• Raja Koduri อดีตผู้บริหารของ Intel ที่เคยรับผิดชอบกลุ่มกราฟิกของบริษัท ได้ออกมาพูดถึงปัญหาภายในของ Intel ที่ทำให้นวัตกรรมไม่สามารถก้าวหน้าได้ โดยเขายกตัวอย่างโปรเจ็กต์ Falcon Shores ว่าเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของปัญหานี้

    Koduri อธิบายว่า Intel มีเทคโนโลยีและทรัพย์สินทางปัญญาหลายอย่างที่สามารถเปลี่ยนแปลงตลาดได้อย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นในศูนย์ข้อมูล อุปกรณ์ปลายทาง หรืออุปกรณ์ส่วนบุคคล อย่างไรก็ตาม ปัญหาหลักคือผู้นำบริษัทที่ไม่สามารถทำให้ Intel ตัดสินใจอย่างมีประสิทธิภาพและเหมาะสมได้ ซึ่งเขากล่าวถึงการตัดสินใจทางการเมืองและกระบวนการที่ทำให้การพัฒนาช้าลง

    ในบทความที่เขาโพสต์ใน X, Koduri กล่าวถึงปัญหาที่เขาเรียกว่า "งูในสเปรดชีตและพาวเวอร์พอยต์" ที่หมายถึงการตัดสินใจที่เกิดขึ้นจากกระบวนการบริหารที่ซับซ้อนและไม่เข้าใจถึงความสำคัญของประสิทธิภาพการทำงาน ซึ่งทำให้ความพยายามในการทดลองนวัตกรรมใหม่ ๆ ต้องหยุดชะงัก

    Koduri ยังกล่าวถึงอดีต CEO Andy Grove ว่าเป็นคนเดียวที่เข้าใจถึงรายละเอียดของทุกชั้นในองค์กรของ Intel และเขาเชื่อว่า Intel ยังคงมีศักยภาพในการแข่งขันกับ NVIDIA ในระยะยาว แต่จำเป็นต้องมีการเปลี่ยนแปลงที่มากกว่าความคาดหวังเท่านั้น

    ตัวอย่างที่ Koduri ยกขึ้นมาคือโปรเจ็กต์ Rialto Bridge และ Falcon Shores ซึ่งเป็นกราฟิกการ์ดที่มุ่งเน้นการประมวลผลประสิทธิภาพสูงและ AI หาก Intel เปิดตัว Rialto Bridge ในปี 2024 น่าจะทำให้พวกเขาสามารถแข่งขันกับ NVIDIA Hopper H100 ได้อย่างสบาย แต่พวกเขากลับไม่สามารถจับโอกาสนั้นได้ ทำให้รายได้ในส่วนของ AI ต่ำที่สุดในบรรดาคู่แข่ง

    Koduri ได้เสนอแนะวิธีการที่เขาเชื่อว่าจะสามารถขับเคลื่อน Intel ไปข้างหน้าได้และหวังว่าจะสามารถเปลี่ยนแปลงองค์กรได้ในอนาคตประกอบด้วย

    1) การลดกระบวนการตัดสินใจที่ซับซ้อน: Koduri กล่าวว่ากระบวนการบริหารที่เต็มไปด้วยข้อจำกัดและความซับซ้อนเป็นปัญหาหลักที่ทำให้ Intel ไม่สามารถก้าวหน้าได้ เขาแนะนำว่า Intel ควรปรับลดขั้นตอนการตัดสินใจให้น้อยลงและให้ความสำคัญกับผลลัพธ์จริงจังมากขึ้น

    2) การปรับปรุงการวิจัยและพัฒนา: Intel ควรมุ่งเน้นการวิจัยและพัฒนาในเทคโนโลยีใหม่ ๆ และเน้นการทดลองนวัตกรรมใหม่ ๆ โดยไม่กลัวความล้มเหลว Koduri เชื่อว่าการทดลองและนวัตกรรมเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้บริษัทก้าวหน้าได้

    3) การนำโครงการที่ถูกยกเลิกกลับมาใช้ใหม่: Koduri กล่าวว่าโครงการบางโครงการที่ถูกยกเลิก เช่น Rialto Bridge และ Falcon Shores นั้นมีศักยภาพในการแข่งขันกับคู่แข่ง แต่กลับไม่สามารถเปิดตัวได้เนื่องจากการตัดสินใจที่ผิดพลาด เขาแนะนำให้พิจารณาการนำโครงการเหล่านี้กลับมาใช้ใหม่

    4) การเสริมสร้างทีมงานที่มีความสามารถ: Koduri เน้นถึงความสำคัญของการมีทีมงานที่มีความสามารถและมีความรับผิดชอบในทุกชั้นขององค์กร เขาเชื่อว่าการให้ทีมงานมีอิสระในการทำงานและการสนับสนุนที่เพียงพอจะทำให้บริษัทสามารถก้าวข้ามความท้าทายได้

    5) การลดความกลัวในการทดลอง: Koduri กล่าวว่าควรสร้างสภาพแวดล้อมที่สนับสนุนการทดลองและการสร้างนวัตกรรมใหม่ ๆ โดยไม่ต้องกลัวความล้มเหลว การพัฒนานวัตกรรมต้องการความกล้าในการทดลองและการเรียนรู้จากความผิดพลาด

    https://wccftech.com/intel-ex-exec-raja-koduri-says-you-dont-learn-without-shipping/
    Raja Koduri อดีตผู้บริหารของ Intel ที่เคยรับผิดชอบกลุ่มกราฟิกของบริษัท ได้ออกมาพูดถึงปัญหาภายในของ Intel ที่ทำให้นวัตกรรมไม่สามารถก้าวหน้าได้ โดยเขายกตัวอย่างโปรเจ็กต์ Falcon Shores ว่าเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของปัญหานี้ Koduri อธิบายว่า Intel มีเทคโนโลยีและทรัพย์สินทางปัญญาหลายอย่างที่สามารถเปลี่ยนแปลงตลาดได้อย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นในศูนย์ข้อมูล อุปกรณ์ปลายทาง หรืออุปกรณ์ส่วนบุคคล อย่างไรก็ตาม ปัญหาหลักคือผู้นำบริษัทที่ไม่สามารถทำให้ Intel ตัดสินใจอย่างมีประสิทธิภาพและเหมาะสมได้ ซึ่งเขากล่าวถึงการตัดสินใจทางการเมืองและกระบวนการที่ทำให้การพัฒนาช้าลง ในบทความที่เขาโพสต์ใน X, Koduri กล่าวถึงปัญหาที่เขาเรียกว่า "งูในสเปรดชีตและพาวเวอร์พอยต์" ที่หมายถึงการตัดสินใจที่เกิดขึ้นจากกระบวนการบริหารที่ซับซ้อนและไม่เข้าใจถึงความสำคัญของประสิทธิภาพการทำงาน ซึ่งทำให้ความพยายามในการทดลองนวัตกรรมใหม่ ๆ ต้องหยุดชะงัก Koduri ยังกล่าวถึงอดีต CEO Andy Grove ว่าเป็นคนเดียวที่เข้าใจถึงรายละเอียดของทุกชั้นในองค์กรของ Intel และเขาเชื่อว่า Intel ยังคงมีศักยภาพในการแข่งขันกับ NVIDIA ในระยะยาว แต่จำเป็นต้องมีการเปลี่ยนแปลงที่มากกว่าความคาดหวังเท่านั้น ตัวอย่างที่ Koduri ยกขึ้นมาคือโปรเจ็กต์ Rialto Bridge และ Falcon Shores ซึ่งเป็นกราฟิกการ์ดที่มุ่งเน้นการประมวลผลประสิทธิภาพสูงและ AI หาก Intel เปิดตัว Rialto Bridge ในปี 2024 น่าจะทำให้พวกเขาสามารถแข่งขันกับ NVIDIA Hopper H100 ได้อย่างสบาย แต่พวกเขากลับไม่สามารถจับโอกาสนั้นได้ ทำให้รายได้ในส่วนของ AI ต่ำที่สุดในบรรดาคู่แข่ง Koduri ได้เสนอแนะวิธีการที่เขาเชื่อว่าจะสามารถขับเคลื่อน Intel ไปข้างหน้าได้และหวังว่าจะสามารถเปลี่ยนแปลงองค์กรได้ในอนาคตประกอบด้วย 1) การลดกระบวนการตัดสินใจที่ซับซ้อน: Koduri กล่าวว่ากระบวนการบริหารที่เต็มไปด้วยข้อจำกัดและความซับซ้อนเป็นปัญหาหลักที่ทำให้ Intel ไม่สามารถก้าวหน้าได้ เขาแนะนำว่า Intel ควรปรับลดขั้นตอนการตัดสินใจให้น้อยลงและให้ความสำคัญกับผลลัพธ์จริงจังมากขึ้น 2) การปรับปรุงการวิจัยและพัฒนา: Intel ควรมุ่งเน้นการวิจัยและพัฒนาในเทคโนโลยีใหม่ ๆ และเน้นการทดลองนวัตกรรมใหม่ ๆ โดยไม่กลัวความล้มเหลว Koduri เชื่อว่าการทดลองและนวัตกรรมเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้บริษัทก้าวหน้าได้ 3) การนำโครงการที่ถูกยกเลิกกลับมาใช้ใหม่: Koduri กล่าวว่าโครงการบางโครงการที่ถูกยกเลิก เช่น Rialto Bridge และ Falcon Shores นั้นมีศักยภาพในการแข่งขันกับคู่แข่ง แต่กลับไม่สามารถเปิดตัวได้เนื่องจากการตัดสินใจที่ผิดพลาด เขาแนะนำให้พิจารณาการนำโครงการเหล่านี้กลับมาใช้ใหม่ 4) การเสริมสร้างทีมงานที่มีความสามารถ: Koduri เน้นถึงความสำคัญของการมีทีมงานที่มีความสามารถและมีความรับผิดชอบในทุกชั้นขององค์กร เขาเชื่อว่าการให้ทีมงานมีอิสระในการทำงานและการสนับสนุนที่เพียงพอจะทำให้บริษัทสามารถก้าวข้ามความท้าทายได้ 5) การลดความกลัวในการทดลอง: Koduri กล่าวว่าควรสร้างสภาพแวดล้อมที่สนับสนุนการทดลองและการสร้างนวัตกรรมใหม่ ๆ โดยไม่ต้องกลัวความล้มเหลว การพัฒนานวัตกรรมต้องการความกล้าในการทดลองและการเรียนรู้จากความผิดพลาด https://wccftech.com/intel-ex-exec-raja-koduri-says-you-dont-learn-without-shipping/
    WCCFTECH.COM
    Intel's Ex-Exec Raja Koduri Says "You Don't Learn Without Shipping"; Gives A Rundown Into What's Wrong With Team Blue & How Intel Is Held Back By Bureaucratic Snakes
    Intel's former executive Raja Koduri has revealed that Team Blue's internal structure "stifles innovation", citing Falcon Shores as example.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 197 มุมมอง 0 รีวิว
  • มีรายงานล่าสุดจาก TechRadar ที่เปิดเผยว่าองค์กรส่วนใหญ่ (ถึง 90%) ยังคงใช้สเปรดชีตในการจัดการข้อมูลธุรกิจที่สำคัญ ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ค่อนข้างล้าสมัยและทำให้การดำเนินงานช้าลงอย่างมาก

    AutoRek บริษัทที่ทำการศึกษานี้พบว่า แม้จะมีการวางแผนที่จะใช้ระบบอัตโนมัติในอนาคตถึง 82% ขององค์กร แต่ยังมีความท้าทายที่ทำให้องค์กรไม่สามารถเปลี่ยนไปใช้เครื่องมือที่ดีกว่าได้ในเร็วๆ นี้ เช่น การพึ่งพาระบบเก่าและกระบวนการทำงานแบบแมนนวล

    Nick Botha ผู้นำด้านการชำระเงินของ AutoRek กล่าวว่า "ระบบเก่าและกระบวนการทำงานแบบแมนนวลเป็นภัยคุกคามโดยตรงต่อประสิทธิภาพในการดำเนินงาน ซึ่งส่งผลให้เกิดความเสี่ยงด้านกฎระเบียบและค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้น" นอกจากนี้เขายังกล่าวว่า AI และระบบอัตโนมัติสามารถช่วยให้องค์กรขนาดเล็กและกลางนำแนวทางที่ทันสมัยมาปรับใช้ได้

    ในปัจจุบัน 81% ขององค์กรรับข้อมูลการชำระเงินแบบเรียลไทม์หรือหนึ่งครั้งต่อวัน และ 83% ขององค์กรประมวลผลและรายงานข้อมูลนี้ในความถี่เดียวกัน แต่การใช้สเปรดชีตและระบบเก่าทำให้เกิดความไม่แน่นอนและเสี่ยงในการปฏิบัติตามกฎระเบียบ

    การวิจัยนี้ชี้ให้เห็นว่า การปรับปรุงการจัดการข้อมูลการชำระเงินให้ทันสมัยควรเป็นจุดเริ่มต้นของการเพิ่มประสิทธิภาพและความถูกต้องในการดำเนินงานของธุรกิจ

    https://www.techradar.com/pro/almost-all-firms-are-still-reliant-on-spreadsheets-is-it-time-for-change
    มีรายงานล่าสุดจาก TechRadar ที่เปิดเผยว่าองค์กรส่วนใหญ่ (ถึง 90%) ยังคงใช้สเปรดชีตในการจัดการข้อมูลธุรกิจที่สำคัญ ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ค่อนข้างล้าสมัยและทำให้การดำเนินงานช้าลงอย่างมาก AutoRek บริษัทที่ทำการศึกษานี้พบว่า แม้จะมีการวางแผนที่จะใช้ระบบอัตโนมัติในอนาคตถึง 82% ขององค์กร แต่ยังมีความท้าทายที่ทำให้องค์กรไม่สามารถเปลี่ยนไปใช้เครื่องมือที่ดีกว่าได้ในเร็วๆ นี้ เช่น การพึ่งพาระบบเก่าและกระบวนการทำงานแบบแมนนวล Nick Botha ผู้นำด้านการชำระเงินของ AutoRek กล่าวว่า "ระบบเก่าและกระบวนการทำงานแบบแมนนวลเป็นภัยคุกคามโดยตรงต่อประสิทธิภาพในการดำเนินงาน ซึ่งส่งผลให้เกิดความเสี่ยงด้านกฎระเบียบและค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้น" นอกจากนี้เขายังกล่าวว่า AI และระบบอัตโนมัติสามารถช่วยให้องค์กรขนาดเล็กและกลางนำแนวทางที่ทันสมัยมาปรับใช้ได้ ในปัจจุบัน 81% ขององค์กรรับข้อมูลการชำระเงินแบบเรียลไทม์หรือหนึ่งครั้งต่อวัน และ 83% ขององค์กรประมวลผลและรายงานข้อมูลนี้ในความถี่เดียวกัน แต่การใช้สเปรดชีตและระบบเก่าทำให้เกิดความไม่แน่นอนและเสี่ยงในการปฏิบัติตามกฎระเบียบ การวิจัยนี้ชี้ให้เห็นว่า การปรับปรุงการจัดการข้อมูลการชำระเงินให้ทันสมัยควรเป็นจุดเริ่มต้นของการเพิ่มประสิทธิภาพและความถูกต้องในการดำเนินงานของธุรกิจ https://www.techradar.com/pro/almost-all-firms-are-still-reliant-on-spreadsheets-is-it-time-for-change
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 74 มุมมอง 0 รีวิว
  • มีการอัปเกรดครั้งใหญ่ของ Google Sheets ที่เพิ่มความสามารถด้าน AI เพื่อช่วยในการวิเคราะห์และแสดงผลข้อมูล การอัปเกรดนี้เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามของ Google ในการปรับปรุง Workspace โดยการรวมฟีเจอร์ AI เข้ากับแอปพลิเคชันอื่น ๆ เช่น Gmail, Docs, Chat, และ Meet

    การอัปเกรดนี้ทำให้ Gemini ซึ่งเป็น AI ของ Google สามารถให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับแนวโน้ม รูปแบบ และความสัมพันธ์ภายในข้อมูลในสเปรดชีตได้ ตัวอย่างเช่น ผู้จัดการฝ่ายการตลาดสามารถขอให้ Gemini วิเคราะห์ช่องทางที่มีอัตราการแปลงสูงสุดสามอันดับแรกและได้รับการแสดงผลพร้อมภาพประกอบ นอกจากนี้ นักวิเคราะห์การเงินยังสามารถขอให้ AI ระบุความผิดปกติในระดับสินค้าคงคลังของผลิตภัณฑ์เฉพาะ ซึ่งอาจเปิดเผยปัญหาในห่วงโซ่อุปทานหรือรูปแบบความต้องการที่ไม่ปกติ

    หนึ่งในฟีเจอร์ที่น่าสนใจที่สุดคือความสามารถของ Gemini ในการสร้างกราฟจากข้อมูลในสเปรดชีต ผู้ใช้สามารถสั่งให้ AI สร้างภาพแสดงผล เช่น กราฟของรายได้ที่เกิดขึ้นประจำรายเดือน ซึ่งสามารถแทรกเป็นภาพนิ่งได้ อีกฟีเจอร์ที่น่าสนใจคือการแปลงคำขอของผู้ใช้เป็นโค้ด Python และวิเคราะห์ผลลัพธ์ ทำให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงการวิเคราะห์ข้อมูลที่ซับซ้อนได้โดยไม่ต้องเขียนโค้ดด้วยตนเอง

    อย่างไรก็ตาม การอัปเดตนี้ยังมีข้อจำกัดอยู่บ้าง เช่น กราฟที่สร้างโดย AI เป็นภาพนิ่งที่ไม่อัปเดตอัตโนมัติเมื่อข้อมูลพื้นฐานเปลี่ยนแปลง ผู้ใช้ต้องสร้างกราฟใหม่ทุกครั้งที่แก้ไขข้อมูล Google แนะนำว่าข้อมูลควรมีโครงสร้างที่ชัดเจน มีหัวข้อที่ชัดเจน และไม่มีค่าที่ขาดหายไป เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด การทำงานของ Gemini จะมีความเสถียรที่สุดในไฟล์ที่มีเซลล์ไม่เกินหนึ่งล้านเซลล์สำหรับการวิเคราะห์ที่ซับซ้อน

    การอัปเดตนี้เริ่มต้นเมื่อวันที่ 29 มกราคม และคาดว่าจะเสร็จสิ้นภายในวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2025. ผู้ใช้ Google Workspace Business ที่มี Gemini Education add-ons และผู้สมัครสมาชิก Google One AI Premium จะเป็นกลุ่มแรกที่ได้รับการอัปเดตนี้ โดยจะมีการรวมเข้ากับผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ของ Google ในภายหลัง ผู้ใช้สามารถเข้าถึง Gemini ใน Sheets ได้โดยคลิกที่ปุ่ม "Ask Gemini" ที่มุมขวาบนของแอปพลิเคชัน

    https://www.techspot.com/news/106603-google-sheets-now-offers-ai-powered-charts-data.html
    มีการอัปเกรดครั้งใหญ่ของ Google Sheets ที่เพิ่มความสามารถด้าน AI เพื่อช่วยในการวิเคราะห์และแสดงผลข้อมูล การอัปเกรดนี้เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามของ Google ในการปรับปรุง Workspace โดยการรวมฟีเจอร์ AI เข้ากับแอปพลิเคชันอื่น ๆ เช่น Gmail, Docs, Chat, และ Meet การอัปเกรดนี้ทำให้ Gemini ซึ่งเป็น AI ของ Google สามารถให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับแนวโน้ม รูปแบบ และความสัมพันธ์ภายในข้อมูลในสเปรดชีตได้ ตัวอย่างเช่น ผู้จัดการฝ่ายการตลาดสามารถขอให้ Gemini วิเคราะห์ช่องทางที่มีอัตราการแปลงสูงสุดสามอันดับแรกและได้รับการแสดงผลพร้อมภาพประกอบ นอกจากนี้ นักวิเคราะห์การเงินยังสามารถขอให้ AI ระบุความผิดปกติในระดับสินค้าคงคลังของผลิตภัณฑ์เฉพาะ ซึ่งอาจเปิดเผยปัญหาในห่วงโซ่อุปทานหรือรูปแบบความต้องการที่ไม่ปกติ หนึ่งในฟีเจอร์ที่น่าสนใจที่สุดคือความสามารถของ Gemini ในการสร้างกราฟจากข้อมูลในสเปรดชีต ผู้ใช้สามารถสั่งให้ AI สร้างภาพแสดงผล เช่น กราฟของรายได้ที่เกิดขึ้นประจำรายเดือน ซึ่งสามารถแทรกเป็นภาพนิ่งได้ อีกฟีเจอร์ที่น่าสนใจคือการแปลงคำขอของผู้ใช้เป็นโค้ด Python และวิเคราะห์ผลลัพธ์ ทำให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงการวิเคราะห์ข้อมูลที่ซับซ้อนได้โดยไม่ต้องเขียนโค้ดด้วยตนเอง อย่างไรก็ตาม การอัปเดตนี้ยังมีข้อจำกัดอยู่บ้าง เช่น กราฟที่สร้างโดย AI เป็นภาพนิ่งที่ไม่อัปเดตอัตโนมัติเมื่อข้อมูลพื้นฐานเปลี่ยนแปลง ผู้ใช้ต้องสร้างกราฟใหม่ทุกครั้งที่แก้ไขข้อมูล Google แนะนำว่าข้อมูลควรมีโครงสร้างที่ชัดเจน มีหัวข้อที่ชัดเจน และไม่มีค่าที่ขาดหายไป เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด การทำงานของ Gemini จะมีความเสถียรที่สุดในไฟล์ที่มีเซลล์ไม่เกินหนึ่งล้านเซลล์สำหรับการวิเคราะห์ที่ซับซ้อน การอัปเดตนี้เริ่มต้นเมื่อวันที่ 29 มกราคม และคาดว่าจะเสร็จสิ้นภายในวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2025. ผู้ใช้ Google Workspace Business ที่มี Gemini Education add-ons และผู้สมัครสมาชิก Google One AI Premium จะเป็นกลุ่มแรกที่ได้รับการอัปเดตนี้ โดยจะมีการรวมเข้ากับผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ของ Google ในภายหลัง ผู้ใช้สามารถเข้าถึง Gemini ใน Sheets ได้โดยคลิกที่ปุ่ม "Ask Gemini" ที่มุมขวาบนของแอปพลิเคชัน https://www.techspot.com/news/106603-google-sheets-now-offers-ai-powered-charts-data.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Google Sheets now offers AI-powered charts and data analysis
    The updated Gemini can now provide in-depth insights into trends, patterns, and correlations within spreadsheet data. For instance, a marketing manager can ask Gemini to analyze the...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 246 มุมมอง 0 รีวิว
  • Microsoft กำลังทดสอบฟีเจอร์การค้นหาไฟล์ด้วย AI ใน Windows 11 ที่จะทำให้การค้นหาไฟล์เป็นเรื่องง่ายขึ้น โดยไม่ต้องจำชื่อไฟล์ที่แน่นอน ฟีเจอร์ใหม่นี้ใช้การจัดทำดัชนีเชิงความหมาย (semantic indexing) เพื่อค้นหาไฟล์ด้วยภาษาที่เป็นธรรมชาติ เช่น "ไฟล์พรีเซนเทชันที่ฉันทำเมื่อสัปดาห์ที่แล้วอยู่ที่ไหน" และ AI จะช่วยค้นหาให้

    ฟีเจอร์นี้ทำงานได้ในหลายส่วนของ Windows 11 เช่น การตั้งค่า, File Explorer, และแถบงาน โดยรองรับไฟล์รูปภาพ, เอกสาร, และสเปรดชีต. นอกจากนี้ ฟีเจอร์นี้ยังไม่ต้องการการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต เนื่องจากใช้โมเดล AI ที่ติดตั้งในเครื่อง

    สำหรับผู้ที่รู้สึกว่าชีวิตดิจิทัลของตนกระจัดกระจาย ฟีเจอร์นี้จะเป็นประโยชน์อย่างมาก แม้ว่าจะยังไม่สามารถค้นหาไฟล์ที่เก็บใน OneDrive ได้ในขณะนี้ แต่ Microsoft กำลังพัฒนาความสามารถนี้อยู่

    นอกจากนี้ Microsoft ยังทดสอบฟีเจอร์ "Click to Do" ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถทำงานด้วย AI ได้ง่ายขึ้น เช่น การเขียนใหม่และการแก้ไขไวยากรณ์ โดยใช้คีย์ลัดและเมาส์

    https://www.techradar.com/computing/artificial-intelligence/microsoft-wants-ai-to-make-searching-for-files-a-more-casual-experience
    Microsoft กำลังทดสอบฟีเจอร์การค้นหาไฟล์ด้วย AI ใน Windows 11 ที่จะทำให้การค้นหาไฟล์เป็นเรื่องง่ายขึ้น โดยไม่ต้องจำชื่อไฟล์ที่แน่นอน ฟีเจอร์ใหม่นี้ใช้การจัดทำดัชนีเชิงความหมาย (semantic indexing) เพื่อค้นหาไฟล์ด้วยภาษาที่เป็นธรรมชาติ เช่น "ไฟล์พรีเซนเทชันที่ฉันทำเมื่อสัปดาห์ที่แล้วอยู่ที่ไหน" และ AI จะช่วยค้นหาให้ ฟีเจอร์นี้ทำงานได้ในหลายส่วนของ Windows 11 เช่น การตั้งค่า, File Explorer, และแถบงาน โดยรองรับไฟล์รูปภาพ, เอกสาร, และสเปรดชีต. นอกจากนี้ ฟีเจอร์นี้ยังไม่ต้องการการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต เนื่องจากใช้โมเดล AI ที่ติดตั้งในเครื่อง สำหรับผู้ที่รู้สึกว่าชีวิตดิจิทัลของตนกระจัดกระจาย ฟีเจอร์นี้จะเป็นประโยชน์อย่างมาก แม้ว่าจะยังไม่สามารถค้นหาไฟล์ที่เก็บใน OneDrive ได้ในขณะนี้ แต่ Microsoft กำลังพัฒนาความสามารถนี้อยู่ นอกจากนี้ Microsoft ยังทดสอบฟีเจอร์ "Click to Do" ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถทำงานด้วย AI ได้ง่ายขึ้น เช่น การเขียนใหม่และการแก้ไขไวยากรณ์ โดยใช้คีย์ลัดและเมาส์ https://www.techradar.com/computing/artificial-intelligence/microsoft-wants-ai-to-make-searching-for-files-a-more-casual-experience
    WWW.TECHRADAR.COM
    Microsoft wants AI to make searching for files a more casual experience
    Windows AI search means you won't need to remember exactly what you called your files
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 176 มุมมอง 0 รีวิว
  • https://www.youtube.com/watch?v=6ZsoYrzGq58
    บทสนทนาวันคริสต์มาส
    (คลิกอ่านเพิ่มเติม เพื่ออ่านบทสนทนาภาษาอังกฤษและไทย และคำศัพท์น่ารู้)
    แบบทดสอบการฟังภาษาอังกฤษ จากบทสนทนาวันคริสต์มาส
    มีคำถาม 5 ข้อหลังฟังเสร็จ เพื่อทดสอบการฟังภาษาอังกฤษของคุณ

    #บทสนทนาภาษาอังกฤษ #ฝึกฟังภาษาอังกฤษ #คริสต์มาส

    The conversations from the clip :

    Alice: Hi, Ben! Christmas is coming soon. Do you know much about the history of Santa Claus?
    Ben: Hey, Alice! A little bit. Santa Claus is based on Saint Nicholas, right?
    Alice: That’s right! He was a kind man who gave gifts to the poor, especially children.
    Ben: I heard he was a bishop from what is now Turkey. Is that true?
    Alice: Yes, exactly. Over time, his story spread to other countries, and he became a symbol of generosity.
    Ben: But how did Saint Nicholas turn into Santa Claus?
    Alice: The modern version of Santa came from Dutch settlers in America. They called him "Sinterklaas."
    Ben: Oh, so that’s where the name Santa Claus came from! What about his red suit?
    Alice: The red suit became popular in the 19th century, thanks to illustrations by Thomas Nast and later Coca-Cola ads.
    Ben: I see. And the reindeer and sleigh?
    Alice: Those came from a poem called A Visit from St. Nicholas, also known as 'Twas the Night Before Christmas.
    Ben: That’s fascinating! What about Christmas traditions?
    Alice: People exchange gifts, decorate Christmas trees, and sing carols. Each culture has unique traditions too.
    Ben: I love the idea of spreading joy and spending time with family during Christmas.
    Alice: Me too! It’s also a time to reflect on kindness and generosity, just like Saint Nicholas.
    Ben: Absolutely. By the way, have you decorated your house yet?
    Alice: Not yet, but I’m planning to this weekend.

    อลิซ: สวัสดี เบ็น! คริสต์มาสใกล้จะมาถึงแล้ว คุณรู้เรื่องประวัติของซานตาคลอสบ้างไหม?
    เบ็น: เฮ้ อลิซ! นิดหน่อยนะ ซานตาคลอสมีต้นแบบมาจากนักบุญนิโคลัส ใช่ไหม?
    อลิซ: ใช่เลย! เขาเป็นคนใจดีที่มอบของขวัญให้คนยากจน โดยเฉพาะเด็กๆ
    เบ็น: ฉันได้ยินมาว่าเขาเป็นบิชอปจากพื้นที่ที่ปัจจุบันคือประเทศตุรกี จริงหรือเปล่า?
    อลิซ: ใช่เลย ถูกต้อง! เมื่อเวลาผ่านไป เรื่องราวของเขาก็แพร่กระจายไปยังประเทศอื่นๆ และเขาก็กลายเป็นสัญลักษณ์ของความเอื้ออาทร
    เบ็น: แล้วนักบุญนิโคลัสกลายมาเป็นซานตาคลอสได้ยังไง?
    อลิซ: เวอร์ชันสมัยใหม่ของซานตามาจากผู้ตั้งถิ่นฐานชาวดัตช์ในอเมริกา พวกเขาเรียกเขาว่า "ซินเตอร์คลาส"
    เบ็น: โอ้ งั้นชื่อ "ซานตาคลอส" ก็มาจากตรงนี้นี่เอง! แล้วชุดสีแดงล่ะ?
    อลิซ: ชุดสีแดงกลายเป็นที่นิยมในศตวรรษที่ 19 จากภาพวาดของโธมัส แนสต์ และโฆษณาของโคคา-โคลาในภายหลัง
    เบ็น: เข้าใจแล้ว แล้วพวกกวางเรนเดียร์กับรถเลื่อนล่ะ?
    อลิซ: นั่นมาจากบทกวีชื่อ A Visit from St. Nicholas หรือที่รู้จักกันว่า 'Twas the Night Before Christmas
    เบ็น: น่าสนใจมาก! แล้วเกี่ยวกับประเพณีคริสต์มาสล่ะ?
    อลิซ: ผู้คนแลกเปลี่ยนของขวัญ ตกแต่งต้นคริสต์มาส และร้องเพลงคริสต์มาส แต่ละวัฒนธรรมก็มีประเพณีเฉพาะตัวด้วยนะ
    เบ็น: ฉันชอบความคิดในการแพร่กระจายความสุขและการใช้เวลาร่วมกับครอบครัวในช่วงคริสต์มาสมาก
    อลิซ: ฉันก็เหมือนกัน! นี่ก็เป็นเวลาที่จะคิดถึงความใจดีและความเอื้ออาทร เหมือนอย่างนักบุญนิโคลัส
    เบ็น: เห็นด้วยเลย แล้วบ้านคุณตกแต่งหรือยัง?
    อลิซ: ยังเลย แต่ฉันวางแผนจะทำสุดสัปดาห์นี้

    Vocabulary (คำศัพท์น่ารู้)

    History (ฮิส-โท-รี) n. แปลว่า ประวัติศาสตร์
    Generosity (เจน-เนอ-รอส-ซิ-ที) n. แปลว่า ความเอื้อเฟื้อ
    Symbol (ซิม-เบิล) n. แปลว่า สัญลักษณ์
    Settlers (เซท-เลอร์ส) n. แปลว่า ผู้ตั้งถิ่นฐาน
    Illustrations (อิล-ลัส-เทร-ชั่นส์) n. แปลว่า ภาพประกอบ
    Advertisement (แอด-เวอร์-ไทซ์-เมินท์) n. แปลว่า โฆษณา
    Poem (โพ-เอม) n. แปลว่า บทกวี
    Traditions (ทรา-ดิ-ชั่นส์) n. แปลว่า ขนบธรรมเนียม
    Decorate (เดค-คะ-เรท) v. แปลว่า ตกแต่ง
    Reflect (รี-เฟล็คท์) v. แปลว่า สะท้อน
    Kindness (ไคน์-เนส) n. แปลว่า ความเมตตา
    Unique (ยู-นีค) adj. แปลว่า เป็นเอกลักษณ์
    Spread (สเปรด) v. แปลว่า แพร่กระจาย
    Joy (จอย) n. แปลว่า ความสุข
    Fascinating (แฟส-ซิ-เน-ทิง) adj. แปลว่า น่าหลงใหล
    https://www.youtube.com/watch?v=6ZsoYrzGq58 บทสนทนาวันคริสต์มาส (คลิกอ่านเพิ่มเติม เพื่ออ่านบทสนทนาภาษาอังกฤษและไทย และคำศัพท์น่ารู้) แบบทดสอบการฟังภาษาอังกฤษ จากบทสนทนาวันคริสต์มาส มีคำถาม 5 ข้อหลังฟังเสร็จ เพื่อทดสอบการฟังภาษาอังกฤษของคุณ #บทสนทนาภาษาอังกฤษ #ฝึกฟังภาษาอังกฤษ #คริสต์มาส The conversations from the clip : Alice: Hi, Ben! Christmas is coming soon. Do you know much about the history of Santa Claus? Ben: Hey, Alice! A little bit. Santa Claus is based on Saint Nicholas, right? Alice: That’s right! He was a kind man who gave gifts to the poor, especially children. Ben: I heard he was a bishop from what is now Turkey. Is that true? Alice: Yes, exactly. Over time, his story spread to other countries, and he became a symbol of generosity. Ben: But how did Saint Nicholas turn into Santa Claus? Alice: The modern version of Santa came from Dutch settlers in America. They called him "Sinterklaas." Ben: Oh, so that’s where the name Santa Claus came from! What about his red suit? Alice: The red suit became popular in the 19th century, thanks to illustrations by Thomas Nast and later Coca-Cola ads. Ben: I see. And the reindeer and sleigh? Alice: Those came from a poem called A Visit from St. Nicholas, also known as 'Twas the Night Before Christmas. Ben: That’s fascinating! What about Christmas traditions? Alice: People exchange gifts, decorate Christmas trees, and sing carols. Each culture has unique traditions too. Ben: I love the idea of spreading joy and spending time with family during Christmas. Alice: Me too! It’s also a time to reflect on kindness and generosity, just like Saint Nicholas. Ben: Absolutely. By the way, have you decorated your house yet? Alice: Not yet, but I’m planning to this weekend. อลิซ: สวัสดี เบ็น! คริสต์มาสใกล้จะมาถึงแล้ว คุณรู้เรื่องประวัติของซานตาคลอสบ้างไหม? เบ็น: เฮ้ อลิซ! นิดหน่อยนะ ซานตาคลอสมีต้นแบบมาจากนักบุญนิโคลัส ใช่ไหม? อลิซ: ใช่เลย! เขาเป็นคนใจดีที่มอบของขวัญให้คนยากจน โดยเฉพาะเด็กๆ เบ็น: ฉันได้ยินมาว่าเขาเป็นบิชอปจากพื้นที่ที่ปัจจุบันคือประเทศตุรกี จริงหรือเปล่า? อลิซ: ใช่เลย ถูกต้อง! เมื่อเวลาผ่านไป เรื่องราวของเขาก็แพร่กระจายไปยังประเทศอื่นๆ และเขาก็กลายเป็นสัญลักษณ์ของความเอื้ออาทร เบ็น: แล้วนักบุญนิโคลัสกลายมาเป็นซานตาคลอสได้ยังไง? อลิซ: เวอร์ชันสมัยใหม่ของซานตามาจากผู้ตั้งถิ่นฐานชาวดัตช์ในอเมริกา พวกเขาเรียกเขาว่า "ซินเตอร์คลาส" เบ็น: โอ้ งั้นชื่อ "ซานตาคลอส" ก็มาจากตรงนี้นี่เอง! แล้วชุดสีแดงล่ะ? อลิซ: ชุดสีแดงกลายเป็นที่นิยมในศตวรรษที่ 19 จากภาพวาดของโธมัส แนสต์ และโฆษณาของโคคา-โคลาในภายหลัง เบ็น: เข้าใจแล้ว แล้วพวกกวางเรนเดียร์กับรถเลื่อนล่ะ? อลิซ: นั่นมาจากบทกวีชื่อ A Visit from St. Nicholas หรือที่รู้จักกันว่า 'Twas the Night Before Christmas เบ็น: น่าสนใจมาก! แล้วเกี่ยวกับประเพณีคริสต์มาสล่ะ? อลิซ: ผู้คนแลกเปลี่ยนของขวัญ ตกแต่งต้นคริสต์มาส และร้องเพลงคริสต์มาส แต่ละวัฒนธรรมก็มีประเพณีเฉพาะตัวด้วยนะ เบ็น: ฉันชอบความคิดในการแพร่กระจายความสุขและการใช้เวลาร่วมกับครอบครัวในช่วงคริสต์มาสมาก อลิซ: ฉันก็เหมือนกัน! นี่ก็เป็นเวลาที่จะคิดถึงความใจดีและความเอื้ออาทร เหมือนอย่างนักบุญนิโคลัส เบ็น: เห็นด้วยเลย แล้วบ้านคุณตกแต่งหรือยัง? อลิซ: ยังเลย แต่ฉันวางแผนจะทำสุดสัปดาห์นี้ Vocabulary (คำศัพท์น่ารู้) History (ฮิส-โท-รี) n. แปลว่า ประวัติศาสตร์ Generosity (เจน-เนอ-รอส-ซิ-ที) n. แปลว่า ความเอื้อเฟื้อ Symbol (ซิม-เบิล) n. แปลว่า สัญลักษณ์ Settlers (เซท-เลอร์ส) n. แปลว่า ผู้ตั้งถิ่นฐาน Illustrations (อิล-ลัส-เทร-ชั่นส์) n. แปลว่า ภาพประกอบ Advertisement (แอด-เวอร์-ไทซ์-เมินท์) n. แปลว่า โฆษณา Poem (โพ-เอม) n. แปลว่า บทกวี Traditions (ทรา-ดิ-ชั่นส์) n. แปลว่า ขนบธรรมเนียม Decorate (เดค-คะ-เรท) v. แปลว่า ตกแต่ง Reflect (รี-เฟล็คท์) v. แปลว่า สะท้อน Kindness (ไคน์-เนส) n. แปลว่า ความเมตตา Unique (ยู-นีค) adj. แปลว่า เป็นเอกลักษณ์ Spread (สเปรด) v. แปลว่า แพร่กระจาย Joy (จอย) n. แปลว่า ความสุข Fascinating (แฟส-ซิ-เน-ทิง) adj. แปลว่า น่าหลงใหล
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 787 มุมมอง 0 รีวิว
  • #หม่อน #สเปรด #ไม่มีสารพิษ #กสิกรรมธรรมชาติ ปลูกเอง แปรรูปเอง ทานเอง มีเหลือ ก็แบ่งปัน #พอเพียง #พอกินพอใช้พออยู่พอร่วมเย็น #ทำตามพ่อสอน
    #หม่อน #สเปรด #ไม่มีสารพิษ #กสิกรรมธรรมชาติ ปลูกเอง แปรรูปเอง ทานเอง มีเหลือ ก็แบ่งปัน #พอเพียง #พอกินพอใช้พออยู่พอร่วมเย็น #ทำตามพ่อสอน
    Yay
    1
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 566 มุมมอง 0 รีวิว