• Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 58 มุมมอง 0 รีวิว
  • Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 181 มุมมอง 7 0 รีวิว
  • นโยบายกินได้ของพรรคอุ้งอิ้ง ลดทันที ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าน้ำมัน ค่าโทร ค่าเน็ต ฯ ขึ้นทันที ค่าแรง เงินเดือน... "ทำได้บ้างหรือยัง ??เงินดิจิตัล เปิดบ่อนคาซิโน พลังงานคนละครึ่งกับฮุนเซน พนัออนไลด์ถูกฏหมาย..ฯลฯ กำลังพยายามจะทำทั้งนโยบายลดและขึ้น ไม่มีใครได้กิน แต่นโยบายสร้างมีหวังได้กิน เพราะเป็นนโนบายกินได้..ของจริงใช่ไหม ?
    นโยบายกินได้ของพรรคอุ้งอิ้ง ลดทันที ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าน้ำมัน ค่าโทร ค่าเน็ต ฯ ขึ้นทันที ค่าแรง เงินเดือน... "ทำได้บ้างหรือยัง ??เงินดิจิตัล เปิดบ่อนคาซิโน พลังงานคนละครึ่งกับฮุนเซน พนัออนไลด์ถูกฏหมาย..ฯลฯ กำลังพยายามจะทำทั้งนโยบายลดและขึ้น ไม่มีใครได้กิน แต่นโยบายสร้างมีหวังได้กิน เพราะเป็นนโนบายกินได้..ของจริงใช่ไหม ?
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 428 มุมมอง 0 รีวิว
  • 0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 134 มุมมอง 0 รีวิว
  • กลับมาคุยกันต่อถึงภาพที่ 9 ของ 12 กงซวิ่นถู (宫训图) ที่ในละคร <เล่ห์รักตำหนักเหยียนสี่> ฮ่องเต้เฉียนหลงได้ทรงพระราชทานให้บรรดาพระภรรยาแห่งสิบสองตำหนัก โดยเป็นภาพที่เล่าเรื่องราวของพระภรรยาในประวัติศาสตร์ที่ถูกจารึกไว้ซึ่งคุณงามความดี

    ภาพที่เราจะคุยกันในวันนี้มีชื่อว่า ‘ฝานจีเจี้ยนเลี่ย’ (樊姬谏猎 / ฝานจีเตือนสติให้หยุดล่าสัตว์) ถูกพระราชทานไปที่พระตำหนักหย่งเหอกง ภาพจริงหน้าตาอย่างไร Storyฯ หาไม่พบเพราะมันสูญหายไปแล้ว ภาพที่นำมาให้ดูเป็นภาพเรื่องราวเดียวกัน แต่มีชื่อเรียกว่า ‘ฝานจีก่านจวง’ (ฝานจีดลใจจวงหวาง) ซึ่งเป็นตอนหนึ่งของภาพม้วนยาว ‘หนีว์สื่อเจิน’ (女史箴图 / ข้าราชสำนักหญิงเตือนสติ) ผลงานของกู้ข่ายจือ ซึ่งปัจจุบันเหลือเพียงฉบับคัดลอกที่มี 9 ตอนจากเดิม 12 ตอน

    Storyฯ เคยกล่าวถึงภาพ ‘หนีว์สื่อเจิน’ นี้มาบ้างแล้วในบทความก่อนๆ เกี่ยวกับกงซวิ่นถู แต่ไม่ได้เล่าว่า ภาพทั้ง 12 ตอนของ ‘หนีว์สื่อเจิน’ นี้วาดขึ้นตามเนื้อหาจากบันทึก ‘เลี่ยหนี่ว์จ้วน’ (列女传 / บันทึกเรื่องราวสตรีตัวอย่าง) ที่จัดทำขึ้นในสมัยฮั่นตะวันตกโดยหลี่เซี่ยง แบ่งเป็น 7 หมวดรวมเหตุการณ์ที่ถูกยกมาเป็นตัวอย่างของจรรยาที่สตรีพึงมี จัดเป็นงานวรรณกรรมจำพวก ‘เหวินเหยียนเหวิน’ หรืองานวรรณกรรมภาษาโบราณ ปัจจุบันเป็นเอกสารสำคัญทางประวัติศาสตร์ที่ทำให้ชนรุ่นหลังเข้าใจมากขึ้นถึงมุมมองของสังคมในสมัยนั้น

    ‘ฝานจี’ ที่กล่าวถึงในภาพ ‘ฝานจีเจี้ยนเลี่ย’ นี้ก็เป็นพระธิดาของกษัตริย์ผู้ครองแคว้นฝานและเป็นพระภรรยาของฉู่จวงหวาง (จวงอ๋อง) กษัตริย์แห่งแคว้นฉู่ในสมัยชุนชิว (ประมาณ 613-691 ปีก่อนคริสตกาล) จวงหวางแห่งแคว้นฉู่นี้ต่อมาถูกยกย่องเป็นหนึ่งในห้าของผู้ครองแคว้นที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งยุคสมัยชุนชิว หรือที่เรียกว่า ‘ชุนชิวอู่ป้า’ (霸 /ป้า แปลได้ประมาณว่า เจ้าผู้ครองโลก)

    หลี่เซี่ยงเคยเขียนถึงจวงหวางไว้ว่า “ความยิ่งใหญ่ของฉู่จวงหวาง คือผลงานของฝานจี”

    ฝานจีไม่ได้มีความสามารถพิเศษอะไรที่จะช่วยจวงหวางยึดครองอาณาจักร ที่นางได้รับการยกย่องอย่างนี้เป็นเพราะนางคอยเตือนสติให้จวงหวางใส่ใจการบริหารบ้านเมือง ไม่หลงไหลเคลิบเคลิ้มไปกับเรื่องใดหรือใครจนทำให้ละเลยการบริหารบ้านเมือง แม้แต่สนมนางในฝานจีก็เป็นคนคัดเลือกเอง เพราะต้องการให้คนใกล้ชิดจวงหวางล้วนเป็นคนที่มีจรรยาและวางตัวได้ดี ไม่ยั่วยวนฉู่จวงหวางให้ลุ่มหลงมัวเมา (ขออภัยไม่ใช้ราชาศัพท์ในบทความนี้)

    มีหลายเหตุการณ์เกี่ยวกับการเตือนสติของฝานจีได้รับการบันทึกไว้และเล่ากันต่อมา แต่ ‘ผลงานสำคัญ’ เป็นเรื่องเกี่ยวกับอัครมหาเสนาบดีอวี๋ชิวจื่อ เขาเป็นขุนนางที่มีฝีมือและจงรักภักดี เป็นที่เคารพยกย่องและมีอิทธิพลมากในราชสำนัก... ว่ากันว่า มีอยู่ช่วงหนึ่งจวงหวางโปรดปรานอวี๋ชิวจื่อมากจนเสวนาด้วยจนดึกดื่นทุกวัน อยู่มาวันหนึ่งฝานจีเห็นจวงหวางกลับดึกมากจึงถามไถ่สาเหตุ จวงหวางตอบว่าอวี๋ซิวจื่อคนนี้มิเพียงฉลาดปราดเปรื่อง หากยังจงรักภักดี จึงชอบเสวนาด้วย แต่ฝานจีกลับหัวเราะขบขันแล้วยกตัวอย่างว่า ตัวนางเองก็เป็นที่โปรดปรานของจวงหวาง แต่ยังไม่คิดจะเหนี่ยวรั้งจวงหวางไว้กับตนเพียงผู้เดียว หากแต่ยังช่วยสรรหาหญิงที่งามพร้อมจรรยามาช่วยดูแลปรนนิบัติ อวี๋ซิวจื่อผู้นี้แม้ฉลาดปราดเปรื่อง แต่สิบปีที่ผ่านมาไม่เปิดโอกาสให้คนดีมีฝีมือนอกแวดวงของเขาเข้ามารับราชการ เสนอชื่อแต่เพียงคนใกล้ชิดและลูกศิษย์ให้เจริญก้าวหน้าไม่ลงโทษหนักแม้ทำผิด จะเรียกว่าจงรักภักดีทำเพื่อคุณประโยชน์ของประเทศได้อย่างไร?

    เป็นเรื่องเล่าต่อมาอีกว่า วันรุ่งขึ้นจวงหวางเล่าให้อวี๋ซิวจื่อฟังถึงคำพูดของฝานจี อวี๋ซิวจื่อได้ยินก็ฉุกใจคิดคล้อยตาม รู้สึกละอายใจจนเก็บตัวเงียบหลายวัน หลังจากนั้นเขาสรรหาและคัดเลือกคนดีมีฝีมือใหม่ๆ เข้าราชสำนัก สุดท้ายค้นพบและเสนอชื่อซุนซูเอ้าให้มารับหน้าที่อัครมหาเสนาบดีแทนตน จากนั้นก็ขอเกษียณจากราชการ

    เหตุการณ์นี้อาจเรียกได้ว่าเป็นจุดสำคัญของการเปลี่ยนโฉมแคว้นฉู่ ซุนซูเอ้าผู้นี้ถูกจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ว่าเป็นหนึ่งในนักการเมืองและอัครมหาเสนาบดีที่เก่งกาจที่สุดในยุคสมัยนั้น เขาวางตนสมถะ ชี้นำให้จวงหวางยึดถือความสุขของประชาชนเป็นที่ตั้ง ให้คำปรึกษาที่ดีทั้งด้านเศรษฐกิจการเมืองและการทหาร กลายเป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้แคว้นฉู่เจริญยิ่งใหญ่จนกลายเป็นหนึ่งในห้าแคว้นที่เข้มแข็งที่สุดในสมัยนั้น

    จึงเป็นที่มาของวลีที่ว่า “ความยิ่งใหญ่ของฉู่จวงหวาง คือผลงานของฝานจี”

    เหตุการณ์ที่เล่าถึงในภาพกงซวิ่นถูนี้ เป็นการกล่าวถึงสมัยที่ฉู่จวงหวางขึ้นครองราชย์แคว้นฉู่ใหม่ๆ หลงรักการล่าสัตว์จนละเลยกิจการบ้านเมือง ฝานจีทั้งเตือนทั้งหว่านล้อมให้รามือหันมาดูแลบ้านเมืองเท่าไหร่ก็ไม่ใส่ใจ สุดท้ายนางจึงงดกินเนื้อสัตว์เป็นการประท้วงจนจวงหวางได้คิด เลิกเห็นการล่าสัตว์เป็นเรื่องบันเทิงและหันกลับมาให้เวลากับการบริหารบ้านเมือง

    ส่วนป้ายที่องค์เฉียนหลงพระราชทานไปคู่กับภาพนี้เขียนไว้ว่า ‘อี๋เจาซูเจิ้น’ (仪昭淑慎) แปลได้ประมาณว่า โอบอ้อมอารีมีสติ รักษาไว้ซึ่งจรรยาและพิธีการอันดีงาม Storyฯ เหมือนผ่านตาว่าวรรคนี้มีการพูดถึงและอธิบายไว้ในละครเรื่อง <หรูอี้จอมนางเคียงบัลลังก์> ด้วย

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory)

    Credit รูปภาพจาก:
    https://zhuanlan.zhihu.com/p/40578846
    https://kknews.cc/zh-hk/news/m6lqj5g.html#google_vignette
    Credit ข้อมูลรวบรวมจาก:
    https://baike.baidu.com/item/列女传/869659
    http://www.guoxue.com/?people=fanji
    https://baike.baidu.com/item/樊姬/10584406
    http://dzrb.dzng.com/articleContent/17_1032125.html
    https://hk.epochtimes.com/news/2018-05-29/28583343
    https://baike.baidu.com/item/孙叔敖/669927

    #เล่ห์รักตำหนักเหยียนสี่ #ฝานจี #ฉู่จวงหวาง #ชุนชิวอู่ป้า #ฝานจีเจี้ยนเลี่ย #หนีว์สื่อเจิน #เลี่ยหนี่ว์จ้วน #หลี่เซี่ยง #กงซวิ่นถู #เฉียนหลงสิบสองภาพวาด
    กลับมาคุยกันต่อถึงภาพที่ 9 ของ 12 กงซวิ่นถู (宫训图) ที่ในละคร <เล่ห์รักตำหนักเหยียนสี่> ฮ่องเต้เฉียนหลงได้ทรงพระราชทานให้บรรดาพระภรรยาแห่งสิบสองตำหนัก โดยเป็นภาพที่เล่าเรื่องราวของพระภรรยาในประวัติศาสตร์ที่ถูกจารึกไว้ซึ่งคุณงามความดี ภาพที่เราจะคุยกันในวันนี้มีชื่อว่า ‘ฝานจีเจี้ยนเลี่ย’ (樊姬谏猎 / ฝานจีเตือนสติให้หยุดล่าสัตว์) ถูกพระราชทานไปที่พระตำหนักหย่งเหอกง ภาพจริงหน้าตาอย่างไร Storyฯ หาไม่พบเพราะมันสูญหายไปแล้ว ภาพที่นำมาให้ดูเป็นภาพเรื่องราวเดียวกัน แต่มีชื่อเรียกว่า ‘ฝานจีก่านจวง’ (ฝานจีดลใจจวงหวาง) ซึ่งเป็นตอนหนึ่งของภาพม้วนยาว ‘หนีว์สื่อเจิน’ (女史箴图 / ข้าราชสำนักหญิงเตือนสติ) ผลงานของกู้ข่ายจือ ซึ่งปัจจุบันเหลือเพียงฉบับคัดลอกที่มี 9 ตอนจากเดิม 12 ตอน Storyฯ เคยกล่าวถึงภาพ ‘หนีว์สื่อเจิน’ นี้มาบ้างแล้วในบทความก่อนๆ เกี่ยวกับกงซวิ่นถู แต่ไม่ได้เล่าว่า ภาพทั้ง 12 ตอนของ ‘หนีว์สื่อเจิน’ นี้วาดขึ้นตามเนื้อหาจากบันทึก ‘เลี่ยหนี่ว์จ้วน’ (列女传 / บันทึกเรื่องราวสตรีตัวอย่าง) ที่จัดทำขึ้นในสมัยฮั่นตะวันตกโดยหลี่เซี่ยง แบ่งเป็น 7 หมวดรวมเหตุการณ์ที่ถูกยกมาเป็นตัวอย่างของจรรยาที่สตรีพึงมี จัดเป็นงานวรรณกรรมจำพวก ‘เหวินเหยียนเหวิน’ หรืองานวรรณกรรมภาษาโบราณ ปัจจุบันเป็นเอกสารสำคัญทางประวัติศาสตร์ที่ทำให้ชนรุ่นหลังเข้าใจมากขึ้นถึงมุมมองของสังคมในสมัยนั้น ‘ฝานจี’ ที่กล่าวถึงในภาพ ‘ฝานจีเจี้ยนเลี่ย’ นี้ก็เป็นพระธิดาของกษัตริย์ผู้ครองแคว้นฝานและเป็นพระภรรยาของฉู่จวงหวาง (จวงอ๋อง) กษัตริย์แห่งแคว้นฉู่ในสมัยชุนชิว (ประมาณ 613-691 ปีก่อนคริสตกาล) จวงหวางแห่งแคว้นฉู่นี้ต่อมาถูกยกย่องเป็นหนึ่งในห้าของผู้ครองแคว้นที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งยุคสมัยชุนชิว หรือที่เรียกว่า ‘ชุนชิวอู่ป้า’ (霸 /ป้า แปลได้ประมาณว่า เจ้าผู้ครองโลก) หลี่เซี่ยงเคยเขียนถึงจวงหวางไว้ว่า “ความยิ่งใหญ่ของฉู่จวงหวาง คือผลงานของฝานจี” ฝานจีไม่ได้มีความสามารถพิเศษอะไรที่จะช่วยจวงหวางยึดครองอาณาจักร ที่นางได้รับการยกย่องอย่างนี้เป็นเพราะนางคอยเตือนสติให้จวงหวางใส่ใจการบริหารบ้านเมือง ไม่หลงไหลเคลิบเคลิ้มไปกับเรื่องใดหรือใครจนทำให้ละเลยการบริหารบ้านเมือง แม้แต่สนมนางในฝานจีก็เป็นคนคัดเลือกเอง เพราะต้องการให้คนใกล้ชิดจวงหวางล้วนเป็นคนที่มีจรรยาและวางตัวได้ดี ไม่ยั่วยวนฉู่จวงหวางให้ลุ่มหลงมัวเมา (ขออภัยไม่ใช้ราชาศัพท์ในบทความนี้) มีหลายเหตุการณ์เกี่ยวกับการเตือนสติของฝานจีได้รับการบันทึกไว้และเล่ากันต่อมา แต่ ‘ผลงานสำคัญ’ เป็นเรื่องเกี่ยวกับอัครมหาเสนาบดีอวี๋ชิวจื่อ เขาเป็นขุนนางที่มีฝีมือและจงรักภักดี เป็นที่เคารพยกย่องและมีอิทธิพลมากในราชสำนัก... ว่ากันว่า มีอยู่ช่วงหนึ่งจวงหวางโปรดปรานอวี๋ชิวจื่อมากจนเสวนาด้วยจนดึกดื่นทุกวัน อยู่มาวันหนึ่งฝานจีเห็นจวงหวางกลับดึกมากจึงถามไถ่สาเหตุ จวงหวางตอบว่าอวี๋ซิวจื่อคนนี้มิเพียงฉลาดปราดเปรื่อง หากยังจงรักภักดี จึงชอบเสวนาด้วย แต่ฝานจีกลับหัวเราะขบขันแล้วยกตัวอย่างว่า ตัวนางเองก็เป็นที่โปรดปรานของจวงหวาง แต่ยังไม่คิดจะเหนี่ยวรั้งจวงหวางไว้กับตนเพียงผู้เดียว หากแต่ยังช่วยสรรหาหญิงที่งามพร้อมจรรยามาช่วยดูแลปรนนิบัติ อวี๋ซิวจื่อผู้นี้แม้ฉลาดปราดเปรื่อง แต่สิบปีที่ผ่านมาไม่เปิดโอกาสให้คนดีมีฝีมือนอกแวดวงของเขาเข้ามารับราชการ เสนอชื่อแต่เพียงคนใกล้ชิดและลูกศิษย์ให้เจริญก้าวหน้าไม่ลงโทษหนักแม้ทำผิด จะเรียกว่าจงรักภักดีทำเพื่อคุณประโยชน์ของประเทศได้อย่างไร? เป็นเรื่องเล่าต่อมาอีกว่า วันรุ่งขึ้นจวงหวางเล่าให้อวี๋ซิวจื่อฟังถึงคำพูดของฝานจี อวี๋ซิวจื่อได้ยินก็ฉุกใจคิดคล้อยตาม รู้สึกละอายใจจนเก็บตัวเงียบหลายวัน หลังจากนั้นเขาสรรหาและคัดเลือกคนดีมีฝีมือใหม่ๆ เข้าราชสำนัก สุดท้ายค้นพบและเสนอชื่อซุนซูเอ้าให้มารับหน้าที่อัครมหาเสนาบดีแทนตน จากนั้นก็ขอเกษียณจากราชการ เหตุการณ์นี้อาจเรียกได้ว่าเป็นจุดสำคัญของการเปลี่ยนโฉมแคว้นฉู่ ซุนซูเอ้าผู้นี้ถูกจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ว่าเป็นหนึ่งในนักการเมืองและอัครมหาเสนาบดีที่เก่งกาจที่สุดในยุคสมัยนั้น เขาวางตนสมถะ ชี้นำให้จวงหวางยึดถือความสุขของประชาชนเป็นที่ตั้ง ให้คำปรึกษาที่ดีทั้งด้านเศรษฐกิจการเมืองและการทหาร กลายเป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้แคว้นฉู่เจริญยิ่งใหญ่จนกลายเป็นหนึ่งในห้าแคว้นที่เข้มแข็งที่สุดในสมัยนั้น จึงเป็นที่มาของวลีที่ว่า “ความยิ่งใหญ่ของฉู่จวงหวาง คือผลงานของฝานจี” เหตุการณ์ที่เล่าถึงในภาพกงซวิ่นถูนี้ เป็นการกล่าวถึงสมัยที่ฉู่จวงหวางขึ้นครองราชย์แคว้นฉู่ใหม่ๆ หลงรักการล่าสัตว์จนละเลยกิจการบ้านเมือง ฝานจีทั้งเตือนทั้งหว่านล้อมให้รามือหันมาดูแลบ้านเมืองเท่าไหร่ก็ไม่ใส่ใจ สุดท้ายนางจึงงดกินเนื้อสัตว์เป็นการประท้วงจนจวงหวางได้คิด เลิกเห็นการล่าสัตว์เป็นเรื่องบันเทิงและหันกลับมาให้เวลากับการบริหารบ้านเมือง ส่วนป้ายที่องค์เฉียนหลงพระราชทานไปคู่กับภาพนี้เขียนไว้ว่า ‘อี๋เจาซูเจิ้น’ (仪昭淑慎) แปลได้ประมาณว่า โอบอ้อมอารีมีสติ รักษาไว้ซึ่งจรรยาและพิธีการอันดีงาม Storyฯ เหมือนผ่านตาว่าวรรคนี้มีการพูดถึงและอธิบายไว้ในละครเรื่อง <หรูอี้จอมนางเคียงบัลลังก์> ด้วย (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory) Credit รูปภาพจาก: https://zhuanlan.zhihu.com/p/40578846 https://kknews.cc/zh-hk/news/m6lqj5g.html#google_vignette Credit ข้อมูลรวบรวมจาก: https://baike.baidu.com/item/列女传/869659 http://www.guoxue.com/?people=fanji https://baike.baidu.com/item/樊姬/10584406 http://dzrb.dzng.com/articleContent/17_1032125.html https://hk.epochtimes.com/news/2018-05-29/28583343 https://baike.baidu.com/item/孙叔敖/669927 #เล่ห์รักตำหนักเหยียนสี่ #ฝานจี #ฉู่จวงหวาง #ชุนชิวอู่ป้า #ฝานจีเจี้ยนเลี่ย #หนีว์สื่อเจิน #เลี่ยหนี่ว์จ้วน #หลี่เซี่ยง #กงซวิ่นถู #เฉียนหลงสิบสองภาพวาด
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1331 มุมมอง 0 รีวิว
  • โลกต้องหมุนรอบ “แพทองธาร”?? ลั่นเข้าใจดิฉันด้วยเป็นนายกฯ GEN Y ย้อนก่อนจะว่าใครเป็นผู้นำให้ได้ก่อน
    https://www.thai-tai.tv/news/17470/
    โลกต้องหมุนรอบ “แพทองธาร”?? ลั่นเข้าใจดิฉันด้วยเป็นนายกฯ GEN Y ย้อนก่อนจะว่าใครเป็นผู้นำให้ได้ก่อน https://www.thai-tai.tv/news/17470/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 76 มุมมอง 0 รีวิว
  • FENGSHUI DAILY
    อัพเดตทุกวัน ที่นี่ที่เดียว
    สีเสริมดวง เสริมความเฮง
    ทิศมงคล เวลามงคล
    อย่าลืมดูกัน เมื่อเริ่มวันใหม่
    วันพุธที่ 5 เดือนมีนาคม พ.ศ.2568
    ___________________________________
    FengshuiBizDesigner
    ฮวงจุ้ย...ออกแบบได้

    เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ แอดเลย!! คลิก https://lin.ee/nyL0NuG
    ติดต่อ : 066-095-4524 (จิม) , 081-625-2587(ด็อง)
    .
    .
    #ดูดวงธุรกิจ #โลโก้ดี #ออกแบบโลโก้ #เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ #ฮวงจุ้ย #พี่อ๋า #สมศักดิ์ #ชาคริตฐากูร
    #FengshuiBiz #FengshuiBizDesigner
    FENGSHUI DAILY อัพเดตทุกวัน ที่นี่ที่เดียว สีเสริมดวง เสริมความเฮง ทิศมงคล เวลามงคล อย่าลืมดูกัน เมื่อเริ่มวันใหม่ วันพุธที่ 5 เดือนมีนาคม พ.ศ.2568 ___________________________________ FengshuiBizDesigner ฮวงจุ้ย...ออกแบบได้ เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ แอดเลย!! คลิก https://lin.ee/nyL0NuG ติดต่อ : 066-095-4524 (จิม) , 081-625-2587(ด็อง) . . #ดูดวงธุรกิจ #โลโก้ดี #ออกแบบโลโก้ #เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ #ฮวงจุ้ย #พี่อ๋า #สมศักดิ์ #ชาคริตฐากูร #FengshuiBiz #FengshuiBizDesigner
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 174 มุมมอง 0 รีวิว
  • ภาพจาก ดร.เอ้ คุณหมอลาดกระบังรุ่นที่ 1 ก้มกราบมารดา หลังรับพระราชทานปริญญาบัตร https://www.facebook.com/share/p/1Fnny4Uczz/
    ภาพจาก ดร.เอ้ คุณหมอลาดกระบังรุ่นที่ 1 ก้มกราบมารดา หลังรับพระราชทานปริญญาบัตร https://www.facebook.com/share/p/1Fnny4Uczz/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 245 มุมมอง 0 รีวิว
  • 0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 48 มุมมอง 0 รีวิว
  • ชาติยุโรปแสดงท่าทีขึงขัง ประชุมซัมมิตกันโดยมีเซเลนสกีเข้าร่วมด้วยที่ลอนดอน ประกาศเพิ่มงบประมาณด้านความมั่นคงและจัดตั้งแนวร่วมป้องกันสันติภาพในยูเครน พร้อมร่างเงื่อนไขข้อตกลงสันติภาพที่อาจจะเกิดขึ้นมาได้ เตรียมยื่นเสนอต่ออเมริกา โดยที่มาครงแย้มว่า อาจมีการพักการสู้รบทางอากาศและทางทะเลนาน 1 เดือน ทว่าสหราชอาณาจักรกลับบอกว่าเป็นเพียง 1 ในข้อเสนอซึ่งยังไม่มีการลงมติ ส่วนในอีกด้านหนึ่งรัสเซียเยาะยุโรปไม่ได้มีแผนการอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน และสิ่งหนึ่งที่เคียฟแน่ใจได้ว่าเป็นความคืบหน้าหนึ่งเดียวอยู่ในขณะนี้ คือความสัมพันธ์รัสเซีย-อเมริกา
    .
    การหารือว่าด้วยวิกฤตยูเครนในกรุงลอนดอนช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ของพวกผู้นำ 18 ชาติ ซึ่งแทบทั้งหมดเป็นชาติยุโรป เกิดขึ้นในช่วงเวลาอ่อนไหวอย่างยิ่งสำหรับยูเครนที่กำลังเผชิญความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการสนับสนุนของอเมริกาในการต่อต้านการรุกรานของรัสเซียที่ย่างเข้าสู่ปีที่ 4
    .
    วันศุกร์ที่ผ่านมา (28 ก.พ.) ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของอเมริกา ตำหนิโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครนว่า ไม่ตระหนักบุญคุณอเมริกาและไม่พร้อมทำข้อตกลงสันติภาพกับรัสเซียต่อหน้าผู้สื่อข่าวในทำเนียบขาว กระตุ้นความกังวลว่า เขากำลังบีบให้เคียฟทำข้อตกลงสันติภาพอโดยมอบสิ่งที่ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซียต้องการ
    .
    ทว่า ท่าทีของพวกผู้นำยุโรปเหล่านี้ ซึ่งได้รับการขนานนามว่าเป็น “กลุ่มพันธมิตรของผู้ที่เต็มใจร่วมมือกัน” (Coalition of the willing) ยังคงประกาศให้การสนับสนุนเคียฟเหนียวแน่น โดยเซเลนสกีโพสต์บนแพลตฟอร์มเทเลแกรมภายหลังการประชุมสุดยอดเมื่อวันอาทิตย์ว่า ที่ประชุมเห็นพ้องผลักดันสันติภาพ และในอนาคตอันใกล้จะมีการร่างจุดยืนร่วมกันเกี่ยวกับเป้าหมายที่ต้องบรรลุและเงื่อนไขที่จะไม่มีการประนีประนอมเพื่อเสนอต่ออเมริกา
    .
    นายกรัฐมนตรีเคียร์ สตาร์เมอร์ของสหราชอาณาจักร เจ้าภาพการประชุมซิมมิตครั้งนี้ ขานรับว่า สหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส และประเทศอื่นๆ จะร่วมมือกับยูเครนเพื่อทำให้สงครามยุติลง
    .
    สตาร์เมอร์สำทับว่า ยุโรปต้องพยายามมากขึ้น ขณะที่ไม่มีหลักประกันว่า อเมริกาจะเข้ามามีส่วนร่วมด้วยหรือไม่
    .
    กระนั้น สตาร์เมอร์ที่ได้พบกับทรัมป์ในบรรยากาศที่ชื่นมื่น วันสองวันก่อนหน้าเหตุการณ์ปะทะคารมเดือดที่ทำเนียบขาว ยังคงยืนยันแก้ต่างให้สหรัฐฯ ว่า อเมริกาไม่ใช่พันธมิตรที่พึ่งพาไม่ได้ และข้อตกลงใดๆ ก็ตามเกี่ยวกับยูเครน จำเป็นต้องได้รับการสนับสนุนอย่างเข้มแข็งจากอเมริกา
    .
    ด้านประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครงของฝรั่งเศส ให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์เลอ ฟิกาโร หลังกลับถึงปารีสว่า ฝรั่งเศสและสหราชอาณาจักรต้องการเสนอข้อตกลงหยุดยิงทางอากาศและทางทะเล รวมทั้งระงับการโจมตีพวกโครงสร้างพื้นฐาน เป็นเวลานาน 1 เดือน และยังเตรียมพร้อมส่งทหารไปช่วยกำกับดูแลการหยุดยิงในยูเครน
    .
    มาครงอธิบายว่า สาเหตุที่ข้อตกลงหยุดยิงไม่ครอบคลุมการสู้รบภาคพื้นดินอย่างน้อยในระยะแรกนั้นเนื่องจากแนวรบที่ค่อนข้างกว้างจนยากที่จะบังคับใช้ข้อตกลงหยุดยิงได้ ส่วนการส่งกองกำลังสันติภาพไปยูเครนคงยังไม่เกิดขึ้นในช่วงไม่กี่สัปดาห์นี้
    .
    ผู้นำฝรั่งเศสยังเสนอแนะให้ชาติยุโรปเพิ่มงบประมาณกลาโหมขึ้นสู่ระดับเท่ากับ 3-3.5% ของจีดีพีของประเทศตนเอง เพื่อรับมือการเปลี่ยนท่าทีของอเมริกาและปฏิบัติการทางทหารของรัสเซีย
    .
    อย่างไรก็ดี ในวันจันทร์ (3) รัฐมนตรีทบวงกองทัพของสหราชอาณาจักร ลุก พอลลาร์ด กลับแสดงท่าทีไม่ยืนยันรับรองแนวความคิดเรื่องหยุดยิงที่มาครงพูด โดยเขากล่าวกับสื่อบีบีซีว่า เรื่องนี้ยังไม่ได้เป็นแผนการที่สหราชอาณาจักรรับรองแล้วในเวลานี้ แต่เป็นหนึ่งในทางเลือกต่างๆ จำนวนหนึ่งที่กำลังมีการหารือกันเป็นการภายในระหว่างสหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส และเหล่าพันธมิตรอีกจำนวนหนึ่ง
    .
    ขณะที่ภายหลังการประชุมผู้นำยุโรปเมื่อวันอาทิตย์ อัวร์ซูลา ฟอน แดร์ ไลเอิน ประธานของคณะกรรมาธิการยุโรป ที่เป็นองค์กรบริหารของอียู ออกมาเตือนว่า ยุโรปต้องเร่งติดอาวุธเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับสถานการณ์เลวร้ายที่สุด ทั้งนี้ แดร์ ไลเอิน ได้ชื่อว่าเป็นพวกเหยี่ยวแข็งกร้าวกับรัสเซีย และไม่เป็นที่พอใจของทำเนียบขาวในปัจจุบัน
    .
    ทางฝ่ายนายกรัฐมนตรีโดนัลด์ ทุสก์ ของโปแลนด์ เรียกร้องอเมริกาและยุโรปแสดงให้ปูตินเห็นว่า ตะวันตกไม่เคยคิดอ่อนข้อก่อนที่ผู้นำรัสเซียจะแบล็กเมล์และรุกรานยูเครน
    .
    อย่างไรก็ดี ทางด้านทรัมป์กลับกล่าวเมื่อวันอาทิตย์ว่า อเมริกาควรกังวลกับปูตินน้อยลง และกังวลกับอาชญากรรมในประเทศให้มากขึ้น
    .
    วันเดียวกันนั้น คอนสแตนติน โคซาเชฟ สมาชิกผู้ทรงอิทธิพลในรัฐสภารัสเซีย โพสต์บนเทเลแกรมว่า การประชุมที่ลอนดอน เป็นความพยายามที่จะเปลี่ยนความล้มเหลวของนโยบายแห่งการเสี้ยมให้ยูเครนตีกับรัสเซีย ที่สหราชอาณาจักร และอเมริกาใช้มาเป็นเวลานาน 10 ปี ให้กลายเป็นความสำเร็จ
    .
    โคซาเชฟที่รับตำแหน่งประธานคณะกรรมาธิการกิจการต่างประเทศของสภาสูงรัสเซีย สำทับว่า ยุโรปไม่มีแผนการอะไรเลย และสิ่งหนึ่งที่ยูเครนวางใจได้ก็คือ ความคืบหน้าหนึ่งเดียวขณะนี้คือความสัมพันธ์รัสเซีย-อเมริกา
    .
    นอกจากนั้น ดมิทรี เพสคอฟ โฆษกเครมลิน ยังโพสต์บนเอ็กซ์ก่อนที่การประชุมที่ลอนดอนจะปิดฉากลงว่า การประชุมดังกล่าวเป็นการตกลงสวามิภักดิ์ต่อพวกนาซีที่ไม่ได้มีความสลักสำคัญใดๆ ในเคียฟ และเป็นความคิดที่น่าอัปยศ
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000020856
    ..............
    Sondhi X
    ชาติยุโรปแสดงท่าทีขึงขัง ประชุมซัมมิตกันโดยมีเซเลนสกีเข้าร่วมด้วยที่ลอนดอน ประกาศเพิ่มงบประมาณด้านความมั่นคงและจัดตั้งแนวร่วมป้องกันสันติภาพในยูเครน พร้อมร่างเงื่อนไขข้อตกลงสันติภาพที่อาจจะเกิดขึ้นมาได้ เตรียมยื่นเสนอต่ออเมริกา โดยที่มาครงแย้มว่า อาจมีการพักการสู้รบทางอากาศและทางทะเลนาน 1 เดือน ทว่าสหราชอาณาจักรกลับบอกว่าเป็นเพียง 1 ในข้อเสนอซึ่งยังไม่มีการลงมติ ส่วนในอีกด้านหนึ่งรัสเซียเยาะยุโรปไม่ได้มีแผนการอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน และสิ่งหนึ่งที่เคียฟแน่ใจได้ว่าเป็นความคืบหน้าหนึ่งเดียวอยู่ในขณะนี้ คือความสัมพันธ์รัสเซีย-อเมริกา . การหารือว่าด้วยวิกฤตยูเครนในกรุงลอนดอนช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ของพวกผู้นำ 18 ชาติ ซึ่งแทบทั้งหมดเป็นชาติยุโรป เกิดขึ้นในช่วงเวลาอ่อนไหวอย่างยิ่งสำหรับยูเครนที่กำลังเผชิญความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการสนับสนุนของอเมริกาในการต่อต้านการรุกรานของรัสเซียที่ย่างเข้าสู่ปีที่ 4 . วันศุกร์ที่ผ่านมา (28 ก.พ.) ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของอเมริกา ตำหนิโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครนว่า ไม่ตระหนักบุญคุณอเมริกาและไม่พร้อมทำข้อตกลงสันติภาพกับรัสเซียต่อหน้าผู้สื่อข่าวในทำเนียบขาว กระตุ้นความกังวลว่า เขากำลังบีบให้เคียฟทำข้อตกลงสันติภาพอโดยมอบสิ่งที่ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซียต้องการ . ทว่า ท่าทีของพวกผู้นำยุโรปเหล่านี้ ซึ่งได้รับการขนานนามว่าเป็น “กลุ่มพันธมิตรของผู้ที่เต็มใจร่วมมือกัน” (Coalition of the willing) ยังคงประกาศให้การสนับสนุนเคียฟเหนียวแน่น โดยเซเลนสกีโพสต์บนแพลตฟอร์มเทเลแกรมภายหลังการประชุมสุดยอดเมื่อวันอาทิตย์ว่า ที่ประชุมเห็นพ้องผลักดันสันติภาพ และในอนาคตอันใกล้จะมีการร่างจุดยืนร่วมกันเกี่ยวกับเป้าหมายที่ต้องบรรลุและเงื่อนไขที่จะไม่มีการประนีประนอมเพื่อเสนอต่ออเมริกา . นายกรัฐมนตรีเคียร์ สตาร์เมอร์ของสหราชอาณาจักร เจ้าภาพการประชุมซิมมิตครั้งนี้ ขานรับว่า สหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส และประเทศอื่นๆ จะร่วมมือกับยูเครนเพื่อทำให้สงครามยุติลง . สตาร์เมอร์สำทับว่า ยุโรปต้องพยายามมากขึ้น ขณะที่ไม่มีหลักประกันว่า อเมริกาจะเข้ามามีส่วนร่วมด้วยหรือไม่ . กระนั้น สตาร์เมอร์ที่ได้พบกับทรัมป์ในบรรยากาศที่ชื่นมื่น วันสองวันก่อนหน้าเหตุการณ์ปะทะคารมเดือดที่ทำเนียบขาว ยังคงยืนยันแก้ต่างให้สหรัฐฯ ว่า อเมริกาไม่ใช่พันธมิตรที่พึ่งพาไม่ได้ และข้อตกลงใดๆ ก็ตามเกี่ยวกับยูเครน จำเป็นต้องได้รับการสนับสนุนอย่างเข้มแข็งจากอเมริกา . ด้านประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครงของฝรั่งเศส ให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์เลอ ฟิกาโร หลังกลับถึงปารีสว่า ฝรั่งเศสและสหราชอาณาจักรต้องการเสนอข้อตกลงหยุดยิงทางอากาศและทางทะเล รวมทั้งระงับการโจมตีพวกโครงสร้างพื้นฐาน เป็นเวลานาน 1 เดือน และยังเตรียมพร้อมส่งทหารไปช่วยกำกับดูแลการหยุดยิงในยูเครน . มาครงอธิบายว่า สาเหตุที่ข้อตกลงหยุดยิงไม่ครอบคลุมการสู้รบภาคพื้นดินอย่างน้อยในระยะแรกนั้นเนื่องจากแนวรบที่ค่อนข้างกว้างจนยากที่จะบังคับใช้ข้อตกลงหยุดยิงได้ ส่วนการส่งกองกำลังสันติภาพไปยูเครนคงยังไม่เกิดขึ้นในช่วงไม่กี่สัปดาห์นี้ . ผู้นำฝรั่งเศสยังเสนอแนะให้ชาติยุโรปเพิ่มงบประมาณกลาโหมขึ้นสู่ระดับเท่ากับ 3-3.5% ของจีดีพีของประเทศตนเอง เพื่อรับมือการเปลี่ยนท่าทีของอเมริกาและปฏิบัติการทางทหารของรัสเซีย . อย่างไรก็ดี ในวันจันทร์ (3) รัฐมนตรีทบวงกองทัพของสหราชอาณาจักร ลุก พอลลาร์ด กลับแสดงท่าทีไม่ยืนยันรับรองแนวความคิดเรื่องหยุดยิงที่มาครงพูด โดยเขากล่าวกับสื่อบีบีซีว่า เรื่องนี้ยังไม่ได้เป็นแผนการที่สหราชอาณาจักรรับรองแล้วในเวลานี้ แต่เป็นหนึ่งในทางเลือกต่างๆ จำนวนหนึ่งที่กำลังมีการหารือกันเป็นการภายในระหว่างสหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส และเหล่าพันธมิตรอีกจำนวนหนึ่ง . ขณะที่ภายหลังการประชุมผู้นำยุโรปเมื่อวันอาทิตย์ อัวร์ซูลา ฟอน แดร์ ไลเอิน ประธานของคณะกรรมาธิการยุโรป ที่เป็นองค์กรบริหารของอียู ออกมาเตือนว่า ยุโรปต้องเร่งติดอาวุธเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับสถานการณ์เลวร้ายที่สุด ทั้งนี้ แดร์ ไลเอิน ได้ชื่อว่าเป็นพวกเหยี่ยวแข็งกร้าวกับรัสเซีย และไม่เป็นที่พอใจของทำเนียบขาวในปัจจุบัน . ทางฝ่ายนายกรัฐมนตรีโดนัลด์ ทุสก์ ของโปแลนด์ เรียกร้องอเมริกาและยุโรปแสดงให้ปูตินเห็นว่า ตะวันตกไม่เคยคิดอ่อนข้อก่อนที่ผู้นำรัสเซียจะแบล็กเมล์และรุกรานยูเครน . อย่างไรก็ดี ทางด้านทรัมป์กลับกล่าวเมื่อวันอาทิตย์ว่า อเมริกาควรกังวลกับปูตินน้อยลง และกังวลกับอาชญากรรมในประเทศให้มากขึ้น . วันเดียวกันนั้น คอนสแตนติน โคซาเชฟ สมาชิกผู้ทรงอิทธิพลในรัฐสภารัสเซีย โพสต์บนเทเลแกรมว่า การประชุมที่ลอนดอน เป็นความพยายามที่จะเปลี่ยนความล้มเหลวของนโยบายแห่งการเสี้ยมให้ยูเครนตีกับรัสเซีย ที่สหราชอาณาจักร และอเมริกาใช้มาเป็นเวลานาน 10 ปี ให้กลายเป็นความสำเร็จ . โคซาเชฟที่รับตำแหน่งประธานคณะกรรมาธิการกิจการต่างประเทศของสภาสูงรัสเซีย สำทับว่า ยุโรปไม่มีแผนการอะไรเลย และสิ่งหนึ่งที่ยูเครนวางใจได้ก็คือ ความคืบหน้าหนึ่งเดียวขณะนี้คือความสัมพันธ์รัสเซีย-อเมริกา . นอกจากนั้น ดมิทรี เพสคอฟ โฆษกเครมลิน ยังโพสต์บนเอ็กซ์ก่อนที่การประชุมที่ลอนดอนจะปิดฉากลงว่า การประชุมดังกล่าวเป็นการตกลงสวามิภักดิ์ต่อพวกนาซีที่ไม่ได้มีความสลักสำคัญใดๆ ในเคียฟ และเป็นความคิดที่น่าอัปยศ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000020856 .............. Sondhi X
    Like
    Haha
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1541 มุมมอง 0 รีวิว
  • ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ คณะสถิติประยุกต์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ ได้เขียนบทความพิเศษเกี่ยวกับประวัติความเป็นมาและประเภทของการใช้ตราพระราชลัญจกร การสร้างตราพระราชลัญจกร และการใช้ตราพระราชลัญจกรของไทยต่อเนื่องหลายตอนต่อเนื่องในเว็บไซต์ https://mgronline.com
    ขอยกข้อความหนึ่งในตอนการใช้ตราพระราชลัญจกรล่าสุดว่า

    ".....กล่าวได้ว่าเอกสารสำคัญในสมัยโบราณของไทย มิได้มีการลงพระปรมาภิไธย แต่ใช้การประทับพระราชลัญจกรเพียงอย่างเดียว หากเป็นเอกสารสำคัญมาก ก็จะมีการประทับตราพระราชลัญจกรหลายองค์ ทั้งตราพระราชลัญจกรสำหรับแผ่นดินได้แก่ ตราพระราชลัญจกรมหาโองการ ตราพระราชลัญจกรไอยราพต และตราพระราชลัญจกรหงสพิมาน และประทับตราพระราชลัญจกรประจำรัชกาลคือ พระราชลัญจกรพระครุฑพ่าห์ ที่ล้อมด้วยอักษรพระปรมาภิไธยด้วย

    พระมหากษัตริย์ไทยพระองค์แรกที่ทรงใช้ลายพระนามคือพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ทรงลงพระปรมาภิไธยเป็นภาษาละตินว่า SPPM. Mongkut Rex Siamensium โดยที่ SPPM ย่อมาจาก Somdet Phra. Poramenthra Maha Mongkut ส่วนคำภาษาละตินว่า Rex Siamensium แปลเป็นภาษาอังกฤษได้ว่า King of the Siam และภาษาไทยลงพระปรมาภิไธยว่า สมเด็จพระปรเมนทรมหามกุฎ พระจอมเกล้าเจ้ากรุงสยาม

    พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ยังทรงเป็นพระมหากษัตริย์ไทยพระองค์แรกทื่ทรงลงพระปรมาภิไธยและมีการประทับตราพระราชลัญจกรกำกับพระปรมาภิไธย และถือเป็นราชประเพณีปฏิบัติเช่นนี้มาจนกระทั่งปัจจุบัน ....."

    ที่มา https://mgronline.com/daily/detail/9680000020433
    ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ คณะสถิติประยุกต์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ ได้เขียนบทความพิเศษเกี่ยวกับประวัติความเป็นมาและประเภทของการใช้ตราพระราชลัญจกร การสร้างตราพระราชลัญจกร และการใช้ตราพระราชลัญจกรของไทยต่อเนื่องหลายตอนต่อเนื่องในเว็บไซต์ https://mgronline.com ขอยกข้อความหนึ่งในตอนการใช้ตราพระราชลัญจกรล่าสุดว่า ".....กล่าวได้ว่าเอกสารสำคัญในสมัยโบราณของไทย มิได้มีการลงพระปรมาภิไธย แต่ใช้การประทับพระราชลัญจกรเพียงอย่างเดียว หากเป็นเอกสารสำคัญมาก ก็จะมีการประทับตราพระราชลัญจกรหลายองค์ ทั้งตราพระราชลัญจกรสำหรับแผ่นดินได้แก่ ตราพระราชลัญจกรมหาโองการ ตราพระราชลัญจกรไอยราพต และตราพระราชลัญจกรหงสพิมาน และประทับตราพระราชลัญจกรประจำรัชกาลคือ พระราชลัญจกรพระครุฑพ่าห์ ที่ล้อมด้วยอักษรพระปรมาภิไธยด้วย พระมหากษัตริย์ไทยพระองค์แรกที่ทรงใช้ลายพระนามคือพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ทรงลงพระปรมาภิไธยเป็นภาษาละตินว่า SPPM. Mongkut Rex Siamensium โดยที่ SPPM ย่อมาจาก Somdet Phra. Poramenthra Maha Mongkut ส่วนคำภาษาละตินว่า Rex Siamensium แปลเป็นภาษาอังกฤษได้ว่า King of the Siam และภาษาไทยลงพระปรมาภิไธยว่า สมเด็จพระปรเมนทรมหามกุฎ พระจอมเกล้าเจ้ากรุงสยาม พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ยังทรงเป็นพระมหากษัตริย์ไทยพระองค์แรกทื่ทรงลงพระปรมาภิไธยและมีการประทับตราพระราชลัญจกรกำกับพระปรมาภิไธย และถือเป็นราชประเพณีปฏิบัติเช่นนี้มาจนกระทั่งปัจจุบัน ....." ที่มา https://mgronline.com/daily/detail/9680000020433
    MGRONLINE.COM
    ผู้จัดการออนไลน์ เว็บไซต์ข่าวชั้นนำของไทย แหล่งรวมข่าวสารที่ครบครัน
    ติดตามข่าวสารล่าสุด อัพเดทเหตุการณ์ปัจจุบัน รับรู้ข่าวสารด่วนทันที ไม่พลาดข่าวสารอัพเดท ข่าววันนี้ ติดตามข่าวอุบัติเหตุ อัพเดทข่าวการเมือง เศรษฐกิจ รับรู้ข่าวสารตลอด 24 ชม. ผู้จัดการออนไลน์
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 419 มุมมอง 0 รีวิว
  • 0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 110 มุมมอง 0 รีวิว
  • 0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 78 มุมมอง 1 0 รีวิว
  • ถ้อยแถลงของประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ที่บอกว่าข้อตกลงยุติสงครามกับรัสเซีย "ยังอยู่ห่างไกลมากๆ" ได้เรียกปฏิกิริยาตอบโตอย่างดุเดือดมาจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ท่าทีแข็งกร้าวไม่ยอมประนีประนอมใดๆ ทั้งที่เจ้าตัวยังคาดหวังได้รับแรงสนับสนุนจากอเมริกาต่อไป
    .
    "อเมริกาจะไม่ทนอีกต่อไป" ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โพสต์บนสื่อสังคมออนไลน์ ก่อนกล่าวหา เซเลนสกี ว่าไม่ต้องการสันติภาพ
    .
    ที่ประชุมซัมมิตของบรรดาผู้นำยุโรปส่วนใหญ่ในกรุงลอนดอน เมื่อวันอาทิตย์ (2 มี.ค.) เห็นพ้องในแผน 4 ข้อ สำหรับรับประกันการป้องกันตนเองของยูเครน ในกรณีที่มีข้อตกลงสันติภาพกับรัสเซีย
    .
    อย่างไรก็ตาม ทรัมป์ บอกว่า "บางทีมันอาจไม่ใช่การป่าวประกาศที่ดีนัก ในแง่ของการพยายามโชว์ความเข้มแข็งให้รัสเซียเห็น พวกเขากำลังคิดอะไรกันอยู่?" ทรัมป์บอก ดูเหมือนเป็นการพาดพิงที่ประชุมซัมมิตที่จัดขึ้น 2 วันหลังจากเขาเปิดศึกวิวาทะกับเซเลนสกี ในห้องทำงานรูปไข่
    .
    การประชุมนี้ ซึ่งมี เคียร์ สตาร์เมอร์ นายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักร เป็นเจ้าภาพ มีเจตนาเพื่อแสดงจุดยืนสนับสนุนยูเครน และพยายามลดความเห็นต่างในหมู่ประเทศตะวันตกเกี่ยวกับยูเครน ในขณะที่สหราชอาณาจักรและฝรั่งเศส บอกว่าพวกเขากำลังทำงานหาทางออกที่นำโดยยุโรปต่อวิกฤตความขัดแย้งในยูเครน
    .
    กระนั้นหลังการประชุม เซเลนสกี บอกว่าข้อตกลงยุติสงครามระหว่างยูเครนกับรัสเซีย "ยังคงห่างไกลมากๆ" แต่ระบุเขาคาดหมายว่าสหรัฐฯ จะยังคงให้การสนับสนุนยูเครน แม้เขามีความสัมพันธ์มึนตึงกับทรัมป์
    .
    "ผมเชื่อว่ายูเครนมีความเป็นมิตรที่เข้มแข็งเพียงพอกับสหรัฐอเมริกา" เซเลนสกี บอกในวันอาทิตย์ (2 ก.พ.) แต่ในจันทร์ (3 ก.พ.) ทรัมป์ ตอบโต้ด้วยการเน้นย้ำว่าจากมุมมองของเขา เซเลนสกีกำลังยืนขวางทางการเจรจาสันติภาพ
    .
    "มันเป็นถ้อยแถลงที่เลวร้ายที่สุดของเซเลนสกี และอเมริกาจะไม่ทนอีกต่อไป นั่นคือสิ่งที่ผมกำลังพูด ชายคนนี้ไม่ต้องการสันติภาพ ตราบใดที่เขามีสหรัฐฯ สนับสนุน" ทรัมป์เขียนบนทรัตช์โซเชียล สื่อสังคมออนไลน์ของเขาเอง
    .
    ระหว่างแถลงข่าวในเวลาต่อมาในวันจันทร์ (3 ก.พ.) ทรัมป์เน้นย้ำมุมมองของเขาที่ว่า เซเลนสกี "ควรสำนึกบุญคุณมากกว่านี้" สำหรับความช่วยเหลือที่ได้รับจากสหรัฐฯ ในช่วง 3 ปี นับตั้งแต่รัสเซียเปิดฉากรุกรานยูเครนเต็มรูปแบบ
    .
    ระหว่างเผชิญหน้ากันต่อหน้ากล้องในห้องทำงานรูปไข่ของทำเนียบขาวเมื่อปลายสัปดาห์ที่แล้ว ทั้ง ทรัมป์ และ เจดี แวนซ์ รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ ต่างขุ่นเคืองในสิ่งที่พวกเขามองว่า เซเลนสกี ไม่รู้จักสำนึกบุญคุณ
    .
    ศึกวิวาทะดังกล่าว นั่นหมายความว่าไม่มีการลงนามในข้อตกลงหนึ่งซึ่งจะเปิดทางให้สหรัฐฯ เข้าถึงทรัพยากรแร่หายากของยูเครน อย่างไรก็ตาม ระหว่างการแถลงข่าวในวันจันทร์ (3 มี.ค.) ทรัมป์ ไม่เชื่อว่าข้อตกลงดังกล่าวปิดตายแล้ว และบอกว่าเขาจะให้ข้อมูลอัปเดตอีกครั้ง เกี่ยวกับข้อตกลงนี้ในช่วงเย็นวันอังคาร (4 มี.ค.)
    .
    ตามหลังการประชุมซัมมิตในลอนดอน ทางสหราชอาณาจักรและฝรั่งเศส บ่งชี้ว่า "พันธมิตรยุโรปมีความตั้งใจปกป้องยูเครน" แต่กลับไม่ให้รายละเอียดใดๆ
    .
    สตาร์เมอร์บอกว่าแนวคิดส่งกำลังพลเข้าไปยังยูเครน ซึ่งรวมถึงทหารราบในภาคพื้นและเครื่องบินบนอากาศ ได้รับการสนับสนุนจากหลายฝ่าย แต่เขาพูดอย่างระมัดระวัง ปล่อยให้แต่ละชาติไปพูดคุยหารือเป็นการภายในในประเด็นนี้
    .
    บรรดาชาติแถบสแกนดิเนเวีย ส่งสัญญาณว่าเขาสนับสนุนความคิดนี้ แต่มีเงื่อนไขว่ามันต้องได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐฯ
    .
    ความเคลื่อนไหวของยุโรป มีขึ้นตามหลังการกลับลำนโยบายของสหรัฐฯ ภายใต้การนำของประธานาธิบดีทรัมป์ เขาบอกว่าเขาต้องการยุติสงครามและได้มีการพูดคุยทางโทรศัพท์ยืดยาวกับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย และมีการเปิดโต๊ะเจรจากับมอสโก ที่กันไม่ให้ยูเครนเข้าร่วม
    .
    ทรัมป์ ก่อความกังวลแก่บรรดาพันธมิตรตะวันตก ด้วยการบอกว่าเขาไว้ใจปูติน และกล่าวหา เซเลนสกี เป็นเผด็จการและถึงขั้นชี้ว่ายูเครนเป็นคนเริ่มสงคราม ไม่ใช่รัสเซีย
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000020860
    ..............
    Sondhi X
    ถ้อยแถลงของประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ที่บอกว่าข้อตกลงยุติสงครามกับรัสเซีย "ยังอยู่ห่างไกลมากๆ" ได้เรียกปฏิกิริยาตอบโตอย่างดุเดือดมาจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ท่าทีแข็งกร้าวไม่ยอมประนีประนอมใดๆ ทั้งที่เจ้าตัวยังคาดหวังได้รับแรงสนับสนุนจากอเมริกาต่อไป . "อเมริกาจะไม่ทนอีกต่อไป" ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โพสต์บนสื่อสังคมออนไลน์ ก่อนกล่าวหา เซเลนสกี ว่าไม่ต้องการสันติภาพ . ที่ประชุมซัมมิตของบรรดาผู้นำยุโรปส่วนใหญ่ในกรุงลอนดอน เมื่อวันอาทิตย์ (2 มี.ค.) เห็นพ้องในแผน 4 ข้อ สำหรับรับประกันการป้องกันตนเองของยูเครน ในกรณีที่มีข้อตกลงสันติภาพกับรัสเซีย . อย่างไรก็ตาม ทรัมป์ บอกว่า "บางทีมันอาจไม่ใช่การป่าวประกาศที่ดีนัก ในแง่ของการพยายามโชว์ความเข้มแข็งให้รัสเซียเห็น พวกเขากำลังคิดอะไรกันอยู่?" ทรัมป์บอก ดูเหมือนเป็นการพาดพิงที่ประชุมซัมมิตที่จัดขึ้น 2 วันหลังจากเขาเปิดศึกวิวาทะกับเซเลนสกี ในห้องทำงานรูปไข่ . การประชุมนี้ ซึ่งมี เคียร์ สตาร์เมอร์ นายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักร เป็นเจ้าภาพ มีเจตนาเพื่อแสดงจุดยืนสนับสนุนยูเครน และพยายามลดความเห็นต่างในหมู่ประเทศตะวันตกเกี่ยวกับยูเครน ในขณะที่สหราชอาณาจักรและฝรั่งเศส บอกว่าพวกเขากำลังทำงานหาทางออกที่นำโดยยุโรปต่อวิกฤตความขัดแย้งในยูเครน . กระนั้นหลังการประชุม เซเลนสกี บอกว่าข้อตกลงยุติสงครามระหว่างยูเครนกับรัสเซีย "ยังคงห่างไกลมากๆ" แต่ระบุเขาคาดหมายว่าสหรัฐฯ จะยังคงให้การสนับสนุนยูเครน แม้เขามีความสัมพันธ์มึนตึงกับทรัมป์ . "ผมเชื่อว่ายูเครนมีความเป็นมิตรที่เข้มแข็งเพียงพอกับสหรัฐอเมริกา" เซเลนสกี บอกในวันอาทิตย์ (2 ก.พ.) แต่ในจันทร์ (3 ก.พ.) ทรัมป์ ตอบโต้ด้วยการเน้นย้ำว่าจากมุมมองของเขา เซเลนสกีกำลังยืนขวางทางการเจรจาสันติภาพ . "มันเป็นถ้อยแถลงที่เลวร้ายที่สุดของเซเลนสกี และอเมริกาจะไม่ทนอีกต่อไป นั่นคือสิ่งที่ผมกำลังพูด ชายคนนี้ไม่ต้องการสันติภาพ ตราบใดที่เขามีสหรัฐฯ สนับสนุน" ทรัมป์เขียนบนทรัตช์โซเชียล สื่อสังคมออนไลน์ของเขาเอง . ระหว่างแถลงข่าวในเวลาต่อมาในวันจันทร์ (3 ก.พ.) ทรัมป์เน้นย้ำมุมมองของเขาที่ว่า เซเลนสกี "ควรสำนึกบุญคุณมากกว่านี้" สำหรับความช่วยเหลือที่ได้รับจากสหรัฐฯ ในช่วง 3 ปี นับตั้งแต่รัสเซียเปิดฉากรุกรานยูเครนเต็มรูปแบบ . ระหว่างเผชิญหน้ากันต่อหน้ากล้องในห้องทำงานรูปไข่ของทำเนียบขาวเมื่อปลายสัปดาห์ที่แล้ว ทั้ง ทรัมป์ และ เจดี แวนซ์ รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ ต่างขุ่นเคืองในสิ่งที่พวกเขามองว่า เซเลนสกี ไม่รู้จักสำนึกบุญคุณ . ศึกวิวาทะดังกล่าว นั่นหมายความว่าไม่มีการลงนามในข้อตกลงหนึ่งซึ่งจะเปิดทางให้สหรัฐฯ เข้าถึงทรัพยากรแร่หายากของยูเครน อย่างไรก็ตาม ระหว่างการแถลงข่าวในวันจันทร์ (3 มี.ค.) ทรัมป์ ไม่เชื่อว่าข้อตกลงดังกล่าวปิดตายแล้ว และบอกว่าเขาจะให้ข้อมูลอัปเดตอีกครั้ง เกี่ยวกับข้อตกลงนี้ในช่วงเย็นวันอังคาร (4 มี.ค.) . ตามหลังการประชุมซัมมิตในลอนดอน ทางสหราชอาณาจักรและฝรั่งเศส บ่งชี้ว่า "พันธมิตรยุโรปมีความตั้งใจปกป้องยูเครน" แต่กลับไม่ให้รายละเอียดใดๆ . สตาร์เมอร์บอกว่าแนวคิดส่งกำลังพลเข้าไปยังยูเครน ซึ่งรวมถึงทหารราบในภาคพื้นและเครื่องบินบนอากาศ ได้รับการสนับสนุนจากหลายฝ่าย แต่เขาพูดอย่างระมัดระวัง ปล่อยให้แต่ละชาติไปพูดคุยหารือเป็นการภายในในประเด็นนี้ . บรรดาชาติแถบสแกนดิเนเวีย ส่งสัญญาณว่าเขาสนับสนุนความคิดนี้ แต่มีเงื่อนไขว่ามันต้องได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐฯ . ความเคลื่อนไหวของยุโรป มีขึ้นตามหลังการกลับลำนโยบายของสหรัฐฯ ภายใต้การนำของประธานาธิบดีทรัมป์ เขาบอกว่าเขาต้องการยุติสงครามและได้มีการพูดคุยทางโทรศัพท์ยืดยาวกับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย และมีการเปิดโต๊ะเจรจากับมอสโก ที่กันไม่ให้ยูเครนเข้าร่วม . ทรัมป์ ก่อความกังวลแก่บรรดาพันธมิตรตะวันตก ด้วยการบอกว่าเขาไว้ใจปูติน และกล่าวหา เซเลนสกี เป็นเผด็จการและถึงขั้นชี้ว่ายูเครนเป็นคนเริ่มสงคราม ไม่ใช่รัสเซีย . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000020860 .............. Sondhi X
    Like
    Love
    Haha
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1807 มุมมอง 0 รีวิว
  • #กาแฟยามเช้าหอมกรุ่นอยู่เสมอ
    #กาแฟยามเช้าหอมกรุ่นอยู่เสมอ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 186 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทรัมป์ด่าเซเลนสกีการพูดที่ลอนดอนของเขา เป็นสิ่งที่เลวร้ายมากที่สุดอีกครั้ง หลังจากเซเลนสกีพูดที่กล่าวว่า การยุติสงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครนนั้นยังเป็นเรื่องที่ "ห่างไกลมากๆ" และยังจะหวังให้อเมริกาสนับสนุนอาวุธต่อไป คือคำพูดที่แย่ที่สุดที่เซเรนสกี้เคยพูดมา

    ทรัมป์บอกว่า อเมริกาจะไม่ทนอีกต่อไป! เพราะนี่มันหมายถึงเซเลนสกีไม่ได้ต้องการสันติภาพ ตราบใดที่ยังต้องการให้อเมริกาหนุนหลังเขาอยู่ และในการประชุมที่ยุโรป พวกเขายังบอกเองว่า ทำงานไม่ได้หากไม่มีสหรัฐช่วย คำพูดแบบนี้ไม่ใช่คำพูดที่ดี ในการแสดงความแข็งแกร่งต่อรัสเซีย พวกเขาคิดอะไรอยู่!?


    หลังจากโดนทรัมป์ตอกกลับในเรื่อง “สันติภาพที่ยังอยู่ห่างไกล” เซเลนสกีโพสต์ข้อความใหม่ว่า “เขาต้องการสันติภาพโดยเร็วที่สุด”


    ทรัมป์ด่าเซเลนสกีการพูดที่ลอนดอนของเขา เป็นสิ่งที่เลวร้ายมากที่สุดอีกครั้ง หลังจากเซเลนสกีพูดที่กล่าวว่า การยุติสงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครนนั้นยังเป็นเรื่องที่ "ห่างไกลมากๆ" และยังจะหวังให้อเมริกาสนับสนุนอาวุธต่อไป คือคำพูดที่แย่ที่สุดที่เซเรนสกี้เคยพูดมา ทรัมป์บอกว่า อเมริกาจะไม่ทนอีกต่อไป! เพราะนี่มันหมายถึงเซเลนสกีไม่ได้ต้องการสันติภาพ ตราบใดที่ยังต้องการให้อเมริกาหนุนหลังเขาอยู่ และในการประชุมที่ยุโรป พวกเขายังบอกเองว่า ทำงานไม่ได้หากไม่มีสหรัฐช่วย คำพูดแบบนี้ไม่ใช่คำพูดที่ดี ในการแสดงความแข็งแกร่งต่อรัสเซีย พวกเขาคิดอะไรอยู่!? หลังจากโดนทรัมป์ตอกกลับในเรื่อง “สันติภาพที่ยังอยู่ห่างไกล” เซเลนสกีโพสต์ข้อความใหม่ว่า “เขาต้องการสันติภาพโดยเร็วที่สุด”
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 230 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทรัมป์กำลังกล่าวถึงอนาคตของเซเลนสกีที่กำลังจะเกิดขึ้นเร็วๆ นี้!

    “ถ้าใครไม่อยากทำข้อตกลง ผมคิดว่าคนนั้นจะอยู่แถวนี้ได้อีกไม่นานนัก!
    คนๆนั้นจะพูดให้ใครฟังได้อีกไม่นาน เพราะผมเชื่อว่ารัสเซียต้องการทำข้อตกลง และทุกอย่างมันจะจบลง”
    ทรัมป์กำลังกล่าวถึงอนาคตของเซเลนสกีที่กำลังจะเกิดขึ้นเร็วๆ นี้! “ถ้าใครไม่อยากทำข้อตกลง ผมคิดว่าคนนั้นจะอยู่แถวนี้ได้อีกไม่นานนัก! คนๆนั้นจะพูดให้ใครฟังได้อีกไม่นาน เพราะผมเชื่อว่ารัสเซียต้องการทำข้อตกลง และทุกอย่างมันจะจบลง”
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 238 มุมมอง 20 0 รีวิว
  • ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ดับความหวังข้อตกลงจวนเจียนก่อนหมดเวลากับแคนาดาและเม็กซิโก ที่จะช่วยหลีกเลี่ยงรีดภาษี ขณะเดียวกันก็ลงนามในคำสั่งบริหารขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีน ความเคลื่อนไหวที่ก่อความกังวลว่ามันอาจโหมกระพือสงครามการค้า
    .
    ทรัมป์ เคยเปิดตัวมาตรการขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจาก 2 คู่ค้าหลักอย่างแคนาดาและเม็กซิโกในเดือนกุมภาพันธ์ โดยกล่าวหาทั้ง 2 ชาติ ล้มเหลวในการสกัดคนเข้าเมืองผิดกฎหมายและขบวนการลักลอบขนยาเสพติด ก่อนระงับบังคับใช้เป็นการชั่วคราว
    .
    การระงับดังกล่าวมีกำหนดหมดอายุลงในวันอังคาร(4มี.ค.) และตลาดหุ้นสหรัฐฯดิ่งลงอย่างหนัก หลังจาก ทรัมป์บอกกับพวกผู้สื่อข่าวในวันจันทร์(3มี.ค.) ว่า "ไม่มีช่องว่าง" สำหรับทั้ง 2 ประเทศ ที่จะหลีกเลี่ยงการขึ้นภาษีรอบใหม่
    .
    ขณะเดียวกันทำเนียบขาวเปิดเผยด้วยว่า ทรัมป์ ได้ลงนามในคำสั่งบริหาาร เพิ่มการเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีน จากเดิม 10% เป็น 20%
    .
    อย่างไรก็ตามมาตรการรีดภาษีอย่างครอบคลุม โดยเฉพาะกับแคนาดากับเม็กซิโก ส่อก่อผลกระทบกับห่วงโซ่อุปทานของภาคอุตสาหกรรมสำคัญๆ อย่างเช่นยานยนต์และวัสดุก่อสร้าง เสี่ยงทำให้ราคาผู้บริโภคดีดตัวสูงขึ้น ซึ่งมันจะก่อความยุ่งยากซับซ้อนต่อความพยายามของทรัมป์ ในการทำตามคำสัญญาระหว่างหาเสียง ที่รับปากจะหาทางช่วยภาคครัวเรือนลดค่าใช้จ่าย
    .
    ในวันจันทร์(3มี.ค.) ทรัมป์บอกว่าพร้อมแล้วสำหรับการขึ้นภาษีสูงสุด 25% สินค้านำเข้าจากแคนาดาและเม็กซิโก "พูดตรงๆเลย สิ่งที่พวกเขาจะจำเป็นต้องทำคือสร้างโรงงานรถยนต์ของเขาและสิ่งอื่นๆในสหรัฐฯ ซึ่งกรณีนี้พวกเขาจะไม่ถูกรีดภาษี" เขากล่าว
    .
    มาเลนี โจลี รัฐมนตรีต่างประเทศแคนาดา บอกว่าเค้าลางการรีดภาษีของทรัมป์ เป็นตัวแทน "ภัยคุกคามการอยู่รอดของประเทศ" เนื่องจากตำแหน่งงานหลายหมื่นอัตราตกอยู่ในความเสี่ยง เธอบอกต่อว่าถ้าทรัมป์เดินหน้า "เราก็พร้อมที่จะรีดภาษีตอบโต้"
    .
    นอกเหนือจากเค้าลางการรีดภาษีในสัปดาห์นี้ ทรัมป์ยังโพสต์บนสื่อสังคมออนไลน์ในวันจันทร์(3มี.ค.) ว่าการรีดภาษีสินค้าการเกษตรจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 2 เมษายน ขณะที่เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวรายหนึ่งบอกกับเอเอฟพีว่า มาตรการเหล่านี้มีขึ้นภายใต้แผนปัจจุบันของทรัมป์ สำหรับการเรียกเก็บภาษีศุลกากรตอบโต้ (Reciprocal Tariffs) ที่ปรับให้เหมาะสมกับคู่หูทางการค้าแต่ละชาติ
    .
    "ไม่สงสัยเลยว่ารัฐบาลพยายามคลี่คลายปัญหายาเฟนตานิลและผู้อพยพที่มีมาอย่างยาวนาน และมาตรการรีดภาษีเหล่านี้ มอบอำนาจงัดข้อแก่รัฐบาล" ไรอัน มาเจรัส อดีตเจ้าหน้าที่การค้าสหรัฐฯให้ความเห็น พร้อมระบุว่าในอีกด้านหนึ่ง วอชิงตันก็กำลังพยายามรักษาสมดุลความสัมพันธ์ทางการค้า
    .
    คลอเดีย ไชน์บาว์ม ประธานาธิบดีเม็กซิโก ระบุในวันจันทร์(3มี.ค.) ว่าประเทศของเธอมีแผนฉุกเฉินไว้แล้ว ไม่ว่า ทรัมป์ จะตัดสินใจอย่างไรก็ตาม
    .
    ส่วน จัสติน ทรูโด นายกรัฐมนตรีแคนาดา อ้างว่าในบรรดายาเฟนตานิลและคนเข้าเมืองผิดกฎหมายที่ไหลบ่าเข้าสู่สหรัฐฯนั้น มีไม่ถึง 1% ที่ลักลอบผ่านชายแดนแคนาดา แต่เขาบอกด้วยว่าแคนาดนา "จะตอบโต้อย่างหนักหน่วง ชัดเจนและอย่างทัดเทียม" ถ้ามาตรการรีดภาษีของอเมริกามีผลบังคับใช้
    .
    ที่ผ่านมา รัฐบาลของทรูโด ได้ดำเนินมาตรการต่างๆในความพยายามจัดการกับความกังวลของทรัมป์ ในนั้นรวมถึงแผนยกระดับความมั่นคงตามแนวชายแดน ที่ใช้งบประมาณกว่า 901 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ นอกจากนี้แล้วพวกเขายังแต่งตั้งซาร์ด้านเฟนตานิล เพื่อประสานความพยายามต่อต้านยาเสพติดชนิดนี้
    .
    ขณะเดียวกัน เม็กซิโก เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ได้ส่งตัวเจ้าพ่อยาเสพติดชื่อเสียงโด่งดังที่สุดบางส่วน ในฐานะผู้ร้ายข้ามแดนไปยังสหรัฐฯ ในความพยายามหลีกเลี่ยงถูกรีดภาษี ในนั้นรวมถึงหัวหน้าแก๊งอาชญากรรมแก๊งหนึ่ง ซึ่งเป็นที่ต้องการตัวของอเมริกามานานหลายทศวรรษ ในข้อหาฆาตกรรมสายลับสหรัฐฯ
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000020862
    ..............
    Sondhi X
    ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ดับความหวังข้อตกลงจวนเจียนก่อนหมดเวลากับแคนาดาและเม็กซิโก ที่จะช่วยหลีกเลี่ยงรีดภาษี ขณะเดียวกันก็ลงนามในคำสั่งบริหารขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีน ความเคลื่อนไหวที่ก่อความกังวลว่ามันอาจโหมกระพือสงครามการค้า . ทรัมป์ เคยเปิดตัวมาตรการขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจาก 2 คู่ค้าหลักอย่างแคนาดาและเม็กซิโกในเดือนกุมภาพันธ์ โดยกล่าวหาทั้ง 2 ชาติ ล้มเหลวในการสกัดคนเข้าเมืองผิดกฎหมายและขบวนการลักลอบขนยาเสพติด ก่อนระงับบังคับใช้เป็นการชั่วคราว . การระงับดังกล่าวมีกำหนดหมดอายุลงในวันอังคาร(4มี.ค.) และตลาดหุ้นสหรัฐฯดิ่งลงอย่างหนัก หลังจาก ทรัมป์บอกกับพวกผู้สื่อข่าวในวันจันทร์(3มี.ค.) ว่า "ไม่มีช่องว่าง" สำหรับทั้ง 2 ประเทศ ที่จะหลีกเลี่ยงการขึ้นภาษีรอบใหม่ . ขณะเดียวกันทำเนียบขาวเปิดเผยด้วยว่า ทรัมป์ ได้ลงนามในคำสั่งบริหาาร เพิ่มการเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีน จากเดิม 10% เป็น 20% . อย่างไรก็ตามมาตรการรีดภาษีอย่างครอบคลุม โดยเฉพาะกับแคนาดากับเม็กซิโก ส่อก่อผลกระทบกับห่วงโซ่อุปทานของภาคอุตสาหกรรมสำคัญๆ อย่างเช่นยานยนต์และวัสดุก่อสร้าง เสี่ยงทำให้ราคาผู้บริโภคดีดตัวสูงขึ้น ซึ่งมันจะก่อความยุ่งยากซับซ้อนต่อความพยายามของทรัมป์ ในการทำตามคำสัญญาระหว่างหาเสียง ที่รับปากจะหาทางช่วยภาคครัวเรือนลดค่าใช้จ่าย . ในวันจันทร์(3มี.ค.) ทรัมป์บอกว่าพร้อมแล้วสำหรับการขึ้นภาษีสูงสุด 25% สินค้านำเข้าจากแคนาดาและเม็กซิโก "พูดตรงๆเลย สิ่งที่พวกเขาจะจำเป็นต้องทำคือสร้างโรงงานรถยนต์ของเขาและสิ่งอื่นๆในสหรัฐฯ ซึ่งกรณีนี้พวกเขาจะไม่ถูกรีดภาษี" เขากล่าว . มาเลนี โจลี รัฐมนตรีต่างประเทศแคนาดา บอกว่าเค้าลางการรีดภาษีของทรัมป์ เป็นตัวแทน "ภัยคุกคามการอยู่รอดของประเทศ" เนื่องจากตำแหน่งงานหลายหมื่นอัตราตกอยู่ในความเสี่ยง เธอบอกต่อว่าถ้าทรัมป์เดินหน้า "เราก็พร้อมที่จะรีดภาษีตอบโต้" . นอกเหนือจากเค้าลางการรีดภาษีในสัปดาห์นี้ ทรัมป์ยังโพสต์บนสื่อสังคมออนไลน์ในวันจันทร์(3มี.ค.) ว่าการรีดภาษีสินค้าการเกษตรจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 2 เมษายน ขณะที่เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวรายหนึ่งบอกกับเอเอฟพีว่า มาตรการเหล่านี้มีขึ้นภายใต้แผนปัจจุบันของทรัมป์ สำหรับการเรียกเก็บภาษีศุลกากรตอบโต้ (Reciprocal Tariffs) ที่ปรับให้เหมาะสมกับคู่หูทางการค้าแต่ละชาติ . "ไม่สงสัยเลยว่ารัฐบาลพยายามคลี่คลายปัญหายาเฟนตานิลและผู้อพยพที่มีมาอย่างยาวนาน และมาตรการรีดภาษีเหล่านี้ มอบอำนาจงัดข้อแก่รัฐบาล" ไรอัน มาเจรัส อดีตเจ้าหน้าที่การค้าสหรัฐฯให้ความเห็น พร้อมระบุว่าในอีกด้านหนึ่ง วอชิงตันก็กำลังพยายามรักษาสมดุลความสัมพันธ์ทางการค้า . คลอเดีย ไชน์บาว์ม ประธานาธิบดีเม็กซิโก ระบุในวันจันทร์(3มี.ค.) ว่าประเทศของเธอมีแผนฉุกเฉินไว้แล้ว ไม่ว่า ทรัมป์ จะตัดสินใจอย่างไรก็ตาม . ส่วน จัสติน ทรูโด นายกรัฐมนตรีแคนาดา อ้างว่าในบรรดายาเฟนตานิลและคนเข้าเมืองผิดกฎหมายที่ไหลบ่าเข้าสู่สหรัฐฯนั้น มีไม่ถึง 1% ที่ลักลอบผ่านชายแดนแคนาดา แต่เขาบอกด้วยว่าแคนาดนา "จะตอบโต้อย่างหนักหน่วง ชัดเจนและอย่างทัดเทียม" ถ้ามาตรการรีดภาษีของอเมริกามีผลบังคับใช้ . ที่ผ่านมา รัฐบาลของทรูโด ได้ดำเนินมาตรการต่างๆในความพยายามจัดการกับความกังวลของทรัมป์ ในนั้นรวมถึงแผนยกระดับความมั่นคงตามแนวชายแดน ที่ใช้งบประมาณกว่า 901 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ นอกจากนี้แล้วพวกเขายังแต่งตั้งซาร์ด้านเฟนตานิล เพื่อประสานความพยายามต่อต้านยาเสพติดชนิดนี้ . ขณะเดียวกัน เม็กซิโก เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ได้ส่งตัวเจ้าพ่อยาเสพติดชื่อเสียงโด่งดังที่สุดบางส่วน ในฐานะผู้ร้ายข้ามแดนไปยังสหรัฐฯ ในความพยายามหลีกเลี่ยงถูกรีดภาษี ในนั้นรวมถึงหัวหน้าแก๊งอาชญากรรมแก๊งหนึ่ง ซึ่งเป็นที่ต้องการตัวของอเมริกามานานหลายทศวรรษ ในข้อหาฆาตกรรมสายลับสหรัฐฯ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000020862 .............. Sondhi X
    Like
    Love
    Wow
    6
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1804 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทรัมป์ระงับความช่วยเหลือทางทหารแก่ยูเครน

    ประธานาธิบดีทรัมป์มีคำสั่งระงับความช่วยเหลือทางทหารทั้งหมดแก่ยูเครน ส่งผลให้ความตึงเครียดกับยูเครนทวีความรุนแรงขึ้นไปอีก หลังจากไม่กี่วันก่อนหน้านี้ ทรัมป์และเซเลนสกีปะทะคารมที่ห้องทำงานรูปไข่อย่างดุเดือด

    เจ้าหน้าที่ระดับสูงของกระทรวงกลาโหมกล่าวว่าการระงับความช่วยเหลือจะดำเนินต่อไปจนกว่ายูเครนจะแสดง "ความมุ่งมั่นอย่างจริงใจต่อสันติภาพ"

    การเคลื่อนไหวดังกล่าวทำให้ความช่วยเหลือทั้งหมดที่อยู่ระหว่างการส่งในปัจจุบันหยุดชะงัก และอาจส่งผลถึงการทำสงครามของยูเครนอยู่ในสภาวะไม่แน่นอน

    ที่มา: Bloomberg
    ทรัมป์ระงับความช่วยเหลือทางทหารแก่ยูเครน ประธานาธิบดีทรัมป์มีคำสั่งระงับความช่วยเหลือทางทหารทั้งหมดแก่ยูเครน ส่งผลให้ความตึงเครียดกับยูเครนทวีความรุนแรงขึ้นไปอีก หลังจากไม่กี่วันก่อนหน้านี้ ทรัมป์และเซเลนสกีปะทะคารมที่ห้องทำงานรูปไข่อย่างดุเดือด เจ้าหน้าที่ระดับสูงของกระทรวงกลาโหมกล่าวว่าการระงับความช่วยเหลือจะดำเนินต่อไปจนกว่ายูเครนจะแสดง "ความมุ่งมั่นอย่างจริงใจต่อสันติภาพ" การเคลื่อนไหวดังกล่าวทำให้ความช่วยเหลือทั้งหมดที่อยู่ระหว่างการส่งในปัจจุบันหยุดชะงัก และอาจส่งผลถึงการทำสงครามของยูเครนอยู่ในสภาวะไม่แน่นอน ที่มา: Bloomberg
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 214 มุมมอง 0 รีวิว
  • ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ออกคำสั่งให้ระงับความช่วยเหลือทางทหารทั้งหมดที่มอบแก่ยูเครน เจ้าหน้าที่ระดับสูงของกระทรวงกลาโหมอเมริการายหนึ่งเปิดเผยกับสำนักข่าวบลูมเบิร์กในวันจันทร์(3มี.ค.) ยกระดับกดดันประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ไม่กี่วันหลังจากโต้เถียงกันอย่างเผ็ดร้อนในห้องทำงานรูปไข่ ที่ก่อข้อสงสัยเกี่ยวกับแรงสนับสนุนของอเมริกาที่มีต่อเคียฟ

    บลูมเบิร์กอ้างเจ้าหน้าที่ระดับสูงของเพนตากอน ระบุว่าความช่วยเหลือทางทหารทั้งหมดที่สหรัฐฯมอบแก่ยูคเรน จะถูกระงับไว้จนกว่า ทรัมป์ ได้ข้อสรุปว่าพวกผู้นำยูเครนกำลังพยายามอย่างแท้จริงในการมุ่งหน้าสู่สันติภาพ

    อ้างอิงข้อมูลจากสถาบันคีลเพื่อการศึกษาเศรษฐกิจโลก (Kiel Institute for the World Economy) พบว่าสหรัฐฯได้มอบความช่วยเหลือแก่ยูเครนไปแล้วกว่า 119,800 ล้านดอลลาร์ นับตั้งแต่รัสเซียเริ่มเปิดฉากรุกรานเต็มรูปแบบในปี 2022 ในนั้นแบ่งเป็นเงินช่วยเหลือทางทหาร 67,100 ล้านดอลลาร์, ความช่วยเหลือทางการเงิน 49,000 ล้านดอลลาร์ และความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม 3,600 ล้านดอลลาร์

    คำสั่งระงับครั้งนี้ไม่ใช่แค่ส่งผลกระทบกับความช่วยเหลือในอนาคตเท่านั้น แต่มันยังรวมถึงบรรดาอาวุธที่อยู่ระหว่างการขนส่ง ในนั้นรวมถึงการลำเลียงทั้งทางอากาศยานและทางเรือ เช่นเดียวกับยุทโธปกรณ์ต่างๆที่รอการขนย้ายในโปแลนด์

    การตัดสินใจครั้งนี้มีขึ้นตามหลังการประชุมที่เต็มไปด้วยศึกวิวาทะอันดุเดือดระหว่าง ทรัมป์ กับ เซเลนสกี ที่ห้องทำงานรูปไข่ในทำเนียบขาว หลังจากทั้ง 2 ฝ่าย เห็นต่างกันเกี่ยวกับความช่วยเหลือทางทหาร และจุดยืนทางยุทธศาสตร์ของยูเครนที่โหมกระพือความตึงเครียด

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/around/detail/9680000020882

    #MGROnline #โดนัลด์ทรัมป์ #ยูเครน
    ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ออกคำสั่งให้ระงับความช่วยเหลือทางทหารทั้งหมดที่มอบแก่ยูเครน เจ้าหน้าที่ระดับสูงของกระทรวงกลาโหมอเมริการายหนึ่งเปิดเผยกับสำนักข่าวบลูมเบิร์กในวันจันทร์(3มี.ค.) ยกระดับกดดันประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ไม่กี่วันหลังจากโต้เถียงกันอย่างเผ็ดร้อนในห้องทำงานรูปไข่ ที่ก่อข้อสงสัยเกี่ยวกับแรงสนับสนุนของอเมริกาที่มีต่อเคียฟ • บลูมเบิร์กอ้างเจ้าหน้าที่ระดับสูงของเพนตากอน ระบุว่าความช่วยเหลือทางทหารทั้งหมดที่สหรัฐฯมอบแก่ยูคเรน จะถูกระงับไว้จนกว่า ทรัมป์ ได้ข้อสรุปว่าพวกผู้นำยูเครนกำลังพยายามอย่างแท้จริงในการมุ่งหน้าสู่สันติภาพ • อ้างอิงข้อมูลจากสถาบันคีลเพื่อการศึกษาเศรษฐกิจโลก (Kiel Institute for the World Economy) พบว่าสหรัฐฯได้มอบความช่วยเหลือแก่ยูเครนไปแล้วกว่า 119,800 ล้านดอลลาร์ นับตั้งแต่รัสเซียเริ่มเปิดฉากรุกรานเต็มรูปแบบในปี 2022 ในนั้นแบ่งเป็นเงินช่วยเหลือทางทหาร 67,100 ล้านดอลลาร์, ความช่วยเหลือทางการเงิน 49,000 ล้านดอลลาร์ และความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม 3,600 ล้านดอลลาร์ • คำสั่งระงับครั้งนี้ไม่ใช่แค่ส่งผลกระทบกับความช่วยเหลือในอนาคตเท่านั้น แต่มันยังรวมถึงบรรดาอาวุธที่อยู่ระหว่างการขนส่ง ในนั้นรวมถึงการลำเลียงทั้งทางอากาศยานและทางเรือ เช่นเดียวกับยุทโธปกรณ์ต่างๆที่รอการขนย้ายในโปแลนด์ • การตัดสินใจครั้งนี้มีขึ้นตามหลังการประชุมที่เต็มไปด้วยศึกวิวาทะอันดุเดือดระหว่าง ทรัมป์ กับ เซเลนสกี ที่ห้องทำงานรูปไข่ในทำเนียบขาว หลังจากทั้ง 2 ฝ่าย เห็นต่างกันเกี่ยวกับความช่วยเหลือทางทหาร และจุดยืนทางยุทธศาสตร์ของยูเครนที่โหมกระพือความตึงเครียด • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/around/detail/9680000020882 • #MGROnline #โดนัลด์ทรัมป์ #ยูเครน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 452 มุมมอง 0 รีวิว
  • สหรัฐฯกำลังร่างแผนการหนึ่งๆในความเป็นไปได้ที่จะผ่อนปรนมาตรการคว่ำบาตรที่กำหนดเล่นงานรัสเซีย ในขณะที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กำลังหาทางฟื้นฟูความสัมพันธ์กับมอสโกและหยุดสงครามในยูเครน รอยเตอร์รายงานอ้างเจ้าหน้าที่อเมริการายหนึ่งและแหล่งข่าวใกล้ชิดกับประเด็นนี้
    .
    แหล่งข่าวเปิดเผยกับรอยเตอร์ว่า ทำเนียบขาวขอให้กระทรวงต่างประเทศและกระทรวงการคลัง ร่างรายการคว่ำบาตรที่อาจผ่อนปรน เพื่อที่พวกเจ้าหน้าที่สหรัฐฯจะได้หยิบยกไปหารือพูดคุยกับพวกผู้แทนของรัสเซียในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ส่วนหนึ่งในการเจรจาอย่างครอบคลุมระหว่างรัฐบาลประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กับมอสโก ในความพยายามปรับปรุงความสัมพันธ์ทั้งทางการทูตและเศรษฐกิจ
    .
    เวลานี้พวกเจ้าหน้าที่ด้านมาตรการคว่ำบาตรกำลังร่างข้อเสนอหนึ่งๆ สำหรับยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรนิติบุคคลและตัวบุคคลที่ได้รับเลือก ในนั้นรวมถึงกลุ่มผู้มีอำนาจบางส่วนของรัสเซีย แหล่งข่าวระบุ
    .
    สิ่งที่เรียกว่า "เอกสารทางเลือก" มักถูกร่างขึ้นบ่อยครั้งเป็นปกติอยู่แล้วโดยพวกเจ้าหน้าที่ที่ทำงานด้านมาตรการคว่ำบาตร แต่คำขออย่างเฉพาะเจาะจงในครั้งนี้ของทำเนียบขาวในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา เน้นย้ำว่า ทรัมป์ และคณะที่ปรึกษาของเขา มีความตั้งใจผ่อนปรนมาตรการคว่ำบาตรที่กำหนดเล่นงานรัสเซียจริงๆ ส่วนหนึ่งในว่าที่ข้อตกลงหนึ่งใดกับมอสโก
    .
    ไม่เป็นที่้ชัดเจนว่า วอชิงตันต้องการสิ่งใดแลกเปลี่ยนกับการผ่อนปรนมาตรการคว่ำบาตร
    .
    รัสเซีย เป็นหนึ่งในชาติผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ที่สุดในโลก และถ้ามาตรการคว่ำบาตรภาคพลังงานของมอสโกได้รับการผ่อนปรน มันจะช่วยสกัดไม่ให้ราคาเชื้อเพลิงพุ่งสูง ถ้าหากทรัมป์ต้องการเล่นงานภาคการส่งออกน้ำมันของอิหร่าน ชาติสมาชิกโอเปก
    .
    ทำเนียบขาว กระทรวงการต่างประเทศและกระทรวงการคลังสหรัฐฯ รวมถึงสถานทูตรัสเซียประจำวอชิงตัน ยังไม่ออกมาแสดงความคิดเห็นต่อรายงานข่าวนี้
    .
    เมื่อปีที่แล้ว วังเครมลิน ให้คำนิยามความสัมพันธ์กับรัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้การนำของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ว่า "ต่ำว่าศูนย์" เนื่องจาก ไบเดน จากพรรคเดโมแครต ให้การสนับสนุนยูเครนด้วยเงินช่วยเหลือและอาวุธ รวมถึงกำหนดมาตรการคว่ำบาตรหนักหน่วงเล่นงานรัสเซีย ลงโทษกรณีรุกรานยูเครนในปี 2022
    .
    แต่ ทรัมป์ ซึ่งรับปากว่าจะยุติสงครามอย่างรวดเร็ว ได้กลับลำนโยบายของสหรัฐฯ เปิดการเจรจากับมอสโก เริ่มต้นด้วยการพูดคุยทางโทรศัพท์กับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย ในวันที่ 12 กุมภาพันธ์ และตามด้วยการพบปะหารือกันระหว่างเจ้าหน้าที่ระดับสูงของทั้ง 2 ชาติ ทั้งในซาอุดีอาระเบียและตุรกี
    .
    สหรัฐฯกำหนดมาตรการคว่ำบาตรเล่นงานรัสเซียมาตั้งแต่ที่มอสโกรุกรานยูเครนในปี 2022 ในนั้นรวมถึงมาตรการต่างๆที่เล็งเป้าหมายจำกัดรายได้จากอุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซธรรมชาติอันมหาศาลของประเทศแห่งนี้ และบั่นทอนศักยภาพในการหาทุนในการทำสงคราม
    .
    ทรัมป์ ในเดือนมกราคม ขู่ว่าอาจยกระดับมาตรการคว่ำบาตรเล่นงานรัสเซีย หากว่าปูติน ไม่มีความตั้งใจเจรจายุติสงครามในยูเครน แต่เมื่อเร็วๆนี้ เจ้าหน้าที่รัฐบาลทรัมป์ยอมรับอย่างเปิดเผยเกี่ยวกับความเป็นไปได้ในการผ่อนปรนมาตรการคว่ำบาตรมอสโก
    .
    สกอตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ กล่าวระหว่างให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์บลูมเบิร์ก เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ ว่ารัสเซียอาจได้รับการผ่อนปรนการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจ แต่ขึ้นอยู่กับว่าพวกเขามีท่าทีอย่างไรต่อการเจรจาในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า จากนั้นในวันที่ 26 กุมภาพันธ์ ทรัมป์ เน้นย้ำกับพวกผู้สื่อข่าวว่าอาจมีการผ่อนปรนมาตรการคว่ำบาตรรัสเซีย "ในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่ง"
    .
    ทั้งนี้ไม่เป็นที่ชัดเจนว่ามาตรการคว่ำบาตรใด ที่รัฐบาลทรัมป์จะพิจารณายกเลิกเล่นงานรัสเซียเป็นลำดับแรก
    .
    จอห์น สมิธ จากบริษัทกฎหมาย Morrison Foerster และอดีตผู้อำนวยการสำนักงานควบคุมสินทรัพย์ต่างประเทศของกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ให้ความเห็นว่า ทรัมป์ อาจออกคำสั่งบริหารฉบับหนึ่ง ที่เปิดทางให้รัฐบาลเริ่มกระบวนการผ่อนปรนมาตรการคว่ำบาตรรัสเซียบางอย่าง แต่เขาจำเป็นต้องขอความเห็นชอบจากสภาคองเกรสในการยกเลิกการคว่ำบาตรนิติบุคคลบางแห่ง
    .
    นับตั้งแต่ปี 2022 เป็นต้นมา รัสเซีย เสริมความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจในช่วงเวลาสงคราม ด้วยการเพิ่มการใช้จ่ายด้านการทหารและยกระดับผลผลิตทางอุตสาหกรรม แต่พวกผู้เชี่ยวชาญมองว่าเศรษฐกิจของประเทศแห่งนี้ยังมีความอ่อนแอ และจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องได้รับการผ่อนปรนมาตรการคว่ำบาตรจากตะวันตก
    .
    รัสเซียบอกว่าพวกเขาเปิดกว้างสำหรับความร่วมมือทางเศรษฐกิจ โดยวังเครมลินบอกเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ว่ารัสเซียมีแร่ธาตุแรร์เฮิร์ธมากมาย และเปิดกว้างสำหรับทำข้อตกลงพัฒนาแร่เหล่านี้ หลังจาก ปูติน พูดถึงความเป็นไปได้ที่จะร่วมมือในเรื่องดังกล่าวกับสหรัฐฯ
    .
    แหล่งข่าวเชื่อว่าข้อตกลงทางเศรษฐกิจอย่างเป็นทางการใดๆ ดูเหมือนจะมีความจำเป็นสำหรับเปิดทางให้สหรัฐฯผ่อนปรนมาตรการคว่ำบาตร
    .
    ที่ผ่านมา ทรัมป์ หาทางบรรลุข้อตกลงแร่ธาตุกับยูเครน ประเทศที่มีแหล่งทรัพยากรแร่มหาศาล ในนั้นรวมถึงแร่แรร์เอิร์ธ ในฐานะเป็นสิ่งตอบแทนชดใช้เงินช่วยเหลือหลายแสนล้านดอลลาร์ที่สหรัฐฯมอให้แก่เคียฟ อย่างไรก็ตามไม่มีการลงนามในข้อตกลง ตามหลังศึกวิวาทะดุเดือดภายในห้องทำงานรูปไข่ของทำเนียบขาว ระหว่าง ทรัมป์ กับประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000020861
    ..............
    Sondhi X
    สหรัฐฯกำลังร่างแผนการหนึ่งๆในความเป็นไปได้ที่จะผ่อนปรนมาตรการคว่ำบาตรที่กำหนดเล่นงานรัสเซีย ในขณะที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กำลังหาทางฟื้นฟูความสัมพันธ์กับมอสโกและหยุดสงครามในยูเครน รอยเตอร์รายงานอ้างเจ้าหน้าที่อเมริการายหนึ่งและแหล่งข่าวใกล้ชิดกับประเด็นนี้ . แหล่งข่าวเปิดเผยกับรอยเตอร์ว่า ทำเนียบขาวขอให้กระทรวงต่างประเทศและกระทรวงการคลัง ร่างรายการคว่ำบาตรที่อาจผ่อนปรน เพื่อที่พวกเจ้าหน้าที่สหรัฐฯจะได้หยิบยกไปหารือพูดคุยกับพวกผู้แทนของรัสเซียในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ส่วนหนึ่งในการเจรจาอย่างครอบคลุมระหว่างรัฐบาลประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กับมอสโก ในความพยายามปรับปรุงความสัมพันธ์ทั้งทางการทูตและเศรษฐกิจ . เวลานี้พวกเจ้าหน้าที่ด้านมาตรการคว่ำบาตรกำลังร่างข้อเสนอหนึ่งๆ สำหรับยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรนิติบุคคลและตัวบุคคลที่ได้รับเลือก ในนั้นรวมถึงกลุ่มผู้มีอำนาจบางส่วนของรัสเซีย แหล่งข่าวระบุ . สิ่งที่เรียกว่า "เอกสารทางเลือก" มักถูกร่างขึ้นบ่อยครั้งเป็นปกติอยู่แล้วโดยพวกเจ้าหน้าที่ที่ทำงานด้านมาตรการคว่ำบาตร แต่คำขออย่างเฉพาะเจาะจงในครั้งนี้ของทำเนียบขาวในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา เน้นย้ำว่า ทรัมป์ และคณะที่ปรึกษาของเขา มีความตั้งใจผ่อนปรนมาตรการคว่ำบาตรที่กำหนดเล่นงานรัสเซียจริงๆ ส่วนหนึ่งในว่าที่ข้อตกลงหนึ่งใดกับมอสโก . ไม่เป็นที่้ชัดเจนว่า วอชิงตันต้องการสิ่งใดแลกเปลี่ยนกับการผ่อนปรนมาตรการคว่ำบาตร . รัสเซีย เป็นหนึ่งในชาติผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ที่สุดในโลก และถ้ามาตรการคว่ำบาตรภาคพลังงานของมอสโกได้รับการผ่อนปรน มันจะช่วยสกัดไม่ให้ราคาเชื้อเพลิงพุ่งสูง ถ้าหากทรัมป์ต้องการเล่นงานภาคการส่งออกน้ำมันของอิหร่าน ชาติสมาชิกโอเปก . ทำเนียบขาว กระทรวงการต่างประเทศและกระทรวงการคลังสหรัฐฯ รวมถึงสถานทูตรัสเซียประจำวอชิงตัน ยังไม่ออกมาแสดงความคิดเห็นต่อรายงานข่าวนี้ . เมื่อปีที่แล้ว วังเครมลิน ให้คำนิยามความสัมพันธ์กับรัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้การนำของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ว่า "ต่ำว่าศูนย์" เนื่องจาก ไบเดน จากพรรคเดโมแครต ให้การสนับสนุนยูเครนด้วยเงินช่วยเหลือและอาวุธ รวมถึงกำหนดมาตรการคว่ำบาตรหนักหน่วงเล่นงานรัสเซีย ลงโทษกรณีรุกรานยูเครนในปี 2022 . แต่ ทรัมป์ ซึ่งรับปากว่าจะยุติสงครามอย่างรวดเร็ว ได้กลับลำนโยบายของสหรัฐฯ เปิดการเจรจากับมอสโก เริ่มต้นด้วยการพูดคุยทางโทรศัพท์กับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย ในวันที่ 12 กุมภาพันธ์ และตามด้วยการพบปะหารือกันระหว่างเจ้าหน้าที่ระดับสูงของทั้ง 2 ชาติ ทั้งในซาอุดีอาระเบียและตุรกี . สหรัฐฯกำหนดมาตรการคว่ำบาตรเล่นงานรัสเซียมาตั้งแต่ที่มอสโกรุกรานยูเครนในปี 2022 ในนั้นรวมถึงมาตรการต่างๆที่เล็งเป้าหมายจำกัดรายได้จากอุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซธรรมชาติอันมหาศาลของประเทศแห่งนี้ และบั่นทอนศักยภาพในการหาทุนในการทำสงคราม . ทรัมป์ ในเดือนมกราคม ขู่ว่าอาจยกระดับมาตรการคว่ำบาตรเล่นงานรัสเซีย หากว่าปูติน ไม่มีความตั้งใจเจรจายุติสงครามในยูเครน แต่เมื่อเร็วๆนี้ เจ้าหน้าที่รัฐบาลทรัมป์ยอมรับอย่างเปิดเผยเกี่ยวกับความเป็นไปได้ในการผ่อนปรนมาตรการคว่ำบาตรมอสโก . สกอตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ กล่าวระหว่างให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์บลูมเบิร์ก เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ ว่ารัสเซียอาจได้รับการผ่อนปรนการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจ แต่ขึ้นอยู่กับว่าพวกเขามีท่าทีอย่างไรต่อการเจรจาในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า จากนั้นในวันที่ 26 กุมภาพันธ์ ทรัมป์ เน้นย้ำกับพวกผู้สื่อข่าวว่าอาจมีการผ่อนปรนมาตรการคว่ำบาตรรัสเซีย "ในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่ง" . ทั้งนี้ไม่เป็นที่ชัดเจนว่ามาตรการคว่ำบาตรใด ที่รัฐบาลทรัมป์จะพิจารณายกเลิกเล่นงานรัสเซียเป็นลำดับแรก . จอห์น สมิธ จากบริษัทกฎหมาย Morrison Foerster และอดีตผู้อำนวยการสำนักงานควบคุมสินทรัพย์ต่างประเทศของกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ให้ความเห็นว่า ทรัมป์ อาจออกคำสั่งบริหารฉบับหนึ่ง ที่เปิดทางให้รัฐบาลเริ่มกระบวนการผ่อนปรนมาตรการคว่ำบาตรรัสเซียบางอย่าง แต่เขาจำเป็นต้องขอความเห็นชอบจากสภาคองเกรสในการยกเลิกการคว่ำบาตรนิติบุคคลบางแห่ง . นับตั้งแต่ปี 2022 เป็นต้นมา รัสเซีย เสริมความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจในช่วงเวลาสงคราม ด้วยการเพิ่มการใช้จ่ายด้านการทหารและยกระดับผลผลิตทางอุตสาหกรรม แต่พวกผู้เชี่ยวชาญมองว่าเศรษฐกิจของประเทศแห่งนี้ยังมีความอ่อนแอ และจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องได้รับการผ่อนปรนมาตรการคว่ำบาตรจากตะวันตก . รัสเซียบอกว่าพวกเขาเปิดกว้างสำหรับความร่วมมือทางเศรษฐกิจ โดยวังเครมลินบอกเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ว่ารัสเซียมีแร่ธาตุแรร์เฮิร์ธมากมาย และเปิดกว้างสำหรับทำข้อตกลงพัฒนาแร่เหล่านี้ หลังจาก ปูติน พูดถึงความเป็นไปได้ที่จะร่วมมือในเรื่องดังกล่าวกับสหรัฐฯ . แหล่งข่าวเชื่อว่าข้อตกลงทางเศรษฐกิจอย่างเป็นทางการใดๆ ดูเหมือนจะมีความจำเป็นสำหรับเปิดทางให้สหรัฐฯผ่อนปรนมาตรการคว่ำบาตร . ที่ผ่านมา ทรัมป์ หาทางบรรลุข้อตกลงแร่ธาตุกับยูเครน ประเทศที่มีแหล่งทรัพยากรแร่มหาศาล ในนั้นรวมถึงแร่แรร์เอิร์ธ ในฐานะเป็นสิ่งตอบแทนชดใช้เงินช่วยเหลือหลายแสนล้านดอลลาร์ที่สหรัฐฯมอให้แก่เคียฟ อย่างไรก็ตามไม่มีการลงนามในข้อตกลง ตามหลังศึกวิวาทะดุเดือดภายในห้องทำงานรูปไข่ของทำเนียบขาว ระหว่าง ทรัมป์ กับประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000020861 .............. Sondhi X
    Like
    Love
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2002 มุมมอง 1 รีวิว
  • บทความจาก ZDNet มีการกล่าวถึงวิธีที่ธุรกิจกำลังเร่งความเร็วในการใช้ AI ให้เกิดประโยชน์ที่ชัดเจน ซึ่งเรียกว่า "Agentic AI" โดยเน้นถึงการนำ AI มาใช้เพื่อทำงานที่ซับซ้อนและการทำงานแบบอัตโนมัติโดยไม่ต้องมีการแทรกแซงจากมนุษย์

    จากการสำรวจ 1,050 CIOs พบว่า 93% ของผู้นำด้าน IT จะนำ AI มาใช้ในอีกสองปีข้างหน้า แต่เพียง 29% ของแอปพลิเคชันในองค์กรเชื่อมต่อและแบ่งปันข้อมูลกันจริง ๆ สิ่งที่น่าสนใจคือ ผู้บริหาร IT กำลังลงทุนถึง 20% ของงบประมาณในโครงสร้างพื้นฐานและการจัดการข้อมูล ซึ่งมากกว่าที่ใช้กับ AI ถึงสี่เท่า

    AI เอเจนต์เป็นเทคโนโลยีที่เข้าใจเจตนาโดยการใช้ภาษาธรรมชาติ วางแผนด้วยการเหตุผลและบริบทที่เหมาะสม และดำเนินการโดยใช้เครื่องมือเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย นอกจากนี้ยังมีการเรียนรู้และปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง การวิจัยของ ARK Invest คาดว่า AI จะเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานและการใช้ซอฟต์แวร์ในกลุ่มคนที่ทำงานกับความรู้เป็นอย่างมากในอนาคต

    เพื่อเร่งการใช้ AI ให้เกิดประโยชน์ ธุรกิจหลายแห่งใช้งานแพลตฟอร์มที่ออกแบบมาเพื่อการพัฒนา AI เอเจนต์ เช่น Salesforce Agentforce ที่ช่วยลดเวลาในการพัฒนาและเพิ่มความแม่นยำของ AI เอเจนต์ โดย Valoir พบว่าแพลตฟอร์มที่ปรับแต่งมาเพื่อ AI เอเจนต์สามารถส่งมอบ AI ที่ทำงานได้อย่างอัตโนมัติเร็วกว่าแบบอื่น ๆ ถึง 16 เท่า และเพิ่มความแม่นยำถึง 75%

    การใช้แพลตฟอร์มที่ปรับแต่งมาเฉพาะยังช่วยลดเวลาที่ใช้ในการตั้งค่า การรวมข้อมูลและแอปพลิเคชัน การพัฒนาอินเตอร์เฟซผู้ใช้ และการปรับแต่งโมเดล AI เอเจนต์ได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น

    https://www.zdnet.com/article/how-businesses-are-accelerating-time-to-agentic-ai-value/
    บทความจาก ZDNet มีการกล่าวถึงวิธีที่ธุรกิจกำลังเร่งความเร็วในการใช้ AI ให้เกิดประโยชน์ที่ชัดเจน ซึ่งเรียกว่า "Agentic AI" โดยเน้นถึงการนำ AI มาใช้เพื่อทำงานที่ซับซ้อนและการทำงานแบบอัตโนมัติโดยไม่ต้องมีการแทรกแซงจากมนุษย์ จากการสำรวจ 1,050 CIOs พบว่า 93% ของผู้นำด้าน IT จะนำ AI มาใช้ในอีกสองปีข้างหน้า แต่เพียง 29% ของแอปพลิเคชันในองค์กรเชื่อมต่อและแบ่งปันข้อมูลกันจริง ๆ สิ่งที่น่าสนใจคือ ผู้บริหาร IT กำลังลงทุนถึง 20% ของงบประมาณในโครงสร้างพื้นฐานและการจัดการข้อมูล ซึ่งมากกว่าที่ใช้กับ AI ถึงสี่เท่า AI เอเจนต์เป็นเทคโนโลยีที่เข้าใจเจตนาโดยการใช้ภาษาธรรมชาติ วางแผนด้วยการเหตุผลและบริบทที่เหมาะสม และดำเนินการโดยใช้เครื่องมือเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย นอกจากนี้ยังมีการเรียนรู้และปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง การวิจัยของ ARK Invest คาดว่า AI จะเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานและการใช้ซอฟต์แวร์ในกลุ่มคนที่ทำงานกับความรู้เป็นอย่างมากในอนาคต เพื่อเร่งการใช้ AI ให้เกิดประโยชน์ ธุรกิจหลายแห่งใช้งานแพลตฟอร์มที่ออกแบบมาเพื่อการพัฒนา AI เอเจนต์ เช่น Salesforce Agentforce ที่ช่วยลดเวลาในการพัฒนาและเพิ่มความแม่นยำของ AI เอเจนต์ โดย Valoir พบว่าแพลตฟอร์มที่ปรับแต่งมาเพื่อ AI เอเจนต์สามารถส่งมอบ AI ที่ทำงานได้อย่างอัตโนมัติเร็วกว่าแบบอื่น ๆ ถึง 16 เท่า และเพิ่มความแม่นยำถึง 75% การใช้แพลตฟอร์มที่ปรับแต่งมาเฉพาะยังช่วยลดเวลาที่ใช้ในการตั้งค่า การรวมข้อมูลและแอปพลิเคชัน การพัฒนาอินเตอร์เฟซผู้ใช้ และการปรับแต่งโมเดล AI เอเจนต์ได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น https://www.zdnet.com/article/how-businesses-are-accelerating-time-to-agentic-ai-value/
    WWW.ZDNET.COM
    How businesses are accelerating time to agentic AI value
    Agentic AI can deliver big benefits, but business leaders must consider how to deal with this complex range of factors.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 234 มุมมอง 0 รีวิว
  • หุ้นของ TSMC (Taiwan Semiconductor Manufacturing Co) เปิดตลาดลดลง 2.25% หลังจากที่บริษัทประกาศแผนการลงทุนมูลค่า 100 พันล้านดอลลาร์ในสหรัฐฯ

    การประกาศนี้เกิดขึ้นหลังจากที่ C.C. Wei CEO ของ TSMC ได้พบกับอดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ Donald Trump ที่ทำเนียบขาวเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา การลงทุนครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการขยายการผลิตชิปในสหรัฐฯ เพื่อลดการพึ่งพาการผลิตในเอเชียและเสริมสร้างความมั่นคงทางเทคโนโลยีของสหรัฐฯ

    สิ่งที่น่าสนใจคือ การลงทุนครั้งนี้จะช่วยสร้างงานใหม่ในสหรัฐฯ และเพิ่มความสามารถในการผลิตชิปที่ทันสมัย ซึ่งเป็นสิ่งที่จำเป็นในยุคที่เทคโนโลยีและการเชื่อมต่อมีบทบาทสำคัญมากขึ้นในชีวิตประจำวัน

    การประกาศนี้ยังส่งผลให้เกิดความสนใจในตลาดหุ้นและการลงทุนในเทคโนโลยีชิปมากขึ้น ซึ่งอาจเป็นโอกาสที่ดีสำหรับนักลงทุนที่ต้องการลงทุนในอุตสาหกรรมที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/03/04/tsmc-shares-open-lower-following-announcement-of-100-billion-investment-in-us
    หุ้นของ TSMC (Taiwan Semiconductor Manufacturing Co) เปิดตลาดลดลง 2.25% หลังจากที่บริษัทประกาศแผนการลงทุนมูลค่า 100 พันล้านดอลลาร์ในสหรัฐฯ การประกาศนี้เกิดขึ้นหลังจากที่ C.C. Wei CEO ของ TSMC ได้พบกับอดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ Donald Trump ที่ทำเนียบขาวเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา การลงทุนครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการขยายการผลิตชิปในสหรัฐฯ เพื่อลดการพึ่งพาการผลิตในเอเชียและเสริมสร้างความมั่นคงทางเทคโนโลยีของสหรัฐฯ สิ่งที่น่าสนใจคือ การลงทุนครั้งนี้จะช่วยสร้างงานใหม่ในสหรัฐฯ และเพิ่มความสามารถในการผลิตชิปที่ทันสมัย ซึ่งเป็นสิ่งที่จำเป็นในยุคที่เทคโนโลยีและการเชื่อมต่อมีบทบาทสำคัญมากขึ้นในชีวิตประจำวัน การประกาศนี้ยังส่งผลให้เกิดความสนใจในตลาดหุ้นและการลงทุนในเทคโนโลยีชิปมากขึ้น ซึ่งอาจเป็นโอกาสที่ดีสำหรับนักลงทุนที่ต้องการลงทุนในอุตสาหกรรมที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/03/04/tsmc-shares-open-lower-following-announcement-of-100-billion-investment-in-us
    WWW.THESTAR.COM.MY
    TSMC shares open lower following announcement of $100 billion investment in US
    TAIPEI (Reuters) - TSMC shares opened down 2.25% on Tuesday after the world's largest contract chipmaker said it will invest $100 billion in the United States.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 361 มุมมอง 0 รีวิว
  • สหรัฐอเมริกาจะไม่ถือว่ารัสเซียเป็นภัยคุกคามทางไซเบอร์ที่สำคัญอีกต่อไป การเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้นเมื่อ Donald Trump อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ พยายามปรับความสัมพันธ์กับรัสเซียและประธานาธิบดี Vladimir Putin ให้เป็นปกติ โดยได้ประกาศคำสั่งจาก Pete Hegseth รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้ US Cyber Command หยุดการวางแผนและปฏิบัติการทางดิจิทัลกับรัสเซียทั้งหมด

    แม้ว่าการหยุดการปฏิบัติการนี้จะไม่รวมถึง National Security Agency (NSA) แต่ก็ยังคงส่งผลกระทบอย่างมากต่อการทำงานของ US Cyber Command โดย Liesyl Franz รองผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ระหว่างประเทศ กล่าวว่า สหรัฐฯ ยังคงกังวลเกี่ยวกับภัยคุกคามทางไซเบอร์จากประเทศอื่น ๆ เช่น จีนและอิหร่าน แต่ไม่ได้ระบุถึงรัสเซียเป็นภัยคุกคามหลัก

    ในขณะที่แหล่งข่าวจาก Cybersecurity and Infrastructure Security Agency (CISA) ชี้ว่าเจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งไม่ให้ติดตามหรือรายงานภัยคุกคามจากรัสเซียอีกต่อไป อย่างไรก็ตาม Tricia McLaughlin โฆษกของ CISA ยืนยันว่า CISA ยังคงมุ่งมั่นในการแก้ไขภัยคุกคามทางไซเบอร์ทั้งหมดต่อโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญของสหรัฐฯ รวมถึงภัยคุกคามจากรัสเซีย

    การเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้นในขณะที่สหรัฐฯ พยายามลดความสัมพันธ์ที่ไม่ดีระหว่างสหรัฐฯ และรัสเซีย และให้ความสำคัญกับภัยคุกคามจากประเทศอื่น ๆ มากขึ้น

    https://www.techspot.com/news/106993-us-no-longer-prioritizes-russia-major-cyber-threat.html
    สหรัฐอเมริกาจะไม่ถือว่ารัสเซียเป็นภัยคุกคามทางไซเบอร์ที่สำคัญอีกต่อไป การเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้นเมื่อ Donald Trump อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ พยายามปรับความสัมพันธ์กับรัสเซียและประธานาธิบดี Vladimir Putin ให้เป็นปกติ โดยได้ประกาศคำสั่งจาก Pete Hegseth รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้ US Cyber Command หยุดการวางแผนและปฏิบัติการทางดิจิทัลกับรัสเซียทั้งหมด แม้ว่าการหยุดการปฏิบัติการนี้จะไม่รวมถึง National Security Agency (NSA) แต่ก็ยังคงส่งผลกระทบอย่างมากต่อการทำงานของ US Cyber Command โดย Liesyl Franz รองผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ระหว่างประเทศ กล่าวว่า สหรัฐฯ ยังคงกังวลเกี่ยวกับภัยคุกคามทางไซเบอร์จากประเทศอื่น ๆ เช่น จีนและอิหร่าน แต่ไม่ได้ระบุถึงรัสเซียเป็นภัยคุกคามหลัก ในขณะที่แหล่งข่าวจาก Cybersecurity and Infrastructure Security Agency (CISA) ชี้ว่าเจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งไม่ให้ติดตามหรือรายงานภัยคุกคามจากรัสเซียอีกต่อไป อย่างไรก็ตาม Tricia McLaughlin โฆษกของ CISA ยืนยันว่า CISA ยังคงมุ่งมั่นในการแก้ไขภัยคุกคามทางไซเบอร์ทั้งหมดต่อโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญของสหรัฐฯ รวมถึงภัยคุกคามจากรัสเซีย การเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้นในขณะที่สหรัฐฯ พยายามลดความสัมพันธ์ที่ไม่ดีระหว่างสหรัฐฯ และรัสเซีย และให้ความสำคัญกับภัยคุกคามจากประเทศอื่น ๆ มากขึ้น https://www.techspot.com/news/106993-us-no-longer-prioritizes-russia-major-cyber-threat.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    The United States no longer prioritizes Russia as a major cyber threat
    According to a US official familiar with the matter (via The Record), new Defense Secretary Pete Hegseth has ordered US Cyber Command to "stand down from all...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 341 มุมมอง 0 รีวิว
  • “เราจะรอดูว่าจะเกิดอะไรขึ้น”

    ทรัมป์กล่าวหลังจากตัดสินใจระงับความช่วยเหลือทางทหารแก่ยูเครน
    “เราจะรอดูว่าจะเกิดอะไรขึ้น” ทรัมป์กล่าวหลังจากตัดสินใจระงับความช่วยเหลือทางทหารแก่ยูเครน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 341 มุมมอง 16 0 รีวิว