• https://vt.tiktok.com/ZSjVDKDuk/
    https://vt.tiktok.com/ZSjVDKDuk/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 28 มุมมอง 0 รีวิว
  • 0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 23 มุมมอง 0 รีวิว
  • https://vt.tiktok.com/ZSjVUgwkn/
    https://vt.tiktok.com/ZSjVUgwkn/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 24 มุมมอง 0 รีวิว
  • 0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 20 มุมมอง 0 รีวิว
  • บิ๊กดาต้า-เอไอ ขับเคลื่อนเมืองเก่าภูเก็ต

    ปัจจุบันมีหน่วยงานขับเคลื่อนประเทศด้วยข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) ที่ชื่อว่า "สถาบันข้อมูลขนาดใหญ่ (องค์การมหาชน)" หรือบีดีไอ (BDI) หน่วยงานในกำกับของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ซึ่งเป็นการรวมตัวกันของกลุ่มคนสายเทคโนโลยี 80% ที่มีเป้าหมายขับเคลื่อนประเทศด้วยข้อมูล แม้จะเป็นหน่วยงานใหม่ที่ก่อตั้งไม่นาน แต่ก็ได้มีความร่วมมือทั้งภาครัฐและเอกชนเชื่อมโยงและส่งเสริมข้อมูล โดยเฉพาะจังหวัดภูเก็ต ที่ภาคเอกชนและภาครัฐเข้มแข็ง

    ที่ผ่านมาบีดีไอพัฒนา 3 แพลตฟอร์ม ใช้ภูเก็ตเป็นจังหวัดนำร่อง ได้แก่ แพลตฟอร์มบริการข้อมูลด้านสิ่งแวดล้อมเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน (Envi Link) แพลตฟอร์มข้อมูลอัจฉริยะด้านท่องเที่ยวแห่งชาติ (Travel Link) และแพลตฟอร์มข้อมูลเมืองอัจฉริยะ (City Data Platform) โดยประยุกต์ใช้เทคโนโลยีข้อมูลและปัญญาประดิษฐ์ (AI) เพื่อขับเคลื่อนจังหวัดภูเก็ตอย่างมีทิศทาง และประยุกต์ใช้แก่จังหวัดอื่นๆ ทั่วประเทศ โดยได้แถลงทิศทางการดำเนินงานและความร่วมมือไปเมื่อวันก่อน

    แพลตฟอร์ม Envi Link ได้นำมาใช้กับโครงการของมูลนิธิพัฒนาการท่องเที่ยวยั่งยืน ภายใต้ชื่อ “Phuket Old Town Carbon Neutrality 2030” เพื่อผลักดันย่านเมืองเก่าภูเก็ต ให้ก้าวสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนในปี 2573 โดยตั้งเป้าลดปริมาณคาร์บอน 30% ภายใน 3 ปี ที่ผ่านมาได้จัดเก็บข้อมูลขนาดใหญ่เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมในด้านต่างๆ และประมวลผลกิจกรรมต่างๆ ที่ส่งผลสำคัญของคาร์บอนฟุตพรินท์ ทั้งไฟฟ้า ประปา ขยะ และเชื้อเพลิง

    พร้อมกันนี้ บีดีไอยังได้นำเทคโนโลยีเอไอมาใช้กับกล้องซีซีทีวีในการประมาณการต่างๆ เช่น การใช้เอไอนับจำนวนรถและคัดแยกประเภทรถ ประเภทเชื้อเพลิง ก่อนคำนวณเป็นคาร์บอนฟุตพรินท์ การใช้เอไอนับจำนวนคนที่เข้ามาย่านเมืองเก่าภูเก็ต เพื่อประมาณการความหนาแน่นของนักท่องเที่ยว บริหารจัดการพื้นที่อย่างเหมาะสม และร่วมกับ บริษัท ภูเก็ตพัฒนาเมือง จำกัด (PKCD) ใช้เอไอนับจำนวนผู้โดยสารที่ใช้บริการรถเมล์ฟรี Smart Bus EV เพื่อจัดตารางเดินรถให้มีประสิทธิภาพสูงสุด

    ล่าสุด มูลนิธิพัฒนาการท่องเที่ยวยั่งยืน จัดซื้อเครื่องย่อยขยะอินทรีย์ โดยนำขยะเศษอาหารและไขมันจากถังดักไขมันในชุมชนมาแปลงให้เป็นก๊าซชีวภาพ คิดเป็นกระแสไฟฟ้าได้ 33.75 กิโลวัตต์ และน้ำหมักใช้กับต้นไม้ พืชผลทางการเกษตรวันละ 500 ลิตร ช่วยลดปริมาณขยะอินทรีย์ที่นำไปฝังกลบซึ่งก่อให้เกิดก๊าซมีเทน หรือนำเข้าสู่เตาเผาขยะที่ย่านสะพานหิน ทำให้เตาเผาขยะมีประสิทธิภาพมากขึ้น ข้อมูลเหล่านี้จะนำมาเชื่อมโยงเพื่อวางแนวทางลดปริมาณคาร์บอนต่อไป

    #Newskit
    บิ๊กดาต้า-เอไอ ขับเคลื่อนเมืองเก่าภูเก็ต ปัจจุบันมีหน่วยงานขับเคลื่อนประเทศด้วยข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) ที่ชื่อว่า "สถาบันข้อมูลขนาดใหญ่ (องค์การมหาชน)" หรือบีดีไอ (BDI) หน่วยงานในกำกับของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ซึ่งเป็นการรวมตัวกันของกลุ่มคนสายเทคโนโลยี 80% ที่มีเป้าหมายขับเคลื่อนประเทศด้วยข้อมูล แม้จะเป็นหน่วยงานใหม่ที่ก่อตั้งไม่นาน แต่ก็ได้มีความร่วมมือทั้งภาครัฐและเอกชนเชื่อมโยงและส่งเสริมข้อมูล โดยเฉพาะจังหวัดภูเก็ต ที่ภาคเอกชนและภาครัฐเข้มแข็ง ที่ผ่านมาบีดีไอพัฒนา 3 แพลตฟอร์ม ใช้ภูเก็ตเป็นจังหวัดนำร่อง ได้แก่ แพลตฟอร์มบริการข้อมูลด้านสิ่งแวดล้อมเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน (Envi Link) แพลตฟอร์มข้อมูลอัจฉริยะด้านท่องเที่ยวแห่งชาติ (Travel Link) และแพลตฟอร์มข้อมูลเมืองอัจฉริยะ (City Data Platform) โดยประยุกต์ใช้เทคโนโลยีข้อมูลและปัญญาประดิษฐ์ (AI) เพื่อขับเคลื่อนจังหวัดภูเก็ตอย่างมีทิศทาง และประยุกต์ใช้แก่จังหวัดอื่นๆ ทั่วประเทศ โดยได้แถลงทิศทางการดำเนินงานและความร่วมมือไปเมื่อวันก่อน แพลตฟอร์ม Envi Link ได้นำมาใช้กับโครงการของมูลนิธิพัฒนาการท่องเที่ยวยั่งยืน ภายใต้ชื่อ “Phuket Old Town Carbon Neutrality 2030” เพื่อผลักดันย่านเมืองเก่าภูเก็ต ให้ก้าวสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนในปี 2573 โดยตั้งเป้าลดปริมาณคาร์บอน 30% ภายใน 3 ปี ที่ผ่านมาได้จัดเก็บข้อมูลขนาดใหญ่เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมในด้านต่างๆ และประมวลผลกิจกรรมต่างๆ ที่ส่งผลสำคัญของคาร์บอนฟุตพรินท์ ทั้งไฟฟ้า ประปา ขยะ และเชื้อเพลิง พร้อมกันนี้ บีดีไอยังได้นำเทคโนโลยีเอไอมาใช้กับกล้องซีซีทีวีในการประมาณการต่างๆ เช่น การใช้เอไอนับจำนวนรถและคัดแยกประเภทรถ ประเภทเชื้อเพลิง ก่อนคำนวณเป็นคาร์บอนฟุตพรินท์ การใช้เอไอนับจำนวนคนที่เข้ามาย่านเมืองเก่าภูเก็ต เพื่อประมาณการความหนาแน่นของนักท่องเที่ยว บริหารจัดการพื้นที่อย่างเหมาะสม และร่วมกับ บริษัท ภูเก็ตพัฒนาเมือง จำกัด (PKCD) ใช้เอไอนับจำนวนผู้โดยสารที่ใช้บริการรถเมล์ฟรี Smart Bus EV เพื่อจัดตารางเดินรถให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ล่าสุด มูลนิธิพัฒนาการท่องเที่ยวยั่งยืน จัดซื้อเครื่องย่อยขยะอินทรีย์ โดยนำขยะเศษอาหารและไขมันจากถังดักไขมันในชุมชนมาแปลงให้เป็นก๊าซชีวภาพ คิดเป็นกระแสไฟฟ้าได้ 33.75 กิโลวัตต์ และน้ำหมักใช้กับต้นไม้ พืชผลทางการเกษตรวันละ 500 ลิตร ช่วยลดปริมาณขยะอินทรีย์ที่นำไปฝังกลบซึ่งก่อให้เกิดก๊าซมีเทน หรือนำเข้าสู่เตาเผาขยะที่ย่านสะพานหิน ทำให้เตาเผาขยะมีประสิทธิภาพมากขึ้น ข้อมูลเหล่านี้จะนำมาเชื่อมโยงเพื่อวางแนวทางลดปริมาณคาร์บอนต่อไป #Newskit
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 36 มุมมอง 0 รีวิว
  • 0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 19 มุมมอง 0 รีวิว
  • 0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 19 มุมมอง 0 รีวิว
  • https://youtu.be/9tQb3eX7UwM?si=osayZoOBITTetghr
    https://youtu.be/9tQb3eX7UwM?si=osayZoOBITTetghr
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 15 มุมมอง 0 รีวิว
  • 0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 10 มุมมอง 0 รีวิว
  • เปิดเอกสาร JC 2544 และแชร์ไปให้มากๆ

    ขอขอบคุณท่านอาจารย์หม่อมหลวงวัลย์วิภา จรูญโรจน์ ที่ได้อนุญาตให้เผยแพร่เอกสารสำคัญ เป็นแถลงการณ์ร่วมระหว่างไทย-กัมพูชา ลงนามโดย ทักษิณ ชินวัตร กับ ฮุนเซน วันที่ 18 มิถุนายน 2544 ซึ่งต่อไปนี้จะเรียกว่า JC2544 หรือ J44 โดยเฉพาะข้อ 13 และ ข้อ 14 ที่ได้มีการรับรอง MOU 2544 จึงทำให้สถานภาพของ MOU2544 กลายเป็นสนธิสัญญาที่ได้มอบอำนาจโดยรัฐบาลทั้ง 2 ประเทศ โดยไม่ผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภา และไม่ได้มีพระบรมราชโองการ จึงขอนำเสนอและช่วยกันเผยแพร่ในโอกาสนี้ เพื่อเพิกถอนทั้ง MOU2544 และ JC2544

    ด้วยความปรารถนาดี
    ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์
    คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต
    26 พฤศจิกายน 2567
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 8 มุมมอง 0 รีวิว
  • จุดเปลี่ยนวิทยุชุมชน สู่ระบบใบอนุญาต

    ในห้วงเดือน พ.ย. 2567 เป็นช่วงจุดเปลี่ยนสำคัญของผู้ทดลองออกอากาศวิทยุกระจายเสียงในระบบเอฟเอ็ม หรือผู้ประกอบการวิทยุชุมชน ทั้งประเภทธุรกิจ 2,982 สถานี ประเภทสาธารณะ 548 สถานี และประเภทชุมชน 145 สถานี รวม 3,675 สถานี เพราะหลังวันที่ 31 ธ.ค. 2567 เป็นต้นไป ผู้ประกอบการรายเดิมหลังจากส่งผังรายการและแบบรายงานทางเทคนิคต่างๆ ที่เกี่ยวข้องแล้ว จะได้รับสิทธิทดลองออกอากาศต่อตามบทเฉพาะกาลไปก่อน จนกว่า กสทช. จะสั่งไม่ออกใบอนุญาตหรือสั่งเป็นอย่างอื่น

    โดยผู้ประกอบการวิทยุชุมชนทั้งเก่าและใหม่ ต้องเข้าสู่การขอรับใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่ระบบเอฟเอ็ม สำหรับการให้บริการกระจายเสียง โดยประเภทกิจการบริการสาธารณะ 137 สถานี ต้องเป็นนิติบุคคลประเภทกระทรวง ทบวง กรม องค์กรอิสระ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น องค์การมหาชน สมาคม มูลนิธิ แบบไม่แสวงหากำไร สถาบันอุดมศึกษา

    ส่วนประเภทกิจการบริการชุมชน 148 สถานี ต้องเป็นสมาคม มูลนิธิ นิติบุคคลที่ไม่แสวงหาผลกำไร หรือกลุ่มคนในท้องถิ่นจำนวนไม่น้อยกว่า 5 คน มีหลักฐานเชิงประจักษ์ว่าได้สร้างความเข้มแข็งในชุมชนที่ตั้งสถานีมาอย่างต่อเนื่องไม่น้อยกว่า 2 ปี โดยต้องยื่นภายในวันที่ 30 พ.ย. 2567 ผ่านระบบออนไลน์ที่เรียกว่า e-BCS ของสำนักงาน กสทช.

    ส่วนประเภทกิจการทางธุรกิจ ระดับท้องถิ่น 2,507 สถานี ต้องยื่นภายในวันที่ 27 ธ.ค. 2567 พร้อมชำระค่าธรรมเนียมคำขอ 5,350 บาทต่อคลื่นความถี่ กับหลักประกันการประมูล 10% หรือ 2,500 บาท ของราคาขั้นต่ำของคลื่นความถี่ กำหนดที่ 25,000 บาท โดยต้องเป็นนิติบุคคลที่มีบุคคลผู้มีสัญชาติไทย ซึ่งมีผู้ถือหุ้นหรือผู้เป็นหุ้นมีภูมิลำเนาภายในจังหวัดนั้น และมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านในจังหวัดนั้นมาแล้วไม่น้อยกว่า 6 เดือน

    กำหนดให้ 1 นิติบุคคล ยื่นคำขอได้สูงสุดไม่เกิน 2 คลื่นความถี่ภายในจังหวัดเดียวกัน เมื่อสิ้นสุดการประมูล สามารถเลือกได้เพียง 1 คลื่นความถี่เท่านั้น เมื่อชนะการประมูล ต้องชำระค่าธรรมเนียมใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่เท่ากับราคาที่ชนะการประมูล รวมทั้งแจ้งความพร้อมในการให้บริการและแจ้งข้อมูลเกี่ยวกับสถานีวิทยุกระจายเสียง ภายใน 30 วัน

    ผลกระทบจากการจัดระเบียบวิทยุชุมชนของ กสทช. ที่ให้ลดกำลังส่ง ทำให้รัศมีการออกอากาศลดลง ผู้ประกอบการส่วนหนึ่งล้มหายตายจาก แต่ก็ยังมีผู้ประกอบการอีกส่วนหนึ่งอยู่รอด สำหรับต่างจังหวัด วิทยุชุมชนยังคงเป็นสื่อหลักที่เข้าถึงผู้ฟังระดับพื้นที่ โดยเฉพาะในพื้นที่ชนบท แม้จะไม่เท่ากับวิทยุกระจายเสียงประเภทกิจการทางธุรกิจ ที่มีรัศมีการออกอากาศ 70-80 ตารางกิโลเมตรก็ตาม

    #Newskit
    จุดเปลี่ยนวิทยุชุมชน สู่ระบบใบอนุญาต ในห้วงเดือน พ.ย. 2567 เป็นช่วงจุดเปลี่ยนสำคัญของผู้ทดลองออกอากาศวิทยุกระจายเสียงในระบบเอฟเอ็ม หรือผู้ประกอบการวิทยุชุมชน ทั้งประเภทธุรกิจ 2,982 สถานี ประเภทสาธารณะ 548 สถานี และประเภทชุมชน 145 สถานี รวม 3,675 สถานี เพราะหลังวันที่ 31 ธ.ค. 2567 เป็นต้นไป ผู้ประกอบการรายเดิมหลังจากส่งผังรายการและแบบรายงานทางเทคนิคต่างๆ ที่เกี่ยวข้องแล้ว จะได้รับสิทธิทดลองออกอากาศต่อตามบทเฉพาะกาลไปก่อน จนกว่า กสทช. จะสั่งไม่ออกใบอนุญาตหรือสั่งเป็นอย่างอื่น โดยผู้ประกอบการวิทยุชุมชนทั้งเก่าและใหม่ ต้องเข้าสู่การขอรับใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่ระบบเอฟเอ็ม สำหรับการให้บริการกระจายเสียง โดยประเภทกิจการบริการสาธารณะ 137 สถานี ต้องเป็นนิติบุคคลประเภทกระทรวง ทบวง กรม องค์กรอิสระ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น องค์การมหาชน สมาคม มูลนิธิ แบบไม่แสวงหากำไร สถาบันอุดมศึกษา ส่วนประเภทกิจการบริการชุมชน 148 สถานี ต้องเป็นสมาคม มูลนิธิ นิติบุคคลที่ไม่แสวงหาผลกำไร หรือกลุ่มคนในท้องถิ่นจำนวนไม่น้อยกว่า 5 คน มีหลักฐานเชิงประจักษ์ว่าได้สร้างความเข้มแข็งในชุมชนที่ตั้งสถานีมาอย่างต่อเนื่องไม่น้อยกว่า 2 ปี โดยต้องยื่นภายในวันที่ 30 พ.ย. 2567 ผ่านระบบออนไลน์ที่เรียกว่า e-BCS ของสำนักงาน กสทช. ส่วนประเภทกิจการทางธุรกิจ ระดับท้องถิ่น 2,507 สถานี ต้องยื่นภายในวันที่ 27 ธ.ค. 2567 พร้อมชำระค่าธรรมเนียมคำขอ 5,350 บาทต่อคลื่นความถี่ กับหลักประกันการประมูล 10% หรือ 2,500 บาท ของราคาขั้นต่ำของคลื่นความถี่ กำหนดที่ 25,000 บาท โดยต้องเป็นนิติบุคคลที่มีบุคคลผู้มีสัญชาติไทย ซึ่งมีผู้ถือหุ้นหรือผู้เป็นหุ้นมีภูมิลำเนาภายในจังหวัดนั้น และมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านในจังหวัดนั้นมาแล้วไม่น้อยกว่า 6 เดือน กำหนดให้ 1 นิติบุคคล ยื่นคำขอได้สูงสุดไม่เกิน 2 คลื่นความถี่ภายในจังหวัดเดียวกัน เมื่อสิ้นสุดการประมูล สามารถเลือกได้เพียง 1 คลื่นความถี่เท่านั้น เมื่อชนะการประมูล ต้องชำระค่าธรรมเนียมใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่เท่ากับราคาที่ชนะการประมูล รวมทั้งแจ้งความพร้อมในการให้บริการและแจ้งข้อมูลเกี่ยวกับสถานีวิทยุกระจายเสียง ภายใน 30 วัน ผลกระทบจากการจัดระเบียบวิทยุชุมชนของ กสทช. ที่ให้ลดกำลังส่ง ทำให้รัศมีการออกอากาศลดลง ผู้ประกอบการส่วนหนึ่งล้มหายตายจาก แต่ก็ยังมีผู้ประกอบการอีกส่วนหนึ่งอยู่รอด สำหรับต่างจังหวัด วิทยุชุมชนยังคงเป็นสื่อหลักที่เข้าถึงผู้ฟังระดับพื้นที่ โดยเฉพาะในพื้นที่ชนบท แม้จะไม่เท่ากับวิทยุกระจายเสียงประเภทกิจการทางธุรกิจ ที่มีรัศมีการออกอากาศ 70-80 ตารางกิโลเมตรก็ตาม #Newskit
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 15 มุมมอง 0 รีวิว
  • 0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 7 มุมมอง 0 รีวิว
  • https://youtu.be/ZONYavJ44zk
    #thaitimes #news1 #sondhitalk #เกาะกูด
    https://youtu.be/ZONYavJ44zk #thaitimes #news1 #sondhitalk #เกาะกูด
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 6 มุมมอง 0 รีวิว
  • 0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2 มุมมอง 0 รีวิว
  • 0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2 มุมมอง 0 รีวิว
  • 0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1 มุมมอง 0 รีวิว