• 🔴SONDHITALK : ผู้เฒ่าเล่าเรื่อง Ep284 (live)
    ผู้เฒ่าเล่าเรื่อง Ep284 (live) เปิดโปงเรื่องใต้พรมของ สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย , มาดามแป้ง-สมยศ #Live #thaitimes #sondhitalk #ผู้เฒ่าเล่าเรื่อง #EP284 #Liveสด
    🔴SONDHITALK : ผู้เฒ่าเล่าเรื่อง Ep284 (live) ผู้เฒ่าเล่าเรื่อง Ep284 (live) เปิดโปงเรื่องใต้พรมของ สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย , มาดามแป้ง-สมยศ #Live #thaitimes #sondhitalk #ผู้เฒ่าเล่าเรื่อง #EP284 #Liveสด
    Like
    Love
    Yay
    Haha
    108
    29 ความคิดเห็น 2 การแบ่งปัน 5980 มุมมอง 7 รีวิว
  • เห็นใจแต่หนี้ต้องจ่ายเอง ส.ฟุตบอลไม่ล่มของบได้ : [NEWS UPDATE]

    นายสรวงศ์ เทียนทอง รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา เผยกรณีนางนวลพรรณ ล่ำซำ นายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย แถลงความอัดอั้นตันใจถึงผู้บริหารสมาคมชุดเก่า โดยเฉพาะการแพ้คดีสยามสปอร์ต ต้องชดใช้หนี้ 360 ล้านบาท ให้กำลังใจนายกสมาคมฟุตบอล และเห็นใจว่าเข้ามาภายใต้ภาวะที่ทุกคนทราบดี แต่หนี้เป็นเรื่องที่สมาคมต้องรับผิดชอบ ยืนยัน ไม่ต้องกังวลจะกระทบฟุตบอลทีมชาติไทย และไม่ต้องกลัวสมาคมฟุตบอลจะล่ม เพราะมีมาตรการสนับสนุน สามารถของบพัฒนาได้ ยกเว้นชำระหนี้ให้ เพราะงบของกระทรวงท่องเที่ยว ถูกตั้งเป็นงบปกติ ไม่ได้ตั้งไว้เพื่อใช้หนี้ ยอมรับ มีปัญหาขั้นตอน​การเบิก​จ่าย เตรียมปรับปรุงทั้งหมด​ให้จ่ายเป็นก้อนได้​ เพื่อให้ไปบริหารจัดการเอง​ ไม่ใช่จ่ายเป็นรายโปรแกรมการแข่งขัน

    -ถามหาสปิริต ก.แรงงาน

    -รพ.รามาแจ้งลดผู้ป่วย

    -ตีตกวินิจฉัยคุณสมบัติรมต.

    -สหรัฐอยากทำอะไรทำเลย
    เห็นใจแต่หนี้ต้องจ่ายเอง ส.ฟุตบอลไม่ล่มของบได้ : [NEWS UPDATE] นายสรวงศ์ เทียนทอง รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา เผยกรณีนางนวลพรรณ ล่ำซำ นายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย แถลงความอัดอั้นตันใจถึงผู้บริหารสมาคมชุดเก่า โดยเฉพาะการแพ้คดีสยามสปอร์ต ต้องชดใช้หนี้ 360 ล้านบาท ให้กำลังใจนายกสมาคมฟุตบอล และเห็นใจว่าเข้ามาภายใต้ภาวะที่ทุกคนทราบดี แต่หนี้เป็นเรื่องที่สมาคมต้องรับผิดชอบ ยืนยัน ไม่ต้องกังวลจะกระทบฟุตบอลทีมชาติไทย และไม่ต้องกลัวสมาคมฟุตบอลจะล่ม เพราะมีมาตรการสนับสนุน สามารถของบพัฒนาได้ ยกเว้นชำระหนี้ให้ เพราะงบของกระทรวงท่องเที่ยว ถูกตั้งเป็นงบปกติ ไม่ได้ตั้งไว้เพื่อใช้หนี้ ยอมรับ มีปัญหาขั้นตอน​การเบิก​จ่าย เตรียมปรับปรุงทั้งหมด​ให้จ่ายเป็นก้อนได้​ เพื่อให้ไปบริหารจัดการเอง​ ไม่ใช่จ่ายเป็นรายโปรแกรมการแข่งขัน -ถามหาสปิริต ก.แรงงาน -รพ.รามาแจ้งลดผู้ป่วย -ตีตกวินิจฉัยคุณสมบัติรมต. -สหรัฐอยากทำอะไรทำเลย
    Angry
    Like
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1147 มุมมอง 50 0 รีวิว
  • กรรมของสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย (12/03/68) #news1 #ข่าววันนี้ #ข่าวดัง #สมาคมฟุตบอล #มาดามแป้ง #หนี้สมาคมฟุตบอล
    กรรมของสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย (12/03/68) #news1 #ข่าววันนี้ #ข่าวดัง #สมาคมฟุตบอล #มาดามแป้ง #หนี้สมาคมฟุตบอล
    Like
    Sad
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1081 มุมมอง 53 0 รีวิว
  • สนธิเล่าเรื่อง 12-3-68

    วันนี้เป็น Medley หลายๆ เรื่องเพราะในช่วงไม่กี่วันมานี้มีเรื่องราวมากมายเกิดขึ้นในบ้านเมืองเรา ไม่ว่าจะเป็นกรณีการเซ็นคำสั่งไล่ออก "บิ๊กโจ๊ก" พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล, เรื่องวุ่น ๆ ที่สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยในยุค พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ซึ่งมาดามแป้ง นวลพรรณต้องเข้ามาแก้ไข, การทุจริตในกองทุนประกันสังคม รวมไปถึงปัญหาการเมือง ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำและอีกหลาย ๆ เรื่องที่ไม่พูดไม่ได้
    https://www.youtube.com/watch?v=BsejsSA1nX8

    #SondhiTalk #สนธิเล่าเรื่อง #บิ๊กโจ๊ก #สมาคมฟุตบอล #มาดามแป้ง #กองทุนประกันสังคม
    สนธิเล่าเรื่อง 12-3-68 วันนี้เป็น Medley หลายๆ เรื่องเพราะในช่วงไม่กี่วันมานี้มีเรื่องราวมากมายเกิดขึ้นในบ้านเมืองเรา ไม่ว่าจะเป็นกรณีการเซ็นคำสั่งไล่ออก "บิ๊กโจ๊ก" พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล, เรื่องวุ่น ๆ ที่สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยในยุค พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ซึ่งมาดามแป้ง นวลพรรณต้องเข้ามาแก้ไข, การทุจริตในกองทุนประกันสังคม รวมไปถึงปัญหาการเมือง ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำและอีกหลาย ๆ เรื่องที่ไม่พูดไม่ได้ https://www.youtube.com/watch?v=BsejsSA1nX8 #SondhiTalk #สนธิเล่าเรื่อง #บิ๊กโจ๊ก #สมาคมฟุตบอล #มาดามแป้ง #กองทุนประกันสังคม
    Like
    Love
    Sad
    41
    2 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 4036 มุมมอง 4 รีวิว
  • สนธิเล่าเรื่อง 12-3-68
    .
    รายการสนธิเล่าเรื่องวันนี้เป็น Medley หลายๆ เรื่องเพราะในช่วงไม่กี่วันมานี้มีเรื่องราวมากมายเกิดขึ้นในบ้านเมืองเรา ไม่ว่าจะเป็นกรณีการเซ็นคำสั่งไล่ออก "บิ๊กโจ๊ก" พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล, เรื่องวุ่น ๆ ที่สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยในยุค พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ซึ่งมาดามแป้ง นวลพรรณต้องเข้ามาแก้ไข, การทุจริตในกองทุนประกันสังคม รวมไปถึงปัญหาการเมือง ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำและอีกหลาย ๆ เรื่องที่ไม่พูดไม่ได้
    .
    คลิกชม >> https://www.youtube.com/watch?v=BsejsSA1nX8
    .
    #SondhiTalk #สนธิเล่าเรื่อง #บิ๊กโจ๊ก #สมาคมฟุตบอล #มาดามแป้ง #กองทุนประกันสังคม
    สนธิเล่าเรื่อง 12-3-68 . รายการสนธิเล่าเรื่องวันนี้เป็น Medley หลายๆ เรื่องเพราะในช่วงไม่กี่วันมานี้มีเรื่องราวมากมายเกิดขึ้นในบ้านเมืองเรา ไม่ว่าจะเป็นกรณีการเซ็นคำสั่งไล่ออก "บิ๊กโจ๊ก" พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล, เรื่องวุ่น ๆ ที่สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยในยุค พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ซึ่งมาดามแป้ง นวลพรรณต้องเข้ามาแก้ไข, การทุจริตในกองทุนประกันสังคม รวมไปถึงปัญหาการเมือง ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำและอีกหลาย ๆ เรื่องที่ไม่พูดไม่ได้ . คลิกชม >> https://www.youtube.com/watch?v=BsejsSA1nX8 . #SondhiTalk #สนธิเล่าเรื่อง #บิ๊กโจ๊ก #สมาคมฟุตบอล #มาดามแป้ง #กองทุนประกันสังคม
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 681 มุมมอง 0 รีวิว
  • 12 มีนาคม 2568-เพจวิเคราะห์บอลจริงจังเขียนบทความน่าสนใจว่ามาดามแป้ง นวลพรรณ ล่ำซำ มารับงานตำแหน่งนายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ในวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2567 สิ่งแรกที่เธอต้องเจอคือ "หนี้สิน" ที่ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ทิ้งไว้ให้เงินในบัญชีของสมาคม ณ วันนั้น มีทั้งหมด 27.7 ล้านบาท ส่วนหนี้สินมี 132.6 ล้านบาท แปลว่า ยุคของมาดามแป้งต้องเริ่มแบบติดลบ 105 ล้านบาทย้อนกลับไปดูวันสุดท้าย ของพล.ต.อ.สมยศ ในฐานะนายกสมาคม เขาบอกว่า "อิจฉาคนที่จะเข้ามาเป็นนายกฯ คนใหม่ ที่เข้ามาแล้วมีพร้อมทุกอย่าง ตอนที่ผมเข้ามามีแค่กุญแจดอกเดียวใช้เปิดเข้าสมาคม คนเรามันวาสนาไม่เท่ากันจริงๆ" โอเค... พล.ต.อ.สมยศ อาจเริ่มต้นด้วยกุญแจดอกเดียว ไขเข้าไปในห้องแล้วเจอแต่ความว่างเปล่าแต่กับเคสของมาดามแป้ง เธอเอากุญแจดอกนั้นไขเข้าไป แล้วเจอ "กองหนี้สินมหาศาล" ที่เธอไม่ได้ก่อ แต่ต้องเป็นคนชดใช้ในวันนี้ (11 มีนาคม) มาดามแป้งแถลงผลงาน ครบ 1 ปีที่เข้ามาเป็นนายกสมาคม แต่สาเหตุที่สื่อมวลชนมหาศาลมาทำข่าววันนี้ ไม่ใช่เรื่องผลงานดังกล่าว ทุกคนอยากรู้แค่ว่า "มาดามแป้ง จะจัดการปัญหาหนี้สิน 360 ล้านบาทกับสยามสปอร์ตอย่างไร?" ผมขอสรุป 2 คดีของสมาคมกับสยามสปอร์ตนิดเดียวครับ ---------------คดีที่ 1 สยามสปอร์ต ฟ้อง สมาคมฟุตบอล 1,401 ล้านบาท โทษฐานฉีกสัญญาผู้ถือสิทธิประโยชน์ไทยลีก โดยไม่ได้รับความเห็นชอบศาลชั้นต้น : สมาคมต้องจ่ายค่าเสียหาย 50 ล้านบาท บวกดอกเบี้ยศาลอุทธรณ์ : สมาคมต้องจ่ายค่าเสียหาย 450 ล้านบาท บวกดอกเบี้ยศาลฎีกา : สมาคมต้องจ่ายค่าเสียหาย 360 ล้านบาท บวกดอกเบี้ยสมาคมแพ้คดีทุกศาล เพราะต่อให้คุณจะไม่ชอบสัญญาขนาดไหน คุณก็ไปฉีกสัญญาที่เซ็นกันแล้วอย่างถูกต้องไม่ได้ มาดามแป้งบอกว่า หนี้สินไม่ได้มีแค่เงินต้น 360 ล้าน แต่ดอกเบี้ยก็มหาศาลมาก เกิน 200 ล้านบาทแน่นอน---------------คดีที่ 2 สมาคมฟุตบอล ฟ้อง สยามสปอร์ต ขอเอาทรัพย์สินคืน 1,139 ล้านบาท เนื่องจากมองว่าสยามสปอร์ต ทำเงินจากการเป็นผู้ถือสิทธิประโยชน์ แต่ไม่ยอมส่งมอบเงินให้สมาคมศาลชั้นต้น : สยามสปอร์ต ต้องจ่ายค่าเสียหาย 99 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยศาลอุทธรณ์ : ยกฟ้อง ศาลฎีกา : ไม่รับฎีกาคดีที่สมาคมฟ้องสยามสปอร์ต จบแล้วเช่นกัน ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่า ไม่มีหลักฐานเพียงพอว่าสยามสปอร์ตกั๊กเงินเอาไว้เอง ทำให้บทสรุปของคดีนี้ สยามสปอร์ตชนะอีกคดี ไม่ต้องจ่ายค่าเสียหายแม้แต่บาทเดียว---------------ในการปะทะกันบนศาลครั้งนี้ สยามสปอร์ตเป็นฝ่ายชนะโดยสมบูรณ์ไปแล้ว ทั้ง 2 คดี และสมาคมต้องหาเงินมหาศาลเอามาชำระหนี้แปลว่า มาดามแป้ง มารับตำแหน่งนายกสมาคม 1 ปี เธอมีหนี้สิ้นเริ่มต้น 105 ล้านบาท ตามด้วยหนี้ก้อนที่สองของสยามสปอร์ต (เงินต้น + ดอกเบี้ย) อีก 560 ล้านบาท รวมแล้วกลมๆ สมาคมมีหนี้สิ้นทั้งหมด 665 ล้านบาท ที่ต้องชดใช้ในทางกฎหมายนั้น คนที่ฉีกสัญญาของสยามสปอร์ตคือ "นิติบุคคล" ไม่ใช่ตัว "สมยศ" แปลว่า ภาระหนี้สิ้นเหล่านี้ มาดามแป้งในฐานะนายกสมาคมคนปัจจุบัน ต้องเป็นคนหาเงินมาชำระให้เจ้าหนี้ถ้าเธอหาเงินไม่ได้ สมาคมอาจจะถูกยึดทรัพย์ สำนักงานที่ทำการสมาคมก็จะโดนยึดเอาไปจ่ายหนี้ ซึ่งเรื่องนี้เป็นจุดอ่อนไหวของมาดามแป้งอย่างมาก เพราะถ้าสมาคมที่ก่อตั้งมา 110 ปี ต้องล่มสลาย โดนยึดทุกอย่างในยุคของเธอ มันจะเป็นตราบาปที่ติดในใจเธอไปตลอดเมื่อพูดถึงตรงนี้ มาดามแป้งร้องไห้ เธอบอกว่า "แป้งมาด้วยเจตนาดี ทุกคนคงจะเห็นใจแป้งบ้าง สิ่งที่แป้งเจอเนี่ย แป้งทำเต็มที่ ในฐานะผู้หญิงคนแรกที่เป็นนายกสมาคมฟุตบอลคนแรกของทวีปเอเชีย เข้ามาไม่มีอะไรเลย มีแต่หนี้ แป้งไม่เคยดราม่า แต่ว่าแป้งคิดว่า แป้งทำงานมาได้ถึงขนาดนี้ แป้งเต็มที่แล้ว ""แป้งแค่ขอความเห็นใจ และขอกำลังใจ จากแฟนบอลและสื่อมวลชน เพราะไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ปัญหานี้ต้องถูกแก้ด้วยแป้งและสภากรรมการ แต่เรื่องหนี้สินมันไม่ได้เกิดขึ้นในยุคแป้ง แต่แป้งต้องมารับทุกสิ่งทุกอย่าง แป้งเป็นคน และเป็นผู้หญิงที่มีจิตใจเหมือนกัน"ถ้าเราพูดกันแบบตรงๆ เลย ตลอด 1 ปีของมาดามแป้ง เธอก็มีผลงานไม่เลวหลายอย่าง เช่น พาทีมชาติไทยมีอันดับโลกต่ำกว่าร้อย ครั้งแรกในรอบ 16 ปี, หาเงินมาจ่ายให้สโมสรไทยลีกได้สำเร็จ รวมถึง จัดงานฟีฟ่า คองเกรสได้เยี่ยมจนได้รับคำชมแน่นอน มาดามแป้งไม่ได้เพอร์เฟ็กต์ ทุกคนทราบดี เรื่องโปรแกรมเลื่อนไทยลีกจนชุลมุน เธอก็ยังจัดการไม่ดีนัก แต่อย่างน้อย การต่อสู้ในสภาพที่สมาคมเจอหนี้มหาศาลขนาดนี้ ถือว่าโอเคแล้วสำหรับเรื่องการใช้หนี้ เมื่อศาลมีฎีกามาแล้ว ยังไงก็ต้องหาเงินมาชดใช้ โชคดีที่ทางมาดามแป้ง กับ ระวิ โหลทอง เจ้าของสยามสปอร์ต สนิทสนมกันดี ก็อาจจะพอประนีประนอม ยืดเวลาจ่ายกันได้อยู่จริงอยู่ แม้ศาลจะระบุว่า คนที่ต้องใช้หนี้ คือสมาคมฟุตบอลซึ่งเป็นนิติบุคคล แต่มาดามแป้งรู้สึกว่าการกระทำที่สร้างความเสียหายขนาดนี้ ไม่แฟร์เลยที่ พล.ต.อ.สมยศ จะรอดไปดื้อๆ โดยไม่ต้องรับผิดชอบอะไรดังนั้นเธอจึงศึกษาข้อมูล และค้นพบว่ามีประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 76 ที่ระบุว่า "นิติบุคคลที่ต้องชดใช้ความเสียหาย สามารถไล่เบี้ย ฟ้องร้องคืนจากคนที่ก่อความเสียหายได้" มาดามแป้ง จึงเตรียมฟ้อง พล.ต.อ.สมยศ และ สภากรรมการชุดก่อน ในมาตรา 76 นี้ โทษฐานฉีกสัญญากับสยามสปอร์ตโดยพลการ จนสร้างความเสียหายอย่างรุนแรงให้กับสมาคม เรื่องนี้จะขึ้นสู่ศาลแน่นอน ก็ต้องมาดูกันว่า สมาคมฟุตบอลจะสามารถทวงเงินคืนสักก้อน จากพล.ต.อ.สมยศ และสภากรรมการชุดเก่าได้หรือไม่ ---------------ในงานแถลงข่าวครั้งนี้ ไฮไลท์ของจริง ที่มาดามแป้งอยากเล่า ไม่ใช่คดีของสยามสปอร์ต แต่เป็นการแฉพล.ต.อ.สมยศ แบบ "เละ" อัดทุกอย่างจนกระจุยไปหมด ในวันแรกที่มาดามแป้งมารับงานเป็นนายกสมาคมคนใหม่ เมื่อเจอหนี้สินร้อยล้านกว่าบาท ทำให้เธอตั้งคำถามว่า แล้วเงินก้อนต่างๆ ที่สมาคมได้รับมาก่อนหน้านี้ หายไปไหนหมด?ทำให้เธอตั้งหน่วยงานเฉพาะกิจชื่อ "คณะกรรมการตรวจสอบทรัพย์สิน" นำโดย นายเลิศศักดิ์ พัฒนชัยกุล ส.ส.พรรคเพื่อไทย จากจังหวัดเลย ที่เป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องคดีฟอกเงิน มาไล่เช็กรายรับ-รายจ่าย ของสมาคมยุคก่อนว่า เงินมันไปอยู่ไหนบ้างสิ่งที่ค้นเจอจากการตรวจสอบมีหลายอย่าง ที่แปลก [ เรื่องแปลกอย่างที่ 1 ] คดีที่สมาคม ฟ้อง สยามสปอร์ต 1,139 ล้านบาท สมาคมของพล.ต.อ.สมยศ ได้ติดต่อทนายความเอาไว้ และมีการตกลงเรื่องค่าใช้จ่ายการว่าความแล้วเรียบร้อยศาลชั้นต้น 750,000 บาท, ศาลอุทธรณ์ 300,000 บาท และ ศาลฎีกา 300,000 บาท เป็นค่าวิชาชีพของทีมทนายความในศาลชั้นต้น กับ ศาลอุทธรณ์ก็จ่ายกันไป ตามราคา แต่พอถึงศาลฎีกา (ที่ศาลไม่รับฟ้องด้วย) จากตัวเลขที่ตกลงกัน 3 แสนบาท อยู่ๆ ทางสมาคมไปจ่ายให้ทนายความ เป็นจำนวน 30 ล้านบาท เพิ่มขึ้นมาดื้อๆ 100 เท่าโดยการจ่ายเงิน 30 ล้านบาท เกิดขึ้นก่อน พล.ต.อ.สมยศ จะหมดวาระไม่ถึง 1 เดือนเท่านั้น ทำให้เกิดข้อสงสัยว่า เป็นไปได้หรือ ที่จะว่าความด้วยราคา 30 ล้านบาท? แล้วทำไมถึงจ่ายแพงกว่าร้อยเท่าจากเดิมที่ตกลงกัน นี่คือการ "ทิ้งทวน" เอาเงินก้อนสุดท้าย ก่อนจะอำลาตำแหน่งหรือเปล่า ก็ไม่สามารถตอบได้[ เรื่องแปลกอย่างที่ 2 ] ทุกๆ ปี ฟีฟ่าจะจ่ายเงินสนับสนุนให้สมาคมฟุตบอลทั่วโลกปีละ 1,250,000 ดอลลาร์สหรัฐ แต่พอมาดามแป้งเข้ามาทำงานในปีแรก ฟีฟ่ากลับจ่ายให้แค่ 750,000 ดอลลาร์เท่านั้น หายไป 5 แสนเหรียญทีมงานของมาดามแป้งจึงไปค้นข้อมูล ปรากฏว่า สมาคมยุคพล.ต.อ.สมยศ ไปขอกู้เงินจากฟีฟ่า ในวันที่ 9 ตุลาคม 2563 เป็นจำนวน 5 ล้านดอลลาร์ (155 ล้านบาท)ฟีฟ่าจ่ายให้ 5 ล้านดอลลาร์ตามคำขอ โดยแจ้งสมาคมให้ชดใช้คืน ด้วยการผ่อนจ่าย 10 ปี (2564-2573) ปีละ 5 แสนดอลลาร์ ซึ่งทางฟีฟ่าจะหักเอาเลย จากเงินสนับสนุนที่จะให้สมาคมเป็นรายปีนั่นคือเหตุผลที่สมาคมยุคมาดามแป้ง จะเงินหายไป 5 แสนเหรียญ (16.8 ล้านบาท) ทุกปี จนถึงปี 2573นี่เป็นเรื่องที่มาดามแป้งเฮิร์ทมาก เพราะเธอหมดวาระนายกสมาคม ในปี 2571 เท่ากับว่าเธอต้องจ่าย 5 แสนเหรียญที่ พล.ต.อ.สมยศก่อขึ้นมาไปเรื่อยๆ จนจบวาระของเธอเลยด้วยซ้ำขณะที่ 5 ล้านดอลลาร์ที่ได้มาจากฟีฟ่าตอนแรกสุด ก็ไม่รู้อยู่ไหนแล้ว จับมือใครดมไม่ได้ มีข่าวว่าเอามาใช้จ่ายในช่วงโควิด ที่ไม่มีรายได้ แต่ก็ไม่มีหลักฐานยืนยันว่าใช้จ่ายไปกับอะไรบ้าง[ เรื่องแปลกอย่างที่ 3 ]พล.ต.อ.สมยศ ตัดสินใจขาย Data Analytics และ Gaming Right ของ ฟุตบอลไทยลีก และ ทีมชาติไทย ให้กับบริษัท Perform จากมาเลเซียทั้งสองอย่างคือ สิทธิ์ในการเข้าถึงข้อมูลทั้งหมดของฟุตบอลไทย เช่น เปอร์เซ็นต์การครองบอล, จำนวนใบเหลือง-ใบเหลือง, จำนวนนาทีที่ลงสนาม, ระยะทางการวิ่งของผู้เล่นแต่ละคน ข้อมูลเหล่านี้ สามารถเอาไปใช้ในอะไรก็ได้ เช่น เอาไปสร้างเกมแฟนตาซี, เอาไปใช้เป็นข้อมูลสำหรับโต๊ะพนัน หรือถ้าคิด worst case คือเอาสถิติเหล่านี้มาศึกษาทั้งไทยลีก หรือทีมชาติก็ได้ เพื่อที่ชาติเพื่อนบ้านจะได้แซงหน้าเราไปได้ในอนาคต พล.ต.อ.สมยศ ขายสิทธิ์ Data Analytics และ Gaming Right ยาวไปจนถึงปี 2571 ซึ่งมาดามแป้ง พยายามขอซื้อคืน เพราะไม่อยากให้ข้อมูลบอลไทยรั่วไหล แต่บริษัท Perform ไม่ขาย เงินที่ได้จากการขายลิขสิทธิ์ก้อนนี้ "ไม่รู้อยู่ไหน" แต่ปัญหาไม่ใช่แค่เรื่องเงินเท่านั้น มันเป็นข้อมูลภายในของฟุตบอลไทย ที่ไม่รู้ว่าประเทศอื่นจะเอาไปใช้ทำอะไรก็ไม่รู้ เป็นเรื่องที่น่ากังวลเหมือนกัน[ เรื่องแปลกอย่างที่ 4 ]ในวงการฟุตบอลไทยนั้น เป็นธรรมเนียม ที่นายกสมาคมจะไม่รับเงินเดือนกัน คือผมไม่ได้บอกว่า ดีหรือเปล่า แต่ธรรมเนียมปฏิบัติเขาทำกันมาแบบนี้ คนที่ลงสมัครนายกสมาคมจะรู้แต่แรกโดยธรรมชาติอย่างไรก็ตาม พล.ต.อ.สมยศ เป็นคนแรกที่รับเงินเดือนในฐานะนายกสมาคม โดยตั้งเงินเดือนให้ตัวเอง เป็นจำนวน 5 แสนบาท ไม่เพียงแค่นั้น ยังรับเงินอีกทาง ในฐานะผู้บริหารของบริษัท ไทยลีก อีกจำนวน 5 แสนบาท รวมแล้วเป็นเงินทั้งสิ้นเดือนละ 1 ล้านบาทเคยมีคนไปสอบถามในเรื่องนี้ แต่พล.ต.อ.สมยศ ก็อธิบายว่า รับเงินเดือนมาก็จริง แต่ก็มีการบริจาคกลับคืนให้สมาคม เป็นจำนวน 32 ล้านบาท ไม่ได้เอาไปทั้งหมดขนาดนั้นปัญหาในเรื่องนี้คือ ทีมตรวจสอบของมาดามแป้งไปหาเงิน 32 ล้านที่ว่านี้ และ "ยังไม่พบ" จนถึงตอนนี้ ก็ไม่รู้ว่าเงินก้อนนี้อยู่ไหน ไม่รู้ว่ามีการบริจาคจริงตามที่พูดหรือเปล่า---------------มาดามแป้งใช้เวลาแถลงข่าวทั้งหมด 64 นาที เล่าทุกอย่าง แบบตรงไปตรงมา เธอยืนยันว่า "ไม่ได้มีปัญหาส่วนตัว กับ พล.ต.อ.สมยศ แต่จำเป็นต้องทำ เพื่อทวงเงินที่เป็นของสมาคมกลับคืนมา เพราะสมาคมฟุตบอลต้องเดินหน้าต่อไปให้ได้" ทีนี้ เมื่อฝั่งสมาคมโจมตีใส่อย่างหนักหน่วงแล้ว ก็ถึงคิวของ พล.ต.อ.สมยศ ต้องออกมาอธิบายตัวเอง ว่าข้อสงสัยต่างๆ ที่มาดามแป้งพูดถึงนั้น มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ค่าทนาย 30 ล้าน มันก็แปลกจริงๆ นั่นแหละน่าคิดนะ ว่าเงินก้อนโตที่เข้าออกสมาคม จำนวนมากกว่าร้อยล้าน สุดท้ายมันหายไปไหนหมด ทำไมเหลือแต่หนี้สินทิ้งเอาไว้สำหรับประเด็นที่เราต้องติดตาม มีหลายอย่าง เช่น ในปี 2571 ที่จะหมดสัญญากับผู้ถือสิทธิประโยชน์รายปัจจุบัน (แพลนบี) และ เจ้าของลิขสิทธิ์เสื้อแข่งทีมชาติ (วอร์ริกซ์) สมาคมจะเดินหมากอย่างไรต่อ จะเซ็นกัน 8 ปีแบบเดิมอีกไหม รวมถึง การเจรจาหาทางชำระหนี้สยามสปอร์ตจะทำอย่างไร เมื่อไม่มีเงินในบัญชีเลย จะเล่นแร่แปรธาตุ หาเงินจากไหนได้บ้าง? นี่คือช่วงเวลาที่มาดามแป้งต้องใช้กลยุทธ์ธุรกิจทุกอย่าง รวมถึงคอนเน็กชั่นทั้งหมดที่เธอมี ในการประคองให้สมาคมรอดพ้นวิกฤติไปให้ได้หลังจบงานแถลงข่าว มาดามแป้งเดินมาขอบคุณสื่อมวลชน และพอเธอเดินมาถึง ผมถามเธอว่า "เจอแบบนี้ ภาระหนี้สินหลายร้อยล้านที่ตัวเองไม่ได้ก่อ เคยคิดจะลาออกไหมครับ?" มาดามแป้ง หยุดคิด แล้วตอบผมว่า "เคยคิดนะคะ" "แต่เราได้กำลังใจจากคนมากมาย นายกสมาคมประเทศอื่นในเอเชีย ก็บอกว่าอยู่ต่อเถอะ เพราะเราทำงานได้ดีแล้ว มันก็เลยมีพลังที่จะสู้ต่อ""และที่สำคัญ ถ้าเราไม่ทำ ถ้าเราไม่แก้ปัญหานี้ แล้วจะปล่อยให้ใครจะมาแก้ ดังนั้นก็ต้องสู้ค่ะ"ทั้งหมดนี้คือเรื่องราวการแถลงข่าว ที่เดือดดาลที่สุดของสมาคมฟุตบอล มาดามแป้งเริ่มด้วยเสียงหัวเราะ รอยยิ้มในการแถลงผลงาน ตามด้วยอารมณ์โมโห ก่อนจะปิดท้ายด้วยน้ำตาเข้าใจเธอครับ ถ้าอยู่ๆ ต้องมารับภาระหนี้สินร้อยล้านแบบไม่ทันตั้งตัวขนาดนี้ คงทั้งแค้น ทั้งเศร้าเป็นธรรมดาการเป็นผู้นำองค์กร ที่ต้องแบกรับความคาดหวังทุกอย่าง มันไม่ใช่เรื่องง่ายจริงๆ วันนี้มาดามแป้งทำให้เห็นว่า เธอก็คือมนุษย์คนหนึ่งที่มีความอ่อนไหว เสียใจได้ ร้องไห้เป็น แต่แม้จะเสียใจแค่ไหน ก็ต้องปาดน้ำตาแล้วแก้ปัญหากันต่อปิดท้ายในเรื่องนี้ สิ่งที่น่าจับตาที่สุดคือ ความโปร่งใสของอดีตนายกฯ สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ที่เข้ามารับตำแหน่ง กับสโลแกนว่า "มาจับโจร" แต่ตอนนี้กลับโดนข้อครหามากมาย เหมือนว่าเขาเป็นโจรเสียเองสมมุติว่า เขาไม่ได้ทำอะไรผิด บริหารงานด้วยความบริสุทธิ์ใจมาตลอด ก็ไม่เห็นต้องกลัวการตรวจสอบ คนซื่อสัตย์ย่อมต้องหาคำอธิบายทุกอย่างได้อยู่แล้ว แต่ในทางตรงข้าม ถ้ามีจิตใจคิดทุจริต หวังใช้สมาคมฟุตบอลในการกอบโกยผลประโยชน์ล่ะก็ รับรองได้ว่าเรื่องนี้ จะไม่จบง่ายๆ อย่างแน่นอนเพราะถ้าหากคนเป็นผู้นำ ยังไม่ตรงไปตรงมา มีนอกมีในอยู่ตลอด แล้วอนาคตของวงการฟุตบอลไทยจะเป็นอย่างไร ... แค่คิดก็สิ้นหวังแล้ว
    12 มีนาคม 2568-เพจวิเคราะห์บอลจริงจังเขียนบทความน่าสนใจว่ามาดามแป้ง นวลพรรณ ล่ำซำ มารับงานตำแหน่งนายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ในวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2567 สิ่งแรกที่เธอต้องเจอคือ "หนี้สิน" ที่ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ทิ้งไว้ให้เงินในบัญชีของสมาคม ณ วันนั้น มีทั้งหมด 27.7 ล้านบาท ส่วนหนี้สินมี 132.6 ล้านบาท แปลว่า ยุคของมาดามแป้งต้องเริ่มแบบติดลบ 105 ล้านบาทย้อนกลับไปดูวันสุดท้าย ของพล.ต.อ.สมยศ ในฐานะนายกสมาคม เขาบอกว่า "อิจฉาคนที่จะเข้ามาเป็นนายกฯ คนใหม่ ที่เข้ามาแล้วมีพร้อมทุกอย่าง ตอนที่ผมเข้ามามีแค่กุญแจดอกเดียวใช้เปิดเข้าสมาคม คนเรามันวาสนาไม่เท่ากันจริงๆ" โอเค... พล.ต.อ.สมยศ อาจเริ่มต้นด้วยกุญแจดอกเดียว ไขเข้าไปในห้องแล้วเจอแต่ความว่างเปล่าแต่กับเคสของมาดามแป้ง เธอเอากุญแจดอกนั้นไขเข้าไป แล้วเจอ "กองหนี้สินมหาศาล" ที่เธอไม่ได้ก่อ แต่ต้องเป็นคนชดใช้ในวันนี้ (11 มีนาคม) มาดามแป้งแถลงผลงาน ครบ 1 ปีที่เข้ามาเป็นนายกสมาคม แต่สาเหตุที่สื่อมวลชนมหาศาลมาทำข่าววันนี้ ไม่ใช่เรื่องผลงานดังกล่าว ทุกคนอยากรู้แค่ว่า "มาดามแป้ง จะจัดการปัญหาหนี้สิน 360 ล้านบาทกับสยามสปอร์ตอย่างไร?" ผมขอสรุป 2 คดีของสมาคมกับสยามสปอร์ตนิดเดียวครับ ---------------คดีที่ 1 สยามสปอร์ต ฟ้อง สมาคมฟุตบอล 1,401 ล้านบาท โทษฐานฉีกสัญญาผู้ถือสิทธิประโยชน์ไทยลีก โดยไม่ได้รับความเห็นชอบศาลชั้นต้น : สมาคมต้องจ่ายค่าเสียหาย 50 ล้านบาท บวกดอกเบี้ยศาลอุทธรณ์ : สมาคมต้องจ่ายค่าเสียหาย 450 ล้านบาท บวกดอกเบี้ยศาลฎีกา : สมาคมต้องจ่ายค่าเสียหาย 360 ล้านบาท บวกดอกเบี้ยสมาคมแพ้คดีทุกศาล เพราะต่อให้คุณจะไม่ชอบสัญญาขนาดไหน คุณก็ไปฉีกสัญญาที่เซ็นกันแล้วอย่างถูกต้องไม่ได้ มาดามแป้งบอกว่า หนี้สินไม่ได้มีแค่เงินต้น 360 ล้าน แต่ดอกเบี้ยก็มหาศาลมาก เกิน 200 ล้านบาทแน่นอน---------------คดีที่ 2 สมาคมฟุตบอล ฟ้อง สยามสปอร์ต ขอเอาทรัพย์สินคืน 1,139 ล้านบาท เนื่องจากมองว่าสยามสปอร์ต ทำเงินจากการเป็นผู้ถือสิทธิประโยชน์ แต่ไม่ยอมส่งมอบเงินให้สมาคมศาลชั้นต้น : สยามสปอร์ต ต้องจ่ายค่าเสียหาย 99 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยศาลอุทธรณ์ : ยกฟ้อง ศาลฎีกา : ไม่รับฎีกาคดีที่สมาคมฟ้องสยามสปอร์ต จบแล้วเช่นกัน ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่า ไม่มีหลักฐานเพียงพอว่าสยามสปอร์ตกั๊กเงินเอาไว้เอง ทำให้บทสรุปของคดีนี้ สยามสปอร์ตชนะอีกคดี ไม่ต้องจ่ายค่าเสียหายแม้แต่บาทเดียว---------------ในการปะทะกันบนศาลครั้งนี้ สยามสปอร์ตเป็นฝ่ายชนะโดยสมบูรณ์ไปแล้ว ทั้ง 2 คดี และสมาคมต้องหาเงินมหาศาลเอามาชำระหนี้แปลว่า มาดามแป้ง มารับตำแหน่งนายกสมาคม 1 ปี เธอมีหนี้สิ้นเริ่มต้น 105 ล้านบาท ตามด้วยหนี้ก้อนที่สองของสยามสปอร์ต (เงินต้น + ดอกเบี้ย) อีก 560 ล้านบาท รวมแล้วกลมๆ สมาคมมีหนี้สิ้นทั้งหมด 665 ล้านบาท ที่ต้องชดใช้ในทางกฎหมายนั้น คนที่ฉีกสัญญาของสยามสปอร์ตคือ "นิติบุคคล" ไม่ใช่ตัว "สมยศ" แปลว่า ภาระหนี้สิ้นเหล่านี้ มาดามแป้งในฐานะนายกสมาคมคนปัจจุบัน ต้องเป็นคนหาเงินมาชำระให้เจ้าหนี้ถ้าเธอหาเงินไม่ได้ สมาคมอาจจะถูกยึดทรัพย์ สำนักงานที่ทำการสมาคมก็จะโดนยึดเอาไปจ่ายหนี้ ซึ่งเรื่องนี้เป็นจุดอ่อนไหวของมาดามแป้งอย่างมาก เพราะถ้าสมาคมที่ก่อตั้งมา 110 ปี ต้องล่มสลาย โดนยึดทุกอย่างในยุคของเธอ มันจะเป็นตราบาปที่ติดในใจเธอไปตลอดเมื่อพูดถึงตรงนี้ มาดามแป้งร้องไห้ เธอบอกว่า "แป้งมาด้วยเจตนาดี ทุกคนคงจะเห็นใจแป้งบ้าง สิ่งที่แป้งเจอเนี่ย แป้งทำเต็มที่ ในฐานะผู้หญิงคนแรกที่เป็นนายกสมาคมฟุตบอลคนแรกของทวีปเอเชีย เข้ามาไม่มีอะไรเลย มีแต่หนี้ แป้งไม่เคยดราม่า แต่ว่าแป้งคิดว่า แป้งทำงานมาได้ถึงขนาดนี้ แป้งเต็มที่แล้ว ""แป้งแค่ขอความเห็นใจ และขอกำลังใจ จากแฟนบอลและสื่อมวลชน เพราะไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ปัญหานี้ต้องถูกแก้ด้วยแป้งและสภากรรมการ แต่เรื่องหนี้สินมันไม่ได้เกิดขึ้นในยุคแป้ง แต่แป้งต้องมารับทุกสิ่งทุกอย่าง แป้งเป็นคน และเป็นผู้หญิงที่มีจิตใจเหมือนกัน"ถ้าเราพูดกันแบบตรงๆ เลย ตลอด 1 ปีของมาดามแป้ง เธอก็มีผลงานไม่เลวหลายอย่าง เช่น พาทีมชาติไทยมีอันดับโลกต่ำกว่าร้อย ครั้งแรกในรอบ 16 ปี, หาเงินมาจ่ายให้สโมสรไทยลีกได้สำเร็จ รวมถึง จัดงานฟีฟ่า คองเกรสได้เยี่ยมจนได้รับคำชมแน่นอน มาดามแป้งไม่ได้เพอร์เฟ็กต์ ทุกคนทราบดี เรื่องโปรแกรมเลื่อนไทยลีกจนชุลมุน เธอก็ยังจัดการไม่ดีนัก แต่อย่างน้อย การต่อสู้ในสภาพที่สมาคมเจอหนี้มหาศาลขนาดนี้ ถือว่าโอเคแล้วสำหรับเรื่องการใช้หนี้ เมื่อศาลมีฎีกามาแล้ว ยังไงก็ต้องหาเงินมาชดใช้ โชคดีที่ทางมาดามแป้ง กับ ระวิ โหลทอง เจ้าของสยามสปอร์ต สนิทสนมกันดี ก็อาจจะพอประนีประนอม ยืดเวลาจ่ายกันได้อยู่จริงอยู่ แม้ศาลจะระบุว่า คนที่ต้องใช้หนี้ คือสมาคมฟุตบอลซึ่งเป็นนิติบุคคล แต่มาดามแป้งรู้สึกว่าการกระทำที่สร้างความเสียหายขนาดนี้ ไม่แฟร์เลยที่ พล.ต.อ.สมยศ จะรอดไปดื้อๆ โดยไม่ต้องรับผิดชอบอะไรดังนั้นเธอจึงศึกษาข้อมูล และค้นพบว่ามีประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 76 ที่ระบุว่า "นิติบุคคลที่ต้องชดใช้ความเสียหาย สามารถไล่เบี้ย ฟ้องร้องคืนจากคนที่ก่อความเสียหายได้" มาดามแป้ง จึงเตรียมฟ้อง พล.ต.อ.สมยศ และ สภากรรมการชุดก่อน ในมาตรา 76 นี้ โทษฐานฉีกสัญญากับสยามสปอร์ตโดยพลการ จนสร้างความเสียหายอย่างรุนแรงให้กับสมาคม เรื่องนี้จะขึ้นสู่ศาลแน่นอน ก็ต้องมาดูกันว่า สมาคมฟุตบอลจะสามารถทวงเงินคืนสักก้อน จากพล.ต.อ.สมยศ และสภากรรมการชุดเก่าได้หรือไม่ ---------------ในงานแถลงข่าวครั้งนี้ ไฮไลท์ของจริง ที่มาดามแป้งอยากเล่า ไม่ใช่คดีของสยามสปอร์ต แต่เป็นการแฉพล.ต.อ.สมยศ แบบ "เละ" อัดทุกอย่างจนกระจุยไปหมด ในวันแรกที่มาดามแป้งมารับงานเป็นนายกสมาคมคนใหม่ เมื่อเจอหนี้สินร้อยล้านกว่าบาท ทำให้เธอตั้งคำถามว่า แล้วเงินก้อนต่างๆ ที่สมาคมได้รับมาก่อนหน้านี้ หายไปไหนหมด?ทำให้เธอตั้งหน่วยงานเฉพาะกิจชื่อ "คณะกรรมการตรวจสอบทรัพย์สิน" นำโดย นายเลิศศักดิ์ พัฒนชัยกุล ส.ส.พรรคเพื่อไทย จากจังหวัดเลย ที่เป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องคดีฟอกเงิน มาไล่เช็กรายรับ-รายจ่าย ของสมาคมยุคก่อนว่า เงินมันไปอยู่ไหนบ้างสิ่งที่ค้นเจอจากการตรวจสอบมีหลายอย่าง ที่แปลก [ เรื่องแปลกอย่างที่ 1 ] คดีที่สมาคม ฟ้อง สยามสปอร์ต 1,139 ล้านบาท สมาคมของพล.ต.อ.สมยศ ได้ติดต่อทนายความเอาไว้ และมีการตกลงเรื่องค่าใช้จ่ายการว่าความแล้วเรียบร้อยศาลชั้นต้น 750,000 บาท, ศาลอุทธรณ์ 300,000 บาท และ ศาลฎีกา 300,000 บาท เป็นค่าวิชาชีพของทีมทนายความในศาลชั้นต้น กับ ศาลอุทธรณ์ก็จ่ายกันไป ตามราคา แต่พอถึงศาลฎีกา (ที่ศาลไม่รับฟ้องด้วย) จากตัวเลขที่ตกลงกัน 3 แสนบาท อยู่ๆ ทางสมาคมไปจ่ายให้ทนายความ เป็นจำนวน 30 ล้านบาท เพิ่มขึ้นมาดื้อๆ 100 เท่าโดยการจ่ายเงิน 30 ล้านบาท เกิดขึ้นก่อน พล.ต.อ.สมยศ จะหมดวาระไม่ถึง 1 เดือนเท่านั้น ทำให้เกิดข้อสงสัยว่า เป็นไปได้หรือ ที่จะว่าความด้วยราคา 30 ล้านบาท? แล้วทำไมถึงจ่ายแพงกว่าร้อยเท่าจากเดิมที่ตกลงกัน นี่คือการ "ทิ้งทวน" เอาเงินก้อนสุดท้าย ก่อนจะอำลาตำแหน่งหรือเปล่า ก็ไม่สามารถตอบได้[ เรื่องแปลกอย่างที่ 2 ] ทุกๆ ปี ฟีฟ่าจะจ่ายเงินสนับสนุนให้สมาคมฟุตบอลทั่วโลกปีละ 1,250,000 ดอลลาร์สหรัฐ แต่พอมาดามแป้งเข้ามาทำงานในปีแรก ฟีฟ่ากลับจ่ายให้แค่ 750,000 ดอลลาร์เท่านั้น หายไป 5 แสนเหรียญทีมงานของมาดามแป้งจึงไปค้นข้อมูล ปรากฏว่า สมาคมยุคพล.ต.อ.สมยศ ไปขอกู้เงินจากฟีฟ่า ในวันที่ 9 ตุลาคม 2563 เป็นจำนวน 5 ล้านดอลลาร์ (155 ล้านบาท)ฟีฟ่าจ่ายให้ 5 ล้านดอลลาร์ตามคำขอ โดยแจ้งสมาคมให้ชดใช้คืน ด้วยการผ่อนจ่าย 10 ปี (2564-2573) ปีละ 5 แสนดอลลาร์ ซึ่งทางฟีฟ่าจะหักเอาเลย จากเงินสนับสนุนที่จะให้สมาคมเป็นรายปีนั่นคือเหตุผลที่สมาคมยุคมาดามแป้ง จะเงินหายไป 5 แสนเหรียญ (16.8 ล้านบาท) ทุกปี จนถึงปี 2573นี่เป็นเรื่องที่มาดามแป้งเฮิร์ทมาก เพราะเธอหมดวาระนายกสมาคม ในปี 2571 เท่ากับว่าเธอต้องจ่าย 5 แสนเหรียญที่ พล.ต.อ.สมยศก่อขึ้นมาไปเรื่อยๆ จนจบวาระของเธอเลยด้วยซ้ำขณะที่ 5 ล้านดอลลาร์ที่ได้มาจากฟีฟ่าตอนแรกสุด ก็ไม่รู้อยู่ไหนแล้ว จับมือใครดมไม่ได้ มีข่าวว่าเอามาใช้จ่ายในช่วงโควิด ที่ไม่มีรายได้ แต่ก็ไม่มีหลักฐานยืนยันว่าใช้จ่ายไปกับอะไรบ้าง[ เรื่องแปลกอย่างที่ 3 ]พล.ต.อ.สมยศ ตัดสินใจขาย Data Analytics และ Gaming Right ของ ฟุตบอลไทยลีก และ ทีมชาติไทย ให้กับบริษัท Perform จากมาเลเซียทั้งสองอย่างคือ สิทธิ์ในการเข้าถึงข้อมูลทั้งหมดของฟุตบอลไทย เช่น เปอร์เซ็นต์การครองบอล, จำนวนใบเหลือง-ใบเหลือง, จำนวนนาทีที่ลงสนาม, ระยะทางการวิ่งของผู้เล่นแต่ละคน ข้อมูลเหล่านี้ สามารถเอาไปใช้ในอะไรก็ได้ เช่น เอาไปสร้างเกมแฟนตาซี, เอาไปใช้เป็นข้อมูลสำหรับโต๊ะพนัน หรือถ้าคิด worst case คือเอาสถิติเหล่านี้มาศึกษาทั้งไทยลีก หรือทีมชาติก็ได้ เพื่อที่ชาติเพื่อนบ้านจะได้แซงหน้าเราไปได้ในอนาคต พล.ต.อ.สมยศ ขายสิทธิ์ Data Analytics และ Gaming Right ยาวไปจนถึงปี 2571 ซึ่งมาดามแป้ง พยายามขอซื้อคืน เพราะไม่อยากให้ข้อมูลบอลไทยรั่วไหล แต่บริษัท Perform ไม่ขาย เงินที่ได้จากการขายลิขสิทธิ์ก้อนนี้ "ไม่รู้อยู่ไหน" แต่ปัญหาไม่ใช่แค่เรื่องเงินเท่านั้น มันเป็นข้อมูลภายในของฟุตบอลไทย ที่ไม่รู้ว่าประเทศอื่นจะเอาไปใช้ทำอะไรก็ไม่รู้ เป็นเรื่องที่น่ากังวลเหมือนกัน[ เรื่องแปลกอย่างที่ 4 ]ในวงการฟุตบอลไทยนั้น เป็นธรรมเนียม ที่นายกสมาคมจะไม่รับเงินเดือนกัน คือผมไม่ได้บอกว่า ดีหรือเปล่า แต่ธรรมเนียมปฏิบัติเขาทำกันมาแบบนี้ คนที่ลงสมัครนายกสมาคมจะรู้แต่แรกโดยธรรมชาติอย่างไรก็ตาม พล.ต.อ.สมยศ เป็นคนแรกที่รับเงินเดือนในฐานะนายกสมาคม โดยตั้งเงินเดือนให้ตัวเอง เป็นจำนวน 5 แสนบาท ไม่เพียงแค่นั้น ยังรับเงินอีกทาง ในฐานะผู้บริหารของบริษัท ไทยลีก อีกจำนวน 5 แสนบาท รวมแล้วเป็นเงินทั้งสิ้นเดือนละ 1 ล้านบาทเคยมีคนไปสอบถามในเรื่องนี้ แต่พล.ต.อ.สมยศ ก็อธิบายว่า รับเงินเดือนมาก็จริง แต่ก็มีการบริจาคกลับคืนให้สมาคม เป็นจำนวน 32 ล้านบาท ไม่ได้เอาไปทั้งหมดขนาดนั้นปัญหาในเรื่องนี้คือ ทีมตรวจสอบของมาดามแป้งไปหาเงิน 32 ล้านที่ว่านี้ และ "ยังไม่พบ" จนถึงตอนนี้ ก็ไม่รู้ว่าเงินก้อนนี้อยู่ไหน ไม่รู้ว่ามีการบริจาคจริงตามที่พูดหรือเปล่า---------------มาดามแป้งใช้เวลาแถลงข่าวทั้งหมด 64 นาที เล่าทุกอย่าง แบบตรงไปตรงมา เธอยืนยันว่า "ไม่ได้มีปัญหาส่วนตัว กับ พล.ต.อ.สมยศ แต่จำเป็นต้องทำ เพื่อทวงเงินที่เป็นของสมาคมกลับคืนมา เพราะสมาคมฟุตบอลต้องเดินหน้าต่อไปให้ได้" ทีนี้ เมื่อฝั่งสมาคมโจมตีใส่อย่างหนักหน่วงแล้ว ก็ถึงคิวของ พล.ต.อ.สมยศ ต้องออกมาอธิบายตัวเอง ว่าข้อสงสัยต่างๆ ที่มาดามแป้งพูดถึงนั้น มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ค่าทนาย 30 ล้าน มันก็แปลกจริงๆ นั่นแหละน่าคิดนะ ว่าเงินก้อนโตที่เข้าออกสมาคม จำนวนมากกว่าร้อยล้าน สุดท้ายมันหายไปไหนหมด ทำไมเหลือแต่หนี้สินทิ้งเอาไว้สำหรับประเด็นที่เราต้องติดตาม มีหลายอย่าง เช่น ในปี 2571 ที่จะหมดสัญญากับผู้ถือสิทธิประโยชน์รายปัจจุบัน (แพลนบี) และ เจ้าของลิขสิทธิ์เสื้อแข่งทีมชาติ (วอร์ริกซ์) สมาคมจะเดินหมากอย่างไรต่อ จะเซ็นกัน 8 ปีแบบเดิมอีกไหม รวมถึง การเจรจาหาทางชำระหนี้สยามสปอร์ตจะทำอย่างไร เมื่อไม่มีเงินในบัญชีเลย จะเล่นแร่แปรธาตุ หาเงินจากไหนได้บ้าง? นี่คือช่วงเวลาที่มาดามแป้งต้องใช้กลยุทธ์ธุรกิจทุกอย่าง รวมถึงคอนเน็กชั่นทั้งหมดที่เธอมี ในการประคองให้สมาคมรอดพ้นวิกฤติไปให้ได้หลังจบงานแถลงข่าว มาดามแป้งเดินมาขอบคุณสื่อมวลชน และพอเธอเดินมาถึง ผมถามเธอว่า "เจอแบบนี้ ภาระหนี้สินหลายร้อยล้านที่ตัวเองไม่ได้ก่อ เคยคิดจะลาออกไหมครับ?" มาดามแป้ง หยุดคิด แล้วตอบผมว่า "เคยคิดนะคะ" "แต่เราได้กำลังใจจากคนมากมาย นายกสมาคมประเทศอื่นในเอเชีย ก็บอกว่าอยู่ต่อเถอะ เพราะเราทำงานได้ดีแล้ว มันก็เลยมีพลังที่จะสู้ต่อ""และที่สำคัญ ถ้าเราไม่ทำ ถ้าเราไม่แก้ปัญหานี้ แล้วจะปล่อยให้ใครจะมาแก้ ดังนั้นก็ต้องสู้ค่ะ"ทั้งหมดนี้คือเรื่องราวการแถลงข่าว ที่เดือดดาลที่สุดของสมาคมฟุตบอล มาดามแป้งเริ่มด้วยเสียงหัวเราะ รอยยิ้มในการแถลงผลงาน ตามด้วยอารมณ์โมโห ก่อนจะปิดท้ายด้วยน้ำตาเข้าใจเธอครับ ถ้าอยู่ๆ ต้องมารับภาระหนี้สินร้อยล้านแบบไม่ทันตั้งตัวขนาดนี้ คงทั้งแค้น ทั้งเศร้าเป็นธรรมดาการเป็นผู้นำองค์กร ที่ต้องแบกรับความคาดหวังทุกอย่าง มันไม่ใช่เรื่องง่ายจริงๆ วันนี้มาดามแป้งทำให้เห็นว่า เธอก็คือมนุษย์คนหนึ่งที่มีความอ่อนไหว เสียใจได้ ร้องไห้เป็น แต่แม้จะเสียใจแค่ไหน ก็ต้องปาดน้ำตาแล้วแก้ปัญหากันต่อปิดท้ายในเรื่องนี้ สิ่งที่น่าจับตาที่สุดคือ ความโปร่งใสของอดีตนายกฯ สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ที่เข้ามารับตำแหน่ง กับสโลแกนว่า "มาจับโจร" แต่ตอนนี้กลับโดนข้อครหามากมาย เหมือนว่าเขาเป็นโจรเสียเองสมมุติว่า เขาไม่ได้ทำอะไรผิด บริหารงานด้วยความบริสุทธิ์ใจมาตลอด ก็ไม่เห็นต้องกลัวการตรวจสอบ คนซื่อสัตย์ย่อมต้องหาคำอธิบายทุกอย่างได้อยู่แล้ว แต่ในทางตรงข้าม ถ้ามีจิตใจคิดทุจริต หวังใช้สมาคมฟุตบอลในการกอบโกยผลประโยชน์ล่ะก็ รับรองได้ว่าเรื่องนี้ จะไม่จบง่ายๆ อย่างแน่นอนเพราะถ้าหากคนเป็นผู้นำ ยังไม่ตรงไปตรงมา มีนอกมีในอยู่ตลอด แล้วอนาคตของวงการฟุตบอลไทยจะเป็นอย่างไร ... แค่คิดก็สิ้นหวังแล้ว
    Like
    1
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1161 มุมมอง 0 รีวิว
  • บทความน่าสนใจเกี่ยวกับคดีฟ้องร้องระหว่างบริษัทสยามสปอร์ตกับสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยที่สิ้นสุดอย่างเป็นทางการที่ศาลฎีกา https://www.facebook.com/share/p/1DTAvmX9UV/?mibextid=wwXIfr
    บทความน่าสนใจเกี่ยวกับคดีฟ้องร้องระหว่างบริษัทสยามสปอร์ตกับสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยที่สิ้นสุดอย่างเป็นทางการที่ศาลฎีกา https://www.facebook.com/share/p/1DTAvmX9UV/?mibextid=wwXIfr
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 286 มุมมอง 0 รีวิว
  • แต่งตั้งเลขาธิการสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยคนใหม่ (06/03/68) #news1 #สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย #เอกพลพลนาวี
    แต่งตั้งเลขาธิการสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยคนใหม่ (06/03/68) #news1 #สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย #เอกพลพลนาวี
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 979 มุมมอง 24 0 รีวิว