• 19-09-67/01 : หมี CNN / คัมภีร์หมี วิชัยยุทธ" EP.40 ชื่อตอนว่า "FCUKING DAMN GOOD KILL(THEM ALL)" ดาหน้าตายห่ารายวัน แข่งทำยอดทะลุเป้า มรึงจะแข่งกันไปโอลิมปิคเหรอ? ระเบิดเพจเจอร์ แผนกิ๊กก๊อก! "สิ้นคิด" ที่เดรัจฉานมันจนตรอก ตั้งใจยั่วโมโหอิหร่าน เลบานอนโดยเฮซบอเลาะห์บอก "เดี๋ยวมรึงได้ตายห่าเป็นหมู่คณะแน่" แค่เพจเจอร์ ประปราย เจอพลีชีพไดนาไมค์อีกรอบ คราวนี้ เอาศูนย์การเยรูซาเล็มแม่งซะเลย! ชัดเจนแล้วว่า "อียิวสู้ตายถวายหัว แล้วจะได้ตายห่าสมใจนึกวังบูรพา" อย่าคิดว่าเหี้ยมะกันอยู่ไกลแล้วจะรอด มรึงรอดูระเบิดโผล่กลางเมืองให้ดีดี ทุกรัฐในอเมริกามีชุมชนมุสลิมหมดเกลี้ยง จะรัฐไหน ต้องไปเสี่ยงทายเอาเอง? เมื่อเกมส์มันเปลี่ยนจากสู้ซึ่งหน้าไม่ได้ เพราะแพ้ยับ หันมาก่อการร้ายแทน ซึ่งเหี้ย C มันก็ทำประจำอยู่แล้ว เหี้ยมา เหี้ยกลับไม่มีโกง ทหารยิวตายห่าวันละ 1000 ยังไม่หนำใจมรึงอีกเหรอ? อยากได้วันละ 10000 ก็ไม่บอก? จะรีบชิงไปตายห่ากันไปถึงไหน? มรึงดูสิ่งที่เหี้ยมันทำ ใช้เพจเจอร์ ไม่สามารถบรรลุเป้าใหญ่ได้ เพจเจอร์ระเบิดไป 2800 เครื่อง ตายห่าแค่ 9 มันจะได้อะไร สู้ทหารไม่ได้ เก่งแต่ไล่ฆ่าประชาชน นี่คือ "อียิว" เป้าหมายคือ "ท้าชนอิหร่าน เลบานอน" ไอ้ที่มรึงโดนทุกวันเนี่ย ตายห่าในสมรภูมิรบยังไม่พอ จะลากความตายให้เข้าสู่ชุมชนเมือง หวังลากประชากรควายยิวให้เข้าสู่สงครามเต็มตัว ให้เห็นด้วยกับสงคราม ทั้งๆ ที่มรึงเป็นคนเริ่มก่อสงครามเอง นี่แหละ สูตรสำเร็จความใคร่อีเหี้ยตอแหลจัญไรโลก ไม่มีไอ้อีหน้าไหน ระยำสลัดหมาได้เท่า "อียิว" อีกแล้ว เรื่องเหี้ยๆ มันเอาหมด! สโนว์เดนแฉยับ แผนใช้ระเบิดเพจเจอร์ มีมานานแล้ว เหี้ย C คือตัวการ สั่งการระเบิดโดยผ่านแบตเตอรี่ ส่งสัญญานรบกวน SOFTWARE ในเครื่องให้ร้อนจัดกระทันหัน ฆ่าได้ไม่กี่คน? แต่สิ่งที่จะตามมาคือ "โลกอาหรับ มุสลิม จะไม่หันไปใช้อุปกรณ์สื่อสารของตะวันตกอีกตลอดไป" ใครเจ๊งล่ะ? แผนใช้ครั้งเดียว ฉิบหายทั้งอุตสาหกรรม มันไม่ใช่โง่ดอก แต่มันต้องการล่มสลายทั้งโลก ทำลายทุกอย่าง เศรษฐกิจ การค้า การคลัง การเงิน ตลาดหุ้น โลจิสติค เอาให้เจ๊งกันหมดทั้งโลก เพื่อเป้าหมายเดียว "มาฆ่ากันเหอะ" กูไม่ยอมตายเดี่ยวอยู่แล้ว ข้ามวิกแป๊บ : ยามเมื่อแสงสาดส่อง สิ่งโสมมก็อยู่ไม่ได้ หลังอสส.สั่งฟ้อง 8 เจ้าหน้าที่ขนย้ายผู้ชุมนุมหน้าสภ.ตากใบ ปกติอีอัยกวย ไม่ทำห่าอะไรดอก วันวันจ้องจะหาแดร๊ก แต่งานนี้ใบสั่ง เดินเช็คบิลของเก่าให้ราบคาบ คดีตากใบ ที่วิญญานเหล่าวีรชนรอคอยการพิพากษาจากสวรรค์ ดอกนี้ มันจะส่งไปถึงคำสั่งฆ่า วิสามัญโดยตั้งใจไว้ก่อนแล้ว ใครเป็นนายกฯ ยุคนั้นกันล่ะ? ทำไมเค้าจะสาวไส้ไม่ถึง หลักฐานคามือมานานแล้ว แค่รอเวลาเช็คบิล ยามขาลง หมาไม่แล ทุกอย่างจะถูกเรียกคืนทั้งหมด อีเหลี่ยมเหี้ยมันไม่ได้กลัวคุกดอก เพราะมันไม่คิดจะอยู่ชัวร์ เผ่นแน่นอน ไม่จ่ายก็ต้องเผ่น ไปคนเดียวก็ไม่ได้ ลูกหลานเป็นตัวประกัน ต้องเอาไปทั้งโคตรเดรัจฉานตระกูล เพื่อไม่ให้เอามาต่อรองได้ แล้วค่อยไปตายห่านอกแผ่นดินไทย คดีตากใบ ใครก็ไม่รู้ สั่งให้รื้อ สั่งให้เคลียร์ทุกอย่างชัดเจน ใครเอี่ยวไม่เอี่ยว ใครมีส่วนฆ่าคนใต้หัวใจรักชาติ มรึงไม่รอด ใครไม่ทำ ใครละเว้นปฎิบัติหน้าที่ สั่งเชือดทันที ที่มาอีอัยกวยถึงได้ดิ้นพล่านช่วงนี้ เปิดคดี รื้อคดีกันเป็นว่าเล่น คนที่คุณคิดว่าไม่น่าจะใช่ คือคนบีบเกมส์อัยกวยเอง "ทหารสั่ง" โดยเฉพาะทหารที่เพิ่งจะตกงานมาหมาดๆ อุ๊ปส์! วันนี้อารมณ์ดี จะเผยแผนสวรรค์ให้รู้ 1 ข้อ หลายคนนึกไม่ออก มองไม่ทะลุ ว่าจะจัดการนักการเมืองชั่วในแผ่นดินนี้ยังไง ทหารเค้าเดินหมากล้ำลึกกว่านั้นเยอะ มรึงมองว่ายาก แต่ทหารมองว่าง่ายนิดเดียว แค่โดนคดีติดตัว แค่ยึดทรัพย์ทั้งหมด มรึงคิดว่ามันจะอยู่ให้โง่เหรอ? เผ่นกันออกนอกหมดทั้งคอก พร้อมเงินบาปเท่าที่เก็บได้นั่นแหละ เสธ.แดง ถูกมอบหมายให้มากวาดล้างบางไอ้อีหนักแผ่นดิน และอีจัญไรขายชาติ อีเหลี่ยมชั่วทั้งตระกูล มือไม่ถึงทำไม่ได้ ใจไม่เด็ดเดี่ยว ทำไม่เบ็ดเสร็จเด็ดขาด ทรัพย์สินนักการเมืองที่โกงมา ที่ซื้อไว้ในรูปแบบต่างๆ ทั้งที่ดิน ใบตราสารหนี้ หุ้น สังหาริมทรัพย์ ทั้งหมด รัฐยึดคืนได้โดยถูกกฎหมาย หลักศาลไคฟงมอบตราประทับให้เบ็ดเสร็จ งานนี้ ศาล กองทัพ วัง เค้าคุมเกมส์เบ็ดเสร็จนานแล้ว มรึงคิดว่าการที่อีเหลี่ยมชั่วกลับมาได้ ลุงตู่ไปกวักมือเรียกเข้ามาเพื่ออะไรกันล่ะ? เป้าหมายคือยึดทรัพย์สินคืนแผ่นดิน นี่คือคีย์ของเรื่องราวทั้งหมด แหล่งฟอกเงินของนักการเมืองทั้งหมด มีเหรอ ทหารไม่รู้? เค้าจ้องกันมาหลายปีแล้ว อะไรที่เหี้ยมันหวงที่สุด นั่นคือ "ทรัพย์สิน" ไงล่ะ เด็ดหัวใจเหี้ยออกมา เดี๋ยวมันเผ่นไปเอง ไม่ต้องไล่? มรึงรู้มั้ยว่า ทำไมทหารถึงจ้องตรงนี้ เพราะเปิดโพยดู ไอ้สัส ทรัพย์สินนักการเมืองในไทย มีรวมกันมากกว่า 5 แสนล้านบาท เงินเอามาจากไหนกันล่ะ? ล้างบางประเทศ คือยึดทรัพย์ ไล่นักการเมืองเหี้ยออกไป กำจัดสายป่านขบวนการขายชาติ แยกดินแดน ทั้งหมด อยู่ในแผนนานแล้ว! แค่รอโอกาสที่ใช่ จังหวะที่เหมาะสม ก็เวลานี้แหละ! ดูกันต่อไป อสรพิษโผล่ชัวร์ เหี้ยหางโผล่หมดแล้ว เผยไต๋หมดสิ้น เกมส์นี้ มือต้องถึง ใจต้องหนักแน่น ไม่พูดเยอะ "ฆ่าอย่างเดียว"

    ปล.สัญญานชัด เหี้ยเข้าสู่วิกฤตแล้ว เล่นทุกดอก เอาทุกเม็ด ไม่สนวิธีการ เพราะภาพสวยงามที่โลกจดจำ มันไม่มีเหลืออีกต่อไปแล้ว ขั้วใหม่เดินหมากชั้นสูง จะฆ่าอเมริกา ต้องล่ออียิว เพราะขี้ข้ายังไงก็ต้องช่วยนายใหญ่ พากันลงเหวดิ่งนรกทั้งหมู่คณะ ขั้วใหม่ ฆ่าอย่างเลือดเย็น ทำลายทุกอย่างที่อียิวสร้างเอาไว้ อาณาจักรมรึงล่มสลายชัวร์ ไปสร้างรัฐยิวใหม่ต่อน่ะ เดี๋ยวค่อยตามไปถล่มภายหลัง อีก 100 ปี แก้แค้นก็ยังไม่สาย? ล่าสุด อียิวขาดแคลนทุกอย่าง แม้แต่นายพล แม้แต่อังกฤษ อเมริกา นายพลระดับสั่งการก็ขาดแคลนหนัก เพราะไปติดอยู่ที่สวนสัตว์มอสโคว์ซะเยอะ เมื่อเดินเกมส์สงครามเต็มรูปแบบไม่ได้ ยิวก็ใช้วิธีที่มันถนัดคือก่อการร้ายไงล่ะ? ซึ่งมาทรงนี้ เข้าทางตรีน 3 ฮอ ทันที เหี้ยแค่ไหน ก็แค่ขี้ตรีน "ฮามาส ฮูตี เฮซบอเลาะห์" เพราะกูฆ่ามาเยอะแล้ว ตายห่าเป็นหมื่น โปรดดูวิธีการต่อสู้ รัสเซียใช้ทหารรับจ้าง WAGNER ภายใต้กองทัพ Z จัดการทหารนาโต้ ทหารรับจ้างเหี้ยมะกัน ด้านตะวันออกกลาง อิหร่านส่งเยเมนศิษย์หนองปลาไหล เลบานอนส่งเฮซบอเลาะห์ศิษย์ฉมวกขาว ปาเลสไตน์ส่งฮามาสศิษย์หนองปลาดู่ เข้าประกวด เหี้ยขี้ตรีนไอซิส ทหารอิสราเอล ทหารนาโต้ ตายห่าเกลื่อน ไม่ต้องนับศพ เพราะระเหยไปในอากาศ ครั้นพอจะหันมาล่อแปซิฟิค เจอทั้งจีน รัสเซีย อิหร่าน ร่วมซ้อมรบ 5 ทวีป มรึงยังต้องให้แปลต่อมุย? เหี้ยมันกระจอกกว่าที่มรึงคิด ทุกอย่างที่มันทำ ทำได้แต่เรื่องปาหี่ ฆ่าได้แต่พลเรือน เก่งแต่เด็ก สตรี คนชรา คนพิการ คนท้อง หมายังอายแทน! อียิวมันจนตรอกขั้นสูงสุดแล้ว สันดานโผล่ เหี้ยสุดกระดาน ไอ้ที่ออกมาประท้วงขับไล่อีแพะเนรคุณทันยา มันแค่สตรอรี่เอาตัวรอด? พวกมรึงต่างรู้เห็นการล้มตายของชาวปาเลสไตน์ต่อหน้าต่อตาทุกวัน พอความตายมาเยือนถึงหน้าประตูบ้าน เสือกจะล้างตัวเป็นคนดีขึ้นมาซะงั้น ไอ้สายพันธุ์ชาติชั่ว เลวระยำสลัดหมา อัปรีย์จัญไร ชิงหมามาเกิด? แม้แต่องค์กรเหี้ยสากลโลกยังอยู่ไม่ได้ มติอะไร เค้าก็ไม่สนแล้ว โลกเดินตามปูติน สีจิ้นผิงกันหมด แหกตาดูหน่อยน่ะ? อีเบียร์กระอักเลือด สั่งปิดพรมแดนเพื่อนบ้านแล้ว หนีปัญหาผู้อพยพเข้าเมือง ตั้งแต่ยุคอีป้าแมร์เคิล นั่นคือเปิดศึกเข้าบ้านไงล่ะ ม้าไม้เมืองทรอย เข้ามาอยู่แล้วทำอะไรจ๊ะ? ก่อการร้ายไงจ๊ะ? ใครจ่ายจ๊ะ? ก็เหี้ยยิวไงจ๊ะ? บั่นทองความมั่นคงอีเบียร์เหรอจ๊ะ? ใช่ไงจ๊ะอีโง่! แล้วมรึงยังเสือกจะไปรับใช้อียิวอีกเหรอจ๊ะ? ใช่สิจ๊ะ เพราะผู้นำกูเป็นขี้ข้าใต้ตรีนยิวไงล่ะจ๊ะ? ประเทศมรึงก็จบแล้วสิจ๊ะ? จะไปเหลือเหรอจ๊ะ? ไปกันหมดทั้งยุโรปล่ะจ๊ะ? เพราะฉายา "อีโง่ยุโรป" ไม่ได้มาเพราะโชคช่วยไงล่ะจ๊ะ? จับตาดูเกมส์ฆ่าล้างโคตรอียิว คนตายแค่ 9 คน หรือจะเป็นสิบก็ช่าง ระเบิดเพจเจอร์มันเก่าไปแล้ว งวดนี้ มรึงต้องได้แดร๊ก "มินิคุ๊กกี้รสปลาหมึกย่าง" เท่านั้น เฮซบอเลาะห์ล็อคเป้า 3 เมืองใหญ่ เยรูซาเล็ม ไฮฟา เทลอาวีฟ ระเบิดพลีชีพต้องมา ไฮเปอร์โซนิคต้องแรง มรึงฆ่าพลเรือนกูเท่าไหร่ เดี๋ยวกูจัดหนักให้ 10 เท่า เสี้ยนจัดซะขนาดนี้ ไม่ต้องถึงมือลวกเพ่กูดอก แค่กูก็กระทืบมรึงตายคาตรีนได้สบาย สหบาทามาเต็ม เยเมน เลบานอน ซีเรีย อิรัก อิหร่าน ปาเลสไตน์ แม้แต่บางประเทศในแอฟริกาก็ประกาศท้ารบอียิวแล้ว มันส์ล่ะมรึง หากไม่มีรัสเซีย จีน เข้าร่วม มันก็แค่สงครามในภูมิภาค ยังไม่ใช่ WWIII อย่างที่อียิวต้องการ แก้เกมส์กันทันตาเห็น เพราะตอนนี้ ตะวันออกกลาง ไม่เหลือเป้าหมายให้ถล่มแล้ว พังราบคาบไปหมดเกลี้ยง ชุดใหญ่รัสเซีย จีน เค้าไปรวมตัวกันในแปซิฟิค เอเซียใต้หมดแล้ว เหี้ยดิ้นไม่หลุด ขั้วใหม่มีขุมกำลังมากกว่า และได้พันธมิตรเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งรบนานวัน BRICS ยิ่งโตจนห้ามไม่อยู่ สกัดไม่ได้! ด้านสงครามเศรษฐกิจ จีนเดินหน้าทุบอุตสาหกรรมตะวันตก และอีขี้ข้าทั้งหลาย เดินหน้าแผนเส้นทางสายไหม ตบหน้าอีแขกภาระตะ ไหนมรึงคิดจะวัดรอยตรีนกูไง? ตามมาเลยเพื่อน เดี๋ยวได้เห็น เส้นสายสายไหม กับเส้นทางโรตี ใครจะไปถึงฝั่งฝันก่อนกัน? แค่มรึงจับมือเหี้ยยิว ชีวิตก็เปลี่ยนไปเรียบร้อยแล้ว รอวัน BRICS ถีบออกอย่างเดียว อย่าซ่าส์ หากไม่แน่จริง อย่าคิดว่าแน่ หากยังต้องพึ่งพารัสเซีย จีน อยู่ บทเรียนไม่จำ

    ปล.2 COME ON.. คนระดับนี้ เป็นถึงเสธ.ทหาร ทหารราชองครักษ์ มีเหรอจะไม่รู้กฎระเบียบ วินัยมาเต็ม รู้ดีทุกอย่าง เคร่งครัดเสมอ แล้วทำไมถูกลงโทษ "ก็นายสั่งไงจ๊ะ" ทหารกล้าผู้เสียสละ ยอมเป็นแพะได้เสมอ เพื่อหมากที่วางไว้จะได้สมจริง รู้เท่านี้พอ.. ไอ้สัส!

    หมี CNN(ฆ่ากันทำไม? ได้อะไร? อะไรน่ะ อียิวมันเสี้ยนจัดขอมาเหรอ? แล้วไม่บอก จัดชุดใหญ่ไฟกระพริบให้เลย อยากตายเป็นหมู่คณะก็ไม่บอก NATO EU มันไปไม่รอดแล้ว หนาวนี้มาแล้ว มรึงเตรียมโดนศึกหนัก ทั้งในและนอก ปล่อยให้มันฆ่ากันเองก่อน แล้วค่อยปูพรมเข้าไปยึดโดยคุณยายละม่อม ไม่ต้องเสียกระสุนซักนัด ยุโรปตีกันเละเทะ สภาพอย่างงี้ ยังจะรบ)
    19 กย. 67
    10.40 น.

    ------------------------------------------------------------------------—
    เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ :
    https://liff.line.me/1645278921-kWRPP32q/?accountId=hfs0310u

    **เพจหลักของหมี CNN คือ**
    https://www.minds.com/mheecnn2/

    เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnn
    www.vk.com/id448335733

    **เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!**
    https://twitter.com/CnnMhee

    **เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด!**
    https://www.facebook.com/chatchai.sathitsit.77
    19-09-67/01 : หมี CNN / คัมภีร์หมี วิชัยยุทธ" EP.40 ชื่อตอนว่า "FCUKING DAMN GOOD KILL(THEM ALL)" ดาหน้าตายห่ารายวัน แข่งทำยอดทะลุเป้า มรึงจะแข่งกันไปโอลิมปิคเหรอ? ระเบิดเพจเจอร์ แผนกิ๊กก๊อก! "สิ้นคิด" ที่เดรัจฉานมันจนตรอก ตั้งใจยั่วโมโหอิหร่าน เลบานอนโดยเฮซบอเลาะห์บอก "เดี๋ยวมรึงได้ตายห่าเป็นหมู่คณะแน่" แค่เพจเจอร์ ประปราย เจอพลีชีพไดนาไมค์อีกรอบ คราวนี้ เอาศูนย์การเยรูซาเล็มแม่งซะเลย! ชัดเจนแล้วว่า "อียิวสู้ตายถวายหัว แล้วจะได้ตายห่าสมใจนึกวังบูรพา" อย่าคิดว่าเหี้ยมะกันอยู่ไกลแล้วจะรอด มรึงรอดูระเบิดโผล่กลางเมืองให้ดีดี ทุกรัฐในอเมริกามีชุมชนมุสลิมหมดเกลี้ยง จะรัฐไหน ต้องไปเสี่ยงทายเอาเอง? เมื่อเกมส์มันเปลี่ยนจากสู้ซึ่งหน้าไม่ได้ เพราะแพ้ยับ หันมาก่อการร้ายแทน ซึ่งเหี้ย C มันก็ทำประจำอยู่แล้ว เหี้ยมา เหี้ยกลับไม่มีโกง ทหารยิวตายห่าวันละ 1000 ยังไม่หนำใจมรึงอีกเหรอ? อยากได้วันละ 10000 ก็ไม่บอก? จะรีบชิงไปตายห่ากันไปถึงไหน? มรึงดูสิ่งที่เหี้ยมันทำ ใช้เพจเจอร์ ไม่สามารถบรรลุเป้าใหญ่ได้ เพจเจอร์ระเบิดไป 2800 เครื่อง ตายห่าแค่ 9 มันจะได้อะไร สู้ทหารไม่ได้ เก่งแต่ไล่ฆ่าประชาชน นี่คือ "อียิว" เป้าหมายคือ "ท้าชนอิหร่าน เลบานอน" ไอ้ที่มรึงโดนทุกวันเนี่ย ตายห่าในสมรภูมิรบยังไม่พอ จะลากความตายให้เข้าสู่ชุมชนเมือง หวังลากประชากรควายยิวให้เข้าสู่สงครามเต็มตัว ให้เห็นด้วยกับสงคราม ทั้งๆ ที่มรึงเป็นคนเริ่มก่อสงครามเอง นี่แหละ สูตรสำเร็จความใคร่อีเหี้ยตอแหลจัญไรโลก ไม่มีไอ้อีหน้าไหน ระยำสลัดหมาได้เท่า "อียิว" อีกแล้ว เรื่องเหี้ยๆ มันเอาหมด! สโนว์เดนแฉยับ แผนใช้ระเบิดเพจเจอร์ มีมานานแล้ว เหี้ย C คือตัวการ สั่งการระเบิดโดยผ่านแบตเตอรี่ ส่งสัญญานรบกวน SOFTWARE ในเครื่องให้ร้อนจัดกระทันหัน ฆ่าได้ไม่กี่คน? แต่สิ่งที่จะตามมาคือ "โลกอาหรับ มุสลิม จะไม่หันไปใช้อุปกรณ์สื่อสารของตะวันตกอีกตลอดไป" ใครเจ๊งล่ะ? แผนใช้ครั้งเดียว ฉิบหายทั้งอุตสาหกรรม มันไม่ใช่โง่ดอก แต่มันต้องการล่มสลายทั้งโลก ทำลายทุกอย่าง เศรษฐกิจ การค้า การคลัง การเงิน ตลาดหุ้น โลจิสติค เอาให้เจ๊งกันหมดทั้งโลก เพื่อเป้าหมายเดียว "มาฆ่ากันเหอะ" กูไม่ยอมตายเดี่ยวอยู่แล้ว ข้ามวิกแป๊บ : ยามเมื่อแสงสาดส่อง สิ่งโสมมก็อยู่ไม่ได้ หลังอสส.สั่งฟ้อง 8 เจ้าหน้าที่ขนย้ายผู้ชุมนุมหน้าสภ.ตากใบ ปกติอีอัยกวย ไม่ทำห่าอะไรดอก วันวันจ้องจะหาแดร๊ก แต่งานนี้ใบสั่ง เดินเช็คบิลของเก่าให้ราบคาบ คดีตากใบ ที่วิญญานเหล่าวีรชนรอคอยการพิพากษาจากสวรรค์ ดอกนี้ มันจะส่งไปถึงคำสั่งฆ่า วิสามัญโดยตั้งใจไว้ก่อนแล้ว ใครเป็นนายกฯ ยุคนั้นกันล่ะ? ทำไมเค้าจะสาวไส้ไม่ถึง หลักฐานคามือมานานแล้ว แค่รอเวลาเช็คบิล ยามขาลง หมาไม่แล ทุกอย่างจะถูกเรียกคืนทั้งหมด อีเหลี่ยมเหี้ยมันไม่ได้กลัวคุกดอก เพราะมันไม่คิดจะอยู่ชัวร์ เผ่นแน่นอน ไม่จ่ายก็ต้องเผ่น ไปคนเดียวก็ไม่ได้ ลูกหลานเป็นตัวประกัน ต้องเอาไปทั้งโคตรเดรัจฉานตระกูล เพื่อไม่ให้เอามาต่อรองได้ แล้วค่อยไปตายห่านอกแผ่นดินไทย คดีตากใบ ใครก็ไม่รู้ สั่งให้รื้อ สั่งให้เคลียร์ทุกอย่างชัดเจน ใครเอี่ยวไม่เอี่ยว ใครมีส่วนฆ่าคนใต้หัวใจรักชาติ มรึงไม่รอด ใครไม่ทำ ใครละเว้นปฎิบัติหน้าที่ สั่งเชือดทันที ที่มาอีอัยกวยถึงได้ดิ้นพล่านช่วงนี้ เปิดคดี รื้อคดีกันเป็นว่าเล่น คนที่คุณคิดว่าไม่น่าจะใช่ คือคนบีบเกมส์อัยกวยเอง "ทหารสั่ง" โดยเฉพาะทหารที่เพิ่งจะตกงานมาหมาดๆ อุ๊ปส์! วันนี้อารมณ์ดี จะเผยแผนสวรรค์ให้รู้ 1 ข้อ หลายคนนึกไม่ออก มองไม่ทะลุ ว่าจะจัดการนักการเมืองชั่วในแผ่นดินนี้ยังไง ทหารเค้าเดินหมากล้ำลึกกว่านั้นเยอะ มรึงมองว่ายาก แต่ทหารมองว่าง่ายนิดเดียว แค่โดนคดีติดตัว แค่ยึดทรัพย์ทั้งหมด มรึงคิดว่ามันจะอยู่ให้โง่เหรอ? เผ่นกันออกนอกหมดทั้งคอก พร้อมเงินบาปเท่าที่เก็บได้นั่นแหละ เสธ.แดง ถูกมอบหมายให้มากวาดล้างบางไอ้อีหนักแผ่นดิน และอีจัญไรขายชาติ อีเหลี่ยมชั่วทั้งตระกูล มือไม่ถึงทำไม่ได้ ใจไม่เด็ดเดี่ยว ทำไม่เบ็ดเสร็จเด็ดขาด ทรัพย์สินนักการเมืองที่โกงมา ที่ซื้อไว้ในรูปแบบต่างๆ ทั้งที่ดิน ใบตราสารหนี้ หุ้น สังหาริมทรัพย์ ทั้งหมด รัฐยึดคืนได้โดยถูกกฎหมาย หลักศาลไคฟงมอบตราประทับให้เบ็ดเสร็จ งานนี้ ศาล กองทัพ วัง เค้าคุมเกมส์เบ็ดเสร็จนานแล้ว มรึงคิดว่าการที่อีเหลี่ยมชั่วกลับมาได้ ลุงตู่ไปกวักมือเรียกเข้ามาเพื่ออะไรกันล่ะ? เป้าหมายคือยึดทรัพย์สินคืนแผ่นดิน นี่คือคีย์ของเรื่องราวทั้งหมด แหล่งฟอกเงินของนักการเมืองทั้งหมด มีเหรอ ทหารไม่รู้? เค้าจ้องกันมาหลายปีแล้ว อะไรที่เหี้ยมันหวงที่สุด นั่นคือ "ทรัพย์สิน" ไงล่ะ เด็ดหัวใจเหี้ยออกมา เดี๋ยวมันเผ่นไปเอง ไม่ต้องไล่? มรึงรู้มั้ยว่า ทำไมทหารถึงจ้องตรงนี้ เพราะเปิดโพยดู ไอ้สัส ทรัพย์สินนักการเมืองในไทย มีรวมกันมากกว่า 5 แสนล้านบาท เงินเอามาจากไหนกันล่ะ? ล้างบางประเทศ คือยึดทรัพย์ ไล่นักการเมืองเหี้ยออกไป กำจัดสายป่านขบวนการขายชาติ แยกดินแดน ทั้งหมด อยู่ในแผนนานแล้ว! แค่รอโอกาสที่ใช่ จังหวะที่เหมาะสม ก็เวลานี้แหละ! ดูกันต่อไป อสรพิษโผล่ชัวร์ เหี้ยหางโผล่หมดแล้ว เผยไต๋หมดสิ้น เกมส์นี้ มือต้องถึง ใจต้องหนักแน่น ไม่พูดเยอะ "ฆ่าอย่างเดียว" ปล.สัญญานชัด เหี้ยเข้าสู่วิกฤตแล้ว เล่นทุกดอก เอาทุกเม็ด ไม่สนวิธีการ เพราะภาพสวยงามที่โลกจดจำ มันไม่มีเหลืออีกต่อไปแล้ว ขั้วใหม่เดินหมากชั้นสูง จะฆ่าอเมริกา ต้องล่ออียิว เพราะขี้ข้ายังไงก็ต้องช่วยนายใหญ่ พากันลงเหวดิ่งนรกทั้งหมู่คณะ ขั้วใหม่ ฆ่าอย่างเลือดเย็น ทำลายทุกอย่างที่อียิวสร้างเอาไว้ อาณาจักรมรึงล่มสลายชัวร์ ไปสร้างรัฐยิวใหม่ต่อน่ะ เดี๋ยวค่อยตามไปถล่มภายหลัง อีก 100 ปี แก้แค้นก็ยังไม่สาย? ล่าสุด อียิวขาดแคลนทุกอย่าง แม้แต่นายพล แม้แต่อังกฤษ อเมริกา นายพลระดับสั่งการก็ขาดแคลนหนัก เพราะไปติดอยู่ที่สวนสัตว์มอสโคว์ซะเยอะ เมื่อเดินเกมส์สงครามเต็มรูปแบบไม่ได้ ยิวก็ใช้วิธีที่มันถนัดคือก่อการร้ายไงล่ะ? ซึ่งมาทรงนี้ เข้าทางตรีน 3 ฮอ ทันที เหี้ยแค่ไหน ก็แค่ขี้ตรีน "ฮามาส ฮูตี เฮซบอเลาะห์" เพราะกูฆ่ามาเยอะแล้ว ตายห่าเป็นหมื่น โปรดดูวิธีการต่อสู้ รัสเซียใช้ทหารรับจ้าง WAGNER ภายใต้กองทัพ Z จัดการทหารนาโต้ ทหารรับจ้างเหี้ยมะกัน ด้านตะวันออกกลาง อิหร่านส่งเยเมนศิษย์หนองปลาไหล เลบานอนส่งเฮซบอเลาะห์ศิษย์ฉมวกขาว ปาเลสไตน์ส่งฮามาสศิษย์หนองปลาดู่ เข้าประกวด เหี้ยขี้ตรีนไอซิส ทหารอิสราเอล ทหารนาโต้ ตายห่าเกลื่อน ไม่ต้องนับศพ เพราะระเหยไปในอากาศ ครั้นพอจะหันมาล่อแปซิฟิค เจอทั้งจีน รัสเซีย อิหร่าน ร่วมซ้อมรบ 5 ทวีป มรึงยังต้องให้แปลต่อมุย? เหี้ยมันกระจอกกว่าที่มรึงคิด ทุกอย่างที่มันทำ ทำได้แต่เรื่องปาหี่ ฆ่าได้แต่พลเรือน เก่งแต่เด็ก สตรี คนชรา คนพิการ คนท้อง หมายังอายแทน! อียิวมันจนตรอกขั้นสูงสุดแล้ว สันดานโผล่ เหี้ยสุดกระดาน ไอ้ที่ออกมาประท้วงขับไล่อีแพะเนรคุณทันยา มันแค่สตรอรี่เอาตัวรอด? พวกมรึงต่างรู้เห็นการล้มตายของชาวปาเลสไตน์ต่อหน้าต่อตาทุกวัน พอความตายมาเยือนถึงหน้าประตูบ้าน เสือกจะล้างตัวเป็นคนดีขึ้นมาซะงั้น ไอ้สายพันธุ์ชาติชั่ว เลวระยำสลัดหมา อัปรีย์จัญไร ชิงหมามาเกิด? แม้แต่องค์กรเหี้ยสากลโลกยังอยู่ไม่ได้ มติอะไร เค้าก็ไม่สนแล้ว โลกเดินตามปูติน สีจิ้นผิงกันหมด แหกตาดูหน่อยน่ะ? อีเบียร์กระอักเลือด สั่งปิดพรมแดนเพื่อนบ้านแล้ว หนีปัญหาผู้อพยพเข้าเมือง ตั้งแต่ยุคอีป้าแมร์เคิล นั่นคือเปิดศึกเข้าบ้านไงล่ะ ม้าไม้เมืองทรอย เข้ามาอยู่แล้วทำอะไรจ๊ะ? ก่อการร้ายไงจ๊ะ? ใครจ่ายจ๊ะ? ก็เหี้ยยิวไงจ๊ะ? บั่นทองความมั่นคงอีเบียร์เหรอจ๊ะ? ใช่ไงจ๊ะอีโง่! แล้วมรึงยังเสือกจะไปรับใช้อียิวอีกเหรอจ๊ะ? ใช่สิจ๊ะ เพราะผู้นำกูเป็นขี้ข้าใต้ตรีนยิวไงล่ะจ๊ะ? ประเทศมรึงก็จบแล้วสิจ๊ะ? จะไปเหลือเหรอจ๊ะ? ไปกันหมดทั้งยุโรปล่ะจ๊ะ? เพราะฉายา "อีโง่ยุโรป" ไม่ได้มาเพราะโชคช่วยไงล่ะจ๊ะ? จับตาดูเกมส์ฆ่าล้างโคตรอียิว คนตายแค่ 9 คน หรือจะเป็นสิบก็ช่าง ระเบิดเพจเจอร์มันเก่าไปแล้ว งวดนี้ มรึงต้องได้แดร๊ก "มินิคุ๊กกี้รสปลาหมึกย่าง" เท่านั้น เฮซบอเลาะห์ล็อคเป้า 3 เมืองใหญ่ เยรูซาเล็ม ไฮฟา เทลอาวีฟ ระเบิดพลีชีพต้องมา ไฮเปอร์โซนิคต้องแรง มรึงฆ่าพลเรือนกูเท่าไหร่ เดี๋ยวกูจัดหนักให้ 10 เท่า เสี้ยนจัดซะขนาดนี้ ไม่ต้องถึงมือลวกเพ่กูดอก แค่กูก็กระทืบมรึงตายคาตรีนได้สบาย สหบาทามาเต็ม เยเมน เลบานอน ซีเรีย อิรัก อิหร่าน ปาเลสไตน์ แม้แต่บางประเทศในแอฟริกาก็ประกาศท้ารบอียิวแล้ว มันส์ล่ะมรึง หากไม่มีรัสเซีย จีน เข้าร่วม มันก็แค่สงครามในภูมิภาค ยังไม่ใช่ WWIII อย่างที่อียิวต้องการ แก้เกมส์กันทันตาเห็น เพราะตอนนี้ ตะวันออกกลาง ไม่เหลือเป้าหมายให้ถล่มแล้ว พังราบคาบไปหมดเกลี้ยง ชุดใหญ่รัสเซีย จีน เค้าไปรวมตัวกันในแปซิฟิค เอเซียใต้หมดแล้ว เหี้ยดิ้นไม่หลุด ขั้วใหม่มีขุมกำลังมากกว่า และได้พันธมิตรเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งรบนานวัน BRICS ยิ่งโตจนห้ามไม่อยู่ สกัดไม่ได้! ด้านสงครามเศรษฐกิจ จีนเดินหน้าทุบอุตสาหกรรมตะวันตก และอีขี้ข้าทั้งหลาย เดินหน้าแผนเส้นทางสายไหม ตบหน้าอีแขกภาระตะ ไหนมรึงคิดจะวัดรอยตรีนกูไง? ตามมาเลยเพื่อน เดี๋ยวได้เห็น เส้นสายสายไหม กับเส้นทางโรตี ใครจะไปถึงฝั่งฝันก่อนกัน? แค่มรึงจับมือเหี้ยยิว ชีวิตก็เปลี่ยนไปเรียบร้อยแล้ว รอวัน BRICS ถีบออกอย่างเดียว อย่าซ่าส์ หากไม่แน่จริง อย่าคิดว่าแน่ หากยังต้องพึ่งพารัสเซีย จีน อยู่ บทเรียนไม่จำ ปล.2 COME ON.. คนระดับนี้ เป็นถึงเสธ.ทหาร ทหารราชองครักษ์ มีเหรอจะไม่รู้กฎระเบียบ วินัยมาเต็ม รู้ดีทุกอย่าง เคร่งครัดเสมอ แล้วทำไมถูกลงโทษ "ก็นายสั่งไงจ๊ะ" ทหารกล้าผู้เสียสละ ยอมเป็นแพะได้เสมอ เพื่อหมากที่วางไว้จะได้สมจริง รู้เท่านี้พอ.. ไอ้สัส! หมี CNN(ฆ่ากันทำไม? ได้อะไร? อะไรน่ะ อียิวมันเสี้ยนจัดขอมาเหรอ? แล้วไม่บอก จัดชุดใหญ่ไฟกระพริบให้เลย อยากตายเป็นหมู่คณะก็ไม่บอก NATO EU มันไปไม่รอดแล้ว หนาวนี้มาแล้ว มรึงเตรียมโดนศึกหนัก ทั้งในและนอก ปล่อยให้มันฆ่ากันเองก่อน แล้วค่อยปูพรมเข้าไปยึดโดยคุณยายละม่อม ไม่ต้องเสียกระสุนซักนัด ยุโรปตีกันเละเทะ สภาพอย่างงี้ ยังจะรบ) 19 กย. 67 10.40 น. ------------------------------------------------------------------------— เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://liff.line.me/1645278921-kWRPP32q/?accountId=hfs0310u **เพจหลักของหมี CNN คือ** https://www.minds.com/mheecnn2/ เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnn www.vk.com/id448335733 **เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!** https://twitter.com/CnnMhee **เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด!** https://www.facebook.com/chatchai.sathitsit.77
    0 Comments 0 Shares 155 Views 0 Reviews
  • มาร่วมแสดงความยินดีกับท่านนายกรัฐมนตรีพี่ปูหน่อยค่าาาา….ติ่งขาาาาา……!!!!

    ตอนเก้า………บุญหล่นทับ……จนนักเลงสายลับรับแทบไม่ทัน……!!!

    จากกรณีท่านอัยการ ทำให้มีการปลดออกอีกหลายคนที่มีส่วนเกี่ยวข้อง บางคนก็มีการไว้หน้า เช่น เสนอให้ไปทำงานที่สถานทูตที่เดนมาร์คบ้าง ฟินแลนด์บ้าง
    และเยลซินได้มอบหมายให้ปูตินดูแลรับผิดชอบในฝ่ายอารักขาส่วนตัวควบคู่ไปกับเป็นผู้อำนวยการของ FSB
    ปูตินได้ถือโอกาสนี้…ขออำนาจเด็ดขาดในการบริหารงานและตัดสินใจ
    ซึ่งเขาก็ได้ตามนั้น
    นั่นเท่ากับ……ปูตินได้เข้ามาอยู่ใน”วงใน” ของเยลซินไปโดยปริยาย ในระยะเวลาเพียงสองปีครึ่งของการทำงานในมอสโคว์
    แต่เวลาในการผงาดของปูติน มันเป็นเวลาเดียวกันกับความอ่อนเปลี้ยของเยลซิน ที่รุมเร้าด้วยสุขภาพ และความผิดหวังซ้ำแล้วซ้ำอีกกับการทำงานที่ไร้ประสิทธิภาพของทีมที่เลือกมา

    วันที่ 5 มีนาคม 1999 ได้เกิดเหตุขึ้น นายพล Gennady Shpigun แห่งกระทรวงกลาโหม ที่ได้มีภาระกิจที่เมือง Grozny, Chechen (Chechen Republic of Ichkeria) ได้ถูกลักพาตัวไปเมื่อทันที่ที่ถึงสนามบิน โดยกลุ่มชายฉกรรจ์ที่ใส่หน้ากากคลุมหน้าคลุมตา พร้อมอาวุธเต็มพิกัด
    โดยปรกติสถานะการณ์ในเชเชนนั้น ร้อนระอุมาตั้งแต่หลังจากที่ได้รับการปลดปล่อยให้เป็นเอกราชในปี 1991 จากรัสเซีย แต่ก็เป็นแบบครึ่งๆกลางๆ
    การต่อต้านจึงลุกฮือขึ้นอีก ในปี 1993 เยลซินจึงให้นายพล Lebed ขี้เก๊กยกทัพไปปราบ
    แต่ปรากฏว่าแพ้ยับกลับมาในปี 1996
    ทางเชเชนก็เสียหายไม่น้อย บ้านเมืองพังพินาศ
    ทำได้แค่สงบศึก ต่างคนต่างอยู่
    เพราะต่างก็เสียทหารไปจำนวนมาก แต่รัสเซียยังคอยแทรกแซง หรือกำไว้แบบหลวม……
    จึงได้เกิดขบวนการต่อต้านรัสเซีย ที่ก่อความไม่สงบ มีการจับตัวคนนั้นคนนี้ไปบ่อยๆ
    เพียงแต่คราวนี้เหิมเกริม……อุกอาจจับตัวรัฐมนตรีกลาโหมไป พร้อมเรียกร้องค่าไถ่ตัวถึง สิบห้าล้านยูเอสดอลล่าร์
    ตามาด้วยการระเบิดที่ใจกลางเมือง Vladikavkas ทางคอเคซัส มีคนตายถึง 60 คน

    เยลซินสั่งการให้ปูตินและ Seigei Stepashin นายกรัฐมนตรีคนใหม่ที่เพิ่งได้รับการแต่งตั้งมาหมาดๆ ( แทน Yevgeny Primakov) ให้ไปดูสถานะการณ์ที่เมือง Vladikavkas โดยด่วน
    เพื่อไปพบกับ Aslan Maskhadov ประธานาธิบดีเชเชนที่ยังมีสัมพันธภาพที่ดีกับรัสเซีย
    การไปพบครั้งนี้ อัสลานได้มีทีท่าแปลกๆ เขาพูดว่า
    “ได้ข่าวมาว่า ทางรัสเซียได้มอบหมายให้”หน่วยงานพิเศษ” จะเข้ามาปฎิบัติการสังหารผม เพื่อที่จะได้เป็นข้ออ้างที่จะประกาศเป็นสถานะการณ์ฉุกเฉิน แล้วยกทัพเข้ามาควบคุมพื้นที่ ……”
    ปูตินได้ยินดังนั้น…โกรธจนหูกระดิก เพราะไอ้หน่วยงานพิเศษที่ว่านั้น มันก็หมายถึง FSB ที่เขาดูแลอยู่
    และอีกประการหนึ่ง ในเรื่องที่รัสเซียแพ้สงครามในเชเชนทั้งๆที่มีกำลังมากกว่าถึงสามเท่านั้น มันก็น่าอับอายพออยู่แล้ว
    เป็นอันว่า….เรื่องการเจรจานั้น……เลิกคิดไปได้เลย
    ถึงแม้ว่า……จะตระหนักดีในความจริงที่ว่า รัสเซียจะไม่ได้รบกับกบฏเชเชน แต่…มันอาจจะเป็นการรบกับ NATO ศัตรูดั้งเดิมก็ได้
    ที่ทำให้ปูตินต้องหาทางเจรจากับเยลซิน……

    ฝ่ายกลาโหมได้ตั้งรับแนวปะทะ ฝ่ายกบฏเชเชนได้ล่วงล้ำไปใน Dagestan และได้รับข่าวร้ายว่าได้พบกับร่างที่หมดลมหายใจของนายพล Shpigun ที่ถูกลักพาตัวไปแล้ว

    ทางกองทัพรัสเซียได้ทำการเตรียมการมาตั้งแต่เดือนมีนาคม
    ปูตินได้เดินทางไปพบกับกองกำลังของรัสเซียที่รัฐดาเกสถาน
    หลายครั้งเพื่อความมั่นใจว่า แม่ทัพ Anatoly Kvashnin มีความพร้อม

    วันที่ 5 สิงหาคม เยลซินได้มีคำสั่งให้ปูตินเข้าพบในบ้านพัก
    ชายขอบกรุงมอสโคว์
    พอนั่งลงเสร็จ เยลซินได้จ้องหน้าปูติน และกล่าวขึ้นมาว่า
    “ฉันตัดสินใจแล้วนะ ที่เรียกเธอมาในวันนี้ คือ ฉันอยากจะแต่งตั้งเธอให้เป็นนายกรัฐมนตรี…”
    ปูตินเงียบไปอึดใจหนึ่ง ฟังเยลซินได้บรรยายปัญหาของภาระของรัสเซียแบกไว้ในคอเคซัส
    ให้ปูตินฟัง ถึงเรื่อง เศรษฐกิจ สภาพเงินเฟ้อ และที่เขากังวลเป็นอย่างมากคือ ปัญหาของโครงสร้างและบุคลากรสภาที่ไม่แข็งแรงพอกับการที่จะมีเลือกตั้งในสี่เดือนข้างหน้า
    เขาเคยมีความหวังกับ Yury Luzhkov หรือไม่ก็ Yevgeny Primakov
    แต่ต้องมาพบกับหลังบ้านของ Luzhkov ทำธุรกิจที่อิงการเมือง
    จนร่ำรวยมหาศาล ในขณะที่บ้านเมืองยังอยู่ในสภาพอดมื้อกินมื้อ
    แถมตัวสามี Yury ก็เถียงแทนเมียฉอดๆ ว่า
    “ก็ชั้นทำงานให้กับเครมลิน…ไม่ได้ทำเพื่อชาติ…”

    เยลซินถามขึ้นมาว่า
    “เธอจะทำได้ไหม ทำในสิ่งที่ฉันต้องการที่จะเห็น นั่นคือ พาประเทศชาติของเราให้เจริญอยู่ยงอย่างแข็งแรงต่อไป..”
    ปูตินอึกอัก “กระผมไม่แน่ใจ เรื่องงาน กระผมไม่กลัวอะไรทั้งสิ้น
    แต่ถ้าจะต้องไปหาเสียง……ไปโฆษณาตัวเอง กระผมไม่ชอบ”
    “นั่นไม่ต้องห่วงอะไรทั้งสิ้น เป็นธุระของทางเราเอง”
    “ถ้าเช่นนั้น ก็แล้วแต่ท่านจะกรุณา…”
    “ไม่ต้องกังวล เธอเตรียมตัวไว้ได้เลย เพราะเธอจะไปไกลกว่านี้แน่นอน”

    วันที่ 9 สิงหาคม เยลซินได้ออกทีวี ประกาศว่า
    “เราได้เลือกได้บุคคลที่เหมาะสมที่จะมาทำงานรับใช้ประเทศชาติแล้ว ขอให้ท่านเชื่อใจได้เลยว่า เขาเป็นคนที่มีประสบการณ์อย่างมากมาย
    และมีความสามารถเหลือล้น”

    ข่าวนี้ได้สร้างความฮือฮาประหลาดใจกับทุกคนในเครมลิน ที่ส่วนใหญ่มองไปในด้านลบ เพราะ ปูตินไอ้หน้าจืดเนี่ยนะ………นายกรัฐมนตรี ?!!!
    มีประสบการณ์อะไรมา……นี่เท่ากับว่าส่งมาลงนรก หมดอนาคตต่อไปเชียว
    อย่างมากก็สามเดือน จะถึงหรือเปล่าก็ไม่รู้…?!!
    ช่วงนั้นเป็นช่วงที่หนักหน่วงของปูติน เพราะวลาดิเมียร์ผู้พ่ออยู่ในสภาพเจ็บหนัก ที่เขาต้องไปเยี่ยมเดือนละครั้งหรือสองครั้ง ส่วนมาเรีย มารดาได้จากไปเมื่อสองปีที่แล้ว
    และทุกครั้งที่พ่อเห็นเขา…พ่อจะพูดว่า ….”ลูกชายของพ่อ เจ้าช่างเหมือนกับซาร์เลยเชียวนะ……”
    วลาดิเมียร์ได้ถึงแก่กรรมในวันที่ 2 สิงหาคม ไม่ทันที่จะได้รับรู้ว่าลูกชายจะได้เป็นถึงนายกรัฐมนตรีในกาลอันใกล้

    ปูตินเองก็มานั่งทบทวนดู ว่า อนาคตเขาอาจจะไม่ต่างไปจากเหล่าอดีตนายกรัฐมนตรีคนอื่นๆของเยลซิน ที่ล้วนมีอายุราชการสั้น สามเดือน หกเดือน เหมือนอย่างที่เกิดขึ้นกับ Stepashin, Ptimakov และ Kiriyenko
    แต่อีกใจหนึ่ง เขาก็คิดว่า ช่างมันประไร เขามีอายุเพียงสี่สิบหก
    และจะได้รับงานที่เป็นการท้าทายความสามารถ มีอำนาจเด็ดขาด
    ที่จะได้ทำในสิ่งที่อยากทำ โดยเฉพาะเรื่องสงครามที่เชเชน ที่เขาจะต้องกู้ชื่อเสียงกลับมาให้ได้ …
    เท่ากับว่า……เขาไม่ได้ลงทุนอะไรเลย และเขาได้คิดถึงในสมัยที่ยังเป็นเด็กหนุ่มที่วิ่งเข้าวิ่งออกในอาคารสงเคราะห์ ที่ไม่เคยกลัวใคร
    ไม่เคยรอเสียเวลาในการถกเถียง….เปิดฉากปะทะก่อนทุกครั้ง…
    และครั้งนี้…ในคอเคซัส….เขาจะไปให้พวกมันเห็นว่านรกมีจริงงงง……!!!

    ปูตินได้รับการผ่านในการเสนอชื่อในสภาเพื่อเข้ามาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ในวันที่ 16 สิงหาคม
    สิ่งแรกที่นายกรัฐมนตรีคนใหม่หมาดๆทำ คือ แต่งตัวลำลอง บินไปชายแดนเชเชน ไปพบปะพูดคุยกับทหารหาญ ไปมอบเหรียญกล้าหาญ

    ทางฝ่ายกบฏเชเชนได้ทำการท้าทายอำนาจใหม่อย่างเหิมเกริม นั่นคือการวางระเบิดอพาร์ตเมนต์ในเมือง Volgodonsk มีคนเสียชีวิตนับสิบ

    วันที่ 23 สิงหาคม ฝูงบินจากรัสเซียส่งเข้าไปถล่มถึงกลางกรุง Grozny
    ถล่มโรงกลั่นน้ำมันจนราบเป็นหน้ากลอง เป็นการถล่มแบบนอกตำรายุทธการ เพราะมาแบบล้างแค้นสถานเดียว
    ปูตินอยู่สังเกตการณ์ทั้งหมด มีนักข่าวไปถามว่า
    “บอมบ์เพื่อหวังผลอะไร..?”
    ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่สร้างความประหลาดใจให้กับทุกคน เพราะปูตินพูดจาด้วยภาษานักเลงแบบที่ได้ยินตามมุมถนน เขาตอบว่า
    “เบื่อโคตรๆ ที่ต้องมาตอบอะไรซ้ำซากแบบนี้ เราถล่มเฉพาะจุดที่เรารู้ว่าพวกไอ้เลวนั่นมันสุมหัวอยู่กัน โทษทีนะ ถ้าพบว่ามันนั่งอยู่ในส้วม ก็จะส่งมันลงท่อไปตรงนั้นเลย…”

    หลังจากที่ถล่มจนราบแล้ว วันที่ 29 กันยายน ปูตินได้ถามกับ ประธานาธิบดีเชเชน Aslan Maskhadov ว่า..
    “ถ้านายพร้อมที่จะเจรจา……เรามีทางเลือกให้สถานเดียวคือ ส่งตัวไอ้อาชญากรสงคราม Basayev กับ Khattab และไอ้พวกหัวกระทิตามบัญชีรายชื่อทั้งหลายมา และ นี่ไม่ใช่ข้อแลกเปลี่ยน……แต่เป็นคำสั่ง..!!”
    ทางอัสลาน ก็ได้แต่ปฏิเสธ บอกว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับการวางระเบิด……
    และเรื่องที่จะส่งตัว คนพวกนั้นก็ทำไม่ได้อีก เพราะมันจะกลายเป็นการหักหลังกัน…”
    คือสรุปว่า….เขาเลือกที่จะอยู่ตรงข้ามกับรัสเซีย

    วันรุ่งขึ้น…กองทัพรัสเซียกว่า แปดหมื่นนายบุกประชิดเชเชน มีสำรองไว้อีก 93,000 แทบจะเป็นขนาดเดียวกันกับที่รัสเซียบุกอาฟกานิสถาน ที่ใหญ่กว่าเชเชนสี่สิบเท่า…
    วันที่ 1 ตุลาคม รัสเซียไม่ยอมรับรัฐบาลของอัสลาน
    วันที่ 5 ตุลาคม…รัสเซียเข้าครองพื้นที่กว่าครึ่งของทางเหนือ และ วันต่อมาก็ข้ามแม่น้ำไปยังเมืองหลวง Grozny
    ปูตินไม่ยอมเสียกำลังทหารในการบุก
    เขาให้สัมภาษณ์ว่า……
    เราใช้การส่งฝูงบินโจมตีเป็นส่วนใหญ่ ส่วนทหาร เอาไว้เข้าตามเก็บกวาดให้เรียบ เพราะการรบสมัยใหม่นี้
    มีเครื่องทุ่นแรงเยอะ ไม่ใช่อย่างสมัยสงครามโลก……”
    นักข่าวถามว่า “ ถ้าฝูงบินไม่สำเร็จผลล่ะ……”
    “เราก็ชนะอยู่ดี………เพราะในตำราของเรา……ไม่มีคำว่า…ถ้า……”

    *** สงครามเชเชนครั้งนี้คือครั้งที่สอง จาก ครั้งแรกในปี1996
    ครั้งนี้เริ่มในวันที่ 7 สิงหาคม 1999 ถึง 30 เมษายน 2000
    ที่รัสเซียได้ชัยชนะ……
    แต่ยังมีการปราบปรามกลุ่มต่อต้าน ที่มารูปของการก่อวินาศกรรมอีก ตั้งแต่ ปี 2000-2009 ที่หัวหน้าใหญ่อย่าง Aslan Maskhadov (อดีตประธานาธิบดี) ที่หนีไปอยู่ในถ้ำ ยังถูกตามเก็บจนหมด ส่วนเหล่าลูกน้องก็สลายตัวไปปนอยู่ในกลุ่มของ ISIS
    บัดนี้ คือ สาธารณรัฐเชเชน (หรือ เซซเนีย) คือ สาธารณรัฐหนึ่งของรัสเซีย ที่มี นายกรัฐมนตรี คือ Ramzan Kadyrov เป็นลูกชายของอดีตประธานาธิบดีคนแรกของเชเชน Akhmad Kadyrov ที่ได้มีโอกาสเป็น ประธานาธิบดีเพียงไม่กี่เดือน ก็ถูกลอบสังหาร..

    NATO ได้ยื่นมือเข้ามาตามเคยในการที่จะเรียกร้องหาความยุติธรรม และเรื่องเจรจาสงบศึก ทางรัสเซียก็ย้อนกลับไปว่า แล้วกองทัพนาโต้ที่เข้าไปบอมบ์ Kosovo เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน (1999) มีชาวยูโกสลาฟตายกว่า 500 คน
    ไหนล่ะ…ความยุติธรรม……???

    Wiwanda W. Vichit
    มาร่วมแสดงความยินดีกับท่านนายกรัฐมนตรีพี่ปูหน่อยค่าาาา….ติ่งขาาาาา……!!!! ตอนเก้า………บุญหล่นทับ……จนนักเลงสายลับรับแทบไม่ทัน……!!! จากกรณีท่านอัยการ ทำให้มีการปลดออกอีกหลายคนที่มีส่วนเกี่ยวข้อง บางคนก็มีการไว้หน้า เช่น เสนอให้ไปทำงานที่สถานทูตที่เดนมาร์คบ้าง ฟินแลนด์บ้าง และเยลซินได้มอบหมายให้ปูตินดูแลรับผิดชอบในฝ่ายอารักขาส่วนตัวควบคู่ไปกับเป็นผู้อำนวยการของ FSB ปูตินได้ถือโอกาสนี้…ขออำนาจเด็ดขาดในการบริหารงานและตัดสินใจ ซึ่งเขาก็ได้ตามนั้น นั่นเท่ากับ……ปูตินได้เข้ามาอยู่ใน”วงใน” ของเยลซินไปโดยปริยาย ในระยะเวลาเพียงสองปีครึ่งของการทำงานในมอสโคว์ แต่เวลาในการผงาดของปูติน มันเป็นเวลาเดียวกันกับความอ่อนเปลี้ยของเยลซิน ที่รุมเร้าด้วยสุขภาพ และความผิดหวังซ้ำแล้วซ้ำอีกกับการทำงานที่ไร้ประสิทธิภาพของทีมที่เลือกมา วันที่ 5 มีนาคม 1999 ได้เกิดเหตุขึ้น นายพล Gennady Shpigun แห่งกระทรวงกลาโหม ที่ได้มีภาระกิจที่เมือง Grozny, Chechen (Chechen Republic of Ichkeria) ได้ถูกลักพาตัวไปเมื่อทันที่ที่ถึงสนามบิน โดยกลุ่มชายฉกรรจ์ที่ใส่หน้ากากคลุมหน้าคลุมตา พร้อมอาวุธเต็มพิกัด โดยปรกติสถานะการณ์ในเชเชนนั้น ร้อนระอุมาตั้งแต่หลังจากที่ได้รับการปลดปล่อยให้เป็นเอกราชในปี 1991 จากรัสเซีย แต่ก็เป็นแบบครึ่งๆกลางๆ การต่อต้านจึงลุกฮือขึ้นอีก ในปี 1993 เยลซินจึงให้นายพล Lebed ขี้เก๊กยกทัพไปปราบ แต่ปรากฏว่าแพ้ยับกลับมาในปี 1996 ทางเชเชนก็เสียหายไม่น้อย บ้านเมืองพังพินาศ ทำได้แค่สงบศึก ต่างคนต่างอยู่ เพราะต่างก็เสียทหารไปจำนวนมาก แต่รัสเซียยังคอยแทรกแซง หรือกำไว้แบบหลวม…… จึงได้เกิดขบวนการต่อต้านรัสเซีย ที่ก่อความไม่สงบ มีการจับตัวคนนั้นคนนี้ไปบ่อยๆ เพียงแต่คราวนี้เหิมเกริม……อุกอาจจับตัวรัฐมนตรีกลาโหมไป พร้อมเรียกร้องค่าไถ่ตัวถึง สิบห้าล้านยูเอสดอลล่าร์ ตามาด้วยการระเบิดที่ใจกลางเมือง Vladikavkas ทางคอเคซัส มีคนตายถึง 60 คน เยลซินสั่งการให้ปูตินและ Seigei Stepashin นายกรัฐมนตรีคนใหม่ที่เพิ่งได้รับการแต่งตั้งมาหมาดๆ ( แทน Yevgeny Primakov) ให้ไปดูสถานะการณ์ที่เมือง Vladikavkas โดยด่วน เพื่อไปพบกับ Aslan Maskhadov ประธานาธิบดีเชเชนที่ยังมีสัมพันธภาพที่ดีกับรัสเซีย การไปพบครั้งนี้ อัสลานได้มีทีท่าแปลกๆ เขาพูดว่า “ได้ข่าวมาว่า ทางรัสเซียได้มอบหมายให้”หน่วยงานพิเศษ” จะเข้ามาปฎิบัติการสังหารผม เพื่อที่จะได้เป็นข้ออ้างที่จะประกาศเป็นสถานะการณ์ฉุกเฉิน แล้วยกทัพเข้ามาควบคุมพื้นที่ ……” ปูตินได้ยินดังนั้น…โกรธจนหูกระดิก เพราะไอ้หน่วยงานพิเศษที่ว่านั้น มันก็หมายถึง FSB ที่เขาดูแลอยู่ และอีกประการหนึ่ง ในเรื่องที่รัสเซียแพ้สงครามในเชเชนทั้งๆที่มีกำลังมากกว่าถึงสามเท่านั้น มันก็น่าอับอายพออยู่แล้ว เป็นอันว่า….เรื่องการเจรจานั้น……เลิกคิดไปได้เลย ถึงแม้ว่า……จะตระหนักดีในความจริงที่ว่า รัสเซียจะไม่ได้รบกับกบฏเชเชน แต่…มันอาจจะเป็นการรบกับ NATO ศัตรูดั้งเดิมก็ได้ ที่ทำให้ปูตินต้องหาทางเจรจากับเยลซิน…… ฝ่ายกลาโหมได้ตั้งรับแนวปะทะ ฝ่ายกบฏเชเชนได้ล่วงล้ำไปใน Dagestan และได้รับข่าวร้ายว่าได้พบกับร่างที่หมดลมหายใจของนายพล Shpigun ที่ถูกลักพาตัวไปแล้ว ทางกองทัพรัสเซียได้ทำการเตรียมการมาตั้งแต่เดือนมีนาคม ปูตินได้เดินทางไปพบกับกองกำลังของรัสเซียที่รัฐดาเกสถาน หลายครั้งเพื่อความมั่นใจว่า แม่ทัพ Anatoly Kvashnin มีความพร้อม วันที่ 5 สิงหาคม เยลซินได้มีคำสั่งให้ปูตินเข้าพบในบ้านพัก ชายขอบกรุงมอสโคว์ พอนั่งลงเสร็จ เยลซินได้จ้องหน้าปูติน และกล่าวขึ้นมาว่า “ฉันตัดสินใจแล้วนะ ที่เรียกเธอมาในวันนี้ คือ ฉันอยากจะแต่งตั้งเธอให้เป็นนายกรัฐมนตรี…” ปูตินเงียบไปอึดใจหนึ่ง ฟังเยลซินได้บรรยายปัญหาของภาระของรัสเซียแบกไว้ในคอเคซัส ให้ปูตินฟัง ถึงเรื่อง เศรษฐกิจ สภาพเงินเฟ้อ และที่เขากังวลเป็นอย่างมากคือ ปัญหาของโครงสร้างและบุคลากรสภาที่ไม่แข็งแรงพอกับการที่จะมีเลือกตั้งในสี่เดือนข้างหน้า เขาเคยมีความหวังกับ Yury Luzhkov หรือไม่ก็ Yevgeny Primakov แต่ต้องมาพบกับหลังบ้านของ Luzhkov ทำธุรกิจที่อิงการเมือง จนร่ำรวยมหาศาล ในขณะที่บ้านเมืองยังอยู่ในสภาพอดมื้อกินมื้อ แถมตัวสามี Yury ก็เถียงแทนเมียฉอดๆ ว่า “ก็ชั้นทำงานให้กับเครมลิน…ไม่ได้ทำเพื่อชาติ…” เยลซินถามขึ้นมาว่า “เธอจะทำได้ไหม ทำในสิ่งที่ฉันต้องการที่จะเห็น นั่นคือ พาประเทศชาติของเราให้เจริญอยู่ยงอย่างแข็งแรงต่อไป..” ปูตินอึกอัก “กระผมไม่แน่ใจ เรื่องงาน กระผมไม่กลัวอะไรทั้งสิ้น แต่ถ้าจะต้องไปหาเสียง……ไปโฆษณาตัวเอง กระผมไม่ชอบ” “นั่นไม่ต้องห่วงอะไรทั้งสิ้น เป็นธุระของทางเราเอง” “ถ้าเช่นนั้น ก็แล้วแต่ท่านจะกรุณา…” “ไม่ต้องกังวล เธอเตรียมตัวไว้ได้เลย เพราะเธอจะไปไกลกว่านี้แน่นอน” วันที่ 9 สิงหาคม เยลซินได้ออกทีวี ประกาศว่า “เราได้เลือกได้บุคคลที่เหมาะสมที่จะมาทำงานรับใช้ประเทศชาติแล้ว ขอให้ท่านเชื่อใจได้เลยว่า เขาเป็นคนที่มีประสบการณ์อย่างมากมาย และมีความสามารถเหลือล้น” ข่าวนี้ได้สร้างความฮือฮาประหลาดใจกับทุกคนในเครมลิน ที่ส่วนใหญ่มองไปในด้านลบ เพราะ ปูตินไอ้หน้าจืดเนี่ยนะ………นายกรัฐมนตรี ?!!! มีประสบการณ์อะไรมา……นี่เท่ากับว่าส่งมาลงนรก หมดอนาคตต่อไปเชียว อย่างมากก็สามเดือน จะถึงหรือเปล่าก็ไม่รู้…?!! ช่วงนั้นเป็นช่วงที่หนักหน่วงของปูติน เพราะวลาดิเมียร์ผู้พ่ออยู่ในสภาพเจ็บหนัก ที่เขาต้องไปเยี่ยมเดือนละครั้งหรือสองครั้ง ส่วนมาเรีย มารดาได้จากไปเมื่อสองปีที่แล้ว และทุกครั้งที่พ่อเห็นเขา…พ่อจะพูดว่า ….”ลูกชายของพ่อ เจ้าช่างเหมือนกับซาร์เลยเชียวนะ……” วลาดิเมียร์ได้ถึงแก่กรรมในวันที่ 2 สิงหาคม ไม่ทันที่จะได้รับรู้ว่าลูกชายจะได้เป็นถึงนายกรัฐมนตรีในกาลอันใกล้ ปูตินเองก็มานั่งทบทวนดู ว่า อนาคตเขาอาจจะไม่ต่างไปจากเหล่าอดีตนายกรัฐมนตรีคนอื่นๆของเยลซิน ที่ล้วนมีอายุราชการสั้น สามเดือน หกเดือน เหมือนอย่างที่เกิดขึ้นกับ Stepashin, Ptimakov และ Kiriyenko แต่อีกใจหนึ่ง เขาก็คิดว่า ช่างมันประไร เขามีอายุเพียงสี่สิบหก และจะได้รับงานที่เป็นการท้าทายความสามารถ มีอำนาจเด็ดขาด ที่จะได้ทำในสิ่งที่อยากทำ โดยเฉพาะเรื่องสงครามที่เชเชน ที่เขาจะต้องกู้ชื่อเสียงกลับมาให้ได้ … เท่ากับว่า……เขาไม่ได้ลงทุนอะไรเลย และเขาได้คิดถึงในสมัยที่ยังเป็นเด็กหนุ่มที่วิ่งเข้าวิ่งออกในอาคารสงเคราะห์ ที่ไม่เคยกลัวใคร ไม่เคยรอเสียเวลาในการถกเถียง….เปิดฉากปะทะก่อนทุกครั้ง… และครั้งนี้…ในคอเคซัส….เขาจะไปให้พวกมันเห็นว่านรกมีจริงงงง……!!! ปูตินได้รับการผ่านในการเสนอชื่อในสภาเพื่อเข้ามาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ในวันที่ 16 สิงหาคม สิ่งแรกที่นายกรัฐมนตรีคนใหม่หมาดๆทำ คือ แต่งตัวลำลอง บินไปชายแดนเชเชน ไปพบปะพูดคุยกับทหารหาญ ไปมอบเหรียญกล้าหาญ ทางฝ่ายกบฏเชเชนได้ทำการท้าทายอำนาจใหม่อย่างเหิมเกริม นั่นคือการวางระเบิดอพาร์ตเมนต์ในเมือง Volgodonsk มีคนเสียชีวิตนับสิบ วันที่ 23 สิงหาคม ฝูงบินจากรัสเซียส่งเข้าไปถล่มถึงกลางกรุง Grozny ถล่มโรงกลั่นน้ำมันจนราบเป็นหน้ากลอง เป็นการถล่มแบบนอกตำรายุทธการ เพราะมาแบบล้างแค้นสถานเดียว ปูตินอยู่สังเกตการณ์ทั้งหมด มีนักข่าวไปถามว่า “บอมบ์เพื่อหวังผลอะไร..?” ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่สร้างความประหลาดใจให้กับทุกคน เพราะปูตินพูดจาด้วยภาษานักเลงแบบที่ได้ยินตามมุมถนน เขาตอบว่า “เบื่อโคตรๆ ที่ต้องมาตอบอะไรซ้ำซากแบบนี้ เราถล่มเฉพาะจุดที่เรารู้ว่าพวกไอ้เลวนั่นมันสุมหัวอยู่กัน โทษทีนะ ถ้าพบว่ามันนั่งอยู่ในส้วม ก็จะส่งมันลงท่อไปตรงนั้นเลย…” หลังจากที่ถล่มจนราบแล้ว วันที่ 29 กันยายน ปูตินได้ถามกับ ประธานาธิบดีเชเชน Aslan Maskhadov ว่า.. “ถ้านายพร้อมที่จะเจรจา……เรามีทางเลือกให้สถานเดียวคือ ส่งตัวไอ้อาชญากรสงคราม Basayev กับ Khattab และไอ้พวกหัวกระทิตามบัญชีรายชื่อทั้งหลายมา และ นี่ไม่ใช่ข้อแลกเปลี่ยน……แต่เป็นคำสั่ง..!!” ทางอัสลาน ก็ได้แต่ปฏิเสธ บอกว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับการวางระเบิด…… และเรื่องที่จะส่งตัว คนพวกนั้นก็ทำไม่ได้อีก เพราะมันจะกลายเป็นการหักหลังกัน…” คือสรุปว่า….เขาเลือกที่จะอยู่ตรงข้ามกับรัสเซีย วันรุ่งขึ้น…กองทัพรัสเซียกว่า แปดหมื่นนายบุกประชิดเชเชน มีสำรองไว้อีก 93,000 แทบจะเป็นขนาดเดียวกันกับที่รัสเซียบุกอาฟกานิสถาน ที่ใหญ่กว่าเชเชนสี่สิบเท่า… วันที่ 1 ตุลาคม รัสเซียไม่ยอมรับรัฐบาลของอัสลาน วันที่ 5 ตุลาคม…รัสเซียเข้าครองพื้นที่กว่าครึ่งของทางเหนือ และ วันต่อมาก็ข้ามแม่น้ำไปยังเมืองหลวง Grozny ปูตินไม่ยอมเสียกำลังทหารในการบุก เขาให้สัมภาษณ์ว่า…… เราใช้การส่งฝูงบินโจมตีเป็นส่วนใหญ่ ส่วนทหาร เอาไว้เข้าตามเก็บกวาดให้เรียบ เพราะการรบสมัยใหม่นี้ มีเครื่องทุ่นแรงเยอะ ไม่ใช่อย่างสมัยสงครามโลก……” นักข่าวถามว่า “ ถ้าฝูงบินไม่สำเร็จผลล่ะ……” “เราก็ชนะอยู่ดี………เพราะในตำราของเรา……ไม่มีคำว่า…ถ้า……” *** สงครามเชเชนครั้งนี้คือครั้งที่สอง จาก ครั้งแรกในปี1996 ครั้งนี้เริ่มในวันที่ 7 สิงหาคม 1999 ถึง 30 เมษายน 2000 ที่รัสเซียได้ชัยชนะ…… แต่ยังมีการปราบปรามกลุ่มต่อต้าน ที่มารูปของการก่อวินาศกรรมอีก ตั้งแต่ ปี 2000-2009 ที่หัวหน้าใหญ่อย่าง Aslan Maskhadov (อดีตประธานาธิบดี) ที่หนีไปอยู่ในถ้ำ ยังถูกตามเก็บจนหมด ส่วนเหล่าลูกน้องก็สลายตัวไปปนอยู่ในกลุ่มของ ISIS บัดนี้ คือ สาธารณรัฐเชเชน (หรือ เซซเนีย) คือ สาธารณรัฐหนึ่งของรัสเซีย ที่มี นายกรัฐมนตรี คือ Ramzan Kadyrov เป็นลูกชายของอดีตประธานาธิบดีคนแรกของเชเชน Akhmad Kadyrov ที่ได้มีโอกาสเป็น ประธานาธิบดีเพียงไม่กี่เดือน ก็ถูกลอบสังหาร.. NATO ได้ยื่นมือเข้ามาตามเคยในการที่จะเรียกร้องหาความยุติธรรม และเรื่องเจรจาสงบศึก ทางรัสเซียก็ย้อนกลับไปว่า แล้วกองทัพนาโต้ที่เข้าไปบอมบ์ Kosovo เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน (1999) มีชาวยูโกสลาฟตายกว่า 500 คน ไหนล่ะ…ความยุติธรรม……??? Wiwanda W. Vichit
    0 Comments 0 Shares 138 Views 0 Reviews
  • FED ธนาคารกลางสหรัฐ มีมติลดดอกเบี้ยนโยบายลงมากถึง 0.5% นับเป็นการลดครั้งแรกในรอบ 4 ปี เพื่อให้เงินเฟ้อขยับลงอย่างยั่งยืนและเศรษฐกิจสหรัฐsoft landing

    19 กันยายน 2567-คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งประชุมกันเมื่อวันที่ 17-18 กันยายนที่ผ่านมา มีมติลดดอกเบี้ยนโยบายลงมากถึง 0.5% นับเป็นการลดครั้งแรกในรอบ 4 ปี ทำให้อัตราดอกเบี้ยลงไปอยู่ในระดับ 4.75-5% อย่างไรก็ตาม มติครั้งนี้ไม่เป็นเอกฉันท์ เนื่องจากมีกรรมการ 1 คนคัดค้าน โดยเห็นว่าควรลดเพียง 0.25%

    เหตุผลของกรรมการส่วนใหญ่ที่เห็นว่าควรลด 0.5% ก็เพราะมั่นใจมากขึ้นว่าเงินเฟ้อลดลงอย่างยั่งยืนและเคลื่อนไหวในทิศทางที่เชื่อว่าจะเป็นไปตามเป้าหมายที่ 2% ขณะเดียวกัน ก็เพื่อรักษาอัตราการจ้างงานไปด้วย โดยสภาวการณ์ในขณะนี้ค่อนข้างมีความสมดุลที่จะเอื้อให้บรรลุเป้าหมายทั้งด้านเงินเฟ้อและอัตราการจ้างงาน

    การลดดอกเบี้ย 0.5% ถูกมองว่าเป็นการลดแบบ “จัมโบ้” หรือค่อนข้างมาก แต่ก็เป็นไปตามที่ตลาดคาดหมาย หลังจากในระยะหลังนักลงทุนเปลี่ยนความคิด จากเดิมที่เชื่อว่าเฟดจะลดดอกเบี้ยครั้งแรกเพียง 0.25% มาเป็น 0.5% เพื่อป้องกันเศรษฐกิจถดถอย

    ขณะเดียวกัน เมื่อดูจากคาดการณ์แนวโน้มดอกเบี้ยของกรรมการรายบุคคล หรือ “Dot Plot” บ่งชี้ว่า จะมีการลดดอกเบี้ยอีก 0.5% ภายในสิ้นปี 2024 นี้ ซึ่งจะมีการประชุมเหลืออยู่ 2 ครั้ง คือ เดือนพฤศจิกายน และธันวาคม จากนั้นปี 2025 จะลดอีก 1% และปีถัดไป 2026 ลดอีก 0.5%

    “เจอโรม พาวเวลล์” ประธานเฟด ให้สัมภาษณ์หลังการประชุมว่า การลดดอกเบี้ยครั้งนี้เป็นการ “ปรับปรุง” นโยบายการเงินให้เหมาะสมเพื่อรักษาความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจและตลาดแรงงาน และขณะเดียวกัน ก็สามารถทำให้เงินเฟ้อมีเสถียรภาพ เป้าหมายของเฟดคือรักษาอัตราเงินเฟ้อให้มีเสถียรภาพ ขณะเดียวกัน ก็ต้องแน่ใจว่าอัตราว่างงานจะไม่สูงขึ้น เป็นการรักษาเสถียรภาพราคาไปพร้อม ๆ กับรักษาการจ้างงานเอาไว้

    ดังนั้น นักลงทุนควรมองว่าการลด 0.5% เป็นการแสดงความ “แน่วแน่” ของเฟดที่จะบรรลุเป้าหมายดังกล่าว ขณะนี้กล่าวได้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐอยู่ในภาวะที่ดี เติบโตแข็งแกร่ง ตลาดแรงงานยังเข้มแข็ง เงินเฟ้อลดต่ำลง

    พาวเวลล์ย้ำว่า ไม่ต้องการให้นักลงทุนหรือตลาดสันนิษฐานเอาเองว่าการลด 0.5% ในครั้งนี้ จะหมายถึงว่าในอนาคตเฟดจะลดในอัตรานี้ไปเรื่อย ๆ อย่าคิดว่านี่คืออัตราใหม่สำหรับเฟด เพราะเฟดจะไม่เร่งรีบในการผ่อนคลายด้านการเงิน เฟดจะยังทำเหมือนเดิมคือพิจารณาอย่างระมัดระวังในการประชุมแต่ละครั้งก่อนตัดสินใจ

    “ที่ผ่านมาจะเห็นว่าความอดทนรอของเราให้ผลตอบแทนที่ดีกลับมา เห็นได้จากเงินเฟ้อค่อย ๆ ลดลงอย่างยั่งยืน จนกระทั่งทำให้เราสามารถลดดอกเบี้ยได้มากในวันนี้” พาวเวลล์ระบุ

    ถึงแม้การลด 0.5% จะเป็นที่ชอบใจของนักลงทุนส่วนใหญ่ แต่บางคนก็มีมุมมองต่างออกไป เช่น สก๊อต เฮลฟ์สไตน์ หัวหน้ากลยุทธ์การลงทุนของโกลบอล เอ็กซ์ ระบุว่า การลด 0.5% อาจมากเกินไป เพราะตัวเลขเศรษฐกิจส่วนใหญ่ในระยะหลังนี้ไม่ได้บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจกำลังเติบโตน้อยลง ไม่จำเป็นต้องลดมากขนาดนั้น ซึ่งอัตรานี้จะสนับสนุนให้มีการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้น

    แนนซี เทนเกลอร์ ประธานบริหารของลาฟเฟอร์ เทนเกลอร์ อินเวสต์เมนต์ เห็นว่า เฟดเคลื่อนไหวเร็วเกินไป เพราะถึงแม้เศรษฐกิจจะชะลอลง แต่ยังคงแข็งแกร่ง ถึงแม้การว่างงานจะเพิ่มขึ้นบ้าง แต่ยังไม่มีการเลิกจ้าง อีกทั้งการเปิดรับตำแหน่งงานใหม่ในสหรัฐยังคงมีจำนวนมากกว่าช่วงก่อนเกิดโควิดด้วยซ้ำ “คำวิพากษ์วิจารณ์ของฉันที่มีต่อเฟดก็คือเน้นการมองในระยะสั้น โดยมุ่งเน้นดูข้อมูลย้อนหลัง แค่ข้อมูลจ้างงานที่อ่อนแอเพียงสัปดาห์เดียว ก็ทำให้ลดดอกเบี้ยมากขนาดนี้”

    ฟิลิป สแตรล ประธานเจ้าหน้าที่ลงทุน ของมอร์นิ่งสตาร์ เวลธ์ ชี้ว่า การลดดอกเบี้ยถึง 0.5% เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้น้อยในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมา ส่วนใหญ่แล้วมักจะใช้ในกรณีเกิดเหตุฉุกเฉิน อย่างเช่น วิกฤตการเงินครั้งร้ายแรงในปี 2008 และโควิด-19 ระบาดในปี 2020 สำหรับในครั้งนี้ถือว่าลดมากเกินไปและเร็วเกินไป ทั้งที่ข้อมูลเศรษฐกิจค่อนข้างแข็งแกร่ง เมื่อเทียบกับการผ่อนคลายทางการเงินช่วงอื่น ๆ ภายใต้การว่างงานที่ 4.2% นอกจากนี้จีดีพีไตรมาส 2 ก็ขยายตัวถึง 3%

    “การลดมากขนาดนี้เป็นตัวชี้ว่าเฟดมีความสบายใจที่เงินเฟ้อขยับลงอย่างยั่งยืน และตอนนี้ก็ปรับเปลี่ยนทิศทางไปมุ่งเน้นการทำให้เศรษฐกิจชะลอลงอย่างSoft Landing “

    ที่มา : https://youtu.be/EgW_pSJqQEc?si=uk4HLrZSsqAVl2AL

    #Thaitimes
    FED ธนาคารกลางสหรัฐ มีมติลดดอกเบี้ยนโยบายลงมากถึง 0.5% นับเป็นการลดครั้งแรกในรอบ 4 ปี เพื่อให้เงินเฟ้อขยับลงอย่างยั่งยืนและเศรษฐกิจสหรัฐsoft landing 19 กันยายน 2567-คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งประชุมกันเมื่อวันที่ 17-18 กันยายนที่ผ่านมา มีมติลดดอกเบี้ยนโยบายลงมากถึง 0.5% นับเป็นการลดครั้งแรกในรอบ 4 ปี ทำให้อัตราดอกเบี้ยลงไปอยู่ในระดับ 4.75-5% อย่างไรก็ตาม มติครั้งนี้ไม่เป็นเอกฉันท์ เนื่องจากมีกรรมการ 1 คนคัดค้าน โดยเห็นว่าควรลดเพียง 0.25% เหตุผลของกรรมการส่วนใหญ่ที่เห็นว่าควรลด 0.5% ก็เพราะมั่นใจมากขึ้นว่าเงินเฟ้อลดลงอย่างยั่งยืนและเคลื่อนไหวในทิศทางที่เชื่อว่าจะเป็นไปตามเป้าหมายที่ 2% ขณะเดียวกัน ก็เพื่อรักษาอัตราการจ้างงานไปด้วย โดยสภาวการณ์ในขณะนี้ค่อนข้างมีความสมดุลที่จะเอื้อให้บรรลุเป้าหมายทั้งด้านเงินเฟ้อและอัตราการจ้างงาน การลดดอกเบี้ย 0.5% ถูกมองว่าเป็นการลดแบบ “จัมโบ้” หรือค่อนข้างมาก แต่ก็เป็นไปตามที่ตลาดคาดหมาย หลังจากในระยะหลังนักลงทุนเปลี่ยนความคิด จากเดิมที่เชื่อว่าเฟดจะลดดอกเบี้ยครั้งแรกเพียง 0.25% มาเป็น 0.5% เพื่อป้องกันเศรษฐกิจถดถอย ขณะเดียวกัน เมื่อดูจากคาดการณ์แนวโน้มดอกเบี้ยของกรรมการรายบุคคล หรือ “Dot Plot” บ่งชี้ว่า จะมีการลดดอกเบี้ยอีก 0.5% ภายในสิ้นปี 2024 นี้ ซึ่งจะมีการประชุมเหลืออยู่ 2 ครั้ง คือ เดือนพฤศจิกายน และธันวาคม จากนั้นปี 2025 จะลดอีก 1% และปีถัดไป 2026 ลดอีก 0.5% “เจอโรม พาวเวลล์” ประธานเฟด ให้สัมภาษณ์หลังการประชุมว่า การลดดอกเบี้ยครั้งนี้เป็นการ “ปรับปรุง” นโยบายการเงินให้เหมาะสมเพื่อรักษาความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจและตลาดแรงงาน และขณะเดียวกัน ก็สามารถทำให้เงินเฟ้อมีเสถียรภาพ เป้าหมายของเฟดคือรักษาอัตราเงินเฟ้อให้มีเสถียรภาพ ขณะเดียวกัน ก็ต้องแน่ใจว่าอัตราว่างงานจะไม่สูงขึ้น เป็นการรักษาเสถียรภาพราคาไปพร้อม ๆ กับรักษาการจ้างงานเอาไว้ ดังนั้น นักลงทุนควรมองว่าการลด 0.5% เป็นการแสดงความ “แน่วแน่” ของเฟดที่จะบรรลุเป้าหมายดังกล่าว ขณะนี้กล่าวได้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐอยู่ในภาวะที่ดี เติบโตแข็งแกร่ง ตลาดแรงงานยังเข้มแข็ง เงินเฟ้อลดต่ำลง พาวเวลล์ย้ำว่า ไม่ต้องการให้นักลงทุนหรือตลาดสันนิษฐานเอาเองว่าการลด 0.5% ในครั้งนี้ จะหมายถึงว่าในอนาคตเฟดจะลดในอัตรานี้ไปเรื่อย ๆ อย่าคิดว่านี่คืออัตราใหม่สำหรับเฟด เพราะเฟดจะไม่เร่งรีบในการผ่อนคลายด้านการเงิน เฟดจะยังทำเหมือนเดิมคือพิจารณาอย่างระมัดระวังในการประชุมแต่ละครั้งก่อนตัดสินใจ “ที่ผ่านมาจะเห็นว่าความอดทนรอของเราให้ผลตอบแทนที่ดีกลับมา เห็นได้จากเงินเฟ้อค่อย ๆ ลดลงอย่างยั่งยืน จนกระทั่งทำให้เราสามารถลดดอกเบี้ยได้มากในวันนี้” พาวเวลล์ระบุ ถึงแม้การลด 0.5% จะเป็นที่ชอบใจของนักลงทุนส่วนใหญ่ แต่บางคนก็มีมุมมองต่างออกไป เช่น สก๊อต เฮลฟ์สไตน์ หัวหน้ากลยุทธ์การลงทุนของโกลบอล เอ็กซ์ ระบุว่า การลด 0.5% อาจมากเกินไป เพราะตัวเลขเศรษฐกิจส่วนใหญ่ในระยะหลังนี้ไม่ได้บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจกำลังเติบโตน้อยลง ไม่จำเป็นต้องลดมากขนาดนั้น ซึ่งอัตรานี้จะสนับสนุนให้มีการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้น แนนซี เทนเกลอร์ ประธานบริหารของลาฟเฟอร์ เทนเกลอร์ อินเวสต์เมนต์ เห็นว่า เฟดเคลื่อนไหวเร็วเกินไป เพราะถึงแม้เศรษฐกิจจะชะลอลง แต่ยังคงแข็งแกร่ง ถึงแม้การว่างงานจะเพิ่มขึ้นบ้าง แต่ยังไม่มีการเลิกจ้าง อีกทั้งการเปิดรับตำแหน่งงานใหม่ในสหรัฐยังคงมีจำนวนมากกว่าช่วงก่อนเกิดโควิดด้วยซ้ำ “คำวิพากษ์วิจารณ์ของฉันที่มีต่อเฟดก็คือเน้นการมองในระยะสั้น โดยมุ่งเน้นดูข้อมูลย้อนหลัง แค่ข้อมูลจ้างงานที่อ่อนแอเพียงสัปดาห์เดียว ก็ทำให้ลดดอกเบี้ยมากขนาดนี้” ฟิลิป สแตรล ประธานเจ้าหน้าที่ลงทุน ของมอร์นิ่งสตาร์ เวลธ์ ชี้ว่า การลดดอกเบี้ยถึง 0.5% เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้น้อยในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมา ส่วนใหญ่แล้วมักจะใช้ในกรณีเกิดเหตุฉุกเฉิน อย่างเช่น วิกฤตการเงินครั้งร้ายแรงในปี 2008 และโควิด-19 ระบาดในปี 2020 สำหรับในครั้งนี้ถือว่าลดมากเกินไปและเร็วเกินไป ทั้งที่ข้อมูลเศรษฐกิจค่อนข้างแข็งแกร่ง เมื่อเทียบกับการผ่อนคลายทางการเงินช่วงอื่น ๆ ภายใต้การว่างงานที่ 4.2% นอกจากนี้จีดีพีไตรมาส 2 ก็ขยายตัวถึง 3% “การลดมากขนาดนี้เป็นตัวชี้ว่าเฟดมีความสบายใจที่เงินเฟ้อขยับลงอย่างยั่งยืน และตอนนี้ก็ปรับเปลี่ยนทิศทางไปมุ่งเน้นการทำให้เศรษฐกิจชะลอลงอย่างSoft Landing “ ที่มา : https://youtu.be/EgW_pSJqQEc?si=uk4HLrZSsqAVl2AL #Thaitimes
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 292 Views 0 Reviews
  • มาจากความคิดเห็นส่วนตัวล้วนๆครับ
    แอดมิน ขอเล่าภาพ SET ณ ปัจจุบัน (19/09/2567)
    ล่าสุดดัชนีอยู่ที่ 1440.35 จุด วันนี้บวกไป 19 จุด
    หรือ เพิ่มขึ้น 1.33%

    ถ้าเรามองแนวโน้ม หรือ เทรนด์ของ SET ในปัจจุบัน
    (ในระยะสั้น) จะเห็นเทรนด์หรือแนวโน้มเป็นเทรนด์ขาขึ้น
    ส่วนในระยะยาว (ที่จะวัดผลกันจริงๆ) ต้องติดตามต่อไป
    ้เป็นระยะ

    ทีนี้มาดูในแง่ของราคาหุ้น ในแต่ละตัว ที่นักลงทุนเข้าซื้อ
    ก็จะแปรผันไปตาม เป้าหมายของนักลงทุนแต่ละท่าน
    หรือ แต่ละกลุ่มที่เข้าซื้อว่ามีจุดประสงค์อะไร
    เช่น เพื่อปันผล หรือ เพื่อกินส่วนต่างของราคา

    ถ้ามองจากกราฟ สายปันผลที่ต้องการเก็บของที่ราคาต่ำ
    และต้นทุนไม่สูง ราคาเหมาะสม จะเริ่มเก็บทะยอยหุ้นมา
    ตั้งแต่ช่วง SET อยู่ที่ราวๆ 1274-1300 จุด คงไม่มาไล่ราคา
    หรือก็บหุ้นช่วงนี้ เพราะมีเป้าหมายถือยาว

    ภาพที่จะเห็นช่วงนี้ คือ ฝั่งเก็งกำไร ซึ่งจะเปลี่ยนมือ
    ซื้อขายหุ้น กันไปมา ไปเรื่อยๆ

    ดังนั้น นักลงทุนที่มักติดดอยสูงๆ โดยส่วนใหญ่ มักเป็นฝั่ง
    นักลงทุนรายย่อย ที่เข้าซื้อแบบไล่ราคา และเก็งกำไร
    ตามกลุ่มนักลงทุนต่างประเทศ โบรก และ กองทุน
    ที่มักช่วงชิงจังหวะ ที่ได้เปรียบ ในการเทขายทำกำไร
    ออกมาได้ก่อนเสมอ

    สรุปแล้ว นักลงทุนรายย่อย ก็ขอให้ระวังกันด้วยครับ
    โดยเฉพาะการซื้อแบบเก็งกำไร และ ไล่ราคา
    เพราะมีโอกาสติดดอยได้สูง ถ้าในช่วงจังหวะ
    โดนเทขายทำกำไร และไม่ยอมคัต ตัดขาดทุน
    ออกมา

    #หุ้นติดดอย #การลงทุน #ตลาดหุ้นไทย #SET
    #thaitimes
    💥💥มาจากความคิดเห็นส่วนตัวล้วนๆครับ แอดมิน ขอเล่าภาพ SET ณ ปัจจุบัน (19/09/2567) ล่าสุดดัชนีอยู่ที่ 1440.35 จุด วันนี้บวกไป 19 จุด หรือ เพิ่มขึ้น 1.33% 🚩ถ้าเรามองแนวโน้ม หรือ เทรนด์ของ SET ในปัจจุบัน (ในระยะสั้น) จะเห็นเทรนด์หรือแนวโน้มเป็นเทรนด์ขาขึ้น ส่วนในระยะยาว (ที่จะวัดผลกันจริงๆ) ต้องติดตามต่อไป ้เป็นระยะ 🚩ทีนี้มาดูในแง่ของราคาหุ้น ในแต่ละตัว ที่นักลงทุนเข้าซื้อ ก็จะแปรผันไปตาม เป้าหมายของนักลงทุนแต่ละท่าน หรือ แต่ละกลุ่มที่เข้าซื้อว่ามีจุดประสงค์อะไร เช่น เพื่อปันผล หรือ เพื่อกินส่วนต่างของราคา 🚩ถ้ามองจากกราฟ สายปันผลที่ต้องการเก็บของที่ราคาต่ำ และต้นทุนไม่สูง ราคาเหมาะสม จะเริ่มเก็บทะยอยหุ้นมา ตั้งแต่ช่วง SET อยู่ที่ราวๆ 1274-1300 จุด คงไม่มาไล่ราคา หรือก็บหุ้นช่วงนี้ เพราะมีเป้าหมายถือยาว 🚩ภาพที่จะเห็นช่วงนี้ คือ ฝั่งเก็งกำไร ซึ่งจะเปลี่ยนมือ ซื้อขายหุ้น กันไปมา ไปเรื่อยๆ 🚩ดังนั้น นักลงทุนที่มักติดดอยสูงๆ โดยส่วนใหญ่ มักเป็นฝั่ง นักลงทุนรายย่อย ที่เข้าซื้อแบบไล่ราคา และเก็งกำไร ตามกลุ่มนักลงทุนต่างประเทศ โบรก และ กองทุน ที่มักช่วงชิงจังหวะ ที่ได้เปรียบ ในการเทขายทำกำไร ออกมาได้ก่อนเสมอ 🚩สรุปแล้ว นักลงทุนรายย่อย ก็ขอให้ระวังกันด้วยครับ โดยเฉพาะการซื้อแบบเก็งกำไร และ ไล่ราคา เพราะมีโอกาสติดดอยได้สูง ถ้าในช่วงจังหวะ โดนเทขายทำกำไร และไม่ยอมคัต ตัดขาดทุน ออกมา #หุ้นติดดอย #การลงทุน #ตลาดหุ้นไทย #SET #thaitimes
    Like
    3
    0 Comments 0 Shares 253 Views 0 Reviews
  • พันธกิจของเรา
    1.ผลิตสินค้าโดยใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า และส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมให้น้อยที่สุดตามศักยภาพ

    2.ปรับปรุงกระบวนการผลิตอย่างต่อเนื่อง โดยการศึกษา วิจัย พัฒนาผลิตภัณฑ์ และนำเทคโนโลยีมาใช้อย่างเหมาะสม

    3.ประกอบธุรกิจโดยยึดหลักคุณธรรมข้อ "สัมมาอาชีวะ" ที่มีบัญญัติไว้ในพระพุทธศาสนา

    4.เป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาสังคมให้มีความเป็นอยู่อย่างสงบ ร่มเย็น และยั่งยืน
    พันธกิจของเรา 1.ผลิตสินค้าโดยใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า และส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมให้น้อยที่สุดตามศักยภาพ 2.ปรับปรุงกระบวนการผลิตอย่างต่อเนื่อง โดยการศึกษา วิจัย พัฒนาผลิตภัณฑ์ และนำเทคโนโลยีมาใช้อย่างเหมาะสม 3.ประกอบธุรกิจโดยยึดหลักคุณธรรมข้อ "สัมมาอาชีวะ" ที่มีบัญญัติไว้ในพระพุทธศาสนา 4.เป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาสังคมให้มีความเป็นอยู่อย่างสงบ ร่มเย็น และยั่งยืน
    0 Comments 0 Shares 54 Views 0 Reviews
  • ราคาทองคำผันผวนมากกับการลดดอกเบี้ย0.50%

    การตัดสินใจปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอย่างรวดเร็ว0.50%ของธนาคารกลางสหรัฐ ส่งผลให้ราคาทองคำผันผวนอย่างมาก

    ในช่วงบ่ายแก่ๆ สัญญาทองคำล่วงหน้าสำหรับการส่งมอบเดือนธันวาคมปิดที่ 2,584.80 ดอลลาร์ ลดลง 11.60 ดอลลาร์ตลอดทั้งวัน

    โลหะมีค่ามีการซื้อขายผันผวนอย่างหนัก เปิดที่ 2,596 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และแตะระดับสูงสุดในรอบวัน 2,627.20 ดอลลาร์ ก่อนที่จะร่วงลงมาปิดที่ระดับต่ำสุดในรอบวันเล็กน้อยที่ 2,572.50 ดอลลาร์

    ล่าสุด ราคาทองคำสปอตซื้อขายที่ 2,578-2,579เหรียญต่อออนซ์

    การเปลี่ยนแปลงนโยบายครั้งนี้เน้นย้ำถึงพันธกรณีสองประการของเฟดในการรักษาอัตราการจ้างงานเต็มที่ในขณะที่ดูแลเงินเฟ้อให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม

    ประธานเฟด เจโรม พาวเวลล์แสดงความมั่นใจว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งก่อนมีผลทำให้เงินเฟ้อลดลงอย่างมีประสิทธิผล และเงินเฟ้อจะยังคงเข้าใกล้เป้าหมายที่ต้องการต่อไป

    อัตราดอกเบี้ยกองทุนเฟดใหม่ขณะนี้อยู่ระหว่าง 4.75% ถึง 5% โดยเฟดส่งสัญญาณถึงความตั้งใจที่จะปรับอัตราดอกเบี้ยให้อยู่ในระดับปกติที่ประมาณ 3% ในปีหน้า

    ปฏิกิริยาของตลาดต่อการปรับลดอัตราดอกเบี้ยมีความผันผวนในกลุ่มสินทรัพย์ต่างๆ ดัชนีหุ้นหลักปิดตลาดด้วยการลดลงเล็กน้อยหลังจากที่เพิ่มขึ้นในช่วงแรก

    ดัชนี S&P 500 ลดลง 0.29% เหลือ 5,618.26 จุด ดัชนี Dow Jones Industrial Average ลดลง 0.25% เหลือ 41,503.10 จุด และดัชนี NASDAQ Composite ลดลง 0.31% เหลือ 17,573.30 จุด ดัชนีดอลลาร์สหรัฐลดลงเล็กน้อย 0.18% เหลือ 100.978 จุด
    ที่มา Kitco
    ราคาทองคำผันผวนมากกับการลดดอกเบี้ย0.50% การตัดสินใจปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอย่างรวดเร็ว0.50%ของธนาคารกลางสหรัฐ ส่งผลให้ราคาทองคำผันผวนอย่างมาก ในช่วงบ่ายแก่ๆ สัญญาทองคำล่วงหน้าสำหรับการส่งมอบเดือนธันวาคมปิดที่ 2,584.80 ดอลลาร์ ลดลง 11.60 ดอลลาร์ตลอดทั้งวัน โลหะมีค่ามีการซื้อขายผันผวนอย่างหนัก เปิดที่ 2,596 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และแตะระดับสูงสุดในรอบวัน 2,627.20 ดอลลาร์ ก่อนที่จะร่วงลงมาปิดที่ระดับต่ำสุดในรอบวันเล็กน้อยที่ 2,572.50 ดอลลาร์ ล่าสุด ราคาทองคำสปอตซื้อขายที่ 2,578-2,579เหรียญต่อออนซ์ การเปลี่ยนแปลงนโยบายครั้งนี้เน้นย้ำถึงพันธกรณีสองประการของเฟดในการรักษาอัตราการจ้างงานเต็มที่ในขณะที่ดูแลเงินเฟ้อให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ประธานเฟด เจโรม พาวเวลล์แสดงความมั่นใจว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งก่อนมีผลทำให้เงินเฟ้อลดลงอย่างมีประสิทธิผล และเงินเฟ้อจะยังคงเข้าใกล้เป้าหมายที่ต้องการต่อไป อัตราดอกเบี้ยกองทุนเฟดใหม่ขณะนี้อยู่ระหว่าง 4.75% ถึง 5% โดยเฟดส่งสัญญาณถึงความตั้งใจที่จะปรับอัตราดอกเบี้ยให้อยู่ในระดับปกติที่ประมาณ 3% ในปีหน้า ปฏิกิริยาของตลาดต่อการปรับลดอัตราดอกเบี้ยมีความผันผวนในกลุ่มสินทรัพย์ต่างๆ ดัชนีหุ้นหลักปิดตลาดด้วยการลดลงเล็กน้อยหลังจากที่เพิ่มขึ้นในช่วงแรก ดัชนี S&P 500 ลดลง 0.29% เหลือ 5,618.26 จุด ดัชนี Dow Jones Industrial Average ลดลง 0.25% เหลือ 41,503.10 จุด และดัชนี NASDAQ Composite ลดลง 0.31% เหลือ 17,573.30 จุด ดัชนีดอลลาร์สหรัฐลดลงเล็กน้อย 0.18% เหลือ 100.978 จุด ที่มา Kitco
    Like
    9
    0 Comments 0 Shares 138 Views 0 Reviews
  • Jin Wellbeing County : จิณณ์ เวลบีอิ้ง เคาน์ตี้, ปทุมธานี

    คอนโด Jin Wellbeing County ทางเลือกใหม่คอนโดสำหรับผู้สูงอายุ ที่มาพร้อมกับการดูแลสุขภาพแบบบูรณาการ พร้อมมการดูแลจากแพทย์ พยาบาล 24 ชั่วโมง รองรับผู้สูงวัยอย่างแท้จริงบนถนนพหลโยธิน โซนรังสิต ตั้งอยู่ใกล้กับมหาวิทยาลัยกรุงเทพรังสิต จ.ปทุมธานี

    ✦ จุดเด่น ✦
    ▸ จิณณ์ เวลบีอิ้ง เคาน์ตี้ ทางเลือกใหม่ของการใช้ชีวิต
    ▸โครงการภายใต้การดำเนินงานของกลุ่มธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป หรือ THG ที่มีประสบการณ์ด้านโรงพยาบาล และการดูแลสุขภาพมากกว่า 40 ปี
    ▸โครงการจิณณ์ เวลบีอิ้ง เคาน์ตี้ (Jin Wellbeing County) ที่พักอาศัยรูปแบบใหม่ที่มาพร้อมกับการดูแลสุขภาพแบบบูรณาการ (Integrative Healthcare ) และการดูแลสุขภาพเฉพาะบุคคล (Personalized Medicine) ที่เหมาะสำหรับผู้สูงวัย

    นอกจากนี้เพื่อตอบโจทย์ที่อยู่อาศัยของวัยผู้สูงอายุอย่างแท้จริงทางโครงการยังมีบริการทางการแพทย์รองรับด้วย ได้แก่

    (1) การดูแลสุขภาพขั้นพื้นฐาน ที่ให้บริการแนะนำและการรักษาที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคลด้วยทีมแพทย์และพยาบาลที่มากประสบการณ์ และยังมีการแนะนำโภชนาการสำหรับผู้สูงวัยโดยเฉพาะอีกด้วย
    (2) การดูแลสมดุลร่างกายจากภายใน เป็นการดูแลโดยนักจิตบำบัดที่ช่วยการปรับสมดุลด้านอารมณ์และจิตใจ โดยผู้เชี่ยวชาญด้านการบำบัดความเครียดและอาการซึมเศร้า พร้อมกับมีกิจกรรมต่างๆ ที่ช่วยผ่อนคลายจิตใจ
    (3) การดูแลความแข็งแรงและสร้างเสริมสมรรถภาพของร่างกายด้วยการออกกำลังกายอย่างถูกวิธี และเวชศาสตร์ฟื้นฟูสมรรถภาพร่างกายด้านต่างๆที่ถูกออกแบบตามปัญหาแต่ละบุคคล

    ▸ ภายในพื้นที่ 140 ไร่ ประกอบด้วยอาคารที่พักอาศัยแบบ Low Rise 7 ชั้น จำนวน 5 อาคาร โดยแบ่งเป็น Cluster 1 จำนวน 2 อาคาร คือ อาคาร 1-AM และ
    อาคาร 1-C1Cluster 2 จำนวน 3 อาคาร คือ อาคาร 2-AM, อาคาร 2-C1 และอาคาร 2-D1

    ✦ จิณณ์ เวลบีอิ้ง เคาน์ตี้ ทางเลือกใหม่ของการใช้ชีวิตที่สมบูรณ์แบบอย่างครบวงจรแห่งแรกของเมืองไทยในโครงการที่เราอยู่ได้ตลอดไป ✦

    ▸ ที่สุด.. แห่งการใช้ชีวิตในสิ่งแวดล้อมที่ผ่อนคลายท่ามกลางธรรมชาติที่สมบูรณ์แบบ
    ▸ ที่สุด.. แห่งการออกแบบ Universal Design รองรับผู้สูงวัยอย่างแท้จริง
    ▸ ที่สุดแห่งการดูแลสุขภาพที่สมบูรณ์แบบสำหรับผู้สูงวัย
    ▸ ที่สุด.. แห่งความปลอดภัยในการใช้ชีวิตของผู้พักอาศัย
    ▸ ที่สุด.. แห่งสังคมคุณภาพ ผ่านการให้
    การรับและการแบ่งปัน
    ▸ ที่สุด.. แห่งประสบการณ์ใช้ชีวิตที่เหนือระดับ

    -------------------------------------------
    สนใจสอบถามข้อมูลที่
    โทร.081-822-6553
    รับซื้อ ฝากขายที่ดิน บ้าน คอนโด อสังหาริมทรัพย์
    ทุกชนิด “ฟรี” ค่าใช้จ่ายจนกว่าจะขายได้
    พร้อมทั้งทำเรื่องยื่นกู้สินเชื่อ
    จนถึงโอนกรรมสิทธิ์ ณ กรมที่ดิน
    Jin Wellbeing County : จิณณ์ เวลบีอิ้ง เคาน์ตี้, ปทุมธานี คอนโด Jin Wellbeing County ทางเลือกใหม่คอนโดสำหรับผู้สูงอายุ ที่มาพร้อมกับการดูแลสุขภาพแบบบูรณาการ พร้อมมการดูแลจากแพทย์ พยาบาล 24 ชั่วโมง รองรับผู้สูงวัยอย่างแท้จริงบนถนนพหลโยธิน โซนรังสิต ตั้งอยู่ใกล้กับมหาวิทยาลัยกรุงเทพรังสิต จ.ปทุมธานี ✦ จุดเด่น ✦ ▸ จิณณ์ เวลบีอิ้ง เคาน์ตี้ ทางเลือกใหม่ของการใช้ชีวิต ▸โครงการภายใต้การดำเนินงานของกลุ่มธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป หรือ THG ที่มีประสบการณ์ด้านโรงพยาบาล และการดูแลสุขภาพมากกว่า 40 ปี ▸โครงการจิณณ์ เวลบีอิ้ง เคาน์ตี้ (Jin Wellbeing County) ที่พักอาศัยรูปแบบใหม่ที่มาพร้อมกับการดูแลสุขภาพแบบบูรณาการ (Integrative Healthcare ) และการดูแลสุขภาพเฉพาะบุคคล (Personalized Medicine) ที่เหมาะสำหรับผู้สูงวัย นอกจากนี้เพื่อตอบโจทย์ที่อยู่อาศัยของวัยผู้สูงอายุอย่างแท้จริงทางโครงการยังมีบริการทางการแพทย์รองรับด้วย ได้แก่ (1) การดูแลสุขภาพขั้นพื้นฐาน ที่ให้บริการแนะนำและการรักษาที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคลด้วยทีมแพทย์และพยาบาลที่มากประสบการณ์ และยังมีการแนะนำโภชนาการสำหรับผู้สูงวัยโดยเฉพาะอีกด้วย (2) การดูแลสมดุลร่างกายจากภายใน เป็นการดูแลโดยนักจิตบำบัดที่ช่วยการปรับสมดุลด้านอารมณ์และจิตใจ โดยผู้เชี่ยวชาญด้านการบำบัดความเครียดและอาการซึมเศร้า พร้อมกับมีกิจกรรมต่างๆ ที่ช่วยผ่อนคลายจิตใจ (3) การดูแลความแข็งแรงและสร้างเสริมสมรรถภาพของร่างกายด้วยการออกกำลังกายอย่างถูกวิธี และเวชศาสตร์ฟื้นฟูสมรรถภาพร่างกายด้านต่างๆที่ถูกออกแบบตามปัญหาแต่ละบุคคล ▸ ภายในพื้นที่ 140 ไร่ ประกอบด้วยอาคารที่พักอาศัยแบบ Low Rise 7 ชั้น จำนวน 5 อาคาร โดยแบ่งเป็น Cluster 1 จำนวน 2 อาคาร คือ อาคาร 1-AM และ อาคาร 1-C1Cluster 2 จำนวน 3 อาคาร คือ อาคาร 2-AM, อาคาร 2-C1 และอาคาร 2-D1 ✦ จิณณ์ เวลบีอิ้ง เคาน์ตี้ ทางเลือกใหม่ของการใช้ชีวิตที่สมบูรณ์แบบอย่างครบวงจรแห่งแรกของเมืองไทยในโครงการที่เราอยู่ได้ตลอดไป ✦ ▸ ที่สุด.. แห่งการใช้ชีวิตในสิ่งแวดล้อมที่ผ่อนคลายท่ามกลางธรรมชาติที่สมบูรณ์แบบ ▸ ที่สุด.. แห่งการออกแบบ Universal Design รองรับผู้สูงวัยอย่างแท้จริง ▸ ที่สุดแห่งการดูแลสุขภาพที่สมบูรณ์แบบสำหรับผู้สูงวัย ▸ ที่สุด.. แห่งความปลอดภัยในการใช้ชีวิตของผู้พักอาศัย ▸ ที่สุด.. แห่งสังคมคุณภาพ ผ่านการให้ การรับและการแบ่งปัน ▸ ที่สุด.. แห่งประสบการณ์ใช้ชีวิตที่เหนือระดับ ------------------------------------------- สนใจสอบถามข้อมูลที่ โทร.081-822-6553 รับซื้อ ฝากขายที่ดิน บ้าน คอนโด อสังหาริมทรัพย์ ทุกชนิด “ฟรี” ค่าใช้จ่ายจนกว่าจะขายได้ พร้อมทั้งทำเรื่องยื่นกู้สินเชื่อ จนถึงโอนกรรมสิทธิ์ ณ กรมที่ดิน
    0 Comments 0 Shares 99 Views 0 Reviews
  • #วิมานลอย

    วันนี้ขออนุญาตแนะนำหนังสือที่เคยอ่าน เป็นวรรณกรรมคลาสสิกฝั่งอเมริกา และคิดว่าอย่างน้อยผู้ที่สามารถอ่านหนังสือได้ และมีโอกาส ควรหามาอ่านให้ได้สักครั้งในชีวิต แม้ส่วนตัวจะตอบได้ไม่เต็มปากนักว่าชื่นชอบเล่มนี้ แต่ยืนยันได้ว่าคือหนังสือดีมีค่าที่คู่ควรกับการสละเวลาจริง

    เชื่อว่าคุ้นหูทุกคนอยู่แล้ว แต่ไม่ทุกคนที่จะได้อ่าน เพราะด้วยความยาวของแถวอักษรยาวเหยียด ความหนาของจำนวนหน้า พาให้รู้สึกท้อต่อการที่จะหยิบมาอ่านอย่างยิ่ง โดยเฉพาะเล่มที่ผมอ่านนั้น เป็นฉบับพิมพ์ครั้งที่ 7 ในไทย ของ สนพ.แพรว ปี พ.ศ. 2550 หนา 1,184 หน้า แปลโดย รอย โรจนานนท์ ซึ่งทำสวยงามเลอค่าน่าสะสมมาก ปกแข็งมีปกนอกหุ้ม เย็บกี่ ซึ่งเรื่องนี้ยืมจากห้องสมุดประชาชนมาอ่าน เพราะต้องใช้วิธีนี้เท่านั้น จึงจะกระตุ้นตัวเองให้มีความเพียรพอที่จะตั้งใจอ่านจนจบเรื่องได้ ไม่อย่างนั้นคงซื้อมาแล้วก็วางไว้ก่อน แต่ต้องใช้เวลาในการอ่านและยืมต่ออยู่หลายครั้ง ถ้าจำไม่ผิดก็ 3-4 หนต่อเนื่อง

    และขอยืนยันว่าฉบับพิมพ์นี้ไม่เหมาะกับการถืออ่านขณะนอนหงาย เพราะอาจหน้าแหก ดั้งยุบ หรือสลบเหมือดคาที่ได้ ขนาดนั่งอ่านยังต้องวางหนังสือกับโต๊ะ ยกอ่านได้ไม่นานเกิดอาการล้ามาก

    เรื่องที่กล่าวถึงนี้คือ Gone With The Wind หรือชื่อไทย วิมานลอย โดยผู้เขียนนาม มาร์กาเร็ต มิตเชลล์ รู้สึกชอบชื่อเรื่องมากทั้งภาษาอังกฤษ และภาษาไทย ที่ให้ความหมายชัดเจนดีมาก ยิ่งอ่านจบแล้วยิ่งย้ำยืนยันว่าเป็นชื่อเรื่องที่เหมาะสมที่สุด ความจริงได้ยินเสียงล่ำลือถึงเรื่องนี้มานานมากตั้งแต่เด็ก แต่ได้สัมผัสครั้งแรกจากภาพยนตร์ก่อน เมื่อช่วงเรียนจบใหม่ๆ พอได้ชมแล้วชอบจึงเริ่มอยากอ่านฉบับหนังสือว่าจะแตกต่างอย่างไรบ้าง นั่นคือจุดเริ่มต้น

    เนื้อหาของเรื่องนี้ ถูกวางฉากหลังไว้ในช่วงสงครามกลางเมืองของอเมริกา ในยุคที่มีการใช้แรงงานทาสผิวดำ การทำกสิกรรมปลูกไร่ฝ้าย ไปจนถึงความขัดแย้งของคนชาติเดียวกัน แต่ต่างที่มา ซึ่งแบ่งเป็นฝ่ายเหนือกับฝ่ายใต้ ต่อเนื่องยาวไปจนถึงเริ่มสงคราม และสงครามสิ้นสุด รวมถึงพิษภัยจากไฟสงครามที่ลามเลียต่อเนื่อง ผลกระทบทางการเมือง สังคม เศรษฐกิจ ของฝ่ายผู้ชนะที่กระทำต่อผู้แพ้ ที่แม้คือชาติเดียวกันอย่างโหดร้าย แล้งน้ำใจ การเลิกทาส ความชุลมุน จราจลทั่วทุกหย่อมหญ้า ผ่านความคิด มุมมองและการเลือกกระทำของตัวเอกที่เป็นตัวดำเนินเรื่องหลักอย่างนางเอก คือ สการ์เลตต์ โอฮารา และตัวเดินเรื่องเสริมคือพระเอก หรือ เรตต์ บัตเลอร์

    ความจริงผมไม่ชอบสการ์เลตต์ และยิ่งไม่ชอบเรตต์ บัตเลอร์เลยจากใจจริง ออกจะเหม็นเบื่อ หมั่นไส้ และรู้สึกทุเรศทุรังกับอุปนิสัยของตัวละครทั้งสอง โดยเฉพาะช่วงแรกเริ่มได้ทำความรู้จักกันผ่านหน้าหนังสือ ด้วยเหตุที่นางเอกนั้น ช่วงต้นเป็นหญิงที่ใช้ชีวิตอย่างลูกคุณหนู สมองกลวงไปวันๆ ไม่คิดทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน คำนึงถึงแต่เรื่องผู้ชาย การได้แต่งงานกับลูกชายบ้านโน้นบ้านนี้ การแวดล้อมไปด้วยเพื่อนสาวที่มีค่านิยม แนวคิด ฝักใฝ่ความหรูหรา ติดสบาย ต้องมีคนคอยรับใช้ เกียรติยศ ความหลงใหลยึดติดกับศักดินา ข้าทาส บริวาร ชื่อเสียงตระกูล ความฟุ่มเฟือย สารพัดที่ผู้หญิงใฝ่สุขนิยมมักเป็นกัน

    ส่วนฝ่ายชายนั้นเล่าก็แบดบอย ยโสโอหัง กวนบาทา พูดจายียวน ชอบยั่วโมโห หน้าเลือด นิสัยพ่อค้าที่ทำอย่างไรตนจึงจะมีเงินไหลเข้ากระเป๋าได้เยอะสุดในภาวะสงคราม ที่คนจำนวนมากเดือดร้อนอดอยาก อายุมากกว่านางเอกหลายปี อยู่ในวัยหนุ่มใหญ่ผู้มีสายตาและประสบการณ์ที่ผ่านโลกมาอย่างโชกโชน

    เริ่มต้นนางเอกนั้นเกลียดขี้หน้าพระเอก และก็รู้สึกอย่างนั้นในแทบทุกครั้งที่ได้พบเจอ แต่ก็แปลกที่ในยามวิกฤตกลับนึกถึงเขา เพราะใจลึกๆนั้นรู้ดีว่าชายคนนี้เชื่อถือได้ว่าสามารถนำพาเธอให้พ้นจากสถานการณ์ร้ายต่างๆอย่างแน่นอน

    ส่วนใหญ่เวลาเจอหน้ากัน มักจะเป็นการสนทนาวิวาทะ ประคารมอย่างถึงพริกถึงขิง แม้นภายในใจจะรู้สึกต่างชอบกันอยู่บ้าง แต่โชคชะตานำพาให้พลาดกันไปพลาดกันมา กว่าจะได้มาเป็นคู่ชีวิตกัน นางเอกต้องผ่านการแต่งงานมาแล้วถึง 2ครั้ง

    ผู้อ่านจะได้เห็นถึงความเติบโตของสการ์เลตต์ผ่านประสบการณ์ชีวิตซึ่ง การศึกสงครามจากด่านหน้าที่สู้รบกันของฝ่ายสมาพันธรัฐชาวใต้ที่หยิ่งผยองในเกียรติยศ ศักดิ์ศรี และต้องการความเป็นอิสระในการถือครองทาส กับฝ่ายเหนือที่เป็นสหภาพซี่งยึดรัฐธรรมนูญเหนืออื่นใด ได้ส่งผลกระทบใหญ่หลวงต่อแนวหลังที่รอคอยด้วยใจกระวนกระวายอยู่กับบ้าน ผลการแพ้ชนะแต่ละครั้ง ได้สร้างรอยแผลไว้ในใจอย่างฝังลึกยากถอดถอน

    จนถึงวันที่รู้ว่าฝ่ายของตน ดินแดนอันเป็นที่รัก เชิดชูและศรัทธา ได้แพ้พ่ายอย่างราบคาบ คนรักและรู้จัก พลเมืองจำนวนมากต่างตายไปในสงคราม ที่เหลือรอดกลับมาก็สภาพน่าอเนจอนาถ รวมถึงผลพวงหลังจากรัฐบาลกลางเข้ามากุมอำนาจ มีบทบาทตั้งกฎระเบียบต่างๆ ที่เป็นการขูดรีด เอาเปรียบ เหยียบย่ำ ฉีกทึ้ง เกียรติยศ ศักดิ์ศรีความเป็นคน การฉ้อฉลคดโกง ใช้อำนาจโดยมิชอบ รีดนาทาเล้น ปล้นฆ่า โกงสมบัติชาติเป็นของตน ของผู้มีอำนาจที่ได้รับเลือกจากรัฐบาลกลางมาปกครองดูแลชาวใต้ สมาพันธรัฐล่มสลาย ประชาชนเดือดร้อน อดอยาก แร้นแค้น เหล่านี้ล้วนเป็นปัจจัยส่งเสริม และเปลี่ยนแปลงให้นางเอกต้องกลายสภาพจากคุณหนูผู้ไร้เดียงสา ไปเป็นผู้ทำทุกทางเพื่อจะอยู่รอดให้ได้ในยามวิกฤต เพื่อประคับประคองข้าทาสผิวดำที่ซื่อสัตย์ เพื่อรักษาบ้านและที่ดินของพ่อเอาไว้ เพราะเธอต้องขึ้นมาเป็นหัวหน้าครอบครัวแทนหลังสูญเสียพ่อไป

    ยอมกระทั่งให้คนใต้ด้วยกันหยามเหยียด รังเกียจเดียดฉันท์ เพราะเธอตัดสินใจเลือกคบค้าสมาคม ทำธุรกิจกับพวกพ่อค้า ผู้มีอำนาจ ที่มาปกครองบ้านเมืองของตน ซึ่งครั้งหนึ่งเธอรังเกียจและเจ็บแค้น เพื่อจะดำรงสถานะของครอบครัวให้ไปต่อได้

    การเติบโตทางอารมณ์ และความเป็นผู้ใหญ่ที่ต้องชั่งใจเลือก ในสิ่งซึ่งขัดแย้งกับอุดมการณ์ ความศรัทธา ภาคภูมิที่ตนเชื่อมั่นมาตลอด กับความจริงตรงหน้าที่บีบคั้นให้กระทำสวนทางก็ตาม

    สการ์เลตต์ โอฮารา รวมถึง เรตต์ บัตเลอร์ จึงเป็นตัวละครที่มีความเรียลริสติก มีบุคลิกที่ใกล้เคียงความเป็นมนุษย์ปุถุชน ที่มีทั้งดีชั่วปะปน และดิ้นรนเพื่อหาทางเอาชีวิตรอดไปตามสถานการณ์ ไม่ใช่ตัวละครที่พาฝัน ภาพลักษณ์สวยงาม เป็นคนดีพร้อม ทั้งรูปสมบัติและคุณสมบัติ ที่มักพบได้ในตัวพระนางทั่วไป หากกล่าวอย่างตรงๆแล้ว ทั้งสองออกจะมีด้านที่เป็นสีเทาดำ มากกว่าสีขาวด้วยซ้ำ แต่นี่อาจเป็นเสน่ห์ที่ทำให้เรื่องนี้ยังคงอยู่ในใจของนักอ่านทั่วโลกมาอย่างยาวนานจนปัจจุบัน ถึงกับได้รับการยกย่องมากมายจากหลายสถาบัน ให้เป็นหนึ่งในวรรณกรรมคลาสสิกชิ้นเยี่ยม

    ทว่าสำหรับส่วนตัวแล้ว ไม่ได้สนใจในเรื่องนั้นเลย ยังคงยืนยันเช่นเดิมว่าไม่ชอบนางเอก และพระเอก รวมถึงไม่อาจบอกได้ว่านี่คือเรื่องที่รักชอบหลังอ่านจบ แต่สิ่งหนึ่งที่กล้ายืนยันอย่างมั่นใจอีกครั้งคือ

    นี่คือหนังสือที่ดี มีค่าเพียงพอต่อเวลาที่ต้องสละไปในการอ่าน

    ใครอ่านเรื่องนี้จบเกินกว่า 1 รอบ ขอยอมรับนับถือเลย
    สุดท้ายที่จะบอกคือ นี่เป็นหนังสือที่ดูดพลังอย่างมาก เหนื่อยที่สุดในชีวิตการเป็นนักอ่าน แม้นอ่านนิยายไทยยาวๆอย่างเพชรพระอุมา หรือนิยายจีนกำลังภายในที่ยาว 20-30 เล่ม ก็ยังไม่เคยเหนื่อยเท่า

    ป.ล. เนื่องจากไม่มีหนังสือเป็นของตน จึงขอใช้ภาพจากอินเตอร์เน็ตมาประกอบครับ

    #นิยายแปล
    #วรรณกรรมคลาสสิก
    #วิมานลอย
    #gonewiththewind
    #หนังสือน่าอ่าน
    #สงครามกลางเมือง
    #สหรัฐอเมริกา
    #ชนชั้น
    #แรงงาน
    #บริวาร
    #ทาส
    #คนผิวดำ
    #thaitimes
    #นิยาย
    #หนังสือ
    #วิมานลอย วันนี้ขออนุญาตแนะนำหนังสือที่เคยอ่าน เป็นวรรณกรรมคลาสสิกฝั่งอเมริกา และคิดว่าอย่างน้อยผู้ที่สามารถอ่านหนังสือได้ และมีโอกาส ควรหามาอ่านให้ได้สักครั้งในชีวิต แม้ส่วนตัวจะตอบได้ไม่เต็มปากนักว่าชื่นชอบเล่มนี้ แต่ยืนยันได้ว่าคือหนังสือดีมีค่าที่คู่ควรกับการสละเวลาจริง เชื่อว่าคุ้นหูทุกคนอยู่แล้ว แต่ไม่ทุกคนที่จะได้อ่าน เพราะด้วยความยาวของแถวอักษรยาวเหยียด ความหนาของจำนวนหน้า พาให้รู้สึกท้อต่อการที่จะหยิบมาอ่านอย่างยิ่ง โดยเฉพาะเล่มที่ผมอ่านนั้น เป็นฉบับพิมพ์ครั้งที่ 7 ในไทย ของ สนพ.แพรว ปี พ.ศ. 2550 หนา 1,184 หน้า แปลโดย รอย โรจนานนท์ ซึ่งทำสวยงามเลอค่าน่าสะสมมาก ปกแข็งมีปกนอกหุ้ม เย็บกี่ ซึ่งเรื่องนี้ยืมจากห้องสมุดประชาชนมาอ่าน เพราะต้องใช้วิธีนี้เท่านั้น จึงจะกระตุ้นตัวเองให้มีความเพียรพอที่จะตั้งใจอ่านจนจบเรื่องได้ ไม่อย่างนั้นคงซื้อมาแล้วก็วางไว้ก่อน แต่ต้องใช้เวลาในการอ่านและยืมต่ออยู่หลายครั้ง ถ้าจำไม่ผิดก็ 3-4 หนต่อเนื่อง และขอยืนยันว่าฉบับพิมพ์นี้ไม่เหมาะกับการถืออ่านขณะนอนหงาย เพราะอาจหน้าแหก ดั้งยุบ หรือสลบเหมือดคาที่ได้ ขนาดนั่งอ่านยังต้องวางหนังสือกับโต๊ะ ยกอ่านได้ไม่นานเกิดอาการล้ามาก เรื่องที่กล่าวถึงนี้คือ Gone With The Wind หรือชื่อไทย วิมานลอย โดยผู้เขียนนาม มาร์กาเร็ต มิตเชลล์ รู้สึกชอบชื่อเรื่องมากทั้งภาษาอังกฤษ และภาษาไทย ที่ให้ความหมายชัดเจนดีมาก ยิ่งอ่านจบแล้วยิ่งย้ำยืนยันว่าเป็นชื่อเรื่องที่เหมาะสมที่สุด ความจริงได้ยินเสียงล่ำลือถึงเรื่องนี้มานานมากตั้งแต่เด็ก แต่ได้สัมผัสครั้งแรกจากภาพยนตร์ก่อน เมื่อช่วงเรียนจบใหม่ๆ พอได้ชมแล้วชอบจึงเริ่มอยากอ่านฉบับหนังสือว่าจะแตกต่างอย่างไรบ้าง นั่นคือจุดเริ่มต้น เนื้อหาของเรื่องนี้ ถูกวางฉากหลังไว้ในช่วงสงครามกลางเมืองของอเมริกา ในยุคที่มีการใช้แรงงานทาสผิวดำ การทำกสิกรรมปลูกไร่ฝ้าย ไปจนถึงความขัดแย้งของคนชาติเดียวกัน แต่ต่างที่มา ซึ่งแบ่งเป็นฝ่ายเหนือกับฝ่ายใต้ ต่อเนื่องยาวไปจนถึงเริ่มสงคราม และสงครามสิ้นสุด รวมถึงพิษภัยจากไฟสงครามที่ลามเลียต่อเนื่อง ผลกระทบทางการเมือง สังคม เศรษฐกิจ ของฝ่ายผู้ชนะที่กระทำต่อผู้แพ้ ที่แม้คือชาติเดียวกันอย่างโหดร้าย แล้งน้ำใจ การเลิกทาส ความชุลมุน จราจลทั่วทุกหย่อมหญ้า ผ่านความคิด มุมมองและการเลือกกระทำของตัวเอกที่เป็นตัวดำเนินเรื่องหลักอย่างนางเอก คือ สการ์เลตต์ โอฮารา และตัวเดินเรื่องเสริมคือพระเอก หรือ เรตต์ บัตเลอร์ ความจริงผมไม่ชอบสการ์เลตต์ และยิ่งไม่ชอบเรตต์ บัตเลอร์เลยจากใจจริง ออกจะเหม็นเบื่อ หมั่นไส้ และรู้สึกทุเรศทุรังกับอุปนิสัยของตัวละครทั้งสอง โดยเฉพาะช่วงแรกเริ่มได้ทำความรู้จักกันผ่านหน้าหนังสือ ด้วยเหตุที่นางเอกนั้น ช่วงต้นเป็นหญิงที่ใช้ชีวิตอย่างลูกคุณหนู สมองกลวงไปวันๆ ไม่คิดทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน คำนึงถึงแต่เรื่องผู้ชาย การได้แต่งงานกับลูกชายบ้านโน้นบ้านนี้ การแวดล้อมไปด้วยเพื่อนสาวที่มีค่านิยม แนวคิด ฝักใฝ่ความหรูหรา ติดสบาย ต้องมีคนคอยรับใช้ เกียรติยศ ความหลงใหลยึดติดกับศักดินา ข้าทาส บริวาร ชื่อเสียงตระกูล ความฟุ่มเฟือย สารพัดที่ผู้หญิงใฝ่สุขนิยมมักเป็นกัน ส่วนฝ่ายชายนั้นเล่าก็แบดบอย ยโสโอหัง กวนบาทา พูดจายียวน ชอบยั่วโมโห หน้าเลือด นิสัยพ่อค้าที่ทำอย่างไรตนจึงจะมีเงินไหลเข้ากระเป๋าได้เยอะสุดในภาวะสงคราม ที่คนจำนวนมากเดือดร้อนอดอยาก อายุมากกว่านางเอกหลายปี อยู่ในวัยหนุ่มใหญ่ผู้มีสายตาและประสบการณ์ที่ผ่านโลกมาอย่างโชกโชน เริ่มต้นนางเอกนั้นเกลียดขี้หน้าพระเอก และก็รู้สึกอย่างนั้นในแทบทุกครั้งที่ได้พบเจอ แต่ก็แปลกที่ในยามวิกฤตกลับนึกถึงเขา เพราะใจลึกๆนั้นรู้ดีว่าชายคนนี้เชื่อถือได้ว่าสามารถนำพาเธอให้พ้นจากสถานการณ์ร้ายต่างๆอย่างแน่นอน ส่วนใหญ่เวลาเจอหน้ากัน มักจะเป็นการสนทนาวิวาทะ ประคารมอย่างถึงพริกถึงขิง แม้นภายในใจจะรู้สึกต่างชอบกันอยู่บ้าง แต่โชคชะตานำพาให้พลาดกันไปพลาดกันมา กว่าจะได้มาเป็นคู่ชีวิตกัน นางเอกต้องผ่านการแต่งงานมาแล้วถึง 2ครั้ง ผู้อ่านจะได้เห็นถึงความเติบโตของสการ์เลตต์ผ่านประสบการณ์ชีวิตซึ่ง การศึกสงครามจากด่านหน้าที่สู้รบกันของฝ่ายสมาพันธรัฐชาวใต้ที่หยิ่งผยองในเกียรติยศ ศักดิ์ศรี และต้องการความเป็นอิสระในการถือครองทาส กับฝ่ายเหนือที่เป็นสหภาพซี่งยึดรัฐธรรมนูญเหนืออื่นใด ได้ส่งผลกระทบใหญ่หลวงต่อแนวหลังที่รอคอยด้วยใจกระวนกระวายอยู่กับบ้าน ผลการแพ้ชนะแต่ละครั้ง ได้สร้างรอยแผลไว้ในใจอย่างฝังลึกยากถอดถอน จนถึงวันที่รู้ว่าฝ่ายของตน ดินแดนอันเป็นที่รัก เชิดชูและศรัทธา ได้แพ้พ่ายอย่างราบคาบ คนรักและรู้จัก พลเมืองจำนวนมากต่างตายไปในสงคราม ที่เหลือรอดกลับมาก็สภาพน่าอเนจอนาถ รวมถึงผลพวงหลังจากรัฐบาลกลางเข้ามากุมอำนาจ มีบทบาทตั้งกฎระเบียบต่างๆ ที่เป็นการขูดรีด เอาเปรียบ เหยียบย่ำ ฉีกทึ้ง เกียรติยศ ศักดิ์ศรีความเป็นคน การฉ้อฉลคดโกง ใช้อำนาจโดยมิชอบ รีดนาทาเล้น ปล้นฆ่า โกงสมบัติชาติเป็นของตน ของผู้มีอำนาจที่ได้รับเลือกจากรัฐบาลกลางมาปกครองดูแลชาวใต้ สมาพันธรัฐล่มสลาย ประชาชนเดือดร้อน อดอยาก แร้นแค้น เหล่านี้ล้วนเป็นปัจจัยส่งเสริม และเปลี่ยนแปลงให้นางเอกต้องกลายสภาพจากคุณหนูผู้ไร้เดียงสา ไปเป็นผู้ทำทุกทางเพื่อจะอยู่รอดให้ได้ในยามวิกฤต เพื่อประคับประคองข้าทาสผิวดำที่ซื่อสัตย์ เพื่อรักษาบ้านและที่ดินของพ่อเอาไว้ เพราะเธอต้องขึ้นมาเป็นหัวหน้าครอบครัวแทนหลังสูญเสียพ่อไป ยอมกระทั่งให้คนใต้ด้วยกันหยามเหยียด รังเกียจเดียดฉันท์ เพราะเธอตัดสินใจเลือกคบค้าสมาคม ทำธุรกิจกับพวกพ่อค้า ผู้มีอำนาจ ที่มาปกครองบ้านเมืองของตน ซึ่งครั้งหนึ่งเธอรังเกียจและเจ็บแค้น เพื่อจะดำรงสถานะของครอบครัวให้ไปต่อได้ การเติบโตทางอารมณ์ และความเป็นผู้ใหญ่ที่ต้องชั่งใจเลือก ในสิ่งซึ่งขัดแย้งกับอุดมการณ์ ความศรัทธา ภาคภูมิที่ตนเชื่อมั่นมาตลอด กับความจริงตรงหน้าที่บีบคั้นให้กระทำสวนทางก็ตาม สการ์เลตต์ โอฮารา รวมถึง เรตต์ บัตเลอร์ จึงเป็นตัวละครที่มีความเรียลริสติก มีบุคลิกที่ใกล้เคียงความเป็นมนุษย์ปุถุชน ที่มีทั้งดีชั่วปะปน และดิ้นรนเพื่อหาทางเอาชีวิตรอดไปตามสถานการณ์ ไม่ใช่ตัวละครที่พาฝัน ภาพลักษณ์สวยงาม เป็นคนดีพร้อม ทั้งรูปสมบัติและคุณสมบัติ ที่มักพบได้ในตัวพระนางทั่วไป หากกล่าวอย่างตรงๆแล้ว ทั้งสองออกจะมีด้านที่เป็นสีเทาดำ มากกว่าสีขาวด้วยซ้ำ แต่นี่อาจเป็นเสน่ห์ที่ทำให้เรื่องนี้ยังคงอยู่ในใจของนักอ่านทั่วโลกมาอย่างยาวนานจนปัจจุบัน ถึงกับได้รับการยกย่องมากมายจากหลายสถาบัน ให้เป็นหนึ่งในวรรณกรรมคลาสสิกชิ้นเยี่ยม ทว่าสำหรับส่วนตัวแล้ว ไม่ได้สนใจในเรื่องนั้นเลย ยังคงยืนยันเช่นเดิมว่าไม่ชอบนางเอก และพระเอก รวมถึงไม่อาจบอกได้ว่านี่คือเรื่องที่รักชอบหลังอ่านจบ แต่สิ่งหนึ่งที่กล้ายืนยันอย่างมั่นใจอีกครั้งคือ นี่คือหนังสือที่ดี มีค่าเพียงพอต่อเวลาที่ต้องสละไปในการอ่าน ใครอ่านเรื่องนี้จบเกินกว่า 1 รอบ ขอยอมรับนับถือเลย สุดท้ายที่จะบอกคือ นี่เป็นหนังสือที่ดูดพลังอย่างมาก เหนื่อยที่สุดในชีวิตการเป็นนักอ่าน แม้นอ่านนิยายไทยยาวๆอย่างเพชรพระอุมา หรือนิยายจีนกำลังภายในที่ยาว 20-30 เล่ม ก็ยังไม่เคยเหนื่อยเท่า ป.ล. เนื่องจากไม่มีหนังสือเป็นของตน จึงขอใช้ภาพจากอินเตอร์เน็ตมาประกอบครับ #นิยายแปล #วรรณกรรมคลาสสิก #วิมานลอย #gonewiththewind #หนังสือน่าอ่าน #สงครามกลางเมือง #สหรัฐอเมริกา #ชนชั้น #แรงงาน #บริวาร #ทาส #คนผิวดำ #thaitimes #นิยาย #หนังสือ
    0 Comments 0 Shares 834 Views 0 Reviews
  • ประเทศที่มีอัตราโรคอ้วนต่ำที่สุดและมีอายุขัยเฉลี่ยสูงสุดคือประเทศญี่ปุ่น

    ประชากร 4-5% จัดอยู่ในกลุ่มโรคอ้วน ในขณะที่ชาติตะวันตกอาจเกิน 30-40%

    นี้คือ 10 เหตุผลสำคัญที่ทำให้ประเทศญี่ปุ่นเป็นหนึ่งในประเทศที่มีสุขภาพดีที่สุดในโลก:

    1. ระบบการดูแลสุขภาพ
    2. การมีน้ำหนักตัวที่เหมาะสมเป็นมาตรฐานทางสังคม
    3. รับประทานอาหารตามแบบดั้งเดิม
    4. สอนให้รับประทานอาหารเพื่อสุขภาพตั้งแต่เนิ่นๆ
    5. พวกเขามีวิถีชีวิตที่กระตือรือร้น
    6. ส่งเสริมการกินอย่างมีสติ
    7. รับประทานอาหารในปริมาณที่น้อยลงอย่างมาก
    8. สุขภาพจิตที่สมดุล
    9. ขาดอิทธิพลจากบริษัทอาหารและยา
    10. ญี่ปุ่นส่งเสริมสุขภาพมากกว่าผลกำไร

    เครดิต: @FitFounder
    ประเทศที่มีอัตราโรคอ้วนต่ำที่สุดและมีอายุขัยเฉลี่ยสูงสุดคือประเทศญี่ปุ่น ประชากร 4-5% จัดอยู่ในกลุ่มโรคอ้วน ในขณะที่ชาติตะวันตกอาจเกิน 30-40% นี้คือ 10 เหตุผลสำคัญที่ทำให้ประเทศญี่ปุ่นเป็นหนึ่งในประเทศที่มีสุขภาพดีที่สุดในโลก: 1. ระบบการดูแลสุขภาพ 2. การมีน้ำหนักตัวที่เหมาะสมเป็นมาตรฐานทางสังคม 3. รับประทานอาหารตามแบบดั้งเดิม 4. สอนให้รับประทานอาหารเพื่อสุขภาพตั้งแต่เนิ่นๆ 5. พวกเขามีวิถีชีวิตที่กระตือรือร้น 6. ส่งเสริมการกินอย่างมีสติ 7. รับประทานอาหารในปริมาณที่น้อยลงอย่างมาก 8. สุขภาพจิตที่สมดุล 9. ขาดอิทธิพลจากบริษัทอาหารและยา 10. ญี่ปุ่นส่งเสริมสุขภาพมากกว่าผลกำไร เครดิต: @FitFounder
    0 Comments 0 Shares 66 Views 0 Reviews
  • การโจมตีด้วยเพจเจอร์ในวันนี้สร้างความประทับใจอย่างมาก โดยให้ผลที่ใกล้เคียงศูนย์

    ไม่มีสมาชิกคนใดในกองกำลังทหารของฮิซบอลเลาะห์เสียชีวิตเลย, จากจำนวนผู้เสียชีวิต ๙ ราย, ซึ่งส่วนใหญ่เป็นพลเรือน

    ในทางกลับกัน, การโจมตีดังกล่าวทำให้ระดับความระมัดระวังต่อเทคโนโลยีในเลบานอนเพิ่มสูงขึ้นถึงขีดสุด

    ยังเพิ่มขวัญกำลังใจอีกด้วย

    นี่เป็นไพ่ใบสำคัญที่น่าประทับใจ, ซึ่งอิสราเอลและสหรัฐฯ ทิ้งไปอย่างไร้ประโยชน์ในเวลาที่ไม่เหมาะสม
    .
    ฉันเห็นเด็กที่ได้รับบาดเจ็บจำนวนมากในวิดีโอจากโรงพยาบาลเช่นกัน เพจเจอร์ถูกใช้กันอย่างแพร่หลายในเลบานอนเพื่อวัตถุประสงค์ทางพลเรือนเช่นกัน, แพทย์, บริษัทรักษาความปลอดภัย, ฯลฯ เพจเจอร์สามารถเข้าถึงชาวเลบานอนทุกคน รวมถึงคริสเตียนจำนวนมาก
    .
    หากพวกเขาใช้การโจมตีนี้ในสงครามเต็มรูปแบบ, ผลที่ตามมาจะเลวร้ายมาก สมาชิกฮิซบอลเลาะห์เกือบ ๘๐% จะมีเพจเจอร์เหล่านี้ในมือหรือใกล้ศีรษะเพื่อใช้ในการสื่อสารในช่วงสงคราม
    .
    The pager attack today was really impressive with an effect close to 0.

    Not a single member of Hezbollah's military hierarchy was killed, of the 9 that lost their lives, mostly civilians.

    On the other hand, it raised the level of caution against technology in Lebanon to the maximum level.

    It raised the morale a lot as well.

    This was an impressive wild card, which Israel and the US wasted at the wrong time.
    .
    I saw a lot of injured children on the videos from the hospital as well. Pagers have been used massively throughout Lebanon for civilian purposes as well, doctors, security companies, etc. They managed to reach every Lebanese. Including many Christians.
    .
    If they used this attack in the middle of a full scale war, the consequences would be devastating. Then nearly 80% of Hezbollah members would have these pagers either in their hand or close to their head for wartime communication.
    .
    12:21 AM · Sep 18, 2024 · 492.8K Views
    https://x.com/Megatron_ron/status/1836093165826130242
    🇮🇱🇱🇧 การโจมตีด้วยเพจเจอร์ในวันนี้สร้างความประทับใจอย่างมาก โดยให้ผลที่ใกล้เคียงศูนย์ ไม่มีสมาชิกคนใดในกองกำลังทหารของฮิซบอลเลาะห์เสียชีวิตเลย, จากจำนวนผู้เสียชีวิต ๙ ราย, ซึ่งส่วนใหญ่เป็นพลเรือน ในทางกลับกัน, การโจมตีดังกล่าวทำให้ระดับความระมัดระวังต่อเทคโนโลยีในเลบานอนเพิ่มสูงขึ้นถึงขีดสุด ยังเพิ่มขวัญกำลังใจอีกด้วย นี่เป็นไพ่ใบสำคัญที่น่าประทับใจ, ซึ่งอิสราเอลและสหรัฐฯ ทิ้งไปอย่างไร้ประโยชน์ในเวลาที่ไม่เหมาะสม . ฉันเห็นเด็กที่ได้รับบาดเจ็บจำนวนมากในวิดีโอจากโรงพยาบาลเช่นกัน เพจเจอร์ถูกใช้กันอย่างแพร่หลายในเลบานอนเพื่อวัตถุประสงค์ทางพลเรือนเช่นกัน, แพทย์, บริษัทรักษาความปลอดภัย, ฯลฯ เพจเจอร์สามารถเข้าถึงชาวเลบานอนทุกคน รวมถึงคริสเตียนจำนวนมาก . หากพวกเขาใช้การโจมตีนี้ในสงครามเต็มรูปแบบ, ผลที่ตามมาจะเลวร้ายมาก สมาชิกฮิซบอลเลาะห์เกือบ ๘๐% จะมีเพจเจอร์เหล่านี้ในมือหรือใกล้ศีรษะเพื่อใช้ในการสื่อสารในช่วงสงคราม . 🇮🇱🇱🇧 The pager attack today was really impressive with an effect close to 0. Not a single member of Hezbollah's military hierarchy was killed, of the 9 that lost their lives, mostly civilians. On the other hand, it raised the level of caution against technology in Lebanon to the maximum level. It raised the morale a lot as well. This was an impressive wild card, which Israel and the US wasted at the wrong time. . I saw a lot of injured children on the videos from the hospital as well. Pagers have been used massively throughout Lebanon for civilian purposes as well, doctors, security companies, etc. They managed to reach every Lebanese. Including many Christians. . If they used this attack in the middle of a full scale war, the consequences would be devastating. Then nearly 80% of Hezbollah members would have these pagers either in their hand or close to their head for wartime communication. . 12:21 AM · Sep 18, 2024 · 492.8K Views https://x.com/Megatron_ron/status/1836093165826130242
    Like
    Wow
    2
    4 Comments 0 Shares 343 Views 0 Reviews
  • ศาลปกครองพิพากษายกฟ้องคดีที่ บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) ฟ้องสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ไม่มีสิทธิที่จะเรียกร้องค่าเสียหายหรือค่าใช้จ่ายใดๆ จากผู้ถูกฟ้องคดีที่มอบพื้นที่ล่าช้า เพราะ ผู้ถูกฟ้องได้ให้สิทธิแก่ซิโน-ไทยขยายเวลาก่อสร้างตามสัญญาออกไป 4 ครั้ง รวมเป็นเวลา 1,864 วัน

    17 กันยายน 2567-รายงานข่าวระบุว่า ศาลปกครองกลางมีคำพิพากษาคดีหมายเลขดำที่ 961/2563 หมายเลขแดงที่ 2042/2567ระหว่างบริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) ผู้ฟ้องคดี กับสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ผู้ถูกฟ้องคดี

    โดยศาลพิเคราะห์ข้อกำหนดในเอกสารประกาศประกวดราคาจ้างก่อสร้างและข้อตกลงในสัญญาพิพาทแล้ว เห็นว่า ทั้งผู้ฟ้องคดีและผู้ถูกฟ้องคดีต่างรับรู้และตระหนักถึงปัญหาเรื่องการส่งมอบพื้นที่ก่อสร้างที่อาจไม่เป็นไปตามที่วางแผนไว้ในเบื้องต้น โดยเห็นได้จากในข้อ 1 วรรคสอง ของสัญญาพิพาท ตกลงกันว่า ในการดำเนินการตามสัญญานี้ ผู้ว่าจ้างจะส่งมอบพื้นที่ก่อสร้างต่อเมื่อได้รับอนุญาตจากส่วนราชการที่เกี่ยวข้องหรือตามความพร้อมของผู้ว่าจ้าง

    และในกรณีที่มีการส่งมอบพื้นที่ล่าช้า ผู้รับจ้างไม่อาจเรียกร้องค่าเสียหายใดๆ จากผู้ว่าจ้างได้ หรือหากผู้ว่าจ้างไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้พื้นที่จากส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ผู้ว่าจ้างมีสิทธิบอกเลิกสัญญาและผู้รับจ้างไม่อาจเรียกร้องค่าเสียหายใดๆ จากผู้ว่าจ้างได้เช่นกัน

    อย่างไรก็ดี ในกรณีที่ผู้ถูกฟ้องคดีไม่สามารถส่งมอบพื้นที่ในส่วนที่เกี่ยวข้องแก่ผู้ฟ้องคดีได้ตามที่กำหนดไว้ หรือในกรณีที่ผู้รับจ้างรายอื่นๆ ไม่สามารถส่งมอบพื้นที่หรือผลงานที่เกี่ยวข้องสัมพันธ์กับงานของผู้รับจ้างได้ตามที่ตกลงกันไว้ ผู้ถูกฟ้องคดีมีหน้าที่ต้องพิจารณาขยายระยะเวลาของงานส่วนที่ต้องล่าช้าออกไปอันมีผลกระทบมาจากกรณีดังกล่าวเหล่านั้นให้แก่ผู้ฟ้องคดีตามความเหมาะสม แต่ผู้ถูกฟ้องคดีไม่มีหน้าที่ชดเชยค่าใช้จ่ายใดๆ ให้แก่ผู้ฟ้องคดีทั้งสิ้น

    เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่าการส่งมอบพื้นที่ก่อสร้างให้แก่ผู้ฟ้องคดี ไม่เป็นไปตามแผนการส่งมอบพื้นที่ก่อสร้างกำหนดไว้เบื้องต้น และผู้ฟ้องคดีประสบปัญหาอุปสรรคความล่าช้าในการขนดินออกจากพื้นที่ก่อสร้าง เนื่องจากผู้ถูกฟ้องคดีไม่สามารถจัดหาที่พักดินให้ได้ตามสัญญาทำให้มีผลกระทบต่องานก่อสร้างฐานและอาคารชั้นใต้ดิน อันเป็นเหตุให้การดำเนินงานก่อสร้างของผู้ฟ้องคดีมีความล่าช้า ซึ่งเหตุดังกล่าวเป็นกรณีที่ผู้ว่าจ้างไม่สามารถส่งมอบพื้นที่ในส่วนที่เกี่ยวข้องแก่ผู้รับจ้างตามกำหนดไว้

    และปัญหาอุปสรรคที่เกิดจากการหาสถานที่ทิ้งดิน รวมถึงการที่ผู้รับซื้อดินที่ผู้ถูกฟ้องคดีจัดหามา ไม่สามารถขนย้ายดินออกจากโครงการได้ทัน เป็นกรณีที่ผู้รับจ้างรายอื่นๆ ไม่สามารถส่งมอบผลงานที่เกี่ยวข้องสัมพันธ์กับงานของผู้รับจ้างได้ตามที่ตกลงกันไว้ ตามนัยข้อ 24.2 ของสัญญาพิพาท ที่ผู้ฟ้องคดีมีสิทธิได้รับการพิจารณาขยายเวลาก่อสร้างออกไป และผู้ถูกฟ้องคดีมีหน้าที่ต้องพิจารณาขยายระยะเวลาของงานส่วนที่ต้องล่าช้าออกไปตามความเหมาะสม

    เมื่อผู้ฟ้องคดีได้มีหนังสือขอขยายเวลาก่อสร้างออกไปหลายครั้ง ผู้ถูกฟ้องคดีก็ได้ประชุมพิจารณาร่วมกับที่ปรึกษาบริหารโครงการ คณะกรรมการตรวจการจ้าง ผู้ควบคุมงาน ผู้ฟ้องคดี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้วได้ขยายเวลาทำการก่อสร้างตามสัญญาออกไป 4 ครั้ง รวมเป็นเวลา 1,864 วัน

    กรณีจึงเห็นว่า ฝ่ายผู้ถูกฟ้องคดี ได้ทำหน้าที่พิจารณาขยายระยะเวลาของงานส่วนที่ต้องล่าช้าออกไปให้แก่ผู้ฟ้องคดีตามข้อตกลงในสัญญาแล้ว ผู้ฟ้องคดีจึงไม่มีสิทธิที่จะเรียกร้องค่าเสียหายหรือค่าใช้จ่ายใดๆ จากผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสิ้น ทั้งนี้ ตามข้อ 1 วรรคสอง และข้อ 24.2 ของสัญญาพิพาท พิพากษายกฟ้อง

    #Thaitimes
    ศาลปกครองพิพากษายกฟ้องคดีที่ บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) ฟ้องสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ไม่มีสิทธิที่จะเรียกร้องค่าเสียหายหรือค่าใช้จ่ายใดๆ จากผู้ถูกฟ้องคดีที่มอบพื้นที่ล่าช้า เพราะ ผู้ถูกฟ้องได้ให้สิทธิแก่ซิโน-ไทยขยายเวลาก่อสร้างตามสัญญาออกไป 4 ครั้ง รวมเป็นเวลา 1,864 วัน 17 กันยายน 2567-รายงานข่าวระบุว่า ศาลปกครองกลางมีคำพิพากษาคดีหมายเลขดำที่ 961/2563 หมายเลขแดงที่ 2042/2567ระหว่างบริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) ผู้ฟ้องคดี กับสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ผู้ถูกฟ้องคดี โดยศาลพิเคราะห์ข้อกำหนดในเอกสารประกาศประกวดราคาจ้างก่อสร้างและข้อตกลงในสัญญาพิพาทแล้ว เห็นว่า ทั้งผู้ฟ้องคดีและผู้ถูกฟ้องคดีต่างรับรู้และตระหนักถึงปัญหาเรื่องการส่งมอบพื้นที่ก่อสร้างที่อาจไม่เป็นไปตามที่วางแผนไว้ในเบื้องต้น โดยเห็นได้จากในข้อ 1 วรรคสอง ของสัญญาพิพาท ตกลงกันว่า ในการดำเนินการตามสัญญานี้ ผู้ว่าจ้างจะส่งมอบพื้นที่ก่อสร้างต่อเมื่อได้รับอนุญาตจากส่วนราชการที่เกี่ยวข้องหรือตามความพร้อมของผู้ว่าจ้าง และในกรณีที่มีการส่งมอบพื้นที่ล่าช้า ผู้รับจ้างไม่อาจเรียกร้องค่าเสียหายใดๆ จากผู้ว่าจ้างได้ หรือหากผู้ว่าจ้างไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้พื้นที่จากส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ผู้ว่าจ้างมีสิทธิบอกเลิกสัญญาและผู้รับจ้างไม่อาจเรียกร้องค่าเสียหายใดๆ จากผู้ว่าจ้างได้เช่นกัน อย่างไรก็ดี ในกรณีที่ผู้ถูกฟ้องคดีไม่สามารถส่งมอบพื้นที่ในส่วนที่เกี่ยวข้องแก่ผู้ฟ้องคดีได้ตามที่กำหนดไว้ หรือในกรณีที่ผู้รับจ้างรายอื่นๆ ไม่สามารถส่งมอบพื้นที่หรือผลงานที่เกี่ยวข้องสัมพันธ์กับงานของผู้รับจ้างได้ตามที่ตกลงกันไว้ ผู้ถูกฟ้องคดีมีหน้าที่ต้องพิจารณาขยายระยะเวลาของงานส่วนที่ต้องล่าช้าออกไปอันมีผลกระทบมาจากกรณีดังกล่าวเหล่านั้นให้แก่ผู้ฟ้องคดีตามความเหมาะสม แต่ผู้ถูกฟ้องคดีไม่มีหน้าที่ชดเชยค่าใช้จ่ายใดๆ ให้แก่ผู้ฟ้องคดีทั้งสิ้น เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่าการส่งมอบพื้นที่ก่อสร้างให้แก่ผู้ฟ้องคดี ไม่เป็นไปตามแผนการส่งมอบพื้นที่ก่อสร้างกำหนดไว้เบื้องต้น และผู้ฟ้องคดีประสบปัญหาอุปสรรคความล่าช้าในการขนดินออกจากพื้นที่ก่อสร้าง เนื่องจากผู้ถูกฟ้องคดีไม่สามารถจัดหาที่พักดินให้ได้ตามสัญญาทำให้มีผลกระทบต่องานก่อสร้างฐานและอาคารชั้นใต้ดิน อันเป็นเหตุให้การดำเนินงานก่อสร้างของผู้ฟ้องคดีมีความล่าช้า ซึ่งเหตุดังกล่าวเป็นกรณีที่ผู้ว่าจ้างไม่สามารถส่งมอบพื้นที่ในส่วนที่เกี่ยวข้องแก่ผู้รับจ้างตามกำหนดไว้ และปัญหาอุปสรรคที่เกิดจากการหาสถานที่ทิ้งดิน รวมถึงการที่ผู้รับซื้อดินที่ผู้ถูกฟ้องคดีจัดหามา ไม่สามารถขนย้ายดินออกจากโครงการได้ทัน เป็นกรณีที่ผู้รับจ้างรายอื่นๆ ไม่สามารถส่งมอบผลงานที่เกี่ยวข้องสัมพันธ์กับงานของผู้รับจ้างได้ตามที่ตกลงกันไว้ ตามนัยข้อ 24.2 ของสัญญาพิพาท ที่ผู้ฟ้องคดีมีสิทธิได้รับการพิจารณาขยายเวลาก่อสร้างออกไป และผู้ถูกฟ้องคดีมีหน้าที่ต้องพิจารณาขยายระยะเวลาของงานส่วนที่ต้องล่าช้าออกไปตามความเหมาะสม เมื่อผู้ฟ้องคดีได้มีหนังสือขอขยายเวลาก่อสร้างออกไปหลายครั้ง ผู้ถูกฟ้องคดีก็ได้ประชุมพิจารณาร่วมกับที่ปรึกษาบริหารโครงการ คณะกรรมการตรวจการจ้าง ผู้ควบคุมงาน ผู้ฟ้องคดี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้วได้ขยายเวลาทำการก่อสร้างตามสัญญาออกไป 4 ครั้ง รวมเป็นเวลา 1,864 วัน กรณีจึงเห็นว่า ฝ่ายผู้ถูกฟ้องคดี ได้ทำหน้าที่พิจารณาขยายระยะเวลาของงานส่วนที่ต้องล่าช้าออกไปให้แก่ผู้ฟ้องคดีตามข้อตกลงในสัญญาแล้ว ผู้ฟ้องคดีจึงไม่มีสิทธิที่จะเรียกร้องค่าเสียหายหรือค่าใช้จ่ายใดๆ จากผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสิ้น ทั้งนี้ ตามข้อ 1 วรรคสอง และข้อ 24.2 ของสัญญาพิพาท พิพากษายกฟ้อง #Thaitimes
    Like
    Yay
    3
    0 Comments 0 Shares 544 Views 0 Reviews
  • อยู่ในสังคมเดียวกันที่ต้องพบปะกันบ่อย ไม่ได้จำเป็นว่าจะต้องเป็นเพื่อนกัน หรือต้องสนิท เราสังเกตคนที่เคารพตัวเองพอ มีดีกับตัว จะไม่จำเป็นเลยจะต้องคอยไปหา "เกาะ" ใครคนอื่น เพื่อให้รู้สึกมีตัวตนขึ้นมา อย่าพยายามมาครอบงำเราเป็นพวกได้ไหม ภายนอกที่อาจดูเป็นคนหัวอ่อนคงชักจูงง่าย ใช้ประโยชน์ก็ง่าย คนพาลจำพวกนึงมันก็มักจะพาตัวเข้ามาอย่างนี้ทุกที มันไม่รู้ว่าเราก็คนจริง ถึงจะ detect ความปลอมได้ไวและชัดเจนพอ แต่การจะหลีกเลี่ยงและปฏิเสธ มันก็รบกวนพลังงานเราไม่น้อยเลย ยิ่งมองออกถึงความดื้อด้านเขา มันไปคุเอาความสงบใจของเราให้ฟุ้งกระจาย พวกที่ทำอย่างหนึ่งพูดอย่างหนึ่ง ทำอะไรทำไม่จริง ไม่รักษาระเบียบ ดีแต่พูดนี่ไม่ถูกโรคอย่างแรง แล้วเขาจะชอบนึกว่าเอาตัวเองรอดได้ด้วยคำพูดด้วยนะ ไม่รู้ตัวเลยว่าการกระทำมันฟ้องเจ้าของ ไม่รู้จักพัฒนาตัวเอง สังเกตคนอื่นก็เลี่ยงๆ คนนี้ ใครๆ เขาโฟกัสแต่เรื่องของตัวเองไปกัน อยากทำอย่างนั้นได้มั่ง เราเองก็ไม่อยากรับพลังงานลบจำพวกนี้เข้ามาในชีวิตเลย ต้องทำใจกลางๆ ไม่ชอบไม่เกลียด ขณะเดียวกันไม่อยากคบคนพาลค่ะ นึกถึงตอนที่บอกเขาแก้ไขบางเรื่อง เจอเถียงกลับแบบคนที่สอนไม่ได้ เถอะ ในเมื่อ เมตตา กรุณา มุฑิตา แล้วก็เท่านั้น ใช้ "เดินหนี" ล่ะ เหมาะสมกับเหตุการณ์และบุคคล
    อยู่ในสังคมเดียวกันที่ต้องพบปะกันบ่อย ไม่ได้จำเป็นว่าจะต้องเป็นเพื่อนกัน หรือต้องสนิท เราสังเกตคนที่เคารพตัวเองพอ มีดีกับตัว จะไม่จำเป็นเลยจะต้องคอยไปหา "เกาะ" ใครคนอื่น เพื่อให้รู้สึกมีตัวตนขึ้นมา อย่าพยายามมาครอบงำเราเป็นพวกได้ไหม ภายนอกที่อาจดูเป็นคนหัวอ่อนคงชักจูงง่าย ใช้ประโยชน์ก็ง่าย คนพาลจำพวกนึงมันก็มักจะพาตัวเข้ามาอย่างนี้ทุกที มันไม่รู้ว่าเราก็คนจริง ถึงจะ detect ความปลอมได้ไวและชัดเจนพอ แต่การจะหลีกเลี่ยงและปฏิเสธ มันก็รบกวนพลังงานเราไม่น้อยเลย ยิ่งมองออกถึงความดื้อด้านเขา มันไปคุเอาความสงบใจของเราให้ฟุ้งกระจาย พวกที่ทำอย่างหนึ่งพูดอย่างหนึ่ง ทำอะไรทำไม่จริง ไม่รักษาระเบียบ ดีแต่พูดนี่ไม่ถูกโรคอย่างแรง แล้วเขาจะชอบนึกว่าเอาตัวเองรอดได้ด้วยคำพูดด้วยนะ ไม่รู้ตัวเลยว่าการกระทำมันฟ้องเจ้าของ ไม่รู้จักพัฒนาตัวเอง สังเกตคนอื่นก็เลี่ยงๆ คนนี้ ใครๆ เขาโฟกัสแต่เรื่องของตัวเองไปกัน อยากทำอย่างนั้นได้มั่ง เราเองก็ไม่อยากรับพลังงานลบจำพวกนี้เข้ามาในชีวิตเลย ต้องทำใจกลางๆ ไม่ชอบไม่เกลียด ขณะเดียวกันไม่อยากคบคนพาลค่ะ นึกถึงตอนที่บอกเขาแก้ไขบางเรื่อง เจอเถียงกลับแบบคนที่สอนไม่ได้ เถอะ ในเมื่อ เมตตา กรุณา มุฑิตา แล้วก็เท่านั้น ใช้ "เดินหนี" ล่ะ เหมาะสมกับเหตุการณ์และบุคคล
    0 Comments 0 Shares 69 Views 0 Reviews
  • #ยิ่งล้วงยิ่งลึกยิ่งขุดยิ่งไม่ธรรมดา
    อรุณสวัสดิ์ชาวเพจคิงส์โพธิ์แดงที่เคารพรัก
    เมื่อคืนพี่คิงส์ได้ตรวจสอบข้อมูล ยิ่งลึกยิ่งตกใจ
    เรื่องนี้ไม่ใช่แค่เรื่อง ญ ช สองคนรักและเลิกอย่างที่
    มีกลุ่มปฏิบัติการโซเชียลปั้นแต่ง แต่มันเลยเถิดไปไกล
    ที่มีความเกี่ยวข้อง เชิง อ-า-ช-ญ-า-ก-รร-ม-ข้-า-ม-ช-า-ติ
    พี่คิงส์จะค่อยๆอธิบายสำหรับคนที่ติดตามข้อมูลจากคิงส์โพธิ์แดง
    และที่เพิ่งเข้ามาเห็นโพสนี้ครั้งแรก ให้กระจ่ายกันไปเลย
    มาทวนสิ่งที่พี่คิงส์ให้ข้อมูลไปก่อนหน้าโดยสังเขป
    ชุดข้อมูลแรก
    - แพลตฟอร์ม ตต. เปิดให้คนทั่วไป มีกิจกรรมที่เรียกว่า PK เพื่อให้มีการใช้เงินจริง เปลี่ยนเป็นเหรียญเข้าสู่ระบบของแพลตฟอร์ม และส่งเป็นติ๊กเกอร์ และสมารถนำออกเป็นเงินจริงได้ โดยเสียค่าธรรมเนียมนิดหน่อยให้แพลตฟอร์ม ส่วน ตต.เกอร์ เมื่อได้อิมคัมก็มีหน้าที่เสียแวทของแต่ละประเทศ ตังค์นั้นก็สามารถนำมาใช้ได้
    - ด้วยรูปแบบดังกล่าว กลุ่มเงินดาร์ค ที่ได้มาโดยไม่ถูกก-ฏ-ห-ม-า-ย จากทั่วโลก ได้มองเห็นช่องทาง จึงเริ่มมีคนคิดโมเดลขึ้นมา
    -กลุ่มเงินดาร์ค ได้จัดตั้งบ.เอเจน เพื่อเฝ้ามอง ตต.เกอร์ที่มีโอกาสดัง แต่ตอนนี้เริ่มช้อน ตต.เกอร์ที่ดังแล้ว เพื่อเข้าสู่โมงเดล การซักอบรีดเงินดาร์ค
    -โดยเบื้องหน้า บ.เจน ก็จะได้ค่าตอบแทนเป็นเปอร์เซ็น จากการได้ติ๊กเกอร์ จากการ PK ซึ่งก็ดูแล้ว ไม่มีอะไรผิดปกติ
    -แต่ กลุ่มเงินดาร์ค จะอาศัยจังหวะ ในการ PK ในการเติมเงินดาร์คเข้าระบบตต. โดยที่ไม่มีใครรู้ว่า ยุซที่ส่งติ๊กเกอร์นั้น คือใคร เงินดาร์คถูกเปลี่ยนเป็นเหรียญและทำการส่งติ๊กเกอร์ ที่มีเรทสูง ให้ตต.เกอร์ แต่บชนั้น อยู่ในมือ บ.เอเจน ก็จะตัดให้เฉพาะเปอร์เซ็นต์ที่ได้จากการรับตต.จริง ส่วนที่เป็นเงินดาร์ค อาจได้บางส่วนเป็นอินเทนซีฟไป ซึ่่งก็มหาศาล เพราะจำนวนเงินดาร์คที่ปั่นเข้าระบบจำนวนมันมหาศาล
    -แต่ประเด็นคือ การปั้นให้ตต.ดังและมีชื่อเสียง เป็นสิ่งสำคัญ มิเช่นนั้นจะมีความผิดปกติ ที่ตต.เกอร์โนเนม จะมีคนมายิงติ๊กเกอร์เรทสูงรัวๆ และนี่คือที่มาที่แฟนเพจต้องเข้าใจเป็นอันดับแรก
    -เมื่อกลุ่มเงินดาร์ค ต้องการให้เงินดาร์คกลายเป็นเงินขาว ก็เพียงแค่ เอาเหรียญเปลี่ยนเป็นเงินจริงผ่านบ.เอเจน และเสียภาษีให้ถูกต้อง ก็สะอาดกริ๊บ
    -โมงเดลนี้เริ่มสร้างประมาณ เกือบ 1 ปีที่ผ่านมา หลังจากที่แพลตฟอร์มตต.เริ่มมีการ PK ให้ตต.เกอร์ได้ลองใช้งาน
    ----------------------------------------------
    -กามิน ได้ออกทีวีเกาหลี และไปพร้อมกับเอเจน ได้พูดถึงการทำงาน ว่าต้องอาศัยความอดทน ต้องทนกับความเบื่อให้ได้ และทำทุกวัน ก็จะสำเร็จแบบเธอได้
    -ได้ข้อสรุปว่า สิ่งที่กามินออกกล้อง สตอรี่ทั้งหมดนั้น คือส่วนหนึ่งของงาน ซึ่ง กามิน ได้รายได้เฉลี่ย ก่อนที่แน๊กเข้าไป ตกเฉลี่ยเดือนละ 8 หมื่น หรือวันละเฉลี่ย 2 พันกว่าบาท ซึ่งนั่นมาจากการทดสอบ ค่อยๆปล่อยติ๊กเกอร์ แบบที่ไม่ให้คนเกิดความสงสัย เพราะต้องไม่ลืมว่า แปดหมื่นที่ว่า ได้ถูกหักจากเอเจนไปแล้ว แล้วคนโนแนม แบบกามิน ที่ไม่ได้มีอะไรที่น่าสนใจ มีเพียงสตอรี่ที่สร้างความสงสารเห็นใจ ทำไมถึงมีคนเปย์ให้หลักแสนได้ ก่อนหักของเอเจน
    -แน๊กชาลี เป็นนักแสดงที่มีชื่อเสียงอยู่แล้ว ก็ได้เข้ามาเรียนรู้ เรื่องการ PK ด้วยความสนุกๆ ได้คุยกับแฟนคลับ เพราะแน๊กปกติ เป็นคนที่มีโลกส่วนตัว อย่างที่แฟนคลับเข้าใจ ทำให้การ PK เป็นโลกใหม่ ที่ทำให้แน๊กได้พูด ได้คุย ในแบบที่เป็นตัวของตัวเอง จึงเป็นที่รักของแฟนคลับ และเข้าไปซัพพอตอยู่มากมายอยู่แล้ว
    -แน๊กชาลี พลาดที่ไปอินกับสตอรี่ ที่กามินและเอเจน สร้างสตอรี่เข้าใจว่าลำบากจริง จึงพาคนไทยไปติดตาม ด้วยเจตนาที่แท้จริง แว๊บแรกแน๊กเองก็ไม่ได้มองเรื่องรักๆใคร่ๆ คือตั้งใจช่วยด้วยความจริงใจ ให้ผู้หญิงที่ขาดโอกาส ได้รับโอกาส
    -แต่กามิน ก็แสดงท่าที ที่เราเห็นๆกัน การทอดสะพาน การตก และแสดงตัวถึงความเป็นเจ้าของ นั่นก็เพราะ ติ๊กเกอร์ที่เข้ามาอย่างมหาศาล ซึ่งตรงตามคอนเซ็ปโมเดล ที่เงินดาร์ค และเอเจนวางไว้
    -เราจะเริ่มเห็น ยูนิ และติ๊กเกอร์ตัวแรงๆ ยิงให้กามิน รัวๆ อย่างไม่รู้ที่มา ว่าคนที่ยิงนั้น คือใคร นั่นคือการสอดแทรงติ๊กเกอร์จากกลุ่มเงินดาร์คเข้าระบบ ทำกัน อย่างเป็นล่ำเป็นสัน
    -เราจะเห็น เอเยนเกาหลี ไปกลับไทยเกาหลี และแน๊กเองก็แสดงท่าทีที่ไม่โอเคนัก ซึ่งคิงส์เองก็ไม่มั่นใจว่า แน๊ก เริ่มรู้เรื่องลึกๆอะไรหรือยัง
    -เมื่อกิจกรรมโมเดลซักอบรีดเงินดาร์คดำเนินไปอยู่ดีๆ แน๊กเริ่มมีการออกอาการขัดขา ออกมาเตือนลอยๆ อย่าอิน อย่าเปย์มาก อย่าตามใจ ซึ่งถือว่าเป็นการขัดลาภ ทั้งกามิน และเอเจน และลามไปถึงกลุ่มเงินดาร์คด้วย เพราะถ้ายอดคนเข้าไป PK ลดลง กามินจะไม่ใช่ตัวแสดงที่เหมาะสม ในการแทรกเงินดาร์คเข้าระบบ และแน๊ก ได้ออกตัวพูดรอบสุดท้ายว่า เรื่องนี้ มันน่ากลัวนะ ทำให้กลุ่มเงินดาร์คเอง เริ่มระแวงว่า เรื่องโมเดลนี้จะถูกเปิดเผย
    -จึงเกิดปฏิบัติการ ที่เกิดขึ้นก่อนที่จะมีการเลิกรา ด้วยการหาคนไทย ที่แสดงตัวเป็นผู้นำทางความคิดของกลุ่มที่เป็นด้อม กามินและชาลี และเล็งเห็นแล้วว่า โจ มณฑานี คือผู้ที่เหมาะสม เพราะมีวาทะกรรม ที่ทำให้ด้อมเคลิบเคลิ้ม ความภักดีของสาวก ก็ถือว่ามีความจงรักภักดี เพราะบรรยากาศการพูดคุยของโจ มณฑานี ที่สร้างเหมือนหลุดไปอยู่อีกโลก ที่มีเจ้าหญิง เจ้าชาย การข้ามภพข้ามชาติมารักกัน ที่อิงส่วนหนึ่งมาจากนิยายที่ โจ มณฑานี เคยเขียนและตีพิมพ์
    -และโจ ก็ได้รับคำสั่ง เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับวันที่ชาลีขวางปฏิบัติการเงินดาร์คมากไปกว่านี้ ด้วยปฏิบัติการ "เล่นงานชาลี"
    -โดย ปฏิบัติการนี้ โจ ได้งบมาจัดการดูแล จัดตั้งทีมงาน ทั้งการคอมเม้น การสร้างตัวตน อ-ว-ต-า-ร ซึ่งก็ไม่ต่างจากการทำงานของมิจทางออนไลน์เลย และโจก็ไม่ติดเรื่องนี้ เพราะโจมี 3 ปัจจัยในการขับเคลื่อน
    1. โจ เปื่อยจิต มานาน การที่ตนเองได้หลุดเข้าไปในโลกจินตนาการ ในตต. ในห้อง DC ทำให้โจรู้สึกตัวเองมีความสำคัญ ทำให้ชีวิตมีคุณค่า ซึ่งเป็นการเยียยวยยาอาการของเธอเอง ซึ่งวิชาการ ถือว่าเป็นการแก้ปัญหาที่ไม่ถูกต้อง แต่มันจะยิ่งกลับทำให้อาการหนักจนหลุดไปเลยก็เป็นได้
    2. โจ อาศัยความภักดีของด้อมกามิน ในการแทรกอาชีพส่วนตัว ที่ก็ไม่ขาวนัก นั่นคือ การเปิดโรงเรียนที่ไม่ถูกต้อง สร้างหลักสูตรที่ม-อ-ม-เ-ม-ากับความเชื่อ และใส่จินตาการตามนิยายที่โจ มณฑนี ที่เคยเขียน เรื่องข้ามภพข้ามชาติมารักกัน อะไรแบบนี้ แฟนเพจสามารถสืบหาอ้างอิงได้ไม่ยาก
    3. คือ ค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการที่กลุ่มเงินดาร์คได้ส่งผ่านเอเจนมาให้
    -ตอนนี้ โจ มณฑานี มีกอง กำล-ัง ทางโซเชียลจำนวนหลายสิบคน โดยให้ค่าจ้าง เดือนละไม่ถึงหมื่น มาดำเนินการ
    1. มาสร้างยูซเทียม ทุกแพลตฟอร์ม
    2. สร้างเพจ เทียม หรือ ช็อปเพจที่พอมีคนติดตามแล้ว เช่น DiY v2 แฟนเพจสังเกตุได้ เพจที่ชื่อกับสิ่งที่โพสไปคนละเรื่อง พวกนี้เจ้าของปล่อย และคนที่มาช้อน ก็หวังแค่ผู้ติดตาม แต่ไม่ได้มีอุดมการณ์ในการทำเพจในเนื้อหาเดิมของเจ้าของที่ตั้งใจ ตอนนี้ Diy v2 แทบไม่มีเรื่องการ Diy สิ่งของเลย มีแต่การพุ่งเป้าไปที่แน๊กชาลี จนล่าสุด ออกมาโพส ต้องการปิดหูปิดตาสมาชิกในเพจด้วยการ "ไม่ให้เข้ามาเพจคิงส์โพธิ์แดง" หรือหากไม่ได้ถูกช็อป ก็คือทุยที่ทำไปได้ความง่าววววว ก็เป็นได้ แต่เพจที่ถูกช็อป มีหลายเพจจริง
    3. ปั๊มยูซ จำนวนมากๆ ของทุกแพลตฟอร์ม เพื่อ
    3.1 กดไลค์ สร้างแอชเท็คสร้างเทรนทวิช หรือกดติ-ดต-า-ม หรือฟอลโล่วในทุกแพลตฟอร์ม
    (อันนี้มีหลักฐานชัด จากยอดฟอล ที่ขึ้นมาแบบผิดปกติ และเข้าไปตรวจสอบพบว่าไม่มีข้อมูลใดๆเรียกว่า สร้างมาสดๆ เอามาใช้สดๆ,และเทรนทวิตที่หลายคนไม่รู้ว่า เซฟกามิน ขึ้นอันดับหนึ่ง ทั้งๆที่คนไทยส่วนใหญ่ก็เลิกติดตามกันรัวๆ มันคือความผิดปกติ และเมื่อเข้าไปกดดูคนที่ใส่แอชเท็ค กลับเป็นยูซโบ๋ล้วนๆ เพื่อให้คนที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่เข้าใจว่า กามินสำคัญมากตามแผนที่โจวางไว้)
    3.2 หยิบแอค หรือยุซนั้นๆ มาเพื่อให้ลูกจ้างที่กล่าวไปแล้วนั้น ทำการพุ่งเป้าไปที่แน๊ก สร้างข่าวที่ให้ร้ายต่างๆ ในทุกแพลตฟอร์มอย่างเป็นระบบ สังเกตุไม่ยาก แทบทุกแพลตฟอร์ม จะมีตัวที่เข้ามาป่วนเพจ หรือช่องที่ตื่นรู้ จะเข้ามากดติดตาม และวางแปะข้อความซ้ำๆ เหมือนๆกัน บางทีแปะผิดแปะถูก พี่คิงส์ก็แซวจนเขินไปหลายรอบว่า "เอ้ย น้อง โพสนี้ไม่ได้พูดถึงกามินนะ แปะผิดโพสแล้ว" และพวกนี้ก็เช่นกัน มาเพื่อป่วน และเพื่อปล่อย ปล่อยคือ ปล่อยสิ่งที่โจอยากสื่อสาร ตามแผนที่สุมหัวไว้ ให้สอดคล้องกับสิ่งที่โจพูด ยกตัวอย่างเช่น หลังจากที่คิงส์ได้เปิดลึกตั้งแต่แรกๆ สิ่งที่โจทำคือ การขู่ววว มีทั้งในคอมเม้น มีทั้งแชตเข้ามา ส่งเป็นคลิปบ้าง ส่งเป็นข้อความบ้าง มาแนวๆ ห่วงพี่คิงส์งั้นงี้ ส่งกำลังใจงั้นงี้ แต่ส่งข้อความขู่ววว จากโจ มณฑานี ล้วนๆ ซึ่งพวกนี้หงายกันไปหมด คงเดากันได้นะ ว่าพี่คิงส์ปากจัดแค่ไหน
    ผลพวงจากปฏิบัติการนี้ มันมีผลแย่ทางตรงและทางอ้อมเยอะมาก
    เพราะประเทศไทย มีทุยเยอะมาก ถึงแม้ว่าหลังจากคิงส์ฯได้เปิดเผยข้อเท็จจริง จนมีทุยเปลี่ยนกลับมาเป็นคนมหาศาลก็ตาม แต่ก็ยังมีคนกลุ่มเดียวที่มีชีวิตคล้ายโจ คือคนที่โลกแห่งความเป็นจริงเหงามาก รู้สึกตัวเองไม่มีคุณค่า กลุ่มนี้ ดึงออกยากมาก เพราะเต็มไปด้วยอัตตา บางคนหลงกามินขนาดประกาศยอมตุยเพื่อกามิน ซึ่งมันเลยเถิด ไปกันใหญ่ และพวกนี้ไม่ต้องจ้าง ทำด้วยความค-ลั่-ง-ไ-ค-ล้ และสมานความเจ็บในชีวิตจริงในรูปแบบส่วนตัวก็พอ
    ตอนนี้ จากที่โจ มณฑานี ได้เริ่มปฏิบัติการมา จากการสนับสนุนของกลุ่มเงินดาร์ค มันเยอะมาก มาแบบไม่อั้น และวิธีการนั้นมันเริ่มแรงขึ้นหลังจากที่ชาลี ประกาศ เชิญกามินกลับประเทศ
    -โจ มณฑานี เริ่มคุยในกลุ่ม DC และไลฟ์ตามเพจที่ตัวเองจูงจมูกได้ แบบชัดมาก เริ่มหลุดเสียง หลุดภาพออกมา ว่าโจ ให้ร้ายน้องแน๊ก พูดสามสี่ชั่วโมง เพียงเพื่อให้ทุกคนเข้าใจผิดว่า แน๊ก เปื่อยจิต ซึ่งความเชื่อนี้ได้ฝังหัวกลุ่มทุยทุกตัว
    -ความเลยเถิดคือ กลุ่มทุยจิตอ่อน เริ่มอิน และเริ่มมีการคุ-กคาม น้อง มีการแฮชเทคโพสห-ย-า-บ ถึงบ้านคู้บอน เริ่มมีการบริภาษหลานตัวน้อยของชาลี และที่สำคัญ ทุกคนฟังให้ดี กลุ่มทุยนี้ โจกล่อมสำเร็จถึงขนาด เป็นลัตติ๊ล่า แม่ -มด
    พี่คิงส์ฯจึงจำเป็นที่ต้องออกมาเปิดเผยความจริง และทุกข้อที่พิมพ์ไว้นี้ ทุกท่านสามารถสืบต่อได้ ว่าจริงหรือไม่ สังเกตุของปัจจุบันเลย พวกทุยที่มาป่วน ยูซแท้ไม่มีซักราย และข้อความก็เป็นข้อความที่ก็อปวางทั้งนั้น ยอดฟอล และเทรนทวิช แล้วท่านจะตาสว่าง
    น้องชาลี คือน้องชายที่เป็นคนไทย ไม่เคยสร้างความเดือดร้อนให้กับใคร แต่กลับต้อนโดนคนไทยด้วยกัน จากการซัพพอตของกลุ่มทุนเงินดาร์คที่ต้องกอาศัยช่องทาง PK ในการซักอบรีดเงินให้ขาว มามุ่งเล่นงาน
    รวมถึงคนไทยที่จิตอ่อน ตามการจูงจมูกโดย โจมณฑานี ที่มาตรร้ายเหมือนคนเป็นจิตปsะสาด โดนสากดจิกทุกวัน นานหลายๆเดือน คิดว่า
    พวกนี้ คิดจะทำอะไรกับน้องแน๊ก และครอบครัวที่ไม่มีความผิดอะไรเลย
    จึงของให้พี่น้องชาวไทยผูัรักชาติทุกคน ร่วมกันปกป้องน้อง ให้พ้นจากปฏิบัติการเหล่านี้ด้วย น้องยอมตัดกามิน เพียงเพื่อปกป้องคนไทยไม่ให้โดนต้ม น้องไม่ควรต้องมาเจออะไรแบบนี้จริงๆ
    เดี๋ยวมีต่อ รอติดตาม
    #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    #ยิ่งล้วงยิ่งลึกยิ่งขุดยิ่งไม่ธรรมดา อรุณสวัสดิ์ชาวเพจคิงส์โพธิ์แดงที่เคารพรัก เมื่อคืนพี่คิงส์ได้ตรวจสอบข้อมูล ยิ่งลึกยิ่งตกใจ เรื่องนี้ไม่ใช่แค่เรื่อง ญ ช สองคนรักและเลิกอย่างที่ มีกลุ่มปฏิบัติการโซเชียลปั้นแต่ง แต่มันเลยเถิดไปไกล ที่มีความเกี่ยวข้อง เชิง อ-า-ช-ญ-า-ก-รร-ม-ข้-า-ม-ช-า-ติ พี่คิงส์จะค่อยๆอธิบายสำหรับคนที่ติดตามข้อมูลจากคิงส์โพธิ์แดง และที่เพิ่งเข้ามาเห็นโพสนี้ครั้งแรก ให้กระจ่ายกันไปเลย มาทวนสิ่งที่พี่คิงส์ให้ข้อมูลไปก่อนหน้าโดยสังเขป ชุดข้อมูลแรก - แพลตฟอร์ม ตต. เปิดให้คนทั่วไป มีกิจกรรมที่เรียกว่า PK เพื่อให้มีการใช้เงินจริง เปลี่ยนเป็นเหรียญเข้าสู่ระบบของแพลตฟอร์ม และส่งเป็นติ๊กเกอร์ และสมารถนำออกเป็นเงินจริงได้ โดยเสียค่าธรรมเนียมนิดหน่อยให้แพลตฟอร์ม ส่วน ตต.เกอร์ เมื่อได้อิมคัมก็มีหน้าที่เสียแวทของแต่ละประเทศ ตังค์นั้นก็สามารถนำมาใช้ได้ - ด้วยรูปแบบดังกล่าว กลุ่มเงินดาร์ค ที่ได้มาโดยไม่ถูกก-ฏ-ห-ม-า-ย จากทั่วโลก ได้มองเห็นช่องทาง จึงเริ่มมีคนคิดโมเดลขึ้นมา -กลุ่มเงินดาร์ค ได้จัดตั้งบ.เอเจน เพื่อเฝ้ามอง ตต.เกอร์ที่มีโอกาสดัง แต่ตอนนี้เริ่มช้อน ตต.เกอร์ที่ดังแล้ว เพื่อเข้าสู่โมงเดล การซักอบรีดเงินดาร์ค -โดยเบื้องหน้า บ.เจน ก็จะได้ค่าตอบแทนเป็นเปอร์เซ็น จากการได้ติ๊กเกอร์ จากการ PK ซึ่งก็ดูแล้ว ไม่มีอะไรผิดปกติ -แต่ กลุ่มเงินดาร์ค จะอาศัยจังหวะ ในการ PK ในการเติมเงินดาร์คเข้าระบบตต. โดยที่ไม่มีใครรู้ว่า ยุซที่ส่งติ๊กเกอร์นั้น คือใคร เงินดาร์คถูกเปลี่ยนเป็นเหรียญและทำการส่งติ๊กเกอร์ ที่มีเรทสูง ให้ตต.เกอร์ แต่บชนั้น อยู่ในมือ บ.เอเจน ก็จะตัดให้เฉพาะเปอร์เซ็นต์ที่ได้จากการรับตต.จริง ส่วนที่เป็นเงินดาร์ค อาจได้บางส่วนเป็นอินเทนซีฟไป ซึ่่งก็มหาศาล เพราะจำนวนเงินดาร์คที่ปั่นเข้าระบบจำนวนมันมหาศาล -แต่ประเด็นคือ การปั้นให้ตต.ดังและมีชื่อเสียง เป็นสิ่งสำคัญ มิเช่นนั้นจะมีความผิดปกติ ที่ตต.เกอร์โนเนม จะมีคนมายิงติ๊กเกอร์เรทสูงรัวๆ และนี่คือที่มาที่แฟนเพจต้องเข้าใจเป็นอันดับแรก -เมื่อกลุ่มเงินดาร์ค ต้องการให้เงินดาร์คกลายเป็นเงินขาว ก็เพียงแค่ เอาเหรียญเปลี่ยนเป็นเงินจริงผ่านบ.เอเจน และเสียภาษีให้ถูกต้อง ก็สะอาดกริ๊บ -โมงเดลนี้เริ่มสร้างประมาณ เกือบ 1 ปีที่ผ่านมา หลังจากที่แพลตฟอร์มตต.เริ่มมีการ PK ให้ตต.เกอร์ได้ลองใช้งาน ---------------------------------------------- -กามิน ได้ออกทีวีเกาหลี และไปพร้อมกับเอเจน ได้พูดถึงการทำงาน ว่าต้องอาศัยความอดทน ต้องทนกับความเบื่อให้ได้ และทำทุกวัน ก็จะสำเร็จแบบเธอได้ -ได้ข้อสรุปว่า สิ่งที่กามินออกกล้อง สตอรี่ทั้งหมดนั้น คือส่วนหนึ่งของงาน ซึ่ง กามิน ได้รายได้เฉลี่ย ก่อนที่แน๊กเข้าไป ตกเฉลี่ยเดือนละ 8 หมื่น หรือวันละเฉลี่ย 2 พันกว่าบาท ซึ่งนั่นมาจากการทดสอบ ค่อยๆปล่อยติ๊กเกอร์ แบบที่ไม่ให้คนเกิดความสงสัย เพราะต้องไม่ลืมว่า แปดหมื่นที่ว่า ได้ถูกหักจากเอเจนไปแล้ว แล้วคนโนแนม แบบกามิน ที่ไม่ได้มีอะไรที่น่าสนใจ มีเพียงสตอรี่ที่สร้างความสงสารเห็นใจ ทำไมถึงมีคนเปย์ให้หลักแสนได้ ก่อนหักของเอเจน -แน๊กชาลี เป็นนักแสดงที่มีชื่อเสียงอยู่แล้ว ก็ได้เข้ามาเรียนรู้ เรื่องการ PK ด้วยความสนุกๆ ได้คุยกับแฟนคลับ เพราะแน๊กปกติ เป็นคนที่มีโลกส่วนตัว อย่างที่แฟนคลับเข้าใจ ทำให้การ PK เป็นโลกใหม่ ที่ทำให้แน๊กได้พูด ได้คุย ในแบบที่เป็นตัวของตัวเอง จึงเป็นที่รักของแฟนคลับ และเข้าไปซัพพอตอยู่มากมายอยู่แล้ว -แน๊กชาลี พลาดที่ไปอินกับสตอรี่ ที่กามินและเอเจน สร้างสตอรี่เข้าใจว่าลำบากจริง จึงพาคนไทยไปติดตาม ด้วยเจตนาที่แท้จริง แว๊บแรกแน๊กเองก็ไม่ได้มองเรื่องรักๆใคร่ๆ คือตั้งใจช่วยด้วยความจริงใจ ให้ผู้หญิงที่ขาดโอกาส ได้รับโอกาส -แต่กามิน ก็แสดงท่าที ที่เราเห็นๆกัน การทอดสะพาน การตก และแสดงตัวถึงความเป็นเจ้าของ นั่นก็เพราะ ติ๊กเกอร์ที่เข้ามาอย่างมหาศาล ซึ่งตรงตามคอนเซ็ปโมเดล ที่เงินดาร์ค และเอเจนวางไว้ -เราจะเริ่มเห็น ยูนิ และติ๊กเกอร์ตัวแรงๆ ยิงให้กามิน รัวๆ อย่างไม่รู้ที่มา ว่าคนที่ยิงนั้น คือใคร นั่นคือการสอดแทรงติ๊กเกอร์จากกลุ่มเงินดาร์คเข้าระบบ ทำกัน อย่างเป็นล่ำเป็นสัน -เราจะเห็น เอเยนเกาหลี ไปกลับไทยเกาหลี และแน๊กเองก็แสดงท่าทีที่ไม่โอเคนัก ซึ่งคิงส์เองก็ไม่มั่นใจว่า แน๊ก เริ่มรู้เรื่องลึกๆอะไรหรือยัง -เมื่อกิจกรรมโมเดลซักอบรีดเงินดาร์คดำเนินไปอยู่ดีๆ แน๊กเริ่มมีการออกอาการขัดขา ออกมาเตือนลอยๆ อย่าอิน อย่าเปย์มาก อย่าตามใจ ซึ่งถือว่าเป็นการขัดลาภ ทั้งกามิน และเอเจน และลามไปถึงกลุ่มเงินดาร์คด้วย เพราะถ้ายอดคนเข้าไป PK ลดลง กามินจะไม่ใช่ตัวแสดงที่เหมาะสม ในการแทรกเงินดาร์คเข้าระบบ และแน๊ก ได้ออกตัวพูดรอบสุดท้ายว่า เรื่องนี้ มันน่ากลัวนะ ทำให้กลุ่มเงินดาร์คเอง เริ่มระแวงว่า เรื่องโมเดลนี้จะถูกเปิดเผย -จึงเกิดปฏิบัติการ ที่เกิดขึ้นก่อนที่จะมีการเลิกรา ด้วยการหาคนไทย ที่แสดงตัวเป็นผู้นำทางความคิดของกลุ่มที่เป็นด้อม กามินและชาลี และเล็งเห็นแล้วว่า โจ มณฑานี คือผู้ที่เหมาะสม เพราะมีวาทะกรรม ที่ทำให้ด้อมเคลิบเคลิ้ม ความภักดีของสาวก ก็ถือว่ามีความจงรักภักดี เพราะบรรยากาศการพูดคุยของโจ มณฑานี ที่สร้างเหมือนหลุดไปอยู่อีกโลก ที่มีเจ้าหญิง เจ้าชาย การข้ามภพข้ามชาติมารักกัน ที่อิงส่วนหนึ่งมาจากนิยายที่ โจ มณฑานี เคยเขียนและตีพิมพ์ -และโจ ก็ได้รับคำสั่ง เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับวันที่ชาลีขวางปฏิบัติการเงินดาร์คมากไปกว่านี้ ด้วยปฏิบัติการ "เล่นงานชาลี" -โดย ปฏิบัติการนี้ โจ ได้งบมาจัดการดูแล จัดตั้งทีมงาน ทั้งการคอมเม้น การสร้างตัวตน อ-ว-ต-า-ร ซึ่งก็ไม่ต่างจากการทำงานของมิจทางออนไลน์เลย และโจก็ไม่ติดเรื่องนี้ เพราะโจมี 3 ปัจจัยในการขับเคลื่อน 1. โจ เปื่อยจิต มานาน การที่ตนเองได้หลุดเข้าไปในโลกจินตนาการ ในตต. ในห้อง DC ทำให้โจรู้สึกตัวเองมีความสำคัญ ทำให้ชีวิตมีคุณค่า ซึ่งเป็นการเยียยวยยาอาการของเธอเอง ซึ่งวิชาการ ถือว่าเป็นการแก้ปัญหาที่ไม่ถูกต้อง แต่มันจะยิ่งกลับทำให้อาการหนักจนหลุดไปเลยก็เป็นได้ 2. โจ อาศัยความภักดีของด้อมกามิน ในการแทรกอาชีพส่วนตัว ที่ก็ไม่ขาวนัก นั่นคือ การเปิดโรงเรียนที่ไม่ถูกต้อง สร้างหลักสูตรที่ม-อ-ม-เ-ม-ากับความเชื่อ และใส่จินตาการตามนิยายที่โจ มณฑนี ที่เคยเขียน เรื่องข้ามภพข้ามชาติมารักกัน อะไรแบบนี้ แฟนเพจสามารถสืบหาอ้างอิงได้ไม่ยาก 3. คือ ค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการที่กลุ่มเงินดาร์คได้ส่งผ่านเอเจนมาให้ -ตอนนี้ โจ มณฑานี มีกอง กำล-ัง ทางโซเชียลจำนวนหลายสิบคน โดยให้ค่าจ้าง เดือนละไม่ถึงหมื่น มาดำเนินการ 1. มาสร้างยูซเทียม ทุกแพลตฟอร์ม 2. สร้างเพจ เทียม หรือ ช็อปเพจที่พอมีคนติดตามแล้ว เช่น DiY v2 แฟนเพจสังเกตุได้ เพจที่ชื่อกับสิ่งที่โพสไปคนละเรื่อง พวกนี้เจ้าของปล่อย และคนที่มาช้อน ก็หวังแค่ผู้ติดตาม แต่ไม่ได้มีอุดมการณ์ในการทำเพจในเนื้อหาเดิมของเจ้าของที่ตั้งใจ ตอนนี้ Diy v2 แทบไม่มีเรื่องการ Diy สิ่งของเลย มีแต่การพุ่งเป้าไปที่แน๊กชาลี จนล่าสุด ออกมาโพส ต้องการปิดหูปิดตาสมาชิกในเพจด้วยการ "ไม่ให้เข้ามาเพจคิงส์โพธิ์แดง" หรือหากไม่ได้ถูกช็อป ก็คือทุยที่ทำไปได้ความง่าววววว ก็เป็นได้ แต่เพจที่ถูกช็อป มีหลายเพจจริง 3. ปั๊มยูซ จำนวนมากๆ ของทุกแพลตฟอร์ม เพื่อ 3.1 กดไลค์ สร้างแอชเท็คสร้างเทรนทวิช หรือกดติ-ดต-า-ม หรือฟอลโล่วในทุกแพลตฟอร์ม (อันนี้มีหลักฐานชัด จากยอดฟอล ที่ขึ้นมาแบบผิดปกติ และเข้าไปตรวจสอบพบว่าไม่มีข้อมูลใดๆเรียกว่า สร้างมาสดๆ เอามาใช้สดๆ,และเทรนทวิตที่หลายคนไม่รู้ว่า เซฟกามิน ขึ้นอันดับหนึ่ง ทั้งๆที่คนไทยส่วนใหญ่ก็เลิกติดตามกันรัวๆ มันคือความผิดปกติ และเมื่อเข้าไปกดดูคนที่ใส่แอชเท็ค กลับเป็นยูซโบ๋ล้วนๆ เพื่อให้คนที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่เข้าใจว่า กามินสำคัญมากตามแผนที่โจวางไว้) 3.2 หยิบแอค หรือยุซนั้นๆ มาเพื่อให้ลูกจ้างที่กล่าวไปแล้วนั้น ทำการพุ่งเป้าไปที่แน๊ก สร้างข่าวที่ให้ร้ายต่างๆ ในทุกแพลตฟอร์มอย่างเป็นระบบ สังเกตุไม่ยาก แทบทุกแพลตฟอร์ม จะมีตัวที่เข้ามาป่วนเพจ หรือช่องที่ตื่นรู้ จะเข้ามากดติดตาม และวางแปะข้อความซ้ำๆ เหมือนๆกัน บางทีแปะผิดแปะถูก พี่คิงส์ก็แซวจนเขินไปหลายรอบว่า "เอ้ย น้อง โพสนี้ไม่ได้พูดถึงกามินนะ แปะผิดโพสแล้ว" และพวกนี้ก็เช่นกัน มาเพื่อป่วน และเพื่อปล่อย ปล่อยคือ ปล่อยสิ่งที่โจอยากสื่อสาร ตามแผนที่สุมหัวไว้ ให้สอดคล้องกับสิ่งที่โจพูด ยกตัวอย่างเช่น หลังจากที่คิงส์ได้เปิดลึกตั้งแต่แรกๆ สิ่งที่โจทำคือ การขู่ววว มีทั้งในคอมเม้น มีทั้งแชตเข้ามา ส่งเป็นคลิปบ้าง ส่งเป็นข้อความบ้าง มาแนวๆ ห่วงพี่คิงส์งั้นงี้ ส่งกำลังใจงั้นงี้ แต่ส่งข้อความขู่ววว จากโจ มณฑานี ล้วนๆ ซึ่งพวกนี้หงายกันไปหมด คงเดากันได้นะ ว่าพี่คิงส์ปากจัดแค่ไหน ผลพวงจากปฏิบัติการนี้ มันมีผลแย่ทางตรงและทางอ้อมเยอะมาก เพราะประเทศไทย มีทุยเยอะมาก ถึงแม้ว่าหลังจากคิงส์ฯได้เปิดเผยข้อเท็จจริง จนมีทุยเปลี่ยนกลับมาเป็นคนมหาศาลก็ตาม แต่ก็ยังมีคนกลุ่มเดียวที่มีชีวิตคล้ายโจ คือคนที่โลกแห่งความเป็นจริงเหงามาก รู้สึกตัวเองไม่มีคุณค่า กลุ่มนี้ ดึงออกยากมาก เพราะเต็มไปด้วยอัตตา บางคนหลงกามินขนาดประกาศยอมตุยเพื่อกามิน ซึ่งมันเลยเถิด ไปกันใหญ่ และพวกนี้ไม่ต้องจ้าง ทำด้วยความค-ลั่-ง-ไ-ค-ล้ และสมานความเจ็บในชีวิตจริงในรูปแบบส่วนตัวก็พอ ตอนนี้ จากที่โจ มณฑานี ได้เริ่มปฏิบัติการมา จากการสนับสนุนของกลุ่มเงินดาร์ค มันเยอะมาก มาแบบไม่อั้น และวิธีการนั้นมันเริ่มแรงขึ้นหลังจากที่ชาลี ประกาศ เชิญกามินกลับประเทศ -โจ มณฑานี เริ่มคุยในกลุ่ม DC และไลฟ์ตามเพจที่ตัวเองจูงจมูกได้ แบบชัดมาก เริ่มหลุดเสียง หลุดภาพออกมา ว่าโจ ให้ร้ายน้องแน๊ก พูดสามสี่ชั่วโมง เพียงเพื่อให้ทุกคนเข้าใจผิดว่า แน๊ก เปื่อยจิต ซึ่งความเชื่อนี้ได้ฝังหัวกลุ่มทุยทุกตัว -ความเลยเถิดคือ กลุ่มทุยจิตอ่อน เริ่มอิน และเริ่มมีการคุ-กคาม น้อง มีการแฮชเทคโพสห-ย-า-บ ถึงบ้านคู้บอน เริ่มมีการบริภาษหลานตัวน้อยของชาลี และที่สำคัญ ทุกคนฟังให้ดี กลุ่มทุยนี้ โจกล่อมสำเร็จถึงขนาด เป็นลัตติ๊ล่า แม่ -มด พี่คิงส์ฯจึงจำเป็นที่ต้องออกมาเปิดเผยความจริง และทุกข้อที่พิมพ์ไว้นี้ ทุกท่านสามารถสืบต่อได้ ว่าจริงหรือไม่ สังเกตุของปัจจุบันเลย พวกทุยที่มาป่วน ยูซแท้ไม่มีซักราย และข้อความก็เป็นข้อความที่ก็อปวางทั้งนั้น ยอดฟอล และเทรนทวิช แล้วท่านจะตาสว่าง น้องชาลี คือน้องชายที่เป็นคนไทย ไม่เคยสร้างความเดือดร้อนให้กับใคร แต่กลับต้อนโดนคนไทยด้วยกัน จากการซัพพอตของกลุ่มทุนเงินดาร์คที่ต้องกอาศัยช่องทาง PK ในการซักอบรีดเงินให้ขาว มามุ่งเล่นงาน รวมถึงคนไทยที่จิตอ่อน ตามการจูงจมูกโดย โจมณฑานี ที่มาตรร้ายเหมือนคนเป็นจิตปsะสาด โดนสากดจิกทุกวัน นานหลายๆเดือน คิดว่า พวกนี้ คิดจะทำอะไรกับน้องแน๊ก และครอบครัวที่ไม่มีความผิดอะไรเลย จึงของให้พี่น้องชาวไทยผูัรักชาติทุกคน ร่วมกันปกป้องน้อง ให้พ้นจากปฏิบัติการเหล่านี้ด้วย น้องยอมตัดกามิน เพียงเพื่อปกป้องคนไทยไม่ให้โดนต้ม น้องไม่ควรต้องมาเจออะไรแบบนี้จริงๆ เดี๋ยวมีต่อ รอติดตาม #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    Like
    5
    0 Comments 0 Shares 899 Views 0 Reviews
  • “อันตราย” เอามากๆ กับความคิด ความริเริ่ม ของคุณพ่ออเมริกาและพวกพรมเช็ดเท้าแห่งโลกตะวันตก ที่กำลังจะอนุมัติ อนุญาต ให้ “ตัวตลก-ตัวแทน” อย่างยูเครน นำเอาขีปนาวุธพิสัยไกลที่ได้รับการสนับสนุน ประเภท “Storm Shadows” หรือ “ATACMS” อะไรทำนองนั้น โจมตีลึกเข้าไปในดินแดนของหมีขาวรัสเซีย อันเป็นสิ่งที่ผู้นำรัสเซียอย่างประธานาธิบดี “ปูติน” ท่านได้แปลความ อธิบายขยายความ ไว้อย่างแจ่มแจ้งชัดเจน ว่าย่อมหมายถึง “การกระทำให้ NATO คือคู่สงครามโดยตรงกับรัสเซีย” และได้เตือนเอาไว้นิ่มๆ ประมาณว่า “ถ้าหากกรณีดังกล่าวเกิดขึ้นจริง...เมื่อคำนึงถึงการเปลี่ยนไปของลักษณะความขัดแย้ง เราก็คงต้องตัดสินใจอย่างเหมาะสมต่อภัยคุกคามที่เราจะต้องเผชิญหน้า!!!”

    คือถึงจะเป็นอะไรที่นิ่มๆ...แต่ก็อย่าลืมไปว่าหมีขาวรัสเซียที่ออกจะดุแสนดุนั้น ก็คือ “ชาตินิวเคลียร์” อันดับต้นๆ ของโลก หรืออันดับหนึ่งของโลกเอาเลยก็ว่าได้ ดังนั้น...การที่รัฐมนตรีต่างประเทศอเมริกา “นายAntony Blinken” และรัฐมนตรีต่างประเทศอังกฤษ “นายDavid Lammy” ที่เกี่ยวก้อยไปเยือนประเทศยูเครนกันถึงที่เมื่อไม่กี่วันนี้ จะออกมาพูดด้วยน้ำเสียง หางเสียงเดียวกัน ถึงความเป็นไปได้ที่จะอนุมัติให้ยูเครนใช้ขีปนาวุธพิสัยไกลที่ฝ่ายตะวันตกมอบให้โจมตีลึกเข้าไปในดินแดนรัสเซีย รวมทั้งประธานาธิบดีอเมริกา อย่าง “โจ เอ๋อ” หรือ “โจ ซึมเซา” ที่เหลือเวลาดำรงตำแหน่งแค่อีกไม่กี่เดือนจะออกมาแสดงท่าทีกำๆ กวมๆ ว่ากำลังเร่งพิจารณาเรื่องราวดังกล่าวอย่างเต็มที่ มันจึงแทบไม่ต่างอะไรไปจาก “เด็ก” ที่ชอบเล่นไม้ขีดไฟ ที่กำลังจุดไม้ขีดก้านแล้ว-ก้านเล่า อยู่หน้าโรงงานดินระเบิดซึ่งถูกชโลมไว้ด้วยน้ำมันก๊าด น้ำมันเบนซิน ชนิดอะไรต่อมิอะไรอาจลุกพึ่บๆ พั่บๆ ขึ้นมาได้ง่ายๆ...

    เพราะแม้แต่อดีตนักวิเคราะห์ “CIA” และผู้ร่วมก่อตั้งชุมชนข่าวกรอง “VIPS” (Veteran Intelligence Professionals for Sanity) อย่าง “นายRay McGovern” ที่เป็นชาวอเมริกันด้วยกันเอง ยังต้องออกมาให้ความคิด-ความเห็นกับสำนักข่าว “Sputnik” ไปเมื่อสองวันก่อนนั่นแหละว่า... “พวกเขา(อเมริกา)ต้องการที่จะยั่วยุปูติน ให้ต้องลงมือกระทำบางสิ่งบางอย่างที่ร้ายแรงก่อนที่จะมีการเลือกตั้งอเมริกาในวันที่ 5 พฤศจิกายนนี้ เพราะพวกเขาสูญเสียอย่างมากในการบุกแคว้น Kursk ของรัสเซีย” หรือพยายายาม “ยั่วยวนกวนส้นตีน” แบบเดียวกับอิสราเอลยั่วอิหร่านในแนวรบตะวันออกกลาง หรือไต้หวัน ฟิลิปปินส์ยั่วจีนในแนวรบทะเลจีนใต้ เพื่อที่จะก่อให้เกิดฉากสถานการณ์ที่ “เครื่องจักรสังหาร” อย่างกองทัพอเมริกันเกิดความชอบธรรมในการใช้กำลังทหาร หรือความชอบธรรมที่จะนำไปสู่ชัยชนะในการเลือกตั้งอเมริกา...นั่นเอง...

    โดยที่การยั่วยวนกวนส้นตีนของอเมริกาและพันธมิตรตะวันตกต่อรัสเซียช่วงหลังๆ นี้...ต้องเรียกว่าน่าหวาดเสียว น่าขนลุกขนพองยิ่งขึ้นเรื่อยๆ ชนิดที่อดีตนักวิเคราะห์ “CIA” ถึงกับต้องปรารภ รำพึง ถึงขั้นว่า... “สิ่งที่ผมกลัวก็คือ พวกเขาอาจไปไกลถึงขั้นคิดให้ยูเครนใช้อาวุธนิวเคลียร์ฉบับกระเป๋า หรือนิวเคลียร์ทางยุทธวิธี (mini nuke) สู้กับรัสเซียเอาเลยก็ไม่แน่!!!” และ “มันเป็นเรื่องค่อนข้างยากที่จะรู้ว่าไบเดน ที่ปรึกษาความมั่นคง Sullivan และคณะผู้บริหารรัฐบาลอเมริกันชุดนี้คิดอย่างไร? เพื่อนสนิทของผมบางคนที่เป็นนักวิเคราะห์ด้วยกันถึงกับต้องสรุปว่าพวกเขา...บ้าไปแล้ว (insane) ดังนั้นมันเลยเป็นเรื่องจริงยิ่งกว่าจริงว่าคงยากเอามากๆ ที่จะทำนายได้ว่าพวกเขาคิดทำอะไรต่อไป ถ้าหากเขาทั้งหลาย...บ้าไปแล้ว!!!” ซึ่งก็คงไม่ใช่แต่เฉพาะอดีตนักวิเคราะห์ “CIA” อย่าง “นายRay McGovern” รายเดียวเท่านั้น อดีตเอกอัครราชทูตอเมริกันประจำโซเวียตรัสเซียอย่าง “นายJack Matlock” เอง ก็ยังต้องออกมาตอกย้ำไว้ด้วยว่าความพยายามของรัฐบาลอเมริกันในอันที่จะอาศัย “สงครามที่ไม่มีความชัดเจน” สู้กับรัสเซียโดยอาศัยยูเครนเป็นตัวแทนนั้น เป็นสิ่งที่ “อันตราย”

    เอามากๆ...หรือกระทั่งอดีตผู้คิดจะสมัครลงแข่ง ลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีอเมริกันคราวนี้ อย่าง “Robert F. Kennedy Jr.” ยังอดไม่ได้ที่จะต้องออกมาเตือนไว้ล่วงหน้าว่า... “นโยบายเผชิญหน้าขั้นสูงสุดของไบเดนเพื่อยัดเยียดความปราชัยอันน่าอับอายให้กับรัสเซียและเพื่อเปลี่ยนระบอบการปกครองของปูตินนั้น...คือสูตรสำเร็จสำหรับหายนะทางนิวเคลียร์” เอาเลยถึงขั้นนั้นหรือรัฐบาลคุณปู่ “โจ ซึมเซา” ที่กำลังเหลือเวลาอยู่ในตำแหน่งแค่อีกไม่กี่เดือนนี่แหละ อาจกำลังฉุดกระชากลากถูบรรดาชาวอเมริกันทั้งประเทศรวมทั้งชาวโลกทั้งหลาย เข้าสู่ “สงครามนิวเคลียร์” เอาเลยก็เป็นได้ ด้วยเหตุเพราะรัสเซียนั้นไม่ใช่ประเทศอื่นๆโดยทั่วไป แต่ถือเป็น “ชาตินิวเคลียร์” แถมยังกำอาวุธมหาประลัยชนิดนี้ไว้ในมือไม่รู้จะกี่พันต่อกี่พันลูก โดยผู้ที่อาจต้อง “ซวย” เป็นอันดับแรก ก็ดังที่อดีตนักวิเคราะห์ “CIA” “นายRay McGovern” ได้วาดจินตนาการไว้ล่วงหน้านั่นแหละว่า... “ถ้าหากรัสเซียต้องการจะบอกกับชาวยุโรปว่า ถ้าพวกคุณคิดจะใช้นิวเคลียร์ทางยุทธวิธีกับเราก็อย่าลืมว่าเราก็มีอาวุธนิวเคลียร์เหมือนกัน แล้วที่ไหนล่ะ...ที่รัสเซียจะงัดคำเตือนเหล่านี้ออกมาแสดงให้เห็น นั่นก็น่าจะเป็น...ยุโรปนั่นเอง!!!”...

    อย่างไรก็ตาม...สิ่งที่อดีตนักวิเคราะห์ “CIA” รายนี้ ยังพยายาม “มองโลกในแง่ดี” เอาไว้มั่ง นั่นก็คือ... “ผมคิดว่าปูตินยังฉลาดพอ ที่จะรอให้เห็นกันชัดๆ ซะก่อนว่า ใคร??? ที่จะชนะเลือกตั้งได้เป็นผู้นำอเมริกา เพียงแต่ในช่วงระหว่างนั้นแม้แต่ผมก็ยังต้องกลั้นหายใจกับสถานการณ์ที่กำลังเป็นอยู่” อันน่าจะเป็นไปเช่นเดียวกับพันธมิตรของจีนและรัสเซียอย่างอิหร่าน เป็นต้น ที่ต้องพยายามก้าวย่างอย่างระมัดระวังในการ “แก้แค้น-เอาคืน” ต่อการยั่วยวนกวนส้นตีนของอิสราเอล เพื่อไม่ให้ต้องก้าวไปสู่ “กับดัก”

    ของพันธมิตรอันศักดิ์สิทธิ์ของคุณพ่ออเมริกาเอาง่ายๆ ต้องกลั้นใจ สะกดใจ หันไปเล่น “หมากล้อม” ต่อไปเรื่อยๆ เพื่อไม่ให้เกิดเงื่อนไข-เหตุปัจจัย อันจะทำให้พวก “อีลิทโลก” ผู้ซึ่งเพียรพยายามพิทักษ์ ปกป้อง “ระเบียบโลกแบบเดิมๆ” ซึ่งเป็นสิ่งที่ช่วยให้ตัวเองมั่งคั่ง ร่ำรวย อย่างชนิดอภิมหาศาล สามารถดำรงคงอยู่ได้อีกต่อไป ที่พยายามทั้งผลัก ทั้งดัน ให้บรรดารัฐบาลแห่งโลกตะวันตกทั้งหลาย “จุดไฟนรกสุดขอบฟ้า” ขึ้นมาให้จงได้!!!

    และอาจด้วยเหตุนี้นี่เอง...ที่ทำให้หมีขาวที่ได้ชื่อว่าดุแสนดุอย่างรัสเซีย เลยต้องหันไปส่งสัญญาณด้วยปฏิบัติการ “ซ้อมรบ” ทางเรือครั้งใหญ่ ที่เรียกๆ กันว่า “Ocean-2024” ตั้งแต่เมื่อช่วงวันอังคารที่ผ่านมา (10 ก.ย.) ด้วยการขนเอาเรือรบไม่ต่ำกว่า 400 ลำ เครื่องบินรบอีก 120 ลำ ทวยทหารอีกถึง 90,000 นาย ออกมาเบ่งกล้ามอวดโชว์กำลังในน่านน้ำแทบทุกน่านน้ำไม่ว่าในมหาสมุทรแปซิฟิก อาร์กติก ทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ทะเลแคสเปียน ไปจนแถบทะเลบอลติกโดยมีคุณพี่จีนเข้าร่วมด้วยหรือร่วมส่งสัญญาณไปถึงประเทศญี่ปุ่น-ยุ่นปี่ ที่กำลังคิดเอาขีปนาวุธพิสัยกลางของคุณพ่ออเมริกามาติดตั้งไว้ในประเทศตัวเองในอีกไม่นาน-ไม่ช้านับจากนี้...

    แต่ส่วนจะทำให้อเมริกาและพันธมิตรพรมเช็ดเท้าแห่งโลกตะวันตก...พอที่จะ “หายบ้า” หรือพอที่จะได้ “สติ” ขึ้นมาได้มั่งหรือไม่? อย่างไร? อันนั้น...คงต้องคอยสวดมนต์และภาวนากันไปตามสภาพ ไม่ก็ต้องหันไป “กลั้นหายใจ” แบบเดียวกับที่ “นายRay McGovern” ได้ว่าเอาไว้นั่นแหละ คือถ้าหากอีก 2 เดือนข้างหน้า “ทรัมป์บ้า” สามารถดิ้นรนกลับมาเป็นผู้นำอเมริกาได้ดังเดิม มันก็อาจเบาๆ ลงไปได้บ้างสำหรับ “แนวรบ” บางด้าน เช่นแนวรบยุโรปตะวันออก เป็นต้น แต่ถ้าหากคุณน้อง “กมลา” เธอสามารถนอนมาโดยไม่ต้องมีพระสวดนำหน้า แบบที่บรรดา “โพล” หลายๆ สำนักพยายามเชียร์แล้ว เชียร์อีก แม้จะก่อให้เกิดความซี๊ดๆ ซ๊าดๆ ต่อบรรดา “ติ่งอเมริกา” เพียงใดก็เถอะ แต่...ก็อาจนำมาซึ่ง “สงครามกลางเมืองครั้งใหม่” ของอเมริกา หรือนำมาซึ่ง “ความล่มสลาย” ลงไปเองเอาเลยก็เป็นได้ โดยไม่จำเป็นต้องไปงัดอาวุธมหาประลัยใดๆ ออกมาใช้ให้ต้องมากเรื่อง-มากความ หรือให้บรรดา “พลโลก” อย่างเราๆ-ทั่นๆ ทั้งหลาย ต้องพลอยเดือดร้อน หรือพลอย “ซวย” ไปด้วยอย่างมิอาจช่วยอะไรได้เลย...

    https://mgronline.com/daily/detail/9670000086180

    #Thaitimes
    “อันตราย” เอามากๆ กับความคิด ความริเริ่ม ของคุณพ่ออเมริกาและพวกพรมเช็ดเท้าแห่งโลกตะวันตก ที่กำลังจะอนุมัติ อนุญาต ให้ “ตัวตลก-ตัวแทน” อย่างยูเครน นำเอาขีปนาวุธพิสัยไกลที่ได้รับการสนับสนุน ประเภท “Storm Shadows” หรือ “ATACMS” อะไรทำนองนั้น โจมตีลึกเข้าไปในดินแดนของหมีขาวรัสเซีย อันเป็นสิ่งที่ผู้นำรัสเซียอย่างประธานาธิบดี “ปูติน” ท่านได้แปลความ อธิบายขยายความ ไว้อย่างแจ่มแจ้งชัดเจน ว่าย่อมหมายถึง “การกระทำให้ NATO คือคู่สงครามโดยตรงกับรัสเซีย” และได้เตือนเอาไว้นิ่มๆ ประมาณว่า “ถ้าหากกรณีดังกล่าวเกิดขึ้นจริง...เมื่อคำนึงถึงการเปลี่ยนไปของลักษณะความขัดแย้ง เราก็คงต้องตัดสินใจอย่างเหมาะสมต่อภัยคุกคามที่เราจะต้องเผชิญหน้า!!!” คือถึงจะเป็นอะไรที่นิ่มๆ...แต่ก็อย่าลืมไปว่าหมีขาวรัสเซียที่ออกจะดุแสนดุนั้น ก็คือ “ชาตินิวเคลียร์” อันดับต้นๆ ของโลก หรืออันดับหนึ่งของโลกเอาเลยก็ว่าได้ ดังนั้น...การที่รัฐมนตรีต่างประเทศอเมริกา “นายAntony Blinken” และรัฐมนตรีต่างประเทศอังกฤษ “นายDavid Lammy” ที่เกี่ยวก้อยไปเยือนประเทศยูเครนกันถึงที่เมื่อไม่กี่วันนี้ จะออกมาพูดด้วยน้ำเสียง หางเสียงเดียวกัน ถึงความเป็นไปได้ที่จะอนุมัติให้ยูเครนใช้ขีปนาวุธพิสัยไกลที่ฝ่ายตะวันตกมอบให้โจมตีลึกเข้าไปในดินแดนรัสเซีย รวมทั้งประธานาธิบดีอเมริกา อย่าง “โจ เอ๋อ” หรือ “โจ ซึมเซา” ที่เหลือเวลาดำรงตำแหน่งแค่อีกไม่กี่เดือนจะออกมาแสดงท่าทีกำๆ กวมๆ ว่ากำลังเร่งพิจารณาเรื่องราวดังกล่าวอย่างเต็มที่ มันจึงแทบไม่ต่างอะไรไปจาก “เด็ก” ที่ชอบเล่นไม้ขีดไฟ ที่กำลังจุดไม้ขีดก้านแล้ว-ก้านเล่า อยู่หน้าโรงงานดินระเบิดซึ่งถูกชโลมไว้ด้วยน้ำมันก๊าด น้ำมันเบนซิน ชนิดอะไรต่อมิอะไรอาจลุกพึ่บๆ พั่บๆ ขึ้นมาได้ง่ายๆ... เพราะแม้แต่อดีตนักวิเคราะห์ “CIA” และผู้ร่วมก่อตั้งชุมชนข่าวกรอง “VIPS” (Veteran Intelligence Professionals for Sanity) อย่าง “นายRay McGovern” ที่เป็นชาวอเมริกันด้วยกันเอง ยังต้องออกมาให้ความคิด-ความเห็นกับสำนักข่าว “Sputnik” ไปเมื่อสองวันก่อนนั่นแหละว่า... “พวกเขา(อเมริกา)ต้องการที่จะยั่วยุปูติน ให้ต้องลงมือกระทำบางสิ่งบางอย่างที่ร้ายแรงก่อนที่จะมีการเลือกตั้งอเมริกาในวันที่ 5 พฤศจิกายนนี้ เพราะพวกเขาสูญเสียอย่างมากในการบุกแคว้น Kursk ของรัสเซีย” หรือพยายายาม “ยั่วยวนกวนส้นตีน” แบบเดียวกับอิสราเอลยั่วอิหร่านในแนวรบตะวันออกกลาง หรือไต้หวัน ฟิลิปปินส์ยั่วจีนในแนวรบทะเลจีนใต้ เพื่อที่จะก่อให้เกิดฉากสถานการณ์ที่ “เครื่องจักรสังหาร” อย่างกองทัพอเมริกันเกิดความชอบธรรมในการใช้กำลังทหาร หรือความชอบธรรมที่จะนำไปสู่ชัยชนะในการเลือกตั้งอเมริกา...นั่นเอง... โดยที่การยั่วยวนกวนส้นตีนของอเมริกาและพันธมิตรตะวันตกต่อรัสเซียช่วงหลังๆ นี้...ต้องเรียกว่าน่าหวาดเสียว น่าขนลุกขนพองยิ่งขึ้นเรื่อยๆ ชนิดที่อดีตนักวิเคราะห์ “CIA” ถึงกับต้องปรารภ รำพึง ถึงขั้นว่า... “สิ่งที่ผมกลัวก็คือ พวกเขาอาจไปไกลถึงขั้นคิดให้ยูเครนใช้อาวุธนิวเคลียร์ฉบับกระเป๋า หรือนิวเคลียร์ทางยุทธวิธี (mini nuke) สู้กับรัสเซียเอาเลยก็ไม่แน่!!!” และ “มันเป็นเรื่องค่อนข้างยากที่จะรู้ว่าไบเดน ที่ปรึกษาความมั่นคง Sullivan และคณะผู้บริหารรัฐบาลอเมริกันชุดนี้คิดอย่างไร? เพื่อนสนิทของผมบางคนที่เป็นนักวิเคราะห์ด้วยกันถึงกับต้องสรุปว่าพวกเขา...บ้าไปแล้ว (insane) ดังนั้นมันเลยเป็นเรื่องจริงยิ่งกว่าจริงว่าคงยากเอามากๆ ที่จะทำนายได้ว่าพวกเขาคิดทำอะไรต่อไป ถ้าหากเขาทั้งหลาย...บ้าไปแล้ว!!!” ซึ่งก็คงไม่ใช่แต่เฉพาะอดีตนักวิเคราะห์ “CIA” อย่าง “นายRay McGovern” รายเดียวเท่านั้น อดีตเอกอัครราชทูตอเมริกันประจำโซเวียตรัสเซียอย่าง “นายJack Matlock” เอง ก็ยังต้องออกมาตอกย้ำไว้ด้วยว่าความพยายามของรัฐบาลอเมริกันในอันที่จะอาศัย “สงครามที่ไม่มีความชัดเจน” สู้กับรัสเซียโดยอาศัยยูเครนเป็นตัวแทนนั้น เป็นสิ่งที่ “อันตราย” เอามากๆ...หรือกระทั่งอดีตผู้คิดจะสมัครลงแข่ง ลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีอเมริกันคราวนี้ อย่าง “Robert F. Kennedy Jr.” ยังอดไม่ได้ที่จะต้องออกมาเตือนไว้ล่วงหน้าว่า... “นโยบายเผชิญหน้าขั้นสูงสุดของไบเดนเพื่อยัดเยียดความปราชัยอันน่าอับอายให้กับรัสเซียและเพื่อเปลี่ยนระบอบการปกครองของปูตินนั้น...คือสูตรสำเร็จสำหรับหายนะทางนิวเคลียร์” เอาเลยถึงขั้นนั้นหรือรัฐบาลคุณปู่ “โจ ซึมเซา” ที่กำลังเหลือเวลาอยู่ในตำแหน่งแค่อีกไม่กี่เดือนนี่แหละ อาจกำลังฉุดกระชากลากถูบรรดาชาวอเมริกันทั้งประเทศรวมทั้งชาวโลกทั้งหลาย เข้าสู่ “สงครามนิวเคลียร์” เอาเลยก็เป็นได้ ด้วยเหตุเพราะรัสเซียนั้นไม่ใช่ประเทศอื่นๆโดยทั่วไป แต่ถือเป็น “ชาตินิวเคลียร์” แถมยังกำอาวุธมหาประลัยชนิดนี้ไว้ในมือไม่รู้จะกี่พันต่อกี่พันลูก โดยผู้ที่อาจต้อง “ซวย” เป็นอันดับแรก ก็ดังที่อดีตนักวิเคราะห์ “CIA” “นายRay McGovern” ได้วาดจินตนาการไว้ล่วงหน้านั่นแหละว่า... “ถ้าหากรัสเซียต้องการจะบอกกับชาวยุโรปว่า ถ้าพวกคุณคิดจะใช้นิวเคลียร์ทางยุทธวิธีกับเราก็อย่าลืมว่าเราก็มีอาวุธนิวเคลียร์เหมือนกัน แล้วที่ไหนล่ะ...ที่รัสเซียจะงัดคำเตือนเหล่านี้ออกมาแสดงให้เห็น นั่นก็น่าจะเป็น...ยุโรปนั่นเอง!!!”... อย่างไรก็ตาม...สิ่งที่อดีตนักวิเคราะห์ “CIA” รายนี้ ยังพยายาม “มองโลกในแง่ดี” เอาไว้มั่ง นั่นก็คือ... “ผมคิดว่าปูตินยังฉลาดพอ ที่จะรอให้เห็นกันชัดๆ ซะก่อนว่า ใคร??? ที่จะชนะเลือกตั้งได้เป็นผู้นำอเมริกา เพียงแต่ในช่วงระหว่างนั้นแม้แต่ผมก็ยังต้องกลั้นหายใจกับสถานการณ์ที่กำลังเป็นอยู่” อันน่าจะเป็นไปเช่นเดียวกับพันธมิตรของจีนและรัสเซียอย่างอิหร่าน เป็นต้น ที่ต้องพยายามก้าวย่างอย่างระมัดระวังในการ “แก้แค้น-เอาคืน” ต่อการยั่วยวนกวนส้นตีนของอิสราเอล เพื่อไม่ให้ต้องก้าวไปสู่ “กับดัก” ของพันธมิตรอันศักดิ์สิทธิ์ของคุณพ่ออเมริกาเอาง่ายๆ ต้องกลั้นใจ สะกดใจ หันไปเล่น “หมากล้อม” ต่อไปเรื่อยๆ เพื่อไม่ให้เกิดเงื่อนไข-เหตุปัจจัย อันจะทำให้พวก “อีลิทโลก” ผู้ซึ่งเพียรพยายามพิทักษ์ ปกป้อง “ระเบียบโลกแบบเดิมๆ” ซึ่งเป็นสิ่งที่ช่วยให้ตัวเองมั่งคั่ง ร่ำรวย อย่างชนิดอภิมหาศาล สามารถดำรงคงอยู่ได้อีกต่อไป ที่พยายามทั้งผลัก ทั้งดัน ให้บรรดารัฐบาลแห่งโลกตะวันตกทั้งหลาย “จุดไฟนรกสุดขอบฟ้า” ขึ้นมาให้จงได้!!! และอาจด้วยเหตุนี้นี่เอง...ที่ทำให้หมีขาวที่ได้ชื่อว่าดุแสนดุอย่างรัสเซีย เลยต้องหันไปส่งสัญญาณด้วยปฏิบัติการ “ซ้อมรบ” ทางเรือครั้งใหญ่ ที่เรียกๆ กันว่า “Ocean-2024” ตั้งแต่เมื่อช่วงวันอังคารที่ผ่านมา (10 ก.ย.) ด้วยการขนเอาเรือรบไม่ต่ำกว่า 400 ลำ เครื่องบินรบอีก 120 ลำ ทวยทหารอีกถึง 90,000 นาย ออกมาเบ่งกล้ามอวดโชว์กำลังในน่านน้ำแทบทุกน่านน้ำไม่ว่าในมหาสมุทรแปซิฟิก อาร์กติก ทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ทะเลแคสเปียน ไปจนแถบทะเลบอลติกโดยมีคุณพี่จีนเข้าร่วมด้วยหรือร่วมส่งสัญญาณไปถึงประเทศญี่ปุ่น-ยุ่นปี่ ที่กำลังคิดเอาขีปนาวุธพิสัยกลางของคุณพ่ออเมริกามาติดตั้งไว้ในประเทศตัวเองในอีกไม่นาน-ไม่ช้านับจากนี้... แต่ส่วนจะทำให้อเมริกาและพันธมิตรพรมเช็ดเท้าแห่งโลกตะวันตก...พอที่จะ “หายบ้า” หรือพอที่จะได้ “สติ” ขึ้นมาได้มั่งหรือไม่? อย่างไร? อันนั้น...คงต้องคอยสวดมนต์และภาวนากันไปตามสภาพ ไม่ก็ต้องหันไป “กลั้นหายใจ” แบบเดียวกับที่ “นายRay McGovern” ได้ว่าเอาไว้นั่นแหละ คือถ้าหากอีก 2 เดือนข้างหน้า “ทรัมป์บ้า” สามารถดิ้นรนกลับมาเป็นผู้นำอเมริกาได้ดังเดิม มันก็อาจเบาๆ ลงไปได้บ้างสำหรับ “แนวรบ” บางด้าน เช่นแนวรบยุโรปตะวันออก เป็นต้น แต่ถ้าหากคุณน้อง “กมลา” เธอสามารถนอนมาโดยไม่ต้องมีพระสวดนำหน้า แบบที่บรรดา “โพล” หลายๆ สำนักพยายามเชียร์แล้ว เชียร์อีก แม้จะก่อให้เกิดความซี๊ดๆ ซ๊าดๆ ต่อบรรดา “ติ่งอเมริกา” เพียงใดก็เถอะ แต่...ก็อาจนำมาซึ่ง “สงครามกลางเมืองครั้งใหม่” ของอเมริกา หรือนำมาซึ่ง “ความล่มสลาย” ลงไปเองเอาเลยก็เป็นได้ โดยไม่จำเป็นต้องไปงัดอาวุธมหาประลัยใดๆ ออกมาใช้ให้ต้องมากเรื่อง-มากความ หรือให้บรรดา “พลโลก” อย่างเราๆ-ทั่นๆ ทั้งหลาย ต้องพลอยเดือดร้อน หรือพลอย “ซวย” ไปด้วยอย่างมิอาจช่วยอะไรได้เลย... https://mgronline.com/daily/detail/9670000086180 #Thaitimes
    MGRONLINE.COM
    “สงครามโลก” ก่อนหรือหลัง “เลือกตั้งอเมริกา”???
    ถึงแม้การเลือกตั้งอเมริกาจะเหลืออีกประมาณเดือนกว่าๆ ใกล้ๆ 2 เดือน...แต่ก็คงไม่น่าถึงกับต้องไปให้ความสำคัญกับการ “ดีเบต” หรือการโต้กันไป-โต้กันมา ระหว่าง 2 ผู้สมัคร คู่ชิง อย่าง “ทรัมป์บ้า” หรือคุณน้อง “กมลา”
    Like
    Sad
    3
    0 Comments 0 Shares 563 Views 0 Reviews

  • วัดไม่ใช่สตูดิโอพรีเวดดิ้ง !

    ประกาศวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม
    เรื่อง การใช้สถานที่ในเขตพระอาราม

    สืบเนื่องจากมีการเผยแพร่ในสังคมออนไลน์อันก่อให้เกิดความเข้าใจคลาดเคลื่อน วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม โดยพระอนุมัติของเจ้าพระคุณ เจ้าอาวาส จึงออกประกาศกำชับอีกคำรบ ดังนี้

    ๑. วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม อนุญาตเฉพาะการจัดพิธีบำเพ็ญกุศลหรือกิจกรรมตามหลักพระพุทธศาสนาเท่านั้น โดยให้ขออนุญาตตามระเบียบที่วัดกำหนด

    ๒. วัดไม่อนุญาตให้ประกอบพิธีมงคลสมรสในพระอาราม แต่อนุญาตเพียงบุญพิธี กล่าวคือ การทำบุญถวายสังฆทานหรือเจริญพระพุทธมนต์ ตามข้อ ๑. โดยต้องไม่มีการจดทะเบียนสมรส การสวมแหวน การรดน้ำสังข์ หรือพิธีส่วนผนวกใดที่ไม่เหมาะสมต่อความเป็นพุทธศาสนสถาน หากมีกรณีที่มีการเผยแพร่ข้อมูลที่คลาดเคลื่อนและไม่เป็นไปตามแนวทางนี้ ถือเป็นการกระทำโดยพลการ วัดมิได้เห็นชอบหรือมีส่วนรู้เห็นในเรื่องดังกล่าวโดยประการใด ทั้งนี้ ห้ามมิให้เจ้าหน้าที่เรียกร้องทรัพย์สินหรือผลประโยชน์อื่นใดสำหรับตนหรือผู้อื่น จากผู้มาบำเพ็ญกุศลโดยเด็ดขาด

    ๓. ไม่อนุญาตให้ใช้พระอารามเป็นสถานที่ถ่ายภาพนิ่งหรือภาพเคลื่อนไหว ทำกิจกรรมเชิงพาณิชย์ โฆษณาสินค้าหรือบริการ หรือทำการอื่นใด เพื่อแสวงหาประโยชน์เชิงธุรกิจ หากมีการกระทำในลักษณะที่ไม่เหมาะสมหรือไม่เอื้อเฟื้อต่อความสงบเรียบร้อย วัดจักขออารักขาจากเจ้าหน้าที่บ้านเมืองที่รับผิดชอบให้ช่วยเหลือในการจัดการ ทั้งนี้ การเข้าภายในเขตพระอารามสาธุชนพึงแต่งกายสุภาพเรียบร้อยเหมาะสมแก่สถานที่ตามวิถีประชาและธรรมเนียมประเพณีไทยในการเข้าวัด ตลอดจนพึงสำรวม สังวร และรักษากิริยาอาการให้เหมาะสมแก่การอยู่ในบริเวณศาสนสถาน งดแสดงกิริยาอาการไม่เหมาะสม เช่น การปีนป่าย หรือการใช้ปูชนียสถานเป็นฉากประกอบการนำเสนอกิริยาอาการของคู่สมรส หรือเพื่อความบันเทิงอื่น ๆ จนรบกวนการบำเพ็ญสมณธรรมของพระภิกษุสามเณรหรือการปฏิบัติธรรมของสาธุชน

    ๔. วัดไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับบริษัท ห้างร้าน หรือหน่วยงานใดในการรับจัดพิธีทางศาสนา พิธีมงคลสมรส หรือการอันเอื้อเฟื้อต่อความยินดีในเชิงที่ไม่เหมาะสมต่อความเป็นพุทธศาสนสถาน การแอบอ้างหรือบิดเบือนอันจะทำให้บุคคลทั่วไปเข้าใจว่าวัดมีส่วนเกี่ยวข้อง ทำให้เกิดความเสียหายซึ่งได้รับเรื่องไว้ตรวจสอบแล้ว และหากพบว่าเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย จะได้ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

    ๕. หากพบผู้ที่แอบอ้างหรือเรียกรับประโยชน์ หรืออาจทำให้เสื่อมเสียโดยประการใด หรือพบการกระทำที่ผิดไปจากประกาศนี้ สามารถรายงานเรื่องได้ที่ กลุ่มงานกิจการพิเศษ สำนักงานเลขานุการสมเด็จพระสังฆราช ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ spsa@jinavara.or.th

    ประกาศ ณ วันที่ ๑๕ กันยายน ๒๕๖๗

    #Thaitimes
    วัดไม่ใช่สตูดิโอพรีเวดดิ้ง ! ประกาศวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม เรื่อง การใช้สถานที่ในเขตพระอาราม สืบเนื่องจากมีการเผยแพร่ในสังคมออนไลน์อันก่อให้เกิดความเข้าใจคลาดเคลื่อน วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม โดยพระอนุมัติของเจ้าพระคุณ เจ้าอาวาส จึงออกประกาศกำชับอีกคำรบ ดังนี้ ๑. วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม อนุญาตเฉพาะการจัดพิธีบำเพ็ญกุศลหรือกิจกรรมตามหลักพระพุทธศาสนาเท่านั้น โดยให้ขออนุญาตตามระเบียบที่วัดกำหนด ๒. วัดไม่อนุญาตให้ประกอบพิธีมงคลสมรสในพระอาราม แต่อนุญาตเพียงบุญพิธี กล่าวคือ การทำบุญถวายสังฆทานหรือเจริญพระพุทธมนต์ ตามข้อ ๑. โดยต้องไม่มีการจดทะเบียนสมรส การสวมแหวน การรดน้ำสังข์ หรือพิธีส่วนผนวกใดที่ไม่เหมาะสมต่อความเป็นพุทธศาสนสถาน หากมีกรณีที่มีการเผยแพร่ข้อมูลที่คลาดเคลื่อนและไม่เป็นไปตามแนวทางนี้ ถือเป็นการกระทำโดยพลการ วัดมิได้เห็นชอบหรือมีส่วนรู้เห็นในเรื่องดังกล่าวโดยประการใด ทั้งนี้ ห้ามมิให้เจ้าหน้าที่เรียกร้องทรัพย์สินหรือผลประโยชน์อื่นใดสำหรับตนหรือผู้อื่น จากผู้มาบำเพ็ญกุศลโดยเด็ดขาด ๓. ไม่อนุญาตให้ใช้พระอารามเป็นสถานที่ถ่ายภาพนิ่งหรือภาพเคลื่อนไหว ทำกิจกรรมเชิงพาณิชย์ โฆษณาสินค้าหรือบริการ หรือทำการอื่นใด เพื่อแสวงหาประโยชน์เชิงธุรกิจ หากมีการกระทำในลักษณะที่ไม่เหมาะสมหรือไม่เอื้อเฟื้อต่อความสงบเรียบร้อย วัดจักขออารักขาจากเจ้าหน้าที่บ้านเมืองที่รับผิดชอบให้ช่วยเหลือในการจัดการ ทั้งนี้ การเข้าภายในเขตพระอารามสาธุชนพึงแต่งกายสุภาพเรียบร้อยเหมาะสมแก่สถานที่ตามวิถีประชาและธรรมเนียมประเพณีไทยในการเข้าวัด ตลอดจนพึงสำรวม สังวร และรักษากิริยาอาการให้เหมาะสมแก่การอยู่ในบริเวณศาสนสถาน งดแสดงกิริยาอาการไม่เหมาะสม เช่น การปีนป่าย หรือการใช้ปูชนียสถานเป็นฉากประกอบการนำเสนอกิริยาอาการของคู่สมรส หรือเพื่อความบันเทิงอื่น ๆ จนรบกวนการบำเพ็ญสมณธรรมของพระภิกษุสามเณรหรือการปฏิบัติธรรมของสาธุชน ๔. วัดไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับบริษัท ห้างร้าน หรือหน่วยงานใดในการรับจัดพิธีทางศาสนา พิธีมงคลสมรส หรือการอันเอื้อเฟื้อต่อความยินดีในเชิงที่ไม่เหมาะสมต่อความเป็นพุทธศาสนสถาน การแอบอ้างหรือบิดเบือนอันจะทำให้บุคคลทั่วไปเข้าใจว่าวัดมีส่วนเกี่ยวข้อง ทำให้เกิดความเสียหายซึ่งได้รับเรื่องไว้ตรวจสอบแล้ว และหากพบว่าเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย จะได้ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป ๕. หากพบผู้ที่แอบอ้างหรือเรียกรับประโยชน์ หรืออาจทำให้เสื่อมเสียโดยประการใด หรือพบการกระทำที่ผิดไปจากประกาศนี้ สามารถรายงานเรื่องได้ที่ กลุ่มงานกิจการพิเศษ สำนักงานเลขานุการสมเด็จพระสังฆราช ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ spsa@jinavara.or.th ประกาศ ณ วันที่ ๑๕ กันยายน ๒๕๖๗ #Thaitimes
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 413 Views 0 Reviews
  • TEXAS CHICKEN อำลาไทย

    ร้านไก่ทอดเท็กซัส ชิคเก้น (Texas Chicken) หนึ่งในธุรกิจนอนออยล์ของ บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ โออาร์ ปิดตัวลงทุกสาขาในวันที่ 30 ก.ย. 2567 นับเป็นการปิดตำนานร้านไก่ทอดสัญชาติอเมริกันที่ที่ติดอันดับ 1 ใน 3 ของโลก สร้างความทรงจำให้กับผู้บริโภคมานานถึง 9 ปี โดยข้อมูล ณ ไตรมาส 2 ปี 2567 พบว่าเหลือ 97 สาขา ลดลงจากเมื่อไตรมาส 4 ปี 2566 ที่มี 100 สาขา และไตรมาส 4 ปี 2565 ที่มี 107 สาขา

    นายดิษทัต ปันยารชุน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร โออาร์ ระบุว่า อยู่ระหว่างทบทวนและปรับปรุงการลงทุนในธุรกิจต่างๆ ที่ได้เข้าไปลงทุนก่อนหน้านี้ เพื่อประเมินความเหมาะสม และปรับเปลี่ยนให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน เป้าหมายในอนาคต รวมถึงกระจายการลงทุนไปสู่ธุรกิจใหม่ โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจไลฟ์สไตล์ ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม (F&B)

    "โออาร์ได้พิจารณาปัจจัยต่างๆ อย่างรอบคอบ และได้พิจารณายุติการดำเนินธุรกิจเท็กซัส ชิคเก้น โดยคาดว่าจะทยอยปิดทุกสาขาภายในเดือน ก.ย. นี้ โดยยังคงมุ่งมั่นแสวงหาโอกาสและพันธมิตรทางธุรกิจใหม่ๆ ให้สอดคล้องกับจุดมุ่งหมายมุ่งสู่การเป็นหนึ่งในผู้นำด้านธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มต่อไป"

    ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 10 ก.ค. 2558 บริษัท ปตท จำกัด (มหาชน) ได้ลงนามสัญญาการให้สิทธิ์มาสเตอร์แฟรนไชส์ เท็กซัสชิคเก้น กับ Cajun Global LLC ก่อนเปิดสาขาแรกที่ชั้น 3 ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เวสต์เกต จ.นนทบุรี เมื่อวันที่ 28 พ.ย. 2558 สร้างความเปลี่ยนแปลงด้วยการจำหน่ายชุดไก่ทอดพร้อมเครื่องดื่มรีฟิล ทำให้แบรนด์ใหญ่อย่างเคเอฟซีถึงกับลงมาทำเครื่องดื่มรีฟิลแข่งกัน นอกจากนี้ ยังมีเมนูขนมหวานอย่างฮันนี่บิสกิตอันเป็นเอกลักษณ์อีกด้วย

    ในระยะแรกร้านเท็กซัสชิคเก้นได้เปิดสาขาในศูนย์การค้าเป็นหลัก ก่อนที่แบรนด์จะเป็นที่ยอมรับและเปิดสาขาในสถานีบริการน้ำมัน พีทีที สเตชั่น ในเวลาต่อมา จากนั้น ปตท. ได้แยกธุรกิจสถานีบริการน้ำมันและค้าปลีกออกมาเป็นบริษัทใหม่อย่างโออาร์ ก่อนเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 11 ก.พ. 2564 ทำให้ร้านเท็กซัส ชิคเก้น ในประเทศไทย จึงถูกรวมเข้าไปในกลุ่มธุรกิจ F&B ของโออาร์

    แหล่งข่าวรายหนึ่งระบุว่า แม้ร้านเท็กซัส ชิคเก้นจะทำกำไร แต่ไม่ถึงเป้าพอที่จะต่อสัญญากับได้ โดยประเมินว่าหากต่อสัญญาแล้วเดินหน้าธุรกิจต่ออาจไม่คุ้ม นอกจากนี้ อดีตผู้บริหาร ปตท. ที่เคยเป็นแม่งานสำคัญอย่าง นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ที่เคยผลักดันธุรกิจเท็กซัส ชิคเก้น สมัยดำรงตำแหน่งรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ หน่วยธุรกิจน้ำมัน ได้ออกจากตำแหน่งไปแล้ว

    #Newskit #TexasChicken #OR
    TEXAS CHICKEN อำลาไทย ร้านไก่ทอดเท็กซัส ชิคเก้น (Texas Chicken) หนึ่งในธุรกิจนอนออยล์ของ บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ โออาร์ ปิดตัวลงทุกสาขาในวันที่ 30 ก.ย. 2567 นับเป็นการปิดตำนานร้านไก่ทอดสัญชาติอเมริกันที่ที่ติดอันดับ 1 ใน 3 ของโลก สร้างความทรงจำให้กับผู้บริโภคมานานถึง 9 ปี โดยข้อมูล ณ ไตรมาส 2 ปี 2567 พบว่าเหลือ 97 สาขา ลดลงจากเมื่อไตรมาส 4 ปี 2566 ที่มี 100 สาขา และไตรมาส 4 ปี 2565 ที่มี 107 สาขา นายดิษทัต ปันยารชุน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร โออาร์ ระบุว่า อยู่ระหว่างทบทวนและปรับปรุงการลงทุนในธุรกิจต่างๆ ที่ได้เข้าไปลงทุนก่อนหน้านี้ เพื่อประเมินความเหมาะสม และปรับเปลี่ยนให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน เป้าหมายในอนาคต รวมถึงกระจายการลงทุนไปสู่ธุรกิจใหม่ โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจไลฟ์สไตล์ ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม (F&B) "โออาร์ได้พิจารณาปัจจัยต่างๆ อย่างรอบคอบ และได้พิจารณายุติการดำเนินธุรกิจเท็กซัส ชิคเก้น โดยคาดว่าจะทยอยปิดทุกสาขาภายในเดือน ก.ย. นี้ โดยยังคงมุ่งมั่นแสวงหาโอกาสและพันธมิตรทางธุรกิจใหม่ๆ ให้สอดคล้องกับจุดมุ่งหมายมุ่งสู่การเป็นหนึ่งในผู้นำด้านธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มต่อไป" ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 10 ก.ค. 2558 บริษัท ปตท จำกัด (มหาชน) ได้ลงนามสัญญาการให้สิทธิ์มาสเตอร์แฟรนไชส์ เท็กซัสชิคเก้น กับ Cajun Global LLC ก่อนเปิดสาขาแรกที่ชั้น 3 ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เวสต์เกต จ.นนทบุรี เมื่อวันที่ 28 พ.ย. 2558 สร้างความเปลี่ยนแปลงด้วยการจำหน่ายชุดไก่ทอดพร้อมเครื่องดื่มรีฟิล ทำให้แบรนด์ใหญ่อย่างเคเอฟซีถึงกับลงมาทำเครื่องดื่มรีฟิลแข่งกัน นอกจากนี้ ยังมีเมนูขนมหวานอย่างฮันนี่บิสกิตอันเป็นเอกลักษณ์อีกด้วย ในระยะแรกร้านเท็กซัสชิคเก้นได้เปิดสาขาในศูนย์การค้าเป็นหลัก ก่อนที่แบรนด์จะเป็นที่ยอมรับและเปิดสาขาในสถานีบริการน้ำมัน พีทีที สเตชั่น ในเวลาต่อมา จากนั้น ปตท. ได้แยกธุรกิจสถานีบริการน้ำมันและค้าปลีกออกมาเป็นบริษัทใหม่อย่างโออาร์ ก่อนเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 11 ก.พ. 2564 ทำให้ร้านเท็กซัส ชิคเก้น ในประเทศไทย จึงถูกรวมเข้าไปในกลุ่มธุรกิจ F&B ของโออาร์ แหล่งข่าวรายหนึ่งระบุว่า แม้ร้านเท็กซัส ชิคเก้นจะทำกำไร แต่ไม่ถึงเป้าพอที่จะต่อสัญญากับได้ โดยประเมินว่าหากต่อสัญญาแล้วเดินหน้าธุรกิจต่ออาจไม่คุ้ม นอกจากนี้ อดีตผู้บริหาร ปตท. ที่เคยเป็นแม่งานสำคัญอย่าง นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ที่เคยผลักดันธุรกิจเท็กซัส ชิคเก้น สมัยดำรงตำแหน่งรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ หน่วยธุรกิจน้ำมัน ได้ออกจากตำแหน่งไปแล้ว #Newskit #TexasChicken #OR
    Like
    Sad
    5
    0 Comments 1 Shares 333 Views 0 Reviews
  • วันนี้เหมาะที่สุดแล้วที่ lit nit จะเปิดตัวแบรนด์ธุรกิจสักที
    ....
    "ศิษย์เกษตร" นี่แหละคือแบรนด์ที่ lit nit ทำ
    เหตุที่วันนี้เหมาะแก่การนำเสนอ ก็เพราะด้วยปัจจัย 2 ประการ
    ....
    หนึ่งคือ การทำธุรกิจจำเป็นต้องใช้ทุนและจำเป็นต้องมีที่ปรึกษา วันนี้ lit nit จึงไปขอคำปรึกษาจากพี่ท่านหนึ่ง เล่าให้พี่เขาฟังถึงความเป็นมาและเจตนารมณ์ ตลอดจนชนิดสินค้า เครือข่ายร้านค้าและโรงเรียน พี่เขาได้ฟังจึงบอกว่า
    ....
    "วัสดุปลูกจากใบไม้คือสินค้าที่เหมาะสมที่สุดในเวลานี้ และก็มีโอกาสสูงที่คนจะสนใจลงทุนด้วย สินค้าตัวนี้อนาคตไปได้แน่นอน และกลับไปคุยกับโรงเรียนในเครือข่ายเสียใหม่ เปลี่ยนเป้าหมายปีที่สามมาอยู่ปีที่หนึ่งพี่ว่าแบบนี้เด็ก ๆ จะได้ประโยชน์มากเพราะเหมาะสมกับยุคสมัย"
    ....
    ก่อนกลับพี่เขาบอกว่า lit nit ต้องไปทำการบ้านเรื่องอะไรบ้าง รีบทำอย่าช้าตัวนี้อนาคตไปได้แน่นอน แล้วเดือนหน้ากลับมาคุยกันต่อ
    lit nit สัมผัสได้เลยว่าการทำธุรกิจจำเป็นต้องมีที่ปรึกษาที่มีประสบการณ์ทางธุรกิจมากกว่าเรา สโลแกนที่พี่เขานิยามให้ของผลิตภัณฑ์ตัวแรกนี้คือ
    "การไม่เผาคือการไม่ทำลายดิน"
    ....
    นั่นคือเหตุที่หนึ่ง ส่วนเหตุที่สองที่วันนี้เหมาะแก่การเปิดตัวธุรกิจก็เพราะว่า 16 กันยา คือวันที่จะเป็นฟ้าหลังฝน ถึงจะถูกหวยแดกแต่เราก็เห็นแสงสว่างจากธุรกิจ พูดแล้วน้ำตาไหลพราก ๆ ไม่รู้ว่าเสียใจหรือปลื้มปิติ !
    #ขอบพระคุณพี่ท่านนั้นที่ให้คำชี้แนะครับ
    วันนี้เหมาะที่สุดแล้วที่ lit nit จะเปิดตัวแบรนด์ธุรกิจสักที .... "ศิษย์เกษตร" นี่แหละคือแบรนด์ที่ lit nit ทำ เหตุที่วันนี้เหมาะแก่การนำเสนอ ก็เพราะด้วยปัจจัย 2 ประการ .... หนึ่งคือ การทำธุรกิจจำเป็นต้องใช้ทุนและจำเป็นต้องมีที่ปรึกษา วันนี้ lit nit จึงไปขอคำปรึกษาจากพี่ท่านหนึ่ง เล่าให้พี่เขาฟังถึงความเป็นมาและเจตนารมณ์ ตลอดจนชนิดสินค้า เครือข่ายร้านค้าและโรงเรียน พี่เขาได้ฟังจึงบอกว่า .... "วัสดุปลูกจากใบไม้คือสินค้าที่เหมาะสมที่สุดในเวลานี้ และก็มีโอกาสสูงที่คนจะสนใจลงทุนด้วย สินค้าตัวนี้อนาคตไปได้แน่นอน และกลับไปคุยกับโรงเรียนในเครือข่ายเสียใหม่ เปลี่ยนเป้าหมายปีที่สามมาอยู่ปีที่หนึ่งพี่ว่าแบบนี้เด็ก ๆ จะได้ประโยชน์มากเพราะเหมาะสมกับยุคสมัย" .... ก่อนกลับพี่เขาบอกว่า lit nit ต้องไปทำการบ้านเรื่องอะไรบ้าง รีบทำอย่าช้าตัวนี้อนาคตไปได้แน่นอน แล้วเดือนหน้ากลับมาคุยกันต่อ lit nit สัมผัสได้เลยว่าการทำธุรกิจจำเป็นต้องมีที่ปรึกษาที่มีประสบการณ์ทางธุรกิจมากกว่าเรา สโลแกนที่พี่เขานิยามให้ของผลิตภัณฑ์ตัวแรกนี้คือ "การไม่เผาคือการไม่ทำลายดิน" .... นั่นคือเหตุที่หนึ่ง ส่วนเหตุที่สองที่วันนี้เหมาะแก่การเปิดตัวธุรกิจก็เพราะว่า 16 กันยา คือวันที่จะเป็นฟ้าหลังฝน ถึงจะถูกหวยแดกแต่เราก็เห็นแสงสว่างจากธุรกิจ พูดแล้วน้ำตาไหลพราก ๆ ไม่รู้ว่าเสียใจหรือปลื้มปิติ ! #ขอบพระคุณพี่ท่านนั้นที่ให้คำชี้แนะครับ
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 101 Views 0 Reviews
  • คนรักหมาแมว"เอส“จากมูลนิธิ ดิ อาร์ค" กู้ภัยช่วยชีวิตหมาแมวจากน้ำท่วมใหญ่ จ.เชียงราย เสียชีวิตกะทันหันหลังเสร็จสิ้นภารกิจ โลกออนไลน์ร่วมแสดงความอาลัยและเสียใจต่อการจากไป

    15 กันยายน2567-รายงานจากโลกออนไลน์ระบุว่า ทางมูลนิธิ ดิ อาร์ค ดอยสะเก็ด เชียงใหม่ เดินทางมารอรับศพ คุณเอส หรือ นายภรัญโรจน์ กิตติภัทร์ฐากรณ์ โดยมีคุณบัณฑิต เจ้าของมูลนิธิเสียใจร้องไห้อยู่เพราะตัวเองเป็นคนเปิดประตูเข้าไปแล้วก็เห็นว่าคุณเอสหมดสติอยู่บนเตียง

    ส่วนคุณแชมป์ น้องชาย กล่าวว่า พี่ชายเป็นคนรักหมารักแมวมาก เมื่อวานยังโทรคุยงาน พี่ชายบอกเลยว่าให้เตรียมคอกสัตว์เอาไว้ อาจจะต้องมีสุนัขไปประมาณ 20 พี่เอสเป็นคนที่ทุ่มเทกับการทำงาน ตนอยู่กับพี่มาไม่เคยได้กอดพี่เลย จนกระทั่งวินาทีสุดท้าย พี่ชายคิดว่าตัวเองไม่รัก แต่ตัวเองรักพี่ชายมาก ขอให้พี่ชายไปดี อยากจะบอกกับพี่ว่าผมรักพี่มาก

    ต่อมา มีรายงานว่า ได้เคลื่อนร่างของคุณเอสออกมาจากอาคารบ้านหลังสุดท้าย โรงพยาบาลแม่สาย โดยมีทางคุณบัณฑิต เจ้าของมูลนิธิ เรียกดวงวิญญาณคุณเอสกลับบ้าน ที่ อ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่ ร้องไห้เสียใจเพราะว่าทำภารกิจในการช่วยเหลือมาด้วยกัน 14 ปี ไม่คิดเหมือนกันว่านี่คือภารกิจสุดท้ายของคุณเอสในการช่วยเหลือน้องหมาน้องแมวจนวาระสุดท้ายของชีวิต โดยจะนำศพไปตั้งบำเพ็ญกุศลที่วัดวังธาร อ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่.

    นายดลชนก บุณโยทยาน รองประธานมูลนิธิวินวิน กล่าวว่า น้องเอสทำมูลนิธิ 14 ปี มาเริ่มภารกิจที่ อ.แม่สาย จ.เชียงราย ตั้งแต่พฤหัสบดีที่ 12 กันยายน 2567 และกำหนดวันนี้จะมูฟไปที่เชียงราย คือเมื่อวาน (14 กันยายน) จะมีคลิปที่ไปเก็บศพน้องหมาน้องแมว เอสก็เป็นคนไปขุดหลุมฝังสุนัขเอง ตอนนั้นก็ไม่ได้มีท่าทีเหนื่อยหรือว่าอะไร และกลับมาที่โรงแรมก็ทานอาหารกัน บอกว่าน่าจะเป็นกรดไหลย้อน

    พอเข้าไปในห้องพักสักพัก พี่บัณฑิต ประธานมูลนิธิก็เข้าไปเจอแล้วก็รีบทำซีพีอาร์เพราะว่ากู้ภัยอยู่ด้วยกันเยอะ แต่สุดท้ายไม่สามารถที่จะยื้อชีวิตได้ แพทย์ระบุว่าเสียชีวิต ตนก็อยากบอกชื่นชมเอสว่า เอสเป็นคนที่มองจุดเล็ก ๆ ว่าทุกคนเขาก็ให้ความสำคัญคุณค่ากระทั่งชีวิตสัตว์ที่เสียชีวิตก็ยังนำไปทำให้เหมาะสม ในเฟซบุ๊กของนายดลชนกได้เล่าว่า

    ”หลังเสร็จภารกิจเรากลับเข้าโรงแรมนั่งทานข้าวกัน มันเป็นอาหารที่อร่อยเอสทานเยอะมาก

    เอสบ่นว่าตัวเองน่าจะกรดไหลย้อนขอตัวกลับห้องก่อน เราก็นั่งคุยกับลุงดิ๊บต่ออีกซัก 1 ชม. ก็แยกย้ายกันกลับห้อง ไม่นานลุงดิ๊บโทรมาว่าพี้ต้อยเอสไม่หายใจ เรากับน้องอีกคนวิ่งไปอย่างเร็ว ไปถึงพบเอสตัวเริ่มซีดหยุดหายใจ เราก็ทำ CPR น้องอีกคนวิ่งไปตามกู้ภัยเพราะในรีสอร์ทมีแต่กู้ภัยพัก มีน้องๆนับ 10 คนมาช่วยกันเอารถกู้ชีพพาไปส่ง รพ.แม่สาย แต่ด้วยเวลาที่หยุดหายใจนานเกินไปเอสได้จากพวกเราไปอย่างสงบ

    ใครรู้จักลุงดิ๊บ,เอส จากมูลนิธิ ดิ อาร์ค ร่วมกันไว้อาลัยให้เพื่อนเราด้วยกัน“

    ที่มา : https://www.facebook.com/share/f2yhP9hDfW6Ztpag/?mibextid=CTbP7E

    #Thaitimes
    คนรักหมาแมว"เอส“จากมูลนิธิ ดิ อาร์ค" กู้ภัยช่วยชีวิตหมาแมวจากน้ำท่วมใหญ่ จ.เชียงราย เสียชีวิตกะทันหันหลังเสร็จสิ้นภารกิจ โลกออนไลน์ร่วมแสดงความอาลัยและเสียใจต่อการจากไป 15 กันยายน2567-รายงานจากโลกออนไลน์ระบุว่า ทางมูลนิธิ ดิ อาร์ค ดอยสะเก็ด เชียงใหม่ เดินทางมารอรับศพ คุณเอส หรือ นายภรัญโรจน์ กิตติภัทร์ฐากรณ์ โดยมีคุณบัณฑิต เจ้าของมูลนิธิเสียใจร้องไห้อยู่เพราะตัวเองเป็นคนเปิดประตูเข้าไปแล้วก็เห็นว่าคุณเอสหมดสติอยู่บนเตียง ส่วนคุณแชมป์ น้องชาย กล่าวว่า พี่ชายเป็นคนรักหมารักแมวมาก เมื่อวานยังโทรคุยงาน พี่ชายบอกเลยว่าให้เตรียมคอกสัตว์เอาไว้ อาจจะต้องมีสุนัขไปประมาณ 20 พี่เอสเป็นคนที่ทุ่มเทกับการทำงาน ตนอยู่กับพี่มาไม่เคยได้กอดพี่เลย จนกระทั่งวินาทีสุดท้าย พี่ชายคิดว่าตัวเองไม่รัก แต่ตัวเองรักพี่ชายมาก ขอให้พี่ชายไปดี อยากจะบอกกับพี่ว่าผมรักพี่มาก ต่อมา มีรายงานว่า ได้เคลื่อนร่างของคุณเอสออกมาจากอาคารบ้านหลังสุดท้าย โรงพยาบาลแม่สาย โดยมีทางคุณบัณฑิต เจ้าของมูลนิธิ เรียกดวงวิญญาณคุณเอสกลับบ้าน ที่ อ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่ ร้องไห้เสียใจเพราะว่าทำภารกิจในการช่วยเหลือมาด้วยกัน 14 ปี ไม่คิดเหมือนกันว่านี่คือภารกิจสุดท้ายของคุณเอสในการช่วยเหลือน้องหมาน้องแมวจนวาระสุดท้ายของชีวิต โดยจะนำศพไปตั้งบำเพ็ญกุศลที่วัดวังธาร อ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่. นายดลชนก บุณโยทยาน รองประธานมูลนิธิวินวิน กล่าวว่า น้องเอสทำมูลนิธิ 14 ปี มาเริ่มภารกิจที่ อ.แม่สาย จ.เชียงราย ตั้งแต่พฤหัสบดีที่ 12 กันยายน 2567 และกำหนดวันนี้จะมูฟไปที่เชียงราย คือเมื่อวาน (14 กันยายน) จะมีคลิปที่ไปเก็บศพน้องหมาน้องแมว เอสก็เป็นคนไปขุดหลุมฝังสุนัขเอง ตอนนั้นก็ไม่ได้มีท่าทีเหนื่อยหรือว่าอะไร และกลับมาที่โรงแรมก็ทานอาหารกัน บอกว่าน่าจะเป็นกรดไหลย้อน พอเข้าไปในห้องพักสักพัก พี่บัณฑิต ประธานมูลนิธิก็เข้าไปเจอแล้วก็รีบทำซีพีอาร์เพราะว่ากู้ภัยอยู่ด้วยกันเยอะ แต่สุดท้ายไม่สามารถที่จะยื้อชีวิตได้ แพทย์ระบุว่าเสียชีวิต ตนก็อยากบอกชื่นชมเอสว่า เอสเป็นคนที่มองจุดเล็ก ๆ ว่าทุกคนเขาก็ให้ความสำคัญคุณค่ากระทั่งชีวิตสัตว์ที่เสียชีวิตก็ยังนำไปทำให้เหมาะสม ในเฟซบุ๊กของนายดลชนกได้เล่าว่า ”หลังเสร็จภารกิจเรากลับเข้าโรงแรมนั่งทานข้าวกัน มันเป็นอาหารที่อร่อยเอสทานเยอะมาก เอสบ่นว่าตัวเองน่าจะกรดไหลย้อนขอตัวกลับห้องก่อน เราก็นั่งคุยกับลุงดิ๊บต่ออีกซัก 1 ชม. ก็แยกย้ายกันกลับห้อง ไม่นานลุงดิ๊บโทรมาว่าพี้ต้อยเอสไม่หายใจ เรากับน้องอีกคนวิ่งไปอย่างเร็ว ไปถึงพบเอสตัวเริ่มซีดหยุดหายใจ เราก็ทำ CPR น้องอีกคนวิ่งไปตามกู้ภัยเพราะในรีสอร์ทมีแต่กู้ภัยพัก มีน้องๆนับ 10 คนมาช่วยกันเอารถกู้ชีพพาไปส่ง รพ.แม่สาย แต่ด้วยเวลาที่หยุดหายใจนานเกินไปเอสได้จากพวกเราไปอย่างสงบ ใครรู้จักลุงดิ๊บ,เอส จากมูลนิธิ ดิ อาร์ค ร่วมกันไว้อาลัยให้เพื่อนเราด้วยกัน“ ที่มา : https://www.facebook.com/share/f2yhP9hDfW6Ztpag/?mibextid=CTbP7E #Thaitimes
    Sad
    Love
    6
    0 Comments 0 Shares 442 Views 0 Reviews
  • หากเกิดสงครามนิวเคลียร์ในยุโรป สหรัฐจะโดนด้วย

    อนาโตลี อันโตนอฟ เอกอัครราชทูตรัสเซียประจำสหรัฐฯ กล่าว วอชิงตันจะไม่สามารถซ่อนตัวจากความขัดแย้งทางนิวเคลียร์ได้ หากมันเริ่มต้นที่ยุโรป

    ความกลัวว่าอาจมีการลุกลามระหว่างรัสเซียและ NATO ในเรื่องยูเครนทวีความรุนแรงมากขึ้นในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา เนื่องจากมีรายงานว่ามหาอำนาจตะวันตกครุ่นคิดถึงความเป็นไปได้ที่จะอนุญาตให้เคียฟทำการโจมตีด้วยขีปนาวุธลึกเข้าไปในดินแดนรัสเซีย

    เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา เอกอัครราชทูตอันโตนอฟ ให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ Rossiya 24 ว่า รู้สึกประหลาดใจกับ “ภาพลวงตา” ที่ว่า “หากมีข้อขัดแย้ง มันจะไม่ลุกลามไปยังดินแดนของสหรัฐอเมริกา”

    “ผมพยายามถ่ายทอดประเด็นที่สำคัญให้พวกเขาฟังอยู่ตลอดเวลาว่า ชาวอเมริกันไม่สามารถนั่งอยู่หลังผืนน้ำในมหาสมุทรนี้เฉยๆได้ สงครามครั้งนี้จะส่งผลกระทบต่อทุกคน ดังนั้นเราจึงพูดอยู่เสมอว่า – อย่าเล่นกับคำพูดทางการเมืองนี้” Antonov กล่าว

    นอกจากนี้เขายังกล่าวด้วยว่าในขณะที่ประเทศตะวันตกกล่าวหารัสเซียว่า "ข่มขู่ที่จะใช้กำลังทางทหาร" สหรัฐฯ ต้องการตรวจสอบผลที่ตามมาของการโจมตีด้วยนิวเคลียร์ต่อยุโรปตะวันออก เห็นได้ชัดว่าโทนอฟหมายถึงการศึกษาที่ได้รับคำสั่งจากกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ เพื่อจำลองผลกระทบของความขัดแย้งทางนิวเคลียร์ต่อการเกษตรทั่วโลก ตามประกาศเชิญชวนที่โพสต์บนแพลตฟอร์มการจัดซื้อจัดจ้างของรัฐบาล การศึกษาจะมุ่งเน้นไปที่ภูมิภาค “นอกยุโรปตะวันออกและรัสเซียตะวันตก” ซึ่งในการจำลองเป็นศูนย์กลางของการโจมตีด้วยนิวเคลียร์ในกรณีสมมุติ

    เมื่อวันพฤหัสบดี ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซียเตือนว่าการยกเลิกข้อจำกัดในการใช้อาวุธตะวันตกของยูเครนเพื่อโจมตีรัสเซียจะเกี่ยวข้องโดยตรงกับสหรัฐฯ และพันธมิตรในการขัดแย้งกับรัสเซีย และจะได้พบกับการตอบสนองที่เหมาะสม

    วาสซิลี เนเบนเซีย ทูตรัสเซียประจำสหประชาชาติกล่าวย้ำในภายหลังว่า การอนุญาตให้เคียฟใช้อาวุธพิสัยไกลที่ตะวันตกจัดหาให้ จะถือเป็นการมีส่วนร่วมโดยตรงในความขัดแย้งโดยนาโต้

    ที่มา RT
    หากเกิดสงครามนิวเคลียร์ในยุโรป สหรัฐจะโดนด้วย อนาโตลี อันโตนอฟ เอกอัครราชทูตรัสเซียประจำสหรัฐฯ กล่าว วอชิงตันจะไม่สามารถซ่อนตัวจากความขัดแย้งทางนิวเคลียร์ได้ หากมันเริ่มต้นที่ยุโรป ความกลัวว่าอาจมีการลุกลามระหว่างรัสเซียและ NATO ในเรื่องยูเครนทวีความรุนแรงมากขึ้นในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา เนื่องจากมีรายงานว่ามหาอำนาจตะวันตกครุ่นคิดถึงความเป็นไปได้ที่จะอนุญาตให้เคียฟทำการโจมตีด้วยขีปนาวุธลึกเข้าไปในดินแดนรัสเซีย เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา เอกอัครราชทูตอันโตนอฟ ให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ Rossiya 24 ว่า รู้สึกประหลาดใจกับ “ภาพลวงตา” ที่ว่า “หากมีข้อขัดแย้ง มันจะไม่ลุกลามไปยังดินแดนของสหรัฐอเมริกา” “ผมพยายามถ่ายทอดประเด็นที่สำคัญให้พวกเขาฟังอยู่ตลอดเวลาว่า ชาวอเมริกันไม่สามารถนั่งอยู่หลังผืนน้ำในมหาสมุทรนี้เฉยๆได้ สงครามครั้งนี้จะส่งผลกระทบต่อทุกคน ดังนั้นเราจึงพูดอยู่เสมอว่า – อย่าเล่นกับคำพูดทางการเมืองนี้” Antonov กล่าว นอกจากนี้เขายังกล่าวด้วยว่าในขณะที่ประเทศตะวันตกกล่าวหารัสเซียว่า "ข่มขู่ที่จะใช้กำลังทางทหาร" สหรัฐฯ ต้องการตรวจสอบผลที่ตามมาของการโจมตีด้วยนิวเคลียร์ต่อยุโรปตะวันออก เห็นได้ชัดว่าโทนอฟหมายถึงการศึกษาที่ได้รับคำสั่งจากกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ เพื่อจำลองผลกระทบของความขัดแย้งทางนิวเคลียร์ต่อการเกษตรทั่วโลก ตามประกาศเชิญชวนที่โพสต์บนแพลตฟอร์มการจัดซื้อจัดจ้างของรัฐบาล การศึกษาจะมุ่งเน้นไปที่ภูมิภาค “นอกยุโรปตะวันออกและรัสเซียตะวันตก” ซึ่งในการจำลองเป็นศูนย์กลางของการโจมตีด้วยนิวเคลียร์ในกรณีสมมุติ เมื่อวันพฤหัสบดี ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซียเตือนว่าการยกเลิกข้อจำกัดในการใช้อาวุธตะวันตกของยูเครนเพื่อโจมตีรัสเซียจะเกี่ยวข้องโดยตรงกับสหรัฐฯ และพันธมิตรในการขัดแย้งกับรัสเซีย และจะได้พบกับการตอบสนองที่เหมาะสม วาสซิลี เนเบนเซีย ทูตรัสเซียประจำสหประชาชาติกล่าวย้ำในภายหลังว่า การอนุญาตให้เคียฟใช้อาวุธพิสัยไกลที่ตะวันตกจัดหาให้ จะถือเป็นการมีส่วนร่วมโดยตรงในความขัดแย้งโดยนาโต้ ที่มา RT
    Like
    9
    2 Comments 0 Shares 619 Views 0 Reviews
  • สมมุติว่า นักลงทุนรายย่อยเรา
    ไม่ได้ไปไล่ซื้อหุ้นที่ราคาสูงๆ ความหมายคือ
    ไม่ซื้อหุ้นตามกระแส หรือ กลัวตกรถ เหมือนแต่ก่อน
    แต่กลับรอจังหวะที่ 3 กลุ่มที่เหลือ ฟัดกันเอง
    แล้วค่อยเข้าซื้อที่ราคาเหมาะสม อะไรจะเกิดขึ้น?
    #หุ้นติดดอย #การลงทุน #thaitimes
    สมมุติว่า นักลงทุนรายย่อยเรา ไม่ได้ไปไล่ซื้อหุ้นที่ราคาสูงๆ ความหมายคือ ไม่ซื้อหุ้นตามกระแส หรือ กลัวตกรถ เหมือนแต่ก่อน แต่กลับรอจังหวะที่ 3 กลุ่มที่เหลือ ฟัดกันเอง แล้วค่อยเข้าซื้อที่ราคาเหมาะสม อะไรจะเกิดขึ้น? #หุ้นติดดอย #การลงทุน #thaitimes
    0 Comments 0 Shares 504 Views 0 Reviews
  • 2 ด่านมาเลเซียการจราจรติดขัดเนื่องจากช่วงปิดเทอม

    เบอร์นามา - ด่านพรมแดนทั้งสองแห่งในรัฐเคดะห์ ประเทศมาเลเซีย การจราจรคับคั่งอย่างหนัก เนื่องจากรถยนต์จากประเทศมาเลเซียจำนวนมากมุ่งหน้าสู่ประเทศไทยในช่วงปิดภาคเรียนของมาเลเซีย โดยเมื่อเช้าวานนี้ (14 ก.ย.) มีรายงานว่ามีคนเข้าแถวยาวที่ศูนย์ตรวจคนเข้าเมือง ศุลกากร ด่านกักกันสัตว์ และความมั่นคง (ICQS) บูกิตกายูฮิตัม ตรงข้ามด่านพรมแดนสะเดา อ.สะเดา จ.สงขลา และศูนย์ ICQS โกตาปูตรา ตรงข้ามด่านพรมแดนบ้านประกอบ อ.นาทวี จ.สงขลา

    นายโมฮัมหมัด ริดชวน ซาอิน ผู้อำนวยการกรมตรวจคนเข้าเมือง (JIM) รัฐเคดะห์ กล่าวว่า ปริมาณการจราจรผ่านด่านตรวจศูนย์ ICQS บูกิตกายูฮิตัม เพิ่มขึ้นอย่างมากตั้งแต่วันพฤหัสบดีที่ 12 ก.ย. ที่ผ่านมา โดยมีผู้เดินทางเข้าออกจำนวน 30,754 ราย เนื่องจากชาวมาเลเซียแห่ไป อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา สวรรค์ของคนรักอาหาร ที่ขึ้นชื่อว่าอาหารราคาไม่แพงและรสชาติอร่อย หาดใหญ่เป็นเมืองยอดนิยมที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาเที่ยวในช่วงวันหยุดนี้

    เพื่อรับมือกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จึงได้เพิ่มเคาน์เตอร์ตรวจหนังสือเดินทางทันที พร้อมกับเร่งตรวจสอบเอกสารการเดินทางและจัดการจราจรที่ชายแดน โดยมีการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวดบนถนนสายหลักที่มุ่งหน้าสู่ชายแดนเพื่อลดปัญหาการจราจรติดขัดและการสัญจรไปมาเป็นไปอย่างราบรื่น

    พร้อมกันนี้ ผอ.กรมตรวจคนเข้าเมืองรัฐเคดะห์ ยังแนะนำให้ผู้ใช้รถใช้ถนนชาวมาเลเซียปฏิบัติตามกฎจราจร ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ และวางแผนการเดินทางล่วงหน้า โดยตรวจสอบข้อมูลการจราจรล่าสุดผ่านช่องทางอย่างเป็นทางการ และเลือกช่วงเวลาเดินทางที่เหมาะสม เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการจราจรคับคั่ง ขณะเดียวกัน ยังเตือนนักท่องเที่ยวตรวจสอบให้แน่ใจว่าเอกสารการเดินทางถูกต้องสมบูรณ์ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาที่ชายแดน

    นางซาฟารินา ออธมาน หัวหน้าสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ศูนย์ ICQS โกตาปูตรา รายงานว่า จำนวนนักท่องเที่ยวที่ข้ามพรมแดนเพิ่มขึ้นเกือบ 40% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาปกติ ประมาณ 400-600 รายต่อวัน แต่เมื่อวันศุกร์ (13 ก.ย.) จำนวนผู้เดินทางเพิ่มขึ้นเป็น 1,868 ราย

    https://bernama.com/en/general/news.php?id=2340430
    2 ด่านมาเลเซียการจราจรติดขัดเนื่องจากช่วงปิดเทอม เบอร์นามา - ด่านพรมแดนทั้งสองแห่งในรัฐเคดะห์ ประเทศมาเลเซีย การจราจรคับคั่งอย่างหนัก เนื่องจากรถยนต์จากประเทศมาเลเซียจำนวนมากมุ่งหน้าสู่ประเทศไทยในช่วงปิดภาคเรียนของมาเลเซีย โดยเมื่อเช้าวานนี้ (14 ก.ย.) มีรายงานว่ามีคนเข้าแถวยาวที่ศูนย์ตรวจคนเข้าเมือง ศุลกากร ด่านกักกันสัตว์ และความมั่นคง (ICQS) บูกิตกายูฮิตัม ตรงข้ามด่านพรมแดนสะเดา อ.สะเดา จ.สงขลา และศูนย์ ICQS โกตาปูตรา ตรงข้ามด่านพรมแดนบ้านประกอบ อ.นาทวี จ.สงขลา นายโมฮัมหมัด ริดชวน ซาอิน ผู้อำนวยการกรมตรวจคนเข้าเมือง (JIM) รัฐเคดะห์ กล่าวว่า ปริมาณการจราจรผ่านด่านตรวจศูนย์ ICQS บูกิตกายูฮิตัม เพิ่มขึ้นอย่างมากตั้งแต่วันพฤหัสบดีที่ 12 ก.ย. ที่ผ่านมา โดยมีผู้เดินทางเข้าออกจำนวน 30,754 ราย เนื่องจากชาวมาเลเซียแห่ไป อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา สวรรค์ของคนรักอาหาร ที่ขึ้นชื่อว่าอาหารราคาไม่แพงและรสชาติอร่อย หาดใหญ่เป็นเมืองยอดนิยมที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาเที่ยวในช่วงวันหยุดนี้ เพื่อรับมือกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จึงได้เพิ่มเคาน์เตอร์ตรวจหนังสือเดินทางทันที พร้อมกับเร่งตรวจสอบเอกสารการเดินทางและจัดการจราจรที่ชายแดน โดยมีการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวดบนถนนสายหลักที่มุ่งหน้าสู่ชายแดนเพื่อลดปัญหาการจราจรติดขัดและการสัญจรไปมาเป็นไปอย่างราบรื่น พร้อมกันนี้ ผอ.กรมตรวจคนเข้าเมืองรัฐเคดะห์ ยังแนะนำให้ผู้ใช้รถใช้ถนนชาวมาเลเซียปฏิบัติตามกฎจราจร ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ และวางแผนการเดินทางล่วงหน้า โดยตรวจสอบข้อมูลการจราจรล่าสุดผ่านช่องทางอย่างเป็นทางการ และเลือกช่วงเวลาเดินทางที่เหมาะสม เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการจราจรคับคั่ง ขณะเดียวกัน ยังเตือนนักท่องเที่ยวตรวจสอบให้แน่ใจว่าเอกสารการเดินทางถูกต้องสมบูรณ์ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาที่ชายแดน นางซาฟารินา ออธมาน หัวหน้าสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ศูนย์ ICQS โกตาปูตรา รายงานว่า จำนวนนักท่องเที่ยวที่ข้ามพรมแดนเพิ่มขึ้นเกือบ 40% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาปกติ ประมาณ 400-600 รายต่อวัน แต่เมื่อวันศุกร์ (13 ก.ย.) จำนวนผู้เดินทางเพิ่มขึ้นเป็น 1,868 ราย https://bernama.com/en/general/news.php?id=2340430
    BERNAMA.COM
    Congestion At National Border Gates Due To School Holiday Traffic
    Immigration, ICQS, border, tourists, vehicles, con
    Like
    3
    0 Comments 0 Shares 193 Views 0 Reviews
  • น้ำท่วมเร็วมากเพราะมวลน้ำมากมาจากเมียนมาร์!:

    ฟังผู้เชี่ยวชาญเรื่องน้ำท่วมหลายรอบนะครับ ฟังแล้วก็เบื่อ ไม่ว่าจะเป็นที่กรุงเทพฯ อุบลฯ ฯลฯ และล่าสุดก็คือเชียงราย เวลาให้สัมภาษณ์ พวกเขาจะบอกเหมือนกันว่า ‘น้ำมามาก น้ำมาเร็ว ใช้เวลาไม่นาน แล้วตั้งตัวไม่ทัน น้ำจึงท่วมมาก’ อีกนัยก็คือ ‘เห็นใจพวกผมหน่อย น้ำมามาก น้ำมาเร็ว พวกผมทำงานไม่ทัน’

    ผมเคยเขียนวิจารณ์หลายครั้งแล้วว่าน้ำจะมามากหรือน้อยไม่สำคัญ จะมาจากเมียนมาร์ ทิเบต ขั้วโลกเหนือหรือจากภูเขาหิมาลัยที่ประเทศเนปาลก็ไม่สำคัญ ที่สำคัญซึ่งในหลวงร.๙ ทรงรับสั่งหลายครั้งก็คือให้เตรียมทางน้ำ (flood way) ให้มวลน้ำใหลผ่านโดยสะดวก น้ำจะได้ไม่ท่วมขังนาน

    ผู้ว่าราชการจังหวัดทั้งหลายในขณะนี้ได้เตรียมทำทางน้ำไว้แล้วหรือยัง? จังหวัดต่างๆ ได้อนุมัติให้บริษัทอสังหาริมทรัพย์สร้างหมู่บ้านจัดสรรขวางทางน้ำหรือไม่? อนุมัติให้เจ้าสัวสร้างห้างสรรพสินค้าขวางทางน้ำหรือไม่? ฯลฯ ถ้าสร้างสิ่งกีดขวางทางน้ำ แล้วน้ำท่วมก็เหมาะสมแล้ว ประชาชนควรจะพากันเฉ่งผู้ว่าราชการจังหวัดของตนจึงจะถูก

    ฝนตกและทำให้มีน้ำมาก เป็นเรื่องปรกติธรรมดาของธรรมชาติ แต่ว่าทุกจังหวัดที่สุ่มเสี่ยงมากมักจะได้รับงบประมาณเพื่อเตรียมหาทางน้ำ ให้มวลน้ำที่มามากๆ ผ่านไปลงทะเลหรือแม่น้ำโขงโดยเร็วกันทั้งนั้น

    ต้องถามว่าผู้ว่าเมืองเชียงรายหลายยุคสมัยที่ผ่านมาไม่พากันเตรียมการหาทางน้ำให้มวลน้ำมากๆ ใหลผ่านโดยสะดวกเลยหรือ? น้ำจะได้ไม่ท่วมขังนาน งบประมาณเอาไปทำอะไรกันหมด?

    ตอนนี้ จังหวัดไหนที่น้ำสุ่มเสี่ยงจะท่วมและไม่อยากถูกน้ำท่วม ชาวบ้านทั้งหลายต้องหาไม้หน้าสามมาถือให้พร้อม แล้วพากันบุกไปถามผู้ว่าราชการจังหวัดที่ตนอยู่อาศัยเลยครับว่าเตรียมหาทางน้ำให้น้ำใหลผ่านได้สะดวกหรือยัง? ถ้ายังไม่ทำอะไรเลยก็แนะนำให้พากันลาออกไปเสียเถิด


    ปฐมพงษ์ โพธิ์ประสิทธินันท์
    น้ำท่วมเร็วมากเพราะมวลน้ำมากมาจากเมียนมาร์!: ฟังผู้เชี่ยวชาญเรื่องน้ำท่วมหลายรอบนะครับ ฟังแล้วก็เบื่อ ไม่ว่าจะเป็นที่กรุงเทพฯ อุบลฯ ฯลฯ และล่าสุดก็คือเชียงราย เวลาให้สัมภาษณ์ พวกเขาจะบอกเหมือนกันว่า ‘น้ำมามาก น้ำมาเร็ว ใช้เวลาไม่นาน แล้วตั้งตัวไม่ทัน น้ำจึงท่วมมาก’ อีกนัยก็คือ ‘เห็นใจพวกผมหน่อย น้ำมามาก น้ำมาเร็ว พวกผมทำงานไม่ทัน’ ผมเคยเขียนวิจารณ์หลายครั้งแล้วว่าน้ำจะมามากหรือน้อยไม่สำคัญ จะมาจากเมียนมาร์ ทิเบต ขั้วโลกเหนือหรือจากภูเขาหิมาลัยที่ประเทศเนปาลก็ไม่สำคัญ ที่สำคัญซึ่งในหลวงร.๙ ทรงรับสั่งหลายครั้งก็คือให้เตรียมทางน้ำ (flood way) ให้มวลน้ำใหลผ่านโดยสะดวก น้ำจะได้ไม่ท่วมขังนาน ผู้ว่าราชการจังหวัดทั้งหลายในขณะนี้ได้เตรียมทำทางน้ำไว้แล้วหรือยัง? จังหวัดต่างๆ ได้อนุมัติให้บริษัทอสังหาริมทรัพย์สร้างหมู่บ้านจัดสรรขวางทางน้ำหรือไม่? อนุมัติให้เจ้าสัวสร้างห้างสรรพสินค้าขวางทางน้ำหรือไม่? ฯลฯ ถ้าสร้างสิ่งกีดขวางทางน้ำ แล้วน้ำท่วมก็เหมาะสมแล้ว ประชาชนควรจะพากันเฉ่งผู้ว่าราชการจังหวัดของตนจึงจะถูก ฝนตกและทำให้มีน้ำมาก เป็นเรื่องปรกติธรรมดาของธรรมชาติ แต่ว่าทุกจังหวัดที่สุ่มเสี่ยงมากมักจะได้รับงบประมาณเพื่อเตรียมหาทางน้ำ ให้มวลน้ำที่มามากๆ ผ่านไปลงทะเลหรือแม่น้ำโขงโดยเร็วกันทั้งนั้น ต้องถามว่าผู้ว่าเมืองเชียงรายหลายยุคสมัยที่ผ่านมาไม่พากันเตรียมการหาทางน้ำให้มวลน้ำมากๆ ใหลผ่านโดยสะดวกเลยหรือ? น้ำจะได้ไม่ท่วมขังนาน งบประมาณเอาไปทำอะไรกันหมด? ตอนนี้ จังหวัดไหนที่น้ำสุ่มเสี่ยงจะท่วมและไม่อยากถูกน้ำท่วม ชาวบ้านทั้งหลายต้องหาไม้หน้าสามมาถือให้พร้อม แล้วพากันบุกไปถามผู้ว่าราชการจังหวัดที่ตนอยู่อาศัยเลยครับว่าเตรียมหาทางน้ำให้น้ำใหลผ่านได้สะดวกหรือยัง? ถ้ายังไม่ทำอะไรเลยก็แนะนำให้พากันลาออกไปเสียเถิด ปฐมพงษ์ โพธิ์ประสิทธินันท์
    1 Comments 0 Shares 165 Views 0 Reviews
  • สิ่งที่ควบคุมได้ยากที่สุดของมนุษย์
    ในเรื่องของการลงทุน นั่นคือ "ความโลภ"
    วันนี้แอดมิน เพจหุ้นติดดอย จะพาเพื่อนๆ
    มารู้ถึงเหตุผลที่ "ความโลภ" สามารถทำให้
    พอร์ตการลงทุน ของเราพังได้ ซึ่งมี 5 ข้อดังนี้

    1. การตัดสินใจที่ไม่รอบคอบ
    เมือถูกความโลภเข้าครอบงำ เรามักตัดสินใจลงทุน
    โดยใช้อารมณ์และไม่พิจารณาความเสี่ยงให้รอบคอบ
    รอบด้าน โดยเฉพาะการเข้าไปลงทุนในสินทรัพย์
    ที่มีความเสี่ยงสูง โดยหวังว่าจะได้ผลตอบแทนง่ายๆ
    ในระยะเวลาอันสั้นชั่วพริบตา แต่ผลปรากฏว่า
    เกิดการขาดทุนอย่างหนัก ตามมา

    2. การตามกระแส
    ความโลภ มักทำให้เราเกิดอาการลงทุนตามกระแส
    หรือ กลัวตกรถ โดยไม่ได้พิจารณาถึงราคา และ
    ปัจจัยพื้นฐานของหุ้นตัวนั้นๆ ว่าราคาได้ปรับตัวขึ้นไป
    สูงแล้วหรือไม่ เมือเราเข้าซื้อในช่วงราคาสูงๆ
    เมื่อสถานการณ์เปลี่ยน และเกิดแรงขายที่รุนแรง
    ตามมา จะส่งผลให้เราขาดทุนหนักได้

    3. การถือครองสินทรัพย์ที่ขาดปัจจัยพื้นฐานสนับสนุน
    ด้วยความโลภ เราจึงมักเข้าซื้อสินทรัพย์ที่ไม่มีปัจจัย
    พื้นฐานมาสนับสนุน เพราะมองเพียงว่า จะได้กำไร
    ในสินทรัพย์นั้นๆ ได้ง่ายๆ แต่ส่วนมากแล้วกับประสบปัญหา
    การขาดทุนตามมา

    4. การไม่พิจารณาความเสี่ยง
    เพราะความโลภ จึงทำให้เราเข้าลงทุน ในสินทรัพย์ใดๆ
    โดยไม่พิจารณาความเสี่ยงให้รอบคอบ เช่น หุ้นตัวนั้น
    มีราคาปรับตัวสูงขึ้นมากกว่า ปัจจัยพื้นฐานรองรับ
    เช่น มีกำไรสุทธินิดเดียว แต่ราคาปรับตัวสูงขึ้น
    มากกว่า 50% เป็นต้น ซึ่งเมื่อเราเข้าไปซื้อ
    ราคามักเกิดการเทขายทำกำไรออกมา
    ส่งผลให้เราขาดทุนได้

    5. การขาดการวางแผน
    การลงทุนที่ใช้ความโลภ เป็นตัวขับเคลื่อน
    มักจะไม่มีเป้าหมาย ไม่มีแผนการที่ชัดเจน และ
    ขาดความรอบคอบ ขาดความระมัดระวังในการลงทุน
    รวมทั้ง ไม่มีการจัดพอร์ตการลงทุนที่เหมาะสม
    ทำให้พอร์ตการลงทุนมีความเสี่ยงสูง และ
    พังได้ จากการขาดทุนหนัก เมื่อเข้าลงทุน
    ในสิ่งที่ไม่ได้ศึกษาให้รอบด้านก่อน

    นี่ก็เป็นเพียงตัวอย่าง 5 เหตุผล
    ที่ความโลภทำให้พอร์ตการลงทุน
    ของเราพังได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็ยังมีอีกหลายๆ
    ปัจจัยประกอบร่วมด้วย ที่ทำให้พอร์ตการลงทุน
    ของเราเสียหาย ดังนั้นก่อนการลงทุนทุกครั้ง
    เราควรลงทุนโดยใช้ความรู้ มีสติ ไม่ถูกครอบงำ
    ด้วยความโลภ ก็จะสามารถทำให้พอร์ตการลงทุน
    ของเราปลอดภัยมากยิ่งขึ้นได้ครับ

    #หุ้นติดดอย #การลงทุน #ความโลภ #thaitimes
    🔥🔥สิ่งที่ควบคุมได้ยากที่สุดของมนุษย์ ในเรื่องของการลงทุน นั่นคือ "ความโลภ" วันนี้แอดมิน เพจหุ้นติดดอย จะพาเพื่อนๆ มารู้ถึงเหตุผลที่ "ความโลภ" สามารถทำให้ พอร์ตการลงทุน ของเราพังได้ ซึ่งมี 5 ข้อดังนี้ 🚩1. การตัดสินใจที่ไม่รอบคอบ เมือถูกความโลภเข้าครอบงำ เรามักตัดสินใจลงทุน โดยใช้อารมณ์และไม่พิจารณาความเสี่ยงให้รอบคอบ รอบด้าน โดยเฉพาะการเข้าไปลงทุนในสินทรัพย์ ที่มีความเสี่ยงสูง โดยหวังว่าจะได้ผลตอบแทนง่ายๆ ในระยะเวลาอันสั้นชั่วพริบตา แต่ผลปรากฏว่า เกิดการขาดทุนอย่างหนัก ตามมา 🚩2. การตามกระแส ความโลภ มักทำให้เราเกิดอาการลงทุนตามกระแส หรือ กลัวตกรถ โดยไม่ได้พิจารณาถึงราคา และ ปัจจัยพื้นฐานของหุ้นตัวนั้นๆ ว่าราคาได้ปรับตัวขึ้นไป สูงแล้วหรือไม่ เมือเราเข้าซื้อในช่วงราคาสูงๆ เมื่อสถานการณ์เปลี่ยน และเกิดแรงขายที่รุนแรง ตามมา จะส่งผลให้เราขาดทุนหนักได้ 🚩3. การถือครองสินทรัพย์ที่ขาดปัจจัยพื้นฐานสนับสนุน ด้วยความโลภ เราจึงมักเข้าซื้อสินทรัพย์ที่ไม่มีปัจจัย พื้นฐานมาสนับสนุน เพราะมองเพียงว่า จะได้กำไร ในสินทรัพย์นั้นๆ ได้ง่ายๆ แต่ส่วนมากแล้วกับประสบปัญหา การขาดทุนตามมา 🚩4. การไม่พิจารณาความเสี่ยง เพราะความโลภ จึงทำให้เราเข้าลงทุน ในสินทรัพย์ใดๆ โดยไม่พิจารณาความเสี่ยงให้รอบคอบ เช่น หุ้นตัวนั้น มีราคาปรับตัวสูงขึ้นมากกว่า ปัจจัยพื้นฐานรองรับ เช่น มีกำไรสุทธินิดเดียว แต่ราคาปรับตัวสูงขึ้น มากกว่า 50% เป็นต้น ซึ่งเมื่อเราเข้าไปซื้อ ราคามักเกิดการเทขายทำกำไรออกมา ส่งผลให้เราขาดทุนได้ 🚩5. การขาดการวางแผน การลงทุนที่ใช้ความโลภ เป็นตัวขับเคลื่อน มักจะไม่มีเป้าหมาย ไม่มีแผนการที่ชัดเจน และ ขาดความรอบคอบ ขาดความระมัดระวังในการลงทุน รวมทั้ง ไม่มีการจัดพอร์ตการลงทุนที่เหมาะสม ทำให้พอร์ตการลงทุนมีความเสี่ยงสูง และ พังได้ จากการขาดทุนหนัก เมื่อเข้าลงทุน ในสิ่งที่ไม่ได้ศึกษาให้รอบด้านก่อน 🚩นี่ก็เป็นเพียงตัวอย่าง 5 เหตุผล ที่ความโลภทำให้พอร์ตการลงทุน ของเราพังได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็ยังมีอีกหลายๆ ปัจจัยประกอบร่วมด้วย ที่ทำให้พอร์ตการลงทุน ของเราเสียหาย ดังนั้นก่อนการลงทุนทุกครั้ง เราควรลงทุนโดยใช้ความรู้ มีสติ ไม่ถูกครอบงำ ด้วยความโลภ ก็จะสามารถทำให้พอร์ตการลงทุน ของเราปลอดภัยมากยิ่งขึ้นได้ครับ #หุ้นติดดอย #การลงทุน #ความโลภ #thaitimes
    0 Comments 0 Shares 717 Views 277 0 Reviews
  • สิ่งที่ควบคุมได้ยากที่สุดของมนุษย์
    ในเรื่องของการลงทุน นั่นคือ "ความโลภ"
    วันนี้แอดมิน เพจหุ้นติดดอย จะพาเพื่อนๆ
    มารู้ถึงเหตุผลที่ "ความโลภ" สามารถทำให้
    พอร์ตการลงทุน ของเราพังได้ ซึ่งมี 5 ข้อดังนี้

    1. การตัดสินใจที่ไม่รอบคอบ
    เมือถูกความโลภเข้าครอบงำ เรามักตัดสินใจลงทุน
    โดยใช้อารมณ์และไม่พิจารณาความเสี่ยงให้รอบคอบ
    รอบด้าน โดยเฉพาะการเข้าไปลงทุนในสินทรัพย์
    ที่มีความเสี่ยงสูง โดยหวังว่าจะได้ผลตอบแทนง่ายๆ
    ในระยะเวลาอันสั้นชั่วพริบตา แต่ผลปรากฏว่า
    เกิดการขาดทุนอย่างหนัก ตามมา

    2. การตามกระแส
    ความโลภ มักทำให้เราเกิดอาการลงทุนตามกระแส
    หรือ กลัวตกรถ โดยไม่ได้พิจารณาถึงราคา และ
    ปัจจัยพื้นฐานของหุ้นตัวนั้นๆ ว่าราคาได้ปรับตัวขึ้นไป
    สูงแล้วหรือไม่ เมือเราเข้าซื้อในช่วงราคาสูงๆ
    เมื่อสถานการณ์เปลี่ยน และเกิดแรงขายที่รุนแรง
    ตามมา จะส่งผลให้เราขาดทุนหนักได้

    3. การถือครองสินทรัพย์ที่ขาดปัจจัยพื้นฐานสนับสนุน
    ด้วยความโลภ เราจึงมักเข้าซื้อสินทรัพย์ที่ไม่มีปัจจัย
    พื้นฐานมาสนับสนุน เพราะมองเพียงว่า จะได้กำไร
    ในสินทรัพย์นั้นๆ ได้ง่ายๆ แต่ส่วนมากแล้วกับประสบปัญหา
    การขาดทุนตามมา

    4. การไม่พิจารณาความเสี่ยง
    เพราะความโลภ จึงทำให้เราเข้าลงทุน ในสินทรัพย์ใดๆ
    โดยไม่พิจารณาความเสี่ยงให้รอบคอบ เช่น หุ้นตัวนั้น
    มีราคาปรับตัวสูงขึ้นมากกว่า ปัจจัยพื้นฐานรองรับ
    เช่น มีกำไรสุทธินิดเดียว แต่ราคาปรับตัวสูงขึ้น
    มากกว่า 50% เป็นต้น ซึ่งเมื่อเราเข้าไปซื้อ
    ราคามักเกิดการเทขายทำกำไรออกมา
    ส่งผลให้เราขาดทุนได้

    5. การขาดการวางแผน
    การลงทุนที่ใช้ความโลภ เป็นตัวขับเคลื่อน
    มักจะไม่มีเป้าหมาย ไม่มีแผนการที่ชัดเจน และ
    ขาดความรอบคอบ ขาดความระมัดระวังในการลงทุน
    รวมทั้ง ไม่มีการจัดพอร์ตการลงทุนที่เหมาะสม
    ทำให้พอร์ตการลงทุนมีความเสี่ยงสูง และ
    พังได้ จากการขาดทุนหนัก เมื่อเข้าลงทุน
    ในสิ่งที่ไม่ได้ศึกษาให้รอบด้านก่อน

    นี่ก็เป็นเพียงตัวอย่าง 5 เหตุผล
    ที่ความโลภทำให้พอร์ตการลงทุน
    ของเราพังได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็ยังมีอีกหลายๆ
    ปัจจัยประกอบร่วมด้วย ที่ทำให้พอร์ตการลงทุน
    ของเราเสียหาย ดังนั้นก่อนการลงทุนทุกครั้ง
    เราควรลงทุนโดยใช้ความรู้ มีสติ ไม่ถูกครอบงำ
    ด้วยความโลภ ก็จะสามารถทำให้พอร์ตการลงทุน
    ของเราปลอดภัยมากยิ่งขึ้นได้ครับ

    #หุ้นติดดอย #การลงทุน #ความโลภ #thaitimes
    🔥🔥สิ่งที่ควบคุมได้ยากที่สุดของมนุษย์ ในเรื่องของการลงทุน นั่นคือ "ความโลภ" วันนี้แอดมิน เพจหุ้นติดดอย จะพาเพื่อนๆ มารู้ถึงเหตุผลที่ "ความโลภ" สามารถทำให้ พอร์ตการลงทุน ของเราพังได้ ซึ่งมี 5 ข้อดังนี้ 🚩1. การตัดสินใจที่ไม่รอบคอบ เมือถูกความโลภเข้าครอบงำ เรามักตัดสินใจลงทุน โดยใช้อารมณ์และไม่พิจารณาความเสี่ยงให้รอบคอบ รอบด้าน โดยเฉพาะการเข้าไปลงทุนในสินทรัพย์ ที่มีความเสี่ยงสูง โดยหวังว่าจะได้ผลตอบแทนง่ายๆ ในระยะเวลาอันสั้นชั่วพริบตา แต่ผลปรากฏว่า เกิดการขาดทุนอย่างหนัก ตามมา 🚩2. การตามกระแส ความโลภ มักทำให้เราเกิดอาการลงทุนตามกระแส หรือ กลัวตกรถ โดยไม่ได้พิจารณาถึงราคา และ ปัจจัยพื้นฐานของหุ้นตัวนั้นๆ ว่าราคาได้ปรับตัวขึ้นไป สูงแล้วหรือไม่ เมือเราเข้าซื้อในช่วงราคาสูงๆ เมื่อสถานการณ์เปลี่ยน และเกิดแรงขายที่รุนแรง ตามมา จะส่งผลให้เราขาดทุนหนักได้ 🚩3. การถือครองสินทรัพย์ที่ขาดปัจจัยพื้นฐานสนับสนุน ด้วยความโลภ เราจึงมักเข้าซื้อสินทรัพย์ที่ไม่มีปัจจัย พื้นฐานมาสนับสนุน เพราะมองเพียงว่า จะได้กำไร ในสินทรัพย์นั้นๆ ได้ง่ายๆ แต่ส่วนมากแล้วกับประสบปัญหา การขาดทุนตามมา 🚩4. การไม่พิจารณาความเสี่ยง เพราะความโลภ จึงทำให้เราเข้าลงทุน ในสินทรัพย์ใดๆ โดยไม่พิจารณาความเสี่ยงให้รอบคอบ เช่น หุ้นตัวนั้น มีราคาปรับตัวสูงขึ้นมากกว่า ปัจจัยพื้นฐานรองรับ เช่น มีกำไรสุทธินิดเดียว แต่ราคาปรับตัวสูงขึ้น มากกว่า 50% เป็นต้น ซึ่งเมื่อเราเข้าไปซื้อ ราคามักเกิดการเทขายทำกำไรออกมา ส่งผลให้เราขาดทุนได้ 🚩5. การขาดการวางแผน การลงทุนที่ใช้ความโลภ เป็นตัวขับเคลื่อน มักจะไม่มีเป้าหมาย ไม่มีแผนการที่ชัดเจน และ ขาดความรอบคอบ ขาดความระมัดระวังในการลงทุน รวมทั้ง ไม่มีการจัดพอร์ตการลงทุนที่เหมาะสม ทำให้พอร์ตการลงทุนมีความเสี่ยงสูง และ พังได้ จากการขาดทุนหนัก เมื่อเข้าลงทุน ในสิ่งที่ไม่ได้ศึกษาให้รอบด้านก่อน 🚩นี่ก็เป็นเพียงตัวอย่าง 5 เหตุผล ที่ความโลภทำให้พอร์ตการลงทุน ของเราพังได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็ยังมีอีกหลายๆ ปัจจัยประกอบร่วมด้วย ที่ทำให้พอร์ตการลงทุน ของเราเสียหาย ดังนั้นก่อนการลงทุนทุกครั้ง เราควรลงทุนโดยใช้ความรู้ มีสติ ไม่ถูกครอบงำ ด้วยความโลภ ก็จะสามารถทำให้พอร์ตการลงทุน ของเราปลอดภัยมากยิ่งขึ้นได้ครับ #หุ้นติดดอย #การลงทุน #ความโลภ #thaitimes
    0 Comments 0 Shares 641 Views 0 Reviews
  • มีปัญหาเรื่องแว่นสายตาใช่ไม๊ครับ? ใส่แล้วมึน, ไม่สบายตา, ตึงตา, ปวดกระบอกตา
    อยากได้แว่นโปรเกรสซีฟดีๆ ใส่แล้วสบายตา เราช่วยได้ครับ
    คลินิกแว่นตา HighⓃoptic มีนักทัศนมาตร เก่งๆ ค่อยแก้ปัญหานี้ให้คุณ ได้แว่นสายตาที่เหมาะสมกับคุณ ใส่แล้วสบายตา ไม่มึน ไม่ตึง ไม่ปวดกระบอกตา
    โทรเลยนัดเลยครับ เรามีนักทัศนมาตรเก่งๆ ประจำที่ร้านทุกวัน
    ▪︎ สาขากทม. 083-058-1370
    ▪︎ สาขาขอนแก่น. 065-584-4561

    ลิงค์ เวปไซด์,เฟสบุ๊ค และ ไลด์ร้านค้า ของ คลินิกแว่นตา HighⓃoptic
    1. FB สาขา กทม. https://www.facebook.com/Highnoptic/
    2. FB ร้าน ขอนแก่น https://www.facebook.com/ByDoctorOptometry?mibextid=ZbWKwL

    3. ลิงค์ Website https://www.highnoptic.com
    4. FB กลุ่ม https://www.facebook.com/groups/264105027487603/
    5. เพิ่มเพื่อนไลด์ร้าน HighⓃoptic https://lin.ee/N4FyIcBH

    #Highnoptic #นักทัศนมาตร #หมอสายตา #หมอเติมทรัพย์ #หมอแบงค์ #แว่นตาสะพานใหม่ #แว่นตาขอนแก่น #แว่นตาสายไหม #แว่นตารามอินทรา #แว่นตาดอนเมือง #ร้านแว่นใกล้ฉัน
    ✴️ มีปัญหาเรื่องแว่นสายตาใช่ไม๊ครับ? ใส่แล้วมึน, ไม่สบายตา, ตึงตา, ปวดกระบอกตา 📌อยากได้แว่นโปรเกรสซีฟดีๆ ใส่แล้วสบายตา เราช่วยได้ครับ 📌คลินิกแว่นตา HighⓃoptic มีนักทัศนมาตร เก่งๆ ค่อยแก้ปัญหานี้ให้คุณ ได้แว่นสายตาที่เหมาะสมกับคุณ ใส่แล้วสบายตา ไม่มึน ไม่ตึง ไม่ปวดกระบอกตา 📌โทรเลยนัดเลยครับ เรามีนักทัศนมาตรเก่งๆ ประจำที่ร้านทุกวัน ▪︎ สาขากทม. 083-058-1370 ▪︎ สาขาขอนแก่น. 065-584-4561 ▶️ลิงค์ เวปไซด์,เฟสบุ๊ค และ ไลด์ร้านค้า ของ คลินิกแว่นตา HighⓃoptic ▶️1. FB สาขา กทม. https://www.facebook.com/Highnoptic/ ▶️2. FB ร้าน ขอนแก่น https://www.facebook.com/ByDoctorOptometry?mibextid=ZbWKwL ▶️3. ลิงค์ Website https://www.highnoptic.com ▶️4. FB กลุ่ม https://www.facebook.com/groups/264105027487603/ ▶️5. เพิ่มเพื่อนไลด์ร้าน HighⓃoptic https://lin.ee/N4FyIcBH #Highnoptic #นักทัศนมาตร #หมอสายตา #หมอเติมทรัพย์ #หมอแบงค์ #แว่นตาสะพานใหม่ #แว่นตาขอนแก่น #แว่นตาสายไหม #แว่นตารามอินทรา #แว่นตาดอนเมือง #ร้านแว่นใกล้ฉัน
    0 Comments 0 Shares 115 Views 0 Reviews
  • EP2,

    เบอร์มือถือที่มีเลขดี เลขเสีย ของแต่ละคนที่เกิดแต่ละวันต่างกัน ต้องดูเป็นเฉพาะรายไป ไม่ใช่ว่าทุกคนใช้แล้วจะให้ผลเหมือนกันหมด ...ยกตัวอย่าง เพื่อนสนิทคนนึง เจริญเติบโต ทางธุรกิจมาด้วย เลข 08* 6333613 ก็รับรู้ชีวิตเขามาตลอด เลข 3 คือเลขของนักรบ แล้วดันมีเสียเยอะตัว แล้วยังลงท้ายด้วยเลขเสีย คือ 13 อีก ทีนี้ก็ต่อสู้ฟาดฟัน ใช้เล่ห์เลี่ยมชั้นเชิง หักกันในทางธุรกิจตลอดเวลา แต่ถามว่าได้เงินไหม..ตอบว่าได้..แต่โคตรเหนื่อย และศัตรูเพียบ. คือ การ์ดตกเมื่อใด ก็ร่วง..และ 20 ปีผ่านไป วันนั้นก็มาถึง จากคนมีร้อยล้าน กลายเป็นหมดตัว ถูกโกง ชักจูงไปในสิ่งไม่ดี คดีความเต็มไปหมด เพราะ เปลี่ยนไปใช้เบอร์ที่เขาเรียกกันว่า มังกร 789 ซื้อเบอร์มา 3 หมื่น แต่หมดไปเป็นร้อยล้าน .ใครจะคิดว่าคนที่มั่นคงมาตลอด 20 ปี จะร่วงได้...ถึงได้เขียนไปใน EP 1 ว่า เลขดีเลขเสีย แต่ละคนไม่เหมือนกัน ต้องดูตามวันเกิด. เลขสวยๆ เช่นเลข Four เลข five สวยจริง แต่พลังมันมากไป (ผู้เขียนประสบมาแล้ว)..อะไรที่มากไปมักไม่ดี ต้องให้ตัวเลขให้เกิดพลังสมดุล เหมาะสมกับผู้ใช้เฉพาะคนที่เกิดแต่ละวัน ชาย หรือหญิง อาชีพอะไร.....
    เลขคู่เสียอย่าให้มี ผลรวมต้องดี
    __ต่อ Ep3
    EP2, เบอร์มือถือที่มีเลขดี เลขเสีย ของแต่ละคนที่เกิดแต่ละวันต่างกัน ต้องดูเป็นเฉพาะรายไป ไม่ใช่ว่าทุกคนใช้แล้วจะให้ผลเหมือนกันหมด ...ยกตัวอย่าง เพื่อนสนิทคนนึง เจริญเติบโต ทางธุรกิจมาด้วย เลข 08* 6333613 ก็รับรู้ชีวิตเขามาตลอด เลข 3 คือเลขของนักรบ แล้วดันมีเสียเยอะตัว แล้วยังลงท้ายด้วยเลขเสีย คือ 13 อีก ทีนี้ก็ต่อสู้ฟาดฟัน ใช้เล่ห์เลี่ยมชั้นเชิง หักกันในทางธุรกิจตลอดเวลา แต่ถามว่าได้เงินไหม..ตอบว่าได้..แต่โคตรเหนื่อย และศัตรูเพียบ. คือ การ์ดตกเมื่อใด ก็ร่วง..และ 20 ปีผ่านไป วันนั้นก็มาถึง จากคนมีร้อยล้าน กลายเป็นหมดตัว ถูกโกง ชักจูงไปในสิ่งไม่ดี คดีความเต็มไปหมด เพราะ เปลี่ยนไปใช้เบอร์ที่เขาเรียกกันว่า มังกร 789 ซื้อเบอร์มา 3 หมื่น แต่หมดไปเป็นร้อยล้าน .ใครจะคิดว่าคนที่มั่นคงมาตลอด 20 ปี จะร่วงได้...ถึงได้เขียนไปใน EP 1 ว่า เลขดีเลขเสีย แต่ละคนไม่เหมือนกัน ต้องดูตามวันเกิด. เลขสวยๆ เช่นเลข Four เลข five สวยจริง แต่พลังมันมากไป (ผู้เขียนประสบมาแล้ว)..อะไรที่มากไปมักไม่ดี ต้องให้ตัวเลขให้เกิดพลังสมดุล เหมาะสมกับผู้ใช้เฉพาะคนที่เกิดแต่ละวัน ชาย หรือหญิง อาชีพอะไร..... เลขคู่เสียอย่าให้มี ผลรวมต้องดี __ต่อ Ep3
    0 Comments 0 Shares 105 Views 0 Reviews
  • สส.ฉัตร สุภัทรวณิชย์ อภิปรายหารือประธานสภา 11 กย. 67

    1. บ่อขยะ - รถเครื่องจักรไถกลบขยะ เมืองโคราช :
    เร่งแก้ไขปัญหารถเครื่องจักร รถแทรคเตอร์, แทคโคร, รถน้ำ ทั้ง 3 คันที่ใช้ในบ่อขยะ ซึ่งเทศบาลนคร นครราชสีมา ดูแลรับผิดชอบอยู่ ใช้งานมานานกว่า 20 ปีและชำรุดพังหมดแล้ว ปัจจุบันใช้รถนอก 2 คัน แต่ตกบ่อขยะไปแล้ว 1 ยังกู้ขึ้นมาจากบ่อไม่ได้ เหลือเพียงคันเดียวที่เจ้าของขับเองโดยไม่มีประสบการณ์ ไม่ชำนาญการปรับเกลี่ยขยะ ขอให้ ทน.นม. เร่งพิจารณาจัดซื้อจัดจ้างอย่างเหมาะสมเพื่อแก้ไขปัญหาโดยด่วน

    2. การก่อสร้างปรับปรุงภูมิทัศน์ ลำตะคอง : ภูมิทัศน์ที่ต้องการ "คลองชองเกยซอน" ปัจจุบันแปรเป็น คลองชอง "เก๊" ซอน การก่อสร้างคลุมเครือตั้งแต่ต้น ชาวบ้านถามหาการทำประชาพิจารณ์, การขออนุญาตกรมเจ้าท่า / กรมชลประทาน จวบจนปัจจุบันการก่อสร้างยังไม่แล้วเสร็จ ยืดเยื้อเรื้อรังเกินจากระยะเวลาที่ติดป้ายเอาไว้ คนโคราชกังวลช่วงนี้ฝนตกหนักเรื่อยๆ เกรงกีดขวางทางระบายน้ำ โครงการนี้ทำให้ลำน้ำแแคบ ตื้นเขิน สร้างเสร็จแล้วหน่วยงานใดจะรับผิดชอบดูแลในอนาคต

    3. ฟุตบาท : การก่อสร้างซ่อมแซมฟุตบาท ทุบของเก่าแล้วสร้างของใหม่ทับ เป็นเหตุให้การระบายน้ำในเมืองติดขัดหรือไม่ ? มีการเปิดฝาท่อ - หลุม ขนาดใหญ่โดยมีเพียงเชือกมากั้นล้อมเอาไว้ กลัวว่าจะทำให้เด็กนักเรียน ชาวบ้าน เดินตกท่อได้

    4. ร้านค้า ตึกแถว อาคารในเมืองที่ปิด - หยุดกิจการ ในตัวเมืองโคราชจำนวนมาก หลายแห่งปิดประตูทางเข้าไว้ เมื่อฝนตกเกิดน้ำท่วมขัง เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ยุง และทำให้ภูมิทัศน์เมืองไม่สวยงาม ไม่มีระเบียบ ขอให้ทางเทศบาลประสานเจ้าของอาคารแก้ไขปัญหาโดยด่วน

    5. เมื่อคืนมีฝนตกหนักในพื้นที่จังหวัดเชียงราย เกิดน้ำท่วมหนักฉับพลันในหลายพื้นที่ หลายอำเภอ ขอหารือให้ทุกหน่วยงานของจังหวัดที่เกี่ยวข้องได้เร่งให้ความช่วยเหลือพี่น้องประชาชนชาวเชียงรายโดยด่วน
    🔻สส.ฉัตร สุภัทรวณิชย์ อภิปรายหารือประธานสภา 11 กย. 67 1. บ่อขยะ - รถเครื่องจักรไถกลบขยะ เมืองโคราช : เร่งแก้ไขปัญหารถเครื่องจักร รถแทรคเตอร์, แทคโคร, รถน้ำ ทั้ง 3 คันที่ใช้ในบ่อขยะ ซึ่งเทศบาลนคร นครราชสีมา ดูแลรับผิดชอบอยู่ ใช้งานมานานกว่า 20 ปีและชำรุดพังหมดแล้ว ปัจจุบันใช้รถนอก 2 คัน แต่ตกบ่อขยะไปแล้ว 1 ยังกู้ขึ้นมาจากบ่อไม่ได้ เหลือเพียงคันเดียวที่เจ้าของขับเองโดยไม่มีประสบการณ์ ไม่ชำนาญการปรับเกลี่ยขยะ ขอให้ ทน.นม. เร่งพิจารณาจัดซื้อจัดจ้างอย่างเหมาะสมเพื่อแก้ไขปัญหาโดยด่วน 2. การก่อสร้างปรับปรุงภูมิทัศน์ ลำตะคอง : ภูมิทัศน์ที่ต้องการ "คลองชองเกยซอน" ปัจจุบันแปรเป็น คลองชอง "เก๊" ซอน การก่อสร้างคลุมเครือตั้งแต่ต้น ชาวบ้านถามหาการทำประชาพิจารณ์, การขออนุญาตกรมเจ้าท่า / กรมชลประทาน จวบจนปัจจุบันการก่อสร้างยังไม่แล้วเสร็จ ยืดเยื้อเรื้อรังเกินจากระยะเวลาที่ติดป้ายเอาไว้ คนโคราชกังวลช่วงนี้ฝนตกหนักเรื่อยๆ เกรงกีดขวางทางระบายน้ำ โครงการนี้ทำให้ลำน้ำแแคบ ตื้นเขิน สร้างเสร็จแล้วหน่วยงานใดจะรับผิดชอบดูแลในอนาคต 3. ฟุตบาท : การก่อสร้างซ่อมแซมฟุตบาท ทุบของเก่าแล้วสร้างของใหม่ทับ เป็นเหตุให้การระบายน้ำในเมืองติดขัดหรือไม่ ? มีการเปิดฝาท่อ - หลุม ขนาดใหญ่โดยมีเพียงเชือกมากั้นล้อมเอาไว้ กลัวว่าจะทำให้เด็กนักเรียน ชาวบ้าน เดินตกท่อได้ 4. ร้านค้า ตึกแถว อาคารในเมืองที่ปิด - หยุดกิจการ ในตัวเมืองโคราชจำนวนมาก หลายแห่งปิดประตูทางเข้าไว้ เมื่อฝนตกเกิดน้ำท่วมขัง เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ยุง และทำให้ภูมิทัศน์เมืองไม่สวยงาม ไม่มีระเบียบ ขอให้ทางเทศบาลประสานเจ้าของอาคารแก้ไขปัญหาโดยด่วน 5. เมื่อคืนมีฝนตกหนักในพื้นที่จังหวัดเชียงราย เกิดน้ำท่วมหนักฉับพลันในหลายพื้นที่ หลายอำเภอ ขอหารือให้ทุกหน่วยงานของจังหวัดที่เกี่ยวข้องได้เร่งให้ความช่วยเหลือพี่น้องประชาชนชาวเชียงรายโดยด่วน
    0 Comments 0 Shares 173 Views 14 0 Reviews

  • “กราฟีนออกไซด์ในสมอง” : https://www.materialstoday.com/.../graphene-oxide-on-the...
    “ความเป็นพิษของกราฟีนทำให้เกิดกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ” (การอักเสบของหัวใจ) : https://www.sciencedirect.com/.../pii/S2352940718302853
    “ZEN Graphene Solutions ประกาศสิทธิแต่เพียงผู้เดียวทั่วโลกในการจำหน่ายเทคโนโลยีการทดสอบแอนติเจน COVID-19 ที่ใช้น้ำลายอย่างรวดเร็ว” : https://www.zengraphene.com/zen-graphene-solutions... -เทคโนโลยีการทดสอบแอนติเจนจากน้ำลายที่ใช้เชื้อโควิด-19/
    “Health Canada ออกคำแนะนำสำหรับมาสก์หน้าที่มีกราฟีน” : https://www.ctvnews.ca/.../health-canada-issues-advisory...
    สิทธิบัตร: “ท่อนาโนคาร์บอนไลโอฟิไลซ์/ตัวกรองบุหรี่แบบดัดแปลงกราฟีนออกไซด์…” – https://www.sciencedirect.com/.../abs/pii/S1385894715007937
    สิทธิบัตร: “เครื่องกรองควันบุหรี่จากกราฟีน…” – https://patents.google.com/patent/WO2017187453A1/en
    “วัคซีนไฟเซอร์ 'ประกอบด้วยกราฟีนออกไซด์ 99% หลังการวิเคราะห์ด้วยกล้องจุลทรรศน์อิเล็กตรอน” : https://stateofthenation.co/?p=71587
    “กราฟีนออกไซด์ในบรรจุภัณฑ์อาหาร” – https://www.go-graphene.com/.../graphene-oxide-in-food...
    “ความเป็นพิษของอนุภาคนาโนในตระกูลกราฟีน: การทบทวนแหล่งกำเนิดและกลไกทั่วไป” : https://particleandfibretoxicology.biomedcentral.com/... ( สำเนาในเครื่อง )
    “คุณลักษณะความถี่วิทยุของกราฟีนออกไซด์” – https://www.researchgate.net/.../234845171_Radio...
    “โปรตีน 'Magneto' ที่ได้รับการดัดแปลงพันธุกรรมควบคุมสมองและพฤติกรรมจากระยะไกล” – https://www.theguardian.com/.../magneto-remotely-controls...
    “แผ่นนาโนกราฟีนที่พบในน้ำฝน” – https://zerogeoengineering.com/.../graphene-nanosheets.../
    “รายงานโรงพยาบาล Barbastro” – https://nobulart.com/.../09/Hospital-de-Barbastro-Huesca.pdf ( สำเนาท้องถิ่น ) ( อังกฤษ )
    “ประสิทธิภาพทางชีวภาพของกราฟีนออกไซด์ทั้งภายในและภายนอกร่างกายและผลกระทบของสารลดแรงตึงผิวที่มีต่อความเข้ากันได้ทางชีวภาพของกราฟีนออกไซด์” – https://www.sciencedirect.com/.../abs/pii/S1001074212602526
    “การกำจัดสารกำจัดวัชพืช 2,4-D, ไกลโฟเสต, ไตรฟลูราลิน และบิวทาคลอร์ออกจากน้ำโดยเยื่อโพลีซัลโฟนที่ผสมด้วยแกรฟีนออกไซด์/TiO2 นาโนคอมโพสิต: การศึกษาการกรองและการดูดซับเป็นชุด” – https://www.ncbi.nlm.nih.gov /pmc/articles/PMC6582012/
    “นาโนเทคโนโลยี: เครื่องมือใหม่สำหรับชีววิทยาและการแพทย์” – https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC3841729/
    “กราฟีนออกไซด์สัมผัสเลือด: ปฏิสัมพันธ์ในร่างกายของวัสดุ 2 มิติชีวภาพที่มีโคโรนา” – https://pubs.rsc.org/.../articlehtml/2019/nh/c8nh00318a
    “ความเป็นพิษของอนุภาคนาโนกราฟีนออกไซด์ปริมาณต่ำในแบบจำลอง Caenorhabditis elegans ในร่างกาย” – https://aaqr.org/articles/aaqr-20-09-oa-0559
    “วัคซีนรีคอมบิแนนท์นาโนไวรัสโคโรนาที่ใช้กราฟีนออกไซด์เป็นพาหะ” – https://patents.google.com/patent/CN112220919A/th
    “วิธีที่ INBRAIN Neuroelectronics พัฒนาประสาทเทียมที่ใช้กราฟีน” – https://www.medicaldevice-network.com/.../inbrain.../
    “วัคซีน COVID-19 ของสหรัฐฯ ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าก่อให้เกิดอันตรายมากกว่าผลดี จากข้อมูลการทดลองทางคลินิกที่สำคัญซึ่งวิเคราะห์โดยใช้จุดสิ้นสุดทางวิทยาศาสตร์ที่เหมาะสม ล้วนก่อให้เกิดการเจ็บป่วยที่รุนแรง” – https://www.scivisionpub.com/pdfs/us-covid19-vaccines- พิสูจน์แล้วว่าก่อให้เกิดผลเสียมากกว่าผลดีตามผลการทดลองทางคลินิกข้อมูลวิเคราะห์โดยใช้วิทยาศาสตร์ที่เหมาะสม 1811.pdf
    “Moderna กล่าวว่าวัคซีน COVID ที่ส่งไปยังญี่ปุ่นมีอนุภาคเหล็กกล้าไร้สนิม” – https://japantoday.com/.../moderna-says-tainted-covid...
    “ HCG ที่พบในวัคซีนบาดทะยักของ WHO ในเคนยาทำให้เกิดความกังวลในประเทศกำลังพัฒนา ” – https://www.scirp.org/journal/paperinformation.aspx...
    “วัคซีนบาดทะยักอาจผสมยาต้านการเจริญพันธุ์” – https://pubmed.ncbi.nlm.nih.gov/12346214/
    “วัคซีนต่อต้านการเจริญพันธุ์” – https://pubmed.ncbi.nlm.nih.gov/2665354/
    “อุทยานเทคโนโลยีชีวภาพ: จีนสู่อนาคตหน้า” (2554) – https://www.asiabiotech.com/15/1503/0034_0039.pdf
    “กรณีหายากของกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบเชื่อมโยงกับวัคซีน Pfizer, Moderna Covid-19 หรือไม่” – https://www.forbes.com/.../are-rare-cases-of-myocarditis.../
    “Trypanosoma Cruzi Experimental Infections และ COVID-19:ที่คล้ายกันกับโรคหลอดเลือดหัวใจ?” – https://biomedgrid.com/pdf/AJBSR.MS.ID.001832.pdf
    “เราได้ยินมาว่าการรักษาไม่ได้ช่วยอะไร แล้วทำไมเราต้องรักษาด้วยล่ะ? มุมมองวิธีการแบบผสมผสานเกี่ยวกับความรู้เรื่องโรค Chagas ทัศนคติ การป้องกัน และพฤติกรรมการรักษาในชาโคโบลิเวีย” – https://journals.plos.org/plosntds/article?id=10.1371/journal.pntd.0008752
    “ผลของยา ivermectin ต่อเชื้อ Trypanosoma brucei ในหนูทดลองที่ติดเชื้อ” – https://pubmed.ncbi.nlm.nih.gov/23135008/
    “ [DARPA] DEFUSE PROJECT Documents” – https://drasticresearch.org/.../the-defuse-project.../
    “ภาวะลิ่มเลือดอุดตันและภาวะเกล็ดเลือดต่ำหลังการฉีดวัคซีน ChAdOx1 nCoV-19” – https://www.nejm.org/doi/full/10.1056/NEJMoa2104882
    “กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบที่เกิดขึ้นหลังจากการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ที่ใช้ mRNA” – https://jamanetwork.com/.../jamacardi.../fullarticle/2781600
    “รายงานผู้ป่วยในสหรัฐฯ ของการเกิดลิ่มเลือดในหลอดเลือดดำในสมองด้วยภาวะเกล็ดเลือดต่ำหลังการฉีดวัคซีน Ad26.COV2.S” – https://jamanetwork.com/journals/jama/fullarticle/2779731
    “ฉันขอเตือนผู้ที่เป็นโรค vaxxed ให้หลีกเลี่ยงการสแกน MRI โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงสองสามสัปดาห์แรก เนื่องจากบางคนได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่เกิดขึ้น กรณีที่ร้ายแรงที่สุดส่งผลให้ผู้ป่วยเสียชีวิต ไม่มีใครรายงานไปยัง VAERS” – https://twitter.com/DRAFZALNIAZ2/status/1440775597123248135
    “พบกราฟีนออกไซด์ในขวดวัคซีน Vaxigrip Tetra” – https://www.orwell.city/.../graphene-oxide-found-in...
    “การตรวจสอบควบคุมคุณภาพวัคซีนแบบใหม่: การปนเปื้อนไมโครและนาโน” – https://medcraveonline.com/IJVV/new-quality-control-investigations-on-vaccines-micro–and-nanocontamination.html
    “อนุภาคโลหะในวัคซีนหลายชนิด แต่ไม่ต้องกังวล เข้าแถวและถ่ายภาพของคุณเหมือนหุ่นยนต์ตัวน้อยที่มีความสุข” เรียงแถวและถ่ายภาพของคุณ/
    “การตรวจพบกราฟีนในวัคซีน COVID19” – https://www.researchgate.net/.../355979001_DETECTION_OF...
    “100% ของการเสียชีวิตจากวัคซีนโควิด-19 เกิดจากการผลิตเพียง 5% ตามข้อมูลของรัฐบาลอย่างเป็นทางการ” – https://theexpose.uk/2021/10/31/100-percent-of-covid-19- วัคซีน-สาเหตุ-ตาย-เพียง 5 เปอร์เซ็นต์-ของ-แบทช์-ผลิต
    “เอ่อ นั่นไม่ใช่ทฤษฎีสมคบคิด – 5% ของล็อตการผลิตวัคซีนทำให้วัคซีนเสียชีวิต 100%” – https://vulms.org/uh-thats-not-a-conspiracy-theory-5-of... -จำนวนมาก-สาเหตุ-100-ของ-วัคซีน-ตาย/
    “รอยประทับของภูมิคุ้มกัน ความกว้างของการรับรู้ตัวแปร และการตอบสนองของศูนย์กลางเชื้อโรคในการติดเชื้อ SARS-CoV-2 และการฉีดวัคซีนของมนุษย์” – https://www.cell.com/cell/fulltext/S0092-8674(22)00076-9
    “UK Lab พบกราฟีนในวัคซีน C19” – https://www.notonthebeeb.co.uk/.../uk-lab-finds-graphene...
    “ความคืบหน้าล่าสุดของกราฟีนออกไซด์ในฐานะผู้ให้บริการวัคซีนที่มีศักยภาพและยาเสริม” – https://pubmed.ncbi.nlm.nih.gov/32531395/
    “รอยประทับของภูมิคุ้มกัน ความกว้างของการจดจำตัวแปร และการตอบสนองของศูนย์กลางเชื้อโรคในการติดเชื้อ SARS-CoV-2 และการฉีดวัคซีนของมนุษย์” – https://www.cell.com/cell/fulltext/S0092-8674(22)00076-9
    “กราฟีนออกไซด์ในสมอง” : https://www.materialstoday.com/.../graphene-oxide-on-the... “ความเป็นพิษของกราฟีนทำให้เกิดกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ” (การอักเสบของหัวใจ) : https://www.sciencedirect.com/.../pii/S2352940718302853 “ZEN Graphene Solutions ประกาศสิทธิแต่เพียงผู้เดียวทั่วโลกในการจำหน่ายเทคโนโลยีการทดสอบแอนติเจน COVID-19 ที่ใช้น้ำลายอย่างรวดเร็ว” : https://www.zengraphene.com/zen-graphene-solutions... -เทคโนโลยีการทดสอบแอนติเจนจากน้ำลายที่ใช้เชื้อโควิด-19/ “Health Canada ออกคำแนะนำสำหรับมาสก์หน้าที่มีกราฟีน” : https://www.ctvnews.ca/.../health-canada-issues-advisory... สิทธิบัตร: “ท่อนาโนคาร์บอนไลโอฟิไลซ์/ตัวกรองบุหรี่แบบดัดแปลงกราฟีนออกไซด์…” – https://www.sciencedirect.com/.../abs/pii/S1385894715007937 สิทธิบัตร: “เครื่องกรองควันบุหรี่จากกราฟีน…” – https://patents.google.com/patent/WO2017187453A1/en “วัคซีนไฟเซอร์ 'ประกอบด้วยกราฟีนออกไซด์ 99% หลังการวิเคราะห์ด้วยกล้องจุลทรรศน์อิเล็กตรอน” : https://stateofthenation.co/?p=71587 “กราฟีนออกไซด์ในบรรจุภัณฑ์อาหาร” – https://www.go-graphene.com/.../graphene-oxide-in-food... “ความเป็นพิษของอนุภาคนาโนในตระกูลกราฟีน: การทบทวนแหล่งกำเนิดและกลไกทั่วไป” : https://particleandfibretoxicology.biomedcentral.com/... ( สำเนาในเครื่อง ) “คุณลักษณะความถี่วิทยุของกราฟีนออกไซด์” – https://www.researchgate.net/.../234845171_Radio... “โปรตีน 'Magneto' ที่ได้รับการดัดแปลงพันธุกรรมควบคุมสมองและพฤติกรรมจากระยะไกล” – https://www.theguardian.com/.../magneto-remotely-controls... “แผ่นนาโนกราฟีนที่พบในน้ำฝน” – https://zerogeoengineering.com/.../graphene-nanosheets.../ “รายงานโรงพยาบาล Barbastro” – https://nobulart.com/.../09/Hospital-de-Barbastro-Huesca.pdf ( สำเนาท้องถิ่น ) ( อังกฤษ ) “ประสิทธิภาพทางชีวภาพของกราฟีนออกไซด์ทั้งภายในและภายนอกร่างกายและผลกระทบของสารลดแรงตึงผิวที่มีต่อความเข้ากันได้ทางชีวภาพของกราฟีนออกไซด์” – https://www.sciencedirect.com/.../abs/pii/S1001074212602526 “การกำจัดสารกำจัดวัชพืช 2,4-D, ไกลโฟเสต, ไตรฟลูราลิน และบิวทาคลอร์ออกจากน้ำโดยเยื่อโพลีซัลโฟนที่ผสมด้วยแกรฟีนออกไซด์/TiO2 นาโนคอมโพสิต: การศึกษาการกรองและการดูดซับเป็นชุด” – https://www.ncbi.nlm.nih.gov /pmc/articles/PMC6582012/ “นาโนเทคโนโลยี: เครื่องมือใหม่สำหรับชีววิทยาและการแพทย์” – https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC3841729/ “กราฟีนออกไซด์สัมผัสเลือด: ปฏิสัมพันธ์ในร่างกายของวัสดุ 2 มิติชีวภาพที่มีโคโรนา” – https://pubs.rsc.org/.../articlehtml/2019/nh/c8nh00318a “ความเป็นพิษของอนุภาคนาโนกราฟีนออกไซด์ปริมาณต่ำในแบบจำลอง Caenorhabditis elegans ในร่างกาย” – https://aaqr.org/articles/aaqr-20-09-oa-0559 “วัคซีนรีคอมบิแนนท์นาโนไวรัสโคโรนาที่ใช้กราฟีนออกไซด์เป็นพาหะ” – https://patents.google.com/patent/CN112220919A/th “วิธีที่ INBRAIN Neuroelectronics พัฒนาประสาทเทียมที่ใช้กราฟีน” – https://www.medicaldevice-network.com/.../inbrain.../ “วัคซีน COVID-19 ของสหรัฐฯ ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าก่อให้เกิดอันตรายมากกว่าผลดี จากข้อมูลการทดลองทางคลินิกที่สำคัญซึ่งวิเคราะห์โดยใช้จุดสิ้นสุดทางวิทยาศาสตร์ที่เหมาะสม ล้วนก่อให้เกิดการเจ็บป่วยที่รุนแรง” – https://www.scivisionpub.com/pdfs/us-covid19-vaccines- พิสูจน์แล้วว่าก่อให้เกิดผลเสียมากกว่าผลดีตามผลการทดลองทางคลินิกข้อมูลวิเคราะห์โดยใช้วิทยาศาสตร์ที่เหมาะสม 1811.pdf “Moderna กล่าวว่าวัคซีน COVID ที่ส่งไปยังญี่ปุ่นมีอนุภาคเหล็กกล้าไร้สนิม” – https://japantoday.com/.../moderna-says-tainted-covid... “ HCG ที่พบในวัคซีนบาดทะยักของ WHO ในเคนยาทำให้เกิดความกังวลในประเทศกำลังพัฒนา ” – https://www.scirp.org/journal/paperinformation.aspx... “วัคซีนบาดทะยักอาจผสมยาต้านการเจริญพันธุ์” – https://pubmed.ncbi.nlm.nih.gov/12346214/ “วัคซีนต่อต้านการเจริญพันธุ์” – https://pubmed.ncbi.nlm.nih.gov/2665354/ “อุทยานเทคโนโลยีชีวภาพ: จีนสู่อนาคตหน้า” (2554) – https://www.asiabiotech.com/15/1503/0034_0039.pdf “กรณีหายากของกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบเชื่อมโยงกับวัคซีน Pfizer, Moderna Covid-19 หรือไม่” – https://www.forbes.com/.../are-rare-cases-of-myocarditis.../ “Trypanosoma Cruzi Experimental Infections และ COVID-19:ที่คล้ายกันกับโรคหลอดเลือดหัวใจ?” – https://biomedgrid.com/pdf/AJBSR.MS.ID.001832.pdf “เราได้ยินมาว่าการรักษาไม่ได้ช่วยอะไร แล้วทำไมเราต้องรักษาด้วยล่ะ? มุมมองวิธีการแบบผสมผสานเกี่ยวกับความรู้เรื่องโรค Chagas ทัศนคติ การป้องกัน และพฤติกรรมการรักษาในชาโคโบลิเวีย” – https://journals.plos.org/plosntds/article?id=10.1371/journal.pntd.0008752 “ผลของยา ivermectin ต่อเชื้อ Trypanosoma brucei ในหนูทดลองที่ติดเชื้อ” – https://pubmed.ncbi.nlm.nih.gov/23135008/ “ [DARPA] DEFUSE PROJECT Documents” – https://drasticresearch.org/.../the-defuse-project.../ “ภาวะลิ่มเลือดอุดตันและภาวะเกล็ดเลือดต่ำหลังการฉีดวัคซีน ChAdOx1 nCoV-19” – https://www.nejm.org/doi/full/10.1056/NEJMoa2104882 “กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบที่เกิดขึ้นหลังจากการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ที่ใช้ mRNA” – https://jamanetwork.com/.../jamacardi.../fullarticle/2781600 “รายงานผู้ป่วยในสหรัฐฯ ของการเกิดลิ่มเลือดในหลอดเลือดดำในสมองด้วยภาวะเกล็ดเลือดต่ำหลังการฉีดวัคซีน Ad26.COV2.S” – https://jamanetwork.com/journals/jama/fullarticle/2779731 “ฉันขอเตือนผู้ที่เป็นโรค vaxxed ให้หลีกเลี่ยงการสแกน MRI โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงสองสามสัปดาห์แรก เนื่องจากบางคนได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่เกิดขึ้น กรณีที่ร้ายแรงที่สุดส่งผลให้ผู้ป่วยเสียชีวิต ไม่มีใครรายงานไปยัง VAERS” – https://twitter.com/DRAFZALNIAZ2/status/1440775597123248135 “พบกราฟีนออกไซด์ในขวดวัคซีน Vaxigrip Tetra” – https://www.orwell.city/.../graphene-oxide-found-in... “การตรวจสอบควบคุมคุณภาพวัคซีนแบบใหม่: การปนเปื้อนไมโครและนาโน” – https://medcraveonline.com/IJVV/new-quality-control-investigations-on-vaccines-micro–and-nanocontamination.html “อนุภาคโลหะในวัคซีนหลายชนิด แต่ไม่ต้องกังวล เข้าแถวและถ่ายภาพของคุณเหมือนหุ่นยนต์ตัวน้อยที่มีความสุข” เรียงแถวและถ่ายภาพของคุณ/ “การตรวจพบกราฟีนในวัคซีน COVID19” – https://www.researchgate.net/.../355979001_DETECTION_OF... “100% ของการเสียชีวิตจากวัคซีนโควิด-19 เกิดจากการผลิตเพียง 5% ตามข้อมูลของรัฐบาลอย่างเป็นทางการ” – https://theexpose.uk/2021/10/31/100-percent-of-covid-19- วัคซีน-สาเหตุ-ตาย-เพียง 5 เปอร์เซ็นต์-ของ-แบทช์-ผลิต “เอ่อ นั่นไม่ใช่ทฤษฎีสมคบคิด – 5% ของล็อตการผลิตวัคซีนทำให้วัคซีนเสียชีวิต 100%” – https://vulms.org/uh-thats-not-a-conspiracy-theory-5-of... -จำนวนมาก-สาเหตุ-100-ของ-วัคซีน-ตาย/ “รอยประทับของภูมิคุ้มกัน ความกว้างของการรับรู้ตัวแปร และการตอบสนองของศูนย์กลางเชื้อโรคในการติดเชื้อ SARS-CoV-2 และการฉีดวัคซีนของมนุษย์” – https://www.cell.com/cell/fulltext/S0092-8674(22)00076-9 “UK Lab พบกราฟีนในวัคซีน C19” – https://www.notonthebeeb.co.uk/.../uk-lab-finds-graphene... “ความคืบหน้าล่าสุดของกราฟีนออกไซด์ในฐานะผู้ให้บริการวัคซีนที่มีศักยภาพและยาเสริม” – https://pubmed.ncbi.nlm.nih.gov/32531395/ “รอยประทับของภูมิคุ้มกัน ความกว้างของการจดจำตัวแปร และการตอบสนองของศูนย์กลางเชื้อโรคในการติดเชื้อ SARS-CoV-2 และการฉีดวัคซีนของมนุษย์” – https://www.cell.com/cell/fulltext/S0092-8674(22)00076-9
    0 Comments 0 Shares 366 Views 0 Reviews
  • งามหน้า ข่าวติดสินบนเจ้าหน้าที่ในหน่วยงานต่างๆ
    ของไทยเพื่อให้ได้งาน!!!
    Deere ยุติการสอบสวนกรณีสินบนร้านนวด
    และของขวัญอื่นๆ ในประเทศไทยต่อ SEC ของสหรัฐฯ

    เดียร์ Deere ตกลงจ่ายเงิน 9.93 ล้านเหรียญสหรัฐ
    เพื่อยุติข้อกล่าวหาของคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์
    และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐฯ ที่กล่าวหาว่า
    บริษัทลูกในประเทศไทยเสนอบริการร้านนวด และของขวัญ
    ที่ไม่เหมาะสมอื่น ๆ เพื่อให้ได้ธุรกิจจากรัฐบาล
    และมีส่วนร่วมในการติดสินบนเชิงพาณิชย์

    ข้อตกลงวันอังคารแก้ไขข้อกล่าวหา ผู้บริหารระดับสูง
    และพนักงานของบริษัท Wirtgen Thailand
    ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตอุปกรณ์ทางการเกษตรและ
    เครื่องจักรกลหนัก ได้จ่ายเงินโดยไม่เหมาะสม
    แก่เจ้าหน้าที่ในหน่วยงานต่าง ๆ รวมถึงกองทัพอากาศไทย
    และกรมทางหลวงของประเทศไทย

    ก.ล.ต. กล่าวว่ามีการชำระเงินแม้ว่าจรรยาบรรณของหน่วยงาน
    จะห้ามไม่ให้ให้ "สิ่งใดๆ ทั้งสิ้น" เพื่อมีอิทธิพลต่อเจ้าหน้าที่รัฐ
    อย่างไม่เหมาะสม

    การจ่ายเงินที่ทำตั้งแต่ช่วงปลายปี 2560 จนถึงปี 2563
    นั้นถูกกล่าวหาว่าอยู่ในรูปแบบเงินสด ค่าอาหาร ค่าที่ปรึกษาปลอม
    ค่าท่องเที่ยวที่ปลอมตัวมาเป็น "การเยี่ยมชมโรงงาน"
    ในสวิตเซอร์แลนด์และประเทศอื่นๆ ในยุโรป และค่า
    "ความบันเทิง" ในร้านนวด

    ก.ล.ต. กล่าวว่าการกระทำของ Deere ละเมิดกฎหมายบัญชี
    และบันทึก รวมถึงบทบัญญัติการควบคุมบัญชีภายใน
    ของกฎหมายต่อต้านการติดสินบนของรัฐบาลกลาง
    หรือพระราชบัญญัติการปฏิบัติทุจริตในต่างประเทศ

    การชำระเงินของ Deere ประกอบด้วยค่าปรับทางแพ่ง
    4.5 ล้านเหรียญสหรัฐ การคืนผลประโยชน์ที่ไม่เหมาะสม
    4.34 ล้านเหรียญสหรัฐ และดอกเบี้ย 1.09 ล้านเหรียญสหรัฐ

    นอกจากนี้ยังสะท้อนถึงความร่วมมือของบริษัท Deere
    ซึ่งตั้งอยู่ในโมลีน รัฐอิลลินอยส์ ในการสอบสวน
    การเลิกจ้างพนักงานที่เกี่ยวข้องกับความประพฤติมิชอบ
    และการปรับปรุงขั้นตอนการปฏิบัติตามกฎระเบียบ
    และการฝึกอบรมต่อต้านการติดสินบน

    ที่มา : Reuters
    #หุ้นติดดอย #การลงทุน #thaitimes
    งามหน้า ข่าวติดสินบนเจ้าหน้าที่ในหน่วยงานต่างๆ ของไทยเพื่อให้ได้งาน!!! Deere ยุติการสอบสวนกรณีสินบนร้านนวด และของขวัญอื่นๆ ในประเทศไทยต่อ SEC ของสหรัฐฯ เดียร์ Deere ตกลงจ่ายเงิน 9.93 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อยุติข้อกล่าวหาของคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐฯ ที่กล่าวหาว่า บริษัทลูกในประเทศไทยเสนอบริการร้านนวด และของขวัญ ที่ไม่เหมาะสมอื่น ๆ เพื่อให้ได้ธุรกิจจากรัฐบาล และมีส่วนร่วมในการติดสินบนเชิงพาณิชย์ ข้อตกลงวันอังคารแก้ไขข้อกล่าวหา ผู้บริหารระดับสูง และพนักงานของบริษัท Wirtgen Thailand ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตอุปกรณ์ทางการเกษตรและ เครื่องจักรกลหนัก ได้จ่ายเงินโดยไม่เหมาะสม แก่เจ้าหน้าที่ในหน่วยงานต่าง ๆ รวมถึงกองทัพอากาศไทย และกรมทางหลวงของประเทศไทย ก.ล.ต. กล่าวว่ามีการชำระเงินแม้ว่าจรรยาบรรณของหน่วยงาน จะห้ามไม่ให้ให้ "สิ่งใดๆ ทั้งสิ้น" เพื่อมีอิทธิพลต่อเจ้าหน้าที่รัฐ อย่างไม่เหมาะสม การจ่ายเงินที่ทำตั้งแต่ช่วงปลายปี 2560 จนถึงปี 2563 นั้นถูกกล่าวหาว่าอยู่ในรูปแบบเงินสด ค่าอาหาร ค่าที่ปรึกษาปลอม ค่าท่องเที่ยวที่ปลอมตัวมาเป็น "การเยี่ยมชมโรงงาน" ในสวิตเซอร์แลนด์และประเทศอื่นๆ ในยุโรป และค่า "ความบันเทิง" ในร้านนวด ก.ล.ต. กล่าวว่าการกระทำของ Deere ละเมิดกฎหมายบัญชี และบันทึก รวมถึงบทบัญญัติการควบคุมบัญชีภายใน ของกฎหมายต่อต้านการติดสินบนของรัฐบาลกลาง หรือพระราชบัญญัติการปฏิบัติทุจริตในต่างประเทศ การชำระเงินของ Deere ประกอบด้วยค่าปรับทางแพ่ง 4.5 ล้านเหรียญสหรัฐ การคืนผลประโยชน์ที่ไม่เหมาะสม 4.34 ล้านเหรียญสหรัฐ และดอกเบี้ย 1.09 ล้านเหรียญสหรัฐ นอกจากนี้ยังสะท้อนถึงความร่วมมือของบริษัท Deere ซึ่งตั้งอยู่ในโมลีน รัฐอิลลินอยส์ ในการสอบสวน การเลิกจ้างพนักงานที่เกี่ยวข้องกับความประพฤติมิชอบ และการปรับปรุงขั้นตอนการปฏิบัติตามกฎระเบียบ และการฝึกอบรมต่อต้านการติดสินบน ที่มา : Reuters #หุ้นติดดอย #การลงทุน #thaitimes
    0 Comments 0 Shares 716 Views 0 Reviews
  • “เพื่อไทย” ลั่น ไม่มีองค์รักษ์พิทักษ์นายกฯ แถลงนโยบายของรัฐบาล เชื่อ “แพทองธาร” สามารถชี้แจงต่อที่ประชุมได้เอง ยึดเก้าอี้ ”หมออ๋อง“ คืน เสนอชื่อ ”พิเชษฐ์“ นั่งรอง 1 แทน มั่นใจ ภท. ส่งคนนั่งรอง 2 เหมาะสม
    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000084092

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    “เพื่อไทย” ลั่น ไม่มีองค์รักษ์พิทักษ์นายกฯ แถลงนโยบายของรัฐบาล เชื่อ “แพทองธาร” สามารถชี้แจงต่อที่ประชุมได้เอง ยึดเก้าอี้ ”หมออ๋อง“ คืน เสนอชื่อ ”พิเชษฐ์“ นั่งรอง 1 แทน มั่นใจ ภท. ส่งคนนั่งรอง 2 เหมาะสม อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000084092 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Haha
    Like
    Wow
    Sad
    14
    0 Comments 0 Shares 1935 Views 0 Reviews
  • ขอเล่าต่อเรื่องแบรนด์ธุรกิจของ lit nit ที่เกริ่นค้างไว้ว่า
    "ประกอบธุรกิจอย่างรู้คุณ" คุณที่ว่านี้คืออะไร ?
    ....
    คุณที่ว่านี้หมายถึง 2 ความหมาย หนึ่งคือ รู้พระคุณของคนที่มีส่วนทำให้ lit nit มีแบรนด์วันนี้
    คุณที่สองคือ ประกอบธุรกิจอย่างมีคุณธรรม โดยมีกรอบหรือพันธกิจของธุรกิจดังนี้
    ....
    1.ผลิตสินค้าโดยใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า และส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมให้น้อยที่สุดตามศักยภาพ

    2.ปรับปรุงกระบวนการผลิตอย่างต่อเนื่อง โดยการศึกษา วิจัย พัฒนาผลิตภัณฑ์ และนำเทคโนโลยีมาใช้อย่างเหมาะสม

    3.ประกอบธุรกิจโดยยึดหลักคุณธรรมข้อ "สัมมาอาชีวะ" ที่มีบัญญัติไว้ในพระพุทธศาสนา

    4.เป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาสังคมให้มีความเป็นอยู่อย่างสงบ ร่มเย็น และยั่งยืน
    ....
    นี่แหละคือหลักคิด แนวทาง และปรัชญาที่แบรนด์นี้ยึดถือ
    #เดี๋ยวอีกไม่กี่วันก็จะเปิดเผยชื่อแบรนด์แล้วล่ะ^^
    ขอเล่าต่อเรื่องแบรนด์ธุรกิจของ lit nit ที่เกริ่นค้างไว้ว่า "ประกอบธุรกิจอย่างรู้คุณ" คุณที่ว่านี้คืออะไร ? .... คุณที่ว่านี้หมายถึง 2 ความหมาย หนึ่งคือ รู้พระคุณของคนที่มีส่วนทำให้ lit nit มีแบรนด์วันนี้ คุณที่สองคือ ประกอบธุรกิจอย่างมีคุณธรรม โดยมีกรอบหรือพันธกิจของธุรกิจดังนี้ .... 1.ผลิตสินค้าโดยใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า และส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมให้น้อยที่สุดตามศักยภาพ 2.ปรับปรุงกระบวนการผลิตอย่างต่อเนื่อง โดยการศึกษา วิจัย พัฒนาผลิตภัณฑ์ และนำเทคโนโลยีมาใช้อย่างเหมาะสม 3.ประกอบธุรกิจโดยยึดหลักคุณธรรมข้อ "สัมมาอาชีวะ" ที่มีบัญญัติไว้ในพระพุทธศาสนา 4.เป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาสังคมให้มีความเป็นอยู่อย่างสงบ ร่มเย็น และยั่งยืน .... นี่แหละคือหลักคิด แนวทาง และปรัชญาที่แบรนด์นี้ยึดถือ #เดี๋ยวอีกไม่กี่วันก็จะเปิดเผยชื่อแบรนด์แล้วล่ะ^^
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 173 Views 0 Reviews
  • 5 สิ่งที่ความฉลาด หรือ ความเก่ง
    มักพ่ายแพ้ให้กับความเฉลียว
    หรือ ความไม่ประมาท ในการลงทุน

    วันนี้แอดมินเพจหุ้นติดดอย จะพาเพื่อนๆ
    มาดูถึงความแตกต่างระหว่าง ความฉลาด
    หรือ ความเก่ง ซึ่งมักจะพ่ายแพ้ ให้กับ
    ความเฉลียว หรือ ความไม่ประมาท
    ในการลงทุน ซึ่งมี 5 ข้อดังต่อไปนี้

    1. การเข้าใจตลาดและพฤติกรรมของนักลงทุน
    ความเฉลียว หรือ ความไม่ประมาท จะช่วยให้
    นักลงทุนเข้าใจแนวโน้ม และพฤติกรรมของตลาด
    การมองสถานการณ์ และการคาดการณ์พฤติกรรม
    ของนักลงทุนคนอื่นๆ ได้ดีกว่า เพราะจะมอง
    ด้วยความรอบครอบ รอบด้าน

    2. การจัดการอารมณ์
    นักลงทุนที่มีความเฉลียว หรือความไม่ประมาท
    จะสามารถควบคุมอารมณ์ และ ไม่ให้ความรู้สึก
    มามีอิทธิพลต่อการตัดสินใจ ในขณะที่ความเก่ง
    หรือ ความฉลาด มักควบคุมอารมณ์ได้ยากกว่า
    ในเรื่องความโลภ และ ความกลัว

    3. การปรับตัวและยืดหยุ่น
    ความเฉลียว หรือ ความไม่ประมาท จะทำให้เรา
    สามารถปรับตัว ปรับกลยุทธ์ และยืดหยุ่น
    ตามสภาวะของตลาดได้ดีกว่า ความฉลาด และ
    ความเก่ง ซึ่งบางครั้งเต็มไปด้วยความมั่นใจ
    แต่ขาดความรอบครอบ ระมัดระวัง

    4. การมองเห็นโอกาสในความเสี่ยง
    นักลงทุนที่มีความเฉลียว หรือความไม่ประมาท
    มักจะมองเห็นโอกาส ในความเสี่ยง ที่ผ่านการประเมิน
    การวิเคราะห์ข้อมูลอย่างรอบด้านก่อนเข้าไปลงทุน
    ในขณะที่ความเก่ง หรือ ฉลาด มักด่วนตัดสินใจ
    ทำให้โอกาสผิดพลาดมากกว่า

    5. การสร้างเครือข่าย และความสัมพันธ์
    นักลงทุนที่มีความเก่ง ความฉลาด มักจะมีอีโก้สูง
    มักจะมีปัญหาในการสร้างเครือข่าย คอนเน็คชั่น
    ในขณะที่นักลงทุนที่มีความเฉลียว หรือ ไม่ประมาท
    มักจะมีความยืดหยุ่น เข้ากับคนอื่นๆ และสร้างความ
    สัมพันธ์ กับคนอื่นๆ ได้ดีกว่า

    ดังนั้น การลงทุนที่จะประสบความสำเร็จ จะไม่เพียง
    แค่ใช้ความรู้ ความสามารถ ซึ่งคือ ความเก่ง และ
    ความฉลาดเพียงอย่างเดียว แต่ต้องมีองค์ประกอบอื่นๆ
    คือ ความเฉลียว การปรับตัวยืดหยุ่น การปรับกลยุทธ์
    ให้เหมาะสมกับสภาวะของตลาด รวมทั้งมีความไม่ประมาท
    มีความรอบครอบ มองข้อมูลให้รอบด้าน ก่อนเข้าไป
    ลงทุนทุกครั้ง

    #หุ้นติดดอย #การลงทุน
    #5สิ่งที่ความฉลาดหรือความเก่งมักพ่ายแพ้ให้กับความเฉลียว
    #thaitimes
    💥5 สิ่งที่ความฉลาด หรือ ความเก่ง มักพ่ายแพ้ให้กับความเฉลียว หรือ ความไม่ประมาท ในการลงทุน 💥วันนี้แอดมินเพจหุ้นติดดอย จะพาเพื่อนๆ มาดูถึงความแตกต่างระหว่าง ความฉลาด หรือ ความเก่ง ซึ่งมักจะพ่ายแพ้ ให้กับ ความเฉลียว หรือ ความไม่ประมาท ในการลงทุน ซึ่งมี 5 ข้อดังต่อไปนี้ 🚩1. การเข้าใจตลาดและพฤติกรรมของนักลงทุน ความเฉลียว หรือ ความไม่ประมาท จะช่วยให้ นักลงทุนเข้าใจแนวโน้ม และพฤติกรรมของตลาด การมองสถานการณ์ และการคาดการณ์พฤติกรรม ของนักลงทุนคนอื่นๆ ได้ดีกว่า เพราะจะมอง ด้วยความรอบครอบ รอบด้าน 🚩2. การจัดการอารมณ์ นักลงทุนที่มีความเฉลียว หรือความไม่ประมาท จะสามารถควบคุมอารมณ์ และ ไม่ให้ความรู้สึก มามีอิทธิพลต่อการตัดสินใจ ในขณะที่ความเก่ง หรือ ความฉลาด มักควบคุมอารมณ์ได้ยากกว่า ในเรื่องความโลภ และ ความกลัว 🚩3. การปรับตัวและยืดหยุ่น ความเฉลียว หรือ ความไม่ประมาท จะทำให้เรา สามารถปรับตัว ปรับกลยุทธ์ และยืดหยุ่น ตามสภาวะของตลาดได้ดีกว่า ความฉลาด และ ความเก่ง ซึ่งบางครั้งเต็มไปด้วยความมั่นใจ แต่ขาดความรอบครอบ ระมัดระวัง 🚩4. การมองเห็นโอกาสในความเสี่ยง นักลงทุนที่มีความเฉลียว หรือความไม่ประมาท มักจะมองเห็นโอกาส ในความเสี่ยง ที่ผ่านการประเมิน การวิเคราะห์ข้อมูลอย่างรอบด้านก่อนเข้าไปลงทุน ในขณะที่ความเก่ง หรือ ฉลาด มักด่วนตัดสินใจ ทำให้โอกาสผิดพลาดมากกว่า 🚩5. การสร้างเครือข่าย และความสัมพันธ์ นักลงทุนที่มีความเก่ง ความฉลาด มักจะมีอีโก้สูง มักจะมีปัญหาในการสร้างเครือข่าย คอนเน็คชั่น ในขณะที่นักลงทุนที่มีความเฉลียว หรือ ไม่ประมาท มักจะมีความยืดหยุ่น เข้ากับคนอื่นๆ และสร้างความ สัมพันธ์ กับคนอื่นๆ ได้ดีกว่า 💥ดังนั้น การลงทุนที่จะประสบความสำเร็จ จะไม่เพียง แค่ใช้ความรู้ ความสามารถ ซึ่งคือ ความเก่ง และ ความฉลาดเพียงอย่างเดียว แต่ต้องมีองค์ประกอบอื่นๆ คือ ความเฉลียว การปรับตัวยืดหยุ่น การปรับกลยุทธ์ ให้เหมาะสมกับสภาวะของตลาด รวมทั้งมีความไม่ประมาท มีความรอบครอบ มองข้อมูลให้รอบด้าน ก่อนเข้าไป ลงทุนทุกครั้ง #หุ้นติดดอย #การลงทุน #5สิ่งที่ความฉลาดหรือความเก่งมักพ่ายแพ้ให้กับความเฉลียว #thaitimes
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 705 Views 231 0 Reviews
  • 5 สิ่งที่ความฉลาด หรือ ความเก่ง
    มักพ่ายแพ้ให้กับความเฉลียว
    หรือ ความไม่ประมาท ในการลงทุน

    วันนี้แอดมินเพจหุ้นติดดอย จะพาเพื่อนๆ
    มาดูถึงความแตกต่างระหว่าง ความฉลาด
    หรือ ความเก่ง ซึ่งมักจะพ่ายแพ้ ให้กับ
    ความเฉลียว หรือ ความไม่ประมาท
    ในการลงทุน ซึ่งมี 5 ข้อดังต่อไปนี้

    1. การเข้าใจตลาดและพฤติกรรมของนักลงทุน
    ความเฉลียว หรือ ความไม่ประมาท จะช่วยให้
    นักลงทุนเข้าใจแนวโน้ม และพฤติกรรมของตลาด
    การมองสถานการณ์ และการคาดการณ์พฤติกรรม
    ของนักลงทุนคนอื่นๆ ได้ดีกว่า เพราะจะมอง
    ด้วยความรอบครอบ รอบด้าน

    2. การจัดการอารมณ์
    นักลงทุนที่มีความเฉลียว หรือความไม่ประมาท
    จะสามารถควบคุมอารมณ์ และ ไม่ให้ความรู้สึก
    มามีอิทธิพลต่อการตัดสินใจ ในขณะที่ความเก่ง
    หรือ ความฉลาด มักควบคุมอารมณ์ได้ยากกว่า
    ในเรื่องความโลภ และ ความกลัว

    3. การปรับตัวและยืดหยุ่น
    ความเฉลียว หรือ ความไม่ประมาท จะทำให้เรา
    สามารถปรับตัว ปรับกลยุทธ์ และยืดหยุ่น
    ตามสภาวะของตลาดได้ดีกว่า ความฉลาด และ
    ความเก่ง ซึ่งบางครั้งเต็มไปด้วยความมั่นใจ
    แต่ขาดความรอบครอบ ระมัดระวัง

    4. การมองเห็นโอกาสในความเสี่ยง
    นักลงทุนที่มีความเฉลียว หรือความไม่ประมาท
    มักจะมองเห็นโอกาส ในความเสี่ยง ที่ผ่านการประเมิน
    การวิเคราะห์ข้อมูลอย่างรอบด้านก่อนเข้าไปลงทุน
    ในขณะที่ความเก่ง หรือ ฉลาด มักด่วนตัดสินใจ
    ทำให้โอกาสผิดพลาดมากกว่า

    5. การสร้างเครือข่าย และความสัมพันธ์
    นักลงทุนที่มีความเก่ง ความฉลาด มักจะมีอีโก้สูง
    มักจะมีปัญหาในการสร้างเครือข่าย คอนเน็คชั่น
    ในขณะที่นักลงทุนที่มีความเฉลียว หรือ ไม่ประมาท
    มักจะมีความยืดหยุ่น เข้ากับคนอื่นๆ และสร้างความ
    สัมพันธ์ กับคนอื่นๆ ได้ดีกว่า

    ดังนั้น การลงทุนที่จะประสบความสำเร็จ จะไม่เพียง
    แค่ใช้ความรู้ ความสามารถ ซึ่งคือ ความเก่ง และ
    ความฉลาดเพียงอย่างเดียว แต่ต้องมีองค์ประกอบอื่นๆ
    คือ ความเฉลียว การปรับตัวยืดหยุ่น การปรับกลยุทธ์
    ให้เหมาะสมกับสภาวะของตลาด รวมทั้งมีความไม่ประมาท
    มีความรอบครอบ มองข้อมูลให้รอบด้าน ก่อนเข้าไป
    ลงทุนทุกครั้ง

    #หุ้นติดดอย #การลงทุน
    #5สิ่งที่ความฉลาดหรือความเก่งมักพ่ายแพ้ให้กับความเฉลียว
    #thaitimes
    💥5 สิ่งที่ความฉลาด หรือ ความเก่ง มักพ่ายแพ้ให้กับความเฉลียว หรือ ความไม่ประมาท ในการลงทุน 💥วันนี้แอดมินเพจหุ้นติดดอย จะพาเพื่อนๆ มาดูถึงความแตกต่างระหว่าง ความฉลาด หรือ ความเก่ง ซึ่งมักจะพ่ายแพ้ ให้กับ ความเฉลียว หรือ ความไม่ประมาท ในการลงทุน ซึ่งมี 5 ข้อดังต่อไปนี้ 🚩1. การเข้าใจตลาดและพฤติกรรมของนักลงทุน ความเฉลียว หรือ ความไม่ประมาท จะช่วยให้ นักลงทุนเข้าใจแนวโน้ม และพฤติกรรมของตลาด การมองสถานการณ์ และการคาดการณ์พฤติกรรม ของนักลงทุนคนอื่นๆ ได้ดีกว่า เพราะจะมอง ด้วยความรอบครอบ รอบด้าน 🚩2. การจัดการอารมณ์ นักลงทุนที่มีความเฉลียว หรือความไม่ประมาท จะสามารถควบคุมอารมณ์ และ ไม่ให้ความรู้สึก มามีอิทธิพลต่อการตัดสินใจ ในขณะที่ความเก่ง หรือ ความฉลาด มักควบคุมอารมณ์ได้ยากกว่า ในเรื่องความโลภ และ ความกลัว 🚩3. การปรับตัวและยืดหยุ่น ความเฉลียว หรือ ความไม่ประมาท จะทำให้เรา สามารถปรับตัว ปรับกลยุทธ์ และยืดหยุ่น ตามสภาวะของตลาดได้ดีกว่า ความฉลาด และ ความเก่ง ซึ่งบางครั้งเต็มไปด้วยความมั่นใจ แต่ขาดความรอบครอบ ระมัดระวัง 🚩4. การมองเห็นโอกาสในความเสี่ยง นักลงทุนที่มีความเฉลียว หรือความไม่ประมาท มักจะมองเห็นโอกาส ในความเสี่ยง ที่ผ่านการประเมิน การวิเคราะห์ข้อมูลอย่างรอบด้านก่อนเข้าไปลงทุน ในขณะที่ความเก่ง หรือ ฉลาด มักด่วนตัดสินใจ ทำให้โอกาสผิดพลาดมากกว่า 🚩5. การสร้างเครือข่าย และความสัมพันธ์ นักลงทุนที่มีความเก่ง ความฉลาด มักจะมีอีโก้สูง มักจะมีปัญหาในการสร้างเครือข่าย คอนเน็คชั่น ในขณะที่นักลงทุนที่มีความเฉลียว หรือ ไม่ประมาท มักจะมีความยืดหยุ่น เข้ากับคนอื่นๆ และสร้างความ สัมพันธ์ กับคนอื่นๆ ได้ดีกว่า 💥ดังนั้น การลงทุนที่จะประสบความสำเร็จ จะไม่เพียง แค่ใช้ความรู้ ความสามารถ ซึ่งคือ ความเก่ง และ ความฉลาดเพียงอย่างเดียว แต่ต้องมีองค์ประกอบอื่นๆ คือ ความเฉลียว การปรับตัวยืดหยุ่น การปรับกลยุทธ์ ให้เหมาะสมกับสภาวะของตลาด รวมทั้งมีความไม่ประมาท มีความรอบครอบ มองข้อมูลให้รอบด้าน ก่อนเข้าไป ลงทุนทุกครั้ง #หุ้นติดดอย #การลงทุน #5สิ่งที่ความฉลาดหรือความเก่งมักพ่ายแพ้ให้กับความเฉลียว #thaitimes
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 660 Views 0 Reviews
  • แอดมินไม่ใช่คนเก่ง ไม่ใช่คนฉลาด
    แต่จะอาศัยลูกขยันกว่าคนอื่นๆ ในการทำการบ้านหุ้น
    อย่างสม่ำเสมอ
    และจะเฉลียวใจ ระมัดระวังทุกครั้ง ก่อนทำการซื้อขายหุ้นใดๆ

    วันนี้แอดมินนั่งทำการบ้านหุ้น SETHD, SET50 และ SET100
    มีหุ้นอยู่ 1 ตัว ที่ราคาเหมาะสม และ จังหวะการเข้าซื้อที่ดี
    ไปทำการบ้านกันต่อด้วยนะครับ

    หมายเหตุ: ถ้าเราไล่ซื้อหุ้นแบบฝรั่งตอนนี้ อาจทำให้เรา
    ติดดอยสูงได้ครับ

    #หุ้นติดดอย #การลงทุน #thaitimes
    แอดมินไม่ใช่คนเก่ง ไม่ใช่คนฉลาด แต่จะอาศัยลูกขยันกว่าคนอื่นๆ ในการทำการบ้านหุ้น อย่างสม่ำเสมอ และจะเฉลียวใจ ระมัดระวังทุกครั้ง ก่อนทำการซื้อขายหุ้นใดๆ วันนี้แอดมินนั่งทำการบ้านหุ้น SETHD, SET50 และ SET100 มีหุ้นอยู่ 1 ตัว ที่ราคาเหมาะสม และ จังหวะการเข้าซื้อที่ดี ไปทำการบ้านกันต่อด้วยนะครับ หมายเหตุ: ถ้าเราไล่ซื้อหุ้นแบบฝรั่งตอนนี้ อาจทำให้เรา ติดดอยสูงได้ครับ #หุ้นติดดอย #การลงทุน #thaitimes
    0 Comments 0 Shares 654 Views 0 Reviews
  • ส่องไวรัลมาเลเซีย 2024

    เฟซบุ๊กเพจ MGAG ในมาเลเซียเปิดเผยอินโฟกราฟิกที่ชื่อว่า "2024 Malaysia Meme Calender" รวบรวมประเด็นไวรัลเด่นที่เกิดขึ้นในแต่ละเดือนของประเทศมาเลเซีย จากการสืบค้นของ Newskit พบว่ามีเรื่องราวที่น่าสนใจดังนี้

    ม.ค. 2567 - Derrick Gan แฟนบอลทีมชาติมาเลเซีย ประกาศขายรถจักรยานยนต์ 4,500 ริงกิต (ประมาณ 34,000 บาท) เพื่อใช้เดินทางไปเชียร์ฟุตบอลเอเชียนคัพ ที่ประเทศกาตาร์ หลังกลับมา ค่าย Modenas มอบรถจักรยานยนต์คันใหม่ให้เขา

    ก.พ. 2567 - คลิปหญิงวัย 23 ปีจากอัมปัง กรุงกัวลาลัมเปอร์ ให้สัมภาษณ์ว่าไปเที่ยวไนต์คลับตั้งแต่อายุ 18 ปี กลับบ้านกับผู้ชายถึงสองครั้ง ถูกวิจารณ์ถึงความเหมาะสม ภายหลังอ้างว่าเป็นเรื่องที่แต่งขึ้น คลิปดังกล่าวมีจุดประสงค์ทางการตลาดเท่านั้น

    มี.ค. 2567 - ชายชาวจีนที่อาศัยในมาเลเซีย เจ้าของร้านอาหารหมี่โกโล แต่งงานพร้อมกันกับภรรยา 2 คน ที่ทำงานในร้านเดียวกัน ที่เมืองกุชิง รัฐซาราวัก รัฐมนตรีวิจารณ์ว่าผู้ที่มิใช่ชาวมุสลิม ถ้าจดทะเบียนสมรสแล้ว ไม่สามารถมีคู่สมรสหลายคนได้

    เม.ย. 2567 - Aliff Aziz นักร้องและนักแสดงชาวสิงคโปร์ ถูกกรมกิจการอิสลาม (JAWI) จับกุมพร้อมกับ Ruhainies Farehah นักแสดงสาว ขณะที่อดีตภรรยา Bella Astillah ชี้ว่า Aliff โกหกเรื่องเมียน้อยถึง 11 ครั้ง ยื่นฟ้องหย่าเมื่อเดือน มี.ค. ที่ผ่านมา

    พ.ค. 2567 - แอดมินเพจร้านอาหารฟาสฟู้ด DarSA Fried Chicken (DFC) ในเมืองราวัง รัฐสลังงอร์ ตอบกลับลูกค้าใช้คำว่า "พวก Type C" ถูกมองว่าเหยียดเชื้อชาติจีนในมาเลเซีย ทางร้านขอโทษและยืนยันว่ายินดีต้อนรับลูกค้าทุกเชื้อชาติและศาสนา

    มิ.ย. 2567 - เจ้าของร้านขายของชำย่านเซเบอรัง จายา รัฐปีนัง กำราบลูกค้าขี้เมาด้วยคำว่า "One by One Gentleman" ภายหลังพบว่าเจ้าของร้านเคยเป็นครูสอนเทควันโดสายดำมาก่อน ส่วนลูกค้าขี้เมาก็กล่าวว่าตนเองเคยเป็นนักคาราเต้สายดำ

    ก.ค. 2567 - เครื่องแต่งกายนักกีฬาทีมชาติมาเลเซีย ที่จะไปแข่งขันโอลิมปิก ปารีส 2024 ถูกวิจารณ์ว่าดีไซน์น่าเกลียด ดูราคาถูก ล้าสมัย และไร้แรงบันดาลใจ ทำให้สภาโอลิมปิกมาเลเซีย ตัดสินใจทำเสื้อแจ็กเก็ตลายใหม่เพื่อลดเสียงวิจารณ์

    ส.ค. 2567 - ขบวนพาเหรดเนื่องในวันชาติมาเลเซีย 2024 ผู้คนให้ความสนใจผู้ชายในเครื่องแบบที่เรียกว่า Abang ปีนี้แข่งกันระหว่าง Abang Bomba ของดับเพลิงและกู้ภัย Abang JPJ ของกรมขนส่งทางบก และ Abang Askar จากกองทัพมาเลเซีย

    #Newskit #Viral #Malaysia
    ส่องไวรัลมาเลเซีย 2024 เฟซบุ๊กเพจ MGAG ในมาเลเซียเปิดเผยอินโฟกราฟิกที่ชื่อว่า "2024 Malaysia Meme Calender" รวบรวมประเด็นไวรัลเด่นที่เกิดขึ้นในแต่ละเดือนของประเทศมาเลเซีย จากการสืบค้นของ Newskit พบว่ามีเรื่องราวที่น่าสนใจดังนี้ ม.ค. 2567 - Derrick Gan แฟนบอลทีมชาติมาเลเซีย ประกาศขายรถจักรยานยนต์ 4,500 ริงกิต (ประมาณ 34,000 บาท) เพื่อใช้เดินทางไปเชียร์ฟุตบอลเอเชียนคัพ ที่ประเทศกาตาร์ หลังกลับมา ค่าย Modenas มอบรถจักรยานยนต์คันใหม่ให้เขา ก.พ. 2567 - คลิปหญิงวัย 23 ปีจากอัมปัง กรุงกัวลาลัมเปอร์ ให้สัมภาษณ์ว่าไปเที่ยวไนต์คลับตั้งแต่อายุ 18 ปี กลับบ้านกับผู้ชายถึงสองครั้ง ถูกวิจารณ์ถึงความเหมาะสม ภายหลังอ้างว่าเป็นเรื่องที่แต่งขึ้น คลิปดังกล่าวมีจุดประสงค์ทางการตลาดเท่านั้น มี.ค. 2567 - ชายชาวจีนที่อาศัยในมาเลเซีย เจ้าของร้านอาหารหมี่โกโล แต่งงานพร้อมกันกับภรรยา 2 คน ที่ทำงานในร้านเดียวกัน ที่เมืองกุชิง รัฐซาราวัก รัฐมนตรีวิจารณ์ว่าผู้ที่มิใช่ชาวมุสลิม ถ้าจดทะเบียนสมรสแล้ว ไม่สามารถมีคู่สมรสหลายคนได้ เม.ย. 2567 - Aliff Aziz นักร้องและนักแสดงชาวสิงคโปร์ ถูกกรมกิจการอิสลาม (JAWI) จับกุมพร้อมกับ Ruhainies Farehah นักแสดงสาว ขณะที่อดีตภรรยา Bella Astillah ชี้ว่า Aliff โกหกเรื่องเมียน้อยถึง 11 ครั้ง ยื่นฟ้องหย่าเมื่อเดือน มี.ค. ที่ผ่านมา พ.ค. 2567 - แอดมินเพจร้านอาหารฟาสฟู้ด DarSA Fried Chicken (DFC) ในเมืองราวัง รัฐสลังงอร์ ตอบกลับลูกค้าใช้คำว่า "พวก Type C" ถูกมองว่าเหยียดเชื้อชาติจีนในมาเลเซีย ทางร้านขอโทษและยืนยันว่ายินดีต้อนรับลูกค้าทุกเชื้อชาติและศาสนา มิ.ย. 2567 - เจ้าของร้านขายของชำย่านเซเบอรัง จายา รัฐปีนัง กำราบลูกค้าขี้เมาด้วยคำว่า "One by One Gentleman" ภายหลังพบว่าเจ้าของร้านเคยเป็นครูสอนเทควันโดสายดำมาก่อน ส่วนลูกค้าขี้เมาก็กล่าวว่าตนเองเคยเป็นนักคาราเต้สายดำ ก.ค. 2567 - เครื่องแต่งกายนักกีฬาทีมชาติมาเลเซีย ที่จะไปแข่งขันโอลิมปิก ปารีส 2024 ถูกวิจารณ์ว่าดีไซน์น่าเกลียด ดูราคาถูก ล้าสมัย และไร้แรงบันดาลใจ ทำให้สภาโอลิมปิกมาเลเซีย ตัดสินใจทำเสื้อแจ็กเก็ตลายใหม่เพื่อลดเสียงวิจารณ์ ส.ค. 2567 - ขบวนพาเหรดเนื่องในวันชาติมาเลเซีย 2024 ผู้คนให้ความสนใจผู้ชายในเครื่องแบบที่เรียกว่า Abang ปีนี้แข่งกันระหว่าง Abang Bomba ของดับเพลิงและกู้ภัย Abang JPJ ของกรมขนส่งทางบก และ Abang Askar จากกองทัพมาเลเซีย #Newskit #Viral #Malaysia
    Like
    Haha
    5
    0 Comments 0 Shares 370 Views 0 Reviews
  • เอาล่ะเริ่มเล่าได้แล้ว สำหรับเรื่องราวแบรนด์ธุรกิจของ lit nit ที่กำลังสร้างโลโก้อยู่
    ....
    พี่ที่ให้ความช่วยเหลือในการออกแบบโลโก้ส่งตัวอย่างมาให้ lit nit เลือกเพื่อที่จะได้ปรับให้เหมาะสมกับความเป็นเอกลักษณ์ของธุรกิจ โดย lit nit ชูวิสัยทัศน์ของแบรนด์ที่ว่า

    "ใช้ทรัพยากรอย่างรู้ค่า ประกอบธุรกิจอย่างรู้คุณ สนับสนุนสังคมสู่ความยั่งยืน"
    ....
    แน่นอนว่าแบรนด์ธุรกิจนี้ให้ความสำคัญอย่างยิ่งเรื่องสิ่งแวดล้อม ส่วนเรื่อง "ประกอบธุรกิจอย่างรู้คุณ" คุณในที่นี้หมายถึงอะไร และมีหลักอะไรในการยึดถือ วันพรุ่งนี้จะมาเล่าต่อ
    #ส่วนชื่อแบรนด์เดี๋ยวเปิดเผยพร้อมโลโก้ครับ^^
    เอาล่ะเริ่มเล่าได้แล้ว สำหรับเรื่องราวแบรนด์ธุรกิจของ lit nit ที่กำลังสร้างโลโก้อยู่ .... พี่ที่ให้ความช่วยเหลือในการออกแบบโลโก้ส่งตัวอย่างมาให้ lit nit เลือกเพื่อที่จะได้ปรับให้เหมาะสมกับความเป็นเอกลักษณ์ของธุรกิจ โดย lit nit ชูวิสัยทัศน์ของแบรนด์ที่ว่า "ใช้ทรัพยากรอย่างรู้ค่า ประกอบธุรกิจอย่างรู้คุณ สนับสนุนสังคมสู่ความยั่งยืน" .... แน่นอนว่าแบรนด์ธุรกิจนี้ให้ความสำคัญอย่างยิ่งเรื่องสิ่งแวดล้อม ส่วนเรื่อง "ประกอบธุรกิจอย่างรู้คุณ" คุณในที่นี้หมายถึงอะไร และมีหลักอะไรในการยึดถือ วันพรุ่งนี้จะมาเล่าต่อ #ส่วนชื่อแบรนด์เดี๋ยวเปิดเผยพร้อมโลโก้ครับ^^
    0 Comments 0 Shares 194 Views 0 Reviews
  • ตำรับยารักษา “โรคฝีดาษ” จากศิลาจารึก/ ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์

    สำหรับตำรับยาโรคระบาดในประเทศไทยนั้น ได้ยึดถึอเอาพระคัมภีร์ตักกะศิลาเป็นกระบวนการรักษาโรค โดยแบ่งเป็น 3 ขั้นตอนด้วยยา 7 ขนาน กล่าวคือ

    ขั้นตอนแรก ตำรับยาสำหรับกระทุ้งพิษไข้ โดยใช้ตำรับยาห้าราก

    ขั้นตอนที่สอง ตำรับยาสำหรับแปรไข้ภายในและรักษาผิวภายนอก มีตำรับยา 5 ขนาน คือ ตำรับยาประสระผิว ตำรับยาพ่นผิวภายนอก ตำรับยาพ่นและยากิน และตำรับยาแปรไข้จากร้ายให้เป็นดี และตำรับยาพ่นแปรผิวภายนอก

    ขั้นตอนสุดท้าย ตำรับยาครอบไข้[1]

    ขั้นตอนดังกล่าวข้างต้นอยู่ในตำรายาหลวง ชื่อตำราแพทย์ศาสตร์สงเคราะห์ สมัยรัชกาลที่ 5 โดยในตำราดังกล่าวได้กล่าวถึงพระคัมภีร์ฉันทศาสตร์ ซึ่งประพันธ์โดยเจ้าพระยาวิชยาธิบดี (กล่อม) เจ้าเมืองจันทบูร ตั้งแต่ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ 1 ซึ่งเป็นภูมิปัญญาที่ตกทอดมาตั้งแต่สมัยอยุธยา และยังเป็นตำราสำหรับการเรียนการแพทย์แผนไทยและการแพทย์แผนไทยประยุกต์มาจนถึงปัจจุบัน

    ต่อมาในสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 ได้ทรงมีพระบรมราโชบายให้มีตำรายาจารึกเอาไว้ในแผ่นศิลาประดับอยู่ตามผนังและเสาของวัดเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร (วัดโพธิ์) พระราชทานเป็นมรดกให้กับประชาชนชาวสยามสืบไปตราบนานเท่านาน รวมถึงวิวัฒนาการที่ลดทอนยา 7 ขนาน 3 ขั้นตอน มาเหลือ “ตำรับยาเดียว” ในการรับมือโรคระบาดหลายชนิดด้วย ซึ่งปัจจุบันคนในวงการแพทย์แผนไทยเรียกว่า “ยาขาว”

    ตำรับยาขาวของวัดโพธิ์นี้ได้ระบุเอาไว้ในตำราว่าแผ่นศิลาแผ่นนี้ได้ถูกรื้อออกมาจากศาลาต่างๆ แต่โชคดีได้บันทึกตำรับยาสำคัญนี้เอาไว้ในตำรายาของวัดโพธิ์ จึงทำให้สามารถตกทอดมาได้จนถึงทุกวันนี้ โดยตำรายาวัดเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร (วัดโพธิ์) ฉบับเก่า 51 ปีที่แล้ว คือ พ.ศ. 2516 ได้บันทึกตำรับยานี้เอาไว้อยู่ที่หน้า 62-64[2]

    ตำรับยาขนานนี้ได้บรรยายสรรพคุณว่า เพียงตำรับยาเดียวสามารถ “แก้สรรพไข้จากโรคระบาด” โดยตำรายาศิลาจารึกบันทึกว่าตำรับยานี้ใช้สมุนไพร 15 ตัวและมีสรรพคุณแก้สรรพไข้จากโรคระบาดหลายชนิด โดยระบุในบันทึกของแผ่นศิลาความตอนนี้ว่า

    “ขนาน 1 เอา กระเช้าผีมด หัวคล้า รากทองพันชั่ง รากชา รากง้วนหมู รากส้มเส็ด รากข้าวไหม้ รากจิงจ้อ รากสวาด รากสะแก รากมะนาว รากหญ้านาง รากฟักข้าว รากผักสาบ รากผักหวานบ้าน เอาเสมอภาคทำเปนจุณ บดทำแท่ง ไว้ละลายน้ำซาวข้าวกินแก้ไข้รากสาด ออกดำ แดง ขาว และแก้ไข้ประกายดาษ ไข้หงษ์ระทด และแก้ไข้ไฟเดือนห้า ไข้ละอองไฟฟ้า และแก้ไข้มหาเมฆ มหานิล ซึ่งกล่าวมาแล้วนั้น และยาขนานนี้แก้ได้ทุกประการ ตามอาจารย์กล่าวไว้ ให้แพทย์ทั้งหลายรู้ว่าเปน มหาวิเศษนัก“[2]

    แม้ในความจริงแล้วจะมีขั้นตอนและวิวัฒนาการในการรักษาโรคระบาดหลายชนิดในภาพรวม แต่ภายใต้พระคัมภีร์ตักกะศิลา ได้วางหลักถึง “รสยา” สำหรับรับมือโรคระบาดว่ามีข้อห้ามและสิ่งที่ควรจะลองดูในเวลาติดเชื้ออันจากเกิดโรคระบาดเอาไว้ความว่า

    ห้ามใช้ยาหรือการกระทำที่มีรสกระตุ้นธาตุไฟหรือระบบความร้อน (ปิตตะ) แต่ให้ยาที่มีลดธาตุไฟหรือระบบความร้อน หากไม่ฟังตามนี้อาจจะถึงแก่ความตายได้ ความว่า

    “ไข้จำพวกนี้ย่อมห้ามมิให้วางยาร้อนเผ็ดเปรี้ยว อย่าให้ประคบนวด อย่าปล่อยปลิง อย่าให้กอกเอาโลหิตออก อย่าให้ถูกน้ำมัน เหล้าก็อย่าให้ถูก น้ำร้อนก็อย่าให้อาบ อย่าให้กิน ส้มมีควันมีผิวกะทิน้ำมันห้ามิให้กิน ถ้าใครไม่รู้ทำผิดดังกล่าวมานี้ ก็ถึงความตายดังนี้แล”[3]

    ต่อมาเจ้าพระยาวิชยาธิบดี (กล่อม) เจ้าเมืองจันทบูร ได้เรียบเรียงเอาไว้ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 1 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ในเรื่อง “ว่าด้วยคัมภีร์ตักกะศิลา” ว่าช่วงเวลาที่มีกำเดาหรือเปลวแห่งความร้อนนี้ ไม่ว่าจะวัดว่ามีไข้จากภายนอก หรือรู้สึกครั่นเนื้อตัวอยู่ภายใน ปวดเมื่อยเนื้อตัว หรือมีผื่นขึ้น จะไม่ใช้ยารสร้อน ห้ามเหล้า น้ำมัน กอกเลือด นวด หรือปล่อยปลิงเพื่อเอาเลือดออก หากไม่ฟังให้ยาหรือการดำเนินการเช่นดังกล่าวนี้ อาจแก้กันไม่ทัน ความว่า

    “ถ้าแรกล้มไข้ ท่านมากล่าวไว้ ให้พิจารณา ภายนอกภายใน ให้ร้อนหนักหนา เมื่อยขบกายา ตาแดงเป็นสาย บ้างเย็นบ้างร้อน เปนบั้นเป็นท่อน ไปทั่วทั้งกาย ขึ้นมาให้เห็น เปนวงเปนสาย เปนริ้วยาวรี ลางบางไม่ขึ้น เปนวงฟกลื่น กายหมดดิบดี หมอมักว่าเปนสันนิบาติก็มี ให้ยาผิดที แก้กันไม่ทัน อย่าเพ่อกินยา ร้อนแรงแขงกล้า ส้มเหล้าน้ำมัน เอาโลหิตออก กอกเลือดนวดฟั้น ปล่อยปลิงมิทัน แก้กันเลยนา” [4]

    ด้วยประสบการณ์ของเจ้าพระยาวิชยาธิบดี (กล่อม) เจ้าเมืองจันทบูร ที่เกิดมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา กรุงธนบุรี และกรุงรัตนโกสินทร์ จึงได้รวบยอดสรุปถ่ายทอดมาเป็นความรู้ว่า ในยามที่ยังต้องถกเถียงกันว่าโรคระบาดที่ทำให้เกิดคนตายมากเป็นโรคประเภทใดกันแน่ ในยามที่ยังไม่แน่ใจหรือไม่รู้จึงให้ใช้รสยาแรกไปในทางรสขม เย็นอย่างยิ่ง หรือฝาดจืด ซึ่งเป็นรสยาที่ไม่มีธาตุไฟมาปน ดังความว่า

    “ถ้ายังไม่รู้ให้แก้กันดู แต่พรรณฝูงยา เย็นเปนอย่างยิ่ง ขมจริงโอชา ฝาดจืดพืชน์ยา ตามอาจารย์สอน”[4]

    แต่ถึงแม้จะมีหลักการและขั้นตอนต่างๆในการวางรสยาเพื่อรับมือกับโรคระบาด แต่เนื่องจากโรคฝีดาษและไข้ทรพิษนั้น อาจมีลักษณะจำเพาะที่มีการระบาดมาตั้งแต่สมัยอยุธยาจนกว่าจะได้หมดสิ้นจากประเทศไทยได้นั้นต้องใช้เวลาหลายร้อยปีจนมาถึงในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ ปี พ.ศ. 2523

    การเอาชนะโรคฝีดาษหรือไข้ทรพิษ นอกจากการรับมือกับโรคระบาดในเรื่องตำรับยาต่างๆแล้ว ความรู้เรื่องการปลูกฝีตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 3 ก็เป็นปัจจัยที่สำคัญยิ่ง เพราะได้เป็นรากฐานที่ทำให้ประเทศไทยสามารถเอาชนะโรคฝีดาษได้ด้วย

    โดยในสมัยรัชกาลที่ 6 ได้มีการตราพระราชบัญญัติจัดการปลูกฝีไข้ทรพิษ และพระราชบัญญัติระงับโรคระบาทว์ พ.ศ.​2456 ซึ่งเป็นครั้งแรกที่บังคับใช้กฎหมายควบคุมโรคแก่ประชาชน

    ต่อมาในปี 2504 กระทรวงสาธารณสุขเริ่มโครงการกำจัดไข้ทรพิษครั้งแรกในประเทศไทย โดยตั้งเป้า 3 ปี (พ.ศ.2504-2506) คือคนไทยอย่างน้อย 80% ต้องได้รับการปลูกฝี ภายหลังขยายเวลาเป็น 5 ปี (พ.ศ.2504-2508) ซึ่งเป็นช่วงเวลาระดมการปลูกฝีทั่วประเทศไทย

    โดยประเทศไทยได้พบผู้ป่วยโรคฝีดาษรายสุดท้ายในปี พ.ศ. 2505 เป็นแขกชื่อ ยาริดาเนา ได้เสียชีวิตที่โรงพยาบาลบำราศนราดูร

    เมื่อสิ้นสุดโครงการการระดมปลูกฝี ถึงปี พ.ศ. 2508 ก็เป็นผลทำให้ฝีดาษหรือไข้ทรพิษหายไปจากประเทศไทยติดต่อกันถึง 3 ปีติดต่อกันแล้ว จนกระทั่งวันที่ 8 พฤษภาคม 2523 องค์การอนามัยโลก ได้ประกาศรับรองว่าฝีดาษหรือไข้ทรพิษได้สูญพันธุ์ไปจากโลกแล้ว[5]

    นี่คือเหตุผลว่าผู้ที่เกิดก่อนปี 2523 หรืออายุมากกว่า 44 ปีขึ้นไปส่วนใหญ่น่าจะได้รับการปลูกฝีแล้ว(โดยดูได้จากแผลเป็นบนหัวไหล่) แต่ถึงกระนั้นก็ยังพบผู้ที่มีอายุมากกว่า 44 ปีติดโรคฝีดาษลิงได้ โดยเฉพาะกลุ่มคนที่มีภูมิคุ้มกันในร่างกายบกพร่อง เช่นผู้ป่วยโรคเอดส์เป็นต้น

    อย่างไรก็ตามเนื่องจากฝีดาษที่ได้สูญพันธุ์ไปตั้งแต่ปี 2523 หรือเป็นเวลา 44 ปี ทำให้ภูมิปัญญาที่เคยรับมือในการรักษาโรคฝีดาษขาดความต่อเนื่อง โดยเฉพาะขั้นตอนการรับมือด้วยสมุนไพร ตำรับยาไทย และกรรมวิธีต่างๆในการรักษา

    ดังนั้นความรู้ที่ว่าคนไทยควรจะรับมือในการรักษาโรคฝีดาษลิงอย่างไร ส่วนใหญ่ก็จะอ้างอิงไปตามพระคัมภีร์ตักกะศิลาในการใช้ยา 3 ขั้นตอนด้วยยา 7 ขนาน หรือยาขาวตามตำรับยาของวัดศิลาจารึกในวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (วัดโพธิ์) บ้าง แต่ก็ไม่ใช่กล่าวถึงโรคฝีดาษ หรือฝีดาษลิงเป็นการเฉพาะ

    ทำให้หลายคนสงสัยว่าในเมื่อโรคฝีดาษ เป็นโรคที่ประเทศไทยเคยมีประสบการณ์ในการเกิดโรคระบาดมาหลายร้อยปี ควรจะต้องมี “ตำรับยา“ สำหรับโรคฝีดาษเป็นการเฉพาะหรือไม่

    เมื่อทบทวนข้อมูลตามตำราและคัมภีร์ทั้งหมดพบ ”การรักษาโรคฝีดาษ“ เป็นการเฉพาะจารึกเป็นตำรายาที่ปรากฏในแผ่นศิลาของวัดราชโอรสารามราชวรวิหาร

    โดย ศิลาจารึกตำรายาวัดราชโอรสารามราชวรวิหาร เป็นมรดกที่แสดงถึงภูมิปัญญาของแพทย์แผนโบราณในสมัยรัชกาลที่ 2 และรัชกาลที่ 3 ที่จารึกยาขนานต่างๆ ลักษณะของแผ่นศิลาจารึกเป็นหินอ่อนสีเทา สี่เหลี่ยมจัตุรัส ขนาดกว้างด้านละ 33 เซนติเมตร จัดเรียงบรรทัดในมุมแหลม จำนวน 17 บรรทัด เหมือนกันทุกแผ่น ติดตามผนังด้านนอกของระเบียงพระวิหารพระพุทธไสยาสน์ 42 แผ่น และผนังศาลารายหน้าพระอุโบสถวัดราชโอรสารามราชวรวิหาร 8 แผ่น เชื่อว่าในอดีตมีแผ่นศิลาจารึก 92 แผ่น แต่ปัจจุบันเหลือเพียง 50 แผ่น

    และนับว่าเป็นความโชคดีของคนไทย เพราะแผ่นศิลาที่กล่าวถึงการรักษาโรคฝีดาษ ยังไม่สูญหายและข้อความที่ปรากฏก็ยังไม่เลือนหายไปด้วย จึงนับว่าเป็นบุญของประเทศที่มีภูมิปัญญาและมีคุณค่ายิ่งในสถานการณ์ที่โรคฝีดาษลิงกลับมาเริ่มระบาดในบางประเทศ และเริ่มเข้ามาในประเทศไทย

    โดยแผ่นศิลาที่กล่าวถึงฝีดาษนั้น เป็นแผนที่ 18 ของศิลาจารึกตำรายาวัดราชโอรสารามราชวรวิหาร ปรากฏข้อความดังนี้

    “๏ สิทธิการิยะ จะกล่าวฝีดาษเกิดในเดือน 11 เดือน 12 เดือน 1 ทั้ง 3 เดือนนี้ เกิดเพื่ออาโปธาตุ มักให้เย็นในอกแลมักตกมูกตกเลือด ให้เสียแม่แสลงพ่อแสลง นุ่งขาวห่มขาว แล้วทำบัตรไปส่งทิศอุดรแลอีสาร จึ่งจะดี๚

    ถ้าจะแก้ให้เอาใบมะอึก ใบผักบุ้งร้วม ใบผักบุ้งขัน ใบก้างปลาทั้งสอง ใบพุงดา ใบผักขวง ใบหมาก ใบทองพันชั่ง เอาเสมอภาคตำเอาน้ำพ่น ดับฝี เพื่อเสมหะหาย ๚

    ขนานหนึ่ง เอากะทิมะพร้าว น้ำคาวปลาไหล ไข่เป็ดลูกหนึ่ง มูลโคดำ แก่นประดู่ เอาเสมอภาคบด พ่นฝีเพื่อเสมหะที่ด้านอยู่นั้นขึ้นแลแปรฝีร้ายให้เป็นดี ๚

    ขนานหนึ่ง เอาน้ำลูกตำลึง น้ำมันงา น้ำมันหัวกุ้ง น้ำรากถั่วพู เอาเสมอภาค พ่นฝีเพื่อเสมหะให้ยอดขึ้น หนองงามดีนัก๚

    ขนานหนึ่ง เอาเห็ดมูลโค ว่านกีบแรด ว่านร่อนทอง สังกรณี ชะเอม ลูกประคำดีควาย หวายตะค้า เขากวางเผา กระดูกเสือเผา มะกล่ำเครือ ขันฑสกร มะขามเปียก เอาเสมอภาคบดทคำเป็นจุณ บดด้วยน้ำมะนาวทำแท่งไว้ละลายสุรา ดีงูเหลือม รำหัด กินแก้คอแหบแห้ง แก้คอเครือ หายดีนัก๚

    ขนานหนึ่ง เอาใบหิ่งหาย ใบโหระพา ใบผักคราด ใบมะนาว พันงูแดง เอาเสมอภาค บดทำแท่งไว้ละลายสุรากิน แก้พิษฝี เพื่อเสมหะให้คลั่งให้สลบไปก็ดี หายวิเศษแล๚[6]

    ในตำรับยาขนานต่างๆข้างต้นนั้น เป็นยาพ่นภายนอกเสียส่วนใหญ่ ตำรับยาเพื่อการรับประทานที่พอาจะหาได้โดยไม่ต้องอาศัยสัตว์วัตถุคือตำรับยาขนานสุดท้ายที่น่าจะนำไปวิจัยต่อที่ว่า

    ”ขนานหนึ่ง เอาใบหิ่งหาย ใบโหระพา ใบผักคราด ใบมะนาว พันงูแดง เอาเสมอภาค บดทำแท่งไว้ละลายสุรากิน แก้พิษฝี เพื่อเสมหะให้คลั่งให้สลบไปก็ดี หายวิเศษแล๚“ [6]

    นอกจากนั้นจากจารึกวัดราชโอรสราชวรมหาวิหารยังปรากฏในแผ่นที่ 46 ทำให้เห็นว่ายังมีตำรับยาอีกขนานหนึ่งสำหรับโรคฝีดาษที่เป็นไข้หนักเข้าขั้นไข้สันนิบาตแล้วโดยใช้ ”ยาผายเลือด“ ความว่า

    “๏ สิทธิการิยะ ยาผายเลือดเอารากขี้กาแดง 1 เบญจาขี้เหล็ก ใบมะกา ใบมะขาม ใบส้มป่อย หญ้าไซ ลูกคัดเค้า ต้มให้งวดแล้วกรอง เอาน้ำขยำใส่ลงอีกเคี่ยวให้ข้น ปรุงยาดำ 1 สลึง 1 เฟื้อง ดีเกลือ 1 บาท กินประจุเลือดร้ายทั้งปวง แก้ไขสันนิบาตฝีดาษด้วย๚“[7]

    แต่สำหรับศิลาจารึกตำรายาวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (วัดโพธิ์) ในสมัยรัชกาลที่ 3 ก็ได้กล่าวถึงโรคฝีดาษที่มีรายละเอียดในบางอาการเพิ่มเติมอีก เช่น อาการฝีดาษขึ้นตา ปรากฏในศิลาจารึกว่าด้วยตำรายาวิเศษสรรพคุณสำเร็จแก้สรรพโรคทั้งปวงแผ่นที่ 22 ความว่า

    “ยาชื่อ สังขรัศมี เอาชะมดสด พิมเสน สิ่งละส่วน ลิ้นทะเลแช่น้ำมะนาวไว้ยังรุ่งแล้วล้างเสีย จึงเอามาแช่น้ำท่าไว้แต่เช้าถึงเที่ยง แล้วเอาตากให้แห้ง 3 ส่วน รากช้าแป้น ดินถนำสุทธิ สังข์สุทธิ สิ่งละ 4 ส่วน ทำเป็นจุณบดทำแท่งไว้ ฝนป้ายจักษุแก้สรรพต้อให้ปวดเคืองต่างๆ แก้ฝีดาษขึ้นจักษุก็ได้หายวิเศษนักฯ”[8]

    อย่างไรก็ตามการบันทึกในศิลาจารึกวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (วัดโพธิ์) ในสมัยรัชกาลที่ 3 ยังให้เบาะแสเกี่ยวกับ “สมุนไพรเดี่ยว” ที่เป็นเบาะแสว่าอาจจะมีสรรพคุณในการลดฝีดาษได้ ได้แก่ ข่าลิง บอระเพ็ด ชิงช้าชาลี ฯลฯ[8]

    ดังปรากฏตัวอย่างในศิลาจารึกวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (วัดโพธิ์)ในสมัยรัชกาลที่ 3 ว่าด้วยสรรพคุณยา เครื่องเทศและสมุนไพรแผ่นที่ 7 ที่กล่าวถึง “ต้นข่าลิง”แก้พิษฝีดาษ ความว่า

    “อันว่าคุณแห่งข่าลิงนั้น ต้นรู้แก้พิษฝีดาษ และรู้แก้ไข้เหนืออันบังเกิดเพื่อโลหิต รู้แก้ฝีกาฬ อันบังเกิดเพื่อฝีดาษ รู้แก้ไข้ตรีโทษ รู้กระทำให้เกิดกำลัง รู้กระทำเพลิงธาตุให้บริบูรณ์ รู้แก้กระหายน้ำ อันเป็นเพื่อโลหิตและลม รู้แก้สะอึก แก้สมุฏฐานกำเริบ ใบรู้ฆ่าพยาธิ์คือมะเร็ง ดอกรู้ฆ่าพยาธิ์ในอุทรและฟันในหูให้ตก ผลรู้แก้เสมหะอันเป็นพิษ รากรู้แก้โลหิตอันเป็นพิษไข้เหนือสันนิบาตฯ”[9]

    นอกจากนั้นยังปรากฏในศิลาจารึกวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (วัดโพธิ์)ในสมัยรัชกาลที่ 3 ว่าด้วยสรรพคุณยา เครื่องเทศ และสมุนไพร แผ่นที่ 14 ซึ่งกล่าวถึง “บอระเพ็ด” และ “ชิงช้าชาลี” ความว่า

    “อันว่าคุณแห่งบอระเพ็ดและชิงช้าชาลีนั้นคุณดุจกัน ต้นรู้แก้ฝีดาษ และรู้แก้ไข้เหนืออันบังเกิดโลหิต รู้แก้ฝีกาฬอันบังเกิดฝีดาษ รู้แก้ไข้ตรีโทษ รู้กระทำให้เกิดกำลัง รู้กระทำเพลิงธาตุให้บริบูรณ์ รู้แก้กระหายน้ำ อันเป็นเพื่อโลหิตและลม รู้แก้สะอึก แก้สมุฏฐานกำเริบ ใบรู้ฆ่าพยาธิ์คือมะเร็ง ดอกรู้ฆ่าพยาธิ์ในอุทรและในฟันในหูให้ตก ผลรู้แก้เสมหะอันเป็นพิษ รากรู้แก้โลหิตอันเป็นพิษเพื่อไข้สันนิบาตฯ”[10]

    นอกจากนั้นสมุนไพรที่มีการวิจัยที่ออกฤทธิ์ต้านไวรัสหลายชนิดในยุคปัจจุบัน ก็ควรจะนำมาสู่การวิจัยกับฝีดาษลิงต่อไป เช่น ขมิ้นชัน ฟ้าทะลายโจร ใบสะเดา กัญชา กัญชง ฝีหมอบ เสลดพังพอนตัวเมีย ฯลฯ

    ดังนั้นการกลับมาของโรคฝีดาษลิง จึงควรให้ความสำคัญกับภูมิปัญญาในการรักษาที่มีมาแต่ในอดีตรวมถึงความรู้จากการวิจัยในสมุนไพรต่างๆที่มีมากขึ้น ซึ่งควรจะนำมาวิจัยกับไวรัสฝีดาษลิงเอาไว้ล่วงหน้าเพื่อเตรียมประยุกต์ให้เหมาะสมใช้ในสถานการณ์ปัจจุบันและต่อไปในกาลข้างหน้าด้วยความไม่ประมาท

    ด้วยความปรารถนาดี
    ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์
    คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต
    5 กันยายน 2567
    https://www.facebook.com/100044511276276/posts/1045825823577784/?

    อ้างอิง
    [1] พิชชานันท์ เธียรทองอินทร์ และ รัชฎาพร พิสัยพันธุ์, การวิเคราะห์องค์ความรู้ไข้ตามคัมภีร์ตักศิลา: คัมภีร์ว่าด้วยโรคระบาด, วารสารหมอยาไทยวิจัย, ปีที่ 9 ฉบับที่ 1 (มกราคม - มิถุนายน 2566), หน้า 131-152
    https://he02.tci-thaijo.org/index.php/ttm/article/view/258845/180094

    [2] โรงเรียนแพทย์แผนโบราณ วัดพระเชตุพนฯ (วัดโพธิ์), ตำรายา ศิลาจารึกในวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (วัดโพธิ์) พระนคร พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าให้จารึกไว้เมื่อ พ.ศ. ๒๓๗๕ ฉบับสมบูรณ์ ฉบับ พ.ศ.​๒๕๑๖ หน้า ๖๒ - ๖๔

    [3] สำนักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ, หนังสือชุดวรรณกรรมหายาก แพทย์ศาสตร์สงเคราะห์ :ภูมิปัญญาการแพทย์และมรดกทางวรรณกรรมของชาติ, องค์การการค้าของ สกสค. จัดพิมพ์จำหน่าย พิมพ์ครั้งที่ 4, พ.ศ. 2554 จำนวน 3,000 เล่ม ISBN 978-947-01-9742-3 หน้า 694

    [4] เรื่องเดียวกัน, หน้า 37

    [5] เว็บไซต์กองนวัตกรรมและวิจัย กรมควบคุมโรค, การปลูกฝีป้องกันไข้ทรพิษ จุดเริ่มงานควบคุมโรคติดต่อในประเทศไทย
    https://ddc.moph.go.th/uploads/ckeditor2//files/การปลูกฝีป้องกันไข้ทรพิษ.pdf

    [6] เว็บไซต์ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร(องค์การมหาชน,จารึกตำรายาวัดราชโอรสารามราชวรวิหาร แผ่นที่ 18 ด้านที่ 1, จารึกในประเทศไทย, โพสต์เมื่อวันที่ 3 ต.ค. 2557( อัพเดทเมื่อวันที่ 26 เม.ย. 2567)
    https://db.sac.or.th/inscriptions/inscribe/image_detail/14798

    [7] เว็บไซต์ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร(องค์การมหาชน,จารึกตำรายาวัดราชโอรสารามราชวรวิหาร แผ่นที่ 46 (ยาผายเลือด) ด้านที่ 1, จารึกในประเทศไทย, โพสต์เมื่อ โพสต์เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม 2558
    https://db.sac.or.th/inscriptions/inscribe/image_detail/16335

    [8] เว็บไซต์ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร(องค์การมหาชน), จารึกตำรายาวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม(ว่าด้วยตำรายาวิเศษสรรพคุณสำเร็จแก้สรรพโรคทั้งปวง แผ่นที่ 22 ยาแก้จักษุโรคคือต้อ(5), จารึกในประเทศไทย, โพสต์เมื่อวันที่ 20 ม.ค. 2560
    https://db.sac.or.th/inscriptions/uploads/file/22-chaksurok-to5-tr2.pdf

    [9] เว็บไซต์ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร(องค์การมหาชน), จารึกตำรายาวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (ว่าด้วยสรรพคุณยา เครื่องเทศ และสมุนไพร แผ่นที่ 7 ท้าวยายม่อม ข่าใหญ่ ข่าลิง กระทือ ไพล กระชาย หอม และกระเทียม) ด้านที่ 1, จารึกในประเทศไทย, โพสต์เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2564
    https://db.sac.or.th/inscriptions/uploads/file/7-thaoyaimom-khayai-khaling-tr1.pdf

    [10] เว็บไซต์ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร(องค์การมหาชน), จารึกตำรายาวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม, จารึกตำรายาวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (ว่าด้วยสรรพคุณยา เครื่องเทศ และสมุนไพร แผ่นที่ 14 แตงหนู ชิงชี่ บอระเพ็ด ชิงช้าชาลี บอระเพ็ดพุงช้าง ผักปอดตัวเมีย ผักปอดตัวผู้ และพลูแก), จารึกในประเทศไทย, โพสต์เมื่อวันที่ 25 เมษายน 2567
    https://db.sac.or.th/inscriptions/inscribe/detail/17723
    ตำรับยารักษา “โรคฝีดาษ” จากศิลาจารึก/ ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ สำหรับตำรับยาโรคระบาดในประเทศไทยนั้น ได้ยึดถึอเอาพระคัมภีร์ตักกะศิลาเป็นกระบวนการรักษาโรค โดยแบ่งเป็น 3 ขั้นตอนด้วยยา 7 ขนาน กล่าวคือ ขั้นตอนแรก ตำรับยาสำหรับกระทุ้งพิษไข้ โดยใช้ตำรับยาห้าราก ขั้นตอนที่สอง ตำรับยาสำหรับแปรไข้ภายในและรักษาผิวภายนอก มีตำรับยา 5 ขนาน คือ ตำรับยาประสระผิว ตำรับยาพ่นผิวภายนอก ตำรับยาพ่นและยากิน และตำรับยาแปรไข้จากร้ายให้เป็นดี และตำรับยาพ่นแปรผิวภายนอก ขั้นตอนสุดท้าย ตำรับยาครอบไข้[1] ขั้นตอนดังกล่าวข้างต้นอยู่ในตำรายาหลวง ชื่อตำราแพทย์ศาสตร์สงเคราะห์ สมัยรัชกาลที่ 5 โดยในตำราดังกล่าวได้กล่าวถึงพระคัมภีร์ฉันทศาสตร์ ซึ่งประพันธ์โดยเจ้าพระยาวิชยาธิบดี (กล่อม) เจ้าเมืองจันทบูร ตั้งแต่ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ 1 ซึ่งเป็นภูมิปัญญาที่ตกทอดมาตั้งแต่สมัยอยุธยา และยังเป็นตำราสำหรับการเรียนการแพทย์แผนไทยและการแพทย์แผนไทยประยุกต์มาจนถึงปัจจุบัน ต่อมาในสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 ได้ทรงมีพระบรมราโชบายให้มีตำรายาจารึกเอาไว้ในแผ่นศิลาประดับอยู่ตามผนังและเสาของวัดเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร (วัดโพธิ์) พระราชทานเป็นมรดกให้กับประชาชนชาวสยามสืบไปตราบนานเท่านาน รวมถึงวิวัฒนาการที่ลดทอนยา 7 ขนาน 3 ขั้นตอน มาเหลือ “ตำรับยาเดียว” ในการรับมือโรคระบาดหลายชนิดด้วย ซึ่งปัจจุบันคนในวงการแพทย์แผนไทยเรียกว่า “ยาขาว” ตำรับยาขาวของวัดโพธิ์นี้ได้ระบุเอาไว้ในตำราว่าแผ่นศิลาแผ่นนี้ได้ถูกรื้อออกมาจากศาลาต่างๆ แต่โชคดีได้บันทึกตำรับยาสำคัญนี้เอาไว้ในตำรายาของวัดโพธิ์ จึงทำให้สามารถตกทอดมาได้จนถึงทุกวันนี้ โดยตำรายาวัดเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร (วัดโพธิ์) ฉบับเก่า 51 ปีที่แล้ว คือ พ.ศ. 2516 ได้บันทึกตำรับยานี้เอาไว้อยู่ที่หน้า 62-64[2] ตำรับยาขนานนี้ได้บรรยายสรรพคุณว่า เพียงตำรับยาเดียวสามารถ “แก้สรรพไข้จากโรคระบาด” โดยตำรายาศิลาจารึกบันทึกว่าตำรับยานี้ใช้สมุนไพร 15 ตัวและมีสรรพคุณแก้สรรพไข้จากโรคระบาดหลายชนิด โดยระบุในบันทึกของแผ่นศิลาความตอนนี้ว่า “ขนาน 1 เอา กระเช้าผีมด หัวคล้า รากทองพันชั่ง รากชา รากง้วนหมู รากส้มเส็ด รากข้าวไหม้ รากจิงจ้อ รากสวาด รากสะแก รากมะนาว รากหญ้านาง รากฟักข้าว รากผักสาบ รากผักหวานบ้าน เอาเสมอภาคทำเปนจุณ บดทำแท่ง ไว้ละลายน้ำซาวข้าวกินแก้ไข้รากสาด ออกดำ แดง ขาว และแก้ไข้ประกายดาษ ไข้หงษ์ระทด และแก้ไข้ไฟเดือนห้า ไข้ละอองไฟฟ้า และแก้ไข้มหาเมฆ มหานิล ซึ่งกล่าวมาแล้วนั้น และยาขนานนี้แก้ได้ทุกประการ ตามอาจารย์กล่าวไว้ ให้แพทย์ทั้งหลายรู้ว่าเปน มหาวิเศษนัก“[2] แม้ในความจริงแล้วจะมีขั้นตอนและวิวัฒนาการในการรักษาโรคระบาดหลายชนิดในภาพรวม แต่ภายใต้พระคัมภีร์ตักกะศิลา ได้วางหลักถึง “รสยา” สำหรับรับมือโรคระบาดว่ามีข้อห้ามและสิ่งที่ควรจะลองดูในเวลาติดเชื้ออันจากเกิดโรคระบาดเอาไว้ความว่า ห้ามใช้ยาหรือการกระทำที่มีรสกระตุ้นธาตุไฟหรือระบบความร้อน (ปิตตะ) แต่ให้ยาที่มีลดธาตุไฟหรือระบบความร้อน หากไม่ฟังตามนี้อาจจะถึงแก่ความตายได้ ความว่า “ไข้จำพวกนี้ย่อมห้ามมิให้วางยาร้อนเผ็ดเปรี้ยว อย่าให้ประคบนวด อย่าปล่อยปลิง อย่าให้กอกเอาโลหิตออก อย่าให้ถูกน้ำมัน เหล้าก็อย่าให้ถูก น้ำร้อนก็อย่าให้อาบ อย่าให้กิน ส้มมีควันมีผิวกะทิน้ำมันห้ามิให้กิน ถ้าใครไม่รู้ทำผิดดังกล่าวมานี้ ก็ถึงความตายดังนี้แล”[3] ต่อมาเจ้าพระยาวิชยาธิบดี (กล่อม) เจ้าเมืองจันทบูร ได้เรียบเรียงเอาไว้ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 1 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ในเรื่อง “ว่าด้วยคัมภีร์ตักกะศิลา” ว่าช่วงเวลาที่มีกำเดาหรือเปลวแห่งความร้อนนี้ ไม่ว่าจะวัดว่ามีไข้จากภายนอก หรือรู้สึกครั่นเนื้อตัวอยู่ภายใน ปวดเมื่อยเนื้อตัว หรือมีผื่นขึ้น จะไม่ใช้ยารสร้อน ห้ามเหล้า น้ำมัน กอกเลือด นวด หรือปล่อยปลิงเพื่อเอาเลือดออก หากไม่ฟังให้ยาหรือการดำเนินการเช่นดังกล่าวนี้ อาจแก้กันไม่ทัน ความว่า “ถ้าแรกล้มไข้ ท่านมากล่าวไว้ ให้พิจารณา ภายนอกภายใน ให้ร้อนหนักหนา เมื่อยขบกายา ตาแดงเป็นสาย บ้างเย็นบ้างร้อน เปนบั้นเป็นท่อน ไปทั่วทั้งกาย ขึ้นมาให้เห็น เปนวงเปนสาย เปนริ้วยาวรี ลางบางไม่ขึ้น เปนวงฟกลื่น กายหมดดิบดี หมอมักว่าเปนสันนิบาติก็มี ให้ยาผิดที แก้กันไม่ทัน อย่าเพ่อกินยา ร้อนแรงแขงกล้า ส้มเหล้าน้ำมัน เอาโลหิตออก กอกเลือดนวดฟั้น ปล่อยปลิงมิทัน แก้กันเลยนา” [4] ด้วยประสบการณ์ของเจ้าพระยาวิชยาธิบดี (กล่อม) เจ้าเมืองจันทบูร ที่เกิดมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา กรุงธนบุรี และกรุงรัตนโกสินทร์ จึงได้รวบยอดสรุปถ่ายทอดมาเป็นความรู้ว่า ในยามที่ยังต้องถกเถียงกันว่าโรคระบาดที่ทำให้เกิดคนตายมากเป็นโรคประเภทใดกันแน่ ในยามที่ยังไม่แน่ใจหรือไม่รู้จึงให้ใช้รสยาแรกไปในทางรสขม เย็นอย่างยิ่ง หรือฝาดจืด ซึ่งเป็นรสยาที่ไม่มีธาตุไฟมาปน ดังความว่า “ถ้ายังไม่รู้ให้แก้กันดู แต่พรรณฝูงยา เย็นเปนอย่างยิ่ง ขมจริงโอชา ฝาดจืดพืชน์ยา ตามอาจารย์สอน”[4] แต่ถึงแม้จะมีหลักการและขั้นตอนต่างๆในการวางรสยาเพื่อรับมือกับโรคระบาด แต่เนื่องจากโรคฝีดาษและไข้ทรพิษนั้น อาจมีลักษณะจำเพาะที่มีการระบาดมาตั้งแต่สมัยอยุธยาจนกว่าจะได้หมดสิ้นจากประเทศไทยได้นั้นต้องใช้เวลาหลายร้อยปีจนมาถึงในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ ปี พ.ศ. 2523 การเอาชนะโรคฝีดาษหรือไข้ทรพิษ นอกจากการรับมือกับโรคระบาดในเรื่องตำรับยาต่างๆแล้ว ความรู้เรื่องการปลูกฝีตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 3 ก็เป็นปัจจัยที่สำคัญยิ่ง เพราะได้เป็นรากฐานที่ทำให้ประเทศไทยสามารถเอาชนะโรคฝีดาษได้ด้วย โดยในสมัยรัชกาลที่ 6 ได้มีการตราพระราชบัญญัติจัดการปลูกฝีไข้ทรพิษ และพระราชบัญญัติระงับโรคระบาทว์ พ.ศ.​2456 ซึ่งเป็นครั้งแรกที่บังคับใช้กฎหมายควบคุมโรคแก่ประชาชน ต่อมาในปี 2504 กระทรวงสาธารณสุขเริ่มโครงการกำจัดไข้ทรพิษครั้งแรกในประเทศไทย โดยตั้งเป้า 3 ปี (พ.ศ.2504-2506) คือคนไทยอย่างน้อย 80% ต้องได้รับการปลูกฝี ภายหลังขยายเวลาเป็น 5 ปี (พ.ศ.2504-2508) ซึ่งเป็นช่วงเวลาระดมการปลูกฝีทั่วประเทศไทย โดยประเทศไทยได้พบผู้ป่วยโรคฝีดาษรายสุดท้ายในปี พ.ศ. 2505 เป็นแขกชื่อ ยาริดาเนา ได้เสียชีวิตที่โรงพยาบาลบำราศนราดูร เมื่อสิ้นสุดโครงการการระดมปลูกฝี ถึงปี พ.ศ. 2508 ก็เป็นผลทำให้ฝีดาษหรือไข้ทรพิษหายไปจากประเทศไทยติดต่อกันถึง 3 ปีติดต่อกันแล้ว จนกระทั่งวันที่ 8 พฤษภาคม 2523 องค์การอนามัยโลก ได้ประกาศรับรองว่าฝีดาษหรือไข้ทรพิษได้สูญพันธุ์ไปจากโลกแล้ว[5] นี่คือเหตุผลว่าผู้ที่เกิดก่อนปี 2523 หรืออายุมากกว่า 44 ปีขึ้นไปส่วนใหญ่น่าจะได้รับการปลูกฝีแล้ว(โดยดูได้จากแผลเป็นบนหัวไหล่) แต่ถึงกระนั้นก็ยังพบผู้ที่มีอายุมากกว่า 44 ปีติดโรคฝีดาษลิงได้ โดยเฉพาะกลุ่มคนที่มีภูมิคุ้มกันในร่างกายบกพร่อง เช่นผู้ป่วยโรคเอดส์เป็นต้น อย่างไรก็ตามเนื่องจากฝีดาษที่ได้สูญพันธุ์ไปตั้งแต่ปี 2523 หรือเป็นเวลา 44 ปี ทำให้ภูมิปัญญาที่เคยรับมือในการรักษาโรคฝีดาษขาดความต่อเนื่อง โดยเฉพาะขั้นตอนการรับมือด้วยสมุนไพร ตำรับยาไทย และกรรมวิธีต่างๆในการรักษา ดังนั้นความรู้ที่ว่าคนไทยควรจะรับมือในการรักษาโรคฝีดาษลิงอย่างไร ส่วนใหญ่ก็จะอ้างอิงไปตามพระคัมภีร์ตักกะศิลาในการใช้ยา 3 ขั้นตอนด้วยยา 7 ขนาน หรือยาขาวตามตำรับยาของวัดศิลาจารึกในวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (วัดโพธิ์) บ้าง แต่ก็ไม่ใช่กล่าวถึงโรคฝีดาษ หรือฝีดาษลิงเป็นการเฉพาะ ทำให้หลายคนสงสัยว่าในเมื่อโรคฝีดาษ เป็นโรคที่ประเทศไทยเคยมีประสบการณ์ในการเกิดโรคระบาดมาหลายร้อยปี ควรจะต้องมี “ตำรับยา“ สำหรับโรคฝีดาษเป็นการเฉพาะหรือไม่ เมื่อทบทวนข้อมูลตามตำราและคัมภีร์ทั้งหมดพบ ”การรักษาโรคฝีดาษ“ เป็นการเฉพาะจารึกเป็นตำรายาที่ปรากฏในแผ่นศิลาของวัดราชโอรสารามราชวรวิหาร โดย ศิลาจารึกตำรายาวัดราชโอรสารามราชวรวิหาร เป็นมรดกที่แสดงถึงภูมิปัญญาของแพทย์แผนโบราณในสมัยรัชกาลที่ 2 และรัชกาลที่ 3 ที่จารึกยาขนานต่างๆ ลักษณะของแผ่นศิลาจารึกเป็นหินอ่อนสีเทา สี่เหลี่ยมจัตุรัส ขนาดกว้างด้านละ 33 เซนติเมตร จัดเรียงบรรทัดในมุมแหลม จำนวน 17 บรรทัด เหมือนกันทุกแผ่น ติดตามผนังด้านนอกของระเบียงพระวิหารพระพุทธไสยาสน์ 42 แผ่น และผนังศาลารายหน้าพระอุโบสถวัดราชโอรสารามราชวรวิหาร 8 แผ่น เชื่อว่าในอดีตมีแผ่นศิลาจารึก 92 แผ่น แต่ปัจจุบันเหลือเพียง 50 แผ่น และนับว่าเป็นความโชคดีของคนไทย เพราะแผ่นศิลาที่กล่าวถึงการรักษาโรคฝีดาษ ยังไม่สูญหายและข้อความที่ปรากฏก็ยังไม่เลือนหายไปด้วย จึงนับว่าเป็นบุญของประเทศที่มีภูมิปัญญาและมีคุณค่ายิ่งในสถานการณ์ที่โรคฝีดาษลิงกลับมาเริ่มระบาดในบางประเทศ และเริ่มเข้ามาในประเทศไทย โดยแผ่นศิลาที่กล่าวถึงฝีดาษนั้น เป็นแผนที่ 18 ของศิลาจารึกตำรายาวัดราชโอรสารามราชวรวิหาร ปรากฏข้อความดังนี้ “๏ สิทธิการิยะ จะกล่าวฝีดาษเกิดในเดือน 11 เดือน 12 เดือน 1 ทั้ง 3 เดือนนี้ เกิดเพื่ออาโปธาตุ มักให้เย็นในอกแลมักตกมูกตกเลือด ให้เสียแม่แสลงพ่อแสลง นุ่งขาวห่มขาว แล้วทำบัตรไปส่งทิศอุดรแลอีสาร จึ่งจะดี๚ ถ้าจะแก้ให้เอาใบมะอึก ใบผักบุ้งร้วม ใบผักบุ้งขัน ใบก้างปลาทั้งสอง ใบพุงดา ใบผักขวง ใบหมาก ใบทองพันชั่ง เอาเสมอภาคตำเอาน้ำพ่น ดับฝี เพื่อเสมหะหาย ๚ ขนานหนึ่ง เอากะทิมะพร้าว น้ำคาวปลาไหล ไข่เป็ดลูกหนึ่ง มูลโคดำ แก่นประดู่ เอาเสมอภาคบด พ่นฝีเพื่อเสมหะที่ด้านอยู่นั้นขึ้นแลแปรฝีร้ายให้เป็นดี ๚ ขนานหนึ่ง เอาน้ำลูกตำลึง น้ำมันงา น้ำมันหัวกุ้ง น้ำรากถั่วพู เอาเสมอภาค พ่นฝีเพื่อเสมหะให้ยอดขึ้น หนองงามดีนัก๚ ขนานหนึ่ง เอาเห็ดมูลโค ว่านกีบแรด ว่านร่อนทอง สังกรณี ชะเอม ลูกประคำดีควาย หวายตะค้า เขากวางเผา กระดูกเสือเผา มะกล่ำเครือ ขันฑสกร มะขามเปียก เอาเสมอภาคบดทคำเป็นจุณ บดด้วยน้ำมะนาวทำแท่งไว้ละลายสุรา ดีงูเหลือม รำหัด กินแก้คอแหบแห้ง แก้คอเครือ หายดีนัก๚ ขนานหนึ่ง เอาใบหิ่งหาย ใบโหระพา ใบผักคราด ใบมะนาว พันงูแดง เอาเสมอภาค บดทำแท่งไว้ละลายสุรากิน แก้พิษฝี เพื่อเสมหะให้คลั่งให้สลบไปก็ดี หายวิเศษแล๚[6] ในตำรับยาขนานต่างๆข้างต้นนั้น เป็นยาพ่นภายนอกเสียส่วนใหญ่ ตำรับยาเพื่อการรับประทานที่พอาจะหาได้โดยไม่ต้องอาศัยสัตว์วัตถุคือตำรับยาขนานสุดท้ายที่น่าจะนำไปวิจัยต่อที่ว่า ”ขนานหนึ่ง เอาใบหิ่งหาย ใบโหระพา ใบผักคราด ใบมะนาว พันงูแดง เอาเสมอภาค บดทำแท่งไว้ละลายสุรากิน แก้พิษฝี เพื่อเสมหะให้คลั่งให้สลบไปก็ดี หายวิเศษแล๚“ [6] นอกจากนั้นจากจารึกวัดราชโอรสราชวรมหาวิหารยังปรากฏในแผ่นที่ 46 ทำให้เห็นว่ายังมีตำรับยาอีกขนานหนึ่งสำหรับโรคฝีดาษที่เป็นไข้หนักเข้าขั้นไข้สันนิบาตแล้วโดยใช้ ”ยาผายเลือด“ ความว่า “๏ สิทธิการิยะ ยาผายเลือดเอารากขี้กาแดง 1 เบญจาขี้เหล็ก ใบมะกา ใบมะขาม ใบส้มป่อย หญ้าไซ ลูกคัดเค้า ต้มให้งวดแล้วกรอง เอาน้ำขยำใส่ลงอีกเคี่ยวให้ข้น ปรุงยาดำ 1 สลึง 1 เฟื้อง ดีเกลือ 1 บาท กินประจุเลือดร้ายทั้งปวง แก้ไขสันนิบาตฝีดาษด้วย๚“[7] แต่สำหรับศิลาจารึกตำรายาวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (วัดโพธิ์) ในสมัยรัชกาลที่ 3 ก็ได้กล่าวถึงโรคฝีดาษที่มีรายละเอียดในบางอาการเพิ่มเติมอีก เช่น อาการฝีดาษขึ้นตา ปรากฏในศิลาจารึกว่าด้วยตำรายาวิเศษสรรพคุณสำเร็จแก้สรรพโรคทั้งปวงแผ่นที่ 22 ความว่า “ยาชื่อ สังขรัศมี เอาชะมดสด พิมเสน สิ่งละส่วน ลิ้นทะเลแช่น้ำมะนาวไว้ยังรุ่งแล้วล้างเสีย จึงเอามาแช่น้ำท่าไว้แต่เช้าถึงเที่ยง แล้วเอาตากให้แห้ง 3 ส่วน รากช้าแป้น ดินถนำสุทธิ สังข์สุทธิ สิ่งละ 4 ส่วน ทำเป็นจุณบดทำแท่งไว้ ฝนป้ายจักษุแก้สรรพต้อให้ปวดเคืองต่างๆ แก้ฝีดาษขึ้นจักษุก็ได้หายวิเศษนักฯ”[8] อย่างไรก็ตามการบันทึกในศิลาจารึกวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (วัดโพธิ์) ในสมัยรัชกาลที่ 3 ยังให้เบาะแสเกี่ยวกับ “สมุนไพรเดี่ยว” ที่เป็นเบาะแสว่าอาจจะมีสรรพคุณในการลดฝีดาษได้ ได้แก่ ข่าลิง บอระเพ็ด ชิงช้าชาลี ฯลฯ[8] ดังปรากฏตัวอย่างในศิลาจารึกวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (วัดโพธิ์)ในสมัยรัชกาลที่ 3 ว่าด้วยสรรพคุณยา เครื่องเทศและสมุนไพรแผ่นที่ 7 ที่กล่าวถึง “ต้นข่าลิง”แก้พิษฝีดาษ ความว่า “อันว่าคุณแห่งข่าลิงนั้น ต้นรู้แก้พิษฝีดาษ และรู้แก้ไข้เหนืออันบังเกิดเพื่อโลหิต รู้แก้ฝีกาฬ อันบังเกิดเพื่อฝีดาษ รู้แก้ไข้ตรีโทษ รู้กระทำให้เกิดกำลัง รู้กระทำเพลิงธาตุให้บริบูรณ์ รู้แก้กระหายน้ำ อันเป็นเพื่อโลหิตและลม รู้แก้สะอึก แก้สมุฏฐานกำเริบ ใบรู้ฆ่าพยาธิ์คือมะเร็ง ดอกรู้ฆ่าพยาธิ์ในอุทรและฟันในหูให้ตก ผลรู้แก้เสมหะอันเป็นพิษ รากรู้แก้โลหิตอันเป็นพิษไข้เหนือสันนิบาตฯ”[9] นอกจากนั้นยังปรากฏในศิลาจารึกวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (วัดโพธิ์)ในสมัยรัชกาลที่ 3 ว่าด้วยสรรพคุณยา เครื่องเทศ และสมุนไพร แผ่นที่ 14 ซึ่งกล่าวถึง “บอระเพ็ด” และ “ชิงช้าชาลี” ความว่า “อันว่าคุณแห่งบอระเพ็ดและชิงช้าชาลีนั้นคุณดุจกัน ต้นรู้แก้ฝีดาษ และรู้แก้ไข้เหนืออันบังเกิดโลหิต รู้แก้ฝีกาฬอันบังเกิดฝีดาษ รู้แก้ไข้ตรีโทษ รู้กระทำให้เกิดกำลัง รู้กระทำเพลิงธาตุให้บริบูรณ์ รู้แก้กระหายน้ำ อันเป็นเพื่อโลหิตและลม รู้แก้สะอึก แก้สมุฏฐานกำเริบ ใบรู้ฆ่าพยาธิ์คือมะเร็ง ดอกรู้ฆ่าพยาธิ์ในอุทรและในฟันในหูให้ตก ผลรู้แก้เสมหะอันเป็นพิษ รากรู้แก้โลหิตอันเป็นพิษเพื่อไข้สันนิบาตฯ”[10] นอกจากนั้นสมุนไพรที่มีการวิจัยที่ออกฤทธิ์ต้านไวรัสหลายชนิดในยุคปัจจุบัน ก็ควรจะนำมาสู่การวิจัยกับฝีดาษลิงต่อไป เช่น ขมิ้นชัน ฟ้าทะลายโจร ใบสะเดา กัญชา กัญชง ฝีหมอบ เสลดพังพอนตัวเมีย ฯลฯ ดังนั้นการกลับมาของโรคฝีดาษลิง จึงควรให้ความสำคัญกับภูมิปัญญาในการรักษาที่มีมาแต่ในอดีตรวมถึงความรู้จากการวิจัยในสมุนไพรต่างๆที่มีมากขึ้น ซึ่งควรจะนำมาวิจัยกับไวรัสฝีดาษลิงเอาไว้ล่วงหน้าเพื่อเตรียมประยุกต์ให้เหมาะสมใช้ในสถานการณ์ปัจจุบันและต่อไปในกาลข้างหน้าด้วยความไม่ประมาท ด้วยความปรารถนาดี ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต 5 กันยายน 2567 https://www.facebook.com/100044511276276/posts/1045825823577784/? อ้างอิง [1] พิชชานันท์ เธียรทองอินทร์ และ รัชฎาพร พิสัยพันธุ์, การวิเคราะห์องค์ความรู้ไข้ตามคัมภีร์ตักศิลา: คัมภีร์ว่าด้วยโรคระบาด, วารสารหมอยาไทยวิจัย, ปีที่ 9 ฉบับที่ 1 (มกราคม - มิถุนายน 2566), หน้า 131-152 https://he02.tci-thaijo.org/index.php/ttm/article/view/258845/180094 [2] โรงเรียนแพทย์แผนโบราณ วัดพระเชตุพนฯ (วัดโพธิ์), ตำรายา ศิลาจารึกในวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (วัดโพธิ์) พระนคร พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าให้จารึกไว้เมื่อ พ.ศ. ๒๓๗๕ ฉบับสมบูรณ์ ฉบับ พ.ศ.​๒๕๑๖ หน้า ๖๒ - ๖๔ [3] สำนักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ, หนังสือชุดวรรณกรรมหายาก แพทย์ศาสตร์สงเคราะห์ :ภูมิปัญญาการแพทย์และมรดกทางวรรณกรรมของชาติ, องค์การการค้าของ สกสค. จัดพิมพ์จำหน่าย พิมพ์ครั้งที่ 4, พ.ศ. 2554 จำนวน 3,000 เล่ม ISBN 978-947-01-9742-3 หน้า 694 [4] เรื่องเดียวกัน, หน้า 37 [5] เว็บไซต์กองนวัตกรรมและวิจัย กรมควบคุมโรค, การปลูกฝีป้องกันไข้ทรพิษ จุดเริ่มงานควบคุมโรคติดต่อในประเทศไทย https://ddc.moph.go.th/uploads/ckeditor2//files/การปลูกฝีป้องกันไข้ทรพิษ.pdf [6] เว็บไซต์ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร(องค์การมหาชน,จารึกตำรายาวัดราชโอรสารามราชวรวิหาร แผ่นที่ 18 ด้านที่ 1, จารึกในประเทศไทย, โพสต์เมื่อวันที่ 3 ต.ค. 2557( อัพเดทเมื่อวันที่ 26 เม.ย. 2567) https://db.sac.or.th/inscriptions/inscribe/image_detail/14798 [7] เว็บไซต์ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร(องค์การมหาชน,จารึกตำรายาวัดราชโอรสารามราชวรวิหาร แผ่นที่ 46 (ยาผายเลือด) ด้านที่ 1, จารึกในประเทศไทย, โพสต์เมื่อ โพสต์เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม 2558 https://db.sac.or.th/inscriptions/inscribe/image_detail/16335 [8] เว็บไซต์ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร(องค์การมหาชน), จารึกตำรายาวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม(ว่าด้วยตำรายาวิเศษสรรพคุณสำเร็จแก้สรรพโรคทั้งปวง แผ่นที่ 22 ยาแก้จักษุโรคคือต้อ(5), จารึกในประเทศไทย, โพสต์เมื่อวันที่ 20 ม.ค. 2560 https://db.sac.or.th/inscriptions/uploads/file/22-chaksurok-to5-tr2.pdf [9] เว็บไซต์ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร(องค์การมหาชน), จารึกตำรายาวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (ว่าด้วยสรรพคุณยา เครื่องเทศ และสมุนไพร แผ่นที่ 7 ท้าวยายม่อม ข่าใหญ่ ข่าลิง กระทือ ไพล กระชาย หอม และกระเทียม) ด้านที่ 1, จารึกในประเทศไทย, โพสต์เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2564 https://db.sac.or.th/inscriptions/uploads/file/7-thaoyaimom-khayai-khaling-tr1.pdf [10] เว็บไซต์ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร(องค์การมหาชน), จารึกตำรายาวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม, จารึกตำรายาวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (ว่าด้วยสรรพคุณยา เครื่องเทศ และสมุนไพร แผ่นที่ 14 แตงหนู ชิงชี่ บอระเพ็ด ชิงช้าชาลี บอระเพ็ดพุงช้าง ผักปอดตัวเมีย ผักปอดตัวผู้ และพลูแก), จารึกในประเทศไทย, โพสต์เมื่อวันที่ 25 เมษายน 2567 https://db.sac.or.th/inscriptions/inscribe/detail/17723
    Like
    Love
    23
    0 Comments 0 Shares 867 Views 0 Reviews
  • ความเห็นผิดหรือมิจฉาทิฏฐิ หมายถึง คนตาบอด มองไม่เห็นความจริงของโลก ว่า สรรพสิ่งในโลกไม่เที่ยง(อนิจจัง) แตกดับ(ทุกขัง) และไม่มีตัวตน(อนัตตา) แต่กลับเห็นว่า โลกนี้เที่ยง มีตัวตน จึงหลงยึดวิญญาณ รูป เวทนา สัญญา สังขาร ว่า เป็นของตน เป็นตน เป็นตัวของตน จึงมีความพอใจในรสอร่อยทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ มีราคะ(กำหนัด) มีความเพลิน(นันทิ) มีความอยาก(ตัณหา) แล้วก็หลงยึดมั่นอยู่ เปรียบเหมือนคนตาบอดห่มผ้าขาวเปื้อนฝ่น

    คนใด"เห็นผิด"เพียงข้อเดียว เป็นเหตุให้ จริยธรรมอีก 9 ข้อ ก็พลอยทุจริตไปด้วย นั้นคือ จะมีความคิดอาฆาตแค้นพยาบาท คิดโลภเพ็งเล็งในอุปกรณ์แห่งทรัพย์ของชาติ ซึ่งเรียกว่า "มโนกรรมทุจริต"... บุคคลตัวอย่างในเรื่องนี้ ไม่มีใครเหมาะสมเท่ากับ ทักสิน ชินวัตร

    วจีกรรมก็จะทุจริตไปตามมโนกรรม พูดโกหกบิดเบือน พูดส่อเสียดให้แตกแยก พูดหยาบ(พูดข้ามขั้นตอน..เช่น พูดว่า "แจกเงินแล้ว เศรษฐกิจจะดีขึ้น") พูดเพ้อเจ้อ(ไม่ประกอบด้วยหลักการ, เหตุผล, ประโยชน์ใด ๆ นอกจากความสนุกสนาน)

    กายกรรมก็จะทุจริตไปตามมโนกรรม คือ จะฆ่าสัตว์ ลักทรัพย์ ผิดลูกเมียคนอื่น เป็นเรื่องปกติ

    ลองหาดูซิ บุคคลตัวอย่าง สุจริตในข้อใดบ้าง ?....
    ความเห็นผิดหรือมิจฉาทิฏฐิ หมายถึง คนตาบอด มองไม่เห็นความจริงของโลก ว่า สรรพสิ่งในโลกไม่เที่ยง(อนิจจัง) แตกดับ(ทุกขัง) และไม่มีตัวตน(อนัตตา) แต่กลับเห็นว่า โลกนี้เที่ยง มีตัวตน จึงหลงยึดวิญญาณ รูป เวทนา สัญญา สังขาร ว่า เป็นของตน เป็นตน เป็นตัวของตน จึงมีความพอใจในรสอร่อยทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ มีราคะ(กำหนัด) มีความเพลิน(นันทิ) มีความอยาก(ตัณหา) แล้วก็หลงยึดมั่นอยู่ เปรียบเหมือนคนตาบอดห่มผ้าขาวเปื้อนฝ่น คนใด"เห็นผิด"เพียงข้อเดียว เป็นเหตุให้ จริยธรรมอีก 9 ข้อ ก็พลอยทุจริตไปด้วย นั้นคือ จะมีความคิดอาฆาตแค้นพยาบาท คิดโลภเพ็งเล็งในอุปกรณ์แห่งทรัพย์ของชาติ ซึ่งเรียกว่า "มโนกรรมทุจริต"... บุคคลตัวอย่างในเรื่องนี้ ไม่มีใครเหมาะสมเท่ากับ ทักสิน ชินวัตร วจีกรรมก็จะทุจริตไปตามมโนกรรม พูดโกหกบิดเบือน พูดส่อเสียดให้แตกแยก พูดหยาบ(พูดข้ามขั้นตอน..เช่น พูดว่า "แจกเงินแล้ว เศรษฐกิจจะดีขึ้น") พูดเพ้อเจ้อ(ไม่ประกอบด้วยหลักการ, เหตุผล, ประโยชน์ใด ๆ นอกจากความสนุกสนาน) กายกรรมก็จะทุจริตไปตามมโนกรรม คือ จะฆ่าสัตว์ ลักทรัพย์ ผิดลูกเมียคนอื่น เป็นเรื่องปกติ ลองหาดูซิ บุคคลตัวอย่าง สุจริตในข้อใดบ้าง ?....
    0 Comments 0 Shares 197 Views 0 Reviews
  • อุทยานแห่งชาติป่าหินงาม หยิบหมอก หยอกกระเจียว เที่ยวผาสุดแผ่นดิน

    สายฝนเริ่มโปรยปรายเราเลยจะชวนทุกคนไปเที่ยวหน้าฝน ชมดอกกระเจียวสวย ๆ กันที่อุทยานแห่งชาติป่าหินงาม จังหวัดชัยภูมิ เพลิดเพลินกับธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ รายล้อมด้วยภูเขาน้อยใหญ่ ป่าไม้เขียวขจี อากาศเย็นสบาย ได้สูดออกซิเจนให้เต็มปอด ก่อนจะวางแผนเดินทางไปเที่ยวกัน มารู้จักกับเรื่องน่ารู้ของอุทยานแห่งชาติป่าหินงามก่อนดีกว่า

    อุทยานแห่งชาติป่าหินงาม ตั้งอยู่บนเทือกเขาพังเหย อยู่ในพื้นที่อำเภอเทพสถิต และอำเภอซับใหญ่ จังหวัดชัยภูมิ มีเนื้อที่ประมาณ 62,437.50 ไร่ หรือ 99.9 ตารางกิโลเมตร ภูมิประเทศเป็นเนินเขาสลับซับซ้อน เป็นแหล่งต้นน้ำลำธารของลุ่มน้ำชีและแม่น้ำป่าสัก มีสภาพป่าสมบูรณ์ ปกคลุมด้วยป่าเต็งรัง ป่าดิบแล้ง และป่าเบญจพรรณ ทำให้มีความหลากหลายของระบบนิเวศ และมีไม้ดอกจำพวกดุสิตา เอนอ้า และกล้วยไม้ ขึ้นอยู่จำนวนมาก รวมถึงมีสัตว์ป่านานาพรรณ ที่สำคัญยังมีจุดเด่นทางธรรมชาติที่สวยงามหลายแห่งโดยเฉพาะ “ทุ่งดอกกระเจียว” ซึ่งจะบานสะพรั่งสวยงามในราวเดือนมิถุนายนถึงเดือนสิงหาคม ของทุกปี

    ทุ่งดอกกระเจียว ดอกกระเจียว หรือดอกบัวสวรรค์ ราชินีแห่งมวลไม้ในขุนเขา เป็นพืชล้มลุกประเภทหัว จำพวกขิง-ข่า พบขึ้นกระจายอยู่ทั่วไปตั้งแต่ลานหินงามไปจนถึงจุดชมวิวสุดแผ่นดิน รวมเป็นระยะทางกว่า 1 กิโลเมตร โดยช่วงเวลาที่เหมาะสมในการมาเที่ยวชมความสวยงามของดอกกระเจียวที่เบ่งบานผลิดอกสีชมพูอมม่วงขึ้นเต็มทั่วผืนป่า คือในช่วงฤดูฝนประมาณเดือนมิถุนายนถึงเดือนสิงหาคม ของทุกปี ทั้งนี้ ดอกกระเจียวที่บานในอุทยานค้นพบทั้งหมด 3 สายพันธุ์ คือ สายพันธุ์ปทุมมา สายพันธุ์กระเจียวดิน และสายพันธุ์กระเจียวขาว

    ลานหินงาม เป็นบริเวณลานหินที่มีโขดหินใหญ่รูปร่างแปลกตากระจายอยู่ในพื้นที่กว่า 10 ไร่ ซึ่งโขดหินดังกล่าวเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ โดยเป็นการกัดเซาะเนื้อดินและหินในส่วนที่จับตัวกันอย่างเบาบางหลุดออกไป นานวันเข้าจึงเกิดโขดหินที่มีรูปลักษณ์แตกต่างกัน สามารถจินตนาการเป็นรูปต่าง ๆ เช่น ตะปู เรด้าร์ แม่ไก่ รูปสัตว์ ปราสาทโบราณ หินรูปถ้วยรางวัลฟุตบอลโลก รูปดอกเห็ด เป็นต้น สำหรับลานหินงามนี้อยู่ทางด้านทิศตะวันตกของพื้นที่ทำการอุทยานแห่งชาติมีทางรถยนต์เข้าถึง

    สุดแผ่นดิน หน้าผาสูงชันและจุดสูงสุดของเทือกเขาพังเหย อยู่ทางด้านทิศเหนือห่างจากที่ทำการอุทยาน ประมาณ 2 กิโลเมตร มีความสูงจากระดับน้ำทะเล 846 เมตร เป็นแนวหน้าผาซึ่งเป็นรอยต่อระหว่างภาคกลางและภาคอีสาน ที่จุดชมวิวสุดแผ่นดินจะมองเห็นทิวทัศน์สันเขาพังเหยและเขตพื้นที่ป่าของเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าซับลังกา และมีสายลมพัดเย็นสบายตลอดวัน จึงเป็นจุดชมวิวสำคัญที่นักท่องเที่ยวนิยมมาดูสายหมอกตอนเช้าและพระอาทิตย์ตกในตอนเย็น รวมถึงแวะมาถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึกกันด้วย

    #ป่าหินงาม
    #ชัยภูมิ
    #ดอกกระเจียว


    อุทยานแห่งชาติป่าหินงาม หยิบหมอก หยอกกระเจียว เที่ยวผาสุดแผ่นดิน🌷 สายฝนเริ่มโปรยปรายเราเลยจะชวนทุกคนไปเที่ยวหน้าฝน ชมดอกกระเจียวสวย ๆ กันที่อุทยานแห่งชาติป่าหินงาม จังหวัดชัยภูมิ เพลิดเพลินกับธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ รายล้อมด้วยภูเขาน้อยใหญ่ ป่าไม้เขียวขจี อากาศเย็นสบาย ได้สูดออกซิเจนให้เต็มปอด ก่อนจะวางแผนเดินทางไปเที่ยวกัน มารู้จักกับเรื่องน่ารู้ของอุทยานแห่งชาติป่าหินงามก่อนดีกว่า อุทยานแห่งชาติป่าหินงาม ตั้งอยู่บนเทือกเขาพังเหย อยู่ในพื้นที่อำเภอเทพสถิต และอำเภอซับใหญ่ จังหวัดชัยภูมิ มีเนื้อที่ประมาณ 62,437.50 ไร่ หรือ 99.9 ตารางกิโลเมตร ภูมิประเทศเป็นเนินเขาสลับซับซ้อน เป็นแหล่งต้นน้ำลำธารของลุ่มน้ำชีและแม่น้ำป่าสัก มีสภาพป่าสมบูรณ์ ปกคลุมด้วยป่าเต็งรัง ป่าดิบแล้ง และป่าเบญจพรรณ ทำให้มีความหลากหลายของระบบนิเวศ และมีไม้ดอกจำพวกดุสิตา เอนอ้า และกล้วยไม้ ขึ้นอยู่จำนวนมาก รวมถึงมีสัตว์ป่านานาพรรณ ที่สำคัญยังมีจุดเด่นทางธรรมชาติที่สวยงามหลายแห่งโดยเฉพาะ “ทุ่งดอกกระเจียว” ซึ่งจะบานสะพรั่งสวยงามในราวเดือนมิถุนายนถึงเดือนสิงหาคม ของทุกปี ทุ่งดอกกระเจียว ดอกกระเจียว หรือดอกบัวสวรรค์ ราชินีแห่งมวลไม้ในขุนเขา เป็นพืชล้มลุกประเภทหัว จำพวกขิง-ข่า พบขึ้นกระจายอยู่ทั่วไปตั้งแต่ลานหินงามไปจนถึงจุดชมวิวสุดแผ่นดิน รวมเป็นระยะทางกว่า 1 กิโลเมตร โดยช่วงเวลาที่เหมาะสมในการมาเที่ยวชมความสวยงามของดอกกระเจียวที่เบ่งบานผลิดอกสีชมพูอมม่วงขึ้นเต็มทั่วผืนป่า คือในช่วงฤดูฝนประมาณเดือนมิถุนายนถึงเดือนสิงหาคม ของทุกปี ทั้งนี้ ดอกกระเจียวที่บานในอุทยานค้นพบทั้งหมด 3 สายพันธุ์ คือ สายพันธุ์ปทุมมา สายพันธุ์กระเจียวดิน และสายพันธุ์กระเจียวขาว ลานหินงาม เป็นบริเวณลานหินที่มีโขดหินใหญ่รูปร่างแปลกตากระจายอยู่ในพื้นที่กว่า 10 ไร่ ซึ่งโขดหินดังกล่าวเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ โดยเป็นการกัดเซาะเนื้อดินและหินในส่วนที่จับตัวกันอย่างเบาบางหลุดออกไป นานวันเข้าจึงเกิดโขดหินที่มีรูปลักษณ์แตกต่างกัน สามารถจินตนาการเป็นรูปต่าง ๆ เช่น ตะปู เรด้าร์ แม่ไก่ รูปสัตว์ ปราสาทโบราณ หินรูปถ้วยรางวัลฟุตบอลโลก รูปดอกเห็ด เป็นต้น สำหรับลานหินงามนี้อยู่ทางด้านทิศตะวันตกของพื้นที่ทำการอุทยานแห่งชาติมีทางรถยนต์เข้าถึง สุดแผ่นดิน หน้าผาสูงชันและจุดสูงสุดของเทือกเขาพังเหย อยู่ทางด้านทิศเหนือห่างจากที่ทำการอุทยาน ประมาณ 2 กิโลเมตร มีความสูงจากระดับน้ำทะเล 846 เมตร เป็นแนวหน้าผาซึ่งเป็นรอยต่อระหว่างภาคกลางและภาคอีสาน ที่จุดชมวิวสุดแผ่นดินจะมองเห็นทิวทัศน์สันเขาพังเหยและเขตพื้นที่ป่าของเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าซับลังกา และมีสายลมพัดเย็นสบายตลอดวัน จึงเป็นจุดชมวิวสำคัญที่นักท่องเที่ยวนิยมมาดูสายหมอกตอนเช้าและพระอาทิตย์ตกในตอนเย็น รวมถึงแวะมาถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึกกันด้วย #ป่าหินงาม #ชัยภูมิ #ดอกกระเจียว
    Like
    2
    0 Comments 0 Shares 252 Views 0 Reviews
  • สำหรับวันนี้นายTechTipsจะมานำเสนอภัยอีกรูปแบบหนึ่งที่มาเงียบๆซึ่งเป็นผลมาจากการใช้คอมพิวเตอร์ครับ

    โรคฮิตยุคติดจอ ใช้สายตา- จ้องคอมพิวเตอร์นานๆ เสี่ยงโรค CVS
    CVS หรือ คอมพิวเตอร์วิชั่นซินโดรม
    อาการคอมพิวเตอร์วิชั่นซินโดรม จะมีวิธีการสังเกตและลักษณะดังต่อไปนี้
    ตาแห้ง แสบและเคืองตา
    ปวดเมื่อยตา เหนื่อยตา ไม่ค่อยอยากลืมตา
    ตาพร่ามัว มองเห็นไม่ชัด
    โฟกัสได้ช้าลง
    เวลากระพริบตาอาจมีน้ำตาไหลออกมา
    ปวดบริเวณกระบอกตา
    ปวดศีรษะ หลัง ไหล่ หรือปวดต้นคอ เป็นอาการที่เรียกว่า Office Syndrome
    ตาสู้แสงไม่ได้

    ศ.พญ.งามจิตต์ เกษตรสุวรรณ ภาควิชาจักษุวิทยา คณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ หัวหน้าหน่วยกระจกตาและการแก้ไขสายตา โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย กล่าวว่า โรคCVS (Computer Vision Syndrome) หรือ คอมพิวเตอร์วิชั่นซินโดรม คือ กลุ่มอาการทางตาที่เกิดจากการใช้สายตากับคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน ทำให้เกิดอาการปวดเมื่อย มีปัญหาทางตา คอ บ่า ไหล่

    โดยเฉพาะคนวัยทำงานที่มีการใช้คอมพิวเตอร์ แท็บเล็ต และสมาร์ทโฟนมากจนเกินไป โดยอาการคอมพิวเตอร์วิชั่นซินโดรม มักเกิดกับผู้ที่ใช้อุปกรณ์ดังกล่าวต่อเนื่องนานเกินกว่า 2 ชั่วโมงติดต่อกัน

    นอกจากอาการผิดปกติที่เกิดขึ้น ปัจจัยต่าง ๆ ที่อาจส่งผลให้เกิดอาการนี้ ได้แก่

    ขณะจดจ่อกับการอ่านหนังสือหรือจ้องจอคอมพิวเตอร์จะมีการกระพริบตาน้อยลง ทำให้เกิดอาการตาแห้งง่ายขึ้น
    แสงสว่างภายในห้องไม่เหมาะสม
    มีแสงสะท้อนจากจอคอมพิวเตอร์
    การที่ตัวอักษรบนจอคอมพิวเตอร์ไม่เรียบคมชัดเท่าตัวพิมพ์บนหน้าหนังสือ หรือมีความไม่นิ่งของสัญญาณในจอคอมพิวเตอร์ ทำให้ต้องพยายามโฟกัสมากขึ้นจึงก่อให้เกิดอาการตาเมื่อยล้าได้ง่ายขึ้น
    ระยะห่างจากหน้าจอ
    ระดับสายตาในการมองจอคอมพิวเตอร์
    ท่าทางในการในการนั่งทำงานที่ไม่เหมาะสม

    เอาละครับถ้าใครมีอาการดังที่อ่านมานี้ต้องปรับตัวนะครับ ด้วยการเพิ่มเเสงให้เพียงพอ จัดท่านั่ง เเละหยุดพักในการจ้องจอบ้าง อาจจะเปลี่ยนอิริยาบถทุกๆสองชม เป้นต้น นอกจากพักสายตาเเล้วยังได้พักผ่อนร่างกายส่วนอื่นๆ ให้หายเหนื่อยล้าจากการทำงานได้อีกด้วยครับ

    อย่าลืมนะครับการป้องกันที่ดีที่สุดคืออย่าให้เราป่วยเเล้วค่อยรักษานะครับเริ่มต้นป้องกันไม่ให้ป่วยดีกว่า
    ด้วยความหวังดีจาก นายTechTips ครับ
    #TechTips
    สำหรับวันนี้นายTechTipsจะมานำเสนอภัยอีกรูปแบบหนึ่งที่มาเงียบๆซึ่งเป็นผลมาจากการใช้คอมพิวเตอร์ครับ โรคฮิตยุคติดจอ ใช้สายตา- จ้องคอมพิวเตอร์นานๆ เสี่ยงโรค CVS CVS หรือ คอมพิวเตอร์วิชั่นซินโดรม อาการคอมพิวเตอร์วิชั่นซินโดรม จะมีวิธีการสังเกตและลักษณะดังต่อไปนี้ ตาแห้ง แสบและเคืองตา ปวดเมื่อยตา เหนื่อยตา ไม่ค่อยอยากลืมตา ตาพร่ามัว มองเห็นไม่ชัด โฟกัสได้ช้าลง เวลากระพริบตาอาจมีน้ำตาไหลออกมา ปวดบริเวณกระบอกตา ปวดศีรษะ หลัง ไหล่ หรือปวดต้นคอ เป็นอาการที่เรียกว่า Office Syndrome ตาสู้แสงไม่ได้ ศ.พญ.งามจิตต์ เกษตรสุวรรณ ภาควิชาจักษุวิทยา คณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ หัวหน้าหน่วยกระจกตาและการแก้ไขสายตา โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย กล่าวว่า โรคCVS (Computer Vision Syndrome) หรือ คอมพิวเตอร์วิชั่นซินโดรม คือ กลุ่มอาการทางตาที่เกิดจากการใช้สายตากับคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน ทำให้เกิดอาการปวดเมื่อย มีปัญหาทางตา คอ บ่า ไหล่ โดยเฉพาะคนวัยทำงานที่มีการใช้คอมพิวเตอร์ แท็บเล็ต และสมาร์ทโฟนมากจนเกินไป โดยอาการคอมพิวเตอร์วิชั่นซินโดรม มักเกิดกับผู้ที่ใช้อุปกรณ์ดังกล่าวต่อเนื่องนานเกินกว่า 2 ชั่วโมงติดต่อกัน นอกจากอาการผิดปกติที่เกิดขึ้น ปัจจัยต่าง ๆ ที่อาจส่งผลให้เกิดอาการนี้ ได้แก่ ขณะจดจ่อกับการอ่านหนังสือหรือจ้องจอคอมพิวเตอร์จะมีการกระพริบตาน้อยลง ทำให้เกิดอาการตาแห้งง่ายขึ้น แสงสว่างภายในห้องไม่เหมาะสม มีแสงสะท้อนจากจอคอมพิวเตอร์ การที่ตัวอักษรบนจอคอมพิวเตอร์ไม่เรียบคมชัดเท่าตัวพิมพ์บนหน้าหนังสือ หรือมีความไม่นิ่งของสัญญาณในจอคอมพิวเตอร์ ทำให้ต้องพยายามโฟกัสมากขึ้นจึงก่อให้เกิดอาการตาเมื่อยล้าได้ง่ายขึ้น ระยะห่างจากหน้าจอ ระดับสายตาในการมองจอคอมพิวเตอร์ ท่าทางในการในการนั่งทำงานที่ไม่เหมาะสม เอาละครับถ้าใครมีอาการดังที่อ่านมานี้ต้องปรับตัวนะครับ ด้วยการเพิ่มเเสงให้เพียงพอ จัดท่านั่ง เเละหยุดพักในการจ้องจอบ้าง อาจจะเปลี่ยนอิริยาบถทุกๆสองชม เป้นต้น นอกจากพักสายตาเเล้วยังได้พักผ่อนร่างกายส่วนอื่นๆ ให้หายเหนื่อยล้าจากการทำงานได้อีกด้วยครับ อย่าลืมนะครับการป้องกันที่ดีที่สุดคืออย่าให้เราป่วยเเล้วค่อยรักษานะครับเริ่มต้นป้องกันไม่ให้ป่วยดีกว่า ด้วยความหวังดีจาก นายTechTips ครับ #TechTips
    0 Comments 0 Shares 214 Views 0 Reviews
  • ความโปรดักท์ทีฟ
    หลายๆคนเริ่มให้ความสนใจกับสิ่งนี้ เพราะทำให้รู้สึกว่าใช้เวลาได้คุ้มค่า
    ในขณะที่อีกหลายๆคนรู้สึกว่า ทำไมเราต้องขยันขนาดนั้น? แค่เห็นก็รู้สึกเหนื่อยแล้ว

    รู้หรือไม่ว่า ร่างกายของมนุษย์นั้นสำคัญไฉน
    หากสิ่งใดที่ไม่ได้ใช้งาน สิ่งนั้นจะยิ่งเสื่อมสภาพ
    ในขณะที่ยิ่งใช้ยิ่งแกร่ง ไม่ว่าจะเป็นกล้ามเนื้อร่างกาย หรือสมอง
    ..แน่นอนว่าทุกอย่างมากไปหรือน้อยไปย่อมไม่ดี ทุกอย่างต้องอยู่บนความสมดุล

    วิธีโปรดักท์ทีฟง่ายๆประจำวันคือการทำลิสต์ขึ้นมา เขียนสิ่งที่จำเป็นต้องทำ ณ วันๆหนึ่่ง
    เมื่อทำเสร็จก็ลิสต์เป็นข้อๆว่าทำเรียบร้อยแล้ว
    สิ่งนี้ทำแล้วจะได้อะไร?

    -คุณจะมีความรับผิดชอบมากขึ้น เพราะคุณไม่หลงลืมสิ่งสำคัญที่ต้องทำ
    -คุณใกล้ชิดคนในครอบครัวมากขึ้น เพราะคุณจดจำวันสำคัญของครอบครัวได้
    -คุณจะรู้สึกว่าตัวของคุณนั้นมีคุณค่า เพราะคุณได้ใช้เวลาอย่างคุ้มค่าแล้ว
    -คุณจะรู้สึกชินกับการได้รับความสำเร็จ เพราะ "ชัยชนะเล็กๆ สู่ ชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ในอนาคต"

    ลองทำติดต่อกันสัก21วัน ปรับเปลี่ยนไปตามความเหมาะสมของไลฟ์สไตล์คุณ
    แล้วคุณจะรู้ว่า แค่ทำตามลิสต์ ชีวิตก็สดชื่นแล้ว ^^

    ถอดบทเรียนจากหนังสือ | ที่จริงวันนี้ก็ดีนะ

    #หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #พัฒนาตัวเอง #ที่จริงวันนี้ก็ดีนะ #Thaitimes
    ความโปรดักท์ทีฟ 🏆 หลายๆคนเริ่มให้ความสนใจกับสิ่งนี้ เพราะทำให้รู้สึกว่าใช้เวลาได้คุ้มค่า ในขณะที่อีกหลายๆคนรู้สึกว่า ทำไมเราต้องขยันขนาดนั้น? แค่เห็นก็รู้สึกเหนื่อยแล้ว รู้หรือไม่ว่า ร่างกายของมนุษย์นั้นสำคัญไฉน หากสิ่งใดที่ไม่ได้ใช้งาน สิ่งนั้นจะยิ่งเสื่อมสภาพ ในขณะที่ยิ่งใช้ยิ่งแกร่ง ไม่ว่าจะเป็นกล้ามเนื้อร่างกาย หรือสมอง ..แน่นอนว่าทุกอย่างมากไปหรือน้อยไปย่อมไม่ดี ทุกอย่างต้องอยู่บนความสมดุล วิธีโปรดักท์ทีฟง่ายๆประจำวันคือการทำลิสต์ขึ้นมา เขียนสิ่งที่จำเป็นต้องทำ ณ วันๆหนึ่่ง เมื่อทำเสร็จก็ลิสต์เป็นข้อๆว่าทำเรียบร้อยแล้ว สิ่งนี้ทำแล้วจะได้อะไร? -คุณจะมีความรับผิดชอบมากขึ้น เพราะคุณไม่หลงลืมสิ่งสำคัญที่ต้องทำ -คุณใกล้ชิดคนในครอบครัวมากขึ้น เพราะคุณจดจำวันสำคัญของครอบครัวได้ -คุณจะรู้สึกว่าตัวของคุณนั้นมีคุณค่า เพราะคุณได้ใช้เวลาอย่างคุ้มค่าแล้ว -คุณจะรู้สึกชินกับการได้รับความสำเร็จ เพราะ "ชัยชนะเล็กๆ สู่ ชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ในอนาคต" ลองทำติดต่อกันสัก21วัน ปรับเปลี่ยนไปตามความเหมาะสมของไลฟ์สไตล์คุณ แล้วคุณจะรู้ว่า แค่ทำตามลิสต์ ชีวิตก็สดชื่นแล้ว ^^ ถอดบทเรียนจากหนังสือ | ที่จริงวันนี้ก็ดีนะ #หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #พัฒนาตัวเอง #ที่จริงวันนี้ก็ดีนะ #Thaitimes
    Like
    2
    0 Comments 0 Shares 486 Views 0 Reviews
  • #อยากเบิกเนตรให้คนอีกจำนวนไม่น้อย
    ที่ยังสะละมึนกับละครฉายซ้ำ
    ยังนั่งเชียร์เย้วๆว่า นี่แหละวีระบุรุษนาแกคือคนที่จำคว่ำโทนี่ได้
    คนกลุ่มนี้คือคนที่ไม่เคยติดตามข่าวสารการเมืองจริงจัง
    โดยรอบนี้พี่คิงส์จะไม่เอาข้อมูลเก่าที่เคยนำเสนอไปแล้ว
    มาเล่าซ้ำ เอาบทสัมภาษณ์สดๆร้อนๆเมื่อห้าโมงเย็นที่ผ่านมานี่แหละ
    อ่านแล้ววิเคราะห์เอาเอง ตาจะได้สว่าง
    พี่คิงส์โพธิ์แดงย้ำว่า อาเจนด้าของเพจนี้คือการยืนอยู่บนความถูกต้อง
    เปิดเผยความจริงในด้านที่คนส่วนใหญ่ไม่รู้
    และปกป้องสถาบันที่เรารักไม่ให้ถูกบิดเบือน ให้ร้าย
    ดังนั้น เพจนี้จึงไม่ได้ต้องเชียร์พรรคใดพรรคหนึ่ง
    และก็ไม่ได้ต้องโจม ตี พรรคใดพรรคหนึ่ง
    ว่ากันเป็นเรื่องๆ ยกเว้นพรรคส้มเน่า มันมีแกนแนวคิด
    ที่ล้มล้างการปกครอง จึงไม่มีความดีใดๆให้สรรเสริญ
    พี่คิงส์ฯเชื่อว่า หลายคนงงๆ และยังไม่ชินเพราะปกติ เพจต้องสร้างมาเพื่อเชียร์ฝั่งนึง และเล่นงานอีกฝั่งนึง พอพี่คิงส์เอาความจริงที่ฝั่งตัวเองเชียร์ทำไม่ดีมาเปิด ก็จะผลักพี่คิงส์ไปอีกฝั่งทันที ทรวยเหอะ เรื่องของเมิง ไอ่พวกนี้ไม่ให้ราคา เพราะพี่คิงส์เชื่อว่าคนที่คอเดียวกันมีเยอะ
    ว่ากันต่อเรื่องบทสัมภาษณ์
    นักข่าวได้ซักถาม กรณีที่แถลงข่าวไปเมื่อวาน คำถามเช่น
    ไปคุยอะไรชั้น 14
    หลักฐานที่มีคว่ำโทนี่ได้เลยมั๊ย
    รอบนี้สู้จริงหรือเปล่า
    แต่คำตอบที่ได้ที่พี่คิงส์จะจับประเด็นให้เข้าใจง่ายๆคือ
    1. โทนี่พูดเสมอว่า "ผมเป็นหนี้บุญคุณพี่เสรีเยอะมาก" และโทนี่โทรไปให้ช่วยโหวตอิ๊งเป็นนายก แต่พอคุยกับภูมิธรรม ว่าตัวเองอยากได้รองนายกและคุมความมั่นคงคุมตำรวจทั่วปรปะเทศ เพราะคุณสมบัติของตัวเองเหมาะสมที่สุด แต่โทนี่จะตั้งอิ๊งคุมความมั่นคง โดยตัวเองนี่แหละจะดูเอง
    2. ประเด็นที่สองคือ เมื่อรู้ว่าตัวเองขอแล้วไม่ได้ ก็เลยทำเอกสารขู่ยื่นโนติสว่าพรรคตัวเองที่มีสส.คนเดียว จะถอนตัวนะ และเริ่มให้ข่าวกับสื่อว่า จะแถลงแต่แล้วโทนี่ก็ไม่โทรมาง้อ
    3. ที่แถลงข่าว แต่แถลงครึ่งๆกลางๆ อ้างว่าบอกนักข่าวได้แค่บางส่วน นักข่าวถามว่ามีข่าวว่า เพื่อไทยติดต่อมาจะให้ตำแหน่งที่ต้องการ ก็ตอบด้วยความน้อยใจว่า ยัง ยังไม่มี
    4. ยกตัวเองว่า เสรีนี่แหละคือตำรวจที่ดีและเหมาะสมที่สุด คุณสมบัติของเสรี เป็นนายกยังเก่งว่าโทนี่ด้วยซ้ำ ถ้าเอาตัวเองไปคุมตำรวจ ก็จะทำให้คนไทยทั้งประเทศเจริญ เป็นผลงานของพรรคเพื่อไทย
    5. ตำรวจทั่วประเทศต้องปฏิรูป ตร.ชั้นประทวนจบม.หกมาเป็น ได้ยังไง กระจอก ชั้นสัญญาบัตรจบแค่ป.ตรี เป็นได้ไง
    6. เสรี มีบุญคุณกับเพื่อไทยมากมาย นอกเหนือจากที่โทนี่นัดไปคุยชั้น 14 ขอให้ถอนเรื่องร้องเรียน นายกนิดเรื่องแต่งตั้งผบตร. ก็ยังทำให้เพื่อไทยได้ส.ส.เป็นสิบที่นั่ง โดยแจงละเอียดว่า สส.เพื่อไทยคนไหนมาให้ช่วย ตัวเองก็จะหาช่องทางกฏหมายเล่นงาน จนต้องถอนตัวบ้าง บางคนยังมีค-ดีถึงวันนี้ไม่จบไม่สิ้น หนึ่งในนั้นคือสหายแสง บางคนเป็นผู้ลงสมัครสส.เพื่อไทย แต่ทำผิด ตัวเองก็ดึงเวลาให้หมดอายุความ นี่ก็บุญคุณขนาดไหน
    7. เสรีโยนความผิดว่า อิ๊งน่าจะได้รับสารที่ตัวเองส่งไป ที่ไปโนติสว่าไม่ให้ตำแหน่งจะไปเป็นฝ่ายค้านนั้น ก็เพื่อไทย ให้เด็กเป็นผู้นำ เลยไม่ได้เรื่อง เรื่องสำคัญขนาดเรื่องของเสรี จะต้องจัดการยังไง ไม่ใช่เงียบแบบนี้
    สรุปว่า ณ นาทีนี้ วีรบุรุษหน้าแก่ ก็ยังคงรอสัญญาณมือถือจากโทนี่
    ยังมีความหวังว่าจะได้คุมความมั่นคงและตำรวจทั่วประเทศจนได้
    และทิ้งท้ายก็ยังปล่อยหมัดเด็ดอีกว่า
    ถ้าเปิดหลักฐาน ราชทันฑ์ รพ.มีเข้าตารางแน่นอน
    อ่านบทสัมภาษณ์มาทั้งหมดแล้ว คงเข้าใจและเบิกเนตรใครได้อีกหลายคน
    เข้าใจซักทีว่าทำไม เพจคิงส์โพธิ์แดงถึงไม่เคยเชื่อใจ
    ไอ่เฒ่านี้เลย นี่ไม่ได้เล่าความเดิมตอนที่แล้วเลยแม้แต่น้อย
    เอาของปัจจุบันวันนี้นี่แหละ คนที่มีสติปัญญา สว่างวาบทันที
    ดังนั้น...ตั้งสติกันหน่อย ไม่ใช่เห็นใครแสดงขึงขัง แ-ฉ เพื่อชาติ
    แล้วจะเฮโลไปเชียร์ เจอไอ่ตั้ม สุรเชษฐ์ แล้วเป็นไงกันหละ
    ทัวร์เลี้ยวกลับกันแทบไม่ทัน ไอ่ฉัด
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #อยากเบิกเนตรให้คนอีกจำนวนไม่น้อย ที่ยังสะละมึนกับละครฉายซ้ำ ยังนั่งเชียร์เย้วๆว่า นี่แหละวีระบุรุษนาแกคือคนที่จำคว่ำโทนี่ได้ คนกลุ่มนี้คือคนที่ไม่เคยติดตามข่าวสารการเมืองจริงจัง โดยรอบนี้พี่คิงส์จะไม่เอาข้อมูลเก่าที่เคยนำเสนอไปแล้ว มาเล่าซ้ำ เอาบทสัมภาษณ์สดๆร้อนๆเมื่อห้าโมงเย็นที่ผ่านมานี่แหละ อ่านแล้ววิเคราะห์เอาเอง ตาจะได้สว่าง พี่คิงส์โพธิ์แดงย้ำว่า อาเจนด้าของเพจนี้คือการยืนอยู่บนความถูกต้อง เปิดเผยความจริงในด้านที่คนส่วนใหญ่ไม่รู้ และปกป้องสถาบันที่เรารักไม่ให้ถูกบิดเบือน ให้ร้าย ดังนั้น เพจนี้จึงไม่ได้ต้องเชียร์พรรคใดพรรคหนึ่ง และก็ไม่ได้ต้องโจม ตี พรรคใดพรรคหนึ่ง ว่ากันเป็นเรื่องๆ ยกเว้นพรรคส้มเน่า มันมีแกนแนวคิด ที่ล้มล้างการปกครอง จึงไม่มีความดีใดๆให้สรรเสริญ พี่คิงส์ฯเชื่อว่า หลายคนงงๆ และยังไม่ชินเพราะปกติ เพจต้องสร้างมาเพื่อเชียร์ฝั่งนึง และเล่นงานอีกฝั่งนึง พอพี่คิงส์เอาความจริงที่ฝั่งตัวเองเชียร์ทำไม่ดีมาเปิด ก็จะผลักพี่คิงส์ไปอีกฝั่งทันที ทรวยเหอะ เรื่องของเมิง ไอ่พวกนี้ไม่ให้ราคา เพราะพี่คิงส์เชื่อว่าคนที่คอเดียวกันมีเยอะ ว่ากันต่อเรื่องบทสัมภาษณ์ นักข่าวได้ซักถาม กรณีที่แถลงข่าวไปเมื่อวาน คำถามเช่น ไปคุยอะไรชั้น 14 หลักฐานที่มีคว่ำโทนี่ได้เลยมั๊ย รอบนี้สู้จริงหรือเปล่า แต่คำตอบที่ได้ที่พี่คิงส์จะจับประเด็นให้เข้าใจง่ายๆคือ 1. โทนี่พูดเสมอว่า "ผมเป็นหนี้บุญคุณพี่เสรีเยอะมาก" และโทนี่โทรไปให้ช่วยโหวตอิ๊งเป็นนายก แต่พอคุยกับภูมิธรรม ว่าตัวเองอยากได้รองนายกและคุมความมั่นคงคุมตำรวจทั่วปรปะเทศ เพราะคุณสมบัติของตัวเองเหมาะสมที่สุด แต่โทนี่จะตั้งอิ๊งคุมความมั่นคง โดยตัวเองนี่แหละจะดูเอง 2. ประเด็นที่สองคือ เมื่อรู้ว่าตัวเองขอแล้วไม่ได้ ก็เลยทำเอกสารขู่ยื่นโนติสว่าพรรคตัวเองที่มีสส.คนเดียว จะถอนตัวนะ และเริ่มให้ข่าวกับสื่อว่า จะแถลงแต่แล้วโทนี่ก็ไม่โทรมาง้อ 3. ที่แถลงข่าว แต่แถลงครึ่งๆกลางๆ อ้างว่าบอกนักข่าวได้แค่บางส่วน นักข่าวถามว่ามีข่าวว่า เพื่อไทยติดต่อมาจะให้ตำแหน่งที่ต้องการ ก็ตอบด้วยความน้อยใจว่า ยัง ยังไม่มี 4. ยกตัวเองว่า เสรีนี่แหละคือตำรวจที่ดีและเหมาะสมที่สุด คุณสมบัติของเสรี เป็นนายกยังเก่งว่าโทนี่ด้วยซ้ำ ถ้าเอาตัวเองไปคุมตำรวจ ก็จะทำให้คนไทยทั้งประเทศเจริญ เป็นผลงานของพรรคเพื่อไทย 5. ตำรวจทั่วประเทศต้องปฏิรูป ตร.ชั้นประทวนจบม.หกมาเป็น ได้ยังไง กระจอก ชั้นสัญญาบัตรจบแค่ป.ตรี เป็นได้ไง 6. เสรี มีบุญคุณกับเพื่อไทยมากมาย นอกเหนือจากที่โทนี่นัดไปคุยชั้น 14 ขอให้ถอนเรื่องร้องเรียน นายกนิดเรื่องแต่งตั้งผบตร. ก็ยังทำให้เพื่อไทยได้ส.ส.เป็นสิบที่นั่ง โดยแจงละเอียดว่า สส.เพื่อไทยคนไหนมาให้ช่วย ตัวเองก็จะหาช่องทางกฏหมายเล่นงาน จนต้องถอนตัวบ้าง บางคนยังมีค-ดีถึงวันนี้ไม่จบไม่สิ้น หนึ่งในนั้นคือสหายแสง บางคนเป็นผู้ลงสมัครสส.เพื่อไทย แต่ทำผิด ตัวเองก็ดึงเวลาให้หมดอายุความ นี่ก็บุญคุณขนาดไหน 7. เสรีโยนความผิดว่า อิ๊งน่าจะได้รับสารที่ตัวเองส่งไป ที่ไปโนติสว่าไม่ให้ตำแหน่งจะไปเป็นฝ่ายค้านนั้น ก็เพื่อไทย ให้เด็กเป็นผู้นำ เลยไม่ได้เรื่อง เรื่องสำคัญขนาดเรื่องของเสรี จะต้องจัดการยังไง ไม่ใช่เงียบแบบนี้ สรุปว่า ณ นาทีนี้ วีรบุรุษหน้าแก่ ก็ยังคงรอสัญญาณมือถือจากโทนี่ ยังมีความหวังว่าจะได้คุมความมั่นคงและตำรวจทั่วประเทศจนได้ และทิ้งท้ายก็ยังปล่อยหมัดเด็ดอีกว่า ถ้าเปิดหลักฐาน ราชทันฑ์ รพ.มีเข้าตารางแน่นอน อ่านบทสัมภาษณ์มาทั้งหมดแล้ว คงเข้าใจและเบิกเนตรใครได้อีกหลายคน เข้าใจซักทีว่าทำไม เพจคิงส์โพธิ์แดงถึงไม่เคยเชื่อใจ ไอ่เฒ่านี้เลย นี่ไม่ได้เล่าความเดิมตอนที่แล้วเลยแม้แต่น้อย เอาของปัจจุบันวันนี้นี่แหละ คนที่มีสติปัญญา สว่างวาบทันที ดังนั้น...ตั้งสติกันหน่อย ไม่ใช่เห็นใครแสดงขึงขัง แ-ฉ เพื่อชาติ แล้วจะเฮโลไปเชียร์ เจอไอ่ตั้ม สุรเชษฐ์ แล้วเป็นไงกันหละ ทัวร์เลี้ยวกลับกันแทบไม่ทัน ไอ่ฉัด #คิงส์โพธิ์แดง
    0 Comments 0 Shares 499 Views 0 Reviews
  • ยาฆ่าพยาธิ ฤทธิ์ ต้านไวรัส และ ร่วมต้านมะเร็ง และร่วมรักษาพาร์กินสัน

    ศ นพ ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา
    ที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก
    มหาวิทยาลัยรังสิต

    ยาที่ได้รับการรับรองในเรื่องความปลอดภัยและหมดสิทธิบัตร ราคาถูกเข้าถึงได้ทั่ว โดยที่ ปรากฏว่ามีสรรพคุณนอกเหนือจากที่เคยรู้กันและนำมาใช้ในบริบทที่ต่างออกไป เป็นสิ่งที่ควรให้ความสนใจ ในการเป็น repurpose drug

    และอีกทั้งยาพื้นบ้านสมุนไพรไทยและยาแผนตะวันออกรวมทั้งวิธีควบการรักษาอื่นๆควรต้องเปิดใจและ ศึกษาอย่างจริงจังและในที่สุดสามารถร่วมใช้ด้วยกันกับยาแผนปัจจุบันตะวันตก

    ตัวอย่างเช่นยาฆ่าพยาธิ ยา ไอเวอร์เมคตินตัวนี้ Satoshi ōmura และ William C. Campbell ได้รางวัลโนเบลสาขาสรีรวิทยาและอายุรกรรม ในปี 2015 ในการคันพบ ว่าเป็นยาที่มีประสิทธิภาพมากในการรักษา โรคพยาธิต่างๆและช่วยชีวิตคนในทวีปแอฟริกาได้มากมาย ในช่วงระยะเวลาต่อมามีการศึกษา ฤทธิ์และกลไกของยาตัวนี้ จนกระทั่งได้พบว่ายาตัวนี้มีสรรพคุณในการยับยั้งการติดเชื้อรวมกระทั่งถึงการรักษาการติดเชื้อไวรัสโดยเฉพาะที่เป็น กลุ่ม RNA อาทิเช่นไวรัสโควิด จนกระทั่งมีการนำมาใช้ใน หลายทวีป ในประเทศอินเดีย แอฟริกา แม้กระทั่ง ในญี่ปุ่น อังกฤษและสหรัฐอเมริกา

    แต่อย่างไรก็ตามได้ถูกต่อต้านอย่างรุนแรงและมีการเซ็นเซอร์รวมทั้งมีการเพิกถอนใบประกอบอาชีพของแพทย์ และองค์กรกลางของสหรัฐ FDA ได้กล่าวดูถูกถากถาง แต่ในที่สุดแพ้คดีต่อศาลสูงสุดของสหรัฐ ให้ลบการประนาม ข้อความในสื่อทั้งหมด ที่ให้ร้ายยาฆ่าพยาธิดังกล่าว และแพทย์ชนะคดี

    เย็นวันพฤหัสบดีที่ 21 มีนาคม 2024 คดีในศาลที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน โดยศาลได้ตัดสินให้ FDA ของสหรัฐอเมริกาซึ่งนำโดย Robert Califf ซึ่งเป็นแพทย์โรคหัวใจ ถอดถอนคำกล่าวอ้างที่เป็นเท็จและทำให้เกิดความเข้าใจผิดทั้งหมดเกี่ยวกับยา ivermectin ยานี้เป็นส่วนหนึ่งของการใช้ตามมาตรฐานชุมชนในการดูแลรักษาโรคโควิด-19 โดยมีประวัติความปลอดภัยที่ดีเยี่ยมและหลักฐานคุณประโยชน์ในการศึกษาไม่น้อยกว่า 101 รายการ

    ในช่วงปี 2021 สิ่งที่เรียกว่า"สงครามกับยาไอเวอร์เมกติน" FDA ของสหรัฐอเมริกาได้โพสต์ทวีตอันเป็นเท็จและทำให้เข้าใจผิด และการส่งข้อความสาธารณะเพื่อห้ามปรามแพทย์ เภสัชกร และผู้ป่วยจากการใช้ยา และ ส่งผลให้แพทย์ที่สั่งใช้ถูกสั่งให้ยุติ การทำงาน ถอดถอนใบอนุญาติ และนำมาสู่การฟ้องร้องซึ่ง FDA แพ้ในที่สุด

    ช่วงเวลาก่อนโควิด ระยะที่มีการระบาด และหลังจากที่การระบาดสงบลงมีความสนใจในกลไกของยาฆ่าพยาธิตัวนี้ที่สามารถออกฤทธิ์ต่อมะเร็งหลายชนิดได้ ทั้งในด้านการระงับการเจริญเติบโต การแพร่กระจาย และยับยั้งการสร้างเส้นเลือดที่มาเลี้ยงก้อนมะเร็งต่างๆ ทั้งนี้ยังรวมถึงผ่อนเบา สถานการณ์ดื้อยาของมะเร็งชนิดต่างๆต่อการรักษาและยาเคมีบำบัด และมีการใช้ผสมควบรวมกันทั้งนี้เพื่อควบคุมมะเร็งได้ดีขึ้น

    กลไกสำคัญที่มีการศึกษาไปแล้วนั้น คือความสามารถที่จะทำให้มะเร็งตายโดยกระบวนการ ที่เรียกว่า programmed cell death autophagy และ pyroptosis โดยผ่านเส้นทางของ PAK1 kinase และอื่นๆ

    จุดประสงค์ของการศึกษายานี้กับมะเร็งเพื่อช่วยให้เป็นยาประกอบกับยาเคมีบำบัดเพื่อให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

    ยกตัวอย่างบทความบางส่วนที่ศึกษายาตัวนี้กับมะเร็ง ชนิดต่างๆเช่น
    มะเร็งเต้านมโดยเฉพาะในกลุ่มที่เรียกว่า triple negative โดยทีไม่มี estrogen, progesterone receptor และ human epidermal growth factor receptors 2 (HER2) และเป็นมะเร็งที่เติบโตและลุกลามเร็วที่สุด โดยที่ไอเวอร์เมคตินทำหน้าที่เป็นตัวควบคุม ในระดับเหนือพันธุกรรม (epigenetic regulator) และยังทำให้มะเร็งชนิดนี้กลับมาตอบสนองกับยาปกติ tamoxifen
    การศึกษาหลายรายงานยังพบว่าไอเวอร์เมคติน ช่วยทำให้เซลล์มะเร็งตายได้ดีขึ้นโดยการปรับสภาวะแวดล้อมของเซลล์มะเร็ง(tumor microenvironment )จากการปล่อย high mobility group box-1 protein (HMGB1) ทำให้เกิดปฏิกิริยาทางระบบเซลล์ภูมิคุ้มกันที่ทำให้เกิดการอักเสบและการตายของเซลล์มะเร็ง

    ในส่วนมะเร็งกระเพาะอาหารพบว่าไอเวอเมคติน สามารถ ยับยั้งการ เติบโตของเซลล์ผ่าน Yes-associated protein 1 (YAP1) และกระบวนการนี้ยังใช้อธิบายผลต่อมะเร็งตับ มะเร็งท่อน้ำดี

    และยายังช่วยมะเร็งที่ดื้อ gemcitabine ซึ่งเป็นยาเคมีบำบัดสำหรับรักษา มะเร็งลำไส้ใหญ่ทำให้เกิดเซลล์ตายในกระบวนการapoptosis จากการขัดขวาง Wnt/beta catenin pathway

    นอกจากนั้นยังมีผลช่วยในกรณีของมะเร็งของไต (renal cell carcinoma) โดยไม่กระทบต่อเซลล์ปกติทั้งนี้โดยการขัดขวางหน้าที่ของmitochondria

    ยายังมีส่วนช่วยมะเร็งต่อมลูกหมากโดยที่เพิ่มการออกฤทธิ์ของ ยาต้าน ฮอร์โมนแอนโดเจน enzalutamide และปรับเซลล์มะเร็งที่ดื้อ ยาdocetaxel ให้กลับมาตอบสนองใหม่

    มะเร็งของเม็ดเลือดขาวหรือลูคีเมีย ยาช่วยฆ่ามะเร็ง ในขนาดยาที่ไม่สูง และไม่กระทบเซลล์ปกติ ทั้งนี้โดยการเหนียวนำให้เกิดอนุมูลอิสระ และมีผลส่งเสริมการออกฤทธิ์ของยา cytarabine และ daunorubicin
    นอกจากนั้นยังมีผลกับมะเร็งชนิดไม่เฉียบพลัน chronic myeloid leukemia และช่วยการทำงานของยา dasatinib ให้ดีขึ้น

    มะเร็งปากมดลูกและมะเร็งรังไข่ ยามีส่วนช่วยในการทำให้ยาเคมีบำบัดออกฤทธิ์ได้ดีขึ้นเช่นเดียวกัน
    เนื้องอกสมอง ยามีส่วนช่วยรักษา glioblastoma ผ่านกลไกที่ทำให้เซลล์ตายและยับยั้งการสร้างเส้นเลือดมาเลี้ยงก้อนเนื้องอกและการกระจายของเซลล์มะเร็ง
    อย่างไรก็ตามยาไอเวเมคติน ไม่สามารถผ่านผนังกั้นหลอดเลือดกับสมองได้ดี ดังนั้น อาจเป็นข้อจำกัดในการใช้ยานี้กับเนื้องอกในสมองยกเว้นแต่ว่าต้องสามารถเปิดให้มีรูหรือช่องว่างของผนังกั้นนี้ได้อย่างพอเพียงโดยที่ไม่เกิดขึ้นอย่างถาวร

    มะเร็งในช่วงโพรงจมูกทางด้านหลัง มะเร็งปอด และ มะเร็งร้ายแรงของผิวหนัง melanoma ยาดังกล่าวนี้สามารถช่วยการรักษาที่เป็นมาตรฐานให้มีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น

    ลิงค์ที่แนบแสดงถึงการรายงานประสิทธิภาพและกลไกของยา ต่อเนื้องอกมะเร็งแบบต่างๆ เช่น
    วารสาร Nature 2021https://www.nature.com/articles/s41523-021-00229-5
    วารสารNature 2022https://www.nature.com/articles/s41419-022-05182-0
    และวารสารอื่นๆhttps://www.sciencedirect.com/science/article/pii/S1043661820315152https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC7505114/https://www.frontiersin.org/journals/pharmacology/articles/10.3389/fphar.2021.717529/fullhttps://journals.sagepub.com/doi/full/10.1177/09603271221143693https://www.mdpi.com/2079-9721/11/1/49https://www.frontiersin.org/journals/pharmacology/articles/10.3389/fphar.2022.934746/fullhttps://ar.iiarjournals.org/content/39/9/4837
    การศึกษาในสัตว์ทดลองที่ปรับแต่งเป็นมะเร็งที่ไม่มีตัวรับใดๆทั้งสิ้น และเมื่อได้รับ Ivermectin ทำให้ตัวมะเร็งนั้นแสดงตัวให้เห็นและยาฆ่ามะเร็ง immune check point inhibitor แสดงฤทธิ์ได้เต็มที่
    Ivermectin converts cold tumors hot and synergizes with immune checkpoint blockade for treatment of breast cancer
    https://www.nature.com/articles/s41523-021-00229-5

    https://www.frontiersin.org/journals/molecular-neuroscience/articles/10.3389/fnmol.2023.1138798/full

    ในอีกบริบทหนึ่งปรากฏว่ายังสามารถช่วยให้การรักษา พาร์กินสัน มีประสิทธิภาพได้ดียิ่งขึ้นในห้อง ปฏิบัติการ อีกดังรายงานในปี 2024 และเนื่องจากความปลอดภัยแม้ว่าจะใช้ในขณะสูงเป็นเวลาหลายเดือนยังมีทางเป็นไปได้ในการรักษาเยียวยาในมนุษย์

    https://www.sciencedirect.com/science/article/abs/pii/S0166432820305039?fr=RR-2&ref=pdf_download&rr=

    IVM is increasing striatal dopamine release through enhanced cholinergic activity on dopamine terminals.

    https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC11025261/

    เหล่านี้เป็นตัวอย่างของยาที่มีสรรพคุณมากหลาย นอกเหนือจากที่ค้นพบตั้งแต่ต้น กลายเป็น ที่เราเรียกว่า repurpose drug

    และน่าจะสะท้อนให้เห็นถึงสภาวการณ์ของสมุนไพรไทย และรวม กันชงและกัญชา ที่ครอบครัวของผู้ป่วยที่ได้รับการวินิจฉัยแล้วว่ารักษาไม่ได้และให้ประคับประคองอย่างเดียวได้นำมาใช้เพื่อบรรเทาอาการเจ็บปวดทรมานนอนไม่ได้กินไม่ไหว แต่สามารถมีชีวิตอย่างเกือบปกติและใช้ชีวิตร่วมกับครอบครัวโดยทุกคนค่อยๆยอมรับ และในที่สุด แม้ผู้ป่วยจะจากไป แต่ไม่ได้ทนทุกข์ทรมาน

    ทั้งนี้ผู้ป่วยเหล่านี้ต่างได้รับยาแก้ปวดมอร์ฟีนทั้งชนิดกิน ฉีด แต่ไม่สามารถบรรเทาอาการได้ ในขณะเดียวกันมีผู้ป่วยมะเร็งเป็นจำนวนมากที่ได้รับการวินิจฉัยยืนยันชนิดของมะเร็งรวมกระทั่งถึงระยะลุกลามขั้นสุดท้าย
    เมื่อได้ยากันชงกัญชา โดยการให้ที่ถูกต้องและเหมาะสม กลับมีชีวิตยืนยาวได้มากกว่าปกติตามที่คาดคะเนจากการรักษาแบบมาตรฐาน

    ควรหรือไม่ที่จะเริ่มพิจารณาอย่างจริงจังที่จะนำสมุนไพรต่างๆ รวมทั้งการแพทย์แผนตะวันออกเช่นแพทย์แผนจีน เข้ามาศึกษาและยกระดับความเข้าใจรวมทั้งสามารถระบุปฏิกิริยา รวมทั้งข้อห้ามใช้เมื่อใช้ร่วมกับยาแผนปัจจุบัน ตัวไหนบ้างเพื่อประโยชน์สูงสุดของผู้ป่วยและเป็นการประหยัดและทำให้ประชาชนคนป่วยเข้าถึงได้อย่างเต็มที่
    ยาฆ่าพยาธิ ฤทธิ์ ต้านไวรัส และ ร่วมต้านมะเร็ง และร่วมรักษาพาร์กินสัน ศ นพ ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต ยาที่ได้รับการรับรองในเรื่องความปลอดภัยและหมดสิทธิบัตร ราคาถูกเข้าถึงได้ทั่ว โดยที่ ปรากฏว่ามีสรรพคุณนอกเหนือจากที่เคยรู้กันและนำมาใช้ในบริบทที่ต่างออกไป เป็นสิ่งที่ควรให้ความสนใจ ในการเป็น repurpose drug และอีกทั้งยาพื้นบ้านสมุนไพรไทยและยาแผนตะวันออกรวมทั้งวิธีควบการรักษาอื่นๆควรต้องเปิดใจและ ศึกษาอย่างจริงจังและในที่สุดสามารถร่วมใช้ด้วยกันกับยาแผนปัจจุบันตะวันตก ตัวอย่างเช่นยาฆ่าพยาธิ ยา ไอเวอร์เมคตินตัวนี้ Satoshi ōmura และ William C. Campbell ได้รางวัลโนเบลสาขาสรีรวิทยาและอายุรกรรม ในปี 2015 ในการคันพบ ว่าเป็นยาที่มีประสิทธิภาพมากในการรักษา โรคพยาธิต่างๆและช่วยชีวิตคนในทวีปแอฟริกาได้มากมาย ในช่วงระยะเวลาต่อมามีการศึกษา ฤทธิ์และกลไกของยาตัวนี้ จนกระทั่งได้พบว่ายาตัวนี้มีสรรพคุณในการยับยั้งการติดเชื้อรวมกระทั่งถึงการรักษาการติดเชื้อไวรัสโดยเฉพาะที่เป็น กลุ่ม RNA อาทิเช่นไวรัสโควิด จนกระทั่งมีการนำมาใช้ใน หลายทวีป ในประเทศอินเดีย แอฟริกา แม้กระทั่ง ในญี่ปุ่น อังกฤษและสหรัฐอเมริกา แต่อย่างไรก็ตามได้ถูกต่อต้านอย่างรุนแรงและมีการเซ็นเซอร์รวมทั้งมีการเพิกถอนใบประกอบอาชีพของแพทย์ และองค์กรกลางของสหรัฐ FDA ได้กล่าวดูถูกถากถาง แต่ในที่สุดแพ้คดีต่อศาลสูงสุดของสหรัฐ ให้ลบการประนาม ข้อความในสื่อทั้งหมด ที่ให้ร้ายยาฆ่าพยาธิดังกล่าว และแพทย์ชนะคดี เย็นวันพฤหัสบดีที่ 21 มีนาคม 2024 คดีในศาลที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน โดยศาลได้ตัดสินให้ FDA ของสหรัฐอเมริกาซึ่งนำโดย Robert Califf ซึ่งเป็นแพทย์โรคหัวใจ ถอดถอนคำกล่าวอ้างที่เป็นเท็จและทำให้เกิดความเข้าใจผิดทั้งหมดเกี่ยวกับยา ivermectin ยานี้เป็นส่วนหนึ่งของการใช้ตามมาตรฐานชุมชนในการดูแลรักษาโรคโควิด-19 โดยมีประวัติความปลอดภัยที่ดีเยี่ยมและหลักฐานคุณประโยชน์ในการศึกษาไม่น้อยกว่า 101 รายการ ในช่วงปี 2021 สิ่งที่เรียกว่า"สงครามกับยาไอเวอร์เมกติน" FDA ของสหรัฐอเมริกาได้โพสต์ทวีตอันเป็นเท็จและทำให้เข้าใจผิด และการส่งข้อความสาธารณะเพื่อห้ามปรามแพทย์ เภสัชกร และผู้ป่วยจากการใช้ยา และ ส่งผลให้แพทย์ที่สั่งใช้ถูกสั่งให้ยุติ การทำงาน ถอดถอนใบอนุญาติ และนำมาสู่การฟ้องร้องซึ่ง FDA แพ้ในที่สุด ช่วงเวลาก่อนโควิด ระยะที่มีการระบาด และหลังจากที่การระบาดสงบลงมีความสนใจในกลไกของยาฆ่าพยาธิตัวนี้ที่สามารถออกฤทธิ์ต่อมะเร็งหลายชนิดได้ ทั้งในด้านการระงับการเจริญเติบโต การแพร่กระจาย และยับยั้งการสร้างเส้นเลือดที่มาเลี้ยงก้อนมะเร็งต่างๆ ทั้งนี้ยังรวมถึงผ่อนเบา สถานการณ์ดื้อยาของมะเร็งชนิดต่างๆต่อการรักษาและยาเคมีบำบัด และมีการใช้ผสมควบรวมกันทั้งนี้เพื่อควบคุมมะเร็งได้ดีขึ้น กลไกสำคัญที่มีการศึกษาไปแล้วนั้น คือความสามารถที่จะทำให้มะเร็งตายโดยกระบวนการ ที่เรียกว่า programmed cell death autophagy และ pyroptosis โดยผ่านเส้นทางของ PAK1 kinase และอื่นๆ จุดประสงค์ของการศึกษายานี้กับมะเร็งเพื่อช่วยให้เป็นยาประกอบกับยาเคมีบำบัดเพื่อให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ยกตัวอย่างบทความบางส่วนที่ศึกษายาตัวนี้กับมะเร็ง ชนิดต่างๆเช่น มะเร็งเต้านมโดยเฉพาะในกลุ่มที่เรียกว่า triple negative โดยทีไม่มี estrogen, progesterone receptor และ human epidermal growth factor receptors 2 (HER2) และเป็นมะเร็งที่เติบโตและลุกลามเร็วที่สุด โดยที่ไอเวอร์เมคตินทำหน้าที่เป็นตัวควบคุม ในระดับเหนือพันธุกรรม (epigenetic regulator) และยังทำให้มะเร็งชนิดนี้กลับมาตอบสนองกับยาปกติ tamoxifen การศึกษาหลายรายงานยังพบว่าไอเวอร์เมคติน ช่วยทำให้เซลล์มะเร็งตายได้ดีขึ้นโดยการปรับสภาวะแวดล้อมของเซลล์มะเร็ง(tumor microenvironment )จากการปล่อย high mobility group box-1 protein (HMGB1) ทำให้เกิดปฏิกิริยาทางระบบเซลล์ภูมิคุ้มกันที่ทำให้เกิดการอักเสบและการตายของเซลล์มะเร็ง ในส่วนมะเร็งกระเพาะอาหารพบว่าไอเวอเมคติน สามารถ ยับยั้งการ เติบโตของเซลล์ผ่าน Yes-associated protein 1 (YAP1) และกระบวนการนี้ยังใช้อธิบายผลต่อมะเร็งตับ มะเร็งท่อน้ำดี และยายังช่วยมะเร็งที่ดื้อ gemcitabine ซึ่งเป็นยาเคมีบำบัดสำหรับรักษา มะเร็งลำไส้ใหญ่ทำให้เกิดเซลล์ตายในกระบวนการapoptosis จากการขัดขวาง Wnt/beta catenin pathway นอกจากนั้นยังมีผลช่วยในกรณีของมะเร็งของไต (renal cell carcinoma) โดยไม่กระทบต่อเซลล์ปกติทั้งนี้โดยการขัดขวางหน้าที่ของmitochondria ยายังมีส่วนช่วยมะเร็งต่อมลูกหมากโดยที่เพิ่มการออกฤทธิ์ของ ยาต้าน ฮอร์โมนแอนโดเจน enzalutamide และปรับเซลล์มะเร็งที่ดื้อ ยาdocetaxel ให้กลับมาตอบสนองใหม่ มะเร็งของเม็ดเลือดขาวหรือลูคีเมีย ยาช่วยฆ่ามะเร็ง ในขนาดยาที่ไม่สูง และไม่กระทบเซลล์ปกติ ทั้งนี้โดยการเหนียวนำให้เกิดอนุมูลอิสระ และมีผลส่งเสริมการออกฤทธิ์ของยา cytarabine และ daunorubicin นอกจากนั้นยังมีผลกับมะเร็งชนิดไม่เฉียบพลัน chronic myeloid leukemia และช่วยการทำงานของยา dasatinib ให้ดีขึ้น มะเร็งปากมดลูกและมะเร็งรังไข่ ยามีส่วนช่วยในการทำให้ยาเคมีบำบัดออกฤทธิ์ได้ดีขึ้นเช่นเดียวกัน เนื้องอกสมอง ยามีส่วนช่วยรักษา glioblastoma ผ่านกลไกที่ทำให้เซลล์ตายและยับยั้งการสร้างเส้นเลือดมาเลี้ยงก้อนเนื้องอกและการกระจายของเซลล์มะเร็ง อย่างไรก็ตามยาไอเวเมคติน ไม่สามารถผ่านผนังกั้นหลอดเลือดกับสมองได้ดี ดังนั้น อาจเป็นข้อจำกัดในการใช้ยานี้กับเนื้องอกในสมองยกเว้นแต่ว่าต้องสามารถเปิดให้มีรูหรือช่องว่างของผนังกั้นนี้ได้อย่างพอเพียงโดยที่ไม่เกิดขึ้นอย่างถาวร มะเร็งในช่วงโพรงจมูกทางด้านหลัง มะเร็งปอด และ มะเร็งร้ายแรงของผิวหนัง melanoma ยาดังกล่าวนี้สามารถช่วยการรักษาที่เป็นมาตรฐานให้มีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น ลิงค์ที่แนบแสดงถึงการรายงานประสิทธิภาพและกลไกของยา ต่อเนื้องอกมะเร็งแบบต่างๆ เช่น วารสาร Nature 2021https://www.nature.com/articles/s41523-021-00229-5 วารสารNature 2022https://www.nature.com/articles/s41419-022-05182-0 และวารสารอื่นๆhttps://www.sciencedirect.com/science/article/pii/S1043661820315152https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC7505114/https://www.frontiersin.org/journals/pharmacology/articles/10.3389/fphar.2021.717529/fullhttps://journals.sagepub.com/doi/full/10.1177/09603271221143693https://www.mdpi.com/2079-9721/11/1/49https://www.frontiersin.org/journals/pharmacology/articles/10.3389/fphar.2022.934746/fullhttps://ar.iiarjournals.org/content/39/9/4837 การศึกษาในสัตว์ทดลองที่ปรับแต่งเป็นมะเร็งที่ไม่มีตัวรับใดๆทั้งสิ้น และเมื่อได้รับ Ivermectin ทำให้ตัวมะเร็งนั้นแสดงตัวให้เห็นและยาฆ่ามะเร็ง immune check point inhibitor แสดงฤทธิ์ได้เต็มที่ Ivermectin converts cold tumors hot and synergizes with immune checkpoint blockade for treatment of breast cancer https://www.nature.com/articles/s41523-021-00229-5 https://www.frontiersin.org/journals/molecular-neuroscience/articles/10.3389/fnmol.2023.1138798/full ในอีกบริบทหนึ่งปรากฏว่ายังสามารถช่วยให้การรักษา พาร์กินสัน มีประสิทธิภาพได้ดียิ่งขึ้นในห้อง ปฏิบัติการ อีกดังรายงานในปี 2024 และเนื่องจากความปลอดภัยแม้ว่าจะใช้ในขณะสูงเป็นเวลาหลายเดือนยังมีทางเป็นไปได้ในการรักษาเยียวยาในมนุษย์ https://www.sciencedirect.com/science/article/abs/pii/S0166432820305039?fr=RR-2&ref=pdf_download&rr= IVM is increasing striatal dopamine release through enhanced cholinergic activity on dopamine terminals. https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC11025261/ เหล่านี้เป็นตัวอย่างของยาที่มีสรรพคุณมากหลาย นอกเหนือจากที่ค้นพบตั้งแต่ต้น กลายเป็น ที่เราเรียกว่า repurpose drug และน่าจะสะท้อนให้เห็นถึงสภาวการณ์ของสมุนไพรไทย และรวม กันชงและกัญชา ที่ครอบครัวของผู้ป่วยที่ได้รับการวินิจฉัยแล้วว่ารักษาไม่ได้และให้ประคับประคองอย่างเดียวได้นำมาใช้เพื่อบรรเทาอาการเจ็บปวดทรมานนอนไม่ได้กินไม่ไหว แต่สามารถมีชีวิตอย่างเกือบปกติและใช้ชีวิตร่วมกับครอบครัวโดยทุกคนค่อยๆยอมรับ และในที่สุด แม้ผู้ป่วยจะจากไป แต่ไม่ได้ทนทุกข์ทรมาน ทั้งนี้ผู้ป่วยเหล่านี้ต่างได้รับยาแก้ปวดมอร์ฟีนทั้งชนิดกิน ฉีด แต่ไม่สามารถบรรเทาอาการได้ ในขณะเดียวกันมีผู้ป่วยมะเร็งเป็นจำนวนมากที่ได้รับการวินิจฉัยยืนยันชนิดของมะเร็งรวมกระทั่งถึงระยะลุกลามขั้นสุดท้าย เมื่อได้ยากันชงกัญชา โดยการให้ที่ถูกต้องและเหมาะสม กลับมีชีวิตยืนยาวได้มากกว่าปกติตามที่คาดคะเนจากการรักษาแบบมาตรฐาน ควรหรือไม่ที่จะเริ่มพิจารณาอย่างจริงจังที่จะนำสมุนไพรต่างๆ รวมทั้งการแพทย์แผนตะวันออกเช่นแพทย์แผนจีน เข้ามาศึกษาและยกระดับความเข้าใจรวมทั้งสามารถระบุปฏิกิริยา รวมทั้งข้อห้ามใช้เมื่อใช้ร่วมกับยาแผนปัจจุบัน ตัวไหนบ้างเพื่อประโยชน์สูงสุดของผู้ป่วยและเป็นการประหยัดและทำให้ประชาชนคนป่วยเข้าถึงได้อย่างเต็มที่
    Like
    3
    0 Comments 0 Shares 506 Views 0 Reviews
  • จะทำตามไหม! ศาลอาญาโลกสั่งมองโกเลียรวบตัวปูติน หลังผู้นำรัสเซียมีคิวเดินทางเยือน

    1 กันยายน 2567- สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า มองโกเลียต้องควบคุมตัวประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย สืบเนื่องจากพวกเขาเป็นรัฐสมาชิกของศาลอาญาระหว่างประเทศ (ไอซีซี) จากคำกล่าวของโฆษกศาลแห่งนี้ที่มีสำนักงานใหญ่ในเมืองเฮก ความเคลื่อนไหวซึ่งมีขึ้นก่อนหน้าที่ ปูติน มีกำหนดเดินทางเยือนมองโกเลีย

    ปูติน มีกำหนดเดินทางเยือนเพื่อนบ้านของรัสเซียแห่งนี้ ในวันจันทร์ (2 ก.ย.) เพื่อร่วมรำลึกครบรอบ 85 ปี ของการเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 ในทางทฤษฎีแล้ว แผนการเดินทางดังกล่าวทำให้เขาเสี่ยงถูกจับกุมตามหมายจับของศาลอาญาระหว่างประเทศ ในข้อหา "ก่ออาชญากรรมสงตราม" เนื่องจากมองโกเลีย ให้การรับรองขอบเขตอำนาจของศาลแห่งนี้

    ฟาดิ เอล-อับดัลเลาะห์ โฆษกของศาลอาญาระหว่างประเทศ ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวบีบีซีในวันศุกร์ (30 ส.ค.) ว่าทุกรัฐที่ลงนามในธรรมนูญกรุงโรม "มีพันธสัญญาที่ต้องให้ความร่วมมือ สอดคล้องกับบทบัญญัติภาค 9 ของธรรมนูญกรุงโรม" ทั้งนี้ ธรรมนูญกรุงโรม เป็นสนธิสัญญาระหว่างประเทศที่จัดตั้งศาลแห่งนี้ขึ้นมา และทางมองโกเลียได้ให้สัตยาบันรับรองในปี 2002

    "ในกรณีที่ไม่ให้ความร่วมมือ บรรดาผู้พิพากษาของศาลอาญาระหว่างประเทศ อาจดำเนินการตรวจสอบผลกระทบในเรื่องดังกล่าว และแจ้งต่อสมัชชารัฐภาคีแห่งธรรมนูญกรุงโรมในเรื่องนี้ จากนั้นทางสมัชชาฯ จะเป็นคนตัดสินใจใช้มาตรการใดๆ ที่พวกเขาเล็งเห็นว่ามีความเหมาะสม" เอล-อับดัลเลาะห์กล่าว

    อย่างไรก็ตาม ธรรมนูญกรุงโรมได้ให้ข้อยกเว้น ครั้งที่การจับกุมใดๆ นั้นเป็นการละเมิดพันธสัญญาในสนธิสัญญาหนึ่งที่ทำไว้กับประเทศอื่น หรือละเมิดเอกสิทธิ์คุ้มกันทางการทูตของบุคคลหรือสินทรัพย์ของประเทศที่ 3

    อ้างอิงจากรัฐบาลในกรุงเคียฟ ทางยูเครนได้ยื่นคำร้องอย่างเป็นทางการ เรียกร้องให้ มองโกเลียจับกุม ปูติน เช่นกัน

    กระนั้นก็ตาม ดมิทรี เปสคอฟ โฆษกของวังเครมลิน บอกกับพวกผู้สื่อข่าวในวันศุกร์ (30 ส.ค.) มอสโกไม่กังวลเกี่ยวกับหมายจับของศาลอาญาระหว่างประเทศ พร้อมเน้นว่าทุกประเด็นปัญหาในความเป็นไปได้ที่เกี่ยวข้องกับการเดินทางเยือนของปูติน จะได้รับการจัดการแยกกันเป็นการล่วงหน้า

    ศาลอาญาระหว่างประเทศออกหมายจับ ปูติน ในเดือนมีนาคม 2023 กล่าวหาประธานาธิบดีรัสเซีย บังคับเนรเทศอย่างผิดกฎหมายและบังคับขนย้ายประชากร (เด็ก) จากพื้นที่ยึดครองในยูเครน ไปยังสหพันธรัฐรัสเซีย

    มอสโกปฏิเสธคำกล่าวอ้างว่าไร้สาระ เน้นว่าการอพยพพลเรือนออกจากพื้นที่สู้รบไม่ใช่อาชญากรรม ยิ่งไปกว่านั้นทั้งรัสเซียและยูเครน ก็ไม่ได้เป็นรัฐภาคีของธรรมนูญกรุงโรม นั่นหมายความว่าศาลอาญาระหว่างประเทศไม่มีขอบเขตอำนาจในเรื่องนี้

    ที่มา : https://mgronline.com/around/detail/9670000080886

    #Thaitimes
    จะทำตามไหม! ศาลอาญาโลกสั่งมองโกเลียรวบตัวปูติน หลังผู้นำรัสเซียมีคิวเดินทางเยือน 1 กันยายน 2567- สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า มองโกเลียต้องควบคุมตัวประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย สืบเนื่องจากพวกเขาเป็นรัฐสมาชิกของศาลอาญาระหว่างประเทศ (ไอซีซี) จากคำกล่าวของโฆษกศาลแห่งนี้ที่มีสำนักงานใหญ่ในเมืองเฮก ความเคลื่อนไหวซึ่งมีขึ้นก่อนหน้าที่ ปูติน มีกำหนดเดินทางเยือนมองโกเลีย ปูติน มีกำหนดเดินทางเยือนเพื่อนบ้านของรัสเซียแห่งนี้ ในวันจันทร์ (2 ก.ย.) เพื่อร่วมรำลึกครบรอบ 85 ปี ของการเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 ในทางทฤษฎีแล้ว แผนการเดินทางดังกล่าวทำให้เขาเสี่ยงถูกจับกุมตามหมายจับของศาลอาญาระหว่างประเทศ ในข้อหา "ก่ออาชญากรรมสงตราม" เนื่องจากมองโกเลีย ให้การรับรองขอบเขตอำนาจของศาลแห่งนี้ ฟาดิ เอล-อับดัลเลาะห์ โฆษกของศาลอาญาระหว่างประเทศ ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวบีบีซีในวันศุกร์ (30 ส.ค.) ว่าทุกรัฐที่ลงนามในธรรมนูญกรุงโรม "มีพันธสัญญาที่ต้องให้ความร่วมมือ สอดคล้องกับบทบัญญัติภาค 9 ของธรรมนูญกรุงโรม" ทั้งนี้ ธรรมนูญกรุงโรม เป็นสนธิสัญญาระหว่างประเทศที่จัดตั้งศาลแห่งนี้ขึ้นมา และทางมองโกเลียได้ให้สัตยาบันรับรองในปี 2002 "ในกรณีที่ไม่ให้ความร่วมมือ บรรดาผู้พิพากษาของศาลอาญาระหว่างประเทศ อาจดำเนินการตรวจสอบผลกระทบในเรื่องดังกล่าว และแจ้งต่อสมัชชารัฐภาคีแห่งธรรมนูญกรุงโรมในเรื่องนี้ จากนั้นทางสมัชชาฯ จะเป็นคนตัดสินใจใช้มาตรการใดๆ ที่พวกเขาเล็งเห็นว่ามีความเหมาะสม" เอล-อับดัลเลาะห์กล่าว อย่างไรก็ตาม ธรรมนูญกรุงโรมได้ให้ข้อยกเว้น ครั้งที่การจับกุมใดๆ นั้นเป็นการละเมิดพันธสัญญาในสนธิสัญญาหนึ่งที่ทำไว้กับประเทศอื่น หรือละเมิดเอกสิทธิ์คุ้มกันทางการทูตของบุคคลหรือสินทรัพย์ของประเทศที่ 3 อ้างอิงจากรัฐบาลในกรุงเคียฟ ทางยูเครนได้ยื่นคำร้องอย่างเป็นทางการ เรียกร้องให้ มองโกเลียจับกุม ปูติน เช่นกัน กระนั้นก็ตาม ดมิทรี เปสคอฟ โฆษกของวังเครมลิน บอกกับพวกผู้สื่อข่าวในวันศุกร์ (30 ส.ค.) มอสโกไม่กังวลเกี่ยวกับหมายจับของศาลอาญาระหว่างประเทศ พร้อมเน้นว่าทุกประเด็นปัญหาในความเป็นไปได้ที่เกี่ยวข้องกับการเดินทางเยือนของปูติน จะได้รับการจัดการแยกกันเป็นการล่วงหน้า ศาลอาญาระหว่างประเทศออกหมายจับ ปูติน ในเดือนมีนาคม 2023 กล่าวหาประธานาธิบดีรัสเซีย บังคับเนรเทศอย่างผิดกฎหมายและบังคับขนย้ายประชากร (เด็ก) จากพื้นที่ยึดครองในยูเครน ไปยังสหพันธรัฐรัสเซีย มอสโกปฏิเสธคำกล่าวอ้างว่าไร้สาระ เน้นว่าการอพยพพลเรือนออกจากพื้นที่สู้รบไม่ใช่อาชญากรรม ยิ่งไปกว่านั้นทั้งรัสเซียและยูเครน ก็ไม่ได้เป็นรัฐภาคีของธรรมนูญกรุงโรม นั่นหมายความว่าศาลอาญาระหว่างประเทศไม่มีขอบเขตอำนาจในเรื่องนี้ ที่มา : https://mgronline.com/around/detail/9670000080886 #Thaitimes
    MGRONLINE.COM
    จะทำตามไหม! ศาลอาญาโลกสั่งมองโกเลียรวบตัวปูติน หลังผู้นำรัสเซียมีคิวเดินทางเยือน
    มองโกเลีย ต้องควบคุมตัว ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย สืบเนื่องจากพวกเขาเป็นรัฐสมาชิกของศาลอาญาระหว่างประเทศ(ไอซีซี) จากคำกล่าวของโฆษกศาลแห่งนี้ที่มีสำนักงานใหญ่ในเมืองเฮก ความเคลื่อนไหวซึ่งมีขึ้นก่อนหน้าที่ ปูติน มีกำหน
    Like
    Haha
    2
    0 Comments 0 Shares 616 Views 0 Reviews
  • ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีทีบี หรือ ttb analytics
    ได้เผยแพร่ข้อมูล อุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มไทย
    กำลังเข้าสู่โหมดขาลงในอัตราเร่ง

    โดยอุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มไทย
    กำลังถูกท้าทายด้วยต้นทุนค่าแรงที่เพิ่มขึ้น
    กับความก้าวหน้าของเทคโนโลยีที่สามารถตอบสนองตลาด
    ในปัจจุบันได้เร็วกว่า และมีต้นทุนการผลิตต่อหน่วยที่ต่ำกว่า

    หากไทยไม่เร่งพัฒนาศักยภาพการผลิตจากแบบดั้งเดิม
    (Traditional) ที่เป็นอยู่ พร้อมกับวางกลยุทธ์ทางการตลาด
    ให้เหมาะสมเพื่อกีดกันการแข่งขันด้านราคาจากผู้ประกอบการ
    ต่างชาติ และยังขาดการสนับสนุนจากภาครัฐ
    บทบาทของสินค้าสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มต่อเศรษฐกิจไทยคง
    จะลดลงอย่างต่อเนื่อง

    แนะ 3 ทางรอด ได้แก่
    1. กำหนดกลุ่มลูกค้าให้มีความชัดเจน
    2. พัฒนาศักยภาพการผลิต
    3. ขับเอกลักษณ์ประจำชาติ

    #หุ้นติดดอย #การลงทุน #ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจทีทีบี
    #อุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มไทย #thaitimes
    🔥🔥ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีทีบี หรือ ttb analytics ได้เผยแพร่ข้อมูล อุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มไทย กำลังเข้าสู่โหมดขาลงในอัตราเร่ง 🚩โดยอุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มไทย กำลังถูกท้าทายด้วยต้นทุนค่าแรงที่เพิ่มขึ้น กับความก้าวหน้าของเทคโนโลยีที่สามารถตอบสนองตลาด ในปัจจุบันได้เร็วกว่า และมีต้นทุนการผลิตต่อหน่วยที่ต่ำกว่า 🚩หากไทยไม่เร่งพัฒนาศักยภาพการผลิตจากแบบดั้งเดิม (Traditional) ที่เป็นอยู่ พร้อมกับวางกลยุทธ์ทางการตลาด ให้เหมาะสมเพื่อกีดกันการแข่งขันด้านราคาจากผู้ประกอบการ ต่างชาติ และยังขาดการสนับสนุนจากภาครัฐ บทบาทของสินค้าสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มต่อเศรษฐกิจไทยคง จะลดลงอย่างต่อเนื่อง แนะ 3 ทางรอด ได้แก่ 🚩1. กำหนดกลุ่มลูกค้าให้มีความชัดเจน 🚩2. พัฒนาศักยภาพการผลิต 🚩3. ขับเอกลักษณ์ประจำชาติ #หุ้นติดดอย #การลงทุน #ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจทีทีบี #อุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มไทย #thaitimes
    0 Comments 0 Shares 609 Views 0 Reviews
  • นิทานเรื่อง “Château Christophe”
    ตอนที่ 2
    Stevens มาเมือง Benghazi ครั้งแรก เมื่อวันที่ 5 เมษายน 2011 เขามาทางเรือบรรทุกสินค้า ซึ่งแล่นมาจาก Malta เป็นเรือเปล่า โดยซ่อนตัวอยู่ในเรือนั้นกับ Nathan Tek เจ้าหน้าด้านความปลอดภัย ทีมงานของ USAID และลูกเรือโดยชาวกรีกและโรมาเนีย ซึ่งไม่รู้เรื่องอะไร เคยมีคนถามเขาว่ามาทางอื่นไม่ได้หรือไง Stevens บอกว่าเส้นทางนี้มันน่าตื่นเต้นดี เหมือนการผจญภัยในหนังโรแมนติก
    Stevens เป็นตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุดสำหรับ “Mission” เขาเป็นนักการฑูตที่ใช้ชีวิตการฑูตอยู่แถบตะวันออกกลางและอาฟริกา มาประมาณ 20 ปี เขาเป็นชาวแคลิฟอร์เนีย ท่าทางสบาย ๆ ยิ้มกว้าง เห็นฟันโตเต็มปาก มีชื่อเสียงว่าเป็นคนอดทนและใจเย็น และที่สำคัญเขารู้จักลิเบียอย่างดี เขาเคยเป็นผู้ช่วยฑูตอยู่ที่ Tripoli 2 ปี เมื่อประมาณปี 2007 ตอนนั้นอเมริกายังเป็นมิตรมีไมตรีกับ Qaddafi อยู่
    Stevens เติบโตมาที่ Northern California ย้ายมาเรื่อย จนในที่สุดอยู่ San Francisco เมื่อตอนที่เรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัย Berkley เขาเลือกเรียนวิชาประวัติศาสตร์เป็นวิชาเอก รวมทั้งวิชาตรรกวิทยา อิตาเลียน ฯลฯ เพื่อน ๆ บอกไอ้หมอนี้ มันเหมือนตู้หนังสือเดินได้ เขาตัดสินใจตั้งแต่ยังเรียนอยู่ที่ Berkley ว่าจะเป็นนักการฑูต เมื่อเรียนจบก็ไปสอบที่กระทรวงต่างประเทศ แต่ไม่ผ่าน เขาเลยสมัครเป็น Peace Corps และไปสอนภาษาอังกฤษอยู่แถวเมือ งบนภูเขาในโมรอคโค ซึ่งแถบจะไม่มีผู้คน มีแต่พรม และธรรมชาติที่แสนจะงดงาม ทำให้ Stevens หลงรักเมืองแถบอาหรับ เมื่อเขาจบเทอม 2 ปี ของการเป็น Peace Corps เขากลับมา California และเรียนกฎหมายต่อจบได้ปริญญา และทำงานในสำนักงานกฎหมายหรูหรามีชื่อเสียงอยู่ในกรุงวอชิงตัน
    แต่เขาไม่เคยลืมความฝันที่จะเป็นนัการฑูต เขาเลยกลับไปสอบกับกระทรวงต่างประเทศใหม่ คราวนี้สอบผ่าน ค.ศ. 1991 เขาเริ่มฝึกงานและไปประจำอยู่ Riyadh หลังจากนั้นก็ย้ายไปตามเมือง ต่าง ๆ ในแถบทะเลทราย ซึ่งพวกฑูตเรียกกันว่า “Sandbox” เขาเรียนภาษาอารบิคที่ Tunisia หลังจากนั้นก็ย้ายไปอยู่ Cairo, Damacus และ Jeusalem เมื่อย้ายกลับไปอยู่วอชิงตัน เขายังมีหน้าที่ดูแล Iran เขาวนเวียนอยู่แถว Sandbox นี้แหละ
    เขาไม่เคยได้รับตำแหน่งที่มาอยู่แถบ Asia หรือ Scandinavia เลย ระหว่างที่วนเวียนอยู่แถบนั้น เขามีแฟนเป็นชาวยุโรป ชื่อ Henritte ซึ่งเจอกับ Stevens ที่ Jerusarem ตั้งแต่ปี 2003 รักๆเลิกๆอยู่ 9 ปี เธอบอกว่าเมื่อถาม Stevens ว่า เธอชอบฉันตรงไหน Stevens ตอบว่าฉันชอบกลิ่นของเธอ กลิ่นที่ปนอยู่กับกาแฟและถั่ว กลิ่นยาเส้นผสมน้ำแอปเปิ้ล ชอบสีของคนอาหรับ ชอบความรู้สึกเวลาสัมผัสกับพรมและผ้าไหม ชอบเสียงเวลาพวกเขาสวดมนตร์ และชอบวิถีชีวิตที่วุ่นวายสับสนของพวกเขา ชอบทิวทัศน์ของบ้านเมือง ชอบเพลง ชอบภาษา ทั้งหมดนี้มันแสดงให้เห็นรากเหง้าของพวกเขา ที่ยาวนาน เมื่อดูพร้อมกับการเมืองที่วุ่นวายของพวกเขาแล้ว มันเป็นเรื่องยิ่งกว่าน่าสนใจและท้าทาย มันทำให้เขารู้สึกมีชีวิตชีวา สาวบอกตกลงเธอชอบฉัน หรือชอบเมืองอาหรับกันแน่
    คนเล่านิทาน
    7 มิย. 57
    นิทานเรื่อง “Château Christophe” ตอนที่ 2 Stevens มาเมือง Benghazi ครั้งแรก เมื่อวันที่ 5 เมษายน 2011 เขามาทางเรือบรรทุกสินค้า ซึ่งแล่นมาจาก Malta เป็นเรือเปล่า โดยซ่อนตัวอยู่ในเรือนั้นกับ Nathan Tek เจ้าหน้าด้านความปลอดภัย ทีมงานของ USAID และลูกเรือโดยชาวกรีกและโรมาเนีย ซึ่งไม่รู้เรื่องอะไร เคยมีคนถามเขาว่ามาทางอื่นไม่ได้หรือไง Stevens บอกว่าเส้นทางนี้มันน่าตื่นเต้นดี เหมือนการผจญภัยในหนังโรแมนติก Stevens เป็นตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุดสำหรับ “Mission” เขาเป็นนักการฑูตที่ใช้ชีวิตการฑูตอยู่แถบตะวันออกกลางและอาฟริกา มาประมาณ 20 ปี เขาเป็นชาวแคลิฟอร์เนีย ท่าทางสบาย ๆ ยิ้มกว้าง เห็นฟันโตเต็มปาก มีชื่อเสียงว่าเป็นคนอดทนและใจเย็น และที่สำคัญเขารู้จักลิเบียอย่างดี เขาเคยเป็นผู้ช่วยฑูตอยู่ที่ Tripoli 2 ปี เมื่อประมาณปี 2007 ตอนนั้นอเมริกายังเป็นมิตรมีไมตรีกับ Qaddafi อยู่ Stevens เติบโตมาที่ Northern California ย้ายมาเรื่อย จนในที่สุดอยู่ San Francisco เมื่อตอนที่เรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัย Berkley เขาเลือกเรียนวิชาประวัติศาสตร์เป็นวิชาเอก รวมทั้งวิชาตรรกวิทยา อิตาเลียน ฯลฯ เพื่อน ๆ บอกไอ้หมอนี้ มันเหมือนตู้หนังสือเดินได้ เขาตัดสินใจตั้งแต่ยังเรียนอยู่ที่ Berkley ว่าจะเป็นนักการฑูต เมื่อเรียนจบก็ไปสอบที่กระทรวงต่างประเทศ แต่ไม่ผ่าน เขาเลยสมัครเป็น Peace Corps และไปสอนภาษาอังกฤษอยู่แถวเมือ งบนภูเขาในโมรอคโค ซึ่งแถบจะไม่มีผู้คน มีแต่พรม และธรรมชาติที่แสนจะงดงาม ทำให้ Stevens หลงรักเมืองแถบอาหรับ เมื่อเขาจบเทอม 2 ปี ของการเป็น Peace Corps เขากลับมา California และเรียนกฎหมายต่อจบได้ปริญญา และทำงานในสำนักงานกฎหมายหรูหรามีชื่อเสียงอยู่ในกรุงวอชิงตัน แต่เขาไม่เคยลืมความฝันที่จะเป็นนัการฑูต เขาเลยกลับไปสอบกับกระทรวงต่างประเทศใหม่ คราวนี้สอบผ่าน ค.ศ. 1991 เขาเริ่มฝึกงานและไปประจำอยู่ Riyadh หลังจากนั้นก็ย้ายไปตามเมือง ต่าง ๆ ในแถบทะเลทราย ซึ่งพวกฑูตเรียกกันว่า “Sandbox” เขาเรียนภาษาอารบิคที่ Tunisia หลังจากนั้นก็ย้ายไปอยู่ Cairo, Damacus และ Jeusalem เมื่อย้ายกลับไปอยู่วอชิงตัน เขายังมีหน้าที่ดูแล Iran เขาวนเวียนอยู่แถว Sandbox นี้แหละ เขาไม่เคยได้รับตำแหน่งที่มาอยู่แถบ Asia หรือ Scandinavia เลย ระหว่างที่วนเวียนอยู่แถบนั้น เขามีแฟนเป็นชาวยุโรป ชื่อ Henritte ซึ่งเจอกับ Stevens ที่ Jerusarem ตั้งแต่ปี 2003 รักๆเลิกๆอยู่ 9 ปี เธอบอกว่าเมื่อถาม Stevens ว่า เธอชอบฉันตรงไหน Stevens ตอบว่าฉันชอบกลิ่นของเธอ กลิ่นที่ปนอยู่กับกาแฟและถั่ว กลิ่นยาเส้นผสมน้ำแอปเปิ้ล ชอบสีของคนอาหรับ ชอบความรู้สึกเวลาสัมผัสกับพรมและผ้าไหม ชอบเสียงเวลาพวกเขาสวดมนตร์ และชอบวิถีชีวิตที่วุ่นวายสับสนของพวกเขา ชอบทิวทัศน์ของบ้านเมือง ชอบเพลง ชอบภาษา ทั้งหมดนี้มันแสดงให้เห็นรากเหง้าของพวกเขา ที่ยาวนาน เมื่อดูพร้อมกับการเมืองที่วุ่นวายของพวกเขาแล้ว มันเป็นเรื่องยิ่งกว่าน่าสนใจและท้าทาย มันทำให้เขารู้สึกมีชีวิตชีวา สาวบอกตกลงเธอชอบฉัน หรือชอบเมืองอาหรับกันแน่ คนเล่านิทาน 7 มิย. 57
    0 Comments 0 Shares 285 Views 0 Reviews
  • นิทานเรื่อง “Château Christophe”
    ตอนที่ 1
    เป็นเวลากว่า 6 ชั่วโมงที่สถานกงสุลอเมริกัน ที่เมือง Benghazi ประเทศลิเบีย ถูกโจมตีและถูกยึดได้ในที่สุด ในคืนวันที่ 11 กันยายน ค.ศ. 2012 หลังจากการโจมตีและสู้รบสิ้นสุดลง ร่างของฑูตอเมริกัน นาย Christopher J. Stevens ถูกลากออกมาจากซากตึกที่ไหม้และพังทลายอยู่ในบริเวณของสถานกงสุล เขาเป็นฑูตอเมริกันคนแรกที่ถูกสังหารโดยกองทัพต่างชาติในรอบ 30 ปี การตายของเขาถูกนำไปเป็นประเด็นทางการเมือง สาเหตุและการบุกโจมตีสถานกงสุ ลถูกบิดเบือน การตายของฑูต Stevens มีการสอบสวน วิเคราะห์ บอกเล่า เขียนเป็นหนังสือ สาระพัดเรื่อง ความจริงเป็นอย่างไร ยังไม่มีใครปริปากพูดออกมาตรง ๆ มันเป็นเรื่องน่าคิด น่าติดตาม เพราะมันจะเป็นทั้งใบเสร็จและอุทาหรณ์ในหลาย ๆ เรื่องให้แก่เรา
    เช้าวันที่ 11 กันยายน นาย Stevens ฑูตอเมริกันประจำประเทศลิเบีย นั่งทานอาหารเช้ากับชายคนหนึ่ง ชื่อ Habib Budaker ที่สถานกงสุลเมือง Benghazi
    นี่เป็นครั้งแรกที่นาย Stevens กลับมาเมือง Benghazi หลังจากรับตำแหน่งฑูต เมื่อเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 2011 และใช้เวลาปฎิบัติหน้าที่ “ฑูต” ทำงานอยู่รอบ ๆ ตัวเมืองนอกสถานฑูตที่เมือง Tripoli แต่เมื่อนาย Bubaker ไปรับเขาที่สนามบิน Benghazi เช้าวันที่ 10 นาย Stevens บอกกับ Budaker ว่า “ผมตื่นเต้นที่ได้กลับมา” Budaker รู้จักฑูต Stevens มากว่า 1 ปีแล้ว โดยการแนะนำตัวเองกับนาย Stevens เมื่อเดือนเมษายน 2011 หลังจากการปฎิวัติของชาวลิเบียเริ่มเกิดขึ้นได้สัก 2 เดือน นาย Stevens ก็ถูกส่งให้มาที่ Bengazi ในฐานะตัวแทนของอเมริกาสำหรับรัฐบาลผสมที่เกิดจากการปฏิวัติ อเมริกาได้เลือกข้างเรียบร้อยแล้ว ว่าจะอยู่กับฝ่ายไหนในสงครามที่กำลังดำเนินอยู่ และ Stevens ได้รับการมอบหมายให้มาสร้างสัมพันธ์กับประชาชนที่อเมริกาคาดว่า ในที่สุดจะเป็นฝ่ายปกครองประเทศ
    Bubakar เป็นเจ้าของโรงเรียนสอนภาษาอังกฤษในเมือง และเสนอตัวเป็นล่ามให้แก่ Stevens นาย Stevens เองพูดภาษาอารบิคได้ แต่เขาอยากใช้สำนวนภาษาการฑูตซึ่งชัดเจนกว่าในการเจรจาที่เป็นทางการ เขาจึงเลือกที่จะพูดภาษาอังกฤษ ขณะเดียวกัน Bubaker เป็นผู้พา Stevens เข้ารู้จักองค์กรภาคธุรกิจและทำหน้าที่เป็นเหมือนมือขวาของ Stevens ตลอดเวลาการสู้รบ ตั้งแต่ช่วงฤดูใบไม้ผลิและฤดูร้อนของสงคราม เขานับตัวเองว่าเป็นเพื่อนของ Stevens หลาย ๆ คน ก็คิดอย่างนั้น เพราะ Stevens เป็นคนประเภทคบเป็นเพื่อนง่าย
    Stevens ตั้งใจจะอยู่ที่ Benghazi เพียง 5 วัน เขามีประชุมวันจันทร์ที่ในเมือง และจะมีอีกหลายนัดนอกบริเวณกงสุลในวันพุธ ส่วนวันพฤหัส ดูเหมือนจะเป็นวันสำคัญที่สุดของการมา Benghazi เขาตั้งใจจะส่งมอบ “Benghazi Mission” ให้กับชาวลิเบีย และบริเวณกงสุลอเมริกันจะเรียกชื่อใหม่ว่า “An American Space” โดยจะมีการสอนภาษาอังกฤษให้ชาวพื้นเมือง รวมทั้งการเข้าไปใช้อินเตอร์เน็ท การฉายภาพยนต์และมีห้องสมุด โดยฝ่ายอเมริกาจะจัดหาเครื่องคอมพิวเตอร์ หนังสือ และอุปกรณ์จำเป็นต่าง ๆ สนับสนุน และมอบให้เป็นสมบัติของคนพื้นเมือง ให้คนพื้นเมืองดูแลเอง Stevens หวังว่า “An American Spece” นี้ จะเป็นตัวอย่างของการเป็นหุ้นส่วนของ 2 ประเทศ หากได้มีการร่วมมือกัน
    Stevens มีความรู้สึกผูกพันธ์กับ Benghazi เมืองซึ่งชาวเมืองแสดงการต่อต้าน Qaddafi เป็นครั้งแรก เพราะเขาอยู่กับชาวเมืองตลอดเวลาของการต่อต้านนั้น ระหว่างการปฏิวัติ เขาใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ตามถนน พูดคุย คลุกคลี และสำรวจเมือง Benghazi และผู้คน นาย Nathan tek เจ้าหน้าที่สถานฑูต รุ่นหนุ่มที่อยู่กับ Stevens มาตั้งแต่ปี ค.ศ. 2011 บอกว่า Stevens ชอบที่จะสำรวจเมืองอย่าง โดยไม่ต้องมีหน่วยคุ้มกันตัวโตถือปืนเดินตามประกบ เขาบอกว่า การที่เรามีเพื่อนมาก และเขาเห็นเราเป็นแขกของเขานั้นแหละสำคัญที่สุด
    ซึ่งชาว Benghazi โดยทั่วไปก็แสดงความเป็นมิตร แม้ในช่วงเดือนกันยายนนั้นเอง จะมีทหารเดินอยู่เต็มเมือง Stevens ก็เพียงแค่ปรับเปลี่ยนตารางของเขา เขาเอาบอดี้การ์ดมาด้วย 2 คนจาก Tripoli รวมกับอีก 3 คนจากหน่วยความมั่นคงที่ประจำที่ Benghazi อยู่แล้ว เขายกเลิกการวิ่งตอนเช้านอกบริเวณกงสุล และจัดให้การนัดพบทุกรายการอยู่ในบริเวณกงสุล อเมริกาได้ตั้งสถานกงสุลตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2011 หลังจากโรงแรมที่พวกเขาเคยพักถูก ระเบิดถล่ม เขาเช่าวิลล่า 3 หลัง บริเวณติดต่อกัน ทุบกำแพงระหว่างวิลล่าทิ้ง และล้อมบริเวณ 3 วิลล่า เสียใหม่เป็นบริเวณเดียว ทำให้เป็นตึกเตี้ย ๆ 4 หลัง อยู่ท่ามกลางเถาต้นองุ่นและต้นฝรั่ง เพื่อนร่วมงานล้อเลียน Stevens ว่าสถานที่นี้น่าจะเรียกว่า “Château Christophe” แบบโรงผลิตไวน์มีชื่อ
    Château Christophe ถึงแม้จะเป็นเพียงสถานที่ชั่วคราว แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีการป้องกันอย่างเหมาะสม สถานที่กว้าง 300 หลา และลึก 300 หลา ทำให้ตัวตึกอยู่ลึกเข้ามาจากรั้วมากพอที่จะป้องกันการจู่โจมจากด้านนอก รั้วทุกด้านสูง 9 ฟุต และมีลวดหนามไฟฟ้ากั้นสูงไปจากรั้วอีก 3 ฟุต มีแผ่นเหล็กปลดลงมา ไว้ปิดกั้นไม่ให้รถวิ่งเข้ามาได้ และมีแท่งคอนกรีตกั้นทั้งภายในภายนอก สำหรับป้องกันการใช้รถวิ่งชน มีจอและกล้องคอยเฝ้า (monitor) ดูแลความปลอดภัยรอบบริเวณ ส่วนในบริเวณชั้นใน มีแผ่นเหล็กสำหรับปลดมาปิดกั้นและล็อคได้อีกชั้นหนึ่ง เพื่อสามารถเปลี่ยนให้ภายในตึก นี้กลายเป็นห้องนิรภัย และภายในห้องนี้ ยังมีห้องเล็ก หลบซ่อนอยู่อีก ห้องเล็กนี้มีอาหาร น้ำ และเครื่องเวชภัณฑ์ โดยมองจากข้างนอกไม่มีทางเห็น
    Château Christophe ถือว่ามีการดูแลที่ปลอดภัย เพียงพอสำหรับการปฎิบัติงานของคนระดับฑูตอเมริกัน Benghazi ต่างหากที่ยังไม่ปลอดภัย รัฐบาลลิเบียยังต้องจัดให้มีกำลังตำรวจที่เหมาะสม ความรุนแรงในเมืองมีอยู่ตลอดหน้าร้อน รวมทั้งบางส่วนยังมีเป้าหมายต่อต้านชาวตะวันตก จริง ๆ แล้ว Stevens ได้แจ้งไปทางวอชิงตันในเช้าวันที่ 11 นั้น เพื่อเตือนความจำเรื่องการไม่มีกฎหมายใช้บังคับที่ Benghazi ถึงอย่างนั้นตัวเมืองก็ดูสงบพอสมควรเมื่อ Stevens มาถึงและเขาคิดว่ามันคงจะเป็นเช่นนั้นต่อไป
    Bubaker อยู่กับ Stevens ตลอดการประชุมต่าง ๆ ในตอนเช้า บ่าย 3 โมง เขาเช็คตารางของวันพุธ ซึ่งแน่นเต็ม นัดสุดท้ายของ Stevens วันนั้น คือ กาแฟกับนักการฑูตตุรกี ซึ่งเสร็จประมาณ 2 ทุ่มครึ่ง Stevens เดินไปส่งแขกที่ประตูหน้า ซึ่งมีกองกำลังรักษาความปลอดภัย ซึ่งจ้างมาจากกองทหารที่ 17th of February Martyrs Brigade ซึ่งเป็นมิตรกับชาวอเมริกัน
    ประมาณ 700 ไมล์ไปทางตะวันออก ฝูงชนกำลังล้อมสถานฑูตสหรัฐที่กรุงไคโร ด้วยความเคียดแค้นจากวิดีโอ ซึ่งมีเนื้อความละเมิดพระศาสดามูฮะหมัด แต่ทาง Benghazi ยังเงียบสงบ ถนนหน้า Château Christophe ว่างเปล่า
    Stevens เดินกลับมาที่ห้องของเขาที่ตึกกลาง ประมาณ 3 ทุ่ม 40 นาที เขาได้ยินเสียงปืนดัง เสียงปืนดังแบบนี้ไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับอาหรับยามค่ำคืน เสียงปืนดัง บางทีก็หมายถึงการฉลอง Stevens เคยบอกกับน้องชาย และเคยพูดตลกกับ Bubaker เวลาเขาได้ยินเสียงปืนว่า สงสัยวันนี้มีงานแต่งงานนะ แต่วันนี้จอควบคุมความปลอดภัยของกงสุล เห็นกลุ่มคนกำลังปีนเข้ามาที่ประตูหน้า
    คนเล่านิทาน
    7 มิย. 57
    นิทานเรื่อง “Château Christophe” ตอนที่ 1 เป็นเวลากว่า 6 ชั่วโมงที่สถานกงสุลอเมริกัน ที่เมือง Benghazi ประเทศลิเบีย ถูกโจมตีและถูกยึดได้ในที่สุด ในคืนวันที่ 11 กันยายน ค.ศ. 2012 หลังจากการโจมตีและสู้รบสิ้นสุดลง ร่างของฑูตอเมริกัน นาย Christopher J. Stevens ถูกลากออกมาจากซากตึกที่ไหม้และพังทลายอยู่ในบริเวณของสถานกงสุล เขาเป็นฑูตอเมริกันคนแรกที่ถูกสังหารโดยกองทัพต่างชาติในรอบ 30 ปี การตายของเขาถูกนำไปเป็นประเด็นทางการเมือง สาเหตุและการบุกโจมตีสถานกงสุ ลถูกบิดเบือน การตายของฑูต Stevens มีการสอบสวน วิเคราะห์ บอกเล่า เขียนเป็นหนังสือ สาระพัดเรื่อง ความจริงเป็นอย่างไร ยังไม่มีใครปริปากพูดออกมาตรง ๆ มันเป็นเรื่องน่าคิด น่าติดตาม เพราะมันจะเป็นทั้งใบเสร็จและอุทาหรณ์ในหลาย ๆ เรื่องให้แก่เรา เช้าวันที่ 11 กันยายน นาย Stevens ฑูตอเมริกันประจำประเทศลิเบีย นั่งทานอาหารเช้ากับชายคนหนึ่ง ชื่อ Habib Budaker ที่สถานกงสุลเมือง Benghazi นี่เป็นครั้งแรกที่นาย Stevens กลับมาเมือง Benghazi หลังจากรับตำแหน่งฑูต เมื่อเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 2011 และใช้เวลาปฎิบัติหน้าที่ “ฑูต” ทำงานอยู่รอบ ๆ ตัวเมืองนอกสถานฑูตที่เมือง Tripoli แต่เมื่อนาย Bubaker ไปรับเขาที่สนามบิน Benghazi เช้าวันที่ 10 นาย Stevens บอกกับ Budaker ว่า “ผมตื่นเต้นที่ได้กลับมา” Budaker รู้จักฑูต Stevens มากว่า 1 ปีแล้ว โดยการแนะนำตัวเองกับนาย Stevens เมื่อเดือนเมษายน 2011 หลังจากการปฎิวัติของชาวลิเบียเริ่มเกิดขึ้นได้สัก 2 เดือน นาย Stevens ก็ถูกส่งให้มาที่ Bengazi ในฐานะตัวแทนของอเมริกาสำหรับรัฐบาลผสมที่เกิดจากการปฏิวัติ อเมริกาได้เลือกข้างเรียบร้อยแล้ว ว่าจะอยู่กับฝ่ายไหนในสงครามที่กำลังดำเนินอยู่ และ Stevens ได้รับการมอบหมายให้มาสร้างสัมพันธ์กับประชาชนที่อเมริกาคาดว่า ในที่สุดจะเป็นฝ่ายปกครองประเทศ Bubakar เป็นเจ้าของโรงเรียนสอนภาษาอังกฤษในเมือง และเสนอตัวเป็นล่ามให้แก่ Stevens นาย Stevens เองพูดภาษาอารบิคได้ แต่เขาอยากใช้สำนวนภาษาการฑูตซึ่งชัดเจนกว่าในการเจรจาที่เป็นทางการ เขาจึงเลือกที่จะพูดภาษาอังกฤษ ขณะเดียวกัน Bubaker เป็นผู้พา Stevens เข้ารู้จักองค์กรภาคธุรกิจและทำหน้าที่เป็นเหมือนมือขวาของ Stevens ตลอดเวลาการสู้รบ ตั้งแต่ช่วงฤดูใบไม้ผลิและฤดูร้อนของสงคราม เขานับตัวเองว่าเป็นเพื่อนของ Stevens หลาย ๆ คน ก็คิดอย่างนั้น เพราะ Stevens เป็นคนประเภทคบเป็นเพื่อนง่าย Stevens ตั้งใจจะอยู่ที่ Benghazi เพียง 5 วัน เขามีประชุมวันจันทร์ที่ในเมือง และจะมีอีกหลายนัดนอกบริเวณกงสุลในวันพุธ ส่วนวันพฤหัส ดูเหมือนจะเป็นวันสำคัญที่สุดของการมา Benghazi เขาตั้งใจจะส่งมอบ “Benghazi Mission” ให้กับชาวลิเบีย และบริเวณกงสุลอเมริกันจะเรียกชื่อใหม่ว่า “An American Space” โดยจะมีการสอนภาษาอังกฤษให้ชาวพื้นเมือง รวมทั้งการเข้าไปใช้อินเตอร์เน็ท การฉายภาพยนต์และมีห้องสมุด โดยฝ่ายอเมริกาจะจัดหาเครื่องคอมพิวเตอร์ หนังสือ และอุปกรณ์จำเป็นต่าง ๆ สนับสนุน และมอบให้เป็นสมบัติของคนพื้นเมือง ให้คนพื้นเมืองดูแลเอง Stevens หวังว่า “An American Spece” นี้ จะเป็นตัวอย่างของการเป็นหุ้นส่วนของ 2 ประเทศ หากได้มีการร่วมมือกัน Stevens มีความรู้สึกผูกพันธ์กับ Benghazi เมืองซึ่งชาวเมืองแสดงการต่อต้าน Qaddafi เป็นครั้งแรก เพราะเขาอยู่กับชาวเมืองตลอดเวลาของการต่อต้านนั้น ระหว่างการปฏิวัติ เขาใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ตามถนน พูดคุย คลุกคลี และสำรวจเมือง Benghazi และผู้คน นาย Nathan tek เจ้าหน้าที่สถานฑูต รุ่นหนุ่มที่อยู่กับ Stevens มาตั้งแต่ปี ค.ศ. 2011 บอกว่า Stevens ชอบที่จะสำรวจเมืองอย่าง โดยไม่ต้องมีหน่วยคุ้มกันตัวโตถือปืนเดินตามประกบ เขาบอกว่า การที่เรามีเพื่อนมาก และเขาเห็นเราเป็นแขกของเขานั้นแหละสำคัญที่สุด ซึ่งชาว Benghazi โดยทั่วไปก็แสดงความเป็นมิตร แม้ในช่วงเดือนกันยายนนั้นเอง จะมีทหารเดินอยู่เต็มเมือง Stevens ก็เพียงแค่ปรับเปลี่ยนตารางของเขา เขาเอาบอดี้การ์ดมาด้วย 2 คนจาก Tripoli รวมกับอีก 3 คนจากหน่วยความมั่นคงที่ประจำที่ Benghazi อยู่แล้ว เขายกเลิกการวิ่งตอนเช้านอกบริเวณกงสุล และจัดให้การนัดพบทุกรายการอยู่ในบริเวณกงสุล อเมริกาได้ตั้งสถานกงสุลตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2011 หลังจากโรงแรมที่พวกเขาเคยพักถูก ระเบิดถล่ม เขาเช่าวิลล่า 3 หลัง บริเวณติดต่อกัน ทุบกำแพงระหว่างวิลล่าทิ้ง และล้อมบริเวณ 3 วิลล่า เสียใหม่เป็นบริเวณเดียว ทำให้เป็นตึกเตี้ย ๆ 4 หลัง อยู่ท่ามกลางเถาต้นองุ่นและต้นฝรั่ง เพื่อนร่วมงานล้อเลียน Stevens ว่าสถานที่นี้น่าจะเรียกว่า “Château Christophe” แบบโรงผลิตไวน์มีชื่อ Château Christophe ถึงแม้จะเป็นเพียงสถานที่ชั่วคราว แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีการป้องกันอย่างเหมาะสม สถานที่กว้าง 300 หลา และลึก 300 หลา ทำให้ตัวตึกอยู่ลึกเข้ามาจากรั้วมากพอที่จะป้องกันการจู่โจมจากด้านนอก รั้วทุกด้านสูง 9 ฟุต และมีลวดหนามไฟฟ้ากั้นสูงไปจากรั้วอีก 3 ฟุต มีแผ่นเหล็กปลดลงมา ไว้ปิดกั้นไม่ให้รถวิ่งเข้ามาได้ และมีแท่งคอนกรีตกั้นทั้งภายในภายนอก สำหรับป้องกันการใช้รถวิ่งชน มีจอและกล้องคอยเฝ้า (monitor) ดูแลความปลอดภัยรอบบริเวณ ส่วนในบริเวณชั้นใน มีแผ่นเหล็กสำหรับปลดมาปิดกั้นและล็อคได้อีกชั้นหนึ่ง เพื่อสามารถเปลี่ยนให้ภายในตึก นี้กลายเป็นห้องนิรภัย และภายในห้องนี้ ยังมีห้องเล็ก หลบซ่อนอยู่อีก ห้องเล็กนี้มีอาหาร น้ำ และเครื่องเวชภัณฑ์ โดยมองจากข้างนอกไม่มีทางเห็น Château Christophe ถือว่ามีการดูแลที่ปลอดภัย เพียงพอสำหรับการปฎิบัติงานของคนระดับฑูตอเมริกัน Benghazi ต่างหากที่ยังไม่ปลอดภัย รัฐบาลลิเบียยังต้องจัดให้มีกำลังตำรวจที่เหมาะสม ความรุนแรงในเมืองมีอยู่ตลอดหน้าร้อน รวมทั้งบางส่วนยังมีเป้าหมายต่อต้านชาวตะวันตก จริง ๆ แล้ว Stevens ได้แจ้งไปทางวอชิงตันในเช้าวันที่ 11 นั้น เพื่อเตือนความจำเรื่องการไม่มีกฎหมายใช้บังคับที่ Benghazi ถึงอย่างนั้นตัวเมืองก็ดูสงบพอสมควรเมื่อ Stevens มาถึงและเขาคิดว่ามันคงจะเป็นเช่นนั้นต่อไป Bubaker อยู่กับ Stevens ตลอดการประชุมต่าง ๆ ในตอนเช้า บ่าย 3 โมง เขาเช็คตารางของวันพุธ ซึ่งแน่นเต็ม นัดสุดท้ายของ Stevens วันนั้น คือ กาแฟกับนักการฑูตตุรกี ซึ่งเสร็จประมาณ 2 ทุ่มครึ่ง Stevens เดินไปส่งแขกที่ประตูหน้า ซึ่งมีกองกำลังรักษาความปลอดภัย ซึ่งจ้างมาจากกองทหารที่ 17th of February Martyrs Brigade ซึ่งเป็นมิตรกับชาวอเมริกัน ประมาณ 700 ไมล์ไปทางตะวันออก ฝูงชนกำลังล้อมสถานฑูตสหรัฐที่กรุงไคโร ด้วยความเคียดแค้นจากวิดีโอ ซึ่งมีเนื้อความละเมิดพระศาสดามูฮะหมัด แต่ทาง Benghazi ยังเงียบสงบ ถนนหน้า Château Christophe ว่างเปล่า Stevens เดินกลับมาที่ห้องของเขาที่ตึกกลาง ประมาณ 3 ทุ่ม 40 นาที เขาได้ยินเสียงปืนดัง เสียงปืนดังแบบนี้ไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับอาหรับยามค่ำคืน เสียงปืนดัง บางทีก็หมายถึงการฉลอง Stevens เคยบอกกับน้องชาย และเคยพูดตลกกับ Bubaker เวลาเขาได้ยินเสียงปืนว่า สงสัยวันนี้มีงานแต่งงานนะ แต่วันนี้จอควบคุมความปลอดภัยของกงสุล เห็นกลุ่มคนกำลังปีนเข้ามาที่ประตูหน้า คนเล่านิทาน 7 มิย. 57
    0 Comments 0 Shares 360 Views 0 Reviews
  • มีบางท่าน อยากให้แอดมิน ช่วยโพสต์กราฟจุดขาย
    ที่ปู่ วอร์เรน บัฟเฟตต์ ขายหุ้น Bank Of America Corporation
    หรือ BAC แอดมินเลยขอนำทั้งจุดเข้าซื้อและจุดขาย
    มานำเสนอ เผื่อจะเป็นประโยชน์ให้กับหลายๆท่าน
    เพื่อนำไปประยุกต์ใช้ดังนี้

    จุดเข้าซื้อ และมูลเหตุที่ปู่เข้าซื้อหุ้น BCA
    ปู่บัฟเฟตต์เริ่มลงทุนในธนาคาร BCA ในปี 2011
    เมื่อ Berkshire ซื้อหุ้นบุริมสิทธิ์มูลค่า 5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
    หรือประมาณ 1.7 แสนล้านบาท ในราคาราวๆ 5-10 ดอลลาร์สหรัฐ/หุ้น
    โดยการซื้อครั้งนั้นแสดงถึงความมั่นใจของเขาในความสามารถของ
    Brian Moynihan ซีอีโอในการฟื้นฟูธนาคารให้กลับมาแข็งแรง
    หลังจากวิกฤตการณ์ทางการเงินในปี 2008

    จุดขาย และมูลเหตุที่ทำให้ขาย
    หลังจากถือครองหุ้นดังกล่าวมาประมาณ 13 ปี
    หุ้น Bank of America Corporation หรือ BCA ก็ได้ปรับตัว
    สูงขึ้นมาเรื่อยๆ และปรับตัวเพิ่มขึ้น 21% ในปี 2024 นี้
    เมื่อเทียบกับการเพิ่มขึ้น 22.6% ของดัชนี S&P 500 Banks
    (.SPXBK) คาดว่า ปู่น่าจะเริ่มทะยอยขายหุ้นที่มีมูลค่า
    มากกว่า 6,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ
    2 แสนล้านบาท ในช่วงเดือนกรกฎาคม-สิงหาคม 2024
    ซึ่งราคาหุ้นอยู่ราวๆ 40-44 ดอลลาร์สหรัฐ/หุ้น

    ทำให้คาดการณ์ว่าปู่น่าจะได้กำไรจากการขายหุ้นในครั้งนี้
    มากกว่า 75%

    สาเหตุแห่งการทะยอยขายหุ้นในพอร์ตออก
    ซึ่งปู่คิดว่า น่าจะเป็นระยะเวลาที่เหมาะสม ที่จะทะยอย
    ขายหุ้นทำกำไร และเก็บเป็นเงินสดไว้ เพื่อรอจังหวะ
    และโอกาส ในการถือครองหุ้นตัวอื่นๆ หลังจากใช้
    แนวทางนี้กับหุ้นอีกหลายตัว เช่น APPLE เป็นต้น

    จากการที่ปู่มองว่า เฟดจะเริ่มทะยอย ลดอัตราดอกเบี้ย
    เชิงนโยบาย ในเร็วๆนี้ และจะทำให้เม็ดเงินลงทุน ย้ายออก
    ไปจากตลาดหุ้นสหรัฐ และไปยังสินทรัพย์ หรือ
    ตลาดทุน หรือ ตลาดหุ้นอื่นๆ จึงเลือกที่จะลดการถือครองหุ้น
    และถือเป็นเงินสดไว้นั่นเอง

    นี่ก็เป็นแนวทางหรือ วิธีการลงทุน ของปู่ วอร์เรน บัฟเฟตต์
    ผู้บริหาร และเจ้าของ บริษัท เบิร์กไชน์ แฮธาเวย์
    ปรมาจารย์ด้านการลงทุนท่านหนึ่ง ในวัย 94 ปู่ ที่ยังมีชีวิตอยู่
    ที่นักลงทุนทั่วโลกต่างให้การยอมรับ ในปัจจุบัน

    #หุ้นติดดอย #การลงทุน #วอร์เรนบัฟเฟตต์ #BAC #thaitimes
    💥💥มีบางท่าน อยากให้แอดมิน ช่วยโพสต์กราฟจุดขาย ที่ปู่ วอร์เรน บัฟเฟตต์ ขายหุ้น Bank Of America Corporation หรือ BAC แอดมินเลยขอนำทั้งจุดเข้าซื้อและจุดขาย มานำเสนอ เผื่อจะเป็นประโยชน์ให้กับหลายๆท่าน เพื่อนำไปประยุกต์ใช้ดังนี้ 💥จุดเข้าซื้อ และมูลเหตุที่ปู่เข้าซื้อหุ้น BCA ปู่บัฟเฟตต์เริ่มลงทุนในธนาคาร BCA ในปี 2011 เมื่อ Berkshire ซื้อหุ้นบุริมสิทธิ์มูลค่า 5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 1.7 แสนล้านบาท ในราคาราวๆ 5-10 ดอลลาร์สหรัฐ/หุ้น โดยการซื้อครั้งนั้นแสดงถึงความมั่นใจของเขาในความสามารถของ Brian Moynihan ซีอีโอในการฟื้นฟูธนาคารให้กลับมาแข็งแรง หลังจากวิกฤตการณ์ทางการเงินในปี 2008 💥จุดขาย และมูลเหตุที่ทำให้ขาย หลังจากถือครองหุ้นดังกล่าวมาประมาณ 13 ปี หุ้น Bank of America Corporation หรือ BCA ก็ได้ปรับตัว สูงขึ้นมาเรื่อยๆ และปรับตัวเพิ่มขึ้น 21% ในปี 2024 นี้ เมื่อเทียบกับการเพิ่มขึ้น 22.6% ของดัชนี S&P 500 Banks (.SPXBK) คาดว่า ปู่น่าจะเริ่มทะยอยขายหุ้นที่มีมูลค่า มากกว่า 6,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 2 แสนล้านบาท ในช่วงเดือนกรกฎาคม-สิงหาคม 2024 ซึ่งราคาหุ้นอยู่ราวๆ 40-44 ดอลลาร์สหรัฐ/หุ้น 🚩ทำให้คาดการณ์ว่าปู่น่าจะได้กำไรจากการขายหุ้นในครั้งนี้ มากกว่า 75% 🚩สาเหตุแห่งการทะยอยขายหุ้นในพอร์ตออก ซึ่งปู่คิดว่า น่าจะเป็นระยะเวลาที่เหมาะสม ที่จะทะยอย ขายหุ้นทำกำไร และเก็บเป็นเงินสดไว้ เพื่อรอจังหวะ และโอกาส ในการถือครองหุ้นตัวอื่นๆ หลังจากใช้ แนวทางนี้กับหุ้นอีกหลายตัว เช่น APPLE เป็นต้น 🚩จากการที่ปู่มองว่า เฟดจะเริ่มทะยอย ลดอัตราดอกเบี้ย เชิงนโยบาย ในเร็วๆนี้ และจะทำให้เม็ดเงินลงทุน ย้ายออก ไปจากตลาดหุ้นสหรัฐ และไปยังสินทรัพย์ หรือ ตลาดทุน หรือ ตลาดหุ้นอื่นๆ จึงเลือกที่จะลดการถือครองหุ้น และถือเป็นเงินสดไว้นั่นเอง 🚩นี่ก็เป็นแนวทางหรือ วิธีการลงทุน ของปู่ วอร์เรน บัฟเฟตต์ ผู้บริหาร และเจ้าของ บริษัท เบิร์กไชน์ แฮธาเวย์ ปรมาจารย์ด้านการลงทุนท่านหนึ่ง ในวัย 94 ปู่ ที่ยังมีชีวิตอยู่ ที่นักลงทุนทั่วโลกต่างให้การยอมรับ ในปัจจุบัน #หุ้นติดดอย #การลงทุน #วอร์เรนบัฟเฟตต์ #BAC #thaitimes
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 713 Views 0 Reviews
  • 5.สิ่งที่ดีที่สุด..ในอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่

    “อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่” เป็นอุทยานแห่งชาติแห่งแรกของประเทศไทย มีพื้นที่ ครอบคลุม 4 จังหวัด ประกอบด้วย สระบุรี นครราชสีมา ปราจีนบุรี และนครนายก เป็นพื้นที่ผืนใหญ่ตั้งอยู่ในเทือกเขาพนมดงรัก ในส่วนหนึ่งของดงพญาเย็นหรือดงพญาไฟในอดีต ประกอบด้วยขุนเขาน้อยใหญ่สลับซับซ้อนหลายลูก เป็นแหล่งกำเนิดของต้นน้ำลำธารที่สำคัญหลายสาย เช่น แม่น้ำนครนายก และแม่น้ำมูล มีความหลากหลายทางชีวภาพ และเป็นบ้านหลังใหญ่ของสิ่งมีชีวิตที่สำคัญ หายาก และใกล้สูญพันธุ์หลายชนิด รวมถึงนกมากกว่า 280 ชนิด จึงทำให้เป็นที่นิยมของนักดูนกจากทั่วโลก

    นอกจากจะเป็นแหล่งธรรมชาติที่สำคัญของไทย ยังมีความสำคัญในระดับภูมิภาคอาเซียนและระดับโลก คือ อุทยานมรดกแห่งอาเซียน (ASEAN Heritage Park) และ มรดกโลกทางธรรมชาติ (World Heritage Site)

    และที่สำคัญยิ่งใกล้ช่วงสิ้นปี หรือประมาณปลายฝนต้นหนาว
    หรือช่วงเดือนปลายเดือนกันยายนเป็นต้นไป จะเป็นฤดูการท่องเที่ยว ของบรรดาผู้ที่หลงไหลในการเดินป่า
    และธรรมชาติที่ยังอุดมสมบูรณ์ของ อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่แห่งนี้นี่เอง.

    วันนี้เพจเทพชวนเที่ยว จึงขอยก 5. สิ่งที่ดีที่สุด ในอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่มาให้รับชมกันจ้า

    1.ได้สัมผัสธรรมชาติและสัตว์ป่าตามธรรมชาติ ที่ไม่ใช่สวนสัตว์อย่างใกล้ชิด
    อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่เป็นพื้นที่อนุรักษ์ที่มีสัตว์ป่าชุกชุมมากที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศไทย เนื่องจากเป็นแหล่งอาหารที่เหมาะสมกับสัตว์ป่าหลายชนิดสัตว์ที่พบเห็นได้บ่อยและเป็นที่ดึงดูดใจผู้มาเยือน ได้แก่ ช้างป่า กระทิง หมาใน เก้ง กวางป่า ชะนี นกเงือก และลิงกัง

    2.น้ำตกเหวสุวัติ น้ำตกสวยงาม ชุ่มช่ำหัวใจ
    ยิ่งช่วงนี้ฝนตก น้ำตกยิ่งสวยงาม น้ำตกเหวสุวัต อยู่ที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ น้ำตกเหวสุวัตที่มาของชื่อเหวสุวัตินั้น ถูกเล่าต่อ ๆ กันมาว่า มีโจรคนหนึ่ง ชื่อสุวัติ หนีอาญาบ้านเมืองมาที่น้ำตกแห่งนี้ และเมื่อจนมุมต่อเจ้าหน้าที่ ก็ตัดสินจบชีวิตตัวเองลงที่น้ำตกแห่งนี้

    3.เสน่ห์อีกอย่างของการมาเที่ยวเขาใหญ่ คือการได้เข้าไปเยือนจุดชมวิวบนหน้าผาที่สวยที่สุดบนเขาใหญ่ นั่นคือ "ผาเดียวดาย" นั่นเองครับ ยิ่งถ้าคุณขึ้นมานอนค้างอ้างแรมที่จุดกางเต็นท์บนเขาใหญ่ล่ะก็ เท่ากับว่าจะได้โอกาสขึ้นไปชมพระอาทิตย์ขึ้นที่ผาเดียวดายด้วย ตำนาน เรื่องเล่าของผาเดียวดาย เล่าเรื่องของผาเดียวดายสักนิด ที่มาของชื่อผานั้นมีอยู่ว่า นานมาแล้วมีหญิงสาวคนหนึ่งรักใคร่ชอบพอกับชายหนุ่มหน้าตาดีมีฐานะ แต่เนื่องจากทางบ้านของฝ่ายชายไม่ยอมรับเธอ ทั้งคู่จึงต้องแอบคบหากัน กระทั่งวันหนึ่งฝ่ายหญิงเกิดตั้งครรภ์ขึ้นมา เลยคิดจะหนีไปด้วยกันโดยตกลงจะมาพบกันที่ปลายผาที่ซึ่งทั้งสองนัดพบกันบ่อยๆ แต่พอถึงวันนัดชายหนุ่มกลับไม่มา เธอจึงท้อแท้ในชีวิตรัก สุดท้ายจึงกระโดดลงสู่ก้นเหวนั่นเอง

    4.ทุ่งหญ้าที่เขาใหญ่ ป็นหนึ่งในที่เที่ยวที่ตั้งอยู่ภายในอุยานแห่งชาติเขาใหญ่ อยู่ตรงบริเวณหอดูสัตว์หนองผักชี และเป็นไฮไลต์ของที่นี่ ถือว่าเป็นจุดพักผ่อนชมวิวมุมสูง พร้อมทุ่งหญ้าสะวันนาไกลสุดตา
    ก่อนหน้านี้มี ปรากฏการณ์ “ทุ่งหญ้าฟีเวอร์” ทำเขาใหญ่แทบแตก หลังนักท่องเที่ยวแห่เช็กอินแน่น ขณะที่นักท่องเที่ยวไร้สำนึกจำนวนหนึ่งไม่สนกฎระเบียบ ลงไปเดินใน “โป่งสัตว์” ทั้งที่มีป้ายห้าม จนเกิดเป็นดราม่าให้คอมเม้นต์กันสนั่นบนโลกโซเชียล
    ถือเป็นอีกหนึ่งแหล่งท่องเที่ยวยอดฮิตในช่วงต้นฤดูฝนของบ้านเรา สำหรับวิวทิวทัศน์ของ “ทุ่งหญ้าเขาใหญ่” หรือ “ทุ่งหญ้าคาที่เขาใหญ่” ซึ่งหลังสายฝนโปรยสายท้องทุ่งหญ้ากว้างใหญ่หลาย ๆ จุดในพื้นที่ “อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่” จะเติบโตเขียวขจี ก่อนจะออกดอกสีขาวโพลน ยามต้องสายลมจะโบกพลิ้วไสวดูโรแมนติก ดึงดูดให้นักท่องเที่ยวจำนวนมากเดินทางไปถ่ายรูปจุดเช็กอินกันเป็นจำนวนมาก

    5. น้ำตกเหวนรก เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ 3 ชั้น ตั้งอยู่ใน อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ฝั่งจังหวัดนครนายก จากความสูงในแต่ละชั้นที่ไม่ต่ำกว่า 50 เมตรนั้น ก็พอจะดูออกว่าความสูงโดยรวมของน้ำตกแห่งนี้จะต้องไม่ต่ำกว่า 150 เมตรอย่างแน่นอน ส่วนที่มาของชื่อ น้ำตกเหวนรก มาจากลักษณะของมวลน้ำมหาศาลที่ตกลงมาจากผาสูงปรี๊ด ซ่อนตัวอยู่ในหุบเหว ดูลึกลับซับซ้อน และหวาดเสียวในเวลาเดียวกัน แต่ก็เป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งที่ทำให้ผู้คนอยากเข้าไปชมความงามของน้ำตกแห่ง
    การเดินทางเพื่อเข้าไปชม น้ำตกเหวนรก ในปัจจุบันนั้นสะดวกขึ้นมาก เพราะถ้าเป็นสมัยก่อน ทุกคนจะต้องใช้เวลาเดินเท้าเพื่อเข้าไปยังตัวน้ำตกถึง 6 ชั่วโมงเลยทีเดียว แต่หลังจากที่มีการตัดถนนสายปราจีนบุรี-เขาใหญ่ พวกเราก็สามารถขับรถไปจอดใกล้ตัวน้ำตกได้มากขึ้น เพียงเดินจากลานจอดรถไปแค่ 1 กิโลเมตรก็ถึงตัวน้ำตกแล้ว

    และนี่ก็เป็นสิ่งที่นักเที่ยวพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า เป็นสิ่งที่ดีที่สุดและน่ามาชมให้เห็นกับตา
    เพื่อนๆท่านใดอยากให้เพจ เทพชวนเที่ยว หาข้อมูลสถานที่ท่องเที่ยวที่ใดมานำเสนอ คอมเม้นไว้ได้เลย
    ทีมงานจะจัดมาให้อีก อย่าลืมกดไลค์กดแชร์ กันด้วยนะจ๊ะ! ขอบคุณคร้าบ
    #อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่
    #ผาเดียวดาย
    #น้ำตกเหวสุวัต
    #น้ำตกเหวนรก
    #ทุ่งหญ้าเขาใหญ่

    5.สิ่งที่ดีที่สุด..ในอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ “อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่” เป็นอุทยานแห่งชาติแห่งแรกของประเทศไทย มีพื้นที่ ครอบคลุม 4 จังหวัด ประกอบด้วย สระบุรี นครราชสีมา ปราจีนบุรี และนครนายก เป็นพื้นที่ผืนใหญ่ตั้งอยู่ในเทือกเขาพนมดงรัก ในส่วนหนึ่งของดงพญาเย็นหรือดงพญาไฟในอดีต ประกอบด้วยขุนเขาน้อยใหญ่สลับซับซ้อนหลายลูก เป็นแหล่งกำเนิดของต้นน้ำลำธารที่สำคัญหลายสาย เช่น แม่น้ำนครนายก และแม่น้ำมูล มีความหลากหลายทางชีวภาพ และเป็นบ้านหลังใหญ่ของสิ่งมีชีวิตที่สำคัญ หายาก และใกล้สูญพันธุ์หลายชนิด รวมถึงนกมากกว่า 280 ชนิด จึงทำให้เป็นที่นิยมของนักดูนกจากทั่วโลก นอกจากจะเป็นแหล่งธรรมชาติที่สำคัญของไทย ยังมีความสำคัญในระดับภูมิภาคอาเซียนและระดับโลก คือ อุทยานมรดกแห่งอาเซียน (ASEAN Heritage Park) และ มรดกโลกทางธรรมชาติ (World Heritage Site) และที่สำคัญยิ่งใกล้ช่วงสิ้นปี หรือประมาณปลายฝนต้นหนาว หรือช่วงเดือนปลายเดือนกันยายนเป็นต้นไป จะเป็นฤดูการท่องเที่ยว ของบรรดาผู้ที่หลงไหลในการเดินป่า และธรรมชาติที่ยังอุดมสมบูรณ์ของ อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่แห่งนี้นี่เอง.😊 วันนี้เพจเทพชวนเที่ยว จึงขอยก 5. สิ่งที่ดีที่สุด ในอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่มาให้รับชมกันจ้า 1.ได้สัมผัสธรรมชาติและสัตว์ป่าตามธรรมชาติ ที่ไม่ใช่สวนสัตว์อย่างใกล้ชิด🥰 อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่เป็นพื้นที่อนุรักษ์ที่มีสัตว์ป่าชุกชุมมากที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศไทย เนื่องจากเป็นแหล่งอาหารที่เหมาะสมกับสัตว์ป่าหลายชนิดสัตว์ที่พบเห็นได้บ่อยและเป็นที่ดึงดูดใจผู้มาเยือน ได้แก่ ช้างป่า กระทิง หมาใน เก้ง กวางป่า ชะนี นกเงือก และลิงกัง 2.น้ำตกเหวสุวัติ น้ำตกสวยงาม ชุ่มช่ำหัวใจ😘 ยิ่งช่วงนี้ฝนตก น้ำตกยิ่งสวยงาม น้ำตกเหวสุวัต อยู่ที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ น้ำตกเหวสุวัตที่มาของชื่อเหวสุวัตินั้น ถูกเล่าต่อ ๆ กันมาว่า มีโจรคนหนึ่ง ชื่อสุวัติ หนีอาญาบ้านเมืองมาที่น้ำตกแห่งนี้ และเมื่อจนมุมต่อเจ้าหน้าที่ ก็ตัดสินจบชีวิตตัวเองลงที่น้ำตกแห่งนี้ 3.เสน่ห์อีกอย่างของการมาเที่ยวเขาใหญ่ คือการได้เข้าไปเยือนจุดชมวิวบนหน้าผาที่สวยที่สุดบนเขาใหญ่ นั่นคือ "ผาเดียวดาย" นั่นเองครับ ยิ่งถ้าคุณขึ้นมานอนค้างอ้างแรมที่จุดกางเต็นท์บนเขาใหญ่ล่ะก็ เท่ากับว่าจะได้โอกาสขึ้นไปชมพระอาทิตย์ขึ้นที่ผาเดียวดายด้วย ตำนาน เรื่องเล่าของผาเดียวดาย เล่าเรื่องของผาเดียวดายสักนิด ที่มาของชื่อผานั้นมีอยู่ว่า นานมาแล้วมีหญิงสาวคนหนึ่งรักใคร่ชอบพอกับชายหนุ่มหน้าตาดีมีฐานะ แต่เนื่องจากทางบ้านของฝ่ายชายไม่ยอมรับเธอ ทั้งคู่จึงต้องแอบคบหากัน กระทั่งวันหนึ่งฝ่ายหญิงเกิดตั้งครรภ์ขึ้นมา เลยคิดจะหนีไปด้วยกันโดยตกลงจะมาพบกันที่ปลายผาที่ซึ่งทั้งสองนัดพบกันบ่อยๆ แต่พอถึงวันนัดชายหนุ่มกลับไม่มา เธอจึงท้อแท้ในชีวิตรัก สุดท้ายจึงกระโดดลงสู่ก้นเหวนั่นเอง😢 4.ทุ่งหญ้าที่เขาใหญ่ ป็นหนึ่งในที่เที่ยวที่ตั้งอยู่ภายในอุยานแห่งชาติเขาใหญ่ อยู่ตรงบริเวณหอดูสัตว์หนองผักชี และเป็นไฮไลต์ของที่นี่ ถือว่าเป็นจุดพักผ่อนชมวิวมุมสูง พร้อมทุ่งหญ้าสะวันนาไกลสุดตา ก่อนหน้านี้มี ปรากฏการณ์ “ทุ่งหญ้าฟีเวอร์” ทำเขาใหญ่แทบแตก หลังนักท่องเที่ยวแห่เช็กอินแน่น ขณะที่นักท่องเที่ยวไร้สำนึกจำนวนหนึ่งไม่สนกฎระเบียบ ลงไปเดินใน “โป่งสัตว์” ทั้งที่มีป้ายห้าม จนเกิดเป็นดราม่าให้คอมเม้นต์กันสนั่นบนโลกโซเชียล ถือเป็นอีกหนึ่งแหล่งท่องเที่ยวยอดฮิตในช่วงต้นฤดูฝนของบ้านเรา สำหรับวิวทิวทัศน์ของ “ทุ่งหญ้าเขาใหญ่” หรือ “ทุ่งหญ้าคาที่เขาใหญ่” ซึ่งหลังสายฝนโปรยสายท้องทุ่งหญ้ากว้างใหญ่หลาย ๆ จุดในพื้นที่ “อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่” จะเติบโตเขียวขจี ก่อนจะออกดอกสีขาวโพลน ยามต้องสายลมจะโบกพลิ้วไสวดูโรแมนติก ดึงดูดให้นักท่องเที่ยวจำนวนมากเดินทางไปถ่ายรูปจุดเช็กอินกันเป็นจำนวนมาก 5. น้ำตกเหวนรก เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ 3 ชั้น ตั้งอยู่ใน อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ฝั่งจังหวัดนครนายก จากความสูงในแต่ละชั้นที่ไม่ต่ำกว่า 50 เมตรนั้น ก็พอจะดูออกว่าความสูงโดยรวมของน้ำตกแห่งนี้จะต้องไม่ต่ำกว่า 150 เมตรอย่างแน่นอน ส่วนที่มาของชื่อ น้ำตกเหวนรก มาจากลักษณะของมวลน้ำมหาศาลที่ตกลงมาจากผาสูงปรี๊ด ซ่อนตัวอยู่ในหุบเหว ดูลึกลับซับซ้อน และหวาดเสียวในเวลาเดียวกัน แต่ก็เป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งที่ทำให้ผู้คนอยากเข้าไปชมความงามของน้ำตกแห่ง การเดินทางเพื่อเข้าไปชม น้ำตกเหวนรก ในปัจจุบันนั้นสะดวกขึ้นมาก เพราะถ้าเป็นสมัยก่อน ทุกคนจะต้องใช้เวลาเดินเท้าเพื่อเข้าไปยังตัวน้ำตกถึง 6 ชั่วโมงเลยทีเดียว แต่หลังจากที่มีการตัดถนนสายปราจีนบุรี-เขาใหญ่ พวกเราก็สามารถขับรถไปจอดใกล้ตัวน้ำตกได้มากขึ้น เพียงเดินจากลานจอดรถไปแค่ 1 กิโลเมตรก็ถึงตัวน้ำตกแล้ว และนี่ก็เป็นสิ่งที่นักเที่ยวพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า เป็นสิ่งที่ดีที่สุดและน่ามาชมให้เห็นกับตา🥰 เพื่อนๆท่านใดอยากให้เพจ เทพชวนเที่ยว หาข้อมูลสถานที่ท่องเที่ยวที่ใดมานำเสนอ คอมเม้นไว้ได้เลย ทีมงานจะจัดมาให้อีก อย่าลืมกดไลค์กดแชร์ กันด้วยนะจ๊ะ! ขอบคุณคร้าบ😍 #อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ #ผาเดียวดาย #น้ำตกเหวสุวัต #น้ำตกเหวนรก #ทุ่งหญ้าเขาใหญ่
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 444 Views 0 Reviews
  • #ไม่เคยเชื่อชายที่ชื่อว่าเสรีพิสุทธิ์วีระบุรุษนากีย์เลย
    ประเด็นของตาเฒ่า ไม่ซับซ้อน คุยกันแบบตรงไปตรงมา
    ตาเฒ่านากีย์ ก็แค่อยากคุมตำรวจ มหาดไทย
    คุมไปทำไม
    เอาไว้ช่วยไอ่สุรเชษฐ์ เพราะมีส่วนได้ส่วนเสียกันมาตลอด
    ชนิดที่เสนอหน้าปกป้องแบบไม่ต้องเขินกันเลยทีเดียว
    สุรเชษฐ์พร้อมจ่าย เพื่อให้ป๋าเสรีได้คุมตร.
    ติดปัญหาคือ สุรเชษฐ์ แม๊วเห็นเป็นแค่หมาหมดสภาพตัวนึง
    แล้วดันมีปัญหากับนายกนิดสารพัดเรื่องแต่งตั้งบิ๊กต่าย
    ซ้ำยังการดึงพรรคที่มีสส.มาร่วมจัดตั้งรัฐบาล
    ตัวล่อเดียวคือ ตำแหน่งรมต. พรรคมีสส.น้อยหน่อย ก็ได้รมต.ช่วย หรือได้ปลัด อธิบดี เฉลี่ยจนลงตัว แต่ตำแหน่งรมต.มหาดไทยนี่
    อย่างน้อยต้องมีสส.10 คนขึ้นไป ถึงพอจะคุยได้ ถ้าให้ไอ่เฒ่าเสรีนากีย์
    1 ตำแหน่งทั้งๆที่มี สส.ทั้งพรรคแค่คนเดียว ไม่โดนสหบาทาของพรรคร่วมรึยังไง
    ก็นี่แหละ แม๊วไม่ให้ตำแหน่งที่ปรารถนา เพราะคิดมาตลอดว่า
    ตัวเอง กุมความลับสำคัญ
    วันนี้ ที่เปิดแง้มๆ เหมือนขรี้แบบไม่สุด
    พี่คิงส์อยากให้ทุกคนรู้ไว้ นี่คือ "เชิงหมาแก่" ของแทร่
    บอกว่าตอนนี้ตัวเองมีอะไร เอ้า ไล่ดู
    1. ไปชั้น 14 ไม่ได้ไปคนเดียวนะ
    2. มีหลักฐานเป็นไลน์
    3. พร้อมจะให้ข้อมูลเป็นพยานกับ ปปช กรณีที่ ปปช ดำเนินเรื่องเปื่อยทิพย์ ซึ่งก็รันตามระบบ อย่างรวดเร็ว
    4. ยังไม่เปิด ตอนนี้ รอสังคม (สังคมห่านอะไร รอคนมาประมูลอะดิ)
    5. ย้ำอ้างตลอด ว่าลุงตู่ให้ฉามร้อยล้าน ข้ายังไม่เอาเลย
    ถามว่า "ย้ำเพื่ออะไร" ก็เพื่อส่งสัญญาณว่า ใครจะมาประมูลต้องมากกว่านี้ มากกว่าเยอะด้วย และต้องพ่วงด้วยถ้าได้ขึ้นเป็นใหญ่ต้องให้ตำแหน่งที่ปรารถนา
    จับตาได้เลย .. สังเกตุง่ายๆ
    1. ถ้าเสรีเฒ่าแรงๆแบบนี้ต่อ แปลว่า ยังไม่ได้เรทที่ต้องการ ดึงเช็งรอเรทที่เหมาะสม
    2. ไม่มีใครสนใจ เพราะรู้เหมือนพี่คิงส์ว่าเชิงหมาแก่ แม่ม ไม่เอาจริง
    3. ถ้าอยู่ดีๆ ดูเบาๆ ยังไงแปลกๆ ก็รู้ไว้เลยว่า รับทรัพย์รอเกษียนแล้ว
    4. อยู่ดีๆ ไปเป็น รมต.มหาดไทย หรือได้ตำแหน่งใหญ่โตคุมตร.และมีอำนาจที่จะช่วยสุรเชษฐ์ได้ แปลว่า แม๊วยอมแพ้เสรีนากีย์เฒ่า
    ต่อให้ดูว่าแถลงข่าวจะดูเหมือนจะดี สำหรับการโค่นคนอย่างโทนี่แม๊วได้บ้าง
    แต่ยังไงบอกเลย เสรีย์เตมียะกีย์เฒ่านี้ ศีลก็ไม่ต่างจากแม๊วหรอก
    แค่จอกกว่าเยอะแค่นั้นเอง
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #ไม่เคยเชื่อชายที่ชื่อว่าเสรีพิสุทธิ์วีระบุรุษนากีย์เลย ประเด็นของตาเฒ่า ไม่ซับซ้อน คุยกันแบบตรงไปตรงมา ตาเฒ่านากีย์ ก็แค่อยากคุมตำรวจ มหาดไทย คุมไปทำไม เอาไว้ช่วยไอ่สุรเชษฐ์ เพราะมีส่วนได้ส่วนเสียกันมาตลอด ชนิดที่เสนอหน้าปกป้องแบบไม่ต้องเขินกันเลยทีเดียว สุรเชษฐ์พร้อมจ่าย เพื่อให้ป๋าเสรีได้คุมตร. ติดปัญหาคือ สุรเชษฐ์ แม๊วเห็นเป็นแค่หมาหมดสภาพตัวนึง แล้วดันมีปัญหากับนายกนิดสารพัดเรื่องแต่งตั้งบิ๊กต่าย ซ้ำยังการดึงพรรคที่มีสส.มาร่วมจัดตั้งรัฐบาล ตัวล่อเดียวคือ ตำแหน่งรมต. พรรคมีสส.น้อยหน่อย ก็ได้รมต.ช่วย หรือได้ปลัด อธิบดี เฉลี่ยจนลงตัว แต่ตำแหน่งรมต.มหาดไทยนี่ อย่างน้อยต้องมีสส.10 คนขึ้นไป ถึงพอจะคุยได้ ถ้าให้ไอ่เฒ่าเสรีนากีย์ 1 ตำแหน่งทั้งๆที่มี สส.ทั้งพรรคแค่คนเดียว ไม่โดนสหบาทาของพรรคร่วมรึยังไง ก็นี่แหละ แม๊วไม่ให้ตำแหน่งที่ปรารถนา เพราะคิดมาตลอดว่า ตัวเอง กุมความลับสำคัญ วันนี้ ที่เปิดแง้มๆ เหมือนขรี้แบบไม่สุด พี่คิงส์อยากให้ทุกคนรู้ไว้ นี่คือ "เชิงหมาแก่" ของแทร่ บอกว่าตอนนี้ตัวเองมีอะไร เอ้า ไล่ดู 1. ไปชั้น 14 ไม่ได้ไปคนเดียวนะ 2. มีหลักฐานเป็นไลน์ 3. พร้อมจะให้ข้อมูลเป็นพยานกับ ปปช กรณีที่ ปปช ดำเนินเรื่องเปื่อยทิพย์ ซึ่งก็รันตามระบบ อย่างรวดเร็ว 4. ยังไม่เปิด ตอนนี้ รอสังคม (สังคมห่านอะไร รอคนมาประมูลอะดิ) 5. ย้ำอ้างตลอด ว่าลุงตู่ให้ฉามร้อยล้าน ข้ายังไม่เอาเลย ถามว่า "ย้ำเพื่ออะไร" ก็เพื่อส่งสัญญาณว่า ใครจะมาประมูลต้องมากกว่านี้ มากกว่าเยอะด้วย และต้องพ่วงด้วยถ้าได้ขึ้นเป็นใหญ่ต้องให้ตำแหน่งที่ปรารถนา จับตาได้เลย .. สังเกตุง่ายๆ 1. ถ้าเสรีเฒ่าแรงๆแบบนี้ต่อ แปลว่า ยังไม่ได้เรทที่ต้องการ ดึงเช็งรอเรทที่เหมาะสม 2. ไม่มีใครสนใจ เพราะรู้เหมือนพี่คิงส์ว่าเชิงหมาแก่ แม่ม ไม่เอาจริง 3. ถ้าอยู่ดีๆ ดูเบาๆ ยังไงแปลกๆ ก็รู้ไว้เลยว่า รับทรัพย์รอเกษียนแล้ว 4. อยู่ดีๆ ไปเป็น รมต.มหาดไทย หรือได้ตำแหน่งใหญ่โตคุมตร.และมีอำนาจที่จะช่วยสุรเชษฐ์ได้ แปลว่า แม๊วยอมแพ้เสรีนากีย์เฒ่า ต่อให้ดูว่าแถลงข่าวจะดูเหมือนจะดี สำหรับการโค่นคนอย่างโทนี่แม๊วได้บ้าง แต่ยังไงบอกเลย เสรีย์เตมียะกีย์เฒ่านี้ ศีลก็ไม่ต่างจากแม๊วหรอก แค่จอกกว่าเยอะแค่นั้นเอง #คิงส์โพธิ์แดง
    Like
    Haha
    2
    0 Comments 0 Shares 607 Views 0 Reviews
More Results