• โดนัลด์ ทรัมป์ จูเนียร์ ลูกชายคนโตของ โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ออกมาด่าทอ "พวกงี่เง่ากระหายสงคราม" หลังมีรายงานข่าวว่าประธานาธิบดีโจ ไบเดน ทิ้งทวนก่อนพ้นตำแหน่ง ให้ไฟเขียวยูเครน ใช้อาวุธพิสัยไกลที่อเมริกาจัดหาให้ โจมตีลึกเข้าไปในดินแดนรัสเซีย
    .
    ทรัมป์ จูเนียร์ ซึ่งหาเสียงเคียงข้างผู้เป็นพ่อ ระหว่างศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ 2024 และกำลังช่วยพ่อเลือกตัวเลือกคณะรัฐมนตรี โพสต์แสดงความคิดเห็นอย่างดุเดือดบนสื่อสังคมออนไลน์
    .
    "ดูเหมือนอุตสาหกรรมทางทหารต้องการทำให้แน่ใจว่า พวกเขากำลังจะได้สงครามโลกครั้งที่ 3 ก่อนที่พ่อของผมจะมีโอกาสสร้างสันติภาพและปกป้องชีวิต" เขาโพสต์ข้อความบนแพลตฟอร์มเอ็กซ์ในวันอาทิตย์(17พ.ย.) "ตั้งใจกันจริงกับเงินล้านล้านดอลลาร์ ชีวิตบัดซบ!! พวกงี่เง่า!"
    .
    ก่อนหน้านี้รัฐบาลไบเดน เคยกำหนดข้อจำกัดการใช้ขีปนาวุธ ATACMS โดยยูเครน อ้างความกังวลเกี่ยวกับความเป็นไปได้ว่าจะถูกรัสเซียแก้แค้น อย่างไรก็ตามล่าสุดสำนักข่าวหลายแห่งรายงานตรงกันว่า ทำเนียบขาวกลับลำนโยบายดังกล่าวแล้ว แม้ทั้งทำเนียบขาวและเพนตากอน ยังไม่ออกมาแสดงความคิดเห็นในเรื่องนี้
    .
    รายงานเกี่ยวกับการตัดสินใจดังกล่าวถูกมองอย่างกว้างขวางว่าเป็นความพยายามสุดท้ายในการเพิ่มแสนยานุภาพแก่กองทัพยูเครน ก่อนทรัมป์เข้ารับตำแหน่งในวันที่ 20 มกราคม
    .
    ระหว่างการหาเสียงเลือกั้ง ทรัมป์ ตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับความจำเป็นที่ต้องมอบความช่วยเหลือแบบไม่มีเงื่อนไขแก่เคียฟ และประกาศคลี่คลายความขัดแย้งด้วยหนทางด้านการทูต ทั้งนี้การที่ทรัมป์ใกล้กลับสู่ทำเนียบขาวทุกขณะ ได้ก่อความกังวลแก่ทั้งพรรคเดโมแครต พวกเจ้าหน้าที่ยูเครนและอียู ที่วิตกว่ารัฐบาลใหม่ของสหรัฐฯจะทอดทิ้งยูเครน
    .
    มอสโกเน้นย้ำมาตลอดว่าการที่ตะวันตกไฟเขียวยูเครนใช้อาวุธของพวกเขาโจมตีลึกเข้าไปในดินแดนรัสเซีย จะเป็นการส่งสัญญาณของการเข้ามาเกี่ยวข้องโดยตรงของนาโตในความขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับยูเครน ขณะที่ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน เตือนว่า "รัสเซียจะตัดสินใจอย่างเหมาะสมในการตอบโต้ภัยคุกคามดังกล่าว"
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000111070
    ..............
    Sondhi X
    โดนัลด์ ทรัมป์ จูเนียร์ ลูกชายคนโตของ โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ออกมาด่าทอ "พวกงี่เง่ากระหายสงคราม" หลังมีรายงานข่าวว่าประธานาธิบดีโจ ไบเดน ทิ้งทวนก่อนพ้นตำแหน่ง ให้ไฟเขียวยูเครน ใช้อาวุธพิสัยไกลที่อเมริกาจัดหาให้ โจมตีลึกเข้าไปในดินแดนรัสเซีย . ทรัมป์ จูเนียร์ ซึ่งหาเสียงเคียงข้างผู้เป็นพ่อ ระหว่างศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ 2024 และกำลังช่วยพ่อเลือกตัวเลือกคณะรัฐมนตรี โพสต์แสดงความคิดเห็นอย่างดุเดือดบนสื่อสังคมออนไลน์ . "ดูเหมือนอุตสาหกรรมทางทหารต้องการทำให้แน่ใจว่า พวกเขากำลังจะได้สงครามโลกครั้งที่ 3 ก่อนที่พ่อของผมจะมีโอกาสสร้างสันติภาพและปกป้องชีวิต" เขาโพสต์ข้อความบนแพลตฟอร์มเอ็กซ์ในวันอาทิตย์(17พ.ย.) "ตั้งใจกันจริงกับเงินล้านล้านดอลลาร์ ชีวิตบัดซบ!! พวกงี่เง่า!" . ก่อนหน้านี้รัฐบาลไบเดน เคยกำหนดข้อจำกัดการใช้ขีปนาวุธ ATACMS โดยยูเครน อ้างความกังวลเกี่ยวกับความเป็นไปได้ว่าจะถูกรัสเซียแก้แค้น อย่างไรก็ตามล่าสุดสำนักข่าวหลายแห่งรายงานตรงกันว่า ทำเนียบขาวกลับลำนโยบายดังกล่าวแล้ว แม้ทั้งทำเนียบขาวและเพนตากอน ยังไม่ออกมาแสดงความคิดเห็นในเรื่องนี้ . รายงานเกี่ยวกับการตัดสินใจดังกล่าวถูกมองอย่างกว้างขวางว่าเป็นความพยายามสุดท้ายในการเพิ่มแสนยานุภาพแก่กองทัพยูเครน ก่อนทรัมป์เข้ารับตำแหน่งในวันที่ 20 มกราคม . ระหว่างการหาเสียงเลือกั้ง ทรัมป์ ตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับความจำเป็นที่ต้องมอบความช่วยเหลือแบบไม่มีเงื่อนไขแก่เคียฟ และประกาศคลี่คลายความขัดแย้งด้วยหนทางด้านการทูต ทั้งนี้การที่ทรัมป์ใกล้กลับสู่ทำเนียบขาวทุกขณะ ได้ก่อความกังวลแก่ทั้งพรรคเดโมแครต พวกเจ้าหน้าที่ยูเครนและอียู ที่วิตกว่ารัฐบาลใหม่ของสหรัฐฯจะทอดทิ้งยูเครน . มอสโกเน้นย้ำมาตลอดว่าการที่ตะวันตกไฟเขียวยูเครนใช้อาวุธของพวกเขาโจมตีลึกเข้าไปในดินแดนรัสเซีย จะเป็นการส่งสัญญาณของการเข้ามาเกี่ยวข้องโดยตรงของนาโตในความขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับยูเครน ขณะที่ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน เตือนว่า "รัสเซียจะตัดสินใจอย่างเหมาะสมในการตอบโต้ภัยคุกคามดังกล่าว" . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000111070 .............. Sondhi X
    Like
    Love
    6
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 158 มุมมอง 0 รีวิว
  • คณะบริหารไบเดนกลับลำ 360 องศา ไฟเขียวยูเครนใช้ขีปนาวุธพิสัยไกลของอเมริกาโจมตีในดินแดนรัสเซีย ไม่สนคำขู่จากมอสโกว่า การตัดสินใจนี้อาจนำไปสู่สงครามโลกครั้งที่ 3 และจะถูกตอบโต้อย่างรุนแรง ขณะที่แหล่งข่าวเผยเคียฟเตรียมสนองบัญชาวอชิงตันด้วยการโจมตีรัสเซียในเร็ววัน
    .
    การตัดสินใจของประธานาธิบดีโจ ไบเดนในการอนุญาตให้ยูเครนใช้ระบบขีปนาวุธทางยุทธวิธี (ATACMS) โจมตีในดินแดนรัสเซียถือเป็นการเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจนก่อนการถ่ายโอนอำนาจให้โดนัลด์ ทรัมป์ ในวันที่ 20 ม.ค.ปีหน้า
    .
    นิวยอร์ก ไทมส์และวอชิงตัน โพสต์ที่เป็นสื่อสองแห่งแรกที่รายงานข่าวนี้ระบุว่า การตัดสินใจนี้มีเป้าหมายในการตอบโต้การที่เกาหลีเหนือส่งทหารไปช่วยรัสเซียทำสงครามกับยูเครน
    .
    ก่อนหน้านี้อเมริกากังวลว่า จะเกิดความขัดแย้งโดยตรงกับรัสเซียที่เป็นหนึ่งในมหาอำนาจนิวเคลียร์ รวมถึงความเสี่ยงที่คลังอาวุธของตนเองจะร่อยหรอลง
    .
    ประธานาธิบดี โวโลดิมีร์ เซเลนสกี้ ของยูเครน กล่าวเมื่อคืนวันอาทิตย์ (17 พ.ย.) ว่า สื่อหลายสำนักรายงานว่า ยูเครนได้รับอนุญาตให้ดำเนินมาตรการที่เหมาะสม แต่การโจมตีไม่ได้กระทำด้วยคำพูด และสำทับว่า ยังไม่มีการประกาศเรื่องนี้ ทางด้านทำเนียบขาวและกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ ยังไม่ได้แสดงความคิดเห็นใดๆ
    .
    สำนักข่าวทาสส์รายงานว่า วลาดิมีร์ จาบารอฟ รองประธานคณะกรรมาธิการกิจการระหว่างประเทศของวุฒิสภารัสเซีย เตือนว่า การตัดสินใจล่าสุดของวอชิงตันอาจนำไปสู่สงครามโลกครั้งที่ 3 และจะถูกตอบโต้อย่างรุนแรง
    .
    ก่อนหน้านี้ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน เตือนว่า การโจมตีด้วย ATACMS ที่มีระยะการโจมตี 300 กม.ในดินแดนรัสเซียหมายความว่า องค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต) เข้าสู่สงครามกับรัสเซีย อย่างไรก็ดี ขณะนี้ไม่มีข้อมูลชัดเจนว่า คลังแสงยูเครนมีขีปนาวุธ ATACMS อยู่มากน้อยเพียงใด
    .
    ขณะเดียวกัน แม้เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ บางคนยังสงสัยว่า การอนุญาตให้ยูเครนใช้อาวุธพิสัยไกลโจมตีเข้าไปในรัสเซียจะพลิกสถานการณ์ของสงครามในยูเครนได้ แต่การตัดสินใจนี้อาจช่วยให้เคียฟมีสถานะการต่อรองที่ดีขึ้นหากมีการเจรจาหยุดยิง
    .
    นอกจากนั้นยังไม่มีความชัดเจนว่า หลังจากเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดี ทรัมป์จะยกเลิกการตัดสินใจนี้ของไบเดนหรือไม่ เนื่องจากที่ผ่านมาเขาวิจารณ์ระดับความช่วยเหลือทางการเงินและการทหารที่อเมริกาให้ยูเครนมาตลอด อีกทั้งประกาศว่า จะทำให้สงครามในยูเครนยุติลงโดยเร็ว แต่ไม่ได้อธิบายว่า จะทำอย่างไร
    .
    ก่อนหน้านี้ สมาชิกรัฐสภาสังกัดพรรครีพับลิกันเรียกร้องให้ไบเดนผ่อนคลายกฎจำกัดการใช้อาวุธของยูเครนที่อเมริกาจัดหาให้ และนับจากที่ทรัมป์ชนะการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 5 ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่อาวุโสในคณะบริหารของไบเดนพากันย้ำว่า จะใช้เวลาที่เหลืออยู่ทำให้แน่ใจว่า ยูเครนสามารถต่อสู้อย่างมีประสิทธิภาพหรือเจรจาสันติภาพกับรัสเซียด้วยสถานะที่สามารถต่อรองได้
    .
    แม้โฆษกของทรัมป์ยังไม่ได้แสดงความคิดเห็นเรื่องนี้ ทว่า หนึ่งในที่ปรึกษาด้านนโยบายต่างประเทศที่ใกล้ชิดที่สุดของว่าที่ผู้นำคนใหม่ของสหรัฐฯ วิจารณ์การตัดสินใจของไบเดนว่า เป็นการปลุกปั่นให้สงครามระอุขึ้นก่อนพ้นตำแหน่ง
    .
    นอกจากนั้น ไมค์ วอลซ์ ที่ทรัมป์เลือกให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติ เคยโจมตีว่า การอัดฉีดเงินเป็นพันล้านดอลลาร์ให้ยูเครน ณ เวลานี้ถือเป็นความวิกลจริต และสำทับว่า ความขัดแย้งในยูเครนถึงทางตัน
    .
    โดนัลด์ ทรัมป์ จูเนียร์ ลูกชายคนโตของทรัมป์ วิจารณ์เกี่ยวกับการตัดสินใจล่าสุดของไบเดนว่า อุตสาหกรรมการทหารน่าจะอยากได้รับการรับรองว่า สงครามโลกครั้งที่ 3 จะระเบิดขึ้นก่อนที่พ่อของตนคือทรัมป์จะมีโอกาสสร้างสันติภาพและปกป้องชีวิตผู้คน
    .
    อเล็กซ์ พลิตซาส นักวิชาการอาคันตุกะของแอตแลนติก เคาน์ซิล ชี้ว่า การยกเลิกการจำกัดการใช้อาวุธอาจช่วยให้ยูเครนรบกับรัสเซียได้คล่องขึ้น แต่อาจเป็นการตัดสินใจที่ช้าเกินไป
    .
    อย่างไรก็ตาม การกลับลำนโยบายของอเมริกาครั้งนี้อาจทำให้ยุโรปทบทวนจุดยืนของตนเองเกี่ยวกับขีปนาวุธพิสัยไกล
    .
    ปัจจุบัน ฝรั่งเศสและอังกฤษจัดหาขีปนาวุธสตอร์ม ชาโดว์ และสกัลป์ แต่ยังไม่อนุญาตให้ยูเครนใช้โจมตีในดินแดนรัสเซีย หากอเมริกายังไม่อนุญาตให้ใช้ ATACMS
    .
    ระหว่างการหารือกับประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครงของฝรั่งเศสในวันจันทร์ นายกรัฐมนตรีเคียร์ สตาร์เมอร์ของอังกฤษ ได้หารือเกี่ยวกับวิธีการทำให้ยูเครนอยู่ในตำแหน่งที่แข็งแกร่งที่สุดก่อนเข้าสู่ฤดูหนาว ขณะที่มาครงกล่าวเมื่อวันอาทิตย์ว่า ปูตินไม่ต้องการสันติภาพ แต่ต้องการขยายการสู้รบรุนแรงขึ้น
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000111060
    ..............
    Sondhi X
    คณะบริหารไบเดนกลับลำ 360 องศา ไฟเขียวยูเครนใช้ขีปนาวุธพิสัยไกลของอเมริกาโจมตีในดินแดนรัสเซีย ไม่สนคำขู่จากมอสโกว่า การตัดสินใจนี้อาจนำไปสู่สงครามโลกครั้งที่ 3 และจะถูกตอบโต้อย่างรุนแรง ขณะที่แหล่งข่าวเผยเคียฟเตรียมสนองบัญชาวอชิงตันด้วยการโจมตีรัสเซียในเร็ววัน . การตัดสินใจของประธานาธิบดีโจ ไบเดนในการอนุญาตให้ยูเครนใช้ระบบขีปนาวุธทางยุทธวิธี (ATACMS) โจมตีในดินแดนรัสเซียถือเป็นการเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจนก่อนการถ่ายโอนอำนาจให้โดนัลด์ ทรัมป์ ในวันที่ 20 ม.ค.ปีหน้า . นิวยอร์ก ไทมส์และวอชิงตัน โพสต์ที่เป็นสื่อสองแห่งแรกที่รายงานข่าวนี้ระบุว่า การตัดสินใจนี้มีเป้าหมายในการตอบโต้การที่เกาหลีเหนือส่งทหารไปช่วยรัสเซียทำสงครามกับยูเครน . ก่อนหน้านี้อเมริกากังวลว่า จะเกิดความขัดแย้งโดยตรงกับรัสเซียที่เป็นหนึ่งในมหาอำนาจนิวเคลียร์ รวมถึงความเสี่ยงที่คลังอาวุธของตนเองจะร่อยหรอลง . ประธานาธิบดี โวโลดิมีร์ เซเลนสกี้ ของยูเครน กล่าวเมื่อคืนวันอาทิตย์ (17 พ.ย.) ว่า สื่อหลายสำนักรายงานว่า ยูเครนได้รับอนุญาตให้ดำเนินมาตรการที่เหมาะสม แต่การโจมตีไม่ได้กระทำด้วยคำพูด และสำทับว่า ยังไม่มีการประกาศเรื่องนี้ ทางด้านทำเนียบขาวและกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ ยังไม่ได้แสดงความคิดเห็นใดๆ . สำนักข่าวทาสส์รายงานว่า วลาดิมีร์ จาบารอฟ รองประธานคณะกรรมาธิการกิจการระหว่างประเทศของวุฒิสภารัสเซีย เตือนว่า การตัดสินใจล่าสุดของวอชิงตันอาจนำไปสู่สงครามโลกครั้งที่ 3 และจะถูกตอบโต้อย่างรุนแรง . ก่อนหน้านี้ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน เตือนว่า การโจมตีด้วย ATACMS ที่มีระยะการโจมตี 300 กม.ในดินแดนรัสเซียหมายความว่า องค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต) เข้าสู่สงครามกับรัสเซีย อย่างไรก็ดี ขณะนี้ไม่มีข้อมูลชัดเจนว่า คลังแสงยูเครนมีขีปนาวุธ ATACMS อยู่มากน้อยเพียงใด . ขณะเดียวกัน แม้เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ บางคนยังสงสัยว่า การอนุญาตให้ยูเครนใช้อาวุธพิสัยไกลโจมตีเข้าไปในรัสเซียจะพลิกสถานการณ์ของสงครามในยูเครนได้ แต่การตัดสินใจนี้อาจช่วยให้เคียฟมีสถานะการต่อรองที่ดีขึ้นหากมีการเจรจาหยุดยิง . นอกจากนั้นยังไม่มีความชัดเจนว่า หลังจากเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดี ทรัมป์จะยกเลิกการตัดสินใจนี้ของไบเดนหรือไม่ เนื่องจากที่ผ่านมาเขาวิจารณ์ระดับความช่วยเหลือทางการเงินและการทหารที่อเมริกาให้ยูเครนมาตลอด อีกทั้งประกาศว่า จะทำให้สงครามในยูเครนยุติลงโดยเร็ว แต่ไม่ได้อธิบายว่า จะทำอย่างไร . ก่อนหน้านี้ สมาชิกรัฐสภาสังกัดพรรครีพับลิกันเรียกร้องให้ไบเดนผ่อนคลายกฎจำกัดการใช้อาวุธของยูเครนที่อเมริกาจัดหาให้ และนับจากที่ทรัมป์ชนะการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 5 ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่อาวุโสในคณะบริหารของไบเดนพากันย้ำว่า จะใช้เวลาที่เหลืออยู่ทำให้แน่ใจว่า ยูเครนสามารถต่อสู้อย่างมีประสิทธิภาพหรือเจรจาสันติภาพกับรัสเซียด้วยสถานะที่สามารถต่อรองได้ . แม้โฆษกของทรัมป์ยังไม่ได้แสดงความคิดเห็นเรื่องนี้ ทว่า หนึ่งในที่ปรึกษาด้านนโยบายต่างประเทศที่ใกล้ชิดที่สุดของว่าที่ผู้นำคนใหม่ของสหรัฐฯ วิจารณ์การตัดสินใจของไบเดนว่า เป็นการปลุกปั่นให้สงครามระอุขึ้นก่อนพ้นตำแหน่ง . นอกจากนั้น ไมค์ วอลซ์ ที่ทรัมป์เลือกให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติ เคยโจมตีว่า การอัดฉีดเงินเป็นพันล้านดอลลาร์ให้ยูเครน ณ เวลานี้ถือเป็นความวิกลจริต และสำทับว่า ความขัดแย้งในยูเครนถึงทางตัน . โดนัลด์ ทรัมป์ จูเนียร์ ลูกชายคนโตของทรัมป์ วิจารณ์เกี่ยวกับการตัดสินใจล่าสุดของไบเดนว่า อุตสาหกรรมการทหารน่าจะอยากได้รับการรับรองว่า สงครามโลกครั้งที่ 3 จะระเบิดขึ้นก่อนที่พ่อของตนคือทรัมป์จะมีโอกาสสร้างสันติภาพและปกป้องชีวิตผู้คน . อเล็กซ์ พลิตซาส นักวิชาการอาคันตุกะของแอตแลนติก เคาน์ซิล ชี้ว่า การยกเลิกการจำกัดการใช้อาวุธอาจช่วยให้ยูเครนรบกับรัสเซียได้คล่องขึ้น แต่อาจเป็นการตัดสินใจที่ช้าเกินไป . อย่างไรก็ตาม การกลับลำนโยบายของอเมริกาครั้งนี้อาจทำให้ยุโรปทบทวนจุดยืนของตนเองเกี่ยวกับขีปนาวุธพิสัยไกล . ปัจจุบัน ฝรั่งเศสและอังกฤษจัดหาขีปนาวุธสตอร์ม ชาโดว์ และสกัลป์ แต่ยังไม่อนุญาตให้ยูเครนใช้โจมตีในดินแดนรัสเซีย หากอเมริกายังไม่อนุญาตให้ใช้ ATACMS . ระหว่างการหารือกับประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครงของฝรั่งเศสในวันจันทร์ นายกรัฐมนตรีเคียร์ สตาร์เมอร์ของอังกฤษ ได้หารือเกี่ยวกับวิธีการทำให้ยูเครนอยู่ในตำแหน่งที่แข็งแกร่งที่สุดก่อนเข้าสู่ฤดูหนาว ขณะที่มาครงกล่าวเมื่อวันอาทิตย์ว่า ปูตินไม่ต้องการสันติภาพ แต่ต้องการขยายการสู้รบรุนแรงขึ้น . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000111060 .............. Sondhi X
    Like
    Haha
    Angry
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 201 มุมมอง 0 รีวิว
  • พี่แบกศพน้อง!!มาให้เจ้าหน้าที่เผา..หลังระเบิดปรมาณู!!! 19/11/67 #สุสานหิ่งห้อย #ระเบิดปรมาณู #สงครามโลกครั้งที่ 2
    พี่แบกศพน้อง!!มาให้เจ้าหน้าที่เผา..หลังระเบิดปรมาณู!!! 19/11/67 #สุสานหิ่งห้อย #ระเบิดปรมาณู #สงครามโลกครั้งที่ 2
    Like
    Sad
    Love
    13
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 482 มุมมอง 82 0 รีวิว
  • ถ้ำกระแซ ทางรถไฟสายมรณะ ที่เที่ยวกาญจนบุรี สุดหวาดเสียวว
    ถ้ำกระแซ
    ต.วังโพธิ์ อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี

    สถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของกาญจนบุรี ที่ห้ามพลาด คือ ถ้ำกระแซ เพราะตั้งอยู่ติดกับเส้นทางรถไฟสายมรณะอันเป็นหนึ่งในประวัติศาสตร์สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 และถ้ำนี้เป็นถ้ำที่เคยเป็นที่พักของเชลยศึกเมื่อครั้งสร้างเส้นทางรถไฟสายมรณะจากไทยไปพม่า ตัวถ้ำติดกับเส้นทางรถไฟสายกาญจนบุรี-น้ำตก เป็นทางรถไฟสายประวัติศาสตร์สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ปัจจุบันสิ้นสุดที่สถานีรถไฟน้ำตก ภายในถ้ำโปร่ง และมีพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ประดิษฐานอยู่ มองจากปากถ้ำมาที่บริเวณทางรถไฟจะเห็นทิวทัศน์ที่งดงามและมองเห็นแม่น้ำแควน้อยอยู่เบื้องล่าง บริเวณนี้เป็นจุดที่สร้างทางรถไฟยากที่สุด เนื่องจากเส้นทางโค้งเลียบเขา

    หลังจากรถไฟเทียบชานชาลาที่ สถานี ถ้ำกระแซ กาญจนบุรี ความตื่นเต้นที่หายไปนานด้วยความวุ่นวายในเมืองใหญ่ ได้กลับมาให้หัวใจได้เต้นตูมตามอีกครั้ง กลิ่นใบไม้ ใบหญ้า กลิ่นดินจากความสดชื่นของป่าใหญ่อันดับต้นๆ ของเมืองไทยช่วยดีท็อกซ์ความเหนื่อยล้าให้หายเป็นปลิดทิ้งเลยทีเดียว

    ลังจากรถไฟทิ้งสถานีมุ่งหน้าเดินทางต่อไป ความคึกครื้นของนักท่องเที่ยวทั้งไทย และต่างชาติก็เริ่มกลับมา เราเดินมุ่งหน้าไปที่ ถ้ำกระแซ ค่ะ ซึ่งถ้ำนี้เคยเป็น ที่พักของเชลยศึก เมื่อครั้งสร้างเส้นทางรถไฟสายมรณะจากไทยไปพม่า และภายในถ้ำยังมี พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ ประดิษฐานอยู่ด้วย ความรู้สึกขนลุกอย่างบอกไม่ถูกเมื่อได้ไปเหยียบสถานที่ที่ครั้งหนึ่งเคยอยู่ในหน้าประวัติศาสตร์โลก

    หลังจากเดินชมถ้ำกระแซเรียบร้อย ขอไปถ่ายรูปสวยๆ ที่รางรถไฟดูบ้าง ตรงจุดนี้คือจุดที่เรียกว่า ทางรถไฟสายมรณะ ค่ะ ถือว่าเป็นจุดที่สวยที่สุด และอันตรายที่สุดของเส้นทางรถไฟ ด้วยความสูงมากๆ และติดเลียบหน้าผาทำให้เสียวสันหลังเล็กๆ มองลงไปด้านล่างทำเอาเข่าเกือบทรุด เพราะเป็นแม่น้ำแควที่ไหลเอื่อยๆ อย่างสงบ แต่ก็ต้องใจกล้าค่ะ เพราะอยากได้ภาพสวยๆ กลับมาเป็นที่ระลึกอีกด้วย
    ถ้ำกระแซ ทางรถไฟสายมรณะ ที่เที่ยวกาญจนบุรี สุดหวาดเสียวว ถ้ำกระแซ ต.วังโพธิ์ อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี สถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของกาญจนบุรี ที่ห้ามพลาด คือ ถ้ำกระแซ เพราะตั้งอยู่ติดกับเส้นทางรถไฟสายมรณะอันเป็นหนึ่งในประวัติศาสตร์สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 และถ้ำนี้เป็นถ้ำที่เคยเป็นที่พักของเชลยศึกเมื่อครั้งสร้างเส้นทางรถไฟสายมรณะจากไทยไปพม่า ตัวถ้ำติดกับเส้นทางรถไฟสายกาญจนบุรี-น้ำตก เป็นทางรถไฟสายประวัติศาสตร์สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ปัจจุบันสิ้นสุดที่สถานีรถไฟน้ำตก ภายในถ้ำโปร่ง และมีพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ประดิษฐานอยู่ มองจากปากถ้ำมาที่บริเวณทางรถไฟจะเห็นทิวทัศน์ที่งดงามและมองเห็นแม่น้ำแควน้อยอยู่เบื้องล่าง บริเวณนี้เป็นจุดที่สร้างทางรถไฟยากที่สุด เนื่องจากเส้นทางโค้งเลียบเขา หลังจากรถไฟเทียบชานชาลาที่ สถานี ถ้ำกระแซ กาญจนบุรี ความตื่นเต้นที่หายไปนานด้วยความวุ่นวายในเมืองใหญ่ ได้กลับมาให้หัวใจได้เต้นตูมตามอีกครั้ง กลิ่นใบไม้ ใบหญ้า กลิ่นดินจากความสดชื่นของป่าใหญ่อันดับต้นๆ ของเมืองไทยช่วยดีท็อกซ์ความเหนื่อยล้าให้หายเป็นปลิดทิ้งเลยทีเดียว ลังจากรถไฟทิ้งสถานีมุ่งหน้าเดินทางต่อไป ความคึกครื้นของนักท่องเที่ยวทั้งไทย และต่างชาติก็เริ่มกลับมา เราเดินมุ่งหน้าไปที่ ถ้ำกระแซ ค่ะ ซึ่งถ้ำนี้เคยเป็น ที่พักของเชลยศึก เมื่อครั้งสร้างเส้นทางรถไฟสายมรณะจากไทยไปพม่า และภายในถ้ำยังมี พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ ประดิษฐานอยู่ด้วย ความรู้สึกขนลุกอย่างบอกไม่ถูกเมื่อได้ไปเหยียบสถานที่ที่ครั้งหนึ่งเคยอยู่ในหน้าประวัติศาสตร์โลก หลังจากเดินชมถ้ำกระแซเรียบร้อย ขอไปถ่ายรูปสวยๆ ที่รางรถไฟดูบ้าง ตรงจุดนี้คือจุดที่เรียกว่า ทางรถไฟสายมรณะ ค่ะ ถือว่าเป็นจุดที่สวยที่สุด และอันตรายที่สุดของเส้นทางรถไฟ ด้วยความสูงมากๆ และติดเลียบหน้าผาทำให้เสียวสันหลังเล็กๆ มองลงไปด้านล่างทำเอาเข่าเกือบทรุด เพราะเป็นแม่น้ำแควที่ไหลเอื่อยๆ อย่างสงบ แต่ก็ต้องใจกล้าค่ะ เพราะอยากได้ภาพสวยๆ กลับมาเป็นที่ระลึกอีกด้วย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 50 มุมมอง 0 รีวิว
  • การตัดสินใจของวอชิงตันที่ไฟเขียวให้เคียฟใช้ขีปนาวุธพิสัยไกลของสหรัฐฯ โจมตีลึกเข้าไปในดินแดนรัสเซีย คือการทำให้ความขัดแย้งในยูเครนลุกลามและอาจนำไปสู่สงครามโลกครั้งที่ 3 จากคำเตือนของบรรดาสมาชิกสภาผู้แทนราษฏรของมอสโก
    .
    เจ้าหน้าที่สหรัฐฯและแหล่งข่าวใกล้ชิดกับการตัดสินใจ เปิดเผยก่อนหน้านี้ในวันอาทิตย์(17พ.ย.) ว่าวอชิงตันได้กลับลำนโยบายครั้งสำคัญเกี่ยวกับความขัดแย้งระหว่างยูเครนและรัสเซีย ด้วยการ อนุญาตให้ยูเครนใช้อาวุธที่สหรัฐฯจัดหาให้ โจมตีลึกเข้าไปในดินแดนรัสเซีย
    .
    "การตัดสินใจของตะวันตก เกี่ยวกับระดับสถานการณ์ที่ลุกลามบานปลายดังกล่าว อาจจบลงด้วยการที่ความเป็นรัฐของยูเครนกลายสภาพเป็นเศษซากหักพังโดยสิ้นเชิงในยามเช้า" อันเดร คลิสชาส สมาชิกอาวุโสของสภาสหพันธรัฐหรือสภาบนของรัสเซีย ระบุผ่านเทเลแกรม
    .
    ส่วน วลาดิมีร์ ซาบารอฟ รองประธานคนที่ 1 ของคณะกรรมาธิการกิจการต่างประเทศของสภาบนรัสเซีย บอกว่ามอสโกจะตอบโต้ในทันที "มันเป็นก้าวย่างที่ใหญ่มากๆในการมุ่งหน้าสู่การเริ่มสงครามโลกครั้งที่ 3" ซาบารอฟ ให้สัมภาษณ์กับทาสส์นิวส์
    .
    ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน กล่าวในเดือนกันยายน ว่าตะวันตกจะเท่ากับสู้รบกับรัสเซียโดยตรง หากว่าอนุญาตให้ยูเครนใช้ขีปนาวุธพิสัยไกลที่ตะวันตกจัดหาให้ โจมตีลึกเข้าไปในดินแดนของรัสเซีย ความเคลื่อนไหวที่เขาบอกว่าจะเปลี่ยนแปลงลักษณะและขอบเขตความขัดแย้ง
    .
    รัสเซียจะถูกบีบให้ดำเนินการในสิ่งที่ปูตินเรียกว่า "การตัดสินใจต่างๆอย่างเหมาะสม" บนพื้นฐานของภัยคุกคามใหม่นี้
    .
    ลีโอนิด สลัตสกี ประธานคณะกรรมาธิการกิจการต่างประเทศของสภาดูมา สภาล่างของรัสเซีย กล่าวว่าการที่สหรัฐฯอนุญาตให้ยูเครนโจมตีรัสเซียด้วยขีปนาวุธยุทธวิธี ATACMS ของอมเริกา จะนำมาซึ่งการตอบโต้อย่างหนักหน่วงที่สุด จากการเปิดเผยของสื่อมวลชนรัสเซียหลายสำนัก
    .
    "การโจมตีด้วยขีปนาวุธของสหรัฐฯลึกเข้าสู่ภูมิภาคต่างๆของรัสเซีย จะทำให้สถานการณ์ลุกลามบานปลายอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งเสี่ยงนำมาซึ่งผลสนองที่รุนแรงหนักหน่วงกว่าหลายเท่า" สลัตสกีกล่าวกับทาสส์นิวส์
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000110699
    ..............
    Sondhi X
    การตัดสินใจของวอชิงตันที่ไฟเขียวให้เคียฟใช้ขีปนาวุธพิสัยไกลของสหรัฐฯ โจมตีลึกเข้าไปในดินแดนรัสเซีย คือการทำให้ความขัดแย้งในยูเครนลุกลามและอาจนำไปสู่สงครามโลกครั้งที่ 3 จากคำเตือนของบรรดาสมาชิกสภาผู้แทนราษฏรของมอสโก . เจ้าหน้าที่สหรัฐฯและแหล่งข่าวใกล้ชิดกับการตัดสินใจ เปิดเผยก่อนหน้านี้ในวันอาทิตย์(17พ.ย.) ว่าวอชิงตันได้กลับลำนโยบายครั้งสำคัญเกี่ยวกับความขัดแย้งระหว่างยูเครนและรัสเซีย ด้วยการ อนุญาตให้ยูเครนใช้อาวุธที่สหรัฐฯจัดหาให้ โจมตีลึกเข้าไปในดินแดนรัสเซีย . "การตัดสินใจของตะวันตก เกี่ยวกับระดับสถานการณ์ที่ลุกลามบานปลายดังกล่าว อาจจบลงด้วยการที่ความเป็นรัฐของยูเครนกลายสภาพเป็นเศษซากหักพังโดยสิ้นเชิงในยามเช้า" อันเดร คลิสชาส สมาชิกอาวุโสของสภาสหพันธรัฐหรือสภาบนของรัสเซีย ระบุผ่านเทเลแกรม . ส่วน วลาดิมีร์ ซาบารอฟ รองประธานคนที่ 1 ของคณะกรรมาธิการกิจการต่างประเทศของสภาบนรัสเซีย บอกว่ามอสโกจะตอบโต้ในทันที "มันเป็นก้าวย่างที่ใหญ่มากๆในการมุ่งหน้าสู่การเริ่มสงครามโลกครั้งที่ 3" ซาบารอฟ ให้สัมภาษณ์กับทาสส์นิวส์ . ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน กล่าวในเดือนกันยายน ว่าตะวันตกจะเท่ากับสู้รบกับรัสเซียโดยตรง หากว่าอนุญาตให้ยูเครนใช้ขีปนาวุธพิสัยไกลที่ตะวันตกจัดหาให้ โจมตีลึกเข้าไปในดินแดนของรัสเซีย ความเคลื่อนไหวที่เขาบอกว่าจะเปลี่ยนแปลงลักษณะและขอบเขตความขัดแย้ง . รัสเซียจะถูกบีบให้ดำเนินการในสิ่งที่ปูตินเรียกว่า "การตัดสินใจต่างๆอย่างเหมาะสม" บนพื้นฐานของภัยคุกคามใหม่นี้ . ลีโอนิด สลัตสกี ประธานคณะกรรมาธิการกิจการต่างประเทศของสภาดูมา สภาล่างของรัสเซีย กล่าวว่าการที่สหรัฐฯอนุญาตให้ยูเครนโจมตีรัสเซียด้วยขีปนาวุธยุทธวิธี ATACMS ของอมเริกา จะนำมาซึ่งการตอบโต้อย่างหนักหน่วงที่สุด จากการเปิดเผยของสื่อมวลชนรัสเซียหลายสำนัก . "การโจมตีด้วยขีปนาวุธของสหรัฐฯลึกเข้าสู่ภูมิภาคต่างๆของรัสเซีย จะทำให้สถานการณ์ลุกลามบานปลายอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งเสี่ยงนำมาซึ่งผลสนองที่รุนแรงหนักหน่วงกว่าหลายเท่า" สลัตสกีกล่าวกับทาสส์นิวส์ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000110699 .............. Sondhi X
    Like
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 356 มุมมอง 0 รีวิว
  • โดนัลด์ ทรัมป์ จูเนียร์ กล่าวว่า อุตสาหกรรมการทหารของสหรัฐฯ ต้องการเริ่มสงครามโลกครั้งที่ ๓ ก่อนที่พ่อของเขาจะขึ้นสู่อำนาจ
    .
    Donald Trump Jr. says US MIC wants to start WWIII before his father comes to power
    .
    4:26 AM · Nov 18, 2024 · 41.8K Views
    https://x.com/RT_com/status/1858260513232458132
    โดนัลด์ ทรัมป์ จูเนียร์ กล่าวว่า อุตสาหกรรมการทหารของสหรัฐฯ ต้องการเริ่มสงครามโลกครั้งที่ ๓ ก่อนที่พ่อของเขาจะขึ้นสู่อำนาจ . Donald Trump Jr. says US MIC wants to start WWIII before his father comes to power . 4:26 AM · Nov 18, 2024 · 41.8K Views https://x.com/RT_com/status/1858260513232458132
    Haha
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 59 มุมมอง 0 รีวิว
  • สหรัฐฯอนุญาตให้ยูเครนใช้ขีปนาวุธพิสัยไกลโจมตีภายในรัสเซีย

    ไบเดนกำลังพยายามก่อสงครามโลกครั้งที่ ๓ ในช่วงสุดท้ายของการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี
    .
    ⚡️JUST IN

    The US allowed Ukraine to use long-range ballistic missiles for strikes inside Russia

    Biden is trying to start WW3 in his last days as president
    .
    1:22 AM · Nov 18, 2024 · 160.8K Views
    https://x.com/IranObserver0/status/1858214123437281301
    สหรัฐฯอนุญาตให้ยูเครนใช้ขีปนาวุธพิสัยไกลโจมตีภายในรัสเซีย ไบเดนกำลังพยายามก่อสงครามโลกครั้งที่ ๓ ในช่วงสุดท้ายของการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี . ⚡️JUST IN The US allowed Ukraine to use long-range ballistic missiles for strikes inside Russia Biden is trying to start WW3 in his last days as president . 1:22 AM · Nov 18, 2024 · 160.8K Views https://x.com/IranObserver0/status/1858214123437281301
    Haha
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 63 มุมมอง 0 รีวิว
  • ยูเครนอาจเร่งพัฒนาระเบิดนิวเคลียร์ภายในไม่กี่เดือน หากสหรัฐฯภายใต้การบริหารงานของว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ถอนความช่วยเหลือทางทหาร ตามที่กล่าวอ้าง จากความเห็นของสถาบันวิจัยแห่งหนึ่ง
    .
    สถาบันวิจัย Centre for Army, Conversion and Disarmament Studies (CACDS) เตือนว่ายูเครนอาจสร้างระเบิดนิวเคลียร์ ที่มีศักยภาพทำลายล้างที่ไม่อาจพรรณาได้ จัดการรัสเซีย โดยใช้เทคโนโลยีเดียวกับที่เคยใช้ผลิตระเบิดนิวเคลียร์ ลูกที่ถูกหย่อนลงถล่มเมืองนางาซากิของญี่ปุ่น ปี 1945 ในช่วงปลายสงครามโลกครั้งที่ 2
    .
    ทางสถาบันวิจัยแห่งนี้ ระบุว่าประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน อาจหันหน้าสู่ "ทางเลือกด้านนิวเคลียร์" หาก ทรัมป์ ปฏิเสธมอบเงินทุนที่จำเป็นในการเดินหน้าป้องกันตนเองจากการรุกรานของรัสเซีย พร้อมกล่าวอ้างในเอกสารที่ตระเตรียมให้กับกระทรวงกลาโหมยูเครน ว่าเคียฟมีเทคโนโลยีที่สามารถพัฒนาระเบิดนิวเคลียร์ในขั้นพื้นฐานได้อย่างรวดเร็ว
    .
    รายงานของ CACDS สถาบันวิจัยทรงอิทธิพลของยูเครน ระบุว่าเคียฟมีศักยภาพในการสร้างระเบิดนิวเคลียร์ระดับพื้นฐานจากพลูโตเนียม โดยใช้เทคโนโลยีเดียวกับที่สหรัฐฯเคยใช้กับระเบิด Fat man ซึ่งถูกหย่อนลงถล่มเมืองนางาซากิในปี
    .
    ทั้งนี้ Fat man ระเบิดพลูโตเนียม ถูกหย่อนลงสู่เมืองนางาซากิของญี่ปุ่น ในวันที่ 9 สิงหาคม 1945 ก่อหายนะทำลายล้างที่ไม่สามารถหาคำอธิบายได้ โดยนอกเหนือจากระเบิดในนางาซากิแล้ว ระเบิดนิวเคลียร์อีกลูกที่ถูกหย่อนลงเมืองฮิโรชิมา ช่วยทำให้สงครามโลกครั้งที่ 2 ปิดฉากลง
    .
    โอเลกซี ยิซาค หนึ่งในผู้เขียนรายงาน ระบุว่าระเบิดนิวเคลียร์แบบเดียวกับที่ใช้ถล่มนางาซากิ "เพียงพอที่จะสามารถทำลายฐานทัพอากาศ ศูนย์รวมทางทหาร ที่ตั้งทางอุตสาหกรรมและที่ตั้งทางโลจิสติกส์ ทั่วทั้งรัสเซีย"
    .
    ก่อนหน้านี้พวกเจ้าหน้าที่เคยพากันปฏิเสธว่า เคียฟไม่ได้กำลังพิจารณาติดอาวุธนิวเคลียร์
    .
    เอกสารนี้ถูกเผยแพร่ออกมา ท่ามกลางรายงานข่าวว่าทหารเกาหลีเหนือกำลังเข้ารับการฝึกฝนในรัสเซีย ในความเป็นไปได้ว่าจะเข้าช่วยเหลือรัสเซียสู้รบกับยูเครน ในขณะที่ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย เตรียมส่งทหาร 50,000 นาย เข้าทวงคืนแคว้นคูร์สก์จากการรุกรานของยูเครน
    .
    เกาหลีเหนือกับรัสเซียกระชับความสัมพันธ์กันมากขึ้นนับตั้งแต่มอสโกยกทัพบุกโจมตียูเครนในเดือนกุมภาพันธ์ 2022 โดยเกาหลีเหนือเป็นประเทศที่มีทหารมากที่สุดในโลก ที่ 1.2 ล้านนาย แต่เกือบทุกคนขาดประสบการณ์ในการสู้รบจริง
    .
    ด้านยูเครนยกทัพบุกรุกเข้าไปในแคว้นคูร์สก์ของรัสเซียเมื่อเดือนสิงหาคม สร้างเซอร์ไพรส์ให้คนทั้งโลก เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของรัสเซียไปจากสมรภูมิทางตะวันออกของประเทศ ซึ่งฝ่ายยูเครนกำลังเสียเปรียบอย่างหนัก แต่พวกเขาทำไม่สำเร็จ และตอนนี้ปฏิบัติการในแคว้นคูสค์ของยูเครนก็หยุดชะงัก หลังยึดพื้นที่ขนาดเล็กได้ก่อนหน้านี้
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000109525
    ..............
    Sondhi X
    ยูเครนอาจเร่งพัฒนาระเบิดนิวเคลียร์ภายในไม่กี่เดือน หากสหรัฐฯภายใต้การบริหารงานของว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ถอนความช่วยเหลือทางทหาร ตามที่กล่าวอ้าง จากความเห็นของสถาบันวิจัยแห่งหนึ่ง . สถาบันวิจัย Centre for Army, Conversion and Disarmament Studies (CACDS) เตือนว่ายูเครนอาจสร้างระเบิดนิวเคลียร์ ที่มีศักยภาพทำลายล้างที่ไม่อาจพรรณาได้ จัดการรัสเซีย โดยใช้เทคโนโลยีเดียวกับที่เคยใช้ผลิตระเบิดนิวเคลียร์ ลูกที่ถูกหย่อนลงถล่มเมืองนางาซากิของญี่ปุ่น ปี 1945 ในช่วงปลายสงครามโลกครั้งที่ 2 . ทางสถาบันวิจัยแห่งนี้ ระบุว่าประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน อาจหันหน้าสู่ "ทางเลือกด้านนิวเคลียร์" หาก ทรัมป์ ปฏิเสธมอบเงินทุนที่จำเป็นในการเดินหน้าป้องกันตนเองจากการรุกรานของรัสเซีย พร้อมกล่าวอ้างในเอกสารที่ตระเตรียมให้กับกระทรวงกลาโหมยูเครน ว่าเคียฟมีเทคโนโลยีที่สามารถพัฒนาระเบิดนิวเคลียร์ในขั้นพื้นฐานได้อย่างรวดเร็ว . รายงานของ CACDS สถาบันวิจัยทรงอิทธิพลของยูเครน ระบุว่าเคียฟมีศักยภาพในการสร้างระเบิดนิวเคลียร์ระดับพื้นฐานจากพลูโตเนียม โดยใช้เทคโนโลยีเดียวกับที่สหรัฐฯเคยใช้กับระเบิด Fat man ซึ่งถูกหย่อนลงถล่มเมืองนางาซากิในปี . ทั้งนี้ Fat man ระเบิดพลูโตเนียม ถูกหย่อนลงสู่เมืองนางาซากิของญี่ปุ่น ในวันที่ 9 สิงหาคม 1945 ก่อหายนะทำลายล้างที่ไม่สามารถหาคำอธิบายได้ โดยนอกเหนือจากระเบิดในนางาซากิแล้ว ระเบิดนิวเคลียร์อีกลูกที่ถูกหย่อนลงเมืองฮิโรชิมา ช่วยทำให้สงครามโลกครั้งที่ 2 ปิดฉากลง . โอเลกซี ยิซาค หนึ่งในผู้เขียนรายงาน ระบุว่าระเบิดนิวเคลียร์แบบเดียวกับที่ใช้ถล่มนางาซากิ "เพียงพอที่จะสามารถทำลายฐานทัพอากาศ ศูนย์รวมทางทหาร ที่ตั้งทางอุตสาหกรรมและที่ตั้งทางโลจิสติกส์ ทั่วทั้งรัสเซีย" . ก่อนหน้านี้พวกเจ้าหน้าที่เคยพากันปฏิเสธว่า เคียฟไม่ได้กำลังพิจารณาติดอาวุธนิวเคลียร์ . เอกสารนี้ถูกเผยแพร่ออกมา ท่ามกลางรายงานข่าวว่าทหารเกาหลีเหนือกำลังเข้ารับการฝึกฝนในรัสเซีย ในความเป็นไปได้ว่าจะเข้าช่วยเหลือรัสเซียสู้รบกับยูเครน ในขณะที่ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย เตรียมส่งทหาร 50,000 นาย เข้าทวงคืนแคว้นคูร์สก์จากการรุกรานของยูเครน . เกาหลีเหนือกับรัสเซียกระชับความสัมพันธ์กันมากขึ้นนับตั้งแต่มอสโกยกทัพบุกโจมตียูเครนในเดือนกุมภาพันธ์ 2022 โดยเกาหลีเหนือเป็นประเทศที่มีทหารมากที่สุดในโลก ที่ 1.2 ล้านนาย แต่เกือบทุกคนขาดประสบการณ์ในการสู้รบจริง . ด้านยูเครนยกทัพบุกรุกเข้าไปในแคว้นคูร์สก์ของรัสเซียเมื่อเดือนสิงหาคม สร้างเซอร์ไพรส์ให้คนทั้งโลก เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของรัสเซียไปจากสมรภูมิทางตะวันออกของประเทศ ซึ่งฝ่ายยูเครนกำลังเสียเปรียบอย่างหนัก แต่พวกเขาทำไม่สำเร็จ และตอนนี้ปฏิบัติการในแคว้นคูสค์ของยูเครนก็หยุดชะงัก หลังยึดพื้นที่ขนาดเล็กได้ก่อนหน้านี้ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000109525 .............. Sondhi X
    Like
    9
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 855 มุมมอง 0 รีวิว
  • โดนัลด์ ทรัมป์ ตกรางวัล อีลอน มัสก์ แต่งตั้งคุมกระทรวงใหม่ที่รับผิดชอบการปฏิรูปรัฐบาลให้มีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งเสนอชื่อ พีท เฮกเซธ ผู้ดำเนินรายการของทีวีฟ็อกซ์ นิวส์และอดีตทหารผ่านศึก เป็นรัฐมนตรีกลาโหม ดันแผนล้างบางนายพลสายก้าวหน้าและ “ผู้ทรยศ” ในเพนตากอน
    .
    มัสก์ และ วิเวก รามาสวามี อดีตผู้สมัครเพื่อเป็นตัวแทนรีพับลิกันลงเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่ภายหลังถอนตัวและหันมาสนับสนุนทรัมป์ จะร่วมกันคุมกระทรวงใหม่ที่มีชื่อว่ากระทรวงประสิทธิภาพรัฐบาลแห่งนี้ โดยมุ่งตัดขั้นตอนระเบียบราชการตลอดจนกฎระเบียบที่ไม่จำเป็น ตลอดจนลดเลิกการใช้จ่ายที่สูญเปล่า และปรับโครงสร้างหน่วยงานของรัฐบาลกลาง
    .
    ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีคนใหม่ของอเมริกา ประกาศเมื่อวันอังคาร (12 พ.ย) ว่า หน่วยงานใหม่นี้จะทำให้ฝันของพรรครีพับลิกันเป็นจริง รวมทั้งจะเสนอคำแนะนำและแนวทางจากภายนอกรัฐบาล เป็นการส่งสัญญาณว่า บทบาทของมัสก์และรามาสวามีจะอยู่ในลักษณะไม่เป็นทางการ จึงไม่จำเป็นต้องได้รับอนุมัติจากวุฒิสภาเสียก่อน นอกจากนั้นมัสก์ยังสามารถเป็นซีอีโอเทสลา, เอ็กซ์ และสเปซเอ็กซ์ ต่อไปตามปกติ
    .
    กระทรวงใหม่นี้จะทำงานร่วมกับทำเนียบขาวและสำนักบริหารงบประมาณ เพื่อขับเคลื่อนการปรับโครงสร้างและสร้างแนวทางแบบผู้ประกอบการเพื่อทำให้เกิดรัฐบาลแบบที่ไม่เคยเห็นกันมาก่อน โดยที่ภารกิจนี้จะต้องลุล่วงภายในวันที่ 4 ก.ค. 2026 ซึ่งเป็นวันครบรอบ 250 ปีการลงนามคำประกาศอิสรภาพของอเมริกา
    .
    คาดกันว่า ความเคลื่อนไหวนี้จะส่งให้ธุรกิจของมัสก์ที่นิตยสารฟอร์บส์ยกให้เป็นบุคคลที่รวยที่สุดในโลกและได้ประโยชน์อย่างชัดเจนจากชัยชนะในการเลือกตั้งของทรัมป์ ได้รับการปฏิบัติอย่างเป็นพิเศษจากรัฐบาล รวมทั้งจะมีมูลค่าตลาดเพิ่มขึ้น รวมทั้งส่งผลดีต่อพวกธุรกิจที่เกี่ยวข้อง เช่น ปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) และคริปโต
    .
    ในการรณรงค์หาเสียงเป็นประธานาธิบดีของทรัมป์รอบนี้ มีรายงานว่ามัสก์ทุ่มเงินสนับสนุนรวมแล้วเกินหลัก 100 ล้านดอลลาร์ นอกจากนั้นเขายังตระเวนช่วยทรัมป์ปราศรัยหาเสียงอีกด้วย
    .
    สำหรับภารกิจใหม่ที่ทรัมป์อวดอ้างว่า จะมีประสิทธิภาพเทียบเท่า “แมนฮัตตันโปรเจ็กต์” ซึ่งก็คือโครงการพัฒนาระเบิดปรมาณูเมื่อครั้งสงครามโลกครั้งที่ 2 นั้น มัสก์สัญญาจะดำเนินการด้วยความโปร่งใสที่สุด โดยจะรายงานการดำเนินการทั้งหมดทางออนไลน์ พร้อมเชิญชวนประชาชนร่วมให้ข้อเสนอแนะบนแพลตฟอร์มเอ็กซ์
    .
    ระหว่างปราศรัยช่วยทรัมป์หาเสียงที่ เมดิสันสแควร์การ์เด้น นครนิวยอร์ก เมื่อเดือนที่แล้ว มัสก์ระบุว่า งบประมาณของรัฐบาลกลางควรต้องลดลงอย่างน้อย 2 ล้านล้านดอลลาร์ ขณะที่สำนักงบประมาณรัฐสภาประเมินว่า เฉพาะปีงบประมาณปัจจุบันรัฐบาลมีค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น ซึ่งรวมถึงการใช้จ่ายทางทหาร รวม 1.9 ล้านล้านดอลลาร์จากค่าใช้จ่ายทั้งหมดของรัฐบาลกลาง 6.75 ล้านล้านดอลลาร์
    .
    นอกจากนั้นชื่อย่อของกระทรวงใหม่คือ DOGE ยังพาดพิงถึงชื่อโดชคอยน์ ซึ่งเป็นคริปโตที่มัสก์สนับสนุน และราคาของมันก็ทะยานขึ้นเกินเท่าตัวนับจากวันเลือกตั้งตามกระแสการคาดหวังในตลาดคริปโตว่า คณะบริหารของทรัมป์จะผ่อนคลายกฎระเบียบในอุตสาหกรรมนี้
    .
    สำหรับรามาสวามี เป็นผู้ก่อตั้งบริษัทยา และปี 2021 เคยออกหนังสือ “โวค อิงก์” ติเตียนการตัดสินใจของบริษัทใหญ่บางแห่งที่กำหนดกลยุทธ์ธุรกิจโดยอิงกับข้อกังวลเกี่ยวกับความยุติธรรมทางสังคมและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
    .
    นอกจากมัสก์และรามาสวามีแล้ว เมื่อคืนวันอังคารทรัมป์ยังเสนอชื่อ พีท เฮกเซธ ผู้ดำเนินรายการของ ฟ็อกซ์ นิวส์ เครือข่ายทีวีอนุรักษ์นิยมสุดขั้ว เป็นรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหม (เพนตากอน) , จอห์น แรตคลิฟฟ์ อดีตผู้อำนวยการหน่วยข่าวกรองแห่งชาติในรัฐบาลทรัมป์ 1.0 เป็นผู้อำนวยการสำนักงานข่าวกรองกลาง (ซีไอเอ), คริสตี โนเอ็ม ผู้ว่าการรัฐเซาธ์ดาโกตา เป็นรัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ, สตีเฟน มิลเลอร์ ผู้เขียนนโยบายผู้อพยพที่มุ่งแบนมุสลิมของทรัมป์ เป็นรองประธานเจ้าหน้าที่ทำงานทำเนียบขาว และไมค์ ฮักคาบี อดีตผู้ว่าการรัฐอาร์คันซอส์ เป็นเอกอัครราชทูตประจำอิสราเอล
    .
    อย่างไรก็ตาม เฮกเซธ ดูจะเป็นตัวเลือกที่เซอร์ไพรส์ที่สุดในบรรดาสมาชิกคณะบริหารที่ทรัมป์ประกาศออกมาจนถึงขณะนี้ รวมทั้งยังเรียกเสียงประณามจากฝ่ายตรงข้ามบางคน เช่น อดัม สมิธ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากเดโมแครต ที่วิจารณ์ว่า ตำแหน่งรัฐมนตรีกลาโหมไม่ใช่งานสำหรับพวกมือใหม่
    .
    ทว่า ทรัมป์ยกย่องเฮกเซธ วัย 44 ปี อดีตทหารผ่านศึกสังกัดกองทหารรักษาดินแดน (เนชั่นแนลการ์ด) ที่เคยไปประจำการในอัฟกานิสถาน อิรัก และกวนตานาโม ว่า เป็นคนทรหด ฉลาด และเชื่อมั่นในนโยบายอเมริกาต้องมาก่อนอย่างแท้จริง และสำทับว่า เฮกเซธจะทำให้กองทัพอเมริกันกลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง
    .
    คาดหมายกันว่า หากได้รับการรับรองจากวุฒิสมาชิก เฮกเซธจะเป็นอาวุธชั้นดีในการกำจัดบรรดานายพลที่ทรัมป์กล่าวหาว่า ปฏิบัติตามนโยบายเชิงก้าวหน้าด้านความหลากหลายในกองทัพ เป็นต้นว่า การยอมรับชาวเกย์ ซึ่งเป็นสิ่งที่พวกอนุรักษนิยมคัดค้าน รวมทั้งยังอาจปะทะกับพลอากาศเอกซี.คิว. บราวน์ ประธานคณะเสนาธิการร่วมของสหรัฐฯคนปัจจุบัน ที่เฮกเซธกล่าวหาว่า รับนโยบายมาจากนักการเมืองฝ่ายซ้าย
    .
    ทั้งนี้ ภายในเพนตากอนกำลังกังวลว่า ทรัมป์ต้องการขุดรากถอนโคนนายทหารและข้าราชการพลเรือนที่เขามองว่าทรยศต่อตัวเขา โดยเมื่อเดือนมิถุนายน เขาให้สัมภาษณ์ฟ็อกซ์นิวส์ว่า จะไล่นายพลที่ “ตื่นรู้” ซึ่งหมายถึงผู้ที่พุ่งความสนใจที่ความยุติธรรมด้านเชื้อชาติและสังคม ทว่า คำนี้ถูกพวกอนุรักษนิยมนำมาใช้เพื่อใส่ร้ายนโยบายเชิงก้าวหน้า
    .
    นอกจากนั้นเฮกเซธยังโจมตีชาติพันธมิตรในองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต) ว่าอ่อนแอ รวมทั้งชี้ว่า จีนกำลังจะครอบงำประเทศเพื่อนบ้านในเอเชีย
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000109487
    ..............
    Sondhi X
    โดนัลด์ ทรัมป์ ตกรางวัล อีลอน มัสก์ แต่งตั้งคุมกระทรวงใหม่ที่รับผิดชอบการปฏิรูปรัฐบาลให้มีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งเสนอชื่อ พีท เฮกเซธ ผู้ดำเนินรายการของทีวีฟ็อกซ์ นิวส์และอดีตทหารผ่านศึก เป็นรัฐมนตรีกลาโหม ดันแผนล้างบางนายพลสายก้าวหน้าและ “ผู้ทรยศ” ในเพนตากอน . มัสก์ และ วิเวก รามาสวามี อดีตผู้สมัครเพื่อเป็นตัวแทนรีพับลิกันลงเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่ภายหลังถอนตัวและหันมาสนับสนุนทรัมป์ จะร่วมกันคุมกระทรวงใหม่ที่มีชื่อว่ากระทรวงประสิทธิภาพรัฐบาลแห่งนี้ โดยมุ่งตัดขั้นตอนระเบียบราชการตลอดจนกฎระเบียบที่ไม่จำเป็น ตลอดจนลดเลิกการใช้จ่ายที่สูญเปล่า และปรับโครงสร้างหน่วยงานของรัฐบาลกลาง . ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีคนใหม่ของอเมริกา ประกาศเมื่อวันอังคาร (12 พ.ย) ว่า หน่วยงานใหม่นี้จะทำให้ฝันของพรรครีพับลิกันเป็นจริง รวมทั้งจะเสนอคำแนะนำและแนวทางจากภายนอกรัฐบาล เป็นการส่งสัญญาณว่า บทบาทของมัสก์และรามาสวามีจะอยู่ในลักษณะไม่เป็นทางการ จึงไม่จำเป็นต้องได้รับอนุมัติจากวุฒิสภาเสียก่อน นอกจากนั้นมัสก์ยังสามารถเป็นซีอีโอเทสลา, เอ็กซ์ และสเปซเอ็กซ์ ต่อไปตามปกติ . กระทรวงใหม่นี้จะทำงานร่วมกับทำเนียบขาวและสำนักบริหารงบประมาณ เพื่อขับเคลื่อนการปรับโครงสร้างและสร้างแนวทางแบบผู้ประกอบการเพื่อทำให้เกิดรัฐบาลแบบที่ไม่เคยเห็นกันมาก่อน โดยที่ภารกิจนี้จะต้องลุล่วงภายในวันที่ 4 ก.ค. 2026 ซึ่งเป็นวันครบรอบ 250 ปีการลงนามคำประกาศอิสรภาพของอเมริกา . คาดกันว่า ความเคลื่อนไหวนี้จะส่งให้ธุรกิจของมัสก์ที่นิตยสารฟอร์บส์ยกให้เป็นบุคคลที่รวยที่สุดในโลกและได้ประโยชน์อย่างชัดเจนจากชัยชนะในการเลือกตั้งของทรัมป์ ได้รับการปฏิบัติอย่างเป็นพิเศษจากรัฐบาล รวมทั้งจะมีมูลค่าตลาดเพิ่มขึ้น รวมทั้งส่งผลดีต่อพวกธุรกิจที่เกี่ยวข้อง เช่น ปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) และคริปโต . ในการรณรงค์หาเสียงเป็นประธานาธิบดีของทรัมป์รอบนี้ มีรายงานว่ามัสก์ทุ่มเงินสนับสนุนรวมแล้วเกินหลัก 100 ล้านดอลลาร์ นอกจากนั้นเขายังตระเวนช่วยทรัมป์ปราศรัยหาเสียงอีกด้วย . สำหรับภารกิจใหม่ที่ทรัมป์อวดอ้างว่า จะมีประสิทธิภาพเทียบเท่า “แมนฮัตตันโปรเจ็กต์” ซึ่งก็คือโครงการพัฒนาระเบิดปรมาณูเมื่อครั้งสงครามโลกครั้งที่ 2 นั้น มัสก์สัญญาจะดำเนินการด้วยความโปร่งใสที่สุด โดยจะรายงานการดำเนินการทั้งหมดทางออนไลน์ พร้อมเชิญชวนประชาชนร่วมให้ข้อเสนอแนะบนแพลตฟอร์มเอ็กซ์ . ระหว่างปราศรัยช่วยทรัมป์หาเสียงที่ เมดิสันสแควร์การ์เด้น นครนิวยอร์ก เมื่อเดือนที่แล้ว มัสก์ระบุว่า งบประมาณของรัฐบาลกลางควรต้องลดลงอย่างน้อย 2 ล้านล้านดอลลาร์ ขณะที่สำนักงบประมาณรัฐสภาประเมินว่า เฉพาะปีงบประมาณปัจจุบันรัฐบาลมีค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น ซึ่งรวมถึงการใช้จ่ายทางทหาร รวม 1.9 ล้านล้านดอลลาร์จากค่าใช้จ่ายทั้งหมดของรัฐบาลกลาง 6.75 ล้านล้านดอลลาร์ . นอกจากนั้นชื่อย่อของกระทรวงใหม่คือ DOGE ยังพาดพิงถึงชื่อโดชคอยน์ ซึ่งเป็นคริปโตที่มัสก์สนับสนุน และราคาของมันก็ทะยานขึ้นเกินเท่าตัวนับจากวันเลือกตั้งตามกระแสการคาดหวังในตลาดคริปโตว่า คณะบริหารของทรัมป์จะผ่อนคลายกฎระเบียบในอุตสาหกรรมนี้ . สำหรับรามาสวามี เป็นผู้ก่อตั้งบริษัทยา และปี 2021 เคยออกหนังสือ “โวค อิงก์” ติเตียนการตัดสินใจของบริษัทใหญ่บางแห่งที่กำหนดกลยุทธ์ธุรกิจโดยอิงกับข้อกังวลเกี่ยวกับความยุติธรรมทางสังคมและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ . นอกจากมัสก์และรามาสวามีแล้ว เมื่อคืนวันอังคารทรัมป์ยังเสนอชื่อ พีท เฮกเซธ ผู้ดำเนินรายการของ ฟ็อกซ์ นิวส์ เครือข่ายทีวีอนุรักษ์นิยมสุดขั้ว เป็นรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหม (เพนตากอน) , จอห์น แรตคลิฟฟ์ อดีตผู้อำนวยการหน่วยข่าวกรองแห่งชาติในรัฐบาลทรัมป์ 1.0 เป็นผู้อำนวยการสำนักงานข่าวกรองกลาง (ซีไอเอ), คริสตี โนเอ็ม ผู้ว่าการรัฐเซาธ์ดาโกตา เป็นรัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ, สตีเฟน มิลเลอร์ ผู้เขียนนโยบายผู้อพยพที่มุ่งแบนมุสลิมของทรัมป์ เป็นรองประธานเจ้าหน้าที่ทำงานทำเนียบขาว และไมค์ ฮักคาบี อดีตผู้ว่าการรัฐอาร์คันซอส์ เป็นเอกอัครราชทูตประจำอิสราเอล . อย่างไรก็ตาม เฮกเซธ ดูจะเป็นตัวเลือกที่เซอร์ไพรส์ที่สุดในบรรดาสมาชิกคณะบริหารที่ทรัมป์ประกาศออกมาจนถึงขณะนี้ รวมทั้งยังเรียกเสียงประณามจากฝ่ายตรงข้ามบางคน เช่น อดัม สมิธ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากเดโมแครต ที่วิจารณ์ว่า ตำแหน่งรัฐมนตรีกลาโหมไม่ใช่งานสำหรับพวกมือใหม่ . ทว่า ทรัมป์ยกย่องเฮกเซธ วัย 44 ปี อดีตทหารผ่านศึกสังกัดกองทหารรักษาดินแดน (เนชั่นแนลการ์ด) ที่เคยไปประจำการในอัฟกานิสถาน อิรัก และกวนตานาโม ว่า เป็นคนทรหด ฉลาด และเชื่อมั่นในนโยบายอเมริกาต้องมาก่อนอย่างแท้จริง และสำทับว่า เฮกเซธจะทำให้กองทัพอเมริกันกลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง . คาดหมายกันว่า หากได้รับการรับรองจากวุฒิสมาชิก เฮกเซธจะเป็นอาวุธชั้นดีในการกำจัดบรรดานายพลที่ทรัมป์กล่าวหาว่า ปฏิบัติตามนโยบายเชิงก้าวหน้าด้านความหลากหลายในกองทัพ เป็นต้นว่า การยอมรับชาวเกย์ ซึ่งเป็นสิ่งที่พวกอนุรักษนิยมคัดค้าน รวมทั้งยังอาจปะทะกับพลอากาศเอกซี.คิว. บราวน์ ประธานคณะเสนาธิการร่วมของสหรัฐฯคนปัจจุบัน ที่เฮกเซธกล่าวหาว่า รับนโยบายมาจากนักการเมืองฝ่ายซ้าย . ทั้งนี้ ภายในเพนตากอนกำลังกังวลว่า ทรัมป์ต้องการขุดรากถอนโคนนายทหารและข้าราชการพลเรือนที่เขามองว่าทรยศต่อตัวเขา โดยเมื่อเดือนมิถุนายน เขาให้สัมภาษณ์ฟ็อกซ์นิวส์ว่า จะไล่นายพลที่ “ตื่นรู้” ซึ่งหมายถึงผู้ที่พุ่งความสนใจที่ความยุติธรรมด้านเชื้อชาติและสังคม ทว่า คำนี้ถูกพวกอนุรักษนิยมนำมาใช้เพื่อใส่ร้ายนโยบายเชิงก้าวหน้า . นอกจากนั้นเฮกเซธยังโจมตีชาติพันธมิตรในองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต) ว่าอ่อนแอ รวมทั้งชี้ว่า จีนกำลังจะครอบงำประเทศเพื่อนบ้านในเอเชีย . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000109487 .............. Sondhi X
    Like
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 896 มุมมอง 0 รีวิว
  • ประธานาธิบดีโดนัลด์ เจ. ทรัมป์ แต่งตั้งจอห์น แรตคลิฟฟ์ อดีตผู้อำนวยการหน่วยข่าวกรองแห่งชาติ (former Director of National Intelligence) เป็นผู้อำนวยการซีไอเอ (CIA) คนใหม่

    จอห์น แรตคลิฟฟ์ (John Ratcliffe) "สายเหยี่ยวสุดโต่งผู้ต่อต้านจีนและอิหร่าน" กลายเป็นบุคคลแรกของอเมริกาที่เป็นผู้นำหน่วยข่าวกรองชั้นนำของประเทศทั้งสองแห่ง!

    จอห์น แรตคลิฟฟ์ ผู้ได้รับเลือกเป็นผู้อำนวยการซีไอเอของทรัมป์ คือคนที่กล่าวหาอิหร่านอย่างตรงไปตรงมาว่า "ก่อสงคราม" ต่อสหรัฐฯ และวางแผนลอบสังหารทรัมป์ แรตคลิฟฟ์ยังกล่าวอีกว่าควรเข้าร่วมกับอิสราเอลในการโจมตีอิหร่านให้สิ้นซาก

    เขายังกล่าวโจมตีว่าจีนเป็น "ภัยคุกคามต่อประชาธิปไตยและเสรีภาพที่ยิ่งใหญ่ที่สุด" นับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่สอง และต้องการให้ทรัมป์ใช้มาตรการที่แข็งกร้าวกับจีน โดยกำหนดภาษีสินค้าจีนในระดับสูงสุด

    นอกจากนี้ แรตคลิฟฟ์ ยังเป็นผู้สนับสนุนตัวยงให้ใช้กฎหมาย FISA หรือ Foreign Intelligence Surveillance Act ซึ่งเป็นกฎหมายที่เกี่ยวกับการเฝ้าติดตามข่าวกรองต่างประเทศ โดยไม่ต้องได้รับอนุญาตจากศาล กฎหมายฉบับนี้ถูกต่อต้านจากประชาชนชาวสหรัฐ เนื่องจากเป็นการละเมิดสิทธิพลเมืองอเมริกันจากการถูกเฝ้าติดตามโดยหน่วยงานรัฐ



    ประธานาธิบดีโดนัลด์ เจ. ทรัมป์ แต่งตั้งจอห์น แรตคลิฟฟ์ อดีตผู้อำนวยการหน่วยข่าวกรองแห่งชาติ (former Director of National Intelligence) เป็นผู้อำนวยการซีไอเอ (CIA) คนใหม่ จอห์น แรตคลิฟฟ์ (John Ratcliffe) "สายเหยี่ยวสุดโต่งผู้ต่อต้านจีนและอิหร่าน" กลายเป็นบุคคลแรกของอเมริกาที่เป็นผู้นำหน่วยข่าวกรองชั้นนำของประเทศทั้งสองแห่ง! จอห์น แรตคลิฟฟ์ ผู้ได้รับเลือกเป็นผู้อำนวยการซีไอเอของทรัมป์ คือคนที่กล่าวหาอิหร่านอย่างตรงไปตรงมาว่า "ก่อสงคราม" ต่อสหรัฐฯ และวางแผนลอบสังหารทรัมป์ แรตคลิฟฟ์ยังกล่าวอีกว่าควรเข้าร่วมกับอิสราเอลในการโจมตีอิหร่านให้สิ้นซาก เขายังกล่าวโจมตีว่าจีนเป็น "ภัยคุกคามต่อประชาธิปไตยและเสรีภาพที่ยิ่งใหญ่ที่สุด" นับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่สอง และต้องการให้ทรัมป์ใช้มาตรการที่แข็งกร้าวกับจีน โดยกำหนดภาษีสินค้าจีนในระดับสูงสุด นอกจากนี้ แรตคลิฟฟ์ ยังเป็นผู้สนับสนุนตัวยงให้ใช้กฎหมาย FISA หรือ Foreign Intelligence Surveillance Act ซึ่งเป็นกฎหมายที่เกี่ยวกับการเฝ้าติดตามข่าวกรองต่างประเทศ โดยไม่ต้องได้รับอนุญาตจากศาล กฎหมายฉบับนี้ถูกต่อต้านจากประชาชนชาวสหรัฐ เนื่องจากเป็นการละเมิดสิทธิพลเมืองอเมริกันจากการถูกเฝ้าติดตามโดยหน่วยงานรัฐ
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 146 มุมมอง 0 รีวิว
  • จีนนำเสนอเครื่องบินขับไล่ล่องหนใหม่ล่าสุด ต่อสายตาของสาธารณชนเป็นครั้งแรก ความเคลื่อนไหวซึ่งเกิดขึ้นในขณะที่จีนเร่งยกระดับความทันสมัยของกองทัพ ในการแข่งขันกับวอชิงตัน สำหรับความเหนือกว่าบนท้องฟ้า ท่ามกลางความตึงเครียดที่หนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆในภูมิภาค
    .
    เครื่องบินล่องหน J-35A ประจำการภาคพื้น ถูกเปิดตัว ณ พิธีเปิดงานนิทรรศการอวกาศและการบินระหว่างประเทศ (China International Aviation & Aerospace Exhibition) ในเมืองจูไห่ ทางภาคใต้ของจีน ผ่านการบินสาธิตทางอากาศเป็นเวลา 5 นาที
    .
    นอกจากนี้แล้วภายในงานดังกล่าว ยังมีการจัดแสดงเครื่องบินล่องหน J-35 เวอร์ชันประจำการบนเรือบรรทุกเครื่องบินเช่นกัน ตามรายงานของสื่อมวลชนแห่งรัฐ ขณะที่นิทรรศการทางอากาศที่จัดขึ้น 2 ปีครั้ง ถือเป็นการรวมตัวของอากาศยานกองทัพครั้งใหญ่ที่สุดรายการหนึ่งในเอเชีย
    .
    แม้รายละเอียดเกี่ยวกับสมรรถนะของ J-35 จะมีอย่างจำกัด แต่พวกนักวิเคราะห์บอกว่าการเปิดตัวครั้งนี้ ถือเป็นก้าวย่างที่สำคัญของจีน ในความพยายามยกระดับกองทัพให้มีความทันสมัยและท้าทายความเป็นเต้ยของสหรัฐฯในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก โดยเฉพาะอย่างยิ่งแถวๆไต้หวัน ซึ่งทางปักกิ่งกล่าวอ้างว่าเป็นส่วนหนึ่งของดินแดน
    .
    คาร์ล ชูสเตอร์ นักวิเคราะห์ทางทหารและอดีตผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการ แห่งศูนย์ข่าวกรองร่วมของกองบัญชาการแปซิฟิกแห่งกองทัพสหรัฐฯ ให้ความเห็นว่า "งานแอร์โชว์ในปีนี้ ถูกออกแบบมาเพื่อส่งสารว่า กองทัพจีนทัดเทียมกับสหรัฐฯและทั่วทั้งตะวันตก กองกำลังสหรัฐฯเคยเปรมปรีดิ์ ในความเหนือกว่าทางอากาศในทุกๆความขัดแย้งหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 แต่เวลานี้แสนนายุภาพทางอากาศที่กำลังเติบโตขึ้นของจีน กำลังท้าทายความได้เปรียบดั้งเดิมของตะวันตก"
    .
    ด้วยการเปิดตัว J-35 ทำให้จีน ก้าวขึ้นมาทัดเทียมกับสหรัฐฯ เป็นเพียง 2 ประเทศ ที่สามารรถผลิตเครื่องบินขับไล่ล่องหนได้มากกว่า 1 ซีรีย์ นอกจากนี้แล้วพวกเขายังเป็นประเทศเดียวที่กำลังเดินหน้าผลิตทั้ง 2 ซีรีย์ เนื่องจากสหรัฐฯระงับการผลิต F-22 แรปเตอร์ไปแล้ว
    .
    "จีนไล่กวดเข้ามาในแง่ของขอบเขตยุทโธปกรณ์ที่พวกเขามี อย่างน้อยๆก็ที่นำออกมาแสดง" เจมส์ ชาร์ ผู้ช่วยศาสตรจารย์และผู้เชี่ยวชาญด้านกองทัพจีน ณ สถาบันการศึกษาระหว่างประเทศ เอส ราชารัตนัม แห่งมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีนันยางของสิงคโปร์กล่าว "แต่ในแง่การไล่ตามอเมริกา พวกนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่เชื่อว่าพวกเขายังคงล้าหลังอยู่ราวๆ 10 ถึง 15 ปี" เช่นเดียวกับแง่มุมอื่นๆเกียวกับการประจำการทางทหาร อย่างเช่นการฝึกฝนและความพร้อมด้านปฏิบัติการ
    .
    J-35 ถูกพัฒนามานานกว่า 1 ทศวรรษโดยเฉินหยาง แอร์คราฟท์ คอร์ปอเรชัน หน่วยธุรกิจของอาเวียชัน อินดัสตรี คอร์ปอเรชีน ออฟ ไชนา บริษัทที่มีรัฐเป็นเจ้าของ และมันจะถูกส่งเข้าประจำการในกองทัพปักกิ่ง ร่วมกับเครื่องบินล่องหน J-2 มุ่งเน้นจากอากาศสู่อากาศ ที่เข้าประจำการมาตั้งแต่ปี 2017
    .
    ชูสเตอร์ คาดหมายว่าเครื่องบิน J-35 ล็อตแรก ที่จะเข้าร่วมในการฝึกซ้อมด้านปฏิบัติการของกองทัพอากาศจีน ในเดือนมีนาคม 2026
    .
    หนี่ เล่อเซวียง ผู้เชี่ยวชาญด้านการทหารจากมหาวิทยาลัยรัฐศาสตร์และกฎหมายเซี่ยงไฮ้ ระบุว่าด้วยศักยภาพยิงจากอากาศสู่ภาคพื้นและโจมตีทางอากาศสู่อากาศ รวมถึงความสามารถในการเทคออฟขึ้นจากเรือบรรทุกเครื่องบิน เครื่องบินซีรีย์ต่างๆของ J-35 ถูกออกแบบมาให้ทัดเทียมกับเครื่องบินล่องหน F-35 ซีรีย์ต่างๆของสหรัฐฯ อย่างไรก็ตามจนถึงตอนนี้ ปักกิ่ง ยังไม่แถลงเกี่ยวกับเวอร์ชันที่สามารถเทคออฟและลงจอดในแนวดิ่ง บางอย่างที่ F-35B สามารถทำได้
    .
    ปีเตอร์ เลย์ตัน จากสถาบันวิจัยรอยัล ยูไนเต็ด เซอร์วิส เน้นว่า J-35 กำลังเข้าประจำการตามหลัง F-35 ของสหรัฐฯเกือบ 10 ปี และมีขึ้นหลังจากวอชิงตันเริ่มดำเนินการเกี่ยวกับเครื่องบินล่องหนรุ่นใหม่ไปแล้ว อย่างไรก็ตามเขามองว่าด้วยความสามารถในการผลิตที่เหนือกว่าของจีน จึงหมายความว่า F-35 อาจสร้างได้ง่ายกว่าและมีราคาถูกกว่า เมื่อเทียบกับสหรัฐฯที่ใช้ต้นทุนค่อนข้างสูง ทำให้ J-35 มีความได้เปรียบในแง่ของการส่งออกไปยังตลาดต่างๆ
    .
    เครื่องบินที่นำมาจัดแสดงภายในนิทรรศการอวกาศและการบินระหว่างประเทศในปีนี้ ยังรวมไปถึงซูคอย ซู-27 ของรัสเซีย บ่งชี้ถึงสัญญาณความสัมพันธ์ที่ครอบคลุมมากขึ้นและแน่นแฟ้นมากขึ้นระหว่างปักกิ่งกับมอสโก จากความเห็นของ คอลลิน โก๊ะ นักวิจัยอีกคนของสถาบันการศึกษาระหว่างประเทศ เอส ราชารัตนัม
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000109079
    ..............
    Sondhi X
    จีนนำเสนอเครื่องบินขับไล่ล่องหนใหม่ล่าสุด ต่อสายตาของสาธารณชนเป็นครั้งแรก ความเคลื่อนไหวซึ่งเกิดขึ้นในขณะที่จีนเร่งยกระดับความทันสมัยของกองทัพ ในการแข่งขันกับวอชิงตัน สำหรับความเหนือกว่าบนท้องฟ้า ท่ามกลางความตึงเครียดที่หนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆในภูมิภาค . เครื่องบินล่องหน J-35A ประจำการภาคพื้น ถูกเปิดตัว ณ พิธีเปิดงานนิทรรศการอวกาศและการบินระหว่างประเทศ (China International Aviation & Aerospace Exhibition) ในเมืองจูไห่ ทางภาคใต้ของจีน ผ่านการบินสาธิตทางอากาศเป็นเวลา 5 นาที . นอกจากนี้แล้วภายในงานดังกล่าว ยังมีการจัดแสดงเครื่องบินล่องหน J-35 เวอร์ชันประจำการบนเรือบรรทุกเครื่องบินเช่นกัน ตามรายงานของสื่อมวลชนแห่งรัฐ ขณะที่นิทรรศการทางอากาศที่จัดขึ้น 2 ปีครั้ง ถือเป็นการรวมตัวของอากาศยานกองทัพครั้งใหญ่ที่สุดรายการหนึ่งในเอเชีย . แม้รายละเอียดเกี่ยวกับสมรรถนะของ J-35 จะมีอย่างจำกัด แต่พวกนักวิเคราะห์บอกว่าการเปิดตัวครั้งนี้ ถือเป็นก้าวย่างที่สำคัญของจีน ในความพยายามยกระดับกองทัพให้มีความทันสมัยและท้าทายความเป็นเต้ยของสหรัฐฯในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก โดยเฉพาะอย่างยิ่งแถวๆไต้หวัน ซึ่งทางปักกิ่งกล่าวอ้างว่าเป็นส่วนหนึ่งของดินแดน . คาร์ล ชูสเตอร์ นักวิเคราะห์ทางทหารและอดีตผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการ แห่งศูนย์ข่าวกรองร่วมของกองบัญชาการแปซิฟิกแห่งกองทัพสหรัฐฯ ให้ความเห็นว่า "งานแอร์โชว์ในปีนี้ ถูกออกแบบมาเพื่อส่งสารว่า กองทัพจีนทัดเทียมกับสหรัฐฯและทั่วทั้งตะวันตก กองกำลังสหรัฐฯเคยเปรมปรีดิ์ ในความเหนือกว่าทางอากาศในทุกๆความขัดแย้งหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 แต่เวลานี้แสนนายุภาพทางอากาศที่กำลังเติบโตขึ้นของจีน กำลังท้าทายความได้เปรียบดั้งเดิมของตะวันตก" . ด้วยการเปิดตัว J-35 ทำให้จีน ก้าวขึ้นมาทัดเทียมกับสหรัฐฯ เป็นเพียง 2 ประเทศ ที่สามารรถผลิตเครื่องบินขับไล่ล่องหนได้มากกว่า 1 ซีรีย์ นอกจากนี้แล้วพวกเขายังเป็นประเทศเดียวที่กำลังเดินหน้าผลิตทั้ง 2 ซีรีย์ เนื่องจากสหรัฐฯระงับการผลิต F-22 แรปเตอร์ไปแล้ว . "จีนไล่กวดเข้ามาในแง่ของขอบเขตยุทโธปกรณ์ที่พวกเขามี อย่างน้อยๆก็ที่นำออกมาแสดง" เจมส์ ชาร์ ผู้ช่วยศาสตรจารย์และผู้เชี่ยวชาญด้านกองทัพจีน ณ สถาบันการศึกษาระหว่างประเทศ เอส ราชารัตนัม แห่งมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีนันยางของสิงคโปร์กล่าว "แต่ในแง่การไล่ตามอเมริกา พวกนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่เชื่อว่าพวกเขายังคงล้าหลังอยู่ราวๆ 10 ถึง 15 ปี" เช่นเดียวกับแง่มุมอื่นๆเกียวกับการประจำการทางทหาร อย่างเช่นการฝึกฝนและความพร้อมด้านปฏิบัติการ . J-35 ถูกพัฒนามานานกว่า 1 ทศวรรษโดยเฉินหยาง แอร์คราฟท์ คอร์ปอเรชัน หน่วยธุรกิจของอาเวียชัน อินดัสตรี คอร์ปอเรชีน ออฟ ไชนา บริษัทที่มีรัฐเป็นเจ้าของ และมันจะถูกส่งเข้าประจำการในกองทัพปักกิ่ง ร่วมกับเครื่องบินล่องหน J-2 มุ่งเน้นจากอากาศสู่อากาศ ที่เข้าประจำการมาตั้งแต่ปี 2017 . ชูสเตอร์ คาดหมายว่าเครื่องบิน J-35 ล็อตแรก ที่จะเข้าร่วมในการฝึกซ้อมด้านปฏิบัติการของกองทัพอากาศจีน ในเดือนมีนาคม 2026 . หนี่ เล่อเซวียง ผู้เชี่ยวชาญด้านการทหารจากมหาวิทยาลัยรัฐศาสตร์และกฎหมายเซี่ยงไฮ้ ระบุว่าด้วยศักยภาพยิงจากอากาศสู่ภาคพื้นและโจมตีทางอากาศสู่อากาศ รวมถึงความสามารถในการเทคออฟขึ้นจากเรือบรรทุกเครื่องบิน เครื่องบินซีรีย์ต่างๆของ J-35 ถูกออกแบบมาให้ทัดเทียมกับเครื่องบินล่องหน F-35 ซีรีย์ต่างๆของสหรัฐฯ อย่างไรก็ตามจนถึงตอนนี้ ปักกิ่ง ยังไม่แถลงเกี่ยวกับเวอร์ชันที่สามารถเทคออฟและลงจอดในแนวดิ่ง บางอย่างที่ F-35B สามารถทำได้ . ปีเตอร์ เลย์ตัน จากสถาบันวิจัยรอยัล ยูไนเต็ด เซอร์วิส เน้นว่า J-35 กำลังเข้าประจำการตามหลัง F-35 ของสหรัฐฯเกือบ 10 ปี และมีขึ้นหลังจากวอชิงตันเริ่มดำเนินการเกี่ยวกับเครื่องบินล่องหนรุ่นใหม่ไปแล้ว อย่างไรก็ตามเขามองว่าด้วยความสามารถในการผลิตที่เหนือกว่าของจีน จึงหมายความว่า F-35 อาจสร้างได้ง่ายกว่าและมีราคาถูกกว่า เมื่อเทียบกับสหรัฐฯที่ใช้ต้นทุนค่อนข้างสูง ทำให้ J-35 มีความได้เปรียบในแง่ของการส่งออกไปยังตลาดต่างๆ . เครื่องบินที่นำมาจัดแสดงภายในนิทรรศการอวกาศและการบินระหว่างประเทศในปีนี้ ยังรวมไปถึงซูคอย ซู-27 ของรัสเซีย บ่งชี้ถึงสัญญาณความสัมพันธ์ที่ครอบคลุมมากขึ้นและแน่นแฟ้นมากขึ้นระหว่างปักกิ่งกับมอสโก จากความเห็นของ คอลลิน โก๊ะ นักวิจัยอีกคนของสถาบันการศึกษาระหว่างประเทศ เอส ราชารัตนัม . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000109079 .............. Sondhi X
    Like
    Love
    Yay
    20
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 973 มุมมอง 0 รีวิว
  • ..เรา ประเทศไทยเราล่ะ,เราจะซ่อมแซมประเทศไทยเราจริงจังแบบไหน&กันเสียที.

    ..พรรคเดโมแครต ถ้าคุณสงสัยว่าทำไมอเมริกาถึงเลือกทรัมป์ ฉันขออธิบายให้ฟัง:

    ความจริงก็คือ ชาวอเมริกันเบื่อหน่ายกับเรื่องบ้าๆ ของคุณแล้ว

    คุณทำลายชาติและวัฒนธรรมของเรา คุณล้อเลียน ดูถูก และเลือกปฏิบัติต่อเราอย่างเปิดเผย จากนั้นก็เรียกเราว่าพวกเหยียดผิว เหยียดเพศ และพวกนาซี เมื่อเราเริ่มสังเกตเห็น

    คุณทำให้สถาบันอันยิ่งใหญ่ของเราเสื่อมเสียชื่อเสียงและเสื่อมทราม รวมถึงสื่อ โซเชียลมีเดีย เทคโนโลยี สถาบันการศึกษา หน่วยข่าวกรอง สุขภาพ ยา ฮอลลีวูด ความบันเทิง กีฬา ทุกอย่าง! คุณใช้ทุกแง่มุมของชีวิตชาวอเมริกันเป็นอาวุธ และใช้มันเพื่อผลักดันวาระฝ่ายซ้ายสุดโต่งของคุณให้พวกเราต้องทนทุกข์ทรมาน

    คุณบอกเราว่าทรัมป์เป็นทรัพยากรของรัสเซียที่กำลังจะก่อสงครามโลกครั้งที่ 3 และจะเลวร้ายยิ่งกว่าฮิตเลอร์ จากนั้นคุณก็ใช้สิ่งนั้นเป็นข้ออ้างในการแสดงความเกลียดชังต่อผู้สนับสนุนทรัมป์และก่อจลาจลบนท้องถนน คุณใช้สิ่งนั้นเป็นข้ออ้างในการขัดขวางและทำลายวาระแรกของทรัมป์ และกลายเป็นว่ามันเป็นเรื่องโกหกทั้งหมด
    จากนั้นในช่วงโควิด คุณเรียกร้องให้เราทุกคนถูกบังคับให้ทำการทดลองทางการแพทย์โดยไม่ทดลอง คุณต้องการให้ผู้ที่ไม่เห็นด้วยถูกขังไว้ในคุก คุณต้องการให้เด็กๆ ถูกพรากไปจากพ่อแม่ที่ต่อต้านวัคซีน คุณต้องการให้พวกต่อต้านวัคซีนอยู่ในค่าย คุณเชียร์ให้พวกเราต้องตาย จากนั้นก็กลายเป็นว่าคุณคิดผิดเกี่ยวกับทุกอย่าง ตั้งแต่แหล่งกำเนิดที่มนุษย์สร้างขึ้น ไปจนถึงหน้ากาก วัคซีน การเว้นระยะห่างทางสังคม ไอเวอร์เมกติน HCQ ภูมิคุ้มกันตามธรรมชาติ และทุกสิ่งทุกอย่าง

    จากนั้นในช่วงยูเครน คุณบอกเราว่ายูเครนเป็นปราการของประชาธิปไตย และพวกเขาต้องการเงินภาษีของเราทั้งหมดอย่างมาก จากนั้นก็กลายเป็นว่ายูเครนเป็นหนึ่งในประเทศที่ทุจริตมากที่สุดในโลก โดยมีกองกำลังทหารนาซีตามตัวอักษร และที่จริงแล้วเป็นเพียงปฏิบัติการฟอกเงินเพื่อขโมยเงินจากผู้เสียภาษีชาวอเมริกัน คุณต้องการปกป้องพรมแดนของยูเครนมากกว่าของเราเอง คุณส่งเงินหลายแสนล้านดอลลาร์ไปยังอีกฟากของโลก ในขณะที่ชาวอเมริกันต้องทนทุกข์ ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนขึ้นอยู่กับคำโกหก

    นอกจากนี้ยังมีเรื่องของ Epstein, Diddy และการค้ามนุษย์อีกด้วย พวกคุณทุกคนบอกเราอย่างรุนแรงว่าการค้ามนุษย์เป็นเพียงเรื่องหลอกลวง พวกคุณบอกเราว่าชายแดนปลอดภัย และพวกคุณบอกเราว่าใครก็ตามที่ตั้งคำถามถึงเรื่องนี้คือพวกนักทฤษฎีสมคบคิดที่ไถ่ถอนไม่ได้และน่ารังเกียจ (และเป็นขยะ) พวกคุณบอกว่าใครก็ตามที่ดูรายการ "Sound of Freedom" ล้วนเป็นพวกหัวรุนแรง QAnon และเป็นภัยคุกคามต่อประชาธิปไตย จากนั้นมันก็กลายเป็นเรื่องจริง และชนชั้นสูงก็มีส่วนร่วมในอาชญากรรมที่เลวร้ายต่อเด็กๆ จริงๆ หลังจากที่คุณบอกเรามาหลายสิบปีว่าเรื่องนี้ไม่เป็นความจริง พวกคุณปกปิดอาชญากรรมที่เลวร้ายที่สุดที่จินตนาการได้ เพื่อผลประโยชน์ทางการเมือง

    ฉันทำแบบนี้ได้เป็นวันๆ แต่ฉันคิดว่าคุณคงเข้าใจประเด็นแล้ว ชาวอเมริกันตื่นตัวต่อกลลวงและความชั่วร้ายที่เกิดขึ้นรอบตัวเรา และเราจะไม่ทนอีกต่อไป ดังนั้นเราจึงจ้างโดนัลด์ เจ. ทรัมป์และทีมผู้รักชาติของเขาเพื่อแก้ไขสถานการณ์ และนำอเมริกากลับคืนสู่ความยิ่งใหญ่อีกครั้ง

    นี่คือความเป็นจริงของสถานการณ์ คุณเป็นคนเลว และคุณถูกหลอก ยิ่งคุณตื่นรู้เร็วเท่าไหร่ คุณก็จะยิ่งสามารถเข้าร่วมกับเราในการซ่อมแซมประเทศนี้ได้เร็วขึ้นเท่านั้น หรือคุณสามารถเลือกที่จะปฏิเสธความจริง และใช้ชีวิตที่เหลือของคุณไปกับความเกลียดชังที่ขึ้นอยู่กับคำโกหก

    ทางเลือกเป็นของคุณ

    ลงชื่อ: ผู้รักชาติอเมริกันที่แท้จริง

    @realDonaldTrump ขอบคุณสำหรับความกล้าหาญและการยืนหยัดเพื่ออเมริกาและมวลมนุษยชาติ ขอพระเจ้าอวยพรอเมริกา 🙏🏼🇺🇸ฟ
    ..เรา ประเทศไทยเราล่ะ,เราจะซ่อมแซมประเทศไทยเราจริงจังแบบไหน&กันเสียที. ..พรรคเดโมแครต ถ้าคุณสงสัยว่าทำไมอเมริกาถึงเลือกทรัมป์ ฉันขออธิบายให้ฟัง: ความจริงก็คือ ชาวอเมริกันเบื่อหน่ายกับเรื่องบ้าๆ ของคุณแล้ว คุณทำลายชาติและวัฒนธรรมของเรา คุณล้อเลียน ดูถูก และเลือกปฏิบัติต่อเราอย่างเปิดเผย จากนั้นก็เรียกเราว่าพวกเหยียดผิว เหยียดเพศ และพวกนาซี เมื่อเราเริ่มสังเกตเห็น คุณทำให้สถาบันอันยิ่งใหญ่ของเราเสื่อมเสียชื่อเสียงและเสื่อมทราม รวมถึงสื่อ โซเชียลมีเดีย เทคโนโลยี สถาบันการศึกษา หน่วยข่าวกรอง สุขภาพ ยา ฮอลลีวูด ความบันเทิง กีฬา ทุกอย่าง! คุณใช้ทุกแง่มุมของชีวิตชาวอเมริกันเป็นอาวุธ และใช้มันเพื่อผลักดันวาระฝ่ายซ้ายสุดโต่งของคุณให้พวกเราต้องทนทุกข์ทรมาน คุณบอกเราว่าทรัมป์เป็นทรัพยากรของรัสเซียที่กำลังจะก่อสงครามโลกครั้งที่ 3 และจะเลวร้ายยิ่งกว่าฮิตเลอร์ จากนั้นคุณก็ใช้สิ่งนั้นเป็นข้ออ้างในการแสดงความเกลียดชังต่อผู้สนับสนุนทรัมป์และก่อจลาจลบนท้องถนน คุณใช้สิ่งนั้นเป็นข้ออ้างในการขัดขวางและทำลายวาระแรกของทรัมป์ และกลายเป็นว่ามันเป็นเรื่องโกหกทั้งหมด จากนั้นในช่วงโควิด คุณเรียกร้องให้เราทุกคนถูกบังคับให้ทำการทดลองทางการแพทย์โดยไม่ทดลอง คุณต้องการให้ผู้ที่ไม่เห็นด้วยถูกขังไว้ในคุก คุณต้องการให้เด็กๆ ถูกพรากไปจากพ่อแม่ที่ต่อต้านวัคซีน คุณต้องการให้พวกต่อต้านวัคซีนอยู่ในค่าย คุณเชียร์ให้พวกเราต้องตาย จากนั้นก็กลายเป็นว่าคุณคิดผิดเกี่ยวกับทุกอย่าง ตั้งแต่แหล่งกำเนิดที่มนุษย์สร้างขึ้น ไปจนถึงหน้ากาก วัคซีน การเว้นระยะห่างทางสังคม ไอเวอร์เมกติน HCQ ภูมิคุ้มกันตามธรรมชาติ และทุกสิ่งทุกอย่าง จากนั้นในช่วงยูเครน คุณบอกเราว่ายูเครนเป็นปราการของประชาธิปไตย และพวกเขาต้องการเงินภาษีของเราทั้งหมดอย่างมาก จากนั้นก็กลายเป็นว่ายูเครนเป็นหนึ่งในประเทศที่ทุจริตมากที่สุดในโลก โดยมีกองกำลังทหารนาซีตามตัวอักษร และที่จริงแล้วเป็นเพียงปฏิบัติการฟอกเงินเพื่อขโมยเงินจากผู้เสียภาษีชาวอเมริกัน คุณต้องการปกป้องพรมแดนของยูเครนมากกว่าของเราเอง คุณส่งเงินหลายแสนล้านดอลลาร์ไปยังอีกฟากของโลก ในขณะที่ชาวอเมริกันต้องทนทุกข์ ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนขึ้นอยู่กับคำโกหก นอกจากนี้ยังมีเรื่องของ Epstein, Diddy และการค้ามนุษย์อีกด้วย พวกคุณทุกคนบอกเราอย่างรุนแรงว่าการค้ามนุษย์เป็นเพียงเรื่องหลอกลวง พวกคุณบอกเราว่าชายแดนปลอดภัย และพวกคุณบอกเราว่าใครก็ตามที่ตั้งคำถามถึงเรื่องนี้คือพวกนักทฤษฎีสมคบคิดที่ไถ่ถอนไม่ได้และน่ารังเกียจ (และเป็นขยะ) พวกคุณบอกว่าใครก็ตามที่ดูรายการ "Sound of Freedom" ล้วนเป็นพวกหัวรุนแรง QAnon และเป็นภัยคุกคามต่อประชาธิปไตย จากนั้นมันก็กลายเป็นเรื่องจริง และชนชั้นสูงก็มีส่วนร่วมในอาชญากรรมที่เลวร้ายต่อเด็กๆ จริงๆ หลังจากที่คุณบอกเรามาหลายสิบปีว่าเรื่องนี้ไม่เป็นความจริง พวกคุณปกปิดอาชญากรรมที่เลวร้ายที่สุดที่จินตนาการได้ เพื่อผลประโยชน์ทางการเมือง ฉันทำแบบนี้ได้เป็นวันๆ แต่ฉันคิดว่าคุณคงเข้าใจประเด็นแล้ว ชาวอเมริกันตื่นตัวต่อกลลวงและความชั่วร้ายที่เกิดขึ้นรอบตัวเรา และเราจะไม่ทนอีกต่อไป ดังนั้นเราจึงจ้างโดนัลด์ เจ. ทรัมป์และทีมผู้รักชาติของเขาเพื่อแก้ไขสถานการณ์ และนำอเมริกากลับคืนสู่ความยิ่งใหญ่อีกครั้ง นี่คือความเป็นจริงของสถานการณ์ คุณเป็นคนเลว และคุณถูกหลอก ยิ่งคุณตื่นรู้เร็วเท่าไหร่ คุณก็จะยิ่งสามารถเข้าร่วมกับเราในการซ่อมแซมประเทศนี้ได้เร็วขึ้นเท่านั้น หรือคุณสามารถเลือกที่จะปฏิเสธความจริง และใช้ชีวิตที่เหลือของคุณไปกับความเกลียดชังที่ขึ้นอยู่กับคำโกหก ทางเลือกเป็นของคุณ ลงชื่อ: ผู้รักชาติอเมริกันที่แท้จริง @realDonaldTrump ขอบคุณสำหรับความกล้าหาญและการยืนหยัดเพื่ออเมริกาและมวลมนุษยชาติ ขอพระเจ้าอวยพรอเมริกา 🙏🏼🇺🇸ฟ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 257 มุมมอง 0 รีวิว
  • ยูเครนส่งโดรนอย่างน้อย 34 ลำโจมตีมอสโก ซึ่งถือเป็นการโจมตีเมืองหลวงของรัสเซียด้วยโดรนครั้งใหญ่ที่สุดนับจากสงครามเริ่มต้นขึ้นในปี 2022 และส่งผลให้สนามบินหลัก 3 แห่งในมอสโกต้องเปลี่ยนเส้นทางบินอย่างน้อย 36 เที่ยวบิน อีกทั้งมีผู้บาดเจ็บอย่างน้อย 1 คน
    .
    กระทรวงกลาโหมรัสเซียแถลงว่า สามารถสกัดการพยายามก่อการร้ายของยูเครน และได้ทำลายโดรนอีก 36 ลำที่โจมตีแคว้นอื่นๆ ทางตะวันตกในช่วงเวลา 3 ชั่วโมงของวันอาทิตย์
    .
    ขณะเดียวกัน สำนักงานการขนส่งทางอากาศของรัฐบาลรัสเซียระบุว่า สนามบินโดโมเดโดโว เชเรเมเตียโว และซูคอฟสกี้ ต้องเปลี่ยนเส้นทางอย่างน้อย 36 เที่ยวบิน แต่ล่าสุดกลับมาให้บริการตามปกติแล้ว นอกจากนั้นยังมีรายงานว่า มีผู้ได้รับบาดเจ็บหนึ่งคนในแคว้นมอสโก
    .
    มอสโกและปริมณฑลโดยรอบที่มีประชากรอย่างน้อย 21 ล้านคน ถือเป็นหนึ่งในเขตมหานครใหญ่ที่สุดในยุโรปเช่นเดียวกับอิสตันบูล
    .
    ในทางกลับกัน เคียฟเผยว่า รัสเซียส่งโดรนจำนวนสูงสุดเป็นประวัติการณ์ถึง 145 ลำเข้าไปโจมตีในยูเครน แต่ระบบป้องกันภัยทางอากาศสามารถสอยร่วงไป 62 ลำ นอกจากนั้นยูเครนยังโจมตีคลังแสงในแคว้นบรีแยนสก์ของรัสเซีย ซึ่งมีรายงานว่า โดรน 14 ลำถูกยิงร่วงในแคว้นดังกล่าว
    .
    ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่บางคนระบุว่า สงครามในยูเครนที่ยืดเยื้อมา 2 ปีครึ่งกำลังเข้าสู่ช่วงสุดท้าย หลังจากกองกำลังมอสโกรุกคืบเร็วที่สุดนับจากเริ่มต้นสงคราม และหลังจากโดนัลด์ ทรัมป์ ได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดีคนที่ 47 ของอเมริกา
    .
    ระหว่างหาเสียง ทรัมป์ที่มีกำหนดสาบานตนเข้ารับตำแหน่งในเดือนมกราคมปีหน้า ประกาศว่า จะนำสันติภาพมาสู่ยูเครนภายใน 24 ชั่วโมงหลังรับตำแหน่ง แต่ไม่ได้ให้รายละเอียดว่า จะทำได้อย่างไร
    .
    นอกจากนั้นสื่อรายงานว่า ตอนที่ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี้ของยูเครน โทรไปแสดงความยินดีกับทรัมป์ อีลอน มัสก์ ซีอีโอเทสลา ยังร่วมวงสนทนาด้วย ซึ่งมัสก์เป็นเจ้าของสเปซเอ็กซ์ที่ให้บริการการสื่อสารผ่านดาวเทียมที่สำคัญสำหรับปฏิบัติการรบของยูเครน
    .
    ทั้งนี้ เคียฟที่เป็นเป้าหมายการโจมตีด้วยโดรนจากรัสเซียเป็นประจำ พยายามตอบโต้ด้วยการส่งโดรนโจมตีโรงกลั่นน้ำมัน สนามบิน และแม้แต่สถานีเรดาร์เตือนภัยล่วงหน้าเชิงยุทธศาสตร์ของรัสเซีย
    .
    แม้ตลอดแนวรบ 1,000 กิโลเมตรส่วนใหญ่เป็นสงครามสนามเพลาะและปืนใหญ่แบบเดียวกับสงครามโลกครั้งที่ 1 แต่หนึ่งในนวัตกรรมสำคัญที่สุดที่ถูกนำมาใช้ในสมรภูมินี้คือโดรน
    .
    มอสโกและเคียฟพยายามซื้อและพัฒนาโดรนใหม่ๆ รวมทั้งใช้ด้วยวิธีที่สร้างสรรค์ ควบคู่กับการหาวิธีการใหม่ๆ ในการทำลายโดรนของฝ่ายตรงข้ามที่มีตั้งแต่ใช้ปืนสั้นของชาวไร่ชาวนายิงจนถึงระบบอิเล็กทรอนิกส์ก่อกวนสัญญาณขั้นสูง
    .
    รัสเซียยังพัฒนา “ร่ม” อิเล็กทรอนิกส์เหนือมอสโก พร้อมระบบชั้นในขั้นสูงเหนืออาคารที่มีความสำคัญเชิงยุทธศาสตร์ เครือข่ายการป้องกันภัยทางอากาศอันซับซ้อนที่สามารถยิงโดรนก่อนที่จะเข้าถึงเครมลินที่อยู่ใจกลางเมืองหลวง
    .
    ทั้งสองฝ่ายต่างเปลี่ยนโดรนเชิงพาณิชย์ราคาถูกเป็นอาวุธโจมตีร้ายแรงพร้อมทั้งเร่งกำลังผลิตในประเทศ และทหารของทั้งสองประเทศต่างกลัวอาวุธชนิดนี้ นอกจากนั้นรัสเซียและยูเครนยังปล่อยวิดีโอการโจมตีด้วยโดรนที่สร้างความเสียหายรุนแรงและมีคนตายเพื่อทำลายขวัญของฝ่ายตรงข้าม
    .
    ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ที่พยายามป้องกันมอสโกจากสงคราม ระบุว่า การโจมตีด้วยโดรนของยูเครนที่พุ่งเป้าโครงสร้างพื้นฐานด้านพลเรือน เช่น โรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์ เป็นการก่อการร้ายและประกาศตอบโต้
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000108253
    ..............
    Sondhi X
    ยูเครนส่งโดรนอย่างน้อย 34 ลำโจมตีมอสโก ซึ่งถือเป็นการโจมตีเมืองหลวงของรัสเซียด้วยโดรนครั้งใหญ่ที่สุดนับจากสงครามเริ่มต้นขึ้นในปี 2022 และส่งผลให้สนามบินหลัก 3 แห่งในมอสโกต้องเปลี่ยนเส้นทางบินอย่างน้อย 36 เที่ยวบิน อีกทั้งมีผู้บาดเจ็บอย่างน้อย 1 คน . กระทรวงกลาโหมรัสเซียแถลงว่า สามารถสกัดการพยายามก่อการร้ายของยูเครน และได้ทำลายโดรนอีก 36 ลำที่โจมตีแคว้นอื่นๆ ทางตะวันตกในช่วงเวลา 3 ชั่วโมงของวันอาทิตย์ . ขณะเดียวกัน สำนักงานการขนส่งทางอากาศของรัฐบาลรัสเซียระบุว่า สนามบินโดโมเดโดโว เชเรเมเตียโว และซูคอฟสกี้ ต้องเปลี่ยนเส้นทางอย่างน้อย 36 เที่ยวบิน แต่ล่าสุดกลับมาให้บริการตามปกติแล้ว นอกจากนั้นยังมีรายงานว่า มีผู้ได้รับบาดเจ็บหนึ่งคนในแคว้นมอสโก . มอสโกและปริมณฑลโดยรอบที่มีประชากรอย่างน้อย 21 ล้านคน ถือเป็นหนึ่งในเขตมหานครใหญ่ที่สุดในยุโรปเช่นเดียวกับอิสตันบูล . ในทางกลับกัน เคียฟเผยว่า รัสเซียส่งโดรนจำนวนสูงสุดเป็นประวัติการณ์ถึง 145 ลำเข้าไปโจมตีในยูเครน แต่ระบบป้องกันภัยทางอากาศสามารถสอยร่วงไป 62 ลำ นอกจากนั้นยูเครนยังโจมตีคลังแสงในแคว้นบรีแยนสก์ของรัสเซีย ซึ่งมีรายงานว่า โดรน 14 ลำถูกยิงร่วงในแคว้นดังกล่าว . ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่บางคนระบุว่า สงครามในยูเครนที่ยืดเยื้อมา 2 ปีครึ่งกำลังเข้าสู่ช่วงสุดท้าย หลังจากกองกำลังมอสโกรุกคืบเร็วที่สุดนับจากเริ่มต้นสงคราม และหลังจากโดนัลด์ ทรัมป์ ได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดีคนที่ 47 ของอเมริกา . ระหว่างหาเสียง ทรัมป์ที่มีกำหนดสาบานตนเข้ารับตำแหน่งในเดือนมกราคมปีหน้า ประกาศว่า จะนำสันติภาพมาสู่ยูเครนภายใน 24 ชั่วโมงหลังรับตำแหน่ง แต่ไม่ได้ให้รายละเอียดว่า จะทำได้อย่างไร . นอกจากนั้นสื่อรายงานว่า ตอนที่ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี้ของยูเครน โทรไปแสดงความยินดีกับทรัมป์ อีลอน มัสก์ ซีอีโอเทสลา ยังร่วมวงสนทนาด้วย ซึ่งมัสก์เป็นเจ้าของสเปซเอ็กซ์ที่ให้บริการการสื่อสารผ่านดาวเทียมที่สำคัญสำหรับปฏิบัติการรบของยูเครน . ทั้งนี้ เคียฟที่เป็นเป้าหมายการโจมตีด้วยโดรนจากรัสเซียเป็นประจำ พยายามตอบโต้ด้วยการส่งโดรนโจมตีโรงกลั่นน้ำมัน สนามบิน และแม้แต่สถานีเรดาร์เตือนภัยล่วงหน้าเชิงยุทธศาสตร์ของรัสเซีย . แม้ตลอดแนวรบ 1,000 กิโลเมตรส่วนใหญ่เป็นสงครามสนามเพลาะและปืนใหญ่แบบเดียวกับสงครามโลกครั้งที่ 1 แต่หนึ่งในนวัตกรรมสำคัญที่สุดที่ถูกนำมาใช้ในสมรภูมินี้คือโดรน . มอสโกและเคียฟพยายามซื้อและพัฒนาโดรนใหม่ๆ รวมทั้งใช้ด้วยวิธีที่สร้างสรรค์ ควบคู่กับการหาวิธีการใหม่ๆ ในการทำลายโดรนของฝ่ายตรงข้ามที่มีตั้งแต่ใช้ปืนสั้นของชาวไร่ชาวนายิงจนถึงระบบอิเล็กทรอนิกส์ก่อกวนสัญญาณขั้นสูง . รัสเซียยังพัฒนา “ร่ม” อิเล็กทรอนิกส์เหนือมอสโก พร้อมระบบชั้นในขั้นสูงเหนืออาคารที่มีความสำคัญเชิงยุทธศาสตร์ เครือข่ายการป้องกันภัยทางอากาศอันซับซ้อนที่สามารถยิงโดรนก่อนที่จะเข้าถึงเครมลินที่อยู่ใจกลางเมืองหลวง . ทั้งสองฝ่ายต่างเปลี่ยนโดรนเชิงพาณิชย์ราคาถูกเป็นอาวุธโจมตีร้ายแรงพร้อมทั้งเร่งกำลังผลิตในประเทศ และทหารของทั้งสองประเทศต่างกลัวอาวุธชนิดนี้ นอกจากนั้นรัสเซียและยูเครนยังปล่อยวิดีโอการโจมตีด้วยโดรนที่สร้างความเสียหายรุนแรงและมีคนตายเพื่อทำลายขวัญของฝ่ายตรงข้าม . ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ที่พยายามป้องกันมอสโกจากสงคราม ระบุว่า การโจมตีด้วยโดรนของยูเครนที่พุ่งเป้าโครงสร้างพื้นฐานด้านพลเรือน เช่น โรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์ เป็นการก่อการร้ายและประกาศตอบโต้ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000108253 .............. Sondhi X
    Like
    Sad
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 680 มุมมอง 0 รีวิว
  • สหรัฐอเมริกาได้เปิดการทดสอบรหัสชื่อ Project Fishbowl ซึ่งเป็นการทดสอบอาวุธนิวเคลียร์ในระดับสูง การทดสอบที่น่าสนใจที่สุดในโปรเจ็กต์นี้คือ Starfish Prime เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2505 ระเบิดนิวเคลียร์ขนาด 1.4 เมกะตัน ถูกจุดชนวนเหนือพื้นผิวโลกประมาณ 250 ไมล์

    สิ่งที่น่ากังวลมากกว่าการแผ่รังสีปริมาณมหาศาลที่ปล่อยสู่ชั้นบรรยากาศของโลกก็คือผลกระทบของการระเบิดต่อสัญญาณแม่เหล็กไฟฟ้าในพื้นที่ขนาดใหญ่ใต้การระเบิด โดยพื้นฐานแล้ว อิเล็กตรอนที่มีประจุสูงและเคลื่อนที่เร็วจะสร้างสนามแม่เหล็กขนาดเล็กและทรงพลังอย่างเหลือเชื่อ เรียกอีกอย่างว่า EMP

    กรณีของ Starfish Prime ทำให้ไฟฟ้าดับในฮาวายหลายร้อยไมล์ ไฟถนนดับระบบเรดาร์และระบบนำทางหยุดชะงัก และปิดระบบสื่อสารอิเล็กทรอนิกส์โดยสมบูรณ์ มันสามารถทำลายโครงสร้างพื้นฐานของประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยไม่ทำลายโครงสร้างพื้นฐานใด ๆ เลย

    การทดสอบ Starfish Prime สร้างแถบรังสีขึ้น ทำให้ดาวเทียมหกดวงขึ้นไปล้มเหลว เมื่อรังสีทำให้แผงโซลาร์เซลล์ หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เสียหาย รวมถึงดาวเทียมสื่อสารเชิงพาณิชย์ดวงแรกเทล สตาร์ และดาวเทียมดวงแรกของสหราชอาณาจักร , เอเรียล 1

    การยิงไปที่อวกาศ เพื่อให้เกิด EMP จึงมีความเป็นไปได้สูง เพราะยากต่อการสกัดจากระบบป้องกัน และเครื่องบินรบ แต่สร้างความเสียหายต่อระบบสื่อสาร พลังงานในบริเวณกว้าง รวมถึงอาวุธยุทโธปกรณ์ทางทหาร ที่มีชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกอีกด้วย

    วันนี้ผมมานำเสนอวิธีป้องกันอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกของคุณจาก EMP ด้วย Faraday bag เพื่อจำกัด ป้องกัน หรือลดความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น คล้ายกับการทำประกันเอาไว้ก่อน ลองนึกตอนสงครามโลกครั้งที่2 ที่ญี่ปุ่นใช้ไทยเป็นทางผ่าน ยังถูก Bombard เลย กันไว้ก่อนตามงบประมาณของแต่ละคน

    ถุง Faraday มีประสิทธิภาพในการปกป้องโทรศัพท์มือถือ แล็ปท็อป อุปกรณ์ GPS และอุปกรณ์ละเอียดอ่อนอื่นๆ จากสัญญาณที่ไม่พึงประสงค์และเหตุการณ์ EMP หากคุณให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนตัว ถุงฟาราเดย์แบบพกพาเหล่านี้มีจะบล็อกสัญญาณวิทยุในรูปแบบต่างๆ รวมถึงสัญญาณเซลล์ สัญญาณไร้สาย และสัญญาณ GPS ได้อีกด้วย เลือกใช้ถุงที่ได้มาตราฐานนะครับ

    #เผยแพร่ข้อมูลที่เป็นประโยชน์สู่สังคม
    #ตัวแทนพลังบุญ
    #ที่ปรึกษาประกันชีวิตและประกันวินาศภัย
    #ประกันชีวิตควบการลงทุน
    #ที่ปรึกษาการลงทุน
    #ประสบการณ์ด้านการประกันกว่า20ปี
    #ThaiTimes 😃
    สหรัฐอเมริกาได้เปิดการทดสอบรหัสชื่อ Project Fishbowl ซึ่งเป็นการทดสอบอาวุธนิวเคลียร์ในระดับสูง การทดสอบที่น่าสนใจที่สุดในโปรเจ็กต์นี้คือ Starfish Prime เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2505 ระเบิดนิวเคลียร์ขนาด 1.4 เมกะตัน ถูกจุดชนวนเหนือพื้นผิวโลกประมาณ 250 ไมล์ สิ่งที่น่ากังวลมากกว่าการแผ่รังสีปริมาณมหาศาลที่ปล่อยสู่ชั้นบรรยากาศของโลกก็คือผลกระทบของการระเบิดต่อสัญญาณแม่เหล็กไฟฟ้าในพื้นที่ขนาดใหญ่ใต้การระเบิด โดยพื้นฐานแล้ว อิเล็กตรอนที่มีประจุสูงและเคลื่อนที่เร็วจะสร้างสนามแม่เหล็กขนาดเล็กและทรงพลังอย่างเหลือเชื่อ เรียกอีกอย่างว่า EMP กรณีของ Starfish Prime ทำให้ไฟฟ้าดับในฮาวายหลายร้อยไมล์ ไฟถนนดับระบบเรดาร์และระบบนำทางหยุดชะงัก และปิดระบบสื่อสารอิเล็กทรอนิกส์โดยสมบูรณ์ มันสามารถทำลายโครงสร้างพื้นฐานของประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยไม่ทำลายโครงสร้างพื้นฐานใด ๆ เลย การทดสอบ Starfish Prime สร้างแถบรังสีขึ้น ทำให้ดาวเทียมหกดวงขึ้นไปล้มเหลว เมื่อรังสีทำให้แผงโซลาร์เซลล์ หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เสียหาย รวมถึงดาวเทียมสื่อสารเชิงพาณิชย์ดวงแรกเทล สตาร์ และดาวเทียมดวงแรกของสหราชอาณาจักร , เอเรียล 1 การยิงไปที่อวกาศ เพื่อให้เกิด EMP จึงมีความเป็นไปได้สูง เพราะยากต่อการสกัดจากระบบป้องกัน และเครื่องบินรบ แต่สร้างความเสียหายต่อระบบสื่อสาร พลังงานในบริเวณกว้าง รวมถึงอาวุธยุทโธปกรณ์ทางทหาร ที่มีชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกอีกด้วย วันนี้ผมมานำเสนอวิธีป้องกันอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกของคุณจาก EMP ด้วย Faraday bag เพื่อจำกัด ป้องกัน หรือลดความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น คล้ายกับการทำประกันเอาไว้ก่อน ลองนึกตอนสงครามโลกครั้งที่2 ที่ญี่ปุ่นใช้ไทยเป็นทางผ่าน ยังถูก Bombard เลย กันไว้ก่อนตามงบประมาณของแต่ละคน ถุง Faraday มีประสิทธิภาพในการปกป้องโทรศัพท์มือถือ แล็ปท็อป อุปกรณ์ GPS และอุปกรณ์ละเอียดอ่อนอื่นๆ จากสัญญาณที่ไม่พึงประสงค์และเหตุการณ์ EMP หากคุณให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนตัว ถุงฟาราเดย์แบบพกพาเหล่านี้มีจะบล็อกสัญญาณวิทยุในรูปแบบต่างๆ รวมถึงสัญญาณเซลล์ สัญญาณไร้สาย และสัญญาณ GPS ได้อีกด้วย เลือกใช้ถุงที่ได้มาตราฐานนะครับ #เผยแพร่ข้อมูลที่เป็นประโยชน์สู่สังคม #ตัวแทนพลังบุญ #ที่ปรึกษาประกันชีวิตและประกันวินาศภัย #ประกันชีวิตควบการลงทุน #ที่ปรึกษาการลงทุน #ประสบการณ์ด้านการประกันกว่า20ปี #ThaiTimes 😃
    Like
    Love
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 539 มุมมอง 0 รีวิว
  • แม้แต่ไบเดนยังสนับสนุนทรัมป์ในตอนท้าย... ตอนนี้ถึงเวลาทิ้งขยะแล้ว...

    เจ้าหน้าที่รัฐลึกทุกคนที่เกี่ยวข้องกับวาระสงครามโลกครั้งที่ 3 แผนก่อการร้าย หรือแม้แต่ความพยายามลอบสังหารทรัมป์ จะต้องถูกกำจัดทันที... ซีไอเอ เอฟบีไอ เอ็นเอสเอ เพนตากอน ดีเอชเอส ต้องถูกกำจัดทั้งหมด... รวมถึงผู้สนับสนุนพลเรือนอย่างเช่น บิล โอบามา และฮิลลารี...
    แม้แต่ไบเดนยังสนับสนุนทรัมป์ในตอนท้าย... ตอนนี้ถึงเวลาทิ้งขยะแล้ว... เจ้าหน้าที่รัฐลึกทุกคนที่เกี่ยวข้องกับวาระสงครามโลกครั้งที่ 3 แผนก่อการร้าย หรือแม้แต่ความพยายามลอบสังหารทรัมป์ จะต้องถูกกำจัดทันที... ซีไอเอ เอฟบีไอ เอ็นเอสเอ เพนตากอน ดีเอชเอส ต้องถูกกำจัดทั้งหมด... รวมถึงผู้สนับสนุนพลเรือนอย่างเช่น บิล โอบามา และฮิลลารี...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 50 มุมมอง 0 รีวิว
  • 2 พฤศจิกายน 2567-รายงานข่าวรอยเตอร์ระบุว่า นายดมิทรี เมดเวเดฟ รองประธานสภาความมั่นคงแห่งชาติรัสเซีย ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีรัสเซียจากปี 2008 ถึง 2012 เตือนสหรัฐฯให้จริงจังกับคำเตือนนิวเคลียร์ของรัสเซีย เพื่อหลีกเลี่ยงสงครามโลกครั้งที่ 3

    เมดเวเดฟ ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งรองประธานสภาความมั่นคงแห่งชาติอันทรงอิทธิพลของรัสเซีย ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวอาร์ทีนิวส์ ว่าพวกเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐฯ ไม่ต้องการสงครามโลกครั้งที่ 3 และในเหตุผลบางอย่าง พวกเขาเชื่อว่า "รัสเซียจะไม่มีวันข้ามเส้นตายนั้น"

    อย่างไรก็ตาม "พวกเขาคิดผิด" เมดเวเดฟกล่าวกับอาร์ทีนิวส์ พร้อมระบุมอสโกเชื่อว่าสถาบันการเมืองทั้งในสหรัฐฯ และยุโรปในปัจจุบัน ขาดวิสัยทัศน์ที่ยาวไกลและความคิดที่ละเอียดละอ่อน ต่างจากนายเฮนรี คิสซิงเจอร์ อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ผู้ล่วงลับ

    ทั้งนี้ คิสซิงเจอร์ ซึ่งเสียชีวิตเมื่อช่วงปลายเดือนพฤศจิกายนปีก่อน เป็นคนดำเนินการเจรจาระหว่างสหรัฐฯ และสหภาพโซเวียตในทศวรรษปี 1970 ซึ่งนำไปสู่สนธิสัญญาควบคุมอาวุธนิวเคลียร์ครั้งสำคัญครั้งแรกระหว่างสองมหาอำนาจในช่วงสงครามเย็น

    "ถ้าเราพูดถึงการอยู่รอดของประเทศของเรา ก็ตามที่ประธานาธิบดีของเรากล่าวซ้ำๆ เราคงไม่มีทางเลือกอื่น" เมดเวเดฟระบุ

    สงครามในยูเครนที่ยืดเยื้อมานาน 2 ปีครึ่ง กำลังเข้าสู่สิ่งที่พวกเจ้าหน้าที่รัสเซียเรียกว่าขั้นอันตรายที่สุด ในขณะที่กองกำลังมอสโกกำลังรุกคืบทางภาคตะวันออกของยูเครน และตะวันตกกำลังขบคิดว่าจะค้ำยันประคับประคองเคียฟอย่างไร

    รัสเซียส่งสัญญาณไปยังตะวันตกมานานหลายสัปดาห์แล้วว่า มอสโกจะตอบโต้หากว่าสหรัฐฯ และพันธมิตรไฟเขียวให้ยูเครนใช้อาวุธพิสัยไกลของตะวันตกโจมตีลึกเข้าไปในดินแดนรัสเซีย ในขณะที่อีกด้านหนึ่ง ทางนาโตก็กล่าวหาว่าเกาหลีเหนือได้ส่งทหารไปยังทางตะวันตกของรัสเซีย ในความเป็นไปได้ว่าจะเข้าช่วยเหลือกองกำลังมอสโกสู้รบกับยูเครน

    พวกเจ้าหน้าที่รัสเซียกล่าวหาว่าบรรดาผู้นำตะวันตกเพิกเฉยต่อสัญญาณต่างๆ ของมอสโกที่ส่งไปถึง เกี่ยวกับประเด็นด้านความมั่นคงของยุโรปและสถานการณ์ที่ลุกลามบานปลายในยูเครน

    บรรดานักการทูตสหรัฐฯ บอกว่าแม้ความสัมพันธ์กับรัสเซียจะดำดิ่งเลวร้ายที่สุดนับตั้งแต่สงครามเย็น แต่วอชิงตันไม่ได้หาทางขยายสงครามในยูเครนให้ลุกลาม

    (ที่มา : รอยเตอร์)

    #Thaitimes
    2 พฤศจิกายน 2567-รายงานข่าวรอยเตอร์ระบุว่า นายดมิทรี เมดเวเดฟ รองประธานสภาความมั่นคงแห่งชาติรัสเซีย ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีรัสเซียจากปี 2008 ถึง 2012 เตือนสหรัฐฯให้จริงจังกับคำเตือนนิวเคลียร์ของรัสเซีย เพื่อหลีกเลี่ยงสงครามโลกครั้งที่ 3 เมดเวเดฟ ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งรองประธานสภาความมั่นคงแห่งชาติอันทรงอิทธิพลของรัสเซีย ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวอาร์ทีนิวส์ ว่าพวกเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐฯ ไม่ต้องการสงครามโลกครั้งที่ 3 และในเหตุผลบางอย่าง พวกเขาเชื่อว่า "รัสเซียจะไม่มีวันข้ามเส้นตายนั้น" อย่างไรก็ตาม "พวกเขาคิดผิด" เมดเวเดฟกล่าวกับอาร์ทีนิวส์ พร้อมระบุมอสโกเชื่อว่าสถาบันการเมืองทั้งในสหรัฐฯ และยุโรปในปัจจุบัน ขาดวิสัยทัศน์ที่ยาวไกลและความคิดที่ละเอียดละอ่อน ต่างจากนายเฮนรี คิสซิงเจอร์ อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ผู้ล่วงลับ ทั้งนี้ คิสซิงเจอร์ ซึ่งเสียชีวิตเมื่อช่วงปลายเดือนพฤศจิกายนปีก่อน เป็นคนดำเนินการเจรจาระหว่างสหรัฐฯ และสหภาพโซเวียตในทศวรรษปี 1970 ซึ่งนำไปสู่สนธิสัญญาควบคุมอาวุธนิวเคลียร์ครั้งสำคัญครั้งแรกระหว่างสองมหาอำนาจในช่วงสงครามเย็น "ถ้าเราพูดถึงการอยู่รอดของประเทศของเรา ก็ตามที่ประธานาธิบดีของเรากล่าวซ้ำๆ เราคงไม่มีทางเลือกอื่น" เมดเวเดฟระบุ สงครามในยูเครนที่ยืดเยื้อมานาน 2 ปีครึ่ง กำลังเข้าสู่สิ่งที่พวกเจ้าหน้าที่รัสเซียเรียกว่าขั้นอันตรายที่สุด ในขณะที่กองกำลังมอสโกกำลังรุกคืบทางภาคตะวันออกของยูเครน และตะวันตกกำลังขบคิดว่าจะค้ำยันประคับประคองเคียฟอย่างไร รัสเซียส่งสัญญาณไปยังตะวันตกมานานหลายสัปดาห์แล้วว่า มอสโกจะตอบโต้หากว่าสหรัฐฯ และพันธมิตรไฟเขียวให้ยูเครนใช้อาวุธพิสัยไกลของตะวันตกโจมตีลึกเข้าไปในดินแดนรัสเซีย ในขณะที่อีกด้านหนึ่ง ทางนาโตก็กล่าวหาว่าเกาหลีเหนือได้ส่งทหารไปยังทางตะวันตกของรัสเซีย ในความเป็นไปได้ว่าจะเข้าช่วยเหลือกองกำลังมอสโกสู้รบกับยูเครน พวกเจ้าหน้าที่รัสเซียกล่าวหาว่าบรรดาผู้นำตะวันตกเพิกเฉยต่อสัญญาณต่างๆ ของมอสโกที่ส่งไปถึง เกี่ยวกับประเด็นด้านความมั่นคงของยุโรปและสถานการณ์ที่ลุกลามบานปลายในยูเครน บรรดานักการทูตสหรัฐฯ บอกว่าแม้ความสัมพันธ์กับรัสเซียจะดำดิ่งเลวร้ายที่สุดนับตั้งแต่สงครามเย็น แต่วอชิงตันไม่ได้หาทางขยายสงครามในยูเครนให้ลุกลาม (ที่มา : รอยเตอร์) #Thaitimes
    Like
    4
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 468 มุมมอง 0 รีวิว
  • ..นี้คือความจริงทั้งหมด,อย่าตอแหลบิดค่าจริงใดๆอีกเลย.,ยกเลิกสัมปทานบ่อปิโตรเลียมทั้งหมดในแผ่นดินไทยที่ถูกปล้นไปได้แล้วจากmouข้อตกลงทาสห่าเหวตกลงลับๆห่าใดๆก็เถอะ,ควรจบทั้งหมด สู่ยุคใหม่กันจริงที่ทุกๆตารางนิ้วคืออธิปไตยไทยของแท้.
    ..จบสิ้นความยากจนเสียที,ไม่ก็ล่มสลายสิ้นชาติไทยไปทั้งหมดเถอะ,งี่เง่ากากกระจอกทั้งหมดนัก.
    ..คนไทยสมควรปฏิวัติด้วยมือคนภาคประชาชนเองมั้ย เหี้ยรอแต่ทหารทำซากอะไร ยึดทรัพย์นักการเมืองทั้งหมดบวกข้าราชการเลวจริงๆเสียที,ทหารทำมาทั้งหมด กาก&กระจอกบวกเสียของมาก ไร้สมองโง่เขลาที่มองไม่ออกว่า บ่อน้ำมันคือตัวปัญหาทั้งหมดของชาติที่แพงทั้งแผ่นดินบวกยากจนทุกๆคนไทยธรรมดาด้วย,กระจุกร่ำรวยโคตรพ่อโคตรแมร่งมันเฉพาะเดอะแก๊งเดอะก๊กบางกลุ่ม อาทิชนชั้นปกครองเหี้ยๆหน้าเดิมๆ,มันสมควรจบความชั่วเลวนี้ได้แล้ว อธิปไตยเหนือแผ่นดินไทยยังรักษาห่าเหวไม่ได้ตามอดีตเขียนลงไว้แล้ว เกาะกูดอีก ให้สัญชาติพม่าง่ายๆหรือต่างด้าวต่างๆมาสร้างกลโกลาหลแตกแยกในบ้านในเมืองไทย แย่งชิงงานคนไทยทั้งปกติพื้นฐานอีก,นี้คือการปกครองที่เลว ถีบออกไปเถอะ.,เพราะเราคนไทยได้ผู้นำเลว แล้วระบบจัดการชนชั้นปกครองเลวนี้ไม่เด็ดขาดจริง,ประหารต้องประหารได้ด้วย แต่ก็เหี้ย จนก่อเกิดปัญหาสาระพัดต่อเชื้อชั่วเลวสืบทอดมิจบสิ้นนับจากคณะ2475มาถึงปัจจุบันก็ว่า,
    ..ประเด็นตอนนี้ถ้าสายปกครองทั้งกมดคือเผ่าพันธุ์เลวสายแรปทีเลี่ยนชั่วจริง ต้องกำจัดทิ้งด้วยเช่นกัน .โลกต้องมีนักล่าปีศาจซาตานเพื่อปกป้องคนดีด้วย,ผู้เสียสละโคตรๆเลยล่ะ ตนทำภาระกิจเพื่อให้อีกคนบรรลุธรรมสะดวกก็ว่า,แมร่งถ้าทั้งแผ่นดินไทยมีแต่สงครามยิงระเบิดกันทุกๆวัน ข้าวปลาอาหารขาดแคลนไร้มีแดกในแต่ละวัน ทุกๆตารางนิ้วทั่วไทยเป็นหมด,จะบันเทิงทุกข์ขนาดไหนล่ะ สะดวกบรรลุธรรมโคตรพ่อโคตรแมร่งท่านนะสิ,สถาบันไปวัดเลยล่ะทุกๆสถาบัน ฝันเลยจะอยู่สุขสบายห่าอะไรได้ เผลอๆหนีออกนอกประเทศโน้น ทั้งชนชั้นปกครองทั้งหมดแบบสีหนุไง,หรือใดๆที่ไหนล่ะ คนอำมาตย์ก็บินหนีก่อนใครด้วย เจ้าสัวคนร่ำรวยยิ่งชิงหนีตั้งแต่แรกก่อนเพื่อน สร้างบ้านหรูๆยิ่งใหญ่กว่าวังที่เมืองนอกก็ตรึม,ซวยคือคนจนยากจนชนธรรมดามิใช่ชนชั้นปกครองห่าอะไรแบบพวกเหี้ยๆนี้ พอบ้านเมืองสงบก็กลับมาสะแตกต่อ ผูกขาดสาระพัดทำประโยชน์แดกทุกๆตารางนิ้วทั่วไทยยิ่งกว่าเก่า,สงครามโลกครั้งที่1ที่2มิได้สอนบทเรียนห่าใดๆบวกไปทำmouตกลงลับๆขายชาติขายอธิปไตยแก่ฝรั่งตะวันตกอีก ซึ่งมันทาสมันปล้นมันเอาเปรียบแผ่นดินไทยตน,โมฆะคือจบ ทำสงครามระหว่างชาติแบบเปิดเผยกันไปเลยก็ได้,ขลาดเขลาเหี้ยอะไร ตายทั้งแผ่นดินไทย มันจะย้ายคนมันมาอยู่ก็เหี้ยมันสิ,อย่างน้อยทั้งคนไทยหมดประเทศได้ต่อสู้,นี้จึงถีบๆชนชั้นปกครองแบบใจหมาใจกากๆออกจากการปกครองเถอะ,ปกครองให้คนของประเทศไทยตนอยากจน ผีบ้าเท่านั้นล่ะ จะผีบ้าให้คนผีบ้ามาปกครองทำซากอะไร,เราคนไทยไม่ต้องทำงานก็อยู่อย่างสบายๆ,ต่อยอดทำเครื่องพิมพ์ตังเข้าประเทศได้มากมาย เผลอไม่ขุดทรัพยากรมีค่าอะไรที่ไร้ความจำเป็นบ้าตังอะไรมากมายก็ได้ คนปกครองจริงๆนะ,ขี้ขลาด กากหรือกระจอก ใจขลาดเขลาก็ว่า เพียงคนไทยสามัคคีรวมใจเป็นหนึ่งเดียวมันจบความชั่วเลวทั้งระบบได้หมด.ตกงานจะไม่มี มีแต่ตกใจในความร่ำรวยนะสิ,ชาติเรามันรวยโคตรๆจริงๆนะ,แต่เหี้ยกิ่งก่าปกครองเลยถูกทำให้ยากจน.
    ..นี้คือความจริงทั้งหมด,อย่าตอแหลบิดค่าจริงใดๆอีกเลย.,ยกเลิกสัมปทานบ่อปิโตรเลียมทั้งหมดในแผ่นดินไทยที่ถูกปล้นไปได้แล้วจากmouข้อตกลงทาสห่าเหวตกลงลับๆห่าใดๆก็เถอะ,ควรจบทั้งหมด สู่ยุคใหม่กันจริงที่ทุกๆตารางนิ้วคืออธิปไตยไทยของแท้. ..จบสิ้นความยากจนเสียที,ไม่ก็ล่มสลายสิ้นชาติไทยไปทั้งหมดเถอะ,งี่เง่ากากกระจอกทั้งหมดนัก. ..คนไทยสมควรปฏิวัติด้วยมือคนภาคประชาชนเองมั้ย เหี้ยรอแต่ทหารทำซากอะไร ยึดทรัพย์นักการเมืองทั้งหมดบวกข้าราชการเลวจริงๆเสียที,ทหารทำมาทั้งหมด กาก&กระจอกบวกเสียของมาก ไร้สมองโง่เขลาที่มองไม่ออกว่า บ่อน้ำมันคือตัวปัญหาทั้งหมดของชาติที่แพงทั้งแผ่นดินบวกยากจนทุกๆคนไทยธรรมดาด้วย,กระจุกร่ำรวยโคตรพ่อโคตรแมร่งมันเฉพาะเดอะแก๊งเดอะก๊กบางกลุ่ม อาทิชนชั้นปกครองเหี้ยๆหน้าเดิมๆ,มันสมควรจบความชั่วเลวนี้ได้แล้ว อธิปไตยเหนือแผ่นดินไทยยังรักษาห่าเหวไม่ได้ตามอดีตเขียนลงไว้แล้ว เกาะกูดอีก ให้สัญชาติพม่าง่ายๆหรือต่างด้าวต่างๆมาสร้างกลโกลาหลแตกแยกในบ้านในเมืองไทย แย่งชิงงานคนไทยทั้งปกติพื้นฐานอีก,นี้คือการปกครองที่เลว ถีบออกไปเถอะ.,เพราะเราคนไทยได้ผู้นำเลว แล้วระบบจัดการชนชั้นปกครองเลวนี้ไม่เด็ดขาดจริง,ประหารต้องประหารได้ด้วย แต่ก็เหี้ย จนก่อเกิดปัญหาสาระพัดต่อเชื้อชั่วเลวสืบทอดมิจบสิ้นนับจากคณะ2475มาถึงปัจจุบันก็ว่า, ..ประเด็นตอนนี้ถ้าสายปกครองทั้งกมดคือเผ่าพันธุ์เลวสายแรปทีเลี่ยนชั่วจริง ต้องกำจัดทิ้งด้วยเช่นกัน .โลกต้องมีนักล่าปีศาจซาตานเพื่อปกป้องคนดีด้วย,ผู้เสียสละโคตรๆเลยล่ะ ตนทำภาระกิจเพื่อให้อีกคนบรรลุธรรมสะดวกก็ว่า,แมร่งถ้าทั้งแผ่นดินไทยมีแต่สงครามยิงระเบิดกันทุกๆวัน ข้าวปลาอาหารขาดแคลนไร้มีแดกในแต่ละวัน ทุกๆตารางนิ้วทั่วไทยเป็นหมด,จะบันเทิงทุกข์ขนาดไหนล่ะ สะดวกบรรลุธรรมโคตรพ่อโคตรแมร่งท่านนะสิ,สถาบันไปวัดเลยล่ะทุกๆสถาบัน ฝันเลยจะอยู่สุขสบายห่าอะไรได้ เผลอๆหนีออกนอกประเทศโน้น ทั้งชนชั้นปกครองทั้งหมดแบบสีหนุไง,หรือใดๆที่ไหนล่ะ คนอำมาตย์ก็บินหนีก่อนใครด้วย เจ้าสัวคนร่ำรวยยิ่งชิงหนีตั้งแต่แรกก่อนเพื่อน สร้างบ้านหรูๆยิ่งใหญ่กว่าวังที่เมืองนอกก็ตรึม,ซวยคือคนจนยากจนชนธรรมดามิใช่ชนชั้นปกครองห่าอะไรแบบพวกเหี้ยๆนี้ พอบ้านเมืองสงบก็กลับมาสะแตกต่อ ผูกขาดสาระพัดทำประโยชน์แดกทุกๆตารางนิ้วทั่วไทยยิ่งกว่าเก่า,สงครามโลกครั้งที่1ที่2มิได้สอนบทเรียนห่าใดๆบวกไปทำmouตกลงลับๆขายชาติขายอธิปไตยแก่ฝรั่งตะวันตกอีก ซึ่งมันทาสมันปล้นมันเอาเปรียบแผ่นดินไทยตน,โมฆะคือจบ ทำสงครามระหว่างชาติแบบเปิดเผยกันไปเลยก็ได้,ขลาดเขลาเหี้ยอะไร ตายทั้งแผ่นดินไทย มันจะย้ายคนมันมาอยู่ก็เหี้ยมันสิ,อย่างน้อยทั้งคนไทยหมดประเทศได้ต่อสู้,นี้จึงถีบๆชนชั้นปกครองแบบใจหมาใจกากๆออกจากการปกครองเถอะ,ปกครองให้คนของประเทศไทยตนอยากจน ผีบ้าเท่านั้นล่ะ จะผีบ้าให้คนผีบ้ามาปกครองทำซากอะไร,เราคนไทยไม่ต้องทำงานก็อยู่อย่างสบายๆ,ต่อยอดทำเครื่องพิมพ์ตังเข้าประเทศได้มากมาย เผลอไม่ขุดทรัพยากรมีค่าอะไรที่ไร้ความจำเป็นบ้าตังอะไรมากมายก็ได้ คนปกครองจริงๆนะ,ขี้ขลาด กากหรือกระจอก ใจขลาดเขลาก็ว่า เพียงคนไทยสามัคคีรวมใจเป็นหนึ่งเดียวมันจบความชั่วเลวทั้งระบบได้หมด.ตกงานจะไม่มี มีแต่ตกใจในความร่ำรวยนะสิ,ชาติเรามันรวยโคตรๆจริงๆนะ,แต่เหี้ยกิ่งก่าปกครองเลยถูกทำให้ยากจน.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 177 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🤣ขณะที่ NATO พยายามโน้มน้าวคุณว่ารัสเซียและจีนคือ "ศัตรู" ของคุณ🤣

    จำไว้ว่าใครคือผู้ที่เสียสละมากที่สุดในการทำลายนาซีเยอรมนีและจักรวรรดิญี่ปุ่นในสงครามโลกครั้งที่ ๒

    📌รัสเซียและจีนที่ถูกมองว่าเป็นปีศาจในปัจจุบัน เสียสละมากกว่าประเทศสมาชิก NATO ทั้งหมดรวมกันเสียอีก📌

    อย่าลืมเรื่องนี้
    .
    As NATO tries to convince you that Russia and China are your "Enemy"

    Remember who sacrificed most to destroy Nazi Germany and Imperial Japan in WW2

    The Russians and the Chinese being demonised today sacrificed more than all NATO countries combined.

    Never forget it.
    .
    4:27 PM · Oct 29, 2024 · 89.1K Views
    https://x.com/BowesChay/status/1851194125082857801
    🤣ขณะที่ NATO พยายามโน้มน้าวคุณว่ารัสเซียและจีนคือ "ศัตรู" ของคุณ🤣 จำไว้ว่าใครคือผู้ที่เสียสละมากที่สุดในการทำลายนาซีเยอรมนีและจักรวรรดิญี่ปุ่นในสงครามโลกครั้งที่ ๒ 📌รัสเซียและจีนที่ถูกมองว่าเป็นปีศาจในปัจจุบัน เสียสละมากกว่าประเทศสมาชิก NATO ทั้งหมดรวมกันเสียอีก📌 อย่าลืมเรื่องนี้ . As NATO tries to convince you that Russia and China are your "Enemy" Remember who sacrificed most to destroy Nazi Germany and Imperial Japan in WW2 The Russians and the Chinese being demonised today sacrificed more than all NATO countries combined. Never forget it. . 4:27 PM · Oct 29, 2024 · 89.1K Views https://x.com/BowesChay/status/1851194125082857801
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 143 มุมมอง 36 0 รีวิว
  • แผนปูตินย้อนศร NATO เกาหลีเหนือช่วยรบ
    .
    ครั้งแรกในรอบ 70 ปี ที่เกาหลีเหนือ-จีน จับมือกับรัสเซีย ฟัดยูเครน โดยมีข้อกล่าวหาว่าเกาหลีเหนือส่งทหารไปช่วยรัสเซียรบกับยูเครนจำนวนหนึ่ง ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร แล้วนัยของมันจะหมายถึงสงครามโลกครั้งที่ 3 หรือเปล่า
    .
    ถ้าเราย้อนหลังไป 4 เดือนที่แล้ว มิถุนายน 2567 ที่ผ่านมาประธานาธิบดีปูติน เพิ่งเดินทางไปเยือนเกาหลีเหนือ ได้พบกับนายคิม จอง-อึน และทั้งคู่ได้ร่วมลงนามในสนธิสัญญาหุ้นส่วนเชิงยุทธศาสตร์แบบครอบคลุมทุกอย่าง
    .
    สนธิสัญญานี้มีข้อความระบุ จะให้การช่วยเหลือด้านการป้องกันซึ่งกันและกัน หากประเทศใดประเทศหนึ่งถูกโจมตี ซึ่งเป็นแบบเดียวกับมาตรา 5 ของสนธิสัญญานาโต นั่นเอง ซึ่งจะพูดได้ว่าปูตินย้อนศรนาโต ก็ได้
    .
    ทีนี้ เรามาดูเหตุผลว่าทำไมเกาหลีเหนือช่วยรัสเซีย ผู้เชี่ยวชาญด้านเกาหลีใต้ ระบุว่า สงครามในยูเครนเปิดโอกาสให้กองทัพเกาหลีเหนือได้ทดสอบความพร้อมรบ รวมทั้งได้ประสบการณ์ในการใช้อาวุธแบบใหม่ และสงครามแบบใหม่ เช่น การใช้โดรน และผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่าหากมีสงครามบนคาบสมุทรเกาหลี ขีปนาวุธฮวาซอง 11GA จะเป็นหนึ่งในอาวุธหลักที่ใช้มากที่สุด เกาหลีเหนือจึงใช้สนามรบที่ยูเครน เพื่อรวบรวมข้อมูลสำปรับปรุงประสิทธิภาพขีปนาวุธ และช้อมูลนี้เขาสามารถใช้ ขาย ขีปนาวุธ รุ่นนี้ออกไปในต่างประเทศด้วย
    .
    ความเคลื่อนไหวของจีน รัสเซีย และชาติตะวันตก ไม่ว่าจะเป็นกลุ่ม QUAD หรือ G7 ได้แสดงให้เห็นถึงการแบ่งแยกขั้ว/ข้างอย่างชัดเจน เหมือนสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่มีกลุ่มพันธมิตรและกลุ่มอักษะ
    .
    สงครามรัสเซีย-ยูเครนเป็นเพียงแค่แนวรบหนึ่งที่เพิ่มความซับซ้อนหลังจากเกาหลีเหนือเข้ามาร่วมด้วย แต่มันยังมีสงครามตะวันออกกลางที่ขยายตัวจากสงครามตัวแทนของอิสราเอลกับฮามาส เป็นสงครามตัวจริงแล้ว ระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มพันธมิตรแห่งการต่อต้านที่มีอิหร่านเป็นแกนนำ นี่เรายังไม่รวมความขัดแย้งเรื่องเกาะไต้หวัน ทะเลจีนใต้ ในพื้นที่อื่นๆ อีกหลายจุดทั่วโลก
    .
    ผมอยากจะบอกให้ท่านผู้ชมได้รับทราบว่า ให้เตรียมตัวเตรียมใจรับมือกับสงครามครั้งใหญ่ได้แล้ว เพราะผมคิดว่ามันน่าจะเกิดขึ้นได้อย่างมากที่สุด แต่ก็อาจจะยังไม่เกิดตามที่ผมคาดคิด เพราะว่าจากการวิเคราะห์ส่วนตัวของผมแล้ว ยุโรปไม่พร้อมจะเข้าร่วมสงคราม
    .
    จึงเป็นไปได้ว่าการที่เกาหลีเหนือเข้ามาช่วยรัสเซียครั้งนี้ น่าจะเป็นแผนของประธานาธิบดีปูติน ที่จะโยนหินถามทาง แล้วดูปฏิกิริยาของยุโรป ยุโรปก็น่าจะรู้ว่าเป็นการโยนหินถามทาง แต่ถ้ายุโรปไม่ตัดสินใจอะไรเด็ดขาด ยังถกเถียงกันอยู่ว่าจะส่งทหารเข้ามาหรือไม่ แล้วก็ถอยในที่สุดนั้น นั่นคือการถือไพ่ที่รัสเซียถือเหนือกว่าทางยุโรปมากมายมหาศาลครับ
    แผนปูตินย้อนศร NATO เกาหลีเหนือช่วยรบ . ครั้งแรกในรอบ 70 ปี ที่เกาหลีเหนือ-จีน จับมือกับรัสเซีย ฟัดยูเครน โดยมีข้อกล่าวหาว่าเกาหลีเหนือส่งทหารไปช่วยรัสเซียรบกับยูเครนจำนวนหนึ่ง ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร แล้วนัยของมันจะหมายถึงสงครามโลกครั้งที่ 3 หรือเปล่า . ถ้าเราย้อนหลังไป 4 เดือนที่แล้ว มิถุนายน 2567 ที่ผ่านมาประธานาธิบดีปูติน เพิ่งเดินทางไปเยือนเกาหลีเหนือ ได้พบกับนายคิม จอง-อึน และทั้งคู่ได้ร่วมลงนามในสนธิสัญญาหุ้นส่วนเชิงยุทธศาสตร์แบบครอบคลุมทุกอย่าง . สนธิสัญญานี้มีข้อความระบุ จะให้การช่วยเหลือด้านการป้องกันซึ่งกันและกัน หากประเทศใดประเทศหนึ่งถูกโจมตี ซึ่งเป็นแบบเดียวกับมาตรา 5 ของสนธิสัญญานาโต นั่นเอง ซึ่งจะพูดได้ว่าปูตินย้อนศรนาโต ก็ได้ . ทีนี้ เรามาดูเหตุผลว่าทำไมเกาหลีเหนือช่วยรัสเซีย ผู้เชี่ยวชาญด้านเกาหลีใต้ ระบุว่า สงครามในยูเครนเปิดโอกาสให้กองทัพเกาหลีเหนือได้ทดสอบความพร้อมรบ รวมทั้งได้ประสบการณ์ในการใช้อาวุธแบบใหม่ และสงครามแบบใหม่ เช่น การใช้โดรน และผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่าหากมีสงครามบนคาบสมุทรเกาหลี ขีปนาวุธฮวาซอง 11GA จะเป็นหนึ่งในอาวุธหลักที่ใช้มากที่สุด เกาหลีเหนือจึงใช้สนามรบที่ยูเครน เพื่อรวบรวมข้อมูลสำปรับปรุงประสิทธิภาพขีปนาวุธ และช้อมูลนี้เขาสามารถใช้ ขาย ขีปนาวุธ รุ่นนี้ออกไปในต่างประเทศด้วย . ความเคลื่อนไหวของจีน รัสเซีย และชาติตะวันตก ไม่ว่าจะเป็นกลุ่ม QUAD หรือ G7 ได้แสดงให้เห็นถึงการแบ่งแยกขั้ว/ข้างอย่างชัดเจน เหมือนสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่มีกลุ่มพันธมิตรและกลุ่มอักษะ . สงครามรัสเซีย-ยูเครนเป็นเพียงแค่แนวรบหนึ่งที่เพิ่มความซับซ้อนหลังจากเกาหลีเหนือเข้ามาร่วมด้วย แต่มันยังมีสงครามตะวันออกกลางที่ขยายตัวจากสงครามตัวแทนของอิสราเอลกับฮามาส เป็นสงครามตัวจริงแล้ว ระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มพันธมิตรแห่งการต่อต้านที่มีอิหร่านเป็นแกนนำ นี่เรายังไม่รวมความขัดแย้งเรื่องเกาะไต้หวัน ทะเลจีนใต้ ในพื้นที่อื่นๆ อีกหลายจุดทั่วโลก . ผมอยากจะบอกให้ท่านผู้ชมได้รับทราบว่า ให้เตรียมตัวเตรียมใจรับมือกับสงครามครั้งใหญ่ได้แล้ว เพราะผมคิดว่ามันน่าจะเกิดขึ้นได้อย่างมากที่สุด แต่ก็อาจจะยังไม่เกิดตามที่ผมคาดคิด เพราะว่าจากการวิเคราะห์ส่วนตัวของผมแล้ว ยุโรปไม่พร้อมจะเข้าร่วมสงคราม . จึงเป็นไปได้ว่าการที่เกาหลีเหนือเข้ามาช่วยรัสเซียครั้งนี้ น่าจะเป็นแผนของประธานาธิบดีปูติน ที่จะโยนหินถามทาง แล้วดูปฏิกิริยาของยุโรป ยุโรปก็น่าจะรู้ว่าเป็นการโยนหินถามทาง แต่ถ้ายุโรปไม่ตัดสินใจอะไรเด็ดขาด ยังถกเถียงกันอยู่ว่าจะส่งทหารเข้ามาหรือไม่ แล้วก็ถอยในที่สุดนั้น นั่นคือการถือไพ่ที่รัสเซียถือเหนือกว่าทางยุโรปมากมายมหาศาลครับ
    Like
    Love
    12
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 934 มุมมอง 1 รีวิว
  • ปูตินปลุกเร้าสร้าง “ระเบียบโลกแบบมีหลายขั้วอำนาจ” ในงานประชุมสุดยอดกลุ่มบริกส์ที่มีผู้นำจากนานาประเทศเข้าร่วมหารือ และประมุขทำเนียบเครมลินมุ่งใช้เป็นบทพิสูจน์ว่า ความพยายามโดดเดี่ยวมอสโกของฝ่ายตะวันตกล้มเหลวโดยสิ้นเชิง ขณะที่ในอีกด้านหนึ่ง สี จิ้นผิง พันธมิตรสำคัญซึ่งเข้าประชุมครั้งนี้ด้วย เรียกร้องบริกส์กระชับความร่วมมือด้านการเงินและเศรษฐกิจ ชี้จำเป็นต้องปฏิรูปโครงสร้างระบบการเงินระหว่างประเทศอย่างเร่งด่วนยิ่งขึ้น
    .
    การประชุมสุดยอดคราวนี้ที่จัดขึ้นที่เมืองคาซาน ทางด้านตะวันตกกลางของแดนหมีขาว ถือเป็นการประชุมทางการทูตใหญ่ที่สุดซึ่งรัสเซียเป็นเจ้าภาพ นับจากที่ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน สั่งยกทัพบุกยูเครนในปี 2022 ส่งผลให้รัสเซียถูกตะวันตกรุมประณามและแซงก์ชัน
    .
    มีผู้นำราว 20 คนจากนานาชาติ รวมทั้งประเทศเศรษฐกิจตลาดเกิดใหม่และประเทศกำลังพัฒนาขนาดใหญ่อย่าง จีน อินเดีย ตุรกี และอิหร่าน สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เข้าร่วมการประชุมที่เมืองคาซานครั้งนี้ ในหัวข้อต่างๆ เช่น การพัฒนาระบบการชำระเงินข้ามพรมแดนของบริกส์ และความขัดแย้งในตะวันออกกลาง
    .
    มอสโกมองว่า ที่ประชุมนี้เป็นทางเลือกซึ่งกำลังทวีความสำคัญขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเทียบกับพวกองค์การระหว่างประเทศรุ่นหลังสงครามโลกครั้งที่สองและสงครามเย็นที่นำโดยฝ่ายตะวันตก เช่น กลุ่มจี7 และนี่ก็เป็นจุดยืนที่ได้รับการสนับสนุนจากประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีน ผู้เป็นพันธมิตรสำคัญของปูติน
    .
    ปูตินกล่าวเปิดประชุมอย่างเป็นทางการเมื่อวันพุธ (23 ต.ค.) ว่า การสร้างระเบียบโลกแบบที่ยอมรับให้มีหลายขั้วอำนาจนั้นเป็นสิ่งที่อยู่ระหว่างการดำเนินการ และเป็นขั้นตอนที่มีพลวัตและไม่อาจย้อนกลับได้ พร้อมกับเรียกร้องให้เหล่าชาติสมาชิกของบริกส์ พิจารณาว่าจะช่วยแก้ปัญหาที่เร่งด่วนที่สุดได้อย่างไร ซึ่งรวมถึงสถานการณ์ความขัดแย้งรุนแรงระดับภูมิภาค
    .
    ก่อนหน้านี้ตั้งแต่วันอังคาร (22) ปูตินยังได้ประชุมข้างเคียงกับพวกผู้นำของหลายประเทศที่มารวมการประชุมซัมมิตบริกส์ รวมทั้ง สี และนายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดีของอินเดีย ซึ่งผู้นำรัสเซียได้กล่าวยกย่องความสัมพันธ์ใกล้ชิดและการเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ระหว่างกัน
    .
    ขณะที่ สี ก็กล่าวยกย่องความสัมพันธ์แนบแน่นที่จีนมีอยู่กับรัสเซีย ในโลกที่ “วุ่นวาย” และเสริมว่า ความสัมพันธ์ระหว่างกันเป็นแรงผลักดันสำคัญในการพัฒนา การฟื้นฟู และการปรับปรุงให้ทันสมัยสำหรับทั้งสองประเทศ
    .
    ด้านปูตินขานรับว่า ความสัมพันธ์กับปักกิ่งเป็นรากฐานเสถียรภาพของโลก
    .
    ในวันพุธ ระหว่างกล่าวปราศรัยกับที่ประชุมซัมมิตกลุ่มบริกส์ สี ได้กล่าวเรียกร้องให้สมาชิกบริกส์กระชับความร่วมมือด้านการเงินและเศรษฐกิจ พร้อมชี้ว่าจำเป็นต้องปฏิรูปโครงสร้างระบบการเงินระหว่างประเทศอย่างเร่งด่วนยิ่งขึ้น รวมทั้งยังเรียกร้องให้ปลดชนวนความขัดแย้งในวิกฤตยูเครน และให้มีการหยุดยิงในเลบานอนและกาซา
    .
    กลุ่มบริกส์ (BRICS) ตอนแรกใช้ชื่อว่า บริก (BRIC) ก่อตั้งขึ้นในปี 2009 โดยมีสมาชิกเพียง 4 ประเทศ ได้แก่ บราซิล รัสเซีย อินเดีย และจีน จากนั้นจึงขยายเป็นบริกส์ เมื่อรับแอฟริกาใต้เข้าเป็นสมาชิกรายที่ 5 และในปีที่แล้ว ก็ได้เปิดกว้างรับพวกประเทศเศรษฐกิจตลาดเกิดใหม่อีกหลายราย เป็นต้นว่า อียิปต์ เอธิโอเปีย เวเนซุเอลา สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และอิหร่าน ทั้งนี้ ซาอุดีอาระเบียก็ได้สมัครและได้รับเชิญเข้าเป็นสมาชิกแล้ว ทว่ายังไม่ได้ทำกระบวนการรับรองให้สัตยาบัน ขณะที่อาร์เจนตินา ปฏิเสธที่จะเข้าร่วม หลังจากมีการเลือกตั้งและประธานาธิบดีคนใหม่เป็นพวกโปรตะวันตกเข้มข้น
    .
    เพื่อตอกย้ำวิสัยทัศน์ในการท้าทายตะวันตก ในวันพุธปูตินยังมีนัดหมายหารือแบบประชุมข้างเคียงกับประธานาธิบดีมาซูด เปเซชเคียนของอิหร่าน และประธานาธิบดีนิโคลัส มาดูโรของเวเนซุเอลา รวมทั้งจะพบกับประธานาธิบดีเรเจป ไตยิป แอร์โดอัน ของตุรกี ซึ่งกำลังแสดงความสนใจขอสมัครเป็นสมาชิกของบริกส์ ตลอดจนหารือกับอันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติ ในวันพฤหัสฯ (24 ต.ค.) ในประเด็นความขัดแย้งในยูเครน
    .
    รายงานระบุว่า กูเตอร์เรสเดินทางถึงรัสเซียในวันพุธ ซึ่งเป็นการเยือนรัสเซียครั้งแรกในรอบกว่า 2 ปี และสร้างความไม่พอใจอย่างยิ่งให้แก่ยูเครน
    .
    กระทรวงการต่างประเทศยูเครนโพสต์บนแพลตฟอร์มเอ็กซ์ ต่อว่ากูเตอร์เรสว่า ปฏิเสธคำเชิญร่วมงานประชุมสุดยอดสันติภาพโลกครั้งแรกของเคียฟที่จัดขึ้นในสวิตเซอร์แลนด์เมื่อหลายเดือนก่อน แต่กลับรับคำเชิญจากอาชญากรอย่างปูติน
    .
    ทางด้านโฆษกกูเตอร์เรสอธิบายว่า ทริปนี้เป็นส่วนหนึ่งของการร่วมงานประชุมในองค์กรที่มีชาติสมาชิกจำนวนมากที่ถือเป็นแนวทางปฏิบัติปกติของกูเตอร์เรส อีกทั้งยังเป็นโอกาสดีในการย้ำจุดยืนเกี่ยวกับความขัดแย้งในยูเครนและเงื่อนไขสำหรับสันติภาพที่เป็นธรรม
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000102300
    ..............
    Sondhi X
    ปูตินปลุกเร้าสร้าง “ระเบียบโลกแบบมีหลายขั้วอำนาจ” ในงานประชุมสุดยอดกลุ่มบริกส์ที่มีผู้นำจากนานาประเทศเข้าร่วมหารือ และประมุขทำเนียบเครมลินมุ่งใช้เป็นบทพิสูจน์ว่า ความพยายามโดดเดี่ยวมอสโกของฝ่ายตะวันตกล้มเหลวโดยสิ้นเชิง ขณะที่ในอีกด้านหนึ่ง สี จิ้นผิง พันธมิตรสำคัญซึ่งเข้าประชุมครั้งนี้ด้วย เรียกร้องบริกส์กระชับความร่วมมือด้านการเงินและเศรษฐกิจ ชี้จำเป็นต้องปฏิรูปโครงสร้างระบบการเงินระหว่างประเทศอย่างเร่งด่วนยิ่งขึ้น . การประชุมสุดยอดคราวนี้ที่จัดขึ้นที่เมืองคาซาน ทางด้านตะวันตกกลางของแดนหมีขาว ถือเป็นการประชุมทางการทูตใหญ่ที่สุดซึ่งรัสเซียเป็นเจ้าภาพ นับจากที่ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน สั่งยกทัพบุกยูเครนในปี 2022 ส่งผลให้รัสเซียถูกตะวันตกรุมประณามและแซงก์ชัน . มีผู้นำราว 20 คนจากนานาชาติ รวมทั้งประเทศเศรษฐกิจตลาดเกิดใหม่และประเทศกำลังพัฒนาขนาดใหญ่อย่าง จีน อินเดีย ตุรกี และอิหร่าน สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เข้าร่วมการประชุมที่เมืองคาซานครั้งนี้ ในหัวข้อต่างๆ เช่น การพัฒนาระบบการชำระเงินข้ามพรมแดนของบริกส์ และความขัดแย้งในตะวันออกกลาง . มอสโกมองว่า ที่ประชุมนี้เป็นทางเลือกซึ่งกำลังทวีความสำคัญขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเทียบกับพวกองค์การระหว่างประเทศรุ่นหลังสงครามโลกครั้งที่สองและสงครามเย็นที่นำโดยฝ่ายตะวันตก เช่น กลุ่มจี7 และนี่ก็เป็นจุดยืนที่ได้รับการสนับสนุนจากประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีน ผู้เป็นพันธมิตรสำคัญของปูติน . ปูตินกล่าวเปิดประชุมอย่างเป็นทางการเมื่อวันพุธ (23 ต.ค.) ว่า การสร้างระเบียบโลกแบบที่ยอมรับให้มีหลายขั้วอำนาจนั้นเป็นสิ่งที่อยู่ระหว่างการดำเนินการ และเป็นขั้นตอนที่มีพลวัตและไม่อาจย้อนกลับได้ พร้อมกับเรียกร้องให้เหล่าชาติสมาชิกของบริกส์ พิจารณาว่าจะช่วยแก้ปัญหาที่เร่งด่วนที่สุดได้อย่างไร ซึ่งรวมถึงสถานการณ์ความขัดแย้งรุนแรงระดับภูมิภาค . ก่อนหน้านี้ตั้งแต่วันอังคาร (22) ปูตินยังได้ประชุมข้างเคียงกับพวกผู้นำของหลายประเทศที่มารวมการประชุมซัมมิตบริกส์ รวมทั้ง สี และนายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดีของอินเดีย ซึ่งผู้นำรัสเซียได้กล่าวยกย่องความสัมพันธ์ใกล้ชิดและการเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ระหว่างกัน . ขณะที่ สี ก็กล่าวยกย่องความสัมพันธ์แนบแน่นที่จีนมีอยู่กับรัสเซีย ในโลกที่ “วุ่นวาย” และเสริมว่า ความสัมพันธ์ระหว่างกันเป็นแรงผลักดันสำคัญในการพัฒนา การฟื้นฟู และการปรับปรุงให้ทันสมัยสำหรับทั้งสองประเทศ . ด้านปูตินขานรับว่า ความสัมพันธ์กับปักกิ่งเป็นรากฐานเสถียรภาพของโลก . ในวันพุธ ระหว่างกล่าวปราศรัยกับที่ประชุมซัมมิตกลุ่มบริกส์ สี ได้กล่าวเรียกร้องให้สมาชิกบริกส์กระชับความร่วมมือด้านการเงินและเศรษฐกิจ พร้อมชี้ว่าจำเป็นต้องปฏิรูปโครงสร้างระบบการเงินระหว่างประเทศอย่างเร่งด่วนยิ่งขึ้น รวมทั้งยังเรียกร้องให้ปลดชนวนความขัดแย้งในวิกฤตยูเครน และให้มีการหยุดยิงในเลบานอนและกาซา . กลุ่มบริกส์ (BRICS) ตอนแรกใช้ชื่อว่า บริก (BRIC) ก่อตั้งขึ้นในปี 2009 โดยมีสมาชิกเพียง 4 ประเทศ ได้แก่ บราซิล รัสเซีย อินเดีย และจีน จากนั้นจึงขยายเป็นบริกส์ เมื่อรับแอฟริกาใต้เข้าเป็นสมาชิกรายที่ 5 และในปีที่แล้ว ก็ได้เปิดกว้างรับพวกประเทศเศรษฐกิจตลาดเกิดใหม่อีกหลายราย เป็นต้นว่า อียิปต์ เอธิโอเปีย เวเนซุเอลา สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และอิหร่าน ทั้งนี้ ซาอุดีอาระเบียก็ได้สมัครและได้รับเชิญเข้าเป็นสมาชิกแล้ว ทว่ายังไม่ได้ทำกระบวนการรับรองให้สัตยาบัน ขณะที่อาร์เจนตินา ปฏิเสธที่จะเข้าร่วม หลังจากมีการเลือกตั้งและประธานาธิบดีคนใหม่เป็นพวกโปรตะวันตกเข้มข้น . เพื่อตอกย้ำวิสัยทัศน์ในการท้าทายตะวันตก ในวันพุธปูตินยังมีนัดหมายหารือแบบประชุมข้างเคียงกับประธานาธิบดีมาซูด เปเซชเคียนของอิหร่าน และประธานาธิบดีนิโคลัส มาดูโรของเวเนซุเอลา รวมทั้งจะพบกับประธานาธิบดีเรเจป ไตยิป แอร์โดอัน ของตุรกี ซึ่งกำลังแสดงความสนใจขอสมัครเป็นสมาชิกของบริกส์ ตลอดจนหารือกับอันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติ ในวันพฤหัสฯ (24 ต.ค.) ในประเด็นความขัดแย้งในยูเครน . รายงานระบุว่า กูเตอร์เรสเดินทางถึงรัสเซียในวันพุธ ซึ่งเป็นการเยือนรัสเซียครั้งแรกในรอบกว่า 2 ปี และสร้างความไม่พอใจอย่างยิ่งให้แก่ยูเครน . กระทรวงการต่างประเทศยูเครนโพสต์บนแพลตฟอร์มเอ็กซ์ ต่อว่ากูเตอร์เรสว่า ปฏิเสธคำเชิญร่วมงานประชุมสุดยอดสันติภาพโลกครั้งแรกของเคียฟที่จัดขึ้นในสวิตเซอร์แลนด์เมื่อหลายเดือนก่อน แต่กลับรับคำเชิญจากอาชญากรอย่างปูติน . ทางด้านโฆษกกูเตอร์เรสอธิบายว่า ทริปนี้เป็นส่วนหนึ่งของการร่วมงานประชุมในองค์กรที่มีชาติสมาชิกจำนวนมากที่ถือเป็นแนวทางปฏิบัติปกติของกูเตอร์เรส อีกทั้งยังเป็นโอกาสดีในการย้ำจุดยืนเกี่ยวกับความขัดแย้งในยูเครนและเงื่อนไขสำหรับสันติภาพที่เป็นธรรม . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000102300 .............. Sondhi X
    Like
    Love
    7
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 1781 มุมมอง 1 รีวิว
  • ผู้แทนเกาหลีเหนือประจำยูเอ็น ออกมาแถลง โต้ข่าวซึ่งเผยแพร่อยู่ในโลกตะวันตก ที่กล่าวหาโสมแดงส่งทหารไปช่วยรัสเซียสู้รบในยูเครน ชี้เป็นข่าวลือไม่มีมูล หลังจากก่อนหน้านี้ เกาหลีใต้แสดงปฏิกิริยาต่อข่าวนี้ด้วยการประณามโสมเหนืออย่างรุนแรง พร้อมเรียกร้องให้เปียงยางถอนทหารกลับทันที รวมทั้งประกาศว่า ถ้าการเป็นพันธมิตรทางทหารระหว่างเปียงยางกับมอสโกยังดำเนินต่อไป โซลจะดำเนินมาตรการตอบโต้ นอกจากนั้นผู้นำเกาหลีใต้ยังเล็งเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างเกาหลีใต้ ยูเครน และนาโต
    .
    สืบเนื่องจากที่หน่วยงานข่าวกรองของเกาหลีใต้กล่าวอ้างตั้งแต่เมื่อวันศุกร์ (18) ว่า เปียงยางได้จัดส่งทหารจำนวนมากไปช่วยรัสเซีย โดยระบุว่า ขณะนี้กองกำลังสู้รบพิเศษราว 1,500 นายของเกาหลีเหนือ ถูกส่งไปฝึกอยู่ในบริเวณภาคตะวันออกไกลของรัสเซียแล้ว และพร้อมไปร่วมรบในสงครามยูเครนเร็วๆ นี้
    .
    อย่างไรก็ดี ในวันจันทร์ (21) ผู้แทนของเกาหลีเหนือประจำสหประชาชาติ แถลงในการประชุมคณะกรรมาธิการของสมัชชาใหญ่ยูเอ็นว่า การกล่าวอ้างของโซลมีเป้าหมายเพื่อทำลายภาพลักษณ์ของเกาหลีเหนือ รวมทั้งบ่อนทำลายความสัมพันธ์ฉันมิตรอันชอบธรรมระหว่างเกาหลีเหนือกับรัสเซีย
    .
    เปียงยางและมอสโกเป็นพันธมิตรกันนับจากการก่อตั้งประเทศเกาหลีเหนือหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 และยิ่งใกล้ชิดกันมากขึ้นภายหลังรัสเซียรุกรานยูเครนในปี 2022 ขณะที่เกาหลีใต้และอเมริกาซึ่งก็สนิทสนมกันมากตั้งแต่หลังสงคราม กล่าวหามานานแล้วว่า คิม จองอึน ผู้นำโสมแดง ส่งอาวุธให้รัสเซียใช้ในยูเครน
    .
    เดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน กับคิมยังลงนามข้อตกลงความมั่นคงที่กำหนดว่า สองประเทศจะช่วยเหลือกันหากฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดถูกศัตรูรุกราน
    .
    ทางด้านจอร์จี ซีโนเวียฟ เอกอัครราชทูตรัสเซียประจำโซล ที่ถูกเกาหลีใต้เรียกเข้าพบในวันจันทร์ (21) เพื่อร้องเรียน ไม่ได้ยืนยันข้อกล่าวหาของเกาหลีใต้ แต่ย้ำว่า ความร่วมมือระหว่างรัสเซียกับเกาหลีเหนืออยู่ภายใต้กรอบกฎหมายระหว่างประเทศและไม่กระทบโดยตรงต่อผลประโยชน์ด้านความมั่นคงของเกาหลีใต้แต่อย่างใด
    .
    นอกจากนั้นเมื่อคืนวันจันทร์ ดมิตริ เปสคอฟ โฆษกทำเนียบเครมลิน ยังแถลงต่อผู้สื่อข่าวว่า ความร่วมมือระหว่างรัสเซียกับเกาหลีเหนือไม่ได้พุ่งเป้าที่ประเทศที่สาม และไม่มีใครต้องกังวล
    .
    ในส่วนอเมริกาและองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต) แม้ไม่ได้ออกมายืนยันข้อกล่าวอ้างของโซล แต่โรเบิร์ต วูด รองเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำยูเอ็น แถลงต่อคณะมนตรีความมั่นคงว่า หากข้อกล่าวหาเรื่องเกาหลีเหนือเป็นจริง จะถือเป็นความเคลื่อนไหวที่อันตรายและน่ากังวลมาก อีกทั้งสะท้อนความสัมพันธ์ทางทหารที่ลึกซึ้งขึ้นระหว่างเกาหลีเหนือกับรัสเซีย
    .
    ส่วน มาร์ก รึตเตอ เลขาธิการนาโต กล่าวเมื่อวันจันทร์ว่า การที่เปียงยางส่งทหารไปช่วยรัสเซียรบจะทำให้สถานการณ์ความขัดแย้งยิ่งลุกลาม
    .
    ระหว่างการหารือทางโทรศัพท์กับรึตเตอ ในวันเดียวกัน ประธานาธิบดียุน ซอกยอลของเกาหลีใต้ เรียกร้องให้นาโตสำรวจมาตรการตอบโต้ที่เป็นรูปธรรม และสำทับว่า จะดำเนินการขั้นตอนต่างๆ เพื่อเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างเกาหลีใต้ ยูเครน และนาโต
    .
    ขณะเดียวกัน หลิน เจี้ยน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน ตอบคำถามบีบีซีเกี่ยวกับข้อกล่าวหาเรื่องการร่วมมือระหว่างเปียงยาง-มอสโกว่า จีนหวังว่า ทุกฝ่ายจะดำเนินการเพื่อผ่อนคลายสถานการณ์และหาทางแก้ไขวิกฤตยูเครนด้วยแนวทางการเมือง
    .
    ต่อมาในวันอังคาร (22 ต.ค.) สภาความมั่นคงแห่งชาติของเกาหลีใต้ออกคำแถลงประณามเกาหลีเหนืออย่างรุนแรงว่า การส่งทหารไปร่วมสงครามรุกรานที่ผิดกฎหมายของรัสเซียในยูเครนเป็นภัยคุกคามความมั่นคงอย่างมากไม่เฉพาะกับเกาหลีใต้ แต่รวมถึงนานาชาติ พร้อมเรียกร้องให้เปียงยางถอนทหารกลับประเทศทันที และประกาศว่า ถ้าการเป็นพันธมิตรทางทหารระหว่างเปียงยางกับมอสโกยังดำเนินต่อไป เกาหลีใต้จะดำเนินมาตรการตอบโต้
    .
    วันเดียวกันนั้น สำนักข่าวยอนฮัปของเกาหลีใต้รายงานโดยอ้างการเปิดเผยของแหล่งข่าวในรัฐบาลคนหนึ่งว่า โซลกำลังพิจารณาส่งทีมเจ้าหน้าที่ไปยูเครนเพื่อติดตามตรวจสอบเกี่ยวกับทหารเกาหลีเหนือที่ถูกส่งไปรัสเซีย
    .
    จากข้อมูลของแหล่งข่าว ทีมที่จะส่งไปมีแนวโน้มประกอบด้วยนายทหารจากหน่วยข่าวกรองเพื่อวิเคราะห์กลยุทธ์ในสนามรบของเกาหลีเหนือ และร่วมสอบปากคำเชลยสงครามที่ยูเครนควบคุมตัวอยู่
    .
    ยอนฮัปยังรายงานว่า บัญชีเทเลแกรมที่สนับสนุนรัสเซียโพสต์ภาพธงรัสเซียและเกาหลีเหนือเคียงข้างกันอยู่ในสนามรบในยูเครน
    .
    สื่อบางสำนักของเกาหลีใต้อ้างว่า เกาหลีเหนืออาจส่งทหารถึง 12,000 นายไปช่วยรัสเซีย
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000102030
    ..............
    Sondhi X
    ผู้แทนเกาหลีเหนือประจำยูเอ็น ออกมาแถลง โต้ข่าวซึ่งเผยแพร่อยู่ในโลกตะวันตก ที่กล่าวหาโสมแดงส่งทหารไปช่วยรัสเซียสู้รบในยูเครน ชี้เป็นข่าวลือไม่มีมูล หลังจากก่อนหน้านี้ เกาหลีใต้แสดงปฏิกิริยาต่อข่าวนี้ด้วยการประณามโสมเหนืออย่างรุนแรง พร้อมเรียกร้องให้เปียงยางถอนทหารกลับทันที รวมทั้งประกาศว่า ถ้าการเป็นพันธมิตรทางทหารระหว่างเปียงยางกับมอสโกยังดำเนินต่อไป โซลจะดำเนินมาตรการตอบโต้ นอกจากนั้นผู้นำเกาหลีใต้ยังเล็งเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างเกาหลีใต้ ยูเครน และนาโต . สืบเนื่องจากที่หน่วยงานข่าวกรองของเกาหลีใต้กล่าวอ้างตั้งแต่เมื่อวันศุกร์ (18) ว่า เปียงยางได้จัดส่งทหารจำนวนมากไปช่วยรัสเซีย โดยระบุว่า ขณะนี้กองกำลังสู้รบพิเศษราว 1,500 นายของเกาหลีเหนือ ถูกส่งไปฝึกอยู่ในบริเวณภาคตะวันออกไกลของรัสเซียแล้ว และพร้อมไปร่วมรบในสงครามยูเครนเร็วๆ นี้ . อย่างไรก็ดี ในวันจันทร์ (21) ผู้แทนของเกาหลีเหนือประจำสหประชาชาติ แถลงในการประชุมคณะกรรมาธิการของสมัชชาใหญ่ยูเอ็นว่า การกล่าวอ้างของโซลมีเป้าหมายเพื่อทำลายภาพลักษณ์ของเกาหลีเหนือ รวมทั้งบ่อนทำลายความสัมพันธ์ฉันมิตรอันชอบธรรมระหว่างเกาหลีเหนือกับรัสเซีย . เปียงยางและมอสโกเป็นพันธมิตรกันนับจากการก่อตั้งประเทศเกาหลีเหนือหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 และยิ่งใกล้ชิดกันมากขึ้นภายหลังรัสเซียรุกรานยูเครนในปี 2022 ขณะที่เกาหลีใต้และอเมริกาซึ่งก็สนิทสนมกันมากตั้งแต่หลังสงคราม กล่าวหามานานแล้วว่า คิม จองอึน ผู้นำโสมแดง ส่งอาวุธให้รัสเซียใช้ในยูเครน . เดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน กับคิมยังลงนามข้อตกลงความมั่นคงที่กำหนดว่า สองประเทศจะช่วยเหลือกันหากฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดถูกศัตรูรุกราน . ทางด้านจอร์จี ซีโนเวียฟ เอกอัครราชทูตรัสเซียประจำโซล ที่ถูกเกาหลีใต้เรียกเข้าพบในวันจันทร์ (21) เพื่อร้องเรียน ไม่ได้ยืนยันข้อกล่าวหาของเกาหลีใต้ แต่ย้ำว่า ความร่วมมือระหว่างรัสเซียกับเกาหลีเหนืออยู่ภายใต้กรอบกฎหมายระหว่างประเทศและไม่กระทบโดยตรงต่อผลประโยชน์ด้านความมั่นคงของเกาหลีใต้แต่อย่างใด . นอกจากนั้นเมื่อคืนวันจันทร์ ดมิตริ เปสคอฟ โฆษกทำเนียบเครมลิน ยังแถลงต่อผู้สื่อข่าวว่า ความร่วมมือระหว่างรัสเซียกับเกาหลีเหนือไม่ได้พุ่งเป้าที่ประเทศที่สาม และไม่มีใครต้องกังวล . ในส่วนอเมริกาและองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต) แม้ไม่ได้ออกมายืนยันข้อกล่าวอ้างของโซล แต่โรเบิร์ต วูด รองเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำยูเอ็น แถลงต่อคณะมนตรีความมั่นคงว่า หากข้อกล่าวหาเรื่องเกาหลีเหนือเป็นจริง จะถือเป็นความเคลื่อนไหวที่อันตรายและน่ากังวลมาก อีกทั้งสะท้อนความสัมพันธ์ทางทหารที่ลึกซึ้งขึ้นระหว่างเกาหลีเหนือกับรัสเซีย . ส่วน มาร์ก รึตเตอ เลขาธิการนาโต กล่าวเมื่อวันจันทร์ว่า การที่เปียงยางส่งทหารไปช่วยรัสเซียรบจะทำให้สถานการณ์ความขัดแย้งยิ่งลุกลาม . ระหว่างการหารือทางโทรศัพท์กับรึตเตอ ในวันเดียวกัน ประธานาธิบดียุน ซอกยอลของเกาหลีใต้ เรียกร้องให้นาโตสำรวจมาตรการตอบโต้ที่เป็นรูปธรรม และสำทับว่า จะดำเนินการขั้นตอนต่างๆ เพื่อเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างเกาหลีใต้ ยูเครน และนาโต . ขณะเดียวกัน หลิน เจี้ยน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน ตอบคำถามบีบีซีเกี่ยวกับข้อกล่าวหาเรื่องการร่วมมือระหว่างเปียงยาง-มอสโกว่า จีนหวังว่า ทุกฝ่ายจะดำเนินการเพื่อผ่อนคลายสถานการณ์และหาทางแก้ไขวิกฤตยูเครนด้วยแนวทางการเมือง . ต่อมาในวันอังคาร (22 ต.ค.) สภาความมั่นคงแห่งชาติของเกาหลีใต้ออกคำแถลงประณามเกาหลีเหนืออย่างรุนแรงว่า การส่งทหารไปร่วมสงครามรุกรานที่ผิดกฎหมายของรัสเซียในยูเครนเป็นภัยคุกคามความมั่นคงอย่างมากไม่เฉพาะกับเกาหลีใต้ แต่รวมถึงนานาชาติ พร้อมเรียกร้องให้เปียงยางถอนทหารกลับประเทศทันที และประกาศว่า ถ้าการเป็นพันธมิตรทางทหารระหว่างเปียงยางกับมอสโกยังดำเนินต่อไป เกาหลีใต้จะดำเนินมาตรการตอบโต้ . วันเดียวกันนั้น สำนักข่าวยอนฮัปของเกาหลีใต้รายงานโดยอ้างการเปิดเผยของแหล่งข่าวในรัฐบาลคนหนึ่งว่า โซลกำลังพิจารณาส่งทีมเจ้าหน้าที่ไปยูเครนเพื่อติดตามตรวจสอบเกี่ยวกับทหารเกาหลีเหนือที่ถูกส่งไปรัสเซีย . จากข้อมูลของแหล่งข่าว ทีมที่จะส่งไปมีแนวโน้มประกอบด้วยนายทหารจากหน่วยข่าวกรองเพื่อวิเคราะห์กลยุทธ์ในสนามรบของเกาหลีเหนือ และร่วมสอบปากคำเชลยสงครามที่ยูเครนควบคุมตัวอยู่ . ยอนฮัปยังรายงานว่า บัญชีเทเลแกรมที่สนับสนุนรัสเซียโพสต์ภาพธงรัสเซียและเกาหลีเหนือเคียงข้างกันอยู่ในสนามรบในยูเครน . สื่อบางสำนักของเกาหลีใต้อ้างว่า เกาหลีเหนืออาจส่งทหารถึง 12,000 นายไปช่วยรัสเซีย . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000102030 .............. Sondhi X
    Like
    Love
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1254 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🧵💲 เหตุการณ์สำคัญใดบ้างที่นำไปสู่การล่มสลายของระบบดอลลาร์ทั่วโลก?

    การประชุมประจำปี ๒๐๒๔ ของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) และกลุ่มธนาคารโลก (WBG) จะเปิดขึ้นในวันที่ ๒๑ ตุลาคม เพื่อมุ่งเน้นไปที่หนี้สาธารณะทั่วโลกที่พุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว, ซึ่งคาดว่าจะสูงถึง ๑๐๐ ล้านล้านดอลลาร์ภายในสิ้นปีนี้ หนี้, ส่วนใหญ่, เกิดจากการกู้ยืมเงินของสหรัฐฯมากเกินไป, โดยปัจจุบันหนี้ของรัฐบาลอยู่ที่ ๓๕.๖๘ ล้านล้านดอลลาร์
    .
    ในขณะเดียวกัน, ส่วนแบ่งของสหรัฐฯในเศรษฐกิจโลกที่คำนวณโดยใช้ความเท่าเทียมของอำนาจซื้อได้แตะระดับต่ำสุดในประวัติศาสตร์, โดยร่วงลงต่ำกว่า ๑๕%, จากการวิเคราะห์ของธนาคารโลกและกองทุนการเงินระหว่างประเทศของสปุตนิก คาดว่าจะลดลงอีก, โดยแตะระดับ ๑๔.๗๖% เมื่อสิ้นสุดวาระของประธานาธิบดีโจ ไบเดน
    .
    ระบบการเงินของสหรัฐฯและระบบดอลลาร์ทั่วโลก เริ่มสูญเสียอิทธิพลเมื่อใด?

    ◻️ สหรัฐฯคาดว่ามี ๔๘-๕๒% ของ GDP ทั่วโลก และประมาณ ๖๐% ของการผลิตภาคอุตสาหกรรมทั่วโลกในปี ๑๙๔๔
    .
    ◻️ อเมริกาได้รับสถานะมหาอำนาจทางเศรษฐกิจเมื่อสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ ๒, เมื่อมีการสร้างระบบการเงินระหว่างประเทศที่เรียกว่าระบบเบรตตันวูดส์ขึ้นในเดือนกรกฎาคม ๑๙๔๔ การประชุมเบรตตันวูดส์ได้แต่งตั้งให้ดอลลาร์สหรัฐฯเป็นสกุลเงินสำรองของโลกอย่างเป็นทางการ, โดยมีทองคำสำรองที่ใหญ่ที่สุดในโลกหนุนหลังอยู่ สกุลเงินอื่นๆจะถูกผูกไว้กับค่าของดอลลาร์สหรัฐฯ
    .
    ◻️ กฎเกณฑ์ระหว่างประเทศสำหรับการค้าระหว่างประเทศได้ถูกกำหนดไว้ในข้อตกลงทั่วไปว่าด้วยภาษีศุลกากรและการค้า (GATT) ในปี ๑๙๔๗ ในปี ๑๙๙๕, ข้อตกลงดังกล่าวได้ถูกแปลงเป็นองค์การการค้าโลก (WTO) สหรัฐอเมริกาใช้ "เครื่องมือ" เหล่านี้เพื่อรักษาอิทธิพลทางภูมิรัฐศาสตร์ในยุโรปและญี่ปุ่น ยุโรปตะวันออก, สหภาพโซเวียต, และจีน ยังคงอยู่ภายนอกเขตการขยายตัวของอเมริกา
    .
    ◻️ ภายใต้แผนการมาร์แชลล์, สหรัฐฯจัดสรรเงิน, โดยส่วนใหญ่อยู่ในรูปแบบของเงินช่วยเหลือ, เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจยุโรปที่ได้รับผลกระทบจากสงคราม ในเวลาเดียวกัน, สหรัฐฯยังได้ส่งคำสั่งซื้อที่ทำกำไรมหาศาลให้กับบริษัทในอเมริกา, กระตุ้นเศรษฐกิจของตนเองไปพร้อมกับเสริมสร้างอิทธิพลที่มีต่อระบบเศรษฐกิจของยุโรปตะวันตก ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นจากประมาณ ๒๐๐ พันล้านดอลลาร์ในปี ๑๙๔๐ เป็นมากกว่า ๕๐๐ พันล้านดอลลาร์ในปี ๑๙๖๐
    .
    🧵💲 What were the milestones leading to the global dollar system’s collapse?

    The 2024 Annual Meetings of the International Monetary Fund (IMF) and the World Bank Group (WBG) are opening on October 21 to focus on skyrocketing global public debt, which is expected to reach $100 trillion by the end of this year. The debt, in large part, is driven by the borrowing binge of the US, where the government debt currently stands at $35.68 trillion.
    .
    Meanwhile, the US’ share of the global economy calculated using purchasing power parity has reached a historic low, plunging below 15%, Sputnik’s analysis of World Bank and IMF calculations has showed. It is expected to sag further, to reach 14.76% by the end of President Joe Biden's term.
    .
    When did US finances and the global dollar system start losing clout?

    ◻️ The US is estimated to have accounted for 48-52% of global GDP and about 60% of global industrial production in 1944.
    .
    ◻️ America secured its economic superpower status at the end of WWII, when the international monetary system known as the Bretton Woods system was forged in July 1944. The Bretton Woods Conference officially crowned the US dollar as the global reserve currency, backed by the world’s largest gold reserves. Other currencies were pegged to the US dollar’s value.
    .
    ◻️ International rules for foreign trade were laid out in the General Agreement on Tariffs and Trade (GATT) in 1947. In 1995, the agreement was transformed into the WTO. The US wielded these “tools” to secure geopolitical influence across Europe and Japan. Eastern Europe, the USSR, and China remained outside the zone of American expansion.
    .
    ◻️ Under the Marshall Plan, the US provided money, chiefly in the form of grants, to rebuild war-ravaged European economies. At the same time, it funneled lucrative orders to American companies, stimulating its own economy while solidifying its influence over Western Europe's economic systems. US gross national product rose from about $200 billion in 1940 to more than $500 billion in 1960.
    .
    10:27 PM · Oct 21, 2024 · 8,506 Views
    https://x.com/SputnikInt/status/1848385613361225740
    🧵💲 เหตุการณ์สำคัญใดบ้างที่นำไปสู่การล่มสลายของระบบดอลลาร์ทั่วโลก? การประชุมประจำปี ๒๐๒๔ ของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) และกลุ่มธนาคารโลก (WBG) จะเปิดขึ้นในวันที่ ๒๑ ตุลาคม เพื่อมุ่งเน้นไปที่หนี้สาธารณะทั่วโลกที่พุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว, ซึ่งคาดว่าจะสูงถึง ๑๐๐ ล้านล้านดอลลาร์ภายในสิ้นปีนี้ หนี้, ส่วนใหญ่, เกิดจากการกู้ยืมเงินของสหรัฐฯมากเกินไป, โดยปัจจุบันหนี้ของรัฐบาลอยู่ที่ ๓๕.๖๘ ล้านล้านดอลลาร์ . ในขณะเดียวกัน, ส่วนแบ่งของสหรัฐฯในเศรษฐกิจโลกที่คำนวณโดยใช้ความเท่าเทียมของอำนาจซื้อได้แตะระดับต่ำสุดในประวัติศาสตร์, โดยร่วงลงต่ำกว่า ๑๕%, จากการวิเคราะห์ของธนาคารโลกและกองทุนการเงินระหว่างประเทศของสปุตนิก คาดว่าจะลดลงอีก, โดยแตะระดับ ๑๔.๗๖% เมื่อสิ้นสุดวาระของประธานาธิบดีโจ ไบเดน . ระบบการเงินของสหรัฐฯและระบบดอลลาร์ทั่วโลก เริ่มสูญเสียอิทธิพลเมื่อใด? ◻️ สหรัฐฯคาดว่ามี ๔๘-๕๒% ของ GDP ทั่วโลก และประมาณ ๖๐% ของการผลิตภาคอุตสาหกรรมทั่วโลกในปี ๑๙๔๔ . ◻️ อเมริกาได้รับสถานะมหาอำนาจทางเศรษฐกิจเมื่อสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ ๒, เมื่อมีการสร้างระบบการเงินระหว่างประเทศที่เรียกว่าระบบเบรตตันวูดส์ขึ้นในเดือนกรกฎาคม ๑๙๔๔ การประชุมเบรตตันวูดส์ได้แต่งตั้งให้ดอลลาร์สหรัฐฯเป็นสกุลเงินสำรองของโลกอย่างเป็นทางการ, โดยมีทองคำสำรองที่ใหญ่ที่สุดในโลกหนุนหลังอยู่ สกุลเงินอื่นๆจะถูกผูกไว้กับค่าของดอลลาร์สหรัฐฯ . ◻️ กฎเกณฑ์ระหว่างประเทศสำหรับการค้าระหว่างประเทศได้ถูกกำหนดไว้ในข้อตกลงทั่วไปว่าด้วยภาษีศุลกากรและการค้า (GATT) ในปี ๑๙๔๗ ในปี ๑๙๙๕, ข้อตกลงดังกล่าวได้ถูกแปลงเป็นองค์การการค้าโลก (WTO) สหรัฐอเมริกาใช้ "เครื่องมือ" เหล่านี้เพื่อรักษาอิทธิพลทางภูมิรัฐศาสตร์ในยุโรปและญี่ปุ่น ยุโรปตะวันออก, สหภาพโซเวียต, และจีน ยังคงอยู่ภายนอกเขตการขยายตัวของอเมริกา . ◻️ ภายใต้แผนการมาร์แชลล์, สหรัฐฯจัดสรรเงิน, โดยส่วนใหญ่อยู่ในรูปแบบของเงินช่วยเหลือ, เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจยุโรปที่ได้รับผลกระทบจากสงคราม ในเวลาเดียวกัน, สหรัฐฯยังได้ส่งคำสั่งซื้อที่ทำกำไรมหาศาลให้กับบริษัทในอเมริกา, กระตุ้นเศรษฐกิจของตนเองไปพร้อมกับเสริมสร้างอิทธิพลที่มีต่อระบบเศรษฐกิจของยุโรปตะวันตก ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นจากประมาณ ๒๐๐ พันล้านดอลลาร์ในปี ๑๙๔๐ เป็นมากกว่า ๕๐๐ พันล้านดอลลาร์ในปี ๑๙๖๐ . 🧵💲 What were the milestones leading to the global dollar system’s collapse? The 2024 Annual Meetings of the International Monetary Fund (IMF) and the World Bank Group (WBG) are opening on October 21 to focus on skyrocketing global public debt, which is expected to reach $100 trillion by the end of this year. The debt, in large part, is driven by the borrowing binge of the US, where the government debt currently stands at $35.68 trillion. . Meanwhile, the US’ share of the global economy calculated using purchasing power parity has reached a historic low, plunging below 15%, Sputnik’s analysis of World Bank and IMF calculations has showed. It is expected to sag further, to reach 14.76% by the end of President Joe Biden's term. . When did US finances and the global dollar system start losing clout? ◻️ The US is estimated to have accounted for 48-52% of global GDP and about 60% of global industrial production in 1944. . ◻️ America secured its economic superpower status at the end of WWII, when the international monetary system known as the Bretton Woods system was forged in July 1944. The Bretton Woods Conference officially crowned the US dollar as the global reserve currency, backed by the world’s largest gold reserves. Other currencies were pegged to the US dollar’s value. . ◻️ International rules for foreign trade were laid out in the General Agreement on Tariffs and Trade (GATT) in 1947. In 1995, the agreement was transformed into the WTO. The US wielded these “tools” to secure geopolitical influence across Europe and Japan. Eastern Europe, the USSR, and China remained outside the zone of American expansion. . ◻️ Under the Marshall Plan, the US provided money, chiefly in the form of grants, to rebuild war-ravaged European economies. At the same time, it funneled lucrative orders to American companies, stimulating its own economy while solidifying its influence over Western Europe's economic systems. US gross national product rose from about $200 billion in 1940 to more than $500 billion in 1960. . 10:27 PM · Oct 21, 2024 · 8,506 Views https://x.com/SputnikInt/status/1848385613361225740
    Like
    Wow
    2
    8 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 892 มุมมอง 0 รีวิว
  • ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีอย่าง “ทรัมป์บ้า” ได้ประกาศตอกย้ำเอาไว้อีกครั้ง ว่าภายใต้การนำของประธานาธิบดีคนปัจจุบันอย่างคุณปู่ “โจ ซึมเซา” กำลังใกล้นำพาประเทศอเมริกาเข้าสู่ “สงครามโลกครั้งที่ 3” อีกแค่ไม่กี่เดือนข้างหน้า ถ้าว่ากันโดยคำพูดแบบ “คำต่อคำ” ที่ถูกถ่ายทอดผ่านสำนักข่าวต่างๆ ก็คือ... “เรากำลังมีปัญหา ที่ทำให้ผมรู้สึกวิตกกังวลเอาจริงๆ ต่อเหตุการณ์ในอีก 3 เดือนข้างหน้า ผมกังวลว่าเราอาจต้องจบลงด้วยสงครามโลกครั้งที่ 3 ด้วยเหตุเพราะรัฐบาลที่กำลังเป็นอยู่” หรือถึงขั้นถ้าตัวเองเกิดชนะเลือกตั้งขึ้นมา มีแต่ต้อง “ลงมืออย่างเร่งด่วนและด้วยความรวดเร็ว...ถึงจะช่วยปกปักรักษาประเทศอเมริกา ช่วยกอบกู้ประชาชนชาวแคลิฟอร์เนียให้พ้นไปจากเงื้อมมือของพรรคการเมืองตรงกันข้าม ด้วยการหยุดสงครามยูเครน ยุติความสับสนอลหม่านในตะวันออกกลาง และป้องกันไม่ให้เกิดสงครามโลกครั้งที่ 3 ให้จงได้!!!” นี่...เป็นเรื่อง-เป็นราว เป็นจริง-เป็นจัง ไปได้ถึงขั้นนั้น...

    เหตุที่ “ทรัมป์บ้า” ต้องนำเอาเรื่องราวเหล่านี้มาพูดจาหาเสียงกันอีกครั้ง แม้ว่าเคยพูดจาทำนองนี้มาแล้วหลายครั้งหลายหน มันออกจะเป็นอะไรที่น่าคิด น่าสะกิดใจ อยู่พอสมควรเหมือนกัน เพราะก่อนหน้านั้น...หนังสือพิมพ์ “The Washington Post” เขาได้นำเสนอรายงานข่าวเมื่อช่วงวันศุกร์ที่ผ่านมา (11 ต.ค.) ว่าประธานาธิบดีอเมริกันอย่าง “โจ ซึมเซา” ได้บอกกับที่ปรึกษาความมั่นคงทำเนียบขาว ให้ไป “เตือนอิหร่าน” ว่าความพยายามลอบสังหาร “ทรัมป์บ้า” นั้น เท่ากับเป็นการ “ประกาศสงคราม” กับอเมริกา อันอาจถือเป็นการแสดงความห่วงใย ความต้องการปกป้องชาวอเมริกัน แม้จะเป็นคู่แข่งทางการเมืองของตัวเองก็ตาม แต่ปัญหามีอยู่ว่า...ทำไมการคิดลอบสังหาร “ทรัมป์บ้า” มันดันถูกโยงไปยังคู่กัด-คู่อาฆาตของอเมริกาและพันธมิตรอันศักดิ์สิทธิ์อย่างอิสราเอล เช่นประเทศอิหร่านจนได้??? ทั้งที่น่าจะเป็น “คนละเรื่อง” แท้ๆ...

    ส่วนที่อาจเกี่ยวข้องอยู่บ้างนิดๆ ก็คือ...กรณีเกิดการลอบสังหารผู้นำทางทหารอิหร่าน อย่าง “พลเอกQassem Soleimani” เมื่อช่วงเดือนมกราคม ปี ค.ศ. 2020 อันเป็นช่วงเดียวกับที่ “ทรัมป์บ้า” ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี และอาจมีส่วนรับทราบ รู้เห็นต่อการกระทำเช่นนี้ แต่นั่นก็ยากที่จะนำมาเกี่ยวข้องโยงใยกับบรรดา “ผู้ต้องหา” หรือ “มือปืน” ที่พยายามลอบฆ่า ลอบสังหาร “ทรัมป์บ้า” คราวแล้ว คราวเล่า ซึ่งออกจะหนักไปทางพวก “สาวกเดโมแครต” นั่นแหละเป็นหลัก ไม่ได้เกี่ยวกับมุสลิม อิสลาม หรือกับอิหร่านด้วยเลย อีกทั้งในคำประกาศแก้แค้น-เอาคืนของอิหร่านต่อกรณีดังกล่าว ก็ดูจะเน้นหนักไปในทาง “ยุทธศาสตร์” ไม่ได้คิดจะอาศัยเพียงแค่ “ยุทธวิธี” แบบโง่ๆ-ง่ายๆ หรือมุ่งที่คิดจะเสือกไสไล่ส่ง บรรดาทหารอเมริกาทั้งมวลไม่ให้เหลือติดอยู่ในภูมิภาคตะวันออกกลางแม้แต่รายเดียว...อะไรประมาณนั้น...

    และก็แน่ล่ะว่า...ทางการอิหร่านเขาได้ออกมาปฏิเสธแบบหัวเด็ด-ตีนขาด ต่อ “ข้อกล่าวหา” เรื่องคิดจะลอบฆ่า ลอบสังหาร “ทรัมป์บ้า” มาแล้วตั้งแต่ต้น หรือตั้งแต่ถูก “ยิงเฉี่ยวหู” เมื่อช่วงกรกฎาคมที่ผ่านมา โฆษกกระทรวงการต่างประเทศอิหร่าน “นายNasser Kanaani” ได้ออกมาแถลงอย่างเป็นทางการว่าอิหร่านไม่เกี่ยวอะไรด้วยเลย และ “สิ่งที่อิหร่านต้องการก็คือการอาศัยการกระทำที่ถูกต้องตามตัวบทกฎหมายต่อผู้ที่มีส่วนรู้เห็น รับผิดชอบ การลอบสังหารพลเอกSoleimani” ด้วยเหตุนี้การนำเอาเรื่องการลอบสังหาร “ทรัมป์บ้า” มาเกี่ยวโยงกับอิหร่าน หรือมาใช้เป็น “ข้ออ้าง” ในการ “ประกาศสงคราม” ของอเมริกา มันเลยออกจะคล้ายๆ การประกาศสงครามกับ “ซัดดัม ฮุสเซน” แห่งอิรัก อันเนื่องมาจากมี “อาวุธทำลายล้าง” อยู่ในครอบครอง อะไรทำนองนั้น คือแม้จะมาจาก “การข่าว” ใดๆ ก็เถอะ แต่หนักไปทาง “ข่าวลวง-ข่าวลือ” ที่หาหลักฐาน-ข้อพิสูจน์ใดๆ แทบไม่ได้ ชนิดเผลอๆ... “ทรัมป์บ้า” อาจต้อง “ตายฟรี” พร้อมๆ กับการเปิดฉากสงครามกับอิหร่าน แบบยิงปืนนัดเดียวนกหล่นลงมาทั้งพวง เอาเลยก็ไม่แน่!!!

    การโยงเอาอิหร่านกับการลอบสังหาร “ทรัมป์บ้า” ให้กลายเป็น “คนละเรื่องเดียวกัน” ถึงขั้นที่ประธานาธิบดีคนปัจจุบันอย่าง “โจ ซึมเซา” ถึงกับออกมาประกาศว่าเป็นการ “ประกาศสงครามโดยตรงกับอเมริกา” ขณะที่พันธมิตรอันศักดิ์สิทธิ์อย่างอิสราเอลก็กำลังกระเหี้ยนกระหือรือ อยากจะแก้แค้น-เอาคืนกับอิหร่านเต็มที โดยหวังจะฉุดกระชากลากถูให้อเมริกาเข้ามาร่วมรุมถล่มอิหร่านอีกด้วยต่างหาก อันอาจนำไปสู่ฉากเหตุการณ์ “สงครามโลกครั้งที่ 3” อีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ดังที่ “ทรัมป์บ้า” ออกมาแสดงความวิตกกังวลในเวทีปราศรัยคราวล่าสุด อันนี้นี่แหละ...ที่มันเลยชักจะเป็น “คนละเรื่องเดียวกัน” อย่างแทบไม่น่าเชื่อแต่ก็คงต้องเชื่อจนได้...

    เพราะแม้ว่าอเมริกาภายใต้การนำของ “โจ ซึมเซา” หรือ “โจ ล้างเผ่าพันธุ์” ก็แล้วแต่จะเรียก พยายามแสดงท่าทีภายนอกว่าไม่อยากเห็นสงครามในตะวันออกกลาง ไม่ว่าอิสราเอลกับฮามาส กับเฮซบอลเลาะห์หรือกับอิหร่านก็ตามที แต่โดยความเคลื่อนไหวลึกๆ ลงไปแล้ว มันออกจะขัดแย้งและสวนทางกับการแสดงออกภายนอกอย่างเห็นได้โดยชัดเจน ไม่ว่าการมุ่ง “เติมเงิน-เติมอาวุธ” ให้กับรัฐบาลและกองทัพอิสราเอลแบบไม่ได้คิดยับยั้งชั่งใจใดๆ เอาเลยแม้แต่น้อย แม้บรรดาประเทศต่างๆ นับเป็นร้อยๆ ต่างออกมาตำหนิประณามอิสราเอล คราวแล้ว-คราวเล่า ไม่ว่าเรื่องการประกาศให้เลขาธิการยูเอ็นเป็น “บุคคลไม่พึงปรารถนา” การโจมตีกองกำลังรักษาสันติภาพของสหประชาชาติโดยใคร่ครวญเอาไว้ก่อน รวมทั้งการมุ่งหน้า “ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์” ชาวปาเลสไตน์อย่างไม่คิดจะยั้งมือ ฯลฯ แต่บรรดาสิ่งเหล่านี้ไม่ได้ส่งผลให้ผู้สนับสนุนอิสราเอลแบบ “มากกว่าประธานาธิบดีอเมริกันรายใดเท่าที่เคยมีมา” ดังที่ผู้ประกาศตัวเป็น “Zionist” อย่างคุณปู่ “โจ ซึมเซา” ได้ออกมาอวดโชว์คุณสมบัติของตัวเอง เกิดอาการคิดหน้า-คิดหลังต่อการสนับสนุนอิสราเอลแต่อย่างใด แต่กลับพร้อมที่จะกระพือฮือโหม “ไฟสงคราม”

    ไม่ว่าในแนวรบยุโรปตะวันออก หรือตะวันออกกลาง อย่างเป็นระบบและกิจการ...

    ล่าสุด...เห็นว่ากำลังคิดจะส่งระบบป้องกันภัยทางอากาศ “THAAD” ที่ว่ากันว่าสามารถสกัดกั้นการโจมตีจากจรวดที่มีความเร็วระดับ Mach 7.5 ไปให้กับอิสราเอล แถม “พลตรีPat Ryder” โฆษกเพนตากอนแสดงท่าทีว่าคิดจะส่งกำลังทหารอเมริกาและอังกฤษเพิ่มเติมเข้าไปในตะวันออกกลาง ช่วงวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (13 ต.ค.) รวมทั้งผู้บัญชาการ “CENTCOM” (The Commander of the US Central Command) “พลเอกMichale Kurilla” ยังอุตส่าห์ถ่อไปถึงประเทศอิสราเอลเพื่อแสดงออกถึงความร่วมมือกับกองทัพอิสราเอลในการวางแผนโจมตีอิหร่านอีกต่างหาก อันนี้นี่แหละ...เลยทำให้สิ่งที่เรียกว่า “สงครามโลกครั้งที่ 3” อาจระเบิดเถิดเทิงขึ้นในอีก “ไม่กี่เดือนข้างหน้า” จนส่งผลให้ “ทรัมป์บ้า” อดไม่ได้ต้องออกมาแสดงความวิตกกังวล ขณะปราศรัยหาเสียง ณ เวทีแคลิฟอร์เนีย...

    โดยเฉพาะสำหรับใครก็ตาม ที่มีโอกาสได้อ่านข้อเขียนบทความชิ้นล่าสุด ของอดีตทูตอินเดีย “M.K. Bhadrakumar” เรื่อง “Russia aligns with Iran, war cloud scatter” ที่สำนักข่าว “ผู้จัดการ” ของหมู่เฮานำมาแปลและถ่ายทอดไปเมื่อวัน-สองวันมานี้ ก็น่าจะพอมองเห็นถึง “ความเป็นไปได้” ของ “อภิมหาสงคราม” อันเนื่องมาจากการบ่งชี้ถึงการบรรลุข้อตกลงความร่วมมือทางความมั่นคงระหว่าง “อิหร่าน-รัสเซีย” หรือที่เรียกๆ กันว่า “The Big Treaty” ที่อาจทำให้การโจมตีอิหร่านย่อมหมายถึงการเผชิญหน้าโดยตรงกับคุณน้ารัสเซียควบคู่ไปด้วย และคงไม่ต่างอะไรไปจากคุณพี่จีนที่นักยุทธศาสตร์การทหารของจีนเขาเคยพูดๆ เอาไว้ตั้งแต่เมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว ว่าจีนพร้อมที่จะปกป้องอิหร่าน...แม้ว่าการกระทำดังกล่าวจะนำไปสู่สงครามโลกครั้งที่ 3 ก็ตามที...

    ภายใต้บรรยากาศเช่นนี้...เลยคงต้องขออนุญาตแนะนำให้ลองไปหาอ่านข้อเขียน บทความชิ้นล่าสุดของ “นายRon Paul” อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรรัฐเท็กซัส และผู้เคยลงสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีอเมริกามาแล้ว 3 ครั้ง ว่าด้วยเรื่อง “American Neocons Get Their Iran War as Congress Sleeps” หรือในขณะที่สมาชิกสภาคองเกรสอเมริกันกำลังนอนหลับคร่อกฟี้ๆ อยู่นั้น พวก “ขวาใหม่” หรือพวก “Neoconservative” ในอเมริกา อันเต็มไปด้วยลูกหลานชาวยิวยุ่มย่ามยั้วเยี้ยไปหมด อีกทั้งยังมีบทบาทอิทธิพลต่อรัฐบาลอเมริกันในแทบทุกยุค-ทุกสมัยกำลังประสบความสำเร็จในการฉุดกระชากลากถูให้อเมริกาต้องเปิดศึกสงครามกับอิหร่านจนได้ โดยย้ำให้เห็นว่า...สงครามเช่นนี้แทบไม่ก่อให้เกิดประโยชน์โพดผลใดๆ ต่อชาวอเมริกันและประเทศอเมริกาเอาเลยแม้แต่น้อย แต่ด้วยเหตุเพราะ... “เรา(ชาวอเมริกัน)กำลังเดินละเมอไปสู่สงครามแห่งกลียุค ที่ถูกกล่อมเกลาโดยการโฆษณาของบรรดาสื่อมวลชน อันจะมีผลให้ผู้คนนับพันๆ ล้านต้องประสบกับความยากลำบากทางเศรษฐกิจ และผู้บริสุทธิ์อีกมากกว่านั้นจะต้องสูญเสียชีวิตไปกับความบ้าคลั่งแห่งสงคราม...”

    ในบทความชิ้นนี้ยังได้สรุปไว้ในตอนท้ายอย่างน่าคิดสะกิดใจเอามากๆ ด้วยข้อความที่ว่า... “มากกว่าครึ่งศตวรรษมาแล้วที่เรายังคงไม่ได้เรียนรู้จากบทเรียนแห่งเหตุการณ์ 9/11 เมื่อเราออกไปสร้างความฉิบหายวายวอดให้กับผู้คนนอกประเทศที่ไม่เคยทำร้ายอะไรเราเลย นั่นก็คือเราได้สร้าง...ศัตรู ผู้ที่คิดจะแก้แค้น-เอาคืน หรือนั่นก็คือเราได้ทำร้ายตัวเราเอง เราสร้างความเสี่ยงให้กับการโต้กลับ ด้วยเหตุนี้...ถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องลุกขึ้นมาคัดค้านและปฏิเสธสงครามที่กำลังใกล้เข้ามา นับตั้งแต่...เดี๋ยวนี้!!!” นี่...เป็นไปได้-เป็นไปไม่ได้ อันนี้คงต้องขึ้นอยู่กับบรรดาอเมริกันชนทั้งหลาย ว่าจะ “ฟัง...แล้วได้ยิน” ต่อคำเตือนของอดีตนักการเมืองรายนี้หรือไม่? อย่างไร? นั่นแล...

    ที่มา ผู้จัดการออนไลน์ https://mgronline.com/daily/detail/9670000100145

    #Thaitimes
    ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีอย่าง “ทรัมป์บ้า” ได้ประกาศตอกย้ำเอาไว้อีกครั้ง ว่าภายใต้การนำของประธานาธิบดีคนปัจจุบันอย่างคุณปู่ “โจ ซึมเซา” กำลังใกล้นำพาประเทศอเมริกาเข้าสู่ “สงครามโลกครั้งที่ 3” อีกแค่ไม่กี่เดือนข้างหน้า ถ้าว่ากันโดยคำพูดแบบ “คำต่อคำ” ที่ถูกถ่ายทอดผ่านสำนักข่าวต่างๆ ก็คือ... “เรากำลังมีปัญหา ที่ทำให้ผมรู้สึกวิตกกังวลเอาจริงๆ ต่อเหตุการณ์ในอีก 3 เดือนข้างหน้า ผมกังวลว่าเราอาจต้องจบลงด้วยสงครามโลกครั้งที่ 3 ด้วยเหตุเพราะรัฐบาลที่กำลังเป็นอยู่” หรือถึงขั้นถ้าตัวเองเกิดชนะเลือกตั้งขึ้นมา มีแต่ต้อง “ลงมืออย่างเร่งด่วนและด้วยความรวดเร็ว...ถึงจะช่วยปกปักรักษาประเทศอเมริกา ช่วยกอบกู้ประชาชนชาวแคลิฟอร์เนียให้พ้นไปจากเงื้อมมือของพรรคการเมืองตรงกันข้าม ด้วยการหยุดสงครามยูเครน ยุติความสับสนอลหม่านในตะวันออกกลาง และป้องกันไม่ให้เกิดสงครามโลกครั้งที่ 3 ให้จงได้!!!” นี่...เป็นเรื่อง-เป็นราว เป็นจริง-เป็นจัง ไปได้ถึงขั้นนั้น... เหตุที่ “ทรัมป์บ้า” ต้องนำเอาเรื่องราวเหล่านี้มาพูดจาหาเสียงกันอีกครั้ง แม้ว่าเคยพูดจาทำนองนี้มาแล้วหลายครั้งหลายหน มันออกจะเป็นอะไรที่น่าคิด น่าสะกิดใจ อยู่พอสมควรเหมือนกัน เพราะก่อนหน้านั้น...หนังสือพิมพ์ “The Washington Post” เขาได้นำเสนอรายงานข่าวเมื่อช่วงวันศุกร์ที่ผ่านมา (11 ต.ค.) ว่าประธานาธิบดีอเมริกันอย่าง “โจ ซึมเซา” ได้บอกกับที่ปรึกษาความมั่นคงทำเนียบขาว ให้ไป “เตือนอิหร่าน” ว่าความพยายามลอบสังหาร “ทรัมป์บ้า” นั้น เท่ากับเป็นการ “ประกาศสงคราม” กับอเมริกา อันอาจถือเป็นการแสดงความห่วงใย ความต้องการปกป้องชาวอเมริกัน แม้จะเป็นคู่แข่งทางการเมืองของตัวเองก็ตาม แต่ปัญหามีอยู่ว่า...ทำไมการคิดลอบสังหาร “ทรัมป์บ้า” มันดันถูกโยงไปยังคู่กัด-คู่อาฆาตของอเมริกาและพันธมิตรอันศักดิ์สิทธิ์อย่างอิสราเอล เช่นประเทศอิหร่านจนได้??? ทั้งที่น่าจะเป็น “คนละเรื่อง” แท้ๆ... ส่วนที่อาจเกี่ยวข้องอยู่บ้างนิดๆ ก็คือ...กรณีเกิดการลอบสังหารผู้นำทางทหารอิหร่าน อย่าง “พลเอกQassem Soleimani” เมื่อช่วงเดือนมกราคม ปี ค.ศ. 2020 อันเป็นช่วงเดียวกับที่ “ทรัมป์บ้า” ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี และอาจมีส่วนรับทราบ รู้เห็นต่อการกระทำเช่นนี้ แต่นั่นก็ยากที่จะนำมาเกี่ยวข้องโยงใยกับบรรดา “ผู้ต้องหา” หรือ “มือปืน” ที่พยายามลอบฆ่า ลอบสังหาร “ทรัมป์บ้า” คราวแล้ว คราวเล่า ซึ่งออกจะหนักไปทางพวก “สาวกเดโมแครต” นั่นแหละเป็นหลัก ไม่ได้เกี่ยวกับมุสลิม อิสลาม หรือกับอิหร่านด้วยเลย อีกทั้งในคำประกาศแก้แค้น-เอาคืนของอิหร่านต่อกรณีดังกล่าว ก็ดูจะเน้นหนักไปในทาง “ยุทธศาสตร์” ไม่ได้คิดจะอาศัยเพียงแค่ “ยุทธวิธี” แบบโง่ๆ-ง่ายๆ หรือมุ่งที่คิดจะเสือกไสไล่ส่ง บรรดาทหารอเมริกาทั้งมวลไม่ให้เหลือติดอยู่ในภูมิภาคตะวันออกกลางแม้แต่รายเดียว...อะไรประมาณนั้น... และก็แน่ล่ะว่า...ทางการอิหร่านเขาได้ออกมาปฏิเสธแบบหัวเด็ด-ตีนขาด ต่อ “ข้อกล่าวหา” เรื่องคิดจะลอบฆ่า ลอบสังหาร “ทรัมป์บ้า” มาแล้วตั้งแต่ต้น หรือตั้งแต่ถูก “ยิงเฉี่ยวหู” เมื่อช่วงกรกฎาคมที่ผ่านมา โฆษกกระทรวงการต่างประเทศอิหร่าน “นายNasser Kanaani” ได้ออกมาแถลงอย่างเป็นทางการว่าอิหร่านไม่เกี่ยวอะไรด้วยเลย และ “สิ่งที่อิหร่านต้องการก็คือการอาศัยการกระทำที่ถูกต้องตามตัวบทกฎหมายต่อผู้ที่มีส่วนรู้เห็น รับผิดชอบ การลอบสังหารพลเอกSoleimani” ด้วยเหตุนี้การนำเอาเรื่องการลอบสังหาร “ทรัมป์บ้า” มาเกี่ยวโยงกับอิหร่าน หรือมาใช้เป็น “ข้ออ้าง” ในการ “ประกาศสงคราม” ของอเมริกา มันเลยออกจะคล้ายๆ การประกาศสงครามกับ “ซัดดัม ฮุสเซน” แห่งอิรัก อันเนื่องมาจากมี “อาวุธทำลายล้าง” อยู่ในครอบครอง อะไรทำนองนั้น คือแม้จะมาจาก “การข่าว” ใดๆ ก็เถอะ แต่หนักไปทาง “ข่าวลวง-ข่าวลือ” ที่หาหลักฐาน-ข้อพิสูจน์ใดๆ แทบไม่ได้ ชนิดเผลอๆ... “ทรัมป์บ้า” อาจต้อง “ตายฟรี” พร้อมๆ กับการเปิดฉากสงครามกับอิหร่าน แบบยิงปืนนัดเดียวนกหล่นลงมาทั้งพวง เอาเลยก็ไม่แน่!!! การโยงเอาอิหร่านกับการลอบสังหาร “ทรัมป์บ้า” ให้กลายเป็น “คนละเรื่องเดียวกัน” ถึงขั้นที่ประธานาธิบดีคนปัจจุบันอย่าง “โจ ซึมเซา” ถึงกับออกมาประกาศว่าเป็นการ “ประกาศสงครามโดยตรงกับอเมริกา” ขณะที่พันธมิตรอันศักดิ์สิทธิ์อย่างอิสราเอลก็กำลังกระเหี้ยนกระหือรือ อยากจะแก้แค้น-เอาคืนกับอิหร่านเต็มที โดยหวังจะฉุดกระชากลากถูให้อเมริกาเข้ามาร่วมรุมถล่มอิหร่านอีกด้วยต่างหาก อันอาจนำไปสู่ฉากเหตุการณ์ “สงครามโลกครั้งที่ 3” อีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ดังที่ “ทรัมป์บ้า” ออกมาแสดงความวิตกกังวลในเวทีปราศรัยคราวล่าสุด อันนี้นี่แหละ...ที่มันเลยชักจะเป็น “คนละเรื่องเดียวกัน” อย่างแทบไม่น่าเชื่อแต่ก็คงต้องเชื่อจนได้... เพราะแม้ว่าอเมริกาภายใต้การนำของ “โจ ซึมเซา” หรือ “โจ ล้างเผ่าพันธุ์” ก็แล้วแต่จะเรียก พยายามแสดงท่าทีภายนอกว่าไม่อยากเห็นสงครามในตะวันออกกลาง ไม่ว่าอิสราเอลกับฮามาส กับเฮซบอลเลาะห์หรือกับอิหร่านก็ตามที แต่โดยความเคลื่อนไหวลึกๆ ลงไปแล้ว มันออกจะขัดแย้งและสวนทางกับการแสดงออกภายนอกอย่างเห็นได้โดยชัดเจน ไม่ว่าการมุ่ง “เติมเงิน-เติมอาวุธ” ให้กับรัฐบาลและกองทัพอิสราเอลแบบไม่ได้คิดยับยั้งชั่งใจใดๆ เอาเลยแม้แต่น้อย แม้บรรดาประเทศต่างๆ นับเป็นร้อยๆ ต่างออกมาตำหนิประณามอิสราเอล คราวแล้ว-คราวเล่า ไม่ว่าเรื่องการประกาศให้เลขาธิการยูเอ็นเป็น “บุคคลไม่พึงปรารถนา” การโจมตีกองกำลังรักษาสันติภาพของสหประชาชาติโดยใคร่ครวญเอาไว้ก่อน รวมทั้งการมุ่งหน้า “ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์” ชาวปาเลสไตน์อย่างไม่คิดจะยั้งมือ ฯลฯ แต่บรรดาสิ่งเหล่านี้ไม่ได้ส่งผลให้ผู้สนับสนุนอิสราเอลแบบ “มากกว่าประธานาธิบดีอเมริกันรายใดเท่าที่เคยมีมา” ดังที่ผู้ประกาศตัวเป็น “Zionist” อย่างคุณปู่ “โจ ซึมเซา” ได้ออกมาอวดโชว์คุณสมบัติของตัวเอง เกิดอาการคิดหน้า-คิดหลังต่อการสนับสนุนอิสราเอลแต่อย่างใด แต่กลับพร้อมที่จะกระพือฮือโหม “ไฟสงคราม” ไม่ว่าในแนวรบยุโรปตะวันออก หรือตะวันออกกลาง อย่างเป็นระบบและกิจการ... ล่าสุด...เห็นว่ากำลังคิดจะส่งระบบป้องกันภัยทางอากาศ “THAAD” ที่ว่ากันว่าสามารถสกัดกั้นการโจมตีจากจรวดที่มีความเร็วระดับ Mach 7.5 ไปให้กับอิสราเอล แถม “พลตรีPat Ryder” โฆษกเพนตากอนแสดงท่าทีว่าคิดจะส่งกำลังทหารอเมริกาและอังกฤษเพิ่มเติมเข้าไปในตะวันออกกลาง ช่วงวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (13 ต.ค.) รวมทั้งผู้บัญชาการ “CENTCOM” (The Commander of the US Central Command) “พลเอกMichale Kurilla” ยังอุตส่าห์ถ่อไปถึงประเทศอิสราเอลเพื่อแสดงออกถึงความร่วมมือกับกองทัพอิสราเอลในการวางแผนโจมตีอิหร่านอีกต่างหาก อันนี้นี่แหละ...เลยทำให้สิ่งที่เรียกว่า “สงครามโลกครั้งที่ 3” อาจระเบิดเถิดเทิงขึ้นในอีก “ไม่กี่เดือนข้างหน้า” จนส่งผลให้ “ทรัมป์บ้า” อดไม่ได้ต้องออกมาแสดงความวิตกกังวล ขณะปราศรัยหาเสียง ณ เวทีแคลิฟอร์เนีย... โดยเฉพาะสำหรับใครก็ตาม ที่มีโอกาสได้อ่านข้อเขียนบทความชิ้นล่าสุด ของอดีตทูตอินเดีย “M.K. Bhadrakumar” เรื่อง “Russia aligns with Iran, war cloud scatter” ที่สำนักข่าว “ผู้จัดการ” ของหมู่เฮานำมาแปลและถ่ายทอดไปเมื่อวัน-สองวันมานี้ ก็น่าจะพอมองเห็นถึง “ความเป็นไปได้” ของ “อภิมหาสงคราม” อันเนื่องมาจากการบ่งชี้ถึงการบรรลุข้อตกลงความร่วมมือทางความมั่นคงระหว่าง “อิหร่าน-รัสเซีย” หรือที่เรียกๆ กันว่า “The Big Treaty” ที่อาจทำให้การโจมตีอิหร่านย่อมหมายถึงการเผชิญหน้าโดยตรงกับคุณน้ารัสเซียควบคู่ไปด้วย และคงไม่ต่างอะไรไปจากคุณพี่จีนที่นักยุทธศาสตร์การทหารของจีนเขาเคยพูดๆ เอาไว้ตั้งแต่เมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว ว่าจีนพร้อมที่จะปกป้องอิหร่าน...แม้ว่าการกระทำดังกล่าวจะนำไปสู่สงครามโลกครั้งที่ 3 ก็ตามที... ภายใต้บรรยากาศเช่นนี้...เลยคงต้องขออนุญาตแนะนำให้ลองไปหาอ่านข้อเขียน บทความชิ้นล่าสุดของ “นายRon Paul” อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรรัฐเท็กซัส และผู้เคยลงสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีอเมริกามาแล้ว 3 ครั้ง ว่าด้วยเรื่อง “American Neocons Get Their Iran War as Congress Sleeps” หรือในขณะที่สมาชิกสภาคองเกรสอเมริกันกำลังนอนหลับคร่อกฟี้ๆ อยู่นั้น พวก “ขวาใหม่” หรือพวก “Neoconservative” ในอเมริกา อันเต็มไปด้วยลูกหลานชาวยิวยุ่มย่ามยั้วเยี้ยไปหมด อีกทั้งยังมีบทบาทอิทธิพลต่อรัฐบาลอเมริกันในแทบทุกยุค-ทุกสมัยกำลังประสบความสำเร็จในการฉุดกระชากลากถูให้อเมริกาต้องเปิดศึกสงครามกับอิหร่านจนได้ โดยย้ำให้เห็นว่า...สงครามเช่นนี้แทบไม่ก่อให้เกิดประโยชน์โพดผลใดๆ ต่อชาวอเมริกันและประเทศอเมริกาเอาเลยแม้แต่น้อย แต่ด้วยเหตุเพราะ... “เรา(ชาวอเมริกัน)กำลังเดินละเมอไปสู่สงครามแห่งกลียุค ที่ถูกกล่อมเกลาโดยการโฆษณาของบรรดาสื่อมวลชน อันจะมีผลให้ผู้คนนับพันๆ ล้านต้องประสบกับความยากลำบากทางเศรษฐกิจ และผู้บริสุทธิ์อีกมากกว่านั้นจะต้องสูญเสียชีวิตไปกับความบ้าคลั่งแห่งสงคราม...” ในบทความชิ้นนี้ยังได้สรุปไว้ในตอนท้ายอย่างน่าคิดสะกิดใจเอามากๆ ด้วยข้อความที่ว่า... “มากกว่าครึ่งศตวรรษมาแล้วที่เรายังคงไม่ได้เรียนรู้จากบทเรียนแห่งเหตุการณ์ 9/11 เมื่อเราออกไปสร้างความฉิบหายวายวอดให้กับผู้คนนอกประเทศที่ไม่เคยทำร้ายอะไรเราเลย นั่นก็คือเราได้สร้าง...ศัตรู ผู้ที่คิดจะแก้แค้น-เอาคืน หรือนั่นก็คือเราได้ทำร้ายตัวเราเอง เราสร้างความเสี่ยงให้กับการโต้กลับ ด้วยเหตุนี้...ถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องลุกขึ้นมาคัดค้านและปฏิเสธสงครามที่กำลังใกล้เข้ามา นับตั้งแต่...เดี๋ยวนี้!!!” นี่...เป็นไปได้-เป็นไปไม่ได้ อันนี้คงต้องขึ้นอยู่กับบรรดาอเมริกันชนทั้งหลาย ว่าจะ “ฟัง...แล้วได้ยิน” ต่อคำเตือนของอดีตนักการเมืองรายนี้หรือไม่? อย่างไร? นั่นแล... ที่มา ผู้จัดการออนไลน์ https://mgronline.com/daily/detail/9670000100145 #Thaitimes
    MGRONLINE.COM
    อีกไม่เกิน 3 เดือน...สงครามโลกครั้งที่ 3???
    ปิดท้ายสัปดาห์นี้...คงต้องแวะไปดู “เลือกตั้งอเมริกา” ไว้สักหน่อยแล้วล่ะทั่น!!! เพราะไม่เพียงเขาจะเลือกกันในอีกไม่กี่วันข้างหน้า (5 พ.ย.) แต่เห็นว่าผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีแห่งพรรครีพับลิกัน อย่าง “ทรัมป์บ้า”
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 387 มุมมอง 0 รีวิว
  • รัสเซียและจีนจัดการเจรจาด้านกลาโหมอย่างจริงจัง เพื่อกระชับความสัมพันธ์ระหว่างกัน ในขณะที่ทั้งสองประเทศเป็นพันธมิตรแบบ "ไร้ขีดจำกัด" และร่วมกันวิพากษ์วิจารณ์สหรัฐฯ ที่พยายามขยายอิทธิพลในเอเชีย
    .
    "อังเดรย์ เบลูซอฟ" รัฐมนตรีกลาโหมรัสเซียพบหารือกับ "จาง โหย่วเสีย" รองประธานคณะกรรมาธิการทหารกลางของจีน โดยกระทรวงกลาโหมของรัสเซียและจีนมีความเห็นพ้องต้องกันเกี่ยวกับสถานการณ์โลกในปัจจุบัน และรู้ว่าควรทำอย่างไรเพื่อรับมือสถานการณ์เหล่านี้
    .
    กระทรวงกลาโหมจีนกล่าวหลังการประชุมว่า ทั้งสองฝ่ายต้องการขยายความสัมพันธ์ทางทหารและรักษาการติดต่อในระดับสูง
    .
    การเยือนจีนของเบลูซอฟเกิดขึ้นในขณะที่จีนกำลังให้คำมั่นว่าจะดำเนินการเพิ่มเติมหากจำเป็น หลังจากได้จัดการซ้อมรบที่เป็นการเตือนต่อ "การแบ่งแยกดินแดน"
    .
    จีนและรัสเซียประกาศพันธมิตร "ไร้ขีดจำกัด" ในเดือนกุมภาพันธ์ 2022 ซึ่งเป็นช่วงที่ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน เยือนจีน ก่อนที่รัสเซียจะบุกยูเครนครั้งใหญ่ จนนำไปสู่สงครามที่รุนแรงที่สุดในยุโรปนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่สอง
    .
    ในเดือนพฤษภาคมปีนี้ ปูตินและสี จิ้นผิง ผู้นำจีน ให้คำมั่นว่าจะสร้าง "ยุคใหม่" ของความเป็นพันธมิตรระหว่างสองประเทศ โดยมองว่าสหรัฐฯ เป็นเจ้าโลกที่ก้าวร้าวและสร้างความวุ่นวายไปทั่วโลก
    .
    เบลูซอฟกล่าวเสริมว่า ผู้นำทั้งสองประเทศได้ตกลงที่จะกระชับ "พันธมิตรเชิงยุทธศาสตร์" และเขามั่นใจว่าการทำงานร่วมกันในอนาคตจะนำไปสู่การตัดสินใจที่สำคัญและเป็นประโยชน์
    .
    เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา รัสเซียยังประกาศว่า จะยืนเคียงข้างจีนในประเด็นต่างๆ ในเอเชีย รวมถึงการวิพากษ์ความพยายามของสหรัฐฯ ที่ต้องการขยายอิทธิพลและสร้างความตึงเครียดรอบไต้หวัน
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000100035
    ..............
    Sondhi X
    รัสเซียและจีนจัดการเจรจาด้านกลาโหมอย่างจริงจัง เพื่อกระชับความสัมพันธ์ระหว่างกัน ในขณะที่ทั้งสองประเทศเป็นพันธมิตรแบบ "ไร้ขีดจำกัด" และร่วมกันวิพากษ์วิจารณ์สหรัฐฯ ที่พยายามขยายอิทธิพลในเอเชีย . "อังเดรย์ เบลูซอฟ" รัฐมนตรีกลาโหมรัสเซียพบหารือกับ "จาง โหย่วเสีย" รองประธานคณะกรรมาธิการทหารกลางของจีน โดยกระทรวงกลาโหมของรัสเซียและจีนมีความเห็นพ้องต้องกันเกี่ยวกับสถานการณ์โลกในปัจจุบัน และรู้ว่าควรทำอย่างไรเพื่อรับมือสถานการณ์เหล่านี้ . กระทรวงกลาโหมจีนกล่าวหลังการประชุมว่า ทั้งสองฝ่ายต้องการขยายความสัมพันธ์ทางทหารและรักษาการติดต่อในระดับสูง . การเยือนจีนของเบลูซอฟเกิดขึ้นในขณะที่จีนกำลังให้คำมั่นว่าจะดำเนินการเพิ่มเติมหากจำเป็น หลังจากได้จัดการซ้อมรบที่เป็นการเตือนต่อ "การแบ่งแยกดินแดน" . จีนและรัสเซียประกาศพันธมิตร "ไร้ขีดจำกัด" ในเดือนกุมภาพันธ์ 2022 ซึ่งเป็นช่วงที่ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน เยือนจีน ก่อนที่รัสเซียจะบุกยูเครนครั้งใหญ่ จนนำไปสู่สงครามที่รุนแรงที่สุดในยุโรปนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่สอง . ในเดือนพฤษภาคมปีนี้ ปูตินและสี จิ้นผิง ผู้นำจีน ให้คำมั่นว่าจะสร้าง "ยุคใหม่" ของความเป็นพันธมิตรระหว่างสองประเทศ โดยมองว่าสหรัฐฯ เป็นเจ้าโลกที่ก้าวร้าวและสร้างความวุ่นวายไปทั่วโลก . เบลูซอฟกล่าวเสริมว่า ผู้นำทั้งสองประเทศได้ตกลงที่จะกระชับ "พันธมิตรเชิงยุทธศาสตร์" และเขามั่นใจว่าการทำงานร่วมกันในอนาคตจะนำไปสู่การตัดสินใจที่สำคัญและเป็นประโยชน์ . เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา รัสเซียยังประกาศว่า จะยืนเคียงข้างจีนในประเด็นต่างๆ ในเอเชีย รวมถึงการวิพากษ์ความพยายามของสหรัฐฯ ที่ต้องการขยายอิทธิพลและสร้างความตึงเครียดรอบไต้หวัน . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000100035 .............. Sondhi X
    Like
    Love
    Wow
    5
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1302 มุมมอง 0 รีวิว
  • อีลิทโปรแกรมเองอย่างตั้งใจว่าต้องก่อสงครามโลกครั้งที่3 แน่นอน ตอนที่4(ท่องโลกสู่จักรวาล&มหาปฐมบทสู่มหาสงครามจักรวาลบนอวกาศในอนาคต,คงได้เห็นเวลาอันใกล้ หากใครอยู่ถึงขนาดนั้น.)
    อีลิทโปรแกรมเองอย่างตั้งใจว่าต้องก่อสงครามโลกครั้งที่3 แน่นอน ตอนที่4(ท่องโลกสู่จักรวาล&มหาปฐมบทสู่มหาสงครามจักรวาลบนอวกาศในอนาคต,คงได้เห็นเวลาอันใกล้ หากใครอยู่ถึงขนาดนั้น.)
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 100 มุมมอง 77 0 รีวิว
Pages Boosts