• “Bitfarm เลิกเหมือง Bitcoin หันสู่ AI เต็มตัวภายในปี 2027”

    Bitfarm ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทเหมือง Bitcoin รายใหญ่ของโลก เผชิญปัญหาขาดทุนหนักในไตรมาส 3/2025 โดยรายงานตัวเลขขาดทุนสุทธิถึง 46 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นเกือบ 91% จากปีก่อน แม้ราคา Bitcoin จะพุ่งสูงสุดในเดือนตุลาคม แต่ความผันผวนทำให้บริษัทไม่สามารถพึ่งพาได้อย่างมั่นคง อีกทั้งเครื่องขุดรุ่นใหม่ T21 rigs ก็ทำงานได้ต่ำกว่าที่คาดการณ์ ส่งผลให้ต้องลดเป้าหมาย Hashrate ลงถึง 14%

    เพื่อแก้ปัญหา Bitfarm จึงประกาศ Pivot ธุรกิจจาก Crypto Mining ไปสู่ AI Data Center โดยจะใช้กำลังไฟฟ้า 341 เมกะวัตต์ที่มีอยู่ในการติดตั้งเซิร์ฟเวอร์ Nvidia GB300 NVL72 พร้อมระบบระบายความร้อนด้วยน้ำที่ทันสมัย บริษัทเชื่อว่าการให้บริการ GPU-as-a-Service จะสร้างรายได้มากกว่าการขุด Bitcoin ที่ผ่านมา

    นอกจากศูนย์ข้อมูลในรัฐวอชิงตันแล้ว Bitfarm ยังลงทุนเพิ่มใน Panther Creek, Pennsylvania ด้วยเงินทุนกว่า 300 ล้านดอลลาร์ เพื่อสร้างศูนย์ข้อมูลที่มีกำลังไฟฟ้าอย่างน้อย 350 เมกะวัตต์ รวมกับโครงการอื่น ๆ ทำให้บริษัทมีพลังงานใน Pipeline กว่า 1.3 กิกะวัตต์ ซึ่งอาจทำให้ Bitfarm กลายเป็นผู้เล่นรายใหญ่ในตลาด AI Data Center

    อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า อุตสาหกรรม AI อาจอยู่ในภาวะฟองสบู่ การลงทุนหลายร้อยล้านถึงพันล้านดอลลาร์เพื่อเปลี่ยนธุรกิจทั้งหมด อาจทำให้บริษัทเสี่ยงต่อการล้มละลายหากตลาด AI เกิดการชะลอตัวหรือแตกฟองสบู่

    สรุปสาระสำคัญ
    สถานการณ์ทางการเงินของ Bitfarm
    ขาดทุนสุทธิ 46 ล้านดอลลาร์ใน Q3/2025
    เครื่องขุด T21 ทำงานต่ำกว่าคาดการณ์ ลด Hashrate ลง 14%

    กลยุทธ์ Pivot สู่ AI
    จะเลิกทำเหมือง Bitcoin ภายในปี 2027
    ใช้กำลังไฟฟ้า 341 MW ติดตั้ง Nvidia GB300 NVL72
    ลงทุนเพิ่มในศูนย์ข้อมูล Pennsylvania 350 MW รวม Pipeline 1.3 GW

    คำเตือนและความเสี่ยง
    อุตสาหกรรม AI อาจอยู่ในภาวะฟองสบู่
    การลงทุนมหาศาลอาจทำให้บริษัทเสี่ยงล้มละลายหากตลาด AI ชะลอตัว
    การละทิ้งธุรกิจ Bitcoin อาจทำให้สูญเสียฐานรายได้เดิม

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/cryptomining/major-bitcoin-mining-firm-pivoting-to-ai-plans-to-fully-abandon-crypto-mining-by-2027-bitfarm-to-leverage-341-megawatt-capacity-for-ai-following-usd46-million-q3-loss
    🪙➡️⚡ “Bitfarm เลิกเหมือง Bitcoin หันสู่ AI เต็มตัวภายในปี 2027” Bitfarm ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทเหมือง Bitcoin รายใหญ่ของโลก เผชิญปัญหาขาดทุนหนักในไตรมาส 3/2025 โดยรายงานตัวเลขขาดทุนสุทธิถึง 46 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นเกือบ 91% จากปีก่อน แม้ราคา Bitcoin จะพุ่งสูงสุดในเดือนตุลาคม แต่ความผันผวนทำให้บริษัทไม่สามารถพึ่งพาได้อย่างมั่นคง อีกทั้งเครื่องขุดรุ่นใหม่ T21 rigs ก็ทำงานได้ต่ำกว่าที่คาดการณ์ ส่งผลให้ต้องลดเป้าหมาย Hashrate ลงถึง 14% เพื่อแก้ปัญหา Bitfarm จึงประกาศ Pivot ธุรกิจจาก Crypto Mining ไปสู่ AI Data Center โดยจะใช้กำลังไฟฟ้า 341 เมกะวัตต์ที่มีอยู่ในการติดตั้งเซิร์ฟเวอร์ Nvidia GB300 NVL72 พร้อมระบบระบายความร้อนด้วยน้ำที่ทันสมัย บริษัทเชื่อว่าการให้บริการ GPU-as-a-Service จะสร้างรายได้มากกว่าการขุด Bitcoin ที่ผ่านมา นอกจากศูนย์ข้อมูลในรัฐวอชิงตันแล้ว Bitfarm ยังลงทุนเพิ่มใน Panther Creek, Pennsylvania ด้วยเงินทุนกว่า 300 ล้านดอลลาร์ เพื่อสร้างศูนย์ข้อมูลที่มีกำลังไฟฟ้าอย่างน้อย 350 เมกะวัตต์ รวมกับโครงการอื่น ๆ ทำให้บริษัทมีพลังงานใน Pipeline กว่า 1.3 กิกะวัตต์ ซึ่งอาจทำให้ Bitfarm กลายเป็นผู้เล่นรายใหญ่ในตลาด AI Data Center อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า อุตสาหกรรม AI อาจอยู่ในภาวะฟองสบู่ การลงทุนหลายร้อยล้านถึงพันล้านดอลลาร์เพื่อเปลี่ยนธุรกิจทั้งหมด อาจทำให้บริษัทเสี่ยงต่อการล้มละลายหากตลาด AI เกิดการชะลอตัวหรือแตกฟองสบู่ 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ สถานการณ์ทางการเงินของ Bitfarm ➡️ ขาดทุนสุทธิ 46 ล้านดอลลาร์ใน Q3/2025 ➡️ เครื่องขุด T21 ทำงานต่ำกว่าคาดการณ์ ลด Hashrate ลง 14% ✅ กลยุทธ์ Pivot สู่ AI ➡️ จะเลิกทำเหมือง Bitcoin ภายในปี 2027 ➡️ ใช้กำลังไฟฟ้า 341 MW ติดตั้ง Nvidia GB300 NVL72 ➡️ ลงทุนเพิ่มในศูนย์ข้อมูล Pennsylvania 350 MW รวม Pipeline 1.3 GW ‼️ คำเตือนและความเสี่ยง ⛔ อุตสาหกรรม AI อาจอยู่ในภาวะฟองสบู่ ⛔ การลงทุนมหาศาลอาจทำให้บริษัทเสี่ยงล้มละลายหากตลาด AI ชะลอตัว ⛔ การละทิ้งธุรกิจ Bitcoin อาจทำให้สูญเสียฐานรายได้เดิม https://www.tomshardware.com/tech-industry/cryptomining/major-bitcoin-mining-firm-pivoting-to-ai-plans-to-fully-abandon-crypto-mining-by-2027-bitfarm-to-leverage-341-megawatt-capacity-for-ai-following-usd46-million-q3-loss
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1 มุมมอง 0 รีวิว
  • “NES ครบรอบ 40 ปี – ดีไซน์ที่เกือบจะเป็นลายไม้แบบ Atari 2600”

    ในงาน Portland Retro Gaming Expo 2025 อดีตผู้บริหาร Nintendo of America ได้แก่ Bruce Lowry (VP of Sales), Gail Tilden (ฝ่ายการตลาด), และ Lance Barr (นักออกแบบผลิตภัณฑ์) ได้เล่าย้อนถึงการเปิดตัว NES ในสหรัฐฯ เมื่อปี 1985 พวกเขาเผยว่าในตอนแรกมีการเสนอแบบดีไซน์ที่คล้าย Atari 2600 คือมี ลายไม้และสวิตช์ด้านบน แต่ Barr ปฏิเสธทันที โดยบอกว่า “มันดูแย่มาก” และเลือกแนวทางใหม่ที่ทำให้ NES ดูเหมือนอุปกรณ์บันเทิงภายในบ้าน เช่น Hi-Fi หรือ VCR

    การตัดสินใจนี้มีความสำคัญมาก เพราะในช่วงนั้นตลาดเกมยังบอบช้ำจาก Video Game Crash ปี 1983 ผู้บริหารจึงต้องการให้ NES ดู “จริงจัง” และไม่เหมือนของเล่นราคาถูก ดีไซน์ Control Deck ที่เรียบหรูและเข้ากับเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน จึงช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้ผู้บริโภคและผู้ค้าปลีก

    นอกจากดีไซน์แล้ว ทีมงานยังเล่าถึงการเปิดตัวอุปกรณ์เสริม เช่น Zapper light gun และการจัดการกับปัญหาในคลังสินค้าที่เต็มไปด้วย “หนู งู และขยะพิษ” ซึ่งสะท้อนความท้าทายเบื้องหลังการสร้าง NES ให้สำเร็จในตลาดอเมริกา

    ผลลัพธ์คือ NES ไม่เพียงแค่รอดจากวิกฤต แต่ยัง พลิกฟื้นอุตสาหกรรมเกม และกลายเป็นมาตรฐานใหม่ที่เปิดทางให้คู่แข่งอย่าง Sega Master System และต่อยอดไปสู่ยุค 16-bit เช่น SNES และ Sega Genesis จนทำให้เกมกลายเป็นอุตสาหกรรมใหญ่กว่าภาพยนตร์และดนตรีในเวลาต่อมา

    สรุปสาระสำคัญ
    แผนดีไซน์ NES ในตอนแรก
    มีการเสนอให้ใช้ลายไม้และสวิตช์ด้านบนคล้าย Atari 2600
    Lance Barr ปฏิเสธและเลือกดีไซน์ Control Deck ที่ดูเหมือนเครื่องเสียง/วิดีโอ

    เหตุผลในการเลือกดีไซน์ใหม่
    ตลาดเกมยังบอบช้ำจากวิกฤตปี 1983
    ต้องการให้ NES ดูจริงจัง ไม่เหมือนของเล่นราคาถูก
    ดีไซน์ใหม่ช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้ผู้บริโภคและผู้ค้าปลีก

    เบื้องหลังการเปิดตัว
    เปิดตัวพร้อมอุปกรณ์เสริม เช่น Zapper light gun
    เผชิญปัญหาการจัดเก็บสินค้าที่มีหนู งู และขยะพิษ

    คำเตือนและข้อคิด
    หากเลือกดีไซน์ลายไม้ อาจทำให้ NES ถูกมองว่าเป็นเพียงของเล่น
    ความผิดพลาดด้านภาพลักษณ์อาจทำให้ NES ไม่สามารถฟื้นตลาดเกมได้

    https://www.tomshardware.com/video-games/nintendo/the-nes-at-40-employees-reveal-there-were-plans-for-a-woodgrain-veneer-model-to-rival-the-atari-2600
    🎮 “NES ครบรอบ 40 ปี – ดีไซน์ที่เกือบจะเป็นลายไม้แบบ Atari 2600” ในงาน Portland Retro Gaming Expo 2025 อดีตผู้บริหาร Nintendo of America ได้แก่ Bruce Lowry (VP of Sales), Gail Tilden (ฝ่ายการตลาด), และ Lance Barr (นักออกแบบผลิตภัณฑ์) ได้เล่าย้อนถึงการเปิดตัว NES ในสหรัฐฯ เมื่อปี 1985 พวกเขาเผยว่าในตอนแรกมีการเสนอแบบดีไซน์ที่คล้าย Atari 2600 คือมี ลายไม้และสวิตช์ด้านบน แต่ Barr ปฏิเสธทันที โดยบอกว่า “มันดูแย่มาก” และเลือกแนวทางใหม่ที่ทำให้ NES ดูเหมือนอุปกรณ์บันเทิงภายในบ้าน เช่น Hi-Fi หรือ VCR การตัดสินใจนี้มีความสำคัญมาก เพราะในช่วงนั้นตลาดเกมยังบอบช้ำจาก Video Game Crash ปี 1983 ผู้บริหารจึงต้องการให้ NES ดู “จริงจัง” และไม่เหมือนของเล่นราคาถูก ดีไซน์ Control Deck ที่เรียบหรูและเข้ากับเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน จึงช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้ผู้บริโภคและผู้ค้าปลีก นอกจากดีไซน์แล้ว ทีมงานยังเล่าถึงการเปิดตัวอุปกรณ์เสริม เช่น Zapper light gun และการจัดการกับปัญหาในคลังสินค้าที่เต็มไปด้วย “หนู งู และขยะพิษ” ซึ่งสะท้อนความท้าทายเบื้องหลังการสร้าง NES ให้สำเร็จในตลาดอเมริกา ผลลัพธ์คือ NES ไม่เพียงแค่รอดจากวิกฤต แต่ยัง พลิกฟื้นอุตสาหกรรมเกม และกลายเป็นมาตรฐานใหม่ที่เปิดทางให้คู่แข่งอย่าง Sega Master System และต่อยอดไปสู่ยุค 16-bit เช่น SNES และ Sega Genesis จนทำให้เกมกลายเป็นอุตสาหกรรมใหญ่กว่าภาพยนตร์และดนตรีในเวลาต่อมา 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ แผนดีไซน์ NES ในตอนแรก ➡️ มีการเสนอให้ใช้ลายไม้และสวิตช์ด้านบนคล้าย Atari 2600 ➡️ Lance Barr ปฏิเสธและเลือกดีไซน์ Control Deck ที่ดูเหมือนเครื่องเสียง/วิดีโอ ✅ เหตุผลในการเลือกดีไซน์ใหม่ ➡️ ตลาดเกมยังบอบช้ำจากวิกฤตปี 1983 ➡️ ต้องการให้ NES ดูจริงจัง ไม่เหมือนของเล่นราคาถูก ➡️ ดีไซน์ใหม่ช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้ผู้บริโภคและผู้ค้าปลีก ✅ เบื้องหลังการเปิดตัว ➡️ เปิดตัวพร้อมอุปกรณ์เสริม เช่น Zapper light gun ➡️ เผชิญปัญหาการจัดเก็บสินค้าที่มีหนู งู และขยะพิษ ‼️ คำเตือนและข้อคิด ⛔ หากเลือกดีไซน์ลายไม้ อาจทำให้ NES ถูกมองว่าเป็นเพียงของเล่น ⛔ ความผิดพลาดด้านภาพลักษณ์อาจทำให้ NES ไม่สามารถฟื้นตลาดเกมได้ https://www.tomshardware.com/video-games/nintendo/the-nes-at-40-employees-reveal-there-were-plans-for-a-woodgrain-veneer-model-to-rival-the-atari-2600
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    The NES at 40: Employees reveal there were plans for a woodgrain veneer model to rival the Atari 2600
    Nintendo of America veterans chatted to a host from the Video Game History Foundation to celebrate the console’s Ruby jubilee.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Selective Agency – ทำไมเราถึงไม่พยายามจริงในบางเรื่องของชีวิต”

    บทความเริ่มจากประสบการณ์ส่วนตัวของ Cate Hall ที่เผชิญกับการถูกสตอล์กออนไลน์อย่างรุนแรง เธอเลือกที่จะ “นิ่งเฉย” อยู่หลายปี แม้จะมีความสามารถและทรัพยากรในการแก้ปัญหา แต่กลับไม่ลงมือจริงจัง จนกระทั่งสามีเข้ามาช่วยติดต่อ FBI และตำรวจต่างประเทศ ทำให้สถานการณ์คลี่คลายลง เหตุการณ์นี้ทำให้เธอตระหนักว่า ที่ผ่านมาเธอไม่ได้ “Actually Trying” หรือพยายามจริง ๆ

    Cate อธิบายว่า คนเรามักจะมี Selective Agency คือมีความสามารถสูงในบางด้าน เช่น การทำงานหรือการสร้างนวัตกรรม แต่กลับใช้วิธีแก้ปัญหาแบบเดิม ๆ ที่ไม่ก้าวหน้าในอีกด้านหนึ่ง เช่น ความสัมพันธ์หรือสุขภาพจิต เรามักจะติดอยู่กับแนวทางที่เคยใช้เมื่อยังไม่โตเต็มที่ และไม่กลับมาทบทวนใหม่เมื่อเรามีศักยภาพมากขึ้น

    เธอยกตัวอย่างว่า หลายคนที่เป็นนักนวัตกรรมเก่ง ๆ สามารถสร้างผลิตภัณฑ์ระดับโลก แต่กลับบ่นว่า “ไม่มีคนดี ๆ ในแอปหาคู่” หรือคนที่เคยลองบำบัดเมื่ออายุ 20 แล้วไม่เวิร์ก ก็ยอมรับว่า “ฉันเป็นคนวิตกกังวลตลอดไป” โดยไม่กลับมาลองวิธีใหม่ ๆ ทั้งที่ในงาน พวกเขาใช้ความพยายามและความคิดสร้างสรรค์อย่างต่อเนื่อง

    แนวคิดนี้เชื่อมโยงกับ Alexander Technique เรื่อง “Faulty sensory appreciation” ที่บอกว่า สิ่งที่เรารู้สึกว่า “ถูกต้อง” อาจเป็นเพียงความเคยชินที่ผิด เช่น การเกร็งร่างกายจนรู้สึกเหมือนยืนตัวตรง ทั้งที่จริง ๆ ไม่ใช่ เช่นเดียวกัน ความพยายามที่ใช้แรงใจมาก ๆ อาจทำให้เราหลงคิดว่าเรากำลัง “พยายามจริง” ทั้งที่จริงแล้วเรายังไม่ได้ใช้ทรัพยากรและความคิดสร้างสรรค์ที่มีอยู่เต็มที่

    สรุปสาระสำคัญ
    แนวคิด Selective Agency
    คนเรามีความสามารถสูงในบางด้าน แต่ไม่ใช้ศักยภาพเต็มที่ในอีกด้าน
    มักติดอยู่กับวิธีแก้ปัญหาเดิม ๆ ที่เคยใช้เมื่อยังไม่โตเต็มที่

    ตัวอย่างจากชีวิตจริง
    Cate Hall ถูกสตอล์กออนไลน์ แต่เลือกนิ่งเฉยหลายปี
    สามีเข้ามาช่วยติดต่อ FBI และตำรวจ ทำให้สถานการณ์คลี่คลาย

    การเปรียบเทียบกับชีวิตคนทั่วไป
    นักนวัตกรรมเก่ง ๆ แต่ไม่พยายามจริงในความสัมพันธ์
    คนที่เคยลองบำบัดแล้วไม่เวิร์ก ก็ยอมรับปัญหาเป็นนิสัยถาวร

    คำเตือนและข้อคิด
    ความรู้สึกว่า “พยายามแล้ว” อาจเป็นเพียงการใช้แรงใจ ไม่ใช่การใช้ทรัพยากรจริง
    การไม่กลับมาทบทวนวิธีแก้ปัญหาใหม่ อาจทำให้เราติดอยู่กับปัญหาเดิมไปตลอด

    https://usefulfictions.substack.com/p/maybe-youre-not-actually-trying
    📰 “Selective Agency – ทำไมเราถึงไม่พยายามจริงในบางเรื่องของชีวิต” บทความเริ่มจากประสบการณ์ส่วนตัวของ Cate Hall ที่เผชิญกับการถูกสตอล์กออนไลน์อย่างรุนแรง เธอเลือกที่จะ “นิ่งเฉย” อยู่หลายปี แม้จะมีความสามารถและทรัพยากรในการแก้ปัญหา แต่กลับไม่ลงมือจริงจัง จนกระทั่งสามีเข้ามาช่วยติดต่อ FBI และตำรวจต่างประเทศ ทำให้สถานการณ์คลี่คลายลง เหตุการณ์นี้ทำให้เธอตระหนักว่า ที่ผ่านมาเธอไม่ได้ “Actually Trying” หรือพยายามจริง ๆ Cate อธิบายว่า คนเรามักจะมี Selective Agency คือมีความสามารถสูงในบางด้าน เช่น การทำงานหรือการสร้างนวัตกรรม แต่กลับใช้วิธีแก้ปัญหาแบบเดิม ๆ ที่ไม่ก้าวหน้าในอีกด้านหนึ่ง เช่น ความสัมพันธ์หรือสุขภาพจิต เรามักจะติดอยู่กับแนวทางที่เคยใช้เมื่อยังไม่โตเต็มที่ และไม่กลับมาทบทวนใหม่เมื่อเรามีศักยภาพมากขึ้น เธอยกตัวอย่างว่า หลายคนที่เป็นนักนวัตกรรมเก่ง ๆ สามารถสร้างผลิตภัณฑ์ระดับโลก แต่กลับบ่นว่า “ไม่มีคนดี ๆ ในแอปหาคู่” หรือคนที่เคยลองบำบัดเมื่ออายุ 20 แล้วไม่เวิร์ก ก็ยอมรับว่า “ฉันเป็นคนวิตกกังวลตลอดไป” โดยไม่กลับมาลองวิธีใหม่ ๆ ทั้งที่ในงาน พวกเขาใช้ความพยายามและความคิดสร้างสรรค์อย่างต่อเนื่อง แนวคิดนี้เชื่อมโยงกับ Alexander Technique เรื่อง “Faulty sensory appreciation” ที่บอกว่า สิ่งที่เรารู้สึกว่า “ถูกต้อง” อาจเป็นเพียงความเคยชินที่ผิด เช่น การเกร็งร่างกายจนรู้สึกเหมือนยืนตัวตรง ทั้งที่จริง ๆ ไม่ใช่ เช่นเดียวกัน ความพยายามที่ใช้แรงใจมาก ๆ อาจทำให้เราหลงคิดว่าเรากำลัง “พยายามจริง” ทั้งที่จริงแล้วเรายังไม่ได้ใช้ทรัพยากรและความคิดสร้างสรรค์ที่มีอยู่เต็มที่ 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ แนวคิด Selective Agency ➡️ คนเรามีความสามารถสูงในบางด้าน แต่ไม่ใช้ศักยภาพเต็มที่ในอีกด้าน ➡️ มักติดอยู่กับวิธีแก้ปัญหาเดิม ๆ ที่เคยใช้เมื่อยังไม่โตเต็มที่ ✅ ตัวอย่างจากชีวิตจริง ➡️ Cate Hall ถูกสตอล์กออนไลน์ แต่เลือกนิ่งเฉยหลายปี ➡️ สามีเข้ามาช่วยติดต่อ FBI และตำรวจ ทำให้สถานการณ์คลี่คลาย ✅ การเปรียบเทียบกับชีวิตคนทั่วไป ➡️ นักนวัตกรรมเก่ง ๆ แต่ไม่พยายามจริงในความสัมพันธ์ ➡️ คนที่เคยลองบำบัดแล้วไม่เวิร์ก ก็ยอมรับปัญหาเป็นนิสัยถาวร ‼️ คำเตือนและข้อคิด ⛔ ความรู้สึกว่า “พยายามแล้ว” อาจเป็นเพียงการใช้แรงใจ ไม่ใช่การใช้ทรัพยากรจริง ⛔ การไม่กลับมาทบทวนวิธีแก้ปัญหาใหม่ อาจทำให้เราติดอยู่กับปัญหาเดิมไปตลอด https://usefulfictions.substack.com/p/maybe-youre-not-actually-trying
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 6 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🛳 Royal Caribbean เตรียมปรับปรุงเรือ Ovation of the seas ครั้งใหญ่
    ภายใต้โครงการ Royal Amplified ก่อนฤดูกาลล่องเรืออลาสก้า ปี 2026
    พร้อมจัดเต็มห้องพักใหม่กว่า 40 ห้องบนดาดฟ้าชั้น 12 พร้อม Nights Club และบาร์แห่งใหม่

    ดูเรือ Royal Caribean ทั้งหมดได้ที่
    https://78s.me/648705

    ดูแพ็คเกจเรือทั้งหมด
    https://cruisedomain.com/
    LINE ID: @CruiseDomain 78s.me/c54029
    Facebook: CruiseDomain 78s.me/b8a121
    Youtube : CruiseDomain 78s.me/8af620
    : 0 2116 9696 (Auto)

    #เรือRoyalCaribean #RoyalCaribbean #Ovationoftheseas #RoyalAmplified #updates #News #CruiseDomain #แพ็คเกจล่องเรือสำราญ
    🛳 Royal Caribbean เตรียมปรับปรุงเรือ Ovation of the seas ครั้งใหญ่ ภายใต้โครงการ Royal Amplified ก่อนฤดูกาลล่องเรืออลาสก้า ปี 2026 พร้อมจัดเต็มห้องพักใหม่กว่า 40 ห้องบนดาดฟ้าชั้น 12 พร้อม Nights Club และบาร์แห่งใหม่ 🥂 ดูเรือ Royal Caribean ทั้งหมดได้ที่ https://78s.me/648705 ✅ ดูแพ็คเกจเรือทั้งหมด https://cruisedomain.com/ LINE ID: @CruiseDomain 78s.me/c54029 Facebook: CruiseDomain 78s.me/b8a121 Youtube : CruiseDomain 78s.me/8af620 ☎️: 0 2116 9696 (Auto) #เรือRoyalCaribean #RoyalCaribbean #Ovationoftheseas #RoyalAmplified #updates #News #CruiseDomain #แพ็คเกจล่องเรือสำราญ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 5 มุมมอง 0 รีวิว
  • Google อาจแก้ปัญหาเก่าแก่ของ AI ได้แล้ว

    บทความจาก Generative History เปิดเผยว่า Google กำลังทดสอบโมเดลใหม่ใน AI Studio ซึ่งมีความสามารถเหนือความคาดหมาย ทั้งการถอดความลายมือโบราณได้เกือบสมบูรณ์แบบ และยังแสดงพฤติกรรมที่คล้ายการใช้เหตุผลเชิงสัญลักษณ์ (symbolic reasoning) โดยไม่ได้ถูกสั่งให้ทำโดยตรง

    การถอดความลายมือระดับผู้เชี่ยวชาญ
    นักวิจัยทดลองให้โมเดลนี้ถอดความเอกสารโบราณที่มีลายมืออ่านยาก ผลลัพธ์คือ อัตราความผิดพลาดต่ำกว่า 2% ซึ่งใกล้เคียงกับระดับผู้เชี่ยวชาญด้าน paleography ที่ทำงานจริง ๆ ความสำเร็จนี้ถือเป็นก้าวกระโดด เพราะปัญหาการอ่านลายมือเป็นหนึ่งในโจทย์ที่นักวิจัย AI พยายามแก้มานานกว่า 70 ปี

    เหตุผลเชิงสัญลักษณ์ที่เกิดขึ้นเอง
    สิ่งที่น่าตื่นเต้นคือโมเดลไม่ได้เพียงแค่ถอดความ แต่ยังสามารถ ตีความข้อมูลเชิงบริบทและตัวเลขในเอกสาร ตัวอย่างเช่น การเจอข้อความ “145” ในบัญชีพ่อค้าโบราณ โมเดลสามารถอนุมานได้ว่าเป็น “14 ปอนด์ 5 ออนซ์” โดยใช้การคำนวณย้อนกลับจากราคาสินค้าและระบบเงินตราในศตวรรษที่ 18 ซึ่งเป็นการแสดงออกถึงการใช้เหตุผลหลายขั้นตอนโดยไม่ถูกสั่งให้ทำ

    ผลกระทบต่อวงการวิชาการและ AI
    หากผลลัพธ์นี้สามารถทำซ้ำได้อย่างต่อเนื่อง จะหมายถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในหลายสาขา:
    นักประวัติศาสตร์ จะสามารถใช้ AI ถอดความเอกสารโบราณได้อย่างแม่นยำและรวดเร็ว
    นักวิจัย AI จะได้หลักฐานว่าการ reasoning อาจเกิดขึ้นเองจากการขยายขนาดโมเดลและการฝึกกับข้อมูลที่ซับซ้อน
    สังคมโดยรวม อาจได้เห็น AI ที่ไม่เพียงแค่ “ทำนายคำถัดไป” แต่ยังสามารถเข้าใจและตีความโลกได้ใกล้เคียงมนุษย์มากขึ้น

    สรุปสาระสำคัญ
    Google กำลังทดสอบโมเดลใหม่ใน AI Studio
    ถอดความลายมือโบราณได้เกือบสมบูรณ์แบบ
    อัตราความผิดพลาดต่ำกว่า 2%

    โมเดลแสดงพฤติกรรม reasoning
    สามารถตีความตัวเลขและบริบทในเอกสาร
    ใช้การคำนวณย้อนกลับเพื่อหาความหมายที่ถูกต้อง

    ผลกระทบต่อวงการ
    นักประวัติศาสตร์ได้เครื่องมือใหม่ในการถอดความเอกสาร
    นักวิจัย AI มีหลักฐานว่าการ reasoning อาจเกิดขึ้นเอง

    ความท้าทายและข้อควรระวัง
    ยังไม่ชัดเจนว่าผลลัพธ์ทำซ้ำได้เสมอหรือไม่
    อาจเกิดการตีความผิดพลาดหากข้อมูลไม่ครบถ้วน

    https://generativehistory.substack.com/p/has-google-quietly-solved-two-of
    🤖 Google อาจแก้ปัญหาเก่าแก่ของ AI ได้แล้ว บทความจาก Generative History เปิดเผยว่า Google กำลังทดสอบโมเดลใหม่ใน AI Studio ซึ่งมีความสามารถเหนือความคาดหมาย ทั้งการถอดความลายมือโบราณได้เกือบสมบูรณ์แบบ และยังแสดงพฤติกรรมที่คล้ายการใช้เหตุผลเชิงสัญลักษณ์ (symbolic reasoning) โดยไม่ได้ถูกสั่งให้ทำโดยตรง ✍️ การถอดความลายมือระดับผู้เชี่ยวชาญ นักวิจัยทดลองให้โมเดลนี้ถอดความเอกสารโบราณที่มีลายมืออ่านยาก ผลลัพธ์คือ อัตราความผิดพลาดต่ำกว่า 2% ซึ่งใกล้เคียงกับระดับผู้เชี่ยวชาญด้าน paleography ที่ทำงานจริง ๆ ความสำเร็จนี้ถือเป็นก้าวกระโดด เพราะปัญหาการอ่านลายมือเป็นหนึ่งในโจทย์ที่นักวิจัย AI พยายามแก้มานานกว่า 70 ปี 🧩 เหตุผลเชิงสัญลักษณ์ที่เกิดขึ้นเอง สิ่งที่น่าตื่นเต้นคือโมเดลไม่ได้เพียงแค่ถอดความ แต่ยังสามารถ ตีความข้อมูลเชิงบริบทและตัวเลขในเอกสาร ตัวอย่างเช่น การเจอข้อความ “145” ในบัญชีพ่อค้าโบราณ โมเดลสามารถอนุมานได้ว่าเป็น “14 ปอนด์ 5 ออนซ์” โดยใช้การคำนวณย้อนกลับจากราคาสินค้าและระบบเงินตราในศตวรรษที่ 18 ซึ่งเป็นการแสดงออกถึงการใช้เหตุผลหลายขั้นตอนโดยไม่ถูกสั่งให้ทำ 🌍 ผลกระทบต่อวงการวิชาการและ AI 🔰 หากผลลัพธ์นี้สามารถทำซ้ำได้อย่างต่อเนื่อง จะหมายถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในหลายสาขา: 🔰 นักประวัติศาสตร์ จะสามารถใช้ AI ถอดความเอกสารโบราณได้อย่างแม่นยำและรวดเร็ว 🔰 นักวิจัย AI จะได้หลักฐานว่าการ reasoning อาจเกิดขึ้นเองจากการขยายขนาดโมเดลและการฝึกกับข้อมูลที่ซับซ้อน 🔰 สังคมโดยรวม อาจได้เห็น AI ที่ไม่เพียงแค่ “ทำนายคำถัดไป” แต่ยังสามารถเข้าใจและตีความโลกได้ใกล้เคียงมนุษย์มากขึ้น 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ Google กำลังทดสอบโมเดลใหม่ใน AI Studio ➡️ ถอดความลายมือโบราณได้เกือบสมบูรณ์แบบ ➡️ อัตราความผิดพลาดต่ำกว่า 2% ✅ โมเดลแสดงพฤติกรรม reasoning ➡️ สามารถตีความตัวเลขและบริบทในเอกสาร ➡️ ใช้การคำนวณย้อนกลับเพื่อหาความหมายที่ถูกต้อง ✅ ผลกระทบต่อวงการ ➡️ นักประวัติศาสตร์ได้เครื่องมือใหม่ในการถอดความเอกสาร ➡️ นักวิจัย AI มีหลักฐานว่าการ reasoning อาจเกิดขึ้นเอง ‼️ ความท้าทายและข้อควรระวัง ⛔ ยังไม่ชัดเจนว่าผลลัพธ์ทำซ้ำได้เสมอหรือไม่ ⛔ อาจเกิดการตีความผิดพลาดหากข้อมูลไม่ครบถ้วน https://generativehistory.substack.com/p/has-google-quietly-solved-two-of
    GENERATIVEHISTORY.SUBSTACK.COM
    Has Google Quietly Solved Two of AI’s Oldest Problems?
    A mysterious new model currently in testing on Google’s AI Studio is nearly perfect on automated handwriting recognition but it is also showing signs of spontaneous, abstract, symbolic reasoning.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 5 มุมมอง 0 รีวิว
  • 5 แอปฟรีที่ช่วยให้ Windows 11 ใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพ

    หลังจาก Microsoft ประกาศยุติการสนับสนุน Windows 10 อย่างเป็นทางการ ผู้ใช้จึงจำเป็นต้องอัปเกรดสู่ Windows 11 หรือเปลี่ยนไปใช้ Linux แต่เพื่อให้การใช้งาน Windows 11 ราบรื่นและมีประสิทธิภาพมากขึ้น บทความจาก SlashGear ได้แนะนำ 5 แอปฟรีที่ควรติดตั้งทันที

    Microsoft PowerToys
    เป็นชุดเครื่องมือที่ช่วยเพิ่มฟีเจอร์พิเศษให้ Windows 11 เช่น Advanced Paste สำหรับจัดการข้อความที่คัดลอก, Awake ป้องกันเครื่องเข้าสู่ Sleep Mode, Peek สำหรับดูไฟล์แบบด่วน และ Text Extractor ที่สามารถดึงข้อความจากวิดีโอหรือภาพได้ ฟีเจอร์เหล่านี้ทำให้ Windows 11 มีความสามารถใกล้เคียง macOS มากขึ้น

    Blip
    แอปสำหรับ ส่งไฟล์ข้ามอุปกรณ์ ได้อย่างง่ายและรวดเร็ว รองรับทั้ง Windows, macOS, Android และ iOS จุดเด่นคือสามารถส่งไฟล์ขนาดใหญ่โดยไม่สะดุด แม้การเชื่อมต่อจะหลุดก็สามารถกลับมาส่งต่อได้ทันที อย่างไรก็ตาม Blip ใช้ TLS 1.3 ในการเข้ารหัส ซึ่งไม่ใช่ end-to-end encryption จึงควรระวังเมื่อส่งไฟล์ที่มีข้อมูลสำคัญ

    QuickLook
    เป็นแอปที่เลียนแบบฟีเจอร์ Quick Look ของ macOS เพียงกด Spacebar ก็สามารถดูตัวอย่างไฟล์ได้ทันที รองรับไฟล์หลากหลายประเภท เช่น รูปภาพ วิดีโอ เอกสาร และเพลง ทำให้การทำงานกับไฟล์สะดวกและรวดเร็วขึ้น

    VLC Media Player
    โปรแกรมเล่นสื่อที่ครองใจผู้ใช้มานาน สามารถเล่นไฟล์ได้แทบทุกชนิด รวมถึง Blu-ray, DVD และไฟล์ .mkv ที่มีหลายซับไตเติล จุดเด่นคือ ฟรีและโอเพ่นซอร์ส พร้อมฟีเจอร์ซ่อน เช่น ดาวน์โหลดวิดีโอจาก YouTube หรือ Instagram

    Revo Uninstaller
    ช่วยลบโปรแกรมออกจากระบบได้หมดจด รวมถึงไฟล์และ registry ที่เหลืออยู่หลังการถอนการติดตั้ง ลดการกินพื้นที่และปัญหาความเสถียรของระบบ เหมาะสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการจัดการเครื่องให้สะอาดและมีประสิทธิภาพ

    สรุปประเด็นสำคัญ
    แอปที่ควรติดตั้งหลังอัปเกรด Windows 11
    Microsoft PowerToys: เพิ่มฟีเจอร์พิเศษ เช่น Advanced Paste, Peek, Text Extractor
    Blip: ส่งไฟล์ข้ามอุปกรณ์ได้ง่ายและเร็ว
    QuickLook: ดูตัวอย่างไฟล์ทันทีด้วย Spacebar
    VLC: เล่นไฟล์สื่อทุกชนิด ฟรีและโอเพ่นซอร์ส
    Revo Uninstaller: ลบโปรแกรมและไฟล์ตกค้างได้หมดจด

    คำเตือนและข้อควรระวัง
    Blip ใช้ TLS 1.3 ไม่ใช่ end-to-end encryption เสี่ยงต่อการส่งไฟล์สำคัญ
    PowerToys ใช้ทรัพยากรเครื่องมากขึ้นเมื่อเปิดหลายฟีเจอร์
    QuickLook และ Revo Uninstaller ใช้งาน background processes ที่อาจกินทรัพยากรเครื่อง

    https://www.slashgear.com/2024273/must-have-windows-11-apps-install-after-upgrade/
    💻 5 แอปฟรีที่ช่วยให้ Windows 11 ใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพ หลังจาก Microsoft ประกาศยุติการสนับสนุน Windows 10 อย่างเป็นทางการ ผู้ใช้จึงจำเป็นต้องอัปเกรดสู่ Windows 11 หรือเปลี่ยนไปใช้ Linux แต่เพื่อให้การใช้งาน Windows 11 ราบรื่นและมีประสิทธิภาพมากขึ้น บทความจาก SlashGear ได้แนะนำ 5 แอปฟรีที่ควรติดตั้งทันที ⚙️ Microsoft PowerToys เป็นชุดเครื่องมือที่ช่วยเพิ่มฟีเจอร์พิเศษให้ Windows 11 เช่น Advanced Paste สำหรับจัดการข้อความที่คัดลอก, Awake ป้องกันเครื่องเข้าสู่ Sleep Mode, Peek สำหรับดูไฟล์แบบด่วน และ Text Extractor ที่สามารถดึงข้อความจากวิดีโอหรือภาพได้ ฟีเจอร์เหล่านี้ทำให้ Windows 11 มีความสามารถใกล้เคียง macOS มากขึ้น 📤 Blip แอปสำหรับ ส่งไฟล์ข้ามอุปกรณ์ ได้อย่างง่ายและรวดเร็ว รองรับทั้ง Windows, macOS, Android และ iOS จุดเด่นคือสามารถส่งไฟล์ขนาดใหญ่โดยไม่สะดุด แม้การเชื่อมต่อจะหลุดก็สามารถกลับมาส่งต่อได้ทันที อย่างไรก็ตาม Blip ใช้ TLS 1.3 ในการเข้ารหัส ซึ่งไม่ใช่ end-to-end encryption จึงควรระวังเมื่อส่งไฟล์ที่มีข้อมูลสำคัญ 👀 QuickLook เป็นแอปที่เลียนแบบฟีเจอร์ Quick Look ของ macOS เพียงกด Spacebar ก็สามารถดูตัวอย่างไฟล์ได้ทันที รองรับไฟล์หลากหลายประเภท เช่น รูปภาพ วิดีโอ เอกสาร และเพลง ทำให้การทำงานกับไฟล์สะดวกและรวดเร็วขึ้น 🎬 VLC Media Player โปรแกรมเล่นสื่อที่ครองใจผู้ใช้มานาน สามารถเล่นไฟล์ได้แทบทุกชนิด รวมถึง Blu-ray, DVD และไฟล์ .mkv ที่มีหลายซับไตเติล จุดเด่นคือ ฟรีและโอเพ่นซอร์ส พร้อมฟีเจอร์ซ่อน เช่น ดาวน์โหลดวิดีโอจาก YouTube หรือ Instagram 🗑️ Revo Uninstaller ช่วยลบโปรแกรมออกจากระบบได้หมดจด รวมถึงไฟล์และ registry ที่เหลืออยู่หลังการถอนการติดตั้ง ลดการกินพื้นที่และปัญหาความเสถียรของระบบ เหมาะสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการจัดการเครื่องให้สะอาดและมีประสิทธิภาพ 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ แอปที่ควรติดตั้งหลังอัปเกรด Windows 11 ➡️ Microsoft PowerToys: เพิ่มฟีเจอร์พิเศษ เช่น Advanced Paste, Peek, Text Extractor ➡️ Blip: ส่งไฟล์ข้ามอุปกรณ์ได้ง่ายและเร็ว ➡️ QuickLook: ดูตัวอย่างไฟล์ทันทีด้วย Spacebar ➡️ VLC: เล่นไฟล์สื่อทุกชนิด ฟรีและโอเพ่นซอร์ส ➡️ Revo Uninstaller: ลบโปรแกรมและไฟล์ตกค้างได้หมดจด ‼️ คำเตือนและข้อควรระวัง ⛔ Blip ใช้ TLS 1.3 ไม่ใช่ end-to-end encryption เสี่ยงต่อการส่งไฟล์สำคัญ ⛔ PowerToys ใช้ทรัพยากรเครื่องมากขึ้นเมื่อเปิดหลายฟีเจอร์ ⛔ QuickLook และ Revo Uninstaller ใช้งาน background processes ที่อาจกินทรัพยากรเครื่อง https://www.slashgear.com/2024273/must-have-windows-11-apps-install-after-upgrade/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    5 Free Apps You Should Install As Soon As You Upgrade To Windows 11 - SlashGear
    There’s no shortage of great apps for Windows 11, but we’ve narrowed our list to five standouts.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 18 มุมมอง 0 รีวิว
  • ช่องโหว่ร้ายแรงใน pgAdmin เสี่ยง RCE ผ่าน Dump Files

    ทีมพัฒนา pgAdmin ได้ออกแพตช์แก้ไขช่องโหว่หลายรายการที่กระทบต่อเวอร์ชัน ≤ 9.9 โดยช่องโหว่ที่ร้ายแรงที่สุดคือ CVE-2025-12762 (CVSS 9.1) ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อ pgAdmin ทำงานใน server mode และผู้ใช้ทำการ restore ไฟล์ PostgreSQL dump แบบ PLAIN-format หากไฟล์ถูกปรับแต่งโดยผู้โจมตี จะสามารถฝังคำสั่งระบบและรันบนเซิร์ฟเวอร์ได้ทันที ส่งผลให้เกิดการ ยึดครองระบบเต็มรูปแบบ

    นอกจากนี้ยังมีช่องโหว่อื่น ๆ ที่ถูกเปิดเผยพร้อมกัน เช่น

    CVE-2025-12763 (CVSS 6.8): Command Injection บน Windows เนื่องจากการใช้ shell=True ในการ backup/restore

    CVE-2025-12764 (CVSS 7.5): LDAP Injection ในขั้นตอน authentication ทำให้เกิด DoS

    CVE-2025-12765 (CVSS 7.5): TLS Certificate Verification Bypass ใน LDAP ทำให้เสี่ยงต่อการโจมตีแบบ Man-in-the-Middle

    สิ่งที่น่ากังวลคือ ช่องโหว่เหล่านี้กระทบต่อ ทุกเวอร์ชัน ≤ 9.9 และมีผลต่อทั้ง Windows และระบบที่ใช้ LDAP authentication หากไม่อัปเดต อาจทำให้ข้อมูลในฐานข้อมูลถูกขโมยหรือระบบถูกควบคุมจากระยะไกล

    ทีมพัฒนาแนะนำให้อัปเดตเป็น pgAdmin v9.10 ทันที เพื่อปิดช่องโหว่ทั้งหมด และองค์กรที่ใช้ LDAP หรือ Windows environment ควรให้ความสำคัญเป็นพิเศษ เนื่องจากเสี่ยงสูงต่อการถูกโจมตี

    สรุปประเด็นสำคัญ
    ช่องโหว่ที่ค้นพบใน pgAdmin
    CVE-2025-12762 (CVSS 9.1): RCE ผ่าน PLAIN-format dump files
    CVE-2025-12763 (CVSS 6.8): Command Injection บน Windows
    CVE-2025-12764 (CVSS 7.5): LDAP Injection ทำให้เกิด DoS
    CVE-2025-12765 (CVSS 7.5): TLS Certificate Verification Bypass

    ผลกระทบต่อระบบ
    เสี่ยงต่อการถูกยึดครองเซิร์ฟเวอร์
    ข้อมูลฐานข้อมูลอาจถูกขโมยหรือถูกแก้ไข
    LDAP และ Windows environment มีความเสี่ยงสูง

    คำเตือนและความเสี่ยง
    ทุกเวอร์ชัน ≤ 9.9 ได้รับผลกระทบ
    หากไม่อัปเดต อาจถูกโจมตีแบบ RCE หรือ MITM
    องค์กรที่ใช้ LDAP authentication ต้องเร่งอัปเดตเพื่อป้องกันการรั่วไหลของ credentials

    https://securityonline.info/critical-pgadmin-flaws-cve-2025-12762-cvss-9-1-allow-remote-code-execution-via-postgresql-dump-files/
    🛡️ ช่องโหว่ร้ายแรงใน pgAdmin เสี่ยง RCE ผ่าน Dump Files ทีมพัฒนา pgAdmin ได้ออกแพตช์แก้ไขช่องโหว่หลายรายการที่กระทบต่อเวอร์ชัน ≤ 9.9 โดยช่องโหว่ที่ร้ายแรงที่สุดคือ CVE-2025-12762 (CVSS 9.1) ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อ pgAdmin ทำงานใน server mode และผู้ใช้ทำการ restore ไฟล์ PostgreSQL dump แบบ PLAIN-format หากไฟล์ถูกปรับแต่งโดยผู้โจมตี จะสามารถฝังคำสั่งระบบและรันบนเซิร์ฟเวอร์ได้ทันที ส่งผลให้เกิดการ ยึดครองระบบเต็มรูปแบบ นอกจากนี้ยังมีช่องโหว่อื่น ๆ ที่ถูกเปิดเผยพร้อมกัน เช่น CVE-2025-12763 (CVSS 6.8): Command Injection บน Windows เนื่องจากการใช้ shell=True ในการ backup/restore CVE-2025-12764 (CVSS 7.5): LDAP Injection ในขั้นตอน authentication ทำให้เกิด DoS CVE-2025-12765 (CVSS 7.5): TLS Certificate Verification Bypass ใน LDAP ทำให้เสี่ยงต่อการโจมตีแบบ Man-in-the-Middle สิ่งที่น่ากังวลคือ ช่องโหว่เหล่านี้กระทบต่อ ทุกเวอร์ชัน ≤ 9.9 และมีผลต่อทั้ง Windows และระบบที่ใช้ LDAP authentication หากไม่อัปเดต อาจทำให้ข้อมูลในฐานข้อมูลถูกขโมยหรือระบบถูกควบคุมจากระยะไกล ทีมพัฒนาแนะนำให้อัปเดตเป็น pgAdmin v9.10 ทันที เพื่อปิดช่องโหว่ทั้งหมด และองค์กรที่ใช้ LDAP หรือ Windows environment ควรให้ความสำคัญเป็นพิเศษ เนื่องจากเสี่ยงสูงต่อการถูกโจมตี 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ ช่องโหว่ที่ค้นพบใน pgAdmin ➡️ CVE-2025-12762 (CVSS 9.1): RCE ผ่าน PLAIN-format dump files ➡️ CVE-2025-12763 (CVSS 6.8): Command Injection บน Windows ➡️ CVE-2025-12764 (CVSS 7.5): LDAP Injection ทำให้เกิด DoS ➡️ CVE-2025-12765 (CVSS 7.5): TLS Certificate Verification Bypass ✅ ผลกระทบต่อระบบ ➡️ เสี่ยงต่อการถูกยึดครองเซิร์ฟเวอร์ ➡️ ข้อมูลฐานข้อมูลอาจถูกขโมยหรือถูกแก้ไข ➡️ LDAP และ Windows environment มีความเสี่ยงสูง ‼️ คำเตือนและความเสี่ยง ⛔ ทุกเวอร์ชัน ≤ 9.9 ได้รับผลกระทบ ⛔ หากไม่อัปเดต อาจถูกโจมตีแบบ RCE หรือ MITM ⛔ องค์กรที่ใช้ LDAP authentication ต้องเร่งอัปเดตเพื่อป้องกันการรั่วไหลของ credentials https://securityonline.info/critical-pgadmin-flaws-cve-2025-12762-cvss-9-1-allow-remote-code-execution-via-postgresql-dump-files/
    SECURITYONLINE.INFO
    Critical pgAdmin Flaws (CVE-2025-12762, CVSS 9.1) Allow Remote Code Execution via PostgreSQL Dump Files
    pgAdmin patched four flaws. The Critical RCE (CVE-2025-12762) risks arbitrary code execution via malicious PostgreSQL dump files. LDAP Injection (CVE-2025-12764) and TLS Bypass were also fixed. Update to v9.10.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 13 มุมมอง 0 รีวิว
  • ช่วงนี้สนใจงาน Jewelly เลยสะดุดตากับ เข็ดกลัดเต่าโคตรนิล ของสมเด็จพระนางเจ้า ซึ่งน่าสนใจ เพราะเราไม่ค่อยได้เห็นการใช้เครื่องประดับที่มีอัญมณีนิล เป็นตัวเด่น เลยคิดว่าไม่น่าจะเพราะนิลมีสีดำ แน่ๆ เลยค้นหาดูว่า เต่า ในวัฒนธรรมจีนคืออะไร

    ก็พบว่า เต่าคือ สัตว์เทพเจ้าแห่งอายุยืนและความมั่นคงเป็นหนึ่งใน สี่สัตว์เทพผู้พิทักษ์ (Four Benevolent Beasts) โดยเป็นสัตว์เทพผู้พิทักษ์ทิศเหนือ ที่ชื่อว่า เสวียนอู่ (Xuánwǔ) มีสีประจำตัวคือ สีนิลดำ !!!!! โดยเสวียนอู่ เป็นผู้คุ้มกันทัพหลัง (ตามตำราพิชัยสงคราม) แสดงถึงความ หนักแน่น มั่นคง และ มั่งคั่ง รวมถึงความสามารถในการป้องกันโชคร้าย

    พระราชินี เลยทรงเข็มกลัด เต่านิล ในงานเลี้ยงพระกระยาหารต้อนรับการเสด็จพระราชดำเนินครั้งนี้ เพื่อไม่ให้คนจีนคิดว่า ทรงอยู่ในช่วงโศกเศร้าเท่านั้น แต่ยังแสดงความถ่อมตน มีกาลเทศะ และเข้าใจเจ้าภาพอีกด้วย ..งามสมบรมราชินี
    ช่วงนี้สนใจงาน Jewelly เลยสะดุดตากับ เข็ดกลัดเต่าโคตรนิล ของสมเด็จพระนางเจ้า ซึ่งน่าสนใจ เพราะเราไม่ค่อยได้เห็นการใช้เครื่องประดับที่มีอัญมณีนิล เป็นตัวเด่น เลยคิดว่าไม่น่าจะเพราะนิลมีสีดำ แน่ๆ เลยค้นหาดูว่า เต่า ในวัฒนธรรมจีนคืออะไร ก็พบว่า เต่าคือ สัตว์เทพเจ้าแห่งอายุยืนและความมั่นคงเป็นหนึ่งใน สี่สัตว์เทพผู้พิทักษ์ (Four Benevolent Beasts) โดยเป็นสัตว์เทพผู้พิทักษ์ทิศเหนือ ที่ชื่อว่า เสวียนอู่ (Xuánwǔ) มีสีประจำตัวคือ สีนิลดำ !!!!! โดยเสวียนอู่ เป็นผู้คุ้มกันทัพหลัง (ตามตำราพิชัยสงคราม) แสดงถึงความ หนักแน่น มั่นคง และ มั่งคั่ง รวมถึงความสามารถในการป้องกันโชคร้าย พระราชินี เลยทรงเข็มกลัด เต่านิล ในงานเลี้ยงพระกระยาหารต้อนรับการเสด็จพระราชดำเนินครั้งนี้ เพื่อไม่ให้คนจีนคิดว่า ทรงอยู่ในช่วงโศกเศร้าเท่านั้น แต่ยังแสดงความถ่อมตน มีกาลเทศะ และเข้าใจเจ้าภาพอีกด้วย ..งามสมบรมราชินี
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 18 มุมมอง 0 รีวิว
  • บทความกฎหมาย EP.25

    สัญญาจ้างแรงงานนั้น ถือเป็นหัวใจและรากฐานของความสัมพันธ์ระหว่างนายจ้างกับลูกจ้างตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 575 โดยนิยามอย่างเคร่งครัดคือ ข้อตกลงที่ฝ่ายหนึ่งเรียกว่าผู้ว่าจ้าง ตกลงจะจ่ายสินจ้างหรือค่าจ้างให้แก่อีกฝ่ายหนึ่งซึ่งเรียกว่าผู้รับจ้าง เพื่อให้ผู้รับจ้างทำงานสิ่งใดสิ่งหนึ่งจนสำเร็จ หรือทำงานรับใช้ตลอดระยะเวลาที่ตกลงกันไว้ ซึ่งความแตกต่างอันเป็นนัยสำคัญทางกฎหมายระหว่าง "สัญญาจ้างแรงงาน" กับ "สัญญาจ้างทำของ" นั้น อยู่ที่ลักษณะของการทำงานและอำนาจในการบังคับบัญชา ในสัญญาจ้างแรงงานนั้น ลูกจ้างต้องยินยอมอยู่ภายใต้การควบคุมบังคับบัญชาของนายจ้างอย่างใกล้ชิด ต้องปฏิบัติตามคำสั่งของนายจ้างในเรื่องที่เกี่ยวกับงานที่ทำ ทั้งในด้านวิธีการทำงานและเวลาทำงาน นี่คือจุดที่เกิดการผูกพันทางนิติสัมพันธ์ที่เข้มข้น และเป็นเงื่อนไขสำคัญที่ทำให้ลูกจ้างได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 ไม่ว่าจะเป็นเรื่องค่าจ้างขั้นต่ำ เวลาทำงาน วันหยุด หรือสิทธิในการลา ซึ่งความคุ้มครองเหล่านี้จะไม่มีในสัญญาจ้างทำของ ดังนั้น การตีความเจตนารมณ์และลักษณะของงานที่ทำจึงมีความสำคัญยิ่งในการกำหนดสิทธิและหน้าที่ตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมแก่ทั้งสองฝ่าย

    เมื่อพิจารณาในมิติของกฎหมายแล้ว การเกิดขึ้นของสัญญาจ้างแรงงานไม่จำเป็นต้องมีหลักฐานเป็นลายลักษณ์อักษรเสมอไป แม้ว่าโดยทางปฏิบัติจะแนะนำให้ทำเป็นหนังสือเพื่อป้องกันข้อพิพาทในภายหลังก็ตาม แต่ความสมบูรณ์ของสัญญาได้เกิดขึ้นแล้วทันทีที่มีการตกลงกันในสาระสำคัญ คือ การตกลงทำงานรับใช้และตกลงจ่ายค่าตอบแทน การที่นายจ้างมีการจ่ายค่าจ้างให้แก่ลูกจ้างเพื่อแลกกับการทำงานตามคำสั่งนั้น ถือเป็นการสร้างภาระผูกพันทางกฎหมายที่มิอาจปฏิเสธได้ ค่าจ้างที่ตกลงจ่ายนี้ครอบคลุมถึงเงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดที่มีมูลค่าที่จ่ายเป็นค่าตอบแทนในการทำงาน ไม่ว่าจะเป็นการจ่ายเป็นรายวัน รายเดือน หรือการจ่ายตามผลงานที่ลูกจ้างทำได้ สิทธิและหน้าที่ของคู่สัญญาจึงมีผลบังคับใช้ตามกฎหมายนับตั้งแต่การเริ่มปฏิบัติงาน ซึ่งรวมถึงหน้าที่ของนายจ้างในการจัดสวัสดิการและสภาพแวดล้อมการทำงานที่ปลอดภัย และหน้าที่ของลูกจ้างในการทำงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริตและปฏิบัติตามระเบียบของนายจ้างอย่างเคร่งครัด

    ดังนั้น การทำความเข้าใจอย่างถ่องแท้ว่าสัญญาจ้างแรงงานคือสัญญาที่ผู้ว่าจ้างจ่ายค่าจ้างให้ผู้รับจ้างทำงานและผู้รับจ้างอยู่ภายใต้อำนาจบังคับบัญชานั้น จึงเป็นกุญแจสำคัญในการบริหารจัดการความสัมพันธ์ในองค์กรและการปฏิบัติตามกฎหมายแรงงานอย่างถูกต้อง การรับรู้ถึงความแตกต่างทางกฎหมายระหว่างการ "จ้างแรงงาน" ที่เน้นความสัมพันธ์แบบผู้บังคับบัญชาลูกน้อง และการ "จ้างทำของ" ที่เน้นผลสำเร็จของงาน เป็นสิ่งที่ผู้ประกอบการและแรงงานทุกคนต้องตระหนัก เพื่อให้มั่นใจได้ว่าสิทธิและหน้าที่ของตนได้รับการคุ้มครองอย่างเต็มที่ตามเจตนารมณ์ของกฎหมาย อันจะนำมาซึ่งความสงบสุขและความเป็นธรรมในระบบแรงงานของประเทศต่อไป
    บทความกฎหมาย EP.25 สัญญาจ้างแรงงานนั้น ถือเป็นหัวใจและรากฐานของความสัมพันธ์ระหว่างนายจ้างกับลูกจ้างตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 575 โดยนิยามอย่างเคร่งครัดคือ ข้อตกลงที่ฝ่ายหนึ่งเรียกว่าผู้ว่าจ้าง ตกลงจะจ่ายสินจ้างหรือค่าจ้างให้แก่อีกฝ่ายหนึ่งซึ่งเรียกว่าผู้รับจ้าง เพื่อให้ผู้รับจ้างทำงานสิ่งใดสิ่งหนึ่งจนสำเร็จ หรือทำงานรับใช้ตลอดระยะเวลาที่ตกลงกันไว้ ซึ่งความแตกต่างอันเป็นนัยสำคัญทางกฎหมายระหว่าง "สัญญาจ้างแรงงาน" กับ "สัญญาจ้างทำของ" นั้น อยู่ที่ลักษณะของการทำงานและอำนาจในการบังคับบัญชา ในสัญญาจ้างแรงงานนั้น ลูกจ้างต้องยินยอมอยู่ภายใต้การควบคุมบังคับบัญชาของนายจ้างอย่างใกล้ชิด ต้องปฏิบัติตามคำสั่งของนายจ้างในเรื่องที่เกี่ยวกับงานที่ทำ ทั้งในด้านวิธีการทำงานและเวลาทำงาน นี่คือจุดที่เกิดการผูกพันทางนิติสัมพันธ์ที่เข้มข้น และเป็นเงื่อนไขสำคัญที่ทำให้ลูกจ้างได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 ไม่ว่าจะเป็นเรื่องค่าจ้างขั้นต่ำ เวลาทำงาน วันหยุด หรือสิทธิในการลา ซึ่งความคุ้มครองเหล่านี้จะไม่มีในสัญญาจ้างทำของ ดังนั้น การตีความเจตนารมณ์และลักษณะของงานที่ทำจึงมีความสำคัญยิ่งในการกำหนดสิทธิและหน้าที่ตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมแก่ทั้งสองฝ่าย เมื่อพิจารณาในมิติของกฎหมายแล้ว การเกิดขึ้นของสัญญาจ้างแรงงานไม่จำเป็นต้องมีหลักฐานเป็นลายลักษณ์อักษรเสมอไป แม้ว่าโดยทางปฏิบัติจะแนะนำให้ทำเป็นหนังสือเพื่อป้องกันข้อพิพาทในภายหลังก็ตาม แต่ความสมบูรณ์ของสัญญาได้เกิดขึ้นแล้วทันทีที่มีการตกลงกันในสาระสำคัญ คือ การตกลงทำงานรับใช้และตกลงจ่ายค่าตอบแทน การที่นายจ้างมีการจ่ายค่าจ้างให้แก่ลูกจ้างเพื่อแลกกับการทำงานตามคำสั่งนั้น ถือเป็นการสร้างภาระผูกพันทางกฎหมายที่มิอาจปฏิเสธได้ ค่าจ้างที่ตกลงจ่ายนี้ครอบคลุมถึงเงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดที่มีมูลค่าที่จ่ายเป็นค่าตอบแทนในการทำงาน ไม่ว่าจะเป็นการจ่ายเป็นรายวัน รายเดือน หรือการจ่ายตามผลงานที่ลูกจ้างทำได้ สิทธิและหน้าที่ของคู่สัญญาจึงมีผลบังคับใช้ตามกฎหมายนับตั้งแต่การเริ่มปฏิบัติงาน ซึ่งรวมถึงหน้าที่ของนายจ้างในการจัดสวัสดิการและสภาพแวดล้อมการทำงานที่ปลอดภัย และหน้าที่ของลูกจ้างในการทำงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริตและปฏิบัติตามระเบียบของนายจ้างอย่างเคร่งครัด ดังนั้น การทำความเข้าใจอย่างถ่องแท้ว่าสัญญาจ้างแรงงานคือสัญญาที่ผู้ว่าจ้างจ่ายค่าจ้างให้ผู้รับจ้างทำงานและผู้รับจ้างอยู่ภายใต้อำนาจบังคับบัญชานั้น จึงเป็นกุญแจสำคัญในการบริหารจัดการความสัมพันธ์ในองค์กรและการปฏิบัติตามกฎหมายแรงงานอย่างถูกต้อง การรับรู้ถึงความแตกต่างทางกฎหมายระหว่างการ "จ้างแรงงาน" ที่เน้นความสัมพันธ์แบบผู้บังคับบัญชาลูกน้อง และการ "จ้างทำของ" ที่เน้นผลสำเร็จของงาน เป็นสิ่งที่ผู้ประกอบการและแรงงานทุกคนต้องตระหนัก เพื่อให้มั่นใจได้ว่าสิทธิและหน้าที่ของตนได้รับการคุ้มครองอย่างเต็มที่ตามเจตนารมณ์ของกฎหมาย อันจะนำมาซึ่งความสงบสุขและความเป็นธรรมในระบบแรงงานของประเทศต่อไป
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 67 มุมมอง 0 รีวิว
  • Rust-based CLI Tools: ทางเลือกใหม่แทนคำสั่งดั้งเดิม

    เครื่องมือ CLI ดั้งเดิมของ Linux เช่น ls, cat, และ du แม้จะทำงานได้ดี แต่ขาดความสามารถด้านการแสดงผลที่ทันสมัย เช่น สี ไอคอน หรือการจัดรูปแบบที่อ่านง่าย ภาษา Rust จึงเข้ามาเติมเต็มด้วยเครื่องมือใหม่ที่ทั้ง เร็ว ปลอดภัย และใช้งานง่าย โดยมี UX ที่ออกแบบมาให้เหมาะกับยุคปัจจุบัน

    ตัวอย่างเครื่องมือที่โดดเด่น
    exa (แทน ls): เพิ่มสี ไอคอน และการเชื่อมต่อกับ Git
    bat (แทน cat): มี syntax highlighting และเลขบรรทัด
    dust (แทน du): แสดงผลการใช้พื้นที่ดิสก์แบบกราฟิกอ่านง่าย
    ripgrep (แทน grep): ค้นหาไฟล์ได้เร็วขึ้น พร้อมสีและรองรับ .gitignore
    duf (แทน df): แสดงข้อมูลดิสก์ในรูปแบบตารางที่ชัดเจน
    procs (แทน ps): แสดง process แบบ color-coded อ่านง่าย
    tldr (แทน man): คู่มือสั้น กระชับ พร้อมตัวอย่างการใช้งาน

    ประสบการณ์ใช้งานที่ทันสมัย
    เครื่องมือเหล่านี้ไม่เพียงแต่ทำงานได้เร็วขึ้น แต่ยังทำให้การใช้ terminal สนุกและสะดวกกว่าเดิม เช่น bottom ที่แทน top ด้วยการแสดงผลแบบกราฟสีสันสดใส หรือ hyperfine ที่ช่วย benchmark คำสั่งต่าง ๆ ได้อย่างง่ายดาย การใช้งานจึงไม่ใช่แค่เรื่องประสิทธิภาพ แต่ยังเป็นเรื่องของ ความพึงพอใจและความสวยงาม

    ข้อควรระวังสำหรับผู้ดูแลระบบ
    แม้เครื่องมือ Rust-based จะน่าสนใจ แต่บทความเตือนว่า ผู้ดูแลระบบ (sysadmin) ไม่ควรพึ่งพาเครื่องมือเหล่านี้บนเซิร์ฟเวอร์ เนื่องจากไม่ใช่ทุกระบบที่จะติดตั้งได้ง่าย และอาจไม่พร้อมใช้งานในสภาพแวดล้อมการทำงานจริง เครื่องมือเหล่านี้เหมาะกับการใช้งานบนเครื่องส่วนตัวที่ผู้ใช้สามารถควบคุมสภาพแวดล้อมได้เต็มที่

    สรุปประเด็นสำคัญ
    Rust-based CLI Tools เป็นทางเลือกใหม่แทนคำสั่ง Linux ดั้งเดิม
    เน้นความเร็ว ความปลอดภัย และ UX ที่ทันสมัย

    ตัวอย่างเครื่องมือที่โดดเด่น
    exa, bat, dust, ripgrep, duf, procs, tldr, broot, zoxide, lsd, bottom, hyperfine, xplr

    เพิ่มประสบการณ์ใช้งานที่สนุกและสะดวกกว่าเดิม
    รองรับสี ไอคอน กราฟ และการเชื่อมต่อกับ Git

    ไม่เหมาะสำหรับการใช้งานบนเซิร์ฟเวอร์จริง
    ผู้ดูแลระบบอาจไม่สามารถติดตั้งหรือใช้งานได้ทุกระบบ

    เหมาะกับการใช้งานบนเครื่องส่วนตัว
    เพื่อควบคุมสภาพแวดล้อมและติดตั้งเครื่องมือได้ตามต้องการ

    https://itsfoss.com/rust-alternative-cli-tools/
    ⚙️ Rust-based CLI Tools: ทางเลือกใหม่แทนคำสั่งดั้งเดิม เครื่องมือ CLI ดั้งเดิมของ Linux เช่น ls, cat, และ du แม้จะทำงานได้ดี แต่ขาดความสามารถด้านการแสดงผลที่ทันสมัย เช่น สี ไอคอน หรือการจัดรูปแบบที่อ่านง่าย ภาษา Rust จึงเข้ามาเติมเต็มด้วยเครื่องมือใหม่ที่ทั้ง เร็ว ปลอดภัย และใช้งานง่าย โดยมี UX ที่ออกแบบมาให้เหมาะกับยุคปัจจุบัน 🌈 ตัวอย่างเครื่องมือที่โดดเด่น 💠 exa (แทน ls): เพิ่มสี ไอคอน และการเชื่อมต่อกับ Git 💠 bat (แทน cat): มี syntax highlighting และเลขบรรทัด 💠 dust (แทน du): แสดงผลการใช้พื้นที่ดิสก์แบบกราฟิกอ่านง่าย 💠 ripgrep (แทน grep): ค้นหาไฟล์ได้เร็วขึ้น พร้อมสีและรองรับ .gitignore 💠 duf (แทน df): แสดงข้อมูลดิสก์ในรูปแบบตารางที่ชัดเจน 💠 procs (แทน ps): แสดง process แบบ color-coded อ่านง่าย 💠 tldr (แทน man): คู่มือสั้น กระชับ พร้อมตัวอย่างการใช้งาน 🚀 ประสบการณ์ใช้งานที่ทันสมัย เครื่องมือเหล่านี้ไม่เพียงแต่ทำงานได้เร็วขึ้น แต่ยังทำให้การใช้ terminal สนุกและสะดวกกว่าเดิม เช่น bottom ที่แทน top ด้วยการแสดงผลแบบกราฟสีสันสดใส หรือ hyperfine ที่ช่วย benchmark คำสั่งต่าง ๆ ได้อย่างง่ายดาย การใช้งานจึงไม่ใช่แค่เรื่องประสิทธิภาพ แต่ยังเป็นเรื่องของ ความพึงพอใจและความสวยงาม ⚠️ ข้อควรระวังสำหรับผู้ดูแลระบบ แม้เครื่องมือ Rust-based จะน่าสนใจ แต่บทความเตือนว่า ผู้ดูแลระบบ (sysadmin) ไม่ควรพึ่งพาเครื่องมือเหล่านี้บนเซิร์ฟเวอร์ เนื่องจากไม่ใช่ทุกระบบที่จะติดตั้งได้ง่าย และอาจไม่พร้อมใช้งานในสภาพแวดล้อมการทำงานจริง เครื่องมือเหล่านี้เหมาะกับการใช้งานบนเครื่องส่วนตัวที่ผู้ใช้สามารถควบคุมสภาพแวดล้อมได้เต็มที่ 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ Rust-based CLI Tools เป็นทางเลือกใหม่แทนคำสั่ง Linux ดั้งเดิม ➡️ เน้นความเร็ว ความปลอดภัย และ UX ที่ทันสมัย ✅ ตัวอย่างเครื่องมือที่โดดเด่น ➡️ exa, bat, dust, ripgrep, duf, procs, tldr, broot, zoxide, lsd, bottom, hyperfine, xplr ✅ เพิ่มประสบการณ์ใช้งานที่สนุกและสะดวกกว่าเดิม ➡️ รองรับสี ไอคอน กราฟ และการเชื่อมต่อกับ Git ‼️ ไม่เหมาะสำหรับการใช้งานบนเซิร์ฟเวอร์จริง ⛔ ผู้ดูแลระบบอาจไม่สามารถติดตั้งหรือใช้งานได้ทุกระบบ ‼️ เหมาะกับการใช้งานบนเครื่องส่วนตัว ⛔ เพื่อควบคุมสภาพแวดล้อมและติดตั้งเครื่องมือได้ตามต้องการ https://itsfoss.com/rust-alternative-cli-tools/
    ITSFOSS.COM
    Better Than Original? 14 Rust-based Alternative CLI Tools to Classic Linux Commands
    Hyped on the Rust wagon? How about using these Rust-based, modern, easier to use, better-looking alternatives to the classic Linux commands.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 79 มุมมอง 0 รีวิว
  • Amazon Leo: ก้าวใหม่ของการสื่อสารผ่านดาวเทียม

    Amazon เปิดตัวชื่อใหม่ Amazon Leo แทนที่ชื่อเดิม Project Kuiper ซึ่งเริ่มต้นตั้งแต่ปี 2019 โดยมีเป้าหมายสร้างเครือข่ายดาวเทียมกว่า 3,000 ดวง เพื่อให้บริการอินเทอร์เน็ตครอบคลุมประชากรโลกถึง 95% การเปลี่ยนชื่อครั้งนี้สะท้อนว่าโครงการได้พ้นจากสถานะ “ทดลอง” และพร้อมเข้าสู่การเป็นผลิตภัณฑ์เชิงพาณิชย์เต็มรูปแบบ

    ความคืบหน้าและการแข่งขันกับ Starlink
    แม้ Amazon จะเพิ่งส่งดาวเทียมปฏิบัติการชุดแรกจำนวน 27 ดวงขึ้นสู่วงโคจรในปีนี้ แต่คู่แข่งอย่าง SpaceX Starlink ได้เปิดบริการตั้งแต่ปี 2020 และขยายอย่างรวดเร็ว ทั้งการเชื่อมต่อกับสายการบินและผู้ให้บริการมือถือ ทำให้ Amazon Leo ยังต้องเร่งพัฒนาเพื่อไล่ตามการแข่งขันที่เข้มข้นในตลาดอินเทอร์เน็ตผ่านดาวเทียม

    เทคโนโลยีและการใช้งาน
    Amazon ได้ทดสอบเทคโนโลยีสำคัญ เช่น เครือข่ายเลเซอร์เชื่อมโยงดาวเทียม (laser mesh network) และเสาอากาศผู้ใช้ที่ออกแบบมาให้ติดตั้งง่าย การรีแบรนด์ครั้งนี้จึงไม่ใช่แค่เปลี่ยนชื่อ แต่เป็นการประกาศความพร้อมที่จะให้บริการจริง ผู้สนใจสามารถลงทะเบียนในเว็บไซต์ Amazon Leo เพื่อรับข้อมูลอัปเดตเกี่ยวกับการเปิดให้บริการในอนาคต

    มุมมองเชิงกลยุทธ์
    การเข้าสู่ตลาดดาวเทียมวงโคจรต่ำของ Amazon ไม่เพียงแต่เป็นการขยายธุรกิจด้านคลาวด์และโครงสร้างพื้นฐาน แต่ยังเป็นการสร้างระบบนิเวศที่เชื่อมโยงกับบริการอื่น ๆ ของบริษัท เช่น AWS และอีคอมเมิร์ซ การแข่งขันกับ Starlink จึงไม่ใช่แค่เรื่องความเร็วอินเทอร์เน็ต แต่ยังเป็นการวางรากฐานโครงสร้างการสื่อสารระดับโลก

    สรุปประเด็นสำคัญ
    Amazon รีแบรนด์ Project Kuiper เป็น Amazon Leo
    สะท้อนการใช้ดาวเทียมวงโคจรต่ำ (LEO) และความพร้อมเชิงพาณิชย์

    เป้าหมายครอบคลุมประชากรโลก 95%
    ใช้ดาวเทียมกว่า 3,000 ดวงเพื่อให้บริการอินเทอร์เน็ต

    เปิดตัวดาวเทียมปฏิบัติการชุดแรก 27 ดวงในปีนี้
    เป็นก้าวสำคัญหลังจากการทดสอบหลายปี

    เทคโนโลยี laser mesh network และเสาอากาศผู้ใช้
    ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและความง่ายในการเข้าถึง

    ผู้สนใจสามารถลงทะเบียนในเว็บไซต์ Amazon Leo
    เพื่อรับข้อมูลการเปิดให้บริการในอนาคต

    การแข่งขันกับ Starlink เข้มข้นมาก
    Starlink เปิดบริการตั้งแต่ปี 2020 และขยายอย่างรวดเร็ว

    ยังไม่มีการประกาศวันเปิดให้บริการเชิงพาณิชย์ชัดเจน
    ผู้ใช้ต้องรอติดตามข้อมูลเพิ่มเติมจาก Amazon

    ความเสี่ยงด้านการลงทุนและโครงสร้างพื้นฐาน
    การสร้างเครือข่ายดาวเทียมจำนวนมหาศาลต้องใช้เวลาและต้นทุนสูง

    https://securityonline.info/project-kuiper-is-now-amazon-leo-amazon-rebrands-satellite-initiative-for-commercial-launch/
    🚀 Amazon Leo: ก้าวใหม่ของการสื่อสารผ่านดาวเทียม Amazon เปิดตัวชื่อใหม่ Amazon Leo แทนที่ชื่อเดิม Project Kuiper ซึ่งเริ่มต้นตั้งแต่ปี 2019 โดยมีเป้าหมายสร้างเครือข่ายดาวเทียมกว่า 3,000 ดวง เพื่อให้บริการอินเทอร์เน็ตครอบคลุมประชากรโลกถึง 95% การเปลี่ยนชื่อครั้งนี้สะท้อนว่าโครงการได้พ้นจากสถานะ “ทดลอง” และพร้อมเข้าสู่การเป็นผลิตภัณฑ์เชิงพาณิชย์เต็มรูปแบบ 🌐 ความคืบหน้าและการแข่งขันกับ Starlink แม้ Amazon จะเพิ่งส่งดาวเทียมปฏิบัติการชุดแรกจำนวน 27 ดวงขึ้นสู่วงโคจรในปีนี้ แต่คู่แข่งอย่าง SpaceX Starlink ได้เปิดบริการตั้งแต่ปี 2020 และขยายอย่างรวดเร็ว ทั้งการเชื่อมต่อกับสายการบินและผู้ให้บริการมือถือ ทำให้ Amazon Leo ยังต้องเร่งพัฒนาเพื่อไล่ตามการแข่งขันที่เข้มข้นในตลาดอินเทอร์เน็ตผ่านดาวเทียม 📡 เทคโนโลยีและการใช้งาน Amazon ได้ทดสอบเทคโนโลยีสำคัญ เช่น เครือข่ายเลเซอร์เชื่อมโยงดาวเทียม (laser mesh network) และเสาอากาศผู้ใช้ที่ออกแบบมาให้ติดตั้งง่าย การรีแบรนด์ครั้งนี้จึงไม่ใช่แค่เปลี่ยนชื่อ แต่เป็นการประกาศความพร้อมที่จะให้บริการจริง ผู้สนใจสามารถลงทะเบียนในเว็บไซต์ Amazon Leo เพื่อรับข้อมูลอัปเดตเกี่ยวกับการเปิดให้บริการในอนาคต ⚖️ มุมมองเชิงกลยุทธ์ การเข้าสู่ตลาดดาวเทียมวงโคจรต่ำของ Amazon ไม่เพียงแต่เป็นการขยายธุรกิจด้านคลาวด์และโครงสร้างพื้นฐาน แต่ยังเป็นการสร้างระบบนิเวศที่เชื่อมโยงกับบริการอื่น ๆ ของบริษัท เช่น AWS และอีคอมเมิร์ซ การแข่งขันกับ Starlink จึงไม่ใช่แค่เรื่องความเร็วอินเทอร์เน็ต แต่ยังเป็นการวางรากฐานโครงสร้างการสื่อสารระดับโลก 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ Amazon รีแบรนด์ Project Kuiper เป็น Amazon Leo ➡️ สะท้อนการใช้ดาวเทียมวงโคจรต่ำ (LEO) และความพร้อมเชิงพาณิชย์ ✅ เป้าหมายครอบคลุมประชากรโลก 95% ➡️ ใช้ดาวเทียมกว่า 3,000 ดวงเพื่อให้บริการอินเทอร์เน็ต ✅ เปิดตัวดาวเทียมปฏิบัติการชุดแรก 27 ดวงในปีนี้ ➡️ เป็นก้าวสำคัญหลังจากการทดสอบหลายปี ✅ เทคโนโลยี laser mesh network และเสาอากาศผู้ใช้ ➡️ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและความง่ายในการเข้าถึง ✅ ผู้สนใจสามารถลงทะเบียนในเว็บไซต์ Amazon Leo ➡️ เพื่อรับข้อมูลการเปิดให้บริการในอนาคต ‼️ การแข่งขันกับ Starlink เข้มข้นมาก ⛔ Starlink เปิดบริการตั้งแต่ปี 2020 และขยายอย่างรวดเร็ว ‼️ ยังไม่มีการประกาศวันเปิดให้บริการเชิงพาณิชย์ชัดเจน ⛔ ผู้ใช้ต้องรอติดตามข้อมูลเพิ่มเติมจาก Amazon ‼️ ความเสี่ยงด้านการลงทุนและโครงสร้างพื้นฐาน ⛔ การสร้างเครือข่ายดาวเทียมจำนวนมหาศาลต้องใช้เวลาและต้นทุนสูง https://securityonline.info/project-kuiper-is-now-amazon-leo-amazon-rebrands-satellite-initiative-for-commercial-launch/
    SECURITYONLINE.INFO
    Project Kuiper is Now Amazon Leo: Amazon Rebrands Satellite Initiative for Commercial Launch
    Amazon officially rebranded its LEO satellite initiative, formerly Project Kuiper, as Amazon Leo, signaling its readiness to transition the network into a commercial product.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 100 มุมมอง 0 รีวิว
  • “ธรรมนัส-อรรถกร” ปลุกพลังซีเกมส์ ตรวจความพร้อมสังเวียนตะกร้อที่นครปฐม , ย้ำเปิดให้ชมฟรีทุกที่นั่ง มั่นใจทัพไทยกวาดครบ 11 เหรียญทอง

    รองนายกฯ ธรรมนัส พร้อม รมว.ท่องเที่ยวฯ อรรถกร ลงพื้นที่ตรวจศูนย์กีฬาเทศบาลนครนครปฐม สังเวียนตะกร้อซีเกมส์ 2025 ย้ำเปิดให้ประชาชนชมฟรี 4,000 ที่นั่ง เชียร์ทีมชาติไทยล่า 11 ทองเต็มพิกัด

    อ่านต่อ… https://news1live.com/detail/9680000109237

    #News1live #News1 #ซีเกมส์2025 #ธรรมนัส #อรรถกร #ตะกร้อ #เซปักตะกร้อ #นครปฐม #กีฬาไทย #ทีมชาติไทย #newsupdate
    “ธรรมนัส-อรรถกร” ปลุกพลังซีเกมส์ ตรวจความพร้อมสังเวียนตะกร้อที่นครปฐม , ย้ำเปิดให้ชมฟรีทุกที่นั่ง มั่นใจทัพไทยกวาดครบ 11 เหรียญทอง • รองนายกฯ ธรรมนัส พร้อม รมว.ท่องเที่ยวฯ อรรถกร ลงพื้นที่ตรวจศูนย์กีฬาเทศบาลนครนครปฐม สังเวียนตะกร้อซีเกมส์ 2025 ย้ำเปิดให้ประชาชนชมฟรี 4,000 ที่นั่ง เชียร์ทีมชาติไทยล่า 11 ทองเต็มพิกัด • อ่านต่อ… https://news1live.com/detail/9680000109237 • #News1live #News1 #ซีเกมส์2025 #ธรรมนัส #อรรถกร #ตะกร้อ #เซปักตะกร้อ #นครปฐม #กีฬาไทย #ทีมชาติไทย #newsupdate
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 229 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Hello” ของ Lionel Richie: เพลงรักในตำนานที่เริ่มจากคำพูดเล่นๆ แล้วกลายเป็นความรู้สึกจริงจัง

    เคยไหม…แอบชอบใครสักคนแต่ไม่กล้าบอก? แค่สบตาก็ใจสั่น แต่ก็ได้แค่คิดในใจว่า “เธอจะรู้ไหมนะ?” ถ้าเคย—งั้นคุณเข้าใจเพลง “Hello” ของ Lionel Richie ได้แน่นอน
    เพลงนี้ไม่ใช่แค่เพลงรักธรรมดา แต่มันคือเสียงของความรู้สึกที่ไม่กล้าพูดออกไป เป็นบทเพลงที่อยู่ในใจคนฟังมาหลายสิบปี และยังคงโดนใจวัยรุ่นยุคนี้ไม่แพ้กัน เพราะมันพูดแทนใจของคนที่กำลังตกหลุมรักแบบเงียบๆ ได้อย่างตรงจุด

    🏃‍➡️ จุดเริ่มต้นของเพลงที่มาจากความเขิน
    ย้อนกลับไปในยุค 80s Lionel Richie ศิลปินหนุ่มจากเมือง Tuskegee รัฐ Alabama กำลังอยู่ในช่วงรุ่งโรจน์ของชีวิต เขาเพิ่งแยกตัวจากวง Commodores และเริ่มต้นเส้นทางศิลปินเดี่ยวอย่างเต็มตัว
    วันหนึ่งในสตูดิโอ เขาพูดประโยคหนึ่งขึ้นมาแบบไม่ได้ตั้งใจว่า “Hello… is it me you’re looking for?” ซึ่งเป็นประโยคที่เขามักคิดในใจเวลาสบตากับผู้หญิงที่เขาแอบชอบในวัยเรียน แต่ไม่เคยกล้าพูดออกไปจริงๆ
    โปรดิวเซอร์ของเขา James Anthony Carmichael ได้ยินเข้าและรีบกระตุ้นให้เขาแต่งเพลงจากประโยคนั้น แม้ Richie จะลังเล เพราะคิดว่ามันดูเชยและธรรมดาเกินไป แต่ภรรยาในตอนนั้นกลับเห็นว่า มันคือประโยคที่จริงใจและกินใจที่สุด สุดท้ายเขาจึงตัดสินใจเขียนเพลงนี้ขึ้นมา และนั่นคือจุดเริ่มต้นของ “Hello”

    ความสำเร็จที่ไม่มีใครคาดคิด
    เมื่อ “Hello” ถูกปล่อยออกมาในปี 1984 มันกลายเป็นเพลงที่โด่งดังในชั่วข้ามคืน ขึ้นอันดับ 1 บน Billboard Hot 100 และครองอันดับ 1 บน UK Singles Chart ถึง 6 สัปดาห์ติดต่อกัน เพลงนี้ยังได้รับการรับรองยอดขายระดับ Gold และ Platinum ในหลายประเทศทั่วโลก
    แต่สิ่งที่ทำให้ “Hello” กลายเป็นมากกว่าแค่เพลงฮิต คือความสามารถในการเชื่อมโยงกับความรู้สึกของผู้คน ไม่ว่าจะเป็นวัยรุ่นที่กำลังแอบรัก หรือคนที่เคยมีความรักที่ไม่สมหวัง ทุกคนล้วนเคยมีช่วงเวลาที่อยากพูดอะไรบางอย่างกับใครสักคน แต่ก็ไม่กล้าพอจะพูดออกไป
    วลี “Hello, is it me you’re looking for?” กลายเป็นประโยคอมตะที่ถูกนำไปใช้ในโฆษณา มีม คลิปวิดีโอ และบทสนทนาในชีวิตประจำวัน มันกลายเป็นสัญลักษณ์ของความรักที่อ่อนโยนและเปราะบาง

    มิวสิกวิดีโอที่ทั้งเชยและน่าจดจำ
    มิวสิกวิดีโอของเพลงนี้กำกับโดย Bob Giraldi ผู้กำกับชื่อดังที่เคยร่วมงานกับ Michael Jackson ใน “Beat It” วิดีโอเล่าเรื่องครูสอนการแสดงที่แอบหลงรักนักเรียนสาวตาบอด ซึ่งแอบปั้นรูปปั้นศีรษะของเขาออกมาได้อย่างเหมือนจริง
    แม้วิดีโอจะถูกล้อเลียนว่าเชยและติดอันดับ “มิวสิกวิดีโอที่แย่ที่สุด” ในบางโพล แต่ก็ไม่มีใครปฏิเสธได้ว่ามันกลายเป็นภาพจำที่คนทั่วโลกรู้จัก และช่วยให้เพลงนี้เป็นที่จดจำมากยิ่งขึ้น
    ในยุคที่มิวสิกวิดีโอเพิ่งเริ่มได้รับความนิยม “Hello” คือหนึ่งในตัวอย่างของการใช้ภาพเล่าเรื่องเพื่อเสริมพลังให้กับเพลง และแม้จะดูเชยในสายตาบางคน แต่มันก็มีเสน่ห์เฉพาะตัวที่ทำให้คนดูยิ้มได้เสมอ

    Lionel Richie: จากเด็กขี้อายสู่ศิลปินระดับโลก
    Lionel Richie ไม่ใช่แค่เจ้าของเสียงนุ่มๆ ที่ทำให้คนฟังใจละลาย แต่เขายังเป็นนักแต่งเพลงมือทองที่อยู่เบื้องหลังเพลงฮิตมากมาย
    เขาเริ่มต้นเส้นทางดนตรีกับวง Commodores วงโซล–ฟังก์ชื่อดังในยุค 70s ที่มีเพลงฮิตอย่าง “Easy” และ “Three Times a Lady” ก่อนจะออกอัลบั้มเดี่ยวในปี 1982 และกลายเป็นศิลปินเดี่ยวที่ประสบความสำเร็จอย่างสูง
    นอกจาก “Hello” แล้ว เขายังมีเพลงดังอีกมากมาย เช่น “All Night Long”, “Say You, Say Me”, “Endless Love” (ร้องคู่กับ Diana Ross) และ “We Are the World” ที่เขาร่วมเขียนกับ Michael Jackson เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยในแอฟริกา
    ด้วยยอดขายกว่า 100 ล้านชุดทั่วโลก และรางวัลมากมายทั้ง Grammy, Oscar, Golden Globe รวมถึงการได้เข้าหอเกียรติยศ Rock & Roll Hall of Fame Richie จึงถือเป็นหนึ่งในศิลปินที่ทรงอิทธิพลที่สุดในประวัติศาสตร์ดนตรี
    แม้วันนี้เขาจะอายุเกิน 70 ปีแล้ว แต่ยังคงแสดงสดทั่วโลก และเป็นกรรมการในรายการ American Idol ซึ่งทำให้เขายังคงเป็นที่รู้จักในกลุ่มผู้ฟังรุ่นใหม่

    “Hello” กับความหมายที่ไม่เคยเก่า
    สิ่งที่ทำให้ “Hello” ยืนยาวมาจนถึงทุกวันนี้ ไม่ใช่แค่เพราะเสียงร้องของ Richie หรือทำนองที่ไพเราะเท่านั้น แต่เป็นเพราะเนื้อหาของเพลงที่พูดถึงความรู้สึกที่เป็นสากล—ความรักที่ไม่กล้าบอก
    มันคือเพลงของคนที่กำลังแอบรัก เพลงของคนที่อยากพูดบางอย่างแต่ไม่รู้จะเริ่มยังไง เพลงของคนที่หวังว่าอีกฝ่ายจะเข้าใจโดยไม่ต้องพูดอะไรเลย
    และนั่นคือเหตุผลที่ “Hello” ยังคงถูกเปิดฟังอยู่ทุกวันใน Spotify, YouTube และแพลตฟอร์มอื่นๆ มันยังถูกใช้ในหนัง ซีรีส์ รายการทีวี และคอนเสิร์ตมากมาย เพราะมันคือเพลงที่ไม่ว่าใครก็สามารถอินได้

    จากอดีตถึงปัจจุบัน: เพลงที่เชื่อมใจคนรุ่นใหม่
    แม้จะเป็นเพลงจากยุค 80s แต่ “Hello” ก็ยังมีพลังพิเศษที่ทำให้คนรุ่นใหม่รู้สึกเชื่อมโยงได้อย่างไม่น่าเชื่อ
    ในยุคที่การสื่อสารรวดเร็วผ่านแชตและโซเชียลมีเดีย บางครั้งเราก็ยังรู้สึก “พูดไม่ออก” เวลาจะสารภาพความในใจ เพลงนี้จึงยังคงสะท้อนความรู้สึกของคนยุคนี้ได้อย่างตรงจุด
    หลายคนอาจเคยใช้วลี “Hello, is it me you’re looking for?” เป็นแคปชันในไอจี หรือแซวเพื่อนในแชต แต่ลึกๆ แล้ว มันคือเสียงของความรู้สึกที่เราทุกคนเคยมี—ความหวังเล็กๆ ว่าใครสักคนจะมองเห็นเรา

    “Hello” ของ Lionel Richie คือเพลงที่เริ่มจากคำพูดเล่นๆ แต่กลายเป็นความรู้สึกจริงจัง เป็นเพลงที่ไม่ต้องมีบีตแรง ไม่ต้องมีแร็ปเท่ๆ แค่ประโยคเดียวก็พอจะทำให้ใจสั่น—
    “Hello… is it me you’re looking for?”
    และนั่นแหละ คือความโรแมนติกที่ไม่มีวันตกยุค

    #ลุงเล่าหลานฟัง

    https://www.youtube.com/watch?v=mHONNcZbwDY
    💿🕺 “Hello” ของ Lionel Richie: เพลงรักในตำนานที่เริ่มจากคำพูดเล่นๆ แล้วกลายเป็นความรู้สึกจริงจัง 💘 เคยไหม…แอบชอบใครสักคนแต่ไม่กล้าบอก? แค่สบตาก็ใจสั่น แต่ก็ได้แค่คิดในใจว่า “เธอจะรู้ไหมนะ?” ถ้าเคย—งั้นคุณเข้าใจเพลง “Hello” ของ Lionel Richie ได้แน่นอน เพลงนี้ไม่ใช่แค่เพลงรักธรรมดา แต่มันคือเสียงของความรู้สึกที่ไม่กล้าพูดออกไป เป็นบทเพลงที่อยู่ในใจคนฟังมาหลายสิบปี และยังคงโดนใจวัยรุ่นยุคนี้ไม่แพ้กัน เพราะมันพูดแทนใจของคนที่กำลังตกหลุมรักแบบเงียบๆ ได้อย่างตรงจุด 🏃‍➡️ จุดเริ่มต้นของเพลงที่มาจากความเขิน ย้อนกลับไปในยุค 80s Lionel Richie ศิลปินหนุ่มจากเมือง Tuskegee รัฐ Alabama กำลังอยู่ในช่วงรุ่งโรจน์ของชีวิต เขาเพิ่งแยกตัวจากวง Commodores และเริ่มต้นเส้นทางศิลปินเดี่ยวอย่างเต็มตัว วันหนึ่งในสตูดิโอ เขาพูดประโยคหนึ่งขึ้นมาแบบไม่ได้ตั้งใจว่า “Hello… is it me you’re looking for?” ซึ่งเป็นประโยคที่เขามักคิดในใจเวลาสบตากับผู้หญิงที่เขาแอบชอบในวัยเรียน แต่ไม่เคยกล้าพูดออกไปจริงๆ โปรดิวเซอร์ของเขา James Anthony Carmichael ได้ยินเข้าและรีบกระตุ้นให้เขาแต่งเพลงจากประโยคนั้น แม้ Richie จะลังเล เพราะคิดว่ามันดูเชยและธรรมดาเกินไป แต่ภรรยาในตอนนั้นกลับเห็นว่า มันคือประโยคที่จริงใจและกินใจที่สุด สุดท้ายเขาจึงตัดสินใจเขียนเพลงนี้ขึ้นมา และนั่นคือจุดเริ่มต้นของ “Hello” 🎖️ ความสำเร็จที่ไม่มีใครคาดคิด เมื่อ “Hello” ถูกปล่อยออกมาในปี 1984 มันกลายเป็นเพลงที่โด่งดังในชั่วข้ามคืน ขึ้นอันดับ 1 บน Billboard Hot 100 และครองอันดับ 1 บน UK Singles Chart ถึง 6 สัปดาห์ติดต่อกัน เพลงนี้ยังได้รับการรับรองยอดขายระดับ Gold และ Platinum ในหลายประเทศทั่วโลก แต่สิ่งที่ทำให้ “Hello” กลายเป็นมากกว่าแค่เพลงฮิต คือความสามารถในการเชื่อมโยงกับความรู้สึกของผู้คน ไม่ว่าจะเป็นวัยรุ่นที่กำลังแอบรัก หรือคนที่เคยมีความรักที่ไม่สมหวัง ทุกคนล้วนเคยมีช่วงเวลาที่อยากพูดอะไรบางอย่างกับใครสักคน แต่ก็ไม่กล้าพอจะพูดออกไป วลี “Hello, is it me you’re looking for?” กลายเป็นประโยคอมตะที่ถูกนำไปใช้ในโฆษณา มีม คลิปวิดีโอ และบทสนทนาในชีวิตประจำวัน มันกลายเป็นสัญลักษณ์ของความรักที่อ่อนโยนและเปราะบาง 📺 มิวสิกวิดีโอที่ทั้งเชยและน่าจดจำ 📝 มิวสิกวิดีโอของเพลงนี้กำกับโดย Bob Giraldi ผู้กำกับชื่อดังที่เคยร่วมงานกับ Michael Jackson ใน “Beat It” วิดีโอเล่าเรื่องครูสอนการแสดงที่แอบหลงรักนักเรียนสาวตาบอด ซึ่งแอบปั้นรูปปั้นศีรษะของเขาออกมาได้อย่างเหมือนจริง แม้วิดีโอจะถูกล้อเลียนว่าเชยและติดอันดับ “มิวสิกวิดีโอที่แย่ที่สุด” ในบางโพล แต่ก็ไม่มีใครปฏิเสธได้ว่ามันกลายเป็นภาพจำที่คนทั่วโลกรู้จัก และช่วยให้เพลงนี้เป็นที่จดจำมากยิ่งขึ้น ในยุคที่มิวสิกวิดีโอเพิ่งเริ่มได้รับความนิยม “Hello” คือหนึ่งในตัวอย่างของการใช้ภาพเล่าเรื่องเพื่อเสริมพลังให้กับเพลง และแม้จะดูเชยในสายตาบางคน แต่มันก็มีเสน่ห์เฉพาะตัวที่ทำให้คนดูยิ้มได้เสมอ 🧑‍🎤 Lionel Richie: จากเด็กขี้อายสู่ศิลปินระดับโลก Lionel Richie ไม่ใช่แค่เจ้าของเสียงนุ่มๆ ที่ทำให้คนฟังใจละลาย แต่เขายังเป็นนักแต่งเพลงมือทองที่อยู่เบื้องหลังเพลงฮิตมากมาย เขาเริ่มต้นเส้นทางดนตรีกับวง Commodores วงโซล–ฟังก์ชื่อดังในยุค 70s ที่มีเพลงฮิตอย่าง “Easy” และ “Three Times a Lady” ก่อนจะออกอัลบั้มเดี่ยวในปี 1982 และกลายเป็นศิลปินเดี่ยวที่ประสบความสำเร็จอย่างสูง นอกจาก “Hello” แล้ว เขายังมีเพลงดังอีกมากมาย เช่น “All Night Long”, “Say You, Say Me”, “Endless Love” (ร้องคู่กับ Diana Ross) และ “We Are the World” ที่เขาร่วมเขียนกับ Michael Jackson เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยในแอฟริกา ด้วยยอดขายกว่า 100 ล้านชุดทั่วโลก และรางวัลมากมายทั้ง Grammy, Oscar, Golden Globe รวมถึงการได้เข้าหอเกียรติยศ Rock & Roll Hall of Fame Richie จึงถือเป็นหนึ่งในศิลปินที่ทรงอิทธิพลที่สุดในประวัติศาสตร์ดนตรี แม้วันนี้เขาจะอายุเกิน 70 ปีแล้ว แต่ยังคงแสดงสดทั่วโลก และเป็นกรรมการในรายการ American Idol ซึ่งทำให้เขายังคงเป็นที่รู้จักในกลุ่มผู้ฟังรุ่นใหม่ 🎵 “Hello” กับความหมายที่ไม่เคยเก่า สิ่งที่ทำให้ “Hello” ยืนยาวมาจนถึงทุกวันนี้ ไม่ใช่แค่เพราะเสียงร้องของ Richie หรือทำนองที่ไพเราะเท่านั้น แต่เป็นเพราะเนื้อหาของเพลงที่พูดถึงความรู้สึกที่เป็นสากล—ความรักที่ไม่กล้าบอก มันคือเพลงของคนที่กำลังแอบรัก เพลงของคนที่อยากพูดบางอย่างแต่ไม่รู้จะเริ่มยังไง เพลงของคนที่หวังว่าอีกฝ่ายจะเข้าใจโดยไม่ต้องพูดอะไรเลย และนั่นคือเหตุผลที่ “Hello” ยังคงถูกเปิดฟังอยู่ทุกวันใน Spotify, YouTube และแพลตฟอร์มอื่นๆ มันยังถูกใช้ในหนัง ซีรีส์ รายการทีวี และคอนเสิร์ตมากมาย เพราะมันคือเพลงที่ไม่ว่าใครก็สามารถอินได้ 🛣️ จากอดีตถึงปัจจุบัน: เพลงที่เชื่อมใจคนรุ่นใหม่ แม้จะเป็นเพลงจากยุค 80s แต่ “Hello” ก็ยังมีพลังพิเศษที่ทำให้คนรุ่นใหม่รู้สึกเชื่อมโยงได้อย่างไม่น่าเชื่อ ในยุคที่การสื่อสารรวดเร็วผ่านแชตและโซเชียลมีเดีย บางครั้งเราก็ยังรู้สึก “พูดไม่ออก” เวลาจะสารภาพความในใจ เพลงนี้จึงยังคงสะท้อนความรู้สึกของคนยุคนี้ได้อย่างตรงจุด หลายคนอาจเคยใช้วลี “Hello, is it me you’re looking for?” เป็นแคปชันในไอจี หรือแซวเพื่อนในแชต แต่ลึกๆ แล้ว มันคือเสียงของความรู้สึกที่เราทุกคนเคยมี—ความหวังเล็กๆ ว่าใครสักคนจะมองเห็นเรา “Hello” ของ Lionel Richie คือเพลงที่เริ่มจากคำพูดเล่นๆ แต่กลายเป็นความรู้สึกจริงจัง เป็นเพลงที่ไม่ต้องมีบีตแรง ไม่ต้องมีแร็ปเท่ๆ แค่ประโยคเดียวก็พอจะทำให้ใจสั่น— “Hello… is it me you’re looking for?” และนั่นแหละ คือความโรแมนติกที่ไม่มีวันตกยุค #ลุงเล่าหลานฟัง https://www.youtube.com/watch?v=mHONNcZbwDY
    Like
    1
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 177 มุมมอง 0 รีวิว
  • สมเด็จคะแนน หลวงพ่อเต๋ คงทอง วัดสามง่าม จ.นครปฐม
    ชุดเครืองรางของขลัง สมเด็จคะแนน,นกสาลิกาไม้แกะ 2 ตัว,ตะกรุดสามกษัตริย์ 3 ดอก,ปลาตะเพียนเงิน หลวงพ่อเต๋ คงทอง วัดสามง่าม จ.นครปฐม // ชุดรวมเครืองรางของขลังมหาเสน่ห์ อัดแน่นเต็ม บรรจุอยู่ใน กรอบพระ พร้อมใช้ หายาก // พระสถาพสวยมาก พระดูง่าย พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >>

    ** พุทธคุณด้าน เมตตามหานิยม คงกระพันชาตรี และ โชคลาภค้าขาย มหาอำนาจ มหาเสน่ห์ แคล้วคลาด คุ้มครองป้องกันภัย เรื่องโชคลาภ ค้าขายดีนักแล ช่วยให้เป็นที่รักใคร่ของผู้คน การทำมาค้าขายให้ร่ำรวยเจริญก้าวหน้า เจริญรุ่งเรืองทั้งการงานและการค้า **

    ** หลวงพ่อเต๋ คงทอง ท่านมีอายุได้ 21 ปี จึงได้ทำการบรรพชาอุปสมบทเป็นพระภิกษุ โดยมี พระครูอุตตรการบดี (หลวงพ่อทา) วัดพะเนียงแตก เป็นพระอุปัชฌาย์ พระสมุห์เทศ วัดทุ่งผักกูด เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระอธิการจอม วัดลำเหย เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาทางธรรมว่า คงทอง (ภายหลังเปลี่ยนเป็น คงสุวัณโณ แต่ชาวบ้านยังคงเรียกติดปากว่า คงทอง พระอุปัชฌาย์ของหลวงพ่อเต๋ คือหลวงพ่อทา วัดพะเนียงแตก เป็นพระเถระผู้ทรงเกียรติคุณชื่อเสียงโด่งดังมากในฐานะพระเกจิอาจารย์ที่มีพุทธาคมเข้มขลังในขณะนั้น หลวงพ่อเต๋ได้ศึกษาเล่าเรียนทั้งทางธรรม สมถกัมมัฏฐาน ตลอดจนรับการสืบทอดด้านพุทธาคมต่าง ๆ **

    ** พระสถาพสวยมาก พระดูง่าย พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ

    ช่องทางติดต่อ
    LINE 0881915131
    โทรศัพท์ 0881915131
    สมเด็จคะแนน หลวงพ่อเต๋ คงทอง วัดสามง่าม จ.นครปฐม ชุดเครืองรางของขลัง สมเด็จคะแนน,นกสาลิกาไม้แกะ 2 ตัว,ตะกรุดสามกษัตริย์ 3 ดอก,ปลาตะเพียนเงิน หลวงพ่อเต๋ คงทอง วัดสามง่าม จ.นครปฐม // ชุดรวมเครืองรางของขลังมหาเสน่ห์ อัดแน่นเต็ม บรรจุอยู่ใน กรอบพระ พร้อมใช้ หายาก // พระสถาพสวยมาก พระดูง่าย พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >> ** พุทธคุณด้าน เมตตามหานิยม คงกระพันชาตรี และ โชคลาภค้าขาย มหาอำนาจ มหาเสน่ห์ แคล้วคลาด คุ้มครองป้องกันภัย เรื่องโชคลาภ ค้าขายดีนักแล ช่วยให้เป็นที่รักใคร่ของผู้คน การทำมาค้าขายให้ร่ำรวยเจริญก้าวหน้า เจริญรุ่งเรืองทั้งการงานและการค้า ** ** หลวงพ่อเต๋ คงทอง ท่านมีอายุได้ 21 ปี จึงได้ทำการบรรพชาอุปสมบทเป็นพระภิกษุ โดยมี พระครูอุตตรการบดี (หลวงพ่อทา) วัดพะเนียงแตก เป็นพระอุปัชฌาย์ พระสมุห์เทศ วัดทุ่งผักกูด เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระอธิการจอม วัดลำเหย เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาทางธรรมว่า คงทอง (ภายหลังเปลี่ยนเป็น คงสุวัณโณ แต่ชาวบ้านยังคงเรียกติดปากว่า คงทอง พระอุปัชฌาย์ของหลวงพ่อเต๋ คือหลวงพ่อทา วัดพะเนียงแตก เป็นพระเถระผู้ทรงเกียรติคุณชื่อเสียงโด่งดังมากในฐานะพระเกจิอาจารย์ที่มีพุทธาคมเข้มขลังในขณะนั้น หลวงพ่อเต๋ได้ศึกษาเล่าเรียนทั้งทางธรรม สมถกัมมัฏฐาน ตลอดจนรับการสืบทอดด้านพุทธาคมต่าง ๆ ** ** พระสถาพสวยมาก พระดูง่าย พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ ช่องทางติดต่อ LINE 0881915131 โทรศัพท์ 0881915131
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 99 มุมมอง 0 รีวิว
  • บูรพาไม่แพ้ EP.157 : เบื้องหลัง ‘สตาร์บัคส์’ พ่ายแพ้ในจีน
    .
    เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว มีข่าวใหญ่ในแวดวงธุรกิจ คือ สตาร์บัคส์ในประเทศจีน ได้ขายหุ้น 60% ให้กับบริษัทการลงทุนสัญชาติจีน โดยบริษัทแม่ที่อเมริกาจะเหลือหุ้นแค่ 40% เท่านั้น หรือพูดง่าย ๆ ก็คือ ร้านสตาร์บัคส์ในจีนตอนนี้ ไม่ได้อยู่ในมืออเมริกาอีกต่อไป แต่กลายเป็น แบรนด์กาแฟระดับโลก ที่ขับเคลื่อนโดยทุนจีนอย่างเต็มตัว
    .
    “พอดแคส บูรพาไม่แพ้” ในตอนนี้ เราจะมาคุยเรื่องของสตาร์บัคส์ในประเทศจีน และลองค้นหาสาเหตุกันว่า ทำไมสตาร์บัคส์ถึงพ่ายแพ้ในประเทศจีน ? กลุ่มทุนจีนที่เข้ามาซื้อกิจการเป็นใครมาจากไหน? และอนาคตของร้านสตาร์บัคส์ ในประเทศจีนจะเป็นยังไงต่อไป ....
    .
    คลิกฟัง >> https://www.youtube.com/watch?v=xdcTq3e6Vm4
    .
    #บูรพาไม่แพ้ #สตาร์บัคส์ในจีน #Starbucks

    บูรพาไม่แพ้ EP.157 : เบื้องหลัง ‘สตาร์บัคส์’ พ่ายแพ้ในจีน . เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว มีข่าวใหญ่ในแวดวงธุรกิจ คือ สตาร์บัคส์ในประเทศจีน ได้ขายหุ้น 60% ให้กับบริษัทการลงทุนสัญชาติจีน โดยบริษัทแม่ที่อเมริกาจะเหลือหุ้นแค่ 40% เท่านั้น หรือพูดง่าย ๆ ก็คือ ร้านสตาร์บัคส์ในจีนตอนนี้ ไม่ได้อยู่ในมืออเมริกาอีกต่อไป แต่กลายเป็น แบรนด์กาแฟระดับโลก ที่ขับเคลื่อนโดยทุนจีนอย่างเต็มตัว . “พอดแคส บูรพาไม่แพ้” ในตอนนี้ เราจะมาคุยเรื่องของสตาร์บัคส์ในประเทศจีน และลองค้นหาสาเหตุกันว่า ทำไมสตาร์บัคส์ถึงพ่ายแพ้ในประเทศจีน ? กลุ่มทุนจีนที่เข้ามาซื้อกิจการเป็นใครมาจากไหน? และอนาคตของร้านสตาร์บัคส์ ในประเทศจีนจะเป็นยังไงต่อไป .... . คลิกฟัง >> https://www.youtube.com/watch?v=xdcTq3e6Vm4 . #บูรพาไม่แพ้ #สตาร์บัคส์ในจีน #Starbucks
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 90 มุมมอง 0 รีวิว
  • มือถือรุ่นเก่าเสี่ยงหมดสิทธิ์ใช้ Android Auto

    Google ได้เริ่มบังคับใช้ข้อกำหนดใหม่ที่เคยประกาศตั้งแต่ปี 2024 ว่า Android Auto จะรองรับเฉพาะสมาร์ทโฟนที่ใช้ Android 9 ขึ้นไป เท่านั้น หลังจากเลื่อนการบังคับใช้มานานกว่า 1 ปี ล่าสุดในเดือนตุลาคม 2025 บริษัทได้ปล่อย Android Auto 15.5 (Beta) ซึ่งตัดการรองรับอุปกรณ์ที่ยังใช้ Android 8 หรือเวอร์ชันก่อนหน้า

    สำหรับผู้ใช้ที่ยังใช้มือถือรุ่นเก่า การอัปเดตไปยัง Android Auto 15.5 จะทำให้ฟีเจอร์นี้หยุดทำงานทันที แม้ว่าในตอนนี้เวอร์ชันเสถียรจะยังอยู่ที่ Android Auto 15.2 แต่เมื่อการอัปเดตใหม่ถูกปล่อยอย่างเต็มรูปแบบ ผู้ใช้ Android 8 จะได้รับผลกระทบแน่นอน

    อย่างไรก็ตาม สถานการณ์นี้จะกระทบผู้ใช้เพียงส่วนน้อยเท่านั้น เพราะปัจจุบันมีเพียงประมาณ 1% ของผู้ใช้ Android ทั่วโลก ที่ยังคงใช้ Android 8 อยู่ ซึ่งหมายความว่าคนส่วนใหญ่ที่ใช้ Android 9 หรือใหม่กว่าจะยังสามารถใช้งาน Android Auto ได้ตามปกติ

    สำหรับผู้ที่ยังใช้ Android 8 ทางเลือกมีเพียงสองอย่าง คือ ไม่อัปเดต Android Auto (ซึ่งไม่แนะนำ เพราะอาจเสี่ยงต่อความปลอดภัย) หรือ เปลี่ยนไปใช้สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ที่รองรับ Android 9 ขึ้นไป เพื่อให้มั่นใจว่าการใช้งาน Android Auto จะไม่สะดุด

    สรุปสาระสำคัญ
    การเปลี่ยนแปลงของ Google
    Android Auto 15.5 จะไม่รองรับ Android 8 และเวอร์ชันก่อนหน้า
    ข้อกำหนดนี้เคยประกาศตั้งแต่ปี 2024 แต่เพิ่งเริ่มบังคับจริงในปี 2025

    ผลกระทบต่อผู้ใช้
    ผู้ใช้ Android 9 หรือใหม่กว่า ยังใช้งานได้ตามปกติ
    ผู้ใช้ Android 8 จะสูญเสียการใช้งาน Android Auto หากอัปเดต

    สถานการณ์ทั่วโลก
    มีเพียง ~1% ของผู้ใช้ Android ที่ยังใช้ Android 8
    ส่วนใหญ่จึงไม่ได้รับผลกระทบ

    คำเตือนสำหรับผู้ใช้ Android 8
    การเลือกไม่อัปเดตอาจเสี่ยงต่อความปลอดภัยและฟีเจอร์ใหม่
    ทางออกที่มั่นคงคือการเปลี่ยนไปใช้สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ที่รองรับ Android 9+

    https://www.slashgear.com/2014243/phones-losing-android-auto-15-5-support/
    🚗 มือถือรุ่นเก่าเสี่ยงหมดสิทธิ์ใช้ Android Auto Google ได้เริ่มบังคับใช้ข้อกำหนดใหม่ที่เคยประกาศตั้งแต่ปี 2024 ว่า Android Auto จะรองรับเฉพาะสมาร์ทโฟนที่ใช้ Android 9 ขึ้นไป เท่านั้น หลังจากเลื่อนการบังคับใช้มานานกว่า 1 ปี ล่าสุดในเดือนตุลาคม 2025 บริษัทได้ปล่อย Android Auto 15.5 (Beta) ซึ่งตัดการรองรับอุปกรณ์ที่ยังใช้ Android 8 หรือเวอร์ชันก่อนหน้า 📱 สำหรับผู้ใช้ที่ยังใช้มือถือรุ่นเก่า การอัปเดตไปยัง Android Auto 15.5 จะทำให้ฟีเจอร์นี้หยุดทำงานทันที แม้ว่าในตอนนี้เวอร์ชันเสถียรจะยังอยู่ที่ Android Auto 15.2 แต่เมื่อการอัปเดตใหม่ถูกปล่อยอย่างเต็มรูปแบบ ผู้ใช้ Android 8 จะได้รับผลกระทบแน่นอน 🌍 อย่างไรก็ตาม สถานการณ์นี้จะกระทบผู้ใช้เพียงส่วนน้อยเท่านั้น เพราะปัจจุบันมีเพียงประมาณ 1% ของผู้ใช้ Android ทั่วโลก ที่ยังคงใช้ Android 8 อยู่ ซึ่งหมายความว่าคนส่วนใหญ่ที่ใช้ Android 9 หรือใหม่กว่าจะยังสามารถใช้งาน Android Auto ได้ตามปกติ ⚠️ สำหรับผู้ที่ยังใช้ Android 8 ทางเลือกมีเพียงสองอย่าง คือ ไม่อัปเดต Android Auto (ซึ่งไม่แนะนำ เพราะอาจเสี่ยงต่อความปลอดภัย) หรือ เปลี่ยนไปใช้สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ที่รองรับ Android 9 ขึ้นไป เพื่อให้มั่นใจว่าการใช้งาน Android Auto จะไม่สะดุด 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ การเปลี่ยนแปลงของ Google ➡️ Android Auto 15.5 จะไม่รองรับ Android 8 และเวอร์ชันก่อนหน้า ➡️ ข้อกำหนดนี้เคยประกาศตั้งแต่ปี 2024 แต่เพิ่งเริ่มบังคับจริงในปี 2025 ✅ ผลกระทบต่อผู้ใช้ ➡️ ผู้ใช้ Android 9 หรือใหม่กว่า ยังใช้งานได้ตามปกติ ➡️ ผู้ใช้ Android 8 จะสูญเสียการใช้งาน Android Auto หากอัปเดต ✅ สถานการณ์ทั่วโลก ➡️ มีเพียง ~1% ของผู้ใช้ Android ที่ยังใช้ Android 8 ➡️ ส่วนใหญ่จึงไม่ได้รับผลกระทบ ‼️ คำเตือนสำหรับผู้ใช้ Android 8 ⛔ การเลือกไม่อัปเดตอาจเสี่ยงต่อความปลอดภัยและฟีเจอร์ใหม่ ⛔ ทางออกที่มั่นคงคือการเปลี่ยนไปใช้สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ที่รองรับ Android 9+ https://www.slashgear.com/2014243/phones-losing-android-auto-15-5-support/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    Some Phones Could Soon Lose Android Auto Support – Here's How To Know If Yours Is One - SlashGear
    Users with older devices may soon lose support with Android Auto, and this is what it means.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 92 มุมมอง 0 รีวิว
  • แอป Bitchat: สื่อสารได้แม้ไม่มีอินเทอร์เน็ต

    Bitchat ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อแก้ปัญหาการสื่อสารในกาซาที่ถูกตัดขาดจากโลกภายนอก เนื่องจากการควบคุมไฟฟ้าและอินเทอร์เน็ตโดยอิสราเอล รวมถึงการโจมตีที่ทำลายโครงสร้างพื้นฐานการสื่อสาร แอปนี้ช่วยให้ผู้ใช้สามารถ ส่งข้อความได้แม้ไม่มีอินเทอร์เน็ตหรือสัญญาณโทรศัพท์ โดยอาศัยการเชื่อมต่อ Bluetooth และระบบ mesh network ที่ให้แต่ละโทรศัพท์ทำหน้าที่เป็นตัวกลางส่งต่อข้อความไปยังอุปกรณ์อื่นๆ

    ความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัว
    ทุกข้อความใน Bitchat ถูกเข้ารหัสอย่างสมบูรณ์ ไม่มีเซิร์ฟเวอร์กลางเก็บข้อมูล และผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องสร้างบัญชีหรือใช้เบอร์โทรศัพท์ ทำให้ลดความเสี่ยงจากการถูกสอดส่องหรือเจาะระบบ นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ Geohash channels ที่ให้ผู้ใช้สร้างห้องสนทนาเฉพาะพื้นที่ เช่น ระดับบล็อก, เขต, เมือง หรือกลุ่มครอบครัว เพื่อการสื่อสารที่ปลอดภัยและตรงเป้าหมายมากขึ้น

    การใช้งานในสถานการณ์วิกฤติ
    นอกจากกาซาแล้ว Bitchat ยังถูกดาวน์โหลดเพิ่มขึ้นในหลายประเทศที่เผชิญความไม่สงบ เช่น เนปาล อินโดนีเซีย และไอวอรีโคสต์ โดยในเนปาล รัฐบาลได้บล็อกโซเชียลมีเดียหลักทั้งหมด ทำให้ประชาชนต้องหาทางเลือกใหม่ในการสื่อสาร แอปนี้จึงกลายเป็นเครื่องมือสำคัญในการรักษาการเชื่อมต่อและเสรีภาพในการสื่อสาร

    สรุปประเด็นสำคัญ
    Bitchat ออกแบบเพื่อสื่อสารแม้ไม่มีอินเทอร์เน็ต
    ใช้ Bluetooth และ mesh network ส่งข้อความต่อกัน
    ไม่มีเซิร์ฟเวอร์กลางและไม่ต้องใช้บัญชีหรือเบอร์โทรศัพท์

    ฟีเจอร์ความปลอดภัย
    ข้อความเข้ารหัสเต็มรูปแบบ
    มี Geohash channels สำหรับการสนทนาเฉพาะพื้นที่

    การใช้งานจริงในหลายประเทศ
    ถูกใช้ในกาซาและประเทศที่มีความไม่สงบ เช่น เนปาลและอินโดนีเซีย
    ช่วยประชาชนรักษาการสื่อสารแม้ถูกบล็อกโซเชียลมีเดีย

    คำเตือนสำหรับผู้ใช้
    หากไม่ลบข้อความเป็นระยะ อาจเสี่ยงหากอุปกรณ์ถูกยึด
    การใช้แอปที่ไม่อัปเดตอาจมีช่องโหว่ด้านความปลอดภัย

    https://updates.techforpalestine.org/bitchat-for-gaza-messaging-without-internet/
    📡 แอป Bitchat: สื่อสารได้แม้ไม่มีอินเทอร์เน็ต Bitchat ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อแก้ปัญหาการสื่อสารในกาซาที่ถูกตัดขาดจากโลกภายนอก เนื่องจากการควบคุมไฟฟ้าและอินเทอร์เน็ตโดยอิสราเอล รวมถึงการโจมตีที่ทำลายโครงสร้างพื้นฐานการสื่อสาร แอปนี้ช่วยให้ผู้ใช้สามารถ ส่งข้อความได้แม้ไม่มีอินเทอร์เน็ตหรือสัญญาณโทรศัพท์ โดยอาศัยการเชื่อมต่อ Bluetooth และระบบ mesh network ที่ให้แต่ละโทรศัพท์ทำหน้าที่เป็นตัวกลางส่งต่อข้อความไปยังอุปกรณ์อื่นๆ 🔒 ความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัว ทุกข้อความใน Bitchat ถูกเข้ารหัสอย่างสมบูรณ์ ไม่มีเซิร์ฟเวอร์กลางเก็บข้อมูล และผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องสร้างบัญชีหรือใช้เบอร์โทรศัพท์ ทำให้ลดความเสี่ยงจากการถูกสอดส่องหรือเจาะระบบ นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ Geohash channels ที่ให้ผู้ใช้สร้างห้องสนทนาเฉพาะพื้นที่ เช่น ระดับบล็อก, เขต, เมือง หรือกลุ่มครอบครัว เพื่อการสื่อสารที่ปลอดภัยและตรงเป้าหมายมากขึ้น 🌍 การใช้งานในสถานการณ์วิกฤติ นอกจากกาซาแล้ว Bitchat ยังถูกดาวน์โหลดเพิ่มขึ้นในหลายประเทศที่เผชิญความไม่สงบ เช่น เนปาล อินโดนีเซีย และไอวอรีโคสต์ โดยในเนปาล รัฐบาลได้บล็อกโซเชียลมีเดียหลักทั้งหมด ทำให้ประชาชนต้องหาทางเลือกใหม่ในการสื่อสาร แอปนี้จึงกลายเป็นเครื่องมือสำคัญในการรักษาการเชื่อมต่อและเสรีภาพในการสื่อสาร 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ Bitchat ออกแบบเพื่อสื่อสารแม้ไม่มีอินเทอร์เน็ต ➡️ ใช้ Bluetooth และ mesh network ส่งข้อความต่อกัน ➡️ ไม่มีเซิร์ฟเวอร์กลางและไม่ต้องใช้บัญชีหรือเบอร์โทรศัพท์ ✅ ฟีเจอร์ความปลอดภัย ➡️ ข้อความเข้ารหัสเต็มรูปแบบ ➡️ มี Geohash channels สำหรับการสนทนาเฉพาะพื้นที่ ✅ การใช้งานจริงในหลายประเทศ ➡️ ถูกใช้ในกาซาและประเทศที่มีความไม่สงบ เช่น เนปาลและอินโดนีเซีย ➡️ ช่วยประชาชนรักษาการสื่อสารแม้ถูกบล็อกโซเชียลมีเดีย ‼️ คำเตือนสำหรับผู้ใช้ ⛔ หากไม่ลบข้อความเป็นระยะ อาจเสี่ยงหากอุปกรณ์ถูกยึด ⛔ การใช้แอปที่ไม่อัปเดตอาจมีช่องโหว่ด้านความปลอดภัย https://updates.techforpalestine.org/bitchat-for-gaza-messaging-without-internet/
    UPDATES.TECHFORPALESTINE.ORG
    Bitchat for Gaza - messaging without internet
    Bitchat is a new messaging app that allows users to chat securely with or without internet access. Download it today via the App Store or Google Play store to begin communicating safely, even when connectivity disappears. Why Bitchat is needed Palestinians are dependent on Israel for their access to electricity,
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 86 มุมมอง 0 รีวิว
  • Mesa 25.3 อัปเดตใหม่ เพิ่มการรองรับเกมจำนวนมากบน Linux

    ทีมพัฒนา Mesa ได้ปล่อย Mesa 25.3 ซึ่งเป็นเวอร์ชันล่าสุดของ Open-Source Graphics Stack โดยมาพร้อมการปรับปรุงครั้งใหญ่ทั้งในด้าน Vulkan และ OpenGL drivers รวมถึงการรองรับเกมใหม่ๆ ที่หลากหลายมากขึ้น ทำให้ผู้ใช้ Linux สามารถเล่นเกมที่เคยมีปัญหากับการเรนเดอร์หรือประสิทธิภาพได้อย่างราบรื่นกว่าเดิม

    หนึ่งในไฮไลท์คือการเพิ่มการรองรับ Vulkan 1.2 สำหรับ PVR driver, การปรับปรุง NVK driver ให้รองรับ Blackwell GPUs, และการเพิ่ม Vulkan extensions ใน PanVK, ANV, RADV, NVK, HoneyKrisp และ PVR drivers นอกจากนี้ยังมีการปรับปรุง OpenGL extensions สำหรับ V3D, Panfrost, R300, Zink และ RadeonSI drivers ซึ่งช่วยให้การทำงานของเกมและแอปพลิเคชันที่ใช้กราฟิกขั้นสูงมีความเสถียรมากขึ้น

    ในด้านการเล่นเกม Mesa 25.3 ได้เพิ่มการรองรับเกมใหม่ๆ เช่น Indiana Jones and the Great Circle, Borderlands 4, Resident Evil 4: Separate Ways DLC, Doom: The Dark Ages, Baldur’s Gate 3, Final Fantasy XVI, Hades 2, Cyberpunk 2077, Ghost of Tsushima และ Red Dead Redemption 2 รวมถึงเกมอินดี้และเกม AAA อีกหลายรายการที่ผู้ใช้ Linux รอคอย

    ผู้ใช้สามารถดาวน์โหลด Mesa 25.3 source tarball ได้จากเว็บไซต์ทางการ หรือรอให้เวอร์ชันนี้เข้าสู่ stable repositories ของดิสทริบิวชัน Linux ต่างๆ เช่น Ubuntu, Fedora และ Arch Linux เพื่อใช้งานได้ทันที

    สรุปประเด็นสำคัญ
    การปรับปรุงใน Mesa 25.3
    รองรับ Vulkan 1.2 สำหรับ PVR driver
    เพิ่ม Vulkan และ OpenGL extensions ในหลาย driver

    การรองรับเกมใหม่
    Indiana Jones and the Great Circle, Borderlands 4, Resident Evil 4 DLC
    Doom: The Dark Ages, Baldur’s Gate 3, Final Fantasy XVI, Cyberpunk 2077

    การใช้งานและการติดตั้ง
    ดาวน์โหลด source tarball ได้จากเว็บไซต์ทางการ
    รออัปเดตใน stable repositories ของ Linux distros

    คำเตือนสำหรับผู้ใช้
    หากยังใช้ Mesa เวอร์ชันเก่า อาจพบปัญหากับเกมใหม่และประสิทธิภาพต่ำ
    การละเลยการอัปเดตอาจทำให้ไม่สามารถเล่นเกมที่รองรับใหม่ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

    https://9to5linux.com/mesa-25-3-open-source-graphics-stack-improves-support-for-many-video-games
    🎮 Mesa 25.3 อัปเดตใหม่ เพิ่มการรองรับเกมจำนวนมากบน Linux ทีมพัฒนา Mesa ได้ปล่อย Mesa 25.3 ซึ่งเป็นเวอร์ชันล่าสุดของ Open-Source Graphics Stack โดยมาพร้อมการปรับปรุงครั้งใหญ่ทั้งในด้าน Vulkan และ OpenGL drivers รวมถึงการรองรับเกมใหม่ๆ ที่หลากหลายมากขึ้น ทำให้ผู้ใช้ Linux สามารถเล่นเกมที่เคยมีปัญหากับการเรนเดอร์หรือประสิทธิภาพได้อย่างราบรื่นกว่าเดิม หนึ่งในไฮไลท์คือการเพิ่มการรองรับ Vulkan 1.2 สำหรับ PVR driver, การปรับปรุง NVK driver ให้รองรับ Blackwell GPUs, และการเพิ่ม Vulkan extensions ใน PanVK, ANV, RADV, NVK, HoneyKrisp และ PVR drivers นอกจากนี้ยังมีการปรับปรุง OpenGL extensions สำหรับ V3D, Panfrost, R300, Zink และ RadeonSI drivers ซึ่งช่วยให้การทำงานของเกมและแอปพลิเคชันที่ใช้กราฟิกขั้นสูงมีความเสถียรมากขึ้น ในด้านการเล่นเกม Mesa 25.3 ได้เพิ่มการรองรับเกมใหม่ๆ เช่น Indiana Jones and the Great Circle, Borderlands 4, Resident Evil 4: Separate Ways DLC, Doom: The Dark Ages, Baldur’s Gate 3, Final Fantasy XVI, Hades 2, Cyberpunk 2077, Ghost of Tsushima และ Red Dead Redemption 2 รวมถึงเกมอินดี้และเกม AAA อีกหลายรายการที่ผู้ใช้ Linux รอคอย ผู้ใช้สามารถดาวน์โหลด Mesa 25.3 source tarball ได้จากเว็บไซต์ทางการ หรือรอให้เวอร์ชันนี้เข้าสู่ stable repositories ของดิสทริบิวชัน Linux ต่างๆ เช่น Ubuntu, Fedora และ Arch Linux เพื่อใช้งานได้ทันที 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ การปรับปรุงใน Mesa 25.3 ➡️ รองรับ Vulkan 1.2 สำหรับ PVR driver ➡️ เพิ่ม Vulkan และ OpenGL extensions ในหลาย driver ✅ การรองรับเกมใหม่ ➡️ Indiana Jones and the Great Circle, Borderlands 4, Resident Evil 4 DLC ➡️ Doom: The Dark Ages, Baldur’s Gate 3, Final Fantasy XVI, Cyberpunk 2077 ✅ การใช้งานและการติดตั้ง ➡️ ดาวน์โหลด source tarball ได้จากเว็บไซต์ทางการ ➡️ รออัปเดตใน stable repositories ของ Linux distros ‼️ คำเตือนสำหรับผู้ใช้ ⛔ หากยังใช้ Mesa เวอร์ชันเก่า อาจพบปัญหากับเกมใหม่และประสิทธิภาพต่ำ ⛔ การละเลยการอัปเดตอาจทำให้ไม่สามารถเล่นเกมที่รองรับใหม่ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ https://9to5linux.com/mesa-25-3-open-source-graphics-stack-improves-support-for-many-video-games
    9TO5LINUX.COM
    Mesa 25.3 Open-Source Graphics Stack Improves Support for Many Video Games - 9to5Linux
    Mesa 25.3 open-source graphics stack is now available for download with numerous new features and improvements for existing graphics drivers.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 92 มุมมอง 0 รีวิว
  • Mozilla เปิดตัว AI Window ใน Firefox

    Mozilla ประกาศแผนการสร้างโหมดใหม่ใน Firefox ที่เรียกว่า AI Window ซึ่งจะเป็นโหมดการท่องเว็บแบบที่สาม นอกเหนือจาก Classic Mode และ Private Window จุดเด่นคือผู้ใช้สามารถเปิดโหมดนี้เพื่อสนทนากับผู้ช่วย AI ขณะท่องเว็บได้ โดย Mozilla ย้ำว่า ทุกฟีเจอร์ AI จะเป็นแบบ Opt-in ผู้ใช้สามารถเลือกเปิดหรือปิดได้ตามต้องการ ไม่ถูกบังคับให้ใช้งาน

    ตลอดปีที่ผ่านมา Firefox ได้เพิ่มฟีเจอร์ AI หลายอย่าง เช่น AI Chatbot ใน Sidebar, การสร้าง Alt Text อัตโนมัติ, และ การจัดกลุ่มแท็บด้วย AI เพื่อแข่งขันกับ Chrome และ Edge ที่ลงทุนหนักใน AI อย่างไรก็ตาม Mozilla พยายามสร้างความแตกต่างด้วยการเน้น ความโปร่งใสและการควบคุมของผู้ใช้

    Mozilla ให้คำมั่นว่าจะรักษา 3 หลักการสำคัญ ได้แก่
    ประสบการณ์ที่เป็น Opt-in เต็มรูปแบบ
    ฟีเจอร์ที่ปกป้องการเลือกของผู้ใช้
    ความโปร่งใสในการใช้ข้อมูล

    Ajit Varma รองประธานฝ่ายผลิตภัณฑ์ของ Firefox กล่าวว่า Mozilla มองว่า AI เป็นอนาคตของเว็บ และไม่ควรเพิกเฉย แต่ต้องออกแบบให้ผู้ใช้มี สิทธิ์เลือกและการควบคุมมากขึ้น ไม่ใช่น้อยลง

    ฟีเจอร์นี้ยังไม่เปิดใช้งาน แต่ Mozilla กำลังพัฒนาแบบ “in the open” และเชิญชวนผู้ใช้เข้าร่วม Waitlist ที่ firefox.com/ai เพื่อรับสิทธิ์ทดลองก่อนใคร พร้อมให้ข้อเสนอแนะเพื่อปรับปรุงฟีเจอร์ให้ตรงกับความต้องการจริงของผู้ใช้

    สรุปประเด็นสำคัญ
    AI Window ใน Firefox
    โหมดใหม่ที่ให้ผู้ใช้สนทนากับ AI ระหว่างท่องเว็บ
    เป็นโหมดที่สาม ต่อจาก Classic และ Private Window

    ฟีเจอร์ AI ที่มีอยู่แล้ว
    AI Chatbot ใน Sidebar
    Alt Text อัตโนมัติ และ Tab Grouping ด้วย AI

    หลักการสำคัญของ Mozilla
    Opt-in เต็มรูปแบบ
    ปกป้องการเลือกของผู้ใช้
    โปร่งใสในการใช้ข้อมูล

    คำเตือนสำหรับผู้ใช้
    ฟีเจอร์ยังไม่เปิดใช้งาน ต้องสมัคร Waitlist เพื่อทดลอง
    หากไม่ตรวจสอบสิทธิ์การใช้งาน อาจพลาดการควบคุมข้อมูลส่วนตัว

    https://itsfoss.com/news/mozilla-ai-window-plans/
    🌐 Mozilla เปิดตัว AI Window ใน Firefox Mozilla ประกาศแผนการสร้างโหมดใหม่ใน Firefox ที่เรียกว่า AI Window ซึ่งจะเป็นโหมดการท่องเว็บแบบที่สาม นอกเหนือจาก Classic Mode และ Private Window จุดเด่นคือผู้ใช้สามารถเปิดโหมดนี้เพื่อสนทนากับผู้ช่วย AI ขณะท่องเว็บได้ โดย Mozilla ย้ำว่า ทุกฟีเจอร์ AI จะเป็นแบบ Opt-in ผู้ใช้สามารถเลือกเปิดหรือปิดได้ตามต้องการ ไม่ถูกบังคับให้ใช้งาน ตลอดปีที่ผ่านมา Firefox ได้เพิ่มฟีเจอร์ AI หลายอย่าง เช่น AI Chatbot ใน Sidebar, การสร้าง Alt Text อัตโนมัติ, และ การจัดกลุ่มแท็บด้วย AI เพื่อแข่งขันกับ Chrome และ Edge ที่ลงทุนหนักใน AI อย่างไรก็ตาม Mozilla พยายามสร้างความแตกต่างด้วยการเน้น ความโปร่งใสและการควบคุมของผู้ใช้ Mozilla ให้คำมั่นว่าจะรักษา 3 หลักการสำคัญ ได้แก่ 🎗️ ประสบการณ์ที่เป็น Opt-in เต็มรูปแบบ 🎗️ ฟีเจอร์ที่ปกป้องการเลือกของผู้ใช้ 🎗️ ความโปร่งใสในการใช้ข้อมูล Ajit Varma รองประธานฝ่ายผลิตภัณฑ์ของ Firefox กล่าวว่า Mozilla มองว่า AI เป็นอนาคตของเว็บ และไม่ควรเพิกเฉย แต่ต้องออกแบบให้ผู้ใช้มี สิทธิ์เลือกและการควบคุมมากขึ้น ไม่ใช่น้อยลง ฟีเจอร์นี้ยังไม่เปิดใช้งาน แต่ Mozilla กำลังพัฒนาแบบ “in the open” และเชิญชวนผู้ใช้เข้าร่วม Waitlist ที่ firefox.com/ai เพื่อรับสิทธิ์ทดลองก่อนใคร พร้อมให้ข้อเสนอแนะเพื่อปรับปรุงฟีเจอร์ให้ตรงกับความต้องการจริงของผู้ใช้ 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ AI Window ใน Firefox ➡️ โหมดใหม่ที่ให้ผู้ใช้สนทนากับ AI ระหว่างท่องเว็บ ➡️ เป็นโหมดที่สาม ต่อจาก Classic และ Private Window ✅ ฟีเจอร์ AI ที่มีอยู่แล้ว ➡️ AI Chatbot ใน Sidebar ➡️ Alt Text อัตโนมัติ และ Tab Grouping ด้วย AI ✅ หลักการสำคัญของ Mozilla ➡️ Opt-in เต็มรูปแบบ ➡️ ปกป้องการเลือกของผู้ใช้ ➡️ โปร่งใสในการใช้ข้อมูล ‼️ คำเตือนสำหรับผู้ใช้ ⛔ ฟีเจอร์ยังไม่เปิดใช้งาน ต้องสมัคร Waitlist เพื่อทดลอง ⛔ หากไม่ตรวจสอบสิทธิ์การใช้งาน อาจพลาดการควบคุมข้อมูลส่วนตัว https://itsfoss.com/news/mozilla-ai-window-plans/
    ITSFOSS.COM
    Mozilla Unveils Plans for New 'AI Window' Browsing Mode in Firefox, Opens Signups
    Planned browsing mode will let users chat with an AI assistant while surfing the web.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 88 มุมมอง 0 รีวิว
  • Ubuntu LTS ได้รับการสนับสนุนยาวนานถึง 15 ปี

    Canonical ผู้พัฒนา Ubuntu ได้เปิดตัวการขยายระยะเวลาการสนับสนุนใหม่สำหรับ Ubuntu Long-Term Support (LTS) โดยเพิ่มการดูแลความปลอดภัยและการบำรุงรักษาเป็น 15 ปีเต็ม ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญสำหรับระบบปฏิบัติการที่ถูกใช้อย่างแพร่หลายในองค์กรและโครงสร้างพื้นฐานด้านไอทีทั่วโลก

    ก่อนหน้านี้ Ubuntu LTS มีการสนับสนุนมาตรฐาน 5 ปี และสามารถขยายได้อีก 5 ปีผ่านบริการ Expanded Security Maintenance (ESM) รวมเป็น 10 ปี แต่ในปี 2024 Canonical ได้เปิดตัว Legacy add-on ที่เพิ่มการสนับสนุนอีก 2 ปี รวมเป็น 12 ปี และล่าสุดได้ขยายเพิ่มอีก 3 ปี ทำให้รวมทั้งหมดเป็น 15 ปี

    การเปลี่ยนแปลงนี้เริ่มต้นกับ Ubuntu 14.04 LTS ซึ่งจะได้รับการดูแลต่อเนื่องจนถึง เมษายน 2029 โดยองค์กรที่ต้องการใช้ Legacy add-on จะต้องจ่ายค่าบริการเพิ่มขึ้น 50% จาก Ubuntu Pro ปกติ และสามารถติดต่อทีมขายของ Canonical เพื่อเปิดใช้งานได้

    นโยบายใหม่นี้สะท้อนถึงความต้องการขององค์กรที่ใช้ระบบระยะยาว เช่น ภาคการเงิน, การผลิต, และโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงาน ที่ไม่สามารถเปลี่ยนระบบได้บ่อย การสนับสนุน 15 ปีจึงช่วยลดความเสี่ยงและต้นทุนในการอัปเกรดระบบบ่อยครั้ง พร้อมสร้างความมั่นใจในเสถียรภาพของแพลตฟอร์ม

    สรุปประเด็นสำคัญ
    Ubuntu LTS ได้รับการสนับสนุน 15 ปี
    5 ปีมาตรฐาน + 5 ปี ESM + 5 ปี Legacy add-on
    เริ่มใช้กับ Ubuntu 14.04 LTS และรุ่นถัดไปทั้งหมด

    รายละเอียดการใช้งาน Legacy add-on
    มีค่าใช้จ่ายเพิ่ม 50% จาก Ubuntu Pro
    ต้องติดต่อทีมขายหรือ Account Manager ของ Canonical

    ผลกระทบต่อองค์กร
    ลดความเสี่ยงจากการเปลี่ยนระบบบ่อย
    เหมาะสำหรับองค์กรที่ต้องการเสถียรภาพระยะยาว เช่น ภาคการเงินและพลังงาน

    คำเตือนสำหรับผู้ใช้งาน
    หากไม่ต่ออายุ Legacy add-on ระบบจะหมดการสนับสนุนหลัง 10 ปี
    การละเลยการอัปเดตอาจทำให้เสี่ยงต่อช่องโหว่ความปลอดภัยในระบบที่ยังใช้งานอยู่

    https://itsfoss.com/news/ubuntu-15-year-support-commitment/
    🐧 Ubuntu LTS ได้รับการสนับสนุนยาวนานถึง 15 ปี Canonical ผู้พัฒนา Ubuntu ได้เปิดตัวการขยายระยะเวลาการสนับสนุนใหม่สำหรับ Ubuntu Long-Term Support (LTS) โดยเพิ่มการดูแลความปลอดภัยและการบำรุงรักษาเป็น 15 ปีเต็ม ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญสำหรับระบบปฏิบัติการที่ถูกใช้อย่างแพร่หลายในองค์กรและโครงสร้างพื้นฐานด้านไอทีทั่วโลก ก่อนหน้านี้ Ubuntu LTS มีการสนับสนุนมาตรฐาน 5 ปี และสามารถขยายได้อีก 5 ปีผ่านบริการ Expanded Security Maintenance (ESM) รวมเป็น 10 ปี แต่ในปี 2024 Canonical ได้เปิดตัว Legacy add-on ที่เพิ่มการสนับสนุนอีก 2 ปี รวมเป็น 12 ปี และล่าสุดได้ขยายเพิ่มอีก 3 ปี ทำให้รวมทั้งหมดเป็น 15 ปี การเปลี่ยนแปลงนี้เริ่มต้นกับ Ubuntu 14.04 LTS ซึ่งจะได้รับการดูแลต่อเนื่องจนถึง เมษายน 2029 โดยองค์กรที่ต้องการใช้ Legacy add-on จะต้องจ่ายค่าบริการเพิ่มขึ้น 50% จาก Ubuntu Pro ปกติ และสามารถติดต่อทีมขายของ Canonical เพื่อเปิดใช้งานได้ นโยบายใหม่นี้สะท้อนถึงความต้องการขององค์กรที่ใช้ระบบระยะยาว เช่น ภาคการเงิน, การผลิต, และโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงาน ที่ไม่สามารถเปลี่ยนระบบได้บ่อย การสนับสนุน 15 ปีจึงช่วยลดความเสี่ยงและต้นทุนในการอัปเกรดระบบบ่อยครั้ง พร้อมสร้างความมั่นใจในเสถียรภาพของแพลตฟอร์ม 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ Ubuntu LTS ได้รับการสนับสนุน 15 ปี ➡️ 5 ปีมาตรฐาน + 5 ปี ESM + 5 ปี Legacy add-on ➡️ เริ่มใช้กับ Ubuntu 14.04 LTS และรุ่นถัดไปทั้งหมด ✅ รายละเอียดการใช้งาน Legacy add-on ➡️ มีค่าใช้จ่ายเพิ่ม 50% จาก Ubuntu Pro ➡️ ต้องติดต่อทีมขายหรือ Account Manager ของ Canonical ✅ ผลกระทบต่อองค์กร ➡️ ลดความเสี่ยงจากการเปลี่ยนระบบบ่อย ➡️ เหมาะสำหรับองค์กรที่ต้องการเสถียรภาพระยะยาว เช่น ภาคการเงินและพลังงาน ‼️ คำเตือนสำหรับผู้ใช้งาน ⛔ หากไม่ต่ออายุ Legacy add-on ระบบจะหมดการสนับสนุนหลัง 10 ปี ⛔ การละเลยการอัปเดตอาจทำให้เสี่ยงต่อช่องโหว่ความปลอดภัยในระบบที่ยังใช้งานอยู่ https://itsfoss.com/news/ubuntu-15-year-support-commitment/
    ITSFOSS.COM
    Ubuntu's New 15-Year Commitment Targets Long-Lived Enterprise Systems
    Legacy add-on extended to five years, starting with Ubuntu 14.04 LTS.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 89 มุมมอง 0 รีวิว
  • Tachyum Prodigy – โปรเซสเซอร์ 1,024 คอร์

    หลังจากรอคอยกว่า 6 ปี Tachyum เปิดเผยสเปกใหม่ของ Prodigy ที่ใช้สถาปัตยกรรม multi-chiplet ผลิตบนเทคโนโลยี TSMC 2nm-class โดยรุ่นสูงสุด “Prodigy Ultimate” จะมี 768–1,024 คอร์, แรม DDR5 สูงสุด 48TB ต่อซ็อกเก็ต, และแบนด์วิดท์หน่วยความจำถึง 3.38TB/s

    พลังงานและประสิทธิภาพที่ท้าทาย
    Tachyum อ้างว่า Prodigy สามารถทำงานได้เร็วกว่า Nvidia Rubin NVL576 rack ถึง 21 เท่า และให้ประสิทธิภาพ AI inference กว่า 1,000 PFLOPS อย่างไรก็ตาม ตัวเลขเหล่านี้ถูกตั้งคำถาม เนื่องจากการใช้พลังงานสูงถึง 1,600W ต่อชิป ทำให้ยากต่อการใช้งานจริงในศูนย์ข้อมูล

    ความล่าช้าและอุปสรรคการผลิต
    แม้จะมีการประกาศสเปกใหม่ แต่ Prodigy ยังไม่เข้าสู่การผลิตจริง การย้ายจากเทคโนโลยี 5nm FinFET ไปสู่ 2nm GAA ทำให้ต้องออกแบบใหม่ทั้งหมด ซึ่งอาจใช้เวลาอีก 4–5 ปีในการพัฒนาและตรวจสอบ หากทุกอย่างเป็นไปตามแผน Prodigy อาจพร้อมใช้งานจริงได้ในปี 2030–2031

    ความเสี่ยงด้านการแข่งขันและต้นทุน
    การพัฒนาชิปขั้นสูงเช่นนี้ต้องใช้เงินลงทุนมหาศาลกว่า 300 ล้านดอลลาร์ และ Tachyum อาจหมดทุนก่อนที่จะผลิตได้จริง อีกทั้งเมื่อถึงเวลานั้น ตลาดอาจเต็มไปด้วยคู่แข่งจาก AMD, Intel และ Nvidia ที่มีผลิตภัณฑ์พร้อมใช้งานแล้ว ทำให้ Prodigy เสี่ยงที่จะไม่สามารถแข่งขันได้

    สรุปประเด็นสำคัญ
    Tachyum เปิดเผยสเปกใหม่ Prodigy Processor
    รุ่น Ultimate มี 1,024 คอร์ และรองรับ DDR5 สูงสุด 48TB ต่อซ็อกเก็ต

    อ้างว่าทำงานเร็วกว่า Nvidia Rubin NVL576 ถึง 20 เท่า
    ให้ประสิทธิภาพ AI inference กว่า 1,000 PFLOPS

    ใช้สถาปัตยกรรม multi-chiplet บน TSMC 2nm-class
    มีแบนด์วิดท์หน่วยความจำสูงถึง 3.38TB/s

    การใช้พลังงานสูงถึง 1,600W ต่อชิป
    อาจไม่เหมาะกับการใช้งานจริงในศูนย์ข้อมูล

    ความล่าช้าและต้นทุนมหาศาล
    อาจต้องรอถึงปี 2030–2031 และใช้เงินลงทุนกว่า 300 ล้านดอลลาร์

    https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/after-six-years-of-promises-and-no-shipping-silicon-tachyum-revises-prodigy-processor-specs-to-1-024-cores-with-1-600w-of-power-consumption-likely-another-5-year-delay-company-claims-its-chip-is-20-times-faster-than-nvidias-rubin-nvl576-rack
    🖥️ Tachyum Prodigy – โปรเซสเซอร์ 1,024 คอร์ หลังจากรอคอยกว่า 6 ปี Tachyum เปิดเผยสเปกใหม่ของ Prodigy ที่ใช้สถาปัตยกรรม multi-chiplet ผลิตบนเทคโนโลยี TSMC 2nm-class โดยรุ่นสูงสุด “Prodigy Ultimate” จะมี 768–1,024 คอร์, แรม DDR5 สูงสุด 48TB ต่อซ็อกเก็ต, และแบนด์วิดท์หน่วยความจำถึง 3.38TB/s ⚡ พลังงานและประสิทธิภาพที่ท้าทาย Tachyum อ้างว่า Prodigy สามารถทำงานได้เร็วกว่า Nvidia Rubin NVL576 rack ถึง 21 เท่า และให้ประสิทธิภาพ AI inference กว่า 1,000 PFLOPS อย่างไรก็ตาม ตัวเลขเหล่านี้ถูกตั้งคำถาม เนื่องจากการใช้พลังงานสูงถึง 1,600W ต่อชิป ทำให้ยากต่อการใช้งานจริงในศูนย์ข้อมูล 🏭 ความล่าช้าและอุปสรรคการผลิต แม้จะมีการประกาศสเปกใหม่ แต่ Prodigy ยังไม่เข้าสู่การผลิตจริง การย้ายจากเทคโนโลยี 5nm FinFET ไปสู่ 2nm GAA ทำให้ต้องออกแบบใหม่ทั้งหมด ซึ่งอาจใช้เวลาอีก 4–5 ปีในการพัฒนาและตรวจสอบ หากทุกอย่างเป็นไปตามแผน Prodigy อาจพร้อมใช้งานจริงได้ในปี 2030–2031 🌐 ความเสี่ยงด้านการแข่งขันและต้นทุน การพัฒนาชิปขั้นสูงเช่นนี้ต้องใช้เงินลงทุนมหาศาลกว่า 300 ล้านดอลลาร์ และ Tachyum อาจหมดทุนก่อนที่จะผลิตได้จริง อีกทั้งเมื่อถึงเวลานั้น ตลาดอาจเต็มไปด้วยคู่แข่งจาก AMD, Intel และ Nvidia ที่มีผลิตภัณฑ์พร้อมใช้งานแล้ว ทำให้ Prodigy เสี่ยงที่จะไม่สามารถแข่งขันได้ 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ Tachyum เปิดเผยสเปกใหม่ Prodigy Processor ➡️ รุ่น Ultimate มี 1,024 คอร์ และรองรับ DDR5 สูงสุด 48TB ต่อซ็อกเก็ต ✅ อ้างว่าทำงานเร็วกว่า Nvidia Rubin NVL576 ถึง 20 เท่า ➡️ ให้ประสิทธิภาพ AI inference กว่า 1,000 PFLOPS ✅ ใช้สถาปัตยกรรม multi-chiplet บน TSMC 2nm-class ➡️ มีแบนด์วิดท์หน่วยความจำสูงถึง 3.38TB/s ‼️ การใช้พลังงานสูงถึง 1,600W ต่อชิป ⛔ อาจไม่เหมาะกับการใช้งานจริงในศูนย์ข้อมูล ‼️ ความล่าช้าและต้นทุนมหาศาล ⛔ อาจต้องรอถึงปี 2030–2031 และใช้เงินลงทุนกว่า 300 ล้านดอลลาร์ https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/after-six-years-of-promises-and-no-shipping-silicon-tachyum-revises-prodigy-processor-specs-to-1-024-cores-with-1-600w-of-power-consumption-likely-another-5-year-delay-company-claims-its-chip-is-20-times-faster-than-nvidias-rubin-nvl576-rack
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 105 มุมมอง 0 รีวิว
  • พระชินราชท่าเรือ อาจารย์ชุม ไชยคีรี ปี2497
    พระชินราชท่าเรือ อาจารย์ชุม ไชยคีรี พิมพ์เล็ก (พระแท้ๆ ดูง่าย หาไม่ง่ายนะครับ จำนวนสร้างน้อย หายากมาก) วัดพระบรมธาตุ จ. นครศรีธรรมราช ปี2497 // พระดีพิธีใหญ่มีการปลุกเสกอย่างเข้มขลัง พิธีนี้ได้นิมนต์พระเถราจารย์ ผู้เรืองเวทวิทยาคม 108 รูป มาร่วมประกอบพิธี //พระสถาพสวยมาก พระดูง่าย พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >>

    ** พุทธคุณแคล้วคลาดปลอดภัย เมตตามหานิยม เสริมเสน่ห์ เจรจาธุรกิจง่าย ช่วยในการค้าขายดี ผู้คนรักใคร่เอ็นดู โชคลาภ อำนาจวาสนาบารมี เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องบริหาร และ คงกระพันชาตรี ป้องกันสิ่งชั่วร้ายไม่ให้เข้ามาแผ้วพาน **

    ** พระชินราชท่าเรือ อาจารย์ชุม ไชยคีรี ปี2497 พระดีพิธีใหญ่มีการปลุกเสกอย่างเข้มขลัง การปลุกเสกเน้นเด่นเฉพาะทาง แบ่งออกเป็นช่วง ช่วงละ 7 วัน เช่น ปลุกเสกเน้นด้านคงกระพันชาตรี 7 วัน มหาอุด 7 วัน ป้องกันสัตว์ร้ายและโจรร้าย 7 วัน ป้องกันโรคภัยไข้เจ็บและภูตผีปีศาจ 7 วัน เมตตามหานิยม 7 วัน เนรมิตกายกำราบศัตรูให้เห็นเราคนเดียวเป็นหลายคน เป็นต้น **

    ** พิธีนี้ได้นิมนต์พระเถราจารย์ ผู้เรืองเวทวิทยาคม 108 รูป มาร่วมประกอบพิธี มีท่านเจ้าคุณภัทรมุขมุณี วัดพระบรมธาตุฯ เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ สำหรับพระคณาจารย์ที่ปลุกเสกขอยกมาเป็นบางส่วน ได้แก่ หลวงพ่อคล้าย วัดสวนขัน จันดี, หลวงพ่อโอภาสี บางมด ธนบุรี, หลวงพ่อเขียว วัดหรงบน, หลวงพ่อเมือง วัดท่าพญา, หลวงพ่อคง วัดคลองน้อย, หลวงพ่อมุ่ย วัดป่าระกำ ปากพนัง, หลวงพ่อแดง วัดโท ท่าศาลา, หลวงพ่อคลิ้ง วัดถลุงทอง ร่อนพิบูลย์, หลวงพ่อแดง วัดเขาหลัก ทุ่งใหญ่, หลวงพ่อตุด วัดทุ่งกง กระบี่, หลวงพ่อวัน มะนะโส วัดประสิทธิชัย, หลวงพ่อแสง วัดคลองน้ำเจ็ด ตรัง, หลวงพ่อปาล วัดเขาอ้อ, หลวงพ่อคง วัดบ้านสวน, หลวงพ่อดิษฐ์ วัดปากสระ. หลวงพ่อเจ็ก วัดเขาแดงตะวันตก, หลวงพ่อหมุน วัดเขาแดง ตะวันออก พัทลุง, หลวงพ่อพัว วัดเขาราหู (วัดบางเดือน). หลวงพ่อแดง วัดคลองไทร, หลวงพ่อวิรัช วัดกะเปา คีรีรัฐนิคม สุราษฎร์ธานี, หลวงพ่อทอง วัดดอนสะท้อน, หลวงพ่อสงฆ์ วัดศาลาลอย, หลวงพ่อจีด วัดถ้ำเขาพลู, หลวงพ่อรุ่ง วัดบางแหวน ชุมพร, หลวงพ่อท้วม วัดเขาโบสถ์ บางสะพาน, หลวงพ่อเปี่ยม วัดเกาะหลัก ประจวบคีรีขันธ์, หลวงพ่อทองศุข วัดโตนดหลวง เพชรบุรี, หลวงพ่อแดง วัดเขาบันไดอิฐ เพชรบุรี, หลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม, หลวงพ่อเต๋ วัดสามง่าม นครปฐม ฯลฯ อาจารย์ที่เป็นฆราวาสได้แก่ อ.ชุม ไชยคีรี, อ.นำ แก้วจันทร์, พล.ต.ต. ขุนพันธรักษ์ ราชเดช **

    ** พระสถาพสวยมาก พระดูง่าย พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ

    ช่องทางติดต่อ
    LINE 0881915131
    โทรศัพท์ 0881915131
    พระชินราชท่าเรือ อาจารย์ชุม ไชยคีรี ปี2497 พระชินราชท่าเรือ อาจารย์ชุม ไชยคีรี พิมพ์เล็ก (พระแท้ๆ ดูง่าย หาไม่ง่ายนะครับ จำนวนสร้างน้อย หายากมาก) วัดพระบรมธาตุ จ. นครศรีธรรมราช ปี2497 // พระดีพิธีใหญ่มีการปลุกเสกอย่างเข้มขลัง พิธีนี้ได้นิมนต์พระเถราจารย์ ผู้เรืองเวทวิทยาคม 108 รูป มาร่วมประกอบพิธี //พระสถาพสวยมาก พระดูง่าย พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >> ** พุทธคุณแคล้วคลาดปลอดภัย เมตตามหานิยม เสริมเสน่ห์ เจรจาธุรกิจง่าย ช่วยในการค้าขายดี ผู้คนรักใคร่เอ็นดู โชคลาภ อำนาจวาสนาบารมี เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องบริหาร และ คงกระพันชาตรี ป้องกันสิ่งชั่วร้ายไม่ให้เข้ามาแผ้วพาน ** ** พระชินราชท่าเรือ อาจารย์ชุม ไชยคีรี ปี2497 พระดีพิธีใหญ่มีการปลุกเสกอย่างเข้มขลัง การปลุกเสกเน้นเด่นเฉพาะทาง แบ่งออกเป็นช่วง ช่วงละ 7 วัน เช่น ปลุกเสกเน้นด้านคงกระพันชาตรี 7 วัน มหาอุด 7 วัน ป้องกันสัตว์ร้ายและโจรร้าย 7 วัน ป้องกันโรคภัยไข้เจ็บและภูตผีปีศาจ 7 วัน เมตตามหานิยม 7 วัน เนรมิตกายกำราบศัตรูให้เห็นเราคนเดียวเป็นหลายคน เป็นต้น ** ** พิธีนี้ได้นิมนต์พระเถราจารย์ ผู้เรืองเวทวิทยาคม 108 รูป มาร่วมประกอบพิธี มีท่านเจ้าคุณภัทรมุขมุณี วัดพระบรมธาตุฯ เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ สำหรับพระคณาจารย์ที่ปลุกเสกขอยกมาเป็นบางส่วน ได้แก่ หลวงพ่อคล้าย วัดสวนขัน จันดี, หลวงพ่อโอภาสี บางมด ธนบุรี, หลวงพ่อเขียว วัดหรงบน, หลวงพ่อเมือง วัดท่าพญา, หลวงพ่อคง วัดคลองน้อย, หลวงพ่อมุ่ย วัดป่าระกำ ปากพนัง, หลวงพ่อแดง วัดโท ท่าศาลา, หลวงพ่อคลิ้ง วัดถลุงทอง ร่อนพิบูลย์, หลวงพ่อแดง วัดเขาหลัก ทุ่งใหญ่, หลวงพ่อตุด วัดทุ่งกง กระบี่, หลวงพ่อวัน มะนะโส วัดประสิทธิชัย, หลวงพ่อแสง วัดคลองน้ำเจ็ด ตรัง, หลวงพ่อปาล วัดเขาอ้อ, หลวงพ่อคง วัดบ้านสวน, หลวงพ่อดิษฐ์ วัดปากสระ. หลวงพ่อเจ็ก วัดเขาแดงตะวันตก, หลวงพ่อหมุน วัดเขาแดง ตะวันออก พัทลุง, หลวงพ่อพัว วัดเขาราหู (วัดบางเดือน). หลวงพ่อแดง วัดคลองไทร, หลวงพ่อวิรัช วัดกะเปา คีรีรัฐนิคม สุราษฎร์ธานี, หลวงพ่อทอง วัดดอนสะท้อน, หลวงพ่อสงฆ์ วัดศาลาลอย, หลวงพ่อจีด วัดถ้ำเขาพลู, หลวงพ่อรุ่ง วัดบางแหวน ชุมพร, หลวงพ่อท้วม วัดเขาโบสถ์ บางสะพาน, หลวงพ่อเปี่ยม วัดเกาะหลัก ประจวบคีรีขันธ์, หลวงพ่อทองศุข วัดโตนดหลวง เพชรบุรี, หลวงพ่อแดง วัดเขาบันไดอิฐ เพชรบุรี, หลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม, หลวงพ่อเต๋ วัดสามง่าม นครปฐม ฯลฯ อาจารย์ที่เป็นฆราวาสได้แก่ อ.ชุม ไชยคีรี, อ.นำ แก้วจันทร์, พล.ต.ต. ขุนพันธรักษ์ ราชเดช ** ** พระสถาพสวยมาก พระดูง่าย พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ ช่องทางติดต่อ LINE 0881915131 โทรศัพท์ 0881915131
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 136 มุมมอง 0 รีวิว
  • ♣ วันนั้นบอกไม่ประกัน ยอมติดคุก ยอมสูญเสียอิสรภาพ เต็มใจเผชิญ แต่พอติดคุกจริง มาจนถึงวันนี้ ได้ยื่นขอประกัน 20 กว่าครั้ง ศาลคงอยากให้อานนท์รักษาสัจจะลูกผู้ชาย ลั่นวาจาไว้ไม่คืนคำ
    #7ดอกจิก
    ♣ วันนั้นบอกไม่ประกัน ยอมติดคุก ยอมสูญเสียอิสรภาพ เต็มใจเผชิญ แต่พอติดคุกจริง มาจนถึงวันนี้ ได้ยื่นขอประกัน 20 กว่าครั้ง ศาลคงอยากให้อานนท์รักษาสัจจะลูกผู้ชาย ลั่นวาจาไว้ไม่คืนคำ #7ดอกจิก
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 72 มุมมอง 0 รีวิว
  • บทความกฎหมาย EP.24

    สัญญาจ้างทำของคือความสัมพันธ์ทางนิติบุคคลที่มิได้มุ่งเน้นที่การเข้าทำงานหรือการอยู่ภายใต้บังคับบัญชาเฉกเช่นสัญญาจ้างแรงงาน แต่เป็นพันธกรณีที่บุคคลฝ่ายหนึ่งที่เรียกว่า ผู้รับจ้าง ตกลงเข้าทำการงานสิ่งหนึ่งสิ่งใดจนกว่าจะสำเร็จบริบูรณ์ให้กับผู้ว่าจ้าง โดยสาระสำคัญสูงสุดของสัญญานี้คือ ความสำเร็จของผลงานที่ตกลงกันไว้ ตามที่ระบุไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ลักษณะจ้างทำของ ผู้รับจ้างมีเสรีภาพในการเลือกวิธีการและเครื่องมือในการทำงานอย่างเต็มที่ตราบใดที่ผลลัพธ์สุดท้ายเป็นไปตามข้อกำหนดและมาตรฐานที่ผู้ว่าจ้างได้กำหนดไว้ตั้งแต่ต้น เมื่อพิจารณาในแง่มุมของความรับผิด ผู้รับจ้างจะต้องรับผิดชอบต่อความชำรุดบกพร่องของสิ่งที่ทำขึ้นนั้นเสมือนเป็นความรับผิดของผู้ขาย การโอนกรรมสิทธิ์ในวัตถุแห่งการจ้างทำของจะเกิดขึ้นเมื่อผู้ว่าจ้างได้รับมอบและตรวจรับผลงานแล้ว เว้นแต่จะมีการตกลงกันเป็นอย่างอื่นในสัญญา การทำความเข้าใจองค์ประกอบทางกฎหมายเหล่านี้จึงเป็นสิ่งสำคัญยิ่งในการสร้างความชัดเจนและป้องกันข้อพิพาทที่อาจเกิดขึ้นภายหลังการส่งมอบงาน

    ในทางปฏิบัติ การตีความสัญญาจ้างทำของต้องให้ความสำคัญกับเจตนาของคู่สัญญาเป็นหลัก หากข้อตกลงใดที่บ่งชี้ว่าการจ่ายสินจ้างผูกพันอยู่กับการทำงานครบตามระยะเวลา หรือมีการควบคุมการทำงานอย่างละเอียดโดยผู้ว่าจ้าง สัญญานั้นอาจถูกศาลตีความว่ามีลักษณะโน้มเอียงไปทางสัญญาจ้างแรงงานได้ ถึงแม้ชื่อสัญญาจะระบุว่าเป็นการจ้างทำของก็ตาม ซึ่งจะส่งผลให้สิทธิและหน้าที่ของคู่สัญญามีความเปลี่ยนแปลงไปตามกฎหมายคุ้มครองแรงงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งสิทธิในการได้รับค่าชดเชยหรือสิทธิประโยชน์อื่น ๆ ดังนั้น การร่างสัญญาจึงต้องระมัดระวังในการกำหนดขอบเขตอำนาจหน้าที่และอิสระในการทำงานของผู้รับจ้างให้ชัดเจน เพื่อให้สอดคล้องกับเจตนารมณ์ของการจ้างทำของอย่างแท้จริง การชำระสินจ้างจึงจะเกิดขึ้นต่อเมื่อมีการส่งมอบผลสำเร็จที่สมบูรณ์เท่านั้น หากผลงานนั้นไม่แล้วเสร็จหรือมีความบกพร่อง ผู้ว่าจ้างมีสิทธิปฏิเสธการรับมอบและมีสิทธิเรียกให้ผู้รับจ้างแก้ไขให้ถูกต้อง หรืออาจบอกเลิกสัญญาได้ตามเงื่อนไขที่กฎหมายกำหนด

    ด้วยเหตุนี้ สัญญาจ้างทำของจึงเป็นกลไกทางกฎหมายที่ตอบโจทย์ความต้องการในการสร้างสรรค์หรือผลิตสิ่งของเฉพาะเจาะจง โดยตั้งอยู่บนหลักการแลกเปลี่ยนระหว่างการผลิตผลงานสำเร็จกับค่าสินจ้างที่ยุติธรรม คู่สัญญาทั้งสองฝ่ายจึงควรตระหนักถึงความผูกพันตามตัวบทกฎหมายอย่างถี่ถ้วน การกำหนดรายละเอียดของผลงานที่ชัดเจน มาตรฐานคุณภาพ วันเวลาส่งมอบ และเงื่อนไขการตรวจรับ เป็นกุญแจสำคัญที่จะนำพาให้การทำสัญญาดังกล่าวเป็นไปอย่างราบรื่นและมีผลบังคับใช้ได้อย่างสมบูรณ์ตามเจตนารมณ์ของคู่สัญญาและหลักกฎหมาย
    บทความกฎหมาย EP.24 สัญญาจ้างทำของคือความสัมพันธ์ทางนิติบุคคลที่มิได้มุ่งเน้นที่การเข้าทำงานหรือการอยู่ภายใต้บังคับบัญชาเฉกเช่นสัญญาจ้างแรงงาน แต่เป็นพันธกรณีที่บุคคลฝ่ายหนึ่งที่เรียกว่า ผู้รับจ้าง ตกลงเข้าทำการงานสิ่งหนึ่งสิ่งใดจนกว่าจะสำเร็จบริบูรณ์ให้กับผู้ว่าจ้าง โดยสาระสำคัญสูงสุดของสัญญานี้คือ ความสำเร็จของผลงานที่ตกลงกันไว้ ตามที่ระบุไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ลักษณะจ้างทำของ ผู้รับจ้างมีเสรีภาพในการเลือกวิธีการและเครื่องมือในการทำงานอย่างเต็มที่ตราบใดที่ผลลัพธ์สุดท้ายเป็นไปตามข้อกำหนดและมาตรฐานที่ผู้ว่าจ้างได้กำหนดไว้ตั้งแต่ต้น เมื่อพิจารณาในแง่มุมของความรับผิด ผู้รับจ้างจะต้องรับผิดชอบต่อความชำรุดบกพร่องของสิ่งที่ทำขึ้นนั้นเสมือนเป็นความรับผิดของผู้ขาย การโอนกรรมสิทธิ์ในวัตถุแห่งการจ้างทำของจะเกิดขึ้นเมื่อผู้ว่าจ้างได้รับมอบและตรวจรับผลงานแล้ว เว้นแต่จะมีการตกลงกันเป็นอย่างอื่นในสัญญา การทำความเข้าใจองค์ประกอบทางกฎหมายเหล่านี้จึงเป็นสิ่งสำคัญยิ่งในการสร้างความชัดเจนและป้องกันข้อพิพาทที่อาจเกิดขึ้นภายหลังการส่งมอบงาน ในทางปฏิบัติ การตีความสัญญาจ้างทำของต้องให้ความสำคัญกับเจตนาของคู่สัญญาเป็นหลัก หากข้อตกลงใดที่บ่งชี้ว่าการจ่ายสินจ้างผูกพันอยู่กับการทำงานครบตามระยะเวลา หรือมีการควบคุมการทำงานอย่างละเอียดโดยผู้ว่าจ้าง สัญญานั้นอาจถูกศาลตีความว่ามีลักษณะโน้มเอียงไปทางสัญญาจ้างแรงงานได้ ถึงแม้ชื่อสัญญาจะระบุว่าเป็นการจ้างทำของก็ตาม ซึ่งจะส่งผลให้สิทธิและหน้าที่ของคู่สัญญามีความเปลี่ยนแปลงไปตามกฎหมายคุ้มครองแรงงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งสิทธิในการได้รับค่าชดเชยหรือสิทธิประโยชน์อื่น ๆ ดังนั้น การร่างสัญญาจึงต้องระมัดระวังในการกำหนดขอบเขตอำนาจหน้าที่และอิสระในการทำงานของผู้รับจ้างให้ชัดเจน เพื่อให้สอดคล้องกับเจตนารมณ์ของการจ้างทำของอย่างแท้จริง การชำระสินจ้างจึงจะเกิดขึ้นต่อเมื่อมีการส่งมอบผลสำเร็จที่สมบูรณ์เท่านั้น หากผลงานนั้นไม่แล้วเสร็จหรือมีความบกพร่อง ผู้ว่าจ้างมีสิทธิปฏิเสธการรับมอบและมีสิทธิเรียกให้ผู้รับจ้างแก้ไขให้ถูกต้อง หรืออาจบอกเลิกสัญญาได้ตามเงื่อนไขที่กฎหมายกำหนด ด้วยเหตุนี้ สัญญาจ้างทำของจึงเป็นกลไกทางกฎหมายที่ตอบโจทย์ความต้องการในการสร้างสรรค์หรือผลิตสิ่งของเฉพาะเจาะจง โดยตั้งอยู่บนหลักการแลกเปลี่ยนระหว่างการผลิตผลงานสำเร็จกับค่าสินจ้างที่ยุติธรรม คู่สัญญาทั้งสองฝ่ายจึงควรตระหนักถึงความผูกพันตามตัวบทกฎหมายอย่างถี่ถ้วน การกำหนดรายละเอียดของผลงานที่ชัดเจน มาตรฐานคุณภาพ วันเวลาส่งมอบ และเงื่อนไขการตรวจรับ เป็นกุญแจสำคัญที่จะนำพาให้การทำสัญญาดังกล่าวเป็นไปอย่างราบรื่นและมีผลบังคับใช้ได้อย่างสมบูรณ์ตามเจตนารมณ์ของคู่สัญญาและหลักกฎหมาย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 112 มุมมอง 0 รีวิว
  • เพื่อไทยเปิดตัวผู้สมัคร สส. รอบที่ 4 รวม 11 คน เน้นพื้นที่นนทบุรี-เติมเต็มเป้าหมาย 200 ที่นั่ง
    https://www.thai-tai.tv/news/22370/
    .
    #ไทยไท #พรรคเพื่อไทย #สุริยะจึงรุ่งเรืองกิจ #จุลพันธ์อมรวิวัฒน์ #เลือกตั้ง200 #นนทบุรี

    เพื่อไทยเปิดตัวผู้สมัคร สส. รอบที่ 4 รวม 11 คน เน้นพื้นที่นนทบุรี-เติมเต็มเป้าหมาย 200 ที่นั่ง https://www.thai-tai.tv/news/22370/ . #ไทยไท #พรรคเพื่อไทย #สุริยะจึงรุ่งเรืองกิจ #จุลพันธ์อมรวิวัฒน์ #เลือกตั้ง200 #นนทบุรี
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 68 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts