• อริยสาวกพึงฝึกหัดศึกษาว่าวิถีแห่งจิตหยั่งลงสู่อมตะเมื่อประกอบด้วยสัญญาอันเหมาะสม
    สัทธรรมลำดับที่ : 646
    ชื่อบทธรรม :- จิตหยั่งลงสู่อมตะเมื่อประกอบด้วยสัญญาอันเหมาะสม
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=646
    เนื้อรวามทั้งหมด :-
    --จิตหยั่งลงสู่อมตะเมื่อประกอบด้วยสัญญาอันเหมาะสม
    --ภิกษุ ท. ! สัญญาเจ็ดประการเหล่านี้ อันบุคคลเจริญ กระทำให้มากแล้ว
    ย่อมมีผลใหญ่ มีอานิสงส์ใหญ่ หยั่งลงสู่อมตะ $มีอมตะเป็นปริโยสาน.
    +--เจ็ดประการ อย่างไรเล่า ? คือ
    ๑. อสุภสัญญา
    ๒. มรณสัญญา
    ๓. อาหาเรปฏิกูลสัญญา
    ๔. สัพพโลเกอนภิรตสัญญา
    ๕. อนิจจสัญญา
    ๖. อนิจเจทุกขสัญญา
    ๗. ทุกเขอนัตตสัญญา.

    --ภิกษุ ท. ! เมื่อภิกษุ
    ๑. มีจิตอบรมด้วย #อสุภสัญญา อยู่เป็นอย่างมาก
    จิตย่อมหวนกลับ งอกลับ ถอยกลับ
    ไม่ยื่นเข้าไปในการดื่มด่ำ อยู่ในเมถุนธรรม
    แต่ความวางเฉยหรือว่าความรู้สึกว่าปฏิกูล ดำรงอยู่ในจิต ;
    http://etipitaka.com/read/pali/23/48/?keywords=เมถุน+ปฏิกุ
    เปรียบเหมือนขนไก่หรือเส้นเอ็นที่เขาใส่ลงในไฟ
    ย่อมหด ย่อมงอ ไม่เหยียดออก ฉันใดก็ฉันนั้น.
    +--ภิกษุ ท. ! ถ้าเมื่อภิกษุมีจิตอบรมด้วยอสุภสัญญาอยู่เป็นอย่างมาก
    แต่จิตยังไหลเข้าไปในความดื่มด่ำอยู่ในเมถุนธรรม
    หรือความรู้สึกว่าไม่ปฏิกูลยังดำรง อยู่ในจิตแล้วไซร้ ;
    +--ภิกษุนั้นพึงทราบเถิดว่า
    “อสุภสัญญาเป็นอันเรามิได้อบรมเสียแล้ว
    คุณวิเศษที่ยิ่งกว่าแต่ก่อนของเราไม่มี
    เรายังมิได้บรรลุผลแห่งภาวนา”
    ดังนี้.
    เธอเป็นผู้มีสัมปชัญญะในเรื่องนี้อยู่ดังนี้.
    +--ภิกษุ ท. ! เรามีเหตุผลในข้อนี้อยู่ดังนี้ จึงกล่าวว่า
    “อสุภสัญญาอันบุคคลเจริญ กระทำให้มากแล้ว
    ย่อมมีผลใหญ่ มีอานิสงส์ใหญ่
    หยั่งลงสู่อมตะ #มีอมตะเป็นปริโยสาน”
    ดังนี้.

    [ หมายเหตุ
    ๒. ในกรณีแห่ง #มรณสัญญา
    อันเป็นเครื่องทำจิตให้ถอยกลับ จากความยินดีในชีวิต (ชีวิตนิกนฺติ) ก็ดี ;
    http://etipitaka.com/read/pali/23/49/?keywords=ชีวิตนิกนฺติ

    ๓. ในกรณีแห่ง #อาหาเรปฏิกูลสัญญา
    อันเป็นเครื่องทำจิตให้ถอยกลับ จากตัณหาในรส(รสตณฺหา) ก็ดี ;
    http://etipitaka.com/read/pali/23/50/?keywords=รสตณฺหา

    ๔. ในกรณีแห่ง #สัพพโลเกอนภิรตสัญญา
    อันเป็นเครื่องทำจิตให้ถอยกลับ จากความเป็นจิตติดอยู่ในโลก (โลกจิตฺเต) ก็ดี ;
    http://etipitaka.com/read/pali/23/51/?keywords=โลกจิตฺเต

    ๕. ในกรณีแห่ง #อนิจจสัญญา
    อันเป็นเครื่องทำจิตให้ถอยกลับ จากลาภสักการะและเสียงสรรเสริญ (ลาภสกฺการสิโลก) ก็ดี ;
    http://etipitaka.com/read/pali/23/52/?keywords=ลาภสกฺก
    ทั้งสี่สัญญานี้
    ได้ตรัสไว้ด้วยข้อความทำนองเดียวกันกับ &อสุภสัญญา
    ซึ่งผู้ศึกษาสามารถทำการเปรียบเทียบดูเองได้

    ต่อไปนี้ได้ตรัสถึง &อนิจเจทุกขสัญญา
    อันมีระเบียบแห่งถ้อยคำแปลกออกไปดังต่อไปนี้ :- ]

    --ภิกษุ ท. ! เมื่อภิกษุมีจิตอบรมด้วย
    ๖. #อนิจเจทุกขสัญญา อยู่เป็นอย่างมาก
    สัญญาว่าความน่ากลัวอันแรงกล้า (ติพฺพา ภยสญฺญา)
    http://etipitaka.com/read/pali/23/54/?keywords=ติพฺพา+ภยสญฺญา
    ย่อมปรากฏขึ้นในความไม่ขยัน ในความเกียจคร้าน
    ในความทอดทิ้งการงาน ความประมาท ความไม่ประกอบความเพียร และ
    ในความสะเพร่า อย่างน่ากลัวเปรียบเสมือนมีเพชฌฆาตเงื้อดาบอยู่ตรงหน้า ฉะนั้น.
    +--ภิกษุ ท. ! ถ้าเมื่อภิกษุมีจิตอบรมด้วยอนิจเจทุกขสัญญาอยู่เป็นอย่างมาก
    แต่สัญญาว่าความน่ากลัวอันแรงกล้า
    ในความไม่ขยัน ในความเกียจคร้าน ในความทอดทิ้งการงาน
    ความประมาท ความไม่ประกอบ ความเพียร และในความสะเพร่า
    ก็ไม่ปรากฏขึ้นอย่างน่ากลัวเสมือนหนึ่งมี เพชฌฆาตเงื้อดาบอยู่ตรงหน้า แล้วไซร ้;
    +--ภิกษุนั้นพึงทราบเถิดว่า
    “อนิจเจทุกขสัญญาเป็นอันเรามิได้อบรมเสียแล้ว
    คุณวิเศษที่ยิ่งกว่าแต่ก่อนของเราไม่มี
    เรายังมิได้บรรลุผลแห่งภาวนา”
    ดังนี้.
    เธอเป็นผู้มีสัมปชัญญะในเรื่องนี้อยู่
    ดังนี้.
    +--ภิกษุ ท. ! เรามีเหตุผลในข้อนี้อยู่ดังนี้ จึงกล่าวว่า
    “อนิจเจทุกขสัญญา อันบุคคลเจริญกระทำให้มากแล้ว
    ย่อมมีผลใหญ่ มีอานิสงส์ใหญ่ หยั่งลงสู่อมตะ มีอมตะเป็นปริโยสาน”
    ดังนี้.
    --ภิกษุ ท. ! เมื่อภิกษุมีจิตอบรมด้วย

    ๗. #ทุกเขอนัตตสัญญา อยู่เป็นอย่างมาก
    ใจย่อมปราศจากมานะว่าเราว่าของเรา (อหํการมมํการมาน) ทั้งในกาย
    http://etipitaka.com/read/pali/23/55/?keywords=อหํการมมํการมาน
    อันประกอบด้วยวิญญาณนี้และในนิมิตทั้งหลายในภายนอกด้วย
    เป็นใจที่ก้าวล่วงเสียได้ซึ่งวิธา (มานะ ๓ ชั้น) เป็นใจสงบระงับ พ้นพิเศษแล้วด้วยดี.
    +--ภิกษุ ท. ! ถ้าเมื่อภิกษุมีจิตอบรมด้วย ทุกเขอนัตตสัญญาอยู่เป็นอย่างมาก
    แต่ใจยังไม่ปราศจากมานะว่าเราว่าของเรา
    ทั้งในกายอันประกอบด้วยวิญญาณนี้และในนิมิตทั้งหลายในภายนอก
    ไม่เป็นใจก้าวล่วงเสียได้ซึ่งวิธา ไม่สงบระงับพ้นพิเศษแล้วด้วยดีแล้วไซร้ ;
    ภิกษุนั้น พึงทราบเถิดว่า
    “ทุกเขอนัตตสัญญาเป็นอันเรามิได้อบรมเสียแล้ว
    คุณวิเศษที่ยิ่งกว่าแต่ก่อนของเราไม่มี
    เรายังมิได้บรรลุผลแห่งภาวนา” ดังนี้.
    เธอเป็นผู้มีสัมปชัญญะในเรื่องนี้อยู่ดังนี้.
    +--ภิกษุ ท. ! เรามีเหตุผลในข้อนี้ อยู่ดังนี้ จึงกล่าวว่า
    “ทุกเขอนัตตสัญญาอันบุคคลเจริญ กระทำให้มากแล้ว
    ย่อมมีผลใหญ่ มีอานิสงส์ใหญ่ หยั่งลงสู่อมตะ มีอมตะเป็นปริโยสาน”
    ดังนี้.
    --ภิกษุ ท. ! สัญญาเจ็ดประการเหล่านี้แล อันบุคคลเจริญกระทำให้มากแล้ว
    ย่อมมีผลใหญ่ มีอานิสงส์ใหญ่ หยั่งลงสู่อมตะ มีอมตะเป็นปริโยสาน, แล.-
    http://etipitaka.com/read/pali/23/55/?keywords=อมตปริโยสาน

    (ผู้ศึกษาพึงสังเกตให้เห็นว่า สัญญา เหล่านี้
    แม้จะนำไปสู่อมตะด้วยกันทั้งนั้นแต่ก็มีลักษณะต่างๆ กัน
    พึงเลือกเฟ้นเจริญให้ถูกต้องเหมาะสมแก่กรณีของตนๆ เถิด).

    #ทุกขมรรค#อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์
    อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - สตฺตก. อํ. 23/45/46.
    http://etipitaka.com/read/thai/23/45/?keywords=%E0%B9%94%E0%B9%96
    อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - สตฺตก. อํ. ๒๓/๔๘/๔๖.
    http://etipitaka.com/read/pali/23/48/?keywords=%E0%B9%94%E0%B9%96
    ศึกษาเพิ่มเติม...
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=646
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=44&id=646
    หรือ
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=44
    ลำดับสาธยายธรรม : 44 ฟังเสียง...
    http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_44.mp3
    อริยสาวกพึงฝึกหัดศึกษาว่าวิถีแห่งจิตหยั่งลงสู่อมตะเมื่อประกอบด้วยสัญญาอันเหมาะสม สัทธรรมลำดับที่ : 646 ชื่อบทธรรม :- จิตหยั่งลงสู่อมตะเมื่อประกอบด้วยสัญญาอันเหมาะสม https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=646 เนื้อรวามทั้งหมด :- --จิตหยั่งลงสู่อมตะเมื่อประกอบด้วยสัญญาอันเหมาะสม --ภิกษุ ท. ! สัญญาเจ็ดประการเหล่านี้ อันบุคคลเจริญ กระทำให้มากแล้ว ย่อมมีผลใหญ่ มีอานิสงส์ใหญ่ หยั่งลงสู่อมตะ $มีอมตะเป็นปริโยสาน. +--เจ็ดประการ อย่างไรเล่า ? คือ ๑. อสุภสัญญา ๒. มรณสัญญา ๓. อาหาเรปฏิกูลสัญญา ๔. สัพพโลเกอนภิรตสัญญา ๕. อนิจจสัญญา ๖. อนิจเจทุกขสัญญา ๗. ทุกเขอนัตตสัญญา. --ภิกษุ ท. ! เมื่อภิกษุ ๑. มีจิตอบรมด้วย #อสุภสัญญา อยู่เป็นอย่างมาก จิตย่อมหวนกลับ งอกลับ ถอยกลับ ไม่ยื่นเข้าไปในการดื่มด่ำ อยู่ในเมถุนธรรม แต่ความวางเฉยหรือว่าความรู้สึกว่าปฏิกูล ดำรงอยู่ในจิต ; http://etipitaka.com/read/pali/23/48/?keywords=เมถุน+ปฏิกุ เปรียบเหมือนขนไก่หรือเส้นเอ็นที่เขาใส่ลงในไฟ ย่อมหด ย่อมงอ ไม่เหยียดออก ฉันใดก็ฉันนั้น. +--ภิกษุ ท. ! ถ้าเมื่อภิกษุมีจิตอบรมด้วยอสุภสัญญาอยู่เป็นอย่างมาก แต่จิตยังไหลเข้าไปในความดื่มด่ำอยู่ในเมถุนธรรม หรือความรู้สึกว่าไม่ปฏิกูลยังดำรง อยู่ในจิตแล้วไซร้ ; +--ภิกษุนั้นพึงทราบเถิดว่า “อสุภสัญญาเป็นอันเรามิได้อบรมเสียแล้ว คุณวิเศษที่ยิ่งกว่าแต่ก่อนของเราไม่มี เรายังมิได้บรรลุผลแห่งภาวนา” ดังนี้. เธอเป็นผู้มีสัมปชัญญะในเรื่องนี้อยู่ดังนี้. +--ภิกษุ ท. ! เรามีเหตุผลในข้อนี้อยู่ดังนี้ จึงกล่าวว่า “อสุภสัญญาอันบุคคลเจริญ กระทำให้มากแล้ว ย่อมมีผลใหญ่ มีอานิสงส์ใหญ่ หยั่งลงสู่อมตะ #มีอมตะเป็นปริโยสาน” ดังนี้. [ หมายเหตุ ๒. ในกรณีแห่ง #มรณสัญญา อันเป็นเครื่องทำจิตให้ถอยกลับ จากความยินดีในชีวิต (ชีวิตนิกนฺติ) ก็ดี ; http://etipitaka.com/read/pali/23/49/?keywords=ชีวิตนิกนฺติ ๓. ในกรณีแห่ง #อาหาเรปฏิกูลสัญญา อันเป็นเครื่องทำจิตให้ถอยกลับ จากตัณหาในรส(รสตณฺหา) ก็ดี ; http://etipitaka.com/read/pali/23/50/?keywords=รสตณฺหา ๔. ในกรณีแห่ง #สัพพโลเกอนภิรตสัญญา อันเป็นเครื่องทำจิตให้ถอยกลับ จากความเป็นจิตติดอยู่ในโลก (โลกจิตฺเต) ก็ดี ; http://etipitaka.com/read/pali/23/51/?keywords=โลกจิตฺเต ๕. ในกรณีแห่ง #อนิจจสัญญา อันเป็นเครื่องทำจิตให้ถอยกลับ จากลาภสักการะและเสียงสรรเสริญ (ลาภสกฺการสิโลก) ก็ดี ; http://etipitaka.com/read/pali/23/52/?keywords=ลาภสกฺก ทั้งสี่สัญญานี้ ได้ตรัสไว้ด้วยข้อความทำนองเดียวกันกับ &อสุภสัญญา ซึ่งผู้ศึกษาสามารถทำการเปรียบเทียบดูเองได้ ต่อไปนี้ได้ตรัสถึง &อนิจเจทุกขสัญญา อันมีระเบียบแห่งถ้อยคำแปลกออกไปดังต่อไปนี้ :- ] --ภิกษุ ท. ! เมื่อภิกษุมีจิตอบรมด้วย ๖. #อนิจเจทุกขสัญญา อยู่เป็นอย่างมาก สัญญาว่าความน่ากลัวอันแรงกล้า (ติพฺพา ภยสญฺญา) http://etipitaka.com/read/pali/23/54/?keywords=ติพฺพา+ภยสญฺญา ย่อมปรากฏขึ้นในความไม่ขยัน ในความเกียจคร้าน ในความทอดทิ้งการงาน ความประมาท ความไม่ประกอบความเพียร และ ในความสะเพร่า อย่างน่ากลัวเปรียบเสมือนมีเพชฌฆาตเงื้อดาบอยู่ตรงหน้า ฉะนั้น. +--ภิกษุ ท. ! ถ้าเมื่อภิกษุมีจิตอบรมด้วยอนิจเจทุกขสัญญาอยู่เป็นอย่างมาก แต่สัญญาว่าความน่ากลัวอันแรงกล้า ในความไม่ขยัน ในความเกียจคร้าน ในความทอดทิ้งการงาน ความประมาท ความไม่ประกอบ ความเพียร และในความสะเพร่า ก็ไม่ปรากฏขึ้นอย่างน่ากลัวเสมือนหนึ่งมี เพชฌฆาตเงื้อดาบอยู่ตรงหน้า แล้วไซร ้; +--ภิกษุนั้นพึงทราบเถิดว่า “อนิจเจทุกขสัญญาเป็นอันเรามิได้อบรมเสียแล้ว คุณวิเศษที่ยิ่งกว่าแต่ก่อนของเราไม่มี เรายังมิได้บรรลุผลแห่งภาวนา” ดังนี้. เธอเป็นผู้มีสัมปชัญญะในเรื่องนี้อยู่ ดังนี้. +--ภิกษุ ท. ! เรามีเหตุผลในข้อนี้อยู่ดังนี้ จึงกล่าวว่า “อนิจเจทุกขสัญญา อันบุคคลเจริญกระทำให้มากแล้ว ย่อมมีผลใหญ่ มีอานิสงส์ใหญ่ หยั่งลงสู่อมตะ มีอมตะเป็นปริโยสาน” ดังนี้. --ภิกษุ ท. ! เมื่อภิกษุมีจิตอบรมด้วย ๗. #ทุกเขอนัตตสัญญา อยู่เป็นอย่างมาก ใจย่อมปราศจากมานะว่าเราว่าของเรา (อหํการมมํการมาน) ทั้งในกาย http://etipitaka.com/read/pali/23/55/?keywords=อหํการมมํการมาน อันประกอบด้วยวิญญาณนี้และในนิมิตทั้งหลายในภายนอกด้วย เป็นใจที่ก้าวล่วงเสียได้ซึ่งวิธา (มานะ ๓ ชั้น) เป็นใจสงบระงับ พ้นพิเศษแล้วด้วยดี. +--ภิกษุ ท. ! ถ้าเมื่อภิกษุมีจิตอบรมด้วย ทุกเขอนัตตสัญญาอยู่เป็นอย่างมาก แต่ใจยังไม่ปราศจากมานะว่าเราว่าของเรา ทั้งในกายอันประกอบด้วยวิญญาณนี้และในนิมิตทั้งหลายในภายนอก ไม่เป็นใจก้าวล่วงเสียได้ซึ่งวิธา ไม่สงบระงับพ้นพิเศษแล้วด้วยดีแล้วไซร้ ; ภิกษุนั้น พึงทราบเถิดว่า “ทุกเขอนัตตสัญญาเป็นอันเรามิได้อบรมเสียแล้ว คุณวิเศษที่ยิ่งกว่าแต่ก่อนของเราไม่มี เรายังมิได้บรรลุผลแห่งภาวนา” ดังนี้. เธอเป็นผู้มีสัมปชัญญะในเรื่องนี้อยู่ดังนี้. +--ภิกษุ ท. ! เรามีเหตุผลในข้อนี้ อยู่ดังนี้ จึงกล่าวว่า “ทุกเขอนัตตสัญญาอันบุคคลเจริญ กระทำให้มากแล้ว ย่อมมีผลใหญ่ มีอานิสงส์ใหญ่ หยั่งลงสู่อมตะ มีอมตะเป็นปริโยสาน” ดังนี้. --ภิกษุ ท. ! สัญญาเจ็ดประการเหล่านี้แล อันบุคคลเจริญกระทำให้มากแล้ว ย่อมมีผลใหญ่ มีอานิสงส์ใหญ่ หยั่งลงสู่อมตะ มีอมตะเป็นปริโยสาน, แล.- http://etipitaka.com/read/pali/23/55/?keywords=อมตปริโยสาน (ผู้ศึกษาพึงสังเกตให้เห็นว่า สัญญา เหล่านี้ แม้จะนำไปสู่อมตะด้วยกันทั้งนั้นแต่ก็มีลักษณะต่างๆ กัน พึงเลือกเฟ้นเจริญให้ถูกต้องเหมาะสมแก่กรณีของตนๆ เถิด). #ทุกขมรรค​ #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์ อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - สตฺตก. อํ. 23/45/46. http://etipitaka.com/read/thai/23/45/?keywords=%E0%B9%94%E0%B9%96 อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - สตฺตก. อํ. ๒๓/๔๘/๔๖. http://etipitaka.com/read/pali/23/48/?keywords=%E0%B9%94%E0%B9%96 ศึกษาเพิ่มเติม... https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=646 http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=44&id=646 หรือ http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=44 ลำดับสาธยายธรรม : 44 ฟังเสียง... http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_44.mp3
    WWW.XN--N3CCDACA9AWFTA5NMBZD0ND.COM
    - [ข้อความในสูตรอื่น (๑๘/๒๗๒-๒๗๓/๔๐๑-๔๐๒.) แทนที่จะทรงเรียกอาการเช่นนี้แห่ง สังขารว่า “ความดับ” (นิโรโธ) แต่ไปทรงเรียกเสียว่า “ความเข้าไปสงบ” (วูปสโม) ก็มีและทรงเรียกว่า “ความสงบรำงับเฉพาะ” (ปฏิปฺปสฺสทฺธิ) ก็มี].
    -[ข้อความในสูตรอื่น (๑๘/๒๗๒-๒๗๓/๔๐๑-๔๐๒.) แทนที่จะทรงเรียกอาการเช่นนี้แห่ง สังขารว่า “ความดับ” (นิโรโธ) แต่ไปทรงเรียกเสียว่า “ความเข้าไปสงบ” (วูปสโม) ก็มีและทรงเรียกว่า “ความสงบรำงับเฉพาะ” (ปฏิปฺปสฺสทฺธิ) ก็มี]. จิตหยั่งลงสู่อมตะเมื่อประกอบด้วยสัญญาอันเหมาะสม ภิกษุ ท. ! สัญญาเจ็ดประการเหล่านี้ อันบุคคลเจริญ กระทำให้มากแล้ว ย่อมมีผลใหญ่ มีอานิสงส์ใหญ่ หยั่งลงสู่อมตะ มีอมตะเป็นปริโยสาน. เจ็ดประการ อย่างไรเล่า ? คือ อสุภสัญญา มรณสัญญา อาหาเรปฏิกูลสัญญา สัพพโลเกอนภิรตสัญญา อนิจจสัญญา อนิจเจทุกขสัญญา ทุกเขอนัตตสัญญา. ภิกษุ ท. ! เมื่อภิกษุมีจิตอบรมด้วย อสุภสัญญา อยู่เป็นอย่างมาก จิตย่อมหวนกลับ งอกลับ ถอยกลับ ไม่ยื่นเข้าไปในการดื่มด่ำ อยู่ในเมถุนธรรม แต่ความวางเฉยหรือว่าความรู้สึกว่าปฏิกูล ดำรงอยู่ในจิต ; เปรียบเหมือนขนไก่หรือเส้นเอ็นที่เขาใส่ลงในไฟ ย่อมหด ย่อมงอ ไม่เหยียดออก ฉันใดก็ฉันนั้น. ภิกษุ ท. ! ถ้าเมื่อภิกษุมีจิตอบรมด้วยอสุภสัญญาอยู่เป็นอย่างมาก แต่จิตยังไหลเข้าไปในความดื่มด่ำอยู่ในเมถุนธรรม หรือความรู้สึกว่าไม่ปฏิกูลยังดำรง อยู่ในจิตแล้วไซร้ ; ภิกษุนั้นพึงทราบเถิดว่า “อสุภสัญญาเป็นอันเรามิได้อบรมเสียแล้วคุณวิเศษที่ยิ่งกว่าแต่ก่อนของเราไม่มี เรายังมิได้บรรลุผลแห่งภาวนา” ดังนี้. เธอเป็นผู้มีสัมปชัญญะในเรื่องนี้อยู่ดังนี้. .... ภิกษุ ท. ! เรามีเหตุผลในข้อนี้อยู่ดังนี้ จึงกล่าวว่า “อสุภสัญญาอันบุคคลเจริญ กระทำให้มากแล้ว ย่อมมีผลใหญ่ มีอานิสงส์ใหญ่ หยั่งลงสู่อมตะ มีอมตะเป็นปริโยสาน” ดังนี้. [ในกรณีแห่ง มรณสัญญา อันเป็นเครื่องทำจิตให้ถอยกลับจากความยินดีในชีวิต (ชีวิตนิกนฺติ) ก็ดี ; ในกรณีแห่ง อาหาเรปฏิกูลสัญญา อันเป็นเครื่องทำจิตให้ถอยกลับจากตัณหาในรส(รสตณฺหา) ก็ดี ; ในกรณีแห่ง สัพพโลเกอนภิรตสัญญา อันเป็นเครื่องทำจิตให้ถอยกลับจากความเป็นจิตติดอยู่ในโลก (โลกจิตฺต) ก็ดี ; ในกรณีแห่ง อนิจจสัญญา อันเป็นเครื่องทำจิตให้ถอยกลับจากลาภสักการะและเสียงสรรเสริญ (ลาภสกฺการสิโลก) ก็ดี ; ทั้งสี่สัญญานี้ ได้ตรัสไว้ด้วยข้อความทำนองเดียวกันกับ อสุภสัญญา ซึ่งผู้ศึกษาสามารถทำการเปรียบเทียบดูเองได้ ต่อไปนี้ได้ตรัสถึง อนิจเจทุกขสัญญา อันมีระเบียบแห่งถ้อยคำแปลกออกไปดังต่อไปนี้ :-] ภิกษุ ท. ! เมื่อภิกษุมีจิตอบรมด้วย อนิจเจทุกขสัญญา อยู่เป็นอย่างมาก สัญญาว่าความน่ากลัวอันแรงกล้า (ติพฺพาภยสญฺญา) ย่อมปรากฏขึ้นในความไม่ขยัน ในความเกียจคร้าน ในความทอดทิ้งการงาน ความประมาท ความไม่ประกอบความเพียร และในความสะเพร่า อย่างน่ากลัวเปรียบเสมือนมีเพชฌฆาตเงื้อดาบอยู่ตรงหน้า ฉะนั้น. ภิกษุ ท. ! ถ้าเมื่อภิกษุมีจิตอบรมด้วยอนิจเจทุกขสัญญาอยู่เป็นอย่างมาก แต่สัญญาว่าความน่ากลัวอันแรงกล้า ในความไม่ขยัน ในความเกียจคร้าน ในความทอดทิ้งการงาน ความประมาท ความไม่ประกอบ ความเพียร และในความสะเพร่า ก็ไม่ปรากฏขึ้นอย่างน่ากลัวเสมือนหนึ่งมีเพชฌฆาตเงื้อดาบอยู่ตรงหน้า แล้วไซร ้; ภิกษุนั้นพึงทราบเถิดว่า “อนิจเจทุกขสัญญาเป็นอันเรามิได้อบรมเสียแล้ว คุณวิเศษที่ยิ่งกว่าแต่ก่อนของเราไม่มี เรายังมิได้บรรลุผลแห่งภาวนา” ดังนี้. เธอเป็นผู้มีสัมปชัญญะในเรื่องนี้ อยู่ดังนี้. ....ภิกษุ ท. ! เรามีเหตุผลในข้อนี้อยู่ดังนี้ จึงกล่าวว่า “อนิจเจทุกขสัญญา อันบุคคลเจริญกระทำให้มากแล้ว ย่อมมีผลใหญ่ มีอานิสงส์ใหญ่ หยั่งลงสู่อมตะ มีอมตะเป็นปริโยสาน” ดังนี้. ภิกษุ ท. ! เมื่อภิกษุมีจิตอบรมด้วย ทุกเขอนัตตสัญญา อยู่เป็นอย่างมาก ใจย่อมปราศจากมานะว่าเราว่าของเรา (อหงฺการมมงฺการมาน) ทั้งในกาย อันประกอบด้วยวิญญาณนี้และในนิมิตทั้งหลายในภายนอกด้วย เป็นใจที่ก้าวล่วงเสียได้ซึ่งวิธา (มานะ ๓ ชั้น) เป็นใจสงบระงับ พ้นพิเศษแล้วด้วยดี. ภิกษุ ท. ! ถ้าเมื่อภิกษุมีจิตอบรมด้วยทุกเขอนัตตสัญญาอยู่เป็นอย่างมาก แต่ใจยังไม่ปราศจากมานะว่าเราว่าของเรา ทั้งในกายอันประกอบด้วยวิญญาณนี้และในนิมิตทั้งหลายในภายนอก ไม่เป็นใจก้าวล่วงเสียได้ซึ่งวิธา ไม่สงบระงับพ้นพิเศษแล้วด้วยดีแล้วไซร้ ; ภิกษุนั้นพึงทราบเถิดว่า “ทุกเขอนัตตสัญญาเป็นอันเรามิได้อบรม เสียแล้ว คุณวิเศษที่ยิ่งกว่าแต่ก่อนของเราไม่มี เรายังมิได้บรรลุผลแห่งภาวนา” ดังนี้. เธอเป็นผู้มีสัมปชัญญะในเรื่องนี้อยู่ดังนี้. .... ภิกษุ ท. ! เรามีเหตุผลในข้อนี้ อยู่ดังนี้ จึงกล่าวว่า “ทุกเขอนัตตสัญญาอันบุคคลเจริญ กระทำให้มากแล้ว ย่อมมีผลใหญ่ มีอานิสงส์ใหญ่ หยั่งลงสู่อมตะ มีอมตะเป็นปริโยสาน” ดังนี้. ภิกษุ ท. ! สัญญาเจ็ดประการเหล่านี้แล อันบุคคลเจริญกระทำให้มากแล้ว ย่อมมีผลใหญ่ มีอานิสงส์ใหญ่ หยั่งลงสู่อมตะ มีอมตะเป็นปริโยสาน, แล.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 36 มุมมอง 0 รีวิว
  • อนุสติ (บาลี: อนุสฺสติ) หมายถึง กรรมฐานเป็นเครื่องระลึกถึง มี 10 อย่าง ได้แก่

    พุทธานุสติ การระลึกถึงพระคุณของพระพุทธเจ้า
    ธัมมานุสติ การระลึกถึงพระคุณของพระธรรม
    สังฆานุสติ การระลึกถึงพระคุณของพระสงฆ์
    สีลานุสติ การระลึกถึงศีล ที่ตนเคยรักษาไว้ได้
    จาคานุสติ การระลึกถึงทาน ความดีที่ตนสร้างไว้
    เทวตานุสติ การระลึกถึงคุณที่ทำให้คนเป็นเทวดา เช่น หิริ โอตตัปปะ
    อุปสมานุสติ การระลึกถึงพระคุณของพระนิพพาน
    มรณานุสติChoawalit Chotwattanaphong [2] การระลึกถึงความตาย
    อานาปานสติ การระลึกถึงลมหายใจเข้าออก (อานาปาน + อนุสสติ = อานาปานุสสติ)
    กายคตาสติ การระลึกถึงความไม่งามปฏิกูลของอาการ 32 มีผม ขน เล็บ ฟัน หนัง เป็นต้น
    เป็น 10 กรรมฐานในกรรมฐาน 40 กองได้แก่ กสิน 10, อนุสสติ 10, อสุภะ 10, พรหมวิหาร 4, อรูปฌาน 4, จตุธาตุววัตถาน 1, อาหาเรปฏิกูลสัญญา 1

    วิสุทธิมรรคระบุว่า พุทธานุสติ ธัมมานุสติ สังฆานุสติ สีลานุสติ จาคานุสติ เทวตานุสติ อุปสมานุสติ มรณสติ เป็นอารมณ์นิมิตทำสมาธิได้สูงสุดที่ระดับอุปจารสมาธิ กายคตาสติเป็นอารมณ์นิมิตรทำสมาธิได้สูงสุดที่ระดับปฐมฌาน (ฌานที่ 1) และอานาปานสติเป็นอารมณ์นิมิตรทำสมาธิได้สูงสุดที่ระดับจตุตถฌาน (ฌานที่ 4)
    อนุสติ (บาลี: อนุสฺสติ) หมายถึง กรรมฐานเป็นเครื่องระลึกถึง มี 10 อย่าง ได้แก่ พุทธานุสติ การระลึกถึงพระคุณของพระพุทธเจ้า ธัมมานุสติ การระลึกถึงพระคุณของพระธรรม สังฆานุสติ การระลึกถึงพระคุณของพระสงฆ์ สีลานุสติ การระลึกถึงศีล ที่ตนเคยรักษาไว้ได้ จาคานุสติ การระลึกถึงทาน ความดีที่ตนสร้างไว้ เทวตานุสติ การระลึกถึงคุณที่ทำให้คนเป็นเทวดา เช่น หิริ โอตตัปปะ อุปสมานุสติ การระลึกถึงพระคุณของพระนิพพาน มรณานุสติ[1][2] การระลึกถึงความตาย อานาปานสติ การระลึกถึงลมหายใจเข้าออก (อานาปาน + อนุสสติ = อานาปานุสสติ) กายคตาสติ การระลึกถึงความไม่งามปฏิกูลของอาการ 32 มีผม ขน เล็บ ฟัน หนัง เป็นต้น เป็น 10 กรรมฐานในกรรมฐาน 40 กองได้แก่ กสิน 10, อนุสสติ 10, อสุภะ 10, พรหมวิหาร 4, อรูปฌาน 4, จตุธาตุววัตถาน 1, อาหาเรปฏิกูลสัญญา 1 วิสุทธิมรรคระบุว่า พุทธานุสติ ธัมมานุสติ สังฆานุสติ สีลานุสติ จาคานุสติ เทวตานุสติ อุปสมานุสติ มรณสติ เป็นอารมณ์นิมิตทำสมาธิได้สูงสุดที่ระดับอุปจารสมาธิ กายคตาสติเป็นอารมณ์นิมิตรทำสมาธิได้สูงสุดที่ระดับปฐมฌาน (ฌานที่ 1) และอานาปานสติเป็นอารมณ์นิมิตรทำสมาธิได้สูงสุดที่ระดับจตุตถฌาน (ฌานที่ 4)
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 514 มุมมอง 0 รีวิว