ชักชวนกันอ่านหนังสือ หนังสือไม่ว่าจะเป็นแนวไหนล้วนมีประโยชน์
- อคติต่อสิ่งที่เป็นก็ดีอยู่แล้ว (Status Quo Bias) เรายินดีที่จะถือครอง สิ่งหนึ่งมากกว่าสับเปลี่ยนไปทางเลือกที่ดีกว่า แม้ว่าสิ่งนั้นจะดีกว่า ตัวอย่างเช่นถ้าคุณได้รับมรดกเป็นหุ้น Blackberry มูลค่า 10,000 ดอลลาร์ คุณมีแนวโน้มที่จะถือหุ้นนั้นต่อไป แต่ถ้าคุณมีเงินสดจำนวน เท่ากันคุณก็จะไม่ซื้อหุ้น Blackberry
จากหนังสือ The Money Formula สมการสานล้านพลิกกระดานวอลสตรีท
อคติต่อสิ่งที่เป็นก็ดีอยู่แล้ว (Status Quo Bias) เรายินดีที่จะถือครอง สิ่งหนึ่งมากกว่าสับเปลี่ยนไปทางเลือกที่ดีกว่า แม้ว่าสิ่งนั้นจะดีกว่า ตัวอย่างเช่นถ้าคุณได้รับมรดกเป็นหุ้น Blackberry มูลค่า 10,000 ดอลลาร์ คุณมีแนวโน้มที่จะถือหุ้นนั้นต่อไป แต่ถ้าคุณมีเงินสดจำนวน เท่ากันคุณก็จะไม่ซื้อหุ้น Blackberry จากหนังสือ The Money Formula สมการสานล้านพลิกกระดานวอลสตรีท0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2 มุมมอง 0 รีวิวกรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อกดถูกใจ แชร์ และแสดงความคิดเห็น! - ช่วงกลางศตวรรษที่ 5 ชาวแองเกิล (Angles) และแซ็กซอน (Saxons) เดินทางข้ามทะเลเหนือจากเยอรมนีตอนเหนือมารุกราน (กาะอังกฤษ ทำให้ชนพื้นเมืองที่พูดภาษาเคลติก (Celtic) ต้อง รุ่นหนีไปอยู่ทางตะวันตกและตอนเหนือของเกาะ (ปัจจุบันคือ แถบเวลส์ สกอตแลนด์ และไอร์แลนด์)
ส่วนภาษาตระกูลเจอร์แมนิกที่ชาวแองเกิลและแซ็กซอน พกติดตัวมาด้วย ในที่สุดก็พัฒนามาเป็นภาษาที่เป็นรากฐาน ของภาษาอังกฤษ ซึ่งนักวิชาการเรียกภาษานี้ว่า 'ภาษาแองโกล แซ็กซอน (Anglo-Saxons) หรือที่รู้จักกันในอีกชื่อว่า “ภาษา อังกฤษเก่า' (Old English) นั่นเอง
จากหนังสือ Word Odyssey คำสัมพันธ์ศัพท์ซ้อนช่วงกลางศตวรรษที่ 5 ชาวแองเกิล (Angles) และแซ็กซอน (Saxons) เดินทางข้ามทะเลเหนือจากเยอรมนีตอนเหนือมารุกราน (กาะอังกฤษ ทำให้ชนพื้นเมืองที่พูดภาษาเคลติก (Celtic) ต้อง รุ่นหนีไปอยู่ทางตะวันตกและตอนเหนือของเกาะ (ปัจจุบันคือ แถบเวลส์ สกอตแลนด์ และไอร์แลนด์) ส่วนภาษาตระกูลเจอร์แมนิกที่ชาวแองเกิลและแซ็กซอน พกติดตัวมาด้วย ในที่สุดก็พัฒนามาเป็นภาษาที่เป็นรากฐาน ของภาษาอังกฤษ ซึ่งนักวิชาการเรียกภาษานี้ว่า 'ภาษาแองโกล แซ็กซอน (Anglo-Saxons) หรือที่รู้จักกันในอีกชื่อว่า “ภาษา อังกฤษเก่า' (Old English) นั่นเอง จากหนังสือ Word Odyssey คำสัมพันธ์ศัพท์ซ้อน0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2 มุมมอง 0 รีวิว - ตอนดวงจันทร์ถือกำเนิดช่วงแรก ๆ อยู่ใกล้โลกและเห็นได้ใหญ่กว่าตอนนี้มากนะครับ แถมใช้เวลาโคจรรอบโลกแค่ห้าชั่วโมงเอง อยู่ใกล้ขนาดนั้นแน่นอนว่าต้องส่งผลกระทบใหญ่หลวงมาที่โลกด้วย ช่วงน้ำขึ้นก็รุนแรงจนน้ำทะเลปั่นป่วนไปมา ดวงจันทร์คงชอบการ ดูแลเอาใจใส่เป็นอย่างดีเลยนะครับ แต่ก็เพราะเหตุนี้เองที่โลก ของเราถึงได้มีสิ่งมีชีวิตใหม่กำเนิดขึ้นและเกิดวิวัฒนาการ
ที่จริงแล้วดวงจันทร์ปรับการโคจรให้เข้ากับการหมุนรอบตัวเองของโลกและค่อย ๆ ไกลห่างจากโลกไปเรื่อยๆ ถ้าถามว่าห่างออกไปประมาณเท่าไร คงตอบได้ว่าทุกสามจุดแปดเซนติเมตรต่อปีโดยประมาณ
จากหนังสือ เรื่องเล่าพระจันทร์ถึงใครคนนั้นและคุณผู้ฟังทุกคนตอนดวงจันทร์ถือกำเนิดช่วงแรก ๆ อยู่ใกล้โลกและเห็นได้ใหญ่กว่าตอนนี้มากนะครับ แถมใช้เวลาโคจรรอบโลกแค่ห้าชั่วโมงเอง อยู่ใกล้ขนาดนั้นแน่นอนว่าต้องส่งผลกระทบใหญ่หลวงมาที่โลกด้วย ช่วงน้ำขึ้นก็รุนแรงจนน้ำทะเลปั่นป่วนไปมา ดวงจันทร์คงชอบการ ดูแลเอาใจใส่เป็นอย่างดีเลยนะครับ แต่ก็เพราะเหตุนี้เองที่โลก ของเราถึงได้มีสิ่งมีชีวิตใหม่กำเนิดขึ้นและเกิดวิวัฒนาการ ที่จริงแล้วดวงจันทร์ปรับการโคจรให้เข้ากับการหมุนรอบตัวเองของโลกและค่อย ๆ ไกลห่างจากโลกไปเรื่อยๆ ถ้าถามว่าห่างออกไปประมาณเท่าไร คงตอบได้ว่าทุกสามจุดแปดเซนติเมตรต่อปีโดยประมาณ จากหนังสือ เรื่องเล่าพระจันทร์ถึงใครคนนั้นและคุณผู้ฟังทุกคน0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 3 มุมมอง 0 รีวิว - ราวต้นทศวรรษ 2020 เรื่องยิ่งแย่หนักเข้าไปอีก มีการศึกษาในปี 2020 ที่ประเมินว่ามีทวีตที่บอตสร้างขึ้น 43.2%” การศึกษาที่ครอบคลุมกว้าง ขวางมากกว่าอีกครั้งหนึ่งในปี 2022 โดยหน่วยงานด้านข่าวกรองดิจิทัลชื่อ ซิมิลาร์เว็บ (Similarweb) พบว่ามีผู้ใช้งานทวิตเตอร์ 5% ที่อาจจะเป็นบอต แต่พวกมันทำให้เกิด “เนื้อหาที่โพสต์บนทวิตเตอร์อยู่ในช่วงระหว่าง 20.8 ถึง 29.2% เมื่อมนุษย์พยายามถกเถียงคำถามสำคัญมากอย่างใครบ้างที่ ควรสมัครรับเลือกเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้ อะไรจะเกิดขึ้นหากว่าเสียง จำนวนมากที่พวกเขาได้ยินมีคอมพิวเตอร์เป็นผู้สร้างขึ้น?
จากหนังสือ Nexusราวต้นทศวรรษ 2020 เรื่องยิ่งแย่หนักเข้าไปอีก มีการศึกษาในปี 2020 ที่ประเมินว่ามีทวีตที่บอตสร้างขึ้น 43.2%” การศึกษาที่ครอบคลุมกว้าง ขวางมากกว่าอีกครั้งหนึ่งในปี 2022 โดยหน่วยงานด้านข่าวกรองดิจิทัลชื่อ ซิมิลาร์เว็บ (Similarweb) พบว่ามีผู้ใช้งานทวิตเตอร์ 5% ที่อาจจะเป็นบอต แต่พวกมันทำให้เกิด “เนื้อหาที่โพสต์บนทวิตเตอร์อยู่ในช่วงระหว่าง 20.8 ถึง 29.2% เมื่อมนุษย์พยายามถกเถียงคำถามสำคัญมากอย่างใครบ้างที่ ควรสมัครรับเลือกเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้ อะไรจะเกิดขึ้นหากว่าเสียง จำนวนมากที่พวกเขาได้ยินมีคอมพิวเตอร์เป็นผู้สร้างขึ้น? จากหนังสือ Nexus0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 3 มุมมอง 0 รีวิว - ถึงคำว่าแพสชันจะค่อยๆ แพร่หลายมากขึ้นแต่คำคมอย่าง “จงทำตามแพสซันของตัวเอง” หรือ “จงค้นหาแพสชันให้เจอ” ยังไม่ได้มีให้เห็นกันทั่วไป จนกระทั่งกลางทศวรรษที่ 1970 ถึงได้รับความนิยมอย่างรวดเร็วและเป็นเช่นนั้นมาจนถึงปัจจุบัน
ใครก็ตามที่ได้สัมผัสกับแพสชันแม้เพียงชั่วครู่คงคุ้นเคยกันดีกับความ รู้สึกที่ถูกครอบงำโดยกิจกรรม ความคิด หรือบุคคลใดบุคคลหนึ่ง ไม่ว่าคุณจะมีแพสชันกับอะไร ปฏิกิริยาที่ได้ล้วนเหมือนกันโลกของคุณจะแคบลงและสิ่งเดียวที่สำคัญคือสิ่งที่คุณชอบและปรารถนา
จากหนังสือ ฉันหมด Passion หรือแค่ยังหามันไม่เจอ The Passion Paradoxถึงคำว่าแพสชันจะค่อยๆ แพร่หลายมากขึ้นแต่คำคมอย่าง “จงทำตามแพสซันของตัวเอง” หรือ “จงค้นหาแพสชันให้เจอ” ยังไม่ได้มีให้เห็นกันทั่วไป จนกระทั่งกลางทศวรรษที่ 1970 ถึงได้รับความนิยมอย่างรวดเร็วและเป็นเช่นนั้นมาจนถึงปัจจุบัน ใครก็ตามที่ได้สัมผัสกับแพสชันแม้เพียงชั่วครู่คงคุ้นเคยกันดีกับความ รู้สึกที่ถูกครอบงำโดยกิจกรรม ความคิด หรือบุคคลใดบุคคลหนึ่ง ไม่ว่าคุณจะมีแพสชันกับอะไร ปฏิกิริยาที่ได้ล้วนเหมือนกันโลกของคุณจะแคบลงและสิ่งเดียวที่สำคัญคือสิ่งที่คุณชอบและปรารถนา จากหนังสือ ฉันหมด Passion หรือแค่ยังหามันไม่เจอ The Passion Paradox0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 7 มุมมอง 0 รีวิว - วิธีที่ดีที่สุดในการชำระจิตใจให้บริสุทธิ์ก็คือการทุ่มเท แรงกายแรงใจทั้งหมดที่มีให้กับงานที่อยู่ตรงหน้า เมื่อเราทุ่มเทแรงกายแรงใจให้กับงาน เราก็จะไม่คิดฟุ้งซ่านในทำนองโกรธแค้นหรือเกลียดชังผู้อื่น จิตใจตอนทำงานของเราจึงงดงามและสะอาดบริสุทธิ์เหมือนพระนิกายเซนที่ฝึกปฏิบัติธรรม
จากหนังสือ หัวใจ Kokoroวิธีที่ดีที่สุดในการชำระจิตใจให้บริสุทธิ์ก็คือการทุ่มเท แรงกายแรงใจทั้งหมดที่มีให้กับงานที่อยู่ตรงหน้า เมื่อเราทุ่มเทแรงกายแรงใจให้กับงาน เราก็จะไม่คิดฟุ้งซ่านในทำนองโกรธแค้นหรือเกลียดชังผู้อื่น จิตใจตอนทำงานของเราจึงงดงามและสะอาดบริสุทธิ์เหมือนพระนิกายเซนที่ฝึกปฏิบัติธรรม จากหนังสือ หัวใจ Kokoro0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 6 มุมมอง 0 รีวิว - ค้นหาเด็กน้อยผู้น่าสงสาร
จุดอ่อนส่วนใหญ่ของคนเรามักจะเริ่มต้นในวัยเด็กก่อนที่ตัวตนของเราจะสร้างกลไกในการปกป้องขึ้นมา บางทีอาจเป็นเพราะเด็กๆได้รับการพะเน้าพะนอหรือตามใจในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง หรือบางทีอาจเป็นเพราะไม่เคยได้รับการตอบสนองความต้องการทางด้านอารมณ์บางอย่างและเมื่อเขาหรือเธอเติบโตขึ้น การตามใจหรือการไม่ได้รับตอบสนองอาจถูกฝังเอาไว้โดยที่ยังไม่หายไปไหน ดังนั้นการรู้จักความต้องการในวัยเด็กของฝ่ายไหน
ดังนั้นการรู้จักความต้องการในวัยเด็กของฝ่าย ตรงข้ามจึงทำให้คุณมีกุญแจที่มีประสิทธิภาพในการ ไขสู่จุดอ่อนของฝ่ายตรงข้าม
จากหนังสือ The 48 Laws of Power
ค้นหาเด็กน้อยผู้น่าสงสาร จุดอ่อนส่วนใหญ่ของคนเรามักจะเริ่มต้นในวัยเด็กก่อนที่ตัวตนของเราจะสร้างกลไกในการปกป้องขึ้นมา บางทีอาจเป็นเพราะเด็กๆได้รับการพะเน้าพะนอหรือตามใจในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง หรือบางทีอาจเป็นเพราะไม่เคยได้รับการตอบสนองความต้องการทางด้านอารมณ์บางอย่างและเมื่อเขาหรือเธอเติบโตขึ้น การตามใจหรือการไม่ได้รับตอบสนองอาจถูกฝังเอาไว้โดยที่ยังไม่หายไปไหน ดังนั้นการรู้จักความต้องการในวัยเด็กของฝ่ายไหน ดังนั้นการรู้จักความต้องการในวัยเด็กของฝ่าย ตรงข้ามจึงทำให้คุณมีกุญแจที่มีประสิทธิภาพในการ ไขสู่จุดอ่อนของฝ่ายตรงข้าม จากหนังสือ The 48 Laws of Power0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 8 มุมมอง 0 รีวิว - ย้อนไปตอนช่วงต้นยุค 1900 นักจิตวิทยาชื่อ เชฟส์ เพิร์กกี้ ได้ ทำการทดลองขึ้นชุดหนึ่งเพื่อศึกษาว่าการจินตนาการภาพต่างๆส่งผลอย่างไรต่อการรับรู้วัตถุจริงของคนเรา เธอให้ผู้ร่วมทดลองจินตนาการภาพกล้วยขึ้นมาหวีนึง แล้วก็ให้พวกเขาลองนึกว่ากล้วยไปอยู่บนผนังห้องที่ว่างเปล่า จากนั้นเธอจึงฉายภาพจางๆของกล้วยไปบนผนังห้องเดียวกันนั้นโดยไม่บอกพวกเขา บุคคลอื่นๆที่ไม่ได้ร่วมการทดลองจะมองเห็นภาพที่ฉายบนผนังห้องได้ในทันทีเมื่อเดินเข้ามาในห้องแต่ผู้ร่วมการทดลองของเพิร์กกี้กลับ บอกว่ามองไม่เห็นภาพที่ฉายบนผนังเพราะพวกเขารวมภาพที่ฉายบนผนังเข้ากับภาพจินตนาการของตัวเอง
ผลการทดลองที่ชื่อ “เพิร์กกี้เอฟเฟกต์” นี้อธิบายว่าภาพจินตนาการที่เกิดขึ้นก่อนจะเปลี่ยนการรับรู้ของคนเราและทำให้ข้อมูลใหม่ๆปะปนไปกับภาพที่จินตนาการเอาไว้ก่อนหน้า
จากหนังสือ How to Profit in The Stock Market
ย้อนไปตอนช่วงต้นยุค 1900 นักจิตวิทยาชื่อ เชฟส์ เพิร์กกี้ ได้ ทำการทดลองขึ้นชุดหนึ่งเพื่อศึกษาว่าการจินตนาการภาพต่างๆส่งผลอย่างไรต่อการรับรู้วัตถุจริงของคนเรา เธอให้ผู้ร่วมทดลองจินตนาการภาพกล้วยขึ้นมาหวีนึง แล้วก็ให้พวกเขาลองนึกว่ากล้วยไปอยู่บนผนังห้องที่ว่างเปล่า จากนั้นเธอจึงฉายภาพจางๆของกล้วยไปบนผนังห้องเดียวกันนั้นโดยไม่บอกพวกเขา บุคคลอื่นๆที่ไม่ได้ร่วมการทดลองจะมองเห็นภาพที่ฉายบนผนังห้องได้ในทันทีเมื่อเดินเข้ามาในห้องแต่ผู้ร่วมการทดลองของเพิร์กกี้กลับ บอกว่ามองไม่เห็นภาพที่ฉายบนผนังเพราะพวกเขารวมภาพที่ฉายบนผนังเข้ากับภาพจินตนาการของตัวเอง ผลการทดลองที่ชื่อ “เพิร์กกี้เอฟเฟกต์” นี้อธิบายว่าภาพจินตนาการที่เกิดขึ้นก่อนจะเปลี่ยนการรับรู้ของคนเราและทำให้ข้อมูลใหม่ๆปะปนไปกับภาพที่จินตนาการเอาไว้ก่อนหน้า จากหนังสือ How to Profit in The Stock Market0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 8 มุมมอง 0 รีวิว - ในหนังสือ Good to Great จิม คอลลินส์ (Jim Collins) ผู้เขียนเล่าเรื่องที่เขาไปสัมภาษณ์พลเรือเอกเจมส์ สต็อกเดล(James Stockdale)ซึ่งเป็น ทหารยศสูงสุดในค่ายเชลยศึกหว่าลอ(Hỏa Lò) อันโด่งดังในช่วงสงครามเวียดนาม(ค่ายนี้ถูกตั้งชื่อเป็นทำนองประชดประชันว่า “ฮานอย ฮิลตัน (Hanoi Hilton)" เจมส์ถูกทรมานมากกว่ายี่สิบครั้งตลอดแปดปีที่อยู่ในคุกโดยไม่มีการระบุวันปล่อยตัว เขาไม่ได้รับสิทธินักโทษและไม่มีทางแน่ใจเลยว่าเขาจะได้รอดกลับมาพบครอบครัวอีกครั้งหรือไม่
เมื่อคอลลินส์ถามสต็อกเดลเกี่ยวกับเพื่อนนักโทษของเขาซึ่งไม่รอดกลับออกมาจากค่ายพลเรือเอกก็ระบุว่าคนพวกนี้คือพวกที่มักมองโลกในแง่ดีพวกเขาคือคนที่พูดว่า “เราจะได้ออกจากคุกภายในคริสต์มาสแน่ๆ” แล้วคริสต์มาสก็จะมาถึงและผ่านไป จากนั้นพวกเขาก็พูดว่า "เราจะออกจากคุกก่อนอีสเตอร์แน่ๆ” แล้วอีสเตอร์ก็มาถึงและผ่านไป จากนั้นก็วันขอบคุณพระเจ้าแล้วก็วันคริสต์มาสอีก พวกเขาล้วนตายเพราะใจสลาย”
เขาหยุดนิ่งไปนานก่อนหันไปหาคอลลินส์แล้วบอกว่า "นี่คือบทเรียนที่สำคัญมากคุณต้องศรัทธาว่าจะได้รับชัยชนะในที่สุดหรือก็คือจะไม่พ่ายแพ้เด็ดขาด แต่ก็ต้องเผชิญหน้าความจริงอันโหดร้ายที่สุด ณ ปัจจุบันให้ได้ไม่ว่ามันจะเป็นอะไรก็ตาม จงอย่าจำว่าสองสิ่งคืออย่างเดียวกันเด็ดขาด”ในหนังสือ Good to Great จิม คอลลินส์ (Jim Collins) ผู้เขียนเล่าเรื่องที่เขาไปสัมภาษณ์พลเรือเอกเจมส์ สต็อกเดล(James Stockdale)ซึ่งเป็น ทหารยศสูงสุดในค่ายเชลยศึกหว่าลอ(Hỏa Lò) อันโด่งดังในช่วงสงครามเวียดนาม(ค่ายนี้ถูกตั้งชื่อเป็นทำนองประชดประชันว่า “ฮานอย ฮิลตัน (Hanoi Hilton)" เจมส์ถูกทรมานมากกว่ายี่สิบครั้งตลอดแปดปีที่อยู่ในคุกโดยไม่มีการระบุวันปล่อยตัว เขาไม่ได้รับสิทธินักโทษและไม่มีทางแน่ใจเลยว่าเขาจะได้รอดกลับมาพบครอบครัวอีกครั้งหรือไม่ เมื่อคอลลินส์ถามสต็อกเดลเกี่ยวกับเพื่อนนักโทษของเขาซึ่งไม่รอดกลับออกมาจากค่ายพลเรือเอกก็ระบุว่าคนพวกนี้คือพวกที่มักมองโลกในแง่ดีพวกเขาคือคนที่พูดว่า “เราจะได้ออกจากคุกภายในคริสต์มาสแน่ๆ” แล้วคริสต์มาสก็จะมาถึงและผ่านไป จากนั้นพวกเขาก็พูดว่า "เราจะออกจากคุกก่อนอีสเตอร์แน่ๆ” แล้วอีสเตอร์ก็มาถึงและผ่านไป จากนั้นก็วันขอบคุณพระเจ้าแล้วก็วันคริสต์มาสอีก พวกเขาล้วนตายเพราะใจสลาย” เขาหยุดนิ่งไปนานก่อนหันไปหาคอลลินส์แล้วบอกว่า "นี่คือบทเรียนที่สำคัญมากคุณต้องศรัทธาว่าจะได้รับชัยชนะในที่สุดหรือก็คือจะไม่พ่ายแพ้เด็ดขาด แต่ก็ต้องเผชิญหน้าความจริงอันโหดร้ายที่สุด ณ ปัจจุบันให้ได้ไม่ว่ามันจะเป็นอะไรก็ตาม จงอย่าจำว่าสองสิ่งคืออย่างเดียวกันเด็ดขาด”0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 7 มุมมอง 0 รีวิว - ชื่อของ “ซุน ยัดเซ็น” หรือ ซุน จงซาน ย่อมเป็นที่รู้จักในสถานะของบิดาแห่งประชาธิปไตยของจีนและเป็นคนสำคัญที่จุดไฟแห่ง การปฏิวัติล้มล้างราชวงศ์ชิงและการล้มล้างระบอบจักรพรรดิที่มีมานานหลายพันปีแล้วสร้างจีนให้มีความทัดเทียมตะวันตกมากขึ้น สาเหตุเนื่องจากประเทศจีนในช่วงเวลานั้นถูกขนานนามว่าเป็นชาติคนป่วยแห่งเอเชีย
จากหนังสือ คิดอย่างจีนชื่อของ “ซุน ยัดเซ็น” หรือ ซุน จงซาน ย่อมเป็นที่รู้จักในสถานะของบิดาแห่งประชาธิปไตยของจีนและเป็นคนสำคัญที่จุดไฟแห่ง การปฏิวัติล้มล้างราชวงศ์ชิงและการล้มล้างระบอบจักรพรรดิที่มีมานานหลายพันปีแล้วสร้างจีนให้มีความทัดเทียมตะวันตกมากขึ้น สาเหตุเนื่องจากประเทศจีนในช่วงเวลานั้นถูกขนานนามว่าเป็นชาติคนป่วยแห่งเอเชีย จากหนังสือ คิดอย่างจีน0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 7 มุมมอง 0 รีวิว - The Power Of Now พลังแห่งจิตปัจจุบัน (2025/005)
หนังสือดีที่นักอ่านจำนวนมากแนะนำให้อ่าน ผู้เขียนมีชีวิตในด้วยความวิตกกัง
วล ทุกข์ใจ อยากฆ่าตัวตาย หลังจากวันเกิดอายุครบ 29ปี เขาเกิดอาการสับสนในสมอง เป็นเวลานานจนกระทั่งเขาปล่อยให้ความวุ่นวายเกิดขึ้นในสมองและมองดูความคิด หลังจากนั้นเหมือนเขาได้พบชีวิตใหม่ เขาไม่เข้าใจปรากฎการณ์นี้และพยายามอ่านหนังสือทางจิตวิญญาณมากมาย และเขาก็ค้นพบว่าสิ่งที่สามารถแก้ปัญหาทางความคิดในสมองและรวมไปถึงการหลุดพ้นจากปัญหาที่เกิดขึ้นทางความคิดในทุกๆเรื่องได้ โดยวิธีที่แสนจะธรรมดาคือดึงจิตและความคิดไว้กับปัจจุบัน
ผู้เขียน เขียนหนังสือเล่มนี้ขึ้นมาหลังจากการเกิดปัญหาทางความคิด เขาได้ค้นพบว่าการดึงสภาวะจิตให้มาอยู่กับปัจจุบันสามารถแก้ปัญหาส่วนตัวของเขาได้ แน่นอนถ้าว่ากันด้วยเรื่องจิตก็มักจะถูกโยงกับเรื่องศาสนา แต่ผู้เขียนเขาไม่ได้นับถือศาสนาอะไรเลย แต่เขาศึกษาคำสอนของหลายๆศาสนาซึ่งจะเห็นได้จากการอ้างอิงคำสอนของหลายๆศาสนาในเล่ม และเขาสรุปในเรื่องที่เขาสนใจจากคำสอนต่างๆ และโฟกัสที่จุดเดียวคือการดึงจิตเข้าสู่ปัจจุบัน
แนวทางการเขียนหนังสือจะเป็นลักษณะการตั้งคำถามที่น่าสนใจ และผู้เขียนตอบคำถามตามแนวทางจิตปัจจุบัน ซึ่งหลายๆคำถามน่าสนใจมาก และหลักการของเขาแก้ปัญหาเหล่านั้นได้ เพียงแต่ผู้อ่านต้องฝืนตัวเองเรื่องการคิดโยงใยจากอดีตและความกังวลในเรื่องอนาคต
เป้าหมายของเขาไม่ได้ต้องการบรรลุนิพพานหรือบรรลุวัตถุประสงค์ตามหลักศาสนาใดๆ เขาเพียงแค่รู้สึกว่าตัวเขามีอิสระจากทุกสิ่งเพียงแค่อยู่ในสภาวะจิตที่อยู่กับปัจจุบัน แต่ในความที่เขาดึงจิตอยู่กับปัจจุบัน เขามีแนวคิดที่เป็นหลักเกณฑ์ เช่น จิตกับกายเป็นสิ่งที่แยกออกจากกัน , จิตมีอิสระและคงอยู่เสมอถึงแม้ว่าร่ายกายจะต้องเสื่อมและตายจากโลกนี้ไป และความทุกข์ต่างๆเกิดจากจิตใจ ซึ่งหลักการนี้ถ้าหากผู้อ่านไม่มีความเชื่อที่ตรงกัน การอ่านหนังสือเล่มนี้อาจจะติดอยู่ที่หลักการเหล่านี้และ ไม่สามารถเข้าใจสิ่งที่ผู้เขียนอยากสื่อได้
มีเรื่องหนึ่งที่หนังสือเขียนอธิบายได้ดี คือเรื่องการคิดถึงอดีตซึ่งถือได้ว่าเป็นตัวตนเดิม ปัญหาที่เกิดขึ้นของการนึกถึงอดีตมันคือความจำที่มักจะมีแต่เรื่องไม่ดี เช่นมีคนเคยทำให้เราโกรธ เคยแกล้งเรา หรือทำร้ายเรา และอาจจะหมายรวมถึงเรื่องอื่นๆด้วย ถ้าความคิดในอดีตนี้เกิดขึ้นมาให้หัว ซึ่งอาจจะเกิดตอนที่พบเห็นคนคนนั้นที่เคยทำกับเราไว้ หรือการหวลคิดเรื่องเหล่านี้ขึ้นมาเรื่อยๆ การคิดแบบนี้ทำให้เกิดความทุกข์ ผู้เขียนแนะนำให้ทิ้งความคิดที่คิดแล้วเจ็บปวดไว้ก่อนและให้คิดถึงตอนนี้ปัจจุบันนี้ เมื่อคิดปัจจุบันความทุกข์ที่เคยเกิดขึ้นจากอดีตก็หายไป ส่วนในเรื่องความคิดต่ออนาคตซึ่งมักจะมาในรูปแบบของความกังวล อนาคตที่ว่าอาจจะหนึ่งชั่วโมงข้างหน้า วันพรุ่งนี้หรืออีกหลายๆปีข้างหน้า ซึ่งความกังวลบางที่ก็ทำร้ายจิตใจจนสาหัสได้ ไม่เป็นอันทำอะไรเลย วิธีแก้ก็เช่นเดิม ให้ปล่อยความคิดและความกังวลในอนาคตทิ้งไปทันทีและดึงจิตมาจดจ่อกับปัจจุบัน
คำถามที่เป็นคำถามตั้งต้นหลากหลายมาก เช่น ถามเรื่องความรัก , ความเจ็บป่วย , การทะเลาะวิวาท , ความกังวลเกี่ยวกับการใช้ชีวิต , การทิ้งตัวตนของเราในอดีต , ความตาย และอีกหลายเรื่องที่น่าสนใจ แต่คำตอบของผู้เขียนมีอยู่คำตอบเดียวคือ จิตปัจจุบันเท่านั้นคือการแก้ปัญหาทั้งปวง
#ThePowerOfNow #พลังแห่งจิตปัจจุบัน #รีวิวหนังสือ
The Power Of Now พลังแห่งจิตปัจจุบัน (2025/005) หนังสือดีที่นักอ่านจำนวนมากแนะนำให้อ่าน ผู้เขียนมีชีวิตในด้วยความวิตกกัง วล ทุกข์ใจ อยากฆ่าตัวตาย หลังจากวันเกิดอายุครบ 29ปี เขาเกิดอาการสับสนในสมอง เป็นเวลานานจนกระทั่งเขาปล่อยให้ความวุ่นวายเกิดขึ้นในสมองและมองดูความคิด หลังจากนั้นเหมือนเขาได้พบชีวิตใหม่ เขาไม่เข้าใจปรากฎการณ์นี้และพยายามอ่านหนังสือทางจิตวิญญาณมากมาย และเขาก็ค้นพบว่าสิ่งที่สามารถแก้ปัญหาทางความคิดในสมองและรวมไปถึงการหลุดพ้นจากปัญหาที่เกิดขึ้นทางความคิดในทุกๆเรื่องได้ โดยวิธีที่แสนจะธรรมดาคือดึงจิตและความคิดไว้กับปัจจุบัน ผู้เขียน เขียนหนังสือเล่มนี้ขึ้นมาหลังจากการเกิดปัญหาทางความคิด เขาได้ค้นพบว่าการดึงสภาวะจิตให้มาอยู่กับปัจจุบันสามารถแก้ปัญหาส่วนตัวของเขาได้ แน่นอนถ้าว่ากันด้วยเรื่องจิตก็มักจะถูกโยงกับเรื่องศาสนา แต่ผู้เขียนเขาไม่ได้นับถือศาสนาอะไรเลย แต่เขาศึกษาคำสอนของหลายๆศาสนาซึ่งจะเห็นได้จากการอ้างอิงคำสอนของหลายๆศาสนาในเล่ม และเขาสรุปในเรื่องที่เขาสนใจจากคำสอนต่างๆ และโฟกัสที่จุดเดียวคือการดึงจิตเข้าสู่ปัจจุบัน แนวทางการเขียนหนังสือจะเป็นลักษณะการตั้งคำถามที่น่าสนใจ และผู้เขียนตอบคำถามตามแนวทางจิตปัจจุบัน ซึ่งหลายๆคำถามน่าสนใจมาก และหลักการของเขาแก้ปัญหาเหล่านั้นได้ เพียงแต่ผู้อ่านต้องฝืนตัวเองเรื่องการคิดโยงใยจากอดีตและความกังวลในเรื่องอนาคต เป้าหมายของเขาไม่ได้ต้องการบรรลุนิพพานหรือบรรลุวัตถุประสงค์ตามหลักศาสนาใดๆ เขาเพียงแค่รู้สึกว่าตัวเขามีอิสระจากทุกสิ่งเพียงแค่อยู่ในสภาวะจิตที่อยู่กับปัจจุบัน แต่ในความที่เขาดึงจิตอยู่กับปัจจุบัน เขามีแนวคิดที่เป็นหลักเกณฑ์ เช่น จิตกับกายเป็นสิ่งที่แยกออกจากกัน , จิตมีอิสระและคงอยู่เสมอถึงแม้ว่าร่ายกายจะต้องเสื่อมและตายจากโลกนี้ไป และความทุกข์ต่างๆเกิดจากจิตใจ ซึ่งหลักการนี้ถ้าหากผู้อ่านไม่มีความเชื่อที่ตรงกัน การอ่านหนังสือเล่มนี้อาจจะติดอยู่ที่หลักการเหล่านี้และ ไม่สามารถเข้าใจสิ่งที่ผู้เขียนอยากสื่อได้ มีเรื่องหนึ่งที่หนังสือเขียนอธิบายได้ดี คือเรื่องการคิดถึงอดีตซึ่งถือได้ว่าเป็นตัวตนเดิม ปัญหาที่เกิดขึ้นของการนึกถึงอดีตมันคือความจำที่มักจะมีแต่เรื่องไม่ดี เช่นมีคนเคยทำให้เราโกรธ เคยแกล้งเรา หรือทำร้ายเรา และอาจจะหมายรวมถึงเรื่องอื่นๆด้วย ถ้าความคิดในอดีตนี้เกิดขึ้นมาให้หัว ซึ่งอาจจะเกิดตอนที่พบเห็นคนคนนั้นที่เคยทำกับเราไว้ หรือการหวลคิดเรื่องเหล่านี้ขึ้นมาเรื่อยๆ การคิดแบบนี้ทำให้เกิดความทุกข์ ผู้เขียนแนะนำให้ทิ้งความคิดที่คิดแล้วเจ็บปวดไว้ก่อนและให้คิดถึงตอนนี้ปัจจุบันนี้ เมื่อคิดปัจจุบันความทุกข์ที่เคยเกิดขึ้นจากอดีตก็หายไป ส่วนในเรื่องความคิดต่ออนาคตซึ่งมักจะมาในรูปแบบของความกังวล อนาคตที่ว่าอาจจะหนึ่งชั่วโมงข้างหน้า วันพรุ่งนี้หรืออีกหลายๆปีข้างหน้า ซึ่งความกังวลบางที่ก็ทำร้ายจิตใจจนสาหัสได้ ไม่เป็นอันทำอะไรเลย วิธีแก้ก็เช่นเดิม ให้ปล่อยความคิดและความกังวลในอนาคตทิ้งไปทันทีและดึงจิตมาจดจ่อกับปัจจุบัน คำถามที่เป็นคำถามตั้งต้นหลากหลายมาก เช่น ถามเรื่องความรัก , ความเจ็บป่วย , การทะเลาะวิวาท , ความกังวลเกี่ยวกับการใช้ชีวิต , การทิ้งตัวตนของเราในอดีต , ความตาย และอีกหลายเรื่องที่น่าสนใจ แต่คำตอบของผู้เขียนมีอยู่คำตอบเดียวคือ จิตปัจจุบันเท่านั้นคือการแก้ปัญหาทั้งปวง #ThePowerOfNow #พลังแห่งจิตปัจจุบัน #รีวิวหนังสือ0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 9 มุมมอง 0 รีวิว - “สงครามคราวนี้ อารยธรรมโลกไม่ต้องการหลักการทั่วไปทางการทหาร ขอแค่ปรากฏการณ์พิเศษครั้งเดียวก็พอ” จางเป่ยไห่ชูนิ้วหนึ่งให้อู่เยว่
อู่เยว่พยักหน้า “ก็ใช่ เคยมีคนลองทำแล้ว ช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ทหารอังกฤษได้จมเรือเทียร์พิตส์แต่ใช้เรือดำน้ำขนาดเล็ก ในทศวรรษ 1980 ช่วงสงครามฟอล์กแลนด์ ทหารปฏิบัติการพิเศษของอาร์เจนตินาได้ลักลอบเดินทางเข้าอิตาลี เพื่อเอาระเบิดแม่เหล็กไประเบิดเรือรบอังกฤษที่จอดในอ่าวผลเป็นยังไงคุณก็รู้อยู่แล้ว”
จากหนังสือ ดาวซานถี่ เล่ม 2“สงครามคราวนี้ อารยธรรมโลกไม่ต้องการหลักการทั่วไปทางการทหาร ขอแค่ปรากฏการณ์พิเศษครั้งเดียวก็พอ” จางเป่ยไห่ชูนิ้วหนึ่งให้อู่เยว่ อู่เยว่พยักหน้า “ก็ใช่ เคยมีคนลองทำแล้ว ช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ทหารอังกฤษได้จมเรือเทียร์พิตส์แต่ใช้เรือดำน้ำขนาดเล็ก ในทศวรรษ 1980 ช่วงสงครามฟอล์กแลนด์ ทหารปฏิบัติการพิเศษของอาร์เจนตินาได้ลักลอบเดินทางเข้าอิตาลี เพื่อเอาระเบิดแม่เหล็กไประเบิดเรือรบอังกฤษที่จอดในอ่าวผลเป็นยังไงคุณก็รู้อยู่แล้ว” จากหนังสือ ดาวซานถี่ เล่ม 20 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 7 มุมมอง 0 รีวิว - “ใช่ไหม แต่สิ่งกวนใจที่สุดคือ คนส่วนใหญ่มักสนใจอยู่กับเงาตัวเองว่าถูกมองยังไง คนคงมองเราแบบนี้หรือถ้าคนอื่นคิดว่าเราเป็นแบบนี้จะทำไงดี นี่เป็นการคิดว่าเมื่อแสงส่องมาหาตัวเราจากมุมนี้จะเกิดเงาแบบนี้นะ คนมัวแต่สนใจเรื่องนี้กันพอเราสนใจว่าค่านิยมของคนอื่นมองเราที่ฉายเป็นภาพออกมายังไง เราก็จะกังวลมากว่าถ้ามองจากมุมอื่นแล้วจะทำยังไงดีล่ะ ถ้าเทียบกับค่านิยมอื่นแล้ว อาจจะผิดหวังก็ได้"
จากหนังสือ ร้านหนังสือมินาโตะที่เรารัก“ใช่ไหม แต่สิ่งกวนใจที่สุดคือ คนส่วนใหญ่มักสนใจอยู่กับเงาตัวเองว่าถูกมองยังไง คนคงมองเราแบบนี้หรือถ้าคนอื่นคิดว่าเราเป็นแบบนี้จะทำไงดี นี่เป็นการคิดว่าเมื่อแสงส่องมาหาตัวเราจากมุมนี้จะเกิดเงาแบบนี้นะ คนมัวแต่สนใจเรื่องนี้กันพอเราสนใจว่าค่านิยมของคนอื่นมองเราที่ฉายเป็นภาพออกมายังไง เราก็จะกังวลมากว่าถ้ามองจากมุมอื่นแล้วจะทำยังไงดีล่ะ ถ้าเทียบกับค่านิยมอื่นแล้ว อาจจะผิดหวังก็ได้" จากหนังสือ ร้านหนังสือมินาโตะที่เรารัก0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 6 มุมมอง 0 รีวิว - คุณอาจคาดว่าการชำระคดีความทางกฎหมายที่มากมายมหาศาล เหล่านั้นจะเป็นตัวป้องปรามไม่ให้เกิดเรื่องแบบนี้อีกและส่งเสริมให้บริษัททั้งหลายปรับพฤติกรรมให้ดีขึ้น แต่การลงโทษเหล่านี้มันเล็กน้อยมาก สำหรับธุรกิจขนาดใหญ่ Bank of America ต้องจ่ายเงิน 415ล้าน ตอลลาร์เพื่อเป็นค่าปรับในคดีความที่ใช้สินทรัพย์ของลูกค้าในทางที่ผิดเรื่องใหญ่เลยล่ะ! ในช่วงเวลาสามเดือนของปี 2015 ธนาคารทำกำไรไป 5,300 ล้านดอลลาร์ นั่นแค่ใน 12สัปดาห์นะ! สำหรับบริษัทที่ทำเงินได้มากขนาดนี้ ค่าปรับจุกจิกพวกนี้เป็นแค่ต้นทุนปกติในการทำธุรกิจ เทียบ เท่ากับการที่คุณหรือผมได้ใบสั่งจอดรถผิดที่นั่นแหละ
จากหนังสือ Unshakableคุณอาจคาดว่าการชำระคดีความทางกฎหมายที่มากมายมหาศาล เหล่านั้นจะเป็นตัวป้องปรามไม่ให้เกิดเรื่องแบบนี้อีกและส่งเสริมให้บริษัททั้งหลายปรับพฤติกรรมให้ดีขึ้น แต่การลงโทษเหล่านี้มันเล็กน้อยมาก สำหรับธุรกิจขนาดใหญ่ Bank of America ต้องจ่ายเงิน 415ล้าน ตอลลาร์เพื่อเป็นค่าปรับในคดีความที่ใช้สินทรัพย์ของลูกค้าในทางที่ผิดเรื่องใหญ่เลยล่ะ! ในช่วงเวลาสามเดือนของปี 2015 ธนาคารทำกำไรไป 5,300 ล้านดอลลาร์ นั่นแค่ใน 12สัปดาห์นะ! สำหรับบริษัทที่ทำเงินได้มากขนาดนี้ ค่าปรับจุกจิกพวกนี้เป็นแค่ต้นทุนปกติในการทำธุรกิจ เทียบ เท่ากับการที่คุณหรือผมได้ใบสั่งจอดรถผิดที่นั่นแหละ จากหนังสือ Unshakable0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 7 มุมมอง 0 รีวิว - ความรู้ทั้งหมดของมนุษย์นั้นไม่แน่นอน ไม่ชัดเจน และไม่ครบถ้วน
- เบอร์ทรันด์ รัสเซลล์
ความรู้ทั้งหมดของมนุษย์นั้นไม่แน่นอน ไม่ชัดเจน และไม่ครบถ้วน - เบอร์ทรันด์ รัสเซลล์0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 7 มุมมอง 0 รีวิว - ปี 1940 รายได้ของภาคธุรกิจการเงินมีมูลค่าเท่ากับร้อยละสามของ GDP ของประเทศอเมริกา แต่พอปี 2000 เป็นต้นไป ตัวเลขนั้นก็เพิ่มขึ้นเกือบสี่เท่า” นับเป็นระดับที่สูงที่สุดนับตั้งแต่ก่อนตลาดหุ้นล่มในปี 1929 ซึ่งกลายเป็นจุดเริ่มต้นของภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ แต่ไม่เพียงเท่านั้น ในกลางทศวรรษ 2000 ร้อยละ 40ของกำไรจากภาคเอกชนทั้งหมดของ อเมริกามาจากธนาคาร สถาบันการลงทุน กองทุนส่วนบุคคล และส่วนอื่นๆของภาคธุรกิจการเงิน ในขณะเดียวกัน ระหว่างปี 1999 ถึง 2008 หนี้ครัวเรือนของอเมริกาเพิ่มขึ้นอย่างเป็นทางการจากร้อยละ 67 ของ GDP ไปเป็นร้อยละ 100 ซึ่งสาเหตุส่วนใหญ่มาจากการจำนองบ้าน” เหตุการณ์ เป็นไปตามที่เอลิซาเบท วอร์เรน คาดไว้ มันจบลงด้วยการล่มสลาย แต่ตอนนี้ก็ยังมีระเบิดเวลารอกระตุ้นให้วิกฤตระเบิดขึ้นอีกครั้ง ตัวอย่างหนึ่งคือเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา
จากหนังสือ โลกาปฏิวัติ Revolt
ปี 1940 รายได้ของภาคธุรกิจการเงินมีมูลค่าเท่ากับร้อยละสามของ GDP ของประเทศอเมริกา แต่พอปี 2000 เป็นต้นไป ตัวเลขนั้นก็เพิ่มขึ้นเกือบสี่เท่า” นับเป็นระดับที่สูงที่สุดนับตั้งแต่ก่อนตลาดหุ้นล่มในปี 1929 ซึ่งกลายเป็นจุดเริ่มต้นของภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ แต่ไม่เพียงเท่านั้น ในกลางทศวรรษ 2000 ร้อยละ 40ของกำไรจากภาคเอกชนทั้งหมดของ อเมริกามาจากธนาคาร สถาบันการลงทุน กองทุนส่วนบุคคล และส่วนอื่นๆของภาคธุรกิจการเงิน ในขณะเดียวกัน ระหว่างปี 1999 ถึง 2008 หนี้ครัวเรือนของอเมริกาเพิ่มขึ้นอย่างเป็นทางการจากร้อยละ 67 ของ GDP ไปเป็นร้อยละ 100 ซึ่งสาเหตุส่วนใหญ่มาจากการจำนองบ้าน” เหตุการณ์ เป็นไปตามที่เอลิซาเบท วอร์เรน คาดไว้ มันจบลงด้วยการล่มสลาย แต่ตอนนี้ก็ยังมีระเบิดเวลารอกระตุ้นให้วิกฤตระเบิดขึ้นอีกครั้ง ตัวอย่างหนึ่งคือเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา จากหนังสือ โลกาปฏิวัติ Revolt0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 7 มุมมอง 0 รีวิว - ทอมัสบอกเล่าเรื่องราวของชายคนหนึ่งที่เขาเรียกว่านาย แอล. ไว้ในหนังสือของเขา สามเดือนก่อนที่เขาจะเข้ามาอยู่ในสถานดูแลผู้สูงอายุ ภรรยาของเขาซึ่งแต่งงานอยู่ด้วยกันมามากกว่า 60 ปีเสียชีวิต เขาไม่อยากกินอาหาร และลูกๆต้องช่วยเหลือเขามากขึ้นเรื่อยๆ เพื่อให้เขาทำกิจวัตรประจำวันได้ จากนั้นเขาก็ขับรถตกลงไปในคูน้ำและตำรวจก็ตั้งประเด็นถึงความเป็นไปได้ของความพยายามฆ่าตัวตาย หลังจากนาย แอล ออกมาจากโรงพยาบาล ครอบครัวก็พาเขามาอยู่ที่เชส
ทอมัสนึกย้อนถึงตอนที่ได้พบกับเขา “ผมสงสัยว่าชายคนนี้มีชีวิต อยู่ได้อย่างไร เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงสามเดือนที่ผ่านมาทำให้โลกของ เขาพังทลายลงไป เขาสูญเสียภรรยา สูญเสียบ้าน สูญเสียเสรีภาพ และสิ่งที่อาจจะเลวร้ายที่สุดก็คือการสูญเสียความรู้สึกที่ว่าการดำรงชีวิตอยู่ ต่อไปของเขายังคงมีความหมายบางอย่าง สำหรับเขา ความสุขในชีวิต มันหายไปแล้ว"
จากหนังสือ Being Mortal ตาย-เป็น
ทอมัสบอกเล่าเรื่องราวของชายคนหนึ่งที่เขาเรียกว่านาย แอล. ไว้ในหนังสือของเขา สามเดือนก่อนที่เขาจะเข้ามาอยู่ในสถานดูแลผู้สูงอายุ ภรรยาของเขาซึ่งแต่งงานอยู่ด้วยกันมามากกว่า 60 ปีเสียชีวิต เขาไม่อยากกินอาหาร และลูกๆต้องช่วยเหลือเขามากขึ้นเรื่อยๆ เพื่อให้เขาทำกิจวัตรประจำวันได้ จากนั้นเขาก็ขับรถตกลงไปในคูน้ำและตำรวจก็ตั้งประเด็นถึงความเป็นไปได้ของความพยายามฆ่าตัวตาย หลังจากนาย แอล ออกมาจากโรงพยาบาล ครอบครัวก็พาเขามาอยู่ที่เชส ทอมัสนึกย้อนถึงตอนที่ได้พบกับเขา “ผมสงสัยว่าชายคนนี้มีชีวิต อยู่ได้อย่างไร เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงสามเดือนที่ผ่านมาทำให้โลกของ เขาพังทลายลงไป เขาสูญเสียภรรยา สูญเสียบ้าน สูญเสียเสรีภาพ และสิ่งที่อาจจะเลวร้ายที่สุดก็คือการสูญเสียความรู้สึกที่ว่าการดำรงชีวิตอยู่ ต่อไปของเขายังคงมีความหมายบางอย่าง สำหรับเขา ความสุขในชีวิต มันหายไปแล้ว" จากหนังสือ Being Mortal ตาย-เป็น0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 7 มุมมอง 0 รีวิว - แผนที่ค้นหาพรสวรรค์ (2025/004)
ซูซูกิ ยู (ผู้เขียน) เป็นนักอ่านงานวิจัยตัวฉกาจ เขาอ่านงานวิจัยมาแล้วเป็นแสนชิ้น และแน่นอนหนังสือเล่มนี้เขาจะพูดถึงพรสวรรค์ในรูปแบบพิเศษที่มีงานวิจัยรองรับในทุกๆเรื่องที่เขาต้องการจะสื่อ แล้วหนังสือเล่มนี้ผู้เขียนต้องการบอกอะไร? หนังสือเล่มนี้ผู้เขียนต้องการสื่อว่า การมีพรสวรรค์ไม่ได้หมายความว่าจะได้เปรียบและประสบความสำเร็จเสมอไป , พรสวรรค์เป็นสิ่งเกิดจากการเปรียบเทียบ และชีวิตจะดีขึ้นได้โดยไม่จำเป็นต้องมีพรสวรรค์ แน่นอนต้องมีทางออก… ผู้เขียนแนะนำกลยุทธ์สำหรับคนธรรมดาอย่างเราๆ รวมถึงผู้ที่คิดว่าตนเองมีพรสวรรค์แต่ไม่ตรงกับการทำงาน ให้สามารถทำงานและใช้ชีวิตอย่างคนธรรมดาที่มีของดีในตัวได้
ผู้เขียน เขียนหนังสือเล่มนี้ขึ้นมาในลักษณะการพูดคุยระหว่างอาจารย์ที่เป็นแมวผู้มองเห็นโลกมายาวนาน อายุ 120ปี กับลูกศิษย์ชายหนุ่มพึ่งเรียนจบกำลังทำงาน เงินเดือน 210,000 เยน (ประมาณ 50,000บาท) ทั้่งสองคุยกับเรื่องปัญหาการทำงานของลูกศิษย์ ที่มองเห็นว่าการมีพรสวรรค์ช่วยให้การทำงานของหรือการหางานเขาน่าจะได้เปรียบกว่าคนอื่น รวมไปถึงการที่จะประสบความสำเร็จในอนาคตด้วย ผู้เขียนวางโครงสร้างออกเป็นสองส่วน คือ ส่วนแรกเป็นส่วนของคำถามซึ่งตอบข้อสงสัยและข้อเข้าใจผิดเกี่ยวกับพรสวรรค์ ในส่วนที่สองเป็นส่วนของคำตอบ ซึ่งเป็นแนวทางการใช้ชีวิตโดยไม่จำเป็นต้องมีพรสวรรค์โดดเด่นก็สามารถประสบความสำเร็จได้
อาจารย์แมว ให้หลักสามข้อที่เป็นเรื่องที่เข้าใจผิดเกี่ยวกับพรสวรรค์ไว้ว่า (1)พยายาค้นหาพรสวรรค์ด้วยความชอบหรือความถนัด (2)เชื่อว่าความสามารถพิเศษบางอย่างทำให้ประสบความสำเร็จได้ และ(3)เชื่อว่าชีวิตถูกกำหนดด้วยชาติกำเนิด ซึ่งความเข้าใจผิดทั้งสามข้อนี้ อาจารย์แมวชำแหละรายละเอียดว่ามันไม่เป็นจริงอย่างไร โดยอาศัยงานวิจัยทางวิชาการที่ยืนยันที่มาที่ไปด้วย โดยพิสูจน์ชัดเจนทุกข้อ อย่างเช่นเรื่องชาติกำเนิด อาจารย์แมวนำงานวิจัยให้เห็นว่าเรื่องความสูงของคุณพ่อคุณแม่ ส่งผลมาถึงลูกด้วยค่าความสัมพันธ์ได้เพียง R=0.4 (ค่าความสัมพันธ์ที่มีผลให้นักวิจัยเห็นว่ามีนัยสำคัญคือ R ที่ใกล้เคียง เลข 1) และยิ่งไปกว่านั้นถ้าดูความสัมพันธ์ ระหว่าง IQ ของลูกกับคุณพ่อคุณแม่ ค่า R จะอยู่ที่ 0.2-0.3 เท่านั้น ซึ่งน้อยกว่าความสูงที่คุณพ่อคุณแม่ส่งผ่านพันธุกรรมมาให้เสียอีก แล้วค่า IQ ถ้ามาจากคุณพ่อคุณแม่เพียง 0.2-0.3 แล้วสาเหตุอื่นที่ทำให้ IQ แตกต่างกันคืออะไร? อาจารย์แมวเฉลยว่าสิ่งแวดล้อม ซึ่งมาจากการเลี้ยงดูหรือรายได้ของครอบครัว เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ค่า IQ แตกต่างนั่นเอง
มีตัวอย่างแบบนี้อีกมากมายในเล่ม มีข้อโต้แย้งโดยงานวิจัยที่บอกว่า ความอึดจนทำงานสำเร็จ , คนที่มีความมั่นใจสูง , กฎ 10,000 ชั่วโมง และอื่นๆอีกมากมาย ไม่ได้เป็นสิ่งยืนยันพรสวรรค์และความสำเร็จได้เลย
ถ้าหากพรสวรรค์ไม่ได้ยืนยันความสำเร็จในชีวิตหรือการทำงาน แล้วสิ่งใดที่ทำให้ประสบความสำเร็จได้ อาจารย์แมวเสนอกฎสามข้อ ซึ่งได้แก่ ชีวิตคือการต่อสู้ด้วยความสามารถพิเศษ , พรสวรรค์คือสภาพที่ถูกประเมินจากความเอนเอียงภายในกลุ่ม และ ยิ่งเป็นวงการที่มีกฎคลุมเครือ ยิ่งชนะในการต่อสู้ด้วยความสามารถพิเศษได้ง่าย (อาจจะฟังแล้วงงๆ ถ้าอยากฟังคำอธิบายคงต้องอ่านหนังสือแล้วแหละ)
#แผนที่ค้นหาพรสวรรค์ #รีวิวหนังสือ
แผนที่ค้นหาพรสวรรค์ (2025/004) ซูซูกิ ยู (ผู้เขียน) เป็นนักอ่านงานวิจัยตัวฉกาจ เขาอ่านงานวิจัยมาแล้วเป็นแสนชิ้น และแน่นอนหนังสือเล่มนี้เขาจะพูดถึงพรสวรรค์ในรูปแบบพิเศษที่มีงานวิจัยรองรับในทุกๆเรื่องที่เขาต้องการจะสื่อ แล้วหนังสือเล่มนี้ผู้เขียนต้องการบอกอะไร? หนังสือเล่มนี้ผู้เขียนต้องการสื่อว่า การมีพรสวรรค์ไม่ได้หมายความว่าจะได้เปรียบและประสบความสำเร็จเสมอไป , พรสวรรค์เป็นสิ่งเกิดจากการเปรียบเทียบ และชีวิตจะดีขึ้นได้โดยไม่จำเป็นต้องมีพรสวรรค์ แน่นอนต้องมีทางออก… ผู้เขียนแนะนำกลยุทธ์สำหรับคนธรรมดาอย่างเราๆ รวมถึงผู้ที่คิดว่าตนเองมีพรสวรรค์แต่ไม่ตรงกับการทำงาน ให้สามารถทำงานและใช้ชีวิตอย่างคนธรรมดาที่มีของดีในตัวได้ ผู้เขียน เขียนหนังสือเล่มนี้ขึ้นมาในลักษณะการพูดคุยระหว่างอาจารย์ที่เป็นแมวผู้มองเห็นโลกมายาวนาน อายุ 120ปี กับลูกศิษย์ชายหนุ่มพึ่งเรียนจบกำลังทำงาน เงินเดือน 210,000 เยน (ประมาณ 50,000บาท) ทั้่งสองคุยกับเรื่องปัญหาการทำงานของลูกศิษย์ ที่มองเห็นว่าการมีพรสวรรค์ช่วยให้การทำงานของหรือการหางานเขาน่าจะได้เปรียบกว่าคนอื่น รวมไปถึงการที่จะประสบความสำเร็จในอนาคตด้วย ผู้เขียนวางโครงสร้างออกเป็นสองส่วน คือ ส่วนแรกเป็นส่วนของคำถามซึ่งตอบข้อสงสัยและข้อเข้าใจผิดเกี่ยวกับพรสวรรค์ ในส่วนที่สองเป็นส่วนของคำตอบ ซึ่งเป็นแนวทางการใช้ชีวิตโดยไม่จำเป็นต้องมีพรสวรรค์โดดเด่นก็สามารถประสบความสำเร็จได้ อาจารย์แมว ให้หลักสามข้อที่เป็นเรื่องที่เข้าใจผิดเกี่ยวกับพรสวรรค์ไว้ว่า (1)พยายาค้นหาพรสวรรค์ด้วยความชอบหรือความถนัด (2)เชื่อว่าความสามารถพิเศษบางอย่างทำให้ประสบความสำเร็จได้ และ(3)เชื่อว่าชีวิตถูกกำหนดด้วยชาติกำเนิด ซึ่งความเข้าใจผิดทั้งสามข้อนี้ อาจารย์แมวชำแหละรายละเอียดว่ามันไม่เป็นจริงอย่างไร โดยอาศัยงานวิจัยทางวิชาการที่ยืนยันที่มาที่ไปด้วย โดยพิสูจน์ชัดเจนทุกข้อ อย่างเช่นเรื่องชาติกำเนิด อาจารย์แมวนำงานวิจัยให้เห็นว่าเรื่องความสูงของคุณพ่อคุณแม่ ส่งผลมาถึงลูกด้วยค่าความสัมพันธ์ได้เพียง R=0.4 (ค่าความสัมพันธ์ที่มีผลให้นักวิจัยเห็นว่ามีนัยสำคัญคือ R ที่ใกล้เคียง เลข 1) และยิ่งไปกว่านั้นถ้าดูความสัมพันธ์ ระหว่าง IQ ของลูกกับคุณพ่อคุณแม่ ค่า R จะอยู่ที่ 0.2-0.3 เท่านั้น ซึ่งน้อยกว่าความสูงที่คุณพ่อคุณแม่ส่งผ่านพันธุกรรมมาให้เสียอีก แล้วค่า IQ ถ้ามาจากคุณพ่อคุณแม่เพียง 0.2-0.3 แล้วสาเหตุอื่นที่ทำให้ IQ แตกต่างกันคืออะไร? อาจารย์แมวเฉลยว่าสิ่งแวดล้อม ซึ่งมาจากการเลี้ยงดูหรือรายได้ของครอบครัว เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ค่า IQ แตกต่างนั่นเอง มีตัวอย่างแบบนี้อีกมากมายในเล่ม มีข้อโต้แย้งโดยงานวิจัยที่บอกว่า ความอึดจนทำงานสำเร็จ , คนที่มีความมั่นใจสูง , กฎ 10,000 ชั่วโมง และอื่นๆอีกมากมาย ไม่ได้เป็นสิ่งยืนยันพรสวรรค์และความสำเร็จได้เลย ถ้าหากพรสวรรค์ไม่ได้ยืนยันความสำเร็จในชีวิตหรือการทำงาน แล้วสิ่งใดที่ทำให้ประสบความสำเร็จได้ อาจารย์แมวเสนอกฎสามข้อ ซึ่งได้แก่ ชีวิตคือการต่อสู้ด้วยความสามารถพิเศษ , พรสวรรค์คือสภาพที่ถูกประเมินจากความเอนเอียงภายในกลุ่ม และ ยิ่งเป็นวงการที่มีกฎคลุมเครือ ยิ่งชนะในการต่อสู้ด้วยความสามารถพิเศษได้ง่าย (อาจจะฟังแล้วงงๆ ถ้าอยากฟังคำอธิบายคงต้องอ่านหนังสือแล้วแหละ) #แผนที่ค้นหาพรสวรรค์ #รีวิวหนังสือ - กฎหมายที่ออกแบบไว้ก็คือ เครือข่ายธนาคารกลางจะทำหน้าที่6 โดย เก็บสำรองทุนของธนาคารพาณิชย์ในแต่ละเขตในอัตราร้อยละ 6 ธนาคารเหล่านั้นจะได้รับหุ้นในธนาคารกลางในจำนวนเท่ากัน โดยมูลค่า หุ้นจะถูกกำหนดไว้ที่หุ้นละหนึ่งร้อยเหรียญ และที่สำคัญคือไม่สามารถ นำออกขายได้
อำนาจที่ผู้ถือหุ้นนี้ถือไว้ก็คือ สิทธิ์ในการออกเสียง 2 ใน 3 ของ คณะกรรมการบริหารของธนาคารกลางแต่ละแห่ง กับเงินปันผลร้อยละ 6 ต่อปี
หลายคนอาจไม่รู้ว่า เฟดนั้นเป็นหน่วยงานที่ทำกำไรไม่น้อยเลย ใน ปี 2017 เฟดส่งเงินมากถึง 80 พันล้านเหรียญเข้ากระทรวงการคลังสหรัฐฯ กับอีก 14 พันล้านเหรียญเป็นเงินปันผลไปยังธนาคารต่างๆ
จากหนังสือ เงินเปลี่ยนโลก for Money to change the world
กฎหมายที่ออกแบบไว้ก็คือ เครือข่ายธนาคารกลางจะทำหน้าที่6 โดย เก็บสำรองทุนของธนาคารพาณิชย์ในแต่ละเขตในอัตราร้อยละ 6 ธนาคารเหล่านั้นจะได้รับหุ้นในธนาคารกลางในจำนวนเท่ากัน โดยมูลค่า หุ้นจะถูกกำหนดไว้ที่หุ้นละหนึ่งร้อยเหรียญ และที่สำคัญคือไม่สามารถ นำออกขายได้ อำนาจที่ผู้ถือหุ้นนี้ถือไว้ก็คือ สิทธิ์ในการออกเสียง 2 ใน 3 ของ คณะกรรมการบริหารของธนาคารกลางแต่ละแห่ง กับเงินปันผลร้อยละ 6 ต่อปี หลายคนอาจไม่รู้ว่า เฟดนั้นเป็นหน่วยงานที่ทำกำไรไม่น้อยเลย ใน ปี 2017 เฟดส่งเงินมากถึง 80 พันล้านเหรียญเข้ากระทรวงการคลังสหรัฐฯ กับอีก 14 พันล้านเหรียญเป็นเงินปันผลไปยังธนาคารต่างๆ จากหนังสือ เงินเปลี่ยนโลก for Money to change the world - นั่งข้างคนที่มีประสิทธิภาพ ถึงแม้ความมีประสิทธิภาพของเขาคนนั้นจะไม่แพร่กระจายมาที่คุณ แต่การได้นั่งข้างๆ คนที่ขยันและตั้งใจทำงานจะเป็นแรงบันดาลใจให้ คุณทำเช่นนั้นด้วยเหมือนกันไม่มีใครกล้าเล่นเฟชบุ๊ก เวลานั่งติดกับคนที่พิมพ์รายงานได้หลายร้อยหน้าหรอก ความมีประสิทธิภาพเป็นสิ่งที่สามารถติดต่อกันได้ แต่คุณต้องหาทำเลเหมาะๆ ที่มันจะแพร่กระจายมาถึงคุณ
จากหนังสือ Productivity Hacksนั่งข้างคนที่มีประสิทธิภาพ ถึงแม้ความมีประสิทธิภาพของเขาคนนั้นจะไม่แพร่กระจายมาที่คุณ แต่การได้นั่งข้างๆ คนที่ขยันและตั้งใจทำงานจะเป็นแรงบันดาลใจให้ คุณทำเช่นนั้นด้วยเหมือนกันไม่มีใครกล้าเล่นเฟชบุ๊ก เวลานั่งติดกับคนที่พิมพ์รายงานได้หลายร้อยหน้าหรอก ความมีประสิทธิภาพเป็นสิ่งที่สามารถติดต่อกันได้ แต่คุณต้องหาทำเลเหมาะๆ ที่มันจะแพร่กระจายมาถึงคุณ จากหนังสือ Productivity Hacks0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 10 มุมมอง 0 รีวิว - ชีวิตนี้ ฟ้าลิขิต The Drunkard's Walk(วิถีขี้เมา) (2025/003)
ต้นฉบับภาษาอังกฤษแปลเป็นไทยได้ว่า การเดินของคนเมา(555) ผู้แต่งเป็นนักฟิสิกส์มีผลงานเขียนหนังสือร่วมกับสตีเฟน ฮอว์กิง ในหนังสือชื่อ A Briefer History of Time มาแล้ว เนื้อหาของหนังสือ คือ การที่อย่ามองข้ามตัวแปลที่ในการใช้ชีวิตในเรื่องต่างๆ ที่มาจากการสุ่มหรืออีกนัยหนึ่งก็คือฟ้าลิขิต มีประโยคหนึ่งในเล่มเขียนไว้ดีมากว่า ถึงแม้ชีวิตกว่าจะได้อะไรมาสักอย่างจากการสุ่ม(ซึ่งมีโอกาสที่ไม่สำเร็จมากๆ) แต่ถ้าหากทำไปมากๆๆๆๆหลายๆๆๆครั้งจนเพียงพอ สิ่งที่เราตั้งใจอยากจะสำเร็จนั้นก็สามารถเกิดกับเราได้
หนังสือเล่มนี้เป็นเล่มต่อยอดจากการอ่านหนังสือที่มีแนวคิดแบบนี้ ซึ่งจากที่เคยอ่านมาที่แนวคล้ายๆกันได้แก่หนังสือ Thinking Fast and Slow กับ Fooled by Randomness ที่เชื่อเรื่องที่มีปัจจัยพิเศษ(ค่อนข้างมาก) เกี่ยวกับชีวิตประจำวัน ความสำเร็จ หรือความล้มเหลว ที่เกิดจากการ”สุ่ม” ซึ่งโดยส่วนตัวมีความเชื่อเรื่องนี้
เนื้อหาในหนังสือเริ่มเล่าจาก เหตุการณ์หลายเหตุการณ์ที่เกี่ยวโยงกับการ”สุ่ม” หรือ “ฟ้าลิขิต” เช่นเรื่องภาพยนตร์ที่ไม่คิดว่าจะดังลงทุนน้อย กลับมียอดเข้าชมถล่มทลาย หรือนักเขียนหลายต่อหลายคนที่ถูกปฎิเสธการตีพิมพ์ เช่น เจ.เค.โรว์ลิง เสนอเรื่อง Harry Potter ให้สำนักพิมพ์ 9 แห่ง แต่ถูกปฎิเสธ แต่พอหนังสือได้ตีพิมพ์กลับได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีและโด่งดังมากๆ และยิ่งชัดเจนมากๆ ในวงการกีฬา
จากนั้นผู้เขียนซึ่งเป็นนักวิชาการ ได้เล่าถึงประวัติความเป็นมาของเรื่องความน่าจะเป็นตั้งแต่สมัยกรีกโรมัน เรื่อยมาจนถึงยุคปัจจุบัน มีการเขียนทฤษฎี และการทดสอบอย่างมากมาย ในเรื่องทฤษฎีนั้น เขาเล่าตั้งแต่การหาความน่าจะเป็น การคูณกันระหว่างตัวเลขของความเป็นไปได้ที่จะเกิดขึ้น จนต่อมาก็มีการคิดค้นสามเหลี่ยมปาสคาลเพื่อตอบคำถามในการคิดความเป็นไปได้ที่ซับซ้อนขึ้น และปิดท้ายกับทฤษฎีความน่าจะเป็นในเรื่องสถิติ ที่มีการแจกแจงมาตรฐาน รูปกราฟระฆังคว่ำ ซึ่งสามารถคาดการได้แม่นยำมากขึ้นสำหรับการใช้จำนวนข้อมูลมากๆ
แต่ในส่วนตัวเฉพาะเหตุการณ์ ผู้เขียนบอกว่าถึงแม้เราจะรู้ค่าความน่าจะเป็นของข้อมูลที่ได้มามากๆนั้น แต่สิ่งที่เรากำลังจะทำเราไม่มีทางรู้ว่าเราอยู่ส่วนไหนของข้อมูล ผู้แต่งสรุปว่า พวกเราไม่สามารถคาดการการเกิดขึ้นของเหตุการณ์ได้ รวมไปถึงเหตุการพิเศษที่เรียกว่าการสุ่ม ซึ่งจะมีทั้งด้านดีและด้านร้าย ดังนั้นเขาแนะนำให้เราทำตัวให้พร้อมรับกับทุกสถานการณ์ที่เกิดขึ้นและให้มีสติ
#ชีวิตนี้ฟ้าลิขิต #TheDrunkardsWalk #รีวิวหนังสือ #วิถีขี้เมา
ชีวิตนี้ ฟ้าลิขิต The Drunkard's Walk(วิถีขี้เมา) (2025/003) ต้นฉบับภาษาอังกฤษแปลเป็นไทยได้ว่า การเดินของคนเมา(555) ผู้แต่งเป็นนักฟิสิกส์มีผลงานเขียนหนังสือร่วมกับสตีเฟน ฮอว์กิง ในหนังสือชื่อ A Briefer History of Time มาแล้ว เนื้อหาของหนังสือ คือ การที่อย่ามองข้ามตัวแปลที่ในการใช้ชีวิตในเรื่องต่างๆ ที่มาจากการสุ่มหรืออีกนัยหนึ่งก็คือฟ้าลิขิต มีประโยคหนึ่งในเล่มเขียนไว้ดีมากว่า ถึงแม้ชีวิตกว่าจะได้อะไรมาสักอย่างจากการสุ่ม(ซึ่งมีโอกาสที่ไม่สำเร็จมากๆ) แต่ถ้าหากทำไปมากๆๆๆๆหลายๆๆๆครั้งจนเพียงพอ สิ่งที่เราตั้งใจอยากจะสำเร็จนั้นก็สามารถเกิดกับเราได้ หนังสือเล่มนี้เป็นเล่มต่อยอดจากการอ่านหนังสือที่มีแนวคิดแบบนี้ ซึ่งจากที่เคยอ่านมาที่แนวคล้ายๆกันได้แก่หนังสือ Thinking Fast and Slow กับ Fooled by Randomness ที่เชื่อเรื่องที่มีปัจจัยพิเศษ(ค่อนข้างมาก) เกี่ยวกับชีวิตประจำวัน ความสำเร็จ หรือความล้มเหลว ที่เกิดจากการ”สุ่ม” ซึ่งโดยส่วนตัวมีความเชื่อเรื่องนี้ เนื้อหาในหนังสือเริ่มเล่าจาก เหตุการณ์หลายเหตุการณ์ที่เกี่ยวโยงกับการ”สุ่ม” หรือ “ฟ้าลิขิต” เช่นเรื่องภาพยนตร์ที่ไม่คิดว่าจะดังลงทุนน้อย กลับมียอดเข้าชมถล่มทลาย หรือนักเขียนหลายต่อหลายคนที่ถูกปฎิเสธการตีพิมพ์ เช่น เจ.เค.โรว์ลิง เสนอเรื่อง Harry Potter ให้สำนักพิมพ์ 9 แห่ง แต่ถูกปฎิเสธ แต่พอหนังสือได้ตีพิมพ์กลับได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีและโด่งดังมากๆ และยิ่งชัดเจนมากๆ ในวงการกีฬา จากนั้นผู้เขียนซึ่งเป็นนักวิชาการ ได้เล่าถึงประวัติความเป็นมาของเรื่องความน่าจะเป็นตั้งแต่สมัยกรีกโรมัน เรื่อยมาจนถึงยุคปัจจุบัน มีการเขียนทฤษฎี และการทดสอบอย่างมากมาย ในเรื่องทฤษฎีนั้น เขาเล่าตั้งแต่การหาความน่าจะเป็น การคูณกันระหว่างตัวเลขของความเป็นไปได้ที่จะเกิดขึ้น จนต่อมาก็มีการคิดค้นสามเหลี่ยมปาสคาลเพื่อตอบคำถามในการคิดความเป็นไปได้ที่ซับซ้อนขึ้น และปิดท้ายกับทฤษฎีความน่าจะเป็นในเรื่องสถิติ ที่มีการแจกแจงมาตรฐาน รูปกราฟระฆังคว่ำ ซึ่งสามารถคาดการได้แม่นยำมากขึ้นสำหรับการใช้จำนวนข้อมูลมากๆ แต่ในส่วนตัวเฉพาะเหตุการณ์ ผู้เขียนบอกว่าถึงแม้เราจะรู้ค่าความน่าจะเป็นของข้อมูลที่ได้มามากๆนั้น แต่สิ่งที่เรากำลังจะทำเราไม่มีทางรู้ว่าเราอยู่ส่วนไหนของข้อมูล ผู้แต่งสรุปว่า พวกเราไม่สามารถคาดการการเกิดขึ้นของเหตุการณ์ได้ รวมไปถึงเหตุการพิเศษที่เรียกว่าการสุ่ม ซึ่งจะมีทั้งด้านดีและด้านร้าย ดังนั้นเขาแนะนำให้เราทำตัวให้พร้อมรับกับทุกสถานการณ์ที่เกิดขึ้นและให้มีสติ #ชีวิตนี้ฟ้าลิขิต #TheDrunkardsWalk #รีวิวหนังสือ #วิถีขี้เมา0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 8 มุมมอง 0 รีวิว - “พ่อก็หล่อ แม่ก็สวย แต่ทำไม---แม่ของโต๊ะโตะจะรีบต่อประโยคนี้ทันทีว่า “โต๊ะโตะเขาดี ตรงที่เป็นเด็กว่าง่ายค่ะ” เพื่อกลบเกลื่อนคำใดๆ ก็ตามที่แขกจะพูดต่อทุกครั้งไป และโต๊ะโตะก็ได้ยินประโยคเช่นนี้อยู่บ่อยๆ ถ้าเป็นเด็กคนอื่นอาจจะนึกเสียใจแต่โต๊ะโตะกลับไม่คิดอะไร
จากหนังสือ นางสาวโต๊ะโตะ“พ่อก็หล่อ แม่ก็สวย แต่ทำไม---แม่ของโต๊ะโตะจะรีบต่อประโยคนี้ทันทีว่า “โต๊ะโตะเขาดี ตรงที่เป็นเด็กว่าง่ายค่ะ” เพื่อกลบเกลื่อนคำใดๆ ก็ตามที่แขกจะพูดต่อทุกครั้งไป และโต๊ะโตะก็ได้ยินประโยคเช่นนี้อยู่บ่อยๆ ถ้าเป็นเด็กคนอื่นอาจจะนึกเสียใจแต่โต๊ะโตะกลับไม่คิดอะไร จากหนังสือ นางสาวโต๊ะโตะ0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 8 มุมมอง 0 รีวิว - นอกจากต้องการให้ผู้มีอำนาจให้ข้อมูลจากมุมมองผู้เชี่ยวชาญแล้ว เรายังต้องการให้พวกเขาเป็นแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถืออีกด้วย เราอยากเชื่อว่าพวกเขาให้คำแนะนำแบบผู้เชี่ยวชาญด้วยความสัตย์จริงและเป็นกลาง คือ พยายามให้เห็นภาพที่ถูกต้องตามจริงมากกว่าทำเพื่อประโยชน์ของตนเอง
จากหนังสือ Influence กลยุทธ์โน้มน้าวและจูงใจคนนอกจากต้องการให้ผู้มีอำนาจให้ข้อมูลจากมุมมองผู้เชี่ยวชาญแล้ว เรายังต้องการให้พวกเขาเป็นแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถืออีกด้วย เราอยากเชื่อว่าพวกเขาให้คำแนะนำแบบผู้เชี่ยวชาญด้วยความสัตย์จริงและเป็นกลาง คือ พยายามให้เห็นภาพที่ถูกต้องตามจริงมากกว่าทำเพื่อประโยชน์ของตนเอง จากหนังสือ Influence กลยุทธ์โน้มน้าวและจูงใจคน0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 8 มุมมอง 0 รีวิว - เด็กหลายคนชอบพูดคุยแต่ขาดความมั่นใจและความกล้า ผลสำรวจทาง จิตวิทยาแสดงให้เห็นว่า : ความกลัว ความมั่นใจ และความกล้า ถูกควบคุมโดยจิตใต้สำนึก ความกลัวคือผลจากการที่มนุษย์ต้องการปกป้องตัวเอง
จากหนังสือ พลังของการบอกใบ้เด็กหลายคนชอบพูดคุยแต่ขาดความมั่นใจและความกล้า ผลสำรวจทาง จิตวิทยาแสดงให้เห็นว่า : ความกลัว ความมั่นใจ และความกล้า ถูกควบคุมโดยจิตใต้สำนึก ความกลัวคือผลจากการที่มนุษย์ต้องการปกป้องตัวเอง จากหนังสือ พลังของการบอกใบ้0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 8 มุมมอง 0 รีวิว - ความรักตัวเองหมายถึง การยืนยันว่าเรามองว่าตัวเราเองสำคัญ แต่ความพึงพอใจในตัวเองหมายถึง การยืนยันว่าเราต้องรู้สึกดีกับตัวเราเองตลอดเวลา และจะต้องรักษาความรู้สึกดีกับตัวเราเองไว้เสมอ
การเข้าใจความแตกต่างของความรู้สึกสองอย่างนี้เป็นเรื่องสำคัญต่อการรู้จักตัวเองอย่างแท้จริง การที่เราจะเป็นคนดีมีสุขภาพจิตที่ดีได้ เราต้องรู้จักละวางความรู้สึกพึงพอใจในตัวเองบ้างเป็นครั้งคราว เพื่อจะได้ปรับปรุงแก้ไขตัวเองไม่ใช่ว่าต้องรู้สึกดีกับตัวเองตลอดเวลาซึ่งจะกลายเป็นการหลงตนไป
จากหนังสือ บทเรียนชีวิตที่จิตแพทย์อยากบอกความรักตัวเองหมายถึง การยืนยันว่าเรามองว่าตัวเราเองสำคัญ แต่ความพึงพอใจในตัวเองหมายถึง การยืนยันว่าเราต้องรู้สึกดีกับตัวเราเองตลอดเวลา และจะต้องรักษาความรู้สึกดีกับตัวเราเองไว้เสมอ การเข้าใจความแตกต่างของความรู้สึกสองอย่างนี้เป็นเรื่องสำคัญต่อการรู้จักตัวเองอย่างแท้จริง การที่เราจะเป็นคนดีมีสุขภาพจิตที่ดีได้ เราต้องรู้จักละวางความรู้สึกพึงพอใจในตัวเองบ้างเป็นครั้งคราว เพื่อจะได้ปรับปรุงแก้ไขตัวเองไม่ใช่ว่าต้องรู้สึกดีกับตัวเองตลอดเวลาซึ่งจะกลายเป็นการหลงตนไป จากหนังสือ บทเรียนชีวิตที่จิตแพทย์อยากบอก0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 8 มุมมอง 0 รีวิว
เรื่องราวเพิ่มเติม