YouTube เปิดตัว “Likeness Detection Tool” ป้องกันครีเอเตอร์จากภัย Deepfake
ในยุคที่เทคโนโลยี AI ก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว การปลอมแปลงใบหน้าและเสียงของบุคคลในวิดีโอหรือเสียงกลายเป็นเรื่องง่ายดายอย่างน่าตกใจ โดยเฉพาะกับเหล่าครีเอเตอร์ที่มีชื่อเสียงซึ่งตกเป็นเป้าหมายของการสร้างเนื้อหาเทียม (deepfake) เพื่อหลอกลวงหรือทำลายชื่อเสียง ล่าสุด YouTube ได้เปิดตัวเครื่องมือใหม่ที่ชื่อว่า “Likeness Detection Tool” เพื่อช่วยให้ครีเอเตอร์สามารถตรวจจับและจัดการกับวิดีโอที่ใช้ใบหน้าหรือเสียงของตนโดยไม่ได้รับอนุญาต
เครื่องมือนี้เริ่มเปิดให้ใช้งานในเดือนตุลาคม 2025 โดยจำกัดเฉพาะสมาชิกในโปรแกรม YouTube Partner Program (YPP) ก่อน และจะขยายให้ครอบคลุมครีเอเตอร์ที่มีรายได้ทั้งหมดภายในเดือนมกราคม 2026
การใช้งานเริ่มต้นด้วยการยืนยันตัวตนผ่านการอัปโหลดบัตรประชาชนและวิดีโอเซลฟี จากนั้นระบบจะสแกนวิดีโอใหม่ๆ บนแพลตฟอร์มเพื่อหาการใช้ใบหน้าหรือเสียงของครีเอเตอร์โดยไม่ได้รับอนุญาต หากพบวิดีโอที่น่าสงสัย ครีเอเตอร์จะได้รับการแจ้งเตือนผ่านแท็บ “Likeness” ใน YouTube Studio และสามารถเลือกดำเนินการ เช่น ส่งคำขอลบวิดีโอ หรือยื่นเรื่องละเมิดลิขสิทธิ์ได้ทันที
แม้เครื่องมือนี้จะยังไม่สามารถตรวจจับการปลอมแปลงเสียงเพียงอย่างเดียวได้ แต่ก็ถือเป็นก้าวสำคัญในการปกป้องสิทธิ์ของครีเอเตอร์ และลดการแพร่กระจายของข้อมูลเท็จหรือการแอบอ้างตัวตนในโลกออนไลน์
เครื่องมือใหม่จาก YouTube
ชื่อว่า “Likeness Detection Tool”
ใช้ AI ตรวจจับวิดีโอที่ใช้ใบหน้าหรือเสียงของครีเอเตอร์โดยไม่ได้รับอนุญาต
แสดงวิดีโอที่ตรวจพบในแท็บ “Likeness” ของ YouTube Studio
ขั้นตอนการใช้งาน
ต้องยืนยันตัวตนด้วยบัตรประชาชนและวิดีโอเซลฟี
ระบบจะเริ่มสแกนวิดีโอใหม่ๆ เพื่อหาการปลอมแปลง
ครีเอเตอร์สามารถส่งคำขอลบวิดีโอหรือยื่นเรื่องละเมิดลิขสิทธิ์ได้
กลุ่มผู้ใช้งาน
เริ่มเปิดให้เฉพาะสมาชิก YouTube Partner Program
จะขยายให้ครีเอเตอร์ที่มีรายได้ทั้งหมดภายในเดือนมกราคม 2026
เป้าหมายของเครื่องมือ
ปกป้องตัวตนของครีเอเตอร์จาก deepfake
ลดการเผยแพร่ข้อมูลเท็จและการแอบอ้างตัวตน
เพิ่มความน่าเชื่อถือของเนื้อหาบนแพลตฟอร์ม
ข้อควรระวังและข้อจำกัด
ยังไม่สามารถตรวจจับการปลอมแปลงเสียงเพียงอย่างเดียวได้
อาจมี false positive – ตรวจพบวิดีโอที่ใช้ใบหน้าจริงของครีเอเตอร์แต่ไม่ใช่ deepfake
การใช้งานต้องยอมรับการให้ข้อมูลส่วนตัว เช่น ใบหน้าและบัตรประชาชน
คำแนะนำเพิ่มเติม
ครีเอเตอร์ควรตรวจสอบวิดีโอที่ถูกแจ้งเตือนอย่างละเอียดก่อนดำเนินการ
ควรติดตามการอัปเดตของ YouTube เกี่ยวกับการขยายขอบเขตการใช้งาน
ควรพิจารณาความเป็นส่วนตัวก่อนสมัครใช้งานเครื่องมือนี้
https://securityonline.info/deepfake-defense-youtube-rolls-out-ai-tool-to-protect-creator-likeness/
ในยุคที่เทคโนโลยี AI ก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว การปลอมแปลงใบหน้าและเสียงของบุคคลในวิดีโอหรือเสียงกลายเป็นเรื่องง่ายดายอย่างน่าตกใจ โดยเฉพาะกับเหล่าครีเอเตอร์ที่มีชื่อเสียงซึ่งตกเป็นเป้าหมายของการสร้างเนื้อหาเทียม (deepfake) เพื่อหลอกลวงหรือทำลายชื่อเสียง ล่าสุด YouTube ได้เปิดตัวเครื่องมือใหม่ที่ชื่อว่า “Likeness Detection Tool” เพื่อช่วยให้ครีเอเตอร์สามารถตรวจจับและจัดการกับวิดีโอที่ใช้ใบหน้าหรือเสียงของตนโดยไม่ได้รับอนุญาต
เครื่องมือนี้เริ่มเปิดให้ใช้งานในเดือนตุลาคม 2025 โดยจำกัดเฉพาะสมาชิกในโปรแกรม YouTube Partner Program (YPP) ก่อน และจะขยายให้ครอบคลุมครีเอเตอร์ที่มีรายได้ทั้งหมดภายในเดือนมกราคม 2026
การใช้งานเริ่มต้นด้วยการยืนยันตัวตนผ่านการอัปโหลดบัตรประชาชนและวิดีโอเซลฟี จากนั้นระบบจะสแกนวิดีโอใหม่ๆ บนแพลตฟอร์มเพื่อหาการใช้ใบหน้าหรือเสียงของครีเอเตอร์โดยไม่ได้รับอนุญาต หากพบวิดีโอที่น่าสงสัย ครีเอเตอร์จะได้รับการแจ้งเตือนผ่านแท็บ “Likeness” ใน YouTube Studio และสามารถเลือกดำเนินการ เช่น ส่งคำขอลบวิดีโอ หรือยื่นเรื่องละเมิดลิขสิทธิ์ได้ทันที
แม้เครื่องมือนี้จะยังไม่สามารถตรวจจับการปลอมแปลงเสียงเพียงอย่างเดียวได้ แต่ก็ถือเป็นก้าวสำคัญในการปกป้องสิทธิ์ของครีเอเตอร์ และลดการแพร่กระจายของข้อมูลเท็จหรือการแอบอ้างตัวตนในโลกออนไลน์
เครื่องมือใหม่จาก YouTube
ชื่อว่า “Likeness Detection Tool”
ใช้ AI ตรวจจับวิดีโอที่ใช้ใบหน้าหรือเสียงของครีเอเตอร์โดยไม่ได้รับอนุญาต
แสดงวิดีโอที่ตรวจพบในแท็บ “Likeness” ของ YouTube Studio
ขั้นตอนการใช้งาน
ต้องยืนยันตัวตนด้วยบัตรประชาชนและวิดีโอเซลฟี
ระบบจะเริ่มสแกนวิดีโอใหม่ๆ เพื่อหาการปลอมแปลง
ครีเอเตอร์สามารถส่งคำขอลบวิดีโอหรือยื่นเรื่องละเมิดลิขสิทธิ์ได้
กลุ่มผู้ใช้งาน
เริ่มเปิดให้เฉพาะสมาชิก YouTube Partner Program
จะขยายให้ครีเอเตอร์ที่มีรายได้ทั้งหมดภายในเดือนมกราคม 2026
เป้าหมายของเครื่องมือ
ปกป้องตัวตนของครีเอเตอร์จาก deepfake
ลดการเผยแพร่ข้อมูลเท็จและการแอบอ้างตัวตน
เพิ่มความน่าเชื่อถือของเนื้อหาบนแพลตฟอร์ม
ข้อควรระวังและข้อจำกัด
ยังไม่สามารถตรวจจับการปลอมแปลงเสียงเพียงอย่างเดียวได้
อาจมี false positive – ตรวจพบวิดีโอที่ใช้ใบหน้าจริงของครีเอเตอร์แต่ไม่ใช่ deepfake
การใช้งานต้องยอมรับการให้ข้อมูลส่วนตัว เช่น ใบหน้าและบัตรประชาชน
คำแนะนำเพิ่มเติม
ครีเอเตอร์ควรตรวจสอบวิดีโอที่ถูกแจ้งเตือนอย่างละเอียดก่อนดำเนินการ
ควรติดตามการอัปเดตของ YouTube เกี่ยวกับการขยายขอบเขตการใช้งาน
ควรพิจารณาความเป็นส่วนตัวก่อนสมัครใช้งานเครื่องมือนี้
https://securityonline.info/deepfake-defense-youtube-rolls-out-ai-tool-to-protect-creator-likeness/
🎭 YouTube เปิดตัว “Likeness Detection Tool” ป้องกันครีเอเตอร์จากภัย Deepfake
ในยุคที่เทคโนโลยี AI ก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว การปลอมแปลงใบหน้าและเสียงของบุคคลในวิดีโอหรือเสียงกลายเป็นเรื่องง่ายดายอย่างน่าตกใจ โดยเฉพาะกับเหล่าครีเอเตอร์ที่มีชื่อเสียงซึ่งตกเป็นเป้าหมายของการสร้างเนื้อหาเทียม (deepfake) เพื่อหลอกลวงหรือทำลายชื่อเสียง ล่าสุด YouTube ได้เปิดตัวเครื่องมือใหม่ที่ชื่อว่า “Likeness Detection Tool” เพื่อช่วยให้ครีเอเตอร์สามารถตรวจจับและจัดการกับวิดีโอที่ใช้ใบหน้าหรือเสียงของตนโดยไม่ได้รับอนุญาต
เครื่องมือนี้เริ่มเปิดให้ใช้งานในเดือนตุลาคม 2025 โดยจำกัดเฉพาะสมาชิกในโปรแกรม YouTube Partner Program (YPP) ก่อน และจะขยายให้ครอบคลุมครีเอเตอร์ที่มีรายได้ทั้งหมดภายในเดือนมกราคม 2026
การใช้งานเริ่มต้นด้วยการยืนยันตัวตนผ่านการอัปโหลดบัตรประชาชนและวิดีโอเซลฟี จากนั้นระบบจะสแกนวิดีโอใหม่ๆ บนแพลตฟอร์มเพื่อหาการใช้ใบหน้าหรือเสียงของครีเอเตอร์โดยไม่ได้รับอนุญาต หากพบวิดีโอที่น่าสงสัย ครีเอเตอร์จะได้รับการแจ้งเตือนผ่านแท็บ “Likeness” ใน YouTube Studio และสามารถเลือกดำเนินการ เช่น ส่งคำขอลบวิดีโอ หรือยื่นเรื่องละเมิดลิขสิทธิ์ได้ทันที
แม้เครื่องมือนี้จะยังไม่สามารถตรวจจับการปลอมแปลงเสียงเพียงอย่างเดียวได้ แต่ก็ถือเป็นก้าวสำคัญในการปกป้องสิทธิ์ของครีเอเตอร์ และลดการแพร่กระจายของข้อมูลเท็จหรือการแอบอ้างตัวตนในโลกออนไลน์
✅ เครื่องมือใหม่จาก YouTube
➡️ ชื่อว่า “Likeness Detection Tool”
➡️ ใช้ AI ตรวจจับวิดีโอที่ใช้ใบหน้าหรือเสียงของครีเอเตอร์โดยไม่ได้รับอนุญาต
➡️ แสดงวิดีโอที่ตรวจพบในแท็บ “Likeness” ของ YouTube Studio
✅ ขั้นตอนการใช้งาน
➡️ ต้องยืนยันตัวตนด้วยบัตรประชาชนและวิดีโอเซลฟี
➡️ ระบบจะเริ่มสแกนวิดีโอใหม่ๆ เพื่อหาการปลอมแปลง
➡️ ครีเอเตอร์สามารถส่งคำขอลบวิดีโอหรือยื่นเรื่องละเมิดลิขสิทธิ์ได้
✅ กลุ่มผู้ใช้งาน
➡️ เริ่มเปิดให้เฉพาะสมาชิก YouTube Partner Program
➡️ จะขยายให้ครีเอเตอร์ที่มีรายได้ทั้งหมดภายในเดือนมกราคม 2026
✅ เป้าหมายของเครื่องมือ
➡️ ปกป้องตัวตนของครีเอเตอร์จาก deepfake
➡️ ลดการเผยแพร่ข้อมูลเท็จและการแอบอ้างตัวตน
➡️ เพิ่มความน่าเชื่อถือของเนื้อหาบนแพลตฟอร์ม
‼️ ข้อควรระวังและข้อจำกัด
⛔ ยังไม่สามารถตรวจจับการปลอมแปลงเสียงเพียงอย่างเดียวได้
⛔ อาจมี false positive – ตรวจพบวิดีโอที่ใช้ใบหน้าจริงของครีเอเตอร์แต่ไม่ใช่ deepfake
⛔ การใช้งานต้องยอมรับการให้ข้อมูลส่วนตัว เช่น ใบหน้าและบัตรประชาชน
‼️ คำแนะนำเพิ่มเติม
⛔ ครีเอเตอร์ควรตรวจสอบวิดีโอที่ถูกแจ้งเตือนอย่างละเอียดก่อนดำเนินการ
⛔ ควรติดตามการอัปเดตของ YouTube เกี่ยวกับการขยายขอบเขตการใช้งาน
⛔ ควรพิจารณาความเป็นส่วนตัวก่อนสมัครใช้งานเครื่องมือนี้
https://securityonline.info/deepfake-defense-youtube-rolls-out-ai-tool-to-protect-creator-likeness/
0 Comments
0 Shares
13 Views
0 Reviews