ชักชวนกันอ่านหนังสือ หนังสือไม่ว่าจะเป็นแนวไหนล้วนมีประโยชน์
- หากคุณเป็นคนหัวนอก คุณสามารถแปลงชื่อเหล่านี้เป็น คำอังกฤษหรือคำภาษาที่คุณชอบเพราะมันจะเตือนความจำคุณได้ดี (จำเรื่องการทำคำให้พิเศษได้ใช่ไหมครับ) เช่น ธัญญาเรศ หากคุณอยากจำเป็นภาษาอังกฤษก็อาจจำเป็น ทันย่า เรด (Tanya Red) หรือชื่อ ชิดชนก ก็เอาเป็น Chit Cha Nok ดูเป็นคนร่าเริงดีจริงไหมครับ หรือวัลลภาก็แปลงได้เป็น Oh La Pa เป็นต้น
การแปลงชื่อไทยให้เป็นต่างชาติพร้อมผูกกับหน้าตาของ คนที่เราอยากจำ สามารถกระตุ้นให้เราจำชื่อพวกเขาได้ดีทีเดียว (อย่าลืมอารมณ์ขันด้วย) ลองดูนะครับ
จากหนังสือ #ฉลาดกว่าคนอื่นในพริบตาหากคุณเป็นคนหัวนอก คุณสามารถแปลงชื่อเหล่านี้เป็น คำอังกฤษหรือคำภาษาที่คุณชอบเพราะมันจะเตือนความจำคุณได้ดี (จำเรื่องการทำคำให้พิเศษได้ใช่ไหมครับ) เช่น ธัญญาเรศ หากคุณอยากจำเป็นภาษาอังกฤษก็อาจจำเป็น ทันย่า เรด (Tanya Red) หรือชื่อ ชิดชนก ก็เอาเป็น Chit Cha Nok ดูเป็นคนร่าเริงดีจริงไหมครับ หรือวัลลภาก็แปลงได้เป็น Oh La Pa เป็นต้น การแปลงชื่อไทยให้เป็นต่างชาติพร้อมผูกกับหน้าตาของ คนที่เราอยากจำ สามารถกระตุ้นให้เราจำชื่อพวกเขาได้ดีทีเดียว (อย่าลืมอารมณ์ขันด้วย) ลองดูนะครับ จากหนังสือ #ฉลาดกว่าคนอื่นในพริบตา0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1 มุมมอง 0 รีวิวกรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อกดถูกใจ แชร์ และแสดงความคิดเห็น! - การลงมือทำนำไปสู่การจดจ่อ - การกระทำไม่ได้ทำให้คุณบรรลุผลลัพธ์ เพราะสิ่งต่าง ๆ มักจะไม่ค่อยเป็นไปตามแผนที่คุณวางไว้ การลงมือทำเพียงแค่ช่วยให้คุณจดจ่อกับการเติมเต็มความตั้งใจของคุณ ความสนใจต่างหากที่สร้างผลลัพธ์
จากหนังสือ #ThePassionTestการลงมือทำนำไปสู่การจดจ่อ - การกระทำไม่ได้ทำให้คุณบรรลุผลลัพธ์ เพราะสิ่งต่าง ๆ มักจะไม่ค่อยเป็นไปตามแผนที่คุณวางไว้ การลงมือทำเพียงแค่ช่วยให้คุณจดจ่อกับการเติมเต็มความตั้งใจของคุณ ความสนใจต่างหากที่สร้างผลลัพธ์ จากหนังสือ #ThePassionTest0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1 มุมมอง 0 รีวิว - เมื่อเราตระหนักถึงพลังอันเกินต้านทานของความสม่ำเสมอในการกำกับการกระทำของมนุษย์ ก็เกิดคำถามสำคัญอย่างหนึ่งขึ้นทันที ได้แก่ พลังนี้ทำงานได้อย่างไร อะไรเป็นตัวกระตุ้นให้ความสม่ำเสมอในตัวทำงานโดยอัตโนมัติ นักจิตวิทยาสังคมคิดว่าพวกเขารู้คำตอบ นั่นคือความมุ่งมั่น (Commitment) ถ้าผมทำให้คุณแสดงความมุ่งมั่นออกมาได้ (การแสดงจุดยืน การให้คำมั่นสัญญาที่บันทึกไว้เป็นหลักฐาน) ก็เท่ากับผมสร้างสถานการณ์ ที่จะทำให้คุณต้องทำอะไรที่สอดคล้องกับคำมั่นนั้นไปโดยอัตโนมัติและไม่คิดให้ถี่ถ้วนรอบคอบ เมื่อมีการแสดงจุดยืนแล้ว แนวโน้มที่เกิดขึ้นตามปกติ คือ การแสดงพฤติกรรมที่สอดคล้องกับจุดยืนนั้นเสมอ
จากหนังสือ #Influence #กลยุทธ์โน้มน้าวและจูงใจคนเมื่อเราตระหนักถึงพลังอันเกินต้านทานของความสม่ำเสมอในการกำกับการกระทำของมนุษย์ ก็เกิดคำถามสำคัญอย่างหนึ่งขึ้นทันที ได้แก่ พลังนี้ทำงานได้อย่างไร อะไรเป็นตัวกระตุ้นให้ความสม่ำเสมอในตัวทำงานโดยอัตโนมัติ นักจิตวิทยาสังคมคิดว่าพวกเขารู้คำตอบ นั่นคือความมุ่งมั่น (Commitment) ถ้าผมทำให้คุณแสดงความมุ่งมั่นออกมาได้ (การแสดงจุดยืน การให้คำมั่นสัญญาที่บันทึกไว้เป็นหลักฐาน) ก็เท่ากับผมสร้างสถานการณ์ ที่จะทำให้คุณต้องทำอะไรที่สอดคล้องกับคำมั่นนั้นไปโดยอัตโนมัติและไม่คิดให้ถี่ถ้วนรอบคอบ เมื่อมีการแสดงจุดยืนแล้ว แนวโน้มที่เกิดขึ้นตามปกติ คือ การแสดงพฤติกรรมที่สอดคล้องกับจุดยืนนั้นเสมอ จากหนังสือ #Influence #กลยุทธ์โน้มน้าวและจูงใจคน0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 3 มุมมอง 0 รีวิว - มีตัวอย่างที่ใกล้กว่านั้นจากชีวิตของผมเองปีที่แล้วเพื่อนรักคนหนึ่งหยิบยื่น โอกาสให้ผมไปแอฟริกาตะวันออกกับชายวัยกลางคนอีก 15 คนเป็นเวลาหนึ่งเดือนเพื่อพบปะกับผู้อาวุโสในชนเผ่าพื้นเมืองและตั้งค่ายในป่าเขา เหมือนฝันเป็นจริงเลยทีเดียว แต่ตอนนั้นเป็นช่วงที่ผมงานชุกที่สุดในรอบปี ซึ่งถ้าเดินทางผมจะต้องเสียเวลาทำงานไปมาก คราวนี้ผมไปเยี่ยมชายชราบนระเบียงบ้าน เขาบอกผมว่า “พอคุณ อายุเท่าผม คุณจะไม่เสียดายเงินที่ตัวเองเสียไปในเดือนนี้ แต่แอฟริกาจะอยู่ในใจคุณตลอดไป” ผมเดินทางไปสำรวจหลากหลายวัฒนธรรมที่น่าพิศวง ได้เห็นป่าดงพงไพรแสนอัศจรรย์ซึ่งไม่เคยเห็นมาก่อน และยังคิดถึงครอบครัวของผม ความคิดถึงเดือนผมว่าพวกเขามีความหมายกับผมมากแค่ไหน ขณะอยู่ในแทนซาเนีย ผมนั่งเคียงข้างกับผู้อาวุโสของเผ่าและเกิดความคิดที่จะทำโครงการนี้ ความกังวลว่าการเดินทางจะรบกวนกำหนดการที่ “ยุ่งตลอด” เกือบทำให้ผมไม่ได้รับประสบการณ์ ที่สำคัญที่สุดครั้งหนึ่งในชีวิต
จากหนังสือ #ความลับ5ข้อที่คุณต้องค้นให้พบก่อนตายมีตัวอย่างที่ใกล้กว่านั้นจากชีวิตของผมเองปีที่แล้วเพื่อนรักคนหนึ่งหยิบยื่น โอกาสให้ผมไปแอฟริกาตะวันออกกับชายวัยกลางคนอีก 15 คนเป็นเวลาหนึ่งเดือนเพื่อพบปะกับผู้อาวุโสในชนเผ่าพื้นเมืองและตั้งค่ายในป่าเขา เหมือนฝันเป็นจริงเลยทีเดียว แต่ตอนนั้นเป็นช่วงที่ผมงานชุกที่สุดในรอบปี ซึ่งถ้าเดินทางผมจะต้องเสียเวลาทำงานไปมาก คราวนี้ผมไปเยี่ยมชายชราบนระเบียงบ้าน เขาบอกผมว่า “พอคุณ อายุเท่าผม คุณจะไม่เสียดายเงินที่ตัวเองเสียไปในเดือนนี้ แต่แอฟริกาจะอยู่ในใจคุณตลอดไป” ผมเดินทางไปสำรวจหลากหลายวัฒนธรรมที่น่าพิศวง ได้เห็นป่าดงพงไพรแสนอัศจรรย์ซึ่งไม่เคยเห็นมาก่อน และยังคิดถึงครอบครัวของผม ความคิดถึงเดือนผมว่าพวกเขามีความหมายกับผมมากแค่ไหน ขณะอยู่ในแทนซาเนีย ผมนั่งเคียงข้างกับผู้อาวุโสของเผ่าและเกิดความคิดที่จะทำโครงการนี้ ความกังวลว่าการเดินทางจะรบกวนกำหนดการที่ “ยุ่งตลอด” เกือบทำให้ผมไม่ได้รับประสบการณ์ ที่สำคัญที่สุดครั้งหนึ่งในชีวิต จากหนังสือ #ความลับ5ข้อที่คุณต้องค้นให้พบก่อนตาย0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 3 มุมมอง 0 รีวิว - หนังยางล้างใจ (2025/095)
ปฎิบัตการเปลี่ยนตัวเอง ด้วยหนังยาง(ยางวง) 1 เส้นที่ข้อมือ ในเวลา 21วัน
โดยนักเขียนเบสเซลเลอร์ คุณวิสูตร แสงอรุณเลิศ ผู้ที่เคยมีชิวิตช่วงหนึ่งที่มีปัญหารุมเร้า เครียด นอนไม่หลับ และนำหลักการหนังยางล้างใจมาใช้กับตัวเอง จนผ่านพ้นวิกฤติในชีวิตช่วงนั้นมาได้ และต่อมาเขาเปิดโครงการ “เปลี่ยนชีวิตใน 21วัน” เพื่อช่วยเหลือและพัฒนาผู้ที่เข้าร่วมโครงการ
ผู้เขียนนำเสนอหลักการเปลี่ยชีวิตใน 21 วันจากงานวิจัยทางจิตวิทยา ของ Dr.Maxwell Maltz ศัลยแพทย์ ในชื่อต้นฉบับที่ว่า 21-Day Habit Theory คุณหมอเป็นหมอศัลยกรรมตกแต่ง คุณหมอได้สังเกตว่าคนเข้าที่ผ่านการผ่าตัดใบหน้าและต้องทำใจรับใบหน้าใหม่ของตนเองที่เปลี่ยนแปลงไป จะสามารถยอมรับใบหน้าใหม่ได้ใน 21วัน คุณหมอยังค้นคว้าต่อไปว่า ตัวเลข 21วัน เป็นตัวเลขที่มนุษย์ใช้ปรับตัวเองให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงขนาดใหญ่ในชีวิต
หลักการ 21 วันควบคู่กับหนังยางตรงไหน?
หนังยางที่สวมข้อมือใช้สวมใส่ตลอดทุก 21วัน ใช้สำหรับการดึงหนังยางดีดแขนตัวเองเมื่อเกิดการ “คิดลบ” ทุกครั้งที่คิดลบให้ดีดหนึ่งครั้ง ดังนั้นในวันแรกๆที่เข้าโครงการนี้ ต้องมีการเจ็บแขนหลายๆครั้ง เพื่อเตือนตัวเองไม่ให้คิดลบ นอกจากนี้บทเรียนภายใน 21 วันที่ผู้เขียนวางแผนให้ผู้อ่านได้อ่าน ตัวเขาสอดแทรกหลักคิด หลักปฎิบัติ หลักการใช้ชีวิต ให้มุ่งคิดดี มีความสุข รักตัวเอง มุ่งมั่นในการวางเป้าหมายในชีวิต และความสัมพันธ์กับคนรอบข้าง
ผู้ที่ตกอยู่ในความทุกข์ สามารถเปลี่ยนตัวเองได้ไม่มากก็น้อย ในปฎิบัติการหนังยางล้างใจนี้
#หนังยางล้างใจ #รีวิวหนังสือ
หนังยางล้างใจ (2025/095) ปฎิบัตการเปลี่ยนตัวเอง ด้วยหนังยาง(ยางวง) 1 เส้นที่ข้อมือ ในเวลา 21วัน โดยนักเขียนเบสเซลเลอร์ คุณวิสูตร แสงอรุณเลิศ ผู้ที่เคยมีชิวิตช่วงหนึ่งที่มีปัญหารุมเร้า เครียด นอนไม่หลับ และนำหลักการหนังยางล้างใจมาใช้กับตัวเอง จนผ่านพ้นวิกฤติในชีวิตช่วงนั้นมาได้ และต่อมาเขาเปิดโครงการ “เปลี่ยนชีวิตใน 21วัน” เพื่อช่วยเหลือและพัฒนาผู้ที่เข้าร่วมโครงการ ผู้เขียนนำเสนอหลักการเปลี่ยชีวิตใน 21 วันจากงานวิจัยทางจิตวิทยา ของ Dr.Maxwell Maltz ศัลยแพทย์ ในชื่อต้นฉบับที่ว่า 21-Day Habit Theory คุณหมอเป็นหมอศัลยกรรมตกแต่ง คุณหมอได้สังเกตว่าคนเข้าที่ผ่านการผ่าตัดใบหน้าและต้องทำใจรับใบหน้าใหม่ของตนเองที่เปลี่ยนแปลงไป จะสามารถยอมรับใบหน้าใหม่ได้ใน 21วัน คุณหมอยังค้นคว้าต่อไปว่า ตัวเลข 21วัน เป็นตัวเลขที่มนุษย์ใช้ปรับตัวเองให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงขนาดใหญ่ในชีวิต หลักการ 21 วันควบคู่กับหนังยางตรงไหน? หนังยางที่สวมข้อมือใช้สวมใส่ตลอดทุก 21วัน ใช้สำหรับการดึงหนังยางดีดแขนตัวเองเมื่อเกิดการ “คิดลบ” ทุกครั้งที่คิดลบให้ดีดหนึ่งครั้ง ดังนั้นในวันแรกๆที่เข้าโครงการนี้ ต้องมีการเจ็บแขนหลายๆครั้ง เพื่อเตือนตัวเองไม่ให้คิดลบ นอกจากนี้บทเรียนภายใน 21 วันที่ผู้เขียนวางแผนให้ผู้อ่านได้อ่าน ตัวเขาสอดแทรกหลักคิด หลักปฎิบัติ หลักการใช้ชีวิต ให้มุ่งคิดดี มีความสุข รักตัวเอง มุ่งมั่นในการวางเป้าหมายในชีวิต และความสัมพันธ์กับคนรอบข้าง ผู้ที่ตกอยู่ในความทุกข์ สามารถเปลี่ยนตัวเองได้ไม่มากก็น้อย ในปฎิบัติการหนังยางล้างใจนี้ #หนังยางล้างใจ #รีวิวหนังสือ0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 3 มุมมอง 0 รีวิว - ในอังกฤษรัฐบาลได้แนะให้ขยายเวลาเกษียณออกไปเป็น 67 ปี ประเทศในยุโรปก็กำลังพยายามออกกฎหมายแบบเดียวกัน แล้วก็ไม่ใช่แค่ภาครัฐเท่านั้น แต่คณะกรรมการในบริษัทต่างๆ ทั่วโลกตอนนี้ก็กำลังเผชิญกับความท้าทายในการจัดการกับประชากรสูงอายุด้วย
จากหนังสือ #LikeAVerginในอังกฤษรัฐบาลได้แนะให้ขยายเวลาเกษียณออกไปเป็น 67 ปี ประเทศในยุโรปก็กำลังพยายามออกกฎหมายแบบเดียวกัน แล้วก็ไม่ใช่แค่ภาครัฐเท่านั้น แต่คณะกรรมการในบริษัทต่างๆ ทั่วโลกตอนนี้ก็กำลังเผชิญกับความท้าทายในการจัดการกับประชากรสูงอายุด้วย จากหนังสือ #LikeAVergin0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2 มุมมอง 0 รีวิว - ชาวนารายเล็กในบริเวณที่ราบลุ่มภาคกลางจึงถูกดึงเข้าสู่เศรษฐกิจตลาดอย่างช้าๆ และไม่เต็มที่ แต่เศรษฐกิจตลาดก็ขยายไปตลอดเวลาเพราะการคมนาคมขนส่งที่ดีขึ้น จากทศวรรษ ๒๔๗๐ การทำนาดำเริ่มเข้า ทดแทนนาหว่านในหลายพื้นที่ ผลผลิตต่อไร่สูงขึ้นและครัวเรือนชาวนาก็มี ข้าวส่วนเกินที่จะขายได้มากขึ้น การส่งออกข้าวพุ่งขึ้นถึงจุดสูงสุดช่วงก่อน สงครามโลกครั้งที่ ๒ จนส่งออกได้ถึง ๑.๕ ล้านตัน คิดเป็น ๓ เท่าของที่เคย ส่งออกเมื่อ ๔๕ ปีก่อนหน้า เจ้าของที่ดินขนาดใหญ่บางรายไม่อาจบริหารจัดการนาเช่าและราคา
จากหนังสือ #ประวัติศาสตร์ไทยร่วมสมัยชาวนารายเล็กในบริเวณที่ราบลุ่มภาคกลางจึงถูกดึงเข้าสู่เศรษฐกิจตลาดอย่างช้าๆ และไม่เต็มที่ แต่เศรษฐกิจตลาดก็ขยายไปตลอดเวลาเพราะการคมนาคมขนส่งที่ดีขึ้น จากทศวรรษ ๒๔๗๐ การทำนาดำเริ่มเข้า ทดแทนนาหว่านในหลายพื้นที่ ผลผลิตต่อไร่สูงขึ้นและครัวเรือนชาวนาก็มี ข้าวส่วนเกินที่จะขายได้มากขึ้น การส่งออกข้าวพุ่งขึ้นถึงจุดสูงสุดช่วงก่อน สงครามโลกครั้งที่ ๒ จนส่งออกได้ถึง ๑.๕ ล้านตัน คิดเป็น ๓ เท่าของที่เคย ส่งออกเมื่อ ๔๕ ปีก่อนหน้า เจ้าของที่ดินขนาดใหญ่บางรายไม่อาจบริหารจัดการนาเช่าและราคา จากหนังสือ #ประวัติศาสตร์ไทยร่วมสมัย0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2 มุมมอง 0 รีวิว - สุขเลือกได้ Choose The Life You Want (2025/094)
จากผู้ที่ชีวิตมีแต่ความไม่สบายใจ ผู้เขียนเปลี่ยนชีวิตตัวเองด้วยหลักการหลายข้อจนเขาเปลี่ยนเป็นนักเขียนหนังสือชื่อดังที่เป็นเรื่องเกี่ยวข้องกับความสุข และเขายังเป็นผู้เปิดคอร์สสอนวิชาความสุขในมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ที่มีนักศึกษาลงทะเบียนเรียนมากที่สุด
และนี่เป็นหนังสืออีกเล่มที่ผู้เขียนนำหลักคิดในการคิดสองแบบที่เป็นแนวคิดตรงข้ามกันมาอธิบายว่าควรจะคิดแบบไหนชีวิตถึงจะมีความสุข โดยเขาเขียนออกมาเป็นหัวข้อจำนวน 101 หัวข้อที่ครอบความคิดหรือหลักปฎิบัติในแบบที่ควรทำและไม่ควรทำ เพื่อความสุขของผู้โชคดีที่ได้หยิบหนังสือเล่มนี้ขึ้นมาอ่าน
เนื้อหาหัวข้อในหนังสือเล่มนี้จะเป็นหัวข้อที่เป็นขั้วตรงข้ามของหลักคิดสองรูปแบบ คือรูปแบบที่พวกเราทำประจำ(แต่เป็นทุกข์) กับรูปแบบที่ควรจะทำซึ่งอาจจะฝืนความเคยชิน((แต่สร้างความสุข) หัวข้อตัวอย่างเช่น
-เพียงแค่ใช้ชีวิต หรือ เลือกที่จะเลือก
-มองข้ามสิ่งมีค่าในชีวิต หรือ ใส่ใจในความพิศวง
-แสดงความเหนือกว่า หรือ ทำให้คนอื่นรู้สึกดี
-ยึดมั่นในความสมบูรณ์แบบ หรือ รู้สึกว่าเมื่อดีพอถือว่าพอแล้ว
และอื่นๆอีกมากมาย
ผู้เขียนจะอธิบายเรื่องเกี่ยวกับความสุขในแต่ละหัวข้อ เป็นข้อความไม่ยาวนัก และปิดท้ายด้วย งานวิจัย , เรื่องราวที่เกิดขึ้นจริง หรือแม้แต่ชีวิตของตัวผู้เขียนเอง เพื่อแสดงเป็นเคสตัวอย่างสนับสนุนหัวข้อแต่ละหัวข้อ
การที่ได้อ่านหนังสือเล่มนี้ ทำให้เห็นแนวคิดในหลายๆหัวข้อที่เราควรจะต้องปรับปรุงเพื่อรอรับความสุขที่จะเกิดขึ้นครับ
#สุขเลือกได้ #ChooseTheLifeYouWant #รีวิวหนังสือ
สุขเลือกได้ Choose The Life You Want (2025/094) จากผู้ที่ชีวิตมีแต่ความไม่สบายใจ ผู้เขียนเปลี่ยนชีวิตตัวเองด้วยหลักการหลายข้อจนเขาเปลี่ยนเป็นนักเขียนหนังสือชื่อดังที่เป็นเรื่องเกี่ยวข้องกับความสุข และเขายังเป็นผู้เปิดคอร์สสอนวิชาความสุขในมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ที่มีนักศึกษาลงทะเบียนเรียนมากที่สุด และนี่เป็นหนังสืออีกเล่มที่ผู้เขียนนำหลักคิดในการคิดสองแบบที่เป็นแนวคิดตรงข้ามกันมาอธิบายว่าควรจะคิดแบบไหนชีวิตถึงจะมีความสุข โดยเขาเขียนออกมาเป็นหัวข้อจำนวน 101 หัวข้อที่ครอบความคิดหรือหลักปฎิบัติในแบบที่ควรทำและไม่ควรทำ เพื่อความสุขของผู้โชคดีที่ได้หยิบหนังสือเล่มนี้ขึ้นมาอ่าน เนื้อหาหัวข้อในหนังสือเล่มนี้จะเป็นหัวข้อที่เป็นขั้วตรงข้ามของหลักคิดสองรูปแบบ คือรูปแบบที่พวกเราทำประจำ(แต่เป็นทุกข์) กับรูปแบบที่ควรจะทำซึ่งอาจจะฝืนความเคยชิน((แต่สร้างความสุข) หัวข้อตัวอย่างเช่น -เพียงแค่ใช้ชีวิต หรือ เลือกที่จะเลือก -มองข้ามสิ่งมีค่าในชีวิต หรือ ใส่ใจในความพิศวง -แสดงความเหนือกว่า หรือ ทำให้คนอื่นรู้สึกดี -ยึดมั่นในความสมบูรณ์แบบ หรือ รู้สึกว่าเมื่อดีพอถือว่าพอแล้ว และอื่นๆอีกมากมาย ผู้เขียนจะอธิบายเรื่องเกี่ยวกับความสุขในแต่ละหัวข้อ เป็นข้อความไม่ยาวนัก และปิดท้ายด้วย งานวิจัย , เรื่องราวที่เกิดขึ้นจริง หรือแม้แต่ชีวิตของตัวผู้เขียนเอง เพื่อแสดงเป็นเคสตัวอย่างสนับสนุนหัวข้อแต่ละหัวข้อ การที่ได้อ่านหนังสือเล่มนี้ ทำให้เห็นแนวคิดในหลายๆหัวข้อที่เราควรจะต้องปรับปรุงเพื่อรอรับความสุขที่จะเกิดขึ้นครับ #สุขเลือกได้ #ChooseTheLifeYouWant #รีวิวหนังสือ0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2 มุมมอง 0 รีวิว - ปรัชญาชีวิต ของ ฌอง-ปอล ชาร์ตร์ (2025/093)
กลั่นกรองสรุปปรัชญา ของ ฌอง-ปอล ชาร์ตร์ โดยอาจารย์พินิจ รัตนกุล (อาจารย์สอนปรัชญา มหาวิทยาลัยมหิดล) ฌอง-ปอล ชาร์ตร์ผู้เที่ยึดถือปรัชญาเอกซิสเตนเซียลลิสม์ (
Existentialism:อัตถิภาวนิยม เน้นการใช้ชีวิตในแบบปัจเจกบุคคลหรือก็คือยึดถือตัวเองเป็นหลัก และมีความเชื่อเรื่องเจตจำนงเสรี ที่แต่ละบุคคลมีสิทธิที่จะทำอะไรก็ได้) แบบเข้มข้น
แน่นอนว่าการสาธยายปรัชญาของ ฌอง-ปอล ชาร์ตร์ โดย อ.พินิจ รัตนกุล เป็นงานเขียนที่บรรยายออกมาให้เข้าใจได้ง่าย ซึ่งการมีเจตจำนงเสรีในมองมุงของฌอง-ปอล ชาร์ตร์ มีหลักเกณฑ์ ข้อสนับสนุนให้เชื่อได้ว่าการมีเจตจำนงเสรีเป็นผลดีต่อมนุษย์เองรวมไปถึง เป็นผลดีต่อโลกด้วย
เจตจำนงเสรีของ ฌอง-ปอล ชาร์ตร์ เริ่มที่จิต หรือดวงจิตครับ การให้คำอธิบายของ ฌอง-ปอล ชาร์ตร์ ในเรื่องจิตน่าสนใจมากๆ มีความคล้ายคลึงกับจิตในทางความเชื่อของโลกตะวันออกโดยที่เขาไม่เคยศึกษาพุทธศาสนาเลย จิตในความเชื่อของ ฌอง-ปอล ชาร์ตร์ คือสิ่งที่เป็นจิตใจที่มีลักษณะโปร่งใส มีอิสระเสรีที่จะคิด บังคับวัตถุต่างๆให้ทำสิ่งได้ก็ได้ โดยที่ ฌอง-ปอล ชาร์ตร์ มองสิ่งอื่นๆนอกจากดวงจิตที่โปร่งใสเป็นวัตถุ โดยเฉพาะร่างกายเขามองว่าร่างกายเป็นวัตถุ เพราะร่างกายไม่สามารถมีเจตจำนงเสรีทำอะไรตามใจได้ ร่างกายไม่สามารถบังคับให้ตัวเองเป็นอมตะ ไม่เสื่อม ไม่เจ็บ ไม่ตายได้ ดังนั้นสิ่งที่นอกเหนือจากร่างกายทั้งหมด ซึ่งก็คือทุกสิ่งทุกอย่างไม่มีความเป็นอิสระ
ดวงจิตที่เป็นอิสระโปร่งใส ถ้าหากถูกควบคุมด้วยผู้อื่น ร่างกายของตนเอง ความคิดที่ถูกสร้างมาในอดิตหรือคำสอนโดยเป็นกรอบป้องกันดวงจิต ซึ่งสิ่งเหล่านี้ ฌอง-ปอล ชาร์ตร์ มองว่าเป็นวัตถุ การที่ดวงจิตถูกควบคุมด้วยวัตถุย่อมไม่ใช่จิตที่เป็นอิสระ ดังนั้นการที่จะปลดปล่อยดวงจิตให้มีอิสระต้องหลุดพ้นจากการควบคุมจากวัตถุต่างๆ ด้วยดวงจิตเอง
ดวงจิตนั้นเป็นของเรา เป็นของมนุษย์แต่ละบุคคลงนั้นเรามีสิทธิ์ที่จะเป็นอิสระ สามารถทำตามความคิด ความต้องการของตัวเอง และนั่นควรเป็นพื้นฐานของชีวิตแต่ละบุคคล แน่นอนว่านี่เป็นหลักการพื้นฐานของ ฌอง-ปอล ชาร์ตร์ ที่นำเสนอให้เกิดจิตที่เป็นอิสระ แต่เนื้อหาในเล่มยังมีการอธิบายให้สถานการณ์ต่างๆ เพื่อนำเอาปรัชญานี้ไปใช้ ทั้งในด้าน ส่วนตัวเอง การงาน ความรัก ประเทศชาติ ผู้อื่น และโลกใบนี้
การได้อ่านหนังสือเล่มนี้ ทำให้เกิดความเชื่อที่แท้จริงว่าจิตใจเราควรได้รับการปลดปล่อยให้เป็นอิสระ โดยมีเหตุผลมากมายรองรับ
#ปรัชญาชีวิตของฌองปอลชาร์ตร์ #ฌองปอลชาร์ตร์ #ฌองปอลชาร์ทร์ #รีวิวหนังสือ
ปรัชญาชีวิต ของ ฌอง-ปอล ชาร์ตร์ (2025/093) กลั่นกรองสรุปปรัชญา ของ ฌอง-ปอล ชาร์ตร์ โดยอาจารย์พินิจ รัตนกุล (อาจารย์สอนปรัชญา มหาวิทยาลัยมหิดล) ฌอง-ปอล ชาร์ตร์ผู้เที่ยึดถือปรัชญาเอกซิสเตนเซียลลิสม์ ( Existentialism:อัตถิภาวนิยม เน้นการใช้ชีวิตในแบบปัจเจกบุคคลหรือก็คือยึดถือตัวเองเป็นหลัก และมีความเชื่อเรื่องเจตจำนงเสรี ที่แต่ละบุคคลมีสิทธิที่จะทำอะไรก็ได้) แบบเข้มข้น แน่นอนว่าการสาธยายปรัชญาของ ฌอง-ปอล ชาร์ตร์ โดย อ.พินิจ รัตนกุล เป็นงานเขียนที่บรรยายออกมาให้เข้าใจได้ง่าย ซึ่งการมีเจตจำนงเสรีในมองมุงของฌอง-ปอล ชาร์ตร์ มีหลักเกณฑ์ ข้อสนับสนุนให้เชื่อได้ว่าการมีเจตจำนงเสรีเป็นผลดีต่อมนุษย์เองรวมไปถึง เป็นผลดีต่อโลกด้วย เจตจำนงเสรีของ ฌอง-ปอล ชาร์ตร์ เริ่มที่จิต หรือดวงจิตครับ การให้คำอธิบายของ ฌอง-ปอล ชาร์ตร์ ในเรื่องจิตน่าสนใจมากๆ มีความคล้ายคลึงกับจิตในทางความเชื่อของโลกตะวันออกโดยที่เขาไม่เคยศึกษาพุทธศาสนาเลย จิตในความเชื่อของ ฌอง-ปอล ชาร์ตร์ คือสิ่งที่เป็นจิตใจที่มีลักษณะโปร่งใส มีอิสระเสรีที่จะคิด บังคับวัตถุต่างๆให้ทำสิ่งได้ก็ได้ โดยที่ ฌอง-ปอล ชาร์ตร์ มองสิ่งอื่นๆนอกจากดวงจิตที่โปร่งใสเป็นวัตถุ โดยเฉพาะร่างกายเขามองว่าร่างกายเป็นวัตถุ เพราะร่างกายไม่สามารถมีเจตจำนงเสรีทำอะไรตามใจได้ ร่างกายไม่สามารถบังคับให้ตัวเองเป็นอมตะ ไม่เสื่อม ไม่เจ็บ ไม่ตายได้ ดังนั้นสิ่งที่นอกเหนือจากร่างกายทั้งหมด ซึ่งก็คือทุกสิ่งทุกอย่างไม่มีความเป็นอิสระ ดวงจิตที่เป็นอิสระโปร่งใส ถ้าหากถูกควบคุมด้วยผู้อื่น ร่างกายของตนเอง ความคิดที่ถูกสร้างมาในอดิตหรือคำสอนโดยเป็นกรอบป้องกันดวงจิต ซึ่งสิ่งเหล่านี้ ฌอง-ปอล ชาร์ตร์ มองว่าเป็นวัตถุ การที่ดวงจิตถูกควบคุมด้วยวัตถุย่อมไม่ใช่จิตที่เป็นอิสระ ดังนั้นการที่จะปลดปล่อยดวงจิตให้มีอิสระต้องหลุดพ้นจากการควบคุมจากวัตถุต่างๆ ด้วยดวงจิตเอง ดวงจิตนั้นเป็นของเรา เป็นของมนุษย์แต่ละบุคคลงนั้นเรามีสิทธิ์ที่จะเป็นอิสระ สามารถทำตามความคิด ความต้องการของตัวเอง และนั่นควรเป็นพื้นฐานของชีวิตแต่ละบุคคล แน่นอนว่านี่เป็นหลักการพื้นฐานของ ฌอง-ปอล ชาร์ตร์ ที่นำเสนอให้เกิดจิตที่เป็นอิสระ แต่เนื้อหาในเล่มยังมีการอธิบายให้สถานการณ์ต่างๆ เพื่อนำเอาปรัชญานี้ไปใช้ ทั้งในด้าน ส่วนตัวเอง การงาน ความรัก ประเทศชาติ ผู้อื่น และโลกใบนี้ การได้อ่านหนังสือเล่มนี้ ทำให้เกิดความเชื่อที่แท้จริงว่าจิตใจเราควรได้รับการปลดปล่อยให้เป็นอิสระ โดยมีเหตุผลมากมายรองรับ #ปรัชญาชีวิตของฌองปอลชาร์ตร์ #ฌองปอลชาร์ตร์ #ฌองปอลชาร์ทร์ #รีวิวหนังสือ0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 5 มุมมอง 0 รีวิว - ผู้คนได้ยินความเชื่อของ ดร.คิงอย่างชัดเจนและรู้สึกว่าถ้อยคำของ เขาทรงพลังอย่างยิ่ง ผู้ที่เชื่อในสิ่งเดียวกันจะรับเอาจุดมุ่งหมายนั้นมาเป็นของตัวเองและนำไปเล่าให้คนอื่นๆฟัง ส่วนคนที่ได้ฟังก็จะบอกความเชื่อ ของตนแก่คนอื่นต่อไปอีกทอดบางคนอาจมีวิธีเผยแพร่ความเชื่อที่ได้ผลมากกว่าคนอื่น
แล้ววันหนึ่งในฤดูร้อนของปี 1963 ประชาชน 250,000 คนก็มารวม ตัวกันเพื่อฟัง ดร.คิงกล่าวสุนทรพจน์ “ผมมีความฝัน” ที่บันไดของอนุสาวรีย์ลินคอล์น
จากหนังสือ #StartWithWhyผู้คนได้ยินความเชื่อของ ดร.คิงอย่างชัดเจนและรู้สึกว่าถ้อยคำของ เขาทรงพลังอย่างยิ่ง ผู้ที่เชื่อในสิ่งเดียวกันจะรับเอาจุดมุ่งหมายนั้นมาเป็นของตัวเองและนำไปเล่าให้คนอื่นๆฟัง ส่วนคนที่ได้ฟังก็จะบอกความเชื่อ ของตนแก่คนอื่นต่อไปอีกทอดบางคนอาจมีวิธีเผยแพร่ความเชื่อที่ได้ผลมากกว่าคนอื่น แล้ววันหนึ่งในฤดูร้อนของปี 1963 ประชาชน 250,000 คนก็มารวม ตัวกันเพื่อฟัง ดร.คิงกล่าวสุนทรพจน์ “ผมมีความฝัน” ที่บันไดของอนุสาวรีย์ลินคอล์น จากหนังสือ #StartWithWhy0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 6 มุมมอง 0 รีวิว - เพื่อต่อสู้กับภัยคุกคามทางเทคโนโลยีสหรัฐฯได้ตอบโต้ ในบางครั้งด้วยการกีดกันไม่ให้บริษัทจีน (เช่น Huawei) เข้ามาดำเนินธุรกิจในสหรัฐฯ พยายามบ่อนทำลายการใช้งานในระดับสากล และอาจทำร้ายความอยู่รอดของพวกเขาผ่านการคว่ำบาตรที่ทำให้พวกเขาไม่ได้สิ่งที่จำเป็นสำหรับการผลิต
มีการแยกตัวออกจากกันในทางเทคโนโลยีซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการแยกตัวออกจากกันที่มากขึ้นของจีนและสหรัฐฯ ซึ่งจะส่งผลกระทบอย่างมากต่อหน้าตาของโลกในอีกห้าปีข้างหน้า
จากหนังสือ #TheChangingWorldOrderเพื่อต่อสู้กับภัยคุกคามทางเทคโนโลยีสหรัฐฯได้ตอบโต้ ในบางครั้งด้วยการกีดกันไม่ให้บริษัทจีน (เช่น Huawei) เข้ามาดำเนินธุรกิจในสหรัฐฯ พยายามบ่อนทำลายการใช้งานในระดับสากล และอาจทำร้ายความอยู่รอดของพวกเขาผ่านการคว่ำบาตรที่ทำให้พวกเขาไม่ได้สิ่งที่จำเป็นสำหรับการผลิต มีการแยกตัวออกจากกันในทางเทคโนโลยีซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการแยกตัวออกจากกันที่มากขึ้นของจีนและสหรัฐฯ ซึ่งจะส่งผลกระทบอย่างมากต่อหน้าตาของโลกในอีกห้าปีข้างหน้า จากหนังสือ #TheChangingWorldOrder0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 8 มุมมอง 0 รีวิว - อีลอน มัสก์ เคยให้สัมภาษณ์ไว้ว่า “เชื่อเถอะว่าผมเองก็รู้สึกกลัวเป็นเหมือนกัน...เพียงแต่บางครั้งก็มีสิ่งที่สำคัญมากพอจะทำให้คุณศรัทธาจนลงมือทำมันแม้จะยังคงกลัวอยู่ก็ตาม”
จากหนังสือ #น่าจะรู้อย่างนี้ตั้งแต่ตอนอายุ20อีลอน มัสก์ เคยให้สัมภาษณ์ไว้ว่า “เชื่อเถอะว่าผมเองก็รู้สึกกลัวเป็นเหมือนกัน...เพียงแต่บางครั้งก็มีสิ่งที่สำคัญมากพอจะทำให้คุณศรัทธาจนลงมือทำมันแม้จะยังคงกลัวอยู่ก็ตาม” จากหนังสือ #น่าจะรู้อย่างนี้ตั้งแต่ตอนอายุ200 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 8 มุมมอง 0 รีวิว - คติประจำใจของพวกเขาคือหลังจากแก้ปัญหาหนึ่งได้แล้ว ต้องหาปัญหาใหม่ที่ใหญ่กว่าทันที พวกเขารู้ว่างานระดับสูงขึ้นจะต้องอาศัยความใจเย็นมากขึ้น พวกเขาจึงตั้งใจขัดเกลาความสามารถในการรับมือกับปัญหา
จากหนังสือ #กฎ30ข้อเปลี่ยนวิธีคิดและชีวิตจากคนธรรมดาให้กลายเป็นผู้ชนะคติประจำใจของพวกเขาคือหลังจากแก้ปัญหาหนึ่งได้แล้ว ต้องหาปัญหาใหม่ที่ใหญ่กว่าทันที พวกเขารู้ว่างานระดับสูงขึ้นจะต้องอาศัยความใจเย็นมากขึ้น พวกเขาจึงตั้งใจขัดเกลาความสามารถในการรับมือกับปัญหา จากหนังสือ #กฎ30ข้อเปลี่ยนวิธีคิดและชีวิตจากคนธรรมดาให้กลายเป็นผู้ชนะ0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 12 มุมมอง 0 รีวิว - ศาสตร์ทางโลกที่ผมวิ่งตามมาทั้งชีวิตเหมือนพยายามจะบอกว่า “เราจะมีชีวิตอยู่ไปตลอด” เนื้อหาในนั้นอธิบายเหมือนกับหลายอย่างในชีวิตมันสามารถกำหนดได้และมั่นคงแน่นอน เราต้องทำอย่างนั้นเพื่อให้ได้อย่างนี้ ต้องสะสมบางสิ่งเพื่อให้ได้บางอย่าง ทำให้เราอยากได้อะไรที่มากขึ้นเรื่อยๆ ต้องเก่งขึ้นต้องรวยขึ้น
แต่ศาสตร์ทางธรรมพยายามจะบอกเราว่าเราต้องตายนะ มันไม่มีอะไรเป็นของเรา “มันไม่มีอะไรแน่นอนเลย” และ
เหมือนเราเข้ามาเล่นเกมสวมบทบาทเป็นตัวละครนี้ จะหยิบอะไรมาใส่มาสะสมมากแค่ไหน สุดท้ายก็ไม่ใช่ของเราอยู่ดี แล้วจุดพีคของเกมนี้ที่เราลืมไปหรือพยายามจะไม่มองมันคือ “เกมนี้มีเวลาสิ้นสุด”
ที่พีคไปกว่านั้นคือ “ไม่มีใครรู้ว่ามันจะสิ้นสุดเมื่อไหร่ ซึ่งอาจเป็นพรุ่งนี้เลยก็ได้”
ใช่ครับ ความจริงที่เป็นที่สุดคือเราต้องเลิกเล่นเกมนี้ในสักวัน
จากหนังสือ #สู้ดิวะศาสตร์ทางโลกที่ผมวิ่งตามมาทั้งชีวิตเหมือนพยายามจะบอกว่า “เราจะมีชีวิตอยู่ไปตลอด” เนื้อหาในนั้นอธิบายเหมือนกับหลายอย่างในชีวิตมันสามารถกำหนดได้และมั่นคงแน่นอน เราต้องทำอย่างนั้นเพื่อให้ได้อย่างนี้ ต้องสะสมบางสิ่งเพื่อให้ได้บางอย่าง ทำให้เราอยากได้อะไรที่มากขึ้นเรื่อยๆ ต้องเก่งขึ้นต้องรวยขึ้น แต่ศาสตร์ทางธรรมพยายามจะบอกเราว่าเราต้องตายนะ มันไม่มีอะไรเป็นของเรา “มันไม่มีอะไรแน่นอนเลย” และ เหมือนเราเข้ามาเล่นเกมสวมบทบาทเป็นตัวละครนี้ จะหยิบอะไรมาใส่มาสะสมมากแค่ไหน สุดท้ายก็ไม่ใช่ของเราอยู่ดี แล้วจุดพีคของเกมนี้ที่เราลืมไปหรือพยายามจะไม่มองมันคือ “เกมนี้มีเวลาสิ้นสุด” ที่พีคไปกว่านั้นคือ “ไม่มีใครรู้ว่ามันจะสิ้นสุดเมื่อไหร่ ซึ่งอาจเป็นพรุ่งนี้เลยก็ได้” ใช่ครับ ความจริงที่เป็นที่สุดคือเราต้องเลิกเล่นเกมนี้ในสักวัน จากหนังสือ #สู้ดิวะ0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 12 มุมมอง 0 รีวิว - The Coming Wave คลื่นเทคพลิกโฉมโลก (2025/092)
หนังสือที่มีคนสำคัญๆของโลกมอบคำนิยมให้ โดยเนื้อหาเป็นเรื่องเกี่ยวกับ AI ที่จะส่งผลกระทบต่อมนุษยชาติ ผู้เขียนเตือนพวกเราว่าเรื่องที่จะมีหุ่นยนต์ หรือระบบ AI จะควบคุมโลก แล้วมนุษย์อย่างพวกเราจะเป็นสังคมที่ชีวิตไร้คุณค่า(ดิสโทเปีย-Dystopia)
ผู้เขียนเล่าประวัติศาสตร์แห่งการพัฒนาเทคโนโลยี โดยให้เห็นถึงความรวดเร็ว เกินต้านทาน และทิ้งสิ่งที่เคยเกิดขึ้นก่อนหน้านั้นอย่างไม่หลงเหลือความหมาย แต่การพัฒนาของ AI จะส่งผลที่น่าเป็นกังกลยิ่งกว่ามากๆๆ มาร่วมหาทางออกให้โลกในอนาคตที่รอพบปัญหาเหล่านี้ในหนังสือเล่มนี้ครับ
พูดเขียนเป็นผู้ก่อตั้งบริษัท Deepmind ประเทศอังกฤษ ซึ่งก่อตั้งขึ้นเมื่อปี ค.ศ.2011 โดยเน้นการพัฒนาทางด้าน AI โดยเฉพาะเขารู้ทุกๆเรื่องของการพัฒนา AI จากไม่มีข้อมูลอะไรเลย ไปจนถึงการเรียนรู้เองของ AI และประมวลผล ซึ่งในขณะนั้นยังเป็นเรื่องใหม่มากๆที่จะพูดถึงเรื่องนี้ แต่มีบริษัทหนึ่งที่เห็นพลังและความสำคัญของการพัฒนา AI นั่นคือ Google และ Google ก็เข้าซื้อบริษัท Deepmind ในปี ค.ศ.2014 ผู้เขียนยังคงเข้าไปร่วมพัฒนา AI ใน Google ต่ออีกระยะหนึ่ง และเห็นการพัฒนาของ AI ไปในทิศทางรวดเร็วอย่างที่คาดการไม่ได้เลย
AI เป็นการพัฒนาอย่างทุกๆด้าน ดังนั้นการพัฒนาในทิศทางที่เป็นประโยชน์มีมากมายมหาศาลแต่ถ้ามีการนำไปใช้ผิดก็จะมีความเสียหายต่อมนุษย์และโลกใบนี้ การที่ AI สามารถทำอะไรก็ได้นั้น และยังสามารถเป็นเครื่องมือให้กับผู้ที่ไม่ประสงค์ดีเข้าถึงการใช้งาน AI ได้ง่าย จึงเป็นเรื่องยากในการป้องกัน ดังที่เห็นมาแล้วในช่วงที่รัสเซีย ปล่อยแรนซัมแวร์ ‘Petya’ ไปปั่นป่วนโครงสร้างพื้นฐานในประเทศยูเครน เป็นต้น
ปัญหาเรื่อง AI ที่จะสามารถทำร้ายโครงสร้างทางเทคโนโลยีแล้ว AI ยังมีผลต่อเรื่องขีววิทยาของมนุษย์ด้วย AI และวิทยาการทางการแพทย์ สามารถทำการตัดต่อ DNA ได้ด้วยจำนวนเงินที่ลดลงไปมาก จึงมีความเป็นไปได้ที่การจัดการเกี่ยวกับ DNA จะทำให้เกิดโรคภัยที่สามารถสร้างและแพร่กระจายจนทำให้มีคนเสียชีวิตมหาศาล
ท้ายที่สุดผู้เขียนแนะนำวิธีแก้ไขปัญหาจาก AI 10ข้อ โดยการควบคุมการพัฒนา AI ให้เป็นระบบและอยู่ในกรอบ รวมไปถึงการเสนอแนะให้มีแผนการป้องกันเหตุร้ายจาก AI แบบฉุกเฉินอีกด้วย
#TheComingWave #คลื่นเทคพลิกโฉมโลก #รีวิวหนังสือ
The Coming Wave คลื่นเทคพลิกโฉมโลก (2025/092) หนังสือที่มีคนสำคัญๆของโลกมอบคำนิยมให้ โดยเนื้อหาเป็นเรื่องเกี่ยวกับ AI ที่จะส่งผลกระทบต่อมนุษยชาติ ผู้เขียนเตือนพวกเราว่าเรื่องที่จะมีหุ่นยนต์ หรือระบบ AI จะควบคุมโลก แล้วมนุษย์อย่างพวกเราจะเป็นสังคมที่ชีวิตไร้คุณค่า(ดิสโทเปีย-Dystopia) ผู้เขียนเล่าประวัติศาสตร์แห่งการพัฒนาเทคโนโลยี โดยให้เห็นถึงความรวดเร็ว เกินต้านทาน และทิ้งสิ่งที่เคยเกิดขึ้นก่อนหน้านั้นอย่างไม่หลงเหลือความหมาย แต่การพัฒนาของ AI จะส่งผลที่น่าเป็นกังกลยิ่งกว่ามากๆๆ มาร่วมหาทางออกให้โลกในอนาคตที่รอพบปัญหาเหล่านี้ในหนังสือเล่มนี้ครับ พูดเขียนเป็นผู้ก่อตั้งบริษัท Deepmind ประเทศอังกฤษ ซึ่งก่อตั้งขึ้นเมื่อปี ค.ศ.2011 โดยเน้นการพัฒนาทางด้าน AI โดยเฉพาะเขารู้ทุกๆเรื่องของการพัฒนา AI จากไม่มีข้อมูลอะไรเลย ไปจนถึงการเรียนรู้เองของ AI และประมวลผล ซึ่งในขณะนั้นยังเป็นเรื่องใหม่มากๆที่จะพูดถึงเรื่องนี้ แต่มีบริษัทหนึ่งที่เห็นพลังและความสำคัญของการพัฒนา AI นั่นคือ Google และ Google ก็เข้าซื้อบริษัท Deepmind ในปี ค.ศ.2014 ผู้เขียนยังคงเข้าไปร่วมพัฒนา AI ใน Google ต่ออีกระยะหนึ่ง และเห็นการพัฒนาของ AI ไปในทิศทางรวดเร็วอย่างที่คาดการไม่ได้เลย AI เป็นการพัฒนาอย่างทุกๆด้าน ดังนั้นการพัฒนาในทิศทางที่เป็นประโยชน์มีมากมายมหาศาลแต่ถ้ามีการนำไปใช้ผิดก็จะมีความเสียหายต่อมนุษย์และโลกใบนี้ การที่ AI สามารถทำอะไรก็ได้นั้น และยังสามารถเป็นเครื่องมือให้กับผู้ที่ไม่ประสงค์ดีเข้าถึงการใช้งาน AI ได้ง่าย จึงเป็นเรื่องยากในการป้องกัน ดังที่เห็นมาแล้วในช่วงที่รัสเซีย ปล่อยแรนซัมแวร์ ‘Petya’ ไปปั่นป่วนโครงสร้างพื้นฐานในประเทศยูเครน เป็นต้น ปัญหาเรื่อง AI ที่จะสามารถทำร้ายโครงสร้างทางเทคโนโลยีแล้ว AI ยังมีผลต่อเรื่องขีววิทยาของมนุษย์ด้วย AI และวิทยาการทางการแพทย์ สามารถทำการตัดต่อ DNA ได้ด้วยจำนวนเงินที่ลดลงไปมาก จึงมีความเป็นไปได้ที่การจัดการเกี่ยวกับ DNA จะทำให้เกิดโรคภัยที่สามารถสร้างและแพร่กระจายจนทำให้มีคนเสียชีวิตมหาศาล ท้ายที่สุดผู้เขียนแนะนำวิธีแก้ไขปัญหาจาก AI 10ข้อ โดยการควบคุมการพัฒนา AI ให้เป็นระบบและอยู่ในกรอบ รวมไปถึงการเสนอแนะให้มีแผนการป้องกันเหตุร้ายจาก AI แบบฉุกเฉินอีกด้วย #TheComingWave #คลื่นเทคพลิกโฉมโลก #รีวิวหนังสือ0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 14 มุมมอง 0 รีวิว - ธนาคารประชาชนจีนเริ่มพัฒนาระบบทางเลือกของตัวเองมาแทน SWIFT เพื่อการรับส่งข้อความทางการเงินและการชำระเงินระหว่างธนาคารตั้งแต่ปี ค.ศ. 2013 หรือประมาณหนึ่งปีหลังจากชาติตะวันตกตัดขาดอิหร่าน โดยได้รับการอนุมัติจากรัฐบาลจีน ระบบนี้เรียกว่า China International Payments System (CIPS) ซึ่งไม่เพียงป้องกันจีนจากแรงกดดันทางการเงินเท่านั้น แต่ยังเพิ่มความเป็นอิสระของจีน โดยทำให้จีนมีอำนาจควบคุมข้อมูลทั้งหมดที่ส่งผ่านเครือข่ายของตนมีอิทธิพลช่วยประเทศอื่นให้เลี่ยงการคว่ำบาตร และมีความสามารถตัดขาดประเทศอื่นจากระบบของจีนในสักวัน ยิ่งกว่านั้นเป้าหมายที่ตั้งไว้สำหรับ CIPS ทะเยอทะยานกว่า SWIFT มากกล่าวคือ ระบบ CIPS จะไม่เป็นแค่บริการรับส่งข้อความเช่น SWIFT เท่านั้น แต่จะให้บริการหักบัญชีและชำระราคาด้วย นั่นคือจะเป็นกระบวนการชำระเงินครบวงจร ชนชั้นนำของจีนแตกต่างจากชนชั้นนำของรัสเซียตรงที่ไม่ ประกาศชัดเจนเท่าว่าเป็นไปได้ที่ระบบของจีนจะแข่งกับ SWIFT ได้ อย่างไรก็ตาม ระบบนี้มีศักยภาพจริงทางยุทธศาสตร์แม้อาจไม่ใช่ในเร็ววันนี้
จากหนังสือ #LongGameธนาคารประชาชนจีนเริ่มพัฒนาระบบทางเลือกของตัวเองมาแทน SWIFT เพื่อการรับส่งข้อความทางการเงินและการชำระเงินระหว่างธนาคารตั้งแต่ปี ค.ศ. 2013 หรือประมาณหนึ่งปีหลังจากชาติตะวันตกตัดขาดอิหร่าน โดยได้รับการอนุมัติจากรัฐบาลจีน ระบบนี้เรียกว่า China International Payments System (CIPS) ซึ่งไม่เพียงป้องกันจีนจากแรงกดดันทางการเงินเท่านั้น แต่ยังเพิ่มความเป็นอิสระของจีน โดยทำให้จีนมีอำนาจควบคุมข้อมูลทั้งหมดที่ส่งผ่านเครือข่ายของตนมีอิทธิพลช่วยประเทศอื่นให้เลี่ยงการคว่ำบาตร และมีความสามารถตัดขาดประเทศอื่นจากระบบของจีนในสักวัน ยิ่งกว่านั้นเป้าหมายที่ตั้งไว้สำหรับ CIPS ทะเยอทะยานกว่า SWIFT มากกล่าวคือ ระบบ CIPS จะไม่เป็นแค่บริการรับส่งข้อความเช่น SWIFT เท่านั้น แต่จะให้บริการหักบัญชีและชำระราคาด้วย นั่นคือจะเป็นกระบวนการชำระเงินครบวงจร ชนชั้นนำของจีนแตกต่างจากชนชั้นนำของรัสเซียตรงที่ไม่ ประกาศชัดเจนเท่าว่าเป็นไปได้ที่ระบบของจีนจะแข่งกับ SWIFT ได้ อย่างไรก็ตาม ระบบนี้มีศักยภาพจริงทางยุทธศาสตร์แม้อาจไม่ใช่ในเร็ววันนี้ จากหนังสือ #LongGame0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 16 มุมมอง 0 รีวิว - มีนักวิเคราะห์ส่วนหนึ่งมองว่า อาวุธนิวเคลียร์ของสหรัฐฯ จะกลายเป็นบูมเมอแรงกลับมาทำลายสถานะของดอลลาร์สหรัฐเองหรือไม่ แนวคิดนี้มองว่าสหรัฐฯกำลังทำลายความน่าเชื่อถือของการถือครองดอลลาร์ สหรัฐ ทำให้ประเทศต่างๆ เริ่มคิดจะกระจายความเสี่ยง ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มเงินสกุลอื่นในเงินสำรอง การเปลี่ยนมาใช้เงินสกุลอื่นในการค้าระหว่างประเทศ ตัวอย่างที่ชอบยกก็เช่นว่าต่อไปการค้าระหว่างรัสเซียกับจีนจะทำ ผ่านเงินสกุลหยวน เช่นเดียวกับการซื้อน้ำมันของจีนจากซาอุดีอาระเบียก็จะทำเป็นหยวน พอหลายๆ ประเทศทำแบบนี้มากขึ้น ย่อมสั่นสะเทือนถึงดอลลาร์สหรัฐ
#จากหนังสือ #ChinaEndGameมีนักวิเคราะห์ส่วนหนึ่งมองว่า อาวุธนิวเคลียร์ของสหรัฐฯ จะกลายเป็นบูมเมอแรงกลับมาทำลายสถานะของดอลลาร์สหรัฐเองหรือไม่ แนวคิดนี้มองว่าสหรัฐฯกำลังทำลายความน่าเชื่อถือของการถือครองดอลลาร์ สหรัฐ ทำให้ประเทศต่างๆ เริ่มคิดจะกระจายความเสี่ยง ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มเงินสกุลอื่นในเงินสำรอง การเปลี่ยนมาใช้เงินสกุลอื่นในการค้าระหว่างประเทศ ตัวอย่างที่ชอบยกก็เช่นว่าต่อไปการค้าระหว่างรัสเซียกับจีนจะทำ ผ่านเงินสกุลหยวน เช่นเดียวกับการซื้อน้ำมันของจีนจากซาอุดีอาระเบียก็จะทำเป็นหยวน พอหลายๆ ประเทศทำแบบนี้มากขึ้น ย่อมสั่นสะเทือนถึงดอลลาร์สหรัฐ #จากหนังสือ #ChinaEndGame0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 16 มุมมอง 0 รีวิว - เราต่างเป็นฮีโร่ของใครบางคน (2025/091)
เติมพลังชีวิตให้กับตัวเองด้วยหนังสือเล่มนี้ ส่วนตัวชื่นชอบงานเขียนของคุณท้อฟฟี่ ผู้ซึ่งมีมุมมองเชิงบวก และเก็บเรื่องราวเล็กๆ ค้นคว้าหาข้อมูลเพิ่มเติม และนำมาเล่าในหนังสือให้ผู้อ่านได้อิ่มเอมกับความสุขและความรู้เพิ่มเติม สรุปแล้วฮีโร่ตัวจริงคือคุณ คือคุณผู้อ่านทุกคนนั่นเอง
เนื้อหาแบ่งเป็นตอนๆสั้น มีความหลากหลายของเรื่องเล่าจากสิ่งที่ผู้เขียนอ่านมา เรื่องเล่าบุคคลใกล้ตัว คำกล่าวขอบคุณของผู้ที่ได้รับรางวัล หรือแม้กระทั่งเรื่องเล่าของตัวเอง
เรื่องราวที่อ่านแล้วมีความสุขจากในเล่มมีมากมาย เช่น การบริจาคไตหนึ่งข้างให้กับคู่แข่งตัวฉกาจ , คุณครูที่เกิดอุบัติเหตุตาบอด แต่สามารถกลับมาเป็นคุณครูได้ สอนเด็กปกติและยังเป็นที่รักของเด็กๆด้วย , ร้านคาร์แคร์ที่รับพนักงานเฉพาะผู้เป็นออทิสติก เนื่องจากผู้ก่อตั้งมีคนในครอบครัวเป็นออทิสติก และแผงผักที่ขายผักในราคาถุงละ 100เยน ในพื้นที่กลางเมืองเพื่อให้พนักงานรายได้ไม่สูงมีผักไว้รับประทาน เป็นต้น
#รีวิวหนังสือ #เราต่างเป็นฮีโร่ของใครบางคน
เราต่างเป็นฮีโร่ของใครบางคน (2025/091) เติมพลังชีวิตให้กับตัวเองด้วยหนังสือเล่มนี้ ส่วนตัวชื่นชอบงานเขียนของคุณท้อฟฟี่ ผู้ซึ่งมีมุมมองเชิงบวก และเก็บเรื่องราวเล็กๆ ค้นคว้าหาข้อมูลเพิ่มเติม และนำมาเล่าในหนังสือให้ผู้อ่านได้อิ่มเอมกับความสุขและความรู้เพิ่มเติม สรุปแล้วฮีโร่ตัวจริงคือคุณ คือคุณผู้อ่านทุกคนนั่นเอง เนื้อหาแบ่งเป็นตอนๆสั้น มีความหลากหลายของเรื่องเล่าจากสิ่งที่ผู้เขียนอ่านมา เรื่องเล่าบุคคลใกล้ตัว คำกล่าวขอบคุณของผู้ที่ได้รับรางวัล หรือแม้กระทั่งเรื่องเล่าของตัวเอง เรื่องราวที่อ่านแล้วมีความสุขจากในเล่มมีมากมาย เช่น การบริจาคไตหนึ่งข้างให้กับคู่แข่งตัวฉกาจ , คุณครูที่เกิดอุบัติเหตุตาบอด แต่สามารถกลับมาเป็นคุณครูได้ สอนเด็กปกติและยังเป็นที่รักของเด็กๆด้วย , ร้านคาร์แคร์ที่รับพนักงานเฉพาะผู้เป็นออทิสติก เนื่องจากผู้ก่อตั้งมีคนในครอบครัวเป็นออทิสติก และแผงผักที่ขายผักในราคาถุงละ 100เยน ในพื้นที่กลางเมืองเพื่อให้พนักงานรายได้ไม่สูงมีผักไว้รับประทาน เป็นต้น #รีวิวหนังสือ #เราต่างเป็นฮีโร่ของใครบางคน0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 16 มุมมอง 0 รีวิว - “ถ้าเสียใจแล้วไม่ทำอะไร เอาแต่นั่งเศร้า ก็เริ่มต้นอะไรไม่ได้ ดังนั้นตอนนี้เราต้องมองไปข้างหน้าเท่านั้น ถึงต้องเสแสร้งก็ตามแต่คนที่ยิ้มได้หัวเราะได้ก็จะก้าวต่อไปได้”
ผมมารู้ภายหลังว่า พี่ชายของคุณลุงก็เสียชีวิตเพราะแผ่นดินไหวครั้งนั้นด้วย เพียงแค่คืนเดียว คนในเมืองยามาดะต้องสูญเสียบ้าน สูญเสียงาน และคนในครอบครัวที่จากไป แต่พวกเขาต้องแสร้งยิ้มออกมาเพื่อจะสู้ต่อไปให้ได้
#จากหนังสือ #27คําถามค้นหาคุณค่าของชีวิต“ถ้าเสียใจแล้วไม่ทำอะไร เอาแต่นั่งเศร้า ก็เริ่มต้นอะไรไม่ได้ ดังนั้นตอนนี้เราต้องมองไปข้างหน้าเท่านั้น ถึงต้องเสแสร้งก็ตามแต่คนที่ยิ้มได้หัวเราะได้ก็จะก้าวต่อไปได้” ผมมารู้ภายหลังว่า พี่ชายของคุณลุงก็เสียชีวิตเพราะแผ่นดินไหวครั้งนั้นด้วย เพียงแค่คืนเดียว คนในเมืองยามาดะต้องสูญเสียบ้าน สูญเสียงาน และคนในครอบครัวที่จากไป แต่พวกเขาต้องแสร้งยิ้มออกมาเพื่อจะสู้ต่อไปให้ได้ #จากหนังสือ #27คําถามค้นหาคุณค่าของชีวิต0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 16 มุมมอง 0 รีวิว - สำหรับชาวเกาะอีสเตอร์ การตัดไม้ทำลายป่าไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร เพราะต้นไม้ทุกต้นที่โค่นล้มลงไปทำให้มีพื้นที่เพาะปลูกมากขึ้น ในบทความปี 2013 มารา มัลรูนีย์ (Mara Mulrooney) นักโบราณคดี แสดงให้เห็นว่าที่จริงการผลิตอาหารเพิ่มขึ้นหลังจากที่ต้นไม้หายไป เพราะชาวเกาะใช้วิธีทำฟาร์มที่ฉลาด เช่น เรียงหินก้อนเล็กๆเป็นชั้น เพื่อป้องกันพืชพรรณจากลมและรักษาความร้อนกับความชื้นเอาไว้่
ตามคำบอกเล่าของทหารเรือรัสเซีย เมื่อถึงปี 1804 ยังคงมีโมไอตั้งตระหง่านอยู่แค่ไม่กี่ตัวเท่านั้น ที่เหลือล้มลงมาหมดหรือ ไม่ก็ถูกโค่นลงมาอย่างจงใจ หรือบางทีอาจจะเป็นได้ทั้งสองแบบอย่างละนิดละหน่อย ไม่ว่าจะเพราะอะไร ประเพณีที่เกี่ยวข้องกับโมไอ จางหายไปกลายเป็นความคลุมเครือ และเราจะไม่มีวันรู้ว่าเพราะอะไร มันถึงโค่นล้มลงมา มีการเสนอสมมติฐานสองข้อซึ่งข้อใดข้อหนึ่งหรือทั้งสองข้ออาจจะถูกต้องก็ได้ ข้อหนึ่งคือชาวเกาะค้นพบกิจกรรมยามว่างอย่างใหม่หลังจากพื้นที่ป่าหมดไปแล้ว ก็เป็นเรื่องยากที่จะเคลื่อนย้ายรูปสลักหินใหญ่นี้ไปรอบๆ ดังนั้นผู้คนจึงหาอะไรใหม่ๆทำ
สมมติฐานอีกข้อหนึ่งว่าด้วยสิ่งที่นักวิชาการเรียกว่า “ลัทธิ บูชาเรือวิเศษ” ซึ่งก็คือความหมกมุ่นในชาวตะวันตกและข้าวของของพวกเขา” ด้วยเหตุผลบางอย่างชาวเกาะอีสเตอร์สนอกสนใจหมวก คณะเดินทางชาวฝรั่งเศสคณะหนึ่งสูญเสียหมวกไปทั้งหมดตั้งแต่ วันแรกที่ไปถึงทำให้พวกชาวเกาะชอบอกชอบใจกันใหญ่
#จากหนังสือ #Humankindสำหรับชาวเกาะอีสเตอร์ การตัดไม้ทำลายป่าไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร เพราะต้นไม้ทุกต้นที่โค่นล้มลงไปทำให้มีพื้นที่เพาะปลูกมากขึ้น ในบทความปี 2013 มารา มัลรูนีย์ (Mara Mulrooney) นักโบราณคดี แสดงให้เห็นว่าที่จริงการผลิตอาหารเพิ่มขึ้นหลังจากที่ต้นไม้หายไป เพราะชาวเกาะใช้วิธีทำฟาร์มที่ฉลาด เช่น เรียงหินก้อนเล็กๆเป็นชั้น เพื่อป้องกันพืชพรรณจากลมและรักษาความร้อนกับความชื้นเอาไว้่ ตามคำบอกเล่าของทหารเรือรัสเซีย เมื่อถึงปี 1804 ยังคงมีโมไอตั้งตระหง่านอยู่แค่ไม่กี่ตัวเท่านั้น ที่เหลือล้มลงมาหมดหรือ ไม่ก็ถูกโค่นลงมาอย่างจงใจ หรือบางทีอาจจะเป็นได้ทั้งสองแบบอย่างละนิดละหน่อย ไม่ว่าจะเพราะอะไร ประเพณีที่เกี่ยวข้องกับโมไอ จางหายไปกลายเป็นความคลุมเครือ และเราจะไม่มีวันรู้ว่าเพราะอะไร มันถึงโค่นล้มลงมา มีการเสนอสมมติฐานสองข้อซึ่งข้อใดข้อหนึ่งหรือทั้งสองข้ออาจจะถูกต้องก็ได้ ข้อหนึ่งคือชาวเกาะค้นพบกิจกรรมยามว่างอย่างใหม่หลังจากพื้นที่ป่าหมดไปแล้ว ก็เป็นเรื่องยากที่จะเคลื่อนย้ายรูปสลักหินใหญ่นี้ไปรอบๆ ดังนั้นผู้คนจึงหาอะไรใหม่ๆทำ สมมติฐานอีกข้อหนึ่งว่าด้วยสิ่งที่นักวิชาการเรียกว่า “ลัทธิ บูชาเรือวิเศษ” ซึ่งก็คือความหมกมุ่นในชาวตะวันตกและข้าวของของพวกเขา” ด้วยเหตุผลบางอย่างชาวเกาะอีสเตอร์สนอกสนใจหมวก คณะเดินทางชาวฝรั่งเศสคณะหนึ่งสูญเสียหมวกไปทั้งหมดตั้งแต่ วันแรกที่ไปถึงทำให้พวกชาวเกาะชอบอกชอบใจกันใหญ่ #จากหนังสือ #Humankind0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 16 มุมมอง 0 รีวิว - The Book of Life แห่งอิสรภาพของชีวิต (2025/090)
เป็นหนังสือที่ใช้พลังงานในการอ่านมากๆเล่มหนึ่ง หนังสือไม่ได้หนาเลย เนื้อหาไม่ได้มากมายแต่ใช้เวลากับความคิดและการทำความเข้าใจกับเรื่องที่ท่านกฤษณมูริติได้บรรยายไว้ในเล่ม
สรุปได้ว่า ถ้าหากต้องการเข้าใจเรื่องของคำว่า “สัญญา” ในพระพุทธศาสนา หนังสือเล่มนี้อธิบายได้ทะลุปรุโปร่ง โดยค่อยๆเรียงลำดับจากการสอนเรื่องที่เป็นเรื่องจริงเพื่อให้เกิดปัญญาทางความคิด โดยเนื้อหาทั้งเล่มนี้ของหนังสือ มุ่งไปที่ “จิตที่เป็นอิสระ”
พื้นฐานของคุรุชาวดินเดียยุคหลัง พวกเขาจะเขียนงานที่เกี่ยวกับแนวคิดปรัชญา พวกเขาจะไม่ยึดคำสอนของศาสนาใดศาสนาหนึ่ง น่าจะเกิดจากการที่พื้นที่บริเวณนั้นมีการนับถือศาสนาหลากหลาย โดยหลักๆคือมีชาวฮินดูและชาวมุสลิมเป็นหลักและมีชาวพุทธอีกบางส่วน คำสอนของเหล่าคุรุที่เขียนขึ้นมาจึงเป็นคำสอนกลางๆ ที่ไม่ว่าผู้ที่นับถือศาสนาอะไรก็อ่านได้ และเขาจะมีการกะเทาะคำสอนของศาสนาอื่นๆบ้าง มีโยงถึงพระเจ้าในรูปแบบต่างๆบ้าง ดังนั้นอาจจะสรุปได้ว่างานเขียนของคุรุชาวอินเดีย รวมถึงงานเขียนของท่านกฤษณมูริติ เป็นการรวบรวมคำสอนของศาสนาต่างๆ หรืออาจจะบอกได้ว่าเป็นการสอนที่เป็นคำนอนที่นอกเหนือจากคำสอนของศาสนาต่างๆได้เช่นกัน
“จิตอิสระ” เป็นหัวใจหลักของคำสอนของท่านกฤษณมูริติในเล่มนี้
รูปแบบของหนังสือเขียนเป็นหัวข้อๆ โดยเรียงตามวันที่ในหนึ่งปี ทั้งหมดเล่มจึงมีหัวข้ออยู่ 365 หัวข้อ
ท่านกฤษณมูริติปูพื้นฐานเรื่อง ความเข้าใจความจริงในสิ่งที่เป็นกรอบความคิดที่เป็นอุปสรรคกับการทำให้จิตเป็นอิสระ โดยอธิบายความเข้าใจเรื่องความเคยชินที่เรารับข้อมูลต่างๆ ที่แต่ละคนเคยได้รับมา จากคำสอนของคุณพ่อคุณแม่ ประเพณีและวัฒนธรรม การแบ่งแยกชาติพันธุ์ หลักความรู้ทางวิทยาศาสตร์ การให้ข้อมูลจากผู้มีอำนาจ ผู้ปกครอง นักการเมือง และแม้กระทั่งคำสอนของศาสนาต่างๆที่เรายึดถือว่า ท่านกล่าวว่าคำสอนต่างๆไม่ได้ผิด แต่มันเป็นสิ่งที่ใช้ไม่ได้ ทำให้เกิดอคติในการมองดูจิต เป็นอุปสรรคใหญ่หลวงในการก้าวข้ามกรอบความคิด ที่จริงถ้าวิเคราะห์ด้วยตัวเองแล้ว จะเห็นได้ว่า ผู้คนที่มีชีวิตอยู่ในแแต่ละภูมิภาค ต่างประเพณี ต่างเชื้อชาติ ต่างระดับการศึกษา ต่างศาสนา ต่างการเลี้ยงดู ชีวิตที่ผ่านมาต่างกัน ข้อมูลที่เป็นพื้นฐานความคิดของแต่ละคนจึงไม่เหมือนกัน การนำข้อมูลต่างๆมาคิดวิเคราะห์จึงมีพื้นฐานอคติดั้งเดิมที่มีอยู่แล้ว และนั่นคือชีวิตที่ต้องการความมั่นคงเพราะมันถูกยืนยันจากสิ่งต่างๆที่กล่าวมาแล้ว การแปลกแยก การออกจากคอมฟอร์ดโซน เป็นสิ่งที่ท้าทายต่อความคิดอิสระมากๆ
แค่เรื่องนี้ผมต้องใช้เวลากับข้อมูลส่วนนี้ค่อนข้างมาก นอกจากเรื่องนี้ยังมีเรื่องเกี่ยวกับ เวลา ความตาย การปล่อยวาง และเรื่องอื่นๆน่าสนใจอย่างยิ่งที่ท่านกฤษณมูริติเขียนไว้มากมาย…ได้โปรดอ่าน
#TheBookOfLife #แห่งอิสรภาพของชีวิต #รีวิวหนังสือ
The Book of Life แห่งอิสรภาพของชีวิต (2025/090) เป็นหนังสือที่ใช้พลังงานในการอ่านมากๆเล่มหนึ่ง หนังสือไม่ได้หนาเลย เนื้อหาไม่ได้มากมายแต่ใช้เวลากับความคิดและการทำความเข้าใจกับเรื่องที่ท่านกฤษณมูริติได้บรรยายไว้ในเล่ม สรุปได้ว่า ถ้าหากต้องการเข้าใจเรื่องของคำว่า “สัญญา” ในพระพุทธศาสนา หนังสือเล่มนี้อธิบายได้ทะลุปรุโปร่ง โดยค่อยๆเรียงลำดับจากการสอนเรื่องที่เป็นเรื่องจริงเพื่อให้เกิดปัญญาทางความคิด โดยเนื้อหาทั้งเล่มนี้ของหนังสือ มุ่งไปที่ “จิตที่เป็นอิสระ” พื้นฐานของคุรุชาวดินเดียยุคหลัง พวกเขาจะเขียนงานที่เกี่ยวกับแนวคิดปรัชญา พวกเขาจะไม่ยึดคำสอนของศาสนาใดศาสนาหนึ่ง น่าจะเกิดจากการที่พื้นที่บริเวณนั้นมีการนับถือศาสนาหลากหลาย โดยหลักๆคือมีชาวฮินดูและชาวมุสลิมเป็นหลักและมีชาวพุทธอีกบางส่วน คำสอนของเหล่าคุรุที่เขียนขึ้นมาจึงเป็นคำสอนกลางๆ ที่ไม่ว่าผู้ที่นับถือศาสนาอะไรก็อ่านได้ และเขาจะมีการกะเทาะคำสอนของศาสนาอื่นๆบ้าง มีโยงถึงพระเจ้าในรูปแบบต่างๆบ้าง ดังนั้นอาจจะสรุปได้ว่างานเขียนของคุรุชาวอินเดีย รวมถึงงานเขียนของท่านกฤษณมูริติ เป็นการรวบรวมคำสอนของศาสนาต่างๆ หรืออาจจะบอกได้ว่าเป็นการสอนที่เป็นคำนอนที่นอกเหนือจากคำสอนของศาสนาต่างๆได้เช่นกัน “จิตอิสระ” เป็นหัวใจหลักของคำสอนของท่านกฤษณมูริติในเล่มนี้ รูปแบบของหนังสือเขียนเป็นหัวข้อๆ โดยเรียงตามวันที่ในหนึ่งปี ทั้งหมดเล่มจึงมีหัวข้ออยู่ 365 หัวข้อ ท่านกฤษณมูริติปูพื้นฐานเรื่อง ความเข้าใจความจริงในสิ่งที่เป็นกรอบความคิดที่เป็นอุปสรรคกับการทำให้จิตเป็นอิสระ โดยอธิบายความเข้าใจเรื่องความเคยชินที่เรารับข้อมูลต่างๆ ที่แต่ละคนเคยได้รับมา จากคำสอนของคุณพ่อคุณแม่ ประเพณีและวัฒนธรรม การแบ่งแยกชาติพันธุ์ หลักความรู้ทางวิทยาศาสตร์ การให้ข้อมูลจากผู้มีอำนาจ ผู้ปกครอง นักการเมือง และแม้กระทั่งคำสอนของศาสนาต่างๆที่เรายึดถือว่า ท่านกล่าวว่าคำสอนต่างๆไม่ได้ผิด แต่มันเป็นสิ่งที่ใช้ไม่ได้ ทำให้เกิดอคติในการมองดูจิต เป็นอุปสรรคใหญ่หลวงในการก้าวข้ามกรอบความคิด ที่จริงถ้าวิเคราะห์ด้วยตัวเองแล้ว จะเห็นได้ว่า ผู้คนที่มีชีวิตอยู่ในแแต่ละภูมิภาค ต่างประเพณี ต่างเชื้อชาติ ต่างระดับการศึกษา ต่างศาสนา ต่างการเลี้ยงดู ชีวิตที่ผ่านมาต่างกัน ข้อมูลที่เป็นพื้นฐานความคิดของแต่ละคนจึงไม่เหมือนกัน การนำข้อมูลต่างๆมาคิดวิเคราะห์จึงมีพื้นฐานอคติดั้งเดิมที่มีอยู่แล้ว และนั่นคือชีวิตที่ต้องการความมั่นคงเพราะมันถูกยืนยันจากสิ่งต่างๆที่กล่าวมาแล้ว การแปลกแยก การออกจากคอมฟอร์ดโซน เป็นสิ่งที่ท้าทายต่อความคิดอิสระมากๆ แค่เรื่องนี้ผมต้องใช้เวลากับข้อมูลส่วนนี้ค่อนข้างมาก นอกจากเรื่องนี้ยังมีเรื่องเกี่ยวกับ เวลา ความตาย การปล่อยวาง และเรื่องอื่นๆน่าสนใจอย่างยิ่งที่ท่านกฤษณมูริติเขียนไว้มากมาย…ได้โปรดอ่าน #TheBookOfLife #แห่งอิสรภาพของชีวิต #รีวิวหนังสือ0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 16 มุมมอง 0 รีวิว - โรนัล(Ronald Dale Harris)ขายเหรียญและแสตมป์หายากเป็นรายได้เสริมจากเงินค่าประกันสังคมที่ได้รับทุกเดือน วิศวกรด้านโลหะไฟฟ้าที่มีพรสวรรค์ผู้นี้เป็น เจ้าของสิทธิบัตรสิ่งประดิษฐ์กว่า 12ฉบับ แต่ความสงสัยอันไร้ขอบเขตและความหลงใหลในระบบเงินตราที่มีมาตลอด 40 กว่าปีก็กระตุ้นให้เขาลงทุนในทองคำ โรนัลตั้งใจจะเอาความรู้ที่ได้จากการวิจัยของตนไปปรับใช้กับการเมืองและการปกครอง เขาจึงตั้งใจเขียนหนังสือในประเด็นที่เขาสนใจ และหวังว่างานเขียนฉบับนี้จะกลายเป็นผลงานชิ้นโบแดง
นักวาดภาพประกอบ ผู้เชี่ยวชาญด้านเครื่องจักร และนักออกแบบโมเดล ผู้นี้ยังชอบเสี่ยงโชคด้วยการเล่นเครื่องสล็อตแมชชีนที่คาสิโนในตัวเมืองช่วงตกดึก โรนัลชอบสล็อตแมชชีนเป็นชีวิตจิตใจ ความภาคภูมิใจ สูงสุดอย่างหนึ่งของเขาคือการสร้างเครื่องสล็อตแมชชีนจนสำเร็จ เขาออกแบบประดิษฐ์ และประกอบเครื่องขึ้นมาเองกับมือทีละขั้นตอน รวมไปถึงออกแบบวงจรไฟฟ้า ออกแบบเคสประกอบ ทำกราฟิก ออกแบบลาย บนล้อหมุน ตลอดจนระบบโลหะไฟฟ้าที่เป็นโครงสร้างหลักของเครื่อง
ถึงแม้โรนัลจะมีความรู้รอบด้านเกี่ยวกับเครื่องสล็อตแมชชีน แต่ธุรกิจสล็อตแมชชีนที่เขาก่อตั้งขึ้นกลับเหลวไม่เป็นท่า เขาจึงต้องตามใช้หนี้ เงินดาวน์และคืนเงินที่ได้มาจากนักลงทุนเป็นเวลาร่วมปี
จากหนังสือ #Stretchโรนัล(Ronald Dale Harris)ขายเหรียญและแสตมป์หายากเป็นรายได้เสริมจากเงินค่าประกันสังคมที่ได้รับทุกเดือน วิศวกรด้านโลหะไฟฟ้าที่มีพรสวรรค์ผู้นี้เป็น เจ้าของสิทธิบัตรสิ่งประดิษฐ์กว่า 12ฉบับ แต่ความสงสัยอันไร้ขอบเขตและความหลงใหลในระบบเงินตราที่มีมาตลอด 40 กว่าปีก็กระตุ้นให้เขาลงทุนในทองคำ โรนัลตั้งใจจะเอาความรู้ที่ได้จากการวิจัยของตนไปปรับใช้กับการเมืองและการปกครอง เขาจึงตั้งใจเขียนหนังสือในประเด็นที่เขาสนใจ และหวังว่างานเขียนฉบับนี้จะกลายเป็นผลงานชิ้นโบแดง นักวาดภาพประกอบ ผู้เชี่ยวชาญด้านเครื่องจักร และนักออกแบบโมเดล ผู้นี้ยังชอบเสี่ยงโชคด้วยการเล่นเครื่องสล็อตแมชชีนที่คาสิโนในตัวเมืองช่วงตกดึก โรนัลชอบสล็อตแมชชีนเป็นชีวิตจิตใจ ความภาคภูมิใจ สูงสุดอย่างหนึ่งของเขาคือการสร้างเครื่องสล็อตแมชชีนจนสำเร็จ เขาออกแบบประดิษฐ์ และประกอบเครื่องขึ้นมาเองกับมือทีละขั้นตอน รวมไปถึงออกแบบวงจรไฟฟ้า ออกแบบเคสประกอบ ทำกราฟิก ออกแบบลาย บนล้อหมุน ตลอดจนระบบโลหะไฟฟ้าที่เป็นโครงสร้างหลักของเครื่อง ถึงแม้โรนัลจะมีความรู้รอบด้านเกี่ยวกับเครื่องสล็อตแมชชีน แต่ธุรกิจสล็อตแมชชีนที่เขาก่อตั้งขึ้นกลับเหลวไม่เป็นท่า เขาจึงต้องตามใช้หนี้ เงินดาวน์และคืนเงินที่ได้มาจากนักลงทุนเป็นเวลาร่วมปี จากหนังสือ #Stretch0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 16 มุมมอง 0 รีวิว - โลกนี้มีคนเหงาอยู่มากมายเกินกว่าที่คุณและผมจะจินตนาการได้ เราต้องการช่วยเหลือใครก็ต้องเสนอตัวออกไปก่อนว่าเราเป็นคนที่อีกฝ่ายจะ พูดคุยระบายความรู้สึกลึกๆ ในใจได้จริงๆ ไม่ใช่แค่ใครบางคนที่มาพูดตลก เฮฮาผิวเผินเท่านั้น(แม้จะเป็นแบบนั้นอยู่บ้างในบางทีก็ตาม) แล้วเมื่อไรที่อีกฝ่ายต้องการคุยกับใครสักคน และมีความกล้าหาญมากพอที่จะพูดออกมา เขาก็จะรู้เองครับว่าคุณเป็นเพื่อนแท้ที่ช่วยแก้ปัญหาทางใจให้เขาคลายทุกข์คลายเหงาจะได้หรือไม่
จากหนังสือ #TheRulesOfPeopleโลกนี้มีคนเหงาอยู่มากมายเกินกว่าที่คุณและผมจะจินตนาการได้ เราต้องการช่วยเหลือใครก็ต้องเสนอตัวออกไปก่อนว่าเราเป็นคนที่อีกฝ่ายจะ พูดคุยระบายความรู้สึกลึกๆ ในใจได้จริงๆ ไม่ใช่แค่ใครบางคนที่มาพูดตลก เฮฮาผิวเผินเท่านั้น(แม้จะเป็นแบบนั้นอยู่บ้างในบางทีก็ตาม) แล้วเมื่อไรที่อีกฝ่ายต้องการคุยกับใครสักคน และมีความกล้าหาญมากพอที่จะพูดออกมา เขาก็จะรู้เองครับว่าคุณเป็นเพื่อนแท้ที่ช่วยแก้ปัญหาทางใจให้เขาคลายทุกข์คลายเหงาจะได้หรือไม่ จากหนังสือ #TheRulesOfPeople0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 16 มุมมอง 0 รีวิว - คำตอบของผม“ในขณะนี้” ก็คือ มันคือเครื่องมือของการเก็งกำไร พูดให้เท่ๆก็คือ “เหรียญ” อย่างบิตคอยน์หรือเหรียญอื่นๆ รวมถึงเหรียญที่เอาไปใช้ประโยชน์เฉพาะ เช่นไปซื้อหรือรับบริการจากผู้ให้บริการรายอื่นนั้น ส่วนใหญ่แล้วก็คือเป็นเหรียญที่คน “เอามาเล่นเก็งกำไร” หรือ “เล่นการพนัน” ซึ่งถ้าจะพูดให้เห็นภาพแบบง่ายๆ ก็คือ เหรียญเหล่านั้นก็คล้ายๆกับ “ชิปกาสิโน” ที่คนเข้าไปเล่นการพนันจะต้องซื้อจากกาสิโนเพื่อที่จะเข้าไปเล่น แน่นอนว่าคนจำนวนมากหรือส่วนใหญ่ก็จะขาดทุน บางคนก็อาจจะกำไร แต่คนที่น่าจะกำไรมหาศาลโดยแทบไม่ต้องเสี่ยงก็คือเจ้าของกาสิโน
จากหนังสือ #วิกฤตหุ้นคอนเนอร์แตกคำตอบของผม“ในขณะนี้” ก็คือ มันคือเครื่องมือของการเก็งกำไร พูดให้เท่ๆก็คือ “เหรียญ” อย่างบิตคอยน์หรือเหรียญอื่นๆ รวมถึงเหรียญที่เอาไปใช้ประโยชน์เฉพาะ เช่นไปซื้อหรือรับบริการจากผู้ให้บริการรายอื่นนั้น ส่วนใหญ่แล้วก็คือเป็นเหรียญที่คน “เอามาเล่นเก็งกำไร” หรือ “เล่นการพนัน” ซึ่งถ้าจะพูดให้เห็นภาพแบบง่ายๆ ก็คือ เหรียญเหล่านั้นก็คล้ายๆกับ “ชิปกาสิโน” ที่คนเข้าไปเล่นการพนันจะต้องซื้อจากกาสิโนเพื่อที่จะเข้าไปเล่น แน่นอนว่าคนจำนวนมากหรือส่วนใหญ่ก็จะขาดทุน บางคนก็อาจจะกำไร แต่คนที่น่าจะกำไรมหาศาลโดยแทบไม่ต้องเสี่ยงก็คือเจ้าของกาสิโน จากหนังสือ #วิกฤตหุ้นคอนเนอร์แตก0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 16 มุมมอง 0 รีวิว - เรามีแรงจูงใจที่ขัดแย้งกันสำหรับพฤติกรรมหลายๆอย่างในชีวิต ใจหนึ่งเราอยากทำพฤติกรรม อีกใจหนึ่งก็ไม่อยาก เราอยากตื่นนอนแต่เช้าแต่เราก็อยากนอนให้นานขึ้นด้วย
ความปรารถนาและความกลัวเป็นสองขั้วที่ผลักกันไปมา ผลลัพธ์ของการต่อสู้กันนี้ก็คือระดับแรงจูงใจของคุณโดยรวม ถ้าคุณสามารถกำจัดขั้วความกลัวออกไปได้ ความปรารถนาก็จะเป็นและฝ่ายเหนือกว่าและระดับแรงจูงใจโดยรวมของคุณก็จะสูงขึ้น
#จากหนังสือ #TinyHabitsเรามีแรงจูงใจที่ขัดแย้งกันสำหรับพฤติกรรมหลายๆอย่างในชีวิต ใจหนึ่งเราอยากทำพฤติกรรม อีกใจหนึ่งก็ไม่อยาก เราอยากตื่นนอนแต่เช้าแต่เราก็อยากนอนให้นานขึ้นด้วย ความปรารถนาและความกลัวเป็นสองขั้วที่ผลักกันไปมา ผลลัพธ์ของการต่อสู้กันนี้ก็คือระดับแรงจูงใจของคุณโดยรวม ถ้าคุณสามารถกำจัดขั้วความกลัวออกไปได้ ความปรารถนาก็จะเป็นและฝ่ายเหนือกว่าและระดับแรงจูงใจโดยรวมของคุณก็จะสูงขึ้น #จากหนังสือ #TinyHabits0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 16 มุมมอง 0 รีวิว
เรื่องราวเพิ่มเติม