• เลือกตั้งรอบหน้า 2569 ถ้าหาพรรคส้มเน่า
    มีเราไม่มีแผ่นดิน
    มีเราไม่มีเทา
    #มีเราไม่มีแผ่นดิน
    #คิงส์โพธิ์แดง
    เลือกตั้งรอบหน้า 2569 ถ้าหาพรรคส้มเน่า มีเราไม่มีแผ่นดิน✔️ มีเราไม่มีเทา ❌ #มีเราไม่มีแผ่นดิน #คิงส์โพธิ์แดง
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 15 มุมมอง 0 รีวิว
  • กปช.จต. เปิดยุทธการ “ตราดปราบปรปักษ์” ระดมกำลังรบทุกมิติ ใช้เรือหลวงเทพา ลั่นปืนใหญ่สนับสนุนภาคพื้นดิน ยึดพื้นที่จุดยุทธศาสตร์ ‘บ้านสามหลัง’ ได้แล้ว 80%
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000118515

    #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    กปช.จต. เปิดยุทธการ “ตราดปราบปรปักษ์” ระดมกำลังรบทุกมิติ ใช้เรือหลวงเทพา ลั่นปืนใหญ่สนับสนุนภาคพื้นดิน ยึดพื้นที่จุดยุทธศาสตร์ ‘บ้านสามหลัง’ ได้แล้ว 80% . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000118515 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 44 มุมมอง 0 รีวิว
  • ชาติไหนอยากให้หยุดรบ ให้เอาขาผู้นำมัน มาค้ำประกันด้วย อย่าดีแต่ปกป้องหมาลอบกัด
    อย่าเอาหน้าแค่เป็นพยาน
    #คิงส์โพธิ์แดง
    ชาติไหนอยากให้หยุดรบ ให้เอาขาผู้นำมัน มาค้ำประกันด้วย อย่าดีแต่ปกป้องหมาลอบกัด อย่าเอาหน้าแค่เป็นพยาน #คิงส์โพธิ์แดง
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 15 มุมมอง 0 รีวิว
  • Thailand.
    Thailand.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 7 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • 5 สัญญาณว่าคุณกลายเป็น Linux Power User แล้ว

    บทความจาก It’s FOSS ได้เล่าถึงพัฒนาการของผู้ใช้ Linux ที่ไม่รู้ตัวว่าตัวเองได้ก้าวสู่ระดับ Power User แล้ว โดยยกตัวอย่างพฤติกรรมและทักษะที่สะท้อนถึงความเชี่ยวชาญและความมั่นใจในการใช้งานระบบปฏิบัติการนี้

    หนึ่งในสัญญาณสำคัญคือการไม่กลัวการใช้ Terminal อีกต่อไป ผู้ใช้เริ่มสนุกกับการใช้คำสั่ง CLI เพื่อจัดการแพ็กเกจ, ตรวจสอบระบบ, หรือใช้เครื่องมืออย่าง grep, man, และ history ได้คล่องแคล่ว ซึ่งสะท้อนถึงการเลือกใช้เครื่องมือที่เร็วและเหมาะสมที่สุดสำหรับงานนั้น ๆ

    อีกสัญญาณคือการไม่ตื่นตระหนกเมื่อเจอ Error ผู้ใช้จะเลือกอ่านข้อความแจ้งเตือน, ตรวจสอบ log, และค้นหาวิธีแก้ไขจากเอกสารหรือฟอรั่ม แทนที่จะรีบติดตั้งใหม่ทันที นี่คือการเปลี่ยนจากความกลัวเป็นความรับผิดชอบและความอยากเรียนรู้

    นอกจากนี้ยังมีพฤติกรรมอย่างการ Distro-hop อย่างมีแผน คือการลองใช้ดิสโทรใหม่ ๆ แต่เตรียมสำรองข้อมูล, แยกพาร์ทิชัน /home, และทดสอบใน VM ก่อน รวมถึงการเลือกใช้ แอปพลิเคชัน Linux-native แทนที่จะพึ่งพา Windows-only apps และสุดท้ายคือการ ช่วยเหลือชุมชน ไม่ว่าจะเป็นการตอบคำถาม, แชร์วิธีแก้ปัญหา, หรือสนับสนุนโปรเจกต์โอเพ่นซอร์ส

    สรุปประเด็นสำคัญ
    ไม่กลัว Terminal อีกต่อไป
    ใช้คำสั่ง CLI ได้คล่อง เช่น grep, man, history

    ไม่ตื่นตระหนกเมื่อเจอ Error
    อ่าน log, ค้นหาวิธีแก้ไข, แชร์ประสบการณ์

    Distro-hop อย่างมีแผน
    สำรองข้อมูล, แยกพาร์ทิชัน, ทดสอบใน VM

    ใช้ Linux-native apps
    เช่น LibreOffice, GIMP, Inkscape แทน Windows-only apps

    ช่วยเหลือชุมชน
    ตอบคำถาม, รายงานบั๊ก, สนับสนุนโปรเจกต์

    ความเสี่ยงจากการลองดิสโทรใหม่โดยไม่สำรองข้อมูล
    อาจทำให้ข้อมูลสูญหายหรือระบบพัง

    การใช้คำสั่งจากอินเทอร์เน็ตโดยไม่ตรวจสอบ
    อาจทำให้ระบบเสียหายหรือติดมัลแวร์

    https://itsfoss.com/linux-power-user-signs/
    💻 5 สัญญาณว่าคุณกลายเป็น Linux Power User แล้ว บทความจาก It’s FOSS ได้เล่าถึงพัฒนาการของผู้ใช้ Linux ที่ไม่รู้ตัวว่าตัวเองได้ก้าวสู่ระดับ Power User แล้ว โดยยกตัวอย่างพฤติกรรมและทักษะที่สะท้อนถึงความเชี่ยวชาญและความมั่นใจในการใช้งานระบบปฏิบัติการนี้ หนึ่งในสัญญาณสำคัญคือการไม่กลัวการใช้ Terminal อีกต่อไป ผู้ใช้เริ่มสนุกกับการใช้คำสั่ง CLI เพื่อจัดการแพ็กเกจ, ตรวจสอบระบบ, หรือใช้เครื่องมืออย่าง grep, man, และ history ได้คล่องแคล่ว ซึ่งสะท้อนถึงการเลือกใช้เครื่องมือที่เร็วและเหมาะสมที่สุดสำหรับงานนั้น ๆ อีกสัญญาณคือการไม่ตื่นตระหนกเมื่อเจอ Error ผู้ใช้จะเลือกอ่านข้อความแจ้งเตือน, ตรวจสอบ log, และค้นหาวิธีแก้ไขจากเอกสารหรือฟอรั่ม แทนที่จะรีบติดตั้งใหม่ทันที นี่คือการเปลี่ยนจากความกลัวเป็นความรับผิดชอบและความอยากเรียนรู้ นอกจากนี้ยังมีพฤติกรรมอย่างการ Distro-hop อย่างมีแผน คือการลองใช้ดิสโทรใหม่ ๆ แต่เตรียมสำรองข้อมูล, แยกพาร์ทิชัน /home, และทดสอบใน VM ก่อน รวมถึงการเลือกใช้ แอปพลิเคชัน Linux-native แทนที่จะพึ่งพา Windows-only apps และสุดท้ายคือการ ช่วยเหลือชุมชน ไม่ว่าจะเป็นการตอบคำถาม, แชร์วิธีแก้ปัญหา, หรือสนับสนุนโปรเจกต์โอเพ่นซอร์ส 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ ไม่กลัว Terminal อีกต่อไป ➡️ ใช้คำสั่ง CLI ได้คล่อง เช่น grep, man, history ✅ ไม่ตื่นตระหนกเมื่อเจอ Error ➡️ อ่าน log, ค้นหาวิธีแก้ไข, แชร์ประสบการณ์ ✅ Distro-hop อย่างมีแผน ➡️ สำรองข้อมูล, แยกพาร์ทิชัน, ทดสอบใน VM ✅ ใช้ Linux-native apps ➡️ เช่น LibreOffice, GIMP, Inkscape แทน Windows-only apps ✅ ช่วยเหลือชุมชน ➡️ ตอบคำถาม, รายงานบั๊ก, สนับสนุนโปรเจกต์ ‼️ ความเสี่ยงจากการลองดิสโทรใหม่โดยไม่สำรองข้อมูล ⛔ อาจทำให้ข้อมูลสูญหายหรือระบบพัง ‼️ การใช้คำสั่งจากอินเทอร์เน็ตโดยไม่ตรวจสอบ ⛔ อาจทำให้ระบบเสียหายหรือติดมัลแวร์ https://itsfoss.com/linux-power-user-signs/
    ITSFOSS.COM
    5 Signs You Have Become a Linux Power User
    You probably do not even realize how much you have improved since your first day with Linux. Let me remind you of that.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 12 มุมมอง 0 รีวิว
  • วันที่ 10 ธ.ค. เพจ Army Military Force โพสต์ข้อความว่า “เวลา 07:40น. - เครื่องบินรบ F-16 ของกองทัพอากาศไทย ขึ้นบินปฏิบัติการทิ้งไข่ต่อเป้าหมายทางทหารของกัมพูชา”
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000118516

    #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    วันที่ 10 ธ.ค. เพจ Army Military Force โพสต์ข้อความว่า “เวลา 07:40น. - เครื่องบินรบ F-16 ของกองทัพอากาศไทย ขึ้นบินปฏิบัติการทิ้งไข่ต่อเป้าหมายทางทหารของกัมพูชา” . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000118516 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 42 มุมมอง 0 รีวิว
  • Parrot 7.0 Beta เปิดตัว พร้อม KDE Plasma เป็นเดสก์ท็อปหลัก

    Parrot OS ซึ่งเป็นดิสโทร Linux ที่เน้นด้าน ethical hacking และ penetration testing ได้ประกาศเปิดตัวเวอร์ชัน 7.0 Beta โดยมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่คือการเลือกใช้ KDE Plasma เป็นเดสก์ท็อปเริ่มต้นแทนที่ GNOME ที่เคยใช้มาก่อน การเปลี่ยนแปลงนี้สะท้อนถึงความต้องการมอบประสบการณ์ที่เบาและลื่นไหลมากขึ้นสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการทั้งความสวยงามและประสิทธิภาพ

    Parrot 7.0 Beta ถูกสร้างบนฐาน Debian 13 “Trixie” และใช้ Linux Kernel 6.12 LTS ที่รองรับระยะยาว ทำให้ระบบมีความเสถียรและทันสมัยมากขึ้น เหมาะสำหรับนักทดสอบระบบที่ต้องการเครื่องมือใหม่ ๆ และการรองรับฮาร์ดแวร์ล่าสุด

    นอกจาก KDE Plasma แล้ว ทีมพัฒนายังได้ปรับปรุงเครื่องมือด้านความปลอดภัยและการเจาะระบบ เช่น การจัดการ Docker, การรองรับ Raspberry Pi รุ่นใหม่ และการเพิ่มฟีเจอร์ที่ช่วยให้นักวิจัยด้านความปลอดภัยทำงานได้สะดวกขึ้น การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ทำให้ Parrot OS ยังคงเป็นหนึ่งในดิสโทรที่ได้รับความนิยมในแวดวง cybersecurity

    การเปิดตัวเวอร์ชัน Beta ถือเป็นการทดสอบก่อนการปล่อยเวอร์ชันเสถียร โดยผู้ใช้สามารถดาวน์โหลดไปลองใช้งานและรายงานบั๊กเพื่อช่วยปรับปรุงระบบให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้นก่อนการเปิดตัวอย่างเป็นทางการ

    สรุปประเด็นสำคัญ
    Parrot 7.0 Beta เปิดตัว
    ใช้ KDE Plasma เป็นเดสก์ท็อปหลักแทน GNOME

    ฐานระบบใหม่
    สร้างบน Debian 13 “Trixie” และ Kernel 6.12 LTS

    ฟีเจอร์ด้านความปลอดภัย
    ปรับปรุงเครื่องมือเจาะระบบ, รองรับ Docker และ Raspberry Pi รุ่นใหม่

    สถานะการพัฒนา
    เปิดให้ผู้ใช้ทดสอบและรายงานบั๊กก่อนปล่อยเวอร์ชันเสถียร

    ความเสี่ยงจากการใช้เวอร์ชัน Beta
    อาจพบข้อบกพร่องหรือบั๊กที่ยังไม่ได้แก้ไข

    การเปลี่ยนเดสก์ท็อปหลัก
    ผู้ใช้ที่คุ้นเคย GNOME อาจต้องปรับตัวกับ KDE Plasma

    https://9to5linux.com/parrot-7-0-beta-ethical-hacking-distro-switches-to-kde-plasma-as-default-desktop
    🐧 Parrot 7.0 Beta เปิดตัว พร้อม KDE Plasma เป็นเดสก์ท็อปหลัก Parrot OS ซึ่งเป็นดิสโทร Linux ที่เน้นด้าน ethical hacking และ penetration testing ได้ประกาศเปิดตัวเวอร์ชัน 7.0 Beta โดยมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่คือการเลือกใช้ KDE Plasma เป็นเดสก์ท็อปเริ่มต้นแทนที่ GNOME ที่เคยใช้มาก่อน การเปลี่ยนแปลงนี้สะท้อนถึงความต้องการมอบประสบการณ์ที่เบาและลื่นไหลมากขึ้นสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการทั้งความสวยงามและประสิทธิภาพ Parrot 7.0 Beta ถูกสร้างบนฐาน Debian 13 “Trixie” และใช้ Linux Kernel 6.12 LTS ที่รองรับระยะยาว ทำให้ระบบมีความเสถียรและทันสมัยมากขึ้น เหมาะสำหรับนักทดสอบระบบที่ต้องการเครื่องมือใหม่ ๆ และการรองรับฮาร์ดแวร์ล่าสุด นอกจาก KDE Plasma แล้ว ทีมพัฒนายังได้ปรับปรุงเครื่องมือด้านความปลอดภัยและการเจาะระบบ เช่น การจัดการ Docker, การรองรับ Raspberry Pi รุ่นใหม่ และการเพิ่มฟีเจอร์ที่ช่วยให้นักวิจัยด้านความปลอดภัยทำงานได้สะดวกขึ้น การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ทำให้ Parrot OS ยังคงเป็นหนึ่งในดิสโทรที่ได้รับความนิยมในแวดวง cybersecurity การเปิดตัวเวอร์ชัน Beta ถือเป็นการทดสอบก่อนการปล่อยเวอร์ชันเสถียร โดยผู้ใช้สามารถดาวน์โหลดไปลองใช้งานและรายงานบั๊กเพื่อช่วยปรับปรุงระบบให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้นก่อนการเปิดตัวอย่างเป็นทางการ 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ Parrot 7.0 Beta เปิดตัว ➡️ ใช้ KDE Plasma เป็นเดสก์ท็อปหลักแทน GNOME ✅ ฐานระบบใหม่ ➡️ สร้างบน Debian 13 “Trixie” และ Kernel 6.12 LTS ✅ ฟีเจอร์ด้านความปลอดภัย ➡️ ปรับปรุงเครื่องมือเจาะระบบ, รองรับ Docker และ Raspberry Pi รุ่นใหม่ ✅ สถานะการพัฒนา ➡️ เปิดให้ผู้ใช้ทดสอบและรายงานบั๊กก่อนปล่อยเวอร์ชันเสถียร ‼️ ความเสี่ยงจากการใช้เวอร์ชัน Beta ⛔ อาจพบข้อบกพร่องหรือบั๊กที่ยังไม่ได้แก้ไข ‼️ การเปลี่ยนเดสก์ท็อปหลัก ⛔ ผู้ใช้ที่คุ้นเคย GNOME อาจต้องปรับตัวกับ KDE Plasma https://9to5linux.com/parrot-7-0-beta-ethical-hacking-distro-switches-to-kde-plasma-as-default-desktop
    9TO5LINUX.COM
    Parrot 7.0 Beta Ethical Hacking Distro Switches to KDE Plasma as Default Desktop - 9to5Linux
    Parrot 7.0 ethical hacking and penetration testing distribution is now available for public beta testing with KDE Plasma as default desktop.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 12 มุมมอง 0 รีวิว
  • Canonical เตรียมแพ็กเกจ AMD ROCm ลงใน Ubuntu Repositories

    Canonical ผู้พัฒนา Ubuntu ได้ประกาศว่าจะทำการ แพ็กเกจและแจกจ่าย AMD ROCm (Radeon Open Compute) ภายใน Ubuntu repositories โดยตรง ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการทำงานด้าน AI/ML และ HPC (High-Performance Computing) บน GPU ของ AMD ทั้งตระกูล Instinct และ Radeon การเปลี่ยนแปลงนี้จะช่วยให้ผู้ใช้สามารถติดตั้ง ROCm ได้ง่ายขึ้นผ่านระบบแพ็กเกจมาตรฐานของ Ubuntu โดยไม่ต้องพึ่งพาการติดตั้งภายนอก

    การรวม ROCm เข้ากับ Ubuntu repositories จะเริ่มต้นใน Ubuntu 26.04 LTS (Resolute Raccoon) ซึ่งเป็นเวอร์ชันระยะยาวที่กำลังจะมาถึง ทำให้ผู้ใช้ในสายงานวิจัย, วิศวกรรม, และการพัฒนา AI สามารถเข้าถึงเครื่องมือที่ทรงพลังได้สะดวกและมั่นใจในความเสถียรของระบบมากขึ้น

    นอกจากนี้ Canonical ยังได้ร่วมมือกับ AMD เพื่อปรับปรุงการรองรับสถาปัตยกรรมใหม่ ๆ เช่น RISC-V และ ARM64 รวมถึงการทำงานร่วมกับดิสโทรอื่น ๆ ที่เน้นประสิทธิภาพสูงอย่าง CachyOS ที่เพิ่ม repository สำหรับ CPU ตระกูล Zen 4 และ Zen 5 สิ่งเหล่านี้สะท้อนถึงการผลักดัน ecosystem ของ AMD ให้กว้างขึ้นในโลก Linux

    การเคลื่อนไหวครั้งนี้ไม่เพียงช่วยนักพัฒนาและนักวิจัยเท่านั้น แต่ยังเป็นการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของ Ubuntu ในฐานะดิสโทรที่รองรับงานด้าน AI และ HPC ได้อย่างครบวงจร ซึ่งอาจทำให้ Ubuntu กลายเป็นตัวเลือกหลักสำหรับผู้ที่ต้องการใช้ GPU AMD ในการทำงานเชิงลึกด้านข้อมูลและการเรียนรู้ของเครื่อง

    สรุปประเด็นสำคัญ

    Canonical ประกาศรวม AMD ROCm เข้ากับ Ubuntu repositories
    ติดตั้งง่ายขึ้น ไม่ต้องใช้วิธีภายนอก

    เริ่มต้นใน Ubuntu 26.04 LTS
    รองรับงาน AI/ML และ HPC บน AMD GPU

    ความร่วมมือกับ AMD
    ปรับปรุงการรองรับ RISC-V และ ARM64

    Ecosystem ขยายตัว
    ดิสโทรอื่นอย่าง CachyOS ก็เพิ่ม repository สำหรับ Zen 4/5

    ความเสี่ยงหากไม่อัปเดตระบบ
    ผู้ใช้ที่ยังใช้เวอร์ชันเก่าอาจไม่ได้รับการรองรับ ROCm อย่างเต็มที่

    การเปลี่ยนแปลงด้านแพ็กเกจ
    ผู้ใช้ต้องปรับตัวกับการติดตั้งและการจัดการแพ็กเกจใหม่

    https://9to5linux.com/canonical-to-package-and-distribute-amd-rocm-within-ubuntus-repositories
    🖥️ Canonical เตรียมแพ็กเกจ AMD ROCm ลงใน Ubuntu Repositories Canonical ผู้พัฒนา Ubuntu ได้ประกาศว่าจะทำการ แพ็กเกจและแจกจ่าย AMD ROCm (Radeon Open Compute) ภายใน Ubuntu repositories โดยตรง ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการทำงานด้าน AI/ML และ HPC (High-Performance Computing) บน GPU ของ AMD ทั้งตระกูล Instinct และ Radeon การเปลี่ยนแปลงนี้จะช่วยให้ผู้ใช้สามารถติดตั้ง ROCm ได้ง่ายขึ้นผ่านระบบแพ็กเกจมาตรฐานของ Ubuntu โดยไม่ต้องพึ่งพาการติดตั้งภายนอก การรวม ROCm เข้ากับ Ubuntu repositories จะเริ่มต้นใน Ubuntu 26.04 LTS (Resolute Raccoon) ซึ่งเป็นเวอร์ชันระยะยาวที่กำลังจะมาถึง ทำให้ผู้ใช้ในสายงานวิจัย, วิศวกรรม, และการพัฒนา AI สามารถเข้าถึงเครื่องมือที่ทรงพลังได้สะดวกและมั่นใจในความเสถียรของระบบมากขึ้น นอกจากนี้ Canonical ยังได้ร่วมมือกับ AMD เพื่อปรับปรุงการรองรับสถาปัตยกรรมใหม่ ๆ เช่น RISC-V และ ARM64 รวมถึงการทำงานร่วมกับดิสโทรอื่น ๆ ที่เน้นประสิทธิภาพสูงอย่าง CachyOS ที่เพิ่ม repository สำหรับ CPU ตระกูล Zen 4 และ Zen 5 สิ่งเหล่านี้สะท้อนถึงการผลักดัน ecosystem ของ AMD ให้กว้างขึ้นในโลก Linux การเคลื่อนไหวครั้งนี้ไม่เพียงช่วยนักพัฒนาและนักวิจัยเท่านั้น แต่ยังเป็นการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของ Ubuntu ในฐานะดิสโทรที่รองรับงานด้าน AI และ HPC ได้อย่างครบวงจร ซึ่งอาจทำให้ Ubuntu กลายเป็นตัวเลือกหลักสำหรับผู้ที่ต้องการใช้ GPU AMD ในการทำงานเชิงลึกด้านข้อมูลและการเรียนรู้ของเครื่อง 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ Canonical ประกาศรวม AMD ROCm เข้ากับ Ubuntu repositories ➡️ ติดตั้งง่ายขึ้น ไม่ต้องใช้วิธีภายนอก ✅ เริ่มต้นใน Ubuntu 26.04 LTS ➡️ รองรับงาน AI/ML และ HPC บน AMD GPU ✅ ความร่วมมือกับ AMD ➡️ ปรับปรุงการรองรับ RISC-V และ ARM64 ✅ Ecosystem ขยายตัว ➡️ ดิสโทรอื่นอย่าง CachyOS ก็เพิ่ม repository สำหรับ Zen 4/5 ‼️ ความเสี่ยงหากไม่อัปเดตระบบ ⛔ ผู้ใช้ที่ยังใช้เวอร์ชันเก่าอาจไม่ได้รับการรองรับ ROCm อย่างเต็มที่ ‼️ การเปลี่ยนแปลงด้านแพ็กเกจ ⛔ ผู้ใช้ต้องปรับตัวกับการติดตั้งและการจัดการแพ็กเกจใหม่ https://9to5linux.com/canonical-to-package-and-distribute-amd-rocm-within-ubuntus-repositories
    9TO5LINUX.COM
    Canonical to Package and Distribute AMD ROCm within Ubuntu’s Repositories - 9to5Linux
    Ubuntu maker Canonical will package and distribute the AMD ROCm software stack within Ubuntu’s repositories for AI/ML and HPC workloads.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 10 มุมมอง 0 รีวิว
  • AerynOS 2025.12 เปิดตัว มาพร้อม GNOME 49.2 และ KDE Plasma 6.5.4

    ดิสโทร AerynOS ได้ปล่อยเวอร์ชันใหม่ 2025.12 ซึ่งเป็น snapshot ล่าสุดของระบบที่พัฒนาโดยทีมงานนำโดย Ikey Doherty (อดีตผู้สร้าง Solus) โดยในรุ่นนี้มีการอัปเดตเดสก์ท็อปและซอฟต์แวร์หลักหลายรายการ เช่น GNOME 49.2, KDE Plasma 6.5.4, COSMIC Beta, KDE Frameworks 6.20, และ KDE Gear 25.08.3 ทำให้ผู้ใช้สามารถสัมผัสประสบการณ์เดสก์ท็อปที่ทันสมัยและเสถียรมากขึ้น

    หนึ่งในจุดเด่นคือการรวม Mesa 25.3 ซึ่งมาพร้อมการรองรับ Vulkan anti-lag สำหรับการเล่นเกมบน Linux ช่วยให้ประสบการณ์การเล่นเกมมีความลื่นไหลและตอบสนองได้ดีขึ้น นอกจากนี้ยังมีการอัปเดต Firefox 146 ที่รองรับการปรับขนาด fractional scaling บน Wayland ทำให้การใช้งานจอความละเอียดสูงมีความยืดหยุ่นมากขึ้น

    AerynOS 2025.12 ยังคงรักษาจุดยืนในการเป็นดิสโทรที่เน้นความทันสมัยและการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดยมีการอัปเดตซอฟต์แวร์หลักทุกเดือน เพื่อให้ผู้ใช้ได้รับฟีเจอร์ใหม่ ๆ และการแก้ไขบั๊กอย่างสม่ำเสมอ รุ่นนี้จึงเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการทดลองเทคโนโลยีล่าสุดในโลก Linux

    การเปิดตัวครั้งนี้ยังสะท้อนถึงความพยายามของทีมพัฒนาในการสร้างระบบที่ตอบโจทย์ทั้งนักพัฒนา, ผู้ใช้ทั่วไป และนักเล่นเกม โดยการผสมผสานเดสก์ท็อปที่หลากหลายและการรองรับฮาร์ดแวร์ใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง

    สรุปประเด็นสำคัญ
    AerynOS 2025.12 เปิดตัว
    มาพร้อม GNOME 49.2, KDE Plasma 6.5.4, COSMIC Beta

    อัปเดตซอฟต์แวร์หลัก
    KDE Frameworks 6.20, KDE Gear 25.08.3, Firefox 146

    Mesa 25.3
    รองรับ Vulkan anti-lag สำหรับ Linux gaming

    แนวทางการพัฒนา
    อัปเดตทุกเดือนเพื่อความทันสมัยและเสถียร

    ความเสี่ยงจากการใช้ snapshot
    อาจพบบั๊กหรือความไม่เสถียรในบางฟีเจอร์

    การเปลี่ยนแปลงเดสก์ท็อปบ่อยครั้ง
    ผู้ใช้ที่ชอบความคงที่อาจต้องปรับตัวกับการอัปเดตต่อเนื่อง

    https://9to5linux.com/aerynos-2025-12-released-with-gnome-49-2-mesa-25-3-and-kde-plasma-6-5-4
    🐧 AerynOS 2025.12 เปิดตัว มาพร้อม GNOME 49.2 และ KDE Plasma 6.5.4 ดิสโทร AerynOS ได้ปล่อยเวอร์ชันใหม่ 2025.12 ซึ่งเป็น snapshot ล่าสุดของระบบที่พัฒนาโดยทีมงานนำโดย Ikey Doherty (อดีตผู้สร้าง Solus) โดยในรุ่นนี้มีการอัปเดตเดสก์ท็อปและซอฟต์แวร์หลักหลายรายการ เช่น GNOME 49.2, KDE Plasma 6.5.4, COSMIC Beta, KDE Frameworks 6.20, และ KDE Gear 25.08.3 ทำให้ผู้ใช้สามารถสัมผัสประสบการณ์เดสก์ท็อปที่ทันสมัยและเสถียรมากขึ้น หนึ่งในจุดเด่นคือการรวม Mesa 25.3 ซึ่งมาพร้อมการรองรับ Vulkan anti-lag สำหรับการเล่นเกมบน Linux ช่วยให้ประสบการณ์การเล่นเกมมีความลื่นไหลและตอบสนองได้ดีขึ้น นอกจากนี้ยังมีการอัปเดต Firefox 146 ที่รองรับการปรับขนาด fractional scaling บน Wayland ทำให้การใช้งานจอความละเอียดสูงมีความยืดหยุ่นมากขึ้น AerynOS 2025.12 ยังคงรักษาจุดยืนในการเป็นดิสโทรที่เน้นความทันสมัยและการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดยมีการอัปเดตซอฟต์แวร์หลักทุกเดือน เพื่อให้ผู้ใช้ได้รับฟีเจอร์ใหม่ ๆ และการแก้ไขบั๊กอย่างสม่ำเสมอ รุ่นนี้จึงเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการทดลองเทคโนโลยีล่าสุดในโลก Linux การเปิดตัวครั้งนี้ยังสะท้อนถึงความพยายามของทีมพัฒนาในการสร้างระบบที่ตอบโจทย์ทั้งนักพัฒนา, ผู้ใช้ทั่วไป และนักเล่นเกม โดยการผสมผสานเดสก์ท็อปที่หลากหลายและการรองรับฮาร์ดแวร์ใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ AerynOS 2025.12 เปิดตัว ➡️ มาพร้อม GNOME 49.2, KDE Plasma 6.5.4, COSMIC Beta ✅ อัปเดตซอฟต์แวร์หลัก ➡️ KDE Frameworks 6.20, KDE Gear 25.08.3, Firefox 146 ✅ Mesa 25.3 ➡️ รองรับ Vulkan anti-lag สำหรับ Linux gaming ✅ แนวทางการพัฒนา ➡️ อัปเดตทุกเดือนเพื่อความทันสมัยและเสถียร ‼️ ความเสี่ยงจากการใช้ snapshot ⛔ อาจพบบั๊กหรือความไม่เสถียรในบางฟีเจอร์ ‼️ การเปลี่ยนแปลงเดสก์ท็อปบ่อยครั้ง ⛔ ผู้ใช้ที่ชอบความคงที่อาจต้องปรับตัวกับการอัปเดตต่อเนื่อง https://9to5linux.com/aerynos-2025-12-released-with-gnome-49-2-mesa-25-3-and-kde-plasma-6-5-4
    9TO5LINUX.COM
    AerynOS 2025.12 Released with GNOME 49.2, Mesa 25.3, and KDE Plasma 6.5.4 - 9to5Linux
    AerynOS 2025.12 Linux distribution is now available for download with the GNOME 49.2 desktop environment, Linux kernel 6.17, and more.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 11 มุมมอง 0 รีวิว
  • Thunderbird 146 เพิ่ม UI ตั้งค่า OpenPGP Keyservers

    Mozilla ได้ปล่อย Thunderbird 146 ซึ่งเป็นเวอร์ชันล่าสุดของอีเมลไคลเอนต์โอเพ่นซอร์ส โดยมีฟีเจอร์ใหม่ที่โดดเด่นคือ Configuration UI สำหรับตั้งค่า OpenPGP Keyservers ช่วยให้ผู้ใช้สามารถจัดการและเลือกเซิร์ฟเวอร์สำหรับแลกเปลี่ยนกุญแจเข้ารหัสได้สะดวกขึ้น โดยไม่ต้องแก้ไขไฟล์คอนฟิกด้วยตนเองอีกต่อไป

    นอกจากฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยแล้ว Thunderbird 146 ยังมีการปรับปรุงระบบเข้ารหัส โดยจะทำการ migrate การเข้าสู่ระบบเดิมไปใช้ AES cryptography ที่ทันสมัยกว่า เพื่อเพิ่มความปลอดภัยในการจัดเก็บข้อมูลและการสื่อสาร ผู้ใช้จึงมั่นใจได้ว่าการเข้ารหัสมีมาตรฐานสูงขึ้นและลดความเสี่ยงจากการโจมตี

    การอัปเดตครั้งนี้ยังมาพร้อมกับการแก้ไขบั๊กและปรับปรุงประสิทธิภาพหลายรายการ เช่น การทำงานร่วมกับระบบ Wayland ที่ดีขึ้น, การปรับปรุง UI ให้ตอบสนองเร็วขึ้น และการแก้ไขปัญหาที่ผู้ใช้รายงานในเวอร์ชันก่อนหน้า ทำให้ Thunderbird ยังคงเป็นหนึ่งในอีเมลไคลเอนต์ที่ได้รับความนิยมในกลุ่มผู้ใช้ Linux และ Windows

    Thunderbird 146 จึงถือเป็นการพัฒนาอย่างต่อเนื่องที่เน้นทั้ง ความปลอดภัย, ความสะดวกในการใช้งาน, และความเสถียรของระบบ ซึ่งตอบโจทย์ผู้ใช้ที่ต้องการเครื่องมือสื่อสารที่เชื่อถือได้และมีการอัปเดตสม่ำเสมอ

    สรุปประเด็นสำคัญ

    ฟีเจอร์ใหม่: Configuration UI สำหรับ OpenPGP Keyservers
    จัดการเซิร์ฟเวอร์กุญแจเข้ารหัสได้ง่ายขึ้น

    การปรับปรุงระบบเข้ารหัส
    migrate ไปใช้ AES cryptography ที่ทันสมัยกว่า

    การแก้ไขบั๊กและปรับปรุง UI
    รองรับ Wayland ดีขึ้นและ UI ตอบสนองเร็วขึ้น

    ความต่อเนื่องในการพัฒนา
    อัปเดตสม่ำเสมอเพื่อความปลอดภัยและเสถียรภาพ

    ความเสี่ยงหากไม่อัปเดต Thunderbird
    ผู้ใช้อาจยังใช้ระบบเข้ารหัสที่ล้าสมัยและเสี่ยงต่อการโจมตี

    การตั้งค่า Keyservers ที่ไม่ถูกต้อง
    อาจทำให้การแลกเปลี่ยนกุญแจเข้ารหัสล้มเหลวหรือไม่ปลอดภัย

    https://9to5linux.com/thunderbird-146-introduces-configuration-ui-for-setting-up-openpgp-keyservers
    📧 Thunderbird 146 เพิ่ม UI ตั้งค่า OpenPGP Keyservers Mozilla ได้ปล่อย Thunderbird 146 ซึ่งเป็นเวอร์ชันล่าสุดของอีเมลไคลเอนต์โอเพ่นซอร์ส โดยมีฟีเจอร์ใหม่ที่โดดเด่นคือ Configuration UI สำหรับตั้งค่า OpenPGP Keyservers ช่วยให้ผู้ใช้สามารถจัดการและเลือกเซิร์ฟเวอร์สำหรับแลกเปลี่ยนกุญแจเข้ารหัสได้สะดวกขึ้น โดยไม่ต้องแก้ไขไฟล์คอนฟิกด้วยตนเองอีกต่อไป นอกจากฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยแล้ว Thunderbird 146 ยังมีการปรับปรุงระบบเข้ารหัส โดยจะทำการ migrate การเข้าสู่ระบบเดิมไปใช้ AES cryptography ที่ทันสมัยกว่า เพื่อเพิ่มความปลอดภัยในการจัดเก็บข้อมูลและการสื่อสาร ผู้ใช้จึงมั่นใจได้ว่าการเข้ารหัสมีมาตรฐานสูงขึ้นและลดความเสี่ยงจากการโจมตี การอัปเดตครั้งนี้ยังมาพร้อมกับการแก้ไขบั๊กและปรับปรุงประสิทธิภาพหลายรายการ เช่น การทำงานร่วมกับระบบ Wayland ที่ดีขึ้น, การปรับปรุง UI ให้ตอบสนองเร็วขึ้น และการแก้ไขปัญหาที่ผู้ใช้รายงานในเวอร์ชันก่อนหน้า ทำให้ Thunderbird ยังคงเป็นหนึ่งในอีเมลไคลเอนต์ที่ได้รับความนิยมในกลุ่มผู้ใช้ Linux และ Windows Thunderbird 146 จึงถือเป็นการพัฒนาอย่างต่อเนื่องที่เน้นทั้ง ความปลอดภัย, ความสะดวกในการใช้งาน, และความเสถียรของระบบ ซึ่งตอบโจทย์ผู้ใช้ที่ต้องการเครื่องมือสื่อสารที่เชื่อถือได้และมีการอัปเดตสม่ำเสมอ 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ ฟีเจอร์ใหม่: Configuration UI สำหรับ OpenPGP Keyservers ➡️ จัดการเซิร์ฟเวอร์กุญแจเข้ารหัสได้ง่ายขึ้น ✅ การปรับปรุงระบบเข้ารหัส ➡️ migrate ไปใช้ AES cryptography ที่ทันสมัยกว่า ✅ การแก้ไขบั๊กและปรับปรุง UI ➡️ รองรับ Wayland ดีขึ้นและ UI ตอบสนองเร็วขึ้น ✅ ความต่อเนื่องในการพัฒนา ➡️ อัปเดตสม่ำเสมอเพื่อความปลอดภัยและเสถียรภาพ ‼️ ความเสี่ยงหากไม่อัปเดต Thunderbird ⛔ ผู้ใช้อาจยังใช้ระบบเข้ารหัสที่ล้าสมัยและเสี่ยงต่อการโจมตี ‼️ การตั้งค่า Keyservers ที่ไม่ถูกต้อง ⛔ อาจทำให้การแลกเปลี่ยนกุญแจเข้ารหัสล้มเหลวหรือไม่ปลอดภัย https://9to5linux.com/thunderbird-146-introduces-configuration-ui-for-setting-up-openpgp-keyservers
    9TO5LINUX.COM
    Thunderbird 146 Introduces Configuration UI for Setting Up OpenPGP Keyservers - 9to5Linux
    Thunderbird 146 open-source email client is now available for download with support for configuring preferred OpenPGP keyservers via the UI.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 19 มุมมอง 0 รีวิว
  • รัฐบาลสวิตเซอร์แลนด์เตือนความเสี่ยงการใช้ Cloud Storage

    รัฐบาลสวิตเซอร์แลนด์ผ่าน Conference of Swiss Data Protection Officers (Privatim) ได้ออกมาประกาศเตือนเกี่ยวกับการใช้บริการ Cloud Storage โดยเฉพาะกับข้อมูลที่มีความอ่อนไหวของภาครัฐ หลังจากพบว่ามีความเสี่ยงด้าน Data Sovereignty หรือการควบคุมข้อมูลที่อาจสูญเสียไปเมื่อฝากไว้กับผู้ให้บริการคลาวด์ต่างชาติ

    หนึ่งในเหตุผลสำคัญคือการขาดความโปร่งใสของผู้ให้บริการคลาวด์, การไม่มี end-to-end encryption, และความเสี่ยงจากกฎหมายต่างประเทศ เช่น U.S. Cloud Act ที่บังคับให้ผู้ให้บริการในสหรัฐฯ ต้องเปิดเผยข้อมูลเมื่อรัฐบาลร้องขอ ซึ่งทำให้ข้อมูลของหน่วยงานรัฐสวิตเซอร์แลนด์อาจถูกเข้าถึงได้โดยไม่ได้รับอนุญาต

    แม้การใช้คลาวด์จะมีข้อดี เช่น ลดค่าใช้จ่าย, ขยายระบบได้ง่าย, และเข้าถึงเครื่องมือ SaaS ได้สะดวก แต่ Privatim แนะนำว่ารัฐบาลควรใช้คลาวด์เฉพาะกรณีที่สามารถเข้ารหัสข้อมูลเอง และมั่นใจได้ว่าผู้ให้บริการไม่มีสิทธิ์เข้าถึงกุญแจเข้ารหัสนั้น

    สำหรับผู้ใช้ทั่วไป แม้จะไม่ได้ถูกห้ามใช้บริการคลาวด์ แต่เหตุการณ์นี้สะท้อนให้เห็นถึงความกังวลที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวและการควบคุมข้อมูล ทำให้แนวโน้มการ self-hosting หรือการตั้งเซิร์ฟเวอร์ส่วนตัวเพื่อเก็บข้อมูลและจัดการแอปพลิเคชันต่าง ๆ เริ่มได้รับความนิยมมากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ใช้ที่ต้องการลดการพึ่งพาบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่

    สรุปประเด็นสำคัญ
    การประกาศจาก Privatim
    ห้ามใช้ Cloud สำหรับข้อมูลอ่อนไหวของรัฐบาล

    เหตุผลด้านความปลอดภัย
    ขาดความโปร่งใส, ไม่มี end-to-end encryption, เสี่ยงจาก U.S. Cloud Act

    แนวทางแก้ไข
    ใช้คลาวด์ได้หากเข้ารหัสเองและควบคุมกุญแจเข้ารหัส

    แนวโน้มผู้ใช้ทั่วไป
    Self-hosting เริ่มได้รับความนิยมเพื่อควบคุมข้อมูลเอง

    ความเสี่ยงจากการฝากข้อมูลกับคลาวด์ต่างชาติ
    อาจถูกเข้าถึงโดยรัฐบาลหรือบุคคลที่สาม

    การไม่เข้ารหัสข้อมูลอย่างถูกต้อง
    เพิ่มโอกาสที่ข้อมูลรั่วไหลหรือถูกโจมตี

    https://www.slashgear.com/2045674/swiss-government-warning-cloud-storage-security-risk/
    🇨🇭 รัฐบาลสวิตเซอร์แลนด์เตือนความเสี่ยงการใช้ Cloud Storage รัฐบาลสวิตเซอร์แลนด์ผ่าน Conference of Swiss Data Protection Officers (Privatim) ได้ออกมาประกาศเตือนเกี่ยวกับการใช้บริการ Cloud Storage โดยเฉพาะกับข้อมูลที่มีความอ่อนไหวของภาครัฐ หลังจากพบว่ามีความเสี่ยงด้าน Data Sovereignty หรือการควบคุมข้อมูลที่อาจสูญเสียไปเมื่อฝากไว้กับผู้ให้บริการคลาวด์ต่างชาติ หนึ่งในเหตุผลสำคัญคือการขาดความโปร่งใสของผู้ให้บริการคลาวด์, การไม่มี end-to-end encryption, และความเสี่ยงจากกฎหมายต่างประเทศ เช่น U.S. Cloud Act ที่บังคับให้ผู้ให้บริการในสหรัฐฯ ต้องเปิดเผยข้อมูลเมื่อรัฐบาลร้องขอ ซึ่งทำให้ข้อมูลของหน่วยงานรัฐสวิตเซอร์แลนด์อาจถูกเข้าถึงได้โดยไม่ได้รับอนุญาต แม้การใช้คลาวด์จะมีข้อดี เช่น ลดค่าใช้จ่าย, ขยายระบบได้ง่าย, และเข้าถึงเครื่องมือ SaaS ได้สะดวก แต่ Privatim แนะนำว่ารัฐบาลควรใช้คลาวด์เฉพาะกรณีที่สามารถเข้ารหัสข้อมูลเอง และมั่นใจได้ว่าผู้ให้บริการไม่มีสิทธิ์เข้าถึงกุญแจเข้ารหัสนั้น สำหรับผู้ใช้ทั่วไป แม้จะไม่ได้ถูกห้ามใช้บริการคลาวด์ แต่เหตุการณ์นี้สะท้อนให้เห็นถึงความกังวลที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวและการควบคุมข้อมูล ทำให้แนวโน้มการ self-hosting หรือการตั้งเซิร์ฟเวอร์ส่วนตัวเพื่อเก็บข้อมูลและจัดการแอปพลิเคชันต่าง ๆ เริ่มได้รับความนิยมมากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ใช้ที่ต้องการลดการพึ่งพาบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ การประกาศจาก Privatim ➡️ ห้ามใช้ Cloud สำหรับข้อมูลอ่อนไหวของรัฐบาล ✅ เหตุผลด้านความปลอดภัย ➡️ ขาดความโปร่งใส, ไม่มี end-to-end encryption, เสี่ยงจาก U.S. Cloud Act ✅ แนวทางแก้ไข ➡️ ใช้คลาวด์ได้หากเข้ารหัสเองและควบคุมกุญแจเข้ารหัส ✅ แนวโน้มผู้ใช้ทั่วไป ➡️ Self-hosting เริ่มได้รับความนิยมเพื่อควบคุมข้อมูลเอง ‼️ ความเสี่ยงจากการฝากข้อมูลกับคลาวด์ต่างชาติ ⛔ อาจถูกเข้าถึงโดยรัฐบาลหรือบุคคลที่สาม ‼️ การไม่เข้ารหัสข้อมูลอย่างถูกต้อง ⛔ เพิ่มโอกาสที่ข้อมูลรั่วไหลหรือถูกโจมตี https://www.slashgear.com/2045674/swiss-government-warning-cloud-storage-security-risk/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    Swiss Government Sounds The Alarm Bell Over Cloud Storage Security Risks - SlashGear
    Swiss data protection officers warn against using US cloud services for sensitive government data. The new resolution cites security risks and the US CLOUD Act.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 14 มุมมอง 0 รีวิว
  • ตำรวจยุโรปทลายเครือข่ายคริปโตปลอม ใช้ Deepfake หลอกเหยื่อ สูญกว่า 700 ล้านยูโร

    การสืบสวนครั้งใหญ่ที่นำโดย Europol และ Eurojust ได้ประสบความสำเร็จในการทลายเครือข่ายอาชญากรรมไซเบอร์ที่ใช้ โฆษณา Deepfake หลอกลวงเหยื่อให้ลงทุนในคริปโตปลอม โดยเครือข่ายนี้มีการฟอกเงินรวมมูลค่ากว่า 700 ล้านยูโร และมีผู้ตกเป็นเหยื่อหลายพันรายทั่วทวีปยุโรป

    วิธีการของกลุ่มอาชญากรคือการสร้างเว็บไซต์ลงทุนปลอม พร้อมใช้ วิดีโอ Deepfake ที่แอบอ้างเป็นสื่อ, คนดัง และนักการเมือง เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ จากนั้นเหยื่อจะถูกติดต่อซ้ำ ๆ ผ่าน Call Center อันตราย ที่กดดันให้ลงทุนเพิ่ม โดยอ้างผลกำไรที่ไม่เป็นจริง เมื่อเหยื่อโอนเงินเข้าระบบ เงินจะถูกยักย้ายไปตามกระเป๋าและแพลตฟอร์มต่าง ๆ เพื่อปกปิดร่องรอย

    การปฏิบัติการครั้งนี้แบ่งเป็นสองระยะ โดยเริ่มจากการบุกค้นใน ไซปรัส, เยอรมนี และสเปน เมื่อเดือนตุลาคม 2025 ซึ่งนำไปสู่การจับกุมผู้ต้องสงสัย 9 ราย พร้อมยึดเงินสด, บัญชีธนาคาร, คริปโต และทรัพย์สินหรูหรา ต่อมาในเดือนพฤศจิกายน 2025 มีการขยายผลไปยัง เบลเยียม, บัลแกเรีย, เยอรมนี และอิสราเอล เพื่อรื้อถอนโครงสร้างการตลาดและโฆษณาที่สนับสนุนการหลอกลวง

    Europol ย้ำว่าปฏิบัติการนี้เป็นตัวอย่างสำคัญของการร่วมมือระหว่างประเทศในการต่อสู้กับอาชญากรรมไซเบอร์ที่ซับซ้อนและมีการจัดการอย่างเป็นระบบ ซึ่งการใช้ Deepfake ในการหลอกลวงถือเป็นภัยคุกคามใหม่ที่กำลังแพร่หลายอย่างรวดเร็ว

    สรุปประเด็นสำคัญ
    การดำเนินการของ Europol และ Eurojust
    ทลายเครือข่ายฟอกเงินคริปโตมูลค่า 700 ล้านยูโร

    วิธีการหลอกลวง
    ใช้โฆษณา Deepfake และ Call Center กดดันเหยื่อ

    การปฏิบัติการสองระยะ
    จับกุมผู้ต้องสงสัย 9 ราย และยึดทรัพย์สินจำนวนมาก

    ความร่วมมือระหว่างประเทศ
    หลายประเทศเข้าร่วมเพื่อรื้อถอนโครงสร้างการตลาดและโฆษณา

    ความเสี่ยงจากโฆษณา Deepfake
    เหยื่ออาจเชื่อถือข้อมูลปลอมและสูญเสียเงินจำนวนมาก

    การลงทุนในแพลตฟอร์มที่ไม่ตรวจสอบ
    อาจถูกหลอกให้โอนเงินไปยังบัญชีของอาชญากร

    https://hackread.com/police-bust-eur-700m-deepfake-crypto-network/
    🚨 ตำรวจยุโรปทลายเครือข่ายคริปโตปลอม ใช้ Deepfake หลอกเหยื่อ สูญกว่า 700 ล้านยูโร การสืบสวนครั้งใหญ่ที่นำโดย Europol และ Eurojust ได้ประสบความสำเร็จในการทลายเครือข่ายอาชญากรรมไซเบอร์ที่ใช้ โฆษณา Deepfake หลอกลวงเหยื่อให้ลงทุนในคริปโตปลอม โดยเครือข่ายนี้มีการฟอกเงินรวมมูลค่ากว่า 700 ล้านยูโร และมีผู้ตกเป็นเหยื่อหลายพันรายทั่วทวีปยุโรป วิธีการของกลุ่มอาชญากรคือการสร้างเว็บไซต์ลงทุนปลอม พร้อมใช้ วิดีโอ Deepfake ที่แอบอ้างเป็นสื่อ, คนดัง และนักการเมือง เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ จากนั้นเหยื่อจะถูกติดต่อซ้ำ ๆ ผ่าน Call Center อันตราย ที่กดดันให้ลงทุนเพิ่ม โดยอ้างผลกำไรที่ไม่เป็นจริง เมื่อเหยื่อโอนเงินเข้าระบบ เงินจะถูกยักย้ายไปตามกระเป๋าและแพลตฟอร์มต่าง ๆ เพื่อปกปิดร่องรอย การปฏิบัติการครั้งนี้แบ่งเป็นสองระยะ โดยเริ่มจากการบุกค้นใน ไซปรัส, เยอรมนี และสเปน เมื่อเดือนตุลาคม 2025 ซึ่งนำไปสู่การจับกุมผู้ต้องสงสัย 9 ราย พร้อมยึดเงินสด, บัญชีธนาคาร, คริปโต และทรัพย์สินหรูหรา ต่อมาในเดือนพฤศจิกายน 2025 มีการขยายผลไปยัง เบลเยียม, บัลแกเรีย, เยอรมนี และอิสราเอล เพื่อรื้อถอนโครงสร้างการตลาดและโฆษณาที่สนับสนุนการหลอกลวง Europol ย้ำว่าปฏิบัติการนี้เป็นตัวอย่างสำคัญของการร่วมมือระหว่างประเทศในการต่อสู้กับอาชญากรรมไซเบอร์ที่ซับซ้อนและมีการจัดการอย่างเป็นระบบ ซึ่งการใช้ Deepfake ในการหลอกลวงถือเป็นภัยคุกคามใหม่ที่กำลังแพร่หลายอย่างรวดเร็ว 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ การดำเนินการของ Europol และ Eurojust ➡️ ทลายเครือข่ายฟอกเงินคริปโตมูลค่า 700 ล้านยูโร ✅ วิธีการหลอกลวง ➡️ ใช้โฆษณา Deepfake และ Call Center กดดันเหยื่อ ✅ การปฏิบัติการสองระยะ ➡️ จับกุมผู้ต้องสงสัย 9 ราย และยึดทรัพย์สินจำนวนมาก ✅ ความร่วมมือระหว่างประเทศ ➡️ หลายประเทศเข้าร่วมเพื่อรื้อถอนโครงสร้างการตลาดและโฆษณา ‼️ ความเสี่ยงจากโฆษณา Deepfake ⛔ เหยื่ออาจเชื่อถือข้อมูลปลอมและสูญเสียเงินจำนวนมาก ‼️ การลงทุนในแพลตฟอร์มที่ไม่ตรวจสอบ ⛔ อาจถูกหลอกให้โอนเงินไปยังบัญชีของอาชญากร https://hackread.com/police-bust-eur-700m-deepfake-crypto-network/
    HACKREAD.COM
    Police Dismantle EUR 700 Million Crypto Scam That Used Deepfakes
    Follow us on Bluesky, Twitter (X), Mastodon and Facebook at @Hackread
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 16 มุมมอง 0 รีวิว
  • เศรษฐกิจมืดเบื้องหลัง Ad Fraud – เมื่อบอทและ Deepfake สูบงบโฆษณา

    รายงานล่าสุดเผยให้เห็นว่า เครือข่าย Ad Fraud กำลังเติบโตอย่างเป็นระบบในโลกมืด โดยใช้เครื่องมืออย่าง บอท, Deepfake และการปลอมแปลงทราฟฟิก เพื่อดูดงบโฆษณาออนไลน์ไปอย่างมหาศาล ปัญหานี้ทำให้ผู้ลงโฆษณาสูญเสียเงินหลายพันล้านดอลลาร์ต่อปี โดยที่ข้อมูลในแดชบอร์ดยังคงดู “ปกติ” จนยากจะตรวจจับได้

    หนึ่งในวิธีการที่พบคือการใช้ Botnets และมัลแวร์ เปลี่ยนอุปกรณ์ทั่วไปให้กลายเป็นเครื่องมือสร้างคลิกปลอม ทำให้ระบบ PPC (Pay-Per-Click) แสดงผลเหมือนมีผู้ชมจริง ทั้งที่เป็นเพียงทราฟฟิกหลอกลวง นอกจากนี้ยังมีการใช้ Traffic Laundering และโดเมนปลอม เช่นกรณี Methbot ที่สร้างวิดีโอวิวปลอมกว่า 300 ล้านครั้งต่อวัน สร้างความเสียหายหลายร้อยล้านยูโร

    สิ่งที่ทำให้การโจมตีเหล่านี้ร้ายแรงคือการ เลียนแบบพฤติกรรมมนุษย์ ได้อย่างแนบเนียน ทั้งการคลิก, การเลื่อนหน้า, และการใช้เบราว์เซอร์เวอร์ชันเก่าเพื่อให้ดูสมจริง ทำให้ระบบตรวจสอบอัตโนมัติไม่สามารถแยกแยะได้ง่าย ผู้ลงโฆษณาจึงมักเข้าใจผิดว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงของตลาดหรือพฤติกรรมผู้บริโภค

    ผลกระทบไม่ใช่แค่การสูญเสียงบประมาณ แต่ยังทำให้ ข้อมูลเชิงวิเคราะห์บิดเบือน ส่งผลต่อการวางกลยุทธ์การตลาดในระยะยาว นักวิเคราะห์ชี้ว่าการตรวจจับต้องใช้ Forensic PPC Analysis และเครื่องมือเสริม เช่น Ads.txt, Sellers.json, TrafficForensics หรือระบบตรวจสอบ IP reputation เพื่อแยกทราฟฟิกจริงออกจากทราฟฟิกปลอม

    สรุปประเด็นสำคัญ
    เครือข่าย Ad Fraud ในโลกมืด
    ใช้บอท, Deepfake และทราฟฟิกปลอมดูดงบโฆษณา

    เทคนิคที่ใช้
    Botnets, Traffic Laundering, โดเมนปลอม เช่น Methbot

    การเลียนแบบพฤติกรรมมนุษย์
    คลิกและเลื่อนหน้าเหมือนผู้ใช้จริง ทำให้ตรวจจับยาก

    ผลกระทบต่อธุรกิจ
    สูญเสียงบประมาณและข้อมูลเชิงวิเคราะห์บิดเบือน

    ความเสี่ยงจากการไม่ตรวจสอบทราฟฟิก
    อาจทำให้กลยุทธ์การตลาดผิดพลาดและงบประมาณสูญเปล่า

    การพึ่งพาแดชบอร์ดมาตรฐานเพียงอย่างเดียว
    ไม่สามารถตรวจจับสัญญาณผิดปกติที่ซ่อนอยู่ได้

    https://hackread.com/ad-fraud-dark-web-economy-market/
    💰 เศรษฐกิจมืดเบื้องหลัง Ad Fraud – เมื่อบอทและ Deepfake สูบงบโฆษณา รายงานล่าสุดเผยให้เห็นว่า เครือข่าย Ad Fraud กำลังเติบโตอย่างเป็นระบบในโลกมืด โดยใช้เครื่องมืออย่าง บอท, Deepfake และการปลอมแปลงทราฟฟิก เพื่อดูดงบโฆษณาออนไลน์ไปอย่างมหาศาล ปัญหานี้ทำให้ผู้ลงโฆษณาสูญเสียเงินหลายพันล้านดอลลาร์ต่อปี โดยที่ข้อมูลในแดชบอร์ดยังคงดู “ปกติ” จนยากจะตรวจจับได้ หนึ่งในวิธีการที่พบคือการใช้ Botnets และมัลแวร์ เปลี่ยนอุปกรณ์ทั่วไปให้กลายเป็นเครื่องมือสร้างคลิกปลอม ทำให้ระบบ PPC (Pay-Per-Click) แสดงผลเหมือนมีผู้ชมจริง ทั้งที่เป็นเพียงทราฟฟิกหลอกลวง นอกจากนี้ยังมีการใช้ Traffic Laundering และโดเมนปลอม เช่นกรณี Methbot ที่สร้างวิดีโอวิวปลอมกว่า 300 ล้านครั้งต่อวัน สร้างความเสียหายหลายร้อยล้านยูโร สิ่งที่ทำให้การโจมตีเหล่านี้ร้ายแรงคือการ เลียนแบบพฤติกรรมมนุษย์ ได้อย่างแนบเนียน ทั้งการคลิก, การเลื่อนหน้า, และการใช้เบราว์เซอร์เวอร์ชันเก่าเพื่อให้ดูสมจริง ทำให้ระบบตรวจสอบอัตโนมัติไม่สามารถแยกแยะได้ง่าย ผู้ลงโฆษณาจึงมักเข้าใจผิดว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงของตลาดหรือพฤติกรรมผู้บริโภค ผลกระทบไม่ใช่แค่การสูญเสียงบประมาณ แต่ยังทำให้ ข้อมูลเชิงวิเคราะห์บิดเบือน ส่งผลต่อการวางกลยุทธ์การตลาดในระยะยาว นักวิเคราะห์ชี้ว่าการตรวจจับต้องใช้ Forensic PPC Analysis และเครื่องมือเสริม เช่น Ads.txt, Sellers.json, TrafficForensics หรือระบบตรวจสอบ IP reputation เพื่อแยกทราฟฟิกจริงออกจากทราฟฟิกปลอม 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ เครือข่าย Ad Fraud ในโลกมืด ➡️ ใช้บอท, Deepfake และทราฟฟิกปลอมดูดงบโฆษณา ✅ เทคนิคที่ใช้ ➡️ Botnets, Traffic Laundering, โดเมนปลอม เช่น Methbot ✅ การเลียนแบบพฤติกรรมมนุษย์ ➡️ คลิกและเลื่อนหน้าเหมือนผู้ใช้จริง ทำให้ตรวจจับยาก ✅ ผลกระทบต่อธุรกิจ ➡️ สูญเสียงบประมาณและข้อมูลเชิงวิเคราะห์บิดเบือน ‼️ ความเสี่ยงจากการไม่ตรวจสอบทราฟฟิก ⛔ อาจทำให้กลยุทธ์การตลาดผิดพลาดและงบประมาณสูญเปล่า ‼️ การพึ่งพาแดชบอร์ดมาตรฐานเพียงอย่างเดียว ⛔ ไม่สามารถตรวจจับสัญญาณผิดปกติที่ซ่อนอยู่ได้ https://hackread.com/ad-fraud-dark-web-economy-market/
    HACKREAD.COM
    The Dark Web Economy Behind Ad Fraud: What Marketers Don’t See
    Follow us on Bluesky, Twitter (X), Mastodon and Facebook at @Hackread
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 19 มุมมอง 0 รีวิว
  • Spiderman Phishing Kit โผล่ในยุโรป เสี่ยงขโมยข้อมูลธนาคารและคริปโต

    นักวิเคราะห์จาก Varonis ได้เปิดเผยการพบ Spiderman Phishing Kit ซึ่งถูกขายและใช้งานในโลกมืด โดยชุดเครื่องมือนี้สามารถสร้างหน้าเว็บปลอมที่เลียนแบบธนาคารและผู้ให้บริการคริปโตในยุโรปได้อย่างสมบูรณ์แบบ จุดเด่นคือผู้โจมตีไม่จำเป็นต้องมีทักษะด้านเทคนิคมากนัก เพียงเลือกธนาคารหรือแพลตฟอร์มที่ต้องการ ระบบก็จะสร้างหน้า Login ปลอมพร้อมลิงก์หลอกเหยื่อทันที

    สิ่งที่ทำให้ Spiderman Kit อันตรายยิ่งขึ้นคือความสามารถในการ ดักข้อมูลแบบเรียลไทม์ เมื่อเหยื่อกรอกข้อมูลเข้าสู่ระบบ ข้อมูลจะถูกส่งไปยังผู้โจมตีทันที พร้อมทั้งสามารถขอข้อมูลเพิ่มเติม เช่น หมายเลขบัตรเครดิต หรือรหัส OTP/PhotoTAN เพื่อยึดบัญชีได้เต็มรูปแบบ นอกจากนี้ยังมีโมดูลสำหรับขโมย seed phrase ของกระเป๋าคริปโต ซึ่งสะท้อนถึงการโจมตีแบบผสมผสานทั้งการเงินดั้งเดิมและดิจิทัล

    รายงานระบุว่ามีการใช้งาน Spiderman Kit อย่างกว้างขวาง โดยมีชุมชนผู้ซื้อขายกว่า 750 คน ในกลุ่มแชทที่เกี่ยวข้อง ทำให้การโจมตีสามารถกระจายไปหลายประเทศพร้อมกัน เช่น เยอรมนี, เบลเยียม และสเปน ธนาคารใหญ่ ๆ อย่าง Deutsche Bank, Commerzbank, ING และ CaixaBank ถูกระบุว่าเป็นเป้าหมายหลัก

    นักวิจัยเตือนว่าการโจมตีลักษณะนี้กำลังกลายเป็นมาตรฐานใหม่ เนื่องจากการดักจับ OTP แบบเรียลไทม์สามารถทำลายระบบความปลอดภัยที่ธนาคารใช้มานาน การพัฒนาเครื่องมือที่ใช้งานง่ายเช่นนี้ทำให้ภัยคุกคามต่อระบบการเงินดิจิทัลในยุโรปทวีความรุนแรงขึ้นอย่างมาก

    สรุปประเด็นสำคัญ
    Spiderman Phishing Kit ถูกพบในโลกมืด
    ใช้งานง่าย ไม่ต้องมีทักษะสูง

    ความสามารถหลัก
    สร้างหน้า Login ปลอม, ดักข้อมูลแบบเรียลไทม์, ขโมย seed phrase

    เป้าหมายการโจมตี
    ธนาคารยุโรป เช่น Deutsche Bank, ING, CaixaBank และผู้ให้บริการคริปโต

    การแพร่กระจาย
    มีชุมชนผู้ใช้งานกว่า 750 คนในหลายประเทศ

    ความเสี่ยงจากการดัก OTP แบบเรียลไทม์
    ทำให้ระบบความปลอดภัยธนาคารถูกเจาะได้ง่ายขึ้น

    การคลิกลิงก์หลอกลวง
    ผู้ใช้ที่ไม่ตรวจสอบ URL อาจถูกยึดบัญชีและสูญเสียทรัพย์สิน

    https://hackread.com/spiderman-phishing-kit-european-banks-credential-theft/
    🕷️ Spiderman Phishing Kit โผล่ในยุโรป เสี่ยงขโมยข้อมูลธนาคารและคริปโต นักวิเคราะห์จาก Varonis ได้เปิดเผยการพบ Spiderman Phishing Kit ซึ่งถูกขายและใช้งานในโลกมืด โดยชุดเครื่องมือนี้สามารถสร้างหน้าเว็บปลอมที่เลียนแบบธนาคารและผู้ให้บริการคริปโตในยุโรปได้อย่างสมบูรณ์แบบ จุดเด่นคือผู้โจมตีไม่จำเป็นต้องมีทักษะด้านเทคนิคมากนัก เพียงเลือกธนาคารหรือแพลตฟอร์มที่ต้องการ ระบบก็จะสร้างหน้า Login ปลอมพร้อมลิงก์หลอกเหยื่อทันที สิ่งที่ทำให้ Spiderman Kit อันตรายยิ่งขึ้นคือความสามารถในการ ดักข้อมูลแบบเรียลไทม์ เมื่อเหยื่อกรอกข้อมูลเข้าสู่ระบบ ข้อมูลจะถูกส่งไปยังผู้โจมตีทันที พร้อมทั้งสามารถขอข้อมูลเพิ่มเติม เช่น หมายเลขบัตรเครดิต หรือรหัส OTP/PhotoTAN เพื่อยึดบัญชีได้เต็มรูปแบบ นอกจากนี้ยังมีโมดูลสำหรับขโมย seed phrase ของกระเป๋าคริปโต ซึ่งสะท้อนถึงการโจมตีแบบผสมผสานทั้งการเงินดั้งเดิมและดิจิทัล รายงานระบุว่ามีการใช้งาน Spiderman Kit อย่างกว้างขวาง โดยมีชุมชนผู้ซื้อขายกว่า 750 คน ในกลุ่มแชทที่เกี่ยวข้อง ทำให้การโจมตีสามารถกระจายไปหลายประเทศพร้อมกัน เช่น เยอรมนี, เบลเยียม และสเปน ธนาคารใหญ่ ๆ อย่าง Deutsche Bank, Commerzbank, ING และ CaixaBank ถูกระบุว่าเป็นเป้าหมายหลัก นักวิจัยเตือนว่าการโจมตีลักษณะนี้กำลังกลายเป็นมาตรฐานใหม่ เนื่องจากการดักจับ OTP แบบเรียลไทม์สามารถทำลายระบบความปลอดภัยที่ธนาคารใช้มานาน การพัฒนาเครื่องมือที่ใช้งานง่ายเช่นนี้ทำให้ภัยคุกคามต่อระบบการเงินดิจิทัลในยุโรปทวีความรุนแรงขึ้นอย่างมาก 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ Spiderman Phishing Kit ถูกพบในโลกมืด ➡️ ใช้งานง่าย ไม่ต้องมีทักษะสูง ✅ ความสามารถหลัก ➡️ สร้างหน้า Login ปลอม, ดักข้อมูลแบบเรียลไทม์, ขโมย seed phrase ✅ เป้าหมายการโจมตี ➡️ ธนาคารยุโรป เช่น Deutsche Bank, ING, CaixaBank และผู้ให้บริการคริปโต ✅ การแพร่กระจาย ➡️ มีชุมชนผู้ใช้งานกว่า 750 คนในหลายประเทศ ‼️ ความเสี่ยงจากการดัก OTP แบบเรียลไทม์ ⛔ ทำให้ระบบความปลอดภัยธนาคารถูกเจาะได้ง่ายขึ้น ‼️ การคลิกลิงก์หลอกลวง ⛔ ผู้ใช้ที่ไม่ตรวจสอบ URL อาจถูกยึดบัญชีและสูญเสียทรัพย์สิน https://hackread.com/spiderman-phishing-kit-european-banks-credential-theft/
    HACKREAD.COM
    Spiderman Phishing Kit Targets European Banks with Real-Time Credential Theft
    Follow us on Bluesky, Twitter (X), Mastodon and Facebook at @Hackread
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 15 มุมมอง 0 รีวิว
  • ชาติหมาอำนาจ แหกตาดูหน่อย เขมรยิง BM-21 ใส่พื้นที่พลเรือน -โรงบาลพนมดงรักษ์อีกแล้ว
    #7ดอกจิก
    ชาติหมาอำนาจ แหกตาดูหน่อย เขมรยิง BM-21 ใส่พื้นที่พลเรือน -โรงบาลพนมดงรักษ์อีกแล้ว #7ดอกจิก
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 16 มุมมอง 0 รีวิว
  • นักกีฬาเขมร ถอนทัพกลับหมด หลังขัดแย้งสุดตรึงเครียด เดินทางกลับบ้านปลอดภัย อย่าไปโดน BM-21 อย่าเผลอเหยียบทุ่นนะ
    #คิงส์โพธิ์แดง
    นักกีฬาเขมร ถอนทัพกลับหมด หลังขัดแย้งสุดตรึงเครียด เดินทางกลับบ้านปลอดภัย อย่าไปโดน BM-21 อย่าเผลอเหยียบทุ่นนะ #คิงส์โพธิ์แดง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 15 มุมมอง 0 รีวิว
  • กัมพูชา ยิง BM-21 ตกใกล้ รพ. พนมดงรัก ช่วงเช้าที่ผ่านมา เร่งเคลื่อนย้ายผู้ป่วย-บุคลากรทางการแพทย์เข้ามาอยู่ในบังเกอร์ เพื่อความปลอดภัย
    .
    เมื่อวันที่ 10 ธ.ค.68 กองทัพภาคที่2 รายงานสถานการณ์สู้รบชายแดนไทยกัมพูชา ในเวลา 08.40 กัมพูชา ยิงBM-12 ตกใกล้โรงพยาบาลพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ ปัจจุบันได้เคลื่อนย้ายผู้ป่วย บุคลากรทางการแพทย์เข้ามาอยู่ในบังเกอร์ เพื่อความปลอดภัยเรียบร้อยแล้ว
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000118527

    #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire

    กัมพูชา ยิง BM-21 ตกใกล้ รพ. พนมดงรัก ช่วงเช้าที่ผ่านมา เร่งเคลื่อนย้ายผู้ป่วย-บุคลากรทางการแพทย์เข้ามาอยู่ในบังเกอร์ เพื่อความปลอดภัย . เมื่อวันที่ 10 ธ.ค.68 กองทัพภาคที่2 รายงานสถานการณ์สู้รบชายแดนไทยกัมพูชา ในเวลา 08.40 กัมพูชา ยิงBM-12 ตกใกล้โรงพยาบาลพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ ปัจจุบันได้เคลื่อนย้ายผู้ป่วย บุคลากรทางการแพทย์เข้ามาอยู่ในบังเกอร์ เพื่อความปลอดภัยเรียบร้อยแล้ว . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000118527 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 45 มุมมอง 0 รีวิว
  • อุตสาหกรรมการผลิตกับภัย Ransomware: ปรับตัวดีขึ้น แต่ยังมีช่องโหว่

    แม้ว่าอุตสาหกรรมการผลิตจะมีการพัฒนาระบบป้องกันไซเบอร์ที่ดีขึ้น แต่รายงานล่าสุดเผยว่า กว่า 40% ของการโจมตี ransomware ยังสามารถเข้ารหัสข้อมูลได้ ซึ่งถือว่าลดลงจาก 74% ในปีที่ผ่านมา แต่ปัญหาสำคัญคือ 39% ของบริษัทที่ถูกเข้ารหัสข้อมูลยังสูญเสียข้อมูลไปด้วย ทำให้การป้องกันยังไม่สมบูรณ์นัก.

    สิ่งที่น่ากังวลคือ แม้บริษัทจะมีการป้องกันที่ดีขึ้น แต่ มากกว่าครึ่งของบริษัทที่ถูกโจมตีเลือกที่จะจ่ายค่าไถ่ โดยมีค่าเฉลี่ยราว €861,000 ต่อครั้ง ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงแรงกดดันและความเสียหายที่รุนแรงต่อธุรกิจ การจ่ายค่าไถ่ยังเป็นการกระตุ้นให้ผู้โจมตีดำเนินการต่อไป.

    อีกประเด็นที่สำคัญคือ การขาดบุคลากรที่มีทักษะด้านความปลอดภัยไซเบอร์ โดย 43% ของบริษัทระบุว่าเป็นสาเหตุหลักของการโจมตี ขณะเดียวกันยังมีการกล่าวถึงช่องโหว่ที่ไม่รู้จัก (42%) และการขาดมาตรการป้องกันที่เพียงพอ (41%) ซึ่งทำให้ทีม IT ต้องรับภาระหนักและเกิดความเครียดสูง.

    นอกจากนี้ยังมีผลกระทบต่อโครงสร้างองค์กร เช่น 27% ของบริษัทที่ถูกโจมตีมีการเปลี่ยนผู้นำด้านความปลอดภัย สะท้อนว่าผลกระทบจาก ransomware ไม่ได้จำกัดแค่ข้อมูล แต่ยังส่งผลต่อเสถียรภาพขององค์กรโดยตรง.

    สรุปประเด็นสำคัญ
    สถานการณ์การโจมตีในอุตสาหกรรมการผลิต
    อัตราการเข้ารหัสข้อมูลลดลงเหลือ 40% จาก 74% ในปีที่ผ่านมา
    39% ของบริษัทที่ถูกเข้ารหัสข้อมูลยังสูญเสียข้อมูลเพิ่มเติม

    การตอบสนองของบริษัทที่ถูกโจมตี
    มากกว่าครึ่งเลือกที่จะจ่ายค่าไถ่
    ค่าไถ่เฉลี่ยอยู่ที่ €861,000 ต่อครั้ง

    สาเหตุที่ทำให้การโจมตีสำเร็จ
    ขาดบุคลากรที่มีทักษะด้านความปลอดภัย (43%)
    ช่องโหว่ที่ไม่รู้จัก (42%)
    มาตรการป้องกันไม่เพียงพอ (41%)

    ผลกระทบต่อองค์กร
    ทีม IT และความปลอดภัยมีความเครียดสูง (47%)
    ความกดดันจากผู้บริหารเพิ่มขึ้น (44%) 27% ของบริษัทมีการเปลี่ยนผู้นำด้านความปลอดภัย

    คำเตือนต่อธุรกิจการผลิต
    การจ่ายค่าไถ่เป็นการกระตุ้นให้ผู้โจมตีดำเนินการต่อ
    การขาดบุคลากรและมาตรการที่เพียงพอทำให้เสี่ยงต่อการโจมตีซ้ำ
    ผลกระทบไม่ได้จำกัดแค่ข้อมูล แต่ยังส่งผลต่อโครงสร้างและเสถียรภาพองค์กร

    https://www.csoonline.com/article/4101958/ransomware-high-proportion-of-ransom-payments-despite-better-defenses.html
    🏭 อุตสาหกรรมการผลิตกับภัย Ransomware: ปรับตัวดีขึ้น แต่ยังมีช่องโหว่ แม้ว่าอุตสาหกรรมการผลิตจะมีการพัฒนาระบบป้องกันไซเบอร์ที่ดีขึ้น แต่รายงานล่าสุดเผยว่า กว่า 40% ของการโจมตี ransomware ยังสามารถเข้ารหัสข้อมูลได้ ซึ่งถือว่าลดลงจาก 74% ในปีที่ผ่านมา แต่ปัญหาสำคัญคือ 39% ของบริษัทที่ถูกเข้ารหัสข้อมูลยังสูญเสียข้อมูลไปด้วย ทำให้การป้องกันยังไม่สมบูรณ์นัก. สิ่งที่น่ากังวลคือ แม้บริษัทจะมีการป้องกันที่ดีขึ้น แต่ มากกว่าครึ่งของบริษัทที่ถูกโจมตีเลือกที่จะจ่ายค่าไถ่ โดยมีค่าเฉลี่ยราว €861,000 ต่อครั้ง ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงแรงกดดันและความเสียหายที่รุนแรงต่อธุรกิจ การจ่ายค่าไถ่ยังเป็นการกระตุ้นให้ผู้โจมตีดำเนินการต่อไป. อีกประเด็นที่สำคัญคือ การขาดบุคลากรที่มีทักษะด้านความปลอดภัยไซเบอร์ โดย 43% ของบริษัทระบุว่าเป็นสาเหตุหลักของการโจมตี ขณะเดียวกันยังมีการกล่าวถึงช่องโหว่ที่ไม่รู้จัก (42%) และการขาดมาตรการป้องกันที่เพียงพอ (41%) ซึ่งทำให้ทีม IT ต้องรับภาระหนักและเกิดความเครียดสูง. นอกจากนี้ยังมีผลกระทบต่อโครงสร้างองค์กร เช่น 27% ของบริษัทที่ถูกโจมตีมีการเปลี่ยนผู้นำด้านความปลอดภัย สะท้อนว่าผลกระทบจาก ransomware ไม่ได้จำกัดแค่ข้อมูล แต่ยังส่งผลต่อเสถียรภาพขององค์กรโดยตรง. 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ สถานการณ์การโจมตีในอุตสาหกรรมการผลิต ➡️ อัตราการเข้ารหัสข้อมูลลดลงเหลือ 40% จาก 74% ในปีที่ผ่านมา ➡️ 39% ของบริษัทที่ถูกเข้ารหัสข้อมูลยังสูญเสียข้อมูลเพิ่มเติม ✅ การตอบสนองของบริษัทที่ถูกโจมตี ➡️ มากกว่าครึ่งเลือกที่จะจ่ายค่าไถ่ ➡️ ค่าไถ่เฉลี่ยอยู่ที่ €861,000 ต่อครั้ง ✅ สาเหตุที่ทำให้การโจมตีสำเร็จ ➡️ ขาดบุคลากรที่มีทักษะด้านความปลอดภัย (43%) ➡️ ช่องโหว่ที่ไม่รู้จัก (42%) ➡️ มาตรการป้องกันไม่เพียงพอ (41%) ✅ ผลกระทบต่อองค์กร ➡️ ทีม IT และความปลอดภัยมีความเครียดสูง (47%) ➡️ ความกดดันจากผู้บริหารเพิ่มขึ้น (44%) ➡️ 27% ของบริษัทมีการเปลี่ยนผู้นำด้านความปลอดภัย ‼️ คำเตือนต่อธุรกิจการผลิต ⛔ การจ่ายค่าไถ่เป็นการกระตุ้นให้ผู้โจมตีดำเนินการต่อ ⛔ การขาดบุคลากรและมาตรการที่เพียงพอทำให้เสี่ยงต่อการโจมตีซ้ำ ⛔ ผลกระทบไม่ได้จำกัดแค่ข้อมูล แต่ยังส่งผลต่อโครงสร้างและเสถียรภาพองค์กร https://www.csoonline.com/article/4101958/ransomware-high-proportion-of-ransom-payments-despite-better-defenses.html
    WWW.CSOONLINE.COM
    Manufacturing fares better against ransomware — with room for improvement
    Although defenses have improved, more than half of the affected manufacturing companies pay ransom, with 39% suffering data loss, according to a recent survey.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 16 มุมมอง 0 รีวิว
  • AI ในห่วงโซ่ภัยคุกคามไซเบอร์: ความจริงที่ไม่ควรมองข้าม

    รายงานล่าสุดเผยว่า แม้บางนักวิจัยจะมองว่า ภัยคุกคามจาก AI เป็นเพียงการโฆษณาเกินจริง แต่ผู้เชี่ยวชาญด้าน threat intelligence ยืนยันว่า AI ได้ถูกนำมาใช้จริงแล้วในหลายขั้นตอนของการโจมตีไซเบอร์ ตั้งแต่การสร้างมัลแวร์ที่ซับซ้อนขึ้น ไปจนถึงการทำ social engineering ที่แนบเนียนกว่าเดิม.

    ผู้เชี่ยวชาญจาก SentinelOne ระบุว่า AI ถูกใช้เพื่อปรับปรุงมัลแวร์ให้เร็วขึ้น และช่วยสร้างโค้ดหรือข้อความหลอกลวง ทำให้การโจมตีมีความยืดหยุ่นและยากต่อการตรวจจับมากขึ้น ซึ่งต่างจากมัลแวร์แบบดั้งเดิมที่มีรูปแบบตายตัว.

    หลักฐานใหม่จากงานวิจัย
    สองรายงานวิจัยล่าสุดจาก Google Threat Intelligence Group และ Anthropic ยืนยันว่า ผู้โจมตีได้เข้าสู่เฟสใหม่ของการใช้ AI ไม่ใช่แค่เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ แต่เริ่มนำ AI มาเป็นส่วนหนึ่งของเครื่องมือปฏิบัติการ เช่น มัลแวร์ที่สามารถเปลี่ยนพฤติกรรมได้ระหว่างการทำงาน หรือการใช้ AI เพื่อช่วยในการจารกรรมไซเบอร์.

    Anthropic ยังเปิดเผยกรณีที่กลุ่มผู้สนับสนุนรัฐจีนใช้ AI เพื่อพยายามเจาะระบบขององค์กรระดับโลกกว่า 30 แห่ง ซึ่งแม้จะสำเร็จเพียงบางส่วน แต่ก็สะท้อนว่า ภัยคุกคามจาก AI ไม่ใช่เรื่องสมมติอีกต่อไป.

    ความท้าทายสำหรับ CISO และองค์กร
    ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า การเพิกเฉยต่อภัยคุกคามจาก AI อาจทำให้องค์กรเสียเปรียบ เพราะผู้โจมตีมีความเร็วและความสามารถเหนือกว่า หากไม่ปรับกลยุทธ์ป้องกันให้ทัน องค์กรอาจไม่สามารถรับมือได้อย่างมีประสิทธิภาพ.

    นอกจากนี้ยังมีความกังวลเรื่อง การขาดบุคลากรที่มีทักษะด้าน AI และไซเบอร์ ซึ่งทำให้การป้องกันยากขึ้น ขณะเดียวกันการสื่อสารกับผู้บริหารและบอร์ดก็เป็นเรื่องสำคัญ เพื่อให้เข้าใจถึงความเสี่ยงและยอมลงทุนในมาตรการป้องกันที่เหมาะสม.

    สรุปประเด็นสำคัญ
    AI ถูกนำมาใช้จริงในห่วงโซ่ภัยคุกคามไซเบอร์
    ใช้ปรับปรุงมัลแวร์ให้ซับซ้อนและเร็วขึ้น
    ใช้สร้างโค้ดและข้อความหลอกลวงเพื่อ social engineering

    งานวิจัยล่าสุดยืนยันการใช้ AI โดยผู้โจมตี
    Google พบมัลแวร์ที่ใช้ AI เปลี่ยนพฤติกรรมระหว่างทำงาน
    Anthropic พบการใช้ AI ในการจารกรรมไซเบอร์โดยกลุ่มรัฐจีน

    ผลกระทบต่อองค์กรและ CISO
    ผู้โจมตีมีความเร็วและความสามารถเหนือกว่า
    การขาดบุคลากรที่มีทักษะด้าน AI ทำให้การป้องกันยากขึ้น
    ต้องสื่อสารกับบอร์ดเพื่อเพิ่มงบประมาณและมาตรการป้องกัน

    คำเตือนสำหรับธุรกิจ
    การมองข้ามภัยคุกคามจาก AI อาจทำให้องค์กรเสียเปรียบอย่างรุนแรง
    การพึ่งพาเครื่องมือ AI ที่ยังไม่ผ่านการพิสูจน์อาจสร้างความเสี่ยงใหม่
    หากไม่ปรับกลยุทธ์ป้องกันทันเวลา อาจไม่สามารถรับมือกับการโจมตีได้

    https://www.csoonline.com/article/4101936/ignoring-ai-in-the-threat-chain-could-be-a-costly-mistake-experts-warn.html
    🤖 AI ในห่วงโซ่ภัยคุกคามไซเบอร์: ความจริงที่ไม่ควรมองข้าม รายงานล่าสุดเผยว่า แม้บางนักวิจัยจะมองว่า ภัยคุกคามจาก AI เป็นเพียงการโฆษณาเกินจริง แต่ผู้เชี่ยวชาญด้าน threat intelligence ยืนยันว่า AI ได้ถูกนำมาใช้จริงแล้วในหลายขั้นตอนของการโจมตีไซเบอร์ ตั้งแต่การสร้างมัลแวร์ที่ซับซ้อนขึ้น ไปจนถึงการทำ social engineering ที่แนบเนียนกว่าเดิม. ผู้เชี่ยวชาญจาก SentinelOne ระบุว่า AI ถูกใช้เพื่อปรับปรุงมัลแวร์ให้เร็วขึ้น และช่วยสร้างโค้ดหรือข้อความหลอกลวง ทำให้การโจมตีมีความยืดหยุ่นและยากต่อการตรวจจับมากขึ้น ซึ่งต่างจากมัลแวร์แบบดั้งเดิมที่มีรูปแบบตายตัว. 📑 หลักฐานใหม่จากงานวิจัย สองรายงานวิจัยล่าสุดจาก Google Threat Intelligence Group และ Anthropic ยืนยันว่า ผู้โจมตีได้เข้าสู่เฟสใหม่ของการใช้ AI ไม่ใช่แค่เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ แต่เริ่มนำ AI มาเป็นส่วนหนึ่งของเครื่องมือปฏิบัติการ เช่น มัลแวร์ที่สามารถเปลี่ยนพฤติกรรมได้ระหว่างการทำงาน หรือการใช้ AI เพื่อช่วยในการจารกรรมไซเบอร์. Anthropic ยังเปิดเผยกรณีที่กลุ่มผู้สนับสนุนรัฐจีนใช้ AI เพื่อพยายามเจาะระบบขององค์กรระดับโลกกว่า 30 แห่ง ซึ่งแม้จะสำเร็จเพียงบางส่วน แต่ก็สะท้อนว่า ภัยคุกคามจาก AI ไม่ใช่เรื่องสมมติอีกต่อไป. ⚠️ ความท้าทายสำหรับ CISO และองค์กร ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า การเพิกเฉยต่อภัยคุกคามจาก AI อาจทำให้องค์กรเสียเปรียบ เพราะผู้โจมตีมีความเร็วและความสามารถเหนือกว่า หากไม่ปรับกลยุทธ์ป้องกันให้ทัน องค์กรอาจไม่สามารถรับมือได้อย่างมีประสิทธิภาพ. นอกจากนี้ยังมีความกังวลเรื่อง การขาดบุคลากรที่มีทักษะด้าน AI และไซเบอร์ ซึ่งทำให้การป้องกันยากขึ้น ขณะเดียวกันการสื่อสารกับผู้บริหารและบอร์ดก็เป็นเรื่องสำคัญ เพื่อให้เข้าใจถึงความเสี่ยงและยอมลงทุนในมาตรการป้องกันที่เหมาะสม. 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ AI ถูกนำมาใช้จริงในห่วงโซ่ภัยคุกคามไซเบอร์ ➡️ ใช้ปรับปรุงมัลแวร์ให้ซับซ้อนและเร็วขึ้น ➡️ ใช้สร้างโค้ดและข้อความหลอกลวงเพื่อ social engineering ✅ งานวิจัยล่าสุดยืนยันการใช้ AI โดยผู้โจมตี ➡️ Google พบมัลแวร์ที่ใช้ AI เปลี่ยนพฤติกรรมระหว่างทำงาน ➡️ Anthropic พบการใช้ AI ในการจารกรรมไซเบอร์โดยกลุ่มรัฐจีน ✅ ผลกระทบต่อองค์กรและ CISO ➡️ ผู้โจมตีมีความเร็วและความสามารถเหนือกว่า ➡️ การขาดบุคลากรที่มีทักษะด้าน AI ทำให้การป้องกันยากขึ้น ➡️ ต้องสื่อสารกับบอร์ดเพื่อเพิ่มงบประมาณและมาตรการป้องกัน ‼️ คำเตือนสำหรับธุรกิจ ⛔ การมองข้ามภัยคุกคามจาก AI อาจทำให้องค์กรเสียเปรียบอย่างรุนแรง ⛔ การพึ่งพาเครื่องมือ AI ที่ยังไม่ผ่านการพิสูจน์อาจสร้างความเสี่ยงใหม่ ⛔ หากไม่ปรับกลยุทธ์ป้องกันทันเวลา อาจไม่สามารถรับมือกับการโจมตีได้ https://www.csoonline.com/article/4101936/ignoring-ai-in-the-threat-chain-could-be-a-costly-mistake-experts-warn.html
    WWW.CSOONLINE.COM
    Ignoring AI in the threat chain could be a costly mistake, experts warn
    While some researchers dismiss reports of AI-driven cyberattacks as merely marketing messages, threat intel experts counter that CISOs ignore mounting evidence of AI use in the threat chain at their own peril.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 16 มุมมอง 0 รีวิว
  • 10 ปีแห่งความสำเร็จของ Let’s Encrypt

    Let’s Encrypt ฉลองครบรอบ 10 ปีของการออกใบรับรองสาธารณะ โดยจากจุดเริ่มต้นในปี 2015 ปัจจุบันได้กลายเป็น Certificate Authority ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ออกใบรับรองมากกว่าสิบล้านใบต่อวัน และช่วยผลักดันให้การเข้ารหัส HTTPS กลายเป็นมาตรฐานทั่วโลก

    Let’s Encrypt เริ่มต้นในปี 2015 ด้วยเป้าหมายทำให้การเข้ารหัส HTTPS เป็นเรื่องง่ายและฟรีสำหรับทุกคน โดยใช้ระบบอัตโนมัติในการออกใบรับรองดิจิทัล จุดเริ่มต้นเล็ก ๆ นี้ได้ขยายตัวอย่างมหาศาล จนปัจจุบัน Let’s Encrypt เป็น Certificate Authority ที่ใหญ่ที่สุดในโลก และกำลังปกป้องเว็บไซต์เกือบหนึ่งพันล้านแห่ง.

    การเติบโตอย่างก้าวกระโดด
    ในปี 2016 Let’s Encrypt ออกใบรับรองครบหนึ่งล้านใบ และเพียงสองปีต่อมาก็สามารถออกใบรับรองได้ หนึ่งล้านใบต่อวัน จนถึงปี 2020 ได้ออกใบรับรองครบหนึ่งพันล้านใบ และในปี 2025 มีการออกใบรับรองมากกว่า สิบล้านใบต่อวัน ซึ่งสะท้อนถึงความสำเร็จของแนวคิด “การขยายตัวด้วยระบบอัตโนมัติ” ที่ทำให้การใช้งาน HTTPS กลายเป็นเรื่องปกติ.

    ผลกระทบต่อความปลอดภัยของเว็บ
    สิ่งสำคัญที่สุดไม่ใช่จำนวนใบรับรอง แต่คือการเพิ่มขึ้นของการเข้ารหัส HTTPS ทั่วโลก จากเดิมที่มีเพียง 30% ของการเชื่อมต่อเว็บที่เข้ารหัส ปัจจุบันเพิ่มขึ้นเป็นกว่า 80% ทั่วโลก และ 95% ในสหรัฐฯ การเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตปลอดภัยขึ้นอย่างชัดเจน และสะท้อนถึงบทบาทสำคัญของ Let’s Encrypt ในการยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยของเว็บ.

    การยอมรับและรางวัล
    ตลอดทศวรรษที่ผ่านมา Let’s Encrypt ได้รับการสนับสนุนจากองค์กรใหญ่ เช่น Mozilla, EFF, Cisco, Akamai และ IdenTrust รวมถึงได้รับรางวัลสำคัญอย่าง Levchin Prize for Real-World Cryptography (2022) และ IEEE Cybersecurity Award for Practice (2025) สิ่งเหล่านี้ตอกย้ำว่าโครงการนี้ไม่เพียงแต่เป็นนวัตกรรม แต่ยังเป็นโครงสร้างพื้นฐานที่โลกอินเทอร์เน็ตพึ่งพา.

    สรุปประเด็นสำคัญ
    การเติบโตของ Let’s Encrypt
    เริ่มออกใบรับรองในปี 2015
    ปี 2016 ครบ 1 ล้านใบ
    ปี 2018 ออกใบรับรอง 1 ล้านใบต่อวัน
    ปี 2020 ครบ 1 พันล้านใบ
    ปี 2025 ออกใบรับรอง 10 ล้านใบต่อวัน

    ผลกระทบต่อความปลอดภัยเว็บ
    การเข้ารหัส HTTPS เพิ่มจาก 30% เป็นกว่า 80% ทั่วโลก
    ในสหรัฐฯ สูงถึง 95%

    การยอมรับและรางวัล
    ได้รับการสนับสนุนจาก Mozilla, EFF, Cisco, Akamai, IdenTrust
    ได้รับรางวัล Levchin Prize (2022) และ IEEE Cybersecurity Award (2025)

    คำเตือนและความท้าทาย
    การพึ่งพา Let’s Encrypt อาจทำให้ผู้ใช้ “มองข้าม” ความสำคัญของใบรับรอง
    หากไม่มีการสนับสนุนต่อเนื่อง อาจกระทบต่อความมั่นคงของโครงสร้างพื้นฐานอินเทอร์เน็ต

    https://letsencrypt.org/2025/12/09/10-years
    🔒 10 ปีแห่งความสำเร็จของ Let’s Encrypt Let’s Encrypt ฉลองครบรอบ 10 ปีของการออกใบรับรองสาธารณะ โดยจากจุดเริ่มต้นในปี 2015 ปัจจุบันได้กลายเป็น Certificate Authority ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ออกใบรับรองมากกว่าสิบล้านใบต่อวัน และช่วยผลักดันให้การเข้ารหัส HTTPS กลายเป็นมาตรฐานทั่วโลก Let’s Encrypt เริ่มต้นในปี 2015 ด้วยเป้าหมายทำให้การเข้ารหัส HTTPS เป็นเรื่องง่ายและฟรีสำหรับทุกคน โดยใช้ระบบอัตโนมัติในการออกใบรับรองดิจิทัล จุดเริ่มต้นเล็ก ๆ นี้ได้ขยายตัวอย่างมหาศาล จนปัจจุบัน Let’s Encrypt เป็น Certificate Authority ที่ใหญ่ที่สุดในโลก และกำลังปกป้องเว็บไซต์เกือบหนึ่งพันล้านแห่ง. 📈 การเติบโตอย่างก้าวกระโดด ในปี 2016 Let’s Encrypt ออกใบรับรองครบหนึ่งล้านใบ และเพียงสองปีต่อมาก็สามารถออกใบรับรองได้ หนึ่งล้านใบต่อวัน จนถึงปี 2020 ได้ออกใบรับรองครบหนึ่งพันล้านใบ และในปี 2025 มีการออกใบรับรองมากกว่า สิบล้านใบต่อวัน ซึ่งสะท้อนถึงความสำเร็จของแนวคิด “การขยายตัวด้วยระบบอัตโนมัติ” ที่ทำให้การใช้งาน HTTPS กลายเป็นเรื่องปกติ. 🌐 ผลกระทบต่อความปลอดภัยของเว็บ สิ่งสำคัญที่สุดไม่ใช่จำนวนใบรับรอง แต่คือการเพิ่มขึ้นของการเข้ารหัส HTTPS ทั่วโลก จากเดิมที่มีเพียง 30% ของการเชื่อมต่อเว็บที่เข้ารหัส ปัจจุบันเพิ่มขึ้นเป็นกว่า 80% ทั่วโลก และ 95% ในสหรัฐฯ การเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตปลอดภัยขึ้นอย่างชัดเจน และสะท้อนถึงบทบาทสำคัญของ Let’s Encrypt ในการยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยของเว็บ. 🏆 การยอมรับและรางวัล ตลอดทศวรรษที่ผ่านมา Let’s Encrypt ได้รับการสนับสนุนจากองค์กรใหญ่ เช่น Mozilla, EFF, Cisco, Akamai และ IdenTrust รวมถึงได้รับรางวัลสำคัญอย่าง Levchin Prize for Real-World Cryptography (2022) และ IEEE Cybersecurity Award for Practice (2025) สิ่งเหล่านี้ตอกย้ำว่าโครงการนี้ไม่เพียงแต่เป็นนวัตกรรม แต่ยังเป็นโครงสร้างพื้นฐานที่โลกอินเทอร์เน็ตพึ่งพา. 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ การเติบโตของ Let’s Encrypt ➡️ เริ่มออกใบรับรองในปี 2015 ➡️ ปี 2016 ครบ 1 ล้านใบ ➡️ ปี 2018 ออกใบรับรอง 1 ล้านใบต่อวัน ➡️ ปี 2020 ครบ 1 พันล้านใบ ➡️ ปี 2025 ออกใบรับรอง 10 ล้านใบต่อวัน ✅ ผลกระทบต่อความปลอดภัยเว็บ ➡️ การเข้ารหัส HTTPS เพิ่มจาก 30% เป็นกว่า 80% ทั่วโลก ➡️ ในสหรัฐฯ สูงถึง 95% ✅ การยอมรับและรางวัล ➡️ ได้รับการสนับสนุนจาก Mozilla, EFF, Cisco, Akamai, IdenTrust ➡️ ได้รับรางวัล Levchin Prize (2022) และ IEEE Cybersecurity Award (2025) ‼️ คำเตือนและความท้าทาย ⛔ การพึ่งพา Let’s Encrypt อาจทำให้ผู้ใช้ “มองข้าม” ความสำคัญของใบรับรอง ⛔ หากไม่มีการสนับสนุนต่อเนื่อง อาจกระทบต่อความมั่นคงของโครงสร้างพื้นฐานอินเทอร์เน็ต https://letsencrypt.org/2025/12/09/10-years
    LETSENCRYPT.ORG
    10 Years of Let's Encrypt Certificates
    On September 14, 2015, our first publicly-trusted certificate went live. We were proud that we had issued a certificate that a significant majority of clients could accept, and had done it using automated software. Of course, in retrospect this was just the first of billions of certificates. Today, Let’s Encrypt is the largest certificate authority in the world in terms of certificates issued, the ACME protocol we helped create and standardize is integrated throughout the server ecosystem, and we’ve become a household name among system administrators. We’re closing in on protecting one billion web sites.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 15 มุมมอง 0 รีวิว
  • จากม้าสู่เครื่องยนต์: การเปลี่ยนแปลงที่ฉับพลัน เปรียบกับมนุษย์สู่ AI

    บทความ Horses โดย Andy L. Jones ใช้การเปรียบเทียบ “ม้า” กับการพัฒนาเทคโนโลยี เพื่อชี้ให้เห็นว่า ความก้าวหน้าของ AI อาจทำให้มนุษย์ถูกแทนที่อย่างรวดเร็วเหมือนที่ม้าเคยถูกแทนที่ด้วยเครื่องยนต์.

    บทความเริ่มต้นด้วยการเล่าถึงการพัฒนาเครื่องยนต์ตั้งแต่ปี 1700 ที่ค่อย ๆ ดีขึ้นเรื่อย ๆ แต่ในช่วงแรก ม้าแทบไม่ได้รับผลกระทบ จนกระทั่งปี 1930–1950 ม้าในสหรัฐฯ หายไปกว่า 90% เพราะเครื่องยนต์ได้เข้ามาแทนที่อย่างสมบูรณ์. จุดนี้สะท้อนว่า ความก้าวหน้าที่ดูเหมือนค่อยเป็นค่อยไป อาจนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่แบบฉับพลัน.

    จากหมากรุกสู่ AI: ความเหนือกว่าที่เกิดขึ้นเร็ว
    ผู้เขียนเปรียบเทียบกับวงการหมากรุกคอมพิวเตอร์ ที่พัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 1985 โดยเพิ่มระดับ Elo เฉลี่ย 50 คะแนนต่อปี ในปี 2000 มนุษย์ยังชนะคอมพิวเตอร์ได้ถึง 90% แต่เพียงสิบปีต่อมา มนุษย์กลับแพ้คอมพิวเตอร์ถึง 90% แสดงให้เห็นว่า ความเท่าเทียมระหว่างมนุษย์กับเครื่องจักรสามารถพลิกกลับได้ในเวลาไม่นาน.

    AI และการแทนที่มนุษย์
    ผู้เขียนเล่าประสบการณ์ตรงจากการทำงานที่ Anthropic โดยในปี 2024 เขายังต้องตอบคำถามใหม่ ๆ ของทีมงานกว่า 4,000 คำถามต่อเดือน แต่เพียงหกเดือนหลังจาก Claude (AI ของ Anthropic) พัฒนาขึ้นมา AI สามารถตอบได้ถึง 30,000 คำถามต่อเดือน และแทนที่งานของเขาไปถึง 80%. สิ่งนี้ทำให้เขารู้สึกว่า AI กำลังแทนที่มนุษย์เร็วกว่าที่ม้าเคยถูกแทนที่ด้วยเครื่องยนต์.

    บทเรียนจากม้า: อนาคตของมนุษย์กับ AI
    บทสรุปของบทความคือ การเปรียบเทียบกับม้าในปี 1920 ที่มีถึง 25 ล้านตัวในสหรัฐฯ แต่เพียงไม่กี่ทศวรรษต่อมา 93% ของม้าได้หายไป ผู้เขียนหวังว่ามนุษย์จะมีเวลาเตรียมตัวอย่างน้อยสองทศวรรษเหมือนม้า แต่จากความเร็วของ AI ในปัจจุบัน เขากังวลว่า เราอาจมีเวลาน้อยกว่านั้นมาก.

    สรุปประเด็นสำคัญ
    บทเรียนจากม้าและเครื่องยนต์
    การพัฒนาเครื่องยนต์ใช้เวลานาน แต่การแทนที่ม้าเกิดขึ้นอย่างฉับพลัน
    ม้าในสหรัฐฯ หายไปกว่า 90% ระหว่างปี 1930–1950

    บทเรียนจากหมากรุกคอมพิวเตอร์
    ปี 2000 มนุษย์ยังชนะคอมพิวเตอร์ได้ 90%
    ปี 2010 มนุษย์กลับแพ้คอมพิวเตอร์ถึง 90%

    ประสบการณ์ตรงจาก AI (Claude)
    ปี 2024 มนุษย์ตอบคำถามใหม่ ๆ ได้ 4,000 คำถามต่อเดือน
    เพียงหกเดือนต่อมา Claude ตอบได้ 30,000 คำถามต่อเดือน
    งานของมนุษย์ถูกแทนที่ไปถึง 80%

    คำเตือนจากบทความ
    AI อาจแทนที่มนุษย์เร็วกว่าที่ม้าเคยถูกแทนที่ด้วยเครื่องยนต์
    เราอาจมีเวลาน้อยกว่าสองทศวรรษในการปรับตัว
    การไม่เตรียมรับมืออาจทำให้มนุษย์เสียเปรียบอย่างรุนแรง

    https://andyljones.com/posts/horses.html
    🐎 จากม้าสู่เครื่องยนต์: การเปลี่ยนแปลงที่ฉับพลัน เปรียบกับมนุษย์สู่ AI บทความ Horses โดย Andy L. Jones ใช้การเปรียบเทียบ “ม้า” กับการพัฒนาเทคโนโลยี เพื่อชี้ให้เห็นว่า ความก้าวหน้าของ AI อาจทำให้มนุษย์ถูกแทนที่อย่างรวดเร็วเหมือนที่ม้าเคยถูกแทนที่ด้วยเครื่องยนต์. บทความเริ่มต้นด้วยการเล่าถึงการพัฒนาเครื่องยนต์ตั้งแต่ปี 1700 ที่ค่อย ๆ ดีขึ้นเรื่อย ๆ แต่ในช่วงแรก ม้าแทบไม่ได้รับผลกระทบ จนกระทั่งปี 1930–1950 ม้าในสหรัฐฯ หายไปกว่า 90% เพราะเครื่องยนต์ได้เข้ามาแทนที่อย่างสมบูรณ์. จุดนี้สะท้อนว่า ความก้าวหน้าที่ดูเหมือนค่อยเป็นค่อยไป อาจนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่แบบฉับพลัน. ♟️ จากหมากรุกสู่ AI: ความเหนือกว่าที่เกิดขึ้นเร็ว ผู้เขียนเปรียบเทียบกับวงการหมากรุกคอมพิวเตอร์ ที่พัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 1985 โดยเพิ่มระดับ Elo เฉลี่ย 50 คะแนนต่อปี ในปี 2000 มนุษย์ยังชนะคอมพิวเตอร์ได้ถึง 90% แต่เพียงสิบปีต่อมา มนุษย์กลับแพ้คอมพิวเตอร์ถึง 90% แสดงให้เห็นว่า ความเท่าเทียมระหว่างมนุษย์กับเครื่องจักรสามารถพลิกกลับได้ในเวลาไม่นาน. 🤖 AI และการแทนที่มนุษย์ ผู้เขียนเล่าประสบการณ์ตรงจากการทำงานที่ Anthropic โดยในปี 2024 เขายังต้องตอบคำถามใหม่ ๆ ของทีมงานกว่า 4,000 คำถามต่อเดือน แต่เพียงหกเดือนหลังจาก Claude (AI ของ Anthropic) พัฒนาขึ้นมา AI สามารถตอบได้ถึง 30,000 คำถามต่อเดือน และแทนที่งานของเขาไปถึง 80%. สิ่งนี้ทำให้เขารู้สึกว่า AI กำลังแทนที่มนุษย์เร็วกว่าที่ม้าเคยถูกแทนที่ด้วยเครื่องยนต์. 🕰️ บทเรียนจากม้า: อนาคตของมนุษย์กับ AI บทสรุปของบทความคือ การเปรียบเทียบกับม้าในปี 1920 ที่มีถึง 25 ล้านตัวในสหรัฐฯ แต่เพียงไม่กี่ทศวรรษต่อมา 93% ของม้าได้หายไป ผู้เขียนหวังว่ามนุษย์จะมีเวลาเตรียมตัวอย่างน้อยสองทศวรรษเหมือนม้า แต่จากความเร็วของ AI ในปัจจุบัน เขากังวลว่า เราอาจมีเวลาน้อยกว่านั้นมาก. 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ บทเรียนจากม้าและเครื่องยนต์ ➡️ การพัฒนาเครื่องยนต์ใช้เวลานาน แต่การแทนที่ม้าเกิดขึ้นอย่างฉับพลัน ➡️ ม้าในสหรัฐฯ หายไปกว่า 90% ระหว่างปี 1930–1950 ✅ บทเรียนจากหมากรุกคอมพิวเตอร์ ➡️ ปี 2000 มนุษย์ยังชนะคอมพิวเตอร์ได้ 90% ➡️ ปี 2010 มนุษย์กลับแพ้คอมพิวเตอร์ถึง 90% ✅ ประสบการณ์ตรงจาก AI (Claude) ➡️ ปี 2024 มนุษย์ตอบคำถามใหม่ ๆ ได้ 4,000 คำถามต่อเดือน ➡️ เพียงหกเดือนต่อมา Claude ตอบได้ 30,000 คำถามต่อเดือน ➡️ งานของมนุษย์ถูกแทนที่ไปถึง 80% ‼️ คำเตือนจากบทความ ⛔ AI อาจแทนที่มนุษย์เร็วกว่าที่ม้าเคยถูกแทนที่ด้วยเครื่องยนต์ ⛔ เราอาจมีเวลาน้อยกว่าสองทศวรรษในการปรับตัว ⛔ การไม่เตรียมรับมืออาจทำให้มนุษย์เสียเปรียบอย่างรุนแรง https://andyljones.com/posts/horses.html
    ANDYLJONES.COM
    Horses
    AI progress is steady. Human equivalence is sudden.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 11 มุมมอง 0 รีวิว
  • เที่ยวเฉิงตู ภูเขาหิมะวาวู่ ❄
    เดินทาง ม.ค. - มี.ค. 69 9,999

    🗓 จำนวนวัน 3 วัน 2 คืน
    ✈ VZ-ไทยเวียดเจ็ท แอร์
    พักโรงแรม

    ภูเขาหิมะวาวู่
    วัดต้าฉือ
    ถนนคนเดินชุนซีลู่
    แพนด้ายักษ์ปีนตึก IFS
    ถนนคนเดินไท่กู่หลี่

    รวมทัวร์ไฟไหม้ ทัวร์หลุดจอง โปรพักเดี่ยว ลดเยอะสุด by 21 ปี ">https://eTravelWay.com
    ⭕️ เข้ากลุ่มลับ Facebook โปรเพียบบบบ : https://78s.me/e86e1a
    ⭕️ เข้ากลุ่มลับ LINE openchat ทัวร์ที่หลุด คลิก https://78s.me/501ad8

    LINE ID: @etravelway.fire https://78s.me/e58a3f
    Facebook: etravelway.fire https://78s.me/317663
    Instagram: etravelway.fire https://78s.me/d43626
    Tiktok : https://78s.me/903597
    : 021166395

    #ทัวร์จีน #จีน #เฉิงตู #china #chengdu #จัดกรุ๊ปส่วนตัว #eTravelway #ทัวร์ไฟไหม้
    #ทัวร์ลดราคา #ทัวร์ราคาถูก #etravelwayfire #thaitimes #News1
    #คิงส์โพธิ์แดง #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ
    เที่ยวเฉิงตู ภูเขาหิมะวาวู่ ❄ 🗓️ เดินทาง ม.ค. - มี.ค. 69 😍 9,999 🔥🔥 🗓 จำนวนวัน 3 วัน 2 คืน ✈ VZ-ไทยเวียดเจ็ท แอร์ 🏨 พักโรงแรม ⭐⭐⭐⭐ 📍 ภูเขาหิมะวาวู่ 📍 วัดต้าฉือ 📍 ถนนคนเดินชุนซีลู่ 📍 แพนด้ายักษ์ปีนตึก IFS 📍 ถนนคนเดินไท่กู่หลี่ รวมทัวร์ไฟไหม้ ทัวร์หลุดจอง โปรพักเดี่ยว ลดเยอะสุด by 21 ปี https://eTravelWay.com🔥 ⭕️ เข้ากลุ่มลับ Facebook โปรเพียบบบบ : https://78s.me/e86e1a ⭕️ เข้ากลุ่มลับ LINE openchat ทัวร์ที่หลุด คลิก https://78s.me/501ad8 LINE ID: @etravelway.fire https://78s.me/e58a3f Facebook: etravelway.fire https://78s.me/317663 Instagram: etravelway.fire https://78s.me/d43626 Tiktok : https://78s.me/903597 ☎️: 021166395 #ทัวร์จีน #จีน #เฉิงตู #china #chengdu #จัดกรุ๊ปส่วนตัว #eTravelway #ทัวร์ไฟไหม้ #ทัวร์ลดราคา #ทัวร์ราคาถูก #etravelwayfire #thaitimes #News1 #คิงส์โพธิ์แดง #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 15 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • ทรัมป์จะโทรหาอนุทิน
    วัดใจนายกฯหนูผี
    จะรับหรือตัดสายทิ้ง
    จะหมอบหรือสู้สุดซอย
    #คิงส์โพธิ์แดง
    ทรัมป์จะโทรหาอนุทิน วัดใจนายกฯหนูผี จะรับหรือตัดสายทิ้ง จะหมอบหรือสู้สุดซอย #คิงส์โพธิ์แดง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 16 มุมมอง 0 รีวิว
  • สำนักโพลส้นตรีนทั้งหลาย ได้เวลาทำโพล "รบสุดซอย" ดันเงียบเป็นเป่าสาก ไม่มีใครจ้าง?
    ไม่ได้เงินแม่มไม่ทำ
    #คิงส์โพธิ์แดง
    สำนักโพลส้นตรีนทั้งหลาย ได้เวลาทำโพล "รบสุดซอย" ดันเงียบเป็นเป่าสาก ไม่มีใครจ้าง? ไม่ได้เงินแม่มไม่ทำ #คิงส์โพธิ์แดง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 17 มุมมอง 0 รีวิว
  • FENGSHUI DAILY
    อัพเดตทุกวัน ที่นี่ที่เดียว
    สีเสริมดวง เสริมความเฮง
    ทิศมงคล เวลามงคล
    อย่าลืมดูกัน เมื่อเริ่มวันใหม่
    วันพฤหัสบดีที่ 11 เดือนธันวาคม พ.ศ.2568
    ___________________________________
    FengshuiBizDesigner
    ฮวงจุ้ย...ออกแบบได้
    FENGSHUI DAILY อัพเดตทุกวัน ที่นี่ที่เดียว สีเสริมดวง เสริมความเฮง ทิศมงคล เวลามงคล อย่าลืมดูกัน เมื่อเริ่มวันใหม่ วันพฤหัสบดีที่ 11 เดือนธันวาคม พ.ศ.2568 ___________________________________ FengshuiBizDesigner ฮวงจุ้ย...ออกแบบได้
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 8 มุมมอง 0 รีวิว