• Generation Beta เป็นคำที่ใช้เรียกกลุ่มคนที่เกิดหลังจาก Generation Alpha ซึ่งโดยทั่วไปหมายถึงเด็กที่เกิดตั้งแต่ประมาณปี 2025 เป็นต้นไป

    ลักษณะของ Generation Beta (คาดการณ์)

    1. เกิดในยุคเทคโนโลยีล้ำหน้า – เติบโตมาพร้อมกับ AI, Automation, และ Metaverse


    2. ใช้ชีวิตแบบดิจิทัลเป็นหลัก – การเรียน การทำงาน และความบันเทิงจะเชื่อมต่อกับโลกเสมือนจริงมากขึ้น


    3. ได้รับอิทธิพลจากสภาพอากาศและสิ่งแวดล้อม – โตมาในโลกที่เผชิญกับปัญหาสิ่งแวดล้อมและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ


    4. มีแนวคิดเกี่ยวกับความหลากหลายและความเท่าเทียมมากขึ้น – สังคมเปิดกว้างด้านวัฒนธรรมและเพศสภาพ


    5. พฤติกรรมการใช้โซเชียลมีเดียจะเปลี่ยนไป – อาจใช้งานแพลตฟอร์มที่มีความเป็นส่วนตัวมากขึ้น หรือแพลตฟอร์มที่เชื่อมต่อกับ AI



    เนื่องจาก Generation Beta ยังไม่เกิดขึ้นจริง คำนี้จึงเป็นเพียงแนวคิดที่นักวิเคราะห์ใช้คาดการณ์อนาคตของกลุ่มคนรุ่นใหม่

    Generation Beta เป็นคำที่ใช้เรียกกลุ่มคนที่เกิดหลังจาก Generation Alpha ซึ่งโดยทั่วไปหมายถึงเด็กที่เกิดตั้งแต่ประมาณปี 2025 เป็นต้นไป ลักษณะของ Generation Beta (คาดการณ์) 1. เกิดในยุคเทคโนโลยีล้ำหน้า – เติบโตมาพร้อมกับ AI, Automation, และ Metaverse 2. ใช้ชีวิตแบบดิจิทัลเป็นหลัก – การเรียน การทำงาน และความบันเทิงจะเชื่อมต่อกับโลกเสมือนจริงมากขึ้น 3. ได้รับอิทธิพลจากสภาพอากาศและสิ่งแวดล้อม – โตมาในโลกที่เผชิญกับปัญหาสิ่งแวดล้อมและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ 4. มีแนวคิดเกี่ยวกับความหลากหลายและความเท่าเทียมมากขึ้น – สังคมเปิดกว้างด้านวัฒนธรรมและเพศสภาพ 5. พฤติกรรมการใช้โซเชียลมีเดียจะเปลี่ยนไป – อาจใช้งานแพลตฟอร์มที่มีความเป็นส่วนตัวมากขึ้น หรือแพลตฟอร์มที่เชื่อมต่อกับ AI เนื่องจาก Generation Beta ยังไม่เกิดขึ้นจริง คำนี้จึงเป็นเพียงแนวคิดที่นักวิเคราะห์ใช้คาดการณ์อนาคตของกลุ่มคนรุ่นใหม่
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 181 มุมมอง 0 รีวิว
  • https://youtu.be/aAffaC1Jafg?si=mVAemxZQ9xwCE-4I

    เห็นด้วย... อย่างนักมวยเหรียญทองนั่นไง เกิดปัญหาแล้วก็อ้างเพศสภาพ ความจริงแยกจัดประเภททรานส์ไปเลย เหมือนแยกกีฬาคนพิการ ฤดูหนาว
    https://youtu.be/aAffaC1Jafg?si=mVAemxZQ9xwCE-4I เห็นด้วย... อย่างนักมวยเหรียญทองนั่นไง เกิดปัญหาแล้วก็อ้างเพศสภาพ ความจริงแยกจัดประเภททรานส์ไปเลย เหมือนแยกกีฬาคนพิการ ฤดูหนาว
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 112 มุมมอง 0 รีวิว
  • มาเรีย ชาคาโรวา โฆษกกระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย แสดงความคิดเห็นถากถางความเคลื่อนไหวของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ที่ประกาศทันทีหลังเข้ารับตำแหน่งในวันจันทร์(20ม.ค.) ว่าอเมริกาจะให้การยอมรับบุคคลเพียง 2 เพศ คือ "ชาย" และ "หญิง" พร้อมลงนามคำสั่งบริหารยกเลิกนโยบายต่างๆ ที่มุ่งส่งเสริมความเท่าเทียมทางเชื้อชาติ และปกป้องสิทธิของกลุ่มคนเพศหลากหลาย LGBTQ+ ชี้สหรัฐฯควรถูกสอบสวนในระดับนานาชาติในประเด็นดังกล่าว เนื่องจากบังคับคนอื่นๆให้ยอมรับแนวคิดปลอมๆนี้มานานหลายปี
    .
    ชาคาโรวา แสดงความคิดเห็นดังกล่าวในวันอังคาร(21ม.ค.) หนึ่งวันหลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ที่เพิ่งสาบานตนหมาดๆ ลงนามยุติการคุ้มรองสิทธิกลุ่มบุคคลที่มีความหลากหลายทางเพศ รวมถึงหลักการ "ความหลากหลาย ความเสมอภาค และการอยู่ร่วมกัน (Diversity, Equity, and Inclusion หรือ DEI)" ภายในรัฐบาลกลาง
    .
    "คุณจินตนาการได้หรือไม่ว่า มีผู้คนมากน้อยแค่ไหนที่ชีวิตต้องล่มจมไปในช่วงหลายขวบปีของการรณรงค์ส่งเสริมหลักการที่ไร้สาระนี้" ชาคาโรวาเขียนบนเทเลแกรม "แล้วตอนนี้ผู้คนหลายหมื่นหลายแสนคนควรทำอย่างไรดี พวกเขาเหล่านี้ถูกบีบบังคับให้ยอมรับแนวคิดแห่งการตัดอวัยวะเพศที่สมบูรณ์แข็งแรงออก แล้วแทนที่มันด้วยอวัยวะเพศเทียม"
    .
    ในวันแรกของการกลับสู่ตำแหน่ง ทรัมป์ยกเลิกคำสั่งบริหาร 78 ฉบับที่ลงนามโดย โจ ไบเดน ประธานาธิบดีคนก่อน ในนั้นรวมถึงมาตรการต่างๆหลายสิบมาตรการ ที่สนับสนุนความเท่าเทียมทางเชื้อชาติ ต่อสู้กับการเลือกปฏิบัติกับกลุ่มคนชาวเกย์และคนข้ามเพศ
    .
    หน่วยงานต่างๆและกระทรวงต่างๆของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ มีเวลา 60 วัน นับตั้งแต่ลงนาม ในการยุติแนวทางปฏิบัติที่เกี่ยวข้องกับหลักการ "ความหลากหลาย ความเสมอภาค และการอยู่ร่วมกัน"
    .
    คำสั่งนี้มีขึ้นหลังจาก ทรัมป์ ประกาศระหว่างกล่าวสุนทรพจน์ในพิธีสาบานตนรับตำแหน่งในวันจันทร์(20ม.ค.) ว่าจะยุตินโยบายรัฐบาลที่พยายามยัดเยียดความเท่าเทียมทางสังคม ทั้งด้านเชื้อชาติและเพศสภาพ เข้าสู่ทุกแง่มุมของสาธารณะและวิถีชีวิตส่วนตัว พร้อมบกว่า "“เราจะสร้างสังคมที่ไม่แคร์เชื้อชาติแต่จะเน้นที่คุณสมบัติ (merit-based)"
    .
    ทรัมป์ ยังบอกว่านโยบายอย่างเป็นทางการของสหรัฐฯ จะให้การยอมรับบุคคลเพียง 2 เพศ "นั่นก็คือ เพศชายและเพศหญิง"
    .
    คำสั่งของ ทรัมป์ ยังปิดทางไม่ให้นำงบประมาณของรัฐไปใช้โปรโมต “อุดมการณ์ทางเพศ” (gender ideology) ซึ่งเป็นคำกว้างๆ ที่กลุ่มอนุรักษนิยมมักจะใช้อ้างถึงค่านิยมใดๆ ก็ตามที่สนับสนุนมุมมองเกี่ยวกับเพศและเพศสภาพที่ไม่ใช่แบบดั้งเดิม (non-traditional) ในขณะที่นักสิทธิมนุษยชนมองคำนี้ว่าสะท้อนการต่อต้าน LGBTQ และลดทอนคุณค่าความเป็นมนุษย์
    .
    การละทิ้งหลักการความหลากหลาย ความเสมอภาค และการอยู่ร่วมกัน ได้เรียกเสียงโวยวายจากกลุ่มสิทธิพลเมืองในทันที ในขณะที่พวกเขาประกาศต่อสู้กับบทบัญญัติใดๆที่เป็นอันตรายเหล่านี้
    .
    นักเคลื่อนไหวด้านสิทธิหลายคนออกมาเตือนว่า การที่ ทรัมป์ เข้ามายกเลิกหลักการ DEI รวมไปถึงสิทธิต่างๆ ของคนข้ามเพศ จะเป็นการทำลายความพยายามสร้างนโยบายเท่าเทียมที่ได้มาอย่างยากลำบาก และกัดเซาะความก้าวหน้าในการแก้ไขอคติทางสังคมซึ่งทำให้คนกลุ่มน้อยไม่ได้รับโอกาสที่เท่าเทียมมานานหลายทศวรรษ
    .
    บางบริษัท ในนั้นรวมถึง วอลมาร์ท นายจ้างเอกชนรายใหญ่ที่สุดของสหรัฐฯ ได้เริ่มถอนโครงการ DEI ไปบ้างแล้ว ในช่วงหลายสัปดาห์ หลังจาก ทรัมป์ ชนะศึกเลือกตั้งเมื่เดือนพฤศจิกายน ส่วน เมตา เมื่อเร็วๆนี้ก็ยุบแผนก DEI อ้างถึงภูมิทัศน์ทางกฎหมายและการเมืองที่เปลี่ยนไป ส่วน แม็คโดนัลด์ ก็ลดระดับเป้าหมายความหลากหลายในตำแหน่งงานผู้นำระดับสูง
    .
    อย่างไรก็ตามยังมีบริษัทอื่นๆอย่างเช่น คอสต์โก และ แอปเปิล มีรายงานว่ายังคงมุ่งมั่นต่อนโยบายความหลากหลาย
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000006631
    ..............
    Sondhi X
    มาเรีย ชาคาโรวา โฆษกกระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย แสดงความคิดเห็นถากถางความเคลื่อนไหวของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ที่ประกาศทันทีหลังเข้ารับตำแหน่งในวันจันทร์(20ม.ค.) ว่าอเมริกาจะให้การยอมรับบุคคลเพียง 2 เพศ คือ "ชาย" และ "หญิง" พร้อมลงนามคำสั่งบริหารยกเลิกนโยบายต่างๆ ที่มุ่งส่งเสริมความเท่าเทียมทางเชื้อชาติ และปกป้องสิทธิของกลุ่มคนเพศหลากหลาย LGBTQ+ ชี้สหรัฐฯควรถูกสอบสวนในระดับนานาชาติในประเด็นดังกล่าว เนื่องจากบังคับคนอื่นๆให้ยอมรับแนวคิดปลอมๆนี้มานานหลายปี . ชาคาโรวา แสดงความคิดเห็นดังกล่าวในวันอังคาร(21ม.ค.) หนึ่งวันหลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ที่เพิ่งสาบานตนหมาดๆ ลงนามยุติการคุ้มรองสิทธิกลุ่มบุคคลที่มีความหลากหลายทางเพศ รวมถึงหลักการ "ความหลากหลาย ความเสมอภาค และการอยู่ร่วมกัน (Diversity, Equity, and Inclusion หรือ DEI)" ภายในรัฐบาลกลาง . "คุณจินตนาการได้หรือไม่ว่า มีผู้คนมากน้อยแค่ไหนที่ชีวิตต้องล่มจมไปในช่วงหลายขวบปีของการรณรงค์ส่งเสริมหลักการที่ไร้สาระนี้" ชาคาโรวาเขียนบนเทเลแกรม "แล้วตอนนี้ผู้คนหลายหมื่นหลายแสนคนควรทำอย่างไรดี พวกเขาเหล่านี้ถูกบีบบังคับให้ยอมรับแนวคิดแห่งการตัดอวัยวะเพศที่สมบูรณ์แข็งแรงออก แล้วแทนที่มันด้วยอวัยวะเพศเทียม" . ในวันแรกของการกลับสู่ตำแหน่ง ทรัมป์ยกเลิกคำสั่งบริหาร 78 ฉบับที่ลงนามโดย โจ ไบเดน ประธานาธิบดีคนก่อน ในนั้นรวมถึงมาตรการต่างๆหลายสิบมาตรการ ที่สนับสนุนความเท่าเทียมทางเชื้อชาติ ต่อสู้กับการเลือกปฏิบัติกับกลุ่มคนชาวเกย์และคนข้ามเพศ . หน่วยงานต่างๆและกระทรวงต่างๆของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ มีเวลา 60 วัน นับตั้งแต่ลงนาม ในการยุติแนวทางปฏิบัติที่เกี่ยวข้องกับหลักการ "ความหลากหลาย ความเสมอภาค และการอยู่ร่วมกัน" . คำสั่งนี้มีขึ้นหลังจาก ทรัมป์ ประกาศระหว่างกล่าวสุนทรพจน์ในพิธีสาบานตนรับตำแหน่งในวันจันทร์(20ม.ค.) ว่าจะยุตินโยบายรัฐบาลที่พยายามยัดเยียดความเท่าเทียมทางสังคม ทั้งด้านเชื้อชาติและเพศสภาพ เข้าสู่ทุกแง่มุมของสาธารณะและวิถีชีวิตส่วนตัว พร้อมบกว่า "“เราจะสร้างสังคมที่ไม่แคร์เชื้อชาติแต่จะเน้นที่คุณสมบัติ (merit-based)" . ทรัมป์ ยังบอกว่านโยบายอย่างเป็นทางการของสหรัฐฯ จะให้การยอมรับบุคคลเพียง 2 เพศ "นั่นก็คือ เพศชายและเพศหญิง" . คำสั่งของ ทรัมป์ ยังปิดทางไม่ให้นำงบประมาณของรัฐไปใช้โปรโมต “อุดมการณ์ทางเพศ” (gender ideology) ซึ่งเป็นคำกว้างๆ ที่กลุ่มอนุรักษนิยมมักจะใช้อ้างถึงค่านิยมใดๆ ก็ตามที่สนับสนุนมุมมองเกี่ยวกับเพศและเพศสภาพที่ไม่ใช่แบบดั้งเดิม (non-traditional) ในขณะที่นักสิทธิมนุษยชนมองคำนี้ว่าสะท้อนการต่อต้าน LGBTQ และลดทอนคุณค่าความเป็นมนุษย์ . การละทิ้งหลักการความหลากหลาย ความเสมอภาค และการอยู่ร่วมกัน ได้เรียกเสียงโวยวายจากกลุ่มสิทธิพลเมืองในทันที ในขณะที่พวกเขาประกาศต่อสู้กับบทบัญญัติใดๆที่เป็นอันตรายเหล่านี้ . นักเคลื่อนไหวด้านสิทธิหลายคนออกมาเตือนว่า การที่ ทรัมป์ เข้ามายกเลิกหลักการ DEI รวมไปถึงสิทธิต่างๆ ของคนข้ามเพศ จะเป็นการทำลายความพยายามสร้างนโยบายเท่าเทียมที่ได้มาอย่างยากลำบาก และกัดเซาะความก้าวหน้าในการแก้ไขอคติทางสังคมซึ่งทำให้คนกลุ่มน้อยไม่ได้รับโอกาสที่เท่าเทียมมานานหลายทศวรรษ . บางบริษัท ในนั้นรวมถึง วอลมาร์ท นายจ้างเอกชนรายใหญ่ที่สุดของสหรัฐฯ ได้เริ่มถอนโครงการ DEI ไปบ้างแล้ว ในช่วงหลายสัปดาห์ หลังจาก ทรัมป์ ชนะศึกเลือกตั้งเมื่เดือนพฤศจิกายน ส่วน เมตา เมื่อเร็วๆนี้ก็ยุบแผนก DEI อ้างถึงภูมิทัศน์ทางกฎหมายและการเมืองที่เปลี่ยนไป ส่วน แม็คโดนัลด์ ก็ลดระดับเป้าหมายความหลากหลายในตำแหน่งงานผู้นำระดับสูง . อย่างไรก็ตามยังมีบริษัทอื่นๆอย่างเช่น คอสต์โก และ แอปเปิล มีรายงานว่ายังคงมุ่งมั่นต่อนโยบายความหลากหลาย . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000006631 .............. Sondhi X
    Like
    Love
    11
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1581 มุมมอง 0 รีวิว
  • WOKE แย่แล้ว!!!

    ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐ ลงนามยกเลิกคำสั่งบริหารเกี่ยวกับการสนับสนุนกลุ่ม LGBTQ+ ที่อดีต "ประธานาธิบดีไบเดน" ลงนามคำสั่งตั้งแต่วันแรกที่เขาเข้าดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีเมื่อ 4 ปีก่อน

    คำสั่งดังกล่าวกำหนดให้รัฐบาลสหรัฐใช้คำว่า “เพศ” (sex) แทนคำว่า “เพศสภาพ” (gender) และให้เอกสารระบุตัวตนที่ออกโดยหน่วยงานภาครัฐ ซึ่งรวมถึงหนังสือเดินทางและวีซ่า ต้องอ้างอิงกับสิ่งที่เรียกว่า “การจำแนกประเภททางชีวภาพที่แก้ไขไม่ได้ของบุคคลว่าเป็นชายหรือหญิง” (an individual’s immutable biological classification as either male or female)

    ทรัมป์กล่าวว่า สหรัฐอเมริกาจะให้การยอมรับบุคคลเพียง 2 เพศ คือ “ชาย” และ “หญิง” ซึ่งเป็นสิ่งที่แก้ไขเปลี่ยนแปลงไม่ได้ (unchangeable) ขณะที่ลงนามคำสั่งบริหารยกเลิกนโยบายต่างๆ ที่มุ่งส่งเสริมความเท่าเทียมทางเชื้อชาติ และปกป้องสิทธิของกลุ่มคนเพศหลากหลาย LGBTQ+

    คำสั่งของทรัมป์ ยังปิดทางไม่ให้นำงบประมาณของรัฐไปใช้โปรโมต “อุดมการณ์ทางเพศ” (gender ideology) ซึ่งเป็นคำกว้างๆ ที่กลุ่มอนุรักษนิยมมักจะใช้อ้างถึงค่านิยมใดๆ ก็ตามที่สนับสนุนมุมมองเกี่ยวกับเพศและเพศสภาพที่ไม่ใช่แบบดั้งเดิม (non-traditional) ในขณะที่นักสิทธิมนุษยชนมองคำนี้ว่าสะท้อนการต่อต้าน LGBTQ และลดทอนคุณค่าความเป็นมนุษย์

    WOKE แย่แล้ว!!! ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐ ลงนามยกเลิกคำสั่งบริหารเกี่ยวกับการสนับสนุนกลุ่ม LGBTQ+ ที่อดีต "ประธานาธิบดีไบเดน" ลงนามคำสั่งตั้งแต่วันแรกที่เขาเข้าดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีเมื่อ 4 ปีก่อน คำสั่งดังกล่าวกำหนดให้รัฐบาลสหรัฐใช้คำว่า “เพศ” (sex) แทนคำว่า “เพศสภาพ” (gender) และให้เอกสารระบุตัวตนที่ออกโดยหน่วยงานภาครัฐ ซึ่งรวมถึงหนังสือเดินทางและวีซ่า ต้องอ้างอิงกับสิ่งที่เรียกว่า “การจำแนกประเภททางชีวภาพที่แก้ไขไม่ได้ของบุคคลว่าเป็นชายหรือหญิง” (an individual’s immutable biological classification as either male or female) ทรัมป์กล่าวว่า สหรัฐอเมริกาจะให้การยอมรับบุคคลเพียง 2 เพศ คือ “ชาย” และ “หญิง” ซึ่งเป็นสิ่งที่แก้ไขเปลี่ยนแปลงไม่ได้ (unchangeable) ขณะที่ลงนามคำสั่งบริหารยกเลิกนโยบายต่างๆ ที่มุ่งส่งเสริมความเท่าเทียมทางเชื้อชาติ และปกป้องสิทธิของกลุ่มคนเพศหลากหลาย LGBTQ+ คำสั่งของทรัมป์ ยังปิดทางไม่ให้นำงบประมาณของรัฐไปใช้โปรโมต “อุดมการณ์ทางเพศ” (gender ideology) ซึ่งเป็นคำกว้างๆ ที่กลุ่มอนุรักษนิยมมักจะใช้อ้างถึงค่านิยมใดๆ ก็ตามที่สนับสนุนมุมมองเกี่ยวกับเพศและเพศสภาพที่ไม่ใช่แบบดั้งเดิม (non-traditional) ในขณะที่นักสิทธิมนุษยชนมองคำนี้ว่าสะท้อนการต่อต้าน LGBTQ และลดทอนคุณค่าความเป็นมนุษย์
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 270 มุมมอง 0 รีวิว
  • ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ประกาศวานนี้ (20 ม.ค.) ว่าสหรัฐอเมริกาจะให้การยอมรับบุคคลเพียง 2 เพศ คือ “ชาย” และ “หญิง” ซึ่งเป็นสิ่งที่แก้ไขเปลี่ยนแปลงไม่ได้ (unchangeable) ขณะที่ลงนามคำสั่งบริหารยกเลิกนโยบายต่างๆ ที่มุ่งส่งเสริมความเท่าเทียมทางเชื้อชาติ และปกป้องสิทธิของกลุ่มคนเพศหลากหลาย LGBTQ+
    .
    คำสั่งดังกล่าวกำหนดให้รัฐบาลสหรัฐฯ ใช้คำว่า “เพศ” (sex) แทนคำว่า “เพศสภาพ” (gender) และให้เอกสารระบุตัวตนที่ออกโดยหน่วยงานภาครัฐ ซึ่งรวมถึงหนังสือเดินทางและวีซ่า ต้องอ้างอิงกับสิ่งที่เรียกว่า “การจำแนกประเภททางชีวภาพที่แก้ไขไม่ได้ของบุคคลว่าเป็นชายหรือหญิง” (an individual’s immutable biological classification as either male or female)
    .
    เพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังเข้ารับตำแหน่งผู้นำสหรัฐฯ ทรัมป์ ได้เริ่มทำตามสัญญาที่หาเสียงไว้ว่าจะเข้ามายกเลิกนโยบายต่างๆ ของ ไบเดน ซึ่งมุ่งเน้นมาตรการส่งเสริมความหลากหลายในทั่วทุกภาคส่วนของรัฐบาล
    .
    เขาได้ลงนามยกเลิกคำสั่งบริหารของ ไบเดน รวม 78 ฉบับ ในจำนวนนี้รวมถึงคำสั่ง 10 กว่าฉบับที่สนับสนุนความเท่าเทียมทางเชื้อชาติ และต่อต้านการเลือกปฏิบัติต่อเกย์และคนข้ามเพศ
    .
    ทรัมป์ ยังยกเลิกคำสั่งบริหาร 2 ฉบับที่ ไบเดน ลงนามตั้งแต่วันแรกที่เข้าดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีเมื่อ 4 ปีก่อน ได้แก่ คำสั่งว่าด้วยการสนับสนุนความเท่าเทียมทางเชื้อชาติในชุมชนที่ไม่ได้รับบริการเพียงพอ (underserved community) และคำสั่งว่าด้วยการต่อต้านการเลือกปฏิบัติต่อบุคคลโดยอิงกับเพศสภาพหรือรสนิยมทางเพศ
    .
    ผู้นำสหรัฐฯ คนใหม่ยังเซ็นยกเลิกคำสั่งบริหารที่มุ่งให้ความช่วยเหลือแก่กลุ่มคนผิวสี คนเชื้อสายฮิสแปนิก คนอเมริกันพื้นเมือง คนอเมริกันเชื้อสายเอเชีย และคนจากกลุ่มประเทศหมู่เกาะแปซิฟิก
    .
    “ในสัปดาห์นี้ผมจะยกเลิกนโยบายของรัฐที่พยายามใช้วิศวกรรมสังคมยัดเยียดเชื้อชาติและเพศสภาพเข้ามาในทุกแง่มุมของชีวิตส่วนตัวและสาธารณะ” ทรัมป์ กล่าวสุนทรพจน์หลังเข้าพิธีสาบานตนเมื่อวานนี้ (20)
    .
    “เราจะสร้างสังคมที่ไม่แคร์เชื้อชาติแต่จะเน้นที่คุณสมบัติ (merit-based) และนับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป รัฐบาลสหรัฐฯ จะมีนโยบายอย่างเป็นทางการที่จะให้การยอมรับบุคคลเพียง 2 เพศ คือ ชายและหญิง” ทรัมป์ กล่าว
    .
    คำสั่งของ ทรัมป์ ยังปิดทางไม่ให้นำงบประมาณของรัฐไปใช้โปรโมต “อุดมการณ์ทางเพศ” (gender ideology) ซึ่งเป็นคำกว้างๆ ที่กลุ่มอนุรักษนิยมมักจะใช้อ้างถึงค่านิยมใดๆ ก็ตามที่สนับสนุนมุมมองเกี่ยวกับเพศและเพศสภาพที่ไม่ใช่แบบดั้งเดิม (non-traditional) ในขณะที่นักสิทธิมนุษยชนมองคำนี้ว่าสะท้อนการต่อต้าน LGBTQ และลดทอนคุณค่าความเป็นมนุษย์
    .
    ล่าสุดนักเคลื่อนไหวและองค์กรด้านสิทธิมนุษยชนหลายแห่งในสหรัฐฯ ประกาศจะออกมาปกป้องคนกลุ่มน้อยในสังคมอ และท้าทายวาระของ ทรัมป์
    .
    “เราจะไม่ยอมถอยหรือยอมถูกคุกคาม เราจะไม่ไปไหนทั้งนั้น และจะต่อสู้กับคำสั่งที่อันตรายเหล่านี้ด้วยทุกสิ่งที่เรามีอยู่” เคลลี โรบินสัน ประธาน Human Rights Campaign ซึ่งเป็นองค์กรสนับสนุนสิทธิ LGBTQ+ ที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐฯ ระบุในถ้อยแถลง
    .
    นักเคลื่อนไหวด้านสิทธิหลายคนออกมาเตือนว่า การที่ ทรัมป์ เข้ามายกเลิกมาตรการส่งเสริมความหลากหลาย (diversity) ความเท่าเทียม (equality) และการหลอมรวม (inclusion) หรือ DEI รวมไปถึงสิทธิต่างๆ ของคนข้ามเพศ จะเป็นการทำลายความพยายามสร้างนโยบายเท่าเทียมที่ได้มาอย่างยากลำบาก และกัดเซาะความก้าวหน้าในการแก้ไขอคติทางสังคมซึ่งทำให้คนกลุ่มน้อยไม่ได้รับโอกาสที่เท่าเทียมมานานหลายทศวรรษ
    .
    ปัจจุบันมีหลายบริษัทในสหรัฐฯ ที่เริ่มปลีกตัวออกจาก DEI โดยบางแห่งเพิ่งประกาศยกเลิกโครงการริเริ่ม DEI ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ในขณะที่บางบริษัท เช่น Costco และแอปเปิลยังคงแสดงความมุ่งมั่นที่จะสนับสนุน DEI ต่อไป
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000006338
    .........
    Sondhi X
    ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ประกาศวานนี้ (20 ม.ค.) ว่าสหรัฐอเมริกาจะให้การยอมรับบุคคลเพียง 2 เพศ คือ “ชาย” และ “หญิง” ซึ่งเป็นสิ่งที่แก้ไขเปลี่ยนแปลงไม่ได้ (unchangeable) ขณะที่ลงนามคำสั่งบริหารยกเลิกนโยบายต่างๆ ที่มุ่งส่งเสริมความเท่าเทียมทางเชื้อชาติ และปกป้องสิทธิของกลุ่มคนเพศหลากหลาย LGBTQ+ . คำสั่งดังกล่าวกำหนดให้รัฐบาลสหรัฐฯ ใช้คำว่า “เพศ” (sex) แทนคำว่า “เพศสภาพ” (gender) และให้เอกสารระบุตัวตนที่ออกโดยหน่วยงานภาครัฐ ซึ่งรวมถึงหนังสือเดินทางและวีซ่า ต้องอ้างอิงกับสิ่งที่เรียกว่า “การจำแนกประเภททางชีวภาพที่แก้ไขไม่ได้ของบุคคลว่าเป็นชายหรือหญิง” (an individual’s immutable biological classification as either male or female) . เพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังเข้ารับตำแหน่งผู้นำสหรัฐฯ ทรัมป์ ได้เริ่มทำตามสัญญาที่หาเสียงไว้ว่าจะเข้ามายกเลิกนโยบายต่างๆ ของ ไบเดน ซึ่งมุ่งเน้นมาตรการส่งเสริมความหลากหลายในทั่วทุกภาคส่วนของรัฐบาล . เขาได้ลงนามยกเลิกคำสั่งบริหารของ ไบเดน รวม 78 ฉบับ ในจำนวนนี้รวมถึงคำสั่ง 10 กว่าฉบับที่สนับสนุนความเท่าเทียมทางเชื้อชาติ และต่อต้านการเลือกปฏิบัติต่อเกย์และคนข้ามเพศ . ทรัมป์ ยังยกเลิกคำสั่งบริหาร 2 ฉบับที่ ไบเดน ลงนามตั้งแต่วันแรกที่เข้าดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีเมื่อ 4 ปีก่อน ได้แก่ คำสั่งว่าด้วยการสนับสนุนความเท่าเทียมทางเชื้อชาติในชุมชนที่ไม่ได้รับบริการเพียงพอ (underserved community) และคำสั่งว่าด้วยการต่อต้านการเลือกปฏิบัติต่อบุคคลโดยอิงกับเพศสภาพหรือรสนิยมทางเพศ . ผู้นำสหรัฐฯ คนใหม่ยังเซ็นยกเลิกคำสั่งบริหารที่มุ่งให้ความช่วยเหลือแก่กลุ่มคนผิวสี คนเชื้อสายฮิสแปนิก คนอเมริกันพื้นเมือง คนอเมริกันเชื้อสายเอเชีย และคนจากกลุ่มประเทศหมู่เกาะแปซิฟิก . “ในสัปดาห์นี้ผมจะยกเลิกนโยบายของรัฐที่พยายามใช้วิศวกรรมสังคมยัดเยียดเชื้อชาติและเพศสภาพเข้ามาในทุกแง่มุมของชีวิตส่วนตัวและสาธารณะ” ทรัมป์ กล่าวสุนทรพจน์หลังเข้าพิธีสาบานตนเมื่อวานนี้ (20) . “เราจะสร้างสังคมที่ไม่แคร์เชื้อชาติแต่จะเน้นที่คุณสมบัติ (merit-based) และนับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป รัฐบาลสหรัฐฯ จะมีนโยบายอย่างเป็นทางการที่จะให้การยอมรับบุคคลเพียง 2 เพศ คือ ชายและหญิง” ทรัมป์ กล่าว . คำสั่งของ ทรัมป์ ยังปิดทางไม่ให้นำงบประมาณของรัฐไปใช้โปรโมต “อุดมการณ์ทางเพศ” (gender ideology) ซึ่งเป็นคำกว้างๆ ที่กลุ่มอนุรักษนิยมมักจะใช้อ้างถึงค่านิยมใดๆ ก็ตามที่สนับสนุนมุมมองเกี่ยวกับเพศและเพศสภาพที่ไม่ใช่แบบดั้งเดิม (non-traditional) ในขณะที่นักสิทธิมนุษยชนมองคำนี้ว่าสะท้อนการต่อต้าน LGBTQ และลดทอนคุณค่าความเป็นมนุษย์ . ล่าสุดนักเคลื่อนไหวและองค์กรด้านสิทธิมนุษยชนหลายแห่งในสหรัฐฯ ประกาศจะออกมาปกป้องคนกลุ่มน้อยในสังคมอ และท้าทายวาระของ ทรัมป์ . “เราจะไม่ยอมถอยหรือยอมถูกคุกคาม เราจะไม่ไปไหนทั้งนั้น และจะต่อสู้กับคำสั่งที่อันตรายเหล่านี้ด้วยทุกสิ่งที่เรามีอยู่” เคลลี โรบินสัน ประธาน Human Rights Campaign ซึ่งเป็นองค์กรสนับสนุนสิทธิ LGBTQ+ ที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐฯ ระบุในถ้อยแถลง . นักเคลื่อนไหวด้านสิทธิหลายคนออกมาเตือนว่า การที่ ทรัมป์ เข้ามายกเลิกมาตรการส่งเสริมความหลากหลาย (diversity) ความเท่าเทียม (equality) และการหลอมรวม (inclusion) หรือ DEI รวมไปถึงสิทธิต่างๆ ของคนข้ามเพศ จะเป็นการทำลายความพยายามสร้างนโยบายเท่าเทียมที่ได้มาอย่างยากลำบาก และกัดเซาะความก้าวหน้าในการแก้ไขอคติทางสังคมซึ่งทำให้คนกลุ่มน้อยไม่ได้รับโอกาสที่เท่าเทียมมานานหลายทศวรรษ . ปัจจุบันมีหลายบริษัทในสหรัฐฯ ที่เริ่มปลีกตัวออกจาก DEI โดยบางแห่งเพิ่งประกาศยกเลิกโครงการริเริ่ม DEI ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ในขณะที่บางบริษัท เช่น Costco และแอปเปิลยังคงแสดงความมุ่งมั่นที่จะสนับสนุน DEI ต่อไป . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000006338 ......... Sondhi X
    Like
    Love
    13
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1335 มุมมอง 0 รีวิว
  • กองกำลังติดอาวุธของแคนาดาหน่วยหนึ่งกลายเป็นที่ล้อเลียนทางออนไลน์อีกครั้ง หลังจากที่พวกเขาเดินขบวนพาเหรดในพิธีวันทหารผ่านศึกที่ศูนย์การค้า West Edmonton Mall โดยไม่มีความพร้อมเพรียงกันแม้แต่นิดเดียว ซึ่งผิดปกติของทหารที่มักจะมาพร้อมกับระเบียบวินัยที่สูงสุด

    กองทัพแคนาดาเป็นหนึ่งในกองทัพของพันธมิตรยุโรปที่ให้เสรีภาพกับทหารเรื่องเพศสภาพ และสิทธิความเท่าเทียมกัน
    กองกำลังติดอาวุธของแคนาดาหน่วยหนึ่งกลายเป็นที่ล้อเลียนทางออนไลน์อีกครั้ง หลังจากที่พวกเขาเดินขบวนพาเหรดในพิธีวันทหารผ่านศึกที่ศูนย์การค้า West Edmonton Mall โดยไม่มีความพร้อมเพรียงกันแม้แต่นิดเดียว ซึ่งผิดปกติของทหารที่มักจะมาพร้อมกับระเบียบวินัยที่สูงสุด กองทัพแคนาดาเป็นหนึ่งในกองทัพของพันธมิตรยุโรปที่ให้เสรีภาพกับทหารเรื่องเพศสภาพ และสิทธิความเท่าเทียมกัน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 709 มุมมอง 8 0 รีวิว
  • ยังมีปัญหาต่อสำหรับอีมาน เคลีฟ (06/11/67) #news1 #ข่าววันนี้ #ข่าวดัง #อีมาน เคลีฟ #เพศสภาพ #เหรียญทองมวยโอลิมปิกหญิง
    ยังมีปัญหาต่อสำหรับอีมาน เคลีฟ (06/11/67) #news1 #ข่าววันนี้ #ข่าวดัง #อีมาน เคลีฟ #เพศสภาพ #เหรียญทองมวยโอลิมปิกหญิง
    Like
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1519 มุมมอง 246 0 รีวิว
  • คณะกรรมการตัดสินรางวัลวรรณกรรมสร้างสรรค์ยอดเยี่ยมแห่งอาเซียน (ซีไรต์) ประจำปีพุทธศักราช 2567 ได้พิจารณาแล้ว มีความเห็นว่า นวนิยายเรื่อง กี่บาด ของ ประเสริฐศักดิ์ ปัดมะริด เล่าเรื่องของ "แม่ญิง" ช่างทอผ้าแม่แจ่มสามรุ่นที่มีวิถีชีวิตผูกพันกับการทอซิ่นตีนจก นำเสนอผ่านโครงเรื่องการต่อสู้และการส่งต่อมรดกภูมิปัญญาการทอผ้าในบริบทยุคสมัยที่มีความผันแปร โดยใช้กี่ทอผ้าเป็นเสมือนพื้นที่ของผู้หญิงที่เต็มไปด้วยความหมายอันหลากมิติ ทั้งการต่อรองทางเพศสภาพ การต่อสู้กับอคติของจารีต การเก็บงำความทรงจำทั้งดีและร้าย

    ด้านศิลปะการประพันธ์ กี่บาด มีทั้งขนบวรรณศิลป์แบบดั้งเดิมประสานกับการสร้างสรรค์ใหม่ โดยใช้ศิลปะการทอผ้าและลวดลาย สื่อความหมายและดำเนินเรื่องอย่างมีเชิงชั้น เต็มไปด้วยสีสันท้องถิ่น นำพาผู้อ่านสู่อารมณ์สะเทือนใจ เห็นอกเห็นใจในชะตากรรมของมนุษย์ แม้จะต้องเผชิญประสบการณ์หรือความทรงจำอันปวดร้าวเพียงไร ชีวิตก็ต้องเดินไปข้างหน้า และถักทอเรื่องราวอันเป็นวัฒนธรรมเรื่องเล่าของมนุษยชาติต่อไป

    คณะกรรมการตัดสินจึงมีมติให้ นวนิยายเรื่อง กี่บาด ของ ประเสริฐศักดิ์ ปัดมะริด ได้รับรางวัลวรรณกรรมสร้างสรรค์ยอดเยี่ยมแห่งอาเซียน (ซีไรต์) ประจำปีพุทธศักราช 2567

    #Thaitimes
    คณะกรรมการตัดสินรางวัลวรรณกรรมสร้างสรรค์ยอดเยี่ยมแห่งอาเซียน (ซีไรต์) ประจำปีพุทธศักราช 2567 ได้พิจารณาแล้ว มีความเห็นว่า นวนิยายเรื่อง กี่บาด ของ ประเสริฐศักดิ์ ปัดมะริด เล่าเรื่องของ "แม่ญิง" ช่างทอผ้าแม่แจ่มสามรุ่นที่มีวิถีชีวิตผูกพันกับการทอซิ่นตีนจก นำเสนอผ่านโครงเรื่องการต่อสู้และการส่งต่อมรดกภูมิปัญญาการทอผ้าในบริบทยุคสมัยที่มีความผันแปร โดยใช้กี่ทอผ้าเป็นเสมือนพื้นที่ของผู้หญิงที่เต็มไปด้วยความหมายอันหลากมิติ ทั้งการต่อรองทางเพศสภาพ การต่อสู้กับอคติของจารีต การเก็บงำความทรงจำทั้งดีและร้าย ด้านศิลปะการประพันธ์ กี่บาด มีทั้งขนบวรรณศิลป์แบบดั้งเดิมประสานกับการสร้างสรรค์ใหม่ โดยใช้ศิลปะการทอผ้าและลวดลาย สื่อความหมายและดำเนินเรื่องอย่างมีเชิงชั้น เต็มไปด้วยสีสันท้องถิ่น นำพาผู้อ่านสู่อารมณ์สะเทือนใจ เห็นอกเห็นใจในชะตากรรมของมนุษย์ แม้จะต้องเผชิญประสบการณ์หรือความทรงจำอันปวดร้าวเพียงไร ชีวิตก็ต้องเดินไปข้างหน้า และถักทอเรื่องราวอันเป็นวัฒนธรรมเรื่องเล่าของมนุษยชาติต่อไป คณะกรรมการตัดสินจึงมีมติให้ นวนิยายเรื่อง กี่บาด ของ ประเสริฐศักดิ์ ปัดมะริด ได้รับรางวัลวรรณกรรมสร้างสรรค์ยอดเยี่ยมแห่งอาเซียน (ซีไรต์) ประจำปีพุทธศักราช 2567 #Thaitimes
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 829 มุมมอง 0 รีวิว