• รวมข่าวจากเวบ SecurityOnline
    #รวมข่าวIT #20251128 #securityonline

    The “Korean Leaks” Siege: Qilin & North Korea Cripple Financial Sector via MSP Hack
    เรื่องนี้เป็นการโจมตีไซเบอร์ครั้งใหญ่ที่สั่นสะเทือนระบบการเงินของเกาหลีใต้ กลุ่มแฮกเกอร์ Qilin ซึ่งเป็นผู้ให้บริการ Ransomware-as-a-Service ได้ร่วมมือกับกลุ่มที่เชื่อมโยงกับรัฐบาลเกาหลีเหนือ ใช้ช่องโหว่จากผู้ให้บริการ IT รายหนึ่งที่ดูแลบริษัทการเงินหลายแห่ง ทำให้สามารถเจาะเข้าถึงข้อมูลและระบบของเหยื่อจำนวนมากในคราวเดียว การโจมตีครั้งนี้ไม่ใช่แค่การเรียกค่าไถ่ธรรมดา แต่ถูกนำเสนอในเชิงการเมือง มีการเผยแพร่ข้อมูลออกมาเป็นระลอก พร้อมคำขู่ที่จะทำลายเสถียรภาพของตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ถือเป็นการผสมผสานระหว่างอาชญากรรมไซเบอร์เพื่อผลประโยชน์และการจารกรรมที่มีเป้าหมายทางการเมือง
    https://securityonline.info/the-korean-leaks-siege-qilin-north-korea-cripple-financial-sector-via-msp-hack

    One Identity Safeguard Named a Visionary in the 2025 Gartner Magic Quadrant for PAM
    ข่าวนี้เล่าถึงการที่ One Identity ได้รับการจัดอันดับเป็น “Visionary” ในรายงาน Gartner Magic Quadrant สำหรับ Privileged Access Management ปี 2025 จุดเด่นคือการใช้ AI มาช่วยจัดการสิทธิ์การเข้าถึง การออกแบบที่ใช้งานง่าย และราคาที่ต่ำกว่าคู่แข่งในตลาด ทำให้เป็นโซลูชันที่ทั้งมีประสิทธิภาพและคุ้มค่า Gartner ยกย่องว่าเป็นผู้บุกเบิกที่นำเสนอแนวทางใหม่ ๆ ในการจัดการสิทธิ์พิเศษ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการรักษาความปลอดภัยองค์กรในยุคดิจิทัล
    https://securityonline.info/one-identity-safeguard-named-a-visionary-in-the-2025-gartner-magic-quadrant-for-pam

    Quttera Launches “Evidence-as-Code” API to Automate Security Compliance for SOC 2 and PCI DSS v4.0
    Quttera เปิดตัว API ใหม่ที่ช่วยให้การตรวจสอบความปลอดภัยและการเตรียมหลักฐานสำหรับการตรวจสอบมาตรฐาน SOC 2 และ PCI DSS v4.0 เป็นไปโดยอัตโนมัติ ลดภาระงานที่ต้องใช้เวลาหลายสิบชั่วโมงในการรวบรวมข้อมูลด้วยมือ ระบบใหม่นี้สามารถสร้างหลักฐานแบบเรียลไทม์และเชื่อมต่อกับแพลตฟอร์ม GRC ได้ทันที พร้อมทั้งมี Threat Encyclopedia ที่ใช้ AI ในการอธิบายพฤติกรรมมัลแวร์และแนวทางแก้ไข ถือเป็นการเปลี่ยนการทำงานจากแบบแมนนวลไปสู่การจัดการแบบอัตโนมัติเต็มรูปแบบ
    https://securityonline.info/quttera-launches-evidence-as-code-api-to-automate-security-compliance-for-soc-2-and-pci-dss-v4-0

    Crypto Crisis: UPBIT Hacked for $369 Million in Solana-Based Tokens
    ตลาดคริปโตของเกาหลีใต้สะเทือนเมื่อ UPBIT ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มซื้อขายคริปโตที่ใหญ่ที่สุด ถูกแฮกเกอร์โจมตีและขโมยเหรียญดิจิทัลมูลค่ากว่า 369 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เหรียญที่ถูกขโมยส่วนใหญ่เป็น Solana-based tokens หลังจากพบความผิดปกติ UPBIT รีบย้ายทรัพย์สินที่เหลือไปเก็บใน cold wallet และร่วมมือกับหน่วยงานรัฐเพื่อสกัดกั้นการเคลื่อนย้ายเงินที่ถูกขโมย ข่าวดีคือมีบางส่วนถูกแช่แข็งไว้ได้ทัน แต่เหตุการณ์นี้สะท้อนให้เห็นถึงความเสี่ยงของการเก็บสินทรัพย์ใน hot wallet และความท้าทายในการรักษาความปลอดภัยของตลาดคริปโต
    https://securityonline.info/crypto-crisis-upbit-hacked-for-369-million-in-solana-based-tokens

    500M PCs Stranded: Windows 11 Adoption Lags as Windows 10 Support Ends
    Microsoft ประกาศยุติการสนับสนุน Windows 10 อย่างเป็นทางการ ทำให้ผู้ใช้จำนวนมากต้องพิจารณาการอัปเกรดไป Windows 11 แต่ปัญหาคือมีคอมพิวเตอร์กว่า 500 ล้านเครื่องที่ไม่สามารถอัปเกรดได้เพราะไม่ผ่านข้อกำหนดฮาร์ดแวร์ใหม่ แม้ Microsoft จะเปิดโปรแกรม ESU ให้ผู้ใช้ Windows 10 ยังได้รับอัปเดตความปลอดภัยต่อไปอีกหนึ่งปี แต่การย้ายไป Windows 11 กลับเป็นไปอย่างเชื่องช้า หลายคนยังคงมองว่า Windows 10 มีความเสถียรมากกว่า และไม่เห็นความจำเป็นในการซื้อเครื่องใหม่เพียงเพื่อเปลี่ยนระบบปฏิบัติการ ทำให้การเปลี่ยนผ่านครั้งนี้อาจกินเวลาหลายปี
    ​​​​​​​ https://securityonline.info/500m-pcs-stranded-windows-11-adoption-lags-as-windows-10-support-ends
    📌🔐🔵 รวมข่าวจากเวบ SecurityOnline 🔵🔐📌 #รวมข่าวIT #20251128 #securityonline 🛡️ The “Korean Leaks” Siege: Qilin & North Korea Cripple Financial Sector via MSP Hack เรื่องนี้เป็นการโจมตีไซเบอร์ครั้งใหญ่ที่สั่นสะเทือนระบบการเงินของเกาหลีใต้ กลุ่มแฮกเกอร์ Qilin ซึ่งเป็นผู้ให้บริการ Ransomware-as-a-Service ได้ร่วมมือกับกลุ่มที่เชื่อมโยงกับรัฐบาลเกาหลีเหนือ ใช้ช่องโหว่จากผู้ให้บริการ IT รายหนึ่งที่ดูแลบริษัทการเงินหลายแห่ง ทำให้สามารถเจาะเข้าถึงข้อมูลและระบบของเหยื่อจำนวนมากในคราวเดียว การโจมตีครั้งนี้ไม่ใช่แค่การเรียกค่าไถ่ธรรมดา แต่ถูกนำเสนอในเชิงการเมือง มีการเผยแพร่ข้อมูลออกมาเป็นระลอก พร้อมคำขู่ที่จะทำลายเสถียรภาพของตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ถือเป็นการผสมผสานระหว่างอาชญากรรมไซเบอร์เพื่อผลประโยชน์และการจารกรรมที่มีเป้าหมายทางการเมือง 🔗 https://securityonline.info/the-korean-leaks-siege-qilin-north-korea-cripple-financial-sector-via-msp-hack ✨ One Identity Safeguard Named a Visionary in the 2025 Gartner Magic Quadrant for PAM ข่าวนี้เล่าถึงการที่ One Identity ได้รับการจัดอันดับเป็น “Visionary” ในรายงาน Gartner Magic Quadrant สำหรับ Privileged Access Management ปี 2025 จุดเด่นคือการใช้ AI มาช่วยจัดการสิทธิ์การเข้าถึง การออกแบบที่ใช้งานง่าย และราคาที่ต่ำกว่าคู่แข่งในตลาด ทำให้เป็นโซลูชันที่ทั้งมีประสิทธิภาพและคุ้มค่า Gartner ยกย่องว่าเป็นผู้บุกเบิกที่นำเสนอแนวทางใหม่ ๆ ในการจัดการสิทธิ์พิเศษ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการรักษาความปลอดภัยองค์กรในยุคดิจิทัล 🔗 https://securityonline.info/one-identity-safeguard-named-a-visionary-in-the-2025-gartner-magic-quadrant-for-pam ⚙️ Quttera Launches “Evidence-as-Code” API to Automate Security Compliance for SOC 2 and PCI DSS v4.0 Quttera เปิดตัว API ใหม่ที่ช่วยให้การตรวจสอบความปลอดภัยและการเตรียมหลักฐานสำหรับการตรวจสอบมาตรฐาน SOC 2 และ PCI DSS v4.0 เป็นไปโดยอัตโนมัติ ลดภาระงานที่ต้องใช้เวลาหลายสิบชั่วโมงในการรวบรวมข้อมูลด้วยมือ ระบบใหม่นี้สามารถสร้างหลักฐานแบบเรียลไทม์และเชื่อมต่อกับแพลตฟอร์ม GRC ได้ทันที พร้อมทั้งมี Threat Encyclopedia ที่ใช้ AI ในการอธิบายพฤติกรรมมัลแวร์และแนวทางแก้ไข ถือเป็นการเปลี่ยนการทำงานจากแบบแมนนวลไปสู่การจัดการแบบอัตโนมัติเต็มรูปแบบ 🔗 https://securityonline.info/quttera-launches-evidence-as-code-api-to-automate-security-compliance-for-soc-2-and-pci-dss-v4-0 💰 Crypto Crisis: UPBIT Hacked for $369 Million in Solana-Based Tokens ตลาดคริปโตของเกาหลีใต้สะเทือนเมื่อ UPBIT ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มซื้อขายคริปโตที่ใหญ่ที่สุด ถูกแฮกเกอร์โจมตีและขโมยเหรียญดิจิทัลมูลค่ากว่า 369 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เหรียญที่ถูกขโมยส่วนใหญ่เป็น Solana-based tokens หลังจากพบความผิดปกติ UPBIT รีบย้ายทรัพย์สินที่เหลือไปเก็บใน cold wallet และร่วมมือกับหน่วยงานรัฐเพื่อสกัดกั้นการเคลื่อนย้ายเงินที่ถูกขโมย ข่าวดีคือมีบางส่วนถูกแช่แข็งไว้ได้ทัน แต่เหตุการณ์นี้สะท้อนให้เห็นถึงความเสี่ยงของการเก็บสินทรัพย์ใน hot wallet และความท้าทายในการรักษาความปลอดภัยของตลาดคริปโต 🔗 https://securityonline.info/crypto-crisis-upbit-hacked-for-369-million-in-solana-based-tokens 💻 500M PCs Stranded: Windows 11 Adoption Lags as Windows 10 Support Ends Microsoft ประกาศยุติการสนับสนุน Windows 10 อย่างเป็นทางการ ทำให้ผู้ใช้จำนวนมากต้องพิจารณาการอัปเกรดไป Windows 11 แต่ปัญหาคือมีคอมพิวเตอร์กว่า 500 ล้านเครื่องที่ไม่สามารถอัปเกรดได้เพราะไม่ผ่านข้อกำหนดฮาร์ดแวร์ใหม่ แม้ Microsoft จะเปิดโปรแกรม ESU ให้ผู้ใช้ Windows 10 ยังได้รับอัปเดตความปลอดภัยต่อไปอีกหนึ่งปี แต่การย้ายไป Windows 11 กลับเป็นไปอย่างเชื่องช้า หลายคนยังคงมองว่า Windows 10 มีความเสถียรมากกว่า และไม่เห็นความจำเป็นในการซื้อเครื่องใหม่เพียงเพื่อเปลี่ยนระบบปฏิบัติการ ทำให้การเปลี่ยนผ่านครั้งนี้อาจกินเวลาหลายปี ​​​​​​​🔗 https://securityonline.info/500m-pcs-stranded-windows-11-adoption-lags-as-windows-10-support-ends
    SECURITYONLINE.INFO
    The "Korean Leaks" Siege: Qilin & North Korea Cripple Financial Sector via MSP Hack
    Qilin & North Korean hackers launch "Korean Leaks," a massive supply chain attack on South Korea's financial sector via a compromised MSP.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 66 มุมมอง 0 รีวิว
  • ความตึงเครียดระหว่างจีน-ญี่ปุ่น กระทบธุรกิจเกมของญี่ปุ่นอย่างหนัก

    บทวิเคราะห์จาก Niko Partners ชี้ว่า ความตึงเครียดระหว่างจีนและญี่ปุ่นอาจส่งผลกระทบต่อการอนุมัติวิดีโอเกมญี่ปุ่นในตลาดจีน ซึ่งญี่ปุ่นถือเป็นแหล่งนำเข้าเกมรายใหญ่ที่สุด คิดเป็นกว่า 30% ของเกมต่างชาติที่ได้รับอนุญาตในจีน หากถูกระงับจริงจะกระทบต่อผู้พัฒนาและผู้จัดจำหน่ายญี่ปุ่นอย่างหนัก

    ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศทวีความรุนแรงขึ้นหลังจากนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น Sanae Takaichi แสดงท่าทีว่าจะเข้าไปแทรกแซงหากจีนพยายามรวมชาติไต้หวัน จีนตอบโต้ด้วยการเรียกร้องให้ญี่ปุ่นถอนคำพูด พร้อมออกมาตรการ เช่น ระงับการนำเข้าผลิตภัณฑ์อาหารทะเลจากญี่ปุ่น และ หยุดอนุมัติภาพยนตร์ญี่ปุ่น

    ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเกม
    จีนเป็นตลาดเกมที่ใหญ่ที่สุดในโลก และญี่ปุ่นคือผู้ส่งออกเกมรายใหญ่ที่สุดไปยังจีน คิดเป็น 30% ของเกมต่างชาติที่ได้รับอนุญาตในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา หากจีนเลือกที่จะระงับการอนุมัติเกมญี่ปุ่นเหมือนที่ทำกับภาพยนตร์ จะส่งผลกระทบมหาศาลต่อบริษัทเกมญี่ปุ่นที่พึ่งพาผู้เล่นจีน เช่น Nintendo, Capcom และ Square Enix

    มุมมองนักวิเคราะห์
    แม้ยังไม่มีหลักฐานชัดเจนว่าจีนจะหยุดอนุมัติเกมญี่ปุ่น แต่ Niko Partners เตือนว่าความเสี่ยงนี้มีอยู่จริง และจะเป็น “แรงกระแทกครั้งใหญ่” ต่อผู้พัฒนาเกมญี่ปุ่นที่มีรายได้จำนวนมากจากตลาดจีน โดยเฉพาะในช่วงที่อุตสาหกรรมเกมทั่วโลกกำลังแข่งขันสูงและต้นทุนพัฒนาเกมเพิ่มขึ้น

    แนวโน้มในอนาคต
    หากความสัมพันธ์ยังคงเสื่อมลง การเปิดตัวเกมญี่ปุ่นในจีนอาจล่าช้า หรือถูกปฏิเสธโดยตรง ซึ่งจะทำให้การเปิดตัวคอนโซลใหม่อย่าง Nintendo Switch 2 ในจีนต้องรอไปอีกนาน และอาจเปลี่ยนทิศทางการลงทุนของบริษัทเกมญี่ปุ่นในตลาดเอเชีย

    สรุปประเด็นสำคัญ
    ญี่ปุ่นเป็นผู้ส่งออกเกมรายใหญ่ที่สุดไปจีน
    คิดเป็น 30% ของเกมต่างชาติที่ได้รับอนุญาต

    ความตึงเครียดทางการเมือง
    เกิดจากท่าทีของญี่ปุ่นต่อประเด็นไต้หวัน

    มาตรการตอบโต้ของจีน
    ระงับการนำเข้าผลิตภัณฑ์อาหารทะเล และหยุดอนุมัติภาพยนตร์ญี่ปุ่น

    ความเสี่ยงต่ออุตสาหกรรมเกม
    อาจกระทบต่อบริษัทญี่ปุ่นที่พึ่งพาผู้เล่นจีน เช่น Nintendo และ Capcom

    ความเสี่ยงหากจีนหยุดอนุมัติเกมญี่ปุ่น
    จะกระทบต่อรายได้มหาศาลและการเปิดตัวคอนโซลใหม่ในจีน

    ความท้าทายต่อผู้พัฒนาเกมญี่ปุ่น
    ต้องหาตลาดใหม่รองรับหากสูญเสียผู้เล่นจีนจำนวนมาก

    https://wccftech.com/china-japan-tensions-could-impact-japanese-game-market-says-analyst/
    ⚔️ ความตึงเครียดระหว่างจีน-ญี่ปุ่น กระทบธุรกิจเกมของญี่ปุ่นอย่างหนัก บทวิเคราะห์จาก Niko Partners ชี้ว่า ความตึงเครียดระหว่างจีนและญี่ปุ่นอาจส่งผลกระทบต่อการอนุมัติวิดีโอเกมญี่ปุ่นในตลาดจีน ซึ่งญี่ปุ่นถือเป็นแหล่งนำเข้าเกมรายใหญ่ที่สุด คิดเป็นกว่า 30% ของเกมต่างชาติที่ได้รับอนุญาตในจีน หากถูกระงับจริงจะกระทบต่อผู้พัฒนาและผู้จัดจำหน่ายญี่ปุ่นอย่างหนัก ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศทวีความรุนแรงขึ้นหลังจากนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น Sanae Takaichi แสดงท่าทีว่าจะเข้าไปแทรกแซงหากจีนพยายามรวมชาติไต้หวัน จีนตอบโต้ด้วยการเรียกร้องให้ญี่ปุ่นถอนคำพูด พร้อมออกมาตรการ เช่น ระงับการนำเข้าผลิตภัณฑ์อาหารทะเลจากญี่ปุ่น และ หยุดอนุมัติภาพยนตร์ญี่ปุ่น 🎮 ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเกม จีนเป็นตลาดเกมที่ใหญ่ที่สุดในโลก และญี่ปุ่นคือผู้ส่งออกเกมรายใหญ่ที่สุดไปยังจีน คิดเป็น 30% ของเกมต่างชาติที่ได้รับอนุญาตในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา หากจีนเลือกที่จะระงับการอนุมัติเกมญี่ปุ่นเหมือนที่ทำกับภาพยนตร์ จะส่งผลกระทบมหาศาลต่อบริษัทเกมญี่ปุ่นที่พึ่งพาผู้เล่นจีน เช่น Nintendo, Capcom และ Square Enix 🌐 มุมมองนักวิเคราะห์ แม้ยังไม่มีหลักฐานชัดเจนว่าจีนจะหยุดอนุมัติเกมญี่ปุ่น แต่ Niko Partners เตือนว่าความเสี่ยงนี้มีอยู่จริง และจะเป็น “แรงกระแทกครั้งใหญ่” ต่อผู้พัฒนาเกมญี่ปุ่นที่มีรายได้จำนวนมากจากตลาดจีน โดยเฉพาะในช่วงที่อุตสาหกรรมเกมทั่วโลกกำลังแข่งขันสูงและต้นทุนพัฒนาเกมเพิ่มขึ้น 🔮 แนวโน้มในอนาคต หากความสัมพันธ์ยังคงเสื่อมลง การเปิดตัวเกมญี่ปุ่นในจีนอาจล่าช้า หรือถูกปฏิเสธโดยตรง ซึ่งจะทำให้การเปิดตัวคอนโซลใหม่อย่าง Nintendo Switch 2 ในจีนต้องรอไปอีกนาน และอาจเปลี่ยนทิศทางการลงทุนของบริษัทเกมญี่ปุ่นในตลาดเอเชีย 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ ญี่ปุ่นเป็นผู้ส่งออกเกมรายใหญ่ที่สุดไปจีน ➡️ คิดเป็น 30% ของเกมต่างชาติที่ได้รับอนุญาต ✅ ความตึงเครียดทางการเมือง ➡️ เกิดจากท่าทีของญี่ปุ่นต่อประเด็นไต้หวัน ✅ มาตรการตอบโต้ของจีน ➡️ ระงับการนำเข้าผลิตภัณฑ์อาหารทะเล และหยุดอนุมัติภาพยนตร์ญี่ปุ่น ✅ ความเสี่ยงต่ออุตสาหกรรมเกม ➡️ อาจกระทบต่อบริษัทญี่ปุ่นที่พึ่งพาผู้เล่นจีน เช่น Nintendo และ Capcom ‼️ ความเสี่ยงหากจีนหยุดอนุมัติเกมญี่ปุ่น ⛔ จะกระทบต่อรายได้มหาศาลและการเปิดตัวคอนโซลใหม่ในจีน ‼️ ความท้าทายต่อผู้พัฒนาเกมญี่ปุ่น ⛔ ต้องหาตลาดใหม่รองรับหากสูญเสียผู้เล่นจีนจำนวนมาก https://wccftech.com/china-japan-tensions-could-impact-japanese-game-market-says-analyst/
    WCCFTECH.COM
    China Could Deal A Huge Blow to Japanese Video Game Market Amidst Rising Tensions Between the Nations
    Rising tensions between Japan and China could end up impacting the Japanese video game market, if China takes retaliatory actions.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 41 มุมมอง 0 รีวิว
  • Cronos เปิดตัว Hackathon มูลค่า $42,000 ขับเคลื่อนการชำระเงินบนบล็อกเชนด้วย AI

    เครือข่าย Cronos ได้ประกาศจัดงาน x402 PayTech Hackathon โดยมีเงินรางวัลรวมกว่า 42,000 ดอลลาร์สหรัฐ เพื่อผลักดันการพัฒนาเครื่องมือและแอปพลิเคชันที่ใช้เทคโนโลยี AI ในการทำธุรกรรมบนบล็อกเชน งานนี้เปิดให้เหล่านักพัฒนาทั่วโลกเข้าร่วม โดยใช้ Crypto.com AI Agent SDK และโครงสร้างพื้นฐานล่าสุดของ Cronos และ Crypto.com..

    การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและศักยภาพของ Cronos
    ในช่วงที่ผ่านมา Cronos ได้ปรับปรุงระบบครั้งใหญ่ เช่น ลดค่า gas ลงถึง 10 เท่า, เพิ่มปริมาณธุรกรรมรายวันกว่า 400%, และลดเวลาในการสร้างบล็อกเหลือไม่ถึง 1 วินาที สิ่งเหล่านี้ทำให้ Cronos กลายเป็นแพลตฟอร์มที่เหมาะสมสำหรับการสร้างแอปพลิเคชันที่ต้องการความเร็วสูงและรองรับ AI-native ได้อย่างเต็มรูปแบบ.

    สิ่งที่นักพัฒนาจะได้ทดลอง
    ผู้เข้าร่วม Hackathon จะได้ทดลองสร้างโซลูชันที่หลากหลาย เช่น การทำธุรกรรมอัตโนมัติ, smart wallet ที่ขับเคลื่อนด้วย AI, การเชื่อมโยงสินทรัพย์จริงเข้ากับบล็อกเชน, และเครื่องมือสำหรับนักพัฒนา โดยมีการสนับสนุนเต็มรูปแบบจาก Cronos และ Crypto.com ทั้ง workshop, office hours, และเอกสารทางเทคนิค.

    เป้าหมายระยะยาวและโอกาสต่อยอด
    Hackathon ครั้งนี้ไม่ใช่แค่การแข่งขัน แต่ยังเป็นการทดสอบว่า AI agents สามารถจัดการและเคลื่อนย้ายมูลค่าได้จริง ทีมที่โดดเด่นอาจได้รับการสนับสนุนเพิ่มเติม เช่น เงินทุน, การบ่มเพาะโครงการ และการร่วมมือกับระบบนิเวศของ Cronos ซึ่งปัจจุบันมีผู้ใช้งานกว่า 150 ล้านคน และมีสินทรัพย์รวมกว่า 6 พันล้านดอลลาร์.

    สรุปสาระสำคัญ
    Cronos จัด x402 PayTech Hackathon มูลค่า $42,000
    เปิดให้นักพัฒนาทั่วโลกเข้าร่วม

    ใช้ Crypto.com AI Agent SDK และโครงสร้างพื้นฐานใหม่
    รองรับการสร้าง AI-native applications

    Cronos ปรับปรุงระบบครั้งใหญ่
    ลดค่า gas 10 เท่า, เพิ่มธุรกรรม 400%, block time < 1 วินาที

    ผู้เข้าร่วมจะได้ทดลองสร้าง smart wallet, automated flows และ asset integration
    มี workshop และ office hours สนับสนุน

    การแข่งขันเน้นการทดสอบความสามารถของ AI agents
    ทีมที่ไม่สามารถสร้างโซลูชันที่ใช้งานจริงอาจไม่ผ่านการคัดเลือก

    การพัฒนา AI-native บนบล็อกเชนยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น
    อาจมีความเสี่ยงด้านความปลอดภัยและการปรับใช้ในตลาดจริง

    https://hackread.com/cronos-hackathon-ai-powered-chain-payments/
    🌍 Cronos เปิดตัว Hackathon มูลค่า $42,000 ขับเคลื่อนการชำระเงินบนบล็อกเชนด้วย AI เครือข่าย Cronos ได้ประกาศจัดงาน x402 PayTech Hackathon โดยมีเงินรางวัลรวมกว่า 42,000 ดอลลาร์สหรัฐ เพื่อผลักดันการพัฒนาเครื่องมือและแอปพลิเคชันที่ใช้เทคโนโลยี AI ในการทำธุรกรรมบนบล็อกเชน งานนี้เปิดให้เหล่านักพัฒนาทั่วโลกเข้าร่วม โดยใช้ Crypto.com AI Agent SDK และโครงสร้างพื้นฐานล่าสุดของ Cronos และ Crypto.com.. ⚡ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและศักยภาพของ Cronos ในช่วงที่ผ่านมา Cronos ได้ปรับปรุงระบบครั้งใหญ่ เช่น ลดค่า gas ลงถึง 10 เท่า, เพิ่มปริมาณธุรกรรมรายวันกว่า 400%, และลดเวลาในการสร้างบล็อกเหลือไม่ถึง 1 วินาที สิ่งเหล่านี้ทำให้ Cronos กลายเป็นแพลตฟอร์มที่เหมาะสมสำหรับการสร้างแอปพลิเคชันที่ต้องการความเร็วสูงและรองรับ AI-native ได้อย่างเต็มรูปแบบ. 🛠️ สิ่งที่นักพัฒนาจะได้ทดลอง ผู้เข้าร่วม Hackathon จะได้ทดลองสร้างโซลูชันที่หลากหลาย เช่น การทำธุรกรรมอัตโนมัติ, smart wallet ที่ขับเคลื่อนด้วย AI, การเชื่อมโยงสินทรัพย์จริงเข้ากับบล็อกเชน, และเครื่องมือสำหรับนักพัฒนา โดยมีการสนับสนุนเต็มรูปแบบจาก Cronos และ Crypto.com ทั้ง workshop, office hours, และเอกสารทางเทคนิค. 🚀 เป้าหมายระยะยาวและโอกาสต่อยอด Hackathon ครั้งนี้ไม่ใช่แค่การแข่งขัน แต่ยังเป็นการทดสอบว่า AI agents สามารถจัดการและเคลื่อนย้ายมูลค่าได้จริง ทีมที่โดดเด่นอาจได้รับการสนับสนุนเพิ่มเติม เช่น เงินทุน, การบ่มเพาะโครงการ และการร่วมมือกับระบบนิเวศของ Cronos ซึ่งปัจจุบันมีผู้ใช้งานกว่า 150 ล้านคน และมีสินทรัพย์รวมกว่า 6 พันล้านดอลลาร์. 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ Cronos จัด x402 PayTech Hackathon มูลค่า $42,000 ➡️ เปิดให้นักพัฒนาทั่วโลกเข้าร่วม ✅ ใช้ Crypto.com AI Agent SDK และโครงสร้างพื้นฐานใหม่ ➡️ รองรับการสร้าง AI-native applications ✅ Cronos ปรับปรุงระบบครั้งใหญ่ ➡️ ลดค่า gas 10 เท่า, เพิ่มธุรกรรม 400%, block time < 1 วินาที ✅ ผู้เข้าร่วมจะได้ทดลองสร้าง smart wallet, automated flows และ asset integration ➡️ มี workshop และ office hours สนับสนุน ‼️ การแข่งขันเน้นการทดสอบความสามารถของ AI agents ⛔ ทีมที่ไม่สามารถสร้างโซลูชันที่ใช้งานจริงอาจไม่ผ่านการคัดเลือก ‼️ การพัฒนา AI-native บนบล็อกเชนยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น ⛔ อาจมีความเสี่ยงด้านความปลอดภัยและการปรับใช้ในตลาดจริง https://hackread.com/cronos-hackathon-ai-powered-chain-payments/
    HACKREAD.COM
    Cronos Kicks Off $42K Global Hackathon Focused on AI-Powered On-Chain Payments
    Follow us on Bluesky, Twitter (X), Mastodon and Facebook at @Hackread
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 33 มุมมอง 0 รีวิว
  • ซื้อ พีซีหรือแล็ปท็อปแบบสำเร็จรูป (prebuilt) อาจคุ้มค่ากว่า

    บทความนี้จาก Tom’s Hardware อธิบายว่าในช่วงที่ราคาหน่วยความจำ (RAM) พุ่งสูง การซื้อ พีซีหรือแล็ปท็อปแบบสำเร็จรูป (prebuilt) อาจคุ้มค่ากว่าการประกอบเครื่องเอง เพราะผู้ผลิตรายใหญ่มีการสต็อก RAM ไว้ล่วงหน้า ทำให้ราคายังไม่สะท้อนวิกฤติที่เกิดขึ้นในตลาดชิ้นส่วน

    ราคาหน่วยความจำพุ่งสูง
    ราคาของ RAM เพิ่มขึ้นอย่างมากในปีนี้ โดยเฉพาะชุด DDR5 ขนาดใหญ่ เช่น 64GB kit ที่แพงกว่าคอนโซล PlayStation 5 ทั้งเครื่อง ส่งผลให้การประกอบพีซีเองมีต้นทุนสูงกว่าที่เคยเป็นมา แม้ผู้ใช้จะเลือกชิ้นส่วนอื่น ๆ อย่างระมัดระวัง แต่ค่าใช้จ่ายของ RAM และ GPU กลายเป็นภาระหลัก

    ทำไม prebuilt ถึงคุ้มกว่า
    ผู้ผลิตพีซีและแล็ปท็ปรายใหญ่ เช่น Dell, HP, Lenovo และ Framework มีการสต็อก RAM ไว้ล่วงหน้า ทำให้ราคาของเครื่องสำเร็จรูปยังไม่ปรับขึ้นตามตลาดชิ้นส่วน การซื้อพีซีหรือแล็ปท็อปแบบ prebuilt จึงอาจได้ราคาที่ถูกกว่า 200–300 ดอลลาร์ เมื่อเทียบกับการประกอบเอง และในบางช่วงโปรโมชั่น เช่น Black Friday ราคายิ่งลดลงมาก

    ตัวอย่างการเปรียบเทียบ
    Tom’s Hardware ยกตัวอย่างเครื่อง CyberPowerPC Gamer Xtreme ที่ใช้ชิ้นส่วนมาตรฐานทั้งหมด ราคาขายอยู่ที่ 849.99 ดอลลาร์ (ลดจาก 1,099.99 ดอลลาร์) ขณะที่การประกอบเครื่องด้วยชิ้นส่วนเทียบเท่ากันมีต้นทุนกว่า 1,322.80 ดอลลาร์ ซึ่งสูงกว่ามาก แม้จะมีบางส่วนที่สามารถลดต้นทุนได้ เช่น การใช้ Windows license เดิม แต่ก็ยังไม่สามารถแข่งขันกับราคาของ prebuilt ได้

    ผลกระทบต่อผู้ใช้และตลาด
    การขึ้นราคาของ RAM เกิดจากความต้องการมหาศาลในอุตสาหกรรม AI และการผลิตชิป ทำให้ผู้ใช้ทั่วไปต้องเผชิญกับต้นทุนที่สูงขึ้น การเลือกซื้อ prebuilt หรือแล็ปท็อปจึงเป็นทางออกที่คุ้มค่าในระยะสั้น แต่หากวิกฤติยังดำเนินต่อไป ราคาของเครื่องสำเร็จรูปก็อาจปรับขึ้นตามในอนาคต

    สรุปสาระสำคัญ
    ราคาหน่วยความจำพุ่งสูง
    64GB DDR5 kit แพงกว่าคอนโซล PlayStation 5
    ทำให้การประกอบพีซีเองมีต้นทุนสูง

    ข้อได้เปรียบของ prebuilt
    ผู้ผลิตรายใหญ่มีการสต็อก RAM ไว้ล่วงหน้า
    ราคายังไม่สะท้อนวิกฤติในตลาดชิ้นส่วน

    ตัวอย่างการเปรียบเทียบ
    CyberPowerPC Gamer Xtreme ราคา 849.99 ดอลลาร์
    การประกอบเองมีต้นทุนกว่า 1,322.80 ดอลลาร์

    ผลกระทบต่อผู้ใช้
    การซื้อ prebuilt หรือแล็ปท็อปคุ้มค่ากว่าในระยะสั้น
    แต่ราคาสำเร็จรูปอาจปรับขึ้นหากวิกฤติ RAM ยืดเยื้อ

    คำเตือนต่อผู้ใช้
    หากรอซื้อ RAM แยก อาจเจอราคาที่สูงขึ้นเรื่อย ๆ
    ตลาดอาจปรับราคาพีซีและแล็ปท็อปในอนาคตตามวิกฤติ RAM

    https://www.tomshardware.com/laptops/shopping-for-ram-you-may-want-to-get-a-prebuilt-or-a-laptop-instead
    🛒 ซื้อ พีซีหรือแล็ปท็อปแบบสำเร็จรูป (prebuilt) อาจคุ้มค่ากว่า บทความนี้จาก Tom’s Hardware อธิบายว่าในช่วงที่ราคาหน่วยความจำ (RAM) พุ่งสูง การซื้อ พีซีหรือแล็ปท็อปแบบสำเร็จรูป (prebuilt) อาจคุ้มค่ากว่าการประกอบเครื่องเอง เพราะผู้ผลิตรายใหญ่มีการสต็อก RAM ไว้ล่วงหน้า ทำให้ราคายังไม่สะท้อนวิกฤติที่เกิดขึ้นในตลาดชิ้นส่วน ⚡ ราคาหน่วยความจำพุ่งสูง ราคาของ RAM เพิ่มขึ้นอย่างมากในปีนี้ โดยเฉพาะชุด DDR5 ขนาดใหญ่ เช่น 64GB kit ที่แพงกว่าคอนโซล PlayStation 5 ทั้งเครื่อง ส่งผลให้การประกอบพีซีเองมีต้นทุนสูงกว่าที่เคยเป็นมา แม้ผู้ใช้จะเลือกชิ้นส่วนอื่น ๆ อย่างระมัดระวัง แต่ค่าใช้จ่ายของ RAM และ GPU กลายเป็นภาระหลัก 🏭 ทำไม prebuilt ถึงคุ้มกว่า ผู้ผลิตพีซีและแล็ปท็ปรายใหญ่ เช่น Dell, HP, Lenovo และ Framework มีการสต็อก RAM ไว้ล่วงหน้า ทำให้ราคาของเครื่องสำเร็จรูปยังไม่ปรับขึ้นตามตลาดชิ้นส่วน การซื้อพีซีหรือแล็ปท็อปแบบ prebuilt จึงอาจได้ราคาที่ถูกกว่า 200–300 ดอลลาร์ เมื่อเทียบกับการประกอบเอง และในบางช่วงโปรโมชั่น เช่น Black Friday ราคายิ่งลดลงมาก 🌍 ตัวอย่างการเปรียบเทียบ Tom’s Hardware ยกตัวอย่างเครื่อง CyberPowerPC Gamer Xtreme ที่ใช้ชิ้นส่วนมาตรฐานทั้งหมด ราคาขายอยู่ที่ 849.99 ดอลลาร์ (ลดจาก 1,099.99 ดอลลาร์) ขณะที่การประกอบเครื่องด้วยชิ้นส่วนเทียบเท่ากันมีต้นทุนกว่า 1,322.80 ดอลลาร์ ซึ่งสูงกว่ามาก แม้จะมีบางส่วนที่สามารถลดต้นทุนได้ เช่น การใช้ Windows license เดิม แต่ก็ยังไม่สามารถแข่งขันกับราคาของ prebuilt ได้ 🔒 ผลกระทบต่อผู้ใช้และตลาด การขึ้นราคาของ RAM เกิดจากความต้องการมหาศาลในอุตสาหกรรม AI และการผลิตชิป ทำให้ผู้ใช้ทั่วไปต้องเผชิญกับต้นทุนที่สูงขึ้น การเลือกซื้อ prebuilt หรือแล็ปท็อปจึงเป็นทางออกที่คุ้มค่าในระยะสั้น แต่หากวิกฤติยังดำเนินต่อไป ราคาของเครื่องสำเร็จรูปก็อาจปรับขึ้นตามในอนาคต 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ ราคาหน่วยความจำพุ่งสูง ➡️ 64GB DDR5 kit แพงกว่าคอนโซล PlayStation 5 ➡️ ทำให้การประกอบพีซีเองมีต้นทุนสูง ✅ ข้อได้เปรียบของ prebuilt ➡️ ผู้ผลิตรายใหญ่มีการสต็อก RAM ไว้ล่วงหน้า ➡️ ราคายังไม่สะท้อนวิกฤติในตลาดชิ้นส่วน ✅ ตัวอย่างการเปรียบเทียบ ➡️ CyberPowerPC Gamer Xtreme ราคา 849.99 ดอลลาร์ ➡️ การประกอบเองมีต้นทุนกว่า 1,322.80 ดอลลาร์ ✅ ผลกระทบต่อผู้ใช้ ➡️ การซื้อ prebuilt หรือแล็ปท็อปคุ้มค่ากว่าในระยะสั้น ➡️ แต่ราคาสำเร็จรูปอาจปรับขึ้นหากวิกฤติ RAM ยืดเยื้อ ‼️ คำเตือนต่อผู้ใช้ ⛔ หากรอซื้อ RAM แยก อาจเจอราคาที่สูงขึ้นเรื่อย ๆ ⛔ ตลาดอาจปรับราคาพีซีและแล็ปท็อปในอนาคตตามวิกฤติ RAM https://www.tomshardware.com/laptops/shopping-for-ram-you-may-want-to-get-a-prebuilt-or-a-laptop-instead
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    Shopping for RAM? You may want to get a prebuilt or a laptop instead.
    While memory prices are soaring, full systems haven't been hit by increasing prices (yet!)
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 66 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทีมไซเบอร์ระดับสูงเปิดตัว Blast Security ด้วยทุน $10M

    Blast Security บริษัทสตาร์ทอัพด้านไซเบอร์จากอิสราเอล เปิดตัวอย่างเป็นทางการพร้อมทุนเริ่มต้นกว่า 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยมีเป้าหมายพลิกโฉมการรักษาความปลอดภัยบนคลาวด์ จากการตรวจจับและตอบสนอง ไปสู่การ ป้องกันเชิงรุก (Preemptive Cloud Defense)

    แนวคิดและเทคโนโลยีใหม่
    Blast Security พัฒนาแพลตฟอร์มที่ทำงานแบบ preventive guardrails ซึ่งจะตรวจสอบและบังคับใช้การเปลี่ยนแปลงในระบบคลาวด์อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้มั่นใจว่าความปลอดภัยไม่ถูกละเมิดตั้งแต่ต้น จุดเด่นคือการ ลดความเสี่ยงบนคลาวด์ได้กว่า 90% และทำให้การดำเนินงานไม่สะดุดแม้มีการบังคับใช้มาตรการป้องกัน

    ทีมผู้ก่อตั้งประกอบด้วยอดีตวิศวกรจาก Solebit (บริษัทที่ถูก Mimecast ซื้อกิจการ) และสมาชิกจากหน่วยไซเบอร์ของกองทัพอิสราเอล (IDF) ซึ่งมีประสบการณ์ร่วมกันมากกว่าทศวรรษในการสร้างโซลูชันด้านความปลอดภัยที่สามารถขยายการใช้งานได้จริง

    ผลกระทบต่อองค์กรและตลาด
    องค์กรที่ใช้ระบบ multi-cloud มักเผชิญกับความซับซ้อนและการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็ว โดยเฉพาะเมื่อ AI เข้ามาเร่งการพัฒนา ทำให้การตรวจจับแบบเดิมไม่ทันต่อภัยคุกคาม Blast Security จึงเสนอแนวทางใหม่ที่เน้นการ ป้องกันก่อนเกิดเหตุ แทนการวิ่งไล่ตามการแจ้งเตือน

    บริษัทยักษ์ใหญ่หลายแห่งเริ่มทดสอบการใช้งาน Blast Security เพื่อเสริมความมั่นใจว่าการเปลี่ยนแปลงในระบบคลาวด์จะไม่กระทบต่อการผลิตและนวัตกรรม

    สรุปสาระสำคัญ
    การเปิดตัว Blast Security
    ทุนเริ่มต้น $10M จาก 10D และ MizMaa Ventures
    ทีมก่อตั้งจาก Solebit และหน่วยไซเบอร์ IDF

    เทคโนโลยี Preemptive Cloud Defense
    ใช้ preventive guardrails ตรวจสอบและบังคับใช้การเปลี่ยนแปลง
    ลดความเสี่ยงบนคลาวด์ได้กว่า 90%
    ไม่กระทบการผลิตและนวัตกรรม

    ผลกระทบต่อองค์กร
    เหมาะกับระบบ multi-cloud ที่ซับซ้อน
    ช่วยลด alert fatigue และความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว

    คำเตือนสำหรับผู้ใช้และองค์กร
    หากยังใช้วิธีตรวจจับแบบเดิม อาจไม่ทันต่อภัยคุกคามยุคใหม่
    การไม่ปรับตัวสู่การป้องกันเชิงรุกอาจทำให้ระบบเสี่ยงต่อการโจมตี
    องค์กรต้องลงทุนและปรับกระบวนการเพื่อใช้ประโยชน์จากแนวทางใหม่นี้

    https://hackread.com/elite-cyber-veterans-launch-blast-security-with-10m-to-turn-cloud-detection-into-prevention/
    🛡️ ทีมไซเบอร์ระดับสูงเปิดตัว Blast Security ด้วยทุน $10M Blast Security บริษัทสตาร์ทอัพด้านไซเบอร์จากอิสราเอล เปิดตัวอย่างเป็นทางการพร้อมทุนเริ่มต้นกว่า 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยมีเป้าหมายพลิกโฉมการรักษาความปลอดภัยบนคลาวด์ จากการตรวจจับและตอบสนอง ไปสู่การ ป้องกันเชิงรุก (Preemptive Cloud Defense) ⚙️ แนวคิดและเทคโนโลยีใหม่ Blast Security พัฒนาแพลตฟอร์มที่ทำงานแบบ preventive guardrails ซึ่งจะตรวจสอบและบังคับใช้การเปลี่ยนแปลงในระบบคลาวด์อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้มั่นใจว่าความปลอดภัยไม่ถูกละเมิดตั้งแต่ต้น จุดเด่นคือการ ลดความเสี่ยงบนคลาวด์ได้กว่า 90% และทำให้การดำเนินงานไม่สะดุดแม้มีการบังคับใช้มาตรการป้องกัน ทีมผู้ก่อตั้งประกอบด้วยอดีตวิศวกรจาก Solebit (บริษัทที่ถูก Mimecast ซื้อกิจการ) และสมาชิกจากหน่วยไซเบอร์ของกองทัพอิสราเอล (IDF) ซึ่งมีประสบการณ์ร่วมกันมากกว่าทศวรรษในการสร้างโซลูชันด้านความปลอดภัยที่สามารถขยายการใช้งานได้จริง 🌍 ผลกระทบต่อองค์กรและตลาด องค์กรที่ใช้ระบบ multi-cloud มักเผชิญกับความซับซ้อนและการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็ว โดยเฉพาะเมื่อ AI เข้ามาเร่งการพัฒนา ทำให้การตรวจจับแบบเดิมไม่ทันต่อภัยคุกคาม Blast Security จึงเสนอแนวทางใหม่ที่เน้นการ ป้องกันก่อนเกิดเหตุ แทนการวิ่งไล่ตามการแจ้งเตือน บริษัทยักษ์ใหญ่หลายแห่งเริ่มทดสอบการใช้งาน Blast Security เพื่อเสริมความมั่นใจว่าการเปลี่ยนแปลงในระบบคลาวด์จะไม่กระทบต่อการผลิตและนวัตกรรม 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ การเปิดตัว Blast Security ➡️ ทุนเริ่มต้น $10M จาก 10D และ MizMaa Ventures ➡️ ทีมก่อตั้งจาก Solebit และหน่วยไซเบอร์ IDF ✅ เทคโนโลยี Preemptive Cloud Defense ➡️ ใช้ preventive guardrails ตรวจสอบและบังคับใช้การเปลี่ยนแปลง ➡️ ลดความเสี่ยงบนคลาวด์ได้กว่า 90% ➡️ ไม่กระทบการผลิตและนวัตกรรม ✅ ผลกระทบต่อองค์กร ➡️ เหมาะกับระบบ multi-cloud ที่ซับซ้อน ➡️ ช่วยลด alert fatigue และความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว ‼️ คำเตือนสำหรับผู้ใช้และองค์กร ⛔ หากยังใช้วิธีตรวจจับแบบเดิม อาจไม่ทันต่อภัยคุกคามยุคใหม่ ⛔ การไม่ปรับตัวสู่การป้องกันเชิงรุกอาจทำให้ระบบเสี่ยงต่อการโจมตี ⛔ องค์กรต้องลงทุนและปรับกระบวนการเพื่อใช้ประโยชน์จากแนวทางใหม่นี้ https://hackread.com/elite-cyber-veterans-launch-blast-security-with-10m-to-turn-cloud-detection-into-prevention/
    HACKREAD.COM
    Elite Cyber Veterans Launch Blast Security with $10M to Turn Cloud Detection into Prevention
    Follow us on Bluesky, Twitter (X), Mastodon and Facebook at @Hackread
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 107 มุมมอง 0 รีวิว
  • Steam Machine แพงแน่ เพราะ Valve ยันไม่ลดราคา

    Valve ยืนยันว่า Steam Machine รุ่นใหม่ จะไม่ถูกอุดหนุนราคาเหมือนเครื่องคอนโซล ทำให้ราคาคาดว่าจะอยู่ระหว่าง 800–900 ดอลลาร์ ซึ่งสูงกว่าคอนโซลอย่าง PlayStation 5 ที่เริ่มต้นเพียง 399–499 ดอลลาร์

    Valve ประกาศชัดเจนว่า Steam Machine จะไม่ใช่อุปกรณ์ที่ขายขาดทุนเพื่อดึงผู้ใช้เข้าสู่ระบบนิเวศเหมือนที่ Sony และ Microsoft ทำกับ PlayStation และ Xbox แต่จะตั้งราคาให้สอดคล้องกับต้นทุนจริงของการสร้างพีซีเกมขนาดเล็กที่มีประสิทธิภาพสูง

    สเปกและคุณสมบัติ
    Steam Machine ใช้ซีพียู AMD Zen 4 แบบ 6 คอร์ 12 เธรด และจีพียู AMD RDNA3 28 CU พร้อมแรม DDR5 16GB และ VRAM GDDR6 8GB รองรับการแสดงผลสูงสุด 4K@240Hz หรือ 8K@60Hz มีฟีเจอร์เด่น เช่น ระบบระบายเสียงเงียบมาก, HDMI CEC, Wi-Fi 6E, Bluetooth 5.3 และรองรับการเชื่อมต่อคอนโทรลเลอร์หลายตัว

    ราคาและการแข่งขัน
    ด้วยการไม่อุดหนุนราคา Steam Machine อาจมีราคาสูงถึง 800–900 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นจุดที่ทำให้ผู้ใช้คอนโซลลังเล เพราะ PlayStation 5 และ Xbox Series X มีราคาถูกกว่าและยังทรงพลังพอสมควร อย่างไรก็ตาม Valve มองว่าจุดขายคือความยืดหยุ่นของพีซีและการเข้าถึงเกมมหาศาลบน Steam

    ผลกระทบต่อผู้ใช้
    การตัดสินใจครั้งนี้สะท้อนว่า Valve ต้องการให้ Steam Machine เป็น “พีซีเกมขนาดเล็ก” ที่คุ้มค่ากับประสิทธิภาพ ไม่ใช่เครื่องคอนโซลราคาถูก หากผู้ใช้ต้องการความเงียบ ความยืดหยุ่น และการเข้าถึงเกมจำนวนมาก Steam Machine อาจเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ แต่ราคาสูงอาจทำให้ตลาดจำกัดอยู่ในกลุ่มผู้เล่นฮาร์ดคอร์

    สรุปสาระสำคัญ
    Valve ยืนยัน Steam Machine ไม่ถูกอุดหนุนราคา
    ตั้งราคาตามต้นทุนจริง ไม่ขายขาดทุนเหมือนคอนโซล
    คาดว่าจะอยู่ระหว่าง 800–900 ดอลลาร์

    สเปกและคุณสมบัติ
    CPU AMD Zen 4, GPU AMD RDNA3
    รองรับ 4K@240Hz และ 8K@60Hz
    ระบบเสียงเงียบ, Wi-Fi 6E, Bluetooth 5.3

    การแข่งขันกับคอนโซล
    PS5 ราคาเริ่มต้น 399–499 ดอลลาร์
    Steam Machine เน้นความยืดหยุ่นและเกมบน Steam

    ผลกระทบต่อผู้ใช้
    เป็นพีซีเกมขนาดเล็กที่ทรงพลังและเงียบ
    ราคาสูงอาจจำกัดตลาดในกลุ่มผู้เล่นจริงจัง

    คำเตือนด้านข้อมูล
    ราคาสูงกว่าเครื่องคอนโซล อาจทำให้ผู้ใช้ทั่วไปไม่เลือกซื้อ
    หาก Valve ไม่สร้าง ecosystem ที่ชัดเจน อาจเสี่ยงต่อยอดขายต่ำ

    https://wccftech.com/steam-machine-isnt-going-to-be-subsidized-valve-confirms-prepare-for-high-price/
    🎮 Steam Machine แพงแน่ เพราะ Valve ยันไม่ลดราคา Valve ยืนยันว่า Steam Machine รุ่นใหม่ จะไม่ถูกอุดหนุนราคาเหมือนเครื่องคอนโซล ทำให้ราคาคาดว่าจะอยู่ระหว่าง 800–900 ดอลลาร์ ซึ่งสูงกว่าคอนโซลอย่าง PlayStation 5 ที่เริ่มต้นเพียง 399–499 ดอลลาร์ Valve ประกาศชัดเจนว่า Steam Machine จะไม่ใช่อุปกรณ์ที่ขายขาดทุนเพื่อดึงผู้ใช้เข้าสู่ระบบนิเวศเหมือนที่ Sony และ Microsoft ทำกับ PlayStation และ Xbox แต่จะตั้งราคาให้สอดคล้องกับต้นทุนจริงของการสร้างพีซีเกมขนาดเล็กที่มีประสิทธิภาพสูง ⚙️ สเปกและคุณสมบัติ Steam Machine ใช้ซีพียู AMD Zen 4 แบบ 6 คอร์ 12 เธรด และจีพียู AMD RDNA3 28 CU พร้อมแรม DDR5 16GB และ VRAM GDDR6 8GB รองรับการแสดงผลสูงสุด 4K@240Hz หรือ 8K@60Hz มีฟีเจอร์เด่น เช่น ระบบระบายเสียงเงียบมาก, HDMI CEC, Wi-Fi 6E, Bluetooth 5.3 และรองรับการเชื่อมต่อคอนโทรลเลอร์หลายตัว 💰 ราคาและการแข่งขัน ด้วยการไม่อุดหนุนราคา Steam Machine อาจมีราคาสูงถึง 800–900 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นจุดที่ทำให้ผู้ใช้คอนโซลลังเล เพราะ PlayStation 5 และ Xbox Series X มีราคาถูกกว่าและยังทรงพลังพอสมควร อย่างไรก็ตาม Valve มองว่าจุดขายคือความยืดหยุ่นของพีซีและการเข้าถึงเกมมหาศาลบน Steam 🌍 ผลกระทบต่อผู้ใช้ การตัดสินใจครั้งนี้สะท้อนว่า Valve ต้องการให้ Steam Machine เป็น “พีซีเกมขนาดเล็ก” ที่คุ้มค่ากับประสิทธิภาพ ไม่ใช่เครื่องคอนโซลราคาถูก หากผู้ใช้ต้องการความเงียบ ความยืดหยุ่น และการเข้าถึงเกมจำนวนมาก Steam Machine อาจเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ แต่ราคาสูงอาจทำให้ตลาดจำกัดอยู่ในกลุ่มผู้เล่นฮาร์ดคอร์ 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ Valve ยืนยัน Steam Machine ไม่ถูกอุดหนุนราคา ➡️ ตั้งราคาตามต้นทุนจริง ไม่ขายขาดทุนเหมือนคอนโซล ➡️ คาดว่าจะอยู่ระหว่าง 800–900 ดอลลาร์ ✅ สเปกและคุณสมบัติ ➡️ CPU AMD Zen 4, GPU AMD RDNA3 ➡️ รองรับ 4K@240Hz และ 8K@60Hz ➡️ ระบบเสียงเงียบ, Wi-Fi 6E, Bluetooth 5.3 ✅ การแข่งขันกับคอนโซล ➡️ PS5 ราคาเริ่มต้น 399–499 ดอลลาร์ ➡️ Steam Machine เน้นความยืดหยุ่นและเกมบน Steam ✅ ผลกระทบต่อผู้ใช้ ➡️ เป็นพีซีเกมขนาดเล็กที่ทรงพลังและเงียบ ➡️ ราคาสูงอาจจำกัดตลาดในกลุ่มผู้เล่นจริงจัง ‼️ คำเตือนด้านข้อมูล ⛔ ราคาสูงกว่าเครื่องคอนโซล อาจทำให้ผู้ใช้ทั่วไปไม่เลือกซื้อ ⛔ หาก Valve ไม่สร้าง ecosystem ที่ชัดเจน อาจเสี่ยงต่อยอดขายต่ำ https://wccftech.com/steam-machine-isnt-going-to-be-subsidized-valve-confirms-prepare-for-high-price/
    WCCFTECH.COM
    The Steam Machine Isn't Going to Be Subsidized, Valve Confirms - Prepare for High Price
    Valve has now confirmed unequivocally that the Steam Machine will not be subsidized. As such, its pricing might be far steeper than a console
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 173 มุมมอง 0 รีวิว
  • การเดินทางด้วยจักรยานที่ติดตั้งคอมพิวเตอร์พกพา

    เรื่องราวของ Winnebiko คือการเดินทางกว่า 17,000 ไมล์ใน 17 เดือนโดย Steven K. Roberts นักเทคโนโลยีผู้บุกเบิกการใช้คอมพิวเตอร์พกพาและพลังงานแสงอาทิตย์เพื่อทำงานระหว่างทาง ถือเป็นการทดลองชีวิตแบบ Digital Nomad ยุคแรกสุดเมื่อกว่า 40 ปีก่อน

    ในปี 1983–1984 Steven K. Roberts ได้ออกเดินทางด้วยจักรยานที่ติดตั้งคอมพิวเตอร์พกพาและระบบพลังงานแสงอาทิตย์ เขาเรียกมันว่า Winnebiko การเดินทางครั้งนี้ครอบคลุมระยะทางกว่า 17,000 ไมล์ทั่วสหรัฐฯ ใช้เวลารวม 17 เดือน ถือเป็นการผสมผสานการผจญภัยกับเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยในยุคนั้น

    พลังงานแสงอาทิตย์และแกดเจ็ตยุค 80s
    Winnebiko ติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์เพื่อชาร์จแบตเตอรี่ และมีอุปกรณ์พกพาอย่างโมเด็ม, เครื่องบันทึกข้อมูล และคอมพิวเตอร์แบบพกพาที่สามารถพิมพ์และส่งข้อความได้ แม้จะเป็นยุคก่อนอินเทอร์เน็ตและสมาร์ทโฟน แต่ Roberts สามารถทำงาน “บนถนน” ได้จริง ๆ ถือเป็นการทดลองใช้ชีวิตแบบ mobile computing ที่ล้ำหน้าไปหลายสิบปี

    การทำงานระหว่างเดินทาง
    Roberts ใช้จักรยานเป็นทั้งพาหนะและสำนักงานเคลื่อนที่ เขาสามารถเขียนบทความ ส่งข้อมูล และสื่อสารกับผู้คนระหว่างทาง การเดินทางครั้งนี้ไม่เพียงแต่เป็นการผจญภัย แต่ยังเป็นการพิสูจน์ว่าเทคโนโลยีสามารถทำให้การทำงานแบบ remote เป็นไปได้ แม้ในยุคที่โครงสร้างพื้นฐานยังไม่พร้อม

    มรดกของ Winnebiko
    การเดินทาง Computing Across America กลายเป็นแรงบันดาลใจให้กับแนวคิด Digital Nomadism ที่เฟื่องฟูในปัจจุบัน Roberts แสดงให้เห็นว่า การผสมผสานเทคโนโลยีกับการเดินทางสามารถสร้างวิถีชีวิตใหม่ได้ และแม้เวลาจะผ่านไปกว่า 40 ปี เรื่องราวของเขายังคงถูกยกขึ้นมาเป็นตำนานของการใช้เทคโนโลยีเพื่ออิสระในการทำงาน

    สรุปสาระสำคัญ
    การเดินทาง Computing Across America
    Steven K. Roberts เดินทางด้วยจักรยาน Winnebiko กว่า 17,000 ไมล์ใน 17 เดือน
    ถือเป็นการผสมผสานการผจญภัยกับเทคโนโลยี

    พลังงานแสงอาทิตย์และแกดเจ็ตยุค 80s
    ใช้แผงโซลาร์เซลล์ชาร์จแบตเตอรี่
    มีคอมพิวเตอร์พกพาและโมเด็มสำหรับส่งข้อมูล

    การทำงานระหว่างเดินทาง
    ใช้จักรยานเป็นสำนักงานเคลื่อนที่
    สามารถเขียนบทความและสื่อสารได้แม้ระหว่างทาง

    มรดกของ Winnebiko
    เป็นแรงบันดาลใจให้กับแนวคิด Digital Nomadism
    แสดงให้เห็นว่าการทำงานแบบ remote เป็นไปได้ตั้งแต่ยุค 80s

    https://www.tomshardware.com/laptops/the-winnebiko-travelled-17-000-miles-to-complete-the-computing-across-america-expedition-40-years-ago-solar-and-1980s-portable-gadgets-powered-digital-nomadism-in-its-earliest-and-purest-form
    🚴 การเดินทางด้วยจักรยานที่ติดตั้งคอมพิวเตอร์พกพา เรื่องราวของ Winnebiko คือการเดินทางกว่า 17,000 ไมล์ใน 17 เดือนโดย Steven K. Roberts นักเทคโนโลยีผู้บุกเบิกการใช้คอมพิวเตอร์พกพาและพลังงานแสงอาทิตย์เพื่อทำงานระหว่างทาง ถือเป็นการทดลองชีวิตแบบ Digital Nomad ยุคแรกสุดเมื่อกว่า 40 ปีก่อน ในปี 1983–1984 Steven K. Roberts ได้ออกเดินทางด้วยจักรยานที่ติดตั้งคอมพิวเตอร์พกพาและระบบพลังงานแสงอาทิตย์ เขาเรียกมันว่า Winnebiko การเดินทางครั้งนี้ครอบคลุมระยะทางกว่า 17,000 ไมล์ทั่วสหรัฐฯ ใช้เวลารวม 17 เดือน ถือเป็นการผสมผสานการผจญภัยกับเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยในยุคนั้น 🔋 พลังงานแสงอาทิตย์และแกดเจ็ตยุค 80s Winnebiko ติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์เพื่อชาร์จแบตเตอรี่ และมีอุปกรณ์พกพาอย่างโมเด็ม, เครื่องบันทึกข้อมูล และคอมพิวเตอร์แบบพกพาที่สามารถพิมพ์และส่งข้อความได้ แม้จะเป็นยุคก่อนอินเทอร์เน็ตและสมาร์ทโฟน แต่ Roberts สามารถทำงาน “บนถนน” ได้จริง ๆ ถือเป็นการทดลองใช้ชีวิตแบบ mobile computing ที่ล้ำหน้าไปหลายสิบปี 🌍 การทำงานระหว่างเดินทาง Roberts ใช้จักรยานเป็นทั้งพาหนะและสำนักงานเคลื่อนที่ เขาสามารถเขียนบทความ ส่งข้อมูล และสื่อสารกับผู้คนระหว่างทาง การเดินทางครั้งนี้ไม่เพียงแต่เป็นการผจญภัย แต่ยังเป็นการพิสูจน์ว่าเทคโนโลยีสามารถทำให้การทำงานแบบ remote เป็นไปได้ แม้ในยุคที่โครงสร้างพื้นฐานยังไม่พร้อม 📜 มรดกของ Winnebiko การเดินทาง Computing Across America กลายเป็นแรงบันดาลใจให้กับแนวคิด Digital Nomadism ที่เฟื่องฟูในปัจจุบัน Roberts แสดงให้เห็นว่า การผสมผสานเทคโนโลยีกับการเดินทางสามารถสร้างวิถีชีวิตใหม่ได้ และแม้เวลาจะผ่านไปกว่า 40 ปี เรื่องราวของเขายังคงถูกยกขึ้นมาเป็นตำนานของการใช้เทคโนโลยีเพื่ออิสระในการทำงาน 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ การเดินทาง Computing Across America ➡️ Steven K. Roberts เดินทางด้วยจักรยาน Winnebiko กว่า 17,000 ไมล์ใน 17 เดือน ➡️ ถือเป็นการผสมผสานการผจญภัยกับเทคโนโลยี ✅ พลังงานแสงอาทิตย์และแกดเจ็ตยุค 80s ➡️ ใช้แผงโซลาร์เซลล์ชาร์จแบตเตอรี่ ➡️ มีคอมพิวเตอร์พกพาและโมเด็มสำหรับส่งข้อมูล ✅ การทำงานระหว่างเดินทาง ➡️ ใช้จักรยานเป็นสำนักงานเคลื่อนที่ ➡️ สามารถเขียนบทความและสื่อสารได้แม้ระหว่างทาง ✅ มรดกของ Winnebiko ➡️ เป็นแรงบันดาลใจให้กับแนวคิด Digital Nomadism ➡️ แสดงให้เห็นว่าการทำงานแบบ remote เป็นไปได้ตั้งแต่ยุค 80s https://www.tomshardware.com/laptops/the-winnebiko-travelled-17-000-miles-to-complete-the-computing-across-america-expedition-40-years-ago-solar-and-1980s-portable-gadgets-powered-digital-nomadism-in-its-earliest-and-purest-form
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    40 years ago an enthusiast biked 17,000 miles over 17 months with mobile computer to complete the pioneering Computing Across America expedition — solar and 1980s portable gadgets powered the 'Winnebiko' across America
    The journey started before Windows 1, before the Apple Mac, before cell phones, and before the Internet, but Steven K. Roberts managed to work ‘on the road’ for 17 months.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 175 มุมมอง 0 รีวิว
  • รวมข่าวจากเวบ TechRadar
    #รวมข่าวIT #20251123 #TechRadar

    Apple ขยับพลังชิปจาก CPU ไปสู่ GPU และหน่วยความจำ
    Apple เริ่มต้นจากชิป M1 ที่เน้นประสิทธิภาพ CPU แต่เมื่อเวลาผ่านไปจนถึง M4 และ M5 แนวโน้มเปลี่ยนไปอย่างชัดเจน — พลังงานที่เคยทุ่มให้ CPU ถูกโยกไปสู่ GPU และระบบหน่วยความจำแทน เพื่อรองรับงานหนักแบบต่อเนื่อง เช่น งานกราฟิกและ AI ที่ต้องการการประมวลผลมหาศาล การออกแบบใหม่นี้ทำให้ MacBook Pro และ iPad Pro รุ่นล่าสุดไม่ได้เน้นแค่ “ความเร็วซีพียู” อีกต่อไป แต่เน้น “ความสมดุล” ของทั้งระบบ
    https://www.techradar.com/pro/where-apple-spends-its-power-m4-max-cpu-consumes-just-48w-why-the-gpu-and-memory-system-define-the-true-cost-of-your-macbook-pro

    Ricoh GR IV กล้องคอมแพคที่ทำให้หลงรักการถ่ายภาพยาวนาน
    นักรีวิวได้ลองถ่ายภาพกว่า 1,000 รูปด้วย Ricoh GR IV และพบว่ามีฟีเจอร์ใหม่ที่น่าสนใจที่สุดคือระบบกันสั่นแบบ 5 แกน ทำให้สามารถถ่ายภาพถือมือด้วยสปีดชัตเตอร์ช้าได้อย่างคมชัด เหมาะกับการสร้างเอฟเฟกต์แสงไฟลากยาวในเมือง นอกจากนี้ยังมีแบตเตอรี่ที่อึดขึ้นและการออกแบบที่จับถนัดมือกว่าเดิม ถึงแม้บางส่วนยังไม่สมบูรณ์แบบ แต่ก็ทำให้การถ่ายภาพสนุกและสร้างสรรค์มากขึ้น
    https://www.techradar.com/cameras/compact-cameras/ive-shot-over-1-000-photos-with-the-ricoh-gr-iv-here-are-my-favorites-and-one-new-feature-stands-out

    ยุคใหม่ของ “Agentic Internet” กำลังมา
    บทความนี้เล่าถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของอินเทอร์เน็ต เมื่อ AI ไม่ได้แค่ช่วยเรา แต่จะ “ทำแทนเรา” เช่น การเปรียบเทียบราคา ซื้อสินค้า หรือจัดการธุรกรรมต่าง ๆ โดยอัตโนมัติ ธุรกิจจึงต้องเตรียมตัวออกแบบระบบที่ไม่ใช่แค่ให้คนใช้ง่าย แต่ต้องให้ “AI Agent” เข้าใจและทำงานได้ด้วย โลกออนไลน์กำลังจะเปลี่ยนจาก UX (User Experience) ไปสู่ AX (Agent Experience) อย่างจริงจัง
    https://www.techradar.com/pro/the-agentic-internet-is-coming-and-businesses-need-to-be-ready

    Incognito Mode จริง ๆ แล้วไม่ได้ “ลับ” อย่างที่คิด
    หลายคนเข้าใจผิดว่าเปิด Incognito Mode แล้วจะหายตัวจากโลกออนไลน์ แต่ความจริงคือมันแค่ไม่บันทึกประวัติในเครื่องเท่านั้น เว็บไซต์ ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต หรือแม้แต่เจ้านายยังสามารถเห็นการใช้งานได้อยู่ ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่าถ้าอยากได้ความเป็นส่วนตัวจริง ๆ ต้องใช้เครื่องมือเสริม เช่น VPN หรือเบราว์เซอร์ที่เน้นความปลอดภัยอย่าง Brave หรือ DuckDuckGo https://www.techradar.com/computing/browsers/is-incognito-mode-actually-private-heres-the-surprising-answer-from-cybersecurity-experts

    Google Pixel 10 ได้ฟีเจอร์คล้าย AirDrop แต่ยังตาม Apple อยู่
    Google เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ให้ Pixel 10 สามารถส่งไฟล์แบบไร้สายเข้ากับ iPhone ได้ คล้ายกับ AirDrop ของ Apple ถือเป็นการเพิ่มความสะดวกให้ผู้ใช้ แต่ก็ยังถูกมองว่าเป็นการ “ตามรอย” มากกว่าการสร้างนวัตกรรมใหม่ จุดเด่นอื่น ๆ ของ Pixel 10 คือระบบ PixelSnap ที่คล้าย MagSafe และกล้องเทเลโฟโต้ 5x ถึงอย่างนั้น Google ยังต้องหาทางสร้างเอกลักษณ์ของตัวเองให้ชัดเจนกว่านี้
    https://www.techradar.com/phones/google-pixel-phones/googles-new-airdrop-feature-is-great-for-pixel-phones-but-it-cant-chase-apples-tail-forever

    Microsoft เคยทำแท็บเล็ตก่อน Apple แต่ไม่รุ่ง
    ย้อนกลับไปในปี 2001 Microsoft เคยเปิดตัวแท็บเล็ตที่ใช้ Windows XP Tablet Edition โดยหวังว่าจะเป็นอนาคตของคอมพิวเตอร์พกพา แต่ด้วยข้อจำกัดด้านฮาร์ดแวร์ น้ำหนักที่มาก และซอฟต์แวร์ที่ยังไม่เหมาะกับการสัมผัส ทำให้มันไม่สามารถครองตลาดได้ สุดท้าย Apple iPad ที่เปิดตัวในปี 2010 กลับกลายเป็นผู้เปลี่ยนเกมแทน
    https://www.techradar.com/pro/microsoft-created-a-tablet-years-before-apple-but-it-never-took-off-heres-why

    AIOps: ใช้ AI พลิกโฉมการจัดการระบบ IT
    AIOps (Artificial Intelligence for IT Operations) กำลังกลายเป็นเครื่องมือสำคัญสำหรับองค์กร เพราะช่วยวิเคราะห์ข้อมูลจำนวนมหาศาลจากระบบ IT ได้แบบเรียลไทม์ ลดเวลาในการแก้ปัญหา และคาดการณ์ปัญหาที่อาจเกิดขึ้นล่วงหน้า ทำให้ทีม IT สามารถทำงานเชิงรุกมากขึ้น และลด downtime ของระบบได้อย่างมีประสิทธิภาพ
    https://www.techradar.com/pro/aiops-how-companies-can-harness-ai-to-reshape-it-operations

    API ของ X (Twitter เดิม) เปลี่ยนเป็นคิดตามการใช้งาน
    แพลตฟอร์ม X ได้ปรับโมเดลการคิดค่าบริการ API ใหม่ โดยเปลี่ยนจากการคิดแบบเหมาจ่ายรายเดือน ไปเป็นการคิดตามการใช้งานจริง หวังว่าจะดึงดูดนักพัฒนาให้กลับมาใช้มากขึ้น แต่ก็ยังมีข้อกังวลว่าราคาจะสูงเกินไปสำหรับสตาร์ทอัพเล็ก ๆ และอาจทำให้บางคนเลือกหันไปใช้แพลตฟอร์มอื่นแทน
    https://www.techradar.com/pro/will-xs-usage-based-api-pricing-succeed-in-winning-over-developers

    Shark PowerPro เครื่องดูดฝุ่นคุ้มค่า ใช้ง่าย
    Shark PowerPro ถูกรีวิวว่าเป็นเครื่องดูดฝุ่นที่เหมาะกับครัวเรือนทั่วไป ด้วยราคาที่ไม่แพงและการใช้งานที่ง่าย มีหัวดูดหลายแบบสำหรับพื้นต่าง ๆ และแรงดูดที่เพียงพอสำหรับฝุ่นในบ้าน ถึงแม้จะไม่ได้หรูหราเหมือนรุ่นไฮเอนด์ แต่ถือว่าเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าและตอบโจทย์การใช้งานประจำวัน
    https://www.techradar.com/home/vacuums/shark-powerpro-vacuum-review

    Apple เตรียมออก MacBook ราคาประหยัดและ iPhone รุ่นถูกในปี 2026
    มีข่าวลือว่า Apple กำลังวางแผนเปิดตัว MacBook รุ่นราคาย่อมเยา และ iPhone รุ่นใหม่ที่ถูกลงในต้นปี 2026 เพื่อเจาะตลาดนักเรียนและผู้ใช้ที่ต้องการอุปกรณ์ Apple แต่มีงบจำกัด ถือเป็นการขยายฐานลูกค้าไปสู่กลุ่มที่กว้างขึ้น และอาจสร้างแรงกดดันให้คู่แข่งในตลาดโน้ตบุ๊กและสมาร์ทโฟนราคาประหยัด
    https://www.techradar.com/computing/macbooks/apple-rumored-to-be-releasing-its-affordable-macbook-and-another-cut-price-iphone-early-in-2026

    Bambu Lab เปิดตัวเครื่องพิมพ์ 3D H2C หัวฉีด 7 หัว
    Bambu Lab เปิดตัวเครื่องพิมพ์ 3D รุ่นใหม่ H2C ที่มาพร้อมหัวฉีดถึง 7 หัว ใช้ระบบ Vortek Hotend ที่สามารถสลับหัวฉีดได้อย่างรวดเร็วด้วยแม่เหล็กและความร้อนเหนี่ยวนำ จุดเด่นคือช่วยลดการสิ้นเปลืองวัสดุและเพิ่มความเร็วในการพิมพ์มากกว่ารุ่นก่อนหน้า แต่ยังช้ากว่าเครื่อง Prusa XL อยู่พอสมควร ราคาตั้งต้นอยู่ที่ $2,399 อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้ในสหรัฐฯ ต้องรอถึงเดือนธันวาคม 2025 เนื่องจากปัญหาด้านการนำเข้า
    https://www.techradar.com/pro/sorry-us-3d-printing-fans-bambu-lab-has-a-mighty-new-seven-nozzle-printer-but-you-wont-be-able-to-get-it-anytime-soon

    Microsoft ปรับปรุง Windows 11 ลดภาพ BSOD บนจอใหญ่
    Microsoft เพิ่มโหมดใหม่ใน Windows 11 สำหรับหน้าจอสาธารณะ เช่น ป้ายดิจิทัลหรือบอร์ดแสดงผล เมื่อเกิด Blue Screen of Death (BSOD) จะโชว์เพียง 15 วินาทีแล้วดับหน้าจอ เพื่อลดความน่าอายในการใช้งาน พร้อมทั้งเพิ่มระบบกู้คืนแบบ snapshot และ Cloud Rebuild ที่ช่วยให้ผู้ดูแล IT กู้คืนเครื่องได้ง่ายขึ้น รวมถึงเตรียมใช้การเข้ารหัส BitLocker ที่เร็วขึ้นและรองรับการป้องกันจากการโจมตีด้วยคอมพิวเตอร์ควอนตัมในอนาคต
    https://www.techradar.com/pro/microsoft-is-hoping-to-kill-off-embarrassing-big-screen-bsod-errors-for-good

    Nano Banana Pro เติมพลังดีไซน์ให้ NotebookLM
    Google นำโมเดล AI สร้างภาพ Nano Banana Pro มาเสริมใน NotebookLM เพื่อช่วยสร้าง infographic และสไลด์ได้อย่างสวยงามและมีข้อมูลครบถ้วน ตัวอย่างที่ทดสอบคือการเล่าเรื่องตำนาน King Arthur ที่ถูกแปลงเป็นภาพและสไลด์หลากหลายสไตล์ ตั้งแต่ยุคกลางจนถึงไซเบอร์พังค์ จุดเด่นคือความสามารถในการรักษาความต่อเนื่องของตัวละครและการเล่าเรื่องในเชิงภาพ ทำให้การทำงานวิจัยและการนำเสนอมีความน่าสนใจมากขึ้น
    https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/gemini/nano-banana-pro-cast-a-design-spell-in-notebooklm-to-explore-the-legend-of-camelot

    Anthropic จับมือ Microsoft และ Nvidia ขยาย Claude บน Azure
    Anthropic ลงทุนซื้อ compute capacity บน Microsoft Azure มูลค่า $30 พันล้านดอลลาร์ เพื่อรองรับการขยายโมเดล Claude ในอนาคต พร้อมได้รับเงินลงทุนเพิ่มอีก $15 พันล้านจาก Microsoft และ Nvidia ความร่วมมือนี้ทำให้ Claude สามารถใช้งานได้บนแพลตฟอร์ม Microsoft Foundry และ Copilot ต่าง ๆ รวมถึงใช้ประโยชน์จากสถาปัตยกรรมใหม่ของ Nvidia เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนการทำงานในระยะยาว ถือเป็นการขยายตัวครั้งใหญ่ของ Anthropic ในตลาด AI ระดับโลก
    https://www.techradar.com/pro/anthropic-just-bought-usd30-billion-of-azure-cloud-capability-and-has-netted-usd15-billion-investment-from-microsoft-and-nvidia-in-return

    Xbox Full Screen Experience มาสู่ Windows 11
    Microsoft กำลังทดสอบฟีเจอร์ Xbox Full Screen Experience (FSE) บน Windows 11 ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถควบคุมเครื่องด้วยจอย Xbox ได้สะดวกขึ้น โดยมีหน้าตาแบบคอนโซล ใช้งานง่ายและจัดการเกมได้รวดเร็ว ฟีเจอร์นี้ยังช่วยปรับทรัพยากรเครื่องให้เหมาะกับการเล่นเกม สามารถเข้าถึงได้ผ่าน Task View, Game Bar หรือปุ่ม Win+F11 และคาดว่าจะเป็นรากฐานของ Xbox PC รุ่นใหม่ในอนาคต
    https://www.techradar.com/computing/microsoft-is-now-testing-the-xbox-full-screen-experience-across-windows-11-pcs

    5 แอปที่ผู้เชี่ยวชาญมือถือแนะนำว่าต้องมี
    ผู้เชี่ยวชาญด้านสมาร์ทโฟนแนะนำ 5 แอปที่ควรติดตั้งทั้งบน iPhone และ Android เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งาน ได้แก่ แอปสำหรับความปลอดภัย การจัดการรหัสผ่าน แอปสุขภาพ แอปถ่ายภาพ และแอปจัดการการเงิน จุดเด่นคือช่วยให้ชีวิตประจำวันสะดวกขึ้น ปลอดภัยขึ้น และมีประสิทธิภาพมากขึ้น 
    https://www.techradar.com/phones/im-a-phones-expert-and-these-are-my-5-must-have-apps-for-iphone-and-android

    Microsoft เปิดตัวชิป Cobalt 200 แข่งตลาด CPU
    Microsoft เปิดตัวชิป ARM-based รุ่นใหม่ชื่อ Cobalt 200 ที่ออกแบบเองเพื่อใช้กับ Azure โดยเน้นประสิทธิภาพสูงและการจัดการพลังงานที่ดีขึ้น ถือเป็นการเข้าสู่การแข่งขันด้าน custom silicon อย่างจริงจัง เพื่อให้บริการคลาวด์มีความเร็วและคุ้มค่ามากขึ้น พร้อมท้าชนคู่แข่งรายใหญ่ที่พัฒนาชิปเองเช่นกัน
    https://www.techradar.com/pro/microsoft-unveils-its-next-generation-arm-based-cpu-cobalt-200-looks-to-unlock-even-more-azure-power

    AI ในงาน QA: ใช้อย่างไรไม่ให้เกิดหนี้ทางเทคนิค
    บทความนี้อธิบายการนำ Generative AI มาใช้ในงานทดสอบคุณภาพซอฟต์แวร์ (QA) โดยเน้นว่าถ้าใช้ไม่ระวังอาจสร้าง “หนี้ทางเทคนิค” เช่น การสร้างโค้ดที่ยากต่อการบำรุงรักษา หรือการทดสอบที่ไม่ครอบคลุม แต่หากใช้อย่างถูกต้อง AI สามารถช่วยลดเวลา เพิ่มความแม่นยำ และทำให้ทีม QA มีประสิทธิภาพมากขึ้น
    https://www.techradar.com/pro/ai-in-qa-how-to-use-generative-ai-in-testing-without-creating-technical-debt

    ChatGPT ช่วยให้คุณกินอาหารสุขภาพได้
    บทความนี้เล่าว่า ChatGPT สามารถช่วยผู้ใช้วางแผนการกินที่ดีต่อสุขภาพได้ เช่น แนะนำเมนูที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง จัดตารางอาหารให้เหมาะกับเป้าหมายสุขภาพ และให้เคล็ดลับการทำอาหารที่ง่ายและดีต่อร่างกาย ถือเป็นการใช้ AI เพื่อสนับสนุนการดูแลสุขภาพในชีวิตประจำวัน
    https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/how-chatgpt-can-help-you-eat-healthier-ai-tips-to-get-back-on-your-health-kick

    คอนโทรลเลอร์เกมที่คุณชอบที่สุดคืออะไร
    บทความนี้เปิดประเด็นสนทนาเกี่ยวกับคอนโทรลเลอร์เกมที่ผู้เล่นชื่นชอบมากที่สุด โดยยกตัวอย่างคอนโทรลเลอร์ที่เคยมีในอดีต เช่น Steam Machine Controller ที่ไม่ค่อยได้รับความนิยม พร้อมเชิญชวนให้ผู้อ่านแชร์ประสบการณ์และความเห็นว่าคอนโทรลเลอร์ใดที่ดีที่สุดสำหรับการเล่นเกม
    ​​​​​​​ https://www.techradar.com/gaming/gaming-accessories/forget-the-weird-steam-machine-controller-tell-me-whats-your-favourite-controller-of-all-time
    📌📡🔴 รวมข่าวจากเวบ TechRadar 🔴📡📌 #รวมข่าวIT #20251123 #TechRadar 🖥️ Apple ขยับพลังชิปจาก CPU ไปสู่ GPU และหน่วยความจำ Apple เริ่มต้นจากชิป M1 ที่เน้นประสิทธิภาพ CPU แต่เมื่อเวลาผ่านไปจนถึง M4 และ M5 แนวโน้มเปลี่ยนไปอย่างชัดเจน — พลังงานที่เคยทุ่มให้ CPU ถูกโยกไปสู่ GPU และระบบหน่วยความจำแทน เพื่อรองรับงานหนักแบบต่อเนื่อง เช่น งานกราฟิกและ AI ที่ต้องการการประมวลผลมหาศาล การออกแบบใหม่นี้ทำให้ MacBook Pro และ iPad Pro รุ่นล่าสุดไม่ได้เน้นแค่ “ความเร็วซีพียู” อีกต่อไป แต่เน้น “ความสมดุล” ของทั้งระบบ 🔗 https://www.techradar.com/pro/where-apple-spends-its-power-m4-max-cpu-consumes-just-48w-why-the-gpu-and-memory-system-define-the-true-cost-of-your-macbook-pro 📸 Ricoh GR IV กล้องคอมแพคที่ทำให้หลงรักการถ่ายภาพยาวนาน นักรีวิวได้ลองถ่ายภาพกว่า 1,000 รูปด้วย Ricoh GR IV และพบว่ามีฟีเจอร์ใหม่ที่น่าสนใจที่สุดคือระบบกันสั่นแบบ 5 แกน ทำให้สามารถถ่ายภาพถือมือด้วยสปีดชัตเตอร์ช้าได้อย่างคมชัด เหมาะกับการสร้างเอฟเฟกต์แสงไฟลากยาวในเมือง นอกจากนี้ยังมีแบตเตอรี่ที่อึดขึ้นและการออกแบบที่จับถนัดมือกว่าเดิม ถึงแม้บางส่วนยังไม่สมบูรณ์แบบ แต่ก็ทำให้การถ่ายภาพสนุกและสร้างสรรค์มากขึ้น 🔗 https://www.techradar.com/cameras/compact-cameras/ive-shot-over-1-000-photos-with-the-ricoh-gr-iv-here-are-my-favorites-and-one-new-feature-stands-out 🌐 ยุคใหม่ของ “Agentic Internet” กำลังมา บทความนี้เล่าถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของอินเทอร์เน็ต เมื่อ AI ไม่ได้แค่ช่วยเรา แต่จะ “ทำแทนเรา” เช่น การเปรียบเทียบราคา ซื้อสินค้า หรือจัดการธุรกรรมต่าง ๆ โดยอัตโนมัติ ธุรกิจจึงต้องเตรียมตัวออกแบบระบบที่ไม่ใช่แค่ให้คนใช้ง่าย แต่ต้องให้ “AI Agent” เข้าใจและทำงานได้ด้วย โลกออนไลน์กำลังจะเปลี่ยนจาก UX (User Experience) ไปสู่ AX (Agent Experience) อย่างจริงจัง 🔗 https://www.techradar.com/pro/the-agentic-internet-is-coming-and-businesses-need-to-be-ready 🕵️‍♂️ Incognito Mode จริง ๆ แล้วไม่ได้ “ลับ” อย่างที่คิด หลายคนเข้าใจผิดว่าเปิด Incognito Mode แล้วจะหายตัวจากโลกออนไลน์ แต่ความจริงคือมันแค่ไม่บันทึกประวัติในเครื่องเท่านั้น เว็บไซต์ ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต หรือแม้แต่เจ้านายยังสามารถเห็นการใช้งานได้อยู่ ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่าถ้าอยากได้ความเป็นส่วนตัวจริง ๆ ต้องใช้เครื่องมือเสริม เช่น VPN หรือเบราว์เซอร์ที่เน้นความปลอดภัยอย่าง Brave หรือ DuckDuckGo 🔗 https://www.techradar.com/computing/browsers/is-incognito-mode-actually-private-heres-the-surprising-answer-from-cybersecurity-experts 📱 Google Pixel 10 ได้ฟีเจอร์คล้าย AirDrop แต่ยังตาม Apple อยู่ Google เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ให้ Pixel 10 สามารถส่งไฟล์แบบไร้สายเข้ากับ iPhone ได้ คล้ายกับ AirDrop ของ Apple ถือเป็นการเพิ่มความสะดวกให้ผู้ใช้ แต่ก็ยังถูกมองว่าเป็นการ “ตามรอย” มากกว่าการสร้างนวัตกรรมใหม่ จุดเด่นอื่น ๆ ของ Pixel 10 คือระบบ PixelSnap ที่คล้าย MagSafe และกล้องเทเลโฟโต้ 5x ถึงอย่างนั้น Google ยังต้องหาทางสร้างเอกลักษณ์ของตัวเองให้ชัดเจนกว่านี้ 🔗 https://www.techradar.com/phones/google-pixel-phones/googles-new-airdrop-feature-is-great-for-pixel-phones-but-it-cant-chase-apples-tail-forever 📱 Microsoft เคยทำแท็บเล็ตก่อน Apple แต่ไม่รุ่ง ย้อนกลับไปในปี 2001 Microsoft เคยเปิดตัวแท็บเล็ตที่ใช้ Windows XP Tablet Edition โดยหวังว่าจะเป็นอนาคตของคอมพิวเตอร์พกพา แต่ด้วยข้อจำกัดด้านฮาร์ดแวร์ น้ำหนักที่มาก และซอฟต์แวร์ที่ยังไม่เหมาะกับการสัมผัส ทำให้มันไม่สามารถครองตลาดได้ สุดท้าย Apple iPad ที่เปิดตัวในปี 2010 กลับกลายเป็นผู้เปลี่ยนเกมแทน 🔗 https://www.techradar.com/pro/microsoft-created-a-tablet-years-before-apple-but-it-never-took-off-heres-why 🤖 AIOps: ใช้ AI พลิกโฉมการจัดการระบบ IT AIOps (Artificial Intelligence for IT Operations) กำลังกลายเป็นเครื่องมือสำคัญสำหรับองค์กร เพราะช่วยวิเคราะห์ข้อมูลจำนวนมหาศาลจากระบบ IT ได้แบบเรียลไทม์ ลดเวลาในการแก้ปัญหา และคาดการณ์ปัญหาที่อาจเกิดขึ้นล่วงหน้า ทำให้ทีม IT สามารถทำงานเชิงรุกมากขึ้น และลด downtime ของระบบได้อย่างมีประสิทธิภาพ 🔗 https://www.techradar.com/pro/aiops-how-companies-can-harness-ai-to-reshape-it-operations 💻 API ของ X (Twitter เดิม) เปลี่ยนเป็นคิดตามการใช้งาน แพลตฟอร์ม X ได้ปรับโมเดลการคิดค่าบริการ API ใหม่ โดยเปลี่ยนจากการคิดแบบเหมาจ่ายรายเดือน ไปเป็นการคิดตามการใช้งานจริง หวังว่าจะดึงดูดนักพัฒนาให้กลับมาใช้มากขึ้น แต่ก็ยังมีข้อกังวลว่าราคาจะสูงเกินไปสำหรับสตาร์ทอัพเล็ก ๆ และอาจทำให้บางคนเลือกหันไปใช้แพลตฟอร์มอื่นแทน 🔗 https://www.techradar.com/pro/will-xs-usage-based-api-pricing-succeed-in-winning-over-developers 🧹 Shark PowerPro เครื่องดูดฝุ่นคุ้มค่า ใช้ง่าย Shark PowerPro ถูกรีวิวว่าเป็นเครื่องดูดฝุ่นที่เหมาะกับครัวเรือนทั่วไป ด้วยราคาที่ไม่แพงและการใช้งานที่ง่าย มีหัวดูดหลายแบบสำหรับพื้นต่าง ๆ และแรงดูดที่เพียงพอสำหรับฝุ่นในบ้าน ถึงแม้จะไม่ได้หรูหราเหมือนรุ่นไฮเอนด์ แต่ถือว่าเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าและตอบโจทย์การใช้งานประจำวัน 🔗 https://www.techradar.com/home/vacuums/shark-powerpro-vacuum-review 💸 Apple เตรียมออก MacBook ราคาประหยัดและ iPhone รุ่นถูกในปี 2026 มีข่าวลือว่า Apple กำลังวางแผนเปิดตัว MacBook รุ่นราคาย่อมเยา และ iPhone รุ่นใหม่ที่ถูกลงในต้นปี 2026 เพื่อเจาะตลาดนักเรียนและผู้ใช้ที่ต้องการอุปกรณ์ Apple แต่มีงบจำกัด ถือเป็นการขยายฐานลูกค้าไปสู่กลุ่มที่กว้างขึ้น และอาจสร้างแรงกดดันให้คู่แข่งในตลาดโน้ตบุ๊กและสมาร์ทโฟนราคาประหยัด 🔗 https://www.techradar.com/computing/macbooks/apple-rumored-to-be-releasing-its-affordable-macbook-and-another-cut-price-iphone-early-in-2026 🖨️ Bambu Lab เปิดตัวเครื่องพิมพ์ 3D H2C หัวฉีด 7 หัว Bambu Lab เปิดตัวเครื่องพิมพ์ 3D รุ่นใหม่ H2C ที่มาพร้อมหัวฉีดถึง 7 หัว ใช้ระบบ Vortek Hotend ที่สามารถสลับหัวฉีดได้อย่างรวดเร็วด้วยแม่เหล็กและความร้อนเหนี่ยวนำ จุดเด่นคือช่วยลดการสิ้นเปลืองวัสดุและเพิ่มความเร็วในการพิมพ์มากกว่ารุ่นก่อนหน้า แต่ยังช้ากว่าเครื่อง Prusa XL อยู่พอสมควร ราคาตั้งต้นอยู่ที่ $2,399 อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้ในสหรัฐฯ ต้องรอถึงเดือนธันวาคม 2025 เนื่องจากปัญหาด้านการนำเข้า 🔗 https://www.techradar.com/pro/sorry-us-3d-printing-fans-bambu-lab-has-a-mighty-new-seven-nozzle-printer-but-you-wont-be-able-to-get-it-anytime-soon 💻 Microsoft ปรับปรุง Windows 11 ลดภาพ BSOD บนจอใหญ่ Microsoft เพิ่มโหมดใหม่ใน Windows 11 สำหรับหน้าจอสาธารณะ เช่น ป้ายดิจิทัลหรือบอร์ดแสดงผล เมื่อเกิด Blue Screen of Death (BSOD) จะโชว์เพียง 15 วินาทีแล้วดับหน้าจอ เพื่อลดความน่าอายในการใช้งาน พร้อมทั้งเพิ่มระบบกู้คืนแบบ snapshot และ Cloud Rebuild ที่ช่วยให้ผู้ดูแล IT กู้คืนเครื่องได้ง่ายขึ้น รวมถึงเตรียมใช้การเข้ารหัส BitLocker ที่เร็วขึ้นและรองรับการป้องกันจากการโจมตีด้วยคอมพิวเตอร์ควอนตัมในอนาคต 🔗 https://www.techradar.com/pro/microsoft-is-hoping-to-kill-off-embarrassing-big-screen-bsod-errors-for-good 🎨 Nano Banana Pro เติมพลังดีไซน์ให้ NotebookLM Google นำโมเดล AI สร้างภาพ Nano Banana Pro มาเสริมใน NotebookLM เพื่อช่วยสร้าง infographic และสไลด์ได้อย่างสวยงามและมีข้อมูลครบถ้วน ตัวอย่างที่ทดสอบคือการเล่าเรื่องตำนาน King Arthur ที่ถูกแปลงเป็นภาพและสไลด์หลากหลายสไตล์ ตั้งแต่ยุคกลางจนถึงไซเบอร์พังค์ จุดเด่นคือความสามารถในการรักษาความต่อเนื่องของตัวละครและการเล่าเรื่องในเชิงภาพ ทำให้การทำงานวิจัยและการนำเสนอมีความน่าสนใจมากขึ้น 🔗 https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/gemini/nano-banana-pro-cast-a-design-spell-in-notebooklm-to-explore-the-legend-of-camelot ☁️ Anthropic จับมือ Microsoft และ Nvidia ขยาย Claude บน Azure Anthropic ลงทุนซื้อ compute capacity บน Microsoft Azure มูลค่า $30 พันล้านดอลลาร์ เพื่อรองรับการขยายโมเดล Claude ในอนาคต พร้อมได้รับเงินลงทุนเพิ่มอีก $15 พันล้านจาก Microsoft และ Nvidia ความร่วมมือนี้ทำให้ Claude สามารถใช้งานได้บนแพลตฟอร์ม Microsoft Foundry และ Copilot ต่าง ๆ รวมถึงใช้ประโยชน์จากสถาปัตยกรรมใหม่ของ Nvidia เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนการทำงานในระยะยาว ถือเป็นการขยายตัวครั้งใหญ่ของ Anthropic ในตลาด AI ระดับโลก 🔗 https://www.techradar.com/pro/anthropic-just-bought-usd30-billion-of-azure-cloud-capability-and-has-netted-usd15-billion-investment-from-microsoft-and-nvidia-in-return 🎮 Xbox Full Screen Experience มาสู่ Windows 11 Microsoft กำลังทดสอบฟีเจอร์ Xbox Full Screen Experience (FSE) บน Windows 11 ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถควบคุมเครื่องด้วยจอย Xbox ได้สะดวกขึ้น โดยมีหน้าตาแบบคอนโซล ใช้งานง่ายและจัดการเกมได้รวดเร็ว ฟีเจอร์นี้ยังช่วยปรับทรัพยากรเครื่องให้เหมาะกับการเล่นเกม สามารถเข้าถึงได้ผ่าน Task View, Game Bar หรือปุ่ม Win+F11 และคาดว่าจะเป็นรากฐานของ Xbox PC รุ่นใหม่ในอนาคต 🔗 https://www.techradar.com/computing/microsoft-is-now-testing-the-xbox-full-screen-experience-across-windows-11-pcs 📱 5 แอปที่ผู้เชี่ยวชาญมือถือแนะนำว่าต้องมี ผู้เชี่ยวชาญด้านสมาร์ทโฟนแนะนำ 5 แอปที่ควรติดตั้งทั้งบน iPhone และ Android เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งาน ได้แก่ แอปสำหรับความปลอดภัย การจัดการรหัสผ่าน แอปสุขภาพ แอปถ่ายภาพ และแอปจัดการการเงิน จุดเด่นคือช่วยให้ชีวิตประจำวันสะดวกขึ้น ปลอดภัยขึ้น และมีประสิทธิภาพมากขึ้น  🔗 https://www.techradar.com/phones/im-a-phones-expert-and-these-are-my-5-must-have-apps-for-iphone-and-android 🔋 Microsoft เปิดตัวชิป Cobalt 200 แข่งตลาด CPU Microsoft เปิดตัวชิป ARM-based รุ่นใหม่ชื่อ Cobalt 200 ที่ออกแบบเองเพื่อใช้กับ Azure โดยเน้นประสิทธิภาพสูงและการจัดการพลังงานที่ดีขึ้น ถือเป็นการเข้าสู่การแข่งขันด้าน custom silicon อย่างจริงจัง เพื่อให้บริการคลาวด์มีความเร็วและคุ้มค่ามากขึ้น พร้อมท้าชนคู่แข่งรายใหญ่ที่พัฒนาชิปเองเช่นกัน 🔗 https://www.techradar.com/pro/microsoft-unveils-its-next-generation-arm-based-cpu-cobalt-200-looks-to-unlock-even-more-azure-power 🤖 AI ในงาน QA: ใช้อย่างไรไม่ให้เกิดหนี้ทางเทคนิค บทความนี้อธิบายการนำ Generative AI มาใช้ในงานทดสอบคุณภาพซอฟต์แวร์ (QA) โดยเน้นว่าถ้าใช้ไม่ระวังอาจสร้าง “หนี้ทางเทคนิค” เช่น การสร้างโค้ดที่ยากต่อการบำรุงรักษา หรือการทดสอบที่ไม่ครอบคลุม แต่หากใช้อย่างถูกต้อง AI สามารถช่วยลดเวลา เพิ่มความแม่นยำ และทำให้ทีม QA มีประสิทธิภาพมากขึ้น 🔗 https://www.techradar.com/pro/ai-in-qa-how-to-use-generative-ai-in-testing-without-creating-technical-debt 🥗 ChatGPT ช่วยให้คุณกินอาหารสุขภาพได้ บทความนี้เล่าว่า ChatGPT สามารถช่วยผู้ใช้วางแผนการกินที่ดีต่อสุขภาพได้ เช่น แนะนำเมนูที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง จัดตารางอาหารให้เหมาะกับเป้าหมายสุขภาพ และให้เคล็ดลับการทำอาหารที่ง่ายและดีต่อร่างกาย ถือเป็นการใช้ AI เพื่อสนับสนุนการดูแลสุขภาพในชีวิตประจำวัน 🔗 https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/how-chatgpt-can-help-you-eat-healthier-ai-tips-to-get-back-on-your-health-kick 🎮 คอนโทรลเลอร์เกมที่คุณชอบที่สุดคืออะไร บทความนี้เปิดประเด็นสนทนาเกี่ยวกับคอนโทรลเลอร์เกมที่ผู้เล่นชื่นชอบมากที่สุด โดยยกตัวอย่างคอนโทรลเลอร์ที่เคยมีในอดีต เช่น Steam Machine Controller ที่ไม่ค่อยได้รับความนิยม พร้อมเชิญชวนให้ผู้อ่านแชร์ประสบการณ์และความเห็นว่าคอนโทรลเลอร์ใดที่ดีที่สุดสำหรับการเล่นเกม ​​​​​​​🔗 https://www.techradar.com/gaming/gaming-accessories/forget-the-weird-steam-machine-controller-tell-me-whats-your-favourite-controller-of-all-time
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 540 มุมมอง 0 รีวิว
  • Steam Machine รุ่นใหม่: เน้นการปรับแต่ง

    Valve เปิดตัว Steam Machine พร้อมฟีเจอร์ faceplate ที่ถอดเปลี่ยนได้ ทำให้ผู้ใช้สามารถปรับแต่งหน้าตาเครื่องได้ตามใจ ไม่ว่าจะเป็นสกินไม้คลาสสิกหรือหน้าจอ e-ink ที่แสดงข้อมูลพิเศษ นี่ถือเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้ใช้สร้างเอกลักษณ์เฉพาะตัวให้กับเครื่องเกมของตนเอง

    Companion Cube จาก Portal
    หนึ่งในสกินที่สร้างกระแสคือ Companion Cube จากเกม Portal ที่ Dbrand นำมาออกแบบเป็นสกินเต็มรูปแบบ พร้อมลายหัวใจรอบด้าน ทำให้ Steam Machine ดูเหมือนกล่องในตำนานของแฟนเกม Valve ถือเป็นการผสมผสานระหว่างความคลาสสิกของเกมกับฮาร์ดแวร์ยุคใหม่

    หน้ากาก dot-matrix และ e-ink
    Jsaux Gaming ได้โชว์ต้นแบบหน้ากากที่ใช้ dot-matrix และ e-ink display ซึ่งสามารถแสดงข้อความหรือภาพแบบเรียบง่ายได้ ผู้ใช้สามารถเปลี่ยนหน้ากากเหล่านี้เอง และ Valve ยังประกาศว่าจะปล่อย ไฟล์ดีไซน์สำหรับ 3D printer เพื่อให้ทุกคนสามารถสร้างหน้ากากในแบบของตัวเอง

    ความยืดหยุ่นทั้งฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์
    Steam Machine ไม่ได้จำกัดแค่การปรับแต่งภายนอก แต่ยังรองรับการอัปเกรด SSD M.2 2280 และ RAM SODIMM รวมถึงสามารถติดตั้งระบบปฏิบัติการอื่นได้ตามต้องการ ทำให้เครื่องนี้ไม่เพียงเป็นคอนโซลเกม แต่ยังเป็นพีซีที่ปรับแต่งได้เต็มรูปแบบ

    สรุปเป็นหัวข้อ
    ฟีเจอร์ใหม่ของ Steam Machine
    Faceplate ถอดเปลี่ยนได้
    Valve ปล่อยไฟล์ 3D สำหรับการออกแบบเอง

    Companion Cube Skin
    Dbrand ออกแบบสกิน Portal Companion Cube
    กลายเป็นกระแสในหมู่แฟนเกม Valve

    หน้ากาก dot-matrix และ e-ink
    Jsaux Gaming โชว์ต้นแบบหน้ากากแสดงข้อความ/ภาพ
    เปิดโอกาสให้ผู้ใช้สร้างดีไซน์เอง

    ความยืดหยุ่นของฮาร์ดแวร์
    รองรับ SSD M.2 2280 และ RAM SODIMM
    สามารถติดตั้งระบบปฏิบัติการอื่นได้

    คำเตือนจากข้อมูลข่าว
    Valve ยังไม่ประกาศราคาและวันวางจำหน่าย
    การอัปเกรด RAM ต้องถอดชิ้นส่วนหลายขั้นตอน

    https://www.tomshardware.com/desktops/gaming-pcs/steam-machine-can-transform-into-portal-companion-cube-with-custom-skin-dot-matrix-and-e-ink-faceplates-will-also-be-available
    🎮 Steam Machine รุ่นใหม่: เน้นการปรับแต่ง Valve เปิดตัว Steam Machine พร้อมฟีเจอร์ faceplate ที่ถอดเปลี่ยนได้ ทำให้ผู้ใช้สามารถปรับแต่งหน้าตาเครื่องได้ตามใจ ไม่ว่าจะเป็นสกินไม้คลาสสิกหรือหน้าจอ e-ink ที่แสดงข้อมูลพิเศษ นี่ถือเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้ใช้สร้างเอกลักษณ์เฉพาะตัวให้กับเครื่องเกมของตนเอง 🧊 Companion Cube จาก Portal หนึ่งในสกินที่สร้างกระแสคือ Companion Cube จากเกม Portal ที่ Dbrand นำมาออกแบบเป็นสกินเต็มรูปแบบ พร้อมลายหัวใจรอบด้าน ทำให้ Steam Machine ดูเหมือนกล่องในตำนานของแฟนเกม Valve ถือเป็นการผสมผสานระหว่างความคลาสสิกของเกมกับฮาร์ดแวร์ยุคใหม่ 📟 หน้ากาก dot-matrix และ e-ink Jsaux Gaming ได้โชว์ต้นแบบหน้ากากที่ใช้ dot-matrix และ e-ink display ซึ่งสามารถแสดงข้อความหรือภาพแบบเรียบง่ายได้ ผู้ใช้สามารถเปลี่ยนหน้ากากเหล่านี้เอง และ Valve ยังประกาศว่าจะปล่อย ไฟล์ดีไซน์สำหรับ 3D printer เพื่อให้ทุกคนสามารถสร้างหน้ากากในแบบของตัวเอง ⚡ ความยืดหยุ่นทั้งฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ Steam Machine ไม่ได้จำกัดแค่การปรับแต่งภายนอก แต่ยังรองรับการอัปเกรด SSD M.2 2280 และ RAM SODIMM รวมถึงสามารถติดตั้งระบบปฏิบัติการอื่นได้ตามต้องการ ทำให้เครื่องนี้ไม่เพียงเป็นคอนโซลเกม แต่ยังเป็นพีซีที่ปรับแต่งได้เต็มรูปแบบ 📌 สรุปเป็นหัวข้อ ✅ ฟีเจอร์ใหม่ของ Steam Machine ➡️ Faceplate ถอดเปลี่ยนได้ ➡️ Valve ปล่อยไฟล์ 3D สำหรับการออกแบบเอง ✅ Companion Cube Skin ➡️ Dbrand ออกแบบสกิน Portal Companion Cube ➡️ กลายเป็นกระแสในหมู่แฟนเกม Valve ✅ หน้ากาก dot-matrix และ e-ink ➡️ Jsaux Gaming โชว์ต้นแบบหน้ากากแสดงข้อความ/ภาพ ➡️ เปิดโอกาสให้ผู้ใช้สร้างดีไซน์เอง ✅ ความยืดหยุ่นของฮาร์ดแวร์ ➡️ รองรับ SSD M.2 2280 และ RAM SODIMM ➡️ สามารถติดตั้งระบบปฏิบัติการอื่นได้ ‼️ คำเตือนจากข้อมูลข่าว ⛔ Valve ยังไม่ประกาศราคาและวันวางจำหน่าย ⛔ การอัปเกรด RAM ต้องถอดชิ้นส่วนหลายขั้นตอน https://www.tomshardware.com/desktops/gaming-pcs/steam-machine-can-transform-into-portal-companion-cube-with-custom-skin-dot-matrix-and-e-ink-faceplates-will-also-be-available
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 155 มุมมอง 0 รีวิว
  • AMD เริ่มส่งแพตช์เข้าสู่ Linux kernel เพื่อรองรับ Instinct MI400-series

    AMD ได้ upstream แพตช์ใหม่ที่เกี่ยวข้องกับ GPU IP blocks เช่น PSP 15.0.8, IH 7.1, MMHUB 4.2, GFXHUB 12.1 และ GMC 12.1 ซึ่งบ่งชี้ว่ากำลังมีการรองรับสถาปัตยกรรมใหม่ โดยเฉพาะ GFXHUB 12.1 ที่เชื่อมโยงกับ CDNA5 ซึ่งเป็นแกนหลักของ Instinct MI430 และ MI450-series accelerators

    สถาปัตยกรรม CDNA5 และการแบ่งรุ่น
    ข้อมูลหลุดก่อนหน้านี้ระบุว่า GFX1250 จะใช้กับ Instinct MI450 (AI-oriented) และ GFX1251 จะใช้กับ Instinct MI430 (HPC-oriented) แม้ AMD ยังไม่ยืนยันอย่างเป็นทางการ แต่การส่งแพตช์ครั้งนี้ถือเป็นสัญญาณชัดเจนว่ากำลังเตรียมเปิดตัว GPU รุ่นใหม่สำหรับงาน AI และ HPC

    การแข่งขันกับ Nvidia
    AMD ตั้งเป้าที่จะเปิดตัว Instinct MI450 และโซลูชัน Helios rack-scale ที่ใช้ซีพียู EPYC Venice และ GPU MI450 ก่อนที่ Nvidia จะเปิดตัวแพลตฟอร์ม Vera Rubin ในไตรมาส 3 ปี 2026 หาก AMD สามารถเร่งการผลิตและส่งมอบได้ทัน จะเป็นการเพิ่มแรงกดดันต่อ Nvidia ในตลาด AI ที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว

    ความหมายต่ออุตสาหกรรม
    การเริ่มต้น enablement ของ MI400-series แสดงให้เห็นว่า AMD กำลังเดินหน้าอย่างมั่นคงตามโรดแมป Instinct และ CDNA ทั้งในด้าน AI และ HPC ซึ่งอาจช่วยให้ตลาดมีการแข่งขันมากขึ้น ลดการพึ่งพา Nvidia และเปิดทางเลือกใหม่ให้กับผู้พัฒนา AI และซูเปอร์คอมพิวเตอร์ทั่วโลก

    สรุปประเด็นสำคัญ
    AMD ส่งแพตช์เข้าสู่ Linux kernel เพื่อรองรับ GPU IP blocks ใหม่
    รวมถึง GFXHUB 12.1 ที่เชื่อมโยงกับสถาปัตยกรรม CDNA5

    Instinct MI400-series แบ่งเป็น MI430 (HPC) และ MI450 (AI)
    ใช้รหัส GFX1251 และ GFX1250 ตามลำดับ

    AMD เตรียมเปิดตัว MI450 และ Helios rack-scale solution
    ตั้งเป้าเปิดตัวก่อน Nvidia Vera Rubin ใน Q3 2026

    การ enablement แสดงถึงความต่อเนื่องของโรดแมป Instinct และ CDNA
    เพิ่มการแข่งขันในตลาด AI และ HPC

    ความเสี่ยงด้านการผลิตและการส่งมอบ
    หาก AMD ไม่สามารถเร่งการผลิตได้ทัน อาจเสียเปรียบ Nvidia

    ตลาด AI ยังพึ่งพา Nvidia อย่างมาก
    AMD ต้องพิสูจน์ว่าซอฟต์แวร์และ ecosystem รองรับได้จริง

    https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/amds-linux-kernel-patches-suggest-enablement-of-next-gen-instinct-mi400-series-ai-gpu-accelerators
    🐧 AMD เริ่มส่งแพตช์เข้าสู่ Linux kernel เพื่อรองรับ Instinct MI400-series AMD ได้ upstream แพตช์ใหม่ที่เกี่ยวข้องกับ GPU IP blocks เช่น PSP 15.0.8, IH 7.1, MMHUB 4.2, GFXHUB 12.1 และ GMC 12.1 ซึ่งบ่งชี้ว่ากำลังมีการรองรับสถาปัตยกรรมใหม่ โดยเฉพาะ GFXHUB 12.1 ที่เชื่อมโยงกับ CDNA5 ซึ่งเป็นแกนหลักของ Instinct MI430 และ MI450-series accelerators ⚙️ สถาปัตยกรรม CDNA5 และการแบ่งรุ่น ข้อมูลหลุดก่อนหน้านี้ระบุว่า GFX1250 จะใช้กับ Instinct MI450 (AI-oriented) และ GFX1251 จะใช้กับ Instinct MI430 (HPC-oriented) แม้ AMD ยังไม่ยืนยันอย่างเป็นทางการ แต่การส่งแพตช์ครั้งนี้ถือเป็นสัญญาณชัดเจนว่ากำลังเตรียมเปิดตัว GPU รุ่นใหม่สำหรับงาน AI และ HPC 🚀 การแข่งขันกับ Nvidia AMD ตั้งเป้าที่จะเปิดตัว Instinct MI450 และโซลูชัน Helios rack-scale ที่ใช้ซีพียู EPYC Venice และ GPU MI450 ก่อนที่ Nvidia จะเปิดตัวแพลตฟอร์ม Vera Rubin ในไตรมาส 3 ปี 2026 หาก AMD สามารถเร่งการผลิตและส่งมอบได้ทัน จะเป็นการเพิ่มแรงกดดันต่อ Nvidia ในตลาด AI ที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว 🌐 ความหมายต่ออุตสาหกรรม การเริ่มต้น enablement ของ MI400-series แสดงให้เห็นว่า AMD กำลังเดินหน้าอย่างมั่นคงตามโรดแมป Instinct และ CDNA ทั้งในด้าน AI และ HPC ซึ่งอาจช่วยให้ตลาดมีการแข่งขันมากขึ้น ลดการพึ่งพา Nvidia และเปิดทางเลือกใหม่ให้กับผู้พัฒนา AI และซูเปอร์คอมพิวเตอร์ทั่วโลก 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ AMD ส่งแพตช์เข้าสู่ Linux kernel เพื่อรองรับ GPU IP blocks ใหม่ ➡️ รวมถึง GFXHUB 12.1 ที่เชื่อมโยงกับสถาปัตยกรรม CDNA5 ✅ Instinct MI400-series แบ่งเป็น MI430 (HPC) และ MI450 (AI) ➡️ ใช้รหัส GFX1251 และ GFX1250 ตามลำดับ ✅ AMD เตรียมเปิดตัว MI450 และ Helios rack-scale solution ➡️ ตั้งเป้าเปิดตัวก่อน Nvidia Vera Rubin ใน Q3 2026 ✅ การ enablement แสดงถึงความต่อเนื่องของโรดแมป Instinct และ CDNA ➡️ เพิ่มการแข่งขันในตลาด AI และ HPC ‼️ ความเสี่ยงด้านการผลิตและการส่งมอบ ⛔ หาก AMD ไม่สามารถเร่งการผลิตได้ทัน อาจเสียเปรียบ Nvidia ‼️ ตลาด AI ยังพึ่งพา Nvidia อย่างมาก ⛔ AMD ต้องพิสูจน์ว่าซอฟต์แวร์และ ecosystem รองรับได้จริง https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/amds-linux-kernel-patches-suggest-enablement-of-next-gen-instinct-mi400-series-ai-gpu-accelerators
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 175 มุมมอง 0 รีวิว
  • คณะกรรมการการค้าแห่งเกาหลี (KFTC) ได้บุกตรวจสอบสำนักงานของ Arm ในกรุงโซล

    รายงานจาก The Korea Times ระบุว่า KFTC ได้ดำเนินการตรวจสอบภายในสำนักงาน Arm ที่กรุงโซล โดยมีเป้าหมายเพื่อหาหลักฐานว่าบริษัทมีการจำกัดสิทธิ์การเข้าถึงเทคโนโลยีสถาปัตยกรรมชิป หลังจาก Qualcomm ยื่นเรื่องร้องเรียนในเดือนมีนาคมต่อหน่วยงานกำกับดูแลหลายประเทศ รวมถึงสหรัฐฯ และสหภาพยุโรป

    ข้อพิพาทระหว่าง Arm และ Qualcomm
    ข้อพิพาทเริ่มต้นเมื่อ Arm ยกเลิกสัญญา Architecture License Agreement (ALA) ของ Nuvia ซึ่ง Qualcomm ซื้อกิจการในปี 2021 Qualcomm ยืนยันว่าตนมีสิทธิ์ใช้เทคโนโลยี Nuvia ภายใต้สัญญา Arm เดิม แต่ Arm โต้แย้งว่าต้องทำสัญญาใหม่ ทำให้เกิดการฟ้องร้องยืดเยื้อมากว่า 3 ปี ล่าสุดศาลสหรัฐฯ ตัดสินให้ Qualcomm ชนะคดี แต่ Arm ยังคงยื่นอุทธรณ์

    ผลกระทบต่ออุตสาหกรรม
    การตรวจสอบครั้งนี้มีความสำคัญเพราะเกาหลีเป็นศูนย์กลางของผู้ผลิตชิป เช่น Samsung ที่เป็นทั้งคู่แข่งและพันธมิตรของ Qualcomm หากพบว่า Arm มีการจำกัดสิทธิ์จริง อาจนำไปสู่การสอบสวนระดับนานาชาติ และกระทบต่อการเข้าถึงเทคโนโลยีที่สำคัญในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์

    แนวโน้มในอนาคต
    แม้ Qualcomm จะชนะคดีในสหรัฐฯ แต่การร้องเรียนต่อหลายประเทศ รวมถึงการตรวจสอบของ KFTC แสดงให้เห็นว่าประเด็นนี้ยังไม่จบง่าย ๆ หาก Arm ถูกตัดสินว่ามีการละเมิดกฎการค้า อาจต้องปรับเปลี่ยนโมเดลธุรกิจและการออกใบอนุญาต ซึ่งจะส่งผลต่อผู้ผลิตชิปทั่วโลก

    สรุปประเด็นสำคัญ
    KFTC ตรวจสอบสำนักงาน Arm ในกรุงโซล
    สืบหาหลักฐานการจำกัดสิทธิ์การใช้งานสถาปัตยกรรมชิป

    ข้อพิพาท Arm–Qualcomm
    เกิดจากการยกเลิกสัญญา ALA ของ Nuvia
    Qualcomm ชนะคดีในสหรัฐฯ แต่ Arm ยื่นอุทธรณ์

    ผลกระทบต่ออุตสาหกรรม
    Samsung และผู้ผลิตชิปในเกาหลีอาจได้รับผลกระทบ
    อาจนำไปสู่การสอบสวนระดับนานาชาติ

    คำเตือนสำหรับอนาคต
    หาก Arm ถูกตัดสินว่าละเมิด อาจต้องปรับโมเดลธุรกิจ
    ความไม่แน่นอนอาจกระทบต่อซัพพลายเชนเซมิคอนดักเตอร์โลก

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/koreas-fair-trade-commission-reportedly-raids-arms-seoul-office-amid-qualcomm-licensing-dispute-stems-from-allegations-of-unfair-market-practices
    ⚖️ คณะกรรมการการค้าแห่งเกาหลี (KFTC) ได้บุกตรวจสอบสำนักงานของ Arm ในกรุงโซล รายงานจาก The Korea Times ระบุว่า KFTC ได้ดำเนินการตรวจสอบภายในสำนักงาน Arm ที่กรุงโซล โดยมีเป้าหมายเพื่อหาหลักฐานว่าบริษัทมีการจำกัดสิทธิ์การเข้าถึงเทคโนโลยีสถาปัตยกรรมชิป หลังจาก Qualcomm ยื่นเรื่องร้องเรียนในเดือนมีนาคมต่อหน่วยงานกำกับดูแลหลายประเทศ รวมถึงสหรัฐฯ และสหภาพยุโรป 🔍 ข้อพิพาทระหว่าง Arm และ Qualcomm ข้อพิพาทเริ่มต้นเมื่อ Arm ยกเลิกสัญญา Architecture License Agreement (ALA) ของ Nuvia ซึ่ง Qualcomm ซื้อกิจการในปี 2021 Qualcomm ยืนยันว่าตนมีสิทธิ์ใช้เทคโนโลยี Nuvia ภายใต้สัญญา Arm เดิม แต่ Arm โต้แย้งว่าต้องทำสัญญาใหม่ ทำให้เกิดการฟ้องร้องยืดเยื้อมากว่า 3 ปี ล่าสุดศาลสหรัฐฯ ตัดสินให้ Qualcomm ชนะคดี แต่ Arm ยังคงยื่นอุทธรณ์ 🌐 ผลกระทบต่ออุตสาหกรรม การตรวจสอบครั้งนี้มีความสำคัญเพราะเกาหลีเป็นศูนย์กลางของผู้ผลิตชิป เช่น Samsung ที่เป็นทั้งคู่แข่งและพันธมิตรของ Qualcomm หากพบว่า Arm มีการจำกัดสิทธิ์จริง อาจนำไปสู่การสอบสวนระดับนานาชาติ และกระทบต่อการเข้าถึงเทคโนโลยีที่สำคัญในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ 🔮 แนวโน้มในอนาคต แม้ Qualcomm จะชนะคดีในสหรัฐฯ แต่การร้องเรียนต่อหลายประเทศ รวมถึงการตรวจสอบของ KFTC แสดงให้เห็นว่าประเด็นนี้ยังไม่จบง่าย ๆ หาก Arm ถูกตัดสินว่ามีการละเมิดกฎการค้า อาจต้องปรับเปลี่ยนโมเดลธุรกิจและการออกใบอนุญาต ซึ่งจะส่งผลต่อผู้ผลิตชิปทั่วโลก 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ KFTC ตรวจสอบสำนักงาน Arm ในกรุงโซล ➡️ สืบหาหลักฐานการจำกัดสิทธิ์การใช้งานสถาปัตยกรรมชิป ✅ ข้อพิพาท Arm–Qualcomm ➡️ เกิดจากการยกเลิกสัญญา ALA ของ Nuvia ➡️ Qualcomm ชนะคดีในสหรัฐฯ แต่ Arm ยื่นอุทธรณ์ ✅ ผลกระทบต่ออุตสาหกรรม ➡️ Samsung และผู้ผลิตชิปในเกาหลีอาจได้รับผลกระทบ ➡️ อาจนำไปสู่การสอบสวนระดับนานาชาติ ‼️ คำเตือนสำหรับอนาคต ⛔ หาก Arm ถูกตัดสินว่าละเมิด อาจต้องปรับโมเดลธุรกิจ ⛔ ความไม่แน่นอนอาจกระทบต่อซัพพลายเชนเซมิคอนดักเตอร์โลก https://www.tomshardware.com/tech-industry/koreas-fair-trade-commission-reportedly-raids-arms-seoul-office-amid-qualcomm-licensing-dispute-stems-from-allegations-of-unfair-market-practices
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 220 มุมมอง 0 รีวิว
  • รายได้ Nvidia พุ่งทะยาน

    Nvidia ประกาศผลประกอบการไตรมาส 3 ปีงบประมาณ 2026 โดยมีรายได้รวมกว่า 57.006 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 62% เมื่อเทียบปีต่อปี และ 22% เมื่อเทียบไตรมาสต่อไตรมาส กำไรสุทธิอยู่ที่ 31.91 พันล้านดอลลาร์ พร้อมอัตรากำไรขั้นต้นสูงถึง 73.4% ซึ่งถือเป็นการทำลายสถิติรายได้ต่อไตรมาสของบริษัท

    ดาต้าเซ็นเตอร์คือหัวใจหลัก
    รายได้จากธุรกิจดาต้าเซ็นเตอร์สูงถึง 51.215 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 66% เมื่อเทียบปีต่อปี โดยส่วนใหญ่จากการขายแพลตฟอร์ม Blackwell และ Blackwell Ultra ที่ถูกนำไปใช้โดยผู้ให้บริการคลาวด์รายใหญ่, โครงการ AI ภาครัฐ และอุตสาหกรรมต่าง ๆ นอกจากนี้ รายได้จากระบบเครือข่ายยังเพิ่มขึ้นกว่า 162% เนื่องจากลูกค้าหันมาใช้โซลูชันแบบ Rack-scale สำหรับ AI

    ตลาดเกมและ ProViz
    แม้รายได้จากเกมจะอยู่ที่ 4.265 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 30% เมื่อเทียบปีต่อปี แต่ลดลงเล็กน้อยจากไตรมาสก่อน สะท้อนว่าตลาดเกมอาจถึงจุดสูงสุดแล้ว ขณะที่ธุรกิจ Professional Visualization (ProViz) ทำสถิติใหม่ที่ 760 ล้านดอลลาร์ จากความต้องการ GPU สำหรับงาน CAD, CAM และครีเอทีฟที่ใช้แพลตฟอร์ม Blackwell

    ยานยนต์และหุ่นยนต์
    ธุรกิจยานยนต์และหุ่นยนต์สร้างรายได้ 592 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 32% เมื่อเทียบปีต่อปี โดยมีการนำแพลตฟอร์ม Drive AGX Hyperion 10 ที่รองรับการขับขี่อัตโนมัติระดับ 4 มาใช้โดยพันธมิตรสำคัญ เช่น Uber ซึ่งคาดว่าจะช่วยขยายตลาดในอนาคต

    สรุปประเด็นสำคัญ
    รายได้รวม Nvidia
    57.006 พันล้านดอลลาร์ใน Q3 FY2026
    กำไรสุทธิ 31.91 พันล้านดอลลาร์

    ดาต้าเซ็นเตอร์คือรายได้หลัก
    51.215 พันล้านดอลลาร์จาก Blackwell และ Blackwell Ultra
    เครือข่ายเพิ่มขึ้น 162%

    ตลาดเกมและ ProViz
    เกมทำรายได้ 4.265 พันล้านดอลลาร์
    ProViz ทำสถิติใหม่ 760 ล้านดอลลาร์

    ยานยนต์และหุ่นยนต์
    รายได้ 592 ล้านดอลลาร์จาก Drive AGX Hyperion 10

    คำเตือนสำหรับอนาคต
    ตลาดเกมอาจถึงจุดอิ่มตัว
    รายได้จากจีนหายไปหลังข้อจำกัดการส่งออก AI GPU

    https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/nvidias-revenue-skyrockets-to-record-usd57-billion-per-quarter-all-gpus-are-sold-out
    💹 รายได้ Nvidia พุ่งทะยาน Nvidia ประกาศผลประกอบการไตรมาส 3 ปีงบประมาณ 2026 โดยมีรายได้รวมกว่า 57.006 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 62% เมื่อเทียบปีต่อปี และ 22% เมื่อเทียบไตรมาสต่อไตรมาส กำไรสุทธิอยู่ที่ 31.91 พันล้านดอลลาร์ พร้อมอัตรากำไรขั้นต้นสูงถึง 73.4% ซึ่งถือเป็นการทำลายสถิติรายได้ต่อไตรมาสของบริษัท 🏢 ดาต้าเซ็นเตอร์คือหัวใจหลัก รายได้จากธุรกิจดาต้าเซ็นเตอร์สูงถึง 51.215 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 66% เมื่อเทียบปีต่อปี โดยส่วนใหญ่จากการขายแพลตฟอร์ม Blackwell และ Blackwell Ultra ที่ถูกนำไปใช้โดยผู้ให้บริการคลาวด์รายใหญ่, โครงการ AI ภาครัฐ และอุตสาหกรรมต่าง ๆ นอกจากนี้ รายได้จากระบบเครือข่ายยังเพิ่มขึ้นกว่า 162% เนื่องจากลูกค้าหันมาใช้โซลูชันแบบ Rack-scale สำหรับ AI 🎮 ตลาดเกมและ ProViz แม้รายได้จากเกมจะอยู่ที่ 4.265 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 30% เมื่อเทียบปีต่อปี แต่ลดลงเล็กน้อยจากไตรมาสก่อน สะท้อนว่าตลาดเกมอาจถึงจุดสูงสุดแล้ว ขณะที่ธุรกิจ Professional Visualization (ProViz) ทำสถิติใหม่ที่ 760 ล้านดอลลาร์ จากความต้องการ GPU สำหรับงาน CAD, CAM และครีเอทีฟที่ใช้แพลตฟอร์ม Blackwell 🚗 ยานยนต์และหุ่นยนต์ ธุรกิจยานยนต์และหุ่นยนต์สร้างรายได้ 592 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 32% เมื่อเทียบปีต่อปี โดยมีการนำแพลตฟอร์ม Drive AGX Hyperion 10 ที่รองรับการขับขี่อัตโนมัติระดับ 4 มาใช้โดยพันธมิตรสำคัญ เช่น Uber ซึ่งคาดว่าจะช่วยขยายตลาดในอนาคต 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ รายได้รวม Nvidia ➡️ 57.006 พันล้านดอลลาร์ใน Q3 FY2026 ➡️ กำไรสุทธิ 31.91 พันล้านดอลลาร์ ✅ ดาต้าเซ็นเตอร์คือรายได้หลัก ➡️ 51.215 พันล้านดอลลาร์จาก Blackwell และ Blackwell Ultra ➡️ เครือข่ายเพิ่มขึ้น 162% ✅ ตลาดเกมและ ProViz ➡️ เกมทำรายได้ 4.265 พันล้านดอลลาร์ ➡️ ProViz ทำสถิติใหม่ 760 ล้านดอลลาร์ ✅ ยานยนต์และหุ่นยนต์ ➡️ รายได้ 592 ล้านดอลลาร์จาก Drive AGX Hyperion 10 ‼️ คำเตือนสำหรับอนาคต ⛔ ตลาดเกมอาจถึงจุดอิ่มตัว ⛔ รายได้จากจีนหายไปหลังข้อจำกัดการส่งออก AI GPU https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/nvidias-revenue-skyrockets-to-record-usd57-billion-per-quarter-all-gpus-are-sold-out
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 186 มุมมอง 0 รีวิว
  • “จาก Hype สู่ความจริง: คำแนะนำถึงผู้ขายโซลูชันไซเบอร์”

    บทความ Selling to the CISO: An open letter to the cybersecurity industry โดย Tyler Farrar (CISO ของ Nextracker) วิจารณ์ว่าอุตสาหกรรมไซเบอร์เต็มไปด้วย “เสียงรบกวน” และการขายที่เน้นการตลาดมากกว่าการแก้ปัญหาจริง เขาเรียกร้องให้ผู้ขายกลับไปสู่พื้นฐานที่พิสูจน์แล้ว เช่น การจัดการแพตช์ การควบคุมสิทธิ์ และการแบ่งเครือข่าย

    อุตสาหกรรมไซเบอร์: เสียงดังแต่ไร้สาระ
    Tyler Farrar ระบุว่า ตลาดไซเบอร์เต็มไปด้วยผลิตภัณฑ์ที่สร้างขึ้นเพื่อการระดมทุนมากกว่าการใช้งานจริง หลายโซลูชันสัญญาว่าจะ “ปฏิวัติความปลอดภัย” แต่ไม่สามารถอธิบายได้ชัดเจนว่ากำลังแก้ปัญหาอะไร ผลลัพธ์คือ CISO ต้องเผชิญกับการนำเสนอที่ไม่ตอบโจทย์ ขณะที่ช่องโหว่พื้นฐานยังคงถูกละเลย

    บทบาทของ CISO: การเล่นเกมที่ไม่มีวันชนะ
    เขาเปรียบงานของ CISO ว่าเป็น เกมที่ไม่มีวันชนะ เพราะแม้จะปิดช่องโหว่ทั้งหมด ค่าใช้จ่ายก็สูงจนทำให้ธุรกิจหยุดชะงัก ดังนั้นหน้าที่ของ CISO ไม่ใช่การสร้างระบบที่ “ปลอดภัยสมบูรณ์” แต่คือการ หาสมดุลระหว่างความเสี่ยงและการดำเนินธุรกิจ โดยเลือกลงทุนในสิ่งที่ลดความเสี่ยงได้จริง เช่น การมองเห็นระบบ (visibility), การจัดการสิทธิ์ (identity), และการทำงานอัตโนมัติที่ช่วยทีมทำงานเร็วขึ้น

    กลับสู่พื้นฐานที่พิสูจน์แล้ว
    Farrar ย้ำว่า องค์กรส่วนใหญ่ไม่ต้องการเครื่องมือใหม่ แต่ต้องการทำพื้นฐานให้ถูกต้อง เช่น:
    การแพตช์ระบบอย่างสม่ำเสมอ
    การควบคุมสิทธิ์การเข้าถึง
    การแบ่งเครือข่ายเพื่อป้องกันการเคลื่อนที่ด้านข้างของผู้โจมตี

    เขาเตือนว่าการละเลยพื้นฐานเพราะ “ไม่ตื่นเต้นพอสำหรับนักลงทุน” เป็นสาเหตุที่ทำให้ช่องโหว่เดิม ๆ ยังคงสร้างความเสียหายซ้ำแล้วซ้ำเล่า

    สรุปประเด็นสำคัญ
    ปัญหาในตลาดไซเบอร์
    ผลิตภัณฑ์จำนวนมากถูกสร้างเพื่อการตลาด ไม่ใช่การแก้ปัญหาจริง
    CISO ต้องเผชิญกับการขายที่เต็มไปด้วย hype

    บทบาทของ CISO
    ไม่ใช่การสร้างระบบที่ปลอดภัยสมบูรณ์ แต่คือการหาสมดุลระหว่างความเสี่ยงและธุรกิจ
    ลงทุนใน visibility, identity, automation ที่ช่วยลดความเสี่ยงจริง

    พื้นฐานที่สำคัญ
    การแพตช์ การควบคุมสิทธิ์ และการแบ่งเครือข่าย
    สิ่งเหล่านี้ลดพื้นที่โจมตีได้มากกว่าซอฟต์แวร์ใหม่ ๆ

    คำเตือนต่ออุตสาหกรรม
    การไล่ตาม hype ทำให้ละเลยพื้นฐานที่พิสูจน์แล้ว
    หากไม่เปลี่ยนแนวทาง การโจมตีเดิม ๆ จะยังคงสร้างความเสียหายต่อไป

    https://www.csoonline.com/article/4089738/selling-to-the-ciso-an-open-letter-to-the-cybersecurity-industry.html
    📧 “จาก Hype สู่ความจริง: คำแนะนำถึงผู้ขายโซลูชันไซเบอร์” บทความ Selling to the CISO: An open letter to the cybersecurity industry โดย Tyler Farrar (CISO ของ Nextracker) วิจารณ์ว่าอุตสาหกรรมไซเบอร์เต็มไปด้วย “เสียงรบกวน” และการขายที่เน้นการตลาดมากกว่าการแก้ปัญหาจริง เขาเรียกร้องให้ผู้ขายกลับไปสู่พื้นฐานที่พิสูจน์แล้ว เช่น การจัดการแพตช์ การควบคุมสิทธิ์ และการแบ่งเครือข่าย 📢 อุตสาหกรรมไซเบอร์: เสียงดังแต่ไร้สาระ Tyler Farrar ระบุว่า ตลาดไซเบอร์เต็มไปด้วยผลิตภัณฑ์ที่สร้างขึ้นเพื่อการระดมทุนมากกว่าการใช้งานจริง หลายโซลูชันสัญญาว่าจะ “ปฏิวัติความปลอดภัย” แต่ไม่สามารถอธิบายได้ชัดเจนว่ากำลังแก้ปัญหาอะไร ผลลัพธ์คือ CISO ต้องเผชิญกับการนำเสนอที่ไม่ตอบโจทย์ ขณะที่ช่องโหว่พื้นฐานยังคงถูกละเลย ⚖️ บทบาทของ CISO: การเล่นเกมที่ไม่มีวันชนะ เขาเปรียบงานของ CISO ว่าเป็น เกมที่ไม่มีวันชนะ เพราะแม้จะปิดช่องโหว่ทั้งหมด ค่าใช้จ่ายก็สูงจนทำให้ธุรกิจหยุดชะงัก ดังนั้นหน้าที่ของ CISO ไม่ใช่การสร้างระบบที่ “ปลอดภัยสมบูรณ์” แต่คือการ หาสมดุลระหว่างความเสี่ยงและการดำเนินธุรกิจ โดยเลือกลงทุนในสิ่งที่ลดความเสี่ยงได้จริง เช่น การมองเห็นระบบ (visibility), การจัดการสิทธิ์ (identity), และการทำงานอัตโนมัติที่ช่วยทีมทำงานเร็วขึ้น 🔑 กลับสู่พื้นฐานที่พิสูจน์แล้ว Farrar ย้ำว่า องค์กรส่วนใหญ่ไม่ต้องการเครื่องมือใหม่ แต่ต้องการทำพื้นฐานให้ถูกต้อง เช่น: 🎗️ การแพตช์ระบบอย่างสม่ำเสมอ 🎗️ การควบคุมสิทธิ์การเข้าถึง 🎗️ การแบ่งเครือข่ายเพื่อป้องกันการเคลื่อนที่ด้านข้างของผู้โจมตี เขาเตือนว่าการละเลยพื้นฐานเพราะ “ไม่ตื่นเต้นพอสำหรับนักลงทุน” เป็นสาเหตุที่ทำให้ช่องโหว่เดิม ๆ ยังคงสร้างความเสียหายซ้ำแล้วซ้ำเล่า 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ ปัญหาในตลาดไซเบอร์ ➡️ ผลิตภัณฑ์จำนวนมากถูกสร้างเพื่อการตลาด ไม่ใช่การแก้ปัญหาจริง ➡️ CISO ต้องเผชิญกับการขายที่เต็มไปด้วย hype ✅ บทบาทของ CISO ➡️ ไม่ใช่การสร้างระบบที่ปลอดภัยสมบูรณ์ แต่คือการหาสมดุลระหว่างความเสี่ยงและธุรกิจ ➡️ ลงทุนใน visibility, identity, automation ที่ช่วยลดความเสี่ยงจริง ✅ พื้นฐานที่สำคัญ ➡️ การแพตช์ การควบคุมสิทธิ์ และการแบ่งเครือข่าย ➡️ สิ่งเหล่านี้ลดพื้นที่โจมตีได้มากกว่าซอฟต์แวร์ใหม่ ๆ ‼️ คำเตือนต่ออุตสาหกรรม ⛔ การไล่ตาม hype ทำให้ละเลยพื้นฐานที่พิสูจน์แล้ว ⛔ หากไม่เปลี่ยนแนวทาง การโจมตีเดิม ๆ จะยังคงสร้างความเสียหายต่อไป https://www.csoonline.com/article/4089738/selling-to-the-ciso-an-open-letter-to-the-cybersecurity-industry.html
    WWW.CSOONLINE.COM
    Selling to the CISO: An open letter to the cybersecurity industry
    The industry has stopped rewarding what works in favor of what sells. But as security leaders with very real risks on the line, we need reliable solutions more than we need revolutionary sales pitches.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 163 มุมมอง 0 รีวิว
  • Google Accelerator สร้างผลกระทบระดับโลก

    Google ได้เผยแพร่รายงานผลกระทบครั้งที่สองของโครงการ Google Accelerator ซึ่งเริ่มต้นตั้งแต่ปี 2016 โดยมุ่งสนับสนุนสตาร์ทอัพและองค์กรด้านสังคมทั่วโลก ผ่านการให้คำปรึกษา, การสนับสนุนทางเทคนิค และเครือข่ายผู้เชี่ยวชาญ ผลลัพธ์ที่ได้คือการระดมทุนรวมกว่า 31.2 พันล้านดอลลาร์ และการสร้างงานใหม่กว่า 109,000 ตำแหน่ง

    รายงานยังชี้ให้เห็นถึงความสำเร็จในแต่ละภูมิภาค เช่น เอเชีย ที่มีการระดมทุนสูงสุดกว่า 12.4 พันล้านดอลลาร์ จาก 318 บริษัท, ละตินอเมริกา ที่สร้างงานกว่า 44,600 ตำแหน่ง และมีสตาร์ทอัพระดับ Unicorn เกิดขึ้นถึง 9 ราย ขณะที่ สหรัฐฯ และแคนาดา มีการระดมทุนกว่า 1.8 พันล้านดอลลาร์ โดยใช้ประโยชน์จาก AI และเทคโนโลยีคลาวด์ของ Google

    นอกจากนี้ Google ยังเน้น 3 เสาหลักในการสนับสนุน ได้แก่ Deep-tech support (โซลูชัน AI และ Cloud เฉพาะด้าน), Infrastructure & mentorship (คำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญของ Google), และ Equity-free support (การสนับสนุนโดยไม่ต้องแลกหุ้น) ซึ่งช่วยให้สตาร์ทอัพสามารถเติบโตได้โดยไม่เสียความเป็นเจ้าของ

    รายงานยังยกตัวอย่างโครงการที่สร้างผลกระทบจริง เช่น การใช้ Smart Sensors ในเอเชียเพื่อลดการใช้พลังงานกว่า 40% และการสร้าง แพลตฟอร์มสุขภาพบนมือถือในแอฟริกา ที่เข้าถึงผู้ใช้นับล้านคน สะท้อนถึงการนำเทคโนโลยีไปแก้ปัญหาสังคมและสิ่งแวดล้อมในระดับโลก

    สรุปสาระสำคัญ
    ผลลัพธ์จาก Google Accelerator
    ระดมทุนรวมกว่า 31.2 พันล้านดอลลาร์
    สร้างงานใหม่กว่า 109,000 ตำแหน่ง

    ความสำเร็จในภูมิภาคต่าง ๆ
    เอเชีย: 318 บริษัท ระดมทุนกว่า 12.4 พันล้านดอลลาร์
    ละตินอเมริกา: 9 Unicorn และงานกว่า 44,600 ตำแหน่ง
    สหรัฐฯ/แคนาดา: 1.8 พันล้านดอลลาร์ และงานกว่า 8,200 ตำแหน่ง

    ความท้าทายและข้อควรระวัง
    การพึ่งพาเทคโนโลยีจากบริษัทใหญ่ อาจทำให้สตาร์ทอัพขาดความเป็นอิสระ
    ความเหลื่อมล้ำระหว่างภูมิภาคยังคงมีอยู่ โดยบางพื้นที่เข้าถึงทรัพยากรได้น้อยกว่า

    https://securityonline.info/31-2-billion-raised-google-accelerator-reveals-massive-global-impact-report/
    🚀 Google Accelerator สร้างผลกระทบระดับโลก Google ได้เผยแพร่รายงานผลกระทบครั้งที่สองของโครงการ Google Accelerator ซึ่งเริ่มต้นตั้งแต่ปี 2016 โดยมุ่งสนับสนุนสตาร์ทอัพและองค์กรด้านสังคมทั่วโลก ผ่านการให้คำปรึกษา, การสนับสนุนทางเทคนิค และเครือข่ายผู้เชี่ยวชาญ ผลลัพธ์ที่ได้คือการระดมทุนรวมกว่า 31.2 พันล้านดอลลาร์ และการสร้างงานใหม่กว่า 109,000 ตำแหน่ง รายงานยังชี้ให้เห็นถึงความสำเร็จในแต่ละภูมิภาค เช่น เอเชีย ที่มีการระดมทุนสูงสุดกว่า 12.4 พันล้านดอลลาร์ จาก 318 บริษัท, ละตินอเมริกา ที่สร้างงานกว่า 44,600 ตำแหน่ง และมีสตาร์ทอัพระดับ Unicorn เกิดขึ้นถึง 9 ราย ขณะที่ สหรัฐฯ และแคนาดา มีการระดมทุนกว่า 1.8 พันล้านดอลลาร์ โดยใช้ประโยชน์จาก AI และเทคโนโลยีคลาวด์ของ Google นอกจากนี้ Google ยังเน้น 3 เสาหลักในการสนับสนุน ได้แก่ Deep-tech support (โซลูชัน AI และ Cloud เฉพาะด้าน), Infrastructure & mentorship (คำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญของ Google), และ Equity-free support (การสนับสนุนโดยไม่ต้องแลกหุ้น) ซึ่งช่วยให้สตาร์ทอัพสามารถเติบโตได้โดยไม่เสียความเป็นเจ้าของ รายงานยังยกตัวอย่างโครงการที่สร้างผลกระทบจริง เช่น การใช้ Smart Sensors ในเอเชียเพื่อลดการใช้พลังงานกว่า 40% และการสร้าง แพลตฟอร์มสุขภาพบนมือถือในแอฟริกา ที่เข้าถึงผู้ใช้นับล้านคน สะท้อนถึงการนำเทคโนโลยีไปแก้ปัญหาสังคมและสิ่งแวดล้อมในระดับโลก 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ ผลลัพธ์จาก Google Accelerator ➡️ ระดมทุนรวมกว่า 31.2 พันล้านดอลลาร์ ➡️ สร้างงานใหม่กว่า 109,000 ตำแหน่ง ✅ ความสำเร็จในภูมิภาคต่าง ๆ ➡️ เอเชีย: 318 บริษัท ระดมทุนกว่า 12.4 พันล้านดอลลาร์ ➡️ ละตินอเมริกา: 9 Unicorn และงานกว่า 44,600 ตำแหน่ง ➡️ สหรัฐฯ/แคนาดา: 1.8 พันล้านดอลลาร์ และงานกว่า 8,200 ตำแหน่ง ‼️ความท้าทายและข้อควรระวัง ⛔ การพึ่งพาเทคโนโลยีจากบริษัทใหญ่ อาจทำให้สตาร์ทอัพขาดความเป็นอิสระ ⛔ ความเหลื่อมล้ำระหว่างภูมิภาคยังคงมีอยู่ โดยบางพื้นที่เข้าถึงทรัพยากรได้น้อยกว่า https://securityonline.info/31-2-billion-raised-google-accelerator-reveals-massive-global-impact-report/
    SECURITYONLINE.INFO
    $31.2 Billion Raised: Google Accelerator Reveals Massive Global Impact Report
    Google's Accelerator Impact Report reveals over 1,700 alumni have raised a massive $31.2 billion and created over 109,000 jobs globally since 2016.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 196 มุมมอง 0 รีวิว
  • รวมข่าวจากเวบ SecurityOnline

    #รวมข่าวIT #20251120 #securityonline

    Lazarus Group เปิดตัว RAT ใหม่ชื่อ ScoringMathTea
    กลุ่มแฮกเกอร์ Lazarus จากเกาหลีเหนือถูกเปิดโปงว่าได้พัฒนาเครื่องมือสอดแนมใหม่ชื่อ ScoringMathTea RAT ซึ่งมีความสามารถซับซ้อนมาก ใช้เทคนิคการโหลดปลั๊กอินแบบสะท้อน (Reflective Plugin Loader) และเข้ารหัสด้วยวิธีเฉพาะที่ยากต่อการตรวจจับ เครื่องมือนี้สามารถควบคุมเครื่องเป้าหมายจากระยะไกลได้เต็มรูปแบบ ทั้งการรันคำสั่งและโหลดปลั๊กอินในหน่วยความจำ จุดเด่นคือการซ่อนร่องรอยการสื่อสารกับเซิร์ฟเวอร์ควบคุม (C2) ทำให้ยากต่อการตรวจสอบ นักวิจัยพบว่า RAT นี้ถูกใช้ในปฏิบัติการโจมตีบริษัทที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี UAV ของยูเครน

    https://securityonline.info/lazarus-groups-new-scoringmathtea-rat-uses-reflective-plugin-loader-and-custom-polyalphabetic-crypto-for-espionage

    Akira Ransomware ใช้ CAPTCHA หลอกลวงจนบริษัทใหญ่ล่มใน 42 วัน
    มีรายงานว่าเพียงการคลิก CAPTCHA ปลอมครั้งเดียวของพนักงานบริษัทด้านโครงสร้างพื้นฐาน ทำให้เกิดการโจมตีที่ยืดเยื้อถึง 42 วัน กลุ่มแฮกเกอร์ Howling Scorpius ใช้เทคนิคนี้เพื่อติดตั้ง SectopRAT และค่อย ๆ ยึดระบบทีละขั้น จนสามารถลบข้อมูลสำรองบนคลาวด์และปล่อย Akira ransomware ทำให้บริษัทหยุดทำงานเกือบทั้งหมด แม้บริษัทจะมีระบบ EDR แต่กลับไม่สามารถตรวจจับได้ทันเวลา

    https://securityonline.info/one-click-42-days-akira-ransomware-used-captcha-decoy-to-destroy-cloud-backups-and-cripple-storage-firm

    “The Gentlemen” Ransomware RaaS โผล่ใหม่ โจมตี 48 เหยื่อใน 3 เดือน
    กลุ่มใหม่ชื่อ The Gentlemen เปิดตัวแพลตฟอร์ม Ransomware-as-a-Service (RaaS) ที่มีความซับซ้อนสูง ใช้การเข้ารหัสแบบ XChaCha20 และกลยุทธ์ “สองชั้น” คือทั้งเข้ารหัสไฟล์และขู่เปิดเผยข้อมูลที่ขโมยมา ภายในเวลาเพียง 3 เดือน พวกเขามีเหยื่อถึง 48 ราย จุดเด่นคือการพัฒนาอย่างรวดเร็ว รองรับทั้ง Windows, Linux และ ESXi พร้อมเทคนิคการแพร่กระจายที่มีประสิทธิภาพ ทำให้ถูกจับตามองว่าอาจกลายเป็นภัยคุกคามระดับท็อปในวงการ https://securityonline.info/sophisticated-the-gentlemen-ransomware-raas-emerges-with-xchacha20-encryption-and-48-victims-in-3-months

    มัลแวร์ยุคใหม่ซ่อนการสื่อสารเป็น API ของ LLM บน Tencent Cloud
    นักวิจัยจาก Akamai พบมัลแวร์ที่มีวิธีพรางตัวแปลกใหม่ โดยมันซ่อนการสื่อสารกับเซิร์ฟเวอร์ควบคุม (C2) ให้ดูเหมือนการเรียกใช้งาน API ของ Large Language Model (LLM) บน Tencent Cloud ทำให้การตรวจจับยากขึ้นมาก เพราะทราฟฟิกดูเหมือนการใช้งาน AI ปกติจริง ๆ เมื่อถอดรหัสแล้วพบว่าเป็นคำสั่งควบคุมเครื่องแบบ RAT เต็มรูปแบบ พร้อมเครื่องมือ Proxy ที่ช่วยให้แฮกเกอร์ใช้เครื่องเหยื่อเป็นจุดผ่านในการโจมตีต่อ

    https://securityonline.info/next-gen-stealth-malware-hides-c2-traffic-as-fake-llm-api-requests-on-tencent-cloud

    Ransomware เจาะ AWS S3 ผ่านการตั้งค่าผิดพลาด ทำลบข้อมูลถาวร
    รายงานจาก Trend Research เตือนว่ามีการพัฒนา ransomware รุ่นใหม่ที่มุ่งเป้าไปยัง Amazon S3 โดยอาศัยการตั้งค่าที่ผิดพลาด เช่น ไม่มีการเปิด versioning หรือ object lock ทำให้แฮกเกอร์สามารถเข้ารหัสหรือลบข้อมูลได้แบบถาวรโดยไม่สามารถกู้คืนได้ มีการระบุถึง 5 วิธีการโจมตีที่อันตราย เช่น การลบ KMS key ที่ใช้เข้ารหัสไฟล์ ซึ่งจะทำให้ข้อมูลสูญหายไปตลอดกาล

    https://securityonline.info/next-gen-ransomware-targets-aws-s3-five-cloud-native-variants-exploit-misconfigurations-for-irreversible-data-destruction

    Windows 11 เตรียมซ่อนหน้าจอ BSOD บนจอสาธารณะ

    Microsoft ประกาศว่าจะปรับปรุง Windows 11 โดย ซ่อนหน้าจอ Blue Screen of Death (BSOD) บนจอที่ใช้ในที่สาธารณะ เช่นสนามบินหรือห้างสรรพสินค้า เพื่อไม่ให้ผู้ใช้ทั่วไปเห็นภาพระบบล่มที่อาจสร้างความตื่นตระหนก การเปลี่ยนแปลงนี้ช่วยให้ประสบการณ์ใช้งานดูเป็นมืออาชีพมากขึ้น โดยยังคงบันทึกข้อมูลการ crash ไว้ให้ผู้ดูแลระบบตรวจสอบได้ตามปกติ

    https://securityonline.info/no-more-public-bsods-windows-11-will-hide-crash-screens-on-public-displays

    Microsoft เตรียมยกเลิกสิทธิ์ OEM Driver ระดับ Kernel
    หลังเหตุการณ์ CrowdStrike ที่ทำให้ระบบล่มทั่วโลก Microsoft วางแผนจะ ยกเลิกสิทธิ์พิเศษของ OEM driver ที่ทำงานในระดับ Kernel เพื่อลดความเสี่ยงจากการที่ผู้ผลิตฮาร์ดแวร์ใช้สิทธิ์สูงเกินไป การเปลี่ยนแปลงนี้จะช่วยเพิ่มความปลอดภัยของระบบ Windows โดยบังคับให้ผู้ผลิตใช้วิธีที่ปลอดภัยกว่าในการเชื่อมต่อกับระบบปฏิบัติการ

    https://securityonline.info/post-crowdstrike-microsoft-to-phase-out-oem-kernel-level-driver-privileges

    Seraphic เปิดตัว Browser Security สำหรับแอป Electron
    บริษัท Seraphic เปิดตัวโซลูชันใหม่ที่เป็น Secure Enterprise Browser ตัวแรกที่สามารถปกป้องแอปพลิเคชันที่สร้างบน Electron ได้ จุดเด่นคือการเพิ่มชั้นความปลอดภัยให้กับแอปที่มักถูกใช้ในองค์กร เช่น Slack หรือ Teams ซึ่งเดิมที Electron มีช่องโหว่ด้านความปลอดภัยอยู่บ่อยครั้ง การแก้ปัญหานี้ช่วยให้องค์กรมั่นใจมากขึ้นในการใช้งานแอป Electron

    https://securityonline.info/seraphic-becomes-the-first-and-only-secure-enterprise-browser-solution-to-protect-electron-based-applications

    Comet Browser ถูกวิจารณ์หนัก หลังพบ API ลับ MCP
    มีการค้นพบว่า Comet Browser มี API ที่ชื่อ MCP ซึ่งเปิดช่องให้ผู้พัฒนา AI browser สามารถเข้าถึงและควบคุมอุปกรณ์ของผู้ใช้ได้เต็มรูปแบบโดยไม่แจ้งเตือน ทำให้เกิดการละเมิดความเชื่อมั่นของผู้ใช้ นักวิจัยเตือนว่าช่องโหว่นี้อาจถูกใช้เพื่อควบคุมเครื่องจากระยะไกลโดยไม่ได้รับอนุญาต

    https://securityonline.info/obscure-mcp-api-in-comet-browser-breaches-user-trust-enabling-full-device-control-via-ai-browsers

    CredShields จับมือ Checkmarx เสริมความปลอดภัย Smart Contract
    บริษัท CredShields ประกาศความร่วมมือกับ Checkmarx เพื่อนำเทคโนโลยีตรวจสอบความปลอดภัยของ Smart Contract เข้าสู่โปรแกรม AppSec ขององค์กร จุดมุ่งหมายคือช่วยให้องค์กรที่ใช้ blockchain และ smart contract สามารถตรวจสอบช่องโหว่ได้อย่างเป็นระบบ ลดความเสี่ยงจากการโจมตีที่อาจทำให้สูญเสียทรัพย์สินดิจิทัล

    https://securityonline.info/credshields-joins-forces-with-checkmarx-to-bring-smart-contract-security-to-enterprise-appsec-programs

    Windows 11 เพิ่มเครื่องมือใหม่ Point-in-Time Restore

    Microsoft เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ใน Windows 11 ได้แก่ Point-in-Time Restore และ Network-Enabled Recovery Environment เพื่อช่วยผู้ใช้กู้คืนระบบได้ง่ายขึ้น ฟีเจอร์นี้ทำให้สามารถย้อนกลับไปยังสถานะก่อนหน้าที่กำหนดไว้ได้ทันที และยังรองรับการกู้คืนผ่านเครือข่าย ช่วยให้ผู้ดูแลระบบสามารถซ่อมแซมเครื่องจากระยะไกลได้สะดวกขึ้น

    https://securityonline.info/new-windows-11-tools-point-in-time-restore-network-enabled-recovery-environment

    ความกังวลฟองสบู่ AI: Microsoft & NVIDIA ลงทุนหนักใน Anthropic
    มีรายงานว่าทั้ง Microsoft และ NVIDIA ลงทุนหลายพันล้านดอลลาร์ในบริษัท AI อย่าง Anthropic จนเกิดความกังวลว่าการลงทุนแบบหมุนเวียนระหว่างบริษัทใหญ่ ๆ อาจสร้าง “ฟองสบู่ AI” ที่ไม่ยั่งยืน การทุ่มเงินจำนวนมหาศาลนี้ถูกมองว่าอาจทำให้ตลาด AI เติบโตเกินจริงและเสี่ยงต่อการแตกในอนาคต

    https://securityonline.info/ai-bubble-fear-microsoft-nvidia-pour-billions-into-anthropic-fueling-circular-investment

    Google ทุ่ม 78 พันล้านดอลลาร์สร้างโครงสร้างพื้นฐาน AI ในสหรัฐฯ
    Google ประกาศโครงการ Investing in America 2025 ด้วยงบประมาณมหาศาลถึง 78 พันล้านดอลลาร์ เพื่อสร้างศูนย์ข้อมูล AI และโครงสร้างพื้นฐานทั่วสหรัฐฯ รวมถึงการลงทุนในพลังงานแสงอาทิตย์ 600 MW ที่ Arkansas โครงการนี้สะท้อนถึงการเร่งขยายกำลังการผลิต AI และการสนับสนุนเศรษฐกิจในประเทศ https://securityonline.info/google-pledges-78-billion-for-investing-in-america-2025-ai-infrastructure

    Grok 4.1 แซง Google Gemini 2.5 Pro บน LMArena
    แพลตฟอร์มทดสอบ AI LMArena รายงานว่า Grok 4.1 Thinking ได้คะแนนสูงสุด แซงหน้า Google Gemini 2.5 Pro ในการจัดอันดับล่าสุด จุดเด่นของ Grok คือความสามารถในการใช้เหตุผลเชิงลึกและการตอบสนองที่แม่นยำ ทำให้มันถูกจับตามองว่าอาจเป็นคู่แข่งสำคัญในตลาดโมเดล AI ระดับสูง

    https://securityonline.info/grok-4-1-thinking-steals-1-spot-on-lmarena-surpassing-google-gemini-2-5-pro

    Google เปิดตัว Canvas และ Agentic Booking ใน AI Mode
    Google อัปเกรด AI Mode โดยเพิ่มฟีเจอร์ Canvas สำหรับการวางแผน และ Agentic Booking สำหรับการจองที่พักหรือร้านอาหารแบบอัตโนมัติ ฟีเจอร์เหล่านี้ช่วยให้ผู้ใช้สามารถใช้ AI ในการจัดการงานประจำวันได้สะดวกขึ้น เช่น วางแผนทริปหรือจองโต๊ะอาหารโดยไม่ต้องทำเอง

    https://securityonline.info/ai-mode-upgraded-google-launches-canvas-for-planning-and-agentic-booking-for-reservations

    เราเตอร์ D-Link DIR-878 หมดอายุการสนับสนุน พร้อมช่องโหว่ RCE ร้ายแรง

    D-Link ประกาศว่าเราเตอร์รุ่น DIR-878 เข้าสู่สถานะ End-of-Life (EOL) และจะไม่ได้รับการอัปเดตอีกต่อไป ทั้งที่ยังมีช่องโหว่ร้ายแรงถึง 3 จุดซึ่งเปิดโอกาสให้ผู้โจมตีสามารถรันคำสั่งจากระยะไกลได้โดยไม่ต้องยืนยันตัวตน ทำให้ผู้ใช้ที่ยังใช้อุปกรณ์รุ่นนี้เสี่ยงต่อการถูกยึดระบบอย่างมาก

    https://securityonline.info/d-link-dir-878-reaches-eol-3-unpatched-rce-flaws-allow-unauthenticated-remote-command-execution

    ช่องโหว่ร้ายแรงใน METZ CONNECT Controller เปิดทาง RCE และยึดระบบ
    มีการค้นพบช่องโหว่ในอุปกรณ์ควบคุมอุตสาหกรรมของ METZ CONNECT ที่มีคะแนน CVSS สูงถึง 9.8 ช่องโหว่นี้เปิดโอกาสให้ผู้โจมตีสามารถรันคำสั่งจากระยะไกลและเข้ายึดสิทธิ์ผู้ดูแลระบบได้โดยไม่ต้องยืนยันตัวตน ถือเป็นภัยคุกคามต่อระบบควบคุมอุตสาหกรรมที่ใช้กันในโรงงานและโครงสร้างพื้นฐานสำคัญ

    https://securityonline.info/critical-metz-connect-flaws-cvss-9-8-allow-unauthenticated-rce-and-admin-takeover-on-industrial-controllers

    SolarWinds Serv-U พบช่องโหว่ใหม่ เปิดทาง RCE และ Path Bypass
    นักวิจัยด้านความปลอดภัยรายงานช่องโหว่ร้ายแรงใน SolarWinds Serv-U ที่ทำให้ผู้โจมตีที่มีสิทธิ์ผู้ดูแลระบบสามารถรันคำสั่งจากระยะไกลและเลี่ยงการตรวจสอบเส้นทางไฟล์ได้ ช่องโหว่นี้มีคะแนน CVSS 9.1 และถูกจัดว่าเป็นภัยคุกคามระดับสูงต่อองค์กรที่ใช้ Serv-U ในการจัดการไฟล์และระบบเครือข่าย

    https://securityonline.info/critical-solarwinds-serv-u-flaws-cvss-9-1-allow-authenticated-admin-rce-and-path-bypass

    การโจมตีซัพพลายเชน npm ด้วย CAPTCHA ปลอมและ Adspect Cloaking
    มีการตรวจพบการโจมตีซัพพลายเชนใน npm โดยแฮกเกอร์ใช้เทคนิค Adspect Cloaking และ CAPTCHA ปลอมที่เกี่ยวข้องกับคริปโตเพื่อหลอกนักพัฒนาและผู้ใช้ให้ดาวน์โหลดแพ็กเกจอันตราย การโจมตีนี้ทำให้ทั้งผู้ใช้ทั่วไปและนักวิจัยด้านความปลอดภัยถูกหลอกได้ง่ายขึ้น และเป็นสัญญาณเตือนถึงความเสี่ยงในระบบซัพพลายเชนโอเพนซอร์ส

    https://securityonline.info/npm-supply-chain-attack-hackers-use-adspect-cloaking-and-fake-crypto-captcha-to-deceive-victims-and-researchers

    ASUSTOR พบช่องโหว่ DLL Hijacking ร้ายแรง (CVE-2025-13051)
    ASUSTOR ออกประกาศเตือนถึงช่องโหว่ DLL hijacking ในซอฟต์แวร์ Backup Plan (ABP) และ EZSync (AES) บน Windows ที่เปิดโอกาสให้ผู้โจมตีในเครื่องสามารถแทนที่ DLL และรันโค้ดด้วยสิทธิ์ SYSTEM ได้ ช่องโหว่นี้มีคะแนน CVSS 9.3 และถูกจัดว่าเป็นภัยร้ายแรงต่อทั้งผู้ใช้บ้านและองค์กร โดยมีการออกแพตช์แก้ไขแล้วในเวอร์ชันใหม่

    https://securityonline.info/critical-asustor-flaw-cve-2025-13051-allows-local-dll-hijacking-for-system-privilege-escalation

    ช่องโหว่ joserfc (CVE-2025-65015) ทำให้เซิร์ฟเวอร์ล่มด้วย JWT ขนาดใหญ่

    มีการค้นพบช่องโหว่ร้ายแรงในไลบรารี joserfc ที่เกี่ยวข้องกับการจัดการ JSON Web Token (JWT) โดยหากผู้โจมตีส่ง JWT ที่มีขนาดใหญ่ผิดปกติ จะทำให้เซิร์ฟเวอร์ใช้ทรัพยากรมากเกินไปจนล่มได้ ช่องโหว่นี้ถูกจัดว่าเป็นการโจมตีแบบ Denial of Service (DoS) และมีผลกระทบต่อระบบที่ใช้ joserfc ในการตรวจสอบสิทธิ์หรือการเข้ารหัสข้อมูล

    https://securityonline.info/critical-cve-2025-65015-vulnerability-in-joserfc-could-let-attackers-exhaust-server-resources-via-oversized-jwt-tokens

    หน่วยงาน CISA/FBI/NSA ร่วมกันจัดการโครงสร้าง Bulletproof Hosting
    สามหน่วยงานด้านความมั่นคงของสหรัฐฯ ได้แก่ CISA, FBI และ NSA ได้ร่วมมือกันออกคู่มือใหม่เพื่อจัดการกับโครงสร้าง Bulletproof Hosting ที่ถูกใช้โดยอาชญากรไซเบอร์ทั่วโลก Bulletproof Hosting คือบริการโฮสติ้งที่ออกแบบมาเพื่อปกป้องผู้โจมตีจากการถูกปิดกั้นหรือสืบสวน การร่วมมือครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการสร้างแนวทางป้องกันภัยไซเบอร์ระดับโลก

    https://securityonline.info/cisa-fbi-nsa-unite-to-dismantle-bulletproof-hosting-ecosystem-with-new-global-defense-guide

    📌📰🟠 รวมข่าวจากเวบ SecurityOnline 🟠📰📌 #รวมข่าวIT #20251120 #securityonline 🕵️‍♂️ Lazarus Group เปิดตัว RAT ใหม่ชื่อ ScoringMathTea กลุ่มแฮกเกอร์ Lazarus จากเกาหลีเหนือถูกเปิดโปงว่าได้พัฒนาเครื่องมือสอดแนมใหม่ชื่อ ScoringMathTea RAT ซึ่งมีความสามารถซับซ้อนมาก ใช้เทคนิคการโหลดปลั๊กอินแบบสะท้อน (Reflective Plugin Loader) และเข้ารหัสด้วยวิธีเฉพาะที่ยากต่อการตรวจจับ เครื่องมือนี้สามารถควบคุมเครื่องเป้าหมายจากระยะไกลได้เต็มรูปแบบ ทั้งการรันคำสั่งและโหลดปลั๊กอินในหน่วยความจำ จุดเด่นคือการซ่อนร่องรอยการสื่อสารกับเซิร์ฟเวอร์ควบคุม (C2) ทำให้ยากต่อการตรวจสอบ นักวิจัยพบว่า RAT นี้ถูกใช้ในปฏิบัติการโจมตีบริษัทที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี UAV ของยูเครน 🔗 https://securityonline.info/lazarus-groups-new-scoringmathtea-rat-uses-reflective-plugin-loader-and-custom-polyalphabetic-crypto-for-espionage 💻 Akira Ransomware ใช้ CAPTCHA หลอกลวงจนบริษัทใหญ่ล่มใน 42 วัน มีรายงานว่าเพียงการคลิก CAPTCHA ปลอมครั้งเดียวของพนักงานบริษัทด้านโครงสร้างพื้นฐาน ทำให้เกิดการโจมตีที่ยืดเยื้อถึง 42 วัน กลุ่มแฮกเกอร์ Howling Scorpius ใช้เทคนิคนี้เพื่อติดตั้ง SectopRAT และค่อย ๆ ยึดระบบทีละขั้น จนสามารถลบข้อมูลสำรองบนคลาวด์และปล่อย Akira ransomware ทำให้บริษัทหยุดทำงานเกือบทั้งหมด แม้บริษัทจะมีระบบ EDR แต่กลับไม่สามารถตรวจจับได้ทันเวลา 🔗 https://securityonline.info/one-click-42-days-akira-ransomware-used-captcha-decoy-to-destroy-cloud-backups-and-cripple-storage-firm 🎩 “The Gentlemen” Ransomware RaaS โผล่ใหม่ โจมตี 48 เหยื่อใน 3 เดือน กลุ่มใหม่ชื่อ The Gentlemen เปิดตัวแพลตฟอร์ม Ransomware-as-a-Service (RaaS) ที่มีความซับซ้อนสูง ใช้การเข้ารหัสแบบ XChaCha20 และกลยุทธ์ “สองชั้น” คือทั้งเข้ารหัสไฟล์และขู่เปิดเผยข้อมูลที่ขโมยมา ภายในเวลาเพียง 3 เดือน พวกเขามีเหยื่อถึง 48 ราย จุดเด่นคือการพัฒนาอย่างรวดเร็ว รองรับทั้ง Windows, Linux และ ESXi พร้อมเทคนิคการแพร่กระจายที่มีประสิทธิภาพ ทำให้ถูกจับตามองว่าอาจกลายเป็นภัยคุกคามระดับท็อปในวงการ 🔗 https://securityonline.info/sophisticated-the-gentlemen-ransomware-raas-emerges-with-xchacha20-encryption-and-48-victims-in-3-months ☁️ มัลแวร์ยุคใหม่ซ่อนการสื่อสารเป็น API ของ LLM บน Tencent Cloud นักวิจัยจาก Akamai พบมัลแวร์ที่มีวิธีพรางตัวแปลกใหม่ โดยมันซ่อนการสื่อสารกับเซิร์ฟเวอร์ควบคุม (C2) ให้ดูเหมือนการเรียกใช้งาน API ของ Large Language Model (LLM) บน Tencent Cloud ทำให้การตรวจจับยากขึ้นมาก เพราะทราฟฟิกดูเหมือนการใช้งาน AI ปกติจริง ๆ เมื่อถอดรหัสแล้วพบว่าเป็นคำสั่งควบคุมเครื่องแบบ RAT เต็มรูปแบบ พร้อมเครื่องมือ Proxy ที่ช่วยให้แฮกเกอร์ใช้เครื่องเหยื่อเป็นจุดผ่านในการโจมตีต่อ 🔗 https://securityonline.info/next-gen-stealth-malware-hides-c2-traffic-as-fake-llm-api-requests-on-tencent-cloud 🗄️ Ransomware เจาะ AWS S3 ผ่านการตั้งค่าผิดพลาด ทำลบข้อมูลถาวร รายงานจาก Trend Research เตือนว่ามีการพัฒนา ransomware รุ่นใหม่ที่มุ่งเป้าไปยัง Amazon S3 โดยอาศัยการตั้งค่าที่ผิดพลาด เช่น ไม่มีการเปิด versioning หรือ object lock ทำให้แฮกเกอร์สามารถเข้ารหัสหรือลบข้อมูลได้แบบถาวรโดยไม่สามารถกู้คืนได้ มีการระบุถึง 5 วิธีการโจมตีที่อันตราย เช่น การลบ KMS key ที่ใช้เข้ารหัสไฟล์ ซึ่งจะทำให้ข้อมูลสูญหายไปตลอดกาล 🔗 https://securityonline.info/next-gen-ransomware-targets-aws-s3-five-cloud-native-variants-exploit-misconfigurations-for-irreversible-data-destruction 💻 Windows 11 เตรียมซ่อนหน้าจอ BSOD บนจอสาธารณะ Microsoft ประกาศว่าจะปรับปรุง Windows 11 โดย ซ่อนหน้าจอ Blue Screen of Death (BSOD) บนจอที่ใช้ในที่สาธารณะ เช่นสนามบินหรือห้างสรรพสินค้า เพื่อไม่ให้ผู้ใช้ทั่วไปเห็นภาพระบบล่มที่อาจสร้างความตื่นตระหนก การเปลี่ยนแปลงนี้ช่วยให้ประสบการณ์ใช้งานดูเป็นมืออาชีพมากขึ้น โดยยังคงบันทึกข้อมูลการ crash ไว้ให้ผู้ดูแลระบบตรวจสอบได้ตามปกติ 🔗 https://securityonline.info/no-more-public-bsods-windows-11-will-hide-crash-screens-on-public-displays 🛡️ Microsoft เตรียมยกเลิกสิทธิ์ OEM Driver ระดับ Kernel หลังเหตุการณ์ CrowdStrike ที่ทำให้ระบบล่มทั่วโลก Microsoft วางแผนจะ ยกเลิกสิทธิ์พิเศษของ OEM driver ที่ทำงานในระดับ Kernel เพื่อลดความเสี่ยงจากการที่ผู้ผลิตฮาร์ดแวร์ใช้สิทธิ์สูงเกินไป การเปลี่ยนแปลงนี้จะช่วยเพิ่มความปลอดภัยของระบบ Windows โดยบังคับให้ผู้ผลิตใช้วิธีที่ปลอดภัยกว่าในการเชื่อมต่อกับระบบปฏิบัติการ 🔗 https://securityonline.info/post-crowdstrike-microsoft-to-phase-out-oem-kernel-level-driver-privileges 🌐 Seraphic เปิดตัว Browser Security สำหรับแอป Electron บริษัท Seraphic เปิดตัวโซลูชันใหม่ที่เป็น Secure Enterprise Browser ตัวแรกที่สามารถปกป้องแอปพลิเคชันที่สร้างบน Electron ได้ จุดเด่นคือการเพิ่มชั้นความปลอดภัยให้กับแอปที่มักถูกใช้ในองค์กร เช่น Slack หรือ Teams ซึ่งเดิมที Electron มีช่องโหว่ด้านความปลอดภัยอยู่บ่อยครั้ง การแก้ปัญหานี้ช่วยให้องค์กรมั่นใจมากขึ้นในการใช้งานแอป Electron 🔗 https://securityonline.info/seraphic-becomes-the-first-and-only-secure-enterprise-browser-solution-to-protect-electron-based-applications 🔒 Comet Browser ถูกวิจารณ์หนัก หลังพบ API ลับ MCP มีการค้นพบว่า Comet Browser มี API ที่ชื่อ MCP ซึ่งเปิดช่องให้ผู้พัฒนา AI browser สามารถเข้าถึงและควบคุมอุปกรณ์ของผู้ใช้ได้เต็มรูปแบบโดยไม่แจ้งเตือน ทำให้เกิดการละเมิดความเชื่อมั่นของผู้ใช้ นักวิจัยเตือนว่าช่องโหว่นี้อาจถูกใช้เพื่อควบคุมเครื่องจากระยะไกลโดยไม่ได้รับอนุญาต 🔗 https://securityonline.info/obscure-mcp-api-in-comet-browser-breaches-user-trust-enabling-full-device-control-via-ai-browsers 📜 CredShields จับมือ Checkmarx เสริมความปลอดภัย Smart Contract บริษัท CredShields ประกาศความร่วมมือกับ Checkmarx เพื่อนำเทคโนโลยีตรวจสอบความปลอดภัยของ Smart Contract เข้าสู่โปรแกรม AppSec ขององค์กร จุดมุ่งหมายคือช่วยให้องค์กรที่ใช้ blockchain และ smart contract สามารถตรวจสอบช่องโหว่ได้อย่างเป็นระบบ ลดความเสี่ยงจากการโจมตีที่อาจทำให้สูญเสียทรัพย์สินดิจิทัล 🔗 https://securityonline.info/credshields-joins-forces-with-checkmarx-to-bring-smart-contract-security-to-enterprise-appsec-programs 🛠️ Windows 11 เพิ่มเครื่องมือใหม่ Point-in-Time Restore Microsoft เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ใน Windows 11 ได้แก่ Point-in-Time Restore และ Network-Enabled Recovery Environment เพื่อช่วยผู้ใช้กู้คืนระบบได้ง่ายขึ้น ฟีเจอร์นี้ทำให้สามารถย้อนกลับไปยังสถานะก่อนหน้าที่กำหนดไว้ได้ทันที และยังรองรับการกู้คืนผ่านเครือข่าย ช่วยให้ผู้ดูแลระบบสามารถซ่อมแซมเครื่องจากระยะไกลได้สะดวกขึ้น 🔗 https://securityonline.info/new-windows-11-tools-point-in-time-restore-network-enabled-recovery-environment 💰 ความกังวลฟองสบู่ AI: Microsoft & NVIDIA ลงทุนหนักใน Anthropic มีรายงานว่าทั้ง Microsoft และ NVIDIA ลงทุนหลายพันล้านดอลลาร์ในบริษัท AI อย่าง Anthropic จนเกิดความกังวลว่าการลงทุนแบบหมุนเวียนระหว่างบริษัทใหญ่ ๆ อาจสร้าง “ฟองสบู่ AI” ที่ไม่ยั่งยืน การทุ่มเงินจำนวนมหาศาลนี้ถูกมองว่าอาจทำให้ตลาด AI เติบโตเกินจริงและเสี่ยงต่อการแตกในอนาคต 🔗 https://securityonline.info/ai-bubble-fear-microsoft-nvidia-pour-billions-into-anthropic-fueling-circular-investment 🇺🇸 Google ทุ่ม 78 พันล้านดอลลาร์สร้างโครงสร้างพื้นฐาน AI ในสหรัฐฯ Google ประกาศโครงการ Investing in America 2025 ด้วยงบประมาณมหาศาลถึง 78 พันล้านดอลลาร์ เพื่อสร้างศูนย์ข้อมูล AI และโครงสร้างพื้นฐานทั่วสหรัฐฯ รวมถึงการลงทุนในพลังงานแสงอาทิตย์ 600 MW ที่ Arkansas โครงการนี้สะท้อนถึงการเร่งขยายกำลังการผลิต AI และการสนับสนุนเศรษฐกิจในประเทศ 🔗 https://securityonline.info/google-pledges-78-billion-for-investing-in-america-2025-ai-infrastructure 🧠 Grok 4.1 แซง Google Gemini 2.5 Pro บน LMArena แพลตฟอร์มทดสอบ AI LMArena รายงานว่า Grok 4.1 Thinking ได้คะแนนสูงสุด แซงหน้า Google Gemini 2.5 Pro ในการจัดอันดับล่าสุด จุดเด่นของ Grok คือความสามารถในการใช้เหตุผลเชิงลึกและการตอบสนองที่แม่นยำ ทำให้มันถูกจับตามองว่าอาจเป็นคู่แข่งสำคัญในตลาดโมเดล AI ระดับสูง 🔗 https://securityonline.info/grok-4-1-thinking-steals-1-spot-on-lmarena-surpassing-google-gemini-2-5-pro 🎨 Google เปิดตัว Canvas และ Agentic Booking ใน AI Mode Google อัปเกรด AI Mode โดยเพิ่มฟีเจอร์ Canvas สำหรับการวางแผน และ Agentic Booking สำหรับการจองที่พักหรือร้านอาหารแบบอัตโนมัติ ฟีเจอร์เหล่านี้ช่วยให้ผู้ใช้สามารถใช้ AI ในการจัดการงานประจำวันได้สะดวกขึ้น เช่น วางแผนทริปหรือจองโต๊ะอาหารโดยไม่ต้องทำเอง 🔗 https://securityonline.info/ai-mode-upgraded-google-launches-canvas-for-planning-and-agentic-booking-for-reservations 📡 เราเตอร์ D-Link DIR-878 หมดอายุการสนับสนุน พร้อมช่องโหว่ RCE ร้ายแรง D-Link ประกาศว่าเราเตอร์รุ่น DIR-878 เข้าสู่สถานะ End-of-Life (EOL) และจะไม่ได้รับการอัปเดตอีกต่อไป ทั้งที่ยังมีช่องโหว่ร้ายแรงถึง 3 จุดซึ่งเปิดโอกาสให้ผู้โจมตีสามารถรันคำสั่งจากระยะไกลได้โดยไม่ต้องยืนยันตัวตน ทำให้ผู้ใช้ที่ยังใช้อุปกรณ์รุ่นนี้เสี่ยงต่อการถูกยึดระบบอย่างมาก 🔗 https://securityonline.info/d-link-dir-878-reaches-eol-3-unpatched-rce-flaws-allow-unauthenticated-remote-command-execution ⚙️ ช่องโหว่ร้ายแรงใน METZ CONNECT Controller เปิดทาง RCE และยึดระบบ มีการค้นพบช่องโหว่ในอุปกรณ์ควบคุมอุตสาหกรรมของ METZ CONNECT ที่มีคะแนน CVSS สูงถึง 9.8 ช่องโหว่นี้เปิดโอกาสให้ผู้โจมตีสามารถรันคำสั่งจากระยะไกลและเข้ายึดสิทธิ์ผู้ดูแลระบบได้โดยไม่ต้องยืนยันตัวตน ถือเป็นภัยคุกคามต่อระบบควบคุมอุตสาหกรรมที่ใช้กันในโรงงานและโครงสร้างพื้นฐานสำคัญ 🔗 https://securityonline.info/critical-metz-connect-flaws-cvss-9-8-allow-unauthenticated-rce-and-admin-takeover-on-industrial-controllers 🖥️ SolarWinds Serv-U พบช่องโหว่ใหม่ เปิดทาง RCE และ Path Bypass นักวิจัยด้านความปลอดภัยรายงานช่องโหว่ร้ายแรงใน SolarWinds Serv-U ที่ทำให้ผู้โจมตีที่มีสิทธิ์ผู้ดูแลระบบสามารถรันคำสั่งจากระยะไกลและเลี่ยงการตรวจสอบเส้นทางไฟล์ได้ ช่องโหว่นี้มีคะแนน CVSS 9.1 และถูกจัดว่าเป็นภัยคุกคามระดับสูงต่อองค์กรที่ใช้ Serv-U ในการจัดการไฟล์และระบบเครือข่าย 🔗 https://securityonline.info/critical-solarwinds-serv-u-flaws-cvss-9-1-allow-authenticated-admin-rce-and-path-bypass 🪙 การโจมตีซัพพลายเชน npm ด้วย CAPTCHA ปลอมและ Adspect Cloaking มีการตรวจพบการโจมตีซัพพลายเชนใน npm โดยแฮกเกอร์ใช้เทคนิค Adspect Cloaking และ CAPTCHA ปลอมที่เกี่ยวข้องกับคริปโตเพื่อหลอกนักพัฒนาและผู้ใช้ให้ดาวน์โหลดแพ็กเกจอันตราย การโจมตีนี้ทำให้ทั้งผู้ใช้ทั่วไปและนักวิจัยด้านความปลอดภัยถูกหลอกได้ง่ายขึ้น และเป็นสัญญาณเตือนถึงความเสี่ยงในระบบซัพพลายเชนโอเพนซอร์ส 🔗 https://securityonline.info/npm-supply-chain-attack-hackers-use-adspect-cloaking-and-fake-crypto-captcha-to-deceive-victims-and-researchers 🖥️ ASUSTOR พบช่องโหว่ DLL Hijacking ร้ายแรง (CVE-2025-13051) ASUSTOR ออกประกาศเตือนถึงช่องโหว่ DLL hijacking ในซอฟต์แวร์ Backup Plan (ABP) และ EZSync (AES) บน Windows ที่เปิดโอกาสให้ผู้โจมตีในเครื่องสามารถแทนที่ DLL และรันโค้ดด้วยสิทธิ์ SYSTEM ได้ ช่องโหว่นี้มีคะแนน CVSS 9.3 และถูกจัดว่าเป็นภัยร้ายแรงต่อทั้งผู้ใช้บ้านและองค์กร โดยมีการออกแพตช์แก้ไขแล้วในเวอร์ชันใหม่ 🔗 https://securityonline.info/critical-asustor-flaw-cve-2025-13051-allows-local-dll-hijacking-for-system-privilege-escalation ⚠️ ช่องโหว่ joserfc (CVE-2025-65015) ทำให้เซิร์ฟเวอร์ล่มด้วย JWT ขนาดใหญ่ มีการค้นพบช่องโหว่ร้ายแรงในไลบรารี joserfc ที่เกี่ยวข้องกับการจัดการ JSON Web Token (JWT) โดยหากผู้โจมตีส่ง JWT ที่มีขนาดใหญ่ผิดปกติ จะทำให้เซิร์ฟเวอร์ใช้ทรัพยากรมากเกินไปจนล่มได้ ช่องโหว่นี้ถูกจัดว่าเป็นการโจมตีแบบ Denial of Service (DoS) และมีผลกระทบต่อระบบที่ใช้ joserfc ในการตรวจสอบสิทธิ์หรือการเข้ารหัสข้อมูล 🔗 https://securityonline.info/critical-cve-2025-65015-vulnerability-in-joserfc-could-let-attackers-exhaust-server-resources-via-oversized-jwt-tokens 🌍 หน่วยงาน CISA/FBI/NSA ร่วมกันจัดการโครงสร้าง Bulletproof Hosting สามหน่วยงานด้านความมั่นคงของสหรัฐฯ ได้แก่ CISA, FBI และ NSA ได้ร่วมมือกันออกคู่มือใหม่เพื่อจัดการกับโครงสร้าง Bulletproof Hosting ที่ถูกใช้โดยอาชญากรไซเบอร์ทั่วโลก Bulletproof Hosting คือบริการโฮสติ้งที่ออกแบบมาเพื่อปกป้องผู้โจมตีจากการถูกปิดกั้นหรือสืบสวน การร่วมมือครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการสร้างแนวทางป้องกันภัยไซเบอร์ระดับโลก 🔗 https://securityonline.info/cisa-fbi-nsa-unite-to-dismantle-bulletproof-hosting-ecosystem-with-new-global-defense-guide
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 607 มุมมอง 0 รีวิว
  • “วิกฤติ GPU ราคาประหยัด – เมื่อหน่วยความจำกลายเป็นตัวแปรสำคัญ”

    รายงานล่าสุดเผยว่า AMD และ NVIDIA อาจหยุดการผลิตการ์ดจอระดับเริ่มต้น (Budget GPUs) เนื่องจากต้นทุนหน่วยความจำที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะ GDDR6 และ GDDR6X ที่ถูกใช้ในรุ่นใหม่ ๆ ทำให้การ์ดจอราคาถูกไม่สามารถทำกำไรได้อีกต่อไป

    การขาดแคลนหน่วยความจำเกิดจากความต้องการที่สูงในตลาด AI และศูนย์ข้อมูล ซึ่งแข่งขันกับตลาดเกมโดยตรง ส่งผลให้ราคาหน่วยความจำพุ่งขึ้นและกระทบต่อการ์ดจอระดับล่างที่มีมาร์จิ้นกำไรต่ำอยู่แล้ว ผู้ผลิตจึงอาจเลือกที่จะมุ่งไปที่ รุ่นกลางและรุ่นสูง ที่สามารถทำกำไรได้มากกว่า

    หากการ์ดจอราคาประหยัดถูกเลิกผลิตจริง จะส่งผลกระทบต่อ ผู้เล่นเกมระดับ Entry-Level ที่ต้องการอุปกรณ์ราคาย่อมเยาในการเข้าถึงเกม PC โดยเฉพาะในตลาดกำลังพัฒนา ซึ่งอาจทำให้ผู้เล่นใหม่หันไปใช้ เครื่องเกมคอนโซล หรือแม้แต่ เกมบนมือถือ แทนการลงทุนใน PC Gaming

    นักวิเคราะห์เตือนว่าการหายไปของการ์ดจอราคาประหยัดอาจทำให้ ตลาดเกม PC สูญเสียผู้เล่นหน้าใหม่ และสร้างความเหลื่อมล้ำระหว่างผู้เล่นที่สามารถซื้อการ์ดจอระดับสูงกับผู้เล่นที่ไม่สามารถเข้าถึงได้

    สรุปสาระสำคัญ
    AMD และ NVIDIA อาจเลิกผลิต Budget GPUs
    ต้นทุนหน่วยความจำสูงขึ้นจนไม่คุ้มค่าในการผลิต

    หน่วยความจำ GDDR6/GDDR6X ขาดแคลน
    ความต้องการจากตลาด AI และศูนย์ข้อมูลเพิ่มขึ้น

    ผู้ผลิตหันไปโฟกัสรุ่นกลางและรุ่นสูง
    ทำกำไรได้มากกว่ารุ่นราคาประหยัด

    ผลกระทบต่อผู้เล่น Entry-Level
    อาจหันไปใช้คอนโซลหรือเกมมือถือแทน

    ความเสี่ยงต่อการเข้าถึงเกม PC
    ผู้เล่นใหม่อาจไม่สามารถซื้อการ์ดจอได้ในราคาที่เหมาะสม

    ตลาดเกม PC อาจสูญเสียผู้เล่นหน้าใหม่
    สร้างความเหลื่อมล้ำระหว่างผู้เล่นที่เข้าถึงการ์ดจอระดับสูงกับผู้เล่นทั่วไป

    https://wccftech.com/amd-nvidia-could-kill-off-budget-gpus-as-memory-shortages-drive-costs-up/
    📰 “วิกฤติ GPU ราคาประหยัด – เมื่อหน่วยความจำกลายเป็นตัวแปรสำคัญ” รายงานล่าสุดเผยว่า AMD และ NVIDIA อาจหยุดการผลิตการ์ดจอระดับเริ่มต้น (Budget GPUs) เนื่องจากต้นทุนหน่วยความจำที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะ GDDR6 และ GDDR6X ที่ถูกใช้ในรุ่นใหม่ ๆ ทำให้การ์ดจอราคาถูกไม่สามารถทำกำไรได้อีกต่อไป การขาดแคลนหน่วยความจำเกิดจากความต้องการที่สูงในตลาด AI และศูนย์ข้อมูล ซึ่งแข่งขันกับตลาดเกมโดยตรง ส่งผลให้ราคาหน่วยความจำพุ่งขึ้นและกระทบต่อการ์ดจอระดับล่างที่มีมาร์จิ้นกำไรต่ำอยู่แล้ว ผู้ผลิตจึงอาจเลือกที่จะมุ่งไปที่ รุ่นกลางและรุ่นสูง ที่สามารถทำกำไรได้มากกว่า หากการ์ดจอราคาประหยัดถูกเลิกผลิตจริง จะส่งผลกระทบต่อ ผู้เล่นเกมระดับ Entry-Level ที่ต้องการอุปกรณ์ราคาย่อมเยาในการเข้าถึงเกม PC โดยเฉพาะในตลาดกำลังพัฒนา ซึ่งอาจทำให้ผู้เล่นใหม่หันไปใช้ เครื่องเกมคอนโซล หรือแม้แต่ เกมบนมือถือ แทนการลงทุนใน PC Gaming นักวิเคราะห์เตือนว่าการหายไปของการ์ดจอราคาประหยัดอาจทำให้ ตลาดเกม PC สูญเสียผู้เล่นหน้าใหม่ และสร้างความเหลื่อมล้ำระหว่างผู้เล่นที่สามารถซื้อการ์ดจอระดับสูงกับผู้เล่นที่ไม่สามารถเข้าถึงได้ 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ AMD และ NVIDIA อาจเลิกผลิต Budget GPUs ➡️ ต้นทุนหน่วยความจำสูงขึ้นจนไม่คุ้มค่าในการผลิต ✅ หน่วยความจำ GDDR6/GDDR6X ขาดแคลน ➡️ ความต้องการจากตลาด AI และศูนย์ข้อมูลเพิ่มขึ้น ✅ ผู้ผลิตหันไปโฟกัสรุ่นกลางและรุ่นสูง ➡️ ทำกำไรได้มากกว่ารุ่นราคาประหยัด ✅ ผลกระทบต่อผู้เล่น Entry-Level ➡️ อาจหันไปใช้คอนโซลหรือเกมมือถือแทน ‼️ ความเสี่ยงต่อการเข้าถึงเกม PC ⛔ ผู้เล่นใหม่อาจไม่สามารถซื้อการ์ดจอได้ในราคาที่เหมาะสม ‼️ ตลาดเกม PC อาจสูญเสียผู้เล่นหน้าใหม่ ⛔ สร้างความเหลื่อมล้ำระหว่างผู้เล่นที่เข้าถึงการ์ดจอระดับสูงกับผู้เล่นทั่วไป https://wccftech.com/amd-nvidia-could-kill-off-budget-gpus-as-memory-shortages-drive-costs-up/
    WCCFTECH.COM
    AMD & NVIDIA Might Kill Off Budget GPUs Soon, And Gamers Won’t Like the Reason
    This isn't good news for PC gamers at all, as a new report suggests that GPU manufacturers may halt production of budget GPUs.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 136 มุมมอง 0 รีวิว
  • ข้อเสีย 5 ข้อที่อาจจะทำให้คุณไม่อยากจะใช้สาย HDMI

    บทความจาก SlashGear ชี้ให้เห็นว่าแม้ HDMI จะยังเป็นมาตรฐานการเชื่อมต่อภาพและเสียงที่แพร่หลาย แต่ก็มีข้อจำกัดหลายด้าน เช่น ความยาวสาย, แบนด์วิดท์, การรองรับหลายจอ, ความทนทาน และการเปลี่ยนแปลงไปสู่ USB-C

    1️⃣ ข้อจำกัดด้านความยาวสาย
    HDMI มีข้อจำกัดเรื่องความยาวสาย โดยสายทั่วไปที่ยาวเกิน 25 ฟุต มักจะเริ่มมีปัญหาสัญญาณ เช่น ภาพแตก, เสียงดีเลย์ หรือแม้กระทั่งสัญญาณหายไป หากต้องการคุณภาพ 4K ที่เสถียร ความยาวที่เหมาะสมคือ ไม่เกิน 10 ฟุต ขณะที่ DisplayPort หรือ SDI สามารถส่งสัญญาณได้ไกลกว่ามาก (SDI ถึง ~980 ฟุต)

    2️⃣ แบนด์วิดท์ต่ำกว่า DisplayPort
    แม้ HDMI 2.1 จะรองรับ 48 Gbps และ HDMI 2.2 ที่เปิดตัวใน CES 2025 จะรองรับ 96 Gbps แต่ก็ยังด้อยกว่า DisplayPort 2.1 ที่รองรับ 80 Gbps พร้อม multi-stream transport (MST) ซึ่งสามารถเชื่อมต่อหลายจอพร้อมกันและรองรับ refresh rate สูงกว่า เหมาะสำหรับงาน เกมแข่งขันและการสร้างคอนเทนต์ระดับมืออาชีพ

    3️⃣ การรองรับหลายจอที่ซับซ้อน
    HDMI ถูกออกแบบมาเพื่อการใช้งานกับจอเดียว หากต้องการหลายจอจะต้องใช้ splitters หรือ adapters ซึ่งทำให้เกิดความยุ่งยากและสายระโยงระยาง ในทางตรงกันข้าม DisplayPort รองรับ daisy-chaining หลายจอโดยตรง ทำให้เหมาะกับนักออกแบบ, นักพัฒนา และเกมเมอร์ที่ใช้หลายจอพร้อมกัน

    4️⃣ ความทนทานและการเสื่อมสภาพ
    สาย HDMI มีแนวโน้มเสื่อมสภาพเมื่อใช้งานไปนานๆ โดยเฉพาะเมื่อเจอ ความร้อน, ฝุ่น, ความชื้น หรือการบิดงอ ทำให้เกิดสัญญาณรบกวน (EMI/RFI) และคุณภาพลดลง แม้จะมีสายไฟเบอร์ออปติก HDMI ที่ทนทานกว่า แต่ก็มีราคาสูงและไม่แพร่หลายเท่า DisplayPort หรือ SDI

    5️⃣ การเปลี่ยนแปลงสู่ USB-C
    แม้ HDMI จะยังเป็นมาตรฐานหลักในทีวีและคอนโซลเกม แต่ USB-C กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยรองรับ DisplayPort Alt Mode, การส่งข้อมูลความเร็วสูง และการชาร์จไฟในสายเดียว อีกทั้งยังมี หัวเสียบแบบ reversible ที่ใช้ง่ายกว่า HDMI ทำให้เป็นมาตรฐานใหม่สำหรับ โน้ตบุ๊ก, สมาร์ทโฟน และแท็บเล็ต

    https://www.slashgear.com/2025900/reasons-to-stop-using-hdmi-cables/
    📺 ข้อเสีย 5 ข้อที่อาจจะทำให้คุณไม่อยากจะใช้สาย HDMI บทความจาก SlashGear ชี้ให้เห็นว่าแม้ HDMI จะยังเป็นมาตรฐานการเชื่อมต่อภาพและเสียงที่แพร่หลาย แต่ก็มีข้อจำกัดหลายด้าน เช่น ความยาวสาย, แบนด์วิดท์, การรองรับหลายจอ, ความทนทาน และการเปลี่ยนแปลงไปสู่ USB-C 1️⃣ 📏 ข้อจำกัดด้านความยาวสาย HDMI มีข้อจำกัดเรื่องความยาวสาย โดยสายทั่วไปที่ยาวเกิน 25 ฟุต มักจะเริ่มมีปัญหาสัญญาณ เช่น ภาพแตก, เสียงดีเลย์ หรือแม้กระทั่งสัญญาณหายไป หากต้องการคุณภาพ 4K ที่เสถียร ความยาวที่เหมาะสมคือ ไม่เกิน 10 ฟุต ขณะที่ DisplayPort หรือ SDI สามารถส่งสัญญาณได้ไกลกว่ามาก (SDI ถึง ~980 ฟุต) 2️⃣ ⚡ แบนด์วิดท์ต่ำกว่า DisplayPort แม้ HDMI 2.1 จะรองรับ 48 Gbps และ HDMI 2.2 ที่เปิดตัวใน CES 2025 จะรองรับ 96 Gbps แต่ก็ยังด้อยกว่า DisplayPort 2.1 ที่รองรับ 80 Gbps พร้อม multi-stream transport (MST) ซึ่งสามารถเชื่อมต่อหลายจอพร้อมกันและรองรับ refresh rate สูงกว่า เหมาะสำหรับงาน เกมแข่งขันและการสร้างคอนเทนต์ระดับมืออาชีพ 3️⃣ 🖥️ การรองรับหลายจอที่ซับซ้อน HDMI ถูกออกแบบมาเพื่อการใช้งานกับจอเดียว หากต้องการหลายจอจะต้องใช้ splitters หรือ adapters ซึ่งทำให้เกิดความยุ่งยากและสายระโยงระยาง ในทางตรงกันข้าม DisplayPort รองรับ daisy-chaining หลายจอโดยตรง ทำให้เหมาะกับนักออกแบบ, นักพัฒนา และเกมเมอร์ที่ใช้หลายจอพร้อมกัน 4️⃣ 📉 ความทนทานและการเสื่อมสภาพ สาย HDMI มีแนวโน้มเสื่อมสภาพเมื่อใช้งานไปนานๆ โดยเฉพาะเมื่อเจอ ความร้อน, ฝุ่น, ความชื้น หรือการบิดงอ ทำให้เกิดสัญญาณรบกวน (EMI/RFI) และคุณภาพลดลง แม้จะมีสายไฟเบอร์ออปติก HDMI ที่ทนทานกว่า แต่ก็มีราคาสูงและไม่แพร่หลายเท่า DisplayPort หรือ SDI 5️⃣ 🔌 การเปลี่ยนแปลงสู่ USB-C แม้ HDMI จะยังเป็นมาตรฐานหลักในทีวีและคอนโซลเกม แต่ USB-C กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยรองรับ DisplayPort Alt Mode, การส่งข้อมูลความเร็วสูง และการชาร์จไฟในสายเดียว อีกทั้งยังมี หัวเสียบแบบ reversible ที่ใช้ง่ายกว่า HDMI ทำให้เป็นมาตรฐานใหม่สำหรับ โน้ตบุ๊ก, สมาร์ทโฟน และแท็บเล็ต https://www.slashgear.com/2025900/reasons-to-stop-using-hdmi-cables/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    5 Reasons You Might Want To Stop Using HDMI Cables - SlashGear
    HDMI is pretty much the global standard in A/V connection these days, but that doesn't mean it's a perfect solution for everyone — far from it, in fact.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 161 มุมมอง 0 รีวิว
  • RustDesk เพิ่มฟีเจอร์ Multi-Scaled Display บน Wayland

    RustDesk ซึ่งเป็นโครงการ remote desktop แบบโอเพนซอร์ส ได้ประกาศอัปเดตสำคัญใน nightly build ล่าสุด โดยเพิ่มการรองรับ multi-scaled display สำหรับผู้ใช้ Linux ที่ใช้ Wayland โดยเฉพาะบน KDE และ GNOME ฟีเจอร์นี้ช่วยแก้ปัญหาที่ผู้ใช้หลายจอที่มีความละเอียดและการปรับสเกลต่างกันมักเจอ เช่น pointer ไม่ตรงตำแหน่งที่คลิกจริง

    ปัญหาที่ถูกแก้ไข
    ก่อนหน้านี้ หากผู้ใช้มีจอ 4K ที่ปรับสเกล 200% และจอ Full HD ที่ปรับสเกล 100% การใช้งาน remote desktop มักจะเกิดปัญหา pointer misalignment ทำให้การทำงานแทบเป็นไปไม่ได้ การอัปเดตครั้งนี้ทำให้ RustDesk กลายเป็น remote desktop ตัวแรกที่รองรับ multi-scaled display บน Wayland ซึ่งคู่แข่งเชิงพาณิชย์อย่าง TeamViewer และ AnyDesk ยังไม่สามารถแก้ไขได้เต็มที่

    ความสำคัญต่อผู้ใช้ Linux
    การแก้ไขนี้ถือเป็นก้าวสำคัญสำหรับผู้ใช้ Linux ที่ทำงานกับหลายจอ เพราะ Wayland เองยังมีความท้าทายในการจัดการ multi-monitor ที่ซับซ้อน RustDesk จึงกลายเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการความเสถียรและความปลอดภัย โดยเฉพาะเมื่อมันเป็นโอเพนซอร์สและรองรับหลายแพลตฟอร์มทั้ง Windows, macOS, Android และ iOS

    อนาคตของ RustDesk
    ฟีเจอร์นี้ยังอยู่ใน nightly build และจะถูกปล่อยในเวอร์ชัน stable หลังจากผ่านการทดสอบแล้ว หาก RustDeskสามารถรักษาความเร็วและความเสถียรได้ ก็อาจกลายเป็นคู่แข่งที่แข็งแกร่งของโซลูชันเชิงพาณิชย์ และเป็นตัวเลือกหลักสำหรับองค์กรที่ต้องการลดค่าใช้จ่ายด้าน remote desktop

    สรุปสาระสำคัญ
    ฟีเจอร์ใหม่
    รองรับ multi-scaled display บน Wayland (KDE, GNOME)
    แก้ปัญหา pointer misalignment บนหลายจอ

    ความแตกต่างจากคู่แข่ง
    RustDesk เป็น remote desktop ตัวแรกที่รองรับฟีเจอร์นี้บน Wayland
    TeamViewer และ AnyDesk ยังไม่แก้ไขได้เต็มที่

    ความสำคัญต่อผู้ใช้
    ช่วยให้การทำงานบนหลายจอเสถียรขึ้น
    รองรับ cross-platform และเป็นโอเพนซอร์ส

    คำเตือน
    ฟีเจอร์ยังอยู่ใน nightly build อาจมีบั๊กหรือไม่เสถียร
    ต้องรอการปล่อยใน stable version เพื่อใช้งานจริงในองค์กร
    ผู้ใช้ควรทดสอบก่อนนำไปใช้ในงานสำคัญ

    https://itsfoss.com/news/rustdesk-multi-scaled-display-support/
    🖥️ RustDesk เพิ่มฟีเจอร์ Multi-Scaled Display บน Wayland RustDesk ซึ่งเป็นโครงการ remote desktop แบบโอเพนซอร์ส ได้ประกาศอัปเดตสำคัญใน nightly build ล่าสุด โดยเพิ่มการรองรับ multi-scaled display สำหรับผู้ใช้ Linux ที่ใช้ Wayland โดยเฉพาะบน KDE และ GNOME ฟีเจอร์นี้ช่วยแก้ปัญหาที่ผู้ใช้หลายจอที่มีความละเอียดและการปรับสเกลต่างกันมักเจอ เช่น pointer ไม่ตรงตำแหน่งที่คลิกจริง ⚙️ ปัญหาที่ถูกแก้ไข ก่อนหน้านี้ หากผู้ใช้มีจอ 4K ที่ปรับสเกล 200% และจอ Full HD ที่ปรับสเกล 100% การใช้งาน remote desktop มักจะเกิดปัญหา pointer misalignment ทำให้การทำงานแทบเป็นไปไม่ได้ การอัปเดตครั้งนี้ทำให้ RustDesk กลายเป็น remote desktop ตัวแรกที่รองรับ multi-scaled display บน Wayland ซึ่งคู่แข่งเชิงพาณิชย์อย่าง TeamViewer และ AnyDesk ยังไม่สามารถแก้ไขได้เต็มที่ 🌐 ความสำคัญต่อผู้ใช้ Linux การแก้ไขนี้ถือเป็นก้าวสำคัญสำหรับผู้ใช้ Linux ที่ทำงานกับหลายจอ เพราะ Wayland เองยังมีความท้าทายในการจัดการ multi-monitor ที่ซับซ้อน RustDesk จึงกลายเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการความเสถียรและความปลอดภัย โดยเฉพาะเมื่อมันเป็นโอเพนซอร์สและรองรับหลายแพลตฟอร์มทั้ง Windows, macOS, Android และ iOS 🔮 อนาคตของ RustDesk ฟีเจอร์นี้ยังอยู่ใน nightly build และจะถูกปล่อยในเวอร์ชัน stable หลังจากผ่านการทดสอบแล้ว หาก RustDeskสามารถรักษาความเร็วและความเสถียรได้ ก็อาจกลายเป็นคู่แข่งที่แข็งแกร่งของโซลูชันเชิงพาณิชย์ และเป็นตัวเลือกหลักสำหรับองค์กรที่ต้องการลดค่าใช้จ่ายด้าน remote desktop 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ ฟีเจอร์ใหม่ ➡️ รองรับ multi-scaled display บน Wayland (KDE, GNOME) ➡️ แก้ปัญหา pointer misalignment บนหลายจอ ✅ ความแตกต่างจากคู่แข่ง ➡️ RustDesk เป็น remote desktop ตัวแรกที่รองรับฟีเจอร์นี้บน Wayland ➡️ TeamViewer และ AnyDesk ยังไม่แก้ไขได้เต็มที่ ✅ ความสำคัญต่อผู้ใช้ ➡️ ช่วยให้การทำงานบนหลายจอเสถียรขึ้น ➡️ รองรับ cross-platform และเป็นโอเพนซอร์ส ‼️ คำเตือน ⛔ ฟีเจอร์ยังอยู่ใน nightly build อาจมีบั๊กหรือไม่เสถียร ⛔ ต้องรอการปล่อยใน stable version เพื่อใช้งานจริงในองค์กร ⛔ ผู้ใช้ควรทดสอบก่อนนำไปใช้ในงานสำคัญ https://itsfoss.com/news/rustdesk-multi-scaled-display-support/
    ITSFOSS.COM
    RustDesk Pulls Ahead of TeamViewer, AnyDesk with Wayland Multi-Scaled Display Support
    New nightly build brings support for monitors with different scaling factors.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 160 มุมมอง 0 รีวิว
  • SecurityMetrics คว้ารางวัลใหญ่ด้าน Cybersecurity

    SecurityMetrics ได้รับรางวัล “Data Leak Detection Solution of the Year” จากงาน CyberSecurity Breakthrough Awards 2025 โดยผลงานที่โดดเด่นคือ Shopping Cart Inspect (SCI) ซึ่งช่วยตรวจจับการโจมตีแบบ web skimming ที่มักเกิดขึ้นกับเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซ

    จุดเด่นของ Shopping Cart Inspect (SCI)
    SCI ใช้เทคโนโลยี WIM (Web Inject Monitoring) ที่สามารถตรวจจับการโจมตีด้วย JavaScript ได้ทันทีที่เกิดขึ้น โดยทีม Forensic Analysts ของ SecurityMetrics จะทำการตรวจสอบโค้ดที่รันบนหน้าเว็บ เพื่อหาหลักฐานการโจมตีและสร้างรายงานความเสี่ยงที่จัดลำดับตามมาตรฐาน CVSS พร้อมคำแนะนำในการแก้ไข

    ผลกระทบต่อธุรกิจอีคอมเมิร์ซ
    การโจมตีแบบ web skimming เป็นภัยที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะกับร้านค้าออนไลน์ที่ใช้ระบบตะกร้าสินค้า SCI ช่วยให้ธุรกิจสามารถตรวจจับและแก้ไขได้โดยไม่กระทบต่อการดำเนินงาน ทำให้ลูกค้ามั่นใจในความปลอดภัยของข้อมูลการชำระเงิน และช่วยลดความเสี่ยงต่อการสูญเสียชื่อเสียงและรายได้

    ความสำคัญในระดับโลก
    งาน CyberSecurity Breakthrough Awards มีผู้เข้าร่วมจากกว่า 20 ประเทศ และ SCI ถูกเลือกให้เป็นโซลูชันที่โดดเด่นที่สุดในปีนี้ สะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของการป้องกันข้อมูลรั่วไหลในยุคที่ธุรกิจออนไลน์เติบโตอย่างรวดเร็ว และภัยคุกคามไซเบอร์มีความซับซ้อนมากขึ้น

    สรุปสาระสำคัญ
    รางวัลที่ได้รับ
    SecurityMetrics ได้รับรางวัล “Data Leak Detection Solution of the Year” ปี 2025
    มอบโดย CyberSecurity Breakthrough Awards

    จุดเด่นของ SCI
    ใช้ WIM Technology ตรวจจับ web skimming แบบ real-time
    ทีม Forensic Analysts ตรวจสอบโค้ดและสร้างรายงานความเสี่ยงตาม CVSS

    ผลกระทบต่อธุรกิจ
    ป้องกันข้อมูลการชำระเงินรั่วไหล
    ลดความเสี่ยงต่อชื่อเสียงและรายได้ของธุรกิจอีคอมเมิร์ซ

    คำเตือนจากเหตุการณ์
    ร้านค้าออนไลน์ที่ไม่ตรวจสอบระบบตะกร้าสินค้าเสี่ยงต่อการถูกโจมตี
    การโจมตี web skimming มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นและซับซ้อนขึ้น
    ธุรกิจควรมีระบบตรวจจับและทีมผู้เชี่ยวชาญเพื่อรับมืออย่างต่อเนื่อง

    https://securityonline.info/securitymetrics-wins-data-leak-detection-solution-of-the-year-in-2025-cybersecurity-breakthrough-awards-program/
    🏆 SecurityMetrics คว้ารางวัลใหญ่ด้าน Cybersecurity SecurityMetrics ได้รับรางวัล “Data Leak Detection Solution of the Year” จากงาน CyberSecurity Breakthrough Awards 2025 โดยผลงานที่โดดเด่นคือ Shopping Cart Inspect (SCI) ซึ่งช่วยตรวจจับการโจมตีแบบ web skimming ที่มักเกิดขึ้นกับเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซ 🔍 จุดเด่นของ Shopping Cart Inspect (SCI) SCI ใช้เทคโนโลยี WIM (Web Inject Monitoring) ที่สามารถตรวจจับการโจมตีด้วย JavaScript ได้ทันทีที่เกิดขึ้น โดยทีม Forensic Analysts ของ SecurityMetrics จะทำการตรวจสอบโค้ดที่รันบนหน้าเว็บ เพื่อหาหลักฐานการโจมตีและสร้างรายงานความเสี่ยงที่จัดลำดับตามมาตรฐาน CVSS พร้อมคำแนะนำในการแก้ไข 🛡️ ผลกระทบต่อธุรกิจอีคอมเมิร์ซ การโจมตีแบบ web skimming เป็นภัยที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะกับร้านค้าออนไลน์ที่ใช้ระบบตะกร้าสินค้า SCI ช่วยให้ธุรกิจสามารถตรวจจับและแก้ไขได้โดยไม่กระทบต่อการดำเนินงาน ทำให้ลูกค้ามั่นใจในความปลอดภัยของข้อมูลการชำระเงิน และช่วยลดความเสี่ยงต่อการสูญเสียชื่อเสียงและรายได้ 🌐 ความสำคัญในระดับโลก งาน CyberSecurity Breakthrough Awards มีผู้เข้าร่วมจากกว่า 20 ประเทศ และ SCI ถูกเลือกให้เป็นโซลูชันที่โดดเด่นที่สุดในปีนี้ สะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของการป้องกันข้อมูลรั่วไหลในยุคที่ธุรกิจออนไลน์เติบโตอย่างรวดเร็ว และภัยคุกคามไซเบอร์มีความซับซ้อนมากขึ้น 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ รางวัลที่ได้รับ ➡️ SecurityMetrics ได้รับรางวัล “Data Leak Detection Solution of the Year” ปี 2025 ➡️ มอบโดย CyberSecurity Breakthrough Awards ✅ จุดเด่นของ SCI ➡️ ใช้ WIM Technology ตรวจจับ web skimming แบบ real-time ➡️ ทีม Forensic Analysts ตรวจสอบโค้ดและสร้างรายงานความเสี่ยงตาม CVSS ✅ ผลกระทบต่อธุรกิจ ➡️ ป้องกันข้อมูลการชำระเงินรั่วไหล ➡️ ลดความเสี่ยงต่อชื่อเสียงและรายได้ของธุรกิจอีคอมเมิร์ซ ‼️ คำเตือนจากเหตุการณ์ ⛔ ร้านค้าออนไลน์ที่ไม่ตรวจสอบระบบตะกร้าสินค้าเสี่ยงต่อการถูกโจมตี ⛔ การโจมตี web skimming มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นและซับซ้อนขึ้น ⛔ ธุรกิจควรมีระบบตรวจจับและทีมผู้เชี่ยวชาญเพื่อรับมืออย่างต่อเนื่อง https://securityonline.info/securitymetrics-wins-data-leak-detection-solution-of-the-year-in-2025-cybersecurity-breakthrough-awards-program/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 206 มุมมอง 0 รีวิว
  • Frentree จับมือ AccuKnox ขยาย Zero Trust CNAPP ในเกาหลีใต้

    Frentree บริษัทโซลูชันด้านความปลอดภัยไซเบอร์จากเกาหลีใต้ ได้ประกาศความร่วมมือกับ AccuKnox ผู้เชี่ยวชาญด้าน Zero Trust CNAPP (Cloud-Native Application Protection Platform) เพื่อเสริมความปลอดภัยให้กับองค์กรในภูมิภาค โดยความร่วมมือนี้มีเป้าหมายเพื่อยกระดับการป้องกันภัยคุกคามในระบบคลาวด์ คอนเทนเนอร์ และ AI workloads ซึ่งกำลังเติบโตอย่างรวดเร็วในตลาดเกาหลีใต้

    การจับมือครั้งนี้เกิดขึ้นจากความต้องการขององค์กรในเกาหลีใต้ที่ต้องการระบบ Visibility ครอบคลุม, Runtime Protection ที่ปรับขยายได้ และ Compliance อัตโนมัติ เพื่อรับมือกับการโจมตีไซเบอร์ที่ซับซ้อนมากขึ้น โดย Frentree เลือก AccuKnox เพราะมีความเชี่ยวชาญด้านสถาปัตยกรรม Zero Trust และเป็นผู้ร่วมพัฒนาโครงการโอเพนซอร์ส CNCF เช่น KubeArmor และ ModelArmor ซึ่งช่วยให้แพลตฟอร์มมีความยืดหยุ่นและน่าเชื่อถือ

    ในเชิงกลยุทธ์ ความร่วมมือนี้สะท้อนถึงการที่ตลาดเกาหลีใต้กำลังเร่งการนำระบบคลาวด์มาใช้ในภาคการเงินและองค์กรขนาดใหญ่ การมีโซลูชันที่สามารถตรวจสอบและป้องกันภัยคุกคามได้ตั้งแต่ระดับโค้ดจนถึงการทำงานจริง จึงเป็นสิ่งจำเป็นต่อการสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าและผู้ลงทุน อีกทั้งยังช่วยให้บริษัทสามารถปฏิบัติตามข้อกำหนดด้านความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวที่เข้มงวดในภูมิภาค

    นอกจากนี้ แนวโน้มระดับโลกยังชี้ให้เห็นว่า Zero Trust และ CNAPP กำลังกลายเป็นมาตรฐานใหม่ ในการป้องกันภัยคุกคามไซเบอร์ โดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชียที่มีการลงทุนด้าน AI และคลาวด์สูง การที่ Frentree และ AccuKnox ร่วมมือกันจึงไม่เพียงแต่เป็นการเสริมความปลอดภัย แต่ยังเป็นการสร้างความได้เปรียบเชิงการแข่งขันในตลาดที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

    สรุปสาระสำคัญ
    ความร่วมมือ Frentree – AccuKnox
    เสริมความปลอดภัยไซเบอร์ในเกาหลีใต้
    เน้นระบบ Zero Trust CNAPP ครอบคลุมคลาวด์ คอนเทนเนอร์ และ AI workloads

    จุดเด่นของ AccuKnox
    มีความเชี่ยวชาญด้าน Zero Trust Architecture
    เป็นผู้ร่วมพัฒนาโครงการโอเพนซอร์ส CNCF เช่น KubeArmor และ ModelArmor

    ผลลัพธ์ที่คาดหวัง
    เพิ่ม Visibility และ Runtime Protection ที่ปรับขยายได้
    Compliance อัตโนมัติ รองรับข้อกำหนดเข้มงวดในเกาหลีใต้

    ความท้าทายและคำเตือน
    ภัยคุกคามไซเบอร์ในภูมิภาคมีความซับซ้อนและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
    การเร่งนำระบบคลาวด์และ AI มาใช้ อาจเพิ่มช่องโหว่ใหม่ที่ต้องจัดการอย่างจริงจัง

    https://securityonline.info/frentree-partners-with-accuknox-to-expand-zero-trust-cnapp-security-in-south-korea/
    🌐 Frentree จับมือ AccuKnox ขยาย Zero Trust CNAPP ในเกาหลีใต้ Frentree บริษัทโซลูชันด้านความปลอดภัยไซเบอร์จากเกาหลีใต้ ได้ประกาศความร่วมมือกับ AccuKnox ผู้เชี่ยวชาญด้าน Zero Trust CNAPP (Cloud-Native Application Protection Platform) เพื่อเสริมความปลอดภัยให้กับองค์กรในภูมิภาค โดยความร่วมมือนี้มีเป้าหมายเพื่อยกระดับการป้องกันภัยคุกคามในระบบคลาวด์ คอนเทนเนอร์ และ AI workloads ซึ่งกำลังเติบโตอย่างรวดเร็วในตลาดเกาหลีใต้ การจับมือครั้งนี้เกิดขึ้นจากความต้องการขององค์กรในเกาหลีใต้ที่ต้องการระบบ Visibility ครอบคลุม, Runtime Protection ที่ปรับขยายได้ และ Compliance อัตโนมัติ เพื่อรับมือกับการโจมตีไซเบอร์ที่ซับซ้อนมากขึ้น โดย Frentree เลือก AccuKnox เพราะมีความเชี่ยวชาญด้านสถาปัตยกรรม Zero Trust และเป็นผู้ร่วมพัฒนาโครงการโอเพนซอร์ส CNCF เช่น KubeArmor และ ModelArmor ซึ่งช่วยให้แพลตฟอร์มมีความยืดหยุ่นและน่าเชื่อถือ ในเชิงกลยุทธ์ ความร่วมมือนี้สะท้อนถึงการที่ตลาดเกาหลีใต้กำลังเร่งการนำระบบคลาวด์มาใช้ในภาคการเงินและองค์กรขนาดใหญ่ การมีโซลูชันที่สามารถตรวจสอบและป้องกันภัยคุกคามได้ตั้งแต่ระดับโค้ดจนถึงการทำงานจริง จึงเป็นสิ่งจำเป็นต่อการสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าและผู้ลงทุน อีกทั้งยังช่วยให้บริษัทสามารถปฏิบัติตามข้อกำหนดด้านความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวที่เข้มงวดในภูมิภาค นอกจากนี้ แนวโน้มระดับโลกยังชี้ให้เห็นว่า Zero Trust และ CNAPP กำลังกลายเป็นมาตรฐานใหม่ ในการป้องกันภัยคุกคามไซเบอร์ โดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชียที่มีการลงทุนด้าน AI และคลาวด์สูง การที่ Frentree และ AccuKnox ร่วมมือกันจึงไม่เพียงแต่เป็นการเสริมความปลอดภัย แต่ยังเป็นการสร้างความได้เปรียบเชิงการแข่งขันในตลาดที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ ความร่วมมือ Frentree – AccuKnox ➡️ เสริมความปลอดภัยไซเบอร์ในเกาหลีใต้ ➡️ เน้นระบบ Zero Trust CNAPP ครอบคลุมคลาวด์ คอนเทนเนอร์ และ AI workloads ✅ จุดเด่นของ AccuKnox ➡️ มีความเชี่ยวชาญด้าน Zero Trust Architecture ➡️ เป็นผู้ร่วมพัฒนาโครงการโอเพนซอร์ส CNCF เช่น KubeArmor และ ModelArmor ✅ ผลลัพธ์ที่คาดหวัง ➡️ เพิ่ม Visibility และ Runtime Protection ที่ปรับขยายได้ ➡️ Compliance อัตโนมัติ รองรับข้อกำหนดเข้มงวดในเกาหลีใต้ ‼️ ความท้าทายและคำเตือน ⛔ ภัยคุกคามไซเบอร์ในภูมิภาคมีความซับซ้อนและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ⛔ การเร่งนำระบบคลาวด์และ AI มาใช้ อาจเพิ่มช่องโหว่ใหม่ที่ต้องจัดการอย่างจริงจัง https://securityonline.info/frentree-partners-with-accuknox-to-expand-zero-trust-cnapp-security-in-south-korea/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 163 มุมมอง 0 รีวิว
  • Alice Blue จับมือ AccuKnox เสริมความปลอดภัยและการกำกับดูแล

    Alice Blue บริษัทด้านการเงินและโบรกเกอร์ชั้นนำของอินเดีย ได้ประกาศความร่วมมือกับ AccuKnox ผู้เชี่ยวชาญด้าน Zero Trust CNAPP (Cloud-Native Application Protection Platform) เพื่อยกระดับมาตรการความปลอดภัยและการปฏิบัติตามข้อกำหนดด้านกฎหมายการเงิน โดยความร่วมมือนี้ดำเนินการผ่านพันธมิตร Airowire ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการผลักดันโซลูชันด้านความปลอดภัยสู่ตลาดที่มีการกำกับดูแลเข้มงวด

    การตัดสินใจเลือก AccuKnox เกิดขึ้นหลังจาก Alice Blue ได้ทำการประเมินผู้ให้บริการหลายราย โดยพบว่าแพลตฟอร์ม Zero Trust CNAPP ของ AccuKnox มีความโดดเด่นในด้านการทำงานแบบ Agentless ลดภาระการดูแลระบบ และสามารถปรับใช้ได้รวดเร็ว พร้อมทั้งสอดคล้องกับมาตรฐานสำคัญ เช่น RBI, SEBI, PCI-DSS, ISO และ SOC 2 ซึ่งเป็นข้อกำหนดหลักในอุตสาหกรรมการเงินของอินเดีย

    นอกจากการเสริมความปลอดภัยแล้ว ความร่วมมือนี้ยังช่วยให้ Alice Blue สามารถสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้า ด้วยระบบที่มีการตรวจสอบและป้องกันภัยคุกคามแบบต่อเนื่อง ตั้งแต่ระดับโค้ดไปจนถึงการทำงานจริงในระบบคลาวด์และ AI workloads อีกทั้งยังช่วยลดความเสี่ยงและเพิ่มความโปร่งใสในการดำเนินงาน ซึ่งถือเป็นการยกระดับมาตรฐานการให้บริการในตลาดการเงินที่แข่งขันสูง

    ในมุมมองที่กว้างขึ้น ความร่วมมือเช่นนี้สะท้อนถึงแนวโน้มที่สถาบันการเงินทั่วโลกกำลังหันมาใช้แนวคิด Zero Trust และ CNAPP เพื่อรับมือกับภัยคุกคามไซเบอร์ที่ซับซ้อนมากขึ้น โดยเฉพาะในยุคที่การทำงานบนระบบคลาวด์และ AI มีบทบาทสำคัญต่อธุรกิจ การลงทุนในโครงสร้างความปลอดภัยที่แข็งแกร่งจึงไม่ใช่เพียงการปฏิบัติตามกฎระเบียบ แต่ยังเป็นการสร้างความได้เปรียบเชิงกลยุทธ์อีกด้วย

    สรุปสาระสำคัญ
    ความร่วมมือ Alice Blue – AccuKnox
    เสริมความปลอดภัยและการกำกับดูแลในระบบการเงินอินเดีย
    ใช้ Zero Trust CNAPP แบบ Agentless ลดภาระการจัดการ

    มาตรฐานการกำกับดูแลที่รองรับ
    สอดคล้องกับ RBI, SEBI, PCI-DSS, ISO และ SOC 2
    เพิ่มความมั่นใจให้ลูกค้าและผู้ลงทุน

    ผลลัพธ์ที่คาดหวังจากความร่วมมือ
    การตรวจสอบและป้องกันภัยคุกคามแบบต่อเนื่อง
    ลดความเสี่ยงและเพิ่มความโปร่งใสในการดำเนินงาน

    ความท้าทายและคำเตือน
    ภัยคุกคามไซเบอร์มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง อาจต้องปรับปรุงระบบตลอดเวลา
    การพึ่งพาโครงสร้างคลาวด์และ AI ทำให้ต้องเผชิญความเสี่ยงใหม่ที่ซับซ้อนมากขึ้น

    https://securityonline.info/alice-blue-partners-with-accuknox-for-regulatory-compliance/
    🛡️ Alice Blue จับมือ AccuKnox เสริมความปลอดภัยและการกำกับดูแล Alice Blue บริษัทด้านการเงินและโบรกเกอร์ชั้นนำของอินเดีย ได้ประกาศความร่วมมือกับ AccuKnox ผู้เชี่ยวชาญด้าน Zero Trust CNAPP (Cloud-Native Application Protection Platform) เพื่อยกระดับมาตรการความปลอดภัยและการปฏิบัติตามข้อกำหนดด้านกฎหมายการเงิน โดยความร่วมมือนี้ดำเนินการผ่านพันธมิตร Airowire ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการผลักดันโซลูชันด้านความปลอดภัยสู่ตลาดที่มีการกำกับดูแลเข้มงวด การตัดสินใจเลือก AccuKnox เกิดขึ้นหลังจาก Alice Blue ได้ทำการประเมินผู้ให้บริการหลายราย โดยพบว่าแพลตฟอร์ม Zero Trust CNAPP ของ AccuKnox มีความโดดเด่นในด้านการทำงานแบบ Agentless ลดภาระการดูแลระบบ และสามารถปรับใช้ได้รวดเร็ว พร้อมทั้งสอดคล้องกับมาตรฐานสำคัญ เช่น RBI, SEBI, PCI-DSS, ISO และ SOC 2 ซึ่งเป็นข้อกำหนดหลักในอุตสาหกรรมการเงินของอินเดีย นอกจากการเสริมความปลอดภัยแล้ว ความร่วมมือนี้ยังช่วยให้ Alice Blue สามารถสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้า ด้วยระบบที่มีการตรวจสอบและป้องกันภัยคุกคามแบบต่อเนื่อง ตั้งแต่ระดับโค้ดไปจนถึงการทำงานจริงในระบบคลาวด์และ AI workloads อีกทั้งยังช่วยลดความเสี่ยงและเพิ่มความโปร่งใสในการดำเนินงาน ซึ่งถือเป็นการยกระดับมาตรฐานการให้บริการในตลาดการเงินที่แข่งขันสูง ในมุมมองที่กว้างขึ้น ความร่วมมือเช่นนี้สะท้อนถึงแนวโน้มที่สถาบันการเงินทั่วโลกกำลังหันมาใช้แนวคิด Zero Trust และ CNAPP เพื่อรับมือกับภัยคุกคามไซเบอร์ที่ซับซ้อนมากขึ้น โดยเฉพาะในยุคที่การทำงานบนระบบคลาวด์และ AI มีบทบาทสำคัญต่อธุรกิจ การลงทุนในโครงสร้างความปลอดภัยที่แข็งแกร่งจึงไม่ใช่เพียงการปฏิบัติตามกฎระเบียบ แต่ยังเป็นการสร้างความได้เปรียบเชิงกลยุทธ์อีกด้วย 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ ความร่วมมือ Alice Blue – AccuKnox ➡️ เสริมความปลอดภัยและการกำกับดูแลในระบบการเงินอินเดีย ➡️ ใช้ Zero Trust CNAPP แบบ Agentless ลดภาระการจัดการ ✅ มาตรฐานการกำกับดูแลที่รองรับ ➡️ สอดคล้องกับ RBI, SEBI, PCI-DSS, ISO และ SOC 2 ➡️ เพิ่มความมั่นใจให้ลูกค้าและผู้ลงทุน ✅ ผลลัพธ์ที่คาดหวังจากความร่วมมือ ➡️ การตรวจสอบและป้องกันภัยคุกคามแบบต่อเนื่อง ➡️ ลดความเสี่ยงและเพิ่มความโปร่งใสในการดำเนินงาน ‼️ ความท้าทายและคำเตือน ⛔ ภัยคุกคามไซเบอร์มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง อาจต้องปรับปรุงระบบตลอดเวลา ⛔ การพึ่งพาโครงสร้างคลาวด์และ AI ทำให้ต้องเผชิญความเสี่ยงใหม่ที่ซับซ้อนมากขึ้น https://securityonline.info/alice-blue-partners-with-accuknox-for-regulatory-compliance/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 194 มุมมอง 0 รีวิว
  • วิบากกรรมทักษิณ คดี 112-ภาษีชินคอร์ปฯ

    17 พ.ย. ถือเป็นอีกวันหนึ่งที่มีข่าวใหญ่เกี่ยวกับอดีตนายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตร สองเรื่องในวันเดียว เรื่องแรก เมื่อช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา นายอิทธิพร แก้วทิพย์ อัยการสูงสุด มีความเห็นควรที่จะยื่นอุทธรณ์คดีมาตรา 112 ที่นายทักษิณให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวแห่งหนึ่งที่กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ เมื่อปี 2558 หลังศาลอาญาพิพากษายกฟ้องเมื่อวันที่ 22 ส.ค. ก่อนหน้านี้ อัยการสูงสุดยื่นขยายระยะเวลาต่อศาลอาญาครั้งที่ 2 ไปถึงวันที่ 21 พ.ย. หลังจากนี้ คำสั่งของอัยการสูงสุดจะถูกส่งไปยังอัยการสำนักงานคดีอาญา 8 ซึ่งเป็นเจ้าของสำนวน เพื่อยื่นอุทธรณ์คดีต่อศาลอุทธรณ์ต่อไป

    ก่อนหน้านี้เมื่อเดือน ก.ย. ที่ผ่านมา อัยการสูงสุดคนที่แล้ว มีคำสั่งให้นำเรื่องการยื่นอุทธรณ์คดีมาตรา 112 ของนายทักษิณเข้าสู่การพิจารณากลั่นกรองของคณะกรรมการพิจารณาคดีมาตรา 112 ของอัยการสูงสุด ขณะนั้นมีมติ 8 ต่อ 2 เห็นควรไม่อุทธรณ์

    ผ่านไปไม่นาน เรื่องที่สองตามมา ศาลฎีกาพิพากษากลับศาลอุทธรณ์ และศาลภาษีอากรกลาง ยกฟ้องคดีที่นายทักษิณฟ้องกรมสรรพากร และคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ ขอให้ศาลพิพากษาหรือมีคำสั่งให้เพิกถอนการประเมินตามหนังสือแจ้งภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ที่แจ้งให้นายทักษิณจ่ายภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาจากการขายหุ้น บริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) มีผลให้นายทักษิณ ต้องจ่ายภาษีตามคำสั่งเรียกเก็บจำนวน 1.76 หมื่นล้านบาท

    ศาลเห็นว่าการที่นายทักษิณปกปิดหุ้นชินคอร์ปฯ โดยให้บุคคลอื่น รวมถึงนายพานทองเเท้ และ น.ส.พินทองทา ถือหุ้นแทน เพราะจะเข้ารับตำแหน่งทางการเมืองที่กฎหมายห้ามมิให้โจทก์ถือหุ้น ส่งผลให้รัฐไม่สามารถจัดเก็บภาษีได้อย่างถูกต้องและแน่นอนตามเจตนารมณ์แห่งกฎหมาย อีกทั้งเป็นธุรกรรมที่ไม่มีเหตุผลทางเศรษฐกิจ นอกเหนือจากการหาประโยชน์อื่น รวมถึงภาษีเงินได้ และเป็นธุรกรรมที่ทำขึ้นเพื่อการอันมิชอบด้วยกฎหมายอย่างร้ายแรง จึงไม่มีเหตุงดและลดเบี้ยปรับและเงินเพิ่มแก่โจทก์

    คดีนี้เป็นผลสืบเนื่องมาจากนายทักษิณขายหุ้นชินคอร์ปฯ ให้กองทุนเทมาเส็กของสิงคโปร์ มูลค่า 73,271 ล้านบาท เมื่อปี 2549 ซึ่งหนึ่งในนั้นเป็นหุ้นที่ถือครองแทนนายทักษิณ ในชื่อนายพานทองแท้ ชินวัตร และ น.ส.พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ ซื้อมาจากบริษัท แอมเพิลริช ในราคาหุ้นละ 1 บาท แล้วนำไปขายต่อให้กลุ่มเทมาเส็กในราคาหุ้นละ 49.25 บาท ซึ่งเป็นการทำธุรกรรมนอกตลาดหลักทรัพย์ ต่อมามีคดียึดทรัพย์นายทักษิณ ซึ่งระบุว่าเป็นเจ้าของทรัพย์สินที่แท้จริง กรมสรรพากรจึงตีความว่านายทักษิณควรเป็นผู้มีเงินได้และต้องเสียภาษีในฐานะบุคคลธรรมดา

    #Newskit
    วิบากกรรมทักษิณ คดี 112-ภาษีชินคอร์ปฯ 17 พ.ย. ถือเป็นอีกวันหนึ่งที่มีข่าวใหญ่เกี่ยวกับอดีตนายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตร สองเรื่องในวันเดียว เรื่องแรก เมื่อช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา นายอิทธิพร แก้วทิพย์ อัยการสูงสุด มีความเห็นควรที่จะยื่นอุทธรณ์คดีมาตรา 112 ที่นายทักษิณให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวแห่งหนึ่งที่กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ เมื่อปี 2558 หลังศาลอาญาพิพากษายกฟ้องเมื่อวันที่ 22 ส.ค. ก่อนหน้านี้ อัยการสูงสุดยื่นขยายระยะเวลาต่อศาลอาญาครั้งที่ 2 ไปถึงวันที่ 21 พ.ย. หลังจากนี้ คำสั่งของอัยการสูงสุดจะถูกส่งไปยังอัยการสำนักงานคดีอาญา 8 ซึ่งเป็นเจ้าของสำนวน เพื่อยื่นอุทธรณ์คดีต่อศาลอุทธรณ์ต่อไป ก่อนหน้านี้เมื่อเดือน ก.ย. ที่ผ่านมา อัยการสูงสุดคนที่แล้ว มีคำสั่งให้นำเรื่องการยื่นอุทธรณ์คดีมาตรา 112 ของนายทักษิณเข้าสู่การพิจารณากลั่นกรองของคณะกรรมการพิจารณาคดีมาตรา 112 ของอัยการสูงสุด ขณะนั้นมีมติ 8 ต่อ 2 เห็นควรไม่อุทธรณ์ ผ่านไปไม่นาน เรื่องที่สองตามมา ศาลฎีกาพิพากษากลับศาลอุทธรณ์ และศาลภาษีอากรกลาง ยกฟ้องคดีที่นายทักษิณฟ้องกรมสรรพากร และคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ ขอให้ศาลพิพากษาหรือมีคำสั่งให้เพิกถอนการประเมินตามหนังสือแจ้งภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ที่แจ้งให้นายทักษิณจ่ายภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาจากการขายหุ้น บริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) มีผลให้นายทักษิณ ต้องจ่ายภาษีตามคำสั่งเรียกเก็บจำนวน 1.76 หมื่นล้านบาท ศาลเห็นว่าการที่นายทักษิณปกปิดหุ้นชินคอร์ปฯ โดยให้บุคคลอื่น รวมถึงนายพานทองเเท้ และ น.ส.พินทองทา ถือหุ้นแทน เพราะจะเข้ารับตำแหน่งทางการเมืองที่กฎหมายห้ามมิให้โจทก์ถือหุ้น ส่งผลให้รัฐไม่สามารถจัดเก็บภาษีได้อย่างถูกต้องและแน่นอนตามเจตนารมณ์แห่งกฎหมาย อีกทั้งเป็นธุรกรรมที่ไม่มีเหตุผลทางเศรษฐกิจ นอกเหนือจากการหาประโยชน์อื่น รวมถึงภาษีเงินได้ และเป็นธุรกรรมที่ทำขึ้นเพื่อการอันมิชอบด้วยกฎหมายอย่างร้ายแรง จึงไม่มีเหตุงดและลดเบี้ยปรับและเงินเพิ่มแก่โจทก์ คดีนี้เป็นผลสืบเนื่องมาจากนายทักษิณขายหุ้นชินคอร์ปฯ ให้กองทุนเทมาเส็กของสิงคโปร์ มูลค่า 73,271 ล้านบาท เมื่อปี 2549 ซึ่งหนึ่งในนั้นเป็นหุ้นที่ถือครองแทนนายทักษิณ ในชื่อนายพานทองแท้ ชินวัตร และ น.ส.พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ ซื้อมาจากบริษัท แอมเพิลริช ในราคาหุ้นละ 1 บาท แล้วนำไปขายต่อให้กลุ่มเทมาเส็กในราคาหุ้นละ 49.25 บาท ซึ่งเป็นการทำธุรกรรมนอกตลาดหลักทรัพย์ ต่อมามีคดียึดทรัพย์นายทักษิณ ซึ่งระบุว่าเป็นเจ้าของทรัพย์สินที่แท้จริง กรมสรรพากรจึงตีความว่านายทักษิณควรเป็นผู้มีเงินได้และต้องเสียภาษีในฐานะบุคคลธรรมดา #Newskit
    Like
    2
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 343 มุมมอง 0 รีวิว
  • Intel ประกาศยกเลิกการพัฒนา Xeon Diamond Rapids รุ่น 8-channel memory

    เดิมที Intel มีแผนเปิดตัว Xeon 7 Diamond Rapids ทั้งรุ่น 8-channel และ 16-channel memory แต่ล่าสุดบริษัทได้ยืนยันว่าจะยกเลิกสาย 8-channel และหันไปโฟกัสเฉพาะรุ่น 16-channel เท่านั้น เหตุผลคือเพื่อ “simplify platform” และมอบประสิทธิภาพสูงสุดให้กับลูกค้าในตลาดเซิร์ฟเวอร์.

    ประสิทธิภาพที่เหนือกว่า
    รุ่น 16-channel จะให้แบนด์วิดท์หน่วยความจำสูงถึง 1.6 TB/s (เพิ่มจาก ~844 GB/s ใน Xeon 6) โดยใช้เทคโนโลยี MRDIMM รุ่นที่สอง ที่สามารถเพิ่มความเร็วจาก 8,800 MT/s เป็น 12,800 MT/s นอกจากนี้ Xeon 7 จะใช้ LGA9324 socket และมีสูงสุด 192 คอร์ (4 tiles × 48 cores) แม้ยังไม่มี Hyper-Threading แต่จะถูกเพิ่มในรุ่น Coral Rapids ถัดไป.

    การแข่งขันกับ AMD
    การตัดสินใจครั้งนี้เกิดขึ้นในช่วงที่ AMD เตรียมเปิดตัว EPYC Venice (Zen 6, 2nm) ที่อาจมีมากถึง 256 cores ทำให้ Intel เสียเปรียบด้านจำนวนคอร์ แต่ยังคงได้เปรียบในด้านแบนด์วิดท์หน่วยความจำและการรองรับ MRDIMM ซึ่งเป็นจุดขายสำคัญสำหรับงาน data center และ AI workload.

    ผลกระทบต่อตลาด
    การยกเลิกรุ่น 8-channel หมายความว่าลูกค้าที่เคยใช้ Xeon 6 รุ่น 6700P/6500P (8-channel) จะไม่มีรุ่นสืบทอดโดยตรง ทำให้ต้องขยับไปใช้รุ่น 16-channel ที่มีต้นทุนสูงกว่า แม้จะได้ประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น แต่ก็อาจกระทบต่อผู้ใช้งานที่ต้องการโซลูชันราคาประหยัด.

    สรุปสาระสำคัญ
    Intel ยกเลิกรุ่น Xeon Diamond Rapids 8-channel
    มุ่งเน้นเฉพาะรุ่น 16-channel memory
    เพื่อ simplify platform และเพิ่ม throughput

    รุ่น 16-channel memory
    แบนด์วิดท์สูงสุด 1.6 TB/s
    ใช้ MRDIMM รุ่นที่สอง ความเร็ว 12,800 MT/s

    สเปก Xeon 7
    ใช้ LGA9324 socket
    สูงสุด 192 คอร์ (4×48 cores)

    การแข่งขันกับ AMD
    EPYC Venice อาจมี 256 cores
    Intel ได้เปรียบด้าน memory bandwidth

    ผลกระทบต่อลูกค้า
    ไม่มีรุ่นสืบทอดสำหรับ Xeon 6 8-channel
    ลูกค้าต้องขยับไปใช้รุ่น 16-channel ที่แพงกว่า

    https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/intel-cancels-part-of-its-next-gen-diamond-rapids-xeon-lineup-report-claims-xeon-7-will-drop-models-with-8-memory-dimms-to-focus-only-on-16-channel-cpus-for-extra-memory-throughput
    🖥️ Intel ประกาศยกเลิกการพัฒนา Xeon Diamond Rapids รุ่น 8-channel memory เดิมที Intel มีแผนเปิดตัว Xeon 7 Diamond Rapids ทั้งรุ่น 8-channel และ 16-channel memory แต่ล่าสุดบริษัทได้ยืนยันว่าจะยกเลิกสาย 8-channel และหันไปโฟกัสเฉพาะรุ่น 16-channel เท่านั้น เหตุผลคือเพื่อ “simplify platform” และมอบประสิทธิภาพสูงสุดให้กับลูกค้าในตลาดเซิร์ฟเวอร์. ⚡ ประสิทธิภาพที่เหนือกว่า รุ่น 16-channel จะให้แบนด์วิดท์หน่วยความจำสูงถึง 1.6 TB/s (เพิ่มจาก ~844 GB/s ใน Xeon 6) โดยใช้เทคโนโลยี MRDIMM รุ่นที่สอง ที่สามารถเพิ่มความเร็วจาก 8,800 MT/s เป็น 12,800 MT/s นอกจากนี้ Xeon 7 จะใช้ LGA9324 socket และมีสูงสุด 192 คอร์ (4 tiles × 48 cores) แม้ยังไม่มี Hyper-Threading แต่จะถูกเพิ่มในรุ่น Coral Rapids ถัดไป. 🆚 การแข่งขันกับ AMD การตัดสินใจครั้งนี้เกิดขึ้นในช่วงที่ AMD เตรียมเปิดตัว EPYC Venice (Zen 6, 2nm) ที่อาจมีมากถึง 256 cores ทำให้ Intel เสียเปรียบด้านจำนวนคอร์ แต่ยังคงได้เปรียบในด้านแบนด์วิดท์หน่วยความจำและการรองรับ MRDIMM ซึ่งเป็นจุดขายสำคัญสำหรับงาน data center และ AI workload. ⚠️ ผลกระทบต่อตลาด การยกเลิกรุ่น 8-channel หมายความว่าลูกค้าที่เคยใช้ Xeon 6 รุ่น 6700P/6500P (8-channel) จะไม่มีรุ่นสืบทอดโดยตรง ทำให้ต้องขยับไปใช้รุ่น 16-channel ที่มีต้นทุนสูงกว่า แม้จะได้ประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น แต่ก็อาจกระทบต่อผู้ใช้งานที่ต้องการโซลูชันราคาประหยัด. 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ Intel ยกเลิกรุ่น Xeon Diamond Rapids 8-channel ➡️ มุ่งเน้นเฉพาะรุ่น 16-channel memory ➡️ เพื่อ simplify platform และเพิ่ม throughput ✅ รุ่น 16-channel memory ➡️ แบนด์วิดท์สูงสุด 1.6 TB/s ➡️ ใช้ MRDIMM รุ่นที่สอง ความเร็ว 12,800 MT/s ✅ สเปก Xeon 7 ➡️ ใช้ LGA9324 socket ➡️ สูงสุด 192 คอร์ (4×48 cores) ✅ การแข่งขันกับ AMD ➡️ EPYC Venice อาจมี 256 cores ➡️ Intel ได้เปรียบด้าน memory bandwidth ‼️ ผลกระทบต่อลูกค้า ⛔ ไม่มีรุ่นสืบทอดสำหรับ Xeon 6 8-channel ⛔ ลูกค้าต้องขยับไปใช้รุ่น 16-channel ที่แพงกว่า https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/intel-cancels-part-of-its-next-gen-diamond-rapids-xeon-lineup-report-claims-xeon-7-will-drop-models-with-8-memory-dimms-to-focus-only-on-16-channel-cpus-for-extra-memory-throughput
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 159 มุมมอง 0 รีวิว
  • รวมข่าวจาก TechRadar ประจำวัน
    #20251117 #techradar

    RansomHouse โจมตี Fulgar – ข้อมูลลับหลุดว่อน
    บริษัท Fulgar ผู้ผลิตเส้นใยสังเคราะห์รายใหญ่ที่ส่งให้แบรนด์ดังอย่าง H&M และ Adidas ถูกกลุ่มแฮ็กเกอร์ RansomHouse โจมตีด้วยแรนซัมแวร์ ข้อมูลภายใน เช่น ยอดเงินในบัญชี ใบแจ้งหนี้ และการสื่อสารกับลูกค้า ถูกนำไปเผยแพร่บนเว็บมืด เหตุการณ์นี้สะท้อนว่าซัพพลายเชนแฟชั่นระดับโลกก็ยังเสี่ยงต่อการถูกโจมตีไซเบอร์ได้ง่าย

    ทดสอบ AI ยักษ์ใหญ่ – ChatGPT, Gemini, Claude ถูกกดดันด้วยคำสั่งสุดโต่ง
    นักวิจัยทดลองกดดันโมเดล AI ชั้นนำด้วยคำสั่งที่ซับซ้อนและสุดโต่ง ผลปรากฏว่าระบบยังมีช่องโหว่ สามารถถูกบังคับให้ทำงานผิดจุดประสงค์ได้ การทดสอบนี้ชี้ให้เห็นว่าการป้องกัน AI ยังไม่สมบูรณ์ และผู้ใช้ควรตระหนักถึงความเสี่ยงในการใช้งาน

    Nvidia เปิดตัว Hyperlink – เปลี่ยน PC เป็นศูนย์กลาง AI ส่วนตัว
    Nvidia เปิดตัวแอป Hyperlink ที่ทำให้คอมพิวเตอร์กลายเป็นเครื่องมือค้นหาข้อมูลส่วนตัวด้วย AI สามารถเจาะเข้าไปในไฟล์ต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็วและปลอดภัย จุดเด่นคือการทำงานแบบ private ไม่ต้องพึ่งคลาวด์ เหมาะสำหรับองค์กรที่ต้องการความปลอดภัยและความเร็ว

    กล้อง Camp Snap Retro – ของขวัญราคาประหยัดที่มีสไตล์
    บทความแนะนำกล้องคอมแพ็ก Camp Snap Retro ที่สามารถสั่งทำแบบ personalized ได้ ราคาย่อมเยา เหมาะเป็นของขวัญสำหรับคนที่ชอบถ่ายภาพและชื่นชอบสไตล์ย้อนยุค

    Thunderobot Mix G2 – คู่แข่งใหม่ของ Asus ROG NUC
    Thunderobot เปิดตัว Mini PC รุ่น Mix G2 ที่มาพร้อม GPU แรงและดีไซน์กะทัดรัด กลายเป็นคู่แข่งโดยตรงกับ Asus ROG NUC 2025 จุดขายคือพลังการประมวลผลสูงและชื่อแบรนด์ที่สะดุดตา

    Mini PC ราคาต่ำกว่า $500 – ทางเลือกแทน Steam Machine
    บทความรวบรวม Mini PC ห้ารุ่นที่ราคาไม่เกิน $500 แต่สามารถรัน SteamOS และเล่นเกมได้ ถือเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าแทนการซื้อเครื่องเกมใหม่จาก Valve

    ฮาร์ดดิสก์ Seagate Exos 2X18 – เร็วเกือบเทียบ SSD
    Seagate เปิดตัวฮาร์ดดิสก์ความจุ 18TB รุ่น Exos 2X18 ที่มีความเร็วสูงจนใกล้เคียง SSD SATA แม้ราคาจะไม่ถูก แต่ถือเป็นก้าวสำคัญในการพัฒนาฮาร์ดดิสก์ให้ตอบโจทย์งานที่ต้องการความเร็ว

    Belkin เรียกคืน Power Bank และแท่นชาร์จ – เสี่ยงไฟไหม้
    Belkin ประกาศเรียกคืนผลิตภัณฑ์ Power Bank และแท่นชาร์จหลายรุ่น เนื่องจากมีความเสี่ยงเกิดไฟไหม้ ผู้ใช้ควรตรวจสอบหมายเลขรุ่นและหยุดใช้งานทันทีเพื่อความปลอดภัย

    Seagate เปิดตัวระบบเก็บข้อมูล AI-ready – ความจุสูงสุด 3.2PB
    Seagate เปิดตัวโซลูชันเก็บข้อมูลใหม่ที่รองรับงาน AI โดยสามารถเก็บข้อมูลได้สูงสุดถึง 3.2 เพตะไบต์ในเครื่องเดียว เหมาะสำหรับองค์กรที่ต้องจัดการข้อมูลมหาศาลและต้องการความเร็วในการประมวลผล

    ไปตามเจาะข่าวกันได้ที่ : https://www.techradar.com/
    📌🪛🟢 รวมข่าวจาก TechRadar ประจำวัน 🟢🪛📌 #20251117 #techradar 🛡️ RansomHouse โจมตี Fulgar – ข้อมูลลับหลุดว่อน บริษัท Fulgar ผู้ผลิตเส้นใยสังเคราะห์รายใหญ่ที่ส่งให้แบรนด์ดังอย่าง H&M และ Adidas ถูกกลุ่มแฮ็กเกอร์ RansomHouse โจมตีด้วยแรนซัมแวร์ ข้อมูลภายใน เช่น ยอดเงินในบัญชี ใบแจ้งหนี้ และการสื่อสารกับลูกค้า ถูกนำไปเผยแพร่บนเว็บมืด เหตุการณ์นี้สะท้อนว่าซัพพลายเชนแฟชั่นระดับโลกก็ยังเสี่ยงต่อการถูกโจมตีไซเบอร์ได้ง่าย 🤖 ทดสอบ AI ยักษ์ใหญ่ – ChatGPT, Gemini, Claude ถูกกดดันด้วยคำสั่งสุดโต่ง นักวิจัยทดลองกดดันโมเดล AI ชั้นนำด้วยคำสั่งที่ซับซ้อนและสุดโต่ง ผลปรากฏว่าระบบยังมีช่องโหว่ สามารถถูกบังคับให้ทำงานผิดจุดประสงค์ได้ การทดสอบนี้ชี้ให้เห็นว่าการป้องกัน AI ยังไม่สมบูรณ์ และผู้ใช้ควรตระหนักถึงความเสี่ยงในการใช้งาน 💻 Nvidia เปิดตัว Hyperlink – เปลี่ยน PC เป็นศูนย์กลาง AI ส่วนตัว Nvidia เปิดตัวแอป Hyperlink ที่ทำให้คอมพิวเตอร์กลายเป็นเครื่องมือค้นหาข้อมูลส่วนตัวด้วย AI สามารถเจาะเข้าไปในไฟล์ต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็วและปลอดภัย จุดเด่นคือการทำงานแบบ private ไม่ต้องพึ่งคลาวด์ เหมาะสำหรับองค์กรที่ต้องการความปลอดภัยและความเร็ว 📸 กล้อง Camp Snap Retro – ของขวัญราคาประหยัดที่มีสไตล์ บทความแนะนำกล้องคอมแพ็ก Camp Snap Retro ที่สามารถสั่งทำแบบ personalized ได้ ราคาย่อมเยา เหมาะเป็นของขวัญสำหรับคนที่ชอบถ่ายภาพและชื่นชอบสไตล์ย้อนยุค 🎮 Thunderobot Mix G2 – คู่แข่งใหม่ของ Asus ROG NUC Thunderobot เปิดตัว Mini PC รุ่น Mix G2 ที่มาพร้อม GPU แรงและดีไซน์กะทัดรัด กลายเป็นคู่แข่งโดยตรงกับ Asus ROG NUC 2025 จุดขายคือพลังการประมวลผลสูงและชื่อแบรนด์ที่สะดุดตา 🕹️ Mini PC ราคาต่ำกว่า $500 – ทางเลือกแทน Steam Machine บทความรวบรวม Mini PC ห้ารุ่นที่ราคาไม่เกิน $500 แต่สามารถรัน SteamOS และเล่นเกมได้ ถือเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าแทนการซื้อเครื่องเกมใหม่จาก Valve 💾 ฮาร์ดดิสก์ Seagate Exos 2X18 – เร็วเกือบเทียบ SSD Seagate เปิดตัวฮาร์ดดิสก์ความจุ 18TB รุ่น Exos 2X18 ที่มีความเร็วสูงจนใกล้เคียง SSD SATA แม้ราคาจะไม่ถูก แต่ถือเป็นก้าวสำคัญในการพัฒนาฮาร์ดดิสก์ให้ตอบโจทย์งานที่ต้องการความเร็ว 🔌 Belkin เรียกคืน Power Bank และแท่นชาร์จ – เสี่ยงไฟไหม้ Belkin ประกาศเรียกคืนผลิตภัณฑ์ Power Bank และแท่นชาร์จหลายรุ่น เนื่องจากมีความเสี่ยงเกิดไฟไหม้ ผู้ใช้ควรตรวจสอบหมายเลขรุ่นและหยุดใช้งานทันทีเพื่อความปลอดภัย 📂 Seagate เปิดตัวระบบเก็บข้อมูล AI-ready – ความจุสูงสุด 3.2PB Seagate เปิดตัวโซลูชันเก็บข้อมูลใหม่ที่รองรับงาน AI โดยสามารถเก็บข้อมูลได้สูงสุดถึง 3.2 เพตะไบต์ในเครื่องเดียว เหมาะสำหรับองค์กรที่ต้องจัดการข้อมูลมหาศาลและต้องการความเร็วในการประมวลผล ไปตามเจาะข่าวกันได้ที่ : https://www.techradar.com/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 321 มุมมอง 0 รีวิว
  • "พีระพันธุ์" เปิดตัว สส. กาญจนบุรี ชู "เกษตรแปลงใหญ่" นโยบายเปลี่ยนชีวิตเกษตรกรไทย นราพัฒน์ ยัน โซลาร์เซลล์ช่วยเกษตรกรลดต้นทุน
    https://www.thai-tai.tv/news/22397/
    .
    #ไทยไท #รวมไทยสร้างชาติ #พีระพันธุ์ #เกษตรแปลงใหญ่ #โซลาร์เสรี #กาญจนบุรี

    "พีระพันธุ์" เปิดตัว สส. กาญจนบุรี ชู "เกษตรแปลงใหญ่" นโยบายเปลี่ยนชีวิตเกษตรกรไทย นราพัฒน์ ยัน โซลาร์เซลล์ช่วยเกษตรกรลดต้นทุน https://www.thai-tai.tv/news/22397/ . #ไทยไท #รวมไทยสร้างชาติ #พีระพันธุ์ #เกษตรแปลงใหญ่ #โซลาร์เสรี #กาญจนบุรี
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 121 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts