• ประตูเปิดทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ

    เดือนนี้ ผู้ใหญ่ลุแก่อำนาจ เกิดการแก่งแย่งภายใน ไม่ดีต่อคนหนุ่มหรือลูกชายคนโต มีความเจริญก้าวหน้าช้า มีการแข่งขันเป็นการใหญ่ มีเรื่องให้ไม่สบายใจต้องอดกลั้นอดทน ลูกน้องและบริวารจะสร้างแต่ปัญหา สร้าง ความปั่นป่วนให้แก่องค์กร จะได้รับเอกสารการทวงถามหนี้ มีคดีความอยู่ควรจะเจรจาพยายามรอมชอม จะได้ ไม่ต้องขึ้นโรงขึ้นศาลให้เกิดเป็นกังวล ระวังของรักของหวงจะสูญหาย เพราะผู้รักษาความปลอดภัยจะถูกโจร หลอกให้ร่วมมือ ผู้ใหญ่ในบ้านจะได้รับบาดเจ็บ ลื่นหกล้ม ของหล่นใส่ มือเท้าเจ็บเพราะเครื่องจักร ของมีคม จะปวดเมื่อย เส้นเอ็น เส้นประสาท โรคตับ จะประสบพบอุบัติเหตุทางรถยนต์ระหว่างการเดินทาง

    ___________________________________
    FengshuiBizDesigner
    ฮวงจุ้ย...ออกแบบได้
    ประตูเปิดทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ เดือนนี้ ผู้ใหญ่ลุแก่อำนาจ เกิดการแก่งแย่งภายใน ไม่ดีต่อคนหนุ่มหรือลูกชายคนโต มีความเจริญก้าวหน้าช้า มีการแข่งขันเป็นการใหญ่ มีเรื่องให้ไม่สบายใจต้องอดกลั้นอดทน ลูกน้องและบริวารจะสร้างแต่ปัญหา สร้าง ความปั่นป่วนให้แก่องค์กร จะได้รับเอกสารการทวงถามหนี้ มีคดีความอยู่ควรจะเจรจาพยายามรอมชอม จะได้ ไม่ต้องขึ้นโรงขึ้นศาลให้เกิดเป็นกังวล ระวังของรักของหวงจะสูญหาย เพราะผู้รักษาความปลอดภัยจะถูกโจร หลอกให้ร่วมมือ ผู้ใหญ่ในบ้านจะได้รับบาดเจ็บ ลื่นหกล้ม ของหล่นใส่ มือเท้าเจ็บเพราะเครื่องจักร ของมีคม จะปวดเมื่อย เส้นเอ็น เส้นประสาท โรคตับ จะประสบพบอุบัติเหตุทางรถยนต์ระหว่างการเดินทาง ___________________________________ FengshuiBizDesigner ฮวงจุ้ย...ออกแบบได้
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 20 มุมมอง 0 รีวิว
  • เขมรสบายใจได้ เรื่องหนังสติ๊กไทยลุงอ้วนสั่งตรวจแล้ว (11/8/68)
    #TruthFromThailand
    #scambodia
    #CambodiaNoCeasefire
    #Hunsenfiredfirst
    #หนังสติ๊กไทย
    #ตรวจสอบด่วน
    #ความมั่นคงชายแดน
    #ชายแดนไทยกัมพูชา
    #ภูมิธรรม
    #news1
    #thaitimes
    #shorts
    เขมรสบายใจได้ เรื่องหนังสติ๊กไทยลุงอ้วนสั่งตรวจแล้ว (11/8/68) #TruthFromThailand #scambodia #CambodiaNoCeasefire #Hunsenfiredfirst #หนังสติ๊กไทย #ตรวจสอบด่วน #ความมั่นคงชายแดน #ชายแดนไทยกัมพูชา #ภูมิธรรม #news1 #thaitimes #shorts
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 60 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • 1/
    ภาพเหตุการณ์อิสราเอลโจมตีเต็นท์สื่อมวลชนของอัลจาซีราที่โรงพยาบาลอัลชิฟาในเมืองกาซา ส่งผลให้ทีมงานเสียชีวิตทั้งหมด

    มีผู้เสียชีวิต 7 คน รวมถึงผู้สื่อข่าวอะนัส อัลชารีฟ และมูฮัมหมัด คูเรย์กา ช่างภาพอิบราฮิม ซาฮีร์ มูฮัมหมัด นูฟาล และโมเมน อาลูวา
    1/ ภาพเหตุการณ์อิสราเอลโจมตีเต็นท์สื่อมวลชนของอัลจาซีราที่โรงพยาบาลอัลชิฟาในเมืองกาซา ส่งผลให้ทีมงานเสียชีวิตทั้งหมด มีผู้เสียชีวิต 7 คน รวมถึงผู้สื่อข่าวอะนัส อัลชารีฟ และมูฮัมหมัด คูเรย์กา ช่างภาพอิบราฮิม ซาฮีร์ มูฮัมหมัด นูฟาล และโมเมน อาลูวา
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 126 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • 2/
    ภาพเหตุการณ์อิสราเอลโจมตีเต็นท์สื่อมวลชนของอัลจาซีราที่โรงพยาบาลอัลชิฟาในเมืองกาซา ส่งผลให้ทีมงานเสียชีวิตทั้งหมด

    มีผู้เสียชีวิต 7 คน รวมถึงผู้สื่อข่าวอะนัส อัลชารีฟ และมูฮัมหมัด คูเรย์กา ช่างภาพอิบราฮิม ซาฮีร์ มูฮัมหมัด นูฟาล และโมเมน อาลูวา
    2/ ภาพเหตุการณ์อิสราเอลโจมตีเต็นท์สื่อมวลชนของอัลจาซีราที่โรงพยาบาลอัลชิฟาในเมืองกาซา ส่งผลให้ทีมงานเสียชีวิตทั้งหมด มีผู้เสียชีวิต 7 คน รวมถึงผู้สื่อข่าวอะนัส อัลชารีฟ และมูฮัมหมัด คูเรย์กา ช่างภาพอิบราฮิม ซาฮีร์ มูฮัมหมัด นูฟาล และโมเมน อาลูวา
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 90 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • ผลจากการปลูกลูกไม้พิษ สิทธิเกินขอบเขต นักเรียน ม.5 ด่าครู ชกหน้าครู เตะ ตีเข่าใส่ครู จนซี่โครงอักเสบ เหตุเพราะได้คะแนนสอบกลางภาคไม่เต็ม
    #คิงส์โพธิ์แดง
    ผลจากการปลูกลูกไม้พิษ สิทธิเกินขอบเขต นักเรียน ม.5 ด่าครู ชกหน้าครู เตะ ตีเข่าใส่ครู จนซี่โครงอักเสบ เหตุเพราะได้คะแนนสอบกลางภาคไม่เต็ม #คิงส์โพธิ์แดง
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 53 มุมมอง 0 รีวิว
  • ผลจากการปลูกลูกไม้พิษ สิทธิเกินขอบเขต นักเรียน ม.5 ด่าครู ชกหน้าครู เตะ ตีเข่าใส่ครู จนซี่โครงอักเสบ เหตุเพราะได้คะแนนสอบกลางภาคไม่เต็ม
    #คิงส์โพธิ์แดง
    ผลจากการปลูกลูกไม้พิษ สิทธิเกินขอบเขต นักเรียน ม.5 ด่าครู ชกหน้าครู เตะ ตีเข่าใส่ครู จนซี่โครงอักเสบ เหตุเพราะได้คะแนนสอบกลางภาคไม่เต็ม #คิงส์โพธิ์แดง
    Like
    Angry
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 54 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทักษิณช่างกล้า มอบโดรนมรณะให้กองทัพภาค 2 (11/8/68)
    #TruthFromThailand
    #scambodia
    #CambodiaNoCeasefire
    #Hunsenfiredfirst
    #โดรนมรณะ
    #กองทัพภาค2
    #ชายแดนไทยกัมพูชา
    #news1
    #thaitimes
    #shorts
    ทักษิณช่างกล้า มอบโดรนมรณะให้กองทัพภาค 2 (11/8/68) #TruthFromThailand #scambodia #CambodiaNoCeasefire #Hunsenfiredfirst #โดรนมรณะ #กองทัพภาค2 #ชายแดนไทยกัมพูชา #news1 #thaitimes #shorts
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 56 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • 0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 5 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • อ๋อง ปดิพัทธ์ ยังเพ้อจะกลับมาเป็นใหญ่ เมิงอยู่ให้รอดคดี 44 สส.ก้าวไกลก่อนเถอะ เผลอๆ อาจสำลักหมูกระทะลาโลกก่อนพ้นโทษ
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #อ๋องปดิพัทธ์
    อ๋อง ปดิพัทธ์ ยังเพ้อจะกลับมาเป็นใหญ่ เมิงอยู่ให้รอดคดี 44 สส.ก้าวไกลก่อนเถอะ เผลอๆ อาจสำลักหมูกระทะลาโลกก่อนพ้นโทษ #คิงส์โพธิ์แดง #อ๋องปดิพัทธ์
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 53 มุมมอง 0 รีวิว
  • 16 ทหารกล้าไทย แลก 3,000 กว่าชีวิตทหารเหมน คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 1:200 ถ้าเหม็นรบต่ออาจได้ใช้ 1:200,000 แน่ๆ
    #คิงส์โพธิ์แดง
    16 ทหารกล้าไทย แลก 3,000 กว่าชีวิตทหารเหมน คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 1:200 ถ้าเหม็นรบต่ออาจได้ใช้ 1:200,000 แน่ๆ #คิงส์โพธิ์แดง
    Like
    Haha
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 53 มุมมอง 0 รีวิว
  • AI ช่วยลดความเสี่ยงจากการลงทุนได้อย่างไร ?
    AI ช่วยลดความเสี่ยงจากการลงทุนได้อย่างไร ?
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 9 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • ♣ แบบอย่างการเมืองเก่า ใช้อำนาจยึดครองที่ดิน ครอบงำผู้คนทั้งจังหวัด ใช้ชีวิตผู้คนปกป้องผลประโยชน์ตัวเอง
    #7ดอกจิก
    ♣ แบบอย่างการเมืองเก่า ใช้อำนาจยึดครองที่ดิน ครอบงำผู้คนทั้งจังหวัด ใช้ชีวิตผู้คนปกป้องผลประโยชน์ตัวเอง #7ดอกจิก
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 40 มุมมอง 0 รีวิว
  • ♣ ทักษิณ ทำร้ายทหารทางอ้อม โดรนบอกพิกัดคนบังคับ ใช้ไปก็โดนล่อเป้าง่ายเลย
    #7ดอกจิก
    #ทักษิณบริจาคโดรนdji
    ♣ ทักษิณ ทำร้ายทหารทางอ้อม โดรนบอกพิกัดคนบังคับ ใช้ไปก็โดนล่อเป้าง่ายเลย #7ดอกจิก #ทักษิณบริจาคโดรนdji
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 37 มุมมอง 0 รีวิว
  • ♣ เขมรปั่นข่าวปลอมลวงโลกทุกวัน เอาภาพยิงเมล็ดพันธุ์ปลูกป่าทับลาน มาปั่นว่าทหารไทยยิงหนังสติ๊กใส่มัน
    #7ดอกจิก
    #TruthFromThailand
    #FakeNewsFromScambodia
    ♣ เขมรปั่นข่าวปลอมลวงโลกทุกวัน เอาภาพยิงเมล็ดพันธุ์ปลูกป่าทับลาน มาปั่นว่าทหารไทยยิงหนังสติ๊กใส่มัน #7ดอกจิก #TruthFromThailand #FakeNewsFromScambodia
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 43 มุมมอง 0 รีวิว
  • แผ่นดินของเราคนไทยทุกคน#ทหารๆพราน,นักรบชุดดำ,นักรบนินาม,ตำรวจ,ต.ช.ด.,เจ้าหน้าที่อาสาทุกๆท่านเสียสละยิ่งชีพ รายได้น้อยเกินไปกับความรับผิดชอบที่ใหญ่หลวง กราบหัวใจทุกท่านจากใจ❤🙏🏿"ประชาชนทหารฯลฯเราจับมือกันปกป้องประเทศไทยของเรา❤
    แผ่นดินของเราคนไทยทุกคน#ทหารๆพราน,นักรบชุดดำ,นักรบนินาม,ตำรวจ,ต.ช.ด.,เจ้าหน้าที่อาสาทุกๆท่านเสียสละยิ่งชีพ รายได้น้อยเกินไปกับความรับผิดชอบที่ใหญ่หลวง กราบหัวใจทุกท่านจากใจ🤲❤🙏🏿💂‍♀️💂‍♂️🙇‍♀️"ประชาชน🤝ทหารฯลฯเราจับมือกันปกป้องประเทศไทยของเรา❤🇹🇭❤
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 17 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • https://youtu.be/n1yjJb5QSjo?si=H5Skx_bWmXzzBivm
    https://youtu.be/n1yjJb5QSjo?si=H5Skx_bWmXzzBivm
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 4 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทหารๆเจ้าหน้าต้องมาบาดเจ็บล้มตายเพราะ"ผู้นำชั่ว
    ทหารๆเจ้าหน้าต้องมาบาดเจ็บล้มตายเพราะ"ผู้นำชั่ว
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 11 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากโลกโปรโตคอล: MCP กับการละเลยหลักการ RPC ที่สั่งสมมากว่า 40 ปี

    Model Context Protocol หรือ MCP ถูกเสนอให้เป็น “USB-C สำหรับ AI tools” ด้วยความเรียบง่ายที่ทำให้นักพัฒนาสามารถเชื่อมต่อเครื่องมือ AI ได้ภายในไม่กี่ชั่วโมง แต่ Julien Simon ผู้เชี่ยวชาญด้าน distributed systems เตือนว่า ความง่ายนี้อาจกลายเป็นระเบิดเวลาในระบบ production ขององค์กร

    MCP ใช้ JSON-RPC 2.0 เป็นพื้นฐาน โดยไม่บังคับใช้ schema หรือการตรวจสอบชนิดข้อมูลแบบเข้มงวด ทำให้เกิดปัญหาเมื่อเครื่องมือ AI รับข้อมูลผิดประเภท เช่น timestamp ที่ควรเป็น ISO-8601 กลับกลายเป็น Unix epoch ซึ่งอาจทำให้โมเดล “หลอน” หรือให้คำตอบผิดพลาดโดยไม่แจ้งข้อผิดพลาด

    ในอดีต RPC อย่าง UNIX RPC, CORBA, REST และ gRPC ได้พัฒนาหลักการที่ช่วยให้ระบบต่างภาษาและต่างสถาปัตยกรรมสามารถสื่อสารกันได้อย่างปลอดภัย เช่นการใช้ IDL, XDR, และการตรวจสอบชนิดข้อมูลตั้งแต่ขั้นตอน build-time แต่ MCP กลับละเลยสิ่งเหล่านี้ทั้งหมด

    ผลคือองค์กรที่รีบใช้ MCP เพราะกระแส AI อาจต้องเผชิญกับปัญหาการแปลข้อมูลผิดพลาด การจัดการข้อผิดพลาดที่ไม่สอดคล้องกัน และการ debug ที่ต้องใช้ความรู้เฉพาะในแต่ละภาษา ไม่ใช่แค่ความเข้าใจในโปรโตคอล

    MCP ถูกเสนอให้เป็นโปรโตคอลกลางสำหรับการเชื่อมต่อ AI tools
    ใช้ JSON-RPC 2.0 เป็นพื้นฐานการสื่อสาร

    MCP ไม่บังคับใช้ schema หรือการตรวจสอบชนิดข้อมูลแบบเข้มงวด
    ทำให้เกิดปัญหาเมื่อข้อมูลไม่ตรงตามที่เครื่องมือคาดหวัง

    Julien Simon เตือนว่า MCP ละเลยหลักการ RPC ที่สั่งสมมากว่า 40 ปี
    เช่น IDL, XDR, การตรวจสอบชนิดข้อมูล และการจัดการข้อผิดพลาด

    MCP ถูกนำไปใช้ใน production โดยองค์กรที่เร่งตามกระแส AI
    แม้จะยังไม่พร้อมในด้านความเสถียรและความปลอดภัย

