• Canonical เตรียมสร้าง Ubuntu Wiki ใหม่

    Canonical ประกาศว่าจะสร้าง Ubuntu Wiki ใหม่ ขึ้นมาแทน wiki เดิมที่ใช้งานมาตั้งแต่ปี 2004 โดย wiki ปัจจุบันที่อยู่บน wiki.ubuntu.com และ help.ubuntu.com จะถูกยุติการให้บริการในเดือนสิงหาคม 2026 เนื่องจากมีปัญหาสะสมทั้งด้านความปลอดภัย เนื้อหาที่ล้าสมัย และการใช้งานที่ไม่สะดวก

    เหตุผลที่ต้องสร้างใหม่
    ระบบ wiki เดิมยังคงใช้ MoinMoin บน Python 2 ซึ่งไม่ได้รับการอัปเดตด้านความปลอดภัยแล้ว
    เนื้อหาจำนวนมาก ล้าสมัย และมักปรากฏในผลการค้นหาแทนเอกสารทางการของ Ubuntu ทำให้ผู้ใช้สับสน
    ปัญหาด้าน Usability เช่น การสมัครสมาชิกที่ยุ่งยาก การโหลดหน้าที่ช้า และการแสดงผลที่ไม่เหมาะกับมือถือ

    แผนการพัฒนา
    ทีมงานของ Canonical ซึ่งประกอบด้วย นักเขียนเทคนิค วิศวกรแพลตฟอร์ม และนักออกแบบ กำลังพัฒนา wiki ใหม่บนระบบทดสอบส่วนตัว โดยมีแผนจะเปิดตัว Alpha Release ในปี 2026 พร้อมรับฟังความคิดเห็นจากชุมชนเพื่อปรับปรุงต่อไป

    ผลกระทบต่อผู้ใช้
    การสร้าง wiki ใหม่จะช่วยให้ผู้ใช้และนักพัฒนาทั่วโลกเข้าถึงข้อมูลที่ ทันสมัย ปลอดภัย และใช้งานง่าย มากขึ้น ลดปัญหาการค้นเจอข้อมูลเก่าที่ไม่ตรงกับสถานการณ์จริง และช่วยให้ชุมชน Ubuntu มีพื้นที่แลกเปลี่ยนความรู้ที่มีคุณภาพมากกว่าเดิม

    สรุปประเด็นสำคัญ
    ข้อมูลจากข่าว
    Canonical จะยุติ wiki เดิมในเดือนสิงหาคม 2026
    Wiki เดิมใช้ MoinMoin บน Python 2 ที่หมดการสนับสนุนแล้ว
    เนื้อหาล้าสมัยและมักปรากฏแทนเอกสารทางการ
    ปัญหาการใช้งาน เช่น โหลดช้าและไม่รองรับมือถือ
    Wiki ใหม่จะมี Alpha Release ในปี 2026

    คำเตือนจากข่าว
    ผู้ใช้ที่ยังพึ่งพา wiki เดิมอาจเจอข้อมูลผิดพลาดหรือไม่ปลอดภัย
    หากไม่ปรับตัวไปใช้ wiki ใหม่ อาจเสี่ยงต่อการใช้ข้อมูลที่หมดอายุ
    การละเลยการอัปเดตอาจทำให้ผู้ใช้สับสนและเกิดปัญหาในการแก้ไขระบบ

    https://itsfoss.com/news/ubuntu-wiki-rebuild-plan/
    📚 Canonical เตรียมสร้าง Ubuntu Wiki ใหม่ Canonical ประกาศว่าจะสร้าง Ubuntu Wiki ใหม่ ขึ้นมาแทน wiki เดิมที่ใช้งานมาตั้งแต่ปี 2004 โดย wiki ปัจจุบันที่อยู่บน wiki.ubuntu.com และ help.ubuntu.com จะถูกยุติการให้บริการในเดือนสิงหาคม 2026 เนื่องจากมีปัญหาสะสมทั้งด้านความปลอดภัย เนื้อหาที่ล้าสมัย และการใช้งานที่ไม่สะดวก 🔎 เหตุผลที่ต้องสร้างใหม่ 💠 ระบบ wiki เดิมยังคงใช้ MoinMoin บน Python 2 ซึ่งไม่ได้รับการอัปเดตด้านความปลอดภัยแล้ว 💠 เนื้อหาจำนวนมาก ล้าสมัย และมักปรากฏในผลการค้นหาแทนเอกสารทางการของ Ubuntu ทำให้ผู้ใช้สับสน 💠 ปัญหาด้าน Usability เช่น การสมัครสมาชิกที่ยุ่งยาก การโหลดหน้าที่ช้า และการแสดงผลที่ไม่เหมาะกับมือถือ 🛠️ แผนการพัฒนา ทีมงานของ Canonical ซึ่งประกอบด้วย นักเขียนเทคนิค วิศวกรแพลตฟอร์ม และนักออกแบบ กำลังพัฒนา wiki ใหม่บนระบบทดสอบส่วนตัว โดยมีแผนจะเปิดตัว Alpha Release ในปี 2026 พร้อมรับฟังความคิดเห็นจากชุมชนเพื่อปรับปรุงต่อไป 🌍 ผลกระทบต่อผู้ใช้ การสร้าง wiki ใหม่จะช่วยให้ผู้ใช้และนักพัฒนาทั่วโลกเข้าถึงข้อมูลที่ ทันสมัย ปลอดภัย และใช้งานง่าย มากขึ้น ลดปัญหาการค้นเจอข้อมูลเก่าที่ไม่ตรงกับสถานการณ์จริง และช่วยให้ชุมชน Ubuntu มีพื้นที่แลกเปลี่ยนความรู้ที่มีคุณภาพมากกว่าเดิม 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ ข้อมูลจากข่าว ➡️ Canonical จะยุติ wiki เดิมในเดือนสิงหาคม 2026 ➡️ Wiki เดิมใช้ MoinMoin บน Python 2 ที่หมดการสนับสนุนแล้ว ➡️ เนื้อหาล้าสมัยและมักปรากฏแทนเอกสารทางการ ➡️ ปัญหาการใช้งาน เช่น โหลดช้าและไม่รองรับมือถือ ➡️ Wiki ใหม่จะมี Alpha Release ในปี 2026 ‼️ คำเตือนจากข่าว ⛔ ผู้ใช้ที่ยังพึ่งพา wiki เดิมอาจเจอข้อมูลผิดพลาดหรือไม่ปลอดภัย ⛔ หากไม่ปรับตัวไปใช้ wiki ใหม่ อาจเสี่ยงต่อการใช้ข้อมูลที่หมดอายุ ⛔ การละเลยการอัปเดตอาจทำให้ผู้ใช้สับสนและเกิดปัญหาในการแก้ไขระบบ https://itsfoss.com/news/ubuntu-wiki-rebuild-plan/
    ITSFOSS.COM
    Good News! Canonical Plans to Rebuild Ubuntu Wiki From Scratch
    Current wiki to be decommissioned in August 2026 due to content quality, security and usability concerns.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 10 มุมมอง 0 รีวิว
  • “OpenAI Code Red – เร่งพัฒนา ChatGPT รับมือการแข่งขันจาก Google Gemini”

    OpenAI กำลังเผชิญแรงกดดันครั้งใหญ่ในตลาด AI หลังจาก Google เปิดตัว Gemini 3 ที่ทำคะแนนสูงกว่า ChatGPT ในหลาย benchmark และได้รับการยอมรับจากผู้ใช้จำนวนมาก รวมถึงผู้บริหารระดับสูงในอุตสาหกรรมที่ประกาศเปลี่ยนมาใช้ Gemini แทน ChatGPT สิ่งนี้ทำให้ Sam Altman CEO ของ OpenAI ต้องประกาศ “Code Red” เพื่อเร่งปรับปรุง ChatGPT ให้เร็วขึ้น, เชื่อถือได้มากขึ้น และตอบโจทย์ผู้ใช้ได้กว้างกว่าเดิม

    ในบันทึกภายใน Altman ระบุว่า OpenAI จะ เลื่อนโครงการอื่น ๆ เช่นการนำโฆษณาเข้ามาใน ChatGPT, การพัฒนา AI agent สำหรับสุขภาพและการช้อปปิ้ง, และผู้ช่วยส่วนตัว Pulse เพื่อทุ่มทรัพยากรทั้งหมดไปที่ ChatGPT เขายังสั่งให้มีการประชุมรายวันสำหรับทีมที่รับผิดชอบ และสนับสนุนให้มีการโยกย้ายทีมชั่วคราวเพื่อเร่งการพัฒนา

    การประกาศครั้งนี้สะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงในตลาด AI ที่รวดเร็วมาก เมื่อสามปีก่อน Google เคยประกาศ “Code Red” หลัง ChatGPT เปิดตัวและได้รับความนิยมอย่างถล่มทลาย แต่ปัจจุบันสถานการณ์กลับตาลปัตร Google กำลังไล่ทันและแซงในบางด้าน ทำให้ OpenAI ต้องกลับมาปรับกลยุทธ์อย่างเร่งด่วน

    นอกจากการแข่งขันด้านเทคโนโลยีแล้ว ยังมีแรงกดดันด้านการเงิน เนื่องจาก OpenAI ใช้เงินมหาศาลในการพัฒนาและให้บริการ AI แต่รายได้หลักยังมาจากการสมัครสมาชิกและความร่วมมือกับธุรกิจ หากการนำโฆษณาเข้ามาเลื่อนออกไป ก็ยิ่งทำให้คำถามเรื่องโมเดลธุรกิจและความยั่งยืนของบริษัทชัดเจนขึ้น

    สรุปเป็นหัวข้อ
    การประกาศ Code Red ของ OpenAI
    Sam Altman สั่งเลื่อนโครงการอื่น ๆ เพื่อโฟกัส ChatGPT
    มีการประชุมรายวันและโยกย้ายทีมเพื่อเร่งพัฒนา
    เป้าหมายคือทำให้ ChatGPT เร็วขึ้น, เชื่อถือได้มากขึ้น, และตอบโจทย์ผู้ใช้กว้างขึ้น

    การแข่งขันกับ Google
    Gemini 3 ทำคะแนนสูงกว่า ChatGPT ในหลาย benchmark
    ผู้ใช้และผู้บริหารบางรายประกาศเปลี่ยนมาใช้ Gemini
    ตลาด AI กลายเป็น “แข่งอาวุธ” ระหว่าง OpenAI และ Google

    ความเสี่ยงและความท้าทาย
    การเลื่อนโครงการโฆษณาและ AI agent อาจกระทบรายได้
    ค่าใช้จ่ายในการพัฒนา AI สูงมาก แต่รายได้ยังจำกัด
    หาก ChatGPT ไม่สามารถปรับปรุงได้เร็วพอ อาจเสียส่วนแบ่งตลาดให้คู่แข่ง

    https://www.theverge.com/news/836212/openai-code-red-chatgpt
    ⚡ “OpenAI Code Red – เร่งพัฒนา ChatGPT รับมือการแข่งขันจาก Google Gemini” OpenAI กำลังเผชิญแรงกดดันครั้งใหญ่ในตลาด AI หลังจาก Google เปิดตัว Gemini 3 ที่ทำคะแนนสูงกว่า ChatGPT ในหลาย benchmark และได้รับการยอมรับจากผู้ใช้จำนวนมาก รวมถึงผู้บริหารระดับสูงในอุตสาหกรรมที่ประกาศเปลี่ยนมาใช้ Gemini แทน ChatGPT สิ่งนี้ทำให้ Sam Altman CEO ของ OpenAI ต้องประกาศ “Code Red” เพื่อเร่งปรับปรุง ChatGPT ให้เร็วขึ้น, เชื่อถือได้มากขึ้น และตอบโจทย์ผู้ใช้ได้กว้างกว่าเดิม ในบันทึกภายใน Altman ระบุว่า OpenAI จะ เลื่อนโครงการอื่น ๆ เช่นการนำโฆษณาเข้ามาใน ChatGPT, การพัฒนา AI agent สำหรับสุขภาพและการช้อปปิ้ง, และผู้ช่วยส่วนตัว Pulse เพื่อทุ่มทรัพยากรทั้งหมดไปที่ ChatGPT เขายังสั่งให้มีการประชุมรายวันสำหรับทีมที่รับผิดชอบ และสนับสนุนให้มีการโยกย้ายทีมชั่วคราวเพื่อเร่งการพัฒนา การประกาศครั้งนี้สะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงในตลาด AI ที่รวดเร็วมาก เมื่อสามปีก่อน Google เคยประกาศ “Code Red” หลัง ChatGPT เปิดตัวและได้รับความนิยมอย่างถล่มทลาย แต่ปัจจุบันสถานการณ์กลับตาลปัตร Google กำลังไล่ทันและแซงในบางด้าน ทำให้ OpenAI ต้องกลับมาปรับกลยุทธ์อย่างเร่งด่วน นอกจากการแข่งขันด้านเทคโนโลยีแล้ว ยังมีแรงกดดันด้านการเงิน เนื่องจาก OpenAI ใช้เงินมหาศาลในการพัฒนาและให้บริการ AI แต่รายได้หลักยังมาจากการสมัครสมาชิกและความร่วมมือกับธุรกิจ หากการนำโฆษณาเข้ามาเลื่อนออกไป ก็ยิ่งทำให้คำถามเรื่องโมเดลธุรกิจและความยั่งยืนของบริษัทชัดเจนขึ้น 📌 สรุปเป็นหัวข้อ ✅ การประกาศ Code Red ของ OpenAI ➡️ Sam Altman สั่งเลื่อนโครงการอื่น ๆ เพื่อโฟกัส ChatGPT ➡️ มีการประชุมรายวันและโยกย้ายทีมเพื่อเร่งพัฒนา ➡️ เป้าหมายคือทำให้ ChatGPT เร็วขึ้น, เชื่อถือได้มากขึ้น, และตอบโจทย์ผู้ใช้กว้างขึ้น ✅ การแข่งขันกับ Google ➡️ Gemini 3 ทำคะแนนสูงกว่า ChatGPT ในหลาย benchmark ➡️ ผู้ใช้และผู้บริหารบางรายประกาศเปลี่ยนมาใช้ Gemini ➡️ ตลาด AI กลายเป็น “แข่งอาวุธ” ระหว่าง OpenAI และ Google ‼️ ความเสี่ยงและความท้าทาย ⛔ การเลื่อนโครงการโฆษณาและ AI agent อาจกระทบรายได้ ⛔ ค่าใช้จ่ายในการพัฒนา AI สูงมาก แต่รายได้ยังจำกัด ⛔ หาก ChatGPT ไม่สามารถปรับปรุงได้เร็วพอ อาจเสียส่วนแบ่งตลาดให้คู่แข่ง https://www.theverge.com/news/836212/openai-code-red-chatgpt
    WWW.THEVERGE.COM
    OpenAI declares ‘code red’ as Google catches up in AI race
    Google’s own ‘code red’ response to ChatGPT has started paying off.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 94 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Google Photos เก็บภาพคุณได้ตลอดไปจริงหรือ?”

    Google Photos กลายเป็นหนึ่งในบริการยอดนิยมสำหรับการสำรองรูปภาพและวิดีโอ เนื่องจากใช้งานง่าย เพียงดาวน์โหลดแอปและเปิดฟีเจอร์สำรองข้อมูล ทุกภาพที่ถ่ายหรือบันทึกจะถูกอัปโหลดไปยังคลาวด์ของ Google พร้อมเครื่องมือ AI ฟรีที่ช่วยจัดการและแก้ไขได้สะดวก อย่างไรก็ตาม หลายคนยังคงกังวลว่า Google จะรักษาบริการนี้ไว้ตลอดไปหรือไม่ เพราะบริษัทเคยยุติผลิตภัณฑ์ที่ได้รับความนิยมมาแล้วหลายครั้ง

    Google ระบุว่าไฟล์ของผู้ใช้จะถูกเก็บไว้อย่างปลอดภัย หากยังคงใช้งานบัญชีและชำระค่าบริการตรงเวลา สำหรับผู้ใช้ทั่วไปจะได้รับพื้นที่ฟรี 15GB ซึ่งรวมทั้ง Gmail, Drive และ Photos หากต้องการพื้นที่เพิ่มสามารถสมัคร Google One แบบรายเดือน แต่หากการชำระเงินหยุดลง ระบบจะเริ่มนับถอยหลังสองปี และอาจลบไฟล์เมื่อครบกำหนด โดย Google จะส่งการแจ้งเตือนล่วงหน้าสามเดือนเพื่อให้ผู้ใช้มีโอกาสแก้ไข

    นอกจากนี้ หากบัญชีเกินโควต้าเก็บข้อมูล ผู้ใช้จะไม่สามารถส่งอีเมลใหม่หรือสร้างไฟล์ใน Google Docs, Sheets และบริการอื่น ๆ ได้ แม้ไฟล์จะยังไม่ถูกลบทันที แต่จะมีผลกระทบต่อการใช้งานในชีวิตประจำวัน จึงควรตรวจสอบพื้นที่เก็บข้อมูลอยู่เสมอ และหากใกล้เต็มสามารถหยุดการสำรองรูปภาพใหม่หรือดาวน์โหลดไฟล์ทั้งหมดเก็บไว้เอง

    สิ่งที่น่าสนใจคือ Google ยังคงเคารพนโยบายเดิมสำหรับไฟล์ที่อัปโหลดก่อนวันที่ 1 มิถุนายน 2021 หากเลือกคุณภาพ High Quality หรือ Express Quality ไฟล์เหล่านั้นจะไม่ถูกนับรวมในโควต้า ทำให้ผู้ใช้บางรายยังมีพื้นที่เหลือมากกว่าที่คิด แต่สำหรับไฟล์ใหม่ทั้งหมดจะถูกนับรวมตามโควต้าอย่างเคร่งครัด

    สรุปสาระสำคัญ
    การเก็บไฟล์ใน Google Photos
    ไฟล์จะถูกเก็บไว้หากยังใช้งานบัญชีและไม่เกินโควต้า
    พื้นที่ฟรี 15GB รวม Gmail, Drive และ Photos

    การสมัครสมาชิก Google One
    หากชำระเงินตรงเวลา ไฟล์จะไม่ถูกลบ
    หากหยุดชำระ จะมีเวลาผ่อนผัน 2 ปี ก่อนถูกลบ

    ผลกระทบเมื่อเกินโควต้า
    ไม่สามารถส่งอีเมลใหม่หรือสร้างไฟล์ใน Docs/Sheets
    ต้องลบไฟล์หรือหยุดสำรองเพื่อคืนพื้นที่

    นโยบายไฟล์เก่า
    ไฟล์ที่อัปโหลดก่อน 1 มิ.ย. 2021 แบบ High/Express Quality ไม่ถูกนับรวมโควต้า

    คำเตือนด้านการใช้งาน
    หากไม่เข้าสู่ระบบนานเกิน 2 ปี บัญชีเสี่ยงถูกลบ
    หากไม่ชำระค่าบริการ Google One ไฟล์อาจถูกลบหลังครบกำหนด

    https://www.slashgear.com/2037600/oogle-photos-store-forever/
    📸 “Google Photos เก็บภาพคุณได้ตลอดไปจริงหรือ?” Google Photos กลายเป็นหนึ่งในบริการยอดนิยมสำหรับการสำรองรูปภาพและวิดีโอ เนื่องจากใช้งานง่าย เพียงดาวน์โหลดแอปและเปิดฟีเจอร์สำรองข้อมูล ทุกภาพที่ถ่ายหรือบันทึกจะถูกอัปโหลดไปยังคลาวด์ของ Google พร้อมเครื่องมือ AI ฟรีที่ช่วยจัดการและแก้ไขได้สะดวก อย่างไรก็ตาม หลายคนยังคงกังวลว่า Google จะรักษาบริการนี้ไว้ตลอดไปหรือไม่ เพราะบริษัทเคยยุติผลิตภัณฑ์ที่ได้รับความนิยมมาแล้วหลายครั้ง Google ระบุว่าไฟล์ของผู้ใช้จะถูกเก็บไว้อย่างปลอดภัย หากยังคงใช้งานบัญชีและชำระค่าบริการตรงเวลา สำหรับผู้ใช้ทั่วไปจะได้รับพื้นที่ฟรี 15GB ซึ่งรวมทั้ง Gmail, Drive และ Photos หากต้องการพื้นที่เพิ่มสามารถสมัคร Google One แบบรายเดือน แต่หากการชำระเงินหยุดลง ระบบจะเริ่มนับถอยหลังสองปี และอาจลบไฟล์เมื่อครบกำหนด โดย Google จะส่งการแจ้งเตือนล่วงหน้าสามเดือนเพื่อให้ผู้ใช้มีโอกาสแก้ไข นอกจากนี้ หากบัญชีเกินโควต้าเก็บข้อมูล ผู้ใช้จะไม่สามารถส่งอีเมลใหม่หรือสร้างไฟล์ใน Google Docs, Sheets และบริการอื่น ๆ ได้ แม้ไฟล์จะยังไม่ถูกลบทันที แต่จะมีผลกระทบต่อการใช้งานในชีวิตประจำวัน จึงควรตรวจสอบพื้นที่เก็บข้อมูลอยู่เสมอ และหากใกล้เต็มสามารถหยุดการสำรองรูปภาพใหม่หรือดาวน์โหลดไฟล์ทั้งหมดเก็บไว้เอง สิ่งที่น่าสนใจคือ Google ยังคงเคารพนโยบายเดิมสำหรับไฟล์ที่อัปโหลดก่อนวันที่ 1 มิถุนายน 2021 หากเลือกคุณภาพ High Quality หรือ Express Quality ไฟล์เหล่านั้นจะไม่ถูกนับรวมในโควต้า ทำให้ผู้ใช้บางรายยังมีพื้นที่เหลือมากกว่าที่คิด แต่สำหรับไฟล์ใหม่ทั้งหมดจะถูกนับรวมตามโควต้าอย่างเคร่งครัด 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ การเก็บไฟล์ใน Google Photos ➡️ ไฟล์จะถูกเก็บไว้หากยังใช้งานบัญชีและไม่เกินโควต้า ➡️ พื้นที่ฟรี 15GB รวม Gmail, Drive และ Photos ✅ การสมัครสมาชิก Google One ➡️ หากชำระเงินตรงเวลา ไฟล์จะไม่ถูกลบ ➡️ หากหยุดชำระ จะมีเวลาผ่อนผัน 2 ปี ก่อนถูกลบ ✅ ผลกระทบเมื่อเกินโควต้า ➡️ ไม่สามารถส่งอีเมลใหม่หรือสร้างไฟล์ใน Docs/Sheets ➡️ ต้องลบไฟล์หรือหยุดสำรองเพื่อคืนพื้นที่ ✅ นโยบายไฟล์เก่า ➡️ ไฟล์ที่อัปโหลดก่อน 1 มิ.ย. 2021 แบบ High/Express Quality ไม่ถูกนับรวมโควต้า ‼️ คำเตือนด้านการใช้งาน ⛔ หากไม่เข้าสู่ระบบนานเกิน 2 ปี บัญชีเสี่ยงถูกลบ ⛔ หากไม่ชำระค่าบริการ Google One ไฟล์อาจถูกลบหลังครบกำหนด https://www.slashgear.com/2037600/oogle-photos-store-forever/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    Does Google Photos Store Your Photos Forever? - SlashGear
    Google Photos will keep your photos as long as you stay under your storage limit or sign in every so often. Inactive accounts risk deletion.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 125 มุมมอง 0 รีวิว
  • Live !!!! SONDHITALK : ผู้เฒ่าเล่าเรื่อง Ep321 (live)
    น้ำท่วมหาดใหญ่ ประชาชนช่วยกันเอง สะท้อนการทำงานภาครัฐที่ล้มเหลว
    .
    สมัครสมาชิก membership ความจริงมีหนึ่งเดียว ช่อง SONDHITALK บน YouTube ที่ https://www.youtube.com/@sondhitalk/join หรือติดต่อสอบถามได้ที่ Line : @sondhitalk
    .
    คลิก >> https://www.youtube.com/watch?v=szt8gID99IY
    🔴 Live !!!! SONDHITALK : ผู้เฒ่าเล่าเรื่อง Ep321 (live) น้ำท่วมหาดใหญ่ ประชาชนช่วยกันเอง สะท้อนการทำงานภาครัฐที่ล้มเหลว . สมัครสมาชิก membership ความจริงมีหนึ่งเดียว ช่อง SONDHITALK บน YouTube ที่ https://www.youtube.com/@sondhitalk/join หรือติดต่อสอบถามได้ที่ Line : @sondhitalk . คลิก >> https://www.youtube.com/watch?v=szt8gID99IY
    Like
    Love
    10
    6 ความคิดเห็น 2 การแบ่งปัน 561 มุมมอง 0 รีวิว
  • Sora 2 ก้าวกระโดดเหนือ Sora รุ่นแรก

    OpenAI เปิดตัว Sora 2 ซึ่งเป็นการอัปเกรดครั้งสำคัญจาก Sora รุ่นแรก โดยเพิ่มความสามารถด้าน เสียง (Audio) และปรับปรุงความสมจริงของวิดีโอที่สร้างขึ้น ทำให้ Sora 2 ถูกมองว่าเป็น “GPT-3.5 moment” ของวงการวิดีโอ AI เพราะสามารถทำสิ่งที่ก่อนหน้านี้แทบจะเป็นไปไม่ได้ในโมเดลรุ่นก่อน

    ฟีเจอร์ใหม่ใน Sora 2
    Audio Integration: เพิ่มเสียงพูดและเอฟเฟกต์ที่ซิงก์กับภาพได้อย่างแม่นยำ
    Improved Realism: ลดปัญหาวิดีโอที่ไม่สอดคล้องกับกฎฟิสิกส์ เช่น การเคลื่อนไหวที่ไม่สมจริง
    Cameos Feature: ผู้ใช้สามารถใส่ตัวเอง (หรือสัตว์/วัตถุ) ลงในวิดีโอที่สร้างขึ้นได้ โดยใช้การบันทึกสั้น ๆ เพื่อยืนยันตัวตน
    iOS App Integration: เปิดตัวพร้อมแอป Sora บน iOS ที่รองรับการใช้งาน Cameos

    การเปิดตัวและการเข้าถึง
    Sora 2 เปิดตัวครั้งแรกในสหรัฐฯ และแคนาดาแบบ invite-only ก่อนจะขยายไปยังเอเชีย เช่น ญี่ปุ่น, เกาหลีใต้, ไทย, เวียดนาม และไต้หวัน ผู้ใช้ต้องเข้าร่วม waitlist บน iOS app เพื่อใช้งานฟรีในรุ่นมาตรฐาน ส่วนรุ่น Sora 2 Pro จะเปิดให้เฉพาะผู้สมัครสมาชิก ChatGPT Pro ($200/เดือน) โดยรองรับการสร้างวิดีโอคุณภาพสูงและจำนวนครั้งมากกว่า

    โครงสร้างราคาและเครดิต
    Sora 2 Standard (ฟรีสำหรับ invitees)
    วิดีโอ 10 วินาที = 10 credits (1 generation)
    วิดีโอ 15 วินาที = 20 credits (2 generations)

    Sora 2 Pro (รวมใน ChatGPT Pro)
    วิดีโอ 10 วินาที = 40 credits (4 generations)
    วิดีโอ 15 วินาที = 80 credits (8 generations)
    วิดีโอ 25 วินาที = 120 credits (12 generations)
    วิดีโอความละเอียดสูง 10–15 วินาที = 250–500 credits (25–50 generations)

    สรุปสาระสำคัญ
    ฟีเจอร์ใหม่ใน Sora 2
    เพิ่มเสียงพูดและเอฟเฟกต์
    ปรับปรุงความสมจริงของวิดีโอ
    ฟีเจอร์ Cameos ใส่ตัวเองลงในวิดีโอ

    การเปิดตัวและการเข้าถึง
    เริ่มในสหรัฐฯ และแคนาดาแบบ invite-only
    ขยายไปยังหลายประเทศในเอเชีย
    ใช้งานฟรีในรุ่นมาตรฐานผ่าน iOS waitlist

    โครงสร้างราคาและเครดิต
    Standard: 10–20 credits ต่อวิดีโอ
    Pro: 40–500 credits ต่อวิดีโอ ขึ้นกับความยาวและความละเอียด

    คำเตือนสำหรับผู้ใช้
    รุ่น Pro ใช้งานได้เฉพาะผู้สมัคร ChatGPT Pro ($200/เดือน)
    ระบบยังอยู่ในช่วง invite-only ไม่เปิดให้ทุกคนเข้าถึงทันที
    วิดีโอความละเอียดสูงใช้เครดิตจำนวนมาก

    https://www.slashgear.com/2031927/sora-vs-sora-2-ai-video-capabilities-explained/
    🎬 Sora 2 ก้าวกระโดดเหนือ Sora รุ่นแรก OpenAI เปิดตัว Sora 2 ซึ่งเป็นการอัปเกรดครั้งสำคัญจาก Sora รุ่นแรก โดยเพิ่มความสามารถด้าน เสียง (Audio) และปรับปรุงความสมจริงของวิดีโอที่สร้างขึ้น ทำให้ Sora 2 ถูกมองว่าเป็น “GPT-3.5 moment” ของวงการวิดีโอ AI เพราะสามารถทำสิ่งที่ก่อนหน้านี้แทบจะเป็นไปไม่ได้ในโมเดลรุ่นก่อน 🔊 ฟีเจอร์ใหม่ใน Sora 2 🎗️ Audio Integration: เพิ่มเสียงพูดและเอฟเฟกต์ที่ซิงก์กับภาพได้อย่างแม่นยำ 🎗️ Improved Realism: ลดปัญหาวิดีโอที่ไม่สอดคล้องกับกฎฟิสิกส์ เช่น การเคลื่อนไหวที่ไม่สมจริง 🎗️ Cameos Feature: ผู้ใช้สามารถใส่ตัวเอง (หรือสัตว์/วัตถุ) ลงในวิดีโอที่สร้างขึ้นได้ โดยใช้การบันทึกสั้น ๆ เพื่อยืนยันตัวตน 🎗️ iOS App Integration: เปิดตัวพร้อมแอป Sora บน iOS ที่รองรับการใช้งาน Cameos 🌍 การเปิดตัวและการเข้าถึง Sora 2 เปิดตัวครั้งแรกในสหรัฐฯ และแคนาดาแบบ invite-only ก่อนจะขยายไปยังเอเชีย เช่น ญี่ปุ่น, เกาหลีใต้, ไทย, เวียดนาม และไต้หวัน ผู้ใช้ต้องเข้าร่วม waitlist บน iOS app เพื่อใช้งานฟรีในรุ่นมาตรฐาน ส่วนรุ่น Sora 2 Pro จะเปิดให้เฉพาะผู้สมัครสมาชิก ChatGPT Pro ($200/เดือน) โดยรองรับการสร้างวิดีโอคุณภาพสูงและจำนวนครั้งมากกว่า 💰 โครงสร้างราคาและเครดิต ⭐ Sora 2 Standard (ฟรีสำหรับ invitees) ➡️ วิดีโอ 10 วินาที = 10 credits (1 generation) ➡️ วิดีโอ 15 วินาที = 20 credits (2 generations) ⭐ Sora 2 Pro (รวมใน ChatGPT Pro) ➡️ วิดีโอ 10 วินาที = 40 credits (4 generations) ➡️ วิดีโอ 15 วินาที = 80 credits (8 generations) ➡️ วิดีโอ 25 วินาที = 120 credits (12 generations) ➡️ วิดีโอความละเอียดสูง 10–15 วินาที = 250–500 credits (25–50 generations) 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ ฟีเจอร์ใหม่ใน Sora 2 ➡️ เพิ่มเสียงพูดและเอฟเฟกต์ ➡️ ปรับปรุงความสมจริงของวิดีโอ ➡️ ฟีเจอร์ Cameos ใส่ตัวเองลงในวิดีโอ ✅ การเปิดตัวและการเข้าถึง ➡️ เริ่มในสหรัฐฯ และแคนาดาแบบ invite-only ➡️ ขยายไปยังหลายประเทศในเอเชีย ➡️ ใช้งานฟรีในรุ่นมาตรฐานผ่าน iOS waitlist ✅ โครงสร้างราคาและเครดิต ➡️ Standard: 10–20 credits ต่อวิดีโอ ➡️ Pro: 40–500 credits ต่อวิดีโอ ขึ้นกับความยาวและความละเอียด ‼️ คำเตือนสำหรับผู้ใช้ ⛔ รุ่น Pro ใช้งานได้เฉพาะผู้สมัคร ChatGPT Pro ($200/เดือน) ⛔ ระบบยังอยู่ในช่วง invite-only ไม่เปิดให้ทุกคนเข้าถึงทันที ⛔ วิดีโอความละเอียดสูงใช้เครดิตจำนวนมาก https://www.slashgear.com/2031927/sora-vs-sora-2-ai-video-capabilities-explained/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    Sora Vs Sora 2: Here's What OpenAI's Newest Video Model Can Do - SlashGear
    OpenAI's video generator, Sora, has rapidly grown in popularity since it's release, but now, users can access the newest model. Here's what you need to know.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 197 มุมมอง 0 รีวิว
  • “สงครามชุมชน Pebble – Core Devices ปะทะ Rebble เรื่องสิทธิ์ข้อมูลและอนาคตสมาร์ทวอทช์”

    Eric Migicovsky เขียนบล็อกเพื่อชี้แจงข้อกล่าวหาที่ Rebble ออกมาโจมตี โดย Rebble กล่าวหาว่า Core Devices “ขโมยงาน” และ “ละเมิดข้อตกลง” ในการใช้ข้อมูลและโค้ดที่เกี่ยวข้องกับ PebbleOS และ Appstore อย่างไรก็ตาม Eric ยืนยันว่า ทุกการพัฒนาเป็นโอเพนซอร์ส และ Core Devices ได้ลงทุนเอง เช่น จ่ายเงินให้บริษัท CodeCoup เพื่อแก้ไขบั๊ก BLE stack ที่เป็นประโยชน์ต่อทั้งอุปกรณ์ใหม่และ Pebble รุ่นเก่า

    ความขัดแย้งหลักอยู่ที่ สิทธิ์ในข้อมูล Appstore ของ Pebble ซึ่งมีแอปและหน้าปัดกว่า 13,000 รายการที่ถูก Rebble เก็บไว้ตั้งแต่ปี 2017 Eric เชื่อว่าข้อมูลเหล่านี้ควรถูกเผยแพร่สาธารณะเพื่อเป็นเกียรติแก่ผู้พัฒนาเดิม ไม่ควรถูกกักไว้เป็น “walled garden” ขององค์กรใดองค์กรหนึ่ง ขณะที่ Rebble ยืนยันว่าข้อมูลทั้งหมดเป็น “ของ Rebble 100%”

    Eric ยังเล่าถึงความพยายามร่วมมือกับ Rebble เช่น การจ้างคนจาก Rebble มาทำงานใน Core Devices และการตกลงจ่ายเงินสนับสนุน $0.20 ต่อผู้ใช้ต่อเดือน แต่ความสัมพันธ์กลับล้มเหลวเพราะความเห็นต่างเรื่องการเปิดเผยข้อมูล เขาจึงเสนอให้สร้าง Archive สาธารณะบนแพลตฟอร์มกลาง เช่น Archive.org เพื่อให้ชุมชนเข้าถึงได้อย่างอิสระ

    สำหรับอนาคต Core Devices วางแผนพัฒนา Pebble Appstore ใหม่ในรูปแบบ native บนมือถือ โดยยังใช้ API ของ Rebble แต่ไม่บังคับให้ผู้ใช้สมัครสมาชิกหรือจ่ายเงิน พร้อมเพิ่มฟีเจอร์ฟรี เช่น voice-to-text และข้อมูลสภาพอากาศ เพื่อให้ผู้ใช้ได้รับประสบการณ์ที่ดีกว่า

    สรุปสาระสำคัญ
    ข้อกล่าวหาจาก Rebble
    กล่าวหาว่า Core Devices ขโมยงานและละเมิดข้อตกลง
    ชี้ว่า Core ใช้ข้อมูลและโค้ดที่ Rebble สนับสนุน

    การชี้แจงของ Eric/Core Devices
    ยืนยันว่าโค้ดทั้งหมดเป็นโอเพนซอร์ส และ Core ลงทุนเอง
    จ่ายเงินแก้บั๊ก BLE stack เพื่อประโยชน์ต่อทุกอุปกรณ์

    ประเด็นขัดแย้งหลัก
    สิทธิ์ในข้อมูล Appstore 13,000 แอปและหน้าปัด
    Eric ต้องการเปิดเผยสาธารณะ แต่ Rebble ยืนยันว่าเป็นของตน

    แผนอนาคตของ Core Devices
    พัฒนา Appstore แบบ native บนมือถือ
    ใช้ API ของ Rebble แต่ไม่บังคับสมัครสมาชิก
    เพิ่มฟีเจอร์ฟรี เช่น voice-to-text และข้อมูลสภาพอากาศ

    คำเตือนต่อชุมชน Pebble
    ความขัดแย้งอาจทำให้ผู้ใช้เสียความเชื่อมั่นและเกิดการแตกแยก
    หากข้อมูลถูกกักไว้โดยองค์กรเดียว อาจขัดต่อหลักการโอเพนซอร์สและเสี่ยงต่อการสูญหาย

    https://ericmigi.com/blog/pebble-rebble-and-a-path-forward
    📰 “สงครามชุมชน Pebble – Core Devices ปะทะ Rebble เรื่องสิทธิ์ข้อมูลและอนาคตสมาร์ทวอทช์” Eric Migicovsky เขียนบล็อกเพื่อชี้แจงข้อกล่าวหาที่ Rebble ออกมาโจมตี โดย Rebble กล่าวหาว่า Core Devices “ขโมยงาน” และ “ละเมิดข้อตกลง” ในการใช้ข้อมูลและโค้ดที่เกี่ยวข้องกับ PebbleOS และ Appstore อย่างไรก็ตาม Eric ยืนยันว่า ทุกการพัฒนาเป็นโอเพนซอร์ส และ Core Devices ได้ลงทุนเอง เช่น จ่ายเงินให้บริษัท CodeCoup เพื่อแก้ไขบั๊ก BLE stack ที่เป็นประโยชน์ต่อทั้งอุปกรณ์ใหม่และ Pebble รุ่นเก่า ความขัดแย้งหลักอยู่ที่ สิทธิ์ในข้อมูล Appstore ของ Pebble ซึ่งมีแอปและหน้าปัดกว่า 13,000 รายการที่ถูก Rebble เก็บไว้ตั้งแต่ปี 2017 Eric เชื่อว่าข้อมูลเหล่านี้ควรถูกเผยแพร่สาธารณะเพื่อเป็นเกียรติแก่ผู้พัฒนาเดิม ไม่ควรถูกกักไว้เป็น “walled garden” ขององค์กรใดองค์กรหนึ่ง ขณะที่ Rebble ยืนยันว่าข้อมูลทั้งหมดเป็น “ของ Rebble 100%” Eric ยังเล่าถึงความพยายามร่วมมือกับ Rebble เช่น การจ้างคนจาก Rebble มาทำงานใน Core Devices และการตกลงจ่ายเงินสนับสนุน $0.20 ต่อผู้ใช้ต่อเดือน แต่ความสัมพันธ์กลับล้มเหลวเพราะความเห็นต่างเรื่องการเปิดเผยข้อมูล เขาจึงเสนอให้สร้าง Archive สาธารณะบนแพลตฟอร์มกลาง เช่น Archive.org เพื่อให้ชุมชนเข้าถึงได้อย่างอิสระ สำหรับอนาคต Core Devices วางแผนพัฒนา Pebble Appstore ใหม่ในรูปแบบ native บนมือถือ โดยยังใช้ API ของ Rebble แต่ไม่บังคับให้ผู้ใช้สมัครสมาชิกหรือจ่ายเงิน พร้อมเพิ่มฟีเจอร์ฟรี เช่น voice-to-text และข้อมูลสภาพอากาศ เพื่อให้ผู้ใช้ได้รับประสบการณ์ที่ดีกว่า 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ ข้อกล่าวหาจาก Rebble ➡️ กล่าวหาว่า Core Devices ขโมยงานและละเมิดข้อตกลง ➡️ ชี้ว่า Core ใช้ข้อมูลและโค้ดที่ Rebble สนับสนุน ✅ การชี้แจงของ Eric/Core Devices ➡️ ยืนยันว่าโค้ดทั้งหมดเป็นโอเพนซอร์ส และ Core ลงทุนเอง ➡️ จ่ายเงินแก้บั๊ก BLE stack เพื่อประโยชน์ต่อทุกอุปกรณ์ ✅ ประเด็นขัดแย้งหลัก ➡️ สิทธิ์ในข้อมูล Appstore 13,000 แอปและหน้าปัด ➡️ Eric ต้องการเปิดเผยสาธารณะ แต่ Rebble ยืนยันว่าเป็นของตน ✅ แผนอนาคตของ Core Devices ➡️ พัฒนา Appstore แบบ native บนมือถือ ➡️ ใช้ API ของ Rebble แต่ไม่บังคับสมัครสมาชิก ➡️ เพิ่มฟีเจอร์ฟรี เช่น voice-to-text และข้อมูลสภาพอากาศ ‼️ คำเตือนต่อชุมชน Pebble ⛔ ความขัดแย้งอาจทำให้ผู้ใช้เสียความเชื่อมั่นและเกิดการแตกแยก ⛔ หากข้อมูลถูกกักไว้โดยองค์กรเดียว อาจขัดต่อหลักการโอเพนซอร์สและเสี่ยงต่อการสูญหาย https://ericmigi.com/blog/pebble-rebble-and-a-path-forward
    ERICMIGI.COM
    Pebble, Rebble, and a Path Forward
    Pebble, Rebble, and a Path Forward
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 209 มุมมอง 0 รีวิว
  • เปิดสัมพันธ์ “สนธิ-โจ๊ก” Ep319 (live)
    .
    SONDHITALK : ผู้เฒ่าเล่าเรื่อง Ep319 (live)
    เปิดสัมพันธ์ “สนธิ–โจ๊ก” กับความจริงจากปากสนธิ ที่หลายคนไม่เคยได้ยิน!
    .
    คลิก https://www.youtube.com/watch?v=erQdgIZUelM
    .
    สมัครสมาชิก membership ความจริงมีหนึ่งเดียว ช่อง SONDHITALK บน YouTube : https://www.youtube.com/@sondhitalk/join • ติดต่อสอบถามได้ที่ Line : @sondhitalk
    🔴เปิดสัมพันธ์ “สนธิ-โจ๊ก” Ep319 (live) . SONDHITALK : ผู้เฒ่าเล่าเรื่อง Ep319 (live) เปิดสัมพันธ์ “สนธิ–โจ๊ก” กับความจริงจากปากสนธิ ที่หลายคนไม่เคยได้ยิน! . คลิก https://www.youtube.com/watch?v=erQdgIZUelM . สมัครสมาชิก membership ความจริงมีหนึ่งเดียว ช่อง SONDHITALK บน YouTube : https://www.youtube.com/@sondhitalk/join • ติดต่อสอบถามได้ที่ Line : @sondhitalk
    Like
    Haha
    11
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 1025 มุมมอง 0 รีวิว
  • Microsoft แก้ปัญหา Windows 10 ESU ติดตั้งไม่สำเร็จ

    Microsoft ได้ออกแพตช์ใหม่ KB5071959 เพื่อแก้ปัญหาที่ทำให้ผู้ใช้ Windows 10 ไม่สามารถติดตั้ง Extended Security Updates (ESU) ได้อย่างถูกต้อง ปัญหานี้เกิดขึ้นหลังจาก Windows 10 หมดอายุการสนับสนุนหลัก และผู้ใช้ที่สมัคร ESU กลับถูกแจ้งว่าเครื่องหมดอายุแล้ว แม้จะเป็นรุ่น Enterprise ที่ยังอยู่ในระยะซัพพอร์ต

    การแก้ไขครั้งนี้ครอบคลุมทั้งการปรับปรุงระบบ Cloud Config และการแก้บั๊กที่ทำให้ผู้ใช้ในยุโรปไม่สามารถลงทะเบียน ESU ได้ รวมถึงการแก้ปัญหาที่ทำให้เกิดข้อความ “Something went wrong” เมื่อสมัครผ่าน Windows Backup

    ESU ถือเป็นการต่ออายุการสนับสนุน Windows 10 อีก 1–3 ปี เพื่อให้ผู้ใช้ที่ยังไม่สามารถอัปเกรดไป Windows 11 ได้รับการอัปเดตด้านความปลอดภัยต่อไป แต่ต้องมีการสมัครสมาชิกหรือใช้คะแนนรางวัล Microsoft เพื่อเข้าร่วม

    Microsoft ออกแพตช์ KB5071959 แก้ปัญหา ESU
    แก้บั๊กที่ทำให้เครื่องแจ้งหมดอายุผิดพลาด

    ESU ต่ออายุการสนับสนุน Windows 10 อีก 1–3 ปี
    เหมาะสำหรับผู้ใช้ที่ยังไม่สามารถอัปเกรดไป Windows 11

    ผู้ใช้สามารถสมัคร ESU ผ่าน Windows Backup หรือจ่ายเงิน
    ต้องมีบัญชี Microsoft เพื่อเข้าร่วม

    หากไม่เข้าร่วม ESU เครื่องจะเสี่ยงต่อการโจมตีไซเบอร์
    ไม่มีการอัปเดตความปลอดภัยเพิ่มเติม

    ปัญหาการสมัคร ESU ในบางภูมิภาคยังคงเกิดขึ้น
    ผู้ใช้ต้องตรวจสอบว่ามีสิทธิ์เข้าร่วมจริงหรือไม่

    https://www.tomshardware.com/software/windows/microsoft-patches-windows-10-issue-that-accidentally-blocked-extended-security-updates-from-installing-latest-update-should-finally-fix-all-the-issues-for-esu-eligible-devices
    🪟 Microsoft แก้ปัญหา Windows 10 ESU ติดตั้งไม่สำเร็จ Microsoft ได้ออกแพตช์ใหม่ KB5071959 เพื่อแก้ปัญหาที่ทำให้ผู้ใช้ Windows 10 ไม่สามารถติดตั้ง Extended Security Updates (ESU) ได้อย่างถูกต้อง ปัญหานี้เกิดขึ้นหลังจาก Windows 10 หมดอายุการสนับสนุนหลัก และผู้ใช้ที่สมัคร ESU กลับถูกแจ้งว่าเครื่องหมดอายุแล้ว แม้จะเป็นรุ่น Enterprise ที่ยังอยู่ในระยะซัพพอร์ต การแก้ไขครั้งนี้ครอบคลุมทั้งการปรับปรุงระบบ Cloud Config และการแก้บั๊กที่ทำให้ผู้ใช้ในยุโรปไม่สามารถลงทะเบียน ESU ได้ รวมถึงการแก้ปัญหาที่ทำให้เกิดข้อความ “Something went wrong” เมื่อสมัครผ่าน Windows Backup ESU ถือเป็นการต่ออายุการสนับสนุน Windows 10 อีก 1–3 ปี เพื่อให้ผู้ใช้ที่ยังไม่สามารถอัปเกรดไป Windows 11 ได้รับการอัปเดตด้านความปลอดภัยต่อไป แต่ต้องมีการสมัครสมาชิกหรือใช้คะแนนรางวัล Microsoft เพื่อเข้าร่วม ✅ Microsoft ออกแพตช์ KB5071959 แก้ปัญหา ESU ➡️ แก้บั๊กที่ทำให้เครื่องแจ้งหมดอายุผิดพลาด ✅ ESU ต่ออายุการสนับสนุน Windows 10 อีก 1–3 ปี ➡️ เหมาะสำหรับผู้ใช้ที่ยังไม่สามารถอัปเกรดไป Windows 11 ✅ ผู้ใช้สามารถสมัคร ESU ผ่าน Windows Backup หรือจ่ายเงิน ➡️ ต้องมีบัญชี Microsoft เพื่อเข้าร่วม ‼️ หากไม่เข้าร่วม ESU เครื่องจะเสี่ยงต่อการโจมตีไซเบอร์ ⛔ ไม่มีการอัปเดตความปลอดภัยเพิ่มเติม ‼️ ปัญหาการสมัคร ESU ในบางภูมิภาคยังคงเกิดขึ้น ⛔ ผู้ใช้ต้องตรวจสอบว่ามีสิทธิ์เข้าร่วมจริงหรือไม่ https://www.tomshardware.com/software/windows/microsoft-patches-windows-10-issue-that-accidentally-blocked-extended-security-updates-from-installing-latest-update-should-finally-fix-all-the-issues-for-esu-eligible-devices
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 222 มุมมอง 0 รีวิว
  • ไผ่ ลิกค์ ยื่น กกต. สอบพรรคประชาชน ปมตั้งเด็ก ม.4 เป็นผู้ช่วย สส. และใช้เงินเดือนจ่ายค่าสมัครสมาชิก
    https://www.thai-tai.tv/news/22259/
    .
    #ไทยไท #ไผ่ลิกค์ #ยุบพรรคประชาชน #ตั้งผู้ช่วยสส. #โกง #บัญชีม้า #กกต.
    ไผ่ ลิกค์ ยื่น กกต. สอบพรรคประชาชน ปมตั้งเด็ก ม.4 เป็นผู้ช่วย สส. และใช้เงินเดือนจ่ายค่าสมัครสมาชิก https://www.thai-tai.tv/news/22259/ . #ไทยไท #ไผ่ลิกค์ #ยุบพรรคประชาชน #ตั้งผู้ช่วยสส. #โกง #บัญชีม้า #กกต.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 314 มุมมอง 0 รีวิว
  • หัวข้อข่าว: ไม่ต้องปัดขวาอีกต่อไป — AI กำลังพลิกโฉมแอปหาคู่

    AI กำลังเปลี่ยนวิธีการจับคู่ในแอปหาคู่จากการปัดขวาแบบเดิมๆ ไปสู่การจับคู่แบบเจาะลึกผ่านการวิเคราะห์พฤติกรรมและความชอบส่วนบุคคล โดยทั้งสตาร์ทอัพและแอปใหญ่ต่างเร่งพัฒนา AI matchmaker เพื่อแก้ปัญหา “วงจรแห่งความสิ้นหวัง” ที่ผู้ใช้มักเจอในแอปหาคู่แบบเก่า.

    Emma Inge หญิงสาววัย 25 ปีจากซานฟรานซิสโก เบื่อหน่ายกับการปัดขวาใน Tinder และ Hinge จึงลองใช้บริการของ Known สตาร์ทอัพที่ใช้ AI chatbot เป็นแม่สื่อ เธอใช้เวลา 20 นาทีพูดคุยกับ AI ผ่านโทรศัพท์ บอกความชอบและข้อห้าม จากนั้นหนึ่งสัปดาห์ก็ได้รับการจับคู่ — จ่ายครั้งเดียว US$25 เพื่อไปเจอกันที่บาร์

    แม้จะโดน ghosted หลังเดทแรก แต่เธอยอมรับว่า “AI จับคู่ได้ดี แต่คนจริงๆ นั่นแหละที่ไม่เวิร์ก”

    บริษัทใหญ่ก็ไม่ยอมตกเทรนด์:
    Tinder กำลังทดสอบฟีเจอร์ “Chemistry” ที่ให้ AI สแกนรูปภาพในมือถือเพื่อเรียนรู้ผู้ใช้
    Hinge ใช้ generative AI ปรับอัลกอริธึมจนจำนวนการจับคู่เพิ่มขึ้น 15%
    Bumble เตรียมเปิดตัวแอปจับคู่ด้วย AI ภายในปีนี้

    นอกจากนี้ยังมีการทดลองฟีเจอร์ล้ำๆ เช่น:
    AI dating coach ที่ให้คำแนะนำหลังเดท
    AI clones ที่จับคู่กันเองแล้วรายงานผลให้เจ้าของ

    แต่ก็มีเสียงต้านจากผู้ใช้ที่ไม่ชอบ “AI slop” หรือระบบอัตโนมัติที่มากเกินไป บางแอปจึงเลือกไม่เปิดเผยว่าใช้ AI อยู่

    การเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมแอปหาคู่
    จากระบบปัดขวาไปสู่การจับคู่แบบเจาะลึกด้วย AI
    ผู้ใช้จ่ายต่อการจับคู่แทนการสมัครสมาชิกรายเดือน
    สตาร์ทอัพอย่าง Known ใช้ AI chatbot เป็นแม่สื่อ

    การปรับตัวของแอปใหญ่
    Tinder ทดสอบฟีเจอร์ “Chemistry” สแกนรูปเพื่อเรียนรู้ผู้ใช้
    Hinge ใช้ generative AI ปรับอัลกอริธึมเพิ่มการจับคู่
    Bumble เตรียมเปิดตัวแอป AI matchmaking

    ฟีเจอร์ AI ที่กำลังทดลอง
    AI dating coach ให้คำแนะนำหลังเดท
    AI clones ทดลองจับคู่กันเอง
    Facebook Dating ให้ผู้ใช้พิมพ์ลักษณะคู่ในฝันเพื่อจับคู่

    คำเตือนจากผู้ใช้และนักวิเคราะห์
    “วงจรแห่งความสิ้นหวัง” จากการใช้แอปหาคู่แบบเดิมยังคงอยู่
    การใช้ AI มากเกินไปอาจทำให้ผู้ใช้รู้สึกไม่เป็นธรรมชาติ
    การเปิดให้ AI เข้าถึงข้อมูลส่วนตัว เช่น รูปภาพ อาจเสี่ยงต่อความเป็นส่วนตัว

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/11/06/you-dont-need-to-swipe-right-ai-is-transforming-dating-apps
    💘 หัวข้อข่าว: ไม่ต้องปัดขวาอีกต่อไป — AI กำลังพลิกโฉมแอปหาคู่ AI กำลังเปลี่ยนวิธีการจับคู่ในแอปหาคู่จากการปัดขวาแบบเดิมๆ ไปสู่การจับคู่แบบเจาะลึกผ่านการวิเคราะห์พฤติกรรมและความชอบส่วนบุคคล โดยทั้งสตาร์ทอัพและแอปใหญ่ต่างเร่งพัฒนา AI matchmaker เพื่อแก้ปัญหา “วงจรแห่งความสิ้นหวัง” ที่ผู้ใช้มักเจอในแอปหาคู่แบบเก่า. Emma Inge หญิงสาววัย 25 ปีจากซานฟรานซิสโก เบื่อหน่ายกับการปัดขวาใน Tinder และ Hinge จึงลองใช้บริการของ Known สตาร์ทอัพที่ใช้ AI chatbot เป็นแม่สื่อ เธอใช้เวลา 20 นาทีพูดคุยกับ AI ผ่านโทรศัพท์ บอกความชอบและข้อห้าม จากนั้นหนึ่งสัปดาห์ก็ได้รับการจับคู่ — จ่ายครั้งเดียว US$25 เพื่อไปเจอกันที่บาร์ แม้จะโดน ghosted หลังเดทแรก แต่เธอยอมรับว่า “AI จับคู่ได้ดี แต่คนจริงๆ นั่นแหละที่ไม่เวิร์ก” บริษัทใหญ่ก็ไม่ยอมตกเทรนด์: 🔖 Tinder กำลังทดสอบฟีเจอร์ “Chemistry” ที่ให้ AI สแกนรูปภาพในมือถือเพื่อเรียนรู้ผู้ใช้ 🔖 Hinge ใช้ generative AI ปรับอัลกอริธึมจนจำนวนการจับคู่เพิ่มขึ้น 15% 🔖 Bumble เตรียมเปิดตัวแอปจับคู่ด้วย AI ภายในปีนี้ นอกจากนี้ยังมีการทดลองฟีเจอร์ล้ำๆ เช่น: 🔖 AI dating coach ที่ให้คำแนะนำหลังเดท 🔖 AI clones ที่จับคู่กันเองแล้วรายงานผลให้เจ้าของ แต่ก็มีเสียงต้านจากผู้ใช้ที่ไม่ชอบ “AI slop” หรือระบบอัตโนมัติที่มากเกินไป บางแอปจึงเลือกไม่เปิดเผยว่าใช้ AI อยู่ ✅ การเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมแอปหาคู่ ➡️ จากระบบปัดขวาไปสู่การจับคู่แบบเจาะลึกด้วย AI ➡️ ผู้ใช้จ่ายต่อการจับคู่แทนการสมัครสมาชิกรายเดือน ➡️ สตาร์ทอัพอย่าง Known ใช้ AI chatbot เป็นแม่สื่อ ✅ การปรับตัวของแอปใหญ่ ➡️ Tinder ทดสอบฟีเจอร์ “Chemistry” สแกนรูปเพื่อเรียนรู้ผู้ใช้ ➡️ Hinge ใช้ generative AI ปรับอัลกอริธึมเพิ่มการจับคู่ ➡️ Bumble เตรียมเปิดตัวแอป AI matchmaking ✅ ฟีเจอร์ AI ที่กำลังทดลอง ➡️ AI dating coach ให้คำแนะนำหลังเดท ➡️ AI clones ทดลองจับคู่กันเอง ➡️ Facebook Dating ให้ผู้ใช้พิมพ์ลักษณะคู่ในฝันเพื่อจับคู่ ‼️ คำเตือนจากผู้ใช้และนักวิเคราะห์ ⛔ “วงจรแห่งความสิ้นหวัง” จากการใช้แอปหาคู่แบบเดิมยังคงอยู่ ⛔ การใช้ AI มากเกินไปอาจทำให้ผู้ใช้รู้สึกไม่เป็นธรรมชาติ ⛔ การเปิดให้ AI เข้าถึงข้อมูลส่วนตัว เช่น รูปภาพ อาจเสี่ยงต่อความเป็นส่วนตัว https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/11/06/you-dont-need-to-swipe-right-ai-is-transforming-dating-apps
    WWW.THESTAR.COM.MY
    You don't need to swipe right. AI is transforming dating apps.
    Meet your artificial intelligence matchmakers. These A.I. tools are changing dating apps, so users don't have to swipe through an endless scroll of profiles.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 214 มุมมอง 0 รีวิว
  • วิโรจน์ วอนมองเป็นรายบุคคล ปมผู้ช่วย สส.ร่อนจดหมาย แฉเงินบริจาคสมัครสมาชิก ชี้เป็น "ความบกพร่องส่วนบุคคล" ไม่ใช่เชิงนโยบาย
    https://www.thai-tai.tv/news/22223/
    .
    #ไทยไท #วิโรจน์ #พรรคประชาชน #ผู้ช่วยสส. #บัญชีม้า #ความบกพร่องส่วนบุคคล
    วิโรจน์ วอนมองเป็นรายบุคคล ปมผู้ช่วย สส.ร่อนจดหมาย แฉเงินบริจาคสมัครสมาชิก ชี้เป็น "ความบกพร่องส่วนบุคคล" ไม่ใช่เชิงนโยบาย https://www.thai-tai.tv/news/22223/ . #ไทยไท #วิโรจน์ #พรรคประชาชน #ผู้ช่วยสส. #บัญชีม้า #ความบกพร่องส่วนบุคคล
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 202 มุมมอง 0 รีวิว
  • แอปฟรีที่ควรมีติดเครื่อง Android เครื่องใหม่ทันที!

    หากคุณเพิ่งซื้อสมาร์ทโฟน Android เครื่องใหม่ หรือกำลังมองหาแอปฟรีที่คุ้มค่าและปลอดภัยในการใช้งาน นี่คือ 5 แอปที่ได้รับการแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ พร้อมสาระเสริมที่คุณอาจยังไม่รู้!

    Proton VPN: ปลอดภัยไว้ก่อน
    Proton VPN เป็นหนึ่งใน VPN ฟรีที่น่าเชื่อถือที่สุด เพราะไม่มีโฆษณา ไม่ขายข้อมูล และมีการตรวจสอบจากภายนอกอย่างสม่ำเสมอ
    VPN ฟรีที่ไม่เก็บ log และไม่มีโฆษณา
    ให้ความเร็วและแบนด์วิดธ์ไม่จำกัด
    เหมาะสำหรับการใช้งาน Wi-Fi สาธารณะและปลดล็อกคอนเทนต์
    VPN ไม่สามารถทำให้คุณ “นิรนาม” ได้จริง
    หากต้องการความเป็นส่วนตัวขั้นสูง ควรใช้ Tor Browser แทน

    Vivaldi Browser: เบราว์เซอร์ที่เหนือกว่า Chrome
    Vivaldi เป็นเบราว์เซอร์ที่ให้ความเป็นส่วนตัวสูง พร้อมฟีเจอร์จัดการแท็บและโน้ตที่เหนือชั้น
    รองรับการจัดการแท็บแบบซ้อน, จดโน้ต, ถ่ายภาพหน้าจอเต็มหน้า
    มีระบบซิงค์ข้อมูลข้ามอุปกรณ์
    มีตัวบล็อกโฆษณาในตัวและแปลภาษาอัตโนมัติ
    หากใช้ Chrome อาจเสี่ยงต่อการถูกติดตามพฤติกรรม
    ควรเปลี่ยนมาใช้เบราว์เซอร์ที่เน้นความเป็นส่วนตัวมากกว่า

    Blip: ส่งไฟล์ข้ามอุปกรณ์แบบไร้รอยต่อ
    Blip คือทางเลือกใหม่ที่เหนือกว่า AirDrop และ Quick Share เพราะรองรับทุกระบบปฏิบัติการ
    ส่งไฟล์ได้ทุกขนาด ข้ามแพลตฟอร์ม Android, iOS, Windows, macOS, Linux
    ไม่ต้องยืนยันการรับไฟล์จากอีกเครื่อง
    รองรับการส่งไฟล์ระยะไกลทั่วโลก
    ไม่มีการเข้ารหัสแบบ end-to-end
    หลีกเลี่ยงการส่งไฟล์ที่มีข้อมูลอ่อนไหว

    Speedtest by Ookla: ตรวจสอบความเร็วเน็ตแบบมือโปร
    แอปนี้ช่วยให้คุณตรวจสอบความเร็วอินเทอร์เน็ตได้อย่างแม่นยำ
    วัดความเร็วดาวน์โหลด/อัปโหลด, ping, jitter และ packet loss
    ใช้งานง่าย แค่กดปุ่ม “Go”
    แอปมีโฆษณาและเก็บข้อมูลผู้ใช้
    หากต้องการความเป็นส่วนตัว ควรใช้ LibreSpeed ผ่านเว็บแทน

    Loop Habit Tracker: ตัวช่วยสร้างนิสัยดีๆ
    แอปติดตามนิสัยที่เรียบง่าย ไม่มีโฆษณา และไม่เก็บข้อมูล
    ใช้งานฟรี 100% พร้อมฟีเจอร์ครบ
    สร้างรายการนิสัย, ตั้งเตือน, ดูสถิติความก้าวหน้า
    ข้อมูลเก็บไว้ในเครื่อง ไม่แชร์ออกภายนอก
    แอปติดตามนิสัยบางตัวอาจบังคับให้สมัครสมาชิก
    ระวังแอปที่เก็บข้อมูลโดยไม่ได้รับอนุญาต

    https://www.slashgear.com/2010815/free-apps-you-should-install-on-any-android-device/
    📱 แอปฟรีที่ควรมีติดเครื่อง Android เครื่องใหม่ทันที! หากคุณเพิ่งซื้อสมาร์ทโฟน Android เครื่องใหม่ หรือกำลังมองหาแอปฟรีที่คุ้มค่าและปลอดภัยในการใช้งาน นี่คือ 5 แอปที่ได้รับการแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ พร้อมสาระเสริมที่คุณอาจยังไม่รู้! 🛡️ Proton VPN: ปลอดภัยไว้ก่อน Proton VPN เป็นหนึ่งใน VPN ฟรีที่น่าเชื่อถือที่สุด เพราะไม่มีโฆษณา ไม่ขายข้อมูล และมีการตรวจสอบจากภายนอกอย่างสม่ำเสมอ ✅ VPN ฟรีที่ไม่เก็บ log และไม่มีโฆษณา ➡️ ให้ความเร็วและแบนด์วิดธ์ไม่จำกัด ➡️ เหมาะสำหรับการใช้งาน Wi-Fi สาธารณะและปลดล็อกคอนเทนต์ ‼️ VPN ไม่สามารถทำให้คุณ “นิรนาม” ได้จริง ⛔ หากต้องการความเป็นส่วนตัวขั้นสูง ควรใช้ Tor Browser แทน 🌐 Vivaldi Browser: เบราว์เซอร์ที่เหนือกว่า Chrome Vivaldi เป็นเบราว์เซอร์ที่ให้ความเป็นส่วนตัวสูง พร้อมฟีเจอร์จัดการแท็บและโน้ตที่เหนือชั้น ✅ รองรับการจัดการแท็บแบบซ้อน, จดโน้ต, ถ่ายภาพหน้าจอเต็มหน้า ➡️ มีระบบซิงค์ข้อมูลข้ามอุปกรณ์ ➡️ มีตัวบล็อกโฆษณาในตัวและแปลภาษาอัตโนมัติ ‼️ หากใช้ Chrome อาจเสี่ยงต่อการถูกติดตามพฤติกรรม ⛔ ควรเปลี่ยนมาใช้เบราว์เซอร์ที่เน้นความเป็นส่วนตัวมากกว่า 📤 Blip: ส่งไฟล์ข้ามอุปกรณ์แบบไร้รอยต่อ Blip คือทางเลือกใหม่ที่เหนือกว่า AirDrop และ Quick Share เพราะรองรับทุกระบบปฏิบัติการ ✅ ส่งไฟล์ได้ทุกขนาด ข้ามแพลตฟอร์ม Android, iOS, Windows, macOS, Linux ➡️ ไม่ต้องยืนยันการรับไฟล์จากอีกเครื่อง ➡️ รองรับการส่งไฟล์ระยะไกลทั่วโลก ‼️ ไม่มีการเข้ารหัสแบบ end-to-end ⛔ หลีกเลี่ยงการส่งไฟล์ที่มีข้อมูลอ่อนไหว 📶 Speedtest by Ookla: ตรวจสอบความเร็วเน็ตแบบมือโปร แอปนี้ช่วยให้คุณตรวจสอบความเร็วอินเทอร์เน็ตได้อย่างแม่นยำ ✅ วัดความเร็วดาวน์โหลด/อัปโหลด, ping, jitter และ packet loss ➡️ ใช้งานง่าย แค่กดปุ่ม “Go” ‼️ แอปมีโฆษณาและเก็บข้อมูลผู้ใช้ ⛔ หากต้องการความเป็นส่วนตัว ควรใช้ LibreSpeed ผ่านเว็บแทน 📊 Loop Habit Tracker: ตัวช่วยสร้างนิสัยดีๆ แอปติดตามนิสัยที่เรียบง่าย ไม่มีโฆษณา และไม่เก็บข้อมูล ✅ ใช้งานฟรี 100% พร้อมฟีเจอร์ครบ ➡️ สร้างรายการนิสัย, ตั้งเตือน, ดูสถิติความก้าวหน้า ➡️ ข้อมูลเก็บไว้ในเครื่อง ไม่แชร์ออกภายนอก ‼️ แอปติดตามนิสัยบางตัวอาจบังคับให้สมัครสมาชิก ⛔ ระวังแอปที่เก็บข้อมูลโดยไม่ได้รับอนุญาต https://www.slashgear.com/2010815/free-apps-you-should-install-on-any-android-device/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    5 Free Apps You Should Install ASAP On A New Android Device - SlashGear
    Setting up your Android? Don’t waste time digging through the Play Store. These free apps are the ones actually worth keeping.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 256 มุมมอง 0 รีวิว
  • เสด็จสู่สวรรคาลัย Ep317 (live)

    SONDHITALK : ผู้เฒ่าเล่าเรื่อง Ep317 (live)
    น้อมส่งสู่สวรรคาลัย สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง‘พระแม่แห่งแผ่นดิน‘

    สมัครสมาชิก membership ความจริงมีหนึ่งเดียว ช่อง SONDHITALK บน YouTube ติดต่อสอบถามได้ที่ Line : @sondhitalk

    คลิก https://www.youtube.com/watch?v=fViUjNEe4gQ
    🔴 เสด็จสู่สวรรคาลัย Ep317 (live) • SONDHITALK : ผู้เฒ่าเล่าเรื่อง Ep317 (live) น้อมส่งสู่สวรรคาลัย สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง‘พระแม่แห่งแผ่นดิน‘ • สมัครสมาชิก membership ความจริงมีหนึ่งเดียว ช่อง SONDHITALK บน YouTube ติดต่อสอบถามได้ที่ Line : @sondhitalk • คลิก https://www.youtube.com/watch?v=fViUjNEe4gQ
    Like
    Haha
    13
    4 ความคิดเห็น 2 การแบ่งปัน 1183 มุมมอง 0 รีวิว
  • WP Freeio CVE-2025-11533: เมื่อการสมัครสมาชิกกลายเป็นช่องทางยึดเว็บ

    Wordfence เตือนภัยด่วน: ช่องโหว่ WP Freeio เปิดทางให้แฮกเกอร์ยึดเว็บไซต์ WordPress ได้ทันที ปลั๊กอิน WP Freeio ถูกพบช่องโหว่ร้ายแรง CVE-2025-11533 ที่เปิดโอกาสให้ผู้โจมตีสร้างบัญชีผู้ดูแลระบบโดยไม่ต้องยืนยันตัวตน ส่งผลกระทบต่อเว็บไซต์ WordPress จำนวนมากทั่วโลก
    Wordfence Threat Intelligence รายงานช่องโหว่ระดับวิกฤต (CVSS 9.8) ในปลั๊กอิน WP Freeio ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของธีม Freeio ที่ขายบน ThemeForest โดยช่องโหว่นี้อยู่ในฟังก์ชัน process_register() ของคลาส WP_Freeio_User ที่ใช้จัดการการสมัครสมาชิก

    ปัญหาเกิดจากการที่ฟังก์ชันนี้อนุญาตให้ผู้ใช้กำหนด role ได้เองผ่านฟิลด์ $_POST['role'] โดยไม่มีการตรวจสอบ ทำให้ผู้โจมตีสามารถระบุ role เป็น “administrator” และสร้างบัญชีผู้ดูแลระบบได้ทันที

    Wordfence ตรวจพบการโจมตีทันทีหลังการเปิดเผยช่องโหว่เมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2025 และบล็อกการโจมตีไปแล้วกว่า 33,200 ครั้ง

    ตัวอย่างคำขอที่ใช้โจมตี:
    POST /?wpfi-ajax=wp_freeio_ajax_register&action=wp_freeio_ajax_register
    Content-Type: application/x-www-form-urlencoded
    role=administrator&email=attacker@gmail.com&password=xxx&confirmpassword=xxx

    เมื่อได้สิทธิ์ผู้ดูแลระบบแล้ว ผู้โจมตีสามารถ:
    อัปโหลดปลั๊กอินหรือธีมที่มี backdoor
    แก้ไขโพสต์หรือหน้าเว็บเพื่อ redirect ไปยังเว็บไซต์อันตราย
    ฝังสแปมหรือมัลแวร์ในเนื้อหา

    IP ที่พบว่ามีการโจมตีจำนวนมาก เช่น:
    35.178.249.28
    13.239.253.194
    3.25.204.16
    18.220.143.136

    Wordfence แนะนำให้ผู้ดูแลระบบอัปเดต WP Freeio เป็นเวอร์ชัน 1.2.22 หรือใหม่กว่าโดยด่วน


    https://securityonline.info/wordfence-warns-of-active-exploits-targeting-critical-privilege-escalation-flaw-in-wp-freeio-cve-2025-11533/
    🔓 WP Freeio CVE-2025-11533: เมื่อการสมัครสมาชิกกลายเป็นช่องทางยึดเว็บ Wordfence เตือนภัยด่วน: ช่องโหว่ WP Freeio เปิดทางให้แฮกเกอร์ยึดเว็บไซต์ WordPress ได้ทันที ปลั๊กอิน WP Freeio ถูกพบช่องโหว่ร้ายแรง CVE-2025-11533 ที่เปิดโอกาสให้ผู้โจมตีสร้างบัญชีผู้ดูแลระบบโดยไม่ต้องยืนยันตัวตน ส่งผลกระทบต่อเว็บไซต์ WordPress จำนวนมากทั่วโลก Wordfence Threat Intelligence รายงานช่องโหว่ระดับวิกฤต (CVSS 9.8) ในปลั๊กอิน WP Freeio ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของธีม Freeio ที่ขายบน ThemeForest โดยช่องโหว่นี้อยู่ในฟังก์ชัน process_register() ของคลาส WP_Freeio_User ที่ใช้จัดการการสมัครสมาชิก ปัญหาเกิดจากการที่ฟังก์ชันนี้อนุญาตให้ผู้ใช้กำหนด role ได้เองผ่านฟิลด์ $_POST['role'] โดยไม่มีการตรวจสอบ ทำให้ผู้โจมตีสามารถระบุ role เป็น “administrator” และสร้างบัญชีผู้ดูแลระบบได้ทันที Wordfence ตรวจพบการโจมตีทันทีหลังการเปิดเผยช่องโหว่เมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2025 และบล็อกการโจมตีไปแล้วกว่า 33,200 ครั้ง 🔖 ตัวอย่างคำขอที่ใช้โจมตี: POST /?wpfi-ajax=wp_freeio_ajax_register&action=wp_freeio_ajax_register Content-Type: application/x-www-form-urlencoded role=administrator&email=attacker@gmail.com&password=xxx&confirmpassword=xxx เมื่อได้สิทธิ์ผู้ดูแลระบบแล้ว ผู้โจมตีสามารถ: 💠 อัปโหลดปลั๊กอินหรือธีมที่มี backdoor 💠 แก้ไขโพสต์หรือหน้าเว็บเพื่อ redirect ไปยังเว็บไซต์อันตราย 💠 ฝังสแปมหรือมัลแวร์ในเนื้อหา IP ที่พบว่ามีการโจมตีจำนวนมาก เช่น: 💠 35.178.249.28 💠 13.239.253.194 💠 3.25.204.16 💠 18.220.143.136 Wordfence แนะนำให้ผู้ดูแลระบบอัปเดต WP Freeio เป็นเวอร์ชัน 1.2.22 หรือใหม่กว่าโดยด่วน https://securityonline.info/wordfence-warns-of-active-exploits-targeting-critical-privilege-escalation-flaw-in-wp-freeio-cve-2025-11533/
    SECURITYONLINE.INFO
    Wordfence Warns of Active Exploits Targeting Critical Privilege Escalation Flaw in WP Freeio (CVE-2025-11533)
    Urgent patch for WP Freeio plugin (v.< 1.2.22). Unauthenticated attackers can gain admin control instantly via a registration flaw. Update immediately to v.1.2.22.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 255 มุมมอง 0 รีวิว
  • WSO2 Auth Bypass: เมื่อ regex กลายเป็นจุดอ่อนของระบบ

    WSO2 เจอช่องโหว่ร้ายแรง: แฮกเกอร์สามารถข้ามการยืนยันตัวตนและเข้าถึงสิทธิ์ผู้ดูแลระบบได้ทันที นักวิจัยด้านความปลอดภัยเปิดเผยช่องโหว่ 3 รายการใน WSO2 API Manager และ Identity Server ที่เปิดทางให้ผู้โจมตีเข้าถึงระบบโดยไม่ต้องยืนยันตัวตน พร้อมความเสี่ยงในการขโมยข้อมูลและรันโค้ดจากระยะไกล

    นักวิจัย Crnkovic ได้เปิดเผยช่องโหว่ร้ายแรง 3 รายการ ได้แก่ CVE-2025-9152, CVE-2025-10611, และ CVE-2025-9804 โดยแต่ละรายการมีคะแนน CVSS สูงถึง 9.8 ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับ “วิกฤต” และสามารถใช้โจมตีจากระยะไกลโดยไม่ต้องยืนยันตัวตน

    จุดอ่อนหลักมาจากการใช้ regex ในการกำหนดสิทธิ์เข้าถึง ที่แยกออกจากตรรกะของแอปพลิเคชัน ทำให้เกิดช่องโหว่หลายรูปแบบ เช่น:
    การใช้เครื่องหมาย / เพื่อหลบเลี่ยง regex
    การใช้ HTTP method แบบตัวพิมพ์เล็ก เช่น “Post” แทน “POST”
    การใช้ path ที่ถูก normalize โดย Java เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจสอบ

    ตัวอย่างการโจมตี:
    เข้าถึง endpoint /keymanager-operations/dcr/register/<client_id> เพื่อขโมย OAuth client secrets
    ใช้ HTTP method “Post” เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจสอบสิทธิ์
    ใช้ URL encoding เพื่อเข้าถึง endpoint ที่ควรต้องมีการยืนยันตัวตน เช่น /scim2/Users

    ช่องโหว่ CVE-2025-9804 ยังเปิดทางให้ผู้ใช้ระดับต่ำสามารถสร้างบัญชีและยกระดับสิทธิ์เป็นผู้ดูแลระบบได้ทันที หากระบบเปิดให้สมัครสมาชิกด้วยตนเอง

    WSO2 ได้ออกแพตช์แก้ไขแล้ว แต่ Crnkovic เตือนว่า “การใช้ regex ในการควบคุมสิทธิ์เป็นแนวทางที่มีความเสี่ยงสูง” และควรหลีกเลี่ยงในระบบที่ต้องการความปลอดภัยระดับสูง

    https://securityonline.info/researcher-details-critical-authentication-bypasses-in-wso2-api-manager-and-identity-server/
    🔓 WSO2 Auth Bypass: เมื่อ regex กลายเป็นจุดอ่อนของระบบ WSO2 เจอช่องโหว่ร้ายแรง: แฮกเกอร์สามารถข้ามการยืนยันตัวตนและเข้าถึงสิทธิ์ผู้ดูแลระบบได้ทันที นักวิจัยด้านความปลอดภัยเปิดเผยช่องโหว่ 3 รายการใน WSO2 API Manager และ Identity Server ที่เปิดทางให้ผู้โจมตีเข้าถึงระบบโดยไม่ต้องยืนยันตัวตน พร้อมความเสี่ยงในการขโมยข้อมูลและรันโค้ดจากระยะไกล นักวิจัย Crnkovic ได้เปิดเผยช่องโหว่ร้ายแรง 3 รายการ ได้แก่ CVE-2025-9152, CVE-2025-10611, และ CVE-2025-9804 โดยแต่ละรายการมีคะแนน CVSS สูงถึง 9.8 ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับ “วิกฤต” และสามารถใช้โจมตีจากระยะไกลโดยไม่ต้องยืนยันตัวตน จุดอ่อนหลักมาจากการใช้ regex ในการกำหนดสิทธิ์เข้าถึง ที่แยกออกจากตรรกะของแอปพลิเคชัน ทำให้เกิดช่องโหว่หลายรูปแบบ เช่น: 🪲 การใช้เครื่องหมาย / เพื่อหลบเลี่ยง regex 🪲 การใช้ HTTP method แบบตัวพิมพ์เล็ก เช่น “Post” แทน “POST” 🪲 การใช้ path ที่ถูก normalize โดย Java เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจสอบ ตัวอย่างการโจมตี: 🪲 เข้าถึง endpoint /keymanager-operations/dcr/register/<client_id> เพื่อขโมย OAuth client secrets 🪲 ใช้ HTTP method “Post” เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจสอบสิทธิ์ 🪲 ใช้ URL encoding เพื่อเข้าถึง endpoint ที่ควรต้องมีการยืนยันตัวตน เช่น /scim2/Users ช่องโหว่ CVE-2025-9804 ยังเปิดทางให้ผู้ใช้ระดับต่ำสามารถสร้างบัญชีและยกระดับสิทธิ์เป็นผู้ดูแลระบบได้ทันที หากระบบเปิดให้สมัครสมาชิกด้วยตนเอง WSO2 ได้ออกแพตช์แก้ไขแล้ว แต่ Crnkovic เตือนว่า “การใช้ regex ในการควบคุมสิทธิ์เป็นแนวทางที่มีความเสี่ยงสูง” และควรหลีกเลี่ยงในระบบที่ต้องการความปลอดภัยระดับสูง https://securityonline.info/researcher-details-critical-authentication-bypasses-in-wso2-api-manager-and-identity-server/
    SECURITYONLINE.INFO
    Researcher Details Critical Authentication Bypasses in WSO2 API Manager and Identity Server
    WSO2 patched three Critical flaws (CVSS 9.8) in API Manager/Identity Server. Flaws in regex access control and case-sensitive HTTP methods allow unauthenticated administrative takeover.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 223 มุมมอง 0 รีวิว
  • RedTiger: มัลแวร์ใหม่โจมตีผู้ใช้ Discord — ขโมยข้อมูล, ถ่ายภาพจากเว็บแคม และหลบเลี่ยงการตรวจจับอย่างแนบเนียน

    RedTiger คือมัลแวร์สาย infostealer ที่ถูกสร้างขึ้นจากเครื่องมือ Python แบบโอเพ่นซอร์ส โดยถูกนำมาใช้โจมตีผู้ใช้ Discord โดยเฉพาะกลุ่มเกมเมอร์ในฝรั่งเศส — มันสามารถขโมยข้อมูลบัญชี, ข้อมูลการชำระเงิน, ไฟล์เกม, กระเป๋าคริปโต และแม้แต่ภาพจากเว็บแคมของเหยื่อ

    ขโมยข้อมูลจาก Discord และเบราว์เซอร์
    ดึง token, username, email, MFA settings และระดับการสมัครสมาชิก
    ขโมยข้อมูลบัตรเครดิตและ PayPal ที่บันทึกไว้ใน Discord
    ดึงข้อมูลจาก browser เช่น password, payment info และ cookies

    แอบถ่ายภาพจากเว็บแคมและจับภาพหน้าจอ
    ใช้ฟังก์ชันในระบบเพื่อถ่ายภาพโดยไม่ให้เหยื่อรู้ตัว
    บันทึกภาพหน้าจอและส่งไปยังเซิร์ฟเวอร์ของผู้โจมตี

    ขโมยไฟล์เกมและกระเป๋าคริปโต
    เจาะเข้าไปในไฟล์ของ Steam, Epic Games, Roblox
    ดึงข้อมูลจาก wallet เช่น Exodus, Binance, Atomic Wallet

    ส่งข้อมูลผ่าน Discord webhook และ GoFile
    อัปโหลดข้อมูลทั้งหมดไปยัง GoFile แล้วแจ้งผู้โจมตีผ่าน webhook
    ส่งข้อมูล IP, hostname และประเทศของเหยื่อ

    มีระบบหลบเลี่ยงการตรวจจับและสร้างความสับสนให้ forensic tools
    ปิดตัวเองทันทีหากพบ debugger หรือ forensic environment
    สร้างไฟล์สุ่ม 100 ไฟล์และเปิดโปรแกรม 400 ตัวเพื่อเบี่ยงเบนการวิเคราะห์

    มีระบบ persistence บน Windows, Linux และ macOS
    บน Windows จะเพิ่ม payload ใน startup folder เพื่อรันอัตโนมัติ
    บน Linux/macOS ยังไม่สมบูรณ์ แต่มีการเตรียมไฟล์ไว้

    https://hackread.com/redtiger-malware-discord-tokens-webcam-images/
    🧑‍💻🐯 RedTiger: มัลแวร์ใหม่โจมตีผู้ใช้ Discord — ขโมยข้อมูล, ถ่ายภาพจากเว็บแคม และหลบเลี่ยงการตรวจจับอย่างแนบเนียน RedTiger คือมัลแวร์สาย infostealer ที่ถูกสร้างขึ้นจากเครื่องมือ Python แบบโอเพ่นซอร์ส โดยถูกนำมาใช้โจมตีผู้ใช้ Discord โดยเฉพาะกลุ่มเกมเมอร์ในฝรั่งเศส — มันสามารถขโมยข้อมูลบัญชี, ข้อมูลการชำระเงิน, ไฟล์เกม, กระเป๋าคริปโต และแม้แต่ภาพจากเว็บแคมของเหยื่อ ✅ ขโมยข้อมูลจาก Discord และเบราว์เซอร์ ➡️ ดึง token, username, email, MFA settings และระดับการสมัครสมาชิก ➡️ ขโมยข้อมูลบัตรเครดิตและ PayPal ที่บันทึกไว้ใน Discord ➡️ ดึงข้อมูลจาก browser เช่น password, payment info และ cookies ✅ แอบถ่ายภาพจากเว็บแคมและจับภาพหน้าจอ ➡️ ใช้ฟังก์ชันในระบบเพื่อถ่ายภาพโดยไม่ให้เหยื่อรู้ตัว ➡️ บันทึกภาพหน้าจอและส่งไปยังเซิร์ฟเวอร์ของผู้โจมตี ✅ ขโมยไฟล์เกมและกระเป๋าคริปโต ➡️ เจาะเข้าไปในไฟล์ของ Steam, Epic Games, Roblox ➡️ ดึงข้อมูลจาก wallet เช่น Exodus, Binance, Atomic Wallet ✅ ส่งข้อมูลผ่าน Discord webhook และ GoFile ➡️ อัปโหลดข้อมูลทั้งหมดไปยัง GoFile แล้วแจ้งผู้โจมตีผ่าน webhook ➡️ ส่งข้อมูล IP, hostname และประเทศของเหยื่อ ✅ มีระบบหลบเลี่ยงการตรวจจับและสร้างความสับสนให้ forensic tools ➡️ ปิดตัวเองทันทีหากพบ debugger หรือ forensic environment ➡️ สร้างไฟล์สุ่ม 100 ไฟล์และเปิดโปรแกรม 400 ตัวเพื่อเบี่ยงเบนการวิเคราะห์ ✅ มีระบบ persistence บน Windows, Linux และ macOS ➡️ บน Windows จะเพิ่ม payload ใน startup folder เพื่อรันอัตโนมัติ ➡️ บน Linux/macOS ยังไม่สมบูรณ์ แต่มีการเตรียมไฟล์ไว้ https://hackread.com/redtiger-malware-discord-tokens-webcam-images/
    HACKREAD.COM
    RedTiger Malware Steals Data, Discord Tokens and Even Webcam Images
    Follow us on Bluesky, Twitter (X), Mastodon and Facebook at @Hackread
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 254 มุมมอง 0 รีวิว
  • SadServers: แพลตฟอร์มฝึกทักษะ Linux และ DevOps ผ่านสถานการณ์จริงในระบบออนไลน์

    SadServers คือเว็บไซต์ที่ออกแบบมาเพื่อให้ผู้ดูแลระบบ Linux และสายงาน DevOps ได้ฝึกฝนทักษะผ่านการแก้ปัญหาจริงในเซิร์ฟเวอร์ที่ “กำลังมีปัญหา” โดยไม่ต้องติดตั้งอะไรเพิ่ม ไม่ต้องมีเครื่องเซิร์ฟเวอร์ของตัวเอง แค่คลิก “Run” ก็เริ่มทดสอบได้ทันที

    ลักษณะการใช้งานของ SadServers

    ผู้ใช้จะได้รับเซิร์ฟเวอร์ที่ถูกตั้งค่าล่วงหน้าให้มีปัญหาเฉพาะ
    ต้องเข้าไปแก้ไขผ่าน terminal ที่เปิดได้จากเว็บเบราว์เซอร์
    มีโจทย์ให้เลือกหลายระดับ: ง่าย, ปานกลาง, ยาก
    มี 3 ประเภทโจทย์:
    - Fix: แก้ปัญหาเซิร์ฟเวอร์ให้กลับมาทำงานได้
    - Hack: ทดสอบความปลอดภัยของระบบ
    - Do: ทำงานตามคำสั่งใน command line
    ระบบจะตรวจคำตอบโดยอัตโนมัติเมื่อส่งงาน
    มีโจทย์ฟรีให้เล่นโดยไม่ต้องสมัครสมาชิก เช่น การหาว่าโปรแกรมใดกำลังเขียน log file แล้วหยุดมัน

    จุดเด่นของ SadServers
    ฝึกทักษะ Linux และ DevOps ผ่านสถานการณ์จริง
    ไม่ต้องติดตั้งเครื่องมือหรือเซิร์ฟเวอร์เอง
    มีระบบตรวจคำตอบอัตโนมัติ
    รองรับการใช้งานผ่านเบราว์เซอร์
    มีโจทย์ฟรีให้ทดลองก่อนสมัคร

    สิทธิพิเศษในเวอร์ชัน Pro
    เข้าถึงโจทย์ทั้งหมด
    เวลาทำโจทย์นานขึ้น
    ลองทำซ้ำได้ไม่จำกัด
    เข้าถึง VM ผ่าน SSH โดยตรง
    มีระบบบันทึกคำสั่งและหน้าแสดงความสำเร็จ

    เบื้องหลังการพัฒนา
    สร้างโดย Fernando ผู้เชี่ยวชาญด้าน DevOps
    เน้นการใช้งานจริงมากกว่าความสวยงามของเว็บไซต์
    เหมาะสำหรับผู้ที่เบื่อทฤษฎีและต้องการฝึกแบบลงมือจริง

    https://news.itsfoss.com/sadservers/
    🧠💻 SadServers: แพลตฟอร์มฝึกทักษะ Linux และ DevOps ผ่านสถานการณ์จริงในระบบออนไลน์ SadServers คือเว็บไซต์ที่ออกแบบมาเพื่อให้ผู้ดูแลระบบ Linux และสายงาน DevOps ได้ฝึกฝนทักษะผ่านการแก้ปัญหาจริงในเซิร์ฟเวอร์ที่ “กำลังมีปัญหา” โดยไม่ต้องติดตั้งอะไรเพิ่ม ไม่ต้องมีเครื่องเซิร์ฟเวอร์ของตัวเอง แค่คลิก “Run” ก็เริ่มทดสอบได้ทันที 🔧 ลักษณะการใช้งานของ SadServers 💠 ผู้ใช้จะได้รับเซิร์ฟเวอร์ที่ถูกตั้งค่าล่วงหน้าให้มีปัญหาเฉพาะ 💠 ต้องเข้าไปแก้ไขผ่าน terminal ที่เปิดได้จากเว็บเบราว์เซอร์ 💠 มีโจทย์ให้เลือกหลายระดับ: ง่าย, ปานกลาง, ยาก 💠 มี 3 ประเภทโจทย์: - Fix: แก้ปัญหาเซิร์ฟเวอร์ให้กลับมาทำงานได้ - Hack: ทดสอบความปลอดภัยของระบบ - Do: ทำงานตามคำสั่งใน command line 💠 ระบบจะตรวจคำตอบโดยอัตโนมัติเมื่อส่งงาน 💠 มีโจทย์ฟรีให้เล่นโดยไม่ต้องสมัครสมาชิก เช่น การหาว่าโปรแกรมใดกำลังเขียน log file แล้วหยุดมัน ✅ จุดเด่นของ SadServers ➡️ ฝึกทักษะ Linux และ DevOps ผ่านสถานการณ์จริง ➡️ ไม่ต้องติดตั้งเครื่องมือหรือเซิร์ฟเวอร์เอง ➡️ มีระบบตรวจคำตอบอัตโนมัติ ➡️ รองรับการใช้งานผ่านเบราว์เซอร์ ➡️ มีโจทย์ฟรีให้ทดลองก่อนสมัคร ✅ สิทธิพิเศษในเวอร์ชัน Pro ➡️ เข้าถึงโจทย์ทั้งหมด ➡️ เวลาทำโจทย์นานขึ้น ➡️ ลองทำซ้ำได้ไม่จำกัด ➡️ เข้าถึง VM ผ่าน SSH โดยตรง ➡️ มีระบบบันทึกคำสั่งและหน้าแสดงความสำเร็จ ✅ เบื้องหลังการพัฒนา ➡️ สร้างโดย Fernando ผู้เชี่ยวชาญด้าน DevOps ➡️ เน้นการใช้งานจริงมากกว่าความสวยงามของเว็บไซต์ ➡️ เหมาะสำหรับผู้ที่เบื่อทฤษฎีและต้องการฝึกแบบลงมือจริง https://news.itsfoss.com/sadservers/
    NEWS.ITSFOSS.COM
    What LeetCode? I Found This Platform to Practice Linux Troubleshooting Skills
    Move over theory and practice your Linux and DevOps skills by solving various challenges on this innovative platform. A good way to prepare for job interviews.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 134 มุมมอง 0 รีวิว
  • YouTube ลบวิดีโอกว่า 3,000 รายการที่ปลอมเป็นสูตรโกงเกม – พบใช้แพร่กระจายมัลแวร์ Lumma และ RedLine

    YouTube ได้ลบวิดีโอกว่า 3,000 รายการที่ถูกใช้เป็นเครื่องมือในการแพร่กระจายมัลแวร์ โดยวิดีโอเหล่านี้ปลอมตัวเป็น “สูตรโกงเกม” หรือ “โปรแกรมเถื่อน” เช่น Adobe Photoshop และ FL Studio เพื่อหลอกให้ผู้ชมดาวน์โหลดไฟล์อันตราย

    แคมเปญนี้ถูกเรียกว่า “YouTube Ghost Network” โดยนักวิจัยจาก Check Point Research พบว่าเป็นการโจมตีแบบประสานงานที่ซับซ้อน ซึ่งเริ่มต้นตั้งแต่ปี 2021 และเพิ่มจำนวนวิดีโออย่างรวดเร็วในปี 2025 โดยใช้เทคนิคสร้าง engagement ปลอม เช่น ไลก์ คอมเมนต์ และการสมัครสมาชิก เพื่อให้วิดีโอดูน่าเชื่อถือ

    มัลแวร์ที่พบในแคมเปญนี้ ได้แก่ Lumma Stealer, Rhadamanthys และ RedLine ซึ่งสามารถขโมยข้อมูลส่วนตัว เช่น รหัสผ่าน คุกกี้ และข้อมูลการเข้าสู่ระบบต่าง ๆ

    รายละเอียดแคมเปญ YouTube Ghost Network
    วิดีโอปลอมเป็นสูตรโกงเกมและโปรแกรมเถื่อน
    หลอกให้ผู้ใช้ดาวน์โหลดไฟล์มัลแวร์
    ใช้ engagement ปลอมเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ
    เริ่มต้นตั้งแต่ปี 2021 และเพิ่มขึ้นในปี 2025

    มัลแวร์ที่เกี่ยวข้อง
    Lumma Stealer – ขโมยรหัสผ่านและข้อมูลเข้าสู่ระบบ
    Rhadamanthys – มัลแวร์ระดับสูงสำหรับการสอดแนม
    RedLine – ขโมยข้อมูลจากเบราว์เซอร์และแอปต่าง ๆ

    เทคนิคการหลอกลวง
    ใช้ชื่อวิดีโอและคำอธิบายที่ดูน่าเชื่อถือ
    สร้างคอมเมนต์และไลก์ปลอมเพื่อหลอกผู้ใช้
    ใช้หลายบัญชีในการสร้างและโปรโมตวิดีโอ

    https://www.techradar.com/pro/security/thousands-of-youtube-videos-disguised-as-cheat-codes-removed-for-spreading-malware
    🎮 YouTube ลบวิดีโอกว่า 3,000 รายการที่ปลอมเป็นสูตรโกงเกม – พบใช้แพร่กระจายมัลแวร์ Lumma และ RedLine YouTube ได้ลบวิดีโอกว่า 3,000 รายการที่ถูกใช้เป็นเครื่องมือในการแพร่กระจายมัลแวร์ โดยวิดีโอเหล่านี้ปลอมตัวเป็น “สูตรโกงเกม” หรือ “โปรแกรมเถื่อน” เช่น Adobe Photoshop และ FL Studio เพื่อหลอกให้ผู้ชมดาวน์โหลดไฟล์อันตราย แคมเปญนี้ถูกเรียกว่า “YouTube Ghost Network” โดยนักวิจัยจาก Check Point Research พบว่าเป็นการโจมตีแบบประสานงานที่ซับซ้อน ซึ่งเริ่มต้นตั้งแต่ปี 2021 และเพิ่มจำนวนวิดีโออย่างรวดเร็วในปี 2025 โดยใช้เทคนิคสร้าง engagement ปลอม เช่น ไลก์ คอมเมนต์ และการสมัครสมาชิก เพื่อให้วิดีโอดูน่าเชื่อถือ มัลแวร์ที่พบในแคมเปญนี้ ได้แก่ Lumma Stealer, Rhadamanthys และ RedLine ซึ่งสามารถขโมยข้อมูลส่วนตัว เช่น รหัสผ่าน คุกกี้ และข้อมูลการเข้าสู่ระบบต่าง ๆ ✅ รายละเอียดแคมเปญ YouTube Ghost Network ➡️ วิดีโอปลอมเป็นสูตรโกงเกมและโปรแกรมเถื่อน ➡️ หลอกให้ผู้ใช้ดาวน์โหลดไฟล์มัลแวร์ ➡️ ใช้ engagement ปลอมเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ ➡️ เริ่มต้นตั้งแต่ปี 2021 และเพิ่มขึ้นในปี 2025 ✅ มัลแวร์ที่เกี่ยวข้อง ➡️ Lumma Stealer – ขโมยรหัสผ่านและข้อมูลเข้าสู่ระบบ ➡️ Rhadamanthys – มัลแวร์ระดับสูงสำหรับการสอดแนม ➡️ RedLine – ขโมยข้อมูลจากเบราว์เซอร์และแอปต่าง ๆ ✅ เทคนิคการหลอกลวง ➡️ ใช้ชื่อวิดีโอและคำอธิบายที่ดูน่าเชื่อถือ ➡️ สร้างคอมเมนต์และไลก์ปลอมเพื่อหลอกผู้ใช้ ➡️ ใช้หลายบัญชีในการสร้างและโปรโมตวิดีโอ https://www.techradar.com/pro/security/thousands-of-youtube-videos-disguised-as-cheat-codes-removed-for-spreading-malware
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 220 มุมมอง 0 รีวิว
  • Sondhitalk EP316 : ยิวยึดพะงัน - 241068 (Full)

    “มาร์ค อภิสิทธิ์” ยาหมดอายุ
    ยิว ยึด พะงัน
    สปสช. นายหน้าค้าสุขภาพ
    โลกล้อมกัมพูชา

    สมัครสมาชิก membership ความจริงมีหนึ่งเดียว ช่อง SONDHITALK บน YouTube : / @sondhitalk
    • ติดต่อสอบถามได้ที่ Line : @sondhitalk

    https://www.youtube.com/watch?v=Mitj4R_mG6M
    Sondhitalk EP316 : ยิวยึดพะงัน - 241068 (Full) • “มาร์ค อภิสิทธิ์” ยาหมดอายุ ยิว ยึด พะงัน สปสช. นายหน้าค้าสุขภาพ โลกล้อมกัมพูชา • สมัครสมาชิก membership ความจริงมีหนึ่งเดียว ช่อง SONDHITALK บน YouTube : / @sondhitalk • ติดต่อสอบถามได้ที่ Line : @sondhitalk • https://www.youtube.com/watch?v=Mitj4R_mG6M
    Like
    Love
    8
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 1049 มุมมอง 0 รีวิว
  • SONDHITALK : ผู้เฒ่าเล่าเรื่อง Ep316 (live)
    จากปายสู่พะงัน เกาะพะงัน กำลังจะถูกยึดโดยชาวยิว ใช้นอมินีฮุบธุรกิจ สร้างชุมชน
    เกิดอะไรขึ้นต้องติดตาม

    สมัครสมาชิก membership ความจริงมีหนึ่งเดียว ช่อง SONDHITALK บน YouTube : / @sondhitalk
    • ติดต่อสอบถามได้ที่ Line : @sondhitalk

    https://www.youtube.com/watch?v=jRQqf-8F7Ts
    🔴 SONDHITALK : ผู้เฒ่าเล่าเรื่อง Ep316 (live) จากปายสู่พะงัน เกาะพะงัน กำลังจะถูกยึดโดยชาวยิว ใช้นอมินีฮุบธุรกิจ สร้างชุมชน เกิดอะไรขึ้นต้องติดตาม • สมัครสมาชิก membership ความจริงมีหนึ่งเดียว ช่อง SONDHITALK บน YouTube : / @sondhitalk • ติดต่อสอบถามได้ที่ Line : @sondhitalk • https://www.youtube.com/watch?v=jRQqf-8F7Ts
    Like
    Love
    Angry
    12
    7 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1048 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Atari รีบูต Intellivision Sprint — ฉลองครบรอบ 45 ปีด้วยดีไซน์คลาสสิกและเกมในตำนาน 45 เกม” — เมื่อคู่แข่งเก่าอย่าง Atari กลายเป็นผู้สืบทอดเครื่องเกมยุค 80 ที่หลายคนยังคิดถึง

    Atari ประกาศเปิดตัว “Intellivision Sprint” เครื่องเกมพกพารุ่นใหม่ที่ออกแบบมาเพื่อฉลองครบรอบ 45 ปีของ Intellivision ซึ่งเดิมเป็นเครื่องเกมของ Mattel ที่เปิดตัวในปี 1980 และเคยเป็นคู่แข่งสำคัญของ Atari 2600 ในยุคแรกของสงครามคอนโซล

    Intellivision Sprint ผลิตโดย Atari ร่วมกับ Plaion และมาพร้อมดีไซน์ที่ยังคงเอกลักษณ์เดิมไว้ เช่น ตัวเครื่องสีดำ-ทอง พร้อมลายไม้ และคอนโทรลเลอร์ทรงโทรศัพท์แบบยุค 80 แต่ปรับให้เป็นแบบไร้สายและสามารถชาร์จในตัวเครื่องได้

    เครื่องนี้มาพร้อมเกมคลาสสิก 45 เกมในตัว เช่น:
    Tron Maze-A-Tron
    B-17 Bomber
    Utopia
    Sea Battle
    Baseball, Soccer, Tennis
    Boulder Dash และอีกมากมาย

    ยังมีพอร์ต HDMI และ USB สำหรับเพิ่มเกมผ่านแฟลชไดรฟ์ และอินเทอร์เฟซที่ออกแบบมาให้ใช้งานง่าย โดยไม่ต้องเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตหรือสมัครสมาชิกใด ๆ

    Intellivision Sprint เปิดให้พรีออเดอร์ตั้งแต่ 17 ตุลาคม 2025 และจะวางขายในสหรัฐฯ และออสเตรเลียวันที่ 5 ธันวาคม ส่วนยุโรปจะตามมาในวันที่ 23 ธันวาคม โดยตั้งราคาที่ $150 หรือ £100

    Atari เปิดตัว Intellivision Sprint ฉลองครบรอบ 45 ปีของ Intellivision
    เดิมเป็นเครื่องเกมของ Mattel ที่เปิดตัวในปี 1980

    ดีไซน์ยังคงเอกลักษณ์เดิม เช่น สีดำ-ทอง ลายไม้ และคอนโทรลเลอร์ทรงโทรศัพท์
    ปรับให้เป็นแบบไร้สายและชาร์จในตัวเครื่องได้

    มาพร้อมเกมคลาสสิก 45 เกมในตัว
    เช่น Tron Maze-A-Tron, B-17 Bomber, Utopia, Sea Battle, Boulder Dash

    มีพอร์ต HDMI และ USB สำหรับเพิ่มเกม
    ใช้งานง่าย ไม่ต้องเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต

    เปิดพรีออเดอร์ 17 ตุลาคม 2025
    วางขาย 5 ธันวาคมในสหรัฐฯ/ออสเตรเลีย และ 23 ธันวาคมในยุโรป

    ราคาตั้งไว้ที่ $150 หรือ £100
    ถือว่าเข้าถึงได้สำหรับแฟนเกมย้อนยุค

    https://www.techradar.com/gaming/consoles-pc/mattels-intellivision-was-my-first-ever-console-in-1981-and-im-so-tempted-to-buy-ataris-reboot-this-holiday-season
    🕹️ “Atari รีบูต Intellivision Sprint — ฉลองครบรอบ 45 ปีด้วยดีไซน์คลาสสิกและเกมในตำนาน 45 เกม” — เมื่อคู่แข่งเก่าอย่าง Atari กลายเป็นผู้สืบทอดเครื่องเกมยุค 80 ที่หลายคนยังคิดถึง Atari ประกาศเปิดตัว “Intellivision Sprint” เครื่องเกมพกพารุ่นใหม่ที่ออกแบบมาเพื่อฉลองครบรอบ 45 ปีของ Intellivision ซึ่งเดิมเป็นเครื่องเกมของ Mattel ที่เปิดตัวในปี 1980 และเคยเป็นคู่แข่งสำคัญของ Atari 2600 ในยุคแรกของสงครามคอนโซล Intellivision Sprint ผลิตโดย Atari ร่วมกับ Plaion และมาพร้อมดีไซน์ที่ยังคงเอกลักษณ์เดิมไว้ เช่น ตัวเครื่องสีดำ-ทอง พร้อมลายไม้ และคอนโทรลเลอร์ทรงโทรศัพท์แบบยุค 80 แต่ปรับให้เป็นแบบไร้สายและสามารถชาร์จในตัวเครื่องได้ เครื่องนี้มาพร้อมเกมคลาสสิก 45 เกมในตัว เช่น: 👾 Tron Maze-A-Tron 👾 B-17 Bomber 👾 Utopia 👾 Sea Battle 👾 Baseball, Soccer, Tennis 👾 Boulder Dash และอีกมากมาย ยังมีพอร์ต HDMI และ USB สำหรับเพิ่มเกมผ่านแฟลชไดรฟ์ และอินเทอร์เฟซที่ออกแบบมาให้ใช้งานง่าย โดยไม่ต้องเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตหรือสมัครสมาชิกใด ๆ Intellivision Sprint เปิดให้พรีออเดอร์ตั้งแต่ 17 ตุลาคม 2025 และจะวางขายในสหรัฐฯ และออสเตรเลียวันที่ 5 ธันวาคม ส่วนยุโรปจะตามมาในวันที่ 23 ธันวาคม โดยตั้งราคาที่ $150 หรือ £100 ✅ Atari เปิดตัว Intellivision Sprint ฉลองครบรอบ 45 ปีของ Intellivision ➡️ เดิมเป็นเครื่องเกมของ Mattel ที่เปิดตัวในปี 1980 ✅ ดีไซน์ยังคงเอกลักษณ์เดิม เช่น สีดำ-ทอง ลายไม้ และคอนโทรลเลอร์ทรงโทรศัพท์ ➡️ ปรับให้เป็นแบบไร้สายและชาร์จในตัวเครื่องได้ ✅ มาพร้อมเกมคลาสสิก 45 เกมในตัว ➡️ เช่น Tron Maze-A-Tron, B-17 Bomber, Utopia, Sea Battle, Boulder Dash ✅ มีพอร์ต HDMI และ USB สำหรับเพิ่มเกม ➡️ ใช้งานง่าย ไม่ต้องเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต ✅ เปิดพรีออเดอร์ 17 ตุลาคม 2025 ➡️ วางขาย 5 ธันวาคมในสหรัฐฯ/ออสเตรเลีย และ 23 ธันวาคมในยุโรป ✅ ราคาตั้งไว้ที่ $150 หรือ £100 ➡️ ถือว่าเข้าถึงได้สำหรับแฟนเกมย้อนยุค https://www.techradar.com/gaming/consoles-pc/mattels-intellivision-was-my-first-ever-console-in-1981-and-im-so-tempted-to-buy-ataris-reboot-this-holiday-season
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 275 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Microsoft Publisher จะสิ้นสุดการสนับสนุนในเดือนตุลาคม 2026 — ปิดตำนานเครื่องมือออกแบบยุค 90” — เมื่อแอปสร้างใบปลิวและจดหมายข่าวที่เคยอยู่ในทุกบ้านกำลังจะอำลาอย่างถาวร

    Microsoft ประกาศว่าจะยุติการสนับสนุนแอป Publisher อย่างเป็นทางการในเดือนตุลาคม 2026 ซึ่งตรงกับวันหมดอายุของ Office LTSC 2021 โดยหลังจากวันนั้น Publisher จะถูกถอดออกจาก Microsoft 365 และไม่สามารถติดตั้งหรือเปิดไฟล์ .pub ได้อีกต่อไปในเวอร์ชันใหม่

    Publisher เปิดตัวครั้งแรกในปี 1991 เพื่อให้ผู้ใช้ทั่วไปสามารถออกแบบสิ่งพิมพ์ เช่น ใบปลิว, โบรชัวร์, จดหมายข่าว โดยไม่ต้องใช้โปรแกรมระดับมืออาชีพอย่าง QuarkXPress หรือ Adobe InDesign ด้วยราคาที่เข้าถึงได้และการใช้งานง่าย ทำให้ Publisher กลายเป็นเครื่องมือยอดนิยมในโรงเรียน, ธุรกิจขนาดเล็ก และผู้ใช้ตามบ้าน

    แม้จะไม่เคยครองใจนักออกแบบมืออาชีพ แต่ Publisher ก็มีบทบาทสำคัญในการ “ประชาธิปไตยด้านการออกแบบ” โดยเปิดโอกาสให้ทุกคนสามารถสร้างสื่อสิ่งพิมพ์ได้ด้วยตัวเอง

    หลังจากการยุติการสนับสนุน Microsoft แนะนำให้ผู้ใช้แปลงไฟล์ .pub เป็น PDF เพื่อเก็บไว้ดู และหากต้องการแก้ไข ให้เปิด PDF ใน Word — แม้ว่าการจัดวางอาจเพี้ยน โดยเฉพาะไฟล์ที่มีกราฟิกจำนวนมาก

    สำหรับผู้ใช้ที่ต้องการทางเลือกใหม่ Microsoft แนะนำให้ใช้ Word, PowerPoint หรือแอป Designer แทน ส่วนทางเลือกจากภายนอกก็มีเช่น:

    Canva — ใช้งานง่าย มีเทมเพลตหลากหลาย แต่ฟีเจอร์เต็มต้องสมัครสมาชิก
    LibreOffice Draw — ฟรีและโอเพ่นซอร์ส รองรับไฟล์ .pub ได้พอสมควร
    Affinity Publisher 2 — ซื้อครั้งเดียว ไม่มีรายเดือน เหมาะกับผู้ใช้จริงจัง

    Microsoft Publisher จะสิ้นสุดการสนับสนุนในเดือนตุลาคม 2026
    ตรงกับวันหมดอายุของ Office LTSC 2021

    Publisher จะถูกถอดออกจาก Microsoft 365
    ไม่สามารถติดตั้งหรือเปิดไฟล์ .pub ได้อีก

    Publisher เปิดตัวในปี 1991 และรวมอยู่ใน Office ตั้งแต่เวอร์ชัน 97
    เคยเป็นเครื่องมือออกแบบยอดนิยมสำหรับผู้ใช้ทั่วไป

    Microsoft แนะนำให้แปลงไฟล์ .pub เป็น PDF เพื่อเก็บไว้ดู
    และเปิด PDF ใน Word หากต้องการแก้ไข

    ทางเลือกใหม่จาก Microsoft ได้แก่ Word, PowerPoint และ Designer
    ใช้แทน Publisher สำหรับงานออกแบบทั่วไป

    ทางเลือกจากภายนอก ได้แก่ Canva, LibreOffice Draw, Affinity Publisher 2
    มีทั้งแบบฟรีและเสียเงินตามระดับความสามารถ

    https://www.slashgear.com/2001386/microsoft-ending-publisher-in-october-2026/
    📄 “Microsoft Publisher จะสิ้นสุดการสนับสนุนในเดือนตุลาคม 2026 — ปิดตำนานเครื่องมือออกแบบยุค 90” — เมื่อแอปสร้างใบปลิวและจดหมายข่าวที่เคยอยู่ในทุกบ้านกำลังจะอำลาอย่างถาวร Microsoft ประกาศว่าจะยุติการสนับสนุนแอป Publisher อย่างเป็นทางการในเดือนตุลาคม 2026 ซึ่งตรงกับวันหมดอายุของ Office LTSC 2021 โดยหลังจากวันนั้น Publisher จะถูกถอดออกจาก Microsoft 365 และไม่สามารถติดตั้งหรือเปิดไฟล์ .pub ได้อีกต่อไปในเวอร์ชันใหม่ Publisher เปิดตัวครั้งแรกในปี 1991 เพื่อให้ผู้ใช้ทั่วไปสามารถออกแบบสิ่งพิมพ์ เช่น ใบปลิว, โบรชัวร์, จดหมายข่าว โดยไม่ต้องใช้โปรแกรมระดับมืออาชีพอย่าง QuarkXPress หรือ Adobe InDesign ด้วยราคาที่เข้าถึงได้และการใช้งานง่าย ทำให้ Publisher กลายเป็นเครื่องมือยอดนิยมในโรงเรียน, ธุรกิจขนาดเล็ก และผู้ใช้ตามบ้าน แม้จะไม่เคยครองใจนักออกแบบมืออาชีพ แต่ Publisher ก็มีบทบาทสำคัญในการ “ประชาธิปไตยด้านการออกแบบ” โดยเปิดโอกาสให้ทุกคนสามารถสร้างสื่อสิ่งพิมพ์ได้ด้วยตัวเอง หลังจากการยุติการสนับสนุน Microsoft แนะนำให้ผู้ใช้แปลงไฟล์ .pub เป็น PDF เพื่อเก็บไว้ดู และหากต้องการแก้ไข ให้เปิด PDF ใน Word — แม้ว่าการจัดวางอาจเพี้ยน โดยเฉพาะไฟล์ที่มีกราฟิกจำนวนมาก สำหรับผู้ใช้ที่ต้องการทางเลือกใหม่ Microsoft แนะนำให้ใช้ Word, PowerPoint หรือแอป Designer แทน ส่วนทางเลือกจากภายนอกก็มีเช่น: 📐 Canva — ใช้งานง่าย มีเทมเพลตหลากหลาย แต่ฟีเจอร์เต็มต้องสมัครสมาชิก 📐 LibreOffice Draw — ฟรีและโอเพ่นซอร์ส รองรับไฟล์ .pub ได้พอสมควร 📐 Affinity Publisher 2 — ซื้อครั้งเดียว ไม่มีรายเดือน เหมาะกับผู้ใช้จริงจัง ✅ Microsoft Publisher จะสิ้นสุดการสนับสนุนในเดือนตุลาคม 2026 ➡️ ตรงกับวันหมดอายุของ Office LTSC 2021 ✅ Publisher จะถูกถอดออกจาก Microsoft 365 ➡️ ไม่สามารถติดตั้งหรือเปิดไฟล์ .pub ได้อีก ✅ Publisher เปิดตัวในปี 1991 และรวมอยู่ใน Office ตั้งแต่เวอร์ชัน 97 ➡️ เคยเป็นเครื่องมือออกแบบยอดนิยมสำหรับผู้ใช้ทั่วไป ✅ Microsoft แนะนำให้แปลงไฟล์ .pub เป็น PDF เพื่อเก็บไว้ดู ➡️ และเปิด PDF ใน Word หากต้องการแก้ไข ✅ ทางเลือกใหม่จาก Microsoft ได้แก่ Word, PowerPoint และ Designer ➡️ ใช้แทน Publisher สำหรับงานออกแบบทั่วไป ✅ ทางเลือกจากภายนอก ได้แก่ Canva, LibreOffice Draw, Affinity Publisher 2 ➡️ มีทั้งแบบฟรีและเสียเงินตามระดับความสามารถ https://www.slashgear.com/2001386/microsoft-ending-publisher-in-october-2026/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    Microsoft Will Be Ending Support For This Popular Software In October 2026 - SlashGear
    Microsoft Publisher will reach end-of-support in October 2026 -- Microsoft will drop updates and remove it from Microsoft 365 apps.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 286 มุมมอง 0 รีวิว
  • “XTU J9 Plus กล้องกริ่งไร้สายสุดคุ้ม — ปลอดค่ารายเดือน พร้อมฟีเจอร์จัดเต็ม”

    XTU เปิดตัวกล้องกริ่งไร้สายรุ่น J9 Plus พร้อมระบบ Chime ที่มาพร้อมสโลแกน “Smarter Security, Zero Fees” โดยเน้นจุดขายคือการใช้งานแบบไม่มีค่าบริการรายเดือน ซึ่งแตกต่างจากแบรนด์ใหญ่ที่มักล็อกฟีเจอร์สำคัญไว้หลัง paywall

    กล้องรุ่นนี้รองรับการบันทึกวิดีโอแบบ local storage สูงสุด 128GB และมี cloud storage แบบจำกัด 6 วินาที โดยไม่ต้องสมัครสมาชิกใด ๆ ทั้งสิ้น

    ด้านฟีเจอร์ กล้องมาพร้อม:

    มุมมองกว้าง 180 องศาแบบ head-to-toe
    ระบบตรวจจับความเคลื่อนไหวแบบตั้งค่าโซนได้ ลด false alert จากสัตว์เลี้ยง
    วิดีโอความละเอียด 2K พร้อม night vision
    ระบบเสียงสองทางและ quick response ด้วยข้อความ preset
    กันน้ำระดับ IP66 ใช้งานกลางแจ้งได้สบาย
    ใช้แบตเตอรี่แบบชาร์จได้ ไม่ต้องเดินสายไฟ
    รองรับ Google Assistant และ Alexa

    XTU J9 Plus วางจำหน่ายผ่าน Amazon ในราคาพิเศษ $49.99 (ลดจาก $69.99) ตั้งแต่วันที่ 16–29 ตุลาคม 2025 พร้อมจัดส่งฟรี

    XTU J9 Plus เป็นกล้องกริ่งไร้สายพร้อมระบบ Chime
    ใช้งานได้โดยไม่ต้องจ่ายค่าบริการรายเดือน

    รองรับ local storage สูงสุด 128GB และ cloud storage 6 วินาที
    ไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม

    มุมมองกว้าง 180 องศาแบบเต็มตัว
    เห็นทั้งคนและพัสดุที่วางหน้าประตู

    ระบบตรวจจับความเคลื่อนไหวแบบตั้งค่าโซน
    ลดการแจ้งเตือนผิดพลาดจากสัตว์หรือสิ่งรบกวน

    วิดีโอความละเอียด 2K พร้อม night vision
    มองเห็นชัดแม้ในเวลากลางคืน

    ระบบเสียงสองทางและ quick response
    สื่อสารกับผู้มาเยือนได้ทันที

    กันน้ำระดับ IP66 และใช้แบตเตอรี่แบบชาร์จได้
    ติดตั้งง่าย ไม่ต้องเดินสายไฟ

    รองรับ Google Assistant และ Alexa
    เชื่อมต่อกับระบบบ้านอัจฉริยะได้ทันที

    วางจำหน่ายในราคา $49.99 บน Amazon
    โปรโมชั่นถึงวันที่ 29 ตุลาคม 2025

    Cloud storage มีความจุจำกัดเพียง 6 วินาที
    อาจไม่เพียงพอสำหรับการเก็บหลักฐานในเหตุการณ์สำคัญ

    ต้องใช้แบตเตอรี่แบบชาร์จใหม่
    หากลืมชาร์จอาจทำให้กล้องหยุดทำงานชั่วคราว

    การตั้งค่าโซนตรวจจับต้องปรับให้เหมาะกับบ้านแต่ละหลัง
    หากตั้งไม่ดีอาจยังมี false alert อยู่

    ไม่รองรับการบันทึกต่อเนื่องแบบ cloud เหมือนบางแบรนด์
    ผู้ใช้ที่ต้องการระบบ cloud เต็มรูปแบบอาจไม่เหมาะ

    https://www.slashgear.com/sponsored/1999695/xtu-doorbell-camera-zero-fees-smarter-security/
    🔔 “XTU J9 Plus กล้องกริ่งไร้สายสุดคุ้ม — ปลอดค่ารายเดือน พร้อมฟีเจอร์จัดเต็ม” XTU เปิดตัวกล้องกริ่งไร้สายรุ่น J9 Plus พร้อมระบบ Chime ที่มาพร้อมสโลแกน “Smarter Security, Zero Fees” โดยเน้นจุดขายคือการใช้งานแบบไม่มีค่าบริการรายเดือน ซึ่งแตกต่างจากแบรนด์ใหญ่ที่มักล็อกฟีเจอร์สำคัญไว้หลัง paywall กล้องรุ่นนี้รองรับการบันทึกวิดีโอแบบ local storage สูงสุด 128GB และมี cloud storage แบบจำกัด 6 วินาที โดยไม่ต้องสมัครสมาชิกใด ๆ ทั้งสิ้น ด้านฟีเจอร์ กล้องมาพร้อม: 🔔 มุมมองกว้าง 180 องศาแบบ head-to-toe 🔔 ระบบตรวจจับความเคลื่อนไหวแบบตั้งค่าโซนได้ ลด false alert จากสัตว์เลี้ยง 🔔 วิดีโอความละเอียด 2K พร้อม night vision 🔔 ระบบเสียงสองทางและ quick response ด้วยข้อความ preset 🔔 กันน้ำระดับ IP66 ใช้งานกลางแจ้งได้สบาย 🔔 ใช้แบตเตอรี่แบบชาร์จได้ ไม่ต้องเดินสายไฟ 🔔 รองรับ Google Assistant และ Alexa XTU J9 Plus วางจำหน่ายผ่าน Amazon ในราคาพิเศษ $49.99 (ลดจาก $69.99) ตั้งแต่วันที่ 16–29 ตุลาคม 2025 พร้อมจัดส่งฟรี ✅ XTU J9 Plus เป็นกล้องกริ่งไร้สายพร้อมระบบ Chime ➡️ ใช้งานได้โดยไม่ต้องจ่ายค่าบริการรายเดือน ✅ รองรับ local storage สูงสุด 128GB และ cloud storage 6 วินาที ➡️ ไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ✅ มุมมองกว้าง 180 องศาแบบเต็มตัว ➡️ เห็นทั้งคนและพัสดุที่วางหน้าประตู ✅ ระบบตรวจจับความเคลื่อนไหวแบบตั้งค่าโซน ➡️ ลดการแจ้งเตือนผิดพลาดจากสัตว์หรือสิ่งรบกวน ✅ วิดีโอความละเอียด 2K พร้อม night vision ➡️ มองเห็นชัดแม้ในเวลากลางคืน ✅ ระบบเสียงสองทางและ quick response ➡️ สื่อสารกับผู้มาเยือนได้ทันที ✅ กันน้ำระดับ IP66 และใช้แบตเตอรี่แบบชาร์จได้ ➡️ ติดตั้งง่าย ไม่ต้องเดินสายไฟ ✅ รองรับ Google Assistant และ Alexa ➡️ เชื่อมต่อกับระบบบ้านอัจฉริยะได้ทันที ✅ วางจำหน่ายในราคา $49.99 บน Amazon ➡️ โปรโมชั่นถึงวันที่ 29 ตุลาคม 2025 ‼️ Cloud storage มีความจุจำกัดเพียง 6 วินาที ⛔ อาจไม่เพียงพอสำหรับการเก็บหลักฐานในเหตุการณ์สำคัญ ‼️ ต้องใช้แบตเตอรี่แบบชาร์จใหม่ ⛔ หากลืมชาร์จอาจทำให้กล้องหยุดทำงานชั่วคราว ‼️ การตั้งค่าโซนตรวจจับต้องปรับให้เหมาะกับบ้านแต่ละหลัง ⛔ หากตั้งไม่ดีอาจยังมี false alert อยู่ ‼️ ไม่รองรับการบันทึกต่อเนื่องแบบ cloud เหมือนบางแบรนด์ ⛔ ผู้ใช้ที่ต้องการระบบ cloud เต็มรูปแบบอาจไม่เหมาะ https://www.slashgear.com/sponsored/1999695/xtu-doorbell-camera-zero-fees-smarter-security/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    Discover Smarter Security And Zero Fees With This Video Doorbell Camera - SlashGear
    If you've been shopping around for a wireless video doorbell with no strings or fees attached, look no further than the XTU J9 Plus with a full view and chime.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 344 มุมมอง 0 รีวิว
  • MOU43-44 END GAME Ep315(live)

    SONDHITALK : ผู้เฒ่าเล่าเรื่อง Ep315 (live)
    มหากาพย์ MOU43-44 จุดเริ่มต้นของการเสียดินแดนไทย ใครเป็นคนเริ่ม ใครได้-ใครเสีย ต้องติดตาม

    สมัครสมาชิก membership ความจริงมีหนึ่งเดียว ช่อง SONDHITALK บน YouTube : https://www.youtube.com/@sondhitalk/join
    • ติดต่อสอบถามได้ที่ Line : @sondhitalk

    คลิก https://www.youtube.com/watch?v=l1-898FrpWw
    MOU43-44 END GAME Ep315(live) • SONDHITALK : ผู้เฒ่าเล่าเรื่อง Ep315 (live) มหากาพย์ MOU43-44 จุดเริ่มต้นของการเสียดินแดนไทย ใครเป็นคนเริ่ม ใครได้-ใครเสีย ต้องติดตาม • สมัครสมาชิก membership ความจริงมีหนึ่งเดียว ช่อง SONDHITALK บน YouTube : https://www.youtube.com/@sondhitalk/join • ติดต่อสอบถามได้ที่ Line : @sondhitalk • คลิก https://www.youtube.com/watch?v=l1-898FrpWw
    Like
    Love
    Angry
    15
    12 ความคิดเห็น 4 การแบ่งปัน 1310 มุมมอง 1 รีวิว
  • “Pebble กลับมาอีกครั้ง! เปิดตัว Appstore ใหม่ พร้อมนาฬิการุ่นล่าสุดและเครื่องมือพัฒนาอัจฉริยะ”

    ลองจินตนาการว่าแบรนด์นาฬิกาอัจฉริยะที่เคยเป็นขวัญใจนักพัฒนาเมื่อสิบปีก่อน กลับมาอีกครั้งในปี 2025 พร้อมกับการเปิดตัว Pebble Appstore ใหม่ที่เต็มไปด้วยแอปเก่าและใหม่จากชุมชนผู้พัฒนา และนาฬิการุ่นล่าสุด Pebble 2 Duo และ Pebble Time 2 ที่มาพร้อมฟีเจอร์ใหม่และการสนับสนุนจาก Rebble กลุ่มผู้รักษาไฟ Pebble ให้ลุกโชนต่อเนื่องตลอดเกือบสิบปีที่ผ่านมา

    Eric Migicovsky ผู้ก่อตั้ง Pebble ได้ประกาศข่าวดีนี้ผ่านบล็อกส่วนตัว โดยเล่าถึงความคืบหน้าในการผลิตนาฬิการุ่นใหม่ การพัฒนา Appstore และเครื่องมือสำหรับนักพัฒนา รวมถึงความร่วมมือกับ Rebble ที่ช่วยให้ PebbleOS กลับมาโลดแล่นอีกครั้งในโลกโอเพนซอร์ส

    นอกจากนั้นยังมีการเปิดตัว SDK ที่อัปเดตใหม่ รองรับ Python 3 และ Cloud IDE ที่ให้คุณสร้างแอปได้ในเบราว์เซอร์ภายใน 2 นาที พร้อมฟีเจอร์ AI ที่ช่วยสร้างแอปอัตโนมัติ และแผนการพัฒนา SDK ที่จะรองรับเซ็นเซอร์ใหม่ๆ เช่น บารอมิเตอร์ ทัชสกรีน และลำโพง

    แม้จะมีความล่าช้าในการผลิตและข้อจำกัดบางประการ เช่น แอปเก่าบางตัวอาจไม่ทำงานได้เต็มที่ แต่ชุมชนผู้ใช้และนักพัฒนาก็ยังคงตื่นเต้นและพร้อมกลับมาสร้างสิ่งใหม่ๆ บนแพลตฟอร์มนี้อีกครั้ง

    สรุปเนื้อหาจากข่าว
    การกลับมาของ Pebble Appstore
    เปิดตัวใหม่บนเว็บไซต์ apps.rePebble.com
    รวมแอปเก่าและใหม่กว่า 2,000 แอป และ 10,000 หน้าปัดนาฬิกา
    เพิ่มฟีเจอร์แนะนำแอปคล้ายกัน และแชร์ลิงก์ผ่านโซเชียล

    ความร่วมมือกับ Rebble
    Rebble เป็นพันธมิตรหลักในการเปิด Appstore ใหม่
    ให้บริการ backend และ dev portal โดยไม่ต้องสมัครสมาชิก
    Core Devices สนับสนุนเงินทุนให้ Rebble โดยตรง

    การผลิตนาฬิการุ่นใหม่
    Pebble 2 Duo สีขาวผลิตแล้ว 2,960 เรือนในเดือนกันยายน
    Pebble Time 2 อยู่ในขั้นตอน DVT และคาดว่าจะผลิตจริงปลายธันวาคม
    รองรับการขยายหน้าจอแอปเก่าให้เต็มจอ PT2

    เครื่องมือสำหรับนักพัฒนา
    SDK อัปเดตจาก Python 2 เป็น Python 3
    Cloud IDE สร้างแอปในเบราว์เซอร์ได้ภายใน 2 นาที
    รองรับการสร้างแอปด้วย AI ผ่านคำสั่ง pebble new-project --ai
    รองรับการทดสอบบน emulator รุ่นใหม่
    แผนพัฒนา SDK รวมถึง API ใหม่และ JS SDK จาก Moddable

    ความเห็นจากชุมชน
    นักพัฒนาเก่ากลับมาสร้างแอปใหม่อีกครั้ง
    ผู้ใช้ตื่นเต้นกับการกลับมาของ Pebble และการสนับสนุนจาก Rebble
    มีข้อเสนอแนะให้เพิ่มระบบตรวจสอบแอปที่ยังใช้งานได้

    คำเตือนและข้อจำกัด
    แอปเก่าบางตัวอาจไม่ทำงานเนื่องจาก API ที่ล้าสมัยหรือหน้าตั้งค่าที่เสีย
    การผลิต Pebble Time 2 ล่าช้ากว่ากำหนด อาจส่งผลต่อการจัดส่ง
    แอปที่สร้างด้วย AI อาจมีคุณภาพไม่เสถียร หากผู้สร้างไม่มีความรู้ในการแก้ไข
    แอปมือถือใหม่ยังไม่เปิดซอร์ส ทำให้บางผู้ใช้กังวลเรื่องความเป็นส่วนตัว

    https://ericmigi.com/blog/re-introducing-the-pebble-appstore
    ⌚ “Pebble กลับมาอีกครั้ง! เปิดตัว Appstore ใหม่ พร้อมนาฬิการุ่นล่าสุดและเครื่องมือพัฒนาอัจฉริยะ” ลองจินตนาการว่าแบรนด์นาฬิกาอัจฉริยะที่เคยเป็นขวัญใจนักพัฒนาเมื่อสิบปีก่อน กลับมาอีกครั้งในปี 2025 พร้อมกับการเปิดตัว Pebble Appstore ใหม่ที่เต็มไปด้วยแอปเก่าและใหม่จากชุมชนผู้พัฒนา และนาฬิการุ่นล่าสุด Pebble 2 Duo และ Pebble Time 2 ที่มาพร้อมฟีเจอร์ใหม่และการสนับสนุนจาก Rebble กลุ่มผู้รักษาไฟ Pebble ให้ลุกโชนต่อเนื่องตลอดเกือบสิบปีที่ผ่านมา Eric Migicovsky ผู้ก่อตั้ง Pebble ได้ประกาศข่าวดีนี้ผ่านบล็อกส่วนตัว โดยเล่าถึงความคืบหน้าในการผลิตนาฬิการุ่นใหม่ การพัฒนา Appstore และเครื่องมือสำหรับนักพัฒนา รวมถึงความร่วมมือกับ Rebble ที่ช่วยให้ PebbleOS กลับมาโลดแล่นอีกครั้งในโลกโอเพนซอร์ส นอกจากนั้นยังมีการเปิดตัว SDK ที่อัปเดตใหม่ รองรับ Python 3 และ Cloud IDE ที่ให้คุณสร้างแอปได้ในเบราว์เซอร์ภายใน 2 นาที พร้อมฟีเจอร์ AI ที่ช่วยสร้างแอปอัตโนมัติ และแผนการพัฒนา SDK ที่จะรองรับเซ็นเซอร์ใหม่ๆ เช่น บารอมิเตอร์ ทัชสกรีน และลำโพง แม้จะมีความล่าช้าในการผลิตและข้อจำกัดบางประการ เช่น แอปเก่าบางตัวอาจไม่ทำงานได้เต็มที่ แต่ชุมชนผู้ใช้และนักพัฒนาก็ยังคงตื่นเต้นและพร้อมกลับมาสร้างสิ่งใหม่ๆ บนแพลตฟอร์มนี้อีกครั้ง สรุปเนื้อหาจากข่าว ✅ การกลับมาของ Pebble Appstore ➡️ เปิดตัวใหม่บนเว็บไซต์ apps.rePebble.com ➡️ รวมแอปเก่าและใหม่กว่า 2,000 แอป และ 10,000 หน้าปัดนาฬิกา ➡️ เพิ่มฟีเจอร์แนะนำแอปคล้ายกัน และแชร์ลิงก์ผ่านโซเชียล ✅ ความร่วมมือกับ Rebble ➡️ Rebble เป็นพันธมิตรหลักในการเปิด Appstore ใหม่ ➡️ ให้บริการ backend และ dev portal โดยไม่ต้องสมัครสมาชิก ➡️ Core Devices สนับสนุนเงินทุนให้ Rebble โดยตรง ✅ การผลิตนาฬิการุ่นใหม่ ➡️ Pebble 2 Duo สีขาวผลิตแล้ว 2,960 เรือนในเดือนกันยายน ➡️ Pebble Time 2 อยู่ในขั้นตอน DVT และคาดว่าจะผลิตจริงปลายธันวาคม ➡️ รองรับการขยายหน้าจอแอปเก่าให้เต็มจอ PT2 ✅ เครื่องมือสำหรับนักพัฒนา ➡️ SDK อัปเดตจาก Python 2 เป็น Python 3 ➡️ Cloud IDE สร้างแอปในเบราว์เซอร์ได้ภายใน 2 นาที ➡️ รองรับการสร้างแอปด้วย AI ผ่านคำสั่ง pebble new-project --ai ➡️ รองรับการทดสอบบน emulator รุ่นใหม่ ➡️ แผนพัฒนา SDK รวมถึง API ใหม่และ JS SDK จาก Moddable ✅ ความเห็นจากชุมชน ➡️ นักพัฒนาเก่ากลับมาสร้างแอปใหม่อีกครั้ง ➡️ ผู้ใช้ตื่นเต้นกับการกลับมาของ Pebble และการสนับสนุนจาก Rebble ➡️ มีข้อเสนอแนะให้เพิ่มระบบตรวจสอบแอปที่ยังใช้งานได้ ‼️ คำเตือนและข้อจำกัด ⛔ แอปเก่าบางตัวอาจไม่ทำงานเนื่องจาก API ที่ล้าสมัยหรือหน้าตั้งค่าที่เสีย ⛔ การผลิต Pebble Time 2 ล่าช้ากว่ากำหนด อาจส่งผลต่อการจัดส่ง ⛔ แอปที่สร้างด้วย AI อาจมีคุณภาพไม่เสถียร หากผู้สร้างไม่มีความรู้ในการแก้ไข ⛔ แอปมือถือใหม่ยังไม่เปิดซอร์ส ทำให้บางผู้ใช้กังวลเรื่องความเป็นส่วนตัว https://ericmigi.com/blog/re-introducing-the-pebble-appstore
    ERICMIGI.COM
    (re)Introducing the Pebble Appstore
    (re)Introducing the Pebble Appstore
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 174 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts