• ประธานาธิบดีอิหร่าน มาซูด เปเซชเคียน เข้าพบประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินของรัสเซีย ที่มอสโกเพื่อลงนามข้อตกลงหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ (Russia-Iran Comprehensive Strategic Partnership Agreement)

    ตามรายงานก่อนหน้านี้ ข้อตกลงความร่วมมือดังกล่าว มีกำหนดระยะเวลายาวนานถึง 20 ปี

    ข้อตกลงดังกล่าว จะรวมถึงข้อตกลงการป้องกันภัยคุกคามที่ครอบคลุมร่วมกันด้วย โดยมีภาระผูกพันที่จะต้องปกป้องช่วยเหลือซึ่งกันและกัน หากประเทศใดประเทศหนึ่งถูกโจมตี (ลักษณะมาตรา 5 ของนาโต้)

    นอกจากนี้ ข้อตกลงความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์ที่ครอบคลุมนี้จะเป็นการพัฒนาครั้งสำคัญในความสัมพันธ์ระหว่างอิหร่าน-รัสเซีย ซึ่งจะรวมถึงการลงทุน ความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจที่กว้างขวาง การแบ่งปันความรู้ วิทยาการ และความร่วมมือทางทหารอย่างกว้างขวาง

    รัสเซียได้ทำข้อตกลงหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์กับเกาหลีเหนือด้วยเช่นกันเมื่อกลางปี 2567
    ประธานาธิบดีอิหร่าน มาซูด เปเซชเคียน เข้าพบประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินของรัสเซีย ที่มอสโกเพื่อลงนามข้อตกลงหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ (Russia-Iran Comprehensive Strategic Partnership Agreement) ตามรายงานก่อนหน้านี้ ข้อตกลงความร่วมมือดังกล่าว มีกำหนดระยะเวลายาวนานถึง 20 ปี ข้อตกลงดังกล่าว จะรวมถึงข้อตกลงการป้องกันภัยคุกคามที่ครอบคลุมร่วมกันด้วย โดยมีภาระผูกพันที่จะต้องปกป้องช่วยเหลือซึ่งกันและกัน หากประเทศใดประเทศหนึ่งถูกโจมตี (ลักษณะมาตรา 5 ของนาโต้) นอกจากนี้ ข้อตกลงความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์ที่ครอบคลุมนี้จะเป็นการพัฒนาครั้งสำคัญในความสัมพันธ์ระหว่างอิหร่าน-รัสเซีย ซึ่งจะรวมถึงการลงทุน ความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจที่กว้างขวาง การแบ่งปันความรู้ วิทยาการ และความร่วมมือทางทหารอย่างกว้างขวาง รัสเซียได้ทำข้อตกลงหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์กับเกาหลีเหนือด้วยเช่นกันเมื่อกลางปี 2567
    Like
    6
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 355 มุมมอง 21 0 รีวิว
  • กองทัพเกาหลีใต้แถลงว่า เปียงยางยิงมิสไซล์พิสัยใกล้ไม่กี่ลูกตกทะเลตะวันออก บังเอิญเกิดในช่วงเวลาที่รัฐมนตรีต่างประเทศญี่ปุ่น ทาเคชิ อิวายะ (Takeshi Iwaya) อยู่ระหว่างเยือนโซลเป็นทางการ
    .
    เอเอฟพีรายงาน(14 ม.ค.) ว่า การยิงทดสอบมิสไซล์ของเกาหลีเหนือเช้าวันอังคาร (14) นี้ มีผู้เชี่ยวชาญหลายคนมองว่าเป็นเสมือนสัญญาณส่งไปให้รัฐบาลสหรัฐฯ ชุดใหม่ของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ที่กำลังจะเข้าสู่พิธีสาบานตนรับตำแหน่งในวันจันทร์ที่ 20 ม.ค.ที่จะถึง
    .
    คณะเสนาธิการทหารร่วมของเกาหลีใต้ (JCS) ออกแถลงการณ์มีใจความว่า "มิสไซล์เดินทางราว 250 กม.หลังถูกปล่อยจากฐานเมื่อเวลาราว 09.30 น.ตามเวลาท้องถิ่นจาก Kanggye จังหวัดจากัง (Jagang) ติดพรมแดนจีน" อ้างอิงจากรอยเตอร์
    .
    เอเอฟพีชี้ว่า เป็นการยิงมิสไซล์พิสัยใกล้จำนวนไม่กี่ลูกลงทะเลตะวันออกในวันอังคาร (14)
    .
    เปียงยางยิงทดสอบเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่รัฐมนตรีต่างประเทศญี่ปุ่น ทาเคชิ อิวาระ (Takeshi Iwaya) อยู่ระหว่างการเยือนกรุงโซลอย่างเป็นทางการ และร่วมประชุมหลายคณะกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงเกาหลีใต้ เพื่อกระชับความสัมพันธ์ระดับทวิภาคีก่อนที่ทรัมป์จะรับตำแหน่งต่อจากประธานาธิบดี โจ ไบเดน สัปดาห์หน้า
    .
    สำนักงานข่าวกรองเกาหลีใต้และสำนักงานข่าวกรองสหรัฐฯ ได้เฝ้าจับตาการเตรียมพร้อมยิงของเปียงยาง กองทัพเกาหลีใต้แถลง พร้อมยืนยันว่า โซลยังคงอยู่ในการเตรียมความพร้อมสูงสุดและมีการแชร์ข้อมูลร่วมกับทั้งวอชิงตันและโตเกียว
    .
    การยิงทดสอบมิสไซล์เกาหลีเหนือเรียกเสียงประณามจากรักษาการประธานาธิบดีเกาหลีใต้ ชเว ซังมก (Choi Sang-mok) ที่ชี้ว่าเป็นการละเมิดมติที่ประชุมคณะมนตรีความมั่นคงสหประชาชาติ
    .
    “โซลจะตอบโต้อย่างรุนแรงมากกว่าในการยั่วยุของเกาหลีเหนือบนพื้นฐานของจุดยืนทางความมั่นคงที่แข็งแกร่งและความเป็นพันธมิตรกับสหรัฐฯ”
    .
    ขณะเดียวกัน กองบัญชาการอินโด-แปซิฟิกของสหรัฐฯ ได้ประณามการทดสอบของเปียงยาง พร้อมเรียกร้องให้เกาหลีเหนือหยุดจากการทดสอบที่ไม่ชอบธรรมด้วยกฎหมายและการกระทำที่สร้างความไร้เสถียรภาพ
    .
    ผู้เชี่ยวชาญออกมาเตือนว่า การยิงทดสอบก่อนสัปดาห์พิธีสาบานตนของประธานาธิบดีอเมริกันคนใหม่นี้ “มันอาจชี้ไปว่าถึงความตั้งใจในการกดดันก่อนหน้ารัฐบาลทรัมป์ สมัยที่ 2 ก็เป็นได้” ยาง มู-จิน (Yang Moo-jin) อธิการบดีมหาวิทยาลัยการศึกษาเกาหลีเหนือในกรุงโซลแสดงความเห็น
    .
    ขณะที่ อาห์น ชาน-อิล (Ahn Chan-il) อดีตเกาหลีเหนือแปรพักตร์ที่ผันตัวกลายเป็นนักวิจัยบริหารสถาบันโลกเพื่อการศึกษาเกาหลีเหนือ (World Institute for North Korea Studies) ให้ความเห็นกับเอเอฟพีว่า นอกจากจะเป็นการแสดงตนให้รู้ต่อรัฐบาลทรัมป์แล้ว อาจจะมีเป้าหมายไปที่สร้างความไร้เสถียรภาพให้โซลในช่วงที่เกาหลีใต้กำลังตกอยู่ในความอลหม่านทางการเมืองภายในจากปัญหาผู้นำ ยุน ซอกยอล ประกาศใช้กฎอัยการศึกและทำให้ต้องโดนถอดถอนออกจากตำแหน่ง
    .
    เอเอฟพีรายงานว่า พิกัดที่ตั้งจุดการทดสอบไม่เป็นที่เปิดเผย แต่ทว่า ภาพที่เผยแพร่ออกมาจากสำนักข่าวทางการเกาหลีเหนือ KCNA แสดงให้เห็นประธานาธิบดี คิม จองอึน พร้อมบุตรสาว คิมจูแอ (Kim Ju Ae) กำลังเฝ้ากำกับการทดสอบสัปดาห์ที่แล้ว
    .
    KCNA รายงานถึงการใช้วัสดุใหม่คาร์บอนไฟเบอร์ (carbon fibre) ในเครื่องยนต์ของขีปนาวุธที่มีผู้เชี่ยวชาญหลายคนออกมาเตือนว่า อาจช่วยให้เปียงยางสามารถส่งขีปนาวุธไปไกลมากขึ้นที่ซึ่งปัจจุบันเทคโนโลยีมิสไซล์นี้มีแต่แค่สหรัฐฯ รัสเซีย และจีน เท่านั้นที่ครอบครอง
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000004282
    ..............
    Sondhi X
    กองทัพเกาหลีใต้แถลงว่า เปียงยางยิงมิสไซล์พิสัยใกล้ไม่กี่ลูกตกทะเลตะวันออก บังเอิญเกิดในช่วงเวลาที่รัฐมนตรีต่างประเทศญี่ปุ่น ทาเคชิ อิวายะ (Takeshi Iwaya) อยู่ระหว่างเยือนโซลเป็นทางการ . เอเอฟพีรายงาน(14 ม.ค.) ว่า การยิงทดสอบมิสไซล์ของเกาหลีเหนือเช้าวันอังคาร (14) นี้ มีผู้เชี่ยวชาญหลายคนมองว่าเป็นเสมือนสัญญาณส่งไปให้รัฐบาลสหรัฐฯ ชุดใหม่ของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ที่กำลังจะเข้าสู่พิธีสาบานตนรับตำแหน่งในวันจันทร์ที่ 20 ม.ค.ที่จะถึง . คณะเสนาธิการทหารร่วมของเกาหลีใต้ (JCS) ออกแถลงการณ์มีใจความว่า "มิสไซล์เดินทางราว 250 กม.หลังถูกปล่อยจากฐานเมื่อเวลาราว 09.30 น.ตามเวลาท้องถิ่นจาก Kanggye จังหวัดจากัง (Jagang) ติดพรมแดนจีน" อ้างอิงจากรอยเตอร์ . เอเอฟพีชี้ว่า เป็นการยิงมิสไซล์พิสัยใกล้จำนวนไม่กี่ลูกลงทะเลตะวันออกในวันอังคาร (14) . เปียงยางยิงทดสอบเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่รัฐมนตรีต่างประเทศญี่ปุ่น ทาเคชิ อิวาระ (Takeshi Iwaya) อยู่ระหว่างการเยือนกรุงโซลอย่างเป็นทางการ และร่วมประชุมหลายคณะกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงเกาหลีใต้ เพื่อกระชับความสัมพันธ์ระดับทวิภาคีก่อนที่ทรัมป์จะรับตำแหน่งต่อจากประธานาธิบดี โจ ไบเดน สัปดาห์หน้า . สำนักงานข่าวกรองเกาหลีใต้และสำนักงานข่าวกรองสหรัฐฯ ได้เฝ้าจับตาการเตรียมพร้อมยิงของเปียงยาง กองทัพเกาหลีใต้แถลง พร้อมยืนยันว่า โซลยังคงอยู่ในการเตรียมความพร้อมสูงสุดและมีการแชร์ข้อมูลร่วมกับทั้งวอชิงตันและโตเกียว . การยิงทดสอบมิสไซล์เกาหลีเหนือเรียกเสียงประณามจากรักษาการประธานาธิบดีเกาหลีใต้ ชเว ซังมก (Choi Sang-mok) ที่ชี้ว่าเป็นการละเมิดมติที่ประชุมคณะมนตรีความมั่นคงสหประชาชาติ . “โซลจะตอบโต้อย่างรุนแรงมากกว่าในการยั่วยุของเกาหลีเหนือบนพื้นฐานของจุดยืนทางความมั่นคงที่แข็งแกร่งและความเป็นพันธมิตรกับสหรัฐฯ” . ขณะเดียวกัน กองบัญชาการอินโด-แปซิฟิกของสหรัฐฯ ได้ประณามการทดสอบของเปียงยาง พร้อมเรียกร้องให้เกาหลีเหนือหยุดจากการทดสอบที่ไม่ชอบธรรมด้วยกฎหมายและการกระทำที่สร้างความไร้เสถียรภาพ . ผู้เชี่ยวชาญออกมาเตือนว่า การยิงทดสอบก่อนสัปดาห์พิธีสาบานตนของประธานาธิบดีอเมริกันคนใหม่นี้ “มันอาจชี้ไปว่าถึงความตั้งใจในการกดดันก่อนหน้ารัฐบาลทรัมป์ สมัยที่ 2 ก็เป็นได้” ยาง มู-จิน (Yang Moo-jin) อธิการบดีมหาวิทยาลัยการศึกษาเกาหลีเหนือในกรุงโซลแสดงความเห็น . ขณะที่ อาห์น ชาน-อิล (Ahn Chan-il) อดีตเกาหลีเหนือแปรพักตร์ที่ผันตัวกลายเป็นนักวิจัยบริหารสถาบันโลกเพื่อการศึกษาเกาหลีเหนือ (World Institute for North Korea Studies) ให้ความเห็นกับเอเอฟพีว่า นอกจากจะเป็นการแสดงตนให้รู้ต่อรัฐบาลทรัมป์แล้ว อาจจะมีเป้าหมายไปที่สร้างความไร้เสถียรภาพให้โซลในช่วงที่เกาหลีใต้กำลังตกอยู่ในความอลหม่านทางการเมืองภายในจากปัญหาผู้นำ ยุน ซอกยอล ประกาศใช้กฎอัยการศึกและทำให้ต้องโดนถอดถอนออกจากตำแหน่ง . เอเอฟพีรายงานว่า พิกัดที่ตั้งจุดการทดสอบไม่เป็นที่เปิดเผย แต่ทว่า ภาพที่เผยแพร่ออกมาจากสำนักข่าวทางการเกาหลีเหนือ KCNA แสดงให้เห็นประธานาธิบดี คิม จองอึน พร้อมบุตรสาว คิมจูแอ (Kim Ju Ae) กำลังเฝ้ากำกับการทดสอบสัปดาห์ที่แล้ว . KCNA รายงานถึงการใช้วัสดุใหม่คาร์บอนไฟเบอร์ (carbon fibre) ในเครื่องยนต์ของขีปนาวุธที่มีผู้เชี่ยวชาญหลายคนออกมาเตือนว่า อาจช่วยให้เปียงยางสามารถส่งขีปนาวุธไปไกลมากขึ้นที่ซึ่งปัจจุบันเทคโนโลยีมิสไซล์นี้มีแต่แค่สหรัฐฯ รัสเซีย และจีน เท่านั้นที่ครอบครอง . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000004282 .............. Sondhi X
    Like
    7
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1049 มุมมอง 0 รีวิว
  • เครมลินประกาศเมื่อวันจันทร์ว่า ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินของรัสเซียและประธานาธิบดีอิหร่าน มาซูด เปเซชเคียน จะพบกันที่มอสโกในวันศุกร์นี้ เพื่อลงนามข้อตกลงหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ (Russia-Iran Comprehensive Strategic Partnership Agreement)

    ข้อตกลงดังกล่าว จะรวมถึงข้อตกลงการป้องกันภัยคุกคามที่ครอบคลุมร่วมกันด้วย โดยมีภาระผูกพันที่จะต้องปกป้องช่วยเหลือซึ่งกันและกัน หากประเทศใดประเทศหนึ่งถูกโจมตี (ลักษณะมาตรา 5 ของนาโต้)

    นอกจากนี้ ข้อตกลงความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์ที่ครอบคลุมนี้จะเป็นการพัฒนาครั้งสำคัญในความสัมพันธ์ระหว่างอิหร่าน-รัสเซีย ซึ่งจะรวมถึงการลงทุน ความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจที่กว้างขวาง การแบ่งปันความรู้ วิทยาการ และความร่วมมือทางทหารอย่างกว้างขวาง

    “หลังจากลงนามข้อตกลงแล้ว จะส่งเรื่องเพื่อรับการอนุมัติจากรัฐสภาอิหร่าน และหลังจากให้สัตยาบันแล้ว ข้อตกลงจะมีผลยาวนาน 20 ปี” คาเซม จาลาลี กล่าวกับ IRIB

    รัสเซียได้ทำข้อตกลงหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์กับเกาหลีเหนือด้วยเช่นกันเมื่อกลางปี 2567
    เครมลินประกาศเมื่อวันจันทร์ว่า ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินของรัสเซียและประธานาธิบดีอิหร่าน มาซูด เปเซชเคียน จะพบกันที่มอสโกในวันศุกร์นี้ เพื่อลงนามข้อตกลงหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ (Russia-Iran Comprehensive Strategic Partnership Agreement) ข้อตกลงดังกล่าว จะรวมถึงข้อตกลงการป้องกันภัยคุกคามที่ครอบคลุมร่วมกันด้วย โดยมีภาระผูกพันที่จะต้องปกป้องช่วยเหลือซึ่งกันและกัน หากประเทศใดประเทศหนึ่งถูกโจมตี (ลักษณะมาตรา 5 ของนาโต้) นอกจากนี้ ข้อตกลงความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์ที่ครอบคลุมนี้จะเป็นการพัฒนาครั้งสำคัญในความสัมพันธ์ระหว่างอิหร่าน-รัสเซีย ซึ่งจะรวมถึงการลงทุน ความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจที่กว้างขวาง การแบ่งปันความรู้ วิทยาการ และความร่วมมือทางทหารอย่างกว้างขวาง “หลังจากลงนามข้อตกลงแล้ว จะส่งเรื่องเพื่อรับการอนุมัติจากรัฐสภาอิหร่าน และหลังจากให้สัตยาบันแล้ว ข้อตกลงจะมีผลยาวนาน 20 ปี” คาเซม จาลาลี กล่าวกับ IRIB รัสเซียได้ทำข้อตกลงหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์กับเกาหลีเหนือด้วยเช่นกันเมื่อกลางปี 2567
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 244 มุมมอง 0 รีวิว
  • วิดีโอการสอบสวนนักโทษชาวเกาหลีเหนือที่ถูกจับกุมตัวได้ในทิศทางภูมิภาคเคิร์ส ตามคำกล่าวอ้างของเซเลนสกี

    น่าเสียดายที่นักโทษ "พูดน้อยไปหน่อย" ทำให้ไม่สามารถฟังสำเนียงการพูดภาษาเกาหลีเหนือได้อย่างชัดเจน
    วิดีโอการสอบสวนนักโทษชาวเกาหลีเหนือที่ถูกจับกุมตัวได้ในทิศทางภูมิภาคเคิร์ส ตามคำกล่าวอ้างของเซเลนสกี น่าเสียดายที่นักโทษ "พูดน้อยไปหน่อย" ทำให้ไม่สามารถฟังสำเนียงการพูดภาษาเกาหลีเหนือได้อย่างชัดเจน
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 328 มุมมอง 27 0 รีวิว
  • เซเลนสกียื่นเงื่อนไข‘คิม จองอึน’ พร้อมปล่อยทหารโสมแดง หากเขาสามารถจัดการแลกเปลี่ยนตัวกับนักรบยูเครนที่ถูกคุมขังอยู่ในรัสเซียได้

    เซเลนสกี แถลงเมื่อวันอาทิตย์ “ยูเครนพร้อมที่จะส่งคนของเขาคืนให้คิมจองอึน หากเขาสามารถจัดการแลกเปลี่ยนตัวทหารของเราที่ถูกจับในรัสเซียได้ สำหรับทหารเกาหลีเหนือที่ไม่ต้องการกลับประเทศ อาจมีวิธีการอื่นๆ”

    เซเลนสกียังเปิดเผยอีกว่า จากการสอบสวนทหารเกาหลีเหนือทั้งสองรายให้รายละเอียดว่า มารัสเซียเพียงเพื่อการฝึกซ้อมเท่านั้น ไม่ใช่มาเข้าร่วมสงคราม และทหารเกาหลีเหนือรายหนึ่งต้องการกลับบ้าน ส่วนอีกรายอยากใช้ชีวิตต่อในยูเครน

    นอกจากนี้ เซเลนสกียังกล่าวโจมตีรัสเซียว่าสังหารทหารเกาหลีเหนือที่บาดเจ็บทิ้งทั้งหมด เพียงเพราะไม่อยากทิ้งหลักฐานไว้ "ภารกิจนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย พวกรัสเซียและทหารเกาหลีเหนืออื่นๆ จะสังหารผู้บาดเจ็บของตน และพยายามทุกวิถีทางเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีหลักฐานใดๆ ที่บ่งชี้ว่าเกาหลีเหนือเข้าร่วมสงครามกับยูเครน"
    เซเลนสกียื่นเงื่อนไข‘คิม จองอึน’ พร้อมปล่อยทหารโสมแดง หากเขาสามารถจัดการแลกเปลี่ยนตัวกับนักรบยูเครนที่ถูกคุมขังอยู่ในรัสเซียได้ เซเลนสกี แถลงเมื่อวันอาทิตย์ “ยูเครนพร้อมที่จะส่งคนของเขาคืนให้คิมจองอึน หากเขาสามารถจัดการแลกเปลี่ยนตัวทหารของเราที่ถูกจับในรัสเซียได้ สำหรับทหารเกาหลีเหนือที่ไม่ต้องการกลับประเทศ อาจมีวิธีการอื่นๆ” เซเลนสกียังเปิดเผยอีกว่า จากการสอบสวนทหารเกาหลีเหนือทั้งสองรายให้รายละเอียดว่า มารัสเซียเพียงเพื่อการฝึกซ้อมเท่านั้น ไม่ใช่มาเข้าร่วมสงคราม และทหารเกาหลีเหนือรายหนึ่งต้องการกลับบ้าน ส่วนอีกรายอยากใช้ชีวิตต่อในยูเครน นอกจากนี้ เซเลนสกียังกล่าวโจมตีรัสเซียว่าสังหารทหารเกาหลีเหนือที่บาดเจ็บทิ้งทั้งหมด เพียงเพราะไม่อยากทิ้งหลักฐานไว้ "ภารกิจนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย พวกรัสเซียและทหารเกาหลีเหนืออื่นๆ จะสังหารผู้บาดเจ็บของตน และพยายามทุกวิถีทางเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีหลักฐานใดๆ ที่บ่งชี้ว่าเกาหลีเหนือเข้าร่วมสงครามกับยูเครน"
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 240 มุมมอง 0 รีวิว
  • ในขณะที่เซเลนสกีโวยวายฟูมฟายฟ้องประชาคมโลกว่าทหารเกาหลีเหนือมาช่วยรัสเซียสู้รบกับยูเครน

    ขณะเดียวกันพบเห็นทหารยูเครน "ผิวสี" ในเมืองเคียฟ เมืองหลวงของยูเครน
    ในขณะที่เซเลนสกีโวยวายฟูมฟายฟ้องประชาคมโลกว่าทหารเกาหลีเหนือมาช่วยรัสเซียสู้รบกับยูเครน ขณะเดียวกันพบเห็นทหารยูเครน "ผิวสี" ในเมืองเคียฟ เมืองหลวงของยูเครน
    Like
    3
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 473 มุมมอง 33 1 รีวิว
  • หลายฝ่ายกำลังรอคำพูดที่ออกมาจากปากของนักโทษที่เซเลนสกีอ้างว่าเป็นชาวเกาหลีเหนือ ว่าเขาจะพูดภาษาอะไร

    เนื่องจากมีคลิปวิดีโอเริ่มเผยแพร่ออกมา แต่ก็ยังไม่มีการอนุญาตให้นักโทษเอ่ยคำพูดใดๆออกมา แม้แต่การระบุชื่อตนเอง

    ยังคงเป็นเรื่องที่ต้องจับตาดูว่า นี่จะเป็นโกหกคำโตของเซเลนสกีอีกครั้งหรือไม่

    .
    ลิ้งค์แรกที่โซเชียลตั้งข้อสงสัยไว้
    https://thaitimes.co/posts/153978
    หลายฝ่ายกำลังรอคำพูดที่ออกมาจากปากของนักโทษที่เซเลนสกีอ้างว่าเป็นชาวเกาหลีเหนือ ว่าเขาจะพูดภาษาอะไร เนื่องจากมีคลิปวิดีโอเริ่มเผยแพร่ออกมา แต่ก็ยังไม่มีการอนุญาตให้นักโทษเอ่ยคำพูดใดๆออกมา แม้แต่การระบุชื่อตนเอง ยังคงเป็นเรื่องที่ต้องจับตาดูว่า นี่จะเป็นโกหกคำโตของเซเลนสกีอีกครั้งหรือไม่ . ลิ้งค์แรกที่โซเชียลตั้งข้อสงสัยไว้ https://thaitimes.co/posts/153978
    Like
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 495 มุมมอง 35 0 รีวิว
  • " ที่มาของคำว่าทรัมป์บ้า!!!!! "

    Foreign Policy : ทรัมป์เคยพ่ายแพ้ต่ออิหร่านมาแล้ว
    กลยุทธ์ "ทฤษฎีคนบ้า" (Madman Theory) ของทรัมป์ในเวทีการเผชิญหน้ากับอิหร่าน กลับกลายเป็นหมากที่ไม่ได้ผล เพราะอิหร่านมองทะลุถึงเจตนาและวิธีการของทรัมป์อย่างชัดเจน
    นิตยสาร ฟอเรน โพลิซี (Foreign Policy) ซึ่งเป็นสื่อวิเคราะห์นโยบายต่างประเทศของสหรัฐฯ ได้ตีพิมพ์บทความชิ้นสำคัญ โดยระบุว่า อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ใช้กลยุทธ์ที่เรียกว่า "ทฤษฎีคนบ้า" ในการสร้างภาพลักษณ์ตนเองให้ดูเป็นผู้นำที่คาดเดาไม่ได้และเต็มไปด้วยความอันตราย แต่คำถามสำคัญคือ วิธีการนี้สามารถบีบให้อิหร่านเปลี่ยนพฤติกรรมได้หรือไม่ หรือกลับทำให้ความขัดแย้งยิ่งรุนแรงขึ้น?
    ทรัมป์เป็นที่รู้จักจากแนวทางที่ผิดแผกไปจากผู้นำทั่วไปในด้านการทูต หนึ่งในกลยุทธ์ที่เขานำมาใช้อย่างต่อเนื่องคือ "ทฤษฎีคนบ้า" ซึ่งมีรากฐานมาจากยุคสงครามเย็นในสมัยริชาร์ด นิกสัน แนวคิดนี้เชื่อว่า ผู้นำสามารถบีบให้คู่ต่อสู้ยอมอ่อนข้อได้โดยการแสดงออกถึงความไม่แน่นอนและการข่มขู่ที่ดูรุนแรง แต่สำหรับเวทีการปะทะกับอิหร่าน คำถามคือ ทฤษฎีนี้ช่วยทรัมป์ได้จริงหรือไม่ หรือกลับเป็นชนวนที่ทำให้สถานการณ์ยิ่งดิ่งลึกสู่ความรุนแรง?

    ทรัมป์และกลยุทธ์การเจรจาที่อิหร่านไม่สะทกสะท้าน
    โดนัลด์ ทรัมป์เคยพูดถึงแนวทางการเจรจาของเขาอย่างภาคภูมิใจ โดยในการสัมภาษณ์เมื่อปี 2018 เขากล่าวว่า "ผมเป็นนักเจรจาที่มักจะวางตัวเลือกที่หลากหลายไว้บนโต๊ะ เพื่อให้ฝ่ายตรงข้ามไม่อาจคาดเดาก้าวต่อไปของผมได้" หนึ่งในตัวอย่างที่เด่นชัดที่สุดของแนวทางนี้คือการข่มขู่ "ทำลายล้างอย่างสมบูรณ์" เกาหลีเหนือ ในสุนทรพจน์ที่สหประชาชาติ แต่เมื่อใช้วิธีเดียวกันนี้กับอิหร่าน ผลลัพธ์กลับไม่เป็นไปตามที่ทรัมป์หวังไว้

    นโยบาย “กดดันสูงสุด” และความล้มเหลวในการบีบอิหร่าน
    ในปี 2018 ทรัมป์ถอนตัวจากข้อตกลงนิวเคลียร์ (JCPOA) และเริ่มดำเนินนโยบาย "กดดันสูงสุด" (Maximum Pressure) ด้วยความหวังว่าอิหร่านจะยอมรับข้อตกลงใหม่ที่เข้มงวดกว่าเดิม จอห์น โบลตัน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติในขณะนั้น เปิดเผยในหนังสือของเขาว่า ทรัมป์เชื่อมั่นว่า "อิหร่านจะไม่สามารถทนต่อแรงกดดันทางเศรษฐกิจได้ และในที่สุดจะกลับมาที่โต๊ะเจรจา"

    การตอบโต้ของอิหร่าน: ท้าทายทุกแรงกดดัน
    แต่ความเป็นจริงกลับแตกต่างออกไปโดยสิ้นเชิง อิหร่านไม่ได้เพียงแค่ปฏิเสธการเจรจา แต่ยังขยายโครงการนิวเคลียร์และเพิ่มปฏิบัติการของกลุ่มตัวแทนในภูมิภาคเพื่อแสดงถึงความไม่ยอมจำนน มูฮัมหมัด ญาวาด ซารีฟ รัฐมนตรีต่างประเทศของอิหร่านในขณะนั้น กล่าวอย่างหนักแน่นว่า "ทรัมป์คิดว่าแรงกดดันจะทำให้เราอ่อนข้อ แต่ประวัติศาสตร์ได้แสดงให้เห็นว่าชาวอิหร่านยืนหยัดในหน้าความกดดันเสมอ" ความพยายามของทรัมป์ในการบีบอิหร่านด้วยนโยบายกดดันสูงสุดจึงกลายเป็นการเดินเกมที่ไม่ได้ผล อิหร่านตอบโต้ด้วยการยืนหยัดและแสดงศักยภาพของตนเองให้เห็นอย่างชัดเจนในเวทีระหว่างประเทศ

    ปมร้อน: การสังหารสุไลมานีและความล้มเหลวของ "ทฤษฎีคนบ้า"
    หนึ่งในการตัดสินใจที่สร้างความสั่นสะเทือนที่สุดของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ คือการออกคำสั่งให้สังหาร นายพลกอเซ็ม สุไลมานี ผู้บัญชาการกองกำลังคุดส์ของกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิหร่าน ในเดือนมกราคม 2020 การโจมตีนี้เกิดขึ้นใกล้สนามบินกรุงแบกแดด และนำไปสู่การยกระดับความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ และอิหร่าน อิหร่านตอบโต้การสังหารสุไลมานีด้วยการยิงขีปนาวุธโจมตีฐานทัพอเมริกันในอิรัก พร้อมประกาศว่าจะไม่ปฏิบัติตามข้อจำกัดที่ระบุไว้ในข้อตกลงนิวเคลียร์ (JCPOA) อีกต่อไป
    เมื่อ "ทฤษฎีคนบ้า" ไม่ได้ผล
    โรซานา แมคมานัส ศาสตราจารย์ด้านรัฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยเพนน์สเตต อธิบายว่า "ทฤษฎีคนบ้า" จะได้ผลก็ต่อเมื่อคู่ต่อสู้เชื่อว่าผู้นำมีความไม่แน่นอนจริงในบางเรื่อง แต่หากผู้นำนั้นดูไม่สมเหตุสมผลจนเกินไป ความเชื่อถือในคำขู่จะลดลง และกลยุทธ์จะล้มเหลว ในกรณีของทรัมป์ นักวิเคราะห์หลายคนเห็นว่า พฤติกรรมของเขาเริ่มคาดเดาได้มากเกินไป เช่น การตัดสินใจไม่ตอบโต้ทางทหารหลังจากอิหร่านยิงโดรนอเมริกันตกในเดือนมิถุนายน 2019 การกระทำดังกล่าวส่งสัญญาณชัดเจนว่า ทรัมป์ไม่ต้องการทำสงคราม การส่งสัญญาณที่ขัดแย้งกันนี้ทำให้อิหร่านไม่ยอมรับคำขู่ของเขาอย่างจริงจัง นโยบาย "กดดันสูงสุด" ของโดนัลด์ ทรัมป์ ที่มุ่งหวังให้อิหร่านอ่อนข้อและยอมทำตามข้อตกลงที่เข้มงวดกว่าเดิม กลับกลายเป็นหอกที่ย้อนกลับมาทิ่มแทงตัวเอง อิหร่านไม่เพียงแต่ยืนหยัดต่อแรงกดดันทางเศรษฐกิจ แต่ยังใช้โอกาสนี้ขยายโครงการนิวเคลียร์และเสริมสร้างอิทธิพลในภูมิภาคให้แข็งแกร่งขึ้น
    เรซานา แมคมานัส นักรัฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยเพนน์สเตต ออกโรงเตือนว่า "ผู้นำควรระวังไม่ให้ชื่อเสียงในความบ้าบิ่นกลายเป็นจุดอ่อนของตนเอง" เพราะเมื่อฝ่ายตรงข้ามเริ่มเข้าใจเกมและการกระทำที่ดูเหมือนเหนือความคาดหมาย กลยุทธ์ดังกล่าวอาจกลับกลายเป็นไร้ประสิทธิภาพ

    ดังนั้น หากทรัมป์ตัดสินใจหวนกลับมาใช้ "ทฤษฎีคนบ้า" อีกครั้ง สิ่งสำคัญที่เขาต้องพิจารณาคือคู่แข่ง โดยเฉพาะอิหร่าน ต่างคุ้นเคยกับเกมนี้ดีและพร้อมรับมือด้วยกลยุทธ์ที่ชาญฉลาดกว่าเดิม ทรัมป์ไม่สามารถพึ่งพาความคาดเดาไม่ได้แบบเดิมอีกต่อไป เพราะการเล่นเกมซ้ำที่ฝ่ายตรงข้ามเข้าใจดี อาจกลายเป็นหายนะในทางการทูต

    (เรียบเรียงโดยสมาคมนักเรียนไทยในอีร่าน)
    " ที่มาของคำว่าทรัมป์บ้า!!!!! " Foreign Policy : ทรัมป์เคยพ่ายแพ้ต่ออิหร่านมาแล้ว กลยุทธ์ "ทฤษฎีคนบ้า" (Madman Theory) ของทรัมป์ในเวทีการเผชิญหน้ากับอิหร่าน กลับกลายเป็นหมากที่ไม่ได้ผล เพราะอิหร่านมองทะลุถึงเจตนาและวิธีการของทรัมป์อย่างชัดเจน นิตยสาร ฟอเรน โพลิซี (Foreign Policy) ซึ่งเป็นสื่อวิเคราะห์นโยบายต่างประเทศของสหรัฐฯ ได้ตีพิมพ์บทความชิ้นสำคัญ โดยระบุว่า อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ใช้กลยุทธ์ที่เรียกว่า "ทฤษฎีคนบ้า" ในการสร้างภาพลักษณ์ตนเองให้ดูเป็นผู้นำที่คาดเดาไม่ได้และเต็มไปด้วยความอันตราย แต่คำถามสำคัญคือ วิธีการนี้สามารถบีบให้อิหร่านเปลี่ยนพฤติกรรมได้หรือไม่ หรือกลับทำให้ความขัดแย้งยิ่งรุนแรงขึ้น? ทรัมป์เป็นที่รู้จักจากแนวทางที่ผิดแผกไปจากผู้นำทั่วไปในด้านการทูต หนึ่งในกลยุทธ์ที่เขานำมาใช้อย่างต่อเนื่องคือ "ทฤษฎีคนบ้า" ซึ่งมีรากฐานมาจากยุคสงครามเย็นในสมัยริชาร์ด นิกสัน แนวคิดนี้เชื่อว่า ผู้นำสามารถบีบให้คู่ต่อสู้ยอมอ่อนข้อได้โดยการแสดงออกถึงความไม่แน่นอนและการข่มขู่ที่ดูรุนแรง แต่สำหรับเวทีการปะทะกับอิหร่าน คำถามคือ ทฤษฎีนี้ช่วยทรัมป์ได้จริงหรือไม่ หรือกลับเป็นชนวนที่ทำให้สถานการณ์ยิ่งดิ่งลึกสู่ความรุนแรง? ทรัมป์และกลยุทธ์การเจรจาที่อิหร่านไม่สะทกสะท้าน โดนัลด์ ทรัมป์เคยพูดถึงแนวทางการเจรจาของเขาอย่างภาคภูมิใจ โดยในการสัมภาษณ์เมื่อปี 2018 เขากล่าวว่า "ผมเป็นนักเจรจาที่มักจะวางตัวเลือกที่หลากหลายไว้บนโต๊ะ เพื่อให้ฝ่ายตรงข้ามไม่อาจคาดเดาก้าวต่อไปของผมได้" หนึ่งในตัวอย่างที่เด่นชัดที่สุดของแนวทางนี้คือการข่มขู่ "ทำลายล้างอย่างสมบูรณ์" เกาหลีเหนือ ในสุนทรพจน์ที่สหประชาชาติ แต่เมื่อใช้วิธีเดียวกันนี้กับอิหร่าน ผลลัพธ์กลับไม่เป็นไปตามที่ทรัมป์หวังไว้ นโยบาย “กดดันสูงสุด” และความล้มเหลวในการบีบอิหร่าน ในปี 2018 ทรัมป์ถอนตัวจากข้อตกลงนิวเคลียร์ (JCPOA) และเริ่มดำเนินนโยบาย "กดดันสูงสุด" (Maximum Pressure) ด้วยความหวังว่าอิหร่านจะยอมรับข้อตกลงใหม่ที่เข้มงวดกว่าเดิม จอห์น โบลตัน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติในขณะนั้น เปิดเผยในหนังสือของเขาว่า ทรัมป์เชื่อมั่นว่า "อิหร่านจะไม่สามารถทนต่อแรงกดดันทางเศรษฐกิจได้ และในที่สุดจะกลับมาที่โต๊ะเจรจา" การตอบโต้ของอิหร่าน: ท้าทายทุกแรงกดดัน แต่ความเป็นจริงกลับแตกต่างออกไปโดยสิ้นเชิง อิหร่านไม่ได้เพียงแค่ปฏิเสธการเจรจา แต่ยังขยายโครงการนิวเคลียร์และเพิ่มปฏิบัติการของกลุ่มตัวแทนในภูมิภาคเพื่อแสดงถึงความไม่ยอมจำนน มูฮัมหมัด ญาวาด ซารีฟ รัฐมนตรีต่างประเทศของอิหร่านในขณะนั้น กล่าวอย่างหนักแน่นว่า "ทรัมป์คิดว่าแรงกดดันจะทำให้เราอ่อนข้อ แต่ประวัติศาสตร์ได้แสดงให้เห็นว่าชาวอิหร่านยืนหยัดในหน้าความกดดันเสมอ" ความพยายามของทรัมป์ในการบีบอิหร่านด้วยนโยบายกดดันสูงสุดจึงกลายเป็นการเดินเกมที่ไม่ได้ผล อิหร่านตอบโต้ด้วยการยืนหยัดและแสดงศักยภาพของตนเองให้เห็นอย่างชัดเจนในเวทีระหว่างประเทศ ปมร้อน: การสังหารสุไลมานีและความล้มเหลวของ "ทฤษฎีคนบ้า" หนึ่งในการตัดสินใจที่สร้างความสั่นสะเทือนที่สุดของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ คือการออกคำสั่งให้สังหาร นายพลกอเซ็ม สุไลมานี ผู้บัญชาการกองกำลังคุดส์ของกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิหร่าน ในเดือนมกราคม 2020 การโจมตีนี้เกิดขึ้นใกล้สนามบินกรุงแบกแดด และนำไปสู่การยกระดับความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ และอิหร่าน อิหร่านตอบโต้การสังหารสุไลมานีด้วยการยิงขีปนาวุธโจมตีฐานทัพอเมริกันในอิรัก พร้อมประกาศว่าจะไม่ปฏิบัติตามข้อจำกัดที่ระบุไว้ในข้อตกลงนิวเคลียร์ (JCPOA) อีกต่อไป เมื่อ "ทฤษฎีคนบ้า" ไม่ได้ผล โรซานา แมคมานัส ศาสตราจารย์ด้านรัฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยเพนน์สเตต อธิบายว่า "ทฤษฎีคนบ้า" จะได้ผลก็ต่อเมื่อคู่ต่อสู้เชื่อว่าผู้นำมีความไม่แน่นอนจริงในบางเรื่อง แต่หากผู้นำนั้นดูไม่สมเหตุสมผลจนเกินไป ความเชื่อถือในคำขู่จะลดลง และกลยุทธ์จะล้มเหลว ในกรณีของทรัมป์ นักวิเคราะห์หลายคนเห็นว่า พฤติกรรมของเขาเริ่มคาดเดาได้มากเกินไป เช่น การตัดสินใจไม่ตอบโต้ทางทหารหลังจากอิหร่านยิงโดรนอเมริกันตกในเดือนมิถุนายน 2019 การกระทำดังกล่าวส่งสัญญาณชัดเจนว่า ทรัมป์ไม่ต้องการทำสงคราม การส่งสัญญาณที่ขัดแย้งกันนี้ทำให้อิหร่านไม่ยอมรับคำขู่ของเขาอย่างจริงจัง นโยบาย "กดดันสูงสุด" ของโดนัลด์ ทรัมป์ ที่มุ่งหวังให้อิหร่านอ่อนข้อและยอมทำตามข้อตกลงที่เข้มงวดกว่าเดิม กลับกลายเป็นหอกที่ย้อนกลับมาทิ่มแทงตัวเอง อิหร่านไม่เพียงแต่ยืนหยัดต่อแรงกดดันทางเศรษฐกิจ แต่ยังใช้โอกาสนี้ขยายโครงการนิวเคลียร์และเสริมสร้างอิทธิพลในภูมิภาคให้แข็งแกร่งขึ้น เรซานา แมคมานัส นักรัฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยเพนน์สเตต ออกโรงเตือนว่า "ผู้นำควรระวังไม่ให้ชื่อเสียงในความบ้าบิ่นกลายเป็นจุดอ่อนของตนเอง" เพราะเมื่อฝ่ายตรงข้ามเริ่มเข้าใจเกมและการกระทำที่ดูเหมือนเหนือความคาดหมาย กลยุทธ์ดังกล่าวอาจกลับกลายเป็นไร้ประสิทธิภาพ ดังนั้น หากทรัมป์ตัดสินใจหวนกลับมาใช้ "ทฤษฎีคนบ้า" อีกครั้ง สิ่งสำคัญที่เขาต้องพิจารณาคือคู่แข่ง โดยเฉพาะอิหร่าน ต่างคุ้นเคยกับเกมนี้ดีและพร้อมรับมือด้วยกลยุทธ์ที่ชาญฉลาดกว่าเดิม ทรัมป์ไม่สามารถพึ่งพาความคาดเดาไม่ได้แบบเดิมอีกต่อไป เพราะการเล่นเกมซ้ำที่ฝ่ายตรงข้ามเข้าใจดี อาจกลายเป็นหายนะในทางการทูต (เรียบเรียงโดยสมาคมนักเรียนไทยในอีร่าน)
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 209 มุมมอง 0 รีวิว
  • เซเลนสกีเพิ่งโพสต์ข้อความเกี่ยวกับการจับกุมทหารเกาหลีเหนือ 2 ราย ในภูมิภาค Kursk

    มีการโพสต์รูปถ่ายทหารที่อ้างว่าเป็นทหารเกาหลีเหนือ ขณะถูกคุมขังอยู่ในสถานกักขังเชลยศึกที่อยู่ภายใต้การควบคุมของ SBU ในกรุงเคียฟ และยังโพสต์บัตรประจำตัวทหารรายนี้อีกด้วย

    เซเลนสกียังประกาศอีกว่า เขาได้อนุญาตให้นักข่าวเข้ามาสัมภาษณ์นักโทษรายนี้ หลังจากนั้นจะนำเนื้อหาการสัมภาษณ์เผยแพร่ไปทั่วโลก

    แต่!!!
    มีการตั้งข้อสงสัยหลายประการจากคำกล่าวอ้างของเซเลนสกี คือ:
    จากรูปถ่ายเอกสารระบุว่านี่คือ "บัตรประจำตัวทหาร" (Военный билет) ไม่ใช่หนังสือเดินทาง

    ในบัตรประจำตัวทหาร (Военный билет) ระบุสถานที่เกิดคือ สาธารณรัฐตูวา (Tuva Republic) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซียอยู่ทางใต้ไซบีเรีย และมีเขตติดต่อกับมองโกเลีย

    ชื่อทหารที่ระบุไว้ในบัตรประจำตัวทหาร (Военный билет) คือ "อารันซิน อันโตนิน อายาโซวิช"

    นอกจากนี้ในบัตรประจำตัวทหาร (Военный билет) โดยปกติจะต้องติดรูปถ่ายของเจ้าของบัตรเพื่อแสดงความเป็นเจ้าของ แต่สำหรับครั้งนี้ไม่มีรูปถ่ายติดบัตรแต่อย่างใด

    ยังมีการเปรียบเทียบรูปถ่ายของประธานาธิบดีปูตินในขณะถ่ายรูปร่วมกับนักเรียนนายร้อยพลเมืองของตูวา ใน Kyzyl เมืองหลวงของสาธารณรัฐตูวา เมื่อปี 2024 อีกด้วย เพื่อเปรียบเทียบลักษณะหน้าตาของพลเมืองตูวา
    เซเลนสกีเพิ่งโพสต์ข้อความเกี่ยวกับการจับกุมทหารเกาหลีเหนือ 2 ราย ในภูมิภาค Kursk มีการโพสต์รูปถ่ายทหารที่อ้างว่าเป็นทหารเกาหลีเหนือ ขณะถูกคุมขังอยู่ในสถานกักขังเชลยศึกที่อยู่ภายใต้การควบคุมของ SBU ในกรุงเคียฟ และยังโพสต์บัตรประจำตัวทหารรายนี้อีกด้วย เซเลนสกียังประกาศอีกว่า เขาได้อนุญาตให้นักข่าวเข้ามาสัมภาษณ์นักโทษรายนี้ หลังจากนั้นจะนำเนื้อหาการสัมภาษณ์เผยแพร่ไปทั่วโลก แต่!!! มีการตั้งข้อสงสัยหลายประการจากคำกล่าวอ้างของเซเลนสกี คือ: จากรูปถ่ายเอกสารระบุว่านี่คือ "บัตรประจำตัวทหาร" (Военный билет) ไม่ใช่หนังสือเดินทาง ในบัตรประจำตัวทหาร (Военный билет) ระบุสถานที่เกิดคือ สาธารณรัฐตูวา (Tuva Republic) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซียอยู่ทางใต้ไซบีเรีย และมีเขตติดต่อกับมองโกเลีย ชื่อทหารที่ระบุไว้ในบัตรประจำตัวทหาร (Военный билет) คือ "อารันซิน อันโตนิน อายาโซวิช" นอกจากนี้ในบัตรประจำตัวทหาร (Военный билет) โดยปกติจะต้องติดรูปถ่ายของเจ้าของบัตรเพื่อแสดงความเป็นเจ้าของ แต่สำหรับครั้งนี้ไม่มีรูปถ่ายติดบัตรแต่อย่างใด ยังมีการเปรียบเทียบรูปถ่ายของประธานาธิบดีปูตินในขณะถ่ายรูปร่วมกับนักเรียนนายร้อยพลเมืองของตูวา ใน Kyzyl เมืองหลวงของสาธารณรัฐตูวา เมื่อปี 2024 อีกด้วย เพื่อเปรียบเทียบลักษณะหน้าตาของพลเมืองตูวา
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 235 มุมมอง 0 รีวิว
  • 11 มกราคม 2568-รายงานพิเศษของเว็บไซต์ The Structure เกี่ยวกับประเด็นเกิดอะไรขึ้นกับประเทศไทย โดยรศ. ดร.ปณิธาน วัฒนายากร ได้สะท้อนภาพจากเหตุการณ์ลอบสังหาร “ลิม กิมยา”กลางกรุงเทพมหานครว่า เกิดอะไรขึ้น กับประเทศไทย? ‘รศ.ดร.ปณิธาน’ สะท้อนภาพที่เกิดขึ้นจากเหตุการณ์ ลอบสังหาร ‘ลิม กินยา’ กลางกรุงเทพมหานคร
    On 2025-01-10
    สืบเนื่องจากกรณีการลอบสังหาร ลิม กิมยา อดีต สส. พรรคสงเคราะห์ชาติกัมพูชา (Cambodia National Rescue Party) และนักเคลื่อนไหวทางการเมือง ถูกลอบยิงที่บริเวณเกาะกลางถนน วงเวียนสิบสามห้าง ตรงข้ามวัดบวรนิเวศวิหาร ในช่วงค่ำของวันที่ 7 ม.ค. 2568

    ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจของไทย สามารถระบุตัวคนร้ายจนพบว่าเป็นจ่าเอ็ม-เอกลักษณ์ แพน้อย อดีตทหารนาวิกโยธินของไทย ซึ่งถูกให้ออกจากราชการไปตั้งแต่ปี 2566 แล้ว และสามารถตามจับตัวจ่าเอ็มได้ที่จังหวัดพระตะบอง ประเทศกัมพูชา ในช่วงค่ำวันที่ 8 ม.ค. 2568

    และในเวลานี้ จ่าเอ็มยังอยู่ในระหว่างการควบคุมตัวเพื่อสอบสวนของทางการกัมพูชา เนื่องจากฝ่ายกัมพูชาจะมีการดำเนินคดีกับจ่าเอ็มในข้อหาลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายก่อน

    รศ.ดร.ปณิธาน วัฒนายากร นักวิเคราะห์และผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคง ได้กล่าวว่ากรณีนี้นั้น สะท้อนให้เห็นว่าได้เกิดช่องว่าง หรืออุปสรรค์ในการรักษาความปลอดภัยของฝ่ายความมั่นคงของไทย ทั้งในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ, ตำรวจสันติบาล, ศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ, สำนักข่าวกรอง หรือแม้แต่สภาความมั่นคงเอง

    ที่อาจจะต้องทำงานให้สอดประสานกันเพื่อการกำหนดแนวทางการคุ้มกันบุคคลสำคัญ ซึ่งจริง ๆ แล้วมีการกำหนดหลักปฎิบัติ หรือระเบียบปฎิบัติประจำ (รปจ.) อยู่แล้ว

    แต่สำหรับกรณีนี้ ถึงแม้ว่าตัวผู้ถูกลอบสังหารจะไม่ได้ทำการร้องขอการคุ้มกันจากฝ่ายไทย จึงทำให้การจัดชุดรักษาความปลอดภัยนั้นอาจจะทำได้ไม่เต็มที่ แต่ในเมื่อพิจารณาดูแล้วว่า ลิม กินยานั้นเป็นเป้าหมายสำคัญที่อาจจะถูกคุกคาม จนมีความไม่ปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สิน อีกทั้งยังมีผลกระทบต่อความมั่นคง และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของไทย

    หน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็สามารถใช้ดุลยพินิจในการตัดสินใจส่งชุดรักษาความปลอดภัยไปดูแลลิม กินยา ตั้งแต่เข้าเมือง หรืออาจจะปฎิเสธการให้เข้าเมืองตั้งแต่แรกเลยก็ทำได้ ถ้าพิจารณาแล้วว่าอาจจะคุ้มครองเขาไม่ได้ ซึ่งกรณีนี้จะต้องมีการพิจารณาในรายละเอียดว่าเกิดอะไรขึ้น

    ทั้งนี้ ที่ผ่านมา ทางการไทยนั้นมีประสบการณ์ในการให้ความคุ้มครองบุคคลสำคัญจากประเทศเพื่อนบ้านมามากพอสมควร ไม่ว่าจะจากลาว, กัมพูชา, มาเลเซีย และเมียนมา ไทยก็เคยให้การดูแลคุ้มกันมาแล้ว

    ทางการไทยจะต้องมีการดำเนินการเพื่อการป้องกันเหตุการณ์ที่จะสร้างผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของไทย ว่าเป็นพื้นที่สังหารบุคคลสำคัญ, ไม่มีความปลอดภัยสำหรับนักท่องเที่ยว หรือมีการซ่องสุมกองกำลังติดอาวุธต่าง ๆ โดยมีการใช้คนไทยเข้ามาเป็นเครือข่ายในการปฏิบัติการหลายอย่าง ซึ่งเรื่องนี้มีความสำคัญที่จะต้องดูแลกันให้ดี

    สำหรับแนวทางในการนำตัวจ่าเอ็ม ผู้ก่อเหตุกลับมาดำเนินคดีในประเทศไทยนั้น มีอยู่ 2 แนวทาง ได้แก่

    1 การดำเนินการตามช่องทางปกติ โดยจะต้องมีการดำเนินคดีในฝั่งกัมพูชาก่อนสักระยะหนึ่ง ซึ่งจะต้องใช้ระยะเวลาพอสมควร โดยจะมีการพิจารณาลงโทษ-ลดโทษ-อภัยโทษ แล้วส่งคืนมายังไทยตามสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดน

    ทั้งนี้ได้มีการตั้งข้อหาเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายแล้ว แต่อาจจะมีการกล่าวโทษในคดีอื่นเพิ่มเช่น พกพาอาวุธ และความมีส่วนเกี่ยวข้องกับเครือข่ายอาชญากรรมข้ามแดน ซึ่งทั้งหมดนี้ต้องใช้เวลานานและสร้างความคลุมเครือ

    2 การดำเนินการในช่องทางพิเศษ ด้วยวิธีต่างตอบแทน โดยการแลกตัว หรือร้องขอให้ทางกัมพูชาส่งตัวผู้ก่อเหตุให้มาถูกดำเนินคดีในไทยได้อย่างรวดเร็ว แต่กรณีนี้จะต้องระมัดระวังว่าจะกระทบต่อสิทธิมนุษยชน และต้องพิจารณาความตั้งใจจริงของฝ่ายกัมพูชาด้วย เพราะว่าเรื่องนี้นั้นจะเป็นการสะท้อนถึงระดับความสัมพันธ์ หรือเรื่องราวมีความซับซ้อนมากน้อยเพียงใด

    แต่ทั้งนี้นั้น ควรจะต้องมีการดำเนินการผ่านกลไกของอาเซียน และตำรวจสากล ที่มีข้อตกลงที่ค่อนข้างชัดเจน และเป็นทางการ แทนการใช้ระบบต่างตอบแทน เพื่อป้องกันข้อครหาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดหรือห่างเหินระหว่างผู้นำทั้ง 2 ประเทศในบางสมัย ซึ่งจะต้องมีการเปิดเผยข้อเท็จจริงในเรื่องเหล่านี้ผ่านทางอาเซียน

    สำหรับคำถามที่ว่า ประเทศไทยมีขีดความสามารถในการคุ้มครองผู้เห็นต่างทางการเมืองจากประเทศอื่นที่เข้ามาลี้ภัยในประเทศไทยหรือไม่ รศ.ดร. ปณิธานกล่าวว่า ในบางช่วงประเทศไทยก็มีขีดความสามารถในการดำเนินการในเรื่องนี้ได้ดี

    ไทยเคยสามารถจับกุมตัวผู้ก่อการร้ายระหว่างประเทศได้หลายครั้ง อย่างกรณี “ฮัม บาลี” ผู้ก่อเหตุวางระเบิดในอินโดนีเซีย หรือกรณีของ วิกเตอร์ บุช ผู้ค้าอาวุธสงครามชาวรัสเซีย และมีการส่งตัวกลับไปยังประเทศต้นทางได้ และได้รับความชื่นชมจากนานาชาติเป็นอย่างมาก

    อีกทั้งยังเคยสามารถสกัดกั้นไม่ให้กลุ่มบุคคลต้องสงสัยเข้าประเทศ อย่างเช่นกลุ่มจากประเทศเกาหลีเหนือ และกลุ่มอื่น ๆ ที่อยู่ในบัญชีรายชื่อกว่า 30 กลุ่ม ซึ่งบางครั้งเราก็ทำได้ดี แต่บางครั้งเราก็มีปัญหา ซึ่งในภาพรวมแล้วเราควรจะปรับปรุงให้ดีขึ้น เพื่อไม่ให้เกิดกรณีเช่นนี้อีก และกรณีนี้ได้สร้างความเสียหายให้กับประเทศไทยเป็นอย่างมาก

    สำหรับกรณีที่พรรคฝ่ายค้านของกัมพูชากล่าวหาฮุน เซน อดีตนายกฯ กัมพูชาว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการลอบสังหารในครั้งนี้นั้น รศ.ดร. ปณิธานกล่าวว่าเรื่องนี้นั้นถือเป็นเรื่องที่มีความละเอียดอ่อน ที่จะต้องมีการพิสูจน์ทราบกันให้ชัดเจน ก่อนที่จะมีการกระทบในความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ

    แต่ทั้งนี้การที่ฝ่ายรัฐบาล หรือฝ่ายค้านกล่าวหาพุ่งเป้าใส่กัน โดยมีการดึงประเทศไทยเข้าไปเกี่ยวข้องนั้นไม่ใช่เรื่องใหม่เลย อีกทั้งตลอดเวลาหลายสิบปีที่ผ่านมา ทางการกัมพูชาได้ทำเรื่องร้องขอให้มีการส่งตัวนักเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาลกัมพูชา เช่น สม รังสี อดีตผู้นำพรรคฝ่ายค้านกัมพูชากลับ ซึ่งก็มีทั้งกรณีที่ทางการไทยส่งตัวกลับ และไม่ส่งตัวกลับ

    ดังนั้นเรื่องนี้นั้น ไม่ถือว่าเป็นเรื่องใหม่ และหน่วยงานราชการไทย และฝ่ายความมั่นคงนั้นมีความคุ้นเคยเป็นอย่างดี

    แต่ทั้งนี้ไทยต้องดำเนินการป้องกันให้มากกว่านี้ เพื่อการป้องกันไม่ให้ไทยถูกดึงเข้าไปอยู่ในวงความขัดแย้ง ซึ่งกรณีนี้ไม่ได้มีเฉพาะกับกัมพูชาเท่านั้น แต่เกิดขึ้นกับลาว, เมียนมา และมาเลเซียด้วย

    นอกจากนี้ ทางการไทยเองก็มีการดำเนินการขอตัวแกนนำสั่งการต่าง ๆ ที่อยู่ในมาเลเซีย มาดำเนินคดีในประเทศไทย ซึ่งได้บ้าง ไม่ได้บ้าง บางกรณีมีการเสียชีวิตในระหว่างทาง ซึ่งเรื่องนี้มีความจำเป็นที่จะต้องมีการจัดระเบียบกันอย่างจริงจัง ก่อนที่จะเกิดความเสียหายกับประเทศไทยไปมากกว่านี้

    สำหรับการสืบสาวหาต้นตอ/ขบวนการ/ผู้จ้างวาน ให้มีการลอบสังหารในครั้งนี้นั้น ไม่น่าจะเป็นเรื่องที่ยากนัก เพราะทราบมาว่าฝ่ายนั้นมีการดำเนินการสื่อสารผ่านระบบสมัยใหม่ ซึ่งทางเราสามารถดักจับ และบันทึกอยู่ในฐานข้อมูลของเรา

    ดังนั้นการดำเนินการสืบค้นเพื่อเอาหลักฐานเหล่านั้นมาพิสูจน์ในทางนิติวิทยาศาสตร์นั้นก็คงไม่ยากเท่าไรนัก แต่ทั้งนี้จะต้องได้รับความร่วมมือจากทางกัมพูชาด้วย

    อย่างไรก็ดี การที่ลิม กินยานั้น เป็นผู้ถือสัญชาติฝรั่งเศสด้วยนั้น ทำให้ฝรั่งเศส, สหภาพยุโรป และนานาชาติต่างก็จับตาดูกรณีนี้เป็นพิเศษ และก็คงจะมีการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องกับภรรยาของลิม กินยา ซึ่งถือสัญชาติฝรั่งเศสด้วย และอาจจะเข้ามาร่วมประสานงานกับประเทศไทย ซึ่งจะทำให้เรื่องราวมีความซับซ้อนเพิ่มมากขึ้น

    (ทางการฝรั่งเศสได้ประกาศว่าจะมีการติดตามการสืบสวนของฝ่ายไทยอย่างใกล้ชิด เมื่อวานนี้)

    ซึ่งเรื่องนี้กระทรวงต่างประเทศจะต้องมีการตั้งชุดทำงานขึ้นมา เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดผลกระทบมากไปกว่านี้ และในขณะนี้เกิดความแปรปรวนขึ้นพอสมควร เนื่องจากเกิดความเชื่อหลายอย่างขึ้นในโลกออนไลน์ ซึ่งก็อาจจะไม่ใช่ข้อเท็จจริง
    11 มกราคม 2568-รายงานพิเศษของเว็บไซต์ The Structure เกี่ยวกับประเด็นเกิดอะไรขึ้นกับประเทศไทย โดยรศ. ดร.ปณิธาน วัฒนายากร ได้สะท้อนภาพจากเหตุการณ์ลอบสังหาร “ลิม กิมยา”กลางกรุงเทพมหานครว่า เกิดอะไรขึ้น กับประเทศไทย? ‘รศ.ดร.ปณิธาน’ สะท้อนภาพที่เกิดขึ้นจากเหตุการณ์ ลอบสังหาร ‘ลิม กินยา’ กลางกรุงเทพมหานคร On 2025-01-10 สืบเนื่องจากกรณีการลอบสังหาร ลิม กิมยา อดีต สส. พรรคสงเคราะห์ชาติกัมพูชา (Cambodia National Rescue Party) และนักเคลื่อนไหวทางการเมือง ถูกลอบยิงที่บริเวณเกาะกลางถนน วงเวียนสิบสามห้าง ตรงข้ามวัดบวรนิเวศวิหาร ในช่วงค่ำของวันที่ 7 ม.ค. 2568 ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจของไทย สามารถระบุตัวคนร้ายจนพบว่าเป็นจ่าเอ็ม-เอกลักษณ์ แพน้อย อดีตทหารนาวิกโยธินของไทย ซึ่งถูกให้ออกจากราชการไปตั้งแต่ปี 2566 แล้ว และสามารถตามจับตัวจ่าเอ็มได้ที่จังหวัดพระตะบอง ประเทศกัมพูชา ในช่วงค่ำวันที่ 8 ม.ค. 2568 และในเวลานี้ จ่าเอ็มยังอยู่ในระหว่างการควบคุมตัวเพื่อสอบสวนของทางการกัมพูชา เนื่องจากฝ่ายกัมพูชาจะมีการดำเนินคดีกับจ่าเอ็มในข้อหาลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายก่อน รศ.ดร.ปณิธาน วัฒนายากร นักวิเคราะห์และผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคง ได้กล่าวว่ากรณีนี้นั้น สะท้อนให้เห็นว่าได้เกิดช่องว่าง หรืออุปสรรค์ในการรักษาความปลอดภัยของฝ่ายความมั่นคงของไทย ทั้งในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ, ตำรวจสันติบาล, ศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ, สำนักข่าวกรอง หรือแม้แต่สภาความมั่นคงเอง ที่อาจจะต้องทำงานให้สอดประสานกันเพื่อการกำหนดแนวทางการคุ้มกันบุคคลสำคัญ ซึ่งจริง ๆ แล้วมีการกำหนดหลักปฎิบัติ หรือระเบียบปฎิบัติประจำ (รปจ.) อยู่แล้ว แต่สำหรับกรณีนี้ ถึงแม้ว่าตัวผู้ถูกลอบสังหารจะไม่ได้ทำการร้องขอการคุ้มกันจากฝ่ายไทย จึงทำให้การจัดชุดรักษาความปลอดภัยนั้นอาจจะทำได้ไม่เต็มที่ แต่ในเมื่อพิจารณาดูแล้วว่า ลิม กินยานั้นเป็นเป้าหมายสำคัญที่อาจจะถูกคุกคาม จนมีความไม่ปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สิน อีกทั้งยังมีผลกระทบต่อความมั่นคง และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของไทย หน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็สามารถใช้ดุลยพินิจในการตัดสินใจส่งชุดรักษาความปลอดภัยไปดูแลลิม กินยา ตั้งแต่เข้าเมือง หรืออาจจะปฎิเสธการให้เข้าเมืองตั้งแต่แรกเลยก็ทำได้ ถ้าพิจารณาแล้วว่าอาจจะคุ้มครองเขาไม่ได้ ซึ่งกรณีนี้จะต้องมีการพิจารณาในรายละเอียดว่าเกิดอะไรขึ้น ทั้งนี้ ที่ผ่านมา ทางการไทยนั้นมีประสบการณ์ในการให้ความคุ้มครองบุคคลสำคัญจากประเทศเพื่อนบ้านมามากพอสมควร ไม่ว่าจะจากลาว, กัมพูชา, มาเลเซีย และเมียนมา ไทยก็เคยให้การดูแลคุ้มกันมาแล้ว ทางการไทยจะต้องมีการดำเนินการเพื่อการป้องกันเหตุการณ์ที่จะสร้างผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของไทย ว่าเป็นพื้นที่สังหารบุคคลสำคัญ, ไม่มีความปลอดภัยสำหรับนักท่องเที่ยว หรือมีการซ่องสุมกองกำลังติดอาวุธต่าง ๆ โดยมีการใช้คนไทยเข้ามาเป็นเครือข่ายในการปฏิบัติการหลายอย่าง ซึ่งเรื่องนี้มีความสำคัญที่จะต้องดูแลกันให้ดี สำหรับแนวทางในการนำตัวจ่าเอ็ม ผู้ก่อเหตุกลับมาดำเนินคดีในประเทศไทยนั้น มีอยู่ 2 แนวทาง ได้แก่ 1 การดำเนินการตามช่องทางปกติ โดยจะต้องมีการดำเนินคดีในฝั่งกัมพูชาก่อนสักระยะหนึ่ง ซึ่งจะต้องใช้ระยะเวลาพอสมควร โดยจะมีการพิจารณาลงโทษ-ลดโทษ-อภัยโทษ แล้วส่งคืนมายังไทยตามสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดน ทั้งนี้ได้มีการตั้งข้อหาเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายแล้ว แต่อาจจะมีการกล่าวโทษในคดีอื่นเพิ่มเช่น พกพาอาวุธ และความมีส่วนเกี่ยวข้องกับเครือข่ายอาชญากรรมข้ามแดน ซึ่งทั้งหมดนี้ต้องใช้เวลานานและสร้างความคลุมเครือ 2 การดำเนินการในช่องทางพิเศษ ด้วยวิธีต่างตอบแทน โดยการแลกตัว หรือร้องขอให้ทางกัมพูชาส่งตัวผู้ก่อเหตุให้มาถูกดำเนินคดีในไทยได้อย่างรวดเร็ว แต่กรณีนี้จะต้องระมัดระวังว่าจะกระทบต่อสิทธิมนุษยชน และต้องพิจารณาความตั้งใจจริงของฝ่ายกัมพูชาด้วย เพราะว่าเรื่องนี้นั้นจะเป็นการสะท้อนถึงระดับความสัมพันธ์ หรือเรื่องราวมีความซับซ้อนมากน้อยเพียงใด แต่ทั้งนี้นั้น ควรจะต้องมีการดำเนินการผ่านกลไกของอาเซียน และตำรวจสากล ที่มีข้อตกลงที่ค่อนข้างชัดเจน และเป็นทางการ แทนการใช้ระบบต่างตอบแทน เพื่อป้องกันข้อครหาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดหรือห่างเหินระหว่างผู้นำทั้ง 2 ประเทศในบางสมัย ซึ่งจะต้องมีการเปิดเผยข้อเท็จจริงในเรื่องเหล่านี้ผ่านทางอาเซียน สำหรับคำถามที่ว่า ประเทศไทยมีขีดความสามารถในการคุ้มครองผู้เห็นต่างทางการเมืองจากประเทศอื่นที่เข้ามาลี้ภัยในประเทศไทยหรือไม่ รศ.ดร. ปณิธานกล่าวว่า ในบางช่วงประเทศไทยก็มีขีดความสามารถในการดำเนินการในเรื่องนี้ได้ดี ไทยเคยสามารถจับกุมตัวผู้ก่อการร้ายระหว่างประเทศได้หลายครั้ง อย่างกรณี “ฮัม บาลี” ผู้ก่อเหตุวางระเบิดในอินโดนีเซีย หรือกรณีของ วิกเตอร์ บุช ผู้ค้าอาวุธสงครามชาวรัสเซีย และมีการส่งตัวกลับไปยังประเทศต้นทางได้ และได้รับความชื่นชมจากนานาชาติเป็นอย่างมาก อีกทั้งยังเคยสามารถสกัดกั้นไม่ให้กลุ่มบุคคลต้องสงสัยเข้าประเทศ อย่างเช่นกลุ่มจากประเทศเกาหลีเหนือ และกลุ่มอื่น ๆ ที่อยู่ในบัญชีรายชื่อกว่า 30 กลุ่ม ซึ่งบางครั้งเราก็ทำได้ดี แต่บางครั้งเราก็มีปัญหา ซึ่งในภาพรวมแล้วเราควรจะปรับปรุงให้ดีขึ้น เพื่อไม่ให้เกิดกรณีเช่นนี้อีก และกรณีนี้ได้สร้างความเสียหายให้กับประเทศไทยเป็นอย่างมาก สำหรับกรณีที่พรรคฝ่ายค้านของกัมพูชากล่าวหาฮุน เซน อดีตนายกฯ กัมพูชาว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการลอบสังหารในครั้งนี้นั้น รศ.ดร. ปณิธานกล่าวว่าเรื่องนี้นั้นถือเป็นเรื่องที่มีความละเอียดอ่อน ที่จะต้องมีการพิสูจน์ทราบกันให้ชัดเจน ก่อนที่จะมีการกระทบในความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ แต่ทั้งนี้การที่ฝ่ายรัฐบาล หรือฝ่ายค้านกล่าวหาพุ่งเป้าใส่กัน โดยมีการดึงประเทศไทยเข้าไปเกี่ยวข้องนั้นไม่ใช่เรื่องใหม่เลย อีกทั้งตลอดเวลาหลายสิบปีที่ผ่านมา ทางการกัมพูชาได้ทำเรื่องร้องขอให้มีการส่งตัวนักเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาลกัมพูชา เช่น สม รังสี อดีตผู้นำพรรคฝ่ายค้านกัมพูชากลับ ซึ่งก็มีทั้งกรณีที่ทางการไทยส่งตัวกลับ และไม่ส่งตัวกลับ ดังนั้นเรื่องนี้นั้น ไม่ถือว่าเป็นเรื่องใหม่ และหน่วยงานราชการไทย และฝ่ายความมั่นคงนั้นมีความคุ้นเคยเป็นอย่างดี แต่ทั้งนี้ไทยต้องดำเนินการป้องกันให้มากกว่านี้ เพื่อการป้องกันไม่ให้ไทยถูกดึงเข้าไปอยู่ในวงความขัดแย้ง ซึ่งกรณีนี้ไม่ได้มีเฉพาะกับกัมพูชาเท่านั้น แต่เกิดขึ้นกับลาว, เมียนมา และมาเลเซียด้วย นอกจากนี้ ทางการไทยเองก็มีการดำเนินการขอตัวแกนนำสั่งการต่าง ๆ ที่อยู่ในมาเลเซีย มาดำเนินคดีในประเทศไทย ซึ่งได้บ้าง ไม่ได้บ้าง บางกรณีมีการเสียชีวิตในระหว่างทาง ซึ่งเรื่องนี้มีความจำเป็นที่จะต้องมีการจัดระเบียบกันอย่างจริงจัง ก่อนที่จะเกิดความเสียหายกับประเทศไทยไปมากกว่านี้ สำหรับการสืบสาวหาต้นตอ/ขบวนการ/ผู้จ้างวาน ให้มีการลอบสังหารในครั้งนี้นั้น ไม่น่าจะเป็นเรื่องที่ยากนัก เพราะทราบมาว่าฝ่ายนั้นมีการดำเนินการสื่อสารผ่านระบบสมัยใหม่ ซึ่งทางเราสามารถดักจับ และบันทึกอยู่ในฐานข้อมูลของเรา ดังนั้นการดำเนินการสืบค้นเพื่อเอาหลักฐานเหล่านั้นมาพิสูจน์ในทางนิติวิทยาศาสตร์นั้นก็คงไม่ยากเท่าไรนัก แต่ทั้งนี้จะต้องได้รับความร่วมมือจากทางกัมพูชาด้วย อย่างไรก็ดี การที่ลิม กินยานั้น เป็นผู้ถือสัญชาติฝรั่งเศสด้วยนั้น ทำให้ฝรั่งเศส, สหภาพยุโรป และนานาชาติต่างก็จับตาดูกรณีนี้เป็นพิเศษ และก็คงจะมีการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องกับภรรยาของลิม กินยา ซึ่งถือสัญชาติฝรั่งเศสด้วย และอาจจะเข้ามาร่วมประสานงานกับประเทศไทย ซึ่งจะทำให้เรื่องราวมีความซับซ้อนเพิ่มมากขึ้น (ทางการฝรั่งเศสได้ประกาศว่าจะมีการติดตามการสืบสวนของฝ่ายไทยอย่างใกล้ชิด เมื่อวานนี้) ซึ่งเรื่องนี้กระทรวงต่างประเทศจะต้องมีการตั้งชุดทำงานขึ้นมา เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดผลกระทบมากไปกว่านี้ และในขณะนี้เกิดความแปรปรวนขึ้นพอสมควร เนื่องจากเกิดความเชื่อหลายอย่างขึ้นในโลกออนไลน์ ซึ่งก็อาจจะไม่ใช่ข้อเท็จจริง
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 409 มุมมอง 0 รีวิว
  • คิม จองอึน ผู้นำเกาหลีเหนือระบุว่า ระบบขีปนาวุธไฮเปอร์โซนิกใหม่ที่ถูกใช้ในการทดสอบ จะช่วยป้องปรามบรรดาอริศัตรูของประเทศในภูมิภาคแปซิฟิก ตามรายงานของเคซีเอ็นเอ สำนักข่าวกลางเกาหลีเหนือ
    .
    "ระบบขีปนาวุธไฮเปอร์โซนิก จะช่วยควบคุมอย่างน่าเชือถือต่อคู่อริใดๆ ในภูมิภาคแปซิฟิก ที่สามารถก่อผลกระทบต่อความมั่นคงแห่งรัฐของเรา" คิมกล่าว หลังจากเดินทางไปตรวจตราการยิงทดสอบด้วยตนเอง ตามรายงานของเคซีเอ็นเอ
    .
    การยิงทดสอบครั้งนี้เกิดขึ้นในขณะที่ แอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ เดินทางเยือนเกาหลีใต้ พันธมิตรทางยุทธศาสตร์ของอเมริกาและคู่อริตัวฉกาจของเกาหลีเหนือ ซึ่งในทางเทคนิคแล้ว โซลและเปียงยาง ยังอยู่ในภาวะสงคราม
    .
    ในถ้อยแถลง คิม กล่าวอ้างว่าขีปนาวุธพุ่งเป็นระยะทาง 1,500 กิโลเมตร มากกว่าตัวเลข 1,100 กิโลเมตรที่ทางกองทัพเกาหลีใต้ระบุก่อนหน้านี้ และเดินทางด้วยความเร็วเหนือเสียง 12 เท่า ก่อนดิ่งลงสู่ทะเล "นี่คือแผนและความพยายามที่ชัดเจนสำหรับการป้องกันตนเอง ไม่ใช่แผนหรือปฏิบัติการรุกรานใดๆ" ผู้นำเกาหลีเหนือระบุ
    .
    อย่างไรก็ตาม เขาเตือนว่าด้วยสมรรถนะของระบบขีปนาวุธนี้ "ทั่วโลกไม่อาจมองข้ามได้" พร้อมระบุมันสามารถจัดการกับการโจมตีทางทหารร้ายแรงใดๆ จากคู่อริหนึ่งๆ ขณะเดียวกัน ก็สามารถทำลายแนวป้องกันที่หนาแน่นใดๆ
    .
    "พัฒนาการในแสนยานุภาพด้านการป้องกันตนเองของเกาหลีเหนือ มีเป้าหมายเพื่อเร่งยกระดับแสนยานุภาพทางทหารให้รวดเร็วยิ่งขึ้น" คิมกล่าว
    .
    บลิงเคน และโช แท-ย็อล รัฐมนตรีต่างประเทศเกาหลีใต้ ประณามการยิงทดสอบดังกล่าวระหว่างแถลงข่าวร่วม โดยรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ บอกว่ามันแสดงให้เห็นถึงความสำคัญในการกระชับความเป็นพันธมิตรของ 3 ฝ่าย ที่ประกอบด้วยวอชิงตัน โซล และโตเกียว
    .
    การยิงทดสอบเมื่อวันจันทร์ (6 ม.ค.) ถือเป็นครั้งแรกของเกาหลีเหนือ นับตั้งแต่ว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้รับชัยชนะในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ
    .
    ก่อนหน้านี้เมื่อเดือนพฤศจิกายน เกาหลีเหนือเคยทดสอบในสิ่งที่กล่าวอ้างว่าเป็นขีปนาวุธข้ามทวีป (ICBM) เชื้อเพลิงแข็ง ที่ล้ำสมัยและทรงแสนยานุภาพที่สุดของประเทศ
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000001576
    ..............
    Sondhi X
    คิม จองอึน ผู้นำเกาหลีเหนือระบุว่า ระบบขีปนาวุธไฮเปอร์โซนิกใหม่ที่ถูกใช้ในการทดสอบ จะช่วยป้องปรามบรรดาอริศัตรูของประเทศในภูมิภาคแปซิฟิก ตามรายงานของเคซีเอ็นเอ สำนักข่าวกลางเกาหลีเหนือ . "ระบบขีปนาวุธไฮเปอร์โซนิก จะช่วยควบคุมอย่างน่าเชือถือต่อคู่อริใดๆ ในภูมิภาคแปซิฟิก ที่สามารถก่อผลกระทบต่อความมั่นคงแห่งรัฐของเรา" คิมกล่าว หลังจากเดินทางไปตรวจตราการยิงทดสอบด้วยตนเอง ตามรายงานของเคซีเอ็นเอ . การยิงทดสอบครั้งนี้เกิดขึ้นในขณะที่ แอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ เดินทางเยือนเกาหลีใต้ พันธมิตรทางยุทธศาสตร์ของอเมริกาและคู่อริตัวฉกาจของเกาหลีเหนือ ซึ่งในทางเทคนิคแล้ว โซลและเปียงยาง ยังอยู่ในภาวะสงคราม . ในถ้อยแถลง คิม กล่าวอ้างว่าขีปนาวุธพุ่งเป็นระยะทาง 1,500 กิโลเมตร มากกว่าตัวเลข 1,100 กิโลเมตรที่ทางกองทัพเกาหลีใต้ระบุก่อนหน้านี้ และเดินทางด้วยความเร็วเหนือเสียง 12 เท่า ก่อนดิ่งลงสู่ทะเล "นี่คือแผนและความพยายามที่ชัดเจนสำหรับการป้องกันตนเอง ไม่ใช่แผนหรือปฏิบัติการรุกรานใดๆ" ผู้นำเกาหลีเหนือระบุ . อย่างไรก็ตาม เขาเตือนว่าด้วยสมรรถนะของระบบขีปนาวุธนี้ "ทั่วโลกไม่อาจมองข้ามได้" พร้อมระบุมันสามารถจัดการกับการโจมตีทางทหารร้ายแรงใดๆ จากคู่อริหนึ่งๆ ขณะเดียวกัน ก็สามารถทำลายแนวป้องกันที่หนาแน่นใดๆ . "พัฒนาการในแสนยานุภาพด้านการป้องกันตนเองของเกาหลีเหนือ มีเป้าหมายเพื่อเร่งยกระดับแสนยานุภาพทางทหารให้รวดเร็วยิ่งขึ้น" คิมกล่าว . บลิงเคน และโช แท-ย็อล รัฐมนตรีต่างประเทศเกาหลีใต้ ประณามการยิงทดสอบดังกล่าวระหว่างแถลงข่าวร่วม โดยรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ บอกว่ามันแสดงให้เห็นถึงความสำคัญในการกระชับความเป็นพันธมิตรของ 3 ฝ่าย ที่ประกอบด้วยวอชิงตัน โซล และโตเกียว . การยิงทดสอบเมื่อวันจันทร์ (6 ม.ค.) ถือเป็นครั้งแรกของเกาหลีเหนือ นับตั้งแต่ว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้รับชัยชนะในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ . ก่อนหน้านี้เมื่อเดือนพฤศจิกายน เกาหลีเหนือเคยทดสอบในสิ่งที่กล่าวอ้างว่าเป็นขีปนาวุธข้ามทวีป (ICBM) เชื้อเพลิงแข็ง ที่ล้ำสมัยและทรงแสนยานุภาพที่สุดของประเทศ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000001576 .............. Sondhi X
    Like
    Haha
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 861 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทหารกองกำลังพิเศษกรีนเบเรต์ ผู้ต้องสงสัยจุดชนวนระเบิดรถกระบะไฟฟ้าไซเบอร์ทรัค บริเวณด้านหน้าโรงแรมทรัมป์ อินเตอร์เนชัลแนล โฮเท็ล ในลาสเวกัส ในวันขึ้นปีใหม่ อ้างว่าปฏิบัติการของเขานั้นไม่ใช่การโจมตีก่อการร้าย แต่เป็นการเตือนสติถึงอเมริกันชนทุกคน ตามรายงานของอาร์ทนิวส์อ้างอิงข้อความและบันทึกต่างๆที่พบในสมาร์ทโฟนของเขา
    .
    ในวันที่ 1 มกราคม 2025 รถกระบะไซเบอร์ทรัคของเทสลา บรรทุกพลุไฟ ถังแก๊สและเชื้อเพลิง เกิดระเบิดบริเวณด้านนอกโรงแรมทรัมป์ อินเตอร์เนเชันแนล โฮเท็ล ในลาสเวกัส คนขับที่ถูกระบะตัวตนว่าได้แก่จ่าสิบเอกแมทธิว อลัน ลิเวลส์เบอร์เกอร์ สมาชิกหน่วยรบพิเศษกรีนเบเรต์ ถูกพบเสียชีวิตในรถคันดังกล่าว แรงระเบิดทำให้ผู้สัญจรผ่านไปมาได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย 7 คน โรงแรมได้รับความเสียหายเพียงเล็กน้อย และเบื้องต้นพวกเจ้าหน้าที่สืบสวนจากรัฐบาลกลาง เกรงว่ามันมีความเป็นไปได้ว่าจะเป็นการลงมือโจมตีก่อการร้าย
    .
    อย่างไรก็ตามในข้อความต่างๆ ซึ่งตำรวจลาสเวกัสเผยแพร่เมื่อวันศุกร์(3ม.ค.) เผยให้เห็นว่า ลิเวลส์เบอร์เกอร์ มีความผิดหวังอย่างมากเกี่ยวกับประเด็นในสังคมต่างๆนานาและมีปมขัดแย้งภายใน โดยข้อความหนึ่ง เขาเขียนว่า "ผมต้องการชำระล้างจิตใจพวกพี่น้อง ที่ผมสูญเสียไป และปล่อยวางตัวเอง จากภาระการใช้ชีวิตที่ผมต้องแบกรับ"
    .
    "นี่ไม่ใช่ก่อการร้าย แต่เป็นสัญญาณเตือนสติ อเมริกันชนใส่ใจแต่เพียงเรื่องน่าตื่นเต้นและความรุนแรง มันอาจเป็นเรื่องดีกว่าที่ผมจะสื่อสารให้พวกเขาเข้าใจประเด็นของผม ด้วยพลุไฟและระเบิด"ลิเวลส์เบอร์เกอร์เขียน
    .
    เขาได้ระบุถึงประเด็นทางสังคมต่างๆนานา ที่เขาบอกว่าอยากให้จัดการ ในนั้นรวมถึงแปรรูปอาหาร โรคอ้วน ความไม่เท่าเทียมทางรายได้ คนเร่ร่อน ผู้นำอ่อนแอ และคอรัปชันอย่างโจ่งแจ้ง
    .
    "หยุดหมกหมุ่นกับหลากหลาย ความเสมอภาค และการยอมรับความแตกต่าง (DEI) เราทุกคนล้วนแตกต่างกันอยู่แล้ว DEI คือมะเร็ง" เขาเขียน พร้อมระบุว่า "ขอบคุณ ที่พวกเราปฏิเสธผู้สมัครจาก DEI และเราจะมีประธานาธิบดีจริงๆ ไม่ใช่จากหนังตลก" เขาเขียน
    .
    "เราต้องหยุดสงครามในยูเครนด้วยการเจรจาหาทางออก มันเป็นหนทางเดียว" เขาระบุ พร้อมบอกว่า "ประชากรของเราอ้วนเกินไปที่จะเข้าร่วมกองทัพ และเรากำลังเผชิญการทำสงครามกับจีน รัสเซีย เกาหลีเหนือและอิหร่าน ก่อนปี 2030"
    .
    ในบันทึกฉบับที่ 2 ของเขา จ่าหน้าถึงเพื่อนสมาชิกหน่วยรบพิเศษกรีนเบเรต์ นายทหารผ่านศึก พวกนักรบและชาวอเมริกันชนทุกคน ในสิ่งที่ดูเหมือนเป็นการเรียกร้องให้คนเหล่านี้รับประกันว่าพวกเดโมแครต จะไม่ขัดขวาง ทรัมป์ จากการเข้ารับอำนาจและกวาดล้างอาการป่วยต่างๆนานาของประเทศ
    .
    "เรากำลังอยู่ภายใต้ผู้นำที่อ่อนแอและปวกเปียก ที่ทำหน้าที่เพียงเพื่อความมั่งคั่งของตนเอง" เขาเขียน "พยายามด้วยวิธีสันติก่อน แต่ก็เตรียมพร้อมสู้เอาพวกเดโมแครตออกจากรัฐบาลกลางและกองทัพในทุกหนทางที่จำเป็น พวกเขาต้องไปและจำเป็นต้องมีการรีเซ็ตประเทศของเราครั้งใหญ่ เพื่อหลีกเลี่ยงการล่มสลาย"
    .
    ลิเวลส์เบอร์เกอร์ เป็นสมาชิกของกองกำลังพิเศษ ที่ถึงขั้นได้รับเหรียญกล้าหาญ เขาเคยถูกส่งเข้าประจำการทั้งในอัฟกานิสถาน ทาจิกิสถาน จอร์เจีย คองโก และแม้รายงานข่าวอาจรวมถึงยูเครนด้วย อ้างอิงข้อมูลจากเจ้าหน้าที่ ระบุว่าเขากำลังต่อสู้กับความผิดปกติที่เกิดหลังความเครียดที่สะเทือนใจและการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในชีวิตหลายเหตุการณ์ ในนั้นรวมถึงการเพิ่งหย่าขาดกับภรรยาเมื่อเร็วๆนี้
    .
    รายงานข่าวระบุว่า ลิเวลส์เบอร์เกอร์ ใช้ปืนสั้นยิงตัวเอง ก่อนจุดชนวนระเบิด และบันทึกต่างๆของเขาบ่งชี้ว่าเขาเต็มไปด้วยแรงกดดันชีวิตส่วนตัวและอาชีพการงาน แม้ขณะเดียวกันทีมสืบสวนมีความระมัดระวังในการตีความบันทึกเหล่านี้ ในขณะที่พวกเขากำลังแกะรอยหาแรงจูงใจในการก่อเหตุ
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000001229
    ..............
    Sondhi X
    ทหารกองกำลังพิเศษกรีนเบเรต์ ผู้ต้องสงสัยจุดชนวนระเบิดรถกระบะไฟฟ้าไซเบอร์ทรัค บริเวณด้านหน้าโรงแรมทรัมป์ อินเตอร์เนชัลแนล โฮเท็ล ในลาสเวกัส ในวันขึ้นปีใหม่ อ้างว่าปฏิบัติการของเขานั้นไม่ใช่การโจมตีก่อการร้าย แต่เป็นการเตือนสติถึงอเมริกันชนทุกคน ตามรายงานของอาร์ทนิวส์อ้างอิงข้อความและบันทึกต่างๆที่พบในสมาร์ทโฟนของเขา . ในวันที่ 1 มกราคม 2025 รถกระบะไซเบอร์ทรัคของเทสลา บรรทุกพลุไฟ ถังแก๊สและเชื้อเพลิง เกิดระเบิดบริเวณด้านนอกโรงแรมทรัมป์ อินเตอร์เนเชันแนล โฮเท็ล ในลาสเวกัส คนขับที่ถูกระบะตัวตนว่าได้แก่จ่าสิบเอกแมทธิว อลัน ลิเวลส์เบอร์เกอร์ สมาชิกหน่วยรบพิเศษกรีนเบเรต์ ถูกพบเสียชีวิตในรถคันดังกล่าว แรงระเบิดทำให้ผู้สัญจรผ่านไปมาได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย 7 คน โรงแรมได้รับความเสียหายเพียงเล็กน้อย และเบื้องต้นพวกเจ้าหน้าที่สืบสวนจากรัฐบาลกลาง เกรงว่ามันมีความเป็นไปได้ว่าจะเป็นการลงมือโจมตีก่อการร้าย . อย่างไรก็ตามในข้อความต่างๆ ซึ่งตำรวจลาสเวกัสเผยแพร่เมื่อวันศุกร์(3ม.ค.) เผยให้เห็นว่า ลิเวลส์เบอร์เกอร์ มีความผิดหวังอย่างมากเกี่ยวกับประเด็นในสังคมต่างๆนานาและมีปมขัดแย้งภายใน โดยข้อความหนึ่ง เขาเขียนว่า "ผมต้องการชำระล้างจิตใจพวกพี่น้อง ที่ผมสูญเสียไป และปล่อยวางตัวเอง จากภาระการใช้ชีวิตที่ผมต้องแบกรับ" . "นี่ไม่ใช่ก่อการร้าย แต่เป็นสัญญาณเตือนสติ อเมริกันชนใส่ใจแต่เพียงเรื่องน่าตื่นเต้นและความรุนแรง มันอาจเป็นเรื่องดีกว่าที่ผมจะสื่อสารให้พวกเขาเข้าใจประเด็นของผม ด้วยพลุไฟและระเบิด"ลิเวลส์เบอร์เกอร์เขียน . เขาได้ระบุถึงประเด็นทางสังคมต่างๆนานา ที่เขาบอกว่าอยากให้จัดการ ในนั้นรวมถึงแปรรูปอาหาร โรคอ้วน ความไม่เท่าเทียมทางรายได้ คนเร่ร่อน ผู้นำอ่อนแอ และคอรัปชันอย่างโจ่งแจ้ง . "หยุดหมกหมุ่นกับหลากหลาย ความเสมอภาค และการยอมรับความแตกต่าง (DEI) เราทุกคนล้วนแตกต่างกันอยู่แล้ว DEI คือมะเร็ง" เขาเขียน พร้อมระบุว่า "ขอบคุณ ที่พวกเราปฏิเสธผู้สมัครจาก DEI และเราจะมีประธานาธิบดีจริงๆ ไม่ใช่จากหนังตลก" เขาเขียน . "เราต้องหยุดสงครามในยูเครนด้วยการเจรจาหาทางออก มันเป็นหนทางเดียว" เขาระบุ พร้อมบอกว่า "ประชากรของเราอ้วนเกินไปที่จะเข้าร่วมกองทัพ และเรากำลังเผชิญการทำสงครามกับจีน รัสเซีย เกาหลีเหนือและอิหร่าน ก่อนปี 2030" . ในบันทึกฉบับที่ 2 ของเขา จ่าหน้าถึงเพื่อนสมาชิกหน่วยรบพิเศษกรีนเบเรต์ นายทหารผ่านศึก พวกนักรบและชาวอเมริกันชนทุกคน ในสิ่งที่ดูเหมือนเป็นการเรียกร้องให้คนเหล่านี้รับประกันว่าพวกเดโมแครต จะไม่ขัดขวาง ทรัมป์ จากการเข้ารับอำนาจและกวาดล้างอาการป่วยต่างๆนานาของประเทศ . "เรากำลังอยู่ภายใต้ผู้นำที่อ่อนแอและปวกเปียก ที่ทำหน้าที่เพียงเพื่อความมั่งคั่งของตนเอง" เขาเขียน "พยายามด้วยวิธีสันติก่อน แต่ก็เตรียมพร้อมสู้เอาพวกเดโมแครตออกจากรัฐบาลกลางและกองทัพในทุกหนทางที่จำเป็น พวกเขาต้องไปและจำเป็นต้องมีการรีเซ็ตประเทศของเราครั้งใหญ่ เพื่อหลีกเลี่ยงการล่มสลาย" . ลิเวลส์เบอร์เกอร์ เป็นสมาชิกของกองกำลังพิเศษ ที่ถึงขั้นได้รับเหรียญกล้าหาญ เขาเคยถูกส่งเข้าประจำการทั้งในอัฟกานิสถาน ทาจิกิสถาน จอร์เจีย คองโก และแม้รายงานข่าวอาจรวมถึงยูเครนด้วย อ้างอิงข้อมูลจากเจ้าหน้าที่ ระบุว่าเขากำลังต่อสู้กับความผิดปกติที่เกิดหลังความเครียดที่สะเทือนใจและการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในชีวิตหลายเหตุการณ์ ในนั้นรวมถึงการเพิ่งหย่าขาดกับภรรยาเมื่อเร็วๆนี้ . รายงานข่าวระบุว่า ลิเวลส์เบอร์เกอร์ ใช้ปืนสั้นยิงตัวเอง ก่อนจุดชนวนระเบิด และบันทึกต่างๆของเขาบ่งชี้ว่าเขาเต็มไปด้วยแรงกดดันชีวิตส่วนตัวและอาชีพการงาน แม้ขณะเดียวกันทีมสืบสวนมีความระมัดระวังในการตีความบันทึกเหล่านี้ ในขณะที่พวกเขากำลังแกะรอยหาแรงจูงใจในการก่อเหตุ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000001229 .............. Sondhi X
    Like
    Haha
    8
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1023 มุมมอง 0 รีวิว
  • ประโยชน์ของการเรียนสายสังคม

    จนถึงขณะนี้ยูเครนก็ยังไม่สามารถนำทหารเกาหลีเหนือตัวเป็น ๆ มาแสดงกับสื่อได้ แม้จะมีการแชร์ภาพที่อ้างว่าเป็น "เชลย" เกาหลีเหนือ แต่ก็มีแค่ภาพเท่านั้น เพราะเชลยดังกล่าว "เสียชีวิต" หลังจากยูเครนถ่ายภาพได้แปบเดียวเท่านั้นเอง หลักฐานล่าสุดที่ยูเครนใช้อ้างว่ามีทหารเกาหลีเหนือมาช่วยรัสเซียรบ คือเอกสารภาษาเกาหลีที่ยูเครนอ้างว่าทหารเกาหลีเหนือพกติดตัว ซึ่งหลายคนน่าจะเห็นในสื่อบ้างแล้ว

    ทีนี้มีข้อมูลที่น่าสนใจจาก X ตามบัญชีที่ผมลงรูปไว้เลยนะครับ เจ้าของบัญชีเป็นคนที่ศึกษาภาษาเกาหลี เขาตั้งข้อสังเกตว่าข้อความภาษาเกาหลีในเอกสารที่ยูเครนอ้างว่าทหารเกาหลีเหนือพกติดตัวนั้น ไม่ได้ใช้ฟอนต์ตัวอักษร ศัพท์ หรือสำนวนภาษาแบบที่เกาหลีเหนือใช้ แต่เป็นแบบของเกาหลีใต้ ถ้าที่เขาวิเคราะห์ไว้เป็นความจริง ก็เท่ากับว่ายูเครนจัดฉากเอกสารภาษาเกาหลีดังกล่าวขึ้น โดยอาจร่วมมือกับเกาหลีใต้ รายละเอียดเต็ม ๆ อ่านได้ในบัญชี X ที่ผมลงรูปไว้นะครับ ผมขอไม่แคปมาทั้งหมด เพราะมีรูปศพทหารที่ยูเครนอ้างว่าเป็นทหารเกาหลีเหนือด้วย ผมยังยึดถือนโยบายไม่แชร์ภาพศพทหารที่เสียชีวิตทั้งสองฝ่ายนะครับ เพราะดูไปก็ไม่ได้มีอะไรเจริญหูเจริญตาขึ้นมา

    จากเรื่องนี้เห็นอะไรไหมครับ คนที่จะวิเคราะห์เรื่องนี้ออกมาได้ ถูกผิดอย่างไรว่ากันอีกที ต้องศึกษาเรื่องภาษาศาสตร์หรือ linguistics มาลึกซึ้งพอสมควร ซึ่งดูผิวเผิน ภาษาศาสตร์อาจไม่เกี่ยวอะไรกับเรื่องการทหารหรือความสัมพันธ์ระหว่างประเทศเลย แต่เรื่องนี้กลับใช้ประโยชน์ได้เฉย

    ถ้ามีใครมาถามผมเรื่องแบบนี้ ต่อให้เป็นภาษาอังกฤษหรือภาษารัสเซีย ผมก็ตอบไม่ได้ครับ เพราะผมไม่ได้เรียนภาษาศาสตร์ ไม่ได้รู้เรื่องฟอนต์ตัวอักษรหรือสำนวนภาษาเฉพาะขนาดนั้น

    แม้แต่ในเรื่องการทหาร ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ หรือประวัติศาสตร์ ผมก็ไม่ใช่อับดุล ที่จะรู้ไปหมดทุกเรื่อง ทุกภูมิภาคทั่วโลก

    การจะวิเคราะห์เบื้องลึกเบื้องหลังเหตุการณ์ต่าง ๆ ทั่วโลก ต้องใช้ผู้ที่มีความเชี่ยวชาญสาขาต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นประวัติศาสตร์ รัฐศาสตร์ ภาษาศาสตร์ ฯลฯ ของทุกภูมิภาค ไทย ยุโรป อาเซียน ฯลฯ มาทำงานร่วมกัน

    ผมเชื่อว่าการเรียนสายสังคมมีประโยชน์ แต่ควรเรียนให้เชี่ยวชาญสาขานั้นจริง ๆ ไม่ใช่มาเรียนแค่เพราะไม่รู้จะเรียนอะไร สอบเข้าคณะอื่นไม่ติด เลยมาเรียนเอาใบปริญญาไปงั้น ๆ และที่สำคัญต้องระวังไม่ให้ระหว่างทางถูก "ล่อลวง" ไปเป็นนักเคลื่อนไหวหรือ activist ไปทำผิดกฎหมาย มีประวัติอาชญากรรม หรือถ้าเลวร้ายมากคือเกิดเหตุการณ์รุนแรงบาดเจ็บล้มตายไป ไม่คุ้มกันเลยครับ

    สวัสดี

    การทูตและการทหาร
    Military and Diplomacy

    29.12.2024
    ประโยชน์ของการเรียนสายสังคม จนถึงขณะนี้ยูเครนก็ยังไม่สามารถนำทหารเกาหลีเหนือตัวเป็น ๆ มาแสดงกับสื่อได้ แม้จะมีการแชร์ภาพที่อ้างว่าเป็น "เชลย" เกาหลีเหนือ แต่ก็มีแค่ภาพเท่านั้น เพราะเชลยดังกล่าว "เสียชีวิต" หลังจากยูเครนถ่ายภาพได้แปบเดียวเท่านั้นเอง หลักฐานล่าสุดที่ยูเครนใช้อ้างว่ามีทหารเกาหลีเหนือมาช่วยรัสเซียรบ คือเอกสารภาษาเกาหลีที่ยูเครนอ้างว่าทหารเกาหลีเหนือพกติดตัว ซึ่งหลายคนน่าจะเห็นในสื่อบ้างแล้ว ทีนี้มีข้อมูลที่น่าสนใจจาก X ตามบัญชีที่ผมลงรูปไว้เลยนะครับ เจ้าของบัญชีเป็นคนที่ศึกษาภาษาเกาหลี เขาตั้งข้อสังเกตว่าข้อความภาษาเกาหลีในเอกสารที่ยูเครนอ้างว่าทหารเกาหลีเหนือพกติดตัวนั้น ไม่ได้ใช้ฟอนต์ตัวอักษร ศัพท์ หรือสำนวนภาษาแบบที่เกาหลีเหนือใช้ แต่เป็นแบบของเกาหลีใต้ ถ้าที่เขาวิเคราะห์ไว้เป็นความจริง ก็เท่ากับว่ายูเครนจัดฉากเอกสารภาษาเกาหลีดังกล่าวขึ้น โดยอาจร่วมมือกับเกาหลีใต้ รายละเอียดเต็ม ๆ อ่านได้ในบัญชี X ที่ผมลงรูปไว้นะครับ ผมขอไม่แคปมาทั้งหมด เพราะมีรูปศพทหารที่ยูเครนอ้างว่าเป็นทหารเกาหลีเหนือด้วย ผมยังยึดถือนโยบายไม่แชร์ภาพศพทหารที่เสียชีวิตทั้งสองฝ่ายนะครับ เพราะดูไปก็ไม่ได้มีอะไรเจริญหูเจริญตาขึ้นมา จากเรื่องนี้เห็นอะไรไหมครับ คนที่จะวิเคราะห์เรื่องนี้ออกมาได้ ถูกผิดอย่างไรว่ากันอีกที ต้องศึกษาเรื่องภาษาศาสตร์หรือ linguistics มาลึกซึ้งพอสมควร ซึ่งดูผิวเผิน ภาษาศาสตร์อาจไม่เกี่ยวอะไรกับเรื่องการทหารหรือความสัมพันธ์ระหว่างประเทศเลย แต่เรื่องนี้กลับใช้ประโยชน์ได้เฉย ถ้ามีใครมาถามผมเรื่องแบบนี้ ต่อให้เป็นภาษาอังกฤษหรือภาษารัสเซีย ผมก็ตอบไม่ได้ครับ เพราะผมไม่ได้เรียนภาษาศาสตร์ ไม่ได้รู้เรื่องฟอนต์ตัวอักษรหรือสำนวนภาษาเฉพาะขนาดนั้น แม้แต่ในเรื่องการทหาร ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ หรือประวัติศาสตร์ ผมก็ไม่ใช่อับดุล ที่จะรู้ไปหมดทุกเรื่อง ทุกภูมิภาคทั่วโลก การจะวิเคราะห์เบื้องลึกเบื้องหลังเหตุการณ์ต่าง ๆ ทั่วโลก ต้องใช้ผู้ที่มีความเชี่ยวชาญสาขาต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นประวัติศาสตร์ รัฐศาสตร์ ภาษาศาสตร์ ฯลฯ ของทุกภูมิภาค ไทย ยุโรป อาเซียน ฯลฯ มาทำงานร่วมกัน ผมเชื่อว่าการเรียนสายสังคมมีประโยชน์ แต่ควรเรียนให้เชี่ยวชาญสาขานั้นจริง ๆ ไม่ใช่มาเรียนแค่เพราะไม่รู้จะเรียนอะไร สอบเข้าคณะอื่นไม่ติด เลยมาเรียนเอาใบปริญญาไปงั้น ๆ และที่สำคัญต้องระวังไม่ให้ระหว่างทางถูก "ล่อลวง" ไปเป็นนักเคลื่อนไหวหรือ activist ไปทำผิดกฎหมาย มีประวัติอาชญากรรม หรือถ้าเลวร้ายมากคือเกิดเหตุการณ์รุนแรงบาดเจ็บล้มตายไป ไม่คุ้มกันเลยครับ สวัสดี การทูตและการทหาร Military and Diplomacy 29.12.2024
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 249 มุมมอง 0 รีวิว
  • "พ่อพระ!"

    เซเลนสกีแสดงความสงสารทหารเกาหลีเหนือที่ต้องมาเสียชีวิตต่างเมือง โดยเรียกร้องให้จีนกดดันเกาหลีนเหนือเพื่อหยุดส่งทหารมายังรัสเซีย

    “พวกเขาสูญเสียมากมาย มากมายจริงๆ และเราเห็นว่าทหารรัสเซียและเกาหลีเหนือไม่สนใจชีวิตของพวกเขาเลย” เซเลนสกีกล่าว

    “เกาหลีเหนือไม่ควรต้องมาสูญเสียทหารของตนในสมรภูมิรบที่ยุโรป และหากจีนจริงใจในคำกล่าวของพวกเขา ว่าสงครามไม่ควรขยายวงกว้างออกไป ถึงเวลาแล้วที่จีนควรทำสิ่งที่เหมาะสมต่อเปียงยาง” เซเลนสกีกล่าว
    "พ่อพระ!" เซเลนสกีแสดงความสงสารทหารเกาหลีเหนือที่ต้องมาเสียชีวิตต่างเมือง โดยเรียกร้องให้จีนกดดันเกาหลีนเหนือเพื่อหยุดส่งทหารมายังรัสเซีย “พวกเขาสูญเสียมากมาย มากมายจริงๆ และเราเห็นว่าทหารรัสเซียและเกาหลีเหนือไม่สนใจชีวิตของพวกเขาเลย” เซเลนสกีกล่าว “เกาหลีเหนือไม่ควรต้องมาสูญเสียทหารของตนในสมรภูมิรบที่ยุโรป และหากจีนจริงใจในคำกล่าวของพวกเขา ว่าสงครามไม่ควรขยายวงกว้างออกไป ถึงเวลาแล้วที่จีนควรทำสิ่งที่เหมาะสมต่อเปียงยาง” เซเลนสกีกล่าว
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 173 มุมมอง 0 รีวิว
  • ในที่สุดหน่วยรบพิเศษของยูเครนก็พบศพของ "ชาวเกาหลีเหนือ" แล้ว

    ปัญหาเดียวคือ!!! "ทหารเกาหลีเหนือ" รายนี้ดันใช้เอกสารจากสาธารณรัฐตูวา ซึ่งอยู่ห่างจากเปียงยางถึง 1,700 ไมล์ และที่แปลกไปกว่านั้นคือข้อความในเอกสารเขียนด้วยอักษรซีริลลิกทั้งหมด (อักษรซิริลลิก (Cyrillic Script) เป็นชุดอักษรที่ใช้เป็นตัวเขียนแบบหนึ่ง ซึ่งมักจะพบได้ในยุโรปตะวันออก เช่น ยูเครน บัลแกเรีย เซอร์เบีย รัสเซีย รวมถึงภาษาของชนชาติอื่นที่ได้รับอิทธิพลจากยุโรปตะวันออกโดยเฉพาะจักรวรรดิรัสเซียและสหภาพโซเวียตในอดีต เช่น คาซัก อุซเบก รวมถึงประเทศมองโกเลีย ไปจนถึงบรรดาชนเผ่าเร่ร่อนในไซบีเรียจนถึงอลาสกา (ซึ่งเคยเป็นดินแดนของรัสเซีย)

    ทุกครั้งที่เห็นทหารฝ่ายรัสเซียมี "ตาชั้นเดียว" สื่อจะประโคมข่าวว่าพวกเขาเหล่านั้นเป็น "ทหารเกาหลีเหนือ" ทันที!!!
    ในที่สุดหน่วยรบพิเศษของยูเครนก็พบศพของ "ชาวเกาหลีเหนือ" แล้ว ปัญหาเดียวคือ!!! "ทหารเกาหลีเหนือ" รายนี้ดันใช้เอกสารจากสาธารณรัฐตูวา ซึ่งอยู่ห่างจากเปียงยางถึง 1,700 ไมล์ และที่แปลกไปกว่านั้นคือข้อความในเอกสารเขียนด้วยอักษรซีริลลิกทั้งหมด (อักษรซิริลลิก (Cyrillic Script) เป็นชุดอักษรที่ใช้เป็นตัวเขียนแบบหนึ่ง ซึ่งมักจะพบได้ในยุโรปตะวันออก เช่น ยูเครน บัลแกเรีย เซอร์เบีย รัสเซีย รวมถึงภาษาของชนชาติอื่นที่ได้รับอิทธิพลจากยุโรปตะวันออกโดยเฉพาะจักรวรรดิรัสเซียและสหภาพโซเวียตในอดีต เช่น คาซัก อุซเบก รวมถึงประเทศมองโกเลีย ไปจนถึงบรรดาชนเผ่าเร่ร่อนในไซบีเรียจนถึงอลาสกา (ซึ่งเคยเป็นดินแดนของรัสเซีย) ทุกครั้งที่เห็นทหารฝ่ายรัสเซียมี "ตาชั้นเดียว" สื่อจะประโคมข่าวว่าพวกเขาเหล่านั้นเป็น "ทหารเกาหลีเหนือ" ทันที!!!
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 164 มุมมอง 0 รีวิว
  • กองทัพเกาหลีใต้ระบุ ตรวจพบสัญญาณเกาหลีเหนือกำลังเตรียมพร้อมส่งทหารและอาวุธ ในนั้นรวมถึงโดรนพลีชีพ เข้าไปยังรัสเซียเพิ่มเติม เพื่อสนับสนุนมอสโกทำสงครามกับยูเครน ความเคลื่อนไหวซึ่งมีขึ้นในขณะที่ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี กล่าวอ้างว่ามีกำลังพลโสมแดงเสียชีวิตหรือได้รับบาดเจ็บในสงครามไปแล้วกว่า 3,000 นาย
    .
    ที่ผ่านมา เกาหลีเหนือได้มอบเครื่องยิงจรวดหลายลำกล้อง 240 มม.และปืนใหญ่อัตตาจรฮาวอิตเซอร์ 170 มม. แก่มอสโก และดูเหมือนกำลังเตรียมการผลิตโดรนพลีชีพเพิ่มเติมสำหรับป้อนแก่รัสเซีย หลังจาก คิม จองอึน ผู้นำของประเทศเดินทางไปตรวจตราการทดสอบด้วยตนเองเมื่อเดือนที่แล้ว จากคำกล่าวอ้างของเสนาธิการทหารร่วมเกาหลีใต้ (JCS)
    .
    "โดรนพลีชีพคือหนึ่งในภารกิจหลักที่ คิม จองอึน มุ่งเน้น" เจ้าหน้าที่รายหนึ่งของ JCS กล่าว พร้อมระบุว่าเกาหลีเหนือแสดงความตั้งใจที่จะมอบโดรนพลีชีพเหล่านั้นให้แก่รัสเซีย
    .
    ทั้งนี้ โดรนดังกล่าวถูกใช้อย่างกว้างขวางในสงครามยูเครน และคิม ออกคำสั่งให้ดำเนินการผลิตอาวุธทางอากาศนี้เป็นจำนวนมาก รวมถึงยกระดับศึกษาทฤษฎีทางทหาร อ้างถึงการแข่งขันในระดับโลกที่เข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ ตามรายงานของสื่อมวลชนแห่งรัฐ
    .
    ความเคลื่อนไหวล่าสุดของเกาหลีเหนือตามคำกล่าวอ้างของ JCS มีขึ้นหลังจากก่อนหน้านี้ โซล วอชิงตัน และเคียฟ ระบุว่ามีทหารเกาหลีเหนืออยู่ในรัสเซียราว 12,000 นาย และทาง JCS เชื่อว่าในนั้นมีอย่างน้อย 1,100 นาย ที่เสียชีวิตหรือไม่ก็ได้รับบาดเจ็บ ซึ่งเป็นไปตามแถลงสรุปของหน่วยข่าวกรองเกาหลีใต้เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ที่รายงานว่ามีทหารเกาหลีเหนือเสียชีวิตไปแล้ว 100 นายและบาดเจ็บอีก 1,000 นาย ในแคว้นคูร์สก์ของรัสเซีย
    .
    อย่างไรก็ตาม ล่าสุดในวันจันทร์ (23 ธ.ค.) ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน กล่าวอ้างว่ามีทหารเกาหลีเหนือที่ถูกสังหารหรือไม่ก็ได้รับบาดเจ็บในแคว้นคูร์สก์ของรัสเซีย เพิ่มเป็นมากกว่า 3,000 นายแล้ว และเตือนเช่นกันว่าเปียงยางอาจส่งบุคลากรและยุทโธปกรณ์เข้าไปเสริมกำลังแก่กองทัพรัสเซียเพิ่มเติม
    .
    "มีความเสี่ยงที่เกาหลีเหนือจะส่งทหารและยุทโธปกรณ์ป้อนเข้าสู่กองทัพรัสเซียเพิ่มเติม" เซเลนสกีเขียนบนแพลตฟอร์มเอ็กซ์ หลังได้รับรายงานฉบับหนึ่งจาก โอเล็กซานด์ร ซีร์สกี ผู้บัญชาการทหารระดับสูงของเขา "เราจะต้องตอบโต้อย่างเป็นรูปธรรมในเรื่องนี้"
    .
    พวกเจ้าหน้าที่บอกว่า ความสัมพันธ์ทางทหารที่แน่นแฟ้นขึ้นระหว่างเกาหลีเหนือกับรัสเซีย อาจก่อภัยคุกคามสาหัสขึ้นแก่เกาหลีใต้ ในขณะที่พวกเขายกระดับความทันสมัยแก่กองกำลังตามแบบของตนเอง ที่เคยถูกมองว่าด้อยกว่าของโซล รวมถึงมีประสบการณ์ในการสู้รบในสมรภูมิจริงด้วย
    .
    ตามแนวชายแดนเกาหลีที่มีการคุ้มกันอย่างหนาแน่น เกาหลีเหนือส่งทหารมากกว่า 10,000 นาย เข้าไปปรับเปลี่ยนพื้นที่หนึ่งเป็นที่ดินเปล่า จัดตั้งแนวรั้วและขึงลวดหนามในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา แต่จำนวนกำลังพลดังกล่าวลดลงสู่หลักหลายร้อยนายในช่วงสุดสัปดาห์ จากคำกล่าวอ้างของ JCS
    .
    JCS เผยแพร่ภาพถ่ายต่างๆ ที่เผยให้เห็นว่าทหารเกาหลีเหนือกลุ่มหนึ่งกำลังใช้แพะตัวหนึ่งทดสอบรั้วลวดหนามกระแสไฟฟ้า
    .
    นอกจากนี้ ยังมีความเป็นไปได้ที่เกาหลีเหนือจะทดสอบขีปนาวุธไฮเปอร์โซนิกพิสัยปานกลางในช่วงสิ้นปี ก่อนหน้าที่ โดนัลด์ ทรัมป์ จะเข้าพิธีสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในปีหน้า ขณะเดียวกันก็อาจปล่อยบอลลูนขยะเข้าไปยังเกาหลีใต้เพิ่มเติม
    .
    เกาหลีเหนือปล่อยบอลลูนขยะหลายร้อยลูกเข้าไปยังเกาหลีใต้มาตั้งแต่ช่วงปลายเดือนพฤษภาคม อ้างว่าเพื่อเป็นการตอบโต้บอลลูนบรรทุกใบปลิวโฆษณาชวนเชื่อที่พวกนักเคลื่อนไหวเกาหลีใต้ปล่อยเข้าสู่ดินแดนของพวกเขา
    .
    "ภายใต้การสนับสนุนของรัสเซีย มีความเป็นไปได้ที่พวกเขาอาจดำเนินยุทธศาสตร์ยั่วยุต่างๆ ในปีหน้า อย่างเช่นยิงขีปนาวุธข้ามทวีปและทำการทดสอบอาวุธนิวเคลียร์ เพื่อเสริมอำนาจของพวกเขาในการเจรจาต่อรองกับสหรัฐฯ" เจ้าหน้าที่ระบุ
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000123172
    ..............
    Sondhi X
    กองทัพเกาหลีใต้ระบุ ตรวจพบสัญญาณเกาหลีเหนือกำลังเตรียมพร้อมส่งทหารและอาวุธ ในนั้นรวมถึงโดรนพลีชีพ เข้าไปยังรัสเซียเพิ่มเติม เพื่อสนับสนุนมอสโกทำสงครามกับยูเครน ความเคลื่อนไหวซึ่งมีขึ้นในขณะที่ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี กล่าวอ้างว่ามีกำลังพลโสมแดงเสียชีวิตหรือได้รับบาดเจ็บในสงครามไปแล้วกว่า 3,000 นาย . ที่ผ่านมา เกาหลีเหนือได้มอบเครื่องยิงจรวดหลายลำกล้อง 240 มม.และปืนใหญ่อัตตาจรฮาวอิตเซอร์ 170 มม. แก่มอสโก และดูเหมือนกำลังเตรียมการผลิตโดรนพลีชีพเพิ่มเติมสำหรับป้อนแก่รัสเซีย หลังจาก คิม จองอึน ผู้นำของประเทศเดินทางไปตรวจตราการทดสอบด้วยตนเองเมื่อเดือนที่แล้ว จากคำกล่าวอ้างของเสนาธิการทหารร่วมเกาหลีใต้ (JCS) . "โดรนพลีชีพคือหนึ่งในภารกิจหลักที่ คิม จองอึน มุ่งเน้น" เจ้าหน้าที่รายหนึ่งของ JCS กล่าว พร้อมระบุว่าเกาหลีเหนือแสดงความตั้งใจที่จะมอบโดรนพลีชีพเหล่านั้นให้แก่รัสเซีย . ทั้งนี้ โดรนดังกล่าวถูกใช้อย่างกว้างขวางในสงครามยูเครน และคิม ออกคำสั่งให้ดำเนินการผลิตอาวุธทางอากาศนี้เป็นจำนวนมาก รวมถึงยกระดับศึกษาทฤษฎีทางทหาร อ้างถึงการแข่งขันในระดับโลกที่เข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ ตามรายงานของสื่อมวลชนแห่งรัฐ . ความเคลื่อนไหวล่าสุดของเกาหลีเหนือตามคำกล่าวอ้างของ JCS มีขึ้นหลังจากก่อนหน้านี้ โซล วอชิงตัน และเคียฟ ระบุว่ามีทหารเกาหลีเหนืออยู่ในรัสเซียราว 12,000 นาย และทาง JCS เชื่อว่าในนั้นมีอย่างน้อย 1,100 นาย ที่เสียชีวิตหรือไม่ก็ได้รับบาดเจ็บ ซึ่งเป็นไปตามแถลงสรุปของหน่วยข่าวกรองเกาหลีใต้เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ที่รายงานว่ามีทหารเกาหลีเหนือเสียชีวิตไปแล้ว 100 นายและบาดเจ็บอีก 1,000 นาย ในแคว้นคูร์สก์ของรัสเซีย . อย่างไรก็ตาม ล่าสุดในวันจันทร์ (23 ธ.ค.) ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน กล่าวอ้างว่ามีทหารเกาหลีเหนือที่ถูกสังหารหรือไม่ก็ได้รับบาดเจ็บในแคว้นคูร์สก์ของรัสเซีย เพิ่มเป็นมากกว่า 3,000 นายแล้ว และเตือนเช่นกันว่าเปียงยางอาจส่งบุคลากรและยุทโธปกรณ์เข้าไปเสริมกำลังแก่กองทัพรัสเซียเพิ่มเติม . "มีความเสี่ยงที่เกาหลีเหนือจะส่งทหารและยุทโธปกรณ์ป้อนเข้าสู่กองทัพรัสเซียเพิ่มเติม" เซเลนสกีเขียนบนแพลตฟอร์มเอ็กซ์ หลังได้รับรายงานฉบับหนึ่งจาก โอเล็กซานด์ร ซีร์สกี ผู้บัญชาการทหารระดับสูงของเขา "เราจะต้องตอบโต้อย่างเป็นรูปธรรมในเรื่องนี้" . พวกเจ้าหน้าที่บอกว่า ความสัมพันธ์ทางทหารที่แน่นแฟ้นขึ้นระหว่างเกาหลีเหนือกับรัสเซีย อาจก่อภัยคุกคามสาหัสขึ้นแก่เกาหลีใต้ ในขณะที่พวกเขายกระดับความทันสมัยแก่กองกำลังตามแบบของตนเอง ที่เคยถูกมองว่าด้อยกว่าของโซล รวมถึงมีประสบการณ์ในการสู้รบในสมรภูมิจริงด้วย . ตามแนวชายแดนเกาหลีที่มีการคุ้มกันอย่างหนาแน่น เกาหลีเหนือส่งทหารมากกว่า 10,000 นาย เข้าไปปรับเปลี่ยนพื้นที่หนึ่งเป็นที่ดินเปล่า จัดตั้งแนวรั้วและขึงลวดหนามในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา แต่จำนวนกำลังพลดังกล่าวลดลงสู่หลักหลายร้อยนายในช่วงสุดสัปดาห์ จากคำกล่าวอ้างของ JCS . JCS เผยแพร่ภาพถ่ายต่างๆ ที่เผยให้เห็นว่าทหารเกาหลีเหนือกลุ่มหนึ่งกำลังใช้แพะตัวหนึ่งทดสอบรั้วลวดหนามกระแสไฟฟ้า . นอกจากนี้ ยังมีความเป็นไปได้ที่เกาหลีเหนือจะทดสอบขีปนาวุธไฮเปอร์โซนิกพิสัยปานกลางในช่วงสิ้นปี ก่อนหน้าที่ โดนัลด์ ทรัมป์ จะเข้าพิธีสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในปีหน้า ขณะเดียวกันก็อาจปล่อยบอลลูนขยะเข้าไปยังเกาหลีใต้เพิ่มเติม . เกาหลีเหนือปล่อยบอลลูนขยะหลายร้อยลูกเข้าไปยังเกาหลีใต้มาตั้งแต่ช่วงปลายเดือนพฤษภาคม อ้างว่าเพื่อเป็นการตอบโต้บอลลูนบรรทุกใบปลิวโฆษณาชวนเชื่อที่พวกนักเคลื่อนไหวเกาหลีใต้ปล่อยเข้าสู่ดินแดนของพวกเขา . "ภายใต้การสนับสนุนของรัสเซีย มีความเป็นไปได้ที่พวกเขาอาจดำเนินยุทธศาสตร์ยั่วยุต่างๆ ในปีหน้า อย่างเช่นยิงขีปนาวุธข้ามทวีปและทำการทดสอบอาวุธนิวเคลียร์ เพื่อเสริมอำนาจของพวกเขาในการเจรจาต่อรองกับสหรัฐฯ" เจ้าหน้าที่ระบุ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000123172 .............. Sondhi X
    Like
    Love
    9
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 754 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🇰🇵🇷🇺 กองทัพเกาหลีเหนืออาจเข้าร่วมขบวนพาเหรดฉลองชัยชนะครบรอบ ๘๐ ปีของรัสเซีย
    .
    JUST IN: 🇰🇵🇷🇺 North Korean military might participate in Russia's 80th anniversary victory parade.
    .
    12:11 AM · Dec 24, 2024 · 82K Views
    https://x.com/BRICSinfo/status/1871242243203580310
    🇰🇵🇷🇺 กองทัพเกาหลีเหนืออาจเข้าร่วมขบวนพาเหรดฉลองชัยชนะครบรอบ ๘๐ ปีของรัสเซีย . JUST IN: 🇰🇵🇷🇺 North Korean military might participate in Russia's 80th anniversary victory parade. . 12:11 AM · Dec 24, 2024 · 82K Views https://x.com/BRICSinfo/status/1871242243203580310
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 128 มุมมอง 0 รีวิว
  • มีข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับขีปนาวุธ ATACMS ที่ยูเครนใช้โจมตีรัสเซียช่วงหลังมานี้ครับ โดยจากการตรวจสอบซีเรียลนัมเบอร์บนซากขีปนาวุธ ATACMS ที่ถูกรัสเซียสกัดได้ พบว่าขีปนาวุธ ATACMS ดังกล่าวเป็นล็อตที่ "สหรัฐฯ ขายให้เกาหลีใต้" พูดง่าย ๆ คือมาจากเกาหลีใต้นั่นเอง

    ผมคิดว่าการที่ขีปนาวุธ ATACMS ของเกาหลีใต้ปรากฏตัวในยูเครนนี่น่าสนใจมากครับ ที่ผ่านมาหลายคนคงทราบอยู่แล้วว่าเกาหลีใต้ได้ส่งกระสุนปืนใหญ่ให้ยูเครนทางอ้อม มาตั้งแต่ก่อนที่เกาหลีเหนือจะเริ่มส่งกระสุนปืนใหญ่ให้รัสเซียอีก โดยเกาหลีใต้ใช้วิธีส่งกระสุนปืนใหญ่ made in South Korea ไปเติมคลังของสหรัฐฯ เพื่อให้สหรัฐฯ ส่งกระสุนปืนใหญ่ made in USA ให้ยูเครนได้มากขึ้น ไม่ต้องกลัวกระสุนปืนใหญ่ในคลังของสหรัฐฯ จะร่อยหรอ ทีนี้ถ้าเกาหลีใต้และสหรัฐฯ จะทำแบบเดียวกันกับขีปนาวุธ ATACMS ก็ไม่น่าใช่เรื่องแปลก แต่กรณีนี้ขีปนาวุธ ATACMS ของเกาหลีใต้ กลับไม่ได้ถูกใช้เติมคลังของสหรัฐฯ แต่ถูกส่งไปให้ยูเครนโดยตรง อาจจะแสดงให้เห็นว่าขีปนาวุธ ATACMS ในคลังของสหรัฐฯ ร่อยหรอลงไปมาก หรือไม่กำลังการผลิตก็ไม่เพียงพอ จนต้องรีบส่งขีปนาวุธ ATACMS ของเกาหลีใต้ให้ยูเครนไปโดยตรงเลย ไม่สามารถรอสหรัฐฯ ผลิตทดแทนก่อนได้

    สวัสดี
    การทูตและการทหาร
    Military and Diplomacy

    22.12.2024
    มีข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับขีปนาวุธ ATACMS ที่ยูเครนใช้โจมตีรัสเซียช่วงหลังมานี้ครับ โดยจากการตรวจสอบซีเรียลนัมเบอร์บนซากขีปนาวุธ ATACMS ที่ถูกรัสเซียสกัดได้ พบว่าขีปนาวุธ ATACMS ดังกล่าวเป็นล็อตที่ "สหรัฐฯ ขายให้เกาหลีใต้" พูดง่าย ๆ คือมาจากเกาหลีใต้นั่นเอง ผมคิดว่าการที่ขีปนาวุธ ATACMS ของเกาหลีใต้ปรากฏตัวในยูเครนนี่น่าสนใจมากครับ ที่ผ่านมาหลายคนคงทราบอยู่แล้วว่าเกาหลีใต้ได้ส่งกระสุนปืนใหญ่ให้ยูเครนทางอ้อม มาตั้งแต่ก่อนที่เกาหลีเหนือจะเริ่มส่งกระสุนปืนใหญ่ให้รัสเซียอีก โดยเกาหลีใต้ใช้วิธีส่งกระสุนปืนใหญ่ made in South Korea ไปเติมคลังของสหรัฐฯ เพื่อให้สหรัฐฯ ส่งกระสุนปืนใหญ่ made in USA ให้ยูเครนได้มากขึ้น ไม่ต้องกลัวกระสุนปืนใหญ่ในคลังของสหรัฐฯ จะร่อยหรอ ทีนี้ถ้าเกาหลีใต้และสหรัฐฯ จะทำแบบเดียวกันกับขีปนาวุธ ATACMS ก็ไม่น่าใช่เรื่องแปลก แต่กรณีนี้ขีปนาวุธ ATACMS ของเกาหลีใต้ กลับไม่ได้ถูกใช้เติมคลังของสหรัฐฯ แต่ถูกส่งไปให้ยูเครนโดยตรง อาจจะแสดงให้เห็นว่าขีปนาวุธ ATACMS ในคลังของสหรัฐฯ ร่อยหรอลงไปมาก หรือไม่กำลังการผลิตก็ไม่เพียงพอ จนต้องรีบส่งขีปนาวุธ ATACMS ของเกาหลีใต้ให้ยูเครนไปโดยตรงเลย ไม่สามารถรอสหรัฐฯ ผลิตทดแทนก่อนได้ สวัสดี การทูตและการทหาร Military and Diplomacy 22.12.2024
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 194 มุมมอง 0 รีวิว
  • พวกผู้สนับสนุนและต่อต้านประธานาธิบดียุน ซ็อกยอล แห่งเกาหลีใต้ พากันออกมาชุมนุมโดยอยู่ห่างกันเพียงไม่กี่ร้อยเมตรในกรุงโซล ในวันเสาร์ (21 ธ.ค.) ราว 1 สัปดาห์หลังจากเขาถูกรัฐสภาถอดถอนจากตำแหน่ง จากกรณีประกาศอัยการศึก ที่ประกาศยกเลิกในเวลาต่อมาไม่กี่ชั่วโมง
    .
    แม้ปัจจุบัน ยุน ถูกพักอำนาจประธานาธิบดี แต่ยังคงอยู่ในตำแหน่ง เขาไม่ยอมทำตามหมายเรียกต่างๆ ของพวกเจ้าหน้าที่ที่กำลังสืบสวนว่า กฎอัยการศึกที่เขาประกาศใช้ในช่วงค่ำวันที่ 3 ธันวาคมและยกเลิกในอีกไม่กี่ชั่วโมงต่อมานั้น เข้าข่ายก่อกบฏหรือไม่
    .
    นอกจากนี้ ยุน ยังไม่ตอบสนองใดๆ ต่อความพยายามในการติดต่อเขาของศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งจะเป็นผู้ตัดสินใจขั้นสุดท้ายว่าจะรับรองถอดถอนเขาพ้นจากตำแหน่งหรือคืนอำนาจประธานาธิบดีแก่เขา ทั้งนี้ ศาลมีแผนนัดไต่สวนมูลฟ้องเป็นครั้งแรกในวันศุกร์ (27 ธ.ค.)
    .
    การประท้วงทั้งสนับสนุนและต่อต้านยุนในวันเสาร์ (21 ธ.ค.) จัดขึ้นในจัตุรัสควางฮวามุน ใจกลางเมืองหลวง อย่างไรก็ตาม ไม่มีรายงานเกี่ยวกับการกระทบกระทั่งใดๆ
    .
    พวกผู้ประท้วงต่อต้านยุนหลายหมื่นคน ส่วนใหญ่เป็นคนหนุ่มสาววัย 20 ถึง 30 ปีเศษๆ รวมตัวกันตอนเวลา 15.00น. โบกไฟเค-ป็อป และป้ายข้อความที่เขียนว่า "จับกุม! ขังคุก! หัวหน้ากบฏยุน ซ็อกยอล"
    .
    "ผมอยากถามยุน ว่าเขาทำเรื่องแบบนี้กับประชาธิปไตยได้อย่างไร ในยุคทศวรรษที่ 21 และผมคิดว่าถ้าเขามีมโนธรรมสำนึก เขาควรลาออกไป" ผู้ประท้วงวัย 27 ปีรายหนึ่งกล่าว
    .
    ส่วนผู้ประท้วงสนับสนุนยุนหลายพันคน ส่วนใหญ่เป็นมีสูงอายุกว่าและเป็นกลุ่มคนหัวอนุรักษนิยมมากกว่า รวมตัวกันตั้งแต่ช่วงเที่ยงวัน คัดค้านการถอดถอนยุนพ้นจากตำแหน่ง และสนับสนุนให้คืนอำนาจประธานาธิบดีแก่เขา
    .
    "รัฐสภาที่โกงการเลือกตั้ง กำลังกัดกร่อนประเทศทีละน้อย และเป็นศูนย์กลางของอำนาจสังคมนิยมคอมมิวนิสต์ ดังนั้นพวกเราจึงออกมารวมตัวกันและพูดในสิ่งเดียวกัน เราคัดค้านอย่างที่สุดต่อการถอดถอน" ผู้ชุมนุมรายหนึ่งกล่าว
    .
    ทั้งนี้ ยุน กล่าวอ้างการโกงเลือกตั้ง และ "ขุมกำลังต่อต้านรัฐ" พวกเข้าข้างฝักใฝ่เกาหลีเหนือ เป็นข้ออ้างความชอบธรรมในการประกาศกฎอัยการศึก คำกล่าวอ้างที่ทางคณะกรรมการการเลือกตั้งปฏิเสธ
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000122558
    ..............
    Sondhi X
    พวกผู้สนับสนุนและต่อต้านประธานาธิบดียุน ซ็อกยอล แห่งเกาหลีใต้ พากันออกมาชุมนุมโดยอยู่ห่างกันเพียงไม่กี่ร้อยเมตรในกรุงโซล ในวันเสาร์ (21 ธ.ค.) ราว 1 สัปดาห์หลังจากเขาถูกรัฐสภาถอดถอนจากตำแหน่ง จากกรณีประกาศอัยการศึก ที่ประกาศยกเลิกในเวลาต่อมาไม่กี่ชั่วโมง . แม้ปัจจุบัน ยุน ถูกพักอำนาจประธานาธิบดี แต่ยังคงอยู่ในตำแหน่ง เขาไม่ยอมทำตามหมายเรียกต่างๆ ของพวกเจ้าหน้าที่ที่กำลังสืบสวนว่า กฎอัยการศึกที่เขาประกาศใช้ในช่วงค่ำวันที่ 3 ธันวาคมและยกเลิกในอีกไม่กี่ชั่วโมงต่อมานั้น เข้าข่ายก่อกบฏหรือไม่ . นอกจากนี้ ยุน ยังไม่ตอบสนองใดๆ ต่อความพยายามในการติดต่อเขาของศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งจะเป็นผู้ตัดสินใจขั้นสุดท้ายว่าจะรับรองถอดถอนเขาพ้นจากตำแหน่งหรือคืนอำนาจประธานาธิบดีแก่เขา ทั้งนี้ ศาลมีแผนนัดไต่สวนมูลฟ้องเป็นครั้งแรกในวันศุกร์ (27 ธ.ค.) . การประท้วงทั้งสนับสนุนและต่อต้านยุนในวันเสาร์ (21 ธ.ค.) จัดขึ้นในจัตุรัสควางฮวามุน ใจกลางเมืองหลวง อย่างไรก็ตาม ไม่มีรายงานเกี่ยวกับการกระทบกระทั่งใดๆ . พวกผู้ประท้วงต่อต้านยุนหลายหมื่นคน ส่วนใหญ่เป็นคนหนุ่มสาววัย 20 ถึง 30 ปีเศษๆ รวมตัวกันตอนเวลา 15.00น. โบกไฟเค-ป็อป และป้ายข้อความที่เขียนว่า "จับกุม! ขังคุก! หัวหน้ากบฏยุน ซ็อกยอล" . "ผมอยากถามยุน ว่าเขาทำเรื่องแบบนี้กับประชาธิปไตยได้อย่างไร ในยุคทศวรรษที่ 21 และผมคิดว่าถ้าเขามีมโนธรรมสำนึก เขาควรลาออกไป" ผู้ประท้วงวัย 27 ปีรายหนึ่งกล่าว . ส่วนผู้ประท้วงสนับสนุนยุนหลายพันคน ส่วนใหญ่เป็นมีสูงอายุกว่าและเป็นกลุ่มคนหัวอนุรักษนิยมมากกว่า รวมตัวกันตั้งแต่ช่วงเที่ยงวัน คัดค้านการถอดถอนยุนพ้นจากตำแหน่ง และสนับสนุนให้คืนอำนาจประธานาธิบดีแก่เขา . "รัฐสภาที่โกงการเลือกตั้ง กำลังกัดกร่อนประเทศทีละน้อย และเป็นศูนย์กลางของอำนาจสังคมนิยมคอมมิวนิสต์ ดังนั้นพวกเราจึงออกมารวมตัวกันและพูดในสิ่งเดียวกัน เราคัดค้านอย่างที่สุดต่อการถอดถอน" ผู้ชุมนุมรายหนึ่งกล่าว . ทั้งนี้ ยุน กล่าวอ้างการโกงเลือกตั้ง และ "ขุมกำลังต่อต้านรัฐ" พวกเข้าข้างฝักใฝ่เกาหลีเหนือ เป็นข้ออ้างความชอบธรรมในการประกาศกฎอัยการศึก คำกล่าวอ้างที่ทางคณะกรรมการการเลือกตั้งปฏิเสธ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000122558 .............. Sondhi X
    Like
    Haha
    10
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 675 มุมมอง 0 รีวิว
  • "ใหญ่คับจักรวาล!!"

    สหรัฐมองว่าการพัฒนาโครงการขีปนาวุธของปากีสถานครั้งใหม่ เป็นภัยคุกคามสหรัฐ และได้กำหนดมาตรการคว่ำบาตรต่อปากีสถานเพิ่มเติมอีกครั้ง

    จอห์น ไฟเนอร์ รองที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐฯระบุว่า การที่รัฐบาลปากีสถานพัฒนาขีปนาวุธทิ้งตัวพิสัยไกล (long-range ballistic missile) รุ่นใหม่ แม้ออกแบบมาเพื่อโจมตีเป้าหมายในระยะใกล้คือเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และไกลออกไป แต่ท้ายที่สุดแล้วมันจะรวมถึงในสหรัฐด้วย และนั่นอาจทำให้การกระทำของปากีสถานเป็น "ภัยคุกคาม" ต่อสหรัฐ

    ไฟเนอร์ยังกล่าวอีกว่า ปัจจุบันมีเพียงไม่กี่ประเทศในโลกที่ครอบครองขีปนาวุธพิสัยไกลที่สามารถโจมตีถึงดินแดนของสหรัฐฯ ได้แก่ รัสเซีย เกาหลีเหนือ และจีน “ซึ่งกลุ่มชาติเหล่านี้แสดงท่าทีเป็นศัตรูกับเราตลอดเวลา ดังนั้นว่ากันตรงๆ ก็คือ เราไม่อาจมองการกระทำของปากีสถานเป็นอื่นไปได้ นอกเสียจากเป็นภัยคุกคามใหม่สำหรับสหรัฐอเมริกา”

    ทางด้านแมทธิว มิลเลอร์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐประกาศว่า เป็นหน้าที่ของสหรัฐที่จะกำหนดมาตรการคว่ำบาตรเพิ่มเติมต่อหน่วยงาน 4 แห่งที่เชื่อมโยงกับโครงการขีปนาวุธพิสัยไกลของปากีสถาน ซึ่งหน่วยงานเหล่านี้มีส่วนสนับสนุนการแพร่กระจายหรือส่งมอบอาวุธดังกล่าว

    “สหรัฐจะยังคงดำเนินการต่อต้านการแพร่กระจายและส่งเสริมกิจกรรมที่เกี่ยวข้องอย่างน่ากังวลต่อสหรัฐ”

    ปากีสถานประกาศต่อต้านมาตรการคว่ำบาตร "ฝ่ายเดียว" ของสหรัฐ โดยระบุว่ามาตรการดังกล่าว "ไม่ยุติธรรม ไร้เหตุผล และไม่เหมาะสม"
    "ใหญ่คับจักรวาล!!" สหรัฐมองว่าการพัฒนาโครงการขีปนาวุธของปากีสถานครั้งใหม่ เป็นภัยคุกคามสหรัฐ และได้กำหนดมาตรการคว่ำบาตรต่อปากีสถานเพิ่มเติมอีกครั้ง จอห์น ไฟเนอร์ รองที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐฯระบุว่า การที่รัฐบาลปากีสถานพัฒนาขีปนาวุธทิ้งตัวพิสัยไกล (long-range ballistic missile) รุ่นใหม่ แม้ออกแบบมาเพื่อโจมตีเป้าหมายในระยะใกล้คือเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และไกลออกไป แต่ท้ายที่สุดแล้วมันจะรวมถึงในสหรัฐด้วย และนั่นอาจทำให้การกระทำของปากีสถานเป็น "ภัยคุกคาม" ต่อสหรัฐ ไฟเนอร์ยังกล่าวอีกว่า ปัจจุบันมีเพียงไม่กี่ประเทศในโลกที่ครอบครองขีปนาวุธพิสัยไกลที่สามารถโจมตีถึงดินแดนของสหรัฐฯ ได้แก่ รัสเซีย เกาหลีเหนือ และจีน “ซึ่งกลุ่มชาติเหล่านี้แสดงท่าทีเป็นศัตรูกับเราตลอดเวลา ดังนั้นว่ากันตรงๆ ก็คือ เราไม่อาจมองการกระทำของปากีสถานเป็นอื่นไปได้ นอกเสียจากเป็นภัยคุกคามใหม่สำหรับสหรัฐอเมริกา” ทางด้านแมทธิว มิลเลอร์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐประกาศว่า เป็นหน้าที่ของสหรัฐที่จะกำหนดมาตรการคว่ำบาตรเพิ่มเติมต่อหน่วยงาน 4 แห่งที่เชื่อมโยงกับโครงการขีปนาวุธพิสัยไกลของปากีสถาน ซึ่งหน่วยงานเหล่านี้มีส่วนสนับสนุนการแพร่กระจายหรือส่งมอบอาวุธดังกล่าว “สหรัฐจะยังคงดำเนินการต่อต้านการแพร่กระจายและส่งเสริมกิจกรรมที่เกี่ยวข้องอย่างน่ากังวลต่อสหรัฐ” ปากีสถานประกาศต่อต้านมาตรการคว่ำบาตร "ฝ่ายเดียว" ของสหรัฐ โดยระบุว่ามาตรการดังกล่าว "ไม่ยุติธรรม ไร้เหตุผล และไม่เหมาะสม"
    Haha
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 183 มุมมอง 0 รีวิว
  • ภาพเศษซากขีปนาวุธ ATACMS ที่ถูกรัสเซียสกัดกั้นได้ที่สนามบินทหารใกล้กับเมืองทากันรอก ภูมิภาครอสตอฟ เมื่อสองสามวันก่อน

    จากการสืบค้นจากหมายเลขสัญญา DAAH01-98-C-0093 เกี่ยวข้องกับการทำสัญญาที่สหรัฐจัดหาขีปนาวุธ ATACMS จำนวน 110 ลูกให้กับเกาหลีใต้ (https://www.gao.gov/assets/a239168.html)

    สิ่งนี้นับเป็นเรื่องสำคัญ ที่อาจทำให้เกิดคำถามสำคัญว่าขีปนาวุธเหล่านี้ไปอยู่ในครอบครองของยูเครนได้อย่างไร

    เรื่องนี้อาจส่งผลร้ายแรงต่อเกาหลีใต้ หากพิจารณาจากข้อตกลงทวิภาคีที่ทำขึ้นระหว่างรัสเซียและเกาหลีเหนือด้านภัยความมั่นคงและการทหารเมื่อไม่นานนี้
    ภาพเศษซากขีปนาวุธ ATACMS ที่ถูกรัสเซียสกัดกั้นได้ที่สนามบินทหารใกล้กับเมืองทากันรอก ภูมิภาครอสตอฟ เมื่อสองสามวันก่อน จากการสืบค้นจากหมายเลขสัญญา DAAH01-98-C-0093 เกี่ยวข้องกับการทำสัญญาที่สหรัฐจัดหาขีปนาวุธ ATACMS จำนวน 110 ลูกให้กับเกาหลีใต้ (https://www.gao.gov/assets/a239168.html) สิ่งนี้นับเป็นเรื่องสำคัญ ที่อาจทำให้เกิดคำถามสำคัญว่าขีปนาวุธเหล่านี้ไปอยู่ในครอบครองของยูเครนได้อย่างไร เรื่องนี้อาจส่งผลร้ายแรงต่อเกาหลีใต้ หากพิจารณาจากข้อตกลงทวิภาคีที่ทำขึ้นระหว่างรัสเซียและเกาหลีเหนือด้านภัยความมั่นคงและการทหารเมื่อไม่นานนี้
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 187 มุมมอง 0 รีวิว
  • รัฐมนตรีต่างประเทศเกาหลีใต้เผยได้ร่างโรดแมปเตรียมพร้อมไว้แล้วกรณีที่ทรัมป์ฟื้นการเจรจานิวเคลียร์กับเปียงยาง แต่ยอมรับว่า สถานการณ์วุ่นวายทางการเมืองทำให้การติดต่อประสานงานกับทีมงานของว่าที่ผู้นำใหม่ของสหรัฐฯ สะดุด
    .
    ในวันพุธ (18 ธ.ค.) ที่งานแถลงข่าวร่วมต่อสื่อต่างประเทศซึ่งเกิดขึ้นไม่บ่อยนัก โช แต-ยุล รัฐมนตรีต่างประเทศ และชอย ซัง-ม็อก รัฐมนตรีคลังเกาหลีใต้ พยายามฟื้นความมั่นใจของชาติพันธมิตรและนักลงทุนในตลาด นับจากที่ประธานาธิบดียุน ซอก-ยอล พยายามประกาศกฎอัยการศึกเมื่อวันที่ 3 ธ.ค. และดึงประเทศเข้าสู่วิกฤตการเมืองครั้งใหญ่ที่สุดในรอบหลายสิบปี
    .
    โชเผยว่า เกาหลีใต้ได้สร้างเครือข่ายและช่องทางสื่อสารกับทีมหาเสียงของว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของอเมริกา “ที่แข็งแกร่งกว่าประเทศใดๆ” ทว่า การประกาศกฎอัยการศึกทำให้เครือข่ายและช่องทางเหล่านั้นสะดุดและบ่อนทำลายโมเมนตัมทางการเมืองระหว่างสองฝ่าย
    .
    ทีมงานของโชยังร่างโรดแมปสำหรับความเป็นไปได้ที่วอชิงตันและเปียงยางอาจฟื้นการเจรจานิวเคลียร์ โดยอ้างอิงการที่ทรัมป์เลือกอดีตผู้นำหน่วยข่าวกรองเป็นผู้แทนภารกิจพิเศษที่รวมถึงนโยบายต่อเกาหลีเหนือ
    .
    ตลอด 4 ปีที่ผ่านมา เปียงยางเพิกเฉยต่อการทาบทามเพื่อฟื้นการเจรจาโดยปราศจากเงื่อนไขของประธานาธิบดีโจ ไบเดน แต่ทีมงานของทรัมป์พยายามหาทางเจรจาโดยตรงกับคิม จอง-อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ เพื่อลดความเสี่ยงในการปะทะทางทหาร
    .
    นอกจากนั้นทรัมป์ยังส่งสัญญาณว่า ต้องการเจรจาเพื่อยุติสงครามในยูเครน แต่โชเชื่อว่า เรื่องนี้ต้องใช้เวลาสักพักจนกว่าจะเกิดขึ้นจริง และจำเป็นต้องหาทางตอบโต้กรณีที่เกาหลีเหนือส่งทหารไปรัสเซียควบคู่กับการเฝ้าติดตามสถานการณ์
    .
    ในส่วนจีนนั้น โชเผยว่า ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ถูกคาดหมายว่า จะเข้าร่วมการประชุมสุดยอดกลุ่มความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก (เอเปก) ในเกาหลีใต้ปีหน้า ซึ่งจะถือเป็นการเยือนโซลครั้งแรกของประมุขจีนในรอบ 11 ปี
    .
    เขายังกล่าวถึงการที่จีนตัดสินใจขยายมาตรการเดินทางเข้าเกาหลีใต้โดยไม่ต้องใช้วีซ่าว่า เป็นส่วนหนึ่งของการสื่อสารเชิงยุทธศาสตร์ระดับสูงระหว่างกันและความพยายามในการปรับปรุงความสัมพันธ์ และเสริมว่า โซลกำลังสำรวจความเป็นไปได้สำหรับมาตรการเดียวกัน
    .
    ทั้งนี้ นอกจากต้องพยายามควบคุมผลกระทบจากวิกฤตการเมืองต่อตลาดการเงินและตลาดปริวรรตเงินตราแล้ว เกาหลีใต้ยังต้องเตรียมพร้อมสำหรับอนาคตที่ไม่แน่นอนกับอเมริกาภายใต้คณะบริหารของทรัมป์
    .
    ภายหลังความพยายามในการประกาศกฎอัยการศึกของยุนที่ถูกสภาลงมติถอดถอนเมื่อวันเสาร์ (14 ธ.ค.) และขณะนี้ศาลรัฐธรรมนูญกำลังพิจารณาว่า จะถอดถอนหรือคืนตำแหน่งให้นั้น วอชิงตันได้วิจารณ์สถานการณ์การเมืองของเกาหลีใต้อย่างตรงไปตรงมาผิดปกติ โดยเคิร์ต แคมป์เบลล์ รัฐมนตรีช่วยต่างประเทศ ระบุว่า การตัดสินใจของยุน “ผิดพลาดร้ายแรง”
    .
    ทางด้านชอย รัฐมนตรีคลังเกาหลีใต้ แถลงว่า รัฐบาลจะใช้ทรัพยากรทั้งหมดที่มีเพื่อจัดการเศรษฐกิจให้มีเสถียรภาพที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ และรับมือความผันผวนรุนแรงในตลาดปริวรรตเงินตราอย่างเต็มที่
    .
    โชและชอยเป็นส่วนหนึ่งของคณะรัฐมนตรีที่คัดค้านแผนการประกาศกฎอัยการศึกของยุนอย่างเปิดเผยระหว่างการประชุมกลางดึกก่อนที่ยุนจะประกาศคำสั่งนี้ไม่นาน
    .
    ระหว่างให้การต่อรัฐสภาเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โชกล่าวว่า ได้เตือนว่า การประกาศกฎอัยการศึกอาจทำลายความสำเร็จที่เกาหลีใต้สร้างสมมาตลอด 70 ปี แต่ยุนไม่สนใจคำขอร้องของตนให้ทบทวนการตัดสินใจ
    .
    โชกล่าวในงานแถลงข่าวว่า ครั้งล่าสุดที่มีการประกาศใช้กฎอัยการศึกในเกาหลีใต้คือปี 1979 ซึ่งเขาได้เข้าทำงานในกระทรวงต่างประเทศ และสำทับว่า เขา “อึ้ง” กับการตัดสินใจดังกล่าวและไม่นึกไม่ฝันว่า เหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้นอีกครั้งในอีก 45 ปีต่อมา
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000121640
    ..............
    Sondhi X
    รัฐมนตรีต่างประเทศเกาหลีใต้เผยได้ร่างโรดแมปเตรียมพร้อมไว้แล้วกรณีที่ทรัมป์ฟื้นการเจรจานิวเคลียร์กับเปียงยาง แต่ยอมรับว่า สถานการณ์วุ่นวายทางการเมืองทำให้การติดต่อประสานงานกับทีมงานของว่าที่ผู้นำใหม่ของสหรัฐฯ สะดุด . ในวันพุธ (18 ธ.ค.) ที่งานแถลงข่าวร่วมต่อสื่อต่างประเทศซึ่งเกิดขึ้นไม่บ่อยนัก โช แต-ยุล รัฐมนตรีต่างประเทศ และชอย ซัง-ม็อก รัฐมนตรีคลังเกาหลีใต้ พยายามฟื้นความมั่นใจของชาติพันธมิตรและนักลงทุนในตลาด นับจากที่ประธานาธิบดียุน ซอก-ยอล พยายามประกาศกฎอัยการศึกเมื่อวันที่ 3 ธ.ค. และดึงประเทศเข้าสู่วิกฤตการเมืองครั้งใหญ่ที่สุดในรอบหลายสิบปี . โชเผยว่า เกาหลีใต้ได้สร้างเครือข่ายและช่องทางสื่อสารกับทีมหาเสียงของว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของอเมริกา “ที่แข็งแกร่งกว่าประเทศใดๆ” ทว่า การประกาศกฎอัยการศึกทำให้เครือข่ายและช่องทางเหล่านั้นสะดุดและบ่อนทำลายโมเมนตัมทางการเมืองระหว่างสองฝ่าย . ทีมงานของโชยังร่างโรดแมปสำหรับความเป็นไปได้ที่วอชิงตันและเปียงยางอาจฟื้นการเจรจานิวเคลียร์ โดยอ้างอิงการที่ทรัมป์เลือกอดีตผู้นำหน่วยข่าวกรองเป็นผู้แทนภารกิจพิเศษที่รวมถึงนโยบายต่อเกาหลีเหนือ . ตลอด 4 ปีที่ผ่านมา เปียงยางเพิกเฉยต่อการทาบทามเพื่อฟื้นการเจรจาโดยปราศจากเงื่อนไขของประธานาธิบดีโจ ไบเดน แต่ทีมงานของทรัมป์พยายามหาทางเจรจาโดยตรงกับคิม จอง-อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ เพื่อลดความเสี่ยงในการปะทะทางทหาร . นอกจากนั้นทรัมป์ยังส่งสัญญาณว่า ต้องการเจรจาเพื่อยุติสงครามในยูเครน แต่โชเชื่อว่า เรื่องนี้ต้องใช้เวลาสักพักจนกว่าจะเกิดขึ้นจริง และจำเป็นต้องหาทางตอบโต้กรณีที่เกาหลีเหนือส่งทหารไปรัสเซียควบคู่กับการเฝ้าติดตามสถานการณ์ . ในส่วนจีนนั้น โชเผยว่า ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ถูกคาดหมายว่า จะเข้าร่วมการประชุมสุดยอดกลุ่มความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก (เอเปก) ในเกาหลีใต้ปีหน้า ซึ่งจะถือเป็นการเยือนโซลครั้งแรกของประมุขจีนในรอบ 11 ปี . เขายังกล่าวถึงการที่จีนตัดสินใจขยายมาตรการเดินทางเข้าเกาหลีใต้โดยไม่ต้องใช้วีซ่าว่า เป็นส่วนหนึ่งของการสื่อสารเชิงยุทธศาสตร์ระดับสูงระหว่างกันและความพยายามในการปรับปรุงความสัมพันธ์ และเสริมว่า โซลกำลังสำรวจความเป็นไปได้สำหรับมาตรการเดียวกัน . ทั้งนี้ นอกจากต้องพยายามควบคุมผลกระทบจากวิกฤตการเมืองต่อตลาดการเงินและตลาดปริวรรตเงินตราแล้ว เกาหลีใต้ยังต้องเตรียมพร้อมสำหรับอนาคตที่ไม่แน่นอนกับอเมริกาภายใต้คณะบริหารของทรัมป์ . ภายหลังความพยายามในการประกาศกฎอัยการศึกของยุนที่ถูกสภาลงมติถอดถอนเมื่อวันเสาร์ (14 ธ.ค.) และขณะนี้ศาลรัฐธรรมนูญกำลังพิจารณาว่า จะถอดถอนหรือคืนตำแหน่งให้นั้น วอชิงตันได้วิจารณ์สถานการณ์การเมืองของเกาหลีใต้อย่างตรงไปตรงมาผิดปกติ โดยเคิร์ต แคมป์เบลล์ รัฐมนตรีช่วยต่างประเทศ ระบุว่า การตัดสินใจของยุน “ผิดพลาดร้ายแรง” . ทางด้านชอย รัฐมนตรีคลังเกาหลีใต้ แถลงว่า รัฐบาลจะใช้ทรัพยากรทั้งหมดที่มีเพื่อจัดการเศรษฐกิจให้มีเสถียรภาพที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ และรับมือความผันผวนรุนแรงในตลาดปริวรรตเงินตราอย่างเต็มที่ . โชและชอยเป็นส่วนหนึ่งของคณะรัฐมนตรีที่คัดค้านแผนการประกาศกฎอัยการศึกของยุนอย่างเปิดเผยระหว่างการประชุมกลางดึกก่อนที่ยุนจะประกาศคำสั่งนี้ไม่นาน . ระหว่างให้การต่อรัฐสภาเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โชกล่าวว่า ได้เตือนว่า การประกาศกฎอัยการศึกอาจทำลายความสำเร็จที่เกาหลีใต้สร้างสมมาตลอด 70 ปี แต่ยุนไม่สนใจคำขอร้องของตนให้ทบทวนการตัดสินใจ . โชกล่าวในงานแถลงข่าวว่า ครั้งล่าสุดที่มีการประกาศใช้กฎอัยการศึกในเกาหลีใต้คือปี 1979 ซึ่งเขาได้เข้าทำงานในกระทรวงต่างประเทศ และสำทับว่า เขา “อึ้ง” กับการตัดสินใจดังกล่าวและไม่นึกไม่ฝันว่า เหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้นอีกครั้งในอีก 45 ปีต่อมา . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000121640 .............. Sondhi X
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 728 มุมมอง 0 รีวิว
  • ยูเครนเปิดเผยกองกำลังของพวกเขาเล่นงานทหารเกาหลีเหนือจนเสียชีวิตหรือได้รับบาดเจ็บอย่างน้อย 30 ราย หลังมอสโกใช้กำลังพลของเปียงยางเหล่านี้เข้าสู้รบในแคว้นคูร์สก์ของรัสเซีย ดินแดนที่ถูกเคียฟยึดครอง ความเคลื่อนไหวที่นานาชาติที่นำโดยสหรัฐฯ เรียกว่าเป็นการขยายวงสงครามที่อันตราย
    .
    ทหารจากเกาหลีเหนือนับหมื่นนาย ถูกส่งเข้ามาเสริมขุมกำลังของกองกำลังรัสเซีย ในนั้นรวมถึงแคว้นคูร์สก์ ที่ตั้งอยู่ตามแนวชายแดนระหว่างรัสเซียกับยูเครน บริเวณที่มอสโกกำลังตีโต้กลับทวงคืนดินแดน หลังถูกกองทัพยูเครนจู่โจมรุกรานแบบสายฟ้าแลบเมื่อช่วงฤดูร้อนที่ผ่านมา
    .
    "เมื่อวันที่ 14 และ 15 ธันวาคม หน่วยทหารจากเกาหลีเหนือประสบความสูญเสียอย่างมากแถวๆ หมู่บ้านเพลคโฮโว โวรอซช์บา และ มาร์ตีนอฟกา ในแคว้นคูร์สก์ของรัสเซีย มีทหารเสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บอย่างน้อย 30 นาย" หน่วยข่าวกรองทหารของยูเครนระบุ
    .
    ถ้อยแถลงนี้ถูกเผยแพร่ออกมาในขณะที่ก่อนหน้านี้มีรายงานว่า หน่วยทหารต่างๆ ของรัสเซีย กำลังถูกเติมเต็มด้วยกำลังพลจากเกาหลีเหนือ ซึ่งพวกเจ้าหน้าที่ตะวันตกคาดหมายว่าเปียงยางได้ส่งทหารอย่างน้อย 10,000 นาย เข้าช่วยมอสโกสู้รบกับยูเครน
    .
    กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ (เพนตากอน) ในวันจันทร์ (16 ธ.ค.) บอกเช่นกันว่าทหารเกาหลีเหนือได้เข้าร่วมวงการสู้รบเคียงข้างกองกำลังรัสเซียในแคว้นคูร์สก์เป็นครั้งแรก และยืนยันข้อมูลที่ว่ามีทหารเกาหลีเหนือเสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บในสนามรบ
    .
    "เราประเมินว่าทหารเกาหลีเหนือได้ร่วมสู้รบในแคว้นคูร์สก์ เราพบสิ่งบ่งชี้ว่าพวกเขาประสบความสูญเสีย ทั้งเสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บ" พลตรีแพท ไรเดอร์ โฆษกเพนตากอนบอกกับผู้สื่อข่าว อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับจำนวนความสูญเสียของทหารเกาหลีเหนือ
    .
    ขณะเดียวกัน ในถ้อยแถลงร่วมที่เผยแพร่โดยสหรัฐฯ ในจันทร์ (16 ธ.ค.) ประเทศต่างๆ 10 ชาติ และสหภาพยุโรป เรียกการเข้าร่วมวงมากขึ้นเรื่อยๆ ของเกาหลีเหนือในสงครามของรัสเซียในยูเครน เป็นการขยายวงที่อันตราย
    .
    เหล่ารัฐมนตรีต่างประเทศของออสเตรเลีย แคนาดา ฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลี ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ นิวซีแลนด์ สหราชอาณาจักร สหรัฐฯ และผู้แทนระดับสูงของสหภาพยุโรป ร่วมลงนามในถ้อยแถลงร่วมดังกล่าว ที่เนื้อหาในนั้นยังระบุด้วยว่าพวกเขา "รู้สึกกังวลอย่างยิ่งต่อแรงสนับสนุนทางการเมือง การทหารและทางเศรษฐใดๆ ที่รัสเซียอาจมอบให้แก่โครงการอาวุธผิดกฎหมายของเกาหลีเหนือ ในนั้นรวมถึงอาวุธทำลายล้าง"
    .
    คำแถลงของสำนักงานข่าวกรองทหารของยูเครน เกี่ยวกับตัวเลขความสูญเสียของทหารเกาหลีเหนือ มีขึ้่นหลังจากประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน กล่าวอ้างในวันเสาร์ (14 ธ.ค.) ว่ารัสเซียกำลังใช้ทหารเกาหลีเหนือจำนวนมากเป็นครั้งแรก ในปฏิบัติการจู่โจมในแคว้นคูร์สก์
    .
    นอกจากนี้ เซเลนสกียังกล่าวอ้างด้วยว่าเขาได้ยินมาว่าบางทีทหารเกาหลีเหนือยังอาจถูกใช้งานในพื้นที่อื่นๆ ของแนวหน้าด้วย และความสูญเสียที่เกิดขึ้นกับกำลังพลเหล่านี้สามารถสังเกตเห็นได้ชัด
    .
    รัสเซียและเกาหลีเหนือ กระชับความสัมพันธ์ทางทหารแน่นแฟ้นขึ้นนับตั้งแต่มอสโกรุกรานยูเครน
    .
    กระทรวงกลาโหมของรัสเซียระบุเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า ทหารของพวกเขาสามารถทวงคืนถิ่นฐานเล็กๆ บางส่วนในแคว้นคูร์สก์กลับมาได้แล้ว
    .
    เมื่อเดือนที่แล้ว แหล่งข่างกองทัพยูเครนเปิดเผยกับเอเอฟพีว่า เคียฟยึดครองดินแดนในแคว้นคูร์สก์ของรัสเซียได้ราว 800 ตารางกิโลเมตร ลดลงจากคำกล่าวอ้างครั้งก่อน ที่บอกว่าพวกเขาควบคุมพื้นที่ราว 1,400 ตารางกิโลเมตร
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000120826
    ..............
    Sondhi X
    ยูเครนเปิดเผยกองกำลังของพวกเขาเล่นงานทหารเกาหลีเหนือจนเสียชีวิตหรือได้รับบาดเจ็บอย่างน้อย 30 ราย หลังมอสโกใช้กำลังพลของเปียงยางเหล่านี้เข้าสู้รบในแคว้นคูร์สก์ของรัสเซีย ดินแดนที่ถูกเคียฟยึดครอง ความเคลื่อนไหวที่นานาชาติที่นำโดยสหรัฐฯ เรียกว่าเป็นการขยายวงสงครามที่อันตราย . ทหารจากเกาหลีเหนือนับหมื่นนาย ถูกส่งเข้ามาเสริมขุมกำลังของกองกำลังรัสเซีย ในนั้นรวมถึงแคว้นคูร์สก์ ที่ตั้งอยู่ตามแนวชายแดนระหว่างรัสเซียกับยูเครน บริเวณที่มอสโกกำลังตีโต้กลับทวงคืนดินแดน หลังถูกกองทัพยูเครนจู่โจมรุกรานแบบสายฟ้าแลบเมื่อช่วงฤดูร้อนที่ผ่านมา . "เมื่อวันที่ 14 และ 15 ธันวาคม หน่วยทหารจากเกาหลีเหนือประสบความสูญเสียอย่างมากแถวๆ หมู่บ้านเพลคโฮโว โวรอซช์บา และ มาร์ตีนอฟกา ในแคว้นคูร์สก์ของรัสเซีย มีทหารเสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บอย่างน้อย 30 นาย" หน่วยข่าวกรองทหารของยูเครนระบุ . ถ้อยแถลงนี้ถูกเผยแพร่ออกมาในขณะที่ก่อนหน้านี้มีรายงานว่า หน่วยทหารต่างๆ ของรัสเซีย กำลังถูกเติมเต็มด้วยกำลังพลจากเกาหลีเหนือ ซึ่งพวกเจ้าหน้าที่ตะวันตกคาดหมายว่าเปียงยางได้ส่งทหารอย่างน้อย 10,000 นาย เข้าช่วยมอสโกสู้รบกับยูเครน . กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ (เพนตากอน) ในวันจันทร์ (16 ธ.ค.) บอกเช่นกันว่าทหารเกาหลีเหนือได้เข้าร่วมวงการสู้รบเคียงข้างกองกำลังรัสเซียในแคว้นคูร์สก์เป็นครั้งแรก และยืนยันข้อมูลที่ว่ามีทหารเกาหลีเหนือเสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บในสนามรบ . "เราประเมินว่าทหารเกาหลีเหนือได้ร่วมสู้รบในแคว้นคูร์สก์ เราพบสิ่งบ่งชี้ว่าพวกเขาประสบความสูญเสีย ทั้งเสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บ" พลตรีแพท ไรเดอร์ โฆษกเพนตากอนบอกกับผู้สื่อข่าว อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับจำนวนความสูญเสียของทหารเกาหลีเหนือ . ขณะเดียวกัน ในถ้อยแถลงร่วมที่เผยแพร่โดยสหรัฐฯ ในจันทร์ (16 ธ.ค.) ประเทศต่างๆ 10 ชาติ และสหภาพยุโรป เรียกการเข้าร่วมวงมากขึ้นเรื่อยๆ ของเกาหลีเหนือในสงครามของรัสเซียในยูเครน เป็นการขยายวงที่อันตราย . เหล่ารัฐมนตรีต่างประเทศของออสเตรเลีย แคนาดา ฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลี ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ นิวซีแลนด์ สหราชอาณาจักร สหรัฐฯ และผู้แทนระดับสูงของสหภาพยุโรป ร่วมลงนามในถ้อยแถลงร่วมดังกล่าว ที่เนื้อหาในนั้นยังระบุด้วยว่าพวกเขา "รู้สึกกังวลอย่างยิ่งต่อแรงสนับสนุนทางการเมือง การทหารและทางเศรษฐใดๆ ที่รัสเซียอาจมอบให้แก่โครงการอาวุธผิดกฎหมายของเกาหลีเหนือ ในนั้นรวมถึงอาวุธทำลายล้าง" . คำแถลงของสำนักงานข่าวกรองทหารของยูเครน เกี่ยวกับตัวเลขความสูญเสียของทหารเกาหลีเหนือ มีขึ้่นหลังจากประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน กล่าวอ้างในวันเสาร์ (14 ธ.ค.) ว่ารัสเซียกำลังใช้ทหารเกาหลีเหนือจำนวนมากเป็นครั้งแรก ในปฏิบัติการจู่โจมในแคว้นคูร์สก์ . นอกจากนี้ เซเลนสกียังกล่าวอ้างด้วยว่าเขาได้ยินมาว่าบางทีทหารเกาหลีเหนือยังอาจถูกใช้งานในพื้นที่อื่นๆ ของแนวหน้าด้วย และความสูญเสียที่เกิดขึ้นกับกำลังพลเหล่านี้สามารถสังเกตเห็นได้ชัด . รัสเซียและเกาหลีเหนือ กระชับความสัมพันธ์ทางทหารแน่นแฟ้นขึ้นนับตั้งแต่มอสโกรุกรานยูเครน . กระทรวงกลาโหมของรัสเซียระบุเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า ทหารของพวกเขาสามารถทวงคืนถิ่นฐานเล็กๆ บางส่วนในแคว้นคูร์สก์กลับมาได้แล้ว . เมื่อเดือนที่แล้ว แหล่งข่างกองทัพยูเครนเปิดเผยกับเอเอฟพีว่า เคียฟยึดครองดินแดนในแคว้นคูร์สก์ของรัสเซียได้ราว 800 ตารางกิโลเมตร ลดลงจากคำกล่าวอ้างครั้งก่อน ที่บอกว่าพวกเขาควบคุมพื้นที่ราว 1,400 ตารางกิโลเมตร . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000120826 .............. Sondhi X
    Like
    Love
    Haha
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 705 มุมมอง 0 รีวิว
  • ประธานาธิบดียุน ซ็อกยอล แห่งเกาหลีใต้ ประกาศว่าจะต่อสู้เพื่ออนาคตทางการเมือง หลังเขาถูกถอดถอนพ้นจากตำแหน่ง ในการโหวตครั้งที่ 2 ของรัฐสภาที่นำโดยฝ่ายค้าน ต่อการประกาศกฎอัยการศึกที่มีผลบังคับในช่วงสั้นๆ ความเคลื่อนไหวที่สร้างความตกตะลึงไปทั่วประเทศ
    .
    ศาลรัฐธรรมนูญจะตัดสินใจว่าจะรับรองการถอดถอนยุนพ้นจากเก้าอี้หรือไม่ ในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่งใน 6 เดือนข้างหน้า และถ้าศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเห็นชอบมติถอดถอน เมื่อนั้นก็จะมีการเลือกตั้งใหม่
    .
    นายกรัฐมนตรีนายฮัน ด็อก-ซู ซึ่งได้รับแต่งตั้งจากยุน ก้าวมาเป็นรักษาการประธานาธิบดี ในระหว่างที่ ยุน ยังคงอยู่ในตำแหน่ง แต่อำนาจประธานาธิบดีของเขาถูกพักเอาไว้ ในขณะที่วาระการดำรงตำแหน่งของเขาเพิ่งผ่านมาได้แค่ครึ่งทาง
    .
    "ผมจะใช้ทุกความเข้มแข็งที่ผมมีและทุกความพยายามในการรักษาเสถียรภาพแก่รัฐบาล" ฮันบอกกับผู้สื่อข่าวหลังการโหวต
    .
    วิกฤตการเมืองครั้งนี้ อันนำมาซึ่งการลาออกและการจับกุมเจ้าหน้าที่กลาโหมและเจ้าหน้าที่ทหารระดับสูงหลายรายก่อความกังวลเกี่ยวกับศักยภาพของเกาหลีใต้ในการป้องปรามเกาหลีเหนือ ชาติติดอาวุธนิวเคลียร์ ในช่วงเวลาที่ เปียงยาง กำลังยกระดับคลังแสงและกระชับความสัมพันธ์แน่นแฟ้นขึ้นกับรัสเซีย
    .
    ยุน ถือเป็นประธานาธิบดีอนุรักษนิยมคนที่ 2 ติดต่อกันที่ถูกถอดถอนในเกาหลีใต้ หลังจากพัค กึน-ฮเย ถูกเขี่ยพ้นจากตำแหน่งในปี 2017 ทั้งนี้ ยุน ถูกยื่นถอดถอนครั้งแรกเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่แล้ว แต่รอดพ้นมาได้สืบเนื่องจากสมาชิกพรรคของเขาส่วนใหญ่บอตคอตการลงมติ ส่งผลให้องค์ประชุมไม่ครบ อย่างไรก็ตาม ท้ายที่สุดแล้ว ก็เขาถูกถอดถอนในการลงมติรอบ 2
    .
    "แม้ว่าผมจะหยุดแล้วในตอนนี้ แต่การเดินทางเคียงข้างประชาชนของผมในช่วง 2 ปีครึ่งที่ผ่านมา ในการมุ่งหน้าสู่อนาคต จะไม่มีวันหยุดลง ผมจะไม่มีวันยอมแพ้" ยุนกล่าว
    .
    บรรดาผู้ประท้วงใกล้อาคารรัฐสภาที่สนับสนุนการถอดถอนยุน ส่งเสียงยินดีอย่างกึกก้องขานรับข่าวการลงมติถอดถอน สวนทางกับบรรยากาศของที่ชุมนุมของฝ่ายสนับสนุนยุน
    .
    ญัตติถอดถอนประธานาธิบดีครั้งนี้มี ส.ส.ทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาลร่วมกันโหวตเห็นชอบ 204 เสียง คัดค้าน 85 เสียง งดออกเสียง 3 เสียง และมีคะแนนโหวตที่เป็นโมฆะ (nullified) อีก 8 เสียง
    .
    ส.ส.พรรคพลังประชาชน (PPP) ที่เป็นฝั่งรัฐบาลประกาศไม่บอยคอตการโหวตเหมือนเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว และมี ส.ส.อย่างน้อย 12 คนที่ช่วยโหวตสนับสนุนญัตติถอดถอนของฝ่ายค้าน เปิดทางสำหรับการได้คะแนนเสียง 2 ใน 3 ที่จำเป็นสำหรับการถอดถอน ในสมัชชาที่มีทั้งหมด 300 ที่นั่ง และมีพรรค PPP ครองเสียงข้างมากด้วยจำนวน 192 เสียง
    .
    ยุน สร้างความตกตะลึงไปทั่วประเทศเมื่อวันที่ 3 ธันวาคม เมื่อเขาประกาศกฎอัยการศึก ให้อำนาจฉุกเฉินอย่างกว้างขวางแก่กองทัพในการขุดรากถอนโคนในสิ่งที่เขาเรียกว่า "กองกำลังต่อต้านรัฐ" และพิชิตการทำตัวเป็นอุปสรรคขัดขวางของฝ่ายตรงข้ามทางการเมือง
    .
    อย่างไรก็ตาม เขายกเลิกประกาศดังกล่าวเพียงแค่อีก 6 ชั่วโมงต่อมา หลังจากรัฐสภาขัดขืนทหารและตำรวจ ลงมติคัดค้านอัยการศึก แต่มันฉุดให้ประเทศแห่งนี้ดำดิ่งสู่วิกฤตรัฐธรรมนูญและโหมกระพือเสียงเรียกร้องอย่างกว้างขวางให้เขาลาออกจากตำแหน่ง ในเหตุผลที่ว่าเขาละเมิดกฎหมาย
    .
    ต่อมา ยุน ออกมาขอโทษ แต่ปกป้องการตัดสินใจของตนเอง แต่เมินเสียงเรียกร้องให้ลาออกจากตำแหน่ง กระตุ้นให้บรรดาพรรคฝ่ายค้ายยื่นถอดถอน ภายใต้การสนับสนุนของผู้ชุมนุมจำนวนมาก
    .
    นอกจากนี้ ยุน ยังอยู่ภายใต้การสืบสวนทางอาญา ตามคำกล่าวหาก่อกบฏจากการประกาศอัยการศึก และเจ้าหน้าที่สั่งห้ามเขาเดินทางออกนอกประเทศ
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000120164
    ..............
    Sondhi X
    ประธานาธิบดียุน ซ็อกยอล แห่งเกาหลีใต้ ประกาศว่าจะต่อสู้เพื่ออนาคตทางการเมือง หลังเขาถูกถอดถอนพ้นจากตำแหน่ง ในการโหวตครั้งที่ 2 ของรัฐสภาที่นำโดยฝ่ายค้าน ต่อการประกาศกฎอัยการศึกที่มีผลบังคับในช่วงสั้นๆ ความเคลื่อนไหวที่สร้างความตกตะลึงไปทั่วประเทศ . ศาลรัฐธรรมนูญจะตัดสินใจว่าจะรับรองการถอดถอนยุนพ้นจากเก้าอี้หรือไม่ ในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่งใน 6 เดือนข้างหน้า และถ้าศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเห็นชอบมติถอดถอน เมื่อนั้นก็จะมีการเลือกตั้งใหม่ . นายกรัฐมนตรีนายฮัน ด็อก-ซู ซึ่งได้รับแต่งตั้งจากยุน ก้าวมาเป็นรักษาการประธานาธิบดี ในระหว่างที่ ยุน ยังคงอยู่ในตำแหน่ง แต่อำนาจประธานาธิบดีของเขาถูกพักเอาไว้ ในขณะที่วาระการดำรงตำแหน่งของเขาเพิ่งผ่านมาได้แค่ครึ่งทาง . "ผมจะใช้ทุกความเข้มแข็งที่ผมมีและทุกความพยายามในการรักษาเสถียรภาพแก่รัฐบาล" ฮันบอกกับผู้สื่อข่าวหลังการโหวต . วิกฤตการเมืองครั้งนี้ อันนำมาซึ่งการลาออกและการจับกุมเจ้าหน้าที่กลาโหมและเจ้าหน้าที่ทหารระดับสูงหลายรายก่อความกังวลเกี่ยวกับศักยภาพของเกาหลีใต้ในการป้องปรามเกาหลีเหนือ ชาติติดอาวุธนิวเคลียร์ ในช่วงเวลาที่ เปียงยาง กำลังยกระดับคลังแสงและกระชับความสัมพันธ์แน่นแฟ้นขึ้นกับรัสเซีย . ยุน ถือเป็นประธานาธิบดีอนุรักษนิยมคนที่ 2 ติดต่อกันที่ถูกถอดถอนในเกาหลีใต้ หลังจากพัค กึน-ฮเย ถูกเขี่ยพ้นจากตำแหน่งในปี 2017 ทั้งนี้ ยุน ถูกยื่นถอดถอนครั้งแรกเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่แล้ว แต่รอดพ้นมาได้สืบเนื่องจากสมาชิกพรรคของเขาส่วนใหญ่บอตคอตการลงมติ ส่งผลให้องค์ประชุมไม่ครบ อย่างไรก็ตาม ท้ายที่สุดแล้ว ก็เขาถูกถอดถอนในการลงมติรอบ 2 . "แม้ว่าผมจะหยุดแล้วในตอนนี้ แต่การเดินทางเคียงข้างประชาชนของผมในช่วง 2 ปีครึ่งที่ผ่านมา ในการมุ่งหน้าสู่อนาคต จะไม่มีวันหยุดลง ผมจะไม่มีวันยอมแพ้" ยุนกล่าว . บรรดาผู้ประท้วงใกล้อาคารรัฐสภาที่สนับสนุนการถอดถอนยุน ส่งเสียงยินดีอย่างกึกก้องขานรับข่าวการลงมติถอดถอน สวนทางกับบรรยากาศของที่ชุมนุมของฝ่ายสนับสนุนยุน . ญัตติถอดถอนประธานาธิบดีครั้งนี้มี ส.ส.ทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาลร่วมกันโหวตเห็นชอบ 204 เสียง คัดค้าน 85 เสียง งดออกเสียง 3 เสียง และมีคะแนนโหวตที่เป็นโมฆะ (nullified) อีก 8 เสียง . ส.ส.พรรคพลังประชาชน (PPP) ที่เป็นฝั่งรัฐบาลประกาศไม่บอยคอตการโหวตเหมือนเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว และมี ส.ส.อย่างน้อย 12 คนที่ช่วยโหวตสนับสนุนญัตติถอดถอนของฝ่ายค้าน เปิดทางสำหรับการได้คะแนนเสียง 2 ใน 3 ที่จำเป็นสำหรับการถอดถอน ในสมัชชาที่มีทั้งหมด 300 ที่นั่ง และมีพรรค PPP ครองเสียงข้างมากด้วยจำนวน 192 เสียง . ยุน สร้างความตกตะลึงไปทั่วประเทศเมื่อวันที่ 3 ธันวาคม เมื่อเขาประกาศกฎอัยการศึก ให้อำนาจฉุกเฉินอย่างกว้างขวางแก่กองทัพในการขุดรากถอนโคนในสิ่งที่เขาเรียกว่า "กองกำลังต่อต้านรัฐ" และพิชิตการทำตัวเป็นอุปสรรคขัดขวางของฝ่ายตรงข้ามทางการเมือง . อย่างไรก็ตาม เขายกเลิกประกาศดังกล่าวเพียงแค่อีก 6 ชั่วโมงต่อมา หลังจากรัฐสภาขัดขืนทหารและตำรวจ ลงมติคัดค้านอัยการศึก แต่มันฉุดให้ประเทศแห่งนี้ดำดิ่งสู่วิกฤตรัฐธรรมนูญและโหมกระพือเสียงเรียกร้องอย่างกว้างขวางให้เขาลาออกจากตำแหน่ง ในเหตุผลที่ว่าเขาละเมิดกฎหมาย . ต่อมา ยุน ออกมาขอโทษ แต่ปกป้องการตัดสินใจของตนเอง แต่เมินเสียงเรียกร้องให้ลาออกจากตำแหน่ง กระตุ้นให้บรรดาพรรคฝ่ายค้ายยื่นถอดถอน ภายใต้การสนับสนุนของผู้ชุมนุมจำนวนมาก . นอกจากนี้ ยุน ยังอยู่ภายใต้การสืบสวนทางอาญา ตามคำกล่าวหาก่อกบฏจากการประกาศอัยการศึก และเจ้าหน้าที่สั่งห้ามเขาเดินทางออกนอกประเทศ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000120164 .............. Sondhi X
    Like
    Haha
    10
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 820 มุมมอง 0 รีวิว
  • รัสเซียเริ่มใช้กำลังทหารเกาหลีเหนือจำนวนมากในปฏิบัติการโจมตีเป็นครั้งแรกเล่นงานกองกำลังยูเครนที่กำลังรักษาฐานที่มั่นในแคว้นคูร์สก์ของรัสเซีย จากการเปิดเผยของประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน
    .
    ผู้นำรัสเซียบอกว่าการใช้งานทหารเกาหลีเหนือเพิ่มมากขึ้น ถึงเป็นการยกระดับสถานการณ์ให้ลุกลามครั้งใหญ่และเรียกร้องให้นานาชาติทำการตอบโต้ ในขณะที่การหวนคืนสู่เก้าอี้ทำเนียบขาวของโดนัลด์ ทรัมป์ ในเดือนหน้า โหมกระพือข่าวลือว่าเขากำลังผลักดันเข้าสู่การเจรจาสันติภาพ
    .
    "วันนี้ เรามีข้อมูลเบื้องต้นที่ว่า รัสเซียเริ่มใช้ทหารเกาหลีเหนือในการจู่โจมของพวกเขา จำนวนมากของกำลังพลเหล่านั้น" เซเลนสกีบอกกับชาวยูเครน ในคำแถลงรายวันเกี่ยวกับสงคราม
    .
    เขากล่าวต่อว่าทหารเกาหลีเหนือถูกใช้งานร่วมกับหน่วยกำลังพลของรัสเซีย และในตอนนี้ยังถูกใช้งานเพียงแค่ในแนวหน้าแคว้นคูร์สก์เท่านั้น พร้อมระบุ "แต่เรามีข้อมูลบ่งชี้ว่า พวกเขาขยายสู่พื้นที่อื่นในแนวหน้าด้วย"
    .
    เคียฟ กล่าวอ้างเกี่ยวกับการปรากฏตัวของทหารเกาหลีเหนือในแคว้นคูร์สก์เป็นครั้งแรกในเดือนตุลาคม และต่อมาได้รายงานเกี่ยวกับเหตุปะทะกับการสูญเสีย ทั้งนี้ ประมาณการว่ารวมแล้วมีทหารเกาหลีเหนือ 11,000 นาย เข้าเสริมกำลังแก่ทหารรัสเซียที่มีอยู่กว่าหลายหมื่นหลายแสนนาย
    .
    รัสเซียไม่ยืนยันหรือปฏิเสธเกี่ยวกับข่าวการปรากฏตัวของทหารเกาหลีเหนืออยู่ร่วมกับฝ่ายของพวกเขา
    .
    ยูเครน ซึ่งถูกทหารรัสเซียยึดครองดินแดนราว 1 ใน 5 ของประเทศ ได้เปิดฉากรุกรานตอบโต้เข้าไปยังแคว้นคูร์สก์ ทางตะวันตกของรัสเซียในเดือนสิงหาคม ความเคลื่อนไหวที่พวกเขาบอกว่าจะใช้เป็นเบี้ยต่อรองในการเจรจาใดๆ เพื่อยุติสงคราม
    .
    เคียฟยังบอกด้วยว่าปฏิบัติการนี้ต้องการเบี่ยงเบนความสนใจของกองกำลังรัสเซีย แต่สุดท้ายแล้วก็ไม่อาจหยุดยั้งมอสโกจากการรุกคืบทางตะวันออกในอัตราที่รวดเร็วที่สุดนับตั้งแต่ปี 2022 แม้กองกำลังรัสเซียประสบความสูญเสียอย่างหนัก ตามคำกล่าวอ้างของยูเครนและตะวันตก
    .
    เสนาธิการทหารยูเครนรายงานว่ารัสเซียยกระดับจู่โจมในแนวหน้าแคว้นคูร์กส์ในจำนวนที่เพิ่มขึ้น ในนั้นรวมถึงการโจมตีทางอากาศ จู่โจมด้วยระเบิดร่อนและปืนใหญ่
    .
    อันดรี โควาเลนโก เจ้าหน้าที่แห่งสภากลาโหมและความมั่นคงแห่งชาติของยูเครน บอกว่าเกาหลีเหนือประสบความสูญเสีย แต่ไม่ได้ให้จำนวนใดๆ
    .
    ในขณะที่การกลับสู่เก้าอี้ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ของทรัมป์ ได้ดึงโฟกัสไปสู่ความเป็นไปได้ของการยุติสงครามในยูเครน ทาง เคียฟ ได้เรียกร้องตะวันตกให้นำพาพวกเขาไปสู่สถานะที่เข้มแข็งกว่าเดิม และแสดงความไม่พอใจเกี่ยวกับความกังวลสถานการณ์ลุกลามปลาย ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกับเซเลนสกี ที่ประณามบทบาทของเกาหลีเหนือในการสู้รบด้วย
    .
    "โดยเนื้อแท้แล้ว มอสโกได้ลากอีกรัฐหนึ่งเข้าสู่สงคราม และเข้าสู่ความเป็นไปได้แห่งการขยายวงเต็มรูปแบบ ถ้ามันไม่ใช่การยกระดับสงคราม แล้วการขยายวงความขัดแย้งแบบไหนที่เราพูดถึงกันมากมายเหลือเกิน" เซเลนสกีกล่าว
    .
    เขาให้คำแถลงครั้งนี้ ร้องขอรอบใหม่ให้เหล่าพันธมิตรยกระดับความเข้มแข็งในการสนับสนุนเคียฟ บางอย่างที่เขาบอกว่าจะมีการพูดคุยหารือกับบรรดามหาอำนาจยุโรปในสัปดาห์หน้า
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000120163
    ..............
    Sondhi X
    รัสเซียเริ่มใช้กำลังทหารเกาหลีเหนือจำนวนมากในปฏิบัติการโจมตีเป็นครั้งแรกเล่นงานกองกำลังยูเครนที่กำลังรักษาฐานที่มั่นในแคว้นคูร์สก์ของรัสเซีย จากการเปิดเผยของประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน . ผู้นำรัสเซียบอกว่าการใช้งานทหารเกาหลีเหนือเพิ่มมากขึ้น ถึงเป็นการยกระดับสถานการณ์ให้ลุกลามครั้งใหญ่และเรียกร้องให้นานาชาติทำการตอบโต้ ในขณะที่การหวนคืนสู่เก้าอี้ทำเนียบขาวของโดนัลด์ ทรัมป์ ในเดือนหน้า โหมกระพือข่าวลือว่าเขากำลังผลักดันเข้าสู่การเจรจาสันติภาพ . "วันนี้ เรามีข้อมูลเบื้องต้นที่ว่า รัสเซียเริ่มใช้ทหารเกาหลีเหนือในการจู่โจมของพวกเขา จำนวนมากของกำลังพลเหล่านั้น" เซเลนสกีบอกกับชาวยูเครน ในคำแถลงรายวันเกี่ยวกับสงคราม . เขากล่าวต่อว่าทหารเกาหลีเหนือถูกใช้งานร่วมกับหน่วยกำลังพลของรัสเซีย และในตอนนี้ยังถูกใช้งานเพียงแค่ในแนวหน้าแคว้นคูร์สก์เท่านั้น พร้อมระบุ "แต่เรามีข้อมูลบ่งชี้ว่า พวกเขาขยายสู่พื้นที่อื่นในแนวหน้าด้วย" . เคียฟ กล่าวอ้างเกี่ยวกับการปรากฏตัวของทหารเกาหลีเหนือในแคว้นคูร์สก์เป็นครั้งแรกในเดือนตุลาคม และต่อมาได้รายงานเกี่ยวกับเหตุปะทะกับการสูญเสีย ทั้งนี้ ประมาณการว่ารวมแล้วมีทหารเกาหลีเหนือ 11,000 นาย เข้าเสริมกำลังแก่ทหารรัสเซียที่มีอยู่กว่าหลายหมื่นหลายแสนนาย . รัสเซียไม่ยืนยันหรือปฏิเสธเกี่ยวกับข่าวการปรากฏตัวของทหารเกาหลีเหนืออยู่ร่วมกับฝ่ายของพวกเขา . ยูเครน ซึ่งถูกทหารรัสเซียยึดครองดินแดนราว 1 ใน 5 ของประเทศ ได้เปิดฉากรุกรานตอบโต้เข้าไปยังแคว้นคูร์สก์ ทางตะวันตกของรัสเซียในเดือนสิงหาคม ความเคลื่อนไหวที่พวกเขาบอกว่าจะใช้เป็นเบี้ยต่อรองในการเจรจาใดๆ เพื่อยุติสงคราม . เคียฟยังบอกด้วยว่าปฏิบัติการนี้ต้องการเบี่ยงเบนความสนใจของกองกำลังรัสเซีย แต่สุดท้ายแล้วก็ไม่อาจหยุดยั้งมอสโกจากการรุกคืบทางตะวันออกในอัตราที่รวดเร็วที่สุดนับตั้งแต่ปี 2022 แม้กองกำลังรัสเซียประสบความสูญเสียอย่างหนัก ตามคำกล่าวอ้างของยูเครนและตะวันตก . เสนาธิการทหารยูเครนรายงานว่ารัสเซียยกระดับจู่โจมในแนวหน้าแคว้นคูร์กส์ในจำนวนที่เพิ่มขึ้น ในนั้นรวมถึงการโจมตีทางอากาศ จู่โจมด้วยระเบิดร่อนและปืนใหญ่ . อันดรี โควาเลนโก เจ้าหน้าที่แห่งสภากลาโหมและความมั่นคงแห่งชาติของยูเครน บอกว่าเกาหลีเหนือประสบความสูญเสีย แต่ไม่ได้ให้จำนวนใดๆ . ในขณะที่การกลับสู่เก้าอี้ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ของทรัมป์ ได้ดึงโฟกัสไปสู่ความเป็นไปได้ของการยุติสงครามในยูเครน ทาง เคียฟ ได้เรียกร้องตะวันตกให้นำพาพวกเขาไปสู่สถานะที่เข้มแข็งกว่าเดิม และแสดงความไม่พอใจเกี่ยวกับความกังวลสถานการณ์ลุกลามปลาย ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกับเซเลนสกี ที่ประณามบทบาทของเกาหลีเหนือในการสู้รบด้วย . "โดยเนื้อแท้แล้ว มอสโกได้ลากอีกรัฐหนึ่งเข้าสู่สงคราม และเข้าสู่ความเป็นไปได้แห่งการขยายวงเต็มรูปแบบ ถ้ามันไม่ใช่การยกระดับสงคราม แล้วการขยายวงความขัดแย้งแบบไหนที่เราพูดถึงกันมากมายเหลือเกิน" เซเลนสกีกล่าว . เขาให้คำแถลงครั้งนี้ ร้องขอรอบใหม่ให้เหล่าพันธมิตรยกระดับความเข้มแข็งในการสนับสนุนเคียฟ บางอย่างที่เขาบอกว่าจะมีการพูดคุยหารือกับบรรดามหาอำนาจยุโรปในสัปดาห์หน้า . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000120163 .............. Sondhi X
    Like
    Haha
    10
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 629 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts