ชักชวนกันอ่านหนังสือ หนังสือไม่ว่าจะเป็นแนวไหนล้วนมีประโยชน์
- กลุ่มสาธารณะ
- 902 โพสต์
- 174 รูปภาพ
- 0 วิดีโอ
- 0 รีวิว
- ไลฟ์สไตล์
- คิดน้อยลงบ้างก็ดีนะ Stop Over Thinking (2025/126)
หนังสือเล่มเล็กที่ช่วยให้ค้นพบวิธีที่จะจัดการความเครียดและความวิตกกังวลได้อย่างทรงพลัง
คนที่คิดมากย่อมเป็นคนที่คิดได้รอบด้านวางแผนในการดำเนินชีวิตได้เป็นอย่างดี แต่ความคิดมากก็มีผลเสียต่อต่อชีวิตและสุขภาพมากด้วยเช่นกัน ความคิดมากมีผลทางอ้อมต่อสุขภาพในแบบที่ไม่รู้ตัวเนื่องจากถ้าหากมีความเครียดเกิดขึ้น สมองที่โดยธรรมชาติเมื่อตัวเราพบกับเหตุการณ์ที่เจออันตราย(รวมถึงความเครียด)จะหลั่งสารกระตุ้นไปที่ต่อมในร่างกายและกระตุ้นให้เกิดการสร้างฮอร์โมน ซึ่งโดยปกติที่เหตุการณ์เหล่านี้จะเกิดขึ้นเป็นครั้งคราวและต่อมาความเครียดนี้ก็จะจบลง แต่ถ้าหากความเครียดที่เกิดภายในจิตใจถูกสร้างขึ้นมาจากความคิดมากซึ่งเกิดขึ้นตลอดเวลา ฮอร์โมนความเครียดถูกปล่อยออกมาตลอดเวลา และมันส่งผลต่อร่างกายระยะยาว
หนังสือเล่มนี้รวมรวมวิธีการจัดการความเครียดและความวิตกกังวลมา 4วิธี ซึ่งน่าสนใจมากๆได้แก่
1.หลัก 4A ในการจัดการความเครียด ได้แก่หลีกเลี่ยง (Avoid), ปรับเปลี่ยน (Alter), ปรับตัว (Adapt), และ ยอมรับ (Accept)
2.บันทึกประจำวันและไดอารี่ความเครียด
3.เทคนิคดึงสติ 5-4-3-2-1
4.การบำบัดด้วยการเล่าเรื่องและมองปัญหาแยกจากตัวตน
ในที่นี่จะเล่าถึงหลักดึงสติ 5-4-3-2-1
เป็นการสร้างการดึงสติดกลับมาจากช่วงวลาที่คิดมากและไม่สามารถออกจากสถานการณ์นีได้ วิธีการคือ เริ่มจากการสูดลมหายใจลึกๆแล้วมองไปรอบตัวเช่น
5 - มอง 5สิ่ง ที่มองเห็นในตอนนี้ เช่น มือ , ผนัง , รูปภาพ หรืออะไรก็ได้ โดยพิจารณาให้ละเอียดเช่น สีสัน,รูปร่าง , ผิวสัมผัส เป็นต้น
4 - สัมผัส 4วัตถุ ที่ร่างกายสามารถสัมผัสได้ตอนนี้ เช่น เก้าอี้ที่รับน้ำหนักอยู่ , ความเย็นของพื้นผิวโต๊ะ เป็นต้น
3 - ฟัง 3เสียง ที่อยู่รอบตัว เน้นที่เป็นเสียงที่ต้องใช้โสตประสาทมากหน่อย เช่นเสียงลมหายใจ , เสียงการจราจรที่อยู่ห่างออกไปไกลๆ
2 - ค้นหา 2วัตถุ ที่คุณได้กลิ่น เช่นกลิ่นน้ำหอมของคนที่อยู่ใกล้ๆ หรือกลิ่นอาหาร
1 - ชิม 1ชนิด หาสิ่งที่สามารถชิมแล้วคุณรับรสได้ และถึงแม้ว่าจะไม่สามารถหาได้ในตอนนั้น ก็ให้พิจารณาต่อมรับรสของตัวเอง ใสขณะที่ยังไม่ได้รับรสอะไร
แค่คิดตามก็ทำให้รู้ได้ว่า เทคนิคดึงสติ 5-4-3-2-1 นั้นได้ผลจริงๆ
หนังสือเล่มนี้เหมาะเป็นตำราเพื่อจัดการความเครียดได้เป็นอย่างดี แนะนำให้มีติดตัวไว้ถ้าคิดว่าตนเองอยู่ในความเครียด
#คิดน้อยลงบ้างก็ดีนะ #StopOverThinking #รีวิวหนังสือ
คิดน้อยลงบ้างก็ดีนะ Stop Over Thinking (2025/126) หนังสือเล่มเล็กที่ช่วยให้ค้นพบวิธีที่จะจัดการความเครียดและความวิตกกังวลได้อย่างทรงพลัง คนที่คิดมากย่อมเป็นคนที่คิดได้รอบด้านวางแผนในการดำเนินชีวิตได้เป็นอย่างดี แต่ความคิดมากก็มีผลเสียต่อต่อชีวิตและสุขภาพมากด้วยเช่นกัน ความคิดมากมีผลทางอ้อมต่อสุขภาพในแบบที่ไม่รู้ตัวเนื่องจากถ้าหากมีความเครียดเกิดขึ้น สมองที่โดยธรรมชาติเมื่อตัวเราพบกับเหตุการณ์ที่เจออันตราย(รวมถึงความเครียด)จะหลั่งสารกระตุ้นไปที่ต่อมในร่างกายและกระตุ้นให้เกิดการสร้างฮอร์โมน ซึ่งโดยปกติที่เหตุการณ์เหล่านี้จะเกิดขึ้นเป็นครั้งคราวและต่อมาความเครียดนี้ก็จะจบลง แต่ถ้าหากความเครียดที่เกิดภายในจิตใจถูกสร้างขึ้นมาจากความคิดมากซึ่งเกิดขึ้นตลอดเวลา ฮอร์โมนความเครียดถูกปล่อยออกมาตลอดเวลา และมันส่งผลต่อร่างกายระยะยาว หนังสือเล่มนี้รวมรวมวิธีการจัดการความเครียดและความวิตกกังวลมา 4วิธี ซึ่งน่าสนใจมากๆได้แก่ 1.หลัก 4A ในการจัดการความเครียด ได้แก่หลีกเลี่ยง (Avoid), ปรับเปลี่ยน (Alter), ปรับตัว (Adapt), และ ยอมรับ (Accept) 2.บันทึกประจำวันและไดอารี่ความเครียด 3.เทคนิคดึงสติ 5-4-3-2-1 4.การบำบัดด้วยการเล่าเรื่องและมองปัญหาแยกจากตัวตน ในที่นี่จะเล่าถึงหลักดึงสติ 5-4-3-2-1 เป็นการสร้างการดึงสติดกลับมาจากช่วงวลาที่คิดมากและไม่สามารถออกจากสถานการณ์นีได้ วิธีการคือ เริ่มจากการสูดลมหายใจลึกๆแล้วมองไปรอบตัวเช่น 5 - มอง 5สิ่ง ที่มองเห็นในตอนนี้ เช่น มือ , ผนัง , รูปภาพ หรืออะไรก็ได้ โดยพิจารณาให้ละเอียดเช่น สีสัน,รูปร่าง , ผิวสัมผัส เป็นต้น 4 - สัมผัส 4วัตถุ ที่ร่างกายสามารถสัมผัสได้ตอนนี้ เช่น เก้าอี้ที่รับน้ำหนักอยู่ , ความเย็นของพื้นผิวโต๊ะ เป็นต้น 3 - ฟัง 3เสียง ที่อยู่รอบตัว เน้นที่เป็นเสียงที่ต้องใช้โสตประสาทมากหน่อย เช่นเสียงลมหายใจ , เสียงการจราจรที่อยู่ห่างออกไปไกลๆ 2 - ค้นหา 2วัตถุ ที่คุณได้กลิ่น เช่นกลิ่นน้ำหอมของคนที่อยู่ใกล้ๆ หรือกลิ่นอาหาร 1 - ชิม 1ชนิด หาสิ่งที่สามารถชิมแล้วคุณรับรสได้ และถึงแม้ว่าจะไม่สามารถหาได้ในตอนนั้น ก็ให้พิจารณาต่อมรับรสของตัวเอง ใสขณะที่ยังไม่ได้รับรสอะไร แค่คิดตามก็ทำให้รู้ได้ว่า เทคนิคดึงสติ 5-4-3-2-1 นั้นได้ผลจริงๆ หนังสือเล่มนี้เหมาะเป็นตำราเพื่อจัดการความเครียดได้เป็นอย่างดี แนะนำให้มีติดตัวไว้ถ้าคิดว่าตนเองอยู่ในความเครียด #คิดน้อยลงบ้างก็ดีนะ #StopOverThinking #รีวิวหนังสือ0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 7 มุมมอง 0 รีวิวกรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อกดถูกใจ แชร์ และแสดงความคิดเห็น! - เมื่อคุณจดเรื่องทั่วไปต่างๆ เรื่องเหล่านั้นสามารถแปรเปลี่ยนไปเป็นไอเดียได้ แม้กระทั่งสิ่งที่เมื่อมองเผินๆ แล้วดูไม่ได้มีความสำคัญอะไร เป็นเรื่องเล็กๆที่คนทั่วไปมักจะมองข้าม แต่ถ้าเราจดบันทึกไว้ เรื่องเหล่านั้นจะสามารถกลายเป็นไอเดีย ดังนั้นเวทมนตร์ของการ จดบันทึกก็คือการแปรเปลี่ยนเรื่องราวธรรมดาให้เป็นไอเดียนี่เอง
จากหนังสือ #จดโน้ตขั้นเทพเปลี่ยนกระดาษให้เป็นสมองเมื่อคุณจดเรื่องทั่วไปต่างๆ เรื่องเหล่านั้นสามารถแปรเปลี่ยนไปเป็นไอเดียได้ แม้กระทั่งสิ่งที่เมื่อมองเผินๆ แล้วดูไม่ได้มีความสำคัญอะไร เป็นเรื่องเล็กๆที่คนทั่วไปมักจะมองข้าม แต่ถ้าเราจดบันทึกไว้ เรื่องเหล่านั้นจะสามารถกลายเป็นไอเดีย ดังนั้นเวทมนตร์ของการ จดบันทึกก็คือการแปรเปลี่ยนเรื่องราวธรรมดาให้เป็นไอเดียนี่เอง จากหนังสือ #จดโน้ตขั้นเทพเปลี่ยนกระดาษให้เป็นสมอง0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 10 มุมมอง 0 รีวิว - การดำรงชีวิตในหมู่ประชากรจำนวนมากก็หล่อหลอม ให้เกิดผู้ลงโทษที่เป็นบุคคลที่สามแบบเบ็ดเสร็จ ตามบันทึกโดยเอรานอเรนซายัน จากมหาวิทยาลัยบริติชโคลัมเบีย สังคมต้องมีขนาดใหญ่ พอที่ผู้คนจะพบกับคนแปลกหน้าเป็นประจำ จึงจะเกิดความเชื่อใน “เทพผู้ยิ่งใหญ่” หรือเทพเจ้าผู้เกี่ยวข้องกับศีลธรรมของมนุษย์และลงโทษการล่วงละเมิดของเรา” สังคมที่มีปฏิสัมพันธ์กันโดยไม่ระบุตัวตนบ่อยครั้ง มีแนวโน้มที่จะยกหน้าที่การลงโทษให้เป็นของบรรดาเทพเจ้า ในทางกลับกัน เทพเจ้าของคนเก็บของป่าล่าสัตว์ไม่ค่อยสนใจนักหรอกว่าเราจะทำตัวดีหรือเปล่า ยิ่งกว่านั้น จากผลงานที่เกี่ยวข้องกับวัฒนธรรม ดั้งเดิมที่หลากหลาย นอเรนซายันแสดงให้เห็นว่า ยิ่งผู้คนเชื่อว่าเทพเจ้า ผู้ทรงศีลของตนรอบรู้และเข้มงวดกับการลงโทษเท่าใดพวกเขาก็ยิ่งใจกว้าง ต่อคนแปลกหน้าที่นับถือศาสนาเดียวกันในเกมแบ่งสันปันส่วนทางการเงิ
จากหนังสือ #Behave #ชีววิทยาของมนุษย์ยามดีสุดขั้วและชั่วสุดขีดการดำรงชีวิตในหมู่ประชากรจำนวนมากก็หล่อหลอม ให้เกิดผู้ลงโทษที่เป็นบุคคลที่สามแบบเบ็ดเสร็จ ตามบันทึกโดยเอรานอเรนซายัน จากมหาวิทยาลัยบริติชโคลัมเบีย สังคมต้องมีขนาดใหญ่ พอที่ผู้คนจะพบกับคนแปลกหน้าเป็นประจำ จึงจะเกิดความเชื่อใน “เทพผู้ยิ่งใหญ่” หรือเทพเจ้าผู้เกี่ยวข้องกับศีลธรรมของมนุษย์และลงโทษการล่วงละเมิดของเรา” สังคมที่มีปฏิสัมพันธ์กันโดยไม่ระบุตัวตนบ่อยครั้ง มีแนวโน้มที่จะยกหน้าที่การลงโทษให้เป็นของบรรดาเทพเจ้า ในทางกลับกัน เทพเจ้าของคนเก็บของป่าล่าสัตว์ไม่ค่อยสนใจนักหรอกว่าเราจะทำตัวดีหรือเปล่า ยิ่งกว่านั้น จากผลงานที่เกี่ยวข้องกับวัฒนธรรม ดั้งเดิมที่หลากหลาย นอเรนซายันแสดงให้เห็นว่า ยิ่งผู้คนเชื่อว่าเทพเจ้า ผู้ทรงศีลของตนรอบรู้และเข้มงวดกับการลงโทษเท่าใดพวกเขาก็ยิ่งใจกว้าง ต่อคนแปลกหน้าที่นับถือศาสนาเดียวกันในเกมแบ่งสันปันส่วนทางการเงิ จากหนังสือ #Behave #ชีววิทยาของมนุษย์ยามดีสุดขั้วและชั่วสุดขีด0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 10 มุมมอง 0 รีวิว - สาเหตุของเรื่องนี้คือใบหน้าของคนสมัยใหม่อย่างเรานั้นเล็กกว่า บรรพบุรุษมากโดยเฉพาะส่วนกราม การเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้นแบบทันทีทันใด ดูจากชนเผ่าอะบอริจินในออสเตรเลียจำนวนมากที่เปลี่ยนมาบริโภคอาหาร แบบสมัยใหม่อย่างรวดเร็วในช่วงทศวรรษที่ 1950 มีกรามเล็กกว่าบรรพบุรุษ ที่มีชีวิตอยู่เมื่อ 100 ปีก่อนหน้านั้นอย่างมาก” ส่วนกรามของชาวฟินแลนด์ สมัยใหม่ก็เล็กกว่าบรรพบุรุษสมัยโบราณของตน (ซึ่งมีความคล้ายคลึงทาง พันธุกรรมสูงมาก) ถึง 6 เปอร์เซ็นต์
สาเหตุที่ทำให้ใบหน้าเล็กลงเป็นสาเหตุเดียวกับที่นักเทนนิสมีความหนาแน่นของกระดูกแขนข้างที่ใช้ตีลูกสูงกว่าอีกข้างมาก และเป็นสาเหตุเดียวกับที่เราสามารถระบุตัวพลธนูยาวที่เสียชีวิตในซากเรือแมรี่โรสได้จากขนาด และความหนาแน่นของกระดูกแขนของพวกเขา” กระดูกไม่ใช่ก้อนหินครับ มันมีชีวิตซึ่งสามารถเปลี่ยนรูปแบบได้เสมอ มันแตกหักได้และ สร้างขึ้นใหม่ได้ตามแรงกดดันที่ได้รับ กระดูกใบหน้าและกรามก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น ถ้าคุณออกแรงเคี้ยวมันก็จะเติบโต
ที่จริงแล้วมีงานวิจัยหนึ่งขอให้เด็กๆ ชาวกรีกเคี้ยวหมากฝรั่งเหนียวหนีบ เป็นเวลา 2 ชั่วโมงต่อวัน เพื่อดูผลกระทบที่เกิดขึ้น เมื่อสิ้นสุดงานวิจัยก็พบว่าเด็กๆ ที่เคี้ยวหมากฝรั่งนั้นไม่เพียงแต่สามารถลงน้ำหนักในการเคี้ยวได้มากขึ้น แต่ยังมีกรามและโหนกแก้มที่ยาวขึ้นอย่างเห็นได้ชัดด้วย
จากหนังสือ #อร่อยลวงตาย #UltraProcessedPeopleสาเหตุของเรื่องนี้คือใบหน้าของคนสมัยใหม่อย่างเรานั้นเล็กกว่า บรรพบุรุษมากโดยเฉพาะส่วนกราม การเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้นแบบทันทีทันใด ดูจากชนเผ่าอะบอริจินในออสเตรเลียจำนวนมากที่เปลี่ยนมาบริโภคอาหาร แบบสมัยใหม่อย่างรวดเร็วในช่วงทศวรรษที่ 1950 มีกรามเล็กกว่าบรรพบุรุษ ที่มีชีวิตอยู่เมื่อ 100 ปีก่อนหน้านั้นอย่างมาก” ส่วนกรามของชาวฟินแลนด์ สมัยใหม่ก็เล็กกว่าบรรพบุรุษสมัยโบราณของตน (ซึ่งมีความคล้ายคลึงทาง พันธุกรรมสูงมาก) ถึง 6 เปอร์เซ็นต์ สาเหตุที่ทำให้ใบหน้าเล็กลงเป็นสาเหตุเดียวกับที่นักเทนนิสมีความหนาแน่นของกระดูกแขนข้างที่ใช้ตีลูกสูงกว่าอีกข้างมาก และเป็นสาเหตุเดียวกับที่เราสามารถระบุตัวพลธนูยาวที่เสียชีวิตในซากเรือแมรี่โรสได้จากขนาด และความหนาแน่นของกระดูกแขนของพวกเขา” กระดูกไม่ใช่ก้อนหินครับ มันมีชีวิตซึ่งสามารถเปลี่ยนรูปแบบได้เสมอ มันแตกหักได้และ สร้างขึ้นใหม่ได้ตามแรงกดดันที่ได้รับ กระดูกใบหน้าและกรามก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น ถ้าคุณออกแรงเคี้ยวมันก็จะเติบโต ที่จริงแล้วมีงานวิจัยหนึ่งขอให้เด็กๆ ชาวกรีกเคี้ยวหมากฝรั่งเหนียวหนีบ เป็นเวลา 2 ชั่วโมงต่อวัน เพื่อดูผลกระทบที่เกิดขึ้น เมื่อสิ้นสุดงานวิจัยก็พบว่าเด็กๆ ที่เคี้ยวหมากฝรั่งนั้นไม่เพียงแต่สามารถลงน้ำหนักในการเคี้ยวได้มากขึ้น แต่ยังมีกรามและโหนกแก้มที่ยาวขึ้นอย่างเห็นได้ชัดด้วย จากหนังสือ #อร่อยลวงตาย #UltraProcessedPeople0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 11 มุมมอง 0 รีวิว - ฉันได้พัฒนาสัมผัสที่ไวเป็นพิเศษ ว่าสถานการณ์เริ่ม คุกรุ่นขึ้นมาเมื่อไร ฉันรับรู้ถึงความเปลี่ยนแปลงในน้ำเสียงหรือ “สีหน้า” ของยาย ที่แสดงว่าฉันทำอะไรให้เธอไม่พอใจ ยายไม่ได้เป็นคนใจร้าย ฉันเชื่อว่ายายเอาใจใส่ฉัน และอยากให้ฉันเป็น “เด็กดี” ฉันได้เข้าใจว่า การ“เงียบซะดี ๆ” หรือการหุบปากไว้ คือหนทางเดียวที่ทำให้แน่ใจว่า การลงโทษและความเจ็บปวดนี้จะจบลงโดยเร็วที่สุด สี่สิบปีต่อมา รูปแบบของพฤติกรรมที่ยินยอมทำตามแต่โดยดี อันเป็นผลมาจากบาดแผล ทางใจที่ฝังลึก มักจะกำหนดทุก ๆ ความสัมพันธ์ ปฏิสัมพันธ์ และการตัดสินใจในชีวิตของฉัน
จากหนังสือ #แค่เข้าใจก็ไม่เจ็บแล้ว #WhatHappenedToYou?ฉันได้พัฒนาสัมผัสที่ไวเป็นพิเศษ ว่าสถานการณ์เริ่ม คุกรุ่นขึ้นมาเมื่อไร ฉันรับรู้ถึงความเปลี่ยนแปลงในน้ำเสียงหรือ “สีหน้า” ของยาย ที่แสดงว่าฉันทำอะไรให้เธอไม่พอใจ ยายไม่ได้เป็นคนใจร้าย ฉันเชื่อว่ายายเอาใจใส่ฉัน และอยากให้ฉันเป็น “เด็กดี” ฉันได้เข้าใจว่า การ“เงียบซะดี ๆ” หรือการหุบปากไว้ คือหนทางเดียวที่ทำให้แน่ใจว่า การลงโทษและความเจ็บปวดนี้จะจบลงโดยเร็วที่สุด สี่สิบปีต่อมา รูปแบบของพฤติกรรมที่ยินยอมทำตามแต่โดยดี อันเป็นผลมาจากบาดแผล ทางใจที่ฝังลึก มักจะกำหนดทุก ๆ ความสัมพันธ์ ปฏิสัมพันธ์ และการตัดสินใจในชีวิตของฉัน จากหนังสือ #แค่เข้าใจก็ไม่เจ็บแล้ว #WhatHappenedToYou?0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 11 มุมมอง 0 รีวิว - The Dawn Of Everything รุ่งอรุณแห่งมนุษยชาติ (2025/126)
ทีมน้กเขียนสองคนที่เป็นอาจารย์ผู้เชี่ยวชาญทางด้านโบราณวิทยาและนักมนุษยวิทยาที่ร่วมทือกันเขียนหนังสือเล่มนี้มาร่วมสิบปี ทั้งสองคนมีความเชื่อว่าการใช้ชีวิตของผู้คนในสมัยโบราณหลายพันปีก่อนนั้น สามารถใช้ชีวิตได้อย่างมีอิสระและเท่าเทียมทั้ง ทางเพศ อาชีพ และช่วงอายุได้มากกว่าปัจจุบัน ซึ่งนั่นรวมไปถึงการปกครองในแบบที่ไม่มีรูปแบบแน่นอนในอดีตนั้นก็ยังสามารถให้อิสระเสรีมากกว่าการปกครองในแบบประชาติธิปไตยที่นำเสนอความเท่าเทียมที่ใช้ในยุคปัจจุบันเสียอีก
การสืบค้นและนำเสนอของทีมผู้เขียนย่อมมีความขัดแย้งแบบ หนึ่งร้อยแปดสิบองศากับนักวิชาการที่นำเสนอทางประวัติศาสตร์ที่ให้แนวคิดไปในทิศทางเดียวกันเกือบทั้งหมด รวมไปถึงขัดกับความเชื่อของคนทั่วไปที่เนื่องจากเราได้รับการนำเสนอประวัติศาสตร์มาเป็นในรูปแบบทิศทางเดียวกันตลอดมา สิ่งที่ขัดแย้งเช่น ไม่ได้มีพระราชาหรือผู้นำเดี่ยวๆเท่านั้นที่จะปกครองทุกๆบ้านเมือง , ในอดีตยุคเกษตรกรรมกลับไม่ได้มีชาวเผ่าต้องการสร้างสังคมเกษตรกรรมเลย หรือ การยกย่องสตรีเพศในการเป็นตัวขับเคลื่อนสังคมและความเป็นนักประดิษฐ์ที่เป็นเบื้องหลังหลัก เป็นต้น
แน่นอนว่าหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่ทีมนักเขียนทั้งสองสืบค้นและนำเสนอให้เราได้อ่านกันนั้น ไม่ใช่หลักฐานพวกเราคุ้นเคยและได้รับรู้มา อย่างเช่นวัฒนธรรมอียิปต์โบราณ หรือวัฒนธรรมกรีกโรมัน แต่พวกเขาสืบค้นหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่เป็นส่วนของชุมชนเล็กๆในจุดต่างๆของโลก และมีความเชื่อมโยงที่สามารถยืนยันสมมติฐานของพวกเขาได้ ดังนั้นหลักความเชื่อของของทีมนักเขียนจึงเป็นชุดความคิดหนึ่งที่ไม่ควรมองข้าม
#TheDawnOfEverything #รุ่งอรุณแห่งมนุษยชาติ #รีวิวหนังสือ
The Dawn Of Everything รุ่งอรุณแห่งมนุษยชาติ (2025/126) ทีมน้กเขียนสองคนที่เป็นอาจารย์ผู้เชี่ยวชาญทางด้านโบราณวิทยาและนักมนุษยวิทยาที่ร่วมทือกันเขียนหนังสือเล่มนี้มาร่วมสิบปี ทั้งสองคนมีความเชื่อว่าการใช้ชีวิตของผู้คนในสมัยโบราณหลายพันปีก่อนนั้น สามารถใช้ชีวิตได้อย่างมีอิสระและเท่าเทียมทั้ง ทางเพศ อาชีพ และช่วงอายุได้มากกว่าปัจจุบัน ซึ่งนั่นรวมไปถึงการปกครองในแบบที่ไม่มีรูปแบบแน่นอนในอดีตนั้นก็ยังสามารถให้อิสระเสรีมากกว่าการปกครองในแบบประชาติธิปไตยที่นำเสนอความเท่าเทียมที่ใช้ในยุคปัจจุบันเสียอีก การสืบค้นและนำเสนอของทีมผู้เขียนย่อมมีความขัดแย้งแบบ หนึ่งร้อยแปดสิบองศากับนักวิชาการที่นำเสนอทางประวัติศาสตร์ที่ให้แนวคิดไปในทิศทางเดียวกันเกือบทั้งหมด รวมไปถึงขัดกับความเชื่อของคนทั่วไปที่เนื่องจากเราได้รับการนำเสนอประวัติศาสตร์มาเป็นในรูปแบบทิศทางเดียวกันตลอดมา สิ่งที่ขัดแย้งเช่น ไม่ได้มีพระราชาหรือผู้นำเดี่ยวๆเท่านั้นที่จะปกครองทุกๆบ้านเมือง , ในอดีตยุคเกษตรกรรมกลับไม่ได้มีชาวเผ่าต้องการสร้างสังคมเกษตรกรรมเลย หรือ การยกย่องสตรีเพศในการเป็นตัวขับเคลื่อนสังคมและความเป็นนักประดิษฐ์ที่เป็นเบื้องหลังหลัก เป็นต้น แน่นอนว่าหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่ทีมนักเขียนทั้งสองสืบค้นและนำเสนอให้เราได้อ่านกันนั้น ไม่ใช่หลักฐานพวกเราคุ้นเคยและได้รับรู้มา อย่างเช่นวัฒนธรรมอียิปต์โบราณ หรือวัฒนธรรมกรีกโรมัน แต่พวกเขาสืบค้นหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่เป็นส่วนของชุมชนเล็กๆในจุดต่างๆของโลก และมีความเชื่อมโยงที่สามารถยืนยันสมมติฐานของพวกเขาได้ ดังนั้นหลักความเชื่อของของทีมนักเขียนจึงเป็นชุดความคิดหนึ่งที่ไม่ควรมองข้าม #TheDawnOfEverything #รุ่งอรุณแห่งมนุษยชาติ #รีวิวหนังสือ0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 11 มุมมอง 0 รีวิว - ความถี่ในการวัดผลไมสามารถกำหนดเป็นมาตรฐานได้ว่า เท่าไรถึงจะเหมาะสม เพราะขึ้นอยู่กับแต่ละประเภทธุรกิจ แต่การ วัดผลอย่างสม่ำเสมอในความถี่ที่มากพอจะทำให้คุณได้ผลลัพธ์ที่ ถูกต้อง แม่นยำ และมีประสิทธิภาพอย่างแน่นยน
จากสถิติที่ Way Maker จัดเก็บข้อมูล ผมขอแนะนำความถี่ในการวัดผลลัพธ์คือ อย่างน้อย 1 ครั้งต่อสัปดาห์ เพื่อเป็น การป้องกันไม่ให้คุณเสียเงินไปฟรีๆ
จากหนังสือ #MarketingROIความถี่ในการวัดผลไมสามารถกำหนดเป็นมาตรฐานได้ว่า เท่าไรถึงจะเหมาะสม เพราะขึ้นอยู่กับแต่ละประเภทธุรกิจ แต่การ วัดผลอย่างสม่ำเสมอในความถี่ที่มากพอจะทำให้คุณได้ผลลัพธ์ที่ ถูกต้อง แม่นยำ และมีประสิทธิภาพอย่างแน่นยน จากสถิติที่ Way Maker จัดเก็บข้อมูล ผมขอแนะนำความถี่ในการวัดผลลัพธ์คือ อย่างน้อย 1 ครั้งต่อสัปดาห์ เพื่อเป็น การป้องกันไม่ให้คุณเสียเงินไปฟรีๆ จากหนังสือ #MarketingROI0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 13 มุมมอง 0 รีวิว - อัตราส่วนนี้อาจจะเรียกว่า จำนวนวันของลูกหนี้ (debtor days) หรือระยะเวลาในการเก็บ หนี้ (collection period)ก็ได้ แนวคิดนี้จะทำให้เข้าใจได้ง่ายกว่า และให้คำตอบที่แน่นอนกว่า สามารถบอกถึงจำนวนวันที่คลาดเคลื่อนได้ นอกจากนี้ยังสามารถเปรียบเทียบระหว่างจำนวน วันของลูกหนี้กับระยะเวลาในการขายสินค้าตามปกติและติดตามประสิทธิภาพในการเก็บหนี้ได้
จากหนังสือ #วิเคราะห์เจาะลึกอัตราส่วนทางการเงินอัตราส่วนนี้อาจจะเรียกว่า จำนวนวันของลูกหนี้ (debtor days) หรือระยะเวลาในการเก็บ หนี้ (collection period)ก็ได้ แนวคิดนี้จะทำให้เข้าใจได้ง่ายกว่า และให้คำตอบที่แน่นอนกว่า สามารถบอกถึงจำนวนวันที่คลาดเคลื่อนได้ นอกจากนี้ยังสามารถเปรียบเทียบระหว่างจำนวน วันของลูกหนี้กับระยะเวลาในการขายสินค้าตามปกติและติดตามประสิทธิภาพในการเก็บหนี้ได้ จากหนังสือ #วิเคราะห์เจาะลึกอัตราส่วนทางการเงิน0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 13 มุมมอง 0 รีวิว - การคิดเหมือนนักวิทยาศาสตร์จรวดก็คือการมองโลกผ่านเลนส์ที่ต่างไป นักวิทยาศาสตร์จรวดจินตนาการสิ่งที่เหนือจินตนาการและแก้ปัญหา ที่ยากเกินแก้ แปลงความล้มเหลวให้เป็นชัยชนะ และแปลงข้อจำกัดให้เป็นข้อได้เปรียบ มองเคราะห์ร้ายว่าเป็นปริศนาที่ไขได้ แทนที่จะเป็นทางตัน ที่ยากเกินฝ่าฟัน ไม่ได้เดินหน้าอย่างมั่นใจไร้สติแต่เดินอย่างมีข้อสงสัย เป้าหมายไม่ใช่ผลระยะสั้น แต่เป็นการค้นพบที่ยิ่งใหญ่ในระยะยาว พวกเขารู้ว่ากฎไม่ตายตัว ค่าพื้นฐานตั้งใหม่ได้ และบุกเบิกเส้นทางใหม่ได้
จากหนังสือ #คิดอย่างนักสร้างจรวด #ThinkLikeARocketScientistการคิดเหมือนนักวิทยาศาสตร์จรวดก็คือการมองโลกผ่านเลนส์ที่ต่างไป นักวิทยาศาสตร์จรวดจินตนาการสิ่งที่เหนือจินตนาการและแก้ปัญหา ที่ยากเกินแก้ แปลงความล้มเหลวให้เป็นชัยชนะ และแปลงข้อจำกัดให้เป็นข้อได้เปรียบ มองเคราะห์ร้ายว่าเป็นปริศนาที่ไขได้ แทนที่จะเป็นทางตัน ที่ยากเกินฝ่าฟัน ไม่ได้เดินหน้าอย่างมั่นใจไร้สติแต่เดินอย่างมีข้อสงสัย เป้าหมายไม่ใช่ผลระยะสั้น แต่เป็นการค้นพบที่ยิ่งใหญ่ในระยะยาว พวกเขารู้ว่ากฎไม่ตายตัว ค่าพื้นฐานตั้งใหม่ได้ และบุกเบิกเส้นทางใหม่ได้ จากหนังสือ #คิดอย่างนักสร้างจรวด #ThinkLikeARocketScientist0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 14 มุมมอง 0 รีวิว - ชื่อเสียงของไอเอ็มเอฟ เสียหายอย่างเลวร้ายในปี ค.ศ. 1997 ถึง ค.ศ. 1998 ในช่วงวิกฤตการเงินเอเชีย เลือดไหลนองถนนและ ไม่ใช่เชิงเปรียบเทียบ ผู้คนเสียชีวิตจากการจลาจลในกรุงจาการ์ตา อินโดนีเซีย และโซล เกาหลีใต้ หลายคนจนถึงทุกวันนี้รวมทั้ง โจเซฟ สดิกลิตซ์ เจ้าของรางวัลโนเบลผู้โด่งดังที่สุด มองว่าวิกฤตการณ์ ทางการเงินครั้งนี้เป็นผลมาจากคำแนะนำแย่ๆ จาก ไอเอ็มเอฟ
จากหนังสือ #TheNewCaseOfGold #ทองคำชื่อเสียงของไอเอ็มเอฟ เสียหายอย่างเลวร้ายในปี ค.ศ. 1997 ถึง ค.ศ. 1998 ในช่วงวิกฤตการเงินเอเชีย เลือดไหลนองถนนและ ไม่ใช่เชิงเปรียบเทียบ ผู้คนเสียชีวิตจากการจลาจลในกรุงจาการ์ตา อินโดนีเซีย และโซล เกาหลีใต้ หลายคนจนถึงทุกวันนี้รวมทั้ง โจเซฟ สดิกลิตซ์ เจ้าของรางวัลโนเบลผู้โด่งดังที่สุด มองว่าวิกฤตการณ์ ทางการเงินครั้งนี้เป็นผลมาจากคำแนะนำแย่ๆ จาก ไอเอ็มเอฟ จากหนังสือ #TheNewCaseOfGold #ทองคำ0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 14 มุมมอง 0 รีวิว - ผีอำอาจเกี่ยวกับพันธุกรรมด้วย บางครอบครัวพบอาการแบบนี้บ่อยเป็นพิเศษ ผู้หญิงก็เป็นมากกว่าผู้ชาย ชาติพันธุ์ก็อาจเกี่ยวข้องด้วย พบว่าคนแอฟริกัน-อเมริกันพบเจอผีอำบ่อยเป็นพิเศษ เช่น หลังเรื่องชวนตื่นตระหนกตกใจเข้าจู่โจม (panic attack) หากเป็นคน อเมริกันผิวขาวจะมีแค่ 7% ที่เจอผีอำ แต่ในคนแอฟริกัน-อเมริกัน ตัวเลขกลับพุ่งสูงขึ้นไปที่กว่า 60%
จากหนังสือ #อยากชวนเธอไปอำผีผีอำอาจเกี่ยวกับพันธุกรรมด้วย บางครอบครัวพบอาการแบบนี้บ่อยเป็นพิเศษ ผู้หญิงก็เป็นมากกว่าผู้ชาย ชาติพันธุ์ก็อาจเกี่ยวข้องด้วย พบว่าคนแอฟริกัน-อเมริกันพบเจอผีอำบ่อยเป็นพิเศษ เช่น หลังเรื่องชวนตื่นตระหนกตกใจเข้าจู่โจม (panic attack) หากเป็นคน อเมริกันผิวขาวจะมีแค่ 7% ที่เจอผีอำ แต่ในคนแอฟริกัน-อเมริกัน ตัวเลขกลับพุ่งสูงขึ้นไปที่กว่า 60% จากหนังสือ #อยากชวนเธอไปอำผี0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 21 มุมมอง 0 รีวิว - ชาวมาไซทำตัวเหมือนชาวอเมริกัน กล่าวคือมีผู้ชายราวครึ่งหนึ่งที่เลือกแข่ง ส่วนผู้หญิงที่เลือกแข่งมีเพียง 1 ใน 4 ในทางกลับกัน ผู้หญิงชาวกะสิกว่าครึ่งตัดสินใจแข่งขัน ส่วนผู้ชายมีโอกาสเลือกจะแข่งขัน น้อยกว่าผู้หญิงประมาณ 15 เปอร์เซ็นต์ แม้ชาวมาไซกับชาวกะสีจะมี อีกหลายเรื่องที่แตกต่างกันนอกเหนือจากความสัมพันธ์ระหว่างเพศสภาพ แต่การทดลองเหล่านี้ก็ช่วยสนับสนุนแนวคิดที่ว่าความอยากแข่งขันเกิดจากสภาพแวดล้อม
จากหนังสือ #ออกแบบเพื่อเท่าเทียม #WhatWorksชาวมาไซทำตัวเหมือนชาวอเมริกัน กล่าวคือมีผู้ชายราวครึ่งหนึ่งที่เลือกแข่ง ส่วนผู้หญิงที่เลือกแข่งมีเพียง 1 ใน 4 ในทางกลับกัน ผู้หญิงชาวกะสิกว่าครึ่งตัดสินใจแข่งขัน ส่วนผู้ชายมีโอกาสเลือกจะแข่งขัน น้อยกว่าผู้หญิงประมาณ 15 เปอร์เซ็นต์ แม้ชาวมาไซกับชาวกะสีจะมี อีกหลายเรื่องที่แตกต่างกันนอกเหนือจากความสัมพันธ์ระหว่างเพศสภาพ แต่การทดลองเหล่านี้ก็ช่วยสนับสนุนแนวคิดที่ว่าความอยากแข่งขันเกิดจากสภาพแวดล้อม จากหนังสือ #ออกแบบเพื่อเท่าเทียม #WhatWorks0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 18 มุมมอง 0 รีวิว - ถ้าอยากบริหารจัดการเวลา แบบง่ายๆสบายๆ จะต้องเข้าใจ ค่าสําคัญ 3 ค่า คือ มันฝรั่ง กบ และมะเขือเทศ
"มันฝรั่ง หมายถึง รวบรวมเรื่องที่รอการลงมือทํา ทั้งหมดไว้ในลิสต์ เพื่อรอการ จัดการต่อไป
“กบ” หมายถึง การลงมือทำเรื่องที่สำคัญทันที
“มะเขือเทศ” หมายถึง รักษาสภาพ “ตั้งใจทํางาน 25 นาที จากนั้น พักผ่อน 5 นาที” ระหว่างการ ทํางานหรือการเรียนรู้
จากหนังสือ #EffectiveEfforts #พยายามถูกวิธีมีแต่สำเร็จถ้าอยากบริหารจัดการเวลา แบบง่ายๆสบายๆ จะต้องเข้าใจ ค่าสําคัญ 3 ค่า คือ มันฝรั่ง กบ และมะเขือเทศ "มันฝรั่ง หมายถึง รวบรวมเรื่องที่รอการลงมือทํา ทั้งหมดไว้ในลิสต์ เพื่อรอการ จัดการต่อไป “กบ” หมายถึง การลงมือทำเรื่องที่สำคัญทันที “มะเขือเทศ” หมายถึง รักษาสภาพ “ตั้งใจทํางาน 25 นาที จากนั้น พักผ่อน 5 นาที” ระหว่างการ ทํางานหรือการเรียนรู้ จากหนังสือ #EffectiveEfforts #พยายามถูกวิธีมีแต่สำเร็จ0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 17 มุมมอง 0 รีวิว - จุดสำคัญอยู่ที่ “ดูภาพรวมของเนื้อหาทั้งหมด” เวลาสอน 90 นาที ก็ต้องเป็น 90 นาที 60 นาที ก็ต้องเป็น 60 นาที ภายในเวลาอันจำกัดต้องดำเนินเรื่องให้ได้ครบถ้วนตั้งแต่ต้นจนจบ ตั้งแต่บทนำจนถึงบทสรุป นอกจากนี้หากเป็นหลักสูตรระยะยาว ไม่ว่าจะเป็นครึ่งปีหรือหนึ่งปี ก็ต้องเตรียมและเรียงลำดับเนื้อหาให้ได้ครบถ้วนเป็นขั้นเป็นตอนทั้งหมด
จากหนังสือ #สอนเก่งสอนเป็นจุดสำคัญอยู่ที่ “ดูภาพรวมของเนื้อหาทั้งหมด” เวลาสอน 90 นาที ก็ต้องเป็น 90 นาที 60 นาที ก็ต้องเป็น 60 นาที ภายในเวลาอันจำกัดต้องดำเนินเรื่องให้ได้ครบถ้วนตั้งแต่ต้นจนจบ ตั้งแต่บทนำจนถึงบทสรุป นอกจากนี้หากเป็นหลักสูตรระยะยาว ไม่ว่าจะเป็นครึ่งปีหรือหนึ่งปี ก็ต้องเตรียมและเรียงลำดับเนื้อหาให้ได้ครบถ้วนเป็นขั้นเป็นตอนทั้งหมด จากหนังสือ #สอนเก่งสอนเป็น0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 16 มุมมอง 0 รีวิว - คนที่เชื่อในอำนาจภายนอกไม่เพียงเมินเฉยเมื่อถูกตำหนิเพราะทำพลาด แต่ยังไม่รู้สึกยินดีกับความสำเร็จของตัวเองด้วย นี่สามารถก่อให้เกิดผลเสียร้ายแรงได้เช่นกันเพราะมันจะบั่นทอนความมั่นใจและความทุ่มเทพยายาม ลูกค้าคนหนึ่งของผมเชื่อในอำนาจภายนอก ไม่ว่าจะได้รับคำชมมากแค่ไหน เธอก็เอาแต่บอกว่าเป็นแค่โชคดีหรือไม่ก็เพราะเจ้านายใจดี เธอไม่เคยรู้สึกว่าความสำเร็จเหล่านั้นเป็นผลจากการกระทำของตัวเอง เธอจึงไม่รู้สึกผูกพันหรือมีความสุขกับงานเลย
จากหนังสือ #TheHappinessAdvantage #ความสุขกับความสำเร็จอะไรเกิดก่อนกันคนที่เชื่อในอำนาจภายนอกไม่เพียงเมินเฉยเมื่อถูกตำหนิเพราะทำพลาด แต่ยังไม่รู้สึกยินดีกับความสำเร็จของตัวเองด้วย นี่สามารถก่อให้เกิดผลเสียร้ายแรงได้เช่นกันเพราะมันจะบั่นทอนความมั่นใจและความทุ่มเทพยายาม ลูกค้าคนหนึ่งของผมเชื่อในอำนาจภายนอก ไม่ว่าจะได้รับคำชมมากแค่ไหน เธอก็เอาแต่บอกว่าเป็นแค่โชคดีหรือไม่ก็เพราะเจ้านายใจดี เธอไม่เคยรู้สึกว่าความสำเร็จเหล่านั้นเป็นผลจากการกระทำของตัวเอง เธอจึงไม่รู้สึกผูกพันหรือมีความสุขกับงานเลย จากหนังสือ #TheHappinessAdvantage #ความสุขกับความสำเร็จอะไรเกิดก่อนกัน0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 18 มุมมอง 0 รีวิว - มนุษย์พร้อมกิน Tender is the Flesh (2025/125)
ตามธรรมเนียม ถ้าลูกอ่านหนังสือเล่มไหนจบ ผมจะตามไปอ่านหนังสือเล่มนั้นทันที เนื่องจากอยากจะถกประเด็นต่างๆ รวมถึงความรู้สึก หลังจากอ่านหนังสือเล่มเดียวกัน
มนุษย์พร้อมกิน เป็นที่พูดถึงมากๆในตอนที่หนังสือฉบับแปลไทยออกจำหน่าย
หนังสือเล่มนี้ เหมาะสำหรับผู้อ่านอายุ 18 ปีขึ้นไปนะ
นอกจากความพะอืดพะอมและความขยะแขยงในความดิบเถื่อนของมนุษย์แล้ว มีความน่าทึ่งของความคิดกับจินตนาการที่สุดบรรเจิดของผู้เขียนนิยายเรื่องนี้
เรื่องมีอยู่ว่ามีไวรัสที่แพร่เชื้อในสัตว์เลื้ยงและปศุสัตว์ จนทำให้มนุษย์ในเรื่องไม่สามารถกินสัตว์ได้ พวกเขาค้นพบว่าพวกเขาสามารถกินเนื้อมนุษย์ในการอยู่รอด เรื่องมันหนักข้อขึ้นไปอีกว่า มีการปรับปรุงพันธุกรรมของมนุษย์ที่อยู่ในฐานะปศุสัตว์เพื่อการบริโภคของมุษย์เอง ตัวเอกของเรื่องคือชายที่ประสบปัญหาในชีวิตหลายอย่าง และเป็นผู้ข้อเกี่ยวกับวงจรการสร้างเนื้ออาหารให้กับชุมชน…. แหวะ
#มนุษย์พร้อมกิน #TenderIsTheFlesh #รีวิวหนังสือ
มนุษย์พร้อมกิน Tender is the Flesh (2025/125) ตามธรรมเนียม ถ้าลูกอ่านหนังสือเล่มไหนจบ ผมจะตามไปอ่านหนังสือเล่มนั้นทันที เนื่องจากอยากจะถกประเด็นต่างๆ รวมถึงความรู้สึก หลังจากอ่านหนังสือเล่มเดียวกัน มนุษย์พร้อมกิน เป็นที่พูดถึงมากๆในตอนที่หนังสือฉบับแปลไทยออกจำหน่าย หนังสือเล่มนี้ เหมาะสำหรับผู้อ่านอายุ 18 ปีขึ้นไปนะ นอกจากความพะอืดพะอมและความขยะแขยงในความดิบเถื่อนของมนุษย์แล้ว มีความน่าทึ่งของความคิดกับจินตนาการที่สุดบรรเจิดของผู้เขียนนิยายเรื่องนี้ เรื่องมีอยู่ว่ามีไวรัสที่แพร่เชื้อในสัตว์เลื้ยงและปศุสัตว์ จนทำให้มนุษย์ในเรื่องไม่สามารถกินสัตว์ได้ พวกเขาค้นพบว่าพวกเขาสามารถกินเนื้อมนุษย์ในการอยู่รอด เรื่องมันหนักข้อขึ้นไปอีกว่า มีการปรับปรุงพันธุกรรมของมนุษย์ที่อยู่ในฐานะปศุสัตว์เพื่อการบริโภคของมุษย์เอง ตัวเอกของเรื่องคือชายที่ประสบปัญหาในชีวิตหลายอย่าง และเป็นผู้ข้อเกี่ยวกับวงจรการสร้างเนื้ออาหารให้กับชุมชน…. แหวะ #มนุษย์พร้อมกิน #TenderIsTheFlesh #รีวิวหนังสือ0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 26 มุมมอง 0 รีวิว - นักเทศน์พูดถึงการแบ่งแยกกันระหว่างชนเผ่าทั้งสอง เขาได้รับฟังว่าแต่ละฝ่ายก็ต้องทนทุกข์ทรมานไม่ต่างกัน ชาวฮูดูจำนวนมากก็พากันแห่อพยพออก นอกประเทศกันช่วงวันหลังๆของการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ที่พวกเขาต้องหนีก็เพราะทันทีที่กลุ่มต่อต้านที่เป็นเผ่าทูตซีล้มล้างรัฐบาลภายใต้การควบคุมของพวกฮูดูได้แล้ว ชาวฮูตูที่เป็นกลางก็เริ่มถูกชาวฮูตูหัวรุนแรงฆ่าทิ้งซ้ำยังถูก ชาวพุตชีหมายหัวไล่ล่าเพื่อเป็นการ “ฆ่าล้างแค้น” อีกด้วย
จากหนังสือ #อูบุนตู #EverydayUbuntuนักเทศน์พูดถึงการแบ่งแยกกันระหว่างชนเผ่าทั้งสอง เขาได้รับฟังว่าแต่ละฝ่ายก็ต้องทนทุกข์ทรมานไม่ต่างกัน ชาวฮูดูจำนวนมากก็พากันแห่อพยพออก นอกประเทศกันช่วงวันหลังๆของการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ที่พวกเขาต้องหนีก็เพราะทันทีที่กลุ่มต่อต้านที่เป็นเผ่าทูตซีล้มล้างรัฐบาลภายใต้การควบคุมของพวกฮูดูได้แล้ว ชาวฮูตูที่เป็นกลางก็เริ่มถูกชาวฮูตูหัวรุนแรงฆ่าทิ้งซ้ำยังถูก ชาวพุตชีหมายหัวไล่ล่าเพื่อเป็นการ “ฆ่าล้างแค้น” อีกด้วย จากหนังสือ #อูบุนตู #EverydayUbuntu0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 29 มุมมอง 0 รีวิว - มนุษย์ได้ต่อกรกับความท้าทายเช่นนี้มาก่อน และผลลัพธ์ ก็ค่อนข้างโหดร้าย มีเส้นทางไม่กี่สายที่คนสามารถปืนขึ้นไปถึงยอดเขาเอเวอเรสต์ ณ ความสูง 29,029 ฟุต หากคุณตายที่ความระดับความสูงเท่านั้น (ซึ่งเคยมีคนตายจริงๆ เกือบสามร้อยราย) มันจะอันตรายมากต่อคนเป็นๆ ที่พยายามนำร่างของคุณกลับลงมาทำ พิธีฝังหรือเผาทุกวันนี้ ร่างคนตายจึงถูกทิ้งไว้ตามเส้นทางปืนเขาในแต่ละปีนักปืนเขารายใหม่ต้องเหยียบย่างข้ามศพในชุดลุยหิมะสีส้มพองฟูกับใบหน้าที่เหลือแต่โครงกระดูกของเพื่อนนักปืนเขาผู้เสียชีวิตไปก่อนหน้า เรื่องแบบเดียวกันอาจเกิดขึ้นในอวกาศก็ได้ อนาคตเมื่อกระสวยไปกลับดาวอังคารขับผ่านบริเวณที่ศพโคจรอยู่ ทุกครั้งก็จะต้องมีคนบอกว่า “โอ้ให้ตายเถอะ นั่นลิซ่ามาอีกแล้ว”
จากหนังสือ #ถ้าฉันตายน้องแมวจะหม่ำลูกตาฉันไหมนะ? #WillMyCatEatMyEeyeballs?มนุษย์ได้ต่อกรกับความท้าทายเช่นนี้มาก่อน และผลลัพธ์ ก็ค่อนข้างโหดร้าย มีเส้นทางไม่กี่สายที่คนสามารถปืนขึ้นไปถึงยอดเขาเอเวอเรสต์ ณ ความสูง 29,029 ฟุต หากคุณตายที่ความระดับความสูงเท่านั้น (ซึ่งเคยมีคนตายจริงๆ เกือบสามร้อยราย) มันจะอันตรายมากต่อคนเป็นๆ ที่พยายามนำร่างของคุณกลับลงมาทำ พิธีฝังหรือเผาทุกวันนี้ ร่างคนตายจึงถูกทิ้งไว้ตามเส้นทางปืนเขาในแต่ละปีนักปืนเขารายใหม่ต้องเหยียบย่างข้ามศพในชุดลุยหิมะสีส้มพองฟูกับใบหน้าที่เหลือแต่โครงกระดูกของเพื่อนนักปืนเขาผู้เสียชีวิตไปก่อนหน้า เรื่องแบบเดียวกันอาจเกิดขึ้นในอวกาศก็ได้ อนาคตเมื่อกระสวยไปกลับดาวอังคารขับผ่านบริเวณที่ศพโคจรอยู่ ทุกครั้งก็จะต้องมีคนบอกว่า “โอ้ให้ตายเถอะ นั่นลิซ่ามาอีกแล้ว” จากหนังสือ #ถ้าฉันตายน้องแมวจะหม่ำลูกตาฉันไหมนะ? #WillMyCatEatMyEeyeballs?0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 24 มุมมอง 0 รีวิว - คนกรุงมีโอกาสป่วยมากกว่าคนในชนบท ทั้งนี้โดยไม่เกี่ยวข้องกับ เชื้อชาติ สถานะสมรส และสถานะทางเศรษฐกิจ คนที่อยู่ใกล้เส้นศูนย์สูตรมีโอกาสป่วยด้วยโรคซึมเศร้าน้อยกว่า แต่จะมีกลุ่มอาการแมเนียมากกว่า ความเครียดแบบเรื้อรังมีความสำคัญมากกว่าความเครียดเฉียบพลันเพราะกระตุ้นการแสดงออกของพันธุกรรมได้มากกว่า
จากหนังสือ #โรคไบโพลาร์คนกรุงมีโอกาสป่วยมากกว่าคนในชนบท ทั้งนี้โดยไม่เกี่ยวข้องกับ เชื้อชาติ สถานะสมรส และสถานะทางเศรษฐกิจ คนที่อยู่ใกล้เส้นศูนย์สูตรมีโอกาสป่วยด้วยโรคซึมเศร้าน้อยกว่า แต่จะมีกลุ่มอาการแมเนียมากกว่า ความเครียดแบบเรื้อรังมีความสำคัญมากกว่าความเครียดเฉียบพลันเพราะกระตุ้นการแสดงออกของพันธุกรรมได้มากกว่า จากหนังสือ #โรคไบโพลาร์0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 28 มุมมอง 0 รีวิว - ถ้าคุณอยากรู้ว่าจีนครอบงำอุตสาหกรรมการผลิตต้นทุนต่ำได้อย่างเบ็ดเสร็จแค่ไหน ก็ขอให้ดูวอล-มาร์ตเป็นตัวอย่างครับ วอล-มาร์ต เป็นหนึ่งในบริษัทขนาดใหญ่สุดของโลก โดยมีรายได้สูงกว่าไมโครซอฟท์เกือบ 7 เท่า และคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 2 เปอร์เซ็นต์ของจีดีพีสหรัฐ อเมริกา บริษัทแห่งนี้มีพนักงานทั้งสิ้น 2.1 ล้านคน มากกว่าพนักงานของเจนเนอรัล มอเตอร์ส ฟอร์ด เจเนอรัล อิเล็กทริก และไอบีเอ็มรวมกันเสียอีก แถมยังขึ้นชื่อเรื่องความพยายามอย่างแข็งขัน (บางคนก็ว่าไม่บันยะบันยัง) ในการทำให้ลูกค้าได้ซื้อของราคาถูกสุดเท่าที่จะทำได้ เป้าหมายดังกล่าวทำให้วอล-มาร์ตมีความเชี่ยวชาญการใช้กลยุทธ์ใหม่ ๆ ในการบริหารจัดการและที่สำคัญที่สุดก็คือการผลิตซึ่งมีต้นทุนต่ำ วอล-มาร์ตนำเข้าสินค้าจากจีนคิดเป็นมูลค่าราว 27,000 ล้านดอลลาร์ในแต่ละปี ส่วนซัพพลายเออร์ต่างชาติส่วนใหญ่ของบริษัทก็อยู่ในแดนมังกร ห่วงโซ่อุปทานทั่วโลกของวอล-มาร์ตก็คือห่วงโซ่อุปทานของจีนนั่นเอง
จากหนังสือ #เมื่อโลกไม่ได้หมุนรอบอเมริกา #ThePostAmericanWorldถ้าคุณอยากรู้ว่าจีนครอบงำอุตสาหกรรมการผลิตต้นทุนต่ำได้อย่างเบ็ดเสร็จแค่ไหน ก็ขอให้ดูวอล-มาร์ตเป็นตัวอย่างครับ วอล-มาร์ต เป็นหนึ่งในบริษัทขนาดใหญ่สุดของโลก โดยมีรายได้สูงกว่าไมโครซอฟท์เกือบ 7 เท่า และคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 2 เปอร์เซ็นต์ของจีดีพีสหรัฐ อเมริกา บริษัทแห่งนี้มีพนักงานทั้งสิ้น 2.1 ล้านคน มากกว่าพนักงานของเจนเนอรัล มอเตอร์ส ฟอร์ด เจเนอรัล อิเล็กทริก และไอบีเอ็มรวมกันเสียอีก แถมยังขึ้นชื่อเรื่องความพยายามอย่างแข็งขัน (บางคนก็ว่าไม่บันยะบันยัง) ในการทำให้ลูกค้าได้ซื้อของราคาถูกสุดเท่าที่จะทำได้ เป้าหมายดังกล่าวทำให้วอล-มาร์ตมีความเชี่ยวชาญการใช้กลยุทธ์ใหม่ ๆ ในการบริหารจัดการและที่สำคัญที่สุดก็คือการผลิตซึ่งมีต้นทุนต่ำ วอล-มาร์ตนำเข้าสินค้าจากจีนคิดเป็นมูลค่าราว 27,000 ล้านดอลลาร์ในแต่ละปี ส่วนซัพพลายเออร์ต่างชาติส่วนใหญ่ของบริษัทก็อยู่ในแดนมังกร ห่วงโซ่อุปทานทั่วโลกของวอล-มาร์ตก็คือห่วงโซ่อุปทานของจีนนั่นเอง จากหนังสือ #เมื่อโลกไม่ได้หมุนรอบอเมริกา #ThePostAmericanWorld0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 25 มุมมอง 0 รีวิว - The Art Of Seduction ศิลปะแห่งการล่อลวงจิตใจคน (2025/124)
จากผู้เขียนหนังสือในตำนาน The 48 Laws of Power
หนังสือ 48 Laws of Power ที่ว่าดาร์กแล้ว หนังสือเล่มนี้ The Art Of Seduction ดาร์กยิ่งกว่า เพราะเรื่องราวของหนังสือรวมที่เกิดขึ้นดูใกล้ตัวเอามากๆ ทำเอาผมเองที่มีความเชื่อว่ามนุษย์เรามีพื้นฐานจิตใจที่ดีนั้น เริ่มมีความคิดถูกโยกให้สั่นคลอน
ผู้เขียนนำเรื่องราวการล่อลวงทั้งในเรื่องจริงในอดีต และในบางเรื่องที่นำมาจากนิยาย โดยเป็นปรากฎการณ์ของการล่อลวงแบบต่างๆ มาเล่าเป็นเรื่องราว ซึ่งเมื่ออ่านแล้วสนุกเหมือนอ่านนิยาย อ่านไปอ่านมาเดาไม่ออกเลยว่าใครจะเป็นผู้ล่า ใครจะเป็นเหยื่อ อ่านแล้วยังต้องลุ้ว่าตอนจบของเรื่องราวจะเป็นอย่างไร หลายๆเรื่องมีหักมุมอย่างสนุกสนาน
ผู้เขียนเริ่มอธิบายลักษณะของบุคคลที่เรียกว่าผู้ตั้งใจล่อลวงหลายรูปแบบ เช่น นักรัก , คนเจ้าสำอาง , คนเล่นตัว , คนหว่านสเน่ห์ หรือ คนมีคาริสม่า เป็นต้น โดยผู้เขียนบรรยายรูปแบบและเรื่องราวของคนเหล่านั้นที่มีอยู่จริงในประวัติศาสตร์ เทคนิคที่พวกเขาเหล่านั้นใช้กับผู้ถูกล่อลวง และผลของการถูกล่อลวง
ต่อมาผู้เขียนอธิบายลักษณะของเหยื่อที่จะสามารถถูกล่อลวง 18ประเภท โดยจะเข้าคู่พอดีกับจุดอ่อนของเขาที่จะถูกล่อลวงด้วยนักล่อลวงประเภทต่างๆกันพอดี
ในช่วงท้ายผู้เขียนอธิบายกระบวนการล่อลวงในแบบต่างๆ จุดประเด็นที่ทำให้เหยื่อถูกจัดการซึ่งสามารถอธิบายได้ด้วยหลักการจิตวิทยา และจุดอ่อนของวิธีการล่อลวงนั้นๆที่ต้องระวัง
แต่ในท้ายที่สุดการล่อลวงไม่สามารถอยู่ยืนยงถาวรได้ ดังนั้นในบทสรุปผู้เขียนได้แนะนำวิธีการสร้างการล่อลวงให้เกิดขึ้นต่อเนื่อง หรือไม่ก็แนะนำวิธีการหาทางออกแบบเนียนๆ ให้เหยื่องุนงงและยุติความสัมพันธ์ไปแบบไม่รู้ตัว
แน่นอนว่าไม่ว่าจะเป็นผู้ล่อลวง(นักล่า) หรือว่าผู้ถูกล่อลวง(เหยื่อ) กระบวนการกระทำนี้ถ้าไม่มีความจริงใจมันจะไม่สามารถเป็นเรื่องจริงถาวรได้ รวมไปถึงถ้าแต่ละฝ่ายมีความสมบูรณ์แบบทาง , ความเต็มอิ่มในความสุข และความเข้าใจชีวิต กระบวนการล่อลวงจะไม่สามารถเกิดขึ้นได้
เมื่ออ่านจบแล้วผมเห็น ว่าการล่อลวงที่ดูเหมือนน่ากลัวก็ไม่ได้น่ากลัวและไม่ได้เกิดบ่อยๆอย่างที่อาจจะมีการจินตนาการไป ผู้ล่อลวงจำเป็นต้องใช้เวลามากในกระบวนล่อลวงใครสักคนหนึ่ง ซึ่อาจจะเป็นหลายๆเดือน รวมไปถึงหลายๆปี ดังนั้นอ่านหนังสือเล่มนี้จบแล้ว ก็คิดว่าเป็นเรื่องบันเทิงเรื่องหนึ่ง และกลับไปใช้ชีวิตปกติต่อไป
#TheArtOfSeduction #ศิลปะแห่งการล่อลวงจิตใจคน #รีวิวหนังสือ
The Art Of Seduction ศิลปะแห่งการล่อลวงจิตใจคน (2025/124) จากผู้เขียนหนังสือในตำนาน The 48 Laws of Power หนังสือ 48 Laws of Power ที่ว่าดาร์กแล้ว หนังสือเล่มนี้ The Art Of Seduction ดาร์กยิ่งกว่า เพราะเรื่องราวของหนังสือรวมที่เกิดขึ้นดูใกล้ตัวเอามากๆ ทำเอาผมเองที่มีความเชื่อว่ามนุษย์เรามีพื้นฐานจิตใจที่ดีนั้น เริ่มมีความคิดถูกโยกให้สั่นคลอน ผู้เขียนนำเรื่องราวการล่อลวงทั้งในเรื่องจริงในอดีต และในบางเรื่องที่นำมาจากนิยาย โดยเป็นปรากฎการณ์ของการล่อลวงแบบต่างๆ มาเล่าเป็นเรื่องราว ซึ่งเมื่ออ่านแล้วสนุกเหมือนอ่านนิยาย อ่านไปอ่านมาเดาไม่ออกเลยว่าใครจะเป็นผู้ล่า ใครจะเป็นเหยื่อ อ่านแล้วยังต้องลุ้ว่าตอนจบของเรื่องราวจะเป็นอย่างไร หลายๆเรื่องมีหักมุมอย่างสนุกสนาน ผู้เขียนเริ่มอธิบายลักษณะของบุคคลที่เรียกว่าผู้ตั้งใจล่อลวงหลายรูปแบบ เช่น นักรัก , คนเจ้าสำอาง , คนเล่นตัว , คนหว่านสเน่ห์ หรือ คนมีคาริสม่า เป็นต้น โดยผู้เขียนบรรยายรูปแบบและเรื่องราวของคนเหล่านั้นที่มีอยู่จริงในประวัติศาสตร์ เทคนิคที่พวกเขาเหล่านั้นใช้กับผู้ถูกล่อลวง และผลของการถูกล่อลวง ต่อมาผู้เขียนอธิบายลักษณะของเหยื่อที่จะสามารถถูกล่อลวง 18ประเภท โดยจะเข้าคู่พอดีกับจุดอ่อนของเขาที่จะถูกล่อลวงด้วยนักล่อลวงประเภทต่างๆกันพอดี ในช่วงท้ายผู้เขียนอธิบายกระบวนการล่อลวงในแบบต่างๆ จุดประเด็นที่ทำให้เหยื่อถูกจัดการซึ่งสามารถอธิบายได้ด้วยหลักการจิตวิทยา และจุดอ่อนของวิธีการล่อลวงนั้นๆที่ต้องระวัง แต่ในท้ายที่สุดการล่อลวงไม่สามารถอยู่ยืนยงถาวรได้ ดังนั้นในบทสรุปผู้เขียนได้แนะนำวิธีการสร้างการล่อลวงให้เกิดขึ้นต่อเนื่อง หรือไม่ก็แนะนำวิธีการหาทางออกแบบเนียนๆ ให้เหยื่องุนงงและยุติความสัมพันธ์ไปแบบไม่รู้ตัว แน่นอนว่าไม่ว่าจะเป็นผู้ล่อลวง(นักล่า) หรือว่าผู้ถูกล่อลวง(เหยื่อ) กระบวนการกระทำนี้ถ้าไม่มีความจริงใจมันจะไม่สามารถเป็นเรื่องจริงถาวรได้ รวมไปถึงถ้าแต่ละฝ่ายมีความสมบูรณ์แบบทาง , ความเต็มอิ่มในความสุข และความเข้าใจชีวิต กระบวนการล่อลวงจะไม่สามารถเกิดขึ้นได้ เมื่ออ่านจบแล้วผมเห็น ว่าการล่อลวงที่ดูเหมือนน่ากลัวก็ไม่ได้น่ากลัวและไม่ได้เกิดบ่อยๆอย่างที่อาจจะมีการจินตนาการไป ผู้ล่อลวงจำเป็นต้องใช้เวลามากในกระบวนล่อลวงใครสักคนหนึ่ง ซึ่อาจจะเป็นหลายๆเดือน รวมไปถึงหลายๆปี ดังนั้นอ่านหนังสือเล่มนี้จบแล้ว ก็คิดว่าเป็นเรื่องบันเทิงเรื่องหนึ่ง และกลับไปใช้ชีวิตปกติต่อไป #TheArtOfSeduction #ศิลปะแห่งการล่อลวงจิตใจคน #รีวิวหนังสือ0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 23 มุมมอง 0 รีวิว - ทฤษฎีของแนชตั้งสมมติฐานว่าความคาดหวังในพฤติกรรมของกัน และกันจะขึ้นอยู่กับลักษณะของสถานการณ์การต่อรองนั้น สาระสำคัญของสถานการณ์ที่ส่งผลให้เกิดข้อตกลงคือ “คนสองคนที่มีโอกาสทำงานร่วมกัน เพื่อผลประโยชน์ร่วมกันมากกว่าหนึ่งทาง” เขาให้เหตุผลว่าพวกเขาจะแบ่งเค้กกันอย่างไรนั้น จะสะท้อนให้เห็นว่าแต่ละฝ่ายเห็นว่าข้อตกลงนั้นมีค่ามากแค่ไหน
จากหนังสือ #ผู้ชายหลายมิติ #TheBeautifulMindทฤษฎีของแนชตั้งสมมติฐานว่าความคาดหวังในพฤติกรรมของกัน และกันจะขึ้นอยู่กับลักษณะของสถานการณ์การต่อรองนั้น สาระสำคัญของสถานการณ์ที่ส่งผลให้เกิดข้อตกลงคือ “คนสองคนที่มีโอกาสทำงานร่วมกัน เพื่อผลประโยชน์ร่วมกันมากกว่าหนึ่งทาง” เขาให้เหตุผลว่าพวกเขาจะแบ่งเค้กกันอย่างไรนั้น จะสะท้อนให้เห็นว่าแต่ละฝ่ายเห็นว่าข้อตกลงนั้นมีค่ามากแค่ไหน จากหนังสือ #ผู้ชายหลายมิติ #TheBeautifulMind0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 27 มุมมอง 0 รีวิว - สิ่งที่ตรงข้ามกับ การเข้าใจในความรู้สึกของผู้อื่นไม่ใช่แค่การคิดถึงตัวเอง แต่คือการคิดถึงตัวเองในแง่มุมที่จำกัด
จากหนังสือ #คนทํางานผู้มีความฉลาดทางอารมณ์ #TheEmotionallyIntelligentOfficeสิ่งที่ตรงข้ามกับ การเข้าใจในความรู้สึกของผู้อื่นไม่ใช่แค่การคิดถึงตัวเอง แต่คือการคิดถึงตัวเองในแง่มุมที่จำกัด จากหนังสือ #คนทํางานผู้มีความฉลาดทางอารมณ์ #TheEmotionallyIntelligentOffice0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 26 มุมมอง 0 รีวิว - สมมติว่าเรือลำหนึ่งกำลังข้ามแม่น้ำและเรืออีกลำซึ่งว่างเปล่ากำลังจะชนกับมัน แม้แต่คนที่โมโหง่ายที่สุดก็จะไม่อารมณ์เสีย แต่สมมติว่ามีใครคนหนึ่งในเรือลำที่สอง คนที่อยู่ในเรือลำแรกก็จะตะโกนบอกให้เขาหลีกไปเสีย และถ้าเขาไม่ได้ยินในครั้งแรก หรือแม้เขาจะตะโกนสามครั้งแล้วคำหยาบๆ ก็จะตามมาอย่างเลี่ยงไม่ได้ ในกรณีแรกไม่มีความโกรธใดๆ ในกรณีที่สองมีความโกรธ เพราะในกรณีแรกเรือว่างเปล่า ในกรณีที่สองมีคนอยู่บนเรือ
ดังนั้นการผ่านชีวิตไปได้อย่างว่างเปล่า จะมีใครทำร้ายเขาได้-จวงจื่อ
จากหนังสือ #ThePerennialPhilosophy #ปรัชญานิรันดร์กาลสมมติว่าเรือลำหนึ่งกำลังข้ามแม่น้ำและเรืออีกลำซึ่งว่างเปล่ากำลังจะชนกับมัน แม้แต่คนที่โมโหง่ายที่สุดก็จะไม่อารมณ์เสีย แต่สมมติว่ามีใครคนหนึ่งในเรือลำที่สอง คนที่อยู่ในเรือลำแรกก็จะตะโกนบอกให้เขาหลีกไปเสีย และถ้าเขาไม่ได้ยินในครั้งแรก หรือแม้เขาจะตะโกนสามครั้งแล้วคำหยาบๆ ก็จะตามมาอย่างเลี่ยงไม่ได้ ในกรณีแรกไม่มีความโกรธใดๆ ในกรณีที่สองมีความโกรธ เพราะในกรณีแรกเรือว่างเปล่า ในกรณีที่สองมีคนอยู่บนเรือ ดังนั้นการผ่านชีวิตไปได้อย่างว่างเปล่า จะมีใครทำร้ายเขาได้-จวงจื่อ จากหนังสือ #ThePerennialPhilosophy #ปรัชญานิรันดร์กาล0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 36 มุมมอง 0 รีวิว - กาลิเลโอนำทักษะวิทยาศาสตร์ของเขามาเขียนบทความสั้นในเกมการพนัน “แง่คิดเกมลูกเต๋า” ผลงานชิ้นนี้ได้จากคำร้องขอของแกรนด์ดยุคแห่งทัสกานี ปัญหากวนใจท่านแกรนด์ดยุค : ในยามที่ทอดเต๋สามลูก ทำไมแต้ม 10 ขึ้นบ่อยกว่าแต้ม 9? ทั้งที่แต้ม 10 ขึ้นได้แค่ 8 เปอร์เซ็นต์ แต้มอื่นที่ไม่ใช่ 10 หรือ 9 ขึ้นบ่อยกว่านั้น ในเมื่อท่านแกรนด์ดยุคทอดลูกเต๋า บ่อยพอจะสังเกตเห็นความแตกต่างน้อยนิด แล้วทำไมหนาไม่ทอดลูกเต๋า แล้วจดรายการเรียงเป็นหางว่าวบันทึกข้อมูลเสียเอง ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาข้าน้อยก็ได้? กาลิเลโอไม่โปรดงานไร้สาระเรื่องนี้นัก แต่ในเมื่อเป็นคำร้องขอขององค์อุปถัมภ์ กาลิเลโอผู้ไม่ประสงค์จะตกงาน เก็บเสียงบ่นจึมงำไว้ในอกรับหน้าที่นี้ไปสะสางหาคำตอบ
จากหนังสือ #ชีวิตนี้ฟ้าลิขิต #TheDrunkard’sWalkกาลิเลโอนำทักษะวิทยาศาสตร์ของเขามาเขียนบทความสั้นในเกมการพนัน “แง่คิดเกมลูกเต๋า” ผลงานชิ้นนี้ได้จากคำร้องขอของแกรนด์ดยุคแห่งทัสกานี ปัญหากวนใจท่านแกรนด์ดยุค : ในยามที่ทอดเต๋สามลูก ทำไมแต้ม 10 ขึ้นบ่อยกว่าแต้ม 9? ทั้งที่แต้ม 10 ขึ้นได้แค่ 8 เปอร์เซ็นต์ แต้มอื่นที่ไม่ใช่ 10 หรือ 9 ขึ้นบ่อยกว่านั้น ในเมื่อท่านแกรนด์ดยุคทอดลูกเต๋า บ่อยพอจะสังเกตเห็นความแตกต่างน้อยนิด แล้วทำไมหนาไม่ทอดลูกเต๋า แล้วจดรายการเรียงเป็นหางว่าวบันทึกข้อมูลเสียเอง ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาข้าน้อยก็ได้? กาลิเลโอไม่โปรดงานไร้สาระเรื่องนี้นัก แต่ในเมื่อเป็นคำร้องขอขององค์อุปถัมภ์ กาลิเลโอผู้ไม่ประสงค์จะตกงาน เก็บเสียงบ่นจึมงำไว้ในอกรับหน้าที่นี้ไปสะสางหาคำตอบ จากหนังสือ #ชีวิตนี้ฟ้าลิขิต #TheDrunkard’sWalk0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 41 มุมมอง 0 รีวิว
เรื่องราวเพิ่มเติม