ชักชวนกันอ่านหนังสือ หนังสือไม่ว่าจะเป็นแนวไหนล้วนมีประโยชน์
- กลุ่มสาธารณะ
- 913 โพสต์
- 175 รูปภาพ
- 0 วิดีโอ
- 0 รีวิว
- ไลฟ์สไตล์
- การปกครองแบบรวมศูนย์อำนาจของจีนเป็นเรื่องที่ซับซ้อน แถมยังมีการเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ ตามยุคสมัย หากบรรยายอย่างละเอียดก็คงต้องเขียนเป็นหนังสือขึ้นมาอีกหนึ่งเล่ม ผมจึงจะขอเล่าแบบรวบรัดตัดความ โดยจะเน้นไปที่ เรื่องราวของบูเช็กเทียน (ปี 624-705) ฮ่องเต้หญิงเพียง องค์เดียวในประวัติศาสตร์จีน
บูเช็กเทียนมีชีวิตอยู่ในยุคราชวงศ์ถัง ตอนนั้นอาณาจักร ถังเป็นจักรวรรดิใหญ่ที่นอกจากจะปกครองพื้นที่ในภูมิภาค เอเชียตะวันออกแล้วยังครอบครองดินแดนในเอเชียกลางด้วย เรียกได้ว่าทรงอำนาจอันดับต้นๆ ของโลกเลยทีเดียว
จากหนังสือ #คิดมากไปทำไมขนาดพระพุทธเจ้ายังเคยทำพลาดเลยการปกครองแบบรวมศูนย์อำนาจของจีนเป็นเรื่องที่ซับซ้อน แถมยังมีการเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ ตามยุคสมัย หากบรรยายอย่างละเอียดก็คงต้องเขียนเป็นหนังสือขึ้นมาอีกหนึ่งเล่ม ผมจึงจะขอเล่าแบบรวบรัดตัดความ โดยจะเน้นไปที่ เรื่องราวของบูเช็กเทียน (ปี 624-705) ฮ่องเต้หญิงเพียง องค์เดียวในประวัติศาสตร์จีน บูเช็กเทียนมีชีวิตอยู่ในยุคราชวงศ์ถัง ตอนนั้นอาณาจักร ถังเป็นจักรวรรดิใหญ่ที่นอกจากจะปกครองพื้นที่ในภูมิภาค เอเชียตะวันออกแล้วยังครอบครองดินแดนในเอเชียกลางด้วย เรียกได้ว่าทรงอำนาจอันดับต้นๆ ของโลกเลยทีเดียว จากหนังสือ #คิดมากไปทำไมขนาดพระพุทธเจ้ายังเคยทำพลาดเลย0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 3 มุมมอง 0 รีวิวกรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อกดถูกใจ แชร์ และแสดงความคิดเห็น! - ในช่วงเวลาระหว่างกลางทศวรรษ 1960 กับต้นทศวรรษ 1980 อินทิรา คานธี เป็นหนึ่งในผู้หญิงที่ทรงอำนาจและสร้างความขัดแย้ง ให้ถูกกันมากที่สุดในโลก เกือบตลอดช่วงนั้น เธอดำรงตำแหน่งเป็น นายกรัฐมนตรีอินเดีย และในฐานะบุตรีของเยาวหราล เนรูห์ เธอมี น้ำหนักความน่าเชื่อถือและความคาดหวังเช่นที่สมาชิกตระกูลการเมือง จะพึงมี แม้ในตอนแรกจะไม่มีใครคิดว่าเธอมีดีมากนัก แถมนักวิจารณ์ ยังเรียกเธอว่าเป็น ตุ๊กตาโง่ (goongi gudiya) เสียอีก แต่เธอก็ขึ้นมา ครอบงำการเมืองในช่วงนั้นในฐานะผู้นำที่มุ่งมั่น โดยบางครั้งดึงดันใน เจตจำนงของตนเองอย่างไม่เห็นแก่หน้าใคร
จากหนังสือ #สุนทรพจน์ก้องโลก #SpeechesThatChangeTheWorldในช่วงเวลาระหว่างกลางทศวรรษ 1960 กับต้นทศวรรษ 1980 อินทิรา คานธี เป็นหนึ่งในผู้หญิงที่ทรงอำนาจและสร้างความขัดแย้ง ให้ถูกกันมากที่สุดในโลก เกือบตลอดช่วงนั้น เธอดำรงตำแหน่งเป็น นายกรัฐมนตรีอินเดีย และในฐานะบุตรีของเยาวหราล เนรูห์ เธอมี น้ำหนักความน่าเชื่อถือและความคาดหวังเช่นที่สมาชิกตระกูลการเมือง จะพึงมี แม้ในตอนแรกจะไม่มีใครคิดว่าเธอมีดีมากนัก แถมนักวิจารณ์ ยังเรียกเธอว่าเป็น ตุ๊กตาโง่ (goongi gudiya) เสียอีก แต่เธอก็ขึ้นมา ครอบงำการเมืองในช่วงนั้นในฐานะผู้นำที่มุ่งมั่น โดยบางครั้งดึงดันใน เจตจำนงของตนเองอย่างไม่เห็นแก่หน้าใคร จากหนังสือ #สุนทรพจน์ก้องโลก #SpeechesThatChangeTheWorld0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 3 มุมมอง 0 รีวิว - Einstein : His Life And Universe ไอน์สไตน์ ชีวประวัติและจักรวาล (2025/128)
ชีวประวัติฉบับสมบูรณ์ของอัลเบิร์ต ไอน์สไตน์
เนื้อหาชีวประวัติเล่มนี้ที่เขียนโดย วอลเตอร์ ไอแซคสัน นักเขียนชีวประวัติฝีมือฉกาจอันดับต้นๆของ
โลก ผู้เขียนรวบรวมข้อมูลอย่างสมบูรณ์แบบที่สุดเท่าที่จะทำได้ของไอน์สไตน์ ไว้ครบในเล่มนี้เล่มเดียว
เนื้อหาชีวประวัติของไอน์สไตน์ ที่เล่าถึงชีวิตในช่วงวัยเด็ก ไปถึงช่วงวัยรุ่นที่คึกคะนองและเป็นอัจฉริยะ เขาไม่เชื่อในศาสนาใดๆเลย ในช่วงทำงานเขามีช่วงเวลาที่ยากลำบากมากๆในการหางาน ไอน์สไตน์มีชีวิตความรักที่วุ่นวาย คบซ้อน ความสัมพันธ์ในครอบครัวที่ไม่ดีนัก และการมุ่งมั่นพิสูจน์ความสำเร็จแนวคิดทางวิทยาศาสตร์ของเขา เขาได้รับรางวัลโนเบล และอพยพไปที่อเมริการ
ไอน์สไตน์ในช่วงเป็นเด็กเขาเติบโตในเยอรมัน เขามีปัญหาเรื่องการอ่านหนังสือและมีน้องสาวคอยช่วยสื่อสารแต่กระนั้นไอน์สไตน์ก็สามารถเรียนในวันประถมได้ยอดเยี่ยม พอช่วงชีวิตวัยรุ่นไอน์สไตน์และครอบครัวมีความจำเป็นที่ต้องย้ายออกจากเยอรมันและใช้ชีวิตวัยรุ่นในสวิสเซอร์แลนด์ ในความเป็นวัยรุ่นคึกคนองนั้นไอน์สไตน์ขอยกเลิกสัญชาติเยอรมันและขอใช้สัญชาติสวิส ถึงแม้ไอน์สไตน์จะเรียนเก่งในระดับอัจฉริยะ แต่เขาก็มีจุดอ่อนที่วิชาคณิตศาสตร์ และตอนจบวิทยาลัยโพลีเทคนิค เกรดเฉลี่ยของเขาอยู่ที่ 4 จาก 6 คะแนน ในระหว่างที่เรียนไอน์สไตน์ได้พบรัก สาวชาวเชคที่ในหนังสือเขียนบรรยายว่าขี้เหร่ ผิวเข้มและ มีปัญหาเรื่องกระดูกสะโพก ซึ่งถูกกีดกันจากคุณพ่อคุณแม่ของไอน์สไตน์ แต่แฟนของไอน์สไตน์มีความเก่งในเรื่องการจัดการ และมีความสามารถทางคณิตศาสตร์
เมื่อจบการศึกษา ทั้งคู่แต่งงานกันท่ามกลางความไม่พอใจของคุณพ่อคุณแม่ของไอน์สไตน์ ความตั้งใจของไอน์สไตน์ต้องการเป็นอาจารย์ในมหาวิทยาลัย แต่ก็ไม่ได้ง่ายแบบนั้นเขาต้องทำงานถึงขั้นไปสอบพิเศษในโรงเรียนกวดวิชาด้วยเงินเดือนอันน้อยนิด และรับสอนพิเศษตามบ้าน ในช่วงเวลานั้น
กว่าจะได้เข้าทำงานในสำนักงานจดสิทธิบัตรก็เล่นเอาเกือบถังแตก เพราะช่วงนั้นไอน์สไตน์มีลูกคนที่สองแล้ว (ลูกคนแรกฝากเพื่อนของภรรยาเลี้ยง และเสียชีวิตตั้งแต่เล็กๆจากอาการป่วย) หลังจากที่เขาได้เข้าทำงานสำนักงานจดสิทธิบัตร และที่นั่นไอน์สไตน์มีเวลาว่างมากพอที่จะคิดสร้างสรรค์งานเขียนทางวิชาการและคิดค้นความรู้ใหม่ๆของโลกมากมาย
รายระเอียดในหนังสืออธิบายละเอียดมากถึงความสัมพันธ์ฉันท์มิตรสหายและศัตรูทางวิชาการมากมาย รวมไปถึงอธิบายความเป็นมาทฤษฎีสัมพัทธภาพ และตามมาด้วยทฤษฎีสัมพันธภาพพิเศษ ในแบบที่ว่าไอน์สไตน์คิดอะไร อธิบายออกมาในแบบไหน และขอความช่วยเหลือจากใครบ้าน และแน่นอนว่าไม่มีเรื่องเกี่ยวกับการคำนวณและทฤษฎียุ่งยากทางฟิสิกส์ให้ผู้อ่านที่ไม่มีพื้นฐานจนเกิดความท้อแท้แต่อย่างใด แถมยังมีความสนุกสนานในเรื่องราวที่ผู้เขียนเล่า และความเป็นผู้มีอารมณ์ดีของไอน์สไตน์
ชีวิตความรักที่ซับซ้อน ความสัมพันธ์กับลูกชาย แนวคิดความเชื่อทางศาสนาทั้งศาสนายูดายและคริสต์ศาสนา การลุกมาเป็นผู้ต่อต้านสงคราม การได้มาเป็นอาจารย์ที่มหาวิทยาลัยพรินซ์ตัน การมีส่วนร่วมในการผลิตอาวุธนิวเคลียร์ การเข้าไปมีชื่อเป็นผู้ท้าชิงประธานาธิปดีอิสราเอล ชีวิตในบั้นปลาย และสมองที่ถูกนำเอาไปชำแหละ และเรื่องราวอีกมากมายในหนังสือเล่มนี้
ชีวิตของไอน์สไตน์ ก็เหมือนชีวิตของคนธรรมดาคนหนึ่ง มีความฝัน ความผิดหวัง ความลำบาก ความหดหู่ การต่อสู้เพื่อยึนยันความคิดของตัวเอง ตัวไอน์สไตน์มีความมุ่งมั่นและความเชื่ออย่างแรงกล้าที่จะพิสูจน์ความเชื่อนั้น ถึงแม้ว่าความเชื่อนั้นจะแตกต่างขัดแย้ง กับแนวความคิดดั้งเดิมรวมไปถึงถูกต่อต้านมากมายกับผู้คนที่ยังยึดติดแนวคิดเก่าๆ เขามีมุมมองในการใช้ชีวิต และความเชื่อในเรื่องพระเจ้าที่น่าสนใจมากๆ ชีวิตของไอน์สไตน์มอบแนวคิดและปัญญาหลายเรื่องให้ผู้อ่านครับ
#Einstein #HisLifeAndUniverse #ไอน์สไตน์ #ไอน์สไตน์ชีวประวัติและจักรวาล #รีวิวหนังสือ
Einstein : His Life And Universe ไอน์สไตน์ ชีวประวัติและจักรวาล (2025/128) ชีวประวัติฉบับสมบูรณ์ของอัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ เนื้อหาชีวประวัติเล่มนี้ที่เขียนโดย วอลเตอร์ ไอแซคสัน นักเขียนชีวประวัติฝีมือฉกาจอันดับต้นๆของ โลก ผู้เขียนรวบรวมข้อมูลอย่างสมบูรณ์แบบที่สุดเท่าที่จะทำได้ของไอน์สไตน์ ไว้ครบในเล่มนี้เล่มเดียว เนื้อหาชีวประวัติของไอน์สไตน์ ที่เล่าถึงชีวิตในช่วงวัยเด็ก ไปถึงช่วงวัยรุ่นที่คึกคะนองและเป็นอัจฉริยะ เขาไม่เชื่อในศาสนาใดๆเลย ในช่วงทำงานเขามีช่วงเวลาที่ยากลำบากมากๆในการหางาน ไอน์สไตน์มีชีวิตความรักที่วุ่นวาย คบซ้อน ความสัมพันธ์ในครอบครัวที่ไม่ดีนัก และการมุ่งมั่นพิสูจน์ความสำเร็จแนวคิดทางวิทยาศาสตร์ของเขา เขาได้รับรางวัลโนเบล และอพยพไปที่อเมริการ ไอน์สไตน์ในช่วงเป็นเด็กเขาเติบโตในเยอรมัน เขามีปัญหาเรื่องการอ่านหนังสือและมีน้องสาวคอยช่วยสื่อสารแต่กระนั้นไอน์สไตน์ก็สามารถเรียนในวันประถมได้ยอดเยี่ยม พอช่วงชีวิตวัยรุ่นไอน์สไตน์และครอบครัวมีความจำเป็นที่ต้องย้ายออกจากเยอรมันและใช้ชีวิตวัยรุ่นในสวิสเซอร์แลนด์ ในความเป็นวัยรุ่นคึกคนองนั้นไอน์สไตน์ขอยกเลิกสัญชาติเยอรมันและขอใช้สัญชาติสวิส ถึงแม้ไอน์สไตน์จะเรียนเก่งในระดับอัจฉริยะ แต่เขาก็มีจุดอ่อนที่วิชาคณิตศาสตร์ และตอนจบวิทยาลัยโพลีเทคนิค เกรดเฉลี่ยของเขาอยู่ที่ 4 จาก 6 คะแนน ในระหว่างที่เรียนไอน์สไตน์ได้พบรัก สาวชาวเชคที่ในหนังสือเขียนบรรยายว่าขี้เหร่ ผิวเข้มและ มีปัญหาเรื่องกระดูกสะโพก ซึ่งถูกกีดกันจากคุณพ่อคุณแม่ของไอน์สไตน์ แต่แฟนของไอน์สไตน์มีความเก่งในเรื่องการจัดการ และมีความสามารถทางคณิตศาสตร์ เมื่อจบการศึกษา ทั้งคู่แต่งงานกันท่ามกลางความไม่พอใจของคุณพ่อคุณแม่ของไอน์สไตน์ ความตั้งใจของไอน์สไตน์ต้องการเป็นอาจารย์ในมหาวิทยาลัย แต่ก็ไม่ได้ง่ายแบบนั้นเขาต้องทำงานถึงขั้นไปสอบพิเศษในโรงเรียนกวดวิชาด้วยเงินเดือนอันน้อยนิด และรับสอนพิเศษตามบ้าน ในช่วงเวลานั้น กว่าจะได้เข้าทำงานในสำนักงานจดสิทธิบัตรก็เล่นเอาเกือบถังแตก เพราะช่วงนั้นไอน์สไตน์มีลูกคนที่สองแล้ว (ลูกคนแรกฝากเพื่อนของภรรยาเลี้ยง และเสียชีวิตตั้งแต่เล็กๆจากอาการป่วย) หลังจากที่เขาได้เข้าทำงานสำนักงานจดสิทธิบัตร และที่นั่นไอน์สไตน์มีเวลาว่างมากพอที่จะคิดสร้างสรรค์งานเขียนทางวิชาการและคิดค้นความรู้ใหม่ๆของโลกมากมาย รายระเอียดในหนังสืออธิบายละเอียดมากถึงความสัมพันธ์ฉันท์มิตรสหายและศัตรูทางวิชาการมากมาย รวมไปถึงอธิบายความเป็นมาทฤษฎีสัมพัทธภาพ และตามมาด้วยทฤษฎีสัมพันธภาพพิเศษ ในแบบที่ว่าไอน์สไตน์คิดอะไร อธิบายออกมาในแบบไหน และขอความช่วยเหลือจากใครบ้าน และแน่นอนว่าไม่มีเรื่องเกี่ยวกับการคำนวณและทฤษฎียุ่งยากทางฟิสิกส์ให้ผู้อ่านที่ไม่มีพื้นฐานจนเกิดความท้อแท้แต่อย่างใด แถมยังมีความสนุกสนานในเรื่องราวที่ผู้เขียนเล่า และความเป็นผู้มีอารมณ์ดีของไอน์สไตน์ ชีวิตความรักที่ซับซ้อน ความสัมพันธ์กับลูกชาย แนวคิดความเชื่อทางศาสนาทั้งศาสนายูดายและคริสต์ศาสนา การลุกมาเป็นผู้ต่อต้านสงคราม การได้มาเป็นอาจารย์ที่มหาวิทยาลัยพรินซ์ตัน การมีส่วนร่วมในการผลิตอาวุธนิวเคลียร์ การเข้าไปมีชื่อเป็นผู้ท้าชิงประธานาธิปดีอิสราเอล ชีวิตในบั้นปลาย และสมองที่ถูกนำเอาไปชำแหละ และเรื่องราวอีกมากมายในหนังสือเล่มนี้ ชีวิตของไอน์สไตน์ ก็เหมือนชีวิตของคนธรรมดาคนหนึ่ง มีความฝัน ความผิดหวัง ความลำบาก ความหดหู่ การต่อสู้เพื่อยึนยันความคิดของตัวเอง ตัวไอน์สไตน์มีความมุ่งมั่นและความเชื่ออย่างแรงกล้าที่จะพิสูจน์ความเชื่อนั้น ถึงแม้ว่าความเชื่อนั้นจะแตกต่างขัดแย้ง กับแนวความคิดดั้งเดิมรวมไปถึงถูกต่อต้านมากมายกับผู้คนที่ยังยึดติดแนวคิดเก่าๆ เขามีมุมมองในการใช้ชีวิต และความเชื่อในเรื่องพระเจ้าที่น่าสนใจมากๆ ชีวิตของไอน์สไตน์มอบแนวคิดและปัญญาหลายเรื่องให้ผู้อ่านครับ #Einstein #HisLifeAndUniverse #ไอน์สไตน์ #ไอน์สไตน์ชีวประวัติและจักรวาล #รีวิวหนังสือ0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 4 มุมมอง 0 รีวิว - ในชั่วขณะนั้น ผมตระหนักว่าการจะมีประสบการณ์ในอีกสองสามวันข้างหน้าอย่างไรขึ้นอยู่กับตัวผมเป็นส่วนใหญ่ ผมอาจเลือกทุกข์ทรมานกับมัน หรืออาจเลือกเส้นทางอื่นที่จะดึงพลังมาจากบรรดาผู้เข้าร่วมที่กระตือรือร้น จากการพัวพันกับเนื้อหาที่ผมเชื่อหมดใจ และจากการเชื่อมต่ออีกครั้งกับภารกิจส่วนตัวในการทำให้โลกน่าอยู่ขึ้นโดยผ่านการศึกษาเรียนรู้ ซึ่งการเลือกระหว่างเส้นทาง ความเศร้าหดหู่ กับเส้นทางการเข้าร่วมโปรแกรมอย่างกระตือรือร้น เป็นสิ่งที่ไม่ต้องเสียเวลาคิดแม้แต่น้อย
เมื่อตัดสินใจได้แล้ว ผมก็เปลี่ยนจุดโฟกัส และการเปลี่ยนจุดโฟกัสนี้เองก็ส่งผลให้ความรู้สึกของผมเปลี่ยนไป เมื่อไม่กี่นาทีก่อนผมยังรู้สึกอับจนหนทาง แต่ตอนนี้กลับรู้สึกตื่นเต้นกับสองสามวัน ข้างหน้าจริงๆ ผมมีไฟและพร้อมจะบรรเลงผลงานชิ้นที่รักที่สุดชิ้นหนึ่งในชีวิต
จากหนังสือ #สุขเลือกได้ #ChooseTheLifeYouWantในชั่วขณะนั้น ผมตระหนักว่าการจะมีประสบการณ์ในอีกสองสามวันข้างหน้าอย่างไรขึ้นอยู่กับตัวผมเป็นส่วนใหญ่ ผมอาจเลือกทุกข์ทรมานกับมัน หรืออาจเลือกเส้นทางอื่นที่จะดึงพลังมาจากบรรดาผู้เข้าร่วมที่กระตือรือร้น จากการพัวพันกับเนื้อหาที่ผมเชื่อหมดใจ และจากการเชื่อมต่ออีกครั้งกับภารกิจส่วนตัวในการทำให้โลกน่าอยู่ขึ้นโดยผ่านการศึกษาเรียนรู้ ซึ่งการเลือกระหว่างเส้นทาง ความเศร้าหดหู่ กับเส้นทางการเข้าร่วมโปรแกรมอย่างกระตือรือร้น เป็นสิ่งที่ไม่ต้องเสียเวลาคิดแม้แต่น้อย เมื่อตัดสินใจได้แล้ว ผมก็เปลี่ยนจุดโฟกัส และการเปลี่ยนจุดโฟกัสนี้เองก็ส่งผลให้ความรู้สึกของผมเปลี่ยนไป เมื่อไม่กี่นาทีก่อนผมยังรู้สึกอับจนหนทาง แต่ตอนนี้กลับรู้สึกตื่นเต้นกับสองสามวัน ข้างหน้าจริงๆ ผมมีไฟและพร้อมจะบรรเลงผลงานชิ้นที่รักที่สุดชิ้นหนึ่งในชีวิต จากหนังสือ #สุขเลือกได้ #ChooseTheLifeYouWant0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 5 มุมมอง 0 รีวิว - ไวยนาวี คัมบาลา เป็นนักเรียนมัธยมปลายวัย 16 ปี เรียนอยู่ที่ Haynes Academy for Advanced Studies ในลุยเซียนา ซึ่งเฝ้าสังเกตอาการน่าเป็นห่วง ของวัยรุ่น
ลุยเซียนาเป็นรัฐที่มีสถิติของผู้มีอาการซึมเศร้า และปัญหาสภาพจิตใจมากที่สุดในสหรัฐอเมริกา ทั้ง จากการเป็นรัฐที่เผชิญภัยพิบัติรุนแรงที่สุดอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 1980 และสถานการณ์ย่ำแย่กว่าเดิมเมื่อเจอโควิด-19
ขณะเดียวกัน โซเซียลมีเดียก็ยิ่งทำให้วัยรุ่นรู้สึก เปล่าเปลี่ยวกว่าเดิม เพราะเกิดการเปรียบเทียบชีวิตของ ตัวเองกับคนอื่น รวมไปถึงการถูกบุลลีทางโซเซียลมีเดีย
วัยรุ่นจึงเป็นกลุ่มคนที่เปราะบางและควรได้รับการเยียวยา พวกเขาจะเติบโตไปอย่างไรหากหัวใจยังไม่ได้รับการดูแล
จากหนังสือ #เราต่างเป็นฮีโร่ของใครบางคนไวยนาวี คัมบาลา เป็นนักเรียนมัธยมปลายวัย 16 ปี เรียนอยู่ที่ Haynes Academy for Advanced Studies ในลุยเซียนา ซึ่งเฝ้าสังเกตอาการน่าเป็นห่วง ของวัยรุ่น ลุยเซียนาเป็นรัฐที่มีสถิติของผู้มีอาการซึมเศร้า และปัญหาสภาพจิตใจมากที่สุดในสหรัฐอเมริกา ทั้ง จากการเป็นรัฐที่เผชิญภัยพิบัติรุนแรงที่สุดอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 1980 และสถานการณ์ย่ำแย่กว่าเดิมเมื่อเจอโควิด-19 ขณะเดียวกัน โซเซียลมีเดียก็ยิ่งทำให้วัยรุ่นรู้สึก เปล่าเปลี่ยวกว่าเดิม เพราะเกิดการเปรียบเทียบชีวิตของ ตัวเองกับคนอื่น รวมไปถึงการถูกบุลลีทางโซเซียลมีเดีย วัยรุ่นจึงเป็นกลุ่มคนที่เปราะบางและควรได้รับการเยียวยา พวกเขาจะเติบโตไปอย่างไรหากหัวใจยังไม่ได้รับการดูแล จากหนังสือ #เราต่างเป็นฮีโร่ของใครบางคน0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 5 มุมมอง 0 รีวิว - “คนเราถ้าแพ้ทางใจแล้ว มันร้ายยิ่งกว่าแพ้ทางกาย มันแพ้อย่างราบคาบเลยทีเดียว”
จากหนังสือ #คนดีศรีอยุธยา“คนเราถ้าแพ้ทางใจแล้ว มันร้ายยิ่งกว่าแพ้ทางกาย มันแพ้อย่างราบคาบเลยทีเดียว” จากหนังสือ #คนดีศรีอยุธยา0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 8 มุมมอง 0 รีวิว - ทันทีที่มีดกรีดทะลุช่องท้องลงไป ลมที่ถูกขังอัดแน่นก็พวยพุ่ง ออกมาพร้อมกับกลิ่นเหม็นเน่ารุนแรง หมอมอร์กานญีกรีดแผล ให้ยาวขึ้นจนสามารถเปิดช่องท้องออกได้กว้าง สิ่งที่เห็นคือ ภาพ ของหนองที่กระจายอยู่ทั่วไปในช่องท้อง เขาพยายามจะไล่หาว่า หนองที่กระจายไปทั่วมีจุดตั้งต้นมาจากที่ไหน เมื่อไล่ลงไปเรื่อยๆ ก็พบว่าหนองกระจุกตัวและพบมากสุดบริเวณด้านล่างทางขวา ของช่องท้อง เขายังพบว่ามีหนองที่แข็งเป็นก้อนส่วนหนึ่ง แปะติดแน่นจนเหมือนแทรกตัวไปบนกล้ามเนื้อมัดหนึ่งที่มีชื่อว่า Iliopsoas (ออกเสียงว่า อิ-ลิ-โอ-โซ-แอล) เมื่อไล่ตามหนอง ลงต่อไปเรื่อย ๆ ก็พบว่าต้นกำเนิดของหนองทั้งหมดในช่องท้อง น่าจะมาจากส่วนเล็ก ๆ ของลำไส้ที่มีชื่อว่า ไส้ติ่ง
แม้ว่าหมอมอร์กานญีจะไม่รู้ว่าอะไรคือสาเหตุของสิ่งที่เห็นทั้งหมดนี้ แต่เขามั่นใจว่า ความผิดปกติน่าจะเริ่มต้นมาจากไส้ติ่ง ที่อยู่ด้านล่างขวาของช่องท้อง อาการที่ผู้ป่วยเดินขาลากก็น่าจะมาจากการที่หนองนี้ไปวางแปะอยู่บนกล้ามเนื้อ Iliopsoas เพราะกล้ามเนื้อนี้ทำหน้าที่เกี่ยวข้องกับการก้าวขามาข้างหน้า หนองที่ มาโดนกล้ามเนื้อนี้คงจะทำให้กล้ามเนื้ออักเสบและเจ็บเมื่อเดิน
จากหนังสือ #สงครามที่ไม่มีวันชนะทันทีที่มีดกรีดทะลุช่องท้องลงไป ลมที่ถูกขังอัดแน่นก็พวยพุ่ง ออกมาพร้อมกับกลิ่นเหม็นเน่ารุนแรง หมอมอร์กานญีกรีดแผล ให้ยาวขึ้นจนสามารถเปิดช่องท้องออกได้กว้าง สิ่งที่เห็นคือ ภาพ ของหนองที่กระจายอยู่ทั่วไปในช่องท้อง เขาพยายามจะไล่หาว่า หนองที่กระจายไปทั่วมีจุดตั้งต้นมาจากที่ไหน เมื่อไล่ลงไปเรื่อยๆ ก็พบว่าหนองกระจุกตัวและพบมากสุดบริเวณด้านล่างทางขวา ของช่องท้อง เขายังพบว่ามีหนองที่แข็งเป็นก้อนส่วนหนึ่ง แปะติดแน่นจนเหมือนแทรกตัวไปบนกล้ามเนื้อมัดหนึ่งที่มีชื่อว่า Iliopsoas (ออกเสียงว่า อิ-ลิ-โอ-โซ-แอล) เมื่อไล่ตามหนอง ลงต่อไปเรื่อย ๆ ก็พบว่าต้นกำเนิดของหนองทั้งหมดในช่องท้อง น่าจะมาจากส่วนเล็ก ๆ ของลำไส้ที่มีชื่อว่า ไส้ติ่ง แม้ว่าหมอมอร์กานญีจะไม่รู้ว่าอะไรคือสาเหตุของสิ่งที่เห็นทั้งหมดนี้ แต่เขามั่นใจว่า ความผิดปกติน่าจะเริ่มต้นมาจากไส้ติ่ง ที่อยู่ด้านล่างขวาของช่องท้อง อาการที่ผู้ป่วยเดินขาลากก็น่าจะมาจากการที่หนองนี้ไปวางแปะอยู่บนกล้ามเนื้อ Iliopsoas เพราะกล้ามเนื้อนี้ทำหน้าที่เกี่ยวข้องกับการก้าวขามาข้างหน้า หนองที่ มาโดนกล้ามเนื้อนี้คงจะทำให้กล้ามเนื้ออักเสบและเจ็บเมื่อเดิน จากหนังสือ #สงครามที่ไม่มีวันชนะ0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 8 มุมมอง 0 รีวิว - นกนางนวลหัวดำ (Blackheaded gull) จะทำรังรวมกันเป็นฝูงขนาดใหญ่โดย แต่ละรังอยู่ห่างกันไม่กี่ฟุต เมื่อลูกนกเริ่มฟักออกมาจากไข่พวกมันจะตัวเล็กและปกป้องตนเองไม่ได้ แถมยังมีขนาดกำลังพอดีคำ จึงเป็นเรื่องค่อนข้างปกติที่นกนางนวลจะรอจนกระทั่งเพื่อนบ้านเผลอ เช่น บางครั้งตอนบินออกไปหาปลา มันจะรีบกระโดดเข้าไปหาลูกนกเพื่อนบ้านและกลืนเข้าไปทั้งตัว ทำให้มันได้รับอาหารอุดมคุณค่าโดยไม่ต้องลำบากออกไปจับปลา และไม่ต้องปล่อยให้รังของมันปราศจากการป้องกัน
จากหนังสือ #TheSelfishGene #ยีนเห็นแก่ตัวนกนางนวลหัวดำ (Blackheaded gull) จะทำรังรวมกันเป็นฝูงขนาดใหญ่โดย แต่ละรังอยู่ห่างกันไม่กี่ฟุต เมื่อลูกนกเริ่มฟักออกมาจากไข่พวกมันจะตัวเล็กและปกป้องตนเองไม่ได้ แถมยังมีขนาดกำลังพอดีคำ จึงเป็นเรื่องค่อนข้างปกติที่นกนางนวลจะรอจนกระทั่งเพื่อนบ้านเผลอ เช่น บางครั้งตอนบินออกไปหาปลา มันจะรีบกระโดดเข้าไปหาลูกนกเพื่อนบ้านและกลืนเข้าไปทั้งตัว ทำให้มันได้รับอาหารอุดมคุณค่าโดยไม่ต้องลำบากออกไปจับปลา และไม่ต้องปล่อยให้รังของมันปราศจากการป้องกัน จากหนังสือ #TheSelfishGene #ยีนเห็นแก่ตัว0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 8 มุมมอง 0 รีวิว - น้ำอัดลมมีจุดเริ่มต้นในฐานะยาดำรับสงวนสิทธิ์อีกรูปแบบหนึ่ง ซึ่งจะกลายมาเป็นอุตสาหกรรมที่ทำกำไรได้มหาศาลในช่วงครึ่งหลังของ ศตวรรษที่ 19 โคคา-โคลาเป็นผลงานการคิดค้นของจอห์น เพมเบอร์ตัน คนทำยาตำรับสงวนสิทธิ์ในแอตแลนตา เขาค้นพบเครื่องดื่มชนิดนี้จากการ นำสูตรแวงมารีอานี ไวน์ฝรั่งเศสที่ได้รับความนิยมสูง (แฟนๆ ของไวน์นี้ มีทั้งโธมัส เอดิสัน, เอช.จี. เวลส์, ประธานาธิบดีวิลเลียม แมคคินลีย์ และ ประธานาธิบดีของฝรั่งเศสอีกหกคนรวมอยู่ด้วย) ซึ่งชงกับผงใบโคคา (โคเคน) มาผสมเข้ากับเมล็ดของต้นโคลา (อันเป็นส่วนประกอบยอดนิยม อีกอย่างหนึ่งของยาตำรับสงวนสิทธิ์) และน้ำโซดาที่แจกในร้านน้ำอัดลมเพมเบอร์ตันตัดไวน์ออกจากสูตรของเขาในปี 1885 เมื่อเทศมณฑลท้องถิ่น ของจอร์เจียลงคะแนนเสียงให้ห้ามขายแอลกอฮอล์ ตอนนั้นเองที่เขาเติม น้ำตาลเข้ามากลบความขมตามธรรมชาติของโคลาและใบโคคา เขาโฆษณา ส่วนผสมนี้ว่าเป็น “เครื่องดื่มรสอร่อยแสนเร้าใจที่ให้ความกระปรี้กระเปร่า และกำลังวังชา... เป็นยาบำรุงสมองอันล้ำค่าและยารักษาภาวะความ เจ็บป่วยทางประสาททั้งปวง ไม่ว่าจะเป็นอาการปวดศีรษะคลื่นไส้ อาการ ปวดประสาท โรคฮิสทีเรีย ความเศร้าซึม และอื่นๆ อีกมากมาย”
จากหนังสือ #หวานซ่อนตาย #TheCaseAgainstSugarน้ำอัดลมมีจุดเริ่มต้นในฐานะยาดำรับสงวนสิทธิ์อีกรูปแบบหนึ่ง ซึ่งจะกลายมาเป็นอุตสาหกรรมที่ทำกำไรได้มหาศาลในช่วงครึ่งหลังของ ศตวรรษที่ 19 โคคา-โคลาเป็นผลงานการคิดค้นของจอห์น เพมเบอร์ตัน คนทำยาตำรับสงวนสิทธิ์ในแอตแลนตา เขาค้นพบเครื่องดื่มชนิดนี้จากการ นำสูตรแวงมารีอานี ไวน์ฝรั่งเศสที่ได้รับความนิยมสูง (แฟนๆ ของไวน์นี้ มีทั้งโธมัส เอดิสัน, เอช.จี. เวลส์, ประธานาธิบดีวิลเลียม แมคคินลีย์ และ ประธานาธิบดีของฝรั่งเศสอีกหกคนรวมอยู่ด้วย) ซึ่งชงกับผงใบโคคา (โคเคน) มาผสมเข้ากับเมล็ดของต้นโคลา (อันเป็นส่วนประกอบยอดนิยม อีกอย่างหนึ่งของยาตำรับสงวนสิทธิ์) และน้ำโซดาที่แจกในร้านน้ำอัดลมเพมเบอร์ตันตัดไวน์ออกจากสูตรของเขาในปี 1885 เมื่อเทศมณฑลท้องถิ่น ของจอร์เจียลงคะแนนเสียงให้ห้ามขายแอลกอฮอล์ ตอนนั้นเองที่เขาเติม น้ำตาลเข้ามากลบความขมตามธรรมชาติของโคลาและใบโคคา เขาโฆษณา ส่วนผสมนี้ว่าเป็น “เครื่องดื่มรสอร่อยแสนเร้าใจที่ให้ความกระปรี้กระเปร่า และกำลังวังชา... เป็นยาบำรุงสมองอันล้ำค่าและยารักษาภาวะความ เจ็บป่วยทางประสาททั้งปวง ไม่ว่าจะเป็นอาการปวดศีรษะคลื่นไส้ อาการ ปวดประสาท โรคฮิสทีเรีย ความเศร้าซึม และอื่นๆ อีกมากมาย” จากหนังสือ #หวานซ่อนตาย #TheCaseAgainstSugar0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 8 มุมมอง 0 รีวิว - บางครั้งการคัดสรรทางธรรมชาติก็เกิดขึ้นสอดคล้องพอดิบพอดีกับแนวคิด “ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นล้วนมีเหตุผล” โดยสันนิษฐาน ว่าวิวัฒนาการนั้นเข้มงวดถึงขั้นว่าลักษณะใดที่ปรากฏอยู่ในปัจจุบัน ล้วนเป็นผลจากการคัดสรรปั้นแต่งโดยมือที่มองไม่เห็นของภูมิปัญญา ธรรมชาติ วิวัฒนาการทำงานของมันอย่างที่ริชาร์ด ดอว์กินส์ กล่าว ไว้ว่าเหมือน “นักบัญชีขี้เหนียว ตระหนี่กับเงินไม่กี่สตางค์ คอยแต่มองนาฬิกา และลงโทษแม้แต่ความฟุ่มเฟือยแม้น้อยนิดที่สุด ไม่หยุดหย่อน และไม่รามือ” วิวัฒนาการคอยแก้ไขความผิดพลาดอย่างพิถีพิถันผ่าน กระบวนการที่ไร้ความปรานีและมุ่งประโยชน์สูงสุด ในแนวคิดเช่นนั้นโลกจึงไม่ได้มีแค่ระเบียบและโครงสร้าง แต่ยังมีเป้าหมายชัดเจนว่าต้อง พยายามดิ้นรนไปให้ถึงจุดที่เหมาะสมยิ่งกว่าเรื่อยไป
จากหนังสือ #บังเอิญอย่างมีนัยสำคัญ #Flukeบางครั้งการคัดสรรทางธรรมชาติก็เกิดขึ้นสอดคล้องพอดิบพอดีกับแนวคิด “ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นล้วนมีเหตุผล” โดยสันนิษฐาน ว่าวิวัฒนาการนั้นเข้มงวดถึงขั้นว่าลักษณะใดที่ปรากฏอยู่ในปัจจุบัน ล้วนเป็นผลจากการคัดสรรปั้นแต่งโดยมือที่มองไม่เห็นของภูมิปัญญา ธรรมชาติ วิวัฒนาการทำงานของมันอย่างที่ริชาร์ด ดอว์กินส์ กล่าว ไว้ว่าเหมือน “นักบัญชีขี้เหนียว ตระหนี่กับเงินไม่กี่สตางค์ คอยแต่มองนาฬิกา และลงโทษแม้แต่ความฟุ่มเฟือยแม้น้อยนิดที่สุด ไม่หยุดหย่อน และไม่รามือ” วิวัฒนาการคอยแก้ไขความผิดพลาดอย่างพิถีพิถันผ่าน กระบวนการที่ไร้ความปรานีและมุ่งประโยชน์สูงสุด ในแนวคิดเช่นนั้นโลกจึงไม่ได้มีแค่ระเบียบและโครงสร้าง แต่ยังมีเป้าหมายชัดเจนว่าต้อง พยายามดิ้นรนไปให้ถึงจุดที่เหมาะสมยิ่งกว่าเรื่อยไป จากหนังสือ #บังเอิญอย่างมีนัยสำคัญ #Fluke0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 9 มุมมอง 0 รีวิว - ผู้ชายแสนดีมีปัญหาเรื่องเพศ แม้ส่วนใหญ่จะปฏิเสธว่าไม่มีปัญหาเรื่องเซ็กส์ แต่ผมยังไม่เคยเจอใครที่ไม่มีปัญหาเรื่อง (1) ไม่พอใจกับเรื่องบนเตียง หรือมีความบกพร่องทางเพศ (ไม่สามารถทำให้อวัยวะเพศแข็งตัวหรือแข็งตัวได้ไม่นาน หรือถึงจุดสุดยอดเร็วเกินไป) หรือไม่ก็ (2) แสดงออกทางเพศอย่างโจ่งแจ้ง (ด้วยการมีชู้ ซื้อบริการหญิงโสเภณี ใช้สื่อลามก หรือหมกมุ่นกับการสำเร็จความใคร่ด้วยตัวเอง เป็นต้น)
จากหนังสือ #พอกันทีผู้ชายแสนดี #NoMoreMrNiceGuyผู้ชายแสนดีมีปัญหาเรื่องเพศ แม้ส่วนใหญ่จะปฏิเสธว่าไม่มีปัญหาเรื่องเซ็กส์ แต่ผมยังไม่เคยเจอใครที่ไม่มีปัญหาเรื่อง (1) ไม่พอใจกับเรื่องบนเตียง หรือมีความบกพร่องทางเพศ (ไม่สามารถทำให้อวัยวะเพศแข็งตัวหรือแข็งตัวได้ไม่นาน หรือถึงจุดสุดยอดเร็วเกินไป) หรือไม่ก็ (2) แสดงออกทางเพศอย่างโจ่งแจ้ง (ด้วยการมีชู้ ซื้อบริการหญิงโสเภณี ใช้สื่อลามก หรือหมกมุ่นกับการสำเร็จความใคร่ด้วยตัวเอง เป็นต้น) จากหนังสือ #พอกันทีผู้ชายแสนดี #NoMoreMrNiceGuy0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 9 มุมมอง 0 รีวิว - คิดน้อยลงบ้างก็ดีนะ Stop Over Thinking (2025/126)
หนังสือเล่มเล็กที่ช่วยให้ค้นพบวิธีที่จะจัดการความเครียดและความวิตกกังวลได้อย่างทรงพลัง
คนที่คิดมากย่อมเป็นคนที่คิดได้รอบด้านวางแผนในการดำเนินชีวิตได้เป็นอย่างดี แต่ความคิดมากก็มีผลเสียต่อต่อชีวิตและสุขภาพมากด้วยเช่นกัน ความคิดมากมีผลทางอ้อมต่อสุขภาพในแบบที่ไม่รู้ตัวเนื่องจากถ้าหากมีความเครียดเกิดขึ้น สมองที่โดยธรรมชาติเมื่อตัวเราพบกับเหตุการณ์ที่เจออันตราย(รวมถึงความเครียด)จะหลั่งสารกระตุ้นไปที่ต่อมในร่างกายและกระตุ้นให้เกิดการสร้างฮอร์โมน ซึ่งโดยปกติที่เหตุการณ์เหล่านี้จะเกิดขึ้นเป็นครั้งคราวและต่อมาความเครียดนี้ก็จะจบลง แต่ถ้าหากความเครียดที่เกิดภายในจิตใจถูกสร้างขึ้นมาจากความคิดมากซึ่งเกิดขึ้นตลอดเวลา ฮอร์โมนความเครียดถูกปล่อยออกมาตลอดเวลา และมันส่งผลต่อร่างกายระยะยาว
หนังสือเล่มนี้รวมรวมวิธีการจัดการความเครียดและความวิตกกังวลมา 4วิธี ซึ่งน่าสนใจมากๆได้แก่
1.หลัก 4A ในการจัดการความเครียด ได้แก่หลีกเลี่ยง (Avoid), ปรับเปลี่ยน (Alter), ปรับตัว (Adapt), และ ยอมรับ (Accept)
2.บันทึกประจำวันและไดอารี่ความเครียด
3.เทคนิคดึงสติ 5-4-3-2-1
4.การบำบัดด้วยการเล่าเรื่องและมองปัญหาแยกจากตัวตน
ในที่นี่จะเล่าถึงหลักดึงสติ 5-4-3-2-1
เป็นการสร้างการดึงสติดกลับมาจากช่วงวลาที่คิดมากและไม่สามารถออกจากสถานการณ์นีได้ วิธีการคือ เริ่มจากการสูดลมหายใจลึกๆแล้วมองไปรอบตัวเช่น
5 - มอง 5สิ่ง ที่มองเห็นในตอนนี้ เช่น มือ , ผนัง , รูปภาพ หรืออะไรก็ได้ โดยพิจารณาให้ละเอียดเช่น สีสัน,รูปร่าง , ผิวสัมผัส เป็นต้น
4 - สัมผัส 4วัตถุ ที่ร่างกายสามารถสัมผัสได้ตอนนี้ เช่น เก้าอี้ที่รับน้ำหนักอยู่ , ความเย็นของพื้นผิวโต๊ะ เป็นต้น
3 - ฟัง 3เสียง ที่อยู่รอบตัว เน้นที่เป็นเสียงที่ต้องใช้โสตประสาทมากหน่อย เช่นเสียงลมหายใจ , เสียงการจราจรที่อยู่ห่างออกไปไกลๆ
2 - ค้นหา 2วัตถุ ที่คุณได้กลิ่น เช่นกลิ่นน้ำหอมของคนที่อยู่ใกล้ๆ หรือกลิ่นอาหาร
1 - ชิม 1ชนิด หาสิ่งที่สามารถชิมแล้วคุณรับรสได้ และถึงแม้ว่าจะไม่สามารถหาได้ในตอนนั้น ก็ให้พิจารณาต่อมรับรสของตัวเอง ใสขณะที่ยังไม่ได้รับรสอะไร
แค่คิดตามก็ทำให้รู้ได้ว่า เทคนิคดึงสติ 5-4-3-2-1 นั้นได้ผลจริงๆ
หนังสือเล่มนี้เหมาะเป็นตำราเพื่อจัดการความเครียดได้เป็นอย่างดี แนะนำให้มีติดตัวไว้ถ้าคิดว่าตนเองอยู่ในความเครียด
#คิดน้อยลงบ้างก็ดีนะ #StopOverThinking #รีวิวหนังสือ
คิดน้อยลงบ้างก็ดีนะ Stop Over Thinking (2025/126) หนังสือเล่มเล็กที่ช่วยให้ค้นพบวิธีที่จะจัดการความเครียดและความวิตกกังวลได้อย่างทรงพลัง คนที่คิดมากย่อมเป็นคนที่คิดได้รอบด้านวางแผนในการดำเนินชีวิตได้เป็นอย่างดี แต่ความคิดมากก็มีผลเสียต่อต่อชีวิตและสุขภาพมากด้วยเช่นกัน ความคิดมากมีผลทางอ้อมต่อสุขภาพในแบบที่ไม่รู้ตัวเนื่องจากถ้าหากมีความเครียดเกิดขึ้น สมองที่โดยธรรมชาติเมื่อตัวเราพบกับเหตุการณ์ที่เจออันตราย(รวมถึงความเครียด)จะหลั่งสารกระตุ้นไปที่ต่อมในร่างกายและกระตุ้นให้เกิดการสร้างฮอร์โมน ซึ่งโดยปกติที่เหตุการณ์เหล่านี้จะเกิดขึ้นเป็นครั้งคราวและต่อมาความเครียดนี้ก็จะจบลง แต่ถ้าหากความเครียดที่เกิดภายในจิตใจถูกสร้างขึ้นมาจากความคิดมากซึ่งเกิดขึ้นตลอดเวลา ฮอร์โมนความเครียดถูกปล่อยออกมาตลอดเวลา และมันส่งผลต่อร่างกายระยะยาว หนังสือเล่มนี้รวมรวมวิธีการจัดการความเครียดและความวิตกกังวลมา 4วิธี ซึ่งน่าสนใจมากๆได้แก่ 1.หลัก 4A ในการจัดการความเครียด ได้แก่หลีกเลี่ยง (Avoid), ปรับเปลี่ยน (Alter), ปรับตัว (Adapt), และ ยอมรับ (Accept) 2.บันทึกประจำวันและไดอารี่ความเครียด 3.เทคนิคดึงสติ 5-4-3-2-1 4.การบำบัดด้วยการเล่าเรื่องและมองปัญหาแยกจากตัวตน ในที่นี่จะเล่าถึงหลักดึงสติ 5-4-3-2-1 เป็นการสร้างการดึงสติดกลับมาจากช่วงวลาที่คิดมากและไม่สามารถออกจากสถานการณ์นีได้ วิธีการคือ เริ่มจากการสูดลมหายใจลึกๆแล้วมองไปรอบตัวเช่น 5 - มอง 5สิ่ง ที่มองเห็นในตอนนี้ เช่น มือ , ผนัง , รูปภาพ หรืออะไรก็ได้ โดยพิจารณาให้ละเอียดเช่น สีสัน,รูปร่าง , ผิวสัมผัส เป็นต้น 4 - สัมผัส 4วัตถุ ที่ร่างกายสามารถสัมผัสได้ตอนนี้ เช่น เก้าอี้ที่รับน้ำหนักอยู่ , ความเย็นของพื้นผิวโต๊ะ เป็นต้น 3 - ฟัง 3เสียง ที่อยู่รอบตัว เน้นที่เป็นเสียงที่ต้องใช้โสตประสาทมากหน่อย เช่นเสียงลมหายใจ , เสียงการจราจรที่อยู่ห่างออกไปไกลๆ 2 - ค้นหา 2วัตถุ ที่คุณได้กลิ่น เช่นกลิ่นน้ำหอมของคนที่อยู่ใกล้ๆ หรือกลิ่นอาหาร 1 - ชิม 1ชนิด หาสิ่งที่สามารถชิมแล้วคุณรับรสได้ และถึงแม้ว่าจะไม่สามารถหาได้ในตอนนั้น ก็ให้พิจารณาต่อมรับรสของตัวเอง ใสขณะที่ยังไม่ได้รับรสอะไร แค่คิดตามก็ทำให้รู้ได้ว่า เทคนิคดึงสติ 5-4-3-2-1 นั้นได้ผลจริงๆ หนังสือเล่มนี้เหมาะเป็นตำราเพื่อจัดการความเครียดได้เป็นอย่างดี แนะนำให้มีติดตัวไว้ถ้าคิดว่าตนเองอยู่ในความเครียด #คิดน้อยลงบ้างก็ดีนะ #StopOverThinking #รีวิวหนังสือ0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 13 มุมมอง 0 รีวิว - เมื่อคุณจดเรื่องทั่วไปต่างๆ เรื่องเหล่านั้นสามารถแปรเปลี่ยนไปเป็นไอเดียได้ แม้กระทั่งสิ่งที่เมื่อมองเผินๆ แล้วดูไม่ได้มีความสำคัญอะไร เป็นเรื่องเล็กๆที่คนทั่วไปมักจะมองข้าม แต่ถ้าเราจดบันทึกไว้ เรื่องเหล่านั้นจะสามารถกลายเป็นไอเดีย ดังนั้นเวทมนตร์ของการ จดบันทึกก็คือการแปรเปลี่ยนเรื่องราวธรรมดาให้เป็นไอเดียนี่เอง
จากหนังสือ #จดโน้ตขั้นเทพเปลี่ยนกระดาษให้เป็นสมองเมื่อคุณจดเรื่องทั่วไปต่างๆ เรื่องเหล่านั้นสามารถแปรเปลี่ยนไปเป็นไอเดียได้ แม้กระทั่งสิ่งที่เมื่อมองเผินๆ แล้วดูไม่ได้มีความสำคัญอะไร เป็นเรื่องเล็กๆที่คนทั่วไปมักจะมองข้าม แต่ถ้าเราจดบันทึกไว้ เรื่องเหล่านั้นจะสามารถกลายเป็นไอเดีย ดังนั้นเวทมนตร์ของการ จดบันทึกก็คือการแปรเปลี่ยนเรื่องราวธรรมดาให้เป็นไอเดียนี่เอง จากหนังสือ #จดโน้ตขั้นเทพเปลี่ยนกระดาษให้เป็นสมอง0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 15 มุมมอง 0 รีวิว - การดำรงชีวิตในหมู่ประชากรจำนวนมากก็หล่อหลอม ให้เกิดผู้ลงโทษที่เป็นบุคคลที่สามแบบเบ็ดเสร็จ ตามบันทึกโดยเอรานอเรนซายัน จากมหาวิทยาลัยบริติชโคลัมเบีย สังคมต้องมีขนาดใหญ่ พอที่ผู้คนจะพบกับคนแปลกหน้าเป็นประจำ จึงจะเกิดความเชื่อใน “เทพผู้ยิ่งใหญ่” หรือเทพเจ้าผู้เกี่ยวข้องกับศีลธรรมของมนุษย์และลงโทษการล่วงละเมิดของเรา” สังคมที่มีปฏิสัมพันธ์กันโดยไม่ระบุตัวตนบ่อยครั้ง มีแนวโน้มที่จะยกหน้าที่การลงโทษให้เป็นของบรรดาเทพเจ้า ในทางกลับกัน เทพเจ้าของคนเก็บของป่าล่าสัตว์ไม่ค่อยสนใจนักหรอกว่าเราจะทำตัวดีหรือเปล่า ยิ่งกว่านั้น จากผลงานที่เกี่ยวข้องกับวัฒนธรรม ดั้งเดิมที่หลากหลาย นอเรนซายันแสดงให้เห็นว่า ยิ่งผู้คนเชื่อว่าเทพเจ้า ผู้ทรงศีลของตนรอบรู้และเข้มงวดกับการลงโทษเท่าใดพวกเขาก็ยิ่งใจกว้าง ต่อคนแปลกหน้าที่นับถือศาสนาเดียวกันในเกมแบ่งสันปันส่วนทางการเงิ
จากหนังสือ #Behave #ชีววิทยาของมนุษย์ยามดีสุดขั้วและชั่วสุดขีดการดำรงชีวิตในหมู่ประชากรจำนวนมากก็หล่อหลอม ให้เกิดผู้ลงโทษที่เป็นบุคคลที่สามแบบเบ็ดเสร็จ ตามบันทึกโดยเอรานอเรนซายัน จากมหาวิทยาลัยบริติชโคลัมเบีย สังคมต้องมีขนาดใหญ่ พอที่ผู้คนจะพบกับคนแปลกหน้าเป็นประจำ จึงจะเกิดความเชื่อใน “เทพผู้ยิ่งใหญ่” หรือเทพเจ้าผู้เกี่ยวข้องกับศีลธรรมของมนุษย์และลงโทษการล่วงละเมิดของเรา” สังคมที่มีปฏิสัมพันธ์กันโดยไม่ระบุตัวตนบ่อยครั้ง มีแนวโน้มที่จะยกหน้าที่การลงโทษให้เป็นของบรรดาเทพเจ้า ในทางกลับกัน เทพเจ้าของคนเก็บของป่าล่าสัตว์ไม่ค่อยสนใจนักหรอกว่าเราจะทำตัวดีหรือเปล่า ยิ่งกว่านั้น จากผลงานที่เกี่ยวข้องกับวัฒนธรรม ดั้งเดิมที่หลากหลาย นอเรนซายันแสดงให้เห็นว่า ยิ่งผู้คนเชื่อว่าเทพเจ้า ผู้ทรงศีลของตนรอบรู้และเข้มงวดกับการลงโทษเท่าใดพวกเขาก็ยิ่งใจกว้าง ต่อคนแปลกหน้าที่นับถือศาสนาเดียวกันในเกมแบ่งสันปันส่วนทางการเงิ จากหนังสือ #Behave #ชีววิทยาของมนุษย์ยามดีสุดขั้วและชั่วสุดขีด0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 15 มุมมอง 0 รีวิว - สาเหตุของเรื่องนี้คือใบหน้าของคนสมัยใหม่อย่างเรานั้นเล็กกว่า บรรพบุรุษมากโดยเฉพาะส่วนกราม การเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้นแบบทันทีทันใด ดูจากชนเผ่าอะบอริจินในออสเตรเลียจำนวนมากที่เปลี่ยนมาบริโภคอาหาร แบบสมัยใหม่อย่างรวดเร็วในช่วงทศวรรษที่ 1950 มีกรามเล็กกว่าบรรพบุรุษ ที่มีชีวิตอยู่เมื่อ 100 ปีก่อนหน้านั้นอย่างมาก” ส่วนกรามของชาวฟินแลนด์ สมัยใหม่ก็เล็กกว่าบรรพบุรุษสมัยโบราณของตน (ซึ่งมีความคล้ายคลึงทาง พันธุกรรมสูงมาก) ถึง 6 เปอร์เซ็นต์
สาเหตุที่ทำให้ใบหน้าเล็กลงเป็นสาเหตุเดียวกับที่นักเทนนิสมีความหนาแน่นของกระดูกแขนข้างที่ใช้ตีลูกสูงกว่าอีกข้างมาก และเป็นสาเหตุเดียวกับที่เราสามารถระบุตัวพลธนูยาวที่เสียชีวิตในซากเรือแมรี่โรสได้จากขนาด และความหนาแน่นของกระดูกแขนของพวกเขา” กระดูกไม่ใช่ก้อนหินครับ มันมีชีวิตซึ่งสามารถเปลี่ยนรูปแบบได้เสมอ มันแตกหักได้และ สร้างขึ้นใหม่ได้ตามแรงกดดันที่ได้รับ กระดูกใบหน้าและกรามก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น ถ้าคุณออกแรงเคี้ยวมันก็จะเติบโต
ที่จริงแล้วมีงานวิจัยหนึ่งขอให้เด็กๆ ชาวกรีกเคี้ยวหมากฝรั่งเหนียวหนีบ เป็นเวลา 2 ชั่วโมงต่อวัน เพื่อดูผลกระทบที่เกิดขึ้น เมื่อสิ้นสุดงานวิจัยก็พบว่าเด็กๆ ที่เคี้ยวหมากฝรั่งนั้นไม่เพียงแต่สามารถลงน้ำหนักในการเคี้ยวได้มากขึ้น แต่ยังมีกรามและโหนกแก้มที่ยาวขึ้นอย่างเห็นได้ชัดด้วย
จากหนังสือ #อร่อยลวงตาย #UltraProcessedPeopleสาเหตุของเรื่องนี้คือใบหน้าของคนสมัยใหม่อย่างเรานั้นเล็กกว่า บรรพบุรุษมากโดยเฉพาะส่วนกราม การเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้นแบบทันทีทันใด ดูจากชนเผ่าอะบอริจินในออสเตรเลียจำนวนมากที่เปลี่ยนมาบริโภคอาหาร แบบสมัยใหม่อย่างรวดเร็วในช่วงทศวรรษที่ 1950 มีกรามเล็กกว่าบรรพบุรุษ ที่มีชีวิตอยู่เมื่อ 100 ปีก่อนหน้านั้นอย่างมาก” ส่วนกรามของชาวฟินแลนด์ สมัยใหม่ก็เล็กกว่าบรรพบุรุษสมัยโบราณของตน (ซึ่งมีความคล้ายคลึงทาง พันธุกรรมสูงมาก) ถึง 6 เปอร์เซ็นต์ สาเหตุที่ทำให้ใบหน้าเล็กลงเป็นสาเหตุเดียวกับที่นักเทนนิสมีความหนาแน่นของกระดูกแขนข้างที่ใช้ตีลูกสูงกว่าอีกข้างมาก และเป็นสาเหตุเดียวกับที่เราสามารถระบุตัวพลธนูยาวที่เสียชีวิตในซากเรือแมรี่โรสได้จากขนาด และความหนาแน่นของกระดูกแขนของพวกเขา” กระดูกไม่ใช่ก้อนหินครับ มันมีชีวิตซึ่งสามารถเปลี่ยนรูปแบบได้เสมอ มันแตกหักได้และ สร้างขึ้นใหม่ได้ตามแรงกดดันที่ได้รับ กระดูกใบหน้าและกรามก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น ถ้าคุณออกแรงเคี้ยวมันก็จะเติบโต ที่จริงแล้วมีงานวิจัยหนึ่งขอให้เด็กๆ ชาวกรีกเคี้ยวหมากฝรั่งเหนียวหนีบ เป็นเวลา 2 ชั่วโมงต่อวัน เพื่อดูผลกระทบที่เกิดขึ้น เมื่อสิ้นสุดงานวิจัยก็พบว่าเด็กๆ ที่เคี้ยวหมากฝรั่งนั้นไม่เพียงแต่สามารถลงน้ำหนักในการเคี้ยวได้มากขึ้น แต่ยังมีกรามและโหนกแก้มที่ยาวขึ้นอย่างเห็นได้ชัดด้วย จากหนังสือ #อร่อยลวงตาย #UltraProcessedPeople0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 16 มุมมอง 0 รีวิว - ฉันได้พัฒนาสัมผัสที่ไวเป็นพิเศษ ว่าสถานการณ์เริ่ม คุกรุ่นขึ้นมาเมื่อไร ฉันรับรู้ถึงความเปลี่ยนแปลงในน้ำเสียงหรือ “สีหน้า” ของยาย ที่แสดงว่าฉันทำอะไรให้เธอไม่พอใจ ยายไม่ได้เป็นคนใจร้าย ฉันเชื่อว่ายายเอาใจใส่ฉัน และอยากให้ฉันเป็น “เด็กดี” ฉันได้เข้าใจว่า การ“เงียบซะดี ๆ” หรือการหุบปากไว้ คือหนทางเดียวที่ทำให้แน่ใจว่า การลงโทษและความเจ็บปวดนี้จะจบลงโดยเร็วที่สุด สี่สิบปีต่อมา รูปแบบของพฤติกรรมที่ยินยอมทำตามแต่โดยดี อันเป็นผลมาจากบาดแผล ทางใจที่ฝังลึก มักจะกำหนดทุก ๆ ความสัมพันธ์ ปฏิสัมพันธ์ และการตัดสินใจในชีวิตของฉัน
จากหนังสือ #แค่เข้าใจก็ไม่เจ็บแล้ว #WhatHappenedToYou?ฉันได้พัฒนาสัมผัสที่ไวเป็นพิเศษ ว่าสถานการณ์เริ่ม คุกรุ่นขึ้นมาเมื่อไร ฉันรับรู้ถึงความเปลี่ยนแปลงในน้ำเสียงหรือ “สีหน้า” ของยาย ที่แสดงว่าฉันทำอะไรให้เธอไม่พอใจ ยายไม่ได้เป็นคนใจร้าย ฉันเชื่อว่ายายเอาใจใส่ฉัน และอยากให้ฉันเป็น “เด็กดี” ฉันได้เข้าใจว่า การ“เงียบซะดี ๆ” หรือการหุบปากไว้ คือหนทางเดียวที่ทำให้แน่ใจว่า การลงโทษและความเจ็บปวดนี้จะจบลงโดยเร็วที่สุด สี่สิบปีต่อมา รูปแบบของพฤติกรรมที่ยินยอมทำตามแต่โดยดี อันเป็นผลมาจากบาดแผล ทางใจที่ฝังลึก มักจะกำหนดทุก ๆ ความสัมพันธ์ ปฏิสัมพันธ์ และการตัดสินใจในชีวิตของฉัน จากหนังสือ #แค่เข้าใจก็ไม่เจ็บแล้ว #WhatHappenedToYou?0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 16 มุมมอง 0 รีวิว - The Dawn Of Everything รุ่งอรุณแห่งมนุษยชาติ (2025/126)
ทีมน้กเขียนสองคนที่เป็นอาจารย์ผู้เชี่ยวชาญทางด้านโบราณวิทยาและนักมนุษยวิทยาที่ร่วมทือกันเขียนหนังสือเล่มนี้มาร่วมสิบปี ทั้งสองคนมีความเชื่อว่าการใช้ชีวิตของผู้คนในสมัยโบราณหลายพันปีก่อนนั้น สามารถใช้ชีวิตได้อย่างมีอิสระและเท่าเทียมทั้ง ทางเพศ อาชีพ และช่วงอายุได้มากกว่าปัจจุบัน ซึ่งนั่นรวมไปถึงการปกครองในแบบที่ไม่มีรูปแบบแน่นอนในอดีตนั้นก็ยังสามารถให้อิสระเสรีมากกว่าการปกครองในแบบประชาติธิปไตยที่นำเสนอความเท่าเทียมที่ใช้ในยุคปัจจุบันเสียอีก
การสืบค้นและนำเสนอของทีมผู้เขียนย่อมมีความขัดแย้งแบบ หนึ่งร้อยแปดสิบองศากับนักวิชาการที่นำเสนอทางประวัติศาสตร์ที่ให้แนวคิดไปในทิศทางเดียวกันเกือบทั้งหมด รวมไปถึงขัดกับความเชื่อของคนทั่วไปที่เนื่องจากเราได้รับการนำเสนอประวัติศาสตร์มาเป็นในรูปแบบทิศทางเดียวกันตลอดมา สิ่งที่ขัดแย้งเช่น ไม่ได้มีพระราชาหรือผู้นำเดี่ยวๆเท่านั้นที่จะปกครองทุกๆบ้านเมือง , ในอดีตยุคเกษตรกรรมกลับไม่ได้มีชาวเผ่าต้องการสร้างสังคมเกษตรกรรมเลย หรือ การยกย่องสตรีเพศในการเป็นตัวขับเคลื่อนสังคมและความเป็นนักประดิษฐ์ที่เป็นเบื้องหลังหลัก เป็นต้น
แน่นอนว่าหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่ทีมนักเขียนทั้งสองสืบค้นและนำเสนอให้เราได้อ่านกันนั้น ไม่ใช่หลักฐานพวกเราคุ้นเคยและได้รับรู้มา อย่างเช่นวัฒนธรรมอียิปต์โบราณ หรือวัฒนธรรมกรีกโรมัน แต่พวกเขาสืบค้นหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่เป็นส่วนของชุมชนเล็กๆในจุดต่างๆของโลก และมีความเชื่อมโยงที่สามารถยืนยันสมมติฐานของพวกเขาได้ ดังนั้นหลักความเชื่อของของทีมนักเขียนจึงเป็นชุดความคิดหนึ่งที่ไม่ควรมองข้าม
#TheDawnOfEverything #รุ่งอรุณแห่งมนุษยชาติ #รีวิวหนังสือ
The Dawn Of Everything รุ่งอรุณแห่งมนุษยชาติ (2025/126) ทีมน้กเขียนสองคนที่เป็นอาจารย์ผู้เชี่ยวชาญทางด้านโบราณวิทยาและนักมนุษยวิทยาที่ร่วมทือกันเขียนหนังสือเล่มนี้มาร่วมสิบปี ทั้งสองคนมีความเชื่อว่าการใช้ชีวิตของผู้คนในสมัยโบราณหลายพันปีก่อนนั้น สามารถใช้ชีวิตได้อย่างมีอิสระและเท่าเทียมทั้ง ทางเพศ อาชีพ และช่วงอายุได้มากกว่าปัจจุบัน ซึ่งนั่นรวมไปถึงการปกครองในแบบที่ไม่มีรูปแบบแน่นอนในอดีตนั้นก็ยังสามารถให้อิสระเสรีมากกว่าการปกครองในแบบประชาติธิปไตยที่นำเสนอความเท่าเทียมที่ใช้ในยุคปัจจุบันเสียอีก การสืบค้นและนำเสนอของทีมผู้เขียนย่อมมีความขัดแย้งแบบ หนึ่งร้อยแปดสิบองศากับนักวิชาการที่นำเสนอทางประวัติศาสตร์ที่ให้แนวคิดไปในทิศทางเดียวกันเกือบทั้งหมด รวมไปถึงขัดกับความเชื่อของคนทั่วไปที่เนื่องจากเราได้รับการนำเสนอประวัติศาสตร์มาเป็นในรูปแบบทิศทางเดียวกันตลอดมา สิ่งที่ขัดแย้งเช่น ไม่ได้มีพระราชาหรือผู้นำเดี่ยวๆเท่านั้นที่จะปกครองทุกๆบ้านเมือง , ในอดีตยุคเกษตรกรรมกลับไม่ได้มีชาวเผ่าต้องการสร้างสังคมเกษตรกรรมเลย หรือ การยกย่องสตรีเพศในการเป็นตัวขับเคลื่อนสังคมและความเป็นนักประดิษฐ์ที่เป็นเบื้องหลังหลัก เป็นต้น แน่นอนว่าหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่ทีมนักเขียนทั้งสองสืบค้นและนำเสนอให้เราได้อ่านกันนั้น ไม่ใช่หลักฐานพวกเราคุ้นเคยและได้รับรู้มา อย่างเช่นวัฒนธรรมอียิปต์โบราณ หรือวัฒนธรรมกรีกโรมัน แต่พวกเขาสืบค้นหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่เป็นส่วนของชุมชนเล็กๆในจุดต่างๆของโลก และมีความเชื่อมโยงที่สามารถยืนยันสมมติฐานของพวกเขาได้ ดังนั้นหลักความเชื่อของของทีมนักเขียนจึงเป็นชุดความคิดหนึ่งที่ไม่ควรมองข้าม #TheDawnOfEverything #รุ่งอรุณแห่งมนุษยชาติ #รีวิวหนังสือ0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 16 มุมมอง 0 รีวิว - ความถี่ในการวัดผลไมสามารถกำหนดเป็นมาตรฐานได้ว่า เท่าไรถึงจะเหมาะสม เพราะขึ้นอยู่กับแต่ละประเภทธุรกิจ แต่การ วัดผลอย่างสม่ำเสมอในความถี่ที่มากพอจะทำให้คุณได้ผลลัพธ์ที่ ถูกต้อง แม่นยำ และมีประสิทธิภาพอย่างแน่นยน
จากสถิติที่ Way Maker จัดเก็บข้อมูล ผมขอแนะนำความถี่ในการวัดผลลัพธ์คือ อย่างน้อย 1 ครั้งต่อสัปดาห์ เพื่อเป็น การป้องกันไม่ให้คุณเสียเงินไปฟรีๆ
จากหนังสือ #MarketingROIความถี่ในการวัดผลไมสามารถกำหนดเป็นมาตรฐานได้ว่า เท่าไรถึงจะเหมาะสม เพราะขึ้นอยู่กับแต่ละประเภทธุรกิจ แต่การ วัดผลอย่างสม่ำเสมอในความถี่ที่มากพอจะทำให้คุณได้ผลลัพธ์ที่ ถูกต้อง แม่นยำ และมีประสิทธิภาพอย่างแน่นยน จากสถิติที่ Way Maker จัดเก็บข้อมูล ผมขอแนะนำความถี่ในการวัดผลลัพธ์คือ อย่างน้อย 1 ครั้งต่อสัปดาห์ เพื่อเป็น การป้องกันไม่ให้คุณเสียเงินไปฟรีๆ จากหนังสือ #MarketingROI0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 18 มุมมอง 0 รีวิว - อัตราส่วนนี้อาจจะเรียกว่า จำนวนวันของลูกหนี้ (debtor days) หรือระยะเวลาในการเก็บ หนี้ (collection period)ก็ได้ แนวคิดนี้จะทำให้เข้าใจได้ง่ายกว่า และให้คำตอบที่แน่นอนกว่า สามารถบอกถึงจำนวนวันที่คลาดเคลื่อนได้ นอกจากนี้ยังสามารถเปรียบเทียบระหว่างจำนวน วันของลูกหนี้กับระยะเวลาในการขายสินค้าตามปกติและติดตามประสิทธิภาพในการเก็บหนี้ได้
จากหนังสือ #วิเคราะห์เจาะลึกอัตราส่วนทางการเงินอัตราส่วนนี้อาจจะเรียกว่า จำนวนวันของลูกหนี้ (debtor days) หรือระยะเวลาในการเก็บ หนี้ (collection period)ก็ได้ แนวคิดนี้จะทำให้เข้าใจได้ง่ายกว่า และให้คำตอบที่แน่นอนกว่า สามารถบอกถึงจำนวนวันที่คลาดเคลื่อนได้ นอกจากนี้ยังสามารถเปรียบเทียบระหว่างจำนวน วันของลูกหนี้กับระยะเวลาในการขายสินค้าตามปกติและติดตามประสิทธิภาพในการเก็บหนี้ได้ จากหนังสือ #วิเคราะห์เจาะลึกอัตราส่วนทางการเงิน0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 18 มุมมอง 0 รีวิว - การคิดเหมือนนักวิทยาศาสตร์จรวดก็คือการมองโลกผ่านเลนส์ที่ต่างไป นักวิทยาศาสตร์จรวดจินตนาการสิ่งที่เหนือจินตนาการและแก้ปัญหา ที่ยากเกินแก้ แปลงความล้มเหลวให้เป็นชัยชนะ และแปลงข้อจำกัดให้เป็นข้อได้เปรียบ มองเคราะห์ร้ายว่าเป็นปริศนาที่ไขได้ แทนที่จะเป็นทางตัน ที่ยากเกินฝ่าฟัน ไม่ได้เดินหน้าอย่างมั่นใจไร้สติแต่เดินอย่างมีข้อสงสัย เป้าหมายไม่ใช่ผลระยะสั้น แต่เป็นการค้นพบที่ยิ่งใหญ่ในระยะยาว พวกเขารู้ว่ากฎไม่ตายตัว ค่าพื้นฐานตั้งใหม่ได้ และบุกเบิกเส้นทางใหม่ได้
จากหนังสือ #คิดอย่างนักสร้างจรวด #ThinkLikeARocketScientistการคิดเหมือนนักวิทยาศาสตร์จรวดก็คือการมองโลกผ่านเลนส์ที่ต่างไป นักวิทยาศาสตร์จรวดจินตนาการสิ่งที่เหนือจินตนาการและแก้ปัญหา ที่ยากเกินแก้ แปลงความล้มเหลวให้เป็นชัยชนะ และแปลงข้อจำกัดให้เป็นข้อได้เปรียบ มองเคราะห์ร้ายว่าเป็นปริศนาที่ไขได้ แทนที่จะเป็นทางตัน ที่ยากเกินฝ่าฟัน ไม่ได้เดินหน้าอย่างมั่นใจไร้สติแต่เดินอย่างมีข้อสงสัย เป้าหมายไม่ใช่ผลระยะสั้น แต่เป็นการค้นพบที่ยิ่งใหญ่ในระยะยาว พวกเขารู้ว่ากฎไม่ตายตัว ค่าพื้นฐานตั้งใหม่ได้ และบุกเบิกเส้นทางใหม่ได้ จากหนังสือ #คิดอย่างนักสร้างจรวด #ThinkLikeARocketScientist0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 19 มุมมอง 0 รีวิว - ชื่อเสียงของไอเอ็มเอฟ เสียหายอย่างเลวร้ายในปี ค.ศ. 1997 ถึง ค.ศ. 1998 ในช่วงวิกฤตการเงินเอเชีย เลือดไหลนองถนนและ ไม่ใช่เชิงเปรียบเทียบ ผู้คนเสียชีวิตจากการจลาจลในกรุงจาการ์ตา อินโดนีเซีย และโซล เกาหลีใต้ หลายคนจนถึงทุกวันนี้รวมทั้ง โจเซฟ สดิกลิตซ์ เจ้าของรางวัลโนเบลผู้โด่งดังที่สุด มองว่าวิกฤตการณ์ ทางการเงินครั้งนี้เป็นผลมาจากคำแนะนำแย่ๆ จาก ไอเอ็มเอฟ
จากหนังสือ #TheNewCaseOfGold #ทองคำชื่อเสียงของไอเอ็มเอฟ เสียหายอย่างเลวร้ายในปี ค.ศ. 1997 ถึง ค.ศ. 1998 ในช่วงวิกฤตการเงินเอเชีย เลือดไหลนองถนนและ ไม่ใช่เชิงเปรียบเทียบ ผู้คนเสียชีวิตจากการจลาจลในกรุงจาการ์ตา อินโดนีเซีย และโซล เกาหลีใต้ หลายคนจนถึงทุกวันนี้รวมทั้ง โจเซฟ สดิกลิตซ์ เจ้าของรางวัลโนเบลผู้โด่งดังที่สุด มองว่าวิกฤตการณ์ ทางการเงินครั้งนี้เป็นผลมาจากคำแนะนำแย่ๆ จาก ไอเอ็มเอฟ จากหนังสือ #TheNewCaseOfGold #ทองคำ0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 19 มุมมอง 0 รีวิว - ผีอำอาจเกี่ยวกับพันธุกรรมด้วย บางครอบครัวพบอาการแบบนี้บ่อยเป็นพิเศษ ผู้หญิงก็เป็นมากกว่าผู้ชาย ชาติพันธุ์ก็อาจเกี่ยวข้องด้วย พบว่าคนแอฟริกัน-อเมริกันพบเจอผีอำบ่อยเป็นพิเศษ เช่น หลังเรื่องชวนตื่นตระหนกตกใจเข้าจู่โจม (panic attack) หากเป็นคน อเมริกันผิวขาวจะมีแค่ 7% ที่เจอผีอำ แต่ในคนแอฟริกัน-อเมริกัน ตัวเลขกลับพุ่งสูงขึ้นไปที่กว่า 60%
จากหนังสือ #อยากชวนเธอไปอำผีผีอำอาจเกี่ยวกับพันธุกรรมด้วย บางครอบครัวพบอาการแบบนี้บ่อยเป็นพิเศษ ผู้หญิงก็เป็นมากกว่าผู้ชาย ชาติพันธุ์ก็อาจเกี่ยวข้องด้วย พบว่าคนแอฟริกัน-อเมริกันพบเจอผีอำบ่อยเป็นพิเศษ เช่น หลังเรื่องชวนตื่นตระหนกตกใจเข้าจู่โจม (panic attack) หากเป็นคน อเมริกันผิวขาวจะมีแค่ 7% ที่เจอผีอำ แต่ในคนแอฟริกัน-อเมริกัน ตัวเลขกลับพุ่งสูงขึ้นไปที่กว่า 60% จากหนังสือ #อยากชวนเธอไปอำผี0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 32 มุมมอง 0 รีวิว - ชาวมาไซทำตัวเหมือนชาวอเมริกัน กล่าวคือมีผู้ชายราวครึ่งหนึ่งที่เลือกแข่ง ส่วนผู้หญิงที่เลือกแข่งมีเพียง 1 ใน 4 ในทางกลับกัน ผู้หญิงชาวกะสิกว่าครึ่งตัดสินใจแข่งขัน ส่วนผู้ชายมีโอกาสเลือกจะแข่งขัน น้อยกว่าผู้หญิงประมาณ 15 เปอร์เซ็นต์ แม้ชาวมาไซกับชาวกะสีจะมี อีกหลายเรื่องที่แตกต่างกันนอกเหนือจากความสัมพันธ์ระหว่างเพศสภาพ แต่การทดลองเหล่านี้ก็ช่วยสนับสนุนแนวคิดที่ว่าความอยากแข่งขันเกิดจากสภาพแวดล้อม
จากหนังสือ #ออกแบบเพื่อเท่าเทียม #WhatWorksชาวมาไซทำตัวเหมือนชาวอเมริกัน กล่าวคือมีผู้ชายราวครึ่งหนึ่งที่เลือกแข่ง ส่วนผู้หญิงที่เลือกแข่งมีเพียง 1 ใน 4 ในทางกลับกัน ผู้หญิงชาวกะสิกว่าครึ่งตัดสินใจแข่งขัน ส่วนผู้ชายมีโอกาสเลือกจะแข่งขัน น้อยกว่าผู้หญิงประมาณ 15 เปอร์เซ็นต์ แม้ชาวมาไซกับชาวกะสีจะมี อีกหลายเรื่องที่แตกต่างกันนอกเหนือจากความสัมพันธ์ระหว่างเพศสภาพ แต่การทดลองเหล่านี้ก็ช่วยสนับสนุนแนวคิดที่ว่าความอยากแข่งขันเกิดจากสภาพแวดล้อม จากหนังสือ #ออกแบบเพื่อเท่าเทียม #WhatWorks0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 25 มุมมอง 0 รีวิว - ถ้าอยากบริหารจัดการเวลา แบบง่ายๆสบายๆ จะต้องเข้าใจ ค่าสําคัญ 3 ค่า คือ มันฝรั่ง กบ และมะเขือเทศ
"มันฝรั่ง หมายถึง รวบรวมเรื่องที่รอการลงมือทํา ทั้งหมดไว้ในลิสต์ เพื่อรอการ จัดการต่อไป
“กบ” หมายถึง การลงมือทำเรื่องที่สำคัญทันที
“มะเขือเทศ” หมายถึง รักษาสภาพ “ตั้งใจทํางาน 25 นาที จากนั้น พักผ่อน 5 นาที” ระหว่างการ ทํางานหรือการเรียนรู้
จากหนังสือ #EffectiveEfforts #พยายามถูกวิธีมีแต่สำเร็จถ้าอยากบริหารจัดการเวลา แบบง่ายๆสบายๆ จะต้องเข้าใจ ค่าสําคัญ 3 ค่า คือ มันฝรั่ง กบ และมะเขือเทศ "มันฝรั่ง หมายถึง รวบรวมเรื่องที่รอการลงมือทํา ทั้งหมดไว้ในลิสต์ เพื่อรอการ จัดการต่อไป “กบ” หมายถึง การลงมือทำเรื่องที่สำคัญทันที “มะเขือเทศ” หมายถึง รักษาสภาพ “ตั้งใจทํางาน 25 นาที จากนั้น พักผ่อน 5 นาที” ระหว่างการ ทํางานหรือการเรียนรู้ จากหนังสือ #EffectiveEfforts #พยายามถูกวิธีมีแต่สำเร็จ0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 25 มุมมอง 0 รีวิว - จุดสำคัญอยู่ที่ “ดูภาพรวมของเนื้อหาทั้งหมด” เวลาสอน 90 นาที ก็ต้องเป็น 90 นาที 60 นาที ก็ต้องเป็น 60 นาที ภายในเวลาอันจำกัดต้องดำเนินเรื่องให้ได้ครบถ้วนตั้งแต่ต้นจนจบ ตั้งแต่บทนำจนถึงบทสรุป นอกจากนี้หากเป็นหลักสูตรระยะยาว ไม่ว่าจะเป็นครึ่งปีหรือหนึ่งปี ก็ต้องเตรียมและเรียงลำดับเนื้อหาให้ได้ครบถ้วนเป็นขั้นเป็นตอนทั้งหมด
จากหนังสือ #สอนเก่งสอนเป็นจุดสำคัญอยู่ที่ “ดูภาพรวมของเนื้อหาทั้งหมด” เวลาสอน 90 นาที ก็ต้องเป็น 90 นาที 60 นาที ก็ต้องเป็น 60 นาที ภายในเวลาอันจำกัดต้องดำเนินเรื่องให้ได้ครบถ้วนตั้งแต่ต้นจนจบ ตั้งแต่บทนำจนถึงบทสรุป นอกจากนี้หากเป็นหลักสูตรระยะยาว ไม่ว่าจะเป็นครึ่งปีหรือหนึ่งปี ก็ต้องเตรียมและเรียงลำดับเนื้อหาให้ได้ครบถ้วนเป็นขั้นเป็นตอนทั้งหมด จากหนังสือ #สอนเก่งสอนเป็น0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 27 มุมมอง 0 รีวิว
เรื่องราวเพิ่มเติม