• ตั๋วร่วมแบบต่างคนต่างทำ

    1 ส.ค.2568 การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) จำหน่ายบัตรโดยสาร Mangmoom EMV ทดแทนบัตรโดยสาร MRT Plus ที่จำหน่ายมา 9 ปี พัฒนาร่วมกับธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) โดยใช้แพลตฟอร์มเป๋าตัง ซึ่งถูกออกแบบมาให้เป็น Thailand Open Digital Platform ที่มีจำนวนผู้ใช้งานกว่า 40 ล้านราย ส่วนบัตรแมงมุมที่เคยถูกตั้งความหวังว่าจะบัตรโดยสารร่วม มีการแจกบัตรฟรี 2 แสนใบเมื่อปี 2561 กลายเป็นตำนานที่ไม่เกิดขึ้นจริง

    ก่อนหน้านี้ บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM ได้จำหน่ายบัตรโดยสาร MRT EMV Card ทดแทนบัตรโดยสาร MRT Card รุ่นเก่า เมื่อวันที่ 1 ส.ค.2567 โดยใช้แพลตฟอร์มของ Deeppocket ผ่านแอปพลิเคชัน Bangkok MRT หลังจากเปิดให้ชำระค่าโดยสารรถไฟฟ้า MRT ด้วยบัตรเครดิต มาตั้งแต่วันที่ 29 ม.ค. 2565 ก่อนขยายไปยังบัตรเดบิตธนาคารกรุงไทย ธนาคารยูโอบี และล่าสุดธนาคารกรุงศรี

    แม้ว่าบัตรโดยสาร MRT Card และ MRT Plus ซึ่งใช้เทคโนโลยีสมาร์ทการ์ด จะยกเลิกจำหน่ายไปแล้ว แต่ผู้ถือบัตรเดิมยังใช้ได้จนกว่าบัตรหมดอายุ ขณะที่รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินและสายสีม่วง ยังคงหัวอ่านบัตรสมาร์ทการ์ดแบบเดิมบริเวณประตูอัตโนมัติ (AFC Gate) ควบคู่ไปกับหัวอ่าน EMV เพราะยังต้องรองรับเหรียญโดยสารแบบเที่ยวเดียว บัตรโดยสารสำหรับองค์กรและบัตรโดยสารธุรกิจที่ยังใช้ระบบเดิมอีกมาก

    ขณะที่รถไฟฟ้า MRT สายสีเหลืองและสายสีชมพู ที่ผู้รับสัมปทานคือกลุ่มบริษัทบีทีเอส ยังคงใช้เทคโนโลยีสมาร์ทการ์ดกับบัตรแรบบิท (Rabbit) เช่นเกียวกับรถไฟฟ้าสายสีเขียวและสายสีทอง ปัจจุบันมีผู้ถือบัตรมากถึง 19.6 ล้านใบ จำนวนหัวอ่านบัตรกว่า 28,361 จุด และร้านค้ารับบัตร 2,734 แห่ง ถึงกระนั้นเฉพาะสายสีเหลืองและสายสีชมพู ก็มีเครื่องอ่านบัตร EMV บริเวณห้องจำหน่ายบัตรโดยสาร ซึ่งจะหักค่าโดยสารทันทีเมื่อออกจากสถานี

    ส่วนรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง ของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ยังคงใช้เทคโนโลยีสมาร์ทการ์ดกับบัตรโดยสารแบบเติมเงิน แต่ก็มีการติดตั้งประตูอัตโนมัติสำหรับผู้ถือบัตร EMV แยกต่างหาก ซึ่งจะหักค่าโดยสารทันทีเมื่อออกจากสถานี

    มาตรการค่าโดยสารรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ตามนโยบายรัฐบาล ที่จะเปิดให้ลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชันทางรัฐในวันที่ 25 ส.ค. และเริ่มโครงการตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. ประชาชนยังคงยุ่งยากในการพกบัตรเช่นเดิม เนื่องจากต้องลงทะเบียนทั้งบัตร EMV และบัตรแรบบิท ที่หนักขึ้นไปอีกคือในอนาคตจะให้สแกน QR Code ในมือถือแทนการใช้บัตร ซึ่งอาจพบกับความยุ่งยากในการแสดง QR Code และเสียเวลาเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับการแตะบัตรโดยสารตามปกติ

    #Newskit
    ตั๋วร่วมแบบต่างคนต่างทำ 1 ส.ค.2568 การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) จำหน่ายบัตรโดยสาร Mangmoom EMV ทดแทนบัตรโดยสาร MRT Plus ที่จำหน่ายมา 9 ปี พัฒนาร่วมกับธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) โดยใช้แพลตฟอร์มเป๋าตัง ซึ่งถูกออกแบบมาให้เป็น Thailand Open Digital Platform ที่มีจำนวนผู้ใช้งานกว่า 40 ล้านราย ส่วนบัตรแมงมุมที่เคยถูกตั้งความหวังว่าจะบัตรโดยสารร่วม มีการแจกบัตรฟรี 2 แสนใบเมื่อปี 2561 กลายเป็นตำนานที่ไม่เกิดขึ้นจริง ก่อนหน้านี้ บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM ได้จำหน่ายบัตรโดยสาร MRT EMV Card ทดแทนบัตรโดยสาร MRT Card รุ่นเก่า เมื่อวันที่ 1 ส.ค.2567 โดยใช้แพลตฟอร์มของ Deeppocket ผ่านแอปพลิเคชัน Bangkok MRT หลังจากเปิดให้ชำระค่าโดยสารรถไฟฟ้า MRT ด้วยบัตรเครดิต มาตั้งแต่วันที่ 29 ม.ค. 2565 ก่อนขยายไปยังบัตรเดบิตธนาคารกรุงไทย ธนาคารยูโอบี และล่าสุดธนาคารกรุงศรี แม้ว่าบัตรโดยสาร MRT Card และ MRT Plus ซึ่งใช้เทคโนโลยีสมาร์ทการ์ด จะยกเลิกจำหน่ายไปแล้ว แต่ผู้ถือบัตรเดิมยังใช้ได้จนกว่าบัตรหมดอายุ ขณะที่รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินและสายสีม่วง ยังคงหัวอ่านบัตรสมาร์ทการ์ดแบบเดิมบริเวณประตูอัตโนมัติ (AFC Gate) ควบคู่ไปกับหัวอ่าน EMV เพราะยังต้องรองรับเหรียญโดยสารแบบเที่ยวเดียว บัตรโดยสารสำหรับองค์กรและบัตรโดยสารธุรกิจที่ยังใช้ระบบเดิมอีกมาก ขณะที่รถไฟฟ้า MRT สายสีเหลืองและสายสีชมพู ที่ผู้รับสัมปทานคือกลุ่มบริษัทบีทีเอส ยังคงใช้เทคโนโลยีสมาร์ทการ์ดกับบัตรแรบบิท (Rabbit) เช่นเกียวกับรถไฟฟ้าสายสีเขียวและสายสีทอง ปัจจุบันมีผู้ถือบัตรมากถึง 19.6 ล้านใบ จำนวนหัวอ่านบัตรกว่า 28,361 จุด และร้านค้ารับบัตร 2,734 แห่ง ถึงกระนั้นเฉพาะสายสีเหลืองและสายสีชมพู ก็มีเครื่องอ่านบัตร EMV บริเวณห้องจำหน่ายบัตรโดยสาร ซึ่งจะหักค่าโดยสารทันทีเมื่อออกจากสถานี ส่วนรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง ของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ยังคงใช้เทคโนโลยีสมาร์ทการ์ดกับบัตรโดยสารแบบเติมเงิน แต่ก็มีการติดตั้งประตูอัตโนมัติสำหรับผู้ถือบัตร EMV แยกต่างหาก ซึ่งจะหักค่าโดยสารทันทีเมื่อออกจากสถานี มาตรการค่าโดยสารรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ตามนโยบายรัฐบาล ที่จะเปิดให้ลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชันทางรัฐในวันที่ 25 ส.ค. และเริ่มโครงการตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. ประชาชนยังคงยุ่งยากในการพกบัตรเช่นเดิม เนื่องจากต้องลงทะเบียนทั้งบัตร EMV และบัตรแรบบิท ที่หนักขึ้นไปอีกคือในอนาคตจะให้สแกน QR Code ในมือถือแทนการใช้บัตร ซึ่งอาจพบกับความยุ่งยากในการแสดง QR Code และเสียเวลาเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับการแตะบัตรโดยสารตามปกติ #Newskit
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 8 มุมมอง 0 รีวิว
  • ข่าวอัพขึ้นสดๆร้อนๆ

    ..แปลกแต่จริงช่วงนี้หมอดูและหรือโหร เกาะกระแสการหยั่งรู้ล่วงหน้าได้ดีมากโดยเฉพาะมาทำนายทายทักเรื่องระดับชาติระดับสงครามนี้,จริงๆควรพูดคุยกันเฉพาะผู้ที่เกี่ยวข้องในบริบทสั่งการสงครามดีที่สุดเพื่อถ้าจริงก็มีลูกผ่อนหนักให้เบาช่วยเหลือประชาชนและทหารแนวหน้างานต่อสู้รบจริงๆได้,ตลอดสามารถใช้ความสามารถเหนือมนุษย์ตนเป็นกำลังร่วมปกป้องมาตุภูมิท้องถิ่นแผ่นดินตนที่มาเกิดบนแผ่นดินไทยนี้ร่วมด้วยได้อีก,เอาชนะศัตรูผู้รุกรานความสงบสุขของประชาชนคนไทยตนทั้งประเทศด้วย,
    ..หมอดูทำนายแม่นจริงมีจริงบนแผ่นดินไทย,แต่แทบไม่มีในการกระทำมุ่งหวังโลกธรรม4-8นั้น,จะสะกดกิเลสอยากตนทางโลกเสียมาก ชื่อเสียงหิวแสงหิวสื่อยิ่งพยายามหลบหนี,ถ้าแม้นสัมมาอาชีพเลี้ยงชีพชอบก็เพียงพออยู่พอกิน วัตถุธาตุแทบไม่สะสม.
    ..แม้โลกจะเป็นไปตามกฎแห่งกรรมจริง แต่ละคนก็มีมิติรับผลของกรรมใครกรรมมันตามจังหวะชีวิตของแต่ละคน,พลังแตกตื่นหวาดกลัวอย่าลืมว่านั้นเป็นอาหารอันยอดเยี่ยมของหมู่มารปีศาจหมายกระทำต่อเหยื่อก่อนลงมีสังหารเหยื่อกลืนกินพลังงานลบที่ปีศาจมารชื่นชมยิ่งนักนั้นก็ว่า,อย่าเอาประชาชนพลังงานบวกลบของประชาชนไปตอนสนองหมู่มารปีศาจไปเพิ่มพลังงานให้มันอีกเลย,หมอดูโหรแม้ปราถนาดีต่อผู้คน สามารถบอกกล่าวเล่าเรื่องได้หลากหลายช่องทาง ส่วนจริงเท็จ หากเท็จเสียมากก็อย่าออกมาทำนายล่วงหน้าเลย, จริงส่วนมากอาจสามารถส่งตรงแก้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องร่วมกันแก้ไขเพื่อชาติเพื่อแผ่นดินเพื่อบ้านเพื่อเมืองก็ได้,โหรหมอดูพากันโหนกระแสทำนายเรื่องสงครามที่เป็นระดับชาติกันมากมายจริงๆผิดปกติมาก,หากหมายยอดวิวยอดยอดชอบยอดรายได้ผ่านคลิปก็เลิกเถอะ,เอาพอประมาณเถอะ,ปัจจุบันผุดยิ่งกว่าผีหลอกอีก.

    https://youtube.com/watch?v=JhUYpDfh8Yw&si=7HZO-kOc7gg7u3c0
    ข่าวอัพขึ้นสดๆร้อนๆ ..แปลกแต่จริงช่วงนี้หมอดูและหรือโหร เกาะกระแสการหยั่งรู้ล่วงหน้าได้ดีมากโดยเฉพาะมาทำนายทายทักเรื่องระดับชาติระดับสงครามนี้,จริงๆควรพูดคุยกันเฉพาะผู้ที่เกี่ยวข้องในบริบทสั่งการสงครามดีที่สุดเพื่อถ้าจริงก็มีลูกผ่อนหนักให้เบาช่วยเหลือประชาชนและทหารแนวหน้างานต่อสู้รบจริงๆได้,ตลอดสามารถใช้ความสามารถเหนือมนุษย์ตนเป็นกำลังร่วมปกป้องมาตุภูมิท้องถิ่นแผ่นดินตนที่มาเกิดบนแผ่นดินไทยนี้ร่วมด้วยได้อีก,เอาชนะศัตรูผู้รุกรานความสงบสุขของประชาชนคนไทยตนทั้งประเทศด้วย, ..หมอดูทำนายแม่นจริงมีจริงบนแผ่นดินไทย,แต่แทบไม่มีในการกระทำมุ่งหวังโลกธรรม4-8นั้น,จะสะกดกิเลสอยากตนทางโลกเสียมาก ชื่อเสียงหิวแสงหิวสื่อยิ่งพยายามหลบหนี,ถ้าแม้นสัมมาอาชีพเลี้ยงชีพชอบก็เพียงพออยู่พอกิน วัตถุธาตุแทบไม่สะสม. ..แม้โลกจะเป็นไปตามกฎแห่งกรรมจริง แต่ละคนก็มีมิติรับผลของกรรมใครกรรมมันตามจังหวะชีวิตของแต่ละคน,พลังแตกตื่นหวาดกลัวอย่าลืมว่านั้นเป็นอาหารอันยอดเยี่ยมของหมู่มารปีศาจหมายกระทำต่อเหยื่อก่อนลงมีสังหารเหยื่อกลืนกินพลังงานลบที่ปีศาจมารชื่นชมยิ่งนักนั้นก็ว่า,อย่าเอาประชาชนพลังงานบวกลบของประชาชนไปตอนสนองหมู่มารปีศาจไปเพิ่มพลังงานให้มันอีกเลย,หมอดูโหรแม้ปราถนาดีต่อผู้คน สามารถบอกกล่าวเล่าเรื่องได้หลากหลายช่องทาง ส่วนจริงเท็จ หากเท็จเสียมากก็อย่าออกมาทำนายล่วงหน้าเลย, จริงส่วนมากอาจสามารถส่งตรงแก้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องร่วมกันแก้ไขเพื่อชาติเพื่อแผ่นดินเพื่อบ้านเพื่อเมืองก็ได้,โหรหมอดูพากันโหนกระแสทำนายเรื่องสงครามที่เป็นระดับชาติกันมากมายจริงๆผิดปกติมาก,หากหมายยอดวิวยอดยอดชอบยอดรายได้ผ่านคลิปก็เลิกเถอะ,เอาพอประมาณเถอะ,ปัจจุบันผุดยิ่งกว่าผีหลอกอีก. https://youtube.com/watch?v=JhUYpDfh8Yw&si=7HZO-kOc7gg7u3c0
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 31 มุมมอง 0 รีวิว
  • หมอโหน่งพูดหมด เล่าเหตุการณ์วันเขมรโจมตีรพ. ฟังแล้วจุกที่หัวใจ (3/8/68)
    Doctor recounts the day Cambodia attacked the Thai hospital — a heartbreaking story.

    #TruthFromThailand
    #CambodiaNoCeasefire
    #Hunsenfiredfirst
    #CambodianDeception
    #กัมพูชายิงก่อน
    #Scambodia
    #KhmerAttackOnHospital
    #ข่าวด่วนชายแดน
    #News1 #Shorts
    หมอโหน่งพูดหมด เล่าเหตุการณ์วันเขมรโจมตีรพ. ฟังแล้วจุกที่หัวใจ (3/8/68) Doctor recounts the day Cambodia attacked the Thai hospital — a heartbreaking story. #TruthFromThailand #CambodiaNoCeasefire #Hunsenfiredfirst #CambodianDeception #กัมพูชายิงก่อน #Scambodia #KhmerAttackOnHospital #ข่าวด่วนชายแดน #News1 #Shorts
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 50 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • เขมร “ถ่อย” ก่อกวนคนไทยและธุรกิจไทยในเกาหลี (2/8/68)
    Cambodians harass Thai citizens and businesses in South Korea.

    #TruthFromThailand
    #CambodiaNoCeasefire
    #CambodianDeception
    #Hunsenfiredfirst
    #กัมพูชายิงก่อน
    #캄보디아인
    #한국내태국인위협
    #ThaiInKorea
    #ProtectThaiCitizens
    #News1 #Shorts
    เขมร “ถ่อย” ก่อกวนคนไทยและธุรกิจไทยในเกาหลี (2/8/68) Cambodians harass Thai citizens and businesses in South Korea. #TruthFromThailand #CambodiaNoCeasefire #CambodianDeception #Hunsenfiredfirst #กัมพูชายิงก่อน #캄보디아인 #한국내태국인위협 #ThaiInKorea #ProtectThaiCitizens #News1 #Shorts
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 88 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากข่าว: Bolt กลับมาแล้ว—EV ราคาประหยัดที่อเมริกาต้องการ ในวันที่ตลาดกำลังชะลอตัว

    Chevrolet ประกาศรีดีไซน์ Bolt EV สำหรับปี 2027 โดยใช้พอร์ตชาร์จแบบ NACS (North American Charging Standard) ซึ่งเป็นมาตรฐานเดียวกับ Tesla ทำให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงเครือข่าย Supercharger ได้โดยไม่ต้องใช้อะแดปเตอร์

    นอกจากดีไซน์ใหม่ที่ดูสปอร์ตขึ้นและไฟท้ายที่ปรับปรุงจากเสียงบ่นของผู้ใช้เดิม Bolt รุ่นใหม่ยังใช้แบตเตอรี่แบบ LFP (ลิเธียม-เหล็ก-ฟอสเฟต) ที่มีต้นทุนต่ำและอายุการใช้งานยาวนานกว่าเดิม

    ในขณะที่ Bolt กลับมาอย่างมั่นใจ Mercedes-Benz และ Porsche กลับต้องลดราคาหรือชะลอการส่งมอบ EV บางรุ่น เพราะยอดขายในอเมริกาชะลอตัว และผู้บริโภคยังมองว่า EV ส่วนใหญ่ “แพงเกินไป” โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับรายได้เฉลี่ย

    Chevrolet Bolt EV รุ่นใหม่จะเปิดตัวในปี 2027 พร้อมพอร์ตชาร์จแบบ NACS
    เป็น EV รุ่นแรกของ Chevy ที่ใช้พอร์ต Tesla โดยตรง
    เข้าถึงเครือข่าย Supercharger ได้ทันที

    ใช้แบตเตอรี่ LFP ที่มีต้นทุนต่ำและอายุการใช้งานยาวนาน
    ช่วยให้ราคาขายต่ำกว่า $30,000 ได้
    ยังไม่มีตัวเลขระยะทางวิ่งที่แน่นอน

    ดีไซน์ใหม่มีไฟหน้า LED แบบบาง, ล้ออัลลอยใหม่ และไฟท้ายที่ปรับปรุงจากเสียงผู้ใช้เดิม
    ดูสปอร์ตและทันสมัยขึ้น
    ยังใช้แพลตฟอร์ม BEV2 เดิมแต่ปรับปรุงภายใน

    Mercedes-Benz ลดราคาหลายรุ่นในกลุ่ม EQ และชะลอการส่งมอบบางรุ่นเพื่อควบคุมสต็อก
    สะท้อนความต้องการ EV ที่ลดลงในอเมริกา
    Porsche ก็ลดเป้าหมายรายได้จากผลกระทบของภาษีการค้า

    ตลาด EV ในอเมริกายังต้องการรถราคาประหยัดเพื่อกระตุ้นการใช้งานในวงกว้าง
    Nissan Leaf และ Hyundai Kona Electric ยังเป็นตัวเลือกที่เข้าถึงได้
    แต่หลายรุ่นยังมีราคาสูงกว่า $40,000

    NACS กลายเป็นมาตรฐานใหม่ของอเมริกา โดยผู้ผลิตหลายรายเริ่มเปลี่ยนมาใช้แทน CCS
    เช่น Ford, Hyundai, GM และ Rivian
    ช่วยให้เครือข่ายชาร์จมีความเป็นหนึ่งเดียว

    แบตเตอรี่ LFP มีข้อดีคือราคาถูกและปลอดภัย แต่มีพลังงานต่อหน่วยต่ำกว่า NMC
    เหมาะกับรถราคาประหยัดและใช้งานในเมือง
    ไม่เหมาะกับรถที่ต้องการระยะทางวิ่งไกลมาก

    ตลาด EV ในจีนมีรถราคาต่ำกว่า $10,000 ที่ขายดีมาก เช่น BYD Seagull
    สหรัฐฯ ยังไม่มีรถระดับนี้ในตลาด
    Bolt อาจเป็นตัวแทนของ EV ราคาประหยัดในอเมริกา

    Bolt รุ่นใหม่ยังไม่มีข้อมูลระยะทางวิ่งที่แน่นอนจากแบตเตอรี่ LFP
    อาจต่ำกว่าคู่แข่งที่ใช้แบตเตอรี่ NMC
    ต้องรอการทดสอบจริงก่อนตัดสินใจซื้อ

    การใช้แพลตฟอร์ม BEV2 เดิมอาจจำกัดการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ในระยะยาว
    ไม่รองรับระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติระดับสูง
    อาจไม่ทันกับคู่แข่งที่ใช้แพลตฟอร์มใหม่ทั้งหมด

    การพึ่งพาพอร์ต NACS อาจทำให้ผู้ใช้ต้องปรับพฤติกรรมการชาร์จ หากเคยใช้ CCS มาก่อน
    ต้องเปลี่ยนอุปกรณ์หรือพฤติกรรมการใช้งาน
    อาจเกิดความสับสนในช่วงเปลี่ยนผ่าน

    ตลาด EV ยังไม่แน่นอน โดยเฉพาะหากสิทธิ์ลดหย่อนภาษีหมดอายุในเดือนกันยายน
    อาจทำให้ราคาสุทธิของ Bolt สูงขึ้น
    ส่งผลต่อการตัดสินใจของผู้บริโภค

    https://www.techradar.com/vehicle-tech/hybrid-electric-vehicles/americas-cheapest-ev-is-making-a-comeback-with-a-new-chevrolet-bolt-as-mercedes-cuts-its-electric-car-prices
    🎙️ เรื่องเล่าจากข่าว: Bolt กลับมาแล้ว—EV ราคาประหยัดที่อเมริกาต้องการ ในวันที่ตลาดกำลังชะลอตัว Chevrolet ประกาศรีดีไซน์ Bolt EV สำหรับปี 2027 โดยใช้พอร์ตชาร์จแบบ NACS (North American Charging Standard) ซึ่งเป็นมาตรฐานเดียวกับ Tesla ทำให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงเครือข่าย Supercharger ได้โดยไม่ต้องใช้อะแดปเตอร์ นอกจากดีไซน์ใหม่ที่ดูสปอร์ตขึ้นและไฟท้ายที่ปรับปรุงจากเสียงบ่นของผู้ใช้เดิม Bolt รุ่นใหม่ยังใช้แบตเตอรี่แบบ LFP (ลิเธียม-เหล็ก-ฟอสเฟต) ที่มีต้นทุนต่ำและอายุการใช้งานยาวนานกว่าเดิม ในขณะที่ Bolt กลับมาอย่างมั่นใจ Mercedes-Benz และ Porsche กลับต้องลดราคาหรือชะลอการส่งมอบ EV บางรุ่น เพราะยอดขายในอเมริกาชะลอตัว และผู้บริโภคยังมองว่า EV ส่วนใหญ่ “แพงเกินไป” โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับรายได้เฉลี่ย ✅ Chevrolet Bolt EV รุ่นใหม่จะเปิดตัวในปี 2027 พร้อมพอร์ตชาร์จแบบ NACS ➡️ เป็น EV รุ่นแรกของ Chevy ที่ใช้พอร์ต Tesla โดยตรง ➡️ เข้าถึงเครือข่าย Supercharger ได้ทันที ✅ ใช้แบตเตอรี่ LFP ที่มีต้นทุนต่ำและอายุการใช้งานยาวนาน ➡️ ช่วยให้ราคาขายต่ำกว่า $30,000 ได้ ➡️ ยังไม่มีตัวเลขระยะทางวิ่งที่แน่นอน ✅ ดีไซน์ใหม่มีไฟหน้า LED แบบบาง, ล้ออัลลอยใหม่ และไฟท้ายที่ปรับปรุงจากเสียงผู้ใช้เดิม ➡️ ดูสปอร์ตและทันสมัยขึ้น ➡️ ยังใช้แพลตฟอร์ม BEV2 เดิมแต่ปรับปรุงภายใน ✅ Mercedes-Benz ลดราคาหลายรุ่นในกลุ่ม EQ และชะลอการส่งมอบบางรุ่นเพื่อควบคุมสต็อก ➡️ สะท้อนความต้องการ EV ที่ลดลงในอเมริกา ➡️ Porsche ก็ลดเป้าหมายรายได้จากผลกระทบของภาษีการค้า ✅ ตลาด EV ในอเมริกายังต้องการรถราคาประหยัดเพื่อกระตุ้นการใช้งานในวงกว้าง ➡️ Nissan Leaf และ Hyundai Kona Electric ยังเป็นตัวเลือกที่เข้าถึงได้ ➡️ แต่หลายรุ่นยังมีราคาสูงกว่า $40,000 ✅ NACS กลายเป็นมาตรฐานใหม่ของอเมริกา โดยผู้ผลิตหลายรายเริ่มเปลี่ยนมาใช้แทน CCS ➡️ เช่น Ford, Hyundai, GM และ Rivian ➡️ ช่วยให้เครือข่ายชาร์จมีความเป็นหนึ่งเดียว ✅ แบตเตอรี่ LFP มีข้อดีคือราคาถูกและปลอดภัย แต่มีพลังงานต่อหน่วยต่ำกว่า NMC ➡️ เหมาะกับรถราคาประหยัดและใช้งานในเมือง ➡️ ไม่เหมาะกับรถที่ต้องการระยะทางวิ่งไกลมาก ✅ ตลาด EV ในจีนมีรถราคาต่ำกว่า $10,000 ที่ขายดีมาก เช่น BYD Seagull ➡️ สหรัฐฯ ยังไม่มีรถระดับนี้ในตลาด ➡️ Bolt อาจเป็นตัวแทนของ EV ราคาประหยัดในอเมริกา ‼️ Bolt รุ่นใหม่ยังไม่มีข้อมูลระยะทางวิ่งที่แน่นอนจากแบตเตอรี่ LFP ⛔ อาจต่ำกว่าคู่แข่งที่ใช้แบตเตอรี่ NMC ⛔ ต้องรอการทดสอบจริงก่อนตัดสินใจซื้อ ‼️ การใช้แพลตฟอร์ม BEV2 เดิมอาจจำกัดการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ในระยะยาว ⛔ ไม่รองรับระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติระดับสูง ⛔ อาจไม่ทันกับคู่แข่งที่ใช้แพลตฟอร์มใหม่ทั้งหมด ‼️ การพึ่งพาพอร์ต NACS อาจทำให้ผู้ใช้ต้องปรับพฤติกรรมการชาร์จ หากเคยใช้ CCS มาก่อน ⛔ ต้องเปลี่ยนอุปกรณ์หรือพฤติกรรมการใช้งาน ⛔ อาจเกิดความสับสนในช่วงเปลี่ยนผ่าน ‼️ ตลาด EV ยังไม่แน่นอน โดยเฉพาะหากสิทธิ์ลดหย่อนภาษีหมดอายุในเดือนกันยายน ⛔ อาจทำให้ราคาสุทธิของ Bolt สูงขึ้น ⛔ ส่งผลต่อการตัดสินใจของผู้บริโภค https://www.techradar.com/vehicle-tech/hybrid-electric-vehicles/americas-cheapest-ev-is-making-a-comeback-with-a-new-chevrolet-bolt-as-mercedes-cuts-its-electric-car-prices
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 92 มุมมอง 0 รีวิว
  • ถุงใส่น้ำจิ้ม ถุงพีพีบาง ถุงแข็งแรง เหนียว ทนทาน ใช้งานง่ายยยยราคาโรงงานนนน ⭕️ กดดูรายละเอียดสินค้าถุง PP ร้อน บาง ตราปูใน TikTok https://vt.tiktok.com/ZSkoLWAJF/ถุง PP ร้อน บาง ตราปู ใน Shopee https://th.shp.ee/5V7ABL2 https://th.shp.ee/B15dBiCเลือกชมสินค้าอื่นๆของเราได้ทั้งสองช่องทาง1. Shopee : shopee.co.th/kinjubjibshop2. TikTok : https://www.tiktok.com/@kinjubjibshop?_t=ZS-8txYHQWejyM&_เลือกช้อปได้ตามความชอบและคูปองของแต่ละช่องทางได้เลยค่ะ
    ถุงใส่น้ำจิ้ม ถุงพีพีบาง ถุงแข็งแรง เหนียว ทนทาน ใช้งานง่ายยยยราคาโรงงานนนน 🌶️♨️⭕️ กดดูรายละเอียดสินค้าถุง PP ร้อน บาง ตราปูใน TikTok https://vt.tiktok.com/ZSkoLWAJF/ถุง PP ร้อน บาง ตราปู ใน Shopee https://th.shp.ee/5V7ABL2 https://th.shp.ee/B15dBiCเลือกชมสินค้าอื่นๆของเราได้ทั้งสองช่องทาง1. Shopee : shopee.co.th/kinjubjibshop2. TikTok : https://www.tiktok.com/@kinjubjibshop?_t=ZS-8txYHQWejyM&_เลือกช้อปได้ตามความชอบและคูปองของแต่ละช่องทางได้เลยค่ะ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 86 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากข่าว: AMD เตรียมเปิดตัวชิป NPU แบบแยก เพื่อท้าชน GPU ในยุค AI PC

    ในยุคที่ AI กลายเป็นหัวใจของการประมวลผลบนพีซี ผู้ผลิตชิปต่างเร่งพัฒนา NPU (Neural Processing Unit) เพื่อรองรับงาน AI โดยเฉพาะ ซึ่ง AMD ก็ไม่ยอมน้อยหน้า ล่าสุดมีการเปิดเผยว่า AMD กำลังพิจารณาเปิดตัว “Discrete NPU” หรือชิป NPU แบบแยกชิ้น ไม่ฝังอยู่ใน CPU หรือ GPU เหมือนที่ผ่านมา

    Rahul Tikoo หัวหน้าฝ่าย CPU ของ AMD ระบุว่า บริษัทกำลังพูดคุยกับลูกค้าเกี่ยวกับการใช้งานและโอกาสของชิป NPU แบบแยก ซึ่งจะช่วยให้พีซีสามารถประมวลผล AI ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยไม่ต้องพึ่ง GPU ที่กินไฟและสร้างความร้อนสูง

    แนวคิดนี้เกิดขึ้นหลังจาก Dell เปิดตัวแล็ปท็อป Pro Max Plus ที่ใช้การ์ด Qualcomm AI 100 ซึ่งเป็น NPU แบบแยกตัวแรกในระดับองค์กร และมีประสิทธิภาพสูงถึง 450 TOPS ในพลังงานเพียง 75 วัตต์

    AMD เองก็มีพื้นฐานจากเทคโนโลยี Xilinx ที่ใช้สร้าง NPU ฝังใน Ryzen รุ่นใหม่ และมีโครงการ Gaia ที่ช่วยให้สามารถรันโมเดล LLM ขนาดใหญ่บนเครื่องพีซีได้โดยตรง

    AMD เตรียมเปิดตัวชิป NPU แบบแยกสำหรับพีซีในอนาคต
    ไม่ใช่ GPU แต่เป็นตัวเร่ง AI โดยเฉพาะ
    อยู่ระหว่างการพูดคุยกับลูกค้าเกี่ยวกับการใช้งานและโอกาส

    ชิป NPU แบบแยกจะช่วยลดภาระของ CPU และ GPU ในการประมวลผล AI
    เหมาะสำหรับงาน inference และการรันโมเดล LLM บนเครื่อง
    ช่วยให้พีซีบางเบายังคงมีประสิทธิภาพสูงด้าน AI

    AMD มีพื้นฐานจากเทคโนโลยี Xilinx และโครงการ Gaia สำหรับการรันโมเดล AI บน Ryzen
    ใช้ NPU tile ที่สามารถสร้างได้ถึง 50 TOPS ต่อชิ้น
    สามารถรวมหลาย tile เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพได้

    Dell เปิดตัวแล็ปท็อปที่ใช้การ์ด Qualcomm AI 100 ซึ่งเป็น NPU แบบแยกตัวแรกในระดับองค์กร
    มี 16 AI cores และหน่วยความจำ 32GB ต่อการ์ด
    ประสิทธิภาพสูงถึง 450 TOPS ในพลังงานเพียง 75 วัตต์

    Discrete NPU จะช่วยลดความต้องการ GPU ระดับสูงในตลาด
    ทำให้ราคาการ์ดจอสำหรับเกมเมอร์ลดลง
    เป็นทางเลือกใหม่สำหรับผู้ใช้งาน AI โดยเฉพาะ

    AMD XDNA 2 NPU มีประสิทธิภาพสูงถึง 50 TOPS และออกแบบให้ประหยัดพลังงาน
    ใช้ engine tile แบบแยกที่สามารถประมวลผลได้อย่างอิสระ
    รองรับการปรับแต่งโครงสร้างการประมวลผล AI ได้ตามต้องการ

    Intel Lunar Lake NPU 4 มีประสิทธิภาพสูงถึง 48 TOPS และออกแบบให้มีพลังงานต่ำ
    ใช้สถาปัตยกรรมแบบ parallel inference pipeline
    มี SHAVE DSP ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการประมวลผล

    Qualcomm Snapdragon X Elite มี NPU 45 TOPS และมีประสิทธิภาพสูงในพลังงานต่ำ
    เหมาะกับโน้ตบุ๊กบางเบาและใช้งาน AI แบบต่อเนื่อง
    เป็นผู้นำในด้านประสิทธิภาพต่อวัตต์

    Discrete NPU อาจกลายเป็นอุปกรณ์เสริมใหม่ในพีซี เหมือนกับการ์ดจอในอดีต
    ช่วยให้ผู้ใช้สามารถเลือกอัปเกรดเฉพาะด้าน AI ได้
    อาจกลายเป็นมาตรฐานใหม่ในยุค AI PC

    Discrete NPU อาจกลายเป็นส่วนประกอบที่กินไฟและสร้างความร้อน หากออกแบบไม่ดี
    หากไม่ประหยัดพลังงาน จะไม่ต่างจาก GPU ที่มีปัญหาเรื่องความร้อน
    อาจไม่เหมาะกับพีซีบางเบาหรือโน้ตบุ๊ก

    ยังไม่มีข้อมูลชัดเจนว่า AMD จะเปิดตัวเมื่อใด และจะมีประสิทธิภาพเท่าใด
    อยู่ภายใต้ NDA และยังไม่มีแผนเปิดเผย
    อาจใช้เวลานานกว่าจะเข้าสู่ตลาดจริง

    การพัฒนา NPU แบบแยกต้องมี ecosystem ซอฟต์แวร์ที่รองรับอย่างเต็มรูปแบบ
    หากไม่มีเครื่องมือพัฒนาและไลบรารีที่พร้อมใช้งาน จะไม่สามารถแข่งขันได้
    ต้องมีการร่วมมือกับนักพัฒนาและผู้ผลิตซอฟต์แวร์อย่างใกล้ชิด

    ผู้ใช้งานทั่วไปอาจยังไม่เห็นความจำเป็นของ NPU แบบแยกในชีวิตประจำวัน
    ฟีเจอร์ AI บน Windows ยังจำกัดและไม่ใช่จุดขายหลัก
    อาจเหมาะกับผู้ใช้ระดับมืออาชีพมากกว่าผู้ใช้ทั่วไป

    https://www.techspot.com/news/108894-amd-signals-push-discrete-npus-rival-gpus-ai.html
    🎙️ เรื่องเล่าจากข่าว: AMD เตรียมเปิดตัวชิป NPU แบบแยก เพื่อท้าชน GPU ในยุค AI PC ในยุคที่ AI กลายเป็นหัวใจของการประมวลผลบนพีซี ผู้ผลิตชิปต่างเร่งพัฒนา NPU (Neural Processing Unit) เพื่อรองรับงาน AI โดยเฉพาะ ซึ่ง AMD ก็ไม่ยอมน้อยหน้า ล่าสุดมีการเปิดเผยว่า AMD กำลังพิจารณาเปิดตัว “Discrete NPU” หรือชิป NPU แบบแยกชิ้น ไม่ฝังอยู่ใน CPU หรือ GPU เหมือนที่ผ่านมา Rahul Tikoo หัวหน้าฝ่าย CPU ของ AMD ระบุว่า บริษัทกำลังพูดคุยกับลูกค้าเกี่ยวกับการใช้งานและโอกาสของชิป NPU แบบแยก ซึ่งจะช่วยให้พีซีสามารถประมวลผล AI ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยไม่ต้องพึ่ง GPU ที่กินไฟและสร้างความร้อนสูง แนวคิดนี้เกิดขึ้นหลังจาก Dell เปิดตัวแล็ปท็อป Pro Max Plus ที่ใช้การ์ด Qualcomm AI 100 ซึ่งเป็น NPU แบบแยกตัวแรกในระดับองค์กร และมีประสิทธิภาพสูงถึง 450 TOPS ในพลังงานเพียง 75 วัตต์ AMD เองก็มีพื้นฐานจากเทคโนโลยี Xilinx ที่ใช้สร้าง NPU ฝังใน Ryzen รุ่นใหม่ และมีโครงการ Gaia ที่ช่วยให้สามารถรันโมเดล LLM ขนาดใหญ่บนเครื่องพีซีได้โดยตรง ✅ AMD เตรียมเปิดตัวชิป NPU แบบแยกสำหรับพีซีในอนาคต ➡️ ไม่ใช่ GPU แต่เป็นตัวเร่ง AI โดยเฉพาะ ➡️ อยู่ระหว่างการพูดคุยกับลูกค้าเกี่ยวกับการใช้งานและโอกาส ✅ ชิป NPU แบบแยกจะช่วยลดภาระของ CPU และ GPU ในการประมวลผล AI ➡️ เหมาะสำหรับงาน inference และการรันโมเดล LLM บนเครื่อง ➡️ ช่วยให้พีซีบางเบายังคงมีประสิทธิภาพสูงด้าน AI ✅ AMD มีพื้นฐานจากเทคโนโลยี Xilinx และโครงการ Gaia สำหรับการรันโมเดล AI บน Ryzen ➡️ ใช้ NPU tile ที่สามารถสร้างได้ถึง 50 TOPS ต่อชิ้น ➡️ สามารถรวมหลาย tile เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพได้ ✅ Dell เปิดตัวแล็ปท็อปที่ใช้การ์ด Qualcomm AI 100 ซึ่งเป็น NPU แบบแยกตัวแรกในระดับองค์กร ➡️ มี 16 AI cores และหน่วยความจำ 32GB ต่อการ์ด ➡️ ประสิทธิภาพสูงถึง 450 TOPS ในพลังงานเพียง 75 วัตต์ ✅ Discrete NPU จะช่วยลดความต้องการ GPU ระดับสูงในตลาด ➡️ ทำให้ราคาการ์ดจอสำหรับเกมเมอร์ลดลง ➡️ เป็นทางเลือกใหม่สำหรับผู้ใช้งาน AI โดยเฉพาะ ✅ AMD XDNA 2 NPU มีประสิทธิภาพสูงถึง 50 TOPS และออกแบบให้ประหยัดพลังงาน ➡️ ใช้ engine tile แบบแยกที่สามารถประมวลผลได้อย่างอิสระ ➡️ รองรับการปรับแต่งโครงสร้างการประมวลผล AI ได้ตามต้องการ ✅ Intel Lunar Lake NPU 4 มีประสิทธิภาพสูงถึง 48 TOPS และออกแบบให้มีพลังงานต่ำ ➡️ ใช้สถาปัตยกรรมแบบ parallel inference pipeline ➡️ มี SHAVE DSP ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการประมวลผล ✅ Qualcomm Snapdragon X Elite มี NPU 45 TOPS และมีประสิทธิภาพสูงในพลังงานต่ำ ➡️ เหมาะกับโน้ตบุ๊กบางเบาและใช้งาน AI แบบต่อเนื่อง ➡️ เป็นผู้นำในด้านประสิทธิภาพต่อวัตต์ ✅ Discrete NPU อาจกลายเป็นอุปกรณ์เสริมใหม่ในพีซี เหมือนกับการ์ดจอในอดีต ➡️ ช่วยให้ผู้ใช้สามารถเลือกอัปเกรดเฉพาะด้าน AI ได้ ➡️ อาจกลายเป็นมาตรฐานใหม่ในยุค AI PC ‼️ Discrete NPU อาจกลายเป็นส่วนประกอบที่กินไฟและสร้างความร้อน หากออกแบบไม่ดี ⛔ หากไม่ประหยัดพลังงาน จะไม่ต่างจาก GPU ที่มีปัญหาเรื่องความร้อน ⛔ อาจไม่เหมาะกับพีซีบางเบาหรือโน้ตบุ๊ก ‼️ ยังไม่มีข้อมูลชัดเจนว่า AMD จะเปิดตัวเมื่อใด และจะมีประสิทธิภาพเท่าใด ⛔ อยู่ภายใต้ NDA และยังไม่มีแผนเปิดเผย ⛔ อาจใช้เวลานานกว่าจะเข้าสู่ตลาดจริง ‼️ การพัฒนา NPU แบบแยกต้องมี ecosystem ซอฟต์แวร์ที่รองรับอย่างเต็มรูปแบบ ⛔ หากไม่มีเครื่องมือพัฒนาและไลบรารีที่พร้อมใช้งาน จะไม่สามารถแข่งขันได้ ⛔ ต้องมีการร่วมมือกับนักพัฒนาและผู้ผลิตซอฟต์แวร์อย่างใกล้ชิด ‼️ ผู้ใช้งานทั่วไปอาจยังไม่เห็นความจำเป็นของ NPU แบบแยกในชีวิตประจำวัน ⛔ ฟีเจอร์ AI บน Windows ยังจำกัดและไม่ใช่จุดขายหลัก ⛔ อาจเหมาะกับผู้ใช้ระดับมืออาชีพมากกว่าผู้ใช้ทั่วไป https://www.techspot.com/news/108894-amd-signals-push-discrete-npus-rival-gpus-ai.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    AMD signals push for discrete NPUs to rival GPUs in AI-powered PCs
    AMD is exploring whether PCs could benefit from a new kind of accelerator: a discrete neural processing unit. The company has long relied on GPUs for demanding...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 93 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🛳 ทัวร์ล่องเรือสำราญ Star Voyager, Cruise Only By StarCruises 4 วัน 2 คืน

    เส้นทาง : ฮ่องกง - น่านน้ำสากล - ฮ่องกง พร้อมเมนูพิเศษ บุฟเฟ่ต์ชาบูชาบู 🍽

    🗓 วันที่ 28 - 31 ส.ค. 2568 ---> คณะยืนยันออกเดินทาง

    ราคาปกติ 16,998 ลดเหลือเพียง 14,900 บาท/ท่าน

    ที่พักบนเรือสำราญ 106 คืน
    อาหาร 5 มื้อต่อวัน (ไม่รวมเครื่องดื่ม แอลกอฮอล์)
    กิจกรรม แลกเปลี่ยน เรียนรู้วัฒนธรรมร่วมกันบนเรือ
    สิ่งอำนวยความสะดวกระดับโลก สระว่ายน้ำ ห้องออกกำลังกาย คาราโอเกะ

    ⭕️ รหัสแพคเกจทัวร์ : STCT-HX-4D2N-HKG-HKG-2508281
    คลิกดูรายละเอียดโปรแกรม : 78s.me/e89faf

    ดูเรือ Star Cruise ทั้งหมดได้ที่
    https://78s.me/e20770

    ดูแพ็คเกจเรือทั้งหมด
    https://cruisedomain.com/
    LINE ID: @CruiseDomain 78s.me/c54029
    Facebook: CruiseDomain 78s.me/b8a121
    Youtube : CruiseDomain 78s.me/8af620
    : 0 2116 9696

    #เรือStarCruise #StarVoyager #StarCruise #Hongkong #TsimShaTsui #ทัวร์เรือ #แพ็คเกจล่องเรือสำราญ #CruiseDomain #thaitimes #News1 #คิงส์โพธิ์แดง #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #ข่าวอัพเดต #เที่ยว
    🛳 ทัวร์ล่องเรือสำราญ Star Voyager, Cruise Only By StarCruises 4 วัน 2 คืน 📍 เส้นทาง : ฮ่องกง - น่านน้ำสากล - ฮ่องกง พร้อมเมนูพิเศษ บุฟเฟ่ต์ชาบูชาบู 🍽 🗓 วันที่ 28 - 31 ส.ค. 2568 ---> คณะยืนยันออกเดินทาง ราคาปกติ 16,998 ลดเหลือเพียง 14,900 บาท/ท่าน ✅ ที่พักบนเรือสำราญ 106 คืน ✅ อาหาร 5 มื้อต่อวัน (ไม่รวมเครื่องดื่ม แอลกอฮอล์) ✅ กิจกรรม แลกเปลี่ยน เรียนรู้วัฒนธรรมร่วมกันบนเรือ ✅ สิ่งอำนวยความสะดวกระดับโลก สระว่ายน้ำ ห้องออกกำลังกาย คาราโอเกะ ⭕️ รหัสแพคเกจทัวร์ : STCT-HX-4D2N-HKG-HKG-2508281 คลิกดูรายละเอียดโปรแกรม : 78s.me/e89faf ดูเรือ Star Cruise ทั้งหมดได้ที่ https://78s.me/e20770 ✅ ดูแพ็คเกจเรือทั้งหมด https://cruisedomain.com/ LINE ID: @CruiseDomain 78s.me/c54029 Facebook: CruiseDomain 78s.me/b8a121 Youtube : CruiseDomain 78s.me/8af620 ☎️: 0 2116 9696 #เรือStarCruise #StarVoyager #StarCruise #Hongkong #TsimShaTsui #ทัวร์เรือ #แพ็คเกจล่องเรือสำราญ #CruiseDomain #thaitimes #News1 #คิงส์โพธิ์แดง #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #ข่าวอัพเดต #เที่ยว
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 127 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากข่าว: “EU ไม่เก็บค่าธรรมเนียมจาก Big Tech” แล้วจะเอาเงินจากไหนมาลงทุนโครงข่าย?

    หลายปีที่ผ่านมา ผู้ให้บริการโทรคมนาคมรายใหญ่ในยุโรป เช่น Deutsche Telekom, Orange, Telefonica และ Telecom Italia เรียกร้องให้ EU บังคับให้บริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ (Google, Meta, Netflix, Microsoft, Amazon ฯลฯ) จ่าย “ค่าธรรมเนียมเครือข่าย” เพราะพวกเขาใช้แบนด์วิดธ์มหาศาลจากโครงข่ายที่ผู้ให้บริการต้องลงทุนเอง

    แนวคิดนี้ถูกเรียกว่า “fair share funding” แต่ Big Tech โต้กลับว่าเป็น “ภาษีอินเทอร์เน็ต” และชี้ว่าพวกเขาก็ลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานของตัวเองเช่นกัน

    ล่าสุด EU ออกมายืนยันว่า “ไม่เห็นด้วย” กับแนวคิดนี้ โดยอ้างอิงจาก White Paper ที่ตีพิมพ์เมื่อกุมภาพันธ์ 2024 ซึ่งสรุปว่า “การเก็บค่าธรรมเนียมเครือข่ายไม่ใช่ทางออกที่ยั่งยืน”

    แทนที่จะเก็บเงินจาก Big Tech EU เตรียมออกกฎหมายใหม่ชื่อ Digital Networks Act ในเดือนพฤศจิกายน 2025 เพื่อปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลให้ทันสมัย รองรับ 5G, 6G, cloud และ edge computing โดยเน้นการลดความซับซ้อนของกฎระเบียบ และส่งเสริมการลงทุนข้ามพรมแดน

    EU ปฏิเสธแนวคิดเก็บค่าธรรมเนียมเครือข่ายจาก Big Tech เพื่อสนับสนุนการลงทุนใน 5G และ broadband
    อ้างอิงจาก White Paper ปี 2024 ที่สรุปว่าแนวคิดนี้ไม่ยั่งยืน
    Big Tech มองว่าเป็น “ภาษีอินเทอร์เน็ต” และไม่เป็นธรรม

    ผู้ให้บริการโทรคมนาคมในยุโรปเรียกร้องให้ Big Tech จ่าย “fair share” เพราะใช้แบนด์วิดธ์จำนวนมาก
    เช่น Deutsche Telekom, Orange, Telefonica, Telecom Italia
    ชี้ว่า Big Tech สร้างภาระให้กับโครงข่ายโดยไม่ช่วยลงทุน

    EU เตรียมออกกฎหมายใหม่ชื่อ Digital Networks Act ในไตรมาส 4 ปี 2025
    มุ่งเน้นการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลให้ทันสมัย
    ลดความซับซ้อนของกฎระเบียบ และส่งเสริมการลงทุนข้ามพรมแดน

    Digital Networks Act จะเป็น “regulation” ที่มีผลบังคับใช้โดยตรงในทุกประเทศสมาชิก EU
    คล้ายกับ GDPR, Digital Services Act และ AI Act
    ไม่ใช่ “directive” ที่ต้องรอการนำไปใช้ในแต่ละประเทศ

    เป้าหมายของ Digital Networks Act คือการสร้างตลาดเดียวด้านการเชื่อมต่อ และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมยุโรป
    ปรับปรุงการจัดสรรคลื่นความถี่, ลดความซับซ้อนของการอนุญาต
    ส่งเสริมการเปลี่ยนผ่านสู่เครือข่ายแบบ cloud และ edge computing

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/07/31/network-fee-on-big-tech-not-a-viable-solution-to-boost-eu-digital-rollout-eu-says
    🧠 เรื่องเล่าจากข่าว: “EU ไม่เก็บค่าธรรมเนียมจาก Big Tech” แล้วจะเอาเงินจากไหนมาลงทุนโครงข่าย? หลายปีที่ผ่านมา ผู้ให้บริการโทรคมนาคมรายใหญ่ในยุโรป เช่น Deutsche Telekom, Orange, Telefonica และ Telecom Italia เรียกร้องให้ EU บังคับให้บริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ (Google, Meta, Netflix, Microsoft, Amazon ฯลฯ) จ่าย “ค่าธรรมเนียมเครือข่าย” เพราะพวกเขาใช้แบนด์วิดธ์มหาศาลจากโครงข่ายที่ผู้ให้บริการต้องลงทุนเอง แนวคิดนี้ถูกเรียกว่า “fair share funding” แต่ Big Tech โต้กลับว่าเป็น “ภาษีอินเทอร์เน็ต” และชี้ว่าพวกเขาก็ลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานของตัวเองเช่นกัน ล่าสุด EU ออกมายืนยันว่า “ไม่เห็นด้วย” กับแนวคิดนี้ โดยอ้างอิงจาก White Paper ที่ตีพิมพ์เมื่อกุมภาพันธ์ 2024 ซึ่งสรุปว่า “การเก็บค่าธรรมเนียมเครือข่ายไม่ใช่ทางออกที่ยั่งยืน” แทนที่จะเก็บเงินจาก Big Tech EU เตรียมออกกฎหมายใหม่ชื่อ Digital Networks Act ในเดือนพฤศจิกายน 2025 เพื่อปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลให้ทันสมัย รองรับ 5G, 6G, cloud และ edge computing โดยเน้นการลดความซับซ้อนของกฎระเบียบ และส่งเสริมการลงทุนข้ามพรมแดน ✅ EU ปฏิเสธแนวคิดเก็บค่าธรรมเนียมเครือข่ายจาก Big Tech เพื่อสนับสนุนการลงทุนใน 5G และ broadband ➡️ อ้างอิงจาก White Paper ปี 2024 ที่สรุปว่าแนวคิดนี้ไม่ยั่งยืน ➡️ Big Tech มองว่าเป็น “ภาษีอินเทอร์เน็ต” และไม่เป็นธรรม ✅ ผู้ให้บริการโทรคมนาคมในยุโรปเรียกร้องให้ Big Tech จ่าย “fair share” เพราะใช้แบนด์วิดธ์จำนวนมาก ➡️ เช่น Deutsche Telekom, Orange, Telefonica, Telecom Italia ➡️ ชี้ว่า Big Tech สร้างภาระให้กับโครงข่ายโดยไม่ช่วยลงทุน ✅ EU เตรียมออกกฎหมายใหม่ชื่อ Digital Networks Act ในไตรมาส 4 ปี 2025 ➡️ มุ่งเน้นการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลให้ทันสมัย ➡️ ลดความซับซ้อนของกฎระเบียบ และส่งเสริมการลงทุนข้ามพรมแดน ✅ Digital Networks Act จะเป็น “regulation” ที่มีผลบังคับใช้โดยตรงในทุกประเทศสมาชิก EU ➡️ คล้ายกับ GDPR, Digital Services Act และ AI Act ➡️ ไม่ใช่ “directive” ที่ต้องรอการนำไปใช้ในแต่ละประเทศ ✅ เป้าหมายของ Digital Networks Act คือการสร้างตลาดเดียวด้านการเชื่อมต่อ และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมยุโรป ➡️ ปรับปรุงการจัดสรรคลื่นความถี่, ลดความซับซ้อนของการอนุญาต ➡️ ส่งเสริมการเปลี่ยนผ่านสู่เครือข่ายแบบ cloud และ edge computing https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/07/31/network-fee-on-big-tech-not-a-viable-solution-to-boost-eu-digital-rollout-eu-says
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Network fee on Big Tech not a viable solution to boost EU digital rollout, EU says
    BRUSSELS (Reuters) -The European Commission does not think that imposing a network fee on Big Tech companies is a viable solution to the debate over who should fund the rollout of 5G and broadband, a spokesman for the EU executive said on Thursday.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 101 มุมมอง 0 รีวิว
  • เบรกสัมพันธ์สื่อกัมพูชา ส่อรับใช้ 'ฮุน มาเน็ต'

    3 องค์กรวิชาชืพสื่อ ได้แก่ สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย (TJA) สมาคมผู้ผลิตข่าวออนไลน์ (SONP) และสหภาพแรงงานกลางสื่อมวลชนไทย (NUJT) ออกแถลงการณ์เรียกร้องสมาคมนักข่าวกัมพูชา (Club of Cambodian Journalists หรือ CCJ) ตรวจสอบการทำหน้าที่ของสื่อมวลชนในประเทศอย่างจริงจัง เพื่อจัดการปัญหาข่าวปลอมและข่าวบิดเบือน โดยมีข้อเรียกร้อง 3 ข้อ ได้แก่

    1. หยุดแทรกแซงกิจการภายในของสื่อมวลชนไทย ให้ตรวจสอบจริยธรรมสื่อกัมพูชาอย่างเข้มแข็ง ปราศจากการครอบงำ

    2. ให้ CCJ มุ่งมั่นจัดการปัญหาข่าวปลอมและข้อมูลบิดเบือน ที่มีต้นทางแพร่กระจายในโลกออนไลน์จากกัมพูชาอย่างเป็นรูปธรรม เนื่องจากตรวจพบข้อมูลบิดเบือนจำนวนมาก

    3. ยืนยันว่าสื่อมวลชนไทยมีระบบกำกับดูแลกันเองด้านจริยธรรม ยึดมั่นและเคารพในสิทธิเสรีภาพ ยืนยันเจตนารมณ์รายงานข่าวตามหลักจริยธรรม เป็นกลาง ครบถ้วนรอบด้าน ไม่ยุยงให้เกลียดชัง ต้องการให้เกิดสันติภาพแท้จริงและยั่งยืน

    ในตอนท้ายระบุว่า เนื่องจากการออกแถลงการณ์ของ CCJ หมิ่นเหม่ต่อการเป็นกระบอกเสียงของรัฐบาลกัมพูชา (นายฮุน มาเน็ต) มากกว่าการทำหน้าที่สื่อ ดังนั้นสมาคมนักข่าวฯ ซึ่งมีบันทึกความเข้าใจ (MOU) ร่วมกัน จึงจำเป็นต้องระงับความสัมพันธ์กับ CCJ ชั่วคราว จนกว่าสถานการณ์จะกลับสู่ภาวะปกติ

    ก่อนหน้านี้ CCJ ออกแถลงการณ์ทำทีเรียกร้องให้สื่อมวลชนไทย ปฎิบัติตามมาตรฐานวิชาชีพอย่างเคร่งครัด ตรวจสอบแหล่งข้อมูลรอบคอบและรายงานอย่างมีความรับผิดชอบ พร้อมทั้งขอให้มีบทบาทลดความตึงเครียด ด้วยการนำเสนอข่าวที่ไม่ยุยงปลุกปั่นชาตินิยมหรือเชื้อชาติ หันมาเน้นส่งเสริมบทสนทนาและความร่วมมือในทางที่สร้างสรรค์ระหว่างสองประเทศ โดยกล่าวหาว่าสื่อมวลชนไทย 2 สำนักเผยแพร่ข้อมูลเท็จ ระบุชื่อข่าวสด สื่อในเครือมติชน และ The Nation Thailand สื่อออนไลน์ภาษาอังกฤษของเนชั่นกรุ๊ป

    แถลงการณ์นี้มีนัยยะโจมตีและดิสเครดิตสื่อมวลชนที่มีผู้ติดตามเป็นอันดับต้นของประเทศ โดยเฉพาะสื่อภาคภาษาอังกฤษที่เปรียบเสมือนหน้าต่างของโลก ขณะที่ผ่านมาสื่อออนไลน์ไทยโดยเฉพาะเว็บไซต์ The Nation Thailand และ Bangkok Post ถูกโจมตีทางไซเบอร์มากกว่า 250 ล้านครั้ง

    อีกด้านหนึ่ง แถลงการณ์โต้กลับของ 3 สมาคมสื่อไทยระบุว่าที่ผ่านมาสื่อกัมพูชาเผยแพร่ข้อมูลบิดเบือนจำนวนมาก อาทิ อ้างว่าเครื่องบิน F-16 ของไทยทิ้งสารเคมีลงในกัมพูชา, กล่าวหาว่าไทยใช้เครื่องบิน F-16 ทิ้งระเบิด MK ซึ่งมีอำนาจทำลายล้างสูงใส่บ้านเรือนประชาชนชาวกัมพูชา, ปล่อยข่าวว่า พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เสียชีวิต เป็นต้น

    #Newskit
    เบรกสัมพันธ์สื่อกัมพูชา ส่อรับใช้ 'ฮุน มาเน็ต' 3 องค์กรวิชาชืพสื่อ ได้แก่ สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย (TJA) สมาคมผู้ผลิตข่าวออนไลน์ (SONP) และสหภาพแรงงานกลางสื่อมวลชนไทย (NUJT) ออกแถลงการณ์เรียกร้องสมาคมนักข่าวกัมพูชา (Club of Cambodian Journalists หรือ CCJ) ตรวจสอบการทำหน้าที่ของสื่อมวลชนในประเทศอย่างจริงจัง เพื่อจัดการปัญหาข่าวปลอมและข่าวบิดเบือน โดยมีข้อเรียกร้อง 3 ข้อ ได้แก่ 1. หยุดแทรกแซงกิจการภายในของสื่อมวลชนไทย ให้ตรวจสอบจริยธรรมสื่อกัมพูชาอย่างเข้มแข็ง ปราศจากการครอบงำ 2. ให้ CCJ มุ่งมั่นจัดการปัญหาข่าวปลอมและข้อมูลบิดเบือน ที่มีต้นทางแพร่กระจายในโลกออนไลน์จากกัมพูชาอย่างเป็นรูปธรรม เนื่องจากตรวจพบข้อมูลบิดเบือนจำนวนมาก 3. ยืนยันว่าสื่อมวลชนไทยมีระบบกำกับดูแลกันเองด้านจริยธรรม ยึดมั่นและเคารพในสิทธิเสรีภาพ ยืนยันเจตนารมณ์รายงานข่าวตามหลักจริยธรรม เป็นกลาง ครบถ้วนรอบด้าน ไม่ยุยงให้เกลียดชัง ต้องการให้เกิดสันติภาพแท้จริงและยั่งยืน ในตอนท้ายระบุว่า เนื่องจากการออกแถลงการณ์ของ CCJ หมิ่นเหม่ต่อการเป็นกระบอกเสียงของรัฐบาลกัมพูชา (นายฮุน มาเน็ต) มากกว่าการทำหน้าที่สื่อ ดังนั้นสมาคมนักข่าวฯ ซึ่งมีบันทึกความเข้าใจ (MOU) ร่วมกัน จึงจำเป็นต้องระงับความสัมพันธ์กับ CCJ ชั่วคราว จนกว่าสถานการณ์จะกลับสู่ภาวะปกติ ก่อนหน้านี้ CCJ ออกแถลงการณ์ทำทีเรียกร้องให้สื่อมวลชนไทย ปฎิบัติตามมาตรฐานวิชาชีพอย่างเคร่งครัด ตรวจสอบแหล่งข้อมูลรอบคอบและรายงานอย่างมีความรับผิดชอบ พร้อมทั้งขอให้มีบทบาทลดความตึงเครียด ด้วยการนำเสนอข่าวที่ไม่ยุยงปลุกปั่นชาตินิยมหรือเชื้อชาติ หันมาเน้นส่งเสริมบทสนทนาและความร่วมมือในทางที่สร้างสรรค์ระหว่างสองประเทศ โดยกล่าวหาว่าสื่อมวลชนไทย 2 สำนักเผยแพร่ข้อมูลเท็จ ระบุชื่อข่าวสด สื่อในเครือมติชน และ The Nation Thailand สื่อออนไลน์ภาษาอังกฤษของเนชั่นกรุ๊ป แถลงการณ์นี้มีนัยยะโจมตีและดิสเครดิตสื่อมวลชนที่มีผู้ติดตามเป็นอันดับต้นของประเทศ โดยเฉพาะสื่อภาคภาษาอังกฤษที่เปรียบเสมือนหน้าต่างของโลก ขณะที่ผ่านมาสื่อออนไลน์ไทยโดยเฉพาะเว็บไซต์ The Nation Thailand และ Bangkok Post ถูกโจมตีทางไซเบอร์มากกว่า 250 ล้านครั้ง อีกด้านหนึ่ง แถลงการณ์โต้กลับของ 3 สมาคมสื่อไทยระบุว่าที่ผ่านมาสื่อกัมพูชาเผยแพร่ข้อมูลบิดเบือนจำนวนมาก อาทิ อ้างว่าเครื่องบิน F-16 ของไทยทิ้งสารเคมีลงในกัมพูชา, กล่าวหาว่าไทยใช้เครื่องบิน F-16 ทิ้งระเบิด MK ซึ่งมีอำนาจทำลายล้างสูงใส่บ้านเรือนประชาชนชาวกัมพูชา, ปล่อยข่าวว่า พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เสียชีวิต เป็นต้น #Newskit
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 160 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากอวกาศปลอม: เมื่อ Starlink ถูกแอบอ้างเพื่อหลอกเงินผู้บริโภค

    ช่วงกลางปี 2025 มีโฆษณาบน Facebook ที่อ้างว่าเสนอ “แพ็กเกจอินเทอร์เน็ต Starlink ตลอดชีพ” ในราคาเพียง $127 หรือแม้แต่ “แผนรายปี $67” พร้อมจานรับสัญญาณ Starlink Mini ฟรี ฟังดูคุ้มเกินจริงใช่ไหม? เพราะมันคือ “หลอกลวงเต็มรูปแบบ”2

    เมื่อผู้ใช้คลิกโฆษณา จะถูกนำไปยังเว็บไซต์ปลอมที่เลียนแบบหน้าตาและโลโก้ของ Starlink อย่างแนบเนียน เช่น “ministarnt.xyz” หรือ “starlinkoficial.com” ซึ่งใช้ภาพจริงและคำพูดจาก SpaceX เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ

    เว็บไซต์เหล่านี้หลอกให้ผู้ใช้กรอกข้อมูลบัตรเครดิตและที่อยู่จัดส่ง โดยไม่มีการส่งสินค้าใด ๆ หรือส่งอุปกรณ์ปลอมที่ไม่สามารถเชื่อมต่อกับดาวเทียมได้เลย บางรายยังถูกขโมยข้อมูลและพบธุรกรรมแปลก ๆ ในบัญชีธนาคารภายหลัง

    SpaceX เคยออกคำเตือนเกี่ยวกับการหลอกลวงลักษณะนี้ และย้ำว่าโปรโมชั่นจริงจะมีเฉพาะบนเว็บไซต์หรือบัญชีโซเชียลทางการเท่านั้น เช่น การแจกจานฟรีเมื่อสมัครใช้งาน 12 เดือน

    มีการหลอกลวงผ่าน Facebook โดยอ้างว่าเป็นแพ็กเกจ Starlink ตลอดชีพ
    ราคาเพียง $127 หรือ $67 ต่อปี พร้อมจาน Starlink Mini ฟรี
    ดูเหมือนถูกมากเมื่อเทียบกับค่าบริการจริงที่ $120 ต่อเดือน

    เว็บไซต์ปลอมเลียนแบบหน้าตา Starlink อย่างแนบเนียน
    ใช้ชื่อโดเมนคล้ายของจริง เช่น “starlinkoficial.com”
    มีโลโก้ ภาพสินค้า และคำพูดจาก SpaceX เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ

    เมื่อผู้ใช้กรอกข้อมูล จะถูกขโมยเงินหรือข้อมูลส่วนตัว
    บางรายไม่ได้รับสินค้าเลย หรือได้อุปกรณ์ปลอมที่ใช้ไม่ได้
    พบธุรกรรมแปลก ๆ ในบัญชีหลังจากซื้อสินค้า

    SpaceX เคยออกคำเตือนเกี่ยวกับการหลอกลวงลักษณะนี้
    โปรโมชั่นจริงจะมีเฉพาะบนเว็บไซต์หรือบัญชีโซเชียลทางการ
    ตัวอย่างโปรจริง: แจกจานฟรีเมื่อสมัครใช้งาน 12 เดือน (มูลค่า $499)

    ผู้ใช้ทั่วโลกเริ่มร้องเรียนบนโซเชียลมีเดียตั้งแต่เดือนพฤษภาคม
    PCMag พบหลายรูปแบบของโฆษณาหลอกลวงเมื่อค้นคำว่า “Starlink” บน Facebook

    วิธีตรวจสอบว่าโปรโมชั่นจริงหรือไม่
    เข้าเว็บไซต์ทางการของบริษัทเพื่อตรวจสอบ
    ตรวจสอบบัญชีโซเชียลมีเดียที่ได้รับการยืนยัน
    โทรสอบถามฝ่ายบริการลูกค้าโดยตรง

    https://www.techspot.com/news/108874-viral-lifetime-starlink-offer-facebook-total-scam.html
    🧠 เรื่องเล่าจากอวกาศปลอม: เมื่อ Starlink ถูกแอบอ้างเพื่อหลอกเงินผู้บริโภค ช่วงกลางปี 2025 มีโฆษณาบน Facebook ที่อ้างว่าเสนอ “แพ็กเกจอินเทอร์เน็ต Starlink ตลอดชีพ” ในราคาเพียง $127 หรือแม้แต่ “แผนรายปี $67” พร้อมจานรับสัญญาณ Starlink Mini ฟรี ฟังดูคุ้มเกินจริงใช่ไหม? เพราะมันคือ “หลอกลวงเต็มรูปแบบ”2 เมื่อผู้ใช้คลิกโฆษณา จะถูกนำไปยังเว็บไซต์ปลอมที่เลียนแบบหน้าตาและโลโก้ของ Starlink อย่างแนบเนียน เช่น “ministarnt.xyz” หรือ “starlinkoficial.com” ซึ่งใช้ภาพจริงและคำพูดจาก SpaceX เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ เว็บไซต์เหล่านี้หลอกให้ผู้ใช้กรอกข้อมูลบัตรเครดิตและที่อยู่จัดส่ง โดยไม่มีการส่งสินค้าใด ๆ หรือส่งอุปกรณ์ปลอมที่ไม่สามารถเชื่อมต่อกับดาวเทียมได้เลย บางรายยังถูกขโมยข้อมูลและพบธุรกรรมแปลก ๆ ในบัญชีธนาคารภายหลัง SpaceX เคยออกคำเตือนเกี่ยวกับการหลอกลวงลักษณะนี้ และย้ำว่าโปรโมชั่นจริงจะมีเฉพาะบนเว็บไซต์หรือบัญชีโซเชียลทางการเท่านั้น เช่น การแจกจานฟรีเมื่อสมัครใช้งาน 12 เดือน ✅ มีการหลอกลวงผ่าน Facebook โดยอ้างว่าเป็นแพ็กเกจ Starlink ตลอดชีพ ➡️ ราคาเพียง $127 หรือ $67 ต่อปี พร้อมจาน Starlink Mini ฟรี ➡️ ดูเหมือนถูกมากเมื่อเทียบกับค่าบริการจริงที่ $120 ต่อเดือน ✅ เว็บไซต์ปลอมเลียนแบบหน้าตา Starlink อย่างแนบเนียน ➡️ ใช้ชื่อโดเมนคล้ายของจริง เช่น “starlinkoficial.com” ➡️ มีโลโก้ ภาพสินค้า และคำพูดจาก SpaceX เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ ✅ เมื่อผู้ใช้กรอกข้อมูล จะถูกขโมยเงินหรือข้อมูลส่วนตัว ➡️ บางรายไม่ได้รับสินค้าเลย หรือได้อุปกรณ์ปลอมที่ใช้ไม่ได้ ➡️ พบธุรกรรมแปลก ๆ ในบัญชีหลังจากซื้อสินค้า ✅ SpaceX เคยออกคำเตือนเกี่ยวกับการหลอกลวงลักษณะนี้ ➡️ โปรโมชั่นจริงจะมีเฉพาะบนเว็บไซต์หรือบัญชีโซเชียลทางการ ➡️ ตัวอย่างโปรจริง: แจกจานฟรีเมื่อสมัครใช้งาน 12 เดือน (มูลค่า $499) ✅ ผู้ใช้ทั่วโลกเริ่มร้องเรียนบนโซเชียลมีเดียตั้งแต่เดือนพฤษภาคม ➡️ PCMag พบหลายรูปแบบของโฆษณาหลอกลวงเมื่อค้นคำว่า “Starlink” บน Facebook ✅ วิธีตรวจสอบว่าโปรโมชั่นจริงหรือไม่ ➡️ เข้าเว็บไซต์ทางการของบริษัทเพื่อตรวจสอบ ➡️ ตรวจสอบบัญชีโซเชียลมีเดียที่ได้รับการยืนยัน ➡️ โทรสอบถามฝ่ายบริการลูกค้าโดยตรง https://www.techspot.com/news/108874-viral-lifetime-starlink-offer-facebook-total-scam.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    That viral lifetime Starlink offer on Facebook is a total scam
    The latest scam making the rounds on Facebook promises a lifetime subscription to SpaceX's Starlink satellite Internet service for as low as $127 – roughly as much...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 94 มุมมอง 0 รีวิว
  • Melk River Cruise Port จุดแวะสุดคลาสสิคริมแม่น้ำดานูบ ที่งดงามทั้งศิลปะ ประวัติศาสตร์ และธรรมชาติ
    ท่าเรือขนาดเล็กแต่สำคัญบนเส้นทางล่องเรือแม่น้ำดานูบ (Danube River) ประเทศออสเตรีย
    ตั้งอยู่ในเมืองเมลค์ (Melk) เมืองเก่าแก่ที่รายล้อมด้วยทัศนียภาพอันเขียวชอุ่มของหุบเขา Wachau ซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดย UNESCO

    ⭐️ Melk Abbey มหาวิหารเมลค์
    ก่อตั้งในปี ค.ศ. 1089 โดยราชวงศ์ Babenberg เป็นอารามเบเนดิกตินที่มีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่งในยุโรป สถาปัตยกรรมสไตล์บาโรกออสเตรีย ตกแต่งด้วยทองคำแท้และภาพเขียนฝ้าเพดานอันงดงาม

    ⭐️ Melk Old Town เมืองเก่าเมลค์
    เมืองเล็กๆ มีถนนคนเดินสายหลักชื่อ Hauptstraße เต็มไปด้วยร้านค้า ร้านกาแฟ และร้านขนมหวาน อาคารส่วนใหญ่สร้างในสไตล์บาโรกและนีโอคลาสสิก

    ⭐️ Schallaburg Castle ปราสาทชัลลาบวร์ก
    ปราสาทสมัย เรอเนสซองส์ ที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้อย่างดี โดดเด่นด้วย ลานโค้งเสา (Arcaded Courtyard) และ งานปูนปั้นแบบอิตาเลียน ภายในมีการจัด นิทรรศการพิเศษหมุนเวียน

    ⭐️ Aggstein Castle Ruins ปราสาทซากอักชไตน์
    ซากปราสาทยุคกลางที่สร้างตั้งแต่ ศตวรรษที่ 12 ตั้งอยู่บนเขาสูงริมแม่น้ำ วิวจากบนนี้มองเห็นแม่น้ำดานูบและหุบเขาวาเคาได้กว้างไกล มีบันไดหิน ทางเดินเก่า และห้องแสดงประวัติศาสตร์

    สอบถามเพิ่มเติมหรือจองแพ็คเกจได้ทันที!
    https://cruisedomain.com/
    LINE ID: @CruiseDomain 78s.me/c54029
    Facebook: CruiseDomain 78s.me/b8a121
    Youtube : CruiseDomain 78s.me/8af620
    : 0 2116 9696

    #MelkRiverCruisePort #DanubeRiver #Austria #MelkAbbey #MelkOldTown #SchallaburgCastle #AggsteinCastleRuins #port #cruisedomain #thaitimes #News1 #คิงส์โพธิ์แดง #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #ข่าวอัพเดต #เที่ยว
    Melk River Cruise Port จุดแวะสุดคลาสสิคริมแม่น้ำดานูบ ที่งดงามทั้งศิลปะ ประวัติศาสตร์ และธรรมชาติ ท่าเรือขนาดเล็กแต่สำคัญบนเส้นทางล่องเรือแม่น้ำดานูบ (Danube River) ประเทศออสเตรีย ตั้งอยู่ในเมืองเมลค์ (Melk) เมืองเก่าแก่ที่รายล้อมด้วยทัศนียภาพอันเขียวชอุ่มของหุบเขา Wachau ซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดย UNESCO ⭐️ Melk Abbey มหาวิหารเมลค์ ก่อตั้งในปี ค.ศ. 1089 โดยราชวงศ์ Babenberg เป็นอารามเบเนดิกตินที่มีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่งในยุโรป สถาปัตยกรรมสไตล์บาโรกออสเตรีย ตกแต่งด้วยทองคำแท้และภาพเขียนฝ้าเพดานอันงดงาม ⭐️ Melk Old Town เมืองเก่าเมลค์ เมืองเล็กๆ มีถนนคนเดินสายหลักชื่อ Hauptstraße เต็มไปด้วยร้านค้า ร้านกาแฟ และร้านขนมหวาน อาคารส่วนใหญ่สร้างในสไตล์บาโรกและนีโอคลาสสิก ⭐️ Schallaburg Castle ปราสาทชัลลาบวร์ก ปราสาทสมัย เรอเนสซองส์ ที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้อย่างดี โดดเด่นด้วย ลานโค้งเสา (Arcaded Courtyard) และ งานปูนปั้นแบบอิตาเลียน ภายในมีการจัด นิทรรศการพิเศษหมุนเวียน ⭐️ Aggstein Castle Ruins ปราสาทซากอักชไตน์ ซากปราสาทยุคกลางที่สร้างตั้งแต่ ศตวรรษที่ 12 ตั้งอยู่บนเขาสูงริมแม่น้ำ วิวจากบนนี้มองเห็นแม่น้ำดานูบและหุบเขาวาเคาได้กว้างไกล มีบันไดหิน ทางเดินเก่า และห้องแสดงประวัติศาสตร์ สอบถามเพิ่มเติมหรือจองแพ็คเกจได้ทันที! https://cruisedomain.com/ LINE ID: @CruiseDomain 78s.me/c54029 Facebook: CruiseDomain 78s.me/b8a121 Youtube : CruiseDomain 78s.me/8af620 : 0 2116 9696 #MelkRiverCruisePort #DanubeRiver #Austria #MelkAbbey #MelkOldTown #SchallaburgCastle #AggsteinCastleRuins #port #cruisedomain #thaitimes #News1 #คิงส์โพธิ์แดง #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #ข่าวอัพเดต #เที่ยว
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 147 มุมมอง 0 รีวิว


  • ฮุนเซนกับจักรวาลทุนสีเทา

    บทความโดย สุรวิชช์ วีรวรรณ

    และคำแปลเขมร

    ហ៊ុន សែន និងចក្រវិថីទុនពណ៌ប្រផេះ

    ក្នុងរយៈពេលប៉ុន្មានឆ្នាំចុងក្រោយនេះ ពិភពលោកបានផ្តោតទស្សនៈទៅលើប្រទេសកម្ពុជា មិនមែនថាជាប្រទេសដែលរួចផុតពីសង្គ្រាមស៊ីវិលទេ ប៉ុន្តែជាស្តាប់នៃអាជីវកម្មឧក្រិដ្ឋកម្មសាយបឺ និងបណ្តាញទុនប្រផេះដែលកំពុងលើកកំពស់អំណាចឲ្យក្រុមមនុស្សមួយចំនួននៅក្រោមរបាំងនៃ “សេដ្ឋកិច្ចពិសេស” និងកាស៊ីណូតាមព្រំដែន។ ប្រជាជនជាងម៉ឺននាក់ពីចិន ថៃ មីយ៉ាន់ម៉ា ឡាវ វៀតណាម និងហ្វ៊ីលីពីន ត្រូវបានបញ្ឆោតឲ្យធ្វើការនៅក្នុងមជ្ឈមណ្ឌលបោកប្រាស់តាមអនឡាញ និងត្រូវគេបង្ខំទុកឲ្យធ្វើការដូចជាឈ្លក់បម្រើក្នុងប្រព័ន្ធពាណិជ្ជកម្មទំនើបដែលមិនស្មើភាពនឹងសិទ្ធិមនុស្សទេ។

    នៅកណ្តាលប្រព័ន្ធនេះគឺជាគ្រួសាររបស់អតីតនាយករដ្ឋមន្ត្រី ហ៊ុន សែន ដែលគ្រប់គ្រងប្រទេសកម្ពុជាមកជិត៤០ឆ្នាំ។ ទោះបីជានៅឆ្នាំ២០២៣ លោកបានបញ្ជូនអំណាចទៅឲ្យកូនប្រុសឈ្មោះ ហ៊ុន ម៉ាណែត ក៏ដោយ តែលោកនៅតែជាអ្នកគ្រប់គ្រងខាងក្រោយនៃរបប “ទុនកូនចៅ” និងការផ្តល់អំណាចដល់ក្រុមមនុស្សមួយតិចតួច។ សេដ្ឋកិច្ចកម្ពុជា ត្រូវបានប្រើជាឧបករណ៍សេដ្ឋកិច្ចប្រផេះ និងអំណាច “ឧកញ៉ា” បានក្លាយជានិមិត្តសញ្ញានៃសិទ្ធិពិសេស និងភាពលើសច្បាប់។

    មជ្ឈមណ្ឌលដ៏សំខាន់មួយនៃទុនប្រផេះ គឺក្រុមហ៊ុន “Huione Group” ដែលមានមូលដ្ឋាននៅភ្នំពេញ។ ក្រុមហ៊ុននេះមានអាជីវកម្មសំខាន់ៗដូចជា Huione Pay, Huione Crypto និង Huione Guarantee ដែលត្រូវបានប្រើប្រាស់ដើម្បីលាងប្រាក់ និងផ្លាស់ប្តូរព័ត៌មានបោកប្រាស់ជាសកល។ អង្គការសហប្រជាជាតិ និងយោងតាមរបាយការណ៍សន្តិសុខសហរដ្ឋអាមេរិក បានបង្ហាញថា Huione Guarantee មានប្រតិបត្តិការពាណិជ្ជកម្មរហូតដល់ ២៤,០០០–២៧,០០០លានដុល្លារចាប់តាំងពីឆ្នាំ ២០២១ ហើយគឺជាមជ្ឈមណ្ឌលលាងប្រាក់ធំបំផុតលើពិភពលោក។ មនុស្សដែលពាក់ពន្ធ័ជាមួយក្រុមនេះគឺ “ហ៊ុន តូ” ប្អូនបង្កាត់នាយករដ្ឋមន្ត្រី ហ៊ុន ម៉ាណែត និងជាហៅថ្លៃរបស់ ហ៊ុន សែន។

    ក្រៅពី ហ៊ុន តូ មានក្រុមទុនធំៗទៀតដែលជាប់ទាក់ទងជាមួយគ្រួសារហ៊ុន រួមមាន “លី យុងផាត់” (Ly Yong Phat) ដែលជាអ្នកលេងអាជីវកម្មជនជាតិភាគច្រើនកម្ពុជា-ថៃ។ គាត់ជាម្ចាស់ក្រុមហ៊ុន LYP Group និងសេដ្ឋកិច្ចពិសេសនៅខេត្ត Koh Kong និងបើកដំណើរការកាស៊ីណូជាច្រើន។ ក្នុងឆ្នាំ២០២៤ រដ្ឋាភិបាលអាមេរិកបានចេញវិធានការផ្ដន្ទាទោសលី យុងផាត់ក្រោមច្បាប់ Global Magnitsky Act ដោយសារ ជាប់ពាក់ពន្ធ័នឹងការបង្ខំឲ្យប្រើប្រាស់កម្លាំងពលកម្មក្នុងមជ្ឈមណ្ឌលស្កែម (scam center)។

    លី យុងផាត់ មិនមែនត្រឹមជាអ្នកគាំទ្ររដ្ឋាភិបាលទេ ប៉ុន្តែគាត់មានការតភ្ជាប់គ្រួសារនឹង ហ៊ុន សែន តាមរយៈកូនស្រីរបស់គាត់ដែលរៀបការជាមួយហ៊ុន ជា (Hun Chea) ដែលជាកូនប្រុសរបស់ហ៊ុន សែន។ គាត់ក្លាយជាសមាជិកសំខាន់ម្នាក់នៃ “រាជវង្សអំណាច” ដែលទទួលបានសិទ្ធិពិសេសគ្រប់វិស័យ។

    អ្នកមានឥទ្ធិពលទៀតគឺ “កុក អាន” (Kok An) ជាជនជាតិចិន ដែលជាសមាជិកព្រឹទ្ធសភា CPP និងម្ចាស់កាស៊ីណូ Crown Casino នៅទីក្រុង Poipet និង Sihanoukville។ គាត់ត្រូវបានចោទថាពាក់ពន្ធ័នឹងការជួញដូរមនុស្ស និងកម្លាំងពលកម្មខុសច្បាប់ ប៉ុន្តែម្ចាស់អំណាចមិនសូវចាត់ការណ៍ទេ។

    Try Pheap គឺជាអ្នកធ្វើអាជីវកម្មធំម្នាក់ទៀតដែលបានទទួលសិទិ្ធប្រើប្រាស់ដីព្រៃធំៗ និងធនធានធម្មជាតិ។ គាត់ជាម្ចាស់ក្រុមហ៊ុន Try Pheap Group និងដឹកនាំសេដ្ឋកិច្ចពិសេស Thmor Da ដែលត្រូវបានយោងថាជាគេហដ្ឋានស្កែម។ គាត់ត្រូវបានអាមេរិកផ្ដន្ទាទោសនៅឆ្នាំ ២០១៩ ដោយសារ ទោសកាត់បន្ថយព្រៃឈើខុសច្បាប់ លាងប្រាក់ និងការគំរាមដល់សហគមន៍ជនជាតិដើម។

    Chen Zhi ជាជនជាតិចិនទទួលសញ្ជាតិកម្ពុជា និងជាប្រធានក្រុមហ៊ុន Prince Group។ គាត់បានទទួលតំណែងឧកញ៉ា និងសិទ្ធិពិសេសក្នុងគម្រោងអភិវឌ្ឍន៍នៅតាមបណ្តាខេត្ត ជាពិសេស Sihanoukville ដែលត្រូវបានចោទថាជាគេហដ្ឋាននៃមជ្ឈមណ្ឌលស្កែមធំបំផុតក្នុងប្រទេស។

    តំណែង “ឧកញ៉ា” ដែលអោយដល់មនុស្សទាំងនេះ គឺជាការពង្រឹងសិទ្ធិពិសេសលើច្បាប់។ ទោះបីជាតំណែងនេះជាសិទ្ធិផ្ដល់ដោយព្រះមហាក្សត្រដល់អ្នកឧបត្ថម្ភសាធារណៈ ក្នុងជាក់ស្ដែង វាបានក្លាយជារបប “ទិញអំណាច” ហើយជាសញ្ញានៃការបំប្លែងរដ្ឋឲ្យក្លាយជាគ្រឿងចក្រ សេដ្ឋកិច្ចប្រផេះ។

    ក្រៅពីក្រុមដែលជាប់នឹងគ្រួសារ ហ៊ុន នៅមានឧកញ៉ាផ្សេងទៀតដែលពាក់ពន្ធ័នឹងការលួចលេចដូចជា:

    Choeung Sopheap និង Lau Meng Khin ម្ចាស់ក្រុមហ៊ុន Pheapimex ដែលត្រូវបានចោទថាបង្ខំរំលោភដីសហគមន៍
    Leng Channa ដែលត្រូវដកឋានៈឧកញ៉ា ពីបទលួចលះលុយក្នុងគម្រោងអចលនទ្រព្យ
    Heng Sithy ដែលបង្ហាញអំពើអាសន្នក្នុងប្រព័ន្ធកាស៊ីណូ
    Srey Sina ដែលត្រូវទោសជាប់ជាប់ពន្ធនាគារៗជីវិតពីបទបាញ់សម្លាប់ពលរដ្ឋ

    នេះជាភស្តុតាងថា “ឧកញ៉ា” មិនមែនជាតំណែងសេដ្ឋកិច្ចសង្គមទេ ប៉ុន្តែជាឧបករណ៍អោយអំណាចប្រើច្បាប់ទៅរកផលប្រយោជន៍ផ្ទាល់ខ្លួន។

    អង្គការ UNODC, Human Rights Watch, Humanity Research Consultancy និងសារព័ត៌មានអន្តរជាតិមួយចំនួនរួមទាំង The Times, Reuters, Asia Financial, Wired និង The Guardian បានរាយការណ៍ថា ប្រព័ន្ធស្កែមនេះពាក់ពន្ធ័ជាស្ថាពរជាមួយរដ្ឋកម្ពុជា និងត្រូវការការពារដោយច្បាប់។ វាមានការប្រើប្រាស់បច្ចេកវិទ្យាចុងក្រោយដូចជា AI និង Deepfake ដើម្បីបង្កើនភាពជឿជាក់ និងរបៀបលាងប្រាក់តាមតម្លៃឌីជីថលរួមមាន Huione Pay និង Huione Crypto។

    ចំណាត់ការរដ្ឋបាលរបស់កម្ពុជា មិនសូវបង្ហាញភាពស្មោះត្រង់នៃការតវ៉ា ស្កែមទេ។ ជាធម្មតា រដ្ឋធ្វើការចាប់ឲ្យឃុំខ្លួនតែពលកម្មក្រោម ប៉ុន្តែឱ្យអ្នកដឹកនាំស្កែមគេចផុតពីការចោទប្រកាន់ ទោះមានភស្តុតាងពីជនរងគ្រោះក៏ដោយ។

    អ្វីដែលគួរឱ្យបារម្ភខ្លាំងនោះគឺ ប្រព័ន្ធនយោបាយកំពុងរលាយចូលទៅក្នុងទុនប្រផេះ។ ការត្រួតពិនិត្យដោយអង្គការឯករាជ្យមិនអាចដំណើរការបានពេញលេញទេ ព្រោះក្រុមទុននេះគឺជាអ្នកជួយជ្រោមជ្រែង CPP និងគ្រួសារហ៊ុនតាមរយៈទុនគាំទ្រការអភិវឌ្ឍន៍ និងសេដ្ឋកិច្ចរដ្ឋ។

    ក្រោមរូបរាងនៃសេដ្ឋកិច្ចបើកចំហនិងការអភិវឌ្ឍ ប្រទេសកម្ពុជាកំពុងដើរចូលទៅក្នុងរដ្ឋដែលក្លាយជាឧបករណ៍របស់ទុនឯកជនដែលគ្មានការទទួលខុសត្រូវ ខណៈពលរដ្ឋកំពុងរងគ្រោះនិងគ្មាននរណារងចាំ ក្នុងភាពងងឹតនៃពាណិជ្ជកម្មបោកប្រាស់ដែលមាន “ក្សត្រជាព្រះវិញ្ញាណ” និង “ទុនប្រផេះ” ជាអ្នកនាំផ្លូវ។


    Surawich Verawan

    คลิก>> https://mgronline.com/daily/detail/9680000072299
    ฮุนเซนกับจักรวาลทุนสีเทา บทความโดย สุรวิชช์ วีรวรรณ และคำแปลเขมร ហ៊ុន សែន និងចក្រវិថីទុនពណ៌ប្រផេះ ក្នុងរយៈពេលប៉ុន្មានឆ្នាំចុងក្រោយនេះ ពិភពលោកបានផ្តោតទស្សនៈទៅលើប្រទេសកម្ពុជា មិនមែនថាជាប្រទេសដែលរួចផុតពីសង្គ្រាមស៊ីវិលទេ ប៉ុន្តែជាស្តាប់នៃអាជីវកម្មឧក្រិដ្ឋកម្មសាយបឺ និងបណ្តាញទុនប្រផេះដែលកំពុងលើកកំពស់អំណាចឲ្យក្រុមមនុស្សមួយចំនួននៅក្រោមរបាំងនៃ “សេដ្ឋកិច្ចពិសេស” និងកាស៊ីណូតាមព្រំដែន។ ប្រជាជនជាងម៉ឺននាក់ពីចិន ថៃ មីយ៉ាន់ម៉ា ឡាវ វៀតណាម និងហ្វ៊ីលីពីន ត្រូវបានបញ្ឆោតឲ្យធ្វើការនៅក្នុងមជ្ឈមណ្ឌលបោកប្រាស់តាមអនឡាញ និងត្រូវគេបង្ខំទុកឲ្យធ្វើការដូចជាឈ្លក់បម្រើក្នុងប្រព័ន្ធពាណិជ្ជកម្មទំនើបដែលមិនស្មើភាពនឹងសិទ្ធិមនុស្សទេ។ នៅកណ្តាលប្រព័ន្ធនេះគឺជាគ្រួសាររបស់អតីតនាយករដ្ឋមន្ត្រី ហ៊ុន សែន ដែលគ្រប់គ្រងប្រទេសកម្ពុជាមកជិត៤០ឆ្នាំ។ ទោះបីជានៅឆ្នាំ២០២៣ លោកបានបញ្ជូនអំណាចទៅឲ្យកូនប្រុសឈ្មោះ ហ៊ុន ម៉ាណែត ក៏ដោយ តែលោកនៅតែជាអ្នកគ្រប់គ្រងខាងក្រោយនៃរបប “ទុនកូនចៅ” និងការផ្តល់អំណាចដល់ក្រុមមនុស្សមួយតិចតួច។ សេដ្ឋកិច្ចកម្ពុជា ត្រូវបានប្រើជាឧបករណ៍សេដ្ឋកិច្ចប្រផេះ និងអំណាច “ឧកញ៉ា” បានក្លាយជានិមិត្តសញ្ញានៃសិទ្ធិពិសេស និងភាពលើសច្បាប់។ មជ្ឈមណ្ឌលដ៏សំខាន់មួយនៃទុនប្រផេះ គឺក្រុមហ៊ុន “Huione Group” ដែលមានមូលដ្ឋាននៅភ្នំពេញ។ ក្រុមហ៊ុននេះមានអាជីវកម្មសំខាន់ៗដូចជា Huione Pay, Huione Crypto និង Huione Guarantee ដែលត្រូវបានប្រើប្រាស់ដើម្បីលាងប្រាក់ និងផ្លាស់ប្តូរព័ត៌មានបោកប្រាស់ជាសកល។ អង្គការសហប្រជាជាតិ និងយោងតាមរបាយការណ៍សន្តិសុខសហរដ្ឋអាមេរិក បានបង្ហាញថា Huione Guarantee មានប្រតិបត្តិការពាណិជ្ជកម្មរហូតដល់ ២៤,០០០–២៧,០០០លានដុល្លារចាប់តាំងពីឆ្នាំ ២០២១ ហើយគឺជាមជ្ឈមណ្ឌលលាងប្រាក់ធំបំផុតលើពិភពលោក។ មនុស្សដែលពាក់ពន្ធ័ជាមួយក្រុមនេះគឺ “ហ៊ុន តូ” ប្អូនបង្កាត់នាយករដ្ឋមន្ត្រី ហ៊ុន ម៉ាណែត និងជាហៅថ្លៃរបស់ ហ៊ុន សែន។ ក្រៅពី ហ៊ុន តូ មានក្រុមទុនធំៗទៀតដែលជាប់ទាក់ទងជាមួយគ្រួសារហ៊ុន រួមមាន “លី យុងផាត់” (Ly Yong Phat) ដែលជាអ្នកលេងអាជីវកម្មជនជាតិភាគច្រើនកម្ពុជា-ថៃ។ គាត់ជាម្ចាស់ក្រុមហ៊ុន LYP Group និងសេដ្ឋកិច្ចពិសេសនៅខេត្ត Koh Kong និងបើកដំណើរការកាស៊ីណូជាច្រើន។ ក្នុងឆ្នាំ២០២៤ រដ្ឋាភិបាលអាមេរិកបានចេញវិធានការផ្ដន្ទាទោសលី យុងផាត់ក្រោមច្បាប់ Global Magnitsky Act ដោយសារ ជាប់ពាក់ពន្ធ័នឹងការបង្ខំឲ្យប្រើប្រាស់កម្លាំងពលកម្មក្នុងមជ្ឈមណ្ឌលស្កែម (scam center)។ លី យុងផាត់ មិនមែនត្រឹមជាអ្នកគាំទ្ររដ្ឋាភិបាលទេ ប៉ុន្តែគាត់មានការតភ្ជាប់គ្រួសារនឹង ហ៊ុន សែន តាមរយៈកូនស្រីរបស់គាត់ដែលរៀបការជាមួយហ៊ុន ជា (Hun Chea) ដែលជាកូនប្រុសរបស់ហ៊ុន សែន។ គាត់ក្លាយជាសមាជិកសំខាន់ម្នាក់នៃ “រាជវង្សអំណាច” ដែលទទួលបានសិទ្ធិពិសេសគ្រប់វិស័យ។ អ្នកមានឥទ្ធិពលទៀតគឺ “កុក អាន” (Kok An) ជាជនជាតិចិន ដែលជាសមាជិកព្រឹទ្ធសភា CPP និងម្ចាស់កាស៊ីណូ Crown Casino នៅទីក្រុង Poipet និង Sihanoukville។ គាត់ត្រូវបានចោទថាពាក់ពន្ធ័នឹងការជួញដូរមនុស្ស និងកម្លាំងពលកម្មខុសច្បាប់ ប៉ុន្តែម្ចាស់អំណាចមិនសូវចាត់ការណ៍ទេ។ Try Pheap គឺជាអ្នកធ្វើអាជីវកម្មធំម្នាក់ទៀតដែលបានទទួលសិទិ្ធប្រើប្រាស់ដីព្រៃធំៗ និងធនធានធម្មជាតិ។ គាត់ជាម្ចាស់ក្រុមហ៊ុន Try Pheap Group និងដឹកនាំសេដ្ឋកិច្ចពិសេស Thmor Da ដែលត្រូវបានយោងថាជាគេហដ្ឋានស្កែម។ គាត់ត្រូវបានអាមេរិកផ្ដន្ទាទោសនៅឆ្នាំ ២០១៩ ដោយសារ ទោសកាត់បន្ថយព្រៃឈើខុសច្បាប់ លាងប្រាក់ និងការគំរាមដល់សហគមន៍ជនជាតិដើម។ Chen Zhi ជាជនជាតិចិនទទួលសញ្ជាតិកម្ពុជា និងជាប្រធានក្រុមហ៊ុន Prince Group។ គាត់បានទទួលតំណែងឧកញ៉ា និងសិទ្ធិពិសេសក្នុងគម្រោងអភិវឌ្ឍន៍នៅតាមបណ្តាខេត្ត ជាពិសេស Sihanoukville ដែលត្រូវបានចោទថាជាគេហដ្ឋាននៃមជ្ឈមណ្ឌលស្កែមធំបំផុតក្នុងប្រទេស។ តំណែង “ឧកញ៉ា” ដែលអោយដល់មនុស្សទាំងនេះ គឺជាការពង្រឹងសិទ្ធិពិសេសលើច្បាប់។ ទោះបីជាតំណែងនេះជាសិទ្ធិផ្ដល់ដោយព្រះមហាក្សត្រដល់អ្នកឧបត្ថម្ភសាធារណៈ ក្នុងជាក់ស្ដែង វាបានក្លាយជារបប “ទិញអំណាច” ហើយជាសញ្ញានៃការបំប្លែងរដ្ឋឲ្យក្លាយជាគ្រឿងចក្រ សេដ្ឋកិច្ចប្រផេះ។ ក្រៅពីក្រុមដែលជាប់នឹងគ្រួសារ ហ៊ុន នៅមានឧកញ៉ាផ្សេងទៀតដែលពាក់ពន្ធ័នឹងការលួចលេចដូចជា: Choeung Sopheap និង Lau Meng Khin ម្ចាស់ក្រុមហ៊ុន Pheapimex ដែលត្រូវបានចោទថាបង្ខំរំលោភដីសហគមន៍ Leng Channa ដែលត្រូវដកឋានៈឧកញ៉ា ពីបទលួចលះលុយក្នុងគម្រោងអចលនទ្រព្យ Heng Sithy ដែលបង្ហាញអំពើអាសន្នក្នុងប្រព័ន្ធកាស៊ីណូ Srey Sina ដែលត្រូវទោសជាប់ជាប់ពន្ធនាគារៗជីវិតពីបទបាញ់សម្លាប់ពលរដ្ឋ នេះជាភស្តុតាងថា “ឧកញ៉ា” មិនមែនជាតំណែងសេដ្ឋកិច្ចសង្គមទេ ប៉ុន្តែជាឧបករណ៍អោយអំណាចប្រើច្បាប់ទៅរកផលប្រយោជន៍ផ្ទាល់ខ្លួន។ អង្គការ UNODC, Human Rights Watch, Humanity Research Consultancy និងសារព័ត៌មានអន្តរជាតិមួយចំនួនរួមទាំង The Times, Reuters, Asia Financial, Wired និង The Guardian បានរាយការណ៍ថា ប្រព័ន្ធស្កែមនេះពាក់ពន្ធ័ជាស្ថាពរជាមួយរដ្ឋកម្ពុជា និងត្រូវការការពារដោយច្បាប់។ វាមានការប្រើប្រាស់បច្ចេកវិទ្យាចុងក្រោយដូចជា AI និង Deepfake ដើម្បីបង្កើនភាពជឿជាក់ និងរបៀបលាងប្រាក់តាមតម្លៃឌីជីថលរួមមាន Huione Pay និង Huione Crypto។ ចំណាត់ការរដ្ឋបាលរបស់កម្ពុជា មិនសូវបង្ហាញភាពស្មោះត្រង់នៃការតវ៉ា ស្កែមទេ។ ជាធម្មតា រដ្ឋធ្វើការចាប់ឲ្យឃុំខ្លួនតែពលកម្មក្រោម ប៉ុន្តែឱ្យអ្នកដឹកនាំស្កែមគេចផុតពីការចោទប្រកាន់ ទោះមានភស្តុតាងពីជនរងគ្រោះក៏ដោយ។ អ្វីដែលគួរឱ្យបារម្ភខ្លាំងនោះគឺ ប្រព័ន្ធនយោបាយកំពុងរលាយចូលទៅក្នុងទុនប្រផេះ។ ការត្រួតពិនិត្យដោយអង្គការឯករាជ្យមិនអាចដំណើរការបានពេញលេញទេ ព្រោះក្រុមទុននេះគឺជាអ្នកជួយជ្រោមជ្រែង CPP និងគ្រួសារហ៊ុនតាមរយៈទុនគាំទ្រការអភិវឌ្ឍន៍ និងសេដ្ឋកិច្ចរដ្ឋ។ ក្រោមរូបរាងនៃសេដ្ឋកិច្ចបើកចំហនិងការអភិវឌ្ឍ ប្រទេសកម្ពុជាកំពុងដើរចូលទៅក្នុងរដ្ឋដែលក្លាយជាឧបករណ៍របស់ទុនឯកជនដែលគ្មានការទទួលខុសត្រូវ ខណៈពលរដ្ឋកំពុងរងគ្រោះនិងគ្មាននរណារងចាំ ក្នុងភាពងងឹតនៃពាណិជ្ជកម្មបោកប្រាស់ដែលមាន “ក្សត្រជាព្រះវិញ្ញាណ” និង “ទុនប្រផេះ” ជាអ្នកនាំផ្លូវ។ — Surawich Verawan คลิก>> https://mgronline.com/daily/detail/9680000072299
    MGRONLINE.COM
    ฮุนเซนกับจักรวาลทุนสีเทา
    ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาโลกเริ่มจับตา “กัมพูชา” ไม่ใช่ในฐานะประเทศที่พ้นจากสงครามกลางเมืองแต่ในฐานะ “ศูนย์กลางของอาชญากรรมไซเบอร์” และ “ธุรกิจสแกม”ระดับโลกซึ่งมีเครือข่ายทุนแฝงอยู่ภายใต้หน้ากากของนักธุรกิจสัมปทานเขตเศรษฐกิจพิเศษและ
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 126 มุมมอง 0 รีวิว
  • Dear Sir, We did expel the lizards that have never known human language. So, they don't understand where their places and of course, not our home. Then if you are human you might understand the relationship between humans different from instructions the lizards to remember where their places. https://youtu.be/5oOzGmsWHQo?si=04q52djypkaKo-bT
    Dear Sir, We did expel the lizards that have never known human language. So, they don't understand where their places and of course, not our home. Then if you are human you might understand the relationship between humans different from instructions the lizards to remember where their places. https://youtu.be/5oOzGmsWHQo?si=04q52djypkaKo-bT
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 87 มุมมอง 0 รีวิว
  • สาวไทยในเกาหลี ชี้แจงด้วยภาษาเกาหลี เขมรไม่หยุดยิง!
    (Thai woman in Korea explains in Korean — Cambodia hasn’t stopped firing!) [30/7/68]

    #สาวไทยในเกาหลี #คนไทยในต่างแดนพูดแล้ว #สื่อสารด้วยภาษาเกาหลี #เสียงจากเกาหลีถึงโลก #CambodiaStillAttacking #ThaiVoiceFromKorea #Scambodia #ข่าววันนี้ #ข่าวดัง
    #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire #CambodiaNoCeasefire #TruthFromThailand #Hunsenfiredfirst #thaitimes #news1 #shorts
    สาวไทยในเกาหลี ชี้แจงด้วยภาษาเกาหลี เขมรไม่หยุดยิง! (Thai woman in Korea explains in Korean — Cambodia hasn’t stopped firing!) [30/7/68] #สาวไทยในเกาหลี #คนไทยในต่างแดนพูดแล้ว #สื่อสารด้วยภาษาเกาหลี #เสียงจากเกาหลีถึงโลก #CambodiaStillAttacking #ThaiVoiceFromKorea #Scambodia #ข่าววันนี้ #ข่าวดัง #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire #CambodiaNoCeasefire #TruthFromThailand #Hunsenfiredfirst #thaitimes #news1 #shorts
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 136 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • หมอไทยแถลงเองไม่รอรัฐบาล สปีคอิงลิช แจงเขมรไม่หยุดยิง (Thai doctors speak out — not waiting for the government — to expose Cambodia’s continued attacks.) [30/7/68]

    #หมอไทยพูดเอง #ไม่รอรัฐบาลแล้ว #แถลงเป็นภาษาอังกฤษ #หมอไทยตอบสื่อโลก #CambodiaStillAttacking #ThaiDoctorsSpeakOut #เสียงจากแนวหลัง #Scambodia #ข่าววันนี้ #ข่าวดัง
    #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire #CambodiaNoCeasefire #TruthFromThailand #Hunsenfiredfirst #thaitimes #news1 #shorts
    หมอไทยแถลงเองไม่รอรัฐบาล สปีคอิงลิช แจงเขมรไม่หยุดยิง (Thai doctors speak out — not waiting for the government — to expose Cambodia’s continued attacks.) [30/7/68] #หมอไทยพูดเอง #ไม่รอรัฐบาลแล้ว #แถลงเป็นภาษาอังกฤษ #หมอไทยตอบสื่อโลก #CambodiaStillAttacking #ThaiDoctorsSpeakOut #เสียงจากแนวหลัง #Scambodia #ข่าววันนี้ #ข่าวดัง #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire #CambodiaNoCeasefire #TruthFromThailand #Hunsenfiredfirst #thaitimes #news1 #shorts
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 137 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • ผบ.ทอ. ยืนยัน โดรนนิรนามว่อน กองบินชายแดนและกรุงเทพฯ เพียบ!!!
    (Air Force Chief: Drones swarm border bases and Bangkok!) [30/7/68]

    #ผบทอยืนยัน #โดรนนิรนามว่อนฟ้า #กองบินชายแดน #โดรนโผล่ทั่วกรุงเทพ #ความมั่นคงทางอากาศ #AirForceAlert #ThaiAirSecurity #ข่าวความมั่นคง #ข่าววันนี้ #ข่าวด่วน
    #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire #CambodiaNoCeasefire #TruthFromThailand #Hunsenfiredfirst #thaitimes #news1 #shorts
    ผบ.ทอ. ยืนยัน โดรนนิรนามว่อน กองบินชายแดนและกรุงเทพฯ เพียบ!!! (Air Force Chief: Drones swarm border bases and Bangkok!) [30/7/68] #ผบทอยืนยัน #โดรนนิรนามว่อนฟ้า #กองบินชายแดน #โดรนโผล่ทั่วกรุงเทพ #ความมั่นคงทางอากาศ #AirForceAlert #ThaiAirSecurity #ข่าวความมั่นคง #ข่าววันนี้ #ข่าวด่วน #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire #CambodiaNoCeasefire #TruthFromThailand #Hunsenfiredfirst #thaitimes #news1 #shorts
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 129 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • นายจ้างไทยสงสารเขมร ถูกหลอกกลับไปรบ
    (Thai employers pity the Khmers — deceived into returning to war.) [30/7/68]

    #นายจ้างไทยสงสารเขมร #ถูกหลอกกลับไปรบ #แรงงานเขมรถูกใช้เป็นเหยื่อ #กลับจากไทยไปรบแนวหน้า #สงครามไม่ใช่ทางออก #ThaiEmployersSpeakOut #KhmerWorkersDeceived #ข่าวสังคมแรงงาน #ข่าววันนี้ #ข่าวดัง
    #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire #CambodiaNoCeasefire #TruthFromThailand #Hunsenfiredfirst #thaitimes #news1 #shorts
    นายจ้างไทยสงสารเขมร ถูกหลอกกลับไปรบ (Thai employers pity the Khmers — deceived into returning to war.) [30/7/68] #นายจ้างไทยสงสารเขมร #ถูกหลอกกลับไปรบ #แรงงานเขมรถูกใช้เป็นเหยื่อ #กลับจากไทยไปรบแนวหน้า #สงครามไม่ใช่ทางออก #ThaiEmployersSpeakOut #KhmerWorkersDeceived #ข่าวสังคมแรงงาน #ข่าววันนี้ #ข่าวดัง #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire #CambodiaNoCeasefire #TruthFromThailand #Hunsenfiredfirst #thaitimes #news1 #shorts
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 86 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • เปิดกองกำลังนักรบชุดดำ ผู้ยืนหยัดทุกสมรภูมิ [30/7/68]

    #กองกำลังนักรบชุดดำ #ฮีโร่แนวหน้า #ผู้ยืนหยัดทุกสมรภูมิ #นักรบไทยไม่ถอย #BlackOpsThailand #ThaiEliteForces #แนวหน้าชายแดน #ข่าวความมั่นคง #ข่าววันนี้ #ข่าวดัง
    #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire #CambodiaNoCeasefire #TruthFromThailand #thaitimes #news1 #shorts
    เปิดกองกำลังนักรบชุดดำ ผู้ยืนหยัดทุกสมรภูมิ [30/7/68] #กองกำลังนักรบชุดดำ #ฮีโร่แนวหน้า #ผู้ยืนหยัดทุกสมรภูมิ #นักรบไทยไม่ถอย #BlackOpsThailand #ThaiEliteForces #แนวหน้าชายแดน #ข่าวความมั่นคง #ข่าววันนี้ #ข่าวดัง #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire #CambodiaNoCeasefire #TruthFromThailand #thaitimes #news1 #shorts
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 82 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • https://youtu.be/5DCJDAKOYdQ?si=HSZ8254Uv4WcmIdr
    https://youtu.be/5DCJDAKOYdQ?si=HSZ8254Uv4WcmIdr
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 41 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากวงการชิป: เมื่อ “แฟลช” จะมาแทน “แรม” ในงาน AI

    ลองจินตนาการว่า GPU สำหรับงาน AI ไม่ต้องพึ่ง DRAM แบบ HBM ที่แพงและจำกัดความจุอีกต่อไป แต่ใช้แฟลชความเร็วสูงที่มีความจุระดับ SSD—นั่นคือเป้าหมายของ Sandisk กับเทคโนโลยี HBF (High Bandwidth Flash)

    Sandisk ได้ตั้งคณะกรรมการที่ปรึกษาด้านเทคนิค โดยดึงสองตำนานแห่งวงการคอมพิวเตอร์มาเป็นผู้นำ ได้แก่ Prof. David Patterson ผู้ร่วมพัฒนา RISC และ RAID และ Raja Koduri อดีตหัวหน้าฝ่ายกราฟิกของ AMD และ Intel เพื่อผลักดัน HBF ให้กลายเป็นมาตรฐานใหม่ของหน่วยความจำสำหรับ AI

    HBF ใช้ NAND Flash แบบ BiCS ร่วมกับเทคนิค CBA wafer bonding และการจัดเรียงชิปแบบ 16 ชั้นต่อแพ็กเกจ ทำให้สามารถให้แบนด์วิดธ์ระดับ HBM ได้ แต่มีความจุสูงถึง 4TB ต่อ GPU และต้นทุนต่ำกว่าอย่างมหาศาล

    Sandisk เปิดตัวเทคโนโลยี HBF (High Bandwidth Flash) เพื่อใช้แทน HBM ในงาน AI
    ใช้ NAND Flash แบบ BiCS ร่วมกับ CBA wafer bonding
    รองรับการจัดเรียงชิปแบบ 16 ชั้นต่อแพ็กเกจ

    HBF ให้แบนด์วิดธ์ระดับเดียวกับ HBM แต่มีความจุสูงกว่า 8 เท่าในต้นทุนใกล้เคียงกัน
    GPU ที่ใช้ HBF สามารถมี VRAM ได้ถึง 4TB
    หากใช้ร่วมกับ HBM จะได้รวมสูงสุดถึง 3TB

    Sandisk ตั้งคณะกรรมการที่ปรึกษาโดยมี David Patterson และ Raja Koduri เป็นผู้นำ
    Patterson คือผู้ร่วมพัฒนา RISC และ RAID
    Koduri เคยเป็นหัวหน้าฝ่ายกราฟิกของ AMD และ Intel

    HBF ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับงาน AI ทั้งในดาต้าเซ็นเตอร์และ edge computing
    Patterson ระบุว่า HBF จะช่วยลดต้นทุนของงาน AI ที่ปัจจุบันยังแพงเกินไป
    Koduri ระบุว่า HBF จะพลิกโฉม edge AI โดยให้แบนด์วิดธ์และความจุสูงในอุปกรณ์ขนาดเล็ก

    HBF ใช้ electrical interface เดียวกับ HBM และต้องปรับ protocol เพียงเล็กน้อย
    ทำให้สามารถนำไปใช้กับ GPU ได้ง่ายขึ้น
    ไม่จำเป็นต้องออกแบบระบบใหม่ทั้งหมด

    เปิดตัวครั้งแรกในงาน Future FWD 2025 พร้อมแผนพัฒนา HBF รุ่นต่อไป
    มี roadmap เพิ่มความจุและแบนด์วิดธ์ในอนาคต
    อาจมี trade-off ด้านการใช้พลังงาน

    HBF ยังไม่ใช่ตัวแทนโดยตรงของ HBM และมีข้อจำกัดด้าน latency
    NAND Flash มี latency สูงกว่า DRAM
    เหมาะกับงาน inference และ training มากกว่างานที่ต้องตอบสนองเร็ว

    การใช้งาน HBF ต้องอาศัยการสนับสนุนจากผู้ผลิต GPU โดยตรง
    ต้องใช้ interposer ที่เชื่อมต่อกับ GPU โดยเฉพาะ
    หาก NVIDIA ไม่รับรอง HBF อาจจำกัดการใช้งานในตลาด

    ยังไม่มีการประกาศวันเปิดตัวหรือผลิตภัณฑ์ที่ใช้ HBF อย่างเป็นทางการ
    อยู่ในขั้นตอนการพัฒนาและทดสอบ
    ต้องรอการยอมรับจากอุตสาหกรรมก่อนใช้งานจริง

    การแข่งขันกับผู้ผลิต HBM อย่าง Samsung และ SK Hynix ยังเข้มข้น
    HBM มี ecosystem ที่แข็งแกร่งและได้รับการสนับสนุนจาก NVIDIA
    Sandisk ต้องผลักดัน HBF ให้เป็นมาตรฐานเปิดเพื่อหลีกเลี่ยงการผูกขาด

    https://www.techradar.com/pro/sandisk-recruits-risc-cofounder-amd-graphics-legend-to-spearhead-cheaper-rival-to-hbm-high-bandwidth-flash-could-bring-ssd-capacities-to-ai-gpus-without-the-cost
    ⚡ เรื่องเล่าจากวงการชิป: เมื่อ “แฟลช” จะมาแทน “แรม” ในงาน AI ลองจินตนาการว่า GPU สำหรับงาน AI ไม่ต้องพึ่ง DRAM แบบ HBM ที่แพงและจำกัดความจุอีกต่อไป แต่ใช้แฟลชความเร็วสูงที่มีความจุระดับ SSD—นั่นคือเป้าหมายของ Sandisk กับเทคโนโลยี HBF (High Bandwidth Flash) Sandisk ได้ตั้งคณะกรรมการที่ปรึกษาด้านเทคนิค โดยดึงสองตำนานแห่งวงการคอมพิวเตอร์มาเป็นผู้นำ ได้แก่ Prof. David Patterson ผู้ร่วมพัฒนา RISC และ RAID และ Raja Koduri อดีตหัวหน้าฝ่ายกราฟิกของ AMD และ Intel เพื่อผลักดัน HBF ให้กลายเป็นมาตรฐานใหม่ของหน่วยความจำสำหรับ AI HBF ใช้ NAND Flash แบบ BiCS ร่วมกับเทคนิค CBA wafer bonding และการจัดเรียงชิปแบบ 16 ชั้นต่อแพ็กเกจ ทำให้สามารถให้แบนด์วิดธ์ระดับ HBM ได้ แต่มีความจุสูงถึง 4TB ต่อ GPU และต้นทุนต่ำกว่าอย่างมหาศาล ✅ Sandisk เปิดตัวเทคโนโลยี HBF (High Bandwidth Flash) เพื่อใช้แทน HBM ในงาน AI ➡️ ใช้ NAND Flash แบบ BiCS ร่วมกับ CBA wafer bonding ➡️ รองรับการจัดเรียงชิปแบบ 16 ชั้นต่อแพ็กเกจ ✅ HBF ให้แบนด์วิดธ์ระดับเดียวกับ HBM แต่มีความจุสูงกว่า 8 เท่าในต้นทุนใกล้เคียงกัน ➡️ GPU ที่ใช้ HBF สามารถมี VRAM ได้ถึง 4TB ➡️ หากใช้ร่วมกับ HBM จะได้รวมสูงสุดถึง 3TB ✅ Sandisk ตั้งคณะกรรมการที่ปรึกษาโดยมี David Patterson และ Raja Koduri เป็นผู้นำ ➡️ Patterson คือผู้ร่วมพัฒนา RISC และ RAID ➡️ Koduri เคยเป็นหัวหน้าฝ่ายกราฟิกของ AMD และ Intel ✅ HBF ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับงาน AI ทั้งในดาต้าเซ็นเตอร์และ edge computing ➡️ Patterson ระบุว่า HBF จะช่วยลดต้นทุนของงาน AI ที่ปัจจุบันยังแพงเกินไป ➡️ Koduri ระบุว่า HBF จะพลิกโฉม edge AI โดยให้แบนด์วิดธ์และความจุสูงในอุปกรณ์ขนาดเล็ก ✅ HBF ใช้ electrical interface เดียวกับ HBM และต้องปรับ protocol เพียงเล็กน้อย ➡️ ทำให้สามารถนำไปใช้กับ GPU ได้ง่ายขึ้น ➡️ ไม่จำเป็นต้องออกแบบระบบใหม่ทั้งหมด ✅ เปิดตัวครั้งแรกในงาน Future FWD 2025 พร้อมแผนพัฒนา HBF รุ่นต่อไป ➡️ มี roadmap เพิ่มความจุและแบนด์วิดธ์ในอนาคต ➡️ อาจมี trade-off ด้านการใช้พลังงาน ‼️ HBF ยังไม่ใช่ตัวแทนโดยตรงของ HBM และมีข้อจำกัดด้าน latency ⛔ NAND Flash มี latency สูงกว่า DRAM ⛔ เหมาะกับงาน inference และ training มากกว่างานที่ต้องตอบสนองเร็ว ‼️ การใช้งาน HBF ต้องอาศัยการสนับสนุนจากผู้ผลิต GPU โดยตรง ⛔ ต้องใช้ interposer ที่เชื่อมต่อกับ GPU โดยเฉพาะ ⛔ หาก NVIDIA ไม่รับรอง HBF อาจจำกัดการใช้งานในตลาด ‼️ ยังไม่มีการประกาศวันเปิดตัวหรือผลิตภัณฑ์ที่ใช้ HBF อย่างเป็นทางการ ⛔ อยู่ในขั้นตอนการพัฒนาและทดสอบ ⛔ ต้องรอการยอมรับจากอุตสาหกรรมก่อนใช้งานจริง ‼️ การแข่งขันกับผู้ผลิต HBM อย่าง Samsung และ SK Hynix ยังเข้มข้น ⛔ HBM มี ecosystem ที่แข็งแกร่งและได้รับการสนับสนุนจาก NVIDIA ⛔ Sandisk ต้องผลักดัน HBF ให้เป็นมาตรฐานเปิดเพื่อหลีกเลี่ยงการผูกขาด https://www.techradar.com/pro/sandisk-recruits-risc-cofounder-amd-graphics-legend-to-spearhead-cheaper-rival-to-hbm-high-bandwidth-flash-could-bring-ssd-capacities-to-ai-gpus-without-the-cost
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 127 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากแดนมังกร: เมื่อ “TrueGPU” จุดไฟความหวังให้จีนเป็นเจ้าตลาดกราฟิก

    ในเดือนกรกฎาคม 2025 บริษัท Lisuan Technology จากจีนได้เปิดตัวกราฟิกการ์ดรุ่นแรกของตนเอง—Lisuan 7G106 และ 7G105—ที่ใช้สถาปัตยกรรม “TrueGPU” ซึ่งออกแบบขึ้นใหม่ทั้งหมดโดยทีมงานอดีตวิศวกรจาก Silicon Valley

    GPU ทั้งสองรุ่นผลิตบนเทคโนโลยี 6nm ของ TSMC และมีเป้าหมายชัดเจน: แข่งกับ NVIDIA RTX 4060 ในตลาดกลาง โดย 7G106 เน้นเกม ส่วน 7G105 เน้นงาน AI และองค์กร

    ที่น่าทึ่งคือ แม้จะเป็นรุ่นแรก แต่สามารถรันเกมระดับ AAA อย่าง Black Myth: Wukong และ Shadow of the Tomb Raider ที่ 4K High ได้เกิน 70 FPS! และยังมีฟีเจอร์ล้ำๆ อย่างการเรนเดอร์แบบ out-of-order, การจัดการงานแบบ multitasking 48 งานพร้อมกัน และระบบอัปสเกลภาพ NRSS ที่ตั้งใจชนกับ DLSS และ FSR

    Lisuan เปิดตัว GPU รุ่นแรกของจีนที่ใช้สถาปัตยกรรม TrueGPU
    ผลิตบนเทคโนโลยี 6nm ของ TSMC
    ออกแบบ instruction set, compute core และ software stack เองทั้งหมด

    Lisuan 7G106 (เกมมิ่ง) และ 7G105 (มืออาชีพ/AI) มีสเปกใกล้เคียงกัน
    FP32 throughput สูงสุด 24 TFLOP/s
    ใช้ GDDR6 ขนาด 12 GB และ 24 GB (ECC) ตามลำดับ
    รองรับ DirectX 12, Vulkan 1.3, OpenGL 4.6, OpenCL 3.0

    รองรับการเข้ารหัส/ถอดรหัสวิดีโอระดับ 8K
    Decode AV1 และ HEVC ได้ถึง 8K60
    Encode HEVC ที่ 8K30 และ AV1 ที่ 4K30

    รองรับการใช้งานแบบ virtual GPU ได้ถึง 16 หน่วย
    เหมาะกับงาน cloud gaming, metaverse, robotics และ AI ขนาดใหญ่
    ใช้พลังงานประมาณ 225W ด้วยหัวต่อ PCIe 8-pin

    ผลทดสอบเบื้องต้นเทียบเคียง RTX 4060 ได้อย่างสูสี
    3DMark Fire Strike: 26,800 คะแนน
    Geekbench 6 OpenCL: 111,290 คะแนน (สูงกว่า RTX 4060 ประมาณ 10%)

    เกมดังรันได้ลื่นไหลในระดับ 4K High settings
    Black Myth: Wukong และ Wuchang: Fallen Feathers เกิน 70 FPS
    Shadow of the Tomb Raider เกิน 80 FPS

    เริ่มผลิตจริงกันยายน 2025 หลังจากทดลองในเดือนสิงหาคม
    ยังไม่ประกาศราคาหรือความเร็วสัญญาณนาฬิกา
    เน้นตลาดจีนเป็นหลักเพื่อลดการพึ่งพาต่างชาติ

    ยังไม่มีการทดสอบจากผู้ผลิตอิสระเพื่อยืนยันประสิทธิภาพจริง
    ผลทดสอบทั้งหมดมาจากบริษัท Lisuan เอง
    ต้องรอการรีวิวจากสื่อและผู้ใช้งานจริงเพื่อความน่าเชื่อถือ

    ยังไม่รองรับ ray tracing แม้จะใช้ DirectX 12
    ไม่มี DirectX 12 Ultimate
    อาจไม่เหมาะกับเกมที่เน้นกราฟิกแสงเงาขั้นสูง

    ยังไม่มี HDMI output บนการ์ดรุ่นนี้
    ใช้ DisplayPort 1.4 ทั้งหมด
    อาจไม่สะดวกสำหรับผู้ใช้ทั่วไปที่ต้องการต่อกับทีวีหรือจอ HDMI

    ยังไม่ประกาศราคาขายและรุ่นย่อย (SKU)
    อาจมีความเสี่ยงด้านความพร้อมของตลาด
    ต้องจับตาว่าจะสามารถแข่งขันด้านราคากับแบรนด์ระดับโลกได้หรือไม่

    https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/china-advances-toward-tech-independence-with-new-homegrown-6nm-gaming-and-ai-gpus-lisuan-7g106-runs-chinese-aaa-titles-at-4k-over-70-fps-and-matches-rtx-4060-in-synthetic-benchmarks
    🎮 เรื่องเล่าจากแดนมังกร: เมื่อ “TrueGPU” จุดไฟความหวังให้จีนเป็นเจ้าตลาดกราฟิก ในเดือนกรกฎาคม 2025 บริษัท Lisuan Technology จากจีนได้เปิดตัวกราฟิกการ์ดรุ่นแรกของตนเอง—Lisuan 7G106 และ 7G105—ที่ใช้สถาปัตยกรรม “TrueGPU” ซึ่งออกแบบขึ้นใหม่ทั้งหมดโดยทีมงานอดีตวิศวกรจาก Silicon Valley GPU ทั้งสองรุ่นผลิตบนเทคโนโลยี 6nm ของ TSMC และมีเป้าหมายชัดเจน: แข่งกับ NVIDIA RTX 4060 ในตลาดกลาง โดย 7G106 เน้นเกม ส่วน 7G105 เน้นงาน AI และองค์กร ที่น่าทึ่งคือ แม้จะเป็นรุ่นแรก แต่สามารถรันเกมระดับ AAA อย่าง Black Myth: Wukong และ Shadow of the Tomb Raider ที่ 4K High ได้เกิน 70 FPS! และยังมีฟีเจอร์ล้ำๆ อย่างการเรนเดอร์แบบ out-of-order, การจัดการงานแบบ multitasking 48 งานพร้อมกัน และระบบอัปสเกลภาพ NRSS ที่ตั้งใจชนกับ DLSS และ FSR ✅ Lisuan เปิดตัว GPU รุ่นแรกของจีนที่ใช้สถาปัตยกรรม TrueGPU ➡️ ผลิตบนเทคโนโลยี 6nm ของ TSMC ➡️ ออกแบบ instruction set, compute core และ software stack เองทั้งหมด ✅ Lisuan 7G106 (เกมมิ่ง) และ 7G105 (มืออาชีพ/AI) มีสเปกใกล้เคียงกัน ➡️ FP32 throughput สูงสุด 24 TFLOP/s ➡️ ใช้ GDDR6 ขนาด 12 GB และ 24 GB (ECC) ตามลำดับ ➡️ รองรับ DirectX 12, Vulkan 1.3, OpenGL 4.6, OpenCL 3.0 ✅ รองรับการเข้ารหัส/ถอดรหัสวิดีโอระดับ 8K ➡️ Decode AV1 และ HEVC ได้ถึง 8K60 ➡️ Encode HEVC ที่ 8K30 และ AV1 ที่ 4K30 ✅ รองรับการใช้งานแบบ virtual GPU ได้ถึง 16 หน่วย ➡️ เหมาะกับงาน cloud gaming, metaverse, robotics และ AI ขนาดใหญ่ ➡️ ใช้พลังงานประมาณ 225W ด้วยหัวต่อ PCIe 8-pin ✅ ผลทดสอบเบื้องต้นเทียบเคียง RTX 4060 ได้อย่างสูสี ➡️ 3DMark Fire Strike: 26,800 คะแนน ➡️ Geekbench 6 OpenCL: 111,290 คะแนน (สูงกว่า RTX 4060 ประมาณ 10%) ✅ เกมดังรันได้ลื่นไหลในระดับ 4K High settings ➡️ Black Myth: Wukong และ Wuchang: Fallen Feathers เกิน 70 FPS ➡️ Shadow of the Tomb Raider เกิน 80 FPS ✅ เริ่มผลิตจริงกันยายน 2025 หลังจากทดลองในเดือนสิงหาคม ➡️ ยังไม่ประกาศราคาหรือความเร็วสัญญาณนาฬิกา ➡️ เน้นตลาดจีนเป็นหลักเพื่อลดการพึ่งพาต่างชาติ ‼️ ยังไม่มีการทดสอบจากผู้ผลิตอิสระเพื่อยืนยันประสิทธิภาพจริง ⛔ ผลทดสอบทั้งหมดมาจากบริษัท Lisuan เอง ⛔ ต้องรอการรีวิวจากสื่อและผู้ใช้งานจริงเพื่อความน่าเชื่อถือ ‼️ ยังไม่รองรับ ray tracing แม้จะใช้ DirectX 12 ⛔ ไม่มี DirectX 12 Ultimate ⛔ อาจไม่เหมาะกับเกมที่เน้นกราฟิกแสงเงาขั้นสูง ‼️ ยังไม่มี HDMI output บนการ์ดรุ่นนี้ ⛔ ใช้ DisplayPort 1.4 ทั้งหมด ⛔ อาจไม่สะดวกสำหรับผู้ใช้ทั่วไปที่ต้องการต่อกับทีวีหรือจอ HDMI ‼️ ยังไม่ประกาศราคาขายและรุ่นย่อย (SKU) ⛔ อาจมีความเสี่ยงด้านความพร้อมของตลาด ⛔ ต้องจับตาว่าจะสามารถแข่งขันด้านราคากับแบรนด์ระดับโลกได้หรือไม่ https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/china-advances-toward-tech-independence-with-new-homegrown-6nm-gaming-and-ai-gpus-lisuan-7g106-runs-chinese-aaa-titles-at-4k-over-70-fps-and-matches-rtx-4060-in-synthetic-benchmarks
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 157 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากโลกไซเบอร์: เมื่อ “งานไอที” กลายเป็นช่องทางส่งเงินให้โครงการนิวเคลียร์เกาหลีเหนือ

    ลองจินตนาการว่าคุณเป็นบริษัทเทคโนโลยีในสหรัฐฯ ที่จ้างพนักงานไอทีทำงานจากระยะไกล โดยเชื่อว่าเขาเป็นพลเมืองอเมริกัน แต่จริงๆ แล้ว เขาคือเจ้าหน้าที่จากเกาหลีเหนือที่ใช้ตัวตนปลอม และเงินเดือนที่คุณจ่ายไปนั้นถูกส่งตรงไปยังรัฐบาลเปียงยางเพื่อใช้ในโครงการอาวุธนิวเคลียร์!

    นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นจริงในคดีของ Christina Marie Chapman หญิงวัย 50 ปีจากรัฐแอริโซนา ที่ถูกตัดสินจำคุก 8.5 ปีในเดือนกรกฎาคม 2025 จากการช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ไอทีของเกาหลีเหนือให้ได้งานในบริษัทสหรัฐฯ กว่า 309 แห่ง รวมถึงบริษัทระดับ Fortune 500 โดยใช้เทคนิคที่เรียกว่า “ฟาร์มแล็ปท็อป” เพื่อหลอกให้บริษัทเชื่อว่าพนักงานเหล่านั้นทำงานจากในประเทศ

    Christina Chapman ถูกตัดสินจำคุก 102 เดือน ฐานช่วยเหลือขบวนการหลอกลวงงานไอทีให้เกาหลีเหนือ
    รับโทษจำคุก 8.5 ปี พร้อมถูกควบคุมหลังพ้นโทษอีก 3 ปี
    ต้องยึดทรัพย์ $284,555.92 และจ่ายค่าปรับ $176,850

    ขบวนการนี้สร้างรายได้ให้เกาหลีเหนือกว่า $17.1 ล้าน
    ใช้ตัวตนปลอมของชาวอเมริกัน 68 คน
    ส่งข้อมูลเท็จไปยังหน่วยงานรัฐกว่า 100 ครั้ง

    Chapman ดำเนินการ “ฟาร์มแล็ปท็อป” ที่บ้านของเธอ
    รับเครื่องจากบริษัทสหรัฐฯ แล้วให้เจ้าหน้าที่เกาหลีเหนือเข้าระบบจากต่างประเทศ
    ส่งแล็ปท็อป 49 เครื่องไปยังเมืองชายแดนจีน-เกาหลีเหนือ

    บริษัทที่ถูกหลอกรวมถึงเครือข่ายโทรทัศน์รายใหญ่, บริษัทเทคโนโลยีใน Silicon Valley, ผู้ผลิตรถยนต์และอากาศยาน
    มีความพยายามเข้าถึงหน่วยงานรัฐบาลสหรัฐฯ 2 แห่ง แต่ถูกสกัดไว้ได้
    บางบริษัทถูกขบวนการนี้ “เลือกเป้าหมาย” โดยเฉพาะ

    รายได้จากงานไอทีถูกส่งกลับไปยังเกาหลีเหนือผ่านการฟอกเงิน
    Chapman รับเงินเดือนแทน, ปลอมลายเซ็น, ฝากเช็ค และโอนเงินไปต่างประเทศ
    รายได้ถูกแจ้งเท็จต่อ IRS และ Social Security

    FBI และ IRS เป็นผู้สืบสวนหลักในคดีนี้
    ยึดแล็ปท็อปกว่า 90 เครื่องจากบ้านของ Chapman
    ถือเป็นหนึ่งในคดีใหญ่ที่สุดที่เกี่ยวข้องกับการหลอกลวงงานไอทีของเกาหลีเหนือ

    รัฐบาลสหรัฐฯ ออกคำแนะนำใหม่สำหรับบริษัทในการตรวจสอบพนักงานระยะไกล
    ตรวจสอบเอกสารตัวตน, ประวัติการศึกษาและการทำงาน
    ใช้วิดีโอสัมภาษณ์แบบเปิดกล้องและตรวจสอบภาพพื้นหลัง

    บริษัทที่ไม่ตรวจสอบพนักงานระยะไกลอย่างเข้มงวดเสี่ยงต่อการถูกแทรกซึม
    อาจถูกขโมยข้อมูล, ติดมัลแวร์ หรือถูกใช้เป็นช่องทางฟอกเงิน
    การใช้บริษัทจัดหางานภายนอกเพิ่มความเสี่ยง

    การใช้ตัวตนปลอมสร้างภาระให้กับพลเมืองสหรัฐฯ ที่ถูกขโมยข้อมูล
    เกิดภาระภาษีเท็จและข้อมูลผิดพลาดในระบบราชการ
    สร้างความเสียหายทางจิตใจและการเงินแก่ผู้ถูกแอบอ้าง

    รายได้จากงานไอทีถูกนำไปใช้สนับสนุนโครงการอาวุธของเกาหลีเหนือ
    เป็นการละเมิดมาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ และสหประชาชาติ
    ส่งผลต่อความมั่นคงระดับโลก

    การใช้ AI และเทคโนโลยีใหม่เพิ่มความซับซ้อนในการปลอมตัว
    มีการใช้ AI เปลี่ยนภาพเอกสาร, ปรับเสียง และสร้างวิดีโอปลอม
    ทำให้การตรวจสอบตัวตนยากขึ้นสำหรับบริษัททั่วไป

    https://hackread.com/arizona-woman-jailed-help-north-korea-it-job-scam/
    🧑‍💻 เรื่องเล่าจากโลกไซเบอร์: เมื่อ “งานไอที” กลายเป็นช่องทางส่งเงินให้โครงการนิวเคลียร์เกาหลีเหนือ ลองจินตนาการว่าคุณเป็นบริษัทเทคโนโลยีในสหรัฐฯ ที่จ้างพนักงานไอทีทำงานจากระยะไกล โดยเชื่อว่าเขาเป็นพลเมืองอเมริกัน แต่จริงๆ แล้ว เขาคือเจ้าหน้าที่จากเกาหลีเหนือที่ใช้ตัวตนปลอม และเงินเดือนที่คุณจ่ายไปนั้นถูกส่งตรงไปยังรัฐบาลเปียงยางเพื่อใช้ในโครงการอาวุธนิวเคลียร์! นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นจริงในคดีของ Christina Marie Chapman หญิงวัย 50 ปีจากรัฐแอริโซนา ที่ถูกตัดสินจำคุก 8.5 ปีในเดือนกรกฎาคม 2025 จากการช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ไอทีของเกาหลีเหนือให้ได้งานในบริษัทสหรัฐฯ กว่า 309 แห่ง รวมถึงบริษัทระดับ Fortune 500 โดยใช้เทคนิคที่เรียกว่า “ฟาร์มแล็ปท็อป” เพื่อหลอกให้บริษัทเชื่อว่าพนักงานเหล่านั้นทำงานจากในประเทศ ✅ Christina Chapman ถูกตัดสินจำคุก 102 เดือน ฐานช่วยเหลือขบวนการหลอกลวงงานไอทีให้เกาหลีเหนือ ➡️ รับโทษจำคุก 8.5 ปี พร้อมถูกควบคุมหลังพ้นโทษอีก 3 ปี ➡️ ต้องยึดทรัพย์ $284,555.92 และจ่ายค่าปรับ $176,850 ✅ ขบวนการนี้สร้างรายได้ให้เกาหลีเหนือกว่า $17.1 ล้าน ➡️ ใช้ตัวตนปลอมของชาวอเมริกัน 68 คน ➡️ ส่งข้อมูลเท็จไปยังหน่วยงานรัฐกว่า 100 ครั้ง ✅ Chapman ดำเนินการ “ฟาร์มแล็ปท็อป” ที่บ้านของเธอ ➡️ รับเครื่องจากบริษัทสหรัฐฯ แล้วให้เจ้าหน้าที่เกาหลีเหนือเข้าระบบจากต่างประเทศ ➡️ ส่งแล็ปท็อป 49 เครื่องไปยังเมืองชายแดนจีน-เกาหลีเหนือ ✅ บริษัทที่ถูกหลอกรวมถึงเครือข่ายโทรทัศน์รายใหญ่, บริษัทเทคโนโลยีใน Silicon Valley, ผู้ผลิตรถยนต์และอากาศยาน ➡️ มีความพยายามเข้าถึงหน่วยงานรัฐบาลสหรัฐฯ 2 แห่ง แต่ถูกสกัดไว้ได้ ➡️ บางบริษัทถูกขบวนการนี้ “เลือกเป้าหมาย” โดยเฉพาะ ✅ รายได้จากงานไอทีถูกส่งกลับไปยังเกาหลีเหนือผ่านการฟอกเงิน ➡️ Chapman รับเงินเดือนแทน, ปลอมลายเซ็น, ฝากเช็ค และโอนเงินไปต่างประเทศ ➡️ รายได้ถูกแจ้งเท็จต่อ IRS และ Social Security ✅ FBI และ IRS เป็นผู้สืบสวนหลักในคดีนี้ ➡️ ยึดแล็ปท็อปกว่า 90 เครื่องจากบ้านของ Chapman ➡️ ถือเป็นหนึ่งในคดีใหญ่ที่สุดที่เกี่ยวข้องกับการหลอกลวงงานไอทีของเกาหลีเหนือ ✅ รัฐบาลสหรัฐฯ ออกคำแนะนำใหม่สำหรับบริษัทในการตรวจสอบพนักงานระยะไกล ➡️ ตรวจสอบเอกสารตัวตน, ประวัติการศึกษาและการทำงาน ➡️ ใช้วิดีโอสัมภาษณ์แบบเปิดกล้องและตรวจสอบภาพพื้นหลัง ‼️ บริษัทที่ไม่ตรวจสอบพนักงานระยะไกลอย่างเข้มงวดเสี่ยงต่อการถูกแทรกซึม ⛔ อาจถูกขโมยข้อมูล, ติดมัลแวร์ หรือถูกใช้เป็นช่องทางฟอกเงิน ⛔ การใช้บริษัทจัดหางานภายนอกเพิ่มความเสี่ยง ‼️ การใช้ตัวตนปลอมสร้างภาระให้กับพลเมืองสหรัฐฯ ที่ถูกขโมยข้อมูล ⛔ เกิดภาระภาษีเท็จและข้อมูลผิดพลาดในระบบราชการ ⛔ สร้างความเสียหายทางจิตใจและการเงินแก่ผู้ถูกแอบอ้าง ‼️ รายได้จากงานไอทีถูกนำไปใช้สนับสนุนโครงการอาวุธของเกาหลีเหนือ ⛔ เป็นการละเมิดมาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ และสหประชาชาติ ⛔ ส่งผลต่อความมั่นคงระดับโลก ‼️ การใช้ AI และเทคโนโลยีใหม่เพิ่มความซับซ้อนในการปลอมตัว ⛔ มีการใช้ AI เปลี่ยนภาพเอกสาร, ปรับเสียง และสร้างวิดีโอปลอม ⛔ ทำให้การตรวจสอบตัวตนยากขึ้นสำหรับบริษัททั่วไป https://hackread.com/arizona-woman-jailed-help-north-korea-it-job-scam/
    HACKREAD.COM
    Arizona Woman Jailed for Helping North Korea in $17M IT Job Scam
    Follow us on Bluesky, Twitter (X), Mastodon and Facebook at @Hackread
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 132 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากเบื้องหลัง AI: เมื่อ “Copilot” ถูกเจาะทะลุถึงราก

    ลองจินตนาการว่า AI ผู้ช่วยอัจฉริยะของคุณ—Microsoft Copilot—ที่ควรจะปลอดภัย กลับกลายเป็นช่องทางให้แฮกเกอร์เข้าถึงระบบเบื้องหลังได้ในระดับ root! เรื่องนี้เกิดขึ้นจริงในเดือนเมษายน 2025 เมื่อ Microsoft เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่: Python sandbox ที่รันผ่าน Jupyter Notebook เพื่อให้ผู้ใช้สามารถเขียนโค้ดและวิเคราะห์ข้อมูลได้สะดวกขึ้น

    แต่ฟีเจอร์นี้กลับเปิดช่องให้แฮกเกอร์จาก Eye Security ใช้เทคนิคง่ายๆ—แค่ปลอมไฟล์ชื่อ “pgrep” แล้ววางไว้ในโฟลเดอร์ที่ระบบค้นหาเป็นอันดับแรก—ก็สามารถหลอกให้ระบบรันโค้ดของตนในสิทธิ์ root ได้ทันที!

    แม้จะไม่มีข้อมูลสำคัญรั่วไหล แต่เหตุการณ์นี้สะท้อนถึงความเปราะบางของ AI sandbox ที่แม้จะออกแบบมาอย่างดี ก็ยังมีจุดอ่อนที่ถูกมองข้าม

    Copilot เปิดตัว Python sandbox ผ่าน Jupyter Notebook ในเดือนเมษายน 2025
    ใช้ Jupyter Notebook syntax (%command) เพื่อรันโค้ดใน backend
    รันใน container ที่ใช้ผู้ใช้ชื่อ “ubuntu” ซึ่งอยู่ในกลุ่ม sudo แต่ไม่มี binary ของ sudo

    ช่องโหว่เกิดจากการใช้คำสั่ง pgrep โดยไม่ระบุ path แบบเต็มใน script ที่รันเป็น root
    ระบบค้นหาไฟล์ pgrep จาก $PATH ซึ่งมีโฟลเดอร์ที่ผู้ใช้สามารถเขียนไฟล์ได้
    แฮกเกอร์สร้างไฟล์ pgrep ปลอมที่รันโค้ด Python เพื่ออ่านคำสั่งจากไฟล์และรันด้วย popen

    แฮกเกอร์สามารถเข้าถึง root ภายใน container ได้สำเร็จ
    ใช้ช่องโหว่ใน script entrypoint.sh ที่รัน keepAliveJupyterSvc.sh ด้วยสิทธิ์ root
    สามารถสำรวจไฟล์ระบบและรันคำสั่งได้ในระดับสูงสุด

    Microsoft ได้รับรายงานช่องโหว่ในเดือนเมษายน และออก patch แก้ไขในเดือนกรกฎาคม 2025
    ช่องโหว่ถูกจัดระดับ “moderate severity”
    ไม่มีการให้รางวัล bug bounty แต่มีการยอมรับในหน้า researcher acknowledgments

    ระบบ container ของ Copilot มีการป้องกันที่ดี ไม่พบการรั่วไหลของข้อมูลสำคัญ
    ไม่มีไฟล์สำคัญใน /root และไม่มีช่องทาง breakout จาก container
    ระบบใช้ OverlayFS และจำกัด network ด้วย /32 netmask

    AI sandbox แม้จะปลอดภัย ก็ยังมีช่องโหว่จากการตั้งค่าที่ผิดพลาด
    การไม่ระบุ path แบบเต็มใน script ที่รันด้วยสิทธิ์ root เป็นช่องทางให้แฮกเกอร์แทรกไฟล์ปลอม
    โฟลเดอร์ที่ผู้ใช้สามารถเขียนไฟล์ได้ไม่ควรถูกจัดไว้ใน $PATH ก่อนโฟลเดอร์ระบบ

    การให้สิทธิ์ root ในบางส่วนของ container เป็นความเสี่ยงที่ควรหลีกเลี่ยง
    แม้จะรันส่วนใหญ่ด้วยสิทธิ์ผู้ใช้ทั่วไป แต่บาง script ยังรันเป็น root โดยไม่จำเป็น
    การ drop privileges ควรทำตั้งแต่ต้นและไม่ย้อนกลับ

    การเปิดให้ผู้ใช้ upload ไฟล์โดยไม่มีการตรวจสอบอย่างเข้มงวดเป็นช่องทางโจมตี
    ไฟล์ที่ upload เข้ามาอาจถูกใช้เป็น payload สำหรับการโจมตี
    การตรวจสอบชื่อไฟล์และเนื้อหาควรทำก่อนการรันทุกครั้ง

    การไม่ให้รางวัล bug bounty อาจลดแรงจูงใจในการรายงานช่องโหว่จากนักวิจัยอิสระ
    ช่องโหว่ระดับ root access ควรได้รับการตอบแทนเพื่อส่งเสริมการเปิดเผยอย่างรับผิดชอบ
    การไม่ให้รางวัลอาจทำให้นักวิจัยหันไปสนใจแพลตฟอร์มอื่นที่ให้ผลตอบแทนดีกว่า

    https://research.eye.security/how-we-rooted-copilot/
    🧠 เรื่องเล่าจากเบื้องหลัง AI: เมื่อ “Copilot” ถูกเจาะทะลุถึงราก ลองจินตนาการว่า AI ผู้ช่วยอัจฉริยะของคุณ—Microsoft Copilot—ที่ควรจะปลอดภัย กลับกลายเป็นช่องทางให้แฮกเกอร์เข้าถึงระบบเบื้องหลังได้ในระดับ root! เรื่องนี้เกิดขึ้นจริงในเดือนเมษายน 2025 เมื่อ Microsoft เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่: Python sandbox ที่รันผ่าน Jupyter Notebook เพื่อให้ผู้ใช้สามารถเขียนโค้ดและวิเคราะห์ข้อมูลได้สะดวกขึ้น แต่ฟีเจอร์นี้กลับเปิดช่องให้แฮกเกอร์จาก Eye Security ใช้เทคนิคง่ายๆ—แค่ปลอมไฟล์ชื่อ “pgrep” แล้ววางไว้ในโฟลเดอร์ที่ระบบค้นหาเป็นอันดับแรก—ก็สามารถหลอกให้ระบบรันโค้ดของตนในสิทธิ์ root ได้ทันที! แม้จะไม่มีข้อมูลสำคัญรั่วไหล แต่เหตุการณ์นี้สะท้อนถึงความเปราะบางของ AI sandbox ที่แม้จะออกแบบมาอย่างดี ก็ยังมีจุดอ่อนที่ถูกมองข้าม ✅ Copilot เปิดตัว Python sandbox ผ่าน Jupyter Notebook ในเดือนเมษายน 2025 ➡️ ใช้ Jupyter Notebook syntax (%command) เพื่อรันโค้ดใน backend ➡️ รันใน container ที่ใช้ผู้ใช้ชื่อ “ubuntu” ซึ่งอยู่ในกลุ่ม sudo แต่ไม่มี binary ของ sudo ✅ ช่องโหว่เกิดจากการใช้คำสั่ง pgrep โดยไม่ระบุ path แบบเต็มใน script ที่รันเป็น root ➡️ ระบบค้นหาไฟล์ pgrep จาก $PATH ซึ่งมีโฟลเดอร์ที่ผู้ใช้สามารถเขียนไฟล์ได้ ➡️ แฮกเกอร์สร้างไฟล์ pgrep ปลอมที่รันโค้ด Python เพื่ออ่านคำสั่งจากไฟล์และรันด้วย popen ✅ แฮกเกอร์สามารถเข้าถึง root ภายใน container ได้สำเร็จ ➡️ ใช้ช่องโหว่ใน script entrypoint.sh ที่รัน keepAliveJupyterSvc.sh ด้วยสิทธิ์ root ➡️ สามารถสำรวจไฟล์ระบบและรันคำสั่งได้ในระดับสูงสุด ✅ Microsoft ได้รับรายงานช่องโหว่ในเดือนเมษายน และออก patch แก้ไขในเดือนกรกฎาคม 2025 ➡️ ช่องโหว่ถูกจัดระดับ “moderate severity” ➡️ ไม่มีการให้รางวัล bug bounty แต่มีการยอมรับในหน้า researcher acknowledgments ✅ ระบบ container ของ Copilot มีการป้องกันที่ดี ไม่พบการรั่วไหลของข้อมูลสำคัญ ➡️ ไม่มีไฟล์สำคัญใน /root และไม่มีช่องทาง breakout จาก container ➡️ ระบบใช้ OverlayFS และจำกัด network ด้วย /32 netmask ‼️ AI sandbox แม้จะปลอดภัย ก็ยังมีช่องโหว่จากการตั้งค่าที่ผิดพลาด ⛔ การไม่ระบุ path แบบเต็มใน script ที่รันด้วยสิทธิ์ root เป็นช่องทางให้แฮกเกอร์แทรกไฟล์ปลอม ⛔ โฟลเดอร์ที่ผู้ใช้สามารถเขียนไฟล์ได้ไม่ควรถูกจัดไว้ใน $PATH ก่อนโฟลเดอร์ระบบ ‼️ การให้สิทธิ์ root ในบางส่วนของ container เป็นความเสี่ยงที่ควรหลีกเลี่ยง ⛔ แม้จะรันส่วนใหญ่ด้วยสิทธิ์ผู้ใช้ทั่วไป แต่บาง script ยังรันเป็น root โดยไม่จำเป็น ⛔ การ drop privileges ควรทำตั้งแต่ต้นและไม่ย้อนกลับ ‼️ การเปิดให้ผู้ใช้ upload ไฟล์โดยไม่มีการตรวจสอบอย่างเข้มงวดเป็นช่องทางโจมตี ⛔ ไฟล์ที่ upload เข้ามาอาจถูกใช้เป็น payload สำหรับการโจมตี ⛔ การตรวจสอบชื่อไฟล์และเนื้อหาควรทำก่อนการรันทุกครั้ง ‼️ การไม่ให้รางวัล bug bounty อาจลดแรงจูงใจในการรายงานช่องโหว่จากนักวิจัยอิสระ ⛔ ช่องโหว่ระดับ root access ควรได้รับการตอบแทนเพื่อส่งเสริมการเปิดเผยอย่างรับผิดชอบ ⛔ การไม่ให้รางวัลอาจทำให้นักวิจัยหันไปสนใจแพลตฟอร์มอื่นที่ให้ผลตอบแทนดีกว่า https://research.eye.security/how-we-rooted-copilot/
    RESEARCH.EYE.SECURITY
    How we Rooted Copilot - Eye Research
    Read how we explored the Python sandbox in Copilot and got root on the underlying container
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 135 มุมมอง 0 รีวิว
  • https://youtube.com/watch?v=sMSKZn13mfE&si=b9HtjFIvM1RkOL9W
    https://youtube.com/watch?v=sMSKZn13mfE&si=b9HtjFIvM1RkOL9W
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 39 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts