• คุณกำลังมองหาเครื่องบดที่แท้จริงเพื่อรองรับการแปรรูปวัตถุดิบที่หลากหลายและมีขนาดใหญ่ เช่น กบทั้งตัว หรือวัตถุดิบอื่น ๆ ในปริมาณมหาศาลใช่ไหม? ไม่ต้องมองหาที่ไหนอีกแล้ว! เครื่องบดของเราถูกออกแบบมาเพื่อมอบ ประสิทธิภาพที่เหนือชั้น ความทนทานขั้นสุด และความสามารถในการบดที่เหนือความคาดหมาย!

    ทำไมเครื่องบดของเราถึงเป็นคำตอบสำหรับธุรกิจของคุณ?

    บดได้ทั้งตัว ไม่ต้องหั่นย่อย! ด้วยช่องป้อนวัตถุดิบที่ออกแบบมาเป็นพิเศษ และกลไกการบดที่ทรงพลัง ทำให้เครื่องนี้สามารถบดวัตถุดิบที่มีขนาดใหญ่ อย่างเช่น กบได้ทั้งตัว ได้อย่างง่ายดายและรวดเร็ว! ประหยัดเวลา แรงงาน และเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตของคุณได้อย่างมหาศาล!

    กำลังบดมหาศาล 1100W (1.5 แรงม้า): มอเตอร์ที่แข็งแกร่งทำงานคู่กับเกลียวบดและใบมีดที่ออกแบบมาเป็นอย่างดี รับประกันการบดที่รวดเร็ว สม่ำเสมอ และละเอียด แม้กับวัตถุดิบที่แข็งหรือมีความเหนียว!

    วัสดุสแตนเลสแท้ % เกรดพรีเมียม: ผลิตจากสแตนเลส Food Grade ทั้งหมด ทนทานต่อการกัดกร่อน ไม่เป็นสนิม ปลอดภัยสูงสุดสำหรับทุกวัตถุดิบที่คุณแปรรูป มั่นใจได้ในคุณภาพและความสะอาดในระยะยาว

    ทำความสะอาดง่ายกว่าที่เคย: หัวบดสามารถถอดแยกชิ้นส่วนได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย ทำให้การทำความสะอาดเป็นเรื่องง่ายและทั่วถึง ลดการสะสมของเชื้อโรค พร้อมสำหรับการทำงานครั้งต่อไปได้อย่างรวดเร็ว!

    ระบบเดินหน้า-ย้อนกลับ (FWD/REV): ควบคุมการบดได้อย่างราบรื่น หมดปัญหาวัตถุดิบติดขัด ช่วยให้การทำงานไม่สะดุดและเพิ่มความปลอดภัยในการใช้งาน

    ** ไม่ว่าธุรกิจของคุณจะเน้นการแปรรูป "กบ" ปริมาณมาก หรือต้องการเครื่องบดที่รับมือกับวัตถุดิบหลากหลายขนาด เครื่องบดสแตนเลสเบอร์ 22 ของเราคือการลงทุนที่คุ้มค่าที่สุดเพื่อการผลิตที่มีประสิทธิภาพสูงสุด!

    ยกระดับมาตรฐานการผลิตให้ก้าวกระโดดวันนี้!

    สนใจเข้ามาเยี่ยมชมและทดลองประสิทธิภาพได้ที่ร้านของเรา!
    แผนที่ร้าน: https://maps.app.goo.gl/9oLTmzwbArzJy5wc7

    เวลาทำการ:
    จันทร์-ศุกร์: 8.00-17.00 น.
    วันเสาร์: 8.00-16.00 น.

    ติดต่อเราได้เลย:
    แชท: m.me/yonghahheng
    LINE: @yonghahheng (มี@ข้างหน้า) หรือ https://lin.ee/HV4lSKp
    โทร: 02-215-3515-9 หรือ 081-3189098
    เว็บไซต์: www.yoryonghahheng.com
    E-mail: sales@yoryonghahheng.com, yonghahheng@gmail.com

    #เครื่องบดกบ #บดกบทั้งตัว #เครื่องบดเนื้อสแตนเลส #เครื่องบดอเนกประสงค์ #เครื่องบดอาหาร #อุปกรณ์แปรรูปกบ #เครื่องบดปริมาณมาก #วัตถุดิบเฉพาะทาง #เครื่องบดอุตสาหกรรม #เครื่องบดคุณภาพสูง #อุปกรณ์ร้านอาหาร #ธุรกิจอาหาร #โรงงานอาหาร #ครัวมืออาชีพ #ย่งฮะเฮง #ยิ่งยงเฮง #เลือกคุณภาพ #เลือกBONNY #ลงทุนเพื่อธุรกิจ #ครัวสะอาด #ประสิทธิภาพสูงสุด #เมนูกบ #อาหารกบ #กบทอด #กบผัดเผ็ด #กบผัดฉ่า #ต้มยำกบ #กบย่าง #กบกระเทียม
    คุณกำลังมองหาเครื่องบดที่แท้จริงเพื่อรองรับการแปรรูปวัตถุดิบที่หลากหลายและมีขนาดใหญ่ เช่น กบทั้งตัว หรือวัตถุดิบอื่น ๆ ในปริมาณมหาศาลใช่ไหม? ไม่ต้องมองหาที่ไหนอีกแล้ว! เครื่องบดของเราถูกออกแบบมาเพื่อมอบ ประสิทธิภาพที่เหนือชั้น ความทนทานขั้นสุด และความสามารถในการบดที่เหนือความคาดหมาย! 🔥 ทำไมเครื่องบดของเราถึงเป็นคำตอบสำหรับธุรกิจของคุณ? 📌บดได้ทั้งตัว ไม่ต้องหั่นย่อย! ด้วยช่องป้อนวัตถุดิบที่ออกแบบมาเป็นพิเศษ และกลไกการบดที่ทรงพลัง ทำให้เครื่องนี้สามารถบดวัตถุดิบที่มีขนาดใหญ่ อย่างเช่น กบได้ทั้งตัว ได้อย่างง่ายดายและรวดเร็ว! ประหยัดเวลา แรงงาน และเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตของคุณได้อย่างมหาศาล! 📌กำลังบดมหาศาล 1100W (1.5 แรงม้า): มอเตอร์ที่แข็งแกร่งทำงานคู่กับเกลียวบดและใบมีดที่ออกแบบมาเป็นอย่างดี รับประกันการบดที่รวดเร็ว สม่ำเสมอ และละเอียด แม้กับวัตถุดิบที่แข็งหรือมีความเหนียว! 📌วัสดุสแตนเลสแท้ 💯% เกรดพรีเมียม: ผลิตจากสแตนเลส Food Grade ทั้งหมด ทนทานต่อการกัดกร่อน ไม่เป็นสนิม ปลอดภัยสูงสุดสำหรับทุกวัตถุดิบที่คุณแปรรูป มั่นใจได้ในคุณภาพและความสะอาดในระยะยาว 📌ทำความสะอาดง่ายกว่าที่เคย: หัวบดสามารถถอดแยกชิ้นส่วนได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย ทำให้การทำความสะอาดเป็นเรื่องง่ายและทั่วถึง ลดการสะสมของเชื้อโรค พร้อมสำหรับการทำงานครั้งต่อไปได้อย่างรวดเร็ว! 📌ระบบเดินหน้า-ย้อนกลับ (FWD/REV): ควบคุมการบดได้อย่างราบรื่น หมดปัญหาวัตถุดิบติดขัด ช่วยให้การทำงานไม่สะดุดและเพิ่มความปลอดภัยในการใช้งาน ** ไม่ว่าธุรกิจของคุณจะเน้นการแปรรูป "กบ" ปริมาณมาก หรือต้องการเครื่องบดที่รับมือกับวัตถุดิบหลากหลายขนาด เครื่องบดสแตนเลสเบอร์ 22 ของเราคือการลงทุนที่คุ้มค่าที่สุดเพื่อการผลิตที่มีประสิทธิภาพสูงสุด! ✨ ยกระดับมาตรฐานการผลิตให้ก้าวกระโดดวันนี้! ✨ 📍 สนใจเข้ามาเยี่ยมชมและทดลองประสิทธิภาพได้ที่ร้านของเรา! แผนที่ร้าน: https://maps.app.goo.gl/9oLTmzwbArzJy5wc7 ⏰ เวลาทำการ: จันทร์-ศุกร์: 8.00-17.00 น. วันเสาร์: 8.00-16.00 น. 📞 ติดต่อเราได้เลย: แชท: m.me/yonghahheng LINE: @yonghahheng (มี@ข้างหน้า) หรือ https://lin.ee/HV4lSKp โทร: 02-215-3515-9 หรือ 081-3189098 เว็บไซต์: www.yoryonghahheng.com E-mail: sales@yoryonghahheng.com, yonghahheng@gmail.com #เครื่องบดกบ #บดกบทั้งตัว #เครื่องบดเนื้อสแตนเลส #เครื่องบดอเนกประสงค์ #เครื่องบดอาหาร #อุปกรณ์แปรรูปกบ #เครื่องบดปริมาณมาก #วัตถุดิบเฉพาะทาง #เครื่องบดอุตสาหกรรม #เครื่องบดคุณภาพสูง #อุปกรณ์ร้านอาหาร #ธุรกิจอาหาร #โรงงานอาหาร #ครัวมืออาชีพ #ย่งฮะเฮง #ยิ่งยงเฮง #เลือกคุณภาพ #เลือกBONNY #ลงทุนเพื่อธุรกิจ #ครัวสะอาด #ประสิทธิภาพสูงสุด #เมนูกบ #อาหารกบ #กบทอด #กบผัดเผ็ด #กบผัดฉ่า #ต้มยำกบ #กบย่าง #กบกระเทียม📌
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 14 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากโลกความเร็วเหนือเสียง: X-59 ของ NASA กับภารกิจลดเสียงบูมให้เงียบลง

    NASA ร่วมกับ Lockheed Martin พัฒนาเครื่องบิน X-59 ตั้งแต่ปี 2023 โดยมีเป้าหมายเพื่อทดสอบการบินเหนือเสียงแบบเงียบ ซึ่งจะช่วยให้การเดินทางด้วยความเร็วเหนือเสียงสามารถกลับมาใช้งานเชิงพาณิชย์ได้โดยไม่รบกวนชุมชน

    ล่าสุดเมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2025 X-59 ได้เริ่มทดสอบการวิ่งบนรันเวย์ที่ฐานทัพอากาศ Plant 42 ในเมือง Palmdale รัฐแคลิฟอร์เนีย โดยใช้พลังงานภายในของตัวเครื่องเป็นครั้งแรก ซึ่งเป็นขั้นตอนสำคัญก่อนการบินจริง

    X-59 มีดีไซน์พิเศษ เช่น:
    - ไม่มีหน้าต่างด้านหน้า เพราะจมูกเครื่องบินยาวมาก
    - ใช้ระบบกล้องและจอภาพแทนการมองด้วยสายตา
    - ความยาวเกือบ 100 เมตร โดยจมูกเครื่องคิดเป็น 1 ใน 3
    - ออกแบบให้ shockwave ไม่รวมกันที่ท้ายเครื่อง เพื่อลดเสียงบูม

    ภารกิจ Quesst จะทดสอบการบินที่ความเร็ว 1.5 เท่าของเสียง และประเมินว่าเสียงบูมที่เกิดขึ้นจะเงียบพอสำหรับการใช้งานในเมืองหรือไม่

    https://wccftech.com/nasa-gears-up-to-fly-supersonic-jet-to-test-quiet-sonic-booms/
    🎙️ เรื่องเล่าจากโลกความเร็วเหนือเสียง: X-59 ของ NASA กับภารกิจลดเสียงบูมให้เงียบลง NASA ร่วมกับ Lockheed Martin พัฒนาเครื่องบิน X-59 ตั้งแต่ปี 2023 โดยมีเป้าหมายเพื่อทดสอบการบินเหนือเสียงแบบเงียบ ซึ่งจะช่วยให้การเดินทางด้วยความเร็วเหนือเสียงสามารถกลับมาใช้งานเชิงพาณิชย์ได้โดยไม่รบกวนชุมชน ล่าสุดเมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2025 X-59 ได้เริ่มทดสอบการวิ่งบนรันเวย์ที่ฐานทัพอากาศ Plant 42 ในเมือง Palmdale รัฐแคลิฟอร์เนีย โดยใช้พลังงานภายในของตัวเครื่องเป็นครั้งแรก ซึ่งเป็นขั้นตอนสำคัญก่อนการบินจริง X-59 มีดีไซน์พิเศษ เช่น: - ไม่มีหน้าต่างด้านหน้า เพราะจมูกเครื่องบินยาวมาก - ใช้ระบบกล้องและจอภาพแทนการมองด้วยสายตา - ความยาวเกือบ 100 เมตร โดยจมูกเครื่องคิดเป็น 1 ใน 3 - ออกแบบให้ shockwave ไม่รวมกันที่ท้ายเครื่อง เพื่อลดเสียงบูม ภารกิจ Quesst จะทดสอบการบินที่ความเร็ว 1.5 เท่าของเสียง และประเมินว่าเสียงบูมที่เกิดขึ้นจะเงียบพอสำหรับการใช้งานในเมืองหรือไม่ https://wccftech.com/nasa-gears-up-to-fly-supersonic-jet-to-test-quiet-sonic-booms/
    WCCFTECH.COM
    NASA Gears Up To Fly Supersonic Jet To Test Quiet Sonic Booms
    NASA's X-59 supersonic test plane starts taxi tests, marking progress in its quiet flight research mission.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 31 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากโลก AI: AMD เปิดตัว Radeon AI PRO R9700 สำหรับงาน AI หนัก ๆ ในราคาครึ่งเดียวของคู่แข่ง

    AMD ประกาศเปิดตัว GPU รุ่นใหม่ Radeon AI PRO R9700 ซึ่งใช้สถาปัตยกรรม RDNA 4 และชิป Navi 48 โดยมาพร้อม VRAM ขนาด 32 GB แบบ GDDR6 และรองรับ PCIe 5.0 ออกแบบมาเพื่องาน AI ที่ต้องการความเร็วสูงและหน่วยความจำมาก เช่น transformer models, generative design และ multi-modal workflows

    AMD เคลมว่า R9700 มีประสิทธิภาพ inference สูงกว่า RTX 5080 ถึง 496% ในงานที่ต้องใช้หน่วยความจำมาก โดยมีราคาประมาณ $1,250 ซึ่งถูกกว่าซีรีส์ RTX PRO Blackwell ที่คาดว่าจะเปิดตัวเร็ว ๆ นี้

    ในช่วงแรก R9700 จะวางจำหน่ายเฉพาะในเวิร์กสเตชันสำเร็จรูปจาก OEM เช่น Boxx และ Velocity Micro ส่วนรุ่นสำหรับ DIY จะตามมาในไตรมาส 3 จากแบรนด์ ASRock, PowerColor และอื่น ๆ

    GPU รุ่นนี้รองรับแพลตฟอร์ม ROCm 6.3 ของ AMD ซึ่งสามารถใช้งานร่วมกับ PyTorch, TensorFlow และ ONNX Runtime ได้อย่างเต็มรูปแบบ และมีดีไซน์แบบ dual-slot พร้อมพัดลมแบบ blower ที่เหมาะกับการใช้งานในระบบ multi-GPU

    AMD เปิดตัว Radeon AI PRO R9700 สำหรับงาน AI โดยเฉพาะ
    ใช้ชิป Navi 48, สถาปัตยกรรม RDNA 4, VRAM 32 GB GDDR6

    รองรับ PCIe 5.0 และมีดีไซน์ dual-slot พร้อมพัดลม blower
    เหมาะกับการใช้งานในระบบ multi-GPU และเวิร์กสเตชัน

    ประสิทธิภาพ inference สูงกว่า RTX 5080 ถึง 496% ในบางกรณี
    โดยเฉพาะเมื่อโมเดลไม่สามารถรันได้ใน VRAM 16 GB ของคู่แข่ง

    ราคาประมาณ $1,250 ถูกกว่าซีรีส์ RTX PRO Blackwell ครึ่งหนึ่ง
    เหมาะกับองค์กรที่ต้องการลดต้นทุนด้านฮาร์ดแวร์

    วางจำหน่ายในเวิร์กสเตชันจาก OEM ก่อน เช่น Boxx และ Velocity Micro
    รุ่นสำหรับ DIY จะตามมาในไตรมาส 3 จาก ASRock และ PowerColor

    รองรับ ROCm 6.3 และเฟรมเวิร์กยอดนิยม เช่น PyTorch, TensorFlow
    ช่วยให้สามารถฝึกและ deploy โมเดล AI ได้ในเครื่อง local

    เหมาะกับงาน NLP, text-to-image, generative design และ multi-modal AI
    รองรับการทำ inference ขนาดใหญ่แบบ on-premises

    https://www.techpowerup.com/339030/amd-radeon-ai-pro-r9700-gpu-arrives-on-july-23rd
    🎙️ เรื่องเล่าจากโลก AI: AMD เปิดตัว Radeon AI PRO R9700 สำหรับงาน AI หนัก ๆ ในราคาครึ่งเดียวของคู่แข่ง AMD ประกาศเปิดตัว GPU รุ่นใหม่ Radeon AI PRO R9700 ซึ่งใช้สถาปัตยกรรม RDNA 4 และชิป Navi 48 โดยมาพร้อม VRAM ขนาด 32 GB แบบ GDDR6 และรองรับ PCIe 5.0 ออกแบบมาเพื่องาน AI ที่ต้องการความเร็วสูงและหน่วยความจำมาก เช่น transformer models, generative design และ multi-modal workflows AMD เคลมว่า R9700 มีประสิทธิภาพ inference สูงกว่า RTX 5080 ถึง 496% ในงานที่ต้องใช้หน่วยความจำมาก โดยมีราคาประมาณ $1,250 ซึ่งถูกกว่าซีรีส์ RTX PRO Blackwell ที่คาดว่าจะเปิดตัวเร็ว ๆ นี้ ในช่วงแรก R9700 จะวางจำหน่ายเฉพาะในเวิร์กสเตชันสำเร็จรูปจาก OEM เช่น Boxx และ Velocity Micro ส่วนรุ่นสำหรับ DIY จะตามมาในไตรมาส 3 จากแบรนด์ ASRock, PowerColor และอื่น ๆ GPU รุ่นนี้รองรับแพลตฟอร์ม ROCm 6.3 ของ AMD ซึ่งสามารถใช้งานร่วมกับ PyTorch, TensorFlow และ ONNX Runtime ได้อย่างเต็มรูปแบบ และมีดีไซน์แบบ dual-slot พร้อมพัดลมแบบ blower ที่เหมาะกับการใช้งานในระบบ multi-GPU ✅ AMD เปิดตัว Radeon AI PRO R9700 สำหรับงาน AI โดยเฉพาะ ➡️ ใช้ชิป Navi 48, สถาปัตยกรรม RDNA 4, VRAM 32 GB GDDR6 ✅ รองรับ PCIe 5.0 และมีดีไซน์ dual-slot พร้อมพัดลม blower ➡️ เหมาะกับการใช้งานในระบบ multi-GPU และเวิร์กสเตชัน ✅ ประสิทธิภาพ inference สูงกว่า RTX 5080 ถึง 496% ในบางกรณี ➡️ โดยเฉพาะเมื่อโมเดลไม่สามารถรันได้ใน VRAM 16 GB ของคู่แข่ง ✅ ราคาประมาณ $1,250 ถูกกว่าซีรีส์ RTX PRO Blackwell ครึ่งหนึ่ง ➡️ เหมาะกับองค์กรที่ต้องการลดต้นทุนด้านฮาร์ดแวร์ ✅ วางจำหน่ายในเวิร์กสเตชันจาก OEM ก่อน เช่น Boxx และ Velocity Micro ➡️ รุ่นสำหรับ DIY จะตามมาในไตรมาส 3 จาก ASRock และ PowerColor ✅ รองรับ ROCm 6.3 และเฟรมเวิร์กยอดนิยม เช่น PyTorch, TensorFlow ➡️ ช่วยให้สามารถฝึกและ deploy โมเดล AI ได้ในเครื่อง local ✅ เหมาะกับงาน NLP, text-to-image, generative design และ multi-modal AI ➡️ รองรับการทำ inference ขนาดใหญ่แบบ on-premises https://www.techpowerup.com/339030/amd-radeon-ai-pro-r9700-gpu-arrives-on-july-23rd
    WWW.TECHPOWERUP.COM
    AMD Radeon AI PRO R9700 GPU Arrives on July 23rd
    AMD confirmed today that its RDNA 4‑based Radeon AI PRO R9700 GPU will reach retail on Wednesday, July 23. Built on the Navi 48 die with a full 32 GB of GDDR6 memory and supporting PCIe 5.0, the R9700 is specifically tuned for lower‑precision calculations and demanding AI workloads. According to AMD...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 36 มุมมอง 0 รีวิว
  • HighPoint Technologies เปิดตัว Rocket 1628A และ Rocket 1528D ซึ่งเป็นอะแดปเตอร์ PCIe ที่ออกแบบมาเพื่อขยายการเชื่อมต่ออุปกรณ์ NVMe และ PCIe ผ่านสล็อตเดียว โดยใช้เทคโนโลยี PCIe switching และ lane allocation ที่ช่วยแบ่งแบนด์วิดธ์ x16 ออกเป็น x4 และ x8 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    อุปกรณ์ทั้งสองรุ่นรองรับการเชื่อมต่อโดยตรงกับอุปกรณ์ PCIe ได้ 8 ตัว หรือเชื่อมต่อ NVMe SSD ได้สูงสุด 32 ตัวผ่าน backplane ที่รองรับมาตรฐาน UBM โดยใช้คอนเนกเตอร์แบบ MCIO (Rocket 1628A) และ SlimSAS (Rocket 1528D)

    นอกจากนี้ยังรองรับการใช้งานกับ GPU, NIC, capture card และ storage controller ได้อีกด้วย เหมาะกับงานใน data center, edge computing, AI/ML, automation และ workstation ขนาดเล็ก

    อะแดปเตอร์ทั้งสองรุ่นมีฟีเจอร์ plug-and-play, LED diagnostic, hot-swap และรองรับทั้งแพลตฟอร์ม x86 และ ARM โดย Rocket 1628A วางจำหน่ายแล้วในราคา $1,499 ส่วน Rocket 1528D ราคา $699

    อะแดปเตอร์เหล่านี้ออกแบบมาสำหรับงานระดับองค์กร
    ไม่รองรับ SSD แบบ M.2 ที่ใช้กันทั่วไปในคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล

    ต้องใช้ backplane ที่รองรับมาตรฐาน UBM เพื่อเชื่อมต่อ NVMe 32 ตัว
    หากไม่มี backplane ที่เหมาะสม จะไม่สามารถใช้ฟีเจอร์เต็มรูปแบบได้

    การใช้งานอุปกรณ์ PCIe จำนวนมากต้องมีระบบระบายความร้อนที่ดี
    หากไม่จัดการความร้อนอย่างเหมาะสม อาจเกิดปัญหาด้านเสถียรภาพ

    ราคาสูงเมื่อเทียบกับอะแดปเตอร์ทั่วไป
    อาจไม่คุ้มค่าสำหรับผู้ใช้ทั่วไปหรือองค์กรขนาดเล็ก

    https://www.tomshardware.com/pc-components/storage/new-adapters-offer-substantial-industrial-pcie-expansion-highpoints-rocket-1628a-and-1528d-support-deploying-up-to-32-nvme-drives-and-8-pcie-devices-in-a-single-slot
    HighPoint Technologies เปิดตัว Rocket 1628A และ Rocket 1528D ซึ่งเป็นอะแดปเตอร์ PCIe ที่ออกแบบมาเพื่อขยายการเชื่อมต่ออุปกรณ์ NVMe และ PCIe ผ่านสล็อตเดียว โดยใช้เทคโนโลยี PCIe switching และ lane allocation ที่ช่วยแบ่งแบนด์วิดธ์ x16 ออกเป็น x4 และ x8 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ อุปกรณ์ทั้งสองรุ่นรองรับการเชื่อมต่อโดยตรงกับอุปกรณ์ PCIe ได้ 8 ตัว หรือเชื่อมต่อ NVMe SSD ได้สูงสุด 32 ตัวผ่าน backplane ที่รองรับมาตรฐาน UBM โดยใช้คอนเนกเตอร์แบบ MCIO (Rocket 1628A) และ SlimSAS (Rocket 1528D) นอกจากนี้ยังรองรับการใช้งานกับ GPU, NIC, capture card และ storage controller ได้อีกด้วย เหมาะกับงานใน data center, edge computing, AI/ML, automation และ workstation ขนาดเล็ก อะแดปเตอร์ทั้งสองรุ่นมีฟีเจอร์ plug-and-play, LED diagnostic, hot-swap และรองรับทั้งแพลตฟอร์ม x86 และ ARM โดย Rocket 1628A วางจำหน่ายแล้วในราคา $1,499 ส่วน Rocket 1528D ราคา $699 ‼️ อะแดปเตอร์เหล่านี้ออกแบบมาสำหรับงานระดับองค์กร ⛔ ไม่รองรับ SSD แบบ M.2 ที่ใช้กันทั่วไปในคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล ‼️ ต้องใช้ backplane ที่รองรับมาตรฐาน UBM เพื่อเชื่อมต่อ NVMe 32 ตัว ⛔ หากไม่มี backplane ที่เหมาะสม จะไม่สามารถใช้ฟีเจอร์เต็มรูปแบบได้ ‼️ การใช้งานอุปกรณ์ PCIe จำนวนมากต้องมีระบบระบายความร้อนที่ดี ⛔ หากไม่จัดการความร้อนอย่างเหมาะสม อาจเกิดปัญหาด้านเสถียรภาพ ‼️ ราคาสูงเมื่อเทียบกับอะแดปเตอร์ทั่วไป ⛔ อาจไม่คุ้มค่าสำหรับผู้ใช้ทั่วไปหรือองค์กรขนาดเล็ก https://www.tomshardware.com/pc-components/storage/new-adapters-offer-substantial-industrial-pcie-expansion-highpoints-rocket-1628a-and-1528d-support-deploying-up-to-32-nvme-drives-and-8-pcie-devices-in-a-single-slot
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 31 มุมมอง 0 รีวิว
  • ฝนฟ้าคะนองทั่วไทย 35 จว.อ่วม ฝนตกหนัก เสี่ยงน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก กทม.เจอฝน 70%
    ////////////////



    พยากรณ์อากาศ ฝนฟ้าคะนองทั่วไทย 35 จว.อ่วม ฝนตกหนัก เสี่ยงน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก กทม.เจอฝน 70%
    ฝนฟ้าคะนองทั่วไทย 35 จว.อ่วม ฝนตกหนัก เสี่ยงน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก กทม.เจอฝน 70%

    พยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก มีฝนตกหนักบางแห่ง โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ และเชียงราย ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ทั้งนี้เนื่องจากมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศเมียนมาตอนบน และประเทศเวียดนามตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย
    สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันมีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง
    อนึ่ง พายุดีเปรสชันบริเวณด้านตะวันออกของประเทศฟิลิปปินส์ได้ทวีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุโซนร้อน “วิภา”แล้ว และคาดว่าจะเคลื่อนผ่านตอนบนของประเทศฟิลิปปินส์ลงสู่ทะเลจีนใต้ตอนบนในช่วงวันที่ 19-22 ก.ค. 68 ส่งผลให้มรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยมีกำลังแรงขึ้น ทำให้ประเทศไทยจะมีฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ส่วนคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนจะมีกำลังค่อนข้างแรงโดยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร
    ภาคเหนือ

    มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง
    บริเวณจังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง ตาก และกำแพงเพชร
    อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส
    อุณหภูมิสูงสุด 30-35 องศาเซลเซียส
    ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-20 กม./ชม.

    ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

    มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 40 ของพื้นที่
    ส่วนมากบริเวณจังหวัดเลย หนองคาย บึงกาฬ ร้อยเอ็ด ยโสธร อำนาจเจริญ
    นครราชสีมา สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี
    อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส
    อุณหภูมิสูงสุด 33-36 องศาเซลเซียส
    ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

    มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 40 ของพื้นที่
    ส่วนมากบริเวณจังหวัดเลย หนองคาย บึงกาฬ ร้อยเอ็ด ยโสธร อำนาจเจริญ
    นครราชสีมา สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี
    อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส
    อุณหภูมิสูงสุด 33-36 องศาเซลเซียส
    ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-20 กม./ชม.
    ภาคกลาง

    มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง
    บริเวณจังหวัดกาญจนบุรี ราชบุรี สระบุรี นครปฐม สมุทรสงคราม และสมุทรสาคร
    อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส
    อุณหภูมิสูงสุด 34-36 องศาเซลเซียส
    ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-20 กม./ชม.

    ภาคตะวันออก

    มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง
    บริเวณจังหวัดนครนายก ฉะเชิงเทรา จันทบุรี และตราด
    อุณหภูมิต่ำสุด 24-27 องศาเซลเซียส
    อุณหภูมิสูงสุด 32-35 องศาเซลเซียส
    ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.
    ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร
    ภาคใต้(ฝั่งตะวันออก)

    มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 30 ของพื้นที่
    ส่วนมากบริเวณจังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร และสุราษฎร์ธานี
    อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส
    อุณหภูมิสูงสุด 34-36 องศาเซลเซียส
    ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร

    ภาคใต้(ฝั่งตะวันตก)

    มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 40 ของพื้นที่
    ส่วนมากบริเวณจังหวัดระนอง พังงา และภูเก็ต
    อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-34 องศาเซลเซียส
    ตั้งแต่จังหวัดพังงาขึ้นมา : ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-35 กม./ชม.
    ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร
    ตั้งแต่จังหวัดภูเก็ตลงไป : ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม.
    ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร
    กรุงเทพและปริมณฑล

    มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง
    อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส
    อุณหภูมิสูงสุด 33-35 องศาเซลเซียส
    ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-20 กม./ชม.




    #ฝนตกหนัก, #น้ำท่วม, #น้ำป่า, #พยากรณ์อากาศ
    ข่าวสืบสวน
    #LinFeilong
    #NanthapatWongyai #Inside
    #หลินเฟยหล林飛龍
    ฝนฟ้าคะนองทั่วไทย 35 จว.อ่วม ฝนตกหนัก เสี่ยงน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก กทม.เจอฝน 70% //////////////// พยากรณ์อากาศ ฝนฟ้าคะนองทั่วไทย 35 จว.อ่วม ฝนตกหนัก เสี่ยงน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก กทม.เจอฝน 70% ฝนฟ้าคะนองทั่วไทย 35 จว.อ่วม ฝนตกหนัก เสี่ยงน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก กทม.เจอฝน 70% พยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก มีฝนตกหนักบางแห่ง โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ และเชียงราย ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ทั้งนี้เนื่องจากมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศเมียนมาตอนบน และประเทศเวียดนามตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันมีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง อนึ่ง พายุดีเปรสชันบริเวณด้านตะวันออกของประเทศฟิลิปปินส์ได้ทวีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุโซนร้อน “วิภา”แล้ว และคาดว่าจะเคลื่อนผ่านตอนบนของประเทศฟิลิปปินส์ลงสู่ทะเลจีนใต้ตอนบนในช่วงวันที่ 19-22 ก.ค. 68 ส่งผลให้มรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยมีกำลังแรงขึ้น ทำให้ประเทศไทยจะมีฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ส่วนคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนจะมีกำลังค่อนข้างแรงโดยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ภาคเหนือ มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง ตาก และกำแพงเพชร อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-20 กม./ชม. ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 40 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดเลย หนองคาย บึงกาฬ ร้อยเอ็ด ยโสธร อำนาจเจริญ นครราชสีมา สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-36 องศาเซลเซียส ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 40 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดเลย หนองคาย บึงกาฬ ร้อยเอ็ด ยโสธร อำนาจเจริญ นครราชสีมา สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-36 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-20 กม./ชม. ภาคกลาง มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดกาญจนบุรี ราชบุรี สระบุรี นครปฐม สมุทรสงคราม และสมุทรสาคร อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-36 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-20 กม./ชม. ภาคตะวันออก มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดนครนายก ฉะเชิงเทรา จันทบุรี และตราด อุณหภูมิต่ำสุด 24-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ภาคใต้(ฝั่งตะวันออก) มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 30 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร และสุราษฎร์ธานี อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-36 องศาเซลเซียส ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ภาคใต้(ฝั่งตะวันตก) มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 40 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดระนอง พังงา และภูเก็ต อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-34 องศาเซลเซียส ตั้งแต่จังหวัดพังงาขึ้นมา : ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ตั้งแต่จังหวัดภูเก็ตลงไป : ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร กรุงเทพและปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-20 กม./ชม. #ฝนตกหนัก, #น้ำท่วม, #น้ำป่า, #พยากรณ์อากาศ ข่าวสืบสวน #LinFeilong #NanthapatWongyai #Inside #หลินเฟยหล林飛龍
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 24 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากโลก AWS: Amazon เปิดเกมรุกเต็มรูปแบบสู่ยุค AI Agents

    ในงาน AWS Summit ที่นิวยอร์ก Amazon ประกาศเปิดตัวชุดบริการใหม่ภายใต้ชื่อ “Bedrock AgentCore” ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มสำหรับสร้างและจัดการ AI agents โดยมีเป้าหมายเพื่อให้ทุกองค์กรสามารถนำ agent ไปใช้งานได้ ไม่ว่าจะมีความเชี่ยวชาญด้าน IT มากน้อยแค่ไหน

    AgentCore ประกอบด้วยบริการหลายส่วน เช่น:
    - Runtime ที่ปลอดภัยและปรับขนาดได้
    - ระบบยืนยันตัวตน (AgentCore Identity)
    - ระบบติดตามการทำงาน (AgentCore Observability)
    - ระบบเชื่อมต่อ API และข้อมูล (AgentCore Gateway)
    - ระบบหน่วยความจำระยะสั้นและยาว (AgentCore Memory)
    - ระบบแปลความหมายโค้ด (AgentCore Code Interpreter)
    - ระบบทำงานในเบราว์เซอร์ (AgentCore Browser)

    นอกจากนี้ AWS ยังเปิดตัว Strands Agents ซึ่งเป็นเครื่องมือโอเพ่นซอร์สสำหรับสร้าง agent ด้วยโมเดลจาก Langchain, CrewAI และ LlamaIndex รวมถึงเปิดตัว Agent Marketplace ที่มี agent สำเร็จรูปกว่า 800 รายการให้เลือกใช้งาน

    เพื่อรองรับการฝึกและปรับแต่งโมเดล AI สำหรับ agent AWS ยังเพิ่มฟีเจอร์ใน SageMaker และเปิดตัวบริการจัดเก็บเวกเตอร์ใหม่ชื่อ Amazon S3 Vectors

    AWS เปิดตัว Bedrock AgentCore สำหรับสร้างและจัดการ AI agents
    รองรับการทำงานแบบปลอดภัย ปรับขนาดได้ และเชื่อมต่อกับระบบต่าง ๆ

    AgentCore รองรับโมเดลจาก Langchain, CrewAI, LlamaIndex และ Strands Agents
    เปิดกว้างสำหรับนักพัฒนาและโอเพ่นซอร์ส

    AgentCore Identity รองรับ OAuth และระบบยืนยันตัวตนอื่น ๆ
    เพิ่มความปลอดภัยในการใช้งาน agent

    AgentCore Observability ช่วยติดตามการทำงานและการเข้าถึงข้อมูล
    เหมาะสำหรับองค์กรที่ต้องการตรวจสอบการทำงานของ agent

    AgentCore Gateway รองรับ MCP และ A2A protocol
    ช่วยให้ agent เชื่อมต่อกับ API และระบบภายนอกได้หลากหลาย

    AgentCore Memory รองรับการสร้างหน่วยความจำระยะสั้นและยาว
    ช่วยให้ agent เรียนรู้จากบริบทและประวัติการใช้งาน

    AgentCore Code Interpreter ช่วยให้เข้าใจการทำงานของ agent
    เหมาะสำหรับการดีบักและปรับแต่งพฤติกรรมของ agent

    AWS เปิดตัว Agent Marketplace พร้อม agent สำเร็จรูปกว่า 800 รายการ
    ช่วยให้องค์กรเริ่มใช้งาน agent ได้ง่ายขึ้นโดยไม่ต้องพัฒนาเอง

    AWS เพิ่มฟีเจอร์ใน SageMaker สำหรับปรับแต่งโมเดล Nova
    รองรับการใช้ข้อมูลภายในองค์กรเพื่อฝึกโมเดล

    เปิดตัว Amazon S3 Vectors สำหรับจัดเก็บข้อมูลเวกเตอร์ราคาประหยัด
    เหมาะกับการฝึกและปรับแต่งโมเดล AI ขนาดใหญ่

    AI agents ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการใช้งานจริง
    องค์กรต้องทดลองและปรับแต่งก่อนใช้งานในระดับ production

    การทำงานแบบอัตโนมัติของ agent อาจเกิดผลกระทบที่ไม่คาดคิด
    ต้องมีระบบ guardrails และการตรวจสอบอย่างรัดกุม

    การเชื่อมต่อกับระบบภายนอกผ่าน agent อาจมีความเสี่ยงด้านความปลอดภัย
    ต้องตรวจสอบสิทธิ์การเข้าถึงและการจัดการข้อมูลอย่างละเอียด

    Agent Marketplace ยังไม่มีมาตรฐานกลางในการประเมินคุณภาพ agent
    ผู้ใช้อาจต้องทดสอบ agent ด้วยตนเองก่อนนำไปใช้งานจริง

    https://www.techspot.com/news/108714-amazon-big-bet-ai-agents-comes-focus-aws.html
    🎙️ เรื่องเล่าจากโลก AWS: Amazon เปิดเกมรุกเต็มรูปแบบสู่ยุค AI Agents ในงาน AWS Summit ที่นิวยอร์ก Amazon ประกาศเปิดตัวชุดบริการใหม่ภายใต้ชื่อ “Bedrock AgentCore” ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มสำหรับสร้างและจัดการ AI agents โดยมีเป้าหมายเพื่อให้ทุกองค์กรสามารถนำ agent ไปใช้งานได้ ไม่ว่าจะมีความเชี่ยวชาญด้าน IT มากน้อยแค่ไหน AgentCore ประกอบด้วยบริการหลายส่วน เช่น: - Runtime ที่ปลอดภัยและปรับขนาดได้ - ระบบยืนยันตัวตน (AgentCore Identity) - ระบบติดตามการทำงาน (AgentCore Observability) - ระบบเชื่อมต่อ API และข้อมูล (AgentCore Gateway) - ระบบหน่วยความจำระยะสั้นและยาว (AgentCore Memory) - ระบบแปลความหมายโค้ด (AgentCore Code Interpreter) - ระบบทำงานในเบราว์เซอร์ (AgentCore Browser) นอกจากนี้ AWS ยังเปิดตัว Strands Agents ซึ่งเป็นเครื่องมือโอเพ่นซอร์สสำหรับสร้าง agent ด้วยโมเดลจาก Langchain, CrewAI และ LlamaIndex รวมถึงเปิดตัว Agent Marketplace ที่มี agent สำเร็จรูปกว่า 800 รายการให้เลือกใช้งาน เพื่อรองรับการฝึกและปรับแต่งโมเดล AI สำหรับ agent AWS ยังเพิ่มฟีเจอร์ใน SageMaker และเปิดตัวบริการจัดเก็บเวกเตอร์ใหม่ชื่อ Amazon S3 Vectors ✅ AWS เปิดตัว Bedrock AgentCore สำหรับสร้างและจัดการ AI agents ➡️ รองรับการทำงานแบบปลอดภัย ปรับขนาดได้ และเชื่อมต่อกับระบบต่าง ๆ ✅ AgentCore รองรับโมเดลจาก Langchain, CrewAI, LlamaIndex และ Strands Agents ➡️ เปิดกว้างสำหรับนักพัฒนาและโอเพ่นซอร์ส ✅ AgentCore Identity รองรับ OAuth และระบบยืนยันตัวตนอื่น ๆ ➡️ เพิ่มความปลอดภัยในการใช้งาน agent ✅ AgentCore Observability ช่วยติดตามการทำงานและการเข้าถึงข้อมูล ➡️ เหมาะสำหรับองค์กรที่ต้องการตรวจสอบการทำงานของ agent ✅ AgentCore Gateway รองรับ MCP และ A2A protocol ➡️ ช่วยให้ agent เชื่อมต่อกับ API และระบบภายนอกได้หลากหลาย ✅ AgentCore Memory รองรับการสร้างหน่วยความจำระยะสั้นและยาว ➡️ ช่วยให้ agent เรียนรู้จากบริบทและประวัติการใช้งาน ✅ AgentCore Code Interpreter ช่วยให้เข้าใจการทำงานของ agent ➡️ เหมาะสำหรับการดีบักและปรับแต่งพฤติกรรมของ agent ✅ AWS เปิดตัว Agent Marketplace พร้อม agent สำเร็จรูปกว่า 800 รายการ ➡️ ช่วยให้องค์กรเริ่มใช้งาน agent ได้ง่ายขึ้นโดยไม่ต้องพัฒนาเอง ✅ AWS เพิ่มฟีเจอร์ใน SageMaker สำหรับปรับแต่งโมเดล Nova ➡️ รองรับการใช้ข้อมูลภายในองค์กรเพื่อฝึกโมเดล ✅ เปิดตัว Amazon S3 Vectors สำหรับจัดเก็บข้อมูลเวกเตอร์ราคาประหยัด ➡️ เหมาะกับการฝึกและปรับแต่งโมเดล AI ขนาดใหญ่ ‼️ AI agents ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการใช้งานจริง ⛔ องค์กรต้องทดลองและปรับแต่งก่อนใช้งานในระดับ production ‼️ การทำงานแบบอัตโนมัติของ agent อาจเกิดผลกระทบที่ไม่คาดคิด ⛔ ต้องมีระบบ guardrails และการตรวจสอบอย่างรัดกุม ‼️ การเชื่อมต่อกับระบบภายนอกผ่าน agent อาจมีความเสี่ยงด้านความปลอดภัย ⛔ ต้องตรวจสอบสิทธิ์การเข้าถึงและการจัดการข้อมูลอย่างละเอียด ‼️ Agent Marketplace ยังไม่มีมาตรฐานกลางในการประเมินคุณภาพ agent ⛔ ผู้ใช้อาจต้องทดสอบ agent ด้วยตนเองก่อนนำไปใช้งานจริง https://www.techspot.com/news/108714-amazon-big-bet-ai-agents-comes-focus-aws.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Amazon's big bet on AI agents comes into focus at AWS Summit
    At AWS Summit, Amazon's cloud computing division addressed these challenges head-on, unveiling a broad range of offerings that include development and deployment tools for agents, as well...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 32 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากโลกกล้อง: Sony RX1R III กล้องคอมแพกต์ฟูลเฟรม 61MP ที่รอคอยมา 10 ปี

    Sony เปิดตัว RX1R III ซึ่งเป็นกล้องคอมแพกต์ฟูลเฟรมรุ่นใหม่ล่าสุดในซีรีส์ RX1R ที่ห่างหายไปนานถึง 10 ปี โดยรุ่นนี้ใช้เซนเซอร์ Exmor R CMOS ขนาด 35mm ความละเอียด 61MP พร้อมชิปประมวลผลภาพ BIONZ XR รุ่นล่าสุด และเลนส์ Zeiss Sonnar T* 35mm f/2.0 แบบ fixed-lens

    กล้องนี้ไม่มี optical low-pass filter แต่ใช้การเคลือบป้องกันแสงสะท้อนบนเซนเซอร์แทน เพื่อเพิ่มความคมชัดและลด noise โดยยังคงให้ dynamic range กว้างและความไวแสงสูง

    จุดเด่นอีกอย่างคือระบบ AI ที่ช่วยให้กล้องสามารถตรวจจับรูปร่าง การเคลื่อนไหว และตำแหน่งของดวงตาได้แม่นยำมากขึ้น ซึ่งทำให้ระบบโฟกัสแบบ phase-detection 693 จุดทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    ตัวกล้องทำจากแมกนีเซียมอัลลอย ขนาดประมาณ 113.3 x 67.9 x 87.5 มม. น้ำหนักประมาณ 1 ปอนด์ รวมแบตเตอรี่และเมมโมรีการ์ด ใช้แบต NP-FW50 ที่ถ่ายภาพนิ่งได้ประมาณ 300 ภาพต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง

    เปิดให้พรีออเดอร์แล้วในราคา $5,098 (ประมาณ 185,000 บาท) พร้อมอุปกรณ์เสริม เช่น thumb grip, body case และ lens hood โดยจะเริ่มจัดส่งวันที่ 31 กรกฎาคม 2025

    Sony เปิดตัว RX1R III กล้องคอมแพกต์ฟูลเฟรมรุ่นใหม่
    เป็นรุ่นต่อจาก RX1R II ที่เปิดตัวเมื่อเกือบ 10 ปีก่อน

    ใช้เซนเซอร์ Exmor R CMOS ขนาด 35mm ความละเอียด 61MP
    พร้อมชิปประมวลผล BIONZ XR รุ่นล่าสุด

    มาพร้อมเลนส์ Zeiss Sonnar T* 35mm f/2.0 แบบ fixed-lens
    ให้ภาพคมชัดและโบเกที่สวยงาม

    ไม่มี low-pass filter แต่ใช้การเคลือบป้องกันแสงสะท้อน
    เพื่อเพิ่มคุณภาพภาพและลด noise

    ระบบ AI ช่วยตรวจจับรูปร่างและตำแหน่งดวงตา
    ทำให้ระบบโฟกัส 693 จุดทำงานได้แม่นยำขึ้น

    ตัวกล้องทำจากแมกนีเซียมอัลลอย น้ำหนักประมาณ 1 ปอนด์
    ขนาด 113.3 x 67.9 x 87.5 มม. รวมแบตและเมมโมรีการ์ด

    ใช้แบต NP-FW50 ถ่ายภาพนิ่งได้ประมาณ 300 ภาพต่อการชาร์จ
    เหมาะกับการพกพา แต่ควรมีแบตสำรองสำหรับงานจริงจัง

    เปิดให้พรีออเดอร์แล้วในราคา $5,098
    พร้อมอุปกรณ์เสริม เช่น thumb grip, body case และ lens hood

    https://www.techspot.com/news/108712-sony-revives-rx1r-series-61-megapixel-compact-camera.html
    🎙️ เรื่องเล่าจากโลกกล้อง: Sony RX1R III กล้องคอมแพกต์ฟูลเฟรม 61MP ที่รอคอยมา 10 ปี Sony เปิดตัว RX1R III ซึ่งเป็นกล้องคอมแพกต์ฟูลเฟรมรุ่นใหม่ล่าสุดในซีรีส์ RX1R ที่ห่างหายไปนานถึง 10 ปี โดยรุ่นนี้ใช้เซนเซอร์ Exmor R CMOS ขนาด 35mm ความละเอียด 61MP พร้อมชิปประมวลผลภาพ BIONZ XR รุ่นล่าสุด และเลนส์ Zeiss Sonnar T* 35mm f/2.0 แบบ fixed-lens กล้องนี้ไม่มี optical low-pass filter แต่ใช้การเคลือบป้องกันแสงสะท้อนบนเซนเซอร์แทน เพื่อเพิ่มความคมชัดและลด noise โดยยังคงให้ dynamic range กว้างและความไวแสงสูง จุดเด่นอีกอย่างคือระบบ AI ที่ช่วยให้กล้องสามารถตรวจจับรูปร่าง การเคลื่อนไหว และตำแหน่งของดวงตาได้แม่นยำมากขึ้น ซึ่งทำให้ระบบโฟกัสแบบ phase-detection 693 จุดทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตัวกล้องทำจากแมกนีเซียมอัลลอย ขนาดประมาณ 113.3 x 67.9 x 87.5 มม. น้ำหนักประมาณ 1 ปอนด์ รวมแบตเตอรี่และเมมโมรีการ์ด ใช้แบต NP-FW50 ที่ถ่ายภาพนิ่งได้ประมาณ 300 ภาพต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง เปิดให้พรีออเดอร์แล้วในราคา $5,098 (ประมาณ 185,000 บาท) พร้อมอุปกรณ์เสริม เช่น thumb grip, body case และ lens hood โดยจะเริ่มจัดส่งวันที่ 31 กรกฎาคม 2025 ✅ Sony เปิดตัว RX1R III กล้องคอมแพกต์ฟูลเฟรมรุ่นใหม่ ➡️ เป็นรุ่นต่อจาก RX1R II ที่เปิดตัวเมื่อเกือบ 10 ปีก่อน ✅ ใช้เซนเซอร์ Exmor R CMOS ขนาด 35mm ความละเอียด 61MP ➡️ พร้อมชิปประมวลผล BIONZ XR รุ่นล่าสุด ✅ มาพร้อมเลนส์ Zeiss Sonnar T* 35mm f/2.0 แบบ fixed-lens ➡️ ให้ภาพคมชัดและโบเกที่สวยงาม ✅ ไม่มี low-pass filter แต่ใช้การเคลือบป้องกันแสงสะท้อน ➡️ เพื่อเพิ่มคุณภาพภาพและลด noise ✅ ระบบ AI ช่วยตรวจจับรูปร่างและตำแหน่งดวงตา ➡️ ทำให้ระบบโฟกัส 693 จุดทำงานได้แม่นยำขึ้น ✅ ตัวกล้องทำจากแมกนีเซียมอัลลอย น้ำหนักประมาณ 1 ปอนด์ ➡️ ขนาด 113.3 x 67.9 x 87.5 มม. รวมแบตและเมมโมรีการ์ด ✅ ใช้แบต NP-FW50 ถ่ายภาพนิ่งได้ประมาณ 300 ภาพต่อการชาร์จ ➡️ เหมาะกับการพกพา แต่ควรมีแบตสำรองสำหรับงานจริงจัง ✅ เปิดให้พรีออเดอร์แล้วในราคา $5,098 ➡️ พร้อมอุปกรณ์เสริม เช่น thumb grip, body case และ lens hood https://www.techspot.com/news/108712-sony-revives-rx1r-series-61-megapixel-compact-camera.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Sony revives RX1R series with 61-megapixel compact camera, and it only took 10 years
    Sony says the combination of sensor and image processing engine delivers high resolution and sensitivity, with low noise and a wide dynamic range. An anti-reflection coating on...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 30 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากโลกเกมพกพา: Razer เปิดตัวอุปกรณ์ Thunderbolt 5 เพื่อเกมเมอร์สายโน้ตบุ๊ก

    หลังจาก Thunderbolt 5 เปิดตัวปลายปี 2024 หลายแบรนด์เริ่มนำมาใช้กับอุปกรณ์เสริมกราฟิก ล่าสุด Razer เปิดตัวสองผลิตภัณฑ์ใหม่ ได้แก่:

    1. Razer Thunderbolt 5 Dock – ด็อกกิ้งสเตชันที่รองรับการชาร์จเร็ว, จอภาพหลายจอความละเอียดสูง และการเชื่อมต่อครบครัน 2. Razer Core X V2 (รุ่นปี 2025) – กล่อง eGPU สำหรับใส่การ์ดจอเดสก์ท็อป Nvidia หรือ AMD เพื่อใช้งานกับโน้ตบุ๊กหรือเครื่องเกมพกพา

    Thunderbolt 5 รองรับแบนด์วิดท์สูงถึง 120 Gbps (upstream) และ 80 Gbps (bidirectional) ซึ่งช่วยลดปัญหาคอขวดที่เคยเกิดกับ Thunderbolt 4 หรือ OCuLink โดยเฉพาะเมื่อใช้ GPU ระดับสูงอย่าง RTX 4090

    อุปกรณ์เหล่านี้เหมาะสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการประสิทธิภาพกราฟิกระดับเดสก์ท็อปแต่ยังคงความคล่องตัวของโน้ตบุ๊กหรือเครื่องพกพา

    Razer เปิดตัว Thunderbolt 5 Dock ราคาเริ่มต้น $389.99
    รองรับการชาร์จสูงสุด 140W, จอ 4K 3 จอที่ 144Hz, และ SSD M.2 สูงสุด 8TB

    มีพอร์ต Thunderbolt 5 downstream 3 ช่อง และ upstream 1 ช่อง
    รองรับ DisplayPort 2.1 และ USB 3.2 ความเร็ว 10Gbps

    มี SD card slot, Gigabit Ethernet, และช่องหูฟัง 7.1 surround
    ครบครันสำหรับงานกราฟิกและเกม

    Razer Core X V2 รุ่นปี 2025 รองรับการ์ดจอสูงสุด 4 สล็อต
    ใช้กับ Thunderbolt 5, Thunderbolt 4 หรือ USB4 ได้

    Thunderbolt 5 มีแบนด์วิดท์สูงกว่า OCuLink และ Thunderbolt 4
    ลดการสูญเสียประสิทธิภาพของ GPU ได้มากถึง 23% ในบางกรณี

    Asus และ Gigabyte เปิดตัว eGPU ที่ใช้ Thunderbolt 5 ไปก่อนหน้านี้
    เช่น RTX 5090 แบบพกพา และรุ่น water-cooled สำหรับเดสก์ท็อป

    https://www.techspot.com/news/108696-razer-introduces-new-thunderbolt-5-dock-egpu-enclosure.html
    🎙️ เรื่องเล่าจากโลกเกมพกพา: Razer เปิดตัวอุปกรณ์ Thunderbolt 5 เพื่อเกมเมอร์สายโน้ตบุ๊ก หลังจาก Thunderbolt 5 เปิดตัวปลายปี 2024 หลายแบรนด์เริ่มนำมาใช้กับอุปกรณ์เสริมกราฟิก ล่าสุด Razer เปิดตัวสองผลิตภัณฑ์ใหม่ ได้แก่: 1. Razer Thunderbolt 5 Dock – ด็อกกิ้งสเตชันที่รองรับการชาร์จเร็ว, จอภาพหลายจอความละเอียดสูง และการเชื่อมต่อครบครัน 2. Razer Core X V2 (รุ่นปี 2025) – กล่อง eGPU สำหรับใส่การ์ดจอเดสก์ท็อป Nvidia หรือ AMD เพื่อใช้งานกับโน้ตบุ๊กหรือเครื่องเกมพกพา Thunderbolt 5 รองรับแบนด์วิดท์สูงถึง 120 Gbps (upstream) และ 80 Gbps (bidirectional) ซึ่งช่วยลดปัญหาคอขวดที่เคยเกิดกับ Thunderbolt 4 หรือ OCuLink โดยเฉพาะเมื่อใช้ GPU ระดับสูงอย่าง RTX 4090 อุปกรณ์เหล่านี้เหมาะสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการประสิทธิภาพกราฟิกระดับเดสก์ท็อปแต่ยังคงความคล่องตัวของโน้ตบุ๊กหรือเครื่องพกพา ✅ Razer เปิดตัว Thunderbolt 5 Dock ราคาเริ่มต้น $389.99 ➡️ รองรับการชาร์จสูงสุด 140W, จอ 4K 3 จอที่ 144Hz, และ SSD M.2 สูงสุด 8TB ✅ มีพอร์ต Thunderbolt 5 downstream 3 ช่อง และ upstream 1 ช่อง ➡️ รองรับ DisplayPort 2.1 และ USB 3.2 ความเร็ว 10Gbps ✅ มี SD card slot, Gigabit Ethernet, และช่องหูฟัง 7.1 surround ➡️ ครบครันสำหรับงานกราฟิกและเกม ✅ Razer Core X V2 รุ่นปี 2025 รองรับการ์ดจอสูงสุด 4 สล็อต ➡️ ใช้กับ Thunderbolt 5, Thunderbolt 4 หรือ USB4 ได้ ✅ Thunderbolt 5 มีแบนด์วิดท์สูงกว่า OCuLink และ Thunderbolt 4 ➡️ ลดการสูญเสียประสิทธิภาพของ GPU ได้มากถึง 23% ในบางกรณี ✅ Asus และ Gigabyte เปิดตัว eGPU ที่ใช้ Thunderbolt 5 ไปก่อนหน้านี้ ➡️ เช่น RTX 5090 แบบพกพา และรุ่น water-cooled สำหรับเดสก์ท็อป https://www.techspot.com/news/108696-razer-introduces-new-thunderbolt-5-dock-egpu-enclosure.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Razer introduces new Thunderbolt 5 dock and eGPU enclosure
    Razer recently unveiled its first Thunderbolt 5-compatible docking station and external graphics card enclosure. These accessories provide laptops and handheld gaming PCs with ample bandwidth for fast...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 30 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากโลกองค์กร: เมื่อ AI เปลี่ยนเกม GRC และ CISO ต้องปรับตัวทัน

    ในอดีต GRC คือการจัดการความเสี่ยงตามกฎระเบียบและจริยธรรม แต่เมื่อ AI โดยเฉพาะ Generative AI เข้ามาในองค์กร ความเสี่ยงใหม่ ๆ เช่น การรั่วไหลของข้อมูล, การตัดสินใจผิดพลาดจากโมเดล, bias, hallucination และการใช้งานโดยไม่มีการควบคุม (shadow AI) ก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

    รายงานจาก Check Point พบว่า 1 ใน 80 prompts ที่ส่งจากอุปกรณ์องค์กรไปยัง AI มีความเสี่ยงต่อการรั่วไหลของข้อมูลสำคัญ ขณะที่รายงานจาก Lenovo ระบุว่า มีเพียง 24% ขององค์กรที่มีนโยบาย GRC สำหรับ AI อย่างจริงจัง

    CISO จึงต้องทำหน้าที่สองด้าน คือ สนับสนุนการใช้งาน AI เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และในขณะเดียวกันก็ต้องวางกรอบความปลอดภัยและการกำกับดูแลอย่างรัดกุม โดยใช้แนวทางเชิงกลยุทธ์และเชิงปฏิบัติ เช่น การจัดประเภท AI ด้วยระบบไฟจราจร (แดง-เหลือง-เขียว), การสร้าง model card สำหรับแต่ละ use case, และการใช้ framework เช่น NIST AI RMF, ISO/IEC 42001, FAIR, COSO, COBIT เพื่อประเมินความเสี่ยงทั้งเชิงคุณภาพและเชิงปริมาณ

    AI เปลี่ยนแปลงแนวทาง GRC อย่างมีนัยสำคัญ
    เพิ่มความเสี่ยงใหม่ เช่น shadow AI, bias, hallucination, legal risk

    รายงานจาก Check Point พบว่า 1.25% ของ prompts มีความเสี่ยงรั่วไหล
    เป็นภัยที่เกิดจากการใช้งาน AI โดยไม่มีกลไกควบคุม

    มีเพียง 24% ขององค์กรที่มีนโยบาย AI GRC ครบถ้วน
    จากรายงาน Lenovo CIO Playbook ปี 2025

    CISO ต้องทำหน้าที่สองด้าน: สนับสนุน AI และควบคุมความเสี่ยง
    ต้องใช้แนวทางเชิงกลยุทธ์และ tactical พร้อมกัน

    แนวทาง tactical เช่น secure-by-design, shadow AI discovery, AI inventory
    ใช้จัดการ AI ขนาดเล็กที่กระจายอยู่ใน SaaS และผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ

    แนวทาง strategic ใช้กับ AI ขนาดใหญ่ เช่น Copilot, ChatGPT
    ควบคุมผ่าน internal oversight forum และการจัดลำดับความเสี่ยง

    Framework ที่แนะนำ: NIST AI RMF, ISO/IEC 42001, FAIR, COSO, COBIT
    ใช้ประเมินความเสี่ยง AI ทั้งเชิงคุณภาพและเชิงปริมาณ

    การจัดประเภท AI ด้วยระบบไฟจราจร (แดง-เหลือง-เขียว)
    ช่วยให้พนักงานเข้าใจและใช้งาน AI ได้อย่างปลอดภัย

    การสร้าง model card สำหรับแต่ละ use case
    ระบุ input, output, data flow, third party, และความเสี่ยงที่เกี่ยวข้อง

    การใช้งาน AI โดยไม่มีการควบคุมอาจนำไปสู่ shadow AI
    ทำให้ข้อมูลรั่วไหลและเกิดการใช้งานที่ไม่ปลอดภัย

    การประเมินความเสี่ยง AI ยังไม่เป็นระบบในหลายองค์กร
    ทำให้ CISO ขาดข้อมูลในการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์

    การใช้ AI โดยไม่มี governance อาจละเมิดกฎหมายหรือจริยธรรม
    เช่น การใช้ข้อมูลลูกค้าโดยไม่ได้รับความยินยอม

    การใช้ framework โดยไม่ปรับให้เหมาะกับ AI อาจไม่ครอบคลุม
    เช่น COBIT หรือ COSO ที่ยังเน้น IT แบบเดิม

    การประเมินความเสี่ยงเฉพาะ use case อาจไม่พอ
    ต้องมีการรวมข้อมูลเพื่อวางแผนเชิงกลยุทธ์ระดับองค์กร

    https://www.csoonline.com/article/4016464/how-ai-is-changing-the-grc-strategy.html
    🎙️ เรื่องเล่าจากโลกองค์กร: เมื่อ AI เปลี่ยนเกม GRC และ CISO ต้องปรับตัวทัน ในอดีต GRC คือการจัดการความเสี่ยงตามกฎระเบียบและจริยธรรม แต่เมื่อ AI โดยเฉพาะ Generative AI เข้ามาในองค์กร ความเสี่ยงใหม่ ๆ เช่น การรั่วไหลของข้อมูล, การตัดสินใจผิดพลาดจากโมเดล, bias, hallucination และการใช้งานโดยไม่มีการควบคุม (shadow AI) ก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว รายงานจาก Check Point พบว่า 1 ใน 80 prompts ที่ส่งจากอุปกรณ์องค์กรไปยัง AI มีความเสี่ยงต่อการรั่วไหลของข้อมูลสำคัญ ขณะที่รายงานจาก Lenovo ระบุว่า มีเพียง 24% ขององค์กรที่มีนโยบาย GRC สำหรับ AI อย่างจริงจัง CISO จึงต้องทำหน้าที่สองด้าน คือ สนับสนุนการใช้งาน AI เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และในขณะเดียวกันก็ต้องวางกรอบความปลอดภัยและการกำกับดูแลอย่างรัดกุม โดยใช้แนวทางเชิงกลยุทธ์และเชิงปฏิบัติ เช่น การจัดประเภท AI ด้วยระบบไฟจราจร (แดง-เหลือง-เขียว), การสร้าง model card สำหรับแต่ละ use case, และการใช้ framework เช่น NIST AI RMF, ISO/IEC 42001, FAIR, COSO, COBIT เพื่อประเมินความเสี่ยงทั้งเชิงคุณภาพและเชิงปริมาณ ✅ AI เปลี่ยนแปลงแนวทาง GRC อย่างมีนัยสำคัญ ➡️ เพิ่มความเสี่ยงใหม่ เช่น shadow AI, bias, hallucination, legal risk ✅ รายงานจาก Check Point พบว่า 1.25% ของ prompts มีความเสี่ยงรั่วไหล ➡️ เป็นภัยที่เกิดจากการใช้งาน AI โดยไม่มีกลไกควบคุม ✅ มีเพียง 24% ขององค์กรที่มีนโยบาย AI GRC ครบถ้วน ➡️ จากรายงาน Lenovo CIO Playbook ปี 2025 ✅ CISO ต้องทำหน้าที่สองด้าน: สนับสนุน AI และควบคุมความเสี่ยง ➡️ ต้องใช้แนวทางเชิงกลยุทธ์และ tactical พร้อมกัน ✅ แนวทาง tactical เช่น secure-by-design, shadow AI discovery, AI inventory ➡️ ใช้จัดการ AI ขนาดเล็กที่กระจายอยู่ใน SaaS และผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ✅ แนวทาง strategic ใช้กับ AI ขนาดใหญ่ เช่น Copilot, ChatGPT ➡️ ควบคุมผ่าน internal oversight forum และการจัดลำดับความเสี่ยง ✅ Framework ที่แนะนำ: NIST AI RMF, ISO/IEC 42001, FAIR, COSO, COBIT ➡️ ใช้ประเมินความเสี่ยง AI ทั้งเชิงคุณภาพและเชิงปริมาณ ✅ การจัดประเภท AI ด้วยระบบไฟจราจร (แดง-เหลือง-เขียว) ➡️ ช่วยให้พนักงานเข้าใจและใช้งาน AI ได้อย่างปลอดภัย ✅ การสร้าง model card สำหรับแต่ละ use case ➡️ ระบุ input, output, data flow, third party, และความเสี่ยงที่เกี่ยวข้อง ‼️ การใช้งาน AI โดยไม่มีการควบคุมอาจนำไปสู่ shadow AI ⛔ ทำให้ข้อมูลรั่วไหลและเกิดการใช้งานที่ไม่ปลอดภัย ‼️ การประเมินความเสี่ยง AI ยังไม่เป็นระบบในหลายองค์กร ⛔ ทำให้ CISO ขาดข้อมูลในการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ ‼️ การใช้ AI โดยไม่มี governance อาจละเมิดกฎหมายหรือจริยธรรม ⛔ เช่น การใช้ข้อมูลลูกค้าโดยไม่ได้รับความยินยอม ‼️ การใช้ framework โดยไม่ปรับให้เหมาะกับ AI อาจไม่ครอบคลุม ⛔ เช่น COBIT หรือ COSO ที่ยังเน้น IT แบบเดิม ‼️ การประเมินความเสี่ยงเฉพาะ use case อาจไม่พอ ⛔ ต้องมีการรวมข้อมูลเพื่อวางแผนเชิงกลยุทธ์ระดับองค์กร https://www.csoonline.com/article/4016464/how-ai-is-changing-the-grc-strategy.html
    WWW.CSOONLINE.COM
    How AI is changing the GRC strategy
    CISOs find themselves at a pinch-point needing to manage AI risks while supporting organizational innovation. The way forward is adapting GRC frameworks.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 34 มุมมอง 0 รีวิว
  • เริ่มนับหนึ่ง MRT3 Circle Line รถไฟฟ้าวงแหวนรอบนอก KL

    หลังจากประเทศมาเลเซียพัฒนารถไฟฟ้าไปทั่วกรุงกัวลาลัมเปอร์และหุบเขาแคลงมาแล้ว 12 เส้นทาง ล่าสุดโครงการรถไฟฟ้า MRT3 Circle Line ของบริษัท มาเลเซีย แรพิด ทรานซิท คอร์ปอเรชัน (MRT Corp) นายแอนโทนี่ โลค รมว.คมนาคมมาเลเซีย ได้อนุมัติลงนามโครงการในขั้นตอนสุดท้ายเรียบร้อยแล้ว หลังเปิดรับฟังความคิดเห็นจากประชาชน 45,000 ราย พบว่ามีผู้สนับสนุนโครงการ 93.3% นับจากนี้จะเริ่มกระบวนการจัดซื้อที่ดินตามแนวเส้นทาง 690 แปลงภายในปี 2569 ก่อนประกวดราคาและก่อสร้างต่อไป

    สำหรับโครงการรถไฟฟ้า MRT3 Circle Line มีระยะทาง 51 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางวนรอบ 73 นาที แบ่งเป็นทางรถไฟยกระดับ 39 กิโลเมตร และทางรถไฟใต้ดิน 12 กิโลเมตร เริ่มต้นจากสถานีบูกิต เคียรา เซลาตัน (Bukit Kiara Selatan) เชื่อมต่อกับรถไฟฟ้า MRT Kajang Line วนตามเข็มนาฬิกาจากทิศตะวันตกไปทางทิศตะวันออก มีสถานีทั้งหมด 32 สถานี แบ่งเป็นสถานียกระดับ 22 สถานี สถานีใต้ดิน 7 สถานี รองรับผู้โดยสาร 25,000 คนต่อชั่วโมงต่อทิศทาง ให้บริการผู้โดยสารรอบนอกกรุงกัวลาลัมเปอร์ และเชื่อมต่อเส้นทางรถไฟฟ้าสายอื่นแบบบูรณาการ สามารถเดินทางระหว่างกันได้อย่างราบรื่น

    เชื่อมต่อรถไฟฟ้าสายต่างๆ ได้แก่ สถานีคอมเพล็กซ์ ดูตา (Kompleks Duta) เชื่อมต่อรถไฟ KTM Tanjung Malim-Port Klang Line, สถานีตีตี้วังซา (Titiwangsa) เชื่อมต่อกับรถไฟฟ้า 4 สาย ได้แก่ LRT Ampang Line, LRT Sri Petaling Line, KL Monorail Line and MRT Putrajaya Line, สถานีเซเตียวังซา (Setiawangsa) เชื่อมต่อรถไฟ LRT Kelana Jaya Line, สถานีพันดัน อินดาห์ (Pandan Indah) เชื่อมต่อรถไฟฟ้า LRT Ampang Line,

    สถานีตามันมิดาห์ (Taman Midah) เชื่อมต่อรถไฟ MRT Kajang Line, สถานีซาลัคเซลาตัน (Salak Selatan) เชื่อมต่อรถไฟฟ้า LRT Sri Petaling Line, สถานีกูชาย (Kuchai) เชื่อมต่อรถไฟฟ้า MRT Putrajaya Line, สถานีพันทายดาลัม (Pantai Dalam) เชื่อมต่อรถไฟ KTM Tanjung Malim-Port Klang Line, สถานียูนิเวอร์ซิตี้ (Universiti) เชื่อมต่อรถไฟฟ้า LRT Kelana Jaya Line

    ผ่านสถานที่สำคัญ ได้แก่ ศูนย์นิทรรศการและการค้าระหว่างประเทศมาเลเซีย (MITEC) สถานีดูตามาส (Dutamas), โรงพยาบาลเฉพาะทาง Pusat Perubatan Universiti Kebangsaan Malaysia (PPUKM) and UKM Child Specialist Hospital สถานีจาลันยาโคบลาทิฟ (Jalan Yaacob Latif), ศูนย์การค้าเคแอลเกตเวย์มอลล์ สถานียูนิเวอร์ซิตี้ และศูนย์การแพทย์มหาวิทยาลัยมาลายา (University of Malaya Medical Centre) สถานียูเอ็ม (UM) เป็นต้น

    #Newskit
    เริ่มนับหนึ่ง MRT3 Circle Line รถไฟฟ้าวงแหวนรอบนอก KL หลังจากประเทศมาเลเซียพัฒนารถไฟฟ้าไปทั่วกรุงกัวลาลัมเปอร์และหุบเขาแคลงมาแล้ว 12 เส้นทาง ล่าสุดโครงการรถไฟฟ้า MRT3 Circle Line ของบริษัท มาเลเซีย แรพิด ทรานซิท คอร์ปอเรชัน (MRT Corp) นายแอนโทนี่ โลค รมว.คมนาคมมาเลเซีย ได้อนุมัติลงนามโครงการในขั้นตอนสุดท้ายเรียบร้อยแล้ว หลังเปิดรับฟังความคิดเห็นจากประชาชน 45,000 ราย พบว่ามีผู้สนับสนุนโครงการ 93.3% นับจากนี้จะเริ่มกระบวนการจัดซื้อที่ดินตามแนวเส้นทาง 690 แปลงภายในปี 2569 ก่อนประกวดราคาและก่อสร้างต่อไป สำหรับโครงการรถไฟฟ้า MRT3 Circle Line มีระยะทาง 51 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางวนรอบ 73 นาที แบ่งเป็นทางรถไฟยกระดับ 39 กิโลเมตร และทางรถไฟใต้ดิน 12 กิโลเมตร เริ่มต้นจากสถานีบูกิต เคียรา เซลาตัน (Bukit Kiara Selatan) เชื่อมต่อกับรถไฟฟ้า MRT Kajang Line วนตามเข็มนาฬิกาจากทิศตะวันตกไปทางทิศตะวันออก มีสถานีทั้งหมด 32 สถานี แบ่งเป็นสถานียกระดับ 22 สถานี สถานีใต้ดิน 7 สถานี รองรับผู้โดยสาร 25,000 คนต่อชั่วโมงต่อทิศทาง ให้บริการผู้โดยสารรอบนอกกรุงกัวลาลัมเปอร์ และเชื่อมต่อเส้นทางรถไฟฟ้าสายอื่นแบบบูรณาการ สามารถเดินทางระหว่างกันได้อย่างราบรื่น เชื่อมต่อรถไฟฟ้าสายต่างๆ ได้แก่ สถานีคอมเพล็กซ์ ดูตา (Kompleks Duta) เชื่อมต่อรถไฟ KTM Tanjung Malim-Port Klang Line, สถานีตีตี้วังซา (Titiwangsa) เชื่อมต่อกับรถไฟฟ้า 4 สาย ได้แก่ LRT Ampang Line, LRT Sri Petaling Line, KL Monorail Line and MRT Putrajaya Line, สถานีเซเตียวังซา (Setiawangsa) เชื่อมต่อรถไฟ LRT Kelana Jaya Line, สถานีพันดัน อินดาห์ (Pandan Indah) เชื่อมต่อรถไฟฟ้า LRT Ampang Line, สถานีตามันมิดาห์ (Taman Midah) เชื่อมต่อรถไฟ MRT Kajang Line, สถานีซาลัคเซลาตัน (Salak Selatan) เชื่อมต่อรถไฟฟ้า LRT Sri Petaling Line, สถานีกูชาย (Kuchai) เชื่อมต่อรถไฟฟ้า MRT Putrajaya Line, สถานีพันทายดาลัม (Pantai Dalam) เชื่อมต่อรถไฟ KTM Tanjung Malim-Port Klang Line, สถานียูนิเวอร์ซิตี้ (Universiti) เชื่อมต่อรถไฟฟ้า LRT Kelana Jaya Line ผ่านสถานที่สำคัญ ได้แก่ ศูนย์นิทรรศการและการค้าระหว่างประเทศมาเลเซีย (MITEC) สถานีดูตามาส (Dutamas), โรงพยาบาลเฉพาะทาง Pusat Perubatan Universiti Kebangsaan Malaysia (PPUKM) and UKM Child Specialist Hospital สถานีจาลันยาโคบลาทิฟ (Jalan Yaacob Latif), ศูนย์การค้าเคแอลเกตเวย์มอลล์ สถานียูนิเวอร์ซิตี้ และศูนย์การแพทย์มหาวิทยาลัยมาลายา (University of Malaya Medical Centre) สถานียูเอ็ม (UM) เป็นต้น #Newskit
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 79 มุมมอง 0 รีวิว
  • Pontianak เมืองกลางเส้นศูนย์สูตร

    ปอนเตียนัค (Pontianak) จังหวัดกาลิมันตันตะวันตก บนเกาะกาลิมันตัน ประเทศอินโดนีเซีย หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่าเกาะบอร์เนียว ในประเทศมาเลเซีย เป็นเกาะที่มีขนาดใหญ่อันดับ 3 ของโลก ประกอบด้วย 3 ประเทศ ได้แก่ อินโดนีเซีย มาเลเซีย และบรูไน อุดมสมบูรณ์ด้วยทรัพยากรธรรมชาติ เช่น ถ่านหิน น้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ รวมถึงยังเป็นที่ตั้งของป่าฝนเขตร้อนขนาดใหญ่ที่สุดที่ยังคงหลงเหลืออยู่

    สำหรับปอนเตียนัคเป็นเมืองเดียวในโลกที่ตั้งอยู่บนเส้นศูนย์สูตร (Equator) ที่แบ่งโลกออกเป็นซีกเหนือและซีกใต้พอดี จากทั้งหมดนับพันเมืองใน 12 ประเทศ โดยมีแลนด์มาร์คหลักคือ อนุสาวรีย์เส้นศูนย์สูตร (Equator Monument) ที่ย่านซินตัง (Sintang) สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1928 เพื่อบ่งชี้ตำแหน่งของเส้นศูนย์สูตรที่ระดับ 0 องศา จากเทคโนโลยีในยุคนั้น โดยมีนักสำรวจชาวดัตช์เป็นผู้ระบุจุดดังกล่าว โดยใช้เสาไม้เหล็ก (ironwood) จำนวน 4 ต้น พร้อมลูกศรบอกทิศทาง

    ต่อมามีการปรับปรุงและต่อเติมหลายครั้ง เช่น การสร้างโดมขึ้นในปี ค.ศ. 1990 ทำให้อนุสาวรีย์ใหญ่กว่าเดิม 5 เท่า ภายในมีข้อมูลทางประวัติศาสตร์จัดแสดงไว้ รวมถึงพิพิธภัณฑ์ขนาดย่อมอยู่ด้านใน สิ่งมหัศจรรย์ทางธรรมชาติกิดขึ้นที่นี่ปีละ 2 ครั้ง เมื่อดวงอาทิตย์ขึ้นสูงสุดบนศีรษะ (Sun at zenith) บนเส้นศูนย์สูตร คือ วันที่ 21–23 มี.ค. (ช่วงวสันตวิษุวัต – Vernal Equinox) และวันที่ 21–23 ก.ย. (ช่วงศารทวิษุวัต – Autumnal Equinox) ทำให้เกิดปรากฏการณ์ไม่มีเงา ผู้คนจะมาร่วมกิจกรรมพิเศษในช่วงเวลา 5 นาที ที่ร้อนที่สุดบนเกาะกาลิมันตัน

    นอกจากนี้ ยังมีเทศกาลประจำท้องถิ่น ที่สะท้อนให้เห็นถึงความร่วมแรงร่วมใจของชุมชน ได้แก่ เมอเรียมการ์บิต (Meriam Karbit) ประเพณีดั้งเดิมของชาวมลายู ใช้ปืนใหญ่ทำจากไม้ หรือเหล็ก ตั้งอยู่ริมแม่น้ำ กาปัวส์ (Kapuas River) แล้วใช้ก๊าซการ์บิตเป็นเชื้อเพลิงจุดระเบิดให้เกิดเสียงดังสนั่น เสียงกึกก้องทั่วเมืองยามค่ำคืน สร้างความตื่นเต้นแก่ชาวเมืองและนักท่องเที่ยว จัดขึ้นในช่วงวันสิ้นสุดเดือนรอมฎอน หรือวันอีดิลฟิฏร์

    การเดินทางจากกรุงเทพฯ ต้องนั่งเครื่องบินไปลงที่ท่าอากาศยานนานาชาติซูการ์โน-ฮัตตา กรุงจาการ์ตา (CGK) หลังจากนั้นต่อเครื่องไปยังท่าอากาศยานนานาชาติสุปาดีโอ (PNK) โดยมีเที่ยวบินระหว่างจาการ์ตากับเมืองปอนเตียนัครวม 240 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ นอกจากนี้ หากเดินทางจากประเทศบรูไน หรือเมืองกูชิง รัฐซาราวัก ประเทศมาเลเซีย มีรถโดยสารประจำทางของบริษัทดามรี (Damri) ใช้เวลาเดินทางจากเมืองกูชิงผ่านด่านเอนติกง (Entikong) ประมาณ 8 ชั่วโมง

    #Newskit
    Pontianak เมืองกลางเส้นศูนย์สูตร ปอนเตียนัค (Pontianak) จังหวัดกาลิมันตันตะวันตก บนเกาะกาลิมันตัน ประเทศอินโดนีเซีย หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่าเกาะบอร์เนียว ในประเทศมาเลเซีย เป็นเกาะที่มีขนาดใหญ่อันดับ 3 ของโลก ประกอบด้วย 3 ประเทศ ได้แก่ อินโดนีเซีย มาเลเซีย และบรูไน อุดมสมบูรณ์ด้วยทรัพยากรธรรมชาติ เช่น ถ่านหิน น้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ รวมถึงยังเป็นที่ตั้งของป่าฝนเขตร้อนขนาดใหญ่ที่สุดที่ยังคงหลงเหลืออยู่ สำหรับปอนเตียนัคเป็นเมืองเดียวในโลกที่ตั้งอยู่บนเส้นศูนย์สูตร (Equator) ที่แบ่งโลกออกเป็นซีกเหนือและซีกใต้พอดี จากทั้งหมดนับพันเมืองใน 12 ประเทศ โดยมีแลนด์มาร์คหลักคือ อนุสาวรีย์เส้นศูนย์สูตร (Equator Monument) ที่ย่านซินตัง (Sintang) สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1928 เพื่อบ่งชี้ตำแหน่งของเส้นศูนย์สูตรที่ระดับ 0 องศา จากเทคโนโลยีในยุคนั้น โดยมีนักสำรวจชาวดัตช์เป็นผู้ระบุจุดดังกล่าว โดยใช้เสาไม้เหล็ก (ironwood) จำนวน 4 ต้น พร้อมลูกศรบอกทิศทาง ต่อมามีการปรับปรุงและต่อเติมหลายครั้ง เช่น การสร้างโดมขึ้นในปี ค.ศ. 1990 ทำให้อนุสาวรีย์ใหญ่กว่าเดิม 5 เท่า ภายในมีข้อมูลทางประวัติศาสตร์จัดแสดงไว้ รวมถึงพิพิธภัณฑ์ขนาดย่อมอยู่ด้านใน สิ่งมหัศจรรย์ทางธรรมชาติกิดขึ้นที่นี่ปีละ 2 ครั้ง เมื่อดวงอาทิตย์ขึ้นสูงสุดบนศีรษะ (Sun at zenith) บนเส้นศูนย์สูตร คือ วันที่ 21–23 มี.ค. (ช่วงวสันตวิษุวัต – Vernal Equinox) และวันที่ 21–23 ก.ย. (ช่วงศารทวิษุวัต – Autumnal Equinox) ทำให้เกิดปรากฏการณ์ไม่มีเงา ผู้คนจะมาร่วมกิจกรรมพิเศษในช่วงเวลา 5 นาที ที่ร้อนที่สุดบนเกาะกาลิมันตัน นอกจากนี้ ยังมีเทศกาลประจำท้องถิ่น ที่สะท้อนให้เห็นถึงความร่วมแรงร่วมใจของชุมชน ได้แก่ เมอเรียมการ์บิต (Meriam Karbit) ประเพณีดั้งเดิมของชาวมลายู ใช้ปืนใหญ่ทำจากไม้ หรือเหล็ก ตั้งอยู่ริมแม่น้ำ กาปัวส์ (Kapuas River) แล้วใช้ก๊าซการ์บิตเป็นเชื้อเพลิงจุดระเบิดให้เกิดเสียงดังสนั่น เสียงกึกก้องทั่วเมืองยามค่ำคืน สร้างความตื่นเต้นแก่ชาวเมืองและนักท่องเที่ยว จัดขึ้นในช่วงวันสิ้นสุดเดือนรอมฎอน หรือวันอีดิลฟิฏร์ การเดินทางจากกรุงเทพฯ ต้องนั่งเครื่องบินไปลงที่ท่าอากาศยานนานาชาติซูการ์โน-ฮัตตา กรุงจาการ์ตา (CGK) หลังจากนั้นต่อเครื่องไปยังท่าอากาศยานนานาชาติสุปาดีโอ (PNK) โดยมีเที่ยวบินระหว่างจาการ์ตากับเมืองปอนเตียนัครวม 240 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ นอกจากนี้ หากเดินทางจากประเทศบรูไน หรือเมืองกูชิง รัฐซาราวัก ประเทศมาเลเซีย มีรถโดยสารประจำทางของบริษัทดามรี (Damri) ใช้เวลาเดินทางจากเมืองกูชิงผ่านด่านเอนติกง (Entikong) ประมาณ 8 ชั่วโมง #Newskit
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 85 มุมมอง 0 รีวิว
  • เพิ่งรู้นะว่าได้รับบรรจุเป็นลูกจ้างชั่วคราวที่เทศบาลตำบลบางหลวง เอาละวะ แต่ก็ดีกว่าตอนเป็นลูกจ้างที่ กกต. หน่อย สังคม อปท. นี่ช่างม่วนคักหลายเด้เป็นกันเองเหลือเกินเนาะ
    ทำงานในสังกัด กทม. คงเครียดมาก ไม่มีจังหวะม่วนคักมากพอ
    ผมคิดว่าทำงานเทศบาลหรือ อบต. ตจว. ยังพอม่วนคักได้หลายๆ อย่างน้อยจะได้มีเงินจ่ายค่าเน็ตมือถือและค่าเดินทางไปแก่งกระจานเพื่อพบปะสังสรรค์กับเพื่อนร่วมรุ่นวิศวะ
    เริ่มงานสิงหาคม แต่หมอนัดค่อยว่ากันอีกที ก่อนสิงหาคมไม่แน่อาจจะไปโรงพยาบาลปทุมธานีก่อน เพราะยาขาดแคลนในช่วงนั้น และตอนนี้น่าจะมียาเตรียมไว้สำหรับผแล้วอะนะครับ
    น่าจะทำงานเกิน 4 เดือน ไปก่อน เพื่อเก็บเงินไว้ต่อยอดอะไรได้บ้าง
    เพิ่งรู้นะว่าได้รับบรรจุเป็นลูกจ้างชั่วคราวที่เทศบาลตำบลบางหลวง เอาละวะ แต่ก็ดีกว่าตอนเป็นลูกจ้างที่ กกต. หน่อย สังคม อปท. นี่ช่างม่วนคักหลายเด้เป็นกันเองเหลือเกินเนาะ ทำงานในสังกัด กทม. คงเครียดมาก ไม่มีจังหวะม่วนคักมากพอ ผมคิดว่าทำงานเทศบาลหรือ อบต. ตจว. ยังพอม่วนคักได้หลายๆ อย่างน้อยจะได้มีเงินจ่ายค่าเน็ตมือถือและค่าเดินทางไปแก่งกระจานเพื่อพบปะสังสรรค์กับเพื่อนร่วมรุ่นวิศวะ เริ่มงานสิงหาคม แต่หมอนัดค่อยว่ากันอีกที ก่อนสิงหาคมไม่แน่อาจจะไปโรงพยาบาลปทุมธานีก่อน เพราะยาขาดแคลนในช่วงนั้น และตอนนี้น่าจะมียาเตรียมไว้สำหรับผแล้วอะนะครับ น่าจะทำงานเกิน 4 เดือน ไปก่อน เพื่อเก็บเงินไว้ต่อยอดอะไรได้บ้าง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 15 มุมมอง 0 รีวิว
  • ยกระดับการผลิตของคุณด้วยเครื่องจักรระดับมืออาชีพ!
    สำหรับผู้ประกอบการที่มองหาเครื่องจักรคุณภาพสูงเพื่อยกระดับการผลิตซอส เนยถั่ว หรือผลิตภัณฑ์ที่มีความละเอียดสูงอื่นๆ เครื่อง Colloid Mill 100 จาก BONNY คือคำตอบที่คุณตามหา! เครื่องจักรนี้ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์การใช้งานในระดับอุตสาหกรรมโดยเฉพาะ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่สม่ำเสมอและมีคุณภาพสูงสุด
    ทำไมต้องเลือก Colloid Mill 100 สำหรับธุรกิจของคุณ?
    ประสิทธิภาพการบดเหนือกว่า: ทำงานด้วยระบบเฟืองบดคู่ที่ทรงพลัง ให้ความละเอียดของอนุภาคที่สม่ำเสมอและเนียนกริบ เหมาะสำหรับผลิตภัณฑ์ที่ต้องการเนื้อสัมผัสพิเศษ
    สร้างจากวัสดุคุณภาพสูง: ตัวเครื่องผลิตจากสเตนเลสเกรด 304 แข็งแรงทนทาน ทนต่อการกัดกร่อน และเป็นไปตามมาตรฐานสุขอนามัยสำหรับการผลิตอาหาร
    ระบบที่ออกแบบมาเพื่อการผลิตต่อเนื่อง:
    ระบบไหลวน: ช่วยให้มั่นใจได้ถึงความละเอียดที่ยอดเยี่ยม ลดความจำเป็นในการผ่านกระบวนการซ้ำหลายรอบ
    ระบบหล่อเย็น: ควบคุมอุณหภูมิระหว่างการบดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ป้องกันความร้อนทำลายคุณภาพของวัตถุดิบ
    กำลังการผลิตที่ตอบโจทย์: ด้วยมอเตอร์ขนาด 10 HP. (ไฟ 380 V.) และความเร็วรอบฟันตี 2,800 rpm. สามารถผลิตได้มากถึง 50-100 กก./ชม. พร้อมรองรับการผลิตในปริมาณมาก
    ลงทุนอย่างคุ้มค่า: ขนาดเครื่องกะทัดรัด (88x49x88 ซม.) ประหยัดพื้นที่ในโรงงาน พร้อมรับประกันสินค้านานถึง 1 ปี ให้คุณมั่นใจในทุกการใช้งาน
    อย่ารอช้า! ยกระดับมาตรฐานผลิตภัณฑ์ของคุณ และเพิ่มศักยภาพการแข่งขันในตลาดด้วยเครื่องจักรคุณภาพจาก BONNY
    #ColloidMill #เครื่องจักรโรงงาน #ระดับอุตสาหกรรม #เนยถั่ว #ทำซอส #BONNY #ย่งฮะเฮง #เครื่องแปรรูปอาหาร #เครื่องบด #เครื่องบดละเอียด #โรงงานอาหาร #อุตสาหกรรมอาหาร #ผลิตซอส #ผลิตเนยถั่ว #เครื่องจักรแปรรูป #สแตนเลส304 #เครื่องบดอเนกประสงค์ #เครื่องผลิตอาหาร #เครื่องครัวอุตสาหกรรม #เทคโนโลยีอาหาร #คุณภาพสูง #ประสิทธิภาพสูง #ราคาพิเศษ
    สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมและสั่งซื้อได้ที่:
    ย่งฮะเฮง เครื่องบด ย่อย หั่น สับ สไลซ์ คั้น อัด เลื่อย สำหรับ อาหาร ยา พลังงานหมุนเวียน
    LINE Business ID: @yonghahheng (มี @ ข้างหน้า) หรือคลิก: https://lin.ee/HV4lSKp
    โทร: 02-215-3515-9 หรือ 081-3189098
    เว็บไซต์: www.yoryonghahheng.com
    อีเมล: sales@yoryonghahheng.com
    📢 ยกระดับการผลิตของคุณด้วยเครื่องจักรระดับมืออาชีพ! 🚀 สำหรับผู้ประกอบการที่มองหาเครื่องจักรคุณภาพสูงเพื่อยกระดับการผลิตซอส เนยถั่ว หรือผลิตภัณฑ์ที่มีความละเอียดสูงอื่นๆ เครื่อง Colloid Mill 100 จาก BONNY คือคำตอบที่คุณตามหา! เครื่องจักรนี้ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์การใช้งานในระดับอุตสาหกรรมโดยเฉพาะ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่สม่ำเสมอและมีคุณภาพสูงสุด ✨ ทำไมต้องเลือก Colloid Mill 100 สำหรับธุรกิจของคุณ? ✨ ประสิทธิภาพการบดเหนือกว่า: ทำงานด้วยระบบเฟืองบดคู่ที่ทรงพลัง ให้ความละเอียดของอนุภาคที่สม่ำเสมอและเนียนกริบ เหมาะสำหรับผลิตภัณฑ์ที่ต้องการเนื้อสัมผัสพิเศษ สร้างจากวัสดุคุณภาพสูง: ตัวเครื่องผลิตจากสเตนเลสเกรด 304 แข็งแรงทนทาน ทนต่อการกัดกร่อน และเป็นไปตามมาตรฐานสุขอนามัยสำหรับการผลิตอาหาร ระบบที่ออกแบบมาเพื่อการผลิตต่อเนื่อง: ระบบไหลวน: ช่วยให้มั่นใจได้ถึงความละเอียดที่ยอดเยี่ยม ลดความจำเป็นในการผ่านกระบวนการซ้ำหลายรอบ ระบบหล่อเย็น: ควบคุมอุณหภูมิระหว่างการบดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ป้องกันความร้อนทำลายคุณภาพของวัตถุดิบ กำลังการผลิตที่ตอบโจทย์: ด้วยมอเตอร์ขนาด 10 HP. (ไฟ 380 V.) และความเร็วรอบฟันตี 2,800 rpm. สามารถผลิตได้มากถึง 50-100 กก./ชม. พร้อมรองรับการผลิตในปริมาณมาก ลงทุนอย่างคุ้มค่า: ขนาดเครื่องกะทัดรัด (88x49x88 ซม.) ประหยัดพื้นที่ในโรงงาน พร้อมรับประกันสินค้านานถึง 1 ปี ให้คุณมั่นใจในทุกการใช้งาน อย่ารอช้า! ยกระดับมาตรฐานผลิตภัณฑ์ของคุณ และเพิ่มศักยภาพการแข่งขันในตลาดด้วยเครื่องจักรคุณภาพจาก BONNY #ColloidMill #เครื่องจักรโรงงาน #ระดับอุตสาหกรรม #เนยถั่ว #ทำซอส #BONNY #ย่งฮะเฮง #เครื่องแปรรูปอาหาร #เครื่องบด #เครื่องบดละเอียด #โรงงานอาหาร #อุตสาหกรรมอาหาร #ผลิตซอส #ผลิตเนยถั่ว #เครื่องจักรแปรรูป #สแตนเลส304 #เครื่องบดอเนกประสงค์ #เครื่องผลิตอาหาร #เครื่องครัวอุตสาหกรรม #เทคโนโลยีอาหาร #คุณภาพสูง #ประสิทธิภาพสูง #ราคาพิเศษ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมและสั่งซื้อได้ที่: 📍 ย่งฮะเฮง เครื่องบด ย่อย หั่น สับ สไลซ์ คั้น อัด เลื่อย สำหรับ อาหาร ยา พลังงานหมุนเวียน 📱 LINE Business ID: @yonghahheng (มี @ ข้างหน้า) หรือคลิก: https://lin.ee/HV4lSKp 📞 โทร: 02-215-3515-9 หรือ 081-3189098 🌐 เว็บไซต์: www.yoryonghahheng.com 📧 อีเมล: sales@yoryonghahheng.com
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 63 มุมมอง 0 รีวิว
  • พระบูชาพระหน้ารถหลวงปู่ทวดนิ้วกระดก วัดพุทธาธิวาส เบตง ปี2553
    พระบูชาพระหน้ารถหลวงปู่ทวดพิมพ์นิ้วกระดก หน้าตัก 2 นิ้ว ( หลังตอกโค็ด ) วัดพุทธาธิวาส เบตง ปี2553 // พระดีพิธีขลัง !! มีเกจิหลายท่านร่วมอธิฐานจิตปลุกเสก สร้างน้อย หายาก ในพื้นที่พบเจอน้อย เอามาแบ่งปันครับ // พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ >> //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >>

    ** เหมาะสำหรับบูชาในบ้าน หรือ เหมาะสำหรับตั้งบูชาบนรถ เพืออำนวยโชคลาภ ความมั่งคั่งทรัพย์สินเงินทอง อุดมด้วย ลาภ ยศ ความเจริญรุ่งเรืองดีนักแล” ทั้งเมตตามหานิยม แคล้วคลาด ป้องกันภัย มหาเสน่ห์ มหาอุด รวมทั้งไล่ภูตผี และใช้กันเสนียดจัญไรได้ >>

    ** พระบูชาพระหน้ารถ หลวงปู่ทวดนิ้วกระดกเบตง ปี53 เข้าพิธีปลุกเสกพร้อมรุ่น เลื่อนฯ 53 พิมพ์นี้สร้างตามแบบพิมพ์หลวงปู่ทวด ในวิหารหลวงปู่ทวดที่วัด พุทธธาธิวาส อ. เบตง ที่พระอาจารทิมแห่งวัดช้างให้ ท่านใด้สร้างไว้ เมื่อปี2505 จำนวนการสร้างน้อยมากแทบไม่ค่อยเห็นครับ พระดีพิธีขลัง !! พิธีบวงสรวงและพุทธาภิเษกจัดขึ้นที่วัดพุทธาธิวาส อ.เบตง โดยมีพระเกจิอาจารย์ชื่อดังในพื้นที่ภาคใต้มาร่วมปลุกเสก อาทิ พ่อท่านหวาน วัดสะบ้าย้อย, พ่อท่านเขียว วัดห้วยเงาะ, พ่อท่านคล้าย วัดจันทร์ธาดาประชาราม, ท่านเจ้าคุณพระสุนทรวิสุทธานุวัตร เจ้าอาวาสวัดพุทธาธิวาส. >>


    ** พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ

    ช่องทางติดต่อ
    LINE 0881915131
    โทรศัพท์ 0881915131
    พระบูชาพระหน้ารถหลวงปู่ทวดนิ้วกระดก วัดพุทธาธิวาส เบตง ปี2553 พระบูชาพระหน้ารถหลวงปู่ทวดพิมพ์นิ้วกระดก หน้าตัก 2 นิ้ว ( หลังตอกโค็ด ) วัดพุทธาธิวาส เบตง ปี2553 // พระดีพิธีขลัง !! มีเกจิหลายท่านร่วมอธิฐานจิตปลุกเสก สร้างน้อย หายาก ในพื้นที่พบเจอน้อย เอามาแบ่งปันครับ // พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ >> //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >> ** เหมาะสำหรับบูชาในบ้าน หรือ เหมาะสำหรับตั้งบูชาบนรถ เพืออำนวยโชคลาภ ความมั่งคั่งทรัพย์สินเงินทอง อุดมด้วย ลาภ ยศ ความเจริญรุ่งเรืองดีนักแล” ทั้งเมตตามหานิยม แคล้วคลาด ป้องกันภัย มหาเสน่ห์ มหาอุด รวมทั้งไล่ภูตผี และใช้กันเสนียดจัญไรได้ >> ** พระบูชาพระหน้ารถ หลวงปู่ทวดนิ้วกระดกเบตง ปี53 เข้าพิธีปลุกเสกพร้อมรุ่น เลื่อนฯ 53 พิมพ์นี้สร้างตามแบบพิมพ์หลวงปู่ทวด ในวิหารหลวงปู่ทวดที่วัด พุทธธาธิวาส อ. เบตง ที่พระอาจารทิมแห่งวัดช้างให้ ท่านใด้สร้างไว้ เมื่อปี2505 จำนวนการสร้างน้อยมากแทบไม่ค่อยเห็นครับ พระดีพิธีขลัง !! พิธีบวงสรวงและพุทธาภิเษกจัดขึ้นที่วัดพุทธาธิวาส อ.เบตง โดยมีพระเกจิอาจารย์ชื่อดังในพื้นที่ภาคใต้มาร่วมปลุกเสก อาทิ พ่อท่านหวาน วัดสะบ้าย้อย, พ่อท่านเขียว วัดห้วยเงาะ, พ่อท่านคล้าย วัดจันทร์ธาดาประชาราม, ท่านเจ้าคุณพระสุนทรวิสุทธานุวัตร เจ้าอาวาสวัดพุทธาธิวาส. >> ** พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ ช่องทางติดต่อ LINE 0881915131 โทรศัพท์ 0881915131
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 36 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากโลกไซเบอร์: เมื่อมัลแวร์ซ่อนตัวอยู่ใน DNS ที่เราใช้ทุกวัน

    DNS (Domain Name System) คือระบบที่ทำให้เราสามารถพิมพ์ชื่อเว็บไซต์ เช่น tomshardware.com แล้วเข้าถึงเซิร์ฟเวอร์ปลายทางได้โดยไม่ต้องจำหมายเลข IP ซึ่งเป็นหัวใจของการใช้งานอินเทอร์เน็ตในทุกวันนี้

    แต่ล่าสุด DomainTools พบว่ามีการฝังมัลแวร์ไว้ใน DNS TXT records ซึ่งเป็นช่องทางที่เว็บไซต์ใช้เก็บข้อมูลข้อความ เช่น SPF หรือ DKIM สำหรับอีเมล โดยแฮกเกอร์สามารถซ่อนไฟล์มัลแวร์ไว้ในรูปแบบ “magic file bytes” ที่โปรแกรมใช้ระบุชนิดไฟล์ เช่น .exe หรือ .jpg ได้อย่างแนบเนียน

    มัลแวร์ที่พบส่วนใหญ่เป็น “prank software” เช่น โปรแกรมแสดงภาพตลก ข้อความหลอก หรือแอนิเมชันที่รบกวนการใช้งาน แต่ยังพบ “stagers” ที่อาจใช้ติดตั้งมัลแวร์ควบคุมระบบจากระยะไกล เช่น Covenant C2 ซึ่งเคยถูกใช้ในช่วงปี 2021–2022

    การซ่อนข้อมูลใน DNS ไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่การใช้เพื่อส่งไฟล์หรือควบคุมระบบถือเป็นการยกระดับการโจมตีที่อันตรายและยากต่อการตรวจจับ เพราะ DNS เป็นระบบที่ทุกอุปกรณ์ต้องใช้ และมักถูกมองว่า “ปลอดภัยโดยธรรมชาติ”

    นักวิจัยจาก DomainTools พบมัลแวร์ฝังอยู่ใน DNS TXT records
    ใช้ “magic file bytes” เพื่อซ่อนไฟล์มัลแวร์ในรูปแบบข้อความ

    มัลแวร์ที่พบเป็น prank software และ stagers สำหรับ Covenant C2
    ถูกใช้ในช่วงปี 2021–2022 เพื่อควบคุมระบบจากระยะไกล

    DNS เป็นระบบที่ใช้เชื่อมโยงชื่อเว็บไซต์กับหมายเลข IP
    ทุกอุปกรณ์ต้องใช้ DNS ในการเข้าถึงอินเทอร์เน็ต

    การซ่อนข้อมูลใน DNS เคยถูกใช้เพื่อสร้างระบบไฟล์แบบข้อความ
    แต่ล่าสุดพบว่ามีการซ่อนภาพและไฟล์ executable ได้ด้วย

    DomainTools เริ่มตรวจสอบ DNS RDATA TXT records เพื่อหาไฟล์ต้องสงสัย
    โดยค้นหา magic bytes ของไฟล์ทั่วไป เช่น .exe, .jpg, .zip

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/cyber-security/mmalware-found-embedded-in-dns-the-system-that-makes-the-internet-usable-except-when-it-doesnt
    🎙️ เรื่องเล่าจากโลกไซเบอร์: เมื่อมัลแวร์ซ่อนตัวอยู่ใน DNS ที่เราใช้ทุกวัน DNS (Domain Name System) คือระบบที่ทำให้เราสามารถพิมพ์ชื่อเว็บไซต์ เช่น tomshardware.com แล้วเข้าถึงเซิร์ฟเวอร์ปลายทางได้โดยไม่ต้องจำหมายเลข IP ซึ่งเป็นหัวใจของการใช้งานอินเทอร์เน็ตในทุกวันนี้ แต่ล่าสุด DomainTools พบว่ามีการฝังมัลแวร์ไว้ใน DNS TXT records ซึ่งเป็นช่องทางที่เว็บไซต์ใช้เก็บข้อมูลข้อความ เช่น SPF หรือ DKIM สำหรับอีเมล โดยแฮกเกอร์สามารถซ่อนไฟล์มัลแวร์ไว้ในรูปแบบ “magic file bytes” ที่โปรแกรมใช้ระบุชนิดไฟล์ เช่น .exe หรือ .jpg ได้อย่างแนบเนียน มัลแวร์ที่พบส่วนใหญ่เป็น “prank software” เช่น โปรแกรมแสดงภาพตลก ข้อความหลอก หรือแอนิเมชันที่รบกวนการใช้งาน แต่ยังพบ “stagers” ที่อาจใช้ติดตั้งมัลแวร์ควบคุมระบบจากระยะไกล เช่น Covenant C2 ซึ่งเคยถูกใช้ในช่วงปี 2021–2022 การซ่อนข้อมูลใน DNS ไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่การใช้เพื่อส่งไฟล์หรือควบคุมระบบถือเป็นการยกระดับการโจมตีที่อันตรายและยากต่อการตรวจจับ เพราะ DNS เป็นระบบที่ทุกอุปกรณ์ต้องใช้ และมักถูกมองว่า “ปลอดภัยโดยธรรมชาติ” ✅ นักวิจัยจาก DomainTools พบมัลแวร์ฝังอยู่ใน DNS TXT records ➡️ ใช้ “magic file bytes” เพื่อซ่อนไฟล์มัลแวร์ในรูปแบบข้อความ ✅ มัลแวร์ที่พบเป็น prank software และ stagers สำหรับ Covenant C2 ➡️ ถูกใช้ในช่วงปี 2021–2022 เพื่อควบคุมระบบจากระยะไกล ✅ DNS เป็นระบบที่ใช้เชื่อมโยงชื่อเว็บไซต์กับหมายเลข IP ➡️ ทุกอุปกรณ์ต้องใช้ DNS ในการเข้าถึงอินเทอร์เน็ต ✅ การซ่อนข้อมูลใน DNS เคยถูกใช้เพื่อสร้างระบบไฟล์แบบข้อความ ➡️ แต่ล่าสุดพบว่ามีการซ่อนภาพและไฟล์ executable ได้ด้วย ✅ DomainTools เริ่มตรวจสอบ DNS RDATA TXT records เพื่อหาไฟล์ต้องสงสัย ➡️ โดยค้นหา magic bytes ของไฟล์ทั่วไป เช่น .exe, .jpg, .zip https://www.tomshardware.com/tech-industry/cyber-security/mmalware-found-embedded-in-dns-the-system-that-makes-the-internet-usable-except-when-it-doesnt
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    Malware found embedded in DNS, the system that makes the internet usable, except when it doesn't
    Fortunately, the example provided appears to be "prank software" rather than more sophisticated malware.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 123 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากโลกชิปโน้ตบุ๊ก: Nova Lake-AX จาก Intel กับภารกิจโค่น Strix Halo

    Intel กำลังพัฒนา Nova Lake-AX ซึ่งเป็นชิปโน้ตบุ๊กแบบ APU ที่รวม CPU และ GPU ไว้ในตัวเดียว โดยมีเป้าหมายเพื่อแข่งขันกับ AMD Strix Halo ที่สามารถให้ประสิทธิภาพกราฟิกเทียบเท่าการ์ดจอแยกระดับ RTX 4070

    Nova Lake-AX จะเป็นครั้งแรกที่ Intel ใช้รหัส “AX” ในสายผลิตภัณฑ์ โดยคาดว่าจะมีสเปกใกล้เคียงกับ Core Ultra 9 285HX ที่มี GPU 4 คอร์ และ Arrow Lake-HX ที่มี 6–8 P-core และ 8–16 E-core โดยไม่มี hyperthreading เพื่อประหยัดพลังงาน

    ในฝั่ง AMD Strix Halo รุ่นสูงสุดคือ Ryzen AI Max+ 395 ที่มี 40 GPU compute units และรองรับ RAM แบบ soldered สูงสุดถึง 128GB ซึ่งให้ประสิทธิภาพสูงแต่ไม่สามารถอัปเกรด RAM ได้

    Nova Lake-AX คาดว่าจะใช้แพ็กเกจ BGA2540 แบบเดียวกับ Panther Lake-HX และเปิดตัวในปี 2026 โดยรุ่นสำหรับโน้ตบุ๊กอาจวางจำหน่ายจริงในต้นปี 2027

    Intel เตรียมเปิดตัวชิปโน้ตบุ๊ก Nova Lake-AX แบบ APU
    รวม CPU และ GPU ไว้ในตัวเดียวเพื่อรองรับงานกราฟิกระดับสูง

    Nova Lake-AX ถูกออกแบบมาเพื่อแข่งขันกับ AMD Strix Halo
    โดยเฉพาะรุ่น Ryzen AI Max+ 395 ที่มี GPU 40 compute units

    เป็นครั้งแรกที่ Intel ใช้รหัส “AX” ในสายผลิตภัณฑ์
    สื่อถึงชิปที่เน้นกราฟิกในระดับสูงสำหรับเกมและงานสร้างสรรค์

    Arrow Lake-HX ไม่มี hyperthreading เพื่อประหยัดพลังงาน
    มี 6–8 P-core และ 8–16 E-core พร้อม TDP 55–160W

    AMD Strix Halo รองรับ RAM แบบ soldered สูงสุด 128GB
    ให้ประสิทธิภาพสูงแต่ไม่สามารถอัปเกรด RAM ได้ภายหลัง

    Nova Lake-AX คาดว่าจะใช้แพ็กเกจ BGA2540
    แบบเดียวกับ Panther Lake-HX สำหรับโน้ตบุ๊กระดับสูง

    ชิป Nova Lake คาดว่าจะเปิดตัวในปี 2026
    รุ่นโน้ตบุ๊กอาจวางจำหน่ายจริงในต้นปี 2027

    https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/intel-reportedly-prepping-supercharged-nova-lake-ax-mobile-chips-for-gaming-team-blues-high-performance-apu-to-rival-amds-strix-halo
    🎙️ เรื่องเล่าจากโลกชิปโน้ตบุ๊ก: Nova Lake-AX จาก Intel กับภารกิจโค่น Strix Halo Intel กำลังพัฒนา Nova Lake-AX ซึ่งเป็นชิปโน้ตบุ๊กแบบ APU ที่รวม CPU และ GPU ไว้ในตัวเดียว โดยมีเป้าหมายเพื่อแข่งขันกับ AMD Strix Halo ที่สามารถให้ประสิทธิภาพกราฟิกเทียบเท่าการ์ดจอแยกระดับ RTX 4070 Nova Lake-AX จะเป็นครั้งแรกที่ Intel ใช้รหัส “AX” ในสายผลิตภัณฑ์ โดยคาดว่าจะมีสเปกใกล้เคียงกับ Core Ultra 9 285HX ที่มี GPU 4 คอร์ และ Arrow Lake-HX ที่มี 6–8 P-core และ 8–16 E-core โดยไม่มี hyperthreading เพื่อประหยัดพลังงาน ในฝั่ง AMD Strix Halo รุ่นสูงสุดคือ Ryzen AI Max+ 395 ที่มี 40 GPU compute units และรองรับ RAM แบบ soldered สูงสุดถึง 128GB ซึ่งให้ประสิทธิภาพสูงแต่ไม่สามารถอัปเกรด RAM ได้ Nova Lake-AX คาดว่าจะใช้แพ็กเกจ BGA2540 แบบเดียวกับ Panther Lake-HX และเปิดตัวในปี 2026 โดยรุ่นสำหรับโน้ตบุ๊กอาจวางจำหน่ายจริงในต้นปี 2027 ✅ Intel เตรียมเปิดตัวชิปโน้ตบุ๊ก Nova Lake-AX แบบ APU ➡️ รวม CPU และ GPU ไว้ในตัวเดียวเพื่อรองรับงานกราฟิกระดับสูง ✅ Nova Lake-AX ถูกออกแบบมาเพื่อแข่งขันกับ AMD Strix Halo ➡️ โดยเฉพาะรุ่น Ryzen AI Max+ 395 ที่มี GPU 40 compute units ✅ เป็นครั้งแรกที่ Intel ใช้รหัส “AX” ในสายผลิตภัณฑ์ ➡️ สื่อถึงชิปที่เน้นกราฟิกในระดับสูงสำหรับเกมและงานสร้างสรรค์ ✅ Arrow Lake-HX ไม่มี hyperthreading เพื่อประหยัดพลังงาน ➡️ มี 6–8 P-core และ 8–16 E-core พร้อม TDP 55–160W ✅ AMD Strix Halo รองรับ RAM แบบ soldered สูงสุด 128GB ➡️ ให้ประสิทธิภาพสูงแต่ไม่สามารถอัปเกรด RAM ได้ภายหลัง ✅ Nova Lake-AX คาดว่าจะใช้แพ็กเกจ BGA2540 ➡️ แบบเดียวกับ Panther Lake-HX สำหรับโน้ตบุ๊กระดับสูง ✅ ชิป Nova Lake คาดว่าจะเปิดตัวในปี 2026 ➡️ รุ่นโน้ตบุ๊กอาจวางจำหน่ายจริงในต้นปี 2027 https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/intel-reportedly-prepping-supercharged-nova-lake-ax-mobile-chips-for-gaming-team-blues-high-performance-apu-to-rival-amds-strix-halo
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 106 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากโลกกราฟิกเกม: Intel เปิดตัว CGVQM เครื่องมือ AI วัดคุณภาพภาพเกมแบบเรียลไทม์

    ในยุคที่เกมสมัยใหม่ใช้เทคนิคเรนเดอร์ขั้นสูง เช่น supersampling, denoising, frame interpolation และ shading แบบปรับอัตราอัตโนมัติ การประเมินคุณภาพภาพด้วยสายตาอาจไม่แม่นยำพอ Intel จึงเปิดตัว CGVQM ซึ่งเป็นโมเดล AI ที่สามารถวิเคราะห์และให้คะแนนคุณภาพภาพของเกมได้อย่างแม่นยำและเป็นกลาง

    CGVQM ประกอบด้วย 2 ส่วนหลัก:
    1️⃣ ชุดข้อมูลวิดีโอ CGVQD ที่รวบรวมตัวอย่างภาพผิดเพี้ยนจากเทคนิคเรนเดอร์ต่าง ๆ
    2️⃣ โมเดล AI แบบ 3D-ResNet ที่ถูกฝึกให้รู้จักความผิดเพี้ยน เช่น ghosting, flicker, aliasing และ disocclusion โดยเทียบกับการให้คะแนนจากมนุษย์

    ผลการทดสอบพบว่า CGVQM-5 มีความแม่นยำใกล้เคียงกับการประเมินของมนุษย์ ส่วน CGVQM-2 ก็ยังติดอันดับ 3 จากเครื่องมือทั้งหมดที่นำมาทดสอบ

    เครื่องมือนี้เปิดให้ใช้งานฟรีบน GitHub ในรูปแบบ PyTorch application และสามารถนำไปใช้วิเคราะห์คุณภาพภาพของเกมหรือแอปพลิเคชันกราฟิกแบบเรียลไทม์ได้ทันที

    Intel เปิดตัว CGVQM เครื่องมือ AI สำหรับวัดคุณภาพภาพเกม
    ใช้โมเดล 3D convolutional neural network (3D-ResNet-18)

    CGVQM ประเมินภาพผิดเพี้ยนจากเทคนิคเรนเดอร์สมัยใหม่
    เช่น DLSS, FSR, XeSS, Gaussian splatting, frame gen, denoising

    สร้างชุดข้อมูล CGVQD เพื่อฝึกโมเดล AI
    ประกอบด้วยวิดีโอที่มี distortions หลากหลายรูปแบบ

    ใช้การให้คะแนนจากมนุษย์เป็น baseline
    เพื่อฝึกโมเดลให้เข้าใจความรู้สึกต่อภาพผิดเพี้ยน

    CGVQM-5 มีความแม่นยำใกล้เคียงกับมนุษย์
    ส่วน CGVQM-2 ก็ยังติดอันดับ 3 จากเครื่องมือที่ทดสอบ

    เปิดให้ใช้งานฟรีบน GitHub ในรูปแบบ PyTorch
    เหมาะสำหรับนักพัฒนาเกมและนักวิจัยด้านกราฟิก

    CGVQM ยังไม่เป็นมาตรฐานอุตสาหกรรม
    ต้องรอการยอมรับจากนักพัฒนาและผู้ผลิตเกมในวงกว้าง

    โมเดล AI อาจไม่แม่นยำกับวิดีโอที่อยู่นอกชุดข้อมูลฝึก
    แม้จะมีความสามารถในการ generalize แต่ยังต้องทดสอบเพิ่มเติม

    การใช้โมเดล 3D-CNN ต้องใช้ทรัพยากรค่อนข้างสูง
    อาจไม่เหมาะกับการประเมินแบบเรียลไทม์ในระบบที่จำกัด

    ยังไม่มีการเปรียบเทียบกับโมเดลแบบ transformer อย่างละเอียด
    ซึ่งอาจให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าในอนาคตแต่ต้องใช้พลังประมวลผลมาก

    https://www.tomshardware.com/video-games/pc-gaming/intel-releases-new-tool-to-measure-gaming-image-quality-in-real-time-ai-tool-measures-impact-of-upscalers-frame-gen-others-computer-graphics-video-quality-metric-now-available-on-github
    🎙️ เรื่องเล่าจากโลกกราฟิกเกม: Intel เปิดตัว CGVQM เครื่องมือ AI วัดคุณภาพภาพเกมแบบเรียลไทม์ ในยุคที่เกมสมัยใหม่ใช้เทคนิคเรนเดอร์ขั้นสูง เช่น supersampling, denoising, frame interpolation และ shading แบบปรับอัตราอัตโนมัติ การประเมินคุณภาพภาพด้วยสายตาอาจไม่แม่นยำพอ Intel จึงเปิดตัว CGVQM ซึ่งเป็นโมเดล AI ที่สามารถวิเคราะห์และให้คะแนนคุณภาพภาพของเกมได้อย่างแม่นยำและเป็นกลาง CGVQM ประกอบด้วย 2 ส่วนหลัก: 1️⃣ ชุดข้อมูลวิดีโอ CGVQD ที่รวบรวมตัวอย่างภาพผิดเพี้ยนจากเทคนิคเรนเดอร์ต่าง ๆ 2️⃣ โมเดล AI แบบ 3D-ResNet ที่ถูกฝึกให้รู้จักความผิดเพี้ยน เช่น ghosting, flicker, aliasing และ disocclusion โดยเทียบกับการให้คะแนนจากมนุษย์ ผลการทดสอบพบว่า CGVQM-5 มีความแม่นยำใกล้เคียงกับการประเมินของมนุษย์ ส่วน CGVQM-2 ก็ยังติดอันดับ 3 จากเครื่องมือทั้งหมดที่นำมาทดสอบ เครื่องมือนี้เปิดให้ใช้งานฟรีบน GitHub ในรูปแบบ PyTorch application และสามารถนำไปใช้วิเคราะห์คุณภาพภาพของเกมหรือแอปพลิเคชันกราฟิกแบบเรียลไทม์ได้ทันที ✅ Intel เปิดตัว CGVQM เครื่องมือ AI สำหรับวัดคุณภาพภาพเกม ➡️ ใช้โมเดล 3D convolutional neural network (3D-ResNet-18) ✅ CGVQM ประเมินภาพผิดเพี้ยนจากเทคนิคเรนเดอร์สมัยใหม่ ➡️ เช่น DLSS, FSR, XeSS, Gaussian splatting, frame gen, denoising ✅ สร้างชุดข้อมูล CGVQD เพื่อฝึกโมเดล AI ➡️ ประกอบด้วยวิดีโอที่มี distortions หลากหลายรูปแบบ ✅ ใช้การให้คะแนนจากมนุษย์เป็น baseline ➡️ เพื่อฝึกโมเดลให้เข้าใจความรู้สึกต่อภาพผิดเพี้ยน ✅ CGVQM-5 มีความแม่นยำใกล้เคียงกับมนุษย์ ➡️ ส่วน CGVQM-2 ก็ยังติดอันดับ 3 จากเครื่องมือที่ทดสอบ ✅ เปิดให้ใช้งานฟรีบน GitHub ในรูปแบบ PyTorch ➡️ เหมาะสำหรับนักพัฒนาเกมและนักวิจัยด้านกราฟิก ‼️ CGVQM ยังไม่เป็นมาตรฐานอุตสาหกรรม ⛔ ต้องรอการยอมรับจากนักพัฒนาและผู้ผลิตเกมในวงกว้าง ‼️ โมเดล AI อาจไม่แม่นยำกับวิดีโอที่อยู่นอกชุดข้อมูลฝึก ⛔ แม้จะมีความสามารถในการ generalize แต่ยังต้องทดสอบเพิ่มเติม ‼️ การใช้โมเดล 3D-CNN ต้องใช้ทรัพยากรค่อนข้างสูง ⛔ อาจไม่เหมาะกับการประเมินแบบเรียลไทม์ในระบบที่จำกัด ‼️ ยังไม่มีการเปรียบเทียบกับโมเดลแบบ transformer อย่างละเอียด ⛔ ซึ่งอาจให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าในอนาคตแต่ต้องใช้พลังประมวลผลมาก https://www.tomshardware.com/video-games/pc-gaming/intel-releases-new-tool-to-measure-gaming-image-quality-in-real-time-ai-tool-measures-impact-of-upscalers-frame-gen-others-computer-graphics-video-quality-metric-now-available-on-github
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    Intel releases new tool to measure gaming image quality — AI tool measures impact of upscalers, frame gen, others; Computer Graphics Video Quality Metric now available on GitHub
    New dataset and companion AI model chart a new path forward for objectively quantifying image quality from modern rendering techniques
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 124 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากโลกซีพียู: เมื่อความร้อนทำให้ Firefox ล่มเพราะ Intel Raptor Lake

    Gabriele Svelto วิศวกรอาวุโสของ Mozilla เปิดเผยว่า Firefox crash จำนวนมากในช่วงฤดูร้อนปี 2025 มาจากเครื่องที่ใช้ซีพียู Intel Raptor Lake โดยเฉพาะรุ่น Core i7-14700K ซึ่งมีปัญหาความไม่เสถียรที่รุนแรงขึ้นเมื่ออุณหภูมิสูง

    ทีม Mozilla พบว่ารายงาน crash จาก Firefox สามารถบอกได้เลยว่าประเทศไหนในยุโรปกำลังเผชิญคลื่นความร้อน เพราะจำนวน crash จาก Raptor Lake พุ่งสูงในพื้นที่เหล่านั้น

    ปัญหานี้เคยเกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2023 และ Intel ใช้เวลาหลายเดือนในการหาสาเหตุ ซึ่งพบว่าเป็นการเสื่อมสภาพทางกายภาพของซิลิคอน ไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยซอฟต์แวร์ มีเพียงการอัปเดต microcode เพื่อ “ลดโอกาส” ที่จะเกิดเท่านั้น

    ล่าสุด Intel ปล่อย microcode เวอร์ชัน 0x12F เพื่อแก้ปัญหา Vmin shift (แรงดันไฟต่ำผิดปกติ) แต่กลับทำให้บั๊กกลับมาอีกครั้งอย่างรุนแรง

    Mozilla จึงตัดสินใจปิดระบบ bot ที่ส่ง crash report อัตโนมัติ เพราะข้อมูลจาก Raptor Lake ล้นระบบ และไม่สามารถแยกแยะได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    Firefox crash จำนวนมากเกิดจากเครื่องที่ใช้ Intel Raptor Lake
    โดยเฉพาะรุ่น Core i7-14700K ในพื้นที่ที่มีคลื่นความร้อน

    Mozilla พบว่ารายงาน crash สะท้อนสภาพอากาศในยุโรปได้
    เพราะจำนวน crash พุ่งสูงในประเทศที่มีอุณหภูมิสูง

    ปัญหาความไม่เสถียรของ Raptor Lake เกิดจากการเสื่อมสภาพของซิลิคอน
    ไม่สามารถแก้ด้วย patch หรือซอฟต์แวร์

    Intel ปล่อย microcode 0x12F เพื่อแก้ Vmin shift
    แต่กลับทำให้บั๊กกลับมาอีกครั้ง

    Mozilla ปิดระบบ bot ที่ส่ง crash report อัตโนมัติ
    เพราะข้อมูลจาก Raptor Lake ล้นระบบและทำให้การวิเคราะห์ผิดเพี้ยน

    Intel ขยายระยะประกันจาก 3 ปีเป็น 5 ปีสำหรับชิปที่ได้รับผลกระทบ
    ผู้ใช้สามารถ RMA เพื่อขอเปลี่ยนชิปได้

    https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/firefox-dev-says-intel-raptor-lake-crashes-are-increasing-with-rising-temperatures-in-record-european-heat-wave-mozilla-staffs-tracking-overwhelmed-by-intel-crash-reports-team-disables-the-function
    🎙️ เรื่องเล่าจากโลกซีพียู: เมื่อความร้อนทำให้ Firefox ล่มเพราะ Intel Raptor Lake Gabriele Svelto วิศวกรอาวุโสของ Mozilla เปิดเผยว่า Firefox crash จำนวนมากในช่วงฤดูร้อนปี 2025 มาจากเครื่องที่ใช้ซีพียู Intel Raptor Lake โดยเฉพาะรุ่น Core i7-14700K ซึ่งมีปัญหาความไม่เสถียรที่รุนแรงขึ้นเมื่ออุณหภูมิสูง ทีม Mozilla พบว่ารายงาน crash จาก Firefox สามารถบอกได้เลยว่าประเทศไหนในยุโรปกำลังเผชิญคลื่นความร้อน เพราะจำนวน crash จาก Raptor Lake พุ่งสูงในพื้นที่เหล่านั้น ปัญหานี้เคยเกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2023 และ Intel ใช้เวลาหลายเดือนในการหาสาเหตุ ซึ่งพบว่าเป็นการเสื่อมสภาพทางกายภาพของซิลิคอน ไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยซอฟต์แวร์ มีเพียงการอัปเดต microcode เพื่อ “ลดโอกาส” ที่จะเกิดเท่านั้น ล่าสุด Intel ปล่อย microcode เวอร์ชัน 0x12F เพื่อแก้ปัญหา Vmin shift (แรงดันไฟต่ำผิดปกติ) แต่กลับทำให้บั๊กกลับมาอีกครั้งอย่างรุนแรง Mozilla จึงตัดสินใจปิดระบบ bot ที่ส่ง crash report อัตโนมัติ เพราะข้อมูลจาก Raptor Lake ล้นระบบ และไม่สามารถแยกแยะได้อย่างมีประสิทธิภาพ ✅ Firefox crash จำนวนมากเกิดจากเครื่องที่ใช้ Intel Raptor Lake ➡️ โดยเฉพาะรุ่น Core i7-14700K ในพื้นที่ที่มีคลื่นความร้อน ✅ Mozilla พบว่ารายงาน crash สะท้อนสภาพอากาศในยุโรปได้ ➡️ เพราะจำนวน crash พุ่งสูงในประเทศที่มีอุณหภูมิสูง ✅ ปัญหาความไม่เสถียรของ Raptor Lake เกิดจากการเสื่อมสภาพของซิลิคอน ➡️ ไม่สามารถแก้ด้วย patch หรือซอฟต์แวร์ ✅ Intel ปล่อย microcode 0x12F เพื่อแก้ Vmin shift ➡️ แต่กลับทำให้บั๊กกลับมาอีกครั้ง ✅ Mozilla ปิดระบบ bot ที่ส่ง crash report อัตโนมัติ ➡️ เพราะข้อมูลจาก Raptor Lake ล้นระบบและทำให้การวิเคราะห์ผิดเพี้ยน ✅ Intel ขยายระยะประกันจาก 3 ปีเป็น 5 ปีสำหรับชิปที่ได้รับผลกระทบ ➡️ ผู้ใช้สามารถ RMA เพื่อขอเปลี่ยนชิปได้ https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/firefox-dev-says-intel-raptor-lake-crashes-are-increasing-with-rising-temperatures-in-record-european-heat-wave-mozilla-staffs-tracking-overwhelmed-by-intel-crash-reports-team-disables-the-function
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 109 มุมมอง 0 รีวิว
  • CPU ที่ลุงรอ !! ออกเมื่อไหร่ ลุงพร้อมย้ายจาก x64 ไป Arm64 ทันที

    เรื่องเล่าจากโลกชิป: Nvidia กับความฝัน Arm CPU ที่สะดุดกลางทาง

    Nvidia มีแผนจะเปิดตัวชิป CPU สถาปัตยกรรม Arm รุ่นแรกของบริษัทในชื่อ N1x เพื่อแข่งขันกับ Snapdragon X Elite, Intel Core Ultra 200HX, Apple M3 และ AMD Ryzen AI Max โดยชิปนี้ถูกออกแบบมาเพื่อใช้งานใน AI PC และอุปกรณ์พกพาที่เน้นประสิทธิภาพสูง

    แต่ล่าสุดมีรายงานจาก SemiAccurate ว่าทีมวิศวกรของ Nvidia พบปัญหาด้านฮาร์ดแวร์ที่ร้ายแรงใน N1x ซึ่งอาจต้องเปลี่ยนแปลงการออกแบบซิลิคอนใหม่ทั้งหมด ส่งผลให้การเปิดตัวและการจัดส่งต้องเลื่อนออกไปเป็นปี 2026

    ก่อนหน้านี้ Nvidia เคยอ้างว่า N1 และ N1x เข้าสู่การผลิตเต็มรูปแบบแล้ว และมีตัวอย่างชิปปรากฏในฐานข้อมูล Geekbench พร้อมคะแนนที่น่าประทับใจ แต่ข้อมูลล่าสุดทำให้คำกล่าวนั้นดู “มองโลกในแง่ดีเกินไป”

    แม้จะมีอุปสรรค แต่โปรเจกต์ N1 ยังได้รับความสนใจจากวงการ และมีพันธมิตรร่วมพัฒนา เช่น MediaTek และอาจรวมถึง Alienware สำหรับโน้ตบุ๊กเกมที่ใช้ CPU Arm คู่กับ GPU GeForce

    อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์บางรายตั้งคำถามว่า การผลักดัน Arm ในตลาด PC แบบดั้งเดิมอาจไม่ใช่ทางเลือกที่เหมาะนัก เพราะ x86 ยังพัฒนาอย่างต่อเนื่องและครองตลาดอยู่

    Nvidia พบปัญหาฮาร์ดแวร์ในชิป N1x ที่อาจต้องออกแบบซิลิคอนใหม่
    ส่งผลให้เลื่อนเปิดตัวและจัดส่งไปเป็นปี 2026

    ก่อนหน้านี้มีตัวอย่าง N1x ปรากฏใน Geekbench พร้อมคะแนนดี
    แสดงศักยภาพในการแข่งขันกับชิประดับสูงในตลาด

    N1x เป็นชิป Arm ที่ออกแบบมาเพื่อ AI PC และอุปกรณ์พกพา
    ตั้งเป้าแข่งขันกับ Snapdragon X Elite, Apple M3, Intel Core Ultra และ AMD Ryzen AI Max

    Nvidia มีพันธมิตรเช่น MediaTek และอาจร่วมมือกับ Alienware
    เพื่อผลิตโน้ตบุ๊กเกมที่ใช้ CPU Arm คู่กับ GPU GeForce

    โปรเจกต์ N1 ยังได้รับความสนใจจากวงการแม้มีอุปสรรค
    สะท้อนความมุ่งมั่นของ Nvidia ในการเข้าสู่ตลาด CPU

    https://www.techspot.com/news/108679-nvidia-arm-cpu-dream-hits-hardware-wall-debut.html
    CPU ที่ลุงรอ !! ออกเมื่อไหร่ ลุงพร้อมย้ายจาก x64 ไป Arm64 ทันที 🎙️ เรื่องเล่าจากโลกชิป: Nvidia กับความฝัน Arm CPU ที่สะดุดกลางทาง Nvidia มีแผนจะเปิดตัวชิป CPU สถาปัตยกรรม Arm รุ่นแรกของบริษัทในชื่อ N1x เพื่อแข่งขันกับ Snapdragon X Elite, Intel Core Ultra 200HX, Apple M3 และ AMD Ryzen AI Max โดยชิปนี้ถูกออกแบบมาเพื่อใช้งานใน AI PC และอุปกรณ์พกพาที่เน้นประสิทธิภาพสูง แต่ล่าสุดมีรายงานจาก SemiAccurate ว่าทีมวิศวกรของ Nvidia พบปัญหาด้านฮาร์ดแวร์ที่ร้ายแรงใน N1x ซึ่งอาจต้องเปลี่ยนแปลงการออกแบบซิลิคอนใหม่ทั้งหมด ส่งผลให้การเปิดตัวและการจัดส่งต้องเลื่อนออกไปเป็นปี 2026 ก่อนหน้านี้ Nvidia เคยอ้างว่า N1 และ N1x เข้าสู่การผลิตเต็มรูปแบบแล้ว และมีตัวอย่างชิปปรากฏในฐานข้อมูล Geekbench พร้อมคะแนนที่น่าประทับใจ แต่ข้อมูลล่าสุดทำให้คำกล่าวนั้นดู “มองโลกในแง่ดีเกินไป” แม้จะมีอุปสรรค แต่โปรเจกต์ N1 ยังได้รับความสนใจจากวงการ และมีพันธมิตรร่วมพัฒนา เช่น MediaTek และอาจรวมถึง Alienware สำหรับโน้ตบุ๊กเกมที่ใช้ CPU Arm คู่กับ GPU GeForce อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์บางรายตั้งคำถามว่า การผลักดัน Arm ในตลาด PC แบบดั้งเดิมอาจไม่ใช่ทางเลือกที่เหมาะนัก เพราะ x86 ยังพัฒนาอย่างต่อเนื่องและครองตลาดอยู่ ✅ Nvidia พบปัญหาฮาร์ดแวร์ในชิป N1x ที่อาจต้องออกแบบซิลิคอนใหม่ ➡️ ส่งผลให้เลื่อนเปิดตัวและจัดส่งไปเป็นปี 2026 ✅ ก่อนหน้านี้มีตัวอย่าง N1x ปรากฏใน Geekbench พร้อมคะแนนดี ➡️ แสดงศักยภาพในการแข่งขันกับชิประดับสูงในตลาด ✅ N1x เป็นชิป Arm ที่ออกแบบมาเพื่อ AI PC และอุปกรณ์พกพา ➡️ ตั้งเป้าแข่งขันกับ Snapdragon X Elite, Apple M3, Intel Core Ultra และ AMD Ryzen AI Max ✅ Nvidia มีพันธมิตรเช่น MediaTek และอาจร่วมมือกับ Alienware ➡️ เพื่อผลิตโน้ตบุ๊กเกมที่ใช้ CPU Arm คู่กับ GPU GeForce ✅ โปรเจกต์ N1 ยังได้รับความสนใจจากวงการแม้มีอุปสรรค ➡️ สะท้อนความมุ่งมั่นของ Nvidia ในการเข้าสู่ตลาด CPU https://www.techspot.com/news/108679-nvidia-arm-cpu-dream-hits-hardware-wall-debut.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Nvidia's Arm CPU dream hits a hardware wall, debut pushed to 2026
    Nvidia has encountered a new hardware problem with its much-anticipated N1x Arm CPU, and this time it is a major one. According to multiple industry sources cited...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 112 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากโลกฮาร์ดแวร์: ช่องโหว่ในเมนบอร์ด Gigabyte เปิดทางให้มัลแวร์ล่องหน

    นักวิจัยจาก Binarly และมหาวิทยาลัย Carnegie Mellon พบช่องโหว่ 4 จุดใน UEFI firmware ของเมนบอร์ด Gigabyte ที่ผลิตสำหรับซีพียู Intel รุ่นที่ 8 ถึง 11 (ปี 2017–2021) โดยช่องโหว่นี้อยู่ใน System Management Mode (SMM) ซึ่งเป็นโหมดที่มีสิทธิ์สูงสุดในระบบ และควรจะปลอดภัยจากการเข้าถึงของโค้ดภายนอก

    แต่เนื่องจากการออกแบบเฟิร์มแวร์ที่ผิดพลาด ผู้โจมตีที่ได้สิทธิ์ระดับแอดมิน—ไม่ว่าจะจากการโจมตีทางไกลหรือการเข้าถึงเครื่องโดยตรง—สามารถเจาะเข้า SMM ได้ และติดตั้งมัลแวร์ที่อยู่รอดแม้จะติดตั้งระบบใหม่

    มัลแวร์ระดับนี้สามารถปิดฟีเจอร์ความปลอดภัย เช่น Secure Boot และ Intel Boot Guard ได้ ทำให้เกิดภัยคุกคามขั้นสูง เช่น bootkits และ firmware rootkits ที่ตรวจจับได้ยากมาก

    แม้ American Megatrends (AMI) ซึ่งเป็นผู้พัฒนาเฟิร์มแวร์จะเคยส่งแพตช์ให้ Gigabyte แต่หลายรุ่นกลับไม่ได้รับการอัปเดตก่อนวางขาย ทำให้ผู้ใช้จำนวนมากยังตกอยู่ในความเสี่ยง

    Gigabyte เริ่มปล่อย BIOS อัปเดตตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2025 แต่มีปัญหาสำคัญคือเกือบครึ่งของเมนบอร์ดที่ได้รับผลกระทบอยู่ในสถานะ End of Life (EOL) แล้ว ซึ่งหมายความว่าไม่มีการสนับสนุนหรืออัปเดตอีกต่อไป

    ช่องโหว่พบในเมนบอร์ด Gigabyte กว่า 240 รุ่น (ปี 2017–2021)
    รองรับ Intel Gen 8–11 และใช้เฟิร์มแวร์จาก American Megatrends

    ช่องโหว่เกิดใน System Management Mode (SMM)
    เป็นโหมดที่มีสิทธิ์สูงสุดในระบบและควรปลอดภัยจากโค้ดภายนอก

    ผู้โจมตีสามารถติดตั้งมัลแวร์ที่อยู่รอดแม้ติดตั้งระบบใหม่
    และปิดฟีเจอร์ความปลอดภัย เช่น Secure Boot และ Boot Guard

    AMI เคยส่งแพตช์ให้ Gigabyte แต่บางรุ่นไม่ได้รับการอัปเดตก่อนวางขาย
    ทำให้ช่องโหว่ยังคงอยู่ในผลิตภัณฑ์ที่วางจำหน่าย

    Gigabyte เริ่มปล่อย BIOS อัปเดตตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2025
    พร้อมเผยรายชื่อรุ่นที่ได้รับผลกระทบบนเว็บไซต์

    เมนบอร์ดรุ่นใหม่ของ Gigabyte ไม่ได้รับผลกระทบ
    เพราะมีการเสริมระบบป้องกันในระดับเฟิร์มแวร์

    เมนบอร์ดเกือบครึ่งที่ได้รับผลกระทบอยู่ในสถานะ End of Life
    ไม่ได้รับการอัปเดตหรือสนับสนุนจาก Gigabyte อีกต่อไป

    Gigabyte แนะนำให้ติดต่อ Field Application Engineer สำหรับรุ่น EOL
    ซึ่งเป็นบริการที่เข้าถึงได้เฉพาะลูกค้าองค์กร ไม่ใช่ผู้ใช้ทั่วไป

    ผู้ใช้ทั่วไปอาจไม่มีทางแก้ไขช่องโหว่นี้ได้
    นอกจากเปลี่ยนฮาร์ดแวร์ใหม่ที่ปลอดภัยกว่า

    ช่องโหว่ระดับเฟิร์มแวร์สามารถหลบเลี่ยงเครื่องมือรักษาความปลอดภัยทั่วไป
    เช่น antivirus หรือ endpoint protection

    https://www.techspot.com/news/108688-firmware-flaws-over-200-gigabyte-motherboards-could-lead.html
    🎙️ เรื่องเล่าจากโลกฮาร์ดแวร์: ช่องโหว่ในเมนบอร์ด Gigabyte เปิดทางให้มัลแวร์ล่องหน นักวิจัยจาก Binarly และมหาวิทยาลัย Carnegie Mellon พบช่องโหว่ 4 จุดใน UEFI firmware ของเมนบอร์ด Gigabyte ที่ผลิตสำหรับซีพียู Intel รุ่นที่ 8 ถึง 11 (ปี 2017–2021) โดยช่องโหว่นี้อยู่ใน System Management Mode (SMM) ซึ่งเป็นโหมดที่มีสิทธิ์สูงสุดในระบบ และควรจะปลอดภัยจากการเข้าถึงของโค้ดภายนอก แต่เนื่องจากการออกแบบเฟิร์มแวร์ที่ผิดพลาด ผู้โจมตีที่ได้สิทธิ์ระดับแอดมิน—ไม่ว่าจะจากการโจมตีทางไกลหรือการเข้าถึงเครื่องโดยตรง—สามารถเจาะเข้า SMM ได้ และติดตั้งมัลแวร์ที่อยู่รอดแม้จะติดตั้งระบบใหม่ มัลแวร์ระดับนี้สามารถปิดฟีเจอร์ความปลอดภัย เช่น Secure Boot และ Intel Boot Guard ได้ ทำให้เกิดภัยคุกคามขั้นสูง เช่น bootkits และ firmware rootkits ที่ตรวจจับได้ยากมาก แม้ American Megatrends (AMI) ซึ่งเป็นผู้พัฒนาเฟิร์มแวร์จะเคยส่งแพตช์ให้ Gigabyte แต่หลายรุ่นกลับไม่ได้รับการอัปเดตก่อนวางขาย ทำให้ผู้ใช้จำนวนมากยังตกอยู่ในความเสี่ยง Gigabyte เริ่มปล่อย BIOS อัปเดตตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2025 แต่มีปัญหาสำคัญคือเกือบครึ่งของเมนบอร์ดที่ได้รับผลกระทบอยู่ในสถานะ End of Life (EOL) แล้ว ซึ่งหมายความว่าไม่มีการสนับสนุนหรืออัปเดตอีกต่อไป ✅ ช่องโหว่พบในเมนบอร์ด Gigabyte กว่า 240 รุ่น (ปี 2017–2021) ➡️ รองรับ Intel Gen 8–11 และใช้เฟิร์มแวร์จาก American Megatrends ✅ ช่องโหว่เกิดใน System Management Mode (SMM) ➡️ เป็นโหมดที่มีสิทธิ์สูงสุดในระบบและควรปลอดภัยจากโค้ดภายนอก ✅ ผู้โจมตีสามารถติดตั้งมัลแวร์ที่อยู่รอดแม้ติดตั้งระบบใหม่ ➡️ และปิดฟีเจอร์ความปลอดภัย เช่น Secure Boot และ Boot Guard ✅ AMI เคยส่งแพตช์ให้ Gigabyte แต่บางรุ่นไม่ได้รับการอัปเดตก่อนวางขาย ➡️ ทำให้ช่องโหว่ยังคงอยู่ในผลิตภัณฑ์ที่วางจำหน่าย ✅ Gigabyte เริ่มปล่อย BIOS อัปเดตตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2025 ➡️ พร้อมเผยรายชื่อรุ่นที่ได้รับผลกระทบบนเว็บไซต์ ✅ เมนบอร์ดรุ่นใหม่ของ Gigabyte ไม่ได้รับผลกระทบ ➡️ เพราะมีการเสริมระบบป้องกันในระดับเฟิร์มแวร์ ‼️ เมนบอร์ดเกือบครึ่งที่ได้รับผลกระทบอยู่ในสถานะ End of Life ⛔ ไม่ได้รับการอัปเดตหรือสนับสนุนจาก Gigabyte อีกต่อไป ‼️ Gigabyte แนะนำให้ติดต่อ Field Application Engineer สำหรับรุ่น EOL ⛔ ซึ่งเป็นบริการที่เข้าถึงได้เฉพาะลูกค้าองค์กร ไม่ใช่ผู้ใช้ทั่วไป ‼️ ผู้ใช้ทั่วไปอาจไม่มีทางแก้ไขช่องโหว่นี้ได้ ⛔ นอกจากเปลี่ยนฮาร์ดแวร์ใหม่ที่ปลอดภัยกว่า ‼️ ช่องโหว่ระดับเฟิร์มแวร์สามารถหลบเลี่ยงเครื่องมือรักษาความปลอดภัยทั่วไป ⛔ เช่น antivirus หรือ endpoint protection https://www.techspot.com/news/108688-firmware-flaws-over-200-gigabyte-motherboards-could-lead.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Firmware flaws in over 200 Gigabyte motherboards could lead to undetectable malware
    The vulnerabilities, discovered by researchers at Binarly and Carnegie Mellon University, affect the internal firmware of more than 240 Gigabyte motherboard models released between 2017 and 2021....
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 105 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากโลกไซเบอร์: 7 แนวทางความปลอดภัยที่ควรเลิกใช้ ก่อนที่มันจะทำร้ายองค์กร

    ในยุคที่ภัยไซเบอร์ซับซ้อนและเปลี่ยนแปลงเร็ว การยึดติดกับแนวทางเก่า ๆ อาจกลายเป็นจุดอ่อนร้ายแรงขององค์กร บทความจาก CSO Online ได้รวบรวม 7 แนวทางด้านความปลอดภัยที่ล้าสมัยและควรเลิกใช้ทันที พร้อมคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญในวงการ

    1️⃣ การพึ่ง perimeter-only security
    ไม่เพียงพอในยุค cloud และ hybrid work ต้องใช้แนวคิด Zero Trust

    2️⃣ การเน้น compliance มากกว่าความปลอดภัยจริง
    การตรวจสอบตามข้อกำหนดไม่ช่วยป้องกันภัยคุกคามที่แท้จริง
    ทีมงานอาจมัวแต่ตอบ audit แทนที่จะป้องกันภัยจริง

    3️⃣ การใช้ VPN แบบเก่า (legacy VPNs)
    ไม่สามารถรองรับการทำงานแบบ remote และขาดการอัปเดตที่ปลอดภัย
    เสี่ยงต่อการโจมตีและการเข้าถึงโดยไม่ได้รับอนุญาต

    4️⃣ การคิดว่า EDR เพียงพอแล้ว
    ผู้โจมตีสามารถหลบเลี่ยง EDR โดยโจมตีผ่าน cloud, network หรือ API
    เช่น การใช้ OAuth token หรือการโจมตีผ่าน IoT

    5️⃣ การใช้ SMS เป็นวิธี 2FA
    เสี่ยงต่อการถูกโจมตีผ่าน SIM swapping และช่องโหว่ของเครือข่ายโทรศัพท์
    ไม่ปลอดภัยสำหรับการป้องกันบัญชีสำคัญ

    6️⃣ การใช้ SIEM แบบ on-premises
    เสียค่าใช้จ่ายสูงและไม่สามารถตรวจจับภัยในระบบ cloud ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
    เสี่ยงต่อการพลาดข้อมูลสำคัญจากระบบ cloud

    7️⃣ การปล่อยให้ผู้ใช้เป็นผู้รับแบบ passive ในวัฒนธรรมความปลอดภัย
    ต้องสร้างการมีส่วนร่วมและการเรียนรู้อย่างต่อเนื่องเพื่อป้องกัน phishing และ social engineering
    การขาดการฝึกอบรมทำให้ phishing และ social engineering สำเร็จง่ายขึ้น

    https://www.csoonline.com/article/4022848/7-obsolete-security-practices-that-should-be-terminated-immediately.html
    🎙️ เรื่องเล่าจากโลกไซเบอร์: 7 แนวทางความปลอดภัยที่ควรเลิกใช้ ก่อนที่มันจะทำร้ายองค์กร ในยุคที่ภัยไซเบอร์ซับซ้อนและเปลี่ยนแปลงเร็ว การยึดติดกับแนวทางเก่า ๆ อาจกลายเป็นจุดอ่อนร้ายแรงขององค์กร บทความจาก CSO Online ได้รวบรวม 7 แนวทางด้านความปลอดภัยที่ล้าสมัยและควรเลิกใช้ทันที พร้อมคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญในวงการ 1️⃣ การพึ่ง perimeter-only security ➡️ ไม่เพียงพอในยุค cloud และ hybrid work ต้องใช้แนวคิด Zero Trust 2️⃣ การเน้น compliance มากกว่าความปลอดภัยจริง ➡️ การตรวจสอบตามข้อกำหนดไม่ช่วยป้องกันภัยคุกคามที่แท้จริง ⛔ ทีมงานอาจมัวแต่ตอบ audit แทนที่จะป้องกันภัยจริง 3️⃣ การใช้ VPN แบบเก่า (legacy VPNs) ➡️ ไม่สามารถรองรับการทำงานแบบ remote และขาดการอัปเดตที่ปลอดภัย ⛔ เสี่ยงต่อการโจมตีและการเข้าถึงโดยไม่ได้รับอนุญาต 4️⃣ การคิดว่า EDR เพียงพอแล้ว ➡️ ผู้โจมตีสามารถหลบเลี่ยง EDR โดยโจมตีผ่าน cloud, network หรือ API ⛔ เช่น การใช้ OAuth token หรือการโจมตีผ่าน IoT 5️⃣ การใช้ SMS เป็นวิธี 2FA ➡️ เสี่ยงต่อการถูกโจมตีผ่าน SIM swapping และช่องโหว่ของเครือข่ายโทรศัพท์ ⛔ ไม่ปลอดภัยสำหรับการป้องกันบัญชีสำคัญ 6️⃣ การใช้ SIEM แบบ on-premises ➡️ เสียค่าใช้จ่ายสูงและไม่สามารถตรวจจับภัยในระบบ cloud ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ⛔ เสี่ยงต่อการพลาดข้อมูลสำคัญจากระบบ cloud 7️⃣ การปล่อยให้ผู้ใช้เป็นผู้รับแบบ passive ในวัฒนธรรมความปลอดภัย ➡️ ต้องสร้างการมีส่วนร่วมและการเรียนรู้อย่างต่อเนื่องเพื่อป้องกัน phishing และ social engineering ⛔ การขาดการฝึกอบรมทำให้ phishing และ social engineering สำเร็จง่ายขึ้น https://www.csoonline.com/article/4022848/7-obsolete-security-practices-that-should-be-terminated-immediately.html
    WWW.CSOONLINE.COM
    7 obsolete security practices that should be terminated immediately
    Bad habits can be hard to break. Yet when it comes to security, an outdated practice is not only useless, but potentially dangerous.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 115 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากโลก Virtualization: VMware อัปเดตครั้งใหญ่ แก้บั๊ก snapshot และอุดช่องโหว่ร้ายแรง

    VMware ซึ่งปัจจุบันอยู่ภายใต้ Broadcom ได้ปล่อยอัปเดตใหม่สำหรับ Workstation Pro (Windows/Linux) และ Fusion (macOS) โดยเวอร์ชันล่าสุดคือ 17.6.4 และ 13.6.4 ตามลำดับ

    การอัปเดตนี้เน้นการแก้ไขช่องโหว่ด้านความปลอดภัยระดับ “critical” ถึง 4 รายการ (CVE-2025-41236 ถึง CVE-2025-41239) และอีก 1 รายการระดับ “moderate” (CVE-2025-2884) ซึ่งอาจส่งผลต่อการเข้าถึงระบบโดยไม่ได้รับอนุญาต

    นอกจากนี้ยังมีการแก้บั๊ก snapshot ที่ทำให้เกิด access violation ขณะปิด VM หากผู้ใช้เลือก “Ask me” ในการตั้งค่า snapshot ซึ่งเคยทำให้เกิด error ร้ายแรงในระบบ

    Fusion ยังได้รับการแก้ไขปัญหา NAT network และการอัปโหลด VM ไปยัง ESXi host ที่เคยล้มเหลว

    อย่างไรก็ตาม VMware เตือนว่าการอัปเดตนี้ยังมีบั๊กที่รู้จักอยู่ 3 รายการใน Workstation Pro เช่น ปัญหา network ขณะติดตั้ง Windows 11, การทำงานของ multi-monitor ที่ผิดปกติ และการเร่งฮาร์ดแวร์บน Intel GPU ใน Linux

    VMware Workstation Pro อัปเดตเป็นเวอร์ชัน 17.6.4
    รองรับ Windows และ Linux พร้อมแก้ช่องโหว่ความปลอดภัย 5 รายการ

    VMware Fusion อัปเดตเป็นเวอร์ชัน 13.6.4
    รองรับ macOS พร้อมแก้ปัญหา NAT และการอัปโหลด VM ไปยัง ESXi

    แก้บั๊ก snapshot ที่ทำให้เกิด access violation ขณะปิด VM
    ปัญหาเกิดจาก pointer ที่ไม่ได้รับการตรวจสอบก่อนเรียกฟังก์ชัน

    ช่องโหว่ที่แก้ไขมีระดับ critical และ moderate
    ป้องกันการเข้าถึงระบบโดยไม่ได้รับอนุญาต

    การเร่งฮาร์ดแวร์บน Intel GPU ใน Linux สามารถแก้ได้ด้วย config
    เพิ่มบรรทัด mks.vk.gpuHeapSizeMB = "0" ในไฟล์ config

    ผู้ใช้ต้องดาวน์โหลดไฟล์ติดตั้งจาก Broadcom โดยตรง
    เนื่องจากระบบอัปเดตอัตโนมัติของ VMware ยังไม่ทำงาน

    VMware Workstation Pro และ Fusion ใช้ฟรีสำหรับการใช้งานส่วนตัว
    ไม่ต้องซื้อไลเซนส์หากไม่ใช้เชิงพาณิชย์

    ระบบอัปเดตอัตโนมัติของ VMware ยังไม่สามารถใช้งานได้
    ผู้ใช้ต้องล็อกอิน Broadcom และดาวน์โหลดไฟล์ติดตั้งเอง

    มีบั๊กที่ยังไม่ได้รับการแก้ไขใน Workstation Pro เวอร์ชัน 17.6.4
    เช่น network ขาดหายขณะติดตั้ง Windows 11 (ต้องเปลี่ยน NAT เป็น Bridged)

    ฟีเจอร์ multi-monitor ยังทำงานผิดปกติในบางสถานการณ์
    ไม่มีวิธีแก้ไขหรือ workaround ในตอนนี้

    การเร่งฮาร์ดแวร์บน Intel GPU ใน Linux อาจล้มเหลว
    ต้องแก้ด้วยการเพิ่ม config ด้วยตนเอง

    https://www.neowin.net/news/vmware-workstation-pro-and-fusion-get-snapshot-and-security-fixes/
    🎙️ เรื่องเล่าจากโลก Virtualization: VMware อัปเดตครั้งใหญ่ แก้บั๊ก snapshot และอุดช่องโหว่ร้ายแรง VMware ซึ่งปัจจุบันอยู่ภายใต้ Broadcom ได้ปล่อยอัปเดตใหม่สำหรับ Workstation Pro (Windows/Linux) และ Fusion (macOS) โดยเวอร์ชันล่าสุดคือ 17.6.4 และ 13.6.4 ตามลำดับ การอัปเดตนี้เน้นการแก้ไขช่องโหว่ด้านความปลอดภัยระดับ “critical” ถึง 4 รายการ (CVE-2025-41236 ถึง CVE-2025-41239) และอีก 1 รายการระดับ “moderate” (CVE-2025-2884) ซึ่งอาจส่งผลต่อการเข้าถึงระบบโดยไม่ได้รับอนุญาต นอกจากนี้ยังมีการแก้บั๊ก snapshot ที่ทำให้เกิด access violation ขณะปิด VM หากผู้ใช้เลือก “Ask me” ในการตั้งค่า snapshot ซึ่งเคยทำให้เกิด error ร้ายแรงในระบบ Fusion ยังได้รับการแก้ไขปัญหา NAT network และการอัปโหลด VM ไปยัง ESXi host ที่เคยล้มเหลว อย่างไรก็ตาม VMware เตือนว่าการอัปเดตนี้ยังมีบั๊กที่รู้จักอยู่ 3 รายการใน Workstation Pro เช่น ปัญหา network ขณะติดตั้ง Windows 11, การทำงานของ multi-monitor ที่ผิดปกติ และการเร่งฮาร์ดแวร์บน Intel GPU ใน Linux ✅ VMware Workstation Pro อัปเดตเป็นเวอร์ชัน 17.6.4 ➡️ รองรับ Windows และ Linux พร้อมแก้ช่องโหว่ความปลอดภัย 5 รายการ ✅ VMware Fusion อัปเดตเป็นเวอร์ชัน 13.6.4 ➡️ รองรับ macOS พร้อมแก้ปัญหา NAT และการอัปโหลด VM ไปยัง ESXi ✅ แก้บั๊ก snapshot ที่ทำให้เกิด access violation ขณะปิด VM ➡️ ปัญหาเกิดจาก pointer ที่ไม่ได้รับการตรวจสอบก่อนเรียกฟังก์ชัน ✅ ช่องโหว่ที่แก้ไขมีระดับ critical และ moderate ➡️ ป้องกันการเข้าถึงระบบโดยไม่ได้รับอนุญาต ✅ การเร่งฮาร์ดแวร์บน Intel GPU ใน Linux สามารถแก้ได้ด้วย config ➡️ เพิ่มบรรทัด mks.vk.gpuHeapSizeMB = "0" ในไฟล์ config ✅ ผู้ใช้ต้องดาวน์โหลดไฟล์ติดตั้งจาก Broadcom โดยตรง ➡️ เนื่องจากระบบอัปเดตอัตโนมัติของ VMware ยังไม่ทำงาน ✅ VMware Workstation Pro และ Fusion ใช้ฟรีสำหรับการใช้งานส่วนตัว ➡️ ไม่ต้องซื้อไลเซนส์หากไม่ใช้เชิงพาณิชย์ ‼️ ระบบอัปเดตอัตโนมัติของ VMware ยังไม่สามารถใช้งานได้ ⛔ ผู้ใช้ต้องล็อกอิน Broadcom และดาวน์โหลดไฟล์ติดตั้งเอง ‼️ มีบั๊กที่ยังไม่ได้รับการแก้ไขใน Workstation Pro เวอร์ชัน 17.6.4 ⛔ เช่น network ขาดหายขณะติดตั้ง Windows 11 (ต้องเปลี่ยน NAT เป็น Bridged) ‼️ ฟีเจอร์ multi-monitor ยังทำงานผิดปกติในบางสถานการณ์ ⛔ ไม่มีวิธีแก้ไขหรือ workaround ในตอนนี้ ‼️ การเร่งฮาร์ดแวร์บน Intel GPU ใน Linux อาจล้มเหลว ⛔ ต้องแก้ด้วยการเพิ่ม config ด้วยตนเอง https://www.neowin.net/news/vmware-workstation-pro-and-fusion-get-snapshot-and-security-fixes/
    WWW.NEOWIN.NET
    VMware Workstation Pro and Fusion get snapshot and security fixes
    VMware has released new versions of Workstation Pro and Fusion to address security issues and fix snapshot bugs.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 100 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากโลกเบราว์เซอร์: Firefox ได้ WebGPU แล้ว—ดีกว่าไม่มาเลย

    ย้อนกลับไปปี 2023 Chrome เปิดตัว WebGPU อย่างเป็นทางการในเวอร์ชัน 113 ซึ่งเป็น API ที่ช่วยให้นักพัฒนาสามารถเข้าถึง GPU โดยตรงผ่านเบราว์เซอร์ เพื่อรันกราฟิกหนัก ๆ เช่น เกม 3D หรือแอปพลิเคชันจำลองภาพแบบซับซ้อน

    แต่ Firefox กลับไม่มีฟีเจอร์นี้ในช่องทางเสถียรเลย จนทำให้ผู้ใช้หลายคนลังเลที่จะเปลี่ยนจาก Chrome มาใช้ Firefox แม้จะชื่นชอบเรื่องความเป็นส่วนตัวและโอเพ่นซอร์ส

    ล่าสุด Mozilla ประกาศว่า Firefox 141 ซึ่งจะเปิดตัววันที่ 22 กรกฎาคม 2025 จะรองรับ WebGPU บน Windows แล้ว โดยใช้ WGPU crate ที่เขียนด้วยภาษา Rust เพื่อแปลงคำสั่งเว็บให้ทำงานกับ Direct3D 12, Metal หรือ Vulkan ตามระบบปฏิบัติการ

    Firefox จะรองรับ WebGPU ในเวอร์ชัน 141 วันที่ 22 กรกฎาคม 2025
    เริ่มต้นบน Windows ก่อน ขยายไปยัง Mac, Linux และ Android ภายหลัง

    ใช้ WGPU crate ที่เขียนด้วย Rust เป็นตัวกลาง
    แปลงคำสั่งเว็บให้ทำงานกับ Direct3D 12, Metal หรือ Vulkan

    WebGPU ช่วยให้เบราว์เซอร์เข้าถึง GPU โดยตรง
    เหมาะกับเกม 3D, แอปกราฟิกหนัก, และการประมวลผลแบบขนาน

    Mozilla ยอมรับว่ายังมีบั๊กด้าน inter-process communication
    จะถูกแก้ใน Firefox 142 พร้อมปรับปรุง latency และการ track งาน GPU

    ฟีเจอร์ importExternalTexture ยังไม่พร้อมใช้งาน
    ใช้สำหรับการจัดการเฟรมวิดีโอแบบ decoded โดยตรง

    https://www.neowin.net/news/better-late-than-never-firefox-is-finally-getting-a-feature-chrome-users-have-had-for-years/
    🎙️ เรื่องเล่าจากโลกเบราว์เซอร์: Firefox ได้ WebGPU แล้ว—ดีกว่าไม่มาเลย ย้อนกลับไปปี 2023 Chrome เปิดตัว WebGPU อย่างเป็นทางการในเวอร์ชัน 113 ซึ่งเป็น API ที่ช่วยให้นักพัฒนาสามารถเข้าถึง GPU โดยตรงผ่านเบราว์เซอร์ เพื่อรันกราฟิกหนัก ๆ เช่น เกม 3D หรือแอปพลิเคชันจำลองภาพแบบซับซ้อน แต่ Firefox กลับไม่มีฟีเจอร์นี้ในช่องทางเสถียรเลย จนทำให้ผู้ใช้หลายคนลังเลที่จะเปลี่ยนจาก Chrome มาใช้ Firefox แม้จะชื่นชอบเรื่องความเป็นส่วนตัวและโอเพ่นซอร์ส ล่าสุด Mozilla ประกาศว่า Firefox 141 ซึ่งจะเปิดตัววันที่ 22 กรกฎาคม 2025 จะรองรับ WebGPU บน Windows แล้ว โดยใช้ WGPU crate ที่เขียนด้วยภาษา Rust เพื่อแปลงคำสั่งเว็บให้ทำงานกับ Direct3D 12, Metal หรือ Vulkan ตามระบบปฏิบัติการ ✅ Firefox จะรองรับ WebGPU ในเวอร์ชัน 141 วันที่ 22 กรกฎาคม 2025 ➡️ เริ่มต้นบน Windows ก่อน ขยายไปยัง Mac, Linux และ Android ภายหลัง ✅ ใช้ WGPU crate ที่เขียนด้วย Rust เป็นตัวกลาง ➡️ แปลงคำสั่งเว็บให้ทำงานกับ Direct3D 12, Metal หรือ Vulkan ✅ WebGPU ช่วยให้เบราว์เซอร์เข้าถึง GPU โดยตรง ➡️ เหมาะกับเกม 3D, แอปกราฟิกหนัก, และการประมวลผลแบบขนาน ✅ Mozilla ยอมรับว่ายังมีบั๊กด้าน inter-process communication ➡️ จะถูกแก้ใน Firefox 142 พร้อมปรับปรุง latency และการ track งาน GPU ✅ ฟีเจอร์ importExternalTexture ยังไม่พร้อมใช้งาน ➡️ ใช้สำหรับการจัดการเฟรมวิดีโอแบบ decoded โดยตรง https://www.neowin.net/news/better-late-than-never-firefox-is-finally-getting-a-feature-chrome-users-have-had-for-years/
    WWW.NEOWIN.NET
    Better late than never: Firefox is finally getting a feature Chrome users have had for years
    Firefox has long lagged behind Chrome in adopting new web standards, but loyal users now have something to celebrate as the browser is finally getting a feature Chrome has offered for years.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 126 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากโลก Windows: Flyby11 เครื่องมือข้ามข้อจำกัด Windows 11 พร้อมฟีเจอร์ใหม่

    ในขณะที่ Windows 10 กำลังจะหมดอายุในอีกไม่ถึง 3 เดือน ผู้ใช้จำนวนมากที่มีเครื่องเก่าแต่ยังใช้งานได้ดี ต่างกังวลว่าจะไม่สามารถอัปเกรดไปใช้ Windows 11 ได้ เพราะติดข้อจำกัดด้านฮาร์ดแวร์ เช่น TPM 2.0, Secure Boot และ CPU ที่ไม่ผ่านเกณฑ์

    Flyby11 เป็นเครื่องมือโอเพ่นซอร์สที่ช่วย “ข้าม” ข้อจำกัดเหล่านี้ โดยใช้วิธี patch ไฟล์ Windows image และติดตั้งแบบ in-place ผ่านเทคนิคของ Windows Server ซึ่งช่วยให้เครื่องเก่าสามารถใช้งาน Windows 11 ได้โดยไม่ต้องปรับฮาร์ดแวร์

    ล่าสุด Flyby11 เวอร์ชัน 3.0 ได้เพิ่มฟีเจอร์ใหม่:
    - ดาวน์โหลด Windows 11 image โดยใช้ Media Creation Tool (MCT) ที่ตรงกับเวอร์ชันและภาษาของ Windows 10 เดิม
    - รองรับการดาวน์โหลดจากเว็บไซต์ Microsoft และ Fido
    - ปรับปรุงการ mount ISO ด้วย PowerShell ให้เสถียรมากขึ้น
    - เพิ่มการจัดการพารามิเตอร์ bypass เช่น /Compat IgnoreWarning และ /MigrateDrivers All
    - รองรับภาษา Hungarian และปรับปรุง localization ภาษาญี่ปุ่น

    ผู้ใช้สามารถดาวน์โหลด Flyby11 ได้ฟรีจาก GitHub แต่ควรพิจารณาความเสี่ยงในการใช้เครื่องมือจากบุคคลที่สามก่อนตัดสินใจ

    Flyby11 เป็นเครื่องมือสำหรับติดตั้ง Windows 11 บนเครื่องที่ไม่ผ่านข้อกำหนด
    ข้าม TPM 2.0, Secure Boot และ CPU check ได้

    ใช้วิธี patch ไฟล์ image และติดตั้งแบบ in-place ด้วยเทคนิคจาก Windows Server
    ไม่ต้องสร้าง bootable USB หรือปรับ BIOS

    เวอร์ชัน 3.0 เพิ่มฟีเจอร์ดาวน์โหลด Windows 11 image ผ่าน Media Creation Tool
    ตรงกับเวอร์ชันและภาษาของ Windows 10 เดิม

    รองรับการดาวน์โหลดจาก Microsoft และ Fido
    เพิ่มความยืดหยุ่นในการเลือกแหล่งไฟล์

    ปรับปรุงการ mount ISO ด้วย PowerShell
    ลดปัญหา drive detection ที่เคยเกิดในเวอร์ชันก่อน

    รองรับพารามิเตอร์ bypass เพิ่มเติม เช่น /Compat IgnoreWarning
    ช่วยให้การติดตั้งราบรื่นขึ้นในหลายกรณี

    เพิ่มภาษา Hungarian และปรับปรุงภาษาญี่ปุ่น
    รองรับผู้ใช้จากหลายประเทศมากขึ้น

    Flyby11 เป็นเครื่องมือจากบุคคลที่สาม ไม่ได้รับการรับรองจาก Microsoft
    อาจมีความเสี่ยงด้านความปลอดภัยหรือความเข้ากันได้

    การ patch ไฟล์ Windows image อาจทำให้ระบบไม่เสถียรในบางกรณี
    โดยเฉพาะหากใช้กับฮาร์ดแวร์ที่มีปัญหาอยู่แล้ว

    การอัปเดตผ่านวิธีนี้อาจไม่รองรับฟีเจอร์บางอย่างของ Windows 11
    เช่น Copilot หรือฟีเจอร์ที่ต้องใช้ NPU หรือ TPM จริง

    https://www.neowin.net/news/popular-tool-for-skipping-windows-11-requirements-updated-with-important-new-feature/
    🎙️ เรื่องเล่าจากโลก Windows: Flyby11 เครื่องมือข้ามข้อจำกัด Windows 11 พร้อมฟีเจอร์ใหม่ ในขณะที่ Windows 10 กำลังจะหมดอายุในอีกไม่ถึง 3 เดือน ผู้ใช้จำนวนมากที่มีเครื่องเก่าแต่ยังใช้งานได้ดี ต่างกังวลว่าจะไม่สามารถอัปเกรดไปใช้ Windows 11 ได้ เพราะติดข้อจำกัดด้านฮาร์ดแวร์ เช่น TPM 2.0, Secure Boot และ CPU ที่ไม่ผ่านเกณฑ์ Flyby11 เป็นเครื่องมือโอเพ่นซอร์สที่ช่วย “ข้าม” ข้อจำกัดเหล่านี้ โดยใช้วิธี patch ไฟล์ Windows image และติดตั้งแบบ in-place ผ่านเทคนิคของ Windows Server ซึ่งช่วยให้เครื่องเก่าสามารถใช้งาน Windows 11 ได้โดยไม่ต้องปรับฮาร์ดแวร์ ล่าสุด Flyby11 เวอร์ชัน 3.0 ได้เพิ่มฟีเจอร์ใหม่: - ดาวน์โหลด Windows 11 image โดยใช้ Media Creation Tool (MCT) ที่ตรงกับเวอร์ชันและภาษาของ Windows 10 เดิม - รองรับการดาวน์โหลดจากเว็บไซต์ Microsoft และ Fido - ปรับปรุงการ mount ISO ด้วย PowerShell ให้เสถียรมากขึ้น - เพิ่มการจัดการพารามิเตอร์ bypass เช่น /Compat IgnoreWarning และ /MigrateDrivers All - รองรับภาษา Hungarian และปรับปรุง localization ภาษาญี่ปุ่น ผู้ใช้สามารถดาวน์โหลด Flyby11 ได้ฟรีจาก GitHub แต่ควรพิจารณาความเสี่ยงในการใช้เครื่องมือจากบุคคลที่สามก่อนตัดสินใจ ✅ Flyby11 เป็นเครื่องมือสำหรับติดตั้ง Windows 11 บนเครื่องที่ไม่ผ่านข้อกำหนด ➡️ ข้าม TPM 2.0, Secure Boot และ CPU check ได้ ✅ ใช้วิธี patch ไฟล์ image และติดตั้งแบบ in-place ด้วยเทคนิคจาก Windows Server ➡️ ไม่ต้องสร้าง bootable USB หรือปรับ BIOS ✅ เวอร์ชัน 3.0 เพิ่มฟีเจอร์ดาวน์โหลด Windows 11 image ผ่าน Media Creation Tool ➡️ ตรงกับเวอร์ชันและภาษาของ Windows 10 เดิม ✅ รองรับการดาวน์โหลดจาก Microsoft และ Fido ➡️ เพิ่มความยืดหยุ่นในการเลือกแหล่งไฟล์ ✅ ปรับปรุงการ mount ISO ด้วย PowerShell ➡️ ลดปัญหา drive detection ที่เคยเกิดในเวอร์ชันก่อน ✅ รองรับพารามิเตอร์ bypass เพิ่มเติม เช่น /Compat IgnoreWarning ➡️ ช่วยให้การติดตั้งราบรื่นขึ้นในหลายกรณี ✅ เพิ่มภาษา Hungarian และปรับปรุงภาษาญี่ปุ่น ➡️ รองรับผู้ใช้จากหลายประเทศมากขึ้น ‼️ Flyby11 เป็นเครื่องมือจากบุคคลที่สาม ไม่ได้รับการรับรองจาก Microsoft ⛔ อาจมีความเสี่ยงด้านความปลอดภัยหรือความเข้ากันได้ ‼️ การ patch ไฟล์ Windows image อาจทำให้ระบบไม่เสถียรในบางกรณี ⛔ โดยเฉพาะหากใช้กับฮาร์ดแวร์ที่มีปัญหาอยู่แล้ว ‼️ การอัปเดตผ่านวิธีนี้อาจไม่รองรับฟีเจอร์บางอย่างของ Windows 11 ⛔ เช่น Copilot หรือฟีเจอร์ที่ต้องใช้ NPU หรือ TPM จริง https://www.neowin.net/news/popular-tool-for-skipping-windows-11-requirements-updated-with-important-new-feature/
    WWW.NEOWIN.NET
    Popular tool for skipping Windows 11 requirements updated with important new feature
    There is no shortage of apps that can help you bypass Windows 11's hardware requirements, and one of them now offers a new method to download images with a bunch of improvements.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 118 มุมมอง 0 รีวิว
  • อิทธิบาท 4 = พลังลับของคนที่ทำอะไรแล้ว "มีฤทธิ์" จริงๆ
    พระพุทธเจ้าตรัสชัดว่า
    ใครมีอิทธิบาทครบ 4 ข้อ จิตจะตั้งมั่นได้
    มีฤทธิ์ทางใจ ไม่แพ้ฤทธิ์ทางโลก
    ทำให้ “เอาชนะตัวเอง” ได้อย่างมั่นคง

    1. ฉันทะ – พอใจ สนุก ใคร่รู้ อยากทำ
    2. วิริยะ – ทุ่มเท ใส่ใจ สม่ำเสมอ
    3. จิตตะ – ใจจดใจจ่อ จดจ่อไม่วอกแวก
    4. วิมังสา – ทดลอง ประเมิน ปรับให้ดีขึ้น

    เวลาคนมี “ฉันทะ” กับอะไรบางอย่าง
    เขาจะทุ่มแรงกายแรงใจโดยไม่ต้องฝืน
    เหมือนนักกีฬา นักดนตรี นักภาวนา
    ที่ดูเหมือนมีพลังวิเศษในสิ่งที่ตนทำ
    จริงๆ คือพลังจากอิทธิบาท 4 นั่นเอง

    สำหรับผู้ภาวนา...
    สิ่งแรกที่ควรมีก่อนสมาธิ ไม่ใช่ความเก่ง
    แต่คือ "ฉันทะ" – ความสุขเล็กๆที่ได้รู้สึกตัว
    เจริญสติแล้ว “ไม่ย่อหย่อน” แบบเหม่อลอย
    และ “ไม่ตึง” แบบเคร่งเครียดเกินไป
    แต่ สบายๆ มีปีติ อิ่มใจ กับการฝึก

    ให้ลองถามใจดูบ่อยๆว่า
    วันนี้เรากำลังภาวนาแบบไหน?

    • เหนื่อยเกินไปไหม?
    • เครียดเกินไปหรือเปล่า?
    • หรือเรากำลังเพลินในความรู้ตัวอยู่จริงๆ?

    ถ้าอยู่ตรงกลางได้
    สมาธิจะเกิดขึ้นเอง
    พร้อมนำทางสู่ความรู้แจ้ง
    เห็นธรรมชัด
    ว่า...สิ่งทั้งหลายไม่เที่ยง
    และจิตก็ปล่อยวางได้!

    #อิทธิบาท4
    #พลังแห่งสมาธิ
    #ฉันทะสมาธิ
    #ธรรมะเข้าใจง่าย
    #รู้สึกตัวเบาๆแต่ลึกซึ้ง
    🌟 อิทธิบาท 4 = พลังลับของคนที่ทำอะไรแล้ว "มีฤทธิ์" จริงๆ พระพุทธเจ้าตรัสชัดว่า ใครมีอิทธิบาทครบ 4 ข้อ จิตจะตั้งมั่นได้ มีฤทธิ์ทางใจ ไม่แพ้ฤทธิ์ทางโลก ทำให้ “เอาชนะตัวเอง” ได้อย่างมั่นคง 🔹 1. ฉันทะ – พอใจ สนุก ใคร่รู้ อยากทำ 🔹 2. วิริยะ – ทุ่มเท ใส่ใจ สม่ำเสมอ 🔹 3. จิตตะ – ใจจดใจจ่อ จดจ่อไม่วอกแวก 🔹 4. วิมังสา – ทดลอง ประเมิน ปรับให้ดีขึ้น ✨ เวลาคนมี “ฉันทะ” กับอะไรบางอย่าง เขาจะทุ่มแรงกายแรงใจโดยไม่ต้องฝืน เหมือนนักกีฬา นักดนตรี นักภาวนา ที่ดูเหมือนมีพลังวิเศษในสิ่งที่ตนทำ จริงๆ คือพลังจากอิทธิบาท 4 นั่นเอง 🙏 สำหรับผู้ภาวนา... สิ่งแรกที่ควรมีก่อนสมาธิ ไม่ใช่ความเก่ง แต่คือ "ฉันทะ" – ความสุขเล็กๆที่ได้รู้สึกตัว เจริญสติแล้ว “ไม่ย่อหย่อน” แบบเหม่อลอย และ “ไม่ตึง” แบบเคร่งเครียดเกินไป แต่ สบายๆ มีปีติ อิ่มใจ กับการฝึก 🌿 ให้ลองถามใจดูบ่อยๆว่า วันนี้เรากำลังภาวนาแบบไหน? • เหนื่อยเกินไปไหม? • เครียดเกินไปหรือเปล่า? • หรือเรากำลังเพลินในความรู้ตัวอยู่จริงๆ? ถ้าอยู่ตรงกลางได้ สมาธิจะเกิดขึ้นเอง พร้อมนำทางสู่ความรู้แจ้ง เห็นธรรมชัด ว่า...สิ่งทั้งหลายไม่เที่ยง และจิตก็ปล่อยวางได้! #อิทธิบาท4 #พลังแห่งสมาธิ #ฉันทะสมาธิ #ธรรมะเข้าใจง่าย #รู้สึกตัวเบาๆแต่ลึกซึ้ง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 26 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts