• HP ตกลงยุติคดีจากการอัปเดตเฟิร์มแวร์ที่ปิดกั้นการใช้งานตลับหมึกของบริษัทคู่แข่ง โดยไม่มีการจ่ายชดเชยให้ลูกค้าโดยตรง แม้ว่า HP จะอ้างว่าการอัปเดตนี้มีไว้เพื่อเพิ่มความปลอดภัย ลูกค้าหลายคนมองว่านี่คือการบีบบังคับให้ใช้ผลิตภัณฑ์ของ HP เท่านั้น เรื่องนี้ชี้ให้เห็นถึงความสำคัญของการรักษาความสมดุลระหว่างความปลอดภัยและความโปร่งใส

    ข้อโต้แย้งและผลกระทบ:
    - ระบบ Dynamic Security อ้างว่ามีไว้เพื่อปกป้องการพิมพ์ ลดการใช้ตลับหมึกปลอม และเพิ่มความปลอดภัย แต่ลูกค้ากลับมองว่ามันเป็นวิธีการที่ HP ใช้เพิ่มรายได้ เนื่องจากตลับหมึกถือเป็นรายได้สำคัญของบริษัท.

    การยุติข้อพิพาททางกฎหมาย:
    - HP จ่ายเงิน $5,000 ให้แก่บริษัทที่ฟ้องร้อง และอีก $725,000 สำหรับค่าทนายความและค่าใช้จ่ายทางคดี นอกจากนี้ลูกค้าในบางรุ่นสามารถเลือกปิดการอัปเดต Dynamic Security ได้.

    คำวิจารณ์และบทเรียน:
    - HP เผชิญคดีลักษณะเดียวกันในหลายประเทศ เช่นในอิตาลีที่บริษัทถูกปรับถึง $12 ล้าน เหตุการณ์นี้ส่งผลให้ HP ต้องพิจารณาวิธีการสร้างความไว้วางใจในผลิตภัณฑ์และบริการของตน.

    https://www.techspot.com/news/107266-hp-settles-lawsuit-over-ink-blocking-printer-update.html
    HP ตกลงยุติคดีจากการอัปเดตเฟิร์มแวร์ที่ปิดกั้นการใช้งานตลับหมึกของบริษัทคู่แข่ง โดยไม่มีการจ่ายชดเชยให้ลูกค้าโดยตรง แม้ว่า HP จะอ้างว่าการอัปเดตนี้มีไว้เพื่อเพิ่มความปลอดภัย ลูกค้าหลายคนมองว่านี่คือการบีบบังคับให้ใช้ผลิตภัณฑ์ของ HP เท่านั้น เรื่องนี้ชี้ให้เห็นถึงความสำคัญของการรักษาความสมดุลระหว่างความปลอดภัยและความโปร่งใส ข้อโต้แย้งและผลกระทบ: - ระบบ Dynamic Security อ้างว่ามีไว้เพื่อปกป้องการพิมพ์ ลดการใช้ตลับหมึกปลอม และเพิ่มความปลอดภัย แต่ลูกค้ากลับมองว่ามันเป็นวิธีการที่ HP ใช้เพิ่มรายได้ เนื่องจากตลับหมึกถือเป็นรายได้สำคัญของบริษัท. การยุติข้อพิพาททางกฎหมาย: - HP จ่ายเงิน $5,000 ให้แก่บริษัทที่ฟ้องร้อง และอีก $725,000 สำหรับค่าทนายความและค่าใช้จ่ายทางคดี นอกจากนี้ลูกค้าในบางรุ่นสามารถเลือกปิดการอัปเดต Dynamic Security ได้. คำวิจารณ์และบทเรียน: - HP เผชิญคดีลักษณะเดียวกันในหลายประเทศ เช่นในอิตาลีที่บริษัทถูกปรับถึง $12 ล้าน เหตุการณ์นี้ส่งผลให้ HP ต้องพิจารณาวิธีการสร้างความไว้วางใจในผลิตภัณฑ์และบริการของตน. https://www.techspot.com/news/107266-hp-settles-lawsuit-over-ink-blocking-printer-update.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    HP settles lawsuit over ink-blocking printer update, with no payout or admission of wrongdoing
    HP's November 2020 firmware update enabled, or re-enabled, the company's Dynamic Security system in some printer models. This detects non-HP ink or toner cartridges, even those that...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 7 มุมมอง 0 รีวิว
  • รายงานล่าสุดชี้ให้เห็นถึงความท้าทายในการพัฒนา AI แบบ AGI โดยเน้นว่าการเพิ่มพลังประมวลผลเพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ แม้บริษัทใหญ่ลงทุนมหาศาลในเทคโนโลยีนี้ ผลลัพธ์ที่ได้กลับลดลง นอกจากนี้ นักวิจัยยังสนับสนุนให้เน้นความปลอดภัยและวิธีการพัฒนาที่คุ้มค่า เช่น การลดพลังงานหรือปรับกระบวนการทำงานของ AI ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

    ความท้าทายในการพัฒนา AGI:
    - แม้มีการลงทุนมากกว่า 56 พันล้านดอลลาร์ ใน AI เช่น การฝึกโมเดลขนาดใหญ่ แต่ผลลัพธ์ในด้านประสิทธิภาพเริ่มลดลง เช่น โมเดลล่าสุดของ OpenAI ที่แสดงการปรับปรุงเพียงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า.

    ปัญหาด้านพลังงานและโครงสร้างพื้นฐาน:
    - เนื่องจากโมเดล AI ต้องใช้พลังงานอย่างมหาศาล บริษัทต่าง ๆ เช่น Microsoft, Google และ Amazon จึงเริ่มหันไปใช้พลังงานนิวเคลียร์เพื่อรองรับศูนย์ข้อมูล.

    แนวทางใหม่เพื่อการพัฒนา AI:
    - มีการสำรวจวิธีการที่ไม่เน้นเพิ่มพลังประมวลผล เช่น การใช้ "Test-time Compute" ซึ่งโมเดล AI จะ "คิด" นานขึ้นก่อนให้คำตอบ วิธีนี้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพโดยไม่ต้องขยายระบบอย่างมหาศาล แต่ยังไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาที่สมบูรณ์.

    มุมมองด้านความปลอดภัยและจริยธรรม:
    - 82% ของนักวิจัย เชื่อว่าหาก AGI พัฒนาโดยบริษัทเอกชน ควรอยู่ภายใต้การควบคุมสาธารณะเพื่อลดความเสี่ยงและปัญหาด้านจริยธรรม.

    https://www.techspot.com/news/107256-most-ai-researchers-doubt-scaling-current-systems-alone.html
    รายงานล่าสุดชี้ให้เห็นถึงความท้าทายในการพัฒนา AI แบบ AGI โดยเน้นว่าการเพิ่มพลังประมวลผลเพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ แม้บริษัทใหญ่ลงทุนมหาศาลในเทคโนโลยีนี้ ผลลัพธ์ที่ได้กลับลดลง นอกจากนี้ นักวิจัยยังสนับสนุนให้เน้นความปลอดภัยและวิธีการพัฒนาที่คุ้มค่า เช่น การลดพลังงานหรือปรับกระบวนการทำงานของ AI ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ความท้าทายในการพัฒนา AGI: - แม้มีการลงทุนมากกว่า 56 พันล้านดอลลาร์ ใน AI เช่น การฝึกโมเดลขนาดใหญ่ แต่ผลลัพธ์ในด้านประสิทธิภาพเริ่มลดลง เช่น โมเดลล่าสุดของ OpenAI ที่แสดงการปรับปรุงเพียงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า. ปัญหาด้านพลังงานและโครงสร้างพื้นฐาน: - เนื่องจากโมเดล AI ต้องใช้พลังงานอย่างมหาศาล บริษัทต่าง ๆ เช่น Microsoft, Google และ Amazon จึงเริ่มหันไปใช้พลังงานนิวเคลียร์เพื่อรองรับศูนย์ข้อมูล. แนวทางใหม่เพื่อการพัฒนา AI: - มีการสำรวจวิธีการที่ไม่เน้นเพิ่มพลังประมวลผล เช่น การใช้ "Test-time Compute" ซึ่งโมเดล AI จะ "คิด" นานขึ้นก่อนให้คำตอบ วิธีนี้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพโดยไม่ต้องขยายระบบอย่างมหาศาล แต่ยังไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาที่สมบูรณ์. มุมมองด้านความปลอดภัยและจริยธรรม: - 82% ของนักวิจัย เชื่อว่าหาก AGI พัฒนาโดยบริษัทเอกชน ควรอยู่ภายใต้การควบคุมสาธารณะเพื่อลดความเสี่ยงและปัญหาด้านจริยธรรม. https://www.techspot.com/news/107256-most-ai-researchers-doubt-scaling-current-systems-alone.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Most AI experts say chasing AGI with more compute is a losing strategy
    A recent survey of 475 AI researchers reveals that 76% believe adding more computing power and data to current AI models is "unlikely" or "very unlikely" to...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 7 มุมมอง 0 รีวิว
  • Pat Gelsinger ได้เข้ามาบริหาร Gloo บริษัทที่มุ่งสร้างเทคโนโลยีสำหรับองค์กรศรัทธาและชุมชนความเชื่อ เขามีแผนพัฒนาคลาวด์เฉพาะสำหรับวงการนี้ และผลักดันให้ AI เป็นเครื่องมือที่โปร่งใสและมีประสิทธิภาพ เพื่อช่วยองค์กรศรัทธาเชื่อมต่อผู้คนและพัฒนาชุมชน แนวคิดนี้สะท้อนถึงการใช้เทคโนโลยีเพื่อความเป็นมนุษย์อย่างลึกซึ้ง

    การพัฒนาคลาวด์เฉพาะวงการศรัทธา:
    - หนึ่งในโครงการแรกของ Gelsinger คือการสร้างคลาวด์ "Vertical Cloud" สำหรับองค์กรศรัทธา โดยเน้นให้ AI มีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนชุมชน.

    ความสัมพันธ์กับเทคโนโลยี AI:
    - Gloo ใช้โมเดล AI จาก DeepSeek เนื่องจากมีธรรมชาติแบบโอเพ่นซอร์สและสามารถรวมเข้ากับระบบได้ง่าย แม้จะมีการโต้เถียงเกี่ยวกับวิธีการฝึกโมเดลของ DeepSeek แต่ Gelsinger เน้นความโปร่งใสและการมีมาตรฐานในกระบวนการ.

    การนำเทคโนโลยีเพื่อเสริมสร้างมนุษยธรรม:
    - เขาให้ความสำคัญกับการใช้ AI ที่ "ส่งเสริม" มากกว่าทำลาย เพื่อช่วยให้เทคโนโลยีสนับสนุนประสบการณ์มนุษย์อย่างแท้จริง.

    เป้าหมายของ Gloo:
    - นอกจากจะเป็นพื้นที่ดิจิทัลสำหรับผู้นำศรัทธาแล้ว Gloo ยังมีเครื่องมือที่ช่วยเชื่อมต่อชุมชน เช่น การกระจายสื่อคริสเตียน และสนับสนุนองค์กรศรัทธาในการเข้าถึงสมาชิกใหม่.

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/pat-gelsinger-becomes-executive-chairman-head-of-technology-at-church-focused-platform-gloo
    Pat Gelsinger ได้เข้ามาบริหาร Gloo บริษัทที่มุ่งสร้างเทคโนโลยีสำหรับองค์กรศรัทธาและชุมชนความเชื่อ เขามีแผนพัฒนาคลาวด์เฉพาะสำหรับวงการนี้ และผลักดันให้ AI เป็นเครื่องมือที่โปร่งใสและมีประสิทธิภาพ เพื่อช่วยองค์กรศรัทธาเชื่อมต่อผู้คนและพัฒนาชุมชน แนวคิดนี้สะท้อนถึงการใช้เทคโนโลยีเพื่อความเป็นมนุษย์อย่างลึกซึ้ง การพัฒนาคลาวด์เฉพาะวงการศรัทธา: - หนึ่งในโครงการแรกของ Gelsinger คือการสร้างคลาวด์ "Vertical Cloud" สำหรับองค์กรศรัทธา โดยเน้นให้ AI มีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนชุมชน. ความสัมพันธ์กับเทคโนโลยี AI: - Gloo ใช้โมเดล AI จาก DeepSeek เนื่องจากมีธรรมชาติแบบโอเพ่นซอร์สและสามารถรวมเข้ากับระบบได้ง่าย แม้จะมีการโต้เถียงเกี่ยวกับวิธีการฝึกโมเดลของ DeepSeek แต่ Gelsinger เน้นความโปร่งใสและการมีมาตรฐานในกระบวนการ. การนำเทคโนโลยีเพื่อเสริมสร้างมนุษยธรรม: - เขาให้ความสำคัญกับการใช้ AI ที่ "ส่งเสริม" มากกว่าทำลาย เพื่อช่วยให้เทคโนโลยีสนับสนุนประสบการณ์มนุษย์อย่างแท้จริง. เป้าหมายของ Gloo: - นอกจากจะเป็นพื้นที่ดิจิทัลสำหรับผู้นำศรัทธาแล้ว Gloo ยังมีเครื่องมือที่ช่วยเชื่อมต่อชุมชน เช่น การกระจายสื่อคริสเตียน และสนับสนุนองค์กรศรัทธาในการเข้าถึงสมาชิกใหม่. https://www.tomshardware.com/tech-industry/pat-gelsinger-becomes-executive-chairman-head-of-technology-at-church-focused-platform-gloo
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 8 มุมมอง 0 รีวิว
  • Arm เปิดตัว Accuracy Super Resolution ที่ช่วยเพิ่มเฟรมเรตของเกมบนสมาร์ทโฟนและลดการใช้พลังงาน เทคโนโลยีนี้สร้างจาก AMD FSR 2 และมุ่งเน้นการใช้งานในอุปกรณ์พลังงานต่ำ นักพัฒนาสามารถปรับแต่งโค้ดได้แบบโอเพ่นซอร์ส อีกทั้งยังมีการเตรียมปลั๊กอินสำหรับ Unity และ Unreal Engine เพื่อเพิ่มความสะดวกในการใช้งาน นี่ถือเป็นก้าวสำคัญสำหรับตลาดเกมมือถือ

    การพัฒนาแบบเปิดเผยข้อมูล:
    - ASR เปิดตัวเป็นโค้ดโอเพ่นซอร์สภายใต้ MIT License ซึ่งช่วยให้นักพัฒนาสามารถเข้าถึงและปรับแต่งได้อย่างอิสระ.
    - มีแผนปล่อยปลั๊กอินสำหรับ Unity และ Unreal Engine ภายในสิ้นปี เพื่อให้การใช้งานง่ายขึ้นสำหรับเกมบนแพลตฟอร์มเหล่านี้.

    เปรียบเทียบกับคู่แข่ง:
    - ใช้วิธีการ temporal upscaling ที่ผสมผสานข้อมูลหลายเฟรม ช่วยสร้างภาพคุณภาพสูงกว่าระบบ spatial upscaling ของ Qualcomm Game Super Resolution (GSR).
    - ASR จับคู่กับชิปเซ็ตอย่าง MediaTek Dimensity 9300 ซึ่งช่วยยืดระยะเวลาการใช้งานแบตเตอรี่สำหรับผู้เล่นเกม.

    ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเกมมือถือ:
    - การเดโมใน GDC 2025 แสดงให้เห็นถึงการปรับปรุงประสิทธิภาพถึง 30% ในการรันเกมผ่าน Unreal Engine 5 โดยไม่ลดคุณภาพกราฟิก.

    ความกว้างขวางในการใช้งาน:
    - ASR สามารถใช้งานได้ในหลากหลายแพลตฟอร์ม เช่น MediaTek Dimensity, Qualcomm Snapdragon, Samsung Exynos และแม้แต่ในแล็ปท็อปที่ใช้ Snapdragon X ซีรีส์.

    https://www.techpowerup.com/334562/arm-releases-open-source-asr-upscaler-based-on-amd-fsr-2-technology
    Arm เปิดตัว Accuracy Super Resolution ที่ช่วยเพิ่มเฟรมเรตของเกมบนสมาร์ทโฟนและลดการใช้พลังงาน เทคโนโลยีนี้สร้างจาก AMD FSR 2 และมุ่งเน้นการใช้งานในอุปกรณ์พลังงานต่ำ นักพัฒนาสามารถปรับแต่งโค้ดได้แบบโอเพ่นซอร์ส อีกทั้งยังมีการเตรียมปลั๊กอินสำหรับ Unity และ Unreal Engine เพื่อเพิ่มความสะดวกในการใช้งาน นี่ถือเป็นก้าวสำคัญสำหรับตลาดเกมมือถือ การพัฒนาแบบเปิดเผยข้อมูล: - ASR เปิดตัวเป็นโค้ดโอเพ่นซอร์สภายใต้ MIT License ซึ่งช่วยให้นักพัฒนาสามารถเข้าถึงและปรับแต่งได้อย่างอิสระ. - มีแผนปล่อยปลั๊กอินสำหรับ Unity และ Unreal Engine ภายในสิ้นปี เพื่อให้การใช้งานง่ายขึ้นสำหรับเกมบนแพลตฟอร์มเหล่านี้. เปรียบเทียบกับคู่แข่ง: - ใช้วิธีการ temporal upscaling ที่ผสมผสานข้อมูลหลายเฟรม ช่วยสร้างภาพคุณภาพสูงกว่าระบบ spatial upscaling ของ Qualcomm Game Super Resolution (GSR). - ASR จับคู่กับชิปเซ็ตอย่าง MediaTek Dimensity 9300 ซึ่งช่วยยืดระยะเวลาการใช้งานแบตเตอรี่สำหรับผู้เล่นเกม. ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเกมมือถือ: - การเดโมใน GDC 2025 แสดงให้เห็นถึงการปรับปรุงประสิทธิภาพถึง 30% ในการรันเกมผ่าน Unreal Engine 5 โดยไม่ลดคุณภาพกราฟิก. ความกว้างขวางในการใช้งาน: - ASR สามารถใช้งานได้ในหลากหลายแพลตฟอร์ม เช่น MediaTek Dimensity, Qualcomm Snapdragon, Samsung Exynos และแม้แต่ในแล็ปท็อปที่ใช้ Snapdragon X ซีรีส์. https://www.techpowerup.com/334562/arm-releases-open-source-asr-upscaler-based-on-amd-fsr-2-technology
    WWW.TECHPOWERUP.COM
    Arm Releases Open-Source ASR Upscaler Based on AMD FSR 2 Technology
    Arm has officially unveiled its Accuracy Super Resolution (ASR) upscaling technology at Game Developer Conference 2025, delivering an open-source upscaling solution for mobile and low-power devices. Built upon AMD's FidelityFX Super Resolution 2 (FSR 2) framework, ASR promises up to 53% higher frame...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 12 มุมมอง 0 รีวิว
  • Vibe Coding เป็นแนวคิดใหม่ในวงการพัฒนาโปรแกรม โดยใช้ AI ช่วยเขียนโค้ดให้นักพัฒนามีเวลาไปโฟกัสกับงานที่ซับซ้อนและสร้างสรรค์มากขึ้น นักพัฒนามืออาชีพต่างแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับโอกาสและความเสี่ยงของวิธีนี้ หลายคนเชื่อว่า AI สามารถเพิ่มประสิทธิภาพและลดเวลาการพัฒนาโค้ดได้ อย่างไรก็ตาม หากปล่อยให้ AI ทำงานโดยไม่มีการตรวจสอบ อาจเสี่ยงต่อปัญหาความปลอดภัยและคุณภาพของโค้ด ซึ่งแนวคิดนี้ยังเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงทั้งในวงการพัฒนาซอฟต์แวร์และการศึกษา

    ประโยชน์ของ Vibe Coding:
    - ผู้พัฒนาบางรายรายงานว่า AI สามารถช่วยพัฒนาฟีเจอร์ใหม่ได้รวดเร็ว เช่น การสร้างต้นแบบฟังก์ชันภายใน 20 นาที โดยลดเวลาที่ใช้ในการพัฒนาไปอย่างมาก.
    - Vibe Coding ทำให้นักพัฒนาสามารถมุ่งไปที่การแก้ปัญหาที่สร้างสรรค์และซับซ้อนมากขึ้น แทนที่จะเสียเวลาทำงานที่ซ้ำซ้อน.

    ข้อจำกัดและความเสี่ยง:
    - นักพัฒนามือใหม่หรือคนที่ไม่มีพื้นฐานการเขียนโค้ด อาจสร้างโค้ดที่ไม่ปลอดภัย เช่น มีช่องโหว่ด้านความปลอดภัย หรือโค้ดที่ยากต่อการบำรุงรักษา.
    - การใช้ AI สร้างโค้ดโดยไม่มีมนุษย์ตรวจสอบอาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดข้อผิดพลาด เช่น การใช้งานข้อมูลส่วนตัวผิดวิธี.

    ความเชื่อมโยงกับอุตสาหกรรมการศึกษาและการเรียนรู้:
    - AI ไม่เพียงช่วยในด้านการพัฒนาโค้ดเท่านั้น แต่ยังสามารถเปลี่ยนแปลงวิธีการเรียนรู้ เช่น การทำให้การเรียนการสอนมีความสร้างสรรค์และลดความกดดันจากการท่องจำ.

    https://www.zdnet.com/article/10-professional-developers-on-the-true-promise-and-peril-of-vibe-coding/
    Vibe Coding เป็นแนวคิดใหม่ในวงการพัฒนาโปรแกรม โดยใช้ AI ช่วยเขียนโค้ดให้นักพัฒนามีเวลาไปโฟกัสกับงานที่ซับซ้อนและสร้างสรรค์มากขึ้น นักพัฒนามืออาชีพต่างแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับโอกาสและความเสี่ยงของวิธีนี้ หลายคนเชื่อว่า AI สามารถเพิ่มประสิทธิภาพและลดเวลาการพัฒนาโค้ดได้ อย่างไรก็ตาม หากปล่อยให้ AI ทำงานโดยไม่มีการตรวจสอบ อาจเสี่ยงต่อปัญหาความปลอดภัยและคุณภาพของโค้ด ซึ่งแนวคิดนี้ยังเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงทั้งในวงการพัฒนาซอฟต์แวร์และการศึกษา ประโยชน์ของ Vibe Coding: - ผู้พัฒนาบางรายรายงานว่า AI สามารถช่วยพัฒนาฟีเจอร์ใหม่ได้รวดเร็ว เช่น การสร้างต้นแบบฟังก์ชันภายใน 20 นาที โดยลดเวลาที่ใช้ในการพัฒนาไปอย่างมาก. - Vibe Coding ทำให้นักพัฒนาสามารถมุ่งไปที่การแก้ปัญหาที่สร้างสรรค์และซับซ้อนมากขึ้น แทนที่จะเสียเวลาทำงานที่ซ้ำซ้อน. ข้อจำกัดและความเสี่ยง: - นักพัฒนามือใหม่หรือคนที่ไม่มีพื้นฐานการเขียนโค้ด อาจสร้างโค้ดที่ไม่ปลอดภัย เช่น มีช่องโหว่ด้านความปลอดภัย หรือโค้ดที่ยากต่อการบำรุงรักษา. - การใช้ AI สร้างโค้ดโดยไม่มีมนุษย์ตรวจสอบอาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดข้อผิดพลาด เช่น การใช้งานข้อมูลส่วนตัวผิดวิธี. ความเชื่อมโยงกับอุตสาหกรรมการศึกษาและการเรียนรู้: - AI ไม่เพียงช่วยในด้านการพัฒนาโค้ดเท่านั้น แต่ยังสามารถเปลี่ยนแปลงวิธีการเรียนรู้ เช่น การทำให้การเรียนการสอนมีความสร้างสรรค์และลดความกดดันจากการท่องจำ. https://www.zdnet.com/article/10-professional-developers-on-the-true-promise-and-peril-of-vibe-coding/
    WWW.ZDNET.COM
    10 professional developers on the true promise and peril of vibe coding
    Is vibe coding the future of software or a security nightmare in disguise? Here's how experienced developers are responding to the latest AI-fueled coding craze.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 93 มุมมอง 0 รีวิว
  • น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ชี้แจงประเด็น ตั๋ว PN ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ตอบโต้ข้อกล่าวหาของนายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ที่ระบุว่าเป็นการทำนิติกรรมอำพราง เพื่อหนีภาษีโอนหุ้น ยืนยัน ทุกอย่างโปร่งใสเป็นไปตามกฎหมาย มั่นใจแม้อายุน้อยกว่าท่าน แต่เสียภาษีมากกว่าท่านแน่นอน โดย ตั๋ว PN เป็นเครื่องมือทางการเงินปกติในภาคธุรกิจ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการทุจริตหรือฟอกเงิน ย้อนถามฝ่ายค้าน คนในพรรคตัวเองเคยใช้วิธีการนี้หรือไม่ การพูดเพื่อให้คนแตกแยก ไม่ใช่สิ่งที่ผู้มีวุฒิภาวะควรทำ
    น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ชี้แจงประเด็น ตั๋ว PN ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ตอบโต้ข้อกล่าวหาของนายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ที่ระบุว่าเป็นการทำนิติกรรมอำพราง เพื่อหนีภาษีโอนหุ้น ยืนยัน ทุกอย่างโปร่งใสเป็นไปตามกฎหมาย มั่นใจแม้อายุน้อยกว่าท่าน แต่เสียภาษีมากกว่าท่านแน่นอน โดย ตั๋ว PN เป็นเครื่องมือทางการเงินปกติในภาคธุรกิจ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการทุจริตหรือฟอกเงิน ย้อนถามฝ่ายค้าน คนในพรรคตัวเองเคยใช้วิธีการนี้หรือไม่ การพูดเพื่อให้คนแตกแยก ไม่ใช่สิ่งที่ผู้มีวุฒิภาวะควรทำ
    Like
    Haha
    Love
    6
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 515 มุมมอง 27 0 รีวิว
  • วันนี้ตื่นตัวมากเลย อ่านหนังสือเตรียมสอบราชการ แต่ก็ต้องลุยทำโจทย์สักตั้ง ทำวนๆไป ส่วนคณิตศาสตร์ ผมว่าจะหาวิธีทำที่เจ๋งที่สุดและสร้างโจทย์แคลคูลัสและการคำนวนเชิงวิศวกรรมเพื่อฝึกฝนวิธีการคำนวณวิเคราะห์ด้านวิศวกรรม ในแง่ของสารสนเทศ ข้อมูลและระบบคอมพิวเตอร์มากกว่าครับ และจะพยายามอ่านหนังสือสอบ กพ. แต่ไม่เน้นอ่านนาน อ่าน 30 นาที ดีเลย์ อ่าน 45 น. ดีเลย์ อ่าน 1 ชม. ดีเลย์ และทำโจทย์เพ่ิมความเข้าใจอีก 30-1 ชม. และ ดีเลย์ เพื่อพักผ่อน เบรก ไรงี้ ไม่งั้นสมองพังแน่ๆ
    วันนี้ตื่นตัวมากเลย อ่านหนังสือเตรียมสอบราชการ แต่ก็ต้องลุยทำโจทย์สักตั้ง ทำวนๆไป ส่วนคณิตศาสตร์ ผมว่าจะหาวิธีทำที่เจ๋งที่สุดและสร้างโจทย์แคลคูลัสและการคำนวนเชิงวิศวกรรมเพื่อฝึกฝนวิธีการคำนวณวิเคราะห์ด้านวิศวกรรม ในแง่ของสารสนเทศ ข้อมูลและระบบคอมพิวเตอร์มากกว่าครับ และจะพยายามอ่านหนังสือสอบ กพ. แต่ไม่เน้นอ่านนาน อ่าน 30 นาที ดีเลย์ อ่าน 45 น. ดีเลย์ อ่าน 1 ชม. ดีเลย์ และทำโจทย์เพ่ิมความเข้าใจอีก 30-1 ชม. และ ดีเลย์ เพื่อพักผ่อน เบรก ไรงี้ ไม่งั้นสมองพังแน่ๆ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 89 มุมมอง 0 รีวิว
  • วิธีการเลือกประธานโอลิมปิกไทย (23/03/68) #news1 #ข่าววันนี้ #ข่าวดัง #ประธานโอลิมปิกไทย #วงการกีฬาไทย
    วิธีการเลือกประธานโอลิมปิกไทย (23/03/68) #news1 #ข่าววันนี้ #ข่าวดัง #ประธานโอลิมปิกไทย #วงการกีฬาไทย
    Like
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 595 มุมมอง 18 0 รีวิว
  • **ผ้าไหมทอลายสูจิ่น เทคนิคการทออันเป็นมรดกทางภูมิปัญญาวัฒนธรรม**

    สวัสดีค่ะ สัปดาห์ที่แล้วเราตามรอย <ต้นตํานานอาภรณ์จักรพรรดิ> ไปยังแหล่งผลิตของผ้าไหมสูจิ่น (蜀锦) หรือเมืองอี้โจวในเรื่องซึ่งก็คือเมืองเฉิงตูนั่นเอง Storyฯ ได้กล่าวไว้ว่าผ้าไหมสูจิ่นเป็นหนึ่งในสี่สุดยอดผ้าไหมทอลายของจีน และเทคนิคการทอผ้าสูจิ่นได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของจีนเมื่อปี 2006 วันนี้มาคุยกันต่อค่ะ

    ประวัติการทอผ้าไหมจีนมีมายาวนานหลายพันปี แต่เทคนิคการทอผ้าสูจิ่นที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมนี้มีมาอย่างน้อยตั้งแต่สมัยราชวงศ์ฮั่น (ปี 206 ก่อนคริสตกาล - ปีค.ศ. 220) โดยมีหลักฐานจากการขุดพบเครื่องทอโบราณจากหลุมฝังศพสมัยราชวงศ์ฮั่น และใช้เวลานานมากในการทำความเข้าใจวิธีการทำงานของมัน เนื่องจากเอกสารข้อมูลที่หลงเหลือเกี่ยวกับมันมีน้อยมากอันสืบเนื่องจากเมืองเฉิงตูและเขตพื้นที่ทอผ้าได้รับความเสียหายจากไฟสงครามเมื่อแมนจูเข้ายึด ปัจจุบันมีการจำลองขึ้นใหม่จนใช้การได้จริง จัดเก็บอยู่ที่พิพิธภัณฑ์ผ้าทอและงานปักสูจิ่นเมืองเฉิงตู (Chengdu Shu Brocade And Embroidery Museum) (ดูรูปประกอบ 2)

    นอกจากนี้ยังมีการขุดพบผ้าไหมทอลายสูจิ่นในพื้นที่แถบซินเกียงที่สะท้อนถึงความสามารถในการทอผ้าลายซับซ้อนในสมัยฮั่น โดยผลงานที่โด่งดังมากที่สุดคือผ้าหุ้มข้อมือที่มีชื่อเรียกว่า ‘อู่ซิงชูตงฟางลี่จงกั๋ว’ (五星出东方利中国/ Five Stars Rising in the East) ผ้าผืนนี้มีสีสันสดใสโดยเน้นสีที่เป็นตัวแทนของห้าดาว (ห้าธาตุ) มีลายสัตว์มงคลและตัวอักษร ‘อู่ซิงชูตงฟางลี่ตงกั๋ว’ และเนื่องด้วยมีการค้นพบเศษผ้าอื่นที่มีลายต่อเนื่องกัน ผู้เชี่ยวชาญจึงวิเคราะห์ไว้ว่าผ้าผืนเต็มประกอบด้วยตัวอักษรยี่สิบอักษร เป็นผ้าทอเนื้อละเอียดมาก ภายในผ้าหนึ่งตารางเซ็นติเมตรมีด้ายยืนทับซ้อนกันทั้งสิ้นกว่า 200 เส้น!

    ต่อมาในสมัยถังและซ่ง เครื่องทอผ้าถูกพัฒนาให้ทอลายที่หลากหลายได้มากยิ่งขึ้นและมีขนาดใหญ่ยิ่งขึ้น โดยมีการบรรยายลักษณะไว้ในบันทึก ‘เทียนกงคายอู้’ (天工开物 /The Exploitation of the Works of Nature) ซึ่งเป็นหนังสือสมัยหมิงจัดทำขึ้นโดยซ่งอิงซิงเมื่อปีค.ศ. 1637 เพื่อบันทึกถึงกว่า 300 อาชีพที่เกี่ยวกับการใช้ทรัพยากรธรรมชาติและกรรมวิธีการผลิตที่เกี่ยวข้อง (ดูรูปประกอบ 3) ปัจจุบันมีเครื่องโบราณจริงจากสมัยชิงแสดงไว้ที่พิพิธภัณฑ์ผ้าทอและงานปักสูจิ่นเมืองเฉิงตู

    เครื่องทอที่ว่านี้ต้องใช้ช่างทอสองคนพร้อมกัน คนหนึ่งนั่งข้างบนบังคับกลุ่มเส้นไหมเพื่อจัดลายทอ อีกคนหนึ่งนั่งข้างล่างทำหน้าที่ทอและดูแลเรื่องเฉดสี รวมแล้วมีเส้นไหมกว่าหมื่นเส้นที่ต้องบังคับ มีขนาดเล็กคือ ‘เสี่ยวฮวาโหลว’ และขนาดใหญ่คือ ‘ต้าฮวาโหลว’ โดยต้าฮวาโหลวมีความสูงถึงห้าเมตร

    แม้แต่อาจารย์ผู้มีประสบการณ์มาหลายสิบปียังสามารถทอได้เพียงไม่เกินสิบเซ็นติเมตรต่อวันด้วยมันต้องใช้แรงและโฟกัสมาก และความยากที่สุดของการทอผ้าไหมสูจิ่นด้วยเครื่องอย่างนี้คือการเอาลายที่ดีไซน์บนภาพวาดแปลงออกมาเป็นการเรียงเส้นไหมนั่งเอง เล่าอย่างนี้อาจนึกภาพไม่ออก เพื่อนเพจลองดูคลิปสั้นนี้ก็จะพอเห็นภาพค่ะ https://www.youtube.com/shorts/fPzQzevjD2M และหากใครพอมีเวลาก็ลองดูสาระคดียาวประมาณ 15 นาทีมีซับภาษาอังกฤษ ก็จะเห็นความซับซ้อนของการทอผ้าสูจิ่นอย่างเต็มรูปแบบ... https://www.youtube.com/watch?v=uYHbELbospQ&t=609s

    เอกลักษณ์ของผ้าสูจิ่นคือลายทอพื้นเมือง เทคนิคการทอลายทับซ้อนได้หลายชั้นและมีสีสันที่สดใส โดยมีชื่อเรียกจำแนกชนิดย่อยไปได้อีกตามลายทอ อธิบายเช่นนี้ก็คงจะยังไม่ค่อยเห็นความแตกต่าง แต่ในรูปประกอบ 1 ก็พอจะเห็นบางส่วนของลายทอต่างๆ ที่ถูกนำมาใช้ในซีรีส์ <ต้นตํานานอาภรณ์จักรพรรดิ> ได้นะคะ

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory)

    Credit รูปภาพจาก:
    https://m.bjnews.com.cn/detail/1732938607168793.html
    https://www.facebook.com/permalink.php/?story_fbid=1083381463798209&id=100063790956424
    https://j.021east.com/p/1652758642049238
    https://sichuan.scol.com.cn/ggxw/202102/58058065.html
    https://www.ccmapp.cn/news/detail?id=bd8d36d9-2b59-4fa0-b8e9-7d8b65852db3&categoryid=&categoryname=最新资讯
    https://www.chinasilkmuseum.com/cs/info_164.aspx?itemid=26725
    https://www.researchgate.net/figure/Traditional-Chinese-drawbar-silk-loom-Roads-to-Zanadu_fig4_284551990
    https://news.qq.com/rain/a/20241229A059DQ00
    Credit ข้อมูลรวบรวมจาก:
    https://www.youtube.com/shorts/fPzQzevjD2M https://www.youtube.com/watch?v=uYHbELbospQ&t=609s
    https://www.youtube.com/watch?v=1zNDpGNh_Z4&t=1197s
    https://sichuan.scol.com.cn/ggxw/202102/58058065.html

    #ต้นตํานานอาภรณ์จักรพรรดิ #ผ้าไหมจีน #ผ้าไหมจิ่น #สูจิ่น #เฉิงตู #สามก๊ก #สี่สุดยอดผ้าไหมจีน #เครื่องทอผ้าจีนโบราณ #สาระจีน
    **ผ้าไหมทอลายสูจิ่น เทคนิคการทออันเป็นมรดกทางภูมิปัญญาวัฒนธรรม** สวัสดีค่ะ สัปดาห์ที่แล้วเราตามรอย <ต้นตํานานอาภรณ์จักรพรรดิ> ไปยังแหล่งผลิตของผ้าไหมสูจิ่น (蜀锦) หรือเมืองอี้โจวในเรื่องซึ่งก็คือเมืองเฉิงตูนั่นเอง Storyฯ ได้กล่าวไว้ว่าผ้าไหมสูจิ่นเป็นหนึ่งในสี่สุดยอดผ้าไหมทอลายของจีน และเทคนิคการทอผ้าสูจิ่นได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของจีนเมื่อปี 2006 วันนี้มาคุยกันต่อค่ะ ประวัติการทอผ้าไหมจีนมีมายาวนานหลายพันปี แต่เทคนิคการทอผ้าสูจิ่นที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมนี้มีมาอย่างน้อยตั้งแต่สมัยราชวงศ์ฮั่น (ปี 206 ก่อนคริสตกาล - ปีค.ศ. 220) โดยมีหลักฐานจากการขุดพบเครื่องทอโบราณจากหลุมฝังศพสมัยราชวงศ์ฮั่น และใช้เวลานานมากในการทำความเข้าใจวิธีการทำงานของมัน เนื่องจากเอกสารข้อมูลที่หลงเหลือเกี่ยวกับมันมีน้อยมากอันสืบเนื่องจากเมืองเฉิงตูและเขตพื้นที่ทอผ้าได้รับความเสียหายจากไฟสงครามเมื่อแมนจูเข้ายึด ปัจจุบันมีการจำลองขึ้นใหม่จนใช้การได้จริง จัดเก็บอยู่ที่พิพิธภัณฑ์ผ้าทอและงานปักสูจิ่นเมืองเฉิงตู (Chengdu Shu Brocade And Embroidery Museum) (ดูรูปประกอบ 2) นอกจากนี้ยังมีการขุดพบผ้าไหมทอลายสูจิ่นในพื้นที่แถบซินเกียงที่สะท้อนถึงความสามารถในการทอผ้าลายซับซ้อนในสมัยฮั่น โดยผลงานที่โด่งดังมากที่สุดคือผ้าหุ้มข้อมือที่มีชื่อเรียกว่า ‘อู่ซิงชูตงฟางลี่จงกั๋ว’ (五星出东方利中国/ Five Stars Rising in the East) ผ้าผืนนี้มีสีสันสดใสโดยเน้นสีที่เป็นตัวแทนของห้าดาว (ห้าธาตุ) มีลายสัตว์มงคลและตัวอักษร ‘อู่ซิงชูตงฟางลี่ตงกั๋ว’ และเนื่องด้วยมีการค้นพบเศษผ้าอื่นที่มีลายต่อเนื่องกัน ผู้เชี่ยวชาญจึงวิเคราะห์ไว้ว่าผ้าผืนเต็มประกอบด้วยตัวอักษรยี่สิบอักษร เป็นผ้าทอเนื้อละเอียดมาก ภายในผ้าหนึ่งตารางเซ็นติเมตรมีด้ายยืนทับซ้อนกันทั้งสิ้นกว่า 200 เส้น! ต่อมาในสมัยถังและซ่ง เครื่องทอผ้าถูกพัฒนาให้ทอลายที่หลากหลายได้มากยิ่งขึ้นและมีขนาดใหญ่ยิ่งขึ้น โดยมีการบรรยายลักษณะไว้ในบันทึก ‘เทียนกงคายอู้’ (天工开物 /The Exploitation of the Works of Nature) ซึ่งเป็นหนังสือสมัยหมิงจัดทำขึ้นโดยซ่งอิงซิงเมื่อปีค.ศ. 1637 เพื่อบันทึกถึงกว่า 300 อาชีพที่เกี่ยวกับการใช้ทรัพยากรธรรมชาติและกรรมวิธีการผลิตที่เกี่ยวข้อง (ดูรูปประกอบ 3) ปัจจุบันมีเครื่องโบราณจริงจากสมัยชิงแสดงไว้ที่พิพิธภัณฑ์ผ้าทอและงานปักสูจิ่นเมืองเฉิงตู เครื่องทอที่ว่านี้ต้องใช้ช่างทอสองคนพร้อมกัน คนหนึ่งนั่งข้างบนบังคับกลุ่มเส้นไหมเพื่อจัดลายทอ อีกคนหนึ่งนั่งข้างล่างทำหน้าที่ทอและดูแลเรื่องเฉดสี รวมแล้วมีเส้นไหมกว่าหมื่นเส้นที่ต้องบังคับ มีขนาดเล็กคือ ‘เสี่ยวฮวาโหลว’ และขนาดใหญ่คือ ‘ต้าฮวาโหลว’ โดยต้าฮวาโหลวมีความสูงถึงห้าเมตร แม้แต่อาจารย์ผู้มีประสบการณ์มาหลายสิบปียังสามารถทอได้เพียงไม่เกินสิบเซ็นติเมตรต่อวันด้วยมันต้องใช้แรงและโฟกัสมาก และความยากที่สุดของการทอผ้าไหมสูจิ่นด้วยเครื่องอย่างนี้คือการเอาลายที่ดีไซน์บนภาพวาดแปลงออกมาเป็นการเรียงเส้นไหมนั่งเอง เล่าอย่างนี้อาจนึกภาพไม่ออก เพื่อนเพจลองดูคลิปสั้นนี้ก็จะพอเห็นภาพค่ะ https://www.youtube.com/shorts/fPzQzevjD2M และหากใครพอมีเวลาก็ลองดูสาระคดียาวประมาณ 15 นาทีมีซับภาษาอังกฤษ ก็จะเห็นความซับซ้อนของการทอผ้าสูจิ่นอย่างเต็มรูปแบบ... https://www.youtube.com/watch?v=uYHbELbospQ&t=609s เอกลักษณ์ของผ้าสูจิ่นคือลายทอพื้นเมือง เทคนิคการทอลายทับซ้อนได้หลายชั้นและมีสีสันที่สดใส โดยมีชื่อเรียกจำแนกชนิดย่อยไปได้อีกตามลายทอ อธิบายเช่นนี้ก็คงจะยังไม่ค่อยเห็นความแตกต่าง แต่ในรูปประกอบ 1 ก็พอจะเห็นบางส่วนของลายทอต่างๆ ที่ถูกนำมาใช้ในซีรีส์ <ต้นตํานานอาภรณ์จักรพรรดิ> ได้นะคะ (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory) Credit รูปภาพจาก: https://m.bjnews.com.cn/detail/1732938607168793.html https://www.facebook.com/permalink.php/?story_fbid=1083381463798209&id=100063790956424 https://j.021east.com/p/1652758642049238 https://sichuan.scol.com.cn/ggxw/202102/58058065.html https://www.ccmapp.cn/news/detail?id=bd8d36d9-2b59-4fa0-b8e9-7d8b65852db3&categoryid=&categoryname=最新资讯 https://www.chinasilkmuseum.com/cs/info_164.aspx?itemid=26725 https://www.researchgate.net/figure/Traditional-Chinese-drawbar-silk-loom-Roads-to-Zanadu_fig4_284551990 https://news.qq.com/rain/a/20241229A059DQ00 Credit ข้อมูลรวบรวมจาก: https://www.youtube.com/shorts/fPzQzevjD2M https://www.youtube.com/watch?v=uYHbELbospQ&t=609s https://www.youtube.com/watch?v=1zNDpGNh_Z4&t=1197s https://sichuan.scol.com.cn/ggxw/202102/58058065.html #ต้นตํานานอาภรณ์จักรพรรดิ #ผ้าไหมจีน #ผ้าไหมจิ่น #สูจิ่น #เฉิงตู #สามก๊ก #สี่สุดยอดผ้าไหมจีน #เครื่องทอผ้าจีนโบราณ #สาระจีน
    3 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 336 มุมมอง 0 รีวิว
  • เซเลนสกีเรียกร้องประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย “ยุติการเรียกร้องโดยไม่จำเป็น โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อทำให้สงครามดำเนินต่อไป” นอกจากนี้ยังตัดพ้อว่าไม่มีใครช่วยเหลือยูเครนเข้านาโต้อีกต่อไปแล้ว

    นอกจากนี้เซเลนสกียังกล่าวอีกว่า:

    - ไครเมียที่ถูกรัสเซียยึดครองกำลังจะล่มสลาย เนื่องจากไม่มีนักท่องเที่ยวจากยูเครน โดยเฉลี่ยนักท่องเที่ยวกว่า 3 ล้านคนมาที่ไครเมียทุกปี และ 2.8 ล้านคนเป็นชาวยูเครน แต่ตอนนี้ทุกอย่างหยุดนิ่ง หลังจากผ่านไป 11 ปี ที่ไครเมียอยู่ภายใต้รัสเซีย

    - ไม่มีใครเชิญเราเข้าร่วมนาโต้อีกตอไป แม้ว่าเราต้องการมัน พวกเขาเลือกวิธีการเสริมกำลังกองทัพ การป้องกันทางอากาศ และการฝึกฝนพวกเราแทน แม้แต่สหรัฐก็ไม่สนับสนุนการเป็นสมาชิกนาโต้ของยูเครน และนั่น "เป็นของขวัญที่ดีสำหรับรัสเซีย"

    - เซเลนสกีประกาศชัดเจนว่าเขาไม่เคยยอมรับความเป็นกลางทางทหารของยูเครน รวมถึงการลดจำนวนทหารของกองทัพยูเครนลง

    - เซเลนสกียืนยันไม่ยอมรับว่าดินแดนที่รัสเซียยึดครอง เป็นของรัสเซียไปแล้ว

    - เซเลนสกี ยืนยันโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ Zaporizhzhia ที่เป็นโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป และขณะนี้รัสเซียครอบครองอยู่ จะเป็นของยูเครนตลอดไป

    - เซเลนสกีกล่าวหาปูตินเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขในข้อตกลงหยุดยิงตลอดเวลา เพื่อยื้อการโจมตียูเครนต่อไป (แต่เซเลนสกีไม่ได้พูดถึงการโจมตีด้านพลังงานของรัสเซีย)

    - เซเลนสกีกล่าวชมกองกำลังยูเครนว่าเป็นผู้นำในการผลิตโดรน และเป็นกองกำลังที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดในยุโรปหรืออยู่ในระดับที่ดีที่สุด
    เซเลนสกีเรียกร้องประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย “ยุติการเรียกร้องโดยไม่จำเป็น โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อทำให้สงครามดำเนินต่อไป” นอกจากนี้ยังตัดพ้อว่าไม่มีใครช่วยเหลือยูเครนเข้านาโต้อีกต่อไปแล้ว นอกจากนี้เซเลนสกียังกล่าวอีกว่า: - ไครเมียที่ถูกรัสเซียยึดครองกำลังจะล่มสลาย เนื่องจากไม่มีนักท่องเที่ยวจากยูเครน โดยเฉลี่ยนักท่องเที่ยวกว่า 3 ล้านคนมาที่ไครเมียทุกปี และ 2.8 ล้านคนเป็นชาวยูเครน แต่ตอนนี้ทุกอย่างหยุดนิ่ง หลังจากผ่านไป 11 ปี ที่ไครเมียอยู่ภายใต้รัสเซีย - ไม่มีใครเชิญเราเข้าร่วมนาโต้อีกตอไป แม้ว่าเราต้องการมัน พวกเขาเลือกวิธีการเสริมกำลังกองทัพ การป้องกันทางอากาศ และการฝึกฝนพวกเราแทน แม้แต่สหรัฐก็ไม่สนับสนุนการเป็นสมาชิกนาโต้ของยูเครน และนั่น "เป็นของขวัญที่ดีสำหรับรัสเซีย" - เซเลนสกีประกาศชัดเจนว่าเขาไม่เคยยอมรับความเป็นกลางทางทหารของยูเครน รวมถึงการลดจำนวนทหารของกองทัพยูเครนลง - เซเลนสกียืนยันไม่ยอมรับว่าดินแดนที่รัสเซียยึดครอง เป็นของรัสเซียไปแล้ว - เซเลนสกี ยืนยันโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ Zaporizhzhia ที่เป็นโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป และขณะนี้รัสเซียครอบครองอยู่ จะเป็นของยูเครนตลอดไป - เซเลนสกีกล่าวหาปูตินเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขในข้อตกลงหยุดยิงตลอดเวลา เพื่อยื้อการโจมตียูเครนต่อไป (แต่เซเลนสกีไม่ได้พูดถึงการโจมตีด้านพลังงานของรัสเซีย) - เซเลนสกีกล่าวชมกองกำลังยูเครนว่าเป็นผู้นำในการผลิตโดรน และเป็นกองกำลังที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดในยุโรปหรืออยู่ในระดับที่ดีที่สุด
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 432 มุมมอง 6 0 รีวิว
  • นักวิจัยค้นพบวิธีใหม่ในการเจลเบรค AI เพื่อให้สร้างมัลแวร์ได้ผ่านการเล่าเรื่องที่โน้มน้าว AI ให้ทำสิ่งที่ไม่ปลอดภัย อย่างการสร้างโปรแกรมขโมยข้อมูลใน Chrome การโจมตีแบบนี้ทำให้ผู้โจมตีที่ไม่มีความรู้ด้านการเขียนโค้ดสามารถสร้างมัลแวร์ได้ง่ายขึ้น ความกังวลนี้ทำให้วงการ AI ต้องหันมาปรับปรุงมาตรการรักษาความปลอดภัยเพื่อป้องกันการใช้งานในทางที่ผิด

    วิธีการโจมตี:
    - เทคนิค Immersive World ใช้การสร้างโลกสมมติที่ทำให้การกระทำที่ไม่ปลอดภัยดูเหมือนเป็นเรื่องปกติ.
    - การเจลเบรคนี้ไม่ต้องการความรู้พื้นฐานด้านการเขียนโค้ดมัลแวร์มาก่อน ทำให้ผู้โจมตีที่มีประสบการณ์น้อยสามารถสร้างมัลแวร์ได้ง่ายขึ้น.

    มัลแวร์ Infostealer:
    - Infostealer กำลังกลายเป็นภัยคุกคามที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากสามารถขโมยข้อมูลส่วนตัว เช่น รหัสผ่าน และข้อมูลบัญชีธนาคาร ได้อย่างรวดเร็ว.
    - การพัฒนานี้แสดงให้เห็นว่าการใช้งาน AI ที่ไม่ระมัดระวังสามารถทำให้เกิดการโจมตีไซเบอร์ได้บ่อยขึ้นและรุนแรงขึ้น.

    ผลกระทบต่อวงการ AI:
    - AI กำลังเปลี่ยนภูมิทัศน์ของความปลอดภัยทางไซเบอร์ โดยทำให้ผู้โจมตีสามารถออกแบบการโจมตีที่ซับซ้อนขึ้นได้.
    - มีการเรียกร้องให้ปรับปรุงระบบความปลอดภัยและสร้างมาตรการใหม่เพื่อป้องกันการเจลเบรค AI ในอนาคต.

    https://www.techradar.com/pro/security/ai-chatbots-jailbroken-to-create-a-chrome-infostealer
    นักวิจัยค้นพบวิธีใหม่ในการเจลเบรค AI เพื่อให้สร้างมัลแวร์ได้ผ่านการเล่าเรื่องที่โน้มน้าว AI ให้ทำสิ่งที่ไม่ปลอดภัย อย่างการสร้างโปรแกรมขโมยข้อมูลใน Chrome การโจมตีแบบนี้ทำให้ผู้โจมตีที่ไม่มีความรู้ด้านการเขียนโค้ดสามารถสร้างมัลแวร์ได้ง่ายขึ้น ความกังวลนี้ทำให้วงการ AI ต้องหันมาปรับปรุงมาตรการรักษาความปลอดภัยเพื่อป้องกันการใช้งานในทางที่ผิด วิธีการโจมตี: - เทคนิค Immersive World ใช้การสร้างโลกสมมติที่ทำให้การกระทำที่ไม่ปลอดภัยดูเหมือนเป็นเรื่องปกติ. - การเจลเบรคนี้ไม่ต้องการความรู้พื้นฐานด้านการเขียนโค้ดมัลแวร์มาก่อน ทำให้ผู้โจมตีที่มีประสบการณ์น้อยสามารถสร้างมัลแวร์ได้ง่ายขึ้น. มัลแวร์ Infostealer: - Infostealer กำลังกลายเป็นภัยคุกคามที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากสามารถขโมยข้อมูลส่วนตัว เช่น รหัสผ่าน และข้อมูลบัญชีธนาคาร ได้อย่างรวดเร็ว. - การพัฒนานี้แสดงให้เห็นว่าการใช้งาน AI ที่ไม่ระมัดระวังสามารถทำให้เกิดการโจมตีไซเบอร์ได้บ่อยขึ้นและรุนแรงขึ้น. ผลกระทบต่อวงการ AI: - AI กำลังเปลี่ยนภูมิทัศน์ของความปลอดภัยทางไซเบอร์ โดยทำให้ผู้โจมตีสามารถออกแบบการโจมตีที่ซับซ้อนขึ้นได้. - มีการเรียกร้องให้ปรับปรุงระบบความปลอดภัยและสร้างมาตรการใหม่เพื่อป้องกันการเจลเบรค AI ในอนาคต. https://www.techradar.com/pro/security/ai-chatbots-jailbroken-to-create-a-chrome-infostealer
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 220 มุมมอง 0 รีวิว
  • มีข่าวร้ายสำหรับผู้ใช้ Windows เพราะพบช่องโหว่ใหม่ที่ชื่อ ZDI-CAN-25373 ซึ่งเปิดโอกาสให้แฮ็กเกอร์แฝงโค้ดอันตรายในไฟล์ .LNK โดยผู้ใช้จะมองไม่เห็นคำสั่งนั้นเลย กลุ่มแฮ็กเกอร์จากหลายประเทศใช้ช่องโหว่นี้เพื่อจารกรรมข้อมูลทั่วโลก Microsoft บอกว่า Defender สามารถช่วยป้องกันได้ แต่ยังไม่มีแพตช์แก้ไขออกมา ดังนั้น ทุกคนควรระมัดระวังเรื่องไฟล์ที่ดาวน์โหลดมาจากแหล่งที่ไม่น่าไว้วางใจ และอัปเดตระบบอยู่เสมอเพื่อป้องกันความเสี่ยง

    รายละเอียดของช่องโหว่:
    - ช่องโหว่นี้เกี่ยวข้องกับการแสดงผลไฟล์ .LNK (Shortcut) โดยผู้โจมตีสามารถซ่อนคำสั่งอันตรายไว้ในไฟล์ผ่านการเติมช่องว่างพิเศษ ทำให้ผู้ใช้งานไม่สามารถมองเห็นโค้ดอันตรายได้จากอินเทอร์เฟซปกติ.

    กลุ่มเป้าหมายและวัตถุประสงค์:
    - การโจมตีโดยช่องโหว่นี้มุ่งเป้าไปที่หลายภูมิภาคทั่วโลก รวมถึงอเมริกาเหนือ, ยุโรป, และเอเชียตะวันออก โดยมากกว่า 70% ของกรณีโจมตีมุ่งเน้นการจารกรรมข้อมูล ส่วนที่เหลือมีจุดประสงค์ทางการเงิน.

    มัลแวร์ที่เกี่ยวข้อง:
    - กลุ่มแฮ็กเกอร์ใช้ช่องโหว่นี้ร่วมกับมัลแวร์ยอดนิยม เช่น Ursnif และ Trickbot และบริการมัลแวร์เช่า (Malware-as-a-Service) เพิ่มความซับซ้อนของการโจมตี.

    ท่าทีของ Microsoft และข้อเสนอแนะ:
    - Microsoft ระบุว่าฟีเจอร์ Windows Defender และ Smart App Control สามารถตรวจจับและบล็อกกิจกรรมที่เกี่ยวข้องได้ อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้ควรหลีกเลี่ยงการเปิดไฟล์ที่มาจากแหล่งที่ไม่น่าเชื่อถือ และใช้วิธีการป้องกันเพิ่มเติม เช่น อัปเดตซอฟต์แวร์และระบบรักษาความปลอดภัยเป็นประจำ

    https://www.bleepingcomputer.com/news/security/new-windows-zero-day-exploited-by-11-state-hacking-groups-since-2017/
    มีข่าวร้ายสำหรับผู้ใช้ Windows เพราะพบช่องโหว่ใหม่ที่ชื่อ ZDI-CAN-25373 ซึ่งเปิดโอกาสให้แฮ็กเกอร์แฝงโค้ดอันตรายในไฟล์ .LNK โดยผู้ใช้จะมองไม่เห็นคำสั่งนั้นเลย กลุ่มแฮ็กเกอร์จากหลายประเทศใช้ช่องโหว่นี้เพื่อจารกรรมข้อมูลทั่วโลก Microsoft บอกว่า Defender สามารถช่วยป้องกันได้ แต่ยังไม่มีแพตช์แก้ไขออกมา ดังนั้น ทุกคนควรระมัดระวังเรื่องไฟล์ที่ดาวน์โหลดมาจากแหล่งที่ไม่น่าไว้วางใจ และอัปเดตระบบอยู่เสมอเพื่อป้องกันความเสี่ยง รายละเอียดของช่องโหว่: - ช่องโหว่นี้เกี่ยวข้องกับการแสดงผลไฟล์ .LNK (Shortcut) โดยผู้โจมตีสามารถซ่อนคำสั่งอันตรายไว้ในไฟล์ผ่านการเติมช่องว่างพิเศษ ทำให้ผู้ใช้งานไม่สามารถมองเห็นโค้ดอันตรายได้จากอินเทอร์เฟซปกติ. กลุ่มเป้าหมายและวัตถุประสงค์: - การโจมตีโดยช่องโหว่นี้มุ่งเป้าไปที่หลายภูมิภาคทั่วโลก รวมถึงอเมริกาเหนือ, ยุโรป, และเอเชียตะวันออก โดยมากกว่า 70% ของกรณีโจมตีมุ่งเน้นการจารกรรมข้อมูล ส่วนที่เหลือมีจุดประสงค์ทางการเงิน. มัลแวร์ที่เกี่ยวข้อง: - กลุ่มแฮ็กเกอร์ใช้ช่องโหว่นี้ร่วมกับมัลแวร์ยอดนิยม เช่น Ursnif และ Trickbot และบริการมัลแวร์เช่า (Malware-as-a-Service) เพิ่มความซับซ้อนของการโจมตี. ท่าทีของ Microsoft และข้อเสนอแนะ: - Microsoft ระบุว่าฟีเจอร์ Windows Defender และ Smart App Control สามารถตรวจจับและบล็อกกิจกรรมที่เกี่ยวข้องได้ อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้ควรหลีกเลี่ยงการเปิดไฟล์ที่มาจากแหล่งที่ไม่น่าเชื่อถือ และใช้วิธีการป้องกันเพิ่มเติม เช่น อัปเดตซอฟต์แวร์และระบบรักษาความปลอดภัยเป็นประจำ https://www.bleepingcomputer.com/news/security/new-windows-zero-day-exploited-by-11-state-hacking-groups-since-2017/
    WWW.BLEEPINGCOMPUTER.COM
    New Windows zero-day exploited by 11 state hacking groups since 2017
    At least 11 state-backed hacking groups from North Korea, Iran, Russia, and China have been exploiting a new Windows vulnerability in data theft and cyber espionage zero-day attacks since 2017.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 263 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🌿 ศาสนาพุทธ : เปลือกและแก่นของการทำบุญ 🌿


    ---

    🔵 1️⃣ เปลือกแรกของพุทธศาสนา: การทำบุญเพื่อให้ใจเป็นสุข

    ✅ เป้าหมาย → ทำบุญเพื่อให้ใจเบา สบาย และเป็นสุข
    ✅ วิธีการ

    ให้ทาน → สละออกเพื่อเกื้อกูลผู้อื่น

    รักษาศีล → ไม่เบียดเบียนตนเองและผู้อื่น

    ฝึกสมาธิ → ทำให้ใจสงบ ไม่ฟุ้งซ่าน
    ✅ ผลลัพธ์

    ใจที่สละออก = ใจที่เบาขึ้น

    ใจที่ห้ามความชั่ว = ใจที่สะอาดขึ้น
    📌 "การทำบุญเป็นเรื่องของจิต ไม่ใช่แค่พิธีกรรม"



    ---

    🟢 2️⃣ แก่นแท้ของพุทธศาสนา: การทำบุญเพื่อให้ใจพ้นทุกข์

    ✅ เป้าหมาย → สละความเห็นผิด สละความยึดมั่นในตัวตน
    ✅ วิธีการ

    สละ ‘ความยึดมั่นถือมั่น’ → เห็นว่าทุกสิ่งเป็น ‘อนัตตา’

    รู้ทันจิต → เห็นการเปลี่ยนแปลงของกายและใจอย่างเป็นกลาง

    ใช้ชีวิตด้วยสติ → ไม่เบียดเบียนใคร และอยู่กับธรรมชาติของชีวิต
    ✅ ผลลัพธ์

    จิตโปร่ง โล่ง เบา → ไม่ยึดติดความคิดว่า ‘เรา’ เป็นสิ่งใด

    ไม่มีตัวตนที่แท้จริง → ทุกสิ่งเป็นเพียง ‘การเปลี่ยนแปลง’ เท่านั้น
    📌 "พุทธศาสนาไม่ได้สอนให้แค่ ‘ดี’ แต่สอนให้ ‘พ้นทุกข์’"



    ---

    🔶 3️⃣ ทำไมบางคนเรียนธรรมะแต่ยังทุกข์?

    📌 ปัญหา

    รู้หลักธรรมะ แต่ ‘ยังมีอัตตา’ → คิดว่าตัวเองเหนือกว่าคนอื่น

    รู้ว่า ‘กายใจเป็นอนัตตา’ แต่ ‘ยังยึดติดความรู้’

    เข้าใจทฤษฎี แต่ยัง ‘โลภ โกรธ หลง’ อยู่


    📌 แนวทางแก้ไข

    เจริญสติในปัจจุบัน → รู้ลมหายใจ รู้กาย รู้จิตของตัวเอง

    ไม่ยึดติดความเป็นผู้รู้ → ไม่หลงคิดว่าตัวเองเหนือกว่าคนอื่น

    ใช้ชีวิตให้เป็นธรรมชาติ → ไม่ต้องฝืน ไม่ต้องกดดันตัวเอง


    📌 "การศึกษาธรรมะไม่ใช่การสะสมความรู้ แต่คือการลดอัตตา จนเหลือแต่จิตที่ว่างและเบาสบาย"


    ---

    🌅 4️⃣ การเจริญสติแบบพุทธ : ฝึก ‘รู้’ อย่างไรให้พ้นทุกข์

    ✅ ฝึกมองกายใจแบบแยกส่วน

    หายใจเข้า → รู้สึกโล่ง หรืออึดอัด?

    หายใจออก → รู้สึกสบาย หรือกดดัน?

    จิตฟุ้งซ่าน → แค่รู้ว่าฟุ้ง ไม่ต้องไปแก้

    จิตสงบ → แค่รู้ว่าสงบ ไม่ต้องไปยึด


    ✅ ฝึกเห็นว่า ‘ทุกสิ่งเปลี่ยนแปลง’

    อารมณ์ดี → เดี๋ยวก็หายไป

    อารมณ์ร้าย → เดี๋ยวก็หายไป

    ความสุข ความทุกข์ → ไม่เที่ยงทั้งคู่


    📌 "เห็นทุกสิ่งเปลี่ยนแปลงอย่างเป็นกลาง ใจก็เบาและพ้นทุกข์"


    ---

    🔄 5️⃣ สรุป : พุทธศาสนาสอนอะไร?

    ✅ เปลือกแรก → ทำบุญให้ใจเป็นสุข
    ✅ แก่นแท้ → สละตัวตนเพื่อให้ใจพ้นทุกข์
    ✅ ทางปฏิบัติ → เจริญสติ ฝึกเห็นกายใจเป็น ‘อนัตตา’
    ✅ เป้าหมายสูงสุด → จิตโปร่ง โล่ง เบา ไม่ยึดติดอะไร

    📌 "พระพุทธเจ้าไม่ได้ต้องการให้เรามีชีวิตที่สมบูรณ์แบบ แต่ต้องการให้เราพ้นทุกข์อย่างแท้จริง" 🏔️

    🌿 ศาสนาพุทธ : เปลือกและแก่นของการทำบุญ 🌿 --- 🔵 1️⃣ เปลือกแรกของพุทธศาสนา: การทำบุญเพื่อให้ใจเป็นสุข ✅ เป้าหมาย → ทำบุญเพื่อให้ใจเบา สบาย และเป็นสุข ✅ วิธีการ ให้ทาน → สละออกเพื่อเกื้อกูลผู้อื่น รักษาศีล → ไม่เบียดเบียนตนเองและผู้อื่น ฝึกสมาธิ → ทำให้ใจสงบ ไม่ฟุ้งซ่าน ✅ ผลลัพธ์ ใจที่สละออก = ใจที่เบาขึ้น ใจที่ห้ามความชั่ว = ใจที่สะอาดขึ้น 📌 "การทำบุญเป็นเรื่องของจิต ไม่ใช่แค่พิธีกรรม" --- 🟢 2️⃣ แก่นแท้ของพุทธศาสนา: การทำบุญเพื่อให้ใจพ้นทุกข์ ✅ เป้าหมาย → สละความเห็นผิด สละความยึดมั่นในตัวตน ✅ วิธีการ สละ ‘ความยึดมั่นถือมั่น’ → เห็นว่าทุกสิ่งเป็น ‘อนัตตา’ รู้ทันจิต → เห็นการเปลี่ยนแปลงของกายและใจอย่างเป็นกลาง ใช้ชีวิตด้วยสติ → ไม่เบียดเบียนใคร และอยู่กับธรรมชาติของชีวิต ✅ ผลลัพธ์ จิตโปร่ง โล่ง เบา → ไม่ยึดติดความคิดว่า ‘เรา’ เป็นสิ่งใด ไม่มีตัวตนที่แท้จริง → ทุกสิ่งเป็นเพียง ‘การเปลี่ยนแปลง’ เท่านั้น 📌 "พุทธศาสนาไม่ได้สอนให้แค่ ‘ดี’ แต่สอนให้ ‘พ้นทุกข์’" --- 🔶 3️⃣ ทำไมบางคนเรียนธรรมะแต่ยังทุกข์? 📌 ปัญหา รู้หลักธรรมะ แต่ ‘ยังมีอัตตา’ → คิดว่าตัวเองเหนือกว่าคนอื่น รู้ว่า ‘กายใจเป็นอนัตตา’ แต่ ‘ยังยึดติดความรู้’ เข้าใจทฤษฎี แต่ยัง ‘โลภ โกรธ หลง’ อยู่ 📌 แนวทางแก้ไข เจริญสติในปัจจุบัน → รู้ลมหายใจ รู้กาย รู้จิตของตัวเอง ไม่ยึดติดความเป็นผู้รู้ → ไม่หลงคิดว่าตัวเองเหนือกว่าคนอื่น ใช้ชีวิตให้เป็นธรรมชาติ → ไม่ต้องฝืน ไม่ต้องกดดันตัวเอง 📌 "การศึกษาธรรมะไม่ใช่การสะสมความรู้ แต่คือการลดอัตตา จนเหลือแต่จิตที่ว่างและเบาสบาย" --- 🌅 4️⃣ การเจริญสติแบบพุทธ : ฝึก ‘รู้’ อย่างไรให้พ้นทุกข์ ✅ ฝึกมองกายใจแบบแยกส่วน หายใจเข้า → รู้สึกโล่ง หรืออึดอัด? หายใจออก → รู้สึกสบาย หรือกดดัน? จิตฟุ้งซ่าน → แค่รู้ว่าฟุ้ง ไม่ต้องไปแก้ จิตสงบ → แค่รู้ว่าสงบ ไม่ต้องไปยึด ✅ ฝึกเห็นว่า ‘ทุกสิ่งเปลี่ยนแปลง’ อารมณ์ดี → เดี๋ยวก็หายไป อารมณ์ร้าย → เดี๋ยวก็หายไป ความสุข ความทุกข์ → ไม่เที่ยงทั้งคู่ 📌 "เห็นทุกสิ่งเปลี่ยนแปลงอย่างเป็นกลาง ใจก็เบาและพ้นทุกข์" --- 🔄 5️⃣ สรุป : พุทธศาสนาสอนอะไร? ✅ เปลือกแรก → ทำบุญให้ใจเป็นสุข ✅ แก่นแท้ → สละตัวตนเพื่อให้ใจพ้นทุกข์ ✅ ทางปฏิบัติ → เจริญสติ ฝึกเห็นกายใจเป็น ‘อนัตตา’ ✅ เป้าหมายสูงสุด → จิตโปร่ง โล่ง เบา ไม่ยึดติดอะไร 📌 "พระพุทธเจ้าไม่ได้ต้องการให้เรามีชีวิตที่สมบูรณ์แบบ แต่ต้องการให้เราพ้นทุกข์อย่างแท้จริง" 🏔️
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 294 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🍊🍋🍊🍋🍊🍋🍊🍋🍊

    ตั้งแต่ปี 1954 เราปลูกมะกรูดในฟาร์มออร์แกนิกที่ผ่านการรับรองซึ่งตั้งอยู่ในเมืองซานคาร์โล ซึ่งเป็นที่รู้จักในฐานะแหล่งที่อยู่อาศัยที่ดีที่สุดสำหรับการปลูกมะกรูดเนื่องจากมีสภาพอากาศปากน้ำที่เป็นเอกลักษณ์ น้ำมันมะกรูดจากซานคาร์โลถือเป็นน้ำมันคุณภาพสูงสุดของโลกในด้านกลิ่น

    ต้นมะกรูดของเราอุดมไปด้วยแร่ธาตุล้ำค่าที่มาจากแม่น้ำ Amendolea ที่อยู่ใกล้เคียง และได้รับแสงแดดตลอดทั้งปี เราปลูกต้นไม้ Castagnaro, Femminello และ Fantastico

    ชื่อพฤกษศาสตร์ Citrus Aurantium var Bergamia
    ต้นกำเนิดอิตาลี
    วิธีการสกัด สกัดเย็น (Pelatrice Speciale)
    สี สีเขียวถึงสีเขียวอมเหลือง
    กลิ่นหอม กลิ่นซิตรัสหวานและกลิ่นสมุนไพร กลิ่นหอมคล้ายชา
    ส่วนประกอบหลัก Limonene, Linalyl Acetate, Linalool, beta-Pinene, gamma-Terpinene

    #thaitime # น้ำมันหอมระเหย #อิตาลี
    🍊🍋🍊🍋🍊🍋🍊🍋🍊 ตั้งแต่ปี 1954 เราปลูกมะกรูดในฟาร์มออร์แกนิกที่ผ่านการรับรองซึ่งตั้งอยู่ในเมืองซานคาร์โล ซึ่งเป็นที่รู้จักในฐานะแหล่งที่อยู่อาศัยที่ดีที่สุดสำหรับการปลูกมะกรูดเนื่องจากมีสภาพอากาศปากน้ำที่เป็นเอกลักษณ์ น้ำมันมะกรูดจากซานคาร์โลถือเป็นน้ำมันคุณภาพสูงสุดของโลกในด้านกลิ่น ต้นมะกรูดของเราอุดมไปด้วยแร่ธาตุล้ำค่าที่มาจากแม่น้ำ Amendolea ที่อยู่ใกล้เคียง และได้รับแสงแดดตลอดทั้งปี เราปลูกต้นไม้ Castagnaro, Femminello และ Fantastico ชื่อพฤกษศาสตร์ Citrus Aurantium var Bergamia ต้นกำเนิดอิตาลี วิธีการสกัด สกัดเย็น (Pelatrice Speciale) สี สีเขียวถึงสีเขียวอมเหลือง กลิ่นหอม กลิ่นซิตรัสหวานและกลิ่นสมุนไพร กลิ่นหอมคล้ายชา ส่วนประกอบหลัก Limonene, Linalyl Acetate, Linalool, beta-Pinene, gamma-Terpinene #thaitime # น้ำมันหอมระเหย #อิตาลี
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 345 มุมมอง 0 รีวิว
  • Amazon กำลังเปลี่ยนวิธีการทำงานของ Alexa ครั้งใหญ่ ทุกคำสั่งเสียงจะถูกส่งไปประมวลผลบนคลาวด์เพื่อรองรับฟีเจอร์ใหม่อย่าง Alexa+ ที่ใช้ AI ขั้นสูง ฟีเจอร์ที่เคยให้ประมวลผลในอุปกรณ์เองจะถูกยกเลิก และคำสั่งเสียงเก่าทั้งหมดจะถูกลบเพื่อเตรียมความพร้อม. อย่างไรก็ตาม นี่ทำให้ผู้ใช้บางคนอาจกังวลเรื่องความเป็นส่วนตัว เพราะ Amazon เคยถูกวิจารณ์ในเรื่องนี้จากการเก็บและใช้ข้อมูลเสียงในอดีต

    ผลกระทบต่อความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้:
    - Alexa จะส่งคำสั่งเสียงทั้งหมดไปยังคลาวด์แทนการประมวลผลภายในอุปกรณ์ ซึ่งทำให้ผู้ใช้อาจมีความกังวลเกี่ยวกับข้อมูลส่วนตัว.
    - คำสั่งเสียงที่ถูกบันทึกไว้ในอดีตจะถูกลบทั้งหมดหลังวันที่ 28 มีนาคม.

    ข้อจำกัดที่ตามมา:
    - การตั้งค่าที่เลือกไม่บันทึกคำสั่งเสียงจะทำให้ฟีเจอร์บางอย่าง เช่น Voice ID ไม่สามารถใช้งานได้.
    - ฟีเจอร์ Local Processing เดิมใช้ได้เฉพาะอุปกรณ์ Echo Dot (4th Gen), Echo Show 10, และ Echo Show 15 ในสหรัฐฯ เท่านั้น ซึ่งหมายถึงการเปลี่ยนแปลงนี้มีผลต่อผู้ใช้งานจำกัด.

    ความกังวลด้านประวัติความโปร่งใส:
    - ในอดีต มีรายงานว่า Amazon เคยใช้ทีมงานฟังคลิปเสียงเพื่อพัฒนาการทำงานของ Alexa และข้อมูลเหล่านี้เคยถูกนำมาใช้ในคดีอาชญากรรม.
    - Amazon เพิ่งถูกปรับเงิน $25 ล้านจากการไม่เปิดเผยว่ามีการเก็บข้อมูลเสียงของเด็กไว้อย่างไม่มีกำหนด.

    https://www.techspot.com/news/107175-amazon-removing-option-local-alexa-processing-forcing-all.html
    Amazon กำลังเปลี่ยนวิธีการทำงานของ Alexa ครั้งใหญ่ ทุกคำสั่งเสียงจะถูกส่งไปประมวลผลบนคลาวด์เพื่อรองรับฟีเจอร์ใหม่อย่าง Alexa+ ที่ใช้ AI ขั้นสูง ฟีเจอร์ที่เคยให้ประมวลผลในอุปกรณ์เองจะถูกยกเลิก และคำสั่งเสียงเก่าทั้งหมดจะถูกลบเพื่อเตรียมความพร้อม. อย่างไรก็ตาม นี่ทำให้ผู้ใช้บางคนอาจกังวลเรื่องความเป็นส่วนตัว เพราะ Amazon เคยถูกวิจารณ์ในเรื่องนี้จากการเก็บและใช้ข้อมูลเสียงในอดีต ผลกระทบต่อความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้: - Alexa จะส่งคำสั่งเสียงทั้งหมดไปยังคลาวด์แทนการประมวลผลภายในอุปกรณ์ ซึ่งทำให้ผู้ใช้อาจมีความกังวลเกี่ยวกับข้อมูลส่วนตัว. - คำสั่งเสียงที่ถูกบันทึกไว้ในอดีตจะถูกลบทั้งหมดหลังวันที่ 28 มีนาคม. ข้อจำกัดที่ตามมา: - การตั้งค่าที่เลือกไม่บันทึกคำสั่งเสียงจะทำให้ฟีเจอร์บางอย่าง เช่น Voice ID ไม่สามารถใช้งานได้. - ฟีเจอร์ Local Processing เดิมใช้ได้เฉพาะอุปกรณ์ Echo Dot (4th Gen), Echo Show 10, และ Echo Show 15 ในสหรัฐฯ เท่านั้น ซึ่งหมายถึงการเปลี่ยนแปลงนี้มีผลต่อผู้ใช้งานจำกัด. ความกังวลด้านประวัติความโปร่งใส: - ในอดีต มีรายงานว่า Amazon เคยใช้ทีมงานฟังคลิปเสียงเพื่อพัฒนาการทำงานของ Alexa และข้อมูลเหล่านี้เคยถูกนำมาใช้ในคดีอาชญากรรม. - Amazon เพิ่งถูกปรับเงิน $25 ล้านจากการไม่เปิดเผยว่ามีการเก็บข้อมูลเสียงของเด็กไว้อย่างไม่มีกำหนด. https://www.techspot.com/news/107175-amazon-removing-option-local-alexa-processing-forcing-all.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Amazon removes privacy option, all Alexa recordings will now go to the cloud
    An email that Amazon sent to customers confirms that the Do Not Send Voice Recordings feature they enabled on supported Echo devices will soon no longer be...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 266 มุมมอง 0 รีวิว
  • 17/3/68

    #ข่าวประชาสัมพันธ์

    รพ.รามาฯ #ขอรับบริจาคเลือด
    #หลังไฟไหม้ทำคลังเลือดเสียหาย
    #กระทบการผ่าตัดคนไข้

    ความคืบหน้าเหตุพลิงไหม้ ภายในชั้น 2 อาคาร 1 ซึ่งเป็นอาคารหลัก โรงพยาบาลรามาธิบดี ถนนพระราม 6 เขตราชเทวี ซึ่งเป็นอาคาร 9 ชั้น โดยต้นเพลิง อยู่ใกล้กับห้องตรวจเลือดและตู้เก็บความเย็น ก่อนลุกลามไปยังโต๊ะทำงานและเอกสาร เจ้าหน้าที่ต้องตัดกระแสไฟฟ้า ใช้เวลาฉีดน้ำสกัด กว่า 20 นาที ก่อนจะควบคุมเพลิงไว้ได้

    ขณะนี้ยังคงมีกลิ่นควันไฟอยู่ภายโรงพยาบาล เจ้าหน้าเร่งกำจัดกลิ่นควันไม่ให้กระทบกับผู้ที่มาใช้บริการ เเละโดยเฉพาะคนไข้ที่เข้ารักษา โดยมีการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยซึ่งมีทั้งเด็กทารกเเรกเกิดและผู้สูงอายุ ไปอยู่ในอาคารที่ปลอดภัย ตั้งเเต่เมื่อคืนที่เกิดเหตุ มีแพทย์และพยาบาล ดูแลอย่างใกล้ชิด รวมถึงการเคลื่อนย้ายเครื่องมือเเพทย์บางส่วน แม้จะควบคุมเพลิงได้แล้ว แต่อาคารนี้เป็นที่รวมของแผนกต่างๆ ในการให้บริการในโรงพยาบาล ทั้งคลังเลือด เอ็กซเรย์ ห้องคลอด และ 2 ห้องผ่าตัด จึงต้องปิดทำการชั่วคราว

    ด้าน พล.ต.ต.วาที อัศวุตมางกุร ผู้บังคับการกองพิสูจน์หลักฐานกลาง (ผบก.พฐก.) นำเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน เข้าตรวจสอบ ภายในที่เกิดเหตุไฟไหม้ เพื่อหาสาเหตุที่แน่ชัดของเพลิงไหม้ ขณะที่มีรายงานจากทาง ผู้กำกับการสถานีตำรวจพญาไท เปิดเผยว่า สาเหตุน่าจะเกิดจากระบบไฟฟ้า เพราะดูจากกล้องวงจรปิด พบว่ามีการเกิดประกายไฟ จึงมุ่งไปที่ไฟฟ้าลัดวงจร

    ผลกระทบที่เกิดขึ้น คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ปัจจุบันสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ ยังไม่มีรายงานผู้ป่วยของโรงพยาบาลรามาธิบดี ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์นี้ โรงพยาบาลรามาธิบดีจะของดให้บริการภายในอาคารหลัก (อาคาร 1) ทั้งหมด งดให้บริการผู้ป่วยใหม่ที่ห้องฉุกเฉินสำหรับงานเวชระเบียนการบริจาคโลหิต จุดเจาะเลือด ขอให้ใช้บริการที่อาคารสมเด็จพระเทพรัตน์แทน ส่วนอาคารสมเด็จพระเทพรัตน์เบื้องต้นเปิดให้บริการตามปกติ โดยหลังจากนี้ เจ้าหน้าที่วิศวกร จะเข้าการตรวจสอบโครงสร้างของอาคารเพื่อความปลอดภัย

    ขณะเดียวกัน เวลานี้ ทางโรงพยาบาลฯ นำโดย ศ.คลินิก นพ.อาทิตย์ อังกานนท์ คณบดีเเพทยศาสตร์์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ,รศ.นพ.อมร วิจิตพาวรรณ ผู้ช่วยคณะบดีฝ่ายกายภาพเเละสิ่งอำนวยความสะดวก ,ผศ. นพ. ปริย พรรณเชษฐ์ รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลรามาธิบดี รักษาการผู้อำนวยการโรงพยาบาล

    โดย ศ.คลินิก นพ.อาทิตย์ อังกานนท์ คณบดีคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี กล่าวว่า ได้รับแจ้งเหตุเพลิงไหม้เมื่อช่วงค่ำ 19.20 น. ภายในอาคาร 1 ซึ่งเป็นอาคารหลัก ที่บริเวณชั้น 2 ของ อาคารนี้ สร้างมา 60 ปี ที่เกิดเหตุอาคารสำนักงานรังสีวิทยา แผนกเอ็กซเรย์ ใกล้คลังเลือดเเละคลังเเลปพยาธิวิทยา เเจ้งกลุ่มควันขึ้นไปชั้น 3-4 มีคนป่วยจำนวนมาก โดยพบว่ากลุ่มควันไฟได้กระจายหลายจุดไปทั่วอาคาร จึงได้เร่งอพยพเคลื่อนย้ายผู้ป่วยที่อยู่ใน อาคารประมาณ 500 เตียง ออกจากพื้นที่ ไปในพื้นที่ปลอดภัยก่อน โดยมีการย้ายผู้ป่วยในอาคารด้านทิศใต้ ไปในโซนทิศเหนือของโรงพยาบาล ทั้งคนไข้ที่อยู่ในไอซียู ผู้ป่วยทั่วไป โดยได้รับความร่วมมือจาก ทหาร ตำรวจ บุคคลากรเคลื่อนย้าย ใช้เวลาควบคุมเพลิง 1 ชั่วโมง คุมเพลิงได้ เเละนำคนไข้กลับมาฝั่งเหนือกลับมาทั้งหมด พร้อมประสานโรงพยาบาลใกล้เคียง โรงพยาบาลพระมงกุฏ และโรงพยาบาลเวชศาสตร์เขตร้อน เเต่มี 2 ตึกของโรงพยาบาล ที่ไม่ได้รับผลกระทบ จึงยังไม่จำเป็น โรงพยาบาลสามารถดูเเลคนไข้ทั้งหมด

    สำหรับผลกระทบ ห้องชั้น 2 ชั้น 3 ชั้น 4 พยาธิ เเละห้องรังสีวิทยา ห้องคลอด ห้องผ่าตัด ปิดการทำการไปก่อน เเละจำกัดคนไข้ที่จะเข้ารับการบริการ ไม่สามารถรับผู้ป่วยใหม่จนกว่าจะเข้าสู่สภาวะปกติ จะรักษาคนไข้เดิม คนที่นัดไว้ อาจทำให้คนไข้ไม่ได้รับความสะดวกบ้าง

    ครั้งนี้โชคดี ผู้ป่วยทุกคนได้รับการปลอดภัย ไม่มีใครบาดเจ็บและกลับมารักษาตามเเผนเดิม มีเพียงเจ้าหน้าที่โรงพยาบาล ที่กลับเข้าไปช่วยผู้ตกค้าง ได้รับบาดเจ็บ จนสำลักควัน ออกซิเจนในร่างกายน้อยลง คาร์บอนมอนออกไซด์ เข้าไปในปอด เเต่ยืนยันว่าที่มเเพทย์ จะช่วยให้กลับมาปลอดภัยได้ ส่วนเรื่องของรังสีกัมมันตภาพรั่วไหล ยืนยันว่าไม่มีรังสีรั่วไหล เพราะไม่มีการเปิดสวิต์ไฟ และไม่ใช่ที่เก็บกัมมันตภาพรังสี

    ส่วนผลกระทบด้านคลังเลือด ในช่วงเพลิงไหม้มีความจำเป็นต้องดับไฟ เมื่อเลือดไม่เย็นจะเสียภายในไม่กี่ชั่วโมง ซึ่งพบว่าเลือดเสียหายทั้งหมดรวม 100 ยูนิต ทำให้เลือดที่มีอยู่น้อยลงไป ต้องใช้เลือดในการผ่าตัดอย่างประหยัด ปกติจะใช้ 10-20 ยูนิตในการผ่าตัด คลังเลือดดังกล่าวเป็นคลังเลือดใหญ่ของโรงพยาบาล เเต่ยังมีคลังเลือดสำรองขนาดเล็กสำรองอยู่ จึงมีความจำเป็นต้องประชาสัมพันธ์ในการรับบริจาคเลือด สำหรับการผ่าตัดที่ต้องใช้เลือดปริมาณมาก เช่น การปลูกถ่ายตับ การผ่าตัดหัวใจ ยังสามารถเลื่อนออกไปก่อนได้

    สำหรับความเสียหายของอาคารที่เกิดเพลิงไหม้ พบว่าเป็นห้องที่ขนาด 50 ตาราเมตร ส่วนใหญ่ภายในเป็นอุปกรณ์สำนักงาน เเละ เอกสาร เเต่ที่มีความกังสลคือ อุปการณ์เเพทย์ที่มีความละเอียดอ่อน ในการตรวจวิเคราะห์กล้องจุลทรรศน์ที่อยู่ชั้น 3-4 ได้รับความเสียหายจากเขม่าควัน จากการการฉีดน้ำ จึงจำเป็นที่จะต้องมีการตรวจสอบเย่างละเอียด จึงยังไม่สามารถประเมินมูลค่าความเสียหายได้อย่างชัดเจน

    สำหรับการกลับมาให้บริการของโรงพยาบาล จะรีบดำเนินการให้กลับมาเปิดใช้บริการได้อย่างเร็วที่สุด เบื้องต้นต้องมีการตรวจสอบระบบไฟ ระบบเเอร์ คาดว่าใช้เวลาประมาณ 1 สัปดาห์

    ด้าน พล.ต.ต.วาที อัศวุตมางกุร ผู้บังคับการกองพิสูจน์หลักฐานกลาง (ผบก.พฐก.) เปิดเผยในเบื้องต้นว่า โรงพยาบาลจัดการได้อย่างดีเยี่ยม วันนี้นำทีมฟิสิกส์เข้ามาหาสาเหตุ พบต้นเพลิง จุดที่มีการสปาร์คของไฟ บนฝ้าเพดาน ที่เป็นอาคารเก่า มีการรีโนเวทบ่อยครั้ง พบรอยสปาร์ค พบสายไฟหลอมละลาย จึงมุ่งไปที่ไฟฟ้าลัดวงจร จะนำสายไฟไปตรวจสอบหาสาเหตุที่เเท้จริง มั่นใจว่าไม่ใช่การวางเพลิง เพราะลักษณะการเกิดเพลิงไหม้มีความเเตกต่างกัน ยืนยันว่าไม่ใช่การด่วนสรุป เเละจะนำผลการตรวจสายไฟ รวมถึงจุดต้นเพลิง เทียบเคียงกับกล้องวงจรปิด ว่าเป็นจุดเดียวกันกับจุดที่พบสายไฟหลอมละลายหรือไม่

    ขณะที่ รศ.ศิริวัฒน์ ไชยชนะ นำทีมวิศกร จากวิศกรรมสถานเเห่งประเทศไทย ร่วมตรวจสอบที่เกิดเหตุสภาพอาคาร เบื้องต้นจากการใช้วิธีการสำรวจโครงสร้าง ด้วยสายตา ทางกายภาพพบว่าอาคารยังคงปกติ เเต่อาจมีความสียหายบ้างในบ้างจุด โดยเฉพาะพื้นห้องอาคารชั้น 3 จากความร้อน ส่วนการตรวจสอบเชิงลึก จะนำอุปกรณ์ เพื่อออกมาเป็นค่าตัวเลข เเละทำการโหลดเทส หรือ การตรวจสอบการรับน้ำหนัก เพื่อสร้างความมั่นใจในการกลับใช้งาน

    #รับบริจาคเลือด
    #โรงพยาบาลรามาธิบดี #ไฟไหม้

    cr:ฝันดีฝันเด่น
    17/3/68 #ข่าวประชาสัมพันธ์ รพ.รามาฯ #ขอรับบริจาคเลือด #หลังไฟไหม้ทำคลังเลือดเสียหาย #กระทบการผ่าตัดคนไข้ ความคืบหน้าเหตุพลิงไหม้ ภายในชั้น 2 อาคาร 1 ซึ่งเป็นอาคารหลัก โรงพยาบาลรามาธิบดี ถนนพระราม 6 เขตราชเทวี ซึ่งเป็นอาคาร 9 ชั้น โดยต้นเพลิง อยู่ใกล้กับห้องตรวจเลือดและตู้เก็บความเย็น ก่อนลุกลามไปยังโต๊ะทำงานและเอกสาร เจ้าหน้าที่ต้องตัดกระแสไฟฟ้า ใช้เวลาฉีดน้ำสกัด กว่า 20 นาที ก่อนจะควบคุมเพลิงไว้ได้ ขณะนี้ยังคงมีกลิ่นควันไฟอยู่ภายโรงพยาบาล เจ้าหน้าเร่งกำจัดกลิ่นควันไม่ให้กระทบกับผู้ที่มาใช้บริการ เเละโดยเฉพาะคนไข้ที่เข้ารักษา โดยมีการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยซึ่งมีทั้งเด็กทารกเเรกเกิดและผู้สูงอายุ ไปอยู่ในอาคารที่ปลอดภัย ตั้งเเต่เมื่อคืนที่เกิดเหตุ มีแพทย์และพยาบาล ดูแลอย่างใกล้ชิด รวมถึงการเคลื่อนย้ายเครื่องมือเเพทย์บางส่วน แม้จะควบคุมเพลิงได้แล้ว แต่อาคารนี้เป็นที่รวมของแผนกต่างๆ ในการให้บริการในโรงพยาบาล ทั้งคลังเลือด เอ็กซเรย์ ห้องคลอด และ 2 ห้องผ่าตัด จึงต้องปิดทำการชั่วคราว ด้าน พล.ต.ต.วาที อัศวุตมางกุร ผู้บังคับการกองพิสูจน์หลักฐานกลาง (ผบก.พฐก.) นำเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน เข้าตรวจสอบ ภายในที่เกิดเหตุไฟไหม้ เพื่อหาสาเหตุที่แน่ชัดของเพลิงไหม้ ขณะที่มีรายงานจากทาง ผู้กำกับการสถานีตำรวจพญาไท เปิดเผยว่า สาเหตุน่าจะเกิดจากระบบไฟฟ้า เพราะดูจากกล้องวงจรปิด พบว่ามีการเกิดประกายไฟ จึงมุ่งไปที่ไฟฟ้าลัดวงจร ผลกระทบที่เกิดขึ้น คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ปัจจุบันสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ ยังไม่มีรายงานผู้ป่วยของโรงพยาบาลรามาธิบดี ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์นี้ โรงพยาบาลรามาธิบดีจะของดให้บริการภายในอาคารหลัก (อาคาร 1) ทั้งหมด งดให้บริการผู้ป่วยใหม่ที่ห้องฉุกเฉินสำหรับงานเวชระเบียนการบริจาคโลหิต จุดเจาะเลือด ขอให้ใช้บริการที่อาคารสมเด็จพระเทพรัตน์แทน ส่วนอาคารสมเด็จพระเทพรัตน์เบื้องต้นเปิดให้บริการตามปกติ โดยหลังจากนี้ เจ้าหน้าที่วิศวกร จะเข้าการตรวจสอบโครงสร้างของอาคารเพื่อความปลอดภัย ขณะเดียวกัน เวลานี้ ทางโรงพยาบาลฯ นำโดย ศ.คลินิก นพ.อาทิตย์ อังกานนท์ คณบดีเเพทยศาสตร์์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ,รศ.นพ.อมร วิจิตพาวรรณ ผู้ช่วยคณะบดีฝ่ายกายภาพเเละสิ่งอำนวยความสะดวก ,ผศ. นพ. ปริย พรรณเชษฐ์ รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลรามาธิบดี รักษาการผู้อำนวยการโรงพยาบาล โดย ศ.คลินิก นพ.อาทิตย์ อังกานนท์ คณบดีคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี กล่าวว่า ได้รับแจ้งเหตุเพลิงไหม้เมื่อช่วงค่ำ 19.20 น. ภายในอาคาร 1 ซึ่งเป็นอาคารหลัก ที่บริเวณชั้น 2 ของ อาคารนี้ สร้างมา 60 ปี ที่เกิดเหตุอาคารสำนักงานรังสีวิทยา แผนกเอ็กซเรย์ ใกล้คลังเลือดเเละคลังเเลปพยาธิวิทยา เเจ้งกลุ่มควันขึ้นไปชั้น 3-4 มีคนป่วยจำนวนมาก โดยพบว่ากลุ่มควันไฟได้กระจายหลายจุดไปทั่วอาคาร จึงได้เร่งอพยพเคลื่อนย้ายผู้ป่วยที่อยู่ใน อาคารประมาณ 500 เตียง ออกจากพื้นที่ ไปในพื้นที่ปลอดภัยก่อน โดยมีการย้ายผู้ป่วยในอาคารด้านทิศใต้ ไปในโซนทิศเหนือของโรงพยาบาล ทั้งคนไข้ที่อยู่ในไอซียู ผู้ป่วยทั่วไป โดยได้รับความร่วมมือจาก ทหาร ตำรวจ บุคคลากรเคลื่อนย้าย ใช้เวลาควบคุมเพลิง 1 ชั่วโมง คุมเพลิงได้ เเละนำคนไข้กลับมาฝั่งเหนือกลับมาทั้งหมด พร้อมประสานโรงพยาบาลใกล้เคียง โรงพยาบาลพระมงกุฏ และโรงพยาบาลเวชศาสตร์เขตร้อน เเต่มี 2 ตึกของโรงพยาบาล ที่ไม่ได้รับผลกระทบ จึงยังไม่จำเป็น โรงพยาบาลสามารถดูเเลคนไข้ทั้งหมด สำหรับผลกระทบ ห้องชั้น 2 ชั้น 3 ชั้น 4 พยาธิ เเละห้องรังสีวิทยา ห้องคลอด ห้องผ่าตัด ปิดการทำการไปก่อน เเละจำกัดคนไข้ที่จะเข้ารับการบริการ ไม่สามารถรับผู้ป่วยใหม่จนกว่าจะเข้าสู่สภาวะปกติ จะรักษาคนไข้เดิม คนที่นัดไว้ อาจทำให้คนไข้ไม่ได้รับความสะดวกบ้าง ครั้งนี้โชคดี ผู้ป่วยทุกคนได้รับการปลอดภัย ไม่มีใครบาดเจ็บและกลับมารักษาตามเเผนเดิม มีเพียงเจ้าหน้าที่โรงพยาบาล ที่กลับเข้าไปช่วยผู้ตกค้าง ได้รับบาดเจ็บ จนสำลักควัน ออกซิเจนในร่างกายน้อยลง คาร์บอนมอนออกไซด์ เข้าไปในปอด เเต่ยืนยันว่าที่มเเพทย์ จะช่วยให้กลับมาปลอดภัยได้ ส่วนเรื่องของรังสีกัมมันตภาพรั่วไหล ยืนยันว่าไม่มีรังสีรั่วไหล เพราะไม่มีการเปิดสวิต์ไฟ และไม่ใช่ที่เก็บกัมมันตภาพรังสี ส่วนผลกระทบด้านคลังเลือด ในช่วงเพลิงไหม้มีความจำเป็นต้องดับไฟ เมื่อเลือดไม่เย็นจะเสียภายในไม่กี่ชั่วโมง ซึ่งพบว่าเลือดเสียหายทั้งหมดรวม 100 ยูนิต ทำให้เลือดที่มีอยู่น้อยลงไป ต้องใช้เลือดในการผ่าตัดอย่างประหยัด ปกติจะใช้ 10-20 ยูนิตในการผ่าตัด คลังเลือดดังกล่าวเป็นคลังเลือดใหญ่ของโรงพยาบาล เเต่ยังมีคลังเลือดสำรองขนาดเล็กสำรองอยู่ จึงมีความจำเป็นต้องประชาสัมพันธ์ในการรับบริจาคเลือด สำหรับการผ่าตัดที่ต้องใช้เลือดปริมาณมาก เช่น การปลูกถ่ายตับ การผ่าตัดหัวใจ ยังสามารถเลื่อนออกไปก่อนได้ สำหรับความเสียหายของอาคารที่เกิดเพลิงไหม้ พบว่าเป็นห้องที่ขนาด 50 ตาราเมตร ส่วนใหญ่ภายในเป็นอุปกรณ์สำนักงาน เเละ เอกสาร เเต่ที่มีความกังสลคือ อุปการณ์เเพทย์ที่มีความละเอียดอ่อน ในการตรวจวิเคราะห์กล้องจุลทรรศน์ที่อยู่ชั้น 3-4 ได้รับความเสียหายจากเขม่าควัน จากการการฉีดน้ำ จึงจำเป็นที่จะต้องมีการตรวจสอบเย่างละเอียด จึงยังไม่สามารถประเมินมูลค่าความเสียหายได้อย่างชัดเจน สำหรับการกลับมาให้บริการของโรงพยาบาล จะรีบดำเนินการให้กลับมาเปิดใช้บริการได้อย่างเร็วที่สุด เบื้องต้นต้องมีการตรวจสอบระบบไฟ ระบบเเอร์ คาดว่าใช้เวลาประมาณ 1 สัปดาห์ ด้าน พล.ต.ต.วาที อัศวุตมางกุร ผู้บังคับการกองพิสูจน์หลักฐานกลาง (ผบก.พฐก.) เปิดเผยในเบื้องต้นว่า โรงพยาบาลจัดการได้อย่างดีเยี่ยม วันนี้นำทีมฟิสิกส์เข้ามาหาสาเหตุ พบต้นเพลิง จุดที่มีการสปาร์คของไฟ บนฝ้าเพดาน ที่เป็นอาคารเก่า มีการรีโนเวทบ่อยครั้ง พบรอยสปาร์ค พบสายไฟหลอมละลาย จึงมุ่งไปที่ไฟฟ้าลัดวงจร จะนำสายไฟไปตรวจสอบหาสาเหตุที่เเท้จริง มั่นใจว่าไม่ใช่การวางเพลิง เพราะลักษณะการเกิดเพลิงไหม้มีความเเตกต่างกัน ยืนยันว่าไม่ใช่การด่วนสรุป เเละจะนำผลการตรวจสายไฟ รวมถึงจุดต้นเพลิง เทียบเคียงกับกล้องวงจรปิด ว่าเป็นจุดเดียวกันกับจุดที่พบสายไฟหลอมละลายหรือไม่ ขณะที่ รศ.ศิริวัฒน์ ไชยชนะ นำทีมวิศกร จากวิศกรรมสถานเเห่งประเทศไทย ร่วมตรวจสอบที่เกิดเหตุสภาพอาคาร เบื้องต้นจากการใช้วิธีการสำรวจโครงสร้าง ด้วยสายตา ทางกายภาพพบว่าอาคารยังคงปกติ เเต่อาจมีความสียหายบ้างในบ้างจุด โดยเฉพาะพื้นห้องอาคารชั้น 3 จากความร้อน ส่วนการตรวจสอบเชิงลึก จะนำอุปกรณ์ เพื่อออกมาเป็นค่าตัวเลข เเละทำการโหลดเทส หรือ การตรวจสอบการรับน้ำหนัก เพื่อสร้างความมั่นใจในการกลับใช้งาน #รับบริจาคเลือด #โรงพยาบาลรามาธิบดี #ไฟไหม้ cr:ฝันดีฝันเด่น
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 504 มุมมอง 0 รีวิว
  • ระบบการ ศึกษาของไทยที่มีปัญหา
    ช่วงนี้ผมเป็นห่วงเห็นพ่อแม่หลายคนให้เด็กติว กันหนักมาก
    บางคนอยู่ ม. 1 แต่ว่าเรียนพิเศษคณิตศาสตร์จนจบ เนื้อหาม.3แล้ว
    บางคนอยู่ ม.1 ก็เริ่มเรียนพิเศษ ฟิสิกส์ เคมี ชีวะ แล้ว
    บางคนอยู่ ม.3 แต่เรียน ฟิสิกส์ เคมี ชีวะ เนื้อหาของ ม.ปลาย จบแล้ว…..
    ถามว่าทำไปเพื่ออะไร?
    แน่นอนว่าเด็กกลุ่มนี้อยากเป็นหมอ และอยากเข้ามหาวิทยาลัยอันดับ 1 ของประเทศ ไม่แน่ใจว่าด้วยเหตุผลใดก็ตามเด็กคิดเองหรือพ่อแม่บังคับ หรือกระตุ้นด้วยวิธีการต่างๆ พ่อแม่ก็จะดันเต็มที่ ปลายทางคืออยากให้เข้าคณะแพทย์คณะที่ดีที่สุดของประเทศไทยซึ่งแน่นอนว่าคือจุฬากับมหิดล และความฝันในการเรียน ม.ปลายของเด็กกลุ่มนี้ก็ต้องเป็นโรงเรียนชั้นนำเช่นกัน
    คะแนนสอบต่างๆก็ต้องคาดหวังเต็ม 100 หรืออันดับ 1
    ทำให้เด็กกลุ่มนี้ต้องติวกันหนักมาก เลิกเรียนกลับมา ติวต่อแน่นอน , เสาร์ - อาทิตย์ ติวทั้งวัน เช้าถึงเย็น
    แล้วเด็กกลุ่มนี้จะใช้ชีวิตในวัยเด็กจนถึงวัยรุ่นยังไง?
    น้องเรียนอย่างเดียว ไม่มีกิจกรรมอื่นๆเลยหรือ กีฬา , ดนตรี หรืองานอดิเรกอื่นๆ มีมั้ย
    ผมคิดว่าน่าเป็นห่วงมากๆ เพราะการจะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่ดีได้ ต้องหล่อหลอมจากประสบการณ์รอบด้าน ไม่ใช่เรียนหนักเพียงอย่างเดียว
    แน่นอนผมเชื่อว่าปลายทางของเด็กกลุ่มนี้ ถ้าเรียนแบบนี้ไปเรื่อยๆ เขาได้เป็นหมอสมใจแน่ๆ
    เผลอๆได้เกียรตินิยมอีก แต่… เค้าจะจบมาแบบไม่เคยทำอะไรอย่างอื่นเลย ประสบการณ์การใช้ชีวิตในวัยเด็กของเขา การได้ลองผิดลองถูก การได้ลองทำกิจกรรมอื่นๆที่ไม่ใช่การเรียน เค้าเสียตรงนี้ไปโดยที่ย้อนกลับมาไม่ได้แล้ว
    ผมชวนคิดอีกแบบ ถ้าเด็กอยากเป็นหมอ เหมือนกัน เราสอนวิธีการเรียนอีกแบบดีมั้ย?
    คะแนนไม่ต้องเต็ม 100 ก็ได้ เอาแค่พอผ่านเกณฑ์เป็นหมอได้ หรือเข้ามหาวิทยาลัยอันดับ 1 ไม่ได้ ก็ไปอันดับรองๆ หรือถ้ายังไม่ได้อีกก็ภาคเอกชนไปเลย เน้นเข้าเรียนในสถาบันที่เหมาะสมกับตัวเด็กที่สุด มีติวบ้างนิดหน่อย เพราะระบบการศึกษาของไทยที่ผมว่ามีปัญหา ทำให้เด็กๆต้องไปหาความรู้ตามที่เรียนพิเศษกันเยอะ (ไว้จะเล่าประเด็นนี้ให้ฟังวันหลัง) เอาแค่เท่าที่จำเป็นจริงๆ
    แต่สิ่งสำคัญที่สุดในการเรียนคือต้องมีความรับผิดชอบ ส่งการบ้านหรือทำงานตามกำหนดทุกชิ้นหรือไม่ มีการช่วยเหลือครูและเพื่อนในห้องบ้างไหม และเราต้องส่งเสริมให้เด็กรู้จักการวางแผนการเรียนที่ดีอย่างมีระบบ รู้ว่าติวแค่ไหนพอ ไม่มากไป ไม่น้อยไป
    และส่งเสริมให้เด็กได้ทำกิจกรรมอื่นๆนอกเหนือจากการเรียนบ้าง ได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ลองทำกิจกรรมให้หลากหลาย ฝึกให้มีความรับผิดชอบ เรียนรู้การทำงานเป็นทีม ระหว่างเรียน มีสอบตกบ้าง หรือมีความผิดพลาดบ้าง ให้เขาได้เรียนรู้ด้วยตัวเอง พ่อแม่ก็ไม่ต้องกดดันลูก แค่เข้าใจและให้กำลังใจ ไม่ต้องเปรียบเทียบกับคนอื่น
    ผมว่าปลายทางของเด็กกลุ่มหลังนี้ก็จบหมอได้เหมือนกัน แต่อาจจะไม่ได้เกียรตินิยม หรืออาจจะไม่ได้เรียนสถานบันการศึกษาอันดับ 1 ของประเทศ

    แต่ที่สำคัญคือเค้าได้ใช้ชีวิตวัยเด็กคุ้มค่าเลย ได้มีการทำกิจกรรมที่หลากหลายนอกเหนือจากการเรียนอย่างเดียว และได้ค้นหาตัวตนไปด้วย แน่นอน….โตขึ้นเค้าก็จะเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพมากๆ

    ผมอยากให้นึกภาพถึงเด็กที่เรียนเก่งมากๆ จบการศึกษาสูง แต่ทำอะไรไม่เป็น……กับคนที่เรียนจบเหมือนกันคะแนนอาจจะไม่ได้เต็มร้อย แต่ทำงานเก่งมาก เข้ากับสังคมได้ดี

    หมอคนที่เรียนเก่งมาก กับคนที่เรียนปกติ พอไปทำงานจริงๆแล้ว คนไข้ไม่เคยถามหรอกครับว่าหมอได้เกรดอะไรมา คนไข้ดูแค่ว่าหมอท่านนั้นรักษาหายมั้ย พูดจาแนะนำหรืออัธยาศัยดีมั้ย เท่านี้ครับ และลูกเราก็จะเป็นหมออย่างมีความสุข
    ระบบการ ศึกษาของไทยที่มีปัญหา ช่วงนี้ผมเป็นห่วงเห็นพ่อแม่หลายคนให้เด็กติว กันหนักมาก บางคนอยู่ ม. 1 แต่ว่าเรียนพิเศษคณิตศาสตร์จนจบ เนื้อหาม.3แล้ว บางคนอยู่ ม.1 ก็เริ่มเรียนพิเศษ ฟิสิกส์ เคมี ชีวะ แล้ว บางคนอยู่ ม.3 แต่เรียน ฟิสิกส์ เคมี ชีวะ เนื้อหาของ ม.ปลาย จบแล้ว….. ถามว่าทำไปเพื่ออะไร? แน่นอนว่าเด็กกลุ่มนี้อยากเป็นหมอ และอยากเข้ามหาวิทยาลัยอันดับ 1 ของประเทศ ไม่แน่ใจว่าด้วยเหตุผลใดก็ตามเด็กคิดเองหรือพ่อแม่บังคับ หรือกระตุ้นด้วยวิธีการต่างๆ พ่อแม่ก็จะดันเต็มที่ ปลายทางคืออยากให้เข้าคณะแพทย์คณะที่ดีที่สุดของประเทศไทยซึ่งแน่นอนว่าคือจุฬากับมหิดล และความฝันในการเรียน ม.ปลายของเด็กกลุ่มนี้ก็ต้องเป็นโรงเรียนชั้นนำเช่นกัน คะแนนสอบต่างๆก็ต้องคาดหวังเต็ม 100 หรืออันดับ 1 ทำให้เด็กกลุ่มนี้ต้องติวกันหนักมาก เลิกเรียนกลับมา ติวต่อแน่นอน , เสาร์ - อาทิตย์ ติวทั้งวัน เช้าถึงเย็น แล้วเด็กกลุ่มนี้จะใช้ชีวิตในวัยเด็กจนถึงวัยรุ่นยังไง? น้องเรียนอย่างเดียว ไม่มีกิจกรรมอื่นๆเลยหรือ กีฬา , ดนตรี หรืองานอดิเรกอื่นๆ มีมั้ย ผมคิดว่าน่าเป็นห่วงมากๆ เพราะการจะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่ดีได้ ต้องหล่อหลอมจากประสบการณ์รอบด้าน ไม่ใช่เรียนหนักเพียงอย่างเดียว แน่นอนผมเชื่อว่าปลายทางของเด็กกลุ่มนี้ ถ้าเรียนแบบนี้ไปเรื่อยๆ เขาได้เป็นหมอสมใจแน่ๆ เผลอๆได้เกียรตินิยมอีก แต่… เค้าจะจบมาแบบไม่เคยทำอะไรอย่างอื่นเลย ประสบการณ์การใช้ชีวิตในวัยเด็กของเขา การได้ลองผิดลองถูก การได้ลองทำกิจกรรมอื่นๆที่ไม่ใช่การเรียน เค้าเสียตรงนี้ไปโดยที่ย้อนกลับมาไม่ได้แล้ว ผมชวนคิดอีกแบบ ถ้าเด็กอยากเป็นหมอ เหมือนกัน เราสอนวิธีการเรียนอีกแบบดีมั้ย? คะแนนไม่ต้องเต็ม 100 ก็ได้ เอาแค่พอผ่านเกณฑ์เป็นหมอได้ หรือเข้ามหาวิทยาลัยอันดับ 1 ไม่ได้ ก็ไปอันดับรองๆ หรือถ้ายังไม่ได้อีกก็ภาคเอกชนไปเลย เน้นเข้าเรียนในสถาบันที่เหมาะสมกับตัวเด็กที่สุด มีติวบ้างนิดหน่อย เพราะระบบการศึกษาของไทยที่ผมว่ามีปัญหา ทำให้เด็กๆต้องไปหาความรู้ตามที่เรียนพิเศษกันเยอะ (ไว้จะเล่าประเด็นนี้ให้ฟังวันหลัง) เอาแค่เท่าที่จำเป็นจริงๆ แต่สิ่งสำคัญที่สุดในการเรียนคือต้องมีความรับผิดชอบ ส่งการบ้านหรือทำงานตามกำหนดทุกชิ้นหรือไม่ มีการช่วยเหลือครูและเพื่อนในห้องบ้างไหม และเราต้องส่งเสริมให้เด็กรู้จักการวางแผนการเรียนที่ดีอย่างมีระบบ รู้ว่าติวแค่ไหนพอ ไม่มากไป ไม่น้อยไป และส่งเสริมให้เด็กได้ทำกิจกรรมอื่นๆนอกเหนือจากการเรียนบ้าง ได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ลองทำกิจกรรมให้หลากหลาย ฝึกให้มีความรับผิดชอบ เรียนรู้การทำงานเป็นทีม ระหว่างเรียน มีสอบตกบ้าง หรือมีความผิดพลาดบ้าง ให้เขาได้เรียนรู้ด้วยตัวเอง พ่อแม่ก็ไม่ต้องกดดันลูก แค่เข้าใจและให้กำลังใจ ไม่ต้องเปรียบเทียบกับคนอื่น ผมว่าปลายทางของเด็กกลุ่มหลังนี้ก็จบหมอได้เหมือนกัน แต่อาจจะไม่ได้เกียรตินิยม หรืออาจจะไม่ได้เรียนสถานบันการศึกษาอันดับ 1 ของประเทศ แต่ที่สำคัญคือเค้าได้ใช้ชีวิตวัยเด็กคุ้มค่าเลย ได้มีการทำกิจกรรมที่หลากหลายนอกเหนือจากการเรียนอย่างเดียว และได้ค้นหาตัวตนไปด้วย แน่นอน….โตขึ้นเค้าก็จะเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพมากๆ ผมอยากให้นึกภาพถึงเด็กที่เรียนเก่งมากๆ จบการศึกษาสูง แต่ทำอะไรไม่เป็น……กับคนที่เรียนจบเหมือนกันคะแนนอาจจะไม่ได้เต็มร้อย แต่ทำงานเก่งมาก เข้ากับสังคมได้ดี หมอคนที่เรียนเก่งมาก กับคนที่เรียนปกติ พอไปทำงานจริงๆแล้ว คนไข้ไม่เคยถามหรอกครับว่าหมอได้เกรดอะไรมา คนไข้ดูแค่ว่าหมอท่านนั้นรักษาหายมั้ย พูดจาแนะนำหรืออัธยาศัยดีมั้ย เท่านี้ครับ และลูกเราก็จะเป็นหมออย่างมีความสุข
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 342 มุมมอง 0 รีวิว
  • มีการค้นพบวิธีการโจมตีใหม่ที่แฮกเกอร์ใช้แอปปลอมหน้าตาเหมือน Adobe หรือ DocuSign เพื่อเจาะบัญชี Microsoft 365 โดยหลอกให้ผู้ใช้ให้สิทธิ์เข้าถึงข้อมูลอย่างเช่นโปรไฟล์หรืออีเมล ซึ่งเมื่อพวกเขาได้สิทธินั้น พวกเขาก็สามารถเปลี่ยนเส้นทางผู้ใช้ไปยังเว็บไซต์อันตรายเพื่อขโมยรหัสบัญชีหรือแม้กระทั่งติดตั้งมัลแวร์. ดังนั้น เราต้องระวังในการอนุมัติแอปพวกนี้ ควรตรวจสอบให้แน่ใจว่ามันมาจากแหล่งที่เชื่อถือได้ และหากพบว่ามีแอปที่ไม่รู้จักได้รับสิทธิ์ ก็ให้รีบยกเลิกโดยทันที

    สิ่งที่แอปปลอมสามารถเข้าถึงได้:
    - แอปที่เป็นอันตรายเหล่านี้สามารถดึงข้อมูลเช่น ชื่อ, รูปโปรไฟล์, และที่อยู่อีเมล ซึ่งแม้ดูเหมือนไม่สำคัญ แต่เป็นช่องทางนำไปสู่การโจมตีที่ซับซ้อนขึ้น.
    - เมื่อสิทธิ์ถูกอนุมัติ ผู้โจมตีสามารถเปลี่ยนเส้นทางไปยังหน้าฟิชชิงที่ขโมยรหัสบัญชี Microsoft 365 หรือหน้าเพื่อติดตั้งมัลแวร์ได้.

    วิธีการโจมตี:
    - ผู้โจมตีมักส่งอีเมลฟิชชิงที่ดูเหมือนมาจากองค์กรที่เชื่อถือได้ เช่น องค์กรการกุศลหรือบริษัทเล็ก ๆ ที่ถูกเจาะระบบบัญชีมาใช้เป็นช่องทาง.
    - ตัวอย่างล่อเหยื่อที่ใช้ เช่น คำร้องขอข้อเสนอ (RFPs) และสัญญาธุรกิจ.

    คำแนะนำในการป้องกัน:
    - ตรวจสอบให้แน่ใจว่าแอป OAuth ที่ขอสิทธิ์นั้นมาจากแหล่งที่เชื่อถือได้ก่อนอนุมัติ.
    - สามารถเข้าไปตรวจสอบและยกเลิกการอนุมัติแอปที่ไม่รู้จักได้ผ่านทาง Microsoft My Apps (myapplications.microsoft.com).
    - ผู้ดูแลระบบสามารถจำกัดการอนุมัติแอปของผู้ใช้ได้ผ่านการตั้งค่าของ Microsoft 365

    https://www.bleepingcomputer.com/news/security/malicious-adobe-docusign-oauth-apps-target-microsoft-365-accounts/
    มีการค้นพบวิธีการโจมตีใหม่ที่แฮกเกอร์ใช้แอปปลอมหน้าตาเหมือน Adobe หรือ DocuSign เพื่อเจาะบัญชี Microsoft 365 โดยหลอกให้ผู้ใช้ให้สิทธิ์เข้าถึงข้อมูลอย่างเช่นโปรไฟล์หรืออีเมล ซึ่งเมื่อพวกเขาได้สิทธินั้น พวกเขาก็สามารถเปลี่ยนเส้นทางผู้ใช้ไปยังเว็บไซต์อันตรายเพื่อขโมยรหัสบัญชีหรือแม้กระทั่งติดตั้งมัลแวร์. ดังนั้น เราต้องระวังในการอนุมัติแอปพวกนี้ ควรตรวจสอบให้แน่ใจว่ามันมาจากแหล่งที่เชื่อถือได้ และหากพบว่ามีแอปที่ไม่รู้จักได้รับสิทธิ์ ก็ให้รีบยกเลิกโดยทันที สิ่งที่แอปปลอมสามารถเข้าถึงได้: - แอปที่เป็นอันตรายเหล่านี้สามารถดึงข้อมูลเช่น ชื่อ, รูปโปรไฟล์, และที่อยู่อีเมล ซึ่งแม้ดูเหมือนไม่สำคัญ แต่เป็นช่องทางนำไปสู่การโจมตีที่ซับซ้อนขึ้น. - เมื่อสิทธิ์ถูกอนุมัติ ผู้โจมตีสามารถเปลี่ยนเส้นทางไปยังหน้าฟิชชิงที่ขโมยรหัสบัญชี Microsoft 365 หรือหน้าเพื่อติดตั้งมัลแวร์ได้. วิธีการโจมตี: - ผู้โจมตีมักส่งอีเมลฟิชชิงที่ดูเหมือนมาจากองค์กรที่เชื่อถือได้ เช่น องค์กรการกุศลหรือบริษัทเล็ก ๆ ที่ถูกเจาะระบบบัญชีมาใช้เป็นช่องทาง. - ตัวอย่างล่อเหยื่อที่ใช้ เช่น คำร้องขอข้อเสนอ (RFPs) และสัญญาธุรกิจ. คำแนะนำในการป้องกัน: - ตรวจสอบให้แน่ใจว่าแอป OAuth ที่ขอสิทธิ์นั้นมาจากแหล่งที่เชื่อถือได้ก่อนอนุมัติ. - สามารถเข้าไปตรวจสอบและยกเลิกการอนุมัติแอปที่ไม่รู้จักได้ผ่านทาง Microsoft My Apps (myapplications.microsoft.com). - ผู้ดูแลระบบสามารถจำกัดการอนุมัติแอปของผู้ใช้ได้ผ่านการตั้งค่าของ Microsoft 365 https://www.bleepingcomputer.com/news/security/malicious-adobe-docusign-oauth-apps-target-microsoft-365-accounts/
    WWW.BLEEPINGCOMPUTER.COM
    Malicious Adobe, DocuSign OAuth apps target Microsoft 365 accounts
    Cybercriminals are promoting malicious Microsoft OAuth apps that masquerade as Adobe and DocuSign apps to deliver malware and steal Microsoft 365 accounts credentials.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 284 มุมมอง 0 รีวิว
  • AI agents หรือ "ตัวแทนปัญญาประดิษฐ์" กำลังกลายเป็นหัวใจสำคัญที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในโครงสร้างองค์กรยุคใหม่ พวกเขาทำหน้าที่คล้ายกับพนักงานที่ช่วยแก้ปัญหาและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน แต่ได้รับการดูแลและจัดการโดยแผนก IT แทนที่จะเป็นฝ่าย HR

    == จุดเด่นของ AI agents ในบริบทนี้ ==
    1) เทคโนโลยีที่ก้าวข้ามข้อจำกัดของ Microservices AI agents มีศักยภาพเกินกว่าที่ระบบ microservices แบบเดิมเคยทำได้ พวกมันสามารถ "คิด" และ "ดำเนินการ" ได้เองโดยอิสระ ซึ่งไม่เคยมีในซอฟต์แวร์อื่น ๆ มาก่อน
    2) การจัดการ AI agents คล้าย HR ของมนุษย์ แผนก IT จะทำหน้าที่ดูแล AI agents ตั้งแต่การเลือกใช้งาน (onboarding) การฝึกฝน ไปจนถึงการปรับแต่งเพื่อให้เหมาะสมกับงานเฉพาะ แต่ในเชิงเทคนิคจะต้องลงลึกกว่าการจัดการพนักงานทั่วไปมาก
    3) ช่วยจัดการข้อมูลแบบใหม่ AI agents สามารถเข้าถึงข้อมูลได้แบบกระจายศูนย์แทนที่จะรวบรวมข้อมูลทั้งหมดไว้ในจุดเดียว ทำให้ระบบมีประสิทธิภาพและลดความซับซ้อนในการทำงาน
    4) สร้างความเปลี่ยนแปลงในวัฒนธรรมองค์กร เนื่องจาก AI agents ไม่มีอารมณ์ ความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์และ AI agents อาจต้องมีการปรับตัว เช่น การสื่อสารในรูปแบบที่เหมาะสม หรือการเปลี่ยนวิธีการทำงานในองค์กรเพื่อให้สอดคล้องกับการใช้ AI

    == สาระที่น่าสนใจเพิ่มเติม ==
    - มีการถกเถียงถึงความน่าเชื่อถือของ AI agents ซึ่งอิงจากการทำงานแบบ probabilistic (คาดคะเนตามข้อมูลที่มี) มากกว่าการตัดสินใจแบบแน่นอน
    - การนำ AI agents มาใช้ในองค์กรไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มความเร็วและคุณภาพของงาน แต่ยังท้าทายวิธีคิดเดิม ๆ ในการบริหารจัดการทรัพยากร

    บทความนี้จึงชี้ให้เห็นถึงอนาคตขององค์กรยุคใหม่ที่ไม่ได้พึ่งพาเพียงคนทำงาน แต่ยังมี "ตัวแทนดิจิทัล" มาทำหน้าที่ร่วมด้วย

    https://www.zdnet.com/article/as-ai-agents-multiply-it-becomes-the-new-hr-department/
    AI agents หรือ "ตัวแทนปัญญาประดิษฐ์" กำลังกลายเป็นหัวใจสำคัญที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในโครงสร้างองค์กรยุคใหม่ พวกเขาทำหน้าที่คล้ายกับพนักงานที่ช่วยแก้ปัญหาและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน แต่ได้รับการดูแลและจัดการโดยแผนก IT แทนที่จะเป็นฝ่าย HR == จุดเด่นของ AI agents ในบริบทนี้ == 1) เทคโนโลยีที่ก้าวข้ามข้อจำกัดของ Microservices AI agents มีศักยภาพเกินกว่าที่ระบบ microservices แบบเดิมเคยทำได้ พวกมันสามารถ "คิด" และ "ดำเนินการ" ได้เองโดยอิสระ ซึ่งไม่เคยมีในซอฟต์แวร์อื่น ๆ มาก่อน 2) การจัดการ AI agents คล้าย HR ของมนุษย์ แผนก IT จะทำหน้าที่ดูแล AI agents ตั้งแต่การเลือกใช้งาน (onboarding) การฝึกฝน ไปจนถึงการปรับแต่งเพื่อให้เหมาะสมกับงานเฉพาะ แต่ในเชิงเทคนิคจะต้องลงลึกกว่าการจัดการพนักงานทั่วไปมาก 3) ช่วยจัดการข้อมูลแบบใหม่ AI agents สามารถเข้าถึงข้อมูลได้แบบกระจายศูนย์แทนที่จะรวบรวมข้อมูลทั้งหมดไว้ในจุดเดียว ทำให้ระบบมีประสิทธิภาพและลดความซับซ้อนในการทำงาน 4) สร้างความเปลี่ยนแปลงในวัฒนธรรมองค์กร เนื่องจาก AI agents ไม่มีอารมณ์ ความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์และ AI agents อาจต้องมีการปรับตัว เช่น การสื่อสารในรูปแบบที่เหมาะสม หรือการเปลี่ยนวิธีการทำงานในองค์กรเพื่อให้สอดคล้องกับการใช้ AI == สาระที่น่าสนใจเพิ่มเติม == - มีการถกเถียงถึงความน่าเชื่อถือของ AI agents ซึ่งอิงจากการทำงานแบบ probabilistic (คาดคะเนตามข้อมูลที่มี) มากกว่าการตัดสินใจแบบแน่นอน - การนำ AI agents มาใช้ในองค์กรไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มความเร็วและคุณภาพของงาน แต่ยังท้าทายวิธีคิดเดิม ๆ ในการบริหารจัดการทรัพยากร บทความนี้จึงชี้ให้เห็นถึงอนาคตขององค์กรยุคใหม่ที่ไม่ได้พึ่งพาเพียงคนทำงาน แต่ยังมี "ตัวแทนดิจิทัล" มาทำหน้าที่ร่วมด้วย https://www.zdnet.com/article/as-ai-agents-multiply-it-becomes-the-new-hr-department/
    WWW.ZDNET.COM
    As AI agents multiply, IT becomes the new HR department
    Fast becoming the emerging power behind enterprise microservices, AI agents will need to be acquired, onboarded, and guided - just like their human counterparts. Here's how that works.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 356 มุมมอง 0 รีวิว
  • รมว.ต่างประเทศสหรัฐฯ ออกแถลงการณ์ คว่ำบาตรวีซ่า (VISA) เจ้าหน้าที่รัฐบาลไทย ตอบโต้ปมส่ง 40 อุยกูร์กลับจีน

    นโยบายข้อจำกัดเกี่ยวกับวีซ่าใหม่ จะมีผลกับเจ้าหน้าที่รัฐบาลต่างประเทศที่ดำรงตำแหน่งอยู่ในปัจจุบันหรือในอดีต ซึ่งเป็นผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการผลักดันชาวอุยกูร์หรือชนกลุ่มน้อยทางชาติพันธุ์หรือศาสนากลุ่มอื่นที่อาจไม่ได้รับความคุ้มครองกลับจีน
    .
    เผื่อใครยังไม่รู้จักว่าประเทศสหรัฐเค้าเป็นใคร?

    👉สหรัฐอเมริกา (United States of America) ตั้งอยู่ในทวีปอเมริกาเหนือ ดำเนินนโยบายต่างประเทศที่ชัดเจนคือ "กูใหญ่" และ "กูถูกเสมอ"

    👉สหรัฐ คว่ำบาตรทรัพย์สินและและห้ามเจ้าหน้าที่ของศาลอาญาระหว่างประเทศ (ICC) ที่เกี่ยวข้องกับการสอบสวนอาชญากรรมสงครามของทหารสหรัฐในอัฟกานิสถาน เดินทางเข้าสหรัฐ

    👉สหรัฐ คว่ำบาตรทางเศรษฐกิจต่อศาลอาญาระหว่างประเทศ (International Criminal Court -ICC) กรณีออกหมายจับเนทันยาฮู ผู้นำอิสราเอล ในข้อกล่าวหาฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ โดยมองว่าเป็นการกระทำที่เกินกว่าเหตุและไม่มีมูลความจริงซึ่งมุ่งโจมตีสหรัฐที่มีความใกล้ชิดอิสราเอล

    👉สหรัฐไม่พอใจศาลโลก จะถอนตัวออกจากทุกข้อตกลงที่ทำกับอิหร่าน หลังจากอิหร่านร้องต่อศาลโลกว่า การที่สหรัฐประกาศมาตรการคว่ำบาตรอิหร่านถือว่าละเมิด "ข้อตกลงไมตรี" ที่ทำไว้กับอิหร่านตั้งแต่ปี 2498 สมัยพระเจ้าชาห์ที่ยังสนับสนุนตะวันตก ก่อนเกิดการปฏิวัติอิสลามปี 2522 และศาลโลกมีคำตัดสินสั่งให้สหรัฐยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรอิหร่านในส่วนที่เกี่ยวข้องกับมนุษยธรรม

    👉สหรัฐ ไม่พอใจ TikTok บริษัทสัญชาติจีน ที่มีผู้ใช้ในสหรัฐกว่า 170 ล้านบัญชี โดยกล่าวหาว่าล้วงความลับด้านความมั่นคง และพยายามทุกวิธีการเพื่อให้ยุติการให้บริการทั่วประเทศ นอกจากนี้ยังพยายามหาทางเข้าครอบครองเพื่อให้เป็นของสหรัฐ

    👉สหรัฐ คว่ำบาตรปากีสถาน หลังจากมองว่าการพัฒนาโครงการขีปนาวุธทิ้งตัวพิสัยไกล (long-range ballistic missile) รุ่นใหม่ของปากีสถานเป็นภัยคุกคามสหรัฐ

    👉สหรัฐ ไม่ยอมรับผลการเลือกตั้งในจอร์เจีย และประณามการสลายการชุมนุมในจอร์เจีย และให้รัฐบาลจอร์เจียฟังเสียงประชาชนที่ต้องการเข้าร่วมสหภาพยุโรป

    👉สหรัฐ ไม่ยอมรับผลการเลือกตั้งในวเนซุเอลา พร้อมทั้งประกาศรางวัล 25 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ สำหรับผู้จับกุมมาดูโรผู้นำเวเนซุเอลา

    👉สหรัฐ ถอนสถานะผู้ก่อการร้ายของ "อาบู มูฮัมหมัด อัลโจลานี" อดีตผู้บัญชาการกลุ่มอัลกออิดะห์และไอเอส ที่ถูกสหรัฐฯตั้งรางวัลนำจับ 10 ล้านเหรียญ หลังจากสนับสนุนให้ขึ้นเป็นผู้นำคนใหม่ของซีเรีย

    👉การถอนสถานะผู้ก่อการร้ายครั้งนี้ "ปลดล็อค" ความเชื่อเดิมๆที่ว่า ใครที่ถูกตั้งสถานะผู้ก่อการร้าย เกิดจากการกระทำที่โหดร้ายต่อประชาชน แต่แท้จริงแล้ว เป็นเพียงนโยบายการเมืองของสหรัฐเท่านั้น!!

    นี่เป็นเพียงตัวอย่างเล็กน้อยที่ทำให้เรารู้จักสหรัฐมากขึ้น

    ตอนนี้สหรัฐกำลังใช้มาตรการรุนแรงกดขี่ประเทศอื่นแบบไม่แคร์ใคร หาเรื่องไปทั่วเพื่อหาข้ออ้าง สร้างอำนาจต่อรอง จะได้ดำเนินนโยบายที่ตัวเองต้องการ ตั้งแต่ทะเลาะกับยุโรป แคนาดา นาโต้
    และกำลังใช้เคสอุยกูร์มาเล่นงานไทย ทั้งที่จริงๆไม่ได้เป็นห่วงเป็นใยอะไรใครหรอก
    👉ที่สำคัญคือ คนไทย นักการเมือง และสื่อ "เลวระ_ย_ำ" บางกลุ่มพร้อมจะเข้าร่วมสหรัฐทำร้ายประเทศไทยที่พวกมันก็หากินและใช้ชีวิตอยู่ในไทย
    รมว.ต่างประเทศสหรัฐฯ ออกแถลงการณ์ คว่ำบาตรวีซ่า (VISA) เจ้าหน้าที่รัฐบาลไทย ตอบโต้ปมส่ง 40 อุยกูร์กลับจีน นโยบายข้อจำกัดเกี่ยวกับวีซ่าใหม่ จะมีผลกับเจ้าหน้าที่รัฐบาลต่างประเทศที่ดำรงตำแหน่งอยู่ในปัจจุบันหรือในอดีต ซึ่งเป็นผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการผลักดันชาวอุยกูร์หรือชนกลุ่มน้อยทางชาติพันธุ์หรือศาสนากลุ่มอื่นที่อาจไม่ได้รับความคุ้มครองกลับจีน . เผื่อใครยังไม่รู้จักว่าประเทศสหรัฐเค้าเป็นใคร? 👉สหรัฐอเมริกา (United States of America) ตั้งอยู่ในทวีปอเมริกาเหนือ ดำเนินนโยบายต่างประเทศที่ชัดเจนคือ "กูใหญ่" และ "กูถูกเสมอ" 👉สหรัฐ คว่ำบาตรทรัพย์สินและและห้ามเจ้าหน้าที่ของศาลอาญาระหว่างประเทศ (ICC) ที่เกี่ยวข้องกับการสอบสวนอาชญากรรมสงครามของทหารสหรัฐในอัฟกานิสถาน เดินทางเข้าสหรัฐ 👉สหรัฐ คว่ำบาตรทางเศรษฐกิจต่อศาลอาญาระหว่างประเทศ (International Criminal Court -ICC) กรณีออกหมายจับเนทันยาฮู ผู้นำอิสราเอล ในข้อกล่าวหาฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ โดยมองว่าเป็นการกระทำที่เกินกว่าเหตุและไม่มีมูลความจริงซึ่งมุ่งโจมตีสหรัฐที่มีความใกล้ชิดอิสราเอล 👉สหรัฐไม่พอใจศาลโลก จะถอนตัวออกจากทุกข้อตกลงที่ทำกับอิหร่าน หลังจากอิหร่านร้องต่อศาลโลกว่า การที่สหรัฐประกาศมาตรการคว่ำบาตรอิหร่านถือว่าละเมิด "ข้อตกลงไมตรี" ที่ทำไว้กับอิหร่านตั้งแต่ปี 2498 สมัยพระเจ้าชาห์ที่ยังสนับสนุนตะวันตก ก่อนเกิดการปฏิวัติอิสลามปี 2522 และศาลโลกมีคำตัดสินสั่งให้สหรัฐยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรอิหร่านในส่วนที่เกี่ยวข้องกับมนุษยธรรม 👉สหรัฐ ไม่พอใจ TikTok บริษัทสัญชาติจีน ที่มีผู้ใช้ในสหรัฐกว่า 170 ล้านบัญชี โดยกล่าวหาว่าล้วงความลับด้านความมั่นคง และพยายามทุกวิธีการเพื่อให้ยุติการให้บริการทั่วประเทศ นอกจากนี้ยังพยายามหาทางเข้าครอบครองเพื่อให้เป็นของสหรัฐ 👉สหรัฐ คว่ำบาตรปากีสถาน หลังจากมองว่าการพัฒนาโครงการขีปนาวุธทิ้งตัวพิสัยไกล (long-range ballistic missile) รุ่นใหม่ของปากีสถานเป็นภัยคุกคามสหรัฐ 👉สหรัฐ ไม่ยอมรับผลการเลือกตั้งในจอร์เจีย และประณามการสลายการชุมนุมในจอร์เจีย และให้รัฐบาลจอร์เจียฟังเสียงประชาชนที่ต้องการเข้าร่วมสหภาพยุโรป 👉สหรัฐ ไม่ยอมรับผลการเลือกตั้งในวเนซุเอลา พร้อมทั้งประกาศรางวัล 25 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ สำหรับผู้จับกุมมาดูโรผู้นำเวเนซุเอลา 👉สหรัฐ ถอนสถานะผู้ก่อการร้ายของ "อาบู มูฮัมหมัด อัลโจลานี" อดีตผู้บัญชาการกลุ่มอัลกออิดะห์และไอเอส ที่ถูกสหรัฐฯตั้งรางวัลนำจับ 10 ล้านเหรียญ หลังจากสนับสนุนให้ขึ้นเป็นผู้นำคนใหม่ของซีเรีย 👉การถอนสถานะผู้ก่อการร้ายครั้งนี้ "ปลดล็อค" ความเชื่อเดิมๆที่ว่า ใครที่ถูกตั้งสถานะผู้ก่อการร้าย เกิดจากการกระทำที่โหดร้ายต่อประชาชน แต่แท้จริงแล้ว เป็นเพียงนโยบายการเมืองของสหรัฐเท่านั้น!! นี่เป็นเพียงตัวอย่างเล็กน้อยที่ทำให้เรารู้จักสหรัฐมากขึ้น ตอนนี้สหรัฐกำลังใช้มาตรการรุนแรงกดขี่ประเทศอื่นแบบไม่แคร์ใคร หาเรื่องไปทั่วเพื่อหาข้ออ้าง สร้างอำนาจต่อรอง จะได้ดำเนินนโยบายที่ตัวเองต้องการ ตั้งแต่ทะเลาะกับยุโรป แคนาดา นาโต้ และกำลังใช้เคสอุยกูร์มาเล่นงานไทย ทั้งที่จริงๆไม่ได้เป็นห่วงเป็นใยอะไรใครหรอก 👉ที่สำคัญคือ คนไทย นักการเมือง และสื่อ "เลวระ_ย_ำ" บางกลุ่มพร้อมจะเข้าร่วมสหรัฐทำร้ายประเทศไทยที่พวกมันก็หากินและใช้ชีวิตอยู่ในไทย
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 641 มุมมอง 0 รีวิว
  • Facebook ได้เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ที่น่าสนใจเพื่อช่วยให้ผู้สร้างเนื้อหาสามารถสร้างรายได้จากการโพสต์ใน Facebook Stories โดยฟีเจอร์นี้รองรับทั่วโลกแล้วสำหรับผู้ที่เข้าร่วมโปรแกรม Facebook Content Monetization ซึ่งโปรแกรมนี้รวมหลากหลายวิธีการสร้างรายได้ เช่น โฆษณาผ่านคลิป Reels, วิดีโอขนาดยาว, ภาพถ่าย และโพสต์ตัวอักษรต่าง ๆ

    สิ่งที่น่าสนใจเกี่ยวกับฟีเจอร์นี้คือ:
    - ผู้สร้างเนื้อหาไม่จำเป็นต้องมีจำนวนการชมถึงเกณฑ์ขั้นต่ำก็สามารถเริ่มได้รับรายได้จาก Stories ได้
    - ผู้สร้างเนื้อหาสามารถสมัครเข้าร่วมโปรแกรมได้ง่าย ๆ ผ่านเว็บไซต์ของโปรแกรม
    - หลังการรวมโปรแกรมต่าง ๆ เข้าด้วยกัน Meta (บริษัทแม่ของ Facebook) รายงานว่าผู้สร้างเนื้อหาสามารถทำรายได้รวมกว่า 2 พันล้านดอลลาร์ในปี 2024 และรายได้จากคลิปวิดีโอ Reels เพิ่มขึ้นกว่า 80%

    Meta กำลังใช้ฟีเจอร์นี้เพื่อดึงดูดผู้สร้างเนื้อหาจาก TikTok ท่ามกลางความไม่แน่นอนเกี่ยวกับอนาคตของ TikTok ในตลาดสหรัฐฯ Meta ยังใช้กลยุทธ์อื่น ๆ เช่น การให้โบนัสเงินสด การสร้างฟีเจอร์ที่คล้ายกับ TikTok และการเพิ่มโอกาสทางรายได้ในหลายรูปแบบ

    การพัฒนานี้สะท้อนให้เห็นถึงการแข่งขันที่เข้มข้นในตลาดโซเชียลมีเดีย และแนวโน้มที่เพิ่มขึ้นของการสนับสนุนให้ผู้สร้างเนื้อหาได้รับผลตอบแทนโดยตรง

    https://www.zdnet.com/article/want-to-make-money-from-facebook-stories-heres-how-you-can/
    Facebook ได้เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ที่น่าสนใจเพื่อช่วยให้ผู้สร้างเนื้อหาสามารถสร้างรายได้จากการโพสต์ใน Facebook Stories โดยฟีเจอร์นี้รองรับทั่วโลกแล้วสำหรับผู้ที่เข้าร่วมโปรแกรม Facebook Content Monetization ซึ่งโปรแกรมนี้รวมหลากหลายวิธีการสร้างรายได้ เช่น โฆษณาผ่านคลิป Reels, วิดีโอขนาดยาว, ภาพถ่าย และโพสต์ตัวอักษรต่าง ๆ สิ่งที่น่าสนใจเกี่ยวกับฟีเจอร์นี้คือ: - ผู้สร้างเนื้อหาไม่จำเป็นต้องมีจำนวนการชมถึงเกณฑ์ขั้นต่ำก็สามารถเริ่มได้รับรายได้จาก Stories ได้ - ผู้สร้างเนื้อหาสามารถสมัครเข้าร่วมโปรแกรมได้ง่าย ๆ ผ่านเว็บไซต์ของโปรแกรม - หลังการรวมโปรแกรมต่าง ๆ เข้าด้วยกัน Meta (บริษัทแม่ของ Facebook) รายงานว่าผู้สร้างเนื้อหาสามารถทำรายได้รวมกว่า 2 พันล้านดอลลาร์ในปี 2024 และรายได้จากคลิปวิดีโอ Reels เพิ่มขึ้นกว่า 80% Meta กำลังใช้ฟีเจอร์นี้เพื่อดึงดูดผู้สร้างเนื้อหาจาก TikTok ท่ามกลางความไม่แน่นอนเกี่ยวกับอนาคตของ TikTok ในตลาดสหรัฐฯ Meta ยังใช้กลยุทธ์อื่น ๆ เช่น การให้โบนัสเงินสด การสร้างฟีเจอร์ที่คล้ายกับ TikTok และการเพิ่มโอกาสทางรายได้ในหลายรูปแบบ การพัฒนานี้สะท้อนให้เห็นถึงการแข่งขันที่เข้มข้นในตลาดโซเชียลมีเดีย และแนวโน้มที่เพิ่มขึ้นของการสนับสนุนให้ผู้สร้างเนื้อหาได้รับผลตอบแทนโดยตรง https://www.zdnet.com/article/want-to-make-money-from-facebook-stories-heres-how-you-can/
    WWW.ZDNET.COM
    Want to make money from Facebook stories? Here's how you can
    Facebook has a new monetization option. Here's how you can cash in on it.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 275 มุมมอง 0 รีวิว
  • Microsoft ได้ตรวจพบมัลแวร์สายพันธุ์ใหม่ในชื่อ XCSSET ซึ่งมุ่งเป้าโจมตีผู้ใช้ macOS โดยเฉพาะผ่านโครงการ Xcode ที่ติดไวรัส แม้ว่าการโจมตีในครั้งนี้จะถูกระบุว่ามีจำนวนจำกัดในปัจจุบัน แต่นักวิจัยเตือนให้ทุกคนระมัดระวัง

    XCSSET ไม่ใช่มัลแวร์ใหม่เสียทีเดียว แต่รุ่นล่าสุดนี้มาพร้อมกับเทคนิคใหม่ในการปกปิดร่องรอย (obfuscation) รวมถึงวิธีการติดตั้งตัวเองในระบบเป้าหมายที่มีความซับซ้อนยิ่งขึ้น เช่น การปรับเปลี่ยนไฟล์ zshrc และการใช้โปรแกรม Dock เพื่อสร้างการคงอยู่ในระบบ (persistence) นอกจากนี้ มัลแวร์ยังสามารถขโมยข้อมูลสำคัญได้หลายอย่าง เช่น ข้อมูลในกระเป๋าเงินดิจิทัล (digital wallet) บันทึกในแอป Notes และข้อมูลระบบ

    น่าสนใจที่มัลแวร์นี้ใช้ประโยชน์จากโครงการ Xcode ซึ่งเป็นเครื่องมือสำหรับนักพัฒนาของ Apple โดยแพร่กระจายผ่านโครงการที่ถูกดาวน์โหลดหรือโคลนมาจากแหล่งที่ไม่เชื่อถือได้ ทำให้มัลแวร์นี้เข้าถึงผู้ใช้งานที่ต้องการพัฒนาแอปพลิเคชันในระบบ Apple ได้ง่ายขึ้น

    https://www.techradar.com/pro/security/microsoft-uncovers-sleuthy-new-xcsset-macos-malware-campaign
    Microsoft ได้ตรวจพบมัลแวร์สายพันธุ์ใหม่ในชื่อ XCSSET ซึ่งมุ่งเป้าโจมตีผู้ใช้ macOS โดยเฉพาะผ่านโครงการ Xcode ที่ติดไวรัส แม้ว่าการโจมตีในครั้งนี้จะถูกระบุว่ามีจำนวนจำกัดในปัจจุบัน แต่นักวิจัยเตือนให้ทุกคนระมัดระวัง XCSSET ไม่ใช่มัลแวร์ใหม่เสียทีเดียว แต่รุ่นล่าสุดนี้มาพร้อมกับเทคนิคใหม่ในการปกปิดร่องรอย (obfuscation) รวมถึงวิธีการติดตั้งตัวเองในระบบเป้าหมายที่มีความซับซ้อนยิ่งขึ้น เช่น การปรับเปลี่ยนไฟล์ zshrc และการใช้โปรแกรม Dock เพื่อสร้างการคงอยู่ในระบบ (persistence) นอกจากนี้ มัลแวร์ยังสามารถขโมยข้อมูลสำคัญได้หลายอย่าง เช่น ข้อมูลในกระเป๋าเงินดิจิทัล (digital wallet) บันทึกในแอป Notes และข้อมูลระบบ น่าสนใจที่มัลแวร์นี้ใช้ประโยชน์จากโครงการ Xcode ซึ่งเป็นเครื่องมือสำหรับนักพัฒนาของ Apple โดยแพร่กระจายผ่านโครงการที่ถูกดาวน์โหลดหรือโคลนมาจากแหล่งที่ไม่เชื่อถือได้ ทำให้มัลแวร์นี้เข้าถึงผู้ใช้งานที่ต้องการพัฒนาแอปพลิเคชันในระบบ Apple ได้ง่ายขึ้น https://www.techradar.com/pro/security/microsoft-uncovers-sleuthy-new-xcsset-macos-malware-campaign
    WWW.TECHRADAR.COM
    Microsoft uncovers sleuthy new XCSSET MacOS malware campaign
    XCSSET is back with better obfuscation, better persistence, and better infection techniques.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 376 มุมมอง 0 รีวิว
  • ในขณะที่เทคโนโลยี GenAI ถูกมองว่าเป็นตัวช่วยสำคัญสำหรับองค์กรในการปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำงาน แต่การนำมาใช้งานกลับเผชิญกับอุปสรรคที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีเองโดยตรง แต่เกิดจาก "การขาดการฝึกอบรมพนักงาน" ซึ่งกลายเป็นปัญหาหลัก

    จากการสำรวจพบว่า มีเพียง 45% ขององค์กรที่ให้การอบรมพื้นฐานเกี่ยวกับ GenAI และแค่ 40% ที่เสนอการฝึกอบรมเฉพาะทางสำหรับแอปพลิเคชันที่ใช้เทคโนโลยีนี้ สิ่งนี้ทำให้พนักงานส่วนใหญ่มักต้องเรียนรู้วิธีใช้เครื่องมือด้วยตัวเอง หรือไม่ก็เลือกที่จะไม่ลองใช้เลย ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่เหมาะสมสำหรับเทคโนโลยีที่มีศักยภาพในการพลิกโฉมวิธีการทำงาน

    ประเด็นที่น่าสนใจเพิ่มเติม:
    - การเปลี่ยนแปลงวิธีการทำงาน: GenAI ไม่ได้เป็นแค่การปรับปรุงเล็กๆ แต่เป็นการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการทำงานใหม่ทั้งหมด
    - ความท้าทายในการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม: แม้บางองค์กรจะมีการฝึกอบรม แต่ก็พบว่าพนักงานมักยึดติดกับการใช้เครื่องมือเดิมๆ เช่น Microsoft Office หรือ Google Workspace ซึ่งเป็นอุปสรรคต่อการปรับตัว
    - การปรับปรุงอินเทอร์เฟซ: อินเทอร์เฟซของ GenAI ที่มีอยู่ในปัจจุบันยังดูเหมือนไม่สมบูรณ์และใช้งานยาก เช่น การใช้ข้อความสั่งงานที่ไม่สะดวกหรือการเชื่อมต่อที่ไม่ราบรื่น

    การนำ GenAI มาใช้ให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุดจำเป็นต้องเริ่มจากการลงทุนในการฝึกอบรมพนักงานอย่างจริงจัง องค์กรควรมีแผนการศึกษาและการพัฒนาที่ชัดเจน เพื่อให้พนักงานเข้าใจและสามารถใช้งานเทคโนโลยีนี้ได้อย่างเต็มศักยภาพ นอกจากนี้ ผู้พัฒนาซอฟต์แวร์ควรเน้นการสร้างระบบที่ใช้ง่ายและเข้าถึงได้ดียิ่งขึ้น

    https://www.techspot.com/news/107136-biggest-barrier-enterprise-ai-adoption-isnt-technology-training.html
    ในขณะที่เทคโนโลยี GenAI ถูกมองว่าเป็นตัวช่วยสำคัญสำหรับองค์กรในการปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำงาน แต่การนำมาใช้งานกลับเผชิญกับอุปสรรคที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีเองโดยตรง แต่เกิดจาก "การขาดการฝึกอบรมพนักงาน" ซึ่งกลายเป็นปัญหาหลัก จากการสำรวจพบว่า มีเพียง 45% ขององค์กรที่ให้การอบรมพื้นฐานเกี่ยวกับ GenAI และแค่ 40% ที่เสนอการฝึกอบรมเฉพาะทางสำหรับแอปพลิเคชันที่ใช้เทคโนโลยีนี้ สิ่งนี้ทำให้พนักงานส่วนใหญ่มักต้องเรียนรู้วิธีใช้เครื่องมือด้วยตัวเอง หรือไม่ก็เลือกที่จะไม่ลองใช้เลย ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่เหมาะสมสำหรับเทคโนโลยีที่มีศักยภาพในการพลิกโฉมวิธีการทำงาน ประเด็นที่น่าสนใจเพิ่มเติม: - การเปลี่ยนแปลงวิธีการทำงาน: GenAI ไม่ได้เป็นแค่การปรับปรุงเล็กๆ แต่เป็นการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการทำงานใหม่ทั้งหมด - ความท้าทายในการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม: แม้บางองค์กรจะมีการฝึกอบรม แต่ก็พบว่าพนักงานมักยึดติดกับการใช้เครื่องมือเดิมๆ เช่น Microsoft Office หรือ Google Workspace ซึ่งเป็นอุปสรรคต่อการปรับตัว - การปรับปรุงอินเทอร์เฟซ: อินเทอร์เฟซของ GenAI ที่มีอยู่ในปัจจุบันยังดูเหมือนไม่สมบูรณ์และใช้งานยาก เช่น การใช้ข้อความสั่งงานที่ไม่สะดวกหรือการเชื่อมต่อที่ไม่ราบรื่น การนำ GenAI มาใช้ให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุดจำเป็นต้องเริ่มจากการลงทุนในการฝึกอบรมพนักงานอย่างจริงจัง องค์กรควรมีแผนการศึกษาและการพัฒนาที่ชัดเจน เพื่อให้พนักงานเข้าใจและสามารถใช้งานเทคโนโลยีนี้ได้อย่างเต็มศักยภาพ นอกจากนี้ ผู้พัฒนาซอฟต์แวร์ควรเน้นการสร้างระบบที่ใช้ง่ายและเข้าถึงได้ดียิ่งขึ้น https://www.techspot.com/news/107136-biggest-barrier-enterprise-ai-adoption-isnt-technology-training.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    The biggest barrier to enterprise AI adoption isn't technology - it's training
    One of the biggest questions currently facing the tech industry is how quickly and extensively enterprises worldwide will adopt GenAI applications and services. My in-depth research report...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 332 มุมมอง 0 รีวิว
  • ข่าวนี้พูดถึงการโจมตีของแรนซัมแวร์กลุ่ม Medusa ซึ่งได้ส่งผลกระทบต่อองค์กรกว่า 300 แห่งในสหรัฐฯ โดยเฉพาะในภาคส่วนโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ เช่น การแพทย์ การศึกษา กฎหมาย เทคโนโลยี และการผลิต โดยการโจมตีเหล่านี้มุ่งเป้าไปที่การใช้ข้อมูลที่ขโมยมาเป็นตัวประกันเพื่อเรียกร้องค่าไถ่

    Medusa ปรากฏตัวครั้งแรกในปี 2021 ในฐานะแรนซัมแวร์ประเภทปิด ที่พัฒนาและดำเนินการโดยกลุ่มเดียว แต่หลังจากนั้นได้เปลี่ยนเป็นรูปแบบ Ransomware-as-a-Service (RaaS) ซึ่งอนุญาตให้เครือข่ายพันธมิตรร่วมดำเนินการโจมตี โดยมีการเปิดตัว Medusa Blog สำหรับเผยแพร่ข้อมูลที่ถูกขโมยเพื่อกดดันเหยื่อให้จ่ายเงิน

    Medusa ใช้วิธีการจ้างบุคคลที่เรียกว่า Initial Access Brokers (IABs) ผ่านฟอรัมในโลกไซเบอร์เพื่อหาช่องทางเข้าถึงเครือข่ายของเหยื่อ โดยมีการเสนอค่าตอบแทนตั้งแต่ $100 ถึง $1 ล้าน เพื่อล่อลวงผู้ร่วมมือ การโจมตีครั้งสำคัญของ Medusa รวมถึงโรงเรียนในเมืองมินนิอาโปลิสและ Toyota Financial Services ซึ่งเสียหายหลายล้านดอลลาร์จากการปฏิเสธจ่ายค่าไถ่

    มาตรการป้องกันที่แนะนำ CISA, FBI และ MS-ISAC แนะนำให้ทุกองค์กรดำเนินมาตรการป้องกัน เช่น:
    - อัปเดตระบบปฏิบัติการและซอฟต์แวร์ให้ทันสมัยเสมอ
    - แยกเครือข่ายเพื่อลดการแพร่กระจายของการโจมตีภายในองค์กร
    - กรองการเชื่อมต่อเครือข่ายจากแหล่งที่ไม่น่าเชื่อถือ

    ความท้าทายใหม่ ข่าวยังเน้นถึงความสับสนเกี่ยวกับชื่อ "Medusa" เนื่องจากมีกลุ่มมัลแวร์หลายกลุ่มใช้ชื่อนี้ เช่น Botnet และมัลแวร์ Android ในอดีต ซึ่งอาจทำให้มีการรายงานที่ผิดพลาดเกี่ยวกับตัวตนของแรนซัมแวร์นี้

    https://www.bleepingcomputer.com/news/security/cisa-medusa-ransomware-hit-over-300-critical-infrastructure-orgs/
    ข่าวนี้พูดถึงการโจมตีของแรนซัมแวร์กลุ่ม Medusa ซึ่งได้ส่งผลกระทบต่อองค์กรกว่า 300 แห่งในสหรัฐฯ โดยเฉพาะในภาคส่วนโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ เช่น การแพทย์ การศึกษา กฎหมาย เทคโนโลยี และการผลิต โดยการโจมตีเหล่านี้มุ่งเป้าไปที่การใช้ข้อมูลที่ขโมยมาเป็นตัวประกันเพื่อเรียกร้องค่าไถ่ Medusa ปรากฏตัวครั้งแรกในปี 2021 ในฐานะแรนซัมแวร์ประเภทปิด ที่พัฒนาและดำเนินการโดยกลุ่มเดียว แต่หลังจากนั้นได้เปลี่ยนเป็นรูปแบบ Ransomware-as-a-Service (RaaS) ซึ่งอนุญาตให้เครือข่ายพันธมิตรร่วมดำเนินการโจมตี โดยมีการเปิดตัว Medusa Blog สำหรับเผยแพร่ข้อมูลที่ถูกขโมยเพื่อกดดันเหยื่อให้จ่ายเงิน Medusa ใช้วิธีการจ้างบุคคลที่เรียกว่า Initial Access Brokers (IABs) ผ่านฟอรัมในโลกไซเบอร์เพื่อหาช่องทางเข้าถึงเครือข่ายของเหยื่อ โดยมีการเสนอค่าตอบแทนตั้งแต่ $100 ถึง $1 ล้าน เพื่อล่อลวงผู้ร่วมมือ การโจมตีครั้งสำคัญของ Medusa รวมถึงโรงเรียนในเมืองมินนิอาโปลิสและ Toyota Financial Services ซึ่งเสียหายหลายล้านดอลลาร์จากการปฏิเสธจ่ายค่าไถ่ มาตรการป้องกันที่แนะนำ CISA, FBI และ MS-ISAC แนะนำให้ทุกองค์กรดำเนินมาตรการป้องกัน เช่น: - อัปเดตระบบปฏิบัติการและซอฟต์แวร์ให้ทันสมัยเสมอ - แยกเครือข่ายเพื่อลดการแพร่กระจายของการโจมตีภายในองค์กร - กรองการเชื่อมต่อเครือข่ายจากแหล่งที่ไม่น่าเชื่อถือ ความท้าทายใหม่ ข่าวยังเน้นถึงความสับสนเกี่ยวกับชื่อ "Medusa" เนื่องจากมีกลุ่มมัลแวร์หลายกลุ่มใช้ชื่อนี้ เช่น Botnet และมัลแวร์ Android ในอดีต ซึ่งอาจทำให้มีการรายงานที่ผิดพลาดเกี่ยวกับตัวตนของแรนซัมแวร์นี้ https://www.bleepingcomputer.com/news/security/cisa-medusa-ransomware-hit-over-300-critical-infrastructure-orgs/
    WWW.BLEEPINGCOMPUTER.COM
    CISA: Medusa ransomware hit over 300 critical infrastructure orgs
    CISA says the Medusa ransomware operation has impacted over 300 organizations in critical infrastructure sectors in the United States until last month.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 340 มุมมอง 0 รีวิว
  • นี่คือเรื่องราวเกี่ยวกับภัยไซเบอร์รูปแบบใหม่ที่แฮกเกอร์ใช้เทคนิคหลอกลวงด้วย CAPTCHA ปลอมเพื่อแพร่มัลแวร์เข้าสู่ระบบของเหยื่อ โดยวิธีการนี้เน้นการใช้ social engineering หรือการสร้างสถานการณ์ที่ดูน่าเชื่อถือเพื่อดึงดูดให้ผู้ใช้ปฏิบัติตามคำแนะนำ โดยปราศจากข้อสงสัย

    เมื่อผู้ใช้งานเยี่ยมชมเว็บไซต์ที่ไม่ปลอดภัย พวกเขาอาจพบ CAPTCHA ที่ขอให้ตรวจสอบว่าตนเองไม่ใช่หุ่นยนต์ ซึ่งดูเหมือนเป็นเรื่องปกติ อย่างไรก็ตาม CAPTCHA ปลอมนี้อาจมีขั้นตอนเพิ่มเติมที่น่าสงสัย เช่น การให้ผู้ใช้กดปุ่ม Windows Key + R และวางข้อความในช่องรันคำสั่ง ซึ่งแท้จริงแล้วเป็นโค้ดที่แฝงคำสั่งอันตราย

    โค้ดเหล่านี้อาจเรียกใช้คำสั่ง mshta เพื่อดาวน์โหลดไฟล์มัลแวร์จากเซิร์ฟเวอร์ระยะไกล โดยไฟล์ที่ดาวน์โหลดมักปลอมตัวเป็นไฟล์มีเดีย เช่น MP3 หรือ MP4 แต่ในความเป็นจริง มันมีคำสั่ง PowerShell ที่แอบติดตั้งมัลแวร์ลงในระบบโดยไม่รู้ตัว

    มัลแวร์ที่เกี่ยวข้องในกรณีนี้ประกอบด้วย Lumma Stealer และ SecTopRAT ซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อขโมยข้อมูลสำคัญ หรือเปิดช่องทางควบคุมคอมพิวเตอร์ระยะไกล

    คำแนะนำในการป้องกัน:
    - หลีกเลี่ยงการปฏิบัติตามคำแนะนำจาก CAPTCHA หรือเว็บไซต์ที่ดูน่าสงสัย
    - ใช้ซอฟต์แวร์ป้องกันมัลแวร์ที่สามารถบล็อกเว็บไซต์และสคริปต์อันตรายได้
    - ติดตั้งส่วนขยายในเบราว์เซอร์ที่ช่วยป้องกันโดเมนที่รู้จักว่าเป็นภัยไซเบอร์
    - หากเป็นไปได้ ควรใช้เบราว์เซอร์แยกสำหรับการใช้งานเว็บไซต์ที่ไม่น่าเชื่อถือ

    การโจมตีรูปแบบนี้เน้นจุดอ่อนในพฤติกรรมผู้ใช้งานที่มักไว้วางใจ CAPTCHA ซึ่งถือเป็นบทเรียนสำคัญเกี่ยวกับความระมัดระวังในการใช้งานอินเทอร์เน็ต

    https://www.techspot.com/news/107107-new-cyber-threat-uses-fake-captcha-infect-systems.html
    นี่คือเรื่องราวเกี่ยวกับภัยไซเบอร์รูปแบบใหม่ที่แฮกเกอร์ใช้เทคนิคหลอกลวงด้วย CAPTCHA ปลอมเพื่อแพร่มัลแวร์เข้าสู่ระบบของเหยื่อ โดยวิธีการนี้เน้นการใช้ social engineering หรือการสร้างสถานการณ์ที่ดูน่าเชื่อถือเพื่อดึงดูดให้ผู้ใช้ปฏิบัติตามคำแนะนำ โดยปราศจากข้อสงสัย เมื่อผู้ใช้งานเยี่ยมชมเว็บไซต์ที่ไม่ปลอดภัย พวกเขาอาจพบ CAPTCHA ที่ขอให้ตรวจสอบว่าตนเองไม่ใช่หุ่นยนต์ ซึ่งดูเหมือนเป็นเรื่องปกติ อย่างไรก็ตาม CAPTCHA ปลอมนี้อาจมีขั้นตอนเพิ่มเติมที่น่าสงสัย เช่น การให้ผู้ใช้กดปุ่ม Windows Key + R และวางข้อความในช่องรันคำสั่ง ซึ่งแท้จริงแล้วเป็นโค้ดที่แฝงคำสั่งอันตราย โค้ดเหล่านี้อาจเรียกใช้คำสั่ง mshta เพื่อดาวน์โหลดไฟล์มัลแวร์จากเซิร์ฟเวอร์ระยะไกล โดยไฟล์ที่ดาวน์โหลดมักปลอมตัวเป็นไฟล์มีเดีย เช่น MP3 หรือ MP4 แต่ในความเป็นจริง มันมีคำสั่ง PowerShell ที่แอบติดตั้งมัลแวร์ลงในระบบโดยไม่รู้ตัว มัลแวร์ที่เกี่ยวข้องในกรณีนี้ประกอบด้วย Lumma Stealer และ SecTopRAT ซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อขโมยข้อมูลสำคัญ หรือเปิดช่องทางควบคุมคอมพิวเตอร์ระยะไกล คำแนะนำในการป้องกัน: - หลีกเลี่ยงการปฏิบัติตามคำแนะนำจาก CAPTCHA หรือเว็บไซต์ที่ดูน่าสงสัย - ใช้ซอฟต์แวร์ป้องกันมัลแวร์ที่สามารถบล็อกเว็บไซต์และสคริปต์อันตรายได้ - ติดตั้งส่วนขยายในเบราว์เซอร์ที่ช่วยป้องกันโดเมนที่รู้จักว่าเป็นภัยไซเบอร์ - หากเป็นไปได้ ควรใช้เบราว์เซอร์แยกสำหรับการใช้งานเว็บไซต์ที่ไม่น่าเชื่อถือ การโจมตีรูปแบบนี้เน้นจุดอ่อนในพฤติกรรมผู้ใช้งานที่มักไว้วางใจ CAPTCHA ซึ่งถือเป็นบทเรียนสำคัญเกี่ยวกับความระมัดระวังในการใช้งานอินเทอร์เน็ต https://www.techspot.com/news/107107-new-cyber-threat-uses-fake-captcha-infect-systems.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    New threat uses fake CAPTCHA to infect systems with malware
    The attack typically begins when visitors to a website are prompted to verify they are not robots, a common practice that rarely raises suspicion. However, instead of...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 321 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts