ชักชวนกันอ่านหนังสือ หนังสือไม่ว่าจะเป็นแนวไหนล้วนมีประโยชน์
- ก่อนเราจะเคลื่อนต่อไป เราน่าจะพิจารณารายละเอียดสำคัญ คือ ถ้าเหตุการณ์ A กับ B ไม่เกี่ยวข้องกัน สมมติว่าเที่ยวบินนั้นเหลือที่ว่าง 1 ที่นั่ง และรอคอยผู้โดยสารสองคนโผล่มาจับจอง จากประสบการณ์สายการบินทราบว่าผู้โดยสารที่จองที่นั่งไว้แล้ว 2ใน3 จะมาเดินทางมารับที่นั่งนั้น ดังนั้นผู้ดูแลประตูจะมีโอกาส 2/3x2/3 หรือ 44 เปอร์เซ็นต์รับหน้าบูดบึงของ ผู้โดยสารที่จะไม่มีที่นั่ง โอกาสที่ผู้โดยสารทั้งคู่จะไม่โผล่มาและเครื่องบินขึ้น จากพื้นโดยมีที่นั่งว่างหนึ่งที่คือ 1/3x1/5 หรือ 11 เปอร์เซ็นต์ เรื่องนี้อนุมานว่าผู้โดยสารทั้งสองไม่เกี่ยวข้องกัน แต่ถ้าผู้โดยสารทั้งสองเดินทางร่วมกัน เช่นนั้นการวิเคราะห์ดังกล่าวถือได้ว่าผิด เพราะโอกาสที่ทั้งสองคนจะโผล่มารับที่นั่งจะเป็น 2/3 เท่ากันกับโอกาสที่จะโผล่มาคนเดียว ดังนั้นนับว่า สำคัญยิ่งที่จะต้องเตือนตนเองว่า เมื่อใดที่ความน่าจะเป็นทับซ้อนจะต้อง นำไปคูณเมื่อเหตุการณ์ทั้งสองไม่ข้องเกี่ยวกัน
จากหนังสือ #ชีวิตนี้ฟ้าลิขิต #TheDrunkard’sWalkก่อนเราจะเคลื่อนต่อไป เราน่าจะพิจารณารายละเอียดสำคัญ คือ ถ้าเหตุการณ์ A กับ B ไม่เกี่ยวข้องกัน สมมติว่าเที่ยวบินนั้นเหลือที่ว่าง 1 ที่นั่ง และรอคอยผู้โดยสารสองคนโผล่มาจับจอง จากประสบการณ์สายการบินทราบว่าผู้โดยสารที่จองที่นั่งไว้แล้ว 2ใน3 จะมาเดินทางมารับที่นั่งนั้น ดังนั้นผู้ดูแลประตูจะมีโอกาส 2/3x2/3 หรือ 44 เปอร์เซ็นต์รับหน้าบูดบึงของ ผู้โดยสารที่จะไม่มีที่นั่ง โอกาสที่ผู้โดยสารทั้งคู่จะไม่โผล่มาและเครื่องบินขึ้น จากพื้นโดยมีที่นั่งว่างหนึ่งที่คือ 1/3x1/5 หรือ 11 เปอร์เซ็นต์ เรื่องนี้อนุมานว่าผู้โดยสารทั้งสองไม่เกี่ยวข้องกัน แต่ถ้าผู้โดยสารทั้งสองเดินทางร่วมกัน เช่นนั้นการวิเคราะห์ดังกล่าวถือได้ว่าผิด เพราะโอกาสที่ทั้งสองคนจะโผล่มารับที่นั่งจะเป็น 2/3 เท่ากันกับโอกาสที่จะโผล่มาคนเดียว ดังนั้นนับว่า สำคัญยิ่งที่จะต้องเตือนตนเองว่า เมื่อใดที่ความน่าจะเป็นทับซ้อนจะต้อง นำไปคูณเมื่อเหตุการณ์ทั้งสองไม่ข้องเกี่ยวกัน จากหนังสือ #ชีวิตนี้ฟ้าลิขิต #TheDrunkard’sWalk0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 3 มุมมอง 0 รีวิวกรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อกดถูกใจ แชร์ และแสดงความคิดเห็น! - ตั้งแต่เด็กจนโต มาริเอะ คนโด อ่านตำราและศึกษาสารพัดวิธีเกี่ยว กับการจัดบ้านการหาอุปกรณ์ช่วยเก็บของ เทคนิคการจัดต่างๆ และนำมาทดลองด้วยตัวเอง ทุกๆคนบอกว่าบ้านใดที่คนโดไปเยือนบ้านนั้นจะสะอาดขึ้นมาทันทีและไม่ว่าบ้านใครจะรกมาก เพียงใดจนดูเหมือนไม่มีทางจะจัดได้ก็ไม่เกินความสามารถของเธอ เพราะคนโดบอกว่าในหัวของเธอมักคิดแต่เรื่องการจัดบ้านอยู่ตลอดเวลา
คนโดยกตัวอย่างผู้หญิงคนหนึ่งที่ทำงานด้านเทคในโลยีที่เธอเคยไปช่วยจัดบ้าน ระหว่างจัดบ้านปรากฏว่าผู้หญิงคน ดังกล่าวกลับทิ้งหนังสือเกี่ยวกับด้านเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับการ ทำงานของเธอจนหมด เพราะเธอตระหนักว่าหนังสือพวกนั้นไม่ได้สร้างความสุขให้กับเธอแม้แต่น้อย แต่เธอกลับเลือกหนังสือเกี่ยวกับสวัสดิการสังคม นั่นเป็นเพราะจริงๆ แล้วเธอมีความสุข กับการทำงานด้านสวัสดิการสังคมเหมือนที่เธอเคยเป็นอาส สมัครมาก่อน หลังจัดบ้านเรียบร้อยเธอจึงตัดสินใจลาออกและ สร้างสถานรับเลี้ยงเด็กซึ่งถือว่าเป็นการค้นพบงานที่เธอรักหลังจากจัดบ้านเสร็จ
จากหนังสือ #ผู้หญิงเก่งธุรกิจญี่ปุ่นตั้งแต่เด็กจนโต มาริเอะ คนโด อ่านตำราและศึกษาสารพัดวิธีเกี่ยว กับการจัดบ้านการหาอุปกรณ์ช่วยเก็บของ เทคนิคการจัดต่างๆ และนำมาทดลองด้วยตัวเอง ทุกๆคนบอกว่าบ้านใดที่คนโดไปเยือนบ้านนั้นจะสะอาดขึ้นมาทันทีและไม่ว่าบ้านใครจะรกมาก เพียงใดจนดูเหมือนไม่มีทางจะจัดได้ก็ไม่เกินความสามารถของเธอ เพราะคนโดบอกว่าในหัวของเธอมักคิดแต่เรื่องการจัดบ้านอยู่ตลอดเวลา คนโดยกตัวอย่างผู้หญิงคนหนึ่งที่ทำงานด้านเทคในโลยีที่เธอเคยไปช่วยจัดบ้าน ระหว่างจัดบ้านปรากฏว่าผู้หญิงคน ดังกล่าวกลับทิ้งหนังสือเกี่ยวกับด้านเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับการ ทำงานของเธอจนหมด เพราะเธอตระหนักว่าหนังสือพวกนั้นไม่ได้สร้างความสุขให้กับเธอแม้แต่น้อย แต่เธอกลับเลือกหนังสือเกี่ยวกับสวัสดิการสังคม นั่นเป็นเพราะจริงๆ แล้วเธอมีความสุข กับการทำงานด้านสวัสดิการสังคมเหมือนที่เธอเคยเป็นอาส สมัครมาก่อน หลังจัดบ้านเรียบร้อยเธอจึงตัดสินใจลาออกและ สร้างสถานรับเลี้ยงเด็กซึ่งถือว่าเป็นการค้นพบงานที่เธอรักหลังจากจัดบ้านเสร็จ จากหนังสือ #ผู้หญิงเก่งธุรกิจญี่ปุ่น0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 3 มุมมอง 0 รีวิว - บางความคิดที่พบระหว่างปกหนังสือก็เป็นดังยาพิษ ทว่าที่พบบ่อยกว่านั้นคือการเยียวยาซึ่งซ่อนอยู่ในหน้ากระดาษ บางครั้งก็เป็นสิ่งที่เราไม่เคยรู้ด้วยซ้ำว่าต้องการการเยียวยา
จากหนังสือ #คุณตาหนังสือเด็กหญิงและแมวสามขา
บางความคิดที่พบระหว่างปกหนังสือก็เป็นดังยาพิษ ทว่าที่พบบ่อยกว่านั้นคือการเยียวยาซึ่งซ่อนอยู่ในหน้ากระดาษ บางครั้งก็เป็นสิ่งที่เราไม่เคยรู้ด้วยซ้ำว่าต้องการการเยียวยา จากหนังสือ #คุณตาหนังสือเด็กหญิงและแมวสามขา0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 6 มุมมอง 0 รีวิว - การมองโลกแบบนี้นำไปสู่ความล้มเหลวย่อยยับเพราะว่าเกิดการเปลี่ยนแปลงทางประชากรและเทคโนโลยีขึ้น จุดศูนย์กลางของการบริโภคค่อยๆ เปลี่ยนไปสู่กลุ่มคนอายุ 60 ปีขึ้นไปเนื่องจากพวกเขามีจำนวนมากกว่าคนรุ่นอื่น อีกทั้งยังมีเงินออมและกำลังซื้อมากกว่าด้วย นอกจากนั้นรูปแบบการใช้ชีวิตของพวกเขายังไม่ได้เป็นแบบคน “แก่” อีกต่อไปแล้ว เพราะพวกเขามีสุขภาพกายและใจที่ดีอยู่นานขึ้น ในอดีตที่ผ่านมานักการตลาดเคยหมกมุ่นอยู่กับผู้บริโภครุ่นใหม่ๆ แต่ละรุ่นที่เกิดขึ้นมาอยู่ประมาณหนึ่งทศวรรษเห็นจะได้ แล้วจากนั้นก็เปลี่ยนเป็นมุ่งความสนใจไปที่คนรุ่นต่อไป “นานหลายปีที่วิธีการทำการตลาดกับคนรุ่นมิลเลนเนียลคือสิ่งที่นักการตลาดส่วนใหญ่อยากรู้มากที่สุด” ซอนยามาเทจโกเขียนลงในนิตยสาร Forbes “ทุกวันนี้ นักโฆษณากำลังพยายามทำความเข้าใจว่าจะเข้าถึงคนรุ่นเด็กลงมาอย่างเจนซีได้อย่างไร” มีข้อสันนิษฐานว่าเด็กวัยรุ่นในวันนี้คือผู้นำกระแสในวันหน้าแล้วตลาดที่ไม่มีการแบ่งแยกรุ่นอย่างแท้จริงจะเปลี่ยนแปลงพลวัดนี้ ไปอย่างไร เรากำลังจะได้เป็นประจักษ์พยานของการปฏิวัติการตลาดหรือเปล่า
จากหนังสือ #ThePerennials #อีกไม่นานเราจะเป็นมนุษย์รุ่นเดียวกันการมองโลกแบบนี้นำไปสู่ความล้มเหลวย่อยยับเพราะว่าเกิดการเปลี่ยนแปลงทางประชากรและเทคโนโลยีขึ้น จุดศูนย์กลางของการบริโภคค่อยๆ เปลี่ยนไปสู่กลุ่มคนอายุ 60 ปีขึ้นไปเนื่องจากพวกเขามีจำนวนมากกว่าคนรุ่นอื่น อีกทั้งยังมีเงินออมและกำลังซื้อมากกว่าด้วย นอกจากนั้นรูปแบบการใช้ชีวิตของพวกเขายังไม่ได้เป็นแบบคน “แก่” อีกต่อไปแล้ว เพราะพวกเขามีสุขภาพกายและใจที่ดีอยู่นานขึ้น ในอดีตที่ผ่านมานักการตลาดเคยหมกมุ่นอยู่กับผู้บริโภครุ่นใหม่ๆ แต่ละรุ่นที่เกิดขึ้นมาอยู่ประมาณหนึ่งทศวรรษเห็นจะได้ แล้วจากนั้นก็เปลี่ยนเป็นมุ่งความสนใจไปที่คนรุ่นต่อไป “นานหลายปีที่วิธีการทำการตลาดกับคนรุ่นมิลเลนเนียลคือสิ่งที่นักการตลาดส่วนใหญ่อยากรู้มากที่สุด” ซอนยามาเทจโกเขียนลงในนิตยสาร Forbes “ทุกวันนี้ นักโฆษณากำลังพยายามทำความเข้าใจว่าจะเข้าถึงคนรุ่นเด็กลงมาอย่างเจนซีได้อย่างไร” มีข้อสันนิษฐานว่าเด็กวัยรุ่นในวันนี้คือผู้นำกระแสในวันหน้าแล้วตลาดที่ไม่มีการแบ่งแยกรุ่นอย่างแท้จริงจะเปลี่ยนแปลงพลวัดนี้ ไปอย่างไร เรากำลังจะได้เป็นประจักษ์พยานของการปฏิวัติการตลาดหรือเปล่า จากหนังสือ #ThePerennials #อีกไม่นานเราจะเป็นมนุษย์รุ่นเดียวกัน0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 6 มุมมอง 0 รีวิว - คนเรามักไม่รู้สึกตัวตอนที่เริ่มมีอาการสายตายาวในช่วงแรก แต่พอต้องอ่านหนังสือเป็นเวลานาน หรือทำอะไรที่ต้องปรับระยะห่างก็จะรู้สึกว่ามีอาการปวดตา ปวดศีรษะ หรือมีอาการตาล้าขึ้นมานั่นเอง หากมีอาการตาล้าที่รุนแรงในอายุช่วง 40ปีขึ้นไป อาจต้องไปพบจักษุแพทย์ เพื่อตรวจดูว่าเป็นโรคสายตายาวหรือไม่ หากพบว่ามีอาการสายตายาวก็คงได้รับคำแนะนำให้ตัดแว่นสำหรับใช้ตอนที่ต้องมองอะไรใกล้ๆ (แว่นสายตายาว) กันต่อไป
จากหนังสือ #เรื่องเล่าของความชรา
คนเรามักไม่รู้สึกตัวตอนที่เริ่มมีอาการสายตายาวในช่วงแรก แต่พอต้องอ่านหนังสือเป็นเวลานาน หรือทำอะไรที่ต้องปรับระยะห่างก็จะรู้สึกว่ามีอาการปวดตา ปวดศีรษะ หรือมีอาการตาล้าขึ้นมานั่นเอง หากมีอาการตาล้าที่รุนแรงในอายุช่วง 40ปีขึ้นไป อาจต้องไปพบจักษุแพทย์ เพื่อตรวจดูว่าเป็นโรคสายตายาวหรือไม่ หากพบว่ามีอาการสายตายาวก็คงได้รับคำแนะนำให้ตัดแว่นสำหรับใช้ตอนที่ต้องมองอะไรใกล้ๆ (แว่นสายตายาว) กันต่อไป จากหนังสือ #เรื่องเล่าของความชรา0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 9 มุมมอง 0 รีวิว - การล้างสมองก็คือการใช้อิทธิพลจากภายนอกปลูกฝังความคิด ที่แปลกแตกต่างไปจากความคิดทั่วไปให้กับคนอื่นเพื่อให้เป็นไปตาม ความต้องการของผู้บงการ หากพูดในแง่เนื้อหาแล้วการล้างสมองก็คือกระบวนการการปลูกฝังแนวคิดหนึ่งเข้าไปในสมองของคนอื่น ฉะนั้นไม่ว่ามันจะเปลี่ยนแปลงอย่างไรก็ล้วนมีจุดเด่นเหมือนกันดังนี้
ข้อหนึ่งคือ มีความพิเศษไม่เหมือนใครยอมรับว่ามีเพียงแค่แนวคิดเดียวเท่านั้นที่ถูกต้อง
ข้อสองคือ แนวคิดวนเวียน โดยเริ่มต้นที่ข้อเท็จจริงง่าย ๆ และเริ่มวนเวียนแนวคิด
ข้อสามคือ รับรองผลประโยชน์ ความเชื่อมั่นในแนวคิดหนึ่งๆ อย่างที่สุดจะนำมาซึ่งผลประโยชน์มหาศาล ไม่ว่าจะเป็นด้านทรัพย์สิน ชื่อเสียง หรือฐานะ ทันทีที่แนวป้องกันด้านจิตใจของคนผู้หนึ่ง ถูกทะลวงแม้จะเป็นแค่รูเล็กๆ ก็ตาม ก็ยากที่จะควบคุมความปรารถนาเอาไว้ได้อีกต่อไป ส่งผลให้เกิดการรับข้อมูลจากคนอื่นโดยไม่รู้ตัว
ข้อสี่ คือ คำขวัญนำแนวคิดมาสร้างเป็นคำขวัญให้ฟังง่าย
ข้อห้าคือ พิธีกรรม ใช้พิธีกรรมช่วยให้แนวคิดที่จับต้องไม่ได้กลายเป็นภาพจับต้องได้และกลาย เป็นสัญลักษณ์แห่งการเคารพบูชาไปอย่างง่ายดาย นอกจากนี้ความรู้สึกเคร่งขรึมของพิธีกรรมยังก่อให้เกิดความกดดันในการเชื่อฟังแก่ผู้เป็น เป้าหมายของการล้างสมองได้อีกด้วย
ข้อหกคือ การทำซ้ำ ป้อนหลัก การเหตุผลหนึ่งซ้ำแล้วซ้ำเล่าแต่สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นเพียงแค่รูปแบบที่ แสดงออกมาในขั้นต้น ซึ่งสิ่งสุดท้ายของการล้างสมองคือการใช้ “คำโน้มน้าวที่แฝงอยู่” และ “รูปแบบภาษาที่ใช้สะกดจิต” ให้เข้าสู่กลางใจ ของคนผู้นั้นโดยไม่รู้ตัว ให้คนผู้นั้นยอมรับแนวคิด ความเห็น ข้อเสนอ และคำร้องขอต่างๆ พร้อมจะทุ่มเททุกสิ่งทุกอย่างให้อีกฝ่ายด้วยความ เต็มอกเต็มใจ
จากหนังสือ #ต่อต้านการถูกล้างสมอง #AntiBrainwashing
การล้างสมองก็คือการใช้อิทธิพลจากภายนอกปลูกฝังความคิด ที่แปลกแตกต่างไปจากความคิดทั่วไปให้กับคนอื่นเพื่อให้เป็นไปตาม ความต้องการของผู้บงการ หากพูดในแง่เนื้อหาแล้วการล้างสมองก็คือกระบวนการการปลูกฝังแนวคิดหนึ่งเข้าไปในสมองของคนอื่น ฉะนั้นไม่ว่ามันจะเปลี่ยนแปลงอย่างไรก็ล้วนมีจุดเด่นเหมือนกันดังนี้ ข้อหนึ่งคือ มีความพิเศษไม่เหมือนใครยอมรับว่ามีเพียงแค่แนวคิดเดียวเท่านั้นที่ถูกต้อง ข้อสองคือ แนวคิดวนเวียน โดยเริ่มต้นที่ข้อเท็จจริงง่าย ๆ และเริ่มวนเวียนแนวคิด ข้อสามคือ รับรองผลประโยชน์ ความเชื่อมั่นในแนวคิดหนึ่งๆ อย่างที่สุดจะนำมาซึ่งผลประโยชน์มหาศาล ไม่ว่าจะเป็นด้านทรัพย์สิน ชื่อเสียง หรือฐานะ ทันทีที่แนวป้องกันด้านจิตใจของคนผู้หนึ่ง ถูกทะลวงแม้จะเป็นแค่รูเล็กๆ ก็ตาม ก็ยากที่จะควบคุมความปรารถนาเอาไว้ได้อีกต่อไป ส่งผลให้เกิดการรับข้อมูลจากคนอื่นโดยไม่รู้ตัว ข้อสี่ คือ คำขวัญนำแนวคิดมาสร้างเป็นคำขวัญให้ฟังง่าย ข้อห้าคือ พิธีกรรม ใช้พิธีกรรมช่วยให้แนวคิดที่จับต้องไม่ได้กลายเป็นภาพจับต้องได้และกลาย เป็นสัญลักษณ์แห่งการเคารพบูชาไปอย่างง่ายดาย นอกจากนี้ความรู้สึกเคร่งขรึมของพิธีกรรมยังก่อให้เกิดความกดดันในการเชื่อฟังแก่ผู้เป็น เป้าหมายของการล้างสมองได้อีกด้วย ข้อหกคือ การทำซ้ำ ป้อนหลัก การเหตุผลหนึ่งซ้ำแล้วซ้ำเล่าแต่สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นเพียงแค่รูปแบบที่ แสดงออกมาในขั้นต้น ซึ่งสิ่งสุดท้ายของการล้างสมองคือการใช้ “คำโน้มน้าวที่แฝงอยู่” และ “รูปแบบภาษาที่ใช้สะกดจิต” ให้เข้าสู่กลางใจ ของคนผู้นั้นโดยไม่รู้ตัว ให้คนผู้นั้นยอมรับแนวคิด ความเห็น ข้อเสนอ และคำร้องขอต่างๆ พร้อมจะทุ่มเททุกสิ่งทุกอย่างให้อีกฝ่ายด้วยความ เต็มอกเต็มใจ จากหนังสือ #ต่อต้านการถูกล้างสมอง #AntiBrainwashing0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 9 มุมมอง 0 รีวิว - ตามข้อมูลของ NYSE ระยะเวลาการถือครองหุ้นโดยเฉลี่ยลดลงอย่าง ต่อเนื่องจาก 100 เดือน ในปี 1960, เหลือ 63 เดือนในปี 1970, เหลือ 33 เดือนในปี 1980, เหลือ 26 เดือนในปี 1990. เหลือ 14 เดือนในปี 2000 6 เดือนในปี 2010 ในเวลานั้นกิจกรรมการซื้อขายส่วนใหญ่ถูก และเหลือศัยบริษัทที่ทำงานด้านการเทรดความถี่สูง HFT แล้ว ซึ่งส่งคำสั่งซื้อขายหุ้นและออปชั่นหลายพันรายการ หรือแม้กระทั่งหลายล้านรายการทุกวัน โดยมักถือครองสถานะไว้เพียงไม่กี่วินาที แต่เดิมการซื้อขายด้วย ความถี่สูงมุ่งเน้นที่กลยุทธ์ง่ายๆ อย่างการทำกำไรจากความแตกต่างของราคาเล็กๆ น้อยๆ ที่ตั้งโดยตลาดหลักทรัพย์แต่ละแห่งหรือการเทรดในช่วง การเปลี่ยนแปลงต่างๆก่อนที่ผู้ดูแลสภาพคล่องที่เป็นมนุษย์จะมีเวลาในการอัปเดตข้อมูลราคา แต่เมื่อเวลาผ่านไปเหล่า HFT ก็เริ่มซับซ้อนมากขึ้น ใน ปัจจุบันใช้อัลกอริทึมที่ซับซ้อนซึ่งดูเหมือนจะชอบตั้งชื่อให้เหมือนเกม คอมพิวเตอร์อย่าง Stealth, Dagger, Sniper และ Guerrilla ที่ตั้งให้ส่งและ ยกเลิกคำสั่งสถานะการถือครองแบบอัตโนมัติ แข่งกันเองเพื่อทำกำไรเพียงเล็กน้อยผ่านธุรกรรมจำนวนมาก ซึ่งมักจะพยายามส่งคำสั่งหลอกกันเอง หรือถล่มกระดานด้วยคำสั่งหลอกๆที่กำหนดให้ยกเลิกในเสี้ยววินาทีสุดท้าย
จากหนังสือ #TheMoneyFormula #สมการสานล้านพลิกกระดานวอลสตรีทตามข้อมูลของ NYSE ระยะเวลาการถือครองหุ้นโดยเฉลี่ยลดลงอย่าง ต่อเนื่องจาก 100 เดือน ในปี 1960, เหลือ 63 เดือนในปี 1970, เหลือ 33 เดือนในปี 1980, เหลือ 26 เดือนในปี 1990. เหลือ 14 เดือนในปี 2000 6 เดือนในปี 2010 ในเวลานั้นกิจกรรมการซื้อขายส่วนใหญ่ถูก และเหลือศัยบริษัทที่ทำงานด้านการเทรดความถี่สูง HFT แล้ว ซึ่งส่งคำสั่งซื้อขายหุ้นและออปชั่นหลายพันรายการ หรือแม้กระทั่งหลายล้านรายการทุกวัน โดยมักถือครองสถานะไว้เพียงไม่กี่วินาที แต่เดิมการซื้อขายด้วย ความถี่สูงมุ่งเน้นที่กลยุทธ์ง่ายๆ อย่างการทำกำไรจากความแตกต่างของราคาเล็กๆ น้อยๆ ที่ตั้งโดยตลาดหลักทรัพย์แต่ละแห่งหรือการเทรดในช่วง การเปลี่ยนแปลงต่างๆก่อนที่ผู้ดูแลสภาพคล่องที่เป็นมนุษย์จะมีเวลาในการอัปเดตข้อมูลราคา แต่เมื่อเวลาผ่านไปเหล่า HFT ก็เริ่มซับซ้อนมากขึ้น ใน ปัจจุบันใช้อัลกอริทึมที่ซับซ้อนซึ่งดูเหมือนจะชอบตั้งชื่อให้เหมือนเกม คอมพิวเตอร์อย่าง Stealth, Dagger, Sniper และ Guerrilla ที่ตั้งให้ส่งและ ยกเลิกคำสั่งสถานะการถือครองแบบอัตโนมัติ แข่งกันเองเพื่อทำกำไรเพียงเล็กน้อยผ่านธุรกรรมจำนวนมาก ซึ่งมักจะพยายามส่งคำสั่งหลอกกันเอง หรือถล่มกระดานด้วยคำสั่งหลอกๆที่กำหนดให้ยกเลิกในเสี้ยววินาทีสุดท้าย จากหนังสือ #TheMoneyFormula #สมการสานล้านพลิกกระดานวอลสตรีท0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 10 มุมมอง 0 รีวิว - จุดสำคัญคือการลดเวลาอาหารให้เหลือ “12 ชั่วโมง ต่อวัน
ถ้าคุณกินมื้อเช้าตอน 9โมง หลัง 3ทุ่มเป็นต้นไป ต้องไม่กินอะไรอีก การแบ่งเวลาออกเป็น “เวลากิน” และ “เวลาอด” อย่างชัดเจนแบบนี้จะทำให้นาฬิกาชีวิตทำงานอย่าง มีสมดุลครับ
ผลที่ตามมาคือ การเผาผลาญไขมันและน้ำตาลจะเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ เผาผลาญพลังงานได้ดีขึ้น และช่วยปรับสมดุลของสภาพแวดล้อมภายในระบบลำไส้
จากหนังสือ #จริงๆเราไม่ได้อ้วนแต่สมองสั่งให้อ้วนจุดสำคัญคือการลดเวลาอาหารให้เหลือ “12 ชั่วโมง ต่อวัน ถ้าคุณกินมื้อเช้าตอน 9โมง หลัง 3ทุ่มเป็นต้นไป ต้องไม่กินอะไรอีก การแบ่งเวลาออกเป็น “เวลากิน” และ “เวลาอด” อย่างชัดเจนแบบนี้จะทำให้นาฬิกาชีวิตทำงานอย่าง มีสมดุลครับ ผลที่ตามมาคือ การเผาผลาญไขมันและน้ำตาลจะเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ เผาผลาญพลังงานได้ดีขึ้น และช่วยปรับสมดุลของสภาพแวดล้อมภายในระบบลำไส้ จากหนังสือ #จริงๆเราไม่ได้อ้วนแต่สมองสั่งให้อ้วน0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 10 มุมมอง 0 รีวิว - เมื่อเรายอมรับความเปราะบาง คำพูด วลี และคำวิจารณ์ที่อาจเข้ามาทำร้ายเราจะสูญเสียพลังของมันไป แต่เมื่อเราพยายามซ่อนความไม่มั่นคงทางใจ มันจะถูกใช้เพื่อเอาเปรียบคุณ การพัฒนาความมั่นใจ จอมปลอมเป็นการปกปิดรูปแบบหนึ่ง เป็นการหลงผิดโดยพยายามหลอกตัวเองว่าเรามีความสามารถมากพอ เราสร้างความมั่นใจจอมปลอมด้วย เหตุผลเดียวกับที่สร้างการเห็นคุณค่าในตัวเองจอมปลอม นั่นคือเพื่อปกป้องส่วนที่อ่อนไหวของอีโก้และเพื่อซ่อนจุดอ่อนกับความไม่มั่นคง ทางใจของเราจากโลกภายนอก เพราะเรากลัวว่าจะถูกมองว่าเป็นคนปลอมเปลือกหรือไม่เก่งพอ
จากหนังสือ #DoHardThings #วิทยาศาสตร์ของการไม่ยอมแพ้เมื่อเรายอมรับความเปราะบาง คำพูด วลี และคำวิจารณ์ที่อาจเข้ามาทำร้ายเราจะสูญเสียพลังของมันไป แต่เมื่อเราพยายามซ่อนความไม่มั่นคงทางใจ มันจะถูกใช้เพื่อเอาเปรียบคุณ การพัฒนาความมั่นใจ จอมปลอมเป็นการปกปิดรูปแบบหนึ่ง เป็นการหลงผิดโดยพยายามหลอกตัวเองว่าเรามีความสามารถมากพอ เราสร้างความมั่นใจจอมปลอมด้วย เหตุผลเดียวกับที่สร้างการเห็นคุณค่าในตัวเองจอมปลอม นั่นคือเพื่อปกป้องส่วนที่อ่อนไหวของอีโก้และเพื่อซ่อนจุดอ่อนกับความไม่มั่นคง ทางใจของเราจากโลกภายนอก เพราะเรากลัวว่าจะถูกมองว่าเป็นคนปลอมเปลือกหรือไม่เก่งพอ จากหนังสือ #DoHardThings #วิทยาศาสตร์ของการไม่ยอมแพ้0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 10 มุมมอง 0 รีวิว - โยฮันน์ วูล์ฟกัง ฟอน เกอเธ (Johann Wolfgang von Goethe) เป็นบุตรคนโตในบรรดาพี่น้องทั้งหมดเจ็ดคน มีเพียงเขา กับน้องสาว คอร์นีเลีย ที่มีโอกาสฉลองวันเกิดครบอายุ 7 ขวบ โรคร้ายคร่าชีวิตน้องชายของเขาคือ แฮร์มันน์ ยาค็อบ เมื่ออายุ 6 ปี , น้องสาวคาธารินา เอลิซาเบธ เมื่ออายุ 4 ปี, น้องสาวโจฮันนา มาเรีย เมื่ออายุ 2 ปี , น้องชาย เกออร์ก อดอล์ฟ เมื่ออายุ 8 เดือน, และคนที่ 5 น้องชายที่ยังไม่มีชื่อเพราะ เสียชีวิตแต่แรกเกิด ภายหลังคอร์นีเลียก็ตายด้วยโรคร้ายเมื่ออายุ 26 ปี คง เหลือโยฮันน์ วูล์ฟกังเป็นผู้รอดชีวิตเพียงคนเดียวในครอบครัว
โยฮันน์ วูล์ฟกัง ฟอน เกอเธ มีบุตรธิดา 5 คน ทุกคนตายภายใน 2 สัปดาห์ หลังจากเกิดยกเว้นเพียงลูกชายคนโต คือ ออกุสต์ เท่านั้น จากความน่าจะเป็นทั้งหมด สาเหตุเกิดจากความเข้ากันไม่ได้ของกรุ๊ปเลือดระหว่างเกอเธกับภรรยา คริสเตียน ซึ่งหลังจากที่คลอดลูกคนแรกสำเร็จแล้ว ผู้เป็นแม่ก็พัฒนา ภูมิต้านทานต่อเลือดของตัวอ่อนในครรภ์สภาวะเช่นนี้ปัจจุบันเรารู้แล้วว่าคือ โรคจากหมู่เลือดอาร์เอช (Rh) ซึ่งสามารถรักษาได้อย่างมีประสิทธิภาพจน อัตราการเสียชีวิตต่ำกว่า 2% แต่ในสมัยทศวรรษ 1790 อัตราการเสียชีวิต เฉลี่ยอยู่ที่ 50% ดังนั้นสำหรับบุตรทั้ง 4 คนของเกอเธโรคนี้ก็เหมือนโทษประหาร สรุปแล้วในครอบครัวของเกอเธ ซึ่งเป็นตระกูลเยอรมันที่มีฐานะดีใน ช่วงปลายศตวรรษที่ 18 อัตราการรอดชีวิตของเด็กก็ยังทำได้เพียง 25% มี เด็กแค่ 3 คนจากจำนวน 12 คนที่รอดชีวิตจนโตเป็นผู้ใหญ่ สถิติสยองเช่น นี้ยังไม่ถือว่าพิเศษ ราวช่วงเวลาที่เกอเธเขียน เด็กฝึกงานของผู้วิเศษ ใน ปี 1797 ประมาณกันว่ามีเด็กเยอรมันเพียง 50% เท่านั้นมีชีวิตอยู่จนอายุ 15 ปี” ภาคส่วนอื่นของโลกก็มีสถิติเช่นเดียวกันนี้” ครั้นปี 2020 เด็กทั่วโลก ที่มีชีวิตจนเกินกว่าวันเกิด 15 ปีมีถึง 95.6% และในเยอรมนีตัวเลขนี้คือ 99.5%” ความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่เช่นนี้จะไม่มีทางเป็นไปได้เลยถ้าหากไม่มี การเก็บรวบรวม วิเคราะห์ และแบ่งปันข้อมูลทางการแพทย์จำนวนมหาศาล เกี่ยวกับสิ่งที่เรียกว่ากรุ๊ปเลือด ในกรณีเช่นนี้ จึงพิสูจน์ได้ว่ามุมมองอันไร้เดียงสาของสารสนเทศเป็นสิ่งถูกต้อง
จากหนังสือ #Nexus
โยฮันน์ วูล์ฟกัง ฟอน เกอเธ (Johann Wolfgang von Goethe) เป็นบุตรคนโตในบรรดาพี่น้องทั้งหมดเจ็ดคน มีเพียงเขา กับน้องสาว คอร์นีเลีย ที่มีโอกาสฉลองวันเกิดครบอายุ 7 ขวบ โรคร้ายคร่าชีวิตน้องชายของเขาคือ แฮร์มันน์ ยาค็อบ เมื่ออายุ 6 ปี , น้องสาวคาธารินา เอลิซาเบธ เมื่ออายุ 4 ปี, น้องสาวโจฮันนา มาเรีย เมื่ออายุ 2 ปี , น้องชาย เกออร์ก อดอล์ฟ เมื่ออายุ 8 เดือน, และคนที่ 5 น้องชายที่ยังไม่มีชื่อเพราะ เสียชีวิตแต่แรกเกิด ภายหลังคอร์นีเลียก็ตายด้วยโรคร้ายเมื่ออายุ 26 ปี คง เหลือโยฮันน์ วูล์ฟกังเป็นผู้รอดชีวิตเพียงคนเดียวในครอบครัว โยฮันน์ วูล์ฟกัง ฟอน เกอเธ มีบุตรธิดา 5 คน ทุกคนตายภายใน 2 สัปดาห์ หลังจากเกิดยกเว้นเพียงลูกชายคนโต คือ ออกุสต์ เท่านั้น จากความน่าจะเป็นทั้งหมด สาเหตุเกิดจากความเข้ากันไม่ได้ของกรุ๊ปเลือดระหว่างเกอเธกับภรรยา คริสเตียน ซึ่งหลังจากที่คลอดลูกคนแรกสำเร็จแล้ว ผู้เป็นแม่ก็พัฒนา ภูมิต้านทานต่อเลือดของตัวอ่อนในครรภ์สภาวะเช่นนี้ปัจจุบันเรารู้แล้วว่าคือ โรคจากหมู่เลือดอาร์เอช (Rh) ซึ่งสามารถรักษาได้อย่างมีประสิทธิภาพจน อัตราการเสียชีวิตต่ำกว่า 2% แต่ในสมัยทศวรรษ 1790 อัตราการเสียชีวิต เฉลี่ยอยู่ที่ 50% ดังนั้นสำหรับบุตรทั้ง 4 คนของเกอเธโรคนี้ก็เหมือนโทษประหาร สรุปแล้วในครอบครัวของเกอเธ ซึ่งเป็นตระกูลเยอรมันที่มีฐานะดีใน ช่วงปลายศตวรรษที่ 18 อัตราการรอดชีวิตของเด็กก็ยังทำได้เพียง 25% มี เด็กแค่ 3 คนจากจำนวน 12 คนที่รอดชีวิตจนโตเป็นผู้ใหญ่ สถิติสยองเช่น นี้ยังไม่ถือว่าพิเศษ ราวช่วงเวลาที่เกอเธเขียน เด็กฝึกงานของผู้วิเศษ ใน ปี 1797 ประมาณกันว่ามีเด็กเยอรมันเพียง 50% เท่านั้นมีชีวิตอยู่จนอายุ 15 ปี” ภาคส่วนอื่นของโลกก็มีสถิติเช่นเดียวกันนี้” ครั้นปี 2020 เด็กทั่วโลก ที่มีชีวิตจนเกินกว่าวันเกิด 15 ปีมีถึง 95.6% และในเยอรมนีตัวเลขนี้คือ 99.5%” ความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่เช่นนี้จะไม่มีทางเป็นไปได้เลยถ้าหากไม่มี การเก็บรวบรวม วิเคราะห์ และแบ่งปันข้อมูลทางการแพทย์จำนวนมหาศาล เกี่ยวกับสิ่งที่เรียกว่ากรุ๊ปเลือด ในกรณีเช่นนี้ จึงพิสูจน์ได้ว่ามุมมองอันไร้เดียงสาของสารสนเทศเป็นสิ่งถูกต้อง จากหนังสือ #Nexus0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 11 มุมมอง 0 รีวิว - แพสชัน (Passion) มีที่มาจากคำว่า พาซิโอ (Passio) ในภาษาละติน มีหมายความว่า "ความทุกข์ทรมาน” แพสชันตามเรื่องราวส่วนใหญ่ใน ประวัติศาสตร์ก็มีความหมายเช่นนั้น มันคือความทุกข์ ความลำเค็ญ และความโกรธ เดิมทีความทุกข์เป็นคำที่มีความหมายแคบ เราใช้เพื่อบรรยาย ความเจ็บปวดทรมานของพระเยซูขณะถูกตรึงกางเขน ศาสตราจารย์ ทิโมธี เค. บีล จากมหาวิทยาลัยเคส เวสเทิร์น รีเซิร์ฟ อธิบายว่า “คำนี้ หมายถึงความทรมานของพระเยซู”
จากหนังสือ #ฉันหมดPassionหรือแค่ยังหามันไม่เจอ #ThePassionParadoxแพสชัน (Passion) มีที่มาจากคำว่า พาซิโอ (Passio) ในภาษาละติน มีหมายความว่า "ความทุกข์ทรมาน” แพสชันตามเรื่องราวส่วนใหญ่ใน ประวัติศาสตร์ก็มีความหมายเช่นนั้น มันคือความทุกข์ ความลำเค็ญ และความโกรธ เดิมทีความทุกข์เป็นคำที่มีความหมายแคบ เราใช้เพื่อบรรยาย ความเจ็บปวดทรมานของพระเยซูขณะถูกตรึงกางเขน ศาสตราจารย์ ทิโมธี เค. บีล จากมหาวิทยาลัยเคส เวสเทิร์น รีเซิร์ฟ อธิบายว่า “คำนี้ หมายถึงความทรมานของพระเยซู” จากหนังสือ #ฉันหมดPassionหรือแค่ยังหามันไม่เจอ #ThePassionParadox0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 6 มุมมอง 0 รีวิว - เมื่อพูดถึงสุขภาพจิตใจ เราทุกคนกำลังอยู่ในวิกฤตระดับโลกอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ประมาณได้ว่าคนหนึ่งในเก้าคนหรือคนแปดร้อยล้านคนป่วยจากความเจ็บป่วยทางสุขภาพจิต โดยที่พบมากที่สุดคือความวิตกกังวล ที่จริงแล้วคนเกือบสามร้อยล้านคนทั่วโลกเป็นโรควิตกกังวลและสหรัฐอเมริกาเป็น หนึ่งในประเทศที่วิตกกังวลมากที่สุดในโลก คนอเมริกันถึงร้อยละ 33.7 เป็น โรควิตกกังวลหนึ่งครั้งตลอดช่วงชีวิต” ที่จริงแล้วตั้งแต่ปี 2008 ถึง 2018 อุบัติการณ์ของความวิตกกังวลในสหรัฐอเมริกาเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 30 โดยรวม ที่พุ่งสูงขึ้นถึงร้อยละ 84 ในกลุ่มคนอายุสิบแปดถึงยี่สิบห้าปี” ยังไม่รวมถึง การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่ช่วยให้สถานการณ์ที่เลวร้ายอยู่แล้วนี้ เพิ่มขึ้นสูงลิ่ว จำนวนคนที่ระบุว่ามีอาการวิตกกังวลและซึมเศร้าเพิ่มสูงขึ้น มากถึงร้อยละ 270 จากที่นักวิจัยที่มูลนิธิไคเซอร์แฟมิลีพบเมื่อเปรียบเทียบ จากปี 2019 ถึง 2021
จากหนังสือ #กายวิภาคศาสตร์ของความวิตกกังวล #TheAnatomyOfAnxietyเมื่อพูดถึงสุขภาพจิตใจ เราทุกคนกำลังอยู่ในวิกฤตระดับโลกอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ประมาณได้ว่าคนหนึ่งในเก้าคนหรือคนแปดร้อยล้านคนป่วยจากความเจ็บป่วยทางสุขภาพจิต โดยที่พบมากที่สุดคือความวิตกกังวล ที่จริงแล้วคนเกือบสามร้อยล้านคนทั่วโลกเป็นโรควิตกกังวลและสหรัฐอเมริกาเป็น หนึ่งในประเทศที่วิตกกังวลมากที่สุดในโลก คนอเมริกันถึงร้อยละ 33.7 เป็น โรควิตกกังวลหนึ่งครั้งตลอดช่วงชีวิต” ที่จริงแล้วตั้งแต่ปี 2008 ถึง 2018 อุบัติการณ์ของความวิตกกังวลในสหรัฐอเมริกาเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 30 โดยรวม ที่พุ่งสูงขึ้นถึงร้อยละ 84 ในกลุ่มคนอายุสิบแปดถึงยี่สิบห้าปี” ยังไม่รวมถึง การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่ช่วยให้สถานการณ์ที่เลวร้ายอยู่แล้วนี้ เพิ่มขึ้นสูงลิ่ว จำนวนคนที่ระบุว่ามีอาการวิตกกังวลและซึมเศร้าเพิ่มสูงขึ้น มากถึงร้อยละ 270 จากที่นักวิจัยที่มูลนิธิไคเซอร์แฟมิลีพบเมื่อเปรียบเทียบ จากปี 2019 ถึง 2021 จากหนังสือ #กายวิภาคศาสตร์ของความวิตกกังวล #TheAnatomyOfAnxiety0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 6 มุมมอง 0 รีวิว - จิบความคิดสะกิดไอเดีย (2025/030)
หนังสือที่เขียนโดยนักวิจัยเรื่องการตลาด และผันตัวเองเป็นนักธุรกิจ เจ้าของเวปไซต์ขลุกขลิกดอทคอม หนังสือเล่มนี้เขียนไว้นาน 15ปีแล้ว แต่ถ้าได้วิเคราะห์มุมมองของผู้เขียนหนังสือแล้ว จะเห็นได้ว่ามุมมองการหยิบยกประเด็นของเขาไม่เก่าเลย เนื้อหาเป็นเคสตัวอย่างทางธุรกิจที่แก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นจริงทางธุรกิจ เคสตัวอย่างน่าสนใจถึงแม้ว่าบางเคสถูกเฉลยแล้วแต่บางเรื่องเราไม่รู้ถึงที่มาของการแก้ปัญหานั้นๆ
เรื่องแรกที่ผู้เขียนอธิบายความเป็นมาของตู้แช่ในร้านสะดวกซื้อ เซเว่นอีเลฟเว่น คือ ตู้แช่น้ำดื่มและเครื่องดื่มที่มีทางเข้าด้านหลังร้าน สาเหตุเกิดจากการที่เซเว่นอีเลฟเว่นไปลงทุนในประเทศอเมริกา ผู้บริหารชาวญี่ปุ่นของเซเว่นอีเลฟเว่น ประสบปัญหากับการจัดการพื้นในร้านเนื่องจากที่อเมริกาให้มาจำกัดไม่เหมือนกับที่ญี่ปุ่น ตัวผู้บริหารจึงคิดวิธีให้ตู้แช่มีทางเข้าไปเรียงสินค้าหลังร้านซึ่งเราเห็นกันอยู่ในปัจจุบัน การจัดการเรียนสินค้าในลักษณะนี้มีข้อดี 3 ประการคือ ประหยัดพื้นที่ , ไม่เกะกะลูกค้าตอนนำสินค้ามาเรียงซึ่งการเรียงสินค้าจากทางด้านหน้าจะต้องหาจังหวะที่ลูกค้ามีไม่มากจึงไม่สร้างความรำคาญให้ลูกค้า และ การเลี้ยงลูกค้าจากด้านในทำให้ขายสินค้าในลักษณะที่ของที่เรียนก่อนขายออกก่อนตามหลักสินค้ามาก่อนขายก่อน
อีกกรณีหนึ่ง มีบริษัทที่ประเทศญี่ปุ่นเขารับสมาชิกโดยที่สมาชิกเป็นวัยรุ่นอายุไม่มากเก็บค่าสมาชิกเป็นรายเดือนในบริษัทมีผลิตภัณฑ์ที่ยังไม่ออกขายตามท้องตลาด แต่เป็นผลิตภัณฑ์ที่บริษัทหรือโรงงานผู้ผลิตต้องการนำมาให้ลูกค้าทดลองใช้ ในบริษัทจะมีผลิตภัณฑ์ต่างๆให้ทดลองมากมายทั้งอุปโภคและบริโภค โดยที่สมาชิกสามารถซื้อผลิตภัณฑ์เหล่านั้นกลับไปใช้ได้ในราคาพิเศษโดยจำกัดจำนวน แต่มีข้อแม้อย่างหนึ่งว่าเขาจะต้องทำแบบประเมินส่งคืนบริษัทด้วย นี่เป็นข้อดีทั้งสมาชิกและบริษัทเจ้าของผลิตภัณฑ์ สมาชิกสามารถใช้สินค้าได้ก่อนใครในราคาประหยัดและเจ้าของผลิตภัณฑ์สามารถปรับปรุงแก้ไขได้ก่อนที่จะนำออกมาขายจริง
อีกกรณีหนึ่ง มีบริษัทหนึ่งเป็นบริษัทที่ผลิตอุปกรณ์เพื่อปรับปรุงเพิ่มความสวยงามให้เฟอร์นิเจอร์ของอิเกีย เนื่องจากเฟอร์นิเจอร์ของอิเกีย เน้นการออกแบบในลักษณะเรียบง่าย ไม่เน้นสีสัน และผลิตออกมาในจำนวนมากเพื่อที่จะขายได้ในราคาที่ประหยัด บริษัทที่ว่านี้เขาจึงคิดค้นเครื่องตกแต่งให้กับเฟอร์นเจอร์อิเกีย ในแบบที่ผลิตไปพร้อมๆกับรุ่นเฟอร์นิเจอร์ที่อิเกียออกขาย ซึ่งมีให้ลูกค้าเลือกหลายรูปแบบและพร้อมจำหน่ายโดยไม่ต้องรอ
เป็นหนังสือทางการตลาดที่อ่านได้เพลิน ได้แนวคิดที่ผู้เขียนตั้งใจยกมาเป็นเคสตัวอย่าง
#จิบความคิดสะกิดไอเดีย #รีวิวหนังสือ
จิบความคิดสะกิดไอเดีย (2025/030) หนังสือที่เขียนโดยนักวิจัยเรื่องการตลาด และผันตัวเองเป็นนักธุรกิจ เจ้าของเวปไซต์ขลุกขลิกดอทคอม หนังสือเล่มนี้เขียนไว้นาน 15ปีแล้ว แต่ถ้าได้วิเคราะห์มุมมองของผู้เขียนหนังสือแล้ว จะเห็นได้ว่ามุมมองการหยิบยกประเด็นของเขาไม่เก่าเลย เนื้อหาเป็นเคสตัวอย่างทางธุรกิจที่แก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นจริงทางธุรกิจ เคสตัวอย่างน่าสนใจถึงแม้ว่าบางเคสถูกเฉลยแล้วแต่บางเรื่องเราไม่รู้ถึงที่มาของการแก้ปัญหานั้นๆ เรื่องแรกที่ผู้เขียนอธิบายความเป็นมาของตู้แช่ในร้านสะดวกซื้อ เซเว่นอีเลฟเว่น คือ ตู้แช่น้ำดื่มและเครื่องดื่มที่มีทางเข้าด้านหลังร้าน สาเหตุเกิดจากการที่เซเว่นอีเลฟเว่นไปลงทุนในประเทศอเมริกา ผู้บริหารชาวญี่ปุ่นของเซเว่นอีเลฟเว่น ประสบปัญหากับการจัดการพื้นในร้านเนื่องจากที่อเมริกาให้มาจำกัดไม่เหมือนกับที่ญี่ปุ่น ตัวผู้บริหารจึงคิดวิธีให้ตู้แช่มีทางเข้าไปเรียงสินค้าหลังร้านซึ่งเราเห็นกันอยู่ในปัจจุบัน การจัดการเรียนสินค้าในลักษณะนี้มีข้อดี 3 ประการคือ ประหยัดพื้นที่ , ไม่เกะกะลูกค้าตอนนำสินค้ามาเรียงซึ่งการเรียงสินค้าจากทางด้านหน้าจะต้องหาจังหวะที่ลูกค้ามีไม่มากจึงไม่สร้างความรำคาญให้ลูกค้า และ การเลี้ยงลูกค้าจากด้านในทำให้ขายสินค้าในลักษณะที่ของที่เรียนก่อนขายออกก่อนตามหลักสินค้ามาก่อนขายก่อน อีกกรณีหนึ่ง มีบริษัทที่ประเทศญี่ปุ่นเขารับสมาชิกโดยที่สมาชิกเป็นวัยรุ่นอายุไม่มากเก็บค่าสมาชิกเป็นรายเดือนในบริษัทมีผลิตภัณฑ์ที่ยังไม่ออกขายตามท้องตลาด แต่เป็นผลิตภัณฑ์ที่บริษัทหรือโรงงานผู้ผลิตต้องการนำมาให้ลูกค้าทดลองใช้ ในบริษัทจะมีผลิตภัณฑ์ต่างๆให้ทดลองมากมายทั้งอุปโภคและบริโภค โดยที่สมาชิกสามารถซื้อผลิตภัณฑ์เหล่านั้นกลับไปใช้ได้ในราคาพิเศษโดยจำกัดจำนวน แต่มีข้อแม้อย่างหนึ่งว่าเขาจะต้องทำแบบประเมินส่งคืนบริษัทด้วย นี่เป็นข้อดีทั้งสมาชิกและบริษัทเจ้าของผลิตภัณฑ์ สมาชิกสามารถใช้สินค้าได้ก่อนใครในราคาประหยัดและเจ้าของผลิตภัณฑ์สามารถปรับปรุงแก้ไขได้ก่อนที่จะนำออกมาขายจริง อีกกรณีหนึ่ง มีบริษัทหนึ่งเป็นบริษัทที่ผลิตอุปกรณ์เพื่อปรับปรุงเพิ่มความสวยงามให้เฟอร์นิเจอร์ของอิเกีย เนื่องจากเฟอร์นิเจอร์ของอิเกีย เน้นการออกแบบในลักษณะเรียบง่าย ไม่เน้นสีสัน และผลิตออกมาในจำนวนมากเพื่อที่จะขายได้ในราคาที่ประหยัด บริษัทที่ว่านี้เขาจึงคิดค้นเครื่องตกแต่งให้กับเฟอร์นเจอร์อิเกีย ในแบบที่ผลิตไปพร้อมๆกับรุ่นเฟอร์นิเจอร์ที่อิเกียออกขาย ซึ่งมีให้ลูกค้าเลือกหลายรูปแบบและพร้อมจำหน่ายโดยไม่ต้องรอ เป็นหนังสือทางการตลาดที่อ่านได้เพลิน ได้แนวคิดที่ผู้เขียนตั้งใจยกมาเป็นเคสตัวอย่าง #จิบความคิดสะกิดไอเดีย #รีวิวหนังสือ0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 6 มุมมอง 0 รีวิว - เมื่อสถานการณ์เปลี่ยนไปเราก็ต้องปรับตัว แต่ความเฉื่อยมักปิดกั้น
ความคิดและยับยั้งแรงจูงใจไม่ให้เราเปลี่ยนแปลงวิธีที่เคยทำต่อกันมา ความเฉื่อยทำให้เราจินตนาการถึงทางเลือกอื่นๆได้ยาก ไม่กล้าที่จะทดลองและแก้ไขความผิดพลาด ตัวอย่างเช่น ความเฉื่อยเกิดขึ้นได้เวลาที่เราลงความเห็นอะไรไปในที่สาธารณะ
ความเห็นของเราถูกบันทึกไว้แล้ว ทั้งสร้างความคาดหวังและความกดดันทางสังคมว่าเราจะตอบสนองความคาดหวังนั้นๆ เมื่อเราเห็นข้อมูลใหม่ๆ ที่ท้าทายหนึ่งในความคิดเห็นของเราขึ้นมาเราก็อาจปฏิเสธมัน ไปตามสัญชาตญาณ และเน้นย้ำข้อมูลเก่าที่สนับสนุนความเห็นของเราแต่แรก พวกเราต่างต้องการให้ตัวเองเป็นอย่างที่พูดแบบคงเส้นคงวา เราจึงเปลี่ยนใจได้ยากขึ้นเรื่อยๆ และเนื่องจากเราล้วนเคยเห็นมาแล้วว่าเมื่อ นักการเมืองเปลี่ยนจุดยืนของตนเพื่อตอบสนองต่อข้อเท็จจริงต่างๆ พวกเขาก็มักถูกเรียกว่า 'จอมพลิกลิ้น' มากกว่า 'อัจฉริยะ' ความกลัวว่าเราจะได้รับ ผลกระทบทางสังคมจากการเปลี่ยนความคิดจึงยังคงเติบโตขึ้นเรื่อยๆ
ความเฉื่อยยังขัดขวางไม่ให้ทำสิ่งยากๆด้วย ยิ่งเราหลีกเลี่ยงสิ่งยากๆ ที่เรารู้ว่าควรทำนานแค่ไหน สิ่งนั้นก็ยิ่งทำได้ยากขึ้น
จากหนังสือ #คิดให้เฉียบคม #ClearThinkingเมื่อสถานการณ์เปลี่ยนไปเราก็ต้องปรับตัว แต่ความเฉื่อยมักปิดกั้น ความคิดและยับยั้งแรงจูงใจไม่ให้เราเปลี่ยนแปลงวิธีที่เคยทำต่อกันมา ความเฉื่อยทำให้เราจินตนาการถึงทางเลือกอื่นๆได้ยาก ไม่กล้าที่จะทดลองและแก้ไขความผิดพลาด ตัวอย่างเช่น ความเฉื่อยเกิดขึ้นได้เวลาที่เราลงความเห็นอะไรไปในที่สาธารณะ ความเห็นของเราถูกบันทึกไว้แล้ว ทั้งสร้างความคาดหวังและความกดดันทางสังคมว่าเราจะตอบสนองความคาดหวังนั้นๆ เมื่อเราเห็นข้อมูลใหม่ๆ ที่ท้าทายหนึ่งในความคิดเห็นของเราขึ้นมาเราก็อาจปฏิเสธมัน ไปตามสัญชาตญาณ และเน้นย้ำข้อมูลเก่าที่สนับสนุนความเห็นของเราแต่แรก พวกเราต่างต้องการให้ตัวเองเป็นอย่างที่พูดแบบคงเส้นคงวา เราจึงเปลี่ยนใจได้ยากขึ้นเรื่อยๆ และเนื่องจากเราล้วนเคยเห็นมาแล้วว่าเมื่อ นักการเมืองเปลี่ยนจุดยืนของตนเพื่อตอบสนองต่อข้อเท็จจริงต่างๆ พวกเขาก็มักถูกเรียกว่า 'จอมพลิกลิ้น' มากกว่า 'อัจฉริยะ' ความกลัวว่าเราจะได้รับ ผลกระทบทางสังคมจากการเปลี่ยนความคิดจึงยังคงเติบโตขึ้นเรื่อยๆ ความเฉื่อยยังขัดขวางไม่ให้ทำสิ่งยากๆด้วย ยิ่งเราหลีกเลี่ยงสิ่งยากๆ ที่เรารู้ว่าควรทำนานแค่ไหน สิ่งนั้นก็ยิ่งทำได้ยากขึ้น จากหนังสือ #คิดให้เฉียบคม #ClearThinking0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 8 มุมมอง 0 รีวิว - หนังสือที่มีตัวอักษรมากกว่าแสนคำเรียกว่า หานฟายจื่อ เป็นการนำเสนอแนวทางในการปกครองและสภาพสังคมตามความเป็นจริงในเวลานั้น ต่อมางานนิพนธ์ของเขาที่ว่าด้วยเรื่อง “ตัวมอดทั้งห้า” ซึ่งเปรียบเปรยบุคคล 5 ประเภทที่เป็นตัวปัญหาคอยกัดกินแคว้นต่างๆให้เสื่อมถอย ได้แก่ เหล่าบัณฑิตที่เอาแต่ใช้ถ้อยคำสวยหรูบิดเบือนกฎหมาย เหล่าขุนนางนักการทูตต่างก็ฝักใฝ่แคว้นอื่น ยอดฝีมือที่สนใจแต่หาเกียรติยศส่วนตน ผู้คนที่ชอบหนีทหาร และพ่อค้ากับช่างฝีมือที่เอาแต่สร้างของที่ไร้สาระมาหาผลกำไรเกินควร
จากหนังสือ #คิดอย่างจีน
หนังสือที่มีตัวอักษรมากกว่าแสนคำเรียกว่า หานฟายจื่อ เป็นการนำเสนอแนวทางในการปกครองและสภาพสังคมตามความเป็นจริงในเวลานั้น ต่อมางานนิพนธ์ของเขาที่ว่าด้วยเรื่อง “ตัวมอดทั้งห้า” ซึ่งเปรียบเปรยบุคคล 5 ประเภทที่เป็นตัวปัญหาคอยกัดกินแคว้นต่างๆให้เสื่อมถอย ได้แก่ เหล่าบัณฑิตที่เอาแต่ใช้ถ้อยคำสวยหรูบิดเบือนกฎหมาย เหล่าขุนนางนักการทูตต่างก็ฝักใฝ่แคว้นอื่น ยอดฝีมือที่สนใจแต่หาเกียรติยศส่วนตน ผู้คนที่ชอบหนีทหาร และพ่อค้ากับช่างฝีมือที่เอาแต่สร้างของที่ไร้สาระมาหาผลกำไรเกินควร จากหนังสือ #คิดอย่างจีน0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 7 มุมมอง 0 รีวิว - The Happiness Advantage ความสุขกับความสำเร็จอะไรเกิดก่อน (2025/029)
เนื้อหาเบื้องต้นผู้เขียน เขียนเพื่อพิสูจน์ว่าระหว่างความสุขกับความสำเร็จอะไรเกิดก่อนกัน? ซึ่งมีบทพิสูจน์ได้ง่ายๆคือ ทำไมคนที่ประสบความสำเร็จ ได้เลื่อนขั้นหรือเลื่อนตำแหน่ง พวกเขายังไม่พบความสุข? ดังนั้นตรรกที่ว่าประสบความสำเร็จแล้วจะมีความสุขคงไม่เป็นความจริง แล้วถ้าหากมีคนเราความสุขด้วยการทำงานล่ะ ผู้แต่งพิสูจน์จากงานวิจัยหลากหลายว่ามนุษย์สามารถประสบความสำเร็จได้หลังจากทำงานอย่างมีความสุขเพราะความสุขจะนำให้การงานประสบความสำเร็จเป็นขั้นเป็นตอนไปเรื่อยๆ แต่เนื้อหาภายในไม่ได้พูดถึงแต่เรื่องนี้เป็นเรื่องหลัก เนื้อหลักของหนังสือเล่มนี้คือแนะนำขั้นตอน 7 ขั้นตอนเพื่อให้เกิดความสุขด้วยหลักทางจิตวิทยา
นอกจากเนื้อหาตอนต้นได้พิสูจน์แล้วว่า ถ้ามีความสุขความสำเร็จจะตามมา ผู้เขียนใช้ชีวิตในมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดในคณะจิตวิทยา ยาวนานตั้งแต่เข้าเรียนจนทำงานในมหาวิทยาลัยราว 20ปี เขาวิจัย ค้นคว้าในเรื่องความสุข และเปิดคอร์สสอนเรื่องความสุขเป็นครั้งแรกในฮาร์วาร์ด หลังจากน้้นเขาออกจากฮาร์วาร์ดมาเปิดบริษัทที่ปรึกษาและเป็นผู้บรรยายในเรื่องความสุขให้บริษัทใหญ่ของอเมริกา และทั่วโลกมากมาย
หลักการ 7 ข้อของการใช้ความสุขเพื่อประสบความสำเร็จได้แก่
1.กลยุทธ์สุขไว้ก่อน - สมองที่มีแตกความคิดบวกสร้างความสุข จะสามารถพัฒนาประสิทธิภาพในการทำงาน
2.คานและจุดหมุน - เป็นการอาศัยจุดเปลี่ยนชีวิตในการออกจากจุดคุ้นเคย(Comfort Zone) เมื่อมีมุมมองที่เปิดกว้างแล้ว เราต้องหาจุดหมุน จุดหมุนที่ว่าคือการเลือกไปอยู่ในจุดที่ได้เปรียบ ทางด้านความรู้ ประสบการณ์และความสุขที่อยู่กับสิ่งนั้น
3.ปรากฏการณ์เตตริส - ผู้แต่งยกตัวอย่างเรื่องการเล่นเกมซ้ำๆจนทำให้เราเคยชินมองอะไรก็เป็นบล็อกในเกมอยู่บ่อยๆ เช่นเดียวกันกับคนที่อยู่ในสภาพเครียด ผิดหวังหรือหดหู่ ซึ่งมันจะนำไปสู่ความล้มเหลว ในบทนี้จะสอนให้เราฝึกสมองมองชีวิตในแง่มุมอื่นเพื่อเปลี่ยนแปลง
4. การล้มเพื่อความก้าวหน้า - ผู้แต่งสอนให้เรามองเห็นมุมมองเมื่อเราล้มเหลวและแนะนำวิธีคิดเพื่อนำความล้มเหลวไปเป็นความก้าวหน้าของชีวิต
5. วงกลมโซโร - คนเรามักจะอยู่ในวงกลมทำอะไรที่เคยชิน การขยายวงกลมออกมาทีละนิดโดยที่ไม่ต้องเปลี่ยนแปลงอะไรมากมาย สามารถเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมให้ดีขึ้นได้โดยเปลี่ยนแปลงทีละเล็กน้อยเท่านั้น
6. กฎ 20 วินาที - เวลาเพียง 20 วินาที สามารถทำให้เรา เลือกที่จะทำสิ่งดีๆหรือขัดขวางการทำสิ่งดีๆ (รวมถึงการป้องกันสิ่งที่แย่ๆ) ได้อย่างไม่น่าเชื่อ ผู้แต่งยกตัวอย่างชีวิตตัวเองว่าเขาเคยเล่นกีตาร์สมัยเด็ก เขาอยากใช้เวลากับกีตาร์และเล่นให้เก่งขึ้น เขายึดหลักการ 21วัน (หลักการทางจิตวิทยานี้คือ ถ้าหากใครต้องการทำอะไรให้เป็นนิสัยระยะยาวต้องผ่านการกระทำพฤติกรรมนั้นๆต่อเนื่องให้ได้ 21วัน แล้วหลังจากนั้นพฤติกรรมนี้จะติดเป็นนิสัย) ปรากฎว่าเขาทำได้เพียง 3 วันจาก 21วัน ด้วยความข้องใจเขาจึงวิเคราะห์จนได้ข้อสรุปว่ากีตาร์ของเขาวางเอาไว้ไกลเกินไป และมีความยุ่งยากในการหยิบกีตาร์มาฝึกฝน เขาจึงไปซื้อที่ตั้งกีตาร์และนำมันมาวางไว้กลางห้องนั่งเล่น เขาสนใจมันบ้าง ทำอย่างอื่นบ้าง แต่พอกลับมาดูหลังจากเปลี่ยนที่วางกีตาร์ เขาสามารถเล่นกีตาร์ได้ครบ 21วันติดต่อกัน สรุปได้ว่าอุปสรรคของการเล่นกีตาร์ไม่ได้ครบ 21วันในรอบแรกคือ การเข้าถึงกิจกรรมที่ยากซึ่งเกิดจากการต้องไปหยิบกีตาร์มาเล่น และใช้เวลาหยิบเกินกว่า 20วินาที
7.การลงทุนในความสัมพันธ์ - ความสัมพันธ์ที่ดีเป็นปัจจัยหลักในการประสบความสำเร็จ โดยมีความสัมประสิทธิ์ความสัมพันธ์ถึง 0.7 (ถ้าเป็นเลข 1.0 ซึ่งเป็นคะแนนเต็ม หมายความว่า ถ้าทำสิ่งหนึ่งสิ่งใด ผลที่ตามมาจะเป็นแบบนั้น 100%) โดยค่า 0.7 เรียกว่าเป็นสัดส่วนที่สูงมาก นอกจากนี้ความสัมพันธ์ที่ดียังทำให้อายุยืนยาว และสุขภาพแข็งแรงขึ้นด้วย
เรามาทำอะไรที่มีความสุขกันให้มากขึ้นสนใจผลลัพธ์ให้น้อยลง เน้นที่ความสุขกันดีกว่าครับ
#TheHappinessAdvantage #ความสุขกับความสำเร็จอะไรเกิดก่อน #รีวิวหนังสือ
The Happiness Advantage ความสุขกับความสำเร็จอะไรเกิดก่อน (2025/029) เนื้อหาเบื้องต้นผู้เขียน เขียนเพื่อพิสูจน์ว่าระหว่างความสุขกับความสำเร็จอะไรเกิดก่อนกัน? ซึ่งมีบทพิสูจน์ได้ง่ายๆคือ ทำไมคนที่ประสบความสำเร็จ ได้เลื่อนขั้นหรือเลื่อนตำแหน่ง พวกเขายังไม่พบความสุข? ดังนั้นตรรกที่ว่าประสบความสำเร็จแล้วจะมีความสุขคงไม่เป็นความจริง แล้วถ้าหากมีคนเราความสุขด้วยการทำงานล่ะ ผู้แต่งพิสูจน์จากงานวิจัยหลากหลายว่ามนุษย์สามารถประสบความสำเร็จได้หลังจากทำงานอย่างมีความสุขเพราะความสุขจะนำให้การงานประสบความสำเร็จเป็นขั้นเป็นตอนไปเรื่อยๆ แต่เนื้อหาภายในไม่ได้พูดถึงแต่เรื่องนี้เป็นเรื่องหลัก เนื้อหลักของหนังสือเล่มนี้คือแนะนำขั้นตอน 7 ขั้นตอนเพื่อให้เกิดความสุขด้วยหลักทางจิตวิทยา นอกจากเนื้อหาตอนต้นได้พิสูจน์แล้วว่า ถ้ามีความสุขความสำเร็จจะตามมา ผู้เขียนใช้ชีวิตในมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดในคณะจิตวิทยา ยาวนานตั้งแต่เข้าเรียนจนทำงานในมหาวิทยาลัยราว 20ปี เขาวิจัย ค้นคว้าในเรื่องความสุข และเปิดคอร์สสอนเรื่องความสุขเป็นครั้งแรกในฮาร์วาร์ด หลังจากน้้นเขาออกจากฮาร์วาร์ดมาเปิดบริษัทที่ปรึกษาและเป็นผู้บรรยายในเรื่องความสุขให้บริษัทใหญ่ของอเมริกา และทั่วโลกมากมาย หลักการ 7 ข้อของการใช้ความสุขเพื่อประสบความสำเร็จได้แก่ 1.กลยุทธ์สุขไว้ก่อน - สมองที่มีแตกความคิดบวกสร้างความสุข จะสามารถพัฒนาประสิทธิภาพในการทำงาน 2.คานและจุดหมุน - เป็นการอาศัยจุดเปลี่ยนชีวิตในการออกจากจุดคุ้นเคย(Comfort Zone) เมื่อมีมุมมองที่เปิดกว้างแล้ว เราต้องหาจุดหมุน จุดหมุนที่ว่าคือการเลือกไปอยู่ในจุดที่ได้เปรียบ ทางด้านความรู้ ประสบการณ์และความสุขที่อยู่กับสิ่งนั้น 3.ปรากฏการณ์เตตริส - ผู้แต่งยกตัวอย่างเรื่องการเล่นเกมซ้ำๆจนทำให้เราเคยชินมองอะไรก็เป็นบล็อกในเกมอยู่บ่อยๆ เช่นเดียวกันกับคนที่อยู่ในสภาพเครียด ผิดหวังหรือหดหู่ ซึ่งมันจะนำไปสู่ความล้มเหลว ในบทนี้จะสอนให้เราฝึกสมองมองชีวิตในแง่มุมอื่นเพื่อเปลี่ยนแปลง 4. การล้มเพื่อความก้าวหน้า - ผู้แต่งสอนให้เรามองเห็นมุมมองเมื่อเราล้มเหลวและแนะนำวิธีคิดเพื่อนำความล้มเหลวไปเป็นความก้าวหน้าของชีวิต 5. วงกลมโซโร - คนเรามักจะอยู่ในวงกลมทำอะไรที่เคยชิน การขยายวงกลมออกมาทีละนิดโดยที่ไม่ต้องเปลี่ยนแปลงอะไรมากมาย สามารถเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมให้ดีขึ้นได้โดยเปลี่ยนแปลงทีละเล็กน้อยเท่านั้น 6. กฎ 20 วินาที - เวลาเพียง 20 วินาที สามารถทำให้เรา เลือกที่จะทำสิ่งดีๆหรือขัดขวางการทำสิ่งดีๆ (รวมถึงการป้องกันสิ่งที่แย่ๆ) ได้อย่างไม่น่าเชื่อ ผู้แต่งยกตัวอย่างชีวิตตัวเองว่าเขาเคยเล่นกีตาร์สมัยเด็ก เขาอยากใช้เวลากับกีตาร์และเล่นให้เก่งขึ้น เขายึดหลักการ 21วัน (หลักการทางจิตวิทยานี้คือ ถ้าหากใครต้องการทำอะไรให้เป็นนิสัยระยะยาวต้องผ่านการกระทำพฤติกรรมนั้นๆต่อเนื่องให้ได้ 21วัน แล้วหลังจากนั้นพฤติกรรมนี้จะติดเป็นนิสัย) ปรากฎว่าเขาทำได้เพียง 3 วันจาก 21วัน ด้วยความข้องใจเขาจึงวิเคราะห์จนได้ข้อสรุปว่ากีตาร์ของเขาวางเอาไว้ไกลเกินไป และมีความยุ่งยากในการหยิบกีตาร์มาฝึกฝน เขาจึงไปซื้อที่ตั้งกีตาร์และนำมันมาวางไว้กลางห้องนั่งเล่น เขาสนใจมันบ้าง ทำอย่างอื่นบ้าง แต่พอกลับมาดูหลังจากเปลี่ยนที่วางกีตาร์ เขาสามารถเล่นกีตาร์ได้ครบ 21วันติดต่อกัน สรุปได้ว่าอุปสรรคของการเล่นกีตาร์ไม่ได้ครบ 21วันในรอบแรกคือ การเข้าถึงกิจกรรมที่ยากซึ่งเกิดจากการต้องไปหยิบกีตาร์มาเล่น และใช้เวลาหยิบเกินกว่า 20วินาที 7.การลงทุนในความสัมพันธ์ - ความสัมพันธ์ที่ดีเป็นปัจจัยหลักในการประสบความสำเร็จ โดยมีความสัมประสิทธิ์ความสัมพันธ์ถึง 0.7 (ถ้าเป็นเลข 1.0 ซึ่งเป็นคะแนนเต็ม หมายความว่า ถ้าทำสิ่งหนึ่งสิ่งใด ผลที่ตามมาจะเป็นแบบนั้น 100%) โดยค่า 0.7 เรียกว่าเป็นสัดส่วนที่สูงมาก นอกจากนี้ความสัมพันธ์ที่ดียังทำให้อายุยืนยาว และสุขภาพแข็งแรงขึ้นด้วย เรามาทำอะไรที่มีความสุขกันให้มากขึ้นสนใจผลลัพธ์ให้น้อยลง เน้นที่ความสุขกันดีกว่าครับ #TheHappinessAdvantage #ความสุขกับความสำเร็จอะไรเกิดก่อน #รีวิวหนังสือ0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 9 มุมมอง 0 รีวิว - ความกล้าหาญคือการทำตามเป้าหมายของตัวเอง ไม่ใช่เป้าหมายที่สังคมคาดหวังให้คุณทำและแน่นอนว่าไม่ต้องทำในช่วงเวลาที่ถูกคาดหวังให้ทำด้วย
จากหนังสือ #ว่าไงจ๊ะความกลัว #HelloFears
ความกล้าหาญคือการทำตามเป้าหมายของตัวเอง ไม่ใช่เป้าหมายที่สังคมคาดหวังให้คุณทำและแน่นอนว่าไม่ต้องทำในช่วงเวลาที่ถูกคาดหวังให้ทำด้วย จากหนังสือ #ว่าไงจ๊ะความกลัว #HelloFears0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 8 มุมมอง 0 รีวิว - เนเธอร์แลนด์มีพื้นที่โดยประมาณเพียง 41,500 ตารางกิโลเมตร(16,023 ตารางไมล์)นับเป็นประเทศหนึ่งที่มีขนาดเล็กที่สุดในทวีปยุโรป ทั้งยังติดอันดับหนึ่งในประเทศที่มีความสุขที่สุดในโลกต่อเนื่องกันหลายปี พวกเขาทำอะไรถึงได้มีความสุขขนาดนั้น
ไม่ว่าจะเป็นความเหลื่อมล้ำทางรายได้ที่ค่อนข้างน้อย มาตรฐานการใช้ชีวิตซึ่งอยู่ในระดับสูงและบรรยากาศทางการเมือง มูนมีเสถียรภาพ ซึ่งมอบสิทธิ์ในการตัดสินใจเรื่องต่างๆนนชีวิต ให้แก่พลเมือง เหล่านี้ล้วนมีส่วนอย่างยิ่งในการรักษาความร่าเริง แจ่มใสให้แก่ประเทศแห่งนี้ แต่บางคนก็มอบความดีความชอบ ในการสร้างความสุขของชาวดัตช์ให้แก่วิธีจัดการงาน เวลาว่าง รวมไปถึงการเลี้ยงดูลูก พวกเขาน่าจะรู้อะไรดีๆมา ในปี 2019 ดัชนี ชีวิตความเป็นอยู่ที่ดี (Better Life Index) จัดให้เนเธอร์แลนด์ เป็นประเทศที่มีสมดุลด้านการทำงานและการใช้ชีวิตดีที่สุดในองค์การ เพื่อความร่วมมือและการพัฒนาทางเศรษฐกิจ (Organization for Economic Co-operation and Development : OECD) แซงหน้ากระทั่งป้อมปราการอันแข็งแกร่งอย่างกลุ่มประเทศสแกนดิเนเวีย
จากหนังสือ #Niksen #ศิลปะของการไม่ทำอะไรเลย
เนเธอร์แลนด์มีพื้นที่โดยประมาณเพียง 41,500 ตารางกิโลเมตร(16,023 ตารางไมล์)นับเป็นประเทศหนึ่งที่มีขนาดเล็กที่สุดในทวีปยุโรป ทั้งยังติดอันดับหนึ่งในประเทศที่มีความสุขที่สุดในโลกต่อเนื่องกันหลายปี พวกเขาทำอะไรถึงได้มีความสุขขนาดนั้น ไม่ว่าจะเป็นความเหลื่อมล้ำทางรายได้ที่ค่อนข้างน้อย มาตรฐานการใช้ชีวิตซึ่งอยู่ในระดับสูงและบรรยากาศทางการเมือง มูนมีเสถียรภาพ ซึ่งมอบสิทธิ์ในการตัดสินใจเรื่องต่างๆนนชีวิต ให้แก่พลเมือง เหล่านี้ล้วนมีส่วนอย่างยิ่งในการรักษาความร่าเริง แจ่มใสให้แก่ประเทศแห่งนี้ แต่บางคนก็มอบความดีความชอบ ในการสร้างความสุขของชาวดัตช์ให้แก่วิธีจัดการงาน เวลาว่าง รวมไปถึงการเลี้ยงดูลูก พวกเขาน่าจะรู้อะไรดีๆมา ในปี 2019 ดัชนี ชีวิตความเป็นอยู่ที่ดี (Better Life Index) จัดให้เนเธอร์แลนด์ เป็นประเทศที่มีสมดุลด้านการทำงานและการใช้ชีวิตดีที่สุดในองค์การ เพื่อความร่วมมือและการพัฒนาทางเศรษฐกิจ (Organization for Economic Co-operation and Development : OECD) แซงหน้ากระทั่งป้อมปราการอันแข็งแกร่งอย่างกลุ่มประเทศสแกนดิเนเวีย จากหนังสือ #Niksen #ศิลปะของการไม่ทำอะไรเลย0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 8 มุมมอง 0 รีวิว - เดวิด สเวนเช่น ประธานฝ่ายการลงทุนของมหาวิทยาลัย เยล เขาช่วยผมให้เข้าใจว่าอุตสาหกรรมกองทุนรวมนั้นรับใช้ลูกค้าส่วนใหญ่ของมันได้ย่ำแย่ขนาดใหน สเวนเช่นเป็นร็อกสตาร์ของการลงทุนแบบสถาบัน โด่งดังในเรื่องของการทำให้พอร์ตโฟลิโอมูลค่า 1,000 ล้านดอลลาร์เติบโตไปเป็น 25,400 ล้านดอลลาร์! แต่เขาก็ยังเป็นหนึ่งในคนที่ เอาใจใส่ผู้อื่นและจริงใจมากที่สุดคนหนึ่งที่ผมเคยพบเจอ เขาสามารถออกจากมหาวิทยาลัยเยล ไปเป็นเศรษฐีพันล้านด้วยการตั้งกองทุนเฮดจ์ฟันด์ของเขาได้เลย แต่เขาเป็นคนที่เอาหน้าที่และการรับใช้สถาบันที่เขาได้เคย เล่าเรียนมา มาเป็นแนวทางในการใช้ชีวิต ผมจึงไม่ค่อยแปลกใจเท่าไหร่ ที่เขาเล่าให้ฟังว่าบริษัทจัดการกองทุนมากมายรังแกลูกค้าของพวกเขา
ดังที่เขาว่าเอาไว้ “น่าตกตะลึงมากที่กองทุนรวมกรรโชกเงินจำนวน มากออกมาจากนักลงทุนเพื่อแลกเปลี่ยนกับการจัดหาความเสียหายที่น่าตกใจมากมายมาให้”
จากหนังสือ Unshakable
เดวิด สเวนเช่น ประธานฝ่ายการลงทุนของมหาวิทยาลัย เยล เขาช่วยผมให้เข้าใจว่าอุตสาหกรรมกองทุนรวมนั้นรับใช้ลูกค้าส่วนใหญ่ของมันได้ย่ำแย่ขนาดใหน สเวนเช่นเป็นร็อกสตาร์ของการลงทุนแบบสถาบัน โด่งดังในเรื่องของการทำให้พอร์ตโฟลิโอมูลค่า 1,000 ล้านดอลลาร์เติบโตไปเป็น 25,400 ล้านดอลลาร์! แต่เขาก็ยังเป็นหนึ่งในคนที่ เอาใจใส่ผู้อื่นและจริงใจมากที่สุดคนหนึ่งที่ผมเคยพบเจอ เขาสามารถออกจากมหาวิทยาลัยเยล ไปเป็นเศรษฐีพันล้านด้วยการตั้งกองทุนเฮดจ์ฟันด์ของเขาได้เลย แต่เขาเป็นคนที่เอาหน้าที่และการรับใช้สถาบันที่เขาได้เคย เล่าเรียนมา มาเป็นแนวทางในการใช้ชีวิต ผมจึงไม่ค่อยแปลกใจเท่าไหร่ ที่เขาเล่าให้ฟังว่าบริษัทจัดการกองทุนมากมายรังแกลูกค้าของพวกเขา ดังที่เขาว่าเอาไว้ “น่าตกตะลึงมากที่กองทุนรวมกรรโชกเงินจำนวน มากออกมาจากนักลงทุนเพื่อแลกเปลี่ยนกับการจัดหาความเสียหายที่น่าตกใจมากมายมาให้” จากหนังสือ Unshakable0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 10 มุมมอง 0 รีวิว - การโทรศัพท์ครั้งแรกในประวัติศาสตร์เกิดขึ้นโดยอเล็กซานเดอร์ เกรแฮม เบลล์ ที่โทร.หาผู้ช่วยของเขาเมื่อวันที่ 10 มีนาคม ปี 1876 และ มันเริ่มต้นด้วยความย้อนแย้งเล็กน้อย "คุณวัตสัน มาหาผมหน่อย ผมต้องการพบคุณ” บทสนทนานั้นแสดงถึงสิ่งที่โทรศัพท์เอาชนะได้และเอาชนะไม่ได้ในแง่ของระยะห่างทางกายภาพ
โทรศัพท์มือถือเริ่มต้นด้วยการโอ้อวด มาร์ติน คูเปอร์ แห่งโมโตโรลา เดินไปตามถนนชิกข์อเวนิวเมื่อวันที่ 3 เมษายน ปี 1973 ขณะที่คนเดินถนน ในแมนฮัตตันจ้องมองอย่างฉงน เขาโทร.ไปหาโจเอล เอ็นเกล คู่แข่ง ของเขาซึ่งอยู่บริษัทเอทีแอนด์ที และตะโกนว่า “โจเอล ผมกำลังโทร.หาคุณ จากโทรศัพท์มือถือ โทรศัพท์มือถือจริง ๆ โทรศัพท์มือถือที่พกพาและ เคลื่อนที่ได้ (“ผมจำไม่ได้แน่ชัดว่าเขาตอบว่าอะไร” คูเปอร์เล่า “แต่เขา ก็เงียบไปพักหนึ่ง ผมคิดว่าเขาคงกัดฟันอยู่")
และการส่งข้อความเริ่มต้นขึ้นในวันที่ 3 ธันวาคม ปี 1992 ด้วยการ อวยพร : นีล พาปเวิร์ธ จากเขมา กรุ๊ป เทเลคอมส์ ส่งข้อความหาริชาร์ด จาร์วิส แห่งโวดาโฟนว่า “สุขสันต์วันคริสต์มาส"
จากหนังสือ Algorithms to live byการโทรศัพท์ครั้งแรกในประวัติศาสตร์เกิดขึ้นโดยอเล็กซานเดอร์ เกรแฮม เบลล์ ที่โทร.หาผู้ช่วยของเขาเมื่อวันที่ 10 มีนาคม ปี 1876 และ มันเริ่มต้นด้วยความย้อนแย้งเล็กน้อย "คุณวัตสัน มาหาผมหน่อย ผมต้องการพบคุณ” บทสนทนานั้นแสดงถึงสิ่งที่โทรศัพท์เอาชนะได้และเอาชนะไม่ได้ในแง่ของระยะห่างทางกายภาพ โทรศัพท์มือถือเริ่มต้นด้วยการโอ้อวด มาร์ติน คูเปอร์ แห่งโมโตโรลา เดินไปตามถนนชิกข์อเวนิวเมื่อวันที่ 3 เมษายน ปี 1973 ขณะที่คนเดินถนน ในแมนฮัตตันจ้องมองอย่างฉงน เขาโทร.ไปหาโจเอล เอ็นเกล คู่แข่ง ของเขาซึ่งอยู่บริษัทเอทีแอนด์ที และตะโกนว่า “โจเอล ผมกำลังโทร.หาคุณ จากโทรศัพท์มือถือ โทรศัพท์มือถือจริง ๆ โทรศัพท์มือถือที่พกพาและ เคลื่อนที่ได้ (“ผมจำไม่ได้แน่ชัดว่าเขาตอบว่าอะไร” คูเปอร์เล่า “แต่เขา ก็เงียบไปพักหนึ่ง ผมคิดว่าเขาคงกัดฟันอยู่") และการส่งข้อความเริ่มต้นขึ้นในวันที่ 3 ธันวาคม ปี 1992 ด้วยการ อวยพร : นีล พาปเวิร์ธ จากเขมา กรุ๊ป เทเลคอมส์ ส่งข้อความหาริชาร์ด จาร์วิส แห่งโวดาโฟนว่า “สุขสันต์วันคริสต์มาส" จากหนังสือ Algorithms to live by0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 10 มุมมอง 0 รีวิว - การปฏิวัติประเทศเฮติสิ้นสุดลงในปี 1804 ด้วยการสังหารหมู่ชาวฝรั่งเศสผิวขาวที่มาตั้งถิ่นฐานอย่างสยดสยอง กลุ่มผู้ชนะก่อตั้งรัฐชาติสมัยใหม่แห่งแรกในแถบแคริบเบียน และเป็นสาธารณรัฐคนผิวดำแห่งแรกของโลก ระบบทาสถูกยกเลิกซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงที่จะยัง ไม่กระทบสหรัฐอเมริกาจนกระทั่งครึ่งศตวรรษผ่านไป คำมั่นสัญญาในประชาธิปไตยค่อย ๆ เลือนหายหลังจากเหตุการณ์ปลดปล่อยเฮติผ่านไปหลายปี เช่นเดียวกับในศตวรรษแรกๆ หลังการปฏิวัติฝรั่งเศส นายพลชาวเฮติสร้างระบบศักดินาขึ้นมาใหม่ แม้จะไม่มีการใช้แส้เฆี่ยนแล้ว แต่ มรดกตกทอดหลายอย่างจากผู้ล่าอาณานิคมก็ยังคงอยู่ต่อไป
จากหนังสือ โลกาปฏิวัติ Revoltการปฏิวัติประเทศเฮติสิ้นสุดลงในปี 1804 ด้วยการสังหารหมู่ชาวฝรั่งเศสผิวขาวที่มาตั้งถิ่นฐานอย่างสยดสยอง กลุ่มผู้ชนะก่อตั้งรัฐชาติสมัยใหม่แห่งแรกในแถบแคริบเบียน และเป็นสาธารณรัฐคนผิวดำแห่งแรกของโลก ระบบทาสถูกยกเลิกซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงที่จะยัง ไม่กระทบสหรัฐอเมริกาจนกระทั่งครึ่งศตวรรษผ่านไป คำมั่นสัญญาในประชาธิปไตยค่อย ๆ เลือนหายหลังจากเหตุการณ์ปลดปล่อยเฮติผ่านไปหลายปี เช่นเดียวกับในศตวรรษแรกๆ หลังการปฏิวัติฝรั่งเศส นายพลชาวเฮติสร้างระบบศักดินาขึ้นมาใหม่ แม้จะไม่มีการใช้แส้เฆี่ยนแล้ว แต่ มรดกตกทอดหลายอย่างจากผู้ล่าอาณานิคมก็ยังคงอยู่ต่อไป จากหนังสือ โลกาปฏิวัติ Revolt0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 12 มุมมอง 0 รีวิว - แมลงมองไม่เห็นแสงสีแดงซึ่งเป็นปลายอีกด้านหนึ่งของสเปกตรัมแต่เรามองเห็น ขณะที่เรามองไม่เห็นย่านที่ต่ำกว่าแสงสีแดงคือ “อินฟราเรด” แต่สามารถสัมผัสถึงมันได้ในรูปความร้อน (งูบางชนิดอ่อนไหวต่ออินฟราเรด เป็นพิเศษ มันใช้อินฟราเรดเพื่อตรวจจับเหยื่อ) ผมคิดว่าผึ้งอาจเรียกสีแดงว่า “อินฟราออเรนจ์ (infra-orange หรือต่ำกว่าแสงสีส้ม)” “โน้ตเสียงเบส” ที่ต่ำกว่าอินฟราเรดคือไมโครเวฟที่เราใช้ทำอาหาร และเสียงเบสที่ลึกกว่านั้น (ความยาวคลื่นที่ยาวกว่า) คือคลื่นวิทยุ
เรื่องน่าประหลาดใจนิดหน่อยคือแสงที่มนุษย์สามารถมองเห็นได้ (สเปกตรัมหรือ “สายรุ้ง” ของสีที่มองเห็นได้อยู่ระหว่างสีม่วง “แบบ ความถี่สูง” เล็กน้อยกับสีแดง “แบบความถี่ต่ำ” เล็กน้อย) เป็นเพียง ย่านแคบ ๆ ที่อยู่ตรงกลางของช่วงสเปกตรัมที่กว้างมาก ซึ่งครอบคลุม ตั้งแต่รังสีแกมมาทางฝั่งความถี่สูงไปจนถึงคลื่นวิทยุทางฝั่งความถี่ต่ำ แต่ ย่านความถี่ส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดของสเปกตรัมนั้นเรามองไม่เห็น
จากหนังสือ The Magic of Reality มหัศจรรย์แห่งความจริง
แมลงมองไม่เห็นแสงสีแดงซึ่งเป็นปลายอีกด้านหนึ่งของสเปกตรัมแต่เรามองเห็น ขณะที่เรามองไม่เห็นย่านที่ต่ำกว่าแสงสีแดงคือ “อินฟราเรด” แต่สามารถสัมผัสถึงมันได้ในรูปความร้อน (งูบางชนิดอ่อนไหวต่ออินฟราเรด เป็นพิเศษ มันใช้อินฟราเรดเพื่อตรวจจับเหยื่อ) ผมคิดว่าผึ้งอาจเรียกสีแดงว่า “อินฟราออเรนจ์ (infra-orange หรือต่ำกว่าแสงสีส้ม)” “โน้ตเสียงเบส” ที่ต่ำกว่าอินฟราเรดคือไมโครเวฟที่เราใช้ทำอาหาร และเสียงเบสที่ลึกกว่านั้น (ความยาวคลื่นที่ยาวกว่า) คือคลื่นวิทยุ เรื่องน่าประหลาดใจนิดหน่อยคือแสงที่มนุษย์สามารถมองเห็นได้ (สเปกตรัมหรือ “สายรุ้ง” ของสีที่มองเห็นได้อยู่ระหว่างสีม่วง “แบบ ความถี่สูง” เล็กน้อยกับสีแดง “แบบความถี่ต่ำ” เล็กน้อย) เป็นเพียง ย่านแคบ ๆ ที่อยู่ตรงกลางของช่วงสเปกตรัมที่กว้างมาก ซึ่งครอบคลุม ตั้งแต่รังสีแกมมาทางฝั่งความถี่สูงไปจนถึงคลื่นวิทยุทางฝั่งความถี่ต่ำ แต่ ย่านความถี่ส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดของสเปกตรัมนั้นเรามองไม่เห็น จากหนังสือ The Magic of Reality มหัศจรรย์แห่งความจริง0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 12 มุมมอง 0 รีวิว - มาร์คัสไม่ได้พยายามควบคุมอารมณ์ทั้งหมดนั้นแต่ตั้งใจควบคุมอารมณ์ที่ส่งผลร้าย อารมณ์ที่ทำให้พระองค์ละเมิดสิ่งที่เชื่อมั่น “จงเริ่มภาวนาแบบนี้แล้วจะได้รู้” มาร์คัสเขียนบอกตัวเอง “เลิกคิดหา “วิธีที่จะได้หลับนอนกับนางแต่คิดหาวิธีหยุดปรารถนาเช่นนั้น เลิกคิดหา “วิธี กำจัดเขา' แต่คิดหาวิธีหยุดทำเช่นนั้น เลิกคิดหา วิธีช่วยลูก แต่คิดหาวิธีสลัดความกลัวทิ้งไป"
จากหนังสือ Lives Of Stoicsมาร์คัสไม่ได้พยายามควบคุมอารมณ์ทั้งหมดนั้นแต่ตั้งใจควบคุมอารมณ์ที่ส่งผลร้าย อารมณ์ที่ทำให้พระองค์ละเมิดสิ่งที่เชื่อมั่น “จงเริ่มภาวนาแบบนี้แล้วจะได้รู้” มาร์คัสเขียนบอกตัวเอง “เลิกคิดหา “วิธีที่จะได้หลับนอนกับนางแต่คิดหาวิธีหยุดปรารถนาเช่นนั้น เลิกคิดหา “วิธี กำจัดเขา' แต่คิดหาวิธีหยุดทำเช่นนั้น เลิกคิดหา วิธีช่วยลูก แต่คิดหาวิธีสลัดความกลัวทิ้งไป" จากหนังสือ Lives Of Stoics0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 9 มุมมอง 0 รีวิว - ความละอายใจ การกล่าวโทษกัน การไม่เคารพกัน การทรยศหักหลังกัน การไม่แสดงความรักต่อกันย่อมทำลายรากฐานที่จะทำให้ความรักเติบโตต่อไปได้ ความรักจะฟื้นตัวจากบาดแผลทางใจนี้ได้ก็ต่อเมื่อเรายอมรับว่าจิตใจเรามีบาดแผล และยอมรับการเยียวยาจนหายดี
จากหนังสือ ชีวิตสุขล้นของคน(ไม่)สมบูรณ์แบบ The Gifts of Imperfectionความละอายใจ การกล่าวโทษกัน การไม่เคารพกัน การทรยศหักหลังกัน การไม่แสดงความรักต่อกันย่อมทำลายรากฐานที่จะทำให้ความรักเติบโตต่อไปได้ ความรักจะฟื้นตัวจากบาดแผลทางใจนี้ได้ก็ต่อเมื่อเรายอมรับว่าจิตใจเรามีบาดแผล และยอมรับการเยียวยาจนหายดี จากหนังสือ ชีวิตสุขล้นของคน(ไม่)สมบูรณ์แบบ The Gifts of Imperfection0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 8 มุมมอง 0 รีวิว - 100 วิชายอดคนที่ห้องเรียนไม่มีสอน (2025/28)
หนังสือที่รวบรวมประสบการของยอดคน กลั่นออกมาเป็นบทความสั้นๆ เพื่อให้แนวคิดในการใช้ชีวิต ใน 7 หัวข้อ ได้แก่ วิชาคิด , วิชาฝัน , วิชาเงิน , วิชาทำ , วิชาชีวิต , บทเรียนจากอัจฉริยะ และ บทเรียนจากความผิดพลาด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่ผู้คำเหล่านั้นทำสำเร็จหรือล้มเหลว เราจะได้เห็นแนวคิดของพวกเขาเหล่านั้น
ยอดคน ที่หนังสือเล่มนี้พูดถึงคือพระพุทธเจ้า โดยอ้างอิงคำสอนของพระพุทธเจ้าที่ตรัสไว้ว่า ”Good mind is the beginning of success.” แปลได้ว่า ความสำเร็จหรือล้มเหลว มีจุดเริ่มต้นเดียวกันคือมาจากความคิด อธิบายได้ว่า การคิดต้องคิดให้ถูกทางก่อนจะทำการใดๆ เมื่อคิดดีคิดให้ถูกต้องสิ่งดีๆก็จะตามมา ที่สำคัญมาก…ไม่ว่าจะเกิดมากี่ปี แต่ชีวิตจะดีเริ่มต้นเมื่อคิดเป็น
นอกจากนี้มีหลายตอนที่ผมอ่านแล้วชอบ เช่นตอนของ
โอปราห์ วินฟรีย์
The biggest adventure you can take is to live. (การผจญภัยที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตก็คือการได้ใช้ชีวิตอย่างที่ฝัน)
Coco Chanel
There are people who have money and people who are rich. (โลกนี้มีทั้งคนที่มีเงินและคนรวย)
แซทเซล เพจ นักกีฬาเบสบอลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของสหรัฐฯ เคยกล่าวถึงหลักการหาเงินของเขาว่า
Work like you don't need the money.Love like you've never been hurt. Dance like nobody's watching. (ทำงานราวกับคุณไม่ต้องการเงิน รักราวกับคุณจะ ไม่มีวันเจ็บปวด เต้นรำราวกับไม่มีใครมองคุณอยู่)
อากิโอะ โมริตะ แห่ง Sony
Don't be afraid to make a mistake.But make sure you don't make the same mistake twice. (อย่ากลัวที่จะทำผิดพลาด แต่อย่าผิดพลาดซ้ำๆ ก็พอ)
ยอดคนในหนังสือส่วนใหญ่เป็นตัวอย่างจากผู้ประสบความสำเร็จชาวอเมริกัน แต่ก็จะมียอดคนชาวเอเชีย ที่เป็นชาวจีน , ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้มาเสริมบ้าง บางคนเป็นที่รู้จักดี บางคนผมเองก็ไม่ค่อยรู้จัก ผู้แต่งนอกจากเลือกยอดคนมาอธิบายแนวคิดแล้ว ยังเสริมชีวประวัติยอดคนเหล่านั้นมาให้อ่านพอสังเขป ดังนั้นเราสามารถทำความรู้จักกับพวกเขาได้ด้วยหลังจากอ่านหนังสือเล่มนี้ หนังสือสามารถอ่านข้ามไปมาได้ เพราะเนื้อหาไม่จำเป็นต้องอ่านเรียงกัน หนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือทีดีเล่มหนึ่ง
#100วิชายอดคนที่ห้องเรียนไม่มีสอน #รีวิวหนังสือ ดูน้อยลง100 วิชายอดคนที่ห้องเรียนไม่มีสอน (2025/28) หนังสือที่รวบรวมประสบการของยอดคน กลั่นออกมาเป็นบทความสั้นๆ เพื่อให้แนวคิดในการใช้ชีวิต ใน 7 หัวข้อ ได้แก่ วิชาคิด , วิชาฝัน , วิชาเงิน , วิชาทำ , วิชาชีวิต , บทเรียนจากอัจฉริยะ และ บทเรียนจากความผิดพลาด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่ผู้คำเหล่านั้นทำสำเร็จหรือล้มเหลว เราจะได้เห็นแนวคิดของพวกเขาเหล่านั้น ยอดคน ที่หนังสือเล่มนี้พูดถึงคือพระพุทธเจ้า โดยอ้างอิงคำสอนของพระพุทธเจ้าที่ตรัสไว้ว่า ”Good mind is the beginning of success.” แปลได้ว่า ความสำเร็จหรือล้มเหลว มีจุดเริ่มต้นเดียวกันคือมาจากความคิด อธิบายได้ว่า การคิดต้องคิดให้ถูกทางก่อนจะทำการใดๆ เมื่อคิดดีคิดให้ถูกต้องสิ่งดีๆก็จะตามมา ที่สำคัญมาก…ไม่ว่าจะเกิดมากี่ปี แต่ชีวิตจะดีเริ่มต้นเมื่อคิดเป็น นอกจากนี้มีหลายตอนที่ผมอ่านแล้วชอบ เช่นตอนของ โอปราห์ วินฟรีย์ The biggest adventure you can take is to live. (การผจญภัยที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตก็คือการได้ใช้ชีวิตอย่างที่ฝัน) Coco Chanel There are people who have money and people who are rich. (โลกนี้มีทั้งคนที่มีเงินและคนรวย) แซทเซล เพจ นักกีฬาเบสบอลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของสหรัฐฯ เคยกล่าวถึงหลักการหาเงินของเขาว่า Work like you don't need the money.Love like you've never been hurt. Dance like nobody's watching. (ทำงานราวกับคุณไม่ต้องการเงิน รักราวกับคุณจะ ไม่มีวันเจ็บปวด เต้นรำราวกับไม่มีใครมองคุณอยู่) อากิโอะ โมริตะ แห่ง Sony Don't be afraid to make a mistake.But make sure you don't make the same mistake twice. (อย่ากลัวที่จะทำผิดพลาด แต่อย่าผิดพลาดซ้ำๆ ก็พอ) ยอดคนในหนังสือส่วนใหญ่เป็นตัวอย่างจากผู้ประสบความสำเร็จชาวอเมริกัน แต่ก็จะมียอดคนชาวเอเชีย ที่เป็นชาวจีน , ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้มาเสริมบ้าง บางคนเป็นที่รู้จักดี บางคนผมเองก็ไม่ค่อยรู้จัก ผู้แต่งนอกจากเลือกยอดคนมาอธิบายแนวคิดแล้ว ยังเสริมชีวประวัติยอดคนเหล่านั้นมาให้อ่านพอสังเขป ดังนั้นเราสามารถทำความรู้จักกับพวกเขาได้ด้วยหลังจากอ่านหนังสือเล่มนี้ หนังสือสามารถอ่านข้ามไปมาได้ เพราะเนื้อหาไม่จำเป็นต้องอ่านเรียงกัน หนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือทีดีเล่มหนึ่ง #100วิชายอดคนที่ห้องเรียนไม่มีสอน #รีวิวหนังสือ ดูน้อยลง0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 7 มุมมอง 0 รีวิว
เรื่องราวเพิ่มเติม