วิเคราะห์ 5 ประเด็นสำคัญ การให้สัมภาษณ์ของ บอสพอล ในรายการโหนกระแส /ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์
จากกรณีที่ วรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือ บอสพอล ที่ตัดสินใจมาออกรายการโหนกระแส ดำเนินรายการการโดยพี่หนุ่มกรรชัย กำเนิดพลอยนั้น เป็นการเตรียมคำตอบสำหรับการต่อสู้คดี แต่บางคำตอบอาจจะเป็นสาระสำคัญแห่งคดีมีดังต่อไปนี้
1.บอสพอลระบุว่า ตัวแทนจำหน่ายหลักมี 10 ราย คือ บอสปัน, บอสสวย, บอสวิน, บอสหมอเอก, บอสโซดา+บอสป๊อป, บอสทอมมี่, บอสต่าย, บอสอ๊อฟ+บอสจอย, บอสแม่หญิง, บอสโอม โดยบริษัทจะขายให้คนเหล่านี้เท่านั้น ส่วนแต่ละทีมจะไปแตกทีมขายด้วยกรรมวิธีอย่างไร เป็นเรื่องความรับผิดชอบของแต่ละทีม (เป็นอย่างที่คาดการณ์เอาไว้ว่าขอตัดตอนในกระบวนการขายทั้งหมด ให้เป็นความรับผิดชอบของตัวแทนจำหน่าย แม่ทีม และลูกทีม)
อย่างไรก็ตามบอสพอลระบุว่าได้เคยดูการขายออนไลน์ทั้ง 3 ขั้นตอน 1.สอนคอร์สขายของออนไลน์ 2.แนะนำสินค้า 3.การลงทุน 250,000 บาท ซึ่งแปลว่ารับรู้กระบวนการขายที่เน้นการลงทุนและหาเครือข่ายต่อนี้ด้วย จึงไม่อาจปฏิเสธขั้นตอนการขายของแม่ทีม หรือ ตัวแทนจำหน่ายได้
2.บอสพอลระบุว่าดาราซึ่งเป็นผู้ที่มีรายรับตาม % ของ “ยอดขาย” คือ บอสกัณต์, บอสแซม, บอสมิน ดังนั้นถือว่าดาราเหล่านี้เป็นขบวนการที่มีค่าตอบแทนตาม “ยอดขาย” ยิ่งมีการลงทุนมาก หรือขายได้มาก ยิ่งได้รับผลตอบแทนมาก
ดาราเหล่านี้ที่รับประโยชน์ตาม % ของยอดขาย จึงถือเป็นผู้มีส่วนได้เสียไม่ใช่เพียงแค่รับจ้างทั่วไป โดยเฉพาะดารามีการระบุสถานภาพเกินกว่าพรีเซ็นเตอร์ในทางสาธารณะ และทำให้ประชาชนทั่วไปเข้าใจว่ามีดาราเหล่านี้เป็นผู้บริหาร จึงเร่งสร้างความน่าเชื่อถือในการลงทุน
ส่วนบอสพอลระบุว่าสคริปต์ที่ให้เหล่าดาราพูดนั้นเป็นข้อๆ (Bullet) แต่ก็มีการร้องขอให้พูดเรื่องอื่นๆด้วย ซึ่งไม่สามารถบังคับให้ดาราเหล่านี้พูดตามหรือไม่พูดตามได้
3.บอสพอลยอมรับว่าผู้ชื้อทุกรายอยู่ในฐานะ “ผู้ลงทุน” ซื้อสินค้ากับบริษัทโดยตรง บ้างก็รับสินค้าไป บ้างก็ฝากสินค้าเอาไว้กับบริษัท
แต่…
4.บอสพอลระบุว่าการลงพื้นที่ของตำรวจเมื่อวันที่ 12 ตุลาคม 2567 แล้วสินค้าในคงคลังแทบไม่มี เพราะหลังเกิดเรื่องเป็นต้นมา ทำให้มีประชาชนบาเบิกสินค้าในคงคลังจนแทบหมด และกำลังจะเร่งสั่ง ”นำเข้ามา“ อีก เพราะบริษัทสั่งผลิต “ตามที่เบิก”
ข้อสงสัยและคำถามประเด็นนี้ คือการสั่งผลิตสินค้า ”ตามที่เบิก“ ไม่ได้มีสินค้าตาม ”การสั่งซื้อ“ทั้งหมด หรือรับเงินมาแต่อาจจะยังไม่มีสินค้าเลยก็ได้ ดังนั้น
เงินของคนที่จ่ายเงินมาเหล่านั้นจึงอาจไม่ใช่การซื้อสินค้า แต่อาจะเป็นการซื้อสต๊อกลมที่ไม่มีอยู่จริง หรือการกู้ยืมเงินมาหมุนโดยอ้างว่าเป็นการซื้อสินค้า หรือไม่?
และเมื่อมีการแห่กันเบิกสินค้าจึงเริ่มสั่งซื้อสินค้าหรือไม่?
คำถามคือคนที่จ่ายเงินไปโดยไม่สินค้าอยู่ในมือและไม่คิดจะขายสินค้า หรือคิดแต่จะหาสมาชิกเพิ่มขึ้นนั้น ได้รับผลตอบแทนเป็นอย่างไร?
เพราะมาตรา 19 ของพระราชบัญญัติขายตรงและการตลาดแบบตรง พ.ศ. 2545 ความว่า
“มาตรา 19 ห้ามมิให้ผู้ประกอบธุรกิจขายตรงและผู้ประกอบกิจตลาดแบบตรงดำเนินกิจการในลักษณะที่เป็นการชักชวนให้บุคคลเข้าร่วมเป็นเครือข่ายในการประกอบธุรกิจขายตรงหรือในการประกอบธุรกิจตลาดแบบตรง โดยตกลงว่าจะให้ผลประโยชน์ตอบแทนจากการหาผู้เข้าร่วมเครือข่ายดังกล่าว ซึ่งคำนวณจากจำนวนผู้เข้าร่วมเครือข่ายที่เพิ่มขึ้น“
5.สรุปว่าบอสพอลเงินจ่ายเงินที่ถูกไถจากนักร้องเรียน ทนาย และส่วนงานอื่นๆ เพื่อประโยชน์ในการคุ้มครองแผลในทางธุรกิจตัวเองบางอย่าง มีตั้งแต่หลักแสน และการการถูกรีดไถในระดับ 1-3 ล้านบาท แต่ไม่ให้ความร่วมมือว่าจ่ายไปให้ใครและเพื่อกลบเกลื่อนแผลทางธุรกิจอะไร?
ขอบคุณรายการโหนกระแสที่จัดการสัมภาษณ์ ครั้งนี้ให้เกิดความชัดเจนขึ้นครับ
ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์
คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต
14 ตุลาคม 2567
https://www.facebook.com/100044511276276/posts/1073002797526753/? #Thaitimes วิเคราะห์ 5 ประเด็นสำคัญ การให้สัมภาษณ์ของ บอสพอล ในรายการโหนกระแส /ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์
จากกรณีที่ วรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือ บอสพอล ที่ตัดสินใจมาออกรายการโหนกระแส ดำเนินรายการการโดยพี่หนุ่มกรรชัย กำเนิดพลอยนั้น เป็นการเตรียมคำตอบสำหรับการต่อสู้คดี แต่บางคำตอบอาจจะเป็นสาระสำคัญแห่งคดีมีดังต่อไปนี้
1.บอสพอลระบุว่า ตัวแทนจำหน่ายหลักมี 10 ราย คือ บอสปัน, บอสสวย, บอสวิน, บอสหมอเอก, บอสโซดา+บอสป๊อป, บอสทอมมี่, บอสต่าย, บอสอ๊อฟ+บอสจอย, บอสแม่หญิง, บอสโอม โดยบริษัทจะขายให้คนเหล่านี้เท่านั้น ส่วนแต่ละทีมจะไปแตกทีมขายด้วยกรรมวิธีอย่างไร เป็นเรื่องความรับผิดชอบของแต่ละทีม (เป็นอย่างที่คาดการณ์เอาไว้ว่าขอตัดตอนในกระบวนการขายทั้งหมด ให้เป็นความรับผิดชอบของตัวแทนจำหน่าย แม่ทีม และลูกทีม)
อย่างไรก็ตามบอสพอลระบุว่าได้เคยดูการขายออนไลน์ทั้ง 3 ขั้นตอน 1.สอนคอร์สขายของออนไลน์ 2.แนะนำสินค้า 3.การลงทุน 250,000 บาท ซึ่งแปลว่ารับรู้กระบวนการขายที่เน้นการลงทุนและหาเครือข่ายต่อนี้ด้วย จึงไม่อาจปฏิเสธขั้นตอนการขายของแม่ทีม หรือ ตัวแทนจำหน่ายได้
2.บอสพอลระบุว่าดาราซึ่งเป็นผู้ที่มีรายรับตาม % ของ “ยอดขาย” คือ บอสกัณต์, บอสแซม, บอสมิน ดังนั้นถือว่าดาราเหล่านี้เป็นขบวนการที่มีค่าตอบแทนตาม “ยอดขาย” ยิ่งมีการลงทุนมาก หรือขายได้มาก ยิ่งได้รับผลตอบแทนมาก
ดาราเหล่านี้ที่รับประโยชน์ตาม % ของยอดขาย จึงถือเป็นผู้มีส่วนได้เสียไม่ใช่เพียงแค่รับจ้างทั่วไป โดยเฉพาะดารามีการระบุสถานภาพเกินกว่าพรีเซ็นเตอร์ในทางสาธารณะ และทำให้ประชาชนทั่วไปเข้าใจว่ามีดาราเหล่านี้เป็นผู้บริหาร จึงเร่งสร้างความน่าเชื่อถือในการลงทุน
ส่วนบอสพอลระบุว่าสคริปต์ที่ให้เหล่าดาราพูดนั้นเป็นข้อๆ (Bullet) แต่ก็มีการร้องขอให้พูดเรื่องอื่นๆด้วย ซึ่งไม่สามารถบังคับให้ดาราเหล่านี้พูดตามหรือไม่พูดตามได้
3.บอสพอลยอมรับว่าผู้ชื้อทุกรายอยู่ในฐานะ “ผู้ลงทุน” ซื้อสินค้ากับบริษัทโดยตรง บ้างก็รับสินค้าไป บ้างก็ฝากสินค้าเอาไว้กับบริษัท
แต่…
4.บอสพอลระบุว่าการลงพื้นที่ของตำรวจเมื่อวันที่ 12 ตุลาคม 2567 แล้วสินค้าในคงคลังแทบไม่มี เพราะหลังเกิดเรื่องเป็นต้นมา ทำให้มีประชาชนบาเบิกสินค้าในคงคลังจนแทบหมด และกำลังจะเร่งสั่ง ”นำเข้ามา“ อีก เพราะบริษัทสั่งผลิต “ตามที่เบิก”
ข้อสงสัยและคำถามประเด็นนี้ คือการสั่งผลิตสินค้า ”ตามที่เบิก“ ไม่ได้มีสินค้าตาม ”การสั่งซื้อ“ทั้งหมด หรือรับเงินมาแต่อาจจะยังไม่มีสินค้าเลยก็ได้ ดังนั้น
เงินของคนที่จ่ายเงินมาเหล่านั้นจึงอาจไม่ใช่การซื้อสินค้า แต่อาจะเป็นการซื้อสต๊อกลมที่ไม่มีอยู่จริง หรือการกู้ยืมเงินมาหมุนโดยอ้างว่าเป็นการซื้อสินค้า หรือไม่?
และเมื่อมีการแห่กันเบิกสินค้าจึงเริ่มสั่งซื้อสินค้าหรือไม่?
คำถามคือคนที่จ่ายเงินไปโดยไม่สินค้าอยู่ในมือและไม่คิดจะขายสินค้า หรือคิดแต่จะหาสมาชิกเพิ่มขึ้นนั้น ได้รับผลตอบแทนเป็นอย่างไร?
เพราะมาตรา 19 ของพระราชบัญญัติขายตรงและการตลาดแบบตรง พ.ศ. 2545 ความว่า
“มาตรา 19 ห้ามมิให้ผู้ประกอบธุรกิจขายตรงและผู้ประกอบกิจตลาดแบบตรงดำเนินกิจการในลักษณะที่เป็นการชักชวนให้บุคคลเข้าร่วมเป็นเครือข่ายในการประกอบธุรกิจขายตรงหรือในการประกอบธุรกิจตลาดแบบตรง โดยตกลงว่าจะให้ผลประโยชน์ตอบแทนจากการหาผู้เข้าร่วมเครือข่ายดังกล่าว ซึ่งคำนวณจากจำนวนผู้เข้าร่วมเครือข่ายที่เพิ่มขึ้น“
5.สรุปว่าบอสพอลเงินจ่ายเงินที่ถูกไถจากนักร้องเรียน ทนาย และส่วนงานอื่นๆ เพื่อประโยชน์ในการคุ้มครองแผลในทางธุรกิจตัวเองบางอย่าง มีตั้งแต่หลักแสน และการการถูกรีดไถในระดับ 1-3 ล้านบาท แต่ไม่ให้ความร่วมมือว่าจ่ายไปให้ใครและเพื่อกลบเกลื่อนแผลทางธุรกิจอะไร?
ขอบคุณรายการโหนกระแสที่จัดการสัมภาษณ์ ครั้งนี้ให้เกิดความชัดเจนขึ้นครับ
ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์
คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต
14 ตุลาคม 2567
https://www.facebook.com/100044511276276/posts/1073002797526753/?
#Thaitimes