• โฆษก ทบ. โต้ "ฮุน มาเนต" ปม "เขตแดน" ชี้กัมพูชา "ละเมิด MOU" รุกพื้นที่ไทยกว่า 20 ปี ย้ำ "หนองหญ้าแก้ว-หนองจาน" อยู่ในเขตไทยชัดเจน ไม่ใช่พื้นที่อ้างสิทธิ์ทับซ้อน
    https://www.thai-tai.tv/news/21642/
    .
    #โฆษกทบ #ฮุนมาเนต #เขตแดนไทยกัมพูชา #รุกล้ำเขตแดน #MOU2000 #หนองหญ้าแก้ว #ไทยไท
    โฆษก ทบ. โต้ "ฮุน มาเนต" ปม "เขตแดน" ชี้กัมพูชา "ละเมิด MOU" รุกพื้นที่ไทยกว่า 20 ปี ย้ำ "หนองหญ้าแก้ว-หนองจาน" อยู่ในเขตไทยชัดเจน ไม่ใช่พื้นที่อ้างสิทธิ์ทับซ้อน https://www.thai-tai.tv/news/21642/ . #โฆษกทบ #ฮุนมาเนต #เขตแดนไทยกัมพูชา #รุกล้ำเขตแดน #MOU2000 #หนองหญ้าแก้ว #ไทยไท
    0 Comments 0 Shares 19 Views 0 Reviews
  • ในการประชุม JBC ประธานฝ่ายไทยได้ย้ำท่าทีไทยตอบโต้ทุกประเด็นที่ถูกกล่าวหา (ซึ่งได้บันทึกแนบไว้ในเอกสารผลลัพธ์ Agreed Minutes ของการประชุมครั้งนี้) ดังนี้

    การดำเนินการของไทยเป็นไปโดยความจำเป็นตามหลักการป้องกันตัวจากการที่ถูกฝ่ายกัมพูชาโจมตีก่อน และเป็นไปอย่างเหมาะสมและได้สัดส่วนตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศ
    ไทยแสดงความผิดหวังที่ฝ่ายกัมพูชาเลือกที่จะปิดประตูการเจรจาอย่างสันติใน 4 พื้นที่ โดยท่าทีของรัฐบาลไทยมาโดยตลอด ได้เน้นความสำคัญของการแก้ไขปัญหาระหว่างกันแบบทวิภาคี และบทบาทที่สำคัญของ JBC ในการทำให้มีเขตแดนชัดเจนระหว่างกัน เพื่อประโยชน์แก่ประชาชนทั้งสองฝ่าย
    ไทยย้ำถึงความสำคัญที่ทั้งสองฝ่ายจะต้องยึดมั่น MOU 2543 (ซึ่งฝ่ายกัมพูชาได้เห็นชอบร่วมกับไทย) โดยไม่ดำเนินการใด ๆ ที่เป็นการเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมของเขตแดน ไม่รุกล้ำเขตแดนระหว่างกัน และทั้งสองฝ่ายจะต้องใช้ความอดกลั้นเพื่อไม่ให้สถานการณ์ลุกลามบานปลาย
    ทั้งสองฝ่ายจะต้องหลีกเลี่ยงการเผยแพร่ข้อมูลที่จะนำไปสู่ความเข้าใจผิดและขัดแย้งในวงกว้าง และย้ำถึงความสำคัญของการใช้กลไกความร่วมมือทวิภาคีอื่น ๆ ในการช่วยแก้ปัญหาด้วย เช่น GBC, RBC การประชุมผู้ว่าจังหวัดชายแดนไทย – กัมพูชา เพื่อให้แนวชายแดนมีความสงบเป็นปกติ และอำนวยความสะดวกการเดินทางของคนและขนส่งสินค้า ซึ่งฝ่ายกัมพูชาปฏิเสธที่จะหารือในประเด็นนี้


    แต่ mou43 มันยอมรับแผนที่ 1 ต่อ 200000
    ในการประชุม JBC ประธานฝ่ายไทยได้ย้ำท่าทีไทยตอบโต้ทุกประเด็นที่ถูกกล่าวหา (ซึ่งได้บันทึกแนบไว้ในเอกสารผลลัพธ์ Agreed Minutes ของการประชุมครั้งนี้) ดังนี้ การดำเนินการของไทยเป็นไปโดยความจำเป็นตามหลักการป้องกันตัวจากการที่ถูกฝ่ายกัมพูชาโจมตีก่อน และเป็นไปอย่างเหมาะสมและได้สัดส่วนตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศ ไทยแสดงความผิดหวังที่ฝ่ายกัมพูชาเลือกที่จะปิดประตูการเจรจาอย่างสันติใน 4 พื้นที่ โดยท่าทีของรัฐบาลไทยมาโดยตลอด ได้เน้นความสำคัญของการแก้ไขปัญหาระหว่างกันแบบทวิภาคี และบทบาทที่สำคัญของ JBC ในการทำให้มีเขตแดนชัดเจนระหว่างกัน เพื่อประโยชน์แก่ประชาชนทั้งสองฝ่าย ไทยย้ำถึงความสำคัญที่ทั้งสองฝ่ายจะต้องยึดมั่น MOU 2543 (ซึ่งฝ่ายกัมพูชาได้เห็นชอบร่วมกับไทย) โดยไม่ดำเนินการใด ๆ ที่เป็นการเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมของเขตแดน ไม่รุกล้ำเขตแดนระหว่างกัน และทั้งสองฝ่ายจะต้องใช้ความอดกลั้นเพื่อไม่ให้สถานการณ์ลุกลามบานปลาย ทั้งสองฝ่ายจะต้องหลีกเลี่ยงการเผยแพร่ข้อมูลที่จะนำไปสู่ความเข้าใจผิดและขัดแย้งในวงกว้าง และย้ำถึงความสำคัญของการใช้กลไกความร่วมมือทวิภาคีอื่น ๆ ในการช่วยแก้ปัญหาด้วย เช่น GBC, RBC การประชุมผู้ว่าจังหวัดชายแดนไทย – กัมพูชา เพื่อให้แนวชายแดนมีความสงบเป็นปกติ และอำนวยความสะดวกการเดินทางของคนและขนส่งสินค้า ซึ่งฝ่ายกัมพูชาปฏิเสธที่จะหารือในประเด็นนี้ แต่ mou43 มันยอมรับแผนที่ 1 ต่อ 200000
    0 Comments 0 Shares 387 Views 0 Reviews
  • โต้ข่าวเท็จกัมพูชา ไทยไม่ส่งโดรนสอดแนม : [NEWS UPDATE]
    พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ชี้แจงกรณีสำนักข่าวกัมพูชา อ้างรายงานจากชายแดนไทย - กัมพูชาว่าทหารกัมพูชาที่ประจำแนวหน้าใน จ.พระวิหาร สกัดโดรนที่บินรุกล้ำน่านฟ้า เพื่อลาดตระเวน และชี้ว่าทหารไทยส่งโดรนสอดแนมการเคลื่อนกำลังพลและอาวุธของกองทัพกัมพูชา ยืนยันว่า เป็นข่าวเท็จ การใช้โดรนทั้งไทยและกัมพูชาก็ใช้ พื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่อ้างสิทธิทับซ้อน ยังไม่มีการแบ่งเขตแดนที่ชัดเจน การใช้โดรนจึงไม่สามารถรู้ได้ว่ารุกล้ำเขตแดนใครหรือไม่ โดรนดังกล่าวไม่ใช่ของไทย การเคลื่อนกำลังพลหรืออาวุธยุทโธปกรณ์ ของกองทัพกัมพูชา มีให้เห็นผ่านโซเชียลมีเดียเต็มไปหมด ไม่จำเป็นต้องใช้โดรน การดูข่าวสารจากฝั่งกัมพูชาช่วงนี้ ขอให้ตรวจสอบจากแหล่งข่าวที่เชื่อถือได้ ส่วนใหญ่เป็นข่าวไม่จริง


    ทำหนังสือประท้วงกัมพูชา

    ปลุกใจทหารรักษาอธิปไตย

    น้ำมันปาล์มต่ำ 50 บาทแน่

    สารอันตรายดินแม่น้ำกก
    โต้ข่าวเท็จกัมพูชา ไทยไม่ส่งโดรนสอดแนม : [NEWS UPDATE] พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ชี้แจงกรณีสำนักข่าวกัมพูชา อ้างรายงานจากชายแดนไทย - กัมพูชาว่าทหารกัมพูชาที่ประจำแนวหน้าใน จ.พระวิหาร สกัดโดรนที่บินรุกล้ำน่านฟ้า เพื่อลาดตระเวน และชี้ว่าทหารไทยส่งโดรนสอดแนมการเคลื่อนกำลังพลและอาวุธของกองทัพกัมพูชา ยืนยันว่า เป็นข่าวเท็จ การใช้โดรนทั้งไทยและกัมพูชาก็ใช้ พื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่อ้างสิทธิทับซ้อน ยังไม่มีการแบ่งเขตแดนที่ชัดเจน การใช้โดรนจึงไม่สามารถรู้ได้ว่ารุกล้ำเขตแดนใครหรือไม่ โดรนดังกล่าวไม่ใช่ของไทย การเคลื่อนกำลังพลหรืออาวุธยุทโธปกรณ์ ของกองทัพกัมพูชา มีให้เห็นผ่านโซเชียลมีเดียเต็มไปหมด ไม่จำเป็นต้องใช้โดรน การดูข่าวสารจากฝั่งกัมพูชาช่วงนี้ ขอให้ตรวจสอบจากแหล่งข่าวที่เชื่อถือได้ ส่วนใหญ่เป็นข่าวไม่จริง ทำหนังสือประท้วงกัมพูชา ปลุกใจทหารรักษาอธิปไตย น้ำมันปาล์มต่ำ 50 บาทแน่ สารอันตรายดินแม่น้ำกก
    Like
    Love
    4
    0 Comments 0 Shares 703 Views 33 0 Reviews
  • #โฆษกกองทัพบก ยันไม่จำเป็นต้องส่งโดรนหาข่าว เพราะการเคลื่อนกำลัง-อาวุธของกัมพูชา มีให้เห็นเต็มสื่อโซเชียล เผย ตามปกติใช้โดรนทั้งสองฝ่ายบริเวณพื้นที่ทับซ้อน ไม่มีเขตแดนชัดเจน แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าล้ำแดน แต่ยืนยันว่าครั้งนี้ไทยไม่ได้ส่งเข้าไป และโดรนลำที่เป็นข่าวไม่ใช่ของไทย

    จากกรณีสื่อมวลชนของกัมพูชา รายงานว่า ช่วงบ่ายวันจันทร์ที่ 2 มิ.ย.ทหารกัมพูชาที่ประจำอยู่แนวหน้าใน จ.พระวิหาร ได้สกัดโดรนที่บินรุกล้ำน่านฟ้าของกัมพูช จากการประเมินเบื้องต้น คาดว่า ทหารไทยได้ส่งโดรนเข้าไปรวบรวมข่าวกรองเกี่ยวกับการเคลื่อนกำลังพลและอาวุธของกองทัพกัมพูชานั้น วันนี้ (3 มิ.ย.) พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวว่า ไม่เป็นความจริง และการใช้โดรนปัจจุบันถือเป็นเรื่องปกติ การใช้โดรนในพื้นที่ดังกล่าวทั้งไทยและกัมพูชาต่างก็ใช้ ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่อ้างสิทธิทับซ้อน ยังไม่มีการแบ่งเขตแดนที่ชัดเจน การใช้โดรนจึงไม่สามารถรู้ได้ว่ารุกล้ำเขตแดนของใครหรือไม่ แต่ยืนยันว่าไทยเราไม่มีการส่งโดรนเข้าไป และโดรนดังกล่าวก็ไม่ใช่ของไทย

    พล.ต.วินธัย กล่าวอีกว่า ในการเคลื่อนกำลังพล หรืออาวุธยุทโธปกรณ์ของกองทัพกัมพูชา มีให้เห็นผ่านทางโซเชียลมีเดียเต็มว่อนไปหมด จึงไม่จำเป็นที่จะต้องใช้โดรน

    “การดูข่าวสารจากฝั่งกัมพูชาช่วงนี้ ขอให้ตรวจสอบจากแหล่งข่าวที่เชื่อถือได้ ส่วนใหญ่เป็นข่าวไม่จริง” พล.ต.วินธัย กล่าว

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/politics/detail/9680000052004

    #MGROnline #โดรน #กัมพูชา
    #โฆษกกองทัพบก ยันไม่จำเป็นต้องส่งโดรนหาข่าว เพราะการเคลื่อนกำลัง-อาวุธของกัมพูชา มีให้เห็นเต็มสื่อโซเชียล เผย ตามปกติใช้โดรนทั้งสองฝ่ายบริเวณพื้นที่ทับซ้อน ไม่มีเขตแดนชัดเจน แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าล้ำแดน แต่ยืนยันว่าครั้งนี้ไทยไม่ได้ส่งเข้าไป และโดรนลำที่เป็นข่าวไม่ใช่ของไทย • จากกรณีสื่อมวลชนของกัมพูชา รายงานว่า ช่วงบ่ายวันจันทร์ที่ 2 มิ.ย.ทหารกัมพูชาที่ประจำอยู่แนวหน้าใน จ.พระวิหาร ได้สกัดโดรนที่บินรุกล้ำน่านฟ้าของกัมพูช จากการประเมินเบื้องต้น คาดว่า ทหารไทยได้ส่งโดรนเข้าไปรวบรวมข่าวกรองเกี่ยวกับการเคลื่อนกำลังพลและอาวุธของกองทัพกัมพูชานั้น วันนี้ (3 มิ.ย.) พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวว่า ไม่เป็นความจริง และการใช้โดรนปัจจุบันถือเป็นเรื่องปกติ การใช้โดรนในพื้นที่ดังกล่าวทั้งไทยและกัมพูชาต่างก็ใช้ ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่อ้างสิทธิทับซ้อน ยังไม่มีการแบ่งเขตแดนที่ชัดเจน การใช้โดรนจึงไม่สามารถรู้ได้ว่ารุกล้ำเขตแดนของใครหรือไม่ แต่ยืนยันว่าไทยเราไม่มีการส่งโดรนเข้าไป และโดรนดังกล่าวก็ไม่ใช่ของไทย • พล.ต.วินธัย กล่าวอีกว่า ในการเคลื่อนกำลังพล หรืออาวุธยุทโธปกรณ์ของกองทัพกัมพูชา มีให้เห็นผ่านทางโซเชียลมีเดียเต็มว่อนไปหมด จึงไม่จำเป็นที่จะต้องใช้โดรน • “การดูข่าวสารจากฝั่งกัมพูชาช่วงนี้ ขอให้ตรวจสอบจากแหล่งข่าวที่เชื่อถือได้ ส่วนใหญ่เป็นข่าวไม่จริง” พล.ต.วินธัย กล่าว • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/politics/detail/9680000052004 • #MGROnline #โดรน #กัมพูชา
    0 Comments 0 Shares 394 Views 0 Reviews
  • สนธินัด 2 ธ.ค. ยื่นหนังสือถึงนายกฯ จี้ชี้แจงเอ็มโอยู 44
    .
    สนธิ ลิ้มทองกุล เตรียมยื่นหนังสือที่ทำเนียบรัฐบาล ให้นายกรัฐมนตรีชี้แจงกรณีเอ็มโอยูไทย-กัมพูชา ปี 2544 ชี้เรื่องนี้เรื่องใหญ่ จ่อสูญเสียอธิปไตยเช่นเดียวกรณีปราสาทพระวิหาร ชี้มีพระบรมราชโองการ รัชกาลที่ 9 ยึดหลักกฎหมายทะเลสากล
    .
    วันนี้ (25 พ.ย.) นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ดำเนินรายการ คุยทุกเรื่องกับสนธิ กล่าวในรายการสนธิเล่าเรื่อง ทางยูทูบ Sondhitalk ระบุว่า ในวันจันทร์ที่ 2 ธ.ค. 2567 เวลา 10.30 น. ตนและนายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีสถาบันแพทย์แผนบูรณาการและเวชศาสตร์ชะลอวัย มหาวิทยาลัยรังสิต จะไปยื่นหนังสือถึง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่ทำเนียบรัฐบาล เพื่อให้นายกฯ ชี้แจงกรณีเอ็มโอยู ไทย-กัมพูชา 2544 ที่เกี่ยวข้องกับพื้นที่ทางทะเล 12 ไมล์ทะเลโดยรอบเกาะกูด จ.ตราด หลังจากที่นายภูมิธรรม เวชยะชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม อ้างว่าเกาะกูดยังเป็นของไทย และเอ็มโอยูไทย-กัมพูชา ปี 2544 ไม่สามารถยกเลิกได้
    .
    โดยนายสนธิเห็นว่าการที่นายภูมิธรรมพูด แสดงว่าไม่เข้าใจว่าเอ็มโอยูเป็นข้อตกลงเบื้องต้น ไม่ใช่สนธิสัญญาใดๆ ทั้งสิ้น เป็นสิทธิของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งที่หากไม่พอใจข้อตกลงก็สามารถถอนตัวได้ พร้อมกันนี้ ถ้าหากรัฐบาลและพรรคเพื่อไทยมั่นใจในข้อมูล ก็อยากจะเสนอให้นายภูมิธรรมมาออกรายการโทรทัศน์สาธารณะ ซึ่งฝั่งตนจะอธิบายและคัดค้านด้วยหลักฐานและข้อเท็จจริง นอกจากนี้ตนขอถามว่า การที่ผู้บัญชาการทหารเรือสั่งทหารเรือหยุดลาดตระเวนโดยรอบเกาะกูดเป็นคำสั่งของนายภูมิธรรมหรือไม่ ถ้าสั่งจริงก็เหมือนกับจะยกพื้นที่ให้กับกัมพูชาใช่หรือไม่
    .
    สำหรับที่มาที่ไปของเอ็มโอยู 2544 คนที่ลงนามเป็นคนแรกคือ นายสุรเกียรติ เสถียรไทย รมว.ต่างประเทศในขณะนั้น โดยมีนายทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีในขณะนั้นเป็นผู้รับรอง เคยมีความพยายามยกเลิกในสมัยรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ แต่ไม่ทันนำเข้าสู่ที่ประชุมรัฐสภา กระทั่งสมัยรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้มีการนำเรื่องเอ็มโอยู 2544 ขึ้นมาพิจารณาอีกครั้ง โดย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ในขณะนั้น การที่ยอมรับเอ็มโอยู 2544 เท่ากับเป็นการยอมรับกัมพูชาลากเส้นทางทะเลรุกล้ำเขตแดนฝั่งไทย ทั้งที่สมัยรัชกาลที่ 9 เคยมีพระบรมราชโองการและหลักฐานชัดเจนว่าถ้าจะมีการเจรจาให้ยึดกฎหมายทะเลสากลเป็นหลัก แต่ไม่มีใครพูดถึง
    .
    “เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ เป็นเรื่องของการสูญเสียอธิปไตยไป เราสูญเสียเขาพระวิหารให้เขมรแล้ว ยุคนั้นเขมรไปฟ้องศาลโลก เราเตือนรัฐบาลนายอภิสิทธิ์แล้วว่าอย่าไป เพราะเราไม่ยอมรับศาลโลก แต่รัฐบาลอภิสิทธิ์แสดงว่ายอมรับความเป็นสากล ผลปรากฎว่าเราแพ้ วันนี้เราใช้กฎหมายทะเลสากล เขมรก็ไม่ยอมรับตรงนี้ แต่กลับกันสมัยรัฐบาลอภิสิทธิ์กลับยอมรับศาลโลกได้ มันเป็นความขัดแย้งที่เลวร้ายมาก คนๆ หนึ่งจะตัดสินใจคนละแบบได้อย่างไร ถ้าเราจะเจรจากับเขมรด้วยหลักการเอ็มโอยู 2544 เราจะสูญเสียอธิปไตยอย่างแน่นอน ประชาชนรับได้หรือไม่ที่นายทักษิณพูดว่า ช่างมันเถอะ แบ่งผลประโยชน์กัน 50-50 คุณทักษิณพูดแต่เรื่องผลประโยชน์ แต่ไม่พูดเรื่องอธิปไตยของชาติ“ นายสนธิ กล่าว
    .
    นายสนธิ กล่าวว่า เจ้าหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศ นายภูมิธรรม รวมทั้งนายกรัฐมนตรีแพทองธาร ไม่พูดถึงพระบรมราชโองการของรัฐบาลที่ 9 ซึ่งประกาศออกมาในปี 2516 ว่ามีหลักการแบบนี้ แต่ไม่มีใครกล้าพูด เพราะพระบรมราชโองการเมื่อประกาศออกมาแล้ว ถือว่าเป็นคำสั่งของจอมทัพ ของประมุขประเทศ คนอื่นจะไปทำเป็นอย่างอื่นย่อมทำไม่ได้อยู่แล้ว เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล็กแล้ว เป็นเรื่องใหญ่
    ........
    Sondhi X
    สนธินัด 2 ธ.ค. ยื่นหนังสือถึงนายกฯ จี้ชี้แจงเอ็มโอยู 44 . สนธิ ลิ้มทองกุล เตรียมยื่นหนังสือที่ทำเนียบรัฐบาล ให้นายกรัฐมนตรีชี้แจงกรณีเอ็มโอยูไทย-กัมพูชา ปี 2544 ชี้เรื่องนี้เรื่องใหญ่ จ่อสูญเสียอธิปไตยเช่นเดียวกรณีปราสาทพระวิหาร ชี้มีพระบรมราชโองการ รัชกาลที่ 9 ยึดหลักกฎหมายทะเลสากล . วันนี้ (25 พ.ย.) นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ดำเนินรายการ คุยทุกเรื่องกับสนธิ กล่าวในรายการสนธิเล่าเรื่อง ทางยูทูบ Sondhitalk ระบุว่า ในวันจันทร์ที่ 2 ธ.ค. 2567 เวลา 10.30 น. ตนและนายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีสถาบันแพทย์แผนบูรณาการและเวชศาสตร์ชะลอวัย มหาวิทยาลัยรังสิต จะไปยื่นหนังสือถึง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่ทำเนียบรัฐบาล เพื่อให้นายกฯ ชี้แจงกรณีเอ็มโอยู ไทย-กัมพูชา 2544 ที่เกี่ยวข้องกับพื้นที่ทางทะเล 12 ไมล์ทะเลโดยรอบเกาะกูด จ.ตราด หลังจากที่นายภูมิธรรม เวชยะชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม อ้างว่าเกาะกูดยังเป็นของไทย และเอ็มโอยูไทย-กัมพูชา ปี 2544 ไม่สามารถยกเลิกได้ . โดยนายสนธิเห็นว่าการที่นายภูมิธรรมพูด แสดงว่าไม่เข้าใจว่าเอ็มโอยูเป็นข้อตกลงเบื้องต้น ไม่ใช่สนธิสัญญาใดๆ ทั้งสิ้น เป็นสิทธิของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งที่หากไม่พอใจข้อตกลงก็สามารถถอนตัวได้ พร้อมกันนี้ ถ้าหากรัฐบาลและพรรคเพื่อไทยมั่นใจในข้อมูล ก็อยากจะเสนอให้นายภูมิธรรมมาออกรายการโทรทัศน์สาธารณะ ซึ่งฝั่งตนจะอธิบายและคัดค้านด้วยหลักฐานและข้อเท็จจริง นอกจากนี้ตนขอถามว่า การที่ผู้บัญชาการทหารเรือสั่งทหารเรือหยุดลาดตระเวนโดยรอบเกาะกูดเป็นคำสั่งของนายภูมิธรรมหรือไม่ ถ้าสั่งจริงก็เหมือนกับจะยกพื้นที่ให้กับกัมพูชาใช่หรือไม่ . สำหรับที่มาที่ไปของเอ็มโอยู 2544 คนที่ลงนามเป็นคนแรกคือ นายสุรเกียรติ เสถียรไทย รมว.ต่างประเทศในขณะนั้น โดยมีนายทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีในขณะนั้นเป็นผู้รับรอง เคยมีความพยายามยกเลิกในสมัยรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ แต่ไม่ทันนำเข้าสู่ที่ประชุมรัฐสภา กระทั่งสมัยรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้มีการนำเรื่องเอ็มโอยู 2544 ขึ้นมาพิจารณาอีกครั้ง โดย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ในขณะนั้น การที่ยอมรับเอ็มโอยู 2544 เท่ากับเป็นการยอมรับกัมพูชาลากเส้นทางทะเลรุกล้ำเขตแดนฝั่งไทย ทั้งที่สมัยรัชกาลที่ 9 เคยมีพระบรมราชโองการและหลักฐานชัดเจนว่าถ้าจะมีการเจรจาให้ยึดกฎหมายทะเลสากลเป็นหลัก แต่ไม่มีใครพูดถึง . “เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ เป็นเรื่องของการสูญเสียอธิปไตยไป เราสูญเสียเขาพระวิหารให้เขมรแล้ว ยุคนั้นเขมรไปฟ้องศาลโลก เราเตือนรัฐบาลนายอภิสิทธิ์แล้วว่าอย่าไป เพราะเราไม่ยอมรับศาลโลก แต่รัฐบาลอภิสิทธิ์แสดงว่ายอมรับความเป็นสากล ผลปรากฎว่าเราแพ้ วันนี้เราใช้กฎหมายทะเลสากล เขมรก็ไม่ยอมรับตรงนี้ แต่กลับกันสมัยรัฐบาลอภิสิทธิ์กลับยอมรับศาลโลกได้ มันเป็นความขัดแย้งที่เลวร้ายมาก คนๆ หนึ่งจะตัดสินใจคนละแบบได้อย่างไร ถ้าเราจะเจรจากับเขมรด้วยหลักการเอ็มโอยู 2544 เราจะสูญเสียอธิปไตยอย่างแน่นอน ประชาชนรับได้หรือไม่ที่นายทักษิณพูดว่า ช่างมันเถอะ แบ่งผลประโยชน์กัน 50-50 คุณทักษิณพูดแต่เรื่องผลประโยชน์ แต่ไม่พูดเรื่องอธิปไตยของชาติ“ นายสนธิ กล่าว . นายสนธิ กล่าวว่า เจ้าหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศ นายภูมิธรรม รวมทั้งนายกรัฐมนตรีแพทองธาร ไม่พูดถึงพระบรมราชโองการของรัฐบาลที่ 9 ซึ่งประกาศออกมาในปี 2516 ว่ามีหลักการแบบนี้ แต่ไม่มีใครกล้าพูด เพราะพระบรมราชโองการเมื่อประกาศออกมาแล้ว ถือว่าเป็นคำสั่งของจอมทัพ ของประมุขประเทศ คนอื่นจะไปทำเป็นอย่างอื่นย่อมทำไม่ได้อยู่แล้ว เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล็กแล้ว เป็นเรื่องใหญ่ ........ Sondhi X
    Like
    Love
    Wow
    12
    1 Comments 0 Shares 2098 Views 0 Reviews