• ฟังดูเหมือน Sci-Fi เลยใช่ไหมครับ? X Display คือบริษัทจาก North Carolina ที่ทำเทคโนโลยี MicroLED แต่รอบนี้เขาเอา “แนวคิดจอแสดงผล” มาประยุกต์ใหม่ ไม่ได้ไว้โชว์ภาพให้คนดู แต่กลายเป็นช่องสื่อสารสำหรับ เครื่องคุยกับเครื่อง

    ระบบนี้ประกอบด้วย:
    - ตัวส่งข้อมูล: ใช้ emitters หลายพันตัว ส่งแสงหลายความยาวคลื่นพร้อมกัน → เขียนข้อมูลเป็น “เฟรมของแสง” ต่อเนื่อง
    - ตัวรับข้อมูล: กล้องความเร็วสูงพิเศษ (เหมือน “ตา” ของอีกเครื่อง) จับเฟรมแสง แล้วแปลงกลับเป็นดิจิทัลอีกที

    ผลลัพธ์คือการส่งข้อมูลแบบไร้สายในศูนย์ข้อมูลความเร็วสูง โดย ไม่ต้องใช้สาย fiber เลย และทาง X Display เคลมว่า "ประหยัดพลังงานกว่าทรานซีฟเวอร์ 800G แบบดั้งเดิม 2–3 เท่า"

    เทคโนโลยีนี้ไม่เหมาะกับเกมเมอร์หรืองานกราฟิกทั่วไป — แต่มาเพื่องานใหญ่อย่าง AI data center, supercomputer clusters, optical networking และ ระบบ LiFi (ส่งข้อมูลผ่านแสง)

    https://www.techspot.com/news/108424-x-display-made-ultra-fast-cable-free-display.html
    ฟังดูเหมือน Sci-Fi เลยใช่ไหมครับ? X Display คือบริษัทจาก North Carolina ที่ทำเทคโนโลยี MicroLED แต่รอบนี้เขาเอา “แนวคิดจอแสดงผล” มาประยุกต์ใหม่ ไม่ได้ไว้โชว์ภาพให้คนดู แต่กลายเป็นช่องสื่อสารสำหรับ เครื่องคุยกับเครื่อง ระบบนี้ประกอบด้วย: - ตัวส่งข้อมูล: ใช้ emitters หลายพันตัว ส่งแสงหลายความยาวคลื่นพร้อมกัน → เขียนข้อมูลเป็น “เฟรมของแสง” ต่อเนื่อง - ตัวรับข้อมูล: กล้องความเร็วสูงพิเศษ (เหมือน “ตา” ของอีกเครื่อง) จับเฟรมแสง แล้วแปลงกลับเป็นดิจิทัลอีกที ผลลัพธ์คือการส่งข้อมูลแบบไร้สายในศูนย์ข้อมูลความเร็วสูง โดย ไม่ต้องใช้สาย fiber เลย และทาง X Display เคลมว่า "ประหยัดพลังงานกว่าทรานซีฟเวอร์ 800G แบบดั้งเดิม 2–3 เท่า" เทคโนโลยีนี้ไม่เหมาะกับเกมเมอร์หรืองานกราฟิกทั่วไป — แต่มาเพื่องานใหญ่อย่าง AI data center, supercomputer clusters, optical networking และ ระบบ LiFi (ส่งข้อมูลผ่านแสง) https://www.techspot.com/news/108424-x-display-made-ultra-fast-cable-free-display.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    X Display unveils ultra-fast, cable-free display that turns data into light
    X Display is focused on developing and licensing new intellectual property related to MicroLED and other display technologies. The North Carolina-based developer recently unveiled a novel application...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 26 มุมมอง 0 รีวิว
  • คนส่วนใหญ่มักจะคิดว่า GPU = เล่นเกม แต่ ASRock กำลังจะเปลี่ยนภาพนั้น ด้วยการเปิดตัว Radeon RX AI Pro R9700 Creator ที่ไม่ได้เกิดมาเพื่อแค่เฟรมเรตสูง...แต่เน้น “ประสิทธิภาพเสถียรและหน่วยความจำเยอะ” สำหรับทำงาน AI inference, video rendering, CAD, หรือ data science โดยเฉพาะ

    ตัวการ์ดใช้ดีไซน์ blower แบบ 2 สล็อตระบายความร้อนได้ดีในเคสแคบ ๆ เหมาะมากสำหรับติดตั้งหลายใบในเครื่องเดียว โดยใช้ แรม GDDR6 ขนาด 32GB ความเร็ว 20 Gbps และ อินเทอร์เฟซความกว้าง 256 บิต ทำให้ได้แบนด์วิธสูงถึง 644.6 GB/s ซึ่งเพียงพอสำหรับโหลดโมเดลขนาดใหญ่

    ด้านกำลังไฟ การ์ดใช้หัวต่อ 12V-2x6 (แบบเดียวกับ RTX 40 ซีรีส์) ซึ่งรับไฟได้ถึง 300W และแนะนำให้ใช้ PSU อย่างน้อย 800W — ฟังดูแรง แต่ถือเป็นมาตรฐานของการ์ดระดับมืออาชีพในยุคนี้

    พอร์ตจอดูอาจจะเก่า (DisplayPort 1.2a) แต่ก็ยังแสดงผลระดับ 8K ได้ถึง 4 จอพร้อมกัน เรียกว่าเน้นงานมากกว่าความใหม่หรูของเกม

    ✅ ASRock เปิดตัว Radeon RX AI Pro R9700 Creator สำหรับงาน AI / เวิร์กสเตชัน  
    • ใช้ชิป Navi 48 พร้อม 4,096 SPs  
    • Clock สูงสุดที่ 2,920 MHz (boost), 2,350 MHz (base)

    ✅ แรม 32GB GDDR6 @ 20 Gbps พร้อม bus 256-bit  
    • แบนด์วิธรวม 644.6 GB/s

    ✅ ออกแบบแบบ blower 2 สล็อต เหมาะสำหรับ multi-GPU workstation  
    • มี vapor chamber + thermal pad ระดับสูง (Honeywell PTM7950)

    ✅ พอร์ตจอแบบ DisplayPort 1.2a รองรับ 8K ได้สูงสุด 4 จอ

    ✅ ใช้พลังงาน 300W ผ่านหัว 12V-2x6  
    • แนะนำ PSU อย่างน้อย 800W จากแบรนด์น่าเชื่อถือ

    ✅ มีกำหนดวางจำหน่ายในเดือนกรกฎาคม 2025  
    • ยังไม่ประกาศราคาอย่างเป็นทางการ

    https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/asrock-preps-radeon-rx-ai-pro-r9700-creator-for-ai-and-workstation-users-blower-card-adopts-16-pin-connector-features-300w-tbp-rating
    คนส่วนใหญ่มักจะคิดว่า GPU = เล่นเกม แต่ ASRock กำลังจะเปลี่ยนภาพนั้น ด้วยการเปิดตัว Radeon RX AI Pro R9700 Creator ที่ไม่ได้เกิดมาเพื่อแค่เฟรมเรตสูง...แต่เน้น “ประสิทธิภาพเสถียรและหน่วยความจำเยอะ” สำหรับทำงาน AI inference, video rendering, CAD, หรือ data science โดยเฉพาะ ตัวการ์ดใช้ดีไซน์ blower แบบ 2 สล็อตระบายความร้อนได้ดีในเคสแคบ ๆ เหมาะมากสำหรับติดตั้งหลายใบในเครื่องเดียว โดยใช้ แรม GDDR6 ขนาด 32GB ความเร็ว 20 Gbps และ อินเทอร์เฟซความกว้าง 256 บิต ทำให้ได้แบนด์วิธสูงถึง 644.6 GB/s ซึ่งเพียงพอสำหรับโหลดโมเดลขนาดใหญ่ ด้านกำลังไฟ การ์ดใช้หัวต่อ 12V-2x6 (แบบเดียวกับ RTX 40 ซีรีส์) ซึ่งรับไฟได้ถึง 300W และแนะนำให้ใช้ PSU อย่างน้อย 800W — ฟังดูแรง แต่ถือเป็นมาตรฐานของการ์ดระดับมืออาชีพในยุคนี้ พอร์ตจอดูอาจจะเก่า (DisplayPort 1.2a) แต่ก็ยังแสดงผลระดับ 8K ได้ถึง 4 จอพร้อมกัน เรียกว่าเน้นงานมากกว่าความใหม่หรูของเกม ✅ ASRock เปิดตัว Radeon RX AI Pro R9700 Creator สำหรับงาน AI / เวิร์กสเตชัน   • ใช้ชิป Navi 48 พร้อม 4,096 SPs   • Clock สูงสุดที่ 2,920 MHz (boost), 2,350 MHz (base) ✅ แรม 32GB GDDR6 @ 20 Gbps พร้อม bus 256-bit   • แบนด์วิธรวม 644.6 GB/s ✅ ออกแบบแบบ blower 2 สล็อต เหมาะสำหรับ multi-GPU workstation   • มี vapor chamber + thermal pad ระดับสูง (Honeywell PTM7950) ✅ พอร์ตจอแบบ DisplayPort 1.2a รองรับ 8K ได้สูงสุด 4 จอ ✅ ใช้พลังงาน 300W ผ่านหัว 12V-2x6   • แนะนำ PSU อย่างน้อย 800W จากแบรนด์น่าเชื่อถือ ✅ มีกำหนดวางจำหน่ายในเดือนกรกฎาคม 2025   • ยังไม่ประกาศราคาอย่างเป็นทางการ https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/asrock-preps-radeon-rx-ai-pro-r9700-creator-for-ai-and-workstation-users-blower-card-adopts-16-pin-connector-features-300w-tbp-rating
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 95 มุมมอง 0 รีวิว
  • ลองจินตนาการว่าคุณส่องกล้องดูจักรวาล แล้วสามารถเห็น “แก๊สที่หลั่งออกมาจากหลุมดำ” หรือ “ซากดาวที่กำลังตาย” ได้แบบละเอียดยิบ — นั่นคือสิ่งที่ทีมจาก ESO ทำได้ในงานนี้!

    ดาราจักร Sculptor อยู่ห่างจากโลกประมาณ 11 ล้านปีแสง มีขนาด ความมวล และรูปทรงใกล้เคียงกับทางช้างเผือกของเรา การถ่ายภาพนี้ใช้เทคนิครวมภาพกว่า 100 เฟรม เพื่อสร้าง “แผนที่สามสี” จากแสงของ ไฮโดรเจน, ออกซิเจน และกำมะถัน ทำให้เห็นโครงสร้างภายในของดาราจักรได้ชัดเจนสุด ๆ

    ที่น่าทึ่งคือ นักวิจัยพบ เนบิวลาดาวเคราะห์ (Planetary Nebulae) มากถึง 500 แห่ง — ปกติเห็นแค่ 100 แห่งต่อดาราจักร นอกจากนี้ยังเห็นการพ่นก๊าซออกจากใจกลางของดาราจักร ซึ่งอาจมาจาก หลุมดำมวลยิ่งยวด ที่อยู่ตรงนั้น

    นักดาราศาสตร์จะใช้ข้อมูลนี้ในการศึกษาเรื่อง:
    - โครงสร้างของดาราจักรแบบละเอียด
    - การเคลื่อนที่ของแก๊สและการก่อตัวของดาว
    - การตรวจสอบระยะห่างของดาราจักรผ่านการกระจายตัวของเนบิวลา

    ✅ ทีมวิจัยจาก ESO ถ่ายภาพ Sculptor galaxy แบบละเอียดที่สุดเท่าที่เคยมี  
    • ใช้เวลาสะสมข้อมูลกว่า 50 ชั่วโมง  
    • รวมภาพมากกว่า 100 เฟรมจากกล้อง VLT

    ✅ Sculptor เป็นดาราจักรแบบเกลียวขนาดใหญ่ ใกล้โลกเพียง 11 ล้านปีแสง  
    • ขนาดราว 90,000 ปีแสง  • พื้นที่ที่ถูกวิเคราะห์คือราว 65,000 ปีแสง

    ✅ พบเนบิวลาดาวเคราะห์ถึง 500 แห่ง — มากผิดปกติ  
    • ใช้เป็นตัวชี้วัดระยะห่างของดาราจักรได้

    ✅ ภาพแสดงแถบแก๊สจากใจกลางดาราจักร พ่นออกมาจากหลุมดำขนาดยักษ์  
    • ใช้แสง false-color แสดงองค์ประกอบของธาตุ

    ✅ การวิเคราะห์นี้จะช่วยให้เข้าใจกลไกการก่อตัวของดาวและองค์ประกอบของแก๊สในระดับที่ไม่เคยเห็นมาก่อน

    ✅ ดาราจักร Sculptor เป็นดาราจักรสว่างที่กล้องส่องทางไกลบนโลกมองเห็นได้ง่าย  
    • จัดอยู่ในกลุ่มเดียวกับ Andromeda สำหรับนักดูดาวสมัครเล่น

    https://www.techspot.com/news/108396-astronomers-capture-ultra-detailed-image-nearby-sculptor-galaxy.html
    ลองจินตนาการว่าคุณส่องกล้องดูจักรวาล แล้วสามารถเห็น “แก๊สที่หลั่งออกมาจากหลุมดำ” หรือ “ซากดาวที่กำลังตาย” ได้แบบละเอียดยิบ — นั่นคือสิ่งที่ทีมจาก ESO ทำได้ในงานนี้! ดาราจักร Sculptor อยู่ห่างจากโลกประมาณ 11 ล้านปีแสง มีขนาด ความมวล และรูปทรงใกล้เคียงกับทางช้างเผือกของเรา การถ่ายภาพนี้ใช้เทคนิครวมภาพกว่า 100 เฟรม เพื่อสร้าง “แผนที่สามสี” จากแสงของ ไฮโดรเจน, ออกซิเจน และกำมะถัน ทำให้เห็นโครงสร้างภายในของดาราจักรได้ชัดเจนสุด ๆ ที่น่าทึ่งคือ นักวิจัยพบ เนบิวลาดาวเคราะห์ (Planetary Nebulae) มากถึง 500 แห่ง — ปกติเห็นแค่ 100 แห่งต่อดาราจักร นอกจากนี้ยังเห็นการพ่นก๊าซออกจากใจกลางของดาราจักร ซึ่งอาจมาจาก หลุมดำมวลยิ่งยวด ที่อยู่ตรงนั้น นักดาราศาสตร์จะใช้ข้อมูลนี้ในการศึกษาเรื่อง: - โครงสร้างของดาราจักรแบบละเอียด - การเคลื่อนที่ของแก๊สและการก่อตัวของดาว - การตรวจสอบระยะห่างของดาราจักรผ่านการกระจายตัวของเนบิวลา ✅ ทีมวิจัยจาก ESO ถ่ายภาพ Sculptor galaxy แบบละเอียดที่สุดเท่าที่เคยมี   • ใช้เวลาสะสมข้อมูลกว่า 50 ชั่วโมง   • รวมภาพมากกว่า 100 เฟรมจากกล้อง VLT ✅ Sculptor เป็นดาราจักรแบบเกลียวขนาดใหญ่ ใกล้โลกเพียง 11 ล้านปีแสง   • ขนาดราว 90,000 ปีแสง  • พื้นที่ที่ถูกวิเคราะห์คือราว 65,000 ปีแสง ✅ พบเนบิวลาดาวเคราะห์ถึง 500 แห่ง — มากผิดปกติ   • ใช้เป็นตัวชี้วัดระยะห่างของดาราจักรได้ ✅ ภาพแสดงแถบแก๊สจากใจกลางดาราจักร พ่นออกมาจากหลุมดำขนาดยักษ์   • ใช้แสง false-color แสดงองค์ประกอบของธาตุ ✅ การวิเคราะห์นี้จะช่วยให้เข้าใจกลไกการก่อตัวของดาวและองค์ประกอบของแก๊สในระดับที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ✅ ดาราจักร Sculptor เป็นดาราจักรสว่างที่กล้องส่องทางไกลบนโลกมองเห็นได้ง่าย   • จัดอยู่ในกลุ่มเดียวกับ Andromeda สำหรับนักดูดาวสมัครเล่น https://www.techspot.com/news/108396-astronomers-capture-ultra-detailed-image-nearby-sculptor-galaxy.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Astronomers capture ultra-detailed image of nearby Sculptor galaxy
    The Sculptor galaxy, also known as NGC 253, is similar in size, mass, and shape to our own spiral Milky Way. ESO researcher Enrico Congiu said the...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 106 มุมมอง 0 รีวิว
  • ว่างจัด
    นำเฟรมผ้าสำหรับวาดรูปสีน้ำมันฯมาแปลงเป็นกรอบรูป ติดเทปทำเป็นลวดลายกรอบ ภาพวิวนำมาจากโปสการ์ด และมินิหงส์ดำหนึ่งคู่
    ว่างจัด นำเฟรมผ้าสำหรับวาดรูปสีน้ำมันฯมาแปลงเป็นกรอบรูป ติดเทปทำเป็นลวดลายกรอบ ภาพวิวนำมาจากโปสการ์ด และมินิหงส์ดำหนึ่งคู่
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 35 มุมมอง 0 รีวิว
  • คุณเคยเปิดเกมแล้วเจอฉากสวยๆ ที่ทำให้การ์ดจอคุณ “ทรุด” เพราะ VRAM เต็มไหมครับ? ข่าวดีคือ NTC หรือ Neural Texture Compression อาจเปลี่ยนเกมนี้ไปทั้งวงการ เพราะมันช่วยให้เรนเดอร์ texture ที่สมจริงได้โดยใช้หน่วยความจำกราฟิกน้อยลงมาก — ถึง 20 เท่าในบางกรณี!

    หลักการคือการใช้ AI neural network ที่ฝึกมาล่วงหน้าเพื่อบีบอัด (compress) และถอดรหัส (decompress) texture ใน real-time โดยคงรายละเอียดที่สายตามองเห็นว่า “คมเหมือนต้นฉบับ” แม้ข้อมูลต้นทางจะถูกลดทอนอย่างหนัก

    สื่อเทคโนโลยีชื่อ Compusemble ทำการทดสอบเทคโนโลยีนี้จาก Intel และ Nvidia แล้วพบผลลัพธ์น่าทึ่ง: จาก 272MB เหลือเพียง 11.37MB บน GPU และ ลดเวลาสร้างเฟรมจาก 5.77ms เหลือแค่ 0.11ms เมื่อใช้ Cooperative Vectors — ฟีเจอร์ใหม่ใน DirectX 12 ที่ช่วยเร่งการทำงาน AI บน GPU โดยไม่ล็อกอยู่กับค่ายใดค่ายหนึ่ง

    แม้ตอนนี้ยังไม่มีเกมพาณิชย์ที่รองรับ NTC เต็มตัว แต่การทดสอบนี้อาจเร่งให้ Unreal Engine, Unity หรือผู้ผลิตเกมอื่นนำไปใช้จริงในอนาคตอันใกล้

    ✅ Neural Texture Compression (NTC) คือเทคโนโลยีที่ใช้ AI ลดขนาด texture โดยแทบไม่ลดคุณภาพภาพ  
    • ใช้ neural network ที่ฝึกมาเฉพาะ  
    • บีบอัดและคืนค่าข้อมูล texture ระหว่างเรนเดอร์แบบ real-time

    ✅ NTC สามารถลดการใช้ VRAM ได้อย่างมหาศาล  
    • จากตัวอย่าง: 272MB → 11.37MB  
    • มีผลต่อความลื่นไหลในเกมระดับ 4K

    ✅ ต้องใช้พลังประมวลผลสูง จึงต้องอาศัยฟีเจอร์อย่าง Cooperative Vectors เพื่อให้รันได้เร็ว  
    • เป็นฟีเจอร์ใหม่ใน DirectX 12  
    • ช่วยเร่งงาน matrix computation ข้าม GPU หลายค่าย (cross-vendor)

    ✅ ผลทดสอบจริงจาก Compusemble พบว่าการใช้ Cooperative Vectors ลดเวลาสร้างเฟรมได้สูงถึง 98%  
    • จาก 5.77ms เหลือ 0.11ms ใน demo จาก Intel  
    • จาก 1.44ms เหลือ 0.74ms ใน demo จาก Nvidia

    ✅ เปิดโอกาสให้ GPU ที่มี VRAM จำกัดรันเกมระดับสูงได้ดีขึ้นในอนาคต  
    • เหมาะกับทั้งเกมใหม่ และการอัปเดตเกมเก่าเพื่อประสิทธิภาพดีขึ้น

    ‼️ เทคโนโลยี NTC ยังไม่ถูกใช้อย่างแพร่หลายในเกมจริง  
    • ปัจจุบันยังอยู่ใน demo/research stage เท่านั้น  
    • ต้องรอดูว่า engine ใหญ่ ๆ จะนำไปใช้ไหม

    ‼️ ต้องการการ์ดจอที่รองรับฟีเจอร์เฉพาะ (เช่น Cooperative Vectors)  
    • ยังไม่ชัดว่าการ์ดรุ่นใดบ้างจะรองรับในระยะยาว

    ‼️ การแปลง texture แบบ neural อาจลดความเที่ยงตรงในบางประเภทภาพ  
    • โดยเฉพาะกับเนื้อหาที่มีลวดลายซับซ้อน, เส้นคม, หรือเนื้อสัมผัสปลีกย่อย

    ‼️ ยังไม่มีมาตรฐานกลางสำหรับ NTC ข้ามค่ายระหว่าง Intel–Nvidia–AMD  
    • นักพัฒนาอาจต้องเลือกใช้ฟีเจอร์แบบล็อก vendor หรือสร้างระบบของตนเอง

    https://www.techspot.com/news/108371-neural-texture-compression-can-do-wonders-vram-usage.html
    คุณเคยเปิดเกมแล้วเจอฉากสวยๆ ที่ทำให้การ์ดจอคุณ “ทรุด” เพราะ VRAM เต็มไหมครับ? ข่าวดีคือ NTC หรือ Neural Texture Compression อาจเปลี่ยนเกมนี้ไปทั้งวงการ เพราะมันช่วยให้เรนเดอร์ texture ที่สมจริงได้โดยใช้หน่วยความจำกราฟิกน้อยลงมาก — ถึง 20 เท่าในบางกรณี! หลักการคือการใช้ AI neural network ที่ฝึกมาล่วงหน้าเพื่อบีบอัด (compress) และถอดรหัส (decompress) texture ใน real-time โดยคงรายละเอียดที่สายตามองเห็นว่า “คมเหมือนต้นฉบับ” แม้ข้อมูลต้นทางจะถูกลดทอนอย่างหนัก สื่อเทคโนโลยีชื่อ Compusemble ทำการทดสอบเทคโนโลยีนี้จาก Intel และ Nvidia แล้วพบผลลัพธ์น่าทึ่ง: จาก 272MB เหลือเพียง 11.37MB บน GPU และ ลดเวลาสร้างเฟรมจาก 5.77ms เหลือแค่ 0.11ms เมื่อใช้ Cooperative Vectors — ฟีเจอร์ใหม่ใน DirectX 12 ที่ช่วยเร่งการทำงาน AI บน GPU โดยไม่ล็อกอยู่กับค่ายใดค่ายหนึ่ง แม้ตอนนี้ยังไม่มีเกมพาณิชย์ที่รองรับ NTC เต็มตัว แต่การทดสอบนี้อาจเร่งให้ Unreal Engine, Unity หรือผู้ผลิตเกมอื่นนำไปใช้จริงในอนาคตอันใกล้ ✅ Neural Texture Compression (NTC) คือเทคโนโลยีที่ใช้ AI ลดขนาด texture โดยแทบไม่ลดคุณภาพภาพ   • ใช้ neural network ที่ฝึกมาเฉพาะ   • บีบอัดและคืนค่าข้อมูล texture ระหว่างเรนเดอร์แบบ real-time ✅ NTC สามารถลดการใช้ VRAM ได้อย่างมหาศาล   • จากตัวอย่าง: 272MB → 11.37MB   • มีผลต่อความลื่นไหลในเกมระดับ 4K ✅ ต้องใช้พลังประมวลผลสูง จึงต้องอาศัยฟีเจอร์อย่าง Cooperative Vectors เพื่อให้รันได้เร็ว   • เป็นฟีเจอร์ใหม่ใน DirectX 12   • ช่วยเร่งงาน matrix computation ข้าม GPU หลายค่าย (cross-vendor) ✅ ผลทดสอบจริงจาก Compusemble พบว่าการใช้ Cooperative Vectors ลดเวลาสร้างเฟรมได้สูงถึง 98%   • จาก 5.77ms เหลือ 0.11ms ใน demo จาก Intel   • จาก 1.44ms เหลือ 0.74ms ใน demo จาก Nvidia ✅ เปิดโอกาสให้ GPU ที่มี VRAM จำกัดรันเกมระดับสูงได้ดีขึ้นในอนาคต   • เหมาะกับทั้งเกมใหม่ และการอัปเดตเกมเก่าเพื่อประสิทธิภาพดีขึ้น ‼️ เทคโนโลยี NTC ยังไม่ถูกใช้อย่างแพร่หลายในเกมจริง   • ปัจจุบันยังอยู่ใน demo/research stage เท่านั้น   • ต้องรอดูว่า engine ใหญ่ ๆ จะนำไปใช้ไหม ‼️ ต้องการการ์ดจอที่รองรับฟีเจอร์เฉพาะ (เช่น Cooperative Vectors)   • ยังไม่ชัดว่าการ์ดรุ่นใดบ้างจะรองรับในระยะยาว ‼️ การแปลง texture แบบ neural อาจลดความเที่ยงตรงในบางประเภทภาพ   • โดยเฉพาะกับเนื้อหาที่มีลวดลายซับซ้อน, เส้นคม, หรือเนื้อสัมผัสปลีกย่อย ‼️ ยังไม่มีมาตรฐานกลางสำหรับ NTC ข้ามค่ายระหว่าง Intel–Nvidia–AMD   • นักพัฒนาอาจต้องเลือกใช้ฟีเจอร์แบบล็อก vendor หรือสร้างระบบของตนเอง https://www.techspot.com/news/108371-neural-texture-compression-can-do-wonders-vram-usage.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Neural Texture Compression demo shows it can do wonders for VRAM usage
    Neural Texture Compression (NTC) is a new technique that improves texture quality while reducing VRAM usage. It relies on a specialized neural network trained to compress and...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 109 มุมมอง 0 รีวิว
  • FSR หรือ FidelityFX Super Resolution ของ AMD เป็นเทคโนโลยี upscaling แบบ AI ช่วยให้เกมรันที่เฟรมเรตสูงขึ้นบนความละเอียดสูง โดยยังรักษาคุณภาพภาพให้ดูชัดใกล้เคียง 4K แท้ ๆ ซึ่งคู่แข่งของมันคือ DLSS ของ NVIDIA ที่มี Tensor Core พิเศษอยู่บนการ์ด

    ปัญหาคือ… FSR 4 (รุ่นล่าสุด) ยังรองรับเฉพาะการ์ดจอ RX 9000 ซีรีส์ที่มีฮาร์ดแวร์ใหม่ที่ใช้ FP8 (floating point 8-bit) แต่ผู้ใช้งาน Reddit นามว่า Virtual-Cobbler-9930 พบว่า Mesa เวอร์ชันล่าสุดบน Linux สามารถ “จำลอง” ความสามารถ FP8 ด้วย FP16 แทน ทำให้ RX 7900 XTX (รุ่นปีที่แล้ว) สามารถใช้งาน FSR 4 ได้!

    เค้าใช้เครื่องมือชื่อ OptiScaler DLL injection ซึ่งแต่เดิมเคยใช้บังคับให้เกมรองรับ DLSS 2 หรือ XeSS ได้ แล้วใช้คำสั่งไม่กี่บรรทัดก็เปิดใช้งาน FSR 4 ในเกมต่าง ๆ ได้เลย

    ทดสอบแล้วพบว่าเกมอย่าง Cyberpunk 2077, Oblivion, และ Marvel Rivals รันได้จริง — โดยเฉพาะ Cyberpunk ได้ภาพที่คมกว่าตอนใช้ FSR 3.1 เยอะเลยครับ (ใบไม้ พุ่มไม้ ชัดขึ้น) แม้จะแลกกับ fps ที่ตกไป 33% จาก 85 เหลือ 56 — ซึ่งก็ยังเล่นได้ลื่นอยู่

    ✅ ผู้ใช้ Reddit ดัดแปลงให้ RX 7900 XTX ใช้งาน FSR 4 ได้ โดยไม่รองรับจาก AMD โดยตรง  
    • ใช้ Mesa ใหม่บน Linux ที่จำลอง FP8 ผ่าน FP16  
    • ใช้ OptiScaler DLL injection บังคับให้เกมรองรับ FSR 4

    ✅ ทดสอบแล้วทำงานได้จริงในเกมดัง เช่น Cyberpunk 2077 และ Oblivion  
    • คุณภาพดีขึ้นกว่าตอนใช้ FSR 3.1  
    • ภาพชัดขึ้น โดยเฉพาะ detail พุ่มไม้และใบไม้

    ✅ การลด fps มีอยู่แต่ยังอยู่ในระดับเล่นได้  
    • Cyberpunk: จาก 85 → 56 fps  
    • Oblivion: จาก 46 → 36 fps

    ✅ ผู้ใช้ทดสอบด้วย Ryzen 7 7700X (จำกัดไฟแค่ 65W), 128GB DDR5 บน Arch Linux  
    • แสดงว่าระบบไม่ต้องแรงแบบสุดทางก็เปิดใช้ได้

    ✅ คาดว่าภายในเดือนสิงหาคม Mesa จะออกเวอร์ชันเสถียรที่รวม patch นี้อัตโนมัติ  
    • เว้นแต่ว่า AMD จะขอให้ปิดฟีเจอร์นี้ออกจากโค้ด

    ‼️ FSR 4 ที่ดัดแปลงใช้งานนี้ “ไม่ได้รับการรับรอง” จาก AMD  
    • อาจมีบั๊ก ความไม่เข้ากัน หรือประสิทธิภาพไม่เสถียร

    ‼️ การฉีด DLL (DLL injection) อาจถูกแอนตี้ไวรัสหรือระบบความปลอดภัยมองว่าเป็นภัย  
    • ควรใช้อย่างระมัดระวัง โดยเฉพาะกับเกมที่มีระบบต่อต้านโกง

    ‼️ คุณภาพที่ได้สูงขึ้น แต่ถ้ารันความละเอียดต่ำกว่า 4K เช่น 1080p จะไม่มีประโยชน์ชัดเจน  
    • เหมาะสำหรับผู้ที่เล่นเกมระดับ 4K เท่านั้น

    ‼️ อาจส่งผลกระทบต่อท่าทีของ AMD ต่อชุมชนนักพัฒนา  
    • หาก AMD เห็นว่าการดัดแปลงนี้ขัดกับแนวทางบริษัท อาจสั่งถอนฟีเจอร์ออกจาก Mesa

    https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/enthusiast-hacks-fsr-4-onto-rx-7000-series-gpu-without-official-amd-support-returns-better-quality-but-slightly-lower-fps-than-fsr-3-1
    FSR หรือ FidelityFX Super Resolution ของ AMD เป็นเทคโนโลยี upscaling แบบ AI ช่วยให้เกมรันที่เฟรมเรตสูงขึ้นบนความละเอียดสูง โดยยังรักษาคุณภาพภาพให้ดูชัดใกล้เคียง 4K แท้ ๆ ซึ่งคู่แข่งของมันคือ DLSS ของ NVIDIA ที่มี Tensor Core พิเศษอยู่บนการ์ด ปัญหาคือ… FSR 4 (รุ่นล่าสุด) ยังรองรับเฉพาะการ์ดจอ RX 9000 ซีรีส์ที่มีฮาร์ดแวร์ใหม่ที่ใช้ FP8 (floating point 8-bit) แต่ผู้ใช้งาน Reddit นามว่า Virtual-Cobbler-9930 พบว่า Mesa เวอร์ชันล่าสุดบน Linux สามารถ “จำลอง” ความสามารถ FP8 ด้วย FP16 แทน ทำให้ RX 7900 XTX (รุ่นปีที่แล้ว) สามารถใช้งาน FSR 4 ได้! เค้าใช้เครื่องมือชื่อ OptiScaler DLL injection ซึ่งแต่เดิมเคยใช้บังคับให้เกมรองรับ DLSS 2 หรือ XeSS ได้ แล้วใช้คำสั่งไม่กี่บรรทัดก็เปิดใช้งาน FSR 4 ในเกมต่าง ๆ ได้เลย ทดสอบแล้วพบว่าเกมอย่าง Cyberpunk 2077, Oblivion, และ Marvel Rivals รันได้จริง — โดยเฉพาะ Cyberpunk ได้ภาพที่คมกว่าตอนใช้ FSR 3.1 เยอะเลยครับ (ใบไม้ พุ่มไม้ ชัดขึ้น) แม้จะแลกกับ fps ที่ตกไป 33% จาก 85 เหลือ 56 — ซึ่งก็ยังเล่นได้ลื่นอยู่ ✅ ผู้ใช้ Reddit ดัดแปลงให้ RX 7900 XTX ใช้งาน FSR 4 ได้ โดยไม่รองรับจาก AMD โดยตรง   • ใช้ Mesa ใหม่บน Linux ที่จำลอง FP8 ผ่าน FP16   • ใช้ OptiScaler DLL injection บังคับให้เกมรองรับ FSR 4 ✅ ทดสอบแล้วทำงานได้จริงในเกมดัง เช่น Cyberpunk 2077 และ Oblivion   • คุณภาพดีขึ้นกว่าตอนใช้ FSR 3.1   • ภาพชัดขึ้น โดยเฉพาะ detail พุ่มไม้และใบไม้ ✅ การลด fps มีอยู่แต่ยังอยู่ในระดับเล่นได้   • Cyberpunk: จาก 85 → 56 fps   • Oblivion: จาก 46 → 36 fps ✅ ผู้ใช้ทดสอบด้วย Ryzen 7 7700X (จำกัดไฟแค่ 65W), 128GB DDR5 บน Arch Linux   • แสดงว่าระบบไม่ต้องแรงแบบสุดทางก็เปิดใช้ได้ ✅ คาดว่าภายในเดือนสิงหาคม Mesa จะออกเวอร์ชันเสถียรที่รวม patch นี้อัตโนมัติ   • เว้นแต่ว่า AMD จะขอให้ปิดฟีเจอร์นี้ออกจากโค้ด ‼️ FSR 4 ที่ดัดแปลงใช้งานนี้ “ไม่ได้รับการรับรอง” จาก AMD   • อาจมีบั๊ก ความไม่เข้ากัน หรือประสิทธิภาพไม่เสถียร ‼️ การฉีด DLL (DLL injection) อาจถูกแอนตี้ไวรัสหรือระบบความปลอดภัยมองว่าเป็นภัย   • ควรใช้อย่างระมัดระวัง โดยเฉพาะกับเกมที่มีระบบต่อต้านโกง ‼️ คุณภาพที่ได้สูงขึ้น แต่ถ้ารันความละเอียดต่ำกว่า 4K เช่น 1080p จะไม่มีประโยชน์ชัดเจน   • เหมาะสำหรับผู้ที่เล่นเกมระดับ 4K เท่านั้น ‼️ อาจส่งผลกระทบต่อท่าทีของ AMD ต่อชุมชนนักพัฒนา   • หาก AMD เห็นว่าการดัดแปลงนี้ขัดกับแนวทางบริษัท อาจสั่งถอนฟีเจอร์ออกจาก Mesa https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/enthusiast-hacks-fsr-4-onto-rx-7000-series-gpu-without-official-amd-support-returns-better-quality-but-slightly-lower-fps-than-fsr-3-1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 118 มุมมอง 0 รีวิว
  • Intel เตรียมเปิดตัว Nova Lake-S รุ่นถัดไปของซีพียูฝั่งเดสก์ท็อปใน ครึ่งหลังของปี 2026 ที่มาพร้อมแนวคิดใหม่ทั้งด้าน “สถาปัตยกรรม” และ “ขุมพลัง” ตัวท็อป Core Ultra 9 385K จะมีถึง 52 คอร์! โดยแบ่งเป็น 16 คอร์แรงจัด (P-core), 32 คอร์ประหยัด (E-core) และ 4 คอร์พลังต่ำพิเศษ (LPE-core) เรียกว่าเป็นการกระโดดจากรุ่นปัจจุบันที่มีสูงสุดแค่ 24 คอร์ แบบไม่เห็นฝุ่น

    แต่ที่น่าสนใจไม่แพ้กันคือการเปลี่ยนผ่านไปสู่ “ระบบแยกแผ่น (tile-based)” ซึ่งแต่ละกลุ่มคอร์จะถูกวางอยู่บนไดแยกกัน คล้ายกับแนวคิดของชิป Apple M-Series หรือ AMD 3D V-Cache เพื่อให้บริหารพลังงานและประสิทธิภาพได้แบบละเอียดสุด ๆ

    Intel ยังใส่ใจสายกราฟิกด้วยการแยกส่วน iGPU ออกเป็นสองกลุ่มชัดเจน: Xe3 “Celestial” สำหรับเรนเดอร์ และ Xe4 “Druid” สำหรับวิดีโอ/จอภาพ — ลดภาระเครื่องและเพิ่มเฟรมเรตสำหรับทั้งงานสร้างสรรค์และเกม

    Nova Lake-S ยังมาพร้อมแพลตฟอร์มใหม่หมด ตั้งแต่ LGA 1854 Socket, แรม DDR5 8000+ MT/s, ไปจนถึง 48 เลน PCIe และระบบ USB/SATA แบบขยายเต็มพิกัด

    ✅ Nova Lake-S จะเป็นซีรีส์เดสก์ท็อปใหม่ของ Intel ที่เปลี่ยนแปลงสถาปัตยกรรมครั้งใหญ่  
    • เริ่มวางจำหน่ายครึ่งหลังปี 2026  
    • ใช้ดีไซน์แบบ tile-based คล้ายกับชิปยุคใหม่ เช่น Meteor Lake

    ✅ Core Ultra 9 385K: มีสูงสุดถึง 52 คอร์!  
    • แบ่งเป็น: 16 P-core + 32 E-core + 4 LPE-core  
    • เปรียบเทียบแล้วมากกว่ารุ่นก่อน (24 คอร์) เกินเท่าตัว

    ✅ ซีรีส์อื่นก็แรงไม่แพ้กัน  
    • Core Ultra 7: 42 คอร์  
    • Core Ultra 5: มีตั้งแต่ 18 ถึง 28 คอร์  
    • Core Ultra 3: รุ่นเล็กสุดยังมีถึง 16 คอร์ (พร้อม LPE-core)

    ✅ แรมและสถาปัตยกรรมใหม่  
    • รองรับ DDR5 สูงสุด 8000 MT/s และอาจไปถึง 10,000+ MT/s  
    • ใช้ Socket ใหม่ LGA 1854 และชิปเซต 900 ซีรีส์

    ✅ ระบบกราฟิกในตัวแบบไฮบริด แยกเรนเดอร์/วิดีโอ  
    • Xe3 “Celestial” สำหรับเกมและกราฟิก  
    • Xe4 “Druid” สำหรับวิดีโอและจอภาพ

    ✅ เป้าหมาย: สู้กับ AMD Zen 6 แบบจัง ๆ  
    • Intel มุ่งหวังทวงบัลลังก์ซีพียูเดสก์ท็อปคืนจากคู่แข่ง

    ‼️ ต้องเปลี่ยนเมนบอร์ดใหม่เพื่อใช้ Nova Lake-S  
    • ใช้ LGA 1854 socket และชิปเซตรุ่นใหม่ทั้งหมด  
    • ไม่สามารถใช้งานร่วมกับเมนบอร์ดปัจจุบัน

    ‼️ ยังไม่มีการทดสอบจริง — ตัวเลขทั้งหมดมาจาก “ข่าวหลุด”  
    • ต้องรอ benchmark และประสิทธิภาพจริงจากผู้ผลิตหรือผู้ใช้งาน

    ‼️ จำนวนคอร์ที่มากขึ้นอาจไม่ใช่คำตอบเสมอไป  
    • ถ้าซอฟต์แวร์ไม่ปรับให้รองรับการทำงานแบบ multi-thread อาจไม่ใช้ทรัพยากรได้คุ้มค่า

    ‼️ TDP ระดับ 150W บ่งชี้ว่าอาจต้องระบบระบายความร้อนที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น  
    • โดยเฉพาะรุ่น Core Ultra 9 / 7 ที่มีคอร์จำนวนมาก

    https://www.techspot.com/news/108337-intel-nova-lake-s-cpus-bring-massive-architectural.html
    Intel เตรียมเปิดตัว Nova Lake-S รุ่นถัดไปของซีพียูฝั่งเดสก์ท็อปใน ครึ่งหลังของปี 2026 ที่มาพร้อมแนวคิดใหม่ทั้งด้าน “สถาปัตยกรรม” และ “ขุมพลัง” ตัวท็อป Core Ultra 9 385K จะมีถึง 52 คอร์! โดยแบ่งเป็น 16 คอร์แรงจัด (P-core), 32 คอร์ประหยัด (E-core) และ 4 คอร์พลังต่ำพิเศษ (LPE-core) เรียกว่าเป็นการกระโดดจากรุ่นปัจจุบันที่มีสูงสุดแค่ 24 คอร์ แบบไม่เห็นฝุ่น แต่ที่น่าสนใจไม่แพ้กันคือการเปลี่ยนผ่านไปสู่ “ระบบแยกแผ่น (tile-based)” ซึ่งแต่ละกลุ่มคอร์จะถูกวางอยู่บนไดแยกกัน คล้ายกับแนวคิดของชิป Apple M-Series หรือ AMD 3D V-Cache เพื่อให้บริหารพลังงานและประสิทธิภาพได้แบบละเอียดสุด ๆ Intel ยังใส่ใจสายกราฟิกด้วยการแยกส่วน iGPU ออกเป็นสองกลุ่มชัดเจน: Xe3 “Celestial” สำหรับเรนเดอร์ และ Xe4 “Druid” สำหรับวิดีโอ/จอภาพ — ลดภาระเครื่องและเพิ่มเฟรมเรตสำหรับทั้งงานสร้างสรรค์และเกม Nova Lake-S ยังมาพร้อมแพลตฟอร์มใหม่หมด ตั้งแต่ LGA 1854 Socket, แรม DDR5 8000+ MT/s, ไปจนถึง 48 เลน PCIe และระบบ USB/SATA แบบขยายเต็มพิกัด ✅ Nova Lake-S จะเป็นซีรีส์เดสก์ท็อปใหม่ของ Intel ที่เปลี่ยนแปลงสถาปัตยกรรมครั้งใหญ่   • เริ่มวางจำหน่ายครึ่งหลังปี 2026   • ใช้ดีไซน์แบบ tile-based คล้ายกับชิปยุคใหม่ เช่น Meteor Lake ✅ Core Ultra 9 385K: มีสูงสุดถึง 52 คอร์!   • แบ่งเป็น: 16 P-core + 32 E-core + 4 LPE-core   • เปรียบเทียบแล้วมากกว่ารุ่นก่อน (24 คอร์) เกินเท่าตัว ✅ ซีรีส์อื่นก็แรงไม่แพ้กัน   • Core Ultra 7: 42 คอร์   • Core Ultra 5: มีตั้งแต่ 18 ถึง 28 คอร์   • Core Ultra 3: รุ่นเล็กสุดยังมีถึง 16 คอร์ (พร้อม LPE-core) ✅ แรมและสถาปัตยกรรมใหม่   • รองรับ DDR5 สูงสุด 8000 MT/s และอาจไปถึง 10,000+ MT/s   • ใช้ Socket ใหม่ LGA 1854 และชิปเซต 900 ซีรีส์ ✅ ระบบกราฟิกในตัวแบบไฮบริด แยกเรนเดอร์/วิดีโอ   • Xe3 “Celestial” สำหรับเกมและกราฟิก   • Xe4 “Druid” สำหรับวิดีโอและจอภาพ ✅ เป้าหมาย: สู้กับ AMD Zen 6 แบบจัง ๆ   • Intel มุ่งหวังทวงบัลลังก์ซีพียูเดสก์ท็อปคืนจากคู่แข่ง ‼️ ต้องเปลี่ยนเมนบอร์ดใหม่เพื่อใช้ Nova Lake-S   • ใช้ LGA 1854 socket และชิปเซตรุ่นใหม่ทั้งหมด   • ไม่สามารถใช้งานร่วมกับเมนบอร์ดปัจจุบัน ‼️ ยังไม่มีการทดสอบจริง — ตัวเลขทั้งหมดมาจาก “ข่าวหลุด”   • ต้องรอ benchmark และประสิทธิภาพจริงจากผู้ผลิตหรือผู้ใช้งาน ‼️ จำนวนคอร์ที่มากขึ้นอาจไม่ใช่คำตอบเสมอไป   • ถ้าซอฟต์แวร์ไม่ปรับให้รองรับการทำงานแบบ multi-thread อาจไม่ใช้ทรัพยากรได้คุ้มค่า ‼️ TDP ระดับ 150W บ่งชี้ว่าอาจต้องระบบระบายความร้อนที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น   • โดยเฉพาะรุ่น Core Ultra 9 / 7 ที่มีคอร์จำนวนมาก https://www.techspot.com/news/108337-intel-nova-lake-s-cpus-bring-massive-architectural.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Intel's Nova Lake-S CPUs to bring massive architectural overhaul, up to 52 cores
    The flagship Core Ultra 9 385K model could feature a staggering 52 cores, comprising 16 high-performance P-cores, 32 efficiency-focused E-cores, and four 4 low-power LPE-cores – making...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 141 มุมมอง 0 รีวิว
  • เวลาศึกษาวิธีการใช้ชีวิตแบบไม่ต้องคิดมาก ไม่ต้องลังเลอะไร ไม่ต้องกังวลอะไรเยอะแยะ คนตื่นธรรม โจนจันได ดูให้เยอะๆ ทุกวันนี้ยังฟังคนตื่นธรรมอยู่เลย จิตใจของผมเริ่มกะเทาะออกมากระจ่างขึ้น และฟังควบคู่กับทานยาไปด้วย จัดสรรเวลาให้ Balance สำหรับผมและในแบของผม
    เรื่อง Youtube Premium อันนี้วางลงไปก่อน ไม่ได้ใช้พรีเมี่ยมนานแล้ว แต่พยายามอดทนกับโฆษณาที่ไม่ถูกกับจริตและโฉลกของผม ใครว่าผมไม่มีอะไรทำ ผมก็มีอะไรที่ต้องทำอีกเยอะแยะ ทั้งเสพเทรลเลอร์เกมส์และหนัง หาเวลามาทำโจทย์เพื่อประเทืองสมอง หาอะไรที่อยากดูก็ดู แต่พยายามดูจนจบ
    ตอนนี้อย่าคิดเรื่องจ่ายค่าพรีเมียมเดือนละ 179 บาท แต่คงต้องปรับจูนแนวความคิดและชุดความคิดส่วนตัวใหม่ ลำพังเงินกินข้าวแทบจะไม่มีเลย
    หลังจากที่ปล่อยวางเลิกคิดเรื่องฟรีแลนซ์ที่ไม่ใช่ฟรีแลนซ์ เหมือนทำงานให้เขาฟรีๆ โดนโทรตามจิกถี่ทั้งวันทั้งคืน แถมรับงานหน้าเดิมๆแต่ไม่เปลี่ยนลูกค้าเพราะเกรงใจลูกค้าเดิมมากเกินไป เกือบจะเป็นทาส เป็นขี้ข้าให้เขา 1 ปีเต็มๆ แต่ก็ออกมาได้เพราะรู้สึกอึดอัด แก้ไปร้อยๆพันๆรอบแล้วจะโทรจิกบ่อยจนผมไม่มีสมาธิที่มั่นคง สุดท้ายก็บอกยกเลิกจ็อบไป และไม่คุยกับ 2 คนนั้นอีกต่อไปแล้ว
    ปัญหาคือลูกค้าเดิมให้ผมใช้เฟรมเวิร์กเวอร์ชั่นเก่าในการพัฒนา แต่ทำให้ผมรู้สึกอึดอัดเป็นอย่างมาก PHP 8.4 แต่ยังให้ใช้ PHP 7.4 ไม่คิดจะใช้เวอร์ชั่นปัจจุบันกันนักรึไง
    เว็บขายผลงานยังไม่ได้ลงมือทำเลย พอร์ตฟอลิโอ้ เรซุเม่ ก็ยังไม่รีเมคเลย คือตามงานไปหลายรอบ แก้ไปหลายรอบแล้ว แต่ไม่ค่อยได้พักผ่อน ไม่ค่อยมีเวลาสงบสติอารมณ์ แต่จำเป็นต้องยกเลิกงานให้คนในบริษัทมันทำ คือเป็นฟรีแลนซ์แล้วรู้สึกถูกกดค่างาน ถูกเอารัดเอาเปรียบ ตั้งแต่ กกต.ดึงตัวผมไปเป็นผู้ช่วยพร้อมย้ายทะเบียนบ้านทำบัตรใหม่ทั้งๆที่ผมไม่ต้องการแบบนี้ด้วยซ้ำ จุดนั้นทำให้ผมพังทลายไปเยอะ แต่กว่าจะกู้คืนกลับมาก็ยาก แต่ตอนนี้ควรโฟกัสสิ่งที่ผมควรจะทำก่อน ไม่รำลึกนึกถึงอดีต
    เวลาศึกษาวิธีการใช้ชีวิตแบบไม่ต้องคิดมาก ไม่ต้องลังเลอะไร ไม่ต้องกังวลอะไรเยอะแยะ คนตื่นธรรม โจนจันได ดูให้เยอะๆ ทุกวันนี้ยังฟังคนตื่นธรรมอยู่เลย จิตใจของผมเริ่มกะเทาะออกมากระจ่างขึ้น และฟังควบคู่กับทานยาไปด้วย จัดสรรเวลาให้ Balance สำหรับผมและในแบของผม เรื่อง Youtube Premium อันนี้วางลงไปก่อน ไม่ได้ใช้พรีเมี่ยมนานแล้ว แต่พยายามอดทนกับโฆษณาที่ไม่ถูกกับจริตและโฉลกของผม ใครว่าผมไม่มีอะไรทำ ผมก็มีอะไรที่ต้องทำอีกเยอะแยะ ทั้งเสพเทรลเลอร์เกมส์และหนัง หาเวลามาทำโจทย์เพื่อประเทืองสมอง หาอะไรที่อยากดูก็ดู แต่พยายามดูจนจบ ตอนนี้อย่าคิดเรื่องจ่ายค่าพรีเมียมเดือนละ 179 บาท แต่คงต้องปรับจูนแนวความคิดและชุดความคิดส่วนตัวใหม่ ลำพังเงินกินข้าวแทบจะไม่มีเลย หลังจากที่ปล่อยวางเลิกคิดเรื่องฟรีแลนซ์ที่ไม่ใช่ฟรีแลนซ์ เหมือนทำงานให้เขาฟรีๆ โดนโทรตามจิกถี่ทั้งวันทั้งคืน แถมรับงานหน้าเดิมๆแต่ไม่เปลี่ยนลูกค้าเพราะเกรงใจลูกค้าเดิมมากเกินไป เกือบจะเป็นทาส เป็นขี้ข้าให้เขา 1 ปีเต็มๆ แต่ก็ออกมาได้เพราะรู้สึกอึดอัด แก้ไปร้อยๆพันๆรอบแล้วจะโทรจิกบ่อยจนผมไม่มีสมาธิที่มั่นคง สุดท้ายก็บอกยกเลิกจ็อบไป และไม่คุยกับ 2 คนนั้นอีกต่อไปแล้ว ปัญหาคือลูกค้าเดิมให้ผมใช้เฟรมเวิร์กเวอร์ชั่นเก่าในการพัฒนา แต่ทำให้ผมรู้สึกอึดอัดเป็นอย่างมาก PHP 8.4 แต่ยังให้ใช้ PHP 7.4 ไม่คิดจะใช้เวอร์ชั่นปัจจุบันกันนักรึไง เว็บขายผลงานยังไม่ได้ลงมือทำเลย พอร์ตฟอลิโอ้ เรซุเม่ ก็ยังไม่รีเมคเลย คือตามงานไปหลายรอบ แก้ไปหลายรอบแล้ว แต่ไม่ค่อยได้พักผ่อน ไม่ค่อยมีเวลาสงบสติอารมณ์ แต่จำเป็นต้องยกเลิกงานให้คนในบริษัทมันทำ คือเป็นฟรีแลนซ์แล้วรู้สึกถูกกดค่างาน ถูกเอารัดเอาเปรียบ ตั้งแต่ กกต.ดึงตัวผมไปเป็นผู้ช่วยพร้อมย้ายทะเบียนบ้านทำบัตรใหม่ทั้งๆที่ผมไม่ต้องการแบบนี้ด้วยซ้ำ จุดนั้นทำให้ผมพังทลายไปเยอะ แต่กว่าจะกู้คืนกลับมาก็ยาก แต่ตอนนี้ควรโฟกัสสิ่งที่ผมควรจะทำก่อน ไม่รำลึกนึกถึงอดีต
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 160 มุมมอง 0 รีวิว
  • การ์ดจอที่คุ้มค่าที่สุดในปี 2025: วิเคราะห์ต้นทุนต่อเฟรม
    ราคาการ์ดจอเริ่มปรับตัวดีขึ้นหลังจากการเปิดตัว GeForce RTX 5060 และ Radeon RX 9060 XT โดย TechSpot ได้ทำการวิเคราะห์ ต้นทุนต่อเฟรม ใน 10 ประเทศ เพื่อดูว่าราคาจริงในตลาดเป็นอย่างไรเมื่อเทียบกับ MSRP (ราคาที่แนะนำโดยผู้ผลิต).

    การเปรียบเทียบต้นทุนต่อเฟรม
    ✅ Radeon RX 9060 XT และ RX 9070 XT มีความคุ้มค่ามากกว่าคู่แข่ง โดย RX 9060 XT ถูกกว่ารุ่น RTX 5060 Ti 16GB ถึง 17% ต่อเฟรม.
    ✅ RX 9070 XT มีต้นทุนต่อเฟรมถูกกว่า RTX 5070 Ti ประมาณ 16% ซึ่งเป็นไปตามเกณฑ์ที่ TechSpot ใช้ในการแนะนำการ์ดจอ.
    ✅ RTX 5080 และ 5090 มีราคาสูงกว่ามาก เนื่องจากไม่มีคู่แข่งที่สามารถแข่งขันได้โดยตรง.
    ✅ Intel Arc B580 และ B570 มีต้นทุนต่อเฟรมที่ดีที่สุด แต่ยังมีข้อจำกัดด้านความเข้ากันได้กับเกมบางประเภท.

    ผลกระทบและข้อควรระวัง
    ‼️ ราคาจริงในตลาดอาจสูงกว่าราคา MSRP โดยเฉพาะในบางประเทศ เช่น สหรัฐฯ และเยอรมนี.
    ‼️ RTX 5070 Ti และ RX 9070 XT มีราคาสูงกว่าที่ควรจะเป็น ทำให้ความคุ้มค่าลดลงเมื่อเทียบกับ MSRP.
    ‼️ Intel Arc B580 ยังหาซื้อได้ยาก และหากราคาสูงเกินไป อาจไม่คุ้มค่าที่จะเลือกใช้.

    แนวทางการเลือกซื้อ
    ✅ ตรวจสอบราคาจริงในตลาดก่อนตัดสินใจซื้อ เนื่องจากบางรุ่นอาจมีราคาสูงกว่าที่ควรจะเป็น.
    ✅ เลือกการ์ดจอที่มี VRAM เพียงพอ เช่น RX 9060 XT ที่มี 16GB VRAM ซึ่งดีกว่า RTX 5060 ที่มีเพียง 8GB.
    ✅ ติดตามการลดราคาหรือโปรโมชั่น โดยเฉพาะจากร้านค้าปลีกที่มีสต็อกสินค้าเพียงพอ.

    ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับตลาดการ์ดจอ
    ✅ AMD และ Nvidia แข่งขันกันอย่างดุเดือดในตลาดกลาง โดย Radeon มีข้อได้เปรียบด้านราคาต่อเฟรม.
    ✅ Intel Arc ยังต้องปรับปรุงด้านความเข้ากันได้กับเกม แม้ว่าจะมีราคาต่อเฟรมที่ดี.
    ‼️ การ์ดจอรุ่นเก่าอาจไม่คุ้มค่าที่จะซื้อ เนื่องจากราคายังไม่ลดลงมากพอหลังจากการเปิดตัวรุ่นใหม่.

    https://www.techspot.com/article/3001-cost-per-frame-gpu/
    การ์ดจอที่คุ้มค่าที่สุดในปี 2025: วิเคราะห์ต้นทุนต่อเฟรม ราคาการ์ดจอเริ่มปรับตัวดีขึ้นหลังจากการเปิดตัว GeForce RTX 5060 และ Radeon RX 9060 XT โดย TechSpot ได้ทำการวิเคราะห์ ต้นทุนต่อเฟรม ใน 10 ประเทศ เพื่อดูว่าราคาจริงในตลาดเป็นอย่างไรเมื่อเทียบกับ MSRP (ราคาที่แนะนำโดยผู้ผลิต). การเปรียบเทียบต้นทุนต่อเฟรม ✅ Radeon RX 9060 XT และ RX 9070 XT มีความคุ้มค่ามากกว่าคู่แข่ง โดย RX 9060 XT ถูกกว่ารุ่น RTX 5060 Ti 16GB ถึง 17% ต่อเฟรม. ✅ RX 9070 XT มีต้นทุนต่อเฟรมถูกกว่า RTX 5070 Ti ประมาณ 16% ซึ่งเป็นไปตามเกณฑ์ที่ TechSpot ใช้ในการแนะนำการ์ดจอ. ✅ RTX 5080 และ 5090 มีราคาสูงกว่ามาก เนื่องจากไม่มีคู่แข่งที่สามารถแข่งขันได้โดยตรง. ✅ Intel Arc B580 และ B570 มีต้นทุนต่อเฟรมที่ดีที่สุด แต่ยังมีข้อจำกัดด้านความเข้ากันได้กับเกมบางประเภท. ผลกระทบและข้อควรระวัง ‼️ ราคาจริงในตลาดอาจสูงกว่าราคา MSRP โดยเฉพาะในบางประเทศ เช่น สหรัฐฯ และเยอรมนี. ‼️ RTX 5070 Ti และ RX 9070 XT มีราคาสูงกว่าที่ควรจะเป็น ทำให้ความคุ้มค่าลดลงเมื่อเทียบกับ MSRP. ‼️ Intel Arc B580 ยังหาซื้อได้ยาก และหากราคาสูงเกินไป อาจไม่คุ้มค่าที่จะเลือกใช้. แนวทางการเลือกซื้อ ✅ ตรวจสอบราคาจริงในตลาดก่อนตัดสินใจซื้อ เนื่องจากบางรุ่นอาจมีราคาสูงกว่าที่ควรจะเป็น. ✅ เลือกการ์ดจอที่มี VRAM เพียงพอ เช่น RX 9060 XT ที่มี 16GB VRAM ซึ่งดีกว่า RTX 5060 ที่มีเพียง 8GB. ✅ ติดตามการลดราคาหรือโปรโมชั่น โดยเฉพาะจากร้านค้าปลีกที่มีสต็อกสินค้าเพียงพอ. ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับตลาดการ์ดจอ ✅ AMD และ Nvidia แข่งขันกันอย่างดุเดือดในตลาดกลาง โดย Radeon มีข้อได้เปรียบด้านราคาต่อเฟรม. ✅ Intel Arc ยังต้องปรับปรุงด้านความเข้ากันได้กับเกม แม้ว่าจะมีราคาต่อเฟรมที่ดี. ‼️ การ์ดจอรุ่นเก่าอาจไม่คุ้มค่าที่จะซื้อ เนื่องจากราคายังไม่ลดลงมากพอหลังจากการเปิดตัวรุ่นใหม่. https://www.techspot.com/article/3001-cost-per-frame-gpu/
    WWW.TECHSPOT.COM
    Cost Per Frame Analysis: The Best Graphics Cards in Mid 2025
    If you're buying a new graphics card, our comparison of real-world cost per frame will help you in that pursuit. We have gathered data across 10 countries...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 100 มุมมอง 0 รีวิว
  • 📷 Fujifilm เปิดตัว X-E5 กล้องมิเรอร์เลสสไตล์เรโทร
    Fujifilm ได้เปิดตัว X-E5 ซึ่งเป็น กล้องมิเรอร์เลสสไตล์เรโทรที่มีน้ำหนักเบาเพียง 445 กรัม โดยมาพร้อมกับ เซ็นเซอร์ X-Trans CMOS 5 HR ความละเอียด 40.2 ล้านพิกเซล และ ระบบกันสั่น 5 แกนที่ปรับปรุงใหม่

    X-E5 สามารถถ่ายวิดีโอได้สูงสุด 6.2K ที่ 30 เฟรมต่อวินาที และ มีระบบโฟกัสอัตโนมัติที่ใช้ AI เพื่อตรวจจับวัตถุ เช่น นก รถยนต์ เครื่องบิน และโดรน

    ✅ ข้อมูลจากข่าว
    - X-E5 ใช้เซ็นเซอร์ X-Trans CMOS 5 HR ความละเอียด 40.2 ล้านพิกเซล
    - สามารถถ่ายวิดีโอ 6.2K ที่ 30 เฟรมต่อวินาที
    - ระบบกันสั่น 5 แกนให้การชดเชยสูงสุด 7.0 stops ที่ศูนย์กลาง และ 6.0 stops ที่ขอบภาพ
    - หน้าจอสัมผัสขนาด 3.0 นิ้ว สามารถพลิกขึ้น 180 องศาเพื่อช่วยในการถ่ายเซลฟี่
    - ระบบโฟกัสอัตโนมัติใช้ AI เพื่อตรวจจับวัตถุ เช่น นก รถยนต์ เครื่องบิน และโดรน

    🔥 ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมกล้อง
    Fujifilm ยังคงรักษาเอกลักษณ์ของกล้องสไตล์เรโทร แต่เพิ่ม เทคโนโลยีใหม่เพื่อให้สามารถแข่งขันกับแบรนด์อื่น ๆ ในตลาดกล้องมิเรอร์เลส

    ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - X-E5 ไม่มีช่องมองภาพแบบออปติคอล ซึ่งอาจไม่ถูกใจผู้ใช้บางกลุ่ม
    - ราคาของตัวกล้องอยู่ที่ $1,699.95 ซึ่งอาจสูงกว่าสำหรับผู้ใช้ที่มองหากล้องระดับเริ่มต้น
    - ต้องติดตามว่า Fujifilm จะมีการอัปเดตเฟิร์มแวร์เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพของระบบโฟกัสอัตโนมัติหรือไม่
    - การแข่งขันในตลาดกล้องมิเรอร์เลสกำลังรุนแรงขึ้น โดย Sony และ Canon กำลังเปิดตัวรุ่นใหม่ที่มีฟีเจอร์คล้ายกัน

    🚀 อนาคตของ Fujifilm X-E5
    Fujifilm ยังคงพัฒนาเทคโนโลยีของกล้องมิเรอร์เลสอย่างต่อเนื่อง โดย X-E5 อาจเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการกล้องน้ำหนักเบาแต่มีประสิทธิภาพสูง

    https://www.techspot.com/news/108295-fujifilm-announces-retro-styled-x-e5-mirrorless-digital.html
    📷 Fujifilm เปิดตัว X-E5 กล้องมิเรอร์เลสสไตล์เรโทร Fujifilm ได้เปิดตัว X-E5 ซึ่งเป็น กล้องมิเรอร์เลสสไตล์เรโทรที่มีน้ำหนักเบาเพียง 445 กรัม โดยมาพร้อมกับ เซ็นเซอร์ X-Trans CMOS 5 HR ความละเอียด 40.2 ล้านพิกเซล และ ระบบกันสั่น 5 แกนที่ปรับปรุงใหม่ X-E5 สามารถถ่ายวิดีโอได้สูงสุด 6.2K ที่ 30 เฟรมต่อวินาที และ มีระบบโฟกัสอัตโนมัติที่ใช้ AI เพื่อตรวจจับวัตถุ เช่น นก รถยนต์ เครื่องบิน และโดรน ✅ ข้อมูลจากข่าว - X-E5 ใช้เซ็นเซอร์ X-Trans CMOS 5 HR ความละเอียด 40.2 ล้านพิกเซล - สามารถถ่ายวิดีโอ 6.2K ที่ 30 เฟรมต่อวินาที - ระบบกันสั่น 5 แกนให้การชดเชยสูงสุด 7.0 stops ที่ศูนย์กลาง และ 6.0 stops ที่ขอบภาพ - หน้าจอสัมผัสขนาด 3.0 นิ้ว สามารถพลิกขึ้น 180 องศาเพื่อช่วยในการถ่ายเซลฟี่ - ระบบโฟกัสอัตโนมัติใช้ AI เพื่อตรวจจับวัตถุ เช่น นก รถยนต์ เครื่องบิน และโดรน 🔥 ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมกล้อง Fujifilm ยังคงรักษาเอกลักษณ์ของกล้องสไตล์เรโทร แต่เพิ่ม เทคโนโลยีใหม่เพื่อให้สามารถแข่งขันกับแบรนด์อื่น ๆ ในตลาดกล้องมิเรอร์เลส ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - X-E5 ไม่มีช่องมองภาพแบบออปติคอล ซึ่งอาจไม่ถูกใจผู้ใช้บางกลุ่ม - ราคาของตัวกล้องอยู่ที่ $1,699.95 ซึ่งอาจสูงกว่าสำหรับผู้ใช้ที่มองหากล้องระดับเริ่มต้น - ต้องติดตามว่า Fujifilm จะมีการอัปเดตเฟิร์มแวร์เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพของระบบโฟกัสอัตโนมัติหรือไม่ - การแข่งขันในตลาดกล้องมิเรอร์เลสกำลังรุนแรงขึ้น โดย Sony และ Canon กำลังเปิดตัวรุ่นใหม่ที่มีฟีเจอร์คล้ายกัน 🚀 อนาคตของ Fujifilm X-E5 Fujifilm ยังคงพัฒนาเทคโนโลยีของกล้องมิเรอร์เลสอย่างต่อเนื่อง โดย X-E5 อาจเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการกล้องน้ำหนักเบาแต่มีประสิทธิภาพสูง https://www.techspot.com/news/108295-fujifilm-announces-retro-styled-x-e5-mirrorless-digital.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Fujifilm announces retro-styled X-E5 mirrorless digital camera
    Fujifilm said an improved pixel structure allows more light to be recorded on the sensor, resulting in a native ISO of 125.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 138 มุมมอง 0 รีวิว
  • 2 สส.รวมไทยสร้างชาติ ยันร่วมเฟรมแค่งานสังสรรค์ ไม่คิดย้ายพรรคแน่นอน
    https://www.thai-tai.tv/news/19110/
    2 สส.รวมไทยสร้างชาติ ยันร่วมเฟรมแค่งานสังสรรค์ ไม่คิดย้ายพรรคแน่นอน https://www.thai-tai.tv/news/19110/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 62 มุมมอง 0 รีวิว
  • AMD Radeon RX 9070 XT vs. Nvidia GeForce RTX 5070: การเปรียบเทียบที่พลิกโฉมตลาด GPU

    AMD เปิดตัว Radeon RX 9070 XT เพื่อแข่งขันโดยตรงกับ Nvidia GeForce RTX 5070 แต่ราคาจริงในตลาดกลับทำให้การแข่งขันนี้ซับซ้อนขึ้น โดย RX 9070 XT มีราคาสูงกว่าคู่แข่งถึง 41% ในสหรัฐฯ และ 34% ในแคนาดา แม้ว่าจะมีประสิทธิภาพสูงกว่าประมาณ 20% ในการเล่นเกมที่ความละเอียด 1440p และ 4K

    🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับการเปรียบเทียบ RX 9070 XT และ RTX 5070
    ✅ RX 9070 XT มีประสิทธิภาพสูงกว่า RTX 5070 ประมาณ 17% ที่ 1440p และ 21% ที่ 4K
    - ทำให้ เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการเฟรมเรตสูงขึ้น

    ✅ ราคาของ RX 9070 XT สูงกว่าคู่แข่งในหลายประเทศ
    - ในสหรัฐฯ แพงกว่า RTX 5070 ถึง 41%
    - ในแคนาดา แพงกว่า 34%
    - ในเยอรมนี แพงกว่า 26%
    - ในออสเตรเลีย แพงกว่า 18%

    ✅ RX 9070 XT มี VRAM ขนาด 16GB ซึ่งมากกว่า RTX 5070 ที่มีเพียง 12GB
    - เหมาะสำหรับ เกมที่ต้องการหน่วยความจำสูงและการใช้งาน AI

    ✅ การทดสอบ 57 เกมพบว่า RX 9070 XT มีประสิทธิภาพสูงกว่า RTX 5070 ในหลายเกม
    - เช่น Starfield (+31% ที่ 1440p, +36% ที่ 4K), Horizon Forbidden West (+34% ที่ 1440p, +40% ที่ 4K)

    ✅ RTX 5070 มีข้อได้เปรียบด้านเทคโนโลยี DLSS 4 ซึ่งมีการรองรับที่กว้างกว่าระบบ FSR 4 ของ AMD
    - ทำให้ การเล่นเกมที่ใช้การอัปสเกลภาพมีคุณภาพดีกว่า

    https://www.techspot.com/review/2991-amd-radeon-9070-xt-vs-nvidia-rtx-5070/
    AMD Radeon RX 9070 XT vs. Nvidia GeForce RTX 5070: การเปรียบเทียบที่พลิกโฉมตลาด GPU AMD เปิดตัว Radeon RX 9070 XT เพื่อแข่งขันโดยตรงกับ Nvidia GeForce RTX 5070 แต่ราคาจริงในตลาดกลับทำให้การแข่งขันนี้ซับซ้อนขึ้น โดย RX 9070 XT มีราคาสูงกว่าคู่แข่งถึง 41% ในสหรัฐฯ และ 34% ในแคนาดา แม้ว่าจะมีประสิทธิภาพสูงกว่าประมาณ 20% ในการเล่นเกมที่ความละเอียด 1440p และ 4K 🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับการเปรียบเทียบ RX 9070 XT และ RTX 5070 ✅ RX 9070 XT มีประสิทธิภาพสูงกว่า RTX 5070 ประมาณ 17% ที่ 1440p และ 21% ที่ 4K - ทำให้ เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการเฟรมเรตสูงขึ้น ✅ ราคาของ RX 9070 XT สูงกว่าคู่แข่งในหลายประเทศ - ในสหรัฐฯ แพงกว่า RTX 5070 ถึง 41% - ในแคนาดา แพงกว่า 34% - ในเยอรมนี แพงกว่า 26% - ในออสเตรเลีย แพงกว่า 18% ✅ RX 9070 XT มี VRAM ขนาด 16GB ซึ่งมากกว่า RTX 5070 ที่มีเพียง 12GB - เหมาะสำหรับ เกมที่ต้องการหน่วยความจำสูงและการใช้งาน AI ✅ การทดสอบ 57 เกมพบว่า RX 9070 XT มีประสิทธิภาพสูงกว่า RTX 5070 ในหลายเกม - เช่น Starfield (+31% ที่ 1440p, +36% ที่ 4K), Horizon Forbidden West (+34% ที่ 1440p, +40% ที่ 4K) ✅ RTX 5070 มีข้อได้เปรียบด้านเทคโนโลยี DLSS 4 ซึ่งมีการรองรับที่กว้างกว่าระบบ FSR 4 ของ AMD - ทำให้ การเล่นเกมที่ใช้การอัปสเกลภาพมีคุณภาพดีกว่า https://www.techspot.com/review/2991-amd-radeon-9070-xt-vs-nvidia-rtx-5070/
    WWW.TECHSPOT.COM
    AMD Radeon RX 9070 XT vs. Nvidia GeForce RTX 5070
    We're revisiting the Radeon RX 9070 XT vs GeForce RTX 5070, now with updated drivers, pricing shifts, and a massive 57-game benchmark at 1440p and 4K to...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 289 มุมมอง 0 รีวิว
  • รีวิว GeForce RTX 5060: การ์ดจอราคาประหยัดที่มาพร้อม DLSS 4 และ GDDR7

    Nvidia เปิดตัว GeForce RTX 5060 ในวันที่ 19 พฤษภาคม 2025 โดยเป็นการ์ดจอระดับเริ่มต้นที่ออกแบบมาสำหรับ เกมเมอร์ที่เล่นที่ความละเอียด 1080p ด้วยราคา $299 การ์ดจอรุ่นนี้มาพร้อม GDDR7, DLSS 4 และ Multi-Frame Generation (MFG) แต่ก็มีข้อจำกัดบางประการ

    🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับ GeForce RTX 5060
    ✅ RTX 5060 ใช้ชิป Blackwell พร้อม 3,840 CUDA Cores และ Boost Clock 2.5 GHz
    - ให้ ประสิทธิภาพที่ดีสำหรับเกมที่รองรับ DLSS 4

    ✅ มีหน่วยความจำ GDDR7 ขนาด 8GB และอินเทอร์เฟซหน่วยความจำ 128-bit
    - แม้จะเร็ว แต่ความจุ 8GB อาจไม่เพียงพอสำหรับเกมที่ใช้ทรัพยากรสูง

    ✅ รองรับพอร์ตแสดงผล DisplayPort 2.1b สามพอร์ต และ HDMI 2.1b หนึ่งพอร์ต
    - ทำให้ สามารถเชื่อมต่อหลายหน้าจอได้ง่ายขึ้น

    ✅ DLSS 4 และ Multi-Frame Generation ช่วยเพิ่มเฟรมเรตในเกมที่รองรับ
    - เช่น Doom: The Dark Ages สามารถรันที่ 200+ FPS ที่ Ultra 1080p

    ✅ การ์ดจอมีค่าใช้จ่ายพลังงานเพียง 115W และมีระบบระบายความร้อนที่ดี
    - เหมาะสำหรับ พีซีขนาดเล็กและระบบที่ใช้พลังงานต่ำ

    ℹ️ℹ️ℹ️ ลุงดู Review หลายเจ้า (เจ้าเล็กๆ) สรุปให้ง่ายๆ ขาเกม ถ้ามี RTX3060 อยู่ในมือ อย่าซื้อรุ่นนี้ รอรุ่นถัดไป หรือลงทุนไปซื้อ 5060Ti RAM 16GB แทนครับ

    https://computercity.com/hardware/video-cards/geforce-rtx-5060-review-nvidias-299-entry-level-challenger
    รีวิว GeForce RTX 5060: การ์ดจอราคาประหยัดที่มาพร้อม DLSS 4 และ GDDR7 Nvidia เปิดตัว GeForce RTX 5060 ในวันที่ 19 พฤษภาคม 2025 โดยเป็นการ์ดจอระดับเริ่มต้นที่ออกแบบมาสำหรับ เกมเมอร์ที่เล่นที่ความละเอียด 1080p ด้วยราคา $299 การ์ดจอรุ่นนี้มาพร้อม GDDR7, DLSS 4 และ Multi-Frame Generation (MFG) แต่ก็มีข้อจำกัดบางประการ 🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับ GeForce RTX 5060 ✅ RTX 5060 ใช้ชิป Blackwell พร้อม 3,840 CUDA Cores และ Boost Clock 2.5 GHz - ให้ ประสิทธิภาพที่ดีสำหรับเกมที่รองรับ DLSS 4 ✅ มีหน่วยความจำ GDDR7 ขนาด 8GB และอินเทอร์เฟซหน่วยความจำ 128-bit - แม้จะเร็ว แต่ความจุ 8GB อาจไม่เพียงพอสำหรับเกมที่ใช้ทรัพยากรสูง ✅ รองรับพอร์ตแสดงผล DisplayPort 2.1b สามพอร์ต และ HDMI 2.1b หนึ่งพอร์ต - ทำให้ สามารถเชื่อมต่อหลายหน้าจอได้ง่ายขึ้น ✅ DLSS 4 และ Multi-Frame Generation ช่วยเพิ่มเฟรมเรตในเกมที่รองรับ - เช่น Doom: The Dark Ages สามารถรันที่ 200+ FPS ที่ Ultra 1080p ✅ การ์ดจอมีค่าใช้จ่ายพลังงานเพียง 115W และมีระบบระบายความร้อนที่ดี - เหมาะสำหรับ พีซีขนาดเล็กและระบบที่ใช้พลังงานต่ำ ℹ️ℹ️ℹ️ ลุงดู Review หลายเจ้า (เจ้าเล็กๆ) สรุปให้ง่ายๆ ขาเกม ถ้ามี RTX3060 อยู่ในมือ อย่าซื้อรุ่นนี้ รอรุ่นถัดไป หรือลงทุนไปซื้อ 5060Ti RAM 16GB แทนครับ https://computercity.com/hardware/video-cards/geforce-rtx-5060-review-nvidias-299-entry-level-challenger
    COMPUTERCITY.COM
    GeForce RTX 5060 Review: Nvidia’s $299 Entry-Level Challenger
    Nvidia’s GeForce RTX 5060 officially launched on May 19, 2025, as part of the RTX 50 series lineup, aimed squarely at 1080p gamers on a budget. With a $299
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 240 มุมมอง 0 รีวิว
  • Nvidia RTX 5060: เร็วขึ้น 25% จาก RTX 4060 พร้อมการสร้างเฟรมที่ล้ำหน้า

    Nvidia เปิดตัว RTX 5060 ซึ่งเป็น GPU ระดับกลางที่ใช้สถาปัตยกรรม Blackwell โดยมีการปรับปรุง ประสิทธิภาพการสร้างเฟรม (Frame Generation) ที่ช่วยให้เร็วขึ้นถึง 25% เมื่อเทียบกับ RTX 4060 อย่างไรก็ตาม การทดสอบเบื้องต้นถูกจำกัดโดย Nvidia และมีข้อกำหนดที่เข้มงวดเกี่ยวกับเกมและการตั้งค่าที่ใช้

    🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับ RTX 5060
    ✅ RTX 5060 ใช้สถาปัตยกรรม Blackwell และรองรับ DLSS 4
    - มี การปรับปรุงด้านการสร้างเฟรมที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเล่นเกม

    ✅ การทดสอบเบื้องต้นแสดงให้เห็นว่า RTX 5060 เร็วกว่า RTX 4060 ถึง 25%
    - โดยเฉพาะในเกม Cyberpunk 2077 และ Doom: The Dark Ages

    ✅ RTX 5060 Ti มีประสิทธิภาพสูงกว่า RTX 5060 ประมาณ 15%
    - รุ่น 16GB และ 8GB มีผลลัพธ์ที่ใกล้เคียงกันในบางเกม

    ✅ Nvidia จำกัดการทดสอบเฉพาะบางเกมและการตั้งค่าที่กำหนดไว้ล่วงหน้า
    - เช่น ต้องใช้ DLSS ในโหมดคุณภาพ และต้องรันที่ 1080p เท่านั้น

    ✅ การเปรียบเทียบกับ RTX 3060 และ RTX 2060 แสดงให้เห็นการพัฒนาอย่างก้าวกระโดด
    - RTX 5060 เร็วกว่า RTX 3060 ถึง 81% และเร็วกว่ารุ่น RTX 2060 ถึง 4 เท่า

    https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/nvidia-rtx-5060-is-up-to-25-percent-faster-than-rtx-4060-with-frame-generation-in-new-gpu-preview
    Nvidia RTX 5060: เร็วขึ้น 25% จาก RTX 4060 พร้อมการสร้างเฟรมที่ล้ำหน้า Nvidia เปิดตัว RTX 5060 ซึ่งเป็น GPU ระดับกลางที่ใช้สถาปัตยกรรม Blackwell โดยมีการปรับปรุง ประสิทธิภาพการสร้างเฟรม (Frame Generation) ที่ช่วยให้เร็วขึ้นถึง 25% เมื่อเทียบกับ RTX 4060 อย่างไรก็ตาม การทดสอบเบื้องต้นถูกจำกัดโดย Nvidia และมีข้อกำหนดที่เข้มงวดเกี่ยวกับเกมและการตั้งค่าที่ใช้ 🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับ RTX 5060 ✅ RTX 5060 ใช้สถาปัตยกรรม Blackwell และรองรับ DLSS 4 - มี การปรับปรุงด้านการสร้างเฟรมที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเล่นเกม ✅ การทดสอบเบื้องต้นแสดงให้เห็นว่า RTX 5060 เร็วกว่า RTX 4060 ถึง 25% - โดยเฉพาะในเกม Cyberpunk 2077 และ Doom: The Dark Ages ✅ RTX 5060 Ti มีประสิทธิภาพสูงกว่า RTX 5060 ประมาณ 15% - รุ่น 16GB และ 8GB มีผลลัพธ์ที่ใกล้เคียงกันในบางเกม ✅ Nvidia จำกัดการทดสอบเฉพาะบางเกมและการตั้งค่าที่กำหนดไว้ล่วงหน้า - เช่น ต้องใช้ DLSS ในโหมดคุณภาพ และต้องรันที่ 1080p เท่านั้น ✅ การเปรียบเทียบกับ RTX 3060 และ RTX 2060 แสดงให้เห็นการพัฒนาอย่างก้าวกระโดด - RTX 5060 เร็วกว่า RTX 3060 ถึง 81% และเร็วกว่ารุ่น RTX 2060 ถึง 4 เท่า https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/nvidia-rtx-5060-is-up-to-25-percent-faster-than-rtx-4060-with-frame-generation-in-new-gpu-preview
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 162 มุมมอง 0 รีวิว
  • FreeBSD 14.3 Beta 3 เปิดตัวพร้อม KDE Plasma 6 และการปรับปรุงระบบ

    FreeBSD 14.3 Beta 3 พร้อมให้ทดสอบแล้ว โดยเป็นอีกก้าวสำคัญก่อนเปิดตัว FreeBSD 14.3-RELEASE ซึ่งคาดว่าจะเปิดตัวในช่วงต้นเดือนมิถุนายน 2025 FreeBSD เป็นระบบปฏิบัติการแบบ Unix-like ที่มีความเสถียรสูงและได้รับความนิยมในเซิร์ฟเวอร์ระดับองค์กร รวมถึงบางเครื่องเล่นเกม

    🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับ FreeBSD 14.3 Beta 3
    ✅ เพิ่ม KDE Plasma 6 ลงใน DVD installation images
    - ทำให้ ติดตั้งเดสก์ท็อป KDE ได้ง่ายขึ้นโดยไม่ต้องดาวน์โหลดแพ็กเกจเพิ่มเติม

    ✅ แก้ไขบั๊กที่ทำให้เครื่อง powerpc64le บูตล้มเหลว
    - ปรับปรุง ความเสถียรของระบบสำหรับสถาปัตยกรรมนี้

    ✅ ปรับปรุงการตั้งค่า PATH ใน post-install shell จาก bsdinstall
    - ช่วยให้ การตั้งค่าหลังติดตั้งทำงานได้ถูกต้องมากขึ้น

    ✅ ปรับปรุงการจัดการเฟรม 802.11 AUTH เมื่อมีการเปลี่ยนแปลง BSS
    - ลด ปัญหาการเชื่อมต่อ Wi-Fi ที่ไม่เสถียร

    ✅ สำหรับ SD card images บน ARM อุปกรณ์ยังคงใช้ชื่อผู้ใช้ "freebsd" และ "root" เป็นค่าเริ่มต้น
    - ผู้ใช้ ต้องเปลี่ยนรหัสผ่านทันทีเพื่อความปลอดภัย

    https://www.neowin.net/news/freebsd-143-beta-3-ships-with-kde-plasma-6-and-general-improvements/
    FreeBSD 14.3 Beta 3 เปิดตัวพร้อม KDE Plasma 6 และการปรับปรุงระบบ FreeBSD 14.3 Beta 3 พร้อมให้ทดสอบแล้ว โดยเป็นอีกก้าวสำคัญก่อนเปิดตัว FreeBSD 14.3-RELEASE ซึ่งคาดว่าจะเปิดตัวในช่วงต้นเดือนมิถุนายน 2025 FreeBSD เป็นระบบปฏิบัติการแบบ Unix-like ที่มีความเสถียรสูงและได้รับความนิยมในเซิร์ฟเวอร์ระดับองค์กร รวมถึงบางเครื่องเล่นเกม 🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับ FreeBSD 14.3 Beta 3 ✅ เพิ่ม KDE Plasma 6 ลงใน DVD installation images - ทำให้ ติดตั้งเดสก์ท็อป KDE ได้ง่ายขึ้นโดยไม่ต้องดาวน์โหลดแพ็กเกจเพิ่มเติม ✅ แก้ไขบั๊กที่ทำให้เครื่อง powerpc64le บูตล้มเหลว - ปรับปรุง ความเสถียรของระบบสำหรับสถาปัตยกรรมนี้ ✅ ปรับปรุงการตั้งค่า PATH ใน post-install shell จาก bsdinstall - ช่วยให้ การตั้งค่าหลังติดตั้งทำงานได้ถูกต้องมากขึ้น ✅ ปรับปรุงการจัดการเฟรม 802.11 AUTH เมื่อมีการเปลี่ยนแปลง BSS - ลด ปัญหาการเชื่อมต่อ Wi-Fi ที่ไม่เสถียร ✅ สำหรับ SD card images บน ARM อุปกรณ์ยังคงใช้ชื่อผู้ใช้ "freebsd" และ "root" เป็นค่าเริ่มต้น - ผู้ใช้ ต้องเปลี่ยนรหัสผ่านทันทีเพื่อความปลอดภัย https://www.neowin.net/news/freebsd-143-beta-3-ships-with-kde-plasma-6-and-general-improvements/
    WWW.NEOWIN.NET
    FreeBSD 14.3 Beta 3 ships with KDE Plasma 6 and general improvements
    FreeBSD 14.3 Beta 3 has just dropped, and it brings support for the KDE Plasma 6 Desktop Environment and fixes several issues.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 158 มุมมอง 0 รีวิว
  • Nvidia RTX Pro 6000: GPU เวิร์กสเตชันที่แรงกว่า RTX 5090 แต่ราคาสูงกว่าสามเท่า

    Nvidia ได้เปิดตัว RTX Pro 6000 Blackwell ซึ่งเป็น GPU เวิร์กสเตชันระดับสูง ที่มีประสิทธิภาพเหนือกว่า RTX 5090 ในการทดสอบเบื้องต้น อย่างไรก็ตาม ราคาของมันสูงกว่าถึงสามเท่า ทำให้ไม่ใช่ตัวเลือกสำหรับเกมเมอร์ทั่วไป

    🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับ RTX Pro 6000
    ✅ RTX Pro 6000 ใช้ชิปเดียวกับ RTX 5090 แต่มีสเปกที่สูงกว่า
    - มี 24,064 CUDA cores มากกว่า RTX 5090 ถึง 9%
    - ใช้ VRAM GDDR7 ขนาด 96GB เทียบกับ 32GB ของ RTX 5090
    - มี TGP สูงถึง 600W มากกว่า RTX 5090 ที่ 575W

    ✅ ผลการทดสอบเบื้องต้นแสดงให้เห็นว่า RTX Pro 6000 มีประสิทธิภาพสูงกว่า RTX 5090
    - คะแนน Time Spy อยู่ที่ 51,776 และ Time Spy Extreme อยู่ที่ 28,009
    - เมื่อโอเวอร์คล็อก 350Hz คะแนนเพิ่มขึ้นเป็น 54,300 และ 30,019

    ✅ RTX Pro 6000 มีประสิทธิภาพสูงกว่า RTX 5090 ในบางการทดสอบ แต่ยังช้ากว่าเมื่อโอเวอร์คล็อก
    - เมื่อเปรียบเทียบกับ RTX 5090 ที่โอเวอร์คล็อก RTX Pro 6000 ยังช้ากว่า 5% ใน Time Spy

    ✅ การทดสอบ Cyberpunk 2077 พบว่า RTX Pro 6000 ทำเฟรมเรตเฉลี่ย 126 fps ที่ 4K
    - ใช้ DLSS Auto และ Ultra Ray Tracing Preset

    ✅ Nvidia วางตำแหน่ง RTX Pro 6000 เป็น GPU เวิร์กสเตชัน ไม่ใช่สำหรับเกมเมอร์
    - แม้ว่าจะใช้ชิปเดียวกับ RTX 5090 แต่ ออกแบบมาเพื่อการทำงานระดับมืออาชีพ

    ✅ ราคาของ RTX Pro 6000 อยู่ระหว่าง $8,000 ถึง $11,000
    - ทำให้ RTX 5090 ยังคงเป็นตัวเลือกหลักสำหรับเกมเมอร์

    https://www.techspot.com/news/107947-nvidia-rtx-pro-6000-quietly-beats-rtx-5090.html
    Nvidia RTX Pro 6000: GPU เวิร์กสเตชันที่แรงกว่า RTX 5090 แต่ราคาสูงกว่าสามเท่า Nvidia ได้เปิดตัว RTX Pro 6000 Blackwell ซึ่งเป็น GPU เวิร์กสเตชันระดับสูง ที่มีประสิทธิภาพเหนือกว่า RTX 5090 ในการทดสอบเบื้องต้น อย่างไรก็ตาม ราคาของมันสูงกว่าถึงสามเท่า ทำให้ไม่ใช่ตัวเลือกสำหรับเกมเมอร์ทั่วไป 🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับ RTX Pro 6000 ✅ RTX Pro 6000 ใช้ชิปเดียวกับ RTX 5090 แต่มีสเปกที่สูงกว่า - มี 24,064 CUDA cores มากกว่า RTX 5090 ถึง 9% - ใช้ VRAM GDDR7 ขนาด 96GB เทียบกับ 32GB ของ RTX 5090 - มี TGP สูงถึง 600W มากกว่า RTX 5090 ที่ 575W ✅ ผลการทดสอบเบื้องต้นแสดงให้เห็นว่า RTX Pro 6000 มีประสิทธิภาพสูงกว่า RTX 5090 - คะแนน Time Spy อยู่ที่ 51,776 และ Time Spy Extreme อยู่ที่ 28,009 - เมื่อโอเวอร์คล็อก 350Hz คะแนนเพิ่มขึ้นเป็น 54,300 และ 30,019 ✅ RTX Pro 6000 มีประสิทธิภาพสูงกว่า RTX 5090 ในบางการทดสอบ แต่ยังช้ากว่าเมื่อโอเวอร์คล็อก - เมื่อเปรียบเทียบกับ RTX 5090 ที่โอเวอร์คล็อก RTX Pro 6000 ยังช้ากว่า 5% ใน Time Spy ✅ การทดสอบ Cyberpunk 2077 พบว่า RTX Pro 6000 ทำเฟรมเรตเฉลี่ย 126 fps ที่ 4K - ใช้ DLSS Auto และ Ultra Ray Tracing Preset ✅ Nvidia วางตำแหน่ง RTX Pro 6000 เป็น GPU เวิร์กสเตชัน ไม่ใช่สำหรับเกมเมอร์ - แม้ว่าจะใช้ชิปเดียวกับ RTX 5090 แต่ ออกแบบมาเพื่อการทำงานระดับมืออาชีพ ✅ ราคาของ RTX Pro 6000 อยู่ระหว่าง $8,000 ถึง $11,000 - ทำให้ RTX 5090 ยังคงเป็นตัวเลือกหลักสำหรับเกมเมอร์ https://www.techspot.com/news/107947-nvidia-rtx-pro-6000-quietly-beats-rtx-5090.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Nvidia's RTX Pro 6000 quietly beats the RTX 5090 in early benchmarks, at triple the cost
    Redditor Privaterbok tested the RTX Pro 6000 Blackwell using several benchmarking tools, including 3DMark Time Spy, Time Spy Extreme, Steel Nomad, Port Royal, and Geekbench 6. The...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 123 มุมมอง 0 รีวิว
  • ไม่ได้ลงเสนองานฟรีแลนซ์นานละ ช่องทางนี้อีกช่องทางละกันครับ
    ผมมีความสนใจใน
    - งานพัฒนาระบบเว็บ API เพื่อร้านอาหาร/คาเฟ่/บาร์/และร้านอาหารในโรงแรม
    - งานพัฒนาระบบเว็บ API เพื่อการบริการทั่วไปและการจองต่างๆที่มีรายละเอียดมากกว่าการจองโต๊ะในร้านอาหาร
    - งานพัฒนาระบบ E-Commerce (ร้านค้าออนไลน์/เติมเงินเกมส์)
    ผมเคยมีประสบการณ์พัฒนาเว็บแอพพลิเคชั่น/เว็บ API ที่สามารถเข้ากันได้ทั้งเครื่องพีซี แท็บเล็ตหรือสมาร์ตโฟนมาแล้วหลายอย่าง
    - พัฒนาระบบร้านอาหารจากโปรเจคจบ PHP + MySQL + JS และนำมาพัฒนาต่อ และมีระบบจัดเก็บวัตถุดิบ ข้อมูลอาหารพร้อมสูตรอาหารและการตัดสต็อกวัตถุดิบจากสูตรอาหาร ระบบจองโต๊ะ ระบบบัญชีรายรับ-รายจ่าย
    - พัฒนาเว็บไซต์ UBIS AUTOMATE ผ่าน Sunfix โดยพัฒนาในส่วนการทำงานของแผนก QS , CC และแผนกอื่นๆที่ผมทำการต่อเติมหรือร่วมพัฒนาส่วนการทำงานในแต่ละระบบ ด้วย PHP , TCPDF , PostgreSQL และ CodeIgnitator
    ถ้าเป็นงานที่ต้องใช้ NodeJS , React , NextJS , Laravel หรือภาษาเฟรมเวิร์คอื่นๆ ผมเคยเขียนเว็บไซต์ทุกรูปแบบมาแล้วครับ
    ฐานข้อมูล MongoDB หรือ MySQL ผมสามารถออกแบบฐานข้อมูลได้ทุกรูปแบบ ต้องการฐานข้อมูลแบบไหนทักท้วงมาได้ครับ
    ราคา และ ระยะเวลาในการทำงานจะประเมินและปรับเปลี่ยนหลังจากคุยรายละเอียดงานกับผู้ว่าจ้างครับ
    - ไม่รับงานประเภท PHP เวอร์ชั่นเก่าอย่าง 5 , 7 รับทำ PHP เฉพาะเวอร์ชั่นปัจจุบัน (8.4) เท่านั้น กรณีเสนอให้ทำ PHP/Laravel/Codeignitor
    - ไม่รับงานเฟรมเวิร์กเวอร์ชั่นเก่าทุกกรณี
    Infographics ค่อยทำ เพราะว่ายังคิดผังความคิดไม่ออกเลยครับ
    ไม่ได้ลงเสนองานฟรีแลนซ์นานละ ช่องทางนี้อีกช่องทางละกันครับ ผมมีความสนใจใน - งานพัฒนาระบบเว็บ API เพื่อร้านอาหาร/คาเฟ่/บาร์/และร้านอาหารในโรงแรม - งานพัฒนาระบบเว็บ API เพื่อการบริการทั่วไปและการจองต่างๆที่มีรายละเอียดมากกว่าการจองโต๊ะในร้านอาหาร - งานพัฒนาระบบ E-Commerce (ร้านค้าออนไลน์/เติมเงินเกมส์) ผมเคยมีประสบการณ์พัฒนาเว็บแอพพลิเคชั่น/เว็บ API ที่สามารถเข้ากันได้ทั้งเครื่องพีซี แท็บเล็ตหรือสมาร์ตโฟนมาแล้วหลายอย่าง - พัฒนาระบบร้านอาหารจากโปรเจคจบ PHP + MySQL + JS และนำมาพัฒนาต่อ และมีระบบจัดเก็บวัตถุดิบ ข้อมูลอาหารพร้อมสูตรอาหารและการตัดสต็อกวัตถุดิบจากสูตรอาหาร ระบบจองโต๊ะ ระบบบัญชีรายรับ-รายจ่าย - พัฒนาเว็บไซต์ UBIS AUTOMATE ผ่าน Sunfix โดยพัฒนาในส่วนการทำงานของแผนก QS , CC และแผนกอื่นๆที่ผมทำการต่อเติมหรือร่วมพัฒนาส่วนการทำงานในแต่ละระบบ ด้วย PHP , TCPDF , PostgreSQL และ CodeIgnitator ถ้าเป็นงานที่ต้องใช้ NodeJS , React , NextJS , Laravel หรือภาษาเฟรมเวิร์คอื่นๆ ผมเคยเขียนเว็บไซต์ทุกรูปแบบมาแล้วครับ ฐานข้อมูล MongoDB หรือ MySQL ผมสามารถออกแบบฐานข้อมูลได้ทุกรูปแบบ ต้องการฐานข้อมูลแบบไหนทักท้วงมาได้ครับ ราคา และ ระยะเวลาในการทำงานจะประเมินและปรับเปลี่ยนหลังจากคุยรายละเอียดงานกับผู้ว่าจ้างครับ - ไม่รับงานประเภท PHP เวอร์ชั่นเก่าอย่าง 5 , 7 รับทำ PHP เฉพาะเวอร์ชั่นปัจจุบัน (8.4) เท่านั้น กรณีเสนอให้ทำ PHP/Laravel/Codeignitor - ไม่รับงานเฟรมเวิร์กเวอร์ชั่นเก่าทุกกรณี Infographics ค่อยทำ เพราะว่ายังคิดผังความคิดไม่ออกเลยครับ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 205 มุมมอง 0 รีวิว
  • นักพัฒนาใช้วิศวกรรมย้อนกลับเพื่อพอร์ตเกม Nintendo GameCube สู่ PC

    นักพัฒนาเกมกำลังใช้ วิศวกรรมย้อนกลับ (Reverse Engineering) เพื่อสร้างพอร์ตเกมจาก Nintendo GameCube ให้สามารถเล่นบน PC ได้โดยไม่ต้องใช้โปรแกรมจำลอง (Emulator) ซึ่งช่วยให้สามารถ ปรับปรุงกราฟิก, เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ และรองรับการเล่นออนไลน์

    ✅ Mario Party 4 เป็นเกมแรกที่ได้รับการถอดรหัสโค้ดต้นฉบับ (Decompilation) อย่างสมบูรณ์
    - นักพัฒนากำลังสร้าง พอร์ต PC พร้อมโหมดเล่นออนไลน์

    ✅ เกมอื่น ๆ ที่อยู่ระหว่างการพอร์ต ได้แก่ Super Smash Bros. Melee, Metroid Prime และ The Legend of Zelda: Wind Waker
    - คาดว่า Metroid Prime อาจเป็นเกมถัดไปที่ได้รับการถอดรหัส

    ✅ การใช้วิศวกรรมย้อนกลับช่วยให้สามารถปรับปรุงเกมได้มากกว่าการใช้ Emulator
    - เช่น เพิ่มเฟรมเรตสูงถึง 240 FPS และปรับแต่งเกมเพลย์

    ✅ เกมจากยุค Nintendo 64 เช่น Super Mario 64 และ Ocarina of Time ได้รับพอร์ต PC แล้ว
    - มีการเพิ่ม ความละเอียดสูงและรองรับการเล่นบนฮาร์ดแวร์สมัยใหม่

    ✅ นักพัฒนากำลังทดลองเพิ่ม Ray Tracing ให้กับเกมคลาสสิก
    - คล้ายกับ เทคโนโลยี RTX Remix ของ NVIDIA

    https://www.techspot.com/news/107905-modders-use-reverse-engineering-bring-mario-party-4.html
    นักพัฒนาใช้วิศวกรรมย้อนกลับเพื่อพอร์ตเกม Nintendo GameCube สู่ PC นักพัฒนาเกมกำลังใช้ วิศวกรรมย้อนกลับ (Reverse Engineering) เพื่อสร้างพอร์ตเกมจาก Nintendo GameCube ให้สามารถเล่นบน PC ได้โดยไม่ต้องใช้โปรแกรมจำลอง (Emulator) ซึ่งช่วยให้สามารถ ปรับปรุงกราฟิก, เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ และรองรับการเล่นออนไลน์ ✅ Mario Party 4 เป็นเกมแรกที่ได้รับการถอดรหัสโค้ดต้นฉบับ (Decompilation) อย่างสมบูรณ์ - นักพัฒนากำลังสร้าง พอร์ต PC พร้อมโหมดเล่นออนไลน์ ✅ เกมอื่น ๆ ที่อยู่ระหว่างการพอร์ต ได้แก่ Super Smash Bros. Melee, Metroid Prime และ The Legend of Zelda: Wind Waker - คาดว่า Metroid Prime อาจเป็นเกมถัดไปที่ได้รับการถอดรหัส ✅ การใช้วิศวกรรมย้อนกลับช่วยให้สามารถปรับปรุงเกมได้มากกว่าการใช้ Emulator - เช่น เพิ่มเฟรมเรตสูงถึง 240 FPS และปรับแต่งเกมเพลย์ ✅ เกมจากยุค Nintendo 64 เช่น Super Mario 64 และ Ocarina of Time ได้รับพอร์ต PC แล้ว - มีการเพิ่ม ความละเอียดสูงและรองรับการเล่นบนฮาร์ดแวร์สมัยใหม่ ✅ นักพัฒนากำลังทดลองเพิ่ม Ray Tracing ให้กับเกมคลาสสิก - คล้ายกับ เทคโนโลยี RTX Remix ของ NVIDIA https://www.techspot.com/news/107905-modders-use-reverse-engineering-bring-mario-party-4.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Modders use reverse engineering to bring Nintendo GameCube games to PC
    Mario Party 4 is set to become the first GameCube title to receive a full decompilation, paving the way for unofficial PC ports. Unlike emulation, reverse engineering...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 85 มุมมอง 0 รีวิว
  • PlayStation 5 Pro เตรียมอัปเกรด PSSR 2 รองรับ 4K@120FPS และ 8K@60FPS Sony กำลังพัฒนา PSSR 2 ซึ่งเป็น ระบบอัปสเกลภาพด้วย AI สำหรับ PlayStation 5 Pro โดยมีเป้าหมายเพื่อ เพิ่มคุณภาพของภาพและรองรับความละเอียดที่สูงขึ้น ตามข้อมูลจาก Moore’s Law is Dead ซึ่งเคยให้ข้อมูลที่ถูกต้องเกี่ยวกับ PlayStation 5 Pro มาก่อน

    PSSR 2 จะช่วยให้ เกมที่ปัจจุบันรันได้เพียง 70-80 FPS สามารถเพิ่มประสิทธิภาพให้ถึง 120 FPS ที่ 4K และยังรองรับ 8K ที่ 60 FPS นอกจากนี้ Sony กำลังฝึกระบบ AI ให้ใช้เวลาประมวลผลต่อเฟรมลดลง เพื่อให้ การอัปสเกลภาพมีคุณภาพสูงขึ้น แม้จะเริ่มจากความละเอียดต่ำกว่า 864p

    ✅ PSSR 2 จะช่วยให้ PlayStation 5 Pro รองรับ 4K@120FPS และ 8K@60FPS
    - เพิ่มประสิทธิภาพ เกมที่ปัจจุบันรันได้เพียง 70-80 FPS ให้ถึง 120 FPS

    ✅ Sony กำลังฝึกระบบ AI ให้ใช้เวลาประมวลผลต่อเฟรมลดลง
    - ทำให้ การอัปสเกลภาพมีคุณภาพสูงขึ้น แม้จะเริ่มจากความละเอียดต่ำกว่า 864p

    ✅ PSSR 2 จะรองรับความละเอียดที่หลากหลายขึ้น เช่น 1440p และ 1080p ที่ 120 FPS
    - ซึ่ง เวอร์ชันปัจจุบันรองรับเฉพาะ 4K เท่านั้น

    ✅ PlayStation 5 Pro จะมีตัวเลือกใหม่สำหรับเกมที่ไม่ใช้ PSSR
    - Sony กำลังพัฒนา MFSR ซึ่งเป็นทางเลือกแทน TAA เพื่อให้ภาพคมชัดขึ้น

    ✅ PlayStation 6 อาจรองรับ PSSR 2 ด้วย
    - ทำให้ เทคโนโลยีนี้อาจกลายเป็นมาตรฐานสำหรับคอนโซลรุ่นต่อไป

    https://wccftech.com/playstation-5-pro-pssr-2-higher-quality-proper-4k-120-fps/
    PlayStation 5 Pro เตรียมอัปเกรด PSSR 2 รองรับ 4K@120FPS และ 8K@60FPS Sony กำลังพัฒนา PSSR 2 ซึ่งเป็น ระบบอัปสเกลภาพด้วย AI สำหรับ PlayStation 5 Pro โดยมีเป้าหมายเพื่อ เพิ่มคุณภาพของภาพและรองรับความละเอียดที่สูงขึ้น ตามข้อมูลจาก Moore’s Law is Dead ซึ่งเคยให้ข้อมูลที่ถูกต้องเกี่ยวกับ PlayStation 5 Pro มาก่อน PSSR 2 จะช่วยให้ เกมที่ปัจจุบันรันได้เพียง 70-80 FPS สามารถเพิ่มประสิทธิภาพให้ถึง 120 FPS ที่ 4K และยังรองรับ 8K ที่ 60 FPS นอกจากนี้ Sony กำลังฝึกระบบ AI ให้ใช้เวลาประมวลผลต่อเฟรมลดลง เพื่อให้ การอัปสเกลภาพมีคุณภาพสูงขึ้น แม้จะเริ่มจากความละเอียดต่ำกว่า 864p ✅ PSSR 2 จะช่วยให้ PlayStation 5 Pro รองรับ 4K@120FPS และ 8K@60FPS - เพิ่มประสิทธิภาพ เกมที่ปัจจุบันรันได้เพียง 70-80 FPS ให้ถึง 120 FPS ✅ Sony กำลังฝึกระบบ AI ให้ใช้เวลาประมวลผลต่อเฟรมลดลง - ทำให้ การอัปสเกลภาพมีคุณภาพสูงขึ้น แม้จะเริ่มจากความละเอียดต่ำกว่า 864p ✅ PSSR 2 จะรองรับความละเอียดที่หลากหลายขึ้น เช่น 1440p และ 1080p ที่ 120 FPS - ซึ่ง เวอร์ชันปัจจุบันรองรับเฉพาะ 4K เท่านั้น ✅ PlayStation 5 Pro จะมีตัวเลือกใหม่สำหรับเกมที่ไม่ใช้ PSSR - Sony กำลังพัฒนา MFSR ซึ่งเป็นทางเลือกแทน TAA เพื่อให้ภาพคมชัดขึ้น ✅ PlayStation 6 อาจรองรับ PSSR 2 ด้วย - ทำให้ เทคโนโลยีนี้อาจกลายเป็นมาตรฐานสำหรับคอนโซลรุ่นต่อไป https://wccftech.com/playstation-5-pro-pssr-2-higher-quality-proper-4k-120-fps/
    WCCFTECH.COM
    PlayStation 5 Pro PSSR 2 Will Feature Higher Image Quality, Wider Resolutions Offering and Proper Support for 4K@120 FPS and 8K@60FPS - Rumor
    Sony is reportedly working on a new iteration of the PlayStation 5 Pro PSSR upscaler which will be considerbly better than the current version.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 106 มุมมอง 0 รีวิว
  • AMD ได้เปิดตัว สถาปัตยกรรม RDNA 4 ซึ่งมาพร้อมกับ ประสิทธิภาพที่เร็วขึ้น, AI ที่ฉลาดขึ้น และ VRAM ที่มากขึ้น เพื่อรองรับ การเล่นเกมและงานสร้างสรรค์ที่ต้องการพลังประมวลผลสูง

    RDNA 4 ใช้ กระบวนการผลิต 4nm N4P ของ TSMC ซึ่งช่วยให้ ประสิทธิภาพต่อวัตต์ดีขึ้น และมี การปรับปรุง Compute Units (CUs) และ Ray Tracing รุ่นที่ 3 เพื่อให้ การเรนเดอร์ภาพมีความสมจริงมากขึ้น

    ✅ RDNA 4 ใช้กระบวนการผลิต 4nm N4P ของ TSMC
    - ช่วยให้ ประสิทธิภาพต่อวัตต์ดีขึ้น
    - มี การปรับปรุง Compute Units และ Ray Tracing รุ่นที่ 3

    ✅ รองรับ AI acceleration และ FidelityFX Super Resolution 4 (FSR 4)
    - ช่วยให้ การอัปสเกลภาพมีความคมชัดและลดอาการภาพแตก
    - รองรับ การปรับความละเอียดแบบไดนามิกและการลดอาการเบลอของภาพ

    ✅ RX 9070 และ RX 9070 XT เป็นรุ่นแรกที่ใช้ RDNA 4
    - RX 9070 XT มี ประสิทธิภาพสูงกว่า RX 7900 XT ถึง 22% ในเกม AAA
    - มี VRAM ขนาด 16GB GDDR6 และบัสหน่วยความจำ 256-bit

    ✅ รองรับ PCIe 5.0, DisplayPort 2.1a และ HDMI 2.1b
    - สามารถ แสดงผล 4K ที่ 480Hz หรือ 8K ที่ 165Hz
    - รองรับ AV1 Hardware Encoding สำหรับการสตรีมและบันทึกวิดีโอคุณภาพสูง

    ✅ RX 9070 XT มีประสิทธิภาพใกล้เคียงกับ RTX 5070 Ti ในงานเรนเดอร์ภาพ
    - มี เฟรมเรตสูงกว่า RX 7900 XT ในเกม Cyberpunk 2077 และ Starfield

    ‼️ Ray Tracing ของ RDNA 4 ยังเป็นรอง Nvidia ในบางเกม
    - แม้ว่าจะมีการปรับปรุง แต่ Nvidia ยังคงมีความได้เปรียบในด้านนี้

    ‼️ RX 9060 XT ที่จะเปิดตัวใน Computex 2025 อาจมี VRAM เพียง 12GB
    - อาจไม่เพียงพอสำหรับ เกมที่ต้องใช้ทรัพยากรสูงในอนาคต

    https://computercity.com/hardware/video-cards/inside-amds-rdna-4-revolution-faster-gpus-smarter-ai-and-more-vram
    AMD ได้เปิดตัว สถาปัตยกรรม RDNA 4 ซึ่งมาพร้อมกับ ประสิทธิภาพที่เร็วขึ้น, AI ที่ฉลาดขึ้น และ VRAM ที่มากขึ้น เพื่อรองรับ การเล่นเกมและงานสร้างสรรค์ที่ต้องการพลังประมวลผลสูง RDNA 4 ใช้ กระบวนการผลิต 4nm N4P ของ TSMC ซึ่งช่วยให้ ประสิทธิภาพต่อวัตต์ดีขึ้น และมี การปรับปรุง Compute Units (CUs) และ Ray Tracing รุ่นที่ 3 เพื่อให้ การเรนเดอร์ภาพมีความสมจริงมากขึ้น ✅ RDNA 4 ใช้กระบวนการผลิต 4nm N4P ของ TSMC - ช่วยให้ ประสิทธิภาพต่อวัตต์ดีขึ้น - มี การปรับปรุง Compute Units และ Ray Tracing รุ่นที่ 3 ✅ รองรับ AI acceleration และ FidelityFX Super Resolution 4 (FSR 4) - ช่วยให้ การอัปสเกลภาพมีความคมชัดและลดอาการภาพแตก - รองรับ การปรับความละเอียดแบบไดนามิกและการลดอาการเบลอของภาพ ✅ RX 9070 และ RX 9070 XT เป็นรุ่นแรกที่ใช้ RDNA 4 - RX 9070 XT มี ประสิทธิภาพสูงกว่า RX 7900 XT ถึง 22% ในเกม AAA - มี VRAM ขนาด 16GB GDDR6 และบัสหน่วยความจำ 256-bit ✅ รองรับ PCIe 5.0, DisplayPort 2.1a และ HDMI 2.1b - สามารถ แสดงผล 4K ที่ 480Hz หรือ 8K ที่ 165Hz - รองรับ AV1 Hardware Encoding สำหรับการสตรีมและบันทึกวิดีโอคุณภาพสูง ✅ RX 9070 XT มีประสิทธิภาพใกล้เคียงกับ RTX 5070 Ti ในงานเรนเดอร์ภาพ - มี เฟรมเรตสูงกว่า RX 7900 XT ในเกม Cyberpunk 2077 และ Starfield ‼️ Ray Tracing ของ RDNA 4 ยังเป็นรอง Nvidia ในบางเกม - แม้ว่าจะมีการปรับปรุง แต่ Nvidia ยังคงมีความได้เปรียบในด้านนี้ ‼️ RX 9060 XT ที่จะเปิดตัวใน Computex 2025 อาจมี VRAM เพียง 12GB - อาจไม่เพียงพอสำหรับ เกมที่ต้องใช้ทรัพยากรสูงในอนาคต https://computercity.com/hardware/video-cards/inside-amds-rdna-4-revolution-faster-gpus-smarter-ai-and-more-vram
    COMPUTERCITY.COM
    Inside AMD’s RDNA 4 Revolution: More Speed, More AI, Expanded VRAM
    AMD’s RDNA 4 graphics cards bring faster performance, smarter AI capabilities, and more memory for smoother gaming and better productivity. These updates help
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 242 มุมมอง 0 รีวิว
  • บทความนี้กล่าวถึง ประสิทธิภาพของ Nvidia RTX 5060 Ti 8GB เทียบกับ Intel Arc B580 โดยพบว่า รุ่น 8GB ของ RTX 5060 Ti มีข้อจำกัดด้าน VRAM ที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพในการเล่นเกม

    แม้ว่ารุ่น 16GB ของ RTX 5060 Ti จะทำงานได้ดีขึ้น แต่ รุ่น 8GB กลับมีปัญหาในการรันเกมที่ต้องใช้ VRAM มาก และในบางกรณี Intel Arc B580 ซึ่งมี 12GB VRAM สามารถให้ประสิทธิภาพที่ดีกว่า RTX 5060 Ti 8GB

    ✅ RTX 5060 Ti 8GB มีข้อจำกัดด้าน VRAM ที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพในการเล่นเกม
    - แม้ว่าจะมี ประสิทธิภาพสูงกว่า Arc B580 ในบางกรณี แต่ VRAM ที่น้อยทำให้เกิดปัญหาการแสดงผลและเฟรมเรตตก

    ✅ Intel Arc B580 มี 12GB VRAM และสามารถให้ประสิทธิภาพที่ดีกว่า RTX 5060 Ti 8GB ในบางเกม
    - เช่น Horizon Forbidden West และ The Last of Us Part II

    ✅ RTX 5060 Ti 16GB มีประสิทธิภาพที่ดีกว่าและไม่มีปัญหาด้าน VRAM
    - แต่มีราคาสูงกว่า รุ่น 8GB ประมาณ 14%

    ✅ Intel Arc B580 มีราคาถูกกว่า RTX 5060 Ti 8GB แต่หาซื้อได้ยากในราคาต่ำกว่า MSRP
    - ราคาจริงในตลาดสูงกว่าราคาที่แนะนำ ประมาณ 32%

    ✅ RTX 5060 Ti 8GB อาจมีอายุการใช้งานที่สั้นกว่ารุ่น 16GB เนื่องจากข้อจำกัดด้าน VRAM
    - อาจไม่สามารถรองรับเกมใหม่ ๆ ได้ดีในอนาคต

    https://www.techspot.com/review/2983-nvidia-rtx-5060-8gb-vs-intel-arc-b580/
    บทความนี้กล่าวถึง ประสิทธิภาพของ Nvidia RTX 5060 Ti 8GB เทียบกับ Intel Arc B580 โดยพบว่า รุ่น 8GB ของ RTX 5060 Ti มีข้อจำกัดด้าน VRAM ที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพในการเล่นเกม แม้ว่ารุ่น 16GB ของ RTX 5060 Ti จะทำงานได้ดีขึ้น แต่ รุ่น 8GB กลับมีปัญหาในการรันเกมที่ต้องใช้ VRAM มาก และในบางกรณี Intel Arc B580 ซึ่งมี 12GB VRAM สามารถให้ประสิทธิภาพที่ดีกว่า RTX 5060 Ti 8GB ✅ RTX 5060 Ti 8GB มีข้อจำกัดด้าน VRAM ที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพในการเล่นเกม - แม้ว่าจะมี ประสิทธิภาพสูงกว่า Arc B580 ในบางกรณี แต่ VRAM ที่น้อยทำให้เกิดปัญหาการแสดงผลและเฟรมเรตตก ✅ Intel Arc B580 มี 12GB VRAM และสามารถให้ประสิทธิภาพที่ดีกว่า RTX 5060 Ti 8GB ในบางเกม - เช่น Horizon Forbidden West และ The Last of Us Part II ✅ RTX 5060 Ti 16GB มีประสิทธิภาพที่ดีกว่าและไม่มีปัญหาด้าน VRAM - แต่มีราคาสูงกว่า รุ่น 8GB ประมาณ 14% ✅ Intel Arc B580 มีราคาถูกกว่า RTX 5060 Ti 8GB แต่หาซื้อได้ยากในราคาต่ำกว่า MSRP - ราคาจริงในตลาดสูงกว่าราคาที่แนะนำ ประมาณ 32% ✅ RTX 5060 Ti 8GB อาจมีอายุการใช้งานที่สั้นกว่ารุ่น 16GB เนื่องจากข้อจำกัดด้าน VRAM - อาจไม่สามารถรองรับเกมใหม่ ๆ ได้ดีในอนาคต https://www.techspot.com/review/2983-nvidia-rtx-5060-8gb-vs-intel-arc-b580/
    WWW.TECHSPOT.COM
    Nvidia's RTX 5060 Ti 8GB is Even Slower than the Intel Arc B580
    We test Nvidia's RTX 5060 Ti to reveal why the 8GB version struggles badly in modern games–and how it stacks up against Intel's much cheaper Arc B580...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 176 มุมมอง 0 รีวิว
  • บทความนี้กล่าวถึง การเปรียบเทียบ GPU ของ AMD ตั้งแต่ RX 7700 XT ไปจนถึง RX 9070 XT โดยเน้นถึง ประสิทธิภาพ, ราคา และความเหมาะสมสำหรับการเล่นเกม

    RX 9070 XT เป็น ตัวเลือกที่มีประสิทธิภาพสูงกว่า RX 7700 XT โดยมี ความเร็วในการประมวลผลสูงขึ้น 11% และ รองรับการเล่นเกมที่ความละเอียด 4K ได้ดีกว่า อย่างไรก็ตาม RX 7700 XT ยังคงเป็น ตัวเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่มีงบประมาณจำกัด

    ✅ RX 9070 XT มีประสิทธิภาพสูงกว่า RX 7700 XT ประมาณ 11%
    - เหมาะสำหรับ การเล่นเกมที่ความละเอียด 4K
    - มี VRAM ขนาด 16GB GDDR6

    ✅ RX 7700 XT ยังคงเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่มีงบประมาณจำกัด
    - มี VRAM ขนาด 12GB GDDR6
    - เหมาะสำหรับ การเล่นเกมที่ความละเอียด 1440p

    ✅ RX 9070 XT รองรับเทคโนโลยี Ray Tracing รุ่นใหม่
    - มี Ray Tracing รุ่นที่ 3 ซึ่งเร็วขึ้น 2 เท่าเมื่อเทียบกับ RDNA 3
    - รองรับ FSR 4 สำหรับการเพิ่มประสิทธิภาพภาพในเกม

    ✅ RX 7700 XT และ RX 7800 XT ใช้สถาปัตยกรรม RDNA 3
    - RX 7800 XT มี VRAM ขนาด 16GB และรองรับ 4K ได้บางส่วน
    - RX 7700 XT เหมาะสำหรับ เกมเมอร์ที่ต้องการประสิทธิภาพสูงในราคาที่คุ้มค่า

    ✅ RX 9070 XT มีประสิทธิภาพใกล้เคียงกับ RTX 4080 Super
    - เหมาะสำหรับ เกมเมอร์ที่ต้องการเฟรมเรตสูงและการตั้งค่ากราฟิกระดับ Ultra

    https://computercity.com/hardware/video-cards/from-rx-7700-xt-to-rx-9070-xt-which-amd-radeon-card-is-best-for-you-right-now
    บทความนี้กล่าวถึง การเปรียบเทียบ GPU ของ AMD ตั้งแต่ RX 7700 XT ไปจนถึง RX 9070 XT โดยเน้นถึง ประสิทธิภาพ, ราคา และความเหมาะสมสำหรับการเล่นเกม RX 9070 XT เป็น ตัวเลือกที่มีประสิทธิภาพสูงกว่า RX 7700 XT โดยมี ความเร็วในการประมวลผลสูงขึ้น 11% และ รองรับการเล่นเกมที่ความละเอียด 4K ได้ดีกว่า อย่างไรก็ตาม RX 7700 XT ยังคงเป็น ตัวเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่มีงบประมาณจำกัด ✅ RX 9070 XT มีประสิทธิภาพสูงกว่า RX 7700 XT ประมาณ 11% - เหมาะสำหรับ การเล่นเกมที่ความละเอียด 4K - มี VRAM ขนาด 16GB GDDR6 ✅ RX 7700 XT ยังคงเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่มีงบประมาณจำกัด - มี VRAM ขนาด 12GB GDDR6 - เหมาะสำหรับ การเล่นเกมที่ความละเอียด 1440p ✅ RX 9070 XT รองรับเทคโนโลยี Ray Tracing รุ่นใหม่ - มี Ray Tracing รุ่นที่ 3 ซึ่งเร็วขึ้น 2 เท่าเมื่อเทียบกับ RDNA 3 - รองรับ FSR 4 สำหรับการเพิ่มประสิทธิภาพภาพในเกม ✅ RX 7700 XT และ RX 7800 XT ใช้สถาปัตยกรรม RDNA 3 - RX 7800 XT มี VRAM ขนาด 16GB และรองรับ 4K ได้บางส่วน - RX 7700 XT เหมาะสำหรับ เกมเมอร์ที่ต้องการประสิทธิภาพสูงในราคาที่คุ้มค่า ✅ RX 9070 XT มีประสิทธิภาพใกล้เคียงกับ RTX 4080 Super - เหมาะสำหรับ เกมเมอร์ที่ต้องการเฟรมเรตสูงและการตั้งค่ากราฟิกระดับ Ultra https://computercity.com/hardware/video-cards/from-rx-7700-xt-to-rx-9070-xt-which-amd-radeon-card-is-best-for-you-right-now
    COMPUTERCITY.COM
    From RX 7700 XT to RX 9070 XT: Which AMD GPU Should You Buy
    Choosing between the AMD Radeon RX 7700 XT and the RX 9070 XT can feel overwhelming with new models and updated specs. For most users, the RX 9070 XT stands
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 166 มุมมอง 0 รีวิว
  • Intel ได้เปิดตัว IPO (Intel Performance Optimizations) ซึ่งเป็นฟีเจอร์ใหม่ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเล่นเกมบน Core Ultra 200S (Arrow Lake) โดยผลการทดสอบจากผู้ใช้บน BiliBili พบว่า IPO ให้ประสิทธิภาพที่สูงกว่า 200S Boost ในหลายเกม

    การทดสอบใช้ Core Ultra 7 265K, หน่วยความจำ DDR5-8000, และ GeForce RTX 5090D โดยเปรียบเทียบ XMP Configuration, 200S Boost, และ IPO ในเกมต่างๆ เช่น Cyberpunk 2077, Forza Horizon 5, Counter-Strike 2 และ Watch Dogs: Legion

    IPO ปรับความเร็ว P-core และ E-core เป็น 5.4 GHz และ 4.9 GHz ตามลำดับ และเพิ่มความเร็ว Ring Bus เป็น 4 GHz ขณะที่ 200S Boost เน้นไปที่การเพิ่มความเร็ว Die-to-Die (D2D) และ Next Generation Uncore (NGU)

    ผลการทดสอบพบว่า IPO ให้เฟรมเรตสูงกว่า 200S Boost ในทุกเกม โดยเฉพาะ Counter-Strike 2 ที่มีเฟรมเรตสูงขึ้น 16% และ Cyberpunk 2077 ที่มีเฟรมเรตสูงขึ้น 3%

    ✅ IPO vs. 200S Boost ในการเล่นเกม
    - IPO ให้เฟรมเรตสูงกว่า 200S Boost ในทุกเกมที่ทดสอบ
    - Counter-Strike 2 มีเฟรมเรตสูงขึ้น 16%
    - Cyberpunk 2077 มีเฟรมเรตสูงขึ้น 3%

    ✅ การปรับแต่งของ IPO
    - เพิ่มความเร็ว P-core และ E-core เป็น 5.4 GHz และ 4.9 GHz
    - เพิ่มความเร็ว Ring Bus เป็น 4 GHz

    ✅ การปรับแต่งของ 200S Boost
    - เพิ่มความเร็ว Die-to-Die (D2D) และ Next Generation Uncore (NGU)

    ✅ การใช้งานและการเข้าถึง
    - 200S Boost สามารถใช้งานได้ผ่าน อัปเดตเฟิร์มแวร์ของเมนบอร์ด
    - IPO มีให้ใช้งานเฉพาะใน ประเทศจีน

    https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/intel-ipo-delivers-better-gaming-performance-than-200s-boost-in-user-benchmarks
    Intel ได้เปิดตัว IPO (Intel Performance Optimizations) ซึ่งเป็นฟีเจอร์ใหม่ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเล่นเกมบน Core Ultra 200S (Arrow Lake) โดยผลการทดสอบจากผู้ใช้บน BiliBili พบว่า IPO ให้ประสิทธิภาพที่สูงกว่า 200S Boost ในหลายเกม การทดสอบใช้ Core Ultra 7 265K, หน่วยความจำ DDR5-8000, และ GeForce RTX 5090D โดยเปรียบเทียบ XMP Configuration, 200S Boost, และ IPO ในเกมต่างๆ เช่น Cyberpunk 2077, Forza Horizon 5, Counter-Strike 2 และ Watch Dogs: Legion IPO ปรับความเร็ว P-core และ E-core เป็น 5.4 GHz และ 4.9 GHz ตามลำดับ และเพิ่มความเร็ว Ring Bus เป็น 4 GHz ขณะที่ 200S Boost เน้นไปที่การเพิ่มความเร็ว Die-to-Die (D2D) และ Next Generation Uncore (NGU) ผลการทดสอบพบว่า IPO ให้เฟรมเรตสูงกว่า 200S Boost ในทุกเกม โดยเฉพาะ Counter-Strike 2 ที่มีเฟรมเรตสูงขึ้น 16% และ Cyberpunk 2077 ที่มีเฟรมเรตสูงขึ้น 3% ✅ IPO vs. 200S Boost ในการเล่นเกม - IPO ให้เฟรมเรตสูงกว่า 200S Boost ในทุกเกมที่ทดสอบ - Counter-Strike 2 มีเฟรมเรตสูงขึ้น 16% - Cyberpunk 2077 มีเฟรมเรตสูงขึ้น 3% ✅ การปรับแต่งของ IPO - เพิ่มความเร็ว P-core และ E-core เป็น 5.4 GHz และ 4.9 GHz - เพิ่มความเร็ว Ring Bus เป็น 4 GHz ✅ การปรับแต่งของ 200S Boost - เพิ่มความเร็ว Die-to-Die (D2D) และ Next Generation Uncore (NGU) ✅ การใช้งานและการเข้าถึง - 200S Boost สามารถใช้งานได้ผ่าน อัปเดตเฟิร์มแวร์ของเมนบอร์ด - IPO มีให้ใช้งานเฉพาะใน ประเทศจีน https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/intel-ipo-delivers-better-gaming-performance-than-200s-boost-in-user-benchmarks
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    Intel IPO delivers better gaming performance than 200S Boost in user benchmarks
    Similar performance-enhancing technology but slightly different results
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 227 มุมมอง 0 รีวิว
  • NVIDIA ได้เปิดตัวแพลตฟอร์มความปลอดภัยทางไซเบอร์สำหรับ AI Factory โดยใช้ DOCA Argus ซึ่งเป็นเฟรมเวิร์กที่ช่วยตรวจจับและตอบสนองต่อภัยคุกคามแบบเรียลไทม์ โดยทำงานบน NVIDIA BlueField ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มเครือข่ายที่ช่วยปกป้องข้อมูลและการประมวลผล AI

    DOCA Argus ใช้เทคนิค memory forensics เพื่อวิเคราะห์ภัยคุกคามโดยไม่กระทบต่อประสิทธิภาพของระบบ และสามารถตรวจจับภัยคุกคามได้เร็วกว่าโซลูชันทั่วไปถึง 1,000 เท่า นอกจากนี้ยังสามารถทำงานได้โดยไม่ต้องพึ่งพาทรัพยากรของโฮสต์ ทำให้มัลแวร์ไม่สามารถตรวจจับหรือปิดการทำงานของระบบได้

    Cisco ได้ร่วมมือกับ NVIDIA เพื่อพัฒนา Secure AI Factory ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมที่ช่วยให้ธุรกิจสามารถปกป้องโครงสร้างพื้นฐาน AI ได้ตั้งแต่เริ่มต้น

    ✅ การเปิดตัว DOCA Argus
    - เฟรมเวิร์กสำหรับตรวจจับและตอบสนองต่อภัยคุกคามแบบเรียลไทม์
    - ใช้เทคนิค memory forensics เพื่อวิเคราะห์ภัยคุกคามโดยไม่กระทบต่อประสิทธิภาพ

    ✅ การทำงานบน NVIDIA BlueField
    - ช่วยปกป้องข้อมูลและการประมวลผล AI
    - ทำงานโดยไม่ต้องพึ่งพาทรัพยากรของโฮสต์

    ✅ ความร่วมมือกับ Cisco
    - พัฒนา Secure AI Factory เพื่อช่วยให้ธุรกิจสามารถปกป้องโครงสร้างพื้นฐาน AI ได้ตั้งแต่เริ่มต้น

    ✅ ผลกระทบต่ออุตสาหกรรม AI
    - ช่วยให้ธุรกิจสามารถใช้ AI ได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพมากขึ้น

    https://www.techpowerup.com/336079/nvidia-bringing-cybersecurity-platform-to-every-ai-factory
    NVIDIA ได้เปิดตัวแพลตฟอร์มความปลอดภัยทางไซเบอร์สำหรับ AI Factory โดยใช้ DOCA Argus ซึ่งเป็นเฟรมเวิร์กที่ช่วยตรวจจับและตอบสนองต่อภัยคุกคามแบบเรียลไทม์ โดยทำงานบน NVIDIA BlueField ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มเครือข่ายที่ช่วยปกป้องข้อมูลและการประมวลผล AI DOCA Argus ใช้เทคนิค memory forensics เพื่อวิเคราะห์ภัยคุกคามโดยไม่กระทบต่อประสิทธิภาพของระบบ และสามารถตรวจจับภัยคุกคามได้เร็วกว่าโซลูชันทั่วไปถึง 1,000 เท่า นอกจากนี้ยังสามารถทำงานได้โดยไม่ต้องพึ่งพาทรัพยากรของโฮสต์ ทำให้มัลแวร์ไม่สามารถตรวจจับหรือปิดการทำงานของระบบได้ Cisco ได้ร่วมมือกับ NVIDIA เพื่อพัฒนา Secure AI Factory ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมที่ช่วยให้ธุรกิจสามารถปกป้องโครงสร้างพื้นฐาน AI ได้ตั้งแต่เริ่มต้น ✅ การเปิดตัว DOCA Argus - เฟรมเวิร์กสำหรับตรวจจับและตอบสนองต่อภัยคุกคามแบบเรียลไทม์ - ใช้เทคนิค memory forensics เพื่อวิเคราะห์ภัยคุกคามโดยไม่กระทบต่อประสิทธิภาพ ✅ การทำงานบน NVIDIA BlueField - ช่วยปกป้องข้อมูลและการประมวลผล AI - ทำงานโดยไม่ต้องพึ่งพาทรัพยากรของโฮสต์ ✅ ความร่วมมือกับ Cisco - พัฒนา Secure AI Factory เพื่อช่วยให้ธุรกิจสามารถปกป้องโครงสร้างพื้นฐาน AI ได้ตั้งแต่เริ่มต้น ✅ ผลกระทบต่ออุตสาหกรรม AI - ช่วยให้ธุรกิจสามารถใช้ AI ได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพมากขึ้น https://www.techpowerup.com/336079/nvidia-bringing-cybersecurity-platform-to-every-ai-factory
    WWW.TECHPOWERUP.COM
    NVIDIA Bringing Cybersecurity Platform to Every AI Factory
    As enterprises increasingly adopt AI, securing AI factories—where complex, agentic workflows are executed—has never been more critical. NVIDIA is bringing runtime cybersecurity to every AI factory with a new NVIDIA DOCA software framework, part of the NVIDIA cybersecurity AI platform. Running on the...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 211 มุมมอง 0 รีวิว
  • บทความนี้กล่าวถึงความพยายามของนักพัฒนา Jonas Eschenburg ในการพอร์ตเกม Doom ให้สามารถเล่นได้บนเครื่อง Atari ST ซึ่งเป็นคอมพิวเตอร์ที่เปิดตัวในปี 1985 โดยมีประสิทธิภาพต่ำกว่าเครื่องที่เกม Doom ถูกออกแบบมาให้เล่นในปี 1993 การพัฒนานี้แสดงถึงความท้าทายและความมุ่งมั่นในการนำเกมที่มีความต้องการสูงมาสู่แพลตฟอร์มที่มีข้อจำกัดด้านฮาร์ดแวร์

    Eschenburg ได้เริ่มต้นการพัฒนาโดยใช้การจำลอง (emulation) และสามารถทำให้เกม Doom แสดงผลในโหมดสีเทาและมีเฟรมเรตต่ำ ต่อมาเขาได้ปรับปรุงให้เกมสามารถแสดงผลในโหมดสี 16 บิต พร้อมเอฟเฟกต์หน้าจอที่แสดงความเสียหายเมื่อผู้เล่นถูกโจมตี แม้ว่าการพอร์ตเกมนี้ยังคงมีข้อจำกัด เช่น การทำงานบนฮาร์ดแวร์จริงที่ยังเป็นเรื่องท้าทาย แต่การพัฒนาแสดงถึงความก้าวหน้าและความน่าสนใจในวงการเกม

    ✅ การเริ่มต้นพัฒนา
    - ใช้การจำลองเพื่อทำให้เกม Doom สามารถแสดงผลในโหมดสีเทา
    - เฟรมเรตต่ำและไม่มีเสียงในเวอร์ชันแรก

    ✅ การปรับปรุงและความก้าวหน้า
    - เพิ่มโหมดสี 16 บิตและเอฟเฟกต์หน้าจอที่แสดงความเสียหาย
    - การพัฒนาแสดงถึงความมุ่งมั่นและความท้าทายในการพอร์ตเกม

    ✅ ข้อจำกัดของฮาร์ดแวร์ Atari ST
    - Atari ST มี CPU 8 MHz และ RAM สูงสุด 512 KB
    - เกม Doom ต้องการ CPU Intel 386 และ RAM 4 MB ในเวอร์ชันดั้งเดิม

    ✅ เป้าหมายของการพัฒนา
    - นำเกม Doom มาสู่แพลตฟอร์มที่มีข้อจำกัดด้านฮาร์ดแวร์

    https://www.techspot.com/news/107713-atari-st-eight-years-early-doom-but-not.html
    บทความนี้กล่าวถึงความพยายามของนักพัฒนา Jonas Eschenburg ในการพอร์ตเกม Doom ให้สามารถเล่นได้บนเครื่อง Atari ST ซึ่งเป็นคอมพิวเตอร์ที่เปิดตัวในปี 1985 โดยมีประสิทธิภาพต่ำกว่าเครื่องที่เกม Doom ถูกออกแบบมาให้เล่นในปี 1993 การพัฒนานี้แสดงถึงความท้าทายและความมุ่งมั่นในการนำเกมที่มีความต้องการสูงมาสู่แพลตฟอร์มที่มีข้อจำกัดด้านฮาร์ดแวร์ Eschenburg ได้เริ่มต้นการพัฒนาโดยใช้การจำลอง (emulation) และสามารถทำให้เกม Doom แสดงผลในโหมดสีเทาและมีเฟรมเรตต่ำ ต่อมาเขาได้ปรับปรุงให้เกมสามารถแสดงผลในโหมดสี 16 บิต พร้อมเอฟเฟกต์หน้าจอที่แสดงความเสียหายเมื่อผู้เล่นถูกโจมตี แม้ว่าการพอร์ตเกมนี้ยังคงมีข้อจำกัด เช่น การทำงานบนฮาร์ดแวร์จริงที่ยังเป็นเรื่องท้าทาย แต่การพัฒนาแสดงถึงความก้าวหน้าและความน่าสนใจในวงการเกม ✅ การเริ่มต้นพัฒนา - ใช้การจำลองเพื่อทำให้เกม Doom สามารถแสดงผลในโหมดสีเทา - เฟรมเรตต่ำและไม่มีเสียงในเวอร์ชันแรก ✅ การปรับปรุงและความก้าวหน้า - เพิ่มโหมดสี 16 บิตและเอฟเฟกต์หน้าจอที่แสดงความเสียหาย - การพัฒนาแสดงถึงความมุ่งมั่นและความท้าทายในการพอร์ตเกม ✅ ข้อจำกัดของฮาร์ดแวร์ Atari ST - Atari ST มี CPU 8 MHz และ RAM สูงสุด 512 KB - เกม Doom ต้องการ CPU Intel 386 และ RAM 4 MB ในเวอร์ชันดั้งเดิม ✅ เป้าหมายของการพัฒนา - นำเกม Doom มาสู่แพลตฟอร์มที่มีข้อจำกัดด้านฮาร์ดแวร์ https://www.techspot.com/news/107713-atari-st-eight-years-early-doom-but-not.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    The Atari ST was eight years too early for Doom, but not anymore
    Augsburg-based indie developer Jonas "indyjo" Eschenburg recently began sharing early work on a native Doom port for the Atari ST. Although early clips reveal significant compromises, continued...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 89 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts