• #ดวงรายวัน 4 ตุลาคม 67

    #คนเกิดวันจันทร์...การงาน: ค่อนข้างหนัก จะได้รับงานที่ยาก แต่ผลตอบแทนดี การเงิน:จะมีรายจ่ายเกี่ยวกับการทำบุญ หรืออาจได้นำเงินไปช่วยเหลือคนอื่น และจะมีรายจ่ายเกี่ยวกับอาหารเครื่องดื่มราคาแพงๆ ความรัก:ระวังจะมีปากเสียงทะเลาะกันเพราะคนเก่าๆ ปัญหาเก่าๆ หรือทะเลาะกันเรื่องเดิมๆที่ไม่ได้รับการแก้ไข คนโสด: จะเป็นช่วงที่มีเสน่ห์ มีคนเข้ามาพูดคุยคบหาหลายคน และ อาจทำให้เกิดปัญหา สุขภาพ: โรคอ้วน ข้อเข่า การเดินทาง:ให้ระวังอันตรายจากน้ำ

    #คนเกิดวันอังคาร...การงาน: จะได้สะสางงานเก่าๆ งานจะสำเร็จ ต้องทำให้รอบคอบด้วย เพราะอาจจะทำให้เกิดผลเสีย หรือต้องนำไปปรับปรุงแก้ไข การเงิน: จะมีรายจ่ายจุกจิก จ่ายแบบไม่รู้จักจบ แต่ไม่ติดขัดเพราะจะมีคนคอยช่วยเหลือ ความรัก:มีโอกาสทะเลาะกันรุนแรง อาจถึงขั้นเลิกรา คนโสด: จะมีคนอายุแก่กว่า หรือคนในเครื่องแบบ เข้ามาชอบเข้ามาจีบ สุขภาพ: ปวดหัว ระบบประสาท ขี้หลงขี้ลืม ระวังลูกไม่สบาย การเดินทาง:ปลอดภัยดี แต่ระวังจะลืมของ

    #คนเกิดวันพุธ...การงาน: มีโอกาสได้เดินทางเกี่ยวกับเรื่องงาน จะมีคนเข้ามาช่วยเหลือเรื่องงาน การเงิน:จะมีรายจ่ายเกี่ยวกับเครื่องประดับ ของสวยงาม เสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย ความรัก: ระวังจะมีปากเสียงทะเลาะกันเรื่องคำพูดคำจา พูดไม่ถนอมน้ำใจกัน คนโสด: มีโอกาสพบคนถูกใจ และได้สานสัมพันธ์ สุขภาพ: เบาหวาน ความดัน สายตาไม่ดี ปวดตา การเดินทาง:ไม่ค่อยปลอดภัยให้หลีกเลี่ยงเดินทางไกล

    #คนเกิดวันพฤหัสบดี...การงาน:ให้ระวังเรื่องเวลา มาสาย เพราะจะมีคนคอยจ้องจับผิด การเงิน:จะมีรายจ่ายเกี่ยวกับบ้าน ของใช้ในบ้าน หรือหมดกับการลงทุน ความรัก: จะมีเรื่องวุ่นวายเกี่ยวกับลูก มีโอกาสทะเลาะขัดแย้งกันเพราะคนในครอบครัว คนโสด:จะมีคนที่มีเจ้าของแล้วเข้ามาเกี่ยวข้องพัวพัน สุขภาพ:สิว ผิวหน้าผื่นแพ้ ปวดหลัง โรคกระดูก ให้ระวังการยกของหนักๆ การเดินทาง:ปลอดภัยดี

    #คนเกิดวันศุกร์...การงาน:งานดีงานเด่น หากว่างงานอยู่จะได้งาน หรือได้งานเพิ่มงานเสริม การเงิน:จะมีผู้หลักผู้ใหญ่มาช่วยเหลือ โอกาสได้โชคลาภจากผู้หลักผู้ใหญ่หรือผู้อุปถัมภ์ มีรายจ่ายเกี่ยวกับรถหรือหมดกับลูก ความรัก: จะทะเลาะกันเพราะการเอาแต่ใจตัวเอง ไม่มีเหตุผล คนโสด:จะมีคนเพศเดียวกันเข้ามาชอบมาจีบ สุขภาพ: โรคตามวัย ระวังโรคประจำตัวกำเริบ หรือโรคที่เคยเป็นบ่อยๆจะกลับมา การเดินทาง:ไม่ค่อยปลอดภัย หลีกเลี่ยงเดินทางกลางคืน

    #คนเกิดวันเสาร์...การงาน: ค่อนข้างเครียดทำงานหลายอย่างในเวลาเดียวกัน การเงิน: มีค่าใช้จ่ายมารอแล้ว จะหมดกับหนี้สิน ใครมีหนี้อยู่ต้องรีบใช้ถ้าไม่เช่นนั้นจะเป็นปัญหาบานปลาย ความรัก: ระวังมีปากเสียงทะเลาะกันเรื่องปัญหาการเงินหนี้สิน คนโสด: จะมีคนใกล้ตัวใกล้ชิดเข้ามาชอบเข้ามาจีบ สุขภาพ: ท้องอืดท้องเฟ้อ ตับ ไต ให้ระวังอาหารการกิน การเดินทาง:ปลอดภัยดี

    #คนเกิดวันอาทิตย์...การงาน: จะมีปากเสียงทะเลาะกับผู้ร่วมงานให้ระวังเรื่องคำพูดคำจาและเรื่องอารมณ์ การเงิน:มีรายจ่ายเกี่ยวกับเสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย หรือหมดกับของที่เกิดจากกิเลสเห็นอะไรก็อยากได้ไปหมด ความรัก:จะรักกันดี หากทะเลาะกันมีโอกาสได้คืนดีกัน คนโสด:จะมีคนทางแชททางออนไลน์เข้ามาชอบเข้ามาจีบ สุขภาพ:โรคในช่องท้อง ระบบสืบพันธุ์ ระบบประจำเดือน การเดินทาง:ปลอดภัยดี แต่ถ้ามีเด็กเดินทางไปด้วยจะวุ่นวาย
    -----------
    #หมอฝนยิปซี #อาจารย์เจdomino #ดูดวงทางแชท #หมอดูแม่นๆ #ดูดวงความรัก #ดูดวงเนื้อคู่
    #ดวงรายวัน 4 ตุลาคม 67 #คนเกิดวันจันทร์...การงาน: ค่อนข้างหนัก จะได้รับงานที่ยาก แต่ผลตอบแทนดี การเงิน:จะมีรายจ่ายเกี่ยวกับการทำบุญ หรืออาจได้นำเงินไปช่วยเหลือคนอื่น และจะมีรายจ่ายเกี่ยวกับอาหารเครื่องดื่มราคาแพงๆ ความรัก:ระวังจะมีปากเสียงทะเลาะกันเพราะคนเก่าๆ ปัญหาเก่าๆ หรือทะเลาะกันเรื่องเดิมๆที่ไม่ได้รับการแก้ไข คนโสด: จะเป็นช่วงที่มีเสน่ห์ มีคนเข้ามาพูดคุยคบหาหลายคน และ อาจทำให้เกิดปัญหา สุขภาพ: โรคอ้วน ข้อเข่า การเดินทาง:ให้ระวังอันตรายจากน้ำ #คนเกิดวันอังคาร...การงาน: จะได้สะสางงานเก่าๆ งานจะสำเร็จ ต้องทำให้รอบคอบด้วย เพราะอาจจะทำให้เกิดผลเสีย หรือต้องนำไปปรับปรุงแก้ไข การเงิน: จะมีรายจ่ายจุกจิก จ่ายแบบไม่รู้จักจบ แต่ไม่ติดขัดเพราะจะมีคนคอยช่วยเหลือ ความรัก:มีโอกาสทะเลาะกันรุนแรง อาจถึงขั้นเลิกรา คนโสด: จะมีคนอายุแก่กว่า หรือคนในเครื่องแบบ เข้ามาชอบเข้ามาจีบ สุขภาพ: ปวดหัว ระบบประสาท ขี้หลงขี้ลืม ระวังลูกไม่สบาย การเดินทาง:ปลอดภัยดี แต่ระวังจะลืมของ #คนเกิดวันพุธ...การงาน: มีโอกาสได้เดินทางเกี่ยวกับเรื่องงาน จะมีคนเข้ามาช่วยเหลือเรื่องงาน การเงิน:จะมีรายจ่ายเกี่ยวกับเครื่องประดับ ของสวยงาม เสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย ความรัก: ระวังจะมีปากเสียงทะเลาะกันเรื่องคำพูดคำจา พูดไม่ถนอมน้ำใจกัน คนโสด: มีโอกาสพบคนถูกใจ และได้สานสัมพันธ์ สุขภาพ: เบาหวาน ความดัน สายตาไม่ดี ปวดตา การเดินทาง:ไม่ค่อยปลอดภัยให้หลีกเลี่ยงเดินทางไกล #คนเกิดวันพฤหัสบดี...การงาน:ให้ระวังเรื่องเวลา มาสาย เพราะจะมีคนคอยจ้องจับผิด การเงิน:จะมีรายจ่ายเกี่ยวกับบ้าน ของใช้ในบ้าน หรือหมดกับการลงทุน ความรัก: จะมีเรื่องวุ่นวายเกี่ยวกับลูก มีโอกาสทะเลาะขัดแย้งกันเพราะคนในครอบครัว คนโสด:จะมีคนที่มีเจ้าของแล้วเข้ามาเกี่ยวข้องพัวพัน สุขภาพ:สิว ผิวหน้าผื่นแพ้ ปวดหลัง โรคกระดูก ให้ระวังการยกของหนักๆ การเดินทาง:ปลอดภัยดี #คนเกิดวันศุกร์...การงาน:งานดีงานเด่น หากว่างงานอยู่จะได้งาน หรือได้งานเพิ่มงานเสริม การเงิน:จะมีผู้หลักผู้ใหญ่มาช่วยเหลือ โอกาสได้โชคลาภจากผู้หลักผู้ใหญ่หรือผู้อุปถัมภ์ มีรายจ่ายเกี่ยวกับรถหรือหมดกับลูก ความรัก: จะทะเลาะกันเพราะการเอาแต่ใจตัวเอง ไม่มีเหตุผล คนโสด:จะมีคนเพศเดียวกันเข้ามาชอบมาจีบ สุขภาพ: โรคตามวัย ระวังโรคประจำตัวกำเริบ หรือโรคที่เคยเป็นบ่อยๆจะกลับมา การเดินทาง:ไม่ค่อยปลอดภัย หลีกเลี่ยงเดินทางกลางคืน #คนเกิดวันเสาร์...การงาน: ค่อนข้างเครียดทำงานหลายอย่างในเวลาเดียวกัน การเงิน: มีค่าใช้จ่ายมารอแล้ว จะหมดกับหนี้สิน ใครมีหนี้อยู่ต้องรีบใช้ถ้าไม่เช่นนั้นจะเป็นปัญหาบานปลาย ความรัก: ระวังมีปากเสียงทะเลาะกันเรื่องปัญหาการเงินหนี้สิน คนโสด: จะมีคนใกล้ตัวใกล้ชิดเข้ามาชอบเข้ามาจีบ สุขภาพ: ท้องอืดท้องเฟ้อ ตับ ไต ให้ระวังอาหารการกิน การเดินทาง:ปลอดภัยดี #คนเกิดวันอาทิตย์...การงาน: จะมีปากเสียงทะเลาะกับผู้ร่วมงานให้ระวังเรื่องคำพูดคำจาและเรื่องอารมณ์ การเงิน:มีรายจ่ายเกี่ยวกับเสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย หรือหมดกับของที่เกิดจากกิเลสเห็นอะไรก็อยากได้ไปหมด ความรัก:จะรักกันดี หากทะเลาะกันมีโอกาสได้คืนดีกัน คนโสด:จะมีคนทางแชททางออนไลน์เข้ามาชอบเข้ามาจีบ สุขภาพ:โรคในช่องท้อง ระบบสืบพันธุ์ ระบบประจำเดือน การเดินทาง:ปลอดภัยดี แต่ถ้ามีเด็กเดินทางไปด้วยจะวุ่นวาย ----------- #หมอฝนยิปซี #อาจารย์เจdomino #ดูดวงทางแชท #หมอดูแม่นๆ #ดูดวงความรัก #ดูดวงเนื้อคู่
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 33 มุมมอง 0 รีวิว
  • #ดวงรายวัน 4 ตุลาคม 67

    #คนเกิดวันจันทร์...การงาน: ค่อนข้างหนัก จะได้รับงานที่ยาก แต่ผลตอบแทนดี การเงิน:จะมีรายจ่ายเกี่ยวกับการทำบุญ หรืออาจได้นำเงินไปช่วยเหลือคนอื่น และจะมีรายจ่ายเกี่ยวกับอาหารเครื่องดื่มราคาแพงๆ ความรัก:ระวังจะมีปากเสียงทะเลาะกันเพราะคนเก่าๆ ปัญหาเก่าๆ หรือทะเลาะกันเรื่องเดิมๆที่ไม่ได้รับการแก้ไข คนโสด: จะเป็นช่วงที่มีเสน่ห์ มีคนเข้ามาพูดคุยคบหาหลายคน และ อาจทำให้เกิดปัญหา สุขภาพ: โรคอ้วน ข้อเข่า การเดินทาง:ให้ระวังอันตรายจากน้ำ

    #คนเกิดวันอังคาร...การงาน: จะได้สะสางงานเก่าๆ งานจะสำเร็จ ต้องทำให้รอบคอบด้วย เพราะอาจจะทำให้เกิดผลเสีย หรือต้องนำไปปรับปรุงแก้ไข การเงิน: จะมีรายจ่ายจุกจิก จ่ายแบบไม่รู้จักจบ แต่ไม่ติดขัดเพราะจะมีคนคอยช่วยเหลือ ความรัก:มีโอกาสทะเลาะกันรุนแรง อาจถึงขั้นเลิกรา คนโสด: จะมีคนอายุแก่กว่า หรือคนในเครื่องแบบ เข้ามาชอบเข้ามาจีบ สุขภาพ: ปวดหัว ระบบประสาท ขี้หลงขี้ลืม ระวังลูกไม่สบาย การเดินทาง:ปลอดภัยดี แต่ระวังจะลืมของ

    #คนเกิดวันพุธ...การงาน: มีโอกาสได้เดินทางเกี่ยวกับเรื่องงาน จะมีคนเข้ามาช่วยเหลือเรื่องงาน การเงิน:จะมีรายจ่ายเกี่ยวกับเครื่องประดับ ของสวยงาม เสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย ความรัก: ระวังจะมีปากเสียงทะเลาะกันเรื่องคำพูดคำจา พูดไม่ถนอมน้ำใจกัน คนโสด: มีโอกาสพบคนถูกใจ และได้สานสัมพันธ์ สุขภาพ: เบาหวาน ความดัน สายตาไม่ดี ปวดตา การเดินทาง:ไม่ค่อยปลอดภัยให้หลีกเลี่ยงเดินทางไกล

    #คนเกิดวันพฤหัสบดี...การงาน:ให้ระวังเรื่องเวลา มาสาย เพราะจะมีคนคอยจ้องจับผิด การเงิน:จะมีรายจ่ายเกี่ยวกับบ้าน ของใช้ในบ้าน หรือหมดกับการลงทุน ความรัก: จะมีเรื่องวุ่นวายเกี่ยวกับลูก มีโอกาสทะเลาะขัดแย้งกันเพราะคนในครอบครัว คนโสด:จะมีคนที่มีเจ้าของแล้วเข้ามาเกี่ยวข้องพัวพัน สุขภาพ:สิว ผิวหน้าผื่นแพ้ ปวดหลัง โรคกระดูก ให้ระวังการยกของหนักๆ การเดินทาง:ปลอดภัยดี

    #คนเกิดวันศุกร์...การงาน:งานดีงานเด่น หากว่างงานอยู่จะได้งาน หรือได้งานเพิ่มงานเสริม การเงิน:จะมีผู้หลักผู้ใหญ่มาช่วยเหลือ โอกาสได้โชคลาภจากผู้หลักผู้ใหญ่หรือผู้อุปถัมภ์ มีรายจ่ายเกี่ยวกับรถหรือหมดกับลูก ความรัก: จะทะเลาะกันเพราะการเอาแต่ใจตัวเอง ไม่มีเหตุผล คนโสด:จะมีคนเพศเดียวกันเข้ามาชอบมาจีบ สุขภาพ: โรคตามวัย ระวังโรคประจำตัวกำเริบ หรือโรคที่เคยเป็นบ่อยๆจะกลับมา การเดินทาง:ไม่ค่อยปลอดภัย หลีกเลี่ยงเดินทางกลางคืน

    #คนเกิดวันเสาร์...การงาน: ค่อนข้างเครียดทำงานหลายอย่างในเวลาเดียวกัน การเงิน: มีค่าใช้จ่ายมารอแล้ว จะหมดกับหนี้สิน ใครมีหนี้อยู่ต้องรีบใช้ถ้าไม่เช่นนั้นจะเป็นปัญหาบานปลาย ความรัก: ระวังมีปากเสียงทะเลาะกันเรื่องปัญหาการเงินหนี้สิน คนโสด: จะมีคนใกล้ตัวใกล้ชิดเข้ามาชอบเข้ามาจีบ สุขภาพ: ท้องอืดท้องเฟ้อ ตับ ไต ให้ระวังอาหารการกิน การเดินทาง:ปลอดภัยดี

    #คนเกิดวันอาทิตย์...การงาน: จะมีปากเสียงทะเลาะกับผู้ร่วมงานให้ระวังเรื่องคำพูดคำจาและเรื่องอารมณ์ การเงิน:มีรายจ่ายเกี่ยวกับเสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย หรือหมดกับของที่เกิดจากกิเลสเห็นอะไรก็อยากได้ไปหมด ความรัก:จะรักกันดี หากทะเลาะกันมีโอกาสได้คืนดีกัน คนโสด:จะมีคนทางแชททางออนไลน์เข้ามาชอบเข้ามาจีบ สุขภาพ:โรคในช่องท้อง ระบบสืบพันธุ์ ระบบประจำเดือน การเดินทาง:ปลอดภัยดี แต่ถ้ามีเด็กเดินทางไปด้วยจะวุ่นวาย
    -----------
    #หมอฝนยิปซี #อาจารย์เจdomino #ดูดวงทางแชท #หมอดูแม่นๆ #ดูดวงความรัก #ดูดวงเนื้อคู่
    #ดวงรายวัน 4 ตุลาคม 67 #คนเกิดวันจันทร์...การงาน: ค่อนข้างหนัก จะได้รับงานที่ยาก แต่ผลตอบแทนดี การเงิน:จะมีรายจ่ายเกี่ยวกับการทำบุญ หรืออาจได้นำเงินไปช่วยเหลือคนอื่น และจะมีรายจ่ายเกี่ยวกับอาหารเครื่องดื่มราคาแพงๆ ความรัก:ระวังจะมีปากเสียงทะเลาะกันเพราะคนเก่าๆ ปัญหาเก่าๆ หรือทะเลาะกันเรื่องเดิมๆที่ไม่ได้รับการแก้ไข คนโสด: จะเป็นช่วงที่มีเสน่ห์ มีคนเข้ามาพูดคุยคบหาหลายคน และ อาจทำให้เกิดปัญหา สุขภาพ: โรคอ้วน ข้อเข่า การเดินทาง:ให้ระวังอันตรายจากน้ำ #คนเกิดวันอังคาร...การงาน: จะได้สะสางงานเก่าๆ งานจะสำเร็จ ต้องทำให้รอบคอบด้วย เพราะอาจจะทำให้เกิดผลเสีย หรือต้องนำไปปรับปรุงแก้ไข การเงิน: จะมีรายจ่ายจุกจิก จ่ายแบบไม่รู้จักจบ แต่ไม่ติดขัดเพราะจะมีคนคอยช่วยเหลือ ความรัก:มีโอกาสทะเลาะกันรุนแรง อาจถึงขั้นเลิกรา คนโสด: จะมีคนอายุแก่กว่า หรือคนในเครื่องแบบ เข้ามาชอบเข้ามาจีบ สุขภาพ: ปวดหัว ระบบประสาท ขี้หลงขี้ลืม ระวังลูกไม่สบาย การเดินทาง:ปลอดภัยดี แต่ระวังจะลืมของ #คนเกิดวันพุธ...การงาน: มีโอกาสได้เดินทางเกี่ยวกับเรื่องงาน จะมีคนเข้ามาช่วยเหลือเรื่องงาน การเงิน:จะมีรายจ่ายเกี่ยวกับเครื่องประดับ ของสวยงาม เสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย ความรัก: ระวังจะมีปากเสียงทะเลาะกันเรื่องคำพูดคำจา พูดไม่ถนอมน้ำใจกัน คนโสด: มีโอกาสพบคนถูกใจ และได้สานสัมพันธ์ สุขภาพ: เบาหวาน ความดัน สายตาไม่ดี ปวดตา การเดินทาง:ไม่ค่อยปลอดภัยให้หลีกเลี่ยงเดินทางไกล #คนเกิดวันพฤหัสบดี...การงาน:ให้ระวังเรื่องเวลา มาสาย เพราะจะมีคนคอยจ้องจับผิด การเงิน:จะมีรายจ่ายเกี่ยวกับบ้าน ของใช้ในบ้าน หรือหมดกับการลงทุน ความรัก: จะมีเรื่องวุ่นวายเกี่ยวกับลูก มีโอกาสทะเลาะขัดแย้งกันเพราะคนในครอบครัว คนโสด:จะมีคนที่มีเจ้าของแล้วเข้ามาเกี่ยวข้องพัวพัน สุขภาพ:สิว ผิวหน้าผื่นแพ้ ปวดหลัง โรคกระดูก ให้ระวังการยกของหนักๆ การเดินทาง:ปลอดภัยดี #คนเกิดวันศุกร์...การงาน:งานดีงานเด่น หากว่างงานอยู่จะได้งาน หรือได้งานเพิ่มงานเสริม การเงิน:จะมีผู้หลักผู้ใหญ่มาช่วยเหลือ โอกาสได้โชคลาภจากผู้หลักผู้ใหญ่หรือผู้อุปถัมภ์ มีรายจ่ายเกี่ยวกับรถหรือหมดกับลูก ความรัก: จะทะเลาะกันเพราะการเอาแต่ใจตัวเอง ไม่มีเหตุผล คนโสด:จะมีคนเพศเดียวกันเข้ามาชอบมาจีบ สุขภาพ: โรคตามวัย ระวังโรคประจำตัวกำเริบ หรือโรคที่เคยเป็นบ่อยๆจะกลับมา การเดินทาง:ไม่ค่อยปลอดภัย หลีกเลี่ยงเดินทางกลางคืน #คนเกิดวันเสาร์...การงาน: ค่อนข้างเครียดทำงานหลายอย่างในเวลาเดียวกัน การเงิน: มีค่าใช้จ่ายมารอแล้ว จะหมดกับหนี้สิน ใครมีหนี้อยู่ต้องรีบใช้ถ้าไม่เช่นนั้นจะเป็นปัญหาบานปลาย ความรัก: ระวังมีปากเสียงทะเลาะกันเรื่องปัญหาการเงินหนี้สิน คนโสด: จะมีคนใกล้ตัวใกล้ชิดเข้ามาชอบเข้ามาจีบ สุขภาพ: ท้องอืดท้องเฟ้อ ตับ ไต ให้ระวังอาหารการกิน การเดินทาง:ปลอดภัยดี #คนเกิดวันอาทิตย์...การงาน: จะมีปากเสียงทะเลาะกับผู้ร่วมงานให้ระวังเรื่องคำพูดคำจาและเรื่องอารมณ์ การเงิน:มีรายจ่ายเกี่ยวกับเสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย หรือหมดกับของที่เกิดจากกิเลสเห็นอะไรก็อยากได้ไปหมด ความรัก:จะรักกันดี หากทะเลาะกันมีโอกาสได้คืนดีกัน คนโสด:จะมีคนทางแชททางออนไลน์เข้ามาชอบเข้ามาจีบ สุขภาพ:โรคในช่องท้อง ระบบสืบพันธุ์ ระบบประจำเดือน การเดินทาง:ปลอดภัยดี แต่ถ้ามีเด็กเดินทางไปด้วยจะวุ่นวาย ----------- #หมอฝนยิปซี #อาจารย์เจdomino #ดูดวงทางแชท #หมอดูแม่นๆ #ดูดวงความรัก #ดูดวงเนื้อคู่
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 32 มุมมอง 0 รีวิว
  • ความเสื่อมสร้างความเสี่ยง! ‘ทีดีอาร์ไอ’ ชี้ 95% รถรับจ้างไม่ประจำทาง คือ ระเบิดเวลาบนท้องถนนไทย แนะรัฐตรวจเข้มกลุ่มรถที่มีความเสี่ยงสูง พร้อมจัดงบฯ – สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ หนุนผู้ประกอบการใช้วัสดุทนไฟ

    เหตุการณ์รถบัสนักเรียนไฟไหม้ ซึ่งนำไปสู่ความสูญเสียที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น สะท้อนความล้มเหลวในการป้องกัน และควบคุมการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนไทย ตอกย้ำสมญานามประเทศที่มีผู้เสียชีวิตจากการจราจรมากที่สุด สูงเป็นอันดับ 9 ของโลก และครองแชมป์อันดับ 1 ในอาเซียน
    อุบัติเหตุครั้งนี้ไม่เพียงชี้ให้เห็นถึงความเสี่ยง ทั้งในด้านพฤติกรรมการขับขี่ ความรู้ในการเผชิญเหตุฉุกเฉิน ยังได้นำไปสู่การเปิดโปงข้อบกพร่องของ “ระบบตรวจสอบมาตรฐานความปลอดภัย” โดยเฉพาะรถทัศนาจร หรือ “รถรับจ้างไม่ประจำทาง” ที่วิ่งให้บริการขวักไขว่ อันเป็นภาพคุ้นชินตาของคนไทย

    ‘ทีดีอาร์ไอ’ เผยมีรถรับจ้างไม่ประจำทางเพียง 5% ผ่าน “มาตรฐานลุกไหม้”
    ดร.สุเมธ องกิตติกุล ผู้อำนวยการวิจัย ด้านนโยบายการขนส่งและโลจิสติกส์ สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) กล่าวว่า แม้ว่ากรมการขนส่งทางบก จะมีความพยายามในการปรับปรุงมาตรฐานรถโดยสารขนาดใหญ่ในหลายประเด็น รวมถึงมาตรฐานด้านการลุกไหม้มาตั้งแต่ปี 2559 โดยออกประกาศกรมการขนส่งทางบก เรื่องกำหนดคุณสมบัติด้านการลุกไหม้การลามไฟของวัสดุที่ใช้ตกแต่งภายในรถโดยสาร แต่ปรากฎว่าประกาศดังกล่าวถูกเลื่อนการบังคับใช้อยู่เรื่อย ๆ
    ด้วยเหตุผลเพราะผู้ประกอบการ ไม่มีความพร้อมในการแบกรับต้นทุน จากการเปลี่ยนไปใช้วัสดุกันไฟที่มีราคาแพง จนกระทั่งสุดท้ายเพิ่งบังคับใช้ได้จริงในปี 2565 แต่กลับไม่มีผลย้อนหลัง ซึ่งหมายความว่าใช้บังคับได้เฉพาะกับรถที่จดทะเบียนใหม่ หรือ มีการปรับปรุงตัวถังใหม่ในปี 2565 เท่านั้น “รถคันที่เกิดเหตุก็เป็นหนึ่งในกรณี ที่ไม่เข้าเงื่อนไขของประกาศฉบับนี้ เนื่องจากมีการจดเบียนใหม่ในปี 2561”

    ดร.สุเมธ ระบุว่าปัจจุบันรถทัศนาจรในกลุ่มมาตรฐาน 1 ซึ่งเป็นประเภทเดียวกับรถคันที่เกิดเหตุ มีจำนวน 5,896 คัน และรถมาตรฐาน 4 หรือรถ 2 ชั้น มีจำนวน 4,972 คน ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่าในจำนวนทั้งหมดกว่า 1 หมื่นคัน มีจำนวนเพียง 5% เท่านั้น ที่ผ่านมาตรฐานด้านการลุกไหม้ และอนุมานได้ว่าส่วนที่เหลืออีก 95% ที่เป็นรถจดทะเบียนก่อนประกาศดังกล่าวบังคับใช้ ยังไม่ถูกกำหนดให้มีมาตรฐานนี้ ขณะที่ในต่างประเทศเวลากำหนดมาตรฐานในเรื่องเหล่านี้ จะให้มีผลบังคับใช้ย้อนหลังด้วย และต้องเร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 1-2 ปี

    “คาดว่ามีรถที่ไม่ผ่านหรือไม่ได้มาตรฐานใหม่ ตามที่กรมการขนส่งทางบกกำหนดเป็นหมื่นคัน แสดงให้เห็นถึงขนาดของปัญหาที่วิ่งอยู่บนท้องถนนตอนนี้ เสมือนกับเป็นระเบิดเวลาที่เราไม่รู้ว่าจะเกิดเหตุขึ้นอีกเมื่อไหร่ ดังนั้น กรมการขนส่งทางบก ควรติดตามตรวจสอบรถในกลุ่มนี้ ที่ยังวิ่งอยู่ในระบบ เช่น ด้านมาตรฐานทนไฟ การชนด้านหน้า สภาพรถเป็นอย่างไร ติดก๊าซหรือไม่ ฯลฯ โดยเร่งกำหนดมาตรการอย่างเข้มข้นในรถกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงก่อน”

    จี้ ขบ.ตรวจเข้มรถเสี่ยงสูง – เสนอรัฐจัดงบฯหนุนผู้ประกอบการใช้วัสดุทนไฟ
    ดร.สุเมธ เน้นย้ำว่าเหตุที่เกิดขึ้นแสดงให้เห็นถึงความสำคัญ ของมาตรฐานความปลอดภัยของรถทัศนาจร ซึ่งความเสี่ยงนี้กระทบต่อสวัสดิภาพของประชาชน โจทย์ใหญ่ของรัฐคือจะดำเนินการเปลี่ยนแปลงให้รถเหล่านี้มีมาตรฐานดีขึ้นได้อย่างไร ทั้งการเปลี่ยนวัสดุไวไฟ เช่น เบาะที่นั่ง ม่าน พรม ให้เป็นไปตามมาตรฐาน UNECE ซึ่งคือการใช้วัสดุที่ทนไฟได้ในระดับหนึ่ง เมื่อเกิดเหตุการณ์ไฟลุกไหม้จะไม่เร็วและแรง สามารถช่วยซื้อเวลาให้ผู้โดยสารหนีออกภายนอกตัวรถได้
    “ภาครัฐอาจจะต้องเข้ามาร่วมกับผู้ประกอบการ เพื่อปรับปรุงมาตรฐานให้ดีขึ้น โดยสร้างแรงจูงใจต่าง ๆ เช่น การให้เงินช่วยเหลือโดยตรงไปยังผู้ประกอบการ หรือ อาจมีเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ เพื่อให้ผู้ประกอบการมีทุนในการปรับปรุงมาตรฐานรถ”

    สำหรับกรณีระยะเวลาการใช้งานของรถคันเกิดเหตุ ที่พบว่ามีการจดทะเบียนมาตั้งแต่ปี 2513 นั้น ดร.สุเมธ กล่าวว่า องค์ประกอบหลักของรถจะมี 2 ส่วน คือ
    ส่วนที่ 1 : โครงหลัก หรือที่เรียกว่า “แชสซี” ที่เปรียบเสมือนกระดูกสันหลังของรถ ซึ่งอยู่ด้านใต้ตัวรถติดกับโครงล้อ ซึ่งปกติรถขนาดใหญ่จะจดทะเบียนครั้งแรกด้วยแชสซี ซึ่งส่วนนี้มีอายุการใช้งาน 70-80 ปี
    ส่วนที่ 2 : ตัวถังรถ ประกอบไปด้วย หลังคา ประตู เบาะที่นั่ง โดยตัวถังรถมีอายุการใช้งาน 8-10 ปีเท่านั้น จึงต้องมีการปรับเปลี่ยนเป็นระยะ
    อย่างไรก็ตาม การตัดสินใจว่าจะปรับปรุงตัวถังรถหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับผู้ประกอบการเป็นหลักว่าต้องการเปลี่ยนหรือไม่ เนื่องจากในปัจจุบันยังไม่มีมาตรการกำหนดอายุรถ หรือระยะเวลาการปรับปรุงสภาพรถ มีแต่การตรวจสอบตามมาตรฐานความปลอดภัย โดยกรมการขนส่งทางบก 2 ครั้งต่อปี

    “ความเสื่อมสร้างความเสี่ยง จะมีการปรับปรุงความเสี่ยงเหล่านี้อย่างไร การตรวจสอบมีความเข้มงวดมากน้อยขนาดไหน ตรงนี้ล้วนเป็นประเด็น เพราะมาตรฐานการติดตั้ง ยังเป็นสิ่งที่มีความท้าทายในการตรวจสอบอยู่ หากการติดตั้งทำโดยช่างผู้ชำนาญการก็จะได้มาตรฐานสูง แต่ถ้าติดตั้งโดยไม่รัดกุมมากนัก ก็จะทำให้เกิดปัญหาต่าง ๆ เช่น ประกายไฟ ได้” ดร.สุเมธ ระบุ

    ยกระดับทัศนศึกษาปลอดภัย ซักซ้อม – วางแผน – ลงรายละเอียด รับมือเหตุไม่คาดคิด

    ด้าน นพ.ธนะพงศ์ จินวงษ์ ผู้จัดการศูนย์วิชาการเพื่อความปลอดภัยทางถนน (ศวปถ.) และอนุกรรมการด้านการขนส่งและยานพาหนะ สภาผู้บริโภค กล่าวว่า เหตุการณ์ดังกล่าวถึงเวลาที่กระทรวงศึกษาธิการ ต้องทบทวนเชิงระบบ เพื่อสร้างแนวทางการไปทัศนศึกษาที่ปลอดภัย โดยปัจจุบันการไปทัศนศึกษาของเด็กมีอยู่ 2 รูปแบบ 1. ไปเช้า – เย็นกลับ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นการทัศนศึกษาในช่วงปิดเทอมหนึ่ง ประมาณเดือนตุลาคม กับ 2. ทัศนศึกษาแบบพักค้างคืนจะอยู่ในช่วงเทอมสอง ซึ่งจะมีการเดินทางช่วงกลางคืน มีการใช้รถบัสสองชั้น การเกิดอุบัติเหตุจึงมักจะเกิดในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ – มีนาคม

    นพ.ธนะพงศ์ กล่าวว่า คณะผู้จัดกิจกรรมไปทัศนศึกษา ต้องวางแผนโดยการลงรายละเอียด ทั้งการเตรียมครูประจำรถกี่คนต่อจำนวนเด็ก ยิ่งเป็นเด็กเล็กยิ่งต้องให้ความสำคัญมากเป็นพิเศษ เช่น อาจจะต้องเป็นครูหนึ่งคนต่อ 10 คน เป็นต้น หรือหากเกิดอุบัติเหตุรถพลิกคว่ำ หรือเกิดเพลิงไหม้ คุณครูก็ต้องรู้จักการใช้ถังดับเพลิง และถ้าจำเป็นต้องอพยพ คุณครูจะต้องวางแผนอพยพออกทางไหน ประตูอยู่ตรงจุดไหน เป็นต้น

    เสนอยกเลิกรถสองชั้นเด็ดขาด – เพิ่มวงเงินประกันภัยภาคบังคับ

    นางสาวสารี อ๋องสมหวัง เลขาธิการสำนักงานสภาผู้บริโภค กล่าวถึงข้อเสนอในการป้องกันไม่ให้เกิดเหตุซ้ำ โดยเน้นย้ำการยกเลิกการใช้รถสองชั้นในการรับจ้างแบบไม่ประจำทาง อันเป็นสิ่งที่องค์กรผู้บริโภคทั่วประเทศ ได้มีข้อเสนอเป็นระยะเวลาหลายปี แต่ยังไม่ได้เห็นความเปลี่ยนแปลง รวมถึงรื้อระบบตรวจสภาพรถบริการขนส่งสาธารณะ ปัจจุบันตรวจสภาพปีละสองครั้ง แต่ในบางประเทศตรวจทุกไตรมาส ซึ่งจริง ๆ ควรจะดูตามจํานวนการใช้งาน หรือกำหนดเป็นระยะเวลาตายตัวเพียงอย่างเดียว

    นอกจากนี้ เสนอให้ขยายวงเงินประกันภัยภาคบังคับ ของรถโดยสารแบบไม่ประจำทาง โดยเพิ่มวงเงินประกันเป็น 30 ล้านบาท เนื่องจากปัจจุบันการทำประกันภัยรถภาคบังคับตาม พ.ร.บ.คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ.2535 กำหนดความคุ้มครองกรณีเสียชีวิตหรือทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง 500,000 บาทต่อคน แต่มีข้อกำหนดวงเงินเฉลี่ยจ่ายจากวงเงินไม่เกิน 10 ล้านบาทต่อครั้ง ซึ่งไม่ครอบคลุมความเสียหายเมื่อเกิดเหตุร้ายแรงและมีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก

    “ความสูญเสียที่เกิดขึ้นต้องนำไปสู่การพัฒนากฎ ระเบียบ มาตรการต่าง ๆ และวิธีการทำงานที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยของรถโดยสาร” เลขาธิการสำนักงานสภาผู้บริโภค กล่าว

    จากอุบัติเหตุรถบัสนักเรียนไฟไหม้ สู่ปัญหา “รถโรงเรียนไทยไม่ปลอดภัย”

    ความไม่ปลอดภัยของรถรับส่งนักเรียนไทย ไม่ใช่ปัญหาที่เพิ่งถูกหยิบยกขึ้นมาพูดถึง และเปรียบเทียบมาตรฐานความปลอดภัยของไทยกับต่างประเทศ โดยล่าสุดในโซเชียลมีเดียมีการแชร์ข้อมูล รถรับส่งนักเรียนในสหรัฐ มีการควบคุมความปลอดภัยมากกว่ารถปกติถึง 70 เท่า ขณะที่ของญี่ปุ่นกรณีรถบัสทัศนศึกษา นอกจากการตรวจสอบมาตรฐานตัวรถที่เข้มงวด ยังมีการติดตั้ง GPS ควบคุมความเร็วในการขับขี่อีกด้วย

    สำหรับประเทศไทย หากย้อนกลับไปที่ข้อมูลของ ศวปถ. และสภาองค์กรของผู้บริโภค ซึ่งระบุในคู่มือการจัดระบบรถโรงเรียนให้ปลอดภัยและเป็นธรรม พบว่าระหว่างปี 2562 – 2564 เกิดอุบัติเหตุกับรถโรงเรียนมากถึง 38 ครั้ง มีนักเรียนได้รับบาดเจ็บรุนแรงถึงขึ้นเสียชีวิต 9 ราย บาดเจ็บ 431 ราย

    จากการสํารวจข้อมูลรถโรงเรียนทุกภูมิภาค ได้สะท้อนภาพปัญหาที่ซ่อนอยู่เบื้องหลัง 3 ปมปัญหาใหญ่ที่รอเวลาเกิดเหตุ ได้แก่

    สภาพรถที่ไม่ได้มาตรฐาน : ดัดแปลงรถ ไม่มั่นคงแข็งแรง รวมถึงขาดอุปกรณ์ความปลอดภัยที่ควรมี เช่น ค้อนทุบกระจก ถังดับเพลิง เป็นต้น

    ผู้ขับประมาทไม่ปฏิบัติตามกฎจราจร : ใช้ประสบการณ์ความเคยชินขับเร็วเสี่ยงอันตราย ขาดความรู้ความเข้าใจบทบาทการขับรถส่งนักเรียน

    ขาดระบบจัดการรถที่ดี : ขาดระบบกำกับควบคุมผู้ขับขี่ รวมถึงกลไกสนับสนุนเพื่อให้เกิดระบบจัดการที่มีประสิทธิภาพ

    แม้การเพิ่มมาตรการและความเข้มงวดภายหลังเกิดเหตุ จะหนีไม่พ้นคำพูดที่ว่า “วัวหายล้อมคอก” แต่ในบริบทของประเทศไทย เมื่อเกิดบทเรียนขึ้นแล้ว จำเป็นอย่างยิ่งที่หน่วยงานผู้รับผิดชอบทุกภาคส่วน ต้องร่วมมือกันล้อมคอกไม่ให้เกิดเหตุสลด เช่นนี้ขึ้นอีกในอนาคต

    ที่มา https://thaipublica.org/2024/10/tdri-reveals-95-of-non-regular-taxis-are-ticking-time-bombs-on-thai-roads/

    #Thaitimes
    ความเสื่อมสร้างความเสี่ยง! ‘ทีดีอาร์ไอ’ ชี้ 95% รถรับจ้างไม่ประจำทาง คือ ระเบิดเวลาบนท้องถนนไทย แนะรัฐตรวจเข้มกลุ่มรถที่มีความเสี่ยงสูง พร้อมจัดงบฯ – สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ หนุนผู้ประกอบการใช้วัสดุทนไฟ เหตุการณ์รถบัสนักเรียนไฟไหม้ ซึ่งนำไปสู่ความสูญเสียที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น สะท้อนความล้มเหลวในการป้องกัน และควบคุมการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนไทย ตอกย้ำสมญานามประเทศที่มีผู้เสียชีวิตจากการจราจรมากที่สุด สูงเป็นอันดับ 9 ของโลก และครองแชมป์อันดับ 1 ในอาเซียน อุบัติเหตุครั้งนี้ไม่เพียงชี้ให้เห็นถึงความเสี่ยง ทั้งในด้านพฤติกรรมการขับขี่ ความรู้ในการเผชิญเหตุฉุกเฉิน ยังได้นำไปสู่การเปิดโปงข้อบกพร่องของ “ระบบตรวจสอบมาตรฐานความปลอดภัย” โดยเฉพาะรถทัศนาจร หรือ “รถรับจ้างไม่ประจำทาง” ที่วิ่งให้บริการขวักไขว่ อันเป็นภาพคุ้นชินตาของคนไทย ‘ทีดีอาร์ไอ’ เผยมีรถรับจ้างไม่ประจำทางเพียง 5% ผ่าน “มาตรฐานลุกไหม้” ดร.สุเมธ องกิตติกุล ผู้อำนวยการวิจัย ด้านนโยบายการขนส่งและโลจิสติกส์ สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) กล่าวว่า แม้ว่ากรมการขนส่งทางบก จะมีความพยายามในการปรับปรุงมาตรฐานรถโดยสารขนาดใหญ่ในหลายประเด็น รวมถึงมาตรฐานด้านการลุกไหม้มาตั้งแต่ปี 2559 โดยออกประกาศกรมการขนส่งทางบก เรื่องกำหนดคุณสมบัติด้านการลุกไหม้การลามไฟของวัสดุที่ใช้ตกแต่งภายในรถโดยสาร แต่ปรากฎว่าประกาศดังกล่าวถูกเลื่อนการบังคับใช้อยู่เรื่อย ๆ ด้วยเหตุผลเพราะผู้ประกอบการ ไม่มีความพร้อมในการแบกรับต้นทุน จากการเปลี่ยนไปใช้วัสดุกันไฟที่มีราคาแพง จนกระทั่งสุดท้ายเพิ่งบังคับใช้ได้จริงในปี 2565 แต่กลับไม่มีผลย้อนหลัง ซึ่งหมายความว่าใช้บังคับได้เฉพาะกับรถที่จดทะเบียนใหม่ หรือ มีการปรับปรุงตัวถังใหม่ในปี 2565 เท่านั้น “รถคันที่เกิดเหตุก็เป็นหนึ่งในกรณี ที่ไม่เข้าเงื่อนไขของประกาศฉบับนี้ เนื่องจากมีการจดเบียนใหม่ในปี 2561” ดร.สุเมธ ระบุว่าปัจจุบันรถทัศนาจรในกลุ่มมาตรฐาน 1 ซึ่งเป็นประเภทเดียวกับรถคันที่เกิดเหตุ มีจำนวน 5,896 คัน และรถมาตรฐาน 4 หรือรถ 2 ชั้น มีจำนวน 4,972 คน ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่าในจำนวนทั้งหมดกว่า 1 หมื่นคัน มีจำนวนเพียง 5% เท่านั้น ที่ผ่านมาตรฐานด้านการลุกไหม้ และอนุมานได้ว่าส่วนที่เหลืออีก 95% ที่เป็นรถจดทะเบียนก่อนประกาศดังกล่าวบังคับใช้ ยังไม่ถูกกำหนดให้มีมาตรฐานนี้ ขณะที่ในต่างประเทศเวลากำหนดมาตรฐานในเรื่องเหล่านี้ จะให้มีผลบังคับใช้ย้อนหลังด้วย และต้องเร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 1-2 ปี “คาดว่ามีรถที่ไม่ผ่านหรือไม่ได้มาตรฐานใหม่ ตามที่กรมการขนส่งทางบกกำหนดเป็นหมื่นคัน แสดงให้เห็นถึงขนาดของปัญหาที่วิ่งอยู่บนท้องถนนตอนนี้ เสมือนกับเป็นระเบิดเวลาที่เราไม่รู้ว่าจะเกิดเหตุขึ้นอีกเมื่อไหร่ ดังนั้น กรมการขนส่งทางบก ควรติดตามตรวจสอบรถในกลุ่มนี้ ที่ยังวิ่งอยู่ในระบบ เช่น ด้านมาตรฐานทนไฟ การชนด้านหน้า สภาพรถเป็นอย่างไร ติดก๊าซหรือไม่ ฯลฯ โดยเร่งกำหนดมาตรการอย่างเข้มข้นในรถกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงก่อน” จี้ ขบ.ตรวจเข้มรถเสี่ยงสูง – เสนอรัฐจัดงบฯหนุนผู้ประกอบการใช้วัสดุทนไฟ ดร.สุเมธ เน้นย้ำว่าเหตุที่เกิดขึ้นแสดงให้เห็นถึงความสำคัญ ของมาตรฐานความปลอดภัยของรถทัศนาจร ซึ่งความเสี่ยงนี้กระทบต่อสวัสดิภาพของประชาชน โจทย์ใหญ่ของรัฐคือจะดำเนินการเปลี่ยนแปลงให้รถเหล่านี้มีมาตรฐานดีขึ้นได้อย่างไร ทั้งการเปลี่ยนวัสดุไวไฟ เช่น เบาะที่นั่ง ม่าน พรม ให้เป็นไปตามมาตรฐาน UNECE ซึ่งคือการใช้วัสดุที่ทนไฟได้ในระดับหนึ่ง เมื่อเกิดเหตุการณ์ไฟลุกไหม้จะไม่เร็วและแรง สามารถช่วยซื้อเวลาให้ผู้โดยสารหนีออกภายนอกตัวรถได้ “ภาครัฐอาจจะต้องเข้ามาร่วมกับผู้ประกอบการ เพื่อปรับปรุงมาตรฐานให้ดีขึ้น โดยสร้างแรงจูงใจต่าง ๆ เช่น การให้เงินช่วยเหลือโดยตรงไปยังผู้ประกอบการ หรือ อาจมีเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ เพื่อให้ผู้ประกอบการมีทุนในการปรับปรุงมาตรฐานรถ” สำหรับกรณีระยะเวลาการใช้งานของรถคันเกิดเหตุ ที่พบว่ามีการจดทะเบียนมาตั้งแต่ปี 2513 นั้น ดร.สุเมธ กล่าวว่า องค์ประกอบหลักของรถจะมี 2 ส่วน คือ ส่วนที่ 1 : โครงหลัก หรือที่เรียกว่า “แชสซี” ที่เปรียบเสมือนกระดูกสันหลังของรถ ซึ่งอยู่ด้านใต้ตัวรถติดกับโครงล้อ ซึ่งปกติรถขนาดใหญ่จะจดทะเบียนครั้งแรกด้วยแชสซี ซึ่งส่วนนี้มีอายุการใช้งาน 70-80 ปี ส่วนที่ 2 : ตัวถังรถ ประกอบไปด้วย หลังคา ประตู เบาะที่นั่ง โดยตัวถังรถมีอายุการใช้งาน 8-10 ปีเท่านั้น จึงต้องมีการปรับเปลี่ยนเป็นระยะ อย่างไรก็ตาม การตัดสินใจว่าจะปรับปรุงตัวถังรถหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับผู้ประกอบการเป็นหลักว่าต้องการเปลี่ยนหรือไม่ เนื่องจากในปัจจุบันยังไม่มีมาตรการกำหนดอายุรถ หรือระยะเวลาการปรับปรุงสภาพรถ มีแต่การตรวจสอบตามมาตรฐานความปลอดภัย โดยกรมการขนส่งทางบก 2 ครั้งต่อปี “ความเสื่อมสร้างความเสี่ยง จะมีการปรับปรุงความเสี่ยงเหล่านี้อย่างไร การตรวจสอบมีความเข้มงวดมากน้อยขนาดไหน ตรงนี้ล้วนเป็นประเด็น เพราะมาตรฐานการติดตั้ง ยังเป็นสิ่งที่มีความท้าทายในการตรวจสอบอยู่ หากการติดตั้งทำโดยช่างผู้ชำนาญการก็จะได้มาตรฐานสูง แต่ถ้าติดตั้งโดยไม่รัดกุมมากนัก ก็จะทำให้เกิดปัญหาต่าง ๆ เช่น ประกายไฟ ได้” ดร.สุเมธ ระบุ ยกระดับทัศนศึกษาปลอดภัย ซักซ้อม – วางแผน – ลงรายละเอียด รับมือเหตุไม่คาดคิด ด้าน นพ.ธนะพงศ์ จินวงษ์ ผู้จัดการศูนย์วิชาการเพื่อความปลอดภัยทางถนน (ศวปถ.) และอนุกรรมการด้านการขนส่งและยานพาหนะ สภาผู้บริโภค กล่าวว่า เหตุการณ์ดังกล่าวถึงเวลาที่กระทรวงศึกษาธิการ ต้องทบทวนเชิงระบบ เพื่อสร้างแนวทางการไปทัศนศึกษาที่ปลอดภัย โดยปัจจุบันการไปทัศนศึกษาของเด็กมีอยู่ 2 รูปแบบ 1. ไปเช้า – เย็นกลับ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นการทัศนศึกษาในช่วงปิดเทอมหนึ่ง ประมาณเดือนตุลาคม กับ 2. ทัศนศึกษาแบบพักค้างคืนจะอยู่ในช่วงเทอมสอง ซึ่งจะมีการเดินทางช่วงกลางคืน มีการใช้รถบัสสองชั้น การเกิดอุบัติเหตุจึงมักจะเกิดในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ – มีนาคม นพ.ธนะพงศ์ กล่าวว่า คณะผู้จัดกิจกรรมไปทัศนศึกษา ต้องวางแผนโดยการลงรายละเอียด ทั้งการเตรียมครูประจำรถกี่คนต่อจำนวนเด็ก ยิ่งเป็นเด็กเล็กยิ่งต้องให้ความสำคัญมากเป็นพิเศษ เช่น อาจจะต้องเป็นครูหนึ่งคนต่อ 10 คน เป็นต้น หรือหากเกิดอุบัติเหตุรถพลิกคว่ำ หรือเกิดเพลิงไหม้ คุณครูก็ต้องรู้จักการใช้ถังดับเพลิง และถ้าจำเป็นต้องอพยพ คุณครูจะต้องวางแผนอพยพออกทางไหน ประตูอยู่ตรงจุดไหน เป็นต้น เสนอยกเลิกรถสองชั้นเด็ดขาด – เพิ่มวงเงินประกันภัยภาคบังคับ นางสาวสารี อ๋องสมหวัง เลขาธิการสำนักงานสภาผู้บริโภค กล่าวถึงข้อเสนอในการป้องกันไม่ให้เกิดเหตุซ้ำ โดยเน้นย้ำการยกเลิกการใช้รถสองชั้นในการรับจ้างแบบไม่ประจำทาง อันเป็นสิ่งที่องค์กรผู้บริโภคทั่วประเทศ ได้มีข้อเสนอเป็นระยะเวลาหลายปี แต่ยังไม่ได้เห็นความเปลี่ยนแปลง รวมถึงรื้อระบบตรวจสภาพรถบริการขนส่งสาธารณะ ปัจจุบันตรวจสภาพปีละสองครั้ง แต่ในบางประเทศตรวจทุกไตรมาส ซึ่งจริง ๆ ควรจะดูตามจํานวนการใช้งาน หรือกำหนดเป็นระยะเวลาตายตัวเพียงอย่างเดียว นอกจากนี้ เสนอให้ขยายวงเงินประกันภัยภาคบังคับ ของรถโดยสารแบบไม่ประจำทาง โดยเพิ่มวงเงินประกันเป็น 30 ล้านบาท เนื่องจากปัจจุบันการทำประกันภัยรถภาคบังคับตาม พ.ร.บ.คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ.2535 กำหนดความคุ้มครองกรณีเสียชีวิตหรือทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง 500,000 บาทต่อคน แต่มีข้อกำหนดวงเงินเฉลี่ยจ่ายจากวงเงินไม่เกิน 10 ล้านบาทต่อครั้ง ซึ่งไม่ครอบคลุมความเสียหายเมื่อเกิดเหตุร้ายแรงและมีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก “ความสูญเสียที่เกิดขึ้นต้องนำไปสู่การพัฒนากฎ ระเบียบ มาตรการต่าง ๆ และวิธีการทำงานที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยของรถโดยสาร” เลขาธิการสำนักงานสภาผู้บริโภค กล่าว จากอุบัติเหตุรถบัสนักเรียนไฟไหม้ สู่ปัญหา “รถโรงเรียนไทยไม่ปลอดภัย” ความไม่ปลอดภัยของรถรับส่งนักเรียนไทย ไม่ใช่ปัญหาที่เพิ่งถูกหยิบยกขึ้นมาพูดถึง และเปรียบเทียบมาตรฐานความปลอดภัยของไทยกับต่างประเทศ โดยล่าสุดในโซเชียลมีเดียมีการแชร์ข้อมูล รถรับส่งนักเรียนในสหรัฐ มีการควบคุมความปลอดภัยมากกว่ารถปกติถึง 70 เท่า ขณะที่ของญี่ปุ่นกรณีรถบัสทัศนศึกษา นอกจากการตรวจสอบมาตรฐานตัวรถที่เข้มงวด ยังมีการติดตั้ง GPS ควบคุมความเร็วในการขับขี่อีกด้วย สำหรับประเทศไทย หากย้อนกลับไปที่ข้อมูลของ ศวปถ. และสภาองค์กรของผู้บริโภค ซึ่งระบุในคู่มือการจัดระบบรถโรงเรียนให้ปลอดภัยและเป็นธรรม พบว่าระหว่างปี 2562 – 2564 เกิดอุบัติเหตุกับรถโรงเรียนมากถึง 38 ครั้ง มีนักเรียนได้รับบาดเจ็บรุนแรงถึงขึ้นเสียชีวิต 9 ราย บาดเจ็บ 431 ราย จากการสํารวจข้อมูลรถโรงเรียนทุกภูมิภาค ได้สะท้อนภาพปัญหาที่ซ่อนอยู่เบื้องหลัง 3 ปมปัญหาใหญ่ที่รอเวลาเกิดเหตุ ได้แก่ สภาพรถที่ไม่ได้มาตรฐาน : ดัดแปลงรถ ไม่มั่นคงแข็งแรง รวมถึงขาดอุปกรณ์ความปลอดภัยที่ควรมี เช่น ค้อนทุบกระจก ถังดับเพลิง เป็นต้น ผู้ขับประมาทไม่ปฏิบัติตามกฎจราจร : ใช้ประสบการณ์ความเคยชินขับเร็วเสี่ยงอันตราย ขาดความรู้ความเข้าใจบทบาทการขับรถส่งนักเรียน ขาดระบบจัดการรถที่ดี : ขาดระบบกำกับควบคุมผู้ขับขี่ รวมถึงกลไกสนับสนุนเพื่อให้เกิดระบบจัดการที่มีประสิทธิภาพ แม้การเพิ่มมาตรการและความเข้มงวดภายหลังเกิดเหตุ จะหนีไม่พ้นคำพูดที่ว่า “วัวหายล้อมคอก” แต่ในบริบทของประเทศไทย เมื่อเกิดบทเรียนขึ้นแล้ว จำเป็นอย่างยิ่งที่หน่วยงานผู้รับผิดชอบทุกภาคส่วน ต้องร่วมมือกันล้อมคอกไม่ให้เกิดเหตุสลด เช่นนี้ขึ้นอีกในอนาคต ที่มา https://thaipublica.org/2024/10/tdri-reveals-95-of-non-regular-taxis-are-ticking-time-bombs-on-thai-roads/ #Thaitimes
    THAIPUBLICA.ORG
    ความเสื่อมสร้างความเสี่ยง! ‘ทีดีอาร์ไอ’ ชี้ 95% รถรับจ้างไม่ประจำทาง คือ ระเบิดเวลาบนท้องถนนไทย
    ความเสื่อมสร้างความเสี่ยง! ‘ทีดีอาร์ไอ’ ชี้ 95% รถรับจ้างไม่ประจำทาง คือ ระเบิดเวลาบนท้องถนนไทย แนะรัฐตรวจเข้มกลุ่มรถที่มีความเสี่ยงสูง พร้อมจัดงบฯ - สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ หนุนผู้ประกอบการใช้วัสดุทนไฟ
    Like
    7
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 688 มุมมอง 0 รีวิว
  • ตำรวจ ปคบ.ร่วม ป.ป.ง.ลุยตรวจค้นบ้านและบริษัทของ "แม่ตั๊ก-ป๋าเบียร์" ยึดปอร์เช่-แมคลาเรน พร้อมรถหรูยี่ห้ออื่นรวม 5 คัน เงินฝากและทรัพย์สินอื่นอีกหลายรายการ รวมเบ็ดเสร็จมูลค่ากว่า 70 ล้าน

    3 ตุลาคม 2567 -รายงานข่าวระบุว่า เวลาประมาณ 11.00 น. ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดยกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.วิทยา ศรีประเสริฐภาพ ผบก.ปคบ.,พ.ต.อ.อนุวัฒน์ รักษ์เจริญ รอง ผบก.ปคบ., พ.ต.อ.ชัฏฐ นากแก้ว รอง ผบก.ปคบ., พ.ต.อ.ไกรวิศท์ แสนทวีสุข ผกก.1 บก.ปคบ., โดยได้บูรณาการกับเจ้าหน้าที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ป.ป.ง.) ภายใต้การอำนวยการของ นายเทพสุ บวรโชติดารา เลขาธิการ ปปง. ได้สั่งการให้นายวรเศรษฐ์ สุรพนานนท์ชัย ผอ.กองข่าวกรองทางการเงิน เจ้าหน้าที่ชุดตรวจต้น นำโดย พ.ต.ท.กิตติพศ คงสูงเนิน และ พ.ต.ท.กฤษณ์ พิพัฒน์พูนสิริ สว.กก1 บก.ปคบ. พร้อมด้วยกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.1 บก.ปคบ. และเจ้าหน้าที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ป.ป.ง.) นำโดย พ.ต.ท.ประวิทย์ แช่มมั่นคง ผอ.สสง.1,น.ส.พรรณจิรา ระดมกิจ ,พ.ต.ท.บริสุทธิ์ จันทร และ น.ส.จีรญาดา สำนวนกลาง นสส.ชก. นำหมายค้นศาลอาญามีนบุรี เข้าตรวจค้น จำนวน 2 จุด ดังนี้

    1.บ้านหลังหนึ่งใน ซอยรามอินทรา 65 แยก 2-4 แขวงท่าแร้ง เขตบางเขน กรุงเทพมหานคร
    2.บริษัท เคทูเอ็น โกลด์ จำกัด และ บริษัท ขายทุกอย่าง บายป๋าเบียร์ จำกัด ถ.หทัยราษฎร์ แขวงบางชัน เขตคลองสามวา กรุงเทพมหานคร
    ตรวจยึดทรัพย์สินจำนวนหลายรายการ ดังนี้
    1. รถยนต์ยี่ห้อ PORSCHE รุ่น CAYENNE E-HYBRID COUPE สีส้ม จำนวน 1 คัน
    2. รถยนต์ยี่ห้อ MC LAREN สีส้ม จำนวน 1 คัน
    3. รถยนต์ยี่ห้อ LEXUS สีดำ จำนวน 1 คัน
    4. รถยนต์ยี่ห้อ TOYOTA รุ่น TR TRANSFOMER สีเหลือง ดำ จำนวน 1 คัน
    5.รถยนต์ยี่ห้อ TOYOTA รุ่น ALPHARD สีขาว จำนวน 1 คัน
    6.อายัดบัญชีเงินฝาก และทรัพย์สินรายการอื่นๆ
    รวมทรัพย์สิน มูลค่ากว่า 70 ล้านบาท

    พฤติการณ์ในการตรวจค้น สืบเนื่องจากกรณีมีผู้เสียหายหลายคนได้เข้าพบพนักงานสอบสวน กก.1 บก.ปคบ. เพื่อแจ้งความร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีกับ บจก.เคทูเอ็น โกลด์ (ห้างเพชรทองเคทูเอ็น) โดยมีนายกานต์พล ฯ หรือป๋าเบียร์ กรรมการผู้มีอำนาจ กับพวก หลังผู้เสียหายหลายคนเป็นลูกค้าที่ซื้อทองรูปพรรณพร้อมของแถมผ่านการไลฟ์สดในสื่อสังคมออนไลน์ พร้อมมีการอ้างว่าทองที่ขายดังกล่าว เป็นทองแท้ 99.99 % แต่เมื่อได้รับสินค้าแล้วทองเหล่านั้นไม่ตรงกับที่โฆษณาไว้ และยังเป็นทองที่ไม่ได้คุณภาพอีกด้วย ทำให้ได้รับความเสียหาย ต่อมาพนักงานสอบสวน กก.1 บก.ปคบ. ได้รวบรวมพยานหลักฐาน และได้ยื่นคำร้องขอศาลออกหมายจับผู้ต้องหา ก่อนจะสามารถจับกุมตัวได้ในเวลาต่อมา พร้อมนำตัวผู้ต้องหา ส่งพนักงานสอบสวนไปแล้วก่อนหน้านี้

    วันนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.1 บก.ปคบ. ร่วมกับเจ้าหน้าที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ป.ป.ง.) ได้นำหมายค้นศาลอาญามีนบุรีเข้าตรวจค้น จำนวน 2 จุด พร้อมกับทำการตรวจยึดทรัพย์สินจำนวนหลายรายการตามบัญชีของกลางข้างต้น รวมทรัพย์สิน มูลค่ากว่า 70 ล้านบาท โดยเป็นการปฏิบัติการร่วมกับ เจ้าหน้าที่ ป.ป.ง. ตรวจยึดไว้เพื่อทำการตรวจสอบว่าทรัพย์สินดังกล่าวข้างต้น เป็นทรัพย์ที่เกี่ยวข้องหรือได้มาเกี่ยวกับการกระทำความผิดของผู้ต้องหาหรือไม่

    #Thaitimes
    ตำรวจ ปคบ.ร่วม ป.ป.ง.ลุยตรวจค้นบ้านและบริษัทของ "แม่ตั๊ก-ป๋าเบียร์" ยึดปอร์เช่-แมคลาเรน พร้อมรถหรูยี่ห้ออื่นรวม 5 คัน เงินฝากและทรัพย์สินอื่นอีกหลายรายการ รวมเบ็ดเสร็จมูลค่ากว่า 70 ล้าน 3 ตุลาคม 2567 -รายงานข่าวระบุว่า เวลาประมาณ 11.00 น. ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดยกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.วิทยา ศรีประเสริฐภาพ ผบก.ปคบ.,พ.ต.อ.อนุวัฒน์ รักษ์เจริญ รอง ผบก.ปคบ., พ.ต.อ.ชัฏฐ นากแก้ว รอง ผบก.ปคบ., พ.ต.อ.ไกรวิศท์ แสนทวีสุข ผกก.1 บก.ปคบ., โดยได้บูรณาการกับเจ้าหน้าที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ป.ป.ง.) ภายใต้การอำนวยการของ นายเทพสุ บวรโชติดารา เลขาธิการ ปปง. ได้สั่งการให้นายวรเศรษฐ์ สุรพนานนท์ชัย ผอ.กองข่าวกรองทางการเงิน เจ้าหน้าที่ชุดตรวจต้น นำโดย พ.ต.ท.กิตติพศ คงสูงเนิน และ พ.ต.ท.กฤษณ์ พิพัฒน์พูนสิริ สว.กก1 บก.ปคบ. พร้อมด้วยกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.1 บก.ปคบ. และเจ้าหน้าที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ป.ป.ง.) นำโดย พ.ต.ท.ประวิทย์ แช่มมั่นคง ผอ.สสง.1,น.ส.พรรณจิรา ระดมกิจ ,พ.ต.ท.บริสุทธิ์ จันทร และ น.ส.จีรญาดา สำนวนกลาง นสส.ชก. นำหมายค้นศาลอาญามีนบุรี เข้าตรวจค้น จำนวน 2 จุด ดังนี้ 1.บ้านหลังหนึ่งใน ซอยรามอินทรา 65 แยก 2-4 แขวงท่าแร้ง เขตบางเขน กรุงเทพมหานคร 2.บริษัท เคทูเอ็น โกลด์ จำกัด และ บริษัท ขายทุกอย่าง บายป๋าเบียร์ จำกัด ถ.หทัยราษฎร์ แขวงบางชัน เขตคลองสามวา กรุงเทพมหานคร ตรวจยึดทรัพย์สินจำนวนหลายรายการ ดังนี้ 1. รถยนต์ยี่ห้อ PORSCHE รุ่น CAYENNE E-HYBRID COUPE สีส้ม จำนวน 1 คัน 2. รถยนต์ยี่ห้อ MC LAREN สีส้ม จำนวน 1 คัน 3. รถยนต์ยี่ห้อ LEXUS สีดำ จำนวน 1 คัน 4. รถยนต์ยี่ห้อ TOYOTA รุ่น TR TRANSFOMER สีเหลือง ดำ จำนวน 1 คัน 5.รถยนต์ยี่ห้อ TOYOTA รุ่น ALPHARD สีขาว จำนวน 1 คัน 6.อายัดบัญชีเงินฝาก และทรัพย์สินรายการอื่นๆ รวมทรัพย์สิน มูลค่ากว่า 70 ล้านบาท พฤติการณ์ในการตรวจค้น สืบเนื่องจากกรณีมีผู้เสียหายหลายคนได้เข้าพบพนักงานสอบสวน กก.1 บก.ปคบ. เพื่อแจ้งความร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีกับ บจก.เคทูเอ็น โกลด์ (ห้างเพชรทองเคทูเอ็น) โดยมีนายกานต์พล ฯ หรือป๋าเบียร์ กรรมการผู้มีอำนาจ กับพวก หลังผู้เสียหายหลายคนเป็นลูกค้าที่ซื้อทองรูปพรรณพร้อมของแถมผ่านการไลฟ์สดในสื่อสังคมออนไลน์ พร้อมมีการอ้างว่าทองที่ขายดังกล่าว เป็นทองแท้ 99.99 % แต่เมื่อได้รับสินค้าแล้วทองเหล่านั้นไม่ตรงกับที่โฆษณาไว้ และยังเป็นทองที่ไม่ได้คุณภาพอีกด้วย ทำให้ได้รับความเสียหาย ต่อมาพนักงานสอบสวน กก.1 บก.ปคบ. ได้รวบรวมพยานหลักฐาน และได้ยื่นคำร้องขอศาลออกหมายจับผู้ต้องหา ก่อนจะสามารถจับกุมตัวได้ในเวลาต่อมา พร้อมนำตัวผู้ต้องหา ส่งพนักงานสอบสวนไปแล้วก่อนหน้านี้ วันนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.1 บก.ปคบ. ร่วมกับเจ้าหน้าที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ป.ป.ง.) ได้นำหมายค้นศาลอาญามีนบุรีเข้าตรวจค้น จำนวน 2 จุด พร้อมกับทำการตรวจยึดทรัพย์สินจำนวนหลายรายการตามบัญชีของกลางข้างต้น รวมทรัพย์สิน มูลค่ากว่า 70 ล้านบาท โดยเป็นการปฏิบัติการร่วมกับ เจ้าหน้าที่ ป.ป.ง. ตรวจยึดไว้เพื่อทำการตรวจสอบว่าทรัพย์สินดังกล่าวข้างต้น เป็นทรัพย์ที่เกี่ยวข้องหรือได้มาเกี่ยวกับการกระทำความผิดของผู้ต้องหาหรือไม่ #Thaitimes
    Like
    Haha
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 536 มุมมอง 0 รีวิว
  • ตำรวจ ปคบ.ร่วม ป.ป.ง.ลุยตรวจค้นบ้านและบริษัทของ "แม่ตั๊ก-ป๋าเบียร์" ยึดปอร์เช่-แมคลาเรน พร้อมรถหรูยี่ห้ออื่นรวม 5 คัน เงินฝากและทรัพย์สินอื่นอีกหลายรายการ รวมเบ็ดเสร็จมูลค่ากว่า 70 ล้านบาท
    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000093681

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    ตำรวจ ปคบ.ร่วม ป.ป.ง.ลุยตรวจค้นบ้านและบริษัทของ "แม่ตั๊ก-ป๋าเบียร์" ยึดปอร์เช่-แมคลาเรน พร้อมรถหรูยี่ห้ออื่นรวม 5 คัน เงินฝากและทรัพย์สินอื่นอีกหลายรายการ รวมเบ็ดเสร็จมูลค่ากว่า 70 ล้านบาท อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000093681 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Haha
    Wow
    Angry
    38
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2969 มุมมอง 0 รีวิว
  • งานประธานาธิบดีพี่เค้าก็ทำมาแล้ว……แต่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีที่พี่ปูเขาทำ………หนักกว่าเป็นสองเท่าค่าาาา ติ่งขาาาาา…!!!!

    ตอนสิบเก้า………เส้นทางที่หวาดเสียวกับการล่มจม……ผ่านมาได้อย่างสวยงามเพราะยึดหลักว่า……ต้องพึ่งตัวเอง………!!!

    หลังจากที่ทุกคนเป็นปลื้มกับความอู้ฟู่อยู่ได้ไม่นาน
    วันที่ 5 กันยายน 2008 เป็นวันที่บริษัทเงินทุนยักษ์ใหญ่สหรัฐอเมริกา Lehman Brothers ล้มละลายพังครืนลงอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ที่ดึงเศรษฐกิจโลกอ่อนยวบไปด้วย
    แม้แต่รัสเซียก็ไม่พ้น น้ำมันราคาตกต่ำกว่า $100 หุ้นร่วงลงติดพื้น
    ภายในสองเดือนของวิกฤติ เงินได้ไหลออกจากประเทศเป็นแสนล้าน เหล่ามหาเศรษฐีชิงกันขายรถหรู ขายเรือสำราญ
    เครื่องบินส่วนตัว
    รัฐบาลถอนเงินจากกองทุนต่างๆมาอุด แต่แทบไม่ได้ช่วยอะไร
    โรงงานปิดรายวัน คนงานไม่ได้รับเงินเดือน
    บารมีของปูตินที่เพิ่งใสสว่างราวดวงตะวัน……หม่นแสงลงอย่างดึงไว้ไม่อยู่
    แปดปี……ที่เขาเป็นประธานาธิบดี เวลามีเหตุร้ายเกิดขึ้น……
    คนที่รับหน้าในชั้นแรกคือ นายกรัฐมนตรี
    ซึ่งมันเป็นตำแหน่งที่เขาดำรงอยู่ในยามนี้ หมายถึงว่า เขาต้องแก้ปัญหานี้ด้วยตัวเองทั้งหมด

    เดือนตุลาคม……เขาเรียกประชุมสภา พร้อมเผชิญหน้ากับฝ่ายค้าน (ฝ่ายซ้าย) ที่หัวหน้าคือ Gennady Zyuganov ที่รอโอกาสที่จะเชือดเขาให้เป็นชิ้นๆได้ทุกเมื่อ หรือ รอโอกาสที่จะขอข้อแลกเปลี่ยนที่เป็นผลบวกกับพรรคของตัวเอง
    แต่ครั้งนี้ Gennady กลับมาแปลก……เขาวางข้อขัดแย้งไว้
    และให้ข้อคิดว่า……
    “เมื่อครั้งที่เกิดเศรษฐกิจล่มสลายในปี 1929 (ตลาดหุ้นอเมริกาพังพินาศ หรือ the Great Depression ล่มต่อเนื่องไปหลายปี
    จนต่อมาประธานาธิบดี Franklin Delano Roosevelt ได้ส่งทีมกู้เศรษฐกิจมารัสเซีย เพื่อดูลาดเลา และ มาดูความเป็นไปของเรา เพราะทางรัสเซียไม่มีผลกระทบอะไร……”
    ปูตินจึงได้สติ……เขาตอบว่า
    “จริงซิ……เพราะเราไม่เอาเงินของเราไปผูกกับตลาดหุ้นบ้าๆนั่น
    และ เราไม่ได้ใช้เงิน หรือ ลงทุนตามเขา……”

    ปูตินและทีมเศรษฐกิจจึงรีบหารือกันในการอุดรอยรั่วเป็นอันดับแรก
    นั่นคือ การที่เงินไหลออกเพราะเหล่าพ่อค้ามหาเศรษฐีทั้งหลายที่เอาเงินไปไว้ตามเกาะต่างๆ และ ธนาคารต่างประเทศ
    และมาฉวยโอกาสโมเมทำเป็นจนตามน้ำในตอนขาลงของสภาพคล่องของประเทศ
    เพราะโรงงานต่างๆกันปิดตัวระนาว…ในช่วงต้นปี 2009

    โดยเฉพาะในเดือนกรกฏาคม ที่เมืองอุตสาหกรรม Pikalevo ที่เป็นโรงงานอะลูมิเนียมส่วนใหญ่ที่มีแรงงานหลายหมื่นคน ที่ไม่ได้จ่ายเงินเดือนพนักงาน ที่กำลังจะเกิดการจลาจลอยู่รอมร่อ
    ปูตินและคณะบุกไปถึงที่……เขาเรียกเหล่าเจ้าของทั้งหมดมาประชุม และเตรียมสัญญามาให้ลงชื่อ……ว่า
    จะต้องจ่ายเงินเดือนพนักงานทุกคนภายใน 24 ชั่วโมง
    ที่เหลือ…ถ้ายังอยากอยู่ในธุรกิจ ต้องเข้ามารับนโยบายจากรัฐถ้าไม่เปิดโรงงาน………รัฐบาลจะเข้ามาบริหารเอง
    หนึ่งในกลุ่มเจ้าของโรงงานนั้น คือ Oleg Deripaska ที่เปรียบเสมือนเพื่อนสนิทของปูตินมาแต่ไหนแต่ไร ที่ปูตินก็ไม่ไว้หน้า
    จิกตัวมาให้เซ็นชื่อ….และทวงปากกาคืนจาก Oleg!!!

    ~~มีวีดีโอบันทึกภาพจากเหตุการณ์จริง แต่ในความเห็นส่วนตัว ดิฉันคิดว่าเป็นการทำโปรประกันดาของปูติน เพื่อลดกระแสกดดันจากภาคประชาชนชาวแรงงานที่ชุมนุมรออยู่
    ข้างนอก ลุ้นว่าจะได้รับเงินเดือนหรือเปล่า…ปูตินคงคุยนอกรอบกับพวกเจ้าของนี้แล้ว เมื่อตกลงกันได้ เลยต้องออกข่าวเรียกคืนเครดิตให้รัฐบาล

    ปูตินที่เหมือนกับทำหน้าที่นายกรัฐมนตรี และ ประธานาธิบดีในเงา…ใช้เวลาทำงานทั้งหมดเกี่ยวกับสางกิจการเหล่าโรงงานอันเป็นอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ในรัสเซีย อย่างแร่ Nepheline
    ที่เป็นวัตถุดิบที่สำคัญ ที่โรงงานจะต้องใช้เกิดขาดแคลน
    เขาสั่งขบวนเที่ยวรถไฟด่วน ลำเลียงมาจาก Kola Peninsular
    อัดฉีดเงินช่วยเหลือประชาชน
    และแทนที่เขาจะทำการเปิดตลาดเพื่อที่จะจะดูดเงินจากการค้า
    หรือทำสัญญาซื้อขายแบบยอมเสียเปรียบเพื่อที่จะได้เงินเข้าประเทศกับกลุ่มยุโรปหรืออเมริกา………
    เขาไม่ทำ…………!!!
    ใครต่อใครต่างพากันประหลาดใจ……เพราะถ้าไม่ทำก็มองไม่เห็นทางรอด พวกเขาไม่เข้าใจว่าปูตินจะพาชาติพ้นวิกฤตินี้ไปได้อย่างไร??

    แต่ปูตินเขาเห็นว่า….ที่ประเทศได้รับผลกระทบอย่างแรงเช่นนี้
    เพราะอเมริกาได้เดินหมากผิด (หรืออาจตั้งใจ) ทำให้ใครต่อเดือดร้อนอย่างแสนสาหัส จนแทบจะสิ้นชาติ
    ฉะนั้น…เขาเลือกที่จะปิดตลาดการค้าทางฝั่งตะวันตก ค้าขายแต่กับกลุ่มเบลารุส และกลุ่มคาซัคสถาน แบบพอให้การเคลื่อนไหวของกระแสเงินไปในทิศทางที่ปลอดภัย และไม่เสียเปรียบ

    กลางปี 2009 ราคาน้ำมันดีดกลับขึ้นมา หุ้นก็ขึ้นตาม
    ทุกอย่างกลับขึ้นมาเป็นเกือบปรกติ
    เมื่อมาถึง 2010 อะไรที่เคยหาย เคยพร่องไป กลับหลั่งไหลเข้ามาเต็มคลังอีกครั้ง ดีเกินหน้ายุโรปและอเมริกาด้วยซ้ำ
    ประสบการณ์ที่เกิดขึ้น……ได้บอกกับปูตินว่า ……
    ถ้ามาถึงเรื่องเงิน…ต้องไม่ฝากอนาคตไว้กับใครเลย ต้องถือเอง
    บริการเอง เอาประโยชน์ของชาติและคนในชาติเป็นหลัก

    จากการฟื้นตัวอย่างรวดเร็วของรัสเซียนี้ เมื่อการประชุม WTO (World Trade Organization) จึงได้เชิญรัสเซียเข้าร่วมประชุมด้วย ปูตินตอบรับโดยมีข้อแม้ว่า เขาจะไปเป็นคณะ ไม่ใช่ไปคนเดียว คณะที่ว่านั้น คือ ตัวแทนจากเบลารุส และ คาซัคสถาน
    กรรมาธิการหลายคนไม่เข้าใจ…ว่า ทำไม…?
    ในเมื่อรัสเซียจะต้องทำการซื้อขายกับทางตะวันตกมากกว่า…
    แต่ปูตินยืนยันว่า….จะต้องไปเป็นกลุ่มเท่านั้น…!!
    (เพราะเมื่อตกอับก็ยังอยู่เคียงข้างกัน พอได้โอกาสค้าขาย ก็ต้องไปด้วยกัน…)

    จากนั้น ปูตินจึงหันมาทำงานในเรื่องการก่อสร้างที่ Sochi อย่างเต็มตัว เพราะเขาทุ่มเงินกว่าสามพันล้านหรียญ ที่จะสร้างให้ออกมาสวยงามสมใจ
    นอกจากพื้นที่แข่งสกีแล้ว เขาได้สร้างอีกหลายอาคารสำหรับเป็นที่แข่งขันระหว่างมหาวิทยาลัย และหมู่บ้านนักกีฬาที่ทันสมัย
    รวมทั้งพัฒนาปรับปรุงเส้นทางรถไฟ Baikal-Amur Mainline ที่พาดยาว จาก Moscow ถึง ฝั่งตะวันออก Vladivostok ให้ทันสมัยและเป็นสายท่องเที่ยวที่จะดึงดูดความสนใจ
    เขาทุ่มเทกับเรื่องโอลิมปิกนี้มาก เพราะการก่อสร้างได้ชะงักงันไปในช่วงฝืดเคือง พอกลับมาจับทำต่อ……ก็ต้องงบประมาณการก่อสร้างบานปลาย……
    ที่ปูตินเรียกทุกฝ่ายมารายงานการใช้เงินกันอย่างละเอียด
    และทุกฝ่ายที่ว่ามานั้น……ล้วนแล้วแต่เป็นเพื่อนรักคนสนิทแทบทั้งสิ้น
    ในช่วงนี้คือช่วงที่มีการแฉโพยในเรื่องการคอรัปชั่นของรัฐบาลอย่างหนาหูจากฝ่ายตรงข้าม
    เพราะเป็นการสร้างเมกะโปรเจ็คหลายๆงานพร้อมกัน……
    แต่ปูติน…ยังคงทำเฉยกับข่าวเหล่านี้…
    เพราะในช่วงฤดูร้อนของปี 2010 ที่เกิดไฟป่าขึ้นที่ชายขอบมอสโคว์ ที่เริ่มรุนแรงขึ้น ประชาชนเดือดร้อนจนถึงขนาดตำหนิรัฐบาลออกสื่ออย่างไม่เกรงใจ ในเรื่องการล่าช้าของการดำเนินการดับไฟ และ เรื่องคอรัปชั่นที่กำลังเป็นข่าว เนื่องจากรัฐบาลเมดเวเดฟ กำลังสร้างศูนย์เทคโนโลยี Skolkovo ที่ทันสมัยใหญ่อลังการ ……
    แต่ประชาชนถามถึง……รถดับเพลิง ที่ควรจะมีมากกว่าศูนย์บ้าบออะไรนั่น…
    ปธน. เมดเวเดฟ ยังอยู่ในช่วงพักร้อนที่ทะเลดำ……
    ปูตินเป็นพระเอกอีกแล้ว เขาเตรียมตัวพร้อม ขึ้นเฮลิคอปเตอร์ไปกับนักบินที่บินออกไปเป็นฝูงตั๊กแตน บัญชาการดับไฟ โปรยน้ำและสารเคมีติดต่อกันสองวัน……คุมไฟป่าได้อย่างหมดจด………
    คราวนี้……เสียงคะแนนนิยมจากหมู่สาวๆมาแบบถล่มทะลาย
    (เพราะอินเตอร์เน็ต) ทุกคนมองเห็นปูตินวัย 58 เป็นไอดอลที่สุดเซ็กซี่……กลายเป็นชายในฝัน (ซะงั้น)

    ชายในฝันที่ว่านี้…ก็ไม่ใช่เบา……!!!
    วันหนึ่งในการประชุมที่ กรุงเคียฟ เกี่ยวกับเรื่องการรวมทุนของสายการบินยูเครนเข้ากับ United Aviation Co. ของรัสเซีย
    ทุกคนสังเกตเห็นว่า ใบหน้าของปูตินที่ออกในทีวี แน่นไปด้วยเมคอัพ แต่น่าจะเป็นการให้แสง……เลยดูเปลี่ยนไป
    จนนักข่าวแอบมาเม้าท์กันว่า มีรอยช้ำที่ขอบตา……ผมหนาขึ้น…ตีนกาหายไป……หน้าผากตึงขึ้น……หางตาไม่ตก……
    ว้าววววว………นี่ไปศัลย์มาชัดๆ……
    แต่ทุกคนก็ยังชื่นชม เพราะ เขาบอกว่า
    “ใครๆก็อยากได้ผู้นำที่ดูดีด้วยกันทั้งนั้นแหละ……”

    ส่วนประธานาธิบดี เมดเวเดฟ……ที่มีนโยบาย Forward Russia…!! นั้น ก็ทำงานส่วนใหญ่กับการประสานกับประธานาธิบดี บารัค โอบามา เพราะค่อนข้างจะคุยกันรู้เรื่องในเรื่องของนิวเคลียร์เพื่อสันติ…รวมทั้งโปรเจ็คในการค้าขายที่ไม่ค่อยเป็นข่าว นอกจากอ่านแถลงการณ์โน่นนี่

    แต่การเล่นละครก็”ต้องมี”ให้ชาวโลกเห็นว่า ประธานาธิบดีรัสเซียก็มี”ปาก”เหมือนกัน…คือ ในวันตัดสินคดีของอภิมหาเศรษฐีรูปงาม Mikhail Khodorkovsky (หรือที่เคยเรียกย่อว่า MK) ที่ถูกจำคุกเกือบปี
    ก่อนวันขึ้นศาล ปูตินได้โทรศัพท์ออกทีวี ในวันที่ 16 ธันวาคม
    ให้ความเห็นในเรื่องนี้อย่างดุเดือดว่า ……เป็นโจรก็ต้องติดคุก ยิ่งเป็นมหาโจรที่ปล้นทรัพยากรไปจากแผ่นดิน……มันก็ต้องรับโทษให้สาสม เหมือนอย่างนักลงทุนอเมริกัน Bernard Madoff
    ที่ศาลในอเมริกาได้ตัดสินให้จำคุก 150 ปี……”
    ปูตินกล่าวต่อไปด้วยอารมณ์โกรธที่ระงับไม่อยู่……ว่า
    “ไอ้หมอนี่ เป็นคนสั่งการในการสังหารนายกเทศมนตรีเมือง Nefteyugansk (ที่ควบคุมเขตโรงกลั่นน้ำมันของ Yukos ของ MK) และ ผู้หญิงคนหนึ่งในมอสโคว์ที่ไม่ยอมเซ็นโฉนดที่ดินให้……มันกำจัดคนที่ขวางทางทุกคนด้วยวิธีที่ทารุณสุดโหด……”
    การกร้าวของปูตินในฐานะนายกรัฐมนตรีคราวนี้ มันออกจะ”ล้ำ” ไป เพราะแพร่ออกไปทุกมุมโลก

    ต่อมา…เมดเวเดฟ ต้องรีบแก้สถานะการณ์โดยการแสดงเป็นฝ่ายตรงข้ามกับปูติน……เขาไม่เห็นด้วยกับการที่ “ใครคนหนึ่ง”
    จะเที่ยวไปพิพากษาความผิดของใครได้ นอกเหนือไปจากศาลสถิตยุติธรรม
    สรุปว่า MK ได้ถูกตัดสินจำคุก 13 ปี (แต่ติดจริงๆแค่ไม่กี่ปี เพราะต้องยอมซื้ออิสรภาพเพื่อที่จะได้ออกไปนอกประเทศด้วยทรัพย์สินที่มีแทบทั้งหมดในรัสเซีย…)
    จึงจัดได้ว่า…MK ที่มีที่อยู่ทั่วไปในยุโรปและอเมริกา……

    เขาคือ ศัตรูนอกประเทศที่ชัดเจนของปูตินในทุกวันนี้……!!!


    Wiwanda W. Vichit
    งานประธานาธิบดีพี่เค้าก็ทำมาแล้ว……แต่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีที่พี่ปูเขาทำ………หนักกว่าเป็นสองเท่าค่าาาา ติ่งขาาาาา…!!!! ตอนสิบเก้า………เส้นทางที่หวาดเสียวกับการล่มจม……ผ่านมาได้อย่างสวยงามเพราะยึดหลักว่า……ต้องพึ่งตัวเอง………!!! หลังจากที่ทุกคนเป็นปลื้มกับความอู้ฟู่อยู่ได้ไม่นาน วันที่ 5 กันยายน 2008 เป็นวันที่บริษัทเงินทุนยักษ์ใหญ่สหรัฐอเมริกา Lehman Brothers ล้มละลายพังครืนลงอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ที่ดึงเศรษฐกิจโลกอ่อนยวบไปด้วย แม้แต่รัสเซียก็ไม่พ้น น้ำมันราคาตกต่ำกว่า $100 หุ้นร่วงลงติดพื้น ภายในสองเดือนของวิกฤติ เงินได้ไหลออกจากประเทศเป็นแสนล้าน เหล่ามหาเศรษฐีชิงกันขายรถหรู ขายเรือสำราญ เครื่องบินส่วนตัว รัฐบาลถอนเงินจากกองทุนต่างๆมาอุด แต่แทบไม่ได้ช่วยอะไร โรงงานปิดรายวัน คนงานไม่ได้รับเงินเดือน บารมีของปูตินที่เพิ่งใสสว่างราวดวงตะวัน……หม่นแสงลงอย่างดึงไว้ไม่อยู่ แปดปี……ที่เขาเป็นประธานาธิบดี เวลามีเหตุร้ายเกิดขึ้น…… คนที่รับหน้าในชั้นแรกคือ นายกรัฐมนตรี ซึ่งมันเป็นตำแหน่งที่เขาดำรงอยู่ในยามนี้ หมายถึงว่า เขาต้องแก้ปัญหานี้ด้วยตัวเองทั้งหมด เดือนตุลาคม……เขาเรียกประชุมสภา พร้อมเผชิญหน้ากับฝ่ายค้าน (ฝ่ายซ้าย) ที่หัวหน้าคือ Gennady Zyuganov ที่รอโอกาสที่จะเชือดเขาให้เป็นชิ้นๆได้ทุกเมื่อ หรือ รอโอกาสที่จะขอข้อแลกเปลี่ยนที่เป็นผลบวกกับพรรคของตัวเอง แต่ครั้งนี้ Gennady กลับมาแปลก……เขาวางข้อขัดแย้งไว้ และให้ข้อคิดว่า…… “เมื่อครั้งที่เกิดเศรษฐกิจล่มสลายในปี 1929 (ตลาดหุ้นอเมริกาพังพินาศ หรือ the Great Depression ล่มต่อเนื่องไปหลายปี จนต่อมาประธานาธิบดี Franklin Delano Roosevelt ได้ส่งทีมกู้เศรษฐกิจมารัสเซีย เพื่อดูลาดเลา และ มาดูความเป็นไปของเรา เพราะทางรัสเซียไม่มีผลกระทบอะไร……” ปูตินจึงได้สติ……เขาตอบว่า “จริงซิ……เพราะเราไม่เอาเงินของเราไปผูกกับตลาดหุ้นบ้าๆนั่น และ เราไม่ได้ใช้เงิน หรือ ลงทุนตามเขา……” ปูตินและทีมเศรษฐกิจจึงรีบหารือกันในการอุดรอยรั่วเป็นอันดับแรก นั่นคือ การที่เงินไหลออกเพราะเหล่าพ่อค้ามหาเศรษฐีทั้งหลายที่เอาเงินไปไว้ตามเกาะต่างๆ และ ธนาคารต่างประเทศ และมาฉวยโอกาสโมเมทำเป็นจนตามน้ำในตอนขาลงของสภาพคล่องของประเทศ เพราะโรงงานต่างๆกันปิดตัวระนาว…ในช่วงต้นปี 2009 โดยเฉพาะในเดือนกรกฏาคม ที่เมืองอุตสาหกรรม Pikalevo ที่เป็นโรงงานอะลูมิเนียมส่วนใหญ่ที่มีแรงงานหลายหมื่นคน ที่ไม่ได้จ่ายเงินเดือนพนักงาน ที่กำลังจะเกิดการจลาจลอยู่รอมร่อ ปูตินและคณะบุกไปถึงที่……เขาเรียกเหล่าเจ้าของทั้งหมดมาประชุม และเตรียมสัญญามาให้ลงชื่อ……ว่า จะต้องจ่ายเงินเดือนพนักงานทุกคนภายใน 24 ชั่วโมง ที่เหลือ…ถ้ายังอยากอยู่ในธุรกิจ ต้องเข้ามารับนโยบายจากรัฐถ้าไม่เปิดโรงงาน………รัฐบาลจะเข้ามาบริหารเอง หนึ่งในกลุ่มเจ้าของโรงงานนั้น คือ Oleg Deripaska ที่เปรียบเสมือนเพื่อนสนิทของปูตินมาแต่ไหนแต่ไร ที่ปูตินก็ไม่ไว้หน้า จิกตัวมาให้เซ็นชื่อ….และทวงปากกาคืนจาก Oleg!!! ~~มีวีดีโอบันทึกภาพจากเหตุการณ์จริง แต่ในความเห็นส่วนตัว ดิฉันคิดว่าเป็นการทำโปรประกันดาของปูติน เพื่อลดกระแสกดดันจากภาคประชาชนชาวแรงงานที่ชุมนุมรออยู่ ข้างนอก ลุ้นว่าจะได้รับเงินเดือนหรือเปล่า…ปูตินคงคุยนอกรอบกับพวกเจ้าของนี้แล้ว เมื่อตกลงกันได้ เลยต้องออกข่าวเรียกคืนเครดิตให้รัฐบาล ปูตินที่เหมือนกับทำหน้าที่นายกรัฐมนตรี และ ประธานาธิบดีในเงา…ใช้เวลาทำงานทั้งหมดเกี่ยวกับสางกิจการเหล่าโรงงานอันเป็นอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ในรัสเซีย อย่างแร่ Nepheline ที่เป็นวัตถุดิบที่สำคัญ ที่โรงงานจะต้องใช้เกิดขาดแคลน เขาสั่งขบวนเที่ยวรถไฟด่วน ลำเลียงมาจาก Kola Peninsular อัดฉีดเงินช่วยเหลือประชาชน และแทนที่เขาจะทำการเปิดตลาดเพื่อที่จะจะดูดเงินจากการค้า หรือทำสัญญาซื้อขายแบบยอมเสียเปรียบเพื่อที่จะได้เงินเข้าประเทศกับกลุ่มยุโรปหรืออเมริกา……… เขาไม่ทำ…………!!! ใครต่อใครต่างพากันประหลาดใจ……เพราะถ้าไม่ทำก็มองไม่เห็นทางรอด พวกเขาไม่เข้าใจว่าปูตินจะพาชาติพ้นวิกฤตินี้ไปได้อย่างไร?? แต่ปูตินเขาเห็นว่า….ที่ประเทศได้รับผลกระทบอย่างแรงเช่นนี้ เพราะอเมริกาได้เดินหมากผิด (หรืออาจตั้งใจ) ทำให้ใครต่อเดือดร้อนอย่างแสนสาหัส จนแทบจะสิ้นชาติ ฉะนั้น…เขาเลือกที่จะปิดตลาดการค้าทางฝั่งตะวันตก ค้าขายแต่กับกลุ่มเบลารุส และกลุ่มคาซัคสถาน แบบพอให้การเคลื่อนไหวของกระแสเงินไปในทิศทางที่ปลอดภัย และไม่เสียเปรียบ กลางปี 2009 ราคาน้ำมันดีดกลับขึ้นมา หุ้นก็ขึ้นตาม ทุกอย่างกลับขึ้นมาเป็นเกือบปรกติ เมื่อมาถึง 2010 อะไรที่เคยหาย เคยพร่องไป กลับหลั่งไหลเข้ามาเต็มคลังอีกครั้ง ดีเกินหน้ายุโรปและอเมริกาด้วยซ้ำ ประสบการณ์ที่เกิดขึ้น……ได้บอกกับปูตินว่า …… ถ้ามาถึงเรื่องเงิน…ต้องไม่ฝากอนาคตไว้กับใครเลย ต้องถือเอง บริการเอง เอาประโยชน์ของชาติและคนในชาติเป็นหลัก จากการฟื้นตัวอย่างรวดเร็วของรัสเซียนี้ เมื่อการประชุม WTO (World Trade Organization) จึงได้เชิญรัสเซียเข้าร่วมประชุมด้วย ปูตินตอบรับโดยมีข้อแม้ว่า เขาจะไปเป็นคณะ ไม่ใช่ไปคนเดียว คณะที่ว่านั้น คือ ตัวแทนจากเบลารุส และ คาซัคสถาน กรรมาธิการหลายคนไม่เข้าใจ…ว่า ทำไม…? ในเมื่อรัสเซียจะต้องทำการซื้อขายกับทางตะวันตกมากกว่า… แต่ปูตินยืนยันว่า….จะต้องไปเป็นกลุ่มเท่านั้น…!! (เพราะเมื่อตกอับก็ยังอยู่เคียงข้างกัน พอได้โอกาสค้าขาย ก็ต้องไปด้วยกัน…) จากนั้น ปูตินจึงหันมาทำงานในเรื่องการก่อสร้างที่ Sochi อย่างเต็มตัว เพราะเขาทุ่มเงินกว่าสามพันล้านหรียญ ที่จะสร้างให้ออกมาสวยงามสมใจ นอกจากพื้นที่แข่งสกีแล้ว เขาได้สร้างอีกหลายอาคารสำหรับเป็นที่แข่งขันระหว่างมหาวิทยาลัย และหมู่บ้านนักกีฬาที่ทันสมัย รวมทั้งพัฒนาปรับปรุงเส้นทางรถไฟ Baikal-Amur Mainline ที่พาดยาว จาก Moscow ถึง ฝั่งตะวันออก Vladivostok ให้ทันสมัยและเป็นสายท่องเที่ยวที่จะดึงดูดความสนใจ เขาทุ่มเทกับเรื่องโอลิมปิกนี้มาก เพราะการก่อสร้างได้ชะงักงันไปในช่วงฝืดเคือง พอกลับมาจับทำต่อ……ก็ต้องงบประมาณการก่อสร้างบานปลาย…… ที่ปูตินเรียกทุกฝ่ายมารายงานการใช้เงินกันอย่างละเอียด และทุกฝ่ายที่ว่ามานั้น……ล้วนแล้วแต่เป็นเพื่อนรักคนสนิทแทบทั้งสิ้น ในช่วงนี้คือช่วงที่มีการแฉโพยในเรื่องการคอรัปชั่นของรัฐบาลอย่างหนาหูจากฝ่ายตรงข้าม เพราะเป็นการสร้างเมกะโปรเจ็คหลายๆงานพร้อมกัน…… แต่ปูติน…ยังคงทำเฉยกับข่าวเหล่านี้… เพราะในช่วงฤดูร้อนของปี 2010 ที่เกิดไฟป่าขึ้นที่ชายขอบมอสโคว์ ที่เริ่มรุนแรงขึ้น ประชาชนเดือดร้อนจนถึงขนาดตำหนิรัฐบาลออกสื่ออย่างไม่เกรงใจ ในเรื่องการล่าช้าของการดำเนินการดับไฟ และ เรื่องคอรัปชั่นที่กำลังเป็นข่าว เนื่องจากรัฐบาลเมดเวเดฟ กำลังสร้างศูนย์เทคโนโลยี Skolkovo ที่ทันสมัยใหญ่อลังการ …… แต่ประชาชนถามถึง……รถดับเพลิง ที่ควรจะมีมากกว่าศูนย์บ้าบออะไรนั่น… ปธน. เมดเวเดฟ ยังอยู่ในช่วงพักร้อนที่ทะเลดำ…… ปูตินเป็นพระเอกอีกแล้ว เขาเตรียมตัวพร้อม ขึ้นเฮลิคอปเตอร์ไปกับนักบินที่บินออกไปเป็นฝูงตั๊กแตน บัญชาการดับไฟ โปรยน้ำและสารเคมีติดต่อกันสองวัน……คุมไฟป่าได้อย่างหมดจด……… คราวนี้……เสียงคะแนนนิยมจากหมู่สาวๆมาแบบถล่มทะลาย (เพราะอินเตอร์เน็ต) ทุกคนมองเห็นปูตินวัย 58 เป็นไอดอลที่สุดเซ็กซี่……กลายเป็นชายในฝัน (ซะงั้น) ชายในฝันที่ว่านี้…ก็ไม่ใช่เบา……!!! วันหนึ่งในการประชุมที่ กรุงเคียฟ เกี่ยวกับเรื่องการรวมทุนของสายการบินยูเครนเข้ากับ United Aviation Co. ของรัสเซีย ทุกคนสังเกตเห็นว่า ใบหน้าของปูตินที่ออกในทีวี แน่นไปด้วยเมคอัพ แต่น่าจะเป็นการให้แสง……เลยดูเปลี่ยนไป จนนักข่าวแอบมาเม้าท์กันว่า มีรอยช้ำที่ขอบตา……ผมหนาขึ้น…ตีนกาหายไป……หน้าผากตึงขึ้น……หางตาไม่ตก…… ว้าววววว………นี่ไปศัลย์มาชัดๆ…… แต่ทุกคนก็ยังชื่นชม เพราะ เขาบอกว่า “ใครๆก็อยากได้ผู้นำที่ดูดีด้วยกันทั้งนั้นแหละ……” ส่วนประธานาธิบดี เมดเวเดฟ……ที่มีนโยบาย Forward Russia…!! นั้น ก็ทำงานส่วนใหญ่กับการประสานกับประธานาธิบดี บารัค โอบามา เพราะค่อนข้างจะคุยกันรู้เรื่องในเรื่องของนิวเคลียร์เพื่อสันติ…รวมทั้งโปรเจ็คในการค้าขายที่ไม่ค่อยเป็นข่าว นอกจากอ่านแถลงการณ์โน่นนี่ แต่การเล่นละครก็”ต้องมี”ให้ชาวโลกเห็นว่า ประธานาธิบดีรัสเซียก็มี”ปาก”เหมือนกัน…คือ ในวันตัดสินคดีของอภิมหาเศรษฐีรูปงาม Mikhail Khodorkovsky (หรือที่เคยเรียกย่อว่า MK) ที่ถูกจำคุกเกือบปี ก่อนวันขึ้นศาล ปูตินได้โทรศัพท์ออกทีวี ในวันที่ 16 ธันวาคม ให้ความเห็นในเรื่องนี้อย่างดุเดือดว่า ……เป็นโจรก็ต้องติดคุก ยิ่งเป็นมหาโจรที่ปล้นทรัพยากรไปจากแผ่นดิน……มันก็ต้องรับโทษให้สาสม เหมือนอย่างนักลงทุนอเมริกัน Bernard Madoff ที่ศาลในอเมริกาได้ตัดสินให้จำคุก 150 ปี……” ปูตินกล่าวต่อไปด้วยอารมณ์โกรธที่ระงับไม่อยู่……ว่า “ไอ้หมอนี่ เป็นคนสั่งการในการสังหารนายกเทศมนตรีเมือง Nefteyugansk (ที่ควบคุมเขตโรงกลั่นน้ำมันของ Yukos ของ MK) และ ผู้หญิงคนหนึ่งในมอสโคว์ที่ไม่ยอมเซ็นโฉนดที่ดินให้……มันกำจัดคนที่ขวางทางทุกคนด้วยวิธีที่ทารุณสุดโหด……” การกร้าวของปูตินในฐานะนายกรัฐมนตรีคราวนี้ มันออกจะ”ล้ำ” ไป เพราะแพร่ออกไปทุกมุมโลก ต่อมา…เมดเวเดฟ ต้องรีบแก้สถานะการณ์โดยการแสดงเป็นฝ่ายตรงข้ามกับปูติน……เขาไม่เห็นด้วยกับการที่ “ใครคนหนึ่ง” จะเที่ยวไปพิพากษาความผิดของใครได้ นอกเหนือไปจากศาลสถิตยุติธรรม สรุปว่า MK ได้ถูกตัดสินจำคุก 13 ปี (แต่ติดจริงๆแค่ไม่กี่ปี เพราะต้องยอมซื้ออิสรภาพเพื่อที่จะได้ออกไปนอกประเทศด้วยทรัพย์สินที่มีแทบทั้งหมดในรัสเซีย…) จึงจัดได้ว่า…MK ที่มีที่อยู่ทั่วไปในยุโรปและอเมริกา…… เขาคือ ศัตรูนอกประเทศที่ชัดเจนของปูตินในทุกวันนี้……!!! Wiwanda W. Vichit
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 83 มุมมอง 0 รีวิว
  • ปคบ.เค้นสอบ "แม่ตั๊ก- ป๋าเบียร์" เจ้าตัวยังยืนกรานปฏิเสธ เร่งประสาน ปปง.ยึดทรัพย์ ยันยังไม่พบขนรถหรูออกนอกประเทศ เตรียมส่งฝากขังศาลพรุ่งนี้พร้อมคัดค้านประกันตัว
    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000092130

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    ปคบ.เค้นสอบ "แม่ตั๊ก- ป๋าเบียร์" เจ้าตัวยังยืนกรานปฏิเสธ เร่งประสาน ปปง.ยึดทรัพย์ ยันยังไม่พบขนรถหรูออกนอกประเทศ เตรียมส่งฝากขังศาลพรุ่งนี้พร้อมคัดค้านประกันตัว อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000092130 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Haha
    Wow
    Love
    Sad
    Yay
    55
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 3274 มุมมอง 1 รีวิว
  • #ดวงรายวัน 30 กันยายน 67

    #คนเกิดวันจันทร์...การงาน: มีโอกาสได้เปลี่ยนแปลงระบบการทำงาน หรือจะได้ทำงานเพิ่มงานเสริม การเงิน: จะมีรายจ่ายเกี่ยวกับลูก หรือหมดกับค่าใช้จ่ายแบบครบรอบเช่น ค่าประกัน อาจได้เสียเงินก้อน จะหมุนเงินไม่ทัน ความรัก: ระวังจะมีปากเสียงทะเลาะกันเรื่องคำพูดคำจา ปัญหาคนในครอบครัว คนโสด:จะมีคนทางแชททางออนไลน์เข้ามาจีบ แต่ส่วนใหญ่จะเจอแต่คนเจ้าชู้ สุขภาพ: โรคในช่องท้อง หรือเกี่ยวกับระบบของเหลวในร่างกาย การเดินทาง:ปลอดภัยดี

    #คนเกิดวันอังคาร...การงาน: การมีความราบเรียบ จะรู้สึกเบื่อๆและขี้เกียจ การเงิน:มีโอกาสได้โชคได้เงินจากผู้หลักผู้ใหญ่ จะมีรายจ่ายเกี่ยวกับบ้าน คนในครอบครัว ความรัก: ระวังจะมีปากเสียงทะเลาะกันเรื่องคำพูดคำจา การโกหก คนโสด: จะมีคนที่มีเจ้าของแล้วเข้ามาเกี่ยวข้องเกี่ยวพัน สุขภาพ: ปวดข้อเข่าโรคกระดูก ฟัน การเดินทาง:ให้ระวังอันตรายจากน้ำ

    #คนเกิดวันพุธ...การงาน:อยู่ในเกณฑ์ที่ดี โอกาสได้งานไกลบ้าน หรือไปทำงานต่างประเทศ การเงิน: จะมีรายจ่ายเกี่ยวกับสุขภาพ ต้องดูแลสุขภาพให้ดี ความรัก:ระวังจะทะเลาะกันเพราะเรื่องคำพูดคำจา การเอาแต่ใจตัวเอง คนโสด: จะมีคนเก่าๆกลับเข้ามาในความสัมพันธ์อีกครั้ง สุขภาพ: ปวดหัว เครียด ระบบประสาท โรคในช่องท้อง การเดินทาง:ปลอดภัยดี แต่ถ้ามีเด็กเดินทางไปด้วยจะวุ่นวาย

    #คนเกิดวันพฤหัสบดี...การงาน: จะมีงานคั่งค้าง ต้องรีบสะสาง การเงิน:จะมีรายจ่ายเกี่ยวกับของที่ไม่ค่อยจำเป็น หรือเสียเงินโดยเสน่หา เช่นช่วยเหลือคนอื่นเพราะความรักหรือสงสาร ความรัก: ระวังจะมีปากเสียงทะเลาะกันเรื่องการโกหก มีเรื่องปกปิดซ่อนเร้นต่อกัน คนโสด: จะมีคนเข้ามาให้ชุ่มชื่นหัวใจ แต่ยังไม่ใช่รักแท้ จะเข้ามาแล้วก็ออกไป เปลี่ยนคนไปเรื่อยๆ สุขภาพ:ปวดตา สายตาไม่ดี การเดินทาง:ปลอดภัยดีและมีโอกาสได้โชคลาภ

    #คนเกิดวันศุกร์...การงาน: มีความอึดอัดใจในหลายๆอย่าง มีโอกาสได้เปลี่ยนงานออกงานไปทำอะไรใหม่ๆ การเงิน:จะมีรายจ่ายเกี่ยวกับรถ ใครผ่อนรถหรือมีโครงการซื้อรถต้องบริหารจัดการเรื่องเงินให้ดี ความรัก: คนรักจะดูแลเป็นอย่างดี หากทะเลาะกันจะได้คืนดีกัน คนโสด: จะมีคนเข้ามาชอบเข้ามาจีบและจะได้โชคได้เงินจากเขาด้วย สุขภาพ: ปวดขา ข้อเข่าปวดหลัง ให้ระวังการยกของหนักๆ การเดินทาง:ปลอดภัยดี

    #คนเกิดวันเสาร์...การงาน: ให้ระวังการทำสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ทำเรื่องที่ผิดศีล จะมีคนรู้เห็นและ นินทา ทำให้เกิดความเดือดร้อน การเงิน: มีรายจ่ายเกี่ยวกับลูก หรือได้นำเงินไปช่วยเหลือผู้หลักผู้ใหญ่ ความรัก: มีโอกาสได้โชคได้เงินจากคนรัก ระวังทะเลาะกันเพราะปัญหาหึงหวงคิดมาก คนโสด: จะมีคนเข้ามาอุปถัมภ์ช่วยเหลือ สุขภาพ:โรคอ้วน เบาหวาน ความดัน การเดินทาง:ปลอดภัยดี

    #คนเกิดวันอาทิตย์...การงาน: ให้ระวังจะมีปากเสียงทะเลาะกับผู้ร่วมงานเรื่องคำพูดคำจา จะมีคนคอยจ้องจับผิด ควรทำงานให้ดีให้มีความรอบคอบ การเงิน: จะมีรายจ่ายเกี่ยวกับหนี้สิน หากติดหนี้ใครต้องรีบใช้เพราะจะเป็นปัญหาบานปลายใหญ่โต ความรัก: มีโอกาสได้โชคได้เงินจากคนรักหรือได้บุตร คนโสด:จะมีคนเข้ามาหวังเรื่อง 18+ สุขภาพ:ปวดขา สิวผิวหน้าผื่นแพ้ ใครที่เจ็บป่วยอยู่มีโอกาสว่าอาการจะแย่ลงต้องดูแลสุขภาพให้ดี การเดินทาง:ปลอดภัยดีแต่จะรู้สึกเหน็ดเหนื่อย
    -----------
    #หมอฝนยิปซี #อาจารย์เจdomino #ดูดวงทางแชท #หมอดูแม่นๆ #ดูดวงความรัก #ดูดวงเนื้อคู่
    #ดวงรายวัน 30 กันยายน 67 #คนเกิดวันจันทร์...การงาน: มีโอกาสได้เปลี่ยนแปลงระบบการทำงาน หรือจะได้ทำงานเพิ่มงานเสริม การเงิน: จะมีรายจ่ายเกี่ยวกับลูก หรือหมดกับค่าใช้จ่ายแบบครบรอบเช่น ค่าประกัน อาจได้เสียเงินก้อน จะหมุนเงินไม่ทัน ความรัก: ระวังจะมีปากเสียงทะเลาะกันเรื่องคำพูดคำจา ปัญหาคนในครอบครัว คนโสด:จะมีคนทางแชททางออนไลน์เข้ามาจีบ แต่ส่วนใหญ่จะเจอแต่คนเจ้าชู้ สุขภาพ: โรคในช่องท้อง หรือเกี่ยวกับระบบของเหลวในร่างกาย การเดินทาง:ปลอดภัยดี #คนเกิดวันอังคาร...การงาน: การมีความราบเรียบ จะรู้สึกเบื่อๆและขี้เกียจ การเงิน:มีโอกาสได้โชคได้เงินจากผู้หลักผู้ใหญ่ จะมีรายจ่ายเกี่ยวกับบ้าน คนในครอบครัว ความรัก: ระวังจะมีปากเสียงทะเลาะกันเรื่องคำพูดคำจา การโกหก คนโสด: จะมีคนที่มีเจ้าของแล้วเข้ามาเกี่ยวข้องเกี่ยวพัน สุขภาพ: ปวดข้อเข่าโรคกระดูก ฟัน การเดินทาง:ให้ระวังอันตรายจากน้ำ #คนเกิดวันพุธ...การงาน:อยู่ในเกณฑ์ที่ดี โอกาสได้งานไกลบ้าน หรือไปทำงานต่างประเทศ การเงิน: จะมีรายจ่ายเกี่ยวกับสุขภาพ ต้องดูแลสุขภาพให้ดี ความรัก:ระวังจะทะเลาะกันเพราะเรื่องคำพูดคำจา การเอาแต่ใจตัวเอง คนโสด: จะมีคนเก่าๆกลับเข้ามาในความสัมพันธ์อีกครั้ง สุขภาพ: ปวดหัว เครียด ระบบประสาท โรคในช่องท้อง การเดินทาง:ปลอดภัยดี แต่ถ้ามีเด็กเดินทางไปด้วยจะวุ่นวาย #คนเกิดวันพฤหัสบดี...การงาน: จะมีงานคั่งค้าง ต้องรีบสะสาง การเงิน:จะมีรายจ่ายเกี่ยวกับของที่ไม่ค่อยจำเป็น หรือเสียเงินโดยเสน่หา เช่นช่วยเหลือคนอื่นเพราะความรักหรือสงสาร ความรัก: ระวังจะมีปากเสียงทะเลาะกันเรื่องการโกหก มีเรื่องปกปิดซ่อนเร้นต่อกัน คนโสด: จะมีคนเข้ามาให้ชุ่มชื่นหัวใจ แต่ยังไม่ใช่รักแท้ จะเข้ามาแล้วก็ออกไป เปลี่ยนคนไปเรื่อยๆ สุขภาพ:ปวดตา สายตาไม่ดี การเดินทาง:ปลอดภัยดีและมีโอกาสได้โชคลาภ #คนเกิดวันศุกร์...การงาน: มีความอึดอัดใจในหลายๆอย่าง มีโอกาสได้เปลี่ยนงานออกงานไปทำอะไรใหม่ๆ การเงิน:จะมีรายจ่ายเกี่ยวกับรถ ใครผ่อนรถหรือมีโครงการซื้อรถต้องบริหารจัดการเรื่องเงินให้ดี ความรัก: คนรักจะดูแลเป็นอย่างดี หากทะเลาะกันจะได้คืนดีกัน คนโสด: จะมีคนเข้ามาชอบเข้ามาจีบและจะได้โชคได้เงินจากเขาด้วย สุขภาพ: ปวดขา ข้อเข่าปวดหลัง ให้ระวังการยกของหนักๆ การเดินทาง:ปลอดภัยดี #คนเกิดวันเสาร์...การงาน: ให้ระวังการทำสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ทำเรื่องที่ผิดศีล จะมีคนรู้เห็นและ นินทา ทำให้เกิดความเดือดร้อน การเงิน: มีรายจ่ายเกี่ยวกับลูก หรือได้นำเงินไปช่วยเหลือผู้หลักผู้ใหญ่ ความรัก: มีโอกาสได้โชคได้เงินจากคนรัก ระวังทะเลาะกันเพราะปัญหาหึงหวงคิดมาก คนโสด: จะมีคนเข้ามาอุปถัมภ์ช่วยเหลือ สุขภาพ:โรคอ้วน เบาหวาน ความดัน การเดินทาง:ปลอดภัยดี #คนเกิดวันอาทิตย์...การงาน: ให้ระวังจะมีปากเสียงทะเลาะกับผู้ร่วมงานเรื่องคำพูดคำจา จะมีคนคอยจ้องจับผิด ควรทำงานให้ดีให้มีความรอบคอบ การเงิน: จะมีรายจ่ายเกี่ยวกับหนี้สิน หากติดหนี้ใครต้องรีบใช้เพราะจะเป็นปัญหาบานปลายใหญ่โต ความรัก: มีโอกาสได้โชคได้เงินจากคนรักหรือได้บุตร คนโสด:จะมีคนเข้ามาหวังเรื่อง 18+ สุขภาพ:ปวดขา สิวผิวหน้าผื่นแพ้ ใครที่เจ็บป่วยอยู่มีโอกาสว่าอาการจะแย่ลงต้องดูแลสุขภาพให้ดี การเดินทาง:ปลอดภัยดีแต่จะรู้สึกเหน็ดเหนื่อย ----------- #หมอฝนยิปซี #อาจารย์เจdomino #ดูดวงทางแชท #หมอดูแม่นๆ #ดูดวงความรัก #ดูดวงเนื้อคู่
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 43 มุมมอง 0 รีวิว
  • #ดวงรายวัน 30 กันยายน 67

    #คนเกิดวันจันทร์...การงาน: มีโอกาสได้เปลี่ยนแปลงระบบการทำงาน หรือจะได้ทำงานเพิ่มงานเสริม การเงิน: จะมีรายจ่ายเกี่ยวกับลูก หรือหมดกับค่าใช้จ่ายแบบครบรอบเช่น ค่าประกัน อาจได้เสียเงินก้อน จะหมุนเงินไม่ทัน ความรัก: ระวังจะมีปากเสียงทะเลาะกันเรื่องคำพูดคำจา ปัญหาคนในครอบครัว คนโสด:จะมีคนทางแชททางออนไลน์เข้ามาจีบ แต่ส่วนใหญ่จะเจอแต่คนเจ้าชู้ สุขภาพ: โรคในช่องท้อง หรือเกี่ยวกับระบบของเหลวในร่างกาย การเดินทาง:ปลอดภัยดี

    #คนเกิดวันอังคาร...การงาน: การมีความราบเรียบ จะรู้สึกเบื่อๆและขี้เกียจ การเงิน:มีโอกาสได้โชคได้เงินจากผู้หลักผู้ใหญ่ จะมีรายจ่ายเกี่ยวกับบ้าน คนในครอบครัว ความรัก: ระวังจะมีปากเสียงทะเลาะกันเรื่องคำพูดคำจา การโกหก คนโสด: จะมีคนที่มีเจ้าของแล้วเข้ามาเกี่ยวข้องเกี่ยวพัน สุขภาพ: ปวดข้อเข่าโรคกระดูก ฟัน การเดินทาง:ให้ระวังอันตรายจากน้ำ

    #คนเกิดวันพุธ...การงาน:อยู่ในเกณฑ์ที่ดี โอกาสได้งานไกลบ้าน หรือไปทำงานต่างประเทศ การเงิน: จะมีรายจ่ายเกี่ยวกับสุขภาพ ต้องดูแลสุขภาพให้ดี ความรัก:ระวังจะทะเลาะกันเพราะเรื่องคำพูดคำจา การเอาแต่ใจตัวเอง คนโสด: จะมีคนเก่าๆกลับเข้ามาในความสัมพันธ์อีกครั้ง สุขภาพ: ปวดหัว เครียด ระบบประสาท โรคในช่องท้อง การเดินทาง:ปลอดภัยดี แต่ถ้ามีเด็กเดินทางไปด้วยจะวุ่นวาย

    #คนเกิดวันพฤหัสบดี...การงาน: จะมีงานคั่งค้าง ต้องรีบสะสาง การเงิน:จะมีรายจ่ายเกี่ยวกับของที่ไม่ค่อยจำเป็น หรือเสียเงินโดยเสน่หา เช่นช่วยเหลือคนอื่นเพราะความรักหรือสงสาร ความรัก: ระวังจะมีปากเสียงทะเลาะกันเรื่องการโกหก มีเรื่องปกปิดซ่อนเร้นต่อกัน คนโสด: จะมีคนเข้ามาให้ชุ่มชื่นหัวใจ แต่ยังไม่ใช่รักแท้ จะเข้ามาแล้วก็ออกไป เปลี่ยนคนไปเรื่อยๆ สุขภาพ:ปวดตา สายตาไม่ดี การเดินทาง:ปลอดภัยดีและมีโอกาสได้โชคลาภ

    #คนเกิดวันศุกร์...การงาน: มีความอึดอัดใจในหลายๆอย่าง มีโอกาสได้เปลี่ยนงานออกงานไปทำอะไรใหม่ๆ การเงิน:จะมีรายจ่ายเกี่ยวกับรถ ใครผ่อนรถหรือมีโครงการซื้อรถต้องบริหารจัดการเรื่องเงินให้ดี ความรัก: คนรักจะดูแลเป็นอย่างดี หากทะเลาะกันจะได้คืนดีกัน คนโสด: จะมีคนเข้ามาชอบเข้ามาจีบและจะได้โชคได้เงินจากเขาด้วย สุขภาพ: ปวดขา ข้อเข่าปวดหลัง ให้ระวังการยกของหนักๆ การเดินทาง:ปลอดภัยดี

    #คนเกิดวันเสาร์...การงาน: ให้ระวังการทำสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ทำเรื่องที่ผิดศีล จะมีคนรู้เห็นและ นินทา ทำให้เกิดความเดือดร้อน การเงิน: มีรายจ่ายเกี่ยวกับลูก หรือได้นำเงินไปช่วยเหลือผู้หลักผู้ใหญ่ ความรัก: มีโอกาสได้โชคได้เงินจากคนรัก ระวังทะเลาะกันเพราะปัญหาหึงหวงคิดมาก คนโสด: จะมีคนเข้ามาอุปถัมภ์ช่วยเหลือ สุขภาพ:โรคอ้วน เบาหวาน ความดัน การเดินทาง:ปลอดภัยดี

    #คนเกิดวันอาทิตย์...การงาน: ให้ระวังจะมีปากเสียงทะเลาะกับผู้ร่วมงานเรื่องคำพูดคำจา จะมีคนคอยจ้องจับผิด ควรทำงานให้ดีให้มีความรอบคอบ การเงิน: จะมีรายจ่ายเกี่ยวกับหนี้สิน หากติดหนี้ใครต้องรีบใช้เพราะจะเป็นปัญหาบานปลายใหญ่โต ความรัก: มีโอกาสได้โชคได้เงินจากคนรักหรือได้บุตร คนโสด:จะมีคนเข้ามาหวังเรื่อง 18+ สุขภาพ:ปวดขา สิวผิวหน้าผื่นแพ้ ใครที่เจ็บป่วยอยู่มีโอกาสว่าอาการจะแย่ลงต้องดูแลสุขภาพให้ดี การเดินทาง:ปลอดภัยดีแต่จะรู้สึกเหน็ดเหนื่อย
    -----------
    #หมอฝนยิปซี #อาจารย์เจdomino #ดูดวงทางแชท #หมอดูแม่นๆ #ดูดวงความรัก #ดูดวงเนื้อคู่
    #ดวงรายวัน 30 กันยายน 67 #คนเกิดวันจันทร์...การงาน: มีโอกาสได้เปลี่ยนแปลงระบบการทำงาน หรือจะได้ทำงานเพิ่มงานเสริม การเงิน: จะมีรายจ่ายเกี่ยวกับลูก หรือหมดกับค่าใช้จ่ายแบบครบรอบเช่น ค่าประกัน อาจได้เสียเงินก้อน จะหมุนเงินไม่ทัน ความรัก: ระวังจะมีปากเสียงทะเลาะกันเรื่องคำพูดคำจา ปัญหาคนในครอบครัว คนโสด:จะมีคนทางแชททางออนไลน์เข้ามาจีบ แต่ส่วนใหญ่จะเจอแต่คนเจ้าชู้ สุขภาพ: โรคในช่องท้อง หรือเกี่ยวกับระบบของเหลวในร่างกาย การเดินทาง:ปลอดภัยดี #คนเกิดวันอังคาร...การงาน: การมีความราบเรียบ จะรู้สึกเบื่อๆและขี้เกียจ การเงิน:มีโอกาสได้โชคได้เงินจากผู้หลักผู้ใหญ่ จะมีรายจ่ายเกี่ยวกับบ้าน คนในครอบครัว ความรัก: ระวังจะมีปากเสียงทะเลาะกันเรื่องคำพูดคำจา การโกหก คนโสด: จะมีคนที่มีเจ้าของแล้วเข้ามาเกี่ยวข้องเกี่ยวพัน สุขภาพ: ปวดข้อเข่าโรคกระดูก ฟัน การเดินทาง:ให้ระวังอันตรายจากน้ำ #คนเกิดวันพุธ...การงาน:อยู่ในเกณฑ์ที่ดี โอกาสได้งานไกลบ้าน หรือไปทำงานต่างประเทศ การเงิน: จะมีรายจ่ายเกี่ยวกับสุขภาพ ต้องดูแลสุขภาพให้ดี ความรัก:ระวังจะทะเลาะกันเพราะเรื่องคำพูดคำจา การเอาแต่ใจตัวเอง คนโสด: จะมีคนเก่าๆกลับเข้ามาในความสัมพันธ์อีกครั้ง สุขภาพ: ปวดหัว เครียด ระบบประสาท โรคในช่องท้อง การเดินทาง:ปลอดภัยดี แต่ถ้ามีเด็กเดินทางไปด้วยจะวุ่นวาย #คนเกิดวันพฤหัสบดี...การงาน: จะมีงานคั่งค้าง ต้องรีบสะสาง การเงิน:จะมีรายจ่ายเกี่ยวกับของที่ไม่ค่อยจำเป็น หรือเสียเงินโดยเสน่หา เช่นช่วยเหลือคนอื่นเพราะความรักหรือสงสาร ความรัก: ระวังจะมีปากเสียงทะเลาะกันเรื่องการโกหก มีเรื่องปกปิดซ่อนเร้นต่อกัน คนโสด: จะมีคนเข้ามาให้ชุ่มชื่นหัวใจ แต่ยังไม่ใช่รักแท้ จะเข้ามาแล้วก็ออกไป เปลี่ยนคนไปเรื่อยๆ สุขภาพ:ปวดตา สายตาไม่ดี การเดินทาง:ปลอดภัยดีและมีโอกาสได้โชคลาภ #คนเกิดวันศุกร์...การงาน: มีความอึดอัดใจในหลายๆอย่าง มีโอกาสได้เปลี่ยนงานออกงานไปทำอะไรใหม่ๆ การเงิน:จะมีรายจ่ายเกี่ยวกับรถ ใครผ่อนรถหรือมีโครงการซื้อรถต้องบริหารจัดการเรื่องเงินให้ดี ความรัก: คนรักจะดูแลเป็นอย่างดี หากทะเลาะกันจะได้คืนดีกัน คนโสด: จะมีคนเข้ามาชอบเข้ามาจีบและจะได้โชคได้เงินจากเขาด้วย สุขภาพ: ปวดขา ข้อเข่าปวดหลัง ให้ระวังการยกของหนักๆ การเดินทาง:ปลอดภัยดี #คนเกิดวันเสาร์...การงาน: ให้ระวังการทำสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ทำเรื่องที่ผิดศีล จะมีคนรู้เห็นและ นินทา ทำให้เกิดความเดือดร้อน การเงิน: มีรายจ่ายเกี่ยวกับลูก หรือได้นำเงินไปช่วยเหลือผู้หลักผู้ใหญ่ ความรัก: มีโอกาสได้โชคได้เงินจากคนรัก ระวังทะเลาะกันเพราะปัญหาหึงหวงคิดมาก คนโสด: จะมีคนเข้ามาอุปถัมภ์ช่วยเหลือ สุขภาพ:โรคอ้วน เบาหวาน ความดัน การเดินทาง:ปลอดภัยดี #คนเกิดวันอาทิตย์...การงาน: ให้ระวังจะมีปากเสียงทะเลาะกับผู้ร่วมงานเรื่องคำพูดคำจา จะมีคนคอยจ้องจับผิด ควรทำงานให้ดีให้มีความรอบคอบ การเงิน: จะมีรายจ่ายเกี่ยวกับหนี้สิน หากติดหนี้ใครต้องรีบใช้เพราะจะเป็นปัญหาบานปลายใหญ่โต ความรัก: มีโอกาสได้โชคได้เงินจากคนรักหรือได้บุตร คนโสด:จะมีคนเข้ามาหวังเรื่อง 18+ สุขภาพ:ปวดขา สิวผิวหน้าผื่นแพ้ ใครที่เจ็บป่วยอยู่มีโอกาสว่าอาการจะแย่ลงต้องดูแลสุขภาพให้ดี การเดินทาง:ปลอดภัยดีแต่จะรู้สึกเหน็ดเหนื่อย ----------- #หมอฝนยิปซี #อาจารย์เจdomino #ดูดวงทางแชท #หมอดูแม่นๆ #ดูดวงความรัก #ดูดวงเนื้อคู่
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 40 มุมมอง 0 รีวิว
  • ไม่ต้องฟูมฟายไปนะคะ ติ่งขา………พี่ปูคมทั้งในฝักและนอกฝักเชียว……!!!

    ตอนเจ็ด………ตำแหน่งที่ได้รับ……ไม่ได้มาจากโชคหรือการจับฉลาก……แต่ด้วยความสามารถและความอุตสาหะล้วนๆ

    ที่ปูตินลังเลนั้น……เขาเพียงแต่ห่วงว่าครอบครัวจะปรับชีวิตและความเป็นอยู่ได้มากน้อยแค่ไหน เพราะสังคมที่มอสโคว์กับกรุงเซนต์ต่างกันมากมาย
    แต่เมื่อได้คุยกับลุดมิลา เธอและลูกๆไม่มีปัญหาอะไร ไปไหนก็ได้เพราะอำนาจในการตัดสินก็อยู่ที่ช้างเท้าหน้าคือปูตินอยู่แล้ว และตัวเธอเองก็จะได้มีอิสระกับสายตาของแม่สามีไปเสียบ้าง

    สาเหตุก็เพราะรัฐบาลของเยลซินต้องการ”น้ำใหม่”มาแทนที่น้ำเสียที่รวมกันกันเป็นกระจุกอยู่ในเครมลิน เพราะความผิดพลาดในเรื่องการทำสงครามปราบปรามที่ Chechen ในปี 1994 ที่ทุกคนคิดว่า
    วันสองวันก็คงจบ……แต่ที่ไหนได้ มาลากถ่วงยาวมาจนตอนนี้
    รวมทั้งสุขภาพที่ลดถอยของเยลซินเอง ที่เป็นโรคหัวใจกำเริบในตอนต้นปี 1995 ที่ทำให้เขาไม่ได้ปรากฏตัวออกสู่สายตาของประชาชน

    นี่คือเหตุผลที่ปูตินได้เข้ามาเป็นน้ำใหม่ในมอสโคว์ ในเดือนกันยายน 1996 และได้รับบ้านประจำตำแหน่งที่ค่อนข้างหรูหราอยู่ใกล้ๆกับเครมลิน
    เขาได้นำเพื่อนคู่ใจมาช่วยงานด้วยสองคน จากเซนต์ ปีเตอร์เบอร์ก คือ Sergei Chemezov**และ Igor Sechin***

    เจ้านายของเขา ปาเวล ได้มอบหมายงานให้เป็นฝ่ายดูแลอสังหาริมทรัพย์ทั้งหมด จะต้องมีการคัดกรอง บริหารที่ดิน ตึกอาคารกันใหม่ เพราะในยุคของโซเวียต ทุกอย่างเป็นของรัฐบาล แต่ตอนนี้ก่อนที่จะมีการจำหน่าย หรือ จัดสรร ออกโฉนดจะต้องทำการประเมิน
    ซึ่งมันหมายถึงงานที่มากมายมหาศาล เพราะพื้นที่ที่จะต้องดูแลทั้งหมด คือ 78 เขตจังหวัด และ ต่างประเทศ(ในความควบคุมของโซเวียต) อื่นๆ เช่น อาคารที่ตั้งสถานทูต โรงเรียน
    รวมทั้งที่ยูเครน

    เรียกได้ว่า งานนี้ ทำให้ปูตินได้รู้หมดถึงทรัพย์สินของรัสเซียว่าอยู่ที่ไหน และ มีค่าเท่าใด
    และยิ่งค้นไป……เขาได้เห็นความไม่ชอบมาพากลหลายๆอย่าง เช่นพื้นที่สำคัญหลายแห่งถูกปล่อยให้เช่า แม้แต่ทรัพย์สินที่มีในสวิสเซอร์แลนด์ก็เช่นกัน ที่ขายไปในราคาที่เหมือนจะให้ฟรี จากชื่อบริษัท หรือ องค์กรประหลาดๆ
    ยิ่งค้นไปก็เจอว่าเป็นการ”ลักไก่” จากในหมู่ข้าราชการด้วยกัน

    เขาได้ทำรายงานให้กับทางต้นสังกัดให้ทราบเป็นเอกสารอย่างครบถ้วน เพื่อที่จะจัดการกันต่อไป เพราะเขาถือว่า
    หน้าที่ของเขา คือ การรวบรวมเอกสารและข้อมูล
    ส่วนการพิจารณาโทษ……เป็นหน้าที่ของหน่วยที่เกี่ยวข้อง

    แต่การดำเนินการล่าช้าจนเกินเหตุเพราะในช่วงนั้น มีสงครามที่เชเชน ที่มีแม่ทัพผู้อำนวยการ คือ นายพล Alexandr Lebed จอมยะโสคนนั้น
    ที่ได้สร้างผลงานให้อับอายไปทั่ว คือ แทนที่จะสยบเชเชน ดินแดนชายแดนขนาดเล็กแค่นั้น แต่ทำไม่สำเร็จ (สิงหาคม 1996)
    แถมจะยอมเจรจาสงบศึกทำสนธิสัญญาที่เสียเปรียบเข้าไปอีก
    งานนี้ทำให้เกิดกระแสที่เสียหายกับรัฐบาลของเยลซิน
    เหล่าคณะมนตรีเริ่มลุกขึ้นมาทะเลาะกันลั่นสภา
    หลายคนเรียก นายพล Alexandr Lebed ว่าเป็น “Little Napoleon” (คือ ปากดี ทีเหลว) หรือ “ไอ้กองทัพไม่มีน้ำยา”
    กระแสโกรธแค้นของประชาชนเริ่มทวีขึ้น
    จนไม่กี่วันต่อมา เยลซินต้องทำการปลดท่านนายพลออกจากตำแหน่ง

    การปรับเปลี่ยนตำแน่งได้เริ่มขึ้นอีกครั้ง ปูตินได้ขึ้นมาเป็นผู้อำนวยการแห่งองค์กรรวม ( Chief of Staff) ที่เทียบเท่ากับ
    อธิบดี ที่ไม่กี่วันต่อมาหลังจากที่ได้รับตำแหน่ง สภาได้ออกกฏหมายใหม่ เพิ่มอำนาจให้กับเขาอีก ในการขยายวงสอบสวนการทุจริต ยักยอก รวมไปถึงการคอร์รัปชั่นที่ทำให้ประเทศสูญเสียรายได้ ไม่ว่าจะเป็น ข้าราชการ, พนักงานลูกจ้าง และการสัมปทานต่างๆ
    งานนี้ ปูตินได้เจอะเจองานช้างเข้าหลายงาน เช่น อดีตนายพล Paval Grachev คนสนิทของเยลซิน ที่ควบคุมกองทัพในคอร์เคซัส ตั้งแต่ปี 1993-1996 ได้นำรถถังและอาวุธต่างๆที่มีมูลค่ากว่า หนึ่งพันล้านดอลล่าร์ ไปให้กับกองทัพของอาร์เมเนี่ยน ในสงครามกับ อาร์เซอร์ไบจาน
    ซึ่งเป็นการกระทำที่ถือว่าขายชาติ เพราะ รัสเซียอยู่ฝ่ายสนับสนุนอาเซอร์ไบจาน

    แต่…ทุกอย่างได้ผ่านไปก่อนที่ปูตินจะก้าวเข้ามา เขาจะไปทำอะไรได้ นอกจากจะต้องเลี้ยงนายพลคนนี้ต่อไป เนื่องจากว่าเป็นนายพลระดับวงในของเยลซที่เปรียบเหมือนตัวอันตราย ถ้าบีบคั้น……
    ก็อาจจะตกไปอยู่ในมือของชาติอื่นที่ต้องการล้วงความลับ
    ดังนั้น จึงต้องใช้วิธีเลี้ยงเอาไว้ แล้วใส่ปลอกคอล่ามโซ่ให้สั้น
    โดยที่เขาใช้วิธีให้สัมภาษณ์กับนักข่าว
    ในเวลาที่ถูกถามถึงเรื่อง
    “นายพล เมอร์ซิเดส” เพราะนายพลคนนี้ชอบใช้รถหรูเกินฐานะ
    ว่า เรื่องการตรวจสอบคอร์รัปชั่นค้าอาวุธกับฝ่ายตรงข้ามนั้นไปถึงไหนแล้ว
    ปูตินตอบเรียบๆว่า “เราได้เอกสารพร้อมทุกอย่างแล้ว ข้อมูลครบ จะส่งขึ้นไปให้ฝ่ายกฎหมายต่อไป”
    นักข่าวถามต่อว่า
    “นายพลเมอร์ซิเดสได้มีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่..??”
    “ก็ไม่มีนะ ไม่มีชื่อของ Gen. Pavel Grachev มาเกี่ยวข้องด้วย “

    นี่คือการทำงานของปูตินที่ต้องรักษาภาพลักษณ์ให้กับเยลซิน
    แต่มืออีกข้างหนึ่งเขาได้จัดการไปตามกฏหมายเอาผิด ใช้เวลาถึงสิบปี ที่ได้เอานายพลและคณะออกจากตำแหน่งได้สำเร็จ (2007)
    หรืองานคอร์รัปชั่นในหน่วยสร้างทางที่เป็นเงินมหาศาลที่มีข้าราชการเกี่ยวข้องทำผิดถึง 260 คน (ในเมษายน ปี 1997)
    หรือใน Stavropol เชือดไปอีก 450 คน (ในกันยายน 1997)

    เรื่องนายพลที่ต้องล่าช้านานขนาดนั้น เพราะปูตินไม่มีอำนาจในบทลงโทษที่เป็นงานส่วนตุลาการ
    เขาทำได้แค่ชี้มูลความผิดพร้อมหลักฐานที่หนาแน่น

    เพราะการทำงานไล่บี้การยักยอกนั้น ทำให้ปูตินต้องเข้าติดต่อกับงานเดิมอีก คือ KGB ที่ได้เปลี่ยนชื่อมาเป็น FSB (แต่อาคารที่ทำงานยังอยู่ที่เดิม) อยู่บ่อยๆ เท่ากับว่าเขาได้กลับไปเยือนบรรยากาศเก่าๆอีกครั้ง

    และจากงานที่ต้องมาดูพื้นที่และทรัพยากรของชาติ ที่เขาได้ทำงานอย่างไหลลื่นนั้น ก็ไม่ใช่ว่าเขาเหนือมนุษย์……
    หากแต่มันเป็นเรื่องบังเอิญอย่างที่สุด ที่เขาเกิดความสนใจในเรื่องเศรษฐศาสตร์ เพราะจากงานที่ทำอยู่ในสภาเทศบาลที่กรุงเซนต์ ปีเตอร์สเบอร์ก ในช่วงที่อนาโตลีได้แพ้เลือกตั้ง
    ปูตินเริ่มมีเวลาว่าง เพราะมีหน้าที่เพียงแต่อำนวยความสะดวกให้กับทีมใหม่
    เขาใช้เวลานั้น ไปลงเรียนวิชาบริหารเหมืองแร่และทรัพยากรน้ำมัน ที่ Georgi Plekhanov Mining Institute
    แทนที่จะไปเรียนต่อทางด้านกฎหมาย
    และไม่ได้ไปเรียนคนเดียว เขาเอาเพื่อนรักทั้งสอง Viktor Zubkov กับ Igor Sechin ไปนั่งเรียนกันด้วย

    ปลายปี 1996 (เข้าเรียนกลางปี 1995) ที่ปูตินสามารถส่งแฟ้ม Thesis ที่หนากว่า 250 หน้า ในเรื่องทรัพยากรแร่ธาตุที่เปรียบเสมือนทองคำของประเทศ
    ได้สำเร็จสวยงาม เพราะเขาได้ติวเตอร์คนสำคัญมาช่วย
    นั่นคือ Vladimir Litvenenko ศาสตราจารย์ผู้เชี่ยวชาญเหมืองแร่ ที่ไปค้นคว้าหาตำราจากยุโรปมาแปลให้เป็นภาษารัสเซีย
    เรื่องนี้ ปูตินและเพื่อนๆที่พากันไปเรียนก็ไม่ได้ไปโอ้อวดที่ไหน ตอนนั้นที่ไปลงเรียน ก็เพราะมีเวลาว่าง
    เขาเพียงแต่คิดว่า……ในสายงานทางกฎหมายของเขาควรจะต้องรู้เรื่องทรัพยาการที่เป็นธุรกิจหลักของประเทศให้ดีขึ้น

    และเขาก็ได้ใช้มันจริงๆที่มอสโคว์ เพราะเขาได้รู้ทันเจ้ากรมพลังงานที่มีการเล่นตลกกับใบสัมปทาน……แต่ก็พูดมากไปไม่ได้ เพราะนั่นคือกลุ่มคนในวงในของเยลซิน

    แต่ทีนี้ความไม่เป็นธรรมได้เกิดขึ้นกับคดีของอนาโตลี เจ้านายเก่า
    เพราะหลังจากที่อะนาโตลี ถูกกลุ่มวงในมอสโคว์”เท”จนไม่ได้รับการสนับสนุนเลือกตั้งนั้น เขาได้” โวย” กับเยลซิน
    ที่ได้รับการตอบสนอง คือ เยลซินเอาพวกนั้นออกไปเป็นแผงก็จริง ………แต่คนกลุ่มนั้นก็ไม่ได้ไปไหน หรือ รับโทษอะไร
    ยังวนเวียนเป็นที่ปรึกษาอยู่รอบตัวเยลซินเหมือนเดิม
    แถมอนาโตลี ได้มีศัตรูเพิ่มอย่างออกหน้าออกตาอีกต่างหาก
    การกลั่นแกล้งจึงได้เกิดขึ้น แบบชนิดให้ได้อาย
    เช่นอนาโตลีมีการประชุมกับคณะมนตรีจาก UNESCO
    จู่ๆก็มีตำรวจบุกไปกลางงาน ขอควบคุมตัวไปสอบสวนในเรื่องที่ไม่เป็นเรื่อง เขากลายเป็นผู้ต้องหาที่มีหมายจับ
    จนเขาเครียดถึงกับล้มป่วย เข้าโรงพยาบาล
    ครอบครัวต้องการให้แพทย์จากมอสโคว์มารักษา

    ปูตินบินด่วนไปเยี่ยมทันที และจัดการส่งเขาเข้าโรงพยาบาลทหาร จัดการแพทย์ผู้เชี่ยวชาญมาพร้อม
    และที่เขาทำมากกว่านั้น มากเกินอำนาจเขาไปอีก คือ จัดเช่าเครื่องบินส่วนตัวจากฟินแลนด์นำตัวเขาออกนอกประเทศไปยังกรุงปารีส
    โดยให้เหล่า KGB นำขบวนรถฉุกเฉินไปยังสนามบิน
    หมายจับอะไรก็ไม่สำคัญทั้งนั้น ทุกอย่างผ่านตลอด พาสปอร์ต
    ประทับตรา ผ่านศุลกากร

    การกล้าทำแบบนี้ ถือว่าเป็นการฉีกกฎหมายทิ้ง และเสี่ยงต่อการเสียอนาคตของปูตินที่กำลังจะไปได้สวย
    แต่……สำหรับอนาโตลีแล้ว ปูตินพร้อมแลกเพื่อที่จะช่วยเหลือตอบแทนผู้ที่เคยมีพระคุณ
    เพราะเขาได้เห็นมาตลอดว่า เรื่องราวนั้นเป็นอย่างไร ในประเทศที่กฎหมายไม่สามารถบังคับใช้อะไรได้ ความผิดของอนาโตลีนั้นเทียบเท่ากับเมล็ดทรายของคนหลายๆคนในเครมลิน

    คนที่ชื่นชมกับความกตัญญูและการกล้าตัดสินใจของปูติน ในครั้งนี้ คือ ท่านประธานธิบดี Boris Yentsin เพราะท่านว่า
    ถ้าเกิดขึ้นกับเรา…จะมีใครที่ไหนที่จะกล้ามาช่วยเราขนาดนี้หรือเปล่ายังไม่รู้เลย……?!!!

    ปูตินเริ่มเป็นที่จับตามองจากคณะท่านผู้นำ ในวันที่ 21 มีนาคม 1998 เยลซินได้เรียกให้นายกรัฐมนตรี Viktor Chernomydrin
    เข้ามาพบที่บ้านพักส่วนตัว เพื่อที่จะบอกว่า วิคเตอร์ทำหน้าที่นี้มานานถึงห้าปีแล้ว แต่ไม่มีอะไรดีขึ้น ทุกอย่างยังกวาดเข้าไปซุกอยู่ใต้พรม……เขาต้องการคนที่จะมา”ยกพรมขึ้น” แล้ว “กวาดขยะออกให้หมด” เพื่อบ้านจะได้น่าอยู่
    ฉะนั้น……ที่ให้มาพบในครั้งนี้ คือการไล่ออก……

    เยลซินได้เสนอชื่อ Sergei Kiriyenko อดีตนายธนาคารที่เป็นนักการเมืองหนุ่มวัย 35 ปี ต่อสภา……สภาไม่ผ่านทั้งสองครั้ง
    แต่ต่อมา……ด้วยแรงผลักดันของเยลซิน……ก็ผ่านฉลุย
    ส่วนอดีตนายกฯที่ถูกไล่ออกไป ก็ฮึ่มๆ ประกาศว่าเขาจะลงเลือกตั้งชิงตำแหน่งประธานาธิบดีในสมัยหน้า จะได้รู้หมู่รู้จ่ากันไป.…

    นายทุนกระเป๋าหนัก Boris Berezovsky ที่สนับสนุนเยลซิน
    เพราะมีผลประโยชน์มหาศาลนั้น เริ่มเข้ามามีบทบาทช่วยเลือก
    เพราะกลุ่มคนวงในเก่าๆเท่าที่เห็น ต่างก็จะเข้ามาขวางทางการค้าของเขาทั้งสิ้น เพราะทุกคนต่างมีเส้นสายในกิจการสารพัดอยู่แล้ว

    ไม่ทันที่ใครจะคิดอ่านทำอะไร กระดานหุ้นรัสเซียตกฮวบ
    หุ้นบริษัทพลังงาน Rosneft ที่รัฐบาลถือหุ้นใหญ่ ตกดิ่ง
    บริษัทลงทุนจากต่างชาติได้พากันถอนหุ้น เงินรูเบิ้ลสูญเสียมูลค่าที่รัฐบาลก็เอาไม่อยู่
    การแทรกแซงจากต่างชาติเริ่มเข้ามา ทั้งจากภาคการเมือง
    และเศรษฐกิจ
    เยลซินเริ่มเห็นแล้วว่า สาเหตุที่เกิดเช่นนั้น เพราะฝีมือของกลุ่มพ่อมดทางการเงิน จากคนรอบตัว (Oligarchs) ของเขาเองที่ส่วนใหญ่แล้ว คือยิว ที่มาปั่นกระแสขาขึ้นให้ แล้วก็ถีบหัว ตบคว่ำ……

    เยลซินเริ่มโดดเดี่ยว เขาต้องหาคนที่จะคอยพิทักษ์ปกป้อง และจะเข้ามาช่วยขจัดเหลือบไรพวกนี้ให้ออกไปให้พ้นจากชาติบ้านเมืองได้ ก็มีอยู่องค์กรเดียว คือ FSB (KGB) ที่เขาไม่ได้สนใจ ใส่ใจดูแลมานานแสนนาน
    ซึ่งเข้าทาง Boris Berezovsky (ยิวหนึ่งใน Oligarchs) ได้เสนอชื่อ ปูติน เพราะเขาเล่าว่า ครั้งหนึ่งเขาเคยคิดที่จะเปิดบริษัทขายรถยนตร์ในเลนินกราด ได้ไปติดต่อกับปูตินเพื่อขอใบอนุญาตการค้า และได้ยื่นซองใต้โต๊ะให้
    แต่ถูกปฏิเสธ……ไม่รับ……!!!
    เยลซินเห็นด้วย (จากเรื่องของอนาโตลี) เขาบอกว่า……”ตอนแรกเราเห็นว่าปูตินเขาเป็นคนเฉยๆ เพราะเห็นเขาเงียบๆ ไม่ค่อยพูดอะไร แต่เพิ่งรู้เหมือนกัน ว่า เป็นคนที่คมในฝัก”

    นายกรัฐมนตรีคนใหม่หมาดๆ Sergei Kiriyenko ได้รับคำสั่งให้ที่มอสโคว์ เพื่อแจ้งข่าวกับปูติน
    ปูตินจึงไปรอรับท่านนายกฯ ที่สนามบิน ที่เขาคิดว่า เรื่องด่วนแบบนี้ ไม่น่าที่จะเป็นข่าวมงคล
    ทันทีที่ได้พบหน้ากัน ท่านนายกฯ ได้ปรี่เข้ามาจับมือขอแสดงความยินดี พร้อมกับบอกว่า “ดีใจด้วยนะ”
    “ดีใจอะไรหรือครับ..?”
    “ท่านประธานาธิบดีได้ทำการแต่งตั้งและลงนามให้นายเป็นผู้อำนวยการ FSB (KGB) น่ะซิ”

    ปูตินงงนิดหน่อย แต่เขาพอรู้มาบ้างแล้วว่า จะมีการเปลี่ยนแปลงงานของเขาให้กลับไปอยู่ในสายงานเดิม แต่ไม่คิดว่า จะก้าวขึ้นไปเป็นผู้อำนวยการเลย…
    สิ่งแรกที่เขาทำ นั้นคือ ติดต่อไปยังลุดมิลาที่พาลูกๆไปพักผ่อน
    ที่ชายฝั่งทะเลบอลติด
    ด้วยข้อความที่ส่งแบบสายลับ คือ……
    “ฟังให้ดีนะ……ผมกำลังจะกลับไปในที่ที่ผมจากมา..”
    ลุดมิลาก็ยังไม่ค่อยเข้าใจ……
    เขาจึงย้ำประโยคเดิมถึงสามครั้ง…ก่อนที่จะวางสายไป

    ลุดมิลาทำท่าเหนื่อยใจ……เธอบอกกับตัวเองว่า
    “ชั้นจะไปรู้เรื่องกับเธอไหม……ก็เปลี่ยนงานมานับสิบครั้งแล้วเนี่ยยย……?!!!

    ~~~ขยายความ

    Sergei Chemezov** เพื่อนรักของปูติน จากสถาบัน KGB
    ต่อมาคือ CEO ของบริษัท Rostec ที่สร้างอาวุธ และยุทโธปกรณ์ให้กับกองทัพของรัสเซีย

    Igor Sechin*** อีกหนึ่งศิษย์ร่วมสถาบัน KGB ปัจจุบัน คือ CEO ของ บริษัทน้ำมันและพลังงาน Rosneft

    ทั้งสองคนได้ถูกทางตะวันตกยึดเรือหรูมูลค่าพันล้านไปในทะเลเมติเตอเรเนียน พร้อมทั้งเป็นบุคคลที่โดนแซงชั่นในธนาคาร
    เมื่อถูกถามถึงความเห็น เขาสองคนหัวเราะ บอกว่า จิ๊บๆ
    แต่รอเขาจะฟ้องกลับเรียกค่าเสียหาย เพราะนั่นคือทรัพย์สินส่วนตัว และไม่ได้ล่วงล้ำในน่านน้ำเพราะมีเอกสารสิทธิ์ และมีการจ่ายค่าการท่าและภาษีอย่างถูกต้อง

    Viktor Zubkov**** เคยเป็นรองนายกรัฐมนตรีเมื่อปูตินเป็นนายกฯ ปัจจุบันนี้เป็นประธานบอร์ดของ บริษัท Gazprom
    คนนี้ก็โดนยึดเรือหรูไป ก็จิ๊บๆอีกเหมือนกัน

    ปูตินมีระบบดูแลคนใกล้ตัวที่ดียิ่ง เขาเลือกคนที่มีความสามารถเข้าไปนั่งในตำแหน่งบริหาร บอกว่า ไม่ต้องคอร์รัปชั่น
    เพราะแค่โบนัสหนึ่งเปอร์เซ็นต์ต่อปี ชาตินี้ก็ใช้ไม่หมด………

    แหม……………ก้อ…แต่ละบริษัทที่เอ่ยมากำไรปีละเป็นแสนล้าน ต่อให้ชาติหน้าชาติโน้นก็ใช้ไม่หมด………!!

    Wiwanda W. Vichit
    ไม่ต้องฟูมฟายไปนะคะ ติ่งขา………พี่ปูคมทั้งในฝักและนอกฝักเชียว……!!! ตอนเจ็ด………ตำแหน่งที่ได้รับ……ไม่ได้มาจากโชคหรือการจับฉลาก……แต่ด้วยความสามารถและความอุตสาหะล้วนๆ ที่ปูตินลังเลนั้น……เขาเพียงแต่ห่วงว่าครอบครัวจะปรับชีวิตและความเป็นอยู่ได้มากน้อยแค่ไหน เพราะสังคมที่มอสโคว์กับกรุงเซนต์ต่างกันมากมาย แต่เมื่อได้คุยกับลุดมิลา เธอและลูกๆไม่มีปัญหาอะไร ไปไหนก็ได้เพราะอำนาจในการตัดสินก็อยู่ที่ช้างเท้าหน้าคือปูตินอยู่แล้ว และตัวเธอเองก็จะได้มีอิสระกับสายตาของแม่สามีไปเสียบ้าง สาเหตุก็เพราะรัฐบาลของเยลซินต้องการ”น้ำใหม่”มาแทนที่น้ำเสียที่รวมกันกันเป็นกระจุกอยู่ในเครมลิน เพราะความผิดพลาดในเรื่องการทำสงครามปราบปรามที่ Chechen ในปี 1994 ที่ทุกคนคิดว่า วันสองวันก็คงจบ……แต่ที่ไหนได้ มาลากถ่วงยาวมาจนตอนนี้ รวมทั้งสุขภาพที่ลดถอยของเยลซินเอง ที่เป็นโรคหัวใจกำเริบในตอนต้นปี 1995 ที่ทำให้เขาไม่ได้ปรากฏตัวออกสู่สายตาของประชาชน นี่คือเหตุผลที่ปูตินได้เข้ามาเป็นน้ำใหม่ในมอสโคว์ ในเดือนกันยายน 1996 และได้รับบ้านประจำตำแหน่งที่ค่อนข้างหรูหราอยู่ใกล้ๆกับเครมลิน เขาได้นำเพื่อนคู่ใจมาช่วยงานด้วยสองคน จากเซนต์ ปีเตอร์เบอร์ก คือ Sergei Chemezov**และ Igor Sechin*** เจ้านายของเขา ปาเวล ได้มอบหมายงานให้เป็นฝ่ายดูแลอสังหาริมทรัพย์ทั้งหมด จะต้องมีการคัดกรอง บริหารที่ดิน ตึกอาคารกันใหม่ เพราะในยุคของโซเวียต ทุกอย่างเป็นของรัฐบาล แต่ตอนนี้ก่อนที่จะมีการจำหน่าย หรือ จัดสรร ออกโฉนดจะต้องทำการประเมิน ซึ่งมันหมายถึงงานที่มากมายมหาศาล เพราะพื้นที่ที่จะต้องดูแลทั้งหมด คือ 78 เขตจังหวัด และ ต่างประเทศ(ในความควบคุมของโซเวียต) อื่นๆ เช่น อาคารที่ตั้งสถานทูต โรงเรียน รวมทั้งที่ยูเครน เรียกได้ว่า งานนี้ ทำให้ปูตินได้รู้หมดถึงทรัพย์สินของรัสเซียว่าอยู่ที่ไหน และ มีค่าเท่าใด และยิ่งค้นไป……เขาได้เห็นความไม่ชอบมาพากลหลายๆอย่าง เช่นพื้นที่สำคัญหลายแห่งถูกปล่อยให้เช่า แม้แต่ทรัพย์สินที่มีในสวิสเซอร์แลนด์ก็เช่นกัน ที่ขายไปในราคาที่เหมือนจะให้ฟรี จากชื่อบริษัท หรือ องค์กรประหลาดๆ ยิ่งค้นไปก็เจอว่าเป็นการ”ลักไก่” จากในหมู่ข้าราชการด้วยกัน เขาได้ทำรายงานให้กับทางต้นสังกัดให้ทราบเป็นเอกสารอย่างครบถ้วน เพื่อที่จะจัดการกันต่อไป เพราะเขาถือว่า หน้าที่ของเขา คือ การรวบรวมเอกสารและข้อมูล ส่วนการพิจารณาโทษ……เป็นหน้าที่ของหน่วยที่เกี่ยวข้อง แต่การดำเนินการล่าช้าจนเกินเหตุเพราะในช่วงนั้น มีสงครามที่เชเชน ที่มีแม่ทัพผู้อำนวยการ คือ นายพล Alexandr Lebed จอมยะโสคนนั้น ที่ได้สร้างผลงานให้อับอายไปทั่ว คือ แทนที่จะสยบเชเชน ดินแดนชายแดนขนาดเล็กแค่นั้น แต่ทำไม่สำเร็จ (สิงหาคม 1996) แถมจะยอมเจรจาสงบศึกทำสนธิสัญญาที่เสียเปรียบเข้าไปอีก งานนี้ทำให้เกิดกระแสที่เสียหายกับรัฐบาลของเยลซิน เหล่าคณะมนตรีเริ่มลุกขึ้นมาทะเลาะกันลั่นสภา หลายคนเรียก นายพล Alexandr Lebed ว่าเป็น “Little Napoleon” (คือ ปากดี ทีเหลว) หรือ “ไอ้กองทัพไม่มีน้ำยา” กระแสโกรธแค้นของประชาชนเริ่มทวีขึ้น จนไม่กี่วันต่อมา เยลซินต้องทำการปลดท่านนายพลออกจากตำแหน่ง การปรับเปลี่ยนตำแน่งได้เริ่มขึ้นอีกครั้ง ปูตินได้ขึ้นมาเป็นผู้อำนวยการแห่งองค์กรรวม ( Chief of Staff) ที่เทียบเท่ากับ อธิบดี ที่ไม่กี่วันต่อมาหลังจากที่ได้รับตำแหน่ง สภาได้ออกกฏหมายใหม่ เพิ่มอำนาจให้กับเขาอีก ในการขยายวงสอบสวนการทุจริต ยักยอก รวมไปถึงการคอร์รัปชั่นที่ทำให้ประเทศสูญเสียรายได้ ไม่ว่าจะเป็น ข้าราชการ, พนักงานลูกจ้าง และการสัมปทานต่างๆ งานนี้ ปูตินได้เจอะเจองานช้างเข้าหลายงาน เช่น อดีตนายพล Paval Grachev คนสนิทของเยลซิน ที่ควบคุมกองทัพในคอร์เคซัส ตั้งแต่ปี 1993-1996 ได้นำรถถังและอาวุธต่างๆที่มีมูลค่ากว่า หนึ่งพันล้านดอลล่าร์ ไปให้กับกองทัพของอาร์เมเนี่ยน ในสงครามกับ อาร์เซอร์ไบจาน ซึ่งเป็นการกระทำที่ถือว่าขายชาติ เพราะ รัสเซียอยู่ฝ่ายสนับสนุนอาเซอร์ไบจาน แต่…ทุกอย่างได้ผ่านไปก่อนที่ปูตินจะก้าวเข้ามา เขาจะไปทำอะไรได้ นอกจากจะต้องเลี้ยงนายพลคนนี้ต่อไป เนื่องจากว่าเป็นนายพลระดับวงในของเยลซที่เปรียบเหมือนตัวอันตราย ถ้าบีบคั้น…… ก็อาจจะตกไปอยู่ในมือของชาติอื่นที่ต้องการล้วงความลับ ดังนั้น จึงต้องใช้วิธีเลี้ยงเอาไว้ แล้วใส่ปลอกคอล่ามโซ่ให้สั้น โดยที่เขาใช้วิธีให้สัมภาษณ์กับนักข่าว ในเวลาที่ถูกถามถึงเรื่อง “นายพล เมอร์ซิเดส” เพราะนายพลคนนี้ชอบใช้รถหรูเกินฐานะ ว่า เรื่องการตรวจสอบคอร์รัปชั่นค้าอาวุธกับฝ่ายตรงข้ามนั้นไปถึงไหนแล้ว ปูตินตอบเรียบๆว่า “เราได้เอกสารพร้อมทุกอย่างแล้ว ข้อมูลครบ จะส่งขึ้นไปให้ฝ่ายกฎหมายต่อไป” นักข่าวถามต่อว่า “นายพลเมอร์ซิเดสได้มีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่..??” “ก็ไม่มีนะ ไม่มีชื่อของ Gen. Pavel Grachev มาเกี่ยวข้องด้วย “ นี่คือการทำงานของปูตินที่ต้องรักษาภาพลักษณ์ให้กับเยลซิน แต่มืออีกข้างหนึ่งเขาได้จัดการไปตามกฏหมายเอาผิด ใช้เวลาถึงสิบปี ที่ได้เอานายพลและคณะออกจากตำแหน่งได้สำเร็จ (2007) หรืองานคอร์รัปชั่นในหน่วยสร้างทางที่เป็นเงินมหาศาลที่มีข้าราชการเกี่ยวข้องทำผิดถึง 260 คน (ในเมษายน ปี 1997) หรือใน Stavropol เชือดไปอีก 450 คน (ในกันยายน 1997) เรื่องนายพลที่ต้องล่าช้านานขนาดนั้น เพราะปูตินไม่มีอำนาจในบทลงโทษที่เป็นงานส่วนตุลาการ เขาทำได้แค่ชี้มูลความผิดพร้อมหลักฐานที่หนาแน่น เพราะการทำงานไล่บี้การยักยอกนั้น ทำให้ปูตินต้องเข้าติดต่อกับงานเดิมอีก คือ KGB ที่ได้เปลี่ยนชื่อมาเป็น FSB (แต่อาคารที่ทำงานยังอยู่ที่เดิม) อยู่บ่อยๆ เท่ากับว่าเขาได้กลับไปเยือนบรรยากาศเก่าๆอีกครั้ง และจากงานที่ต้องมาดูพื้นที่และทรัพยากรของชาติ ที่เขาได้ทำงานอย่างไหลลื่นนั้น ก็ไม่ใช่ว่าเขาเหนือมนุษย์…… หากแต่มันเป็นเรื่องบังเอิญอย่างที่สุด ที่เขาเกิดความสนใจในเรื่องเศรษฐศาสตร์ เพราะจากงานที่ทำอยู่ในสภาเทศบาลที่กรุงเซนต์ ปีเตอร์สเบอร์ก ในช่วงที่อนาโตลีได้แพ้เลือกตั้ง ปูตินเริ่มมีเวลาว่าง เพราะมีหน้าที่เพียงแต่อำนวยความสะดวกให้กับทีมใหม่ เขาใช้เวลานั้น ไปลงเรียนวิชาบริหารเหมืองแร่และทรัพยากรน้ำมัน ที่ Georgi Plekhanov Mining Institute แทนที่จะไปเรียนต่อทางด้านกฎหมาย และไม่ได้ไปเรียนคนเดียว เขาเอาเพื่อนรักทั้งสอง Viktor Zubkov กับ Igor Sechin ไปนั่งเรียนกันด้วย ปลายปี 1996 (เข้าเรียนกลางปี 1995) ที่ปูตินสามารถส่งแฟ้ม Thesis ที่หนากว่า 250 หน้า ในเรื่องทรัพยากรแร่ธาตุที่เปรียบเสมือนทองคำของประเทศ ได้สำเร็จสวยงาม เพราะเขาได้ติวเตอร์คนสำคัญมาช่วย นั่นคือ Vladimir Litvenenko ศาสตราจารย์ผู้เชี่ยวชาญเหมืองแร่ ที่ไปค้นคว้าหาตำราจากยุโรปมาแปลให้เป็นภาษารัสเซีย เรื่องนี้ ปูตินและเพื่อนๆที่พากันไปเรียนก็ไม่ได้ไปโอ้อวดที่ไหน ตอนนั้นที่ไปลงเรียน ก็เพราะมีเวลาว่าง เขาเพียงแต่คิดว่า……ในสายงานทางกฎหมายของเขาควรจะต้องรู้เรื่องทรัพยาการที่เป็นธุรกิจหลักของประเทศให้ดีขึ้น และเขาก็ได้ใช้มันจริงๆที่มอสโคว์ เพราะเขาได้รู้ทันเจ้ากรมพลังงานที่มีการเล่นตลกกับใบสัมปทาน……แต่ก็พูดมากไปไม่ได้ เพราะนั่นคือกลุ่มคนในวงในของเยลซิน แต่ทีนี้ความไม่เป็นธรรมได้เกิดขึ้นกับคดีของอนาโตลี เจ้านายเก่า เพราะหลังจากที่อะนาโตลี ถูกกลุ่มวงในมอสโคว์”เท”จนไม่ได้รับการสนับสนุนเลือกตั้งนั้น เขาได้” โวย” กับเยลซิน ที่ได้รับการตอบสนอง คือ เยลซินเอาพวกนั้นออกไปเป็นแผงก็จริง ………แต่คนกลุ่มนั้นก็ไม่ได้ไปไหน หรือ รับโทษอะไร ยังวนเวียนเป็นที่ปรึกษาอยู่รอบตัวเยลซินเหมือนเดิม แถมอนาโตลี ได้มีศัตรูเพิ่มอย่างออกหน้าออกตาอีกต่างหาก การกลั่นแกล้งจึงได้เกิดขึ้น แบบชนิดให้ได้อาย เช่นอนาโตลีมีการประชุมกับคณะมนตรีจาก UNESCO จู่ๆก็มีตำรวจบุกไปกลางงาน ขอควบคุมตัวไปสอบสวนในเรื่องที่ไม่เป็นเรื่อง เขากลายเป็นผู้ต้องหาที่มีหมายจับ จนเขาเครียดถึงกับล้มป่วย เข้าโรงพยาบาล ครอบครัวต้องการให้แพทย์จากมอสโคว์มารักษา ปูตินบินด่วนไปเยี่ยมทันที และจัดการส่งเขาเข้าโรงพยาบาลทหาร จัดการแพทย์ผู้เชี่ยวชาญมาพร้อม และที่เขาทำมากกว่านั้น มากเกินอำนาจเขาไปอีก คือ จัดเช่าเครื่องบินส่วนตัวจากฟินแลนด์นำตัวเขาออกนอกประเทศไปยังกรุงปารีส โดยให้เหล่า KGB นำขบวนรถฉุกเฉินไปยังสนามบิน หมายจับอะไรก็ไม่สำคัญทั้งนั้น ทุกอย่างผ่านตลอด พาสปอร์ต ประทับตรา ผ่านศุลกากร การกล้าทำแบบนี้ ถือว่าเป็นการฉีกกฎหมายทิ้ง และเสี่ยงต่อการเสียอนาคตของปูตินที่กำลังจะไปได้สวย แต่……สำหรับอนาโตลีแล้ว ปูตินพร้อมแลกเพื่อที่จะช่วยเหลือตอบแทนผู้ที่เคยมีพระคุณ เพราะเขาได้เห็นมาตลอดว่า เรื่องราวนั้นเป็นอย่างไร ในประเทศที่กฎหมายไม่สามารถบังคับใช้อะไรได้ ความผิดของอนาโตลีนั้นเทียบเท่ากับเมล็ดทรายของคนหลายๆคนในเครมลิน คนที่ชื่นชมกับความกตัญญูและการกล้าตัดสินใจของปูติน ในครั้งนี้ คือ ท่านประธานธิบดี Boris Yentsin เพราะท่านว่า ถ้าเกิดขึ้นกับเรา…จะมีใครที่ไหนที่จะกล้ามาช่วยเราขนาดนี้หรือเปล่ายังไม่รู้เลย……?!!! ปูตินเริ่มเป็นที่จับตามองจากคณะท่านผู้นำ ในวันที่ 21 มีนาคม 1998 เยลซินได้เรียกให้นายกรัฐมนตรี Viktor Chernomydrin เข้ามาพบที่บ้านพักส่วนตัว เพื่อที่จะบอกว่า วิคเตอร์ทำหน้าที่นี้มานานถึงห้าปีแล้ว แต่ไม่มีอะไรดีขึ้น ทุกอย่างยังกวาดเข้าไปซุกอยู่ใต้พรม……เขาต้องการคนที่จะมา”ยกพรมขึ้น” แล้ว “กวาดขยะออกให้หมด” เพื่อบ้านจะได้น่าอยู่ ฉะนั้น……ที่ให้มาพบในครั้งนี้ คือการไล่ออก…… เยลซินได้เสนอชื่อ Sergei Kiriyenko อดีตนายธนาคารที่เป็นนักการเมืองหนุ่มวัย 35 ปี ต่อสภา……สภาไม่ผ่านทั้งสองครั้ง แต่ต่อมา……ด้วยแรงผลักดันของเยลซิน……ก็ผ่านฉลุย ส่วนอดีตนายกฯที่ถูกไล่ออกไป ก็ฮึ่มๆ ประกาศว่าเขาจะลงเลือกตั้งชิงตำแหน่งประธานาธิบดีในสมัยหน้า จะได้รู้หมู่รู้จ่ากันไป.… นายทุนกระเป๋าหนัก Boris Berezovsky ที่สนับสนุนเยลซิน เพราะมีผลประโยชน์มหาศาลนั้น เริ่มเข้ามามีบทบาทช่วยเลือก เพราะกลุ่มคนวงในเก่าๆเท่าที่เห็น ต่างก็จะเข้ามาขวางทางการค้าของเขาทั้งสิ้น เพราะทุกคนต่างมีเส้นสายในกิจการสารพัดอยู่แล้ว ไม่ทันที่ใครจะคิดอ่านทำอะไร กระดานหุ้นรัสเซียตกฮวบ หุ้นบริษัทพลังงาน Rosneft ที่รัฐบาลถือหุ้นใหญ่ ตกดิ่ง บริษัทลงทุนจากต่างชาติได้พากันถอนหุ้น เงินรูเบิ้ลสูญเสียมูลค่าที่รัฐบาลก็เอาไม่อยู่ การแทรกแซงจากต่างชาติเริ่มเข้ามา ทั้งจากภาคการเมือง และเศรษฐกิจ เยลซินเริ่มเห็นแล้วว่า สาเหตุที่เกิดเช่นนั้น เพราะฝีมือของกลุ่มพ่อมดทางการเงิน จากคนรอบตัว (Oligarchs) ของเขาเองที่ส่วนใหญ่แล้ว คือยิว ที่มาปั่นกระแสขาขึ้นให้ แล้วก็ถีบหัว ตบคว่ำ…… เยลซินเริ่มโดดเดี่ยว เขาต้องหาคนที่จะคอยพิทักษ์ปกป้อง และจะเข้ามาช่วยขจัดเหลือบไรพวกนี้ให้ออกไปให้พ้นจากชาติบ้านเมืองได้ ก็มีอยู่องค์กรเดียว คือ FSB (KGB) ที่เขาไม่ได้สนใจ ใส่ใจดูแลมานานแสนนาน ซึ่งเข้าทาง Boris Berezovsky (ยิวหนึ่งใน Oligarchs) ได้เสนอชื่อ ปูติน เพราะเขาเล่าว่า ครั้งหนึ่งเขาเคยคิดที่จะเปิดบริษัทขายรถยนตร์ในเลนินกราด ได้ไปติดต่อกับปูตินเพื่อขอใบอนุญาตการค้า และได้ยื่นซองใต้โต๊ะให้ แต่ถูกปฏิเสธ……ไม่รับ……!!! เยลซินเห็นด้วย (จากเรื่องของอนาโตลี) เขาบอกว่า……”ตอนแรกเราเห็นว่าปูตินเขาเป็นคนเฉยๆ เพราะเห็นเขาเงียบๆ ไม่ค่อยพูดอะไร แต่เพิ่งรู้เหมือนกัน ว่า เป็นคนที่คมในฝัก” นายกรัฐมนตรีคนใหม่หมาดๆ Sergei Kiriyenko ได้รับคำสั่งให้ที่มอสโคว์ เพื่อแจ้งข่าวกับปูติน ปูตินจึงไปรอรับท่านนายกฯ ที่สนามบิน ที่เขาคิดว่า เรื่องด่วนแบบนี้ ไม่น่าที่จะเป็นข่าวมงคล ทันทีที่ได้พบหน้ากัน ท่านนายกฯ ได้ปรี่เข้ามาจับมือขอแสดงความยินดี พร้อมกับบอกว่า “ดีใจด้วยนะ” “ดีใจอะไรหรือครับ..?” “ท่านประธานาธิบดีได้ทำการแต่งตั้งและลงนามให้นายเป็นผู้อำนวยการ FSB (KGB) น่ะซิ” ปูตินงงนิดหน่อย แต่เขาพอรู้มาบ้างแล้วว่า จะมีการเปลี่ยนแปลงงานของเขาให้กลับไปอยู่ในสายงานเดิม แต่ไม่คิดว่า จะก้าวขึ้นไปเป็นผู้อำนวยการเลย… สิ่งแรกที่เขาทำ นั้นคือ ติดต่อไปยังลุดมิลาที่พาลูกๆไปพักผ่อน ที่ชายฝั่งทะเลบอลติด ด้วยข้อความที่ส่งแบบสายลับ คือ…… “ฟังให้ดีนะ……ผมกำลังจะกลับไปในที่ที่ผมจากมา..” ลุดมิลาก็ยังไม่ค่อยเข้าใจ…… เขาจึงย้ำประโยคเดิมถึงสามครั้ง…ก่อนที่จะวางสายไป ลุดมิลาทำท่าเหนื่อยใจ……เธอบอกกับตัวเองว่า “ชั้นจะไปรู้เรื่องกับเธอไหม……ก็เปลี่ยนงานมานับสิบครั้งแล้วเนี่ยยย……?!!! ~~~ขยายความ Sergei Chemezov** เพื่อนรักของปูติน จากสถาบัน KGB ต่อมาคือ CEO ของบริษัท Rostec ที่สร้างอาวุธ และยุทโธปกรณ์ให้กับกองทัพของรัสเซีย Igor Sechin*** อีกหนึ่งศิษย์ร่วมสถาบัน KGB ปัจจุบัน คือ CEO ของ บริษัทน้ำมันและพลังงาน Rosneft ทั้งสองคนได้ถูกทางตะวันตกยึดเรือหรูมูลค่าพันล้านไปในทะเลเมติเตอเรเนียน พร้อมทั้งเป็นบุคคลที่โดนแซงชั่นในธนาคาร เมื่อถูกถามถึงความเห็น เขาสองคนหัวเราะ บอกว่า จิ๊บๆ แต่รอเขาจะฟ้องกลับเรียกค่าเสียหาย เพราะนั่นคือทรัพย์สินส่วนตัว และไม่ได้ล่วงล้ำในน่านน้ำเพราะมีเอกสารสิทธิ์ และมีการจ่ายค่าการท่าและภาษีอย่างถูกต้อง Viktor Zubkov**** เคยเป็นรองนายกรัฐมนตรีเมื่อปูตินเป็นนายกฯ ปัจจุบันนี้เป็นประธานบอร์ดของ บริษัท Gazprom คนนี้ก็โดนยึดเรือหรูไป ก็จิ๊บๆอีกเหมือนกัน ปูตินมีระบบดูแลคนใกล้ตัวที่ดียิ่ง เขาเลือกคนที่มีความสามารถเข้าไปนั่งในตำแหน่งบริหาร บอกว่า ไม่ต้องคอร์รัปชั่น เพราะแค่โบนัสหนึ่งเปอร์เซ็นต์ต่อปี ชาตินี้ก็ใช้ไม่หมด……… แหม……………ก้อ…แต่ละบริษัทที่เอ่ยมากำไรปีละเป็นแสนล้าน ต่อให้ชาติหน้าชาติโน้นก็ใช้ไม่หมด………!! Wiwanda W. Vichit
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2750 มุมมอง 0 รีวิว
  • 'ความมั่นใจ' คือสิ่งล้ำค่า
    ที่หลายๆคนพยายามทุ่มเทหลายๆอย่างเพื่อให้ได้มา

    ไม่ว่าจะเป็นการซื้อซื้อผ้าแฟชั่นทันสมัยเพื่อให้รู้สึกมั่นใจ
    การซื้อรถหรูเพื่อให้ได้รับการยอมรับจากเพื่อนร่วมงาน
    หรือแม้กระทั่งการอ่านหนังสือเพิ่มพูนความรู้ เพื่อประดับสมอง

    อย่างที่แอดมินได้เคยบอกไว้ในหลายๆครั้งว่า *ทุกๆอย่างต้องมีความสมดุล*

    เพราะหากว่าความมั่นใจ มีมากเกินไป หรือน้อยเกินไป ย่อมเป็นสิ่งที่ไม่ดีแน่
    จะส่งผลเสียในหลายๆอย่าง

    หากเรามีความมั่นใจน้อยกว่าที่ควร <
    เราจะเป็นคนที่ไม่กล้าแสดงออก
    ไม่กล้าแม้กระทั่งออกความคิดเห็นของตัวเอง
    ไม่มีโอกาสได้รักษาในหลายๆสิทธิ์ของตัวเอง

    หากเรามีความมั่นใจมากกว่าที่ควร >
    ในหลายๆครั้งอาจทำให้เราสูญเสียมากกว่าได้รับ
    อย่างเช่นการวางแผนในการทำธุรกิจ โดยที่ความรู้ยังไม่เพียงพอ

    หรือการอ่านหนังสือไม่พอก่อนเข้าสอบ แต่พกความมั่นใจไปเต็มร้อย

    ดังนั้นวิธีแก้ไขคือ การจำลองการลงมือทำจริงๆขึ้นมา
    -สำหรับการทำธุรกิจ ก็เขียนแผนธุรกิจ กำไร-ขาดทุน ให้เจ๊งแค่ในกระดาษ
    -สำหรับการอ่านหนังสือ ก็ทำแบบทดสอบเยอะๆ หรือตั้งโจทย์ขึ้นมาแล้วทำให้มากๆ

    แล้วสำหรับคุณผู้อ่าน มีวิธีควบคุมความมั่นใจ ให้ไม่มากเกินไป-น้อยเกินไปอย่างไรบ้าง มาแชร์ในคอมเม้นกันได้นะคะ ^^

    #หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #หนังสือคิดอย่างไรไม่ให้คิดไปเอง
    #หนังสือน่าอ่าน #Thaitimes
    'ความมั่นใจ' คือสิ่งล้ำค่า ที่หลายๆคนพยายามทุ่มเทหลายๆอย่างเพื่อให้ได้มา ไม่ว่าจะเป็นการซื้อซื้อผ้าแฟชั่นทันสมัยเพื่อให้รู้สึกมั่นใจ การซื้อรถหรูเพื่อให้ได้รับการยอมรับจากเพื่อนร่วมงาน หรือแม้กระทั่งการอ่านหนังสือเพิ่มพูนความรู้ เพื่อประดับสมอง อย่างที่แอดมินได้เคยบอกไว้ในหลายๆครั้งว่า *ทุกๆอย่างต้องมีความสมดุล* เพราะหากว่าความมั่นใจ มีมากเกินไป หรือน้อยเกินไป ย่อมเป็นสิ่งที่ไม่ดีแน่ จะส่งผลเสียในหลายๆอย่าง หากเรามีความมั่นใจน้อยกว่าที่ควร < เราจะเป็นคนที่ไม่กล้าแสดงออก ไม่กล้าแม้กระทั่งออกความคิดเห็นของตัวเอง ไม่มีโอกาสได้รักษาในหลายๆสิทธิ์ของตัวเอง หากเรามีความมั่นใจมากกว่าที่ควร > ในหลายๆครั้งอาจทำให้เราสูญเสียมากกว่าได้รับ อย่างเช่นการวางแผนในการทำธุรกิจ โดยที่ความรู้ยังไม่เพียงพอ หรือการอ่านหนังสือไม่พอก่อนเข้าสอบ แต่พกความมั่นใจไปเต็มร้อย ดังนั้นวิธีแก้ไขคือ การจำลองการลงมือทำจริงๆขึ้นมา -สำหรับการทำธุรกิจ ก็เขียนแผนธุรกิจ กำไร-ขาดทุน ให้เจ๊งแค่ในกระดาษ -สำหรับการอ่านหนังสือ ก็ทำแบบทดสอบเยอะๆ หรือตั้งโจทย์ขึ้นมาแล้วทำให้มากๆ แล้วสำหรับคุณผู้อ่าน มีวิธีควบคุมความมั่นใจ ให้ไม่มากเกินไป-น้อยเกินไปอย่างไรบ้าง มาแชร์ในคอมเม้นกันได้นะคะ ^^ #หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #หนังสือคิดอย่างไรไม่ให้คิดไปเอง #หนังสือน่าอ่าน #Thaitimes
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 668 มุมมอง 0 รีวิว
  • เปิดคลังสมบัติ "โจ๊ก" ทั้ง #เงินสด #ทองคำ #ปืน #รถหรู🤔
    https://www.youtube.com/live/CHgQuZV8oek?si=N2O1wP4z47kyAss9
    เปิดคลังสมบัติ "โจ๊ก" ทั้ง #เงินสด #ทองคำ #ปืน #รถหรู🤔 https://www.youtube.com/live/CHgQuZV8oek?si=N2O1wP4z47kyAss9
    Like
    Love
    Haha
    4
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1293 มุมมอง 0 รีวิว