• 23/1/68

    PM 2.5 หัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน เช็ก 4 อาการเสี่ยงระดับรุนแรง

    ฝุ่น PM2.5 ทำให้ค่าอายุเฉลี่ยของคนไทยลดลง 1.78 ปี โดยกรมอนามัย ระบุ ผลกระทบต่อสุขภาพ ในระยะสั้น ไอ จาม ระคายเคืองผิวหนัง ผื่น คัน ระคายเคืองตา แสบตา ตาแดง ส่วนผลกระทบระยะยาว ระบบหัวใจและหลอดเลือด เช่น หัวใจเต้นผิดจังหวะ เสี่ยงต่อภาวะหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน หัวใจวาย ภาวะหลอดเลือดสมองตีบ ความดันโลหิตสูง ,ระบบทางเดินหายใจ เช่น โรคหอบหืด โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง ,เบาหวาน, มะเร็งปอด ,เสี่ยงแท้ง/คลอดก่อนกำหนด ,กระทบต่อพัฒนาการ/ระบบสมองของทารกและทารกแรกคลอดผิดปกติ/น้ำหนักน้อย

    4 อาการ เสี่ยงระดับรุนแรง
    การประเมินตนเองผ่านคลินิกมลพิษออนไลน์ หากมีอาการ 1 ใน 4 รายการนี้เพียง 1 ข้อ ถือว่าอยู่ในระดับรุนแรงควรรีบปรึกษาแพทย์ ได้แก่

    แน่นหน้าอก หายใจลำบาก

    หอบ หายใจเสียงดังวี๊ด

    เจ็บหน้าอก

    เหนื่อยมากจนต้องนั่งพักหรือทำงานไม่ได้

    ฝุ่น PM 2.5 ทำร้ายเซลล์หลอดเลือด

    พญ.ฉันทนา ผดุงทศ ผอ.กองโรคจากการประกอบอาชีพและสิ่งแวดล้อม กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงผลกระทบฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) ว่า ข้อมูลสะสมตั้งแต่ ต.ค.2567-ม.ค.2568 มีรายงานผู้ป่วย 4 กลุ่มโรคที่เฝ้าระวังประมาณ 1 ล้านราย มากที่สุดคือโรคปอดอุดกั้นเรื้อรังที่ได้รับผลกระทบจากฝุ่นราว 2 แสนราย เป็นต้น

    การได้รับฝุ่น PM 2.5 ต่อเนื่อง กรณีที่ป่วยอยู่แล้ว ในระยะยาวจะทำให้ป่วยรุนแรง เช่น ปอดอุดกั้นเรื้อรัง หรือหอบหืดอยู่แล้ว แทนที่จะหายใจได้บ้างก็กลายเป็นหายใจลำบาก เพราะฝุ่นทำให้โรคไม่หายเสียที นอกจากนี้ ยังมีโอกาสได้รับสารเคมีตัวอื่นที่เกาะกับฝุ่น PM 2.5 เข้าสู่ร่างกายได้ด้วย ฝุ่น PM 2.5 เข้าไปได้ลึกถึงถุงลม สารเคมีที่มาจับกับฝุ่นก็ลงไปได้ลึกเท่านั้น ที่กังวลคือการก่อมะเร็งปอดในอนาคต
    “ผลกระทบจริงๆ ของฝุ่น PM 2.5 เข้าไปทำร้ายเซลล์หลอดเลือด เช่น เส้นเลือดหัวใจตีบ เนื่องจากฝุ่น PM2.5 เข้าไปทำให้ผนังเส้นเลือดไม่แข็งแรง หรือกรณีที่เกิดอัมพฤกษ์ อัมพาต โรคเกี่ยวกับสมองเพราะฝุ่น PM2.5 เข้าไปทำให้เส้นเลือดสมองไม่แข็งแรง ทำให้เกิดการอุดตันได้ง่าย”พญ.ฉันทนากล่าว

    หากเป็นกรณีการอักเสบ เหมือนเป็นแผล ถ้าไม่มีฝุ่น PM2.5 เข้ามาทำให้เกิดการระคายเคืองอีก ก็สามารถหายได้ แต่กรณีโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง หอบหืดก็จะเข้าสู่ภาวะโรคปกติ เช่น ยังต้องพ่นยาอยู่ แต่ก็ไม่ต้องพ่นเยอะเหมือนช่วงที่มีฝุ่น PM2.5 แต่ในส่วนของมะเร็งอาจจะต้องดูระยะยาว ต้องติดตาม

    พญ.ฉันทนา กล่าวอีกว่า มะเร็งปอดที่มาจากฝุ่น PM2.5 ยังต้องเก็บข้อมูลในระยะยาว แต่ก็เห็นตัวอย่างในหลายๆ ประเทศแล้ว แม้แต่ในไทยก็พบมีผู้เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งปอด ทั้งที่มีประวัติคลีนมาก ก็อาจเป็นเรื่องของฝุ่นเป็นหลัก ปัจจุบันคาดการณ์จากประเทศอื่นๆ ที่ทำวิจัย ส่วนในประเทศไทย กำลังมีการศึกษาวิจัยไปข้างหน้าว่ามันจะเกิดขึ้นไหม ยังไม่นานพอที่จะทำให้เห็นว่าเกี่ยวกับฝุ่น แต่ก็พอเห็นกรณีที่มีความเป็นไปได้ว่ามาจากฝุ่น

    ปัญหาฝุ่น PM2.5 มาจาก 3 ปัจจัยหลักๆ คือ การเผาในที่โล่ง ซึ่งพบมากที่สุดในตอนนี้ ต่อมาเป็นโรงงานอุตสาหกรรม และการคมนาคมขนส่ง นอกจากฝุ่น PM 2.5 ยังมีสารพิษที่น่ากลัว และน่ากังวลที่สามารถเกาะมากับ PM2.5 คือ สารโพลีไซคลิกอะโรมาติกไฮโดรคาร์บอน (Polycyclic Aromatic Hydrocarbon : PAHs) โดยเฉพาะการเผาไหม้ที่เกิดจากการเผายาง หรือการเผาไหม้ไม่สมบูรณ์ทำให้เกิดสาร PAHs เช่นกัน

    เสี่ยง โรคหัวใจ-สมองขาดเลือดเฉียบพลัน
    ขณะที่ รศ.นพ.นิธิพัฒน์ เจียรกุล หัวหน้าสาขาวิชาโรคระบบการหายใจและวัณโรค ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ให้ข้อมูลผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า ค่า PM2.5 ที่บ้านริมน้ำวัดได้สูงสุดตอนเจ็ดโมงเช้าที่ 102.9 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร(มคก./ลบ.ม.) ค่ารายชั่วโมงที่ 75 มคก./ลบ.ม. สำหรับคนทั่วไปอาจจะถึงขั้น เจ็บได้ คือ แสบจมูกและคอ ระคายเคืองตาและผิวหนัง

    แต่ถ้าขึ้นไปถึง 150 มคก./ลบ.ม. อาจตายได้ จากโรคหัวใจขาดเลือดและสมองขาดเลือดเฉียบพลัน สำหรับกลุ่มคนเปราะบาง ค่าเจ็บได้จะอยู่ที่ 37.5 มคก./ลบ.ม. จากโรคหืดและโรคจมูกอักเสบภูมิแพ้กำเริบ โรคถุงลมโป่งพองกำเริบ โรคหัวใจและสมองกำเริบ ส่วนค่าที่อาจตายได้จะอยู่ที่ 75 มคก./ลบ.ม. หรือเอาง่าย ๆ คือ ครึ่งหนึ่งของคนปกติ

    มะเร็งปอดภาคเหนือสูง
    ดังที่ทราบว่าภาคเหนือมีปัญหาฝุ่น PM 2.5 มานานนับ 10 ปี การศึกษาวิจัยของคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่(มช.) ในการเปรียบเทียบอัตราการตายของผู้ป่วยโรคมะเร็งปอด ตั้งแต่ปี 2553-2564 ระหว่าง ภาคเหนือ ภาคอีสาน และภาคใต้ พบว่าภาคเหนือ โดยเฉพาะจังหวัดเชียงใหม่ และลำปาง มีอัตราการเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งปอดสูงที่สุด นอกจากนี้ ยังพบสัดส่วนของผู้ป่วยมะเร็งปอดในคนหนุ่มสาวของประชากรภาคเหนือสูงกว่าภาคอื่นๆ

    นอกจากนี้ งานวิจัยของคณะแพทยศาสตร์ มช. ยังบ่งบอกหลักฐานสนับสนุนความสัมพันธ์ของฝุ่น PM2.5 กับมะเร็ง โดยการศึกษาผู้ป่วยโรคถุงลมโป่งพองในพื้นที่ อ.เชียงดาว ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีค่า PM2.5 สูงอันดับต้นๆของจ.เชียงใหม่ โดยการขูดเซลล์บริเวณกระพุ้งแก้มของผู้ป่วยถุงลมโป่งพองไปตรวจ เปรียบเทียบกันระหว่างช่วงที่มีฝุ่น PM2.5 สูงและช่วงที่มีฝุ่น PM2.5 ต่ำ ผลปรากฏว่าในช่วงที่มีฝุ่น PM2.5 สูง เซลล์กระพุ้งแก้มของผู้ป่วยมีการเปลี่ยนแปลง บ่งบอกว่ายีนมีความผิดปกติ ซึ่งจะส่งผลในระยะยาว จนกลายเป็นเซลล์มะเร็งได้ ในอนาคต
    23/1/68 PM 2.5 หัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน เช็ก 4 อาการเสี่ยงระดับรุนแรง ฝุ่น PM2.5 ทำให้ค่าอายุเฉลี่ยของคนไทยลดลง 1.78 ปี โดยกรมอนามัย ระบุ ผลกระทบต่อสุขภาพ ในระยะสั้น ไอ จาม ระคายเคืองผิวหนัง ผื่น คัน ระคายเคืองตา แสบตา ตาแดง ส่วนผลกระทบระยะยาว ระบบหัวใจและหลอดเลือด เช่น หัวใจเต้นผิดจังหวะ เสี่ยงต่อภาวะหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน หัวใจวาย ภาวะหลอดเลือดสมองตีบ ความดันโลหิตสูง ,ระบบทางเดินหายใจ เช่น โรคหอบหืด โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง ,เบาหวาน, มะเร็งปอด ,เสี่ยงแท้ง/คลอดก่อนกำหนด ,กระทบต่อพัฒนาการ/ระบบสมองของทารกและทารกแรกคลอดผิดปกติ/น้ำหนักน้อย 4 อาการ เสี่ยงระดับรุนแรง การประเมินตนเองผ่านคลินิกมลพิษออนไลน์ หากมีอาการ 1 ใน 4 รายการนี้เพียง 1 ข้อ ถือว่าอยู่ในระดับรุนแรงควรรีบปรึกษาแพทย์ ได้แก่ แน่นหน้าอก หายใจลำบาก หอบ หายใจเสียงดังวี๊ด เจ็บหน้าอก เหนื่อยมากจนต้องนั่งพักหรือทำงานไม่ได้ ฝุ่น PM 2.5 ทำร้ายเซลล์หลอดเลือด พญ.ฉันทนา ผดุงทศ ผอ.กองโรคจากการประกอบอาชีพและสิ่งแวดล้อม กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงผลกระทบฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) ว่า ข้อมูลสะสมตั้งแต่ ต.ค.2567-ม.ค.2568 มีรายงานผู้ป่วย 4 กลุ่มโรคที่เฝ้าระวังประมาณ 1 ล้านราย มากที่สุดคือโรคปอดอุดกั้นเรื้อรังที่ได้รับผลกระทบจากฝุ่นราว 2 แสนราย เป็นต้น การได้รับฝุ่น PM 2.5 ต่อเนื่อง กรณีที่ป่วยอยู่แล้ว ในระยะยาวจะทำให้ป่วยรุนแรง เช่น ปอดอุดกั้นเรื้อรัง หรือหอบหืดอยู่แล้ว แทนที่จะหายใจได้บ้างก็กลายเป็นหายใจลำบาก เพราะฝุ่นทำให้โรคไม่หายเสียที นอกจากนี้ ยังมีโอกาสได้รับสารเคมีตัวอื่นที่เกาะกับฝุ่น PM 2.5 เข้าสู่ร่างกายได้ด้วย ฝุ่น PM 2.5 เข้าไปได้ลึกถึงถุงลม สารเคมีที่มาจับกับฝุ่นก็ลงไปได้ลึกเท่านั้น ที่กังวลคือการก่อมะเร็งปอดในอนาคต “ผลกระทบจริงๆ ของฝุ่น PM 2.5 เข้าไปทำร้ายเซลล์หลอดเลือด เช่น เส้นเลือดหัวใจตีบ เนื่องจากฝุ่น PM2.5 เข้าไปทำให้ผนังเส้นเลือดไม่แข็งแรง หรือกรณีที่เกิดอัมพฤกษ์ อัมพาต โรคเกี่ยวกับสมองเพราะฝุ่น PM2.5 เข้าไปทำให้เส้นเลือดสมองไม่แข็งแรง ทำให้เกิดการอุดตันได้ง่าย”พญ.ฉันทนากล่าว หากเป็นกรณีการอักเสบ เหมือนเป็นแผล ถ้าไม่มีฝุ่น PM2.5 เข้ามาทำให้เกิดการระคายเคืองอีก ก็สามารถหายได้ แต่กรณีโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง หอบหืดก็จะเข้าสู่ภาวะโรคปกติ เช่น ยังต้องพ่นยาอยู่ แต่ก็ไม่ต้องพ่นเยอะเหมือนช่วงที่มีฝุ่น PM2.5 แต่ในส่วนของมะเร็งอาจจะต้องดูระยะยาว ต้องติดตาม พญ.ฉันทนา กล่าวอีกว่า มะเร็งปอดที่มาจากฝุ่น PM2.5 ยังต้องเก็บข้อมูลในระยะยาว แต่ก็เห็นตัวอย่างในหลายๆ ประเทศแล้ว แม้แต่ในไทยก็พบมีผู้เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งปอด ทั้งที่มีประวัติคลีนมาก ก็อาจเป็นเรื่องของฝุ่นเป็นหลัก ปัจจุบันคาดการณ์จากประเทศอื่นๆ ที่ทำวิจัย ส่วนในประเทศไทย กำลังมีการศึกษาวิจัยไปข้างหน้าว่ามันจะเกิดขึ้นไหม ยังไม่นานพอที่จะทำให้เห็นว่าเกี่ยวกับฝุ่น แต่ก็พอเห็นกรณีที่มีความเป็นไปได้ว่ามาจากฝุ่น ปัญหาฝุ่น PM2.5 มาจาก 3 ปัจจัยหลักๆ คือ การเผาในที่โล่ง ซึ่งพบมากที่สุดในตอนนี้ ต่อมาเป็นโรงงานอุตสาหกรรม และการคมนาคมขนส่ง นอกจากฝุ่น PM 2.5 ยังมีสารพิษที่น่ากลัว และน่ากังวลที่สามารถเกาะมากับ PM2.5 คือ สารโพลีไซคลิกอะโรมาติกไฮโดรคาร์บอน (Polycyclic Aromatic Hydrocarbon : PAHs) โดยเฉพาะการเผาไหม้ที่เกิดจากการเผายาง หรือการเผาไหม้ไม่สมบูรณ์ทำให้เกิดสาร PAHs เช่นกัน เสี่ยง โรคหัวใจ-สมองขาดเลือดเฉียบพลัน ขณะที่ รศ.นพ.นิธิพัฒน์ เจียรกุล หัวหน้าสาขาวิชาโรคระบบการหายใจและวัณโรค ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ให้ข้อมูลผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า ค่า PM2.5 ที่บ้านริมน้ำวัดได้สูงสุดตอนเจ็ดโมงเช้าที่ 102.9 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร(มคก./ลบ.ม.) ค่ารายชั่วโมงที่ 75 มคก./ลบ.ม. สำหรับคนทั่วไปอาจจะถึงขั้น เจ็บได้ คือ แสบจมูกและคอ ระคายเคืองตาและผิวหนัง แต่ถ้าขึ้นไปถึง 150 มคก./ลบ.ม. อาจตายได้ จากโรคหัวใจขาดเลือดและสมองขาดเลือดเฉียบพลัน สำหรับกลุ่มคนเปราะบาง ค่าเจ็บได้จะอยู่ที่ 37.5 มคก./ลบ.ม. จากโรคหืดและโรคจมูกอักเสบภูมิแพ้กำเริบ โรคถุงลมโป่งพองกำเริบ โรคหัวใจและสมองกำเริบ ส่วนค่าที่อาจตายได้จะอยู่ที่ 75 มคก./ลบ.ม. หรือเอาง่าย ๆ คือ ครึ่งหนึ่งของคนปกติ มะเร็งปอดภาคเหนือสูง ดังที่ทราบว่าภาคเหนือมีปัญหาฝุ่น PM 2.5 มานานนับ 10 ปี การศึกษาวิจัยของคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่(มช.) ในการเปรียบเทียบอัตราการตายของผู้ป่วยโรคมะเร็งปอด ตั้งแต่ปี 2553-2564 ระหว่าง ภาคเหนือ ภาคอีสาน และภาคใต้ พบว่าภาคเหนือ โดยเฉพาะจังหวัดเชียงใหม่ และลำปาง มีอัตราการเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งปอดสูงที่สุด นอกจากนี้ ยังพบสัดส่วนของผู้ป่วยมะเร็งปอดในคนหนุ่มสาวของประชากรภาคเหนือสูงกว่าภาคอื่นๆ นอกจากนี้ งานวิจัยของคณะแพทยศาสตร์ มช. ยังบ่งบอกหลักฐานสนับสนุนความสัมพันธ์ของฝุ่น PM2.5 กับมะเร็ง โดยการศึกษาผู้ป่วยโรคถุงลมโป่งพองในพื้นที่ อ.เชียงดาว ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีค่า PM2.5 สูงอันดับต้นๆของจ.เชียงใหม่ โดยการขูดเซลล์บริเวณกระพุ้งแก้มของผู้ป่วยถุงลมโป่งพองไปตรวจ เปรียบเทียบกันระหว่างช่วงที่มีฝุ่น PM2.5 สูงและช่วงที่มีฝุ่น PM2.5 ต่ำ ผลปรากฏว่าในช่วงที่มีฝุ่น PM2.5 สูง เซลล์กระพุ้งแก้มของผู้ป่วยมีการเปลี่ยนแปลง บ่งบอกว่ายีนมีความผิดปกติ ซึ่งจะส่งผลในระยะยาว จนกลายเป็นเซลล์มะเร็งได้ ในอนาคต
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 251 มุมมอง 0 รีวิว
  • ภาวะ การอักเสบของหลอดเลือด(Atherosclerosis) คือ ผู้ร้าย(ตัวจริง)ของโรคเส้นเลือดตีบ แตก ตัน ที่ สมอง+หัวใจ ไม่ใช่"คลอเรสตอรอล"

    ปัจจุบัน จึงควรตรวจ

    1. High Sensitivities CRP คือ การตรวจเพื่อบอกถึงค่าความเสี่ยงในการเกิดโรคหลอดเลือดหัวตีบ การตรวจ hsCRP เป็นการตรวจหาระดับโปรตีนที่มีชื่อว่า C-reactive Protein (ซี-รีแอคทีฟโปรตีน) ซึ่งเป็นโปรตีนที่มีอยู่ในเลือดของเรา แต่ละคนมีระดับ CRP ไม่เท่ากัน หากเซลล์อักเสบอย่างต่อเนื่องระดับ CRP ก็จะสูงตาม ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นและพัฒนาไปสู่โรคร้ายหลายๆ ชนิดได้ เช่น มะเร็ง การเกิดภาวะหลอดเลือดแดงแข็ง และนำไปสู่การเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจในที่สุด

    2. Homocysteine เป็นกรดอะมิโนที่จะสร้างกรดอะมิโนตัวอื่นโดยอาศัยวิตามิน บี6 บี12และกรดโฟลิก ถ้าขาดวิตามินดังกล่าว Homocysteine จะไม่ถูกเปลี่ยนเป็นกรดอะมิโนตัวอื่น ทำให้มีสาร Homocysteine สูงในเลือดและจะทำลายผนังหลอดเลือด ทำให้เกิดการกระตุ้นการอุดตันของลิ่มเลือดตามมา Homocysteine เป็นกรดอะมิโนที่จะสร้างกรดอะมิโนตัวอื่นโดยอาศัยวิตามิน บี6 บี12และกรดโฟลิก ถ้าขาดวิตามินดังกล่าวเป็นสารที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อผนังด้านในของหลอดเลือดโดยตรง ดังนั้น ถ้ามี Homocysteine ในเลือดเพิ่มสูงขึ้นเป็นเวลานานติดต่อกัน ผนังด้านในหลอดเลือดจะเริ่มขรุขระและเริ่มมีตะกรันไขมันมาสะสม ในที่สุดก็จะเกิดการอุดตันหรือตีบแคบลง ซึ่งจะส่งผลเสียต่อหลอดเลือดทั่วร่างกาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลอดเลือดที่มีขนาดเล็ก เช่น หลอดเลือดหัวใจ นำไปสู่ภาวะกล้ามเนื้อหัวใจตายจากการขาดเลือด และหลอดเลือดสมอง ส่งผลให้มีอาการ อัมพฤกษ์หรืออัมพาตได้เร็วกว่าวัยอันควร
    ซึ่งปัจจัยที่ทำให้ Homocysteine ในเลือดสูงนี้นอกจากจะเกิดจากการขาดวิตามินบี 6บี 12 และ กรดโฟลิกแล้วยังอาจเกิดจากสาเหตุอื่น เช่น กรรมพันธุ์, ร่างกายได้รับ เมทิโอนีน(จากเนื้อสัตว์ ไข่ นม ชีส) มากเกินไป, การขาดการออกกำลังกาย, การเป็นโรคเรื้อรังต่างๆ เช่น โรคไตโรคตับ เบาหวาน มะเร็ง และการได้รับยาบางชนิด เช่น ยากันชัก ยาลดกรด และการได้รับสารกระตุ้น เช่น แอลกอฮอล์ กาแฟ บุหรี่

    เมื่อทำการตรวจเลือดแล้วพบว่ามีระดับสาร Homocysteine สูงในเลือด สามารถลดระดับและป้องกันด้วยการเสริม วิตามิน บี6 บี12 กรดโฟลิก หรือ หากไม่ชอบอาหารเสริม ก็ควรรับประทานจากแหล่งธรรมชาติ สำหรับวิตามินบี 6ได้แก่ เนื้อหมู เนื้อวัว ปลา ข้าวซ้อมมือ ถั่วเหลือง ถั่วลิสงจมูกข้าว กล้วยหอม ธัญพืช ผักและผลไม้ต่างๆ วิตามินบี 12 พบมากในเนื้อหมู ปลา ชีส นม และผลิตภัณฑ์จากนม ส่วนกรดโฟลิก พบมากในผักสีเขียวทุกชนิด ผลไม้พวกส้ม มะเขือเทศ และอาหารประเภททั่วไป
    ภาวะ การอักเสบของหลอดเลือด(Atherosclerosis) คือ ผู้ร้าย(ตัวจริง)ของโรคเส้นเลือดตีบ แตก ตัน ที่ สมอง+หัวใจ ไม่ใช่"คลอเรสตอรอล" ปัจจุบัน จึงควรตรวจ 1. High Sensitivities CRP คือ การตรวจเพื่อบอกถึงค่าความเสี่ยงในการเกิดโรคหลอดเลือดหัวตีบ การตรวจ hsCRP เป็นการตรวจหาระดับโปรตีนที่มีชื่อว่า C-reactive Protein (ซี-รีแอคทีฟโปรตีน) ซึ่งเป็นโปรตีนที่มีอยู่ในเลือดของเรา แต่ละคนมีระดับ CRP ไม่เท่ากัน หากเซลล์อักเสบอย่างต่อเนื่องระดับ CRP ก็จะสูงตาม ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นและพัฒนาไปสู่โรคร้ายหลายๆ ชนิดได้ เช่น มะเร็ง การเกิดภาวะหลอดเลือดแดงแข็ง และนำไปสู่การเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจในที่สุด 2. Homocysteine เป็นกรดอะมิโนที่จะสร้างกรดอะมิโนตัวอื่นโดยอาศัยวิตามิน บี6 บี12และกรดโฟลิก ถ้าขาดวิตามินดังกล่าว Homocysteine จะไม่ถูกเปลี่ยนเป็นกรดอะมิโนตัวอื่น ทำให้มีสาร Homocysteine สูงในเลือดและจะทำลายผนังหลอดเลือด ทำให้เกิดการกระตุ้นการอุดตันของลิ่มเลือดตามมา Homocysteine เป็นกรดอะมิโนที่จะสร้างกรดอะมิโนตัวอื่นโดยอาศัยวิตามิน บี6 บี12และกรดโฟลิก ถ้าขาดวิตามินดังกล่าวเป็นสารที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อผนังด้านในของหลอดเลือดโดยตรง ดังนั้น ถ้ามี Homocysteine ในเลือดเพิ่มสูงขึ้นเป็นเวลานานติดต่อกัน ผนังด้านในหลอดเลือดจะเริ่มขรุขระและเริ่มมีตะกรันไขมันมาสะสม ในที่สุดก็จะเกิดการอุดตันหรือตีบแคบลง ซึ่งจะส่งผลเสียต่อหลอดเลือดทั่วร่างกาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลอดเลือดที่มีขนาดเล็ก เช่น หลอดเลือดหัวใจ นำไปสู่ภาวะกล้ามเนื้อหัวใจตายจากการขาดเลือด และหลอดเลือดสมอง ส่งผลให้มีอาการ อัมพฤกษ์หรืออัมพาตได้เร็วกว่าวัยอันควร ซึ่งปัจจัยที่ทำให้ Homocysteine ในเลือดสูงนี้นอกจากจะเกิดจากการขาดวิตามินบี 6บี 12 และ กรดโฟลิกแล้วยังอาจเกิดจากสาเหตุอื่น เช่น กรรมพันธุ์, ร่างกายได้รับ เมทิโอนีน(จากเนื้อสัตว์ ไข่ นม ชีส) มากเกินไป, การขาดการออกกำลังกาย, การเป็นโรคเรื้อรังต่างๆ เช่น โรคไตโรคตับ เบาหวาน มะเร็ง และการได้รับยาบางชนิด เช่น ยากันชัก ยาลดกรด และการได้รับสารกระตุ้น เช่น แอลกอฮอล์ กาแฟ บุหรี่ เมื่อทำการตรวจเลือดแล้วพบว่ามีระดับสาร Homocysteine สูงในเลือด สามารถลดระดับและป้องกันด้วยการเสริม วิตามิน บี6 บี12 กรดโฟลิก หรือ หากไม่ชอบอาหารเสริม ก็ควรรับประทานจากแหล่งธรรมชาติ สำหรับวิตามินบี 6ได้แก่ เนื้อหมู เนื้อวัว ปลา ข้าวซ้อมมือ ถั่วเหลือง ถั่วลิสงจมูกข้าว กล้วยหอม ธัญพืช ผักและผลไม้ต่างๆ วิตามินบี 12 พบมากในเนื้อหมู ปลา ชีส นม และผลิตภัณฑ์จากนม ส่วนกรดโฟลิก พบมากในผักสีเขียวทุกชนิด ผลไม้พวกส้ม มะเขือเทศ และอาหารประเภททั่วไป
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 411 มุมมอง 0 รีวิว
  • คุณหมอ ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา เตือนบิด สะบัดคอ ระวังอัมพฤกษ์เรื่องใกล้ตัวที่เป็นท่าบริหารประจำหรือที่ทำ เวลาเมื่อย หรือเป็นกระบวนการในการนวดคลายเมื่อย ดัดเส้น รวมทั้ง เป็นกรรมวิธีในการบำบัดทางกายภาพและจัดกระดูก ซึ่งถ้าไม่ระวังจะ เพิ่มความเสี่ยงอันตรายต่อการที่ผนังเส้นเลือดที่ไปเลี้ยงสมอง โดยเฉพาะคู่หลังเกิดการฉีกขาดและทำให้เกิดเนื้อสมองตายเป็นอัมพฤกษ์ อัมพาตได้ความจริงเรื่องเกี่ยวกับ “คอ” เป็นที่สังเกตระวังกันมานานกว่า 20 ปีแล้ว จากการสำรวจข้อมูลจากหมอทางสมองในสหรัฐฯว่าในช่วงเวลา 2 ปี ว่ามีใคร เคยประสบพบคนไข้ที่มีอาการอัมพฤกษ์จากเส้นเลือดสมองตีบภายในระยะเวลา 24 ชั่วโมง หลังจากที่คนไข้ผ่านกรรมวิธีจับ ดัด ปรับกระดูกคอหรือไม่หมอสมอง 177 คน รายงานว่าเคยเจอผู้ป่วย 55 รายเข้าข่ายกรณีดังกล่าว ทั้งนี้ โดยที่คนไข้มีอายุระหว่าง 21 ถึง 60 ปี หลังจากมีการบิดดัดคอ และเป็นผลต่อเส้นเลือดสมองโดยเฉพาะคู่หลัง เกิดตันตีบ ซึ่งตัวหมอเองก็มีคนไข้ที่หมุนคอเป็นประจำวันละ 3 เวลา ครั้งละ 30 รอบเป็นปี นัยว่าทำให้กล้ามเนื้อคอแข็งแรง ฝึกการทรงตัว วันหนึ่งเกิดเรื่องขณะยืนข้างถนน หันหน้าจะไปเรียกรถแท็กซี่ปรากฏเป็นอัมพาตซีกซ้าย อีกสักพักค่อยๆดีขึ้น พอมีแรงลุกขึ้น หันหน้าไปอีกด้าน มีอ่อนแรงซีกขวา ต้องนอนอยู่โรงพยาบาลเป็นเดือน และการตรวจเส้นเลือดด้วยการฉีดสี ยืนยันมีผนังเส้นเลือดฉีกขาดจริงและเลือดไหลเซาะเข้าในผนังเส้นเลือด ทำให้รูเส้นเลือดตัน อีกทั้งยังทำให้ผนังเส้นเลือดขรุขระ เกิดการเกาะของตะกอนเลือด ซึ่งหลุดลอยไปอุดเส้นเลือดได้อีกต่อสมองของเรามีเส้นเลือดไปเลี้ยง 2 คู่ คู่หน้าสามารถคลำได้ตุบๆที่คอด้านหน้าซึ่งไปเลี้ยงสมองหน้าผากขมับ 2 ข้าง รวมทั้งสมองส่วนลึกลงไปทางด้านใน เส้นเลือดคู่หลังร้อยผ่านกระดูกก้านคอ และเลื้อยผ่านเข้าไปหล่อเลี้ยงสมองท้ายทอยซึ่งเป็นจอรับภาพ สมองน้อยด้านหลัง คุมการทรงตัว ก้านสมองซึ่งควบคุมประสาทสมองรวมการเคลื่อนไหวลูกตา คุมการรับรู้สึกตัว การเคลื่อนไหวแขนขา การสะบัดคอแรงๆ การหมุนคอบิด บริหารประจำอาจทำให้เกิดผลร้ายอันตรายที่เกิดขึ้นจะแปรตามความรวดเร็ว รุนแรงของการบิดสะบัดเคลื่อนไหวคอและแม้หมุน สะบัดไม่รวดเร็ว แต่การทำซ้ำกันบ่อยๆเป็นระยะเวลานานก็เกิดเรื่องได้ ไม่เฉพาะแต่เส้นประสาทที่คอ ยังเกิดกับเส้นเลือด โดยเฉพาะผู้ที่เกิดมาขาดทุนคือมีเส้นเลือดคู่หลังเพียงเส้นเดียว และในคนที่มีเส้นเลือดตีบอยู่แล้วจากมีโรคประจำตัว คือ อ้วน ความดันสูง ไขมันเพียบ หรือมีกระดูกงอกที่คอที่พร้อมที่จะกดเบียดเส้นเลือดอยู่แล้วหรือคนที่มีโรคของผนังเส้นเลือดผิดปกติแต่กำเนิด (ซึ่งพบได้น้อยมาก)ข้อควรระวัง และกลไกในการเกิดอัมพฤกษ์จากการเคลื่อนของคอ อันเป็นผลจากการจับ ดัด เอียง สะบัด มีรายงานเป็นทางการจากสมาคมโรคหัวใจและโรคอัมพฤกษ์จากเส้นเลือดผิดปกติของสหรัฐฯ ซึ่งรายงานข้อสรุปได้รับการสนับสนุนและรองรับโดยสมาคมศัลยแพทย์และคองเกรสทางระบบประสาทของสหรัฐฯ ตีพิมพ์ในวารสาร Stroke ฉบับเดือนตุลาคม 2014 ทั้งนี้ การนวดกดจุดก็น่าจะต้องระวังเช่นกัน เนื่องจากเส้นเลือดคู่หลังจะวิ่งเข้าสมองโดยผ่านรู 2 ข้างที่ฐานกะโหลกศีรษะ ซึ่งจากการนวด อาจจะมีวิธี “ปิด–เปิดประตู”ทั้งนี้ การเปิดปิดประตูคือการกดจุดที่รู 2 ข้างซึ่งจะตัดการไหลเวียนของเลือดเข้าสมองท้ายทอยซึ่งเป็นจอรับภาพในสมอง ทำให้ตามืดไปชั่วขณะ และเมื่อปล่อยการกดจุด เลือดจะไหลมาดังเดิมทำให้ตาสว่าง ซึ่งในคนที่เส้นเลือดผิดปกติอยู่แล้ว ตาอาจมืดไปเลยได้ กลายเป็นบอดทั้ง 2 ข้างสำหรับคนเมื่อยคอ วิธีแก้เมื่อย รวมทั้งยังสามารถทำกายภาพบำบัดด้วยตัวเองได้คือคอตรง หน้าตรง ดันศีรษะสู้กับฝ่ามือตนเอง 4 ทิศ ซ้ายขวา หน้าหลังเท่ากับ 1 รอบ ดันแรง ดันนานๆ ทำวันละ 10-20 รอบ ตอนไหนก็ได้ ยังช่วยเรื่องกระดูกกดทับเส้นประสาท ปรับโครงสร้างกระดูก เส้นเอ็นให้เข้าที่ ทำให้กล้ามเนื้อคอแข็งแรง ไม่ต้องไปดึงคอที่โรงพยาบาลเสียเวลารถติด ข้อสำคัญไม่ต้องกินยาแก้ปวด ซึ่งเป็นการแก้ปลายเหตุ กระเพาะทะลุ ไตพัง และยาแก้ปวดยังทำให้เส้นเลือดหัวใจตันได้ถ้าเราทราบข้อห้าม ทราบโครงสร้างของเส้นเลือดและกระดูกเส้นเอ็นเราก็จะปฎิบัติได้ถูกวิธีไม่เกิดอันตราย นะครับศ นพ ธีระวัฒน์ เหมะจุฑาที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิตขอบคุณรูปจากวารสารดังกล่าวครับ
    คุณหมอ ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา เตือนบิด สะบัดคอ ระวังอัมพฤกษ์เรื่องใกล้ตัวที่เป็นท่าบริหารประจำหรือที่ทำ เวลาเมื่อย หรือเป็นกระบวนการในการนวดคลายเมื่อย ดัดเส้น รวมทั้ง เป็นกรรมวิธีในการบำบัดทางกายภาพและจัดกระดูก ซึ่งถ้าไม่ระวังจะ เพิ่มความเสี่ยงอันตรายต่อการที่ผนังเส้นเลือดที่ไปเลี้ยงสมอง โดยเฉพาะคู่หลังเกิดการฉีกขาดและทำให้เกิดเนื้อสมองตายเป็นอัมพฤกษ์ อัมพาตได้ความจริงเรื่องเกี่ยวกับ “คอ” เป็นที่สังเกตระวังกันมานานกว่า 20 ปีแล้ว จากการสำรวจข้อมูลจากหมอทางสมองในสหรัฐฯว่าในช่วงเวลา 2 ปี ว่ามีใคร เคยประสบพบคนไข้ที่มีอาการอัมพฤกษ์จากเส้นเลือดสมองตีบภายในระยะเวลา 24 ชั่วโมง หลังจากที่คนไข้ผ่านกรรมวิธีจับ ดัด ปรับกระดูกคอหรือไม่หมอสมอง 177 คน รายงานว่าเคยเจอผู้ป่วย 55 รายเข้าข่ายกรณีดังกล่าว ทั้งนี้ โดยที่คนไข้มีอายุระหว่าง 21 ถึง 60 ปี หลังจากมีการบิดดัดคอ และเป็นผลต่อเส้นเลือดสมองโดยเฉพาะคู่หลัง เกิดตันตีบ ซึ่งตัวหมอเองก็มีคนไข้ที่หมุนคอเป็นประจำวันละ 3 เวลา ครั้งละ 30 รอบเป็นปี นัยว่าทำให้กล้ามเนื้อคอแข็งแรง ฝึกการทรงตัว วันหนึ่งเกิดเรื่องขณะยืนข้างถนน หันหน้าจะไปเรียกรถแท็กซี่ปรากฏเป็นอัมพาตซีกซ้าย อีกสักพักค่อยๆดีขึ้น พอมีแรงลุกขึ้น หันหน้าไปอีกด้าน มีอ่อนแรงซีกขวา ต้องนอนอยู่โรงพยาบาลเป็นเดือน และการตรวจเส้นเลือดด้วยการฉีดสี ยืนยันมีผนังเส้นเลือดฉีกขาดจริงและเลือดไหลเซาะเข้าในผนังเส้นเลือด ทำให้รูเส้นเลือดตัน อีกทั้งยังทำให้ผนังเส้นเลือดขรุขระ เกิดการเกาะของตะกอนเลือด ซึ่งหลุดลอยไปอุดเส้นเลือดได้อีกต่อสมองของเรามีเส้นเลือดไปเลี้ยง 2 คู่ คู่หน้าสามารถคลำได้ตุบๆที่คอด้านหน้าซึ่งไปเลี้ยงสมองหน้าผากขมับ 2 ข้าง รวมทั้งสมองส่วนลึกลงไปทางด้านใน เส้นเลือดคู่หลังร้อยผ่านกระดูกก้านคอ และเลื้อยผ่านเข้าไปหล่อเลี้ยงสมองท้ายทอยซึ่งเป็นจอรับภาพ สมองน้อยด้านหลัง คุมการทรงตัว ก้านสมองซึ่งควบคุมประสาทสมองรวมการเคลื่อนไหวลูกตา คุมการรับรู้สึกตัว การเคลื่อนไหวแขนขา การสะบัดคอแรงๆ การหมุนคอบิด บริหารประจำอาจทำให้เกิดผลร้ายอันตรายที่เกิดขึ้นจะแปรตามความรวดเร็ว รุนแรงของการบิดสะบัดเคลื่อนไหวคอและแม้หมุน สะบัดไม่รวดเร็ว แต่การทำซ้ำกันบ่อยๆเป็นระยะเวลานานก็เกิดเรื่องได้ ไม่เฉพาะแต่เส้นประสาทที่คอ ยังเกิดกับเส้นเลือด โดยเฉพาะผู้ที่เกิดมาขาดทุนคือมีเส้นเลือดคู่หลังเพียงเส้นเดียว และในคนที่มีเส้นเลือดตีบอยู่แล้วจากมีโรคประจำตัว คือ อ้วน ความดันสูง ไขมันเพียบ หรือมีกระดูกงอกที่คอที่พร้อมที่จะกดเบียดเส้นเลือดอยู่แล้วหรือคนที่มีโรคของผนังเส้นเลือดผิดปกติแต่กำเนิด (ซึ่งพบได้น้อยมาก)ข้อควรระวัง และกลไกในการเกิดอัมพฤกษ์จากการเคลื่อนของคอ อันเป็นผลจากการจับ ดัด เอียง สะบัด มีรายงานเป็นทางการจากสมาคมโรคหัวใจและโรคอัมพฤกษ์จากเส้นเลือดผิดปกติของสหรัฐฯ ซึ่งรายงานข้อสรุปได้รับการสนับสนุนและรองรับโดยสมาคมศัลยแพทย์และคองเกรสทางระบบประสาทของสหรัฐฯ ตีพิมพ์ในวารสาร Stroke ฉบับเดือนตุลาคม 2014 ทั้งนี้ การนวดกดจุดก็น่าจะต้องระวังเช่นกัน เนื่องจากเส้นเลือดคู่หลังจะวิ่งเข้าสมองโดยผ่านรู 2 ข้างที่ฐานกะโหลกศีรษะ ซึ่งจากการนวด อาจจะมีวิธี “ปิด–เปิดประตู”ทั้งนี้ การเปิดปิดประตูคือการกดจุดที่รู 2 ข้างซึ่งจะตัดการไหลเวียนของเลือดเข้าสมองท้ายทอยซึ่งเป็นจอรับภาพในสมอง ทำให้ตามืดไปชั่วขณะ และเมื่อปล่อยการกดจุด เลือดจะไหลมาดังเดิมทำให้ตาสว่าง ซึ่งในคนที่เส้นเลือดผิดปกติอยู่แล้ว ตาอาจมืดไปเลยได้ กลายเป็นบอดทั้ง 2 ข้างสำหรับคนเมื่อยคอ วิธีแก้เมื่อย รวมทั้งยังสามารถทำกายภาพบำบัดด้วยตัวเองได้คือคอตรง หน้าตรง ดันศีรษะสู้กับฝ่ามือตนเอง 4 ทิศ ซ้ายขวา หน้าหลังเท่ากับ 1 รอบ ดันแรง ดันนานๆ ทำวันละ 10-20 รอบ ตอนไหนก็ได้ ยังช่วยเรื่องกระดูกกดทับเส้นประสาท ปรับโครงสร้างกระดูก เส้นเอ็นให้เข้าที่ ทำให้กล้ามเนื้อคอแข็งแรง ไม่ต้องไปดึงคอที่โรงพยาบาลเสียเวลารถติด ข้อสำคัญไม่ต้องกินยาแก้ปวด ซึ่งเป็นการแก้ปลายเหตุ กระเพาะทะลุ ไตพัง และยาแก้ปวดยังทำให้เส้นเลือดหัวใจตันได้ถ้าเราทราบข้อห้าม ทราบโครงสร้างของเส้นเลือดและกระดูกเส้นเอ็นเราก็จะปฎิบัติได้ถูกวิธีไม่เกิดอันตราย นะครับศ นพ ธีระวัฒน์ เหมะจุฑาที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิตขอบคุณรูปจากวารสารดังกล่าวครับ
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 413 มุมมอง 0 รีวิว
  • 3/12/67

    ■พิษจากดื่มน้ำเย็น■
    ~~~~~~~~~~~~~
    ★จะปวดหลัง ข้อเข่า ไตอ่อนแอ
    •••••••○••••••○••••••
    ◆ใครจะไปเชื่อว่า..
    การดื่มน้ำเย็นจะมีพิษ
    มีภัย และให้โทษได้ถึงขนาดนี้
    ((((▶
    ♣หมอได้พบผู้ป่วย
    ที่มีอาการแขนขาอ่อน
    แรง หรือที่เรียกกันว่า โรคอัมพฤกษ์ ซึ่งสืบค้นต้นตอไปๆมาๆ ก็พบว่า สาเหตุมาจากพฤติกรรมการดื่มน้ำเย็น หรือ น้ำแข็งเป็นประจำนั่นเอง ผู้ป่วยเล่าให้ฟังว่า ไม่กินผักมาตั้งแต่เล็กๆ รับประทานแต่เนื้อสัตว์ ที่สำคัญคือชอบดื่มน้ำ
    เย็นเป็นประจำมาตั้งแต่
    เด็ก และต้องเป็นน้ำเย็นจากตู้เย็นเท่านั้น

    ■ก่อนที่จะมีอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรงนั้น ร่างกายผู้ป่วยได้ส่งสัญญาณเตือนมาหลายครั้ง เช่น มึนเวียนศีรษะง่าย เห็นเหมือนแสงไฟแวบๆขณะกระพริบตา การพูดเริ่มติดๆขัดๆ สุดท้ายเกิดอาการวูบกะทันหัน ต้องนำส่งโรงพยาบาล เมื่อรู้สึกตัวอีกครั้งผู้ป่วยก็ไม่สามารถขยับร่างกายซีกซ้ายได้แล้ว นี่คืออาการของโรคเส้นเลือดตีบที่สมองในวัยเพียง 40 ปี ที่ชอบทานแต่น้ำเย็นมาตลอดเวลา

    ★การดื่มน้ำเย็น สำหรับคนไทยนั้น ทำให้ "ไต ต้องรับกำจัดความเย็น
    ออกจากร่างกาย
    อย่างรวดเร็ว" ขับน้ำเย็นมากักเก็บ
    ไว้ที่กระเพาะปัสสาวะ เตรียมขับออกเป็น
    น้ำปัสสาวะทำให้ผู้ที่
    ชอบทานน้ำเย็นก็ยิ่ง
    ขาดน้ำจนเลือดข้น
    หนืดไปหมด ประกอบกับหลอดเลือดที่เริ่มแข็งกระด้างไม่ยืดหยุ่น ทำให้มีคราบไขมัน และของเสียไปยึดเกาะตามผนังหลอดเลือด
    จนเกิดการพอกพูน
    กลายเป็นโรคหลอด
    เลือดตีบ
    ก็เพราะน้ำเย็นที่ชอบ
    ทานเป็นประจำนั่นเอง

    ★ไตของเราเปรียบ
    เสมือนเครื่องกรองน้ำ
    อันน่าอัศจรรย์ ทำหน้าที่ช่วยกรอง
    ของเสียออกจากเลือด แล้วขับออกทาง
    ปัสสาวะการทำหน้าที่
    ตลอด 24 ชม. ไม่มีวันหยุดของไตนั้น ถ้าเราไปซ้ำเติมด้วยการรับประทานสิ่งที่เป็นพิษต่อร่างกายรวมทั้ง

    ★น้ำเย็นด้วยก็จะทำให้
    เกิดภาวะไตอ่อนแอและจะส่งสัญญาณร้อง
    ให้เราทราบดังนี้

    ★1.ปัสสาวะบ่อยขึ้น อั้นปัสสาวะไม่ได้นาน ดื่มน้ำเข้าไปแล้วต้อง
    วิ่งเข้าห้องน้ำบ่อยๆ
    กลางคืนก็ต้องลุกขึ้นเข้าห้องน้ำหลายเที่ยว

    ★2.มีอาการปวดหลัง ปวดเอวบ่อยๆ โดยเฉพาะเวลานั่งนานๆ

    ★3.ปวดเมื่อยตามข้อ และ ร่างกายง่าย เช่น ปวดข้อเข่า ปวดต้นคอ

    ★4.หลอดเลือดตีบตัน หรือ หลอดเลือดแข็งได้ง่าย

    ★หากใครยังทาน.......
    ●น้ำเย็น นมเย็น ●กาแฟเย็น น้ำอัดลม ●น้ำหวานเย็น ชาเย็น อยู่เป็นประจำ ●มีอาการปวดหลังแน่ๆ
    ก็ต้องดูแลตนเองง่ายๆ ดังนี้

    ■1.ปรับเลือดที่หนืดข้น
    ให้หายข้นด้วยการเพิ่ม
    น้ำเข้ากระแสเลือด โดยทานน้ำอุ่นให้ได้ 8-10 แก้ว ทุกวัน

    ■2.ทำให้เลือดไหล
    เวียนสะดวกอย่าง
    ต่อเนื่องด้วยการ.....
    ■ออกกำลังเป็นประจำที่สามารถทำได้ หรือ อาจใช้การจัดกระดูก ช่วยให้เลือดไหลเวียน
    สม่ำเสมอ

    ■3.ไม่กินอาหาร.....
    ◆เนื้อสัตว์ ของทอด ◆ของหวานจัดเพราะ ◆ทำให้เกิดอนุมูลอิสระ
    ปริมาณมากจนทำให้ หลอดเลือดแข็ง หรือ ตีบตันได้ง่าย

    ■4.งดการทานน้ำเย็น
    เด็ดขาดรู้แล้วอย่า
    เฉยเมยนะควรปฎิบัติ
    ด้วยและรู้แล้วอย่า
    เก็บไว้คนเดียวโปรด
    แบ่งปันให้คนรอบข้าง
    ของตัวเรา
    ★พันเอก ดร.นพ.ดำรง หมอประจำพระองค์
    พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
    3/12/67 ■พิษจากดื่มน้ำเย็น■ ~~~~~~~~~~~~~ ★จะปวดหลัง ข้อเข่า ไตอ่อนแอ •••••••○••••••○•••••• ◆ใครจะไปเชื่อว่า.. การดื่มน้ำเย็นจะมีพิษ มีภัย และให้โทษได้ถึงขนาดนี้ ((((▶ ♣หมอได้พบผู้ป่วย ที่มีอาการแขนขาอ่อน แรง หรือที่เรียกกันว่า โรคอัมพฤกษ์ ซึ่งสืบค้นต้นตอไปๆมาๆ ก็พบว่า สาเหตุมาจากพฤติกรรมการดื่มน้ำเย็น หรือ น้ำแข็งเป็นประจำนั่นเอง ผู้ป่วยเล่าให้ฟังว่า ไม่กินผักมาตั้งแต่เล็กๆ รับประทานแต่เนื้อสัตว์ ที่สำคัญคือชอบดื่มน้ำ เย็นเป็นประจำมาตั้งแต่ เด็ก และต้องเป็นน้ำเย็นจากตู้เย็นเท่านั้น ■ก่อนที่จะมีอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรงนั้น ร่างกายผู้ป่วยได้ส่งสัญญาณเตือนมาหลายครั้ง เช่น มึนเวียนศีรษะง่าย เห็นเหมือนแสงไฟแวบๆขณะกระพริบตา การพูดเริ่มติดๆขัดๆ สุดท้ายเกิดอาการวูบกะทันหัน ต้องนำส่งโรงพยาบาล เมื่อรู้สึกตัวอีกครั้งผู้ป่วยก็ไม่สามารถขยับร่างกายซีกซ้ายได้แล้ว นี่คืออาการของโรคเส้นเลือดตีบที่สมองในวัยเพียง 40 ปี ที่ชอบทานแต่น้ำเย็นมาตลอดเวลา ★การดื่มน้ำเย็น สำหรับคนไทยนั้น ทำให้ "ไต ต้องรับกำจัดความเย็น ออกจากร่างกาย อย่างรวดเร็ว" ขับน้ำเย็นมากักเก็บ ไว้ที่กระเพาะปัสสาวะ เตรียมขับออกเป็น น้ำปัสสาวะทำให้ผู้ที่ ชอบทานน้ำเย็นก็ยิ่ง ขาดน้ำจนเลือดข้น หนืดไปหมด ประกอบกับหลอดเลือดที่เริ่มแข็งกระด้างไม่ยืดหยุ่น ทำให้มีคราบไขมัน และของเสียไปยึดเกาะตามผนังหลอดเลือด จนเกิดการพอกพูน กลายเป็นโรคหลอด เลือดตีบ ก็เพราะน้ำเย็นที่ชอบ ทานเป็นประจำนั่นเอง ★ไตของเราเปรียบ เสมือนเครื่องกรองน้ำ อันน่าอัศจรรย์ ทำหน้าที่ช่วยกรอง ของเสียออกจากเลือด แล้วขับออกทาง ปัสสาวะการทำหน้าที่ ตลอด 24 ชม. ไม่มีวันหยุดของไตนั้น ถ้าเราไปซ้ำเติมด้วยการรับประทานสิ่งที่เป็นพิษต่อร่างกายรวมทั้ง ★น้ำเย็นด้วยก็จะทำให้ เกิดภาวะไตอ่อนแอและจะส่งสัญญาณร้อง ให้เราทราบดังนี้ ★1.ปัสสาวะบ่อยขึ้น อั้นปัสสาวะไม่ได้นาน ดื่มน้ำเข้าไปแล้วต้อง วิ่งเข้าห้องน้ำบ่อยๆ กลางคืนก็ต้องลุกขึ้นเข้าห้องน้ำหลายเที่ยว ★2.มีอาการปวดหลัง ปวดเอวบ่อยๆ โดยเฉพาะเวลานั่งนานๆ ★3.ปวดเมื่อยตามข้อ และ ร่างกายง่าย เช่น ปวดข้อเข่า ปวดต้นคอ ★4.หลอดเลือดตีบตัน หรือ หลอดเลือดแข็งได้ง่าย ★หากใครยังทาน....... ●น้ำเย็น นมเย็น ●กาแฟเย็น น้ำอัดลม ●น้ำหวานเย็น ชาเย็น อยู่เป็นประจำ ●มีอาการปวดหลังแน่ๆ ก็ต้องดูแลตนเองง่ายๆ ดังนี้ ■1.ปรับเลือดที่หนืดข้น ให้หายข้นด้วยการเพิ่ม น้ำเข้ากระแสเลือด โดยทานน้ำอุ่นให้ได้ 8-10 แก้ว ทุกวัน ■2.ทำให้เลือดไหล เวียนสะดวกอย่าง ต่อเนื่องด้วยการ..... ■ออกกำลังเป็นประจำที่สามารถทำได้ หรือ อาจใช้การจัดกระดูก ช่วยให้เลือดไหลเวียน สม่ำเสมอ ■3.ไม่กินอาหาร..... ◆เนื้อสัตว์ ของทอด ◆ของหวานจัดเพราะ ◆ทำให้เกิดอนุมูลอิสระ ปริมาณมากจนทำให้ หลอดเลือดแข็ง หรือ ตีบตันได้ง่าย ■4.งดการทานน้ำเย็น เด็ดขาดรู้แล้วอย่า เฉยเมยนะควรปฎิบัติ ด้วยและรู้แล้วอย่า เก็บไว้คนเดียวโปรด แบ่งปันให้คนรอบข้าง ของตัวเรา ★พันเอก ดร.นพ.ดำรง หมอประจำพระองค์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 385 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🩸ภาวะแทรกโรคซ้อนจากไขมันในเลือดสูง🩸 1. โรคหลอดเลือดสมอง 2. โรคหลอดเลือดหัวใจ 3. โรคความดันสูง 4. เสื่อมสมรรถภาพ 5. อัมพฤกษ์ อัมพาต 6. โรคตับ 7. โรคไต👉แนะนำทานผลิตภัณฑ์ KO สารสกัดจากธรรมชาติมากกว่า 9 ชนิด มี อย.รับรอง ทานแล้วปลอดภัย🍀ผลิตภัณฑ์ K.O ❣️ ช่วยลดไขมันในเลือด ลดไตรกลีเซอไรด์ ฟื้นฟูการทำงานของระบบไหลเวียนของเลือดในร่างกาย. ✅ลดอาการ ปวดหัวบ่อย มึนหัว ไมเกรน ✅ลดไขมันในเลือด โคเลสเตอรอล ✅ฟื้นฟู เส้นเลือดในสมอง โรคหัวใจ อัมพาต ✅โลหิตจาง อาการชา อ่อนแรง ✅ช่วยให้เลือดไปเลี้ยงสมองได้ดีขึ้น👉แนะนำทานผลิตภัณฑ์เคโอ (K.O) ช่วยคุณได้จากอาการเหล่านี้…☎️ปรึกษา/สั่งซื้อ โทร 092-237-8484 คุณอ้อ.#ไมเกรน #ปวดหัวไมเกรน #เลือดข้น #เลือดหนืด #ไขมันในเลือดสูง #คอเลสเตอรอลสูง #ไตรกลีเซอร์ไลด์ #มึนหัว #ปวดเนื้อปวดตัว #เหนื่อยง่าย #เบาหวาน #เวียนหัว #บ้านหมุน #วูบบ่อย #น้ำในหูไม่เท่ากัน #ความดัน #เบาหวาน #เคโอคุณอ้อ #คุณอ้อเคโอ #เคโอ #ko
    🩸ภาวะแทรกโรคซ้อนจากไขมันในเลือดสูง🩸 1. โรคหลอดเลือดสมอง 2. โรคหลอดเลือดหัวใจ 3. โรคความดันสูง 4. เสื่อมสมรรถภาพ 5. อัมพฤกษ์ อัมพาต 6. โรคตับ 7. โรคไต👉แนะนำทานผลิตภัณฑ์ KO สารสกัดจากธรรมชาติมากกว่า 9 ชนิด มี อย.รับรอง ทานแล้วปลอดภัย🍀ผลิตภัณฑ์ K.O ❣️ ช่วยลดไขมันในเลือด ลดไตรกลีเซอไรด์ ฟื้นฟูการทำงานของระบบไหลเวียนของเลือดในร่างกาย. ✅ลดอาการ ปวดหัวบ่อย มึนหัว ไมเกรน ✅ลดไขมันในเลือด โคเลสเตอรอล ✅ฟื้นฟู เส้นเลือดในสมอง โรคหัวใจ อัมพาต ✅โลหิตจาง อาการชา อ่อนแรง ✅ช่วยให้เลือดไปเลี้ยงสมองได้ดีขึ้น👉แนะนำทานผลิตภัณฑ์เคโอ (K.O) ช่วยคุณได้จากอาการเหล่านี้…☎️ปรึกษา/สั่งซื้อ โทร 092-237-8484 คุณอ้อ.#ไมเกรน #ปวดหัวไมเกรน #เลือดข้น #เลือดหนืด #ไขมันในเลือดสูง #คอเลสเตอรอลสูง #ไตรกลีเซอร์ไลด์ #มึนหัว #ปวดเนื้อปวดตัว #เหนื่อยง่าย #เบาหวาน #เวียนหัว #บ้านหมุน #วูบบ่อย #น้ำในหูไม่เท่ากัน #ความดัน #เบาหวาน #เคโอคุณอ้อ #คุณอ้อเคโอ #เคโอ #ko
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 956 มุมมอง 0 รีวิว
  • เป็นแล้ว เป็นอีก ถ้าไม่หาสาเหตุว่าผู้ร้่ายเกิดจากอะไร
    และแม้แต่ทราบปัจจัยเสี่ยงแต่ยังไม่สนใจเพราะเชื่อว่ากินยาอย่างเดียวก็พอ อัมพฤกษ์ กลับมาใหม่ได้ครับ
    https://vt.tiktok.com/ZSjr5oj1C/
    เป็นแล้ว เป็นอีก ถ้าไม่หาสาเหตุว่าผู้ร้่ายเกิดจากอะไร และแม้แต่ทราบปัจจัยเสี่ยงแต่ยังไม่สนใจเพราะเชื่อว่ากินยาอย่างเดียวก็พอ อัมพฤกษ์ กลับมาใหม่ได้ครับ https://vt.tiktok.com/ZSjr5oj1C/
    Like
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 338 มุมมอง 0 รีวิว
  • 4/11/67

    ภัยลิ่มเลือดที่เป็นเหตุให้สมองบวม

    ปัจจัยเสี่ยงคือ เป็นเบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไขมัน
    โรคอ้วน ความเครียด /แก้ไข ระมัดระวังลดความเสี่ยงโดยรักษาโรคปัจจัยเสี่ยง เบาหวาน ความดัน ไขมัน ออกกำลังกาย งด เหล้า บุหรี่

    ถ้าไม่อยากเป็นอัมพฤกษ์ อีมพาตนอนติดเตียง
    https://vt.tiktok.com/ZSj6AGyF8/
    4/11/67 ภัยลิ่มเลือดที่เป็นเหตุให้สมองบวม ปัจจัยเสี่ยงคือ เป็นเบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไขมัน โรคอ้วน ความเครียด /แก้ไข ระมัดระวังลดความเสี่ยงโดยรักษาโรคปัจจัยเสี่ยง เบาหวาน ความดัน ไขมัน ออกกำลังกาย งด เหล้า บุหรี่ ถ้าไม่อยากเป็นอัมพฤกษ์ อีมพาตนอนติดเตียง https://vt.tiktok.com/ZSj6AGyF8/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 346 มุมมอง 0 รีวิว
  • ความสำคัญคือ
    ตัวเลข อัมพฤกษ์อัมพาตและตายจากเส้นเลือดในสมองที่สูงลิบเหล่านี้ มีปัจจัยอย่างอื่นด้วยหรือไม่
    และการไม่ให้อยู่เนือยนิ่ง นั่งเฉยๆ ให้ออกกำลัง รักษาโรคประจำตัว ซึ่งเป็นคำขวัญมานานประมาณ 10 ปีแล้ว หรือนานกว่าด้วยซ้ำ

    เหล่านี้จะปะทะกับผู้ร้ายลักษณะนี้ได้หรือไม่
    ถ้าเรายังไม่ทราบว่าผู้ร้ายกลุ่มนี้คือใครและอะไร?
    และ โรคหลอดเลือดสมองสัมพันธ์กับหัวใจยังหลีกเลี่ยงไม่ได้และความแปรปรวนของเลือดและน้ำเหลือง
    ความสำคัญคือ ตัวเลข อัมพฤกษ์อัมพาตและตายจากเส้นเลือดในสมองที่สูงลิบเหล่านี้ มีปัจจัยอย่างอื่นด้วยหรือไม่ และการไม่ให้อยู่เนือยนิ่ง นั่งเฉยๆ ให้ออกกำลัง รักษาโรคประจำตัว ซึ่งเป็นคำขวัญมานานประมาณ 10 ปีแล้ว หรือนานกว่าด้วยซ้ำ เหล่านี้จะปะทะกับผู้ร้ายลักษณะนี้ได้หรือไม่ ถ้าเรายังไม่ทราบว่าผู้ร้ายกลุ่มนี้คือใครและอะไร? และ โรคหลอดเลือดสมองสัมพันธ์กับหัวใจยังหลีกเลี่ยงไม่ได้และความแปรปรวนของเลือดและน้ำเหลือง
    Like
    Sad
    14
    0 ความคิดเห็น 2 การแบ่งปัน 537 มุมมอง 0 รีวิว
  • บิด เอียง สะบัดหมุน ดัดคอ...แล้วก็เสี่ยงอัมพฤกษ์
    เขียนโดย หมอดื้อ ไทยรัฐ สุขภาพหรรษา

    กระบวนการในการนวดคลายเมื่อย ดัดเส้น รวมทั้ง เป็นกรรมวิธีในการบำบัดทางกายภาพและจัดกระดูก ซึ่งถ้าไม่ระวังจะ เพิ่มความเสี่ยงอันตรายต่อการที่ผนังเส้นเลือดที่ไปเลี้ยงสมอง โดยเฉพาะคู่หลังเกิดการฉีกขาดและทำให้เกิดเนื้อสมองตายเป็นอัมพฤกษ์ อัมพาตได้

    ความจริงเรื่องเกี่ยวกับ “คอ” เป็นที่สังเกตระวังกันมานานกว่า 30 ปีแล้ว จากการสำรวจข้อมูลจากหมอทางสมองในสหรัฐฯว่าในช่วงเวลา 2 ปีที่ผ่านมา เคยประสบพบคนไข้ที่มีอาการอัมพฤกษ์จากเส้นเลือดสมองตีบภายในระยะเวลา 24 ชั่วโมง หลังจากที่คนไข้ผ่านกรรมวิธีจับ ดัด ปรับกระดูกคอหรือไม่

    หมอสมอง 177 คน รายงานว่าเคยเจอผู้ป่วย 55 รายเข้าข่ายกรณีดังกล่าว ทั้งนี้ โดยที่คนไข้มีอายุระหว่าง 21 ถึง 60 ปี หลังจากมีการบิดดัดคอ และเป็นผลต่อเส้นเลือดสมองโดยเฉพาะคู่หลัง เกิดตันตีบ ซึ่งตัวหมอเองก็มีคนไข้ที่หมุนคอเป็นประจำวันละ 3 เวลา ครั้งละ 30 รอบเป็นปี นัยว่าทำให้กล้ามเนื้อคอแข็งแรง ฝึกการทรงตัว วันหนึ่งเกิดเรื่องขณะยืนข้างถนน หันหน้าจะไปเรียกรถแท็กซี่ปรากฏเป็นอัมพาตซีกซ้าย อีกสักพักค่อยๆดีขึ้น พอมีแรงลุกขึ้น หันหน้าไปอีกด้าน มีอ่อนแรงซีกขวา ต้องนอนอยู่โรงพยาบาลเป็นเดือน และการตรวจเส้นเลือดด้วยการฉีดสี ยืนยันมีผนังเส้นเลือดฉีกขาดจริงและเลือดไหลเซาะเข้าในผนังเส้นเลือด ทำให้รูเส้นเลือดตัน อีกทั้งยังทำให้ผนังเส้นเลือดขรุขระ เกิดการเกาะของตะกอนเลือด ซึ่งหลุดลอยไปอุดเส้นเลือดได้อีกต่อ

    สมองของเรามีเส้นเลือดไปเลี้ยง 2 คู่ คู่หน้าสามารถคลำได้ตุบๆที่คอด้านหน้าซึ่งไปเลี้ยงสมองหน้าผากขมับ 2 ข้าง รวมทั้งสมองส่วนลึกลงไปทางด้านใน เส้นเลือดคู่หลังร้อยผ่านกระดูกก้านคอ และเลื้อยผ่านเข้าไปหล่อเลี้ยงสมองท้ายทอยซึ่งเป็นจอรับภาพ สมองน้อยด้านหลัง คุมการทรงตัว ก้านสมองซึ่งควบคุมประสาทสมองรวมการเคลื่อนไหวลูกตา คุมการรับรู้สึกตัว การเคลื่อนไหวแขนขา การสะบัดคอแรงๆ การหมุนคอบิด บริหารประจำอาจทำให้เกิดผลร้าย

    อันตรายที่เกิดขึ้นจะแปรตามความรวดเร็ว รุนแรงของการบิดสะบัดเคลื่อนไหวคอและแม้หมุน สะบัดไม่รวดเร็ว แต่การทำซ้ำกันบ่อยๆเป็นระยะเวลานานก็เกิดเรื่องได้ ไม่เฉพาะแต่เส้นประสาทที่คอ ยังเกิดกับเส้นเลือด โดยเฉพาะผู้ที่เกิดมาขาดทุนคือมีเส้นเลือดคู่หลังเพียงเส้นเดียว และในคนที่มีเส้นเลือดตีบอยู่แล้วจากมีโรคประจำตัว คือ อ้วน ความดันสูง ไขมันเพียบ หรือมีกระดูกงอกที่คอที่พร้อมที่จะกดเบียดเส้นเลือดอยู่แล้วหรือคนที่มีโรคของผนังเส้นเลือดผิดปกติแต่กำเนิด (ซึ่งพบได้น้อยมาก)

    ข้อควรระวัง และกลไกในการเกิดอัมพฤกษ์จากการเคลื่อนของคอ อันเป็นผลจากการจับ ดัด เอียง สะบัด มีรายงานเป็นทางการจากสมาคมโรคหัวใจและโรคอัมพฤกษ์จากเส้นเลือดผิดปกติของสหรัฐฯ ซึ่งรายงานข้อสรุปได้รับการสนับสนุนและรองรับโดยสมาคมศัลยแพทย์และคองเกรสทางระบบประสาทของสหรัฐฯ ตีพิมพ์ในวารสาร Stroke ฉบับเดือนตุลาคม 2014 ทั้งนี้ การนวดกดจุดก็น่าจะต้องระวังเช่นกัน เนื่องจากเส้นเลือดคู่หลังจะวิ่งเข้าสมองโดยผ่านรู 2 ข้างที่ฐานกะโหลกศีรษะ ซึ่งจากการนวด อาจจะมีวิธี “ปิด–เปิดประตู”

    ทั้งนี้ การเปิดปิดประตูคือการกดจุดที่รู 2 ข้างซึ่งจะตัดการไหลเวียนของเลือดเข้าสมองท้ายทอยซึ่งเป็นจอรับภาพในสมอง ทำให้ตามืดไปชั่วขณะ และเมื่อปล่อยการกดจุด เลือดจะไหลมาดังเดิมทำให้ตาสว่าง ซึ่งในคนที่เส้นเลือดผิดปกติอยู่แล้ว ตาอาจมืดไปเลยได้ กลายเป็นบอดทั้ง 2 ข้าง

    สำหรับคนเมื่อยคอ วิธีแก้เมื่อย รวมทั้งยังสามารถทำกายภาพบำบัดด้วยตัวเองได้คือคอตรง หน้าตรง ดันศีรษะสู้กับฝ่ามือตนเอง 4 ทิศ ซ้ายขวา หน้าหลังเท่ากับ 1 รอบ ดันแรง ดันนานๆ ทำวันละ 10-20 รอบ ตอนไหนก็ได้ ยังช่วยเรื่องกระดูกกดทับเส้นประสาท ปรับโครงสร้างกระดูก เส้นเอ็นให้เข้าที่ ทำให้กล้ามเนื้อคอแข็งแรง ไม่ต้องไปดึงคอที่โรงพยาบาลเสียเวลารถติด ข้อสำคัญไม่ต้องกินยาแก้ปวด ซึ่งเป็นการแก้ปลายเหตุ กระเพาะทะลุ ไตพัง และยาแก้ปวดยังทำให้เส้นเลือดหัวใจตันได้

    ที่มา : https://www.facebook.com/share/p/BTxpcwtTBbJEMqRQ/?mibextid=CTbP7E
    ขอบคุณรูปจาก วารสาร Stroke

    #Thaitimes
    บิด เอียง สะบัดหมุน ดัดคอ...แล้วก็เสี่ยงอัมพฤกษ์ เขียนโดย หมอดื้อ ไทยรัฐ สุขภาพหรรษา กระบวนการในการนวดคลายเมื่อย ดัดเส้น รวมทั้ง เป็นกรรมวิธีในการบำบัดทางกายภาพและจัดกระดูก ซึ่งถ้าไม่ระวังจะ เพิ่มความเสี่ยงอันตรายต่อการที่ผนังเส้นเลือดที่ไปเลี้ยงสมอง โดยเฉพาะคู่หลังเกิดการฉีกขาดและทำให้เกิดเนื้อสมองตายเป็นอัมพฤกษ์ อัมพาตได้ ความจริงเรื่องเกี่ยวกับ “คอ” เป็นที่สังเกตระวังกันมานานกว่า 30 ปีแล้ว จากการสำรวจข้อมูลจากหมอทางสมองในสหรัฐฯว่าในช่วงเวลา 2 ปีที่ผ่านมา เคยประสบพบคนไข้ที่มีอาการอัมพฤกษ์จากเส้นเลือดสมองตีบภายในระยะเวลา 24 ชั่วโมง หลังจากที่คนไข้ผ่านกรรมวิธีจับ ดัด ปรับกระดูกคอหรือไม่ หมอสมอง 177 คน รายงานว่าเคยเจอผู้ป่วย 55 รายเข้าข่ายกรณีดังกล่าว ทั้งนี้ โดยที่คนไข้มีอายุระหว่าง 21 ถึง 60 ปี หลังจากมีการบิดดัดคอ และเป็นผลต่อเส้นเลือดสมองโดยเฉพาะคู่หลัง เกิดตันตีบ ซึ่งตัวหมอเองก็มีคนไข้ที่หมุนคอเป็นประจำวันละ 3 เวลา ครั้งละ 30 รอบเป็นปี นัยว่าทำให้กล้ามเนื้อคอแข็งแรง ฝึกการทรงตัว วันหนึ่งเกิดเรื่องขณะยืนข้างถนน หันหน้าจะไปเรียกรถแท็กซี่ปรากฏเป็นอัมพาตซีกซ้าย อีกสักพักค่อยๆดีขึ้น พอมีแรงลุกขึ้น หันหน้าไปอีกด้าน มีอ่อนแรงซีกขวา ต้องนอนอยู่โรงพยาบาลเป็นเดือน และการตรวจเส้นเลือดด้วยการฉีดสี ยืนยันมีผนังเส้นเลือดฉีกขาดจริงและเลือดไหลเซาะเข้าในผนังเส้นเลือด ทำให้รูเส้นเลือดตัน อีกทั้งยังทำให้ผนังเส้นเลือดขรุขระ เกิดการเกาะของตะกอนเลือด ซึ่งหลุดลอยไปอุดเส้นเลือดได้อีกต่อ สมองของเรามีเส้นเลือดไปเลี้ยง 2 คู่ คู่หน้าสามารถคลำได้ตุบๆที่คอด้านหน้าซึ่งไปเลี้ยงสมองหน้าผากขมับ 2 ข้าง รวมทั้งสมองส่วนลึกลงไปทางด้านใน เส้นเลือดคู่หลังร้อยผ่านกระดูกก้านคอ และเลื้อยผ่านเข้าไปหล่อเลี้ยงสมองท้ายทอยซึ่งเป็นจอรับภาพ สมองน้อยด้านหลัง คุมการทรงตัว ก้านสมองซึ่งควบคุมประสาทสมองรวมการเคลื่อนไหวลูกตา คุมการรับรู้สึกตัว การเคลื่อนไหวแขนขา การสะบัดคอแรงๆ การหมุนคอบิด บริหารประจำอาจทำให้เกิดผลร้าย อันตรายที่เกิดขึ้นจะแปรตามความรวดเร็ว รุนแรงของการบิดสะบัดเคลื่อนไหวคอและแม้หมุน สะบัดไม่รวดเร็ว แต่การทำซ้ำกันบ่อยๆเป็นระยะเวลานานก็เกิดเรื่องได้ ไม่เฉพาะแต่เส้นประสาทที่คอ ยังเกิดกับเส้นเลือด โดยเฉพาะผู้ที่เกิดมาขาดทุนคือมีเส้นเลือดคู่หลังเพียงเส้นเดียว และในคนที่มีเส้นเลือดตีบอยู่แล้วจากมีโรคประจำตัว คือ อ้วน ความดันสูง ไขมันเพียบ หรือมีกระดูกงอกที่คอที่พร้อมที่จะกดเบียดเส้นเลือดอยู่แล้วหรือคนที่มีโรคของผนังเส้นเลือดผิดปกติแต่กำเนิด (ซึ่งพบได้น้อยมาก) ข้อควรระวัง และกลไกในการเกิดอัมพฤกษ์จากการเคลื่อนของคอ อันเป็นผลจากการจับ ดัด เอียง สะบัด มีรายงานเป็นทางการจากสมาคมโรคหัวใจและโรคอัมพฤกษ์จากเส้นเลือดผิดปกติของสหรัฐฯ ซึ่งรายงานข้อสรุปได้รับการสนับสนุนและรองรับโดยสมาคมศัลยแพทย์และคองเกรสทางระบบประสาทของสหรัฐฯ ตีพิมพ์ในวารสาร Stroke ฉบับเดือนตุลาคม 2014 ทั้งนี้ การนวดกดจุดก็น่าจะต้องระวังเช่นกัน เนื่องจากเส้นเลือดคู่หลังจะวิ่งเข้าสมองโดยผ่านรู 2 ข้างที่ฐานกะโหลกศีรษะ ซึ่งจากการนวด อาจจะมีวิธี “ปิด–เปิดประตู” ทั้งนี้ การเปิดปิดประตูคือการกดจุดที่รู 2 ข้างซึ่งจะตัดการไหลเวียนของเลือดเข้าสมองท้ายทอยซึ่งเป็นจอรับภาพในสมอง ทำให้ตามืดไปชั่วขณะ และเมื่อปล่อยการกดจุด เลือดจะไหลมาดังเดิมทำให้ตาสว่าง ซึ่งในคนที่เส้นเลือดผิดปกติอยู่แล้ว ตาอาจมืดไปเลยได้ กลายเป็นบอดทั้ง 2 ข้าง สำหรับคนเมื่อยคอ วิธีแก้เมื่อย รวมทั้งยังสามารถทำกายภาพบำบัดด้วยตัวเองได้คือคอตรง หน้าตรง ดันศีรษะสู้กับฝ่ามือตนเอง 4 ทิศ ซ้ายขวา หน้าหลังเท่ากับ 1 รอบ ดันแรง ดันนานๆ ทำวันละ 10-20 รอบ ตอนไหนก็ได้ ยังช่วยเรื่องกระดูกกดทับเส้นประสาท ปรับโครงสร้างกระดูก เส้นเอ็นให้เข้าที่ ทำให้กล้ามเนื้อคอแข็งแรง ไม่ต้องไปดึงคอที่โรงพยาบาลเสียเวลารถติด ข้อสำคัญไม่ต้องกินยาแก้ปวด ซึ่งเป็นการแก้ปลายเหตุ กระเพาะทะลุ ไตพัง และยาแก้ปวดยังทำให้เส้นเลือดหัวใจตันได้ ที่มา : https://www.facebook.com/share/p/BTxpcwtTBbJEMqRQ/?mibextid=CTbP7E ขอบคุณรูปจาก วารสาร Stroke #Thaitimes
    Like
    Love
    8
    0 ความคิดเห็น 2 การแบ่งปัน 906 มุมมอง 0 รีวิว
  • 10/10/67

    “อันตรายแบบไม่คาด
    คิดกับการเงยศรีษะ
    และก้มตัวลง”

    ศ.ดร.วิชัย อึงพินิจพงศ์
    ผู้เชี่ยวชาญด้านกาย
    ภาพบำบัด มข. แนะนำ เตือน สว.ควรตระหนักจากข้อมูล ของ
    Cr: Surakhuang Asavanich ดังนี้:-
    ————————
    เขียนเตือนตัวเอง…และเตือนเพื่อนๆผู้
    สูงวัยอีกครั้ง…เพราะ คนแก่มักขี้ลืม…จึงต้องเตือนอีก…เพราะเพื่อนเสร็จไปอีก 2 ราย

    ~ เพื่อนผู้สูงวัย…ท่านหนึ่ง เป็นนายพลเอก…เกษียณมาได้ 10 ปีเศษ…ออกรอบเล่นกอล์ฟบ่อย…เล่นเทนนิสด้วย…ถือว่า เป็นผู้สูงวัยที่สุขภาพดี…ยังเตะปี๊บดัง…แม้แก่แล้ว…ก็ยังท่องเที่ยวไปทุกย่านน้ำ……
    ~ จึงประมาท…หลอดไฟที่บ้านดับ…จึงลุกไปเปลี่ยนหลอดไฟที่เพดานเอง …ขึ้นยืนบนเก้าอี้ไม้ 4 ขาที่แข็งแรง… เพื่อจะเปลี่ยนหลอดไฟ…
    ~ แต่… แต่ ในช่วงแหงนหน้าเงยขึ้นมองหลอดไฟ…ปรากฏว่า…แหงนมากไปหน่อย …กระดูกที่ก้านคอ …ไปกดทับเส้นเลือด …ที่ไปเลี้ยงสมอง…… ปรากฏว่า… ล้มตกเก้าอี้ลงมา… เพราะ เลือดไปเลี้ยงสมอง ขาดตอนไปในช่วงนั้น …ตอนนี้ได้แต่นอนอัมพาตไม่รู้ตัว ……อันตรายเหลือเกิน สำหรับการแหงนคอผิดท่า……ของผู้สูงวัย…… เลยนำมาเตือนอีกครั้ง…… จะได้ระวังตัวกันให้มากขึ้น…ในช่วงแหงนหน้าสอยผลไม้…ก็เฉกเช่นเดียวกัน…แก่แล้ว…ห้ามประมาทนะจ๊ะ…ลูกหลานจะลำบาก

    ~ เพื่อนอีกคน……ผิดท่า……ในการก้มและเงย ……ปกติ เขาจะเปิดพัดลมตั้งพื้นด้วยเท้า……ในวันเกิดเหตุ……แทนการใช้เท้าเปิดพัดลม…… วันนั้น……กลับมีมารยาท…ก้มลงใช้มือเปิดพัดลม ……พอก้มกดเปิดเสร็จ ……ตอนเงยหน้าขึ้นมา…ผิดท่าอย่างไรไม่รู้……ขาเกิดไม่มีแรงทั้ง 2 ข้าง ……ล้มทั้งยืน ……ตอนนี้…ยังต้องทำกายภาพบำบัดอยู่…จะลุกจะเดินทรมานมาก … เดินตัวแข็งทื่อ ……เพราะฉะนั้น…… เพื่อนๆ ที่เข้าสู่ช่วงสูงวัยแล้ว…เวลาจะก้มจะเงย ……ต้องระวังตัวให้มากขึ้น…จะทำแบบที่เคยทำในช่วงที่มีอายุยังไม่มากไม่ได้…ต้องทำอะไรให้ช้าลงด้วยความระมัดระวังที่มากขึ้น

    ~ อนึ่ง ในเวลาหันหน้าไปด้านข้าง……โดยเฉพาะในรถ……ก็ต้องพยายามหันตัวไปด้วย……ยกก้นขยับตัวสักหน่อย…อย่าหันแต่ศีรษะ……แม้เคยทำได้ตลอดมา…แต่ ต้องไม่ลืมว่า…สังขารมีความเสื่อมลงไปทุกวัน…ต้องยังความไม่ประมาทให้ถึงพร้อม…เพราะทั้งหมด……ที่ยกตัวอย่างมา…เป็นท่าที่มีอันตรายต่อระบบหลอดเลือด…ของทุกคน ที่เป็นผู้สูงวัยนะ…หากประมาท…เพื่อนอาจเป็นอัมพฤกษ์/อัมพาตได้ง่ายๆนะ…จึงขอเตือนมาอีกครั้ง
    10/10/67 “อันตรายแบบไม่คาด คิดกับการเงยศรีษะ และก้มตัวลง” ศ.ดร.วิชัย อึงพินิจพงศ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านกาย ภาพบำบัด มข. แนะนำ เตือน สว.ควรตระหนักจากข้อมูล ของ Cr: Surakhuang Asavanich ดังนี้:- ———————— เขียนเตือนตัวเอง…และเตือนเพื่อนๆผู้ สูงวัยอีกครั้ง…เพราะ คนแก่มักขี้ลืม…จึงต้องเตือนอีก…เพราะเพื่อนเสร็จไปอีก 2 ราย ~ เพื่อนผู้สูงวัย…ท่านหนึ่ง เป็นนายพลเอก…เกษียณมาได้ 10 ปีเศษ…ออกรอบเล่นกอล์ฟบ่อย…เล่นเทนนิสด้วย…ถือว่า เป็นผู้สูงวัยที่สุขภาพดี…ยังเตะปี๊บดัง…แม้แก่แล้ว…ก็ยังท่องเที่ยวไปทุกย่านน้ำ…… ~ จึงประมาท…หลอดไฟที่บ้านดับ…จึงลุกไปเปลี่ยนหลอดไฟที่เพดานเอง …ขึ้นยืนบนเก้าอี้ไม้ 4 ขาที่แข็งแรง… เพื่อจะเปลี่ยนหลอดไฟ… ~ แต่… แต่ ในช่วงแหงนหน้าเงยขึ้นมองหลอดไฟ…ปรากฏว่า…แหงนมากไปหน่อย …กระดูกที่ก้านคอ …ไปกดทับเส้นเลือด …ที่ไปเลี้ยงสมอง…… ปรากฏว่า… ล้มตกเก้าอี้ลงมา… เพราะ เลือดไปเลี้ยงสมอง ขาดตอนไปในช่วงนั้น …ตอนนี้ได้แต่นอนอัมพาตไม่รู้ตัว ……อันตรายเหลือเกิน สำหรับการแหงนคอผิดท่า……ของผู้สูงวัย…… เลยนำมาเตือนอีกครั้ง…… จะได้ระวังตัวกันให้มากขึ้น…ในช่วงแหงนหน้าสอยผลไม้…ก็เฉกเช่นเดียวกัน…แก่แล้ว…ห้ามประมาทนะจ๊ะ…ลูกหลานจะลำบาก ~ เพื่อนอีกคน……ผิดท่า……ในการก้มและเงย ……ปกติ เขาจะเปิดพัดลมตั้งพื้นด้วยเท้า……ในวันเกิดเหตุ……แทนการใช้เท้าเปิดพัดลม…… วันนั้น……กลับมีมารยาท…ก้มลงใช้มือเปิดพัดลม ……พอก้มกดเปิดเสร็จ ……ตอนเงยหน้าขึ้นมา…ผิดท่าอย่างไรไม่รู้……ขาเกิดไม่มีแรงทั้ง 2 ข้าง ……ล้มทั้งยืน ……ตอนนี้…ยังต้องทำกายภาพบำบัดอยู่…จะลุกจะเดินทรมานมาก … เดินตัวแข็งทื่อ ……เพราะฉะนั้น…… เพื่อนๆ ที่เข้าสู่ช่วงสูงวัยแล้ว…เวลาจะก้มจะเงย ……ต้องระวังตัวให้มากขึ้น…จะทำแบบที่เคยทำในช่วงที่มีอายุยังไม่มากไม่ได้…ต้องทำอะไรให้ช้าลงด้วยความระมัดระวังที่มากขึ้น ~ อนึ่ง ในเวลาหันหน้าไปด้านข้าง……โดยเฉพาะในรถ……ก็ต้องพยายามหันตัวไปด้วย……ยกก้นขยับตัวสักหน่อย…อย่าหันแต่ศีรษะ……แม้เคยทำได้ตลอดมา…แต่ ต้องไม่ลืมว่า…สังขารมีความเสื่อมลงไปทุกวัน…ต้องยังความไม่ประมาทให้ถึงพร้อม…เพราะทั้งหมด……ที่ยกตัวอย่างมา…เป็นท่าที่มีอันตรายต่อระบบหลอดเลือด…ของทุกคน ที่เป็นผู้สูงวัยนะ…หากประมาท…เพื่อนอาจเป็นอัมพฤกษ์/อัมพาตได้ง่ายๆนะ…จึงขอเตือนมาอีกครั้ง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 266 มุมมอง 0 รีวิว

  • 👨‍⚕️ ยิ่งอายุมากขึ้น ยิ่งต้องดูแลและเข้าใจร่างกายของเรามากขึ้น อย่ารอให้ป่วยก่อนแล้วค่อยหันมาใส่ใจสุขภาพนะครับ ที่ MW Wellness เรามีแพทย์ และทีมบุคลากรทางการแพทย์เฉพาะทางด้านการฟื้นฟูชะลอวัย ที่พร้อมให้คำปรึกษา และรักษาอาการที่คุณกังวล ด้วยความรู้ทางการแพทย์แบบผสมผสาน และเทคโนโลยีที่ทันสมัย ทั้ง
    ✅ Health Checkup
    ✅ Full functional treatment เพื่อรักษา ฟื้นฟู และปรับโครงสร้างเซลล์
    ✅ Vitamin and Premium Cell Therapy ดริปวิตามินจาก USA
    ✅ Physical Therapy ครบครันทั้งนักกายภาพ และสระกายภาพ
    .
    การันตีด้วยประสบการณ์กว่า 15 ปี และ Medical Cell Treatment กว่า 1,500 เคส รักษาได้ผลดีขึ้นมาแล้วกว่า 20 โรค ทั้ง
    Garunteed by over 15 years of experience and more than 1,500 Medical Cell Treatment cases, effectively treating over 20 diseases, including)
    -โรคเบาหวาน (Diabetes, 糖尿病)
    -โรคแพ้ภูมิตัวเอง (SLE, 系统性红斑狼疮)
    -โรคกล้ามเนื้อเสื่อม (Muscle Dystrophy, 肌肉萎缩)
    -ผิวหนังอักเสบ (Dermatitis, 皮肤炎)
    -การอักเสบของระบบทางเดินอาหาร (Gastrointestinal Inflammation, 胃肠道炎症)
    -โรคข้อเข่าเสื่อม (Knee Osteoarthritis, 膝关节炎)
    -การบาดเจ็บที่ไขสันหลัง (Spinal Cord Injury, 脊髓损伤)
    -ไขข้อเสื่อม (Joint Degeneration, 关节退化)
    -ระบบหลอดเลือดอักเสบ (Vascular Inflammation, 血管炎)
    -หูเสื่อม (Hearing Loss, 听力减退)
    -อัมพฤกษ์ (Stroke, 中风)
    -โรคหลอดเลือดหัวใจ (Coronary Artery Disease, 冠心病)
    -เสื่อมสมรรถภาพทางเพศ (Erectile Dysfunction, 勃起功能障碍)
    -ผมร่วง (Hair Loss, 脱发)
    -โรคเกี่ยวกับระบบประสาท (Neurological Disorders, 神经系统疾病)
    -โรคสมาธิสั้น (ADHD, 注意力缺陷多动症)
    -อาการความจำเสื่อม (Memory Loss, 记忆力减退)
    -โรคพาร์กินสัน (Parkinson's Disease, 帕金森病)
    -โรคตับแข็ง (Cirrhosis, 肝硬化)
    -ไตล้มเหลว (Kidney Failure, 肾衰竭)
    -เหงือกร่น (Gum Recession, 牙龈萎缩)
    ⭐ ที่ MW Wellness เราเลือกใช้ Stem Cell คุณภาพสูง โดยผ่านกระบวนการดูแลและควบคุมสภาวะแวดล้อมที่ได้มาตรฐาน ตั้งแต่การจัดเก็บ การเพาะเลี้ยง จนถึงการจัดส่งทุกขั้นตอน ทั้งนี้ยังผ่านการตรวจสอบคุณภาพโดยผู้เชี่ยวชาญอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้มั่นใจว่า Stem Cell ของเรามีคุณภาพสูง ปลอดภัย และสามารถรักษาได้ผลจริง
    .
    ⭐ ที่ MW Wellness เรายังมีทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญคอยให้คำปรึกษา วินิจฉัยอาการ และประเมินการรักษาเฉพาะบุคคล เพื่อให้ผู้รับบริการได้รับการดูแลที่ดีที่สุด ปลอดภัยที่สุด และสามารถลดอาการผิดปกติที่กังวลได้อย่างยั่งยืน
    .
    ⭐ นอกจากนี้ MW Wellness ยังได้ร่วมมือกับ Naleen Wellness ที่มีประสบการณ์กว่า 15 ปีในการฟื้นฟูร่างกายด้วยศาสตร์ชะลอวัย และเซลล์บำบัด ความร่วมมือนี้ทำให้เราเป็นผู้นำในการใช้ Stem Cell ในการรักษาและฟื้นฟูร่างกาย ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยและทีมงานผู้เชี่ยวชาญที่มีความรู้และประสบการณ์
    .
    เวชศาสตร์ชะลอวัย ไม่ใช่เรื่องไกลตัว อย่ารอให้ป่วยก่อน จนความเจ็บปวด ความเสื่อมถอย และโรคร้ายทำให้ความสุขของคุณและคนที่รักลดลง รีบมาฟื้นฟูและชะลอวัยให้กลับมาเฟรชอีกครั้งที่ MW Wellness นะครับ
    .
    ✨ MW Wellness Clinic ✨
    คลินิกฟื้นฟูสุขภาพชะลอวัยกับทีมแพทย์ประสบการณ์ด้านชะลอวัยกว่า 15 ปี
    .
    🔍 สอบถามรายละเอียด 🔍
    ☎️ 096-081-2533 หรือ 02-276-5093-4
    📱LINE : @mw-wellness
    📘 Facebook: mwwellness
    📺 Youtube: MW Wellness
    📸 IG: mwwellnessclinic
    🐦 Twitter: mw_clinic
    🎵 Tiktok: @mwwellness
    www.mw-wellness.com
    #MWWellnessClinic #เอ็มดับเบิลยูเวลเนสคลินิก #IVDrip #celltherapy #ฟื้นฟูเซลล์ #ฟื้นฟูสุขภาพ #ชะลอวัย #อ่อนเยา #FunctionalMedicine #Wellness #StemCell #GrowthFactor #CellTherapy #โรคสมาธิสั้น #โรคออทิสติก #โรคอัมพฤกษ์ #ศีรษะล้าน #ผมร่วงผมบาง #ปวดข้อเข่า #รักษาแผลเป็น
    👨‍⚕️ ยิ่งอายุมากขึ้น ยิ่งต้องดูแลและเข้าใจร่างกายของเรามากขึ้น อย่ารอให้ป่วยก่อนแล้วค่อยหันมาใส่ใจสุขภาพนะครับ ที่ MW Wellness เรามีแพทย์ และทีมบุคลากรทางการแพทย์เฉพาะทางด้านการฟื้นฟูชะลอวัย ที่พร้อมให้คำปรึกษา และรักษาอาการที่คุณกังวล ด้วยความรู้ทางการแพทย์แบบผสมผสาน และเทคโนโลยีที่ทันสมัย ทั้ง ✅ Health Checkup ✅ Full functional treatment เพื่อรักษา ฟื้นฟู และปรับโครงสร้างเซลล์ ✅ Vitamin and Premium Cell Therapy ดริปวิตามินจาก USA ✅ Physical Therapy ครบครันทั้งนักกายภาพ และสระกายภาพ . การันตีด้วยประสบการณ์กว่า 15 ปี และ Medical Cell Treatment กว่า 1,500 เคส รักษาได้ผลดีขึ้นมาแล้วกว่า 20 โรค ทั้ง Garunteed by over 15 years of experience and more than 1,500 Medical Cell Treatment cases, effectively treating over 20 diseases, including) -โรคเบาหวาน (Diabetes, 糖尿病) -โรคแพ้ภูมิตัวเอง (SLE, 系统性红斑狼疮) -โรคกล้ามเนื้อเสื่อม (Muscle Dystrophy, 肌肉萎缩) -ผิวหนังอักเสบ (Dermatitis, 皮肤炎) -การอักเสบของระบบทางเดินอาหาร (Gastrointestinal Inflammation, 胃肠道炎症) -โรคข้อเข่าเสื่อม (Knee Osteoarthritis, 膝关节炎) -การบาดเจ็บที่ไขสันหลัง (Spinal Cord Injury, 脊髓损伤) -ไขข้อเสื่อม (Joint Degeneration, 关节退化) -ระบบหลอดเลือดอักเสบ (Vascular Inflammation, 血管炎) -หูเสื่อม (Hearing Loss, 听力减退) -อัมพฤกษ์ (Stroke, 中风) -โรคหลอดเลือดหัวใจ (Coronary Artery Disease, 冠心病) -เสื่อมสมรรถภาพทางเพศ (Erectile Dysfunction, 勃起功能障碍) -ผมร่วง (Hair Loss, 脱发) -โรคเกี่ยวกับระบบประสาท (Neurological Disorders, 神经系统疾病) -โรคสมาธิสั้น (ADHD, 注意力缺陷多动症) -อาการความจำเสื่อม (Memory Loss, 记忆力减退) -โรคพาร์กินสัน (Parkinson's Disease, 帕金森病) -โรคตับแข็ง (Cirrhosis, 肝硬化) -ไตล้มเหลว (Kidney Failure, 肾衰竭) -เหงือกร่น (Gum Recession, 牙龈萎缩) ⭐ ที่ MW Wellness เราเลือกใช้ Stem Cell คุณภาพสูง โดยผ่านกระบวนการดูแลและควบคุมสภาวะแวดล้อมที่ได้มาตรฐาน ตั้งแต่การจัดเก็บ การเพาะเลี้ยง จนถึงการจัดส่งทุกขั้นตอน ทั้งนี้ยังผ่านการตรวจสอบคุณภาพโดยผู้เชี่ยวชาญอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้มั่นใจว่า Stem Cell ของเรามีคุณภาพสูง ปลอดภัย และสามารถรักษาได้ผลจริง . ⭐ ที่ MW Wellness เรายังมีทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญคอยให้คำปรึกษา วินิจฉัยอาการ และประเมินการรักษาเฉพาะบุคคล เพื่อให้ผู้รับบริการได้รับการดูแลที่ดีที่สุด ปลอดภัยที่สุด และสามารถลดอาการผิดปกติที่กังวลได้อย่างยั่งยืน . ⭐ นอกจากนี้ MW Wellness ยังได้ร่วมมือกับ Naleen Wellness ที่มีประสบการณ์กว่า 15 ปีในการฟื้นฟูร่างกายด้วยศาสตร์ชะลอวัย และเซลล์บำบัด ความร่วมมือนี้ทำให้เราเป็นผู้นำในการใช้ Stem Cell ในการรักษาและฟื้นฟูร่างกาย ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยและทีมงานผู้เชี่ยวชาญที่มีความรู้และประสบการณ์ . เวชศาสตร์ชะลอวัย ไม่ใช่เรื่องไกลตัว อย่ารอให้ป่วยก่อน จนความเจ็บปวด ความเสื่อมถอย และโรคร้ายทำให้ความสุขของคุณและคนที่รักลดลง รีบมาฟื้นฟูและชะลอวัยให้กลับมาเฟรชอีกครั้งที่ MW Wellness นะครับ . ✨ MW Wellness Clinic ✨ คลินิกฟื้นฟูสุขภาพชะลอวัยกับทีมแพทย์ประสบการณ์ด้านชะลอวัยกว่า 15 ปี . 🔍 สอบถามรายละเอียด 🔍 ☎️ 096-081-2533 หรือ 02-276-5093-4 📱LINE : @mw-wellness 📘 Facebook: mwwellness 📺 Youtube: MW Wellness 📸 IG: mwwellnessclinic 🐦 Twitter: mw_clinic 🎵 Tiktok: @mwwellness www.mw-wellness.com #MWWellnessClinic #เอ็มดับเบิลยูเวลเนสคลินิก #IVDrip #celltherapy #ฟื้นฟูเซลล์ #ฟื้นฟูสุขภาพ #ชะลอวัย #อ่อนเยา #FunctionalMedicine #Wellness #StemCell #GrowthFactor #CellTherapy #โรคสมาธิสั้น #โรคออทิสติก #โรคอัมพฤกษ์ #ศีรษะล้าน #ผมร่วงผมบาง #ปวดข้อเข่า #รักษาแผลเป็น
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 935 มุมมอง 0 รีวิว
  • ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุสุขใจเฮ้ลท์ตี้โฮม สระบุรี
    ตั้งอยูที่ ตำบลสร่างโศก อำเภอบ้านหมอ จังหวัดสระบุรี 🚗 ห่างจากตัวเมืองสระบุรี 30กม.
    🎊 ถนนพระพุทธบาท-บ้านหมอ
    🏥 ใกล้ รพ.บ้านหมอ , รพ .พระพุทธบาท
    📌แผนที่: https://maps.app.goo.gl/szRZkap1yPyxvRQQ9
    👉:ข้อมูลติดต่อ
    📞:โทร: 081-946-4048
    📲: ไลน์@ https://lin.ee/nLWzPcS
    IDไลน์ : @sj.hth
    #ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุสุขใจเฮลท์ตี้โฮมสระบุรี #ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ #สระบุรี #ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุสระบุรี #สโตรก #หลอดเลือดสมอง #ศูนย์ฟื้นฟู #เส้นเลือดตีบ #อัมพฤกษ์ #อัมพาต #ธาราบำบัด #เส้นเลือดตีบ #กายภาพบำบัด #กิจกรรมบำบัด
    ❤️❤️❤️❤️❤️❤️❤️ ดูน้อยลง
    ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุสุขใจเฮ้ลท์ตี้โฮม สระบุรี ตั้งอยูที่ ตำบลสร่างโศก อำเภอบ้านหมอ จังหวัดสระบุรี 🚗 ห่างจากตัวเมืองสระบุรี 30กม. 🎊 ถนนพระพุทธบาท-บ้านหมอ 🏥 ใกล้ รพ.บ้านหมอ , รพ .พระพุทธบาท 📌แผนที่: https://maps.app.goo.gl/szRZkap1yPyxvRQQ9 👉:ข้อมูลติดต่อ 📞:โทร: 081-946-4048 📲: ไลน์@ https://lin.ee/nLWzPcS IDไลน์ : @sj.hth #ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุสุขใจเฮลท์ตี้โฮมสระบุรี #ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ #สระบุรี #ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุสระบุรี #สโตรก #หลอดเลือดสมอง #ศูนย์ฟื้นฟู #เส้นเลือดตีบ #อัมพฤกษ์ #อัมพาต #ธาราบำบัด #เส้นเลือดตีบ #กายภาพบำบัด #กิจกรรมบำบัด ❤️❤️❤️❤️❤️❤️❤️ ดูน้อยลง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 433 มุมมอง 0 รีวิว
  • วัคซีน​มรณะ​ :mRNA​ Vaccine​💉💉
    สาเหตุการตายของคนไทยราวกับใบไม้ร่วง
    หลังจากการระดมฉีดวัคซีน​กัน​เต็ม​อัตราศึก
    เหยื่อวัคซีน​ทดลอง​ 99% ร่างกายไม่เหมือนเดิม
    โรควูบ​ เสียชีวิต​กระทันหัน​ มะเร็ง​เทอร์โบ​
    ไตวายเรื้อรัง​ ไตวาย​เฉียบพลัน​ ตับอักเสบ​
    ตับอ่อนอักเสบ​ ภูมิ​แพ้เรื้อรัง​ ภูมิ​แพ้​เฉียบพลัน
    ​โรคผิวหนัง​ โรคสะเก็ด​เงิน​ ไทรอยด์​เป็นพิษ​
    จอประสาทตาอักเสบ​ ตาบอด​ มะเร็งดวงตา
    ประจำเดือนมาผิดปกติ​ เลือดกำเดาไหลบ่อยๆ
    เลือดออกไม่หยุด​ เลือดแข็งตัวช้า​ เกล็ดเลือด​ต่ำ
    ลิ่มเลือด​อุดตัน​ หลอดเลือด​โป่งพอง​ ความจำเสื่อม​
    อัลไซเมอร์​ พาร์​กินสัน​ โรคซึมเศร้า​ชนิด​รุนแรง​
    โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง​ สโตรก​ อัมพฤกษ์​ อัมพาต​
    หรือป่วยติดเตียง​และโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง​ 1291​ โรค
    ที่เกิดจากผลข้างเคียงของวัคซีน​ทดลอง
    https://line.me/ti/g2/TIbVxkMbPikSRYKuSwncEV4XsrE2rlQ_JSyrZQ?utm_source=invitation&utm_medium=link_copy&utm_campaign=default
    วัคซีน​มรณะ​ :mRNA​ Vaccine​💉💉 สาเหตุการตายของคนไทยราวกับใบไม้ร่วง หลังจากการระดมฉีดวัคซีน​กัน​เต็ม​อัตราศึก เหยื่อวัคซีน​ทดลอง​ 99% ร่างกายไม่เหมือนเดิม โรควูบ​ เสียชีวิต​กระทันหัน​ มะเร็ง​เทอร์โบ​ ไตวายเรื้อรัง​ ไตวาย​เฉียบพลัน​ ตับอักเสบ​ ตับอ่อนอักเสบ​ ภูมิ​แพ้เรื้อรัง​ ภูมิ​แพ้​เฉียบพลัน ​โรคผิวหนัง​ โรคสะเก็ด​เงิน​ ไทรอยด์​เป็นพิษ​ จอประสาทตาอักเสบ​ ตาบอด​ มะเร็งดวงตา ประจำเดือนมาผิดปกติ​ เลือดกำเดาไหลบ่อยๆ เลือดออกไม่หยุด​ เลือดแข็งตัวช้า​ เกล็ดเลือด​ต่ำ ลิ่มเลือด​อุดตัน​ หลอดเลือด​โป่งพอง​ ความจำเสื่อม​ อัลไซเมอร์​ พาร์​กินสัน​ โรคซึมเศร้า​ชนิด​รุนแรง​ โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง​ สโตรก​ อัมพฤกษ์​ อัมพาต​ หรือป่วยติดเตียง​และโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง​ 1291​ โรค ที่เกิดจากผลข้างเคียงของวัคซีน​ทดลอง https://line.me/ti/g2/TIbVxkMbPikSRYKuSwncEV4XsrE2rlQ_JSyrZQ?utm_source=invitation&utm_medium=link_copy&utm_campaign=default
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 729 มุมมอง 0 รีวิว