• สนธิส่งข้อความสำคัญถึงฮุนมาเนต
    (សន្តិ បញ្ជូនសារសំខាន់មួយទៅកាន់ ហ៊ុន ម៉ាណែត) [29/7/68]

    #สนธิส่งสาร #ข้อความถึงฮุนมาเนต #สารจากประเทศไทย #SondhiToHunManet #สารสำคัญจากประชาชนไทย #CallForTruth #เสียงจากแผ่นดินไทย #ข่าววันนี้ #ข่าวดัง
    #សន្តិ #ហ៊ុនម៉ាណែត
    #กัมพูชายิงก่อน #柬埔寨先开火 #カンボジアが先に発砲 #캄보디아가먼저발포 #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire #TruthFromThailand #thaitimes #news1 #shorts
    สนธิส่งข้อความสำคัญถึงฮุนมาเนต (សន្តិ បញ្ជូនសារសំខាន់មួយទៅកាន់ ហ៊ុន ម៉ាណែត) [29/7/68] #สนธิส่งสาร #ข้อความถึงฮุนมาเนต #สารจากประเทศไทย #SondhiToHunManet #สารสำคัญจากประชาชนไทย #CallForTruth #เสียงจากแผ่นดินไทย #ข่าววันนี้ #ข่าวดัง #សន្តិ #ហ៊ុនម៉ាណែត #กัมพูชายิงก่อน #柬埔寨先开火 #カンボジアが先に発砲 #캄보디아가먼저발포 #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire #TruthFromThailand #thaitimes #news1 #shorts
    0 Comments 0 Shares 45 Views 0 0 Reviews
  • ไว้ใจไม่ได้เลย แม้ในวันเจรจา
    กัมพูชาปล่อยข่าวปลอมยืนยันไทยไม่เคยใช้แก๊สพิษ
    ข่าวก็ปลอม โฆษกก็ปลอม
    #ฮุนเซนอาชญากรสงคราม
    #hunsenwarcriminal
    #ឧក្រិដ្ឋជនហ៊ុនសែន
    #洪森戰爭罪犯
    #กัมพูชายิงก่อน
    #CambodiaOpenedFire
    #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด
    #กองทัพบกทันกระแส
    ไว้ใจไม่ได้เลย แม้ในวันเจรจา กัมพูชาปล่อยข่าวปลอมยืนยันไทยไม่เคยใช้แก๊สพิษ ข่าวก็ปลอม โฆษกก็ปลอม #ฮุนเซนอาชญากรสงคราม #hunsenwarcriminal #ឧក្រិដ្ឋជនហ៊ុនសែន #洪森戰爭罪犯 #กัมพูชายิงก่อน #CambodiaOpenedFire #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #กองทัพบกทันกระแส
    0 Comments 0 Shares 46 Views 0 Reviews
  • ความคืบหน้าสถานการณ์สู้รบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา วันที่ห้า (28 ก.ค. 2568)

    ตั้งแต่เที่ยงคืน ตีหนึ่ง ตีสาม จนฟ้าเริ่มสาง กัมพูชายังคงโจมตีทุกรูปแบบต่อเนื่อง ทหารไทยยังไม่ได้พัก

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/onlinesection/detail/9680000071053

    #Thaitimes #ฮุนเซนอาชญากรสงคราม #hunsenwarcriminal #ឧក្រិដ្ឋជនហ៊ុនសែន #洪森戰爭罪犯 #กัมพูชายิงก่อน #CambodiaOpenedFire #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด
    #กองทัพบกทันกระแส
    ความคืบหน้าสถานการณ์สู้รบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา วันที่ห้า (28 ก.ค. 2568) • ตั้งแต่เที่ยงคืน ตีหนึ่ง ตีสาม จนฟ้าเริ่มสาง กัมพูชายังคงโจมตีทุกรูปแบบต่อเนื่อง ทหารไทยยังไม่ได้พัก • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/onlinesection/detail/9680000071053 • #Thaitimes #ฮุนเซนอาชญากรสงคราม #hunsenwarcriminal #ឧក្រិដ្ឋជនហ៊ុនសែន #洪森戰爭罪犯 #กัมพูชายิงก่อน #CambodiaOpenedFire #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #กองทัพบกทันกระแส
    0 Comments 0 Shares 83 Views 0 Reviews
  • ไหน? ใครบอกหยุด
    กัมพูชา ยิงจรวด BM-21
    ใส่ปราสาทตาเมือนธม
    ทำลายโบราณสถาน
    ฮุนเซนคิด ฮุนมาเนตทำ
    (สั่งตรงจากห้องแอร์แหล่งบัญชาการ)
    Who said it stopped?
    Cambodia has launched BM-21 rockets targeting Ta Muen Thom Temple, causing damage to ancient cultural heritage.
    Hun Sen planned it. Hun Manet ordered it.
    (Issued straight from the comfort of an air-conditioned war room.)
    #ฮุนเซนอาชญากรสงคราม
    #hunsenwarcriminal
    #ឧក្រិដ្ឋជនហ៊ុនសែន
    #洪森戰爭罪犯
    #กัมพูชายิงก่อน
    #CambodiaOpenedFire
    #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด
    #กองทัพบกทันกระแส
    ไหน? ใครบอกหยุด กัมพูชา ยิงจรวด BM-21 ใส่ปราสาทตาเมือนธม ทำลายโบราณสถาน ฮุนเซนคิด ฮุนมาเนตทำ (สั่งตรงจากห้องแอร์แหล่งบัญชาการ) Who said it stopped? Cambodia has launched BM-21 rockets targeting Ta Muen Thom Temple, causing damage to ancient cultural heritage. Hun Sen planned it. Hun Manet ordered it. (Issued straight from the comfort of an air-conditioned war room.) #ฮุนเซนอาชญากรสงคราม #hunsenwarcriminal #ឧក្រិដ្ឋជនហ៊ុនសែន #洪森戰爭罪犯 #กัมพูชายิงก่อน #CambodiaOpenedFire #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #กองทัพบกทันกระแส
    0 Comments 0 Shares 104 Views 0 Reviews
  • Sat. Jul. 26, 2025

    Very interesting. From unknown source.
    READ CAREFULLY!!

    What Hun Sen truly wants isn’t just a border war — it’s to eliminate soldiers who may no longer be loyal to Hun dynasty.

    Hunsen now significantly reduced the military budget and redirected funds to build a “special guard force” equipped with state-of-the-art weapons, available only to those loyal to him personally.

    Ordinary Cambodian soldiers don't have a chance to even touch those weapons. Soldiers are usually not familiar with modern weapons. But ultimately, he was sent to death at the border with patriotism, using the word "loyal to the nation" as a vest.

    And now, Hun Sen is preparing to send the navy to the battlefield — even though there is no maritime dispute with Thailand. There aren’t even proper warships ready, yet generals and sailors are being deployed to die.

    This is too weird, and obviously not a war for the nation, but a war for the dynasty.

    The world may ignore a small country like Cambodia, but the truth is this:

    Cambodian soldiers are being sacrificed — not for the nation — but for one man’s throne.
    This is not a war for the country. It’s a purge — a calculated operation to remove anyone in uniform who might challenge the Hun dynasty’s grip on power.

    It’s not just strange. It’s strategic.

    No rational leader would send his troops to death if he knew they would lose—except “death” was the original plan.

    ----------------------------------------------

    น่าสนใจมาก จากแหล่งข่าวนิรนาม
    โปรดอ่านอย่างตั้งใจ!!

    สิ่งที่ฮุน เซนต้องการจริงๆ ไม่ใช่แค่สงครามชายแดน — แต่คือการกำจัดทหารที่อาจจะไม่จงรักภักดีต่อราชวงศ์ฮุนอีกต่อไป

    ขณะนี้ ฮุน เซนได้ลดงบประมาณกองทัพลงอย่างมาก และนำเงินไปสร้าง “กองกำลังพิเศษอารักขา” ซึ่งมีอาวุธทันสมัยที่สุด และมีไว้ให้เฉพาะผู้ที่จงรักภักดีต่อเขาเป็นการส่วนตัวเท่านั้น

    ทหารกัมพูชาทั่วไปไม่มีโอกาสแม้แต่จะสัมผัสอาวุธเหล่านั้น ทหารเหล่านี้ส่วนใหญ่ไม่คุ้นเคยกับอาวุธยุคใหม่ แต่สุดท้ายพวกเขาก็ถูกส่งไปตายที่ชายแดน ภายใต้คำว่า “จงรักภักดีต่อชาติ” เป็นเกราะกำบัง

    ตอนนี้ ฮุน เซนกำลังเตรียมส่งกองทัพเรือเข้าสู่สนามรบ — ทั้งๆ ที่ไม่มีข้อพิพาททางทะเลกับประเทศไทยด้วยซ้ำ ไม่มีแม้แต่เรือรบที่พร้อมรบ แต่กลับมีการส่งนายพลและลูกเรือไปตาย

    เรื่องนี้แปลกเกินไป และเห็นได้ชัดว่าไม่ใช่สงครามเพื่อชาติ แต่เป็นสงครามเพื่อราชวงศ์

    แม้โลกอาจเพิกเฉยต่อประเทศเล็กๆ อย่างกัมพูชา แต่ความจริงคือ:

    ทหารกัมพูชากำลังถูกสังเวย — ไม่ใช่เพื่อประเทศชาติ — แต่เพื่อบัลลังก์ของชายคนเดียว

    นี่ไม่ใช่สงครามเพื่อประเทศ แต่มันคือการกวาดล้าง — ปฏิบัติการที่วางแผนมาอย่างดีเพื่อกำจัดทุกคนในเครื่องแบบที่อาจเป็นภัยต่ออำนาจของราชวงศ์ฮุน

    มันไม่ใช่แค่แปลก แต่มันคือกลยุทธ์

    ไม่มีผู้นำที่มีสติดีคนไหนจะส่งทหารไปตาย ทั้งที่รู้ว่าจะแพ้ — เว้นแต่ “ความตาย” นั้นจะเป็นแผนที่ถูกวางไว้แต่แรกอยู่แล้ว

    #กัมพูชายิงก่อน
    #CambodiaOpenedFire
    #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด
    #hunsenwarcriminal
    #ฮุนเซนอาชญากรสงคราม
    #ឧក្រិដ្ឋជនហ៊ុនសែន
    #洪森戰爭罪犯
    Sat. Jul. 26, 2025 Very interesting. From unknown source. READ CAREFULLY!! What Hun Sen truly wants isn’t just a border war — it’s to eliminate soldiers who may no longer be loyal to Hun dynasty. Hunsen now significantly reduced the military budget and redirected funds to build a “special guard force” equipped with state-of-the-art weapons, available only to those loyal to him personally. Ordinary Cambodian soldiers don't have a chance to even touch those weapons. Soldiers are usually not familiar with modern weapons. But ultimately, he was sent to death at the border with patriotism, using the word "loyal to the nation" as a vest. And now, Hun Sen is preparing to send the navy to the battlefield — even though there is no maritime dispute with Thailand. There aren’t even proper warships ready, yet generals and sailors are being deployed to die. This is too weird, and obviously not a war for the nation, but a war for the dynasty. The world may ignore a small country like Cambodia, but the truth is this: Cambodian soldiers are being sacrificed — not for the nation — but for one man’s throne. This is not a war for the country. It’s a purge — a calculated operation to remove anyone in uniform who might challenge the Hun dynasty’s grip on power. It’s not just strange. It’s strategic. No rational leader would send his troops to death if he knew they would lose—except “death” was the original plan. ---------------------------------------------- น่าสนใจมาก จากแหล่งข่าวนิรนาม โปรดอ่านอย่างตั้งใจ!! สิ่งที่ฮุน เซนต้องการจริงๆ ไม่ใช่แค่สงครามชายแดน — แต่คือการกำจัดทหารที่อาจจะไม่จงรักภักดีต่อราชวงศ์ฮุนอีกต่อไป ขณะนี้ ฮุน เซนได้ลดงบประมาณกองทัพลงอย่างมาก และนำเงินไปสร้าง “กองกำลังพิเศษอารักขา” ซึ่งมีอาวุธทันสมัยที่สุด และมีไว้ให้เฉพาะผู้ที่จงรักภักดีต่อเขาเป็นการส่วนตัวเท่านั้น ทหารกัมพูชาทั่วไปไม่มีโอกาสแม้แต่จะสัมผัสอาวุธเหล่านั้น ทหารเหล่านี้ส่วนใหญ่ไม่คุ้นเคยกับอาวุธยุคใหม่ แต่สุดท้ายพวกเขาก็ถูกส่งไปตายที่ชายแดน ภายใต้คำว่า “จงรักภักดีต่อชาติ” เป็นเกราะกำบัง ตอนนี้ ฮุน เซนกำลังเตรียมส่งกองทัพเรือเข้าสู่สนามรบ — ทั้งๆ ที่ไม่มีข้อพิพาททางทะเลกับประเทศไทยด้วยซ้ำ ไม่มีแม้แต่เรือรบที่พร้อมรบ แต่กลับมีการส่งนายพลและลูกเรือไปตาย เรื่องนี้แปลกเกินไป และเห็นได้ชัดว่าไม่ใช่สงครามเพื่อชาติ แต่เป็นสงครามเพื่อราชวงศ์ แม้โลกอาจเพิกเฉยต่อประเทศเล็กๆ อย่างกัมพูชา แต่ความจริงคือ: ทหารกัมพูชากำลังถูกสังเวย — ไม่ใช่เพื่อประเทศชาติ — แต่เพื่อบัลลังก์ของชายคนเดียว นี่ไม่ใช่สงครามเพื่อประเทศ แต่มันคือการกวาดล้าง — ปฏิบัติการที่วางแผนมาอย่างดีเพื่อกำจัดทุกคนในเครื่องแบบที่อาจเป็นภัยต่ออำนาจของราชวงศ์ฮุน มันไม่ใช่แค่แปลก แต่มันคือกลยุทธ์ ไม่มีผู้นำที่มีสติดีคนไหนจะส่งทหารไปตาย ทั้งที่รู้ว่าจะแพ้ — เว้นแต่ “ความตาย” นั้นจะเป็นแผนที่ถูกวางไว้แต่แรกอยู่แล้ว #กัมพูชายิงก่อน #CambodiaOpenedFire #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #hunsenwarcriminal #ฮุนเซนอาชญากรสงคราม #ឧក្រិដ្ឋជនហ៊ុនសែន #洪森戰爭罪犯
    0 Comments 0 Shares 176 Views 0 Reviews
  • ห้องนอนแขก "บ้านฮุนเซน" ที่ปิดไว้ไม่ได้ใช้มีไว้สำหรับรองรับอดีตนายกเมืองไทยเท่านั้น

    กับ

    ห้องนั่งเล่นในบ้านมูลค่า 1.8 ล้าน usd (เกือบ 59 ล้านบาท) ในกรุงพนมเปญ

    ห้องนั่งเล่นบ้าน 60 ล้านยังเล็กกว่าห้องนอนแขกที่ปิดไว้ของบ้านฮุนเซน...

    คนกัมพูชาจะรู้สึกอะไรไหม?

    ‐-------‐-----------------------------

    ជាភាសากម្ពុជា៖
    បន្ទប់គេងភ្ញៀវ "ផ្ទះសម្តេចហ៊ុន សែន" ដែលបិទទុកមិនប្រើ គឺសម្រាប់តែទទួលអតីតនាយករដ្ឋមន្ត្រីថៃប៉ុណ្ណោះ។
    ជាមួយ៖
    បន្ទប់ទទួលភ្ញៀវក្នុងផ្ទះតម្លៃ ១,៨ លានដុល្លារ (ជិត ៥៩ លានបាត) នៅទីក្រុងភ្នំពេញ។
    បន្ទប់ទទួលភ្ញៀវផ្ទះ ៦០ លានបាត នៅតែតូចជាងបន្ទប់គេងភ្ញៀវដែលបិទទុករបស់ផ្ទះសម្តេចហ៊ុន សែន...
    តើប្រជាជនកម្ពុជានឹងមានអារម្មណ៍យ៉ាងណាដែរ?
    ห้องนอนแขก "บ้านฮุนเซน" ที่ปิดไว้ไม่ได้ใช้มีไว้สำหรับรองรับอดีตนายกเมืองไทยเท่านั้น กับ ห้องนั่งเล่นในบ้านมูลค่า 1.8 ล้าน usd (เกือบ 59 ล้านบาท) ในกรุงพนมเปญ ห้องนั่งเล่นบ้าน 60 ล้านยังเล็กกว่าห้องนอนแขกที่ปิดไว้ของบ้านฮุนเซน... คนกัมพูชาจะรู้สึกอะไรไหม? ‐-------‐----------------------------- ជាភាសากម្ពុជា៖ បន្ទប់គេងភ្ញៀវ "ផ្ទះសម្តេចហ៊ុន សែន" ដែលបិទទុកមិនប្រើ គឺសម្រាប់តែទទួលអតីតនាយករដ្ឋមន្ត្រីថៃប៉ុណ្ណោះ។ ជាមួយ៖ បន្ទប់ទទួលភ្ញៀវក្នុងផ្ទះតម្លៃ ១,៨ លានដុល្លារ (ជិត ៥៩ លានបាត) នៅទីក្រុងភ្នំពេញ។ បន្ទប់ទទួលភ្ញៀវផ្ទះ ៦០ លានបាត នៅតែតូចជាងបន្ទប់គេងភ្ញៀវដែលបិទទុករបស់ផ្ទះសម្តេចហ៊ុន សែន... តើប្រជាជនកម្ពុជានឹងមានអារម្មណ៍យ៉ាងណាដែរ?
    0 Comments 0 Shares 125 Views 0 Reviews
  • กรณีมายาเกวซ (Mayaguez incident) เป็นปฏิบัติการทางทหารของสหรัฐฯ ที่รวดเร็ว เริ่มต้นขึ้นเมื่อวันที่ 12-15 พฤษภาคม พ.ศ.2518 (ค.ศ.1975) ในเกาะตาง (កោះតាង,Koh Tang) ใกล้กับเมืองพระสีหนุ/กำปงโสม (ក្រុងព្រះសីហនុ,កំពង់សោម;Sihanoukville) จังหวัดพระสีหนุ (ព្រះសីហនុ) ทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศกัมพูชา

    เวลาประมาณ 15.20 น. ของวันที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ.2518 (ค.ศ.1975) เรือบรรทุกสินค้าซึ่งใช้บรรทุกเวชภัณฑ์และเสบียงสัญชาติอเมริกาชื่อ เอสเอส มายาเกวซ (SS Mayaguez) ซึ่งแล่นระหว่างฮ่องกงกับประเทศไทย ขณะที่แล่นอยู่ห่างจากชายฝั่งของประเทศกัมพูชา 60 ไมล์ ซึ่งถือเป็นเขตน่านน้ำสากล ได้ถูกเรือปืนจำนวนหลายลำของเขมรแดง (ខ្មែរក្រហម,Khmer Rouge) เข้าล้อมและบุกยึด จับตัวประกันซึ่งเป็นกัปตันและลูกเรือไว้ได้ทั้งหมด 39 คน จากนั้นได้ลากไปจอดลอยลำทิ้งสมอไว้ที่เกาะตาง (កោះតាង,Koh Tang) ใกล้กับเมืองกำปงโสม (เมืองพระสีหนุในปัจจุบัน)

    รัฐบาลสหรัฐฯภายใต้การนำโดยน.ท.เจอรัลด์ ฟอร์ด (Gerald Rudolph Ford Jr.) ประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนที่ 38 (9 สิงหาคม พ.ศ.2517-20 มกราคม พ.ศ.2520) ได้ตัดสินใจอย่างเร่งด่วนส่งกองกำลังทหารซึ่งส่วนมากเป็นนาวิกโยธินสหรัฐฯ ประมาณ 1,000 นาย (ประกอบด้วยกองพันที่ 1,กรมนาวิกโยธินที่ 4,กองพันที่ 2,กรมนาวิกโยธินที่ 9,กองบินปฏิบัติการพิเศษที่ 21,ฝูงบินกู้ภัยและฟื้นฟูการบินและอากาศที่ 40,ฝูงบินสนับสนุนทางอากาศทางยุทธวิธีที่ 23,กองบินรบทางยุทธวิธีที่ 3,เรือยูเอสเอส เฮนรี่ บี. วิลสัน,เรือยูเอสเอส แฮโรลด์ อี. โฮลต์,เรือยูเอสเอส คอรัลซี ฝูงบินบรรทุกเรือเครื่องบินที่ 15) จากเกาะโอกินาว่าและอ่าวซูบิก เข้าประจำการที่สนามบินนานาชาติอู่ตะเภา (U-Tapao Rayong-Pattaya International Airport) ในพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อใช้เป็นฐานในการปฏิบัติการบุกยึดเรือและตัวประกันคืน ในวันที่ 13 พฤษภาคม โดยปฏิบัติการเริ่มขึ้นในเช้ามืดของวันที่ 14 พฤษภาคม โดยมีเครื่องบินรบจากฐานทัพสหรัฐฯที่จังหวัดอุดรธานีและนครราชสีมา (โคราช) ออกปฏิบัติการร่วมด้วย และประสบความสำเร็จในเวลาประมาณ 11.00 น. โดยสามารถจมเรือปืนของเขมรแดงลงได้ 3 ลำ มีความสูญเสียด้วยกันของทั้งสองฝ่าย แต่สามารถช่วยเหลือตัวประกัน รวมถึงลูกเรือประมงของไทยจำนวน 5 คนออกมาได้

    ทว่าปฏิบัติการดังกล่าว ทางการสหรัฐใช้ฐานบินอู่ตะเภาทั้งที่รัฐบาลไทยขณะนั้นไม่อนุญาตอย่างชัดแจ้ง ในวันที่ 17 พฤษภาคม ได้มีกลุ่มนักศึกษาและประชาชน 30,000 คน นำโดยธีรยุทธ บุญมี ประท้วงที่หน้าสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐฯประจำประเทศไทย (Embassy of the United States, Bangkok) ฝ่ายรัฐบาลไทยเรียกว่าเป็นการละเมิดอธิปไตยของไทย และให้สหรัฐถอนทหารออกจากอู่ตะเภาในทันที

    ในที่สุดเหตุการณ์จบลงในวันที่ 19 พฤษภาคม หลังจากการชุมนุมยืดเยื้อนานถึง 3 วัน เมื่ออุปทูตสหรัฐฯประจำประเทศไทยได้ส่งสาสน์แสดงความเสียใจต่อการกระทำดังกล่าว สุดท้ายสหรัฐฯถอนกำลังทหารออกจากประเทศไทยหมดสิ้นในปี 2519 (1976)
    กรณีมายาเกวซ (Mayaguez incident) เป็นปฏิบัติการทางทหารของสหรัฐฯ ที่รวดเร็ว เริ่มต้นขึ้นเมื่อวันที่ 12-15 พฤษภาคม พ.ศ.2518 (ค.ศ.1975) ในเกาะตาง (កោះតាង,Koh Tang) ใกล้กับเมืองพระสีหนุ/กำปงโสม (ក្រុងព្រះសីហនុ,កំពង់សោម;Sihanoukville) จังหวัดพระสีหนุ (ព្រះសីហនុ) ทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศกัมพูชา เวลาประมาณ 15.20 น. ของวันที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ.2518 (ค.ศ.1975) เรือบรรทุกสินค้าซึ่งใช้บรรทุกเวชภัณฑ์และเสบียงสัญชาติอเมริกาชื่อ เอสเอส มายาเกวซ (SS Mayaguez) ซึ่งแล่นระหว่างฮ่องกงกับประเทศไทย ขณะที่แล่นอยู่ห่างจากชายฝั่งของประเทศกัมพูชา 60 ไมล์ ซึ่งถือเป็นเขตน่านน้ำสากล ได้ถูกเรือปืนจำนวนหลายลำของเขมรแดง (ខ្មែរក្រហម,Khmer Rouge) เข้าล้อมและบุกยึด จับตัวประกันซึ่งเป็นกัปตันและลูกเรือไว้ได้ทั้งหมด 39 คน จากนั้นได้ลากไปจอดลอยลำทิ้งสมอไว้ที่เกาะตาง (កោះតាង,Koh Tang) ใกล้กับเมืองกำปงโสม (เมืองพระสีหนุในปัจจุบัน) รัฐบาลสหรัฐฯภายใต้การนำโดยน.ท.เจอรัลด์ ฟอร์ด (Gerald Rudolph Ford Jr.) ประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนที่ 38 (9 สิงหาคม พ.ศ.2517-20 มกราคม พ.ศ.2520) ได้ตัดสินใจอย่างเร่งด่วนส่งกองกำลังทหารซึ่งส่วนมากเป็นนาวิกโยธินสหรัฐฯ ประมาณ 1,000 นาย (ประกอบด้วยกองพันที่ 1,กรมนาวิกโยธินที่ 4,กองพันที่ 2,กรมนาวิกโยธินที่ 9,กองบินปฏิบัติการพิเศษที่ 21,ฝูงบินกู้ภัยและฟื้นฟูการบินและอากาศที่ 40,ฝูงบินสนับสนุนทางอากาศทางยุทธวิธีที่ 23,กองบินรบทางยุทธวิธีที่ 3,เรือยูเอสเอส เฮนรี่ บี. วิลสัน,เรือยูเอสเอส แฮโรลด์ อี. โฮลต์,เรือยูเอสเอส คอรัลซี ฝูงบินบรรทุกเรือเครื่องบินที่ 15) จากเกาะโอกินาว่าและอ่าวซูบิก เข้าประจำการที่สนามบินนานาชาติอู่ตะเภา (U-Tapao Rayong-Pattaya International Airport) ในพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อใช้เป็นฐานในการปฏิบัติการบุกยึดเรือและตัวประกันคืน ในวันที่ 13 พฤษภาคม โดยปฏิบัติการเริ่มขึ้นในเช้ามืดของวันที่ 14 พฤษภาคม โดยมีเครื่องบินรบจากฐานทัพสหรัฐฯที่จังหวัดอุดรธานีและนครราชสีมา (โคราช) ออกปฏิบัติการร่วมด้วย และประสบความสำเร็จในเวลาประมาณ 11.00 น. โดยสามารถจมเรือปืนของเขมรแดงลงได้ 3 ลำ มีความสูญเสียด้วยกันของทั้งสองฝ่าย แต่สามารถช่วยเหลือตัวประกัน รวมถึงลูกเรือประมงของไทยจำนวน 5 คนออกมาได้ ทว่าปฏิบัติการดังกล่าว ทางการสหรัฐใช้ฐานบินอู่ตะเภาทั้งที่รัฐบาลไทยขณะนั้นไม่อนุญาตอย่างชัดแจ้ง ในวันที่ 17 พฤษภาคม ได้มีกลุ่มนักศึกษาและประชาชน 30,000 คน นำโดยธีรยุทธ บุญมี ประท้วงที่หน้าสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐฯประจำประเทศไทย (Embassy of the United States, Bangkok) ฝ่ายรัฐบาลไทยเรียกว่าเป็นการละเมิดอธิปไตยของไทย และให้สหรัฐถอนทหารออกจากอู่ตะเภาในทันที ในที่สุดเหตุการณ์จบลงในวันที่ 19 พฤษภาคม หลังจากการชุมนุมยืดเยื้อนานถึง 3 วัน เมื่ออุปทูตสหรัฐฯประจำประเทศไทยได้ส่งสาสน์แสดงความเสียใจต่อการกระทำดังกล่าว สุดท้ายสหรัฐฯถอนกำลังทหารออกจากประเทศไทยหมดสิ้นในปี 2519 (1976)
    0 Comments 0 Shares 671 Views 0 Reviews