• “Snapdragon 8 Elite Gen 5 เปิดตัวแล้ว — ชิปมือถือที่เร็วที่สุดในโลก พร้อม AI แบบ ‘Agentic’ ที่เรียนรู้และตัดสินใจแทนผู้ใช้”

    Qualcomm เปิดตัว Snapdragon 8 Elite Gen 5 อย่างเป็นทางการในงาน Snapdragon Summit 2025 ที่ฮาวาย โดยชูจุดเด่นว่าเป็น “ชิปมือถือที่เร็วที่สุดในโลก” ด้วยสถาปัตยกรรม Oryon Gen 3 ที่มี 2 คอร์ Prime ความเร็วสูงสุด 4.6GHz และ 6 คอร์ Performance ที่ 3.62GHz พร้อมแคชรวม 24MB ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพแบบ single-core ถึง 20% และ multi-core 17% เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า

    แต่สิ่งที่โดดเด่นที่สุดคือการพัฒนา AI แบบใหม่ที่ Qualcomm เรียกว่า “Agentic AI” ซึ่งไม่ใช่แค่ผู้ช่วยที่ตอบสนอง แต่เป็นระบบที่เรียนรู้จากผู้ใช้และตัดสินใจแทนได้ เช่น การจัดการภาพ, โพสต์บนโซเชียล, หรือแม้แต่การสื่อสารกับแอปต่าง ๆ โดยใช้ Hexagon NPU รุ่นใหม่ที่เร็วขึ้น 37% และประหยัดพลังงานขึ้น 16%

    ด้านกราฟิก Snapdragon 8 Elite Gen 5 มาพร้อม Adreno GPU รุ่นใหม่ที่เร็วขึ้น 23% และประหยัดพลังงานขึ้น 20% รองรับ ray tracing แบบ hardware และ mesh shading พร้อม Adreno High Performance Memory (HPM) ขนาด 18MB ที่ช่วยเพิ่ม bandwidth ถึง 38% และลดการใช้พลังงานในเกมยาว ๆ ได้ถึง 10%

    Qualcomm ยังร่วมมือกับ Epic Games เพื่อปรับแต่ง Unreal Engine ให้ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพบน Snapdragon เช่น Lumen, Nanite และ Chaos Physics ซึ่งช่วยให้เกมมือถือมีภาพระดับคอนโซล

    นอกจากนี้ยังมีการรองรับ Advanced Professional Video (APV) codec สำหรับการถ่ายวิดีโอคุณภาพสูงแบบมืออาชีพ และระบบ Sensing Hub ที่ช่วยให้ AI เรียนรู้จากการใช้งานจริง เช่น การจัดแสง, สี, และการโฟกัสภาพแบบอัตโนมัติ

    ชิปนี้จะเริ่มใช้งานในมือถือเรือธงจากแบรนด์ต่าง ๆ เช่น Xiaomi, Samsung, OnePlus, Sony, ASUS ROG และอีกหลายราย โดยคาดว่าจะเริ่มวางจำหน่ายภายในปลายปี 2025

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Snapdragon 8 Elite Gen 5 ใช้ Oryon Gen 3 CPU ความเร็วสูงสุด 4.6GHz
    มี 2 คอร์ Prime และ 6 คอร์ Performance พร้อมแคชรวม 24MB
    เพิ่มประสิทธิภาพ single-core 20% และ multi-core 17% จากรุ่นก่อน
    Hexagon NPU รุ่นใหม่เร็วขึ้น 37% และประหยัดพลังงานขึ้น 16%
    รองรับ Agentic AI ที่เรียนรู้และตัดสินใจแทนผู้ใช้
    Adreno GPU ใหม่เร็วขึ้น 23% และประหยัดพลังงานขึ้น 20%
    มี Adreno HPM ขนาด 18MB เพิ่ม bandwidth 38% และลดพลังงานเกม 10%
    รองรับ ray tracing, mesh shading และฟีเจอร์ Unreal Engine 5.3
    รองรับ APV codec สำหรับวิดีโอคุณภาพสูงระดับโปร
    ใช้โมเด็ม X85 รองรับ 5G สูงสุด 12.5Gbps และ Wi-Fi 7 พร้อม Bluetooth 6.0

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Agentic AI คือแนวคิดใหม่ที่ให้ AI เป็นผู้ร่วมตัดสินใจ ไม่ใช่แค่ผู้ช่วย
    Sensing Hub ช่วยให้ AI เรียนรู้จากการใช้งานจริงแบบต่อเนื่อง
    Adreno HPM เป็นหน่วยความจำเฉพาะ GPU ที่ช่วยลด latency
    APV codec ช่วยให้การถ่ายวิดีโอมีคุณภาพใกล้เคียงกล้องโปร และรองรับ post-production
    Snapdragon 8 Elite Gen 5 ใช้กระบวนการผลิต 3nm N3P จาก TSMC

    https://www.techpowerup.com/341312/qualcomm-unveils-snapdragon-8-elite-gen-5-soc-with-impressive-performance-claims
    📱 “Snapdragon 8 Elite Gen 5 เปิดตัวแล้ว — ชิปมือถือที่เร็วที่สุดในโลก พร้อม AI แบบ ‘Agentic’ ที่เรียนรู้และตัดสินใจแทนผู้ใช้” Qualcomm เปิดตัว Snapdragon 8 Elite Gen 5 อย่างเป็นทางการในงาน Snapdragon Summit 2025 ที่ฮาวาย โดยชูจุดเด่นว่าเป็น “ชิปมือถือที่เร็วที่สุดในโลก” ด้วยสถาปัตยกรรม Oryon Gen 3 ที่มี 2 คอร์ Prime ความเร็วสูงสุด 4.6GHz และ 6 คอร์ Performance ที่ 3.62GHz พร้อมแคชรวม 24MB ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพแบบ single-core ถึง 20% และ multi-core 17% เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า แต่สิ่งที่โดดเด่นที่สุดคือการพัฒนา AI แบบใหม่ที่ Qualcomm เรียกว่า “Agentic AI” ซึ่งไม่ใช่แค่ผู้ช่วยที่ตอบสนอง แต่เป็นระบบที่เรียนรู้จากผู้ใช้และตัดสินใจแทนได้ เช่น การจัดการภาพ, โพสต์บนโซเชียล, หรือแม้แต่การสื่อสารกับแอปต่าง ๆ โดยใช้ Hexagon NPU รุ่นใหม่ที่เร็วขึ้น 37% และประหยัดพลังงานขึ้น 16% ด้านกราฟิก Snapdragon 8 Elite Gen 5 มาพร้อม Adreno GPU รุ่นใหม่ที่เร็วขึ้น 23% และประหยัดพลังงานขึ้น 20% รองรับ ray tracing แบบ hardware และ mesh shading พร้อม Adreno High Performance Memory (HPM) ขนาด 18MB ที่ช่วยเพิ่ม bandwidth ถึง 38% และลดการใช้พลังงานในเกมยาว ๆ ได้ถึง 10% Qualcomm ยังร่วมมือกับ Epic Games เพื่อปรับแต่ง Unreal Engine ให้ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพบน Snapdragon เช่น Lumen, Nanite และ Chaos Physics ซึ่งช่วยให้เกมมือถือมีภาพระดับคอนโซล นอกจากนี้ยังมีการรองรับ Advanced Professional Video (APV) codec สำหรับการถ่ายวิดีโอคุณภาพสูงแบบมืออาชีพ และระบบ Sensing Hub ที่ช่วยให้ AI เรียนรู้จากการใช้งานจริง เช่น การจัดแสง, สี, และการโฟกัสภาพแบบอัตโนมัติ ชิปนี้จะเริ่มใช้งานในมือถือเรือธงจากแบรนด์ต่าง ๆ เช่น Xiaomi, Samsung, OnePlus, Sony, ASUS ROG และอีกหลายราย โดยคาดว่าจะเริ่มวางจำหน่ายภายในปลายปี 2025 ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Snapdragon 8 Elite Gen 5 ใช้ Oryon Gen 3 CPU ความเร็วสูงสุด 4.6GHz ➡️ มี 2 คอร์ Prime และ 6 คอร์ Performance พร้อมแคชรวม 24MB ➡️ เพิ่มประสิทธิภาพ single-core 20% และ multi-core 17% จากรุ่นก่อน ➡️ Hexagon NPU รุ่นใหม่เร็วขึ้น 37% และประหยัดพลังงานขึ้น 16% ➡️ รองรับ Agentic AI ที่เรียนรู้และตัดสินใจแทนผู้ใช้ ➡️ Adreno GPU ใหม่เร็วขึ้น 23% และประหยัดพลังงานขึ้น 20% ➡️ มี Adreno HPM ขนาด 18MB เพิ่ม bandwidth 38% และลดพลังงานเกม 10% ➡️ รองรับ ray tracing, mesh shading และฟีเจอร์ Unreal Engine 5.3 ➡️ รองรับ APV codec สำหรับวิดีโอคุณภาพสูงระดับโปร ➡️ ใช้โมเด็ม X85 รองรับ 5G สูงสุด 12.5Gbps และ Wi-Fi 7 พร้อม Bluetooth 6.0 ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Agentic AI คือแนวคิดใหม่ที่ให้ AI เป็นผู้ร่วมตัดสินใจ ไม่ใช่แค่ผู้ช่วย ➡️ Sensing Hub ช่วยให้ AI เรียนรู้จากการใช้งานจริงแบบต่อเนื่อง ➡️ Adreno HPM เป็นหน่วยความจำเฉพาะ GPU ที่ช่วยลด latency ➡️ APV codec ช่วยให้การถ่ายวิดีโอมีคุณภาพใกล้เคียงกล้องโปร และรองรับ post-production ➡️ Snapdragon 8 Elite Gen 5 ใช้กระบวนการผลิต 3nm N3P จาก TSMC https://www.techpowerup.com/341312/qualcomm-unveils-snapdragon-8-elite-gen-5-soc-with-impressive-performance-claims
    WWW.TECHPOWERUP.COM
    Qualcomm Unveils Snapdragon 8 Elite Gen 5 SoC With Impressive Performance Claims
    As expected, along with the latest laptop-class Arm SoC, the Snapdragon X2 Elite series Qualcomm has officially unveiled its latest flagship mobile SoC, the Snapdragon 8 Elite Gen 5. The 8 Elite Gen 5 launch sees Qualcomm lean even further into AI workloads while adding a handful of spec upgrades to...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 31 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Open Source Summit Korea 2025 — จุดตัดของโค้ด ชุมชน และอนาคตดิจิทัลโลก”

    วันที่ 4–5 พฤศจิกายน 2025 กรุงโซลจะกลายเป็นศูนย์กลางของโลกโอเพ่นซอร์สอีกครั้ง กับงาน Open Source Summit Korea 2025 ที่จัดโดย Linux Foundation ซึ่งปีนี้เน้นการรวมตัวของนักพัฒนา ผู้นำชุมชน และองค์กรเทคโนโลยีระดับโลก เพื่อแลกเปลี่ยนไอเดีย ผลักดันนวัตกรรม และสร้างความร่วมมือใหม่ ๆ ในยุคที่โอเพ่นซอร์สไม่ใช่แค่เครื่องมือ แต่เป็นโครงสร้างพื้นฐานของโลกดิจิทัล

    งานนี้มี 7 แทร็กหลักที่ครอบคลุมทุกมิติของเทคโนโลยีโอเพ่นซอร์ส ตั้งแต่ Cloud & Containers, Embedded Linux, Linux Kernel, AI + Data, Open Source Leadership, Operations Management ไปจนถึง Safety-Critical Software ที่ใช้ในอุตสาหกรรมที่ต้องการความน่าเชื่อถือสูง เช่น การบินและการแพทย์

    กิจกรรมภายในงานประกอบด้วยเวิร์กช็อปแบบลงมือจริง, การบรรยายจากผู้เชี่ยวชาญ, Showcase โซลูชันใหม่ ๆ และกิจกรรมสร้างเครือข่ายอย่าง Tux Trek ที่เปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมได้พบปะแลกเปลี่ยนกันอย่างไม่เป็นทางการ

    ผู้บรรยายในปีนี้มีทั้ง Linus Torvalds ผู้สร้าง Linux และ Git, Jung-Woo Ha เลขาธิการฝ่าย AI ของประธานาธิบดีเกาหลีใต้ และ Dirk Hohndel หัวหน้า Open Source Program Office ซึ่งจะร่วมกันสะท้อนภาพรวมของโอเพ่นซอร์สในระดับโลกและระดับประเทศ

    นอกจากเนื้อหาทางเทคนิคแล้ว งานนี้ยังเน้นการสร้างความเข้าใจเรื่องการนำโอเพ่นซอร์สไปใช้ในองค์กรอย่างยั่งยืน เช่น การจัดตั้ง OSPO (Open Source Program Office), การบริหารโครงการแบบกระจาย และการจัดการความปลอดภัยในซัพพลายเชนซอฟต์แวร์

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    งานจัดขึ้นวันที่ 4–5 พฤศจิกายน 2025 ที่กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้
    เป็นเวทีรวมตัวของนักพัฒนา ผู้นำชุมชน และองค์กรเทคโนโลยีระดับโลก
    มี 7 แทร็กหลัก ได้แก่ Cloud, Embedded Linux, Linux, AI + Data, Leadership, Operations, Safety-Critical
    มีกิจกรรมเวิร์กช็อป, Showcase, Keynote และ Tux Trek สำหรับสร้างเครือข่าย
    ผู้บรรยายเด่น ได้แก่ Linus Torvalds, Jung-Woo Ha และ Dirk Hohndel
    เน้นการนำโอเพ่นซอร์สไปใช้ในองค์กรผ่าน OSPO และการจัดการความปลอดภัย
    โซลเป็นเมืองเทคโนโลยีที่เหมาะกับการจัดงานระดับโลก

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    OSPO คือหน่วยงานภายในองค์กรที่ดูแลการใช้และสนับสนุนโอเพ่นซอร์สอย่างเป็นระบบ
    Linux Foundation เป็นองค์กรหลักที่ผลักดันโอเพ่นซอร์สในระดับโลก
    Tux Trek เป็นกิจกรรมสร้างเครือข่ายที่ได้รับความนิยมในงาน Summit ทั่วโลก
    Safety-Critical Software ถูกใช้ในระบบที่ต้องการความแม่นยำสูง เช่น รถยนต์ไร้คนขับและระบบทางการแพทย์
    AI + Open Source เป็นแนวโน้มสำคัญที่ผลักดันการพัฒนาโมเดลแบบโปร่งใสและตรวจสอบได้

    https://news.itsfoss.com/open-source-summit-korea-2025/
    🌐 “Open Source Summit Korea 2025 — จุดตัดของโค้ด ชุมชน และอนาคตดิจิทัลโลก” วันที่ 4–5 พฤศจิกายน 2025 กรุงโซลจะกลายเป็นศูนย์กลางของโลกโอเพ่นซอร์สอีกครั้ง กับงาน Open Source Summit Korea 2025 ที่จัดโดย Linux Foundation ซึ่งปีนี้เน้นการรวมตัวของนักพัฒนา ผู้นำชุมชน และองค์กรเทคโนโลยีระดับโลก เพื่อแลกเปลี่ยนไอเดีย ผลักดันนวัตกรรม และสร้างความร่วมมือใหม่ ๆ ในยุคที่โอเพ่นซอร์สไม่ใช่แค่เครื่องมือ แต่เป็นโครงสร้างพื้นฐานของโลกดิจิทัล งานนี้มี 7 แทร็กหลักที่ครอบคลุมทุกมิติของเทคโนโลยีโอเพ่นซอร์ส ตั้งแต่ Cloud & Containers, Embedded Linux, Linux Kernel, AI + Data, Open Source Leadership, Operations Management ไปจนถึง Safety-Critical Software ที่ใช้ในอุตสาหกรรมที่ต้องการความน่าเชื่อถือสูง เช่น การบินและการแพทย์ กิจกรรมภายในงานประกอบด้วยเวิร์กช็อปแบบลงมือจริง, การบรรยายจากผู้เชี่ยวชาญ, Showcase โซลูชันใหม่ ๆ และกิจกรรมสร้างเครือข่ายอย่าง Tux Trek ที่เปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมได้พบปะแลกเปลี่ยนกันอย่างไม่เป็นทางการ ผู้บรรยายในปีนี้มีทั้ง Linus Torvalds ผู้สร้าง Linux และ Git, Jung-Woo Ha เลขาธิการฝ่าย AI ของประธานาธิบดีเกาหลีใต้ และ Dirk Hohndel หัวหน้า Open Source Program Office ซึ่งจะร่วมกันสะท้อนภาพรวมของโอเพ่นซอร์สในระดับโลกและระดับประเทศ นอกจากเนื้อหาทางเทคนิคแล้ว งานนี้ยังเน้นการสร้างความเข้าใจเรื่องการนำโอเพ่นซอร์สไปใช้ในองค์กรอย่างยั่งยืน เช่น การจัดตั้ง OSPO (Open Source Program Office), การบริหารโครงการแบบกระจาย และการจัดการความปลอดภัยในซัพพลายเชนซอฟต์แวร์ ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ งานจัดขึ้นวันที่ 4–5 พฤศจิกายน 2025 ที่กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ ➡️ เป็นเวทีรวมตัวของนักพัฒนา ผู้นำชุมชน และองค์กรเทคโนโลยีระดับโลก ➡️ มี 7 แทร็กหลัก ได้แก่ Cloud, Embedded Linux, Linux, AI + Data, Leadership, Operations, Safety-Critical ➡️ มีกิจกรรมเวิร์กช็อป, Showcase, Keynote และ Tux Trek สำหรับสร้างเครือข่าย ➡️ ผู้บรรยายเด่น ได้แก่ Linus Torvalds, Jung-Woo Ha และ Dirk Hohndel ➡️ เน้นการนำโอเพ่นซอร์สไปใช้ในองค์กรผ่าน OSPO และการจัดการความปลอดภัย ➡️ โซลเป็นเมืองเทคโนโลยีที่เหมาะกับการจัดงานระดับโลก ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ OSPO คือหน่วยงานภายในองค์กรที่ดูแลการใช้และสนับสนุนโอเพ่นซอร์สอย่างเป็นระบบ ➡️ Linux Foundation เป็นองค์กรหลักที่ผลักดันโอเพ่นซอร์สในระดับโลก ➡️ Tux Trek เป็นกิจกรรมสร้างเครือข่ายที่ได้รับความนิยมในงาน Summit ทั่วโลก ➡️ Safety-Critical Software ถูกใช้ในระบบที่ต้องการความแม่นยำสูง เช่น รถยนต์ไร้คนขับและระบบทางการแพทย์ ➡️ AI + Open Source เป็นแนวโน้มสำคัญที่ผลักดันการพัฒนาโมเดลแบบโปร่งใสและตรวจสอบได้ https://news.itsfoss.com/open-source-summit-korea-2025/
    NEWS.ITSFOSS.COM
    Open Source Summit Korea
    Open Source Summit is a fundamental gathering place for exchanging ideas across projects and meeting all of the people who make open source communities work.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 34 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Qualcomm เปิดวิสัยทัศน์ ‘AI คือ UI’ พร้อมประกาศเปิดตัว 6G เชิงพาณิชย์ในปี 2028 — โลกกำลังเข้าสู่ยุค Agentic AI เต็มรูปแบบ”

    ในงาน Snapdragon Summit 2025 ที่ฮาวาย Cristiano Amon ซีอีโอของ Qualcomm ประกาศอย่างชัดเจนว่า “AI จะกลายเป็นอินเทอร์เฟซหลักของมนุษย์กับอุปกรณ์” โดยไม่ใช่แค่การตอบคำถามหรือแนะนำเท่านั้น แต่จะกลายเป็นผู้ช่วยที่เข้าใจบริบท, คาดการณ์ความต้องการ, และลงมือทำแทนผู้ใช้โดยอัตโนมัติ — นี่คือแนวคิดของ “Agentic AI”

    Qualcomm วางแผนให้แพลตฟอร์ม Snapdragon รุ่นใหม่ทั้งหมดรองรับการทำงานแบบ agent-driven โดยเฉพาะในอุปกรณ์ที่หลากหลาย เช่น สมาร์ตโฟน, แว่น AR, สมาร์ตวอทช์, หูฟัง และแม้แต่แหวนอัจฉริยะ ซึ่งจะเชื่อมต่อกันเป็น “ecosystem of you” ที่ AI สามารถทำงานร่วมกันข้ามอุปกรณ์ได้อย่างไร้รอยต่อ

    เพื่อให้วิสัยทัศน์นี้เป็นจริง Qualcomm ยังประกาศเปิดตัวโซลูชัน 6G เชิงพาณิชย์ในปี 2028 ซึ่งจะเป็นเครือข่ายที่ไม่เพียงแต่เร็วขึ้น แต่ยัง “ฉลาดขึ้น” โดยใช้ AI ในการจัดสรรแบนด์วิดท์, วิเคราะห์ข้อมูลเซนเซอร์, และเชื่อมต่อ edge กับ cloud อย่างมีประสิทธิภาพ

    6G จะใช้คลื่น terahertz ที่ให้ความเร็วและความหน่วงต่ำระดับใหม่ รองรับการใช้งานที่ต้องการความแม่นยำสูง เช่น การควบคุมอุปกรณ์แบบเรียลไทม์, การแสดงผล AR/VR, และการประมวลผล AI แบบกระจายตัว

    Qualcomm ยังเน้นว่า agentic computing จะเปลี่ยนโครงสร้างของชิปโดยสิ้นเชิง เช่น การออกแบบหน่วยความจำใหม่, โปรเซสเซอร์ที่ใช้พลังงานต่ำแต่มีประสิทธิภาพสูง, และโมเดล AI ที่สามารถฝึกใน cloud แต่ปรับแต่งได้ทันทีบน edge

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Qualcomm ประกาศว่า “AI คือ UI” และจะกลายเป็นอินเทอร์เฟซหลักของผู้ใช้
    Agentic AI จะทำงานแทนผู้ใช้โดยอัตโนมัติ เช่น จัดการอีเมล, นัดหมาย, หรือจองร้านอาหาร
    อุปกรณ์ต่าง ๆ จะเชื่อมต่อกันเป็น “ecosystem of you” เช่น แว่น AR, หูฟัง, สมาร์ตวอทช์
    Snapdragon รุ่นใหม่จะรองรับ agent-driven computing เต็มรูปแบบ
    Qualcomm เตรียมเปิดตัวโซลูชัน 6G เชิงพาณิชย์ในปี 2028
    6G จะใช้คลื่น terahertz และมี AI ฝังในเครือข่ายเพื่อจัดการแบนด์วิดท์แบบเรียลไทม์
    เครือข่าย 6G จะเชื่อม edge กับ cloud เพื่อสร้างประสบการณ์ AI แบบต่อเนื่อง
    Qualcomm ร่วมมือกับ Google, Samsung และ XREAL ในโครงการ AR และ XR

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Agentic AI คือแนวคิดที่ AI ไม่รอคำสั่ง แต่คาดการณ์และลงมือทำแทนผู้ใช้
    การประมวลผลแบบ edge ช่วยให้ AI ทำงานเร็วขึ้นและปลอดภัยมากขึ้น
    6G จะเป็นเครือข่ายแรกที่ออกแบบมาเพื่อรองรับ AI โดยเฉพาะ ไม่ใช่แค่การส่งข้อมูล
    Qualcomm เป็นสมาชิกของ 3GPP และ Verizon 6G Innovation Forum ซึ่งมีบทบาทในการกำหนดมาตรฐาน
    Snapdragon 8 Elite Gen 5 และ X2 Elite Extreme เป็นชิปที่ออกแบบมาเพื่อรองรับ agentic computing

    https://securityonline.info/qualcomms-ai-revolution-the-future-of-the-ai-as-the-ui-and-6g-connectivity/
    📡 “Qualcomm เปิดวิสัยทัศน์ ‘AI คือ UI’ พร้อมประกาศเปิดตัว 6G เชิงพาณิชย์ในปี 2028 — โลกกำลังเข้าสู่ยุค Agentic AI เต็มรูปแบบ” ในงาน Snapdragon Summit 2025 ที่ฮาวาย Cristiano Amon ซีอีโอของ Qualcomm ประกาศอย่างชัดเจนว่า “AI จะกลายเป็นอินเทอร์เฟซหลักของมนุษย์กับอุปกรณ์” โดยไม่ใช่แค่การตอบคำถามหรือแนะนำเท่านั้น แต่จะกลายเป็นผู้ช่วยที่เข้าใจบริบท, คาดการณ์ความต้องการ, และลงมือทำแทนผู้ใช้โดยอัตโนมัติ — นี่คือแนวคิดของ “Agentic AI” Qualcomm วางแผนให้แพลตฟอร์ม Snapdragon รุ่นใหม่ทั้งหมดรองรับการทำงานแบบ agent-driven โดยเฉพาะในอุปกรณ์ที่หลากหลาย เช่น สมาร์ตโฟน, แว่น AR, สมาร์ตวอทช์, หูฟัง และแม้แต่แหวนอัจฉริยะ ซึ่งจะเชื่อมต่อกันเป็น “ecosystem of you” ที่ AI สามารถทำงานร่วมกันข้ามอุปกรณ์ได้อย่างไร้รอยต่อ เพื่อให้วิสัยทัศน์นี้เป็นจริง Qualcomm ยังประกาศเปิดตัวโซลูชัน 6G เชิงพาณิชย์ในปี 2028 ซึ่งจะเป็นเครือข่ายที่ไม่เพียงแต่เร็วขึ้น แต่ยัง “ฉลาดขึ้น” โดยใช้ AI ในการจัดสรรแบนด์วิดท์, วิเคราะห์ข้อมูลเซนเซอร์, และเชื่อมต่อ edge กับ cloud อย่างมีประสิทธิภาพ 6G จะใช้คลื่น terahertz ที่ให้ความเร็วและความหน่วงต่ำระดับใหม่ รองรับการใช้งานที่ต้องการความแม่นยำสูง เช่น การควบคุมอุปกรณ์แบบเรียลไทม์, การแสดงผล AR/VR, และการประมวลผล AI แบบกระจายตัว Qualcomm ยังเน้นว่า agentic computing จะเปลี่ยนโครงสร้างของชิปโดยสิ้นเชิง เช่น การออกแบบหน่วยความจำใหม่, โปรเซสเซอร์ที่ใช้พลังงานต่ำแต่มีประสิทธิภาพสูง, และโมเดล AI ที่สามารถฝึกใน cloud แต่ปรับแต่งได้ทันทีบน edge ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Qualcomm ประกาศว่า “AI คือ UI” และจะกลายเป็นอินเทอร์เฟซหลักของผู้ใช้ ➡️ Agentic AI จะทำงานแทนผู้ใช้โดยอัตโนมัติ เช่น จัดการอีเมล, นัดหมาย, หรือจองร้านอาหาร ➡️ อุปกรณ์ต่าง ๆ จะเชื่อมต่อกันเป็น “ecosystem of you” เช่น แว่น AR, หูฟัง, สมาร์ตวอทช์ ➡️ Snapdragon รุ่นใหม่จะรองรับ agent-driven computing เต็มรูปแบบ ➡️ Qualcomm เตรียมเปิดตัวโซลูชัน 6G เชิงพาณิชย์ในปี 2028 ➡️ 6G จะใช้คลื่น terahertz และมี AI ฝังในเครือข่ายเพื่อจัดการแบนด์วิดท์แบบเรียลไทม์ ➡️ เครือข่าย 6G จะเชื่อม edge กับ cloud เพื่อสร้างประสบการณ์ AI แบบต่อเนื่อง ➡️ Qualcomm ร่วมมือกับ Google, Samsung และ XREAL ในโครงการ AR และ XR ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Agentic AI คือแนวคิดที่ AI ไม่รอคำสั่ง แต่คาดการณ์และลงมือทำแทนผู้ใช้ ➡️ การประมวลผลแบบ edge ช่วยให้ AI ทำงานเร็วขึ้นและปลอดภัยมากขึ้น ➡️ 6G จะเป็นเครือข่ายแรกที่ออกแบบมาเพื่อรองรับ AI โดยเฉพาะ ไม่ใช่แค่การส่งข้อมูล ➡️ Qualcomm เป็นสมาชิกของ 3GPP และ Verizon 6G Innovation Forum ซึ่งมีบทบาทในการกำหนดมาตรฐาน ➡️ Snapdragon 8 Elite Gen 5 และ X2 Elite Extreme เป็นชิปที่ออกแบบมาเพื่อรองรับ agentic computing https://securityonline.info/qualcomms-ai-revolution-the-future-of-the-ai-as-the-ui-and-6g-connectivity/
    SECURITYONLINE.INFO
    Qualcomm's AI Revolution: The Future of the "AI as the UI" and 6G Connectivity
    Qualcomm unveils its vision for an "AI as the UI" future, with Agentic AI and a 2028 roadmap for commercial-ready 6G mobile network solutions.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 27 มุมมอง 0 รีวิว
  • ไฮโซลูกนัท คนบ้าเสพติดความรุนแรง รอพิสูจน์ชะตากรรม : ถอนหมุดข่าว 23/09/68... ดูเพิ่มเติม
    ไฮโซลูกนัท คนบ้าเสพติดความรุนแรง รอพิสูจน์ชะตากรรม : ถอนหมุดข่าว 23/09/68... ดูเพิ่มเติม
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 52 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • 'ไฮโซลูกนัท' ทำร้ายร่างกายคนขับรถ ขโมยใบขับขี่ และขู่ทำร้ายครอบครัว ตำรวจบางละมุงเตรียมออกหมายจับหลังเมินนัด 3 ครั้ง
    https://www.thai-tai.tv/news/21581/
    .
    #ไทยไท #ไฮโซลูกนัท #ข่าวอาชญากรรม #ข่าววันนี้ #UdrinkIdrive #บางละมุง
    'ไฮโซลูกนัท' ทำร้ายร่างกายคนขับรถ ขโมยใบขับขี่ และขู่ทำร้ายครอบครัว ตำรวจบางละมุงเตรียมออกหมายจับหลังเมินนัด 3 ครั้ง https://www.thai-tai.tv/news/21581/ . #ไทยไท #ไฮโซลูกนัท #ข่าวอาชญากรรม #ข่าววันนี้ #UdrinkIdrive #บางละมุง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 45 มุมมอง 0 รีวิว
  • "ไฮโซลูกนัท" คนบ้า เสพติดความรุนแรง! ทำร้ายคนขับรถรับจ้าง เหตุไม่ยอมฝ่าไฟแดง ตำรวจเตรียมออกหมายจับ หากไม่มาให้ปากคำหลังหมายเรียกครั้งที่ 3 คดีทำร้ายพริตตี้ยังไม่ทันจบ รอพิสูจน์ชะตากรรมไฮโซคนดังจะเป็นอย่างไร?

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000090865

    #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire #เขมรลักลอบวางระเบิด
    "ไฮโซลูกนัท" คนบ้า เสพติดความรุนแรง! ทำร้ายคนขับรถรับจ้าง เหตุไม่ยอมฝ่าไฟแดง ตำรวจเตรียมออกหมายจับ หากไม่มาให้ปากคำหลังหมายเรียกครั้งที่ 3 คดีทำร้ายพริตตี้ยังไม่ทันจบ รอพิสูจน์ชะตากรรมไฮโซคนดังจะเป็นอย่างไร? อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000090865 #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire #เขมรลักลอบวางระเบิด
    Haha
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 190 มุมมอง 0 รีวิว
  • “MediaTek Dimensity 9500 เปิดตัวแล้ว — ชิปมือถือที่แรงที่สุดของค่าย พร้อม AI แบบ on-device และประหยัดพลังงานกว่าเดิม”

    MediaTek ประกาศเปิดตัวชิปเรือธงรุ่นใหม่ Dimensity 9500 ซึ่งจะถูกนำไปใช้ในสมาร์ตโฟนระดับไฮเอนด์ช่วงปลายปี 2025 โดยชูจุดเด่นด้านประสิทธิภาพสูงสุด การประมวลผล AI แบบ on-device และการจัดการพลังงานที่เหนือกว่ารุ่นก่อนหน้าอย่างชัดเจน

    Dimensity 9500 ใช้สถาปัตยกรรม CPU แบบ All Big Core รุ่นที่ 3 ประกอบด้วย ultra core ความเร็ว 4.21GHz, premium core 3 ตัว และ performance core อีก 4 ตัว พร้อมระบบจัดเก็บข้อมูลแบบ UFS 4.1 แบบ 4 ช่อง ซึ่งช่วยเพิ่มความเร็วในการอ่าน/เขียนข้อมูลขึ้นถึง 2 เท่า และลดการใช้พลังงานสูงสุดถึง 55% เมื่อเทียบกับรุ่นก่อน

    ด้านกราฟิก ชิปนี้มาพร้อม GPU Arm G1-Ultra ที่ให้ประสิทธิภาพสูงขึ้น 33% และประหยัดพลังงานขึ้น 42% รองรับการเล่นเกมระดับคอนโซลด้วย frame interpolation สูงสุด 120 FPS และ ray tracing แบบเรียลไทม์ พร้อมรองรับฟีเจอร์ MegaLights และ Nanite จาก Unreal Engine 5.6 และ 5.5

    ในส่วนของ AI Dimensity 9500 ใช้ NPU รุ่นที่ 9 พร้อม Generative AI Engine 2.0 ที่สามารถประมวลผลโมเดลขนาดใหญ่ได้เร็วขึ้น 100% และลดการใช้พลังงานลงถึง 56% รองรับการสร้างภาพ 4K แบบ ultra-HD และข้อความยาวถึง 128K token ได้แบบ on-device โดยไม่ต้องพึ่งคลาวด์

    ด้านกล้องและภาพ Dimensity 9500 รองรับการถ่ายภาพ RAW สูงสุด 200MP พร้อมระบบโฟกัสต่อเนื่อง 30 FPS และวิดีโอ 4K 60 FPS แบบ cinematic portrait นอกจากนี้ยังมี MiraVision Adaptive Display ที่ปรับแสง สี และความคมชัดตามสภาพแวดล้อมแบบเรียลไทม์

    การเชื่อมต่อก็ไม่แพ้ใคร ด้วยระบบ multi-network intelligence ที่ช่วยลด latency ได้ถึง 50% และเพิ่มความแม่นยำในการระบุตำแหน่ง 20% พร้อมระบบ AI ที่ช่วยเลือกเครือข่ายที่ดีที่สุดในแต่ละสถานการณ์

    จุดเด่นของ MediaTek Dimensity 9500
    ใช้ CPU แบบ All Big Core รุ่นที่ 3 พร้อม ultra core 4.21GHz
    เพิ่มประสิทธิภาพ single-core 32% และ multi-core 17% จากรุ่นก่อน
    ลดการใช้พลังงานสูงสุด 55% เมื่อทำงานเต็มที่
    รองรับ UFS 4.1 แบบ 4 ช่อง เพิ่มความเร็วอ่าน/เขียนข้อมูล 2 เท่า

    ด้านกราฟิกและการเล่นเกม
    GPU Arm G1-Ultra ให้ประสิทธิภาพสูงขึ้น 33% และประหยัดพลังงานขึ้น 42%
    รองรับ frame interpolation สูงสุด 120 FPS และ ray tracing แบบเรียลไทม์
    รองรับ MegaLights และ Nanite จาก Unreal Engine 5.6 และ 5.5

    ด้าน AI และการประมวลผลโมเดล
    ใช้ NPU 990 รุ่นที่ 9 พร้อม Generative AI Engine 2.0
    รองรับ BitNet 1.58-bit สำหรับโมเดลขนาดใหญ่
    ประมวลผล LLM ขนาด 3 พันล้านพารามิเตอร์ได้เร็วขึ้น 100%
    รองรับข้อความยาว 128K token และภาพ 4K ultra-HD แบบ on-device

    ด้านกล้องและการแสดงผล
    รองรับการถ่ายภาพ RAW สูงสุด 200MP และวิดีโอ 4K 60 FPS แบบ portrait
    MiraVision Adaptive Display ปรับแสง สี และความคมชัดตามสภาพแวดล้อม
    ป้องกันการร้อนเกินเมื่อใช้งานกลางแจ้ง และถนอมสายตาในที่มืด

    ด้านการเชื่อมต่อและพลังงาน
    AI-powered communication ลดการใช้พลังงาน 10% ใน 5G และ 20% ใน Wi-Fi
    5CC carrier aggregation เพิ่มแบนด์วิดธ์ 15%
    AI network selection เพิ่มความแม่นยำ 20% และลด latency 50%

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    ผลิตด้วยเทคโนโลยี 3 นาโนเมตร และคาดว่าจะใช้ในมือถือเรือธงปลายปี 2025
    เปรียบเทียบกับ Snapdragon 8 Gen 4 และ Apple A18 Pro ได้อย่างสูสีในหลายด้าน
    รองรับการใช้งาน AI แบบต่อเนื่องโดยไม่ต้องพึ่งคลาวด์ ช่วยเพิ่มความเป็นส่วนตัว

    https://www.techpowerup.com/341208/mediatek-dimensity-9500-unleashes-best-in-class-performance-ai-experiences-and-power-efficiency-for-the-next-generation-of-mobile-devices
    ⚡ “MediaTek Dimensity 9500 เปิดตัวแล้ว — ชิปมือถือที่แรงที่สุดของค่าย พร้อม AI แบบ on-device และประหยัดพลังงานกว่าเดิม” MediaTek ประกาศเปิดตัวชิปเรือธงรุ่นใหม่ Dimensity 9500 ซึ่งจะถูกนำไปใช้ในสมาร์ตโฟนระดับไฮเอนด์ช่วงปลายปี 2025 โดยชูจุดเด่นด้านประสิทธิภาพสูงสุด การประมวลผล AI แบบ on-device และการจัดการพลังงานที่เหนือกว่ารุ่นก่อนหน้าอย่างชัดเจน Dimensity 9500 ใช้สถาปัตยกรรม CPU แบบ All Big Core รุ่นที่ 3 ประกอบด้วย ultra core ความเร็ว 4.21GHz, premium core 3 ตัว และ performance core อีก 4 ตัว พร้อมระบบจัดเก็บข้อมูลแบบ UFS 4.1 แบบ 4 ช่อง ซึ่งช่วยเพิ่มความเร็วในการอ่าน/เขียนข้อมูลขึ้นถึง 2 เท่า และลดการใช้พลังงานสูงสุดถึง 55% เมื่อเทียบกับรุ่นก่อน ด้านกราฟิก ชิปนี้มาพร้อม GPU Arm G1-Ultra ที่ให้ประสิทธิภาพสูงขึ้น 33% และประหยัดพลังงานขึ้น 42% รองรับการเล่นเกมระดับคอนโซลด้วย frame interpolation สูงสุด 120 FPS และ ray tracing แบบเรียลไทม์ พร้อมรองรับฟีเจอร์ MegaLights และ Nanite จาก Unreal Engine 5.6 และ 5.5 ในส่วนของ AI Dimensity 9500 ใช้ NPU รุ่นที่ 9 พร้อม Generative AI Engine 2.0 ที่สามารถประมวลผลโมเดลขนาดใหญ่ได้เร็วขึ้น 100% และลดการใช้พลังงานลงถึง 56% รองรับการสร้างภาพ 4K แบบ ultra-HD และข้อความยาวถึง 128K token ได้แบบ on-device โดยไม่ต้องพึ่งคลาวด์ ด้านกล้องและภาพ Dimensity 9500 รองรับการถ่ายภาพ RAW สูงสุด 200MP พร้อมระบบโฟกัสต่อเนื่อง 30 FPS และวิดีโอ 4K 60 FPS แบบ cinematic portrait นอกจากนี้ยังมี MiraVision Adaptive Display ที่ปรับแสง สี และความคมชัดตามสภาพแวดล้อมแบบเรียลไทม์ การเชื่อมต่อก็ไม่แพ้ใคร ด้วยระบบ multi-network intelligence ที่ช่วยลด latency ได้ถึง 50% และเพิ่มความแม่นยำในการระบุตำแหน่ง 20% พร้อมระบบ AI ที่ช่วยเลือกเครือข่ายที่ดีที่สุดในแต่ละสถานการณ์ ✅ จุดเด่นของ MediaTek Dimensity 9500 ➡️ ใช้ CPU แบบ All Big Core รุ่นที่ 3 พร้อม ultra core 4.21GHz ➡️ เพิ่มประสิทธิภาพ single-core 32% และ multi-core 17% จากรุ่นก่อน ➡️ ลดการใช้พลังงานสูงสุด 55% เมื่อทำงานเต็มที่ ➡️ รองรับ UFS 4.1 แบบ 4 ช่อง เพิ่มความเร็วอ่าน/เขียนข้อมูล 2 เท่า ✅ ด้านกราฟิกและการเล่นเกม ➡️ GPU Arm G1-Ultra ให้ประสิทธิภาพสูงขึ้น 33% และประหยัดพลังงานขึ้น 42% ➡️ รองรับ frame interpolation สูงสุด 120 FPS และ ray tracing แบบเรียลไทม์ ➡️ รองรับ MegaLights และ Nanite จาก Unreal Engine 5.6 และ 5.5 ✅ ด้าน AI และการประมวลผลโมเดล ➡️ ใช้ NPU 990 รุ่นที่ 9 พร้อม Generative AI Engine 2.0 ➡️ รองรับ BitNet 1.58-bit สำหรับโมเดลขนาดใหญ่ ➡️ ประมวลผล LLM ขนาด 3 พันล้านพารามิเตอร์ได้เร็วขึ้น 100% ➡️ รองรับข้อความยาว 128K token และภาพ 4K ultra-HD แบบ on-device ✅ ด้านกล้องและการแสดงผล ➡️ รองรับการถ่ายภาพ RAW สูงสุด 200MP และวิดีโอ 4K 60 FPS แบบ portrait ➡️ MiraVision Adaptive Display ปรับแสง สี และความคมชัดตามสภาพแวดล้อม ➡️ ป้องกันการร้อนเกินเมื่อใช้งานกลางแจ้ง และถนอมสายตาในที่มืด ✅ ด้านการเชื่อมต่อและพลังงาน ➡️ AI-powered communication ลดการใช้พลังงาน 10% ใน 5G และ 20% ใน Wi-Fi ➡️ 5CC carrier aggregation เพิ่มแบนด์วิดธ์ 15% ➡️ AI network selection เพิ่มความแม่นยำ 20% และลด latency 50% ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ ผลิตด้วยเทคโนโลยี 3 นาโนเมตร และคาดว่าจะใช้ในมือถือเรือธงปลายปี 2025 ➡️ เปรียบเทียบกับ Snapdragon 8 Gen 4 และ Apple A18 Pro ได้อย่างสูสีในหลายด้าน ➡️ รองรับการใช้งาน AI แบบต่อเนื่องโดยไม่ต้องพึ่งคลาวด์ ช่วยเพิ่มความเป็นส่วนตัว https://www.techpowerup.com/341208/mediatek-dimensity-9500-unleashes-best-in-class-performance-ai-experiences-and-power-efficiency-for-the-next-generation-of-mobile-devices
    WWW.TECHPOWERUP.COM
    MediaTek Dimensity 9500 Unleashes Best-in-Class Performance, AI Experiences, and Power Efficiency for the Next Generation of Mobile Devices
    MediaTek, the world's leading innovator of smartphone SoCs, today announced the launch of its most advanced mobile platform yet: The MediaTek Dimensity 9500. Setting new standards in on-device AI, console-class gaming, and power efficiency, the MediaTek Dimensity 9500 is engineered to super-charge t...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 92 มุมมอง 0 รีวิว
  • ไอ้เชี้ยนัท ฐานะไฮโซ สันดานโลว์โซ ภาพสะท้อนทางอารมณ์พวกด้อมส้มสามกีบ คดีชั่วยาวเป็นหางว่าว
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #ไฮโซลูกนัท
    ไอ้เชี้ยนัท ฐานะไฮโซ สันดานโลว์โซ ภาพสะท้อนทางอารมณ์พวกด้อมส้มสามกีบ คดีชั่วยาวเป็นหางว่าว #คิงส์โพธิ์แดง #ไฮโซลูกนัท
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 98 มุมมอง 0 รีวิว
  • หลังจากโลออกไลน์แชร์ภาพม็อบโจรเขมรลักขโมยกล้องวงจรปิดแบบโซล่าเซลล์ “กองทัพบก“ ยันไม่ใช่ของไทยอุปกรณ์อยู่ครบทุกจุด

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000090115

    #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire #เขมรลักลอบวางระเบิด
    หลังจากโลออกไลน์แชร์ภาพม็อบโจรเขมรลักขโมยกล้องวงจรปิดแบบโซล่าเซลล์ “กองทัพบก“ ยันไม่ใช่ของไทยอุปกรณ์อยู่ครบทุกจุด อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000090115 #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire #เขมรลักลอบวางระเบิด
    Like
    Haha
    2
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 406 มุมมอง 0 รีวิว
  • Splunk .Conf 2025: เมื่อ Machine Data กลายเป็นเชื้อเพลิงใหม่ของ AI และความมั่นคงปลอดภัยองค์กร

    งาน Splunk .Conf 2025 ที่จัดขึ้น ณ เมืองบอสตันในเดือนกันยายนนี้ ไม่ได้มีแค่โชว์จากวง Weezer หรือม้าแคระชื่อ Buttercup แต่เป็นเวทีที่ Cisco และ Splunk ร่วมกันเปิดวิสัยทัศน์ใหม่ของโลกไซเบอร์ โดยเน้นการใช้ “Machine Data” เป็นหัวใจของการพัฒนา AI และระบบรักษาความปลอดภัยในองค์กรยุคใหม่

    Cisco ประกาศเปิดตัว “Cisco Data Fabric” สถาปัตยกรรมใหม่ที่ช่วยให้ข้อมูลจากเซิร์ฟเวอร์ แอปพลิเคชัน อุปกรณ์เครือข่าย และระบบ edge ถูกนำมาใช้ฝึกโมเดล AI ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่ต้องย้ายข้อมูลทั้งหมดเข้าสู่ศูนย์กลางแบบเดิม ซึ่งช่วยลดต้นทุนและเพิ่มความเร็วในการตอบสนองต่อเหตุการณ์ต่าง ๆ

    Splunk ยังเปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ในด้าน Security Operations เช่น Detection Studio และ Splunk Enterprise Security รุ่นพรีเมียม ที่รวม SIEM, SOAR, UEBA และ AI Assistant ไว้ในแพลตฟอร์มเดียว พร้อมแนวคิด “Resilience” ที่เน้นการรวมระบบ Observability กับ Security เพื่อให้ระบบ IT ฟื้นตัวได้เร็วจากภัยคุกคามหรือความผิดพลาด

    นอกจากนี้ Splunk ยังผลักดันมาตรฐานเปิด เช่น Open Telemetry และ Open Cybersecurity Framework เพื่อให้เครื่องมือจากหลายค่ายสามารถสื่อสารกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ และลดการพึ่งพาโซลูชันแบบปิด

    อย่างไรก็ตาม Splunk ยังเผชิญกับความท้าทายจากภาพลักษณ์ “Legacy Vendor” และเสียงวิจารณ์เรื่องราคาสูง การขายเชิงรุก และการสนับสนุนลูกค้าที่ไม่ทั่วถึง ทำให้ต้องเร่งปรับตัวเพื่อรักษาฐานลูกค้าและแข่งขันกับคู่แข่งอย่าง CrowdStrike, Microsoft และ Palo Alto Networks

    งาน Splunk .Conf 2025 เปิดตัว Cisco Data Fabric
    ใช้ Machine Data เป็นเชื้อเพลิงใหม่สำหรับ AI
    ลดต้นทุนและความซับซ้อนในการจัดการข้อมูล

    Machine Data ถูกยกให้เป็น 55% ของการเติบโตข้อมูลทั่วโลก
    Cisco และ Splunk เชื่อว่า LLMs ที่ฝึกด้วย Machine Data จะตอบสนองได้แม่นยำกว่า
    ช่วยให้ระบบตอบสนองต่อภัยคุกคามได้แบบอัตโนมัติ

    Splunk เปิดตัว Detection Studio และ Enterprise Security รุ่นใหม่
    รวม SIEM, SOAR, UEBA, Threat Intelligence และ AI Assistant
    ช่วยลดภาระงานของทีม Security Operations

    แนวคิด Resilience ถูกเน้นในงาน
    รวม Observability กับ Security เพื่อฟื้นตัวจากเหตุการณ์ได้เร็ว
    ลดข้อจำกัดจากโครงสร้างองค์กรและงบประมาณ

    Splunk สนับสนุนมาตรฐานเปิด
    ใช้ Open Telemetry และ Open Cybersecurity Framework
    ช่วยให้เครื่องมือจากหลายค่ายทำงานร่วมกันได้ดีขึ้น

    โมเดล Federated Search ถูกขยาย
    รองรับการค้นหาข้ามแหล่งข้อมูล เช่น S3, Snowflake, Iceberg
    ลดภาระการจัดเก็บข้อมูลแบบรวมศูนย์

    https://www.csoonline.com/article/4058991/where-cisos-need-to-see-splunk-go-next.html
    📰 Splunk .Conf 2025: เมื่อ Machine Data กลายเป็นเชื้อเพลิงใหม่ของ AI และความมั่นคงปลอดภัยองค์กร งาน Splunk .Conf 2025 ที่จัดขึ้น ณ เมืองบอสตันในเดือนกันยายนนี้ ไม่ได้มีแค่โชว์จากวง Weezer หรือม้าแคระชื่อ Buttercup แต่เป็นเวทีที่ Cisco และ Splunk ร่วมกันเปิดวิสัยทัศน์ใหม่ของโลกไซเบอร์ โดยเน้นการใช้ “Machine Data” เป็นหัวใจของการพัฒนา AI และระบบรักษาความปลอดภัยในองค์กรยุคใหม่ Cisco ประกาศเปิดตัว “Cisco Data Fabric” สถาปัตยกรรมใหม่ที่ช่วยให้ข้อมูลจากเซิร์ฟเวอร์ แอปพลิเคชัน อุปกรณ์เครือข่าย และระบบ edge ถูกนำมาใช้ฝึกโมเดล AI ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่ต้องย้ายข้อมูลทั้งหมดเข้าสู่ศูนย์กลางแบบเดิม ซึ่งช่วยลดต้นทุนและเพิ่มความเร็วในการตอบสนองต่อเหตุการณ์ต่าง ๆ Splunk ยังเปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ในด้าน Security Operations เช่น Detection Studio และ Splunk Enterprise Security รุ่นพรีเมียม ที่รวม SIEM, SOAR, UEBA และ AI Assistant ไว้ในแพลตฟอร์มเดียว พร้อมแนวคิด “Resilience” ที่เน้นการรวมระบบ Observability กับ Security เพื่อให้ระบบ IT ฟื้นตัวได้เร็วจากภัยคุกคามหรือความผิดพลาด นอกจากนี้ Splunk ยังผลักดันมาตรฐานเปิด เช่น Open Telemetry และ Open Cybersecurity Framework เพื่อให้เครื่องมือจากหลายค่ายสามารถสื่อสารกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ และลดการพึ่งพาโซลูชันแบบปิด อย่างไรก็ตาม Splunk ยังเผชิญกับความท้าทายจากภาพลักษณ์ “Legacy Vendor” และเสียงวิจารณ์เรื่องราคาสูง การขายเชิงรุก และการสนับสนุนลูกค้าที่ไม่ทั่วถึง ทำให้ต้องเร่งปรับตัวเพื่อรักษาฐานลูกค้าและแข่งขันกับคู่แข่งอย่าง CrowdStrike, Microsoft และ Palo Alto Networks ✅ งาน Splunk .Conf 2025 เปิดตัว Cisco Data Fabric ➡️ ใช้ Machine Data เป็นเชื้อเพลิงใหม่สำหรับ AI ➡️ ลดต้นทุนและความซับซ้อนในการจัดการข้อมูล ✅ Machine Data ถูกยกให้เป็น 55% ของการเติบโตข้อมูลทั่วโลก ➡️ Cisco และ Splunk เชื่อว่า LLMs ที่ฝึกด้วย Machine Data จะตอบสนองได้แม่นยำกว่า ➡️ ช่วยให้ระบบตอบสนองต่อภัยคุกคามได้แบบอัตโนมัติ ✅ Splunk เปิดตัว Detection Studio และ Enterprise Security รุ่นใหม่ ➡️ รวม SIEM, SOAR, UEBA, Threat Intelligence และ AI Assistant ➡️ ช่วยลดภาระงานของทีม Security Operations ✅ แนวคิด Resilience ถูกเน้นในงาน ➡️ รวม Observability กับ Security เพื่อฟื้นตัวจากเหตุการณ์ได้เร็ว ➡️ ลดข้อจำกัดจากโครงสร้างองค์กรและงบประมาณ ✅ Splunk สนับสนุนมาตรฐานเปิด ➡️ ใช้ Open Telemetry และ Open Cybersecurity Framework ➡️ ช่วยให้เครื่องมือจากหลายค่ายทำงานร่วมกันได้ดีขึ้น ✅ โมเดล Federated Search ถูกขยาย ➡️ รองรับการค้นหาข้ามแหล่งข้อมูล เช่น S3, Snowflake, Iceberg ➡️ ลดภาระการจัดเก็บข้อมูลแบบรวมศูนย์ https://www.csoonline.com/article/4058991/where-cisos-need-to-see-splunk-go-next.html
    WWW.CSOONLINE.COM
    Where CISOs need to see Splunk go next
    Splunk’s latest .Conf focused on machine data, federation, resiliency, and easing the cybersecurity burden. That’s a good start for the cyber giant, but from security leaders’ perspective, work remains.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 168 มุมมอง 0 รีวิว
  • Microsoft เปิดตัว Fairwater — ดาต้าเซ็นเตอร์ AI ที่ทรงพลังที่สุดในโลก พร้อม GPU นับแสนและระบบไฟเบอร์พันรอบโลก

    Microsoft ประกาศเปิดตัว “Fairwater” ดาต้าเซ็นเตอร์ AI ขนาดมหึมาในเมือง Mount Pleasant รัฐวิสคอนซิน ซึ่งจะเริ่มใช้งานในต้นปี 2026 โดยถูกออกแบบมาเพื่อรองรับการฝึกและรันโมเดล AI ขนาดใหญ่ระดับโลก ด้วยพื้นที่กว่า 315 เอเคอร์ และอาคารรวมกว่า 1.2 ล้านตารางฟุต Fairwater จะบรรจุ GPU รุ่นใหม่ของ Nvidia ได้แก่ GB200 และ GB300 จำนวนหลายแสนตัว เชื่อมต่อกันด้วยไฟเบอร์ออปติกที่ยาวพอจะพันรอบโลกได้ถึง 4.5 รอบ

    Satya Nadella ซีอีโอของ Microsoft ระบุว่า Fairwater จะให้ประสิทธิภาพสูงกว่าซูเปอร์คอมพิวเตอร์ที่เร็วที่สุดในปัจจุบันถึง 10 เท่า โดยเปรียบเทียบกับ Colossus ของ xAI ที่ใช้ GPU กว่า 200,000 ตัวและพลังงาน 300 เมกะวัตต์

    Fairwater ยังใช้ระบบระบายความร้อนแบบวงจรปิดด้วยน้ำ ซึ่ง Microsoft อ้างว่าจะไม่มีการสูญเสียน้ำเลย โดยใช้พัดลมขนาด 20 ฟุตจำนวน 172 ตัวในการหมุนเวียนน้ำร้อนกลับมาระบายความร้อนให้ GPU อีกครั้ง ถือเป็นโรงงานระบายความร้อนด้วยน้ำที่ใหญ่เป็นอันดับสองของโลก

    การก่อสร้างใช้โครงสร้างขนาดมหึมา เช่น เสาเข็มลึก 46.6 ไมล์ เหล็กโครงสร้าง 26.5 ล้านปอนด์ สายไฟใต้ดินแรงดันกลาง 120 ไมล์ และท่อกลไก 72.6 ไมล์ โดยระบบจัดเก็บข้อมูลมีขนาดเท่ากับสนามอเมริกันฟุตบอล 5 สนาม

    Microsoft ยังประกาศว่าจะสร้าง Fairwater อีกหลายแห่งทั่วสหรัฐฯ และลงทุนเพิ่มอีก 4 พันล้านดอลลาร์ในโครงการที่สอง พร้อมทั้งติดตั้งโซลาร์ฟาร์มขนาด 250 เมกะวัตต์เพื่อชดเชยการใช้พลังงานจากฟอสซิล และป้องกันผลกระทบต่อค่าไฟของชุมชนโดยรอบ

    Microsoft เปิดตัวดาต้าเซ็นเตอร์ AI “Fairwater” ที่วิสคอนซิน
    พื้นที่ 315 เอเคอร์ อาคารรวม 1.2 ล้านตารางฟุต
    ใช้ GPU Nvidia GB200 และ GB300 จำนวนหลายแสนตัว

    เชื่อมต่อด้วยไฟเบอร์ออปติกที่ยาวพันรอบโลก 4.5 เท่า
    ใช้ระบบเครือข่ายแบบ flat interconnect เพื่อประสิทธิภาพสูงสุด
    ให้ประสิทธิภาพสูงกว่าซูเปอร์คอมพิวเตอร์ปัจจุบันถึง 10 เท่า

    ใช้ระบบระบายความร้อนด้วยน้ำแบบวงจรปิด
    ไม่มีการสูญเสียน้ำหลังการติดตั้ง
    ใช้พัดลมขนาด 20 ฟุตจำนวน 172 ตัวในการหมุนเวียนน้ำ

    การก่อสร้างใช้วัสดุและโครงสร้างขนาดมหึมา
    เสาเข็มลึก 46.6 ไมล์ / เหล็กโครงสร้าง 26.5 ล้านปอนด์
    สายไฟใต้ดิน 120 ไมล์ / ท่อกลไก 72.6 ไมล์

    Microsoft ลงทุนรวมกว่า 7.3 พันล้านดอลลาร์ในโครงการนี้
    3.3 พันล้านสำหรับ Fairwater แรก และอีก 4 พันล้านสำหรับแห่งที่สอง
    ติดตั้งโซลาร์ฟาร์ม 250 MW เพื่อชดเชยพลังงานฟอสซิล

    มีแผนสร้าง Fairwater เพิ่มในหลายรัฐทั่วสหรัฐฯ
    เพื่อรองรับการเติบโตของ AI และเชื่อมต่อกับ Microsoft Cloud ทั่วโลก
    ใช้สำหรับงาน AI เช่น Copilot, OpenAI และโมเดลขนาดใหญ่

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/microsoft-announces-worlds-most-powerful-ai-data-center-315-acre-site-to-house-hundreds-of-thousands-of-nvidia-gpus-and-enough-fiber-to-circle-the-earth-4-5-times
    📰 Microsoft เปิดตัว Fairwater — ดาต้าเซ็นเตอร์ AI ที่ทรงพลังที่สุดในโลก พร้อม GPU นับแสนและระบบไฟเบอร์พันรอบโลก Microsoft ประกาศเปิดตัว “Fairwater” ดาต้าเซ็นเตอร์ AI ขนาดมหึมาในเมือง Mount Pleasant รัฐวิสคอนซิน ซึ่งจะเริ่มใช้งานในต้นปี 2026 โดยถูกออกแบบมาเพื่อรองรับการฝึกและรันโมเดล AI ขนาดใหญ่ระดับโลก ด้วยพื้นที่กว่า 315 เอเคอร์ และอาคารรวมกว่า 1.2 ล้านตารางฟุต Fairwater จะบรรจุ GPU รุ่นใหม่ของ Nvidia ได้แก่ GB200 และ GB300 จำนวนหลายแสนตัว เชื่อมต่อกันด้วยไฟเบอร์ออปติกที่ยาวพอจะพันรอบโลกได้ถึง 4.5 รอบ Satya Nadella ซีอีโอของ Microsoft ระบุว่า Fairwater จะให้ประสิทธิภาพสูงกว่าซูเปอร์คอมพิวเตอร์ที่เร็วที่สุดในปัจจุบันถึง 10 เท่า โดยเปรียบเทียบกับ Colossus ของ xAI ที่ใช้ GPU กว่า 200,000 ตัวและพลังงาน 300 เมกะวัตต์ Fairwater ยังใช้ระบบระบายความร้อนแบบวงจรปิดด้วยน้ำ ซึ่ง Microsoft อ้างว่าจะไม่มีการสูญเสียน้ำเลย โดยใช้พัดลมขนาด 20 ฟุตจำนวน 172 ตัวในการหมุนเวียนน้ำร้อนกลับมาระบายความร้อนให้ GPU อีกครั้ง ถือเป็นโรงงานระบายความร้อนด้วยน้ำที่ใหญ่เป็นอันดับสองของโลก การก่อสร้างใช้โครงสร้างขนาดมหึมา เช่น เสาเข็มลึก 46.6 ไมล์ เหล็กโครงสร้าง 26.5 ล้านปอนด์ สายไฟใต้ดินแรงดันกลาง 120 ไมล์ และท่อกลไก 72.6 ไมล์ โดยระบบจัดเก็บข้อมูลมีขนาดเท่ากับสนามอเมริกันฟุตบอล 5 สนาม Microsoft ยังประกาศว่าจะสร้าง Fairwater อีกหลายแห่งทั่วสหรัฐฯ และลงทุนเพิ่มอีก 4 พันล้านดอลลาร์ในโครงการที่สอง พร้อมทั้งติดตั้งโซลาร์ฟาร์มขนาด 250 เมกะวัตต์เพื่อชดเชยการใช้พลังงานจากฟอสซิล และป้องกันผลกระทบต่อค่าไฟของชุมชนโดยรอบ ✅ Microsoft เปิดตัวดาต้าเซ็นเตอร์ AI “Fairwater” ที่วิสคอนซิน ➡️ พื้นที่ 315 เอเคอร์ อาคารรวม 1.2 ล้านตารางฟุต ➡️ ใช้ GPU Nvidia GB200 และ GB300 จำนวนหลายแสนตัว ✅ เชื่อมต่อด้วยไฟเบอร์ออปติกที่ยาวพันรอบโลก 4.5 เท่า ➡️ ใช้ระบบเครือข่ายแบบ flat interconnect เพื่อประสิทธิภาพสูงสุด ➡️ ให้ประสิทธิภาพสูงกว่าซูเปอร์คอมพิวเตอร์ปัจจุบันถึง 10 เท่า ✅ ใช้ระบบระบายความร้อนด้วยน้ำแบบวงจรปิด ➡️ ไม่มีการสูญเสียน้ำหลังการติดตั้ง ➡️ ใช้พัดลมขนาด 20 ฟุตจำนวน 172 ตัวในการหมุนเวียนน้ำ ✅ การก่อสร้างใช้วัสดุและโครงสร้างขนาดมหึมา ➡️ เสาเข็มลึก 46.6 ไมล์ / เหล็กโครงสร้าง 26.5 ล้านปอนด์ ➡️ สายไฟใต้ดิน 120 ไมล์ / ท่อกลไก 72.6 ไมล์ ✅ Microsoft ลงทุนรวมกว่า 7.3 พันล้านดอลลาร์ในโครงการนี้ ➡️ 3.3 พันล้านสำหรับ Fairwater แรก และอีก 4 พันล้านสำหรับแห่งที่สอง ➡️ ติดตั้งโซลาร์ฟาร์ม 250 MW เพื่อชดเชยพลังงานฟอสซิล ✅ มีแผนสร้าง Fairwater เพิ่มในหลายรัฐทั่วสหรัฐฯ ➡️ เพื่อรองรับการเติบโตของ AI และเชื่อมต่อกับ Microsoft Cloud ทั่วโลก ➡️ ใช้สำหรับงาน AI เช่น Copilot, OpenAI และโมเดลขนาดใหญ่ https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/microsoft-announces-worlds-most-powerful-ai-data-center-315-acre-site-to-house-hundreds-of-thousands-of-nvidia-gpus-and-enough-fiber-to-circle-the-earth-4-5-times
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 155 มุมมอง 0 รีวิว
  • 'พีระพันธุ์' ลั่นไม่ร่วมรัฐบาลเบี้ยล่างพรรคส้ม พร้อมนำทัพ รทสช. สู้ศึกเลือกตั้ง

    //////////////////


    รวมไทยสร้างชาติไปต่อ! "พีระพันธุ์" พร้อมเดินหน้านำทัพสู้ศึกเลือกตั้ง ย้ำทำเต็มที่ เชื่อมั่นพรรคสามารถผ่านทุกอุปสรรคไปได้ เชิญชวนชาวไทยหัวใจรักชาติร่วมทำงานเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน

    18 กันยายน 2568 - เวลา 19.00 น. นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ เปิดเผยถึงทิศทางการทำงานของพรรคท่ามกลางกระแสการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองว่า ในลำดับแรกตนขอยืนยันว่าพร้อมเดินหน้าในการดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรค เพื่อเป็นแม่ทัพของพรรครวมไทยสร้างชาติในการทำงานทางการเมืองต่อไป

    สำหรับกระแสข่าวเลือดไหลออกจากพรรครวมไทยสร้างชาตินั้น ในวันนี้ยังไม่มีเลือดไหลออกจากพรรค เพราะทุกคนยังเป็นสมาชิกพรรคอยู่ และยังมีผู้สนใจมาสมัครสมาชิกพรรคเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ทุกวัน
    นายพีระพันธุ์ยังได้เปิดเผยถึงจุดยืนของตนเกี่ยวกับการลงมติเลือกนายกรัฐมนตรีที่ผ่านมาว่า หลังจากที่มีการตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญ การเมืองของไทยก็มีพัฒนาการทางการเมืองอย่างต่อเนื่อง ประเด็นสำคัญก็คือ มีการพยายามนำพรรคการเมืองบางพรรค ซึ่งพรรครวมไทยสร้างชาติได้ประกาศตั้งแต่ต้นว่าพรรครวมไทยสร้างชาติไม่สามารถร่วมมือด้วยได้ เนื่องจากมีอุดมการณ์ทางการเมืองและแนวคิดทางการเมืองที่แตกต่างกันเป็นอย่างมาก และมีการใช้วิธีการให้พรรคการเมืองนั้นมาลงมติสนับสนุนผู้รับเลือกเป็นนายกรัฐมนตรีโดยไม่ได้เป็นการร่วมรัฐบาล แต่เป็นการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ระหว่างกัน ซึ่งสำหรับตนเห็นว่าแนวทางเช่นนี้ไม่ถูกต้องทางการเมือง เพราะจะทำให้รัฐบาลกลายเป็นเบี้ยล่างทางการเมืองของพรรคการเมืองอื่นที่ไม่ได้เป็นพรรคร่วมรัฐบาล
    นอกจากนี้ตนยังเห็นว่า วิธีการดังกล่าวอาจเป็นการผิดกฎหมายพรรคการเมืองในการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ ซึ่งจาก 2 เหตุผลข้างต้น ทำให้ตนมีความเห็นว่าไม่สามารถลงคะแนนเสียงสนับสนุนท่านอนุทินเป็นนายกรัฐมนตรีได้ในขณะนั้น ทั้งที่โดยส่วนตัวตนเคารพและรักท่านอนุทินมาก และคิดว่าเป็นคนที่มีความรู้ความสามารถ แต่วิธีการในการจัดตั้งรัฐบาลในรูปแบบนี้ ไม่ใช่วิธีทางที่ถูกต้อง

    ต่อมาทางพรรคเพื่อไทยก็ได้มีการติดต่อในการเพิ่มเสียงสนับสนุนแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย ด้วยแนวทางแลกเปลี่ยนผลประโยชน์แต่ไม่ร่วมรัฐบาลนั้น ซึ่งตนยืนยันว่าไม่เห็นด้วยกับแนวทางนี้ ดังนั้นตนจึงมีความเห็นว่าถ้าจะมีการจัดตั้งรัฐบาลด้วยการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ ก็ไม่สามารถสนับสนุนฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดได้เลย

    “สำหรับผมคิดว่า นี่เป็นวิธีการทางการเมืองที่ไม่ถูกต้อง และจะทำให้รัฐบาลกลายเป็นเบี้ยล่างของพรรคการเมืองอื่นซึ่งไม่ได้เป็นพรรคร่วมรัฐบาล ซึ่งในทางการเมืองเป็นสิ่งที่เกิดไม่น่าจะเกิดขึ้น และผมรับไม่ได้ ” นายพีระพันธุ์กล่าว

    อย่างไรก็ดี ในส่วนการบริหารจัดการพรรคจะต้องมีการประชุมกรรมการบริหารพรรค ซึ่งเบื้องต้นนายพีระพันธุ์ได้มีการหารือกับผู้บริหารระดับสูงของพรรคว่า หากแนวทางเป็นการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ด้วยวิธีการที่ไม่ถูกต้องทางการเมืองเช่นนี้ พรรครวมไทยสร้างชาติก็ไม่สามารถร่วมรัฐบาลได้ ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายใดก็ตาม โดยก่อนการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคร่วมกับ สส. พรรค นายพีระพันธุ์มองว่าเมื่อการเมืองเดินมาถึงสถานการณ์เช่นนี้น่าจะจบลงด้วยการยุบสภา จึงยังไม่มีมติของพรรครวมไทยสร้างชาติ เป็นเพียงการหารือแลกเปลี่ยนความเห็นกันเท่านั้น
    ต่อมาปรากฏว่าการยุบสภาไม่สามารถทำได้ ประกอบกับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในส่วนของพรรคหลายคนได้สอบถามและแสดงความคิดเห็นว่า กรรมการบริหารพรรครวมไทยสร้างชาติควรมีมติที่ชัดเจนเพื่อเป็นแนวทางในการดำเนินการของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรครวมไทยสร้างชาติ จึงมีการเชิญประชุมกรรมการบริหารพรรครวมไทยสร้างชาติอย่างเร่งด่วน ในวันพุธก่อนการลงมติเลือกนายกรัฐมนตรี
    นายพีระพันธุ์เปิดเผยว่า ในการประชุมกรรมการบริหารพรรคครั้งนั้น กรรมการบริหารพรรค 3 ท่าน เห็นด้วยกับแนวทางของตน มีกรรมการบริหารพรรค 1 ท่าน เห็นว่าหากท่านอนุทินยืนยันว่าจะไม่มีการแตะต้องมาตรา 112 และยืนยันว่าจะไม่มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญในหมวด 1 และหมวด 2 ควรจะต้องสนับสนุนท่านอนุทิน ส่วนกรรมการบริหารพรรค 2 ท่านเห็นว่าควรให้เป็นเอกสิทธิ์ของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งเมื่อพิจารณาแล้วหากมีมติทางใดทางหนึ่งจะทำให้เกิดปัญหาในพรรคได้ จึงไม่มีการพูดถึงมติของกรรมการบริหารพรรค แต่แจ้งผลความเห็นของกรรมการบริหารพรรคว่ามีความเห็นกี่แนวทาง อย่างไรบ้าง และให้เป็นเอกสิทธิ์ดุลพินิจของ สส. โดยสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในส่วนของพรรครวมไทยสร้างชาติได้ลงมติเลือกท่านอนุทิน 33 เสียง
    ไม่ประสงค์ลงคะแนน 3 เสียง ซึ่งตนยืนยันว่าในพรรคไม่มีปัญหาอะไรเกิดขึ้น และทุกอย่างก็เดินหน้าตามกระบวนการต่อไป

    นายพีระพันธุ์ กล่าวต่อไปว่า สำหรับกระแสข่าวว่าพรรครวมไทยสร้างชาติถูกซื้อ ตนขอยืนยันในส่วนของตนว่าตนไม่มีทางโดนซื้อเด็ดขาด ส่วนกรณีที่มีการโจมตีว่าตนหวังตำแหน่งนายกรัฐมนตรีนั้น ตนขอยืนยันว่าไม่เป็นความจริง และไม่มีการหารือในการเสนอชื่อของตนในการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เพราะหากคิดในทางการเมืองแล้วเมื่อพรรคมีแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีอยู่แล้วแต่ไปดึงแคนดิเดตทางการเมืองจากพรรคอื่นมาแทน แบบนี้ในทางการเมืองจะเสียหายเป็นอย่างมาก ตนจึงยืนยันได้ว่าเรื่องที่ว่ามานี้ไม่เป็นความจริง และสำหรับตนถ้าจะได้รับเลือกนายกรัฐมนตรีจะต้องมีศักดิ์ศรี ซึ่งแนวทางนี้ไม่ใช่แนวทางที่มีศักดิ์ศรี
    “พรรคการเมืองก็เหมือนกับชีวิตมนุษย์ ทุกคนเกิดมาก็ต้องมีปัญหาอุปสรรคเกิดขึ้น ไม่มีใครที่ชีวิตราบรื่นมีแต่ความสำเร็จมีแต่ความสุข เพียงแต่ว่าแต่ละคนเมื่อเจอปัญหาแล้วท้อไหม พรรครวมไทยสร้างชาติไม่ใช่เป็นพรรคแรกที่เพิ่งเกิดและเจอปัญหา แต่พรรครวมไทยสร้างชาติจะผ่านปัญหาทุกอย่างไปได้ ส่วนตัวผมไม่เคยท้อ เพราะว่าความจริงในชีวิตก็เจอปัญหามาเยอะอยู่แล้ว นี่ก็เป็นอีกแค่เสี้ยวหนึ่งของชีวิต แนวทางการทำงานของผมคือทำทุกอย่างให้ดีที่สุดทำให้เต็มที่ที่เราทำได้ ทำไม่สำเร็จก็ต้องยอมรับว่ามันทำไม่สำเร็จ แต่ว่าทำให้ดีที่สุด ทำให้มากที่สุด ทำให้เต็มที่ ได้เท่านี้ ก็เท่านี้ ผมจะไม่ติดยึดกับคำพูดคนอื่น
    เพราะว่าคนอื่นไม่รู้ดีเท่าตัวเรา ผมติดยึดกับตัวเราเองว่าเราทำดีหรือยัง เราทำถูกต้องไหม เราไม่มีทางทำให้คนทุกคนถูกใจ ไม่มีวันทำให้ทุกคนพอใจ แต่เราทำในสิ่งที่ต้องทำหรือเปล่า ทำสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับบ้านเมืองกับส่วนรวมหรือเปล่า ผมคิดว่าแนวทางการทำงานของผมแบบนี้ที่ทำให้ผมเดินหน้ามาจนถึงวันนี้ได้” นายพีระพันธุ์กล่าว
    นายพีระพันธุ์ กล่าวต่อไปในเรื่องของการแก้ไขเรื่องของพลังงานว่า เรื่องการจัดการกับปัญหาพลังงานของตนนั้นสะท้อนถึงแนวทางการทำงานของตนเป็นอย่างดี ยกตัวอย่าง เช่น ค่าไฟที่เมื่อตนเข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ค่าไฟอยู่ที่ 4.70 บาทต่อหน่วย แต่ในวันนี้ค่าไฟเหลือเพียง 3.94 บาทต่อหน่วยเท่านั้น และไม่มีการปรับขึ้นค่าไฟ และค่าแก๊สแม้แต่ครั้งเดียว สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นจากวิธีการทำงานของตน คือทำให้ดีที่สุด ทำให้เต็มที่ สุดท้ายแล้วได้เท่าไร ได้เท่านั้น และหากเดินหน้าต่อไปจนครบวาระ ตนยืนยันว่าราคาน้ำมันจะ
    สามารถควบคุมได้ และประเทศไทยจะมีคลังน้ำมันสำรองของประเทศ ที่เป็นของรัฐเพื่อความมั่นคงไม่ใช่ของเอกชน

    สำหรับความคืบหน้าของกฎหมายต่าง ๆ นั้น กฎหมายฉบับแรกคือกฎหมายส่งเสริมการติดตั้งโซลาร์เซลล์นั้น ตนหวังว่ารัฐบาลชุดต่อไปจะเดินหน้าต่อ ในส่วนของกฎหมายควบคุมราคาน้ำมันเชื้อเพลิง และกฎหมายคลังน้ำมันนั้น กฎหมายฉบับแรกคือการควบคุมราคาน้ำมันเสร็จเรียบร้อย และกฎหมายคลังน้ำมันนั้นใกล้แล้วเสร็จ ซึ่งกฎหมายทั้ง 2 ฉบับนี้จะต้องเสนอคู่กัน เพื่อปรับโครงสร้างราคาน้ำมันได้ทั้งกระบวนการ โดยนายพีระพันธุ์ยืนยันว่าจะต้องมีการเดินหน้ากฎหมายทั้ง 2 ฉบับนี้ต่อโดยผ่านกลไกของสภาผู้แทนราษฎร แต่ด้วยเงื่อนไขการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ที่จะต้องยุบสภาใน 4 เดือนนี้ คาดว่าไม่น่าจะสำเร็จได้ด้วยสภาผู้แทนราษฎรชุดนี้
    นายพีระพันธุ์ ยังกล่าวถึงการเตรียมความพร้อมในการเลือกตั้งหลังการยุบสภาที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในช่วง 4 เดือนนี้ว่า เมื่อเป็นพรรคการเมืองจะต้องมีความพร้อมในการลงรับเลือกตั้งตลอดเวลาอยู่แล้ว เมื่อมีความชัดเจนเช่นนี้เกิดขึ้น จะต้องมีการเตรียมความพร้อมอย่างเต็มที่ทุกด้าน โดยเฉพาะผู้สมัครลงรับเลือกตั้งในนามพรรครวมไทยสร้างชาติ โดยทางพรรคพร้อมที่จะหาตัวแทนที่พร้อมจะเดินหน้า สู้ให้ทุกปัญหาให้กับพี่น้องประชาชนโดยเฉพาะเรื่องของพลังงาน และเรื่องของความไม่เป็นธรรมในสังคม ซึ่งในระยะเวลาของการทำงานที่ผ่านมาตนเชื่อว่า ทางพรรครวมไทยสร้างชาติได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า เราพูดแล้วเราทำ และเราเดินหน้าทำงานตลอดเวลา
    “ทุกคนที่สนใจร่วมอุดมการณ์และเดินหน้าทำงานตามแนวทางของพรรครวมไทยสร้างชาติ คือพรรคที่มาทำงานการเมืองเพื่อประโยชน์ของชาติ ไม่ได้มาเพื่อเล่นการเมืองเพื่อประโยชน์ส่วนตัว เพื่อยศถาบรรดาศักดิ์ เพราะพรรครวมไทยสร้างชาติคือพรรคของคนทำงาน หากใครมีแนวทางเดียวกันขอเชิญชวนให้มาร่วมทำงานด้วยกันครับ” นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค กล่าวในตอนท้าย
    อย่างไรก็ตาม ไม่ได้มีการตั้งคำถามถึงข้อเท็จจริงกรณีปัญหาความขัดแย้งกับนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ ที่ได้ลาออกจากเลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ ซึ่งนายพีระพันธุ์ไม่ได้ชี้แจงหรือพูดถึงในประเด็นดังกล่าว
    'พีระพันธุ์' ลั่นไม่ร่วมรัฐบาลเบี้ยล่างพรรคส้ม พร้อมนำทัพ รทสช. สู้ศึกเลือกตั้ง ////////////////// รวมไทยสร้างชาติไปต่อ! "พีระพันธุ์" พร้อมเดินหน้านำทัพสู้ศึกเลือกตั้ง ย้ำทำเต็มที่ เชื่อมั่นพรรคสามารถผ่านทุกอุปสรรคไปได้ เชิญชวนชาวไทยหัวใจรักชาติร่วมทำงานเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน 18 กันยายน 2568 - เวลา 19.00 น. นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ เปิดเผยถึงทิศทางการทำงานของพรรคท่ามกลางกระแสการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองว่า ในลำดับแรกตนขอยืนยันว่าพร้อมเดินหน้าในการดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรค เพื่อเป็นแม่ทัพของพรรครวมไทยสร้างชาติในการทำงานทางการเมืองต่อไป สำหรับกระแสข่าวเลือดไหลออกจากพรรครวมไทยสร้างชาตินั้น ในวันนี้ยังไม่มีเลือดไหลออกจากพรรค เพราะทุกคนยังเป็นสมาชิกพรรคอยู่ และยังมีผู้สนใจมาสมัครสมาชิกพรรคเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ทุกวัน นายพีระพันธุ์ยังได้เปิดเผยถึงจุดยืนของตนเกี่ยวกับการลงมติเลือกนายกรัฐมนตรีที่ผ่านมาว่า หลังจากที่มีการตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญ การเมืองของไทยก็มีพัฒนาการทางการเมืองอย่างต่อเนื่อง ประเด็นสำคัญก็คือ มีการพยายามนำพรรคการเมืองบางพรรค ซึ่งพรรครวมไทยสร้างชาติได้ประกาศตั้งแต่ต้นว่าพรรครวมไทยสร้างชาติไม่สามารถร่วมมือด้วยได้ เนื่องจากมีอุดมการณ์ทางการเมืองและแนวคิดทางการเมืองที่แตกต่างกันเป็นอย่างมาก และมีการใช้วิธีการให้พรรคการเมืองนั้นมาลงมติสนับสนุนผู้รับเลือกเป็นนายกรัฐมนตรีโดยไม่ได้เป็นการร่วมรัฐบาล แต่เป็นการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ระหว่างกัน ซึ่งสำหรับตนเห็นว่าแนวทางเช่นนี้ไม่ถูกต้องทางการเมือง เพราะจะทำให้รัฐบาลกลายเป็นเบี้ยล่างทางการเมืองของพรรคการเมืองอื่นที่ไม่ได้เป็นพรรคร่วมรัฐบาล นอกจากนี้ตนยังเห็นว่า วิธีการดังกล่าวอาจเป็นการผิดกฎหมายพรรคการเมืองในการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ ซึ่งจาก 2 เหตุผลข้างต้น ทำให้ตนมีความเห็นว่าไม่สามารถลงคะแนนเสียงสนับสนุนท่านอนุทินเป็นนายกรัฐมนตรีได้ในขณะนั้น ทั้งที่โดยส่วนตัวตนเคารพและรักท่านอนุทินมาก และคิดว่าเป็นคนที่มีความรู้ความสามารถ แต่วิธีการในการจัดตั้งรัฐบาลในรูปแบบนี้ ไม่ใช่วิธีทางที่ถูกต้อง ต่อมาทางพรรคเพื่อไทยก็ได้มีการติดต่อในการเพิ่มเสียงสนับสนุนแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย ด้วยแนวทางแลกเปลี่ยนผลประโยชน์แต่ไม่ร่วมรัฐบาลนั้น ซึ่งตนยืนยันว่าไม่เห็นด้วยกับแนวทางนี้ ดังนั้นตนจึงมีความเห็นว่าถ้าจะมีการจัดตั้งรัฐบาลด้วยการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ ก็ไม่สามารถสนับสนุนฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดได้เลย “สำหรับผมคิดว่า นี่เป็นวิธีการทางการเมืองที่ไม่ถูกต้อง และจะทำให้รัฐบาลกลายเป็นเบี้ยล่างของพรรคการเมืองอื่นซึ่งไม่ได้เป็นพรรคร่วมรัฐบาล ซึ่งในทางการเมืองเป็นสิ่งที่เกิดไม่น่าจะเกิดขึ้น และผมรับไม่ได้ ” นายพีระพันธุ์กล่าว อย่างไรก็ดี ในส่วนการบริหารจัดการพรรคจะต้องมีการประชุมกรรมการบริหารพรรค ซึ่งเบื้องต้นนายพีระพันธุ์ได้มีการหารือกับผู้บริหารระดับสูงของพรรคว่า หากแนวทางเป็นการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ด้วยวิธีการที่ไม่ถูกต้องทางการเมืองเช่นนี้ พรรครวมไทยสร้างชาติก็ไม่สามารถร่วมรัฐบาลได้ ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายใดก็ตาม โดยก่อนการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคร่วมกับ สส. พรรค นายพีระพันธุ์มองว่าเมื่อการเมืองเดินมาถึงสถานการณ์เช่นนี้น่าจะจบลงด้วยการยุบสภา จึงยังไม่มีมติของพรรครวมไทยสร้างชาติ เป็นเพียงการหารือแลกเปลี่ยนความเห็นกันเท่านั้น ต่อมาปรากฏว่าการยุบสภาไม่สามารถทำได้ ประกอบกับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในส่วนของพรรคหลายคนได้สอบถามและแสดงความคิดเห็นว่า กรรมการบริหารพรรครวมไทยสร้างชาติควรมีมติที่ชัดเจนเพื่อเป็นแนวทางในการดำเนินการของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรครวมไทยสร้างชาติ จึงมีการเชิญประชุมกรรมการบริหารพรรครวมไทยสร้างชาติอย่างเร่งด่วน ในวันพุธก่อนการลงมติเลือกนายกรัฐมนตรี นายพีระพันธุ์เปิดเผยว่า ในการประชุมกรรมการบริหารพรรคครั้งนั้น กรรมการบริหารพรรค 3 ท่าน เห็นด้วยกับแนวทางของตน มีกรรมการบริหารพรรค 1 ท่าน เห็นว่าหากท่านอนุทินยืนยันว่าจะไม่มีการแตะต้องมาตรา 112 และยืนยันว่าจะไม่มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญในหมวด 1 และหมวด 2 ควรจะต้องสนับสนุนท่านอนุทิน ส่วนกรรมการบริหารพรรค 2 ท่านเห็นว่าควรให้เป็นเอกสิทธิ์ของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งเมื่อพิจารณาแล้วหากมีมติทางใดทางหนึ่งจะทำให้เกิดปัญหาในพรรคได้ จึงไม่มีการพูดถึงมติของกรรมการบริหารพรรค แต่แจ้งผลความเห็นของกรรมการบริหารพรรคว่ามีความเห็นกี่แนวทาง อย่างไรบ้าง และให้เป็นเอกสิทธิ์ดุลพินิจของ สส. โดยสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในส่วนของพรรครวมไทยสร้างชาติได้ลงมติเลือกท่านอนุทิน 33 เสียง ไม่ประสงค์ลงคะแนน 3 เสียง ซึ่งตนยืนยันว่าในพรรคไม่มีปัญหาอะไรเกิดขึ้น และทุกอย่างก็เดินหน้าตามกระบวนการต่อไป นายพีระพันธุ์ กล่าวต่อไปว่า สำหรับกระแสข่าวว่าพรรครวมไทยสร้างชาติถูกซื้อ ตนขอยืนยันในส่วนของตนว่าตนไม่มีทางโดนซื้อเด็ดขาด ส่วนกรณีที่มีการโจมตีว่าตนหวังตำแหน่งนายกรัฐมนตรีนั้น ตนขอยืนยันว่าไม่เป็นความจริง และไม่มีการหารือในการเสนอชื่อของตนในการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เพราะหากคิดในทางการเมืองแล้วเมื่อพรรคมีแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีอยู่แล้วแต่ไปดึงแคนดิเดตทางการเมืองจากพรรคอื่นมาแทน แบบนี้ในทางการเมืองจะเสียหายเป็นอย่างมาก ตนจึงยืนยันได้ว่าเรื่องที่ว่ามานี้ไม่เป็นความจริง และสำหรับตนถ้าจะได้รับเลือกนายกรัฐมนตรีจะต้องมีศักดิ์ศรี ซึ่งแนวทางนี้ไม่ใช่แนวทางที่มีศักดิ์ศรี “พรรคการเมืองก็เหมือนกับชีวิตมนุษย์ ทุกคนเกิดมาก็ต้องมีปัญหาอุปสรรคเกิดขึ้น ไม่มีใครที่ชีวิตราบรื่นมีแต่ความสำเร็จมีแต่ความสุข เพียงแต่ว่าแต่ละคนเมื่อเจอปัญหาแล้วท้อไหม พรรครวมไทยสร้างชาติไม่ใช่เป็นพรรคแรกที่เพิ่งเกิดและเจอปัญหา แต่พรรครวมไทยสร้างชาติจะผ่านปัญหาทุกอย่างไปได้ ส่วนตัวผมไม่เคยท้อ เพราะว่าความจริงในชีวิตก็เจอปัญหามาเยอะอยู่แล้ว นี่ก็เป็นอีกแค่เสี้ยวหนึ่งของชีวิต แนวทางการทำงานของผมคือทำทุกอย่างให้ดีที่สุดทำให้เต็มที่ที่เราทำได้ ทำไม่สำเร็จก็ต้องยอมรับว่ามันทำไม่สำเร็จ แต่ว่าทำให้ดีที่สุด ทำให้มากที่สุด ทำให้เต็มที่ ได้เท่านี้ ก็เท่านี้ ผมจะไม่ติดยึดกับคำพูดคนอื่น เพราะว่าคนอื่นไม่รู้ดีเท่าตัวเรา ผมติดยึดกับตัวเราเองว่าเราทำดีหรือยัง เราทำถูกต้องไหม เราไม่มีทางทำให้คนทุกคนถูกใจ ไม่มีวันทำให้ทุกคนพอใจ แต่เราทำในสิ่งที่ต้องทำหรือเปล่า ทำสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับบ้านเมืองกับส่วนรวมหรือเปล่า ผมคิดว่าแนวทางการทำงานของผมแบบนี้ที่ทำให้ผมเดินหน้ามาจนถึงวันนี้ได้” นายพีระพันธุ์กล่าว นายพีระพันธุ์ กล่าวต่อไปในเรื่องของการแก้ไขเรื่องของพลังงานว่า เรื่องการจัดการกับปัญหาพลังงานของตนนั้นสะท้อนถึงแนวทางการทำงานของตนเป็นอย่างดี ยกตัวอย่าง เช่น ค่าไฟที่เมื่อตนเข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ค่าไฟอยู่ที่ 4.70 บาทต่อหน่วย แต่ในวันนี้ค่าไฟเหลือเพียง 3.94 บาทต่อหน่วยเท่านั้น และไม่มีการปรับขึ้นค่าไฟ และค่าแก๊สแม้แต่ครั้งเดียว สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นจากวิธีการทำงานของตน คือทำให้ดีที่สุด ทำให้เต็มที่ สุดท้ายแล้วได้เท่าไร ได้เท่านั้น และหากเดินหน้าต่อไปจนครบวาระ ตนยืนยันว่าราคาน้ำมันจะ สามารถควบคุมได้ และประเทศไทยจะมีคลังน้ำมันสำรองของประเทศ ที่เป็นของรัฐเพื่อความมั่นคงไม่ใช่ของเอกชน สำหรับความคืบหน้าของกฎหมายต่าง ๆ นั้น กฎหมายฉบับแรกคือกฎหมายส่งเสริมการติดตั้งโซลาร์เซลล์นั้น ตนหวังว่ารัฐบาลชุดต่อไปจะเดินหน้าต่อ ในส่วนของกฎหมายควบคุมราคาน้ำมันเชื้อเพลิง และกฎหมายคลังน้ำมันนั้น กฎหมายฉบับแรกคือการควบคุมราคาน้ำมันเสร็จเรียบร้อย และกฎหมายคลังน้ำมันนั้นใกล้แล้วเสร็จ ซึ่งกฎหมายทั้ง 2 ฉบับนี้จะต้องเสนอคู่กัน เพื่อปรับโครงสร้างราคาน้ำมันได้ทั้งกระบวนการ โดยนายพีระพันธุ์ยืนยันว่าจะต้องมีการเดินหน้ากฎหมายทั้ง 2 ฉบับนี้ต่อโดยผ่านกลไกของสภาผู้แทนราษฎร แต่ด้วยเงื่อนไขการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ที่จะต้องยุบสภาใน 4 เดือนนี้ คาดว่าไม่น่าจะสำเร็จได้ด้วยสภาผู้แทนราษฎรชุดนี้ นายพีระพันธุ์ ยังกล่าวถึงการเตรียมความพร้อมในการเลือกตั้งหลังการยุบสภาที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในช่วง 4 เดือนนี้ว่า เมื่อเป็นพรรคการเมืองจะต้องมีความพร้อมในการลงรับเลือกตั้งตลอดเวลาอยู่แล้ว เมื่อมีความชัดเจนเช่นนี้เกิดขึ้น จะต้องมีการเตรียมความพร้อมอย่างเต็มที่ทุกด้าน โดยเฉพาะผู้สมัครลงรับเลือกตั้งในนามพรรครวมไทยสร้างชาติ โดยทางพรรคพร้อมที่จะหาตัวแทนที่พร้อมจะเดินหน้า สู้ให้ทุกปัญหาให้กับพี่น้องประชาชนโดยเฉพาะเรื่องของพลังงาน และเรื่องของความไม่เป็นธรรมในสังคม ซึ่งในระยะเวลาของการทำงานที่ผ่านมาตนเชื่อว่า ทางพรรครวมไทยสร้างชาติได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า เราพูดแล้วเราทำ และเราเดินหน้าทำงานตลอดเวลา “ทุกคนที่สนใจร่วมอุดมการณ์และเดินหน้าทำงานตามแนวทางของพรรครวมไทยสร้างชาติ คือพรรคที่มาทำงานการเมืองเพื่อประโยชน์ของชาติ ไม่ได้มาเพื่อเล่นการเมืองเพื่อประโยชน์ส่วนตัว เพื่อยศถาบรรดาศักดิ์ เพราะพรรครวมไทยสร้างชาติคือพรรคของคนทำงาน หากใครมีแนวทางเดียวกันขอเชิญชวนให้มาร่วมทำงานด้วยกันครับ” นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค กล่าวในตอนท้าย อย่างไรก็ตาม ไม่ได้มีการตั้งคำถามถึงข้อเท็จจริงกรณีปัญหาความขัดแย้งกับนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ ที่ได้ลาออกจากเลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ ซึ่งนายพีระพันธุ์ไม่ได้ชี้แจงหรือพูดถึงในประเด็นดังกล่าว
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 298 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • Agentic AI กับภารกิจ Red Teaming ยุคใหม่ — เมื่อ AI ไม่ใช่แค่เครื่องมือ แต่กลายเป็น “ผู้เล่น” ที่ต้องถูกทดสอบ

    ในยุคที่ AI ไม่ได้เป็นแค่โมเดลที่ตอบคำถาม แต่กลายเป็น “ตัวแทนอัตโนมัติ” หรือ Agentic AI ที่สามารถตัดสินใจ ทำงาน และสื่อสารกับระบบอื่นได้เอง ความเสี่ยงด้านความปลอดภัยก็เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล เพราะ AI เหล่านี้ไม่เพียงแต่ตอบสนองตามคำสั่ง แต่ยังสามารถ “คิดต่อยอด” และ “เชื่อมโยง” กับระบบอื่นได้โดยไม่มีผู้ใช้ควบคุมโดยตรง

    Cloud Security Alliance (CSA) ได้ออกคู่มือ Agentic AI Red Teaming Guide เพื่อช่วยให้องค์กรสามารถทดสอบความปลอดภัยของระบบ AI แบบใหม่ได้อย่างเป็นระบบ โดยเน้นการจำลองการโจมตีที่ซับซ้อน เช่น การแทรกคำสั่งแฝง (prompt injection), การเปลี่ยนเป้าหมายของ agent, การข้ามระบบควบคุมสิทธิ์ และการใช้หลาย agent ร่วมกันเพื่อหลบเลี่ยงการตรวจจับ

    หนึ่งในเทคนิคที่ถูกพูดถึงมากคือ EchoLeak ซึ่งเป็นการแอบขโมยข้อมูลผ่านคำสั่งที่ดูเหมือนไม่มีพิษภัย แต่สามารถหลอกให้ agent ทำงานผิดจากที่ตั้งใจไว้ เช่น การแอบฝังมัลแวร์ในคำสั่งที่ถูกเข้ารหัสด้วย base64 หรือใช้ภาษากฎหมายเพื่อหลบการตรวจสอบ

    OWASP และ GitHub ก็ได้ร่วมกันจัดทำรายการ “Top 10 ความเสี่ยงของ Agentic AI” ซึ่งรวมถึงการแทรกแซงหน่วยความจำ, การปลอมเป้าหมาย, การโจมตีแบบ time-based และการใช้ช่องทางลับในการส่งข้อมูลออกจากระบบ

    นักวิจัยยังพบว่า แม้จะมีการป้องกันไว้ดีเพียงใด แต่การโจมตีแบบ prompt injection ก็ยังสามารถทะลุผ่านได้ในบางกรณี โดยมีการทดลองกว่า 2 ล้านครั้ง พบว่ามีการโจมตีสำเร็จถึง 60,000 ครั้ง ซึ่งแสดงให้เห็นว่า agentic AI ยังมีช่องโหว่ที่ต้องจัดการอย่างจริงจัง

    5 ขั้นตอนสำหรับการทำ Agentic AI Red Teaming

    1️⃣ เปลี่ยนมุมมองการป้องกันใหม่
    ต้องมอง Agentic AI ไม่ใช่แค่ “เครื่องมือ” แต่เป็น “ผู้เล่น” ที่มีพฤติกรรมซับซ้อน
    ใช้ AI agent ทำงานซ้ำ ๆ ที่น่าเบื่อ แล้วให้มนุษย์เน้นโจมตีเชิงสร้างสรรค์
    ทดสอบจากมุมมองผู้ใช้จริง เช่น ความเข้าใจผิด ความไว้ใจเกินเหตุ หรือการหาทางลัดหลบระบบป้องกัน
    หากยังใช้วิธีคิดแบบเดิม จะมองไม่เห็นช่องโหว่ที่เกิดจากพฤติกรรมของผู้ใช้และ agent

    2️⃣ รู้จักและทดสอบ “Guardrails” และระบบกำกับดูแลอย่างต่อเนื่อง
    ต้องรู้ว่า guardrails อยู่ตรงไหน เช่น ใน cloud, workflow หรือในตัว agent
    ทดสอบก่อนนำ agent เข้าสู่ production และต้องมีระบบสังเกตการณ์ที่ดี
    หากไม่รู้ว่า guardrails อยู่ตรงไหน อาจเปิดช่องให้ agent ถูกเปลี่ยนเป้าหมายหรือหลบเลี่ยงการควบคุม

    3️⃣ ขยายฐานทีม Red Team ให้หลากหลาย
    ไม่จำเป็นต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านเทคนิคเสมอไป
    คนที่เข้าใจภาษา เช่น นักเรียนสายมนุษย์ศาสตร์ ก็สามารถทดสอบ prompt injection ได้
    หากจำกัดทีมไว้เฉพาะสายเทคนิค อาจพลาดมุมมองการโจมตีที่ใช้ภาษาหรือพฤติกรรมผู้ใช้

    4️⃣ ขยายขอบเขตการมองหาโซลูชัน
    Agentic AI ไม่ทำงานตามลำดับเวลาแบบเดิมอีกต่อไป
    ต้องมองระบบเป็นภาพรวม ไม่ใช่แค่จุดใดจุดหนึ่ง
    AI ไม่ใช่แค่เครื่องมือ แต่เป็นผู้ร่วมตัดสินใจ และอาจกลายเป็น “คู่แข่ง” ได้
    หากยังมองว่า AI เป็นแค่เครื่องมือ จะพลาดการตรวจจับพฤติกรรมที่เกิดจากการตัดสินใจของ agent

    5️⃣ ใช้เครื่องมือและเทคนิคล่าสุดในการทดสอบ
    มีเครื่องมือใหม่มากมาย เช่น AgentDojo, SPLX Agentic Radar, HuggingFace Fujitsu benchmark
    Microsoft, Salesforce, Crowdstrike และ HiddenLayer ก็มีระบบ red teaming สำหรับ agent โดยเฉพาะ
    ควรทดสอบตั้งแต่ช่วงพัฒนาโมเดล, พัฒนาแอป, ไปจนถึงก่อนปล่อยใช้งานจริง
    หากไม่ใช้เครื่องมือที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับ agentic AI จะไม่สามารถจำลองการโจมตีที่ซับซ้อนได้

    https://www.csoonline.com/article/4055224/5-steps-for-deploying-agentic-ai-red-teaming.html
    📰 Agentic AI กับภารกิจ Red Teaming ยุคใหม่ — เมื่อ AI ไม่ใช่แค่เครื่องมือ แต่กลายเป็น “ผู้เล่น” ที่ต้องถูกทดสอบ ในยุคที่ AI ไม่ได้เป็นแค่โมเดลที่ตอบคำถาม แต่กลายเป็น “ตัวแทนอัตโนมัติ” หรือ Agentic AI ที่สามารถตัดสินใจ ทำงาน และสื่อสารกับระบบอื่นได้เอง ความเสี่ยงด้านความปลอดภัยก็เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล เพราะ AI เหล่านี้ไม่เพียงแต่ตอบสนองตามคำสั่ง แต่ยังสามารถ “คิดต่อยอด” และ “เชื่อมโยง” กับระบบอื่นได้โดยไม่มีผู้ใช้ควบคุมโดยตรง Cloud Security Alliance (CSA) ได้ออกคู่มือ Agentic AI Red Teaming Guide เพื่อช่วยให้องค์กรสามารถทดสอบความปลอดภัยของระบบ AI แบบใหม่ได้อย่างเป็นระบบ โดยเน้นการจำลองการโจมตีที่ซับซ้อน เช่น การแทรกคำสั่งแฝง (prompt injection), การเปลี่ยนเป้าหมายของ agent, การข้ามระบบควบคุมสิทธิ์ และการใช้หลาย agent ร่วมกันเพื่อหลบเลี่ยงการตรวจจับ หนึ่งในเทคนิคที่ถูกพูดถึงมากคือ EchoLeak ซึ่งเป็นการแอบขโมยข้อมูลผ่านคำสั่งที่ดูเหมือนไม่มีพิษภัย แต่สามารถหลอกให้ agent ทำงานผิดจากที่ตั้งใจไว้ เช่น การแอบฝังมัลแวร์ในคำสั่งที่ถูกเข้ารหัสด้วย base64 หรือใช้ภาษากฎหมายเพื่อหลบการตรวจสอบ OWASP และ GitHub ก็ได้ร่วมกันจัดทำรายการ “Top 10 ความเสี่ยงของ Agentic AI” ซึ่งรวมถึงการแทรกแซงหน่วยความจำ, การปลอมเป้าหมาย, การโจมตีแบบ time-based และการใช้ช่องทางลับในการส่งข้อมูลออกจากระบบ นักวิจัยยังพบว่า แม้จะมีการป้องกันไว้ดีเพียงใด แต่การโจมตีแบบ prompt injection ก็ยังสามารถทะลุผ่านได้ในบางกรณี โดยมีการทดลองกว่า 2 ล้านครั้ง พบว่ามีการโจมตีสำเร็จถึง 60,000 ครั้ง ซึ่งแสดงให้เห็นว่า agentic AI ยังมีช่องโหว่ที่ต้องจัดการอย่างจริงจัง 🧠 5 ขั้นตอนสำหรับการทำ Agentic AI Red Teaming ✅ 1️⃣ ✅ เปลี่ยนมุมมองการป้องกันใหม่ ➡️ ต้องมอง Agentic AI ไม่ใช่แค่ “เครื่องมือ” แต่เป็น “ผู้เล่น” ที่มีพฤติกรรมซับซ้อน ➡️ ใช้ AI agent ทำงานซ้ำ ๆ ที่น่าเบื่อ แล้วให้มนุษย์เน้นโจมตีเชิงสร้างสรรค์ ➡️ ทดสอบจากมุมมองผู้ใช้จริง เช่น ความเข้าใจผิด ความไว้ใจเกินเหตุ หรือการหาทางลัดหลบระบบป้องกัน ⛔ หากยังใช้วิธีคิดแบบเดิม จะมองไม่เห็นช่องโหว่ที่เกิดจากพฤติกรรมของผู้ใช้และ agent ✅ 2️⃣ ✅ รู้จักและทดสอบ “Guardrails” และระบบกำกับดูแลอย่างต่อเนื่อง ➡️ ต้องรู้ว่า guardrails อยู่ตรงไหน เช่น ใน cloud, workflow หรือในตัว agent ➡️ ทดสอบก่อนนำ agent เข้าสู่ production และต้องมีระบบสังเกตการณ์ที่ดี ⛔ หากไม่รู้ว่า guardrails อยู่ตรงไหน อาจเปิดช่องให้ agent ถูกเปลี่ยนเป้าหมายหรือหลบเลี่ยงการควบคุม ✅ 3️⃣ ✅ ขยายฐานทีม Red Team ให้หลากหลาย ➡️ ไม่จำเป็นต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านเทคนิคเสมอไป ➡️ คนที่เข้าใจภาษา เช่น นักเรียนสายมนุษย์ศาสตร์ ก็สามารถทดสอบ prompt injection ได้ ⛔ หากจำกัดทีมไว้เฉพาะสายเทคนิค อาจพลาดมุมมองการโจมตีที่ใช้ภาษาหรือพฤติกรรมผู้ใช้ ✅ 4️⃣ ✅ ขยายขอบเขตการมองหาโซลูชัน ➡️ Agentic AI ไม่ทำงานตามลำดับเวลาแบบเดิมอีกต่อไป ➡️ ต้องมองระบบเป็นภาพรวม ไม่ใช่แค่จุดใดจุดหนึ่ง ➡️ AI ไม่ใช่แค่เครื่องมือ แต่เป็นผู้ร่วมตัดสินใจ และอาจกลายเป็น “คู่แข่ง” ได้ ⛔ หากยังมองว่า AI เป็นแค่เครื่องมือ จะพลาดการตรวจจับพฤติกรรมที่เกิดจากการตัดสินใจของ agent ✅ 5️⃣ ✅ ใช้เครื่องมือและเทคนิคล่าสุดในการทดสอบ ➡️ มีเครื่องมือใหม่มากมาย เช่น AgentDojo, SPLX Agentic Radar, HuggingFace Fujitsu benchmark ➡️ Microsoft, Salesforce, Crowdstrike และ HiddenLayer ก็มีระบบ red teaming สำหรับ agent โดยเฉพาะ ➡️ ควรทดสอบตั้งแต่ช่วงพัฒนาโมเดล, พัฒนาแอป, ไปจนถึงก่อนปล่อยใช้งานจริง ⛔ หากไม่ใช้เครื่องมือที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับ agentic AI จะไม่สามารถจำลองการโจมตีที่ซับซ้อนได้ https://www.csoonline.com/article/4055224/5-steps-for-deploying-agentic-ai-red-teaming.html
    WWW.CSOONLINE.COM
    5 steps for deploying agentic AI red teaming
    Agentic AI functions like an autonomous operator rather than a system that is why it is important to stress test it with AI-focused red team frameworks.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 175 มุมมอง 0 รีวิว
  • Soft X-Ray Lithography กับความหวังใหม่ของการผลิตชิประดับต่ำกว่า 5 นาโนเมตร — เทคโนโลยี B-EUV กำลังท้าทาย EUV รุ่น Hyper-NA

    ในโลกของการผลิตชิปที่เล็กลงเรื่อย ๆ นักวิจัยจากมหาวิทยาลัย Johns Hopkins ได้เปิดตัวเทคโนโลยีใหม่ที่อาจเปลี่ยนเกมของอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ นั่นคือ “Beyond EUV” หรือ B-EUV ซึ่งใช้แสงเลเซอร์ในช่วง Soft X-ray ที่มีความยาวคลื่นสั้นเพียง 6.5–6.7 นาโนเมตร เพื่อสร้างลวดลายบนแผ่นซิลิคอนที่ละเอียดระดับต่ำกว่า 5 นาโนเมตร

    เทคโนโลยีนี้มีศักยภาพในการแทนที่ EUV แบบ Hyper-NA ที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน ซึ่งแม้จะสามารถผลิตชิปรุ่น 2 นาโนเมตรได้ แต่ก็ต้องใช้ระบบออปติกที่ซับซ้อนและมีราคาสูงถึงหลายร้อยล้านดอลลาร์

    ทีมวิจัยของศาสตราจารย์ Michael Tsapatsis ได้ค้นพบว่าโลหะอย่าง “สังกะสี” สามารถดูดซับแสง Soft X-ray และปล่อยอิเล็กตรอนออกมาเพื่อกระตุ้นปฏิกิริยาเคมีในสารอินทรีย์ที่เรียกว่า “อิมิดาโซล” ซึ่งเป็นวัสดุเรซิสต์ชนิดใหม่ที่สามารถสร้างลวดลายบนแผ่นซิลิคอนได้อย่างแม่นยำ

    นอกจากนี้ยังมีการพัฒนาเทคนิคใหม่ชื่อว่า “Chemical Liquid Deposition” (CLD) ที่สามารถเคลือบฟิล์มบางระดับนาโนเมตรได้อย่างสม่ำเสมอ ซึ่งช่วยให้สามารถทดสอบวัสดุเรซิสต์แบบใหม่ได้รวดเร็วขึ้น และอาจนำไปใช้ในอุตสาหกรรมอื่นนอกเหนือจากเซมิคอนดักเตอร์

    แม้เทคโนโลยี B-EUV จะยังอยู่ในขั้นทดลอง และยังไม่มีเครื่องมือที่พร้อมใช้งานจริง แต่การค้นพบนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการแก้ปัญหาวัสดุเรซิสต์ ซึ่งเป็นหนึ่งในอุปสรรคใหญ่ของการผลิตชิปขนาดเล็กในอนาคต

    นักวิจัยจาก Johns Hopkins พัฒนาเทคโนโลยี B-EUV
    ใช้แสง Soft X-ray ที่มีความยาวคลื่น 6.5–6.7 นาโนเมตร
    สามารถสร้างลวดลายบนชิปที่เล็กกว่า 5 นาโนเมตรได้ในทางทฤษฎี

    ค้นพบวัสดุเรซิสต์ใหม่ที่ตอบสนองต่อแสง Soft X-ray
    ใช้โลหะอย่างสังกะสีร่วมกับสารอินทรีย์อิมิดาโซล
    สังกะสีปล่อยอิเล็กตรอนเพื่อกระตุ้นปฏิกิริยาเคมีที่จำเป็นในการสร้างลวดลาย

    พัฒนาเทคนิค Chemical Liquid Deposition (CLD)
    เคลือบฟิล์มบางระดับนาโนเมตรได้อย่างแม่นยำ
    ช่วยให้ทดสอบวัสดุเรซิสต์ใหม่ได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ

    B-EUV มีศักยภาพในการแทนที่ Hyper-NA EUV
    ลดความซับซ้อนของระบบออปติก
    อาจช่วยลดต้นทุนการผลิตในอนาคต

    คำเตือนเกี่ยวกับข้อจำกัดของเทคโนโลยี B-EUV
    แหล่งกำเนิดแสง Soft X-ray ยังไม่มีมาตรฐานอุตสาหกรรม
    กระจกสะท้อนแสงสำหรับช่วงคลื่นนี้ยังไม่สามารถผลิตได้
    วัสดุเรซิสต์ทั่วไปไม่ตอบสนองต่อพลังงานโฟตอนสูงของ Soft X-ray
    ยังไม่มีระบบ ecosystem ที่รองรับการผลิตแบบ B-EUV อย่างเต็มรูปแบบ

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/beyond-euv-chipmaking-tech-pushes-soft-x-ray-lithography-closer-to-challenging-hyper-na-euv-b-euv-uses-new-resist-chemistry-to-make-smaller-chips
    📰 Soft X-Ray Lithography กับความหวังใหม่ของการผลิตชิประดับต่ำกว่า 5 นาโนเมตร — เทคโนโลยี B-EUV กำลังท้าทาย EUV รุ่น Hyper-NA ในโลกของการผลิตชิปที่เล็กลงเรื่อย ๆ นักวิจัยจากมหาวิทยาลัย Johns Hopkins ได้เปิดตัวเทคโนโลยีใหม่ที่อาจเปลี่ยนเกมของอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ นั่นคือ “Beyond EUV” หรือ B-EUV ซึ่งใช้แสงเลเซอร์ในช่วง Soft X-ray ที่มีความยาวคลื่นสั้นเพียง 6.5–6.7 นาโนเมตร เพื่อสร้างลวดลายบนแผ่นซิลิคอนที่ละเอียดระดับต่ำกว่า 5 นาโนเมตร เทคโนโลยีนี้มีศักยภาพในการแทนที่ EUV แบบ Hyper-NA ที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน ซึ่งแม้จะสามารถผลิตชิปรุ่น 2 นาโนเมตรได้ แต่ก็ต้องใช้ระบบออปติกที่ซับซ้อนและมีราคาสูงถึงหลายร้อยล้านดอลลาร์ ทีมวิจัยของศาสตราจารย์ Michael Tsapatsis ได้ค้นพบว่าโลหะอย่าง “สังกะสี” สามารถดูดซับแสง Soft X-ray และปล่อยอิเล็กตรอนออกมาเพื่อกระตุ้นปฏิกิริยาเคมีในสารอินทรีย์ที่เรียกว่า “อิมิดาโซล” ซึ่งเป็นวัสดุเรซิสต์ชนิดใหม่ที่สามารถสร้างลวดลายบนแผ่นซิลิคอนได้อย่างแม่นยำ นอกจากนี้ยังมีการพัฒนาเทคนิคใหม่ชื่อว่า “Chemical Liquid Deposition” (CLD) ที่สามารถเคลือบฟิล์มบางระดับนาโนเมตรได้อย่างสม่ำเสมอ ซึ่งช่วยให้สามารถทดสอบวัสดุเรซิสต์แบบใหม่ได้รวดเร็วขึ้น และอาจนำไปใช้ในอุตสาหกรรมอื่นนอกเหนือจากเซมิคอนดักเตอร์ แม้เทคโนโลยี B-EUV จะยังอยู่ในขั้นทดลอง และยังไม่มีเครื่องมือที่พร้อมใช้งานจริง แต่การค้นพบนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการแก้ปัญหาวัสดุเรซิสต์ ซึ่งเป็นหนึ่งในอุปสรรคใหญ่ของการผลิตชิปขนาดเล็กในอนาคต ✅ นักวิจัยจาก Johns Hopkins พัฒนาเทคโนโลยี B-EUV ➡️ ใช้แสง Soft X-ray ที่มีความยาวคลื่น 6.5–6.7 นาโนเมตร ➡️ สามารถสร้างลวดลายบนชิปที่เล็กกว่า 5 นาโนเมตรได้ในทางทฤษฎี ✅ ค้นพบวัสดุเรซิสต์ใหม่ที่ตอบสนองต่อแสง Soft X-ray ➡️ ใช้โลหะอย่างสังกะสีร่วมกับสารอินทรีย์อิมิดาโซล ➡️ สังกะสีปล่อยอิเล็กตรอนเพื่อกระตุ้นปฏิกิริยาเคมีที่จำเป็นในการสร้างลวดลาย ✅ พัฒนาเทคนิค Chemical Liquid Deposition (CLD) ➡️ เคลือบฟิล์มบางระดับนาโนเมตรได้อย่างแม่นยำ ➡️ ช่วยให้ทดสอบวัสดุเรซิสต์ใหม่ได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ✅ B-EUV มีศักยภาพในการแทนที่ Hyper-NA EUV ➡️ ลดความซับซ้อนของระบบออปติก ➡️ อาจช่วยลดต้นทุนการผลิตในอนาคต ‼️ คำเตือนเกี่ยวกับข้อจำกัดของเทคโนโลยี B-EUV ⛔ แหล่งกำเนิดแสง Soft X-ray ยังไม่มีมาตรฐานอุตสาหกรรม ⛔ กระจกสะท้อนแสงสำหรับช่วงคลื่นนี้ยังไม่สามารถผลิตได้ ⛔ วัสดุเรซิสต์ทั่วไปไม่ตอบสนองต่อพลังงานโฟตอนสูงของ Soft X-ray ⛔ ยังไม่มีระบบ ecosystem ที่รองรับการผลิตแบบ B-EUV อย่างเต็มรูปแบบ https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/beyond-euv-chipmaking-tech-pushes-soft-x-ray-lithography-closer-to-challenging-hyper-na-euv-b-euv-uses-new-resist-chemistry-to-make-smaller-chips
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 190 มุมมอง 0 รีวิว
  • “MediaTek ปล่อยชิปเรือธงบนเทคโนโลยี 2nm ของ TSMC — ก้าวแรกสู่ยุคใหม่ของ AI, มือถือ และยานยนต์”

    MediaTek ประกาศความสำเร็จในการ tape-out ชิป SoC รุ่นเรือธงตัวใหม่ที่ใช้เทคโนโลยีการผลิตระดับ 2 นาโนเมตรของ TSMC ซึ่งถือเป็นหนึ่งในบริษัทแรกที่เข้าสู่ยุค 2nm อย่างเป็นทางการ โดยชิปนี้จะเข้าสู่การผลิตจำนวนมากในช่วงปลายปี 2026 และพร้อมวางจำหน่ายในช่วงเวลาเดียวกัน

    เทคโนโลยี 2nm ของ TSMC ใช้โครงสร้างทรานซิสเตอร์แบบ nanosheet เป็นครั้งแรก ซึ่งช่วยเพิ่มความหนาแน่นของลอจิกได้ถึง 1.2 เท่า เพิ่มประสิทธิภาพสูงสุด 18% ที่พลังงานเท่าเดิม และลดการใช้พลังงานลงถึง 36% ที่ความเร็วเท่าเดิม เมื่อเทียบกับกระบวนการ N3E รุ่นก่อนหน้า

    MediaTek ยังไม่เปิดเผยว่าชิปนี้จะใช้ในผลิตภัณฑ์ใดโดยตรง แต่มีการคาดการณ์ว่าอาจเกี่ยวข้องกับความร่วมมือกับ NVIDIA ในกลุ่ม AI PC หรือชิปสำหรับดาต้าเซ็นเตอร์ ซึ่งก่อนหน้านี้ทั้งสองบริษัทเคยร่วมมือกันในโปรเจกต์ GB10 “Grace Blackwell” Superchip ที่ใช้กระบวนการ 3nm

    ชิปใหม่นี้จะถูกนำไปใช้ในหลากหลายกลุ่มผลิตภัณฑ์ เช่น มือถือระดับเรือธง, คอมพิวเตอร์ประสิทธิภาพสูง, ยานยนต์อัจฉริยะ และเซิร์ฟเวอร์ edge computing โดย MediaTek ยืนยันว่าการร่วมมือกับ TSMC จะช่วยให้สามารถส่งมอบโซลูชันที่มีประสิทธิภาพสูงและประหยัดพลังงานได้ทั่วโลก

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    MediaTek ประกาศ tape-out ชิป SoC รุ่นเรือธงที่ใช้เทคโนโลยี 2nm ของ TSMC
    เข้าสู่การผลิตจำนวนมากปลายปี 2026 และวางจำหน่ายช่วงเวลาเดียวกัน
    ใช้โครงสร้างทรานซิสเตอร์แบบ nanosheet เป็นครั้งแรก
    เพิ่ม logic density 1.2 เท่า, เพิ่ม performance 18%, ลดพลังงาน 36% เทียบกับ N3E

    กลุ่มเป้าหมายและการใช้งาน
    ชิปนี้อาจใช้ในมือถือ, คอมพิวเตอร์, ยานยนต์ และ edge computing
    มีความเป็นไปได้ว่าจะเกี่ยวข้องกับความร่วมมือกับ NVIDIA ในกลุ่ม AI PC
    MediaTek และ TSMC มีความร่วมมือระยะยาวในด้านเทคโนโลยีขั้นสูง
    ชิปนี้จะเป็นตัวแทนของการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคใหม่ของการประมวลผลแบบประหยัดพลังงาน

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    TSMC N2P คือรุ่นพัฒนาต่อจาก N2 ที่เน้นประสิทธิภาพต่อวัตต์
    Apple และ AMD ก็เตรียมใช้เทคโนโลยี 2nm ในชิปของตนในปี 2026 เช่นกัน
    การใช้ nanosheet transistor ช่วยให้สามารถใส่ accelerator และ IP block ได้มากขึ้นในพื้นที่เท่าเดิม
    เหมาะกับงาน on-device AI ที่ต้องการประสิทธิภาพสูงแต่ใช้พลังงานต่ำ

    https://wccftech.com/mediatek-tapes-out-flagship-soc-tsmc-2nm-process-production-availability-end-2026/
    🧠 “MediaTek ปล่อยชิปเรือธงบนเทคโนโลยี 2nm ของ TSMC — ก้าวแรกสู่ยุคใหม่ของ AI, มือถือ และยานยนต์” MediaTek ประกาศความสำเร็จในการ tape-out ชิป SoC รุ่นเรือธงตัวใหม่ที่ใช้เทคโนโลยีการผลิตระดับ 2 นาโนเมตรของ TSMC ซึ่งถือเป็นหนึ่งในบริษัทแรกที่เข้าสู่ยุค 2nm อย่างเป็นทางการ โดยชิปนี้จะเข้าสู่การผลิตจำนวนมากในช่วงปลายปี 2026 และพร้อมวางจำหน่ายในช่วงเวลาเดียวกัน เทคโนโลยี 2nm ของ TSMC ใช้โครงสร้างทรานซิสเตอร์แบบ nanosheet เป็นครั้งแรก ซึ่งช่วยเพิ่มความหนาแน่นของลอจิกได้ถึง 1.2 เท่า เพิ่มประสิทธิภาพสูงสุด 18% ที่พลังงานเท่าเดิม และลดการใช้พลังงานลงถึง 36% ที่ความเร็วเท่าเดิม เมื่อเทียบกับกระบวนการ N3E รุ่นก่อนหน้า MediaTek ยังไม่เปิดเผยว่าชิปนี้จะใช้ในผลิตภัณฑ์ใดโดยตรง แต่มีการคาดการณ์ว่าอาจเกี่ยวข้องกับความร่วมมือกับ NVIDIA ในกลุ่ม AI PC หรือชิปสำหรับดาต้าเซ็นเตอร์ ซึ่งก่อนหน้านี้ทั้งสองบริษัทเคยร่วมมือกันในโปรเจกต์ GB10 “Grace Blackwell” Superchip ที่ใช้กระบวนการ 3nm ชิปใหม่นี้จะถูกนำไปใช้ในหลากหลายกลุ่มผลิตภัณฑ์ เช่น มือถือระดับเรือธง, คอมพิวเตอร์ประสิทธิภาพสูง, ยานยนต์อัจฉริยะ และเซิร์ฟเวอร์ edge computing โดย MediaTek ยืนยันว่าการร่วมมือกับ TSMC จะช่วยให้สามารถส่งมอบโซลูชันที่มีประสิทธิภาพสูงและประหยัดพลังงานได้ทั่วโลก ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ MediaTek ประกาศ tape-out ชิป SoC รุ่นเรือธงที่ใช้เทคโนโลยี 2nm ของ TSMC ➡️ เข้าสู่การผลิตจำนวนมากปลายปี 2026 และวางจำหน่ายช่วงเวลาเดียวกัน ➡️ ใช้โครงสร้างทรานซิสเตอร์แบบ nanosheet เป็นครั้งแรก ➡️ เพิ่ม logic density 1.2 เท่า, เพิ่ม performance 18%, ลดพลังงาน 36% เทียบกับ N3E ✅ กลุ่มเป้าหมายและการใช้งาน ➡️ ชิปนี้อาจใช้ในมือถือ, คอมพิวเตอร์, ยานยนต์ และ edge computing ➡️ มีความเป็นไปได้ว่าจะเกี่ยวข้องกับความร่วมมือกับ NVIDIA ในกลุ่ม AI PC ➡️ MediaTek และ TSMC มีความร่วมมือระยะยาวในด้านเทคโนโลยีขั้นสูง ➡️ ชิปนี้จะเป็นตัวแทนของการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคใหม่ของการประมวลผลแบบประหยัดพลังงาน ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ TSMC N2P คือรุ่นพัฒนาต่อจาก N2 ที่เน้นประสิทธิภาพต่อวัตต์ ➡️ Apple และ AMD ก็เตรียมใช้เทคโนโลยี 2nm ในชิปของตนในปี 2026 เช่นกัน ➡️ การใช้ nanosheet transistor ช่วยให้สามารถใส่ accelerator และ IP block ได้มากขึ้นในพื้นที่เท่าเดิม ➡️ เหมาะกับงาน on-device AI ที่ต้องการประสิทธิภาพสูงแต่ใช้พลังงานต่ำ https://wccftech.com/mediatek-tapes-out-flagship-soc-tsmc-2nm-process-production-availability-end-2026/
    WCCFTECH.COM
    MediaTek Tapes Out Flagship SoC Using TSMC's 2nm Process, Mass Production & Availability By End of 2026
    MediaTek has announced the tape-out of its flagship SoC, fabricated on TSMC's 2nm process node, which will be available by the end of 2026.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 167 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Seraphic ผนึกกำลัง CrowdStrike — ปฏิวัติความปลอดภัยเบราว์เซอร์องค์กรด้วย AI และ SIEM รุ่นใหม่”

    ในงาน Fal.Con 2025 ที่ลาสเวกัส Seraphic ได้ประกาศเปิดตัวการผนวกระบบ Secure Enterprise Browser (SEB) เข้ากับ CrowdStrike Falcon Next-Gen SIEM อย่างเป็นทางการ พร้อมวางจำหน่ายผ่าน CrowdStrike Marketplace แล้ววันนี้ การรวมพลังครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการยกระดับความปลอดภัยของเบราว์เซอร์ในองค์กร ซึ่งเป็นจุดที่มักถูกมองข้าม แต่กลับกลายเป็นเป้าหมายหลักของการโจมตีไซเบอร์ยุคใหม่

    Seraphic ใช้เทคโนโลยีเบราว์เซอร์เนทีฟที่สามารถเปลี่ยนเบราว์เซอร์ทั่วไปให้กลายเป็นพื้นที่ทำงานที่ปลอดภัย โดยไม่กระทบต่อประสิทธิภาพของผู้ใช้ รองรับทั้งอุปกรณ์ที่องค์กรจัดการและอุปกรณ์ส่วนตัว รวมถึงแอป SaaS ยอดนิยมอย่าง Teams, Slack, Discord และ WhatsApp

    การผนวกกับ Falcon Next-Gen SIEM ทำให้สามารถเชื่อมโยงข้อมูล telemetry จากเบราว์เซอร์เข้ากับข้อมูลภัยคุกคามของ CrowdStrike ได้แบบเรียลไทม์ ช่วยให้ทีมรักษาความปลอดภัยสามารถตรวจจับพฤติกรรมเสี่ยง เช่น ส่วนขยายอันตราย การคลิกฟิชชิ่ง หรือการรั่วไหลของข้อมูล ได้รวดเร็วและแม่นยำยิ่งขึ้น

    ในยุคที่ AI ถูกใช้ในการโจมตีไซเบอร์อย่างแพร่หลาย ระบบ SIEM แบบเก่าไม่สามารถตอบสนองได้ทันเวลา เพราะช้า เสียงรบกวนเยอะ และมีต้นทุนสูง การรวม Seraphic เข้ากับ Falcon จึงเป็นการเติมเต็มช่องว่างนี้ และช่วยให้องค์กรสามารถรับมือกับภัยคุกคามที่ซับซ้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    จุดเด่นจากข่าวการเปิดตัว
    Seraphic SEB พร้อมใช้งานผ่าน CrowdStrike Marketplace แล้ว
    ผนวกกับ Falcon Next-Gen SIEM เพื่อเชื่อมโยงข้อมูลภัยคุกคามแบบเรียลไทม์
    รองรับทุกเบราว์เซอร์และแอป SaaS บนทั้งอุปกรณ์องค์กรและส่วนตัว
    เพิ่มการตรวจจับพฤติกรรมเสี่ยง เช่น ส่วนขยายอันตรายและการรั่วไหลของข้อมูล

    ความเห็นจากผู้บริหาร
    VP ของ Seraphic ระบุว่าเบราว์เซอร์คือจุดทำงานหลักและเป้าหมายใหม่ของการโจมตี
    CISO จาก New American Funding ยืนยันว่า Seraphic ให้การควบคุมที่ต่อเนื่องโดยไม่ลดประสิทธิภาพ
    CrowdStrike ชี้ว่าเบราว์เซอร์เป็นพื้นที่โจมตีที่ถูกละเลย และ Seraphic ช่วยปิดช่องโหว่ได้

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Seraphic ได้รับรางวัล Frost & Sullivan ด้าน Zero Trust Technology
    รองรับการทำงานแบบ Zero Trust โดยไม่ต้องติดตั้งซอฟต์แวร์เพิ่มเติม
    ใช้ AI และ telemetry เพื่อวิเคราะห์พฤติกรรมผู้ใช้แบบละเอียด
    CrowdStrike Marketplace เป็นแพลตฟอร์มรวมโซลูชันความปลอดภัยระดับโลก

    https://hackread.com/seraphic-browser-native-protection-now-available-for-purchase-on-the-crowdstrike-marketplace/
    🛡️ “Seraphic ผนึกกำลัง CrowdStrike — ปฏิวัติความปลอดภัยเบราว์เซอร์องค์กรด้วย AI และ SIEM รุ่นใหม่” ในงาน Fal.Con 2025 ที่ลาสเวกัส Seraphic ได้ประกาศเปิดตัวการผนวกระบบ Secure Enterprise Browser (SEB) เข้ากับ CrowdStrike Falcon Next-Gen SIEM อย่างเป็นทางการ พร้อมวางจำหน่ายผ่าน CrowdStrike Marketplace แล้ววันนี้ การรวมพลังครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการยกระดับความปลอดภัยของเบราว์เซอร์ในองค์กร ซึ่งเป็นจุดที่มักถูกมองข้าม แต่กลับกลายเป็นเป้าหมายหลักของการโจมตีไซเบอร์ยุคใหม่ Seraphic ใช้เทคโนโลยีเบราว์เซอร์เนทีฟที่สามารถเปลี่ยนเบราว์เซอร์ทั่วไปให้กลายเป็นพื้นที่ทำงานที่ปลอดภัย โดยไม่กระทบต่อประสิทธิภาพของผู้ใช้ รองรับทั้งอุปกรณ์ที่องค์กรจัดการและอุปกรณ์ส่วนตัว รวมถึงแอป SaaS ยอดนิยมอย่าง Teams, Slack, Discord และ WhatsApp การผนวกกับ Falcon Next-Gen SIEM ทำให้สามารถเชื่อมโยงข้อมูล telemetry จากเบราว์เซอร์เข้ากับข้อมูลภัยคุกคามของ CrowdStrike ได้แบบเรียลไทม์ ช่วยให้ทีมรักษาความปลอดภัยสามารถตรวจจับพฤติกรรมเสี่ยง เช่น ส่วนขยายอันตราย การคลิกฟิชชิ่ง หรือการรั่วไหลของข้อมูล ได้รวดเร็วและแม่นยำยิ่งขึ้น ในยุคที่ AI ถูกใช้ในการโจมตีไซเบอร์อย่างแพร่หลาย ระบบ SIEM แบบเก่าไม่สามารถตอบสนองได้ทันเวลา เพราะช้า เสียงรบกวนเยอะ และมีต้นทุนสูง การรวม Seraphic เข้ากับ Falcon จึงเป็นการเติมเต็มช่องว่างนี้ และช่วยให้องค์กรสามารถรับมือกับภัยคุกคามที่ซับซ้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ✅ จุดเด่นจากข่าวการเปิดตัว ➡️ Seraphic SEB พร้อมใช้งานผ่าน CrowdStrike Marketplace แล้ว ➡️ ผนวกกับ Falcon Next-Gen SIEM เพื่อเชื่อมโยงข้อมูลภัยคุกคามแบบเรียลไทม์ ➡️ รองรับทุกเบราว์เซอร์และแอป SaaS บนทั้งอุปกรณ์องค์กรและส่วนตัว ➡️ เพิ่มการตรวจจับพฤติกรรมเสี่ยง เช่น ส่วนขยายอันตรายและการรั่วไหลของข้อมูล ✅ ความเห็นจากผู้บริหาร ➡️ VP ของ Seraphic ระบุว่าเบราว์เซอร์คือจุดทำงานหลักและเป้าหมายใหม่ของการโจมตี ➡️ CISO จาก New American Funding ยืนยันว่า Seraphic ให้การควบคุมที่ต่อเนื่องโดยไม่ลดประสิทธิภาพ ➡️ CrowdStrike ชี้ว่าเบราว์เซอร์เป็นพื้นที่โจมตีที่ถูกละเลย และ Seraphic ช่วยปิดช่องโหว่ได้ ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Seraphic ได้รับรางวัล Frost & Sullivan ด้าน Zero Trust Technology ➡️ รองรับการทำงานแบบ Zero Trust โดยไม่ต้องติดตั้งซอฟต์แวร์เพิ่มเติม ➡️ ใช้ AI และ telemetry เพื่อวิเคราะห์พฤติกรรมผู้ใช้แบบละเอียด ➡️ CrowdStrike Marketplace เป็นแพลตฟอร์มรวมโซลูชันความปลอดภัยระดับโลก https://hackread.com/seraphic-browser-native-protection-now-available-for-purchase-on-the-crowdstrike-marketplace/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 125 มุมมอง 0 รีวิว
  • กลุ่มแพทย์และจิตอาสาคนไทยพิทักษ์สิทธิ์ ขอร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือเรื่องสุขภาพประชาชน ด้วยศาสตร์ต่างๆ ดังนี้
    1.ศาสตร์แพทย์แผนไทย (Traditional Thai Medicine)
    ยาเบญจโลกวิเชียร(ห้าราก),ยาขาว,ยาใบมะขาม,ยาตรีผลา,ยาจันทลีลา,ยาเขียวหอม,ยาแสงหมึก,ยาประสะจันทน์แดง,ยามหานิลแท่งทอง,ยาสิงฆาณิกา,ยาธาตุบรรจบ,ยาเหลืองปิดสมุทร,ยาธาตุอบเชย,ยาปราบชมพูทวีป,ยาประสะมะแว้ง,ยาอัมฤควาที,ยาบำรุงโลหิต,ยาเลือดงาม,ยาถ่าย,ยาชุมเห็ดเทศ,ยาธรณีสัณฑฆาต,ยาตรีหอม,ยาลม300จำพวก,ยาหอม,ยาดองมะกรูด,ยาประสะกะเพรา,ยาประสะกานพลู,ยาวิสัมพยาใหญ่,ยามันทธาตุ,ยามหาจักรใหญ่,ยาประสะเจตพังคี,ยามะฮอกกานี,ยาแก้ไอมะขามป้อม,ยาพญายอ,สมุนไพรถ่ายพยาธิต่างๆ เช่น เมล็ดฟักทอง,เมล็ดมะขาม,เมล็ดเล็บมือนาง,เมล็ดสแก,ผงปวกหาด(มะหาด),ผลมะเกลือ,ยาเปลือกมังคุด,รางจืด,ฟ้าทลายโจร,โกฐจุฬาลัมพา,พลูคาว,ใบหนุมานประสานกาย,กระชาย,กัญชา,ขมิ้นชัน,อ้อยดำ,ฝาง,ผักบุ้งแดง,ดอกเกลือ,สมุนไพร ลมปราณ,ปัตจัตตัง เป็นต้น
    2.ศาสตร์แพทย์แผนจีน (Traditional Chinese Medicine)
    ยกตัวอย่าง สมุนไพรฉั่งฉิก ยาเขียวธรรมดา ยาเขียวพิเศษชิงเฟ่ยซองสีส้ม ยาชะลอวัย ยาวาสคิวล่าร์
    ถ้าเกี่ยวกับลิ่มเลือดอุดตันใช้ยา 脑心通胶囊 เหน่า ซิน ทง
    ถ้าก้อนเนื้องอกกำเริบ ใช้温胆汤加减 เวิน ต่าน ทัง เจีย เจี่ยน และศาสตร์การฝังเข็ม เป็นต้น
    3.ศาสตร์โฮมิโอพาธีร์ (Homeophathy) ยาสกัดพลังธรมชาติ จาก พืช สัตว์ แร่ธาตุ ได้แก่ ตำรับโฮมิโอพาธีร์ต่างๆ ตำรับยาหมออมร ดังนี้ Isopathy ของวัคซีน AstraZeneca และ Sinopharm ตำรับ Benjalo แก้แพ้วัคซีนและลองโควิด,TotalTox ล้างพิษที่ตกค้างในอาหาร,RJHT ล้างพิษฟอร์มาลีนและสารเคมีการเกษตร,CKDMHT ขจัดพิษตกค้างจากสารเคมีปรุงรส,CBZA ช่วยล้างพิษสารเคมีกันบูดในอาหาร
    4.การครอบแก้ว,กรอกเลือด (Wet Cupping) เพื่อให้การไหลเวียนของเลือดดีขึ้น เอาเลือดที่
    คั่งค้างออก ซึ่งส่งผลทำให้ลดอาการปวดเมื่อยของกล้ามเนื้อและสามารถบรรเทาได้หลายโรค
    5.ศาสตร์ผสมผสาน (Integrative Medicine)
    การเหยียบดิน/หญ้า(Grounding),การอบตัว,อดอาหารเป็นระยะ(Intermittent Fasting),ศาสตร์ยา9เม็ดหมอเขียว,สวนล้างลำไส้(Enema),ล้างลำไส้แบบลึก(Colonics),Vitamin C Flush,เสียงบำบัด(Sound Therapy),ความถี่บำบัด(Frequency Therapy),ใช้แสงแดงFar Infrared,Reiki,แช่เท้า(Herbal Foot Bath),ล้างพิษตับ(Liver Compression,Castor Oil Pack,การใช้ทองแดง(Copper Tensor Rings),Crystals,การเขียนบันทึก (Journaling),Art Therapy,ภูษาบำบัด(Twisting Tourniquet Technique),การทำสมาธิ Pasitive Affirmations,ฝึกการหายใจ(Breathing Exercises),การตากแดด,เข้าใกล้มังสวิรัติ,คลอรีนไดออกไซด์โซลูชัน(CDS),ไฮดรอกซีคลอโรควีน(HCQ),เมทาลีนบลู(Methylene Blue),ดินภูเขาไฟเบนโทไนท์(Bentonite Clay),ซีโอไลท์(Zeolite),ซิลเวอร์คอลลอยด์(ColloidalSilver),DMSO,ไอโอดีน(Iodine),ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์(Hydrogen Peroxide),ไอเวอร์เมคติน(Ivermectin),เฟนเบนดาโซล (Fenbendazole),แอสไพลิน(Aspirin),น้ำเสริมไฮโดรเจน(hydrogen-rich water),บอแรกซ์(Borax),นัตโตะไคเนส(Nattokinase),โบรมิเลน(Bromelain),Magnesium Antisense(แมกนีเซียมแอนไทเซนส์),เพนท็อกซิฟิลลีน(Pentoxifylline),แมกนีเซียม(Magnesium),กลูตาไธโอน(Glutathione),สังกะสี(Zinc),แอสตาแซนธิน(Astaxanthin),ซิลิมาริน(Sillymarin),กรดอัลฟาไลโปอิก(Alpha Lipoic Acid),เมลาโทนิน(Melatonin),วิตามินดี(Vitamin D),NACหรือN-Acetylcysteine,CoQ10,ซิลิเนียม(Selenium),กรดฟูลวิค(Fulvic Acid),ผักชี(coriander),มะระขี้นก(Bitter gourd),สาหร่ายเกลียวทอง (Spirulina),มิลค์ทิสเซิล(Milk Thistle-Silymarin),พริกคาเยน(Chayenne Peper),ชาเขียว(Green Tea),เห็ดถั่งเช่า(Cordyceps Mushrooms),อาติโช๊ค(Artichoke),คลอเรลลา(Chlorella),สาหร่าย Dulse,Shilajit และอุปกรณ์เทคโนโลยีต่างๆที่โลกมี เป็นต้น

    โอเพนแชท "ล้างพิษ ยาฉีด"
    https://line.me/ti/g2/wTvY1gxHGpGKCt15sQN1jMHw02XoSC1uXsjUsQ?utm_source=invitation&utm_medium=link_copy&utm_campaign=default
    กลุ่มแพทย์และจิตอาสาคนไทยพิทักษ์สิทธิ์
    ✅กลุ่มแพทย์และจิตอาสาคนไทยพิทักษ์สิทธิ์ ขอร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือเรื่องสุขภาพประชาชน ด้วยศาสตร์ต่างๆ ดังนี้ 🧐1.ศาสตร์แพทย์แผนไทย (Traditional Thai Medicine) ยาเบญจโลกวิเชียร(ห้าราก),ยาขาว,ยาใบมะขาม,ยาตรีผลา,ยาจันทลีลา,ยาเขียวหอม,ยาแสงหมึก,ยาประสะจันทน์แดง,ยามหานิลแท่งทอง,ยาสิงฆาณิกา,ยาธาตุบรรจบ,ยาเหลืองปิดสมุทร,ยาธาตุอบเชย,ยาปราบชมพูทวีป,ยาประสะมะแว้ง,ยาอัมฤควาที,ยาบำรุงโลหิต,ยาเลือดงาม,ยาถ่าย,ยาชุมเห็ดเทศ,ยาธรณีสัณฑฆาต,ยาตรีหอม,ยาลม300จำพวก,ยาหอม,ยาดองมะกรูด,ยาประสะกะเพรา,ยาประสะกานพลู,ยาวิสัมพยาใหญ่,ยามันทธาตุ,ยามหาจักรใหญ่,ยาประสะเจตพังคี,ยามะฮอกกานี,ยาแก้ไอมะขามป้อม,ยาพญายอ,สมุนไพรถ่ายพยาธิต่างๆ เช่น เมล็ดฟักทอง,เมล็ดมะขาม,เมล็ดเล็บมือนาง,เมล็ดสแก,ผงปวกหาด(มะหาด),ผลมะเกลือ,ยาเปลือกมังคุด,รางจืด,ฟ้าทลายโจร,โกฐจุฬาลัมพา,พลูคาว,ใบหนุมานประสานกาย,กระชาย,กัญชา,ขมิ้นชัน,อ้อยดำ,ฝาง,ผักบุ้งแดง,ดอกเกลือ,สมุนไพร ลมปราณ,ปัตจัตตัง เป็นต้น 🧐2.ศาสตร์แพทย์แผนจีน (Traditional Chinese Medicine) ยกตัวอย่าง สมุนไพรฉั่งฉิก ยาเขียวธรรมดา ยาเขียวพิเศษชิงเฟ่ยซองสีส้ม ยาชะลอวัย ยาวาสคิวล่าร์ ถ้าเกี่ยวกับลิ่มเลือดอุดตันใช้ยา 脑心通胶囊 เหน่า ซิน ทง ถ้าก้อนเนื้องอกกำเริบ ใช้温胆汤加减 เวิน ต่าน ทัง เจีย เจี่ยน และศาสตร์การฝังเข็ม เป็นต้น 🧐3.ศาสตร์โฮมิโอพาธีร์ (Homeophathy) ยาสกัดพลังธรมชาติ จาก พืช สัตว์ แร่ธาตุ ได้แก่ ตำรับโฮมิโอพาธีร์ต่างๆ ตำรับยาหมออมร ดังนี้ Isopathy ของวัคซีน AstraZeneca และ Sinopharm ตำรับ Benjalo แก้แพ้วัคซีนและลองโควิด,TotalTox ล้างพิษที่ตกค้างในอาหาร,RJHT ล้างพิษฟอร์มาลีนและสารเคมีการเกษตร,CKDMHT ขจัดพิษตกค้างจากสารเคมีปรุงรส,CBZA ช่วยล้างพิษสารเคมีกันบูดในอาหาร 🧐4.การครอบแก้ว,กรอกเลือด (Wet Cupping) เพื่อให้การไหลเวียนของเลือดดีขึ้น เอาเลือดที่ คั่งค้างออก ซึ่งส่งผลทำให้ลดอาการปวดเมื่อยของกล้ามเนื้อและสามารถบรรเทาได้หลายโรค 🧐5.ศาสตร์ผสมผสาน (Integrative Medicine) การเหยียบดิน/หญ้า(Grounding),การอบตัว,อดอาหารเป็นระยะ(Intermittent Fasting),ศาสตร์ยา9เม็ดหมอเขียว,สวนล้างลำไส้(Enema),ล้างลำไส้แบบลึก(Colonics),Vitamin C Flush,เสียงบำบัด(Sound Therapy),ความถี่บำบัด(Frequency Therapy),ใช้แสงแดงFar Infrared,Reiki,แช่เท้า(Herbal Foot Bath),ล้างพิษตับ(Liver Compression,Castor Oil Pack,การใช้ทองแดง(Copper Tensor Rings),Crystals,การเขียนบันทึก (Journaling),Art Therapy,ภูษาบำบัด(Twisting Tourniquet Technique),การทำสมาธิ Pasitive Affirmations,ฝึกการหายใจ(Breathing Exercises),การตากแดด,เข้าใกล้มังสวิรัติ,คลอรีนไดออกไซด์โซลูชัน(CDS),ไฮดรอกซีคลอโรควีน(HCQ),เมทาลีนบลู(Methylene Blue),ดินภูเขาไฟเบนโทไนท์(Bentonite Clay),ซีโอไลท์(Zeolite),ซิลเวอร์คอลลอยด์(ColloidalSilver),DMSO,ไอโอดีน(Iodine),ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์(Hydrogen Peroxide),ไอเวอร์เมคติน(Ivermectin),เฟนเบนดาโซล (Fenbendazole),แอสไพลิน(Aspirin),น้ำเสริมไฮโดรเจน(hydrogen-rich water),บอแรกซ์(Borax),นัตโตะไคเนส(Nattokinase),โบรมิเลน(Bromelain),Magnesium Antisense(แมกนีเซียมแอนไทเซนส์),เพนท็อกซิฟิลลีน(Pentoxifylline),แมกนีเซียม(Magnesium),กลูตาไธโอน(Glutathione),สังกะสี(Zinc),แอสตาแซนธิน(Astaxanthin),ซิลิมาริน(Sillymarin),กรดอัลฟาไลโปอิก(Alpha Lipoic Acid),เมลาโทนิน(Melatonin),วิตามินดี(Vitamin D),NACหรือN-Acetylcysteine,CoQ10,ซิลิเนียม(Selenium),กรดฟูลวิค(Fulvic Acid),ผักชี(coriander),มะระขี้นก(Bitter gourd),สาหร่ายเกลียวทอง (Spirulina),มิลค์ทิสเซิล(Milk Thistle-Silymarin),พริกคาเยน(Chayenne Peper),ชาเขียว(Green Tea),เห็ดถั่งเช่า(Cordyceps Mushrooms),อาติโช๊ค(Artichoke),คลอเรลลา(Chlorella),สาหร่าย Dulse,Shilajit และอุปกรณ์เทคโนโลยีต่างๆที่โลกมี เป็นต้น โอเพนแชท "ล้างพิษ ยาฉีด" https://line.me/ti/g2/wTvY1gxHGpGKCt15sQN1jMHw02XoSC1uXsjUsQ?utm_source=invitation&utm_medium=link_copy&utm_campaign=default กลุ่มแพทย์และจิตอาสาคนไทยพิทักษ์สิทธิ์
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 263 มุมมอง 0 รีวิว
  • “เครื่องทำน้ำร้อนพลังงานแสงอาทิตย์ — ประหยัดพลังงาน ลดค่าไฟ แต่ต้องคิดให้รอบด้านก่อนติดตั้ง”

    การทำน้ำร้อนในบ้านถือเป็นหนึ่งในกิจกรรมที่ใช้พลังงานมากที่สุด โดยเฉลี่ยแล้วคิดเป็น 18% ของค่าไฟฟ้ารายเดือนในครัวเรือนสหรัฐฯ ด้วยเหตุนี้ เครื่องทำน้ำร้อนพลังงานแสงอาทิตย์ (Solar Water Heater) จึงกลายเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการลดค่าใช้จ่ายและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

    ระบบนี้ใช้แผงรับแสงบนหลังคาเพื่อเก็บพลังงานจากดวงอาทิตย์ แล้วเปลี่ยนเป็นความร้อนเพื่อเก็บไว้ในถังน้ำร้อน โดยมีทั้งแบบที่ให้ความร้อนโดยตรง และแบบใช้ของเหลวถ่ายเทความร้อน ซึ่งสามารถทำงานได้แม้ในสภาพอากาศหนาวเย็น

    ข้อดีที่โดดเด่นคือการประหยัดค่าไฟในระยะยาว โดยระบบสามารถให้ความร้อนแก่น้ำได้ถึง 80% ของความต้องการในบ้าน และเมื่อรวมกับเครดิตภาษีพลังงานสะอาดของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ ที่คืนเงินได้ถึง 30% ของค่าติดตั้งจนถึงปี 2032 ก็ยิ่งทำให้คุ้มค่ามากขึ้น

    นอกจากนี้ยังมีข้อดีด้านสิ่งแวดล้อม เพราะระบบนี้ไม่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกใด ๆ และใช้พื้นที่หลังคาน้อยกว่าระบบโซลาร์เซลล์ทั่วไป จึงเหมาะกับบ้านขนาดเล็กหรือพื้นที่จำกัด

    อย่างไรก็ตาม ยังมีข้อจำกัดที่ต้องพิจารณา เช่น ราคาติดตั้งที่สูงกว่าระบบทั่วไปหลายเท่า ความจำเป็นในการมีหลังคาที่รับแสงได้ดี และพื้นที่สำหรับติดตั้งถังน้ำร้อนที่อาจไม่เหมาะกับบ้านขนาดเล็ก รวมถึงความเสี่ยงด้านการกัดกร่อนและการสะสมของแร่ธาตุในระบบที่อาจต้องดูแลในระยะยาว

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    เครื่องทำน้ำร้อนพลังงานแสงอาทิตย์ช่วยลดค่าไฟได้ถึง 80% ของความต้องการน้ำร้อนในบ้าน
    มีเครดิตภาษี 30% จากรัฐบาลกลางสหรัฐฯ สำหรับค่าติดตั้งจนถึงปี 2032
    ระบบสามารถทำงานได้แม้ในสภาพอากาศหนาวเย็น ด้วยการใช้ของเหลวถ่ายเทความร้อน
    ใช้พื้นที่หลังคาน้อยกว่าระบบโซลาร์เซลล์ — เหมาะกับบ้านขนาดเล็ก

    ข้อดีด้านสิ่งแวดล้อมและการใช้งาน
    ไม่ปล่อยก๊าซเรือนกระจก — ลดคาร์บอนฟุตพรินต์ของครัวเรือน
    แผงรับแสงมีอายุการใช้งานยาวนาน และต้องการการดูแลน้อย
    เหมาะกับผู้ที่ต้องการพลังงานสะอาดและลดการพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิล
    เห็นผลทันทีในการลดการใช้พลังงานจากการทำน้ำร้อน

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    ระบบมีทั้งแบบ active (ใช้ปั๊ม) และ passive (ใช้การพาความร้อนตามธรรมชาติ)
    ค่าใช้จ่ายติดตั้งเฉลี่ยอยู่ที่ $2,000–$4,000 สำหรับบ้านพักอาศัย
    การติดตั้งในพื้นที่ที่มีแดดจัด เช่น แคลิฟอร์เนียหรือฟลอริดา จะคุ้มค่ากว่า
    การบำรุงรักษาโดยทั่วไปมีแค่การเปลี่ยนสารกันแข็งและตรวจสอบระบบปีละครั้ง

    https://www.slashgear.com/1965062/solar-water-heater-in-your-home-pros-and-cons/
    🌞 “เครื่องทำน้ำร้อนพลังงานแสงอาทิตย์ — ประหยัดพลังงาน ลดค่าไฟ แต่ต้องคิดให้รอบด้านก่อนติดตั้ง” การทำน้ำร้อนในบ้านถือเป็นหนึ่งในกิจกรรมที่ใช้พลังงานมากที่สุด โดยเฉลี่ยแล้วคิดเป็น 18% ของค่าไฟฟ้ารายเดือนในครัวเรือนสหรัฐฯ ด้วยเหตุนี้ เครื่องทำน้ำร้อนพลังงานแสงอาทิตย์ (Solar Water Heater) จึงกลายเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการลดค่าใช้จ่ายและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ระบบนี้ใช้แผงรับแสงบนหลังคาเพื่อเก็บพลังงานจากดวงอาทิตย์ แล้วเปลี่ยนเป็นความร้อนเพื่อเก็บไว้ในถังน้ำร้อน โดยมีทั้งแบบที่ให้ความร้อนโดยตรง และแบบใช้ของเหลวถ่ายเทความร้อน ซึ่งสามารถทำงานได้แม้ในสภาพอากาศหนาวเย็น ข้อดีที่โดดเด่นคือการประหยัดค่าไฟในระยะยาว โดยระบบสามารถให้ความร้อนแก่น้ำได้ถึง 80% ของความต้องการในบ้าน และเมื่อรวมกับเครดิตภาษีพลังงานสะอาดของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ ที่คืนเงินได้ถึง 30% ของค่าติดตั้งจนถึงปี 2032 ก็ยิ่งทำให้คุ้มค่ามากขึ้น นอกจากนี้ยังมีข้อดีด้านสิ่งแวดล้อม เพราะระบบนี้ไม่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกใด ๆ และใช้พื้นที่หลังคาน้อยกว่าระบบโซลาร์เซลล์ทั่วไป จึงเหมาะกับบ้านขนาดเล็กหรือพื้นที่จำกัด อย่างไรก็ตาม ยังมีข้อจำกัดที่ต้องพิจารณา เช่น ราคาติดตั้งที่สูงกว่าระบบทั่วไปหลายเท่า ความจำเป็นในการมีหลังคาที่รับแสงได้ดี และพื้นที่สำหรับติดตั้งถังน้ำร้อนที่อาจไม่เหมาะกับบ้านขนาดเล็ก รวมถึงความเสี่ยงด้านการกัดกร่อนและการสะสมของแร่ธาตุในระบบที่อาจต้องดูแลในระยะยาว ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ เครื่องทำน้ำร้อนพลังงานแสงอาทิตย์ช่วยลดค่าไฟได้ถึง 80% ของความต้องการน้ำร้อนในบ้าน ➡️ มีเครดิตภาษี 30% จากรัฐบาลกลางสหรัฐฯ สำหรับค่าติดตั้งจนถึงปี 2032 ➡️ ระบบสามารถทำงานได้แม้ในสภาพอากาศหนาวเย็น ด้วยการใช้ของเหลวถ่ายเทความร้อน ➡️ ใช้พื้นที่หลังคาน้อยกว่าระบบโซลาร์เซลล์ — เหมาะกับบ้านขนาดเล็ก ✅ ข้อดีด้านสิ่งแวดล้อมและการใช้งาน ➡️ ไม่ปล่อยก๊าซเรือนกระจก — ลดคาร์บอนฟุตพรินต์ของครัวเรือน ➡️ แผงรับแสงมีอายุการใช้งานยาวนาน และต้องการการดูแลน้อย ➡️ เหมาะกับผู้ที่ต้องการพลังงานสะอาดและลดการพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิล ➡️ เห็นผลทันทีในการลดการใช้พลังงานจากการทำน้ำร้อน ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ ระบบมีทั้งแบบ active (ใช้ปั๊ม) และ passive (ใช้การพาความร้อนตามธรรมชาติ) ➡️ ค่าใช้จ่ายติดตั้งเฉลี่ยอยู่ที่ $2,000–$4,000 สำหรับบ้านพักอาศัย ➡️ การติดตั้งในพื้นที่ที่มีแดดจัด เช่น แคลิฟอร์เนียหรือฟลอริดา จะคุ้มค่ากว่า ➡️ การบำรุงรักษาโดยทั่วไปมีแค่การเปลี่ยนสารกันแข็งและตรวจสอบระบบปีละครั้ง https://www.slashgear.com/1965062/solar-water-heater-in-your-home-pros-and-cons/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    Solar Water Heater: The Pros And Cons Of Using One In Your Home - SlashGear
    Solar water heaters can provide up to 80% of your hot water needs, but installation costs, roof space, and sunlight exposure determine if it’s worth it.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 138 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Mini SSD ขนาดเท่าเหรียญแต่เร็วทะลุ 3,700MB/s — Biwin อาจเปลี่ยนโลกการ์ดความจำ หากยื่นขอมาตรฐานทันเวลา”

    Biwin ผู้ผลิตหน่วยความจำจากจีนเปิดตัว “Mini SSD” ที่มีขนาดเล็กกว่าเหรียญ 1 บาท แต่ให้ความจุสูงถึง 2TB และความเร็วในการอ่านข้อมูลถึง 3,700MB/s ซึ่งเหนือกว่าการ์ด MicroSD Express ที่เร็วสุดเพียง 985MB/s โดยใช้การเชื่อมต่อแบบ PCIe Gen4 x2 และเทคโนโลยี NVMe 1.4 ทำให้ Mini SSD เข้าใกล้ประสิทธิภาพของ SD Express ที่ใหญ่กว่าหลายเท่า

    ตัว Mini SSD มีขนาดเพียง 15 x 17 x 1.4 มม. และสามารถถอดเปลี่ยนได้เหมือนซิมการ์ด ด้วยถาดแบบ eject tray พร้อมคุณสมบัติกันน้ำกันฝุ่นระดับ IP68 และทนต่อแรงกระแทกจากการตกสูงถึง 3 เมตร เหมาะกับอุปกรณ์พกพา เช่น แท็บเล็ต กล้อง และเกมคอนโซลแบบ handheld ซึ่งมีผู้ผลิตบางรายเริ่มนำไปใช้แล้ว เช่น GPD Win 5 และ OneXPlayer Super X

    อย่างไรก็ตาม แม้จะมีศักยภาพสูง แต่ Mini SSD ยังไม่มีการยื่นขอรับรองจากองค์กรมาตรฐานอย่าง SDA (Secure Digital Association) หรือ PCI-SIG ซึ่งเป็นหน่วยงานที่กำหนดมาตรฐานการ์ดความจำและการเชื่อมต่อ หาก Biwin ไม่ดำเนินการในจุดนี้ Mini SSD อาจกลายเป็นผลิตภัณฑ์เฉพาะกลุ่มที่ไม่สามารถใช้งานได้อย่างแพร่หลายเหมือน MicroSD ที่เคยประสบความสำเร็จจากการยื่นขอมาตรฐานตั้งแต่ปี 2005

    จุดเด่นของ Mini SSD จาก Biwin
    ขนาดเล็กมาก: 15 x 17 x 1.4 มม. — เล็กกว่าเหรียญ US penny
    ความจุสูงถึง 2TB และความเร็วอ่าน/เขียน 3,700MB/s / 3,400MB/s
    ใช้ PCIe Gen4 x2 และ NVMe 1.4 — ใกล้เคียง SD Express
    ถอดเปลี่ยนได้แบบถาดซิม พร้อมคุณสมบัติกันน้ำกันฝุ่น IP68

    การใช้งานและการนำไปใช้
    เหมาะกับอุปกรณ์พกพา เช่น แท็บเล็ต กล้อง และเกมคอนโซล
    มีผู้ผลิตเริ่มนำไปใช้แล้ว เช่น GPD Win 5 และ OneXPlayer Super X
    ทนต่อแรงกระแทกจากการตกสูงถึง 3 เมตร — เหมาะกับการใช้งานกลางแจ้ง
    รองรับการใช้งานในระบบ edge computing และ NAS ขนาดเล็ก

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    MicroSD Express มีความเร็วสูงสุดเพียง 985MB/s — ต่ำกว่า Mini SSD เกือบ 4 เท่า
    SD Express มีความเร็วใกล้เคียง Mini SSD แต่มีขนาดใหญ่กว่า
    การยื่นขอมาตรฐานกับ SDA หรือ PCI-SIG จะเปิดทางให้ผู้ผลิตรายอื่นนำไปใช้
    เทคโนโลยี LGA packaging ช่วยให้ Mini SSD มีความทนทานและประสิทธิภาพสูง

    https://www.techradar.com/pro/the-smallest-ssd-ever-could-replace-universal-microsd-memory-cards-permanently-if-its-inventor-does-one-thing
    📦 “Mini SSD ขนาดเท่าเหรียญแต่เร็วทะลุ 3,700MB/s — Biwin อาจเปลี่ยนโลกการ์ดความจำ หากยื่นขอมาตรฐานทันเวลา” Biwin ผู้ผลิตหน่วยความจำจากจีนเปิดตัว “Mini SSD” ที่มีขนาดเล็กกว่าเหรียญ 1 บาท แต่ให้ความจุสูงถึง 2TB และความเร็วในการอ่านข้อมูลถึง 3,700MB/s ซึ่งเหนือกว่าการ์ด MicroSD Express ที่เร็วสุดเพียง 985MB/s โดยใช้การเชื่อมต่อแบบ PCIe Gen4 x2 และเทคโนโลยี NVMe 1.4 ทำให้ Mini SSD เข้าใกล้ประสิทธิภาพของ SD Express ที่ใหญ่กว่าหลายเท่า ตัว Mini SSD มีขนาดเพียง 15 x 17 x 1.4 มม. และสามารถถอดเปลี่ยนได้เหมือนซิมการ์ด ด้วยถาดแบบ eject tray พร้อมคุณสมบัติกันน้ำกันฝุ่นระดับ IP68 และทนต่อแรงกระแทกจากการตกสูงถึง 3 เมตร เหมาะกับอุปกรณ์พกพา เช่น แท็บเล็ต กล้อง และเกมคอนโซลแบบ handheld ซึ่งมีผู้ผลิตบางรายเริ่มนำไปใช้แล้ว เช่น GPD Win 5 และ OneXPlayer Super X อย่างไรก็ตาม แม้จะมีศักยภาพสูง แต่ Mini SSD ยังไม่มีการยื่นขอรับรองจากองค์กรมาตรฐานอย่าง SDA (Secure Digital Association) หรือ PCI-SIG ซึ่งเป็นหน่วยงานที่กำหนดมาตรฐานการ์ดความจำและการเชื่อมต่อ หาก Biwin ไม่ดำเนินการในจุดนี้ Mini SSD อาจกลายเป็นผลิตภัณฑ์เฉพาะกลุ่มที่ไม่สามารถใช้งานได้อย่างแพร่หลายเหมือน MicroSD ที่เคยประสบความสำเร็จจากการยื่นขอมาตรฐานตั้งแต่ปี 2005 ✅ จุดเด่นของ Mini SSD จาก Biwin ➡️ ขนาดเล็กมาก: 15 x 17 x 1.4 มม. — เล็กกว่าเหรียญ US penny ➡️ ความจุสูงถึง 2TB และความเร็วอ่าน/เขียน 3,700MB/s / 3,400MB/s ➡️ ใช้ PCIe Gen4 x2 และ NVMe 1.4 — ใกล้เคียง SD Express ➡️ ถอดเปลี่ยนได้แบบถาดซิม พร้อมคุณสมบัติกันน้ำกันฝุ่น IP68 ✅ การใช้งานและการนำไปใช้ ➡️ เหมาะกับอุปกรณ์พกพา เช่น แท็บเล็ต กล้อง และเกมคอนโซล ➡️ มีผู้ผลิตเริ่มนำไปใช้แล้ว เช่น GPD Win 5 และ OneXPlayer Super X ➡️ ทนต่อแรงกระแทกจากการตกสูงถึง 3 เมตร — เหมาะกับการใช้งานกลางแจ้ง ➡️ รองรับการใช้งานในระบบ edge computing และ NAS ขนาดเล็ก ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ MicroSD Express มีความเร็วสูงสุดเพียง 985MB/s — ต่ำกว่า Mini SSD เกือบ 4 เท่า ➡️ SD Express มีความเร็วใกล้เคียง Mini SSD แต่มีขนาดใหญ่กว่า ➡️ การยื่นขอมาตรฐานกับ SDA หรือ PCI-SIG จะเปิดทางให้ผู้ผลิตรายอื่นนำไปใช้ ➡️ เทคโนโลยี LGA packaging ช่วยให้ Mini SSD มีความทนทานและประสิทธิภาพสูง https://www.techradar.com/pro/the-smallest-ssd-ever-could-replace-universal-microsd-memory-cards-permanently-if-its-inventor-does-one-thing
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 160 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Seagate ทุ่มงบ 135 ล้านดอลลาร์ พัฒนาเทคโนโลยีฮาร์ดดิสก์ 100TB — ดันไอร์แลนด์เหนือสู่ศูนย์กลางการวิจัยระดับโลก”

    ในยุคที่ข้อมูลกลายเป็นเชื้อเพลิงของ AI และเศรษฐกิจดิจิทัล Seagate ได้ประกาศลงทุนครั้งใหญ่กว่า 135 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ £115 ล้าน) เพื่อขยายศูนย์วิจัยในเมือง Derry/Londonderry ประเทศไอร์แลนด์เหนือ โดยมีเป้าหมายพัฒนาเทคโนโลยีฮาร์ดดิสก์ที่สามารถเก็บข้อมูลได้ถึง 100TB ภายในปี 2030

    โครงการนี้ได้รับการสนับสนุนจาก Invest Northern Ireland ด้วยเงินทุนร่วมอีก £15 ล้าน และจะเน้นการพัฒนาเทคโนโลยี photonics และระบบบันทึกแบบ Mozaic ซึ่งใช้เลเซอร์ช่วยในการเขียนข้อมูลลงบนจานแม่เหล็ก — แนวทางที่ช่วยเพิ่มความจุได้อย่างมหาศาลโดยไม่ต้องเพิ่มขนาดของฮาร์ดดิสก์

    ปัจจุบันศูนย์วิจัยของ Seagate ในไอร์แลนด์เหนือผลิตหัวอ่านข้อมูลมากกว่าหนึ่งในสี่ของโลก และเป็นศูนย์กลางการวิจัยด้านเลเซอร์ที่สำคัญสำหรับฮาร์ดดิสก์รุ่นถัดไป โดยโครงการใหม่นี้จะช่วยสร้างงานวิจัยและงานผลิตที่มีทักษะสูง พร้อมเสริมสร้างห่วงโซ่อุปทานในท้องถิ่น

    John Morris, CTO ของ Seagate กล่าวว่า “ในโลกที่ขับเคลื่อนด้วย AI ปริมาณข้อมูลไม่เพียงแต่เพิ่มขึ้น — แต่คุณค่าของข้อมูลก็เปลี่ยนไป เราต้องการโซลูชันการจัดเก็บที่ไม่เพียงใหญ่ แต่ต้องเชื่อถือได้ ทนทาน และขยายได้”

    รายละเอียดการลงทุนของ Seagate
    ลงทุนรวม 135 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ £115 ล้าน) ในศูนย์วิจัยที่ไอร์แลนด์เหนือ
    ได้รับเงินสนับสนุนจาก Invest NI จำนวน £15 ล้าน
    เน้นการพัฒนาเทคโนโลยี Mozaic และ photonics สำหรับฮาร์ดดิสก์
    เป้าหมายคือฮาร์ดดิสก์ขนาด 100TB ภายในปี 2030

    ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมและท้องถิ่น
    สร้างงานวิจัยและงานผลิตที่มีทักษะสูงในภูมิภาค
    เสริมสร้างห่วงโซ่อุปทานผ่านการจัดซื้อวัสดุและบริการในท้องถิ่น
    เพิ่มความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยผ่านโครงการ Smart Nano NI Consortium
    ผลักดันไอร์แลนด์เหนือเป็นศูนย์กลางนวัตกรรมด้านการจัดเก็บข้อมูล

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    ฮาร์ดดิสก์ขนาดใหญ่ยังคงมีบทบาทสำคัญในศูนย์ข้อมูลระดับ exabyte
    เทคโนโลยี Mozaic ใช้ plasmonic transducer และ waveguide เพื่อเพิ่มความแม่นยำในการเขียนข้อมูล
    SSD แม้จะเร็วกว่า แต่ยังมีข้อจำกัดด้านต้นทุนและความจุเมื่อเทียบกับ HDD
    ตลาดจัดเก็บข้อมูลเติบโตจากความต้องการของ AI, cloud และการวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่

    https://www.techradar.com/pro/seagate-invests-usd135-million-in-its-european-photonic-center-to-deliver-100tb-hard-drives-by-2030
    💽 “Seagate ทุ่มงบ 135 ล้านดอลลาร์ พัฒนาเทคโนโลยีฮาร์ดดิสก์ 100TB — ดันไอร์แลนด์เหนือสู่ศูนย์กลางการวิจัยระดับโลก” ในยุคที่ข้อมูลกลายเป็นเชื้อเพลิงของ AI และเศรษฐกิจดิจิทัล Seagate ได้ประกาศลงทุนครั้งใหญ่กว่า 135 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ £115 ล้าน) เพื่อขยายศูนย์วิจัยในเมือง Derry/Londonderry ประเทศไอร์แลนด์เหนือ โดยมีเป้าหมายพัฒนาเทคโนโลยีฮาร์ดดิสก์ที่สามารถเก็บข้อมูลได้ถึง 100TB ภายในปี 2030 โครงการนี้ได้รับการสนับสนุนจาก Invest Northern Ireland ด้วยเงินทุนร่วมอีก £15 ล้าน และจะเน้นการพัฒนาเทคโนโลยี photonics และระบบบันทึกแบบ Mozaic ซึ่งใช้เลเซอร์ช่วยในการเขียนข้อมูลลงบนจานแม่เหล็ก — แนวทางที่ช่วยเพิ่มความจุได้อย่างมหาศาลโดยไม่ต้องเพิ่มขนาดของฮาร์ดดิสก์ ปัจจุบันศูนย์วิจัยของ Seagate ในไอร์แลนด์เหนือผลิตหัวอ่านข้อมูลมากกว่าหนึ่งในสี่ของโลก และเป็นศูนย์กลางการวิจัยด้านเลเซอร์ที่สำคัญสำหรับฮาร์ดดิสก์รุ่นถัดไป โดยโครงการใหม่นี้จะช่วยสร้างงานวิจัยและงานผลิตที่มีทักษะสูง พร้อมเสริมสร้างห่วงโซ่อุปทานในท้องถิ่น John Morris, CTO ของ Seagate กล่าวว่า “ในโลกที่ขับเคลื่อนด้วย AI ปริมาณข้อมูลไม่เพียงแต่เพิ่มขึ้น — แต่คุณค่าของข้อมูลก็เปลี่ยนไป เราต้องการโซลูชันการจัดเก็บที่ไม่เพียงใหญ่ แต่ต้องเชื่อถือได้ ทนทาน และขยายได้” ✅ รายละเอียดการลงทุนของ Seagate ➡️ ลงทุนรวม 135 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ £115 ล้าน) ในศูนย์วิจัยที่ไอร์แลนด์เหนือ ➡️ ได้รับเงินสนับสนุนจาก Invest NI จำนวน £15 ล้าน ➡️ เน้นการพัฒนาเทคโนโลยี Mozaic และ photonics สำหรับฮาร์ดดิสก์ ➡️ เป้าหมายคือฮาร์ดดิสก์ขนาด 100TB ภายในปี 2030 ✅ ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมและท้องถิ่น ➡️ สร้างงานวิจัยและงานผลิตที่มีทักษะสูงในภูมิภาค ➡️ เสริมสร้างห่วงโซ่อุปทานผ่านการจัดซื้อวัสดุและบริการในท้องถิ่น ➡️ เพิ่มความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยผ่านโครงการ Smart Nano NI Consortium ➡️ ผลักดันไอร์แลนด์เหนือเป็นศูนย์กลางนวัตกรรมด้านการจัดเก็บข้อมูล ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ ฮาร์ดดิสก์ขนาดใหญ่ยังคงมีบทบาทสำคัญในศูนย์ข้อมูลระดับ exabyte ➡️ เทคโนโลยี Mozaic ใช้ plasmonic transducer และ waveguide เพื่อเพิ่มความแม่นยำในการเขียนข้อมูล ➡️ SSD แม้จะเร็วกว่า แต่ยังมีข้อจำกัดด้านต้นทุนและความจุเมื่อเทียบกับ HDD ➡️ ตลาดจัดเก็บข้อมูลเติบโตจากความต้องการของ AI, cloud และการวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ https://www.techradar.com/pro/seagate-invests-usd135-million-in-its-european-photonic-center-to-deliver-100tb-hard-drives-by-2030
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 243 มุมมอง 0 รีวิว
  • “SK hynix เปิดตัว ZUFS 4.1 — หน่วยความจำมือถือที่เร็วขึ้น ฉลาดขึ้น และพร้อมรองรับ AI บนเครื่องโดยตรง”

    SK hynix ผู้ผลิตหน่วยความจำรายใหญ่จากเกาหลีใต้ ประกาศเริ่มส่งมอบโซลูชัน NAND สำหรับมือถือรุ่นใหม่ในชื่อ ZUFS 4.1 ซึ่งถือเป็นการผลิตเชิงพาณิชย์ครั้งแรกของเทคโนโลยีนี้ในโลก โดยมุ่งเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพให้กับสมาร์ตโฟนที่ใช้ AI บนเครื่อง (on-device AI) และการจัดการข้อมูลขนาดใหญ่

    ZUFS ย่อมาจาก Zoned Universal Flash Storage ซึ่งเป็นการต่อยอดจากมาตรฐาน UFS โดยนำแนวคิด Zoned Storage มาใช้ — คือการจัดเก็บข้อมูลในโซนต่าง ๆ ตามลักษณะการใช้งาน เพื่อเพิ่มความเร็วและลดการเสื่อมของประสิทธิภาพเมื่อใช้งานไปนาน ๆ

    ZUFS 4.1 สามารถลดเวลาเปิดแอปทั่วไปได้ถึง 45% และลดเวลาเปิดแอป AI ได้ถึง 47% เมื่อเทียบกับ UFS แบบเดิม โดยใช้วิธีเขียนข้อมูลแบบเรียงลำดับ (sequential write) แทนการเขียนทับแบบเดิม ซึ่งช่วยให้ข้อมูลถูกจัดเก็บอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

    นอกจากนี้ SK hynix ยังปรับปรุงระบบตรวจจับข้อผิดพลาดให้แม่นยำขึ้น และสามารถสื่อสารกับ CPU ได้ดีขึ้น ทำให้ระบบสามารถฟื้นตัวจากข้อผิดพลาดได้เร็วขึ้นและเสถียรขึ้น โดย ZUFS 4.1 ผ่านการทดสอบร่วมกับลูกค้าในเดือนมิถุนายน และเริ่มผลิตจริงในเดือนกรกฎาคม 2025

    จุดเด่นของ ZUFS 4.1 จาก SK hynix
    เป็นโซลูชัน NAND สำหรับมือถือที่ใช้เทคโนโลยี Zoned Storage
    ลดเวลาเปิดแอปทั่วไปได้ 45% และแอป AI ได้ 47%
    เขียนข้อมูลแบบ sequential แทนการเขียนทับ — ช่วยลดการเสื่อมของประสิทธิภาพ
    ปรับปรุงระบบตรวจจับข้อผิดพลาดและการสื่อสารกับ CPU เพื่อเพิ่มความเสถียร

    การพัฒนาและการผลิต
    ผ่านการทดสอบร่วมกับลูกค้าในเดือนมิถุนายน 2025
    เริ่มผลิตเชิงพาณิชย์ในเดือนกรกฎาคม และเริ่มส่งมอบในเดือนกันยายน
    เป็นโซลูชันแรกที่พัฒนาเพื่อปรับแต่งการทำงานร่วมกับ Android OS โดยเฉพาะ
    รองรับการใช้งานในสมาร์ตโฟนรุ่นใหม่ที่เน้น on-device AI และการประมวลผลข้อมูลขนาดใหญ่

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Zoned Storage เคยใช้ในเซิร์ฟเวอร์และ SSD ระดับองค์กรมาก่อน
    UFS 4.1 เป็นมาตรฐานล่าสุดที่เปิดตัวในปี 2025 โดย JEDEC
    SK hynix กำลังแข่งขันกับ Samsung และ Kioxia ในตลาด NAND สำหรับมือถือ
    การจัดเก็บแบบ zoned ช่วยลดการเขียนซ้ำและยืดอายุการใช้งานของหน่วยความจำ

    https://www.techpowerup.com/340882/sk-hynix-begins-supplying-mobile-nand-solution-zufs-4-1
    📱 “SK hynix เปิดตัว ZUFS 4.1 — หน่วยความจำมือถือที่เร็วขึ้น ฉลาดขึ้น และพร้อมรองรับ AI บนเครื่องโดยตรง” SK hynix ผู้ผลิตหน่วยความจำรายใหญ่จากเกาหลีใต้ ประกาศเริ่มส่งมอบโซลูชัน NAND สำหรับมือถือรุ่นใหม่ในชื่อ ZUFS 4.1 ซึ่งถือเป็นการผลิตเชิงพาณิชย์ครั้งแรกของเทคโนโลยีนี้ในโลก โดยมุ่งเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพให้กับสมาร์ตโฟนที่ใช้ AI บนเครื่อง (on-device AI) และการจัดการข้อมูลขนาดใหญ่ ZUFS ย่อมาจาก Zoned Universal Flash Storage ซึ่งเป็นการต่อยอดจากมาตรฐาน UFS โดยนำแนวคิด Zoned Storage มาใช้ — คือการจัดเก็บข้อมูลในโซนต่าง ๆ ตามลักษณะการใช้งาน เพื่อเพิ่มความเร็วและลดการเสื่อมของประสิทธิภาพเมื่อใช้งานไปนาน ๆ ZUFS 4.1 สามารถลดเวลาเปิดแอปทั่วไปได้ถึง 45% และลดเวลาเปิดแอป AI ได้ถึง 47% เมื่อเทียบกับ UFS แบบเดิม โดยใช้วิธีเขียนข้อมูลแบบเรียงลำดับ (sequential write) แทนการเขียนทับแบบเดิม ซึ่งช่วยให้ข้อมูลถูกจัดเก็บอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น นอกจากนี้ SK hynix ยังปรับปรุงระบบตรวจจับข้อผิดพลาดให้แม่นยำขึ้น และสามารถสื่อสารกับ CPU ได้ดีขึ้น ทำให้ระบบสามารถฟื้นตัวจากข้อผิดพลาดได้เร็วขึ้นและเสถียรขึ้น โดย ZUFS 4.1 ผ่านการทดสอบร่วมกับลูกค้าในเดือนมิถุนายน และเริ่มผลิตจริงในเดือนกรกฎาคม 2025 ✅ จุดเด่นของ ZUFS 4.1 จาก SK hynix ➡️ เป็นโซลูชัน NAND สำหรับมือถือที่ใช้เทคโนโลยี Zoned Storage ➡️ ลดเวลาเปิดแอปทั่วไปได้ 45% และแอป AI ได้ 47% ➡️ เขียนข้อมูลแบบ sequential แทนการเขียนทับ — ช่วยลดการเสื่อมของประสิทธิภาพ ➡️ ปรับปรุงระบบตรวจจับข้อผิดพลาดและการสื่อสารกับ CPU เพื่อเพิ่มความเสถียร ✅ การพัฒนาและการผลิต ➡️ ผ่านการทดสอบร่วมกับลูกค้าในเดือนมิถุนายน 2025 ➡️ เริ่มผลิตเชิงพาณิชย์ในเดือนกรกฎาคม และเริ่มส่งมอบในเดือนกันยายน ➡️ เป็นโซลูชันแรกที่พัฒนาเพื่อปรับแต่งการทำงานร่วมกับ Android OS โดยเฉพาะ ➡️ รองรับการใช้งานในสมาร์ตโฟนรุ่นใหม่ที่เน้น on-device AI และการประมวลผลข้อมูลขนาดใหญ่ ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Zoned Storage เคยใช้ในเซิร์ฟเวอร์และ SSD ระดับองค์กรมาก่อน ➡️ UFS 4.1 เป็นมาตรฐานล่าสุดที่เปิดตัวในปี 2025 โดย JEDEC ➡️ SK hynix กำลังแข่งขันกับ Samsung และ Kioxia ในตลาด NAND สำหรับมือถือ ➡️ การจัดเก็บแบบ zoned ช่วยลดการเขียนซ้ำและยืดอายุการใช้งานของหน่วยความจำ https://www.techpowerup.com/340882/sk-hynix-begins-supplying-mobile-nand-solution-zufs-4-1
    WWW.TECHPOWERUP.COM
    SK hynix Begins Supplying Mobile NAND Solution ZUFS 4.1
    SK hynix Inc. announced today that it has begun supplying its high-performance mobile NAND solution ZUFS 4.1 to customers, marking the world's first mass production of this solution. The solution's adoption in the latest smartphones reinforces SK hynix's technological excellence in the global market...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 197 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Ant Group เปิดตัวหุ่นยนต์ R1 — ก้าวแรกสู่ยุค AI ที่มีร่างกาย พร้อมท้าชน Tesla และ Unitree”

    Ant Group บริษัทฟินเทคชื่อดังที่ได้รับการสนับสนุนจาก Jack Ma ได้เปิดตัวหุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์รุ่นแรกของตนในชื่อ “R1” ผ่านบริษัทลูก Robbyant ในงาน Inclusion Conference ที่เซี่ยงไฮ้เมื่อวันที่ 11 กันยายน 2025 โดยถือเป็นการเข้าสู่สนามแข่งขันด้าน embodied AI อย่างเต็มตัว ซึ่งมีคู่แข่งระดับโลกอย่าง Tesla, Unitree Robotics และบริษัทสตาร์ทอัพอีกมากมาย

    หุ่นยนต์ R1 ถูกออกแบบให้มีความสามารถหลากหลาย เช่น เป็นไกด์นำเที่ยว, คัดแยกยาในร้านขายยา, ให้คำปรึกษาทางการแพทย์ และทำงานครัวพื้นฐาน โดยเน้นการพัฒนา “สมอง” มากกว่ารูปร่าง — Ant Group เชื่อว่าความฉลาดจากโมเดล AI ขนาดใหญ่จะเป็นตัวกำหนดอนาคตของหุ่นยนต์ มากกว่าการออกแบบฮาร์ดแวร์เพียงอย่างเดียว

    R1 มีน้ำหนักประมาณ 110 กิโลกรัม สูงราว 1.6–1.75 เมตร เคลื่อนที่ได้ด้วยความเร็วไม่เกิน 1.5 เมตรต่อวินาที และมีข้อต่อที่เคลื่อนไหวได้ถึง 34 จุด โดยใช้ชิ้นส่วนจากซัพพลายเออร์จีน เช่น Ti5 และ Galaxea AI ซึ่ง Ant Group เป็นผู้สนับสนุน

    นอกจากการเปิดตัว R1 แล้ว Ant ยังอยู่ระหว่างการพัฒนาโมเดลภาษา BaiLing ของตนเอง และทดลองฝึกด้วยชิปที่ผลิตในประเทศจีน เพื่อเสริมความเป็นอิสระด้านเทคโนโลยี AI ของประเทศ

    จุดเด่นของหุ่นยนต์ R1 จาก Ant Group
    เปิดตัวในงาน Inclusion Conference ที่เซี่ยงไฮ้ วันที่ 11 กันยายน 2025
    พัฒนาโดย Robbyant บริษัทลูกของ Ant Group
    มีความสามารถหลากหลาย เช่น ทำงานครัว, เป็นไกด์, คัดแยกยา, ให้คำปรึกษา
    เน้นการพัฒนา “สมอง” ด้วยโมเดล AI มากกว่าการออกแบบฮาร์ดแวร์

    สเปกและการใช้งานของ R1
    น้ำหนัก 110 กิโลกรัม สูง 1.6–1.75 เมตร เคลื่อนที่ได้ไม่เกิน 1.5 เมตร/วินาที
    มีข้อต่อเคลื่อนไหวได้ 34 จุด ใช้ชิ้นส่วนจากซัพพลายเออร์จีน
    อยู่ในขั้นตอนการผลิตและส่งมอบให้ลูกค้า เช่น พิพิธภัณฑ์เซี่ยงไฮ้
    ไม่ขายเป็นเครื่องเดี่ยว แต่เป็น “โซลูชันตามสถานการณ์”

    วิสัยทัศน์ของ Ant Group
    มองหุ่นยนต์เป็นช่องทางขยายบริการดิจิทัลสู่โลกจริง เช่น การเงินและสาธารณสุข
    พัฒนาโมเดลภาษา BaiLing เพื่อใช้กับหุ่นยนต์และบริการ AI
    ทดลองฝึกโมเดลด้วยชิปที่ผลิตในจีนเพื่อลดต้นทุนและพึ่งพาต่างประเทศ
    มุ่งเน้น embodied intelligence เพื่อสร้างหุ่นยนต์ที่เข้าใจและตอบสนองมนุษย์ได้ดีขึ้น

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Tesla อยู่ระหว่างพัฒนา Optimus รุ่น 3 ที่มีความคล่องตัวสูงและราคาต่ำ
    Unitree Robotics เป็นผู้นำด้านหุ่นยนต์เคลื่อนที่ในจีน
    Nvidia สนับสนุนหลายบริษัทด้วย Jetson modules และ Isaac Sim
    ตลาด embodied AI กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วในภาคการผลิต, โลจิสติกส์ และการดูแลสุขภาพ

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/09/11/jack-ma-backed-ants-first-humanoid-robot-sheds-light-on-its-ai-ambitions
    🤖 “Ant Group เปิดตัวหุ่นยนต์ R1 — ก้าวแรกสู่ยุค AI ที่มีร่างกาย พร้อมท้าชน Tesla และ Unitree” Ant Group บริษัทฟินเทคชื่อดังที่ได้รับการสนับสนุนจาก Jack Ma ได้เปิดตัวหุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์รุ่นแรกของตนในชื่อ “R1” ผ่านบริษัทลูก Robbyant ในงาน Inclusion Conference ที่เซี่ยงไฮ้เมื่อวันที่ 11 กันยายน 2025 โดยถือเป็นการเข้าสู่สนามแข่งขันด้าน embodied AI อย่างเต็มตัว ซึ่งมีคู่แข่งระดับโลกอย่าง Tesla, Unitree Robotics และบริษัทสตาร์ทอัพอีกมากมาย หุ่นยนต์ R1 ถูกออกแบบให้มีความสามารถหลากหลาย เช่น เป็นไกด์นำเที่ยว, คัดแยกยาในร้านขายยา, ให้คำปรึกษาทางการแพทย์ และทำงานครัวพื้นฐาน โดยเน้นการพัฒนา “สมอง” มากกว่ารูปร่าง — Ant Group เชื่อว่าความฉลาดจากโมเดล AI ขนาดใหญ่จะเป็นตัวกำหนดอนาคตของหุ่นยนต์ มากกว่าการออกแบบฮาร์ดแวร์เพียงอย่างเดียว R1 มีน้ำหนักประมาณ 110 กิโลกรัม สูงราว 1.6–1.75 เมตร เคลื่อนที่ได้ด้วยความเร็วไม่เกิน 1.5 เมตรต่อวินาที และมีข้อต่อที่เคลื่อนไหวได้ถึง 34 จุด โดยใช้ชิ้นส่วนจากซัพพลายเออร์จีน เช่น Ti5 และ Galaxea AI ซึ่ง Ant Group เป็นผู้สนับสนุน นอกจากการเปิดตัว R1 แล้ว Ant ยังอยู่ระหว่างการพัฒนาโมเดลภาษา BaiLing ของตนเอง และทดลองฝึกด้วยชิปที่ผลิตในประเทศจีน เพื่อเสริมความเป็นอิสระด้านเทคโนโลยี AI ของประเทศ ✅ จุดเด่นของหุ่นยนต์ R1 จาก Ant Group ➡️ เปิดตัวในงาน Inclusion Conference ที่เซี่ยงไฮ้ วันที่ 11 กันยายน 2025 ➡️ พัฒนาโดย Robbyant บริษัทลูกของ Ant Group ➡️ มีความสามารถหลากหลาย เช่น ทำงานครัว, เป็นไกด์, คัดแยกยา, ให้คำปรึกษา ➡️ เน้นการพัฒนา “สมอง” ด้วยโมเดล AI มากกว่าการออกแบบฮาร์ดแวร์ ✅ สเปกและการใช้งานของ R1 ➡️ น้ำหนัก 110 กิโลกรัม สูง 1.6–1.75 เมตร เคลื่อนที่ได้ไม่เกิน 1.5 เมตร/วินาที ➡️ มีข้อต่อเคลื่อนไหวได้ 34 จุด ใช้ชิ้นส่วนจากซัพพลายเออร์จีน ➡️ อยู่ในขั้นตอนการผลิตและส่งมอบให้ลูกค้า เช่น พิพิธภัณฑ์เซี่ยงไฮ้ ➡️ ไม่ขายเป็นเครื่องเดี่ยว แต่เป็น “โซลูชันตามสถานการณ์” ✅ วิสัยทัศน์ของ Ant Group ➡️ มองหุ่นยนต์เป็นช่องทางขยายบริการดิจิทัลสู่โลกจริง เช่น การเงินและสาธารณสุข ➡️ พัฒนาโมเดลภาษา BaiLing เพื่อใช้กับหุ่นยนต์และบริการ AI ➡️ ทดลองฝึกโมเดลด้วยชิปที่ผลิตในจีนเพื่อลดต้นทุนและพึ่งพาต่างประเทศ ➡️ มุ่งเน้น embodied intelligence เพื่อสร้างหุ่นยนต์ที่เข้าใจและตอบสนองมนุษย์ได้ดีขึ้น ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Tesla อยู่ระหว่างพัฒนา Optimus รุ่น 3 ที่มีความคล่องตัวสูงและราคาต่ำ ➡️ Unitree Robotics เป็นผู้นำด้านหุ่นยนต์เคลื่อนที่ในจีน ➡️ Nvidia สนับสนุนหลายบริษัทด้วย Jetson modules และ Isaac Sim ➡️ ตลาด embodied AI กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วในภาคการผลิต, โลจิสติกส์ และการดูแลสุขภาพ https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/09/11/jack-ma-backed-ants-first-humanoid-robot-sheds-light-on-its-ai-ambitions
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Jack Ma-backed Ant's first humanoid robot sheds light on its AI ambitions
    Jack Ma-backed Ant Group Co showcased its first humanoid robot on Sept 11, formally joining an intensifying effort by Chinese companies to compete with the US in commercialising a frontier technology.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 209 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทัวร์ปีใหม่มาแล้ว!! เกาหลีใต้ โซล หิมะ Winter ❄ เริ่ม 7,999

    🗓 จำนวนวัน 4วัน 2คืน
    ✈ BX แอร์ปูซาน / LJ จินแอร์ / 7Cเจจูแอร์
    พักโรงแรม

    AURORA MEDIA SHOW
    เที่ยวกรุงโซลแบบอิสระด้วยตัวเอง

    รวมทัวร์ไฟไหม้ ทัวร์หลุดจอง โปรพักเดี่ยว ลดเยอะสุด by 21 ปี ">https://eTravelWay.com
    ⭕️ เข้ากลุ่มลับ Facebook โปรเพียบบบบ : https://78s.me/e86e1a
    ⭕️ เข้ากลุ่มลับ LINE openchat ทัวร์ที่หลุด คลิก https://78s.me/501ad8

    LINE ID: @etravelway.fire https://78s.me/e58a3f
    Facebook: etravelway.fire https://78s.me/317663
    Instagram: etravelway.fire https://78s.me/d43626
    Tiktok : https://78s.me/903597
    : 021166395

    #ทัวร์เกาหลี #ทัวร์โซล #korea #seoul #จัดกรุ๊ปส่วนตัว #eTravelway #ทัวร์ไฟไหม้
    #ทัวร์ลดราคา #ทัวร์ราคาถูก #etravelwayfire #thaitimes #News1
    #คิงส์โพธิ์แดง #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ
    ทัวร์ปีใหม่มาแล้ว!! เกาหลีใต้ โซล หิมะ Winter ❄ เริ่ม 7,999 🔥🔥 🗓 จำนวนวัน 4วัน 2คืน ✈ BX แอร์ปูซาน / LJ จินแอร์ / 7Cเจจูแอร์ 🏨 พักโรงแรม ⭐⭐⭐ 📍 AURORA MEDIA SHOW 📍 เที่ยวกรุงโซลแบบอิสระด้วยตัวเอง รวมทัวร์ไฟไหม้ ทัวร์หลุดจอง โปรพักเดี่ยว ลดเยอะสุด by 21 ปี https://eTravelWay.com🔥 ⭕️ เข้ากลุ่มลับ Facebook โปรเพียบบบบ : https://78s.me/e86e1a ⭕️ เข้ากลุ่มลับ LINE openchat ทัวร์ที่หลุด คลิก https://78s.me/501ad8 LINE ID: @etravelway.fire https://78s.me/e58a3f Facebook: etravelway.fire https://78s.me/317663 Instagram: etravelway.fire https://78s.me/d43626 Tiktok : https://78s.me/903597 ☎️: 021166395 #ทัวร์เกาหลี #ทัวร์โซล #korea #seoul #จัดกรุ๊ปส่วนตัว #eTravelway #ทัวร์ไฟไหม้ #ทัวร์ลดราคา #ทัวร์ราคาถูก #etravelwayfire #thaitimes #News1 #คิงส์โพธิ์แดง #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 346 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • “Mistral AI ระดมทุน 1.7 พันล้านยูโร! ASML เข้าร่วมเป็นผู้ถือหุ้นหลัก พร้อมดันยุโรปสู่เวที AI ระดับโลก”

    ถ้าคุณเคยคิดว่าโลก AI ถูกครอบงำโดยบริษัทจากสหรัฐฯ อย่าง OpenAI หรือ Google — ตอนนี้ยุโรปเริ่มตอบโต้แล้วอย่างจริงจัง เมื่อ Mistral AI สตาร์ทอัพจากฝรั่งเศสประกาศระดมทุนรอบ Series C มูลค่า 1.7 พันล้านยูโร พร้อมการเข้าร่วมลงทุนจาก ASML บริษัทผู้ผลิตอุปกรณ์เซมิคอนดักเตอร์รายใหญ่ของโลก

    ASML ลงทุนถึง 1.3 พันล้านยูโรในรอบนี้ และได้ถือหุ้น 11% ใน Mistral AI พร้อมที่นั่งในคณะกรรมการกลยุทธ์ของบริษัท ความร่วมมือนี้ไม่ใช่แค่เรื่องเงิน แต่เป็นการจับมือกันระหว่างผู้นำด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ เพื่อสร้างโซลูชัน AI ที่ตอบโจทย์อุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์โดยตรง

    Mistral AI มีเป้าหมายในการพัฒนาโมเดล AI แบบกระจายศูนย์ (decentralized frontier AI) ที่สามารถแก้ปัญหาทางวิศวกรรมและอุตสาหกรรมที่ซับซ้อน เช่น การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตชิป, การวิเคราะห์ข้อมูลในโรงงาน, และการออกแบบระบบอัตโนมัติขั้นสูง

    การลงทุนครั้งนี้ทำให้ Mistral มีมูลค่าบริษัทหลังการระดมทุนอยู่ที่ 11.7 พันล้านยูโร กลายเป็นสตาร์ทอัพ AI ที่มีมูลค่าสูงที่สุดในยุโรป และเป็นคู่แข่งโดยตรงกับบริษัทจากสหรัฐฯ และจีนในสนามของ Generative AI

    นอกจาก ASML ยังมีนักลงทุนรายใหญ่อื่นๆ เข้าร่วม เช่น NVIDIA, Andreessen Horowitz, DST Global, Bpifrance และ Lightspeed ซึ่งสะท้อนถึงความเชื่อมั่นในศักยภาพของ Mistral ที่จะเป็นผู้นำด้าน AI แบบเปิด (open-source) และมีความเป็นอิสระจาก Silicon Valley

    การระดมทุนรอบ Series C ของ Mistral AI
    ระดมทุนได้ 1.7 พันล้านยูโร
    มูลค่าบริษัทหลังการระดมทุนอยู่ที่ 11.7 พันล้านยูโร
    กลายเป็นสตาร์ทอัพ AI ที่มีมูลค่าสูงที่สุดในยุโรป

    การลงทุนจาก ASML
    ASML ลงทุน 1.3 พันล้านยูโร และถือหุ้น 11%
    ได้ที่นั่งในคณะกรรมการกลยุทธ์ของ Mistral AI
    ร่วมมือเพื่อพัฒนาโซลูชัน AI สำหรับอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์
    ตั้งเป้าใช้ AI เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและการออกแบบชิป

    เป้าหมายของ Mistral AI
    พัฒนาโมเดล AI แบบกระจายศูนย์ (decentralized frontier AI)
    เน้นการแก้ปัญหาทางวิศวกรรมและอุตสาหกรรมที่ซับซ้อน
    สร้างโครงสร้างพื้นฐาน compute ที่มีประสิทธิภาพสูง
    ส่งมอบโซลูชัน AI แบบปรับแต่งเฉพาะสำหรับองค์กร

    นักลงทุนรายอื่นที่เข้าร่วม
    NVIDIA, DST Global, Andreessen Horowitz, Bpifrance, General Catalyst, Index Ventures, Lightspeed
    สะท้อนความเชื่อมั่นในแนวทาง open-source และความเป็นอิสระของ Mistral
    สนับสนุนการขยายตัวของ AI ยุโรปให้แข่งขันกับสหรัฐฯ และจีน

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Mistral เคยระดมทุน Seed มูลค่า $112 ล้านในปี 2023 — ใหญ่ที่สุดในยุโรป
    เปิดตัว Le Chat ในปี 2024 และมีผู้ใช้งานทะลุ 1 ล้านใน 2 สัปดาห์
    ล่าสุดเพิ่มฟีเจอร์ Memories และโหมดวิจัยลึกใน Le Chat
    เป้าหมายคือสร้าง AI ที่เข้าใจหลายภาษาและทำงานได้หลากหลายบริบท

    https://mistral.ai/news/mistral-ai-raises-1-7-b-to-accelerate-technological-progress-with-ai
    🚀 “Mistral AI ระดมทุน 1.7 พันล้านยูโร! ASML เข้าร่วมเป็นผู้ถือหุ้นหลัก พร้อมดันยุโรปสู่เวที AI ระดับโลก” ถ้าคุณเคยคิดว่าโลก AI ถูกครอบงำโดยบริษัทจากสหรัฐฯ อย่าง OpenAI หรือ Google — ตอนนี้ยุโรปเริ่มตอบโต้แล้วอย่างจริงจัง เมื่อ Mistral AI สตาร์ทอัพจากฝรั่งเศสประกาศระดมทุนรอบ Series C มูลค่า 1.7 พันล้านยูโร พร้อมการเข้าร่วมลงทุนจาก ASML บริษัทผู้ผลิตอุปกรณ์เซมิคอนดักเตอร์รายใหญ่ของโลก ASML ลงทุนถึง 1.3 พันล้านยูโรในรอบนี้ และได้ถือหุ้น 11% ใน Mistral AI พร้อมที่นั่งในคณะกรรมการกลยุทธ์ของบริษัท ความร่วมมือนี้ไม่ใช่แค่เรื่องเงิน แต่เป็นการจับมือกันระหว่างผู้นำด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ เพื่อสร้างโซลูชัน AI ที่ตอบโจทย์อุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์โดยตรง Mistral AI มีเป้าหมายในการพัฒนาโมเดล AI แบบกระจายศูนย์ (decentralized frontier AI) ที่สามารถแก้ปัญหาทางวิศวกรรมและอุตสาหกรรมที่ซับซ้อน เช่น การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตชิป, การวิเคราะห์ข้อมูลในโรงงาน, และการออกแบบระบบอัตโนมัติขั้นสูง การลงทุนครั้งนี้ทำให้ Mistral มีมูลค่าบริษัทหลังการระดมทุนอยู่ที่ 11.7 พันล้านยูโร กลายเป็นสตาร์ทอัพ AI ที่มีมูลค่าสูงที่สุดในยุโรป และเป็นคู่แข่งโดยตรงกับบริษัทจากสหรัฐฯ และจีนในสนามของ Generative AI นอกจาก ASML ยังมีนักลงทุนรายใหญ่อื่นๆ เข้าร่วม เช่น NVIDIA, Andreessen Horowitz, DST Global, Bpifrance และ Lightspeed ซึ่งสะท้อนถึงความเชื่อมั่นในศักยภาพของ Mistral ที่จะเป็นผู้นำด้าน AI แบบเปิด (open-source) และมีความเป็นอิสระจาก Silicon Valley ✅ การระดมทุนรอบ Series C ของ Mistral AI ➡️ ระดมทุนได้ 1.7 พันล้านยูโร ➡️ มูลค่าบริษัทหลังการระดมทุนอยู่ที่ 11.7 พันล้านยูโร ➡️ กลายเป็นสตาร์ทอัพ AI ที่มีมูลค่าสูงที่สุดในยุโรป ✅ การลงทุนจาก ASML ➡️ ASML ลงทุน 1.3 พันล้านยูโร และถือหุ้น 11% ➡️ ได้ที่นั่งในคณะกรรมการกลยุทธ์ของ Mistral AI ➡️ ร่วมมือเพื่อพัฒนาโซลูชัน AI สำหรับอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ ➡️ ตั้งเป้าใช้ AI เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและการออกแบบชิป ✅ เป้าหมายของ Mistral AI ➡️ พัฒนาโมเดล AI แบบกระจายศูนย์ (decentralized frontier AI) ➡️ เน้นการแก้ปัญหาทางวิศวกรรมและอุตสาหกรรมที่ซับซ้อน ➡️ สร้างโครงสร้างพื้นฐาน compute ที่มีประสิทธิภาพสูง ➡️ ส่งมอบโซลูชัน AI แบบปรับแต่งเฉพาะสำหรับองค์กร ✅ นักลงทุนรายอื่นที่เข้าร่วม ➡️ NVIDIA, DST Global, Andreessen Horowitz, Bpifrance, General Catalyst, Index Ventures, Lightspeed ➡️ สะท้อนความเชื่อมั่นในแนวทาง open-source และความเป็นอิสระของ Mistral ➡️ สนับสนุนการขยายตัวของ AI ยุโรปให้แข่งขันกับสหรัฐฯ และจีน ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Mistral เคยระดมทุน Seed มูลค่า $112 ล้านในปี 2023 — ใหญ่ที่สุดในยุโรป ➡️ เปิดตัว Le Chat ในปี 2024 และมีผู้ใช้งานทะลุ 1 ล้านใน 2 สัปดาห์ ➡️ ล่าสุดเพิ่มฟีเจอร์ Memories และโหมดวิจัยลึกใน Le Chat ➡️ เป้าหมายคือสร้าง AI ที่เข้าใจหลายภาษาและทำงานได้หลากหลายบริบท https://mistral.ai/news/mistral-ai-raises-1-7-b-to-accelerate-technological-progress-with-ai
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 222 มุมมอง 0 รีวิว
  • 'รสนา'! ตั้งคำถามถึง รมว.พลังงานคนนอก ชี้อาจเป็น 'สายตรง' กลุ่มทุนฟอสซิล ความหวังของใครกันแน่ !?!
    https://www.thai-tai.tv/news/21378/
    .
    #ไทยไท #รสนสนาโตสิตระกูล #กระทรวงพลังงาน #กลุ่มทุนพลังงาน #โซลาร์เซลล์ #ข่าวการเมือง #ข่าววันนี้
    'รสนา'! ตั้งคำถามถึง รมว.พลังงานคนนอก ชี้อาจเป็น 'สายตรง' กลุ่มทุนฟอสซิล ความหวังของใครกันแน่ !?! https://www.thai-tai.tv/news/21378/ . #ไทยไท #รสนสนาโตสิตระกูล #กระทรวงพลังงาน #กลุ่มทุนพลังงาน #โซลาร์เซลล์ #ข่าวการเมือง #ข่าววันนี้
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 110 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts