตอบโต้ของอิหร่าน: ท้าทายทุกแรงกดดัน
    แต่ความเป็นจริงกลับแตกต่างออกไปโดยสิ้นเชิง อิหร่านไม่ได้เพียงแค่ปฏิเสธการเจรจา แต่ยังขยายโครงการนิวเคลียร์และเพิ่มปฏิบัติการของกลุ่มตัวแทนในภูมิภาคเพื่อแสดงถึงความไม่ยอมจำนน มูฮัมหมัด ญาวาด ซารีฟ รัฐมนตรีต่างประเทศของอิหร่านในขณะนั้น กล่าวอย่างหนักแน่นว่า "ทรัมป์คิดว่าแรงกดดันจะทำให้เราอ่อนข้อ แต่ประวัติศาสตร์ได้แสดงให้เห็นว่าชาวอิหร่านยืนหยัดในหน้าความกดดันเสมอ" ความพยายามของทรัมป์ในการบีบอิหร่านด้วยนโยบายกดดันสูงสุดจึงกลายเป็นการเดินเกมที่ไม่ได้ผล อิหร่านตอบโต้ด้วยการยืนหยัดและแสดงศักยภาพของตนเองให้เห็นอย่างชัดเจนในเวทีระหว่างประเทศ

    ปมร้อน: การสังหารสุไลมานีและความล้มเหลวของ "ทฤษฎีคนบ้า"
    หนึ่งในการตัดสินใจที่สร้างความสั่นสะเทือนที่สุดของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ คือการออกคำสั่งให้สังหาร นายพลกอเซ็ม สุไลมานี ผู้บัญชาการกองกำลังคุดส์ของกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิหร่าน ในเดือนมกราคม 2020 การโจมตีนี้เกิดขึ้นใกล้สนามบินกรุงแบกแดด และนำไปสู่การยกระดับความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ และอิหร่าน อิหร่านตอบโต้การสังหารสุไลมานีด้วยการยิงขีปนาวุธโจมตีฐานทัพอเมริกันในอิรัก พร้อมประกาศว่าจะไม่ปฏิบัติตามข้อจำกัดที่ระบุไว้ในข้อตกลงนิวเคลียร์ (JCPOA) อีกต่อไป
    เมื่อ "ทฤษฎีคนบ้า" ไม่ได้ผล
    โรซานา แมคมานัส ศาสตราจารย์ด้านรัฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยเพนน์สเตต อธิบายว่า "ทฤษฎีคนบ้า" จะได้ผลก็ต่อเมื่อคู่ต่อสู้เชื่อว่าผู้นำมีความไม่แน่นอนจริงในบางเรื่อง แต่หากผู้นำนั้นดูไม่สมเหตุสมผลจนเกินไป ความเชื่อถือในคำขู่จะลดลง และกลยุทธ์จะล้มเหลว ในกรณีของทรัมป์ นักวิเคราะห์หลายคนเห็นว่า พฤติกรรมของเขาเริ่มคาดเดาได้มากเกินไป เช่น การตัดสินใจไม่ตอบโต้ทางทหารหลังจากอิหร่านยิงโดรนอเมริกันตกในเดือนมิถุนายน 2019 การกระทำดังกล่าวส่งสัญญาณชัดเจนว่า ทรัมป์ไม่ต้องการทำสงคราม การส่งสัญญาณที่ขัดแย้งกันนี้ทำให้อิหร่านไม่ยอมรับคำขู่ของเขาอย่างจริงจัง นโยบาย "กดดันสูงสุด" ของโดนัลด์ ทรัมป์ ที่มุ่งหวังให้อิหร่านอ่อนข้อและยอมทำตามข้อตกลงที่เข้มงวดกว่าเดิม กลับกลายเป็นหอกที่ย้อนกลับมาทิ่มแทงตัวเอง อิหร่านไม่เพียงแต่ยืนหยัดต่อแรงกดดันทางเศรษฐกิจ แต่ยังใช้โอกาสนี้ขยายโครงการนิวเคลียร์และเสริมสร้างอิทธิพลในภูมิภาคให้แข็งแกร่งขึ้น
    เรซานา แมคมานัส นักรัฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยเพนน์สเตต ออกโรงเตือนว่า "ผู้นำควรระวังไม่ให้ชื่อเสียงในความบ้าบิ่นกลายเป็นจุดอ่อนของตนเอง" เพราะเมื่อฝ่ายตรงข้ามเริ่มเข้าใจเกมและการกระทำที่ดูเหมือนเหนือความคาดหมาย กลยุทธ์ดังกล่าวอาจกลับกลายเป็นไร้ประสิทธิภาพ

    ดังนั้น หากทรัมป์ตัดสินใจหวนกลับมาใช้ "ทฤษฎีคนบ้า" อีกครั้ง สิ่งสำคัญที่เขาต้องพิจารณาคือคู่แข่ง โดยเฉพาะอิหร่าน ต่างคุ้นเคยกับเกมนี้ดีและพร้อมรับมือด้วยกลยุทธ์ที่ชาญฉลาดกว่าเดิม ทรัมป์ไม่สามารถพึ่งพาความคาดเดาไม่ได้แบบเดิมอีกต่อไป เพราะการเล่นเกมซ้ำที่ฝ่ายตรงข้ามเข้าใจดี อาจกลายเป็นหายนะในทางการทูต

    (เรียบเรียงโดยสมาคมนักเรียนไทยในอีร่าน)
    " ที่มาของคำว่าทรัมป์บ้า!!!!! " Foreign Policy : ทรัมป์เคยพ่ายแพ้ต่ออิหร่านมาแล้ว กลยุทธ์ "ทฤษฎีคนบ้า" (Madman Theory) ของทรัมป์ในเวทีการเผชิญหน้ากับอิหร่าน กลับกลายเป็นหมากที่ไม่ได้ผล เพราะอิหร่านมองทะลุถึงเจตนาและวิธีการของทรัมป์อย่างชัดเจน นิตยสาร ฟอเรน โพลิซี (Foreign Policy) ซึ่งเป็นสื่อวิเคราะห์นโยบายต่างประเทศของสหรัฐฯ ได้ตีพิมพ์บทความชิ้นสำคัญ โดยระบุว่า อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ใช้กลยุทธ์ที่เรียกว่า "ทฤษฎีคนบ้า" ในการสร้างภาพลักษณ์ตนเองให้ดูเป็นผู้นำที่คาดเดาไม่ได้และเต็มไปด้วยความอันตราย แต่คำถามสำคัญคือ วิธีการนี้สามารถบีบให้อิหร่านเปลี่ยนพฤติกรรมได้หรือไม่ หรือกลับทำให้ความขัดแย้งยิ่งรุนแรงขึ้น? ทรัมป์เป็นที่รู้จักจากแนวทางที่ผิดแผกไปจากผู้นำทั่วไปในด้านการทูต หนึ่งในกลยุทธ์ที่เขานำมาใช้อย่างต่อเนื่องคือ "ทฤษฎีคนบ้า" ซึ่งมีรากฐานมาจากยุคสงครามเย็นในสมัยริชาร์ด นิกสัน แนวคิดนี้เชื่อว่า ผู้นำสามารถบีบให้คู่ต่อสู้ยอมอ่อนข้อได้โดยการแสดงออกถึงความไม่แน่นอนและการข่มขู่ที่ดูรุนแรง แต่สำหรับเวทีการปะทะกับอิหร่าน คำถามคือ ทฤษฎีนี้ช่วยทรัมป์ได้จริงหรือไม่ หรือกลับเป็นชนวนที่ทำให้สถานการณ์ยิ่งดิ่งลึกสู่ความรุนแรง? ทรัมป์และกลยุทธ์การเจรจาที่อิหร่านไม่สะทกสะท้าน โดนัลด์ ทรัมป์เคยพูดถึงแนวทางการเจรจาของเขาอย่างภาคภูมิใจ โดยในการสัมภาษณ์เมื่อปี 2018 เขากล่าวว่า "ผมเป็นนักเจรจาที่มักจะวางตัวเลือกที่หลากหลายไว้บนโต๊ะ เพื่อให้ฝ่ายตรงข้ามไม่อาจคาดเดาก้าวต่อไปของผมได้" หนึ่งในตัวอย่างที่เด่นชัดที่สุดของแนวทางนี้คือการข่มขู่ "ทำลายล้างอย่างสมบูรณ์" เกาหลีเหนือ ในสุนทรพจน์ที่สหประชาชาติ แต่เมื่อใช้วิธีเดียวกันนี้กับอิหร่าน ผลลัพธ์กลับไม่เป็นไปตามที่ทรัมป์หวังไว้ นโยบาย “กดดันสูงสุด” และความล้มเหลวในการบีบอิหร่าน ในปี 2018 ทรัมป์ถอนตัวจากข้อตกลงนิวเคลียร์ (JCPOA) และเริ่มดำเนินนโยบาย "กดดันสูงสุด" (Maximum Pressure) ด้วยความหวังว่าอิหร่านจะยอมรับข้อตกลงใหม่ที่เข้มงวดกว่าเดิม จอห์น โบลตัน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติในขณะนั้น เปิดเผยในหนังสือของเขาว่า ทรัมป์เชื่อมั่นว่า "อิหร่านจะไม่สามารถทนต่อแรงกดดันทางเศรษฐกิจได้ และในที่สุดจะกลับมาที่โต๊ะเจรจา" การตอบโต้ของอิหร่าน: ท้าทายทุกแรงกดดัน แต่ความเป็นจริงกลับแตกต่างออกไปโดยสิ้นเชิง อิหร่านไม่ได้เพียงแค่ปฏิเสธการเจรจา แต่ยังขยายโครงการนิวเคลียร์และเพิ่มปฏิบัติการของกลุ่มตัวแทนในภูมิภาคเพื่อแสดงถึงความไม่ยอมจำนน มูฮัมหมัด ญาวาด ซารีฟ รัฐมนตรีต่างประเทศของอิหร่านในขณะนั้น กล่าวอย่างหนักแน่นว่า "ทรัมป์คิดว่าแรงกดดันจะทำให้เราอ่อนข้อ แต่ประวัติศาสตร์ได้แสดงให้เห็นว่าชาวอิหร่านยืนหยัดในหน้าความกดดันเสมอ" ความพยายามของทรัมป์ในการบีบอิหร่านด้วยนโยบายกดดันสูงสุดจึงกลายเป็นการเดินเกมที่ไม่ได้ผล อิหร่านตอบโต้ด้วยการยืนหยัดและแสดงศักยภาพของตนเองให้เห็นอย่างชัดเจนในเวทีระหว่างประเทศ ปมร้อน: การสังหารสุไลมานีและความล้มเหลวของ "ทฤษฎีคนบ้า" หนึ่งในการตัดสินใจที่สร้างความสั่นสะเทือนที่สุดของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ คือการออกคำสั่งให้สังหาร นายพลกอเซ็ม สุไลมานี ผู้บัญชาการกองกำลังคุดส์ของกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิหร่าน ในเดือนมกราคม 2020 การโจมตีนี้เกิดขึ้นใกล้สนามบินกรุงแบกแดด และนำไปสู่การยกระดับความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ และอิหร่าน อิหร่านตอบโต้การสังหารสุไลมานีด้วยการยิงขีปนาวุธโจมตีฐานทัพอเมริกันในอิรัก พร้อมประกาศว่าจะไม่ปฏิบัติตามข้อจำกัดที่ระบุไว้ในข้อตกลงนิวเคลียร์ (JCPOA) อีกต่อไป เมื่อ "ทฤษฎีคนบ้า" ไม่ได้ผล โรซานา แมคมานัส ศาสตราจารย์ด้านรัฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยเพนน์สเตต อธิบายว่า "ทฤษฎีคนบ้า" จะได้ผลก็ต่อเมื่อคู่ต่อสู้เชื่อว่าผู้นำมีความไม่แน่นอนจริงในบางเรื่อง แต่หากผู้นำนั้นดูไม่สมเหตุสมผลจนเกินไป ความเชื่อถือในคำขู่จะลดลง และกลยุทธ์จะล้มเหลว ในกรณีของทรัมป์ นักวิเคราะห์หลายคนเห็นว่า พฤติกรรมของเขาเริ่มคาดเดาได้มากเกินไป เช่น การตัดสินใจไม่ตอบโต้ทางทหารหลังจากอิหร่านยิงโดรนอเมริกันตกในเดือนมิถุนายน 2019 การกระทำดังกล่าวส่งสัญญาณชัดเจนว่า ทรัมป์ไม่ต้องการทำสงคราม การส่งสัญญาณที่ขัดแย้งกันนี้ทำให้อิหร่านไม่ยอมรับคำขู่ของเขาอย่างจริงจัง นโยบาย "กดดันสูงสุด" ของโดนัลด์ ทรัมป์ ที่มุ่งหวังให้อิหร่านอ่อนข้อและยอมทำตามข้อตกลงที่เข้มงวดกว่าเดิม กลับกลายเป็นหอกที่ย้อนกลับมาทิ่มแทงตัวเอง อิหร่านไม่เพียงแต่ยืนหยัดต่อแรงกดดันทางเศรษฐกิจ แต่ยังใช้โอกาสนี้ขยายโครงการนิวเคลียร์และเสริมสร้างอิทธิพลในภูมิภาคให้แข็งแกร่งขึ้น เรซานา แมคมานัส นักรัฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยเพนน์สเตต ออกโรงเตือนว่า "ผู้นำควรระวังไม่ให้ชื่อเสียงในความบ้าบิ่นกลายเป็นจุดอ่อนของตนเอง" เพราะเมื่อฝ่ายตรงข้ามเริ่มเข้าใจเกมและการกระทำที่ดูเหมือนเหนือความคาดหมาย กลยุทธ์ดังกล่าวอาจกลับกลายเป็นไร้ประสิทธิภาพ ดังนั้น หากทรัมป์ตัดสินใจหวนกลับมาใช้ "ทฤษฎีคนบ้า" อีกครั้ง สิ่งสำคัญที่เขาต้องพิจารณาคือคู่แข่ง โดยเฉพาะอิหร่าน ต่างคุ้นเคยกับเกมนี้ดีและพร้อมรับมือด้วยกลยุทธ์ที่ชาญฉลาดกว่าเดิม ทรัมป์ไม่สามารถพึ่งพาความคาดเดาไม่ได้แบบเดิมอีกต่อไป เพราะการเล่นเกมซ้ำที่ฝ่ายตรงข้ามเข้าใจดี อาจกลายเป็นหายนะในทางการทูต (เรียบเรียงโดยสมาคมนักเรียนไทยในอีร่าน)
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 440 มุมมอง 0 รีวิว
  • เซเลนสกีเพิ่งโพสต์ข้อความเกี่ยวกับการจับกุมทหารเกาหลีเหนือ 2 ราย ในภูมิภาค Kursk

    มีการโพสต์รูปถ่ายทหารที่อ้างว่าเป็นทหารเกาหลีเหนือ ขณะถูกคุมขังอยู่ในสถานกักขังเชลยศึกที่อยู่ภายใต้การควบคุมของ SBU ในกรุงเคียฟ และยังโพสต์บัตรประจำตัวทหารรายนี้อีกด้วย

    เซเลนสกียังประกาศอีกว่า เขาได้อนุญาตให้นักข่าวเข้ามาสัมภาษณ์นักโทษรายนี้ หลังจากนั้นจะนำเนื้อหาการสัมภาษณ์เผยแพร่ไปทั่วโลก

    แต่!!!
    มีการตั้งข้อสงสัยหลายประการจากคำกล่าวอ้างของเซเลนสกี คือ:
    จากรูปถ่ายเอกสารระบุว่านี่คือ "บัตรประจำตัวทหาร" (Военный билет) ไม่ใช่หนังสือเดินทาง

    ในบัตรประจำตัวทหาร (Военный билет) ระบุสถานที่เกิดคือ สาธารณรัฐตูวา (Tuva Republic) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซียอยู่ทางใต้ไซบีเรีย และมีเขตติดต่อกับมองโกเลีย

    ชื่อทหารที่ระบุไว้ในบัตรประจำตัวทหาร (Военный билет) คือ "อารันซิน อันโตนิน อายาโซวิช"

    นอกจากนี้ในบัตรประจำตัวทหาร (Военный билет) โดยปกติจะต้องติดรูปถ่ายของเจ้าของบัตรเพื่อแสดงความเป็นเจ้าของ แต่สำหรับครั้งนี้ไม่มีรูปถ่ายติดบัตรแต่อย่างใด

    ยังมีการเปรียบเทียบรูปถ่ายของประธานาธิบดีปูตินในขณะถ่ายรูปร่วมกับนักเรียนนายร้อยพลเมืองของตูวา ใน Kyzyl เมืองหลวงของสาธารณรัฐตูวา เมื่อปี 2024 อีกด้วย เพื่อเปรียบเทียบลักษณะหน้าตาของพลเมืองตูวา
    เซเลนสกีเพิ่งโพสต์ข้อความเกี่ยวกับการจับกุมทหารเกาหลีเหนือ 2 ราย ในภูมิภาค Kursk มีการโพสต์รูปถ่ายทหารที่อ้างว่าเป็นทหารเกาหลีเหนือ ขณะถูกคุมขังอยู่ในสถานกักขังเชลยศึกที่อยู่ภายใต้การควบคุมของ SBU ในกรุงเคียฟ และยังโพสต์บัตรประจำตัวทหารรายนี้อีกด้วย เซเลนสกียังประกาศอีกว่า เขาได้อนุญาตให้นักข่าวเข้ามาสัมภาษณ์นักโทษรายนี้ หลังจากนั้นจะนำเนื้อหาการสัมภาษณ์เผยแพร่ไปทั่วโลก แต่!!! มีการตั้งข้อสงสัยหลายประการจากคำกล่าวอ้างของเซเลนสกี คือ: จากรูปถ่ายเอกสารระบุว่านี่คือ "บัตรประจำตัวทหาร" (Военный билет) ไม่ใช่หนังสือเดินทาง ในบัตรประจำตัวทหาร (Военный билет) ระบุสถานที่เกิดคือ สาธารณรัฐตูวา (Tuva Republic) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซียอยู่ทางใต้ไซบีเรีย และมีเขตติดต่อกับมองโกเลีย ชื่อทหารที่ระบุไว้ในบัตรประจำตัวทหาร (Военный билет) คือ "อารันซิน อันโตนิน อายาโซวิช" นอกจากนี้ในบัตรประจำตัวทหาร (Военный билет) โดยปกติจะต้องติดรูปถ่ายของเจ้าของบัตรเพื่อแสดงความเป็นเจ้าของ แต่สำหรับครั้งนี้ไม่มีรูปถ่ายติดบัตรแต่อย่างใด ยังมีการเปรียบเทียบรูปถ่ายของประธานาธิบดีปูตินในขณะถ่ายรูปร่วมกับนักเรียนนายร้อยพลเมืองของตูวา ใน Kyzyl เมืองหลวงของสาธารณรัฐตูวา เมื่อปี 2024 อีกด้วย เพื่อเปรียบเทียบลักษณะหน้าตาของพลเมืองตูวา
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 316 มุมมอง 0 รีวิว
  • 11 มกราคม 2568-รายงานพิเศษของเว็บไซต์ The Structure เกี่ยวกับประเด็นเกิดอะไรขึ้นกับประเทศไทย โดยรศ. ดร.ปณิธาน วัฒนายากร ได้สะท้อนภาพจากเหตุการณ์ลอบสังหาร “ลิม กิมยา”กลางกรุงเทพมหานครว่า เกิดอะไรขึ้น กับประเทศไทย? ‘รศ.ดร.ปณิธาน’ สะท้อนภาพที่เกิดขึ้นจากเหตุการณ์ ลอบสังหาร ‘ลิม กินยา’ กลางกรุงเทพมหานคร
    On 2025-01-10
    สืบเนื่องจากกรณีการลอบสังหาร ลิม กิมยา อดีต สส. พรรคสงเคราะห์ชาติกัมพูชา (Cambodia National Rescue Party) และนักเคลื่อนไหวทางการเมือง ถูกลอบยิงที่บริเวณเกาะกลางถนน วงเวียนสิบสามห้าง ตรงข้ามวัดบวรนิเวศวิหาร ในช่วงค่ำของวันที่ 7 ม.ค. 2568

    ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจของไทย สามารถระบุตัวคนร้ายจนพบว่าเป็นจ่าเอ็ม-เอกลักษณ์ แพน้อย อดีตทหารนาวิกโยธินของไทย ซึ่งถูกให้ออกจากราชการไปตั้งแต่ปี 2566 แล้ว และสามารถตามจับตัวจ่าเอ็มได้ที่จังหวัดพระตะบอง ประเทศกัมพูชา ในช่วงค่ำวันที่ 8 ม.ค. 2568

    และในเวลานี้ จ่าเอ็มยังอยู่ในระหว่างการควบคุมตัวเพื่อสอบสวนของทางการกัมพูชา เนื่องจากฝ่ายกัมพูชาจะมีการดำเนินคดีกับจ่าเอ็มในข้อหาลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายก่อน

    รศ.ดร.ปณิธาน วัฒนายากร นักวิเคราะห์และผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคง ได้กล่าวว่ากรณีนี้นั้น สะท้อนให้เห็นว่าได้เกิดช่องว่าง หรืออุปสรรค์ในการรักษาความปลอดภัยของฝ่ายความมั่นคงของไทย ทั้งในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ, ตำรวจสันติบาล, ศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ, สำนักข่าวกรอง หรือแม้แต่สภาความมั่นคงเอง

    ที่อาจจะต้องทำงานให้สอดประสานกันเพื่อการกำหนดแนวทางการคุ้มกันบุคคลสำคัญ ซึ่งจริง ๆ แล้วมีการกำหนดหลักปฎิบัติ หรือระเบียบปฎิบัติประจำ (รปจ.) อยู่แล้ว

    แต่สำหรับกรณีนี้ ถึงแม้ว่าตัวผู้ถูกลอบสังหารจะไม่ได้ทำการร้องขอการคุ้มกันจากฝ่ายไทย จึงทำให้การจัดชุดรักษาความปลอดภัยนั้นอาจจะทำได้ไม่เต็มที่ แต่ในเมื่อพิจารณาดูแล้วว่า ลิม กินยานั้นเป็นเป้าหมายสำคัญที่อาจจะถูกคุกคาม จนมีความไม่ปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สิน อีกทั้งยังมีผลกระทบต่อความมั่นคง และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของไทย

    หน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็สามารถใช้ดุลยพินิจในการตัดสินใจส่งชุดรักษาความปลอดภัยไปดูแลลิม กินยา ตั้งแต่เข้าเมือง หรืออาจจะปฎิเสธการให้เข้าเมืองตั้งแต่แรกเลยก็ทำได้ ถ้าพิจารณาแล้วว่าอาจจะคุ้มครองเขาไม่ได้ ซึ่งกรณีนี้จะต้องมีการพิจารณาในรายละเอียดว่าเกิดอะไรขึ้น

    ทั้งนี้ ที่ผ่านมา ทางการไทยนั้นมีประสบการณ์ในการให้ความคุ้มครองบุคคลสำคัญจากประเทศเพื่อนบ้านมามากพอสมควร ไม่ว่าจะจากลาว, กัมพูชา, มาเลเซีย และเมียนมา ไทยก็เคยให้การดูแลคุ้มกันมาแล้ว

    ทางการไทยจะต้องมีการดำเนินการเพื่อการป้องกันเหตุการณ์ที่จะสร้างผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของไทย ว่าเป็นพื้นที่สังหารบุคคลสำคัญ, ไม่มีความปลอดภัยสำหรับนักท่องเที่ยว หรือมีการซ่องสุมกองกำลังติดอาวุธต่าง ๆ โดยมีการใช้คนไทยเข้ามาเป็นเครือข่ายในการปฏิบัติการหลายอย่าง ซึ่งเรื่องนี้มีความสำคัญที่จะต้องดูแลกันให้ดี

    สำหรับแนวทางในการนำตัวจ่าเอ็ม ผู้ก่อเหตุกลับมาดำเนินคดีในประเทศไทยนั้น มีอยู่ 2 แนวทาง ได้แก่

    1 การดำเนินการตามช่องทางปกติ โดยจะต้องมีการดำเนินคดีในฝั่งกัมพูชาก่อนสักระยะหนึ่ง ซึ่งจะต้องใช้ระยะเวลาพอสมควร โดยจะมีการพิจารณาลงโทษ-ลดโทษ-อภัยโทษ แล้วส่งคืนมายังไทยตามสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดน

    ทั้งนี้ได้มีการตั้งข้อหาเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายแล้ว แต่อาจจะมีการกล่าวโทษในคดีอื่นเพิ่มเช่น พกพาอาวุธ และความมีส่วนเกี่ยวข้องกับเครือข่ายอาชญากรรมข้ามแดน ซึ่งทั้งหมดนี้ต้องใช้เวลานานและสร้างความคลุมเครือ

    2 การดำเนินการในช่องทางพิเศษ ด้วยวิธีต่างตอบแทน โดยการแลกตัว หรือร้องขอให้ทางกัมพูชาส่งตัวผู้ก่อเหตุให้มาถูกดำเนินคดีในไทยได้อย่างรวดเร็ว แต่กรณีนี้จะต้องระมัดระวังว่าจะกระทบต่อสิทธิมนุษยชน และต้องพิจารณาความตั้งใจจริงของฝ่ายกัมพูชาด้วย เพราะว่าเรื่องนี้นั้นจะเป็นการสะท้อนถึงระดับความสัมพันธ์ หรือเรื่องราวมีความซับซ้อนมากน้อยเพียงใด

    แต่ทั้งนี้นั้น ควรจะต้องมีการดำเนินการผ่านกลไกของอาเซียน และตำรวจสากล ที่มีข้อตกลงที่ค่อนข้างชัดเจน และเป็นทางการ แทนการใช้ระบบต่างตอบแทน เพื่อป้องกันข้อครหาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดหรือห่างเหินระหว่างผู้นำทั้ง 2 ประเทศในบางสมัย ซึ่งจะต้องมีการเปิดเผยข้อเท็จจริงในเรื่องเหล่านี้ผ่านทางอาเซียน

    สำหรับคำถามที่ว่า ประเทศไทยมีขีดความสามารถในการคุ้มครองผู้เห็นต่างทางการเมืองจากประเทศอื่นที่เข้ามาลี้ภัยในประเทศไทยหรือไม่ รศ.ดร. ปณิธานกล่าวว่า ในบางช่วงประเทศไทยก็มีขีดความสามารถในการดำเนินการในเรื่องนี้ได้ดี

    ไทยเคยสามารถจับกุมตัวผู้ก่อการร้ายระหว่างประเทศได้หลายครั้ง อย่างกรณี “ฮัม บาลี” ผู้ก่อเหตุวางระเบิดในอินโดนีเซีย หรือกรณีของ วิกเตอร์ บุช ผู้ค้าอาวุธสงครามชาวรัสเซีย และมีการส่งตัวกลับไปยังประเทศต้นทางได้ และได้รับความชื่นชมจากนานาชาติเป็นอย่างมาก

    อีกทั้งยังเคยสามารถสกัดกั้นไม่ให้กลุ่มบุคคลต้องสงสัยเข้าประเทศ อย่างเช่นกลุ่มจากประเทศเกาหลีเหนือ และกลุ่มอื่น ๆ ที่อยู่ในบัญชีรายชื่อกว่า 30 กลุ่ม ซึ่งบางครั้งเราก็ทำได้ดี แต่บางครั้งเราก็มีปัญหา ซึ่งในภาพรวมแล้วเราควรจะปรับปรุงให้ดีขึ้น เพื่อไม่ให้เกิดกรณีเช่นนี้อีก และกรณีนี้ได้สร้างความเสียหายให้กับประเทศไทยเป็นอย่างมาก

    สำหรับกรณีที่พรรคฝ่ายค้านของกัมพูชากล่าวหาฮุน เซน อดีตนายกฯ กัมพูชาว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการลอบสังหารในครั้งนี้นั้น รศ.ดร. ปณิธานกล่าวว่าเรื่องนี้นั้นถือเป็นเรื่องที่มีความละเอียดอ่อน ที่จะต้องมีการพิสูจน์ทราบกันให้ชัดเจน ก่อนที่จะมีการกระทบในความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ

    แต่ทั้งนี้การที่ฝ่ายรัฐบาล หรือฝ่ายค้านกล่าวหาพุ่งเป้าใส่กัน โดยมีการดึงประเทศไทยเข้าไปเกี่ยวข้องนั้นไม่ใช่เรื่องใหม่เลย อีกทั้งตลอดเวลาหลายสิบปีที่ผ่านมา ทางการกัมพูชาได้ทำเรื่องร้องขอให้มีการส่งตัวนักเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาลกัมพูชา เช่น สม รังสี อดีตผู้นำพรรคฝ่ายค้านกัมพูชากลับ ซึ่งก็มีทั้งกรณีที่ทางการไทยส่งตัวกลับ และไม่ส่งตัวกลับ

    ดังนั้นเรื่องนี้นั้น ไม่ถือว่าเป็นเรื่องใหม่ และหน่วยงานราชการไทย และฝ่ายความมั่นคงนั้นมีความคุ้นเคยเป็นอย่างดี

    แต่ทั้งนี้ไทยต้องดำเนินการป้องกันให้มากกว่านี้ เพื่อการป้องกันไม่ให้ไทยถูกดึงเข้าไปอยู่ในวงความขัดแย้ง ซึ่งกรณีนี้ไม่ได้มีเฉพาะกับกัมพูชาเท่านั้น แต่เกิดขึ้นกับลาว, เมียนมา และมาเลเซียด้วย

    นอกจากนี้ ทางการไทยเองก็มีการดำเนินการขอตัวแกนนำสั่งการต่าง ๆ ที่อยู่ในมาเลเซีย มาดำเนินคดีในประเทศไทย ซึ่งได้บ้าง ไม่ได้บ้าง บางกรณีมีการเสียชีวิตในระหว่างทาง ซึ่งเรื่องนี้มีความจำเป็นที่จะต้องมีการจัดระเบียบกันอย่างจริงจัง ก่อนที่จะเกิดความเสียหายกับประเทศไทยไปมากกว่านี้

    สำหรับการสืบสาวหาต้นตอ/ขบวนการ/ผู้จ้างวาน ให้มีการลอบสังหารในครั้งนี้นั้น ไม่น่าจะเป็นเรื่องที่ยากนัก เพราะทราบมาว่าฝ่ายนั้นมีการดำเนินการสื่อสารผ่านระบบสมัยใหม่ ซึ่งทางเราสามารถดักจับ และบันทึกอยู่ในฐานข้อมูลของเรา

    ดังนั้นการดำเนินการสืบค้นเพื่อเอาหลักฐานเหล่านั้นมาพิสูจน์ในทางนิติวิทยาศาสตร์นั้นก็คงไม่ยากเท่าไรนัก แต่ทั้งนี้จะต้องได้รับความร่วมมือจากทางกัมพูชาด้วย

    อย่างไรก็ดี การที่ลิม กินยานั้น เป็นผู้ถือสัญชาติฝรั่งเศสด้วยนั้น ทำให้ฝรั่งเศส, สหภาพยุโรป และนานาชาติต่างก็จับตาดูกรณีนี้เป็นพิเศษ และก็คงจะมีการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องกับภรรยาของลิม กินยา ซึ่งถือสัญชาติฝรั่งเศสด้วย และอาจจะเข้ามาร่วมประสานงานกับประเทศไทย ซึ่งจะทำให้เรื่องราวมีความซับซ้อนเพิ่มมากขึ้น

    (ทางการฝรั่งเศสได้ประกาศว่าจะมีการติดตามการสืบสวนของฝ่ายไทยอย่างใกล้ชิด เมื่อวานนี้)

    ซึ่งเรื่องนี้กระทรวงต่างประเทศจะต้องมีการตั้งชุดทำงานขึ้นมา เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดผลกระทบมากไปกว่านี้ และในขณะนี้เกิดความแปรปรวนขึ้นพอสมควร เนื่องจากเกิดความเชื่อหลายอย่างขึ้นในโลกออนไลน์ ซึ่งก็อาจจะไม่ใช่ข้อเท็จจริง
    11 มกราคม 2568-รายงานพิเศษของเว็บไซต์ The Structure เกี่ยวกับประเด็นเกิดอะไรขึ้นกับประเทศไทย โดยรศ. ดร.ปณิธาน วัฒนายากร ได้สะท้อนภาพจากเหตุการณ์ลอบสังหาร “ลิม กิมยา”กลางกรุงเทพมหานครว่า เกิดอะไรขึ้น กับประเทศไทย? ‘รศ.ดร.ปณิธาน’ สะท้อนภาพที่เกิดขึ้นจากเหตุการณ์ ลอบสังหาร ‘ลิม กินยา’ กลางกรุงเทพมหานคร On 2025-01-10 สืบเนื่องจากกรณีการลอบสังหาร ลิม กิมยา อดีต สส. พรรคสงเคราะห์ชาติกัมพูชา (Cambodia National Rescue Party) และนักเคลื่อนไหวทางการเมือง ถูกลอบยิงที่บริเวณเกาะกลางถนน วงเวียนสิบสามห้าง ตรงข้ามวัดบวรนิเวศวิหาร ในช่วงค่ำของวันที่ 7 ม.ค. 2568 ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจของไทย สามารถระบุตัวคนร้ายจนพบว่าเป็นจ่าเอ็ม-เอกลักษณ์ แพน้อย อดีตทหารนาวิกโยธินของไทย ซึ่งถูกให้ออกจากราชการไปตั้งแต่ปี 2566 แล้ว และสามารถตามจับตัวจ่าเอ็มได้ที่จังหวัดพระตะบอง ประเทศกัมพูชา ในช่วงค่ำวันที่ 8 ม.ค. 2568 และในเวลานี้ จ่าเอ็มยังอยู่ในระหว่างการควบคุมตัวเพื่อสอบสวนของทางการกัมพูชา เนื่องจากฝ่ายกัมพูชาจะมีการดำเนินคดีกับจ่าเอ็มในข้อหาลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายก่อน รศ.ดร.ปณิธาน วัฒนายากร นักวิเคราะห์และผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคง ได้กล่าวว่ากรณีนี้นั้น สะท้อนให้เห็นว่าได้เกิดช่องว่าง หรืออุปสรรค์ในการรักษาความปลอดภัยของฝ่ายความมั่นคงของไทย ทั้งในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ, ตำรวจสันติบาล, ศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ, สำนักข่าวกรอง หรือแม้แต่สภาความมั่นคงเอง ที่อาจจะต้องทำงานให้สอดประสานกันเพื่อการกำหนดแนวทางการคุ้มกันบุคคลสำคัญ ซึ่งจริง ๆ แล้วมีการกำหนดหลักปฎิบัติ หรือระเบียบปฎิบัติประจำ (รปจ.) อยู่แล้ว แต่สำหรับกรณีนี้ ถึงแม้ว่าตัวผู้ถูกลอบสังหารจะไม่ได้ทำการร้องขอการคุ้มกันจากฝ่ายไทย จึงทำให้การจัดชุดรักษาความปลอดภัยนั้นอาจจะทำได้ไม่เต็มที่ แต่ในเมื่อพิจารณาดูแล้วว่า ลิม กินยานั้นเป็นเป้าหมายสำคัญที่อาจจะถูกคุกคาม จนมีความไม่ปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สิน อีกทั้งยังมีผลกระทบต่อความมั่นคง และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของไทย หน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็สามารถใช้ดุลยพินิจในการตัดสินใจส่งชุดรักษาความปลอดภัยไปดูแลลิม กินยา ตั้งแต่เข้าเมือง หรืออาจจะปฎิเสธการให้เข้าเมืองตั้งแต่แรกเลยก็ทำได้ ถ้าพิจารณาแล้วว่าอาจจะคุ้มครองเขาไม่ได้ ซึ่งกรณีนี้จะต้องมีการพิจารณาในรายละเอียดว่าเกิดอะไรขึ้น ทั้งนี้ ที่ผ่านมา ทางการไทยนั้นมีประสบการณ์ในการให้ความคุ้มครองบุคคลสำคัญจากประเทศเพื่อนบ้านมามากพอสมควร ไม่ว่าจะจากลาว, กัมพูชา, มาเลเซีย และเมียนมา ไทยก็เคยให้การดูแลคุ้มกันมาแล้ว ทางการไทยจะต้องมีการดำเนินการเพื่อการป้องกันเหตุการณ์ที่จะสร้างผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของไทย ว่าเป็นพื้นที่สังหารบุคคลสำคัญ, ไม่มีความปลอดภัยสำหรับนักท่องเที่ยว หรือมีการซ่องสุมกองกำลังติดอาวุธต่าง ๆ โดยมีการใช้คนไทยเข้ามาเป็นเครือข่ายในการปฏิบัติการหลายอย่าง ซึ่งเรื่องนี้มีความสำคัญที่จะต้องดูแลกันให้ดี สำหรับแนวทางในการนำตัวจ่าเอ็ม ผู้ก่อเหตุกลับมาดำเนินคดีในประเทศไทยนั้น มีอยู่ 2 แนวทาง ได้แก่ 1 การดำเนินการตามช่องทางปกติ โดยจะต้องมีการดำเนินคดีในฝั่งกัมพูชาก่อนสักระยะหนึ่ง ซึ่งจะต้องใช้ระยะเวลาพอสมควร โดยจะมีการพิจารณาลงโทษ-ลดโทษ-อภัยโทษ แล้วส่งคืนมายังไทยตามสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดน ทั้งนี้ได้มีการตั้งข้อหาเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายแล้ว แต่อาจจะมีการกล่าวโทษในคดีอื่นเพิ่มเช่น พกพาอาวุธ และความมีส่วนเกี่ยวข้องกับเครือข่ายอาชญากรรมข้ามแดน ซึ่งทั้งหมดนี้ต้องใช้เวลานานและสร้างความคลุมเครือ 2 การดำเนินการในช่องทางพิเศษ ด้วยวิธีต่างตอบแทน โดยการแลกตัว หรือร้องขอให้ทางกัมพูชาส่งตัวผู้ก่อเหตุให้มาถูกดำเนินคดีในไทยได้อย่างรวดเร็ว แต่กรณีนี้จะต้องระมัดระวังว่าจะกระทบต่อสิทธิมนุษยชน และต้องพิจารณาความตั้งใจจริงของฝ่ายกัมพูชาด้วย เพราะว่าเรื่องนี้นั้นจะเป็นการสะท้อนถึงระดับความสัมพันธ์ หรือเรื่องราวมีความซับซ้อนมากน้อยเพียงใด แต่ทั้งนี้นั้น ควรจะต้องมีการดำเนินการผ่านกลไกของอาเซียน และตำรวจสากล ที่มีข้อตกลงที่ค่อนข้างชัดเจน และเป็นทางการ แทนการใช้ระบบต่างตอบแทน เพื่อป้องกันข้อครหาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดหรือห่างเหินระหว่างผู้นำทั้ง 2 ประเทศในบางสมัย ซึ่งจะต้องมีการเปิดเผยข้อเท็จจริงในเรื่องเหล่านี้ผ่านทางอาเซียน สำหรับคำถามที่ว่า ประเทศไทยมีขีดความสามารถในการคุ้มครองผู้เห็นต่างทางการเมืองจากประเทศอื่นที่เข้ามาลี้ภัยในประเทศไทยหรือไม่ รศ.ดร. ปณิธานกล่าวว่า ในบางช่วงประเทศไทยก็มีขีดความสามารถในการดำเนินการในเรื่องนี้ได้ดี ไทยเคยสามารถจับกุมตัวผู้ก่อการร้ายระหว่างประเทศได้หลายครั้ง อย่างกรณี “ฮัม บาลี” ผู้ก่อเหตุวางระเบิดในอินโดนีเซีย หรือกรณีของ วิกเตอร์ บุช ผู้ค้าอาวุธสงครามชาวรัสเซีย และมีการส่งตัวกลับไปยังประเทศต้นทางได้ และได้รับความชื่นชมจากนานาชาติเป็นอย่างมาก อีกทั้งยังเคยสามารถสกัดกั้นไม่ให้กลุ่มบุคคลต้องสงสัยเข้าประเทศ อย่างเช่นกลุ่มจากประเทศเกาหลีเหนือ และกลุ่มอื่น ๆ ที่อยู่ในบัญชีรายชื่อกว่า 30 กลุ่ม ซึ่งบางครั้งเราก็ทำได้ดี แต่บางครั้งเราก็มีปัญหา ซึ่งในภาพรวมแล้วเราควรจะปรับปรุงให้ดีขึ้น เพื่อไม่ให้เกิดกรณีเช่นนี้อีก และกรณีนี้ได้สร้างความเสียหายให้กับประเทศไทยเป็นอย่างมาก สำหรับกรณีที่พรรคฝ่ายค้านของกัมพูชากล่าวหาฮุน เซน อดีตนายกฯ กัมพูชาว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการลอบสังหารในครั้งนี้นั้น รศ.ดร. ปณิธานกล่าวว่าเรื่องนี้นั้นถือเป็นเรื่องที่มีความละเอียดอ่อน ที่จะต้องมีการพิสูจน์ทราบกันให้ชัดเจน ก่อนที่จะมีการกระทบในความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ แต่ทั้งนี้การที่ฝ่ายรัฐบาล หรือฝ่ายค้านกล่าวหาพุ่งเป้าใส่กัน โดยมีการดึงประเทศไทยเข้าไปเกี่ยวข้องนั้นไม่ใช่เรื่องใหม่เลย อีกทั้งตลอดเวลาหลายสิบปีที่ผ่านมา ทางการกัมพูชาได้ทำเรื่องร้องขอให้มีการส่งตัวนักเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาลกัมพูชา เช่น สม รังสี อดีตผู้นำพรรคฝ่ายค้านกัมพูชากลับ ซึ่งก็มีทั้งกรณีที่ทางการไทยส่งตัวกลับ และไม่ส่งตัวกลับ ดังนั้นเรื่องนี้นั้น ไม่ถือว่าเป็นเรื่องใหม่ และหน่วยงานราชการไทย และฝ่ายความมั่นคงนั้นมีความคุ้นเคยเป็นอย่างดี แต่ทั้งนี้ไทยต้องดำเนินการป้องกันให้มากกว่านี้ เพื่อการป้องกันไม่ให้ไทยถูกดึงเข้าไปอยู่ในวงความขัดแย้ง ซึ่งกรณีนี้ไม่ได้มีเฉพาะกับกัมพูชาเท่านั้น แต่เกิดขึ้นกับลาว, เมียนมา และมาเลเซียด้วย นอกจากนี้ ทางการไทยเองก็มีการดำเนินการขอตัวแกนนำสั่งการต่าง ๆ ที่อยู่ในมาเลเซีย มาดำเนินคดีในประเทศไทย ซึ่งได้บ้าง ไม่ได้บ้าง บางกรณีมีการเสียชีวิตในระหว่างทาง ซึ่งเรื่องนี้มีความจำเป็นที่จะต้องมีการจัดระเบียบกันอย่างจริงจัง ก่อนที่จะเกิดความเสียหายกับประเทศไทยไปมากกว่านี้ สำหรับการสืบสาวหาต้นตอ/ขบวนการ/ผู้จ้างวาน ให้มีการลอบสังหารในครั้งนี้นั้น ไม่น่าจะเป็นเรื่องที่ยากนัก เพราะทราบมาว่าฝ่ายนั้นมีการดำเนินการสื่อสารผ่านระบบสมัยใหม่ ซึ่งทางเราสามารถดักจับ และบันทึกอยู่ในฐานข้อมูลของเรา ดังนั้นการดำเนินการสืบค้นเพื่อเอาหลักฐานเหล่านั้นมาพิสูจน์ในทางนิติวิทยาศาสตร์นั้นก็คงไม่ยากเท่าไรนัก แต่ทั้งนี้จะต้องได้รับความร่วมมือจากทางกัมพูชาด้วย อย่างไรก็ดี การที่ลิม กินยานั้น เป็นผู้ถือสัญชาติฝรั่งเศสด้วยนั้น ทำให้ฝรั่งเศส, สหภาพยุโรป และนานาชาติต่างก็จับตาดูกรณีนี้เป็นพิเศษ และก็คงจะมีการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องกับภรรยาของลิม กินยา ซึ่งถือสัญชาติฝรั่งเศสด้วย และอาจจะเข้ามาร่วมประสานงานกับประเทศไทย ซึ่งจะทำให้เรื่องราวมีความซับซ้อนเพิ่มมากขึ้น (ทางการฝรั่งเศสได้ประกาศว่าจะมีการติดตามการสืบสวนของฝ่ายไทยอย่างใกล้ชิด เมื่อวานนี้) ซึ่งเรื่องนี้กระทรวงต่างประเทศจะต้องมีการตั้งชุดทำงานขึ้นมา เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดผลกระทบมากไปกว่านี้ และในขณะนี้เกิดความแปรปรวนขึ้นพอสมควร เนื่องจากเกิดความเชื่อหลายอย่างขึ้นในโลกออนไลน์ ซึ่งก็อาจจะไม่ใช่ข้อเท็จจริง
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 785 มุมมอง 0 รีวิว
  • คิม จองอึน ผู้นำเกาหลีเหนือระบุว่า ระบบขีปนาวุธไฮเปอร์โซนิกใหม่ที่ถูกใช้ในการทดสอบ จะช่วยป้องปรามบรรดาอริศัตรูของประเทศในภูมิภาคแปซิฟิก ตามรายงานของเคซีเอ็นเอ สำนักข่าวกลางเกาหลีเหนือ
    .
    "ระบบขีปนาวุธไฮเปอร์โซนิก จะช่วยควบคุมอย่างน่าเชือถือต่อคู่อริใดๆ ในภูมิภาคแปซิฟิก ที่สามารถก่อผลกระทบต่อความมั่นคงแห่งรัฐของเรา" คิมกล่าว หลังจากเดินทางไปตรวจตราการยิงทดสอบด้วยตนเอง ตามรายงานของเคซีเอ็นเอ
    .
    การยิงทดสอบครั้งนี้เกิดขึ้นในขณะที่ แอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ เดินทางเยือนเกาหลีใต้ พันธมิตรทางยุทธศาสตร์ของอเมริกาและคู่อริตัวฉกาจของเกาหลีเหนือ ซึ่งในทางเทคนิคแล้ว โซลและเปียงยาง ยังอยู่ในภาวะสงคราม
    .
    ในถ้อยแถลง คิม กล่าวอ้างว่าขีปนาวุธพุ่งเป็นระยะทาง 1,500 กิโลเมตร มากกว่าตัวเลข 1,100 กิโลเมตรที่ทางกองทัพเกาหลีใต้ระบุก่อนหน้านี้ และเดินทางด้วยความเร็วเหนือเสียง 12 เท่า ก่อนดิ่งลงสู่ทะเล "นี่คือแผนและความพยายามที่ชัดเจนสำหรับการป้องกันตนเอง ไม่ใช่แผนหรือปฏิบัติการรุกรานใดๆ" ผู้นำเกาหลีเหนือระบุ
    .
    อย่างไรก็ตาม เขาเตือนว่าด้วยสมรรถนะของระบบขีปนาวุธนี้ "ทั่วโลกไม่อาจมองข้ามได้" พร้อมระบุมันสามารถจัดการกับการโจมตีทางทหารร้ายแรงใดๆ จากคู่อริหนึ่งๆ ขณะเดียวกัน ก็สามารถทำลายแนวป้องกันที่หนาแน่นใดๆ
    .
    "พัฒนาการในแสนยานุภาพด้านการป้องกันตนเองของเกาหลีเหนือ มีเป้าหมายเพื่อเร่งยกระดับแสนยานุภาพทางทหารให้รวดเร็วยิ่งขึ้น" คิมกล่าว
    .
    บลิงเคน และโช แท-ย็อล รัฐมนตรีต่างประเทศเกาหลีใต้ ประณามการยิงทดสอบดังกล่าวระหว่างแถลงข่าวร่วม โดยรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ บอกว่ามันแสดงให้เห็นถึงความสำคัญในการกระชับความเป็นพันธมิตรของ 3 ฝ่าย ที่ประกอบด้วยวอชิงตัน โซล และโตเกียว
    .
    การยิงทดสอบเมื่อวันจันทร์ (6 ม.ค.) ถือเป็นครั้งแรกของเกาหลีเหนือ นับตั้งแต่ว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้รับชัยชนะในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ
    .
    ก่อนหน้านี้เมื่อเดือนพฤศจิกายน เกาหลีเหนือเคยทดสอบในสิ่งที่กล่าวอ้างว่าเป็นขีปนาวุธข้ามทวีป (ICBM) เชื้อเพลิงแข็ง ที่ล้ำสมัยและทรงแสนยานุภาพที่สุดของประเทศ
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000001576
    ..............
    Sondhi X
    คิม จองอึน ผู้นำเกาหลีเหนือระบุว่า ระบบขีปนาวุธไฮเปอร์โซนิกใหม่ที่ถูกใช้ในการทดสอบ จะช่วยป้องปรามบรรดาอริศัตรูของประเทศในภูมิภาคแปซิฟิก ตามรายงานของเคซีเอ็นเอ สำนักข่าวกลางเกาหลีเหนือ . "ระบบขีปนาวุธไฮเปอร์โซนิก จะช่วยควบคุมอย่างน่าเชือถือต่อคู่อริใดๆ ในภูมิภาคแปซิฟิก ที่สามารถก่อผลกระทบต่อความมั่นคงแห่งรัฐของเรา" คิมกล่าว หลังจากเดินทางไปตรวจตราการยิงทดสอบด้วยตนเอง ตามรายงานของเคซีเอ็นเอ . การยิงทดสอบครั้งนี้เกิดขึ้นในขณะที่ แอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ เดินทางเยือนเกาหลีใต้ พันธมิตรทางยุทธศาสตร์ของอเมริกาและคู่อริตัวฉกาจของเกาหลีเหนือ ซึ่งในทางเทคนิคแล้ว โซลและเปียงยาง ยังอยู่ในภาวะสงคราม . ในถ้อยแถลง คิม กล่าวอ้างว่าขีปนาวุธพุ่งเป็นระยะทาง 1,500 กิโลเมตร มากกว่าตัวเลข 1,100 กิโลเมตรที่ทางกองทัพเกาหลีใต้ระบุก่อนหน้านี้ และเดินทางด้วยความเร็วเหนือเสียง 12 เท่า ก่อนดิ่งลงสู่ทะเล "นี่คือแผนและความพยายามที่ชัดเจนสำหรับการป้องกันตนเอง ไม่ใช่แผนหรือปฏิบัติการรุกรานใดๆ" ผู้นำเกาหลีเหนือระบุ . อย่างไรก็ตาม เขาเตือนว่าด้วยสมรรถนะของระบบขีปนาวุธนี้ "ทั่วโลกไม่อาจมองข้ามได้" พร้อมระบุมันสามารถจัดการกับการโจมตีทางทหารร้ายแรงใดๆ จากคู่อริหนึ่งๆ ขณะเดียวกัน ก็สามารถทำลายแนวป้องกันที่หนาแน่นใดๆ . "พัฒนาการในแสนยานุภาพด้านการป้องกันตนเองของเกาหลีเหนือ มีเป้าหมายเพื่อเร่งยกระดับแสนยานุภาพทางทหารให้รวดเร็วยิ่งขึ้น" คิมกล่าว . บลิงเคน และโช แท-ย็อล รัฐมนตรีต่างประเทศเกาหลีใต้ ประณามการยิงทดสอบดังกล่าวระหว่างแถลงข่าวร่วม โดยรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ บอกว่ามันแสดงให้เห็นถึงความสำคัญในการกระชับความเป็นพันธมิตรของ 3 ฝ่าย ที่ประกอบด้วยวอชิงตัน โซล และโตเกียว . การยิงทดสอบเมื่อวันจันทร์ (6 ม.ค.) ถือเป็นครั้งแรกของเกาหลีเหนือ นับตั้งแต่ว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้รับชัยชนะในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ . ก่อนหน้านี้เมื่อเดือนพฤศจิกายน เกาหลีเหนือเคยทดสอบในสิ่งที่กล่าวอ้างว่าเป็นขีปนาวุธข้ามทวีป (ICBM) เชื้อเพลิงแข็ง ที่ล้ำสมัยและทรงแสนยานุภาพที่สุดของประเทศ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000001576 .............. Sondhi X
    Like
    Haha
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1025 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทหารกองกำลังพิเศษกรีนเบเรต์ ผู้ต้องสงสัยจุดชนวนระเบิดรถกระบะไฟฟ้าไซเบอร์ทรัค บริเวณด้านหน้าโรงแรมทรัมป์ อินเตอร์เนชัลแนล โฮเท็ล ในลาสเวกัส ในวันขึ้นปีใหม่ อ้างว่าปฏิบัติการของเขานั้นไม่ใช่การโจมตีก่อการร้าย แต่เป็นการเตือนสติถึงอเมริกันชนทุกคน ตามรายงานของอาร์ทนิวส์อ้างอิงข้อความและบันทึกต่างๆที่พบในสมาร์ทโฟนของเขา
    .
    ในวันที่ 1 มกราคม 2025 รถกระบะไซเบอร์ทรัคของเทสลา บรรทุกพลุไฟ ถังแก๊สและเชื้อเพลิง เกิดระเบิดบริเวณด้านนอกโรงแรมทรัมป์ อินเตอร์เนเชันแนล โฮเท็ล ในลาสเวกัส คนขับที่ถูกระบะตัวตนว่าได้แก่จ่าสิบเอกแมทธิว อลัน ลิเวลส์เบอร์เกอร์ สมาชิกหน่วยรบพิเศษกรีนเบเรต์ ถูกพบเสียชีวิตในรถคันดังกล่าว แรงระเบิดทำให้ผู้สัญจรผ่านไปมาได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย 7 คน โรงแรมได้รับความเสียหายเพียงเล็กน้อย และเบื้องต้นพวกเจ้าหน้าที่สืบสวนจากรัฐบาลกลาง เกรงว่ามันมีความเป็นไปได้ว่าจะเป็นการลงมือโจมตีก่อการร้าย
    .
    อย่างไรก็ตามในข้อความต่างๆ ซึ่งตำรวจลาสเวกัสเผยแพร่เมื่อวันศุกร์(3ม.ค.) เผยให้เห็นว่า ลิเวลส์เบอร์เกอร์ มีความผิดหวังอย่างมากเกี่ยวกับประเด็นในสังคมต่างๆนานาและมีปมขัดแย้งภายใน โดยข้อความหนึ่ง เขาเขียนว่า "ผมต้องการชำระล้างจิตใจพวกพี่น้อง ที่ผมสูญเสียไป และปล่อยวางตัวเอง จากภาระการใช้ชีวิตที่ผมต้องแบกรับ"
    .
    "นี่ไม่ใช่ก่อการร้าย แต่เป็นสัญญาณเตือนสติ อเมริกันชนใส่ใจแต่เพียงเรื่องน่าตื่นเต้นและความรุนแรง มันอาจเป็นเรื่องดีกว่าที่ผมจะสื่อสารให้พวกเขาเข้าใจประเด็นของผม ด้วยพลุไฟและระเบิด"ลิเวลส์เบอร์เกอร์เขียน
    .
    เขาได้ระบุถึงประเด็นทางสังคมต่างๆนานา ที่เขาบอกว่าอยากให้จัดการ ในนั้นรวมถึงแปรรูปอาหาร โรคอ้วน ความไม่เท่าเทียมทางรายได้ คนเร่ร่อน ผู้นำอ่อนแอ และคอรัปชันอย่างโจ่งแจ้ง
    .
    "หยุดหมกหมุ่นกับหลากหลาย ความเสมอภาค และการยอมรับความแตกต่าง (DEI) เราทุกคนล้วนแตกต่างกันอยู่แล้ว DEI คือมะเร็ง" เขาเขียน พร้อมระบุว่า "ขอบคุณ ที่พวกเราปฏิเสธผู้สมัครจาก DEI และเราจะมีประธานาธิบดีจริงๆ ไม่ใช่จากหนังตลก" เขาเขียน
    .
    "เราต้องหยุดสงครามในยูเครนด้วยการเจรจาหาทางออก มันเป็นหนทางเดียว" เขาระบุ พร้อมบอกว่า "ประชากรของเราอ้วนเกินไปที่จะเข้าร่วมกองทัพ และเรากำลังเผชิญการทำสงครามกับจีน รัสเซีย เกาหลีเหนือและอิหร่าน ก่อนปี 2030"
    .
    ในบันทึกฉบับที่ 2 ของเขา จ่าหน้าถึงเพื่อนสมาชิกหน่วยรบพิเศษกรีนเบเรต์ นายทหารผ่านศึก พวกนักรบและชาวอเมริกันชนทุกคน ในสิ่งที่ดูเหมือนเป็นการเรียกร้องให้คนเหล่านี้รับประกันว่าพวกเดโมแครต จะไม่ขัดขวาง ทรัมป์ จากการเข้ารับอำนาจและกวาดล้างอาการป่วยต่างๆนานาของประเทศ
    .
    "เรากำลังอยู่ภายใต้ผู้นำที่อ่อนแอและปวกเปียก ที่ทำหน้าที่เพียงเพื่อความมั่งคั่งของตนเอง" เขาเขียน "พยายามด้วยวิธีสันติก่อน แต่ก็เตรียมพร้อมสู้เอาพวกเดโมแครตออกจากรัฐบาลกลางและกองทัพในทุกหนทางที่จำเป็น พวกเขาต้องไปและจำเป็นต้องมีการรีเซ็ตประเทศของเราครั้งใหญ่ เพื่อหลีกเลี่ยงการล่มสลาย"
    .
    ลิเวลส์เบอร์เกอร์ เป็นสมาชิกของกองกำลังพิเศษ ที่ถึงขั้นได้รับเหรียญกล้าหาญ เขาเคยถูกส่งเข้าประจำการทั้งในอัฟกานิสถาน ทาจิกิสถาน จอร์เจีย คองโก และแม้รายงานข่าวอาจรวมถึงยูเครนด้วย อ้างอิงข้อมูลจากเจ้าหน้าที่ ระบุว่าเขากำลังต่อสู้กับความผิดปกติที่เกิดหลังความเครียดที่สะเทือนใจและการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในชีวิตหลายเหตุการณ์ ในนั้นรวมถึงการเพิ่งหย่าขาดกับภรรยาเมื่อเร็วๆนี้
    .
    รายงานข่าวระบุว่า ลิเวลส์เบอร์เกอร์ ใช้ปืนสั้นยิงตัวเอง ก่อนจุดชนวนระเบิด และบันทึกต่างๆของเขาบ่งชี้ว่าเขาเต็มไปด้วยแรงกดดันชีวิตส่วนตัวและอาชีพการงาน แม้ขณะเดียวกันทีมสืบสวนมีความระมัดระวังในการตีความบันทึกเหล่านี้ ในขณะที่พวกเขากำลังแกะรอยหาแรงจูงใจในการก่อเหตุ
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000001229
    ..............
    Sondhi X
    ทหารกองกำลังพิเศษกรีนเบเรต์ ผู้ต้องสงสัยจุดชนวนระเบิดรถกระบะไฟฟ้าไซเบอร์ทรัค บริเวณด้านหน้าโรงแรมทรัมป์ อินเตอร์เนชัลแนล โฮเท็ล ในลาสเวกัส ในวันขึ้นปีใหม่ อ้างว่าปฏิบัติการของเขานั้นไม่ใช่การโจมตีก่อการร้าย แต่เป็นการเตือนสติถึงอเมริกันชนทุกคน ตามรายงานของอาร์ทนิวส์อ้างอิงข้อความและบันทึกต่างๆที่พบในสมาร์ทโฟนของเขา . ในวันที่ 1 มกราคม 2025 รถกระบะไซเบอร์ทรัคของเทสลา บรรทุกพลุไฟ ถังแก๊สและเชื้อเพลิง เกิดระเบิดบริเวณด้านนอกโรงแรมทรัมป์ อินเตอร์เนเชันแนล โฮเท็ล ในลาสเวกัส คนขับที่ถูกระบะตัวตนว่าได้แก่จ่าสิบเอกแมทธิว อลัน ลิเวลส์เบอร์เกอร์ สมาชิกหน่วยรบพิเศษกรีนเบเรต์ ถูกพบเสียชีวิตในรถคันดังกล่าว แรงระเบิดทำให้ผู้สัญจรผ่านไปมาได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย 7 คน โรงแรมได้รับความเสียหายเพียงเล็กน้อย และเบื้องต้นพวกเจ้าหน้าที่สืบสวนจากรัฐบาลกลาง เกรงว่ามันมีความเป็นไปได้ว่าจะเป็นการลงมือโจมตีก่อการร้าย . อย่างไรก็ตามในข้อความต่างๆ ซึ่งตำรวจลาสเวกัสเผยแพร่เมื่อวันศุกร์(3ม.ค.) เผยให้เห็นว่า ลิเวลส์เบอร์เกอร์ มีความผิดหวังอย่างมากเกี่ยวกับประเด็นในสังคมต่างๆนานาและมีปมขัดแย้งภายใน โดยข้อความหนึ่ง เขาเขียนว่า "ผมต้องการชำระล้างจิตใจพวกพี่น้อง ที่ผมสูญเสียไป และปล่อยวางตัวเอง จากภาระการใช้ชีวิตที่ผมต้องแบกรับ" . "นี่ไม่ใช่ก่อการร้าย แต่เป็นสัญญาณเตือนสติ อเมริกันชนใส่ใจแต่เพียงเรื่องน่าตื่นเต้นและความรุนแรง มันอาจเป็นเรื่องดีกว่าที่ผมจะสื่อสารให้พวกเขาเข้าใจประเด็นของผม ด้วยพลุไฟและระเบิด"ลิเวลส์เบอร์เกอร์เขียน . เขาได้ระบุถึงประเด็นทางสังคมต่างๆนานา ที่เขาบอกว่าอยากให้จัดการ ในนั้นรวมถึงแปรรูปอาหาร โรคอ้วน ความไม่เท่าเทียมทางรายได้ คนเร่ร่อน ผู้นำอ่อนแอ และคอรัปชันอย่างโจ่งแจ้ง . "หยุดหมกหมุ่นกับหลากหลาย ความเสมอภาค และการยอมรับความแตกต่าง (DEI) เราทุกคนล้วนแตกต่างกันอยู่แล้ว DEI คือมะเร็ง" เขาเขียน พร้อมระบุว่า "ขอบคุณ ที่พวกเราปฏิเสธผู้สมัครจาก DEI และเราจะมีประธานาธิบดีจริงๆ ไม่ใช่จากหนังตลก" เขาเขียน . "เราต้องหยุดสงครามในยูเครนด้วยการเจรจาหาทางออก มันเป็นหนทางเดียว" เขาระบุ พร้อมบอกว่า "ประชากรของเราอ้วนเกินไปที่จะเข้าร่วมกองทัพ และเรากำลังเผชิญการทำสงครามกับจีน รัสเซีย เกาหลีเหนือและอิหร่าน ก่อนปี 2030" . ในบันทึกฉบับที่ 2 ของเขา จ่าหน้าถึงเพื่อนสมาชิกหน่วยรบพิเศษกรีนเบเรต์ นายทหารผ่านศึก พวกนักรบและชาวอเมริกันชนทุกคน ในสิ่งที่ดูเหมือนเป็นการเรียกร้องให้คนเหล่านี้รับประกันว่าพวกเดโมแครต จะไม่ขัดขวาง ทรัมป์ จากการเข้ารับอำนาจและกวาดล้างอาการป่วยต่างๆนานาของประเทศ . "เรากำลังอยู่ภายใต้ผู้นำที่อ่อนแอและปวกเปียก ที่ทำหน้าที่เพียงเพื่อความมั่งคั่งของตนเอง" เขาเขียน "พยายามด้วยวิธีสันติก่อน แต่ก็เตรียมพร้อมสู้เอาพวกเดโมแครตออกจากรัฐบาลกลางและกองทัพในทุกหนทางที่จำเป็น พวกเขาต้องไปและจำเป็นต้องมีการรีเซ็ตประเทศของเราครั้งใหญ่ เพื่อหลีกเลี่ยงการล่มสลาย" . ลิเวลส์เบอร์เกอร์ เป็นสมาชิกของกองกำลังพิเศษ ที่ถึงขั้นได้รับเหรียญกล้าหาญ เขาเคยถูกส่งเข้าประจำการทั้งในอัฟกานิสถาน ทาจิกิสถาน จอร์เจีย คองโก และแม้รายงานข่าวอาจรวมถึงยูเครนด้วย อ้างอิงข้อมูลจากเจ้าหน้าที่ ระบุว่าเขากำลังต่อสู้กับความผิดปกติที่เกิดหลังความเครียดที่สะเทือนใจและการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในชีวิตหลายเหตุการณ์ ในนั้นรวมถึงการเพิ่งหย่าขาดกับภรรยาเมื่อเร็วๆนี้ . รายงานข่าวระบุว่า ลิเวลส์เบอร์เกอร์ ใช้ปืนสั้นยิงตัวเอง ก่อนจุดชนวนระเบิด และบันทึกต่างๆของเขาบ่งชี้ว่าเขาเต็มไปด้วยแรงกดดันชีวิตส่วนตัวและอาชีพการงาน แม้ขณะเดียวกันทีมสืบสวนมีความระมัดระวังในการตีความบันทึกเหล่านี้ ในขณะที่พวกเขากำลังแกะรอยหาแรงจูงใจในการก่อเหตุ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000001229 .............. Sondhi X
    Like
    Haha
    8
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1307 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts