• กล้องวงจรปิด (CCTV) เคยเป็นแค่เรื่องรักษาความปลอดภัย แต่วันนี้มันกลายเป็นเรื่องของ "ความมั่นคงระดับชาติ"

    แคนาดาเพิ่งสั่งให้ Hikvision — บริษัทยักษ์ใหญ่จากจีนที่เป็น ผู้ผลิตกล้องวงจรปิดอันดับ 1 ของโลก — หยุดดำเนินงานในประเทศ โดยระบุว่า “เป็นภัยต่อความมั่นคงของแคนาดา” (แต่ไม่ได้บอกรายละเอียดว่าเพราะอะไร)

    หลายฝ่ายเชื่อว่าสาเหตุอาจมาจากความสัมพันธ์ของ Hikvision กับรัฐจีน ซึ่งมีข่าวว่า กล้องแบรนด์นี้ถูกใช้ในระบบตรวจจับ–ติดตามชาวอุยกูร์ในซินเจียง มาก่อน — และประเทศอย่างสหรัฐฯ สหราชอาณาจักร ออสเตรเลีย ก็เคยแบนมาแล้วเช่นกัน

    ที่น่าสนใจคือ Canada ไม่ใช่แค่ห้ามซื้อใหม่ แต่ จะทยอยเลิกใช้กล้อง Hikvision ที่ติดตั้งอยู่แล้วในสถานที่ราชการ — และขอให้ประชาชน "ใช้วิจารณญาณ" ถ้าจะซื้ออุปกรณ์จากแบรนด์นี้ด้วย

    Hikvision เองก็ออกมาโต้ว่า "ไม่เป็นธรรม ขาดความโปร่งใส และดูเหมือนโดนเล่นงานเพราะเป็นบริษัทจากจีน" — ซึ่งก็สะท้อนว่าเทคโนโลยีบางอย่างกำลังถูกแปะป้าย “น่าเชื่อถือ/ไม่น่าเชื่อถือ” ด้วยเหตุผลทางภูมิรัฐศาสตร์มากกว่าเทคนิคจริง ๆ แล้วครับ

    แคนาดาสั่งให้ Hikvision หยุดดำเนินกิจการในประเทศทันที  
    • อ้างเหตุผลด้าน “ภัยต่อความมั่นคงแห่งชาติ”
    • อิงตามกฎหมาย Investment Canada Act

    Hikvision คือผู้ผลิต CCTV รายใหญ่ที่สุดของโลก  
    • เข้ามาทำตลาดในแคนาดาตั้งแต่ปี 2014  
    • ถูกมองว่ามีความเชื่อมโยงกับโครงการรัฐจีน

    แคนาดาจะทยอยเลิกใช้ Hikvision ในอาคารราชการและภาครัฐ
    • พร้อมขอให้ประชาชน “พิจารณาอย่างรอบคอบ” หากจะใช้อุปกรณ์จากแบรนด์นี้

    ประเทศอื่น ๆ เคยแบน Hikvision มาแล้ว เช่น:  
    • สหรัฐฯ, อังกฤษ, ออสเตรเลีย  
    • โดยเฉพาะจากข้อกล่าวหาว่าอุปกรณ์ถูกใช้สอดแนมชาวอุยกูร์ในจีน (ซึ่งจีนปฏิเสธ)

    Hikvision แถลงการณ์ว่า “การตัดสินใจครั้งนี้ไม่เป็นธรรม และขาดหลักฐานชัดเจน”

    https://www.techradar.com/pro/is-the-worlds-largest-cctv-surveillance-camera-vendor-going-to-be-the-next-huawei-canada-gov-bans-hikvision-amidst-security-fears
    กล้องวงจรปิด (CCTV) เคยเป็นแค่เรื่องรักษาความปลอดภัย แต่วันนี้มันกลายเป็นเรื่องของ "ความมั่นคงระดับชาติ" แคนาดาเพิ่งสั่งให้ Hikvision — บริษัทยักษ์ใหญ่จากจีนที่เป็น ผู้ผลิตกล้องวงจรปิดอันดับ 1 ของโลก — หยุดดำเนินงานในประเทศ โดยระบุว่า “เป็นภัยต่อความมั่นคงของแคนาดา” (แต่ไม่ได้บอกรายละเอียดว่าเพราะอะไร) หลายฝ่ายเชื่อว่าสาเหตุอาจมาจากความสัมพันธ์ของ Hikvision กับรัฐจีน ซึ่งมีข่าวว่า กล้องแบรนด์นี้ถูกใช้ในระบบตรวจจับ–ติดตามชาวอุยกูร์ในซินเจียง มาก่อน — และประเทศอย่างสหรัฐฯ สหราชอาณาจักร ออสเตรเลีย ก็เคยแบนมาแล้วเช่นกัน ที่น่าสนใจคือ Canada ไม่ใช่แค่ห้ามซื้อใหม่ แต่ จะทยอยเลิกใช้กล้อง Hikvision ที่ติดตั้งอยู่แล้วในสถานที่ราชการ — และขอให้ประชาชน "ใช้วิจารณญาณ" ถ้าจะซื้ออุปกรณ์จากแบรนด์นี้ด้วย Hikvision เองก็ออกมาโต้ว่า "ไม่เป็นธรรม ขาดความโปร่งใส และดูเหมือนโดนเล่นงานเพราะเป็นบริษัทจากจีน" — ซึ่งก็สะท้อนว่าเทคโนโลยีบางอย่างกำลังถูกแปะป้าย “น่าเชื่อถือ/ไม่น่าเชื่อถือ” ด้วยเหตุผลทางภูมิรัฐศาสตร์มากกว่าเทคนิคจริง ๆ แล้วครับ ✅ แคนาดาสั่งให้ Hikvision หยุดดำเนินกิจการในประเทศทันที   • อ้างเหตุผลด้าน “ภัยต่อความมั่นคงแห่งชาติ” • อิงตามกฎหมาย Investment Canada Act ✅ Hikvision คือผู้ผลิต CCTV รายใหญ่ที่สุดของโลก   • เข้ามาทำตลาดในแคนาดาตั้งแต่ปี 2014   • ถูกมองว่ามีความเชื่อมโยงกับโครงการรัฐจีน ✅ แคนาดาจะทยอยเลิกใช้ Hikvision ในอาคารราชการและภาครัฐ • พร้อมขอให้ประชาชน “พิจารณาอย่างรอบคอบ” หากจะใช้อุปกรณ์จากแบรนด์นี้ ✅ ประเทศอื่น ๆ เคยแบน Hikvision มาแล้ว เช่น:   • สหรัฐฯ, อังกฤษ, ออสเตรเลีย   • โดยเฉพาะจากข้อกล่าวหาว่าอุปกรณ์ถูกใช้สอดแนมชาวอุยกูร์ในจีน (ซึ่งจีนปฏิเสธ) ✅ Hikvision แถลงการณ์ว่า “การตัดสินใจครั้งนี้ไม่เป็นธรรม และขาดหลักฐานชัดเจน” https://www.techradar.com/pro/is-the-worlds-largest-cctv-surveillance-camera-vendor-going-to-be-the-next-huawei-canada-gov-bans-hikvision-amidst-security-fears
    0 Comments 0 Shares 145 Views 0 Reviews
  • 'ทรัมป์' ยื่นขอศาลสูงสุดสหรัฐฯ ระงับแบน TikTok ชั่วคราว!

    28 ธันวาคม 2567 #โดนัลด์ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้ยื่นฟ้องต่อศาลสูงสุดของสหรัฐฯ เพื่อขอให้ "ระงับการบังคับใช้กฎหมาย" ที่ห้าม #แอปพลิเคชัน #TikTok ในสหรัฐฯ กรณีที่เกี่ยวข้องกับการบังคับใช้มาตรการที่อาจส่งผลกระทบต่อกิจกรรมของบริษัทแม่ของ TikTok, ByteDance
    .
    การขอระงับมาตรการดังกล่าว เกิดขึ้นหลังจาก การตัดสินของศาลล่างที่ให้ความเห็นว่า #TikTok อาจเป็น #ภัยต่อความมั่นคงแห่งชาติ ด้วยความกังวลเกี่ยวกับการ #เก็บข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้ ในสหรัฐฯ ซึ่งเป็นเรื่องที่หลายฝ่ายตั้งข้อสงสัย ถึงการเชื่อมโยงกับ #รัฐบาลจีน
    .
    ทรัมป์และทีมกฎหมาย ระบุว่า รัฐบาลสหรัฐฯ ยุค ปธน.โจ ไบเดน แบน TikTok อาจสร้างผลกระทบที่ไม่เป็นธรรมต่อผู้ใช้งานและธุรกิจที่เกี่ยวข้อง รวมถึง #กระทบต่อเสรีภาพทางดิจิทัล และการเข้าถึงข้อมูลในโลกออนไลน์
    .
    ซึ่งทรัมป์ มีบัญชี Tiktok ในชื่อ realdonaldtrump
    President Donald J Trump
    .
    รัฐบาลโจ ไบเดน แบน TikTok เพราะกังวลถึงความมั่นคงแห่งชาติ โดยเฉพาะข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้ในสหรัฐฯ ที่อาจตกอยู่ในมือของรัฐบาลจีน
    .
    .
    #Thaitribune

    ขณะนี้ ศาลสูงสุดสหรัฐฯ กำลังพิจารณาคำขอของทรัมป์ เพื่อจะตัดสินว่าจะระงับคำสั่งแบน TikTok ชั่วคราวหรือไม่ ซึ่งจะมีผลกระทบอย่างมากต่อการดำเนินกิจการของแอปพลิเคชันดังกล่าวในสหรัฐฯ.

    ที่มา: https://www.facebook.com/share/p/14mSLz1Xvb6/?mibextid=wwXIfr
    'ทรัมป์' ยื่นขอศาลสูงสุดสหรัฐฯ ระงับแบน TikTok ชั่วคราว! 28 ธันวาคม 2567 #โดนัลด์ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้ยื่นฟ้องต่อศาลสูงสุดของสหรัฐฯ เพื่อขอให้ "ระงับการบังคับใช้กฎหมาย" ที่ห้าม #แอปพลิเคชัน #TikTok ในสหรัฐฯ กรณีที่เกี่ยวข้องกับการบังคับใช้มาตรการที่อาจส่งผลกระทบต่อกิจกรรมของบริษัทแม่ของ TikTok, ByteDance . การขอระงับมาตรการดังกล่าว เกิดขึ้นหลังจาก การตัดสินของศาลล่างที่ให้ความเห็นว่า #TikTok อาจเป็น #ภัยต่อความมั่นคงแห่งชาติ ด้วยความกังวลเกี่ยวกับการ #เก็บข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้ ในสหรัฐฯ ซึ่งเป็นเรื่องที่หลายฝ่ายตั้งข้อสงสัย ถึงการเชื่อมโยงกับ #รัฐบาลจีน . ทรัมป์และทีมกฎหมาย ระบุว่า รัฐบาลสหรัฐฯ ยุค ปธน.โจ ไบเดน แบน TikTok อาจสร้างผลกระทบที่ไม่เป็นธรรมต่อผู้ใช้งานและธุรกิจที่เกี่ยวข้อง รวมถึง #กระทบต่อเสรีภาพทางดิจิทัล และการเข้าถึงข้อมูลในโลกออนไลน์ . ซึ่งทรัมป์ มีบัญชี Tiktok ในชื่อ realdonaldtrump President Donald J Trump . รัฐบาลโจ ไบเดน แบน TikTok เพราะกังวลถึงความมั่นคงแห่งชาติ โดยเฉพาะข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้ในสหรัฐฯ ที่อาจตกอยู่ในมือของรัฐบาลจีน . . #Thaitribune ขณะนี้ ศาลสูงสุดสหรัฐฯ กำลังพิจารณาคำขอของทรัมป์ เพื่อจะตัดสินว่าจะระงับคำสั่งแบน TikTok ชั่วคราวหรือไม่ ซึ่งจะมีผลกระทบอย่างมากต่อการดำเนินกิจการของแอปพลิเคชันดังกล่าวในสหรัฐฯ. ที่มา: https://www.facebook.com/share/p/14mSLz1Xvb6/?mibextid=wwXIfr
    0 Comments 0 Shares 737 Views 0 Reviews