ชักชวนกันอ่านหนังสือ หนังสือไม่ว่าจะเป็นแนวไหนล้วนมีประโยชน์
Recent Updates
- คุณจะเริ่มปล่อยวางในวันที่คุณรู้ว่ามันคือแรงผลักดันนี่คือตัวเร่งปฏิกิริยามันคือช่วงเวลาที่มีคนเอาไปสร้างเป็นหนังเขียนเป็นหนังสือและแรงบันดาลใจให้คนเอาไปแต่งเพลง
จากหนังสือ #MountainInYouคุณจะเริ่มปล่อยวางในวันที่คุณรู้ว่ามันคือแรงผลักดันนี่คือตัวเร่งปฏิกิริยามันคือช่วงเวลาที่มีคนเอาไปสร้างเป็นหนังเขียนเป็นหนังสือและแรงบันดาลใจให้คนเอาไปแต่งเพลง จากหนังสือ #MountainInYou0 Comments 0 Shares 1 Views 0 ReviewsPlease log in to like, share and comment! - John Locke นักปรัชญาและแพทย์ชาวอังกฤษ
"ผมคิดเสมอว่าการกระทำของเราเป็นตัวแปลความคิดที่ดีที่สุดของพวกเขา"
จากหนังสือ #ThePowerOfOneMoreJohn Locke นักปรัชญาและแพทย์ชาวอังกฤษ "ผมคิดเสมอว่าการกระทำของเราเป็นตัวแปลความคิดที่ดีที่สุดของพวกเขา" จากหนังสือ #ThePowerOfOneMore0 Comments 0 Shares 1 Views 0 Reviews - เวลาคนเราตัดสินใจเรื่องอะไรสักอย่างก็มักจะใช้คำว่าความน่าจะเป็นแต่ถ้าไม่ใช่ระดับมืออาชีพจริงๆก็มักเป็นเพียงแค่การอ้างอิงตามประสบการณ์ส่วนตัวซึ่งห่างไกลจากความหมายเดิมของคำว่าความน่าจะเป็นอย่างมาก สาเหตุเพราะจำนวนตัวอย่างไม่เพียงพอข้อมูลจึงใช้ไม่ได้
จากหนังสือ #คิดแบบนี้โชคดีตลอดกาล #Daigo
เวลาคนเราตัดสินใจเรื่องอะไรสักอย่างก็มักจะใช้คำว่าความน่าจะเป็นแต่ถ้าไม่ใช่ระดับมืออาชีพจริงๆก็มักเป็นเพียงแค่การอ้างอิงตามประสบการณ์ส่วนตัวซึ่งห่างไกลจากความหมายเดิมของคำว่าความน่าจะเป็นอย่างมาก สาเหตุเพราะจำนวนตัวอย่างไม่เพียงพอข้อมูลจึงใช้ไม่ได้ จากหนังสือ #คิดแบบนี้โชคดีตลอดกาล #Daigo0 Comments 0 Shares 1 Views 0 Reviews - ในสถานการณ์หลายอย่างที่พวกเราประสบพบเจอต่อจากนี้ใช่ว่าวิธีที่เคยใช้ได้ในการแก้ปัญหาในอดีตจะใช้ได้เสมอไปการจดจำรูปแบบสิ่งที่เคยพบในอดีตไม่ช่วยแก้ไขปัญหาโดยตรงแต่ทำให้เราอ่านสถานการณ์ผิดเสี่ยงด้วยซ้ำสิ่งจำเป็นอันดับแรกเป็นการดูอย่างเปิดใจว่ากำลังเกิดอะไรขึ้นแน่และเทคนิคการเรียนรู้ด้วยกลยุทธ์คิดเป็นภาพจะช่วยคุณเพิ่มทักษะในการดูได้ครับ
จากหนังสือ #เก่งด้วยศาสตร์นะขาดด้วยศิลป์
ในสถานการณ์หลายอย่างที่พวกเราประสบพบเจอต่อจากนี้ใช่ว่าวิธีที่เคยใช้ได้ในการแก้ปัญหาในอดีตจะใช้ได้เสมอไปการจดจำรูปแบบสิ่งที่เคยพบในอดีตไม่ช่วยแก้ไขปัญหาโดยตรงแต่ทำให้เราอ่านสถานการณ์ผิดเสี่ยงด้วยซ้ำสิ่งจำเป็นอันดับแรกเป็นการดูอย่างเปิดใจว่ากำลังเกิดอะไรขึ้นแน่และเทคนิคการเรียนรู้ด้วยกลยุทธ์คิดเป็นภาพจะช่วยคุณเพิ่มทักษะในการดูได้ครับ จากหนังสือ #เก่งด้วยศาสตร์นะขาดด้วยศิลป์0 Comments 0 Shares 1 Views 0 Reviews - Everyday 365 วัน มหัศจรรย์สมาธิ (2025/089)
เป็นหนังสือเล่มแรกที่ได้อ่านงานเขียนของท่าน OSHO อาจารย์สอนหลักการการเปลี่ยนแปลงชีวิตด้วยวิธีทำสมาธิชาวอินเดียว และได้รับยกย่องว่าเป็นหนึ่งในผู้สร้างสรรค์จากหนึ่งพันคนในศตวรรษที่ยี่สิบ
ในเล่มนี้ 365 วัน มหัศจรรย์สมาธิ ท่านโอโขได้แบ่งเนื้อหาออกเป็น 365 บทความ ซึ่งเป็นไปตามจำนวนวันใน 1 ปี เนื้อหาส่วนใหญ่เป็นเรื่องเกี่ยวกับการทำสมาธิ สติ การใข้ชีวิต การดูจิตใจตัวเอง ดูอารมณ์ความรู้สึก และที่สำคัญท่านโอโชได้จี้ให้เห็นถึงความเข้าใจผิดที่เกิดขึ้นในความคิดของมนุษย์เรา
365 หัวข้อของ OSHO เล่มนี้เป็น 365 หัวข้อที่น่าสนใจเกือบทุกหัวข้อเลย ซึ่งไม่ได้เป็นเนื้อหาเฉพาะชาวพุทธเท่านั้น แต่ยังมีความเป็นกลางสำหรับผู้นับถือศาสนาอื่นๆอีกด้วย
หนังสือเล่มนี้เนื้อหาอัดแน่นด้วยคุณภาพและสามารถเปลี่ยนแปลงแนวคิดและเปลี่ยนแปลงชีวิตได้แน่นอน
#Everyday #365วันมหัศจรรย์สมาธิ #OSHO #รีวิวหนังสือ
Everyday 365 วัน มหัศจรรย์สมาธิ (2025/089) เป็นหนังสือเล่มแรกที่ได้อ่านงานเขียนของท่าน OSHO อาจารย์สอนหลักการการเปลี่ยนแปลงชีวิตด้วยวิธีทำสมาธิชาวอินเดียว และได้รับยกย่องว่าเป็นหนึ่งในผู้สร้างสรรค์จากหนึ่งพันคนในศตวรรษที่ยี่สิบ ในเล่มนี้ 365 วัน มหัศจรรย์สมาธิ ท่านโอโขได้แบ่งเนื้อหาออกเป็น 365 บทความ ซึ่งเป็นไปตามจำนวนวันใน 1 ปี เนื้อหาส่วนใหญ่เป็นเรื่องเกี่ยวกับการทำสมาธิ สติ การใข้ชีวิต การดูจิตใจตัวเอง ดูอารมณ์ความรู้สึก และที่สำคัญท่านโอโชได้จี้ให้เห็นถึงความเข้าใจผิดที่เกิดขึ้นในความคิดของมนุษย์เรา 365 หัวข้อของ OSHO เล่มนี้เป็น 365 หัวข้อที่น่าสนใจเกือบทุกหัวข้อเลย ซึ่งไม่ได้เป็นเนื้อหาเฉพาะชาวพุทธเท่านั้น แต่ยังมีความเป็นกลางสำหรับผู้นับถือศาสนาอื่นๆอีกด้วย หนังสือเล่มนี้เนื้อหาอัดแน่นด้วยคุณภาพและสามารถเปลี่ยนแปลงแนวคิดและเปลี่ยนแปลงชีวิตได้แน่นอน #Everyday #365วันมหัศจรรย์สมาธิ #OSHO #รีวิวหนังสือ0 Comments 0 Shares 1 Views 0 Reviews - คนที่ต้องการความสนใจจากคนอื่น คนเหล่านี้เป็นทุกข์จากหนึ่งในประสบการณ์ที่น่าสงสารและน่าเศร้าที่สุดในชีวิต ความปรารถนาขั้นพื้นฐานของพวกเขาคือการเป็นที่ต้องการนั้นไม่ได้รับการเติมเต็มพวกเขาต้องการให้ผู้อื่นเห็นค่าเพราะความต้องการการยอมรับนับถือสถานการณ์เช่นนี้ไม่ได้เกิดขึ้นกับผู้ที่เกษียณแล้ว
จากหนังสือ #คิดบวกคนที่ต้องการความสนใจจากคนอื่น คนเหล่านี้เป็นทุกข์จากหนึ่งในประสบการณ์ที่น่าสงสารและน่าเศร้าที่สุดในชีวิต ความปรารถนาขั้นพื้นฐานของพวกเขาคือการเป็นที่ต้องการนั้นไม่ได้รับการเติมเต็มพวกเขาต้องการให้ผู้อื่นเห็นค่าเพราะความต้องการการยอมรับนับถือสถานการณ์เช่นนี้ไม่ได้เกิดขึ้นกับผู้ที่เกษียณแล้ว จากหนังสือ #คิดบวก0 Comments 0 Shares 2 Views 0 Reviews - สุภาษิตจีน
เห็นครั้งเดียวไม่เท่าฟังพันครั้งสุภาษิตจีน เห็นครั้งเดียวไม่เท่าฟังพันครั้ง0 Comments 0 Shares 2 Views 0 Reviews - ปาฏิหาริย์แห่งการตื่นอยู่เสมอ The Miracle of Being Awake (2025/088)
จดหมายที่อาจารย์ ติช นัท ฮันห์ เขียนติดต่อกับลูกศิษย์ที่ชื่อ ควง เพื่อเล่าเรื่องราวและสอดแทรกการสอนเกี่ยวกับการมีสติรู้ตัวอยู่เสมอ โดยวิธีของอาจารย์ ติช นัท ฮันห์ เป็นวิธีการง่ายๆ ยกตัวอย่างเหตุการณ์ใกล้ตัว เช่นการอยู่กับลูก และการล้างจานเพื่อให้มีสติอยู่เสมอ ท้ายเล่มเป็นหลักธรรมเพื่อเข้าใจธรรมมะและสอนการทำสมาธิ
อาจารย์ ติช นัท ฮันห์ เขียนเนื้อหาจดหมายเมื่อตอนท่านลี้ภัยจากเวียดนาม(ซึ่งหลังสงครามประชาชนเวียดนามไม่ต้อนรับท่าน) ขณะที่ท่านพำนักอยู่ฝรั่งเศสโดยท่านสร้างสำนักพุทธแนวทางเซน เพื่อสอนผู้ที่สนใจการทำสมาธิ ที่พิเศษกว่านั้นคือผู้แปลจดหมายจากภาษาเวียดนามเป็นภาษาอังกฤษ ผู้ที่แปลแม้จะเป็นชาวหญิงชาวอิตาลีที่นับถือศาสนาคริสต์ แต่เธอกลับเต็มใจงานของอาจารย์ ติช นัท ฮันห์ เธออธิบายว่างานของอาจารย์ ติช นัท ฮันห์ เป็นงานเขียนทาพุทธก็จริงแต่สามารประยุกต์กับการใช้ชีวิตจริงๆได้ทุกศาสนาอย่างไม่น่าเชื่อ
เนื้อหาในหนงสือ อาจารย์ ติช นัท ฮันห์ ยกตัวอย่างลูกศิษย์ที่เป็นฝรั่ง ที่สามารถใข้แนวคิดของการมีสติ และการตื่นอยู่เสมอกับการแก้ปัญหาการใช้ขีวิตได้อย่างอัศจรรย์ อาจารย์สอดแทรกเล่าเรื่อง นิทานเซน และอีกหลายเรื่อง เพื่อให้เห็นกว่าการมีสติอยู่ตลอดสามารถแก้ปัญหาความทุก มีความสุขอยู่ในการทำงานที่น่าเบื่อ และเสนอให้การมีสติอยู่เสมอเป็นสิ่งที่ต้องทำ
อาจารย์ ติช นัท ฮันห์ นำเสนอการนั่งสมาธิในรูปแบบที่ผมไม่เคยอ่านที่ไหน อาจารย์ ติช นัท ฮันห์แนะนำให้นั่งสมาธิในท่าดอกบัว หรือนั่งคุกเข่าโดยให้หลังเท้าแบนราบกับพื้น(ท่านั่งกราบพระของผู้หญิง) และให้กำหนดลมหายใจเข้าออก โดยที่เน้นไปที่การหายใจออก เริ่มจากหายใจออกปกติ และการหายใจครั้งถัดไปให้ปล่อยลมหายใจเพิ่มจากปกติไปอีกเล็กน้อย ทำการเพิ่มระยะเวลาหายใจออกเพิ่มไปทุกๆครั้งจนเริ่มรู้สึกอึดอัด ให้เริ่มทำการหายใจเข้าออกแบบปกติวนไปแบบนี้ โดยที่ในระหว่างนี้ให้นับการหายใจเป็นรอบ หนึ่งถึงสิบ พอครบแล้วให้เริ่มนับหนึ่งถึงสิบไปต่อเนื่องเรื่อยๆ
#ปาฏิหาริย์แห่งการตื่นอยู่เสมอ #TheMiracleOfBeingAwake #รีวิวหนังสือ
ปาฏิหาริย์แห่งการตื่นอยู่เสมอ The Miracle of Being Awake (2025/088) จดหมายที่อาจารย์ ติช นัท ฮันห์ เขียนติดต่อกับลูกศิษย์ที่ชื่อ ควง เพื่อเล่าเรื่องราวและสอดแทรกการสอนเกี่ยวกับการมีสติรู้ตัวอยู่เสมอ โดยวิธีของอาจารย์ ติช นัท ฮันห์ เป็นวิธีการง่ายๆ ยกตัวอย่างเหตุการณ์ใกล้ตัว เช่นการอยู่กับลูก และการล้างจานเพื่อให้มีสติอยู่เสมอ ท้ายเล่มเป็นหลักธรรมเพื่อเข้าใจธรรมมะและสอนการทำสมาธิ อาจารย์ ติช นัท ฮันห์ เขียนเนื้อหาจดหมายเมื่อตอนท่านลี้ภัยจากเวียดนาม(ซึ่งหลังสงครามประชาชนเวียดนามไม่ต้อนรับท่าน) ขณะที่ท่านพำนักอยู่ฝรั่งเศสโดยท่านสร้างสำนักพุทธแนวทางเซน เพื่อสอนผู้ที่สนใจการทำสมาธิ ที่พิเศษกว่านั้นคือผู้แปลจดหมายจากภาษาเวียดนามเป็นภาษาอังกฤษ ผู้ที่แปลแม้จะเป็นชาวหญิงชาวอิตาลีที่นับถือศาสนาคริสต์ แต่เธอกลับเต็มใจงานของอาจารย์ ติช นัท ฮันห์ เธออธิบายว่างานของอาจารย์ ติช นัท ฮันห์ เป็นงานเขียนทาพุทธก็จริงแต่สามารประยุกต์กับการใช้ชีวิตจริงๆได้ทุกศาสนาอย่างไม่น่าเชื่อ เนื้อหาในหนงสือ อาจารย์ ติช นัท ฮันห์ ยกตัวอย่างลูกศิษย์ที่เป็นฝรั่ง ที่สามารถใข้แนวคิดของการมีสติ และการตื่นอยู่เสมอกับการแก้ปัญหาการใช้ขีวิตได้อย่างอัศจรรย์ อาจารย์สอดแทรกเล่าเรื่อง นิทานเซน และอีกหลายเรื่อง เพื่อให้เห็นกว่าการมีสติอยู่ตลอดสามารถแก้ปัญหาความทุก มีความสุขอยู่ในการทำงานที่น่าเบื่อ และเสนอให้การมีสติอยู่เสมอเป็นสิ่งที่ต้องทำ อาจารย์ ติช นัท ฮันห์ นำเสนอการนั่งสมาธิในรูปแบบที่ผมไม่เคยอ่านที่ไหน อาจารย์ ติช นัท ฮันห์แนะนำให้นั่งสมาธิในท่าดอกบัว หรือนั่งคุกเข่าโดยให้หลังเท้าแบนราบกับพื้น(ท่านั่งกราบพระของผู้หญิง) และให้กำหนดลมหายใจเข้าออก โดยที่เน้นไปที่การหายใจออก เริ่มจากหายใจออกปกติ และการหายใจครั้งถัดไปให้ปล่อยลมหายใจเพิ่มจากปกติไปอีกเล็กน้อย ทำการเพิ่มระยะเวลาหายใจออกเพิ่มไปทุกๆครั้งจนเริ่มรู้สึกอึดอัด ให้เริ่มทำการหายใจเข้าออกแบบปกติวนไปแบบนี้ โดยที่ในระหว่างนี้ให้นับการหายใจเป็นรอบ หนึ่งถึงสิบ พอครบแล้วให้เริ่มนับหนึ่งถึงสิบไปต่อเนื่องเรื่อยๆ #ปาฏิหาริย์แห่งการตื่นอยู่เสมอ #TheMiracleOfBeingAwake #รีวิวหนังสือ0 Comments 0 Shares 6 Views 0 Reviews - คนดีศรีอยุธยา (2025/087)
เสนีย์ เสาวพงศ์(นามปากกา) ศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ ประจำปี พ.ศ. 2533 เขียนนิยายเล่มนี้มาในช่วงที่ท่านเป็นเอกอัครราชทูตไทยประจำประเทศเมียนมาร์ ท่านอ่านหนังสือประวัติศาสาตร์ในช่วงอยุธยาสามสิบเล่มเพื่อนำมาเขียนนิยายเรื่องนี้ นิยายเล่มนี้ตีพิมพ์ครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2525
เนื้อเรื่องเป็นช่วงโกลาหลของกรุงศรีอยุธยาหลังจากที่ถูกพม่าตีแตกในการเสียกรุงครั้งที่สอง โดยในขณะนั้นทัพพม่ายังควบคุมกรุงศรีอยุธยาอยู่ ส่วนเจ้านายต่างๆก็หลบนี้ออกไปอยู่ชนบท และตั้งตัวเป็นหัวหน้ากลุ่มสร้างอิทธิพลกลุ่มย่อยๆ เพื่อคอยต่อสู้หน่วยลาดตระเวณของทัพพม่า เนื้อเรื่องสนุกน่าติดตาม มีทั้งการต่อสู้แบบไทยๆ การใข้จิตวิทยา การใข้ยุทธวิธีการรบ และเรื่องความสวยงามของความรัก
ชายหนุ่มสามคน โต น้อยและเล็ก พี่น้องร่วมสาบานซึ่งเป็นศิษย์อาจารย์เดียวกัน ได้รับการถ่ายทอดวิชาการต่อสู้จนวิชาแก่กล้าไม่เป็นรองใคร พวกเขาได้รับคำสั่งของอาจารย์ให้ออกไปรวบรวมชาวไทย สร้างกองกำลังเล็กๆ สร้างความสามัคคี และให้ฝึกขาวบ้านให้มีวิชาต่อสู้ เพื่อเตรียมการตอบโต้ทัพพม่าต่อไป โดยที่ชายหนุ่มทั้งสามคนเดินทางออกมาหาแนวร่วมโดยที่ไม่มีอาวุธติดมือ ไม่มียศฐาบรรดาศักดิ์ พวกเขามาในรูปแบบของชาวบ้านหนีทัพหม่า
อรรถรสของนิยายเรื่องนี้ สนุกตื่นเต้น ลุ้นเอาใจช่วย เสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย มีหญิงสาวผู้กล้าหาญ และความรักอันลึกซึ้ง
#คนดีศรีอยุธยา #รีวิวหนังสือ
คนดีศรีอยุธยา (2025/087) เสนีย์ เสาวพงศ์(นามปากกา) ศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ ประจำปี พ.ศ. 2533 เขียนนิยายเล่มนี้มาในช่วงที่ท่านเป็นเอกอัครราชทูตไทยประจำประเทศเมียนมาร์ ท่านอ่านหนังสือประวัติศาสาตร์ในช่วงอยุธยาสามสิบเล่มเพื่อนำมาเขียนนิยายเรื่องนี้ นิยายเล่มนี้ตีพิมพ์ครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2525 เนื้อเรื่องเป็นช่วงโกลาหลของกรุงศรีอยุธยาหลังจากที่ถูกพม่าตีแตกในการเสียกรุงครั้งที่สอง โดยในขณะนั้นทัพพม่ายังควบคุมกรุงศรีอยุธยาอยู่ ส่วนเจ้านายต่างๆก็หลบนี้ออกไปอยู่ชนบท และตั้งตัวเป็นหัวหน้ากลุ่มสร้างอิทธิพลกลุ่มย่อยๆ เพื่อคอยต่อสู้หน่วยลาดตระเวณของทัพพม่า เนื้อเรื่องสนุกน่าติดตาม มีทั้งการต่อสู้แบบไทยๆ การใข้จิตวิทยา การใข้ยุทธวิธีการรบ และเรื่องความสวยงามของความรัก ชายหนุ่มสามคน โต น้อยและเล็ก พี่น้องร่วมสาบานซึ่งเป็นศิษย์อาจารย์เดียวกัน ได้รับการถ่ายทอดวิชาการต่อสู้จนวิชาแก่กล้าไม่เป็นรองใคร พวกเขาได้รับคำสั่งของอาจารย์ให้ออกไปรวบรวมชาวไทย สร้างกองกำลังเล็กๆ สร้างความสามัคคี และให้ฝึกขาวบ้านให้มีวิชาต่อสู้ เพื่อเตรียมการตอบโต้ทัพพม่าต่อไป โดยที่ชายหนุ่มทั้งสามคนเดินทางออกมาหาแนวร่วมโดยที่ไม่มีอาวุธติดมือ ไม่มียศฐาบรรดาศักดิ์ พวกเขามาในรูปแบบของชาวบ้านหนีทัพหม่า อรรถรสของนิยายเรื่องนี้ สนุกตื่นเต้น ลุ้นเอาใจช่วย เสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย มีหญิงสาวผู้กล้าหาญ และความรักอันลึกซึ้ง #คนดีศรีอยุธยา #รีวิวหนังสือ0 Comments 0 Shares 6 Views 0 Reviews - The Power of Half พลังแห่งการแบ่งครึ่ง (2025/086)
เรื่องราวของครอบครัวหนึ่ง ที่ได้พบเหตุการณ์สะเทือนอารมณ์ ที่เห็นความแตกต่างระหว่างคนไร้บ้านกับคนที่ขับรถหรู ครอบครัวนี้มีคุณพ่อที่เป็นนักเขียน คุณแม่ที่เป็นอาจารย์ ลูกสาวคนโตและน้องชายคนเล็ก
ลูกสาวคนโตฮันนาห์ ขณะนั้นอายุ 14ปี เธอได้เห็นภาพสะเทือนใจที่เกิดขึ้น ตัวเธอคิดขึ้นมาว่าจำเป็นต้องช่วยเหลือคนที่ยากไร้ให้ได้ เดิมทีเธอไม่ได้สนใจเรื่องนี้เลยแต่พอถูกสะกิดความสนใจนี้ขึ้นเธอเริ่มทำงานให้กับองค์กรเล็กทางการกุศลในโรงเรียน และเริ่มปลุกเร้าคนในครอบครัวให้เกิดการเริ่มต้นในการช่วยเหลือคนยากไร้ในประเทศกานา
ครอบครัวของฮันนาห์ เป็นครอบครัวที่ต่อสู้ด้วยตัวเอง คุณพ่อของฮันนาห์เป็นคนเก่ง ทำงานเก่ง และสามารถมีรายได้ที่ค่อนข้างดี ขณะที่ฮันนาห์เกิดความคิดช่วยเหลือผู้อื่น ครอบครัวฮันนาห์มีบ้านหลังใหญ่ ราคาหลายสิบล้านดอลลาร์ แต่พวกเขาประชุมกันและฉุกคิดขึ้นมาได้ว่าบ้านหลังนี้ใหญ่เกินไป เขาตั้งใจจะขายบ้านหลังนี้ และย้ายไปอยู่บ้านที่หลังเล็กกว่านี้ครึ่งหนึ่ง พวกเขายังต้องขายของที่ไม่จำเป็นออกเนื่องจากไม่ได้ใช้งาน และไม่สามารถนำเข้าไปไว้ในบ้านหลังที่เล็กลงได้ เมื่อขายบ้านหลังใหญ่ได้พวกเขาจะนำเงินไปทำการกุศลครึ่งหนึ่งเช่นกัน
เนื้อหาบรรยายเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้น หลังจากฮันนาห์อายุ 14ปี ครอบครัวของฮันนาห์ทำโครงการสำเร็จจนได้เดินทางไปยังประเทศกานา แน่นอนว่าอุปสรรคมีอยู่มากมาย เนื้อหาหนังสือยังคงเป็นปลายเปิดเพราะยังมีหลายต่อหลายเรื่องที่ยังไม่สำเร็จ
ต่อคำถามที่ว่าทำไมต้องบริจาคครึ่งหนึ่ง คำตอบของครอบครัวนี้คือ การบริจาคครึ่งหนึ่งนั้นเป็นการบริจาคให้เห็นอย่างเป็นรูปธรรมที่สุด ให้ผลกระทบชัดเจนที่สุด ลดความตระหนี่ได้อย่างชัดเจนเช่นกัน ซึ่งดีกว่าการแจ้งว่าจะบริจาคเป็นตัวเงิน หรือเป็นตัวเลขเปอร์เซ็น
#ThePowerofHalf #พลังแห่งการแบ่งครึ่ง #รีวิวหนังสือ
The Power of Half พลังแห่งการแบ่งครึ่ง (2025/086) เรื่องราวของครอบครัวหนึ่ง ที่ได้พบเหตุการณ์สะเทือนอารมณ์ ที่เห็นความแตกต่างระหว่างคนไร้บ้านกับคนที่ขับรถหรู ครอบครัวนี้มีคุณพ่อที่เป็นนักเขียน คุณแม่ที่เป็นอาจารย์ ลูกสาวคนโตและน้องชายคนเล็ก ลูกสาวคนโตฮันนาห์ ขณะนั้นอายุ 14ปี เธอได้เห็นภาพสะเทือนใจที่เกิดขึ้น ตัวเธอคิดขึ้นมาว่าจำเป็นต้องช่วยเหลือคนที่ยากไร้ให้ได้ เดิมทีเธอไม่ได้สนใจเรื่องนี้เลยแต่พอถูกสะกิดความสนใจนี้ขึ้นเธอเริ่มทำงานให้กับองค์กรเล็กทางการกุศลในโรงเรียน และเริ่มปลุกเร้าคนในครอบครัวให้เกิดการเริ่มต้นในการช่วยเหลือคนยากไร้ในประเทศกานา ครอบครัวของฮันนาห์ เป็นครอบครัวที่ต่อสู้ด้วยตัวเอง คุณพ่อของฮันนาห์เป็นคนเก่ง ทำงานเก่ง และสามารถมีรายได้ที่ค่อนข้างดี ขณะที่ฮันนาห์เกิดความคิดช่วยเหลือผู้อื่น ครอบครัวฮันนาห์มีบ้านหลังใหญ่ ราคาหลายสิบล้านดอลลาร์ แต่พวกเขาประชุมกันและฉุกคิดขึ้นมาได้ว่าบ้านหลังนี้ใหญ่เกินไป เขาตั้งใจจะขายบ้านหลังนี้ และย้ายไปอยู่บ้านที่หลังเล็กกว่านี้ครึ่งหนึ่ง พวกเขายังต้องขายของที่ไม่จำเป็นออกเนื่องจากไม่ได้ใช้งาน และไม่สามารถนำเข้าไปไว้ในบ้านหลังที่เล็กลงได้ เมื่อขายบ้านหลังใหญ่ได้พวกเขาจะนำเงินไปทำการกุศลครึ่งหนึ่งเช่นกัน เนื้อหาบรรยายเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้น หลังจากฮันนาห์อายุ 14ปี ครอบครัวของฮันนาห์ทำโครงการสำเร็จจนได้เดินทางไปยังประเทศกานา แน่นอนว่าอุปสรรคมีอยู่มากมาย เนื้อหาหนังสือยังคงเป็นปลายเปิดเพราะยังมีหลายต่อหลายเรื่องที่ยังไม่สำเร็จ ต่อคำถามที่ว่าทำไมต้องบริจาคครึ่งหนึ่ง คำตอบของครอบครัวนี้คือ การบริจาคครึ่งหนึ่งนั้นเป็นการบริจาคให้เห็นอย่างเป็นรูปธรรมที่สุด ให้ผลกระทบชัดเจนที่สุด ลดความตระหนี่ได้อย่างชัดเจนเช่นกัน ซึ่งดีกว่าการแจ้งว่าจะบริจาคเป็นตัวเงิน หรือเป็นตัวเลขเปอร์เซ็น #ThePowerofHalf #พลังแห่งการแบ่งครึ่ง #รีวิวหนังสือ0 Comments 0 Shares 7 Views 0 Reviews - หลักคำสอนของคัมภีร์พระเวทประกอบด้วยสัตตวะ ,รชะ และตมะ
สัตตวะคือคือความดีงาม
รชะคือความลุ่มหลงมืดบอด
และตมะคือความลุ่มหลงมืดบอด
ซึ่งก็คล้ายกับทางพุทธที่มีธรรมะที่เป็นฝ่ายดีกับฝ่ายไม่ดีหรือก็คือกุศลกับอกุศล
จากหนังสือ #ภควัทคีตา
หลักคำสอนของคัมภีร์พระเวทประกอบด้วยสัตตวะ ,รชะ และตมะ สัตตวะคือคือความดีงาม รชะคือความลุ่มหลงมืดบอด และตมะคือความลุ่มหลงมืดบอด ซึ่งก็คล้ายกับทางพุทธที่มีธรรมะที่เป็นฝ่ายดีกับฝ่ายไม่ดีหรือก็คือกุศลกับอกุศล จากหนังสือ #ภควัทคีตา0 Comments 0 Shares 10 Views 0 Reviews - ให้แยกส่วนที่สร้างไอเดียกับงานปรับแต่งออกจากกัน
สร้างไอเดียให้เสร็จแล้วค่อยไปปรับแต่ง
ช่วงปรับแต่งก็ห้ามไปยุ่งกับไอเดียอีกแล้วเพราะว่ามันคิดจบแล้วให้แยกส่วนที่สร้างไอเดียกับงานปรับแต่งออกจากกัน สร้างไอเดียให้เสร็จแล้วค่อยไปปรับแต่ง ช่วงปรับแต่งก็ห้ามไปยุ่งกับไอเดียอีกแล้วเพราะว่ามันคิดจบแล้ว0 Comments 0 Shares 10 Views 0 Reviews - มีการทดลองให้ฟังเสียงที่ดังมาก
ห้องหนึ่งมีการฟังเสียงเฉยๆจนกระทั่งเสียงนั้นดังพวกทดลองบอกให้หยุด
แต่อีกห้องมีปุ่มไว้หยุดฉุกเฉินทำให้คนที่ทดลองในห้องที่มีปุ่มหยุดฉุกเฉินฟังเสียงได้ดังมากกว่า และทนฟังเสียงได้ดังมากกว่าเพราะเขาคิดว่าเขาสามารถควบคุมสถานการณ์ได้มีการทดลองให้ฟังเสียงที่ดังมาก ห้องหนึ่งมีการฟังเสียงเฉยๆจนกระทั่งเสียงนั้นดังพวกทดลองบอกให้หยุด แต่อีกห้องมีปุ่มไว้หยุดฉุกเฉินทำให้คนที่ทดลองในห้องที่มีปุ่มหยุดฉุกเฉินฟังเสียงได้ดังมากกว่า และทนฟังเสียงได้ดังมากกว่าเพราะเขาคิดว่าเขาสามารถควบคุมสถานการณ์ได้0 Comments 0 Shares 12 Views 0 Reviews - ผู้ก่อตั้ง google
Sundar Pichai เล่าว่า
"พ่อเขาเก็บเงินทั้งปีเพื่อจะได้เป็นค่าเครื่องบินให้เขาไปเรียนที่ Stanford "ผู้ก่อตั้ง google Sundar Pichai เล่าว่า "พ่อเขาเก็บเงินทั้งปีเพื่อจะได้เป็นค่าเครื่องบินให้เขาไปเรียนที่ Stanford "0 Comments 0 Shares 12 Views 0 Reviews - จําเป็นเหรอที่ทุกคนบนโลก
ต้องแสดงความคิดเห็นทุกอย่างที่ตัวเอง
เกี่ยวกับทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นทั้งหมดในเวลาเดียวกัน
จําเป็นต้องเป็นแบบนั้นเหรอ
หรือถ้าถามด้วยคำพูดที่ต่างไปเล็กน้อยก็คือ
ช่วยหุบปากกันบ้างได้ไหม
จะมีใครสักคนช่วยไม่พูดอะไรสักอย่าง...สักหนึ่งชั่วโมงได้ไหม
พอจะเป็นไปได้ไหม
โบ เบิร์นแฮม จากภาพยนตร์เรื่อง Inside
จากหนังสือ #พลังแห่งการหยุดพูดในโลกที่คนพูดไม่หยุด #STFUจําเป็นเหรอที่ทุกคนบนโลก ต้องแสดงความคิดเห็นทุกอย่างที่ตัวเอง เกี่ยวกับทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นทั้งหมดในเวลาเดียวกัน จําเป็นต้องเป็นแบบนั้นเหรอ หรือถ้าถามด้วยคำพูดที่ต่างไปเล็กน้อยก็คือ ช่วยหุบปากกันบ้างได้ไหม จะมีใครสักคนช่วยไม่พูดอะไรสักอย่าง...สักหนึ่งชั่วโมงได้ไหม พอจะเป็นไปได้ไหม โบ เบิร์นแฮม จากภาพยนตร์เรื่อง Inside จากหนังสือ #พลังแห่งการหยุดพูดในโลกที่คนพูดไม่หยุด #STFU0 Comments 0 Shares 12 Views 0 Reviews - ไม่นานมานี้เริ่มมีปฏิกิริยาต่อต้านลัทธิเหยียดเชื้อชาติและลัทธิคลังชาติ และมีกระแสความพยายามแทนที่ด้วยความรู้สึกว่าสปีชีส์มนุษย์ทั้งมวลนั้นล้วนแล้วแต่เป็นเพื่อนพ้องของเรา การขยายขอบเขตของการเห็นแก่ผู้อื่นของเราออกไปด้วยแนวคิดมนุษยนิยมนี้ให้ผลที่น่าสนใจตามมา คือดูเหมือนจะช่วยเสริมฐานสนับสนุนแนวคิด “ผลดีต่อสปีชีส์” ในวิวัฒนาการอีกครั้ง พวกเสรีนิยมทางการเมืองซึ่งปกติจะเป็นโฆษกผู้โน้มน้าวใจมากที่สุด ในเรื่องจริยธรรมของสปีชีส์ ตอนนี้กลับมีหลายครั้งที่ดูถูกเหยียดหยามผู้ที่พยายามขยายขอบเขตของการเห็นแก่ผู้อื่นออกไปอีกหน่อยให้รวมถึงสปีชีส์อื่นด้วย ถ้าผมบอกว่าผมรู้สึกสนใจที่จะต่อต้านการล่าวาฬขนาดใหญ่มากกว่าที่จะปรับปรุงสภาพบ้านเรือนเพื่อผู้คนก็เป็นได้สูงที่เพื่อนของผมบางคนจะสะเทือนใจ
จากหนังสือ #TheSelfishGene #ยีนเห็นแก่ตัวไม่นานมานี้เริ่มมีปฏิกิริยาต่อต้านลัทธิเหยียดเชื้อชาติและลัทธิคลังชาติ และมีกระแสความพยายามแทนที่ด้วยความรู้สึกว่าสปีชีส์มนุษย์ทั้งมวลนั้นล้วนแล้วแต่เป็นเพื่อนพ้องของเรา การขยายขอบเขตของการเห็นแก่ผู้อื่นของเราออกไปด้วยแนวคิดมนุษยนิยมนี้ให้ผลที่น่าสนใจตามมา คือดูเหมือนจะช่วยเสริมฐานสนับสนุนแนวคิด “ผลดีต่อสปีชีส์” ในวิวัฒนาการอีกครั้ง พวกเสรีนิยมทางการเมืองซึ่งปกติจะเป็นโฆษกผู้โน้มน้าวใจมากที่สุด ในเรื่องจริยธรรมของสปีชีส์ ตอนนี้กลับมีหลายครั้งที่ดูถูกเหยียดหยามผู้ที่พยายามขยายขอบเขตของการเห็นแก่ผู้อื่นออกไปอีกหน่อยให้รวมถึงสปีชีส์อื่นด้วย ถ้าผมบอกว่าผมรู้สึกสนใจที่จะต่อต้านการล่าวาฬขนาดใหญ่มากกว่าที่จะปรับปรุงสภาพบ้านเรือนเพื่อผู้คนก็เป็นได้สูงที่เพื่อนของผมบางคนจะสะเทือนใจ จากหนังสือ #TheSelfishGene #ยีนเห็นแก่ตัว0 Comments 0 Shares 9 Views 0 Reviews - พัฒนาการอย่างที่สองเกิดขึ้นเมื่อปี 1960 นั่นคือพัฒนาการของเทคโนโลยีชนิดใหม่ซึ่งเปิดโอกาสให้นักวิจัยสามารถตรวจวัดระดับฮอร์โมนที่ไหลเวียนอยู่ในกระแสเลือดได้อย่างเที่ยงตรงเป็นครั้งแรก เทคโนโลยีแอสเซย์ คือผลงานการประดิษฐ์คิดค้นที่เรียกว่าเรดิโออิมมูโนแอสเซย์ฟิสิกส์การแพทย์ชื่อโรสลิน ยาโลว์ (Rosalyn Yalow) ร่วมกับแพทย์ชื่อโซโลมอน เบอร์สัน (Solomon Berson) เมื่อยาโลว์ได้รับรางวัลโนเบล จากผลงานชิ้นนี้ในปี 1977 (ถึงตอนนั้นเบอร์สันไม่ได้มีชีวิตอยู่เป็นผู้รับรางวัลร่วมกันแล้ว) มูลนิธิโนเบลก็บรรยายเทคโนโลยีนี้ไว้อย่างเหมาะเจาะว่ามันก่อให้เกิด “การปฏิวัติในงานวิจัยด้านชีววิทยาและการแพทย์” มาบัดนี้ ในที่สุดผู้ที่สนใจโรคอ้วนก็สามารถตอบคำถามที่แพทย์ชาวยุโรปในช่วง ก่อนสงครามโลกครั้งที่สองได้แต่คาดเดานั่นคือ ฮอร์โมนชนิดใดที่ควบคุมการเก็บสะสมไขมันในเซลล์ไขมันและการที่ร่างกายนำไขมันเหล่านี้ไปใช้ เป็นพลังงาน
คำตอบเริ่มหลั่งไหลมาพร้อมกับการตีพิมพ์เผยแพร่ผลงานวิจัย ชิ้นแรกๆจากห้องปฏิบัติการของยาโลว์และเบอร์สันและได้รับการยืนยันจากคนอื่นๆในทันที ปรากฏว่าฮอร์โมนแทบทุกชนิดล้วนทำหน้าที่ระดม ไขมันจากเซลล์ไขมันเพื่อนำไปใช้เป็นพลังงาน ฮอร์โมนส่งสัญญาณให้ร่างกายของเราทำหน้าที่ ไม่ว่าจะหนีหรือสู้เจริญพันธุ์ หรือเจริญเติบโต ทั้งยังส่งสัญญาณให้เซลล์ไขมันจัดหาแหล่งพลังงานที่จำเป็นต่อการทำหน้าที่เหล่านี้ ข้อยกเว้นที่สำคัญที่สุดเพียงหนึ่งเดียวของการส่งสัญญาณระดมพลังงานที่ว่านี้ก็คืออินซูลิน ซึ่งเป็นฮอร์โมนชนิดเดียวกับที่นักวิจัย ยังคงสันนิษฐานกันในช่วงต้นทศวรรษ 1960 ว่าผู้ป่วยโรคเบาหวานทุกรายมีไม่เพียงพอ ยาโลว์และเบอร์สันให้ข้อมูลว่า เราอาจมองว่าอินซูลินเป็นฮอร์โมนที่จัดการว่าร่างกายจะใช้หรือ “แบ่งสันปันส่วน” พลังงานจาก อาหารที่บริโภคเข้ามาอย่างไร
จากหนังสือ #หวานซ่อนตาย #TheCaseAgainstSugarพัฒนาการอย่างที่สองเกิดขึ้นเมื่อปี 1960 นั่นคือพัฒนาการของเทคโนโลยีชนิดใหม่ซึ่งเปิดโอกาสให้นักวิจัยสามารถตรวจวัดระดับฮอร์โมนที่ไหลเวียนอยู่ในกระแสเลือดได้อย่างเที่ยงตรงเป็นครั้งแรก เทคโนโลยีแอสเซย์ คือผลงานการประดิษฐ์คิดค้นที่เรียกว่าเรดิโออิมมูโนแอสเซย์ฟิสิกส์การแพทย์ชื่อโรสลิน ยาโลว์ (Rosalyn Yalow) ร่วมกับแพทย์ชื่อโซโลมอน เบอร์สัน (Solomon Berson) เมื่อยาโลว์ได้รับรางวัลโนเบล จากผลงานชิ้นนี้ในปี 1977 (ถึงตอนนั้นเบอร์สันไม่ได้มีชีวิตอยู่เป็นผู้รับรางวัลร่วมกันแล้ว) มูลนิธิโนเบลก็บรรยายเทคโนโลยีนี้ไว้อย่างเหมาะเจาะว่ามันก่อให้เกิด “การปฏิวัติในงานวิจัยด้านชีววิทยาและการแพทย์” มาบัดนี้ ในที่สุดผู้ที่สนใจโรคอ้วนก็สามารถตอบคำถามที่แพทย์ชาวยุโรปในช่วง ก่อนสงครามโลกครั้งที่สองได้แต่คาดเดานั่นคือ ฮอร์โมนชนิดใดที่ควบคุมการเก็บสะสมไขมันในเซลล์ไขมันและการที่ร่างกายนำไขมันเหล่านี้ไปใช้ เป็นพลังงาน คำตอบเริ่มหลั่งไหลมาพร้อมกับการตีพิมพ์เผยแพร่ผลงานวิจัย ชิ้นแรกๆจากห้องปฏิบัติการของยาโลว์และเบอร์สันและได้รับการยืนยันจากคนอื่นๆในทันที ปรากฏว่าฮอร์โมนแทบทุกชนิดล้วนทำหน้าที่ระดม ไขมันจากเซลล์ไขมันเพื่อนำไปใช้เป็นพลังงาน ฮอร์โมนส่งสัญญาณให้ร่างกายของเราทำหน้าที่ ไม่ว่าจะหนีหรือสู้เจริญพันธุ์ หรือเจริญเติบโต ทั้งยังส่งสัญญาณให้เซลล์ไขมันจัดหาแหล่งพลังงานที่จำเป็นต่อการทำหน้าที่เหล่านี้ ข้อยกเว้นที่สำคัญที่สุดเพียงหนึ่งเดียวของการส่งสัญญาณระดมพลังงานที่ว่านี้ก็คืออินซูลิน ซึ่งเป็นฮอร์โมนชนิดเดียวกับที่นักวิจัย ยังคงสันนิษฐานกันในช่วงต้นทศวรรษ 1960 ว่าผู้ป่วยโรคเบาหวานทุกรายมีไม่เพียงพอ ยาโลว์และเบอร์สันให้ข้อมูลว่า เราอาจมองว่าอินซูลินเป็นฮอร์โมนที่จัดการว่าร่างกายจะใช้หรือ “แบ่งสันปันส่วน” พลังงานจาก อาหารที่บริโภคเข้ามาอย่างไร จากหนังสือ #หวานซ่อนตาย #TheCaseAgainstSugar0 Comments 0 Shares 9 Views 0 Reviews - แทนที่ความไม่แน่นอนด้วยความแน่นอน แทนที่โกลาหลด้วยระเบียบ แทนที่ความซับซ้อนไร้ระเบียบด้วยความเรียบง่ายงดงาม และแทนที่ โลกที่เกี่ยวโยงและเต็มไปด้วยความบังเอิญด้วยโลกที่ปกครองด้วย ปัจเจกผู้มีเหตุผล (เป็นส่วนใหญ่) ที่ตัดสินใจเรื่องต่าง ๆ ได้อย่างเป็น เอกเทศ กล่องเหล่านั้นทำให้เราสบายใจ มนุษย์ชอบเรื่องราวตรงไป ตรงมาแบบ X ทำให้เกิด Y ไม่ใช่แบบมีปัจจัยแตกต่างกันโดยสิ้นเชิงเป็นพันอย่างรวมกันแล้วทำให้เกิด Y เรามุ่งเน้นการเปลี่ยนแปลงเชิงเดี่ยวครั้งใหญ่ในการอธิบายเหตุการณ์ใหญ่ๆ โดยเมินเฉยต่อทราย เม็ดเล็กๆ ที่ทับถมรวมกันแล้วทำให้ภูผาถล่มทลาย เราถึงกับเอาความยิ่งใหญ่ของธรรมชาติมายัดลงกล่องเล็ก กล่องเล็กๆแยกต่างหาก ทำเหมือนมันเป็นสถานที่ที่เราจะไปต่อเมื่ออยากปืนเขามากกว่าจะมองว่าตัวเราและธรรมชาติเป็นส่วนหนึ่งของสิ่งเดียวกันซึ่งมิอาจแบ่งแยก
จากหนังสือ #บังเอิญอย่างมีนัยสำคัญ #Flukeแทนที่ความไม่แน่นอนด้วยความแน่นอน แทนที่โกลาหลด้วยระเบียบ แทนที่ความซับซ้อนไร้ระเบียบด้วยความเรียบง่ายงดงาม และแทนที่ โลกที่เกี่ยวโยงและเต็มไปด้วยความบังเอิญด้วยโลกที่ปกครองด้วย ปัจเจกผู้มีเหตุผล (เป็นส่วนใหญ่) ที่ตัดสินใจเรื่องต่าง ๆ ได้อย่างเป็น เอกเทศ กล่องเหล่านั้นทำให้เราสบายใจ มนุษย์ชอบเรื่องราวตรงไป ตรงมาแบบ X ทำให้เกิด Y ไม่ใช่แบบมีปัจจัยแตกต่างกันโดยสิ้นเชิงเป็นพันอย่างรวมกันแล้วทำให้เกิด Y เรามุ่งเน้นการเปลี่ยนแปลงเชิงเดี่ยวครั้งใหญ่ในการอธิบายเหตุการณ์ใหญ่ๆ โดยเมินเฉยต่อทราย เม็ดเล็กๆ ที่ทับถมรวมกันแล้วทำให้ภูผาถล่มทลาย เราถึงกับเอาความยิ่งใหญ่ของธรรมชาติมายัดลงกล่องเล็ก กล่องเล็กๆแยกต่างหาก ทำเหมือนมันเป็นสถานที่ที่เราจะไปต่อเมื่ออยากปืนเขามากกว่าจะมองว่าตัวเราและธรรมชาติเป็นส่วนหนึ่งของสิ่งเดียวกันซึ่งมิอาจแบ่งแยก จากหนังสือ #บังเอิญอย่างมีนัยสำคัญ #Fluke0 Comments 0 Shares 11 Views 0 Reviews - หลายคนพบว่าการทำตามกฎสองนาทีจนเป็นนิสัยช่วยเพิ่ม ประสิทธิภาพการทำงานของพวกเขาได้มหาศาล รองประธานบริษัท ซอฟต์แวร์ยักษ์ใหญ่แห่งหนึ่งบอกผมว่าวิธีนี้ช่วยให้เขามีเวลาเพิ่มขึ้น วันละหนึ่งชั่วโมง! เขาเป็นหนึ่งในผู้บริหารไฮเทคที่ได้รับอีเมลสามร้อย ฉบับต่อวันและใช้เวลาส่วนใหญ่ของวันทำงานหมดไปกับการทำงาน สำคัญสามประการ อีเมลหลายฉบับที่เขาได้รับมาจากพนักงานใต้บังคับบัญชา พวกเขาต้องการให้ผู้บริหารท่านดังกล่าวดูอะไรสักอย่าง ขอความเห็นและขอคำตอบตกลงให้เดินหน้า แต่อีเมลเหล่านั้นไม่ตรง กับหัวข้อที่เขาโฟกัสอยู่ในปัจจุบัน ท่านผู้บริหารจึงเก็บอีเมลเหล่านั้นไว้ใน "อินบ็อกซ์" เพื่อกลับมาอ่าน "ภายหลัง” เมื่ออีเมลเหล่านั้นรวมกันได้หลายพันฉบับ เขาต้องใช้เวลาหลายสุดสัปดาห์เพื่อทำงานและติดตามงานให้ทัน คงไม่เป็นไรถ้าเขาอายุยี่สิบหกและอะไรๆก็ทำให้ตื่นเต้นได้ตลอดเวลา แต่ตอนนี้เขาอายุสามสิบกว่าและมีลูกเล็กๆ อีกด้วยการทำงานตลอดสุดสัปดาห์ไม่ใช่พฤติกรรมที่ยอมรับได้อีกต่อไป ระหว่างที่ผมโค้ชเขาจัดการอีเมลมากกว่าแปดร้อยฉบับที่อยู่ใน “อีเมลอินบ็อกซ์ ” ปรากฏว่ามีอะไรหลายอย่างที่โยนทิ้งไปได้ บางส่วนแค่ต้องเก็บไว้เป็นข้อมูลอ้างอิง และมีอีกหลายฉบับที่ใช้เวลาตอบไม่ถึงสองนาที ผมติดตามผลจากเขาหลังจากนั้นหนึ่งปีและเขา ยังทำงานได้ทัน! เขาไม่ปล่อยให้มีอีเมลเกินหนึ่งหน้าจออีกต่อไป ผู้บริหารท่านนั้นกล่าวว่ากระบวนการของผมเปลี่ยนการทำงานของ แผนกของเขาไปอย่างสิ้นเชิงเพราะเดี๋ยวนี้เขาตอบอีเมลเร็วขึ้นมาก พนักงานในทีมของเขาล้วนคิดว่าเขาทำมาจาก“เทฟลอน
จากหนังสือ #บริหารชีวิตพิชิตความสำเร็จ #GettingThingsDoneหลายคนพบว่าการทำตามกฎสองนาทีจนเป็นนิสัยช่วยเพิ่ม ประสิทธิภาพการทำงานของพวกเขาได้มหาศาล รองประธานบริษัท ซอฟต์แวร์ยักษ์ใหญ่แห่งหนึ่งบอกผมว่าวิธีนี้ช่วยให้เขามีเวลาเพิ่มขึ้น วันละหนึ่งชั่วโมง! เขาเป็นหนึ่งในผู้บริหารไฮเทคที่ได้รับอีเมลสามร้อย ฉบับต่อวันและใช้เวลาส่วนใหญ่ของวันทำงานหมดไปกับการทำงาน สำคัญสามประการ อีเมลหลายฉบับที่เขาได้รับมาจากพนักงานใต้บังคับบัญชา พวกเขาต้องการให้ผู้บริหารท่านดังกล่าวดูอะไรสักอย่าง ขอความเห็นและขอคำตอบตกลงให้เดินหน้า แต่อีเมลเหล่านั้นไม่ตรง กับหัวข้อที่เขาโฟกัสอยู่ในปัจจุบัน ท่านผู้บริหารจึงเก็บอีเมลเหล่านั้นไว้ใน "อินบ็อกซ์" เพื่อกลับมาอ่าน "ภายหลัง” เมื่ออีเมลเหล่านั้นรวมกันได้หลายพันฉบับ เขาต้องใช้เวลาหลายสุดสัปดาห์เพื่อทำงานและติดตามงานให้ทัน คงไม่เป็นไรถ้าเขาอายุยี่สิบหกและอะไรๆก็ทำให้ตื่นเต้นได้ตลอดเวลา แต่ตอนนี้เขาอายุสามสิบกว่าและมีลูกเล็กๆ อีกด้วยการทำงานตลอดสุดสัปดาห์ไม่ใช่พฤติกรรมที่ยอมรับได้อีกต่อไป ระหว่างที่ผมโค้ชเขาจัดการอีเมลมากกว่าแปดร้อยฉบับที่อยู่ใน “อีเมลอินบ็อกซ์ ” ปรากฏว่ามีอะไรหลายอย่างที่โยนทิ้งไปได้ บางส่วนแค่ต้องเก็บไว้เป็นข้อมูลอ้างอิง และมีอีกหลายฉบับที่ใช้เวลาตอบไม่ถึงสองนาที ผมติดตามผลจากเขาหลังจากนั้นหนึ่งปีและเขา ยังทำงานได้ทัน! เขาไม่ปล่อยให้มีอีเมลเกินหนึ่งหน้าจออีกต่อไป ผู้บริหารท่านนั้นกล่าวว่ากระบวนการของผมเปลี่ยนการทำงานของ แผนกของเขาไปอย่างสิ้นเชิงเพราะเดี๋ยวนี้เขาตอบอีเมลเร็วขึ้นมาก พนักงานในทีมของเขาล้วนคิดว่าเขาทำมาจาก“เทฟลอน จากหนังสือ #บริหารชีวิตพิชิตความสำเร็จ #GettingThingsDone0 Comments 0 Shares 11 Views 0 Reviews - How To Make The World Add Up เลขเขย่าโลก (2025/085)
หนังสือจากนักเขียนและนักแปลผู้เชี่ยวชาญทางด้านเศรษฐศาสตร์ แต่รอบนี้พวกเขาและเธอนำเสนอเล่ห์กลของผู้เสนอตัวเลขทางสถิติที่สามารถทำให้ผู้ที่เห็นตัวเลขเหล่านั้น เข้าใจผิด ตัดสินใจผิด รวมไปถึงเป็นเหยื่อของการนำเสนอข้อมูลเหล่านั้น
ผู้เขียนวิเคราะห์และค้นหาวิธีที่จะไม่เป็นเหยื่อของสถิติที่ได้พบเห็นเป็นกฎสิบข้อให้ปฎิบัติตามก่อนที่จะตัดสินใจเชื่อข้อมูลเหล่านั้น
ผู้เขียนถูกสะกิดความสงสัยเรื่องสถิติ จากหนังสือ วิธีปั่นหัวคนด้วยสถิติ ที่ตีพิมพ์เมื่อปี ค.ศ.1954 โดย ดาร์เรลล์ ฮัฟฟ์ ซึ่งเป็นการเปิดโปงการนำเสนอข้อมูลที่น่าเชื่อถือทางสถิติหลากหลายเรื่อง ทั้งๆที่ข้อมูลทั้งหลายที่แสดงให้เห็นเหล่านั้น บางเรื่องมีเบื้องหลังจากผู้ทำสถิติ บางเรื่องข้อมูลตัวอย่างน้อยเกินไป บางเรื่องมีความผิดพลาดในการเก็บข้อมูล จึงทำให้ข้อมูลสถิติที่พวกเราได้เห็นไม่ได้เป็นอย่างที่คิดไว้
ในส่วนของหนังสือเล่มนี้ ผู้เขียนพยามยามนำเสนอให้เห็นถึงแง่มุมอีกหลายๆเแง่มุมที่นอกเหนือจากหนังสือวิธีปั่นหัวคนด้วยสถิติ ผสมกับมุมมองของนักวิชาการทางด้านเศรษฐศาสตร์ เพิ่มเติมให้เข้าใจความบิดเบือนของสถิติ แม้กระทั่งงานวิจัยที่โด่งดังในอดีตผู้เขียนก็ยังค้นคว้าหาข้อมูลของงานวิจัยที่มีบทสรุปจนได้รับการตีพิมพ์และเป็นที่ยอมรับจากทั่วโลกว่า มีจุดอ่อนจากการเก็บข้อมูลอย่างไรบ้าง
ในท้ายเล่มบทสรุปของการจัดการความเชื่อข้อมูลต่างๆ ด้วยคำว่า “จงอยากรู้อยากเห็น” หรือก็คือให้สงสัยไว้ก่อนและค้นหาข้อมูลให้ดีก่อนจะเชื่อข้อมูลเหล่านั้น
#HowToMakeTheWorldAddUp #เลขเขย่าโลก #รีวิวหนังสือ
How To Make The World Add Up เลขเขย่าโลก (2025/085) หนังสือจากนักเขียนและนักแปลผู้เชี่ยวชาญทางด้านเศรษฐศาสตร์ แต่รอบนี้พวกเขาและเธอนำเสนอเล่ห์กลของผู้เสนอตัวเลขทางสถิติที่สามารถทำให้ผู้ที่เห็นตัวเลขเหล่านั้น เข้าใจผิด ตัดสินใจผิด รวมไปถึงเป็นเหยื่อของการนำเสนอข้อมูลเหล่านั้น ผู้เขียนวิเคราะห์และค้นหาวิธีที่จะไม่เป็นเหยื่อของสถิติที่ได้พบเห็นเป็นกฎสิบข้อให้ปฎิบัติตามก่อนที่จะตัดสินใจเชื่อข้อมูลเหล่านั้น ผู้เขียนถูกสะกิดความสงสัยเรื่องสถิติ จากหนังสือ วิธีปั่นหัวคนด้วยสถิติ ที่ตีพิมพ์เมื่อปี ค.ศ.1954 โดย ดาร์เรลล์ ฮัฟฟ์ ซึ่งเป็นการเปิดโปงการนำเสนอข้อมูลที่น่าเชื่อถือทางสถิติหลากหลายเรื่อง ทั้งๆที่ข้อมูลทั้งหลายที่แสดงให้เห็นเหล่านั้น บางเรื่องมีเบื้องหลังจากผู้ทำสถิติ บางเรื่องข้อมูลตัวอย่างน้อยเกินไป บางเรื่องมีความผิดพลาดในการเก็บข้อมูล จึงทำให้ข้อมูลสถิติที่พวกเราได้เห็นไม่ได้เป็นอย่างที่คิดไว้ ในส่วนของหนังสือเล่มนี้ ผู้เขียนพยามยามนำเสนอให้เห็นถึงแง่มุมอีกหลายๆเแง่มุมที่นอกเหนือจากหนังสือวิธีปั่นหัวคนด้วยสถิติ ผสมกับมุมมองของนักวิชาการทางด้านเศรษฐศาสตร์ เพิ่มเติมให้เข้าใจความบิดเบือนของสถิติ แม้กระทั่งงานวิจัยที่โด่งดังในอดีตผู้เขียนก็ยังค้นคว้าหาข้อมูลของงานวิจัยที่มีบทสรุปจนได้รับการตีพิมพ์และเป็นที่ยอมรับจากทั่วโลกว่า มีจุดอ่อนจากการเก็บข้อมูลอย่างไรบ้าง ในท้ายเล่มบทสรุปของการจัดการความเชื่อข้อมูลต่างๆ ด้วยคำว่า “จงอยากรู้อยากเห็น” หรือก็คือให้สงสัยไว้ก่อนและค้นหาข้อมูลให้ดีก่อนจะเชื่อข้อมูลเหล่านั้น #HowToMakeTheWorldAddUp #เลขเขย่าโลก #รีวิวหนังสือ0 Comments 0 Shares 11 Views 0 Reviews - เราจึงมีผลกระทบจากต่อมไร้ท่อที่ขึ้นอยู่กับบริบทอีกอย่าง คือความเครียดทำให้คนเห็นแก่ตัวมากขึ้น แต่เฉพาะในสถานการณ์ที่เป็นเรื่อง ส่วนตัวและมีความเข้มข้นทางอารมณ์เท่านั้น ซึ่งคล้ายกับสถานการณ์ ความบกพร่องของสมองส่วนหน้า ซึ่งบุคคลที่คอร์เทกซ์ กลีบหน้าเสียหายจะตัดสินอย่างสมเหตุสมผลเกี่ยวกับปัญหาของคนอื่น แต่ยิ่งปัญหานั้นมีความเป็นส่วนตัวและมีพลังทางอารมณ์ วิจารณญาณ ของพวกเขาก็จะยิ่งบกพร่อง
จากหนังสือ #Behave #ชีววิทยาของมนุษย์ยามดีสุดขั้วและชั่วสุดขีดเราจึงมีผลกระทบจากต่อมไร้ท่อที่ขึ้นอยู่กับบริบทอีกอย่าง คือความเครียดทำให้คนเห็นแก่ตัวมากขึ้น แต่เฉพาะในสถานการณ์ที่เป็นเรื่อง ส่วนตัวและมีความเข้มข้นทางอารมณ์เท่านั้น ซึ่งคล้ายกับสถานการณ์ ความบกพร่องของสมองส่วนหน้า ซึ่งบุคคลที่คอร์เทกซ์ กลีบหน้าเสียหายจะตัดสินอย่างสมเหตุสมผลเกี่ยวกับปัญหาของคนอื่น แต่ยิ่งปัญหานั้นมีความเป็นส่วนตัวและมีพลังทางอารมณ์ วิจารณญาณ ของพวกเขาก็จะยิ่งบกพร่อง จากหนังสือ #Behave #ชีววิทยาของมนุษย์ยามดีสุดขั้วและชั่วสุดขีด0 Comments 0 Shares 10 Views 0 Reviews - เนื่องจากจีโนมของมนุษย์เป็นส่วนหนึ่งของการแข่งขันเพื่อแย่งชิงความเหนือกว่าภายในร่างกาย โดยดีเอ็นเอตัวหนึ่งทำสงครามกับดีเอ็นเออีกตัวหนึ่ง นี่จึงหมายความว่าจีโนมถูกผลักดันให้ซับซ้อนมากขึ้นเรื่อยๆอย่างไม่หยุดยั้ง เมื่อผ่านไปหลายพันรุ่นระหว่างที่ไวรัสที่ “ตาย” ไปนานแล้วเหล่านี้วิวัฒนาการ จีโนมส่วนที่เหลือก็ต้องวิวัฒนาการตามไปด้วยเพื่อกดไวรัสไม่ให้แผลงฤทธิ์
จากหนังสือ #อร่อยลวงตาย #UltraProcessedPeopleเนื่องจากจีโนมของมนุษย์เป็นส่วนหนึ่งของการแข่งขันเพื่อแย่งชิงความเหนือกว่าภายในร่างกาย โดยดีเอ็นเอตัวหนึ่งทำสงครามกับดีเอ็นเออีกตัวหนึ่ง นี่จึงหมายความว่าจีโนมถูกผลักดันให้ซับซ้อนมากขึ้นเรื่อยๆอย่างไม่หยุดยั้ง เมื่อผ่านไปหลายพันรุ่นระหว่างที่ไวรัสที่ “ตาย” ไปนานแล้วเหล่านี้วิวัฒนาการ จีโนมส่วนที่เหลือก็ต้องวิวัฒนาการตามไปด้วยเพื่อกดไวรัสไม่ให้แผลงฤทธิ์ จากหนังสือ #อร่อยลวงตาย #UltraProcessedPeople0 Comments 0 Shares 10 Views 0 Reviews - เริ่มตั้งแต่ปี 80 ของศตวรรษที่ 20 เป็นต้นมา ประเทศจีนได้ส่งทีมแพทย์จากประเทศจีนไปที่โรงพยาบาลกลางกรุงพอร์ตวิลา (Port-Vila) เมืองหลวงของวานูอาตู และโรงพยาบาล Santo North โดยทำการต่อเนื่องเป็นเวลายาวนานถึง 30 กว่าปี ในเดือนกรกฎาคม ปี ค.ศ. 2014 โรงพยาบาลนาฮูวะฟิจิ โดยการให้ความช่วยเหลือจากประเทศจีนเริ่มดำเนินการได้ สามารถให้บริการ แก่คนไข้โดยรอบ 25,000 คน ได้รับการยกย่องว่าเป็น “โรงพยาบาลที่ดีที่สุดในฟิจิ” เดือนตุลาคม ปี ค.ศ. 2015 คณะทีมแพทย์อาสาตองการุ่นแรก ในแผนกสูตินรีเวช ทันตกรรม จิตแพทย์ และการรักษาด้วยระบบ Ultrasonic ต่างๆ เป็นต้น คณะทีมแพทย์จีนได้รับการยกย่องจากชาวตองกาว่า “เป็นทูตสวรรค์ที่พระเจ้าส่งมา” ประมาณเดือนสิงหาคม-เดือนกันยายน ปี ค.ศ. 2014 ทหารเรือจากประเทศจีน และคณะแพทย์จากประเทศจีนโดย “เรือสันติภาพ” เดินทางไป เยี่ยมเยียนตองกา ฟิจิ วานูอาตู และปาปัวนิวกินี 4 ประเทศ โดยทำการตรวจ รักษาให้กับประชาชนในพื้นที่โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย หลายปีมานี้คณะทีมแพทย์จากมณฑลกว่างตง ได้จัดกิจกรรมทางการแพทย์ไปที่วานูอาตูและตองกาและประเทศอื่นๆ ทั้งตามระยะเวลาที่กำหนดและไม่กำหนด เพื่อเป็นการขจัดไข้มาลาเรีย นอกจากนี้ประเทศจีนได้บริจาคยาป้องกันไข้มาลาเรีย มุ้ง และอุปกรณ์ อื่นๆ ให้แก่ประเทศเหล่านี้อย่างต่อเนื่อง
จากหนังสือ #ความคิดและวาทะสีจิ้นผิงเริ่มตั้งแต่ปี 80 ของศตวรรษที่ 20 เป็นต้นมา ประเทศจีนได้ส่งทีมแพทย์จากประเทศจีนไปที่โรงพยาบาลกลางกรุงพอร์ตวิลา (Port-Vila) เมืองหลวงของวานูอาตู และโรงพยาบาล Santo North โดยทำการต่อเนื่องเป็นเวลายาวนานถึง 30 กว่าปี ในเดือนกรกฎาคม ปี ค.ศ. 2014 โรงพยาบาลนาฮูวะฟิจิ โดยการให้ความช่วยเหลือจากประเทศจีนเริ่มดำเนินการได้ สามารถให้บริการ แก่คนไข้โดยรอบ 25,000 คน ได้รับการยกย่องว่าเป็น “โรงพยาบาลที่ดีที่สุดในฟิจิ” เดือนตุลาคม ปี ค.ศ. 2015 คณะทีมแพทย์อาสาตองการุ่นแรก ในแผนกสูตินรีเวช ทันตกรรม จิตแพทย์ และการรักษาด้วยระบบ Ultrasonic ต่างๆ เป็นต้น คณะทีมแพทย์จีนได้รับการยกย่องจากชาวตองกาว่า “เป็นทูตสวรรค์ที่พระเจ้าส่งมา” ประมาณเดือนสิงหาคม-เดือนกันยายน ปี ค.ศ. 2014 ทหารเรือจากประเทศจีน และคณะแพทย์จากประเทศจีนโดย “เรือสันติภาพ” เดินทางไป เยี่ยมเยียนตองกา ฟิจิ วานูอาตู และปาปัวนิวกินี 4 ประเทศ โดยทำการตรวจ รักษาให้กับประชาชนในพื้นที่โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย หลายปีมานี้คณะทีมแพทย์จากมณฑลกว่างตง ได้จัดกิจกรรมทางการแพทย์ไปที่วานูอาตูและตองกาและประเทศอื่นๆ ทั้งตามระยะเวลาที่กำหนดและไม่กำหนด เพื่อเป็นการขจัดไข้มาลาเรีย นอกจากนี้ประเทศจีนได้บริจาคยาป้องกันไข้มาลาเรีย มุ้ง และอุปกรณ์ อื่นๆ ให้แก่ประเทศเหล่านี้อย่างต่อเนื่อง จากหนังสือ #ความคิดและวาทะสีจิ้นผิง0 Comments 0 Shares 15 Views 0 Reviews - การจู่โจมของโรคปอดบวมยังมีวิธีอื่นที่จะคร่าชีวิตของเหยื่อฐาน ปฏิบัติการที่เน่าอยู่ในปอดเป็นแหล่งแพร่กระจายฆาตกรตัวเล็กๆ เข้าสู่กระแสเลือด ซึ่งจะนำพามันไปสู่อวัยวะต่างๆภายในร่างกาย ทำให้เกิดภาวะโลหิตเป็นพิษ กระบวนการนี้จะเปลี่ยนแปลงกลไกในทางสรีรวิทยา ส่งผลให้บูรณภาพของหัวใจ ปอด หลอดเลือด ตับ และไตเสียไป ทำให้ความดันเลือดลดต่ำลงจนถึงระดับช็อกและเสียชีวิตในที่สุด ในภาวะโลหิต เป็นพิษ แม้แต่ยาปฏิชีวนะที่ทรงอานุภาพที่สุดก็ไม่สามารถต่อกรกับการ โจมตีจากทุกทิศทางของจุลชีพเหล่านี้ได้
จากหนังสือ #HowWeDie #เราตายอย่างไรการจู่โจมของโรคปอดบวมยังมีวิธีอื่นที่จะคร่าชีวิตของเหยื่อฐาน ปฏิบัติการที่เน่าอยู่ในปอดเป็นแหล่งแพร่กระจายฆาตกรตัวเล็กๆ เข้าสู่กระแสเลือด ซึ่งจะนำพามันไปสู่อวัยวะต่างๆภายในร่างกาย ทำให้เกิดภาวะโลหิตเป็นพิษ กระบวนการนี้จะเปลี่ยนแปลงกลไกในทางสรีรวิทยา ส่งผลให้บูรณภาพของหัวใจ ปอด หลอดเลือด ตับ และไตเสียไป ทำให้ความดันเลือดลดต่ำลงจนถึงระดับช็อกและเสียชีวิตในที่สุด ในภาวะโลหิต เป็นพิษ แม้แต่ยาปฏิชีวนะที่ทรงอานุภาพที่สุดก็ไม่สามารถต่อกรกับการ โจมตีจากทุกทิศทางของจุลชีพเหล่านี้ได้ จากหนังสือ #HowWeDie #เราตายอย่างไร0 Comments 0 Shares 15 Views 0 Reviews - การจัดกระเป๋าใหม่ให้ชีวิตวัยกลางคนจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อเรายอมรับความจริงข้อนี้ พร้อมกับพยายามสร้างความเชื่อมโยงในจุดที่สำคัญๆ ให้แข็งแกร่งขึ้น นั่นคือในความสัมพันธ์ ในความสร้างสรรค์ ของชีวิต รวมถึงในแก่นแท้ทางจิตวิญญาณ โดยเราต้องลงมือทำทันที ไม่ใช่ภายในวันนี้หรือพรุ่งนี้แต่ต้องเป็นเดี๋ยวนี้เลย แม้อาจมีสิ่งที่ต้องแลกแต่มันก็เทียบไม่ได้เลยกับผลตอบแทนมหาศาลที่จะได้รับกลับมา อย่างที่ เกรแฮม กรีน เขียนไว้ในนวนิยายเรื่อง The Heart of the Matter ว่า “ขอเพียงกล้าที่จะทำเรื่องเล็ก ๆ สักเรื่องหนึ่งก็อาจเปลี่ยนความคิดที่เรามี ต่อคำว่าเป็นไปได้อย่างสิ้นเชิง”
จากหนังสือ #RepackingYourBags #ชีวิตฉันแบกอะไรไว้มากเกินไปหรือเปล่านะการจัดกระเป๋าใหม่ให้ชีวิตวัยกลางคนจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อเรายอมรับความจริงข้อนี้ พร้อมกับพยายามสร้างความเชื่อมโยงในจุดที่สำคัญๆ ให้แข็งแกร่งขึ้น นั่นคือในความสัมพันธ์ ในความสร้างสรรค์ ของชีวิต รวมถึงในแก่นแท้ทางจิตวิญญาณ โดยเราต้องลงมือทำทันที ไม่ใช่ภายในวันนี้หรือพรุ่งนี้แต่ต้องเป็นเดี๋ยวนี้เลย แม้อาจมีสิ่งที่ต้องแลกแต่มันก็เทียบไม่ได้เลยกับผลตอบแทนมหาศาลที่จะได้รับกลับมา อย่างที่ เกรแฮม กรีน เขียนไว้ในนวนิยายเรื่อง The Heart of the Matter ว่า “ขอเพียงกล้าที่จะทำเรื่องเล็ก ๆ สักเรื่องหนึ่งก็อาจเปลี่ยนความคิดที่เรามี ต่อคำว่าเป็นไปได้อย่างสิ้นเชิง” จากหนังสือ #RepackingYourBags #ชีวิตฉันแบกอะไรไว้มากเกินไปหรือเปล่านะ0 Comments 0 Shares 14 Views 0 Reviews
More Stories