    ความแตกต่างในการ encode JSON ระหว่างภาษา เช่น Python กับ JavaScript
    ทำให้เกิดปัญหาการแปลข้อมูลและการ debug ที่ซับซ้อน

    https://julsimon.medium.com/why-mcps-disregard-for-40-years-of-rpc-best-practices-will-burn-enterprises-8ef85ce5bc9b
    🧠📡 เรื่องเล่าจากโลกโปรโตคอล: MCP กับการละเลยหลักการ RPC ที่สั่งสมมากว่า 40 ปี Model Context Protocol หรือ MCP ถูกเสนอให้เป็น “USB-C สำหรับ AI tools” ด้วยความเรียบง่ายที่ทำให้นักพัฒนาสามารถเชื่อมต่อเครื่องมือ AI ได้ภายในไม่กี่ชั่วโมง แต่ Julien Simon ผู้เชี่ยวชาญด้าน distributed systems เตือนว่า ความง่ายนี้อาจกลายเป็นระเบิดเวลาในระบบ production ขององค์กร MCP ใช้ JSON-RPC 2.0 เป็นพื้นฐาน โดยไม่บังคับใช้ schema หรือการตรวจสอบชนิดข้อมูลแบบเข้มงวด ทำให้เกิดปัญหาเมื่อเครื่องมือ AI รับข้อมูลผิดประเภท เช่น timestamp ที่ควรเป็น ISO-8601 กลับกลายเป็น Unix epoch ซึ่งอาจทำให้โมเดล “หลอน” หรือให้คำตอบผิดพลาดโดยไม่แจ้งข้อผิดพลาด ในอดีต RPC อย่าง UNIX RPC, CORBA, REST และ gRPC ได้พัฒนาหลักการที่ช่วยให้ระบบต่างภาษาและต่างสถาปัตยกรรมสามารถสื่อสารกันได้อย่างปลอดภัย เช่นการใช้ IDL, XDR, และการตรวจสอบชนิดข้อมูลตั้งแต่ขั้นตอน build-time แต่ MCP กลับละเลยสิ่งเหล่านี้ทั้งหมด ผลคือองค์กรที่รีบใช้ MCP เพราะกระแส AI อาจต้องเผชิญกับปัญหาการแปลข้อมูลผิดพลาด การจัดการข้อผิดพลาดที่ไม่สอดคล้องกัน และการ debug ที่ต้องใช้ความรู้เฉพาะในแต่ละภาษา ไม่ใช่แค่ความเข้าใจในโปรโตคอล ✅ MCP ถูกเสนอให้เป็นโปรโตคอลกลางสำหรับการเชื่อมต่อ AI tools ➡️ ใช้ JSON-RPC 2.0 เป็นพื้นฐานการสื่อสาร ✅ MCP ไม่บังคับใช้ schema หรือการตรวจสอบชนิดข้อมูลแบบเข้มงวด ➡️ ทำให้เกิดปัญหาเมื่อข้อมูลไม่ตรงตามที่เครื่องมือคาดหวัง ✅ Julien Simon เตือนว่า MCP ละเลยหลักการ RPC ที่สั่งสมมากว่า 40 ปี ➡️ เช่น IDL, XDR, การตรวจสอบชนิดข้อมูล และการจัดการข้อผิดพลาด ✅ MCP ถูกนำไปใช้ใน production โดยองค์กรที่เร่งตามกระแส AI ➡️ แม้จะยังไม่พร้อมในด้านความเสถียรและความปลอดภัย ✅ ความแตกต่างในการ encode JSON ระหว่างภาษา เช่น Python กับ JavaScript ➡️ ทำให้เกิดปัญหาการแปลข้อมูลและการ debug ที่ซับซ้อน https://julsimon.medium.com/why-mcps-disregard-for-40-years-of-rpc-best-practices-will-burn-enterprises-8ef85ce5bc9b
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 29 มุมมอง 0 รีวิว
  • แผ่นดินไทยนี้แลกมาด้วยเลือดและชีวิต ขอบพระคุณยังน้อยไปจริงๆ🙏🏿
    แผ่นดินไทยนี้แลกมาด้วยเลือดและชีวิต ขอบพระคุณยังน้อยไปจริงๆ💂‍♀️💂‍♂️🙏🏿🙇‍♀️🇹🇭❤🇹🇭🤲💓🤝
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 12 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากอากาศที่เราหายใจ: มลพิษกลางแจ้งกับความเสี่ยงโรคสมองเสื่อม

    ลองจินตนาการว่าอากาศที่เราหายใจทุกวัน ไม่ใช่แค่ทำให้ไอหรือหอบ แต่อาจค่อย ๆ ทำลายความทรงจำของเราไปทีละนิด นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ได้วิเคราะห์ข้อมูลจากกว่า 29 ล้านคนทั่วโลก และพบว่า “การสัมผัสมลพิษทางอากาศกลางแจ้งในระยะยาว” มีความเชื่อมโยงกับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นของโรคสมองเสื่อม เช่น อัลไซเมอร์

    พวกเขาเจาะลึกถึง 51 งานวิจัย และพบว่า 3 ชนิดของมลพิษที่มีผลชัดเจน ได้แก่:
    - PM2.5: ฝุ่นขนาดเล็กมากที่สามารถเข้าสู่ปอดลึกและแม้แต่สมอง
    - NO₂: ก๊าซที่เกิดจากการเผาไหม้เชื้อเพลิงฟอสซิล เช่น ไอเสียรถยนต์
    - เขม่าควัน (Soot): อนุภาคจากการเผาไหม้ เช่น เตาไม้หรือโรงงาน

    ผลกระทบไม่ใช่แค่เรื่องปอดหรือหัวใจ แต่ยังรวมถึงสมอง โดยพบว่า:
    - ทุก 10 μg/m³ ของ PM2.5 เพิ่มความเสี่ยงโรคสมองเสื่อมขึ้น 17%
    - NO₂ เพิ่มความเสี่ยง 3% ต่อ 10 μg/m³
    - เขม่าควันเพิ่มความเสี่ยง 13% ต่อ 1 μg/m³

    นักวิจัยยังชี้ว่า การวางผังเมือง การขนส่ง และนโยบายสิ่งแวดล้อม ควรมีบทบาทร่วมในการป้องกันโรคสมองเสื่อม ไม่ใช่แค่ระบบสาธารณสุขเท่านั้น

    การสัมผัสมลพิษทางอากาศกลางแจ้งในระยะยาวเชื่อมโยงกับความเสี่ยงโรคสมองเสื่อม
    วิเคราะห์จากข้อมูลของผู้คนกว่า 29 ล้านคนทั่วโลก

    งานวิจัยรวม 51 ชิ้น โดย 34 ชิ้นถูกนำมาวิเคราะห์เชิงสถิติ
    ครอบคลุมจากอเมริกาเหนือ ยุโรป เอเชีย และออสเตรเลีย

    พบความสัมพันธ์เชิงสถิติระหว่าง 3 มลพิษกับโรคสมองเสื่อม
    PM2.5, NO₂ และเขม่าควัน

    PM2.5 เพิ่มความเสี่ยงโรคสมองเสื่อม 17% ต่อ 10 μg/m³
    พบมากในไอเสียรถยนต์ โรงงาน และฝุ่นก่อสร้าง

    NO₂ เพิ่มความเสี่ยง 3% ต่อ 10 μg/m³
    มาจากการเผาไหม้เชื้อเพลิงฟอสซิล เช่น ดีเซล

    เขม่าควันเพิ่มความเสี่ยง 13% ต่อ 1 μg/m³
    มาจากเตาไม้และการเผาไหม้ในบ้านหรืออุตสาหกรรม

    นักวิจัยเสนอให้ใช้แนวทางสหวิทยาการในการป้องกันโรคสมองเสื่อม
    รวมถึงการออกแบบเมืองและนโยบายสิ่งแวดล้อม

    WHO ระบุว่า 99% ของประชากรโลกหายใจอากาศที่มีมลพิษเกินมาตรฐาน
    โดยเฉพาะในเมืองใหญ่และประเทศกำลังพัฒนา

    กลไกที่มลพิษอาจทำให้เกิดโรคสมองเสื่อมคือการอักเสบและ oxidative stress
    ส่งผลต่อเซลล์สมองและการทำงานของระบบประสาท

    มลพิษสามารถเข้าสู่สมองผ่านเส้นเลือดหรือเส้นประสาทรับกลิ่น
    ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในสมองที่คล้ายกับอัลไซเมอร์

    กลุ่มประชากรชายขอบมักได้รับผลกระทบจากมลพิษมากกว่า
    แต่กลับมีตัวแทนในงานวิจัยน้อย

    มลพิษทางอากาศอาจเป็นภัยเงียบที่ทำลายสมองโดยไม่รู้ตัว
    โดยเฉพาะในเมืองที่มีการจราจรหนาแน่นและโรงงานอุตสาหกรรม

    ความเสี่ยงโรคสมองเสื่อมอาจเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจากมลพิษที่พบทั่วไป
    เช่น PM2.5 ที่พบในระดับ 10 μg/m³ บนถนนในลอนดอน

    การไม่ควบคุมมลพิษอาจเพิ่มภาระต่อระบบสาธารณสุขในอนาคต
    ทั้งในด้านค่าใช้จ่ายและคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยและครอบครัว

    การวิจัยยังขาดความหลากหลายของกลุ่มตัวอย่าง
    ทำให้ไม่สามารถประเมินผลกระทบในประชากรบางกลุ่มได้อย่างแม่นยำ

    https://www.cam.ac.uk/research/news/long-term-exposure-to-outdoor-air-pollution-linked-to-increased-risk-of-dementia
    🧠🌫️ เรื่องเล่าจากอากาศที่เราหายใจ: มลพิษกลางแจ้งกับความเสี่ยงโรคสมองเสื่อม ลองจินตนาการว่าอากาศที่เราหายใจทุกวัน ไม่ใช่แค่ทำให้ไอหรือหอบ แต่อาจค่อย ๆ ทำลายความทรงจำของเราไปทีละนิด นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ได้วิเคราะห์ข้อมูลจากกว่า 29 ล้านคนทั่วโลก และพบว่า “การสัมผัสมลพิษทางอากาศกลางแจ้งในระยะยาว” มีความเชื่อมโยงกับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นของโรคสมองเสื่อม เช่น อัลไซเมอร์ พวกเขาเจาะลึกถึง 51 งานวิจัย และพบว่า 3 ชนิดของมลพิษที่มีผลชัดเจน ได้แก่: - PM2.5: ฝุ่นขนาดเล็กมากที่สามารถเข้าสู่ปอดลึกและแม้แต่สมอง - NO₂: ก๊าซที่เกิดจากการเผาไหม้เชื้อเพลิงฟอสซิล เช่น ไอเสียรถยนต์ - เขม่าควัน (Soot): อนุภาคจากการเผาไหม้ เช่น เตาไม้หรือโรงงาน ผลกระทบไม่ใช่แค่เรื่องปอดหรือหัวใจ แต่ยังรวมถึงสมอง โดยพบว่า: - ทุก 10 μg/m³ ของ PM2.5 เพิ่มความเสี่ยงโรคสมองเสื่อมขึ้น 17% - NO₂ เพิ่มความเสี่ยง 3% ต่อ 10 μg/m³ - เขม่าควันเพิ่มความเสี่ยง 13% ต่อ 1 μg/m³ นักวิจัยยังชี้ว่า การวางผังเมือง การขนส่ง และนโยบายสิ่งแวดล้อม ควรมีบทบาทร่วมในการป้องกันโรคสมองเสื่อม ไม่ใช่แค่ระบบสาธารณสุขเท่านั้น ✅ การสัมผัสมลพิษทางอากาศกลางแจ้งในระยะยาวเชื่อมโยงกับความเสี่ยงโรคสมองเสื่อม ➡️ วิเคราะห์จากข้อมูลของผู้คนกว่า 29 ล้านคนทั่วโลก ✅ งานวิจัยรวม 51 ชิ้น โดย 34 ชิ้นถูกนำมาวิเคราะห์เชิงสถิติ ➡️ ครอบคลุมจากอเมริกาเหนือ ยุโรป เอเชีย และออสเตรเลีย ✅ พบความสัมพันธ์เชิงสถิติระหว่าง 3 มลพิษกับโรคสมองเสื่อม ➡️ PM2.5, NO₂ และเขม่าควัน ✅ PM2.5 เพิ่มความเสี่ยงโรคสมองเสื่อม 17% ต่อ 10 μg/m³ ➡️ พบมากในไอเสียรถยนต์ โรงงาน และฝุ่นก่อสร้าง ✅ NO₂ เพิ่มความเสี่ยง 3% ต่อ 10 μg/m³ ➡️ มาจากการเผาไหม้เชื้อเพลิงฟอสซิล เช่น ดีเซล ✅ เขม่าควันเพิ่มความเสี่ยง 13% ต่อ 1 μg/m³ ➡️ มาจากเตาไม้และการเผาไหม้ในบ้านหรืออุตสาหกรรม ✅ นักวิจัยเสนอให้ใช้แนวทางสหวิทยาการในการป้องกันโรคสมองเสื่อม ➡️ รวมถึงการออกแบบเมืองและนโยบายสิ่งแวดล้อม ✅ WHO ระบุว่า 99% ของประชากรโลกหายใจอากาศที่มีมลพิษเกินมาตรฐาน ➡️ โดยเฉพาะในเมืองใหญ่และประเทศกำลังพัฒนา ✅ กลไกที่มลพิษอาจทำให้เกิดโรคสมองเสื่อมคือการอักเสบและ oxidative stress ➡️ ส่งผลต่อเซลล์สมองและการทำงานของระบบประสาท ✅ มลพิษสามารถเข้าสู่สมองผ่านเส้นเลือดหรือเส้นประสาทรับกลิ่น ➡️ ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในสมองที่คล้ายกับอัลไซเมอร์ ✅ กลุ่มประชากรชายขอบมักได้รับผลกระทบจากมลพิษมากกว่า ➡️ แต่กลับมีตัวแทนในงานวิจัยน้อย ‼️ มลพิษทางอากาศอาจเป็นภัยเงียบที่ทำลายสมองโดยไม่รู้ตัว ⛔ โดยเฉพาะในเมืองที่มีการจราจรหนาแน่นและโรงงานอุตสาหกรรม ‼️ ความเสี่ยงโรคสมองเสื่อมอาจเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจากมลพิษที่พบทั่วไป ⛔ เช่น PM2.5 ที่พบในระดับ 10 μg/m³ บนถนนในลอนดอน ‼️ การไม่ควบคุมมลพิษอาจเพิ่มภาระต่อระบบสาธารณสุขในอนาคต ⛔ ทั้งในด้านค่าใช้จ่ายและคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยและครอบครัว ‼️ การวิจัยยังขาดความหลากหลายของกลุ่มตัวอย่าง ⛔ ทำให้ไม่สามารถประเมินผลกระทบในประชากรบางกลุ่มได้อย่างแม่นยำ https://www.cam.ac.uk/research/news/long-term-exposure-to-outdoor-air-pollution-linked-to-increased-risk-of-dementia
    WWW.CAM.AC.UK
    Long-term exposure to outdoor air pollution linked to increased risk of dementia
    An analysis of studies incorporating data from almost 30 million people has highlighted the role that air pollution – including that coming from car exhaust
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 38 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากเครือข่ายส่วนตัว: Tailscale กับการเชื่อมต่อที่ง่าย ปลอดภัย และทรงพลัง

    ลองนึกภาพว่าคุณสามารถเชื่อมต่ออุปกรณ์ทุกชิ้นของคุณ—จากมือถือ คอมพิวเตอร์ ไปจนถึง Raspberry Pi—เข้าด้วยกันได้อย่างง่ายดาย โดยไม่ต้องตั้งค่าเครือข่ายให้ยุ่งยาก นั่นคือสิ่งที่ Tailscale ทำได้

    Chris Smith ใช้ Tailscale มานานกว่า 4 ปี และเล่าประสบการณ์ว่า มันไม่ใช่แค่ VPN ธรรมดา แต่เป็นระบบที่ใช้ WireGuard เป็นแกนหลัก พร้อมฟีเจอร์เสริมที่ทำให้ชีวิตง่ายขึ้น เช่น:
    - เชื่อมต่ออุปกรณ์ผ่าน IP ส่วนตัวใน tailnet โดยไม่ต้องเปิดพอร์ตหรือแจก key
    - รองรับ SSH โดยไม่ต้องใช้ public key หรือ password
    - Expose บริการเฉพาะบนเครื่องให้เป็น node แยกใน tailnet
    - ใช้ MagicDNS เพื่อเรียกชื่อเครื่องแทน IP ได้ทันที
    - แชร์บริการผ่านอินเทอร์เน็ตด้วยฟีเจอร์ Funnel แบบ HTTPS โดยไม่ต้องติดตั้งอะไรเพิ่ม

    นอกจากนี้ Tailscale ยังมีฟีเจอร์ระดับองค์กร เช่น ACL, session recording, log streaming, และการจัดการผ่าน GitOps ที่ช่วยให้ควบคุมสิทธิ์และตรวจสอบการใช้งานได้อย่างละเอียด

    แต่ก็มีข้อควรระวัง เช่น การพึ่งพาเซิร์ฟเวอร์กลางของ Tailscale อาจเป็นข้อจำกัดด้านความเป็นส่วนตัว และการใช้งานในองค์กรขนาดใหญ่หรือแอปที่ต้องการ throughput สูงอาจไม่เหมาะนัก

    Tailscale ใช้ WireGuard เป็นแกนหลักในการสร้างเครือข่าย VPN
    ช่วยให้เชื่อมต่ออุปกรณ์ต่าง ๆ ได้โดยไม่ต้องตั้งค่าเครือข่าย

    ติดตั้งง่าย ใช้งานได้ทันทีหลัง login โดยไม่ต้องแจก key หรือเปิดพอร์ต
    รองรับหลายแพลตฟอร์ม เช่น Windows, macOS, Linux, iOS, Android

    รองรับ SSH โดยไม่ต้องใช้ public key หรือ password
    ทำให้การเชื่อมต่อจากมือถือหรือเครื่องอื่นสะดวกขึ้น

    สามารถ expose บริการเฉพาะบนเครื่องให้เป็น node แยกใน tailnet
    ใช้ Docker image, Go library หรือเครื่องมือ third-party ได้

    MagicDNS ช่วยให้เรียกชื่อเครื่องแทน IP ได้ทันที
    ลดความยุ่งยากในการจัดการ DNS ด้วยตนเอง

    Funnel ช่วยแชร์บริการผ่านอินเทอร์เน็ตแบบ HTTPS ได้ทันที
    ไม่ต้องติดตั้งอะไรเพิ่ม ผู้ใช้ปลายทางไม่ต้องมี Tailscale

    https://chameth.com/how-i-use-tailscale/
    🧠🔐 เรื่องเล่าจากเครือข่ายส่วนตัว: Tailscale กับการเชื่อมต่อที่ง่าย ปลอดภัย และทรงพลัง ลองนึกภาพว่าคุณสามารถเชื่อมต่ออุปกรณ์ทุกชิ้นของคุณ—จากมือถือ คอมพิวเตอร์ ไปจนถึง Raspberry Pi—เข้าด้วยกันได้อย่างง่ายดาย โดยไม่ต้องตั้งค่าเครือข่ายให้ยุ่งยาก นั่นคือสิ่งที่ Tailscale ทำได้ Chris Smith ใช้ Tailscale มานานกว่า 4 ปี และเล่าประสบการณ์ว่า มันไม่ใช่แค่ VPN ธรรมดา แต่เป็นระบบที่ใช้ WireGuard เป็นแกนหลัก พร้อมฟีเจอร์เสริมที่ทำให้ชีวิตง่ายขึ้น เช่น: - เชื่อมต่ออุปกรณ์ผ่าน IP ส่วนตัวใน tailnet โดยไม่ต้องเปิดพอร์ตหรือแจก key - รองรับ SSH โดยไม่ต้องใช้ public key หรือ password - Expose บริการเฉพาะบนเครื่องให้เป็น node แยกใน tailnet - ใช้ MagicDNS เพื่อเรียกชื่อเครื่องแทน IP ได้ทันที - แชร์บริการผ่านอินเทอร์เน็ตด้วยฟีเจอร์ Funnel แบบ HTTPS โดยไม่ต้องติดตั้งอะไรเพิ่ม นอกจากนี้ Tailscale ยังมีฟีเจอร์ระดับองค์กร เช่น ACL, session recording, log streaming, และการจัดการผ่าน GitOps ที่ช่วยให้ควบคุมสิทธิ์และตรวจสอบการใช้งานได้อย่างละเอียด แต่ก็มีข้อควรระวัง เช่น การพึ่งพาเซิร์ฟเวอร์กลางของ Tailscale อาจเป็นข้อจำกัดด้านความเป็นส่วนตัว และการใช้งานในองค์กรขนาดใหญ่หรือแอปที่ต้องการ throughput สูงอาจไม่เหมาะนัก ✅ Tailscale ใช้ WireGuard เป็นแกนหลักในการสร้างเครือข่าย VPN ➡️ ช่วยให้เชื่อมต่ออุปกรณ์ต่าง ๆ ได้โดยไม่ต้องตั้งค่าเครือข่าย ✅ ติดตั้งง่าย ใช้งานได้ทันทีหลัง login โดยไม่ต้องแจก key หรือเปิดพอร์ต ➡️ รองรับหลายแพลตฟอร์ม เช่น Windows, macOS, Linux, iOS, Android ✅ รองรับ SSH โดยไม่ต้องใช้ public key หรือ password ➡️ ทำให้การเชื่อมต่อจากมือถือหรือเครื่องอื่นสะดวกขึ้น ✅ สามารถ expose บริการเฉพาะบนเครื่องให้เป็น node แยกใน tailnet ➡️ ใช้ Docker image, Go library หรือเครื่องมือ third-party ได้ ✅ MagicDNS ช่วยให้เรียกชื่อเครื่องแทน IP ได้ทันที ➡️ ลดความยุ่งยากในการจัดการ DNS ด้วยตนเอง ✅ Funnel ช่วยแชร์บริการผ่านอินเทอร์เน็ตแบบ HTTPS ได้ทันที ➡️ ไม่ต้องติดตั้งอะไรเพิ่ม ผู้ใช้ปลายทางไม่ต้องมี Tailscale https://chameth.com/how-i-use-tailscale/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 28 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากโลกดิจิทัล: ลบไฟล์อย่างไรให้หายจริง ไม่เหลือร่องรอย

    หลายคนคิดว่าแค่กด “Delete” แล้วตามด้วย “Empty Recycle Bin” ก็เพียงพอแล้วสำหรับการลบไฟล์ แต่ความจริงคือ...ไฟล์เหล่านั้นยังอยู่! พื้นที่เก็บข้อมูลเพียงแค่ “เปิดให้เขียนทับ” แต่ไม่ได้ลบข้อมูลจริง ๆ ซึ่งหมายความว่า ใครก็ตามที่มีโปรแกรมกู้ข้อมูลสามารถนำไฟล์กลับมาได้ง่าย ๆ

    วิธีลบไฟล์ให้หายจริงคือ “การเขียนทับ” หรือ overwrite ข้อมูลเดิมด้วยข้อมูลใหม่ เช่น ตัวอักษรสุ่มหรือค่าศูนย์ โดยทำซ้ำหลายรอบเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีร่องรอยเหลืออยู่

    หนึ่งในเครื่องมือยอดนิยมคือ “Eraser” โปรแกรมโอเพ่นซอร์สสำหรับ Windows ที่สามารถติดตั้งและใช้งานง่าย เพียงคลิกขวาที่ไฟล์แล้วเลือก Eraser ก็ลบได้ทันทีแบบปลอดภัย

    นอกจากนี้ยังมีเทคนิคและเครื่องมืออื่น ๆ เช่น:
    - ใช้คำสั่ง Cipher ใน Windows เพื่อเขียนทับพื้นที่ว่าง
    - ใช้โปรแกรม SecureDelete หรือ File Shredder ที่รองรับมาตรฐาน DoD 5220.22-M หรือ Gutmann (35 passes)
    - ลบไฟล์บน SSD ต้องใช้วิธีเฉพาะ เพราะการเขียนทับอาจไม่ทำงานเหมือน HDD

    การลบไฟล์อย่างปลอดภัยไม่ใช่แค่เรื่องเทคนิค แต่เป็นเรื่องของความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยของข้อมูล เช่น ข้อมูลการเงิน รหัสผ่าน หรือเอกสารสำคัญที่ไม่ควรหลุดไปถึงมือคนอื่น

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/08/10/how-to-delete-files-and-be-sure-they039re-really-gone
    🧹💻 เรื่องเล่าจากโลกดิจิทัล: ลบไฟล์อย่างไรให้หายจริง ไม่เหลือร่องรอย หลายคนคิดว่าแค่กด “Delete” แล้วตามด้วย “Empty Recycle Bin” ก็เพียงพอแล้วสำหรับการลบไฟล์ แต่ความจริงคือ...ไฟล์เหล่านั้นยังอยู่! พื้นที่เก็บข้อมูลเพียงแค่ “เปิดให้เขียนทับ” แต่ไม่ได้ลบข้อมูลจริง ๆ ซึ่งหมายความว่า ใครก็ตามที่มีโปรแกรมกู้ข้อมูลสามารถนำไฟล์กลับมาได้ง่าย ๆ วิธีลบไฟล์ให้หายจริงคือ “การเขียนทับ” หรือ overwrite ข้อมูลเดิมด้วยข้อมูลใหม่ เช่น ตัวอักษรสุ่มหรือค่าศูนย์ โดยทำซ้ำหลายรอบเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีร่องรอยเหลืออยู่ หนึ่งในเครื่องมือยอดนิยมคือ “Eraser” โปรแกรมโอเพ่นซอร์สสำหรับ Windows ที่สามารถติดตั้งและใช้งานง่าย เพียงคลิกขวาที่ไฟล์แล้วเลือก Eraser ก็ลบได้ทันทีแบบปลอดภัย นอกจากนี้ยังมีเทคนิคและเครื่องมืออื่น ๆ เช่น: - ใช้คำสั่ง Cipher ใน Windows เพื่อเขียนทับพื้นที่ว่าง - ใช้โปรแกรม SecureDelete หรือ File Shredder ที่รองรับมาตรฐาน DoD 5220.22-M หรือ Gutmann (35 passes) - ลบไฟล์บน SSD ต้องใช้วิธีเฉพาะ เพราะการเขียนทับอาจไม่ทำงานเหมือน HDD การลบไฟล์อย่างปลอดภัยไม่ใช่แค่เรื่องเทคนิค แต่เป็นเรื่องของความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยของข้อมูล เช่น ข้อมูลการเงิน รหัสผ่าน หรือเอกสารสำคัญที่ไม่ควรหลุดไปถึงมือคนอื่น https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/08/10/how-to-delete-files-and-be-sure-they039re-really-gone
    WWW.THESTAR.COM.MY
    How to delete files and be sure they're really gone
    Deleting something on a computer doesn't mean it's actually gone, even when you've emptied the recycle bin.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 28 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากแผนที่ดิจิทัล: Instagram Map กับความกังวลเรื่องความเป็นส่วนตัว

    เมื่อวันที่ 6 สิงหาคมที่ผ่านมา Instagram ได้เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ชื่อว่า “Instagram Map” ซึ่งให้ผู้ใช้สามารถแชร์ตำแหน่งของตนเองแบบเรียลไทม์กับเพื่อนหรือผู้ติดตาม คล้ายกับฟีเจอร์ Snap Map ของ Snapchat ที่มีมาตั้งแต่ปี 2017

    แม้ Meta จะยืนยันว่าฟีเจอร์นี้ “ปิดไว้โดยค่าเริ่มต้น” และต้อง “เลือกเปิดเอง” แต่ผู้ใช้หลายคนกลับพบว่าตำแหน่งของตนถูกแชร์โดยไม่รู้ตัว เช่น Lindsey Bell ที่โพสต์ว่า “บ้านของฉันปรากฏให้ผู้ติดตามทุกคนเห็น” จนรู้สึกไม่สบายใจอย่างมาก

    Kelley Flanagan ดาราเรียลลิตี้จากรายการ The Bachelor ได้โพสต์ TikTok เตือนว่า “ฟีเจอร์นี้อันตราย” พร้อมสอนวิธีปิดการแชร์ตำแหน่งแบบละเอียด

    Adam Mosseri หัวหน้า Instagram ยืนยันผ่าน Threads ว่า “ระบบแชร์ตำแหน่งจะทำงานก็ต่อเมื่อผู้ใช้เลือกเปิดเอง และสามารถจำกัดกลุ่มผู้เห็นได้” พร้อมเสริมว่า “ข้อมูลตำแหน่งจะอัปเดตเมื่อเปิดแอปหรือกลับมาใช้งานหลังพักหน้าจอ”

    อย่างไรก็ตาม ความกังวลไม่ได้หยุดแค่เรื่องการตั้งค่าฟีเจอร์ แต่ยังรวมถึงประเด็นใหญ่กว่านั้น เช่น:
    - ความเสี่ยงจากการถูกติดตามหรือคุกคาม
    - การใช้ข้อมูลตำแหน่งเพื่อควบคุมพฤติกรรมในความสัมพันธ์ (tech-based coercive control)
    - ความไม่ชัดเจนในการแสดงผลตำแหน่งที่อาจทำให้ผู้ใช้เข้าใจผิดว่า “กำลังถูกติดตามแบบเรียลไทม์”

    นอกจากนี้ ยังมีคดีฟ้องร้องล่าสุดที่ Meta ถูกกล่าวหาว่าใช้ข้อมูลสุขภาพจากแอป Flo เพื่อยิงโฆษณาแบบเจาะจง ซึ่งยิ่งตอกย้ำความไม่ไว้วางใจในเรื่องการจัดการข้อมูลส่วนตัว

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/08/11/new-instagram-location-sharing-feature-sparks-privacy-fears
    📍📱 เรื่องเล่าจากแผนที่ดิจิทัล: Instagram Map กับความกังวลเรื่องความเป็นส่วนตัว เมื่อวันที่ 6 สิงหาคมที่ผ่านมา Instagram ได้เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ชื่อว่า “Instagram Map” ซึ่งให้ผู้ใช้สามารถแชร์ตำแหน่งของตนเองแบบเรียลไทม์กับเพื่อนหรือผู้ติดตาม คล้ายกับฟีเจอร์ Snap Map ของ Snapchat ที่มีมาตั้งแต่ปี 2017 แม้ Meta จะยืนยันว่าฟีเจอร์นี้ “ปิดไว้โดยค่าเริ่มต้น” และต้อง “เลือกเปิดเอง” แต่ผู้ใช้หลายคนกลับพบว่าตำแหน่งของตนถูกแชร์โดยไม่รู้ตัว เช่น Lindsey Bell ที่โพสต์ว่า “บ้านของฉันปรากฏให้ผู้ติดตามทุกคนเห็น” จนรู้สึกไม่สบายใจอย่างมาก Kelley Flanagan ดาราเรียลลิตี้จากรายการ The Bachelor ได้โพสต์ TikTok เตือนว่า “ฟีเจอร์นี้อันตราย” พร้อมสอนวิธีปิดการแชร์ตำแหน่งแบบละเอียด Adam Mosseri หัวหน้า Instagram ยืนยันผ่าน Threads ว่า “ระบบแชร์ตำแหน่งจะทำงานก็ต่อเมื่อผู้ใช้เลือกเปิดเอง และสามารถจำกัดกลุ่มผู้เห็นได้” พร้อมเสริมว่า “ข้อมูลตำแหน่งจะอัปเดตเมื่อเปิดแอปหรือกลับมาใช้งานหลังพักหน้าจอ” อย่างไรก็ตาม ความกังวลไม่ได้หยุดแค่เรื่องการตั้งค่าฟีเจอร์ แต่ยังรวมถึงประเด็นใหญ่กว่านั้น เช่น: - ความเสี่ยงจากการถูกติดตามหรือคุกคาม - การใช้ข้อมูลตำแหน่งเพื่อควบคุมพฤติกรรมในความสัมพันธ์ (tech-based coercive control) - ความไม่ชัดเจนในการแสดงผลตำแหน่งที่อาจทำให้ผู้ใช้เข้าใจผิดว่า “กำลังถูกติดตามแบบเรียลไทม์” นอกจากนี้ ยังมีคดีฟ้องร้องล่าสุดที่ Meta ถูกกล่าวหาว่าใช้ข้อมูลสุขภาพจากแอป Flo เพื่อยิงโฆษณาแบบเจาะจง ซึ่งยิ่งตอกย้ำความไม่ไว้วางใจในเรื่องการจัดการข้อมูลส่วนตัว https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/08/11/new-instagram-location-sharing-feature-sparks-privacy-fears
    WWW.THESTAR.COM.MY
    New Instagram location sharing feature sparks privacy fears
    Instagram users are warning about a new location sharing feature, fearing that the hugely popular app could be putting people in danger by revealing their whereabouts without their knowledge.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 30 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากโลกโมดิฟาย: Game Boy Color โปร่งใสที่ใช้งานได้จริง—ศิลปะบนวงจร

    Natalie (@natalie_thenerd) นักโมดิฟายคอนโซลแบบ self-taught ได้สร้าง Game Boy Color ที่ไม่เหมือนใคร—ด้วยแผงวงจรโปร่งใส (transparent PCB) ที่ใช้งานได้จริง! เธอออกแบบ schematic เอง และเลือกใช้วัสดุคล้ายอะคริลิกที่ไม่มี ground zone เพื่อให้เห็นลายทองแดงชัดเจน

    แม้จะดูเหมือนของเล่น แต่การ solder บนวัสดุที่มีจุดหลอมต่ำเพียง 200°C ต้องใช้ความระมัดระวังสูง เพราะผิดพลาดนิดเดียวอาจทำให้แผงวงจรเสียหายได้

    เธอประกอบเครื่องด้วยชิ้นส่วนโปร่งใสเกือบทั้งหมด—รวมถึง cartridge reader จากเครื่องจีน และเปลือกใสพร้อมปุ่ม translucent ทำให้ได้เครื่อง Game Boy Color ที่ “เห็นทะลุทุกชั้น” อย่างแท้จริง

    แม้จะเป็นโปรเจกต์ศิลปะที่ไม่ได้ผลิตขาย แต่ก็จุดประกายให้ชุมชน modding สนใจเทคนิคนี้มากขึ้น เช่น การใช้ลายเงินแทนทองแดง หรือเพิ่ม backlight เพื่อความสวยงาม

    ชุมชน modding อย่าง Modded Gameboy Club และโปรเจกต์อย่าง SZ-CGB-L หรือ Ultra Boy Color ต่างก็พัฒนา PCB แบบใหม่ที่รองรับการใช้งานจริง พร้อมปรับแต่งให้เหมาะกับจอ IPS และการใช้งานยุคใหม่

    แต่ความท้าทายยังคงอยู่—PCB โปร่งใสยังเปราะบาง ไม่เหมาะกับการใช้งานหนัก และต้นทุนการผลิตยังสูง ทำให้ยังไม่พร้อมเข้าสู่ตลาด mass production

    Natalie สร้าง Game Boy Color ด้วยแผงวงจรโปร่งใสที่ใช้งานได้จริง
    เธอออกแบบ schematic เองและใช้วัสดุคล้ายอะคริลิก

    ลบ ground zone เพื่อให้เห็นลายทองแดงชัดเจน
    แม้จะสำคัญในอุปกรณ์สมัยใหม่ แต่ไม่เป็นปัญหากับ Game Boy

    PCB มีจุดหลอมต่ำเพียง 200°C ต้อง solder อย่างระวัง
    หากร้อนเกินไปอาจทำให้แผงวงจรเสียหาย

    ใช้ cartridge reader จากเครื่องจีนที่โปร่งใส
    ประกอบกับเปลือกใสและปุ่ม translucent

    เป็นโปรเจกต์ศิลปะ ไม่ได้ผลิตขาย
    สร้างเพื่อความสนุกและความสวยงาม

    ชุมชนเสนอไอเดียเพิ่ม เช่น ลายเงินหรือ backlight
    เพื่อเพิ่มความสวยงามและความโดดเด่น

    https://www.tomshardware.com/video-games/handheld-gaming/self-taught-modder-builds-completely-transparent-game-boy-color-circuit-board-that-actually-works-pcb-looks-stunning-when-matched-with-fully-transparent-shell
    🎮✨ เรื่องเล่าจากโลกโมดิฟาย: Game Boy Color โปร่งใสที่ใช้งานได้จริง—ศิลปะบนวงจร Natalie (@natalie_thenerd) นักโมดิฟายคอนโซลแบบ self-taught ได้สร้าง Game Boy Color ที่ไม่เหมือนใคร—ด้วยแผงวงจรโปร่งใส (transparent PCB) ที่ใช้งานได้จริง! เธอออกแบบ schematic เอง และเลือกใช้วัสดุคล้ายอะคริลิกที่ไม่มี ground zone เพื่อให้เห็นลายทองแดงชัดเจน แม้จะดูเหมือนของเล่น แต่การ solder บนวัสดุที่มีจุดหลอมต่ำเพียง 200°C ต้องใช้ความระมัดระวังสูง เพราะผิดพลาดนิดเดียวอาจทำให้แผงวงจรเสียหายได้ เธอประกอบเครื่องด้วยชิ้นส่วนโปร่งใสเกือบทั้งหมด—รวมถึง cartridge reader จากเครื่องจีน และเปลือกใสพร้อมปุ่ม translucent ทำให้ได้เครื่อง Game Boy Color ที่ “เห็นทะลุทุกชั้น” อย่างแท้จริง แม้จะเป็นโปรเจกต์ศิลปะที่ไม่ได้ผลิตขาย แต่ก็จุดประกายให้ชุมชน modding สนใจเทคนิคนี้มากขึ้น เช่น การใช้ลายเงินแทนทองแดง หรือเพิ่ม backlight เพื่อความสวยงาม ชุมชน modding อย่าง Modded Gameboy Club และโปรเจกต์อย่าง SZ-CGB-L หรือ Ultra Boy Color ต่างก็พัฒนา PCB แบบใหม่ที่รองรับการใช้งานจริง พร้อมปรับแต่งให้เหมาะกับจอ IPS และการใช้งานยุคใหม่ แต่ความท้าทายยังคงอยู่—PCB โปร่งใสยังเปราะบาง ไม่เหมาะกับการใช้งานหนัก และต้นทุนการผลิตยังสูง ทำให้ยังไม่พร้อมเข้าสู่ตลาด mass production ✅ Natalie สร้าง Game Boy Color ด้วยแผงวงจรโปร่งใสที่ใช้งานได้จริง ➡️ เธอออกแบบ schematic เองและใช้วัสดุคล้ายอะคริลิก ✅ ลบ ground zone เพื่อให้เห็นลายทองแดงชัดเจน ➡️ แม้จะสำคัญในอุปกรณ์สมัยใหม่ แต่ไม่เป็นปัญหากับ Game Boy ✅ PCB มีจุดหลอมต่ำเพียง 200°C ต้อง solder อย่างระวัง ➡️ หากร้อนเกินไปอาจทำให้แผงวงจรเสียหาย ✅ ใช้ cartridge reader จากเครื่องจีนที่โปร่งใส ➡️ ประกอบกับเปลือกใสและปุ่ม translucent ✅ เป็นโปรเจกต์ศิลปะ ไม่ได้ผลิตขาย ➡️ สร้างเพื่อความสนุกและความสวยงาม ✅ ชุมชนเสนอไอเดียเพิ่ม เช่น ลายเงินหรือ backlight ➡️ เพื่อเพิ่มความสวยงามและความโดดเด่น https://www.tomshardware.com/video-games/handheld-gaming/self-taught-modder-builds-completely-transparent-game-boy-color-circuit-board-that-actually-works-pcb-looks-stunning-when-matched-with-fully-transparent-shell
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 30 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากโลกโอเพ่นซอร์ส: เมื่อ Linus Torvalds ปะทะโค้ด RISC-V จาก Google

    ในโลกของ Linux kernel การส่งโค้ดเข้า merge window เปรียบเสมือนการส่งงานให้ครูใหญ่—และครูใหญ่คนนั้นคือ Linus Torvalds ผู้สร้างและดูแล Linux มายาวนาน ล่าสุดเขาได้ออกโรงวิจารณ์โค้ดจากวิศวกร Google ที่ส่งเข้ามาเพื่อรวมใน Linux 6.17 ว่าเป็น “ขยะ” และ “ทำให้โลกแย่ลง”

    เหตุผลหลักคือโค้ดนั้นไม่เพียงคุณภาพต่ำ แต่ยังส่งมาช้าเกินกำหนด ซึ่งเป็นสองข้อห้ามสำคัญในการส่ง pull request เขาเน้นว่า “ถ้าจะส่งช้า ก็ต้องดีมาก ๆ” แต่โค้ดนี้กลับเพิ่มสิ่งที่ไม่เกี่ยวกับ RISC-V ลงในไฟล์ header ทั่วไป ซึ่งเขามองว่าเป็นการละเมิดหลักการออกแบบ kernel

    Torvalds ยังเตือนนักพัฒนาคนนั้นว่า “คุณอยู่ในบัญชีเฝ้าระวังแล้ว” และแนะนำให้ส่งโค้ดสำหรับ Linux 6.18 ให้เร็วขึ้น พร้อมตัด “ขยะ” ออกให้หมด

    แม้คำพูดของเขาจะตรงไปตรงมา แต่ก็มีเหตุผลรองรับ เช่น การรักษาความสะอาดของโค้ดใน kernel และการป้องกันการเพิ่ม technical debt ที่จะส่งผลระยะยาวต่อระบบ

    จากมุมมองภายนอก ชุมชน RISC-V ยังเผชิญกับปัญหาคุณภาพโค้ดอยู่บ่อยครั้ง เนื่องจากเป็นสถาปัตยกรรมใหม่ที่ยังมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง และนักพัฒนาหลายคนยังไม่คุ้นเคยกับ instruction set หรือแนวทางการ optimize ที่เหมาะสม

    Linus Torvalds ปฏิเสธ pull request จากวิศวกร Google สำหรับ Linux 6.17
    เหตุผลคือโค้ดคุณภาพต่ำและส่งมาช้าเกินกำหนด

    โค้ดนั้นเพิ่มเนื้อหาที่ไม่เกี่ยวกับ RISC-V ลงในไฟล์ header ทั่วไป
    Torvalds เรียกว่า “ขยะ” และไม่ควรส่งมาแม้แต่ในเวลาปกติ

    Torvalds เตือนนักพัฒนาว่าอยู่ใน “บัญชีเฝ้าระวัง”
    ห้ามส่งโค้ดช้าและห้ามเพิ่มเนื้อหานอก RISC-V tree

    เขาแนะนำให้ส่งโค้ดสำหรับ Linux 6.18 ให้เร็วขึ้น
    พร้อมตัดเนื้อหาที่ไม่จำเป็นออกให้หมด

    RISC-V ยังเป็นสถาปัตยกรรมใหม่ที่นักพัฒนาหลายคนยังไม่คุ้นเคย
    ทำให้เกิดปัญหาเรื่องคุณภาพโค้ดและการ optimize อยู่บ่อยครั้ง

    การเขียนโค้ดสำหรับ RISC-V ต้องระวังเรื่อง code density และ performance
    เช่น การใช้ compiler flags ที่เหมาะสมเพื่อลดขนาดและเพิ่มประสิทธิภาพ

    การใช้ static analysis ช่วยตรวจสอบคุณภาพโค้ดก่อนส่ง build
    ลดโอกาสเกิด defect และเพิ่มความน่าเชื่อถือในการ reuse

    โค้ดที่ดีควรมีโครงสร้างชัดเจนและไม่เพิ่ม technical debt
    ทำให้สามารถขยายหรือปรับปรุงได้ง่ายในอนาคต

    https://www.tomshardware.com/software/linux/linus-torvalds-calls-risc-v-code-from-google-engineer-garbage-and-that-it-makes-the-world-actively-a-worse-place-to-live-linux-honcho-puts-dev-on-notice-for-late-submissions-too
    🧑‍💻🔥 เรื่องเล่าจากโลกโอเพ่นซอร์ส: เมื่อ Linus Torvalds ปะทะโค้ด RISC-V จาก Google ในโลกของ Linux kernel การส่งโค้ดเข้า merge window เปรียบเสมือนการส่งงานให้ครูใหญ่—และครูใหญ่คนนั้นคือ Linus Torvalds ผู้สร้างและดูแล Linux มายาวนาน ล่าสุดเขาได้ออกโรงวิจารณ์โค้ดจากวิศวกร Google ที่ส่งเข้ามาเพื่อรวมใน Linux 6.17 ว่าเป็น “ขยะ” และ “ทำให้โลกแย่ลง” เหตุผลหลักคือโค้ดนั้นไม่เพียงคุณภาพต่ำ แต่ยังส่งมาช้าเกินกำหนด ซึ่งเป็นสองข้อห้ามสำคัญในการส่ง pull request เขาเน้นว่า “ถ้าจะส่งช้า ก็ต้องดีมาก ๆ” แต่โค้ดนี้กลับเพิ่มสิ่งที่ไม่เกี่ยวกับ RISC-V ลงในไฟล์ header ทั่วไป ซึ่งเขามองว่าเป็นการละเมิดหลักการออกแบบ kernel Torvalds ยังเตือนนักพัฒนาคนนั้นว่า “คุณอยู่ในบัญชีเฝ้าระวังแล้ว” และแนะนำให้ส่งโค้ดสำหรับ Linux 6.18 ให้เร็วขึ้น พร้อมตัด “ขยะ” ออกให้หมด แม้คำพูดของเขาจะตรงไปตรงมา แต่ก็มีเหตุผลรองรับ เช่น การรักษาความสะอาดของโค้ดใน kernel และการป้องกันการเพิ่ม technical debt ที่จะส่งผลระยะยาวต่อระบบ จากมุมมองภายนอก ชุมชน RISC-V ยังเผชิญกับปัญหาคุณภาพโค้ดอยู่บ่อยครั้ง เนื่องจากเป็นสถาปัตยกรรมใหม่ที่ยังมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง และนักพัฒนาหลายคนยังไม่คุ้นเคยกับ instruction set หรือแนวทางการ optimize ที่เหมาะสม ✅ Linus Torvalds ปฏิเสธ pull request จากวิศวกร Google สำหรับ Linux 6.17 ➡️ เหตุผลคือโค้ดคุณภาพต่ำและส่งมาช้าเกินกำหนด ✅ โค้ดนั้นเพิ่มเนื้อหาที่ไม่เกี่ยวกับ RISC-V ลงในไฟล์ header ทั่วไป ➡️ Torvalds เรียกว่า “ขยะ” และไม่ควรส่งมาแม้แต่ในเวลาปกติ ✅ Torvalds เตือนนักพัฒนาว่าอยู่ใน “บัญชีเฝ้าระวัง” ➡️ ห้ามส่งโค้ดช้าและห้ามเพิ่มเนื้อหานอก RISC-V tree ✅ เขาแนะนำให้ส่งโค้ดสำหรับ Linux 6.18 ให้เร็วขึ้น ➡️ พร้อมตัดเนื้อหาที่ไม่จำเป็นออกให้หมด ✅ RISC-V ยังเป็นสถาปัตยกรรมใหม่ที่นักพัฒนาหลายคนยังไม่คุ้นเคย ➡️ ทำให้เกิดปัญหาเรื่องคุณภาพโค้ดและการ optimize อยู่บ่อยครั้ง ✅ การเขียนโค้ดสำหรับ RISC-V ต้องระวังเรื่อง code density และ performance ➡️ เช่น การใช้ compiler flags ที่เหมาะสมเพื่อลดขนาดและเพิ่มประสิทธิภาพ ✅ การใช้ static analysis ช่วยตรวจสอบคุณภาพโค้ดก่อนส่ง build ➡️ ลดโอกาสเกิด defect และเพิ่มความน่าเชื่อถือในการ reuse ✅ โค้ดที่ดีควรมีโครงสร้างชัดเจนและไม่เพิ่ม technical debt ➡️ ทำให้สามารถขยายหรือปรับปรุงได้ง่ายในอนาคต https://www.tomshardware.com/software/linux/linus-torvalds-calls-risc-v-code-from-google-engineer-garbage-and-that-it-makes-the-world-actively-a-worse-place-to-live-linux-honcho-puts-dev-on-notice-for-late-submissions-too
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 33 มุมมอง 0 รีวิว