• กลุ่มผู้นำด้านโทรคมนาคมในยุโรปไม่พอใจกับระบบราชการของสหภาพยุโรป โดยกล่าวว่าการจัดการที่ยุ่งยากเกินไปทำให้การรวมตัวของบริษัทต่าง ๆ เป็นไปได้ยาก ซึ่งส่งผลให้ยุโรปล้าหลังเมื่อเปรียบเทียบกับคู่แข่งในสหรัฐฯ และเอเชีย

    Tim Höttges ซีอีโอของ Deutsche Telekom AG กล่าวในงาน Mobile World Congress ที่บาร์เซโลนาว่า “ยุโรปต้องการอะไรสักอย่างเช่น DOGE” ซึ่งเป็นองค์กรที่จัดตั้งขึ้นโดยรัฐบาลของอดีตประธานาธิบดี Donald Trump เพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย เขายังกล่าวเพิ่มเติมว่าอุตสาหกรรมโทรคมนาคมในยุโรปถูกจำกัดด้วยกำไรที่ต่ำและการแข่งขันที่สูง

    ในงานดังกล่าว ซีอีโอของ Vodafone, Orange SA และ Telefonica SA ก็แสดงความเห็นด้วยกับ Höttges โดยบอกว่ายุโรปยังตามหลังในการพัฒนา 5G และมีความจำเป็นต้องมีการรวมตัวของบริษัทเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความสามารถในการแข่งขัน

    รายงานจากอดีตประธานธนาคารกลางยุโรป Mario Draghi แนะนำว่าสหภาพยุโรปควรสนับสนุนการรวมตัวของบริษัทในอุตสาหกรรมนี้เพื่อให้สามารถแข่งขันกับตลาดอื่น ๆ ได้ อย่างไรก็ตาม Teresa Ribera หัวหน้าฝ่ายการควบคุมการผูกขาดของสหภาพยุโรปยังไม่สามารถผลักดันการเปลี่ยนแปลงกฎเกณฑ์การรวมตัวให้เกิดขึ้นได้

    Höttges กล่าวว่าควรเลียนแบบสิ่งที่สหรัฐฯ ทำ โดยยกตัวอย่างจีนที่มีเพียงสามผู้ประกอบการและอินเดียที่ลดจำนวนผู้ประกอบการลงเหลือสามราย และการดำเนินการนี้ช่วยให้พวกเขาเติบโตได้ดี

    ในการประชุมนี้ยังมีผู้นำบริษัทต่าง ๆ เช่น Telefonica, Emirates Telecommunications Group, Telenor และ Bharti Airtel แสดงความไม่พอใจว่าพวกเขาไม่ได้รับผลตอบแทนที่เพียงพอจากการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคม ซึ่ง Sunil Bharti Mittal ประธาน Bharti Airtel กล่าวว่าผลตอบแทนเฉลี่ยอยู่ที่ 4% ซึ่งถือว่าน้อยมาก

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/03/04/europe-needs-a-doge-telecom-ceos-fume-at-eu-bureaucracy
    กลุ่มผู้นำด้านโทรคมนาคมในยุโรปไม่พอใจกับระบบราชการของสหภาพยุโรป โดยกล่าวว่าการจัดการที่ยุ่งยากเกินไปทำให้การรวมตัวของบริษัทต่าง ๆ เป็นไปได้ยาก ซึ่งส่งผลให้ยุโรปล้าหลังเมื่อเปรียบเทียบกับคู่แข่งในสหรัฐฯ และเอเชีย Tim Höttges ซีอีโอของ Deutsche Telekom AG กล่าวในงาน Mobile World Congress ที่บาร์เซโลนาว่า “ยุโรปต้องการอะไรสักอย่างเช่น DOGE” ซึ่งเป็นองค์กรที่จัดตั้งขึ้นโดยรัฐบาลของอดีตประธานาธิบดี Donald Trump เพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย เขายังกล่าวเพิ่มเติมว่าอุตสาหกรรมโทรคมนาคมในยุโรปถูกจำกัดด้วยกำไรที่ต่ำและการแข่งขันที่สูง ในงานดังกล่าว ซีอีโอของ Vodafone, Orange SA และ Telefonica SA ก็แสดงความเห็นด้วยกับ Höttges โดยบอกว่ายุโรปยังตามหลังในการพัฒนา 5G และมีความจำเป็นต้องมีการรวมตัวของบริษัทเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความสามารถในการแข่งขัน รายงานจากอดีตประธานธนาคารกลางยุโรป Mario Draghi แนะนำว่าสหภาพยุโรปควรสนับสนุนการรวมตัวของบริษัทในอุตสาหกรรมนี้เพื่อให้สามารถแข่งขันกับตลาดอื่น ๆ ได้ อย่างไรก็ตาม Teresa Ribera หัวหน้าฝ่ายการควบคุมการผูกขาดของสหภาพยุโรปยังไม่สามารถผลักดันการเปลี่ยนแปลงกฎเกณฑ์การรวมตัวให้เกิดขึ้นได้ Höttges กล่าวว่าควรเลียนแบบสิ่งที่สหรัฐฯ ทำ โดยยกตัวอย่างจีนที่มีเพียงสามผู้ประกอบการและอินเดียที่ลดจำนวนผู้ประกอบการลงเหลือสามราย และการดำเนินการนี้ช่วยให้พวกเขาเติบโตได้ดี ในการประชุมนี้ยังมีผู้นำบริษัทต่าง ๆ เช่น Telefonica, Emirates Telecommunications Group, Telenor และ Bharti Airtel แสดงความไม่พอใจว่าพวกเขาไม่ได้รับผลตอบแทนที่เพียงพอจากการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคม ซึ่ง Sunil Bharti Mittal ประธาน Bharti Airtel กล่าวว่าผลตอบแทนเฉลี่ยอยู่ที่ 4% ซึ่งถือว่าน้อยมาก https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/03/04/europe-needs-a-doge-telecom-ceos-fume-at-eu-bureaucracy
    WWW.THESTAR.COM.MY
    'Europe needs a DOGE': Telecom CEOs fume at EU bureaucracy
    European telecommunications executives gathered at the continent's biggest trade show railed against over-regulation, blaming Brussels for preventing consolidation in the industry that's fallen behind peers in the US and Asia.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 172 มุมมอง 0 รีวิว
  • กลับมาคุยกันต่อถึงภาพที่ 9 ของ 12 กงซวิ่นถู (宫训图) ที่ในละคร <เล่ห์รักตำหนักเหยียนสี่> ฮ่องเต้เฉียนหลงได้ทรงพระราชทานให้บรรดาพระภรรยาแห่งสิบสองตำหนัก โดยเป็นภาพที่เล่าเรื่องราวของพระภรรยาในประวัติศาสตร์ที่ถูกจารึกไว้ซึ่งคุณงามความดี

    ภาพที่เราจะคุยกันในวันนี้มีชื่อว่า ‘ฝานจีเจี้ยนเลี่ย’ (樊姬谏猎 / ฝานจีเตือนสติให้หยุดล่าสัตว์) ถูกพระราชทานไปที่พระตำหนักหย่งเหอกง ภาพจริงหน้าตาอย่างไร Storyฯ หาไม่พบเพราะมันสูญหายไปแล้ว ภาพที่นำมาให้ดูเป็นภาพเรื่องราวเดียวกัน แต่มีชื่อเรียกว่า ‘ฝานจีก่านจวง’ (ฝานจีดลใจจวงหวาง) ซึ่งเป็นตอนหนึ่งของภาพม้วนยาว ‘หนีว์สื่อเจิน’ (女史箴图 / ข้าราชสำนักหญิงเตือนสติ) ผลงานของกู้ข่ายจือ ซึ่งปัจจุบันเหลือเพียงฉบับคัดลอกที่มี 9 ตอนจากเดิม 12 ตอน

    Storyฯ เคยกล่าวถึงภาพ ‘หนีว์สื่อเจิน’ นี้มาบ้างแล้วในบทความก่อนๆ เกี่ยวกับกงซวิ่นถู แต่ไม่ได้เล่าว่า ภาพทั้ง 12 ตอนของ ‘หนีว์สื่อเจิน’ นี้วาดขึ้นตามเนื้อหาจากบันทึก ‘เลี่ยหนี่ว์จ้วน’ (列女传 / บันทึกเรื่องราวสตรีตัวอย่าง) ที่จัดทำขึ้นในสมัยฮั่นตะวันตกโดยหลี่เซี่ยง แบ่งเป็น 7 หมวดรวมเหตุการณ์ที่ถูกยกมาเป็นตัวอย่างของจรรยาที่สตรีพึงมี จัดเป็นงานวรรณกรรมจำพวก ‘เหวินเหยียนเหวิน’ หรืองานวรรณกรรมภาษาโบราณ ปัจจุบันเป็นเอกสารสำคัญทางประวัติศาสตร์ที่ทำให้ชนรุ่นหลังเข้าใจมากขึ้นถึงมุมมองของสังคมในสมัยนั้น

    ‘ฝานจี’ ที่กล่าวถึงในภาพ ‘ฝานจีเจี้ยนเลี่ย’ นี้ก็เป็นพระธิดาของกษัตริย์ผู้ครองแคว้นฝานและเป็นพระภรรยาของฉู่จวงหวาง (จวงอ๋อง) กษัตริย์แห่งแคว้นฉู่ในสมัยชุนชิว (ประมาณ 613-691 ปีก่อนคริสตกาล) จวงหวางแห่งแคว้นฉู่นี้ต่อมาถูกยกย่องเป็นหนึ่งในห้าของผู้ครองแคว้นที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งยุคสมัยชุนชิว หรือที่เรียกว่า ‘ชุนชิวอู่ป้า’ (霸 /ป้า แปลได้ประมาณว่า เจ้าผู้ครองโลก)

    หลี่เซี่ยงเคยเขียนถึงจวงหวางไว้ว่า “ความยิ่งใหญ่ของฉู่จวงหวาง คือผลงานของฝานจี”

    ฝานจีไม่ได้มีความสามารถพิเศษอะไรที่จะช่วยจวงหวางยึดครองอาณาจักร ที่นางได้รับการยกย่องอย่างนี้เป็นเพราะนางคอยเตือนสติให้จวงหวางใส่ใจการบริหารบ้านเมือง ไม่หลงไหลเคลิบเคลิ้มไปกับเรื่องใดหรือใครจนทำให้ละเลยการบริหารบ้านเมือง แม้แต่สนมนางในฝานจีก็เป็นคนคัดเลือกเอง เพราะต้องการให้คนใกล้ชิดจวงหวางล้วนเป็นคนที่มีจรรยาและวางตัวได้ดี ไม่ยั่วยวนฉู่จวงหวางให้ลุ่มหลงมัวเมา (ขออภัยไม่ใช้ราชาศัพท์ในบทความนี้)

    มีหลายเหตุการณ์เกี่ยวกับการเตือนสติของฝานจีได้รับการบันทึกไว้และเล่ากันต่อมา แต่ ‘ผลงานสำคัญ’ เป็นเรื่องเกี่ยวกับอัครมหาเสนาบดีอวี๋ชิวจื่อ เขาเป็นขุนนางที่มีฝีมือและจงรักภักดี เป็นที่เคารพยกย่องและมีอิทธิพลมากในราชสำนัก... ว่ากันว่า มีอยู่ช่วงหนึ่งจวงหวางโปรดปรานอวี๋ชิวจื่อมากจนเสวนาด้วยจนดึกดื่นทุกวัน อยู่มาวันหนึ่งฝานจีเห็นจวงหวางกลับดึกมากจึงถามไถ่สาเหตุ จวงหวางตอบว่าอวี๋ซิวจื่อคนนี้มิเพียงฉลาดปราดเปรื่อง หากยังจงรักภักดี จึงชอบเสวนาด้วย แต่ฝานจีกลับหัวเราะขบขันแล้วยกตัวอย่างว่า ตัวนางเองก็เป็นที่โปรดปรานของจวงหวาง แต่ยังไม่คิดจะเหนี่ยวรั้งจวงหวางไว้กับตนเพียงผู้เดียว หากแต่ยังช่วยสรรหาหญิงที่งามพร้อมจรรยามาช่วยดูแลปรนนิบัติ อวี๋ซิวจื่อผู้นี้แม้ฉลาดปราดเปรื่อง แต่สิบปีที่ผ่านมาไม่เปิดโอกาสให้คนดีมีฝีมือนอกแวดวงของเขาเข้ามารับราชการ เสนอชื่อแต่เพียงคนใกล้ชิดและลูกศิษย์ให้เจริญก้าวหน้าไม่ลงโทษหนักแม้ทำผิด จะเรียกว่าจงรักภักดีทำเพื่อคุณประโยชน์ของประเทศได้อย่างไร?

    เป็นเรื่องเล่าต่อมาอีกว่า วันรุ่งขึ้นจวงหวางเล่าให้อวี๋ซิวจื่อฟังถึงคำพูดของฝานจี อวี๋ซิวจื่อได้ยินก็ฉุกใจคิดคล้อยตาม รู้สึกละอายใจจนเก็บตัวเงียบหลายวัน หลังจากนั้นเขาสรรหาและคัดเลือกคนดีมีฝีมือใหม่ๆ เข้าราชสำนัก สุดท้ายค้นพบและเสนอชื่อซุนซูเอ้าให้มารับหน้าที่อัครมหาเสนาบดีแทนตน จากนั้นก็ขอเกษียณจากราชการ

    เหตุการณ์นี้อาจเรียกได้ว่าเป็นจุดสำคัญของการเปลี่ยนโฉมแคว้นฉู่ ซุนซูเอ้าผู้นี้ถูกจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ว่าเป็นหนึ่งในนักการเมืองและอัครมหาเสนาบดีที่เก่งกาจที่สุดในยุคสมัยนั้น เขาวางตนสมถะ ชี้นำให้จวงหวางยึดถือความสุขของประชาชนเป็นที่ตั้ง ให้คำปรึกษาที่ดีทั้งด้านเศรษฐกิจการเมืองและการทหาร กลายเป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้แคว้นฉู่เจริญยิ่งใหญ่จนกลายเป็นหนึ่งในห้าแคว้นที่เข้มแข็งที่สุดในสมัยนั้น

    จึงเป็นที่มาของวลีที่ว่า “ความยิ่งใหญ่ของฉู่จวงหวาง คือผลงานของฝานจี”

    เหตุการณ์ที่เล่าถึงในภาพกงซวิ่นถูนี้ เป็นการกล่าวถึงสมัยที่ฉู่จวงหวางขึ้นครองราชย์แคว้นฉู่ใหม่ๆ หลงรักการล่าสัตว์จนละเลยกิจการบ้านเมือง ฝานจีทั้งเตือนทั้งหว่านล้อมให้รามือหันมาดูแลบ้านเมืองเท่าไหร่ก็ไม่ใส่ใจ สุดท้ายนางจึงงดกินเนื้อสัตว์เป็นการประท้วงจนจวงหวางได้คิด เลิกเห็นการล่าสัตว์เป็นเรื่องบันเทิงและหันกลับมาให้เวลากับการบริหารบ้านเมือง

    ส่วนป้ายที่องค์เฉียนหลงพระราชทานไปคู่กับภาพนี้เขียนไว้ว่า ‘อี๋เจาซูเจิ้น’ (仪昭淑慎) แปลได้ประมาณว่า โอบอ้อมอารีมีสติ รักษาไว้ซึ่งจรรยาและพิธีการอันดีงาม Storyฯ เหมือนผ่านตาว่าวรรคนี้มีการพูดถึงและอธิบายไว้ในละครเรื่อง <หรูอี้จอมนางเคียงบัลลังก์> ด้วย

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory)

    Credit รูปภาพจาก:
    https://zhuanlan.zhihu.com/p/40578846
    https://kknews.cc/zh-hk/news/m6lqj5g.html#google_vignette
    Credit ข้อมูลรวบรวมจาก:
    https://baike.baidu.com/item/列女传/869659
    http://www.guoxue.com/?people=fanji
    https://baike.baidu.com/item/樊姬/10584406
    http://dzrb.dzng.com/articleContent/17_1032125.html
    https://hk.epochtimes.com/news/2018-05-29/28583343
    https://baike.baidu.com/item/孙叔敖/669927

    #เล่ห์รักตำหนักเหยียนสี่ #ฝานจี #ฉู่จวงหวาง #ชุนชิวอู่ป้า #ฝานจีเจี้ยนเลี่ย #หนีว์สื่อเจิน #เลี่ยหนี่ว์จ้วน #หลี่เซี่ยง #กงซวิ่นถู #เฉียนหลงสิบสองภาพวาด
    กลับมาคุยกันต่อถึงภาพที่ 9 ของ 12 กงซวิ่นถู (宫训图) ที่ในละคร <เล่ห์รักตำหนักเหยียนสี่> ฮ่องเต้เฉียนหลงได้ทรงพระราชทานให้บรรดาพระภรรยาแห่งสิบสองตำหนัก โดยเป็นภาพที่เล่าเรื่องราวของพระภรรยาในประวัติศาสตร์ที่ถูกจารึกไว้ซึ่งคุณงามความดี ภาพที่เราจะคุยกันในวันนี้มีชื่อว่า ‘ฝานจีเจี้ยนเลี่ย’ (樊姬谏猎 / ฝานจีเตือนสติให้หยุดล่าสัตว์) ถูกพระราชทานไปที่พระตำหนักหย่งเหอกง ภาพจริงหน้าตาอย่างไร Storyฯ หาไม่พบเพราะมันสูญหายไปแล้ว ภาพที่นำมาให้ดูเป็นภาพเรื่องราวเดียวกัน แต่มีชื่อเรียกว่า ‘ฝานจีก่านจวง’ (ฝานจีดลใจจวงหวาง) ซึ่งเป็นตอนหนึ่งของภาพม้วนยาว ‘หนีว์สื่อเจิน’ (女史箴图 / ข้าราชสำนักหญิงเตือนสติ) ผลงานของกู้ข่ายจือ ซึ่งปัจจุบันเหลือเพียงฉบับคัดลอกที่มี 9 ตอนจากเดิม 12 ตอน Storyฯ เคยกล่าวถึงภาพ ‘หนีว์สื่อเจิน’ นี้มาบ้างแล้วในบทความก่อนๆ เกี่ยวกับกงซวิ่นถู แต่ไม่ได้เล่าว่า ภาพทั้ง 12 ตอนของ ‘หนีว์สื่อเจิน’ นี้วาดขึ้นตามเนื้อหาจากบันทึก ‘เลี่ยหนี่ว์จ้วน’ (列女传 / บันทึกเรื่องราวสตรีตัวอย่าง) ที่จัดทำขึ้นในสมัยฮั่นตะวันตกโดยหลี่เซี่ยง แบ่งเป็น 7 หมวดรวมเหตุการณ์ที่ถูกยกมาเป็นตัวอย่างของจรรยาที่สตรีพึงมี จัดเป็นงานวรรณกรรมจำพวก ‘เหวินเหยียนเหวิน’ หรืองานวรรณกรรมภาษาโบราณ ปัจจุบันเป็นเอกสารสำคัญทางประวัติศาสตร์ที่ทำให้ชนรุ่นหลังเข้าใจมากขึ้นถึงมุมมองของสังคมในสมัยนั้น ‘ฝานจี’ ที่กล่าวถึงในภาพ ‘ฝานจีเจี้ยนเลี่ย’ นี้ก็เป็นพระธิดาของกษัตริย์ผู้ครองแคว้นฝานและเป็นพระภรรยาของฉู่จวงหวาง (จวงอ๋อง) กษัตริย์แห่งแคว้นฉู่ในสมัยชุนชิว (ประมาณ 613-691 ปีก่อนคริสตกาล) จวงหวางแห่งแคว้นฉู่นี้ต่อมาถูกยกย่องเป็นหนึ่งในห้าของผู้ครองแคว้นที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งยุคสมัยชุนชิว หรือที่เรียกว่า ‘ชุนชิวอู่ป้า’ (霸 /ป้า แปลได้ประมาณว่า เจ้าผู้ครองโลก) หลี่เซี่ยงเคยเขียนถึงจวงหวางไว้ว่า “ความยิ่งใหญ่ของฉู่จวงหวาง คือผลงานของฝานจี” ฝานจีไม่ได้มีความสามารถพิเศษอะไรที่จะช่วยจวงหวางยึดครองอาณาจักร ที่นางได้รับการยกย่องอย่างนี้เป็นเพราะนางคอยเตือนสติให้จวงหวางใส่ใจการบริหารบ้านเมือง ไม่หลงไหลเคลิบเคลิ้มไปกับเรื่องใดหรือใครจนทำให้ละเลยการบริหารบ้านเมือง แม้แต่สนมนางในฝานจีก็เป็นคนคัดเลือกเอง เพราะต้องการให้คนใกล้ชิดจวงหวางล้วนเป็นคนที่มีจรรยาและวางตัวได้ดี ไม่ยั่วยวนฉู่จวงหวางให้ลุ่มหลงมัวเมา (ขออภัยไม่ใช้ราชาศัพท์ในบทความนี้) มีหลายเหตุการณ์เกี่ยวกับการเตือนสติของฝานจีได้รับการบันทึกไว้และเล่ากันต่อมา แต่ ‘ผลงานสำคัญ’ เป็นเรื่องเกี่ยวกับอัครมหาเสนาบดีอวี๋ชิวจื่อ เขาเป็นขุนนางที่มีฝีมือและจงรักภักดี เป็นที่เคารพยกย่องและมีอิทธิพลมากในราชสำนัก... ว่ากันว่า มีอยู่ช่วงหนึ่งจวงหวางโปรดปรานอวี๋ชิวจื่อมากจนเสวนาด้วยจนดึกดื่นทุกวัน อยู่มาวันหนึ่งฝานจีเห็นจวงหวางกลับดึกมากจึงถามไถ่สาเหตุ จวงหวางตอบว่าอวี๋ซิวจื่อคนนี้มิเพียงฉลาดปราดเปรื่อง หากยังจงรักภักดี จึงชอบเสวนาด้วย แต่ฝานจีกลับหัวเราะขบขันแล้วยกตัวอย่างว่า ตัวนางเองก็เป็นที่โปรดปรานของจวงหวาง แต่ยังไม่คิดจะเหนี่ยวรั้งจวงหวางไว้กับตนเพียงผู้เดียว หากแต่ยังช่วยสรรหาหญิงที่งามพร้อมจรรยามาช่วยดูแลปรนนิบัติ อวี๋ซิวจื่อผู้นี้แม้ฉลาดปราดเปรื่อง แต่สิบปีที่ผ่านมาไม่เปิดโอกาสให้คนดีมีฝีมือนอกแวดวงของเขาเข้ามารับราชการ เสนอชื่อแต่เพียงคนใกล้ชิดและลูกศิษย์ให้เจริญก้าวหน้าไม่ลงโทษหนักแม้ทำผิด จะเรียกว่าจงรักภักดีทำเพื่อคุณประโยชน์ของประเทศได้อย่างไร? เป็นเรื่องเล่าต่อมาอีกว่า วันรุ่งขึ้นจวงหวางเล่าให้อวี๋ซิวจื่อฟังถึงคำพูดของฝานจี อวี๋ซิวจื่อได้ยินก็ฉุกใจคิดคล้อยตาม รู้สึกละอายใจจนเก็บตัวเงียบหลายวัน หลังจากนั้นเขาสรรหาและคัดเลือกคนดีมีฝีมือใหม่ๆ เข้าราชสำนัก สุดท้ายค้นพบและเสนอชื่อซุนซูเอ้าให้มารับหน้าที่อัครมหาเสนาบดีแทนตน จากนั้นก็ขอเกษียณจากราชการ เหตุการณ์นี้อาจเรียกได้ว่าเป็นจุดสำคัญของการเปลี่ยนโฉมแคว้นฉู่ ซุนซูเอ้าผู้นี้ถูกจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ว่าเป็นหนึ่งในนักการเมืองและอัครมหาเสนาบดีที่เก่งกาจที่สุดในยุคสมัยนั้น เขาวางตนสมถะ ชี้นำให้จวงหวางยึดถือความสุขของประชาชนเป็นที่ตั้ง ให้คำปรึกษาที่ดีทั้งด้านเศรษฐกิจการเมืองและการทหาร กลายเป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้แคว้นฉู่เจริญยิ่งใหญ่จนกลายเป็นหนึ่งในห้าแคว้นที่เข้มแข็งที่สุดในสมัยนั้น จึงเป็นที่มาของวลีที่ว่า “ความยิ่งใหญ่ของฉู่จวงหวาง คือผลงานของฝานจี” เหตุการณ์ที่เล่าถึงในภาพกงซวิ่นถูนี้ เป็นการกล่าวถึงสมัยที่ฉู่จวงหวางขึ้นครองราชย์แคว้นฉู่ใหม่ๆ หลงรักการล่าสัตว์จนละเลยกิจการบ้านเมือง ฝานจีทั้งเตือนทั้งหว่านล้อมให้รามือหันมาดูแลบ้านเมืองเท่าไหร่ก็ไม่ใส่ใจ สุดท้ายนางจึงงดกินเนื้อสัตว์เป็นการประท้วงจนจวงหวางได้คิด เลิกเห็นการล่าสัตว์เป็นเรื่องบันเทิงและหันกลับมาให้เวลากับการบริหารบ้านเมือง ส่วนป้ายที่องค์เฉียนหลงพระราชทานไปคู่กับภาพนี้เขียนไว้ว่า ‘อี๋เจาซูเจิ้น’ (仪昭淑慎) แปลได้ประมาณว่า โอบอ้อมอารีมีสติ รักษาไว้ซึ่งจรรยาและพิธีการอันดีงาม Storyฯ เหมือนผ่านตาว่าวรรคนี้มีการพูดถึงและอธิบายไว้ในละครเรื่อง <หรูอี้จอมนางเคียงบัลลังก์> ด้วย (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory) Credit รูปภาพจาก: https://zhuanlan.zhihu.com/p/40578846 https://kknews.cc/zh-hk/news/m6lqj5g.html#google_vignette Credit ข้อมูลรวบรวมจาก: https://baike.baidu.com/item/列女传/869659 http://www.guoxue.com/?people=fanji https://baike.baidu.com/item/樊姬/10584406 http://dzrb.dzng.com/articleContent/17_1032125.html https://hk.epochtimes.com/news/2018-05-29/28583343 https://baike.baidu.com/item/孙叔敖/669927 #เล่ห์รักตำหนักเหยียนสี่ #ฝานจี #ฉู่จวงหวาง #ชุนชิวอู่ป้า #ฝานจีเจี้ยนเลี่ย #หนีว์สื่อเจิน #เลี่ยหนี่ว์จ้วน #หลี่เซี่ยง #กงซวิ่นถู #เฉียนหลงสิบสองภาพวาด
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 361 มุมมอง 0 รีวิว
  • วงการพระ...ไม่เคย...เงียบ..ขนาดนี้มาก่อน...ตลอด 30 กว่าปีที่ผู้เขียน คลุกคลี และสัมผัสมา....ยกตัวอย่าง...สนามพระ..ที่ได้ชื่อว่า มีคนคลุมผ้าจองโต๊ะ ..หมดเร็วที่สุดในประเทศไทย
    ..ในบรรดาสนามพระด้วยกัน....ตอนนี้...โล่ง..แบบ...นั่งหนาว..กันทีเดียว....ทั้งเก๊..ทั้งแท้ ..ทั้งหลัก..ทั้งย่อย...เงียบสนิท...!!..อ๋อ ไม่เกี่ยวกับเรื่อง สายวิทย์ ทฤษฎีอะไรนั่นหรอก...มันเกี่ยวกับ..เศรษฐกิจ...!! ..อะไรที่เป็น "ส่วนเกิน" ในชีวิต...ที่ รอได้...ต้องรอไปก่อน...ตอนนี้จะหากินใช้ให้พอ....ยังไม่ง่าย...!!
    วงการพระ...ไม่เคย...เงียบ..ขนาดนี้มาก่อน...ตลอด 30 กว่าปีที่ผู้เขียน คลุกคลี และสัมผัสมา....ยกตัวอย่าง...สนามพระ..ที่ได้ชื่อว่า มีคนคลุมผ้าจองโต๊ะ ..หมดเร็วที่สุดในประเทศไทย ..ในบรรดาสนามพระด้วยกัน....ตอนนี้...โล่ง..แบบ...นั่งหนาว..กันทีเดียว....ทั้งเก๊..ทั้งแท้ ..ทั้งหลัก..ทั้งย่อย...เงียบสนิท...!!..อ๋อ ไม่เกี่ยวกับเรื่อง สายวิทย์ ทฤษฎีอะไรนั่นหรอก...มันเกี่ยวกับ..เศรษฐกิจ...!! ..อะไรที่เป็น "ส่วนเกิน" ในชีวิต...ที่ รอได้...ต้องรอไปก่อน...ตอนนี้จะหากินใช้ให้พอ....ยังไม่ง่าย...!!
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 73 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทำงานศิลปะตั้งแต่เรียนอยู่ปี 3 (คณะมัณฑนศิลป์ มหาวิทยาลัยศิลปากร) ส่วนใหญ่จะเป็นงานเพันต์ หลังจากนั้นหันมาทำหนังสือภาพประกอบสำหรับเด็ก ทำเรื่อยมาหลายสิบปี นับแล้วทำไปและได้ตีพิมพ์กว่า 50 เล่ม หลังจากนี้จะนำภาพมาลงให้ดูครับหรือใครไปเดินห้างลองแวะมุมหนังสือเด็กคงได้เห็นผลงานครับ รางวัลที่ได้จากหนังสือคือรางวัลยอดเยี่ยมจากหนังสือชื่อ "ความลับในกระสอบ" รางวัลชมเชยจาก "แกะเกเร" รางวัลหนังสือสวยงามจาก "ทำไมไม่มีปีแมว" หลังจากใช้ชีวิตในเมืองกรุงมานาน กลับมาที่บ้านเกิด ยังทำหนังสือบ้าง ทำงานออกแบบบ้าง สอนศิลปะให้แก่เด็กๆบ้าง มาสามสี่ปีที่ผ่านมาหันทำงานคอมพิวเตอร์ ออกแบบโลโก้ดู ผมพบว่าเป็นงานที่สนุกท้าทาย และเป็นงานที่ตอบโจทย์ลูกค้า เป็นงานที่สื่อสารกับคนทั่วไปผลงานมีมากมาย รางวัลที่ได้จากการประกวดกว่า 50 รางวัล ยกตัวอย่างรางวัลที่ภูมิใจคือรางวัลชนะเลิศโลโก้ 90 ปี หอการค้าไทย ในส่วนของงานอื่นจะทยอยนำมาลงให้ชมกันครับ (สนใจต้องการให้ออกแบบโลโก้ให้สอบถามได้ครับราคาไม่แพง หลักพันต้นๆครับ)
    ทำงานศิลปะตั้งแต่เรียนอยู่ปี 3 (คณะมัณฑนศิลป์ มหาวิทยาลัยศิลปากร) ส่วนใหญ่จะเป็นงานเพันต์ หลังจากนั้นหันมาทำหนังสือภาพประกอบสำหรับเด็ก ทำเรื่อยมาหลายสิบปี นับแล้วทำไปและได้ตีพิมพ์กว่า 50 เล่ม หลังจากนี้จะนำภาพมาลงให้ดูครับหรือใครไปเดินห้างลองแวะมุมหนังสือเด็กคงได้เห็นผลงานครับ รางวัลที่ได้จากหนังสือคือรางวัลยอดเยี่ยมจากหนังสือชื่อ "ความลับในกระสอบ" รางวัลชมเชยจาก "แกะเกเร" รางวัลหนังสือสวยงามจาก "ทำไมไม่มีปีแมว" หลังจากใช้ชีวิตในเมืองกรุงมานาน กลับมาที่บ้านเกิด ยังทำหนังสือบ้าง ทำงานออกแบบบ้าง สอนศิลปะให้แก่เด็กๆบ้าง มาสามสี่ปีที่ผ่านมาหันทำงานคอมพิวเตอร์ ออกแบบโลโก้ดู ผมพบว่าเป็นงานที่สนุกท้าทาย และเป็นงานที่ตอบโจทย์ลูกค้า เป็นงานที่สื่อสารกับคนทั่วไปผลงานมีมากมาย รางวัลที่ได้จากการประกวดกว่า 50 รางวัล ยกตัวอย่างรางวัลที่ภูมิใจคือรางวัลชนะเลิศโลโก้ 90 ปี หอการค้าไทย ในส่วนของงานอื่นจะทยอยนำมาลงให้ชมกันครับ (สนใจต้องการให้ออกแบบโลโก้ให้สอบถามได้ครับราคาไม่แพง หลักพันต้นๆครับ)
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 122 มุมมอง 0 รีวิว
  • ข่าวจาก TechSpot รายงานเกี่ยวกับการเรียกร้องของวุฒิสมาชิก Ron Wyden ต่อคณะกรรมาธิการการค้าแห่งสหพันธรัฐ (FTC) ให้กำหนดกฎระเบียบที่ชัดเจนเกี่ยวกับการเป็นเจ้าของสินค้าดิจิทัล Wyden ต้องการให้ FTC แก้ไขปัญหาที่ผู้บริโภคไม่เข้าใจสิ่งที่พวกเขาซื้อเมื่อซื้อสินค้าดิจิทัล และกำหนดให้ร้านค้าออนไลน์ชี้แจงว่าผลิตภัณฑ์ดิจิทัลเป็นการซื้อถาวรหรือเป็นเพียงสิทธิ์ชั่วคราว

    วุฒิสมาชิก Wyden ได้ส่งจดหมายถึงประธาน FTC คนใหม่ Andrew Ferguson เพื่อเรียกร้องให้หน่วยงานกำหนดแนวทางที่จะบังคับใช้ให้ร้านค้าออนไลน์ชี้แจงรายละเอียดเกี่ยวกับการซื้อดิจิทัล ผู้บริโภคหลายคนไม่ทราบว่าสิทธิ์ในการซื้อสินค้าดิจิทัลไม่เหมือนกับการซื้อสินค้าทางกายภาพ เช่น หนังสือที่สามารถยืม ขายต่อ หรือเก็บไว้ตลอดไป สินค้าดิจิทัลมักมีข้อจำกัดที่ไม่ชัดเจนในทันที

    Wyden ชี้ไปที่กรณีที่ผู้บริโภคสูญเสียการเข้าถึงเนื้อหาที่พวกเขาคิดว่ามีสิทธิ์เป็นเจ้าของ ยกตัวอย่างเช่น ในปลายปี 2023 Sony แจ้งให้ลูกค้าทราบว่าจะไม่สามารถดูเนื้อหาช่อง Discovery Channel ที่เคยซื้อไว้ได้ การควบรวมระหว่าง Sony กับ Funimation และ Crunchyroll ก็ทำให้ผู้ใช้สูญเสียการเข้าถึงอนิเมะที่เคยจ่ายเงินซื้อเช่นกัน นอกจากนี้ Amazon ยังเคยแก้ไขหนังสืออิเล็กทรอนิกส์หลังการซื้อ และเร็วๆ นี้จะไม่อนุญาตให้ผู้ใช้ดาวน์โหลดหนังสือ Kindle ไว้ในเครื่องคอมพิวเตอร์เพื่อเก็บออฟไลน์

    การร้องขอนี้เกิดขึ้นพร้อมกับการฟ้องร้อง Apple และ Amazon ที่ถูกกล่าวหาว่าหลอกลวงลูกค้าโดยใช้ปุ่ม "ซื้อ" ที่ทำให้ลูกค้าเข้าใจผิดว่าเป็นเจ้าของสินค้าถาวร แต่ความจริงแล้วเป็นสิทธิ์ชั่วคราว

    California ได้ออกกฎหมายให้ร้านค้าออนไลน์ชี้แจงเมื่อสินค้าดิจิทัลเป็นสิทธิ์ชั่วคราว Wyden เรียกร้องให้ FTC ทำเช่นเดียวกันในระดับสหพันธรัฐ เพื่อให้ผู้บริโภครับทราบรายละเอียดก่อนการซื้อ และป้องกันการแฝงข้อกำหนดในเอกสารทางกฎหมายที่ยาวนาน

    ข่าวนี้ชี้ให้เห็นถึงความไม่ชัดเจนของการซื้อสินค้าดิจิทัลและความต้องการกฎระเบียบที่ชัดเจนมากขึ้นเพื่อปกป้องผู้บริโภค หวังว่าสรุปและการเรียบเรียงนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจข่าวนี้ได้ดียิ่งขึ้นครับ!

    https://www.techspot.com/news/106918-senate-asks-ftc-chair-implement-enforce-digital-ownership.html
    ข่าวจาก TechSpot รายงานเกี่ยวกับการเรียกร้องของวุฒิสมาชิก Ron Wyden ต่อคณะกรรมาธิการการค้าแห่งสหพันธรัฐ (FTC) ให้กำหนดกฎระเบียบที่ชัดเจนเกี่ยวกับการเป็นเจ้าของสินค้าดิจิทัล Wyden ต้องการให้ FTC แก้ไขปัญหาที่ผู้บริโภคไม่เข้าใจสิ่งที่พวกเขาซื้อเมื่อซื้อสินค้าดิจิทัล และกำหนดให้ร้านค้าออนไลน์ชี้แจงว่าผลิตภัณฑ์ดิจิทัลเป็นการซื้อถาวรหรือเป็นเพียงสิทธิ์ชั่วคราว วุฒิสมาชิก Wyden ได้ส่งจดหมายถึงประธาน FTC คนใหม่ Andrew Ferguson เพื่อเรียกร้องให้หน่วยงานกำหนดแนวทางที่จะบังคับใช้ให้ร้านค้าออนไลน์ชี้แจงรายละเอียดเกี่ยวกับการซื้อดิจิทัล ผู้บริโภคหลายคนไม่ทราบว่าสิทธิ์ในการซื้อสินค้าดิจิทัลไม่เหมือนกับการซื้อสินค้าทางกายภาพ เช่น หนังสือที่สามารถยืม ขายต่อ หรือเก็บไว้ตลอดไป สินค้าดิจิทัลมักมีข้อจำกัดที่ไม่ชัดเจนในทันที Wyden ชี้ไปที่กรณีที่ผู้บริโภคสูญเสียการเข้าถึงเนื้อหาที่พวกเขาคิดว่ามีสิทธิ์เป็นเจ้าของ ยกตัวอย่างเช่น ในปลายปี 2023 Sony แจ้งให้ลูกค้าทราบว่าจะไม่สามารถดูเนื้อหาช่อง Discovery Channel ที่เคยซื้อไว้ได้ การควบรวมระหว่าง Sony กับ Funimation และ Crunchyroll ก็ทำให้ผู้ใช้สูญเสียการเข้าถึงอนิเมะที่เคยจ่ายเงินซื้อเช่นกัน นอกจากนี้ Amazon ยังเคยแก้ไขหนังสืออิเล็กทรอนิกส์หลังการซื้อ และเร็วๆ นี้จะไม่อนุญาตให้ผู้ใช้ดาวน์โหลดหนังสือ Kindle ไว้ในเครื่องคอมพิวเตอร์เพื่อเก็บออฟไลน์ การร้องขอนี้เกิดขึ้นพร้อมกับการฟ้องร้อง Apple และ Amazon ที่ถูกกล่าวหาว่าหลอกลวงลูกค้าโดยใช้ปุ่ม "ซื้อ" ที่ทำให้ลูกค้าเข้าใจผิดว่าเป็นเจ้าของสินค้าถาวร แต่ความจริงแล้วเป็นสิทธิ์ชั่วคราว California ได้ออกกฎหมายให้ร้านค้าออนไลน์ชี้แจงเมื่อสินค้าดิจิทัลเป็นสิทธิ์ชั่วคราว Wyden เรียกร้องให้ FTC ทำเช่นเดียวกันในระดับสหพันธรัฐ เพื่อให้ผู้บริโภครับทราบรายละเอียดก่อนการซื้อ และป้องกันการแฝงข้อกำหนดในเอกสารทางกฎหมายที่ยาวนาน ข่าวนี้ชี้ให้เห็นถึงความไม่ชัดเจนของการซื้อสินค้าดิจิทัลและความต้องการกฎระเบียบที่ชัดเจนมากขึ้นเพื่อปกป้องผู้บริโภค หวังว่าสรุปและการเรียบเรียงนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจข่าวนี้ได้ดียิ่งขึ้นครับ! https://www.techspot.com/news/106918-senate-asks-ftc-chair-implement-enforce-digital-ownership.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    FTC asked to implement and enforce clearer rules on digital product ownership
    In a letter obtained by The Verge, Wyden pointed out that many consumers don't realize digital purchases don't come with the same rights as physical ones. If...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 155 มุมมอง 0 รีวิว
  • บางส่วนที่ปูตินตอบคำถามระหว่างการให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ของรัสเซีย:

    - รัสเซียพร้อมที่จะมอบโอกาสให้สหรัฐฯ ได้ทำงานร่วมกันในด้านแร่ธาตุหายาก

    - เซเลนสกีไม่มีโอกาสชนะการเลือกตั้งหากเขาลงแข่งขัน คะแนนนิยมของเซเลนสกีต่ำกว่า "ซาลูซนีย์" (อดีตผู้บัญชาการสูงสุดกองทัพยูเครน) ถึงสองเท่า

    - รัสเซียไม่ได้ต่อต้านการรักษาสถานะความเป็นรัฐของยูเครน แต่สิ่งสำคัญคือต้องไม่ใช้ดินแดนยูเครนเป็นภัยคุกคามต่อมอสโก

    - รัสเซียพร้อมหารือกับสหรัฐฯ เกี่ยวกับความเป็นไปได้ในการลดงบประมาณกลาโหม การลดงบประมาณลง 50% ถือเป็นความคิดที่ดี

    - รัสเซียพร้อมที่จะเสนอความร่วมมือด้านแร่หายากแก่หุ้นส่วนต่างประเทศ โดยเฉพาะสหรัฐฯ โดยยกตัวอย่าง เช่น อาจเป็นความร่วมมือกันในโครงการขุดอะลูมิเนียม เช่น ในเขตครัสโนยาสก์ ซึ่งคาดว่าจะมีอยู่ราว 2 ล้านตันให้กับตลาดสหรัฐฯ ซึ่งอาจสร้างเม็ดเงินได้ถึง 15,000 ล้านดอลลาร์เข้าสู่เศรษฐกิจของรัสเซีย หรือแม้แต่แร่หายากอื่นๆในภูมิภาคใหม่ทั้งสี่

    - โดยพื้นฐานแล้ว การแก้ไขความขัดแย้งในยูเครนยังไม่ได้มีการหารือกับทรัมป์อย่างจริงจัง

    - ผู้นำสหภาพยุโรปชุดปัจจุบันมุ่งมั่นกับระบอบเคียฟมากเกินไป จนไม่อาจถอนตัวจากจุดยืนนี้ได้โดยไม่เสียหน้า

    - ปูตินไม่ขัดขวางหากยุโรปจะเข้าร่วมในกระบวนการเจรจา พวกเขาเพียงแค่ปฏิเสธไม่อยากเข้าร่วมเอง

    - เกี่ยวกับยุโรปและคำขาดของพวกเขา: “ปล่อยให้พวกเขาอยู่กับข้อเรียกร้องเหล่านั้น และให้พวกเขาได้คิดว่าพวกเขาลงเอยแบบนี้ได้อย่างไร”
    บางส่วนที่ปูตินตอบคำถามระหว่างการให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ของรัสเซีย: - รัสเซียพร้อมที่จะมอบโอกาสให้สหรัฐฯ ได้ทำงานร่วมกันในด้านแร่ธาตุหายาก - เซเลนสกีไม่มีโอกาสชนะการเลือกตั้งหากเขาลงแข่งขัน คะแนนนิยมของเซเลนสกีต่ำกว่า "ซาลูซนีย์" (อดีตผู้บัญชาการสูงสุดกองทัพยูเครน) ถึงสองเท่า - รัสเซียไม่ได้ต่อต้านการรักษาสถานะความเป็นรัฐของยูเครน แต่สิ่งสำคัญคือต้องไม่ใช้ดินแดนยูเครนเป็นภัยคุกคามต่อมอสโก - รัสเซียพร้อมหารือกับสหรัฐฯ เกี่ยวกับความเป็นไปได้ในการลดงบประมาณกลาโหม การลดงบประมาณลง 50% ถือเป็นความคิดที่ดี - รัสเซียพร้อมที่จะเสนอความร่วมมือด้านแร่หายากแก่หุ้นส่วนต่างประเทศ โดยเฉพาะสหรัฐฯ โดยยกตัวอย่าง เช่น อาจเป็นความร่วมมือกันในโครงการขุดอะลูมิเนียม เช่น ในเขตครัสโนยาสก์ ซึ่งคาดว่าจะมีอยู่ราว 2 ล้านตันให้กับตลาดสหรัฐฯ ซึ่งอาจสร้างเม็ดเงินได้ถึง 15,000 ล้านดอลลาร์เข้าสู่เศรษฐกิจของรัสเซีย หรือแม้แต่แร่หายากอื่นๆในภูมิภาคใหม่ทั้งสี่ - โดยพื้นฐานแล้ว การแก้ไขความขัดแย้งในยูเครนยังไม่ได้มีการหารือกับทรัมป์อย่างจริงจัง - ผู้นำสหภาพยุโรปชุดปัจจุบันมุ่งมั่นกับระบอบเคียฟมากเกินไป จนไม่อาจถอนตัวจากจุดยืนนี้ได้โดยไม่เสียหน้า - ปูตินไม่ขัดขวางหากยุโรปจะเข้าร่วมในกระบวนการเจรจา พวกเขาเพียงแค่ปฏิเสธไม่อยากเข้าร่วมเอง - เกี่ยวกับยุโรปและคำขาดของพวกเขา: “ปล่อยให้พวกเขาอยู่กับข้อเรียกร้องเหล่านั้น และให้พวกเขาได้คิดว่าพวกเขาลงเอยแบบนี้ได้อย่างไร”
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 263 มุมมอง 0 รีวิว
  • พรุ่งนี้เริ่มหยุดยาว เลยมาอัพบทความเร็วหน่อย วันนี้คุยกันต่อเรื่องสิบสองภาพวาด ‘กงซวิ่นถู’ (宫训图 แปลตรงตัวว่า พระราชวัง+คำสอน+ภาพ) ที่ในละคร <เล่ห์รักตำหนักเหยียนสี่> ฮ่องเต้เฉียนหลงได้ทรงพระราชทานให้บรรดาพระภรรยาแห่งสิบสองตำหนัก แน่นอนว่าความยากในการหาข้อมูลยังคงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เนื่องเพราะสิบสองภาพวาดนี้สูญหายไปเกือบหมดแล้ว และอย่างที่ Storyฯ ได้กล่าวไปในบทความก่อนหน้านี้ ตำหนักที่ประทับของแต่ละท่านในละครก็ใช่ว่าจะตรงกันกับในประวัติศาสตร์

    ภาพที่จะเล่าถึงกันในวันนี้เป็นอีกหนึ่งภาพที่หาข้อมูลยาก คือภาพ ‘สวีเฟยวิพากษ์’ (徐妃直谏图) ซึ่งในละคร <เล่ห์รักตำหนักเหยียนสี่> ภาพนี้ถูกพระราชทานให้เสียนเฟยที่ตำหนักเฉิงเฉียนกง แต่อย่างที่เพื่อนเพจอาจพอทราบมาบ้าง เสียนเฟย (ซึ่งต่อมาคือฮองเฮาสกุลอูลาน่าลา) ถูกลบเลือนออกไปจากบันทึกต่างๆ มีบางข้อมูลบอกว่าพระนางประทับที่ตำหนักอี้คุนกง และภาพที่ได้รับพระราชทานมาที่ตำหนักอี้คุนกงคือภาพ ‘จาวหรงผิงซือ’ (昭容评诗图)

    อย่างไรก็ดี เท่าที่ Storyฯ พอจะหาข้อมูลได้ ภาพ ‘สวีเฟยวิพากษ์’ นี้เคยแขวนอยู่ที่เฉิงเฉียนกง วันนี้เราคุยกันเรื่องภาพนี้

    ภาพ ‘สวีเฟยวิพากษ์’ นี้ Storyฯ หาไม่พบว่าจริงแล้วหน้าตาเป็นอย่างไร เพราะภาพที่ใช้ประกอบในละครนั้น จริงๆ แล้วเป็นหนึ่งในคอลเลคชั่นภาพวาดชีวิตสตรีในตระกูลขุนนางของเจียวปิ่งเจินในสมัยต้นราชวงศ์ชิง (รูปประกอบ1) ส่วนภาพที่เกี่ยวกับสวีเฟยที่ Storyฯ แปะมาให้ดูนั้น มีชื่อว่า ‘สวีเฟยถวายฎีกา’ (徐惠上疏 รูปประกอบ2) เป็นผลงานของหวางเจิ้งเผิงสมัยราชวงศ์หยวนจากคอลเลคชั่นเกี่ยวกับพระภรรยาที่มีชื่อเสียงด้านคุณงามความดีในประวัติศาสตร์จีน

    ‘สวีเฟย’ คือใคร? นางคือหนึ่งในพระสนมของฮ่องเต้หลี่ซื่อหมินหรือถังไท่จงแห่งราชวงศ์ถัง (ขออภัยไม่ใช่ราชาศัพท์) นามเดิมว่า ‘สวีฮุ่ย’ (ค.ศ. 627-650) เป็นบุตรีของอดีตขุนนางระดับสูงของราชวงศ์ใต้ พื้นเพเดิมจากหูโจว มลฑลเจ้อเจียง นางเชี่ยวชาญด้านงานอักษรและบทกวี ว่ากันว่านางสามารถเริ่มเขียนบทความยาวๆ และท่องจำหนังสือปรัชญาของขงจื๊อที่ผู้ใหญ่ใช้เรียนได้ตั้งแต่เมื่ออายุเพียงสี่ขวบ ตอนนางอายุแปดขวบได้แต่งบทกลอนที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นผลงานชั้นเลิศ โด่งดังไปถึงหูขององค์ถังไท่จงในวังหลวง จนทำให้ถูกรับเข้าวังเป็นสนมเมื่อมีอายุเพียงสิบเอ็ดปี (ตอนนั้นฮ่องเต้อายุสี่สิบปี) ด้วยตำแหน่งไฉเหริน ความสามารถด้านต่างๆ ของนางเป็นที่โปรดปรานขององค์ถังไท่จงมาก จึงได้รับการปรับตำแหน่งขึ้นเรื่อยมาจนเป็นถึงชงหรง

    เหตุการณ์ที่กล่าวถึงในภาพ ‘สวีเฟยวิพากษ์’ นี้เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นในช่วงปลายรัชสมัยขององค์ถังไท่จง จากที่เคยเป็นฮ่องเต้ที่ใส่ใจทุกข์สุขของประชาชนและผลักดันการฟื้นฟูเศรษฐกิจ พอถึงช่วงปลายรัชสมัยนั้น มีอยู่ช่วงหนึ่งที่ดูจะใส่ใจทุกข์สุขของประชาชนน้อยลง ประหยัดน้อยลง หาความสำราญส่วนตนมากขึ้น หมดเงินไม่น้อยกับการสร้างพระราชวังใหม่ๆ ไม่หยุดหย่อนเพื่อเป็นที่ระลึกถึงรัชสมัยอันเกรียงไกรของตัวเอง และก่อสงครามใหญ่สองครั้ง ประชาชนเริ่มลำบากยากจน สร้างความกังวลให้กับเหล่าขุนนาง

    สวีเฟยเองแม้อยู่ในวังหลังแต่ใส่ใจเรื่องราวบ้านเมืองและทุกข์สุขของประชาชน ทั้งกังวลทั้งอดรนทนไม่ไหว จึงร่างบทความวิจารณ์ทางการเมืองขึ้นยื่นถวายเป็นฎีกา เนื้อความสรุปโดยคร่าวคือ
    – ขอให้ถังไท่จงอย่าได้ทำตามตัวอย่างกษัตริย์ในอดีตที่ใช้เวลาและทรัพย์สินไปกับการป่าวประกาศคุณงามความดีของตน เพราะเมื่อมีผลงานไม่ต้องโอ้อวด ประชาชนก็สำนึกได้ด้วยตัวเอง ไม่ต้องสร้างพระราชวังหรือวิหารอลังการ ความดีที่ทำก็จะคงอยู่ได้ยาวนานเป็นหมื่นปี
    – สงครามที่ไม่หยุดสิ้น เป็นการสิ้นเปลืองเสบียงอาหารและสร้างความลำบากให้ประชาชน ต้องอดมื้อกินมื้อ ขอองค์ถังไท่จงอย่าได้มัวแต่โหยหาอำนาจจากการขยายอาณาเขตเพิ่มจนสูญเสียไพร่พลคนม้าของตนเองไปโดยไม่รู้ตัว และหลงลืมความเมตตากรุณาอันเป็นคุณสมบัติสำคัญ พร้อมกับยกตัวอย่างจากเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์ที่ทำให้บ้านเมืองต้องล่มจมเพราะความกระหายอำนาจของกษัตริย์
    – การก่อสร้างไม่หยุดหย่อนในสิ่งที่ไม่จำเป็น เป็นการสิ้นเปลืองทรัพยากรโดยใช่เหตุ ไม่ว่าจะเป็นไม้หรือแรงงาน ต้องเกณฑ์คนมาขนหินขนไม้ สร้างความทุกข์ยากให้ประชาชน แรงของคนควรสงวนไว้เพื่อสิ่งที่จำเป็น ให้เขาได้พักบ้าง เมื่อถึงคราวต้องใช้จึงเป็นคนที่บ้านเมืองพึ่งพาได้
    – ของฟุ่มเฟือยเงินทองมุกหยก ล้วนทำให้เมามายได้ดั่งสุรา แม้ล้วนเป็นสิ่งที่ได้รับมาเป็นเครื่องบรรณาการ แต่การนำมาใช้อย่างมากมายกลับกลายเป็นการสร้างความแตกต่างและระยะห่างระหว่างฮ่องเต้กับประชาชน ดังนั้น แทนที่จะหลงระเริงกับของเหล่านี้ มิสู้ทุ่มแรงใจให้กับการเสริมสร้างความรู้และการศึกษาให้กับคน
    ฯลฯ

    บทความของสวีเฟยนี้ยาวมากจน Storyฯ สรุปให้ไม่ได้หมด ฎีกาฉบับนี้มีชื่อเรียกว่า ‘เจี้ยนไท่จงซี่ปิงป้าอี้ซู’ (谏太宗息兵罢役疏 แปลได้ประมาณว่า ฏีกาตำหนิให้ไท่จงหยุดทหารหยุดทัพ) ถูกจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ว่าเป็นบทวิจารณ์ทางการเมืองโดยสตรีที่หายาก และแม้ว่าเป็นการตำหนิอย่างตรงไปตรงมา แต่สามารถสื่อออกมาได้อย่างมีเหตุผลและแสดงความเคารพนบนอบ บ่งบอกถึงความเชี่ยวชาญในการใช้ภาษาของนาง และยังเป็นอีกหนึ่งเหตุการณ์สำคัญในประวัติศาสตร์สมัยถัง เหตุเพราะองค์ถังไท่จงได้รับฟังอย่างจริงจังและเห็นด้วย ไม่เพียงไม่โกรธแต่ยังยกย่องชื่นชมและให้รางวัลนางอีกด้วย

    ว่ากันว่า ในช่วงบั้นปลายชีวิตขององค์ถังไท่จงนั้น นางคือคนที่เขาโปรดปรานที่สุด ต่อมาเมื่อองค์ถังไท่จงเสียชีวิต นางก็ตรอมใจจนตายตามไปด้วย ขณะนั้นอายุนางเพียงยี่สิบสี่ปี ภายหลังได้รับการอวยยศย้อนหลังจากฮ่องเต้หลี่จื้อ (ถังเกาจง) ให้เป็นเสียนเฟย ผลงานที่สืบทอดมาเป็นวรรณกรรมให้ชนรุ่นหลังศึกษามีมากมายหลายชิ้น นับได้ว่าเป็นหนึ่งในสตรีที่ถูกยกย่องด้านความฉลาดและความเชี่ยวชาญด้านงานอักษรของประวัติศาสตร์จีน

    ภาพ ‘สวีเฟยวิพากษ์’ นี้ถูกตีความว่าเป็นภาพที่สะท้อนถึงความจงรักภักดีและความตรงไปตรงมา ส่วนป้ายที่ฮ่องเต้เฉียนหลงทรงพระราชทานไปพร้อมกับภาพ ‘สวีเฟยวิพากษ์’ นี้ เขียนว่า ‘เต๋อเฉิงโหรวซุ่น’ (德成柔顺) แปลได้ประมาณว่า เปี่ยมด้วยศีลธรรมและความนอบน้อม

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory)

    Credit รูปภาพจาก:
    https://inmywordz.com/archives/66897
    https://www.duitang.com/blog/?id=1246591620
    https://baike.sogou.com/v74971288.htm

    Credit ข้อมูลรวบรวมจาก:
    http://www.takungpao.com/culture/237140/2019/1207/387125.html
    https://baike.sogou.com/v74971288.htm
    https://baike.baidu.com/item/徐惠/11444
    https://baike.baidu.com/item/谏太宗息兵罢役疏

    #เล่ห์รักตำหนักเหยียนสี่ #เสียนเฟย #สวีเฟยวิพากษ์ #สวีเฟย #สวีเฟยถวายฎีกา #กงซวิ่นถู #เฉียนหลงสิบสองภาพวาด
    พรุ่งนี้เริ่มหยุดยาว เลยมาอัพบทความเร็วหน่อย วันนี้คุยกันต่อเรื่องสิบสองภาพวาด ‘กงซวิ่นถู’ (宫训图 แปลตรงตัวว่า พระราชวัง+คำสอน+ภาพ) ที่ในละคร <เล่ห์รักตำหนักเหยียนสี่> ฮ่องเต้เฉียนหลงได้ทรงพระราชทานให้บรรดาพระภรรยาแห่งสิบสองตำหนัก แน่นอนว่าความยากในการหาข้อมูลยังคงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เนื่องเพราะสิบสองภาพวาดนี้สูญหายไปเกือบหมดแล้ว และอย่างที่ Storyฯ ได้กล่าวไปในบทความก่อนหน้านี้ ตำหนักที่ประทับของแต่ละท่านในละครก็ใช่ว่าจะตรงกันกับในประวัติศาสตร์ ภาพที่จะเล่าถึงกันในวันนี้เป็นอีกหนึ่งภาพที่หาข้อมูลยาก คือภาพ ‘สวีเฟยวิพากษ์’ (徐妃直谏图) ซึ่งในละคร <เล่ห์รักตำหนักเหยียนสี่> ภาพนี้ถูกพระราชทานให้เสียนเฟยที่ตำหนักเฉิงเฉียนกง แต่อย่างที่เพื่อนเพจอาจพอทราบมาบ้าง เสียนเฟย (ซึ่งต่อมาคือฮองเฮาสกุลอูลาน่าลา) ถูกลบเลือนออกไปจากบันทึกต่างๆ มีบางข้อมูลบอกว่าพระนางประทับที่ตำหนักอี้คุนกง และภาพที่ได้รับพระราชทานมาที่ตำหนักอี้คุนกงคือภาพ ‘จาวหรงผิงซือ’ (昭容评诗图) อย่างไรก็ดี เท่าที่ Storyฯ พอจะหาข้อมูลได้ ภาพ ‘สวีเฟยวิพากษ์’ นี้เคยแขวนอยู่ที่เฉิงเฉียนกง วันนี้เราคุยกันเรื่องภาพนี้ ภาพ ‘สวีเฟยวิพากษ์’ นี้ Storyฯ หาไม่พบว่าจริงแล้วหน้าตาเป็นอย่างไร เพราะภาพที่ใช้ประกอบในละครนั้น จริงๆ แล้วเป็นหนึ่งในคอลเลคชั่นภาพวาดชีวิตสตรีในตระกูลขุนนางของเจียวปิ่งเจินในสมัยต้นราชวงศ์ชิง (รูปประกอบ1) ส่วนภาพที่เกี่ยวกับสวีเฟยที่ Storyฯ แปะมาให้ดูนั้น มีชื่อว่า ‘สวีเฟยถวายฎีกา’ (徐惠上疏 รูปประกอบ2) เป็นผลงานของหวางเจิ้งเผิงสมัยราชวงศ์หยวนจากคอลเลคชั่นเกี่ยวกับพระภรรยาที่มีชื่อเสียงด้านคุณงามความดีในประวัติศาสตร์จีน ‘สวีเฟย’ คือใคร? นางคือหนึ่งในพระสนมของฮ่องเต้หลี่ซื่อหมินหรือถังไท่จงแห่งราชวงศ์ถัง (ขออภัยไม่ใช่ราชาศัพท์) นามเดิมว่า ‘สวีฮุ่ย’ (ค.ศ. 627-650) เป็นบุตรีของอดีตขุนนางระดับสูงของราชวงศ์ใต้ พื้นเพเดิมจากหูโจว มลฑลเจ้อเจียง นางเชี่ยวชาญด้านงานอักษรและบทกวี ว่ากันว่านางสามารถเริ่มเขียนบทความยาวๆ และท่องจำหนังสือปรัชญาของขงจื๊อที่ผู้ใหญ่ใช้เรียนได้ตั้งแต่เมื่ออายุเพียงสี่ขวบ ตอนนางอายุแปดขวบได้แต่งบทกลอนที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นผลงานชั้นเลิศ โด่งดังไปถึงหูขององค์ถังไท่จงในวังหลวง จนทำให้ถูกรับเข้าวังเป็นสนมเมื่อมีอายุเพียงสิบเอ็ดปี (ตอนนั้นฮ่องเต้อายุสี่สิบปี) ด้วยตำแหน่งไฉเหริน ความสามารถด้านต่างๆ ของนางเป็นที่โปรดปรานขององค์ถังไท่จงมาก จึงได้รับการปรับตำแหน่งขึ้นเรื่อยมาจนเป็นถึงชงหรง เหตุการณ์ที่กล่าวถึงในภาพ ‘สวีเฟยวิพากษ์’ นี้เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นในช่วงปลายรัชสมัยขององค์ถังไท่จง จากที่เคยเป็นฮ่องเต้ที่ใส่ใจทุกข์สุขของประชาชนและผลักดันการฟื้นฟูเศรษฐกิจ พอถึงช่วงปลายรัชสมัยนั้น มีอยู่ช่วงหนึ่งที่ดูจะใส่ใจทุกข์สุขของประชาชนน้อยลง ประหยัดน้อยลง หาความสำราญส่วนตนมากขึ้น หมดเงินไม่น้อยกับการสร้างพระราชวังใหม่ๆ ไม่หยุดหย่อนเพื่อเป็นที่ระลึกถึงรัชสมัยอันเกรียงไกรของตัวเอง และก่อสงครามใหญ่สองครั้ง ประชาชนเริ่มลำบากยากจน สร้างความกังวลให้กับเหล่าขุนนาง สวีเฟยเองแม้อยู่ในวังหลังแต่ใส่ใจเรื่องราวบ้านเมืองและทุกข์สุขของประชาชน ทั้งกังวลทั้งอดรนทนไม่ไหว จึงร่างบทความวิจารณ์ทางการเมืองขึ้นยื่นถวายเป็นฎีกา เนื้อความสรุปโดยคร่าวคือ – ขอให้ถังไท่จงอย่าได้ทำตามตัวอย่างกษัตริย์ในอดีตที่ใช้เวลาและทรัพย์สินไปกับการป่าวประกาศคุณงามความดีของตน เพราะเมื่อมีผลงานไม่ต้องโอ้อวด ประชาชนก็สำนึกได้ด้วยตัวเอง ไม่ต้องสร้างพระราชวังหรือวิหารอลังการ ความดีที่ทำก็จะคงอยู่ได้ยาวนานเป็นหมื่นปี – สงครามที่ไม่หยุดสิ้น เป็นการสิ้นเปลืองเสบียงอาหารและสร้างความลำบากให้ประชาชน ต้องอดมื้อกินมื้อ ขอองค์ถังไท่จงอย่าได้มัวแต่โหยหาอำนาจจากการขยายอาณาเขตเพิ่มจนสูญเสียไพร่พลคนม้าของตนเองไปโดยไม่รู้ตัว และหลงลืมความเมตตากรุณาอันเป็นคุณสมบัติสำคัญ พร้อมกับยกตัวอย่างจากเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์ที่ทำให้บ้านเมืองต้องล่มจมเพราะความกระหายอำนาจของกษัตริย์ – การก่อสร้างไม่หยุดหย่อนในสิ่งที่ไม่จำเป็น เป็นการสิ้นเปลืองทรัพยากรโดยใช่เหตุ ไม่ว่าจะเป็นไม้หรือแรงงาน ต้องเกณฑ์คนมาขนหินขนไม้ สร้างความทุกข์ยากให้ประชาชน แรงของคนควรสงวนไว้เพื่อสิ่งที่จำเป็น ให้เขาได้พักบ้าง เมื่อถึงคราวต้องใช้จึงเป็นคนที่บ้านเมืองพึ่งพาได้ – ของฟุ่มเฟือยเงินทองมุกหยก ล้วนทำให้เมามายได้ดั่งสุรา แม้ล้วนเป็นสิ่งที่ได้รับมาเป็นเครื่องบรรณาการ แต่การนำมาใช้อย่างมากมายกลับกลายเป็นการสร้างความแตกต่างและระยะห่างระหว่างฮ่องเต้กับประชาชน ดังนั้น แทนที่จะหลงระเริงกับของเหล่านี้ มิสู้ทุ่มแรงใจให้กับการเสริมสร้างความรู้และการศึกษาให้กับคน ฯลฯ บทความของสวีเฟยนี้ยาวมากจน Storyฯ สรุปให้ไม่ได้หมด ฎีกาฉบับนี้มีชื่อเรียกว่า ‘เจี้ยนไท่จงซี่ปิงป้าอี้ซู’ (谏太宗息兵罢役疏 แปลได้ประมาณว่า ฏีกาตำหนิให้ไท่จงหยุดทหารหยุดทัพ) ถูกจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ว่าเป็นบทวิจารณ์ทางการเมืองโดยสตรีที่หายาก และแม้ว่าเป็นการตำหนิอย่างตรงไปตรงมา แต่สามารถสื่อออกมาได้อย่างมีเหตุผลและแสดงความเคารพนบนอบ บ่งบอกถึงความเชี่ยวชาญในการใช้ภาษาของนาง และยังเป็นอีกหนึ่งเหตุการณ์สำคัญในประวัติศาสตร์สมัยถัง เหตุเพราะองค์ถังไท่จงได้รับฟังอย่างจริงจังและเห็นด้วย ไม่เพียงไม่โกรธแต่ยังยกย่องชื่นชมและให้รางวัลนางอีกด้วย ว่ากันว่า ในช่วงบั้นปลายชีวิตขององค์ถังไท่จงนั้น นางคือคนที่เขาโปรดปรานที่สุด ต่อมาเมื่อองค์ถังไท่จงเสียชีวิต นางก็ตรอมใจจนตายตามไปด้วย ขณะนั้นอายุนางเพียงยี่สิบสี่ปี ภายหลังได้รับการอวยยศย้อนหลังจากฮ่องเต้หลี่จื้อ (ถังเกาจง) ให้เป็นเสียนเฟย ผลงานที่สืบทอดมาเป็นวรรณกรรมให้ชนรุ่นหลังศึกษามีมากมายหลายชิ้น นับได้ว่าเป็นหนึ่งในสตรีที่ถูกยกย่องด้านความฉลาดและความเชี่ยวชาญด้านงานอักษรของประวัติศาสตร์จีน ภาพ ‘สวีเฟยวิพากษ์’ นี้ถูกตีความว่าเป็นภาพที่สะท้อนถึงความจงรักภักดีและความตรงไปตรงมา ส่วนป้ายที่ฮ่องเต้เฉียนหลงทรงพระราชทานไปพร้อมกับภาพ ‘สวีเฟยวิพากษ์’ นี้ เขียนว่า ‘เต๋อเฉิงโหรวซุ่น’ (德成柔顺) แปลได้ประมาณว่า เปี่ยมด้วยศีลธรรมและความนอบน้อม (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory) Credit รูปภาพจาก: https://inmywordz.com/archives/66897 https://www.duitang.com/blog/?id=1246591620 https://baike.sogou.com/v74971288.htm Credit ข้อมูลรวบรวมจาก: http://www.takungpao.com/culture/237140/2019/1207/387125.html https://baike.sogou.com/v74971288.htm https://baike.baidu.com/item/徐惠/11444 https://baike.baidu.com/item/谏太宗息兵罢役疏 #เล่ห์รักตำหนักเหยียนสี่ #เสียนเฟย #สวีเฟยวิพากษ์ #สวีเฟย #สวีเฟยถวายฎีกา #กงซวิ่นถู #เฉียนหลงสิบสองภาพวาด
    INMYWORDZ.COM
    《延禧攻略》最受寵的是令妃,生得最多的是純妃!乾隆為何卻選擇最心狠毒辣嫻妃為繼后?-我們用電影寫日記 - 冒牌生:寫作 • 旅行 • 生活
    而且還是在富察皇后離開後就馬上決定了😱 #延禧攻略 #繼皇后為什麼是她 #皇上考慮的真多 *正文開始 來源:美映椒房 整理:冒牌生 乾隆十三年三月,乾隆皇帝元配富察皇后忍著喪子悲痛,強顏歡笑帶病伺候皇帝和太后東巡,最終病逝於東巡途中。
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 411 มุมมอง 0 รีวิว
  • Raja Koduri อดีตผู้บริหารของ Intel ที่เคยรับผิดชอบกลุ่มกราฟิกของบริษัท ได้ออกมาพูดถึงปัญหาภายในของ Intel ที่ทำให้นวัตกรรมไม่สามารถก้าวหน้าได้ โดยเขายกตัวอย่างโปรเจ็กต์ Falcon Shores ว่าเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของปัญหานี้

    Koduri อธิบายว่า Intel มีเทคโนโลยีและทรัพย์สินทางปัญญาหลายอย่างที่สามารถเปลี่ยนแปลงตลาดได้อย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นในศูนย์ข้อมูล อุปกรณ์ปลายทาง หรืออุปกรณ์ส่วนบุคคล อย่างไรก็ตาม ปัญหาหลักคือผู้นำบริษัทที่ไม่สามารถทำให้ Intel ตัดสินใจอย่างมีประสิทธิภาพและเหมาะสมได้ ซึ่งเขากล่าวถึงการตัดสินใจทางการเมืองและกระบวนการที่ทำให้การพัฒนาช้าลง

    ในบทความที่เขาโพสต์ใน X, Koduri กล่าวถึงปัญหาที่เขาเรียกว่า "งูในสเปรดชีตและพาวเวอร์พอยต์" ที่หมายถึงการตัดสินใจที่เกิดขึ้นจากกระบวนการบริหารที่ซับซ้อนและไม่เข้าใจถึงความสำคัญของประสิทธิภาพการทำงาน ซึ่งทำให้ความพยายามในการทดลองนวัตกรรมใหม่ ๆ ต้องหยุดชะงัก

    Koduri ยังกล่าวถึงอดีต CEO Andy Grove ว่าเป็นคนเดียวที่เข้าใจถึงรายละเอียดของทุกชั้นในองค์กรของ Intel และเขาเชื่อว่า Intel ยังคงมีศักยภาพในการแข่งขันกับ NVIDIA ในระยะยาว แต่จำเป็นต้องมีการเปลี่ยนแปลงที่มากกว่าความคาดหวังเท่านั้น

    ตัวอย่างที่ Koduri ยกขึ้นมาคือโปรเจ็กต์ Rialto Bridge และ Falcon Shores ซึ่งเป็นกราฟิกการ์ดที่มุ่งเน้นการประมวลผลประสิทธิภาพสูงและ AI หาก Intel เปิดตัว Rialto Bridge ในปี 2024 น่าจะทำให้พวกเขาสามารถแข่งขันกับ NVIDIA Hopper H100 ได้อย่างสบาย แต่พวกเขากลับไม่สามารถจับโอกาสนั้นได้ ทำให้รายได้ในส่วนของ AI ต่ำที่สุดในบรรดาคู่แข่ง

    Koduri ได้เสนอแนะวิธีการที่เขาเชื่อว่าจะสามารถขับเคลื่อน Intel ไปข้างหน้าได้และหวังว่าจะสามารถเปลี่ยนแปลงองค์กรได้ในอนาคตประกอบด้วย

    1) การลดกระบวนการตัดสินใจที่ซับซ้อน: Koduri กล่าวว่ากระบวนการบริหารที่เต็มไปด้วยข้อจำกัดและความซับซ้อนเป็นปัญหาหลักที่ทำให้ Intel ไม่สามารถก้าวหน้าได้ เขาแนะนำว่า Intel ควรปรับลดขั้นตอนการตัดสินใจให้น้อยลงและให้ความสำคัญกับผลลัพธ์จริงจังมากขึ้น

    2) การปรับปรุงการวิจัยและพัฒนา: Intel ควรมุ่งเน้นการวิจัยและพัฒนาในเทคโนโลยีใหม่ ๆ และเน้นการทดลองนวัตกรรมใหม่ ๆ โดยไม่กลัวความล้มเหลว Koduri เชื่อว่าการทดลองและนวัตกรรมเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้บริษัทก้าวหน้าได้

    3) การนำโครงการที่ถูกยกเลิกกลับมาใช้ใหม่: Koduri กล่าวว่าโครงการบางโครงการที่ถูกยกเลิก เช่น Rialto Bridge และ Falcon Shores นั้นมีศักยภาพในการแข่งขันกับคู่แข่ง แต่กลับไม่สามารถเปิดตัวได้เนื่องจากการตัดสินใจที่ผิดพลาด เขาแนะนำให้พิจารณาการนำโครงการเหล่านี้กลับมาใช้ใหม่

    4) การเสริมสร้างทีมงานที่มีความสามารถ: Koduri เน้นถึงความสำคัญของการมีทีมงานที่มีความสามารถและมีความรับผิดชอบในทุกชั้นขององค์กร เขาเชื่อว่าการให้ทีมงานมีอิสระในการทำงานและการสนับสนุนที่เพียงพอจะทำให้บริษัทสามารถก้าวข้ามความท้าทายได้

    5) การลดความกลัวในการทดลอง: Koduri กล่าวว่าควรสร้างสภาพแวดล้อมที่สนับสนุนการทดลองและการสร้างนวัตกรรมใหม่ ๆ โดยไม่ต้องกลัวความล้มเหลว การพัฒนานวัตกรรมต้องการความกล้าในการทดลองและการเรียนรู้จากความผิดพลาด

    https://wccftech.com/intel-ex-exec-raja-koduri-says-you-dont-learn-without-shipping/
    Raja Koduri อดีตผู้บริหารของ Intel ที่เคยรับผิดชอบกลุ่มกราฟิกของบริษัท ได้ออกมาพูดถึงปัญหาภายในของ Intel ที่ทำให้นวัตกรรมไม่สามารถก้าวหน้าได้ โดยเขายกตัวอย่างโปรเจ็กต์ Falcon Shores ว่าเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของปัญหานี้ Koduri อธิบายว่า Intel มีเทคโนโลยีและทรัพย์สินทางปัญญาหลายอย่างที่สามารถเปลี่ยนแปลงตลาดได้อย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นในศูนย์ข้อมูล อุปกรณ์ปลายทาง หรืออุปกรณ์ส่วนบุคคล อย่างไรก็ตาม ปัญหาหลักคือผู้นำบริษัทที่ไม่สามารถทำให้ Intel ตัดสินใจอย่างมีประสิทธิภาพและเหมาะสมได้ ซึ่งเขากล่าวถึงการตัดสินใจทางการเมืองและกระบวนการที่ทำให้การพัฒนาช้าลง ในบทความที่เขาโพสต์ใน X, Koduri กล่าวถึงปัญหาที่เขาเรียกว่า "งูในสเปรดชีตและพาวเวอร์พอยต์" ที่หมายถึงการตัดสินใจที่เกิดขึ้นจากกระบวนการบริหารที่ซับซ้อนและไม่เข้าใจถึงความสำคัญของประสิทธิภาพการทำงาน ซึ่งทำให้ความพยายามในการทดลองนวัตกรรมใหม่ ๆ ต้องหยุดชะงัก Koduri ยังกล่าวถึงอดีต CEO Andy Grove ว่าเป็นคนเดียวที่เข้าใจถึงรายละเอียดของทุกชั้นในองค์กรของ Intel และเขาเชื่อว่า Intel ยังคงมีศักยภาพในการแข่งขันกับ NVIDIA ในระยะยาว แต่จำเป็นต้องมีการเปลี่ยนแปลงที่มากกว่าความคาดหวังเท่านั้น ตัวอย่างที่ Koduri ยกขึ้นมาคือโปรเจ็กต์ Rialto Bridge และ Falcon Shores ซึ่งเป็นกราฟิกการ์ดที่มุ่งเน้นการประมวลผลประสิทธิภาพสูงและ AI หาก Intel เปิดตัว Rialto Bridge ในปี 2024 น่าจะทำให้พวกเขาสามารถแข่งขันกับ NVIDIA Hopper H100 ได้อย่างสบาย แต่พวกเขากลับไม่สามารถจับโอกาสนั้นได้ ทำให้รายได้ในส่วนของ AI ต่ำที่สุดในบรรดาคู่แข่ง Koduri ได้เสนอแนะวิธีการที่เขาเชื่อว่าจะสามารถขับเคลื่อน Intel ไปข้างหน้าได้และหวังว่าจะสามารถเปลี่ยนแปลงองค์กรได้ในอนาคตประกอบด้วย 1) การลดกระบวนการตัดสินใจที่ซับซ้อน: Koduri กล่าวว่ากระบวนการบริหารที่เต็มไปด้วยข้อจำกัดและความซับซ้อนเป็นปัญหาหลักที่ทำให้ Intel ไม่สามารถก้าวหน้าได้ เขาแนะนำว่า Intel ควรปรับลดขั้นตอนการตัดสินใจให้น้อยลงและให้ความสำคัญกับผลลัพธ์จริงจังมากขึ้น 2) การปรับปรุงการวิจัยและพัฒนา: Intel ควรมุ่งเน้นการวิจัยและพัฒนาในเทคโนโลยีใหม่ ๆ และเน้นการทดลองนวัตกรรมใหม่ ๆ โดยไม่กลัวความล้มเหลว Koduri เชื่อว่าการทดลองและนวัตกรรมเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้บริษัทก้าวหน้าได้ 3) การนำโครงการที่ถูกยกเลิกกลับมาใช้ใหม่: Koduri กล่าวว่าโครงการบางโครงการที่ถูกยกเลิก เช่น Rialto Bridge และ Falcon Shores นั้นมีศักยภาพในการแข่งขันกับคู่แข่ง แต่กลับไม่สามารถเปิดตัวได้เนื่องจากการตัดสินใจที่ผิดพลาด เขาแนะนำให้พิจารณาการนำโครงการเหล่านี้กลับมาใช้ใหม่ 4) การเสริมสร้างทีมงานที่มีความสามารถ: Koduri เน้นถึงความสำคัญของการมีทีมงานที่มีความสามารถและมีความรับผิดชอบในทุกชั้นขององค์กร เขาเชื่อว่าการให้ทีมงานมีอิสระในการทำงานและการสนับสนุนที่เพียงพอจะทำให้บริษัทสามารถก้าวข้ามความท้าทายได้ 5) การลดความกลัวในการทดลอง: Koduri กล่าวว่าควรสร้างสภาพแวดล้อมที่สนับสนุนการทดลองและการสร้างนวัตกรรมใหม่ ๆ โดยไม่ต้องกลัวความล้มเหลว การพัฒนานวัตกรรมต้องการความกล้าในการทดลองและการเรียนรู้จากความผิดพลาด https://wccftech.com/intel-ex-exec-raja-koduri-says-you-dont-learn-without-shipping/
    WCCFTECH.COM
    Intel's Ex-Exec Raja Koduri Says "You Don't Learn Without Shipping"; Gives A Rundown Into What's Wrong With Team Blue & How Intel Is Held Back By Bureaucratic Snakes
    Intel's former executive Raja Koduri has revealed that Team Blue's internal structure "stifles innovation", citing Falcon Shores as example.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 201 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทองคำของไทยเราควรจะทวงคืนมาได้แล้วครับ ช้าหมดอดผมว่า
    .
    ไทยเราทำการค้ากับ อเมริกา ใช้ เงินดอลลาร์ ที่เรามีในทุนสำรองระหว่างประเทศ หรือ พันธบัตรรัฐบาลของอเมริกา ที่เรามีไว้ก็ได้แล้ว...
    .
    มีหลายประเทศที่ทวงทองคำคืนจาก อเมริกา แต่ไม่ได้คืน หรือ ได้คืนไม่ครบ หรือ ถูกยื้อเวลานานถึง 3-4 ปี ยกตัวอย่างเช่น เยอร์มัน เวเนซูเอลา ตุรกี เนเธอร์แลนด์ ออสเตรีย...
    .
    จะประวิงเวลาไปด้วยเหตุผลอะไรหล่ะครับ ถ้า อเมริกา มีทองคำจำนวนนั้นๆอยู่จริง...???
    .
    🤣🤣🤣🤣
    ทองคำของไทยเราควรจะทวงคืนมาได้แล้วครับ ช้าหมดอดผมว่า . ไทยเราทำการค้ากับ อเมริกา ใช้ เงินดอลลาร์ ที่เรามีในทุนสำรองระหว่างประเทศ หรือ พันธบัตรรัฐบาลของอเมริกา ที่เรามีไว้ก็ได้แล้ว... . มีหลายประเทศที่ทวงทองคำคืนจาก อเมริกา แต่ไม่ได้คืน หรือ ได้คืนไม่ครบ หรือ ถูกยื้อเวลานานถึง 3-4 ปี ยกตัวอย่างเช่น เยอร์มัน เวเนซูเอลา ตุรกี เนเธอร์แลนด์ ออสเตรีย... . จะประวิงเวลาไปด้วยเหตุผลอะไรหล่ะครับ ถ้า อเมริกา มีทองคำจำนวนนั้นๆอยู่จริง...??? . 🤣🤣🤣🤣
    งามไส้! ทองคำไทยที่ฝากไว้ในสหรัฐ อาการน่าเป็นห่วง 20/02/68 #ทองคำไทย #ลอนดอน #นิวยอร์ก
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 123 มุมมอง 56 0 รีวิว
  • Amazon กำลังจะยกเลิกฟีเจอร์การดาวน์โหลดไฟล์ Kindle ไปยังคอมพิวเตอร์ในวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2025 ซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่มีมานานกว่า 10 ปี ข่าวนี้เป็นเรื่องสำคัญสำหรับผู้ที่ต้องการควบคุมไฟล์หนังสือที่ตนเองซื้อไป อย่างไรก็ตาม Amazon ไม่ได้แจ้งเตือนผู้ใช้ในหน้าการจัดการเนื้อหาดิจิทัลหลัก ทำให้ผู้ใช้หลายคนอาจจะไม่ทราบเรื่องนี้จนกว่าจะถึงเวลาใกล้หมดอายุ

    สิ่งที่น่าสนใจคือการที่เราสามารถดาวน์โหลดไฟล์หนังสือทำให้เรามีความรู้สึกว่าเราควบคุมทรัพย์สินดิจิทัลของเราได้ อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นนี้ทำให้การควบคุมนั้นหายไป ซึ่งเป็นเรื่องที่น่ากังวล เพราะการปรับเปลี่ยนเนื้อหาดิจิทัลได้อาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์ได้

    ยกตัวอย่างเช่น ในอดีต Amazon เคยลบหนังสือ 1984 และ Animal Farm ออกจากเครื่อง Kindle ของผู้ใช้ทั้งหมด หรือการแก้ไขเนื้อหาหนังสือของ Roald Dahl โดยการลบคำที่ไม่เหมาะสมออกไป สิ่งเหล่านี้แสดงให้เห็นว่าเนื้อหาดิจิทัลสามารถเปลี่ยนแปลงได้ง่าย

    ในทางปฏิบัติ การดาวน์โหลดหนังสือไปยังคอมพิวเตอร์เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับผู้ใช้ Kindle รุ่นเก่าที่ต้องการถ่ายโอนไฟล์ผ่าน USB และสำหรับผู้ที่ใช้เครื่องมือในการแปลงไฟล์ Kindle เพื่ออ่านบนอุปกรณ์อื่นๆ

    ดังนั้น หากคุณต้องการรักษาหนังสือ Kindle ของคุณไว้ ควรรีบดาวน์โหลดไฟล์เหล่านั้นก่อนที่ฟีเจอร์นี้จะถูกยกเลิกในวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2025

    == ลุงมีขั้นตอนการดาวน์โหลดไฟล์หนังสือ Kindle ไปยังคอมพิวเตอร์ของคุณให้ครับ ==
    1) เปิดเบราว์เซอร์และเข้าสู่ Amazon: ไปที่เว็บไซต์ Amazon และลงชื่อเข้าใช้บัญชีที่คุณใช้ซื้อหนังสือ Kindle
    2) ไปที่ "Content & Devices": ที่หน้าหลักของ Amazon ให้คลิกที่ไอคอนรูปคนหรือชื่อผู้ใช้ของคุณทางมุมขวาบน จากนั้นเลือก "Content & Devices" (จัดการเนื้อหาและอุปกรณ์)
    3) เลือกหนังสือที่ต้องการดาวน์โหลด: ที่หน้า "Your Content" (เนื้อหาของคุณ) คุณจะเห็นรายการหนังสือ Kindle ทั้งหมดของคุณ คลิกที่ปุ่ม "..." (จุดสามจุด) ข้างๆ หนังสือที่คุณต้องการดาวน์โหลด
    4) เลือก "Download & transfer via USB": จากเมนูที่ปรากฏขึ้นมา เลือก "Download & transfer via USB" (ดาวน์โหลดและโอนไฟล์ผ่าน USB)
    5) เลือกอุปกรณ์ Kindle: จากเมนูดรอปดาวน์ ให้เลือกอุปกรณ์ Kindle ของคุณที่คุณต้องการถ่ายโอนไฟล์หนังสือ จากนั้นคลิก "Download" (ดาวน์โหลด)
    6) บันทึกไฟล์: เบราว์เซอร์ของคุณจะเริ่มดาวน์โหลดไฟล์หนังสือ Kindle (.azw) ลงในคอมพิวเตอร์ของคุณ โปรดเลือกโฟลเดอร์ที่คุณต้องการบันทึกไฟล์
    7) ถ่ายโอนไฟล์ไปยังอุปกรณ์ Kindle (ถ้าจำเป็น): ถ้าคุณต้องการอ่านหนังสือในอุปกรณ์ Kindle ที่ไม่รองรับการดาวน์โหลดโดยตรง คุณสามารถเชื่อมต่ออุปกรณ์ Kindle กับคอมพิวเตอร์ผ่านสาย USB แล้วคัดลอกไฟล์ .azw ไปยังโฟลเดอร์ "Documents" ในอุปกรณ์ Kindle ของคุณได้

    https://www.zdnet.com/article/download-your-kindle-books-right-now-amazon-is-killing-this-option-in-a-few-days/
    Amazon กำลังจะยกเลิกฟีเจอร์การดาวน์โหลดไฟล์ Kindle ไปยังคอมพิวเตอร์ในวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2025 ซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่มีมานานกว่า 10 ปี ข่าวนี้เป็นเรื่องสำคัญสำหรับผู้ที่ต้องการควบคุมไฟล์หนังสือที่ตนเองซื้อไป อย่างไรก็ตาม Amazon ไม่ได้แจ้งเตือนผู้ใช้ในหน้าการจัดการเนื้อหาดิจิทัลหลัก ทำให้ผู้ใช้หลายคนอาจจะไม่ทราบเรื่องนี้จนกว่าจะถึงเวลาใกล้หมดอายุ สิ่งที่น่าสนใจคือการที่เราสามารถดาวน์โหลดไฟล์หนังสือทำให้เรามีความรู้สึกว่าเราควบคุมทรัพย์สินดิจิทัลของเราได้ อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นนี้ทำให้การควบคุมนั้นหายไป ซึ่งเป็นเรื่องที่น่ากังวล เพราะการปรับเปลี่ยนเนื้อหาดิจิทัลได้อาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์ได้ ยกตัวอย่างเช่น ในอดีต Amazon เคยลบหนังสือ 1984 และ Animal Farm ออกจากเครื่อง Kindle ของผู้ใช้ทั้งหมด หรือการแก้ไขเนื้อหาหนังสือของ Roald Dahl โดยการลบคำที่ไม่เหมาะสมออกไป สิ่งเหล่านี้แสดงให้เห็นว่าเนื้อหาดิจิทัลสามารถเปลี่ยนแปลงได้ง่าย ในทางปฏิบัติ การดาวน์โหลดหนังสือไปยังคอมพิวเตอร์เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับผู้ใช้ Kindle รุ่นเก่าที่ต้องการถ่ายโอนไฟล์ผ่าน USB และสำหรับผู้ที่ใช้เครื่องมือในการแปลงไฟล์ Kindle เพื่ออ่านบนอุปกรณ์อื่นๆ ดังนั้น หากคุณต้องการรักษาหนังสือ Kindle ของคุณไว้ ควรรีบดาวน์โหลดไฟล์เหล่านั้นก่อนที่ฟีเจอร์นี้จะถูกยกเลิกในวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2025 == ลุงมีขั้นตอนการดาวน์โหลดไฟล์หนังสือ Kindle ไปยังคอมพิวเตอร์ของคุณให้ครับ == 1) เปิดเบราว์เซอร์และเข้าสู่ Amazon: ไปที่เว็บไซต์ Amazon และลงชื่อเข้าใช้บัญชีที่คุณใช้ซื้อหนังสือ Kindle 2) ไปที่ "Content & Devices": ที่หน้าหลักของ Amazon ให้คลิกที่ไอคอนรูปคนหรือชื่อผู้ใช้ของคุณทางมุมขวาบน จากนั้นเลือก "Content & Devices" (จัดการเนื้อหาและอุปกรณ์) 3) เลือกหนังสือที่ต้องการดาวน์โหลด: ที่หน้า "Your Content" (เนื้อหาของคุณ) คุณจะเห็นรายการหนังสือ Kindle ทั้งหมดของคุณ คลิกที่ปุ่ม "..." (จุดสามจุด) ข้างๆ หนังสือที่คุณต้องการดาวน์โหลด 4) เลือก "Download & transfer via USB": จากเมนูที่ปรากฏขึ้นมา เลือก "Download & transfer via USB" (ดาวน์โหลดและโอนไฟล์ผ่าน USB) 5) เลือกอุปกรณ์ Kindle: จากเมนูดรอปดาวน์ ให้เลือกอุปกรณ์ Kindle ของคุณที่คุณต้องการถ่ายโอนไฟล์หนังสือ จากนั้นคลิก "Download" (ดาวน์โหลด) 6) บันทึกไฟล์: เบราว์เซอร์ของคุณจะเริ่มดาวน์โหลดไฟล์หนังสือ Kindle (.azw) ลงในคอมพิวเตอร์ของคุณ โปรดเลือกโฟลเดอร์ที่คุณต้องการบันทึกไฟล์ 7) ถ่ายโอนไฟล์ไปยังอุปกรณ์ Kindle (ถ้าจำเป็น): ถ้าคุณต้องการอ่านหนังสือในอุปกรณ์ Kindle ที่ไม่รองรับการดาวน์โหลดโดยตรง คุณสามารถเชื่อมต่ออุปกรณ์ Kindle กับคอมพิวเตอร์ผ่านสาย USB แล้วคัดลอกไฟล์ .azw ไปยังโฟลเดอร์ "Documents" ในอุปกรณ์ Kindle ของคุณได้ https://www.zdnet.com/article/download-your-kindle-books-right-now-amazon-is-killing-this-option-in-a-few-days/
    WWW.ZDNET.COM
    Download your Kindle books right now - Amazon is killing this option in a few days
    The clock is ticking for Kindle users. After February 2025, a long-standing feature disappears. Will this change how you buy and store digital books? Read on to find out.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 187 มุมมอง 0 รีวิว
  • ยูเครนชนะกี่โมง? ย้อนฟัง "ช่อ พรรณิการ์"
    ฟันธงรัสเซียแพ้แน่นอน แพ้ย่อยยับ
    .
    ย้อนฟัง "ช่อ พรรณิการ์" ยอดนักวิเคราะห์ข่าวต่างประเทศสายส้ม วิเคราะห์สงครามยูเครนแบบมั่นหน้า ด้วยการฟันธงว่า รัสเซียแพ้แน่นอน แพ้ย่อยยับ ปูตินจะถูกรัฐประหารเงียบ จนชาวเน็ตผู้มาจากอนาคตเข้าไปรุมคอมเมนต์เดือด เตือนความทรงจำ ถามเมื่อไหร่รัสเซียจะแพ้-ยูเครนจะชนะ?
    .
    ในสถานการณ์ทางการเมืองโลกที่ผันผวนภายหลังการยกหูโทรศัพท์พูดคุยกันนานกว่า 90 นาทีระหว่างนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ และ นายวลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย เมื่อวันพุธที่ 12 กุมภาพันธ์ 2568 โดยในประเด็นสงครามยูเครนนั้น นายทรัมป์ กล่าวกับผู้สื่อข่าวภายหลังว่า “ถึงเวลาแล้วที่จะยุติสงครามไร้สาระนี้ ซึ่งเต็มไปด้วยการสังหารและการทำลายล้างที่ไม่จำเป็นเลย ขอพระเจ้าอวยพรประชาชนชาวรัสเซียและยูเครน!”
    .
    การเริ่มต้นพูดคุยระหว่าง ทรัมป์และปูติน อันนำมาสู่เหตุการณ์เมื่อ วันอังคารที่ 18 กุมภาพันธ์ 2568 สหรัฐฯ และรัสเซียนำโดย นายมาร์ค รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ และ นายเซอร์เกย์ ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย ซึ่งดำเนินการเปิดโต๊ะการเจรจาเกี่ยวกับยูเครนกันเพียง 2 ฝ่าย อย่างเป็นทางการเป็นครั้งแรกที่กรุงริยาด ประเทศซาอุดีอาระเบีย โดยปราศจากตัวแทนของยูเครน และชาติต่าง ๆ ในยุโรปร่วมโต๊ะเลย แม้แต่คนเดียว
    .
    สถานการณ์ดังกล่าวสร้างความเดือดดาลให้กับนายโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครนและผู้นำชาติต่างๆ ในยุโรปอย่างมาก เพราะการเปิดโต๊ะเจรจาดังกล่าวเป็นสัญญาณว่า ยูเครนและยุโรปน่าจะต้องตกเป็นเบี้ยล่าง และพ่ายแพ้ถูกทิ้งไว้ท่ามกลางซากปรักหักพัง รวมถึงปัญหาต่างๆ ที่เข้ารุมเร้าทั้งปัญหาเศรษฐกิจ ค่าครองชีพ การแย่งชิงบีบบังคับเอาทรัพยากรเพื่อชดใช้เงินช่วยเหลือในสงคราม ความวุ่นวายทางการเมืองภายใน รวมไปถึงปัญหาสังคมและผู้อพยพ ฯลฯ
    .
    ในส่วนของผู้ที่ติดตามข่าวสารเรื่องสงครามยูเครนในประเทศไทยส่วนหนึ่ง ได้มีผู้ย้อนไปหยิบยกการวิเคราะห์สถานการณ์สงครามยูเครนเมื่อ 2 ปีที่แล้ว โดย น.ส.พรรณิการ์ วานิช อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคอนาคตใหม่ และอดีตเป็นพิธีกรรายการข่าวทางช่องวอยซ์ทีวี ปัจจุบันดำรงตำแหน่งโฆษกคณะก้าวหน้า ซึ่งเมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2565 หรือเกือบ 3 ปีที่แล้ว ได้วิเคราะห์เรื่องนี้เอาไว้ในยูทูปช่อง คณะก้าวหน้า - Progressive Movement ความยาวกว่า 25 นาที ในหัวเรื่องว่า "ช่อฟันธง! รัสเซียแพ้ย่อยยับ ปูตินชักศึกเข้าบ้าน!" (ลิงก์ >> https://www.youtube.com/watch?v=ytfIw1BHnEM)
    .
    ทั้งนี้ในรายการดังกล่าว "ช่อ พรรณิการ์" แห่งคณะก้าวหน้าได้กล่าวในตอนต้นว่า "ดิฉันขอฟันธง รัสเซียเธอแพ้แน่นอน นับวันแพ้ ทำไมถึงจะแพ้ เป็นเพราะอะไรเกิดอะไรขึ้น เป็นเพราะอะไร?"
    .
    จากนั้น อดีตโฆษกพรรคอนาคตใหม่ได้กล่าววิเคราะห์ต่อว่า สาเหตุที่รัสเซียจะพ่ายแพ้ต่อยูเครนและชาติพันธมิตรยุโรปนั้นมาจาก การบีบบังคับด้วยการใช้มาตรการทางเศรษฐกิจ-การเงินต่อยุโรป
    "มาตรการหลัก ๆ ที่ตอนนี้นำโดยสหภาพยุโรป สหรัฐอเมริกา ใช้อยู่จริง ๆ คือ มาตรการการเงิน ซึ่งมากไปกว่า มาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจการค้านะ แต่เรียกว่าเป็นการทุบค่าเงินและตัดตอนทางการเงินแบบขนานใหญ่ อย่างที่ไม่เคยปรากฎมาก่อนในรอบหลายสิบปีที่ผ่านมา นานาประเทศตัดรัสเซียออกจากระบบการโอนเงินระหว่างประเทศ S.W.I.F.T., ระบบการเงินของธนาคารต่าง ๆ, มีการฟรีซแอสเสท หรือสินทรัพย์ของรัสเซียที่อยู่ในสหรัฐอเมริกา รวมถึงประกาศไม่ให้มีการค้าขายกับรัสเซีย ..." น.ส.พรรณิการ์กล่าว และวิเคราะห์ต่อว่า นี่เองเป็นสาเหตุที่ค่าเงินรูเบิลของรัสเซียตกต่ำลงอย่างมาก จนแทบจะไม่มีค่า แทบจะกลายเป็นเศษกระดาษ
    .
    นอกจากนี้ ช่อ พรรณิการ์ ยังวิเคราะห์ต่ออย่างออกรสด้วยว่า ความเคลื่อนไหวที่สำคัญที่สุดคือ ท่าทีของประเทศสวิตเซอร์แลนด์ที่เลือกจะทำตามมาตรการคว่ำบาตรของอียู คือ การอายัดทรัพย์สินของรัสเซียที่อยู่ในแบงก์สวิตเซอร์แลนด์ คิดเป็นมูลค่ากว่า 11,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยไม่ใช่แค่การอายัดเฉพาะทรัพย์สินของรัฐ แต่เป็นทรัพย์สินของเอกชน และมหาเศรษฐีต่าง ๆ ของรัสเซียที่เกี่ยวข้องกับนายปูตินด้วยจะเป็นปัจจัยชี้ขายให้รัสเซียและนายปูตินพ่ายแพ้อย่างแน่นอน
    .
    "ดิฉันคิดว่า เมื่อสวิตเซอร์แลนด์ทำขนาดนี้แล้ว ปูตินนับวันแพ้ได้เลยนะคะ" โฆษกคณะก้าวหน้าฟันธง
    .
    ล่วงเลยมาถึงวันนี้ เมื่อทีมงาน Sondhi X กลับไปสำรวจความเห็นของผู้ที่เข้ามาชมคลิปการวิเคราะห์สถานการณ์โลกดังกล่าวของช่อ พรรณิการ์ ทางยูทูปของคณะก้าวหน้าแล้วก็พบว่า มีผู้เข้าไปย้อนดูคลิปดังกล่าวและแสดงความเห็นเป็นจำนวนมาก ยกตัวอย่างเช่น
    • สวัสดีเรามาจากอนาคต 2025 ตอนนี้ทรัมป์กับปูตินเจรจากันแล้วนะเรื่องยูเครนโดยไม่มีไอ้กี้ หรือใช้คำว่าไม่เห็นหัวไอ้กี้ ก็คงไม่ผิดนัก ส่วนไอ้กี้ก็หัวซุกหัวซุนเกาะยุโรปที่เหลืออย่างแนบแน่น จริงแล้วตอนนี้ ยูเครนต้องเลือกปธน.ใหม่แล้วนะ แต่ไอ้กี้ไม่ยอม และไม่ฟังเสียงปชช.เลย โคจรหวงอำนาจเลย ยังไงรบกวนคุณช่อประท้วงแทนปชช.ชาวยูเครนด้วยนะ หรือส่งให้ว่าที่ เลขา UN ด้วยนะครับ
    • เมื่อไรจะแพ้ รออยู่นะคับ
    • ทายแค่ ซ้ายขวายังผิดยังคิดจะมาบริหารประเทศ อายมั้ยส้ม
    • 20-2-2025 ทายผิดจนขนลุก ยูเครนเละโดนรุมทึ้งแบ่งเค้กผลประโยชน์ของชาติ แถมไม่มีสิทธิแม้แต่เข้าร่วมเจรจาสันติภาพเลือกชะตากรรมของชาติตัวเอง 😂
    • ยูเครนชนะยังครับ รอจนเมื่อยแล้ว
    • สรุปทำไมวิเคราะห์ผิดหมดเลย ไม่มีข้อมูลเพียงพอรอบด้าน หรือไม่มีศักยภาพในการวิเคราะห์ ถ้าได้บริหารประเทศวิเคราะห์ผิดแบบนี้แย่แน่นอน
    • สวัสดีเรามาจากอนาคต สภาพ ผิดทุกเรื่องตรงข้ามทุกอย่าง 5555
    • วิเคราะห์มาถึงขนาดนี้ ปัจจุบันคุณเห็นหรือยังใครเป็นคนทำสงคราม นาโต้ทำสงครามกับรัสเซีย ยูเครนเป็นสนามรบ ผู้สนับสนุนหลักคืออเมริกา
    รัสเซียบุกยูเครน ก็เพราะนาโต้ขยายอาณาเขตเข้ามาในยูเครน รัสเซียแค่ป้องกันตนเองจากกลุ่มนาโต้ มีหัวเรือเป็นสหรัฐอเมริกา ตัวตลกยูเครนคือหุ่นเชิด
    • ธงหักหมดแล้ว จากคนเคยเลือกและลาขาด
    .
    สำหรับคลิปการวิเคราะห์ดังกล่าวของช่อ พรรณิการ์ เรื่องสงครามยูเครน นับถึงเวลา 20.00น. ที่ผ่านมาของวันที่ 20 ก.พ. 68 มีผู้เข้าชมแล้วกว่า 1.49 ล้านครั้ง
    ยูเครนชนะกี่โมง? ย้อนฟัง "ช่อ พรรณิการ์" ฟันธงรัสเซียแพ้แน่นอน แพ้ย่อยยับ . ย้อนฟัง "ช่อ พรรณิการ์" ยอดนักวิเคราะห์ข่าวต่างประเทศสายส้ม วิเคราะห์สงครามยูเครนแบบมั่นหน้า ด้วยการฟันธงว่า รัสเซียแพ้แน่นอน แพ้ย่อยยับ ปูตินจะถูกรัฐประหารเงียบ จนชาวเน็ตผู้มาจากอนาคตเข้าไปรุมคอมเมนต์เดือด เตือนความทรงจำ ถามเมื่อไหร่รัสเซียจะแพ้-ยูเครนจะชนะ? . ในสถานการณ์ทางการเมืองโลกที่ผันผวนภายหลังการยกหูโทรศัพท์พูดคุยกันนานกว่า 90 นาทีระหว่างนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ และ นายวลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย เมื่อวันพุธที่ 12 กุมภาพันธ์ 2568 โดยในประเด็นสงครามยูเครนนั้น นายทรัมป์ กล่าวกับผู้สื่อข่าวภายหลังว่า “ถึงเวลาแล้วที่จะยุติสงครามไร้สาระนี้ ซึ่งเต็มไปด้วยการสังหารและการทำลายล้างที่ไม่จำเป็นเลย ขอพระเจ้าอวยพรประชาชนชาวรัสเซียและยูเครน!” . การเริ่มต้นพูดคุยระหว่าง ทรัมป์และปูติน อันนำมาสู่เหตุการณ์เมื่อ วันอังคารที่ 18 กุมภาพันธ์ 2568 สหรัฐฯ และรัสเซียนำโดย นายมาร์ค รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ และ นายเซอร์เกย์ ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย ซึ่งดำเนินการเปิดโต๊ะการเจรจาเกี่ยวกับยูเครนกันเพียง 2 ฝ่าย อย่างเป็นทางการเป็นครั้งแรกที่กรุงริยาด ประเทศซาอุดีอาระเบีย โดยปราศจากตัวแทนของยูเครน และชาติต่าง ๆ ในยุโรปร่วมโต๊ะเลย แม้แต่คนเดียว . สถานการณ์ดังกล่าวสร้างความเดือดดาลให้กับนายโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครนและผู้นำชาติต่างๆ ในยุโรปอย่างมาก เพราะการเปิดโต๊ะเจรจาดังกล่าวเป็นสัญญาณว่า ยูเครนและยุโรปน่าจะต้องตกเป็นเบี้ยล่าง และพ่ายแพ้ถูกทิ้งไว้ท่ามกลางซากปรักหักพัง รวมถึงปัญหาต่างๆ ที่เข้ารุมเร้าทั้งปัญหาเศรษฐกิจ ค่าครองชีพ การแย่งชิงบีบบังคับเอาทรัพยากรเพื่อชดใช้เงินช่วยเหลือในสงคราม ความวุ่นวายทางการเมืองภายใน รวมไปถึงปัญหาสังคมและผู้อพยพ ฯลฯ . ในส่วนของผู้ที่ติดตามข่าวสารเรื่องสงครามยูเครนในประเทศไทยส่วนหนึ่ง ได้มีผู้ย้อนไปหยิบยกการวิเคราะห์สถานการณ์สงครามยูเครนเมื่อ 2 ปีที่แล้ว โดย น.ส.พรรณิการ์ วานิช อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคอนาคตใหม่ และอดีตเป็นพิธีกรรายการข่าวทางช่องวอยซ์ทีวี ปัจจุบันดำรงตำแหน่งโฆษกคณะก้าวหน้า ซึ่งเมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2565 หรือเกือบ 3 ปีที่แล้ว ได้วิเคราะห์เรื่องนี้เอาไว้ในยูทูปช่อง คณะก้าวหน้า - Progressive Movement ความยาวกว่า 25 นาที ในหัวเรื่องว่า "ช่อฟันธง! รัสเซียแพ้ย่อยยับ ปูตินชักศึกเข้าบ้าน!" (ลิงก์ >> https://www.youtube.com/watch?v=ytfIw1BHnEM) . ทั้งนี้ในรายการดังกล่าว "ช่อ พรรณิการ์" แห่งคณะก้าวหน้าได้กล่าวในตอนต้นว่า "ดิฉันขอฟันธง รัสเซียเธอแพ้แน่นอน นับวันแพ้ ทำไมถึงจะแพ้ เป็นเพราะอะไรเกิดอะไรขึ้น เป็นเพราะอะไร?" . จากนั้น อดีตโฆษกพรรคอนาคตใหม่ได้กล่าววิเคราะห์ต่อว่า สาเหตุที่รัสเซียจะพ่ายแพ้ต่อยูเครนและชาติพันธมิตรยุโรปนั้นมาจาก การบีบบังคับด้วยการใช้มาตรการทางเศรษฐกิจ-การเงินต่อยุโรป "มาตรการหลัก ๆ ที่ตอนนี้นำโดยสหภาพยุโรป สหรัฐอเมริกา ใช้อยู่จริง ๆ คือ มาตรการการเงิน ซึ่งมากไปกว่า มาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจการค้านะ แต่เรียกว่าเป็นการทุบค่าเงินและตัดตอนทางการเงินแบบขนานใหญ่ อย่างที่ไม่เคยปรากฎมาก่อนในรอบหลายสิบปีที่ผ่านมา นานาประเทศตัดรัสเซียออกจากระบบการโอนเงินระหว่างประเทศ S.W.I.F.T., ระบบการเงินของธนาคารต่าง ๆ, มีการฟรีซแอสเสท หรือสินทรัพย์ของรัสเซียที่อยู่ในสหรัฐอเมริกา รวมถึงประกาศไม่ให้มีการค้าขายกับรัสเซีย ..." น.ส.พรรณิการ์กล่าว และวิเคราะห์ต่อว่า นี่เองเป็นสาเหตุที่ค่าเงินรูเบิลของรัสเซียตกต่ำลงอย่างมาก จนแทบจะไม่มีค่า แทบจะกลายเป็นเศษกระดาษ . นอกจากนี้ ช่อ พรรณิการ์ ยังวิเคราะห์ต่ออย่างออกรสด้วยว่า ความเคลื่อนไหวที่สำคัญที่สุดคือ ท่าทีของประเทศสวิตเซอร์แลนด์ที่เลือกจะทำตามมาตรการคว่ำบาตรของอียู คือ การอายัดทรัพย์สินของรัสเซียที่อยู่ในแบงก์สวิตเซอร์แลนด์ คิดเป็นมูลค่ากว่า 11,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยไม่ใช่แค่การอายัดเฉพาะทรัพย์สินของรัฐ แต่เป็นทรัพย์สินของเอกชน และมหาเศรษฐีต่าง ๆ ของรัสเซียที่เกี่ยวข้องกับนายปูตินด้วยจะเป็นปัจจัยชี้ขายให้รัสเซียและนายปูตินพ่ายแพ้อย่างแน่นอน . "ดิฉันคิดว่า เมื่อสวิตเซอร์แลนด์ทำขนาดนี้แล้ว ปูตินนับวันแพ้ได้เลยนะคะ" โฆษกคณะก้าวหน้าฟันธง . ล่วงเลยมาถึงวันนี้ เมื่อทีมงาน Sondhi X กลับไปสำรวจความเห็นของผู้ที่เข้ามาชมคลิปการวิเคราะห์สถานการณ์โลกดังกล่าวของช่อ พรรณิการ์ ทางยูทูปของคณะก้าวหน้าแล้วก็พบว่า มีผู้เข้าไปย้อนดูคลิปดังกล่าวและแสดงความเห็นเป็นจำนวนมาก ยกตัวอย่างเช่น • สวัสดีเรามาจากอนาคต 2025 ตอนนี้ทรัมป์กับปูตินเจรจากันแล้วนะเรื่องยูเครนโดยไม่มีไอ้กี้ หรือใช้คำว่าไม่เห็นหัวไอ้กี้ ก็คงไม่ผิดนัก ส่วนไอ้กี้ก็หัวซุกหัวซุนเกาะยุโรปที่เหลืออย่างแนบแน่น จริงแล้วตอนนี้ ยูเครนต้องเลือกปธน.ใหม่แล้วนะ แต่ไอ้กี้ไม่ยอม และไม่ฟังเสียงปชช.เลย โคจรหวงอำนาจเลย ยังไงรบกวนคุณช่อประท้วงแทนปชช.ชาวยูเครนด้วยนะ หรือส่งให้ว่าที่ เลขา UN ด้วยนะครับ • เมื่อไรจะแพ้ รออยู่นะคับ • ทายแค่ ซ้ายขวายังผิดยังคิดจะมาบริหารประเทศ อายมั้ยส้ม • 20-2-2025 ทายผิดจนขนลุก ยูเครนเละโดนรุมทึ้งแบ่งเค้กผลประโยชน์ของชาติ แถมไม่มีสิทธิแม้แต่เข้าร่วมเจรจาสันติภาพเลือกชะตากรรมของชาติตัวเอง 😂 • ยูเครนชนะยังครับ รอจนเมื่อยแล้ว • สรุปทำไมวิเคราะห์ผิดหมดเลย ไม่มีข้อมูลเพียงพอรอบด้าน หรือไม่มีศักยภาพในการวิเคราะห์ ถ้าได้บริหารประเทศวิเคราะห์ผิดแบบนี้แย่แน่นอน • สวัสดีเรามาจากอนาคต สภาพ ผิดทุกเรื่องตรงข้ามทุกอย่าง 5555 • วิเคราะห์มาถึงขนาดนี้ ปัจจุบันคุณเห็นหรือยังใครเป็นคนทำสงคราม นาโต้ทำสงครามกับรัสเซีย ยูเครนเป็นสนามรบ ผู้สนับสนุนหลักคืออเมริกา รัสเซียบุกยูเครน ก็เพราะนาโต้ขยายอาณาเขตเข้ามาในยูเครน รัสเซียแค่ป้องกันตนเองจากกลุ่มนาโต้ มีหัวเรือเป็นสหรัฐอเมริกา ตัวตลกยูเครนคือหุ่นเชิด • ธงหักหมดแล้ว จากคนเคยเลือกและลาขาด . สำหรับคลิปการวิเคราะห์ดังกล่าวของช่อ พรรณิการ์ เรื่องสงครามยูเครน นับถึงเวลา 20.00น. ที่ผ่านมาของวันที่ 20 ก.พ. 68 มีผู้เข้าชมแล้วกว่า 1.49 ล้านครั้ง
    Haha
    Like
    7
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 783 มุมมอง 0 รีวิว
  • สัปดาห์ที่แล้วพูดถึงภาพวาดโบราณที่ถูกจัดอันดับให้เป็นหนึ่งในสิบที่ล้ำค่าที่สุดของจีน วันนี้มาคุยกันสั้นๆ ถึงภาพวาดที่ปรากฏในละครเรื่อง <สามบุปผาลิขิตฝัน>

    ละครเปิดฉากมาที่ร้านชาในเจียงหนานของนางเอกจ้าวพ่านเอ๋อร์ เพื่อนเพจที่ได้ดูละครอาจมัวแต่เพลินกับความสวยของนางเอกและวิวทิวทัศน์จนไม่ทันสังเกตว่าผนังร้านมีภาพวาดแขวนเต็มไปหมด

    Storyฯ จะบอกว่ามันคือแกลเลอรี่ดีๆ นี่เอง เพราะภาพที่โชว์อยู่ตามผนังเป็นภาพเหมือนของภาพวาดโบราณที่มีชื่อเสียงจัดเป็นสมบัติชาติของจีน ซึ่งในหลายฉากอื่นในละครก็มีภาพวาดโบราณเหล่านี้ให้ดูอีก วันนี้ยกตัวอย่างมาให้ดูกันสามภาพ

    ภาพแรกคือภาพ ‘เหลียนฉือสุ่ยโซ่ว’ (莲池水禽图 แปลได้ว่าภาพสัตว์น้ำในสระปทุม ดูรูปประกอบ1) ภาพนี้เป็นภาพวาดสมัยปลายถัง-ห้าราชวงศ์ เป็นภาพคู่ วาดขึ้นบนผ้าไหมหรือที่เรียกว่า ‘เจวี้ยนเปิ่น’ (绢本/silk scroll) ขนาดประมาณของภาพแต่ละผืนคือ 106 x 91ซม. วาดโดยกู้เต๋อเชียนซึ่งมีพื้นเพอยู่เจียงหนาน ปัจจุบันเก็บอยู่ที่พิพิธภัณฑ์แห่งชาติโตเกียว

    ภาพต่อมาคือภาพ ‘ซีซันหลี่ว์สิง’ (溪山行旅图 แปลได้ว่าภาพการท่องไปตามภูเขาลำธาร ดูรูปประกอบ2) ภาพนี้วาดโดยฟ่านควน จิตรกรสมัยซ่งเหนือ วาดขึ้นบนผ้าไหมเช่นกัน ขนาดประมาณ 206 x 103ซม. เป็นสมบัติในวังหลวงสืบทอดกันมา (มีตราประทับห้องทรงพระอักษรสมัยหมิงและชิงอยู่ที่ขอบรูปจริง) ปัจจุบันจัดเก็บอยู่ที่พิพิธภัณฑ์พระราชวังต้องห้าม

    ภาพที่สามคือภาพ ‘ชิวซานเวิ่นเต้า’ (秋山问道图 แปลได้ประมาณว่าภาพการแสวงหาทางธรรมกลางภูผาในสารทฤดู) เป็นภาพสมัยปลายห้าราชวงศ์-ต้นซ่ง ผู้วาดเป็นนักบวชนามว่าจวี้หรัน เป็นภาพวาดบนผ้าไหมเช่นกัน ขนาดประมาณ 165 x 77ซม. ปัจจุบันภาพที่จัดเก็บอยู่ที่พิพิธภัณฑ์พระราชวังต้องห้ามเช่นกัน

    พูดถึงภาพจริงกันไปแล้วพอหอมปากหอมคอ แน่นอนว่าในละครยังมีอีกหลายภาพ ใครที่ยังดูละครเรื่องนี้อยู่อย่ามัวแต่เพลินตากับพระนางนะคะ ดูอาร์ตแกเลอรี่ที่เขาใส่มาให้ในละครด้วย

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ ช่วยกดไลค์กดแชร์กดติดตามกันด้วยนะคะ #StoryfromStory)

    Credit รูปภาพและข้อมูลเรียบเรียงจากในละครและจาก:
    https://www.163.com/dy/article/HBHTPUAG055226SD.html
    https://news.yangtse.com/content/1470761.html
    http://www.chinashj.com/sh-gdhh-wd/502.html
    https://baike.baidu.com/item/秋山问道图/2237166
    https://baike.baidu.com/item/溪山行旅图/1775752

    #สามบุปผาลิขิตฝัน #ซีซันหลี่ว์สิง #เหลียนฉือสุ่ยโซ่ว #ชิวซานเวิ่นเต้า #ภาพวาดจีนโบราณ
    สัปดาห์ที่แล้วพูดถึงภาพวาดโบราณที่ถูกจัดอันดับให้เป็นหนึ่งในสิบที่ล้ำค่าที่สุดของจีน วันนี้มาคุยกันสั้นๆ ถึงภาพวาดที่ปรากฏในละครเรื่อง <สามบุปผาลิขิตฝัน> ละครเปิดฉากมาที่ร้านชาในเจียงหนานของนางเอกจ้าวพ่านเอ๋อร์ เพื่อนเพจที่ได้ดูละครอาจมัวแต่เพลินกับความสวยของนางเอกและวิวทิวทัศน์จนไม่ทันสังเกตว่าผนังร้านมีภาพวาดแขวนเต็มไปหมด Storyฯ จะบอกว่ามันคือแกลเลอรี่ดีๆ นี่เอง เพราะภาพที่โชว์อยู่ตามผนังเป็นภาพเหมือนของภาพวาดโบราณที่มีชื่อเสียงจัดเป็นสมบัติชาติของจีน ซึ่งในหลายฉากอื่นในละครก็มีภาพวาดโบราณเหล่านี้ให้ดูอีก วันนี้ยกตัวอย่างมาให้ดูกันสามภาพ ภาพแรกคือภาพ ‘เหลียนฉือสุ่ยโซ่ว’ (莲池水禽图 แปลได้ว่าภาพสัตว์น้ำในสระปทุม ดูรูปประกอบ1) ภาพนี้เป็นภาพวาดสมัยปลายถัง-ห้าราชวงศ์ เป็นภาพคู่ วาดขึ้นบนผ้าไหมหรือที่เรียกว่า ‘เจวี้ยนเปิ่น’ (绢本/silk scroll) ขนาดประมาณของภาพแต่ละผืนคือ 106 x 91ซม. วาดโดยกู้เต๋อเชียนซึ่งมีพื้นเพอยู่เจียงหนาน ปัจจุบันเก็บอยู่ที่พิพิธภัณฑ์แห่งชาติโตเกียว ภาพต่อมาคือภาพ ‘ซีซันหลี่ว์สิง’ (溪山行旅图 แปลได้ว่าภาพการท่องไปตามภูเขาลำธาร ดูรูปประกอบ2) ภาพนี้วาดโดยฟ่านควน จิตรกรสมัยซ่งเหนือ วาดขึ้นบนผ้าไหมเช่นกัน ขนาดประมาณ 206 x 103ซม. เป็นสมบัติในวังหลวงสืบทอดกันมา (มีตราประทับห้องทรงพระอักษรสมัยหมิงและชิงอยู่ที่ขอบรูปจริง) ปัจจุบันจัดเก็บอยู่ที่พิพิธภัณฑ์พระราชวังต้องห้าม ภาพที่สามคือภาพ ‘ชิวซานเวิ่นเต้า’ (秋山问道图 แปลได้ประมาณว่าภาพการแสวงหาทางธรรมกลางภูผาในสารทฤดู) เป็นภาพสมัยปลายห้าราชวงศ์-ต้นซ่ง ผู้วาดเป็นนักบวชนามว่าจวี้หรัน เป็นภาพวาดบนผ้าไหมเช่นกัน ขนาดประมาณ 165 x 77ซม. ปัจจุบันภาพที่จัดเก็บอยู่ที่พิพิธภัณฑ์พระราชวังต้องห้ามเช่นกัน พูดถึงภาพจริงกันไปแล้วพอหอมปากหอมคอ แน่นอนว่าในละครยังมีอีกหลายภาพ ใครที่ยังดูละครเรื่องนี้อยู่อย่ามัวแต่เพลินตากับพระนางนะคะ ดูอาร์ตแกเลอรี่ที่เขาใส่มาให้ในละครด้วย (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ ช่วยกดไลค์กดแชร์กดติดตามกันด้วยนะคะ #StoryfromStory) Credit รูปภาพและข้อมูลเรียบเรียงจากในละครและจาก: https://www.163.com/dy/article/HBHTPUAG055226SD.html https://news.yangtse.com/content/1470761.html http://www.chinashj.com/sh-gdhh-wd/502.html https://baike.baidu.com/item/秋山问道图/2237166 https://baike.baidu.com/item/溪山行旅图/1775752 #สามบุปผาลิขิตฝัน #ซีซันหลี่ว์สิง #เหลียนฉือสุ่ยโซ่ว #ชิวซานเวิ่นเต้า #ภาพวาดจีนโบราณ
    《梦华录》中的挂画,惊现国宝《溪山行旅图》!
    《梦华录》中的挂画,惊现国宝《溪山行旅图》!,溪山行旅图,梦华录,范宽,董其昌,挂画,画家
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 396 มุมมอง 0 รีวิว
  • กรณีของ บ่อนคาสิโน ไม่ว่าจะแสดงความเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย ก็ยากที่จะบอกได้ว่าประชาชนทั่วไปได้เข้าใจถึงประโยชน์และโทษอย่างถ่องแท้หรือไม่ หากอายุเราพอๆกัน จะจำได้ว่า “เอ็นเตอเทนเม็นท์คอมเพล็กซ์” (แปลง่ายๆว่าจะให้คนมาประมูลเปิดบ่อนดึงเงินเข้าประเทศ) นั้นถูกเสนอมาตั้งแต่รัฐบาล ทักษิณ ในปี พ.ศ. 2544-2545 แต่กระแสก็แผ่ว ตอนนั้น มีพ่อของ รัฐมนตรีท่องเที่ยว บอกว่าจะให้เอาโรงแรมแอมบาสเดอร์พัทยานั่นแหละเป็นพื้นที่นำร่องเพราะตรงตามความต้องการดี และ ไม่นานกระแสก็แผ่วเพราะภาคประชาสังคมต่อต้านอย่างมาก ปีนี้ปี พ.ศ. 2568 พ่อนายก ก็ยังขุดของเก่ามาขายอีกมั้งๆที่น่าจะมีกรณีศึกษามาแล้วพอสมควรแก่การละ และ วาง

    การที่ประเทศไทย ไม่มีคาสิโนถูกกฎหมายในทุกวันนี้ กอรป กับการที่ ตำรวจกลายเป็นหน่วยงานที่ถูกระบุว่ามีการคอร์รัปชั่นสูงสุด ยกตัวอย่างเป็นกรณีศึกษา ในตอนที่เขียนไว้ข้างต้น ตัรายงานการสำรวจจาก รศ.ดร.สังศิต พิริยะรังสรรค์ และคณะทำงาน ระบุว่าส่วยตำรวจจากบ่อนการพนันทั่วประเทศในปี พ.ศ. 2544 น่าจะอยู่ระหว่าง 6 พัน 6 ร้อยล้าน ถึง 1 หมื่น 3 พันล้านบาท ทั้งนี้ยังไม่นับการคอรัปชั่นในรูปแบบอื่นๆอีก ก็เพราะเงินจำนวนมหาศาล นี้เอง ที่ทำให้การฉ้อราษฏร์บังหลวง มันหอมหวานมาก คำถามในเวลานั้นคือถ้ามีบ่อนคาสิโนถูกกฎหมาย ปัญหานี้จะแก้ได้หรือไม่? นี่ยังคงเป็นคำถามเดียวกันที่เราต้องถามในปัจจุบัน ไม่ใช่ ว่าจะลดบ่อนเถื่อนได้หรือไม่ !

    และก็มีไอ้ประเภทชอบอ้างถึง มาเก๊า สิงค์โปร์ ลาสเวกัส (แต่ไม่ยักอ้างถึงฟิลิปปินส์หรือญี่ปุ่น) …ในเรื่องการเปิดเอ็นเตอเทนเม็นท์คอมเพล็กซ์ (บ่อน) - ฟิลิปปินส์ปีที่ผ่านมานี้รัฐบาลบอกว่าภาคอุตสาหกรรมเกมมิ่ง (การพนัน) ทำรายได้เป็นกอบเป็นกำดีมาก แต่ ..ประชาชนติดการพนันทั้งประเทศ .. ญี่ปุ่นมีกฎหมายดังกล่าวตั้งแต่ ค.ศ. 2016 แต่ถึงปัจจุบันก็ยังมองจากการศึกษาถอดบทเรียนว่าได้ไม่คุ้มเสีย …จีน บอกแล้วประชาชนออกไปเล่นนอกประเทศ มีความเสี่ยง มีค่าใช้จ่าย เป็นกำแพง แต่กลับมาในประเทศห้ามมีเด็ดขาดเพราะการที่ประชาชนติดการพนันสร้างทรัพยากรมนุษย์ที่ไม่มีคุณภาพ …สิงค์โปร์ กฏหมายต่อต้านคอรัปชั่นรุนแรง กำแพงการเข้าถึงสูง ข้าราชการ เจ้าหน้าที่รัฐและครอบครัวใกล้ชิดห้ามข้องแวะโดยเด็ดขาด…มาเก๊าประเทศมีอะไรนอกจากเอ็นเตอเทนเม็นท์คอมเพล็กซ์? …ลาสเวกัสและการพนันเสรีในสหรัฐ..ดูประเทศเขาตอนนี้สิ รัฐเนวาดาของสหรัฐอเมริกา ที่ตั้งของลาสเวกัส เมืองบ่อนการพนันที่ใหญ่ที่สุดในโลก พบว่าอัตราการฆ่า ตัวตายของรัฐฯ สูงที่สุดในอเมริกา อัตราการล้มละลายสูงถึงร้อยละ 50 หรือที่เมืองเดดวูด รัฐดาโกตา หลังจากให้เปิดคาสิโนเพียง 2 ปี พบการทารุณกรรมเด็กเพิ่มขึ้นร้อยละ 43 การใช้ความรุนแรงในครอบครัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 80 อัตราการฆ่าตัวตายของสามี-ภรรยาที่เล่นพนันสม่ำยิ่งน่าตกใจ มันมากกว่าอัตราเฉลี่ยของทั้งประเทศถึง 150 เท่า!!

    ถ้ามีบ่อนคาสิโนถูกกฎหมาย ปัญหาเหล่านี้ของประเทศไทย ที่ทุกวันนี้ มีแต่ข่าว ลูกฆ่าพ่อ พ่อฆ่าลูก ผัวฆ่าเมีย แม่ฆ่ายกครัว เจ้าหนี้โหดทวงหนี้ฆ่ายกบ้าน จะเพิ่มขึ้นหรือไม่? (หรือทุกวันนี้ มันก็มีแฝงกับบ่อนเถื่อนต่างๆ อยู่แล้ว?)

    ปัจจุบันนี้ เรามีรัฐบาลแบบนี้ เรามีฝ่ายค้านแบบนี้ จะมีหรือไม่มีก็ได้ว่าไหม?
    กรณีของ บ่อนคาสิโน ไม่ว่าจะแสดงความเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย ก็ยากที่จะบอกได้ว่าประชาชนทั่วไปได้เข้าใจถึงประโยชน์และโทษอย่างถ่องแท้หรือไม่ หากอายุเราพอๆกัน จะจำได้ว่า “เอ็นเตอเทนเม็นท์คอมเพล็กซ์” (แปลง่ายๆว่าจะให้คนมาประมูลเปิดบ่อนดึงเงินเข้าประเทศ) นั้นถูกเสนอมาตั้งแต่รัฐบาล ทักษิณ ในปี พ.ศ. 2544-2545 แต่กระแสก็แผ่ว ตอนนั้น มีพ่อของ รัฐมนตรีท่องเที่ยว บอกว่าจะให้เอาโรงแรมแอมบาสเดอร์พัทยานั่นแหละเป็นพื้นที่นำร่องเพราะตรงตามความต้องการดี และ ไม่นานกระแสก็แผ่วเพราะภาคประชาสังคมต่อต้านอย่างมาก ปีนี้ปี พ.ศ. 2568 พ่อนายก ก็ยังขุดของเก่ามาขายอีกมั้งๆที่น่าจะมีกรณีศึกษามาแล้วพอสมควรแก่การละ และ วาง การที่ประเทศไทย ไม่มีคาสิโนถูกกฎหมายในทุกวันนี้ กอรป กับการที่ ตำรวจกลายเป็นหน่วยงานที่ถูกระบุว่ามีการคอร์รัปชั่นสูงสุด ยกตัวอย่างเป็นกรณีศึกษา ในตอนที่เขียนไว้ข้างต้น ตัรายงานการสำรวจจาก รศ.ดร.สังศิต พิริยะรังสรรค์ และคณะทำงาน ระบุว่าส่วยตำรวจจากบ่อนการพนันทั่วประเทศในปี พ.ศ. 2544 น่าจะอยู่ระหว่าง 6 พัน 6 ร้อยล้าน ถึง 1 หมื่น 3 พันล้านบาท ทั้งนี้ยังไม่นับการคอรัปชั่นในรูปแบบอื่นๆอีก ก็เพราะเงินจำนวนมหาศาล นี้เอง ที่ทำให้การฉ้อราษฏร์บังหลวง มันหอมหวานมาก คำถามในเวลานั้นคือถ้ามีบ่อนคาสิโนถูกกฎหมาย ปัญหานี้จะแก้ได้หรือไม่? นี่ยังคงเป็นคำถามเดียวกันที่เราต้องถามในปัจจุบัน ไม่ใช่ ว่าจะลดบ่อนเถื่อนได้หรือไม่ ! และก็มีไอ้ประเภทชอบอ้างถึง มาเก๊า สิงค์โปร์ ลาสเวกัส (แต่ไม่ยักอ้างถึงฟิลิปปินส์หรือญี่ปุ่น) …ในเรื่องการเปิดเอ็นเตอเทนเม็นท์คอมเพล็กซ์ (บ่อน) - ฟิลิปปินส์ปีที่ผ่านมานี้รัฐบาลบอกว่าภาคอุตสาหกรรมเกมมิ่ง (การพนัน) ทำรายได้เป็นกอบเป็นกำดีมาก แต่ ..ประชาชนติดการพนันทั้งประเทศ .. ญี่ปุ่นมีกฎหมายดังกล่าวตั้งแต่ ค.ศ. 2016 แต่ถึงปัจจุบันก็ยังมองจากการศึกษาถอดบทเรียนว่าได้ไม่คุ้มเสีย …จีน บอกแล้วประชาชนออกไปเล่นนอกประเทศ มีความเสี่ยง มีค่าใช้จ่าย เป็นกำแพง แต่กลับมาในประเทศห้ามมีเด็ดขาดเพราะการที่ประชาชนติดการพนันสร้างทรัพยากรมนุษย์ที่ไม่มีคุณภาพ …สิงค์โปร์ กฏหมายต่อต้านคอรัปชั่นรุนแรง กำแพงการเข้าถึงสูง ข้าราชการ เจ้าหน้าที่รัฐและครอบครัวใกล้ชิดห้ามข้องแวะโดยเด็ดขาด…มาเก๊าประเทศมีอะไรนอกจากเอ็นเตอเทนเม็นท์คอมเพล็กซ์? …ลาสเวกัสและการพนันเสรีในสหรัฐ..ดูประเทศเขาตอนนี้สิ รัฐเนวาดาของสหรัฐอเมริกา ที่ตั้งของลาสเวกัส เมืองบ่อนการพนันที่ใหญ่ที่สุดในโลก พบว่าอัตราการฆ่า ตัวตายของรัฐฯ สูงที่สุดในอเมริกา อัตราการล้มละลายสูงถึงร้อยละ 50 หรือที่เมืองเดดวูด รัฐดาโกตา หลังจากให้เปิดคาสิโนเพียง 2 ปี พบการทารุณกรรมเด็กเพิ่มขึ้นร้อยละ 43 การใช้ความรุนแรงในครอบครัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 80 อัตราการฆ่าตัวตายของสามี-ภรรยาที่เล่นพนันสม่ำยิ่งน่าตกใจ มันมากกว่าอัตราเฉลี่ยของทั้งประเทศถึง 150 เท่า!! ถ้ามีบ่อนคาสิโนถูกกฎหมาย ปัญหาเหล่านี้ของประเทศไทย ที่ทุกวันนี้ มีแต่ข่าว ลูกฆ่าพ่อ พ่อฆ่าลูก ผัวฆ่าเมีย แม่ฆ่ายกครัว เจ้าหนี้โหดทวงหนี้ฆ่ายกบ้าน จะเพิ่มขึ้นหรือไม่? (หรือทุกวันนี้ มันก็มีแฝงกับบ่อนเถื่อนต่างๆ อยู่แล้ว?) ปัจจุบันนี้ เรามีรัฐบาลแบบนี้ เรามีฝ่ายค้านแบบนี้ จะมีหรือไม่มีก็ได้ว่าไหม?
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 363 มุมมอง 0 รีวิว
  • แฟนละคร/นิยายจีนคงคุ้นเคยดีกับโครงเรื่องที่มีการชิงอำนาจทางการเมืองด้วยการจัดให้มีการแต่งงานระหว่างตระกูลดังกับเชื้อพระวงศ์ จนเกิดเป็นแรงกดดันมหาศาลให้กับตัวละครเอก บางคนอาจเคยบ่นว่า ‘มันจะอะไรกันนักหนา?’

    วันนี้ Storyฯ ยกตัวอย่างมาคุยเกี่ยวกับตระกูลขุนนางเก่าแก่เรืองอำนาจ (เรียกรวมว่า สื้อเจีย / 世家)
    เป็นหนึ่งในตระกูลที่ดังที่สุดในประวัติศาสตร์ตอนต้นและกลางของจีนโบราณก็ว่าได้

    ความมีอยู่ว่า
    ....ตระกูลชุยจากชิงเหอรุ่นนี้ สายหลักของตระกูลมีนางเป็นบุตรีโทนแต่เพียงผู้เดียว ... และตระกูลชุยกำลังรุ่งเรือง นางยังอยู่ในท้องของมารดาก็ได้รับการหมั้นหมายให้กับองค์ชายรัชทายาทแล้ว....
    - จากเรื่อง <ทุกชาติภพ กระดูกงดงาม> ผู้แต่ง โม่เป่าเฟยเป่า (แต่บทความ Storyฯ แปลเองจ้า)

    ชิงเหอคือพื้นที่ทางด้านเหนือของจีน (แถบเหอหนาน เหอเป่ยและซานตง) ในสมัยจีนตอนต้นมีสถานะเป็นแคว้นบ้างหรือรองลงมาเป็นจวิ้น (郡) บ้าง ซึ่งนับเป็นเขตการปกครองที่ใหญ่ มีหลายตระกูลดังในประวัติศาตร์จีนที่มาจากพื้นที่แถบนี้ หนึ่งในนั้นคือตระกูลชุย

    ตระกูลชุยมีรากฐานยาวนานมาตั้งแต่สมัยราชวงศ์โจวตะวันตก (ปี 1046-771 ก่อนคริสตกาล) แตกสกุลมาจากสกุลเจียงและรวมถึงชาวเผ่าพันธุ์อื่นที่หันมาใช้สกุลนี้ รับราชการในตำแหน่งสำคัญมาหลายยุคสมัย แตกมาเป็นสายที่เรียกว่า ‘ตระกูลชุยจากชิงเหอ’ ในยุคสมัยจิ๋นซีฮ่องเต้ (ปี 221 – 206 ก่อนคริสตกาล) เมื่อชุยเหลียง (ทายาทรุ่นที่ 7) ได้รับการอวยยศเป็นโหวและได้รับพระราชทานเขตการปกครองชิงเหอนี้ และต่อมาตระกูลชุยจากชิงเหอมีแตกสายย่อยไปอีกรวมเป็นหกสาย

    ตระกูลชุยจากชิงเหอที่กล่าวถึงในละครข้างต้น ‘ไม่ธรรมดา’ แค่ไหน?

    ตระกูลชุยจากชิงเหอรับราชการระดับสูงต่อเนื่อง ผ่านร้อนผ่านหนาวแต่อยู่ยงคงกระพันมากว่า 700 ปี ถูกยกย่องว่าเป็น ‘ที่สุด’ ในบรรดาสี่ตระกูลใหญ่ในยุคสมัยราชวงศ์เว่ยเหนือ (ปีค.ศ. 386 – 535) และในสมัยราชวงศ์ถังก็เป็นหนึ่งในห้าตระกูลเจ็ดเชื้อสาย (五姓七族) อันเป็นตระกูลชั้นสูงที่ต่อมาถูกห้ามไม่ให้แต่งงานกันเอง เพื่อป้องกันไม่ให้สร้างฐานอำนาจมากเกินไป

    มีคนจากตระกูลชุยจากชิงเหอนี้เป็นอัครมหาเสนาบดี (จ่ายเซี่ยง / 宰相) หรือตำแหน่งที่สูงคล้ายกันมากมายหลายรุ่น เฉพาะในสมัยราชวงศ์ถังที่ยาวนานเกือบสามร้อยปีก็มีถึง 12 คน (ถ้ารวมตระกูลชุยสายอื่นมีอีก 10 คน) มีจอหงวน 11 คน ยังไม่รวมที่รับราชการในตำแหน่งอื่น ที่กุมอำนาจทางการทหาร ที่เป็นผู้นำทางความคิด (นักปราชญ์ กวีชื่อดัง) และที่เป็นลูกหลานฝ่ายหญิงที่แต่งเข้าวังในตำแหน่งต่างๆ อีกจำนวนไม่น้อย จวบจนสมัยซ่งใต้ ฐานอำนาจของตระกูลนี้จึงเสื่อมจางลงเหมือนกับตระกูลสื้อเจียอื่นๆ

    ทำไมต้องพูดถึงตระกูลชุยจากชิงเหอ? Storyฯ เล่าเป็นตัวอย่างของเหล่าตระกูลสื้อเจียค่ะ จากที่เคยคิดว่า ‘มันจะอะไรกันนักหนา?’ แต่พอมาเห็นรากฐานของตระกูลสื้อเจียเหล่านี้ เราจะได้อรรถรสเลยว่า ‘ฐานอำนาจ’ ที่เขาพูดถึงกันนั้น มันหยั่งรากลึกแค่ไหน? เหตุใดตัวละครเอกมักรู้สึกถูกกดดันมากมาย? และเพราะเหตุใดมันจึงฝังรากลึกในวัฒนธรรมจีนโบราณ? เพราะมันไม่ใช่เรื่องของหนึ่งหรือสองชั่วอายุคน แต่เรากำลังพูดถึงฐานอำนาจหลายร้อยปีที่แทรกซึมเข้าไปในสังคมโดยมีประมุขใหญ่ของตระกูลในแต่ละรุ่นเป็นแกนนำสำคัญ

    Storyฯ หวังว่าเพื่อนๆ จะดูละครได้อรรถรสยิ่งขึ้นนะคะ ใครเห็นบทบาทของคนในตระกูลชุยในละครเรื่องอื่นใดอีกหรือหากนึกถึงตระกูลอื่นที่คล้ายคลึงก็เม้นท์มาได้ค่ะ

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ ช่วยกดไลค์กดแชร์กันด้วยนะคะ #StoryfromStory)

    Credit รูปภาพจาก:
    https://www.sohu.com/a/484438060_121051662
    https://www.sohu.com/a/485012584_100151502
    https://www.sohu.com/a/489015136_120827444

    Credit ข้อมูลรวบรวมจาก:
    https://www.163.com/dy/article/FNSTJKT60543BK4H.html
    https://new.qq.com/omn/20211021/20211021A09WBQ00.html
    https://www.thepaper.cn/newsDetail_forward_16209361
    https://www.baike.com/wiki/清河崔氏
    https://zh.wikipedia.org/wiki/清河崔氏

    #กระดูกงดงาม #ตระกูลชุย #สกุลชุย #ชิงเหอ #สื้อเจีย
    แฟนละคร/นิยายจีนคงคุ้นเคยดีกับโครงเรื่องที่มีการชิงอำนาจทางการเมืองด้วยการจัดให้มีการแต่งงานระหว่างตระกูลดังกับเชื้อพระวงศ์ จนเกิดเป็นแรงกดดันมหาศาลให้กับตัวละครเอก บางคนอาจเคยบ่นว่า ‘มันจะอะไรกันนักหนา?’ วันนี้ Storyฯ ยกตัวอย่างมาคุยเกี่ยวกับตระกูลขุนนางเก่าแก่เรืองอำนาจ (เรียกรวมว่า สื้อเจีย / 世家) เป็นหนึ่งในตระกูลที่ดังที่สุดในประวัติศาสตร์ตอนต้นและกลางของจีนโบราณก็ว่าได้ ความมีอยู่ว่า ....ตระกูลชุยจากชิงเหอรุ่นนี้ สายหลักของตระกูลมีนางเป็นบุตรีโทนแต่เพียงผู้เดียว ... และตระกูลชุยกำลังรุ่งเรือง นางยังอยู่ในท้องของมารดาก็ได้รับการหมั้นหมายให้กับองค์ชายรัชทายาทแล้ว.... - จากเรื่อง <ทุกชาติภพ กระดูกงดงาม> ผู้แต่ง โม่เป่าเฟยเป่า (แต่บทความ Storyฯ แปลเองจ้า) ชิงเหอคือพื้นที่ทางด้านเหนือของจีน (แถบเหอหนาน เหอเป่ยและซานตง) ในสมัยจีนตอนต้นมีสถานะเป็นแคว้นบ้างหรือรองลงมาเป็นจวิ้น (郡) บ้าง ซึ่งนับเป็นเขตการปกครองที่ใหญ่ มีหลายตระกูลดังในประวัติศาตร์จีนที่มาจากพื้นที่แถบนี้ หนึ่งในนั้นคือตระกูลชุย ตระกูลชุยมีรากฐานยาวนานมาตั้งแต่สมัยราชวงศ์โจวตะวันตก (ปี 1046-771 ก่อนคริสตกาล) แตกสกุลมาจากสกุลเจียงและรวมถึงชาวเผ่าพันธุ์อื่นที่หันมาใช้สกุลนี้ รับราชการในตำแหน่งสำคัญมาหลายยุคสมัย แตกมาเป็นสายที่เรียกว่า ‘ตระกูลชุยจากชิงเหอ’ ในยุคสมัยจิ๋นซีฮ่องเต้ (ปี 221 – 206 ก่อนคริสตกาล) เมื่อชุยเหลียง (ทายาทรุ่นที่ 7) ได้รับการอวยยศเป็นโหวและได้รับพระราชทานเขตการปกครองชิงเหอนี้ และต่อมาตระกูลชุยจากชิงเหอมีแตกสายย่อยไปอีกรวมเป็นหกสาย ตระกูลชุยจากชิงเหอที่กล่าวถึงในละครข้างต้น ‘ไม่ธรรมดา’ แค่ไหน? ตระกูลชุยจากชิงเหอรับราชการระดับสูงต่อเนื่อง ผ่านร้อนผ่านหนาวแต่อยู่ยงคงกระพันมากว่า 700 ปี ถูกยกย่องว่าเป็น ‘ที่สุด’ ในบรรดาสี่ตระกูลใหญ่ในยุคสมัยราชวงศ์เว่ยเหนือ (ปีค.ศ. 386 – 535) และในสมัยราชวงศ์ถังก็เป็นหนึ่งในห้าตระกูลเจ็ดเชื้อสาย (五姓七族) อันเป็นตระกูลชั้นสูงที่ต่อมาถูกห้ามไม่ให้แต่งงานกันเอง เพื่อป้องกันไม่ให้สร้างฐานอำนาจมากเกินไป มีคนจากตระกูลชุยจากชิงเหอนี้เป็นอัครมหาเสนาบดี (จ่ายเซี่ยง / 宰相) หรือตำแหน่งที่สูงคล้ายกันมากมายหลายรุ่น เฉพาะในสมัยราชวงศ์ถังที่ยาวนานเกือบสามร้อยปีก็มีถึง 12 คน (ถ้ารวมตระกูลชุยสายอื่นมีอีก 10 คน) มีจอหงวน 11 คน ยังไม่รวมที่รับราชการในตำแหน่งอื่น ที่กุมอำนาจทางการทหาร ที่เป็นผู้นำทางความคิด (นักปราชญ์ กวีชื่อดัง) และที่เป็นลูกหลานฝ่ายหญิงที่แต่งเข้าวังในตำแหน่งต่างๆ อีกจำนวนไม่น้อย จวบจนสมัยซ่งใต้ ฐานอำนาจของตระกูลนี้จึงเสื่อมจางลงเหมือนกับตระกูลสื้อเจียอื่นๆ ทำไมต้องพูดถึงตระกูลชุยจากชิงเหอ? Storyฯ เล่าเป็นตัวอย่างของเหล่าตระกูลสื้อเจียค่ะ จากที่เคยคิดว่า ‘มันจะอะไรกันนักหนา?’ แต่พอมาเห็นรากฐานของตระกูลสื้อเจียเหล่านี้ เราจะได้อรรถรสเลยว่า ‘ฐานอำนาจ’ ที่เขาพูดถึงกันนั้น มันหยั่งรากลึกแค่ไหน? เหตุใดตัวละครเอกมักรู้สึกถูกกดดันมากมาย? และเพราะเหตุใดมันจึงฝังรากลึกในวัฒนธรรมจีนโบราณ? เพราะมันไม่ใช่เรื่องของหนึ่งหรือสองชั่วอายุคน แต่เรากำลังพูดถึงฐานอำนาจหลายร้อยปีที่แทรกซึมเข้าไปในสังคมโดยมีประมุขใหญ่ของตระกูลในแต่ละรุ่นเป็นแกนนำสำคัญ Storyฯ หวังว่าเพื่อนๆ จะดูละครได้อรรถรสยิ่งขึ้นนะคะ ใครเห็นบทบาทของคนในตระกูลชุยในละครเรื่องอื่นใดอีกหรือหากนึกถึงตระกูลอื่นที่คล้ายคลึงก็เม้นท์มาได้ค่ะ (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ ช่วยกดไลค์กดแชร์กันด้วยนะคะ #StoryfromStory) Credit รูปภาพจาก: https://www.sohu.com/a/484438060_121051662 https://www.sohu.com/a/485012584_100151502 https://www.sohu.com/a/489015136_120827444 Credit ข้อมูลรวบรวมจาก: https://www.163.com/dy/article/FNSTJKT60543BK4H.html https://new.qq.com/omn/20211021/20211021A09WBQ00.html https://www.thepaper.cn/newsDetail_forward_16209361 https://www.baike.com/wiki/清河崔氏 https://zh.wikipedia.org/wiki/清河崔氏 #กระดูกงดงาม #ตระกูลชุย #สกุลชุย #ชิงเหอ #สื้อเจีย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 503 มุมมอง 0 รีวิว
  • คีธ เคลล็อกก์ (Keith Kellogg) ผู้แทนพิเศษของทรัมป์ประจำยูเครนกล่าวในการประชุมด้านความมั่นคงที่เมืองมิวนิก "Munich Security Conference"(MSC) ระบุอย่างชัดเจนว่ายุโรปจะไม่ได้เข้าร่วมการเจรจาเกี่ยวกับความขัดแย้งระหว่างยูเครนกับรัสเซีย

    - ยุโรปจะไม่มีส่วนร่วมในการเจรจาอย่างแน่นอน แต่ยูเครนยังสามารถมีส่วนร่วมได้

    - เคลล็อกก์ต้องการให้ยุโรปมีส่วนร่วมเพียงแค่การเสนอแนะแนวทาง ให้ข้อคิดเห็น ดีกว่าจะมาส่งเสียงร้องโวยวายว่าตัวเองจะได้เข้าร่วมโต๊ะเจรจาหรือไม่หรือไม่ได้เข้าร่วม

    - นอกจากนี้เคลล็อกก์ยังแนะนำให้ยุโรปเอาเวลาไปคิดหาทางเพิ่มงบประมาณด้านการทหารของตัวเองจะดีกว่า
    สหรัฐมีเป้าหมายสูงสุดคือยุติสงครามโดยเร็วที่สุด การเจรจาจะไม่ยืดเยื้อเป็นเวลาหลายเดือน สหรัฐต้องการใช้เวลาเพียงไม่กี่วันหรือไม่กี่สัปดาห์

    - ในการเจรจาข้อตกลงที่ผ่านมา การมีหลายประเทศเข้าร่วมมากเกินไปส่งผลเสียมากกว่า เคลล็อกก์ยกตัวอย่างข้อตกลงมินสค์ว่า ล้มเหลว เนื่องจากมีผู้คนจำนวนมากเข้าร่วม ทำให้การดำเนินกระบวนการสันติภาพเป็นไปได้ยากในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง

    - เคลล็อกก์ยังโจมตีไบเดนว่า การปล่อยปละละเลยและความอ่อนแอของเขา ทำให้รัสเซีย-จีน-อิหร่าน-เกาหลีเหนือ แข็งแกร่งขึ้นมากในเวลาไม่กี่ปี

    - สหรัฐจะช่วยยูเครนต่อไป แต่เพื่อการฟื้นฟู โดยมีเงื่อนไขว่าสงครามจะต้องหยุดลงทันทีก่อน
    คีธ เคลล็อกก์ (Keith Kellogg) ผู้แทนพิเศษของทรัมป์ประจำยูเครนกล่าวในการประชุมด้านความมั่นคงที่เมืองมิวนิก "Munich Security Conference"(MSC) ระบุอย่างชัดเจนว่ายุโรปจะไม่ได้เข้าร่วมการเจรจาเกี่ยวกับความขัดแย้งระหว่างยูเครนกับรัสเซีย - ยุโรปจะไม่มีส่วนร่วมในการเจรจาอย่างแน่นอน แต่ยูเครนยังสามารถมีส่วนร่วมได้ - เคลล็อกก์ต้องการให้ยุโรปมีส่วนร่วมเพียงแค่การเสนอแนะแนวทาง ให้ข้อคิดเห็น ดีกว่าจะมาส่งเสียงร้องโวยวายว่าตัวเองจะได้เข้าร่วมโต๊ะเจรจาหรือไม่หรือไม่ได้เข้าร่วม - นอกจากนี้เคลล็อกก์ยังแนะนำให้ยุโรปเอาเวลาไปคิดหาทางเพิ่มงบประมาณด้านการทหารของตัวเองจะดีกว่า สหรัฐมีเป้าหมายสูงสุดคือยุติสงครามโดยเร็วที่สุด การเจรจาจะไม่ยืดเยื้อเป็นเวลาหลายเดือน สหรัฐต้องการใช้เวลาเพียงไม่กี่วันหรือไม่กี่สัปดาห์ - ในการเจรจาข้อตกลงที่ผ่านมา การมีหลายประเทศเข้าร่วมมากเกินไปส่งผลเสียมากกว่า เคลล็อกก์ยกตัวอย่างข้อตกลงมินสค์ว่า ล้มเหลว เนื่องจากมีผู้คนจำนวนมากเข้าร่วม ทำให้การดำเนินกระบวนการสันติภาพเป็นไปได้ยากในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง - เคลล็อกก์ยังโจมตีไบเดนว่า การปล่อยปละละเลยและความอ่อนแอของเขา ทำให้รัสเซีย-จีน-อิหร่าน-เกาหลีเหนือ แข็งแกร่งขึ้นมากในเวลาไม่กี่ปี - สหรัฐจะช่วยยูเครนต่อไป แต่เพื่อการฟื้นฟู โดยมีเงื่อนไขว่าสงครามจะต้องหยุดลงทันทีก่อน
    Sad
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 291 มุมมอง 0 รีวิว
  • พลังแห่งเต๋า

    เหลาจื่อกล่าวว่า เต๋าไร้รูปลักษณ์ ดูอ่อนด้อย เสมือนว่าไร้พลัง หากแต่โคจรสรรพสิ่ง
    เต๋าทำได้อย่างไร นั่นเพราะเต๋ามีพลังอย่างหนึ่งที่เรียกว่า "คุณธรรม"

    ในบทที่ ๕๑ ได้เขียนไว้อย่างนี้

    เต๋าให้กำเนิด คุณธรรมให้การหล่อเลี้ยง (道生之 德畜之)
    หมายความไฉน

    สรรพสิ่งในใต้หล้าจะต้องประกอบด้วยสองคุณลักษณะ คุณลักษณะหนึ่งคือแก่น อีกคุณลักษณะหนึ่งคืออานุภาพ แก่นคือประธาน อานุภาพคือพลังที่แสดงออกแห่งประธานนั้น แก่นคือส่วนใน อานุภาพคือส่วนนอก แก่นคือหลักของอานุภาพ อานุภาพคือการแสดงออกของแก่น ไร้แก่นมิอาจมีอานุภาพ ไร้อานุภาพก็มิอาจเห็นซึ่งประโยชน์ของแก่น
    แก่นและอานุภาพเป็นสองสิ่งในสิ่งเดียว แยกจากกันไม่ได้ อยู่อย่างเป็นเอกเทศก็ไม่ได้ สองสิ่งจะเอื้อซึ่งกันและกัน และกระทบซึ่งกันและกัน ยกตัวอย่างเช่น แก้วน้ำคือแก่น การใส่น้ำคืออานุภาพของแก้ว ดินคือแก่น การให้ผลผลิต การเก็บกักน้ำ การสร้างอาคารบ้านอาศัยคืออานุภาพของดิน ไฟคือแก่น แสงที่เกิดจากไฟคืออานุภาพ เป็นต้น

    สรรพสิ่งในโลกย่อมเป็นไปเช่นนี้ ทุกสิ่งเกิดมาจะต้องมีอานุภาพ มีประโยชน์ ต่อให้เป็นสิ่งที่ไร้ประโยชน์ในสายตาของชาวโลก สุดท้ายก็ย่อมจะต้องมีประโยชน์อย่างใดอย่างหนึ่งในวงจรแห่งธรรมชาติอยู่ดี นี่ก็คือความสัมพันธ์ระหว่างแก่นและอานุภาพ

    สรรพสิ่งที่มีความสัมพันธ์ของแก่นและอานุภาพเป็นฉันใด เต๋าที่เป็นเอกแห่งสากล เป็นต้นกำเนิดแห่งสรรพสิ่ง ก็ย่อมเป็นฉันนั้นดุจเดียวกัน

    กล่าวคือ เต๋าเป็นแก่น คุณธรรมเป็นอานุภาพแห่งเต๋า เต๋าให้กำเนิดสรรพสิ่ง เป็นหลักของสรรพสิ่ง ส่วนคุณธรรมก็ทำหน้าที่ในการหล่อเลี้ยงสรรพสิ่งให้เติบใหญ่ บำรุงสรรพสิ่งให้มีชีวิตชีวา

    คุณธรรมคืออานุภาพแห่งเต๋า เต๋าเป็นแก่นแห่งคุณธรรม คุณธรรมนั้นไร้รูปลักษณ์ คือพลานุภาพที่แสดงออกแห่งเต๋า เป็นพลังที่บำรุงสรรพสิ่ง ผลักดันสิ่งเลวร้ายให้มลาย เป็นพลังที่จับต้องได้ยาก แต่จะแสดงออกให้เราเห็นในรูปของความกตัญญู ความจงรักภักดี ความมีสัจจะ ความสุจริตยุติธรรม และอื่นๆ อีกมากมายสุดที่จะพรรณนาสิ้น ดังนั้นผู้ที่เข้าถึงเต๋า จึงพึงบำเพ็ญคุณธรรมทั้งปวงให้ถึงพร้อม ปฏิบัติคุณธรรมทั้งปวงให้สมบูรณ์ เช่นนี้จึงจะเข้าถึงเต๋าได้

    คุณธรรมที่เป็นอานุภาพแห่งเต๋ามีอยู่ทั่วไปในธรรมชาติ ผู้คนไม่รู้จักพลังที่คอยหนุนนำสรรพสิ่งในโลกหล้านี้ เหลาจื่อจึงเรียกพลังที่เป็นอานุภาพแห่งเต๋านี้ว่า “คุณธรรม”

    คุณธรรมทำหน้าที่ในการทำนุบำรุงสรรพสิ่ง หล่อเลี้ยงสรรพสิ่ง เป็นพลังที่มิอาจจับต้องมองเห็น หากแต่สามารถสัมผัสได้ด้วยใจ

    ในสมัยราชวงศ์ซ้อง มีขุนนางผู้มีใจอาจหาญท่านหนึ่งนามว่า “เหวินเทียนเสียง (文天祥)” ก็เป็นผู้หนึ่งที่สามารถสัมผัสถึงการคงอยู่ของพลังแห่งคุณธรรมนี้

    ในสมัยนั้น เหวินเทียนเสียงเป็นขุนนางตงฉินที่ถูกขังในคุกใต้ดินเป็นเวลานานถึงห้าปี หลายคนมิอาจทนอยู่กับสภาพอันโหดร้ายภายในคุกจนเจ็บป่วยล้มตายไปเป็นจำนวนมาก สาเหตุเพราะต้องทนทุกข์ทรมานกับพลังร้ายในคุกใต้ดินถึงเจ็ดอย่าง เหวินเทียนเสียงเรียกพลังทั้งเจ็ดนี้ว่าเจ็ดพิษร้าย ประกอบด้วยพิษน้ำ (水氣) พิษดิน (土氣) พิษแดด (日氣) พิษไฟ (火氣) พิษข้าว (米氣) พิษไคล (人氣) พิษโสโครก (穢氣) ทุกคนต่างมิอาจทนอยู่กับสภาพของพิษร้ายทั้งเจ็ดนี้ได้ หากจะมีเหวินเทียนเสียงเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ยังสามารถหยัดยืนมั่นคงในท่ามกลางพิษทั้งเจ็ดนี้อย่างไม่สะทกสะท้าน

    เหวินเทียนเสียงสันนิษฐานว่าต้องมีพลังอยู่อย่างหนึ่งที่คอยทานพิษทั้งเจ็ดนี้ไว้ ท่านไม่รู้ว่าพลังในท่ามกลางฟ้าดินนี้คือสิ่งใด จึงเรียกพลังนี้ว่าเจิ้งชี่ (正氣) หรือก็คือพลังเที่ยงธรรม เรียกสั้นๆ ว่าพลังธรรม

    พลังธรรมที่เหวินเทียนเสียงพบคือรูปแบบหนึ่งของพลังคุณธรรมแห่งเต๋านี้ คุณธรรมนี้เป็นพลังที่คอยหล่อเลี้ยงสรรพสิ่ง ไร้รูปไร้ลักษณ์ มีอยู่ทุกแห่งหน เป็นพลังที่ต่อต้านสิ่งเลวร้ายทั้งหลาย ยามที่จิตใจของผู้คนมีความเมตตาอันสูงส่ง มีความกตัญญูอันยิ่งใหญ่ มีสัจจะวาจาที่เข้มแข็ง มีความจงรักภักดีอย่างไม่ห่วงกายา มีจิตกรุณาอารียิ่งเทียมฟ้า ยามนั้น คนผู้นี้ก็จะเป็นผู้ที่เข้าถึงเต๋า ด้วยเพราะคุณธรรมต่างๆ ที่เขาได้บำเพ็ญเพียรมา แท้ก็คือพลังคุณธรรมที่เป็นอานุภาพแห่งเต๋านี้นั่นแล
    พลังแห่งเต๋า เหลาจื่อกล่าวว่า เต๋าไร้รูปลักษณ์ ดูอ่อนด้อย เสมือนว่าไร้พลัง หากแต่โคจรสรรพสิ่ง เต๋าทำได้อย่างไร นั่นเพราะเต๋ามีพลังอย่างหนึ่งที่เรียกว่า "คุณธรรม" ในบทที่ ๕๑ ได้เขียนไว้อย่างนี้ เต๋าให้กำเนิด คุณธรรมให้การหล่อเลี้ยง (道生之 德畜之) หมายความไฉน สรรพสิ่งในใต้หล้าจะต้องประกอบด้วยสองคุณลักษณะ คุณลักษณะหนึ่งคือแก่น อีกคุณลักษณะหนึ่งคืออานุภาพ แก่นคือประธาน อานุภาพคือพลังที่แสดงออกแห่งประธานนั้น แก่นคือส่วนใน อานุภาพคือส่วนนอก แก่นคือหลักของอานุภาพ อานุภาพคือการแสดงออกของแก่น ไร้แก่นมิอาจมีอานุภาพ ไร้อานุภาพก็มิอาจเห็นซึ่งประโยชน์ของแก่น แก่นและอานุภาพเป็นสองสิ่งในสิ่งเดียว แยกจากกันไม่ได้ อยู่อย่างเป็นเอกเทศก็ไม่ได้ สองสิ่งจะเอื้อซึ่งกันและกัน และกระทบซึ่งกันและกัน ยกตัวอย่างเช่น แก้วน้ำคือแก่น การใส่น้ำคืออานุภาพของแก้ว ดินคือแก่น การให้ผลผลิต การเก็บกักน้ำ การสร้างอาคารบ้านอาศัยคืออานุภาพของดิน ไฟคือแก่น แสงที่เกิดจากไฟคืออานุภาพ เป็นต้น สรรพสิ่งในโลกย่อมเป็นไปเช่นนี้ ทุกสิ่งเกิดมาจะต้องมีอานุภาพ มีประโยชน์ ต่อให้เป็นสิ่งที่ไร้ประโยชน์ในสายตาของชาวโลก สุดท้ายก็ย่อมจะต้องมีประโยชน์อย่างใดอย่างหนึ่งในวงจรแห่งธรรมชาติอยู่ดี นี่ก็คือความสัมพันธ์ระหว่างแก่นและอานุภาพ สรรพสิ่งที่มีความสัมพันธ์ของแก่นและอานุภาพเป็นฉันใด เต๋าที่เป็นเอกแห่งสากล เป็นต้นกำเนิดแห่งสรรพสิ่ง ก็ย่อมเป็นฉันนั้นดุจเดียวกัน กล่าวคือ เต๋าเป็นแก่น คุณธรรมเป็นอานุภาพแห่งเต๋า เต๋าให้กำเนิดสรรพสิ่ง เป็นหลักของสรรพสิ่ง ส่วนคุณธรรมก็ทำหน้าที่ในการหล่อเลี้ยงสรรพสิ่งให้เติบใหญ่ บำรุงสรรพสิ่งให้มีชีวิตชีวา คุณธรรมคืออานุภาพแห่งเต๋า เต๋าเป็นแก่นแห่งคุณธรรม คุณธรรมนั้นไร้รูปลักษณ์ คือพลานุภาพที่แสดงออกแห่งเต๋า เป็นพลังที่บำรุงสรรพสิ่ง ผลักดันสิ่งเลวร้ายให้มลาย เป็นพลังที่จับต้องได้ยาก แต่จะแสดงออกให้เราเห็นในรูปของความกตัญญู ความจงรักภักดี ความมีสัจจะ ความสุจริตยุติธรรม และอื่นๆ อีกมากมายสุดที่จะพรรณนาสิ้น ดังนั้นผู้ที่เข้าถึงเต๋า จึงพึงบำเพ็ญคุณธรรมทั้งปวงให้ถึงพร้อม ปฏิบัติคุณธรรมทั้งปวงให้สมบูรณ์ เช่นนี้จึงจะเข้าถึงเต๋าได้ คุณธรรมที่เป็นอานุภาพแห่งเต๋ามีอยู่ทั่วไปในธรรมชาติ ผู้คนไม่รู้จักพลังที่คอยหนุนนำสรรพสิ่งในโลกหล้านี้ เหลาจื่อจึงเรียกพลังที่เป็นอานุภาพแห่งเต๋านี้ว่า “คุณธรรม” คุณธรรมทำหน้าที่ในการทำนุบำรุงสรรพสิ่ง หล่อเลี้ยงสรรพสิ่ง เป็นพลังที่มิอาจจับต้องมองเห็น หากแต่สามารถสัมผัสได้ด้วยใจ ในสมัยราชวงศ์ซ้อง มีขุนนางผู้มีใจอาจหาญท่านหนึ่งนามว่า “เหวินเทียนเสียง (文天祥)” ก็เป็นผู้หนึ่งที่สามารถสัมผัสถึงการคงอยู่ของพลังแห่งคุณธรรมนี้ ในสมัยนั้น เหวินเทียนเสียงเป็นขุนนางตงฉินที่ถูกขังในคุกใต้ดินเป็นเวลานานถึงห้าปี หลายคนมิอาจทนอยู่กับสภาพอันโหดร้ายภายในคุกจนเจ็บป่วยล้มตายไปเป็นจำนวนมาก สาเหตุเพราะต้องทนทุกข์ทรมานกับพลังร้ายในคุกใต้ดินถึงเจ็ดอย่าง เหวินเทียนเสียงเรียกพลังทั้งเจ็ดนี้ว่าเจ็ดพิษร้าย ประกอบด้วยพิษน้ำ (水氣) พิษดิน (土氣) พิษแดด (日氣) พิษไฟ (火氣) พิษข้าว (米氣) พิษไคล (人氣) พิษโสโครก (穢氣) ทุกคนต่างมิอาจทนอยู่กับสภาพของพิษร้ายทั้งเจ็ดนี้ได้ หากจะมีเหวินเทียนเสียงเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ยังสามารถหยัดยืนมั่นคงในท่ามกลางพิษทั้งเจ็ดนี้อย่างไม่สะทกสะท้าน เหวินเทียนเสียงสันนิษฐานว่าต้องมีพลังอยู่อย่างหนึ่งที่คอยทานพิษทั้งเจ็ดนี้ไว้ ท่านไม่รู้ว่าพลังในท่ามกลางฟ้าดินนี้คือสิ่งใด จึงเรียกพลังนี้ว่าเจิ้งชี่ (正氣) หรือก็คือพลังเที่ยงธรรม เรียกสั้นๆ ว่าพลังธรรม พลังธรรมที่เหวินเทียนเสียงพบคือรูปแบบหนึ่งของพลังคุณธรรมแห่งเต๋านี้ คุณธรรมนี้เป็นพลังที่คอยหล่อเลี้ยงสรรพสิ่ง ไร้รูปไร้ลักษณ์ มีอยู่ทุกแห่งหน เป็นพลังที่ต่อต้านสิ่งเลวร้ายทั้งหลาย ยามที่จิตใจของผู้คนมีความเมตตาอันสูงส่ง มีความกตัญญูอันยิ่งใหญ่ มีสัจจะวาจาที่เข้มแข็ง มีความจงรักภักดีอย่างไม่ห่วงกายา มีจิตกรุณาอารียิ่งเทียมฟ้า ยามนั้น คนผู้นี้ก็จะเป็นผู้ที่เข้าถึงเต๋า ด้วยเพราะคุณธรรมต่างๆ ที่เขาได้บำเพ็ญเพียรมา แท้ก็คือพลังคุณธรรมที่เป็นอานุภาพแห่งเต๋านี้นั่นแล
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 197 มุมมอง 0 รีวิว
  • หน่วยงานความมั่นคงทางไซเบอร์ของสหรัฐอเมริกา (CISA) ได้แจ้งเตือนนักพัฒนาและผู้ผลิตซอฟต์แวร์ว่าช่องโหว่ buffer overflow จะต้องถูกกำจัดออกจากซอฟต์แวร์โดยเร็วที่สุด โดยให้ความสำคัญกับการพัฒนาซอฟต์แวร์ที่มีความปลอดภัยตั้งแต่ขั้นตอนการออกแบบ (secure by design) และยกตัวอย่างช่องโหว่จริง ๆ ที่เกิดขึ้นในระบบปฏิบัติการ Windows, ลินุกซ์, และผลิตภัณฑ์ VPN

    ช่องโหว่ buffer overflow เกิดขึ้นเมื่อมีการเข้าถึงหรือเขียนข้อมูลออกนอกพื้นที่หน่วยความจำที่กำหนดไว้ ซึ่งสามารถนำไปสู่การกระทำที่เป็นอันตราย เช่น การรั่วไหลของข้อมูลที่สำคัญ การหยุดทำงานของระบบ หรือการรันโค้ดที่เป็นอันตรายจากระยะไกล

    CISA ยังได้เน้นถึงการใช้ภาษาโปรแกรมที่ปลอดภัยต่อหน่วยความจำ เช่น Rust หรือ Go และการตั้งค่าคอมไพเลอร์เพื่อตรวจจับข้อบกพร่อง buffer overflow ก่อนการใช้งานจริง นอกจากนี้ยังมีการทดสอบผลิตภัณฑ์เป็นประจำเพื่อป้องกันช่องโหว่เหล่านี้

    การพัฒนาซอฟต์แวร์ให้ปลอดภัยตั้งแต่การออกแบบเป็นเรื่องสำคัญที่ไม่ควรถูกมองข้าม เพื่อป้องกันภัยคุกคามทางไซเบอร์ที่อาจเกิดขึ้นกับระบบและข้อมูล

    https://www.techspot.com/news/106770-us-cyber-defense-agency-urges-developers-eliminate-buffer.html
    หน่วยงานความมั่นคงทางไซเบอร์ของสหรัฐอเมริกา (CISA) ได้แจ้งเตือนนักพัฒนาและผู้ผลิตซอฟต์แวร์ว่าช่องโหว่ buffer overflow จะต้องถูกกำจัดออกจากซอฟต์แวร์โดยเร็วที่สุด โดยให้ความสำคัญกับการพัฒนาซอฟต์แวร์ที่มีความปลอดภัยตั้งแต่ขั้นตอนการออกแบบ (secure by design) และยกตัวอย่างช่องโหว่จริง ๆ ที่เกิดขึ้นในระบบปฏิบัติการ Windows, ลินุกซ์, และผลิตภัณฑ์ VPN ช่องโหว่ buffer overflow เกิดขึ้นเมื่อมีการเข้าถึงหรือเขียนข้อมูลออกนอกพื้นที่หน่วยความจำที่กำหนดไว้ ซึ่งสามารถนำไปสู่การกระทำที่เป็นอันตราย เช่น การรั่วไหลของข้อมูลที่สำคัญ การหยุดทำงานของระบบ หรือการรันโค้ดที่เป็นอันตรายจากระยะไกล CISA ยังได้เน้นถึงการใช้ภาษาโปรแกรมที่ปลอดภัยต่อหน่วยความจำ เช่น Rust หรือ Go และการตั้งค่าคอมไพเลอร์เพื่อตรวจจับข้อบกพร่อง buffer overflow ก่อนการใช้งานจริง นอกจากนี้ยังมีการทดสอบผลิตภัณฑ์เป็นประจำเพื่อป้องกันช่องโหว่เหล่านี้ การพัฒนาซอฟต์แวร์ให้ปลอดภัยตั้งแต่การออกแบบเป็นเรื่องสำคัญที่ไม่ควรถูกมองข้าม เพื่อป้องกันภัยคุกคามทางไซเบอร์ที่อาจเกิดขึ้นกับระบบและข้อมูล https://www.techspot.com/news/106770-us-cyber-defense-agency-urges-developers-eliminate-buffer.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    US cyber defense agency urges developers to eliminate buffer overflow vulnerabilities
    CISA has issued a new alert about buffer overflow vulnerabilities, urging the software industry to adopt proper programming practices to eliminate an entire class of dangerous security...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 144 มุมมอง 0 รีวิว
  • EP 6 นี้ขอแลกเปลี่ยนและนำเสนอมุมมองปรากฏการณ์การรวมตัวกันขององค์กรและสมาคมทางการบินระหว่างประเทศจากทั่วโลกที่ได้ออกประกาศเป็นหนังสือเรียกร้องให้รัฐภาคีประเทศต่าง ๆ ขององค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ ( International Civil Aviation Organization: ICAO) ปฏิบัติตามมาตรฐานข้อกำหนดตามภาคผนวกที่ 13 แห่งองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO Annex 13 - Aircraft Accident and Incident Investigation) โดยขอให้รัฐหรือประเทศต่าง ๆ เร่งดำเนินการสอบสวนและนำเสนอรายงานผลการสอบสวนอุบัติเหตุและอุบัติการณ์รุนแรงของอากาศยานที่เกิดขึ้นในความรับผิดชอบของตนที่ยังค้างคาหรือยังไม่มีรายงานผลการสอบสวนฉบับสุดท้าย (Final Investigation Report) ออกมาหรือมีเพียงแค่รายงานเบื้องต้น (Preliminary Report) หรือรายงานฉบับบกลาง (Interim Report) เพียงเท่านั้น ทั้งนี้ก็เพื่อให้ผู้ที่อยู่ในอุตสาหกรรมการบินตามหน่วยงานต่าง ๆที่เกี่ยวข้องได้รู้ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับสาเหตุหรือปัจจัยที่อาจเป็นสาเหตุของเหตุการณ์ความไม่ปลอดภัยทางการบินที่เกิดขึ้นรวมทั้งแนวทางหรือมาตรการป้องกันไม่ให้มีเหตุการณ์ทำนองเดิมเกิดซ้ำอีก

    สำหรับองค์กรและสมาคมทางการบินระหว่างประเทศที่รวมตัวกันออกแถลงการณ์ร่วมกันในครั้งนี้ได้แก่
    1. Airport Council International, Europe (ACI Europe),
    2. European Cockpit Association (ECA),
    3. Flight Safety Foundation (FSF),
    4. International Air Transport Association (IATA),
    5. The International Coordinating Council of Aerospace Industries Association (ICCAIA),
    6. International Federation of Air Line Pilots’ Associations (IFALPA) และ
    7. International Federation of Air Traffic Controllers’ Associations (IFATCA)
    โดยก่อนหน้านี้ทาง IATA เองได้ออกหนังสือประกาศเรื่องทำนองเดียวกันนี้เรียกร้องให้รัฐภาคีสมาชิกของ ICAO เร่งรัดให้มีการดำเนินการสอบสวนอากาศยานอุบัติเหตุหรืออากาศยานอุบัติการณรุนแรงและให้รีบเผยแพร่รายงานออกมาครั้งหนึ่งแล้ว ตั้งแต่ 5 มิ.ย. 2566 (ดูภาพเอกสารตามที่แนบมา) แต่ดูเหมือนจะยังไม่มีความคืบหน้าอะไรที่ชัดเจนนัก

    ทั้งนี้คงไม่น่าแปลกใจเท่าไรนักสำหรับการออกแถลงการณ์ร่วมในครั้งนี้เพราะถ้าเราสังเกตุดูดีดีจะเห็นว่าตั้งแต่ช่วงปลายปีที่แล้วจนถึงปัจจุบันมีเหตุการณ์อุบัติเหตุหรืออุบัติการณ์รุนแรงของอากาศยานจากทั่วโลกเกิดขึ้นซึ่งมีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตเป็นจำนวนที่ถี่มาก ทั้งนี้เมื่อเทียบข้อมูลสถิติที่ระบุอยู่ในเอกสารฉบับนี้จะพบว่าจำนวนการเกิดอุบัติเหตุหรืออุบัติการณ์รุนแรงของอากาศยานกับจำนวนรายงานผลการสอบสวนฯที่จะรายงานมาพร้อมกับข้อมูลปัจจัยที่เป็นสาเหตุและมาตรการป้องกันไม่ให้เหตุการณ์เกิดซ้ำอีกเพื่อไว้สำหรับผู้ที่เกี่ยวข้องในอุตสาหกรรมการบินได้มีแนวทางป้องกันนั้นมีน้อยมาก ยกตัวอย่างบางส่วนของตัวเลขสถิติตามข้อมูลรายงานด้านความปลอดภัยประจำปี ระหว่างปี 2018 ถึง 2023 จนถึงวันที่ 30 มิ.ย.67 ข้อมูลอุบัติเหตุที่ IATA บันทึกไว้ในจำนวนอุบัติเหตุ 268 รายการมีรายงานผลการสอบสวนอากาศยานอุบัติเหตุฉบับสุดท้าย 140 รายการ (52%) ในขณะที่อีก 128 รายการยังไม่มีผลรายงานการสอบสวนอุบัติเหตุอากาศยานฉบับสุดท้ายออกมา คิดเป็น 48%

    เนื้อหาในเอกสารแถลงการณ์ฉบับนี้ยังได้ระบุรายละเอียดถึงขนาดที่ว่ารัฐบางรัฐไม่ได้มีการสอบสวนเหตุการณ์อุบัติเหตุหรืออุบัติการณ์รุนแรงเลยตั้งแต่เกิดเหตุการณ์มา บางรัฐออกเพียงรายงานเบื้องต้นหรือรายงานฉบับกลางเพียงเท่านั้นซึ่งน่าจะไม่มีประโยชน์เท่าใดนักที่ผู้ที่มีส่วนได้เสียในอุตสาหกรรมการบินจะนำไปใช้ หนำซ้ำรัฐบางรัฐออกรายงานฉบับกลางเพื่อจะให้เป็นข้อมูลเสมือนหนึ่งเป็นรายงานฉบับสุดท้ายและจะไม่ดำเนินการอะไรต่อเลย เมื่อสภาพการณ์เป็นเช่นนี้อุบัติเหตุหรืออุบัติการณ์รุนแรงในรูปแบบเดิมก็สามารถเกิดขึ้นได้อีก ทั้งนี้ในมาตรฐานตาม ICAO Annex 13 นั้นรายงานผลการสอบสวนฉบับสุดท้ายควรออกมาโดยเร็วที่สุดหรือภายใน 12 เดือนนับจากวันที่เกิดเหตุการณ์ ซึ่งตามข้อมูลใน พรบ.การเดินอากาศ พ.ศ. 2497 (และที่แก้ไขเพิ่มเติม) ผู้เขียนยังไม่เห็นถ้อยคำกฎหมายที่ชัดเจนที่ระบุรายละเอียดตามข้อความตามที่ ICAO Annex 13 กำหนดไว้ ไม่ว่าจะเป็นรายละเอียดรูปแบบรายงานเบื้องต้นผลการสอบสวนอุบัติเหตุของอากากาศยานหรืออุบัติการณ์รุนแรง รายงานฉบับกลางฯ และรายงานฉบับสุดท้ายฯหรือข้อกำหนดเรื่องระยะเวลาที่ควรต้องระบุไว้สำหรับการออกรายงานว่าจะต้องออกภายในระยะเวลาเท่าใดหรือกี่เดือน เท่าที่ทราบจะมีก็เพียงข้อกำหนดที่ระบุอยู่ในมาตรฐานคู่มือการปฏิบัติงานของหน่วยงานที่รับผิดชอบเท่านั้นซึ่งรัฐควรต้องระบุอยู่ในกฎหมายของตนตามวัตถุประสงค์ของการออกข้อกำหนดมาตรฐานใน Annex ต่าง ๆ ของ ICAO (อันนี้ถ้าข้อมูลคลาดเคลื่อนหรือเปลี่ยนแปลงไปแล้วต้องขออภัยเป็นอย่างสูงหรือใครมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันสามารถแชร์ได้นะครับ)

    สำหรับประกาศหรือหนังสือแถลงการณ์ฉบับนี้ นัยสำคัญในเรื่องนี้คาดการณ์ว่าน่าจะเป็นการสื่อสารโดยตรงหรือโดยอ้อมไปยังองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) ว่าองค์กรแห่งนี้ได้ดำเนินการอย่างมีประสิทธิผลมากน้อยแค่ไหนด้านการกำกับดูแลด้านมาตรฐานและความปลอดภัยการบินพลเรือนระหว่างประเทศของประเทศต่าง ๆที่เป็นรัฐภาคีเพราะเมื่อกลางปี 2566 IATA เองก็ได้ออกประกาศเรียกร้องมาแล้วตามที่กล่าวไว้ข้างต้น มาครั้งนี้มีการรวมตัวกันของสมาคมหรือองค์กรทางการบินระหว่างประเทศหลายองค์กร ทาง ICAO จะสามารถนิ่งเฉยเสียงเรียกร้องอยู่ได้โดยจะไม่มีอะไรเป็นรูปธรรมที่เป็นที่น่าพึงพอใจของผู้เกี่ยวข้องในอุตสาหกรรมการบินได้หรือไม่ สำหรับมุมมองของผู้เขียนเองมองว่าการดำเนินงานของ ICAO ระยะหลังรู้สึกกังวลความมีประสิทธิภาพขององค์กรแห่งนี้เป็นอย่างมากโดยดูจากข้อมูลสถิติการเกิดอุบัติเหตุ/อุบัติการณ์ต่าง ๆ ทั่วโลก รวมทั้งรายงานการจัดการข้อบกพร่องทางกายภาพของสนามบินหรือการจัดการด้านอื่น ๆ และการดำเนินการตามมาตรฐานของประเทศต่าง ๆ ในภูมิภาคนี้ที่บางรายการมีลำดับความเร่งด่วนที่มีผลต่อความปลอดภัยสูงแต่ก็สามารถคงอยู่มาได้มากว่า 15 ปีแล้วโดยที่ไม่มีอะไรที่การันตีได้เลยว่าจะไม่เกิดเหตุการณ์ความไม่ปลอดภัยกับข้อบกพร่องนั้นที่อยู่ในรายงานของ ICAO ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก (ICAO Asia and Pacific: ICAO APAC) นี้เลย

    ในส่วนของการดำเนินการของประเทศเราตามที่สมาคมหรือองค์กรทางการบินระหว่างประเทศต่าง ๆ เรียกร้องมานั้น ถ้าเข้าไปดูข้อมูลในเวปไซต์ของหน่วยงานที่รับผิดชอบก็มีลักษณะค่อนข้างคล้ายคลึงกับแถลงการณ์ฉบับบนี้ ถ้าดูให้ลึกต่อไปถึงโครงสร้างองค์กรหรือความเป็นอิสระของการดำเนินการด้านการสอบสวนอุบัติเหตุทางการบินของประเทศ จากมุมมองส่วนตัวแล้วน่าเป็นห่วงเป็นอย่างยิ่ง ยิ่งถ้าเข้าไปดูรายงานการสอบสวนฯฉบับบกลางของอุบัติการณ์รุนแรงทางการบินบางรายงานที่จะยังรอผลสอบสวนฉบับสุดท้ายถึงสาเหตุและแนวทางป้องกันแล้ว จะเกิดความรู้สึกโชคดีมากที่เราไม่ค่อยเดินทางทางอากาศเท่าใดนัก นี้ยังไม่นับรวมถึงโครงการตรวจสอบด้านมาตรฐานการบินพลเรือนประเทศไทยของ ICAO ที่จะมีขึ้นในช่วงกลางปีนี้ (ซึ่งถูกเลื่อนมาครั้งหนึ่งแล้ว) ว่าผลการตรวจสอบคงเดาไม่ยากว่าจะออกมาเป็นอย่างไร เราจะต้องเตรียมตัวถึง Significant Safety Concerns (SSC) หรือธงแดงอีกหรือไม่เพราะเท่าที่ทราบในหัวข้ออื่น ๆ อีกหลายเรื่องที่ ICAO ตรวจสอบก็มีข้อที่น่ากังวลด้านมาตรฐานและความปลอดภัยหลายหัวข้อ ยิ่งก่อนหน้านี้มีอุบัติเหตุเครื่องบินตกและมีผู้เสียชีวิตยกลำในประเทศเรามาแล้วยิ่งน่ากังวลใหญ่ เรื่องบางเรื่อง ICAO เขามีข้อมูลแล้วไม่ใช่เขาจะไม่รู้ อยู่ที่ว่าหน่วยงานที่กำกับดูแลจะจัดการแก้ไขปัญหาได้หรือไม่ อย่างไรก็ตามก็ยังมีผู้ที่กังวลว่า ICAO จะสามารถปฏิบัติหน้าที่อย่างตรงไปตรงมาหรือมีข้อจำกัดบางประการหรือไม่ ถ้าเป็นเช่นนั้นผลกระทบด้านความน่าเชื่อถือขององค์กรแห่งนี้ก็จะมีไม่น้อยและจะเสื่อมถอยไปในที่สุด ตามหลักอธิปจยตา "เพราะมีสิ่งนี้สิ่งนี้จึงเกิดขึ้น"

    ข้อมูลอ้างอิง
    1. https://www.ifalpa.org/publications/library/publication-of-final-reports--4144
    2. https://www.iata.org/en/pressroom/2023-releases/2023-06-05-07/
    EP 6 นี้ขอแลกเปลี่ยนและนำเสนอมุมมองปรากฏการณ์การรวมตัวกันขององค์กรและสมาคมทางการบินระหว่างประเทศจากทั่วโลกที่ได้ออกประกาศเป็นหนังสือเรียกร้องให้รัฐภาคีประเทศต่าง ๆ ขององค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ ( International Civil Aviation Organization: ICAO) ปฏิบัติตามมาตรฐานข้อกำหนดตามภาคผนวกที่ 13 แห่งองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO Annex 13 - Aircraft Accident and Incident Investigation) โดยขอให้รัฐหรือประเทศต่าง ๆ เร่งดำเนินการสอบสวนและนำเสนอรายงานผลการสอบสวนอุบัติเหตุและอุบัติการณ์รุนแรงของอากาศยานที่เกิดขึ้นในความรับผิดชอบของตนที่ยังค้างคาหรือยังไม่มีรายงานผลการสอบสวนฉบับสุดท้าย (Final Investigation Report) ออกมาหรือมีเพียงแค่รายงานเบื้องต้น (Preliminary Report) หรือรายงานฉบับบกลาง (Interim Report) เพียงเท่านั้น ทั้งนี้ก็เพื่อให้ผู้ที่อยู่ในอุตสาหกรรมการบินตามหน่วยงานต่าง ๆที่เกี่ยวข้องได้รู้ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับสาเหตุหรือปัจจัยที่อาจเป็นสาเหตุของเหตุการณ์ความไม่ปลอดภัยทางการบินที่เกิดขึ้นรวมทั้งแนวทางหรือมาตรการป้องกันไม่ให้มีเหตุการณ์ทำนองเดิมเกิดซ้ำอีก สำหรับองค์กรและสมาคมทางการบินระหว่างประเทศที่รวมตัวกันออกแถลงการณ์ร่วมกันในครั้งนี้ได้แก่ 1. Airport Council International, Europe (ACI Europe), 2. European Cockpit Association (ECA), 3. Flight Safety Foundation (FSF), 4. International Air Transport Association (IATA), 5. The International Coordinating Council of Aerospace Industries Association (ICCAIA), 6. International Federation of Air Line Pilots’ Associations (IFALPA) และ 7. International Federation of Air Traffic Controllers’ Associations (IFATCA) โดยก่อนหน้านี้ทาง IATA เองได้ออกหนังสือประกาศเรื่องทำนองเดียวกันนี้เรียกร้องให้รัฐภาคีสมาชิกของ ICAO เร่งรัดให้มีการดำเนินการสอบสวนอากาศยานอุบัติเหตุหรืออากาศยานอุบัติการณรุนแรงและให้รีบเผยแพร่รายงานออกมาครั้งหนึ่งแล้ว ตั้งแต่ 5 มิ.ย. 2566 (ดูภาพเอกสารตามที่แนบมา) แต่ดูเหมือนจะยังไม่มีความคืบหน้าอะไรที่ชัดเจนนัก ทั้งนี้คงไม่น่าแปลกใจเท่าไรนักสำหรับการออกแถลงการณ์ร่วมในครั้งนี้เพราะถ้าเราสังเกตุดูดีดีจะเห็นว่าตั้งแต่ช่วงปลายปีที่แล้วจนถึงปัจจุบันมีเหตุการณ์อุบัติเหตุหรืออุบัติการณ์รุนแรงของอากาศยานจากทั่วโลกเกิดขึ้นซึ่งมีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตเป็นจำนวนที่ถี่มาก ทั้งนี้เมื่อเทียบข้อมูลสถิติที่ระบุอยู่ในเอกสารฉบับนี้จะพบว่าจำนวนการเกิดอุบัติเหตุหรืออุบัติการณ์รุนแรงของอากาศยานกับจำนวนรายงานผลการสอบสวนฯที่จะรายงานมาพร้อมกับข้อมูลปัจจัยที่เป็นสาเหตุและมาตรการป้องกันไม่ให้เหตุการณ์เกิดซ้ำอีกเพื่อไว้สำหรับผู้ที่เกี่ยวข้องในอุตสาหกรรมการบินได้มีแนวทางป้องกันนั้นมีน้อยมาก ยกตัวอย่างบางส่วนของตัวเลขสถิติตามข้อมูลรายงานด้านความปลอดภัยประจำปี ระหว่างปี 2018 ถึง 2023 จนถึงวันที่ 30 มิ.ย.67 ข้อมูลอุบัติเหตุที่ IATA บันทึกไว้ในจำนวนอุบัติเหตุ 268 รายการมีรายงานผลการสอบสวนอากาศยานอุบัติเหตุฉบับสุดท้าย 140 รายการ (52%) ในขณะที่อีก 128 รายการยังไม่มีผลรายงานการสอบสวนอุบัติเหตุอากาศยานฉบับสุดท้ายออกมา คิดเป็น 48% เนื้อหาในเอกสารแถลงการณ์ฉบับนี้ยังได้ระบุรายละเอียดถึงขนาดที่ว่ารัฐบางรัฐไม่ได้มีการสอบสวนเหตุการณ์อุบัติเหตุหรืออุบัติการณ์รุนแรงเลยตั้งแต่เกิดเหตุการณ์มา บางรัฐออกเพียงรายงานเบื้องต้นหรือรายงานฉบับกลางเพียงเท่านั้นซึ่งน่าจะไม่มีประโยชน์เท่าใดนักที่ผู้ที่มีส่วนได้เสียในอุตสาหกรรมการบินจะนำไปใช้ หนำซ้ำรัฐบางรัฐออกรายงานฉบับกลางเพื่อจะให้เป็นข้อมูลเสมือนหนึ่งเป็นรายงานฉบับสุดท้ายและจะไม่ดำเนินการอะไรต่อเลย เมื่อสภาพการณ์เป็นเช่นนี้อุบัติเหตุหรืออุบัติการณ์รุนแรงในรูปแบบเดิมก็สามารถเกิดขึ้นได้อีก ทั้งนี้ในมาตรฐานตาม ICAO Annex 13 นั้นรายงานผลการสอบสวนฉบับสุดท้ายควรออกมาโดยเร็วที่สุดหรือภายใน 12 เดือนนับจากวันที่เกิดเหตุการณ์ ซึ่งตามข้อมูลใน พรบ.การเดินอากาศ พ.ศ. 2497 (และที่แก้ไขเพิ่มเติม) ผู้เขียนยังไม่เห็นถ้อยคำกฎหมายที่ชัดเจนที่ระบุรายละเอียดตามข้อความตามที่ ICAO Annex 13 กำหนดไว้ ไม่ว่าจะเป็นรายละเอียดรูปแบบรายงานเบื้องต้นผลการสอบสวนอุบัติเหตุของอากากาศยานหรืออุบัติการณ์รุนแรง รายงานฉบับกลางฯ และรายงานฉบับสุดท้ายฯหรือข้อกำหนดเรื่องระยะเวลาที่ควรต้องระบุไว้สำหรับการออกรายงานว่าจะต้องออกภายในระยะเวลาเท่าใดหรือกี่เดือน เท่าที่ทราบจะมีก็เพียงข้อกำหนดที่ระบุอยู่ในมาตรฐานคู่มือการปฏิบัติงานของหน่วยงานที่รับผิดชอบเท่านั้นซึ่งรัฐควรต้องระบุอยู่ในกฎหมายของตนตามวัตถุประสงค์ของการออกข้อกำหนดมาตรฐานใน Annex ต่าง ๆ ของ ICAO (อันนี้ถ้าข้อมูลคลาดเคลื่อนหรือเปลี่ยนแปลงไปแล้วต้องขออภัยเป็นอย่างสูงหรือใครมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันสามารถแชร์ได้นะครับ) สำหรับประกาศหรือหนังสือแถลงการณ์ฉบับนี้ นัยสำคัญในเรื่องนี้คาดการณ์ว่าน่าจะเป็นการสื่อสารโดยตรงหรือโดยอ้อมไปยังองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) ว่าองค์กรแห่งนี้ได้ดำเนินการอย่างมีประสิทธิผลมากน้อยแค่ไหนด้านการกำกับดูแลด้านมาตรฐานและความปลอดภัยการบินพลเรือนระหว่างประเทศของประเทศต่าง ๆที่เป็นรัฐภาคีเพราะเมื่อกลางปี 2566 IATA เองก็ได้ออกประกาศเรียกร้องมาแล้วตามที่กล่าวไว้ข้างต้น มาครั้งนี้มีการรวมตัวกันของสมาคมหรือองค์กรทางการบินระหว่างประเทศหลายองค์กร ทาง ICAO จะสามารถนิ่งเฉยเสียงเรียกร้องอยู่ได้โดยจะไม่มีอะไรเป็นรูปธรรมที่เป็นที่น่าพึงพอใจของผู้เกี่ยวข้องในอุตสาหกรรมการบินได้หรือไม่ สำหรับมุมมองของผู้เขียนเองมองว่าการดำเนินงานของ ICAO ระยะหลังรู้สึกกังวลความมีประสิทธิภาพขององค์กรแห่งนี้เป็นอย่างมากโดยดูจากข้อมูลสถิติการเกิดอุบัติเหตุ/อุบัติการณ์ต่าง ๆ ทั่วโลก รวมทั้งรายงานการจัดการข้อบกพร่องทางกายภาพของสนามบินหรือการจัดการด้านอื่น ๆ และการดำเนินการตามมาตรฐานของประเทศต่าง ๆ ในภูมิภาคนี้ที่บางรายการมีลำดับความเร่งด่วนที่มีผลต่อความปลอดภัยสูงแต่ก็สามารถคงอยู่มาได้มากว่า 15 ปีแล้วโดยที่ไม่มีอะไรที่การันตีได้เลยว่าจะไม่เกิดเหตุการณ์ความไม่ปลอดภัยกับข้อบกพร่องนั้นที่อยู่ในรายงานของ ICAO ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก (ICAO Asia and Pacific: ICAO APAC) นี้เลย ในส่วนของการดำเนินการของประเทศเราตามที่สมาคมหรือองค์กรทางการบินระหว่างประเทศต่าง ๆ เรียกร้องมานั้น ถ้าเข้าไปดูข้อมูลในเวปไซต์ของหน่วยงานที่รับผิดชอบก็มีลักษณะค่อนข้างคล้ายคลึงกับแถลงการณ์ฉบับบนี้ ถ้าดูให้ลึกต่อไปถึงโครงสร้างองค์กรหรือความเป็นอิสระของการดำเนินการด้านการสอบสวนอุบัติเหตุทางการบินของประเทศ จากมุมมองส่วนตัวแล้วน่าเป็นห่วงเป็นอย่างยิ่ง ยิ่งถ้าเข้าไปดูรายงานการสอบสวนฯฉบับบกลางของอุบัติการณ์รุนแรงทางการบินบางรายงานที่จะยังรอผลสอบสวนฉบับสุดท้ายถึงสาเหตุและแนวทางป้องกันแล้ว จะเกิดความรู้สึกโชคดีมากที่เราไม่ค่อยเดินทางทางอากาศเท่าใดนัก นี้ยังไม่นับรวมถึงโครงการตรวจสอบด้านมาตรฐานการบินพลเรือนประเทศไทยของ ICAO ที่จะมีขึ้นในช่วงกลางปีนี้ (ซึ่งถูกเลื่อนมาครั้งหนึ่งแล้ว) ว่าผลการตรวจสอบคงเดาไม่ยากว่าจะออกมาเป็นอย่างไร เราจะต้องเตรียมตัวถึง Significant Safety Concerns (SSC) หรือธงแดงอีกหรือไม่เพราะเท่าที่ทราบในหัวข้ออื่น ๆ อีกหลายเรื่องที่ ICAO ตรวจสอบก็มีข้อที่น่ากังวลด้านมาตรฐานและความปลอดภัยหลายหัวข้อ ยิ่งก่อนหน้านี้มีอุบัติเหตุเครื่องบินตกและมีผู้เสียชีวิตยกลำในประเทศเรามาแล้วยิ่งน่ากังวลใหญ่ เรื่องบางเรื่อง ICAO เขามีข้อมูลแล้วไม่ใช่เขาจะไม่รู้ อยู่ที่ว่าหน่วยงานที่กำกับดูแลจะจัดการแก้ไขปัญหาได้หรือไม่ อย่างไรก็ตามก็ยังมีผู้ที่กังวลว่า ICAO จะสามารถปฏิบัติหน้าที่อย่างตรงไปตรงมาหรือมีข้อจำกัดบางประการหรือไม่ ถ้าเป็นเช่นนั้นผลกระทบด้านความน่าเชื่อถือขององค์กรแห่งนี้ก็จะมีไม่น้อยและจะเสื่อมถอยไปในที่สุด ตามหลักอธิปจยตา "เพราะมีสิ่งนี้สิ่งนี้จึงเกิดขึ้น" ข้อมูลอ้างอิง 1. https://www.ifalpa.org/publications/library/publication-of-final-reports--4144 2. https://www.iata.org/en/pressroom/2023-releases/2023-06-05-07/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 372 มุมมอง 0 รีวิว
  • Europol หน่วยงานตำรวจระหว่างประเทศ ได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาเพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับความเสี่ยงที่เกิดจากคอมพิวเตอร์ควอนตัมต่อวงการการเงิน โดยคอมพิวเตอร์ควอนตัมนั้นสามารถทำการคำนวณได้ในรูปแบบที่มีประสิทธิภาพมากกว่าระบบคอมพิวเตอร์แบบไบนารีที่ใช้กันทั่วไป

    สิ่งที่สำคัญคือคอมพิวเตอร์ควอนตัมสามารถถอดรหัสลับที่เราใช้กันอยู่ในปัจจุบันได้อย่างง่ายดาย ซึ่งหากเกิดขึ้นจริง จะส่งผลให้ข้อมูลลูกค้าของธนาคารและการสื่อสารต่างๆ ไม่ปลอดภัยอีกต่อไป รวมถึงกระบวนการยืนยันตัวตนและความไว้วางใจในลายเซ็นดิจิทัลก็จะถูกคุกคามด้วย

    การเตรียมตัวที่แนะนำจากคณะกรรมการนี้คือธนาคารควรเริ่มเรียนรู้เกี่ยวกับมาตรฐานการเข้ารหัสที่อาจจะเปราะบางต่อคอมพิวเตอร์ควอนตัมและต้องวางแผนปรับเปลี่ยนการดำเนินการให้ปลอดภัยยิ่งขึ้นในอนาคต นอกจากนี้ยังมีการเตือนว่าอาจมีผู้ไม่ประสงค์ดีที่เก็บรวบรวมข้อมูลที่สำคัญไว้เพื่อตั้งใจจะถอดรหัสในอนาคตเมื่อคอมพิวเตอร์ควอนตัมสามารถทำได้

    เชื่อกันว่าในอีก 10-15 ปีข้างหน้า คอมพิวเตอร์ควอนตัมที่สามารถถอดรหัสได้จะเริ่มออกมาใช้กันจริงๆ อย่างไรก็ตาม กฎหมายปัจจุบันของสหภาพยุโรปก็ได้ครอบคลุมเรื่องความปลอดภัยของข้อมูลอยู่แล้ว จึงไม่จำเป็นต้องมีการออกกฎหมายใหม่เพิ่มเติม

    นอกจากนั้นยังมีการยกตัวอย่างว่ารัฐบาลสหรัฐอเมริกาได้ตั้งเป้าหมายว่าในปี 2035 หน่วยงานของรัฐบาลจะต้องสามารถทนต่อความเสี่ยงจากคอมพิวเตอร์ควอนตัมได้แล้ว

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/02/07/europol-body-banks-should-prepare-for-quantum-computer-risk-now
    Europol หน่วยงานตำรวจระหว่างประเทศ ได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาเพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับความเสี่ยงที่เกิดจากคอมพิวเตอร์ควอนตัมต่อวงการการเงิน โดยคอมพิวเตอร์ควอนตัมนั้นสามารถทำการคำนวณได้ในรูปแบบที่มีประสิทธิภาพมากกว่าระบบคอมพิวเตอร์แบบไบนารีที่ใช้กันทั่วไป สิ่งที่สำคัญคือคอมพิวเตอร์ควอนตัมสามารถถอดรหัสลับที่เราใช้กันอยู่ในปัจจุบันได้อย่างง่ายดาย ซึ่งหากเกิดขึ้นจริง จะส่งผลให้ข้อมูลลูกค้าของธนาคารและการสื่อสารต่างๆ ไม่ปลอดภัยอีกต่อไป รวมถึงกระบวนการยืนยันตัวตนและความไว้วางใจในลายเซ็นดิจิทัลก็จะถูกคุกคามด้วย การเตรียมตัวที่แนะนำจากคณะกรรมการนี้คือธนาคารควรเริ่มเรียนรู้เกี่ยวกับมาตรฐานการเข้ารหัสที่อาจจะเปราะบางต่อคอมพิวเตอร์ควอนตัมและต้องวางแผนปรับเปลี่ยนการดำเนินการให้ปลอดภัยยิ่งขึ้นในอนาคต นอกจากนี้ยังมีการเตือนว่าอาจมีผู้ไม่ประสงค์ดีที่เก็บรวบรวมข้อมูลที่สำคัญไว้เพื่อตั้งใจจะถอดรหัสในอนาคตเมื่อคอมพิวเตอร์ควอนตัมสามารถทำได้ เชื่อกันว่าในอีก 10-15 ปีข้างหน้า คอมพิวเตอร์ควอนตัมที่สามารถถอดรหัสได้จะเริ่มออกมาใช้กันจริงๆ อย่างไรก็ตาม กฎหมายปัจจุบันของสหภาพยุโรปก็ได้ครอบคลุมเรื่องความปลอดภัยของข้อมูลอยู่แล้ว จึงไม่จำเป็นต้องมีการออกกฎหมายใหม่เพิ่มเติม นอกจากนั้นยังมีการยกตัวอย่างว่ารัฐบาลสหรัฐอเมริกาได้ตั้งเป้าหมายว่าในปี 2035 หน่วยงานของรัฐบาลจะต้องสามารถทนต่อความเสี่ยงจากคอมพิวเตอร์ควอนตัมได้แล้ว https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/02/07/europol-body-banks-should-prepare-for-quantum-computer-risk-now
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Europol body: Banks should prepare for quantum computer risk now
    AMSTERDAM (Reuters) - Europe's financial sector should start preparing now for quantum computers to be able to break some forms of encryption widely used to protect sensitive data, a Europol-led body set up to address the issue said on Friday.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 194 มุมมอง 0 รีวิว
  • ในโลกที่เทคโนโลยีก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว AI กลายเป็นเครื่องมือที่นำมาใช้ในชีวิตประจำวันได้อย่างหลากหลาย และนั่นคือจุดเริ่มต้นของเรื่องราวความสำเร็จของคนธรรมดาที่สามารถทำเงินจาก AI ได้

    เราจะยกตัวอย่างเรื่องราวความสำเร็จของ Cal AI กันครับ เรื่องราวเริ่มต้นเมื่อ Zach Yadegari และ Henry Langmack สองนักเรียนวัย 17 ปี ได้พัฒนาแอปพลิเคชันชื่อ "Cal AI" ที่ใช้เทคโนโลยี GPT ในการตรวจนับแคลอรี่ แอปพลิเคชันนี้สามารถวิเคราะห์รูปภาพและสแกนบาร์โค้ดเพื่อความสะดวกในการใช้งาน ด้วยความสำเร็จที่น่าทึ่ง แอปพลิเคชันนี้มีผู้ดาวน์โหลดกว่า 1 ล้านครั้งและทำรายได้ต่อปีถึง 12 ล้านดอลลาร์ จากทีมงานเพียง 17 คน

    สิ่งที่ Cal AI ใช้คือสิ่งที่เราเรียกว่า "GPT Wrapper"

    GPT Wrapper คือโปรแกรมที่สร้างอินเตอร์เฟซสำหรับผู้ใช้ที่นำความสามารถของ GPT มาปรับใช้ให้เหมาะสม เพื่อให้การใช้งานของ AI ง่ายขึ้น ตัวอย่างเช่น แอปพลิเคชันสำหรับการเขียนบทความหรือการเรียนรู้ภาษา ซึ่งการพัฒนา GPT Wrapper นั้นช่วยลดเวลาที่ใช้ในการเข้าสู่ตลาด และลดค่าใช้จ่ายในการพัฒนาระบบ AI ของตนเอง

    ข้อดีและข้อเสียของการพัฒนา GPT Wrapper
    - ข้อดี: มีโครงสร้างพื้นฐานที่สร้างไว้แล้ว, ความรวดเร็วในการเข้าสู่ตลาด, และประหยัดต้นทุนการพัฒนา
    - ข้อเสีย: ข้อจำกัดด้านประสิทธิภาพ, ความยากลำบากในการขยายตัว, และความแตกต่างที่จำกัด

    แนวคิดในการสร้างธุรกิจ ด้วย GPT Wrapper:
    1) การสร้างความเข้าใจในปัญหา: ค้นหาปัญหาที่ผู้คนต้องการแก้ไข และสร้างแอปที่ตอบโจทย์
    2) การสร้างชุมชน: พูดคุยกับผู้ใช้ที่มีศักยภาพเพื่อให้ได้ข้อมูลและความเห็นในการพัฒนาแอป
    3)การตลาดและการเติบโต: สร้างชุมชนออนไลน์เพื่อเสริมสร้างความเชื่อมั่นในผลิตภัณฑ์ และใช้แพลตฟอร์มเช่น TikTok และ Instagram เพื่อโปรโมทผลิตภัณฑ์

    สรุปคือ การสร้างแอปพลิเคชันด้วย AI ไม่ใช่เรื่องยาก เพียงแค่มีความเข้าใจในปัญหาและนำแนวคิดใหม่ๆ มาปรับใช้ คุณก็สามารถสร้างธุรกิจที่ประสบความสำเร็จได้ด้วย AI เหมือนที่ Cal AI ทำ

    https://www.zdnet.com/article/from-zero-to-millions-how-regular-people-are-cashing-in-on-ai/
    ในโลกที่เทคโนโลยีก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว AI กลายเป็นเครื่องมือที่นำมาใช้ในชีวิตประจำวันได้อย่างหลากหลาย และนั่นคือจุดเริ่มต้นของเรื่องราวความสำเร็จของคนธรรมดาที่สามารถทำเงินจาก AI ได้ เราจะยกตัวอย่างเรื่องราวความสำเร็จของ Cal AI กันครับ เรื่องราวเริ่มต้นเมื่อ Zach Yadegari และ Henry Langmack สองนักเรียนวัย 17 ปี ได้พัฒนาแอปพลิเคชันชื่อ "Cal AI" ที่ใช้เทคโนโลยี GPT ในการตรวจนับแคลอรี่ แอปพลิเคชันนี้สามารถวิเคราะห์รูปภาพและสแกนบาร์โค้ดเพื่อความสะดวกในการใช้งาน ด้วยความสำเร็จที่น่าทึ่ง แอปพลิเคชันนี้มีผู้ดาวน์โหลดกว่า 1 ล้านครั้งและทำรายได้ต่อปีถึง 12 ล้านดอลลาร์ จากทีมงานเพียง 17 คน สิ่งที่ Cal AI ใช้คือสิ่งที่เราเรียกว่า "GPT Wrapper" GPT Wrapper คือโปรแกรมที่สร้างอินเตอร์เฟซสำหรับผู้ใช้ที่นำความสามารถของ GPT มาปรับใช้ให้เหมาะสม เพื่อให้การใช้งานของ AI ง่ายขึ้น ตัวอย่างเช่น แอปพลิเคชันสำหรับการเขียนบทความหรือการเรียนรู้ภาษา ซึ่งการพัฒนา GPT Wrapper นั้นช่วยลดเวลาที่ใช้ในการเข้าสู่ตลาด และลดค่าใช้จ่ายในการพัฒนาระบบ AI ของตนเอง ข้อดีและข้อเสียของการพัฒนา GPT Wrapper - ข้อดี: มีโครงสร้างพื้นฐานที่สร้างไว้แล้ว, ความรวดเร็วในการเข้าสู่ตลาด, และประหยัดต้นทุนการพัฒนา - ข้อเสีย: ข้อจำกัดด้านประสิทธิภาพ, ความยากลำบากในการขยายตัว, และความแตกต่างที่จำกัด แนวคิดในการสร้างธุรกิจ ด้วย GPT Wrapper: 1) การสร้างความเข้าใจในปัญหา: ค้นหาปัญหาที่ผู้คนต้องการแก้ไข และสร้างแอปที่ตอบโจทย์ 2) การสร้างชุมชน: พูดคุยกับผู้ใช้ที่มีศักยภาพเพื่อให้ได้ข้อมูลและความเห็นในการพัฒนาแอป 3)การตลาดและการเติบโต: สร้างชุมชนออนไลน์เพื่อเสริมสร้างความเชื่อมั่นในผลิตภัณฑ์ และใช้แพลตฟอร์มเช่น TikTok และ Instagram เพื่อโปรโมทผลิตภัณฑ์ สรุปคือ การสร้างแอปพลิเคชันด้วย AI ไม่ใช่เรื่องยาก เพียงแค่มีความเข้าใจในปัญหาและนำแนวคิดใหม่ๆ มาปรับใช้ คุณก็สามารถสร้างธุรกิจที่ประสบความสำเร็จได้ด้วย AI เหมือนที่ Cal AI ทำ https://www.zdnet.com/article/from-zero-to-millions-how-regular-people-are-cashing-in-on-ai/
    WWW.ZDNET.COM
    From zero to millions? How regular people are cashing in on AI
    Every day people are using AI in ways you wouldn't expect. You can too. Here's how
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 223 มุมมอง 0 รีวิว
  • เกือบ18 ปีแล้ว ผมเคยเขียนเรื่องนี้มาแล้วครั้งหนึ่ง
    .
    บทความนั้นมีชื่อว่า ‘งักปุกคุ้ง’ แห่งเสียนหลอ (https://mgronline.com/daily/detail/9500000032355 เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2550)
    .
    แต่วันนี้ไม่รู้ว่าตัวเองนึกครึ้มอกครึ้มใจอะไรเลยย้อนไปอ่าน แล้วอยากเอามารีไรท์ และนำมาแบ่งปันอีกครั้งนึง
    .
    ต้นปี 2568 นี้ มีภาพยนตร์เรื่องหนึ่งที่ดัดแปลงมาจากนวนิยายจีนกำลังภายในเรื่องอมตะ เรื่อง “กระบี่เย้ยยุทธจักร” (หรือ ยิ้มเย้ยยุทธจักร หรือ เดชคัมภีร์เทวดา หรือในภาษาจีนคือ 笑傲江湖 ส่วน ชื่ออังกฤษ Invincible Swordsman) ถูกนำมารีเมคใหม่อีกครั้ง โดยตอนนี้ลงจอฉายที่จีนไปแล้ว ในไทยก็กำลังจะเข้าฉายทาง WeTV กับ iQIYI
    .
    กระบี่เย้ยยุทธจักร เป็นนวนิยายกำลังภายในของสุดยอดปรมาจารย์ทางวรรณกรรมจีน “กิมย้ง” หรือจีนกลางอ่านว่า “จินยง (金庸)” ซึ่งท่านเสียชีวิตไปเมื่อ 7 ปีที่แล้วเมื่อวัน 30 ตุลาคม 2561
    .
    กระบี่เย้ยยุทธจักรถือเป็นนิยายกำลังภายในเรื่องเดียวของกิมย้งที่ไม่ได้อิงประวัติศาสตร์ของจีนในยุคใด แต่เป็นนวนิยายกำลังภายในแนวการเมืองที่ดีที่สุดเรื่องหนึ่ง
    .
    เรื่องราวเขียนถึงคนที่เรียกตัวเองว่า ฝ่ายธรรมมะ ฝ่ายอธรรม และ วิญญูชนจอมปลอม ได้อย่างลึกซึ้ง และถ่องแท้ที่สุด!
    .
    ตัวละครหลักคือ เหล็งฮู้ชง ตัวเอกของเรื่อง ศิษย์คนโตและศิษย์ทรยศแห่งสำนักฮั้วซัว (หรือหัวซาน ที่เป็นยอดบรรพตในมณฑลส่านซี) สองคือ งักปุกคุ้ง ซือแป๋เจ้าสำนักฮั้วซัว
    .
    งักปุกคุ้ง (แซ่งัก นามปุกคุ้ง) เป็นเจ้าสำนักฮั้วซัว ผู้สืบทอดเพลงกระบี่และลมปราณเมฆม่วงแห่งสำนักฮั้วซัว หนึ่งในห้า ยอดสำนักกระบี่แห่งบู๊ลิ้ม ภาพภายนอกเป็นผู้กล้าที่ได้ชื่อว่าเป็นจอมยุทธ์ผู้ทรงคุณธรรม เป็นเจ้าสำนักกระบี่อันเลื่องชื่อที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นสำนักมาตรฐานของยุทธจักร จนได้รับฉายาจากบรรดาจอมยุทธ์ว่า “กระบี่วิญญูชน”
    .
    งักปุกคุ้ง นอกจากจะเป็นเจ้าสำนักของยอดสำนักกระบี่แล้ว ในด้านของชาติพันธุ์ เจ้าตัวยังเชื่อมั่นด้วยว่า ต้นตระกูลงัก (หรือในภาษาจีนกลางคือแซ่เย่ว์ – 岳) ของตนมีวีรบุรุษกู้ชาติอยู่หลายคน โดยหนึ่งในผู้ที่มีชื่อเสียงที่สุดของตระกูลงักก็คือ ‘งักฮุย (เย่ว์เฟย)’ ยอดขุนพลแห่งราชวงศ์ซ่งใต้ งักปุกคุ้งเชื่อมั่นใน ‘คุณธรรม’ ของตนจนถึงกับเดินทางรอนแรมพาเหล่าศิษย์ฮั้วซัวไปเคารพสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของงักฮุย
    .
    อย่างไรก็ตาม แม้จะเป็นเจ้าสำนักกระบี่ฝ่ายธรรมะ ทั้งยังได้ฉายาว่าเป็น “กระบี่วิญญูชน” แต่ตลอดทั้งเรื่อง ชื่อเสียงและคำพูดของงักปุกคุ้ง กลับไม่ได้สอดคล้องกับการกระทำของเขาเลยแม้แต่น้อย ยกตัวอย่างเช่น
     งักปุกคุ้งเป็นวิญญูชนที่มักจะหลบเลี่ยงเมื่อภัยมาถึงตัว
     งักปุกคุ้งเป็นวิญญูชนที่มักจะวางเฉย เมื่อประสบเห็นความไม่เป็นธรรมของยุทธจักร
     งักปุกคุ้งเป็นวิญญูชนที่พร้อมจะให้ร้ายป้ายสีและถีบหัวส่ง เหล็งฮู้ชง ศิษย์เอกมากกว่าที่จะยื่นมือเข้าปกป้องเมื่อเหล็งฮู้ชงถูกกล่าวหาว่าสมคบกับฝ่ายอธรรม
     งักปุกคุ้ง เป็นวิญญูชนที่แม้ปากจะบอกว่าไม่สนใจต่อลาภยศ หรือยอดวิชาแห่งยุทธจักร แต่กลับส่ง “งักเล้งซัง” บุตรีของตนเองไปแต่งกับ “ลิ้มเพ้งจือ” รวมถึงยินยอมสละอวัยวะเพศของตัวเอง เพียงเพื่อจะได้ครอบครองเพลงคัมภีร์กระบี่ตระกูลลิ้ม
    .
    กล่าวโดยสรุปแล้วงักปุกคุ้ง เป็นบุคคลประเภทที่เรียกว่า “วิญญูชนจอมปลอม” ภายนอกดูเป็นคนดีที่มีชื่อเสียง เป็น “กระบี่วิญญูชน” เจ้าสำนักกระบี่อันเลื่องชื่อ แต่แท้จริงแล้วกลับประพฤติตนยิ่งกว่าคนในสายอธรรมเสียอีก
    .
    เมื่อพลิกอ่าน “กระบี่เย้ยยุทธจักร” และพิจารณาความระหว่างบรรทัดที่กิมย้งสอดแทรกลงในนวนิยายกำลังภายในเล่มนี้ ผู้อ่านก็จะรับรู้ได้ถึงความเป็นอัจฉริยะของกิมย้ง ที่แม้จะเขียนถึงเรื่องราวในยุทธภพในยุคสมัยราชวงศ์หมิง (ตามการคาดเดาของผู้เขียนเอง) แต่เนื้อหาของนวนิยายกลับสามารถนำมาเปรียบเทียบกับความเป็นไปทางการเมือง เสียดสีถึงพฤติกรรมของผู้คนในสังคมจีนในยุคสมัยที่ประเทศจีนวุ่นวายที่สุดยุคหนึ่งในประวัติศาสตร์ คือ ในช่วงของการปฏิวัติวัฒนธรรม (พ.ศ.2509-2519)
    .
    ส่วนเมื่อมองถึงเหตุการณ์บ้านเมืองไทยในยุคปัจจุบันแล้ว ใครจะเป็นงักปุกคุ้ง, ใครจะเป็นเหล็งฮู้ชง, ใครจะเป็นฝ่ายธรรมมะ, ใครจะเป็นฝ่ายอธรรม, ใครจะเป็นกระบี่วิญญูชน หรือ ใครจะเป็นวิญญูชนจอมปลอม ผมนั้นมิอาจจะตัดสินใจแทนใครได้จริง ๆ
    .
    ต่างคนต่างมุมมอง ต่างภูมิหลัง ต่างภูมิรู้ ต่างประสบการณ์ ต่างความคิด และเป็นสิทธิเฉพาะตัวของแต่ละคน
    เกือบ18 ปีแล้ว ผมเคยเขียนเรื่องนี้มาแล้วครั้งหนึ่ง . บทความนั้นมีชื่อว่า ‘งักปุกคุ้ง’ แห่งเสียนหลอ (https://mgronline.com/daily/detail/9500000032355 เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2550) . แต่วันนี้ไม่รู้ว่าตัวเองนึกครึ้มอกครึ้มใจอะไรเลยย้อนไปอ่าน แล้วอยากเอามารีไรท์ และนำมาแบ่งปันอีกครั้งนึง . ต้นปี 2568 นี้ มีภาพยนตร์เรื่องหนึ่งที่ดัดแปลงมาจากนวนิยายจีนกำลังภายในเรื่องอมตะ เรื่อง “กระบี่เย้ยยุทธจักร” (หรือ ยิ้มเย้ยยุทธจักร หรือ เดชคัมภีร์เทวดา หรือในภาษาจีนคือ 笑傲江湖 ส่วน ชื่ออังกฤษ Invincible Swordsman) ถูกนำมารีเมคใหม่อีกครั้ง โดยตอนนี้ลงจอฉายที่จีนไปแล้ว ในไทยก็กำลังจะเข้าฉายทาง WeTV กับ iQIYI . กระบี่เย้ยยุทธจักร เป็นนวนิยายกำลังภายในของสุดยอดปรมาจารย์ทางวรรณกรรมจีน “กิมย้ง” หรือจีนกลางอ่านว่า “จินยง (金庸)” ซึ่งท่านเสียชีวิตไปเมื่อ 7 ปีที่แล้วเมื่อวัน 30 ตุลาคม 2561 . กระบี่เย้ยยุทธจักรถือเป็นนิยายกำลังภายในเรื่องเดียวของกิมย้งที่ไม่ได้อิงประวัติศาสตร์ของจีนในยุคใด แต่เป็นนวนิยายกำลังภายในแนวการเมืองที่ดีที่สุดเรื่องหนึ่ง . เรื่องราวเขียนถึงคนที่เรียกตัวเองว่า ฝ่ายธรรมมะ ฝ่ายอธรรม และ วิญญูชนจอมปลอม ได้อย่างลึกซึ้ง และถ่องแท้ที่สุด! . ตัวละครหลักคือ เหล็งฮู้ชง ตัวเอกของเรื่อง ศิษย์คนโตและศิษย์ทรยศแห่งสำนักฮั้วซัว (หรือหัวซาน ที่เป็นยอดบรรพตในมณฑลส่านซี) สองคือ งักปุกคุ้ง ซือแป๋เจ้าสำนักฮั้วซัว . งักปุกคุ้ง (แซ่งัก นามปุกคุ้ง) เป็นเจ้าสำนักฮั้วซัว ผู้สืบทอดเพลงกระบี่และลมปราณเมฆม่วงแห่งสำนักฮั้วซัว หนึ่งในห้า ยอดสำนักกระบี่แห่งบู๊ลิ้ม ภาพภายนอกเป็นผู้กล้าที่ได้ชื่อว่าเป็นจอมยุทธ์ผู้ทรงคุณธรรม เป็นเจ้าสำนักกระบี่อันเลื่องชื่อที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นสำนักมาตรฐานของยุทธจักร จนได้รับฉายาจากบรรดาจอมยุทธ์ว่า “กระบี่วิญญูชน” . งักปุกคุ้ง นอกจากจะเป็นเจ้าสำนักของยอดสำนักกระบี่แล้ว ในด้านของชาติพันธุ์ เจ้าตัวยังเชื่อมั่นด้วยว่า ต้นตระกูลงัก (หรือในภาษาจีนกลางคือแซ่เย่ว์ – 岳) ของตนมีวีรบุรุษกู้ชาติอยู่หลายคน โดยหนึ่งในผู้ที่มีชื่อเสียงที่สุดของตระกูลงักก็คือ ‘งักฮุย (เย่ว์เฟย)’ ยอดขุนพลแห่งราชวงศ์ซ่งใต้ งักปุกคุ้งเชื่อมั่นใน ‘คุณธรรม’ ของตนจนถึงกับเดินทางรอนแรมพาเหล่าศิษย์ฮั้วซัวไปเคารพสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของงักฮุย . อย่างไรก็ตาม แม้จะเป็นเจ้าสำนักกระบี่ฝ่ายธรรมะ ทั้งยังได้ฉายาว่าเป็น “กระบี่วิญญูชน” แต่ตลอดทั้งเรื่อง ชื่อเสียงและคำพูดของงักปุกคุ้ง กลับไม่ได้สอดคล้องกับการกระทำของเขาเลยแม้แต่น้อย ยกตัวอย่างเช่น  งักปุกคุ้งเป็นวิญญูชนที่มักจะหลบเลี่ยงเมื่อภัยมาถึงตัว  งักปุกคุ้งเป็นวิญญูชนที่มักจะวางเฉย เมื่อประสบเห็นความไม่เป็นธรรมของยุทธจักร  งักปุกคุ้งเป็นวิญญูชนที่พร้อมจะให้ร้ายป้ายสีและถีบหัวส่ง เหล็งฮู้ชง ศิษย์เอกมากกว่าที่จะยื่นมือเข้าปกป้องเมื่อเหล็งฮู้ชงถูกกล่าวหาว่าสมคบกับฝ่ายอธรรม  งักปุกคุ้ง เป็นวิญญูชนที่แม้ปากจะบอกว่าไม่สนใจต่อลาภยศ หรือยอดวิชาแห่งยุทธจักร แต่กลับส่ง “งักเล้งซัง” บุตรีของตนเองไปแต่งกับ “ลิ้มเพ้งจือ” รวมถึงยินยอมสละอวัยวะเพศของตัวเอง เพียงเพื่อจะได้ครอบครองเพลงคัมภีร์กระบี่ตระกูลลิ้ม . กล่าวโดยสรุปแล้วงักปุกคุ้ง เป็นบุคคลประเภทที่เรียกว่า “วิญญูชนจอมปลอม” ภายนอกดูเป็นคนดีที่มีชื่อเสียง เป็น “กระบี่วิญญูชน” เจ้าสำนักกระบี่อันเลื่องชื่อ แต่แท้จริงแล้วกลับประพฤติตนยิ่งกว่าคนในสายอธรรมเสียอีก . เมื่อพลิกอ่าน “กระบี่เย้ยยุทธจักร” และพิจารณาความระหว่างบรรทัดที่กิมย้งสอดแทรกลงในนวนิยายกำลังภายในเล่มนี้ ผู้อ่านก็จะรับรู้ได้ถึงความเป็นอัจฉริยะของกิมย้ง ที่แม้จะเขียนถึงเรื่องราวในยุทธภพในยุคสมัยราชวงศ์หมิง (ตามการคาดเดาของผู้เขียนเอง) แต่เนื้อหาของนวนิยายกลับสามารถนำมาเปรียบเทียบกับความเป็นไปทางการเมือง เสียดสีถึงพฤติกรรมของผู้คนในสังคมจีนในยุคสมัยที่ประเทศจีนวุ่นวายที่สุดยุคหนึ่งในประวัติศาสตร์ คือ ในช่วงของการปฏิวัติวัฒนธรรม (พ.ศ.2509-2519) . ส่วนเมื่อมองถึงเหตุการณ์บ้านเมืองไทยในยุคปัจจุบันแล้ว ใครจะเป็นงักปุกคุ้ง, ใครจะเป็นเหล็งฮู้ชง, ใครจะเป็นฝ่ายธรรมมะ, ใครจะเป็นฝ่ายอธรรม, ใครจะเป็นกระบี่วิญญูชน หรือ ใครจะเป็นวิญญูชนจอมปลอม ผมนั้นมิอาจจะตัดสินใจแทนใครได้จริง ๆ . ต่างคนต่างมุมมอง ต่างภูมิหลัง ต่างภูมิรู้ ต่างประสบการณ์ ต่างความคิด และเป็นสิทธิเฉพาะตัวของแต่ละคน
    Like
    Love
    7
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 543 มุมมอง 0 รีวิว
  • *****.....เหรียญ.....พ่อท่าน คล้อย.....ว่าด้วยวิชา.....เหนือดวง.....*****

    *****.....ต่อไป..จะต้องเป็น...ตำนาน.... ในการจัดสร้างวัตถุมงคล...รุ่นเหนือดวง...ครั้งแรก...ของการปลุกเสกด้วย...ตำราพิชัยสมบัติ...พิชัยสงคราม...ว่าด้วย...วิชาเหนือดวง...อัญเชิญ...เทพเทวดา...มหาเทพ... พระอรหันต์...บรรจุลงในองค์พระ...พลิก...ชีวิต...พลิก...ดวงชะตา...เปิดตำนาน...สำนักตักศิลาเขาอ้อ...วิชาเหนือดวง...สำนักเขาอ้อเป็น...สำนักสอนวิชา...ไสยศาสตร์...มาตั้งแต่ครั้งสมัยศรีวิชัย...จนถึงสมัยสุโขทัย...สมัยศรีอยุธยา...กรุงธนบุรี...จนถึงสมัยรัตนโกสินทร์...ในปัจจุบัน...พระอาจารย์สำนัก...เขาอ้อ...ทุกๆองค์...เป็นปรมาจารย์อันเลื่องลือ...ของชาวพุทธภาคใต้...ตั้งแต่เมืองไชยา...ลงไปถึงแหลมมาลายู...ปรากฏว่า...ไปเรียนวิชาไสยศาสตร์ จากสำนักเขาอ้อ...หรือใช้ตำราที่มาจากสำนักเขาอ้อทั้งหมด...พระอาจารย์สำนักเขาอ้อ...ทุกๆองค์...จะมีความรู้...ความสามารถ...คล้ายคลึงกัน...เพราะได้ศึกษาต่อกันมาไม่ขาดระยะ...ตำราและความรู้ที่เป็นหลัก...คือ...พระอาจารย์เขาอ้อทุกองค์...สอนเวทย์มนต์...คาถา...ที่เป็นหลักเริ่มตั้งแต่...ธาตุ4 ธาตุทั้ง5 แม่ธาตุ...การตั้งธาตุ...หนุนธาตุ...แปลงธาตุ...และ...ตรวจธาตุ...วิชาคงกระพันชาตรี... แคล้วคลาด...มหาอุตฆ์...สอนให้รู้ถึงที่มาของ...เลขยันต์...อักขระยันต์ต่างๆ...ซึ่งต้องใช้ความพยายาม...และต้องอยู่ปฏิบัติอาจารย์...จนอาจารย์...เห็นความพยายาม...ที่รักในวิชาของศิษย์...จึงจะสอนให้...และยังสอนวิชาความรู้เกี่ยวกับ...ยารักษาโรค...วิชาไสยศาสตร์...ที่เป็นหลักของสำนักเขาอ้อ...ซึ่งเป็นคุณวิเศษประจำพระอาจารย์ทุกๆองค์ ...(ยกตัวอย่าง)...ดังนี้.....1.เสกน้ำมันงาดิบ...ให้เดือด...ให้แข็ง...ทำพิธีป้อนให้ศิษย์เป็นคงกระพัน.....2.อาบน้ำว่าน แช่ยา...เป็นคงกระพันกันโรคภัย.....3.หุงข้าวเหนียวดำ...เป็นคงกระพันอายุวัฒนะ...และ...อีกหลายวิชา...ครั้งแรก...ของการปลุกเสก...ว่าด้วยวิชา.....เหนือดวง.....ตามตำราวิชาสำนักเขาอ้อ...ว่าด้วย วิชากำเนิด 3 คือ.....1.ดวงกำเนิดมนุษย์หญิง-ชาย.....2.ดวงกำเนิดเทวดา.....3.ดวงกำเนิดพระอรหันต์...ยันต์ดวงกำเนิดมนุษย์หญิง-ชาย ใช้ได้...ทุกผู้ทุกนาม ฯลฯ...เมื่อท่านใช้อาราธนา...ด้วยอำนาจแห่งครูอาจารย์เขาอ้อ.....อาจารย์คล้อย อโนโม.....ด้วยอำนาจแห่งวิชา... เหมือนท่านได้เกิดใหม่อีกครั้ง...ด้วยอำนาจแห่งคุณ...พระพุทธ...ยันต์ดวงกำเนิดเทวา...เป็นการอัญเชิญ...เทวดา...องค์เทพ...องค์มหาเทพ มาประจำองค์พระ...เพื่อเป็นเทวดา...ปกป้อง...คุ้มครอง...หนุนดวงชะตา...ให้กับร้ายกลายเป็นดี...ส่งเสริมให้มีเกรียติยศ...และ...ชื่อเสียง ฯลฯ...แล้วแต่จะอธิฐานต่อ... ยันต์องค์กำเนิดพระอรหัน...เป็นการอัญเชิญ...ขอบารมี...ของพระพุทธเจ้า...พระอรหันต์...ลงมาปกป้องคุ้มครอง...ประทานพร...ประทานอำนาจ...วาสนา...บารมี...ฯลฯ.....*****

    *****.....ไอดี ไลน์.....oak_999.....ข้อความ.....หรือโทร...089-471-5666.....*****

    #พระใหม่ดีกว่าพระเก๊แน่นอน #พระใหม่พิธีดี #เจตนาการสร้างดี #พระใหม่ยอดนิยม #พระสายใต้ #พระเครื่อง #พระเครื่องยอดนิยม #พระปิดตา #เหนือดวง #รับประกันพระแท้ตลอดชีพ #ทุกเหรียญตอกโค๊ดตอกเลขรันนัมเบอร์
    *****.....เหรียญ.....พ่อท่าน คล้อย.....ว่าด้วยวิชา.....เหนือดวง.....***** *****.....ต่อไป..จะต้องเป็น...ตำนาน.... ในการจัดสร้างวัตถุมงคล...รุ่นเหนือดวง...ครั้งแรก...ของการปลุกเสกด้วย...ตำราพิชัยสมบัติ...พิชัยสงคราม...ว่าด้วย...วิชาเหนือดวง...อัญเชิญ...เทพเทวดา...มหาเทพ... พระอรหันต์...บรรจุลงในองค์พระ...พลิก...ชีวิต...พลิก...ดวงชะตา...เปิดตำนาน...สำนักตักศิลาเขาอ้อ...วิชาเหนือดวง...สำนักเขาอ้อเป็น...สำนักสอนวิชา...ไสยศาสตร์...มาตั้งแต่ครั้งสมัยศรีวิชัย...จนถึงสมัยสุโขทัย...สมัยศรีอยุธยา...กรุงธนบุรี...จนถึงสมัยรัตนโกสินทร์...ในปัจจุบัน...พระอาจารย์สำนัก...เขาอ้อ...ทุกๆองค์...เป็นปรมาจารย์อันเลื่องลือ...ของชาวพุทธภาคใต้...ตั้งแต่เมืองไชยา...ลงไปถึงแหลมมาลายู...ปรากฏว่า...ไปเรียนวิชาไสยศาสตร์ จากสำนักเขาอ้อ...หรือใช้ตำราที่มาจากสำนักเขาอ้อทั้งหมด...พระอาจารย์สำนักเขาอ้อ...ทุกๆองค์...จะมีความรู้...ความสามารถ...คล้ายคลึงกัน...เพราะได้ศึกษาต่อกันมาไม่ขาดระยะ...ตำราและความรู้ที่เป็นหลัก...คือ...พระอาจารย์เขาอ้อทุกองค์...สอนเวทย์มนต์...คาถา...ที่เป็นหลักเริ่มตั้งแต่...ธาตุ4 ธาตุทั้ง5 แม่ธาตุ...การตั้งธาตุ...หนุนธาตุ...แปลงธาตุ...และ...ตรวจธาตุ...วิชาคงกระพันชาตรี... แคล้วคลาด...มหาอุตฆ์...สอนให้รู้ถึงที่มาของ...เลขยันต์...อักขระยันต์ต่างๆ...ซึ่งต้องใช้ความพยายาม...และต้องอยู่ปฏิบัติอาจารย์...จนอาจารย์...เห็นความพยายาม...ที่รักในวิชาของศิษย์...จึงจะสอนให้...และยังสอนวิชาความรู้เกี่ยวกับ...ยารักษาโรค...วิชาไสยศาสตร์...ที่เป็นหลักของสำนักเขาอ้อ...ซึ่งเป็นคุณวิเศษประจำพระอาจารย์ทุกๆองค์ ...(ยกตัวอย่าง)...ดังนี้.....1.เสกน้ำมันงาดิบ...ให้เดือด...ให้แข็ง...ทำพิธีป้อนให้ศิษย์เป็นคงกระพัน.....2.อาบน้ำว่าน แช่ยา...เป็นคงกระพันกันโรคภัย.....3.หุงข้าวเหนียวดำ...เป็นคงกระพันอายุวัฒนะ...และ...อีกหลายวิชา...ครั้งแรก...ของการปลุกเสก...ว่าด้วยวิชา.....เหนือดวง.....ตามตำราวิชาสำนักเขาอ้อ...ว่าด้วย วิชากำเนิด 3 คือ.....1.ดวงกำเนิดมนุษย์หญิง-ชาย.....2.ดวงกำเนิดเทวดา.....3.ดวงกำเนิดพระอรหันต์...ยันต์ดวงกำเนิดมนุษย์หญิง-ชาย ใช้ได้...ทุกผู้ทุกนาม ฯลฯ...เมื่อท่านใช้อาราธนา...ด้วยอำนาจแห่งครูอาจารย์เขาอ้อ.....อาจารย์คล้อย อโนโม.....ด้วยอำนาจแห่งวิชา... เหมือนท่านได้เกิดใหม่อีกครั้ง...ด้วยอำนาจแห่งคุณ...พระพุทธ...ยันต์ดวงกำเนิดเทวา...เป็นการอัญเชิญ...เทวดา...องค์เทพ...องค์มหาเทพ มาประจำองค์พระ...เพื่อเป็นเทวดา...ปกป้อง...คุ้มครอง...หนุนดวงชะตา...ให้กับร้ายกลายเป็นดี...ส่งเสริมให้มีเกรียติยศ...และ...ชื่อเสียง ฯลฯ...แล้วแต่จะอธิฐานต่อ... ยันต์องค์กำเนิดพระอรหัน...เป็นการอัญเชิญ...ขอบารมี...ของพระพุทธเจ้า...พระอรหันต์...ลงมาปกป้องคุ้มครอง...ประทานพร...ประทานอำนาจ...วาสนา...บารมี...ฯลฯ.....***** *****.....ไอดี ไลน์.....oak_999.....ข้อความ.....หรือโทร...089-471-5666.....***** #พระใหม่ดีกว่าพระเก๊แน่นอน #พระใหม่พิธีดี #เจตนาการสร้างดี #พระใหม่ยอดนิยม #พระสายใต้ #พระเครื่อง #พระเครื่องยอดนิยม #พระปิดตา #เหนือดวง #รับประกันพระแท้ตลอดชีพ #ทุกเหรียญตอกโค๊ดตอกเลขรันนัมเบอร์
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 416 มุมมอง 0 รีวิว
  • กรีนแลนด์ ดินแดนปกครองตนเองของเดนมาร์ก ควรเข้าร่วมสหพันธรัฐรัสเซีย สืบเนื่องจากชนเผ่าพื้นเมืองของเกาะและประชากรอินูอิตของรัสเซีย มีความเกี่ยวดองกันทางภาษาพูด จากคำชี้แนะของวิตาลี มีโลนอฟ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแดนหมีขาวเมื่อช่วงกลางสัปดาห์
    .
    ความเห็นล่าสุดของเขามีขึ้นตามหลังถ้อยแถลงอันเป็นที่ถกเถียงเป็นชุดๆ ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ เกี่ยวกับแผนผนวกกรีนแลนด์เข้าเป็นส่วนหนึ่งของอเมริกา แม้มีเสียงปฏิเสธอย่างหนักแน่นจากผู้นำฝักใฝ่เอกราชของเกาะและเดนมาร์ก
    .
    "เราได้ยินถ้อยแถลงต่างๆ จากโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าแคนาดา ในข้อเท็จจริงคือ เป็นมลรัฐที่ยากจนที่สุดในอเมริกา ต้องพึ่งพิงสหรัฐฯ โดยสิ้นเชิง แต่ตัวอเมริกาเองก็อยู่ในวิกฤตเศรษฐกิจและการเมืองอย่างรุนแรง ซึ่งเป็นผลจากการปกครองของโจ ไบเดน" มิโลนอฟ ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว Gazeta สื่อมวลชนรัสเซียเมื่อวันอังคาร (28 ม.ค.)
    .
    "สถานการณ์เช่นนี้ รัสเซียจึงอยู่ในฐานะรัฐปกติเพียงรัฐเดียว ที่มีระบบการเมืองและเศรษฐกิจที่มีเสถียรภาพเพียงพอที่จะสนับสนุนชนพื้นเมืองชาวกรีนแลนด์ ผู้ซึ่งเป็นกลุ่มชาติพันธุ์ร่วมกับประชากรอินูอิตของรัสเซีย ทั้ง 2 กลุ่มพูดภาษาพื้นเมืองในภาษาเดียวกัน" เขากล่าวอ้าง
    .
    มิโลนอฟ เป็นที่รู้จักกันดีในฐานะผู้สนับสนุนตัวยง "ค่านิยมรัสเซียดั้งเดิม" และส่งสียงคัดค้านในสิ่งที่เขาเรียกว่าความเสื่อมทรามของตะวันตก ในนั้นรวมถึงโฆษณาชวนเชื่อ LGBT และอุดมการณ์ที่ไม่ต้องการมีลูก บ่อยครั้งเขาตกเป็นข่าวพาดหัวในแนวคิดอันเป็นที่ถกเถียงต่างๆ อย่างเช่นเรียกร้องให้ปิดเซ็กซ์ชอปทั้งหมดในรัสเซีย และเอาเซ็กซ์ทอยส์ที่ยึดมาเหล่านั้นไปทิ้งบอมบ์ใส่ยูเครน
    .
    จากข้อมูลของสหประชาชาติพบว่าราว 70% ของพลเมืองราว 60,000 คนของกรีนแลนด์ พูดภาษากรีนแลนดิก "ภาษาเอสกิโม-อะลิวต์" ซึ่งแตกออกมาเป็นภาษาอินูอิต ขณะที่นักภาษาศาสตร์ ณ ศูนย์ภาษาแห่งมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ เน้นว่าภาษากรีนแลนกิด มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดที่สุดกับภาษายูปิก ที่ใช้พูดกันในไซบีเรีย
    .
    "กรีนแลนด์อาจกลายมาเป็นดินแดนใหม่ของสหพันธรัฐรัสเซีย ยกตัวอย่างเช่น สาธารณรัฐประชาชนกรีนแลนดิก" มิโลนอฟเสนอ พร้อมอ้างว่าดินแดนแห่งนี้ต้องการแรงสนับสนุนและการปกป้องจากรัสเซีย หลังถูกลิดรอนสิทธิต่างๆ ภายใต้บังเหียนของเดนมาร์ก "ผู้รุกราน"
    .
    ทั้งนี้ กรีนแลนด์ อดีตอาณานิคมของเดนมาร์ก ได้รับอนุมัติให้ปกครองตนเองในปี 1979 ขณะที่ มูเต เอเกเด นายกรัฐมนตรีของเกาะแห่งนี้ เน้นย้ำเมื่อช่วงกลางเดือนว่า เกาะกำลังเสาะหาความเป็นเอกราช และอยู่ระหว่างดำเนินการเกี่ยวกับการจัดทำประชามติ แต่ไม่ได้ให้กรอบเวลาอย่างเจาะจง
    .
    "กรีนแลนด์มีไว้สำหรับประชาชนชาวกรีนแลนดิก เราไม่ต้องการเป็นคนเดนมาร์ก เราไม่อยากเป็นคนอเมริกา" เอเกเด ตอบโต้ความเคลื่อนไหวของทรัมป์ก่อนหน้านั้น ที่เสนอซื้อหรือผนวกเกาะแห่งนี้
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000009490
    ..............
    Sondhi X
    กรีนแลนด์ ดินแดนปกครองตนเองของเดนมาร์ก ควรเข้าร่วมสหพันธรัฐรัสเซีย สืบเนื่องจากชนเผ่าพื้นเมืองของเกาะและประชากรอินูอิตของรัสเซีย มีความเกี่ยวดองกันทางภาษาพูด จากคำชี้แนะของวิตาลี มีโลนอฟ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแดนหมีขาวเมื่อช่วงกลางสัปดาห์ . ความเห็นล่าสุดของเขามีขึ้นตามหลังถ้อยแถลงอันเป็นที่ถกเถียงเป็นชุดๆ ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ เกี่ยวกับแผนผนวกกรีนแลนด์เข้าเป็นส่วนหนึ่งของอเมริกา แม้มีเสียงปฏิเสธอย่างหนักแน่นจากผู้นำฝักใฝ่เอกราชของเกาะและเดนมาร์ก . "เราได้ยินถ้อยแถลงต่างๆ จากโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าแคนาดา ในข้อเท็จจริงคือ เป็นมลรัฐที่ยากจนที่สุดในอเมริกา ต้องพึ่งพิงสหรัฐฯ โดยสิ้นเชิง แต่ตัวอเมริกาเองก็อยู่ในวิกฤตเศรษฐกิจและการเมืองอย่างรุนแรง ซึ่งเป็นผลจากการปกครองของโจ ไบเดน" มิโลนอฟ ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว Gazeta สื่อมวลชนรัสเซียเมื่อวันอังคาร (28 ม.ค.) . "สถานการณ์เช่นนี้ รัสเซียจึงอยู่ในฐานะรัฐปกติเพียงรัฐเดียว ที่มีระบบการเมืองและเศรษฐกิจที่มีเสถียรภาพเพียงพอที่จะสนับสนุนชนพื้นเมืองชาวกรีนแลนด์ ผู้ซึ่งเป็นกลุ่มชาติพันธุ์ร่วมกับประชากรอินูอิตของรัสเซีย ทั้ง 2 กลุ่มพูดภาษาพื้นเมืองในภาษาเดียวกัน" เขากล่าวอ้าง . มิโลนอฟ เป็นที่รู้จักกันดีในฐานะผู้สนับสนุนตัวยง "ค่านิยมรัสเซียดั้งเดิม" และส่งสียงคัดค้านในสิ่งที่เขาเรียกว่าความเสื่อมทรามของตะวันตก ในนั้นรวมถึงโฆษณาชวนเชื่อ LGBT และอุดมการณ์ที่ไม่ต้องการมีลูก บ่อยครั้งเขาตกเป็นข่าวพาดหัวในแนวคิดอันเป็นที่ถกเถียงต่างๆ อย่างเช่นเรียกร้องให้ปิดเซ็กซ์ชอปทั้งหมดในรัสเซีย และเอาเซ็กซ์ทอยส์ที่ยึดมาเหล่านั้นไปทิ้งบอมบ์ใส่ยูเครน . จากข้อมูลของสหประชาชาติพบว่าราว 70% ของพลเมืองราว 60,000 คนของกรีนแลนด์ พูดภาษากรีนแลนดิก "ภาษาเอสกิโม-อะลิวต์" ซึ่งแตกออกมาเป็นภาษาอินูอิต ขณะที่นักภาษาศาสตร์ ณ ศูนย์ภาษาแห่งมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ เน้นว่าภาษากรีนแลนกิด มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดที่สุดกับภาษายูปิก ที่ใช้พูดกันในไซบีเรีย . "กรีนแลนด์อาจกลายมาเป็นดินแดนใหม่ของสหพันธรัฐรัสเซีย ยกตัวอย่างเช่น สาธารณรัฐประชาชนกรีนแลนดิก" มิโลนอฟเสนอ พร้อมอ้างว่าดินแดนแห่งนี้ต้องการแรงสนับสนุนและการปกป้องจากรัสเซีย หลังถูกลิดรอนสิทธิต่างๆ ภายใต้บังเหียนของเดนมาร์ก "ผู้รุกราน" . ทั้งนี้ กรีนแลนด์ อดีตอาณานิคมของเดนมาร์ก ได้รับอนุมัติให้ปกครองตนเองในปี 1979 ขณะที่ มูเต เอเกเด นายกรัฐมนตรีของเกาะแห่งนี้ เน้นย้ำเมื่อช่วงกลางเดือนว่า เกาะกำลังเสาะหาความเป็นเอกราช และอยู่ระหว่างดำเนินการเกี่ยวกับการจัดทำประชามติ แต่ไม่ได้ให้กรอบเวลาอย่างเจาะจง . "กรีนแลนด์มีไว้สำหรับประชาชนชาวกรีนแลนดิก เราไม่ต้องการเป็นคนเดนมาร์ก เราไม่อยากเป็นคนอเมริกา" เอเกเด ตอบโต้ความเคลื่อนไหวของทรัมป์ก่อนหน้านั้น ที่เสนอซื้อหรือผนวกเกาะแห่งนี้ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000009490 .............. Sondhi X
    Like
    Haha
    8
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2145 มุมมอง 0 รีวิว
  • ไม่ใช่แบบที่นิยมเล่นหา.....คำนี้ เซียนชอบใช้...เพราะหลายคน ชอบมีคำถามที่ว่า พระแท้ ทำไม ขายไม่ได้...ยกตัวอย่างแบบเจ้าใจง่ายๆ เลย...หลวงพ่อเปิ่น หลวงพ่ออุตตมะ หลวงพ่ออะไรอีกมากมาย...ที่มีชื่อ..ออกวัตถุมงคล นับเอาสักแค่ปี 253 กว่าละกัน...นั่นคือ ผ่านมา 30 ปีแล้ว...บางรุ่นหลักร้อย บางรุ่นหลักสิบ บางรุ่นซื้อเปล่าๆ ไม่ซื้อด้วย ต้องมัดรวมมาเยอะๆ...แล้วท่านลองเทียบดู..นี่คือ เกจิมีขื่อมานาน...แล้วถ้าหลังจากนั้นละ...ที่เพิ่งมีชื่อ เพิ่งดัง เพิ่งสร้าง...เอาตามชอบ ..หลักคิดคือ เราซื้อวันนี้ ..ถ้าอนาคตจะเป็นแบบใด .ก็จงนึกย้อนมาว่า เจตนาตั้งต้นตอนซื้อคืออะไร..เข้าใจ และยอมรับได้ไหม?
    ไม่ใช่แบบที่นิยมเล่นหา.....คำนี้ เซียนชอบใช้...เพราะหลายคน ชอบมีคำถามที่ว่า พระแท้ ทำไม ขายไม่ได้...ยกตัวอย่างแบบเจ้าใจง่ายๆ เลย...หลวงพ่อเปิ่น หลวงพ่ออุตตมะ หลวงพ่ออะไรอีกมากมาย...ที่มีชื่อ..ออกวัตถุมงคล นับเอาสักแค่ปี 253 กว่าละกัน...นั่นคือ ผ่านมา 30 ปีแล้ว...บางรุ่นหลักร้อย บางรุ่นหลักสิบ บางรุ่นซื้อเปล่าๆ ไม่ซื้อด้วย ต้องมัดรวมมาเยอะๆ...แล้วท่านลองเทียบดู..นี่คือ เกจิมีขื่อมานาน...แล้วถ้าหลังจากนั้นละ...ที่เพิ่งมีชื่อ เพิ่งดัง เพิ่งสร้าง...เอาตามชอบ ..หลักคิดคือ เราซื้อวันนี้ ..ถ้าอนาคตจะเป็นแบบใด .ก็จงนึกย้อนมาว่า เจตนาตั้งต้นตอนซื้อคืออะไร..เข้าใจ และยอมรับได้ไหม?
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 225 มุมมอง 0 รีวิว
  • กาสิโนเสร็จเมื่อไหร่ ทักษิณคงจะตุยได้อย่างสบายใจ
    นายทักษิณ ชินวัตร ทําท่าว่าชีวิตนี้จะตายตาหลับ หากเข็นเมืองไทยให้มีบ่อนถูกกฎหมาย หรือกาสิโนได้สําเร็จสมใจเสียที เป็นโครงการที่ผลักดันมาตั้งแต่ตัวเองเป็นนายกรัฐมนตรีเมื่อปีมะโว้จนมาถึงตอนนี้กลับมาเป็นพ่อนายกรัฐมนตรี ก็ยังคงแสดงอาการงุ่นง่าน อยากผุดกาสิโนให้ได้
    ร่างกฎหมายกาสิโนถูกเขียนออกมาเรียบร้อยแล้ว ตั้งเป้าทุกอย่างต้องเรียบร้อย ภายในปี 2568 แต่ว่าทักษิณก็คือทักษิณคนเดิมสนุกกับอํานาจ จนออกลูกโฉงฉางไม่ต่างจากที่เคยทําพลาดในอดีตหลายต่อหลายเรื่องร่างพระราชบัญญัติธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร ซึ่งมีกาสิโนรวมอยู่ด้วย
    แต่จากการที่ได้อ่าน ก็พบข้อบกพร่องหรือจุดอ่อนมากมายเดี๋ยวจะยกตัวอย่างให้ฟัง เรื่องแรก ไม่ใช้ระบบประมูลเสนอราคาแข่งขันกันแต่ใช้ระบบออกใบอนุญาต
    การไม่ใช้ระบบประมูลเปิดช่องให้เกิดการทุจริตคอรัปชั่น งาบกันแบบหวานคอแร้งเพราะสามารถรับเงินใต้โต๊ะ ปิดห้องเจรจาต่อรองใครให้ผลประโยชน์ผู้มีอํานาจมากที่สุดคนนั้นก็ได้ไป ขนาดการประมูลงานราชการที่ว่าพยายามให้เกิดความโปร่งใสแล้วก็ยังมีการทุจริตล็อคสเปคกันโครมโครมมาตลอด แล้วระบบออกใบอนุญาตไม่ต้องยื่นซองประกวดราคาจากไปเหลืออะไร
    ไม่มีการเปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นประชาชนในพื้นที่ซึ่งจะเปิดกาสิโนนี่ก็เป็นอีกหนึ่งข้อเสนอ ที่ทางกรรมาธิการของสภาเคยเสนอไว้
    เมื่อนายทักษิณมองข้ามหัวประชาชนในพื้นที่ จะทําให้ขาดการมีส่วนร่วมของประชาชนอาจเกิดแรงต้านจากประชาชนกลุ่มที่ไม่ต้องการให้มีกาสิโนผุดขึ้นในจังหวัดของเขา
    แต่ก็นั่นแหละ ทักษิณคงคิดว่า โปรเจคนี้ อยากทำมานาน ถ้าไม่ได้ทำคงตุยตาไม่หลับ ก็คงซู้ซี้ทำๆไป ให้มันเสร็จ แบบเส้นทางเป็นอย่างไรช่างแม่มัน ผลลัพท์สำเร็จก็พอ ประชาชนช่างแม่ง ติดตามข่าวซีฟๆแบบนี้ได้ที่
    #คิงส์โพธิ์ดำ
    กาสิโนเสร็จเมื่อไหร่ ทักษิณคงจะตุยได้อย่างสบายใจ นายทักษิณ ชินวัตร ทําท่าว่าชีวิตนี้จะตายตาหลับ หากเข็นเมืองไทยให้มีบ่อนถูกกฎหมาย หรือกาสิโนได้สําเร็จสมใจเสียที เป็นโครงการที่ผลักดันมาตั้งแต่ตัวเองเป็นนายกรัฐมนตรีเมื่อปีมะโว้จนมาถึงตอนนี้กลับมาเป็นพ่อนายกรัฐมนตรี ก็ยังคงแสดงอาการงุ่นง่าน อยากผุดกาสิโนให้ได้ ร่างกฎหมายกาสิโนถูกเขียนออกมาเรียบร้อยแล้ว ตั้งเป้าทุกอย่างต้องเรียบร้อย ภายในปี 2568 แต่ว่าทักษิณก็คือทักษิณคนเดิมสนุกกับอํานาจ จนออกลูกโฉงฉางไม่ต่างจากที่เคยทําพลาดในอดีตหลายต่อหลายเรื่องร่างพระราชบัญญัติธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร ซึ่งมีกาสิโนรวมอยู่ด้วย แต่จากการที่ได้อ่าน ก็พบข้อบกพร่องหรือจุดอ่อนมากมายเดี๋ยวจะยกตัวอย่างให้ฟัง เรื่องแรก ไม่ใช้ระบบประมูลเสนอราคาแข่งขันกันแต่ใช้ระบบออกใบอนุญาต การไม่ใช้ระบบประมูลเปิดช่องให้เกิดการทุจริตคอรัปชั่น งาบกันแบบหวานคอแร้งเพราะสามารถรับเงินใต้โต๊ะ ปิดห้องเจรจาต่อรองใครให้ผลประโยชน์ผู้มีอํานาจมากที่สุดคนนั้นก็ได้ไป ขนาดการประมูลงานราชการที่ว่าพยายามให้เกิดความโปร่งใสแล้วก็ยังมีการทุจริตล็อคสเปคกันโครมโครมมาตลอด แล้วระบบออกใบอนุญาตไม่ต้องยื่นซองประกวดราคาจากไปเหลืออะไร ไม่มีการเปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นประชาชนในพื้นที่ซึ่งจะเปิดกาสิโนนี่ก็เป็นอีกหนึ่งข้อเสนอ ที่ทางกรรมาธิการของสภาเคยเสนอไว้ เมื่อนายทักษิณมองข้ามหัวประชาชนในพื้นที่ จะทําให้ขาดการมีส่วนร่วมของประชาชนอาจเกิดแรงต้านจากประชาชนกลุ่มที่ไม่ต้องการให้มีกาสิโนผุดขึ้นในจังหวัดของเขา แต่ก็นั่นแหละ ทักษิณคงคิดว่า โปรเจคนี้ อยากทำมานาน ถ้าไม่ได้ทำคงตุยตาไม่หลับ ก็คงซู้ซี้ทำๆไป ให้มันเสร็จ แบบเส้นทางเป็นอย่างไรช่างแม่มัน ผลลัพท์สำเร็จก็พอ ประชาชนช่างแม่ง ติดตามข่าวซีฟๆแบบนี้ได้ที่ #คิงส์โพธิ์ดำ
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 541 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts