• ผมเขียนคำว่า จุดคุ้มทุนบ่อยๆ ขยายความแบบเข้าใจง่ายๆ คือ คุณต้องประมาณสิ่งนี้ก่อนการลงทุน..ยกตัวอย่าง สมมุติ อพาร์ทเมนต์ก็ได้ จะมีกี่ห้องก็ตามแต่ คุณเอารายได้ ที่หักค่าใช้จ่ายต่างๆแล้ว..เหลือเดือนเท่าไร ปีเท่าไร ..สมมุติ เหลือปีละ 3 แสน..ตามที่เขายึดถือกันในธุรกิจประเภทนี้คือ 9-10 ปี ...ฉะนั้น มูลค่าการลงทุน ก็ไม่ควรเกิน 30 ล้าน......เอาแบบถูกอีกอย่าง เจียนเจ้าใจง่ายๆ เช่น เครื่องชั่งน้ำหนักหนอดเหรียญที่ละบาท..ราคา 1 หมื่น...คิดง่ายๆ คือ ต้องมีคนใช้ 1 หมื่นครั้ง คุณถึงจะได้ทุนคืน..นี่ยังไม่รวมค่าใช้จ่ายประจำ คือค่าเข่าที่วาง ค่าไฟ หรือค่าใช้จ่ายผันแปร กรณีตู้เสีย และพ้นระยะรับประกันไปแล้ว ไม่รับว่า อาจมีมือดีมาทุบทำลายอีก...ทีนี้ ก็เป็นดุลพินิจของคุณแล้ว...ว่า น่าทำ หรือควรทำ..ไหม...อีกตัวอย่าง หลานสาว มาปรึกษาเปิดร้านกาแฟในปั๊ม ผมถามทำเล มูลค่าการลงทุน จุดคุ้มเป็นไง....รายจ่ายประจำเท่าไร..มีเงินสำรองแค่ไหน กรณีที่มันขายไม่ได้ในช่วงแรก..และอื่นๆ ...มีคำตอบกลับมา แค่เรื่อง ทำเลที่ตั้งกับเงินลงทุน 3.5 แสน..ผมบอกไปเรียนรู้สิ่งเหล่านี้ก่อนบวกลบคูณหารแบบที่ไม่คิดเข้าข้างตนเองแล้วค่อยทำ....สรุปหายไป...แล้วก็ทำ...ลงทุน 3 แสนห้า...ขายได้วันละไม่กี่ร้อย ค่าเช่า ค่าลูกน้องยังไม่พอเลย..ดันทุรังไปได้ 4 เดือน cash flow ไม่มี..ตุย..3 แสนละลายเล่น...
    ผมเขียนคำว่า จุดคุ้มทุนบ่อยๆ ขยายความแบบเข้าใจง่ายๆ คือ คุณต้องประมาณสิ่งนี้ก่อนการลงทุน..ยกตัวอย่าง สมมุติ อพาร์ทเมนต์ก็ได้ จะมีกี่ห้องก็ตามแต่ คุณเอารายได้ ที่หักค่าใช้จ่ายต่างๆแล้ว..เหลือเดือนเท่าไร ปีเท่าไร ..สมมุติ เหลือปีละ 3 แสน..ตามที่เขายึดถือกันในธุรกิจประเภทนี้คือ 9-10 ปี ...ฉะนั้น มูลค่าการลงทุน ก็ไม่ควรเกิน 30 ล้าน......เอาแบบถูกอีกอย่าง เจียนเจ้าใจง่ายๆ เช่น เครื่องชั่งน้ำหนักหนอดเหรียญที่ละบาท..ราคา 1 หมื่น...คิดง่ายๆ คือ ต้องมีคนใช้ 1 หมื่นครั้ง คุณถึงจะได้ทุนคืน..นี่ยังไม่รวมค่าใช้จ่ายประจำ คือค่าเข่าที่วาง ค่าไฟ หรือค่าใช้จ่ายผันแปร กรณีตู้เสีย และพ้นระยะรับประกันไปแล้ว ไม่รับว่า อาจมีมือดีมาทุบทำลายอีก...ทีนี้ ก็เป็นดุลพินิจของคุณแล้ว...ว่า น่าทำ หรือควรทำ..ไหม...อีกตัวอย่าง หลานสาว มาปรึกษาเปิดร้านกาแฟในปั๊ม ผมถามทำเล มูลค่าการลงทุน จุดคุ้มเป็นไง....รายจ่ายประจำเท่าไร..มีเงินสำรองแค่ไหน กรณีที่มันขายไม่ได้ในช่วงแรก..และอื่นๆ ...มีคำตอบกลับมา แค่เรื่อง ทำเลที่ตั้งกับเงินลงทุน 3.5 แสน..ผมบอกไปเรียนรู้สิ่งเหล่านี้ก่อนบวกลบคูณหารแบบที่ไม่คิดเข้าข้างตนเองแล้วค่อยทำ....สรุปหายไป...แล้วก็ทำ...ลงทุน 3 แสนห้า...ขายได้วันละไม่กี่ร้อย ค่าเช่า ค่าลูกน้องยังไม่พอเลย..ดันทุรังไปได้ 4 เดือน cash flow ไม่มี..ตุย..3 แสนละลายเล่น...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 126 มุมมอง 0 รีวิว
  • ขายตัวเราให้แกลูกค้าก่อนที่จะแสวงผลกำไรจากมัน...หลายธุรกิจขาดทุนก่อน หลายธุรกิจโปรโมชั่นเลยตั้งแต่เปิด ลองนึกภาพตามครับ facebook ใช้ฟรีกี่ปี...? youtube ใช้แบบไม่มีโฆษณาแฝงกี่ปี...? ย้อนไปสัก 13_14 ปีก่อน..ผมยังนึกเลย..ว่า ช่องทางรายได้มาจากไหน...และจะประคองธุรกิจไปนานแค่ไหน....นั่นคือ สิ่งที่คิดในตอนนี้น....แล้วคุณดูปัจจุบัน...ของ 2 สิ่งที่เขียน...กอบโกยแบบมหาศาล.....จนมาแชร์แบ่งปันให้คนสร้างรายได้ กับพวกเขาด้วยในโหมดมืออาชีพ...เอาสิ...แต่เขาไม่ให้คุณธรรมดา มันมีกลยุทธทางการตลาดที่ซ่อนอยู่ในนั้น ดูแล้ว...ย้อนนึกถึง otop ไทย..มั่นใจสูง ของข้าดี มีคุณภาพ ตั้งราคาเทียบเคียงของแบรนด์ที่อยู่ในตลาดก่อนแล้ว..ความคิดแรก..เป็นคุณจะเลือกอะไร?.คุณก็ต้องเลือกสิ่งที่คุณรู้จัก คุ้นเคย..ถูกต้องไหม...นอกจากมีแรงจูงใจอื่นๆ...sme ครับ สมัยก่อน ผมบรรยายเรื่องการตลาดมาหลายที่...แต่หยุดเป็น 10 ปี แล้ว..แต่ไม่ได้หยุดติดตาม..หรือหยุดเรียนรู้เลย...ยกตัวอย่าง สุกี้สารพัดทั้งหลาย..เกิดขึ้นจากอะไร โตจากอะไร บุฟเฟต์ 299 ...ใช่สิ่งใหม่ไหม .ไม่ใช่เลย...แค่กลยุทธ์ด้านราคา...แต่ได้ผล...แต่ส่วนมีความเห็นว่า ธุรกิจแนวบุฟเฟต์ ไม่ยั่งยืนนาน...อีกหน่อย ผู้บริโภคก็จะชินชา ...มีตัวอย่างให้เห็นมากมาย Hotpot daidomon และพวกหมูกระทะอีกมากมาย...ที่ล้วนหายไป.. อีกเรื่อง คนจำนวนไม่น้อย ในการลงทุนอะไรสักอย่าง ต้นทุนคงที่เท่าไร ต้นทุนผันแปรที่ควรต้องเผื่อไว้เท่าไร จุดคุ้มทุนเป็นไงบ้าง กี่ปี่กี่เดือน เหมาะสมกับมูลค่าการลงทุนไหม เงินธุรกิจเงินส่วนตัวกระเป๋าเดียวไม่ได้ยังไม่รู้เลย บัญชีรับจ่ายได้ทำไหม? ..คือ เห็นแล้ว เสียดายแทน ไปกู้หนี้ยืมสินเขามาลงทุน สุดท้าย เอาไปละลายในน้ำ...
    ขายตัวเราให้แกลูกค้าก่อนที่จะแสวงผลกำไรจากมัน...หลายธุรกิจขาดทุนก่อน หลายธุรกิจโปรโมชั่นเลยตั้งแต่เปิด ลองนึกภาพตามครับ facebook ใช้ฟรีกี่ปี...? youtube ใช้แบบไม่มีโฆษณาแฝงกี่ปี...? ย้อนไปสัก 13_14 ปีก่อน..ผมยังนึกเลย..ว่า ช่องทางรายได้มาจากไหน...และจะประคองธุรกิจไปนานแค่ไหน....นั่นคือ สิ่งที่คิดในตอนนี้น....แล้วคุณดูปัจจุบัน...ของ 2 สิ่งที่เขียน...กอบโกยแบบมหาศาล.....จนมาแชร์แบ่งปันให้คนสร้างรายได้ กับพวกเขาด้วยในโหมดมืออาชีพ...เอาสิ...แต่เขาไม่ให้คุณธรรมดา มันมีกลยุทธทางการตลาดที่ซ่อนอยู่ในนั้น ดูแล้ว...ย้อนนึกถึง otop ไทย..มั่นใจสูง ของข้าดี มีคุณภาพ ตั้งราคาเทียบเคียงของแบรนด์ที่อยู่ในตลาดก่อนแล้ว..ความคิดแรก..เป็นคุณจะเลือกอะไร?.คุณก็ต้องเลือกสิ่งที่คุณรู้จัก คุ้นเคย..ถูกต้องไหม...นอกจากมีแรงจูงใจอื่นๆ...sme ครับ สมัยก่อน ผมบรรยายเรื่องการตลาดมาหลายที่...แต่หยุดเป็น 10 ปี แล้ว..แต่ไม่ได้หยุดติดตาม..หรือหยุดเรียนรู้เลย...ยกตัวอย่าง สุกี้สารพัดทั้งหลาย..เกิดขึ้นจากอะไร โตจากอะไร บุฟเฟต์ 299 ...ใช่สิ่งใหม่ไหม .ไม่ใช่เลย...แค่กลยุทธ์ด้านราคา...แต่ได้ผล...แต่ส่วนมีความเห็นว่า ธุรกิจแนวบุฟเฟต์ ไม่ยั่งยืนนาน...อีกหน่อย ผู้บริโภคก็จะชินชา ...มีตัวอย่างให้เห็นมากมาย Hotpot daidomon และพวกหมูกระทะอีกมากมาย...ที่ล้วนหายไป.. อีกเรื่อง คนจำนวนไม่น้อย ในการลงทุนอะไรสักอย่าง ต้นทุนคงที่เท่าไร ต้นทุนผันแปรที่ควรต้องเผื่อไว้เท่าไร จุดคุ้มทุนเป็นไงบ้าง กี่ปี่กี่เดือน เหมาะสมกับมูลค่าการลงทุนไหม เงินธุรกิจเงินส่วนตัวกระเป๋าเดียวไม่ได้ยังไม่รู้เลย บัญชีรับจ่ายได้ทำไหม? ..คือ เห็นแล้ว เสียดายแทน ไปกู้หนี้ยืมสินเขามาลงทุน สุดท้าย เอาไปละลายในน้ำ...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 179 มุมมอง 0 รีวิว
  • ขายตัวเราให้แกลูกค้าก่อนที่จะแสวงผลกำไรจากมัน...หลายธุรกิจขาดทุนก่อน หลายธุรกิจโปรโมชั่นเลยตั้งแต่เปิด ลองนึกภาพตามครับ facebook ใช้ฟรีกี่ปี...? youtube ใช้แบบไม่มีโฆษณาแฝงกี่ปี...? ย้อนไปสัก 13_14 ปีก่อน..ผมยังนึกเลย..ว่า ช่องทางรายได้มาจากไหน...และจะประคองธุรกิจไปนานแค่ไหน....นั่นคือ สิ่งที่คิดในตอนนี้น....แล้วคุณดูปัจจุบัน...ของ 2 สิ่งที่เขียน...กอบโกยแบบมหาศาล.....จนมาแชร์แบ่งปันให้คนสร้างรายได้ กับพวกเขาด้วยในโหมดมืออาชีพ...เอาสิ...แต่เขาไม่ให้คุณธรรมดา มันมีกลยุทธทางการตลาดที่ซ่อนอยู่ในนั้น ดูแล้ว...ย้อนนึกถึง otop ไทย..มั่นใจสูง ของข้าดี มีคุณภาพ ตั้งราคาเทียบเคียงของแบรนด์ที่อยู่ในตลาดก่อนแล้ว..ความคิดแรก..เป็นคุณจะเลือกอะไร?.คุณก็ต้องเลือกสิ่งที่คุณรู้จัก คุ้นเคย..ถูกต้องไหม...นอกจากมีแรงจูงใจอื่นๆ...sme ครับ สมัยก่อน ผมบรรยายเรื่องการตลาดมาหลายที่...แต่หยุดเป็น 10 ปี แล้ว..แต่ไม่ได้หยุดติดตาม..หรือหยุดเรียนรู้เลย...ยกตัวอย่าง สุกี้สารพัดทั้งหลาย..เกิดขึ้นจากอะไร โตจากอะไร บุฟเฟต์ 299 ...ใช่สิ่งใหม่ไหม .ไม่ใช่เลย...แค่กลยุทธ์ด้านราคา...แต่ได้ผล...แต่ส่วนมีความเห็นว่า ธุรกิจแนวบุฟเฟต์ ไม่ยั่งยืนนาน...อีกหน่อย ผู้บริโภคก็จะชินชา ...มีตัวอย่างให้เห็นมากมาย Hotpot daidomon และพวกหมูกระทะอีกมากมาย...ที่ล้วนหายไป.. อีกเรื่อง คนจำนวนไม่น้อย ในการลงทุนอะไรสักอย่าง ต้นทุนคงที่เท่าไร ต้นทุนผันแปรที่ควรต้องเผื่อไว้เท่าไร จุดคุ้มทุนเป็นไงบ้าง กี่ปี่กี่เดือน เหมาะสมกับมูลค่าการลงทุนไหม เงินธุรกิจเงินส่วนตัวกระเป๋าเดียวไม่ได้ยังไม่รู้เลย บัญชีรับจ่ายได้ทำไหม? ..คือ เห็นแล้ว เสียดายแทน ไปกู้หนี้ยืมสินเขามาลงทุน สุดท้าย เอาไปละลายในน้ำ...
    ขายตัวเราให้แกลูกค้าก่อนที่จะแสวงผลกำไรจากมัน...หลายธุรกิจขาดทุนก่อน หลายธุรกิจโปรโมชั่นเลยตั้งแต่เปิด ลองนึกภาพตามครับ facebook ใช้ฟรีกี่ปี...? youtube ใช้แบบไม่มีโฆษณาแฝงกี่ปี...? ย้อนไปสัก 13_14 ปีก่อน..ผมยังนึกเลย..ว่า ช่องทางรายได้มาจากไหน...และจะประคองธุรกิจไปนานแค่ไหน....นั่นคือ สิ่งที่คิดในตอนนี้น....แล้วคุณดูปัจจุบัน...ของ 2 สิ่งที่เขียน...กอบโกยแบบมหาศาล.....จนมาแชร์แบ่งปันให้คนสร้างรายได้ กับพวกเขาด้วยในโหมดมืออาชีพ...เอาสิ...แต่เขาไม่ให้คุณธรรมดา มันมีกลยุทธทางการตลาดที่ซ่อนอยู่ในนั้น ดูแล้ว...ย้อนนึกถึง otop ไทย..มั่นใจสูง ของข้าดี มีคุณภาพ ตั้งราคาเทียบเคียงของแบรนด์ที่อยู่ในตลาดก่อนแล้ว..ความคิดแรก..เป็นคุณจะเลือกอะไร?.คุณก็ต้องเลือกสิ่งที่คุณรู้จัก คุ้นเคย..ถูกต้องไหม...นอกจากมีแรงจูงใจอื่นๆ...sme ครับ สมัยก่อน ผมบรรยายเรื่องการตลาดมาหลายที่...แต่หยุดเป็น 10 ปี แล้ว..แต่ไม่ได้หยุดติดตาม..หรือหยุดเรียนรู้เลย...ยกตัวอย่าง สุกี้สารพัดทั้งหลาย..เกิดขึ้นจากอะไร โตจากอะไร บุฟเฟต์ 299 ...ใช่สิ่งใหม่ไหม .ไม่ใช่เลย...แค่กลยุทธ์ด้านราคา...แต่ได้ผล...แต่ส่วนมีความเห็นว่า ธุรกิจแนวบุฟเฟต์ ไม่ยั่งยืนนาน...อีกหน่อย ผู้บริโภคก็จะชินชา ...มีตัวอย่างให้เห็นมากมาย Hotpot daidomon และพวกหมูกระทะอีกมากมาย...ที่ล้วนหายไป.. อีกเรื่อง คนจำนวนไม่น้อย ในการลงทุนอะไรสักอย่าง ต้นทุนคงที่เท่าไร ต้นทุนผันแปรที่ควรต้องเผื่อไว้เท่าไร จุดคุ้มทุนเป็นไงบ้าง กี่ปี่กี่เดือน เหมาะสมกับมูลค่าการลงทุนไหม เงินธุรกิจเงินส่วนตัวกระเป๋าเดียวไม่ได้ยังไม่รู้เลย บัญชีรับจ่ายได้ทำไหม? ..คือ เห็นแล้ว เสียดายแทน ไปกู้หนี้ยืมสินเขามาลงทุน สุดท้าย เอาไปละลายในน้ำ...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 179 มุมมอง 0 รีวิว
  • คำว่า #สายตรง# ไม่อยากให้ท่านเชื่อทั้งหมด...ยกตัวอย่างในภาพ..ผู้เขียนซื้อคนแก่อายุ 80 กว่ามา เมื่อ 10 กว่าปีก่อน..รวมอยู่ในห่อกระดาษที่เขียนว่า หลวงปู่ดู่ ..ข้างในมีพระพุทธเหนือพรหม และรูปหบ่อลอยองค์หลวงปู่ดู่ และมีแบบนี้ 2 องค์ รวมเป็น 4 องค์...และได้พระลำพูนดำ หลวงพ่ออิ่ม วัดหัวเขา เหรียญปี 248 กว่าอีก 2 เหรียญ ล้วนเป็นพระแท้ทั้งหมด...แต่...ผมเอาลงสอบถามในกลุ่มหลวงปู่ดู่...ได้คำตอบว่า ไม่มีแบบนี้...เป็นคนอื่นคง panic ไปแล้ว..แต่ผมเฉย..เพราะอยู่มานานจนรู้ว่า อะไรเป็นอะไร...ก็หาข้อมูลอยู่นาน..ก็พบว่า มี..แต่คนรู้น้อยมาก...เลยอยากบอกว่า เริ่มต้น เกิดทันยุคไหม..เกิดแล้วอายุเท่าไรตอนนั้น เล่นพระหรือยัง กรรมการวัด หรือมัคทายกวัด..สนใจใส่ใจในพระเครื่องจนรู้สารพัด เหมือนในปัจจุบันไหม...แล้วท่านจะได้คำตอบ..ด้วยตนเอง. ปล. ต้องไม่ใช่ได้มาด้วยนิทานขายพระเก๊นะ..มันต้องมีองค์ประกอบอื่นร่วมด้วย..เข่นเคสนี้ มีพระที่ยกตัวอย่างแท้ 2 องค์ และขายไปแล้ว ..อีกประการนึง คนขายอายุ 85 ตอนนี้ถ้าอยู่ก็เกิน 100 เป็นคนทำบุญมาจากวัด ไม่ใช่คนซื้อขายพระ...แยกออกจากเครื่องมูลค่าในการเล่นหานะครับ.
    คำว่า #สายตรง# ไม่อยากให้ท่านเชื่อทั้งหมด...ยกตัวอย่างในภาพ..ผู้เขียนซื้อคนแก่อายุ 80 กว่ามา เมื่อ 10 กว่าปีก่อน..รวมอยู่ในห่อกระดาษที่เขียนว่า หลวงปู่ดู่ ..ข้างในมีพระพุทธเหนือพรหม และรูปหบ่อลอยองค์หลวงปู่ดู่ และมีแบบนี้ 2 องค์ รวมเป็น 4 องค์...และได้พระลำพูนดำ หลวงพ่ออิ่ม วัดหัวเขา เหรียญปี 248 กว่าอีก 2 เหรียญ ล้วนเป็นพระแท้ทั้งหมด...แต่...ผมเอาลงสอบถามในกลุ่มหลวงปู่ดู่...ได้คำตอบว่า ไม่มีแบบนี้...เป็นคนอื่นคง panic ไปแล้ว..แต่ผมเฉย..เพราะอยู่มานานจนรู้ว่า อะไรเป็นอะไร...ก็หาข้อมูลอยู่นาน..ก็พบว่า มี..แต่คนรู้น้อยมาก...เลยอยากบอกว่า เริ่มต้น เกิดทันยุคไหม..เกิดแล้วอายุเท่าไรตอนนั้น เล่นพระหรือยัง กรรมการวัด หรือมัคทายกวัด..สนใจใส่ใจในพระเครื่องจนรู้สารพัด เหมือนในปัจจุบันไหม...แล้วท่านจะได้คำตอบ..ด้วยตนเอง. ปล. ต้องไม่ใช่ได้มาด้วยนิทานขายพระเก๊นะ..มันต้องมีองค์ประกอบอื่นร่วมด้วย..เข่นเคสนี้ มีพระที่ยกตัวอย่างแท้ 2 องค์ และขายไปแล้ว ..อีกประการนึง คนขายอายุ 85 ตอนนี้ถ้าอยู่ก็เกิน 100 เป็นคนทำบุญมาจากวัด ไม่ใช่คนซื้อขายพระ...แยกออกจากเครื่องมูลค่าในการเล่นหานะครับ.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 187 มุมมอง 0 รีวิว
  • ความสำนึก ผิด ชอบ ชั่ว ดี...เป็นพื้นฐานที่ควรมี...ผิดพลาดก็แก้ไข...และทำทันที...แต่เราพยามยามแล้วจริงๆ สุดความสามารถจริงๆ...ก็ต้องปล่อยวาง...ย้อนหลังไป 10 กว่าปีก่อน ผมจะเครียดกับสารพัดปัญหา และความผิดพลาด ที่พยายามแก้แล้ว ก็แก้ไม่ได้...และคิดวนอยู่แบบนั้น...จนในที่สุด หันมานั่งสมาธิ สวดมนต์..ผมค้นพบคำตอบที่ให้กับตัวเอง คำว่า...แล้วไง..ยกตัวอย่าง แก้ไม่ได้แล้วไง เสียบ้าน เสียรถ อกหัก ...แล้วไง... ชีวิตมันจะจบลงวันนี้พรุ่งนี้ไหม? ...คำตอบของตัวเองคือ ชีวิตมันก็ต้องดำเนินต่อไป...พอรับรู้ถึงความเป็นจริงในข้อนี้....ความเครียดน้อยลง...พอความเครียดน้อยลง...สมอง relax มันเริ่มกลับมาทำงานได้อย่างที่ความรู้ความสามารถที่เรามีอยู่ได้ดั่งเดิม... #ถ้าเป้าหมายในการมีชีวิตอยู่ของคุณชัดเจน ปัญหาทุกปัญหา ..ผ่านไปได้ (ไม่ได้ใช้คำว่าแก้)
    ความสำนึก ผิด ชอบ ชั่ว ดี...เป็นพื้นฐานที่ควรมี...ผิดพลาดก็แก้ไข...และทำทันที...แต่เราพยามยามแล้วจริงๆ สุดความสามารถจริงๆ...ก็ต้องปล่อยวาง...ย้อนหลังไป 10 กว่าปีก่อน ผมจะเครียดกับสารพัดปัญหา และความผิดพลาด ที่พยายามแก้แล้ว ก็แก้ไม่ได้...และคิดวนอยู่แบบนั้น...จนในที่สุด หันมานั่งสมาธิ สวดมนต์..ผมค้นพบคำตอบที่ให้กับตัวเอง คำว่า...แล้วไง..ยกตัวอย่าง แก้ไม่ได้แล้วไง เสียบ้าน เสียรถ อกหัก ...แล้วไง... ชีวิตมันจะจบลงวันนี้พรุ่งนี้ไหม? ...คำตอบของตัวเองคือ ชีวิตมันก็ต้องดำเนินต่อไป...พอรับรู้ถึงความเป็นจริงในข้อนี้....ความเครียดน้อยลง...พอความเครียดน้อยลง...สมอง relax มันเริ่มกลับมาทำงานได้อย่างที่ความรู้ความสามารถที่เรามีอยู่ได้ดั่งเดิม... #ถ้าเป้าหมายในการมีชีวิตอยู่ของคุณชัดเจน ปัญหาทุกปัญหา ..ผ่านไปได้ (ไม่ได้ใช้คำว่าแก้)
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 143 มุมมอง 0 รีวิว
  • มีมานานแล้ว สารพัดเกจิ...สารพัดผู้สร้าง ทั้งช่างทอง เซียนเบอร์ต้นๆของสายเอง (ไม่ได้ระบุสายไหน)..ทำเองก็มีให้เห็น..พระคนพวกนี้ รู้จุดที่ใช้ดู หรือที่คนเรียกว่า จุดจ่ายตังค์...เป็นการลงทุนที่ คุ้มแสนคุ้ม...เอาง่ายๆ รูปหล่อทองค์เล็กๆ หลวงพ่อคูณ หลวงพ่อเกษม ทองประมาณ 1 กรัม หรืออาจไม่ถึงด้วย..ขายกัน 8-9000 ...ถ้าเป็นพรระมีราคาขึ้นมาหาน่อย...ยกตัวอย่าง เต่าปู่หลิว..สมมุติทอง 1 บาท....ราคาต้อง Start กันที่ 3 แสนขึ้นไป จนทะลุล้าน..ในรุ่น รวยไม่หยุดทองคำ...!! ...หรือกริ่งชินบัญชรปู่ทิม อันนั้น ทองคำ ว่ากันหลายล้านเลย....ต้นทุนแกะบล๊อก แก้งานไปมา....ให้อย่างแพงเลย..ไม่น่าเกิน 2หมื่น...ค่าทองก็ตามน้ำหนัก...อย่าโลภ อย่ารีบ กักของให้เป็น ทยอยออก..ให้เนียนๆ...
    มีมานานแล้ว สารพัดเกจิ...สารพัดผู้สร้าง ทั้งช่างทอง เซียนเบอร์ต้นๆของสายเอง (ไม่ได้ระบุสายไหน)..ทำเองก็มีให้เห็น..พระคนพวกนี้ รู้จุดที่ใช้ดู หรือที่คนเรียกว่า จุดจ่ายตังค์...เป็นการลงทุนที่ คุ้มแสนคุ้ม...เอาง่ายๆ รูปหล่อทองค์เล็กๆ หลวงพ่อคูณ หลวงพ่อเกษม ทองประมาณ 1 กรัม หรืออาจไม่ถึงด้วย..ขายกัน 8-9000 ...ถ้าเป็นพรระมีราคาขึ้นมาหาน่อย...ยกตัวอย่าง เต่าปู่หลิว..สมมุติทอง 1 บาท....ราคาต้อง Start กันที่ 3 แสนขึ้นไป จนทะลุล้าน..ในรุ่น รวยไม่หยุดทองคำ...!! ...หรือกริ่งชินบัญชรปู่ทิม อันนั้น ทองคำ ว่ากันหลายล้านเลย....ต้นทุนแกะบล๊อก แก้งานไปมา....ให้อย่างแพงเลย..ไม่น่าเกิน 2หมื่น...ค่าทองก็ตามน้ำหนัก...อย่าโลภ อย่ารีบ กักของให้เป็น ทยอยออก..ให้เนียนๆ...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 148 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทรัพย์สมบัติส่วนบุคคล ตอนที่ 2

    เรื่องของทรัพย์สมบัติในตอนที่แล้ว มันช่างสร้างปัญหาในการดำรงชีวิตมากมาย รวมไปถึงการส่งผลต่อสุขภาพจิตด้วยและการดำเนินชีวิตด้วย

    หากแต่ภูมิปัญหาของพระพุทธเจ้า ได้สอนและจำแนกไว้เป็นอย่างดีและชัดเจนมากๆแล้วว่า ทรัพย์สมบัติแบ่งออกเป็นสองส่วนคือ ทรัพย์สมบัติภายนอก และทรัพย์สมบัติภายใน

    ตอนนี้เราจะมาลงรายละเอียดของทรัพย์สมบัติภายนอกกันครับ

    ทรัพย์สมบัติภายนอก มีอะไรบ้าง… เงิน , ทอง , บ้าน , รถยนต์ , โทรศัพท์มือถือ , รองเท้า , ปากกา, นาฬิกา หรือพูดง่ายๆว่าสิ่งที่เรามองออกไปรอบๆตัวที่เห็นทั้งหมด แต่ในความเป็นจริงแล้วยังมีทรัพย์สมบัติภายนอกที่เรายึดเอาไว้ว่าเป็นของตัวเอง อีกหลายๆอย่างซึ่งไม่ใช่อย่างที่กล่าวไว้ข้างต้น ยกตัวอย่างเช่น ประเทศ(ของเรา) , โรงเรียน(ของเรา) , พ่อแม่(ของเรา) , ลูก(ของเรา) หรือ สามี/ภรรยา(ของเรา) สิ่งเหล่านี้จะเรียกว่าเป็นทรัพย์สมบัติได้หรือเปล่า…ไม่แน่ใจ แต่เราก็ยึดไปแล้วว่าเป็นของเรา

    ยิ่งไปกว่านั้นยังมีสิ่งที่จับต้องไม่ได้ที่เราเรียกว่าเป็นของเราอีกเช่น ร่างกาย(ของเรา) , ชื่อเสียงเกียรติยศ(ของเรา) , รูปร่างหน้าตา(ของเรา) , ทรงผม(ของเรา) , ความสวย/หล่อ(ของเรา) , ศักดิ์ศรี(ของเรา) หรือภูมิหลัง(ของเรา)

    สิ่งที่กล่าวมาทั้งหมดนี้เป็นของเราจริงๆหรือเปล่า? ถ้าเป็นของเราจริงๆเราต้องบังคับมันได้ เช่นบังคับให้จำนวนเพิ่มขึ้นหรือลดลง , บังคับให้(เขา)ทำแบบนั้นแบบนี้ตามใจเรา หรือบังคับไม่ให้มันเสื่อมสภาพไป ซึ่งเราไม่สามารถบังคับอะไรไม่ได้เลย ดังนั้นจะเรียกว่าเป็นของของเราได้ไหม

    สินทรัพย์ภายนอก เราต้องแลกมา หามา ได้มา ด้วยวิธีการใดวิธีการหนึ่ง ซึ่งเรายังคงต้องได้มาจากผู้อื่น ในมุมมองของการหาสินทรัพย์ภายนอกที่เป็นเงิน เราก็ต้องแลกด้วยแรง แลกด้วยส่วนต่างของกำไร แล้วเอาเงินจากอีกคนหรืออีกฝ่ายหนึ่งมา ซึ่งเงินก้อนนี้ก็ถูกดึงมากจากอีกฝ่าย และพวกเขาก็ดึงมากจากผู้อื่นๆ รวมไปถึงเงินของเราก็ยังต้องจับจ่าย ใช้มันออกไปให้คนอื่นเช่นกัน ทรัพย์เหล่านี้สูญเสียไปง่าย เสื่อมค่าก็ง่าย เหมือนว่าวัฎจักรนี้ไม่มีที่สิ้นสุดเลย

    ปัญหาหลักของคนเราทุกคนคือการสะสมและการปรียบเทียบทรัพย์สมบัติกับผู้อื่น สมบัติที่ว่าก็คือโดยเฉพาะทรัพย์สมบัติภายนอก ทรัพย์สมบัติภายนอกอย่างที่กล่าวมานั้น เป็นสิ่งของที่เหมือนๆกันทั้งหมด ทั้งเงิน สิ่งของ และอื่นๆ ซึ่งทำให้เกิดการเปรียบเทียบกันง่าย เช่น ฉันเงินเยอะกว่า บ้านหลังใหญ่กว่า รถยนต์พึ่งออกใหม่ โทรศัพท์รุ่นใหม่ พวกเราอยู่ในวังวนนี้มาโดยตลอด

    แล้วจะเกิดอะไรขึ้นอีก เมื่อมีความเชื่อและความยึดถือว่าคนรวย คนมีทรัพย์มาก เป็นคนเก่ง เป็นคนที่น่านับหน้าถือตา รวมไปถึงอาจจะมีอำนาจวาสนาสูงด้วย ทำให้คนเราต้องไข่วคว้าหาเงินทอง ทรัพย์สมบัติมากขึ้น มากขึ้น ไปเรื่อยๆ นอกจากต้องการมากแล้ว ยังต้องการให้มีมากขึ้นอย่างรวดเร็วด้วย ซึ่งในความเป็นจริงแล้วทรัพย์สินเหล่านอกจากหลายๆคนมีมากมายมาตั้งแต่กำเนิดได้จากมรดกตกทอดมาจากคุณปู่คุณย่า คุณตาคุณยาย หรือจากคุณพ่อคุณแม่ด้วย บางคนหามาได้จากความมานะพยายาม บางคนสติปัญญาดี บางคนดวงดี ซึ่งในคนปกติอย่างเราๆ การหาทรัพย์สมบัติมาด้วยความสุจริตนั้นไม่ได้หามาได้ง่ายๆเลย

    การที่ต้องนำทรัพย์สมบัติสะสมมาเทียบเท่ากับคนอื่นๆเป็นเรื่องที่ยากและเป็นไปได้ยาก แต่ถ้าหากทำได้เมื่อเทียบกับตัวเทียบที่หนึ่งแล้วยังไงต่อ คนที่เราคิดว่าเราไปเทียบด้วยนั้นรวยแล้วแต่ที่จริงก็ยังมีคนที่รวยกว่าและรวยมากกว่าอีก คนที่จ้องจะเปรียบเทียบก็ต้องเปรียบเทียบกับคู่เปรียบที่รวยกว่าเดิม และเมื่อทำได้มากกว่าคนนี้ก็มองหาคนที่อยู่สูงขึ้นไปอีก ถ้าพิจารณาดีๆจากคนรวยในโลกแล้วเราจะเห็นว่าคนที่รวยนั้นเขามีความรวยแบบไม่มีที่สิ้นสุดจริงๆ รวยมหารวย ถ้าเปรียบเทียบกันไปแบบนี้ กว่าเราจะตายไปก็คงจะไม่สามารถเป็นคนที่รวยชนะทุกคนในประเทศได้ รวมไปถึงเป็นที่หนึ่งของโลกด้วยเช่นกัน

    คนที่เห็นคนอื่นมีมาก มีสิ่งของชิ้นใหม่ อยากเป็นคนมีสมบัติมากๆ แต่ความสามารถ ความมีโชค ความขยัน และความอดทน ไม่เท่ากับคนอื่น ซึ่งถ้าเป็นแบบนี้จะได้สมบัติมามากๆได้ยังไง เขาก็ต้องหาทางที่ไม่ตรงไปตรงมา เช่น โกง ปล้น ยักยอก หรือบังคับขู่เข็น และนั่นเป็นวิธีที่ไม่ถูกต้อง เป็นบาป สร้างความทุกข์ให้กับผู้อื่น อ่านที่ได้กล่าวไว้แล้วว่าทรัพย์สมบัติภายนอกมันต้องได้จากคนอื่นมา เหตุการณ์เหล่านี้สามารถเห็นได้ตามหน้าสื่อต่างๆมากมาย ผู้กระทำก็ถูกจับติดคุก ติดตาราง บางคนถึงขั้นวางยาพิษผู้เสียหาย

    เรื่องราวของทรัพย์สมบัติภายนอกยังไม่จบ รออ่านตอนที่ 3 นะครับ
    ทรัพย์สมบัติส่วนบุคคล ตอนที่ 2 เรื่องของทรัพย์สมบัติในตอนที่แล้ว มันช่างสร้างปัญหาในการดำรงชีวิตมากมาย รวมไปถึงการส่งผลต่อสุขภาพจิตด้วยและการดำเนินชีวิตด้วย หากแต่ภูมิปัญหาของพระพุทธเจ้า ได้สอนและจำแนกไว้เป็นอย่างดีและชัดเจนมากๆแล้วว่า ทรัพย์สมบัติแบ่งออกเป็นสองส่วนคือ ทรัพย์สมบัติภายนอก และทรัพย์สมบัติภายใน ตอนนี้เราจะมาลงรายละเอียดของทรัพย์สมบัติภายนอกกันครับ ทรัพย์สมบัติภายนอก มีอะไรบ้าง… เงิน , ทอง , บ้าน , รถยนต์ , โทรศัพท์มือถือ , รองเท้า , ปากกา, นาฬิกา หรือพูดง่ายๆว่าสิ่งที่เรามองออกไปรอบๆตัวที่เห็นทั้งหมด แต่ในความเป็นจริงแล้วยังมีทรัพย์สมบัติภายนอกที่เรายึดเอาไว้ว่าเป็นของตัวเอง อีกหลายๆอย่างซึ่งไม่ใช่อย่างที่กล่าวไว้ข้างต้น ยกตัวอย่างเช่น ประเทศ(ของเรา) , โรงเรียน(ของเรา) , พ่อแม่(ของเรา) , ลูก(ของเรา) หรือ สามี/ภรรยา(ของเรา) สิ่งเหล่านี้จะเรียกว่าเป็นทรัพย์สมบัติได้หรือเปล่า…ไม่แน่ใจ แต่เราก็ยึดไปแล้วว่าเป็นของเรา ยิ่งไปกว่านั้นยังมีสิ่งที่จับต้องไม่ได้ที่เราเรียกว่าเป็นของเราอีกเช่น ร่างกาย(ของเรา) , ชื่อเสียงเกียรติยศ(ของเรา) , รูปร่างหน้าตา(ของเรา) , ทรงผม(ของเรา) , ความสวย/หล่อ(ของเรา) , ศักดิ์ศรี(ของเรา) หรือภูมิหลัง(ของเรา) สิ่งที่กล่าวมาทั้งหมดนี้เป็นของเราจริงๆหรือเปล่า? ถ้าเป็นของเราจริงๆเราต้องบังคับมันได้ เช่นบังคับให้จำนวนเพิ่มขึ้นหรือลดลง , บังคับให้(เขา)ทำแบบนั้นแบบนี้ตามใจเรา หรือบังคับไม่ให้มันเสื่อมสภาพไป ซึ่งเราไม่สามารถบังคับอะไรไม่ได้เลย ดังนั้นจะเรียกว่าเป็นของของเราได้ไหม สินทรัพย์ภายนอก เราต้องแลกมา หามา ได้มา ด้วยวิธีการใดวิธีการหนึ่ง ซึ่งเรายังคงต้องได้มาจากผู้อื่น ในมุมมองของการหาสินทรัพย์ภายนอกที่เป็นเงิน เราก็ต้องแลกด้วยแรง แลกด้วยส่วนต่างของกำไร แล้วเอาเงินจากอีกคนหรืออีกฝ่ายหนึ่งมา ซึ่งเงินก้อนนี้ก็ถูกดึงมากจากอีกฝ่าย และพวกเขาก็ดึงมากจากผู้อื่นๆ รวมไปถึงเงินของเราก็ยังต้องจับจ่าย ใช้มันออกไปให้คนอื่นเช่นกัน ทรัพย์เหล่านี้สูญเสียไปง่าย เสื่อมค่าก็ง่าย เหมือนว่าวัฎจักรนี้ไม่มีที่สิ้นสุดเลย ปัญหาหลักของคนเราทุกคนคือการสะสมและการปรียบเทียบทรัพย์สมบัติกับผู้อื่น สมบัติที่ว่าก็คือโดยเฉพาะทรัพย์สมบัติภายนอก ทรัพย์สมบัติภายนอกอย่างที่กล่าวมานั้น เป็นสิ่งของที่เหมือนๆกันทั้งหมด ทั้งเงิน สิ่งของ และอื่นๆ ซึ่งทำให้เกิดการเปรียบเทียบกันง่าย เช่น ฉันเงินเยอะกว่า บ้านหลังใหญ่กว่า รถยนต์พึ่งออกใหม่ โทรศัพท์รุ่นใหม่ พวกเราอยู่ในวังวนนี้มาโดยตลอด แล้วจะเกิดอะไรขึ้นอีก เมื่อมีความเชื่อและความยึดถือว่าคนรวย คนมีทรัพย์มาก เป็นคนเก่ง เป็นคนที่น่านับหน้าถือตา รวมไปถึงอาจจะมีอำนาจวาสนาสูงด้วย ทำให้คนเราต้องไข่วคว้าหาเงินทอง ทรัพย์สมบัติมากขึ้น มากขึ้น ไปเรื่อยๆ นอกจากต้องการมากแล้ว ยังต้องการให้มีมากขึ้นอย่างรวดเร็วด้วย ซึ่งในความเป็นจริงแล้วทรัพย์สินเหล่านอกจากหลายๆคนมีมากมายมาตั้งแต่กำเนิดได้จากมรดกตกทอดมาจากคุณปู่คุณย่า คุณตาคุณยาย หรือจากคุณพ่อคุณแม่ด้วย บางคนหามาได้จากความมานะพยายาม บางคนสติปัญญาดี บางคนดวงดี ซึ่งในคนปกติอย่างเราๆ การหาทรัพย์สมบัติมาด้วยความสุจริตนั้นไม่ได้หามาได้ง่ายๆเลย การที่ต้องนำทรัพย์สมบัติสะสมมาเทียบเท่ากับคนอื่นๆเป็นเรื่องที่ยากและเป็นไปได้ยาก แต่ถ้าหากทำได้เมื่อเทียบกับตัวเทียบที่หนึ่งแล้วยังไงต่อ คนที่เราคิดว่าเราไปเทียบด้วยนั้นรวยแล้วแต่ที่จริงก็ยังมีคนที่รวยกว่าและรวยมากกว่าอีก คนที่จ้องจะเปรียบเทียบก็ต้องเปรียบเทียบกับคู่เปรียบที่รวยกว่าเดิม และเมื่อทำได้มากกว่าคนนี้ก็มองหาคนที่อยู่สูงขึ้นไปอีก ถ้าพิจารณาดีๆจากคนรวยในโลกแล้วเราจะเห็นว่าคนที่รวยนั้นเขามีความรวยแบบไม่มีที่สิ้นสุดจริงๆ รวยมหารวย ถ้าเปรียบเทียบกันไปแบบนี้ กว่าเราจะตายไปก็คงจะไม่สามารถเป็นคนที่รวยชนะทุกคนในประเทศได้ รวมไปถึงเป็นที่หนึ่งของโลกด้วยเช่นกัน คนที่เห็นคนอื่นมีมาก มีสิ่งของชิ้นใหม่ อยากเป็นคนมีสมบัติมากๆ แต่ความสามารถ ความมีโชค ความขยัน และความอดทน ไม่เท่ากับคนอื่น ซึ่งถ้าเป็นแบบนี้จะได้สมบัติมามากๆได้ยังไง เขาก็ต้องหาทางที่ไม่ตรงไปตรงมา เช่น โกง ปล้น ยักยอก หรือบังคับขู่เข็น และนั่นเป็นวิธีที่ไม่ถูกต้อง เป็นบาป สร้างความทุกข์ให้กับผู้อื่น อ่านที่ได้กล่าวไว้แล้วว่าทรัพย์สมบัติภายนอกมันต้องได้จากคนอื่นมา เหตุการณ์เหล่านี้สามารถเห็นได้ตามหน้าสื่อต่างๆมากมาย ผู้กระทำก็ถูกจับติดคุก ติดตาราง บางคนถึงขั้นวางยาพิษผู้เสียหาย เรื่องราวของทรัพย์สมบัติภายนอกยังไม่จบ รออ่านตอนที่ 3 นะครับ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 248 มุมมอง 0 รีวิว
  • บูรพาไม่แพ้ Ep.95 : “กัมพูชา” ฐานการลงทุนใหม่แห่งอาเซียน ?
    .
    ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ เราก็ได้เห็นการย้ายฐานการผลิตของบริษัทข้ามชาติออกจากเมืองไทยอยู่ไม่น้อย โดยนักลงทุนต่างชาติบางส่วนได้ย้ายฐานจากประเทศไทยไปยังมาเลเซีย อินโดนีเซีย และ เวียดนาม ยกตัวอย่างเช่น พานาโซนิก ผู้ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ชื่อดัง ที่ปิดโรงงานและศูนย์วิจัยในประเทศไทย ตั้งแต่เดือนมีนาคม 2564 โดยย้ายไปตั้งที่เวียดนามแทน จนมีความกังวลกันว่า ญี่ปุ่นจะทิ้งเมืองไทย
    .
    แม้นักธุรกิจชาวญี่ปุ่นหลายคนที่ต่างยืนยันว่า จะยังไม่ทิ้งประเทศไทย...แต่ก็ต้องยอมรับว่า สภาวะเศรษฐกิจไทยที่เติบโตต่ำ และศักยภาพการแข่งขันของไทยที่ด้อยลง ทำให้ธุรกิจญี่ปุ่นก็จำเป็นต้อง ขยายการลงทุนไปยังประเทศเพื่อนบ้าน โดยใช้แนวคิดที่เรียกว่า Thailand+1 ...... โดยประเทศหนึ่งที่ธุรกิจญี่ปุ่น ให้ความสนใจมากก็คือ “กัมพูชา”
    .
    คลิกฟัง >> https://www.youtube.com/watch?v=hH9jo-vt0Ns
    บูรพาไม่แพ้ Ep.95 : “กัมพูชา” ฐานการลงทุนใหม่แห่งอาเซียน ? . ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ เราก็ได้เห็นการย้ายฐานการผลิตของบริษัทข้ามชาติออกจากเมืองไทยอยู่ไม่น้อย โดยนักลงทุนต่างชาติบางส่วนได้ย้ายฐานจากประเทศไทยไปยังมาเลเซีย อินโดนีเซีย และ เวียดนาม ยกตัวอย่างเช่น พานาโซนิก ผู้ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ชื่อดัง ที่ปิดโรงงานและศูนย์วิจัยในประเทศไทย ตั้งแต่เดือนมีนาคม 2564 โดยย้ายไปตั้งที่เวียดนามแทน จนมีความกังวลกันว่า ญี่ปุ่นจะทิ้งเมืองไทย . แม้นักธุรกิจชาวญี่ปุ่นหลายคนที่ต่างยืนยันว่า จะยังไม่ทิ้งประเทศไทย...แต่ก็ต้องยอมรับว่า สภาวะเศรษฐกิจไทยที่เติบโตต่ำ และศักยภาพการแข่งขันของไทยที่ด้อยลง ทำให้ธุรกิจญี่ปุ่นก็จำเป็นต้อง ขยายการลงทุนไปยังประเทศเพื่อนบ้าน โดยใช้แนวคิดที่เรียกว่า Thailand+1 ...... โดยประเทศหนึ่งที่ธุรกิจญี่ปุ่น ให้ความสนใจมากก็คือ “กัมพูชา” . คลิกฟัง >> https://www.youtube.com/watch?v=hH9jo-vt0Ns
    Like
    Haha
    Sad
    5
    0 ความคิดเห็น 3 การแบ่งปัน 598 มุมมอง 0 รีวิว
  • “ความโกรธ”จะทําให้ความชั่วกลายเป็นของทําง่ายขึ้น.…. “ อีกข้อหนึ่ง ซึ่งน่าสนใจที่สุด ความโกรธจะทําให้ความชั่วกลายเป็นของทําง่ายขึ้น คือ ถ้าตามปรกติธรรมดา เราก็รู้อะไรเป็นความชั่ว แล้วก็กลัวความชั่ว ก็ไม่อยากจะทําความชั่ว ฉะนั้น ความชั่วนั้นจึงเป็นสิ่งที่ทํายาก. ยกตัวอย่าง เช่นว่า จะฆ่าพ่อแม่ของตัวเองนี่ มันทําได้แสนยาก แต่ถ้ามันโกรธขึ้นมาแล้ว ความยากนั้นจะกลายเป็นความง่าย ก็มีบาลีว่า “ ยํ กุทฺโธ อุปโรเธติ สุกรํ วิย ทุกฺกรํ ”. สุกรํ วิย ทุกฺกรํ = ที่ทํายากจะกลายเป็นทําง่าย…. เมื่อคนโกรธ เขาต้องการจะประทุษร้าย จะทําชั่ว, สิ่งที่ทํายากก็จะกลายเป็นสิ่งที่ทําง่าย. นี้อย่าเห็นเป็นเรื่องเล็กน้อย ถ้าความจริงข้อนี้มันกระจ่างแจ้งอยู่ในใจแล้ว คนเราจะไม่อาจเกิดความโกรธ หรือทําอะไรด้วยความโกรธ ; ฉะนั้น ควรจะมองเห็นอันตรายของมันอยู่เสมอ”.พุทธทาสภิกขุที่มา : ธรรมบรรยายหัวข้อเรื่อง “การเก็บความโกรธใส่ยุ้งฉาง” เมื่อวันที่ ๒๖ กันยายน ๒๕๑๘ จากหนังสือชุดธรรมโฆษณ์ เล่มชื่อว่า “ราชภโฏวาท” หน้า ๒๐๐
    “ความโกรธ”จะทําให้ความชั่วกลายเป็นของทําง่ายขึ้น.…. “ อีกข้อหนึ่ง ซึ่งน่าสนใจที่สุด ความโกรธจะทําให้ความชั่วกลายเป็นของทําง่ายขึ้น คือ ถ้าตามปรกติธรรมดา เราก็รู้อะไรเป็นความชั่ว แล้วก็กลัวความชั่ว ก็ไม่อยากจะทําความชั่ว ฉะนั้น ความชั่วนั้นจึงเป็นสิ่งที่ทํายาก. ยกตัวอย่าง เช่นว่า จะฆ่าพ่อแม่ของตัวเองนี่ มันทําได้แสนยาก แต่ถ้ามันโกรธขึ้นมาแล้ว ความยากนั้นจะกลายเป็นความง่าย ก็มีบาลีว่า “ ยํ กุทฺโธ อุปโรเธติ สุกรํ วิย ทุกฺกรํ ”. สุกรํ วิย ทุกฺกรํ = ที่ทํายากจะกลายเป็นทําง่าย…. เมื่อคนโกรธ เขาต้องการจะประทุษร้าย จะทําชั่ว, สิ่งที่ทํายากก็จะกลายเป็นสิ่งที่ทําง่าย. นี้อย่าเห็นเป็นเรื่องเล็กน้อย ถ้าความจริงข้อนี้มันกระจ่างแจ้งอยู่ในใจแล้ว คนเราจะไม่อาจเกิดความโกรธ หรือทําอะไรด้วยความโกรธ ; ฉะนั้น ควรจะมองเห็นอันตรายของมันอยู่เสมอ”.พุทธทาสภิกขุที่มา : ธรรมบรรยายหัวข้อเรื่อง “การเก็บความโกรธใส่ยุ้งฉาง” เมื่อวันที่ ๒๖ กันยายน ๒๕๑๘ จากหนังสือชุดธรรมโฆษณ์ เล่มชื่อว่า “ราชภโฏวาท” หน้า ๒๐๐
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 130 มุมมอง 0 รีวิว
  • ## มหาเทพ ชี้ MOU44 เป็นโมฆะ ##
    ..
    ..
    เจาะเด็ด เผ็ดลึก แสบสัน ทะลุกึ๋น ทะลวงเซี่ยงจี๊...
    .
    วันอังคาร ที่ 12/11/2567 อาจารย์ ปานเทพ ชี้ ไม่ต้องยกเลิก MOU44 เพราะ เป็นโมฆะ มาตั้งแต่ต้น...!!!
    ...
    ...
    ผมเดาว่าผมเข้าใจความหมายของ ทนายนกเขา และ อาจารย์ ปานเทพ นะครับ
    .
    เดี๋ยวผมจะ อธิบายเพิ่มเติมเปรียบเทียบให้เข้าใจง่ายๆนะครับ ยกตัวอย่าง...
    .
    ศักดิ์ของกฎหมายในประเทศไทย ไล่เรียงลำดับลงไปนะครับ คือ
    .
    1.รัฐธรรมนูญ
    2.พระราชบัญญัติ
    3.พระราชกําหนด
    4.พระราชกฎษฎีกา
    5.กฎกระทรวง
    6.ข้อบัญญัติ
    .
    พระราชบัญญัติ จะมีศักดิ์ต่ำกว่า รัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศ
    .
    และ พระราชกําหนด จะมีศักดิ์ต่ำกว่า พระราชบัญญัติ
    .
    หลักการคือ กฎหมาย ที่มีศักดิ์ต่ำกว่า จะบัญญัติขึ้น โดยมีเนื้อหา ขัด หรือ แย้ง กับ กฎหมายที่มีศักดิ์สูงกว่า ไม่ได้...
    .
    ซึ่งจะมีผลให้ กฎหมายที่บัญญัติขึ้นนั้น...
    .
    "ใช้บังคับไม่ได้...!!!"
    .
    เช่นเดียวกัน...!!!
    .
    เมื่อมี ประกาศ พระบรมราชโองการ ในหลวงรัชกาลที่ 9 "กำหนดเขตไหล่ทวีป ของประเทศไทย ด้านอ่าวไทย"
    .
    ซึ่งประกาศจริง ในวันที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ.2516 และ ประกาศ ไว้ใน ราชกิจจานุเบกษา ในวันที่ 1 มิถุนายน พ.ศ.2516
    .
    มีสถานะเป็น พระบรมราชโองการ ซึ่งมีข้อความตอนหนึ่งว่า...
    .
    "สำหรับสิทธิอธิปไตยที่เป็นทะเลอาณาเขต ซึ่งต่อเนื่องกับทะเลอาณาเขตของประเทศใกล้เคียง อันจะถือเป็นจุดเริ่มของเส้นแบ่งเขตไหล่ทวีปนั้น จะเป็นไปตามที่จะได้ตกลงกัน โดยยึดถือมูลฐานแห่งบทบัญญัติของอนุสัญญาว่าด้วยทะเล อาณาเขต และ เขตต่อเนื่อง ซึ่งกระทำ ณ กรุงเจนีวา ลงวันที่ 29 เมษายน ค.ศ.1958"
    .
    ซึ่งหมายความว่า...
    .
    การเจรจาต่างๆ เกี่ยวสิทธิอธิปไตยที่เป็นทะเลอาณาเขต ต้องเจรจาอยู่บน บทบัญญัติว่าด้วย "อนุสัญญาว่าด้วยทะเล กรุงเจนีวา" ซึ่งเป็นการยึดตามกฎหมายสากลระหว่างประเทศ เท่านั้น...!!!
    .
    เพราะฉะนั้น MOU44 ซึ่งเป็นเพียง หนังสือบันทึกความเข้าใจร่วมกัน ที่ยังไม่ได้ผ่านสภาด้วยซ้ำ
    .
    โดยมีนัยยะว่า รับรู้ถึง การขีดเส้นเขตแดนของ กัมพูชา ซึ่งไม่ได้ยึดหลักกฎหมายสากลอะไรเลย...
    .
    เท่ากับว่า มีเนื้อหา ขัด และ แย้ง กับประกาศ พระบรมราชโองการ ในหลวงรัชกาลที่ 9 "กำหนดเขตไหล่ทวีป ของประเทศไทย ด้านอ่าวไทย"
    .
    ดังนั้น MOU44 จึงจะ "ใช้บังคับไม่ได้" เพราะ เป็น "โมฆะ" มาตั้งแต่ต้น...!!!
    .
    มีผลเสมือน ไม่เคยมี MOU44 เกิดขึ้นบนโลกนี้มาก่อนเลยตั้งแต่แรก...!!!
    ....
    ....
    แต่ในการนี้เราคงจะต้อง Action ให้ใหญ่โตครับ ต้องการทำการให้เป็นประเด็นผ่านหน่วยงานของประเทศ ให้เป็นกิจลักษณะ...
    .
    จะได้ไม่โดนกฎหมายปิดปากเหมือนครั้ง ปราสาทเขาพระวิหาร อีก เพราะ กัมพูชาเขาวางเกมส์มาเป็น 10 ปีแล้ว...
    .
    ประเด็นนี้ เผ็ดร้อน ระดับ พริก 1 ล้าน เม็ด...!!!
    .
    ผมเองก็จะคอยติดตาม ข้อมูล หรือ แนวทางของ "สำนักบ้านพระอาทิตย์" ต่อไป ในงาน "ความจริงมีหนึ่งเดียว" ในวันที่ 24 พฤศจิกายน นี้ครับ
    .
    https://youtu.be/3ke7aL9gKi8?si=0iOYA_b8tW80bhBK
    ## มหาเทพ ชี้ MOU44 เป็นโมฆะ ## .. .. เจาะเด็ด เผ็ดลึก แสบสัน ทะลุกึ๋น ทะลวงเซี่ยงจี๊... . วันอังคาร ที่ 12/11/2567 อาจารย์ ปานเทพ ชี้ ไม่ต้องยกเลิก MOU44 เพราะ เป็นโมฆะ มาตั้งแต่ต้น...!!! ... ... ผมเดาว่าผมเข้าใจความหมายของ ทนายนกเขา และ อาจารย์ ปานเทพ นะครับ . เดี๋ยวผมจะ อธิบายเพิ่มเติมเปรียบเทียบให้เข้าใจง่ายๆนะครับ ยกตัวอย่าง... . ศักดิ์ของกฎหมายในประเทศไทย ไล่เรียงลำดับลงไปนะครับ คือ . 1.รัฐธรรมนูญ 2.พระราชบัญญัติ 3.พระราชกําหนด 4.พระราชกฎษฎีกา 5.กฎกระทรวง 6.ข้อบัญญัติ . พระราชบัญญัติ จะมีศักดิ์ต่ำกว่า รัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศ . และ พระราชกําหนด จะมีศักดิ์ต่ำกว่า พระราชบัญญัติ . หลักการคือ กฎหมาย ที่มีศักดิ์ต่ำกว่า จะบัญญัติขึ้น โดยมีเนื้อหา ขัด หรือ แย้ง กับ กฎหมายที่มีศักดิ์สูงกว่า ไม่ได้... . ซึ่งจะมีผลให้ กฎหมายที่บัญญัติขึ้นนั้น... . "ใช้บังคับไม่ได้...!!!" . เช่นเดียวกัน...!!! . เมื่อมี ประกาศ พระบรมราชโองการ ในหลวงรัชกาลที่ 9 "กำหนดเขตไหล่ทวีป ของประเทศไทย ด้านอ่าวไทย" . ซึ่งประกาศจริง ในวันที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ.2516 และ ประกาศ ไว้ใน ราชกิจจานุเบกษา ในวันที่ 1 มิถุนายน พ.ศ.2516 . มีสถานะเป็น พระบรมราชโองการ ซึ่งมีข้อความตอนหนึ่งว่า... . "สำหรับสิทธิอธิปไตยที่เป็นทะเลอาณาเขต ซึ่งต่อเนื่องกับทะเลอาณาเขตของประเทศใกล้เคียง อันจะถือเป็นจุดเริ่มของเส้นแบ่งเขตไหล่ทวีปนั้น จะเป็นไปตามที่จะได้ตกลงกัน โดยยึดถือมูลฐานแห่งบทบัญญัติของอนุสัญญาว่าด้วยทะเล อาณาเขต และ เขตต่อเนื่อง ซึ่งกระทำ ณ กรุงเจนีวา ลงวันที่ 29 เมษายน ค.ศ.1958" . ซึ่งหมายความว่า... . การเจรจาต่างๆ เกี่ยวสิทธิอธิปไตยที่เป็นทะเลอาณาเขต ต้องเจรจาอยู่บน บทบัญญัติว่าด้วย "อนุสัญญาว่าด้วยทะเล กรุงเจนีวา" ซึ่งเป็นการยึดตามกฎหมายสากลระหว่างประเทศ เท่านั้น...!!! . เพราะฉะนั้น MOU44 ซึ่งเป็นเพียง หนังสือบันทึกความเข้าใจร่วมกัน ที่ยังไม่ได้ผ่านสภาด้วยซ้ำ . โดยมีนัยยะว่า รับรู้ถึง การขีดเส้นเขตแดนของ กัมพูชา ซึ่งไม่ได้ยึดหลักกฎหมายสากลอะไรเลย... . เท่ากับว่า มีเนื้อหา ขัด และ แย้ง กับประกาศ พระบรมราชโองการ ในหลวงรัชกาลที่ 9 "กำหนดเขตไหล่ทวีป ของประเทศไทย ด้านอ่าวไทย" . ดังนั้น MOU44 จึงจะ "ใช้บังคับไม่ได้" เพราะ เป็น "โมฆะ" มาตั้งแต่ต้น...!!! . มีผลเสมือน ไม่เคยมี MOU44 เกิดขึ้นบนโลกนี้มาก่อนเลยตั้งแต่แรก...!!! .... .... แต่ในการนี้เราคงจะต้อง Action ให้ใหญ่โตครับ ต้องการทำการให้เป็นประเด็นผ่านหน่วยงานของประเทศ ให้เป็นกิจลักษณะ... . จะได้ไม่โดนกฎหมายปิดปากเหมือนครั้ง ปราสาทเขาพระวิหาร อีก เพราะ กัมพูชาเขาวางเกมส์มาเป็น 10 ปีแล้ว... . ประเด็นนี้ เผ็ดร้อน ระดับ พริก 1 ล้าน เม็ด...!!! . ผมเองก็จะคอยติดตาม ข้อมูล หรือ แนวทางของ "สำนักบ้านพระอาทิตย์" ต่อไป ในงาน "ความจริงมีหนึ่งเดียว" ในวันที่ 24 พฤศจิกายน นี้ครับ . https://youtu.be/3ke7aL9gKi8?si=0iOYA_b8tW80bhBK
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 383 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องของท้าวศรีสุดาจันทร์เป็นตอนหนึ่งในประวัติศาสตร์ที่ถูกทำเป็น 'วัฒนธรรมป๊อป' มากที่สุดตอนหนึ่ง มีทั้งนิยาย ภาพยนต์ และล่าสุดคือละครหรือซีรีส์

    อาจเป็นเพราะเรื่องของท้าวศรีสุดาจันทร์ให้อารมณ์หวาบหวิวจากการแอบลอบคบชู้กับพันบุตรศรีเทพ (ขุนวรวงศาธิราช) ทำให้มีการขยายความตอนนี้เป็นพิเศษ ทั้งๆ ประวัติศาสตร์ก็ไม่ได้บอกอะไรมากนักเรื่องนี้เพียง

    ในเวลาต่อมาคอนเทนท์บันเทิงบางยุคเริ่มมีการใช้คำว่า 'แม่หยัว' เรียกท้าวศรีสุดาจันทร์ ทำให้คนเข้าใจผิดไม่น้อยว่า 'แม่หยัว' น่าจะหมายถึงอาการยั่วยวนเรื่องกามราคะ แต่ความจริง 'แม่หยัว' หมายถึง 'แม่อยู่หัว' ที่หมายถึงมเหสีของพระเจ้าแผ่นดิน

    คำว่าแม่อยู่หัวนั้นในบันทึกโบราณเรียกเพี้ยนเป็น แม่อยัว แม่หญัว แม่อยั่ว ฯลฯ แต่พอตอนนี้ของประวัติศาสตร์ถูกวัฒนธรรมป๊อปปั้นภาพลักษณ์ยั่วยวนของท้าวศรีสุดาจันทร์ขึ้นมา ทำให้คนเข้าใจคำว่า 'แม่หยัว' ผิดไป

    แต่นั้นมาคำว่า 'แม่หยัว' ก็กลายเป็นเครื่องหมายการค้าของเรื่องท้าวศรีสุดาจันทร์ เพียงแต่มันเกิดจากภาพจำผิดๆ ที่ 'นิยายอิงประวัติศาสตร์' สร้างขึ้นมา

    ย้ำอีกครั้งว่าเรื่องท้าวศรีสุดาจันทร์นั้นมีเนื้อหาไม่มากนักในทางประวัติศาสตร์ ดังนั้นถ้าจะทำเป็นคอนเทนต์บันเทิง จึงหลีกกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้อง "มโนเอาเอง" กันบ้าง เรื่องนี้เกิดขึ้นกับการสร้างคอนเทนต์บันเทิงกับบุคคลทางประวัติศาสตร์บางคนด้วย

    ที่เขียนมาทั้งหมดนี้เพื่อจะเท้าความ 'กรณีพิพาท' ระหว่างที่คนคิดว่าการทำละครอิงประวัติศาสตร์แบบเรื่อง 'แม่หยัว' ไม่เห็นจะต้องทำให้ตรงประวัติศาสตร์เป๊ะๆ กับฝ่ายที่ย้ำว่าไม่ควรที่จะมโนกันเกินไป

    ก่อนอื่นต้องเข้าใจว่าการทำ Historical fiction เป็นสิ่งที่ทำให้ผู้คนถกเถียงกันมาโดยตลอดว่า มันมี "ความถูกต้องตามประวัติศาสตร์" (Historically Accurate) แค่ไหน? เพราะนิยายอิงประวัติศาสตร์จะต้องอาศัยการมโนในสัดส่วนที่มากพอสมควร เพื่อปลุกเร้าอารมณ์ผู้เสพ

    ในกรณีของแม่หยัว อย่าไปถามเรื่อง "ความถูกต้องตามประวัติศาสตร์" เพราะเนื้อหาในประวัติศาสตร์มีนิดเดียว ดังนั้นจึงมีพื้นที่ให้จินตนาการได้มากมาย

    แต่การมโนก็ต้องดูสภาพแวดล้อมของทางประวัติศาสตร์ด้วย ไม่อย่างนั้นมันจะไม่เนียน เช่น ท้างศรีสุดาจันทร์เป็นเหตุการณ์สมัยอยุธยาตอนกลาง แต่ถ้าไปจับแม่อยู่หัวไปสวมมงกุฏสมัยละโว้มันก็หาได้เนียนไม่ เพราะเมื่อถึงยุค 'แม่หยัว' เขาเลิกใส่เครื่องหัวแบบนั้นกันแล้ว แล้วยังมีกฎมณเฑียรบาลที่ตราไว้ในสมัยอยุธยาตอนนั้นระบุการแต่งกายของแม่อยู่หัวเอาไว้แล้ว และยังมีภาพเขียนในสมุดภาพไตรภูมิสมัยอยุธยา (ที่ผมเชื่อว่าคัดมาจากต้นฉบับสมัยอยุธยาตอนต้น) ชี้ทางเอาไว้แล้วว่าสตรีชั้นสูงยุคนั้นแต่งตัวอย่างไร

    ความไม่เนียนแบบนี้เองที่จะทำให้ Historical fiction กลายเป็น Historical fantasy ซึ่งมีความเป็นประวัติศาสตร์อย่างเดียวคือฉากย้อนยุค ส่วนเรื่องอื่นๆ มโนตามใจฉัน

    แต่ในเมืองไทยเรื่องความเนียนไม่เนียนทางประวัติศาสตร์ยังไม่เรื่องใหญ่ระดับชาติ เพราะประวัติศาสร์บ้านเรากระท่อนกระแท่นและคนไทยแคร์ประวัติศาสตร์มากเท่ากับคนในประเทศเอเชียตะวันออก เช่น จีน เกาหลีใต้ และญี่ปุ่น ประเทศพวกนี้นอกจากต้องทำละครให้เนียนแบบ Historically Accurate แล้ว ยังต้องทำให้ถูกต้องในแบบ Politically correct ด้วย

    ผมจะยกตัวอย่างการสังเกตส่วนตัวจากกรณีของเกาหลีใต้ที่สร้างซีรีส์ย้อนยุคอยู่บ่อยๆ และมักเกิดกรณี "ซีรีส์เรื่องนี้บิดเบือนประวัติศาสตร์"

    ตัวอย่างเช่นซีรีส์เรื่อง Queen Seondeok ในปี 2009 ซึ่งสร้างจากยุคที่บันทึกประวัติศาสตร์ไม่ละเอียดมากนัก แต่สามารถยืดออกได้มากถึง 62 ตอน ในแง่ของความถูกต้องทางประวัติศาสตร์มีน้อย แถมคอสตูมยังไม่ถูกต้อง เรื่องนี้ถูกตำหนิในเกาหลีว่า "มโนประวัติศาสตร์" มากเกินไป และยังอ้างบันทึกประวัติศาสตร์ที่ถูกกล่าวหาว่าถูกปลอมขึ้นมา

    Queen Seondeok ถูกผู้มีความรู้ทางประวัติศาสตร์ตำหนิอย่างมาก เพราะแม้ว่าบันทึกสมัยชิลลาจะมีไม่มาก แต่มันก็เป็นบันทึกที่เที่ยงแท้ในทางประวัติศาสร์ การจะบิดเบือนความสัมพันธ์ของ 'ตัวละคร' หรือพฤติกรรมที่ถูกบันทึกไว้จริงๆ จึงไม่ควรจะเกิดขึ้น แต่มันก็เกิดขึ้น ความจริงแล้ว Queen Seondeok ควรจะเดินตามเส้นตรงของประวัติศาสตร์ เพราะโอกาสที่จะออกนอกประวัติศาสตร์มีแต่บทสนทนาเท่านั้น

    โปรดสังเกตว่าเรื่องนี้สร้างก่อนยุคโซเชียลจะแพร่หลาย

    พอโซเชียลมีเดียทรงพลังขึ้นมา การโจมตีซีรีส์อิงประวัติศาสตร์เริ่มจะสะเปะสะปะขึ้นทุกวัน เพราะแทนที่จะโจมตีความถูกต้อง กลับไปโจมตีเรื่องการเมือง

    ตัวอย่างเช่น Joseon Exorcist เมื่อปี 2021 ที่ฉายได้แค่ 2 ตอนก็แท้งซะก่อน เพราะถูกตำหนิว่าใช้ฉากประกอบที่อ้างว่าไม่ตรงกับความจริงทางประวัติศาสตร์ เช่น ใช้ อุปกรณ์ของจีนในเกาหลีโบราณ

    ในปี 2022 เกิดกรณี Under the Queen's Umbrella ถูกตำหนิว่า บิดเบือนประวัติศาสตร์ เพราะใช้ตัวอักษรจีนแบบตัวย่อ (ที่เพิ่งประดิษฐ์ขึ้นในยุคสมัยใหม่ ส่วนเกาหลีใช้อักษรจีนตัวเต็ม)

    ในปี 2024 มีกรณี Queen Woo ถูกตำหนิว่าเครื่องแต่งกายของตัวละครมีความเป็นจีนมากเกินไป ไม่น่าจะสอดคล้องกับคนเกาหลีในยุคโคกูรยอ (ทั้งที่โคกูรยอก็รับวัฒนธรรมจากจีน)

    กรณีเหล่านี้มีอะไรเหมือนกันอยู่อย่างหนึ่ง คือ 'กระแสต่อต้านจีน' ในเกาหลีใต้ ทั้งๆ ที่เกาหลีเป็นเขตอิทธิพลของวัฒนธรรมจีนมาแต่โบราณ แค่เรื่องนี้เป็น 'อคติ' ของผู้ชมเกาหลีใต้เองที่เกลียด เหยียด และกลัวจีนมากขึ้น

    แต่ในแง่เนื้อหาทางประวัติศาสตร์ กรณีพวกนี้เหมือนกันอย่างหนึ่ง คือ เกิดขึ้นในยุคโชซอน ซึ่งมีการบันทึกประวัติศาสตร์ทางการอย่างละเอียด กระทั่งบันทึกไว้ว่ากษัตริย์ตรัสถ้อยคำไว้อย่างไร

    ในยุคสมัยที่บันทึกละเอียดแบบนี้การมโนจึงทำไม่ได้ เพราะไม่มีพื้นที่ว่างให้จินตนาการได้อีก ตรงกันข้ามกับเรื่อง Queen Woo ซึ่งเกิดในยุคโคกูรยอ ซึ่งมีประวัติศาสตร์บันทึกกระท่อนกระแท่นเหมือนประวัติศาสตร์ไทย ดังนั้นจึงมีพื้นที่ให้มโนได้มากตามใจปรารถนา

    แต่ถึงจะมโนได้มาก แต่อารมณ์ชาตินิยมที่รุนแรงในเกาหลีใต้ไม่อนุญาตให้มโนได้ตามใจชอบอีก ไม่ใช่เพราะผู้สร้างบิดเบือนประวัติศาสตร์ แต่ทำงานออกมาไม่ถูกใจพวกชาตินิยมสุดโต่งต่างหาก

    ดังนั้น ในโลกของนิยายอิงประวัติศาสตร์ จึงไม่มีคำว่าถูกต้องเป๊ะๆ ยิ่งในปัจจุบันมีแต่คำว่า "ถูกใจคนดูหรือไม่" โดยที่ความถูกใจของคนดูไม่ใช่ถูกใจเพราะดาราแสดงดี หรือเครื่องแต่งกายสวย แต่ยังต้องคล้องจองกับ 'วาระทางการเมือง' ของคนดูด้วย

    ยกตัวอย่างจีน ซึ่งบางคนยังเชื่อว่าจีนทำซีรีส์พีเรียดมากมายเพราะอนุญาตให้มโนได้ ซึ่งเป็นความเข้าใจผิด

    สังคมจีนและสถาบันรัฐจีน (ที่ชาตินิยมขึ้นทุกวัน) ไม่ได้อนุญาตให้มโนประวัติศาสตร์ได้ สิ่งที่คนไทยเห็นว่าจีนจินตนาการประวัติศาสตร์นั้น คือ สิ่งที่เรียกว่า Historical fantasy คือใช้ฉากย้อนยุคที่กำกวม ใช้คอสตูมที่อาจจะอยู่ในยุคที่คาดเดาได้ แต่ไม่มีเหตุการณ์นั้นจริงๆ เช่นเรื่อง Nirvana In Fire เมื่อปี 2015 ที่ทำให้เชื่อว่าอยู่ในยุคหนานเป่ยเฉา แต่เอาจริงๆ มันไม่มีสถานการณ์จริงและตัวบุคคลจริงอยู่เลย

    หากมีซีรีส์ที่ทำเนื้อหาจริงๆ ทางประวัติศาสตร์ หากเลินเล่อเกินไปก็จะถูกโจมตีอย่างหนัก เช่น Legend of Miyue ที่อิงประวัติศาสตร์ยุคจ้านกั๋ว แต่ถูกวิจารณ์เรื่องข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์ เรื่องนี้มีความเห็นที่น่าสนใจจาก หลีเสี่ยวเหว่ย บรรณาธิการบริหารของ "จงกั๋วชิงเหนียนหว่าง" (中国青年网) ของทางการจีน ตอนที่ซีรีส์เรื่องนี้ถูกตำหนิ เขากล่าวว่า

    "จักรพรรดินีองค์แรกของจีนในเรื่อง "Legend of Miyue" ซีรีส์ทางทีวีใช้ตัวละครและเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ที่ถูกต้อง แต่ไม่ได้ติดตามข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์พื้นฐาน และถึงกับแต่งเรื่องขึ้นมาด้วยซ้ำ ปรากฏการณ์นี้ช่างน่าเป็นห่วง ประการแรก มันจะนำพาผู้คนให้เข้าใจผิดเกี่ยวกับประวัติศาสตร์และก่อให้เกิดข่าวลือ ประการที่สอง นี่คือทิศทางที่ผิดปกติของการพัฒนาละครประวัติศาสตร์ ซึ่งจะนำไปสู่ความเสื่อมถอยของละครประวัติศาสตร์ในที่สุด"

    ในเรื่องนี้ทางเกาหลีก็เห็นด้วยกับจีน

    จากกรณีของ Queen Seondeok อีจองโฮ ผู้สื่อข่าวของ "ยอนเซ ชุนชู" (연세춘추) สื่อของมหาวิทยาลัยยอนเซ ถึงกับบอกว่า "Queen Seondeok คือเรื่องโกหก" และได้สัมภาษณ์ผู้เชี่ยวชาญซึ่งชี้แนะว่า"ตามที่ศาสตราจารย์ ชาฮเยวอน (ภาควิชาศิลปศาสตร์ ประวัติศาสตร์ราชวงศ์หมิงและราชวงศ์ชิงของจีน) กล่าวไว้ ละครประวัติศาสตร์จีนมักจะมีความเที่ยงตรงต่อข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ซึ่งแตกต่างจากละครประวัติศาสตร์เกาหลี ความจริงของละครประวัติศาสตร์เกาหลีคือความจริงทางประวัติศาสตร์ถูกละเลยเพื่อความบันเทิงและเรตติ้งผู้ชม เพื่อแก้ปัญหานี้ จำเป็นต้องมีการไตร่ตรองภายในอุตสาหกรรมการออกอากาศ"

    แม้ว่าประเทศไทยจะมีประวัติศาสตร์ที่เบาบางต่างจากจีนและเกาหลี แต่เราสามารถใช้มาตรฐานแบบนี้ได้เหมือนกัน สิ่งที่ต้องเป๊ะคือแกนหลักในประวัติศาสตร์ อย่าตีความมากเกินไปเพราะต้องเคารพ "ผู้ที่ตายไปแล้วซึ่งไม่มีโอกาสร้องอุทรณ์แก้ต่างให้ตัวเอง" ด้วย ส่วนสิ่งที่จินตนาการได้ก็ควรทำให้ตรงกับบริบทแวดล้อมของยุคนั้น

    หากทำเอาสนุกอย่างเดียว ก็ "จะนำไปสู่ความเสื่อมถอยของละครประวัติศาสตร์ในที่สุด"

    บทความทัศนะโดย กรกิจ ดิษฐาน ผู้ช่วยบรรณาธิการบริหาร และบรรณาธิการข่าวต่างประเทศ The Better
    ภาพโปสเตอร์โปรโมทซีรีส์เรื่อง แม่หยัว และ Queen Seondeok

    ที่มา https://www.thebetter.co.th/news/world/23351?fbclid=IwZXh0bgNhZW0CMTEAAR3w6ch-KVjjFiWzTmp8gh2-HSMqAh7UX0lxC3jm2_5RD0J97vIDxYCrljo_aem_wMoYw4S-NqnmnAfELQfeSA

    #Thaitimes
    เรื่องของท้าวศรีสุดาจันทร์เป็นตอนหนึ่งในประวัติศาสตร์ที่ถูกทำเป็น 'วัฒนธรรมป๊อป' มากที่สุดตอนหนึ่ง มีทั้งนิยาย ภาพยนต์ และล่าสุดคือละครหรือซีรีส์ อาจเป็นเพราะเรื่องของท้าวศรีสุดาจันทร์ให้อารมณ์หวาบหวิวจากการแอบลอบคบชู้กับพันบุตรศรีเทพ (ขุนวรวงศาธิราช) ทำให้มีการขยายความตอนนี้เป็นพิเศษ ทั้งๆ ประวัติศาสตร์ก็ไม่ได้บอกอะไรมากนักเรื่องนี้เพียง ในเวลาต่อมาคอนเทนท์บันเทิงบางยุคเริ่มมีการใช้คำว่า 'แม่หยัว' เรียกท้าวศรีสุดาจันทร์ ทำให้คนเข้าใจผิดไม่น้อยว่า 'แม่หยัว' น่าจะหมายถึงอาการยั่วยวนเรื่องกามราคะ แต่ความจริง 'แม่หยัว' หมายถึง 'แม่อยู่หัว' ที่หมายถึงมเหสีของพระเจ้าแผ่นดิน คำว่าแม่อยู่หัวนั้นในบันทึกโบราณเรียกเพี้ยนเป็น แม่อยัว แม่หญัว แม่อยั่ว ฯลฯ แต่พอตอนนี้ของประวัติศาสตร์ถูกวัฒนธรรมป๊อปปั้นภาพลักษณ์ยั่วยวนของท้าวศรีสุดาจันทร์ขึ้นมา ทำให้คนเข้าใจคำว่า 'แม่หยัว' ผิดไป แต่นั้นมาคำว่า 'แม่หยัว' ก็กลายเป็นเครื่องหมายการค้าของเรื่องท้าวศรีสุดาจันทร์ เพียงแต่มันเกิดจากภาพจำผิดๆ ที่ 'นิยายอิงประวัติศาสตร์' สร้างขึ้นมา ย้ำอีกครั้งว่าเรื่องท้าวศรีสุดาจันทร์นั้นมีเนื้อหาไม่มากนักในทางประวัติศาสตร์ ดังนั้นถ้าจะทำเป็นคอนเทนต์บันเทิง จึงหลีกกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้อง "มโนเอาเอง" กันบ้าง เรื่องนี้เกิดขึ้นกับการสร้างคอนเทนต์บันเทิงกับบุคคลทางประวัติศาสตร์บางคนด้วย ที่เขียนมาทั้งหมดนี้เพื่อจะเท้าความ 'กรณีพิพาท' ระหว่างที่คนคิดว่าการทำละครอิงประวัติศาสตร์แบบเรื่อง 'แม่หยัว' ไม่เห็นจะต้องทำให้ตรงประวัติศาสตร์เป๊ะๆ กับฝ่ายที่ย้ำว่าไม่ควรที่จะมโนกันเกินไป ก่อนอื่นต้องเข้าใจว่าการทำ Historical fiction เป็นสิ่งที่ทำให้ผู้คนถกเถียงกันมาโดยตลอดว่า มันมี "ความถูกต้องตามประวัติศาสตร์" (Historically Accurate) แค่ไหน? เพราะนิยายอิงประวัติศาสตร์จะต้องอาศัยการมโนในสัดส่วนที่มากพอสมควร เพื่อปลุกเร้าอารมณ์ผู้เสพ ในกรณีของแม่หยัว อย่าไปถามเรื่อง "ความถูกต้องตามประวัติศาสตร์" เพราะเนื้อหาในประวัติศาสตร์มีนิดเดียว ดังนั้นจึงมีพื้นที่ให้จินตนาการได้มากมาย แต่การมโนก็ต้องดูสภาพแวดล้อมของทางประวัติศาสตร์ด้วย ไม่อย่างนั้นมันจะไม่เนียน เช่น ท้างศรีสุดาจันทร์เป็นเหตุการณ์สมัยอยุธยาตอนกลาง แต่ถ้าไปจับแม่อยู่หัวไปสวมมงกุฏสมัยละโว้มันก็หาได้เนียนไม่ เพราะเมื่อถึงยุค 'แม่หยัว' เขาเลิกใส่เครื่องหัวแบบนั้นกันแล้ว แล้วยังมีกฎมณเฑียรบาลที่ตราไว้ในสมัยอยุธยาตอนนั้นระบุการแต่งกายของแม่อยู่หัวเอาไว้แล้ว และยังมีภาพเขียนในสมุดภาพไตรภูมิสมัยอยุธยา (ที่ผมเชื่อว่าคัดมาจากต้นฉบับสมัยอยุธยาตอนต้น) ชี้ทางเอาไว้แล้วว่าสตรีชั้นสูงยุคนั้นแต่งตัวอย่างไร ความไม่เนียนแบบนี้เองที่จะทำให้ Historical fiction กลายเป็น Historical fantasy ซึ่งมีความเป็นประวัติศาสตร์อย่างเดียวคือฉากย้อนยุค ส่วนเรื่องอื่นๆ มโนตามใจฉัน แต่ในเมืองไทยเรื่องความเนียนไม่เนียนทางประวัติศาสตร์ยังไม่เรื่องใหญ่ระดับชาติ เพราะประวัติศาสร์บ้านเรากระท่อนกระแท่นและคนไทยแคร์ประวัติศาสตร์มากเท่ากับคนในประเทศเอเชียตะวันออก เช่น จีน เกาหลีใต้ และญี่ปุ่น ประเทศพวกนี้นอกจากต้องทำละครให้เนียนแบบ Historically Accurate แล้ว ยังต้องทำให้ถูกต้องในแบบ Politically correct ด้วย ผมจะยกตัวอย่างการสังเกตส่วนตัวจากกรณีของเกาหลีใต้ที่สร้างซีรีส์ย้อนยุคอยู่บ่อยๆ และมักเกิดกรณี "ซีรีส์เรื่องนี้บิดเบือนประวัติศาสตร์" ตัวอย่างเช่นซีรีส์เรื่อง Queen Seondeok ในปี 2009 ซึ่งสร้างจากยุคที่บันทึกประวัติศาสตร์ไม่ละเอียดมากนัก แต่สามารถยืดออกได้มากถึง 62 ตอน ในแง่ของความถูกต้องทางประวัติศาสตร์มีน้อย แถมคอสตูมยังไม่ถูกต้อง เรื่องนี้ถูกตำหนิในเกาหลีว่า "มโนประวัติศาสตร์" มากเกินไป และยังอ้างบันทึกประวัติศาสตร์ที่ถูกกล่าวหาว่าถูกปลอมขึ้นมา Queen Seondeok ถูกผู้มีความรู้ทางประวัติศาสตร์ตำหนิอย่างมาก เพราะแม้ว่าบันทึกสมัยชิลลาจะมีไม่มาก แต่มันก็เป็นบันทึกที่เที่ยงแท้ในทางประวัติศาสร์ การจะบิดเบือนความสัมพันธ์ของ 'ตัวละคร' หรือพฤติกรรมที่ถูกบันทึกไว้จริงๆ จึงไม่ควรจะเกิดขึ้น แต่มันก็เกิดขึ้น ความจริงแล้ว Queen Seondeok ควรจะเดินตามเส้นตรงของประวัติศาสตร์ เพราะโอกาสที่จะออกนอกประวัติศาสตร์มีแต่บทสนทนาเท่านั้น โปรดสังเกตว่าเรื่องนี้สร้างก่อนยุคโซเชียลจะแพร่หลาย พอโซเชียลมีเดียทรงพลังขึ้นมา การโจมตีซีรีส์อิงประวัติศาสตร์เริ่มจะสะเปะสะปะขึ้นทุกวัน เพราะแทนที่จะโจมตีความถูกต้อง กลับไปโจมตีเรื่องการเมือง ตัวอย่างเช่น Joseon Exorcist เมื่อปี 2021 ที่ฉายได้แค่ 2 ตอนก็แท้งซะก่อน เพราะถูกตำหนิว่าใช้ฉากประกอบที่อ้างว่าไม่ตรงกับความจริงทางประวัติศาสตร์ เช่น ใช้ อุปกรณ์ของจีนในเกาหลีโบราณ ในปี 2022 เกิดกรณี Under the Queen's Umbrella ถูกตำหนิว่า บิดเบือนประวัติศาสตร์ เพราะใช้ตัวอักษรจีนแบบตัวย่อ (ที่เพิ่งประดิษฐ์ขึ้นในยุคสมัยใหม่ ส่วนเกาหลีใช้อักษรจีนตัวเต็ม) ในปี 2024 มีกรณี Queen Woo ถูกตำหนิว่าเครื่องแต่งกายของตัวละครมีความเป็นจีนมากเกินไป ไม่น่าจะสอดคล้องกับคนเกาหลีในยุคโคกูรยอ (ทั้งที่โคกูรยอก็รับวัฒนธรรมจากจีน) กรณีเหล่านี้มีอะไรเหมือนกันอยู่อย่างหนึ่ง คือ 'กระแสต่อต้านจีน' ในเกาหลีใต้ ทั้งๆ ที่เกาหลีเป็นเขตอิทธิพลของวัฒนธรรมจีนมาแต่โบราณ แค่เรื่องนี้เป็น 'อคติ' ของผู้ชมเกาหลีใต้เองที่เกลียด เหยียด และกลัวจีนมากขึ้น แต่ในแง่เนื้อหาทางประวัติศาสตร์ กรณีพวกนี้เหมือนกันอย่างหนึ่ง คือ เกิดขึ้นในยุคโชซอน ซึ่งมีการบันทึกประวัติศาสตร์ทางการอย่างละเอียด กระทั่งบันทึกไว้ว่ากษัตริย์ตรัสถ้อยคำไว้อย่างไร ในยุคสมัยที่บันทึกละเอียดแบบนี้การมโนจึงทำไม่ได้ เพราะไม่มีพื้นที่ว่างให้จินตนาการได้อีก ตรงกันข้ามกับเรื่อง Queen Woo ซึ่งเกิดในยุคโคกูรยอ ซึ่งมีประวัติศาสตร์บันทึกกระท่อนกระแท่นเหมือนประวัติศาสตร์ไทย ดังนั้นจึงมีพื้นที่ให้มโนได้มากตามใจปรารถนา แต่ถึงจะมโนได้มาก แต่อารมณ์ชาตินิยมที่รุนแรงในเกาหลีใต้ไม่อนุญาตให้มโนได้ตามใจชอบอีก ไม่ใช่เพราะผู้สร้างบิดเบือนประวัติศาสตร์ แต่ทำงานออกมาไม่ถูกใจพวกชาตินิยมสุดโต่งต่างหาก ดังนั้น ในโลกของนิยายอิงประวัติศาสตร์ จึงไม่มีคำว่าถูกต้องเป๊ะๆ ยิ่งในปัจจุบันมีแต่คำว่า "ถูกใจคนดูหรือไม่" โดยที่ความถูกใจของคนดูไม่ใช่ถูกใจเพราะดาราแสดงดี หรือเครื่องแต่งกายสวย แต่ยังต้องคล้องจองกับ 'วาระทางการเมือง' ของคนดูด้วย ยกตัวอย่างจีน ซึ่งบางคนยังเชื่อว่าจีนทำซีรีส์พีเรียดมากมายเพราะอนุญาตให้มโนได้ ซึ่งเป็นความเข้าใจผิด สังคมจีนและสถาบันรัฐจีน (ที่ชาตินิยมขึ้นทุกวัน) ไม่ได้อนุญาตให้มโนประวัติศาสตร์ได้ สิ่งที่คนไทยเห็นว่าจีนจินตนาการประวัติศาสตร์นั้น คือ สิ่งที่เรียกว่า Historical fantasy คือใช้ฉากย้อนยุคที่กำกวม ใช้คอสตูมที่อาจจะอยู่ในยุคที่คาดเดาได้ แต่ไม่มีเหตุการณ์นั้นจริงๆ เช่นเรื่อง Nirvana In Fire เมื่อปี 2015 ที่ทำให้เชื่อว่าอยู่ในยุคหนานเป่ยเฉา แต่เอาจริงๆ มันไม่มีสถานการณ์จริงและตัวบุคคลจริงอยู่เลย หากมีซีรีส์ที่ทำเนื้อหาจริงๆ ทางประวัติศาสตร์ หากเลินเล่อเกินไปก็จะถูกโจมตีอย่างหนัก เช่น Legend of Miyue ที่อิงประวัติศาสตร์ยุคจ้านกั๋ว แต่ถูกวิจารณ์เรื่องข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์ เรื่องนี้มีความเห็นที่น่าสนใจจาก หลีเสี่ยวเหว่ย บรรณาธิการบริหารของ "จงกั๋วชิงเหนียนหว่าง" (中国青年网) ของทางการจีน ตอนที่ซีรีส์เรื่องนี้ถูกตำหนิ เขากล่าวว่า "จักรพรรดินีองค์แรกของจีนในเรื่อง "Legend of Miyue" ซีรีส์ทางทีวีใช้ตัวละครและเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ที่ถูกต้อง แต่ไม่ได้ติดตามข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์พื้นฐาน และถึงกับแต่งเรื่องขึ้นมาด้วยซ้ำ ปรากฏการณ์นี้ช่างน่าเป็นห่วง ประการแรก มันจะนำพาผู้คนให้เข้าใจผิดเกี่ยวกับประวัติศาสตร์และก่อให้เกิดข่าวลือ ประการที่สอง นี่คือทิศทางที่ผิดปกติของการพัฒนาละครประวัติศาสตร์ ซึ่งจะนำไปสู่ความเสื่อมถอยของละครประวัติศาสตร์ในที่สุด" ในเรื่องนี้ทางเกาหลีก็เห็นด้วยกับจีน จากกรณีของ Queen Seondeok อีจองโฮ ผู้สื่อข่าวของ "ยอนเซ ชุนชู" (연세춘추) สื่อของมหาวิทยาลัยยอนเซ ถึงกับบอกว่า "Queen Seondeok คือเรื่องโกหก" และได้สัมภาษณ์ผู้เชี่ยวชาญซึ่งชี้แนะว่า"ตามที่ศาสตราจารย์ ชาฮเยวอน (ภาควิชาศิลปศาสตร์ ประวัติศาสตร์ราชวงศ์หมิงและราชวงศ์ชิงของจีน) กล่าวไว้ ละครประวัติศาสตร์จีนมักจะมีความเที่ยงตรงต่อข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ซึ่งแตกต่างจากละครประวัติศาสตร์เกาหลี ความจริงของละครประวัติศาสตร์เกาหลีคือความจริงทางประวัติศาสตร์ถูกละเลยเพื่อความบันเทิงและเรตติ้งผู้ชม เพื่อแก้ปัญหานี้ จำเป็นต้องมีการไตร่ตรองภายในอุตสาหกรรมการออกอากาศ" แม้ว่าประเทศไทยจะมีประวัติศาสตร์ที่เบาบางต่างจากจีนและเกาหลี แต่เราสามารถใช้มาตรฐานแบบนี้ได้เหมือนกัน สิ่งที่ต้องเป๊ะคือแกนหลักในประวัติศาสตร์ อย่าตีความมากเกินไปเพราะต้องเคารพ "ผู้ที่ตายไปแล้วซึ่งไม่มีโอกาสร้องอุทรณ์แก้ต่างให้ตัวเอง" ด้วย ส่วนสิ่งที่จินตนาการได้ก็ควรทำให้ตรงกับบริบทแวดล้อมของยุคนั้น หากทำเอาสนุกอย่างเดียว ก็ "จะนำไปสู่ความเสื่อมถอยของละครประวัติศาสตร์ในที่สุด" บทความทัศนะโดย กรกิจ ดิษฐาน ผู้ช่วยบรรณาธิการบริหาร และบรรณาธิการข่าวต่างประเทศ The Better ภาพโปสเตอร์โปรโมทซีรีส์เรื่อง แม่หยัว และ Queen Seondeok ที่มา https://www.thebetter.co.th/news/world/23351?fbclid=IwZXh0bgNhZW0CMTEAAR3w6ch-KVjjFiWzTmp8gh2-HSMqAh7UX0lxC3jm2_5RD0J97vIDxYCrljo_aem_wMoYw4S-NqnmnAfELQfeSA #Thaitimes
    WWW.THEBETTER.CO.TH
    ความไม่เนียนของ'ซีรีส์อิงประวัติศาสตร์' ต้องเป๊ะประวัติศาสตร์แค่ไหน?
    ความไม่เนียนของ'ซีรีส์อิงประวัติศาสตร์' ต้องเป๊ะประวัติศาสตร์แค่ไหน?
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 668 มุมมอง 0 รีวิว
  • รัสเซียออกมาปฏิเสธรายงานข่าวของวอชิงตันโพสต์ที่ว่า มีการพูดคุยทางโทรศัพท์กันแล้วระหว่างปูติน กับ ทรัมป์ โดยว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เรียกร้องผู้นำรัสเซียอย่าทำให้สงครามในยูเครนลุกลาม ทั้งนี้แดนหมีขาวบอกว่านี่เป็นข่าวเท็จ ปูตินไม่มีแผนคุยกับทรัมป์ อีกทั้งบอกด้วยว่าไม่มีสัญญาณใดๆ แสดงว่า ฝ่ายตะวันตกพร้อมแล้วสำหรับการพูดจากัน
    .
    หนังสือพิมพ์วอชิงตัน โพสต์รายงานเมื่อวันอาทิตย์ (10) โดยอ้างอิงแหล่งข่าวงในหลายคนว่า ทรัมป์ ได้โทรศัพท์ไปหาประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินของรัสเซีย จากรีสอร์ตส่วนตัวของเขาที่มาร์-อะลา-โก รัฐฟลอริดาเมื่อวันพฤหัสฯ (7) หรือหนึ่งวันหลังสื่อใหญ่ทุกสำนักประกาศว่า ทรัมป์ชนะรองประธานาธิบดีกมลา แฮร์ริสจากพรรคเดโมแครต ในศึกชิงทำเนียบขาวที่จัดขึ้นเมื่อวันอังคาร (5)
    .
    วอชิงตันโพสต์ระบุว่า ทรัมป์เรียกร้องปูตินอย่าทำให้สงครามในยูเครนลุกลาม และเตือนว่า อเมริกากองทหารขนาดใหญ่ประจำการอยู่ในยุโรป รวมทั้งยังแสดงความสนใจหารือกันเพิ่มเติมเกี่ยวกับการแก้ไขวิกฤตยูเครนเร็วๆ นี้
    .
    นอกจากวอชิงตันโพสต์แล้ว สำนักข่าวรอยเตอร์ก็รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวรายหนึ่งกล่าวเมื่อวันอาทิตย์ (10) ว่า ทรัมป์ได้พูดคุยกับปูตินจริงๆ ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา
    .
    ทว่า ในวันจันทร์ (11) ดมิตริ เปสคอฟ โฆษกทำเนียบเครมลินออกมาแถลงว่า ข่าวดังกล่าวเป็นการกุเรื่องขึ้น และยืนยันว่า ปูตินไม่มีแผนการเฉพาะเจาะจงในการพูดคุยกับทรัมป์ในขณะนี้
    .
    ขณะที่ สตีเฟน เฉิง ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารของทรัมป์ ระบุในคำแถลงเป็นลายลักษณ์อักษรว่า จะไม่มีการแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการพูดคุยโทรศัพท์เป็นการส่วนตัวระหว่างทรัมป์กับผู้นำโลกคนอื่นๆ
    .
    ส่วนกระทรวงการต่างประเทศยูเครนกล่าวว่า ไม่ได้รับแจ้งล่วงหน้าเรื่องการหารือระหว่างทรัมป์กับปูติน จึงไม่อาจยืนยันหรือปฏิเสธได้
    .
    อย่างไรก็ตาม ในวันอาทิตย์ (10) ทรัมป์ได้พูดคุยทางโทรศัพท์กับนายกรัฐมนตรีโอลาฟ ชอลซ์ ของเยอรมนี โดยที่โฆษกของชอลซ์แถลงว่า ผู้นำทั้งสองเห็นพ้องกันที่จะทำงานด้วยกันเพื่อหาทางนำสันติภาพกลับคืนสู่ยุโรป
    .
    เมื่อถูกสอบถามเกี่ยวกับเรื่องนี้ เปสคอฟ โฆษกทำเนียบเครมลิน กล่าวว่า ไม่มีการตระเตรียมใดๆ สำหรับที่ปูตินจะพูดจาหารือกับชอลซ์ และเขาเห็นว่าตอนนี้ยังเร็วเกินไปที่จะกล่าวว่าจุดยืนของยุโรปในเรื่องยูเครนมีการเปลี่ยนแปลงไปแล้ว
    .
    “เรามองเห็นความหงุดหงิดว้าวุ่นอย่างชัดเจน รวมทั้งมีความหวาดกลัวต่างๆ ในหมู่ชาวยุโรปเกี่ยวกับการเลือกตั้งมิสเตอร์ทรัมป์เป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ” เปสคอฟ บอก พร้อมกับย้ำว่า ปูตินได้พูดอีกครั้งในสัปดาห์ที่แล้วว่าเปิดกว้างสำหรับการพูดจากันทุกอย่าง ทว่าจนถึงเวลานี้ยังไม่ได้มีการตระเตรียมใดๆ รัสเซียยังไม่ได้รับสัญญาณใดๆ
    .
    เขากล่าวว่า จนถึงตอนนี้ “พวกผู้นำยุโรปยังคงกำลังพยายามที่จะบรรลุถึงการทำให้รัสเซียประสบความพ่ายแพ้ทางยุทธศาสตร์” แต่มอสโกจะ “ดำเนินปฏิบัติการพิเศษของเราต่อไปจนกว่าจะบรรลุจุดมุ่งหมายทั้งหมดของเรา”
    .
    ชัยชนะในการเลือกตั้งของทรัมป์มีแนวโน้มส่งผลต่อการสู้รบขัดแย้งในยูเครนที่ดำเนินมาเกือบ 3 ปี เนื่องจากว่าที่ผู้นำสหรัฐฯ ผู้นี้หาเสียงโดยยืนกรานมาตลอดว่า การสู้รบจะต้องยุติลงโดยเร็ว รวมทั้งแสดงความเคลือบแคลงกับการที่อเมริกาให้การสนับสนุนเคียฟมูลค่าเป็นหมื่นล้านแสนล้านดอลลาร์
    .
    ทางฝ่ายประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกีของยูเครน ได้หารือกับทรัมป์เมื่อวันพุธ (6 พ.ย.) โดยมีอีลอน มัสก์ ร่วมหารือด้วย มหาเศรษฐีที่ให้การสนับสนุนทรัมป์อย่างแข็งขันผู้นี้ เคยพูดระบุว่าเคียฟต้องยอมรับความเป็นจริงเรื่องจะต้องเสียดินแดนให้รัสเซีย
    .
    ในอีกด้านหนึ่ง เจค ซัลลิแวน ที่ปรึกษาฝ่ายความมั่นคงแห่งชาติของอเมริกา ให้สัมภาษณ์ซีบีเอสนิวส์เมื่อวันอาทิตย์ว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดนที่กำลังจะพ้นตำแหน่ง ยืนยันว่า จะจัดส่งความช่วยเหลือให้ยูเครนมากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ก่อนที่ทรัมป์จะเข้ารับตำแหน่งในวันที่ 20 ม.ค.ปีหน้า เพื่อให้เคียฟมีสถานะที่เข้มแข็งที่สุดทั้งในสนามรบและการเจรจา ซึ่งจะรวมถึงการให้เงินสนับสนุนที่เหลืออยู่อีก 6,000 ล้านดอลลาร์
    .
    ซัลลิแวนเสริมว่า ไบเดนจะใช้เวลาที่เหลืออยู่ดำเนินการให้รัฐสภาและคณะบริหารชุดต่อไปตระหนักว่า อเมริกาไม่อาจทิ้งยูเครนได้ เนื่องจากจะทำให้ยุโรปไร้เสถียรภาพมากขึ้น
    .
    ระหว่างหาเสียง ทรัมป์ประกาศว่า จะทำให้สงครามยูเครนยุติลงโดยเร็วก่อนที่ตนเองจะสาบานตนเข้ารับตำแหน่งด้วยซ้ำ แต่ไม่ได้บอกว่า จะทำอย่างไร
    .
    ทรัมป์และพันธมิตรต่างคัดค้านการที่อเมริกาให้เงินช่วยเหลือยูเครน และเปรยว่า การกระทำดังกล่าวเป็นการอัดฉีดเงินให้บริษัทอุตสาหกรรมการทหารที่ฉ้อฉลและสนับสนุนสงคราม รวมทั้งพวกสายเหยี่ยวด้านนโยบายการต่างประเทศ
    .
    นอกจากนั้น ยังคาดกันว่า การทำข้อตกลงกันให้ได้โดยเร็ว ย่อมหมายถึงเคียฟต้องยอมเสียดินแดนที่ถูกกองทัพรัสเซียเข้ายึดครองทางด้านใต้และตะวันออกของประเทศ
    .
    ไบรอัน แลนซา ที่ปรึกษาสำคัญคนหนึ่งของทรัมป์ให้สัมภาษณ์บีบีซีเมื่อวันเสาร์ (9 ) โดยยกตัวอย่างว่า ยูเครนต้องเลิกคิดว่าจะได้ไครเมียที่รัสเซียเข้าผนวกเมื่อปี 2014 คืน
    .
    ทว่า เคียฟยืนกรานว่า จะไม่ยอมยกดินแดนหรือยอมตามข้อเรียกร้องอื่นๆ ของรัสเซีย เนื่องจากจะทำให้ปูตินได้ใจและยั่วยุก้าวร้าวขึ้น ขณะที่รู้กันว่า พันธมิตรในยุโรปอย่างอังกฤษและฝรั่งเศสรู้สึกกังวลกับการดำเนินการฝ่ายเดียวของทรัมป์
    .
    ช่วงหลายเดือนมานี้ทั้งมอสโกและเคียฟต่างพยายามอย่างหนักเพื่อให้ตัวเองอยู่ในสถานะได้เปรียบในการเจรจาที่อาจเกิดขึ้นในท้ายที่สุด โดยยูเครนได้เข้ายึดพื้นที่บางส่วนในแคว้นคูร์สก์ของรัสเซีย และกองกำลังมอสโกรุกคืบเร็วขึ้นในยูเครน
    .
    สุดสัปดาห์ที่ผ่านมามีการโจมตีกันด้วยโดรนหนักที่สุด โดยเซเลนสกีเผยว่า รัสเซียส่งโดรน 145 ลำโจมตียูเครนเมื่อคืนวันเสาร์ และมอสโกระบุว่า สอยโดรนยูเครน 34 ลำที่มุ่งโจมตีมอสโกในวันอาทิตย์
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000108683
    ..............
    Sondhi X
    รัสเซียออกมาปฏิเสธรายงานข่าวของวอชิงตันโพสต์ที่ว่า มีการพูดคุยทางโทรศัพท์กันแล้วระหว่างปูติน กับ ทรัมป์ โดยว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เรียกร้องผู้นำรัสเซียอย่าทำให้สงครามในยูเครนลุกลาม ทั้งนี้แดนหมีขาวบอกว่านี่เป็นข่าวเท็จ ปูตินไม่มีแผนคุยกับทรัมป์ อีกทั้งบอกด้วยว่าไม่มีสัญญาณใดๆ แสดงว่า ฝ่ายตะวันตกพร้อมแล้วสำหรับการพูดจากัน . หนังสือพิมพ์วอชิงตัน โพสต์รายงานเมื่อวันอาทิตย์ (10) โดยอ้างอิงแหล่งข่าวงในหลายคนว่า ทรัมป์ ได้โทรศัพท์ไปหาประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินของรัสเซีย จากรีสอร์ตส่วนตัวของเขาที่มาร์-อะลา-โก รัฐฟลอริดาเมื่อวันพฤหัสฯ (7) หรือหนึ่งวันหลังสื่อใหญ่ทุกสำนักประกาศว่า ทรัมป์ชนะรองประธานาธิบดีกมลา แฮร์ริสจากพรรคเดโมแครต ในศึกชิงทำเนียบขาวที่จัดขึ้นเมื่อวันอังคาร (5) . วอชิงตันโพสต์ระบุว่า ทรัมป์เรียกร้องปูตินอย่าทำให้สงครามในยูเครนลุกลาม และเตือนว่า อเมริกากองทหารขนาดใหญ่ประจำการอยู่ในยุโรป รวมทั้งยังแสดงความสนใจหารือกันเพิ่มเติมเกี่ยวกับการแก้ไขวิกฤตยูเครนเร็วๆ นี้ . นอกจากวอชิงตันโพสต์แล้ว สำนักข่าวรอยเตอร์ก็รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวรายหนึ่งกล่าวเมื่อวันอาทิตย์ (10) ว่า ทรัมป์ได้พูดคุยกับปูตินจริงๆ ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา . ทว่า ในวันจันทร์ (11) ดมิตริ เปสคอฟ โฆษกทำเนียบเครมลินออกมาแถลงว่า ข่าวดังกล่าวเป็นการกุเรื่องขึ้น และยืนยันว่า ปูตินไม่มีแผนการเฉพาะเจาะจงในการพูดคุยกับทรัมป์ในขณะนี้ . ขณะที่ สตีเฟน เฉิง ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารของทรัมป์ ระบุในคำแถลงเป็นลายลักษณ์อักษรว่า จะไม่มีการแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการพูดคุยโทรศัพท์เป็นการส่วนตัวระหว่างทรัมป์กับผู้นำโลกคนอื่นๆ . ส่วนกระทรวงการต่างประเทศยูเครนกล่าวว่า ไม่ได้รับแจ้งล่วงหน้าเรื่องการหารือระหว่างทรัมป์กับปูติน จึงไม่อาจยืนยันหรือปฏิเสธได้ . อย่างไรก็ตาม ในวันอาทิตย์ (10) ทรัมป์ได้พูดคุยทางโทรศัพท์กับนายกรัฐมนตรีโอลาฟ ชอลซ์ ของเยอรมนี โดยที่โฆษกของชอลซ์แถลงว่า ผู้นำทั้งสองเห็นพ้องกันที่จะทำงานด้วยกันเพื่อหาทางนำสันติภาพกลับคืนสู่ยุโรป . เมื่อถูกสอบถามเกี่ยวกับเรื่องนี้ เปสคอฟ โฆษกทำเนียบเครมลิน กล่าวว่า ไม่มีการตระเตรียมใดๆ สำหรับที่ปูตินจะพูดจาหารือกับชอลซ์ และเขาเห็นว่าตอนนี้ยังเร็วเกินไปที่จะกล่าวว่าจุดยืนของยุโรปในเรื่องยูเครนมีการเปลี่ยนแปลงไปแล้ว . “เรามองเห็นความหงุดหงิดว้าวุ่นอย่างชัดเจน รวมทั้งมีความหวาดกลัวต่างๆ ในหมู่ชาวยุโรปเกี่ยวกับการเลือกตั้งมิสเตอร์ทรัมป์เป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ” เปสคอฟ บอก พร้อมกับย้ำว่า ปูตินได้พูดอีกครั้งในสัปดาห์ที่แล้วว่าเปิดกว้างสำหรับการพูดจากันทุกอย่าง ทว่าจนถึงเวลานี้ยังไม่ได้มีการตระเตรียมใดๆ รัสเซียยังไม่ได้รับสัญญาณใดๆ . เขากล่าวว่า จนถึงตอนนี้ “พวกผู้นำยุโรปยังคงกำลังพยายามที่จะบรรลุถึงการทำให้รัสเซียประสบความพ่ายแพ้ทางยุทธศาสตร์” แต่มอสโกจะ “ดำเนินปฏิบัติการพิเศษของเราต่อไปจนกว่าจะบรรลุจุดมุ่งหมายทั้งหมดของเรา” . ชัยชนะในการเลือกตั้งของทรัมป์มีแนวโน้มส่งผลต่อการสู้รบขัดแย้งในยูเครนที่ดำเนินมาเกือบ 3 ปี เนื่องจากว่าที่ผู้นำสหรัฐฯ ผู้นี้หาเสียงโดยยืนกรานมาตลอดว่า การสู้รบจะต้องยุติลงโดยเร็ว รวมทั้งแสดงความเคลือบแคลงกับการที่อเมริกาให้การสนับสนุนเคียฟมูลค่าเป็นหมื่นล้านแสนล้านดอลลาร์ . ทางฝ่ายประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกีของยูเครน ได้หารือกับทรัมป์เมื่อวันพุธ (6 พ.ย.) โดยมีอีลอน มัสก์ ร่วมหารือด้วย มหาเศรษฐีที่ให้การสนับสนุนทรัมป์อย่างแข็งขันผู้นี้ เคยพูดระบุว่าเคียฟต้องยอมรับความเป็นจริงเรื่องจะต้องเสียดินแดนให้รัสเซีย . ในอีกด้านหนึ่ง เจค ซัลลิแวน ที่ปรึกษาฝ่ายความมั่นคงแห่งชาติของอเมริกา ให้สัมภาษณ์ซีบีเอสนิวส์เมื่อวันอาทิตย์ว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดนที่กำลังจะพ้นตำแหน่ง ยืนยันว่า จะจัดส่งความช่วยเหลือให้ยูเครนมากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ก่อนที่ทรัมป์จะเข้ารับตำแหน่งในวันที่ 20 ม.ค.ปีหน้า เพื่อให้เคียฟมีสถานะที่เข้มแข็งที่สุดทั้งในสนามรบและการเจรจา ซึ่งจะรวมถึงการให้เงินสนับสนุนที่เหลืออยู่อีก 6,000 ล้านดอลลาร์ . ซัลลิแวนเสริมว่า ไบเดนจะใช้เวลาที่เหลืออยู่ดำเนินการให้รัฐสภาและคณะบริหารชุดต่อไปตระหนักว่า อเมริกาไม่อาจทิ้งยูเครนได้ เนื่องจากจะทำให้ยุโรปไร้เสถียรภาพมากขึ้น . ระหว่างหาเสียง ทรัมป์ประกาศว่า จะทำให้สงครามยูเครนยุติลงโดยเร็วก่อนที่ตนเองจะสาบานตนเข้ารับตำแหน่งด้วยซ้ำ แต่ไม่ได้บอกว่า จะทำอย่างไร . ทรัมป์และพันธมิตรต่างคัดค้านการที่อเมริกาให้เงินช่วยเหลือยูเครน และเปรยว่า การกระทำดังกล่าวเป็นการอัดฉีดเงินให้บริษัทอุตสาหกรรมการทหารที่ฉ้อฉลและสนับสนุนสงคราม รวมทั้งพวกสายเหยี่ยวด้านนโยบายการต่างประเทศ . นอกจากนั้น ยังคาดกันว่า การทำข้อตกลงกันให้ได้โดยเร็ว ย่อมหมายถึงเคียฟต้องยอมเสียดินแดนที่ถูกกองทัพรัสเซียเข้ายึดครองทางด้านใต้และตะวันออกของประเทศ . ไบรอัน แลนซา ที่ปรึกษาสำคัญคนหนึ่งของทรัมป์ให้สัมภาษณ์บีบีซีเมื่อวันเสาร์ (9 ) โดยยกตัวอย่างว่า ยูเครนต้องเลิกคิดว่าจะได้ไครเมียที่รัสเซียเข้าผนวกเมื่อปี 2014 คืน . ทว่า เคียฟยืนกรานว่า จะไม่ยอมยกดินแดนหรือยอมตามข้อเรียกร้องอื่นๆ ของรัสเซีย เนื่องจากจะทำให้ปูตินได้ใจและยั่วยุก้าวร้าวขึ้น ขณะที่รู้กันว่า พันธมิตรในยุโรปอย่างอังกฤษและฝรั่งเศสรู้สึกกังวลกับการดำเนินการฝ่ายเดียวของทรัมป์ . ช่วงหลายเดือนมานี้ทั้งมอสโกและเคียฟต่างพยายามอย่างหนักเพื่อให้ตัวเองอยู่ในสถานะได้เปรียบในการเจรจาที่อาจเกิดขึ้นในท้ายที่สุด โดยยูเครนได้เข้ายึดพื้นที่บางส่วนในแคว้นคูร์สก์ของรัสเซีย และกองกำลังมอสโกรุกคืบเร็วขึ้นในยูเครน . สุดสัปดาห์ที่ผ่านมามีการโจมตีกันด้วยโดรนหนักที่สุด โดยเซเลนสกีเผยว่า รัสเซียส่งโดรน 145 ลำโจมตียูเครนเมื่อคืนวันเสาร์ และมอสโกระบุว่า สอยโดรนยูเครน 34 ลำที่มุ่งโจมตีมอสโกในวันอาทิตย์ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000108683 .............. Sondhi X
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 974 มุมมอง 0 รีวิว
  • สิ่งนึงที่สินค้าพื้นบ้าน otop ชุมชน หรือ ไทยแท้ๆ...ไม่ work ในเรื่องยอดขาย...ที่เห็นเป็นประจำเลย คือ กลยุทธ์ในการตั้งราคา ...คือ ดันเอาไปเปรียบเทียบกับสินค้าที่มีแบรนด์ ที่สร้างแบรนด์พัฒนาแบรนด์มาอย่างต่อเนื่อง ทั้งของต่างประเทศ และของไทยเอง.ที่มีอยู่ในตลาด มีส่วนแบ่งทางตลาดอยู่แล้ว...และก็ไปตั้งราคาอ้างอิงใกล้เคียงเขา...โดยคิดเอาเองว่า ของเราดีกว่า มีคุณภาพมากกว่า ....กฏข้อแรกของการเข้าสู่ตลาดก็ผิดแล้ว....
    ยกตัวอย่างน้ำอัดลม สีดำ เจ้าตลาด ขาย 26 บาท ...อีกยี่ห้อนึงเข้าตลาดใหม่ ราคา 21 บาท...ในปริมาตรเท่ากัน.....อย่างนี้เกิดได้...เพราะเป็นมวย.....
    ..คนซื้อเขาคิดเป็น คือ ค่าแฟรนไชด์ ค่าแบรนด์ ค่าเครื่องจักรมูลค่าสูงๆ ค่าบริการจัดการ งบการตลาด..ส่วนแบ่งผู้ขายปลีก....และอีกมากมาย...บางอย่างไม่เสีย...บางอย่างถูกกว่ากันมาก....เพราะฉะนั้น การเอาราคาอ้างอิงแบบใกล้เคียงกันมาก มันไม่ Make sence สำหรับผู้บริโภค......
    ...คุณอาจจะเก่ง หรือมีฝีมือในการทำของดี....แต่ถ้าคุณเริ่มต้นด้วยการคาดหวังกำไรมากๆ...คนก็จะเข้าถึงสินค้าคุณน้อย....
    ...แบบที่เคยเขียน บางเจ้าเข้าตลาดใหม่ กำไรน้อยมาก หรืออาจขาดทุนเลย...เพราะเขาต้องการจะสร้างกลุ่มลูกค้าของตนเองขึ้นมา...
    ...เช่น ไวน์ france 300 กว่าบาทก็มี...แต่ไวน์ชุมชน คุณ ขาย 399 แบบนี้เป็นต้น....ผมเลือกง่ายเลย....
    #เขียนเล่นเห็นแล้วน่าเสียดาย#
    สิ่งนึงที่สินค้าพื้นบ้าน otop ชุมชน หรือ ไทยแท้ๆ...ไม่ work ในเรื่องยอดขาย...ที่เห็นเป็นประจำเลย คือ กลยุทธ์ในการตั้งราคา ...คือ ดันเอาไปเปรียบเทียบกับสินค้าที่มีแบรนด์ ที่สร้างแบรนด์พัฒนาแบรนด์มาอย่างต่อเนื่อง ทั้งของต่างประเทศ และของไทยเอง.ที่มีอยู่ในตลาด มีส่วนแบ่งทางตลาดอยู่แล้ว...และก็ไปตั้งราคาอ้างอิงใกล้เคียงเขา...โดยคิดเอาเองว่า ของเราดีกว่า มีคุณภาพมากกว่า ....กฏข้อแรกของการเข้าสู่ตลาดก็ผิดแล้ว.... ยกตัวอย่างน้ำอัดลม สีดำ เจ้าตลาด ขาย 26 บาท ...อีกยี่ห้อนึงเข้าตลาดใหม่ ราคา 21 บาท...ในปริมาตรเท่ากัน.....อย่างนี้เกิดได้...เพราะเป็นมวย..... ..คนซื้อเขาคิดเป็น คือ ค่าแฟรนไชด์ ค่าแบรนด์ ค่าเครื่องจักรมูลค่าสูงๆ ค่าบริการจัดการ งบการตลาด..ส่วนแบ่งผู้ขายปลีก....และอีกมากมาย...บางอย่างไม่เสีย...บางอย่างถูกกว่ากันมาก....เพราะฉะนั้น การเอาราคาอ้างอิงแบบใกล้เคียงกันมาก มันไม่ Make sence สำหรับผู้บริโภค...... ...คุณอาจจะเก่ง หรือมีฝีมือในการทำของดี....แต่ถ้าคุณเริ่มต้นด้วยการคาดหวังกำไรมากๆ...คนก็จะเข้าถึงสินค้าคุณน้อย.... ...แบบที่เคยเขียน บางเจ้าเข้าตลาดใหม่ กำไรน้อยมาก หรืออาจขาดทุนเลย...เพราะเขาต้องการจะสร้างกลุ่มลูกค้าของตนเองขึ้นมา... ...เช่น ไวน์ france 300 กว่าบาทก็มี...แต่ไวน์ชุมชน คุณ ขาย 399 แบบนี้เป็นต้น....ผมเลือกง่ายเลย.... #เขียนเล่นเห็นแล้วน่าเสียดาย#
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 225 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทำไมพระเครื่องแบบเดียวกัน..จึงให้ผลต่างกันในแต่ละคน....มองในแง่ บุญกุศลแต่ละคนต่างกัน...การสนองของกรรมดีและชั่วจึงต่างกัน...มองในแง่พลังงาน ความถี่ อาจไม่ตรงกัน...เหมือนคุณฟังวิทยุ ..คุณต้องหาคลื่นไปเรื่อยๆ จนถูกต้องตามจริตของคุณ...ประมาณนั้นละ ...ผู้ส่ง กับผู้รับ..จูนกันติด...พลังงาน (ในที่นี้ยกตัวอย่าง ความพอใจ) ก็เกิดขึ้น.
    ..พระแบบนึง อาจจะดีกับคนแบบนึง แต่อาจไม่ดีกับอีกหลายคน...ซึ่งนี่เป็นสิ่งยาก..ในการค้นหา ..ผู้เขียนเอง ทดลองมาหลายปี กับสารพัดเกจิอาจารย์ ...ยังบอกได้แค่เพียงอะไรดี...แต่จะเหมาะกับคนอื่นหรือเปล่า...ยังการันตีไม่ได้เลย...เพราะองค์ประกอบ 2 อย่างข้างต้น.
    ทำไมพระเครื่องแบบเดียวกัน..จึงให้ผลต่างกันในแต่ละคน....มองในแง่ บุญกุศลแต่ละคนต่างกัน...การสนองของกรรมดีและชั่วจึงต่างกัน...มองในแง่พลังงาน ความถี่ อาจไม่ตรงกัน...เหมือนคุณฟังวิทยุ ..คุณต้องหาคลื่นไปเรื่อยๆ จนถูกต้องตามจริตของคุณ...ประมาณนั้นละ ...ผู้ส่ง กับผู้รับ..จูนกันติด...พลังงาน (ในที่นี้ยกตัวอย่าง ความพอใจ) ก็เกิดขึ้น. ..พระแบบนึง อาจจะดีกับคนแบบนึง แต่อาจไม่ดีกับอีกหลายคน...ซึ่งนี่เป็นสิ่งยาก..ในการค้นหา ..ผู้เขียนเอง ทดลองมาหลายปี กับสารพัดเกจิอาจารย์ ...ยังบอกได้แค่เพียงอะไรดี...แต่จะเหมาะกับคนอื่นหรือเปล่า...ยังการันตีไม่ได้เลย...เพราะองค์ประกอบ 2 อย่างข้างต้น.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 60 มุมมอง 0 รีวิว
  • "ทนายจุ๊กกรู้" ที่ผมก็ไม่อยากรู้จักด้วย
    .
    เมื่อวันจันทร์ที่ 4พฤศจิกายนที่ผ่านมา ทนายเดชาออกรายการ "ถกไม่เถียง" ทางช่อง 7 กับคุณอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ในรายการ ทนายเดชากล่าวพาดพิงตอบโต้คณะกรรมการสภาทนายความ กรณีจะจัดการทนายโซเชียลที่เดินสายออกทีวี เนื่องจากได้ละเมิดต่อข้อบังคับของสภาทนายความว่าด้วยมรรยาททนายความ จนส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงองค์กรและสมาชิกทนายความส่วนใหญ่
    .
    นายเดชาอ้างว่าสภาทนายความไม่ได้มีอำนาจพิพากษาทนายทำผิด ถือเป็นการกระทำเกินบทบาท เพราะสภาทนายความเป็นสภาวิชาชีพ แต่คนที่เป็นนายก และอุปนายก มาจากการเลือกตั้ง สามปีก็ไปแล้ว เป็นผู้ประกอบวิชาชีพ ไม่ใช่อยู่ดีๆ จะทำตัวเป็นศาล จะจัดระเบียบทนายโซเชียล จะไปเอากฎหมายอะไรมาจัดการได้
    .
    อย่างที่ผมกล่าวไปแล้วในรายการวันศุกร์ที่แล้วว่าผมจะยื่นเรื่องต่อคณะกรรมการสภาทนายความชุดปัจจุบันให้ถอดถอนตั๋วทนายหรือใบอนุญาตเป็นทนายความของนายษิทรา เบี้ยบังเกิด เสีย เนื่องจากมีการกระทำผิดกฎหมายและละเมิดมรรยาททนายความอย่างร้ายแรงในหลายประเด็นด้วยกัน
    .
    แม้ผมจะไม่ใช่นักกฎหมาย ไม่ใช่ทนาย แต่ผมระแคะระคายว่าทนายตั้ม ษิทรา เคยถูกร้องเรียนเรื่องราวต่อสภาทนายความมาแล้วเยอะแยะเลย รวมถึงคุณเดชาเองก็เคยร้องเรียนทนายตั้มเสียด้วยซ้ำ ตัวเองเคยร้องเรียนเอง แต่พอไกล่เกลี่ย เกี้ยเซียะกัน จะเกี้ยเซียะกันด้วยอะไร ผมไม่รู้ ทนายเดชาก็ถอนเรื่องไป แต่เรื่องก็ยังคาอยู่ที่การพิจารณาของคณะกรรมการมรรยาทฯ แม้คุณจะถอนเรื่องออกไปแล้วก็ตาม
    .
    จริงๆ วิธีการวางหมากของทนายตั้ม ษิทรา เบี้ยบังเกิด ในการจัดการเรื่องราวร้องเรียนต่อสภาทนายความที่มาถึงตนเองเป็นสิบเรื่องนั้น ไม่ได้แตกต่างกว่าวิธีของนายของทนายตั้ม คือ สุรเชชษฐ์ หักพาล ใช้เพื่อจัดการเรื่องราวร้องเรียนของตัวเองที่ถูกส่งไปยังคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เหมือนกัน โดยสุรเชชษฐ์ ใช้วิธีวางคนของตัวเองไว้ใน ป.ป.ช. ตั้งแต่ระดับกรรมการ ป.ป.ช. เรื่อยไปจนถึงเจ้าหน้าที่ระดับต่างๆ ของ ป.ป.ช. ยกตัวอย่างเช่น นายสมบัติ ธรธรรม แต่กรณีทนายตั้ม ษิทรา นั้น อาจจะเรียกได้ว่าหนักหนากว่า เพราะไม่ได้วางคนทั่วไป แต่วางญาติตัวเองไว้ในคณะกรรมการมรรยาทสภาทนายความชุดเก่าเลยทีเดียว ผมไม่อยากจะเอ่ยชื่อ ชื่อย่อก็ไม่อยากจะเอ่ย
    .
    ทนายเดชาและคุณษิทรา เรื่องของพวกคุณกับแก๊งทนายหิวแสงนั้น ยังมีอีกเยอะ แค่ข้อมูลของคุณษิทราที่มีคน inbox ส่งเรื่องเข้ามาให้ผมได้รับรู้ รับทราบ และคัดกรองนั้นคุณเดชา คุณษิทรา รู้ไหม มากมายมหาศาล วันๆ พวกผมไม่ต้องทำงานอื่นแล้ว เพราะเรื่องฉาวๆ ของแก๊งพวกคุณมันเยอะจริงๆ ผมนึกไม่ถึงว่าจะมีเรื่องราวที่เลวทรามต่ำช้าแบบนี้เกิดขึ้นในสังคมไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกิดขึ้นกับแวดวงทนาย ที่ผมบอกแล้วว่าเอาโจรมาเป็นทนาย
    .
    ทนายเดชา คุณใจเย็นๆ ผมจะค่อยๆ ทยอยเอามานำเสนอทีละเรื่องๆ คุณคอยฝึกร้องจุ๊กกรู้ๆ เหมือนที่คุณชอบร้องเวลาไลฟ์สดอยู่ประจำก็แล้วกัน เวลามีเรื่องจริงๆ กรุณาอย่าหายหน้าหายตาหลบไปเหมือนทนายษิทราเลยนะครับ

    ที่มา คุยทุกเรื่องกับสนธิ
    https://www.facebook.com/share/p/18cR1aRJcH/?mibextid=CTbP7E

    #Thaitimes
    "ทนายจุ๊กกรู้" ที่ผมก็ไม่อยากรู้จักด้วย . เมื่อวันจันทร์ที่ 4พฤศจิกายนที่ผ่านมา ทนายเดชาออกรายการ "ถกไม่เถียง" ทางช่อง 7 กับคุณอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ในรายการ ทนายเดชากล่าวพาดพิงตอบโต้คณะกรรมการสภาทนายความ กรณีจะจัดการทนายโซเชียลที่เดินสายออกทีวี เนื่องจากได้ละเมิดต่อข้อบังคับของสภาทนายความว่าด้วยมรรยาททนายความ จนส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงองค์กรและสมาชิกทนายความส่วนใหญ่ . นายเดชาอ้างว่าสภาทนายความไม่ได้มีอำนาจพิพากษาทนายทำผิด ถือเป็นการกระทำเกินบทบาท เพราะสภาทนายความเป็นสภาวิชาชีพ แต่คนที่เป็นนายก และอุปนายก มาจากการเลือกตั้ง สามปีก็ไปแล้ว เป็นผู้ประกอบวิชาชีพ ไม่ใช่อยู่ดีๆ จะทำตัวเป็นศาล จะจัดระเบียบทนายโซเชียล จะไปเอากฎหมายอะไรมาจัดการได้ . อย่างที่ผมกล่าวไปแล้วในรายการวันศุกร์ที่แล้วว่าผมจะยื่นเรื่องต่อคณะกรรมการสภาทนายความชุดปัจจุบันให้ถอดถอนตั๋วทนายหรือใบอนุญาตเป็นทนายความของนายษิทรา เบี้ยบังเกิด เสีย เนื่องจากมีการกระทำผิดกฎหมายและละเมิดมรรยาททนายความอย่างร้ายแรงในหลายประเด็นด้วยกัน . แม้ผมจะไม่ใช่นักกฎหมาย ไม่ใช่ทนาย แต่ผมระแคะระคายว่าทนายตั้ม ษิทรา เคยถูกร้องเรียนเรื่องราวต่อสภาทนายความมาแล้วเยอะแยะเลย รวมถึงคุณเดชาเองก็เคยร้องเรียนทนายตั้มเสียด้วยซ้ำ ตัวเองเคยร้องเรียนเอง แต่พอไกล่เกลี่ย เกี้ยเซียะกัน จะเกี้ยเซียะกันด้วยอะไร ผมไม่รู้ ทนายเดชาก็ถอนเรื่องไป แต่เรื่องก็ยังคาอยู่ที่การพิจารณาของคณะกรรมการมรรยาทฯ แม้คุณจะถอนเรื่องออกไปแล้วก็ตาม . จริงๆ วิธีการวางหมากของทนายตั้ม ษิทรา เบี้ยบังเกิด ในการจัดการเรื่องราวร้องเรียนต่อสภาทนายความที่มาถึงตนเองเป็นสิบเรื่องนั้น ไม่ได้แตกต่างกว่าวิธีของนายของทนายตั้ม คือ สุรเชชษฐ์ หักพาล ใช้เพื่อจัดการเรื่องราวร้องเรียนของตัวเองที่ถูกส่งไปยังคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เหมือนกัน โดยสุรเชชษฐ์ ใช้วิธีวางคนของตัวเองไว้ใน ป.ป.ช. ตั้งแต่ระดับกรรมการ ป.ป.ช. เรื่อยไปจนถึงเจ้าหน้าที่ระดับต่างๆ ของ ป.ป.ช. ยกตัวอย่างเช่น นายสมบัติ ธรธรรม แต่กรณีทนายตั้ม ษิทรา นั้น อาจจะเรียกได้ว่าหนักหนากว่า เพราะไม่ได้วางคนทั่วไป แต่วางญาติตัวเองไว้ในคณะกรรมการมรรยาทสภาทนายความชุดเก่าเลยทีเดียว ผมไม่อยากจะเอ่ยชื่อ ชื่อย่อก็ไม่อยากจะเอ่ย . ทนายเดชาและคุณษิทรา เรื่องของพวกคุณกับแก๊งทนายหิวแสงนั้น ยังมีอีกเยอะ แค่ข้อมูลของคุณษิทราที่มีคน inbox ส่งเรื่องเข้ามาให้ผมได้รับรู้ รับทราบ และคัดกรองนั้นคุณเดชา คุณษิทรา รู้ไหม มากมายมหาศาล วันๆ พวกผมไม่ต้องทำงานอื่นแล้ว เพราะเรื่องฉาวๆ ของแก๊งพวกคุณมันเยอะจริงๆ ผมนึกไม่ถึงว่าจะมีเรื่องราวที่เลวทรามต่ำช้าแบบนี้เกิดขึ้นในสังคมไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกิดขึ้นกับแวดวงทนาย ที่ผมบอกแล้วว่าเอาโจรมาเป็นทนาย . ทนายเดชา คุณใจเย็นๆ ผมจะค่อยๆ ทยอยเอามานำเสนอทีละเรื่องๆ คุณคอยฝึกร้องจุ๊กกรู้ๆ เหมือนที่คุณชอบร้องเวลาไลฟ์สดอยู่ประจำก็แล้วกัน เวลามีเรื่องจริงๆ กรุณาอย่าหายหน้าหายตาหลบไปเหมือนทนายษิทราเลยนะครับ ที่มา คุยทุกเรื่องกับสนธิ https://www.facebook.com/share/p/18cR1aRJcH/?mibextid=CTbP7E #Thaitimes
    Like
    5
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 694 มุมมอง 0 รีวิว
  • "ทนายจุ๊กกรู้" ที่ผมก็ไม่อยากรู้จักด้วย
    .
    เมื่อวันจันทร์ที่่4พฤศจิกายนที่ผ่านมา ทนายเดชาออกรายการ "ถกไม่เถียง" ทางช่อง 7 กับคุณอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ในรายการ "ถกไม่เถียง" ทนายเดชากล่าวพาดพิงตอบโต้คณะกรรมการสภาทนายความ กรณีจะจัดการทนายโซเชียลที่เดินสายออกทีวี เนื่องจากได้ละเมิดต่อข้อบังคับของสภาทนายความว่าด้วยมรรยาททนายความ จนส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงองค์กรและสมาชิกทนายความส่วนใหญ่
    .
    นายเดชาอ้างว่าสภาทนายความไม่ได้มีอำนาจพิพากษาทนายทำผิด ถือเป็นการกระทำเกินบทบาท เพราะสภาทนายความเป็นสภาวิชาชีพ แต่คนที่เป็นนายก และอุปนายก มาจากการเลือกตั้ง สามปีก็ไปแล้ว เป็นผู้ประกอบวิชาชีพ ไม่ใช่อยู่ดีๆ จะทำตัวเป็นศาล จะจัดระเบียบทนายโซเชียล จะไปเอากฎหมายอะไรมาจัดการได้
    .
    อย่างที่ผมกล่าวไปแล้วในรายการวันศุกร์ที่แล้วว่าผมจะยื่นเรื่องต่อคณะกรรมการสภาทนายความชุดปัจจุบันให้ถอดถอนตั๋วทนายหรือใบอนุญาตเป็นทนายความของนายษิทรา เบี้ยบังเกิด เสีย เนื่องจากมีการกระทำผิดกฎหมายและละเมิดมรรยาททนายความอย่างร้ายแรงในหลายประเด็นด้วยกัน
    .
    แม้ผมจะไม่ใช่นักกฎหมาย ไม่ใช่ทนาย แต่ผมระแคะระคายว่าทนายตั้ม ษิทรา เคยถูกร้องเรียนเรื่องราวต่อสภาทนายความมาแล้วเยอะแยะเลย รวมถึงคุณเดชาเองก็เคยร้องเรียนทนายตั้มเสียด้วยซ้ำ ตัวเองเคยร้องเรียนเอง แต่พอไกล่เกลี่ย เกี้ยเซียะกัน จะเกี้ยเซียะกันด้วยอะไร ผมไม่รู้ ทนายเดชาก็ถอนเรื่องไป แต่เรื่องก็ยังคาอยู่ที่การพิจารณาของคณะกรรมการมรรยาทฯ แม้คุณจะถอนเรื่องออกไปแล้วก็ตาม
    .
    จริงๆ วิธีการวางหมากของทนายตั้ม ษิทรา เบี้ยบังเกิด ในการจัดการเรื่องราวร้องเรียนต่อสภาทนายความที่มาถึงตนเองเป็นสิบเรื่องนั้น ไม่ได้แตกต่างกว่าวิธีของนายของทนายตั้ม คือ สุรเชชษฐ์ หักพาล ใช้เพื่อจัดการเรื่องราวร้องเรียนของตัวเองที่ถูกส่งไปยังคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เหมือนกัน โดยสุรเชชษฐ์ ใช้วิธีวางคนของตัวเองไว้ใน ป.ป.ช. ตั้งแต่ระดับกรรมการ ป.ป.ช. เรื่อยไปจนถึงเจ้าหน้าที่ระดับต่างๆ ของ ป.ป.ช. ยกตัวอย่างเช่น นายสมบัติ ธรธรรม แต่กรณีทนายตั้ม ษิทรา นั้น อาจจะเรียกได้ว่าหนักหนากว่า เพราะไม่ได้วางคนทั่วไป แต่วางญาติตัวเองไว้ในคณะกรรมการมรรยาทสภาทนายความชุดเก่าเลยทีเดียว ผมไม่อยากจะเอ่ยชื่อ ชื่อย่อก็ไม่อยากจะเอ่ย
    .
    ทนายเดชาและคุณษิทรา เรื่องของพวกคุณกับแก๊งทนายหิวแสงนั้น ยังมีอีกเยอะ แค่ข้อมูลของคุณษิทราที่มีคน inbox ส่งเรื่องเข้ามาให้ผมได้รับรู้ รับทราบ และคัดกรองนั้นคุณเดชา คุณษิทรา รู้ไหม มากมายมหาศาล วันๆ พวกผมไม่ต้องทำงานอื่นแล้ว เพราะเรื่องฉาวๆ ของแก๊งพวกคุณมันเยอะจริงๆ ผมนึกไม่ถึงว่าจะมีเรื่องราวที่เลวทรามต่ำช้าแบบนี้เกิดขึ้นในสังคมไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกิดขึ้นกับแวดวงทนาย ที่ผมบอกแล้วว่าเอาโจรมาเป็นทนาย
    .
    ทนายเดชา คุณใจเย็นๆ ผมจะค่อยๆ ทยอยเอามานำเสนอทีละเรื่องๆ คุณคอยฝึกร้องจุ๊กกรู้ๆ เหมือนที่คุณชอบร้องเวลาไลฟ์สดอยู่ประจำก็แล้วกัน เวลามีเรื่องจริงๆ กรุณาอย่าหายหน้าหายตาหลบไปเหมือนทนายษิทราเลยนะครับ
    "ทนายจุ๊กกรู้" ที่ผมก็ไม่อยากรู้จักด้วย . เมื่อวันจันทร์ที่่4พฤศจิกายนที่ผ่านมา ทนายเดชาออกรายการ "ถกไม่เถียง" ทางช่อง 7 กับคุณอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ในรายการ "ถกไม่เถียง" ทนายเดชากล่าวพาดพิงตอบโต้คณะกรรมการสภาทนายความ กรณีจะจัดการทนายโซเชียลที่เดินสายออกทีวี เนื่องจากได้ละเมิดต่อข้อบังคับของสภาทนายความว่าด้วยมรรยาททนายความ จนส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงองค์กรและสมาชิกทนายความส่วนใหญ่ . นายเดชาอ้างว่าสภาทนายความไม่ได้มีอำนาจพิพากษาทนายทำผิด ถือเป็นการกระทำเกินบทบาท เพราะสภาทนายความเป็นสภาวิชาชีพ แต่คนที่เป็นนายก และอุปนายก มาจากการเลือกตั้ง สามปีก็ไปแล้ว เป็นผู้ประกอบวิชาชีพ ไม่ใช่อยู่ดีๆ จะทำตัวเป็นศาล จะจัดระเบียบทนายโซเชียล จะไปเอากฎหมายอะไรมาจัดการได้ . อย่างที่ผมกล่าวไปแล้วในรายการวันศุกร์ที่แล้วว่าผมจะยื่นเรื่องต่อคณะกรรมการสภาทนายความชุดปัจจุบันให้ถอดถอนตั๋วทนายหรือใบอนุญาตเป็นทนายความของนายษิทรา เบี้ยบังเกิด เสีย เนื่องจากมีการกระทำผิดกฎหมายและละเมิดมรรยาททนายความอย่างร้ายแรงในหลายประเด็นด้วยกัน . แม้ผมจะไม่ใช่นักกฎหมาย ไม่ใช่ทนาย แต่ผมระแคะระคายว่าทนายตั้ม ษิทรา เคยถูกร้องเรียนเรื่องราวต่อสภาทนายความมาแล้วเยอะแยะเลย รวมถึงคุณเดชาเองก็เคยร้องเรียนทนายตั้มเสียด้วยซ้ำ ตัวเองเคยร้องเรียนเอง แต่พอไกล่เกลี่ย เกี้ยเซียะกัน จะเกี้ยเซียะกันด้วยอะไร ผมไม่รู้ ทนายเดชาก็ถอนเรื่องไป แต่เรื่องก็ยังคาอยู่ที่การพิจารณาของคณะกรรมการมรรยาทฯ แม้คุณจะถอนเรื่องออกไปแล้วก็ตาม . จริงๆ วิธีการวางหมากของทนายตั้ม ษิทรา เบี้ยบังเกิด ในการจัดการเรื่องราวร้องเรียนต่อสภาทนายความที่มาถึงตนเองเป็นสิบเรื่องนั้น ไม่ได้แตกต่างกว่าวิธีของนายของทนายตั้ม คือ สุรเชชษฐ์ หักพาล ใช้เพื่อจัดการเรื่องราวร้องเรียนของตัวเองที่ถูกส่งไปยังคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เหมือนกัน โดยสุรเชชษฐ์ ใช้วิธีวางคนของตัวเองไว้ใน ป.ป.ช. ตั้งแต่ระดับกรรมการ ป.ป.ช. เรื่อยไปจนถึงเจ้าหน้าที่ระดับต่างๆ ของ ป.ป.ช. ยกตัวอย่างเช่น นายสมบัติ ธรธรรม แต่กรณีทนายตั้ม ษิทรา นั้น อาจจะเรียกได้ว่าหนักหนากว่า เพราะไม่ได้วางคนทั่วไป แต่วางญาติตัวเองไว้ในคณะกรรมการมรรยาทสภาทนายความชุดเก่าเลยทีเดียว ผมไม่อยากจะเอ่ยชื่อ ชื่อย่อก็ไม่อยากจะเอ่ย . ทนายเดชาและคุณษิทรา เรื่องของพวกคุณกับแก๊งทนายหิวแสงนั้น ยังมีอีกเยอะ แค่ข้อมูลของคุณษิทราที่มีคน inbox ส่งเรื่องเข้ามาให้ผมได้รับรู้ รับทราบ และคัดกรองนั้นคุณเดชา คุณษิทรา รู้ไหม มากมายมหาศาล วันๆ พวกผมไม่ต้องทำงานอื่นแล้ว เพราะเรื่องฉาวๆ ของแก๊งพวกคุณมันเยอะจริงๆ ผมนึกไม่ถึงว่าจะมีเรื่องราวที่เลวทรามต่ำช้าแบบนี้เกิดขึ้นในสังคมไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกิดขึ้นกับแวดวงทนาย ที่ผมบอกแล้วว่าเอาโจรมาเป็นทนาย . ทนายเดชา คุณใจเย็นๆ ผมจะค่อยๆ ทยอยเอามานำเสนอทีละเรื่องๆ คุณคอยฝึกร้องจุ๊กกรู้ๆ เหมือนที่คุณชอบร้องเวลาไลฟ์สดอยู่ประจำก็แล้วกัน เวลามีเรื่องจริงๆ กรุณาอย่าหายหน้าหายตาหลบไปเหมือนทนายษิทราเลยนะครับ
    Like
    13
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 702 มุมมอง 0 รีวิว
  • สนธิสัญญาองค์การอนามัยโลก

    ประเทศไทยควรต้องสนใจกับข้อกำหนดสนธิสัญญากับองค์การอนามัยโลก

    รายชื่อคัดค้าน และรายละเอียด สนธิสัญญาขององค์การอนามัยโลกที่ เมื่อตกลง ต้องทำตาม
    อย่าง บิดพริ้วไม่ได้

    ปัจจุบันมีการลงขื่อ 60,000 ราย และ รวมทั้ง มีการคัดค้านจาก สมาพันธ์เครือข่ายชาวนาแห่งประเทศไทย
    ซึ่งถือว่าเป็นประชาชนรากหญ้าและได้รับผลกระทบ
    อย่างสูงเมื่อการดำรงชีวิต การเข้าถึงยาและสมุนไพรวิถีไทยจะถูกห้าม

    รายละเอียดเหล่านี้ ส่งถึง ท่าน รมต ประธานสภา และ กระทรวง สาธารณสุข
    ตั้งแต่พฤษภาคม 2567 จนถึงปัจจุบันนี้ คนไทยยังไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น

    และทางการ และรัฐบาล ควร ต้องชี้แจงให้คนไทยทุกคนทราบ

    และ รัฐบาล ทราบหรือไม่ว่า ควรต้องทำอะไร ทั้งๆที่ประเทศต่างๆทั่วโลกกังวล

    ทั้งนี้ ต้องไม่ลืมว่าประเทศไทยมีทรัพยากรสมุนไพรธรรมชาติที่ใช้กันมาเนิ่นนานแล้ว แต่ถูกด้อยค่าไปตามลำดับ

    และต้องตระหนักว่าสมุนไพรเหล่านี้ปัจจุบันมีการศึกษาวิจัยเพื่อพัฒนาเป็นยาและส่งกลับมาขาย ทั้งนี้ไม่ว่าจะเป็นขมิ้นชัน ฟ้าทะลายโจร และตัวอื่นๆ โดยศึกษาในขั้นโมเลกุลและผลตรงกับที่บรรพบุรุษไทยได้จารึกสรรพคุณไว้ตั้งแต่สมัยต้นรัชกาล ด้วยซ้ำ
    ในตำราแพทย์ไทยนั้น

    ยกตัวอย่างเช่นรูปลักษณะของฝีดาษได้บรรยายไว้ 12 ชนิด ซึ่งตรงกับ 12 ไวรัสในตระกูลฝีดาษที่เราทราบกันในปัจจุบัน และมีการระบุสมุนไพรแต่ละประเภทตามความรุนแรงของชนิดฝีดาษ

    ข้อมูลรายละเอียดของการคัดค้าน WHO 24 พค.67
    https://drive.google.com/drive/folders/1GyWC2OcVnUkglL7YUtFRum8S_TqZvmIU

    ความสำคัญของ สนธิสัญญาขององค์การอนามัยโลกต่อภาคีเครือข่ายรวมกระทั่งถึงประเทศไทย
    ถ้าอยู่ภายใต้ สนธิสัญญานี้ จะบิดพริ้วมิได้
    และจะเกิด ผลกระทบติดตามมากมาย หลายเรื่อง เช่น
    1- องค์การอนามัยโลกสามารถประกาศโรคระบาดใดให้เป็น สถานการณ์โรค ระบาดทั้งโลกได้ โดยไม่ต้องฟัง ข้อมูลรายละเอียดจากพื้นที่ให้ครบทุกด้าน
    2- เมื่อประกาศแล้วเราต้องทำตามทุกอย่าง และไม่สามารถทำอะไรที่ควรจะทำได้
    3- วัคซีนต้องฉีดตามองค์การอนามัยโลกสั่ง โดย องค์การอนามัยโลก ไม่ต้อง มีความรับผิดชอบ ถ้าเกิดมีผลข้างเคียง ไม่ว่าจะรุนแรงเท่าใด เพราะถือว่า ได้รับสิทธิ์และถืออำนาจสั่งการได้อย่างสมบูรณ์
    4-ยา ต้องใช้ตามที่สั่งโดยไม่บิดพลิ้ว นั่นคือยาต้องสั่งจากต่างประเทศอย่างเดียว และยาที่ผลิตจากวัตถุดิบจากประเทศในเอเชียจะถูกมองว่าไม่มีประสิทธิภาพไม่ได้มาตรฐานและมีอันตรายทันที หรือไม่
    5- สมุนไพรที่พิสูจน์แล้วว่าใช้ได้ เป็นไปไม่ได้ที่จะมีการใช้และจะมีการออกประกาศโดยกระทรวงทบวงกรมสถาบันโรงเรียนแพทย์โดยถือว่าเป็นคำสั่งหรือข้อแนะนำจากองค์การอนามัยโลกและผ่านมาทาง อย สหรัฐ ศูนย์ควบคุมป้องกันโรคของสหรัฐ
    6- สามารถที่จะเซ็นเซอร์ทุกอย่างได้ที่เกี่ยวกับข้อมูลที่ควรจะเป็น ไม่ว่าเป็นผลข้างเคียงผลแทรกซ้อนของวัคซีนและยาที่องค์การอนามัยโลกสั่ง
    ประชาชนไม่สามารถสื่อสารการใช้ยาที่คนไทยใช้อยู่แล้วในพื้นที่ และมีหน่วยงานที่เซ็นเซอร์โดยจัดให้เป็นข้อมูลเท็จ misinformation ผ่านทางหน่วยงานของรัฐ จากองค์กร และสู่ประชาชนทั้งประเทศให้เชื่อฟัง

    ทั้งนี้จะมีหน่วยงานที่สอดส่องโดยใช้ปัญญาประดิษฐ์และทำการถอดถอนข้อมูล ดิสเครดิต ผู้ที่ให้ข้อมูลทันที มีหน่วยงานลักษณะนี้ รวมทั้งกระทรวงของรัฐที่ทำตามกระบวนการนี้

    สิ่งที่กล่าวนี้เกิดขึ้นแล้ว ในช่วงโควิด และเป็นที่ประจักษ์ในเรื่องของผลกระทบผลข้างเคียง ของสิ่งที่ฉีด

    โดยที่ทางการของประเทศ ไทยเองประกาศทั่วประเทศเมื่อต้นปี 2567 ว่า
    ผลกระทบร้ายแรงและถึงแก่ชีวิตทั้งประเทศมีเพียงห้าราย
    โดยที่ตัวเลขห้ารายนี้ จะเทียบกับหนึ่งในล้าน ซึ่ง
    เป็นตัวเลขที่ยอมรับได้ตามประกาศขององค์การอนามัยโลก
    ทั้งๆที่รายอื่นเป็น 10,000 เป็น 100,000 ถูกปัดว่าไม่มีความเกี่ยวข้อง และถึงกระทั่งให้หาข้อพิสูจน์มา เอง โดยที่การพิสูจน์ หรือชันสูตรศพ ทาง วิทยาศาสตร์นั้นต้องการทุนไม่ต่ำกว่า 500,000 บาท

    สิ่งเหล่านี้ปรากฏขึ้นแล้วและจะรุนแรงขึ้นอีกหลายเท่าถ้าตกอยู่ในสนธิสัญญานี้

    วัคซีนในปัจจุบันและต่อจากนี้ในมนุษย์และสัตว์ใช้เทคโนโลยี ที่ใช้กับโควิด ทั้งนี้โดยอ้างว่า ได้ใช้กับประชาชนทั่วโลกแล้วและผลกระทบไม่ได้เกิดจากวัคซีน

    นสพ มติชน ฉบับพิมพ์
    ท็อล์กออฟเดอะทาวน์
    10 พย 2567

    กระบวนการรวบรวมรายชื่อคัดค้านและนำส่งทางการของประเทศไทยโดยกลุ่มแพทย์และประชาชนไทยพิทักษ์สิทธิ์

    รวบรวมข้อมูลโดย
    ศ นพ ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา
    ที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก
    มหาวิทยาลัยรังสิต
    สนธิสัญญาองค์การอนามัยโลก ประเทศไทยควรต้องสนใจกับข้อกำหนดสนธิสัญญากับองค์การอนามัยโลก รายชื่อคัดค้าน และรายละเอียด สนธิสัญญาขององค์การอนามัยโลกที่ เมื่อตกลง ต้องทำตาม อย่าง บิดพริ้วไม่ได้ ปัจจุบันมีการลงขื่อ 60,000 ราย และ รวมทั้ง มีการคัดค้านจาก สมาพันธ์เครือข่ายชาวนาแห่งประเทศไทย ซึ่งถือว่าเป็นประชาชนรากหญ้าและได้รับผลกระทบ อย่างสูงเมื่อการดำรงชีวิต การเข้าถึงยาและสมุนไพรวิถีไทยจะถูกห้าม รายละเอียดเหล่านี้ ส่งถึง ท่าน รมต ประธานสภา และ กระทรวง สาธารณสุข ตั้งแต่พฤษภาคม 2567 จนถึงปัจจุบันนี้ คนไทยยังไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น และทางการ และรัฐบาล ควร ต้องชี้แจงให้คนไทยทุกคนทราบ และ รัฐบาล ทราบหรือไม่ว่า ควรต้องทำอะไร ทั้งๆที่ประเทศต่างๆทั่วโลกกังวล ทั้งนี้ ต้องไม่ลืมว่าประเทศไทยมีทรัพยากรสมุนไพรธรรมชาติที่ใช้กันมาเนิ่นนานแล้ว แต่ถูกด้อยค่าไปตามลำดับ และต้องตระหนักว่าสมุนไพรเหล่านี้ปัจจุบันมีการศึกษาวิจัยเพื่อพัฒนาเป็นยาและส่งกลับมาขาย ทั้งนี้ไม่ว่าจะเป็นขมิ้นชัน ฟ้าทะลายโจร และตัวอื่นๆ โดยศึกษาในขั้นโมเลกุลและผลตรงกับที่บรรพบุรุษไทยได้จารึกสรรพคุณไว้ตั้งแต่สมัยต้นรัชกาล ด้วยซ้ำ ในตำราแพทย์ไทยนั้น ยกตัวอย่างเช่นรูปลักษณะของฝีดาษได้บรรยายไว้ 12 ชนิด ซึ่งตรงกับ 12 ไวรัสในตระกูลฝีดาษที่เราทราบกันในปัจจุบัน และมีการระบุสมุนไพรแต่ละประเภทตามความรุนแรงของชนิดฝีดาษ ข้อมูลรายละเอียดของการคัดค้าน WHO 24 พค.67 https://drive.google.com/drive/folders/1GyWC2OcVnUkglL7YUtFRum8S_TqZvmIU ความสำคัญของ สนธิสัญญาขององค์การอนามัยโลกต่อภาคีเครือข่ายรวมกระทั่งถึงประเทศไทย ถ้าอยู่ภายใต้ สนธิสัญญานี้ จะบิดพริ้วมิได้ และจะเกิด ผลกระทบติดตามมากมาย หลายเรื่อง เช่น 1- องค์การอนามัยโลกสามารถประกาศโรคระบาดใดให้เป็น สถานการณ์โรค ระบาดทั้งโลกได้ โดยไม่ต้องฟัง ข้อมูลรายละเอียดจากพื้นที่ให้ครบทุกด้าน 2- เมื่อประกาศแล้วเราต้องทำตามทุกอย่าง และไม่สามารถทำอะไรที่ควรจะทำได้ 3- วัคซีนต้องฉีดตามองค์การอนามัยโลกสั่ง โดย องค์การอนามัยโลก ไม่ต้อง มีความรับผิดชอบ ถ้าเกิดมีผลข้างเคียง ไม่ว่าจะรุนแรงเท่าใด เพราะถือว่า ได้รับสิทธิ์และถืออำนาจสั่งการได้อย่างสมบูรณ์ 4-ยา ต้องใช้ตามที่สั่งโดยไม่บิดพลิ้ว นั่นคือยาต้องสั่งจากต่างประเทศอย่างเดียว และยาที่ผลิตจากวัตถุดิบจากประเทศในเอเชียจะถูกมองว่าไม่มีประสิทธิภาพไม่ได้มาตรฐานและมีอันตรายทันที หรือไม่ 5- สมุนไพรที่พิสูจน์แล้วว่าใช้ได้ เป็นไปไม่ได้ที่จะมีการใช้และจะมีการออกประกาศโดยกระทรวงทบวงกรมสถาบันโรงเรียนแพทย์โดยถือว่าเป็นคำสั่งหรือข้อแนะนำจากองค์การอนามัยโลกและผ่านมาทาง อย สหรัฐ ศูนย์ควบคุมป้องกันโรคของสหรัฐ 6- สามารถที่จะเซ็นเซอร์ทุกอย่างได้ที่เกี่ยวกับข้อมูลที่ควรจะเป็น ไม่ว่าเป็นผลข้างเคียงผลแทรกซ้อนของวัคซีนและยาที่องค์การอนามัยโลกสั่ง ประชาชนไม่สามารถสื่อสารการใช้ยาที่คนไทยใช้อยู่แล้วในพื้นที่ และมีหน่วยงานที่เซ็นเซอร์โดยจัดให้เป็นข้อมูลเท็จ misinformation ผ่านทางหน่วยงานของรัฐ จากองค์กร และสู่ประชาชนทั้งประเทศให้เชื่อฟัง ทั้งนี้จะมีหน่วยงานที่สอดส่องโดยใช้ปัญญาประดิษฐ์และทำการถอดถอนข้อมูล ดิสเครดิต ผู้ที่ให้ข้อมูลทันที มีหน่วยงานลักษณะนี้ รวมทั้งกระทรวงของรัฐที่ทำตามกระบวนการนี้ สิ่งที่กล่าวนี้เกิดขึ้นแล้ว ในช่วงโควิด และเป็นที่ประจักษ์ในเรื่องของผลกระทบผลข้างเคียง ของสิ่งที่ฉีด โดยที่ทางการของประเทศ ไทยเองประกาศทั่วประเทศเมื่อต้นปี 2567 ว่า ผลกระทบร้ายแรงและถึงแก่ชีวิตทั้งประเทศมีเพียงห้าราย โดยที่ตัวเลขห้ารายนี้ จะเทียบกับหนึ่งในล้าน ซึ่ง เป็นตัวเลขที่ยอมรับได้ตามประกาศขององค์การอนามัยโลก ทั้งๆที่รายอื่นเป็น 10,000 เป็น 100,000 ถูกปัดว่าไม่มีความเกี่ยวข้อง และถึงกระทั่งให้หาข้อพิสูจน์มา เอง โดยที่การพิสูจน์ หรือชันสูตรศพ ทาง วิทยาศาสตร์นั้นต้องการทุนไม่ต่ำกว่า 500,000 บาท สิ่งเหล่านี้ปรากฏขึ้นแล้วและจะรุนแรงขึ้นอีกหลายเท่าถ้าตกอยู่ในสนธิสัญญานี้ วัคซีนในปัจจุบันและต่อจากนี้ในมนุษย์และสัตว์ใช้เทคโนโลยี ที่ใช้กับโควิด ทั้งนี้โดยอ้างว่า ได้ใช้กับประชาชนทั่วโลกแล้วและผลกระทบไม่ได้เกิดจากวัคซีน นสพ มติชน ฉบับพิมพ์ ท็อล์กออฟเดอะทาวน์ 10 พย 2567 กระบวนการรวบรวมรายชื่อคัดค้านและนำส่งทางการของประเทศไทยโดยกลุ่มแพทย์และประชาชนไทยพิทักษ์สิทธิ์ รวบรวมข้อมูลโดย ศ นพ ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต
    Like
    Love
    13
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 592 มุมมอง 0 รีวิว
  • #ทุกวันนี้วิธีการแบบเก่าๆที่เหมือนการนำน้ำเมาย้ายมาใส่ในขวดใหม่จริงๆ
    ก่อนอื่น ต้องเข้าใจนิยามของคำว่า เชิงหมาแก่ก่อน
    — อาการ 'ฟอร์มหมาแก่' อธิบายง่ายๆ ก็คือ คนที่ชอบแสดงออกให้เพื่อนรู้แบบหนึ่ง แต่จริงๆ ตั้งใจอีกอย่าง
    ยกตัวอย่างนักข่าว ที่ชื่อดนัย หรือที่พี่คิงส์มักเรียกแกว่า ดนูยหมาแก่ ไม่ได้แซะนะ แกเรียกตัวเองว่าหมาแก่จริงๆ สาเหตุก็เพราะแกมีวิธีการนำเสนอข่าวแบบนี้ ทำติดอ่างบ้าง พูดกำกวมบ้าง จนคนในวงการสื่อเรียกว่า ไอ่ดนัย ฟอร์มหมาแก่ เรื่องนี้นี่รู้กันเฉพาะสายสื่อสารมวลชนเลยนะ
    วีรกรรมของดนัย มีเยอะมากนะ แต่ที่เป็นผลงานชิ้นโบว์แดงจริงๆก็คือ เทพโจ๊กของกระผ๊ม ที่ดนัยใช้คำนี้เรียกแทนชื่อบิ๊กโจ๊ก หรือนายสุรเชษฐ์ หักพาล
    ที่เริ่มสตาร์ทด้วยการยกโจ๊กเข้ามาให้เป็นจุดสนใจของสังคม พร้อมเปิดแอร์ทาร์มให้สัมภาษณ์ จนกลายเป็นรายการพีอาร์ของโจ๊ก นอกจากนั้นประเด็นใดก็ตามที่อาจเป็นภาพลบให้โจ๊ก ดนัยจะให้โอกาสในการชี้แจง และใช้สไตล์การพูดแบบกำกวม หรือเบี่ยงเบนประเด็นให้สังคมเข้าใจไปในแบบที่โจ๊กต้องการ เช่น การที่โจ๊กถูกเปิดเผยเรื่องเงินดาร์ค และถูกตั้งกรรมการสอบ ดนัยได้สร้างวาทะกรรม ว่าเป็นเรื่องของตร.มีปัญหากัน ระหว่างรองผบตร.สองคน ในเวลานั้น ทั้งๆที่สิ่งที่โจ๊กถูกสอบล้วนมีหลักฐานและพยานที่ชัดเจน จนท้ายที่สุดกรรมได้ตามทันโจ๊ก และดนัยก็สละเรือในวันนี้ นี่คือตัวอย่างของนักข่าวที่อ้างตัวว่าเป็นกลาง แต่ใช้ฟอร์มหมาแก่ เพื่อซักฟอกผู้ว่าจ้าง ที่มีความชัดเจนเหมาะสมต่อการยกตัวอย่าง
    - ส่วนของทนายเดชา ที่พูดเสมอว่า ตนเองเป็นกลาง แต่ในหลายๆครั้ง ทนายเดชาแสดงตัวอยู่ข้างบุคคลที่เป็นคนที่สังคมไทย มองว่าซั่ว ตั้งแต่ครู่จุ๋ม กับการกระทำต่อน้องอนุบาล รวมถึงอีกหลายกรณี โดยทุกครั้งที่คนไทยแสดงออกถึงความไม่เห็นด้วย เดชา ก็จะเย้ยหยันกลับมา ด้วยคำว่า จุ๊กกรู๊ และล่าสุด กับเรื่องของตั้ม ที่สื่อทุกช่องต่างออกมาเปิดเผยเรื่องราว รวมทั้งผสห. อย่างเจ๊อ้อย เรียกได้ว่า ทุกสื่อไปในทิศทางเดียวกัน แต่เดชา ที่บอกว่าตนเองนั้นเป็นกลาง และเป็นผู้ให้ความรู้ด้านกฏหมาย กลับให้ข้อมูลในเชิงการยืนยันของความบริสุทธิ์ของตั้ม จนโดนสื่อตำนานอย่างสนธิ ลิ้มทองกุล ออกมาปรามและท้าให้ดนคด. แต่เดชาก็อยู่เป็น ไลฟ์สดว่า จะทำทำไมไม่มีประโยชน์ และอธิบายเพิ่มว่า ทางสนธิ มีข้อมูลจาก ผสห. แต่ตน มีข้อมูลจากตั้ม มันคนละชุดข้อมูล
    - จากที่พี่คิงส์ฯฟังตั้งแต่ต้นจนจบ ก็ยอมรับว่า เดชา ควรแสดงตนในฐานะที่เป็นคนที่มีความรู้ด้านกฏหมาย ด้วยการปกป้องประชาชน ไม่ใช่ปกป้องคนซั่ว อายุก็เริ่มมากขึ้นแล้ว ร่องรอยแห่งความชราก็มาปรากฏเต็มใบหน้า อยากให้เดชามีภาพจำที่ดีสำหรับคนไทย เลิกเหอะ วิธีการมีแสง ด้วยการยืนขวางความถูกต้อง โดยไม่แยแสความรู้สึกของ ผสห เอาพรรคเอาพวก ไม่มีความยั่งยืน กับชื่อเสียงที่ได้มาจากวิธีการแบบนี้ เลิกใช้ "ฟอร์มหมาแก่" เสียที
    เชื่อพี่คิงส์ฯ
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    #ทุกวันนี้วิธีการแบบเก่าๆที่เหมือนการนำน้ำเมาย้ายมาใส่ในขวดใหม่จริงๆ ก่อนอื่น ต้องเข้าใจนิยามของคำว่า เชิงหมาแก่ก่อน — อาการ 'ฟอร์มหมาแก่' อธิบายง่ายๆ ก็คือ คนที่ชอบแสดงออกให้เพื่อนรู้แบบหนึ่ง แต่จริงๆ ตั้งใจอีกอย่าง ยกตัวอย่างนักข่าว ที่ชื่อดนัย หรือที่พี่คิงส์มักเรียกแกว่า ดนูยหมาแก่ ไม่ได้แซะนะ แกเรียกตัวเองว่าหมาแก่จริงๆ สาเหตุก็เพราะแกมีวิธีการนำเสนอข่าวแบบนี้ ทำติดอ่างบ้าง พูดกำกวมบ้าง จนคนในวงการสื่อเรียกว่า ไอ่ดนัย ฟอร์มหมาแก่ เรื่องนี้นี่รู้กันเฉพาะสายสื่อสารมวลชนเลยนะ วีรกรรมของดนัย มีเยอะมากนะ แต่ที่เป็นผลงานชิ้นโบว์แดงจริงๆก็คือ เทพโจ๊กของกระผ๊ม ที่ดนัยใช้คำนี้เรียกแทนชื่อบิ๊กโจ๊ก หรือนายสุรเชษฐ์ หักพาล ที่เริ่มสตาร์ทด้วยการยกโจ๊กเข้ามาให้เป็นจุดสนใจของสังคม พร้อมเปิดแอร์ทาร์มให้สัมภาษณ์ จนกลายเป็นรายการพีอาร์ของโจ๊ก นอกจากนั้นประเด็นใดก็ตามที่อาจเป็นภาพลบให้โจ๊ก ดนัยจะให้โอกาสในการชี้แจง และใช้สไตล์การพูดแบบกำกวม หรือเบี่ยงเบนประเด็นให้สังคมเข้าใจไปในแบบที่โจ๊กต้องการ เช่น การที่โจ๊กถูกเปิดเผยเรื่องเงินดาร์ค และถูกตั้งกรรมการสอบ ดนัยได้สร้างวาทะกรรม ว่าเป็นเรื่องของตร.มีปัญหากัน ระหว่างรองผบตร.สองคน ในเวลานั้น ทั้งๆที่สิ่งที่โจ๊กถูกสอบล้วนมีหลักฐานและพยานที่ชัดเจน จนท้ายที่สุดกรรมได้ตามทันโจ๊ก และดนัยก็สละเรือในวันนี้ นี่คือตัวอย่างของนักข่าวที่อ้างตัวว่าเป็นกลาง แต่ใช้ฟอร์มหมาแก่ เพื่อซักฟอกผู้ว่าจ้าง ที่มีความชัดเจนเหมาะสมต่อการยกตัวอย่าง - ส่วนของทนายเดชา ที่พูดเสมอว่า ตนเองเป็นกลาง แต่ในหลายๆครั้ง ทนายเดชาแสดงตัวอยู่ข้างบุคคลที่เป็นคนที่สังคมไทย มองว่าซั่ว ตั้งแต่ครู่จุ๋ม กับการกระทำต่อน้องอนุบาล รวมถึงอีกหลายกรณี โดยทุกครั้งที่คนไทยแสดงออกถึงความไม่เห็นด้วย เดชา ก็จะเย้ยหยันกลับมา ด้วยคำว่า จุ๊กกรู๊ และล่าสุด กับเรื่องของตั้ม ที่สื่อทุกช่องต่างออกมาเปิดเผยเรื่องราว รวมทั้งผสห. อย่างเจ๊อ้อย เรียกได้ว่า ทุกสื่อไปในทิศทางเดียวกัน แต่เดชา ที่บอกว่าตนเองนั้นเป็นกลาง และเป็นผู้ให้ความรู้ด้านกฏหมาย กลับให้ข้อมูลในเชิงการยืนยันของความบริสุทธิ์ของตั้ม จนโดนสื่อตำนานอย่างสนธิ ลิ้มทองกุล ออกมาปรามและท้าให้ดนคด. แต่เดชาก็อยู่เป็น ไลฟ์สดว่า จะทำทำไมไม่มีประโยชน์ และอธิบายเพิ่มว่า ทางสนธิ มีข้อมูลจาก ผสห. แต่ตน มีข้อมูลจากตั้ม มันคนละชุดข้อมูล - จากที่พี่คิงส์ฯฟังตั้งแต่ต้นจนจบ ก็ยอมรับว่า เดชา ควรแสดงตนในฐานะที่เป็นคนที่มีความรู้ด้านกฏหมาย ด้วยการปกป้องประชาชน ไม่ใช่ปกป้องคนซั่ว อายุก็เริ่มมากขึ้นแล้ว ร่องรอยแห่งความชราก็มาปรากฏเต็มใบหน้า อยากให้เดชามีภาพจำที่ดีสำหรับคนไทย เลิกเหอะ วิธีการมีแสง ด้วยการยืนขวางความถูกต้อง โดยไม่แยแสความรู้สึกของ ผสห เอาพรรคเอาพวก ไม่มีความยั่งยืน กับชื่อเสียงที่ได้มาจากวิธีการแบบนี้ เลิกใช้ "ฟอร์มหมาแก่" เสียที เชื่อพี่คิงส์ฯ #คิงส์โพธิ์แดง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    Like
    Haha
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 836 มุมมอง 0 รีวิว
  • กลุ่มอาการหลังวัคซีนโควิด (ตอนที่ 1)

    ประโยชน์ของวัคซีนก็คือป้องกันโรค รวมทั้งลดอาการหนัก การตายและในขณะเดียวกันจำเป็นต้องทราบผลข้างเคียงผลแทรกซ้อนในระยะเวลาต่างๆ ตั้งแต่ได้รับวัคซีนนาทีแรกจนกระทั่งถึงระยะกลางเป็นสัปดาห์และระยะยาวเป็นเดือนและสิ่งที่ทอดยาวไปเป็นปี

    วัคซีนโควิดเช่นกันในช่วงที่มีการระบาดรุนแรงจำเป็นต้องใช้ในสถานการณ์ฉุกเฉิน และเป้าหมายของทุกประเทศรวมทั้งประเทศไทยด้วยก็คือ ให้ทุกคนได้รับวัคซีนทั้งนี้เพื่อทำให้ระบบสาธารณสุขไม่พังพาบ จนรับผู้ป่วยโควิดไม่ไหว
    แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องมีระบบในการรองรับเพื่อประเมิน ผลข้างเคียงเพื่อให้เกิดความปลอดภัยสูงสุดในคนที่ได้รับวัคซีนโดยที่เป็นคนที่ยังสุขภาพดีแข็งแรงจนกระทั่งมีโรคประจำตัวอื่นๆ

    รายงานในวารสารทางการแพทย์ของอังกฤษ British Medical Journal ในวันที่ 10 พฤศจิกายน 2023 ตั้งคำถามถึงระบบในสหรัฐที่รับรายงานผลแทรกซ้อนของวัคซีนที่เรียกว่า vaccine adverse event reporting system (VAERS) ทั้งนี้ยกตัวอย่างหมอสหรัฐที่ได้รับวัคซีนและเกิดผลกระทบอย่างรุนแรง พยายามที่จะรายงานเข้าระบบ แต่ไม่ประสบผลสำเร็จเท่าใดนักรวมทั้งเป็นความซับซ้อนที่จะได้รับการติดตามสืบหารายละเอียดต่อ
    (Is the US’s Vaccine Adverse Event Reporting System broken?BMJ Investigation BMJ 2023; 383 doi: https://doi.org/10.1136/bmj.p2582 (Published 10 November 2023) Cite this as: BMJ 2023;383:p2582)
    ระบบในการรายงานในประเทศต่างๆไม่เฉพาะแต่ในประเทศอเมริกา แม้แต่ในยุโรปและในอังกฤษเองก็มีปัญหา ซึ่งแตกต่างกับระบบในประเทศเกาหลี ดังที่มีรายงานอุบัติการของหัวใจอักเสบหลังได้รับวัคซีน
    เอ็มอาร์เอ็นเอ โดยเป็นการเปิดรายงานแบบอิสระและแทบจะเป็นเรียวไทม์ โดยกฎเกณฑ์ของเงื่อนไขหัวใจอักเสบนั้นตัดสาเหตุอื่น ที่ทำให้หัวใจอักเสบได้ทั้งหมดจนเหลือแต่วัคซีนและตัวเลขที่ได้นั้นยังต่ำกว่าความเป็นจริง ด้วยซ้ำ และถึงแม้ว่าอุบัติการของหัวใจอักเสบอย่างเดียวจะอยู่ที่ประมาณหนึ่งใน 100,000 แต่ความรุนแรงนั้นมากจนกระทั่งถึงต้องเข้าไอซียูหัวใจวายได้รับการรักษาอย่างเข้มข้นจนกระทั่งมีการเปลี่ยนหัวใจ (บทความสุขภาพพรรษาไทยรัฐหัวใจอักเสบจากวัคซีน)

    ในประเทศไทยเองนั้นดำเนินตามประเทศต่างๆที่ให้มีการฉีดวัคซีนครอบคลุมได้มากที่สุด ดังนั้นจะพบได้ว่ามีรายงานที่ได้รับการปฏิเสธว่าไม่เกี่ยวข้องกันหรือให้มีการพิสูจน์ก่อนว่าวัคซีนเป็นสาเหตุ ซึ่งอาจจะแทบเป็นไปไม่ได้ในผู้ที่ได้รับผลกระทบและแพทย์ที่ ดูคนไข้เพราะต้องมีการสืบสวนหาสาเหตุด้วยการตรวจทางห้องปฏิบัติการหลายชนิดด้วยกัน

    ยกตัวอย่างเช่นเด็กผู้ชายอายุ 14 ขวบได้รับวัคซีน
    เอ็มอาร์เอ็นเอสามเข็ม โดยเข็มสุดท้ายเก้าเดือนก่อนที่จะมีอาการของหัวใจอักเสบหัวใจวาย รุนแรง และกล้ามเนื้อแขนขาอักเสบอัมพาตยกแขนขาไม่ได้ เมื่อดูเงื่อนไขของเวลาเผินๆ อาจจะตัดประเด็นของวัคซีนได้เลย แต่การสืบหาสาเหตุอย่างอื่นทั้งตัวไวรัสโควิดและไวรัสอีกหลายชนิดทั้งหมด รวมทั้งภาวะภูมิแปรปรวนที่ทำให้เกิดการอักเสบ อีกทั้งสามารถตรวจพบเศษของวัคซีนในกล้ามเนื้อหัวใจและมีการอักเสบอย่างรุนแรงในกล้ามเนื้อหัวใจ ทั้งนี้ได้รับการรักษาด้วยการเปลี่ยนถ่ายน้ำเหลือง และการให้สารสกัดน้ำเหลือง ตลอดจนยากดภูมิคุ้มกัน แม้ว่าหัวใจอักเสบหัวใจวายจะดีขึ้นแต่แขนขายังขยับไม่ได้ ทั้งหมดนี้ต้องใช้การตรวจในห้องปฏิบัติการการรักษาในระดับเป็น 100,000 เป็นล้านบาทต่อหนึ่งคน

    เหล่านี้เป็นตัวอย่างหนึ่งที่แสดงถึงความยากลำบากในการพิสูจน์ความเกี่ยวโยงกับวัคซีน
    แต่ทั้งนี้เริ่มมีการวิเคราะห์สาเหตุการตายที่สูงเกินกว่าที่ จะอธิบายได้เมื่อเทียบ ในช่วงเวลาก่อนโควิด ในระหว่างการระบาดของโควิดและหลังจากระบาดเริ่มสงบไปแล้ว และในช่วงที่เริ่มมีการใช้วัคซีน ที่เรียกว่าอัตรา excess deaths
    และนอกจากนั้นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นที่ทอดยาวเป็นเวลานานเกินกว่าสามเดือนหลังจากติดเชื้อโควิดที่เรียกว่าลองโควิด (long covid) โดยมีทั้งอาการทางระบบหัวใจและปอด ระบบสมองประสาทและกล้ามเนื้อ ภาวะที่มีการอักเสบของผิวหนัง เส้นเอ็นพังผืด กล้ามเนื้อ ข้อ ตลอดจนการปะทุขึ้นของโรคที่ไม่เคยเป็นมาก่อนหรือโรคที่สงบไปแล้ว รวมทั่งมะเร็งและการเกิดเริม งูสวัดซึ่งไวรัสเหล่านี้เป็นไวรัสที่ซ่อนอยู่ในร่างกายจากการติดเชื้อเนิ่นนานมาแล้ว และถูกกดไม่ให้แสดงตัวออกมาจากการควบคุมของระบบภูมิคุ้มกันที่แข็งแรงของร่างกาย และยังรวมถึง การนอนหลับที่ผิดปกติหลับยากหลับกระท่อนกระแท่น จนถึงฮอร์โมนแปรปรวนทั้งผู้ชายและผู้หญิง
    การติดตามผู้ที่ได้รับผล
    กระทบในลักษณะนี้โดยอาการขณะที่เป็นโควิดไม่รุนแรงแต่อาการหลังจากนั้นกลับรุนแรงและยืดยาว และสืบค้นผู้ได้รับผลกระทบจากวัคซีนชนิดต่างๆ ทั้งหมดแล้วเกือบ 100 รายด้วยกัน โดยติดตามหลายวาระเป็นเวลานานกว่าหนึ่งปี

    สิ่งที่น่าตกใจก็คือแม้ว่าอาการตอนแรกหลังจากติดเชื้อโควิดหรือหลังจากได้รับวัคซีนมีผลไม่มากนักแต่ระยะต่อมามีผลกระทบแม้ว่าอาการจะเริ่มสงบไปแล้วก็ตาม โดยผลกระทบ สามารถพิสูจน์ได้ด้วยการวิเคราะห์การอักเสบในเลือด13 ชนิด และผลกระทบต่อสมองโดยมีการจุดปะทุ ของการอักเสบในสมองจากเซลล์ Astroglia microglia ที่เรียกว่า GFAP และมีระดับของ โปรตีน พิษอัลไซเมอร์ในสมองรวมทั้งมีการทำลายเนื้อสมอง ด้วย (จากการตรวจค่า NFL)

    ลักษณะนี้ทำให้ต้องตระหนักว่าภาวะสมองเสื่อมได้เกิดขึ้นเงียบๆ โดยไม่แสดงอาการด้วยซ้ำและจะสามารถดำเนินต่อไปได้จากภาวะของโรคเมตาบอลิค ของตนเองทั้งอ้วน เบาหวานความดันสูง การไม่ออกกำลัง อาหารที่มากด้วยเนื้อสัตว์การขาดการบริโภคผักผลไม้กากไย

    สมองเสื่อมในลักษณะนี้เป็นที่ตระหนักและมีการประกาศจากสมาคมสมองเสื่อมของสหรัฐและนานาชาติมาตั้งแต่ช่วงโควิดจนกระทั่งถึงปัจจุบัน

    จากการวิเคราะห์วัคซีนทั้งไฟเซอร์และโมเดนา จากคณะทำงาน ยังพบว่านอกจากเอ็มอาร์เอ็นเอแล้ว ยังมีหลาย พันล้านก๊อปปี้ ของ ดีเอ็นเอและส่วนที่กระตุ้นให้สามารถทำงานได้ดีขึ้นเมื่อเสียบเข้าไปในเซลล์ ทั้ง ori และ SV 40 promoter ทั้งนี้จากกระบวนการผลิตเพื่อให้ได้วัคซีนเพียงพอกับความต้องการโดยการใช้
    พลาสมิด(บทความสุขภาพหรรษาไทยรัฐ)

    ศ นพ ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา
    ที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก
    มหาวิทยาลัยรังสิต
    กลุ่มอาการหลังวัคซีนโควิด (ตอนที่ 1) ประโยชน์ของวัคซีนก็คือป้องกันโรค รวมทั้งลดอาการหนัก การตายและในขณะเดียวกันจำเป็นต้องทราบผลข้างเคียงผลแทรกซ้อนในระยะเวลาต่างๆ ตั้งแต่ได้รับวัคซีนนาทีแรกจนกระทั่งถึงระยะกลางเป็นสัปดาห์และระยะยาวเป็นเดือนและสิ่งที่ทอดยาวไปเป็นปี วัคซีนโควิดเช่นกันในช่วงที่มีการระบาดรุนแรงจำเป็นต้องใช้ในสถานการณ์ฉุกเฉิน และเป้าหมายของทุกประเทศรวมทั้งประเทศไทยด้วยก็คือ ให้ทุกคนได้รับวัคซีนทั้งนี้เพื่อทำให้ระบบสาธารณสุขไม่พังพาบ จนรับผู้ป่วยโควิดไม่ไหว แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องมีระบบในการรองรับเพื่อประเมิน ผลข้างเคียงเพื่อให้เกิดความปลอดภัยสูงสุดในคนที่ได้รับวัคซีนโดยที่เป็นคนที่ยังสุขภาพดีแข็งแรงจนกระทั่งมีโรคประจำตัวอื่นๆ รายงานในวารสารทางการแพทย์ของอังกฤษ British Medical Journal ในวันที่ 10 พฤศจิกายน 2023 ตั้งคำถามถึงระบบในสหรัฐที่รับรายงานผลแทรกซ้อนของวัคซีนที่เรียกว่า vaccine adverse event reporting system (VAERS) ทั้งนี้ยกตัวอย่างหมอสหรัฐที่ได้รับวัคซีนและเกิดผลกระทบอย่างรุนแรง พยายามที่จะรายงานเข้าระบบ แต่ไม่ประสบผลสำเร็จเท่าใดนักรวมทั้งเป็นความซับซ้อนที่จะได้รับการติดตามสืบหารายละเอียดต่อ (Is the US’s Vaccine Adverse Event Reporting System broken?BMJ Investigation BMJ 2023; 383 doi: https://doi.org/10.1136/bmj.p2582 (Published 10 November 2023) Cite this as: BMJ 2023;383:p2582) ระบบในการรายงานในประเทศต่างๆไม่เฉพาะแต่ในประเทศอเมริกา แม้แต่ในยุโรปและในอังกฤษเองก็มีปัญหา ซึ่งแตกต่างกับระบบในประเทศเกาหลี ดังที่มีรายงานอุบัติการของหัวใจอักเสบหลังได้รับวัคซีน เอ็มอาร์เอ็นเอ โดยเป็นการเปิดรายงานแบบอิสระและแทบจะเป็นเรียวไทม์ โดยกฎเกณฑ์ของเงื่อนไขหัวใจอักเสบนั้นตัดสาเหตุอื่น ที่ทำให้หัวใจอักเสบได้ทั้งหมดจนเหลือแต่วัคซีนและตัวเลขที่ได้นั้นยังต่ำกว่าความเป็นจริง ด้วยซ้ำ และถึงแม้ว่าอุบัติการของหัวใจอักเสบอย่างเดียวจะอยู่ที่ประมาณหนึ่งใน 100,000 แต่ความรุนแรงนั้นมากจนกระทั่งถึงต้องเข้าไอซียูหัวใจวายได้รับการรักษาอย่างเข้มข้นจนกระทั่งมีการเปลี่ยนหัวใจ (บทความสุขภาพพรรษาไทยรัฐหัวใจอักเสบจากวัคซีน) ในประเทศไทยเองนั้นดำเนินตามประเทศต่างๆที่ให้มีการฉีดวัคซีนครอบคลุมได้มากที่สุด ดังนั้นจะพบได้ว่ามีรายงานที่ได้รับการปฏิเสธว่าไม่เกี่ยวข้องกันหรือให้มีการพิสูจน์ก่อนว่าวัคซีนเป็นสาเหตุ ซึ่งอาจจะแทบเป็นไปไม่ได้ในผู้ที่ได้รับผลกระทบและแพทย์ที่ ดูคนไข้เพราะต้องมีการสืบสวนหาสาเหตุด้วยการตรวจทางห้องปฏิบัติการหลายชนิดด้วยกัน ยกตัวอย่างเช่นเด็กผู้ชายอายุ 14 ขวบได้รับวัคซีน เอ็มอาร์เอ็นเอสามเข็ม โดยเข็มสุดท้ายเก้าเดือนก่อนที่จะมีอาการของหัวใจอักเสบหัวใจวาย รุนแรง และกล้ามเนื้อแขนขาอักเสบอัมพาตยกแขนขาไม่ได้ เมื่อดูเงื่อนไขของเวลาเผินๆ อาจจะตัดประเด็นของวัคซีนได้เลย แต่การสืบหาสาเหตุอย่างอื่นทั้งตัวไวรัสโควิดและไวรัสอีกหลายชนิดทั้งหมด รวมทั้งภาวะภูมิแปรปรวนที่ทำให้เกิดการอักเสบ อีกทั้งสามารถตรวจพบเศษของวัคซีนในกล้ามเนื้อหัวใจและมีการอักเสบอย่างรุนแรงในกล้ามเนื้อหัวใจ ทั้งนี้ได้รับการรักษาด้วยการเปลี่ยนถ่ายน้ำเหลือง และการให้สารสกัดน้ำเหลือง ตลอดจนยากดภูมิคุ้มกัน แม้ว่าหัวใจอักเสบหัวใจวายจะดีขึ้นแต่แขนขายังขยับไม่ได้ ทั้งหมดนี้ต้องใช้การตรวจในห้องปฏิบัติการการรักษาในระดับเป็น 100,000 เป็นล้านบาทต่อหนึ่งคน เหล่านี้เป็นตัวอย่างหนึ่งที่แสดงถึงความยากลำบากในการพิสูจน์ความเกี่ยวโยงกับวัคซีน แต่ทั้งนี้เริ่มมีการวิเคราะห์สาเหตุการตายที่สูงเกินกว่าที่ จะอธิบายได้เมื่อเทียบ ในช่วงเวลาก่อนโควิด ในระหว่างการระบาดของโควิดและหลังจากระบาดเริ่มสงบไปแล้ว และในช่วงที่เริ่มมีการใช้วัคซีน ที่เรียกว่าอัตรา excess deaths และนอกจากนั้นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นที่ทอดยาวเป็นเวลานานเกินกว่าสามเดือนหลังจากติดเชื้อโควิดที่เรียกว่าลองโควิด (long covid) โดยมีทั้งอาการทางระบบหัวใจและปอด ระบบสมองประสาทและกล้ามเนื้อ ภาวะที่มีการอักเสบของผิวหนัง เส้นเอ็นพังผืด กล้ามเนื้อ ข้อ ตลอดจนการปะทุขึ้นของโรคที่ไม่เคยเป็นมาก่อนหรือโรคที่สงบไปแล้ว รวมทั่งมะเร็งและการเกิดเริม งูสวัดซึ่งไวรัสเหล่านี้เป็นไวรัสที่ซ่อนอยู่ในร่างกายจากการติดเชื้อเนิ่นนานมาแล้ว และถูกกดไม่ให้แสดงตัวออกมาจากการควบคุมของระบบภูมิคุ้มกันที่แข็งแรงของร่างกาย และยังรวมถึง การนอนหลับที่ผิดปกติหลับยากหลับกระท่อนกระแท่น จนถึงฮอร์โมนแปรปรวนทั้งผู้ชายและผู้หญิง การติดตามผู้ที่ได้รับผล กระทบในลักษณะนี้โดยอาการขณะที่เป็นโควิดไม่รุนแรงแต่อาการหลังจากนั้นกลับรุนแรงและยืดยาว และสืบค้นผู้ได้รับผลกระทบจากวัคซีนชนิดต่างๆ ทั้งหมดแล้วเกือบ 100 รายด้วยกัน โดยติดตามหลายวาระเป็นเวลานานกว่าหนึ่งปี สิ่งที่น่าตกใจก็คือแม้ว่าอาการตอนแรกหลังจากติดเชื้อโควิดหรือหลังจากได้รับวัคซีนมีผลไม่มากนักแต่ระยะต่อมามีผลกระทบแม้ว่าอาการจะเริ่มสงบไปแล้วก็ตาม โดยผลกระทบ สามารถพิสูจน์ได้ด้วยการวิเคราะห์การอักเสบในเลือด13 ชนิด และผลกระทบต่อสมองโดยมีการจุดปะทุ ของการอักเสบในสมองจากเซลล์ Astroglia microglia ที่เรียกว่า GFAP และมีระดับของ โปรตีน พิษอัลไซเมอร์ในสมองรวมทั้งมีการทำลายเนื้อสมอง ด้วย (จากการตรวจค่า NFL) ลักษณะนี้ทำให้ต้องตระหนักว่าภาวะสมองเสื่อมได้เกิดขึ้นเงียบๆ โดยไม่แสดงอาการด้วยซ้ำและจะสามารถดำเนินต่อไปได้จากภาวะของโรคเมตาบอลิค ของตนเองทั้งอ้วน เบาหวานความดันสูง การไม่ออกกำลัง อาหารที่มากด้วยเนื้อสัตว์การขาดการบริโภคผักผลไม้กากไย สมองเสื่อมในลักษณะนี้เป็นที่ตระหนักและมีการประกาศจากสมาคมสมองเสื่อมของสหรัฐและนานาชาติมาตั้งแต่ช่วงโควิดจนกระทั่งถึงปัจจุบัน จากการวิเคราะห์วัคซีนทั้งไฟเซอร์และโมเดนา จากคณะทำงาน ยังพบว่านอกจากเอ็มอาร์เอ็นเอแล้ว ยังมีหลาย พันล้านก๊อปปี้ ของ ดีเอ็นเอและส่วนที่กระตุ้นให้สามารถทำงานได้ดีขึ้นเมื่อเสียบเข้าไปในเซลล์ ทั้ง ori และ SV 40 promoter ทั้งนี้จากกระบวนการผลิตเพื่อให้ได้วัคซีนเพียงพอกับความต้องการโดยการใช้ พลาสมิด(บทความสุขภาพหรรษาไทยรัฐ) ศ นพ ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต
    Like
    9
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 643 มุมมอง 0 รีวิว
  • https://www.youtube.com/watch?v=LiZ0OlLdrjU
    บทสนทนาสัมภาษณ์งาน
    (คลิกอ่านเพิ่มเติม เพื่ออ่านบทสนทนาภาษาอังกฤษและไทย และคำศัพท์น่ารู้)
    แบบทดสอบการฟังภาษาอังกฤษ จากบทสนทนาสัมภาษณ์งาน
    มีคำถาม 5 ข้อหลังฟังเสร็จ เพื่อทดสอบการฟังภาษาอังกฤษของคุณ

    #conversations #listeningtest #jobinterview

    The conversations from the clip :

    Interviewer: Good morning! Thank you for coming in today.
    Candidate: Good morning! Thank you for having me.
    Interviewer: Can you start by telling me a little about your background and experience?
    Candidate: Sure! I graduated with a degree in Marketing and have three years of experience in digital marketing.
    Interviewer: That’s great! What specific skills do you bring to the table?
    Candidate: I’m proficient in SEO, content creation, and social media management.
    Interviewer: Can you give an example of a successful campaign you’ve managed?
    Candidate: Absolutely! I led a social media campaign that increased our followers by 30% in just two months.
    Interviewer: Impressive! What tools do you use for your marketing efforts?
    Candidate: I primarily use Google Analytics, Hootsuite, and Mailchimp.
    Interviewer: Have you worked with a team in your previous roles?
    Candidate: Yes, I collaborated closely with the sales and design teams to align our strategies.
    Interviewer: How do you handle tight deadlines and pressure?
    Candidate: I prioritize tasks and stay organized to ensure everything is completed on time.
    Interviewer: Good to hear! How do you measure the success of your campaigns?
    Candidate: I look at engagement metrics, conversion rates, and ROI to evaluate effectiveness.
    Interviewer: What motivates you in your work?
    Candidate: I’m motivated by seeing tangible results and helping my team succeed.
    Interviewer: Do you have any questions for us about the company or role?
    Candidate: Yes, I’d like to know more about the team culture here.
    Interviewer: We have a collaborative and supportive environment that encourages growth.
    Candidate: That sounds wonderful! I appreciate the opportunity to interview.
    Interviewer: Thank you for your time today. We will be in touch soon!

    ผู้สัมภาษณ์: สวัสดีตอนเช้า! ขอบคุณที่มาในวันนี้
    ผู้สมัครงาน: สวัสดีค่ะ! ขอบคุณที่ให้โอกาสฉัน
    ผู้สัมภาษณ์: คุณช่วยบอกเกี่ยวกับพื้นฐานและประสบการณ์ของคุณหน่อยได้ไหม?
    ผู้สมัครงาน: แน่นอนค่ะ! ฉันจบการศึกษาด้วยปริญญาด้านการตลาดและมีประสบการณ์ 3 ปีในด้านการตลาดดิจิทัล
    ผู้สัมภาษณ์: ดีมาก! คุณมีทักษะเฉพาะอะไรบ้างที่สามารถนำมาช่วยงานได้?
    ผู้สมัครงาน: ฉันมีความชำนาญใน SEO, การสร้างเนื้อหา และการจัดการโซเชียลมีเดีย
    ผู้สัมภาษณ์: คุณสามารถยกตัวอย่างแคมเปญที่ประสบความสำเร็จที่คุณเคยจัดการได้ไหม?
    ผู้สมัครงาน: แน่นอนค่ะ! ฉันเป็นผู้นำแคมเปญโซเชียลมีเดียที่เพิ่มผู้ติดตามของเราได้ 30% ภายในเวลาเพียงสองเดือน
    ผู้สัมภาษณ์: น่าประทับใจมาก! คุณใช้เครื่องมืออะไรบ้างในการทำการตลาด?
    ผู้สมัครงาน: ฉันใช้ Google Analytics, Hootsuite และ Mailchimp เป็นหลัก
    ผู้สัมภาษณ์: คุณเคยทำงานเป็นทีมในตำแหน่งก่อนหน้านี้ไหม?
    ผู้สมัครงาน: ใช่ค่ะ ฉันได้ทำงานร่วมกับทีมขายและทีมออกแบบอย่างใกล้ชิดเพื่อปรับกลยุทธ์ให้สอดคล้องกัน
    ผู้สัมภาษณ์: คุณจัดการกับกำหนดเวลาที่เข้มงวดและความกดดันอย่างไร?
    ผู้สมัครงาน: ฉันจะจัดลำดับความสำคัญของงานและรักษาความเป็นระเบียบเพื่อให้แน่ใจว่าสิ่งต่าง ๆ จะเสร็จสิ้นตามเวลา
    ผู้สัมภาษณ์: ดีที่ได้ยินแบบนั้น! คุณวัดความสำเร็จของแคมเปญของคุณอย่างไร?
    ผู้สมัครงาน: ฉันดูที่เมตริกการมีส่วนร่วม อัตราการแปลง และ ROI เพื่อประเมินประสิทธิภาพ
    ผู้สัมภาษณ์: อะไรคือแรงจูงใจในงานของคุณ?
    ผู้สมัครงาน: ฉันมีแรงจูงใจจากการเห็นผลลัพธ์ที่จับต้องได้และการช่วยให้ทีมของผม/ฉันประสบความสำเร็จ
    ผู้สัมภาษณ์: คุณมีคำถามอะไรเกี่ยวกับบริษัทหรือบทบาทนี้ไหม?
    ผู้สมัครงาน: ใช่ค่ะ ฉันอยากรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับวัฒนธรรมของทีมที่นี่
    ผู้สัมภาษณ์: เรามีสภาพแวดล้อมที่ร่วมมือและสนับสนุนซึ่งส่งเสริมการเติบโต
    ผู้สมัครงาน: ฟังดูยอดเยี่ยมมาก! ฉันขอบคุณสำหรับโอกาสในการสัมภาษณ์
    ผู้สัมภาษณ์: ขอบคุณสำหรับเวลาของคุณในวันนี้ เราจะติดต่อกลับเร็ว ๆ นี้!

    Vocabulary (คำศัพท์น่ารู้)

    Background (แบค-กราวน์ด) n. แปลว่า ประวัติ (ภูมิหลัง)
    Experience (เอ็กซ์-พีเรีนซ) n. แปลว่า ประสบการณ์
    Proficient (พรอฟ-ฟิช-เอ็นท) adj. แปลว่า ชำนาญ
    Campaign (แคม-แพน) n. แปลว่า แคมเปญ
    Social media (โซเชียล มีเดีย) n. แปลว่า สื่อสังคมออนไลน์
    Metrics (เมท-ริค) n. แปลว่า ตัวชี้วัด
    Engagement (เอน-เกจ-เมนต์) n. แปลว่า การมีส่วนร่วม
    Collaboration (คอลลาบอเรชัน) n. แปลว่า การร่วมมือ
    Pressure (เพรช-เชอร์) n. แปลว่า ความกดดัน
    Motivation (โม-ทิ-เวชัน) n. แปลว่า แรงจูงใจ
    Results (รี-ซัลทส์) n. แปลว่า ผลลัพธ์
    Culture (คัลเจอร์) n. แปลว่า วัฒนธรรม
    Strategy (สแตรท-จี้) n. แปลว่า ยุทธศาสตร์
    Tools (ทูลส์) n. แปลว่า เครื่องมือ
    Supportive (ซัพ-พอร์-ทิฟ) adj. แปลว่า สนับสนุน
    https://www.youtube.com/watch?v=LiZ0OlLdrjU บทสนทนาสัมภาษณ์งาน (คลิกอ่านเพิ่มเติม เพื่ออ่านบทสนทนาภาษาอังกฤษและไทย และคำศัพท์น่ารู้) แบบทดสอบการฟังภาษาอังกฤษ จากบทสนทนาสัมภาษณ์งาน มีคำถาม 5 ข้อหลังฟังเสร็จ เพื่อทดสอบการฟังภาษาอังกฤษของคุณ #conversations #listeningtest #jobinterview The conversations from the clip : Interviewer: Good morning! Thank you for coming in today. Candidate: Good morning! Thank you for having me. Interviewer: Can you start by telling me a little about your background and experience? Candidate: Sure! I graduated with a degree in Marketing and have three years of experience in digital marketing. Interviewer: That’s great! What specific skills do you bring to the table? Candidate: I’m proficient in SEO, content creation, and social media management. Interviewer: Can you give an example of a successful campaign you’ve managed? Candidate: Absolutely! I led a social media campaign that increased our followers by 30% in just two months. Interviewer: Impressive! What tools do you use for your marketing efforts? Candidate: I primarily use Google Analytics, Hootsuite, and Mailchimp. Interviewer: Have you worked with a team in your previous roles? Candidate: Yes, I collaborated closely with the sales and design teams to align our strategies. Interviewer: How do you handle tight deadlines and pressure? Candidate: I prioritize tasks and stay organized to ensure everything is completed on time. Interviewer: Good to hear! How do you measure the success of your campaigns? Candidate: I look at engagement metrics, conversion rates, and ROI to evaluate effectiveness. Interviewer: What motivates you in your work? Candidate: I’m motivated by seeing tangible results and helping my team succeed. Interviewer: Do you have any questions for us about the company or role? Candidate: Yes, I’d like to know more about the team culture here. Interviewer: We have a collaborative and supportive environment that encourages growth. Candidate: That sounds wonderful! I appreciate the opportunity to interview. Interviewer: Thank you for your time today. We will be in touch soon! ผู้สัมภาษณ์: สวัสดีตอนเช้า! ขอบคุณที่มาในวันนี้ ผู้สมัครงาน: สวัสดีค่ะ! ขอบคุณที่ให้โอกาสฉัน ผู้สัมภาษณ์: คุณช่วยบอกเกี่ยวกับพื้นฐานและประสบการณ์ของคุณหน่อยได้ไหม? ผู้สมัครงาน: แน่นอนค่ะ! ฉันจบการศึกษาด้วยปริญญาด้านการตลาดและมีประสบการณ์ 3 ปีในด้านการตลาดดิจิทัล ผู้สัมภาษณ์: ดีมาก! คุณมีทักษะเฉพาะอะไรบ้างที่สามารถนำมาช่วยงานได้? ผู้สมัครงาน: ฉันมีความชำนาญใน SEO, การสร้างเนื้อหา และการจัดการโซเชียลมีเดีย ผู้สัมภาษณ์: คุณสามารถยกตัวอย่างแคมเปญที่ประสบความสำเร็จที่คุณเคยจัดการได้ไหม? ผู้สมัครงาน: แน่นอนค่ะ! ฉันเป็นผู้นำแคมเปญโซเชียลมีเดียที่เพิ่มผู้ติดตามของเราได้ 30% ภายในเวลาเพียงสองเดือน ผู้สัมภาษณ์: น่าประทับใจมาก! คุณใช้เครื่องมืออะไรบ้างในการทำการตลาด? ผู้สมัครงาน: ฉันใช้ Google Analytics, Hootsuite และ Mailchimp เป็นหลัก ผู้สัมภาษณ์: คุณเคยทำงานเป็นทีมในตำแหน่งก่อนหน้านี้ไหม? ผู้สมัครงาน: ใช่ค่ะ ฉันได้ทำงานร่วมกับทีมขายและทีมออกแบบอย่างใกล้ชิดเพื่อปรับกลยุทธ์ให้สอดคล้องกัน ผู้สัมภาษณ์: คุณจัดการกับกำหนดเวลาที่เข้มงวดและความกดดันอย่างไร? ผู้สมัครงาน: ฉันจะจัดลำดับความสำคัญของงานและรักษาความเป็นระเบียบเพื่อให้แน่ใจว่าสิ่งต่าง ๆ จะเสร็จสิ้นตามเวลา ผู้สัมภาษณ์: ดีที่ได้ยินแบบนั้น! คุณวัดความสำเร็จของแคมเปญของคุณอย่างไร? ผู้สมัครงาน: ฉันดูที่เมตริกการมีส่วนร่วม อัตราการแปลง และ ROI เพื่อประเมินประสิทธิภาพ ผู้สัมภาษณ์: อะไรคือแรงจูงใจในงานของคุณ? ผู้สมัครงาน: ฉันมีแรงจูงใจจากการเห็นผลลัพธ์ที่จับต้องได้และการช่วยให้ทีมของผม/ฉันประสบความสำเร็จ ผู้สัมภาษณ์: คุณมีคำถามอะไรเกี่ยวกับบริษัทหรือบทบาทนี้ไหม? ผู้สมัครงาน: ใช่ค่ะ ฉันอยากรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับวัฒนธรรมของทีมที่นี่ ผู้สัมภาษณ์: เรามีสภาพแวดล้อมที่ร่วมมือและสนับสนุนซึ่งส่งเสริมการเติบโต ผู้สมัครงาน: ฟังดูยอดเยี่ยมมาก! ฉันขอบคุณสำหรับโอกาสในการสัมภาษณ์ ผู้สัมภาษณ์: ขอบคุณสำหรับเวลาของคุณในวันนี้ เราจะติดต่อกลับเร็ว ๆ นี้! Vocabulary (คำศัพท์น่ารู้) Background (แบค-กราวน์ด) n. แปลว่า ประวัติ (ภูมิหลัง) Experience (เอ็กซ์-พีเรีนซ) n. แปลว่า ประสบการณ์ Proficient (พรอฟ-ฟิช-เอ็นท) adj. แปลว่า ชำนาญ Campaign (แคม-แพน) n. แปลว่า แคมเปญ Social media (โซเชียล มีเดีย) n. แปลว่า สื่อสังคมออนไลน์ Metrics (เมท-ริค) n. แปลว่า ตัวชี้วัด Engagement (เอน-เกจ-เมนต์) n. แปลว่า การมีส่วนร่วม Collaboration (คอลลาบอเรชัน) n. แปลว่า การร่วมมือ Pressure (เพรช-เชอร์) n. แปลว่า ความกดดัน Motivation (โม-ทิ-เวชัน) n. แปลว่า แรงจูงใจ Results (รี-ซัลทส์) n. แปลว่า ผลลัพธ์ Culture (คัลเจอร์) n. แปลว่า วัฒนธรรม Strategy (สแตรท-จี้) n. แปลว่า ยุทธศาสตร์ Tools (ทูลส์) n. แปลว่า เครื่องมือ Supportive (ซัพ-พอร์-ทิฟ) adj. แปลว่า สนับสนุน
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 296 มุมมอง 0 รีวิว
  • ..ญี่ปุ่นยังกล้าหาญ,คนไทยเราทั่วประเทศสมควรลงโทษพวกแพทย์&พยาบาลทั้งหมดโดยเฉพาะตัวพ่อพวกฐานอำนาจใหญ่พวกแพทย์ในเมืองกรุงฯเมืองหลวงและหรือคนแพทย์หมอพยาบาลกทม.นี้เองนั่งหนักทับอำนาจจนเคยตัวทับความจริงไว้ สร้างแต่ข่าวเท็จหลอกลวงคนไทยโดยไม่เคยเกรงกลัวต่อบทลงโทษใดๆทั้งเดอะแก๊งมัน คนไทยทั้งหมดสมควรเตรียมตีนกระทืบมันไว้คงเหมาะโดยเฉพาะญาติพี่น้องครอบครัวคนที่เสียชีวิต กระทืบมันพวกนี้ให้ตายคาตีนท่านๆเธอๆคุณๆเลย พวกนี้สมควรอย่างยิ่ง จากนั้นตามไล่ล่าจัดการตัวการใหญ่คือครม.ยุคเก่าก่อนทั้งหมดบวกอดีตนายกฯชุดโควิด ต้องถูกลงโทษเช่นกัน,ฉีดกว่า60ล้านคนยังนั่งนิ่งเฉย และยังจะเอาเข้ามาฉีดซ้ำอีก ,ญี่ปุ่นยังกล้าหาญรับค่าจริงเปิดเผยต่อประชาชนเขา ภาวะผู้นำคนปกครองชาติไทยเรากาก&กระจอกจริงๆไม่สมควรจะนำประเทศปกครองแผ่นดินไทยนี้,เพราะแค่ฉีดตายคนไทยก็บัดสบมาก.โง่จริงๆหน่วยข่าวกรองทั้งฝ่ายทหารฝ่ายตำรวจทั้งชาติก็โง่ใบ้ มันใช่เหรอ,แล้วเราจะมีทหารมีตำรวจไว้ทำซากในความมั่นคงของประชาชนคนไทยอย่างไร,เครื่องมือเครื่องไม้ล้ำๆเต็มหน่วยงาน,ข่าวค่าจริงสากลทั่วโลกมีหมดทั้งระดับผู้ดีๆ&เถื่อนๆใต้ดินย่อมรับดาต้ามาหมดแล้ววิเคราะห์แยกแยะตามมันสมองเรียนจบสูงๆกันมาบ้างสิ,ห่าอะไรคนไอคิวระดับป.เอกตรึม แต่ไร้คุณภาพจริงๆ
    ..จนถึงปัจจุบันก็ไม่ออกมาแก้ไขในสิ่งที่กระทำผิดห่าเหวอะไร,ขี้ขลาดไม่กล้าแม้จะมาบอกความจริงแก่ประชาชนคนไทยเลย,ญี่ปุ่นยังกล้า,เสือกยกตัวอย่างญี่ปุ่นนักสมัยปกติดีแบบนั้นแบบนี้,ชนชั้นปกครองเองเวลาเจอกับตัวกลับใจหมาขาสั่นต้องเก่งแบบหมาหมู่เหรอจึงจะกล้าหาญ,คนไทยเราตายเป็นใบไม้ร่วงคงหัวเราะชอบใจบันเทิงเริงร่าสินะ,พวกนี้หนักแผ่นดินไทยของจริง.
    ..ญี่ปุ่นยังกล้าหาญ,คนไทยเราทั่วประเทศสมควรลงโทษพวกแพทย์&พยาบาลทั้งหมดโดยเฉพาะตัวพ่อพวกฐานอำนาจใหญ่พวกแพทย์ในเมืองกรุงฯเมืองหลวงและหรือคนแพทย์หมอพยาบาลกทม.นี้เองนั่งหนักทับอำนาจจนเคยตัวทับความจริงไว้ สร้างแต่ข่าวเท็จหลอกลวงคนไทยโดยไม่เคยเกรงกลัวต่อบทลงโทษใดๆทั้งเดอะแก๊งมัน คนไทยทั้งหมดสมควรเตรียมตีนกระทืบมันไว้คงเหมาะโดยเฉพาะญาติพี่น้องครอบครัวคนที่เสียชีวิต กระทืบมันพวกนี้ให้ตายคาตีนท่านๆเธอๆคุณๆเลย พวกนี้สมควรอย่างยิ่ง จากนั้นตามไล่ล่าจัดการตัวการใหญ่คือครม.ยุคเก่าก่อนทั้งหมดบวกอดีตนายกฯชุดโควิด ต้องถูกลงโทษเช่นกัน,ฉีดกว่า60ล้านคนยังนั่งนิ่งเฉย และยังจะเอาเข้ามาฉีดซ้ำอีก ,ญี่ปุ่นยังกล้าหาญรับค่าจริงเปิดเผยต่อประชาชนเขา ภาวะผู้นำคนปกครองชาติไทยเรากาก&กระจอกจริงๆไม่สมควรจะนำประเทศปกครองแผ่นดินไทยนี้,เพราะแค่ฉีดตายคนไทยก็บัดสบมาก.โง่จริงๆหน่วยข่าวกรองทั้งฝ่ายทหารฝ่ายตำรวจทั้งชาติก็โง่ใบ้ มันใช่เหรอ,แล้วเราจะมีทหารมีตำรวจไว้ทำซากในความมั่นคงของประชาชนคนไทยอย่างไร,เครื่องมือเครื่องไม้ล้ำๆเต็มหน่วยงาน,ข่าวค่าจริงสากลทั่วโลกมีหมดทั้งระดับผู้ดีๆ&เถื่อนๆใต้ดินย่อมรับดาต้ามาหมดแล้ววิเคราะห์แยกแยะตามมันสมองเรียนจบสูงๆกันมาบ้างสิ,ห่าอะไรคนไอคิวระดับป.เอกตรึม แต่ไร้คุณภาพจริงๆ ..จนถึงปัจจุบันก็ไม่ออกมาแก้ไขในสิ่งที่กระทำผิดห่าเหวอะไร,ขี้ขลาดไม่กล้าแม้จะมาบอกความจริงแก่ประชาชนคนไทยเลย,ญี่ปุ่นยังกล้า,เสือกยกตัวอย่างญี่ปุ่นนักสมัยปกติดีแบบนั้นแบบนี้,ชนชั้นปกครองเองเวลาเจอกับตัวกลับใจหมาขาสั่นต้องเก่งแบบหมาหมู่เหรอจึงจะกล้าหาญ,คนไทยเราตายเป็นใบไม้ร่วงคงหัวเราะชอบใจบันเทิงเริงร่าสินะ,พวกนี้หนักแผ่นดินไทยของจริง.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 106 มุมมอง 177 0 รีวิว
  • รัฐบาลอินเดียคาดว่าภายในปี ค.ศ. 2030 จะมีพนักงานชั่วคราวในอินเดียเพิ่มขึ้นมากกว่า 23 ล้านคน (จากเดิม 8 ล้านคนในปี 2024) ซึ่งแรงงานเหล่านี้ต้องทำงานอย่างหนัก ค่าจ้างต่ำ เหนื่อยล้า และขาดความมั่นคง ทั้งยังมีรายงานด้วยว่า วัยทำงานกลุ่มนี้ต้องเผชิญกับการโดนเหยียด ดูหมิ่น และการกีดกันการเข้าถึงสาธารณะประโยชน์ในทุก ๆ ทาง เหตุเพราะการแบ่งชนชั้นวรรณะในสังคมอินเดียยังฝังรากลึก

    ยกตัวอย่างกรณีล่าสุดเมื่อเร็วๆ นี้ มีการแชร์เรื่องราวของไรเดอร์บริษัทแห่งหนึ่งบนโลกออนไลน์ เขาโดนเหยียดในขณะปฏิบัติหน้าที่ เพียงแค่จะมาส่งของให้ลูกค้า แต่กลับโดนยามหน้าตึกขวางไล่ไม่ให้ขึ้นลิฟต์ ซึ่งไรเดอร์คนดังกล่าว แท้จริงแล้วคือซีอีโอบริษัทส่งของปลอมตัวมาเป็นพนักงาน เพื่อพิสูจน์ข้อร้องเรียนที่ได้รับแจ้งจากพนักงานว่าโดนเหยียดจนทำงานไม่ได้

    ที่มา https://www.bangkokbiznews.com/lifestyle/1150262

    #Thaitimes
    รัฐบาลอินเดียคาดว่าภายในปี ค.ศ. 2030 จะมีพนักงานชั่วคราวในอินเดียเพิ่มขึ้นมากกว่า 23 ล้านคน (จากเดิม 8 ล้านคนในปี 2024) ซึ่งแรงงานเหล่านี้ต้องทำงานอย่างหนัก ค่าจ้างต่ำ เหนื่อยล้า และขาดความมั่นคง ทั้งยังมีรายงานด้วยว่า วัยทำงานกลุ่มนี้ต้องเผชิญกับการโดนเหยียด ดูหมิ่น และการกีดกันการเข้าถึงสาธารณะประโยชน์ในทุก ๆ ทาง เหตุเพราะการแบ่งชนชั้นวรรณะในสังคมอินเดียยังฝังรากลึก ยกตัวอย่างกรณีล่าสุดเมื่อเร็วๆ นี้ มีการแชร์เรื่องราวของไรเดอร์บริษัทแห่งหนึ่งบนโลกออนไลน์ เขาโดนเหยียดในขณะปฏิบัติหน้าที่ เพียงแค่จะมาส่งของให้ลูกค้า แต่กลับโดนยามหน้าตึกขวางไล่ไม่ให้ขึ้นลิฟต์ ซึ่งไรเดอร์คนดังกล่าว แท้จริงแล้วคือซีอีโอบริษัทส่งของปลอมตัวมาเป็นพนักงาน เพื่อพิสูจน์ข้อร้องเรียนที่ได้รับแจ้งจากพนักงานว่าโดนเหยียดจนทำงานไม่ได้ ที่มา https://www.bangkokbiznews.com/lifestyle/1150262 #Thaitimes
    WWW.BANGKOKBIZNEWS.COM
    วัยทำงานอินเดียโดนเหยียดแรง คนส่งของถูกไล่ไม่ให้นั่งพักในที่สาธารณะ
    วัยทำงานอินเดียโดนเหยียดรุนแรง โดยเฉพาะคนงานชั่วคราว คนส่งของ-แม่บ้าน ถูกมองว่าเป็นคนชนชั้นล่าง โดนไล่ไม่ให้แม้แต่นั่งพักหรือขึ้นลิฟต์ตัวเดียวกับคนรวย
    Like
    Sad
    5
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 579 มุมมอง 0 รีวิว
  • #แบ่งให้เข้าใจง่ายๆ 3 ประเภทหลักๆ
    1. พระแท้ แต่ถูกปั่นจากมื้อใหญ่ๆ ด้วยการประกาศรับซื้อ หลักแสน หลักล้าน..ถามว่า เขาซื้อจริงไหม..ตอบว่าจริง...และไม่จริง แล้วแต่บุคคล...บางคนเพียงแค่อยากประกาศว่า เขามีแบบนี้ และไม่ได้ประกาศขายตรงๆ หรือ รอคนจีบแพงๆนั่นเอง.
    _
    2. พระสร้างใหม่..มีระบบจัดการทางการตลาดมากมาย ...ปัจจุบัน ทุกคนมีช่อง Tv ของตนเองกันแทบทุกคน..จะปลุกจะปั่น..มันก็แปลงไปเป็นความศรัทธา สำหรับคนไม่รู้ ....แบบที่เคยเขียน สงฆ์ก็คน...อยากอยู่สุขสบาย อยากได้รับการรักษาอย่างดียามป่วยไข้ และอีกมากมาย.....อยากให้ท่านผู้อ่านคิดตาม...เกจิที่เก่งๆ ส่วนมาก อายุ30_40 กว่าก็เก่งแล้ว.....ที่โผล่มาแบบอายุเยอะแล้ว เป็นขบวนการแต่งตัวของผู้จัดสร้าง หาความเกี่ยวเนื่องกับเกจิดัง หรือสัดดังในยุคก่อน...แล้วก็สร้างอิทธิคุณ ปาฏิหาริย์ขึ้นมา.....อยากให้คุณแบบนี้....ถ้าคุณไม่ใช่ เซียนพระ....จองที่ถูกปั่นขึ้นไป....พอกระแสหมด ราคาก็ลง...คุณจะไปขายใคร....
    ...ยกตัวอย่างจตุคามรุ่นแรก ..ไม่ใช่ว่า ไม่ดีนะ...แต่ในเรื่องราคา เคยทะลุล้าน...แล้วตกลงมาตั้งแต่ปี 51_52 จนป่านนี้ ผ่านไป 15 ปีแล้ว ราคายังทรงอยู่ที่ 2_3 แสน........นี่นแปลว่า คุณซื้อตอนมีกระแส คุณจะขาดทุน 7-8 แสน....สูตรสำเร็จคือ เข้าออกเร็ว ทำกำไรระยะสั้น ตามกระแสให้ติดทุกวัน..
    _
    3 .พระเก๊ หากินกับความโลภของคน ใช้ได้ผลมาตลอด 7-80 ปี...และไม่เคยเปลี่ยน..เล่านิทาน สร้าง Story จากเก๊หลักร้อยตามสนาม...กลายเป็นหลักพัน หรือหลายพัน...เพราะคนเขื่อนิทาน หวังไปกำไร หลักแสน หลักล้าน ...
    #แบ่งให้เข้าใจง่ายๆ 3 ประเภทหลักๆ 1. พระแท้ แต่ถูกปั่นจากมื้อใหญ่ๆ ด้วยการประกาศรับซื้อ หลักแสน หลักล้าน..ถามว่า เขาซื้อจริงไหม..ตอบว่าจริง...และไม่จริง แล้วแต่บุคคล...บางคนเพียงแค่อยากประกาศว่า เขามีแบบนี้ และไม่ได้ประกาศขายตรงๆ หรือ รอคนจีบแพงๆนั่นเอง. _ 2. พระสร้างใหม่..มีระบบจัดการทางการตลาดมากมาย ...ปัจจุบัน ทุกคนมีช่อง Tv ของตนเองกันแทบทุกคน..จะปลุกจะปั่น..มันก็แปลงไปเป็นความศรัทธา สำหรับคนไม่รู้ ....แบบที่เคยเขียน สงฆ์ก็คน...อยากอยู่สุขสบาย อยากได้รับการรักษาอย่างดียามป่วยไข้ และอีกมากมาย.....อยากให้ท่านผู้อ่านคิดตาม...เกจิที่เก่งๆ ส่วนมาก อายุ30_40 กว่าก็เก่งแล้ว.....ที่โผล่มาแบบอายุเยอะแล้ว เป็นขบวนการแต่งตัวของผู้จัดสร้าง หาความเกี่ยวเนื่องกับเกจิดัง หรือสัดดังในยุคก่อน...แล้วก็สร้างอิทธิคุณ ปาฏิหาริย์ขึ้นมา.....อยากให้คุณแบบนี้....ถ้าคุณไม่ใช่ เซียนพระ....จองที่ถูกปั่นขึ้นไป....พอกระแสหมด ราคาก็ลง...คุณจะไปขายใคร.... ...ยกตัวอย่างจตุคามรุ่นแรก ..ไม่ใช่ว่า ไม่ดีนะ...แต่ในเรื่องราคา เคยทะลุล้าน...แล้วตกลงมาตั้งแต่ปี 51_52 จนป่านนี้ ผ่านไป 15 ปีแล้ว ราคายังทรงอยู่ที่ 2_3 แสน........นี่นแปลว่า คุณซื้อตอนมีกระแส คุณจะขาดทุน 7-8 แสน....สูตรสำเร็จคือ เข้าออกเร็ว ทำกำไรระยะสั้น ตามกระแสให้ติดทุกวัน.. _ 3 .พระเก๊ หากินกับความโลภของคน ใช้ได้ผลมาตลอด 7-80 ปี...และไม่เคยเปลี่ยน..เล่านิทาน สร้าง Story จากเก๊หลักร้อยตามสนาม...กลายเป็นหลักพัน หรือหลายพัน...เพราะคนเขื่อนิทาน หวังไปกำไร หลักแสน หลักล้าน ...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 141 มุมมอง 0 รีวิว
  • เที่ยวภูเก็ตด้วยรถเมล์

    แม้จังหวัดภูเก็ตได้ชื่อว่ารถสาธารณะราคาแพง แต่ปัจจุบันมีผู้ประกอบการรถประจำทางเพื่อเป็นอีกทางเลือกหนึ่ง ยกตัวอย่างดังนี้

    • แอร์พอร์ตบัสภูเก็ต สายสนามบินภูเก็ต-บขส.1 ค่าโดยสาร 30 ถึง 100 บาท จอดป้ายในยาง ถลาง อนุสาวรีย์ท้าวเทพกษัตรี-ท้าวศรีสุนทร เกาะแก้ว บายพาส เซ็นทรัลภูเก็ต สนามสุระกุล เขารัง ที่ว่าการอำเภอ ซอยรมณีย์ บขส.1 ให้บริการจากสนามบินภูเก็ตเที่ยวแรก 08.30 น. เที่ยวสุดท้าย 21.30 น. จาก บขส.1 เที่ยวแรก 06.00 น. เที่ยวสุดท้าย 19.00 น. โทร.0804655666

    • ภูเก็ตสมาร์ทบัส สายสนามบินภูเก็ต-ราไวย์ ค่าโดยสาร 100 บาทตลอดสาย จอดป้ายสาธารณสุขถลาง บ้านเคียน โรงเรียนเชิงทะเล ลากูน่า โลตัสเชิงทะเล หาดสุรินทร์ กุโบร์กมลา ภูเก็ตแฟนตาซี บิ๊กซีกมลา การไฟฟ้าป่าตอง วงเวียนกะรน สนามกีฬากะรน กะตะไนท์พลาซ่า กะตะปาล์ม ใสยวน หาดราไวย์ (มีรถไปแหลมพรหมเทพรอบ 14.00 15.00 และ 16.00 น.) ให้บริการจากสนามบินภูเก็ตเที่ยวแรก 08.15 น. เที่ยวสุดท้าย 22.40 น. (เที่ยว 23.30 น.หมดระยะกะตะปาล์ม) จากหาดราไวย์เที่ยวแรก 06.45 น. เที่ยวสุดท้าย 19.30 น. โทร.0863061257

    • ภูเก็ตสมาร์ทบัส สาย บขส.1-ป่าตอง ค่าโดยสาร 50 บาทตลอดสาย จอดป้ายสนามชัย โรงเรียนสตรีภูเก็ต โรงเรียนภูเก็ตวิทยาลัย โรงเรียนวิทยาสาธิต โรงพยาบาลวชิระภูเก็ต โรงพยาบาลกรุงเทพภูเก็ต ตลาดนัดชิลวา โลตัสภูเก็ต สวนน้ำอันดามันดา ตลาดสดกะทู้ ปตท.กะทู้ สี่กอ สถานีตำรวจภูธรกะทู้ ไทเกอร์คิงด้อม แม็คโครป่าตอง มาลินพลาซ่า จุดจอดรถโดยสารหาดป่าตอง (เยื้องโรงแรมซีเพิร์ล บีช รีสอร์ต) เที่ยวแรก 06.00 น. เที่ยวสุดท้าย 20.00 น. โทร.0863061257

    • ภูเก็ตซิตี้อีวีบัส (วงกลม) ให้บริการฟรี จากลานจอด PKCD ถนนหลวงพ่อ จอดป้ายลานมังกร แยกเมืองเก่า โรงแรมรอยัลภูเก็ตซิตี้ โรงแรมเพิร์ลภูเก็ต ร้านแมคโดนัลด์ วงเวียนสุรินทร์ ลานจอดเทศบาล (แดงพลาซ่า) ธนาคารกรุงศรี ธนาคารอิสลาม พิพิธภัณฑ์ภูเก็ตไทหัว ถนนดีบุก วัดมงคลนิมิต ไลม์ไลท์ เที่ยวแรก 10.00 น. เที่ยวสุดท้าย 21.00 น. รถออกทุก 15 นาที โทร.0863061257

    • ภูเก็ตบัสเอ็กซ์เพรส สายสนามบินภูเก็ต-กะรน ค่าโดยสาร 100 บาทตลอดสาย ผ่านป้อมเมืองใหม่ โรงเรียนเมืองถลาง วัดพระทอง ที่ว่าการอำเภอถลาง โลตัสถลาง แม็คโครถลาง โฮมโปรถลาง โรบินสันไลฟ์สไตล์ถลาง อนุสาวรีย์ท้าวเทพกษัตรี-ท้าวศรีสุนทร โบ๊ทลากูน พรีเมียมเอาท์เล็ท สยามนิรมิต โลตัสสามกอง อันดามันด้าวอเตอร์ปาร์ค สี่แยกกะทู้ ป่าตอง กะตะ-กะรน ให้บริการจากสนามบินภูเก็ตเที่ยวแรก 08.45 น. เที่ยวสุดท้าย 20.45 น. โทร.0840652122

    #Newskit #PhuketBus #รถเมล์ภูเก็ต
    เที่ยวภูเก็ตด้วยรถเมล์ แม้จังหวัดภูเก็ตได้ชื่อว่ารถสาธารณะราคาแพง แต่ปัจจุบันมีผู้ประกอบการรถประจำทางเพื่อเป็นอีกทางเลือกหนึ่ง ยกตัวอย่างดังนี้ • แอร์พอร์ตบัสภูเก็ต สายสนามบินภูเก็ต-บขส.1 ค่าโดยสาร 30 ถึง 100 บาท จอดป้ายในยาง ถลาง อนุสาวรีย์ท้าวเทพกษัตรี-ท้าวศรีสุนทร เกาะแก้ว บายพาส เซ็นทรัลภูเก็ต สนามสุระกุล เขารัง ที่ว่าการอำเภอ ซอยรมณีย์ บขส.1 ให้บริการจากสนามบินภูเก็ตเที่ยวแรก 08.30 น. เที่ยวสุดท้าย 21.30 น. จาก บขส.1 เที่ยวแรก 06.00 น. เที่ยวสุดท้าย 19.00 น. โทร.0804655666 • ภูเก็ตสมาร์ทบัส สายสนามบินภูเก็ต-ราไวย์ ค่าโดยสาร 100 บาทตลอดสาย จอดป้ายสาธารณสุขถลาง บ้านเคียน โรงเรียนเชิงทะเล ลากูน่า โลตัสเชิงทะเล หาดสุรินทร์ กุโบร์กมลา ภูเก็ตแฟนตาซี บิ๊กซีกมลา การไฟฟ้าป่าตอง วงเวียนกะรน สนามกีฬากะรน กะตะไนท์พลาซ่า กะตะปาล์ม ใสยวน หาดราไวย์ (มีรถไปแหลมพรหมเทพรอบ 14.00 15.00 และ 16.00 น.) ให้บริการจากสนามบินภูเก็ตเที่ยวแรก 08.15 น. เที่ยวสุดท้าย 22.40 น. (เที่ยว 23.30 น.หมดระยะกะตะปาล์ม) จากหาดราไวย์เที่ยวแรก 06.45 น. เที่ยวสุดท้าย 19.30 น. โทร.0863061257 • ภูเก็ตสมาร์ทบัส สาย บขส.1-ป่าตอง ค่าโดยสาร 50 บาทตลอดสาย จอดป้ายสนามชัย โรงเรียนสตรีภูเก็ต โรงเรียนภูเก็ตวิทยาลัย โรงเรียนวิทยาสาธิต โรงพยาบาลวชิระภูเก็ต โรงพยาบาลกรุงเทพภูเก็ต ตลาดนัดชิลวา โลตัสภูเก็ต สวนน้ำอันดามันดา ตลาดสดกะทู้ ปตท.กะทู้ สี่กอ สถานีตำรวจภูธรกะทู้ ไทเกอร์คิงด้อม แม็คโครป่าตอง มาลินพลาซ่า จุดจอดรถโดยสารหาดป่าตอง (เยื้องโรงแรมซีเพิร์ล บีช รีสอร์ต) เที่ยวแรก 06.00 น. เที่ยวสุดท้าย 20.00 น. โทร.0863061257 • ภูเก็ตซิตี้อีวีบัส (วงกลม) ให้บริการฟรี จากลานจอด PKCD ถนนหลวงพ่อ จอดป้ายลานมังกร แยกเมืองเก่า โรงแรมรอยัลภูเก็ตซิตี้ โรงแรมเพิร์ลภูเก็ต ร้านแมคโดนัลด์ วงเวียนสุรินทร์ ลานจอดเทศบาล (แดงพลาซ่า) ธนาคารกรุงศรี ธนาคารอิสลาม พิพิธภัณฑ์ภูเก็ตไทหัว ถนนดีบุก วัดมงคลนิมิต ไลม์ไลท์ เที่ยวแรก 10.00 น. เที่ยวสุดท้าย 21.00 น. รถออกทุก 15 นาที โทร.0863061257 • ภูเก็ตบัสเอ็กซ์เพรส สายสนามบินภูเก็ต-กะรน ค่าโดยสาร 100 บาทตลอดสาย ผ่านป้อมเมืองใหม่ โรงเรียนเมืองถลาง วัดพระทอง ที่ว่าการอำเภอถลาง โลตัสถลาง แม็คโครถลาง โฮมโปรถลาง โรบินสันไลฟ์สไตล์ถลาง อนุสาวรีย์ท้าวเทพกษัตรี-ท้าวศรีสุนทร โบ๊ทลากูน พรีเมียมเอาท์เล็ท สยามนิรมิต โลตัสสามกอง อันดามันด้าวอเตอร์ปาร์ค สี่แยกกะทู้ ป่าตอง กะตะ-กะรน ให้บริการจากสนามบินภูเก็ตเที่ยวแรก 08.45 น. เที่ยวสุดท้าย 20.45 น. โทร.0840652122 #Newskit #PhuketBus #รถเมล์ภูเก็ต
    Like
    Yay
    7
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 498 มุมมอง 0 รีวิว
  • ## ในที่สุดวันนี้ก็มาถึง...!!! ##
    ..
    ..
    ถ้าผมโพสเรื่องจริง เหล่านี้ไม่ได้ เช่น...
    .
    อิสราเอล ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ในกาซา โดยมี อเมริกา ให้ท้าย
    .
    หรือ อเมริกา ใช้อำนาจบาตรใหญ่ รังแกประเทศอื่น
    .
    อเมริกา ใช้ CIA แทรกแซง โลก ด้วยวิธีการอันต่ำช้า
    .
    วัคซีนเทพ มีผลกระทบอะไรบ้าง...!!!
    .
    ก็ช่างเถอะครับ
    .
    ย้ายมาเล่น App Thaitimes เป็นหลักดีกว่า...
    ...
    ...
    หวังว่า App Thaitimes จะพัฒนาให้ดีขึ้นไปอีกเรื่อยๆนะครับ...!!!
    .
    ปล.
    Thaitimes ยังอัพคลิป ครั้งละหลายๆคลิป ไม่ได้นะครับ
    .
    ยกตัวอย่าง คลิปที่ อิหร่าน ถล่ม อิสราเอล ผมมี เป็น 10 คลิป แต่ต้องเลือกเอามาลงแค่ 1 คลิปเท่านั้นเอง...
    .
    เป็นกำลังใจให้ พัฒนากันต่อไปเรื่อยๆ ดีวันดีคืนนะครับ...
    .
    😊😊😊😊😊😊
    ## ในที่สุดวันนี้ก็มาถึง...!!! ## .. .. ถ้าผมโพสเรื่องจริง เหล่านี้ไม่ได้ เช่น... . อิสราเอล ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ในกาซา โดยมี อเมริกา ให้ท้าย . หรือ อเมริกา ใช้อำนาจบาตรใหญ่ รังแกประเทศอื่น . อเมริกา ใช้ CIA แทรกแซง โลก ด้วยวิธีการอันต่ำช้า . วัคซีนเทพ มีผลกระทบอะไรบ้าง...!!! . ก็ช่างเถอะครับ . ย้ายมาเล่น App Thaitimes เป็นหลักดีกว่า... ... ... หวังว่า App Thaitimes จะพัฒนาให้ดีขึ้นไปอีกเรื่อยๆนะครับ...!!! . ปล. Thaitimes ยังอัพคลิป ครั้งละหลายๆคลิป ไม่ได้นะครับ . ยกตัวอย่าง คลิปที่ อิหร่าน ถล่ม อิสราเอล ผมมี เป็น 10 คลิป แต่ต้องเลือกเอามาลงแค่ 1 คลิปเท่านั้นเอง... . เป็นกำลังใจให้ พัฒนากันต่อไปเรื่อยๆ ดีวันดีคืนนะครับ... . 😊😊😊😊😊😊
    Like
    Sad
    6
    3 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 329 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts