• Perplexity ซึ่งเป็นบริษัท AI-powered answer engine ได้ประกาศแผนการพัฒนาเบราว์เซอร์ใหม่ที่ชื่อว่า Comet โดยมีเป้าหมายเพื่อรวบรวมข้อมูลการใช้งานออนไลน์ของผู้ใช้ เพื่อสร้างโฆษณาที่มีความเฉพาะเจาะจงสูง (hyper-personalized ads) CEO ของ Perplexity, Aravind Srinivas ระบุว่า การรวบรวมข้อมูลจากการค้นหาในแอป Perplexity เพียงอย่างเดียวนั้นไม่เพียงพอที่จะสร้างโปรไฟล์ผู้ใช้ที่ครอบคลุม การพัฒนาเบราว์เซอร์ Comet จึงเป็นก้าวสำคัญในการเก็บข้อมูลเพิ่มเติม เช่น ประวัติการซื้อสินค้า แผนการเดินทาง และความชอบในการรับประทานอาหาร

    นอกจากนี้ Perplexity ยังตั้งเป้าที่จะใช้ข้อมูลเหล่านี้เพื่อพัฒนา feed การค้นพบ (discover feed) ที่สามารถแสดงโฆษณาได้อย่างมีประสิทธิภาพ การเปิดตัวเบราว์เซอร์ Comet คาดว่าจะเกิดขึ้นในช่วงกลางเดือนพฤษภาคม 2025

    ✅ การพัฒนาเบราว์เซอร์ Comet
    - เบราว์เซอร์นี้ถูกออกแบบมาเพื่อรวบรวมข้อมูลการใช้งานออนไลน์ของผู้ใช้
    - ข้อมูลที่เก็บรวมถึงประวัติการซื้อสินค้า แผนการเดินทาง และความชอบในการรับประทานอาหาร

    ✅ เป้าหมายของการพัฒนา
    - สร้างโฆษณาที่มีความเฉพาะเจาะจงสูง (hyper-personalized ads)
    - ใช้ข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อสร้างโปรไฟล์ผู้ใช้ที่ครอบคลุม

    ✅ การเปิดตัวเบราว์เซอร์ Comet
    - คาดว่าจะเปิดตัวในช่วงกลางเดือนพฤษภาคม 2025
    - Srinivas ระบุว่า Comet จะเป็นผลิตภัณฑ์ที่สำคัญอันดับสองของ Perplexity

    ✅ การแข่งขันในตลาด
    - Perplexity ตั้งเป้าที่จะแข่งขันกับธุรกิจโฆษณาหลักของ Google
    - Perplexity และ OpenAI แสดงความสนใจในการซื้อ Chrome หาก Google ถูกบังคับให้ขาย

    https://www.neowin.net/news/perplexity-wants-to-collect-data-on-everything-users-do-online-for-hyper-personalized-ads/
    Perplexity ซึ่งเป็นบริษัท AI-powered answer engine ได้ประกาศแผนการพัฒนาเบราว์เซอร์ใหม่ที่ชื่อว่า Comet โดยมีเป้าหมายเพื่อรวบรวมข้อมูลการใช้งานออนไลน์ของผู้ใช้ เพื่อสร้างโฆษณาที่มีความเฉพาะเจาะจงสูง (hyper-personalized ads) CEO ของ Perplexity, Aravind Srinivas ระบุว่า การรวบรวมข้อมูลจากการค้นหาในแอป Perplexity เพียงอย่างเดียวนั้นไม่เพียงพอที่จะสร้างโปรไฟล์ผู้ใช้ที่ครอบคลุม การพัฒนาเบราว์เซอร์ Comet จึงเป็นก้าวสำคัญในการเก็บข้อมูลเพิ่มเติม เช่น ประวัติการซื้อสินค้า แผนการเดินทาง และความชอบในการรับประทานอาหาร นอกจากนี้ Perplexity ยังตั้งเป้าที่จะใช้ข้อมูลเหล่านี้เพื่อพัฒนา feed การค้นพบ (discover feed) ที่สามารถแสดงโฆษณาได้อย่างมีประสิทธิภาพ การเปิดตัวเบราว์เซอร์ Comet คาดว่าจะเกิดขึ้นในช่วงกลางเดือนพฤษภาคม 2025 ✅ การพัฒนาเบราว์เซอร์ Comet - เบราว์เซอร์นี้ถูกออกแบบมาเพื่อรวบรวมข้อมูลการใช้งานออนไลน์ของผู้ใช้ - ข้อมูลที่เก็บรวมถึงประวัติการซื้อสินค้า แผนการเดินทาง และความชอบในการรับประทานอาหาร ✅ เป้าหมายของการพัฒนา - สร้างโฆษณาที่มีความเฉพาะเจาะจงสูง (hyper-personalized ads) - ใช้ข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อสร้างโปรไฟล์ผู้ใช้ที่ครอบคลุม ✅ การเปิดตัวเบราว์เซอร์ Comet - คาดว่าจะเปิดตัวในช่วงกลางเดือนพฤษภาคม 2025 - Srinivas ระบุว่า Comet จะเป็นผลิตภัณฑ์ที่สำคัญอันดับสองของ Perplexity ✅ การแข่งขันในตลาด - Perplexity ตั้งเป้าที่จะแข่งขันกับธุรกิจโฆษณาหลักของ Google - Perplexity และ OpenAI แสดงความสนใจในการซื้อ Chrome หาก Google ถูกบังคับให้ขาย https://www.neowin.net/news/perplexity-wants-to-collect-data-on-everything-users-do-online-for-hyper-personalized-ads/
    WWW.NEOWIN.NET
    Perplexity wants to collect data on everything users do online for 'hyper personalized' ads
    On TBPN, Perplexity's CEO outlined plans to tackle challenges by tracking users online and using that data for ads.
    0 Comments 0 Shares 37 Views 0 Reviews
  • มีธรรมเป็นกลาง
    วางอยู่ทั่วไป
    มีคุณอาศัย
    ใช้ได้หลากหลาย

    บ้างปรุงแต่งธรรม
    กรรมกุศลได้
    บ้างก็เหลวไหล
    หมายอกุศล

    ธรรมนั้นถูกตรง
    ทรงคุณเหตุผล
    ดีร้ายกรรมตน
    หนทางเลือกใช้

    พระธรรมยืนยง
    คงอยู่รู้ไหม
    อยู่นอกอยู่ใน
    กายจิตรูปนาม

    หนทางสายกลาง
    ทางธรรมติดตาม
    ไม่มีแบกหาม
    รู้ความตามจริง

    ขอพบธรรมความดีมีสุข ยิ่งทำยิ่งเจริญรุ่งเรือง รวยทรัพย์ในนอก

    นิพพานะ ปัจจะโยโหตุ
    มีธรรมเป็นกลาง วางอยู่ทั่วไป มีคุณอาศัย ใช้ได้หลากหลาย บ้างปรุงแต่งธรรม กรรมกุศลได้ บ้างก็เหลวไหล หมายอกุศล ธรรมนั้นถูกตรง ทรงคุณเหตุผล ดีร้ายกรรมตน หนทางเลือกใช้ พระธรรมยืนยง คงอยู่รู้ไหม อยู่นอกอยู่ใน กายจิตรูปนาม หนทางสายกลาง ทางธรรมติดตาม ไม่มีแบกหาม รู้ความตามจริง ขอพบธรรมความดีมีสุข ยิ่งทำยิ่งเจริญรุ่งเรือง รวยทรัพย์ในนอก นิพพานะ ปัจจะโยโหตุ
    0 Comments 0 Shares 18 Views 0 Reviews
  • ในงาน RSA 2025 มีคำถามสำคัญ 10 ข้อที่ผู้นำด้านความปลอดภัยควรพิจารณาเพื่อปรับกลยุทธ์และตอบสนองต่อความเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมความปลอดภัยไซเบอร์:

    1️⃣ Google-Wiz มีผลกระทบต่ออุตสาหกรรมความปลอดภัยอย่างไร?
    - การเข้าซื้อ Wiz ของ Alphabet มูลค่า 32 พันล้านดอลลาร์ส่งผลต่อกลยุทธ์ด้านความปลอดภัยบนคลาวด์อย่างไร?

    2️⃣ Agentic AI เป็นความจริงหรือเพียงแค่ความหวัง?
    - AI ที่สามารถตัดสินใจและดำเนินการได้เองจะมีบทบาทสำคัญในอนาคตหรือไม่?

    3️⃣ แพลตฟอร์มสามารถครองตลาดองค์กรได้หรือไม่?
    - การรวมระบบและการลดความซับซ้อนของแพลตฟอร์มจะตอบโจทย์องค์กรขนาดใหญ่ได้หรือไม่?

    4️⃣ การปฏิวัติระบบไร้รหัสผ่านมาถึงแล้วหรือยัง?
    - การเปลี่ยนผ่านจากรหัสผ่านไปสู่ passkeys และ FIDO2 จะเปลี่ยนแปลงวิธีการยืนยันตัวตนอย่างไร?

    5️⃣ การเดินทางของ Zero Trust จะไปในทิศทางใดในปี 2025?
    - Zero Trust จะพัฒนาไปพร้อมกับการนำ SASE และ FIDO2 มาใช้ได้อย่างไร?

    6️⃣ กลยุทธ์การจัดการความเสี่ยงกำลังพัฒนาไปอย่างไร?
    - การจัดการความเสี่ยงแบบต่อเนื่อง (CTEM) และการใช้ AI ในการจัดลำดับความสำคัญของสินทรัพย์จะช่วยลดความเสี่ยงได้อย่างไร?

    7️⃣ CISOs สามารถเรียนรู้อะไรจากนวัตกรรมของ MSSP?
    - ผู้ให้บริการความปลอดภัยที่มีการจัดการ (MSSP) ใช้ AI และระบบอัตโนมัติในการแก้ปัญหาความปลอดภัยอย่างไร?

    8️⃣ ความปลอดภัยเครือข่ายกำลังกลับมาเป็นที่สนใจอีกครั้งหรือไม่?
    - การตรวจสอบการเคลื่อนไหวของข้อมูลในเครือข่ายยังคงมีความสำคัญในยุคของ EDR หรือไม่?

    9️⃣ ผู้ขายเข้าใจความเป็นจริงของ Cyber Resilience หรือไม่?
    - ความยืดหยุ่นทางไซเบอร์ (Cyber Resilience) เป็นเพียงคำโฆษณาหรือเป็นกลยุทธ์ที่แท้จริง?

    🔟 ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและการเมืองส่งผลต่ออุตสาหกรรมอย่างไร?
    - การเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจและการเมือง เช่น ภาษีและการลดงบประมาณ จะส่งผลต่อการพัฒนาเทคโนโลยีความปลอดภัยอย่างไร?

    https://www.csoonline.com/article/3965415/10-key-questions-security-leaders-must-ask-at-rsa-2025.html
    ในงาน RSA 2025 มีคำถามสำคัญ 10 ข้อที่ผู้นำด้านความปลอดภัยควรพิจารณาเพื่อปรับกลยุทธ์และตอบสนองต่อความเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมความปลอดภัยไซเบอร์: 1️⃣ Google-Wiz มีผลกระทบต่ออุตสาหกรรมความปลอดภัยอย่างไร? - การเข้าซื้อ Wiz ของ Alphabet มูลค่า 32 พันล้านดอลลาร์ส่งผลต่อกลยุทธ์ด้านความปลอดภัยบนคลาวด์อย่างไร? 2️⃣ Agentic AI เป็นความจริงหรือเพียงแค่ความหวัง? - AI ที่สามารถตัดสินใจและดำเนินการได้เองจะมีบทบาทสำคัญในอนาคตหรือไม่? 3️⃣ แพลตฟอร์มสามารถครองตลาดองค์กรได้หรือไม่? - การรวมระบบและการลดความซับซ้อนของแพลตฟอร์มจะตอบโจทย์องค์กรขนาดใหญ่ได้หรือไม่? 4️⃣ การปฏิวัติระบบไร้รหัสผ่านมาถึงแล้วหรือยัง? - การเปลี่ยนผ่านจากรหัสผ่านไปสู่ passkeys และ FIDO2 จะเปลี่ยนแปลงวิธีการยืนยันตัวตนอย่างไร? 5️⃣ การเดินทางของ Zero Trust จะไปในทิศทางใดในปี 2025? - Zero Trust จะพัฒนาไปพร้อมกับการนำ SASE และ FIDO2 มาใช้ได้อย่างไร? 6️⃣ กลยุทธ์การจัดการความเสี่ยงกำลังพัฒนาไปอย่างไร? - การจัดการความเสี่ยงแบบต่อเนื่อง (CTEM) และการใช้ AI ในการจัดลำดับความสำคัญของสินทรัพย์จะช่วยลดความเสี่ยงได้อย่างไร? 7️⃣ CISOs สามารถเรียนรู้อะไรจากนวัตกรรมของ MSSP? - ผู้ให้บริการความปลอดภัยที่มีการจัดการ (MSSP) ใช้ AI และระบบอัตโนมัติในการแก้ปัญหาความปลอดภัยอย่างไร? 8️⃣ ความปลอดภัยเครือข่ายกำลังกลับมาเป็นที่สนใจอีกครั้งหรือไม่? - การตรวจสอบการเคลื่อนไหวของข้อมูลในเครือข่ายยังคงมีความสำคัญในยุคของ EDR หรือไม่? 9️⃣ ผู้ขายเข้าใจความเป็นจริงของ Cyber Resilience หรือไม่? - ความยืดหยุ่นทางไซเบอร์ (Cyber Resilience) เป็นเพียงคำโฆษณาหรือเป็นกลยุทธ์ที่แท้จริง? 🔟 ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและการเมืองส่งผลต่ออุตสาหกรรมอย่างไร? - การเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจและการเมือง เช่น ภาษีและการลดงบประมาณ จะส่งผลต่อการพัฒนาเทคโนโลยีความปลอดภัยอย่างไร? https://www.csoonline.com/article/3965415/10-key-questions-security-leaders-must-ask-at-rsa-2025.html
    WWW.CSOONLINE.COM
    10 key questions security leaders must ask at RSA 2025
    Agentic AI, platform hype, identity management, and economic uncertainty will dominate the RSA agenda. But discussions with fellow attendees will provide the real payoff.
    0 Comments 0 Shares 32 Views 0 Reviews
  • ข่าวนี้กล่าวถึงการเปลี่ยนแปลงนโยบายของหน่วยงานกำกับดูแลธนาคารในสหรัฐฯ ที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมคริปโตเคอเรนซี โดยธนาคารกลางสหรัฐฯ (Federal Reserve) ได้ยกเลิกคำแนะนำที่เคยกำหนดให้ธนาคารต้องขออนุมัติล่วงหน้าก่อนดำเนินกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับคริปโตเคอเรนซีและสเตเบิลคอยน์ นอกจากนี้ยังมีการยกเลิกคำแนะนำในปี 2023 ที่เตือนธนาคารให้ระมัดระวังความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับคริปโต เช่น ความผันผวน ความไม่แน่นอนทางกฎหมาย และความเสี่ยงด้านสภาพคล่อง

    การเปลี่ยนแปลงนี้สะท้อนถึงท่าทีที่เป็นมิตรต่อคริปโตมากขึ้นของรัฐบาลทรัมป์ โดยมีเป้าหมายเพื่อสนับสนุนนวัตกรรมในอุตสาหกรรมคริปโตเคอเรนซี

    ✅ การยกเลิกคำแนะนำเกี่ยวกับคริปโตเคอเรนซี
    - ธนาคารกลางสหรัฐฯ ยกเลิกคำแนะนำที่กำหนดให้ธนาคารต้องขออนุมัติล่วงหน้าก่อนดำเนินกิจกรรมคริปโต
    - คำแนะนำในปี 2023 ที่เตือนธนาคารเกี่ยวกับความเสี่ยงคริปโตถูกยกเลิก

    ✅ เป้าหมายของการเปลี่ยนแปลง
    - สนับสนุนนวัตกรรมในอุตสาหกรรมคริปโตเคอเรนซี
    - ลดข้อจำกัดที่อาจขัดขวางการพัฒนากิจกรรมคริปโต

    ✅ การดำเนินการของหน่วยงานกำกับดูแลอื่นๆ
    - สำนักงานควบคุมเงินตรา (OCC) เป็นหน่วยงานแรกที่ยกเลิกคำแนะนำเกี่ยวกับคริปโตในเดือนมีนาคม

    ✅ ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมคริปโต
    - การเปลี่ยนแปลงนี้อาจช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นและการลงทุนในอุตสาหกรรมคริปโต

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/25/us-bank-regulators-pull-back-guardrails-on-bank-crypto-activities
    ข่าวนี้กล่าวถึงการเปลี่ยนแปลงนโยบายของหน่วยงานกำกับดูแลธนาคารในสหรัฐฯ ที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมคริปโตเคอเรนซี โดยธนาคารกลางสหรัฐฯ (Federal Reserve) ได้ยกเลิกคำแนะนำที่เคยกำหนดให้ธนาคารต้องขออนุมัติล่วงหน้าก่อนดำเนินกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับคริปโตเคอเรนซีและสเตเบิลคอยน์ นอกจากนี้ยังมีการยกเลิกคำแนะนำในปี 2023 ที่เตือนธนาคารให้ระมัดระวังความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับคริปโต เช่น ความผันผวน ความไม่แน่นอนทางกฎหมาย และความเสี่ยงด้านสภาพคล่อง การเปลี่ยนแปลงนี้สะท้อนถึงท่าทีที่เป็นมิตรต่อคริปโตมากขึ้นของรัฐบาลทรัมป์ โดยมีเป้าหมายเพื่อสนับสนุนนวัตกรรมในอุตสาหกรรมคริปโตเคอเรนซี ✅ การยกเลิกคำแนะนำเกี่ยวกับคริปโตเคอเรนซี - ธนาคารกลางสหรัฐฯ ยกเลิกคำแนะนำที่กำหนดให้ธนาคารต้องขออนุมัติล่วงหน้าก่อนดำเนินกิจกรรมคริปโต - คำแนะนำในปี 2023 ที่เตือนธนาคารเกี่ยวกับความเสี่ยงคริปโตถูกยกเลิก ✅ เป้าหมายของการเปลี่ยนแปลง - สนับสนุนนวัตกรรมในอุตสาหกรรมคริปโตเคอเรนซี - ลดข้อจำกัดที่อาจขัดขวางการพัฒนากิจกรรมคริปโต ✅ การดำเนินการของหน่วยงานกำกับดูแลอื่นๆ - สำนักงานควบคุมเงินตรา (OCC) เป็นหน่วยงานแรกที่ยกเลิกคำแนะนำเกี่ยวกับคริปโตในเดือนมีนาคม ✅ ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมคริปโต - การเปลี่ยนแปลงนี้อาจช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นและการลงทุนในอุตสาหกรรมคริปโต https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/25/us-bank-regulators-pull-back-guardrails-on-bank-crypto-activities
    WWW.THESTAR.COM.MY
    US bank regulators pull back guardrails on bank crypto activities
    WASHINGTON (Reuters) -U.S. banking regulators announced on Thursday they were pulling back several documents that urge banks to show caution when dabbling in cryptocurrency and related activities.
    0 Comments 0 Shares 24 Views 0 Reviews
  • 🔴Live SONDHITALK : ผู้เฒ่าเล่าเรื่อง Ep290 (live)
    ดรามา “ทราย สก๊อต” สะเทือนอุทยาน นักอนุรักษ์สุดโต่ง หรือ ขัดผลประโยชน์
    #Live #Liveสด #thaitimes #sondhitalk #ผู้เฒ่าเล่าเรื่อง
    0 Comments 0 Shares 19 Views 0 Reviews
  • ข่าวนี้กล่าวถึงการที่บริษัท Ziff Davis ซึ่งเป็นผู้เผยแพร่สื่อดิจิทัล ได้ยื่นฟ้อง OpenAI ในศาลรัฐบาลกลางเดลาแวร์ โดยกล่าวหาว่า OpenAI ใช้เนื้อหาที่มีลิขสิทธิ์จากสื่อของบริษัท เช่น ZDNet, PCMag, CNET และ IGN เพื่อฝึกโมเดล AI ของตนโดยไม่ได้รับอนุญาต การฟ้องร้องนี้เป็นส่วนหนึ่งของคดีลิขสิทธิ์ที่เกี่ยวข้องกับการใช้เนื้อหาที่มีลิขสิทธิ์ในการฝึก AI ซึ่งมีการฟ้องร้องจากสำนักข่าว ผู้เขียน และศิลปินหลายราย

    OpenAI ได้ตอบกลับข้อกล่าวหานี้โดยระบุว่าโมเดล AI ของตนถูกฝึกด้วยข้อมูลที่เปิดเผยต่อสาธารณะและอยู่ภายใต้หลักการใช้งานที่เป็นธรรม (fair use) อย่างไรก็ตาม คดีนี้สะท้อนถึงความท้าทายทางกฎหมายที่เพิ่มขึ้นในอุตสาหกรรม AI

    ✅ ข้อกล่าวหาของ Ziff Davis ต่อ OpenAI
    - Ziff Davis กล่าวหาว่า OpenAI ใช้เนื้อหาที่มีลิขสิทธิ์จากสื่อของบริษัทโดยไม่ได้รับอนุญาต
    - สื่อที่เกี่ยวข้องได้แก่ ZDNet, PCMag, CNET และ IGN

    ✅ การตอบกลับของ OpenAI
    - OpenAI ระบุว่าโมเดล AI ของตนถูกฝึกด้วยข้อมูลที่เปิดเผยต่อสาธารณะ
    - ยืนยันว่าการใช้งานข้อมูลอยู่ภายใต้หลักการใช้งานที่เป็นธรรม (fair use)

    ✅ ความสำคัญของคดีนี้
    - คดีนี้เป็นส่วนหนึ่งของคดีลิขสิทธิ์ที่เกี่ยวข้องกับการใช้เนื้อหาที่มีลิขสิทธิ์ในการฝึก AI
    - มีการฟ้องร้องจากสำนักข่าว ผู้เขียน และศิลปินหลายราย

    ✅ ผลกระทบต่ออุตสาหกรรม AI
    - คดีนี้อาจส่งผลต่อการพัฒนาและการใช้งาน AI ในอนาคต

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/25/publisher-ziff-davis-sues-openai-for-copyright-infringement
    ข่าวนี้กล่าวถึงการที่บริษัท Ziff Davis ซึ่งเป็นผู้เผยแพร่สื่อดิจิทัล ได้ยื่นฟ้อง OpenAI ในศาลรัฐบาลกลางเดลาแวร์ โดยกล่าวหาว่า OpenAI ใช้เนื้อหาที่มีลิขสิทธิ์จากสื่อของบริษัท เช่น ZDNet, PCMag, CNET และ IGN เพื่อฝึกโมเดล AI ของตนโดยไม่ได้รับอนุญาต การฟ้องร้องนี้เป็นส่วนหนึ่งของคดีลิขสิทธิ์ที่เกี่ยวข้องกับการใช้เนื้อหาที่มีลิขสิทธิ์ในการฝึก AI ซึ่งมีการฟ้องร้องจากสำนักข่าว ผู้เขียน และศิลปินหลายราย OpenAI ได้ตอบกลับข้อกล่าวหานี้โดยระบุว่าโมเดล AI ของตนถูกฝึกด้วยข้อมูลที่เปิดเผยต่อสาธารณะและอยู่ภายใต้หลักการใช้งานที่เป็นธรรม (fair use) อย่างไรก็ตาม คดีนี้สะท้อนถึงความท้าทายทางกฎหมายที่เพิ่มขึ้นในอุตสาหกรรม AI ✅ ข้อกล่าวหาของ Ziff Davis ต่อ OpenAI - Ziff Davis กล่าวหาว่า OpenAI ใช้เนื้อหาที่มีลิขสิทธิ์จากสื่อของบริษัทโดยไม่ได้รับอนุญาต - สื่อที่เกี่ยวข้องได้แก่ ZDNet, PCMag, CNET และ IGN ✅ การตอบกลับของ OpenAI - OpenAI ระบุว่าโมเดล AI ของตนถูกฝึกด้วยข้อมูลที่เปิดเผยต่อสาธารณะ - ยืนยันว่าการใช้งานข้อมูลอยู่ภายใต้หลักการใช้งานที่เป็นธรรม (fair use) ✅ ความสำคัญของคดีนี้ - คดีนี้เป็นส่วนหนึ่งของคดีลิขสิทธิ์ที่เกี่ยวข้องกับการใช้เนื้อหาที่มีลิขสิทธิ์ในการฝึก AI - มีการฟ้องร้องจากสำนักข่าว ผู้เขียน และศิลปินหลายราย ✅ ผลกระทบต่ออุตสาหกรรม AI - คดีนี้อาจส่งผลต่อการพัฒนาและการใช้งาน AI ในอนาคต https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/25/publisher-ziff-davis-sues-openai-for-copyright-infringement
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Publisher Ziff Davis sues OpenAI for copyright infringement
    (Reuters) -Digital media publisher Ziff Davis sued OpenAI in Delaware federal court on Thursday, accusing the Microsoft-backed artificial-intelligence company of misusing its publications to train the model behind popular chatbot ChatGPT.
    0 Comments 0 Shares 24 Views 0 Reviews
  • Intel CEO Lip-Bu Tan ได้พบกับ CEO ของ TSMC, CC Wei เพื่อหารือเกี่ยวกับความร่วมมือระหว่างสองบริษัท โดยการประชุมนี้เกิดขึ้นใน Silicon Valley ระหว่างงานประชุมเทคโนโลยีประจำปีของ TSMC ซึ่ง Tan ได้กล่าวถึงความสัมพันธ์ที่ยาวนานระหว่างเขากับ Morris Chang ประธาน TSMC และ CC Wei โดยระบุว่าทั้งสองบริษัทมองเห็นโอกาสในการสร้างสถานการณ์ที่เป็นประโยชน์ร่วมกัน

    ✅ การประชุมระหว่าง Intel และ TSMC
    - Lip-Bu Tan พบกับ CC Wei เพื่อหารือเกี่ยวกับความร่วมมือระหว่างสองบริษัท
    - การประชุมเกิดขึ้นใน Silicon Valley ระหว่างงานประชุมเทคโนโลยีของ TSMC

    ✅ ความสัมพันธ์ระหว่างผู้บริหาร
    - Tan กล่าวถึงความสัมพันธ์ที่ยาวนานระหว่างเขากับ Morris Chang และ CC Wei
    - ทั้งสองบริษัทมองเห็นโอกาสในการสร้างสถานการณ์ที่เป็นประโยชน์ร่วมกัน

    ✅ เป้าหมายของการประชุม
    - หาพื้นที่ที่สามารถร่วมมือกันเพื่อสร้างสถานการณ์ที่เป็นประโยชน์ร่วมกัน

    ✅ การเข้าร่วมงานประชุมเทคโนโลยีของ TSMC
    - Tan เข้าร่วมงานประชุมเทคโนโลยีประจำปีของ TSMC ใน Silicon Valley

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/25/intel-ceo-says-he-met-with-tsmc-ceo-to-discuss-collaboration
    Intel CEO Lip-Bu Tan ได้พบกับ CEO ของ TSMC, CC Wei เพื่อหารือเกี่ยวกับความร่วมมือระหว่างสองบริษัท โดยการประชุมนี้เกิดขึ้นใน Silicon Valley ระหว่างงานประชุมเทคโนโลยีประจำปีของ TSMC ซึ่ง Tan ได้กล่าวถึงความสัมพันธ์ที่ยาวนานระหว่างเขากับ Morris Chang ประธาน TSMC และ CC Wei โดยระบุว่าทั้งสองบริษัทมองเห็นโอกาสในการสร้างสถานการณ์ที่เป็นประโยชน์ร่วมกัน ✅ การประชุมระหว่าง Intel และ TSMC - Lip-Bu Tan พบกับ CC Wei เพื่อหารือเกี่ยวกับความร่วมมือระหว่างสองบริษัท - การประชุมเกิดขึ้นใน Silicon Valley ระหว่างงานประชุมเทคโนโลยีของ TSMC ✅ ความสัมพันธ์ระหว่างผู้บริหาร - Tan กล่าวถึงความสัมพันธ์ที่ยาวนานระหว่างเขากับ Morris Chang และ CC Wei - ทั้งสองบริษัทมองเห็นโอกาสในการสร้างสถานการณ์ที่เป็นประโยชน์ร่วมกัน ✅ เป้าหมายของการประชุม - หาพื้นที่ที่สามารถร่วมมือกันเพื่อสร้างสถานการณ์ที่เป็นประโยชน์ร่วมกัน ✅ การเข้าร่วมงานประชุมเทคโนโลยีของ TSMC - Tan เข้าร่วมงานประชุมเทคโนโลยีประจำปีของ TSMC ใน Silicon Valley https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/25/intel-ceo-says-he-met-with-tsmc-ceo-to-discuss-collaboration
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Intel CEO says he met with TSMC CEO to discuss collaboration
    SAN FRANCISCO (Reuters) -Intel CEO Lip-Bu Tan met recently with Taiwan Semiconductor Manufacturing Co's CEO to discuss how the two companies could collaborate, Tan said during a conference call with analysts on Thursday.
    0 Comments 0 Shares 21 Views 0 Reviews
  • ข่าวนี้กล่าวถึงปัญหาการขาดการควบคุมเนื้อหาในโซเชียลมีเดียในประเทศเอธิโอเปีย ซึ่งส่งผลให้เกิดการเผยแพร่คำพูดแสดงความเกลียดชังและเนื้อหาที่เป็นอันตราย โดยเฉพาะในภาษาท้องถิ่น เช่น ภาษาอัมฮาริก ทิกรินยา และอาฟานโอโรโม ตัวอย่างที่ชัดเจนคือกรณีของ Lella Mesikir นักเคลื่อนไหวด้านสิทธิสตรีที่ต้องลี้ภัยไปยังประเทศเคนยา หลังจากถูกข่มขู่และโจมตีทางออนไลน์ผ่าน TikTok เนื่องจากโพสต์เกี่ยวกับสิทธิสตรี

    นักวิเคราะห์ระบุว่าโซเชียลมีเดียในประเทศที่มีความขัดแย้งทางการเมืองและสังคม เช่น เอธิโอเปีย มักกลายเป็นพื้นที่ที่ไม่มีการควบคุม ซึ่งนำไปสู่การละเมิดสิทธิมนุษยชนและการกระทำที่รุนแรง

    ✅ กรณีของ Lella Mesikir
    - Lella Mesikir ถูกข่มขู่และโจมตีทางออนไลน์หลังจากโพสต์เกี่ยวกับสิทธิสตรีใน TikTok
    - เธอต้องลี้ภัยไปยังประเทศเคนยาเพื่อความปลอดภัย

    ✅ ปัญหาการควบคุมเนื้อหาในโซเชียลมีเดีย
    - TikTok ถูกวิจารณ์ว่าไม่สามารถควบคุมเนื้อหาในภาษาท้องถิ่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ
    - มีการเผยแพร่เนื้อหาที่เป็นอันตราย เช่น การข่มขืน การทรมาน และการแสดงความเกลียดชัง

    ✅ ผลกระทบต่อสังคมเอธิโอเปีย
    - โซเชียลมีเดียช่วยเพิ่มความรุนแรงในความขัดแย้งทางการเมือง ชาติพันธุ์ และศาสนา
    - ผู้หญิงที่ท้าทายบทบาททางเพศแบบดั้งเดิมมักตกเป็นเป้าหมายของการโจมตี

    ✅ การตอบสนองของแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย
    - TikTok อ้างว่ามีการใช้เทคโนโลยีและการตรวจสอบโดยมนุษย์ในกว่า 70 ภาษา รวมถึงภาษาอัมฮาริก

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/24/online-threats-in-ethiopia-reveal-content-moderation-failures
    ข่าวนี้กล่าวถึงปัญหาการขาดการควบคุมเนื้อหาในโซเชียลมีเดียในประเทศเอธิโอเปีย ซึ่งส่งผลให้เกิดการเผยแพร่คำพูดแสดงความเกลียดชังและเนื้อหาที่เป็นอันตราย โดยเฉพาะในภาษาท้องถิ่น เช่น ภาษาอัมฮาริก ทิกรินยา และอาฟานโอโรโม ตัวอย่างที่ชัดเจนคือกรณีของ Lella Mesikir นักเคลื่อนไหวด้านสิทธิสตรีที่ต้องลี้ภัยไปยังประเทศเคนยา หลังจากถูกข่มขู่และโจมตีทางออนไลน์ผ่าน TikTok เนื่องจากโพสต์เกี่ยวกับสิทธิสตรี นักวิเคราะห์ระบุว่าโซเชียลมีเดียในประเทศที่มีความขัดแย้งทางการเมืองและสังคม เช่น เอธิโอเปีย มักกลายเป็นพื้นที่ที่ไม่มีการควบคุม ซึ่งนำไปสู่การละเมิดสิทธิมนุษยชนและการกระทำที่รุนแรง ✅ กรณีของ Lella Mesikir - Lella Mesikir ถูกข่มขู่และโจมตีทางออนไลน์หลังจากโพสต์เกี่ยวกับสิทธิสตรีใน TikTok - เธอต้องลี้ภัยไปยังประเทศเคนยาเพื่อความปลอดภัย ✅ ปัญหาการควบคุมเนื้อหาในโซเชียลมีเดีย - TikTok ถูกวิจารณ์ว่าไม่สามารถควบคุมเนื้อหาในภาษาท้องถิ่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ - มีการเผยแพร่เนื้อหาที่เป็นอันตราย เช่น การข่มขืน การทรมาน และการแสดงความเกลียดชัง ✅ ผลกระทบต่อสังคมเอธิโอเปีย - โซเชียลมีเดียช่วยเพิ่มความรุนแรงในความขัดแย้งทางการเมือง ชาติพันธุ์ และศาสนา - ผู้หญิงที่ท้าทายบทบาททางเพศแบบดั้งเดิมมักตกเป็นเป้าหมายของการโจมตี ✅ การตอบสนองของแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย - TikTok อ้างว่ามีการใช้เทคโนโลยีและการตรวจสอบโดยมนุษย์ในกว่า 70 ภาษา รวมถึงภาษาอัมฮาริก https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/24/online-threats-in-ethiopia-reveal-content-moderation-failures
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Online threats in Ethiopia reveal content moderation failures
    Lella Mesikir built a huge following with online posts about gender rights in Ethiopia but says a lack of local language content moderation has forced her to flee into exile.
    0 Comments 0 Shares 28 Views 0 Reviews
  • ๒๕ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๘

    วันคล้ายวันเสด็จสวรรคตสมเด็จพระนเรศวรมหาราช
    พระผู้ทรงกอบกู้เอกราชของชาติไทย

    น้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้นอันหาที่สุดมิได้
    ข้าพระพุทธเจ้า​ นาย​พัฒน์​ดนัย​ วาริ​พัฒน์
    ๒๕ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๘ วันคล้ายวันเสด็จสวรรคตสมเด็จพระนเรศวรมหาราช พระผู้ทรงกอบกู้เอกราชของชาติไทย น้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้นอันหาที่สุดมิได้ ข้าพระพุทธเจ้า​ นาย​พัฒน์​ดนัย​ วาริ​พัฒน์
    0 Comments 0 Shares 16 Views 0 Reviews
  • Nintendo ได้เปิดตัว Nintendo Switch 2 ซึ่งเป็นคอนโซลรุ่นใหม่ที่มาพร้อมกับการอัปเกรดฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ที่น่าประทับใจ โดยมีการเปิดเผยข้อมูลจากการถอดชิ้นส่วนที่ยืนยันว่าอุปกรณ์นี้ใช้ชิป Nvidia Tegra T239 และหน่วยความจำจาก SK Hynix นอกจากนี้ยังมีการเพิ่มพื้นที่เก็บข้อมูลแบบ 256GB UFS 3.1 และรองรับการแสดงผล 4K สำหรับการเชื่อมต่อกับทีวี

    Switch 2 มีการปรับปรุงในหลายด้าน เช่น หน้าจอที่ใหญ่ขึ้น การควบคุมที่ดีขึ้น และระบบเสียงที่ได้รับการปรับปรุง โดยมีราคาจำหน่ายอยู่ที่ $449.99 และจะเริ่มวางจำหน่ายในวันที่ 5 มิถุนายน 2025

    ✅ การใช้ชิป Nvidia Tegra T239
    - ชิปนี้มาพร้อมกับ Arm Cortex X1 HP-core, Cortex A78 performance cores และ Cortex A55 efficiency cores
    - GPU แบบ Ampere-based มี 12 SMs และ 1,536 CUDA cores

    ✅ หน่วยความจำและพื้นที่เก็บข้อมูล
    - ใช้หน่วยความจำจาก SK Hynix คาดว่าเป็น LPDDR5 RAM ขนาด 12GB
    - มีพื้นที่เก็บข้อมูลแบบ 256GB UFS 3.1

    ✅ การออกแบบและฟีเจอร์ใหม่
    - หน้าจอที่ใหญ่ขึ้นและการควบคุมที่ได้รับการปรับปรุง
    - รองรับการแสดงผล 4K สำหรับการเชื่อมต่อกับทีวี

    ✅ การวางจำหน่ายและราคา
    - ราคา $449.99 และเริ่มวางจำหน่ายในวันที่ 5 มิถุนายน 2025

    https://www.techspot.com/news/107668-nintendo-switch-2-teardown-confirms-nvidia-tegra-t239.html
    Nintendo ได้เปิดตัว Nintendo Switch 2 ซึ่งเป็นคอนโซลรุ่นใหม่ที่มาพร้อมกับการอัปเกรดฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ที่น่าประทับใจ โดยมีการเปิดเผยข้อมูลจากการถอดชิ้นส่วนที่ยืนยันว่าอุปกรณ์นี้ใช้ชิป Nvidia Tegra T239 และหน่วยความจำจาก SK Hynix นอกจากนี้ยังมีการเพิ่มพื้นที่เก็บข้อมูลแบบ 256GB UFS 3.1 และรองรับการแสดงผล 4K สำหรับการเชื่อมต่อกับทีวี Switch 2 มีการปรับปรุงในหลายด้าน เช่น หน้าจอที่ใหญ่ขึ้น การควบคุมที่ดีขึ้น และระบบเสียงที่ได้รับการปรับปรุง โดยมีราคาจำหน่ายอยู่ที่ $449.99 และจะเริ่มวางจำหน่ายในวันที่ 5 มิถุนายน 2025 ✅ การใช้ชิป Nvidia Tegra T239 - ชิปนี้มาพร้อมกับ Arm Cortex X1 HP-core, Cortex A78 performance cores และ Cortex A55 efficiency cores - GPU แบบ Ampere-based มี 12 SMs และ 1,536 CUDA cores ✅ หน่วยความจำและพื้นที่เก็บข้อมูล - ใช้หน่วยความจำจาก SK Hynix คาดว่าเป็น LPDDR5 RAM ขนาด 12GB - มีพื้นที่เก็บข้อมูลแบบ 256GB UFS 3.1 ✅ การออกแบบและฟีเจอร์ใหม่ - หน้าจอที่ใหญ่ขึ้นและการควบคุมที่ได้รับการปรับปรุง - รองรับการแสดงผล 4K สำหรับการเชื่อมต่อกับทีวี ✅ การวางจำหน่ายและราคา - ราคา $449.99 และเริ่มวางจำหน่ายในวันที่ 5 มิถุนายน 2025 https://www.techspot.com/news/107668-nintendo-switch-2-teardown-confirms-nvidia-tegra-t239.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Nintendo Switch 2 teardown confirms Nvidia Tegra T239 chip, SK Hynix memory, more details
    The teardown was performed by YouTuber and X user @KurnalSalts, known for his deep dive videos on Arm chips used in smartphones, laptops, AR headsets, and other...
    0 Comments 0 Shares 28 Views 0 Reviews
  • 🔴Live SONDHITALK : ผู้เฒ่าเล่าเรื่อง Ep290 (live)
    ดรามา “ทราย สก๊อต” สะเทือนอุทยาน นักอนุรักษ์สุดโต่ง หรือ ขัดผลประโยชน์
    #Live #Liveสด #thaitimes #sondhitalk #ผู้เฒ่าเล่าเรื่อง
    0 Comments 0 Shares 12 Views 0 Reviews
  • Google ได้ประกาศนโยบายใหม่ที่เข้มงวดขึ้นสำหรับพนักงานที่ทำงานจากระยะไกล โดยกำหนดให้พนักงานที่ทำงานจากบ้านต้องกลับมาทำงานที่สำนักงานอย่างน้อย 3 วันต่อสัปดาห์ มิฉะนั้นอาจต้องเผชิญกับการเลิกจ้าง นโยบายนี้เริ่มต้นในปี 2023 โดย Google ได้ติดตามการเข้าทำงานของพนักงานผ่านบัตรประจำตัว และใช้ข้อมูลนี้ในการประเมินผลการปฏิบัติงาน

    ในปี 2025 Google ได้ขยายมาตรการนี้ไปยังพนักงานในหน่วยงานต่างๆ เช่น Google Technical Services และ People Operations โดยเสนอแพ็กเกจการออกจากงานโดยสมัครใจ และค่าใช้จ่ายในการย้ายที่อยู่สำหรับพนักงานที่ต้องการย้ายไปอยู่ใกล้สำนักงาน

    ✅ การกำหนดให้พนักงานกลับมาทำงานที่สำนักงาน
    - พนักงานที่ทำงานจากบ้านต้องกลับมาทำงานที่สำนักงานอย่างน้อย 3 วันต่อสัปดาห์
    - พนักงานที่ไม่ปฏิบัติตามอาจต้องเผชิญกับการเลิกจ้าง

    ✅ การติดตามการเข้าทำงานของพนักงาน
    - Google ใช้ข้อมูลจากบัตรประจำตัวในการติดตามการเข้าทำงาน
    - ข้อมูลนี้ถูกนำมาใช้ในการประเมินผลการปฏิบัติงาน

    ✅ การขยายมาตรการไปยังหน่วยงานต่างๆ
    - Google Technical Services และ People Operations ได้รับผลกระทบจากนโยบายนี้
    - มีการเสนอแพ็กเกจการออกจากงานโดยสมัครใจ และค่าใช้จ่ายในการย้ายที่อยู่

    ✅ เป้าหมายของนโยบาย
    - เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและสนับสนุนการพัฒนา AI ในอุตสาหกรรมที่มีการแข่งขันสูง

    https://www.techspot.com/news/107669-google-tells-remote-workers-return-office-or-face.html
    Google ได้ประกาศนโยบายใหม่ที่เข้มงวดขึ้นสำหรับพนักงานที่ทำงานจากระยะไกล โดยกำหนดให้พนักงานที่ทำงานจากบ้านต้องกลับมาทำงานที่สำนักงานอย่างน้อย 3 วันต่อสัปดาห์ มิฉะนั้นอาจต้องเผชิญกับการเลิกจ้าง นโยบายนี้เริ่มต้นในปี 2023 โดย Google ได้ติดตามการเข้าทำงานของพนักงานผ่านบัตรประจำตัว และใช้ข้อมูลนี้ในการประเมินผลการปฏิบัติงาน ในปี 2025 Google ได้ขยายมาตรการนี้ไปยังพนักงานในหน่วยงานต่างๆ เช่น Google Technical Services และ People Operations โดยเสนอแพ็กเกจการออกจากงานโดยสมัครใจ และค่าใช้จ่ายในการย้ายที่อยู่สำหรับพนักงานที่ต้องการย้ายไปอยู่ใกล้สำนักงาน ✅ การกำหนดให้พนักงานกลับมาทำงานที่สำนักงาน - พนักงานที่ทำงานจากบ้านต้องกลับมาทำงานที่สำนักงานอย่างน้อย 3 วันต่อสัปดาห์ - พนักงานที่ไม่ปฏิบัติตามอาจต้องเผชิญกับการเลิกจ้าง ✅ การติดตามการเข้าทำงานของพนักงาน - Google ใช้ข้อมูลจากบัตรประจำตัวในการติดตามการเข้าทำงาน - ข้อมูลนี้ถูกนำมาใช้ในการประเมินผลการปฏิบัติงาน ✅ การขยายมาตรการไปยังหน่วยงานต่างๆ - Google Technical Services และ People Operations ได้รับผลกระทบจากนโยบายนี้ - มีการเสนอแพ็กเกจการออกจากงานโดยสมัครใจ และค่าใช้จ่ายในการย้ายที่อยู่ ✅ เป้าหมายของนโยบาย - เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและสนับสนุนการพัฒนา AI ในอุตสาหกรรมที่มีการแข่งขันสูง https://www.techspot.com/news/107669-google-tells-remote-workers-return-office-or-face.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Google tells some remote workers to return to the office or face termination
    Google was one of the companies who decided to play it safe when it came to bringing workers back following the pandemic. It introduced hybrid work models...
    0 Comments 0 Shares 32 Views 0 Reviews
  • Google ได้ทำข้อตกลงกับ Samsung เพื่อให้ Gemini AI ซึ่งเป็นแชทบอท AI ของ Google ถูกติดตั้งล่วงหน้าบนอุปกรณ์มือถือรุ่นใหม่ของ Samsung โดยข้อตกลงนี้มีระยะเวลาอย่างน้อย 2 ปี และ Google จะจ่ายเงินให้ Samsung เป็นรายเดือนสำหรับอุปกรณ์ที่ติดตั้ง Gemini AI นอกจากนี้ Samsung ยังได้รับส่วนแบ่งรายได้จากการสมัครสมาชิกแบบชำระเงินและรายได้จากโฆษณาในอนาคต

    Gemini AI ยังไม่มีโฆษณาในขณะนี้ แต่ Google กำลังพิจารณาเพิ่มฟีเจอร์นี้ในอนาคตเพื่อเพิ่มรายได้ อย่างไรก็ตาม ข้อตกลงนี้อาจต้องถูกพิจารณาใหม่ เนื่องจาก Google กำลังเผชิญกับคดีการผูกขาดทางโฆษณาในศาลสหรัฐฯ

    ✅ Gemini AI ถูกติดตั้งล่วงหน้าบนอุปกรณ์ Samsung
    - ข้อตกลงมีระยะเวลาอย่างน้อย 2 ปี
    - Google จ่ายเงินให้ Samsung เป็นรายเดือนสำหรับอุปกรณ์ที่ติดตั้ง Gemini AI

    ✅ ส่วนแบ่งรายได้จากการสมัครสมาชิกและโฆษณา
    - Samsung ได้รับส่วนแบ่งรายได้จากการสมัครสมาชิกแบบชำระเงิน
    - รายได้จากโฆษณาในอนาคตจะถูกแบ่งปันกับ Samsung

    ✅ การพิจารณาเพิ่มโฆษณาใน Gemini AI
    - Google กำลังพิจารณาเพิ่มโฆษณาใน Gemini AI เพื่อเพิ่มรายได้
    - การตัดสินใจนี้ขึ้นอยู่กับความสามารถของแชทบอทในการช่วยเหลือผู้ใช้งาน

    ✅ การแข่งขันในตลาด AI
    - Samsung ได้รับข้อเสนอจากบริษัทอื่นก่อนที่จะเลือก Google

    https://www.techspot.com/news/107664-google-shelling-out-big-bucks-put-gemini-ai.html
    Google ได้ทำข้อตกลงกับ Samsung เพื่อให้ Gemini AI ซึ่งเป็นแชทบอท AI ของ Google ถูกติดตั้งล่วงหน้าบนอุปกรณ์มือถือรุ่นใหม่ของ Samsung โดยข้อตกลงนี้มีระยะเวลาอย่างน้อย 2 ปี และ Google จะจ่ายเงินให้ Samsung เป็นรายเดือนสำหรับอุปกรณ์ที่ติดตั้ง Gemini AI นอกจากนี้ Samsung ยังได้รับส่วนแบ่งรายได้จากการสมัครสมาชิกแบบชำระเงินและรายได้จากโฆษณาในอนาคต Gemini AI ยังไม่มีโฆษณาในขณะนี้ แต่ Google กำลังพิจารณาเพิ่มฟีเจอร์นี้ในอนาคตเพื่อเพิ่มรายได้ อย่างไรก็ตาม ข้อตกลงนี้อาจต้องถูกพิจารณาใหม่ เนื่องจาก Google กำลังเผชิญกับคดีการผูกขาดทางโฆษณาในศาลสหรัฐฯ ✅ Gemini AI ถูกติดตั้งล่วงหน้าบนอุปกรณ์ Samsung - ข้อตกลงมีระยะเวลาอย่างน้อย 2 ปี - Google จ่ายเงินให้ Samsung เป็นรายเดือนสำหรับอุปกรณ์ที่ติดตั้ง Gemini AI ✅ ส่วนแบ่งรายได้จากการสมัครสมาชิกและโฆษณา - Samsung ได้รับส่วนแบ่งรายได้จากการสมัครสมาชิกแบบชำระเงิน - รายได้จากโฆษณาในอนาคตจะถูกแบ่งปันกับ Samsung ✅ การพิจารณาเพิ่มโฆษณาใน Gemini AI - Google กำลังพิจารณาเพิ่มโฆษณาใน Gemini AI เพื่อเพิ่มรายได้ - การตัดสินใจนี้ขึ้นอยู่กับความสามารถของแชทบอทในการช่วยเหลือผู้ใช้งาน ✅ การแข่งขันในตลาด AI - Samsung ได้รับข้อเสนอจากบริษัทอื่นก่อนที่จะเลือก Google https://www.techspot.com/news/107664-google-shelling-out-big-bucks-put-gemini-ai.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Google is shelling out big bucks to put Gemini AI on Samsung devices
    Alphabet is spending an "enormous sum of money" to keep its Gemini chatbot preinstalled on Samsung phones. According to Google's vice president of platforms and device partnerships,...
    0 Comments 0 Shares 36 Views 0 Reviews
  • ข่าวนี้กล่าวถึงผลกระทบจากนโยบายภาษีของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ส่งผลให้ผู้ผลิตคอมพิวเตอร์รายใหญ่ เช่น Lenovo, HP และ Dell ต้องพิจารณาย้ายฐานการผลิตไปยังซาอุดีอาระเบีย โดยนโยบายภาษีที่สูงถึง 245% สำหรับสินค้านำเข้าจากจีนทำให้บริษัทเหล่านี้ต้องหาทางเลือกใหม่ในการผลิตเพื่อหลีกเลี่ยงต้นทุนที่เพิ่มขึ้น

    ซาอุดีอาระเบียได้เสนอสิ่งจูงใจที่น่าสนใจ เช่น การรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการสร้างโรงงานใหม่ทั้งหมด และการสนับสนุนจากกองทุนเพื่อการลงทุนสาธารณะ (PIF) ซึ่งมีมูลค่าถึง 620 พันล้านดอลลาร์ โดย Lenovo ได้ประกาศแผนการลงทุนมูลค่า 2 พันล้านดอลลาร์ในซาอุดีอาระเบียเพื่อขยายตลาดในภูมิภาคตะวันออกกลางและแอฟริกา

    ✅ การย้ายฐานการผลิตไปยังซาอุดีอาระเบีย
    - Lenovo, HP และ Dell กำลังพิจารณาย้ายฐานการผลิตไปยังซาอุดีอาระเบีย
    - Lenovo ได้ประกาศแผนการลงทุนมูลค่า 2 พันล้านดอลลาร์ในซาอุดีอาระเบีย

    ✅ สิ่งจูงใจจากซาอุดีอาระเบีย
    - ซาอุดีอาระเบียเสนอการรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการสร้างโรงงานใหม่ทั้งหมด
    - กองทุนเพื่อการลงทุนสาธารณะ (PIF) สนับสนุนการลงทุนในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี

    ✅ ผลกระทบจากนโยบายภาษีของทรัมป์
    - ภาษี 245% สำหรับสินค้านำเข้าจากจีนทำให้บริษัทต้องหาทางเลือกใหม่ในการผลิต
    - ซาอุดีอาระเบียมีภาษีเพียง 10% ซึ่งเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ

    ✅ การขยายตลาดในภูมิภาคตะวันออกกลางและแอฟริกา
    - การย้ายฐานการผลิตช่วยเพิ่มการเข้าถึงตลาดในภูมิภาคตะวันออกกลางและแอฟริกา

    https://www.techspot.com/news/107672-trump-tariffs-push-world-top-pc-makers-toward.html
    ข่าวนี้กล่าวถึงผลกระทบจากนโยบายภาษีของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ส่งผลให้ผู้ผลิตคอมพิวเตอร์รายใหญ่ เช่น Lenovo, HP และ Dell ต้องพิจารณาย้ายฐานการผลิตไปยังซาอุดีอาระเบีย โดยนโยบายภาษีที่สูงถึง 245% สำหรับสินค้านำเข้าจากจีนทำให้บริษัทเหล่านี้ต้องหาทางเลือกใหม่ในการผลิตเพื่อหลีกเลี่ยงต้นทุนที่เพิ่มขึ้น ซาอุดีอาระเบียได้เสนอสิ่งจูงใจที่น่าสนใจ เช่น การรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการสร้างโรงงานใหม่ทั้งหมด และการสนับสนุนจากกองทุนเพื่อการลงทุนสาธารณะ (PIF) ซึ่งมีมูลค่าถึง 620 พันล้านดอลลาร์ โดย Lenovo ได้ประกาศแผนการลงทุนมูลค่า 2 พันล้านดอลลาร์ในซาอุดีอาระเบียเพื่อขยายตลาดในภูมิภาคตะวันออกกลางและแอฟริกา ✅ การย้ายฐานการผลิตไปยังซาอุดีอาระเบีย - Lenovo, HP และ Dell กำลังพิจารณาย้ายฐานการผลิตไปยังซาอุดีอาระเบีย - Lenovo ได้ประกาศแผนการลงทุนมูลค่า 2 พันล้านดอลลาร์ในซาอุดีอาระเบีย ✅ สิ่งจูงใจจากซาอุดีอาระเบีย - ซาอุดีอาระเบียเสนอการรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการสร้างโรงงานใหม่ทั้งหมด - กองทุนเพื่อการลงทุนสาธารณะ (PIF) สนับสนุนการลงทุนในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี ✅ ผลกระทบจากนโยบายภาษีของทรัมป์ - ภาษี 245% สำหรับสินค้านำเข้าจากจีนทำให้บริษัทต้องหาทางเลือกใหม่ในการผลิต - ซาอุดีอาระเบียมีภาษีเพียง 10% ซึ่งเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ ✅ การขยายตลาดในภูมิภาคตะวันออกกลางและแอฟริกา - การย้ายฐานการผลิตช่วยเพิ่มการเข้าถึงตลาดในภูมิภาคตะวันออกกลางและแอฟริกา https://www.techspot.com/news/107672-trump-tariffs-push-world-top-pc-makers-toward.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Trump tariffs push top PC makers Lenovo, HP, and Dell toward Saudi Arabia
    The so-called "reciprocal tariffs" imposed by the Trump administration could push major PC manufacturers to find new production hubs, and it likely won't be in the US....
    0 Comments 0 Shares 44 Views 0 Reviews
  • TSMC ได้ประกาศเริ่มการผลิตชิป N2 (2nm-class) ในปริมาณมากในช่วงครึ่งหลังของปี 2025 โดยเทคโนโลยีนี้ใช้ Gate-All-Around (GAA) nanosheet transistors ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ ลดการใช้พลังงาน และเพิ่มความหนาแน่นของทรานซิสเตอร์ นอกจากนี้ TSMC ยังได้เปิดเผยแผนการพัฒนาเทคโนโลยีเพิ่มเติม เช่น N2P และ A16 ที่จะเข้าสู่การผลิตในปี 2026 และ N2X ที่มุ่งเน้นการเพิ่มความเร็วสูงสุดในปี 2027

    ✅ การเริ่มต้นการผลิตชิป N2
    - ใช้ Gate-All-Around (GAA) nanosheet transistors เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดการใช้พลังงาน
    - ช่วยลดการใช้พลังงานได้ถึง 25–30% และเพิ่มประสิทธิภาพ 10–15% เมื่อเทียบกับ N3E

    ✅ การพัฒนาเทคโนโลยีเพิ่มเติม
    - N2P: เพิ่มประสิทธิภาพ 5–10% และลดการใช้พลังงาน 5–10% เมื่อเทียบกับ N2
    - A16: ใช้ Super Power Rail (SPR) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการส่งพลังงาน
    - N2X: มุ่งเน้นการเพิ่มความเร็วสูงสุดสำหรับ CPU และศูนย์ข้อมูล

    ✅ การนำไปใช้งานในผลิตภัณฑ์ต่างๆ
    - AMD EPYC 'Venice' CPUs สำหรับศูนย์ข้อมูล
    - ชิปสำหรับสมาร์ทโฟน แท็บเล็ต และ PC ของ Apple ในปี 2025

    ✅ การตอบสนองของตลาด
    - N2 มีการนำไปใช้งานในผลิตภัณฑ์ใหม่มากกว่า N5 ถึง 4 เท่าในปีที่สอง

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/tsmcs-2nm-n2-process-node-enters-production-this-year-a16-and-n2p-arriving-next-year
    TSMC ได้ประกาศเริ่มการผลิตชิป N2 (2nm-class) ในปริมาณมากในช่วงครึ่งหลังของปี 2025 โดยเทคโนโลยีนี้ใช้ Gate-All-Around (GAA) nanosheet transistors ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ ลดการใช้พลังงาน และเพิ่มความหนาแน่นของทรานซิสเตอร์ นอกจากนี้ TSMC ยังได้เปิดเผยแผนการพัฒนาเทคโนโลยีเพิ่มเติม เช่น N2P และ A16 ที่จะเข้าสู่การผลิตในปี 2026 และ N2X ที่มุ่งเน้นการเพิ่มความเร็วสูงสุดในปี 2027 ✅ การเริ่มต้นการผลิตชิป N2 - ใช้ Gate-All-Around (GAA) nanosheet transistors เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดการใช้พลังงาน - ช่วยลดการใช้พลังงานได้ถึง 25–30% และเพิ่มประสิทธิภาพ 10–15% เมื่อเทียบกับ N3E ✅ การพัฒนาเทคโนโลยีเพิ่มเติม - N2P: เพิ่มประสิทธิภาพ 5–10% และลดการใช้พลังงาน 5–10% เมื่อเทียบกับ N2 - A16: ใช้ Super Power Rail (SPR) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการส่งพลังงาน - N2X: มุ่งเน้นการเพิ่มความเร็วสูงสุดสำหรับ CPU และศูนย์ข้อมูล ✅ การนำไปใช้งานในผลิตภัณฑ์ต่างๆ - AMD EPYC 'Venice' CPUs สำหรับศูนย์ข้อมูล - ชิปสำหรับสมาร์ทโฟน แท็บเล็ต และ PC ของ Apple ในปี 2025 ✅ การตอบสนองของตลาด - N2 มีการนำไปใช้งานในผลิตภัณฑ์ใหม่มากกว่า N5 ถึง 4 เท่าในปีที่สอง https://www.tomshardware.com/tech-industry/tsmcs-2nm-n2-process-node-enters-production-this-year-a16-and-n2p-arriving-next-year
    0 Comments 0 Shares 45 Views 0 Reviews
  • ด่วน!
    มีรายงานกองกำลังอินเดียและปากีสถานปะทะกันในหุบเขาลีปา (Leepa valley) รัฐแคชเมียร์ ยังไม่ชัดเจนว่าฝ่ายใดเป็นฝ่ายเริ่มยิงก่อน

    หลายฝ่ายคาดหวังว่าการปะทะกันครั้งนี้คงไม่ลุกลามใหญ่โตจนกลายเป็นสงครามระดับภูมิภาค

    ระลึกไว้เสมอว่า "ทั้งสองประเทศเป็นมหาอำนาจด้านนิวเคลียร์"

    ด่วน! มีรายงานกองกำลังอินเดียและปากีสถานปะทะกันในหุบเขาลีปา (Leepa valley) รัฐแคชเมียร์ ยังไม่ชัดเจนว่าฝ่ายใดเป็นฝ่ายเริ่มยิงก่อน หลายฝ่ายคาดหวังว่าการปะทะกันครั้งนี้คงไม่ลุกลามใหญ่โตจนกลายเป็นสงครามระดับภูมิภาค ระลึกไว้เสมอว่า "ทั้งสองประเทศเป็นมหาอำนาจด้านนิวเคลียร์"
    0 Comments 0 Shares 81 Views 0 Reviews
  • Intel ได้เปิดตัวแผนพัฒนาชิปสำหรับยานยนต์รุ่นใหม่ในงาน Auto Shanghai 2025 โดยชิปที่เรียกว่า Frisco Lake ซึ่งเป็นรุ่นที่สองของ SoC (System-on-Chip) สำหรับยานยนต์ที่พัฒนาขึ้นจากสถาปัตยกรรม Panther Lake และมีการคาดการณ์ว่ารุ่นถัดไปจะใช้สถาปัตยกรรม Nova Lake ชิปเหล่านี้ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับยานยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยซอฟต์แวร์ (Software-Defined Vehicles) ซึ่งเน้นการใช้ซอฟต์แวร์ในการควบคุมฟังก์ชันต่างๆ แทนที่จะใช้ส่วนประกอบทางกลไกหรืออิเล็กทรอนิกส์แบบดั้งเดิม

    Frisco Lake มีประสิทธิภาพ AI สูงกว่ารุ่นก่อนถึง 10 เท่า และประหยัดพลังงานมากขึ้น 61% โดยใช้เทคโนโลยีการผลิต Intel 18A และมีการปรับปรุงสถาปัตยกรรมจาก Raptor Cove เป็น Cougar Cove

    ✅ การเปิดตัว Frisco Lake
    - เป็น SoC รุ่นที่สองสำหรับยานยนต์ที่พัฒนาจากสถาปัตยกรรม Panther Lake
    - มีประสิทธิภาพ AI สูงกว่ารุ่นก่อนถึง 10 เท่า และประหยัดพลังงานมากขึ้น 61%

    ✅ การใช้เทคโนโลยี Intel 18A
    - ใช้เทคโนโลยีการผลิต Intel 18A เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดการใช้พลังงาน
    - มีการปรับปรุงสถาปัตยกรรมจาก Raptor Cove เป็น Cougar Cove

    ✅ การพัฒนารุ่นถัดไป
    - รุ่นถัดไปที่เรียกว่า Grizzly Lake จะใช้สถาปัตยกรรม Nova Lake
    - มีการคาดการณ์ว่าจะมี 32 คอร์ และ GPU ที่รองรับ 7 TFLOPS

    ✅ การตอบสนองต่อความต้องการในตลาดยานยนต์
    - รองรับการใช้งานในยานยนต์ที่ต้องการประสิทธิภาพสูง เช่น ADAS และการขับขี่อัตโนมัติ

    https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/panther-lake-and-nova-lake-reportedly-power-intels-next-gen-automotive-socs-intel-releases-new-roadmap
    Intel ได้เปิดตัวแผนพัฒนาชิปสำหรับยานยนต์รุ่นใหม่ในงาน Auto Shanghai 2025 โดยชิปที่เรียกว่า Frisco Lake ซึ่งเป็นรุ่นที่สองของ SoC (System-on-Chip) สำหรับยานยนต์ที่พัฒนาขึ้นจากสถาปัตยกรรม Panther Lake และมีการคาดการณ์ว่ารุ่นถัดไปจะใช้สถาปัตยกรรม Nova Lake ชิปเหล่านี้ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับยานยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยซอฟต์แวร์ (Software-Defined Vehicles) ซึ่งเน้นการใช้ซอฟต์แวร์ในการควบคุมฟังก์ชันต่างๆ แทนที่จะใช้ส่วนประกอบทางกลไกหรืออิเล็กทรอนิกส์แบบดั้งเดิม Frisco Lake มีประสิทธิภาพ AI สูงกว่ารุ่นก่อนถึง 10 เท่า และประหยัดพลังงานมากขึ้น 61% โดยใช้เทคโนโลยีการผลิต Intel 18A และมีการปรับปรุงสถาปัตยกรรมจาก Raptor Cove เป็น Cougar Cove ✅ การเปิดตัว Frisco Lake - เป็น SoC รุ่นที่สองสำหรับยานยนต์ที่พัฒนาจากสถาปัตยกรรม Panther Lake - มีประสิทธิภาพ AI สูงกว่ารุ่นก่อนถึง 10 เท่า และประหยัดพลังงานมากขึ้น 61% ✅ การใช้เทคโนโลยี Intel 18A - ใช้เทคโนโลยีการผลิต Intel 18A เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดการใช้พลังงาน - มีการปรับปรุงสถาปัตยกรรมจาก Raptor Cove เป็น Cougar Cove ✅ การพัฒนารุ่นถัดไป - รุ่นถัดไปที่เรียกว่า Grizzly Lake จะใช้สถาปัตยกรรม Nova Lake - มีการคาดการณ์ว่าจะมี 32 คอร์ และ GPU ที่รองรับ 7 TFLOPS ✅ การตอบสนองต่อความต้องการในตลาดยานยนต์ - รองรับการใช้งานในยานยนต์ที่ต้องการประสิทธิภาพสูง เช่น ADAS และการขับขี่อัตโนมัติ https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/panther-lake-and-nova-lake-reportedly-power-intels-next-gen-automotive-socs-intel-releases-new-roadmap
    0 Comments 0 Shares 44 Views 0 Reviews
  • นักวิจัยจาก MIT ได้พัฒนาเทคนิคใหม่ในการสร้างวัสดุที่มีความยืดหยุ่นสูงแต่ยังคงความแข็งแรงและความแข็งแกร่งในระดับหนึ่ง โดยใช้การออกแบบโครงสร้างแบบ double-network ที่ผสมผสานระหว่างโครงสร้างแบบเส้นใยและโครงสร้างแบบ lattice เทคนิคนี้ถูกทดสอบครั้งแรกกับโพลิเมอร์ที่คล้ายกับเพล็กซิกลาส ซึ่งสามารถยืดได้ถึง 4 เท่าของขนาดเดิมก่อนที่จะแตก

    เทคนิคนี้สามารถนำไปใช้กับวัสดุอื่นๆ เช่น แก้ว เซรามิก และโลหะ ซึ่งเปิดโอกาสให้สามารถนำไปใช้ในอุตสาหกรรมต่างๆ รวมถึงเซมิคอนดักเตอร์ โดยมีศักยภาพในการสร้างชิปที่ยืดหยุ่นและสามารถติดตั้งบนเสื้อผ้าหรืออุปกรณ์สวมใส่ได้

    ✅ การออกแบบโครงสร้าง double-network
    - ใช้โครงสร้างแบบ lattice ที่มีเส้นใยพันรอบเพื่อเพิ่มความยืดหยุ่น
    - วัสดุสามารถยืดได้ถึง 3 เท่าของขนาดเดิมก่อนที่จะแตก

    ✅ การทดสอบวัสดุ
    - ทดสอบครั้งแรกกับโพลิเมอร์ที่คล้ายเพล็กซิกลาส
    - วัสดุสามารถยืดได้ถึง 4 เท่าของขนาดเดิม

    ✅ การนำไปใช้ในอุตสาหกรรม
    - สามารถนำไปใช้ในเซมิคอนดักเตอร์เพื่อสร้างชิปที่ยืดหยุ่น
    - มีศักยภาพในการนำไปใช้ในอุปกรณ์สวมใส่และเสื้อผ้า

    ✅ การพัฒนาวัสดุที่ตอบสนองต่ออุณหภูมิ
    - ใช้โพลิเมอร์ที่เปลี่ยนคุณสมบัติตามอุณหภูมิ เช่น นุ่มขึ้นในสภาพอากาศเย็น

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/researchers-develop-new-fabrication-method-to-make-materials-stretchy-but-strong
    นักวิจัยจาก MIT ได้พัฒนาเทคนิคใหม่ในการสร้างวัสดุที่มีความยืดหยุ่นสูงแต่ยังคงความแข็งแรงและความแข็งแกร่งในระดับหนึ่ง โดยใช้การออกแบบโครงสร้างแบบ double-network ที่ผสมผสานระหว่างโครงสร้างแบบเส้นใยและโครงสร้างแบบ lattice เทคนิคนี้ถูกทดสอบครั้งแรกกับโพลิเมอร์ที่คล้ายกับเพล็กซิกลาส ซึ่งสามารถยืดได้ถึง 4 เท่าของขนาดเดิมก่อนที่จะแตก เทคนิคนี้สามารถนำไปใช้กับวัสดุอื่นๆ เช่น แก้ว เซรามิก และโลหะ ซึ่งเปิดโอกาสให้สามารถนำไปใช้ในอุตสาหกรรมต่างๆ รวมถึงเซมิคอนดักเตอร์ โดยมีศักยภาพในการสร้างชิปที่ยืดหยุ่นและสามารถติดตั้งบนเสื้อผ้าหรืออุปกรณ์สวมใส่ได้ ✅ การออกแบบโครงสร้าง double-network - ใช้โครงสร้างแบบ lattice ที่มีเส้นใยพันรอบเพื่อเพิ่มความยืดหยุ่น - วัสดุสามารถยืดได้ถึง 3 เท่าของขนาดเดิมก่อนที่จะแตก ✅ การทดสอบวัสดุ - ทดสอบครั้งแรกกับโพลิเมอร์ที่คล้ายเพล็กซิกลาส - วัสดุสามารถยืดได้ถึง 4 เท่าของขนาดเดิม ✅ การนำไปใช้ในอุตสาหกรรม - สามารถนำไปใช้ในเซมิคอนดักเตอร์เพื่อสร้างชิปที่ยืดหยุ่น - มีศักยภาพในการนำไปใช้ในอุปกรณ์สวมใส่และเสื้อผ้า ✅ การพัฒนาวัสดุที่ตอบสนองต่ออุณหภูมิ - ใช้โพลิเมอร์ที่เปลี่ยนคุณสมบัติตามอุณหภูมิ เช่น นุ่มขึ้นในสภาพอากาศเย็น https://www.tomshardware.com/tech-industry/researchers-develop-new-fabrication-method-to-make-materials-stretchy-but-strong
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    Researchers develop new metamaterials that pave the way to bendy, stretchable computer chips
    You can apply this tech to chips and semiconductors to build a bendy processor.
    0 Comments 0 Shares 50 Views 0 Reviews
  • ข่าวนี้กล่าวถึงการเปิดตัวการ์ดจอรุ่นใหม่ AMD RX 9070 GRE (Great Radeon Edition) ซึ่งเป็นการ์ดจอที่มีราคาย่อมเยาที่สุดในซีรีส์ RX 9070 โดยใช้ชิป Navi 48 GPU ที่ถูกปรับลดสเปกลงเพื่อให้เหมาะสมกับตลาดที่ต้องการราคาประหยัด การ์ดจอรุ่นนี้มีหน่วยความจำ 12GB GDDR6 และอินเทอร์เฟซหน่วยความจำแบบ 192-bit พร้อมความเร็วสูงสุดที่ 2.79 GHz

    การ์ดจอ RX 9070 GRE มีการออกแบบที่เน้นการระบายความร้อนด้วยพัดลมสามตัว และมีการใช้พลังงานขั้นต่ำที่ 650W โดยมีการคาดการณ์ว่าการ์ดจอรุ่นนี้อาจเป็นผลิตภัณฑ์ที่จำหน่ายเฉพาะในตลาดจีน

    ✅ การใช้ชิป Navi 48 GPU
    - มี 3,072 คอร์ที่เปิดใช้งาน
    - อินเทอร์เฟซหน่วยความจำแบบ 192-bit และหน่วยความจำ 12GB GDDR6

    ✅ การออกแบบและการใช้พลังงาน
    - ใช้พัดลมสามตัวสำหรับการระบายความร้อน
    - ต้องการพลังงานขั้นต่ำที่ 650W

    ✅ การเปรียบเทียบกับรุ่นก่อนหน้า
    - มีความคล้ายคลึงกับ RX 7700 XT ในแง่ของจำนวนคอร์และอินเทอร์เฟซหน่วยความจำ
    - RX 9070 GRE ถูกออกแบบมาเพื่อแทนที่ RX 7700 XT

    ✅ การวางจำหน่ายและตลาดเป้าหมาย
    - คาดว่าจะวางจำหน่ายในตลาดจีนเป็นหลัก
    - มีการออกแบบกล่องที่มีข้อความทั้งภาษาอังกฤษและภาษาจีน

    https://www.tomshardware.com/pc-components/ssds/amd-rx-9070-gre-allegedly-ready-for-launch-navi-48-gpu-trimmed-down-to-12gb-vram-and-48-compute-units
    ข่าวนี้กล่าวถึงการเปิดตัวการ์ดจอรุ่นใหม่ AMD RX 9070 GRE (Great Radeon Edition) ซึ่งเป็นการ์ดจอที่มีราคาย่อมเยาที่สุดในซีรีส์ RX 9070 โดยใช้ชิป Navi 48 GPU ที่ถูกปรับลดสเปกลงเพื่อให้เหมาะสมกับตลาดที่ต้องการราคาประหยัด การ์ดจอรุ่นนี้มีหน่วยความจำ 12GB GDDR6 และอินเทอร์เฟซหน่วยความจำแบบ 192-bit พร้อมความเร็วสูงสุดที่ 2.79 GHz การ์ดจอ RX 9070 GRE มีการออกแบบที่เน้นการระบายความร้อนด้วยพัดลมสามตัว และมีการใช้พลังงานขั้นต่ำที่ 650W โดยมีการคาดการณ์ว่าการ์ดจอรุ่นนี้อาจเป็นผลิตภัณฑ์ที่จำหน่ายเฉพาะในตลาดจีน ✅ การใช้ชิป Navi 48 GPU - มี 3,072 คอร์ที่เปิดใช้งาน - อินเทอร์เฟซหน่วยความจำแบบ 192-bit และหน่วยความจำ 12GB GDDR6 ✅ การออกแบบและการใช้พลังงาน - ใช้พัดลมสามตัวสำหรับการระบายความร้อน - ต้องการพลังงานขั้นต่ำที่ 650W ✅ การเปรียบเทียบกับรุ่นก่อนหน้า - มีความคล้ายคลึงกับ RX 7700 XT ในแง่ของจำนวนคอร์และอินเทอร์เฟซหน่วยความจำ - RX 9070 GRE ถูกออกแบบมาเพื่อแทนที่ RX 7700 XT ✅ การวางจำหน่ายและตลาดเป้าหมาย - คาดว่าจะวางจำหน่ายในตลาดจีนเป็นหลัก - มีการออกแบบกล่องที่มีข้อความทั้งภาษาอังกฤษและภาษาจีน https://www.tomshardware.com/pc-components/ssds/amd-rx-9070-gre-allegedly-ready-for-launch-navi-48-gpu-trimmed-down-to-12gb-vram-and-48-compute-units
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    AMD RX 9070 GRE allegedly ready for launch — Navi 48 GPU trimmed down to 12GB VRAM and 48 compute units
    AMD's third RDNA4 GPU is ready to roll, but it might be exclusive to Chinese customers
    0 Comments 0 Shares 51 Views 0 Reviews
  • TSMC ได้เปิดเผยแผนการพัฒนาโปรเซสเซอร์แบบ multi-chiplet ที่มีขนาดใหญ่และทรงพลังที่สุดในโลก โดยใช้เทคโนโลยี CoWoS-L ซึ่งสามารถรองรับ interposer ขนาดใหญ่ถึง 7,885 mm² และใช้ substrate ขนาด 120×150 mm ซึ่งใหญ่กว่ากล่อง CD ทั่วไป การออกแบบนี้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการประมวลผลได้ถึง 40 เท่า เมื่อเทียบกับโปรเซสเซอร์มาตรฐาน

    โปรเซสเซอร์เหล่านี้ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับการใช้งานในศูนย์ข้อมูลและ AI ที่ต้องการประสิทธิภาพสูง โดยมีการใช้ HBM4 memory stacks และ SoICs ที่ช่วยเพิ่มความเร็วและลดการใช้พลังงาน นอกจากนี้ TSMC ยังได้พัฒนาเทคโนโลยีการจัดการพลังงานที่สามารถรองรับการใช้พลังงานระดับ kilowatt-class เพื่อเพิ่มความเสถียรและประสิทธิภาพของระบบ

    ✅ การใช้เทคโนโลยี CoWoS-L
    - รองรับ interposer ขนาดใหญ่ถึง 7,885 mm²
    - ใช้ substrate ขนาด 120×150 mm ซึ่งใหญ่กว่ากล่อง CD

    ✅ การเพิ่มประสิทธิภาพการประมวลผล
    - เพิ่มประสิทธิภาพการประมวลผลได้ถึง 40 เท่าเมื่อเทียบกับโปรเซสเซอร์มาตรฐาน
    - ใช้ HBM4 memory stacks และ SoICs เพื่อเพิ่มความเร็วและลดการใช้พลังงาน

    ✅ การจัดการพลังงานระดับ kilowatt-class
    - ใช้ monolithic power management ICs (PMICs) และ embedded deep trench capacitors (eDTC)
    - ช่วยลดความต้านทานและเพิ่มความเสถียรของระบบ

    ✅ การตอบสนองต่อความต้องการในตลาด AI
    - โปรเซสเซอร์เหล่านี้ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับการใช้งานในศูนย์ข้อมูลและ AI

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/tsmc-mulls-massive-1000w-class-multi-chiplet-processors-with-40x-the-performance-of-standard-models
    TSMC ได้เปิดเผยแผนการพัฒนาโปรเซสเซอร์แบบ multi-chiplet ที่มีขนาดใหญ่และทรงพลังที่สุดในโลก โดยใช้เทคโนโลยี CoWoS-L ซึ่งสามารถรองรับ interposer ขนาดใหญ่ถึง 7,885 mm² และใช้ substrate ขนาด 120×150 mm ซึ่งใหญ่กว่ากล่อง CD ทั่วไป การออกแบบนี้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการประมวลผลได้ถึง 40 เท่า เมื่อเทียบกับโปรเซสเซอร์มาตรฐาน โปรเซสเซอร์เหล่านี้ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับการใช้งานในศูนย์ข้อมูลและ AI ที่ต้องการประสิทธิภาพสูง โดยมีการใช้ HBM4 memory stacks และ SoICs ที่ช่วยเพิ่มความเร็วและลดการใช้พลังงาน นอกจากนี้ TSMC ยังได้พัฒนาเทคโนโลยีการจัดการพลังงานที่สามารถรองรับการใช้พลังงานระดับ kilowatt-class เพื่อเพิ่มความเสถียรและประสิทธิภาพของระบบ ✅ การใช้เทคโนโลยี CoWoS-L - รองรับ interposer ขนาดใหญ่ถึง 7,885 mm² - ใช้ substrate ขนาด 120×150 mm ซึ่งใหญ่กว่ากล่อง CD ✅ การเพิ่มประสิทธิภาพการประมวลผล - เพิ่มประสิทธิภาพการประมวลผลได้ถึง 40 เท่าเมื่อเทียบกับโปรเซสเซอร์มาตรฐาน - ใช้ HBM4 memory stacks และ SoICs เพื่อเพิ่มความเร็วและลดการใช้พลังงาน ✅ การจัดการพลังงานระดับ kilowatt-class - ใช้ monolithic power management ICs (PMICs) และ embedded deep trench capacitors (eDTC) - ช่วยลดความต้านทานและเพิ่มความเสถียรของระบบ ✅ การตอบสนองต่อความต้องการในตลาด AI - โปรเซสเซอร์เหล่านี้ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับการใช้งานในศูนย์ข้อมูลและ AI https://www.tomshardware.com/tech-industry/tsmc-mulls-massive-1000w-class-multi-chiplet-processors-with-40x-the-performance-of-standard-models
    0 Comments 0 Shares 48 Views 0 Reviews
  • AMD ได้เปิดตัวไดรเวอร์ GIM (GPU-IOV) แบบโอเพ่นซอร์สสำหรับการใช้งานด้านการจำลองเสมือน (virtualization) โดยไดรเวอร์นี้ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับ GPU ในกลุ่ม Instinct accelerators และในอนาคตจะขยายการรองรับไปยัง GPU สำหรับเดสก์ท็อปในตระกูล Radeon ตามแผนงานของ AMD

    ปัจจุบัน GIM driver รองรับเฉพาะ Instinct MI300X ที่ทำงานบนระบบปฏิบัติการ Ubuntu 22.04 LTS และใช้ ROCm 6.4 โดยยังไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับการขยายความเข้ากันได้หรือการรวมไดรเวอร์นี้เข้าสู่ Linux kernel หลัก

    การเปิดตัว GIM driver เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามของ AMD ในการเปิดซอร์สซอฟต์แวร์ของตน ซึ่งเริ่มต้นจากการตอบสนองต่อคำเรียกร้องจากนักพัฒนาและบริษัท AI เช่น Tiny Corp ที่ต้องการซอฟต์แวร์โอเพ่นซอร์สเพื่อปรับแต่ง GPU สำหรับเซิร์ฟเวอร์ของตน

    ✅ การเปิดตัว GIM driver แบบโอเพ่นซอร์ส
    - รองรับการจำลองเสมือนสำหรับ GPU ในกลุ่ม Instinct accelerators
    - ปัจจุบันรองรับเฉพาะ Instinct MI300X บน Ubuntu 22.04 LTS

    ✅ แผนการขยายการรองรับในอนาคต
    - AMD มีแผนที่จะเพิ่มการรองรับ GPU สำหรับเดสก์ท็อปในตระกูล Radeon
    - ยังไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับการรวมไดรเวอร์นี้เข้าสู่ Linux kernel หลัก

    ✅ การตอบสนองต่อคำเรียกร้องจากนักพัฒนา
    - Tiny Corp เป็นหนึ่งในบริษัทที่เรียกร้องให้ AMD เปิดซอร์สซอฟต์แวร์
    - การเปิดซอร์สช่วยให้นักพัฒนาสามารถปรับแต่ง GPU ให้เหมาะสมกับการใช้งาน

    ✅ การพัฒนาเพิ่มเติมในอนาคต
    - AMD จะเปิดซอร์ส Micro Engine Scheduler (MES) ในเดือนพฤษภาคม

    https://www.tomshardware.com/pc-components/gpu-drivers/amd-releases-open-source-gim-driver-aimed-at-gpu-virtualization-support-for-mainstream-radeon-gpus-coming-later
    AMD ได้เปิดตัวไดรเวอร์ GIM (GPU-IOV) แบบโอเพ่นซอร์สสำหรับการใช้งานด้านการจำลองเสมือน (virtualization) โดยไดรเวอร์นี้ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับ GPU ในกลุ่ม Instinct accelerators และในอนาคตจะขยายการรองรับไปยัง GPU สำหรับเดสก์ท็อปในตระกูล Radeon ตามแผนงานของ AMD ปัจจุบัน GIM driver รองรับเฉพาะ Instinct MI300X ที่ทำงานบนระบบปฏิบัติการ Ubuntu 22.04 LTS และใช้ ROCm 6.4 โดยยังไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับการขยายความเข้ากันได้หรือการรวมไดรเวอร์นี้เข้าสู่ Linux kernel หลัก การเปิดตัว GIM driver เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามของ AMD ในการเปิดซอร์สซอฟต์แวร์ของตน ซึ่งเริ่มต้นจากการตอบสนองต่อคำเรียกร้องจากนักพัฒนาและบริษัท AI เช่น Tiny Corp ที่ต้องการซอฟต์แวร์โอเพ่นซอร์สเพื่อปรับแต่ง GPU สำหรับเซิร์ฟเวอร์ของตน ✅ การเปิดตัว GIM driver แบบโอเพ่นซอร์ส - รองรับการจำลองเสมือนสำหรับ GPU ในกลุ่ม Instinct accelerators - ปัจจุบันรองรับเฉพาะ Instinct MI300X บน Ubuntu 22.04 LTS ✅ แผนการขยายการรองรับในอนาคต - AMD มีแผนที่จะเพิ่มการรองรับ GPU สำหรับเดสก์ท็อปในตระกูล Radeon - ยังไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับการรวมไดรเวอร์นี้เข้าสู่ Linux kernel หลัก ✅ การตอบสนองต่อคำเรียกร้องจากนักพัฒนา - Tiny Corp เป็นหนึ่งในบริษัทที่เรียกร้องให้ AMD เปิดซอร์สซอฟต์แวร์ - การเปิดซอร์สช่วยให้นักพัฒนาสามารถปรับแต่ง GPU ให้เหมาะสมกับการใช้งาน ✅ การพัฒนาเพิ่มเติมในอนาคต - AMD จะเปิดซอร์ส Micro Engine Scheduler (MES) ในเดือนพฤษภาคม https://www.tomshardware.com/pc-components/gpu-drivers/amd-releases-open-source-gim-driver-aimed-at-gpu-virtualization-support-for-mainstream-radeon-gpus-coming-later
    0 Comments 0 Shares 53 Views 0 Reviews
  • Intel กำลังเผชิญกับความท้าทายในการขายชิป AI PC รุ่นใหม่ เช่น Lunar Lake และ Meteor Lake ซึ่งมีราคาสูงกว่าชิป Raptor Lake รุ่นก่อนหน้าอย่างมาก ผู้บริโภคและ OEMs เลือกใช้ชิปรุ่นเก่าที่มีราคาย่อมเยาแทน ส่งผลให้เกิดปัญหาขาดแคลนกำลังการผลิตสำหรับชิปรุ่นเก่าในกระบวนการผลิต Intel 7 นอกจากนี้ Intel ยังประกาศแผนการปรับโครงสร้างองค์กรและการลดต้นทุน รวมถึงการเลิกจ้างพนักงานเพื่อรับมือกับผลประกอบการที่ลดลง

    Intel ยังคงมุ่งมั่นในการพัฒนาเทคโนโลยี AI และสร้างระบบนิเวศสำหรับนักพัฒนาเพื่อเพิ่มการใช้งานชิป AI PC อย่างไรก็ตาม การขาดแคลนแอปพลิเคชันที่ดึงดูดผู้บริโภคยังคงเป็นอุปสรรคสำคัญ

    ✅ ปัญหาการขายชิป AI PC รุ่นใหม่
    - Lunar Lake และ Meteor Lake มีราคาสูงกว่าชิปรุ่นก่อนหน้า
    - ผู้บริโภคและ OEMs เลือกใช้ชิปรุ่นเก่า เช่น Raptor Lake

    ✅ ปัญหาขาดแคลนกำลังการผลิต
    - Intel เผชิญกับปัญหาขาดแคลนกำลังการผลิตสำหรับชิปรุ่นเก่าในกระบวนการผลิต Intel 7
    - ความต้องการชิปรุ่นเก่าเพิ่มขึ้นเนื่องจากราคาที่เหมาะสม

    ✅ แผนการปรับโครงสร้างองค์กร
    - Intel ประกาศแผนการลดต้นทุนและการเลิกจ้างพนักงาน
    - มุ่งเน้นการพัฒนาเทคโนโลยี AI และสร้างระบบนิเวศสำหรับนักพัฒนา

    ✅ การพัฒนาเทคโนโลยี AI
    - Intel ยังคงมุ่งมั่นในการพัฒนาเทคโนโลยี AI และสร้างระบบนิเวศสำหรับนักพัฒนา

    https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/intels-ai-pc-chips-arent-selling-instead-last-gen-raptor-lake-booms-and-creates-a-shortage
    Intel กำลังเผชิญกับความท้าทายในการขายชิป AI PC รุ่นใหม่ เช่น Lunar Lake และ Meteor Lake ซึ่งมีราคาสูงกว่าชิป Raptor Lake รุ่นก่อนหน้าอย่างมาก ผู้บริโภคและ OEMs เลือกใช้ชิปรุ่นเก่าที่มีราคาย่อมเยาแทน ส่งผลให้เกิดปัญหาขาดแคลนกำลังการผลิตสำหรับชิปรุ่นเก่าในกระบวนการผลิต Intel 7 นอกจากนี้ Intel ยังประกาศแผนการปรับโครงสร้างองค์กรและการลดต้นทุน รวมถึงการเลิกจ้างพนักงานเพื่อรับมือกับผลประกอบการที่ลดลง Intel ยังคงมุ่งมั่นในการพัฒนาเทคโนโลยี AI และสร้างระบบนิเวศสำหรับนักพัฒนาเพื่อเพิ่มการใช้งานชิป AI PC อย่างไรก็ตาม การขาดแคลนแอปพลิเคชันที่ดึงดูดผู้บริโภคยังคงเป็นอุปสรรคสำคัญ ✅ ปัญหาการขายชิป AI PC รุ่นใหม่ - Lunar Lake และ Meteor Lake มีราคาสูงกว่าชิปรุ่นก่อนหน้า - ผู้บริโภคและ OEMs เลือกใช้ชิปรุ่นเก่า เช่น Raptor Lake ✅ ปัญหาขาดแคลนกำลังการผลิต - Intel เผชิญกับปัญหาขาดแคลนกำลังการผลิตสำหรับชิปรุ่นเก่าในกระบวนการผลิต Intel 7 - ความต้องการชิปรุ่นเก่าเพิ่มขึ้นเนื่องจากราคาที่เหมาะสม ✅ แผนการปรับโครงสร้างองค์กร - Intel ประกาศแผนการลดต้นทุนและการเลิกจ้างพนักงาน - มุ่งเน้นการพัฒนาเทคโนโลยี AI และสร้างระบบนิเวศสำหรับนักพัฒนา ✅ การพัฒนาเทคโนโลยี AI - Intel ยังคงมุ่งมั่นในการพัฒนาเทคโนโลยี AI และสร้างระบบนิเวศสำหรับนักพัฒนา https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/intels-ai-pc-chips-arent-selling-instead-last-gen-raptor-lake-booms-and-creates-a-shortage
    0 Comments 0 Shares 59 Views 0 Reviews
  • LinkedIn ได้ขยายฟีเจอร์ Verified on LinkedIn เพื่อช่วยแก้ปัญหาการขโมยข้อมูลและการฉ้อโกงออนไลน์ โดยฟีเจอร์นี้อนุญาตให้ผู้ใช้งานสามารถยืนยันตัวตน สถานที่ทำงาน หรือการศึกษา ผ่านการใช้บัตรประจำตัวที่ออกโดยรัฐบาล อีเมลที่ทำงาน หรือบริการของบุคคลที่สาม เช่น CLEAR และ Microsoft Entra ผู้ใช้งานที่ยืนยันตัวตนจะได้รับตราสัญลักษณ์บนหน้าโปรไฟล์เพื่อแสดงความน่าเชื่อถือ

    ล่าสุด LinkedIn ได้ขยายการใช้งานฟีเจอร์นี้ไปยังเว็บไซต์ภายนอก เช่น Adobe Content Authenticity และ Behance ซึ่งช่วยให้ผู้สร้างเนื้อหาสามารถแสดงตราสัญลักษณ์ Verified on LinkedIn บนโปรไฟล์ของตนได้เช่นกัน

    ✅ การยืนยันตัวตนบน LinkedIn
    - ผู้ใช้งานสามารถยืนยันตัวตน สถานที่ทำงาน หรือการศึกษา ผ่านบัตรประจำตัว อีเมลที่ทำงาน หรือบริการของบุคคลที่สาม
    - ผู้ใช้งานที่ยืนยันตัวตนจะได้รับตราสัญลักษณ์บนหน้าโปรไฟล์

    ✅ การขยายการใช้งานไปยังเว็บไซต์ภายนอก
    - เว็บไซต์ Adobe Content Authenticity และ Behance สามารถแสดงตราสัญลักษณ์ Verified on LinkedIn บนโปรไฟล์ของผู้ใช้งานได้

    ✅ เป้าหมายของฟีเจอร์นี้
    - ช่วยแก้ปัญหาการขโมยข้อมูลและการฉ้อโกงออนไลน์
    - เพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับผู้ใช้งานในโลกออนไลน์

    ✅ การพัฒนาฟีเจอร์เพิ่มเติม
    - LinkedIn ได้เพิ่มการยืนยันตัวตนสำหรับผู้สรรหางานเพื่อป้องกันการหลอกลวงที่เกี่ยวข้องกับงาน

    https://www.techradar.com/pro/security/linkedin-adds-new-verification-tool-to-ensure-security-across-the-internet
    LinkedIn ได้ขยายฟีเจอร์ Verified on LinkedIn เพื่อช่วยแก้ปัญหาการขโมยข้อมูลและการฉ้อโกงออนไลน์ โดยฟีเจอร์นี้อนุญาตให้ผู้ใช้งานสามารถยืนยันตัวตน สถานที่ทำงาน หรือการศึกษา ผ่านการใช้บัตรประจำตัวที่ออกโดยรัฐบาล อีเมลที่ทำงาน หรือบริการของบุคคลที่สาม เช่น CLEAR และ Microsoft Entra ผู้ใช้งานที่ยืนยันตัวตนจะได้รับตราสัญลักษณ์บนหน้าโปรไฟล์เพื่อแสดงความน่าเชื่อถือ ล่าสุด LinkedIn ได้ขยายการใช้งานฟีเจอร์นี้ไปยังเว็บไซต์ภายนอก เช่น Adobe Content Authenticity และ Behance ซึ่งช่วยให้ผู้สร้างเนื้อหาสามารถแสดงตราสัญลักษณ์ Verified on LinkedIn บนโปรไฟล์ของตนได้เช่นกัน ✅ การยืนยันตัวตนบน LinkedIn - ผู้ใช้งานสามารถยืนยันตัวตน สถานที่ทำงาน หรือการศึกษา ผ่านบัตรประจำตัว อีเมลที่ทำงาน หรือบริการของบุคคลที่สาม - ผู้ใช้งานที่ยืนยันตัวตนจะได้รับตราสัญลักษณ์บนหน้าโปรไฟล์ ✅ การขยายการใช้งานไปยังเว็บไซต์ภายนอก - เว็บไซต์ Adobe Content Authenticity และ Behance สามารถแสดงตราสัญลักษณ์ Verified on LinkedIn บนโปรไฟล์ของผู้ใช้งานได้ ✅ เป้าหมายของฟีเจอร์นี้ - ช่วยแก้ปัญหาการขโมยข้อมูลและการฉ้อโกงออนไลน์ - เพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับผู้ใช้งานในโลกออนไลน์ ✅ การพัฒนาฟีเจอร์เพิ่มเติม - LinkedIn ได้เพิ่มการยืนยันตัวตนสำหรับผู้สรรหางานเพื่อป้องกันการหลอกลวงที่เกี่ยวข้องกับงาน https://www.techradar.com/pro/security/linkedin-adds-new-verification-tool-to-ensure-security-across-the-internet
    0 Comments 0 Shares 61 Views 0 Reviews
  • WorkComposer ซึ่งเป็นแอปพลิเคชันติดตามการทำงานของพนักงาน ได้ถูกเปิดเผยว่ามีการรั่วไหลของภาพหน้าจอมากกว่า 21 ล้านภาพ บนอินเทอร์เน็ตแบบเปิด โดยภาพเหล่านี้ถูกเก็บไว้ใน Amazon S3 bucket ที่ไม่มีการป้องกัน ซึ่งอาจนำไปสู่ความเสี่ยงด้านความปลอดภัย เช่น การขโมยข้อมูล การฉ้อโกง และการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา

    ภาพหน้าจอที่รั่วไหลแสดงถึงกิจกรรมของพนักงานในเวลาจริง เช่น การสื่อสารที่เป็นความลับ พอร์ทัลการเข้าสู่ระบบ รหัสผ่าน และข้อมูลที่เป็นทรัพย์สินทางปัญญา แม้ว่าบริษัทจะล็อกการเข้าถึงข้อมูลในภายหลัง แต่ยังไม่มีหลักฐานว่าข้อมูลเหล่านี้ถูกใช้โดยอาชญากรไซเบอร์

    นักวิจัยด้านความปลอดภัยเตือนว่าการจัดการฐานข้อมูลที่ไม่มีการป้องกันเป็นสาเหตุสำคัญของการรั่วไหลของข้อมูลในปีนี้ โดยมีการรั่วไหลมากกว่า 2.8 พันล้านรายการ ทั่วโลก

    ✅ การรั่วไหลของภาพหน้าจอ
    - มีการรั่วไหลของภาพหน้าจอมากกว่า 21 ล้านภาพบนอินเทอร์เน็ตแบบเปิด
    - ภาพเหล่านี้แสดงถึงกิจกรรมของพนักงานในเวลาจริง เช่น การสื่อสารและข้อมูลที่เป็นทรัพย์สินทางปัญญา

    ✅ การจัดการฐานข้อมูลที่ไม่มีการป้องกัน
    - ข้อมูลถูกเก็บไว้ใน Amazon S3 bucket ที่ไม่มีการป้องกัน
    - บริษัทได้ล็อกการเข้าถึงข้อมูลในภายหลัง

    ✅ ผลกระทบต่อความปลอดภัย
    - การรั่วไหลอาจนำไปสู่ความเสี่ยงด้านความปลอดภัย เช่น การขโมยข้อมูลและการฉ้อโกง

    ✅ คำเตือนจากนักวิจัยด้านความปลอดภัย
    - การจัดการฐานข้อมูลที่ไม่มีการป้องกันเป็นสาเหตุสำคัญของการรั่วไหลของข้อมูล

    https://www.techradar.com/pro/security/top-employee-monitoring-app-leaks-21-million-screenshots-on-thousands-of-users
    WorkComposer ซึ่งเป็นแอปพลิเคชันติดตามการทำงานของพนักงาน ได้ถูกเปิดเผยว่ามีการรั่วไหลของภาพหน้าจอมากกว่า 21 ล้านภาพ บนอินเทอร์เน็ตแบบเปิด โดยภาพเหล่านี้ถูกเก็บไว้ใน Amazon S3 bucket ที่ไม่มีการป้องกัน ซึ่งอาจนำไปสู่ความเสี่ยงด้านความปลอดภัย เช่น การขโมยข้อมูล การฉ้อโกง และการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา ภาพหน้าจอที่รั่วไหลแสดงถึงกิจกรรมของพนักงานในเวลาจริง เช่น การสื่อสารที่เป็นความลับ พอร์ทัลการเข้าสู่ระบบ รหัสผ่าน และข้อมูลที่เป็นทรัพย์สินทางปัญญา แม้ว่าบริษัทจะล็อกการเข้าถึงข้อมูลในภายหลัง แต่ยังไม่มีหลักฐานว่าข้อมูลเหล่านี้ถูกใช้โดยอาชญากรไซเบอร์ นักวิจัยด้านความปลอดภัยเตือนว่าการจัดการฐานข้อมูลที่ไม่มีการป้องกันเป็นสาเหตุสำคัญของการรั่วไหลของข้อมูลในปีนี้ โดยมีการรั่วไหลมากกว่า 2.8 พันล้านรายการ ทั่วโลก ✅ การรั่วไหลของภาพหน้าจอ - มีการรั่วไหลของภาพหน้าจอมากกว่า 21 ล้านภาพบนอินเทอร์เน็ตแบบเปิด - ภาพเหล่านี้แสดงถึงกิจกรรมของพนักงานในเวลาจริง เช่น การสื่อสารและข้อมูลที่เป็นทรัพย์สินทางปัญญา ✅ การจัดการฐานข้อมูลที่ไม่มีการป้องกัน - ข้อมูลถูกเก็บไว้ใน Amazon S3 bucket ที่ไม่มีการป้องกัน - บริษัทได้ล็อกการเข้าถึงข้อมูลในภายหลัง ✅ ผลกระทบต่อความปลอดภัย - การรั่วไหลอาจนำไปสู่ความเสี่ยงด้านความปลอดภัย เช่น การขโมยข้อมูลและการฉ้อโกง ✅ คำเตือนจากนักวิจัยด้านความปลอดภัย - การจัดการฐานข้อมูลที่ไม่มีการป้องกันเป็นสาเหตุสำคัญของการรั่วไหลของข้อมูล https://www.techradar.com/pro/security/top-employee-monitoring-app-leaks-21-million-screenshots-on-thousands-of-users
    WWW.TECHRADAR.COM
    Top employee monitoring app leaks 21 million screenshots on thousands of users
    WorkComposer leaking screenshots of user activity on the clear web
    0 Comments 0 Shares 62 Views 0 Reviews
  • อีเจี๊ยบ อมแรด ท้าคนนครปฐม หากปชน.แพ้เลือกตั้งเทศบาล จะเลิกยุ่งการเมือง ช่วยกันสนองความต้องการอีเจี๊ยบด้วย
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #เจี๊ยบอมรัตน์
    อีเจี๊ยบ อมแรด ท้าคนนครปฐม หากปชน.แพ้เลือกตั้งเทศบาล จะเลิกยุ่งการเมือง ช่วยกันสนองความต้องการอีเจี๊ยบด้วย #คิงส์โพธิ์แดง #เจี๊ยบอมรัตน์
    0 Comments 0 Shares 86 Views 0 Reviews