• แผนชั่ว ตอนที่ 4

    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “แผนชั่ว”
    ตอน 4
    ปฏิบัติการต่างๆ ของอเมริกาหลังจากนั้น จึงเป็นปฏิบัติการพรางตัว จะอ้างว่าเพื่ออะไรก็แล้วแต่ แต่แท้จริงเป็นความพยายามที่จะ “กัน” ไม่ให้จีนมีโอกาสแทรกตัว แหย่ขา เข้ามาในอาฟริกาได้ง่ายๆ หรือไม่ได้เลยยิ่งดี เพราะอเมริการู้ดีว่า อาฟริกานั้นเต็มไปด้วยแร่มีค่าสาระพัด อเมริกานึกไม่ถึงว่า อาเฮียจากแดนมังกรจะหาญกล้า ข้ามน้ำข้ามภูเขา มาฉกของดีตัดหน้าอเมริกา ผู้ยิ่งใหญ่แห่งโลกได้ นึกว่าอาเฮียทำเป็น แค่ดีดลูกคิด….
    สาธารณารัฐคองโก หรือที่เปลี่ยนชื่อใหม่เป็นสาธารณรัฐแซร์ Republic of Zaire ในปี คศ 1997 เมื่อกองกำลังของ โลรอง-เดซิเร คาบิล่า Laurent-Desire Kabila โค่นประธานาธิบดีตลอดกาล เซเซ เซกู หรือ โจเซฟ- โลรอง โมบูตู Sese Seku Joseph-Laurent Mobutu ที่ปกครองคองโก มาถึง 32 ปี ร่วงหล่นลงไปได้ ชาวอาฟริกาเรียกประเทศใหม่นี้ว่า คองโก-คินชาซา Congo-Kinshasa หรือคองโกใหญ่ ให้ต่างกับ คองโก-บราซาวิล Congo-Brazzaville ที่เล็กกว่า
    คองโกเคยอยู่ในอิทธิพลของเบลเยี่ยมมานาน ตั้งแต่ประมาณ ค.ศ.1885 จนในที่สุด ก็ตกเป็นอาณานิคมของเบลเยี่ยมใน ปี ค.ศ.1908 มาได้รับการปลดปล่อยเป็นไท เอาเมื่อปี ค.ศ.1960 นี้เอง
    เบลเยี่ยมเป็นแหล่งศูนย์กลางเจียรนัยเพชร ค้าเพชร กำหนดราคาเพชร และปริมาณเพชร ที่จะให้กระจายในตลาดเพชรแต่ละปี เพื่อควบคุมราคาเพชรในโลก และเป็นศูนย์กลางค้าเพชรใหญ่ที่สุดในโลก ทั้งตลาดสว่าง และตลาดมืด ทำให้เบลเยี่ยมเป็นหนึ่งในประเทศร่ำรวยของยุโรป
    คองโกมีแหล่งเพชรเป็นจำนวนมากถึง 1 ใน 3 ของโลก คงไม่ต้องบอกว่า เบลเยี่ยมเอาเพชรมาจากไหน
    นอกจากมีแหล่งเพชรมากมายแล้ว แถบบริเวณ คิวู Kivu ในคองโก ที่มีเขตแดนยาวต่อกับรวันดาRwanda และ ยูกันดา Uganda นั้น นักธรณีวิทยา เชื่อว่าเป็นแหล่งที่มีทรัพยากรแร่มีค่า ที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยเฉพาะใน บริเวณที่เรียกว่า Great African Rift Valley
    นอกจากนี้ คองโกยังมีแหล่งทรัพยากรโคบอลท์ cobalt มากกว่าครึ่งหนึ่ง ของแร่โคบอลท์ที่มีทั้งหมดในโลก และที่สำคัญ คองโกมีแร่แทนทาไลท์ หรือโคลแทน ถึง 3 ใน 4 ของโลก โคลแทน เป็นโลหะสำคัญที่นำมาใช้ในการสร้างคอมพิวเตอร์ชิพ และแผงวงจรไฟฟ้า ที่จำเป็นมากสำหรับอุปกรณ์มือถือ เครื่องคอม และเครื่องมืออีเลคโทรนิคทั้งปวง และเชื่อกันว่า คองโกก็มีแหล่งน้ำมันแยะมากด้วย
    แต่มันเหลือเชื่อ และน่าเศร้าใจว่า จนถึงปัจจุบันชาวคองโกส่วนใหญ่ก็ยังมีชีวิตที่ลำบาก และประเทศยังยากจน
    ช่วงแรกๆ ที่โมบูตูปกครองคองโก เป็นช่วงสงครามเย็น อเมริกาจึงทำหวานเชื่อมกับโมบูตู เขาเป็นชาวอาฟริกันคนแรก ที่เป็นแขกเชิญของทำเนียบขาว โมบูตู เป็นนักการเมืองจอมแสบ เขาคบทั้งสหภาพโซเวียตและจีน เพื่อไว้ต่อรองกับอเมริกา ความสัมพันธ์ระหว่างวอชิงตันกับโมบูตู จึงทั้งหวานทั้งขมปนกัน อเมริกาคงยอมไม่ได้ ถ้าคองโกประเทศใหญ่ในอาฟริกา จะกลายเป็นพรรคพวกของคอมมิวนิสต์ เสียหน้าพี่เบิ้มใหญ่ แห่งค่ายประชาธิปไตยโรเนียวหมด
    โมบูตูจึงฉวยโอกาสสร้างความร่ำรวยให้แก่ตัวเองและพรรคพวก เขารวยอย่างมหาศาล และเป็นเผด็จการอย่างเข้มข้น หลายครั้งที่เขาถูกรัฐประหาร แต่ก็รอดมาได้ ด้วยอาวุธที่อเมริกาจัดส่งให้ เพื่อเอาไว้ขู่ ไม่ให้โซเวียตกับจีนเข้ามาในคองโก แต่หลังจากสงครามเย็นใกล้จบ ความต้องการที่จะง้อโมบูตู ก็คงหมดตามไปด้วย
    และก็มีคนช่างคิด ช่างสงสัย ว่าโรคเอดส์นั้น ทำไมไปเกิดอยู่ที่คองโกเป็นแห่งแรก ก่อนจะระบาดเป็นไฟลามทุ่งไปทั่วโลก และก็น่าแปลกใจว่า ลูกชาย 2 คน ในจำนวนลูก 14 คนของโมบูตู ก็เสียชิวิตด้วยโรคเอดส์ และ 1 ใน 2 นั้น เป็นที่มุ่งหวังของโมบูตู ที่จะให้เป็นทายาทสืบทอดตำแหน่งผู้ปกครองคองโกต่อจากเขา
    American Minerals Fields, Inc บริษัทอเมริกันที่เป็นผู้ลงทุน และสนับสนุนให้ คาบิลาโค่นโมบูตู มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่รัฐอาร์แคนซอร์ ฐานใหญ่ของอดีตประธานาธิบดีอเมริกัน บิล คลินตัน คนนิยมเด็กฝึกงาน ผู้ถือหุ้นใหญ่บริษัทนี้เป็นคนใกล้ชิดของคนนิยมเด็กฝึกงาน ตั้งแต่สมัยยังเป็นผู้ว่าการรัฐ อาแคนซอร์ แหม ใครเขาจะเอาชื่อตัวเองมาใส่
    ก่อนการโค่น มูบูตู ลงจากแท่นไม่กี่เดือน คาบิลา เริ่มทบทวนสัญญาสัมปทานขุดแร่ และทำการเจรจาเงื่อนไขกับพวกบริษัท อเมริกัน อังกฤษ ที่มาลงทุนทำเหมืองในคองโกเสียใหม่ รวมทั้งเจรจากับ American Minerals ด้วย คาบิลาคงเข้าใจอะไรผิด หรือประเมินผู้สนับสนุนตัวเองผิด อย่างไม่น่าเป็นไปได้
    แบบนี้ วอชิงตันคงไม่เลี้ยงเขาไว้นาน แล้วในปี ค.ศ.2001 คาบิลาก็ถูกฆ่าตาย ใครฆ่าเขา ผมไม่รู้
    มีรายงานออกมาในเดือนเมษายน ปี ค.ศ.1997 ว่า หลังจากโมบูตูถูกโค่นไปไม่กี่เดือน IMF ก็แนะนำให้รัฐบาลคองโกหยุดการพิมพ์ธนบัตรอย่างกระทันหัน และสิ้นเชิง ตามนโยบายฟื้นฟูเศรษฐกิจคองโกของ IMF และเมื่อ คาบิลา ขึ้นมาปกครอง IMF แนะนำให้คาบิลาระงับการจ่ายเงินเดือนพนักงานรัฐ เพื่อสร้างเสถียรภาพทางเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ (ไม่รู้แปลว่าอะไร !) ซ้ำเข้าไปอีก หลังจากนั้นก็เกิดภาวะเงินเฟ้ออย่างหนักในคองโก ค่าจ้างแรงงานโดยเฉลี่ยของชาวคองโกตกประมาณเดือนละ 3 หมื่นแซร์ หรือประมาณเดือนละ 1 เหรียญสหรัฐ …
    นักวิเคราะห์และนักเศรษฐศาสตร์ชาวแคนาดา นาย Michael Chossudovsky บอกว่า เงื่อนไขที่ IMF กำหนดให้รัฐบาลคองโกปฏิบัติมีผลเป็นการรักษาระดับความยากจนของประชาชนชาวคองโก ให้คงทนถาวรตลอดไป คองโกเป็นประเทศที่ร่ำรวยทรัพยากรอย่างมาก แต่ชาวคองโกถูกแผนชั่วกำหนด ไม่ให้พวกเขามีโอกาสพัฒนาประเทศตนเอง และต้องวนเวียนอยู่กับการสู้รบฆ่าฟันกันเอง จนมีคนตายไปเกือบ 2 ล้านคน
    เมื่อคาบิลา คนพ่อถูกเก็บ โจเซฟ ลูกชายเขาก็ถูกเอามาขึ้นแท่นแทนพ่อ เขาเป็นประธานาธิบดีของคองโกคนแรก ที่มาจากการ (สั่งให้มี) เลือกตั้ง และดูเหมือนจะไม่ (กล้า) สนใจที่จะพัฒนาประเทศตนเอง แต่อย่างใด
    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    17 ก.ย. 2558
    แผนชั่ว ตอนที่ 4 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “แผนชั่ว” ตอน 4 ปฏิบัติการต่างๆ ของอเมริกาหลังจากนั้น จึงเป็นปฏิบัติการพรางตัว จะอ้างว่าเพื่ออะไรก็แล้วแต่ แต่แท้จริงเป็นความพยายามที่จะ “กัน” ไม่ให้จีนมีโอกาสแทรกตัว แหย่ขา เข้ามาในอาฟริกาได้ง่ายๆ หรือไม่ได้เลยยิ่งดี เพราะอเมริการู้ดีว่า อาฟริกานั้นเต็มไปด้วยแร่มีค่าสาระพัด อเมริกานึกไม่ถึงว่า อาเฮียจากแดนมังกรจะหาญกล้า ข้ามน้ำข้ามภูเขา มาฉกของดีตัดหน้าอเมริกา ผู้ยิ่งใหญ่แห่งโลกได้ นึกว่าอาเฮียทำเป็น แค่ดีดลูกคิด…. สาธารณารัฐคองโก หรือที่เปลี่ยนชื่อใหม่เป็นสาธารณรัฐแซร์ Republic of Zaire ในปี คศ 1997 เมื่อกองกำลังของ โลรอง-เดซิเร คาบิล่า Laurent-Desire Kabila โค่นประธานาธิบดีตลอดกาล เซเซ เซกู หรือ โจเซฟ- โลรอง โมบูตู Sese Seku Joseph-Laurent Mobutu ที่ปกครองคองโก มาถึง 32 ปี ร่วงหล่นลงไปได้ ชาวอาฟริกาเรียกประเทศใหม่นี้ว่า คองโก-คินชาซา Congo-Kinshasa หรือคองโกใหญ่ ให้ต่างกับ คองโก-บราซาวิล Congo-Brazzaville ที่เล็กกว่า คองโกเคยอยู่ในอิทธิพลของเบลเยี่ยมมานาน ตั้งแต่ประมาณ ค.ศ.1885 จนในที่สุด ก็ตกเป็นอาณานิคมของเบลเยี่ยมใน ปี ค.ศ.1908 มาได้รับการปลดปล่อยเป็นไท เอาเมื่อปี ค.ศ.1960 นี้เอง เบลเยี่ยมเป็นแหล่งศูนย์กลางเจียรนัยเพชร ค้าเพชร กำหนดราคาเพชร และปริมาณเพชร ที่จะให้กระจายในตลาดเพชรแต่ละปี เพื่อควบคุมราคาเพชรในโลก และเป็นศูนย์กลางค้าเพชรใหญ่ที่สุดในโลก ทั้งตลาดสว่าง และตลาดมืด ทำให้เบลเยี่ยมเป็นหนึ่งในประเทศร่ำรวยของยุโรป คองโกมีแหล่งเพชรเป็นจำนวนมากถึง 1 ใน 3 ของโลก คงไม่ต้องบอกว่า เบลเยี่ยมเอาเพชรมาจากไหน นอกจากมีแหล่งเพชรมากมายแล้ว แถบบริเวณ คิวู Kivu ในคองโก ที่มีเขตแดนยาวต่อกับรวันดาRwanda และ ยูกันดา Uganda นั้น นักธรณีวิทยา เชื่อว่าเป็นแหล่งที่มีทรัพยากรแร่มีค่า ที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยเฉพาะใน บริเวณที่เรียกว่า Great African Rift Valley นอกจากนี้ คองโกยังมีแหล่งทรัพยากรโคบอลท์ cobalt มากกว่าครึ่งหนึ่ง ของแร่โคบอลท์ที่มีทั้งหมดในโลก และที่สำคัญ คองโกมีแร่แทนทาไลท์ หรือโคลแทน ถึง 3 ใน 4 ของโลก โคลแทน เป็นโลหะสำคัญที่นำมาใช้ในการสร้างคอมพิวเตอร์ชิพ และแผงวงจรไฟฟ้า ที่จำเป็นมากสำหรับอุปกรณ์มือถือ เครื่องคอม และเครื่องมืออีเลคโทรนิคทั้งปวง และเชื่อกันว่า คองโกก็มีแหล่งน้ำมันแยะมากด้วย แต่มันเหลือเชื่อ และน่าเศร้าใจว่า จนถึงปัจจุบันชาวคองโกส่วนใหญ่ก็ยังมีชีวิตที่ลำบาก และประเทศยังยากจน ช่วงแรกๆ ที่โมบูตูปกครองคองโก เป็นช่วงสงครามเย็น อเมริกาจึงทำหวานเชื่อมกับโมบูตู เขาเป็นชาวอาฟริกันคนแรก ที่เป็นแขกเชิญของทำเนียบขาว โมบูตู เป็นนักการเมืองจอมแสบ เขาคบทั้งสหภาพโซเวียตและจีน เพื่อไว้ต่อรองกับอเมริกา ความสัมพันธ์ระหว่างวอชิงตันกับโมบูตู จึงทั้งหวานทั้งขมปนกัน อเมริกาคงยอมไม่ได้ ถ้าคองโกประเทศใหญ่ในอาฟริกา จะกลายเป็นพรรคพวกของคอมมิวนิสต์ เสียหน้าพี่เบิ้มใหญ่ แห่งค่ายประชาธิปไตยโรเนียวหมด โมบูตูจึงฉวยโอกาสสร้างความร่ำรวยให้แก่ตัวเองและพรรคพวก เขารวยอย่างมหาศาล และเป็นเผด็จการอย่างเข้มข้น หลายครั้งที่เขาถูกรัฐประหาร แต่ก็รอดมาได้ ด้วยอาวุธที่อเมริกาจัดส่งให้ เพื่อเอาไว้ขู่ ไม่ให้โซเวียตกับจีนเข้ามาในคองโก แต่หลังจากสงครามเย็นใกล้จบ ความต้องการที่จะง้อโมบูตู ก็คงหมดตามไปด้วย และก็มีคนช่างคิด ช่างสงสัย ว่าโรคเอดส์นั้น ทำไมไปเกิดอยู่ที่คองโกเป็นแห่งแรก ก่อนจะระบาดเป็นไฟลามทุ่งไปทั่วโลก และก็น่าแปลกใจว่า ลูกชาย 2 คน ในจำนวนลูก 14 คนของโมบูตู ก็เสียชิวิตด้วยโรคเอดส์ และ 1 ใน 2 นั้น เป็นที่มุ่งหวังของโมบูตู ที่จะให้เป็นทายาทสืบทอดตำแหน่งผู้ปกครองคองโกต่อจากเขา American Minerals Fields, Inc บริษัทอเมริกันที่เป็นผู้ลงทุน และสนับสนุนให้ คาบิลาโค่นโมบูตู มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่รัฐอาร์แคนซอร์ ฐานใหญ่ของอดีตประธานาธิบดีอเมริกัน บิล คลินตัน คนนิยมเด็กฝึกงาน ผู้ถือหุ้นใหญ่บริษัทนี้เป็นคนใกล้ชิดของคนนิยมเด็กฝึกงาน ตั้งแต่สมัยยังเป็นผู้ว่าการรัฐ อาแคนซอร์ แหม ใครเขาจะเอาชื่อตัวเองมาใส่ ก่อนการโค่น มูบูตู ลงจากแท่นไม่กี่เดือน คาบิลา เริ่มทบทวนสัญญาสัมปทานขุดแร่ และทำการเจรจาเงื่อนไขกับพวกบริษัท อเมริกัน อังกฤษ ที่มาลงทุนทำเหมืองในคองโกเสียใหม่ รวมทั้งเจรจากับ American Minerals ด้วย คาบิลาคงเข้าใจอะไรผิด หรือประเมินผู้สนับสนุนตัวเองผิด อย่างไม่น่าเป็นไปได้ แบบนี้ วอชิงตันคงไม่เลี้ยงเขาไว้นาน แล้วในปี ค.ศ.2001 คาบิลาก็ถูกฆ่าตาย ใครฆ่าเขา ผมไม่รู้ มีรายงานออกมาในเดือนเมษายน ปี ค.ศ.1997 ว่า หลังจากโมบูตูถูกโค่นไปไม่กี่เดือน IMF ก็แนะนำให้รัฐบาลคองโกหยุดการพิมพ์ธนบัตรอย่างกระทันหัน และสิ้นเชิง ตามนโยบายฟื้นฟูเศรษฐกิจคองโกของ IMF และเมื่อ คาบิลา ขึ้นมาปกครอง IMF แนะนำให้คาบิลาระงับการจ่ายเงินเดือนพนักงานรัฐ เพื่อสร้างเสถียรภาพทางเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ (ไม่รู้แปลว่าอะไร !) ซ้ำเข้าไปอีก หลังจากนั้นก็เกิดภาวะเงินเฟ้ออย่างหนักในคองโก ค่าจ้างแรงงานโดยเฉลี่ยของชาวคองโกตกประมาณเดือนละ 3 หมื่นแซร์ หรือประมาณเดือนละ 1 เหรียญสหรัฐ … นักวิเคราะห์และนักเศรษฐศาสตร์ชาวแคนาดา นาย Michael Chossudovsky บอกว่า เงื่อนไขที่ IMF กำหนดให้รัฐบาลคองโกปฏิบัติมีผลเป็นการรักษาระดับความยากจนของประชาชนชาวคองโก ให้คงทนถาวรตลอดไป คองโกเป็นประเทศที่ร่ำรวยทรัพยากรอย่างมาก แต่ชาวคองโกถูกแผนชั่วกำหนด ไม่ให้พวกเขามีโอกาสพัฒนาประเทศตนเอง และต้องวนเวียนอยู่กับการสู้รบฆ่าฟันกันเอง จนมีคนตายไปเกือบ 2 ล้านคน เมื่อคาบิลา คนพ่อถูกเก็บ โจเซฟ ลูกชายเขาก็ถูกเอามาขึ้นแท่นแทนพ่อ เขาเป็นประธานาธิบดีของคองโกคนแรก ที่มาจากการ (สั่งให้มี) เลือกตั้ง และดูเหมือนจะไม่ (กล้า) สนใจที่จะพัฒนาประเทศตนเอง แต่อย่างใด สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 17 ก.ย. 2558
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 405 Views 0 Reviews
  • แผนชั่ว ตอนที่ 2

    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “แผนชั่ว”
    ตอน 2
    หลังจากพระเอกหนัง มาเดินตีหน้าเศร้าในซูดานใต้ไม่เท่าไหร CNN กระป๋องใส่สีย้อมข่าวใบใหญ่ ก็เริ่มตีข่าวเรื่องการฆ่าล้างเผ่าพันธ์ ที่ซูดานใต้
    ฝ่ายอเมริกาโดย คุณนาย Ellen Sauerbrey หัวหน้าฝ่ายศูนย์อพยพ และตรวจคนเข้าเมืองของกระทรวงต่างประเทศอเมริกา
    ก็ออกมาบอกว่า นี่เป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรง เป็นเรื่องที่นานาชาติ และ องค์การสหประชาชาติต้องให้ความสนใจ
    แหม บทมันซ้ำจังคุณนาย ไอ้เรื่องอ้างสิทธิมนุษยชนนี่ ผมอยากจะอ้วก ท่านผู้อ่าน ก็คงเบื่อที่จะอ่านกัน ผมก็เบื่อที่จะเขียน แต่ช่วยทนอ่านนิทานเรื่องนี่หน่อยนะครับ อ่านแล้วจะได้รู้ว่า เรื่องไหนมันน่าสงสารจริง หรือเรื่องไหนมันน่าคลื่นไส้ น่าทุเรศ
    ปรากฏว่า คงเตี้ยมสหประชาชาติไม่ทัน ดันรีบตั้งคณะกรรมาธิการมาตรวจสอบเรื่องนี้ คณะตรวจสอบมี 5 คน มีผู้พิพากษา Antonio Cassese เป็นประธาน
    ซึ่งพิจารณาแล้วก็บอกว่า เรายังไม่เห็นการฆ่าล้างเผ่าพันธ์เกิดขี้น ในดาร์ฟู แต่มีเหตุการณ์ที่แสดงให้เห็นว่ามีการทำร้ายกันรุนแรงเกิดขึ้น อ้าว
    อเมริกา จัดการประคองเอาตัว John Garang นักการเมืองชาวซูดานหัวรุนแรง ที่พยายามก่อกบฏกับรัฐบาลซูดานมานาน แต่ยังไปไม่ถึงไหน มารับการฝึกอบรมจากหน่วยรบพิเศษของอเมริกาที่ Fort Benning รัฐ Georgia
    หลังจากนั้น ก็เลื่อนชั้นให้เป็นผู้อำนวยการกองกำลังใหญ่ กลับมาให้การฝึกอบรมกับพรรคพวก ที่มีการจัดตั้งเตรียมพร้อมไว้ ให้เป็นกองทัพปลดปล่อยซูดาน ชื่อ Sudan Peoples’ Liberation Army
    โดยทางวอชิงตัน อำนวยการจัดทั้งคน จัดทั้งอาวุธ ให้เต็มอัตรา เพื่อจะให้ชาวซูดานตีกันสมใจ (อเมริกา)
    แล้วอเมริกาก็แยงซ้าย เสี้ยมขวา ในที่สุดชาวซูดานก็ทะเลาะกัน ตีกันจริง มีผู้บาดเจ็บล้มตายเรือนแสน และคนหลายล้านไม่มีที่อยู่
    ส่วนนาย Garang เมื่อปฏิบัติหน้าที่ได้ผลตามใบสั่ง อเมริกาก็ตกรางวัลให้เป็น รองประธานาธิบดี แต่ เป็นได้ไม่ถึงเดือน ขณะที่ Garang กำลังเดินทางด้วยเฮลิคอปเตอร์
    เครื่องก็ถลาร่อน แกว่งไปมา แล้วก็หล่นกระแทกพื้น และ Garang ก็ตายอยู่กับซากเฮลิคอปเตอร์ สงสัยเป็นรางวัลแบบมีวันหมดอายุ จะรับรางวัลอะไรกัน ก็ดูวันหมดอายุด้วย ไม่ใช่รับปุ๊บ ยังไม่ถึงเดือน หมดอายุเสียแล้ว
    ฝ่ายกบฏที่เมืองดาร์ฟูทางซูดานใต้ มี 2 กลุ่ม คือ กลุ่ม Justice for Equality Movement (JEM) ส่วนอีกกลุ่มใหญ่กว่าคือ Sudan Liberation Army (SLA) ของ Garang ทั้ง 2 กลุ่ม มีเป้าหมายที่จะขับไล่รัฐบาลซูดานที่กำลังสร้างมิตรภาพกับจีน
    และทั้ง 2 กลุ่ม ได้รับการสนับสนุนทั้งด้านกำลัง และอาวุธจากอเมริกา เพื่อความรอบคอบ อเมริกาซื้อไพ่ทุกใบอย่างเคยๆ
    เดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ.2006 สภาสูงของอเมริกา ลงมติให้ (อเมริกาสั่ง) นาโต้ ส่งกองกำลังเข้ามาดูแลดาร์ฟู และให้สหประชาชาติ ส่งหน่วยรักษาสันติภาพมาประจำดาร์ฟูด้วย จริงๆก็ให้มาทำอะไรก็ได้ ที่จะเป็นการขัดขวาง ไม่ให้การเข้ามาลงทุน การสำรวจ และ ซื้อน้ำมันในดาร์ฟูของจีน ประสพผลสำเร็จนั่นแหละ
    จะเล่นแต่ที่ซูดาน กลัวจะขวางจีนไม่อยู่ อเมริกาลงทุน “สนับสนุน” Idriss Deby ประธานาธิบดีของชาด Chad ให้เป็นผู้รับผิดชอบส่งกองกำลังจากชาด เข้าไปในซูดานอีกทาง กองกำลังพวกนี้เป็นหน่วยรักษาความปลอดภัยของประธานาธิบดี Deby เอง ที่ได้รับการฝึกอบรมจากอเมริกา (เหมือนกัน) กองกำลังที่ส่งไปส่วนใหญ่ เป็นคนที่คุ้นเคยกับพื้นที่ในซูดาน พวกนี้เข้าไปดาร์ฟูพร้อมกับอาวุธหนักเบา ที่ได้รับอภินันทนาการจากอเมริกา และด้วยกองกำลังจากชาด รวมทั้งกองกำลังจากยูกันดา เอธิโอเปีย ที่ได้ใบสั่งจาก อเมริกา เข้าตีกระนาบ 3 ด้านใส่ดาร์ฟู ไม่นาน ดาร์ฟูก็กลายเป็นแผ่นดินเดือด ชาวซูดานตายเกลื่อน
    นาย Keith Harmon Snow นักวิจัยเกี่ยวกับอาฟริกา เขียนสรุปเหตุการณ์ที่ซูดานไว้ว่า ขณะที่กองทหารของอเมริกาและนาโต้เข้าไปประจำการณ์อยู่ที่ดาร์ฟู โดยอ้างว่าเพื่อทำหน้าที่รักษาความสงบในภูมิภาคนั้น แต่ในความเป็นจริง ทั้งอเมริกาและนาโต้ ไปให้การสนับสนุนกับกองกำลังร่วมของอาฟริกามากกว่า
    โดยนาโต้รับหน้าที่ดูแลด้านภาคพื้นดิน และการโจมตีทางอากาศ ซูดานจึงอยู่ในสภาวะสงครามจากศึกนอก โดยการยกกำลังมารบ ของเพื่อนบ้าน 3 ประเทศ คือ ชาด ยูกานดา และเอธิโอเปีย ที่มีอเมริกา และนาโต้สนับสนุน
    นอกจากนี้ ซูดานยังต้องต่อสู้กับศึกในที่เป็นพวกกบฏ ที่อเมริกาก็ให้การสนับสนุน เช่นเดียวกันทั้งด้านอาวุธ และคนที่เป็นกองกำลังนอกระบบแบบพวกน้ำดำ Black Water ที่โด่งดังก็มาร่วมด้วย ช่วยกระหน่ำอีกด้วย
    สรุปว่า ซูดานถูกรุมกินโต๊ะจากเพื่อนบ้าน 3 ทาง ที่อเมริกาทั้งยุแยง และ สนับสนุน รวมทั้งกลุ่มกบฏอีก 2 กลุ่ม ที่อเมริกาก็ให้การสนับสนุนอีกเช่นกัน เพราะ ซูดานมีแหล่งน้ำมันใหญ่ และไปตกลงร่วมทุนและขายน้ำมันให้กับกับจีน
    แค่นั้นยังไม่พอ เพื่อให้แน่ใจว่าจีนไม่กล้าเข้ามาแหยม อเมริกาถึงกับส่งกองทหารของตัวร่วมกับนาโต้ มาตีกันจีนอีกด้วย ทำไมไม่ขนมาทั้งประเทศเลยวะไอ้ใบตองแห้ง ผล ซูดาน ใกล้จะแตกเป็น 2 เสี่ยง 2 ประเทศ
    จีนทำอย่างไรหรือ เมื่อเจอกับดัก แผนชั่วขนาดนี้
    เดือนสิงหาคม ค.ศ.2006 จีนเชิญรัฐมนตรีต่างประเทศของชาดไปหารือกันที่จีน รื้อฟื้นสัมพันธไมตรีที่ถูกตัดขาดไป เมื่อปี ค.ศ.1997 ขึ้นมาใหม่ พร้อมทำสัญญาซื้อน้ำมันจากชาด ในเงื่อนไขที่ชาดยอมรับว่าเป็นหุ้นส่วนที่เท่าเทียมกัน และเป็นธรรมกว่าที่ค่ายอื่นเคยมาทำด้วย
    ศึกซูดาน ด้านชาดจึงเบาลงไปบ้าง
    หลังจากนั้น เดือนธันวาคม ค.ศ.2006 จีนจัด African Summit เชิญ 40 ผู้นำจากอาฟริกามาประชุมแบบสุดยอด สุดหรู มีผู้นำจากอัลจีเรีย ไนจีเรีย มาลี แองโกลา อาฟริกากลาง แซมเบีย อาฟริกาใต้ รวมทั้งซูดาน เป็นต้น มาร่วมประชุม เสร็จการประชุม มีการลงนามในสัญญาความร่วมมือสาระพัด ที่สำคัญ จีนแอบจับมือไนจีเรียมาเป็นพวก แถมเข้าไปถือหุ้นในแหล่งพลังงานนอกฝั่งของไนจีเรียอีกด้วย เรื่องนี้มีความหมายมาก เพราะไนจีเรีย อยู่ในอวยของนักล่าใบตองแห้งกับชาวเกาะใหญ่ โดย ExxonMobil, Shell, Chevron ต่างตีตั๋วจองเอาไว้แล้วทั้งนั้น อาเฮียกำลังลองของหรือไงครับ
    จีนเดินหน้าเอาเงินช่วยเหลือนำหน้า ให้อาฟริกาเอาไปพัฒนาประเทศ อาฟริกาซึ่งเคยแต่ถูกพวกนักล่ารุ่นเก่ารุ่นใหม่เอาเปรียบ ขูดเลือดเถือเนื้อ เหลือแต่กระดูกก็คงต้องคิดหนัก รับจ้างเขาทำสงคราม แต่ประเทศจน และประชาชนอดตาย หรือจะค้าขายกับจีนแล้วประเทศมีกิน
    เฉพาะ ค.ศ.2006 ปีเดียว จีนตกลงให้เงินกู้กับไนจีเรีย แองโกลาและโมแซมบิก เป็นจำนวนรวมกันประมาณ 8 พันล้านเหรียญ ขณะที่ World Bank ให้เงินกู้กับกลุ่มประเทศในอาฟริกาทั้งหมด เพียง 2.3 พันล้าน
    เดือนมกราคม ค.ศ.2007 ประธานาธิบดีหูจินเทา เดินทางไปปลอบใจซูดานด้วยตนเอง ไม่รู้คุยอะไรกันบ้าง หลังจากนั้น คุณลุงหูก็บุกเข้าไปจับเข่ากับแคเมอรูน ซึ่งมีท่อส่งน้ำมันต่อกับชาด ดาร์ฟูของซูดาน เป็นเสมือนข้อต่ออยู่ตรงกลาง ด้านหนึ่งมีชาด แคมมารูน อีกด้านหนึ่ง มีลิเบียกับ อียิปต์ จะเชื่อมต่อกัน ให้มันได้ประโยชน์กับทุกฝ่ายไหม หรือคิดแต่จะรบกัน ตามที่เขายุแยง ให้ฉิบหายและจนอยู่อย่างนี้
    นี่ผมเดาเอาว่า คุณลุงหู คงพูดแบบนี้ เพราะจีนไม่มีนโยบายแทรกแซงกิจการภายในบ้านใคร แม้จะเป็นคู่ค้า คู่ลงทุนรายใหญ่อย่างซูดาน และนั่นดูเหมือนจะทำให้จีน ยิ่งเดินเข้าไปยืน อยู่กลางกับดัก โดยไม่รู้ตัว

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    15 ก.ย. 2558
    แผนชั่ว ตอนที่ 2 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “แผนชั่ว” ตอน 2 หลังจากพระเอกหนัง มาเดินตีหน้าเศร้าในซูดานใต้ไม่เท่าไหร CNN กระป๋องใส่สีย้อมข่าวใบใหญ่ ก็เริ่มตีข่าวเรื่องการฆ่าล้างเผ่าพันธ์ ที่ซูดานใต้ ฝ่ายอเมริกาโดย คุณนาย Ellen Sauerbrey หัวหน้าฝ่ายศูนย์อพยพ และตรวจคนเข้าเมืองของกระทรวงต่างประเทศอเมริกา ก็ออกมาบอกว่า นี่เป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรง เป็นเรื่องที่นานาชาติ และ องค์การสหประชาชาติต้องให้ความสนใจ แหม บทมันซ้ำจังคุณนาย ไอ้เรื่องอ้างสิทธิมนุษยชนนี่ ผมอยากจะอ้วก ท่านผู้อ่าน ก็คงเบื่อที่จะอ่านกัน ผมก็เบื่อที่จะเขียน แต่ช่วยทนอ่านนิทานเรื่องนี่หน่อยนะครับ อ่านแล้วจะได้รู้ว่า เรื่องไหนมันน่าสงสารจริง หรือเรื่องไหนมันน่าคลื่นไส้ น่าทุเรศ ปรากฏว่า คงเตี้ยมสหประชาชาติไม่ทัน ดันรีบตั้งคณะกรรมาธิการมาตรวจสอบเรื่องนี้ คณะตรวจสอบมี 5 คน มีผู้พิพากษา Antonio Cassese เป็นประธาน ซึ่งพิจารณาแล้วก็บอกว่า เรายังไม่เห็นการฆ่าล้างเผ่าพันธ์เกิดขี้น ในดาร์ฟู แต่มีเหตุการณ์ที่แสดงให้เห็นว่ามีการทำร้ายกันรุนแรงเกิดขึ้น อ้าว อเมริกา จัดการประคองเอาตัว John Garang นักการเมืองชาวซูดานหัวรุนแรง ที่พยายามก่อกบฏกับรัฐบาลซูดานมานาน แต่ยังไปไม่ถึงไหน มารับการฝึกอบรมจากหน่วยรบพิเศษของอเมริกาที่ Fort Benning รัฐ Georgia หลังจากนั้น ก็เลื่อนชั้นให้เป็นผู้อำนวยการกองกำลังใหญ่ กลับมาให้การฝึกอบรมกับพรรคพวก ที่มีการจัดตั้งเตรียมพร้อมไว้ ให้เป็นกองทัพปลดปล่อยซูดาน ชื่อ Sudan Peoples’ Liberation Army โดยทางวอชิงตัน อำนวยการจัดทั้งคน จัดทั้งอาวุธ ให้เต็มอัตรา เพื่อจะให้ชาวซูดานตีกันสมใจ (อเมริกา) แล้วอเมริกาก็แยงซ้าย เสี้ยมขวา ในที่สุดชาวซูดานก็ทะเลาะกัน ตีกันจริง มีผู้บาดเจ็บล้มตายเรือนแสน และคนหลายล้านไม่มีที่อยู่ ส่วนนาย Garang เมื่อปฏิบัติหน้าที่ได้ผลตามใบสั่ง อเมริกาก็ตกรางวัลให้เป็น รองประธานาธิบดี แต่ เป็นได้ไม่ถึงเดือน ขณะที่ Garang กำลังเดินทางด้วยเฮลิคอปเตอร์ เครื่องก็ถลาร่อน แกว่งไปมา แล้วก็หล่นกระแทกพื้น และ Garang ก็ตายอยู่กับซากเฮลิคอปเตอร์ สงสัยเป็นรางวัลแบบมีวันหมดอายุ จะรับรางวัลอะไรกัน ก็ดูวันหมดอายุด้วย ไม่ใช่รับปุ๊บ ยังไม่ถึงเดือน หมดอายุเสียแล้ว ฝ่ายกบฏที่เมืองดาร์ฟูทางซูดานใต้ มี 2 กลุ่ม คือ กลุ่ม Justice for Equality Movement (JEM) ส่วนอีกกลุ่มใหญ่กว่าคือ Sudan Liberation Army (SLA) ของ Garang ทั้ง 2 กลุ่ม มีเป้าหมายที่จะขับไล่รัฐบาลซูดานที่กำลังสร้างมิตรภาพกับจีน และทั้ง 2 กลุ่ม ได้รับการสนับสนุนทั้งด้านกำลัง และอาวุธจากอเมริกา เพื่อความรอบคอบ อเมริกาซื้อไพ่ทุกใบอย่างเคยๆ เดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ.2006 สภาสูงของอเมริกา ลงมติให้ (อเมริกาสั่ง) นาโต้ ส่งกองกำลังเข้ามาดูแลดาร์ฟู และให้สหประชาชาติ ส่งหน่วยรักษาสันติภาพมาประจำดาร์ฟูด้วย จริงๆก็ให้มาทำอะไรก็ได้ ที่จะเป็นการขัดขวาง ไม่ให้การเข้ามาลงทุน การสำรวจ และ ซื้อน้ำมันในดาร์ฟูของจีน ประสพผลสำเร็จนั่นแหละ จะเล่นแต่ที่ซูดาน กลัวจะขวางจีนไม่อยู่ อเมริกาลงทุน “สนับสนุน” Idriss Deby ประธานาธิบดีของชาด Chad ให้เป็นผู้รับผิดชอบส่งกองกำลังจากชาด เข้าไปในซูดานอีกทาง กองกำลังพวกนี้เป็นหน่วยรักษาความปลอดภัยของประธานาธิบดี Deby เอง ที่ได้รับการฝึกอบรมจากอเมริกา (เหมือนกัน) กองกำลังที่ส่งไปส่วนใหญ่ เป็นคนที่คุ้นเคยกับพื้นที่ในซูดาน พวกนี้เข้าไปดาร์ฟูพร้อมกับอาวุธหนักเบา ที่ได้รับอภินันทนาการจากอเมริกา และด้วยกองกำลังจากชาด รวมทั้งกองกำลังจากยูกันดา เอธิโอเปีย ที่ได้ใบสั่งจาก อเมริกา เข้าตีกระนาบ 3 ด้านใส่ดาร์ฟู ไม่นาน ดาร์ฟูก็กลายเป็นแผ่นดินเดือด ชาวซูดานตายเกลื่อน นาย Keith Harmon Snow นักวิจัยเกี่ยวกับอาฟริกา เขียนสรุปเหตุการณ์ที่ซูดานไว้ว่า ขณะที่กองทหารของอเมริกาและนาโต้เข้าไปประจำการณ์อยู่ที่ดาร์ฟู โดยอ้างว่าเพื่อทำหน้าที่รักษาความสงบในภูมิภาคนั้น แต่ในความเป็นจริง ทั้งอเมริกาและนาโต้ ไปให้การสนับสนุนกับกองกำลังร่วมของอาฟริกามากกว่า โดยนาโต้รับหน้าที่ดูแลด้านภาคพื้นดิน และการโจมตีทางอากาศ ซูดานจึงอยู่ในสภาวะสงครามจากศึกนอก โดยการยกกำลังมารบ ของเพื่อนบ้าน 3 ประเทศ คือ ชาด ยูกานดา และเอธิโอเปีย ที่มีอเมริกา และนาโต้สนับสนุน นอกจากนี้ ซูดานยังต้องต่อสู้กับศึกในที่เป็นพวกกบฏ ที่อเมริกาก็ให้การสนับสนุน เช่นเดียวกันทั้งด้านอาวุธ และคนที่เป็นกองกำลังนอกระบบแบบพวกน้ำดำ Black Water ที่โด่งดังก็มาร่วมด้วย ช่วยกระหน่ำอีกด้วย สรุปว่า ซูดานถูกรุมกินโต๊ะจากเพื่อนบ้าน 3 ทาง ที่อเมริกาทั้งยุแยง และ สนับสนุน รวมทั้งกลุ่มกบฏอีก 2 กลุ่ม ที่อเมริกาก็ให้การสนับสนุนอีกเช่นกัน เพราะ ซูดานมีแหล่งน้ำมันใหญ่ และไปตกลงร่วมทุนและขายน้ำมันให้กับกับจีน แค่นั้นยังไม่พอ เพื่อให้แน่ใจว่าจีนไม่กล้าเข้ามาแหยม อเมริกาถึงกับส่งกองทหารของตัวร่วมกับนาโต้ มาตีกันจีนอีกด้วย ทำไมไม่ขนมาทั้งประเทศเลยวะไอ้ใบตองแห้ง ผล ซูดาน ใกล้จะแตกเป็น 2 เสี่ยง 2 ประเทศ จีนทำอย่างไรหรือ เมื่อเจอกับดัก แผนชั่วขนาดนี้ เดือนสิงหาคม ค.ศ.2006 จีนเชิญรัฐมนตรีต่างประเทศของชาดไปหารือกันที่จีน รื้อฟื้นสัมพันธไมตรีที่ถูกตัดขาดไป เมื่อปี ค.ศ.1997 ขึ้นมาใหม่ พร้อมทำสัญญาซื้อน้ำมันจากชาด ในเงื่อนไขที่ชาดยอมรับว่าเป็นหุ้นส่วนที่เท่าเทียมกัน และเป็นธรรมกว่าที่ค่ายอื่นเคยมาทำด้วย ศึกซูดาน ด้านชาดจึงเบาลงไปบ้าง หลังจากนั้น เดือนธันวาคม ค.ศ.2006 จีนจัด African Summit เชิญ 40 ผู้นำจากอาฟริกามาประชุมแบบสุดยอด สุดหรู มีผู้นำจากอัลจีเรีย ไนจีเรีย มาลี แองโกลา อาฟริกากลาง แซมเบีย อาฟริกาใต้ รวมทั้งซูดาน เป็นต้น มาร่วมประชุม เสร็จการประชุม มีการลงนามในสัญญาความร่วมมือสาระพัด ที่สำคัญ จีนแอบจับมือไนจีเรียมาเป็นพวก แถมเข้าไปถือหุ้นในแหล่งพลังงานนอกฝั่งของไนจีเรียอีกด้วย เรื่องนี้มีความหมายมาก เพราะไนจีเรีย อยู่ในอวยของนักล่าใบตองแห้งกับชาวเกาะใหญ่ โดย ExxonMobil, Shell, Chevron ต่างตีตั๋วจองเอาไว้แล้วทั้งนั้น อาเฮียกำลังลองของหรือไงครับ จีนเดินหน้าเอาเงินช่วยเหลือนำหน้า ให้อาฟริกาเอาไปพัฒนาประเทศ อาฟริกาซึ่งเคยแต่ถูกพวกนักล่ารุ่นเก่ารุ่นใหม่เอาเปรียบ ขูดเลือดเถือเนื้อ เหลือแต่กระดูกก็คงต้องคิดหนัก รับจ้างเขาทำสงคราม แต่ประเทศจน และประชาชนอดตาย หรือจะค้าขายกับจีนแล้วประเทศมีกิน เฉพาะ ค.ศ.2006 ปีเดียว จีนตกลงให้เงินกู้กับไนจีเรีย แองโกลาและโมแซมบิก เป็นจำนวนรวมกันประมาณ 8 พันล้านเหรียญ ขณะที่ World Bank ให้เงินกู้กับกลุ่มประเทศในอาฟริกาทั้งหมด เพียง 2.3 พันล้าน เดือนมกราคม ค.ศ.2007 ประธานาธิบดีหูจินเทา เดินทางไปปลอบใจซูดานด้วยตนเอง ไม่รู้คุยอะไรกันบ้าง หลังจากนั้น คุณลุงหูก็บุกเข้าไปจับเข่ากับแคเมอรูน ซึ่งมีท่อส่งน้ำมันต่อกับชาด ดาร์ฟูของซูดาน เป็นเสมือนข้อต่ออยู่ตรงกลาง ด้านหนึ่งมีชาด แคมมารูน อีกด้านหนึ่ง มีลิเบียกับ อียิปต์ จะเชื่อมต่อกัน ให้มันได้ประโยชน์กับทุกฝ่ายไหม หรือคิดแต่จะรบกัน ตามที่เขายุแยง ให้ฉิบหายและจนอยู่อย่างนี้ นี่ผมเดาเอาว่า คุณลุงหู คงพูดแบบนี้ เพราะจีนไม่มีนโยบายแทรกแซงกิจการภายในบ้านใคร แม้จะเป็นคู่ค้า คู่ลงทุนรายใหญ่อย่างซูดาน และนั่นดูเหมือนจะทำให้จีน ยิ่งเดินเข้าไปยืน อยู่กลางกับดัก โดยไม่รู้ตัว สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 15 ก.ย. 2558
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 491 Views 0 Reviews
  • ไม่ตกสะเก็ด ตอนที่ 20

    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ไม่ตกสะเก็ด”
    ตอน 20 (จบ)
    เรื่องญี่ปุ่น ตั้งแต่การปฏิรูปประเทศ การเข้าสู่สงคราม การแพ้สงคราม เหมือนเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ ของประเทศที่ถูกรุกราน ก็ต้องลุกขึ้นมาปฏิรูป ปรับปรุง เปลี่ยนแปลงตัวเอง เพื่อไม่ให้ตกเป็นเหยื่อเขา การเข้าไปทำสงคราม ก็เหมือนเป็นไปโดยธรรมชาติอีกนั่นแหละ ก็เมื่อใหญ่โตขึ้นมา จะให้อยู่เฉยไงไหว พลเมืองก็เพิ่ม ทรัพยากรก็ขาด ก็ต้องไปบุก ไปรบ ไปปล้นหาเอามาจากบ้านเมืองอื่น ใครๆก็ทำกันอย่างนี้ทั้งนั้น ทำไมญี่ปุ่นจะทำมั่งไม่ได้ ถ้าเรามองแบบนี้ ก็ไม่มีอะไรต้องวิเคราะห์ วิตกวิจารณ์ โลกก็คงยังสวยเหมือนเดิม ไม่ต้องเขียนนืทานกันให้เมื่อยมือ จริงๆ เมื่อยทั้งตัวเลยครับ
    แต่มันเป็นไปโดยธรรมชาติ อย่างนั้นจริงหรือ หรือมันเป็น “ธรรมชาติ” ที่ถูกจัดสร้าง ให้เหมือนจริงจนดูไม่ออกว่าเป็นการสร้าง เหมือนเกือบหลายๆเรื่อง ที่ดำเนินอยู่ในโลกใบนี้เป็นเวลานาน ไม่น้อยกว่าร้อยปีมานี้
    บางเรื่อง ถ้าเราดู ณ จุดใดจุดหนึ่ง หรือเหตุการณ์ใด เหตุการณ์หนึ่ง มันอาจจะมองไม่เห็น หรือเห็นไม่ชัด อาจจะต้องดูทางตรงบ้าง ทางขวางบ้าง มองหลายเหตุการณ์ เอามาประกอบการพิจารณา ดูย้อนขึ้นบ้าง ดูย้อนลงมาบ้าง จึงอาจจะพอทำให้เห็น และเข้าใจมากขึ้น
    เมื่อญี่ปุ่นประกาศยอมแพ้สงคราม ภาพญี่ปุ่น ที่(ถูกทำให้) เห็นคือ ญี่ปุ่น ฉิบหายยับเยินจากสงคราม ทั้งด้านชีวิตผู้คน ที่โดนกินดอกเห็ดยักษ์เข้าไป และเศรษฐกิจของประเทศ จริงอยู่การทำสงครามก็ทำให้ทั้งทรัพยากร และ กระเป๋าญี่ปุ่นแห้งลงไป แต่ปรากฏว่า นักธุรกิจใหญ่ นายธนาคารของญี่ปุ่น ส่วนใหญ่ยังมีขนหน้าแข้งเต็ม กระเป๋าตุงกันทั้งนั้น แต่แอบซุกซ่อนกันอย่างมิดชิด เพราะพวกเขาร่วมเป็นนายทุน และร่วมปล้น ประเทศที่ญี่ปุ่นเข้าไปบุกทั้งนั้น
    ประมาณว่า แค่รายได้จากการค้าเฮโรอีนอย่างเดียว ภายใต้การอำนวยการผลิตของกองทัพที่แมนจูเรีย และการตลาดโดยนักธุรกิจใหญ่เหล่านั้น ก็มีมูลค่าเกินกว่า 3 พันล้านเหรียญ (ในสมัยนั้น) แล้ว นี่เป็นรายได้เฉพาะที่ขายกันเอเซีย ที่อื่นยังไม่ได้รวมบัญชี หักบัญชีกัน
    ก่อนที่ญี่ปุ่นจะประกาศยอมแพ้ไม่กี่วัน บรรดาบริษัทการค้าธุรกิจ ธนาคาร ต่างๆเหล่านั้น ก็พากันเผาเอกสาร ทำลายหลักฐาน ตัดเชือก ตัดใย ที่จะโยงพวกเขากับกองทัพอย่างเร่งรีบ ทางการเองก็ให้ความร่วมมืออย่างดี รัฐมนตรีคลัง รีบสั่งจ่ายเงินให้กับใบเรียกเก็บเงินที่เร่งออก เพื่อให้รีบจ่ายกันก่อนอเมริกันมาถึง ร่วมมือกันน่ารักดีมาก
    แต่คนที่รวยมหาศาลที่สุดจากสงครามญี่ปุ่น เขาว่า คือ เจ้าพ่อยากูซ่า โคดามะ Kodama Yoshio ซึ่งตลอดเวลาที่ญี่ปุ่นเข้ายึด เข้าตี ที่ไหน เจ้าพ่อจะเป็นคนไปสำรวจเส้นทาง วางแผน ไม่ต่างกับเป็นผู้บัญชาการรบคนหนึ่ง ในที่สุดเจ้าพ่อ ก็ได้รับตำแหน่งจริงๆ โดยแม่ทัพเรือ Admiral Yonai ตั้งเจ้าพ่อให้เป็นนายพลเรือ เพื่อให้เจ้าพ่อใช้เรือรบญี่ปุ่นเดินทางไปมา ในแถบเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ของเรา ขนของที่ยึดมาได้ ใส่เรือรบจนเพียบกลับญี่ปุ่น เขาว่า นอกเหนือจากทอง และเพชรแล้ว เจ้าพ่อได้แร่ทองคำขาวไปแยะ และแยกเก็บไว้เป็นส่วนของตัว
    ส่วนนายพลแมค เมื่อเข้ามาทำหน้าที่ SCAP ในปี ค.ศ.1945 และได้รับใบสั่ง ให้จับหัวกะทินักธุรกิจ ที่วุ่นกับการทำสงคราม ใบสั่งบอก ให้เอามาตั้งแต่ชุดที่ไปบุกจีน ค.ศ.1937 นั่นเลยนะ เพราะมันควรจะเป็นของเรา เขาว่า ครั้งแรกเลย จับปลาใหญ่มาได้ 3 ตัว ตัวแรกคือ องค์ชาย Nashimoto อาของจักรพรรดิ แต่ดูเหมือน เป็นการ จับผิดตัว อามีหลายคน องค์ชายมีหลายคน ชื่อก็ กิกะอะไรไม่รู้ จำยากจะตาย ปลาตัวแรก เลยถูกจับฟรี หรือเป็นการขู่ ไม่แน่ใจ แต่อีก 2 ตัวที่จับได้ คนหนึ่งเป็นประธาน มิตซุบิชิ ซึ่งผลิตอาวุธให้กองทัพ อีกคนเป็นผู้จัดการใหญ่ของมิตซุย ที่ไม่ใช่ธรรมดา รากเหง้ายาวพอๆกับเกาะญี่ปุ่นเอง
    หลังจากการนั้นก็มีการคายความออกมา ว่า มีทองแท่งมูลค่าประมาณ 2 พันล้านเหรียญ (ในขณะนั้น) อยู่ในเรือ ที่ตั้งใจจมไว้ที่อ่าวหน้าเมืองโตเกียว เป็นทองที่ขนมาจากเกาหลีโดยเครื่องบินของกองทัพอากาศญี่ปุ่น ภายใต้การบัญชาการของผู้ที่ไม่มีใครกล้าปฏิเสธ บรรจุไว้ในหีบทองแดง และทิ้งไว้ก้นทะเล เมื่อรู้ว่ารบไม่ชนะ
    ฝ่ายประสานงานของ SCAP บอกว่า จะขอกู้เอาทองขึ้นเอามาเก็บไว้ที่ธนาคารกลางของญี่ปุ่น เพื่อเอาไว้ช่วยพัฒนาประเทศญี่ปุ่น นายพลแมคบอกไม่มีปัญหา เป็นความตั้งใจของเขาอยู่แล้ว ที่จะดูแลชาวญี่ปุ่น พูดได้หล่อ …. เมื่อนายพลแมคแจ้งไปทางวอชืงตัน มีฝรั่งออกงิ้วว่า ควรส่งทองมาเก็บไว้ที่วอชิงตัน เพื่อเป็นประกันหนี้ให้กลุ่มมอร์แกน ซึ่งญี่ปุ่นยังใช้หนี้ให้ ไม่หมดมากกว่า แต่นายพลแมคไม่เปลี่ยนใจ สรุปว่า จริงๆแล้ว ทองแท่งมีทั้งหมดเท่าไหร่ก็ไม่รู้ และในที่สุดเก็บไว้ที่ไหนบ้างก็ไม่รู้ แต่น่าจะมีคนอมยิ้มพอใจ ทุกอย่างเป็นไปตามแผน
    ไม่นานหลังจากนั้น ก็มีการปล่อยตัวท่านอา ประธานมิตซุบิชิ และผู้จัดการใหญ่มิตซุย ออกจากคุก พ้นข้อหาทั้งปวง
    แค่ จับปลา 3 ตัว ยังได้ผลขนาดนี้ คำสั่ง FEC-230 ก็ต้องรีบออกมาบีบจนหน้าเขียว ตามแผน
    แล้วเดือนธันวาคม ค.ศ.1948 SCAP ก็สั่งปล่อย นักโทษ A Class (โทษสูงสุด) 17 คน ใน 17 คน มี นาย คิชิ Kishi Nobusuke คงยังจำกัน ไอ้คนหัวแหลม ช่างคิดวิธีให้กองทัพญี่ปุ่น ที่แมนจูเรียหากินร่ำรวย และต่อมา เขาได้เป็นนายกรัฐมนตรี ของญี่ปุ่น คนต่อมาคือ โคดามะ Kodama Yoshio เจ้าพ่อยากูซ่า และซาซากาวา Sasagawa Ryochi เจ้าพ่อ ยากูซ่าอีกราย
    ทั้ง 3 คนนี้ ต่อมา ร่วมกันตั้งพรรค รวมพรรค ซื้อนักการเมืองจากคอกอื่น มารวมอยู่ในพรรคที่พวกเขาร่วมกันสร้างคือ พรรค Liberal Democrat Party หรือ LDP และทั้ง 3 คนนี้ ก็เป็นมือที่ชักใย LDP ถึง 50 ปี หลังจากสงครามโลกครั้งที่ 2 และนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาถึงปัจจุบัน เกือบทุกคน (90%) คือผู้ที่กลุ่ม 3 คนนี้ หรือผู้ที่สืบทอดอำนาจเขา เป็นผู้เลือก หรือ ให้ความเห็นชอบทั้งนั้น และคงไม่เกินไป ที่จะบอกว่า ด้วยวิธีการนี้ อเมริกาก็คือผู้ปกครองญี่ปุ่น ตั้งแต่วันปล่อยผีขึ้นมาจากนรกนั่นแหละ
    และคงพอจะทำให้เราเข้าใจว่า ทำไม นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น คนปัจจุบัน นาย ชินโซะ อาเบะ Shinzo Abe ถึงพร้อมใจรับหน้าที่แบกถาด ถ้ารู้ว่าเขาเป็นหลานตาแท้ๆ ของ นาย คิชิ คนเปิดประตูเมืองญี่ปุ่นให้อเมริกาเข้า และเขาไม่ใช่หลานธรรมดา แต่เป็นหลานรัก ที่ตาเลี้ยงอย่างใกล้ชิด และตั้งใจให้สืบทอดมรดก…
    ยังมีอีก 3 ใน 17 คนที่ออกมาด้วย คือ Sankichi Takahashi, Shumi Okawa และ Yoshihisa Kuzu
    Kuzu เป็นอดีตหัวหน้าใหญ่ของสมาคมมังกรดำ Black Dragon Society รุ่นใหญ่กว่าโคดามะ
    สมาคมมังกรดำ เป็นสมาคมขวาจัด ทำหน้าที่พิทักษ์จักรพรรดิ ที่มีสาขาอยู่ทั่วญี่ปุ่น เน้นสร้างคนรุ่นหนุ่ม ให้มีความรักชาติและ จงรักภักดีต่อจักรพรรดิ เลือดลูกพระอาทิตย์เข้มข้น นาย Toyama Mitsuru ที่ลึกลับ และเป็นคนสนิทของราชวงศ์ และมีเครือข่ายสายลับทั่วญี่ปุ่น เป็นผู้ก่อตั้งสมาคมมังกรดำนี้ขึ้น เมื่อปี ค.ศ.1901 โตยาม่า เป็นหนึ่งในคนธรรมดาไม่กี่คน ที่เป็น แขกรับเชิญที่มีแต่พระราชวงศ์ และบุคคลชั้นสูง ในวันแต่งงานของจักรพรรดิฮิโฮิโตกับจักรพรรดินีนากาโน
    นายพล Takahashi ก็เป็นนายทหารใหญ่ ที่สังกัดมังกรดำ
    ส่วนนาย Shumi Okawa นั้น เป็นหัวหน้าสายลับ ที่ข่าวว่า สังกัดราชวงศ์เช่นกัน
    นายโคดามะ ภายหลัง ทำงานให้กับ CIA ของอเมริกา อย่างใกล้ชิด ผลงาน เข้าตา เมื่ออเมริกาคิดทำสงครามเกาหลี นายโคโดมะ เป็นผู้จัดกองกำลังพิเศษ ให้นายพลแมคไปรบที่เกาหลี แถมไปคุมกองกำลังด้วยตัวเอง ในฐานะผู้ชำนาญพื้นที่
    หลังจากความดีความชอบเรื่องสงครามเกาหลี CIA เปลี่ยนเป็นใช้บริการของโคดามะ แบบพนักงานประจำ ไม่ใช่พนักงานชั่วคราว ในเรื่องของการปราบปรามคอมมิวนิสต์ รวมถึงในปี ค.ศ.1949 CIA ให้เขานำกำลังไปช่วย นายพลเจียง ไคเช็ค ปราบชาวฟอร์โมซา ที่เกาะไต้หวัน จนตายเกลื่อน เมื่อออกมาประท้วงการยึดเกาะของกองทัพนายพลเจียง เขาว่า การปราบคราวนั้น มันก็โหดร้ายทารุณ ไม่แพ้เหตุการณ์ที่นานกิง แต่ CIA เก็บหลักฐานจนเกลี้ยงเกลา
    ส่วนในการไปรบเกาหลี ในปี ค.ศ.1950 นายพลแมค หอบเอา นาย Shiro Ishii อดีตหัวหน้าหน่วย 731 อันลือชื่อ พร้อมด้วยคณะทำงานไปเกาหลีด้วย ในช่วงสงครามเกาหลี ซึ่งจนถึงขณะนี้ สงครามยังไม่จบ แค่สงบศึกกันชั่วคราว นายพลแมค ให้ทดลองปล่อย แมงมุม ตัวหมัด แมลงสาระพัด ซึ่ง ใส่เชื้อโรคไว้ ส่งให้พลเมืองฝ่ายเกาหลีเหนือ ผลปรากฎว่า เกิดโรคระบาด ไข้เหลือง ไทฟอยด์ อหิวาต์ มีชาวบ้านเจ็บป่วยล้มตายเป็นอันมาก ทำให้หลายฝ่ายชื่นชมในผลงานในที่สุด นายชิโร นี่ นอกจากไม่ถูกลงโทษ เขาว่ายังได้เงินรางวัล แลกกับสูตรลับที่อเมริกา หรือร้อกกี้ the great เอาไปเล่นต่อ
    ส่วนนายซาซากาวา ได้บทใหม่เป็นเจ้าพ่อ ที่ด้านหนึ่ง คุมบ่อนการพนันทั้งเกาะญี่ปุ่น รวมทั้งการแข่งเรือยนตร์ ที่ทำรายได้มหาศาลให้เขา อีกด้าน เขาเดินงานของ MRA ต่อให้กับ CIA เกี่ยวกับเกาหลีใต้ และทำไปจนถึงเรื่อง ตะวันออกกลาง และกลายเป็นเพื่อนรักของอดีตประธานาธิบดี Jimmy Carter และตัวแสบ Henry Kissinger อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศของอเมริกา ซึ่งเป็นคนรับใช้ตัวจริงถาวรของร้อกกี้ the great
    Dean Atchson ที่ปรึกษากระทรวงต่างประเทศ ที่พรรค Republican ส่งมาดูการทำงานของ SCAP ตั้งแต่ต้น เห็นการทำงานของ SCAP และการ กลับตาลปัตร ของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง เขารวบรวมเอกสารหลายลัง และตัดสินใจเดินทางกลับวอชิงตัน เพื่อรายงานรัฐบาลด้วยตนเอง เขาเดินทางพร้อมกับคณะทำงาน ด้วยเครื่องบินที่รัฐบาลอเมริกันจัดมาให้ เครื่องบิน เติมน้ำมันไว้เต็มถัง แต่ขณะที่เครื่องบิน บินอยู่กลางมหาสมุทรแปซิฟิก ระหว่างทางไปฮอนโนลูลู ผ่านเกาะ Johnston เครื่องบินเกิดน้ำมันหมดอย่างไม่น่าเชื่อ ระหว่างที่เครื่องบินดิ่งหัวลงทะเล คณะทำงานคนหนึ่งที่รอดตาย เห็น Atcheson ส่ายหน้า แล้วบอกว่า… มันคงช่วยอะไรไม่ได้แล้ว….
    (ยังมีบทส่งท้าย นะครับ รออ่านหน่อย กำลังเร่งเครื่องเขียนอยู่ พบกัน พรุ่งนี้ 8 โมงเช้าเหมือนเดิม)

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    31 ส.ค. 2558
    ไม่ตกสะเก็ด ตอนที่ 20 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ไม่ตกสะเก็ด” ตอน 20 (จบ) เรื่องญี่ปุ่น ตั้งแต่การปฏิรูปประเทศ การเข้าสู่สงคราม การแพ้สงคราม เหมือนเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ ของประเทศที่ถูกรุกราน ก็ต้องลุกขึ้นมาปฏิรูป ปรับปรุง เปลี่ยนแปลงตัวเอง เพื่อไม่ให้ตกเป็นเหยื่อเขา การเข้าไปทำสงคราม ก็เหมือนเป็นไปโดยธรรมชาติอีกนั่นแหละ ก็เมื่อใหญ่โตขึ้นมา จะให้อยู่เฉยไงไหว พลเมืองก็เพิ่ม ทรัพยากรก็ขาด ก็ต้องไปบุก ไปรบ ไปปล้นหาเอามาจากบ้านเมืองอื่น ใครๆก็ทำกันอย่างนี้ทั้งนั้น ทำไมญี่ปุ่นจะทำมั่งไม่ได้ ถ้าเรามองแบบนี้ ก็ไม่มีอะไรต้องวิเคราะห์ วิตกวิจารณ์ โลกก็คงยังสวยเหมือนเดิม ไม่ต้องเขียนนืทานกันให้เมื่อยมือ จริงๆ เมื่อยทั้งตัวเลยครับ แต่มันเป็นไปโดยธรรมชาติ อย่างนั้นจริงหรือ หรือมันเป็น “ธรรมชาติ” ที่ถูกจัดสร้าง ให้เหมือนจริงจนดูไม่ออกว่าเป็นการสร้าง เหมือนเกือบหลายๆเรื่อง ที่ดำเนินอยู่ในโลกใบนี้เป็นเวลานาน ไม่น้อยกว่าร้อยปีมานี้ บางเรื่อง ถ้าเราดู ณ จุดใดจุดหนึ่ง หรือเหตุการณ์ใด เหตุการณ์หนึ่ง มันอาจจะมองไม่เห็น หรือเห็นไม่ชัด อาจจะต้องดูทางตรงบ้าง ทางขวางบ้าง มองหลายเหตุการณ์ เอามาประกอบการพิจารณา ดูย้อนขึ้นบ้าง ดูย้อนลงมาบ้าง จึงอาจจะพอทำให้เห็น และเข้าใจมากขึ้น เมื่อญี่ปุ่นประกาศยอมแพ้สงคราม ภาพญี่ปุ่น ที่(ถูกทำให้) เห็นคือ ญี่ปุ่น ฉิบหายยับเยินจากสงคราม ทั้งด้านชีวิตผู้คน ที่โดนกินดอกเห็ดยักษ์เข้าไป และเศรษฐกิจของประเทศ จริงอยู่การทำสงครามก็ทำให้ทั้งทรัพยากร และ กระเป๋าญี่ปุ่นแห้งลงไป แต่ปรากฏว่า นักธุรกิจใหญ่ นายธนาคารของญี่ปุ่น ส่วนใหญ่ยังมีขนหน้าแข้งเต็ม กระเป๋าตุงกันทั้งนั้น แต่แอบซุกซ่อนกันอย่างมิดชิด เพราะพวกเขาร่วมเป็นนายทุน และร่วมปล้น ประเทศที่ญี่ปุ่นเข้าไปบุกทั้งนั้น ประมาณว่า แค่รายได้จากการค้าเฮโรอีนอย่างเดียว ภายใต้การอำนวยการผลิตของกองทัพที่แมนจูเรีย และการตลาดโดยนักธุรกิจใหญ่เหล่านั้น ก็มีมูลค่าเกินกว่า 3 พันล้านเหรียญ (ในสมัยนั้น) แล้ว นี่เป็นรายได้เฉพาะที่ขายกันเอเซีย ที่อื่นยังไม่ได้รวมบัญชี หักบัญชีกัน ก่อนที่ญี่ปุ่นจะประกาศยอมแพ้ไม่กี่วัน บรรดาบริษัทการค้าธุรกิจ ธนาคาร ต่างๆเหล่านั้น ก็พากันเผาเอกสาร ทำลายหลักฐาน ตัดเชือก ตัดใย ที่จะโยงพวกเขากับกองทัพอย่างเร่งรีบ ทางการเองก็ให้ความร่วมมืออย่างดี รัฐมนตรีคลัง รีบสั่งจ่ายเงินให้กับใบเรียกเก็บเงินที่เร่งออก เพื่อให้รีบจ่ายกันก่อนอเมริกันมาถึง ร่วมมือกันน่ารักดีมาก แต่คนที่รวยมหาศาลที่สุดจากสงครามญี่ปุ่น เขาว่า คือ เจ้าพ่อยากูซ่า โคดามะ Kodama Yoshio ซึ่งตลอดเวลาที่ญี่ปุ่นเข้ายึด เข้าตี ที่ไหน เจ้าพ่อจะเป็นคนไปสำรวจเส้นทาง วางแผน ไม่ต่างกับเป็นผู้บัญชาการรบคนหนึ่ง ในที่สุดเจ้าพ่อ ก็ได้รับตำแหน่งจริงๆ โดยแม่ทัพเรือ Admiral Yonai ตั้งเจ้าพ่อให้เป็นนายพลเรือ เพื่อให้เจ้าพ่อใช้เรือรบญี่ปุ่นเดินทางไปมา ในแถบเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ของเรา ขนของที่ยึดมาได้ ใส่เรือรบจนเพียบกลับญี่ปุ่น เขาว่า นอกเหนือจากทอง และเพชรแล้ว เจ้าพ่อได้แร่ทองคำขาวไปแยะ และแยกเก็บไว้เป็นส่วนของตัว ส่วนนายพลแมค เมื่อเข้ามาทำหน้าที่ SCAP ในปี ค.ศ.1945 และได้รับใบสั่ง ให้จับหัวกะทินักธุรกิจ ที่วุ่นกับการทำสงคราม ใบสั่งบอก ให้เอามาตั้งแต่ชุดที่ไปบุกจีน ค.ศ.1937 นั่นเลยนะ เพราะมันควรจะเป็นของเรา เขาว่า ครั้งแรกเลย จับปลาใหญ่มาได้ 3 ตัว ตัวแรกคือ องค์ชาย Nashimoto อาของจักรพรรดิ แต่ดูเหมือน เป็นการ จับผิดตัว อามีหลายคน องค์ชายมีหลายคน ชื่อก็ กิกะอะไรไม่รู้ จำยากจะตาย ปลาตัวแรก เลยถูกจับฟรี หรือเป็นการขู่ ไม่แน่ใจ แต่อีก 2 ตัวที่จับได้ คนหนึ่งเป็นประธาน มิตซุบิชิ ซึ่งผลิตอาวุธให้กองทัพ อีกคนเป็นผู้จัดการใหญ่ของมิตซุย ที่ไม่ใช่ธรรมดา รากเหง้ายาวพอๆกับเกาะญี่ปุ่นเอง หลังจากการนั้นก็มีการคายความออกมา ว่า มีทองแท่งมูลค่าประมาณ 2 พันล้านเหรียญ (ในขณะนั้น) อยู่ในเรือ ที่ตั้งใจจมไว้ที่อ่าวหน้าเมืองโตเกียว เป็นทองที่ขนมาจากเกาหลีโดยเครื่องบินของกองทัพอากาศญี่ปุ่น ภายใต้การบัญชาการของผู้ที่ไม่มีใครกล้าปฏิเสธ บรรจุไว้ในหีบทองแดง และทิ้งไว้ก้นทะเล เมื่อรู้ว่ารบไม่ชนะ ฝ่ายประสานงานของ SCAP บอกว่า จะขอกู้เอาทองขึ้นเอามาเก็บไว้ที่ธนาคารกลางของญี่ปุ่น เพื่อเอาไว้ช่วยพัฒนาประเทศญี่ปุ่น นายพลแมคบอกไม่มีปัญหา เป็นความตั้งใจของเขาอยู่แล้ว ที่จะดูแลชาวญี่ปุ่น พูดได้หล่อ …. เมื่อนายพลแมคแจ้งไปทางวอชืงตัน มีฝรั่งออกงิ้วว่า ควรส่งทองมาเก็บไว้ที่วอชิงตัน เพื่อเป็นประกันหนี้ให้กลุ่มมอร์แกน ซึ่งญี่ปุ่นยังใช้หนี้ให้ ไม่หมดมากกว่า แต่นายพลแมคไม่เปลี่ยนใจ สรุปว่า จริงๆแล้ว ทองแท่งมีทั้งหมดเท่าไหร่ก็ไม่รู้ และในที่สุดเก็บไว้ที่ไหนบ้างก็ไม่รู้ แต่น่าจะมีคนอมยิ้มพอใจ ทุกอย่างเป็นไปตามแผน ไม่นานหลังจากนั้น ก็มีการปล่อยตัวท่านอา ประธานมิตซุบิชิ และผู้จัดการใหญ่มิตซุย ออกจากคุก พ้นข้อหาทั้งปวง แค่ จับปลา 3 ตัว ยังได้ผลขนาดนี้ คำสั่ง FEC-230 ก็ต้องรีบออกมาบีบจนหน้าเขียว ตามแผน แล้วเดือนธันวาคม ค.ศ.1948 SCAP ก็สั่งปล่อย นักโทษ A Class (โทษสูงสุด) 17 คน ใน 17 คน มี นาย คิชิ Kishi Nobusuke คงยังจำกัน ไอ้คนหัวแหลม ช่างคิดวิธีให้กองทัพญี่ปุ่น ที่แมนจูเรียหากินร่ำรวย และต่อมา เขาได้เป็นนายกรัฐมนตรี ของญี่ปุ่น คนต่อมาคือ โคดามะ Kodama Yoshio เจ้าพ่อยากูซ่า และซาซากาวา Sasagawa Ryochi เจ้าพ่อ ยากูซ่าอีกราย ทั้ง 3 คนนี้ ต่อมา ร่วมกันตั้งพรรค รวมพรรค ซื้อนักการเมืองจากคอกอื่น มารวมอยู่ในพรรคที่พวกเขาร่วมกันสร้างคือ พรรค Liberal Democrat Party หรือ LDP และทั้ง 3 คนนี้ ก็เป็นมือที่ชักใย LDP ถึง 50 ปี หลังจากสงครามโลกครั้งที่ 2 และนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาถึงปัจจุบัน เกือบทุกคน (90%) คือผู้ที่กลุ่ม 3 คนนี้ หรือผู้ที่สืบทอดอำนาจเขา เป็นผู้เลือก หรือ ให้ความเห็นชอบทั้งนั้น และคงไม่เกินไป ที่จะบอกว่า ด้วยวิธีการนี้ อเมริกาก็คือผู้ปกครองญี่ปุ่น ตั้งแต่วันปล่อยผีขึ้นมาจากนรกนั่นแหละ และคงพอจะทำให้เราเข้าใจว่า ทำไม นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น คนปัจจุบัน นาย ชินโซะ อาเบะ Shinzo Abe ถึงพร้อมใจรับหน้าที่แบกถาด ถ้ารู้ว่าเขาเป็นหลานตาแท้ๆ ของ นาย คิชิ คนเปิดประตูเมืองญี่ปุ่นให้อเมริกาเข้า และเขาไม่ใช่หลานธรรมดา แต่เป็นหลานรัก ที่ตาเลี้ยงอย่างใกล้ชิด และตั้งใจให้สืบทอดมรดก… ยังมีอีก 3 ใน 17 คนที่ออกมาด้วย คือ Sankichi Takahashi, Shumi Okawa และ Yoshihisa Kuzu Kuzu เป็นอดีตหัวหน้าใหญ่ของสมาคมมังกรดำ Black Dragon Society รุ่นใหญ่กว่าโคดามะ สมาคมมังกรดำ เป็นสมาคมขวาจัด ทำหน้าที่พิทักษ์จักรพรรดิ ที่มีสาขาอยู่ทั่วญี่ปุ่น เน้นสร้างคนรุ่นหนุ่ม ให้มีความรักชาติและ จงรักภักดีต่อจักรพรรดิ เลือดลูกพระอาทิตย์เข้มข้น นาย Toyama Mitsuru ที่ลึกลับ และเป็นคนสนิทของราชวงศ์ และมีเครือข่ายสายลับทั่วญี่ปุ่น เป็นผู้ก่อตั้งสมาคมมังกรดำนี้ขึ้น เมื่อปี ค.ศ.1901 โตยาม่า เป็นหนึ่งในคนธรรมดาไม่กี่คน ที่เป็น แขกรับเชิญที่มีแต่พระราชวงศ์ และบุคคลชั้นสูง ในวันแต่งงานของจักรพรรดิฮิโฮิโตกับจักรพรรดินีนากาโน นายพล Takahashi ก็เป็นนายทหารใหญ่ ที่สังกัดมังกรดำ ส่วนนาย Shumi Okawa นั้น เป็นหัวหน้าสายลับ ที่ข่าวว่า สังกัดราชวงศ์เช่นกัน นายโคดามะ ภายหลัง ทำงานให้กับ CIA ของอเมริกา อย่างใกล้ชิด ผลงาน เข้าตา เมื่ออเมริกาคิดทำสงครามเกาหลี นายโคโดมะ เป็นผู้จัดกองกำลังพิเศษ ให้นายพลแมคไปรบที่เกาหลี แถมไปคุมกองกำลังด้วยตัวเอง ในฐานะผู้ชำนาญพื้นที่ หลังจากความดีความชอบเรื่องสงครามเกาหลี CIA เปลี่ยนเป็นใช้บริการของโคดามะ แบบพนักงานประจำ ไม่ใช่พนักงานชั่วคราว ในเรื่องของการปราบปรามคอมมิวนิสต์ รวมถึงในปี ค.ศ.1949 CIA ให้เขานำกำลังไปช่วย นายพลเจียง ไคเช็ค ปราบชาวฟอร์โมซา ที่เกาะไต้หวัน จนตายเกลื่อน เมื่อออกมาประท้วงการยึดเกาะของกองทัพนายพลเจียง เขาว่า การปราบคราวนั้น มันก็โหดร้ายทารุณ ไม่แพ้เหตุการณ์ที่นานกิง แต่ CIA เก็บหลักฐานจนเกลี้ยงเกลา ส่วนในการไปรบเกาหลี ในปี ค.ศ.1950 นายพลแมค หอบเอา นาย Shiro Ishii อดีตหัวหน้าหน่วย 731 อันลือชื่อ พร้อมด้วยคณะทำงานไปเกาหลีด้วย ในช่วงสงครามเกาหลี ซึ่งจนถึงขณะนี้ สงครามยังไม่จบ แค่สงบศึกกันชั่วคราว นายพลแมค ให้ทดลองปล่อย แมงมุม ตัวหมัด แมลงสาระพัด ซึ่ง ใส่เชื้อโรคไว้ ส่งให้พลเมืองฝ่ายเกาหลีเหนือ ผลปรากฎว่า เกิดโรคระบาด ไข้เหลือง ไทฟอยด์ อหิวาต์ มีชาวบ้านเจ็บป่วยล้มตายเป็นอันมาก ทำให้หลายฝ่ายชื่นชมในผลงานในที่สุด นายชิโร นี่ นอกจากไม่ถูกลงโทษ เขาว่ายังได้เงินรางวัล แลกกับสูตรลับที่อเมริกา หรือร้อกกี้ the great เอาไปเล่นต่อ ส่วนนายซาซากาวา ได้บทใหม่เป็นเจ้าพ่อ ที่ด้านหนึ่ง คุมบ่อนการพนันทั้งเกาะญี่ปุ่น รวมทั้งการแข่งเรือยนตร์ ที่ทำรายได้มหาศาลให้เขา อีกด้าน เขาเดินงานของ MRA ต่อให้กับ CIA เกี่ยวกับเกาหลีใต้ และทำไปจนถึงเรื่อง ตะวันออกกลาง และกลายเป็นเพื่อนรักของอดีตประธานาธิบดี Jimmy Carter และตัวแสบ Henry Kissinger อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศของอเมริกา ซึ่งเป็นคนรับใช้ตัวจริงถาวรของร้อกกี้ the great Dean Atchson ที่ปรึกษากระทรวงต่างประเทศ ที่พรรค Republican ส่งมาดูการทำงานของ SCAP ตั้งแต่ต้น เห็นการทำงานของ SCAP และการ กลับตาลปัตร ของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง เขารวบรวมเอกสารหลายลัง และตัดสินใจเดินทางกลับวอชิงตัน เพื่อรายงานรัฐบาลด้วยตนเอง เขาเดินทางพร้อมกับคณะทำงาน ด้วยเครื่องบินที่รัฐบาลอเมริกันจัดมาให้ เครื่องบิน เติมน้ำมันไว้เต็มถัง แต่ขณะที่เครื่องบิน บินอยู่กลางมหาสมุทรแปซิฟิก ระหว่างทางไปฮอนโนลูลู ผ่านเกาะ Johnston เครื่องบินเกิดน้ำมันหมดอย่างไม่น่าเชื่อ ระหว่างที่เครื่องบินดิ่งหัวลงทะเล คณะทำงานคนหนึ่งที่รอดตาย เห็น Atcheson ส่ายหน้า แล้วบอกว่า… มันคงช่วยอะไรไม่ได้แล้ว…. (ยังมีบทส่งท้าย นะครับ รออ่านหน่อย กำลังเร่งเครื่องเขียนอยู่ พบกัน พรุ่งนี้ 8 โมงเช้าเหมือนเดิม) สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 31 ส.ค. 2558
    0 Comments 0 Shares 747 Views 0 Reviews
  • ไม่ตกสะเก็ด ตอนที่ 9

    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ไม่ตกสะเก็ด”
    ตอน 9
    นักประวัติศาสตร์บอก ญี่ปุ่นเปลี่ยนนิสัยจากการชอบอยู่สันโดษ เป็นการชอบออกล่าเหยื่อ ตั้งแต่อเมริกาเอาเรือรบมาขู่เอา ไมตรี ในปี ค.ศ.1856 และทำให้ญี่ปุ่น เริ่มขบวนการปฏิรูปประเทศ Meiji Restoration นักประวัติศาสตร์บอก เรื่องนี้ก็ไม่แปลกอะไร ในเมื่อช่วงนั้น ใครที่แข็งแรง ก็อยากเป็นนักล่ากันทั้งนั้น แต่นิสัยก้าวร้าวที่เริ่มมีให้เห็นตั้งแต่ประมาณปี ค.ศ.1931 และกลายมาเป็นรุกรานอย่างโหดเหี้ยมเมื่อปี ค.ศ.1937 นี่ล่ะ มันมาจากไหนกันแน่
    เมื่อญี่ปุ่นเริ่มปฏิรูปประเทศ บรรดามือที่ปั้นญี่ปุ่นขึ้นมาใหม่ แม้จะเห็นพ้องว่า ญี่ปุ่นต้องพัฒนาประเทศให้ก้าวทันตะวันตก เพื่อไม่ให้ตกเป็นเบี้ยล่างตะวันตกอีกนั้น แต่ก็มีรายละเอียดบางอย่างต่างกัน และในที่สุดก็แบ่งความเห็นเป็น 2 ฝ่ายชัดเจน
    ฝ่ายหนึ่งบอก เราต้องเป็นญี่ปุ่นแบบ ” rich country, prosperous people” ประเทศมั่งคั่ง ประชาชนร่ำรวย
    อีกฝ่ายหนึ่งบอกว่า ไม่ใช่ เราต้องเป็นญี่ปุ่น แบบ ” rich country, strong army” ประเทศมั่งคั่ง กองทัพแข็งแกร่ง”
    ทั้ง 2 ฝ่าย ต่างโต้แย้ง คัดค้าน และชิงอำนาจการปกครองประเทศกันมาตลอด ในช่วงแรก ฝ่ายแรกดูเหมือนจะมีคะแนนนำ และดูเหมือนเป็นช่วงที่ ญี่ปุ่นมีพี่เลี้ยง หรือมือที่ชักใยชื่อ อังกฤษ เกือบทุกเส้นรุ้งเส้นแวงในญี่ปุ่น เห็นอังกฤษ เป็นยิ่งกว่าเทพเจ้า ไม่เวันแม้แต่ในวังจักรพรรดิ ที่รัศมีของนักล่าจากเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ ก็แผดแสงแรงนัก ในสายตาของญี่ปุ่น อังกฤษเป็นผมทองตาน้ำข้าว ที่ไม่ว่าจะกระดิกอะไร มันแสดงถึงความเป็นศิวิไลย์ของมนุษยชาติไปเสียทุกเรื่อง ญี่ปุ่นที่กำลังอยากเท่าเทียมตะวันตก ก็มีแต่จะตามลอกเลียนแบบ ด้วยความเคารพเท่านั้นเอง
    เมื่อโชกุนแห่งโตกุกาวา Tokugawa คนสุดท้าย (ถูกซามูไรพาดคอให้) ลาออกจากตำแหน่ง ในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ.1867 บรรดานายพล และกองทัพ ของโชกุนก็สิ้นสภาพ แล้ววันที่ 2 มกราคม ค.ศ.1868 กองทัพจาก 5 แคว้นของญี่ปุ่น สะสุมะ Satsuma, โตซะ Tosa, ฮิโรชิมา Hiroshima, อิชิเซ็น Echizen และ โอวาริ Owari ที่นำโดยกลุ่มบุคคล ที่ต้องการปฏิรูปญี่ปุ่น ก็เข้ามาล้อมวังของจักรพรรดิ และให้แต่พวกที่ต่อต้านโชกุน แต่สนับสนุนจักรพรรดิ ผ่านเข้าไปในวังได้เท่านั้น และพวกเขาก็เริ่มศักราชแห่งการปฏิรูป Meiji Restoration โดยการตั้งหนุ่มน้อยอายุเพียง 14 ปี ขึ้นเป็นจักรพรรดิมัตสุฮิโต Matsuhito
    2 เดือนต่อมา เซอร์ Harry Parke ที่อังกฤษส่งมาเป็นตัวแทน นั่งเรือด่วนใช้เวลาเดินทางมา 2 เดือน เพื่อมาเข้าเฝ้าจักรพรรดิใหม่เอี่ยม ที่เพิ่งแกะออกจากกล่อง อังกฤษนับเป็นชาวต่างชาติประเทศแรก ที่สายตายาวไกล ลงทุนลงแรง เดินทางมาเข้าเฝ้าจักรพรรดิคนใหม่ หลังจากนั้นฝรั่งเศสและดัชท์ก็ตามมาติดๆ ก่อนที่จะเสียเปรียบอังกฤษมากเกินไป
    หนึ่งปีต่อมาในปี ค.ศ.1869 อังกฤษ ก็ส่งเจ้าชาย Alfred, Duke of Edinburgh ในฐานะเป็นกัปตันเรือรบหลวงของ อังกฤษ Galatea มาเยี่ยมญี่ปุ่นอีก และในปี ค.ศ.1881 อังกฤษก็ส่งเจ้าชาย มาอีกชุด คราวนี่เจ้าชาย Albert Victor และ George มาพักที่วังของจักรพรรดิเองเลย อังกฤษเล่นโอ๋ญี่ปุ่นถึงขนาดนี้ จะไม่ให้ญี่ปุ่นอ่อนเปียกอยู่ในมืออังกฤษได้อย่างไร ให้ทำอะไร ก็ต้องพร้อม
    อังกฤษไม่ได้มองเห็นหมากตัวสำคัญชื่อญี่ปุ่นแต่เพียงรายเดียวเท่านั้น รัสเซียก็มองเห็น และยังเห็นความหวานผิดปรกติของอังกฤษต่อญี่ปุ่น ในปี ค.ศ.1891 มงกุฏราชกุมารรัสเซีย เจ้าชายนิโคลัส เลยต้องแวะมาเยี่ยมญี่ปุ่นเหมือนกัน เป็นประเทศสุดท้าย ของการท่องเอเซียของเจ้าชายครั้งนั้น ระหว่างเจ้าชายนั่งรถลากชมเมืองเกียวโต มีตำรวจญี่ปุ่นชักดาบขึ้นมาคารวะเจ้าชาย หลังจากนั้นก็เอาจ้วงแทง เฉียดคอมงกุฏราชกุมารรัสเซียอย่างฉิวเฉียด สงครามญี่ปุ่นกับรัสเซีย เกือบจะเริ่มเร็วกว่าที่วางแผนไว้ หลังจากนั้น เจ้าชายนิโคลัสก็เชิญจักรพรรดิมัตสุฮิโตไปเสวยกลางวันด้วยกัน บนเรือรบของรัสเซีย ท่ามกลางเสียงคัดค้านรอบตัว ญี่ปุ่นไม่มีทางเลือก ต้องไป แต่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น รายการวัดใจรุ่นใหญ่ เล่นกันได้สมกับตำแหน่ง
    แต่ดูเหมือนรัสเซียจะไม่ได้ใจญี่ปุ่น อย่างที่อังกฤษได้ น้ำตาลรัสเซียถ้าจะหวานไม่พอ
    หลังจากนั้น ก็มีข่าวว่า รัสเซียตัดสินใจจะสร้างทางรถไฟ สายทรานส์ไซบีเรีย ญี่ปุ่นกลัวว่ารัสเซียกำลังมุ่งลงใต้มาเอาแหล่งน้ำจืดที่แมนจูเรียและเกาหลี ส่วนอังกฤษก็มองว่ารัสเซียกำลังขยายอำนาจลงมาทางใต้ ผ่านเกาหลี เพื่อจะมาแซะจีน แบบนี้ ทั้งอังกฤษและญี่ปุ่นจะปล่อยให้ทางรถไฟของรัสเซียเกิดขึ้นไม่ได้ ญี่ปุ่นจะต้องยึดเกาหลีมาให้ได้เสียก่อน แล้วญี่ปุ่นก็บุกเกาหลีในปี ค.ศ.1895
    ผลการยึดเกาหลี ได้ทำให้พวกฝรั่งต่างมองญี่ปุ่นด้วยสายตาที่เปลี่ยนไป รัสเซีย เยอรมัน และฝรั่งเศส พากันประท้วงให้ญี่ปุ่นคืนแมนจูเรีย ญี่ปุ่นยังไม่แน่ใจในแรงหมัดของตัว เลยตกลงปล่อยมือ ที่คว้าแมนจูเรียออกไปก่อน
    เรื่องนี้ ทำให้อังกฤษหงุดหงิด เสียแผนที่วางไว้ จึงจับญี่ปุ่นมาทำสัญญาในปี ค.ศ.1902
    ทั้งเรื่องการรบชนะเกาหลี ตีจีนกระเจิง และทำให้อังกฤษมาทำสัญญากับญี่ปุ่น ทำให้ฝ่ายที่ต้องการสร้างกองทัพให้เข้มแข็ง เริ่มมีคะแนนแซงหน้า ฝ่ายที่ไม่เอากองทัพ และนโยบายของญี่ปุ่นก็ยิ่งเปลี่ยนจากเป็นผู้รักสันโดษไกลออกไปทุกที
    อันที่จริงในญี่ปุ่น ผู้ที่ไม่สนับสนุนให้ญี่ปุนสร้างกองทัพอย่างออกนอกหน้า คือ นายทากาฮาชิ โกเรกิโยะ Takahashi Korekiyo ถ้ายังจำกันได้ จากนิทานเรื่องต้มข้ามศตวรรษ เขานั่นแหละ เป็นคนที่ต้องไปทำหน้าที่หาเงินกู้มาให้ญี่ปุ่นรบรัสเซีย และเป็นคนที่ “บังเอิญ” ไปนั่งข้าง Jacob Shiff คนจัดการหาเงินกู้ ให้ญี่ปุ่นไปรบรัสเซีย โลกก็แสนจะกว้างใหญ่ แต่ทำไม หลายเรื่อง หลายคน มันมาชนกันอย่างไม่น่าเชื่อ
    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    20 ส.ค. 2558
    ไม่ตกสะเก็ด ตอนที่ 9 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ไม่ตกสะเก็ด” ตอน 9 นักประวัติศาสตร์บอก ญี่ปุ่นเปลี่ยนนิสัยจากการชอบอยู่สันโดษ เป็นการชอบออกล่าเหยื่อ ตั้งแต่อเมริกาเอาเรือรบมาขู่เอา ไมตรี ในปี ค.ศ.1856 และทำให้ญี่ปุ่น เริ่มขบวนการปฏิรูปประเทศ Meiji Restoration นักประวัติศาสตร์บอก เรื่องนี้ก็ไม่แปลกอะไร ในเมื่อช่วงนั้น ใครที่แข็งแรง ก็อยากเป็นนักล่ากันทั้งนั้น แต่นิสัยก้าวร้าวที่เริ่มมีให้เห็นตั้งแต่ประมาณปี ค.ศ.1931 และกลายมาเป็นรุกรานอย่างโหดเหี้ยมเมื่อปี ค.ศ.1937 นี่ล่ะ มันมาจากไหนกันแน่ เมื่อญี่ปุ่นเริ่มปฏิรูปประเทศ บรรดามือที่ปั้นญี่ปุ่นขึ้นมาใหม่ แม้จะเห็นพ้องว่า ญี่ปุ่นต้องพัฒนาประเทศให้ก้าวทันตะวันตก เพื่อไม่ให้ตกเป็นเบี้ยล่างตะวันตกอีกนั้น แต่ก็มีรายละเอียดบางอย่างต่างกัน และในที่สุดก็แบ่งความเห็นเป็น 2 ฝ่ายชัดเจน ฝ่ายหนึ่งบอก เราต้องเป็นญี่ปุ่นแบบ ” rich country, prosperous people” ประเทศมั่งคั่ง ประชาชนร่ำรวย อีกฝ่ายหนึ่งบอกว่า ไม่ใช่ เราต้องเป็นญี่ปุ่น แบบ ” rich country, strong army” ประเทศมั่งคั่ง กองทัพแข็งแกร่ง” ทั้ง 2 ฝ่าย ต่างโต้แย้ง คัดค้าน และชิงอำนาจการปกครองประเทศกันมาตลอด ในช่วงแรก ฝ่ายแรกดูเหมือนจะมีคะแนนนำ และดูเหมือนเป็นช่วงที่ ญี่ปุ่นมีพี่เลี้ยง หรือมือที่ชักใยชื่อ อังกฤษ เกือบทุกเส้นรุ้งเส้นแวงในญี่ปุ่น เห็นอังกฤษ เป็นยิ่งกว่าเทพเจ้า ไม่เวันแม้แต่ในวังจักรพรรดิ ที่รัศมีของนักล่าจากเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ ก็แผดแสงแรงนัก ในสายตาของญี่ปุ่น อังกฤษเป็นผมทองตาน้ำข้าว ที่ไม่ว่าจะกระดิกอะไร มันแสดงถึงความเป็นศิวิไลย์ของมนุษยชาติไปเสียทุกเรื่อง ญี่ปุ่นที่กำลังอยากเท่าเทียมตะวันตก ก็มีแต่จะตามลอกเลียนแบบ ด้วยความเคารพเท่านั้นเอง เมื่อโชกุนแห่งโตกุกาวา Tokugawa คนสุดท้าย (ถูกซามูไรพาดคอให้) ลาออกจากตำแหน่ง ในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ.1867 บรรดานายพล และกองทัพ ของโชกุนก็สิ้นสภาพ แล้ววันที่ 2 มกราคม ค.ศ.1868 กองทัพจาก 5 แคว้นของญี่ปุ่น สะสุมะ Satsuma, โตซะ Tosa, ฮิโรชิมา Hiroshima, อิชิเซ็น Echizen และ โอวาริ Owari ที่นำโดยกลุ่มบุคคล ที่ต้องการปฏิรูปญี่ปุ่น ก็เข้ามาล้อมวังของจักรพรรดิ และให้แต่พวกที่ต่อต้านโชกุน แต่สนับสนุนจักรพรรดิ ผ่านเข้าไปในวังได้เท่านั้น และพวกเขาก็เริ่มศักราชแห่งการปฏิรูป Meiji Restoration โดยการตั้งหนุ่มน้อยอายุเพียง 14 ปี ขึ้นเป็นจักรพรรดิมัตสุฮิโต Matsuhito 2 เดือนต่อมา เซอร์ Harry Parke ที่อังกฤษส่งมาเป็นตัวแทน นั่งเรือด่วนใช้เวลาเดินทางมา 2 เดือน เพื่อมาเข้าเฝ้าจักรพรรดิใหม่เอี่ยม ที่เพิ่งแกะออกจากกล่อง อังกฤษนับเป็นชาวต่างชาติประเทศแรก ที่สายตายาวไกล ลงทุนลงแรง เดินทางมาเข้าเฝ้าจักรพรรดิคนใหม่ หลังจากนั้นฝรั่งเศสและดัชท์ก็ตามมาติดๆ ก่อนที่จะเสียเปรียบอังกฤษมากเกินไป หนึ่งปีต่อมาในปี ค.ศ.1869 อังกฤษ ก็ส่งเจ้าชาย Alfred, Duke of Edinburgh ในฐานะเป็นกัปตันเรือรบหลวงของ อังกฤษ Galatea มาเยี่ยมญี่ปุ่นอีก และในปี ค.ศ.1881 อังกฤษก็ส่งเจ้าชาย มาอีกชุด คราวนี่เจ้าชาย Albert Victor และ George มาพักที่วังของจักรพรรดิเองเลย อังกฤษเล่นโอ๋ญี่ปุ่นถึงขนาดนี้ จะไม่ให้ญี่ปุ่นอ่อนเปียกอยู่ในมืออังกฤษได้อย่างไร ให้ทำอะไร ก็ต้องพร้อม อังกฤษไม่ได้มองเห็นหมากตัวสำคัญชื่อญี่ปุ่นแต่เพียงรายเดียวเท่านั้น รัสเซียก็มองเห็น และยังเห็นความหวานผิดปรกติของอังกฤษต่อญี่ปุ่น ในปี ค.ศ.1891 มงกุฏราชกุมารรัสเซีย เจ้าชายนิโคลัส เลยต้องแวะมาเยี่ยมญี่ปุ่นเหมือนกัน เป็นประเทศสุดท้าย ของการท่องเอเซียของเจ้าชายครั้งนั้น ระหว่างเจ้าชายนั่งรถลากชมเมืองเกียวโต มีตำรวจญี่ปุ่นชักดาบขึ้นมาคารวะเจ้าชาย หลังจากนั้นก็เอาจ้วงแทง เฉียดคอมงกุฏราชกุมารรัสเซียอย่างฉิวเฉียด สงครามญี่ปุ่นกับรัสเซีย เกือบจะเริ่มเร็วกว่าที่วางแผนไว้ หลังจากนั้น เจ้าชายนิโคลัสก็เชิญจักรพรรดิมัตสุฮิโตไปเสวยกลางวันด้วยกัน บนเรือรบของรัสเซีย ท่ามกลางเสียงคัดค้านรอบตัว ญี่ปุ่นไม่มีทางเลือก ต้องไป แต่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น รายการวัดใจรุ่นใหญ่ เล่นกันได้สมกับตำแหน่ง แต่ดูเหมือนรัสเซียจะไม่ได้ใจญี่ปุ่น อย่างที่อังกฤษได้ น้ำตาลรัสเซียถ้าจะหวานไม่พอ หลังจากนั้น ก็มีข่าวว่า รัสเซียตัดสินใจจะสร้างทางรถไฟ สายทรานส์ไซบีเรีย ญี่ปุ่นกลัวว่ารัสเซียกำลังมุ่งลงใต้มาเอาแหล่งน้ำจืดที่แมนจูเรียและเกาหลี ส่วนอังกฤษก็มองว่ารัสเซียกำลังขยายอำนาจลงมาทางใต้ ผ่านเกาหลี เพื่อจะมาแซะจีน แบบนี้ ทั้งอังกฤษและญี่ปุ่นจะปล่อยให้ทางรถไฟของรัสเซียเกิดขึ้นไม่ได้ ญี่ปุ่นจะต้องยึดเกาหลีมาให้ได้เสียก่อน แล้วญี่ปุ่นก็บุกเกาหลีในปี ค.ศ.1895 ผลการยึดเกาหลี ได้ทำให้พวกฝรั่งต่างมองญี่ปุ่นด้วยสายตาที่เปลี่ยนไป รัสเซีย เยอรมัน และฝรั่งเศส พากันประท้วงให้ญี่ปุ่นคืนแมนจูเรีย ญี่ปุ่นยังไม่แน่ใจในแรงหมัดของตัว เลยตกลงปล่อยมือ ที่คว้าแมนจูเรียออกไปก่อน เรื่องนี้ ทำให้อังกฤษหงุดหงิด เสียแผนที่วางไว้ จึงจับญี่ปุ่นมาทำสัญญาในปี ค.ศ.1902 ทั้งเรื่องการรบชนะเกาหลี ตีจีนกระเจิง และทำให้อังกฤษมาทำสัญญากับญี่ปุ่น ทำให้ฝ่ายที่ต้องการสร้างกองทัพให้เข้มแข็ง เริ่มมีคะแนนแซงหน้า ฝ่ายที่ไม่เอากองทัพ และนโยบายของญี่ปุ่นก็ยิ่งเปลี่ยนจากเป็นผู้รักสันโดษไกลออกไปทุกที อันที่จริงในญี่ปุ่น ผู้ที่ไม่สนับสนุนให้ญี่ปุนสร้างกองทัพอย่างออกนอกหน้า คือ นายทากาฮาชิ โกเรกิโยะ Takahashi Korekiyo ถ้ายังจำกันได้ จากนิทานเรื่องต้มข้ามศตวรรษ เขานั่นแหละ เป็นคนที่ต้องไปทำหน้าที่หาเงินกู้มาให้ญี่ปุ่นรบรัสเซีย และเป็นคนที่ “บังเอิญ” ไปนั่งข้าง Jacob Shiff คนจัดการหาเงินกู้ ให้ญี่ปุ่นไปรบรัสเซีย โลกก็แสนจะกว้างใหญ่ แต่ทำไม หลายเรื่อง หลายคน มันมาชนกันอย่างไม่น่าเชื่อ สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 20 ส.ค. 2558
    0 Comments 0 Shares 501 Views 0 Reviews
  • หนังสือใหม่
    หุ่นยนต์ หมายเลข 0 (Robots No. 0) จากร้าน ซีเอ็ด

    ความรู้ด้านวิทยาการหุ่นยนต์
    จำนวน 314 หน้า

    สำนักพิมพ์ซีเอ็ด หนังสือของผู้เขียน ซื้อช่วงนี้มีโปรโมทชั่น ลดขั้นต่ำ 20% ทุกเล่มครับ

    ความรู้ยิ่งใช้ยิ่งได้ การลงทุนในความรู้ เป็นทรัพย์ทางปัญญาที่ไม่ต้องกลัวว่าใครจะขโมยไป และยิ่งใช้ ยิ่งถ่ายทอด ประสบการณ์ความรู้ยิ่งเพิ่มพูน

    สามารถเข้าไปโหลดตัวอย่างมาอ่านได้ ฟรี ก่อนตัดสินใจ

    นอกจากนี้ ยังมีหนังสืออีกหลายเล่มที่น่าสนใจ มีทั้งอ่านฟรี และราคาไม่สูงจนเกินไป พร้อมให้อ่าน เป็นความรู้ และประยุกต์นำไปใช้ได้
    นตฺถิ ปญญสมาวุธํ = ปัญญา ประดุจดังอาวุธ

    หุ่นยนต์ เป็นเครื่องจักรกลชนิดหนึ่งที่มีความฉลาด มีความเป็นอัตโนมัติ สนองตอบต่อการใช้งานของมนุษย์ หุ่นยนต์มีตั้งแต่เครื่องจักรกลง่าย ๆ ที่ทำงานซ้ำ ๆ ไปจนถึงหุ่นยนต์ที่มีความซับซ้อนมาก ๆ ซึ่งสามารถตัดสินใจ และเรียนรู้ได้ด้วยตัวเอง

    นำผู้อ่านเข้ามาสู่โลกของหุ่นยนต์ ซึ่งในโลกปัจจุบัน ตลอดไปจนถึงอนาคต เทคโนโลยีนี้จะเป็นที่ต้องการของมนุษย์หุ่นยนต์ เป็นเครื่องกลที่ฉลาดทำงานให้กับมนุษย์

    ในเนื้อหาของหนังสือเล่มแรกนี้ จะพาผู้อ่านไปสู่ การรู้จักหุ่นยนต์ เช่น ความเป็นมา, ประเภท, ส่วนประกอบหลัก, การนำไปใช้งาน,อนาคตของหุ่นยนต์ ฯลฯ

    เล่มแรกนี้จะไม่มีคำนวณ ความรู้ในด้านการคำนวณออกแบบ จะพบตั้งแต่เล่มที่ 2, 3, 4, ... ขึ้นไป จะทยอยออกมาให้ผู้อ่านได้อ่าน โปรดติดตามอ่าน

    ผู้เขียน และเรียบเรียง พยายามจะเขียนให้เข้าใจง่าย ๆ ไม่ซับซ้อน อาศัยภาพช่วยในการอธิบาย ลองติดตามอ่านดูนะครับ


    อยากเห็นราชอาณาจักรไทยเป็นเจ้าของเทคโนโลยี เป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว ควบคู่กับการพัฒนาทางด้านจิตใจ และมีศีลธรรมที่ดี เมืองไทยจะเป็นประเทศที่น่าอยู่มาก

    ขอเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาประเทศชาติ

    ขอบคุณที่ช่วยสนับสนุนนะครับ


    I have a dream.

    ผู้เขียน และเรียบเรียง

    T.M.E.

    คลิกได้ที่นี่

    https://www.se-ed.com/e-book-audio/%E0%B8%AB%E0%B8%B8%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B9%8C-%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B8%82-0-(Robots-No.0)-(PDF)-raxnigs10es8n5qi4eaf
    หนังสือใหม่ หุ่นยนต์ หมายเลข 0 (Robots No. 0) จากร้าน ซีเอ็ด ความรู้ด้านวิทยาการหุ่นยนต์ จำนวน 314 หน้า สำนักพิมพ์ซีเอ็ด หนังสือของผู้เขียน ซื้อช่วงนี้มีโปรโมทชั่น ลดขั้นต่ำ 20% ทุกเล่มครับ ความรู้ยิ่งใช้ยิ่งได้ การลงทุนในความรู้ เป็นทรัพย์ทางปัญญาที่ไม่ต้องกลัวว่าใครจะขโมยไป และยิ่งใช้ ยิ่งถ่ายทอด ประสบการณ์ความรู้ยิ่งเพิ่มพูน สามารถเข้าไปโหลดตัวอย่างมาอ่านได้ ฟรี ก่อนตัดสินใจ นอกจากนี้ ยังมีหนังสืออีกหลายเล่มที่น่าสนใจ มีทั้งอ่านฟรี และราคาไม่สูงจนเกินไป พร้อมให้อ่าน เป็นความรู้ และประยุกต์นำไปใช้ได้ นตฺถิ ปญญสมาวุธํ = ปัญญา ประดุจดังอาวุธ หุ่นยนต์ เป็นเครื่องจักรกลชนิดหนึ่งที่มีความฉลาด มีความเป็นอัตโนมัติ สนองตอบต่อการใช้งานของมนุษย์ หุ่นยนต์มีตั้งแต่เครื่องจักรกลง่าย ๆ ที่ทำงานซ้ำ ๆ ไปจนถึงหุ่นยนต์ที่มีความซับซ้อนมาก ๆ ซึ่งสามารถตัดสินใจ และเรียนรู้ได้ด้วยตัวเอง นำผู้อ่านเข้ามาสู่โลกของหุ่นยนต์ ซึ่งในโลกปัจจุบัน ตลอดไปจนถึงอนาคต เทคโนโลยีนี้จะเป็นที่ต้องการของมนุษย์หุ่นยนต์ เป็นเครื่องกลที่ฉลาดทำงานให้กับมนุษย์ ในเนื้อหาของหนังสือเล่มแรกนี้ จะพาผู้อ่านไปสู่ การรู้จักหุ่นยนต์ เช่น ความเป็นมา, ประเภท, ส่วนประกอบหลัก, การนำไปใช้งาน,อนาคตของหุ่นยนต์ ฯลฯ เล่มแรกนี้จะไม่มีคำนวณ ความรู้ในด้านการคำนวณออกแบบ จะพบตั้งแต่เล่มที่ 2, 3, 4, ... ขึ้นไป จะทยอยออกมาให้ผู้อ่านได้อ่าน โปรดติดตามอ่าน ผู้เขียน และเรียบเรียง พยายามจะเขียนให้เข้าใจง่าย ๆ ไม่ซับซ้อน อาศัยภาพช่วยในการอธิบาย ลองติดตามอ่านดูนะครับ อยากเห็นราชอาณาจักรไทยเป็นเจ้าของเทคโนโลยี เป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว ควบคู่กับการพัฒนาทางด้านจิตใจ และมีศีลธรรมที่ดี เมืองไทยจะเป็นประเทศที่น่าอยู่มาก ขอเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาประเทศชาติ ขอบคุณที่ช่วยสนับสนุนนะครับ I have a dream. ผู้เขียน และเรียบเรียง T.M.E. คลิกได้ที่นี่ https://www.se-ed.com/e-book-audio/%E0%B8%AB%E0%B8%B8%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B9%8C-%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B8%82-0-(Robots-No.0)-(PDF)-raxnigs10es8n5qi4eaf
    WWW.SE-ED.COM
    หุ่นยนต์ หมายเลข 0 (Robots No.0) (PDF)
    ผู้เขียน T.M.E. เนื้อหาโดยสังเขป : หุ่นยนต์ หมายเลข 0 (Robots No.0) (PDF) หุ่นยนต์ เป็นเครื่องจักรกลชนิดหน
    0 Comments 0 Shares 286 Views 0 Reviews
  • หนังสือใหม่
    หุ่นยนต์ หมายเลข 0 (Robots No. 0) จากร้าน ซีเอ็ด

    ความรู้ด้านวิทยาการหุ่นยนต์
    จำนวน 314 หน้า

    สำนักพิมพ์ซีเอ็ด หนังสือของผู้เขียน ซื้อช่วงนี้มีโปรโมทชั่น ลดขั้นต่ำ 20% ทุกเล่มครับ

    ความรู้ยิ่งใช้ยิ่งได้ การลงทุนในความรู้ เป็นทรัพย์ทางปัญญาที่ไม่ต้องกลัวว่าใครจะขโมยไป และยิ่งใช้ ยิ่งถ่ายทอด ประสบการณ์ความรู้ยิ่งเพิ่มพูน

    สามารถเข้าไปโหลดตัวอย่างมาอ่านได้ ฟรี ก่อนตัดสินใจ

    นอกจากนี้ ยังมีหนังสืออีกหลายเล่มที่น่าสนใจ มีทั้งอ่านฟรี และราคาไม่สูงจนเกินไป พร้อมให้อ่าน เป็นความรู้ และประยุกต์นำไปใช้ได้
    นตฺถิ ปญญสมาวุธํ = ปัญญา ประดุจดังอาวุธ

    หุ่นยนต์ เป็นเครื่องจักรกลชนิดหนึ่งที่มีความฉลาด มีความเป็นอัตโนมัติ สนองตอบต่อการใช้งานของมนุษย์ หุ่นยนต์มีตั้งแต่เครื่องจักรกลง่าย ๆ ที่ทำงานซ้ำ ๆ ไปจนถึงหุ่นยนต์ที่มีความซับซ้อนมาก ๆ ซึ่งสามารถตัดสินใจ และเรียนรู้ได้ด้วยตัวเอง

    นำผู้อ่านเข้ามาสู่โลกของหุ่นยนต์ ซึ่งในโลกปัจจุบัน ตลอดไปจนถึงอนาคต เทคโนโลยีนี้จะเป็นที่ต้องการของมนุษย์หุ่นยนต์ เป็นเครื่องกลที่ฉลาดทำงานให้กับมนุษย์

    ในเนื้อหาของหนังสือเล่มแรกนี้ จะพาผู้อ่านไปสู่ การรู้จักหุ่นยนต์ เช่น ความเป็นมา, ประเภท, ส่วนประกอบหลัก, การนำไปใช้งาน,อนาคตของหุ่นยนต์ ฯลฯ

    เล่มแรกนี้จะไม่มีคำนวณ ความรู้ในด้านการคำนวณออกแบบ จะพบตั้งแต่เล่มที่ 2, 3, 4, ... ขึ้นไป จะทยอยออกมาให้ผู้อ่านได้อ่าน โปรดติดตามอ่าน

    ผู้เขียน และเรียบเรียง พยายามจะเขียนให้เข้าใจง่าย ๆ ไม่ซับซ้อน อาศัยภาพช่วยในการอธิบาย ลองติดตามอ่านดูนะครับ


    อยากเห็นราชอาณาจักรไทยเป็นเจ้าของเทคโนโลยี เป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว ควบคู่กับการพัฒนาทางด้านจิตใจ และมีศีลธรรมที่ดี เมืองไทยจะเป็นประเทศที่น่าอยู่มาก

    ขอเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาประเทศชาติ

    ขอบคุณที่ช่วยสนับสนุนนะครับ


    I have a dream.

    ผู้เขียน และเรียบเรียง

    T.M.E.

    คลิกได้ที่นี่

    https://www.se-ed.com/e-book-audio/%E0%B8%AB%E0%B8%B8%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B9%8C-%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B8%82-0-(Robots-No.0)-(PDF)-raxnigs10es8n5qi4eaf
    หนังสือใหม่ หุ่นยนต์ หมายเลข 0 (Robots No. 0) จากร้าน ซีเอ็ด ความรู้ด้านวิทยาการหุ่นยนต์ จำนวน 314 หน้า สำนักพิมพ์ซีเอ็ด หนังสือของผู้เขียน ซื้อช่วงนี้มีโปรโมทชั่น ลดขั้นต่ำ 20% ทุกเล่มครับ ความรู้ยิ่งใช้ยิ่งได้ การลงทุนในความรู้ เป็นทรัพย์ทางปัญญาที่ไม่ต้องกลัวว่าใครจะขโมยไป และยิ่งใช้ ยิ่งถ่ายทอด ประสบการณ์ความรู้ยิ่งเพิ่มพูน สามารถเข้าไปโหลดตัวอย่างมาอ่านได้ ฟรี ก่อนตัดสินใจ นอกจากนี้ ยังมีหนังสืออีกหลายเล่มที่น่าสนใจ มีทั้งอ่านฟรี และราคาไม่สูงจนเกินไป พร้อมให้อ่าน เป็นความรู้ และประยุกต์นำไปใช้ได้ นตฺถิ ปญญสมาวุธํ = ปัญญา ประดุจดังอาวุธ หุ่นยนต์ เป็นเครื่องจักรกลชนิดหนึ่งที่มีความฉลาด มีความเป็นอัตโนมัติ สนองตอบต่อการใช้งานของมนุษย์ หุ่นยนต์มีตั้งแต่เครื่องจักรกลง่าย ๆ ที่ทำงานซ้ำ ๆ ไปจนถึงหุ่นยนต์ที่มีความซับซ้อนมาก ๆ ซึ่งสามารถตัดสินใจ และเรียนรู้ได้ด้วยตัวเอง นำผู้อ่านเข้ามาสู่โลกของหุ่นยนต์ ซึ่งในโลกปัจจุบัน ตลอดไปจนถึงอนาคต เทคโนโลยีนี้จะเป็นที่ต้องการของมนุษย์หุ่นยนต์ เป็นเครื่องกลที่ฉลาดทำงานให้กับมนุษย์ ในเนื้อหาของหนังสือเล่มแรกนี้ จะพาผู้อ่านไปสู่ การรู้จักหุ่นยนต์ เช่น ความเป็นมา, ประเภท, ส่วนประกอบหลัก, การนำไปใช้งาน,อนาคตของหุ่นยนต์ ฯลฯ เล่มแรกนี้จะไม่มีคำนวณ ความรู้ในด้านการคำนวณออกแบบ จะพบตั้งแต่เล่มที่ 2, 3, 4, ... ขึ้นไป จะทยอยออกมาให้ผู้อ่านได้อ่าน โปรดติดตามอ่าน ผู้เขียน และเรียบเรียง พยายามจะเขียนให้เข้าใจง่าย ๆ ไม่ซับซ้อน อาศัยภาพช่วยในการอธิบาย ลองติดตามอ่านดูนะครับ อยากเห็นราชอาณาจักรไทยเป็นเจ้าของเทคโนโลยี เป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว ควบคู่กับการพัฒนาทางด้านจิตใจ และมีศีลธรรมที่ดี เมืองไทยจะเป็นประเทศที่น่าอยู่มาก ขอเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาประเทศชาติ ขอบคุณที่ช่วยสนับสนุนนะครับ I have a dream. ผู้เขียน และเรียบเรียง T.M.E. คลิกได้ที่นี่ https://www.se-ed.com/e-book-audio/%E0%B8%AB%E0%B8%B8%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B9%8C-%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B8%82-0-(Robots-No.0)-(PDF)-raxnigs10es8n5qi4eaf
    WWW.SE-ED.COM
    หุ่นยนต์ หมายเลข 0 (Robots No.0) (PDF)
    ผู้เขียน T.M.E. เนื้อหาโดยสังเขป : หุ่นยนต์ หมายเลข 0 (Robots No.0) (PDF) หุ่นยนต์ เป็นเครื่องจักรกลชนิดหน
    0 Comments 0 Shares 231 Views 0 Reviews
  • หนังสือใหม่
    หุ่นยนต์ หมายเลข 0 (Robots No. 0) จากร้าน meb

    ความรู้ด้านวิทยาการหุ่นยนต์
    จำนวน 314 หน้า

    ความรู้ยิ่งใช้ยิ่งได้ การลงทุนในความรู้ เป็นทรัพย์ทางปัญญาที่ไม่ต้องกลัวว่าใครจะขโมยไป และยิ่งใช้ ยิ่งถ่ายทอด ประสบการณ์ความรู้ยิ่งเพิ่มพูน

    สามารถเข้าไปโหลดตัวอย่างมาอ่านได้ ฟรี ก่อนตัดสินใจ

    นอกจากนี้ ยังมีหนังสืออีกหลายเล่มที่น่าสนใจ มีทั้งอ่านฟรี และราคาไม่สูงจนเกินไป พร้อมให้อ่าน เป็นความรู้ และประยุกต์นำไปใช้ได้
    นตฺถิ ปญญสมาวุธํ = ปัญญา ประดุจดังอาวุธ

    หุ่นยนต์ เป็นเครื่องจักรกลชนิดหนึ่งที่มีความฉลาด มีความเป็นอัตโนมัติ สนองตอบต่อการใช้งานของมนุษย์ หุ่นยนต์มีตั้งแต่เครื่องจักรกลง่าย ๆ ที่ทำงานซ้ำ ๆ ไปจนถึงหุ่นยนต์ที่มีความซับซ้อนมาก ๆ ซึ่งสามารถตัดสินใจ และเรียนรู้ได้ด้วยตัวเอง

    นำผู้อ่านเข้ามาสู่โลกของหุ่นยนต์ ซึ่งในโลกปัจจุบัน ตลอดไปจนถึงอนาคต เทคโนโลยีนี้จะเป็นที่ต้องการของมนุษย์หุ่นยนต์ เป็นเครื่องกลที่ฉลาดทำงานให้กับมนุษย์

    ในเนื้อหาของหนังสือเล่มแรกนี้ จะพาผู้อ่านไปสู่ การรู้จักหุ่นยนต์ เช่น ความเป็นมา, ประเภท, ส่วนประกอบหลัก, การนำไปใช้งาน,อนาคตของหุ่นยนต์ ฯลฯ

    เล่มแรกนี้จะไม่มีคำนวณ ความรู้ในด้านการคำนวณออกแบบ จะพบตั้งแต่เล่มที่ 2, 3, 4, ... ขึ้นไป จะทยอยออกมาให้ผู้อ่านได้อ่าน โปรดติดตามอ่าน

    ผู้เขียน และเรียบเรียง พยายามจะเขียนให้เข้าใจง่าย ๆ ไม่ซับซ้อน อาศัยภาพช่วยในการอธิบาย ลองติดตามอ่านดูนะครับ


    อยากเห็นราชอาณาจักรไทยเป็นเจ้าของเทคโนโลยี เป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว ควบคู่กับการพัฒนาทางด้านจิตใจ และมีศีลธรรมที่ดี เมืองไทยจะเป็นประเทศที่น่าอยู่มาก

    ขอเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาประเทศชาติ

    ขอบคุณที่ช่วยสนับสนุนนะครับ


    I have a dream.

    ผู้เขียน และเรียบเรียง

    T.M.E.

    คลิกได้ที่นี่

    https://www.mebmarket.com/index.php?action=BookDetails&data=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6NzoiMTM4NTEyNCI7czo3OiJib29rX2lkIjtzOjY6IjM5MTc1MiI7fQ
    หนังสือใหม่ หุ่นยนต์ หมายเลข 0 (Robots No. 0) จากร้าน meb ความรู้ด้านวิทยาการหุ่นยนต์ จำนวน 314 หน้า ความรู้ยิ่งใช้ยิ่งได้ การลงทุนในความรู้ เป็นทรัพย์ทางปัญญาที่ไม่ต้องกลัวว่าใครจะขโมยไป และยิ่งใช้ ยิ่งถ่ายทอด ประสบการณ์ความรู้ยิ่งเพิ่มพูน สามารถเข้าไปโหลดตัวอย่างมาอ่านได้ ฟรี ก่อนตัดสินใจ นอกจากนี้ ยังมีหนังสืออีกหลายเล่มที่น่าสนใจ มีทั้งอ่านฟรี และราคาไม่สูงจนเกินไป พร้อมให้อ่าน เป็นความรู้ และประยุกต์นำไปใช้ได้ นตฺถิ ปญญสมาวุธํ = ปัญญา ประดุจดังอาวุธ หุ่นยนต์ เป็นเครื่องจักรกลชนิดหนึ่งที่มีความฉลาด มีความเป็นอัตโนมัติ สนองตอบต่อการใช้งานของมนุษย์ หุ่นยนต์มีตั้งแต่เครื่องจักรกลง่าย ๆ ที่ทำงานซ้ำ ๆ ไปจนถึงหุ่นยนต์ที่มีความซับซ้อนมาก ๆ ซึ่งสามารถตัดสินใจ และเรียนรู้ได้ด้วยตัวเอง นำผู้อ่านเข้ามาสู่โลกของหุ่นยนต์ ซึ่งในโลกปัจจุบัน ตลอดไปจนถึงอนาคต เทคโนโลยีนี้จะเป็นที่ต้องการของมนุษย์หุ่นยนต์ เป็นเครื่องกลที่ฉลาดทำงานให้กับมนุษย์ ในเนื้อหาของหนังสือเล่มแรกนี้ จะพาผู้อ่านไปสู่ การรู้จักหุ่นยนต์ เช่น ความเป็นมา, ประเภท, ส่วนประกอบหลัก, การนำไปใช้งาน,อนาคตของหุ่นยนต์ ฯลฯ เล่มแรกนี้จะไม่มีคำนวณ ความรู้ในด้านการคำนวณออกแบบ จะพบตั้งแต่เล่มที่ 2, 3, 4, ... ขึ้นไป จะทยอยออกมาให้ผู้อ่านได้อ่าน โปรดติดตามอ่าน ผู้เขียน และเรียบเรียง พยายามจะเขียนให้เข้าใจง่าย ๆ ไม่ซับซ้อน อาศัยภาพช่วยในการอธิบาย ลองติดตามอ่านดูนะครับ อยากเห็นราชอาณาจักรไทยเป็นเจ้าของเทคโนโลยี เป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว ควบคู่กับการพัฒนาทางด้านจิตใจ และมีศีลธรรมที่ดี เมืองไทยจะเป็นประเทศที่น่าอยู่มาก ขอเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาประเทศชาติ ขอบคุณที่ช่วยสนับสนุนนะครับ I have a dream. ผู้เขียน และเรียบเรียง T.M.E. คลิกได้ที่นี่ https://www.mebmarket.com/index.php?action=BookDetails&data=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6NzoiMTM4NTEyNCI7czo3OiJib29rX2lkIjtzOjY6IjM5MTc1MiI7fQ
    WWW.MEBMARKET.COM
    หุ่นยนต์ หมายเลข 0 (Robots No. 0):: e-book หนังสือ โดย T.M.E.
    หุ่นยนต์ หมายเลข 0 (Robots No. 0):: e-book หนังสือ โดย T.M.E.
    0 Comments 0 Shares 319 Views 0 Reviews
  • วิโรจน์ ชี้ รัฐธรรมนูญ 60 "เป็นโซ่ตรวนขวางพัฒนาประเทศ" รับการยุบสภาเป็นอำนาจเฉพาะตัวนายกฯ
    https://www.thai-tai.tv/news/22226/
    .
    #ไทยไท #วิโรจน์ #รัฐธรรมนูญ60 #อภิปรายไม่ไว้วางใจ #ทุนเทา #ยุบสภา
    วิโรจน์ ชี้ รัฐธรรมนูญ 60 "เป็นโซ่ตรวนขวางพัฒนาประเทศ" รับการยุบสภาเป็นอำนาจเฉพาะตัวนายกฯ https://www.thai-tai.tv/news/22226/ . #ไทยไท #วิโรจน์ #รัฐธรรมนูญ60 #อภิปรายไม่ไว้วางใจ #ทุนเทา #ยุบสภา
    0 Comments 0 Shares 226 Views 0 Reviews
  • ..ตอนนี้ทำไปทำมา เรา..ประชาชนเริ่มสงสัยในกองทัพไทยเราแล้ว สรุปกองทัพไทยเราถูกdeep stateอีลิทสากลควบคุมใช่หรือไม่นะ,การตัดสินอะไรใดๆไม่เด็ดขาดเลย,เมื่อไม่ฟังสายการเมืองแล้ว ก็ประกาศกฎอัยการศึกอย่างจริงจังเถอะ,แล้วประกาศภาวะสงครามทางการเงินทางเศรษฐกิจไทยให้ชัดเจนเลย,มันควบคลุมสายการเมืองการปกครองจริงทั้งหมดเพราะทั้งหมดมันใช้กลไกเงินกลไกตังขับเคลื่อนประเทศ deep stateมันก็ใช้ระบบทาสเงินครองทุกๆประเทศ สงครามการเงินจึงต้องประกาศให้ชัดเจน จากนั้นกองทัพไทยเราต้องเข้ายึดธนาคารกลางคือแบงค์ชาติไทยเราจริงจังทันที ควบคุมแบงค์ชาติไทยจริงอย่างเป็นทางการเพื่อกำหนดยุทธศาสตร์พัฒนาประเทศ ประกาศห้ามมีการทำกิจการใดๆด้านการเงินลักษณะโอนออกจากประเทศไทยทุกๆกรณี และอายัดทุกๆบัญชีเพื่อตรวจสอบทั้งหมดก่อนที่มีกระแสเงินสดไหลเข้าประเทศไทย,ตัดตอนบ่อนหมายทำลายไทยจ้างงานนักทำลายไทยทั้งหมดได้เพราะไม่มีเสบียงคือเงินให้มันเป็นอาหารมีแรงทำงานเต็มพลังหรือสั่งอะไรมาเสริมๆได้เพราะไม่มีตังไปซื้อไปสั่งมาเสริมด้วยถูกกองทัพไทยเราตัดตอนไว้ก่อนนั้นเอง,กองทัพไทยเลิกโง่เสียทีได้แล้ว โง่จากวัคซีนโควิดยังไม่อยากให้อภัยเลย องค์ภาเราก็ถูกวัคซีนจนวูบชัดเจนแน่นอน การสายข่าวทหารกากมากในเครื่องมือมากมายเต็มกองทัพไทยเรา,จน อ.สุจริตมาร่วมประชุมหัวโต๊ะให้สายทางวังรับรู้เรื่องราว.

    ..นี้คือสงครามชัดเจน ไทยเราโดยกองทัพไทยทหารไทยพระราชาเราต้องตัดสินใจเด็ดขาดได้แล้ว ลีลาน่าลำคาญมาก ยึดอำนาจรัฐบาลเสียเพราะมันใช้สภาทำงานออกกฎหมายให้ฝ่ายมืดอีลิทdeep stateชัดเจน พรบ.มากมายล้วนโยนปูทางสู่agenda2030มันชัดเจน,คลิปนี้คุณอดิเทพอธิบายไว้ชัดเจนมาก กองทัพไทยเรามารับรู้เรื่องนี้กันบ้างมั้ย มันของแท้เลยนะ มิใช่ของกากๆ ไบโอเมทริกซ์ บัตรประชาชนดิจิดัล เงินดิจิดัล เมืองอัจฉริยะ คาร์บอนเครดิต พรบ.การเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ กฎหมายมากมายมันเชื่อมโยงในการจะทำคนไทยประเทศไทยให้ตกเป็นทาสมันชัดเจน ผ่านกลไกกระบวนทางการเมืองของนักการเมือง ทหารทรยศเป็นกบฎเป็นภัยของแผ่นดินไทยเราก็รู้แจ้งเห็นชัดจากกรณีบิ๊กกุ้งยึดคืนพื้นที่11จุดได้ แต่คณะทีมงานฝ่ายพี่ท่านทีมเดอะแก๊งเดอะก๊กบูรพาพยัคฆ์ไม่ทำห่าเหวอะไรถีบเขมรออกจากแผ่นดินไทยจริงสักจุดทั่วภาค.1ตะวันออกทั้งหมด,นี้คือความทรยศชัดเจนขนาดไหน กองทัพไทยไม่เห็นมันเลยเหรอว่าจะตำตาตำใจท่านแล้วขนาดนั้น จะไปเล่นอะไรห่าเหวพิธีการกับมันอีก ไม่ยอมร่วมกันกำจัดกวาดล้างคนทรยศประจำภายในกองทัพด้วย ,พวกมันไม่สู้ชนะเรา..คนไทยประชาชนคนไทยหรอก เรา..ประชาชนยืนเคียงข้างทหารพระราชาแน่นอน พวกมันจะทำลายสถาบันกษัตริย์ชัดเจน โดยใช้หนังหน้าสายทางภาคการเมืองกำลังปาหี่แสดงละครอยู่ขณะนี้พร้อมสุมหัวจะกำจัดกองทัพไทยเราด้วย ลดเครดิตกองทัพไทยชัดเจนผ่านรัฐบาลชั่วเลวสาระพัดเลวที่แก๊งขูสามนิ้วชูนอมินีมาเป็นนายกฯแทนมันเสียข้างน้อย,การเมืองเรามันจบแล้ว กองทัพไทยต้องยึดอำนาจ ท่านรอห่าเหวอะไร เราเปลี่ยนเส้นทางเดินบนทางเรา..ประเทศไทยได้ ร่วมกันปกป้องประเทศเราและประชาชนคนไทยเราถึงที่สุดด้วยมือชาวไทยเราได้,บริบทและบทบาทภาคนักการเมืองมีแต่ทำลายทำร้ายชาติ ทำร้ายทำลายแผ่นดินไทย ท่านจะพากันนิ่งเฉยให้ชาติไทยพินาศแบบนี้จริงๆเหรอ.

    ..จากคลิปคุณอดิเทพ เราสามารถแก้ทางมันได้หมด,ยกเลิกเงินดิจิดัล พรบ.ใดๆที่สนับสนุนเงินดิจิดัลที่อีลิทเขียนฉีกทิ้งหมด,ให้กลับคืนมาใช้เงินบาทกระดาษ,รณรงค์คนไทยเราให้ซื่อสัตย์เพื่อดำรงรักษาคุณค่ามนุษย์บนแผ่นดินไทยให้ได้ ,ยกเลิกสนับสนุนAIมาทดแทนมนุษย์ โรงงานไทยใครจะมาตั้งฐานการผลิตให้ใช้จักรกลเพียง1%ของโรงงาน เพื่อสนันสนุนการจ้างแรงงานคนไทย99%,ยกเลิกแรงงานต่างด้าวทุกๆกรณีไปก่อน,ยึดคืนทรัพยากรที่ผูกขาดจากทุกๆสัญญาใดสัมปทานใดๆทั้งหมด ให้คืนสู่สามัญกลับไปพิจารณาให้เป็นเอกประโยชน์สูงสุดแก่เจ้าของทรัพยากรบนแผ่นดินไทยตนดั่งเดิมชัดเจนก่อน,ยกเลิกการสแกนใบหน้าซื้อสินค้า ยกเลิกบัตรคนจน ยกเลิกกระเป๋าตังดิจิดัล,ให้ประชาชนคนไทยใช้จ่ายจริงด้วยเงินสดภายในประเทศ,แอปใดที่ให้บริการซื้อขายออนไลน์ต้องชำระปลายทางด้วยเงินสดเท่านั้นในประเทศไทย,หากไม่สามารถทำได้ ให้ห้ามมีแอปนี้ให้บริการบนแผ่นดินไทย,ระบบสาธารณะใดๆทั่วไทยเราสามารถใช้เงินสดทั้งหมด,เต็มเงินเข้าบัตรปกติ,มิให้ใช้ตังดิจิดัล.เราจะสามารถต่อยอดและปกป้อง ป้องกันเราเองสาระพัดวิธี ,เมื่อกองทัพไทยเรายึดอำนาจจริง เรา..ประเทศไทยจะรอดพ้นภัยหายนะแน่นอน เพราะพระเจ้าให้เราเลือกเส้นทางเดินเองได้ ถ้าต่างดาวเลวอีลิทชั่ว บังคับเจตจำนงเรา..ประเทศไทย มันจะถูกลงโทษทันทีจากผู้ควบคุมกฎนี้ของจักรวาล ,วัคซีนมันจึงต้องให้เรายินยอมก่อนเป็นต้น มันจะตอบพระเจ้าไม่ได้ ซวยก็จะดับอนาถทั้งหมดแน่นอน,รัฐบาลไทยในอดีตมันรู้สิ่งนี้จึงเชิญชวนแทน แถบีบบังคับทางอ้อมกับคนไม่รู้เรื่องได้,

    ..ตอนนี้ รัฐบาลประเทศไทยยุคอดีตถึงปัจจุบัน มิใช่รัฐบาลประเทศไทย แต่เป็นCEOของอีลิทdeep stateสากลโลกมาปกครองแทนประเทศไทยผ่านปาหี่มุกเลือกตั้งทางประชาชนบังหน้า ,แต่ความจริงรัฐบาลไทยมิใช่รัฐบาลไทยเลย มันคือนอมินีหาแดกร่วมกันบนแผ่นดินไทยบนชื่อประเทศไทย ปกครองทาสประเทศไทยนี้ล่ะ,การพัฒนาก่อสร้างทั้งหมดเพื่ออำนวยการเข้าแดกบนทุกๆตารางนิ้วทั่วไทยได้ดียิ่งขึ้น ขนส่งสมบัติทรัพยากรมีค่าบนแผ่นดินไทยนี้ได้สะดวกยิ่งขึ้น มนุษย์คนไทยแค่เศษทาสแรงงานรับใช้สร้างงานวร้างเนื้องานสร้างประโยชน์สร้างผลกำไรให้มันแค่นั้น จึงมิให้คนไทยทั่วประเทศร่ำรวยได้ จงยากจนดักดานมั่นคงทั่วประเทศไทยต่อไป ทุกข์ยากลำบากวุ่นวายโกลาหลในบ้านในเมืองนี้ด้วยมิให้มรึงคนไทยประเทศไทยสงบได้ เช่นสั่งให้เขมรยิงระเบิดใส่คนไทยสร้างความวุ่นวายโกลาหล พม่า อินโดฯ ใดๆในภูมิภาคนี้คือสถานที่เก็บเกี่ยวผลประโยชน์บนความวุ่นวายไม่สงบสุขบนความโกลาหล ขายอาวุธขายสาระพัดให้พวกมรึงสู้กันกำไรรายได้เห็น บ้านมรึงต่อยอดวิบัติเป็นภัยใส่กันและกันมิให้สงบสุขรายวันนั้นเอง,จากภายในก็นักการเมืองที่กูสั่งได้หมด.

    ..นี้คือเหตุผลคราวๆทำไม กองทัพไทยพระราชาเรา ทหารพระราชาเรา ทหารไทยเราต้องยึดอำนาจ ต้องเด็ดขาดตัดตอนมันจริงๆ อย่าโง่อีกเลย เก็บกวาดกวาดล้างทำความสะอาดทั่วประเทศเลย..เรา..ประชาชนคนไทยทั้งประเทศยืนอยู่เคียงข้างเพื่อสร้างบ้านสร้างเมืองสร้างชาติเราใหม่ให้ดีงามอีกครั้งจากพวกชั่วเลวนี้ทำร้ายทำลายมายาวนานเสียที.

    #กองทัพไทยต้องประกาศกฎอัยการศึกทั่วประเทศไทยอย่างจริงจังเดี๋ยวนี้.

    #ทหารไทยต้องยึดอำนาจตัดตอนพวกมันจากทั้งภายในและที่ข้ามทวีปโลกมาด้วย.

    #การยึดอำนาจคือหนทางเดียวและคือทางออก

    #นักการเมืองไทยล้มเหลวในการปกป้องอธิปไตยชาติไทยทุกๆมิติแถมเป็นพวกมันด้วย.

    https://vm.tiktok.com/ZSHcFnF4NYfax-zGJpe/
    ..ตอนนี้ทำไปทำมา เรา..ประชาชนเริ่มสงสัยในกองทัพไทยเราแล้ว สรุปกองทัพไทยเราถูกdeep stateอีลิทสากลควบคุมใช่หรือไม่นะ,การตัดสินอะไรใดๆไม่เด็ดขาดเลย,เมื่อไม่ฟังสายการเมืองแล้ว ก็ประกาศกฎอัยการศึกอย่างจริงจังเถอะ,แล้วประกาศภาวะสงครามทางการเงินทางเศรษฐกิจไทยให้ชัดเจนเลย,มันควบคลุมสายการเมืองการปกครองจริงทั้งหมดเพราะทั้งหมดมันใช้กลไกเงินกลไกตังขับเคลื่อนประเทศ deep stateมันก็ใช้ระบบทาสเงินครองทุกๆประเทศ สงครามการเงินจึงต้องประกาศให้ชัดเจน จากนั้นกองทัพไทยเราต้องเข้ายึดธนาคารกลางคือแบงค์ชาติไทยเราจริงจังทันที ควบคุมแบงค์ชาติไทยจริงอย่างเป็นทางการเพื่อกำหนดยุทธศาสตร์พัฒนาประเทศ ประกาศห้ามมีการทำกิจการใดๆด้านการเงินลักษณะโอนออกจากประเทศไทยทุกๆกรณี และอายัดทุกๆบัญชีเพื่อตรวจสอบทั้งหมดก่อนที่มีกระแสเงินสดไหลเข้าประเทศไทย,ตัดตอนบ่อนหมายทำลายไทยจ้างงานนักทำลายไทยทั้งหมดได้เพราะไม่มีเสบียงคือเงินให้มันเป็นอาหารมีแรงทำงานเต็มพลังหรือสั่งอะไรมาเสริมๆได้เพราะไม่มีตังไปซื้อไปสั่งมาเสริมด้วยถูกกองทัพไทยเราตัดตอนไว้ก่อนนั้นเอง,กองทัพไทยเลิกโง่เสียทีได้แล้ว โง่จากวัคซีนโควิดยังไม่อยากให้อภัยเลย องค์ภาเราก็ถูกวัคซีนจนวูบชัดเจนแน่นอน การสายข่าวทหารกากมากในเครื่องมือมากมายเต็มกองทัพไทยเรา,จน อ.สุจริตมาร่วมประชุมหัวโต๊ะให้สายทางวังรับรู้เรื่องราว. ..นี้คือสงครามชัดเจน ไทยเราโดยกองทัพไทยทหารไทยพระราชาเราต้องตัดสินใจเด็ดขาดได้แล้ว ลีลาน่าลำคาญมาก ยึดอำนาจรัฐบาลเสียเพราะมันใช้สภาทำงานออกกฎหมายให้ฝ่ายมืดอีลิทdeep stateชัดเจน พรบ.มากมายล้วนโยนปูทางสู่agenda2030มันชัดเจน,คลิปนี้คุณอดิเทพอธิบายไว้ชัดเจนมาก กองทัพไทยเรามารับรู้เรื่องนี้กันบ้างมั้ย มันของแท้เลยนะ มิใช่ของกากๆ ไบโอเมทริกซ์ บัตรประชาชนดิจิดัล เงินดิจิดัล เมืองอัจฉริยะ คาร์บอนเครดิต พรบ.การเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ กฎหมายมากมายมันเชื่อมโยงในการจะทำคนไทยประเทศไทยให้ตกเป็นทาสมันชัดเจน ผ่านกลไกกระบวนทางการเมืองของนักการเมือง ทหารทรยศเป็นกบฎเป็นภัยของแผ่นดินไทยเราก็รู้แจ้งเห็นชัดจากกรณีบิ๊กกุ้งยึดคืนพื้นที่11จุดได้ แต่คณะทีมงานฝ่ายพี่ท่านทีมเดอะแก๊งเดอะก๊กบูรพาพยัคฆ์ไม่ทำห่าเหวอะไรถีบเขมรออกจากแผ่นดินไทยจริงสักจุดทั่วภาค.1ตะวันออกทั้งหมด,นี้คือความทรยศชัดเจนขนาดไหน กองทัพไทยไม่เห็นมันเลยเหรอว่าจะตำตาตำใจท่านแล้วขนาดนั้น จะไปเล่นอะไรห่าเหวพิธีการกับมันอีก ไม่ยอมร่วมกันกำจัดกวาดล้างคนทรยศประจำภายในกองทัพด้วย ,พวกมันไม่สู้ชนะเรา..คนไทยประชาชนคนไทยหรอก เรา..ประชาชนยืนเคียงข้างทหารพระราชาแน่นอน พวกมันจะทำลายสถาบันกษัตริย์ชัดเจน โดยใช้หนังหน้าสายทางภาคการเมืองกำลังปาหี่แสดงละครอยู่ขณะนี้พร้อมสุมหัวจะกำจัดกองทัพไทยเราด้วย ลดเครดิตกองทัพไทยชัดเจนผ่านรัฐบาลชั่วเลวสาระพัดเลวที่แก๊งขูสามนิ้วชูนอมินีมาเป็นนายกฯแทนมันเสียข้างน้อย,การเมืองเรามันจบแล้ว กองทัพไทยต้องยึดอำนาจ ท่านรอห่าเหวอะไร เราเปลี่ยนเส้นทางเดินบนทางเรา..ประเทศไทยได้ ร่วมกันปกป้องประเทศเราและประชาชนคนไทยเราถึงที่สุดด้วยมือชาวไทยเราได้,บริบทและบทบาทภาคนักการเมืองมีแต่ทำลายทำร้ายชาติ ทำร้ายทำลายแผ่นดินไทย ท่านจะพากันนิ่งเฉยให้ชาติไทยพินาศแบบนี้จริงๆเหรอ. ..จากคลิปคุณอดิเทพ เราสามารถแก้ทางมันได้หมด,ยกเลิกเงินดิจิดัล พรบ.ใดๆที่สนับสนุนเงินดิจิดัลที่อีลิทเขียนฉีกทิ้งหมด,ให้กลับคืนมาใช้เงินบาทกระดาษ,รณรงค์คนไทยเราให้ซื่อสัตย์เพื่อดำรงรักษาคุณค่ามนุษย์บนแผ่นดินไทยให้ได้ ,ยกเลิกสนับสนุนAIมาทดแทนมนุษย์ โรงงานไทยใครจะมาตั้งฐานการผลิตให้ใช้จักรกลเพียง1%ของโรงงาน เพื่อสนันสนุนการจ้างแรงงานคนไทย99%,ยกเลิกแรงงานต่างด้าวทุกๆกรณีไปก่อน,ยึดคืนทรัพยากรที่ผูกขาดจากทุกๆสัญญาใดสัมปทานใดๆทั้งหมด ให้คืนสู่สามัญกลับไปพิจารณาให้เป็นเอกประโยชน์สูงสุดแก่เจ้าของทรัพยากรบนแผ่นดินไทยตนดั่งเดิมชัดเจนก่อน,ยกเลิกการสแกนใบหน้าซื้อสินค้า ยกเลิกบัตรคนจน ยกเลิกกระเป๋าตังดิจิดัล,ให้ประชาชนคนไทยใช้จ่ายจริงด้วยเงินสดภายในประเทศ,แอปใดที่ให้บริการซื้อขายออนไลน์ต้องชำระปลายทางด้วยเงินสดเท่านั้นในประเทศไทย,หากไม่สามารถทำได้ ให้ห้ามมีแอปนี้ให้บริการบนแผ่นดินไทย,ระบบสาธารณะใดๆทั่วไทยเราสามารถใช้เงินสดทั้งหมด,เต็มเงินเข้าบัตรปกติ,มิให้ใช้ตังดิจิดัล.เราจะสามารถต่อยอดและปกป้อง ป้องกันเราเองสาระพัดวิธี ,เมื่อกองทัพไทยเรายึดอำนาจจริง เรา..ประเทศไทยจะรอดพ้นภัยหายนะแน่นอน เพราะพระเจ้าให้เราเลือกเส้นทางเดินเองได้ ถ้าต่างดาวเลวอีลิทชั่ว บังคับเจตจำนงเรา..ประเทศไทย มันจะถูกลงโทษทันทีจากผู้ควบคุมกฎนี้ของจักรวาล ,วัคซีนมันจึงต้องให้เรายินยอมก่อนเป็นต้น มันจะตอบพระเจ้าไม่ได้ ซวยก็จะดับอนาถทั้งหมดแน่นอน,รัฐบาลไทยในอดีตมันรู้สิ่งนี้จึงเชิญชวนแทน แถบีบบังคับทางอ้อมกับคนไม่รู้เรื่องได้, ..ตอนนี้ รัฐบาลประเทศไทยยุคอดีตถึงปัจจุบัน มิใช่รัฐบาลประเทศไทย แต่เป็นCEOของอีลิทdeep stateสากลโลกมาปกครองแทนประเทศไทยผ่านปาหี่มุกเลือกตั้งทางประชาชนบังหน้า ,แต่ความจริงรัฐบาลไทยมิใช่รัฐบาลไทยเลย มันคือนอมินีหาแดกร่วมกันบนแผ่นดินไทยบนชื่อประเทศไทย ปกครองทาสประเทศไทยนี้ล่ะ,การพัฒนาก่อสร้างทั้งหมดเพื่ออำนวยการเข้าแดกบนทุกๆตารางนิ้วทั่วไทยได้ดียิ่งขึ้น ขนส่งสมบัติทรัพยากรมีค่าบนแผ่นดินไทยนี้ได้สะดวกยิ่งขึ้น มนุษย์คนไทยแค่เศษทาสแรงงานรับใช้สร้างงานวร้างเนื้องานสร้างประโยชน์สร้างผลกำไรให้มันแค่นั้น จึงมิให้คนไทยทั่วประเทศร่ำรวยได้ จงยากจนดักดานมั่นคงทั่วประเทศไทยต่อไป ทุกข์ยากลำบากวุ่นวายโกลาหลในบ้านในเมืองนี้ด้วยมิให้มรึงคนไทยประเทศไทยสงบได้ เช่นสั่งให้เขมรยิงระเบิดใส่คนไทยสร้างความวุ่นวายโกลาหล พม่า อินโดฯ ใดๆในภูมิภาคนี้คือสถานที่เก็บเกี่ยวผลประโยชน์บนความวุ่นวายไม่สงบสุขบนความโกลาหล ขายอาวุธขายสาระพัดให้พวกมรึงสู้กันกำไรรายได้เห็น บ้านมรึงต่อยอดวิบัติเป็นภัยใส่กันและกันมิให้สงบสุขรายวันนั้นเอง,จากภายในก็นักการเมืองที่กูสั่งได้หมด. ..นี้คือเหตุผลคราวๆทำไม กองทัพไทยพระราชาเรา ทหารพระราชาเรา ทหารไทยเราต้องยึดอำนาจ ต้องเด็ดขาดตัดตอนมันจริงๆ อย่าโง่อีกเลย เก็บกวาดกวาดล้างทำความสะอาดทั่วประเทศเลย..เรา..ประชาชนคนไทยทั้งประเทศยืนอยู่เคียงข้างเพื่อสร้างบ้านสร้างเมืองสร้างชาติเราใหม่ให้ดีงามอีกครั้งจากพวกชั่วเลวนี้ทำร้ายทำลายมายาวนานเสียที. #กองทัพไทยต้องประกาศกฎอัยการศึกทั่วประเทศไทยอย่างจริงจังเดี๋ยวนี้. #ทหารไทยต้องยึดอำนาจตัดตอนพวกมันจากทั้งภายในและที่ข้ามทวีปโลกมาด้วย. #การยึดอำนาจคือหนทางเดียวและคือทางออก #นักการเมืองไทยล้มเหลวในการปกป้องอธิปไตยชาติไทยทุกๆมิติแถมเป็นพวกมันด้วย. https://vm.tiktok.com/ZSHcFnF4NYfax-zGJpe/
    @adithepchawla01

    Biometric Clip 1 of 3 สแกนหน้า ความปลอดภัย หรือการควบคุม?

    ♬ original sound - อดิเทพ จาวลาห์ - อดิเทพ จาวลาห์
    0 Comments 0 Shares 1121 Views 0 Reviews
  • บทความกฎหมาย EP.12

    กฎหมายเป็นมากกว่าชุดข้อบังคับ เป็นเสาหลักที่ค้ำจุนสังคมให้ดำรงอยู่ได้อย่างสงบและเป็นธรรม หลักเกณฑ์และบรรทัดฐานเหล่านี้ได้ถูกบัญญัติขึ้นเพื่อกำหนดทิศทางของพฤติกรรมทั้งของปัจเจกบุคคลและกลุ่มองค์กรในสังคม การมีอยู่ของกฎหมายมิได้มีเพียงเพื่อจำกัดสิทธิเสรีภาพ แต่เพื่อสร้างขอบเขตที่ชัดเจนให้ทุกคนสามารถอยู่ร่วมกันได้ภายใต้ความคาดหวังร่วมกันว่าความประพฤติใดคือสิ่งที่ยอมรับได้ และพฤติกรรมใดที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ส่วนรวม เมื่อใดก็ตามที่ความขัดแย้งเกิดขึ้นหรือความสงบเรียบร้อยถูกคุกคาม กฎหมายจะเข้ามาทำหน้าที่เป็นกลไกในการตัดสินและแก้ไขข้อพิพาท เพื่อธำรงไว้ซึ่งความยุติธรรมอันเป็นหัวใจสำคัญของการอยู่ร่วมกันในฐานะพลเมือง

    กลไกอันทรงพลังที่ขับเคลื่อนกฎหมายให้มีผลบังคับใช้ได้อย่างแท้จริงคืออำนาจของรัฐ รัฐในฐานะผู้มีอำนาจอธิปไตยจะดำเนินการบังคับใช้กฎหมายเหล่านั้นอย่างเคร่งครัดและเป็นกลาง การบังคับใช้มิได้จำกัดอยู่แค่การลงโทษผู้กระทำผิด แต่รวมถึงการให้ความคุ้มครองสิทธิของพลเมือง การจัดระเบียบโครงสร้างทางสังคมและเศรษฐกิจ ตลอดจนการสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการพัฒนาประเทศ การที่กฎหมายมีผลบังคับใช้โดยรัฐทำให้หลักเกณฑ์ต่างๆ มีน้ำหนักและมีความศักดิ์สิทธิ์ ไม่ใช่เพียงแค่ข้อเสนอแนะที่ใครจะเลือกปฏิบัติตามหรือไม่ก็ได้ ความแน่นอนและเด็ดขาดในการบังคับใช้นี่เองที่เป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนว่าทุกการกระทำย่อมมีผลตามมาและไม่มีใครอยู่เหนือกฎเกณฑ์

    ดังนั้น กฎหมายจึงเป็นเครื่องมือสำคัญในการรักษาสมดุลระหว่างเสรีภาพของบุคคลกับผลประโยชน์ของส่วนรวม เป็นเกราะป้องกันความวุ่นวายและเป็นเส้นทางสู่ความเป็นธรรม กฎหมายสะท้อนให้เห็นถึงค่านิยมและความมุ่งหวังของสังคมในแต่ละยุคสมัย ในฐานะพลเมือง การเรียนรู้และเคารพในกฎหมายจึงไม่ใช่เพียงหน้าที่ แต่คือการมีส่วนร่วมในการสร้างสรรค์และรักษาสังคมที่เราต้องการให้อยู่ร่วมกันอย่างยั่งยืน การทำความเข้าใจในเจตนารมณ์ของกฎหมายจะนำมาซึ่งการยอมรับและปฏิบัติตามด้วยความสมัครใจ อันเป็นรากฐานที่มั่นคงของรัฐที่สงบสุขและยุติธรรมอย่างแท้จริง
    บทความกฎหมาย EP.12 กฎหมายเป็นมากกว่าชุดข้อบังคับ เป็นเสาหลักที่ค้ำจุนสังคมให้ดำรงอยู่ได้อย่างสงบและเป็นธรรม หลักเกณฑ์และบรรทัดฐานเหล่านี้ได้ถูกบัญญัติขึ้นเพื่อกำหนดทิศทางของพฤติกรรมทั้งของปัจเจกบุคคลและกลุ่มองค์กรในสังคม การมีอยู่ของกฎหมายมิได้มีเพียงเพื่อจำกัดสิทธิเสรีภาพ แต่เพื่อสร้างขอบเขตที่ชัดเจนให้ทุกคนสามารถอยู่ร่วมกันได้ภายใต้ความคาดหวังร่วมกันว่าความประพฤติใดคือสิ่งที่ยอมรับได้ และพฤติกรรมใดที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ส่วนรวม เมื่อใดก็ตามที่ความขัดแย้งเกิดขึ้นหรือความสงบเรียบร้อยถูกคุกคาม กฎหมายจะเข้ามาทำหน้าที่เป็นกลไกในการตัดสินและแก้ไขข้อพิพาท เพื่อธำรงไว้ซึ่งความยุติธรรมอันเป็นหัวใจสำคัญของการอยู่ร่วมกันในฐานะพลเมือง กลไกอันทรงพลังที่ขับเคลื่อนกฎหมายให้มีผลบังคับใช้ได้อย่างแท้จริงคืออำนาจของรัฐ รัฐในฐานะผู้มีอำนาจอธิปไตยจะดำเนินการบังคับใช้กฎหมายเหล่านั้นอย่างเคร่งครัดและเป็นกลาง การบังคับใช้มิได้จำกัดอยู่แค่การลงโทษผู้กระทำผิด แต่รวมถึงการให้ความคุ้มครองสิทธิของพลเมือง การจัดระเบียบโครงสร้างทางสังคมและเศรษฐกิจ ตลอดจนการสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการพัฒนาประเทศ การที่กฎหมายมีผลบังคับใช้โดยรัฐทำให้หลักเกณฑ์ต่างๆ มีน้ำหนักและมีความศักดิ์สิทธิ์ ไม่ใช่เพียงแค่ข้อเสนอแนะที่ใครจะเลือกปฏิบัติตามหรือไม่ก็ได้ ความแน่นอนและเด็ดขาดในการบังคับใช้นี่เองที่เป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนว่าทุกการกระทำย่อมมีผลตามมาและไม่มีใครอยู่เหนือกฎเกณฑ์ ดังนั้น กฎหมายจึงเป็นเครื่องมือสำคัญในการรักษาสมดุลระหว่างเสรีภาพของบุคคลกับผลประโยชน์ของส่วนรวม เป็นเกราะป้องกันความวุ่นวายและเป็นเส้นทางสู่ความเป็นธรรม กฎหมายสะท้อนให้เห็นถึงค่านิยมและความมุ่งหวังของสังคมในแต่ละยุคสมัย ในฐานะพลเมือง การเรียนรู้และเคารพในกฎหมายจึงไม่ใช่เพียงหน้าที่ แต่คือการมีส่วนร่วมในการสร้างสรรค์และรักษาสังคมที่เราต้องการให้อยู่ร่วมกันอย่างยั่งยืน การทำความเข้าใจในเจตนารมณ์ของกฎหมายจะนำมาซึ่งการยอมรับและปฏิบัติตามด้วยความสมัครใจ อันเป็นรากฐานที่มั่นคงของรัฐที่สงบสุขและยุติธรรมอย่างแท้จริง
    0 Comments 0 Shares 493 Views 0 Reviews
  • บทความกฎหมาย EP.8

    เอกสารราชการคือหลักฐานที่มีความสำคัญยิ่งในทางการปกครองและการบริหารราชการแผ่นดิน ไม่ว่าจะเป็นการติดต่อสื่อสารระหว่างหน่วยงานของรัฐด้วยกันเอง หรือการประสานงานกับภาคเอกชนและประชาชนทั่วไป เอกสารเหล่านี้ทำหน้าที่เสมือนเส้นเลือดที่หล่อเลี้ยงระบบราชการ ทำให้การดำเนินงานต่างๆ เป็นไปอย่างราบรื่น ถูกต้อง และตรวจสอบได้ตามกฎหมาย ตั้งแต่หนังสือสั่งการ ข้อบังคับ ประกาศ ไปจนถึงรายงานการประชุมทุกฉบับล้วนเป็นกลไกสำคัญที่สะท้อนถึงความโปร่งใส ความรับผิดชอบ และประสิทธิภาพในการทำงานของภาครัฐ การทำความเข้าใจในความหมายและประเภทของเอกสารราชการจึงเป็นพื้นฐานสำคัญสำหรับทุกคนที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการภาครัฐ เพื่อให้มั่นใจได้ว่าทุกขั้นตอนของงานราชการดำเนินการอย่างเป็นระบบ มีมาตรฐาน และสามารถอ้างอิงได้อย่างเป็นทางการ

    ความน่าเชื่อถือและความศักดิ์สิทธิ์ของเอกสารราชการมิได้อยู่ที่กระดาษหรือหมึกที่ใช้ หากแต่อยู่ที่เนื้อหา ข้อกฎหมายที่รองรับ และเจตนาในการนำไปปฏิบัติ ซึ่งต้องเป็นไปเพื่อประโยชน์สาธารณะเป็นที่ตั้ง เอกสารเหล่านี้จึงเป็นเครื่องมือที่ใช้ในการสร้างความเข้าใจร่วมกัน บันทึกข้อตกลง สิทธิ และหน้าที่ รวมถึงเป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่สะท้อนการเปลี่ยนแปลงและการพัฒนาของประเทศ ทุกการลงนาม ทุกตราประทับ ล้วนมีความหมายและมีผลผูกพันทางกฎหมาย การจัดทำ การเก็บรักษา และการทำลายเอกสารราชการจึงต้องเป็นไปตามระเบียบที่กำหนดไว้โดยเคร่งครัด เพื่อป้องกันความผิดพลาด การทุจริต และการสูญหายของข้อมูลสำคัญ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจและการให้บริการประชาชนในวงกว้าง ดังนั้น เจ้าหน้าที่ทุกคนจึงมีหน้าที่ในการดูแลและจัดการเอกสารเหล่านี้ด้วยความรอบคอบและสำนึกในความรับผิดชอบสูงสุด

    โดยสรุปแล้ว เอกสารราชการเป็นมากกว่ากระดาษหรือไฟล์ข้อมูล แต่คือสัญลักษณ์ของอำนาจรัฐ ความน่าเชื่อถือ และเป็นเครื่องมือในการขับเคลื่อนนโยบายสาธารณะให้บรรลุผลสำเร็จ การให้ความสำคัญกับการจัดทำและการบริหารจัดการเอกสารราชการอย่างมีมาตรฐานและเป็นระบบระเบียบ จึงเป็นหัวใจสำคัญที่จะช่วยยกระดับธรรมาภิบาล สร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน และเป็นรากฐานที่มั่นคงในการพัฒนาประเทศชาติให้ก้าวหน้าอย่างยั่งยืนต่อไป
    บทความกฎหมาย EP.8 เอกสารราชการคือหลักฐานที่มีความสำคัญยิ่งในทางการปกครองและการบริหารราชการแผ่นดิน ไม่ว่าจะเป็นการติดต่อสื่อสารระหว่างหน่วยงานของรัฐด้วยกันเอง หรือการประสานงานกับภาคเอกชนและประชาชนทั่วไป เอกสารเหล่านี้ทำหน้าที่เสมือนเส้นเลือดที่หล่อเลี้ยงระบบราชการ ทำให้การดำเนินงานต่างๆ เป็นไปอย่างราบรื่น ถูกต้อง และตรวจสอบได้ตามกฎหมาย ตั้งแต่หนังสือสั่งการ ข้อบังคับ ประกาศ ไปจนถึงรายงานการประชุมทุกฉบับล้วนเป็นกลไกสำคัญที่สะท้อนถึงความโปร่งใส ความรับผิดชอบ และประสิทธิภาพในการทำงานของภาครัฐ การทำความเข้าใจในความหมายและประเภทของเอกสารราชการจึงเป็นพื้นฐานสำคัญสำหรับทุกคนที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการภาครัฐ เพื่อให้มั่นใจได้ว่าทุกขั้นตอนของงานราชการดำเนินการอย่างเป็นระบบ มีมาตรฐาน และสามารถอ้างอิงได้อย่างเป็นทางการ ความน่าเชื่อถือและความศักดิ์สิทธิ์ของเอกสารราชการมิได้อยู่ที่กระดาษหรือหมึกที่ใช้ หากแต่อยู่ที่เนื้อหา ข้อกฎหมายที่รองรับ และเจตนาในการนำไปปฏิบัติ ซึ่งต้องเป็นไปเพื่อประโยชน์สาธารณะเป็นที่ตั้ง เอกสารเหล่านี้จึงเป็นเครื่องมือที่ใช้ในการสร้างความเข้าใจร่วมกัน บันทึกข้อตกลง สิทธิ และหน้าที่ รวมถึงเป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่สะท้อนการเปลี่ยนแปลงและการพัฒนาของประเทศ ทุกการลงนาม ทุกตราประทับ ล้วนมีความหมายและมีผลผูกพันทางกฎหมาย การจัดทำ การเก็บรักษา และการทำลายเอกสารราชการจึงต้องเป็นไปตามระเบียบที่กำหนดไว้โดยเคร่งครัด เพื่อป้องกันความผิดพลาด การทุจริต และการสูญหายของข้อมูลสำคัญ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจและการให้บริการประชาชนในวงกว้าง ดังนั้น เจ้าหน้าที่ทุกคนจึงมีหน้าที่ในการดูแลและจัดการเอกสารเหล่านี้ด้วยความรอบคอบและสำนึกในความรับผิดชอบสูงสุด โดยสรุปแล้ว เอกสารราชการเป็นมากกว่ากระดาษหรือไฟล์ข้อมูล แต่คือสัญลักษณ์ของอำนาจรัฐ ความน่าเชื่อถือ และเป็นเครื่องมือในการขับเคลื่อนนโยบายสาธารณะให้บรรลุผลสำเร็จ การให้ความสำคัญกับการจัดทำและการบริหารจัดการเอกสารราชการอย่างมีมาตรฐานและเป็นระบบระเบียบ จึงเป็นหัวใจสำคัญที่จะช่วยยกระดับธรรมาภิบาล สร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน และเป็นรากฐานที่มั่นคงในการพัฒนาประเทศชาติให้ก้าวหน้าอย่างยั่งยืนต่อไป
    0 Comments 0 Shares 536 Views 0 Reviews
  • รู้จัก 'ดร.เอ้ สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์' หัวหน้าพรรคไทยก้าวใหม่ ชูการศึกษาพัฒนาคน พัฒนาประเทศ
    https://www.thai-tai.tv/news/21819/
    .
    #ไทยไท #ไทยก้าวใหม่ #ดรเอ้ #สุชัชวีร์ #การศึกษา #MIT #วิศวกรรมอุโมงค์
    รู้จัก 'ดร.เอ้ สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์' หัวหน้าพรรคไทยก้าวใหม่ ชูการศึกษาพัฒนาคน พัฒนาประเทศ https://www.thai-tai.tv/news/21819/ . #ไทยไท #ไทยก้าวใหม่ #ดรเอ้ #สุชัชวีร์ #การศึกษา #MIT #วิศวกรรมอุโมงค์
    0 Comments 0 Shares 254 Views 0 Reviews
  • เหยื่อ – ขวาง ตอนที่ 2
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “เหยื่อ”
    ตอนที่ 2 : “ขวาง 2”

    คงเห็นชัดเจนแล้วว่าอังกฤษเป็นโรคแพ้ทางรถไฟ โดยเฉพาะสาย Berlin Bagdad ซึ่งสร้างโดยเยอรมัน อนุญาตโดยออตโตมาน อังกฤษจะแก้อาการแพ้ทางรถไฟนี้อย่างไร อังกฤษตั้งใจใช้ไม้เสี้ยม หวังให้รางรถไฟแหกโค้ง ตกเขาจบสิ้นไป แต่ถ้าเอาแว่นขยายส่องอีกหน่อย เราจะเห็นความเหี้ยมของอังกฤษว่า ไม่ใช่แค่เสี้ยมให้ทางรถไฟแหกโค้งตกเขา แล้วเรื่องจะจบ อาการแพ้จะหายไป นั่นมันง่ายไป และใจดีไปสำหรับชาวเกาะ มันต้องมีอะไรซับซ้อนซ่อนมากกว่านั้น เกินจิตนาการ เล่าแล้วเหมือนจะทำลายหัวใจ พวกที่นิยมบูชาฝรั่ง

    เริ่มจาก ค.ศ. 1873 เป็นต้นมา ความเจริญทางเศรษฐกิจระหว่างอังกฤษกับเยอรมัน ดูเหมือนจะใช้อัตราและขนาด ทิ้งห่างกันออกไปเรื่อย ๆ ในที่สุดก็ถึงระดับที่ทำให้สงครามโลกครั้งที่ 1 ต้องถูกจุดให้เกิดระเบิดขึ้น ในปี ค.ศ. 1914 แต่สาเหตุแท้จริงของการจุดให้เกิดสงครามโลก ได้ถูกซ่อนลึก จนแทบจะไม่มีใครได้รู้จนเวลาผ่านพ้นไปนานพอสมควร

    ประมาณปลายศตวรรษที่ 19 กลุ่มธุรกิจ การเงิน นักการเมือง และพวกอีลิตของชาวเกาะอังกฤษ เริ่มออกอาการ เนื่องจากเห็นความเปลี่ยนแปลง ของพวกอยู่บนแผ่นดินใหญ่ของทวีปยุโรป ที่ดูจะคึกคักผิดปรกติ

    การเกิดของกองเรือขนส่งสินค้าของเยอรมัน ที่ทำท่าว่ากำลังทำมาค้าขึ้น ข่าวเรื่องการก่อสร้างทางรถไฟสาย Berlin Bagdad ที่จะวิ่งไปตามเส้นทาง ที่จะทำให้ อินเดีย กล่องดวงใจ ของรักของหวงของชาวเกาะ มีโอกาสล่อแหลมที่จะถูกฉกไปเชยชม แบบนี้ชาวเกาะจะไม่รู้สึกว่า มีอาการของกรดไหลย้อนขึ้นมาละหรือ

    ในช่วง ค.ศ. 1890 อุตสาหกรรมของอังกฤษ ทั้งในด้านคุณภาพและปริมาณ รวมทั้งด้านการเกษตร นำหน้าเยอรมันหลายช่วงตัว เรียกว่าเหลียวหลังหันกลับไปมองจนคอจะเคล็ดตาย ยังไม่เห็นแม้เงาราง ๆ ของเยอรมันวิ่งตามมา อังกฤษเจ้าแห่งนักล่าอาณานิคม มองเยอรมันเหมือนคนป่าเถื่อน เทอะทะ เฟอะฟะ พูดจาเหมือนออกมาจากดงดิบ ดีว่าตัวขาวผมทอง ไม่งั้นคงถูกเหมาว่ามาจากแถบอื่น ไม่ใช่ชาวยุโรป
    เมื่อ ค.ศ. 1850 อังกฤษยังเพลิดเพลินและโดดเด่นในการล่าอาณานิคม ขยายอาณาเขตของตัวเองกว้างไกลไปไม่หยุด เพื่อไปขโมยเอาทรัพยากรของผู้ที่ตกเป็นเหยื่อ อังกฤษทำเพราะส่วนหนึ่งเกาะตัวเองใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยของเท้าซ้าย จะเอาเนื้อที่ส่วนไหนมาให้ประชาชนทำมาหากิน ปลูกผักปลูกหญ้า แถมทรัพยากรสำคัญก็ไม่มี มีแต่ถ่านหินที่พอเชิดหน้าชูตาได้ จะกินเข้าไปได้หรือถ่านหินน่ะ อังกฤษจึงใช้ความคิดกับปากเป็นอาวุธสำคัญในการล่าอาณานิคม แต่อาวุธกับปากมันไปเองไม่ได้ จึงต้องมีกองทัพเรืออันยิ่งใหญ่ เพื่อไปหลอก ไปต้ม ไปเสี้ยม ไปล่า ไปเอาอาณานิคมมาเกือบทั้งโลก ก็ต้องยอมรับว่า วิทยายุทธการล่าเหยื่อของชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยเท้าซ้ายนี้สูงส่งนัก

    แผนการหนึ่งของการล่า คือทำให้เหยื่อเปิดประตูบ้าน ให้นักล่าเข้านอกออกใน และหลังจากนั้น นักล่าชาวเกาะใหญ่นี้ จะได้ไปถอดกลอนประตูบ้านเขาให้ เปิดกว้าง สู่การค้าเสรี การค้าเสรี นักล่ารุ่นเก่าเขาก็ทำนะ อย่านึกว่ามีแต่รุ่นใหม่ มีอะไรเอามาขายให้หมด (ในราคาถูก) เพื่อแลกกับของแปลก ๆ ใหม่ ๆ ที่อังกฤษนักล่า เอาไปหลอกขาย คิดดูแล้ว ก็เหมือนพ่อค้าเร่ขายยา มีของอยู่เต็มท้ายรถ ไปถึงก็หลอกชาวบ้าน โดยฉายหนังกลางแปลง ชาวบ้านก็หอบลูกจูงหลานมาดู หนังเลิก ก็อดซื้ออะไรแปลก ๆ ใหม่ ๆ ที่ไม่เคยเห็นติดไม้ติดมือกลับ บ้านไปไม่ได้ พ่อค้าซื้อมาถูกๆ มาขายต่อราคาแพง ๆ กับชาวบ้านต่างถิ่นไกลโพ้น ที่ไม่มีโอกาสเห็นโลกกว้าง เออ! หลอกต้มแบบนี้มาตั้งกะสมัยปู่ย่า ถึงสมัยลูกหลานก็ยังโดนหลอกอยู่เหมือนเดิม

    สินค้าที่พ่อค้าเร่ขายยา นักล่ารุ่นเก่าชอบเอามาหลอกเหยื่อสมัยนั้น ส่วนมากก็เป็นพวกเครื่องมือ เครื่องใช้สมัยใหม่ วิทยาการใหม่ทางวิทยาศาตร์ เช่น โทรเลข โทรศัพท์ รถไฟ รถราง และเครื่องไฟฟ้าต่าง ๆ เป็นต้น

    แล้วเหยื่อส่วนใหญ่ก็กินเบ็ด เพราะไม่เคยมี ก็อยากมี แต่ไม่มีทุนพอซื้อหรือสร้าง นักล่าบอกไม่เป็นไร มีแผนสำเร็จรูปเตรียมไว้ให้ ได้เลย เดี๋ยวไอจัดการให้ ไอหาเงินกู้ดอกถูกมาให้สร้างเสาโทรเลขดีไหม จะได้ไม่ต้องขี่อูฐกันไป 3 เดือนกว่าจะรู้เรื่อง กดแต๊ก แต๊ก แต๊ก เดี๋ยวเดียว ก็รู้แล้วว่าไอ้คนที่เจ้านายส่งไปดูแลหัวเมืองน่ะ มันทำงาน หรือกลับบ้านไปนอนกลางวันทุกวัน นี่มันคิดหลอกกันแบบนี้ เป็นร้อยปีมากแล้ว แต่ยังใช้ได้อยู่ ลุงนิทานเล่าซ้ำซากด้วยความอ่อนใจ

    เหยื่อส่วนใหญ่ก็ตกลง ให้นักล่าจัดการสร้างโน่น ติดตั้งนี้ ไปเรื่อย ๆ ด้วยเงินกู้ที่นักล่าจัดการให้ แล้วเหยื่อก็เป็นหนี้บานทะโล่ไปเรื่อย ๆ ส่วนหนึ่งที่ออตโตมานเจ๊ง ถูกเรียกว่าเป็นคนป่วยก็มาจากเหตุนี้แหละ ถูกต้ม ให้ซื้อ ให้ทำสงคราม ให้สร้างกองทัพ ฯลฯ ส่วนนักล่าเมื่อได้เงินมา ส่วนหนึ่งก็ซื้อสินค้าพื้นเมืองราคาถูก กลับไปขายแพงที่บ้าน มีกำไรดี แต่เงินส่วนใหญ่กลับไปหานายธนาคารผู้สนับสนุน ทั้งการเดินทาง และการสร้างของเล่นให้เหยื่อ ทำแบบนี้เหมือนอังกฤษน่าจะรวย แต่ ค.ศ. 1870 อังกฤษเกิดอาการเศรษฐกิจตกสะเก็ด เงินไปกระจุกตัวอยู่ที่นายธนาคารผู้ให้กู้ ประชาชนส่วนใหญ่ไม่มีกิน
    เยอรมันบอกวิธีนี้ ถ้าเราทำตาม เราก็คงเจ็งตาม เยอรมันจึงเปลี่ยนวิธีการพัฒนาประเทศตนเองใหม่ เน้นหนักทางด้านอุตสาหกรรม

    ค.ศ. 1890 เยอรมันผลิตถ่านหินได้ 88 ล้านตัน ส่วนอังกฤษผลิตได้ 182 ล้านตัน

    ค.ศ. 1910 การผลิตถ่านหินของเยอรมัน พุ่งขึ้นเป็น 219 ล้านตัน ส่วนอังกฤษผลิตได้ 264 ล้านตัน ความห่างของปริมาณการผลิตเริ่มแคบเข้ามาเรื่อย ๆ
    ค.ศ. 1914 เรือบรรทุกสินค้าของเยอรมัน ก้าวขึ้นมาเป็นอันดับ 2 ของโลก เป็นรองแค่อังกฤษ เป็นการปรับตัวขยายที่รวดเร็วมาก เยอรมันเปลี่ยนตัวถังเรือจากไม้เป็นเหล็ก และเปลี่ยนเป็นใช้เครื่องจักรกลขับเคลื่อนเรือ ทำให้ขนาดเรือบรรทุกสินค้าใหญ่ขึ้น บรรทุกสินค้าได้มากขึ้น และวิ่งเร็วขึ้น เยอรมันกลับกลายเป็นลูกพี่ในการขนส่งสินค้าทางทะเล

    การขนส่งสินค้าทางเรือบรรทุกของเยอรมัน นอกจากเพิ่มจำนวนสินค้าแล้ว ยังมีการประกันภัยสินค้าด้วย ระบบที่ครบถ้วนของเยอรมัน เป็นที่พอใจของผู้ใช้บริการมาก ขนาดฝรั่งเศส คู่หูอังกฤษเอง ยังออกปากว่า การขนส่งสินค้าทางเรือของเยอรมัน ไม่ได้วางระบบให้วิ่งไปหาการค้า แต่วิธีดำเนินการของเยอรมัน ทำให้การค้าวิ่งมาหาเอง มันเหนือกว่าที่เคย ๆ ทำ

    เอะ ! ฝรั่งเศสหมายถึงใคร พูดชมใคร พูดแดกใคร ! แค่เยอรมันเริ่มทาบรัศมีการขนส่งทางเรือ อังกฤษก็ขัดใจแย่แล้ว นี่คู่หูดันไปชื่นชมอีก แบบนี้มันยิ่งกว่าขัดใจ

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    28 ส.ค. 2557
    เหยื่อ – ขวาง ตอนที่ 2 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “เหยื่อ” ตอนที่ 2 : “ขวาง 2” คงเห็นชัดเจนแล้วว่าอังกฤษเป็นโรคแพ้ทางรถไฟ โดยเฉพาะสาย Berlin Bagdad ซึ่งสร้างโดยเยอรมัน อนุญาตโดยออตโตมาน อังกฤษจะแก้อาการแพ้ทางรถไฟนี้อย่างไร อังกฤษตั้งใจใช้ไม้เสี้ยม หวังให้รางรถไฟแหกโค้ง ตกเขาจบสิ้นไป แต่ถ้าเอาแว่นขยายส่องอีกหน่อย เราจะเห็นความเหี้ยมของอังกฤษว่า ไม่ใช่แค่เสี้ยมให้ทางรถไฟแหกโค้งตกเขา แล้วเรื่องจะจบ อาการแพ้จะหายไป นั่นมันง่ายไป และใจดีไปสำหรับชาวเกาะ มันต้องมีอะไรซับซ้อนซ่อนมากกว่านั้น เกินจิตนาการ เล่าแล้วเหมือนจะทำลายหัวใจ พวกที่นิยมบูชาฝรั่ง เริ่มจาก ค.ศ. 1873 เป็นต้นมา ความเจริญทางเศรษฐกิจระหว่างอังกฤษกับเยอรมัน ดูเหมือนจะใช้อัตราและขนาด ทิ้งห่างกันออกไปเรื่อย ๆ ในที่สุดก็ถึงระดับที่ทำให้สงครามโลกครั้งที่ 1 ต้องถูกจุดให้เกิดระเบิดขึ้น ในปี ค.ศ. 1914 แต่สาเหตุแท้จริงของการจุดให้เกิดสงครามโลก ได้ถูกซ่อนลึก จนแทบจะไม่มีใครได้รู้จนเวลาผ่านพ้นไปนานพอสมควร ประมาณปลายศตวรรษที่ 19 กลุ่มธุรกิจ การเงิน นักการเมือง และพวกอีลิตของชาวเกาะอังกฤษ เริ่มออกอาการ เนื่องจากเห็นความเปลี่ยนแปลง ของพวกอยู่บนแผ่นดินใหญ่ของทวีปยุโรป ที่ดูจะคึกคักผิดปรกติ การเกิดของกองเรือขนส่งสินค้าของเยอรมัน ที่ทำท่าว่ากำลังทำมาค้าขึ้น ข่าวเรื่องการก่อสร้างทางรถไฟสาย Berlin Bagdad ที่จะวิ่งไปตามเส้นทาง ที่จะทำให้ อินเดีย กล่องดวงใจ ของรักของหวงของชาวเกาะ มีโอกาสล่อแหลมที่จะถูกฉกไปเชยชม แบบนี้ชาวเกาะจะไม่รู้สึกว่า มีอาการของกรดไหลย้อนขึ้นมาละหรือ ในช่วง ค.ศ. 1890 อุตสาหกรรมของอังกฤษ ทั้งในด้านคุณภาพและปริมาณ รวมทั้งด้านการเกษตร นำหน้าเยอรมันหลายช่วงตัว เรียกว่าเหลียวหลังหันกลับไปมองจนคอจะเคล็ดตาย ยังไม่เห็นแม้เงาราง ๆ ของเยอรมันวิ่งตามมา อังกฤษเจ้าแห่งนักล่าอาณานิคม มองเยอรมันเหมือนคนป่าเถื่อน เทอะทะ เฟอะฟะ พูดจาเหมือนออกมาจากดงดิบ ดีว่าตัวขาวผมทอง ไม่งั้นคงถูกเหมาว่ามาจากแถบอื่น ไม่ใช่ชาวยุโรป เมื่อ ค.ศ. 1850 อังกฤษยังเพลิดเพลินและโดดเด่นในการล่าอาณานิคม ขยายอาณาเขตของตัวเองกว้างไกลไปไม่หยุด เพื่อไปขโมยเอาทรัพยากรของผู้ที่ตกเป็นเหยื่อ อังกฤษทำเพราะส่วนหนึ่งเกาะตัวเองใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยของเท้าซ้าย จะเอาเนื้อที่ส่วนไหนมาให้ประชาชนทำมาหากิน ปลูกผักปลูกหญ้า แถมทรัพยากรสำคัญก็ไม่มี มีแต่ถ่านหินที่พอเชิดหน้าชูตาได้ จะกินเข้าไปได้หรือถ่านหินน่ะ อังกฤษจึงใช้ความคิดกับปากเป็นอาวุธสำคัญในการล่าอาณานิคม แต่อาวุธกับปากมันไปเองไม่ได้ จึงต้องมีกองทัพเรืออันยิ่งใหญ่ เพื่อไปหลอก ไปต้ม ไปเสี้ยม ไปล่า ไปเอาอาณานิคมมาเกือบทั้งโลก ก็ต้องยอมรับว่า วิทยายุทธการล่าเหยื่อของชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยเท้าซ้ายนี้สูงส่งนัก แผนการหนึ่งของการล่า คือทำให้เหยื่อเปิดประตูบ้าน ให้นักล่าเข้านอกออกใน และหลังจากนั้น นักล่าชาวเกาะใหญ่นี้ จะได้ไปถอดกลอนประตูบ้านเขาให้ เปิดกว้าง สู่การค้าเสรี การค้าเสรี นักล่ารุ่นเก่าเขาก็ทำนะ อย่านึกว่ามีแต่รุ่นใหม่ มีอะไรเอามาขายให้หมด (ในราคาถูก) เพื่อแลกกับของแปลก ๆ ใหม่ ๆ ที่อังกฤษนักล่า เอาไปหลอกขาย คิดดูแล้ว ก็เหมือนพ่อค้าเร่ขายยา มีของอยู่เต็มท้ายรถ ไปถึงก็หลอกชาวบ้าน โดยฉายหนังกลางแปลง ชาวบ้านก็หอบลูกจูงหลานมาดู หนังเลิก ก็อดซื้ออะไรแปลก ๆ ใหม่ ๆ ที่ไม่เคยเห็นติดไม้ติดมือกลับ บ้านไปไม่ได้ พ่อค้าซื้อมาถูกๆ มาขายต่อราคาแพง ๆ กับชาวบ้านต่างถิ่นไกลโพ้น ที่ไม่มีโอกาสเห็นโลกกว้าง เออ! หลอกต้มแบบนี้มาตั้งกะสมัยปู่ย่า ถึงสมัยลูกหลานก็ยังโดนหลอกอยู่เหมือนเดิม สินค้าที่พ่อค้าเร่ขายยา นักล่ารุ่นเก่าชอบเอามาหลอกเหยื่อสมัยนั้น ส่วนมากก็เป็นพวกเครื่องมือ เครื่องใช้สมัยใหม่ วิทยาการใหม่ทางวิทยาศาตร์ เช่น โทรเลข โทรศัพท์ รถไฟ รถราง และเครื่องไฟฟ้าต่าง ๆ เป็นต้น แล้วเหยื่อส่วนใหญ่ก็กินเบ็ด เพราะไม่เคยมี ก็อยากมี แต่ไม่มีทุนพอซื้อหรือสร้าง นักล่าบอกไม่เป็นไร มีแผนสำเร็จรูปเตรียมไว้ให้ ได้เลย เดี๋ยวไอจัดการให้ ไอหาเงินกู้ดอกถูกมาให้สร้างเสาโทรเลขดีไหม จะได้ไม่ต้องขี่อูฐกันไป 3 เดือนกว่าจะรู้เรื่อง กดแต๊ก แต๊ก แต๊ก เดี๋ยวเดียว ก็รู้แล้วว่าไอ้คนที่เจ้านายส่งไปดูแลหัวเมืองน่ะ มันทำงาน หรือกลับบ้านไปนอนกลางวันทุกวัน นี่มันคิดหลอกกันแบบนี้ เป็นร้อยปีมากแล้ว แต่ยังใช้ได้อยู่ ลุงนิทานเล่าซ้ำซากด้วยความอ่อนใจ เหยื่อส่วนใหญ่ก็ตกลง ให้นักล่าจัดการสร้างโน่น ติดตั้งนี้ ไปเรื่อย ๆ ด้วยเงินกู้ที่นักล่าจัดการให้ แล้วเหยื่อก็เป็นหนี้บานทะโล่ไปเรื่อย ๆ ส่วนหนึ่งที่ออตโตมานเจ๊ง ถูกเรียกว่าเป็นคนป่วยก็มาจากเหตุนี้แหละ ถูกต้ม ให้ซื้อ ให้ทำสงคราม ให้สร้างกองทัพ ฯลฯ ส่วนนักล่าเมื่อได้เงินมา ส่วนหนึ่งก็ซื้อสินค้าพื้นเมืองราคาถูก กลับไปขายแพงที่บ้าน มีกำไรดี แต่เงินส่วนใหญ่กลับไปหานายธนาคารผู้สนับสนุน ทั้งการเดินทาง และการสร้างของเล่นให้เหยื่อ ทำแบบนี้เหมือนอังกฤษน่าจะรวย แต่ ค.ศ. 1870 อังกฤษเกิดอาการเศรษฐกิจตกสะเก็ด เงินไปกระจุกตัวอยู่ที่นายธนาคารผู้ให้กู้ ประชาชนส่วนใหญ่ไม่มีกิน เยอรมันบอกวิธีนี้ ถ้าเราทำตาม เราก็คงเจ็งตาม เยอรมันจึงเปลี่ยนวิธีการพัฒนาประเทศตนเองใหม่ เน้นหนักทางด้านอุตสาหกรรม ค.ศ. 1890 เยอรมันผลิตถ่านหินได้ 88 ล้านตัน ส่วนอังกฤษผลิตได้ 182 ล้านตัน ค.ศ. 1910 การผลิตถ่านหินของเยอรมัน พุ่งขึ้นเป็น 219 ล้านตัน ส่วนอังกฤษผลิตได้ 264 ล้านตัน ความห่างของปริมาณการผลิตเริ่มแคบเข้ามาเรื่อย ๆ ค.ศ. 1914 เรือบรรทุกสินค้าของเยอรมัน ก้าวขึ้นมาเป็นอันดับ 2 ของโลก เป็นรองแค่อังกฤษ เป็นการปรับตัวขยายที่รวดเร็วมาก เยอรมันเปลี่ยนตัวถังเรือจากไม้เป็นเหล็ก และเปลี่ยนเป็นใช้เครื่องจักรกลขับเคลื่อนเรือ ทำให้ขนาดเรือบรรทุกสินค้าใหญ่ขึ้น บรรทุกสินค้าได้มากขึ้น และวิ่งเร็วขึ้น เยอรมันกลับกลายเป็นลูกพี่ในการขนส่งสินค้าทางทะเล การขนส่งสินค้าทางเรือบรรทุกของเยอรมัน นอกจากเพิ่มจำนวนสินค้าแล้ว ยังมีการประกันภัยสินค้าด้วย ระบบที่ครบถ้วนของเยอรมัน เป็นที่พอใจของผู้ใช้บริการมาก ขนาดฝรั่งเศส คู่หูอังกฤษเอง ยังออกปากว่า การขนส่งสินค้าทางเรือของเยอรมัน ไม่ได้วางระบบให้วิ่งไปหาการค้า แต่วิธีดำเนินการของเยอรมัน ทำให้การค้าวิ่งมาหาเอง มันเหนือกว่าที่เคย ๆ ทำ เอะ ! ฝรั่งเศสหมายถึงใคร พูดชมใคร พูดแดกใคร ! แค่เยอรมันเริ่มทาบรัศมีการขนส่งทางเรือ อังกฤษก็ขัดใจแย่แล้ว นี่คู่หูดันไปชื่นชมอีก แบบนี้มันยิ่งกว่าขัดใจ สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 28 ส.ค. 2557
    0 Comments 0 Shares 571 Views 0 Reviews
  • ..รัฐบาลอนุทินยอมรับจริงๆว่า ไม่ทำตนเองให้ชัดเจน,ต้องทำตนเองเหมือนอยู่4เดือนเป็น4-5ปีครบวาระสมัยรัฐบาล,เพราะเวลา4เดือนนี้ทำอะไรได้หมด,แถลงนโยบายก็ทำงานได้เลยกรณีทำเพื่อชาติเพื่อบ้านเพื่อเมืองเพื่อประชาชน,แต่คดีอั้วสว. ม.144 คดีเขากระโดง คดีธนาธรและครอบครัวเอาที่ดินป่าไป,หลายๆเรื่องข้าราชการไทยเราดอง ขัดขวางในการจัดการคนผิด เตะถ่วงเวลากันจริงๆ ถูกหรือผิด ข้าราชการไทยเราเองละเว้นการดำเนินการที่ถูกต้องดีงามกำจัดภัยภายในชาติ บ้านเมืองวุ่นวายทุกๆวันนี้ได้มิใช่แค่อำนาจจากนักการเมืองแต่เป็นอำนาจจากข้าราชการเองที่มีในมือด้วย.
    ..ระบบปกครองเราต่างชาติก็แทรกแซงง่าย,มันอ้างว่าระบบประชาธิปไตยต้องแบบนั้นแบบนี้ ตามฝรั่งส่งออกมันบอกมันสร้างทำ,มันกำกับต้องแบบนั้นแบบนี้นะ ไม่เช่นนั้นกูพวกฝรั่งจะจัดการประเทศไทยยึดประเทศนะ เป็นต้น นี้จึงสมควรฉีกระบบปกครองของฝรั่งทิ้งจากคณะกบฎ2475ก่อการสร้างขึ้นจนแม้แต่บ่อน้ำมันเต็มประเทศไทยฝรั่งเสียส่วนใหญ่มันยึดผ่านกฎหมายระบบระบอบปกครองที่ไทยเอามาปกครองของมัน มันหามันชิงมันปล้นแย่งชิงทรัพยากรมีค่าเร่อย่างหน้าด้านๆที่มันอ้างประชาธิปไตยนี้ล่ะ,จึงเขียนว่าระบบปกครองนี้ใครจะฉีกทำลายไม่ได้แม้แต่พระมหากษัตริย์ไทยเราเองก็ทำลายไม่ได้เพราะบ่อน้ำมันบ่อทองคำของพวกฝรั่งแบบกูจะอ้างประชาธิปไตยกดดันไทยไม่ได้อีก,จึงสมควรยกเลิกระบบปกครองนี้ โดยสถาบันกษัตริย์ไทยเราต้องเปลี่ยนแปลงระบบปกครองฝรั่งทันที ปลดปล่อยประเทศไทยเราเพื่อสร้างชาติไทยเราใหม่ด้วยระบบปกครองวิถีใหม่สไตล์ไทยเรา,ประเทศภายนอกจึงจะกดดันสั่งการแทรกแซงการปกครองแบบออกหน้าออกตาแบบปัจจุบันไม่ได้อีก,คือระบบธรรมาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข.เหมาะสมกับเราที่สุด.ยึดคืนทรัพยากรชาติไทยทั้งหมดกลับมาจากเอกชนผูกขาดไปจากแผ่นดินไทยจะเอกชนไทยและต่างชาติต้องคืนมาก่อนทั้งหมดทันที,เพื่อเปลี่ยนแปลงใหม่หมด.
    ..นี้คือทางแก้ไขทางรอดที่แท้จริงของประเทศในวิกฤติโลกในปัจจุบันนี้,เราสามารถพึงพาตนเองได้ทันที,มีน้ำมันใช้เอง มีบ่อทองคำขุดตุนสำรองเข้าคลังตนเอง,มีอาหารอุดมสมบูรณ์ดูแลคนไทยเราเอง,เศรษฐกิจภายในประเทศเราออกแบบกำกับดูแลได้,มิร่ำรวยกระจุกยากจนกระจายเต็มประเทศแบบปัจจุบัน ต่างชาติมาแทรกแซงปล้นชิงแย่งชิงความร่ำรวยของคนไทยเราไปด้วยซึ่งผิดวิสัยปกติพึงทำพึงเป็น,เราดำเนอนนโยบายการปกครองที่ผิดทั้งระบบแต่ต้น,จึงต้องเปลี่ยนแปลงทันทีในยุคปัจจุบัน.
    ..สามารถลดการคตโกงทุจริตได้ด้วยเงินดิจิดัลภายในประเทศไทยเราก่อน,ใช้มือถือควอนตัมชำระเงินใช้จ่ายใครมันและรับรายได้ด้วย,เราสามารถติดตามที่มาที่ไปของเงินได้หมด เช่น นายบี ซื้อเสียงนายสี1,000บาทคอยน์กาเบอร์พรรคขายชาติ นายสีจะถูกตรวจพบธุรกรรมเงินเข้าผิดปกติทันทีที่1,000บาทคอยน์ที่เรากำลังมีมาตราการตรวจจับช่วงเลือกตััง และธุรกรรมนั้นเสือกมาจากกระเป๋าตังนายบีคนเดียวที่โอนจ่ายให้คนชาวบ้านทั้งตำบลอำเภอถึง10,000ล้านบาทโอนให้ชาวบ้าน บวกติดตามได้ว่าเงิน10,000ล้านบาทนี้โอนมาจากบัญชีกระเป๋าตังควอนตัมใครๆได้อีก,ต้นทางถึงปลายทางเรา ดัยอนาถแน่นอน,ตลอดตังข้าราชการคนนี้เหตุใดร่ำรวยผิดปกติ เงินเดือนรวมสวัสดิการต่างๆไม่ควรเกิน3-5หมื่นบาทรายได้,แต่รายรับเข้่บัญชีกระเป๋าตังตกเดือนละ1ล้านบาทถึง10ล้านบาทต่อเดือน โยธา งานพัสดุก่อสร้างแบบไหน เจ้าหน้าที่ประมูลอนุมัติงานแบบใดได้ตังมากมายผิดปกติแบบนี้ นี้ตังดิจิดัลสามารถจัดการได้หมด,ฟอกตังแบบใดตามสายกระแสเงินได้หมด,เป็นต้น,แต่ตังกระดาษทำไม่ได้และสันดานชาวบ้านคนไทยไม่รับตังขายเสียงย่อมไม่มี,ใครเอาตังมาแจกมันรับหมด,นี้คือความบัดสบจริงของประชาชนคนไทบ้านด้วย บ้านเมืองมีปัญหาถึงปัจจุบันก็มาจากสิ่งนี้ด้วยแต่มาจากอำนาจข้าราชการไทยคือตัวยืนหนึ่ง,นักการเมืองคือตัวประกอบ,ข้าราชการไม่ทำตามแม้มันเล่นงานถ้ามีระบบปกป้องข้าราชการไทยที่ดีก็สามารถจัดการนักการเมืองเลวชั่วเข้ามาได้เช่นกัน,
    ..เรา..ประเทศไทยต้องจัดการตนเองภายในก่อนทันที,ปัญหาภัยต่างชาติทั้งหมดจะจบทันที,อเมริกาเราไล่ออกจากประเทศก็สามารถทำได้,จีนมิตรดีก็มาร่วมพัฒนาประเทศไทยค้าขายปกติได้,เชิญจีนมาจับจีนเทาไปประหารให้หมดจากแผ่นดินไทยเราก็สามารถทำได้,เอเชียเราอาเชียนเราต้องยืนหนึ่งก่อน สร้างสันติสุขในเอเชียเราก่อน,ฝรั่งมายุ่งวุ่นวายในทวีปเอเชียอาเชียนเรามากเกินไป ปล้นทรัพยากรในเอเชียอาเชียนเรานั้นเอง.,ส่งเสริมสงคราม ก่ออาชญากรรมสนันสนุนสงครามก็ฝรั่งตะวันตกนี้,
    ..งานแรกเราต้องผลักดันต่างชาติแบบชาติฝรั่งออกจากเอเชียอาเชียนให้หมดก่อน.
    ..นโยบายเอเชียอาเชียนเราต้องชัดเจนก่อน,bricsต้องนำทัพ ยืนหนึ่งอ้างอิงเอเชียก่อนว่าเอเชียจะตัดการค้าขายกับชาติฝรั่งทั้งหมดและที่ไม่ใช่สมาชิกbricsซึ่งไทยเป็นสมาชิกbricsแน่นอนถ้าไม่เป็นก็จะเป็นในอนาคตแน่นอน,ถีบกิจการฝรั่งตะวันตกออกจากเอเชียให้หมด,ถีบออกจากไทยด้วย,ต่างชาติที่เป็นคนฝรั่งเชิญออกจากแผ่นดินไทยทั้งหมด,เราจะทดลองวิจัยดูว่า ถ้าไม่มีฝรั่งต่างชาติบนเอเชียเรา เอเชียเราจะสร้างความสงบสุขสันติจริงไม่ได้.ความวุ่นวายโกลาหลใดๆเราจะระงับเหตุไม่ได้,กิจการใด โหยหาเสียผลประโยชน์มหาศาลอ้างหากค้าขายตัดฝรั่งไปก็ให้ย้ายฐานผลิตไปผลิตเองที่บ้านเมืองฝรั่งนั้นเลย ขายเองเลยไม่ต้องขนส่งให้ลำบากอีก,ยกเลิกใบอนุญาตประกอบการในไทยทั้งหมดทุกๆชนิดประเภทให้ด้วย,ถอนสัญชาติไทยให้อีกต่างหากจะได้สบายใจว่าไปเป็นคนรักสัญชาติฝรั่งเต็มที่.
    ..วิถีปกครองไทย ทหารพระราชาต้องยึดอำนาจปฏิวัติการปกครองทันที,อเมริกาล้มเหลวในระบบปกครองประชาธิปไตยชัดเจน,จีนก็เผด็จการชัดเจนด้วยแม้ภาพที่โชว์ว่าสำเร็จล้ำต่างๆแต่ไส้ในจริงๆจีนล้มเหลวในการปกครองเช่นกัน ประชาชนจีนไม่ต้องการถูกกดขี่เผด็จการแบบนั้นแน่นอนแต่ไร้ทางเลือก,จีนอาจเกิดประชาชนลุกเปลี่ยนแปลงการปกครองได้ เหมือนอเมริกอาจสิ้นชาติล้มเหลวเร็วๆนี้ อาจเกิดการแยกเป็นประเทศเอกราชตนเองจากรัฐต่างๆไม่น้อย ปกครองตนเองนั้นเอง,เพราะอเมริกามันชั่วเลวมีบาปมีกรรมมหาศาลทำมากมายต่อชาติทั่วโลก.
    ..ทางเดียวที่จะตัดตอนต่างชาติใช้นักการเมืองไทย ใช้ข้าราชการไทยแทรกแซงการปกครองประเทศไทยเราบนโปรแกรมที่มีไวรัสเต็มไปหมดที่มันยื่นมาให้เราเอาไปใช้ตามมันระบบปกครองประชาธิปไตยแบบๆมัน,ทหารพระราชาเราต้องถอดระบบปฏิบัติการโปรแกรมมันทิ้งและเผาทำลายทิ้งเลย สร้างระบบปฏิบัติการโปรแกรมเราเองขึ้นมาใหม่,ไร้ไวรัสสร้างโกลาหลวุ่นวายในประเทศเราแทรกแซงการทำงานเราด้วยให้สงบสุขสำเร็จไปได้ด้วยดีอีก,ทหารพระราชาเราต้องตัดสินใจยึดอำนาจปฏิวัติตัดตอนมันจริงๆ.,คือหนทางเดียว.วิถีทหารพระราชาคือทางออก.

    https://youtube.com/watch?v=IPU7bLdKYV4&si=WkQGItnCUS7iranj
    ..รัฐบาลอนุทินยอมรับจริงๆว่า ไม่ทำตนเองให้ชัดเจน,ต้องทำตนเองเหมือนอยู่4เดือนเป็น4-5ปีครบวาระสมัยรัฐบาล,เพราะเวลา4เดือนนี้ทำอะไรได้หมด,แถลงนโยบายก็ทำงานได้เลยกรณีทำเพื่อชาติเพื่อบ้านเพื่อเมืองเพื่อประชาชน,แต่คดีอั้วสว. ม.144 คดีเขากระโดง คดีธนาธรและครอบครัวเอาที่ดินป่าไป,หลายๆเรื่องข้าราชการไทยเราดอง ขัดขวางในการจัดการคนผิด เตะถ่วงเวลากันจริงๆ ถูกหรือผิด ข้าราชการไทยเราเองละเว้นการดำเนินการที่ถูกต้องดีงามกำจัดภัยภายในชาติ บ้านเมืองวุ่นวายทุกๆวันนี้ได้มิใช่แค่อำนาจจากนักการเมืองแต่เป็นอำนาจจากข้าราชการเองที่มีในมือด้วย. ..ระบบปกครองเราต่างชาติก็แทรกแซงง่าย,มันอ้างว่าระบบประชาธิปไตยต้องแบบนั้นแบบนี้ ตามฝรั่งส่งออกมันบอกมันสร้างทำ,มันกำกับต้องแบบนั้นแบบนี้นะ ไม่เช่นนั้นกูพวกฝรั่งจะจัดการประเทศไทยยึดประเทศนะ เป็นต้น นี้จึงสมควรฉีกระบบปกครองของฝรั่งทิ้งจากคณะกบฎ2475ก่อการสร้างขึ้นจนแม้แต่บ่อน้ำมันเต็มประเทศไทยฝรั่งเสียส่วนใหญ่มันยึดผ่านกฎหมายระบบระบอบปกครองที่ไทยเอามาปกครองของมัน มันหามันชิงมันปล้นแย่งชิงทรัพยากรมีค่าเร่อย่างหน้าด้านๆที่มันอ้างประชาธิปไตยนี้ล่ะ,จึงเขียนว่าระบบปกครองนี้ใครจะฉีกทำลายไม่ได้แม้แต่พระมหากษัตริย์ไทยเราเองก็ทำลายไม่ได้เพราะบ่อน้ำมันบ่อทองคำของพวกฝรั่งแบบกูจะอ้างประชาธิปไตยกดดันไทยไม่ได้อีก,จึงสมควรยกเลิกระบบปกครองนี้ โดยสถาบันกษัตริย์ไทยเราต้องเปลี่ยนแปลงระบบปกครองฝรั่งทันที ปลดปล่อยประเทศไทยเราเพื่อสร้างชาติไทยเราใหม่ด้วยระบบปกครองวิถีใหม่สไตล์ไทยเรา,ประเทศภายนอกจึงจะกดดันสั่งการแทรกแซงการปกครองแบบออกหน้าออกตาแบบปัจจุบันไม่ได้อีก,คือระบบธรรมาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข.เหมาะสมกับเราที่สุด.ยึดคืนทรัพยากรชาติไทยทั้งหมดกลับมาจากเอกชนผูกขาดไปจากแผ่นดินไทยจะเอกชนไทยและต่างชาติต้องคืนมาก่อนทั้งหมดทันที,เพื่อเปลี่ยนแปลงใหม่หมด. ..นี้คือทางแก้ไขทางรอดที่แท้จริงของประเทศในวิกฤติโลกในปัจจุบันนี้,เราสามารถพึงพาตนเองได้ทันที,มีน้ำมันใช้เอง มีบ่อทองคำขุดตุนสำรองเข้าคลังตนเอง,มีอาหารอุดมสมบูรณ์ดูแลคนไทยเราเอง,เศรษฐกิจภายในประเทศเราออกแบบกำกับดูแลได้,มิร่ำรวยกระจุกยากจนกระจายเต็มประเทศแบบปัจจุบัน ต่างชาติมาแทรกแซงปล้นชิงแย่งชิงความร่ำรวยของคนไทยเราไปด้วยซึ่งผิดวิสัยปกติพึงทำพึงเป็น,เราดำเนอนนโยบายการปกครองที่ผิดทั้งระบบแต่ต้น,จึงต้องเปลี่ยนแปลงทันทีในยุคปัจจุบัน. ..สามารถลดการคตโกงทุจริตได้ด้วยเงินดิจิดัลภายในประเทศไทยเราก่อน,ใช้มือถือควอนตัมชำระเงินใช้จ่ายใครมันและรับรายได้ด้วย,เราสามารถติดตามที่มาที่ไปของเงินได้หมด เช่น นายบี ซื้อเสียงนายสี1,000บาทคอยน์กาเบอร์พรรคขายชาติ นายสีจะถูกตรวจพบธุรกรรมเงินเข้าผิดปกติทันทีที่1,000บาทคอยน์ที่เรากำลังมีมาตราการตรวจจับช่วงเลือกตััง และธุรกรรมนั้นเสือกมาจากกระเป๋าตังนายบีคนเดียวที่โอนจ่ายให้คนชาวบ้านทั้งตำบลอำเภอถึง10,000ล้านบาทโอนให้ชาวบ้าน บวกติดตามได้ว่าเงิน10,000ล้านบาทนี้โอนมาจากบัญชีกระเป๋าตังควอนตัมใครๆได้อีก,ต้นทางถึงปลายทางเรา ดัยอนาถแน่นอน,ตลอดตังข้าราชการคนนี้เหตุใดร่ำรวยผิดปกติ เงินเดือนรวมสวัสดิการต่างๆไม่ควรเกิน3-5หมื่นบาทรายได้,แต่รายรับเข้่บัญชีกระเป๋าตังตกเดือนละ1ล้านบาทถึง10ล้านบาทต่อเดือน โยธา งานพัสดุก่อสร้างแบบไหน เจ้าหน้าที่ประมูลอนุมัติงานแบบใดได้ตังมากมายผิดปกติแบบนี้ นี้ตังดิจิดัลสามารถจัดการได้หมด,ฟอกตังแบบใดตามสายกระแสเงินได้หมด,เป็นต้น,แต่ตังกระดาษทำไม่ได้และสันดานชาวบ้านคนไทยไม่รับตังขายเสียงย่อมไม่มี,ใครเอาตังมาแจกมันรับหมด,นี้คือความบัดสบจริงของประชาชนคนไทบ้านด้วย บ้านเมืองมีปัญหาถึงปัจจุบันก็มาจากสิ่งนี้ด้วยแต่มาจากอำนาจข้าราชการไทยคือตัวยืนหนึ่ง,นักการเมืองคือตัวประกอบ,ข้าราชการไม่ทำตามแม้มันเล่นงานถ้ามีระบบปกป้องข้าราชการไทยที่ดีก็สามารถจัดการนักการเมืองเลวชั่วเข้ามาได้เช่นกัน, ..เรา..ประเทศไทยต้องจัดการตนเองภายในก่อนทันที,ปัญหาภัยต่างชาติทั้งหมดจะจบทันที,อเมริกาเราไล่ออกจากประเทศก็สามารถทำได้,จีนมิตรดีก็มาร่วมพัฒนาประเทศไทยค้าขายปกติได้,เชิญจีนมาจับจีนเทาไปประหารให้หมดจากแผ่นดินไทยเราก็สามารถทำได้,เอเชียเราอาเชียนเราต้องยืนหนึ่งก่อน สร้างสันติสุขในเอเชียเราก่อน,ฝรั่งมายุ่งวุ่นวายในทวีปเอเชียอาเชียนเรามากเกินไป ปล้นทรัพยากรในเอเชียอาเชียนเรานั้นเอง.,ส่งเสริมสงคราม ก่ออาชญากรรมสนันสนุนสงครามก็ฝรั่งตะวันตกนี้, ..งานแรกเราต้องผลักดันต่างชาติแบบชาติฝรั่งออกจากเอเชียอาเชียนให้หมดก่อน. ..นโยบายเอเชียอาเชียนเราต้องชัดเจนก่อน,bricsต้องนำทัพ ยืนหนึ่งอ้างอิงเอเชียก่อนว่าเอเชียจะตัดการค้าขายกับชาติฝรั่งทั้งหมดและที่ไม่ใช่สมาชิกbricsซึ่งไทยเป็นสมาชิกbricsแน่นอนถ้าไม่เป็นก็จะเป็นในอนาคตแน่นอน,ถีบกิจการฝรั่งตะวันตกออกจากเอเชียให้หมด,ถีบออกจากไทยด้วย,ต่างชาติที่เป็นคนฝรั่งเชิญออกจากแผ่นดินไทยทั้งหมด,เราจะทดลองวิจัยดูว่า ถ้าไม่มีฝรั่งต่างชาติบนเอเชียเรา เอเชียเราจะสร้างความสงบสุขสันติจริงไม่ได้.ความวุ่นวายโกลาหลใดๆเราจะระงับเหตุไม่ได้,กิจการใด โหยหาเสียผลประโยชน์มหาศาลอ้างหากค้าขายตัดฝรั่งไปก็ให้ย้ายฐานผลิตไปผลิตเองที่บ้านเมืองฝรั่งนั้นเลย ขายเองเลยไม่ต้องขนส่งให้ลำบากอีก,ยกเลิกใบอนุญาตประกอบการในไทยทั้งหมดทุกๆชนิดประเภทให้ด้วย,ถอนสัญชาติไทยให้อีกต่างหากจะได้สบายใจว่าไปเป็นคนรักสัญชาติฝรั่งเต็มที่. ..วิถีปกครองไทย ทหารพระราชาต้องยึดอำนาจปฏิวัติการปกครองทันที,อเมริกาล้มเหลวในระบบปกครองประชาธิปไตยชัดเจน,จีนก็เผด็จการชัดเจนด้วยแม้ภาพที่โชว์ว่าสำเร็จล้ำต่างๆแต่ไส้ในจริงๆจีนล้มเหลวในการปกครองเช่นกัน ประชาชนจีนไม่ต้องการถูกกดขี่เผด็จการแบบนั้นแน่นอนแต่ไร้ทางเลือก,จีนอาจเกิดประชาชนลุกเปลี่ยนแปลงการปกครองได้ เหมือนอเมริกอาจสิ้นชาติล้มเหลวเร็วๆนี้ อาจเกิดการแยกเป็นประเทศเอกราชตนเองจากรัฐต่างๆไม่น้อย ปกครองตนเองนั้นเอง,เพราะอเมริกามันชั่วเลวมีบาปมีกรรมมหาศาลทำมากมายต่อชาติทั่วโลก. ..ทางเดียวที่จะตัดตอนต่างชาติใช้นักการเมืองไทย ใช้ข้าราชการไทยแทรกแซงการปกครองประเทศไทยเราบนโปรแกรมที่มีไวรัสเต็มไปหมดที่มันยื่นมาให้เราเอาไปใช้ตามมันระบบปกครองประชาธิปไตยแบบๆมัน,ทหารพระราชาเราต้องถอดระบบปฏิบัติการโปรแกรมมันทิ้งและเผาทำลายทิ้งเลย สร้างระบบปฏิบัติการโปรแกรมเราเองขึ้นมาใหม่,ไร้ไวรัสสร้างโกลาหลวุ่นวายในประเทศเราแทรกแซงการทำงานเราด้วยให้สงบสุขสำเร็จไปได้ด้วยดีอีก,ทหารพระราชาเราต้องตัดสินใจยึดอำนาจปฏิวัติตัดตอนมันจริงๆ.,คือหนทางเดียว.วิถีทหารพระราชาคือทางออก. https://youtube.com/watch?v=IPU7bLdKYV4&si=WkQGItnCUS7iranj
    0 Comments 0 Shares 993 Views 0 Reviews
  • “องอาจ วงษ์ประยูร“รมช.ศธ. คนใหม่ สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ก่อนเริ่มงาน เผย พร้อมทำงานร่วมกับทุกฝ่าย

    วันที่ 25 กันยายน 2568 เวลา 09.00 น. นายองอาจ วงษ์ประยูร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมช.ศธ.) พร้อมด้วยนายสุธี พงษ์เพียรชอบ คณะทำงาน ได้เดินทางเข้ากระทรวงศึกษาธิการอย่างเป็นทางการ โดยได้เริ่มต้นการปฏิบัติหน้าที่ด้วยการเข้าสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อความเป็นสิริมงคล อาทิ พระพุทธรูปประจำกระทรวงศึกษาธิการ “พระพุทธบารมีศักดิ์สิทธิ์ สยามิศรจักรีสัฏฐีอนุสรณ์ ศึกษาทรรังสรรค์”, ศาลพระภูมิ, พระบรมราชานุสาวรีย์ รัชกาลที่ 6, พระพุทธรูปหน้า สอศ. และศาลปู่เจียม

    จากนั้น นายองอาจและคณะ ได้เดินทางเข้าห้องทำงานรัฐมนตรี โดยมีนายสุเทพ แก่งสันเทียะ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ และคณะผู้บริหาร รวมทั้งข้าราชการและเจ้าหน้าที่ให้การต้อนรับ

    โดย นายองอาจ กล่าวว่า การศึกษาคือ รากฐานสำคัญในการพัฒนาประเทศ ตนพร้อมที่จะทำงานร่วมกับทุกฝ่าย เพื่อยกระดับการศึกษาไทยให้เป็นเครื่องมือสำคัญในการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน
    “องอาจ วงษ์ประยูร“รมช.ศธ. คนใหม่ สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ก่อนเริ่มงาน เผย พร้อมทำงานร่วมกับทุกฝ่าย วันที่ 25 กันยายน 2568 เวลา 09.00 น. นายองอาจ วงษ์ประยูร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมช.ศธ.) พร้อมด้วยนายสุธี พงษ์เพียรชอบ คณะทำงาน ได้เดินทางเข้ากระทรวงศึกษาธิการอย่างเป็นทางการ โดยได้เริ่มต้นการปฏิบัติหน้าที่ด้วยการเข้าสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อความเป็นสิริมงคล อาทิ พระพุทธรูปประจำกระทรวงศึกษาธิการ “พระพุทธบารมีศักดิ์สิทธิ์ สยามิศรจักรีสัฏฐีอนุสรณ์ ศึกษาทรรังสรรค์”, ศาลพระภูมิ, พระบรมราชานุสาวรีย์ รัชกาลที่ 6, พระพุทธรูปหน้า สอศ. และศาลปู่เจียม จากนั้น นายองอาจและคณะ ได้เดินทางเข้าห้องทำงานรัฐมนตรี โดยมีนายสุเทพ แก่งสันเทียะ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ และคณะผู้บริหาร รวมทั้งข้าราชการและเจ้าหน้าที่ให้การต้อนรับ โดย นายองอาจ กล่าวว่า การศึกษาคือ รากฐานสำคัญในการพัฒนาประเทศ ตนพร้อมที่จะทำงานร่วมกับทุกฝ่าย เพื่อยกระดับการศึกษาไทยให้เป็นเครื่องมือสำคัญในการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 456 Views 0 Reviews
  • พรรคประชาชนพร้อมลุยเลือกตั้งใหญ่! ส่งแคนดิเดตนายกฯมากกว่า 1 คน มั่นใจปัจจัยบวกเลือกตั้งใหม่ พร้อมเปิดตัวครม.ชุดใหม่ หากได้รับความไว้วางใจ หัวหน้าพรรคย้ำเจตนารมณ์พัฒนาประเทศ

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000088882

    #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire #เขมรลักลอบวางระเบิด
    พรรคประชาชนพร้อมลุยเลือกตั้งใหญ่! ส่งแคนดิเดตนายกฯมากกว่า 1 คน มั่นใจปัจจัยบวกเลือกตั้งใหม่ พร้อมเปิดตัวครม.ชุดใหม่ หากได้รับความไว้วางใจ หัวหน้าพรรคย้ำเจตนารมณ์พัฒนาประเทศ อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000088882 #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire #เขมรลักลอบวางระเบิด
    Haha
    Angry
    3
    0 Comments 0 Shares 505 Views 0 Reviews
  • 'นพ. รุ่งเรือง' นำทีมไทยร่วมประชุมใหญ่ “พลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ ครั้งที่ 69” เดินหน้าพลังงานนิวเคลียร์ สู่การพัฒนาประเทศไทย
    https://www.thai-tai.tv/news/21498/
    .
    #ไทยไท #ปรมาณูเพื่อสันติ #IAEA #ข่าวเทคโนโลยี #ข่าวการเมือง #ข่าววันนี้
    'นพ. รุ่งเรือง' นำทีมไทยร่วมประชุมใหญ่ “พลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ ครั้งที่ 69” เดินหน้าพลังงานนิวเคลียร์ สู่การพัฒนาประเทศไทย https://www.thai-tai.tv/news/21498/ . #ไทยไท #ปรมาณูเพื่อสันติ #IAEA #ข่าวเทคโนโลยี #ข่าวการเมือง #ข่าววันนี้
    0 Comments 0 Shares 310 Views 0 Reviews
  • แหกคอก ตอนที่ 8 – นักวิ่ง
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง ” แหกคอก ”
    ตอนที่ 8 : นักวิ่ง
    มีกลุ่มนักคิด แล้วจะให้ดีก็ต้องมีกลุ่มคนพูด คนดำเนินการ คนวิ่งเต้นเหมือนเป็น lobbyist แต่เป็น lobbyist ระดับ cream หน้าขนมเค้ก แต่คราวนี้ไม่ใช่เค้กธรรมดาเป็นขนมเค้กประดับมงกุฎเสียด้วย ปี ค.ศ.1954 พวกคนในสังคมระดับสูง ถึงสูงมากๆ ในยุโรป อังกฤษ และอเมริกา จึงรวมตัวกันจัดตั้ง the Bilderberg Group ขึ้นที่ประเทศ Netherlands หลังจากน้ันทุกปี กลุ่มนี้จะจัดประชุมลับ มีคนเข้าร่วมประมาณ 100 กว่าคน จากบุคคลชั้นสูงในวงการเมือง ธุรกิจการเงินการธนาคาร การทหาร บรรษัทข้ามชาติใหญ่ นักวิชาการ สื่อจากอเมริกา (เหนือ) และยุโรปตะวันตก เป็นเครือข่ายของผู้ทรงอิทธิพลรวมถึงพระราชวงศ์ในยุโรปซึ่งสามารถจะคุยกันได้อย่างเปิดอก และไม่ต้องเกรงว่าจะมีการรั่วไหลของการคุย ขาประจำจะเป็นพวกหัวหน้าผู้บริหาร หรือประธานของบรรดาบรรษัทข้ามชาติ ใหญ่ๆ ในโลก บริษัทน้ำมันเช่น Royal Dutch, British Petroleum, Total SA รวมทั้งพระราชวงศ์ในยุโรป นายธนาคารระดับนานาชาติ เช่น (แน่นอน) นาย David Rockefeller ประธานาธิบดี นายกรัฐมนตรี และพวกธนาคารกลางของโลก Bilderberg เป็นถังความคิด แบบเปิดฝาแต่ปิดตัว ตั้งขึ้นด้วยความตั้งใจที่จะเป็นห่วงคล้อง (ชักใย) รัฐบาลกับเศรษฐกิจของยุโรปกับอเมริกา ในระหว่างสงครามเย็นให้ไปในทิศทางเดียวกัน
    ปี ค.ศ.1970 David Rockefeller เป็นประธานของ CFR และเป็นประธานกรรมการและประธานผู้บริหารของ Chase Manhattan Bank ไปเชิญนักวิชาการเข้ามาร่วมอยู่ ใน CFR (ใช่แล้วครับ เจ้าเก่า) นาย Zbigniew Brzezinski ซึ่งเขียนหนังสือ Between Two ages : Americans Role in the Tecnetronic Era บอกว่าปัจจุบันนี้ ความสนิทสนมกลมเกลียว ความร่วมมือระหว่างรัฐประเทศมันน้อยลง แทนที่จะหันหน้าเข้ามาหากัน ดันตะแคงข้างหรือหันหลังใส่กัน ขณะเดียวกันความร่วมมือระหว่างบรรษัทข้ามชาติด้วยกันมีมากขึ้น เงินมันมีแรงดึงดูดสูงกว่า ดังนั้นจึงควรมีการรวมตัวกันระหว่างประเทศที่พัฒนาแล้ว คือ ประเทศในยุโรปตะวันตก อเมริกา และญี่ปุ่น เพราะต่อจากนี้ไป ธนาคารและบรรษัทข้ามชาติทุนใหญ่ เช่น ธนาคาร บริษัท หรือ องค์กรระหว่างประเทศ จะเป็นผู้มีบทบาทใหญ่ขึ้น ในการกำหนดทิศทางการเมืองของโลกนี้
    แล้วในปี ค.ศ.1972 David Rockefeller และนาย Brzezinski ก็เสนอความคิดนี้ในที่ประชุมประจำปีของ Bilderberg หลังจากนั้นผู้ทรงอิทธิพลรุ่นใหญ่เกือบ 20 คน ก็พากันยกโขยงมาพบนาย David ที่บ้าน แล้วก็บอกว่า พร้อมแล้วครับท่าน พวกเราเห็นพ้องกันตามที่ท่านกล่อม (สั่ง !) ค.ศ.1973 Trilateral Commission ซึ่งถือเสมือนเป็นน้องน้อยของ Bilderberg ก็คลอด เป็นการเชื่อมผู้ครองโลกใน 3 ทวีป เข้าด้วยกัน ยุโรปตะวันตก อเมริกา และญี่ปุ่น
    ขอแจ้งข้อมูลปัจจุบันหน่อยครับ ผมเคยเขียนเกี่ยวกับ Trilateral Commission นี้ เมื่อตอนเขียนนิทานเรื่องมายากลยุทธและผมได้แพลมออกไปว่า มีสมาชิกของ Trilateral Commission เป็นคนไทยด้วย ผมนำชื่อมาลงทั้งหมด ปรากฎว่าหลังจากลงไปได้ไม่เท่าไหร่ เพจผม (บังเอิญ ? !)ออกอาการเหมือนถูกกวนจนเละ หน้าจอเดี๋ยวดับบ้าง เปิดไม่ได้บ้าง ข้อความที่ลงก็หายเป็น ตอนๆ โดยเฉพาะตอนที่มีรายชื่อสมาชิกคนไทยที่โด่งดัง หายแล้วหายอีก ต้องลงซ้ำลงซาก คราวนี้ต้องเขียนถึงกลุ่มนี้อีก เพื่อให้ต่อเนื่องกัน ก็เลยแวะไปเช็คข้อมูล ซึ่งก็มีท่านผู้อ่านรายหนึ่ง inbox มาบอกล่วงหน้าแล้ว (ขอบคุณนะครับ) ผลการเช็คข้อมูลล่าสุดนี้ ปรากฎว่ากรรมการชุดเก่าเปลี่ยนตัวไปกันเกือบหมด ! เขาตั้งคนอื่นมาแทน เลยขอลงรายชื่อ ทั้งเก่าทั้งใหม่ให้ชื่นชมกัน ว่าคนไทยเราก็ติดอันดับโลก แบบนี้เหมือนกัน (แหม ! ไม่กล้าอ้างความดีความชอบว่า เป็นผู้แฉจนต้องมีการเปลี่ยนตัว เดี๋ยวมีคนเชื่อ ฮา !)
    – รายชื่อเมื่อปี ค.ศ.2011
นายอานันท์ ปันยารชุน
นายณรงค์ชัย อัครเศรณี
มรว. เกษมสโมสร เกษมศรี
นายสารสิน วีรผล
ดร.สุรินทร์ พิศสุวรรณ
    – รายชื่อใน ค.ศ.2013 (น่าจะออกมาปลายปี ค.ศ.2013 หลังจากที่เขียนนิทานมายากลยุทธ หน่อยหนึ่งครับ)
ดร.สุรินทร์ พิศสุวรรณ (อดีตเลขาธิการอาเซียน ปริญญาโท ปริญญาเอก มหาวิทยาลัย Harvard)
นางธาริษา วัฒนเกศ (อดีตผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศ ปริญญาตรี, โท ทางเศรษฐศาสตร์ จากมหาวิทยาลัย เคโอะ โตเกียว ประเทศญี่ปุ่น)
ดร.สมเกียรติ ตั้งกิจวาณิชย์ (ประธานสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) ปริญญาโทและเอก วิทยาการคอมพิวเตอร์ จากสถาบันเทคโนโลยีแห่งโตเกียว )
นายกานต์ ตระกุลฮุน (กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปูนซิเมนต์ ไทย ปริญญาตรี วิศวกรรมศาสตร์ (จุฬา) ปริญญาโท บริหารธุรกิจ The Georgia Institute of Technology (อเมริกา) )
    คนเล่านิทาน
30 พค. 57
    แหกคอก ตอนที่ 8 – นักวิ่ง นิทานเรื่องจริง เรื่อง ” แหกคอก ” ตอนที่ 8 : นักวิ่ง มีกลุ่มนักคิด แล้วจะให้ดีก็ต้องมีกลุ่มคนพูด คนดำเนินการ คนวิ่งเต้นเหมือนเป็น lobbyist แต่เป็น lobbyist ระดับ cream หน้าขนมเค้ก แต่คราวนี้ไม่ใช่เค้กธรรมดาเป็นขนมเค้กประดับมงกุฎเสียด้วย ปี ค.ศ.1954 พวกคนในสังคมระดับสูง ถึงสูงมากๆ ในยุโรป อังกฤษ และอเมริกา จึงรวมตัวกันจัดตั้ง the Bilderberg Group ขึ้นที่ประเทศ Netherlands หลังจากน้ันทุกปี กลุ่มนี้จะจัดประชุมลับ มีคนเข้าร่วมประมาณ 100 กว่าคน จากบุคคลชั้นสูงในวงการเมือง ธุรกิจการเงินการธนาคาร การทหาร บรรษัทข้ามชาติใหญ่ นักวิชาการ สื่อจากอเมริกา (เหนือ) และยุโรปตะวันตก เป็นเครือข่ายของผู้ทรงอิทธิพลรวมถึงพระราชวงศ์ในยุโรปซึ่งสามารถจะคุยกันได้อย่างเปิดอก และไม่ต้องเกรงว่าจะมีการรั่วไหลของการคุย ขาประจำจะเป็นพวกหัวหน้าผู้บริหาร หรือประธานของบรรดาบรรษัทข้ามชาติ ใหญ่ๆ ในโลก บริษัทน้ำมันเช่น Royal Dutch, British Petroleum, Total SA รวมทั้งพระราชวงศ์ในยุโรป นายธนาคารระดับนานาชาติ เช่น (แน่นอน) นาย David Rockefeller ประธานาธิบดี นายกรัฐมนตรี และพวกธนาคารกลางของโลก Bilderberg เป็นถังความคิด แบบเปิดฝาแต่ปิดตัว ตั้งขึ้นด้วยความตั้งใจที่จะเป็นห่วงคล้อง (ชักใย) รัฐบาลกับเศรษฐกิจของยุโรปกับอเมริกา ในระหว่างสงครามเย็นให้ไปในทิศทางเดียวกัน ปี ค.ศ.1970 David Rockefeller เป็นประธานของ CFR และเป็นประธานกรรมการและประธานผู้บริหารของ Chase Manhattan Bank ไปเชิญนักวิชาการเข้ามาร่วมอยู่ ใน CFR (ใช่แล้วครับ เจ้าเก่า) นาย Zbigniew Brzezinski ซึ่งเขียนหนังสือ Between Two ages : Americans Role in the Tecnetronic Era บอกว่าปัจจุบันนี้ ความสนิทสนมกลมเกลียว ความร่วมมือระหว่างรัฐประเทศมันน้อยลง แทนที่จะหันหน้าเข้ามาหากัน ดันตะแคงข้างหรือหันหลังใส่กัน ขณะเดียวกันความร่วมมือระหว่างบรรษัทข้ามชาติด้วยกันมีมากขึ้น เงินมันมีแรงดึงดูดสูงกว่า ดังนั้นจึงควรมีการรวมตัวกันระหว่างประเทศที่พัฒนาแล้ว คือ ประเทศในยุโรปตะวันตก อเมริกา และญี่ปุ่น เพราะต่อจากนี้ไป ธนาคารและบรรษัทข้ามชาติทุนใหญ่ เช่น ธนาคาร บริษัท หรือ องค์กรระหว่างประเทศ จะเป็นผู้มีบทบาทใหญ่ขึ้น ในการกำหนดทิศทางการเมืองของโลกนี้ แล้วในปี ค.ศ.1972 David Rockefeller และนาย Brzezinski ก็เสนอความคิดนี้ในที่ประชุมประจำปีของ Bilderberg หลังจากนั้นผู้ทรงอิทธิพลรุ่นใหญ่เกือบ 20 คน ก็พากันยกโขยงมาพบนาย David ที่บ้าน แล้วก็บอกว่า พร้อมแล้วครับท่าน พวกเราเห็นพ้องกันตามที่ท่านกล่อม (สั่ง !) ค.ศ.1973 Trilateral Commission ซึ่งถือเสมือนเป็นน้องน้อยของ Bilderberg ก็คลอด เป็นการเชื่อมผู้ครองโลกใน 3 ทวีป เข้าด้วยกัน ยุโรปตะวันตก อเมริกา และญี่ปุ่น ขอแจ้งข้อมูลปัจจุบันหน่อยครับ ผมเคยเขียนเกี่ยวกับ Trilateral Commission นี้ เมื่อตอนเขียนนิทานเรื่องมายากลยุทธและผมได้แพลมออกไปว่า มีสมาชิกของ Trilateral Commission เป็นคนไทยด้วย ผมนำชื่อมาลงทั้งหมด ปรากฎว่าหลังจากลงไปได้ไม่เท่าไหร่ เพจผม (บังเอิญ ? !)ออกอาการเหมือนถูกกวนจนเละ หน้าจอเดี๋ยวดับบ้าง เปิดไม่ได้บ้าง ข้อความที่ลงก็หายเป็น ตอนๆ โดยเฉพาะตอนที่มีรายชื่อสมาชิกคนไทยที่โด่งดัง หายแล้วหายอีก ต้องลงซ้ำลงซาก คราวนี้ต้องเขียนถึงกลุ่มนี้อีก เพื่อให้ต่อเนื่องกัน ก็เลยแวะไปเช็คข้อมูล ซึ่งก็มีท่านผู้อ่านรายหนึ่ง inbox มาบอกล่วงหน้าแล้ว (ขอบคุณนะครับ) ผลการเช็คข้อมูลล่าสุดนี้ ปรากฎว่ากรรมการชุดเก่าเปลี่ยนตัวไปกันเกือบหมด ! เขาตั้งคนอื่นมาแทน เลยขอลงรายชื่อ ทั้งเก่าทั้งใหม่ให้ชื่นชมกัน ว่าคนไทยเราก็ติดอันดับโลก แบบนี้เหมือนกัน (แหม ! ไม่กล้าอ้างความดีความชอบว่า เป็นผู้แฉจนต้องมีการเปลี่ยนตัว เดี๋ยวมีคนเชื่อ ฮา !) – รายชื่อเมื่อปี ค.ศ.2011
นายอานันท์ ปันยารชุน
นายณรงค์ชัย อัครเศรณี
มรว. เกษมสโมสร เกษมศรี
นายสารสิน วีรผล
ดร.สุรินทร์ พิศสุวรรณ – รายชื่อใน ค.ศ.2013 (น่าจะออกมาปลายปี ค.ศ.2013 หลังจากที่เขียนนิทานมายากลยุทธ หน่อยหนึ่งครับ)
ดร.สุรินทร์ พิศสุวรรณ (อดีตเลขาธิการอาเซียน ปริญญาโท ปริญญาเอก มหาวิทยาลัย Harvard)
นางธาริษา วัฒนเกศ (อดีตผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศ ปริญญาตรี, โท ทางเศรษฐศาสตร์ จากมหาวิทยาลัย เคโอะ โตเกียว ประเทศญี่ปุ่น)
ดร.สมเกียรติ ตั้งกิจวาณิชย์ (ประธานสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) ปริญญาโทและเอก วิทยาการคอมพิวเตอร์ จากสถาบันเทคโนโลยีแห่งโตเกียว )
นายกานต์ ตระกุลฮุน (กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปูนซิเมนต์ ไทย ปริญญาตรี วิศวกรรมศาสตร์ (จุฬา) ปริญญาโท บริหารธุรกิจ The Georgia Institute of Technology (อเมริกา) ) คนเล่านิทาน
30 พค. 57
    0 Comments 0 Shares 759 Views 0 Reviews
  • นิทานเรื่องจริง เรื่อง “มายากลยุทธ”
    ภาคสอง ตอน เสกกระดาษเป็นน้ำมัน
    ตอนที่ 25 : เหยื่อ (1)
    เมื่อหมดยุคประธานาธิบดี Reagan ในปี ค.ศ. 1988 นาย George H W Bush (ตัวพ่อ) ขึ้นมาเป็นประธานาธิบดีคนต่อไป เป็นช่วงที่หมดยุคสงครามเย็น เยอรมันตัดสินใจทุบกำแพง Berlin ออก เยอรมันตะวันออกกับตะวันตก จับมือรวมชาติพัฒนาประเทศด้วยกัน การตัดสินในเช่นนี้ ลึก ๆ แน่นอน ย่อมมีคนคัดจมูก หายใจไม่คล่องอยู่บ้าง ถ้าเศรษฐกิจของเยอรมันแข็งแรงและขยายตัวเต็มยุโรป อำนาจของอเมริกาในยุโรปก็เหมือนถูกท้าทาย นี่คือปฏิกิริยาของอเมริกาที่มีต่อทุกประเทศ ไม่ว่ามิตรหรือศัตรู อเมริกาจะมีปรอทวัดอาการของทุกชาติไว้อย่างถี่ถ้วน ถ้าชาติไหน เริ่มเจริญ ก้าวหน้าหรือมีความสำคัญ หรือเอนตัวผิดองศา ที่อเมริกาเห็นว่าน่าจะกลายเป็นคู่แข่ง หรืออุปสรรคต่ออเมริกาไม่ว่าทางใด ปรอทจะส่งสัญญาณเตือนทันที และกิจกรรมการเล่นกลก็จะเริ่มเกิดขึ้น
    อเมริกามองอาการของเยอรมันเหมือนสมัย ค.ศ. 1970 ช่วงที่อุตสาหกรรมกำลังบูม และความต้องการน้ำมันของประเทศผู้ประกอบกิจการอุตสาหกรรมก็จะสูงตามไปด้วย ค.ศ.นี้ก็ไม่ต่างกัน เยอรมันและชาติที่กำลังทำอุตสาหกรรมก็ต้องหิวน้ำมัน เพราะฉะนั้นอเมริกาต้องรีบหาทาง “กัก” น้ำมันไม่ให้ไปถึงประเทศพวกนั้น คราวนี้ใครจะเป็นเป้าหมายในการเล่นกล เพื่อให้ได้ผลตามที่อเมริกาต้องการ แล้ว Saddam ก็เป็นเหยื่อ หลังจากเปลี้ยมาจากการรบกับอิหร่านเกือบสิบปี ช่วงปี ค.ศ. 1980 – 1988 แผนการก็แบบเดิม ๆ ยุให้เขาตีกันก่อน เพื่อตัวเองจะได้เข้าไปในประเทศเขา (สมันน้อยอ่านตรงนี้ซ้ำ ๆ หน่อยนะ)
    อเมริกาเล่นกล โดยใช้ Kuwait เป็นเหยื่อล่อ Iraq ให้มากินเบ็ด Iraq งับทันที บุกเข้า Kuwait เพราะมีกรณีค้างคาใจกันอยู่หลายเรื่อง ตั้งแต่ร่วมมือกันรบอิหร่านแล้วเบี้ยวหนี้กัน ทะเลาะกันไปมาหลายเรื่อง แต่เรื่องที่ Saddam แค้นคือ Saddam กล่าวหาว่า Kuwait ขะโมยขุดน้ำมันแถวชายแดนของ Iraq แถม Kuwait ยังเกเรผลิตน้ำมันเกินข้อตกลงกันระหว่างประเทศ OPEC ซึ่งทำให้การควบคุมราคาน้ำมันในกลุ่ม OPEC มีปัญหา
    Iraq ตัดสินใจบุกคูเวตวันที่ 2 สิงหาคม ค.ศ. 1990 กองทัพของ Kuwait ต้านไม่ไหวหนีไปพึ่งใบบุญ Saudi Arabia กับ Bahrain Saddam จึงประกาศเอา Kuwait ผนวกกลับมาเป็นของ Iraq
    อะไรทำให้ Saddam ตัดสินใจทะเลาะกับเพื่อนบ้าน ข่าววงในแจ้งว่า เรื่อง Saddam อยากจะเคี้ยว Kuwait ไม่ได้เป็นความลับอะไร ถึงขนาดฑูตอเมริกา ชื่อคุณนาย April Glaspie ไปเดินถามนายทหารระดับสูงของ Iraq ว่าอะไรกันค้า เตรียมรบอะไรกันค้า เห็นคุณทหาร Iraq ไปอยู่ตามชายแดนติดกับ Kuwait เต็มเลยค่า (นี่ข่าวของคุณนาย April เกี่ยวกับ Iraq นะ ไม่ใช่ของคุณนาย คริสตี้ เรื่องไทยแลนด์ แหม ! แต่มันเจ๋อเหมือนกันจัง) เสร็จแล้วคุณนาย April ก็ออกข่าวว่า เราไม่มีความเห็นเกี่ยวกับความไม่ลงรอยกัน ระหว่าง Iraq กับ Kuwait เราไม่มีความเห็นเกี่ยวกับความขัดแย้ง ระหว่างประเทศอาหรับด้วยกัน (“We have no opinion on the Arab-Arab conflicts”) ที่ยังงี้ละไม่ออกความเห็นนะ คุณนาย ความเห็นพวกฑูตนี้ มันแล้วแต่นายเขาสั่งมา แล้วเราจะต้องไปคอยถามคอยตอบทำไมนะ มันละครชัด ๆ ข่าวว่าการให้สัมภาษณ์ของคุณนาย ทำให้ Saddam เข้าใจว่าอเมริกา ไม่มีปัญหา (หรืออาจจะสนับสนุนด้วยซ้ำ) ที่ Iraq จะบุก Kuwait
    แต่เรื่องมันกลับตาลปัตร หลังจาก Saddam ถล่ม Kuwait ไปได้ 6 เดือน UN ก็ประกาศประฌาม Saddam พร้อมทั้งมีมติเอกฉันท์สั่งให้ Saddam ถอนกองทัพออกมา Saddam เฉย กลางเดือนมกราคม ค.ศ. 1991 Operation Desert Storm ของอเมริกาก็ปฎิบัติการ ชาวเราก็นั่งดูข่าวถ่ายทอดสดทาง CNN เหมือนดูหนังโรง แต่ของจริงเขาถล่มจริง ตายจริง มันเป็นเพียงการเริ่มต้นของการทำลายล้างประเทศ และประชาชนอย่างไม่มีความปราณี อยู่ 12 ปี แม้จะ (หลอกว่า) มี Operation Iraqi Freedom ตามมาให้เมื่อมีนาคม ค.ศ. 2003 จนหลาย ปีให้หลัง ยังไม่เห็นเสรีภาพของชนชาวอิรัค ทุกวันนี้พวกเขายังเรียกร้องหาประชาธิปไตยกันอยู่ เขาถูกย่ำยีจนไม่เหลือ ทั้งทรัพยากร ชีวิตผู้คนและศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ ไอ้พวกนักสิทธิมนุษย์ของสหประชาชาติ มันหายไปไหนหมด หรือมัวแต่ไปช่วยเขาหาบุคคลที่สมควรได้รับรางวัล Nobel สันติภาพกัน

    คนเล่านิทาน
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “มายากลยุทธ” ภาคสอง ตอน เสกกระดาษเป็นน้ำมัน ตอนที่ 25 : เหยื่อ (1) เมื่อหมดยุคประธานาธิบดี Reagan ในปี ค.ศ. 1988 นาย George H W Bush (ตัวพ่อ) ขึ้นมาเป็นประธานาธิบดีคนต่อไป เป็นช่วงที่หมดยุคสงครามเย็น เยอรมันตัดสินใจทุบกำแพง Berlin ออก เยอรมันตะวันออกกับตะวันตก จับมือรวมชาติพัฒนาประเทศด้วยกัน การตัดสินในเช่นนี้ ลึก ๆ แน่นอน ย่อมมีคนคัดจมูก หายใจไม่คล่องอยู่บ้าง ถ้าเศรษฐกิจของเยอรมันแข็งแรงและขยายตัวเต็มยุโรป อำนาจของอเมริกาในยุโรปก็เหมือนถูกท้าทาย นี่คือปฏิกิริยาของอเมริกาที่มีต่อทุกประเทศ ไม่ว่ามิตรหรือศัตรู อเมริกาจะมีปรอทวัดอาการของทุกชาติไว้อย่างถี่ถ้วน ถ้าชาติไหน เริ่มเจริญ ก้าวหน้าหรือมีความสำคัญ หรือเอนตัวผิดองศา ที่อเมริกาเห็นว่าน่าจะกลายเป็นคู่แข่ง หรืออุปสรรคต่ออเมริกาไม่ว่าทางใด ปรอทจะส่งสัญญาณเตือนทันที และกิจกรรมการเล่นกลก็จะเริ่มเกิดขึ้น อเมริกามองอาการของเยอรมันเหมือนสมัย ค.ศ. 1970 ช่วงที่อุตสาหกรรมกำลังบูม และความต้องการน้ำมันของประเทศผู้ประกอบกิจการอุตสาหกรรมก็จะสูงตามไปด้วย ค.ศ.นี้ก็ไม่ต่างกัน เยอรมันและชาติที่กำลังทำอุตสาหกรรมก็ต้องหิวน้ำมัน เพราะฉะนั้นอเมริกาต้องรีบหาทาง “กัก” น้ำมันไม่ให้ไปถึงประเทศพวกนั้น คราวนี้ใครจะเป็นเป้าหมายในการเล่นกล เพื่อให้ได้ผลตามที่อเมริกาต้องการ แล้ว Saddam ก็เป็นเหยื่อ หลังจากเปลี้ยมาจากการรบกับอิหร่านเกือบสิบปี ช่วงปี ค.ศ. 1980 – 1988 แผนการก็แบบเดิม ๆ ยุให้เขาตีกันก่อน เพื่อตัวเองจะได้เข้าไปในประเทศเขา (สมันน้อยอ่านตรงนี้ซ้ำ ๆ หน่อยนะ) อเมริกาเล่นกล โดยใช้ Kuwait เป็นเหยื่อล่อ Iraq ให้มากินเบ็ด Iraq งับทันที บุกเข้า Kuwait เพราะมีกรณีค้างคาใจกันอยู่หลายเรื่อง ตั้งแต่ร่วมมือกันรบอิหร่านแล้วเบี้ยวหนี้กัน ทะเลาะกันไปมาหลายเรื่อง แต่เรื่องที่ Saddam แค้นคือ Saddam กล่าวหาว่า Kuwait ขะโมยขุดน้ำมันแถวชายแดนของ Iraq แถม Kuwait ยังเกเรผลิตน้ำมันเกินข้อตกลงกันระหว่างประเทศ OPEC ซึ่งทำให้การควบคุมราคาน้ำมันในกลุ่ม OPEC มีปัญหา Iraq ตัดสินใจบุกคูเวตวันที่ 2 สิงหาคม ค.ศ. 1990 กองทัพของ Kuwait ต้านไม่ไหวหนีไปพึ่งใบบุญ Saudi Arabia กับ Bahrain Saddam จึงประกาศเอา Kuwait ผนวกกลับมาเป็นของ Iraq อะไรทำให้ Saddam ตัดสินใจทะเลาะกับเพื่อนบ้าน ข่าววงในแจ้งว่า เรื่อง Saddam อยากจะเคี้ยว Kuwait ไม่ได้เป็นความลับอะไร ถึงขนาดฑูตอเมริกา ชื่อคุณนาย April Glaspie ไปเดินถามนายทหารระดับสูงของ Iraq ว่าอะไรกันค้า เตรียมรบอะไรกันค้า เห็นคุณทหาร Iraq ไปอยู่ตามชายแดนติดกับ Kuwait เต็มเลยค่า (นี่ข่าวของคุณนาย April เกี่ยวกับ Iraq นะ ไม่ใช่ของคุณนาย คริสตี้ เรื่องไทยแลนด์ แหม ! แต่มันเจ๋อเหมือนกันจัง) เสร็จแล้วคุณนาย April ก็ออกข่าวว่า เราไม่มีความเห็นเกี่ยวกับความไม่ลงรอยกัน ระหว่าง Iraq กับ Kuwait เราไม่มีความเห็นเกี่ยวกับความขัดแย้ง ระหว่างประเทศอาหรับด้วยกัน (“We have no opinion on the Arab-Arab conflicts”) ที่ยังงี้ละไม่ออกความเห็นนะ คุณนาย ความเห็นพวกฑูตนี้ มันแล้วแต่นายเขาสั่งมา แล้วเราจะต้องไปคอยถามคอยตอบทำไมนะ มันละครชัด ๆ ข่าวว่าการให้สัมภาษณ์ของคุณนาย ทำให้ Saddam เข้าใจว่าอเมริกา ไม่มีปัญหา (หรืออาจจะสนับสนุนด้วยซ้ำ) ที่ Iraq จะบุก Kuwait แต่เรื่องมันกลับตาลปัตร หลังจาก Saddam ถล่ม Kuwait ไปได้ 6 เดือน UN ก็ประกาศประฌาม Saddam พร้อมทั้งมีมติเอกฉันท์สั่งให้ Saddam ถอนกองทัพออกมา Saddam เฉย กลางเดือนมกราคม ค.ศ. 1991 Operation Desert Storm ของอเมริกาก็ปฎิบัติการ ชาวเราก็นั่งดูข่าวถ่ายทอดสดทาง CNN เหมือนดูหนังโรง แต่ของจริงเขาถล่มจริง ตายจริง มันเป็นเพียงการเริ่มต้นของการทำลายล้างประเทศ และประชาชนอย่างไม่มีความปราณี อยู่ 12 ปี แม้จะ (หลอกว่า) มี Operation Iraqi Freedom ตามมาให้เมื่อมีนาคม ค.ศ. 2003 จนหลาย ปีให้หลัง ยังไม่เห็นเสรีภาพของชนชาวอิรัค ทุกวันนี้พวกเขายังเรียกร้องหาประชาธิปไตยกันอยู่ เขาถูกย่ำยีจนไม่เหลือ ทั้งทรัพยากร ชีวิตผู้คนและศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ ไอ้พวกนักสิทธิมนุษย์ของสหประชาชาติ มันหายไปไหนหมด หรือมัวแต่ไปช่วยเขาหาบุคคลที่สมควรได้รับรางวัล Nobel สันติภาพกัน คนเล่านิทาน
    0 Comments 0 Shares 585 Views 0 Reviews
  • นิทานเรื่องจริง เรื่อง “มายากลยุทธ”
    ภาคสอง ตอน เสกกระดาษเป็นน้ำมัน
    ตอนที่ 24 : สร้างกับดัก
    จากเหตุการณ์ไล่ Shah ออกไป การประท้วงรุนแรงลุกลาม ราคาน้ำมันโลกก็พุ่งกระฉูดอีกรอบ เหมือนปี ค.ศ. 1973 แต่อเมริกาแก้ภาวะวิกฤติในรูปแบบใหม่ โดยคำกระซิบของนายเหนือ David Rockefeller และเหล่าสถาบันการเงินผู้ทรงอิทธิพลและ Wall Street บอกให้นาย Paul Volcker ซึ่งเป็นประธาน Fed ขณะนั้น “จัดการ” ขึ้นดอกเบี้ย เพื่อรับมือกับภาวะเงินเฟ้อ แน่นอนโลกการเงินย่อมมึนเหมือนโดนตีหัว มันไปเอาวิธีแก้เงินเฟ้อ แบบนี้มาจากตำราไหนวะ ทำไมนาย Volcker ถึงได้ตัดสินใจแบบนี้ โปรดอย่าลืมว่านาย Volcker เป็นสมาชิกรุ่นก่อตั้งของ Trillateral Commission ของพวกโคตรรวย (ถ้าลืมช่วยกลับไปอ่าน ตอน 4 นะครับ)
    มารู้ประวัติเขาสักนิด นาย Volcker เริ่มต้นเป็นเศรษฐกร ตัวเล็ก ๆ ที่ New York Federal Reserve Bank ช่วงปี ค.ศ. 1950 ต้น ๆ หลังทำงานอยู่ประมาณ 5 ปี นาย David Rockefeller ก็บังเอิญเดินเลี้ยวไปเจอ เลยชวนให้มาทำงานที่ Chase Bank ของพรรคโคตรรวย หลังจากนั้นก็หนุนให้นาย Volcker เป็นผู้ช่วยกรรมาธิการด้านการเงิน และเป็นที่ปรึกษาอยู่ที่กระทรวงการคลังของอเมริกา (เขาสั่งได้จริง ๆ !) ปี ค.ศ. 1965 ก็กลับมาอยู่ที่ Chase กับนาย David ในฐานะผู้ช่วย คราวนี้มาดูแลด้านธุรกิจ ตปท. ให้ เมื่อ Nixon เป็นประธานาธิบดี ฟ้าก็ส่งให้นาย Volcker ขึ้นเป็นใหญ่ ลำดับ 3 ของกระทรวงการคลัง และทำให้เขามีส่วนที่ช่วย “ดำเนินการ” ให้มีการยกเลิกข้อตกลง Bretton Woods ที่ตัดเชือกผูกระหว่างเงินดอลล่าร์กับทองคำ ปี ค.ศ. 1973 เขาได้รับการชวนให้เป็นสมาชิกรุ่นก่อตั้งของ Trillateral Commission และปี ค.ศ. 1975 เขาก็ได้เป็นประธานของ New York Federal Reserve Bank สาขาที่ทรงอำนาจที่สุดใน 12 สาขา ของ Fed
    ในปี ค.ศ. 1979 ประธานาธิบดี Carter ถูกกระซิบ (อีกแล้ว) ให้ตั้งนาย Arthur Miller ซึ่งเป็นประธานของ Fed ขณะนั้น ให้ไปดำรงตำแหน่ง รมว.คลัง ตำแหน่งประธาน Fed ก็เลยว่าง แน่นอน ราชรถมาเกยที่นาย Volcker การชักใยจึงทำได้สะดวกโยธิน ตามแผนของนักเล่นกล
    ปรกติอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ยืมระหว่างประเทศ จะอยู่ที่ประมาณ 2% ต่อปี แต่จากเหตุวิกฤติเรื่องราคาน้ำมันพุ่ง อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ ขึ้นจาก 2% ในช่วงปี ค.ศ. 1970 เป็น 18% ในช่วงปี ค.ศ. 1980 ผู้ที่รับผลกระทบดอกเบี้ยขึ้นสูงนี้ คือ ประเทศที่กำลังพัฒนา หรือประเทศในโลกที่ 3
    ประเทศที่กำลังพัฒนา เช่น Mexico, Brazil, Venezuela, Argentina และหลายประเทศใน อาฟริกา ซึ่งเพิ่งได้รับเอกราชมาจากอังกฤษ ช่วงปี ค.ศ. 1950 และหลายประเทศในแถบเอเซีย ประเทศเหล่านี้มีน้ำมัน แต่ยังต้องพึ่งพาเงินกู้จากต่างประเทศ เพราะกำลังตั้งตัว เพื่อมาพัฒนาประเทศ เพื่อจะให้มีเศรษฐกิจใกล้เคียงหรือตามทันประเทศที่พัฒนาแล้ว แต่เมื่อเกิดภาวะวิกฤติน้ำมันบวกกับอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ ดอกเบี้ยที่ประเทศพวกนี้ ต้องจ่ายให้เจ้าหนี้ถึงกับท่วมเงินต้น แล้วมันจะไปอยู่รอดได้อย่างไร
    แล้วก็มีพระเอกขี่ม้าขาวมาช่วยประเทศลูกหนี้เหล่านี้ คงเดากันออก พระเอกใส่เสื้อคลุมยี่ห้อ IMF, World Bank ซึ่งรีบออกโปรแกรมใหม่ เรียกว่า “SAP” (ไปถามอ้ายน้อยดูแล้วกัน ตอนวิกฤติ ต้มยำกุ้งบ้านเรา เราได้ SAP ไปแค่ไหน) คือ การปรับปรุงโครงสร้างหนี้นั่นแหละ (Structural Adjustment Programs) SAPs มาพร้อมกับเงื่อนไข 508ประการ (ช่วยกลับไปอ่านจิกโก๋ปากซอย ตอน 14/2 นะครับ ขี้เกียจเขียนซ้ำ เขียนซ้ำก็ช้ำใจซ้ำ !) หลาย ๆ เงื่อนไขที่ SAPs วางแทบจะไม่เป็น เงื่อนไขเกี่ยวกับเงินกู้เลย บางครั้งเป็นเรื่องการเมืองมากกว่า และที่แย่บางครั้ง เป็นเรื่องกระทบอธิปไตยของประเทศผู้กู้เสียด้วย ผลจากการปฏิบัติการของคุณ SAPs ทำให้ประเทศของโลกที่สาม หรือที่กำลังพัฒนา หยุดการพัฒนาไปโดยปริยาย
    ตั้งแต่ ค.ศ. 1980 ถึงหลัง ค.ศ. 1990 แต่ก็ยังมีหนี้ท่วมอยู่ ประเทศเหล่านี้ไม่มีทางเลือก เพื่อความอยู่รอดของประเทศ ต้องยอมเปิดประตูให้ผู้ให้กู้ตปท. นักธุรกิจตปท.เข้ามาทึ้งสมบัติในประเทศ
    นี่คือรูปแบบของการล่าอาณานิคมยุคใหม่ ที่ไม่ต้องใช้อาวุธยิงถล่มบ้านเมืองให้พังพินาศ แต่ใช้อาวุธทางการเงินที่เราขวนขวาย แสวงหา และตะกายทำตามเพราะนึกว่าจะทำให้เรากลายเป็นประเทศที่พัฒนาแล้วอย่างเขา หารู้ไม่ว่าเครื่องมือและกลไกทางการเงินต่าง ๆ นั้น คือ “กับดัก” สมันน้อยชาติต่าง ๆ ก็พากันเดินเข้าไปสู่กับดักอย่างไม่รู้ตัว ถ้าไม่รู้จักเดินเลี่ยงจากกับดัก หรือหาทางแกะกับดักนี้ให้ออก มันจะกลายเป็นสิ่งที่นำพาให้สมันน้อย ไม่มีอะไรเหลือในประเทศ หรือถึงขั้น อาจไม่เหลือประเทศอยู่ และทั้งหมดที่นักมายากลเขาสร้าง เครื่องมือต่าง ๆ มาดักสมันน้อย ก็เพื่อช่วงชิงน้ำมันและแสดงให้โลกเห็นว่า ใครคือผู้มีอำนาจครองโลกที่แท้จริง นี่คือการแสดงมายากลระดับตั๋วราคาโคตรแพง ! ! !


    คนเล่านิทาน
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “มายากลยุทธ” ภาคสอง ตอน เสกกระดาษเป็นน้ำมัน ตอนที่ 24 : สร้างกับดัก จากเหตุการณ์ไล่ Shah ออกไป การประท้วงรุนแรงลุกลาม ราคาน้ำมันโลกก็พุ่งกระฉูดอีกรอบ เหมือนปี ค.ศ. 1973 แต่อเมริกาแก้ภาวะวิกฤติในรูปแบบใหม่ โดยคำกระซิบของนายเหนือ David Rockefeller และเหล่าสถาบันการเงินผู้ทรงอิทธิพลและ Wall Street บอกให้นาย Paul Volcker ซึ่งเป็นประธาน Fed ขณะนั้น “จัดการ” ขึ้นดอกเบี้ย เพื่อรับมือกับภาวะเงินเฟ้อ แน่นอนโลกการเงินย่อมมึนเหมือนโดนตีหัว มันไปเอาวิธีแก้เงินเฟ้อ แบบนี้มาจากตำราไหนวะ ทำไมนาย Volcker ถึงได้ตัดสินใจแบบนี้ โปรดอย่าลืมว่านาย Volcker เป็นสมาชิกรุ่นก่อตั้งของ Trillateral Commission ของพวกโคตรรวย (ถ้าลืมช่วยกลับไปอ่าน ตอน 4 นะครับ) มารู้ประวัติเขาสักนิด นาย Volcker เริ่มต้นเป็นเศรษฐกร ตัวเล็ก ๆ ที่ New York Federal Reserve Bank ช่วงปี ค.ศ. 1950 ต้น ๆ หลังทำงานอยู่ประมาณ 5 ปี นาย David Rockefeller ก็บังเอิญเดินเลี้ยวไปเจอ เลยชวนให้มาทำงานที่ Chase Bank ของพรรคโคตรรวย หลังจากนั้นก็หนุนให้นาย Volcker เป็นผู้ช่วยกรรมาธิการด้านการเงิน และเป็นที่ปรึกษาอยู่ที่กระทรวงการคลังของอเมริกา (เขาสั่งได้จริง ๆ !) ปี ค.ศ. 1965 ก็กลับมาอยู่ที่ Chase กับนาย David ในฐานะผู้ช่วย คราวนี้มาดูแลด้านธุรกิจ ตปท. ให้ เมื่อ Nixon เป็นประธานาธิบดี ฟ้าก็ส่งให้นาย Volcker ขึ้นเป็นใหญ่ ลำดับ 3 ของกระทรวงการคลัง และทำให้เขามีส่วนที่ช่วย “ดำเนินการ” ให้มีการยกเลิกข้อตกลง Bretton Woods ที่ตัดเชือกผูกระหว่างเงินดอลล่าร์กับทองคำ ปี ค.ศ. 1973 เขาได้รับการชวนให้เป็นสมาชิกรุ่นก่อตั้งของ Trillateral Commission และปี ค.ศ. 1975 เขาก็ได้เป็นประธานของ New York Federal Reserve Bank สาขาที่ทรงอำนาจที่สุดใน 12 สาขา ของ Fed ในปี ค.ศ. 1979 ประธานาธิบดี Carter ถูกกระซิบ (อีกแล้ว) ให้ตั้งนาย Arthur Miller ซึ่งเป็นประธานของ Fed ขณะนั้น ให้ไปดำรงตำแหน่ง รมว.คลัง ตำแหน่งประธาน Fed ก็เลยว่าง แน่นอน ราชรถมาเกยที่นาย Volcker การชักใยจึงทำได้สะดวกโยธิน ตามแผนของนักเล่นกล ปรกติอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ยืมระหว่างประเทศ จะอยู่ที่ประมาณ 2% ต่อปี แต่จากเหตุวิกฤติเรื่องราคาน้ำมันพุ่ง อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ ขึ้นจาก 2% ในช่วงปี ค.ศ. 1970 เป็น 18% ในช่วงปี ค.ศ. 1980 ผู้ที่รับผลกระทบดอกเบี้ยขึ้นสูงนี้ คือ ประเทศที่กำลังพัฒนา หรือประเทศในโลกที่ 3 ประเทศที่กำลังพัฒนา เช่น Mexico, Brazil, Venezuela, Argentina และหลายประเทศใน อาฟริกา ซึ่งเพิ่งได้รับเอกราชมาจากอังกฤษ ช่วงปี ค.ศ. 1950 และหลายประเทศในแถบเอเซีย ประเทศเหล่านี้มีน้ำมัน แต่ยังต้องพึ่งพาเงินกู้จากต่างประเทศ เพราะกำลังตั้งตัว เพื่อมาพัฒนาประเทศ เพื่อจะให้มีเศรษฐกิจใกล้เคียงหรือตามทันประเทศที่พัฒนาแล้ว แต่เมื่อเกิดภาวะวิกฤติน้ำมันบวกกับอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ ดอกเบี้ยที่ประเทศพวกนี้ ต้องจ่ายให้เจ้าหนี้ถึงกับท่วมเงินต้น แล้วมันจะไปอยู่รอดได้อย่างไร แล้วก็มีพระเอกขี่ม้าขาวมาช่วยประเทศลูกหนี้เหล่านี้ คงเดากันออก พระเอกใส่เสื้อคลุมยี่ห้อ IMF, World Bank ซึ่งรีบออกโปรแกรมใหม่ เรียกว่า “SAP” (ไปถามอ้ายน้อยดูแล้วกัน ตอนวิกฤติ ต้มยำกุ้งบ้านเรา เราได้ SAP ไปแค่ไหน) คือ การปรับปรุงโครงสร้างหนี้นั่นแหละ (Structural Adjustment Programs) SAPs มาพร้อมกับเงื่อนไข 508ประการ (ช่วยกลับไปอ่านจิกโก๋ปากซอย ตอน 14/2 นะครับ ขี้เกียจเขียนซ้ำ เขียนซ้ำก็ช้ำใจซ้ำ !) หลาย ๆ เงื่อนไขที่ SAPs วางแทบจะไม่เป็น เงื่อนไขเกี่ยวกับเงินกู้เลย บางครั้งเป็นเรื่องการเมืองมากกว่า และที่แย่บางครั้ง เป็นเรื่องกระทบอธิปไตยของประเทศผู้กู้เสียด้วย ผลจากการปฏิบัติการของคุณ SAPs ทำให้ประเทศของโลกที่สาม หรือที่กำลังพัฒนา หยุดการพัฒนาไปโดยปริยาย ตั้งแต่ ค.ศ. 1980 ถึงหลัง ค.ศ. 1990 แต่ก็ยังมีหนี้ท่วมอยู่ ประเทศเหล่านี้ไม่มีทางเลือก เพื่อความอยู่รอดของประเทศ ต้องยอมเปิดประตูให้ผู้ให้กู้ตปท. นักธุรกิจตปท.เข้ามาทึ้งสมบัติในประเทศ นี่คือรูปแบบของการล่าอาณานิคมยุคใหม่ ที่ไม่ต้องใช้อาวุธยิงถล่มบ้านเมืองให้พังพินาศ แต่ใช้อาวุธทางการเงินที่เราขวนขวาย แสวงหา และตะกายทำตามเพราะนึกว่าจะทำให้เรากลายเป็นประเทศที่พัฒนาแล้วอย่างเขา หารู้ไม่ว่าเครื่องมือและกลไกทางการเงินต่าง ๆ นั้น คือ “กับดัก” สมันน้อยชาติต่าง ๆ ก็พากันเดินเข้าไปสู่กับดักอย่างไม่รู้ตัว ถ้าไม่รู้จักเดินเลี่ยงจากกับดัก หรือหาทางแกะกับดักนี้ให้ออก มันจะกลายเป็นสิ่งที่นำพาให้สมันน้อย ไม่มีอะไรเหลือในประเทศ หรือถึงขั้น อาจไม่เหลือประเทศอยู่ และทั้งหมดที่นักมายากลเขาสร้าง เครื่องมือต่าง ๆ มาดักสมันน้อย ก็เพื่อช่วงชิงน้ำมันและแสดงให้โลกเห็นว่า ใครคือผู้มีอำนาจครองโลกที่แท้จริง นี่คือการแสดงมายากลระดับตั๋วราคาโคตรแพง ! ! ! คนเล่านิทาน
    0 Comments 0 Shares 696 Views 0 Reviews
  • นิทานเรื่ิองจริง เรื่อง ” มายากลยุทธ ”
    ตอนที่ 2 : NSSM 200 เอกสารลับซุกลึก (1)
    เมื่อวันที่ 24 เมษายน ค.ศ.1974 นาย Henry Kissinger ได้มีหนังสือแจ้งไปยัง รมว.กลาโหม รมว. การเกษตร ผอ. สำนักงานข่าวกรอง (CIA) ผช.รมว. กลาโหม และผู้บริหารหน่วยงานพัฒนาด้านต่างประเทศ (AID) เกี่ยวกับผลกระทบต่อความมั่นคง และผลประโยชน์ของอเมริกาในต่างประเทศ เนื่องมาจากการเจริญเติบโตของประชากรโลก
    หนังสือดังกล่าวแจ้งว่า ประธานาธิบดี Nixon สั่งให้สภาความมั่นคงแห่งชาติ ทำการศึกษาเรื่องดังกล่าว โดยใช้วิธีการประมาณการหลายๆ แบบ ในแต่ละแบบจะต้องมีการประเมินถึงอัตราการพัฒนาประเทศ โดยเฉพาะของประเทศที่ยากจน ความต้องการของอเมริกาเกี่ยวกับ การส่งออกสินค้าประเภทอาหาร ปัญหาเกี่ยวกับการค้า ที่อเมริกาอาจจะต้องเผชิญ เนื่องจากการแข่งขันด้านทรัพยากร และความเป็นไปได้ที่การเจริญเติบโตของประชากรดังกล่าวจะเป็นอุปสรรคกับ นโยบายต่างประเทศ และความไม่มั่นคงระหว่างประเทศ
    การศึกษาดังกล่าวจะต้องเสนอวิธีดำเนินการที่เป็นไปได้ สำหรับอเมริกาในการจัดการปัญหาเรื่องการเจริญเติบโตของประชากรโลก โดยเฉพาะในประเทศที่กำลังพัฒนา โดยต้องให้ความสำคัญ ในประเด็นต่อไปนี้ด้วย
    – อเมริกาจำเป็นต้องคิดวิธีการใหม่ ๆ หรือไม่ ในการจัดการกับปัญหาดังกล่าว
    – เทคโนโลยีใหม่ๆ ที่คิดขึ้นมา เพื่อลดการเจริญเติบโต จะต้องได้ผลดีกว่าสภาพที่เป็นอยู่
    – อเมริกาจะให้ความช่วยเหลือในด้านนี้ ผ่านหน่วยงานใด และควรจะเป็นสนธิสัญญาแบบใด คู่สัญญา 2 ฝ่าย หลายฝ่าย หรือแบบลับเฉพาะ
    เขียนมาซะยาว สรุปสั้น ๆ ว่า อเมริกาเป็นห่วงว่า การที่ประเทศจนๆ จะมีอัตราการขยายตัวของพลเมืองเพิ่มสูงเกินไป จะมีผลกระทบกับทรัพยากรของประเทศนั้น และทำให้เป็นปัญหากับความไม่มั่นคงของอเมริกา
    เอะ! เรื่องมันก็ดูธรรมดาๆ ไม่เห็นมีอะไรน่าตื่นเต้นเลย แล้วจะมาเล่าให้เมื่อยมือคนเขียน เมื่อยตาคนอ่านทำไม
    เมื่อได้รับคำสั่งจากนาย Kissinger สภาความมั่นคงแห่งชาติของอเมริกา (United States National Security) ก็รีบทำการศึกษาวิจัย กว่าจะเสร็จก็เป็นเวลาที่ประธานาธิบดี Nixon หลุดจากตำแหน่ง เพราะคดี Watergate ไปเสียแล้ว นาย Gerald Ford ขึ้นมาเป็นประธานาธิบดีแทน มาถึงก็รีบรับไม้ต่อ เอาข้อเสนอตาม บันทึกลับ NSSM 200 ไปประกาศใช้เป็นนโยบายความมั่นคงของประเทศในปี ค.ศ. 1975 และให้อยู่ใต้การกำกับดูแลของนาย Kissinger ซึ่งก็ยังทำหน้าที่เป็น ครมว.ตปท. อยู่เหมือนเดิมร่วมกับนาย Brent Scowcroft (ซึ่งภายหลังได้มาเป็นที่ปรึกษาด้านความมั่นคงของประเทศแทนนาย Kissinger) และมี ผอ. CIA ชื่อ นาย George Bush (ตัวพ่อ) เป็นผู้ร่วมทีมกำกับการแสดงกับ รมว.การคลังรมว.กลาโหม และ รมว.การเกษตร
    ประเทศเป้าหมาย ที่อยู่ภายใต้การดำเนินการของ NSSM 200 มี 13 ประเทศ คือ อินเดีย บังคลาเทศ ปากีสถาน อินโดนีเซีย ไทย ฟิลิปปินส์ ตุรกี ไนจีเรีย อียิปต์ เอธิโอเปีย เมกซิโก โคลัมเบีย และบราซิล (ไง! เริ่มตาลุกขึ้นมาหน่อยละซี พอเห็นชื่อไทยแลนด์ สมันน้อยตื่นเร็ว!)
    อะไรทำให้นาย Kissinger คิดเรื่องนี้ เสนอนโยบายนี้ และในภายหลังได้กลายเป็นนโยบายระดับประเทศด้านความมั่นคงของอเมริกา อย่างปิดลับถึง 15 ปี และทำไมสมันน้อยถึงได้เข้ารอบไปอยู่ใน 13 ประเทศ กับเขาด้วย อ่านต่อไปน่าพี่น้อง ขืนบอกกันง่ายๆ เดี๋ยวคนอ่านหายหมด เดี๋ยวนี้กว่าจะได้คนอ่านนิทานไม่ง่ายนะ เขาไปร่วมไล่โจรกับลุงกำนันกันหมดแล้ว

    คนเล่านิทาน
    นิทานเรื่ิองจริง เรื่อง ” มายากลยุทธ ” ตอนที่ 2 : NSSM 200 เอกสารลับซุกลึก (1) เมื่อวันที่ 24 เมษายน ค.ศ.1974 นาย Henry Kissinger ได้มีหนังสือแจ้งไปยัง รมว.กลาโหม รมว. การเกษตร ผอ. สำนักงานข่าวกรอง (CIA) ผช.รมว. กลาโหม และผู้บริหารหน่วยงานพัฒนาด้านต่างประเทศ (AID) เกี่ยวกับผลกระทบต่อความมั่นคง และผลประโยชน์ของอเมริกาในต่างประเทศ เนื่องมาจากการเจริญเติบโตของประชากรโลก หนังสือดังกล่าวแจ้งว่า ประธานาธิบดี Nixon สั่งให้สภาความมั่นคงแห่งชาติ ทำการศึกษาเรื่องดังกล่าว โดยใช้วิธีการประมาณการหลายๆ แบบ ในแต่ละแบบจะต้องมีการประเมินถึงอัตราการพัฒนาประเทศ โดยเฉพาะของประเทศที่ยากจน ความต้องการของอเมริกาเกี่ยวกับ การส่งออกสินค้าประเภทอาหาร ปัญหาเกี่ยวกับการค้า ที่อเมริกาอาจจะต้องเผชิญ เนื่องจากการแข่งขันด้านทรัพยากร และความเป็นไปได้ที่การเจริญเติบโตของประชากรดังกล่าวจะเป็นอุปสรรคกับ นโยบายต่างประเทศ และความไม่มั่นคงระหว่างประเทศ การศึกษาดังกล่าวจะต้องเสนอวิธีดำเนินการที่เป็นไปได้ สำหรับอเมริกาในการจัดการปัญหาเรื่องการเจริญเติบโตของประชากรโลก โดยเฉพาะในประเทศที่กำลังพัฒนา โดยต้องให้ความสำคัญ ในประเด็นต่อไปนี้ด้วย – อเมริกาจำเป็นต้องคิดวิธีการใหม่ ๆ หรือไม่ ในการจัดการกับปัญหาดังกล่าว – เทคโนโลยีใหม่ๆ ที่คิดขึ้นมา เพื่อลดการเจริญเติบโต จะต้องได้ผลดีกว่าสภาพที่เป็นอยู่ – อเมริกาจะให้ความช่วยเหลือในด้านนี้ ผ่านหน่วยงานใด และควรจะเป็นสนธิสัญญาแบบใด คู่สัญญา 2 ฝ่าย หลายฝ่าย หรือแบบลับเฉพาะ เขียนมาซะยาว สรุปสั้น ๆ ว่า อเมริกาเป็นห่วงว่า การที่ประเทศจนๆ จะมีอัตราการขยายตัวของพลเมืองเพิ่มสูงเกินไป จะมีผลกระทบกับทรัพยากรของประเทศนั้น และทำให้เป็นปัญหากับความไม่มั่นคงของอเมริกา เอะ! เรื่องมันก็ดูธรรมดาๆ ไม่เห็นมีอะไรน่าตื่นเต้นเลย แล้วจะมาเล่าให้เมื่อยมือคนเขียน เมื่อยตาคนอ่านทำไม เมื่อได้รับคำสั่งจากนาย Kissinger สภาความมั่นคงแห่งชาติของอเมริกา (United States National Security) ก็รีบทำการศึกษาวิจัย กว่าจะเสร็จก็เป็นเวลาที่ประธานาธิบดี Nixon หลุดจากตำแหน่ง เพราะคดี Watergate ไปเสียแล้ว นาย Gerald Ford ขึ้นมาเป็นประธานาธิบดีแทน มาถึงก็รีบรับไม้ต่อ เอาข้อเสนอตาม บันทึกลับ NSSM 200 ไปประกาศใช้เป็นนโยบายความมั่นคงของประเทศในปี ค.ศ. 1975 และให้อยู่ใต้การกำกับดูแลของนาย Kissinger ซึ่งก็ยังทำหน้าที่เป็น ครมว.ตปท. อยู่เหมือนเดิมร่วมกับนาย Brent Scowcroft (ซึ่งภายหลังได้มาเป็นที่ปรึกษาด้านความมั่นคงของประเทศแทนนาย Kissinger) และมี ผอ. CIA ชื่อ นาย George Bush (ตัวพ่อ) เป็นผู้ร่วมทีมกำกับการแสดงกับ รมว.การคลังรมว.กลาโหม และ รมว.การเกษตร ประเทศเป้าหมาย ที่อยู่ภายใต้การดำเนินการของ NSSM 200 มี 13 ประเทศ คือ อินเดีย บังคลาเทศ ปากีสถาน อินโดนีเซีย ไทย ฟิลิปปินส์ ตุรกี ไนจีเรีย อียิปต์ เอธิโอเปีย เมกซิโก โคลัมเบีย และบราซิล (ไง! เริ่มตาลุกขึ้นมาหน่อยละซี พอเห็นชื่อไทยแลนด์ สมันน้อยตื่นเร็ว!) อะไรทำให้นาย Kissinger คิดเรื่องนี้ เสนอนโยบายนี้ และในภายหลังได้กลายเป็นนโยบายระดับประเทศด้านความมั่นคงของอเมริกา อย่างปิดลับถึง 15 ปี และทำไมสมันน้อยถึงได้เข้ารอบไปอยู่ใน 13 ประเทศ กับเขาด้วย อ่านต่อไปน่าพี่น้อง ขืนบอกกันง่ายๆ เดี๋ยวคนอ่านหายหมด เดี๋ยวนี้กว่าจะได้คนอ่านนิทานไม่ง่ายนะ เขาไปร่วมไล่โจรกับลุงกำนันกันหมดแล้ว คนเล่านิทาน
    0 Comments 0 Shares 693 Views 0 Reviews
  • รั้วสไตล์เวียดนามใช้ชั่วคราวก็ดี.,เราใช้1:50,000ทำเองเลย,ระดมบริจาคตั้งเป็นกองทุนรั้วของชาติโดยเฉพาะเลย จิตศรัทธาเราคนไทยทั่วประเทศได้เท่าไรก็ได้ตลอดปีกันเลยจนเสร็จ กฐินหรือผ้าป่าลงวัดหรือใดๆ โอนมากองทุนรั้วแห่งชาติยิงดี,วัดดังๆทั่วไทยทำถึงแน่นอน,ปัจจุบันที่แฉๆกันวัดทั่วไปเงินกว่า400,000ล้านบาทธรรมดาที่ไหน,นี้คือแรงบริจาคจาคะพื้นฐานของจิตใจที่ดีงามของเราคนไทยปกติอยู่แล้ว,รัฐบาลพึ่งพาไม่ได้ แอ็คชั่นไม่ถึง ปล่อยปะละเลยจนเขมรยึดครองพื้นที่เขตไทยตนเองกว่า11จุดนี้คือกบฎชัดเจน,สาระพัดมากมายยกสมบัติทรัพยากรมีค่าตีมูลค่าเป็นเงินเป็นตังมหาศาลมาใช้พัฒนาประเทศได้มากมายก็ไปยกให้เอกชนต่างชาติเอกชนไทยทำกำไรทำเงินมหาศาลร่ำรวยมั่งคั่งแทนคนไทยตนประเทศไทยตน ให้ต่างชาติผูกขาดได้สิทธิไปหมด ส่วนคนไทยถึงบัตรคนจนเพิ่ม.ทหารบ้านเขมรยึดพื้นที่11จุดมานานขนาดนี้ถึง17ปี สามารถนับย้อนหลังได้ว่าเป็นช่วงของรัฐบาลใครในอดีตบ้าง แน่นอนต้องมียุคกปปส.ถวายพานทหารยึดอำนาจด้วย ซึ่งอำนาจเต็มล่าสุดของตนเต็มมือเต็มตีน ต้องขุดออกมาแฉความจริงทั้งหมดว่าเหตุใดละเว้นการปฏิบัติหน้าที่สืบต่อกันมายาวนานได้ขนาดนี้.

    https://youtube.com/shorts/8c5Uit7xJKo?si=ECeC-8QywBoJ6052
    รั้วสไตล์เวียดนามใช้ชั่วคราวก็ดี.,เราใช้1:50,000ทำเองเลย,ระดมบริจาคตั้งเป็นกองทุนรั้วของชาติโดยเฉพาะเลย จิตศรัทธาเราคนไทยทั่วประเทศได้เท่าไรก็ได้ตลอดปีกันเลยจนเสร็จ กฐินหรือผ้าป่าลงวัดหรือใดๆ โอนมากองทุนรั้วแห่งชาติยิงดี,วัดดังๆทั่วไทยทำถึงแน่นอน,ปัจจุบันที่แฉๆกันวัดทั่วไปเงินกว่า400,000ล้านบาทธรรมดาที่ไหน,นี้คือแรงบริจาคจาคะพื้นฐานของจิตใจที่ดีงามของเราคนไทยปกติอยู่แล้ว,รัฐบาลพึ่งพาไม่ได้ แอ็คชั่นไม่ถึง ปล่อยปะละเลยจนเขมรยึดครองพื้นที่เขตไทยตนเองกว่า11จุดนี้คือกบฎชัดเจน,สาระพัดมากมายยกสมบัติทรัพยากรมีค่าตีมูลค่าเป็นเงินเป็นตังมหาศาลมาใช้พัฒนาประเทศได้มากมายก็ไปยกให้เอกชนต่างชาติเอกชนไทยทำกำไรทำเงินมหาศาลร่ำรวยมั่งคั่งแทนคนไทยตนประเทศไทยตน ให้ต่างชาติผูกขาดได้สิทธิไปหมด ส่วนคนไทยถึงบัตรคนจนเพิ่ม.ทหารบ้านเขมรยึดพื้นที่11จุดมานานขนาดนี้ถึง17ปี สามารถนับย้อนหลังได้ว่าเป็นช่วงของรัฐบาลใครในอดีตบ้าง แน่นอนต้องมียุคกปปส.ถวายพานทหารยึดอำนาจด้วย ซึ่งอำนาจเต็มล่าสุดของตนเต็มมือเต็มตีน ต้องขุดออกมาแฉความจริงทั้งหมดว่าเหตุใดละเว้นการปฏิบัติหน้าที่สืบต่อกันมายาวนานได้ขนาดนี้. https://youtube.com/shorts/8c5Uit7xJKo?si=ECeC-8QywBoJ6052
    0 Comments 0 Shares 535 Views 0 Reviews
  • ตอน 16
    จิ๊กโก๋๋ประกบติดไทยแลนด์สยามเมืองยิ้ม ตั้งแต่ช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 จนถึงสงครามเวียตนามเลิก (ค.ศ.1950 – 1976) เพราะแผนของจิ๊กโก๋๋ ฉากหน้า กูเป็นจิ๊กโก๋๋ใหญ่ ปกป้องชาวซอย ที่ถูกจิ๊กโก๋๋ตาตี่หน้าเหลือง คือ ระบอบคอมมิวนิสต์ แผ่ขยายมากลืนกินประชาชาติแถบนี้
    แต่ฉากของจริง คือ ไอ้จิ๊กโก๋๋ผมทอง มันกลัวว่า ไอ้ตาตี่มันจะมาชิงลูกค้าเราไป เราจะยอมมันได้ไง หมดสงครามเวียตนาม ความต้องการใช้ไทยแลนด์ แดนสยามก็หยุดลงชั่วคราว
    จิ๊กโก๋๋จำเป็นต้องไปหากินซอยอื่น เพราะว่า การใช้น้ำมันทั่วโลกกำลังพุ่งแรงจากการขยายตัวของอุตสาหกรรม หรือพูดให้ชัดจากทุนนิยมที่เร่งขยายตัว
    จิ๊กโก๋๋ก็ต้องหาทางเอาน้ำมัน มาเป็นของตนเองให้มากที่สุด ก็เลยไปขุดเผือกขุดน้ำมันแถวบ้านคุณอาที่มีน้ำมัน จำได้ไหม แล้วก็เผ่นไปยุ่งถึงอเมริกาใต้ เกิดเรื่องอิหร่าน คอนทร้า (Iran Contra) จนวุ่นไปหมด
    มันไปหมดทุกแห่งที่จะล้วงกระเป๋าเขาได้ มาจนถึงปี ค.ศ.1997 จิ๊กโก๋๋เองขนาดล้วงกระเป๋าเขามา 50 ปี ก็จนเป็นเหมือนกัน เกิดภาวะเศรษฐกิจตกสะเก็ด การเพ่นพ่านของจิ๊กโก๋๋ ก็สงบลงเล็กน้อย เพราะมัวแต่จัดระเบียบบ้านตัวเอง
    ขณะเดียวกันประเทศที่ได้เอกราชใหม่ๆ หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เช่น อินเดีย หรือประเทศที่เปลี่ยน แปลงวิธีบริหารประเทศของตัวเอง เช่น ประเทศจีน ก็ก้มหน้าก้มตาพัฒนาประเทศตัวเอง อย่างเร่งรีบ แต่เงียบเชียบ
    อเมริกาไม่เคยเห็นคนอื่นอยู่ในสายตา จับมืออยู่กันแต่ในกลุ่มหัว 3 เกลอหัวแข็งเท่านั้น บวกเอาญาติโยม และพวกฝ่ายผมทองเข้าไปด้วยเฉพาะที่ เห็นว่าพอจะคุยกันรู้เรื่อง ถึงได้เกิด EU สหภาพยุโรป G7, G8 อะไรนู่น เอาญี่ปุ่นตาตี่ไปรวมด้วย (เพราะเป็นภาระของสหรัฐโดยตรง ก็ทะลึ่งไปบอมบ์เขานี่นะ ก็เลยต้องพ่วงเป็นลูก บุญธรรมไปด้วยตลอดเวลา) ที่เหลือมันเหยื่อนักล่านักล้วงทั้งนั้นแหละ
    อเมริกาเมินภูมิภาคแถบนี้ไปนาน เพราะคิดว่าเหลือแต่ซากหลังสงครามเวียตนาม เหมือนแถบยุโรปตะวันออกหลังสงครามโลกครั้งที่ 2
    หันมาอีกที ต๊กกะใจ ว้าย ตาเถร ไอ้ตาตี่ทำไมมันโตเร็วกลายเป็น อาเฮียพุงพลุ้ยเดินโปรยเงินไปทั่ว จีนโตเร็วและทำท่าจะโตไปเรื่อยๆ บวกกับอินเดียและที่รวมตัวกันเรียกว่า กลุ่มประเทศที่เกิดใหม่ทางเศรษฐกิจ คือ กลุ่ม BRICS บราซิล รัสเซีย อินเดีย จีน อาฟริกาใต้
    คิดง่ายๆ แค่จีนกับอินเดียรวมกันมีประชากร 3 พันกว่าล้านคน ทั้งโลกนี้มีประชากร 7 พันกว่าล้านคน แค่ 2 ประเทศ ก็เกือบครึ่งโลกแล้ว กำลังซื้อมันจะขนาดไหน แค่นัดกระทืบเท้าพร้อมกัน โลกก็เอียงแล้ว (น่าลองดูนะ ซ่ามากๆ ก็ถล่มมันชะเลย)
    จิ๊กโก๋๋คิดแล้วก็หัวหมุนกลับ หันมาไทยแลนด์แดนสยามอีกครั้ง ในปี พ.ศ.2542 /ค.ศ.1999 ตรงกับปีที่เศรษฐกิจจีนเริ่มโตอย่างชัดเจน
    แล้วทำไงดีล่ะ ตัวทิ้งเค้าไปตั้งนาน อยู่ๆ จะกลับมา จ้ะๆ จ๋าๆ เหมือนเดิมกันง่ายๆ แบบนั้น เค้าไม่ใช่ หญิงคนชั่วเร่ขายชาตินะยะ แล้วตัวจำได้มั้ย ตอนเค้าตูดขาดเหลือแต่คลัง เงินไม่มีให้คงไว้น่ะ เพราะรัฐบาลน้าจิ๋ว กะรัฐบาลปี๋ชวนทำซะบักโกรกน่ะ เขาส่งอ้ายน้อยไปหาตัว ตัวทำอะไรกับเขา เขาจำได้นะ ให้ไอ้ IMF มันโหดกะเค้ายังไง ไปถามพวกเจ้าของธนาคาร หวั่งหลี ล่ำซำ หรือคุณป๋าประชัยแห่ง TPI หรือเฮียหวัดเจ้าของวลี ไม่มี ไม่หนี ไม่จ่าย ดูก็แล้วกันว่าหายช้ำหรือยัง
    อเมริกาจะกลับมาภูมิภาคนี้ใหม่ ก็ต้องกลับมาแบบไม่ให้เสียเชิง ไม่เสียฟอร์มนักทฤษฎี นักสร้างฉาก ลองทายดูซิ จิ๊กโก๋๋จะกลับมาแบบไหน กลับมาแบบเท่ห์ๆ น่ะ ฮา
    ช่วงสงครามเวียตนาม อเมริกาคบกับทหารไทย นักวิ่งผลัดจนรู้เช่นเห็นชาติ ว่าชอบกินอาหารจานด่วนแบบไหน หลอกล่อ ต่อรอง เห่กล่อม อย่างไร ถึงจะไม่งอแง พอเลิกใช้บริการนักวิ่งผลัด พี่เบิ้มก็ไปใช้พวกเด็กในคาถา good boy technocrat
    ดังนั้นเวลาหวนกลับ มันก็ไม่พ้นประตู 2 ช่องนี่แหละ จะพูดกับใครรู้เรื่องไปกว่าพวกที่เคยมือ รู้ใจกัน
    ว่าแล้วจิ๊กโก๋๋ก็เรียก good boy มาสัมภาษณ์ทีละคน โดยทำเป็นเชิญมาทานข้าวบ้าง ดื่มน้ำชาบ้าง ไล่ไปตั้งกะใหญ่โต ระดับองคมนตรี ข้าราชการ นักวิชาการ นักการเมืองทุกค่าย นักธุรกิจ จนถึงสื่อ
    ถามทุกเรื่องลับแบบเจาะลึก ท่านต่างๆ ก็ช่างตอบกันดีนัก อย่างกะขึ้นสังกัดกับเขา บางเรื่องเป็นเรื่องในบ้านเราแท้ๆ ไม่เห็นเกี่ยวกับคนนอกเลย ก็ตอบเขาเอา ตอบเอา (ขอขอบคุณ อภินันทนาการ เอกสารรั่ววิกิลีกส์ ทำให้รู้ว่า ใครช่างจ้อ ขนาดไหน)
    นอกจากนี้ก็ให้พวกซี ในคราบเจ้าหน้าที่สถานทูต เดินไปตามงานเลี้ยงไฮโซต่างๆ เก็บข่าวทุกวัน ใครกำลังขึ้น ใครกำลังลง พระราชวงศ์จะเป็นอย่างไร ใบไม้ใบไหนกำลังออกใหม่ ใบไหนกำลังจะร่วง ถามมันไปหมดทุกเรื่องนะแหละ
    เขาเล่ากันว่าสถานทูตสหรัฐในไทยนะใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก อันดับ 1 อยู่ที่อียิปต์ ที่ประเทศไทยนี้มีพนักงานประจำการอยู่กว่า 2 พันคน และที่ไม่ประจำอีกกว่า 2 พันคน โว้ย! มันเอามาทำไรแยะขนาดนี้ กะจะนับใบไม้ทุกใบหรือไงวะ ก็คงตกค้างตั้งกะสมัยรบสงครามเวียตนามน่ะนะ ตอนนั้นใช้ประเทศไทยเป็นศูนย์ กลางบัญชาการรบ ก็จะให้พวกพี่เขาไปอยู่ที่ไหนล่ะ แถบนี้ ใครมันจะเจริญ แถมแสงสีเสียงครบแบบไทยแลนด์ล่ะ
    หลังจากทั้งซัก ทั้งฟอก เด็กในคาถา เดินสำรวจตามงานหรู ไม่ว่าของราชการ ไฮโซ สปอร์ตคลับฯลฯ หลายรอบ พี่เบิ้มก็ถอนใจ
    อู้ย จากไปไม่เท่าไหร่ ไม่คุมเอง ทำไม ไทยแลนด์ มันไม่ใช่แดนสยามเมืองยิ้ม อย่างเมื่อก่อนนะ นี่มันดันกลายเป็นสนามประลองกีฬาสีนี่นา แต่กีฬาสีนี้มันหนักน่ะ ใครจะอยู่ใครจะไป ไอยังไม่แน่ใจ
    อย่ากระนั้นเลย เอาที่แน่ๆ กลับไปที่นักกีฬาวิ่งผลัดดีกว่า เออ! เพิ่งนึกออก บ้านเรานี่มันนักกีฬาแยะนะ ไม่วิ่งผลัด ก็กีฬาสี 5 5 5
    อเมริกาส่งแม่ทัพเรือภาคที่ 7 ที่ประจำอยู่ที่โอกินาวาของลูกกะเป๋ง มาเยี่ยมไทยแลนด์ ทบทวนความ สัมพันธ์ที่มีมานานกว่า 50 ปี เรียกว่าเป็นมิตรรักระดับเดียวกับ พวกนาโต (NATO) ร่วมซ้อมรบด้วยกัน ทุกปีในนามของคอบบร้า โกลด์ (Cobra Gold) ขึ้นบกทีไร น้องหนูแถวพัทยา ภูเก็ตก็แฮ้ปปี้กระดี้กระด้า นอกจากนั้นในช่วงเกิดเหตุการณ์ ซึนามิ ไทยแลนด์ก็ใจดีให้ใช้อู่ตะเภาเป็นสนามบินที่ใช้ในการช่วยบรรเทาทุก แต่ข่าวที่ไม่เปิดเผยคือ ช่วงรัฐบาลทักษิณ ไทยเราอนุญาตให้เครื่องบินอเมริกัน บินขึ้นลงจากอู่ตะเภาเพื่อไปปฏิบัติการรบในอิรักและอาฟกานิสถานด้วยนะ (สมันน้อยไม่เข็ด!)
    แล้วอเมริกาทำไมถึงอยากกลับมายุ่งในภูมิภาคนี้ใหม่ โดยเฉพาะเข้ามาเดินกร่างในไทยแลนด์เหมือน เดิม แค่เรื่องอาเฮีย จากนั่งแทะเม็ดกวยจี๋ กลายเป็นเจ้าสัวกระเป๋าหนัก มันเกี่ยวอะไรกะสมันน้อยด้วยล่ะ

    คนเล่านิทาน
    ตอน 16 จิ๊กโก๋๋ประกบติดไทยแลนด์สยามเมืองยิ้ม ตั้งแต่ช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 จนถึงสงครามเวียตนามเลิก (ค.ศ.1950 – 1976) เพราะแผนของจิ๊กโก๋๋ ฉากหน้า กูเป็นจิ๊กโก๋๋ใหญ่ ปกป้องชาวซอย ที่ถูกจิ๊กโก๋๋ตาตี่หน้าเหลือง คือ ระบอบคอมมิวนิสต์ แผ่ขยายมากลืนกินประชาชาติแถบนี้ แต่ฉากของจริง คือ ไอ้จิ๊กโก๋๋ผมทอง มันกลัวว่า ไอ้ตาตี่มันจะมาชิงลูกค้าเราไป เราจะยอมมันได้ไง หมดสงครามเวียตนาม ความต้องการใช้ไทยแลนด์ แดนสยามก็หยุดลงชั่วคราว จิ๊กโก๋๋จำเป็นต้องไปหากินซอยอื่น เพราะว่า การใช้น้ำมันทั่วโลกกำลังพุ่งแรงจากการขยายตัวของอุตสาหกรรม หรือพูดให้ชัดจากทุนนิยมที่เร่งขยายตัว จิ๊กโก๋๋ก็ต้องหาทางเอาน้ำมัน มาเป็นของตนเองให้มากที่สุด ก็เลยไปขุดเผือกขุดน้ำมันแถวบ้านคุณอาที่มีน้ำมัน จำได้ไหม แล้วก็เผ่นไปยุ่งถึงอเมริกาใต้ เกิดเรื่องอิหร่าน คอนทร้า (Iran Contra) จนวุ่นไปหมด มันไปหมดทุกแห่งที่จะล้วงกระเป๋าเขาได้ มาจนถึงปี ค.ศ.1997 จิ๊กโก๋๋เองขนาดล้วงกระเป๋าเขามา 50 ปี ก็จนเป็นเหมือนกัน เกิดภาวะเศรษฐกิจตกสะเก็ด การเพ่นพ่านของจิ๊กโก๋๋ ก็สงบลงเล็กน้อย เพราะมัวแต่จัดระเบียบบ้านตัวเอง ขณะเดียวกันประเทศที่ได้เอกราชใหม่ๆ หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เช่น อินเดีย หรือประเทศที่เปลี่ยน แปลงวิธีบริหารประเทศของตัวเอง เช่น ประเทศจีน ก็ก้มหน้าก้มตาพัฒนาประเทศตัวเอง อย่างเร่งรีบ แต่เงียบเชียบ อเมริกาไม่เคยเห็นคนอื่นอยู่ในสายตา จับมืออยู่กันแต่ในกลุ่มหัว 3 เกลอหัวแข็งเท่านั้น บวกเอาญาติโยม และพวกฝ่ายผมทองเข้าไปด้วยเฉพาะที่ เห็นว่าพอจะคุยกันรู้เรื่อง ถึงได้เกิด EU สหภาพยุโรป G7, G8 อะไรนู่น เอาญี่ปุ่นตาตี่ไปรวมด้วย (เพราะเป็นภาระของสหรัฐโดยตรง ก็ทะลึ่งไปบอมบ์เขานี่นะ ก็เลยต้องพ่วงเป็นลูก บุญธรรมไปด้วยตลอดเวลา) ที่เหลือมันเหยื่อนักล่านักล้วงทั้งนั้นแหละ อเมริกาเมินภูมิภาคแถบนี้ไปนาน เพราะคิดว่าเหลือแต่ซากหลังสงครามเวียตนาม เหมือนแถบยุโรปตะวันออกหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 หันมาอีกที ต๊กกะใจ ว้าย ตาเถร ไอ้ตาตี่ทำไมมันโตเร็วกลายเป็น อาเฮียพุงพลุ้ยเดินโปรยเงินไปทั่ว จีนโตเร็วและทำท่าจะโตไปเรื่อยๆ บวกกับอินเดียและที่รวมตัวกันเรียกว่า กลุ่มประเทศที่เกิดใหม่ทางเศรษฐกิจ คือ กลุ่ม BRICS บราซิล รัสเซีย อินเดีย จีน อาฟริกาใต้ คิดง่ายๆ แค่จีนกับอินเดียรวมกันมีประชากร 3 พันกว่าล้านคน ทั้งโลกนี้มีประชากร 7 พันกว่าล้านคน แค่ 2 ประเทศ ก็เกือบครึ่งโลกแล้ว กำลังซื้อมันจะขนาดไหน แค่นัดกระทืบเท้าพร้อมกัน โลกก็เอียงแล้ว (น่าลองดูนะ ซ่ามากๆ ก็ถล่มมันชะเลย) จิ๊กโก๋๋คิดแล้วก็หัวหมุนกลับ หันมาไทยแลนด์แดนสยามอีกครั้ง ในปี พ.ศ.2542 /ค.ศ.1999 ตรงกับปีที่เศรษฐกิจจีนเริ่มโตอย่างชัดเจน แล้วทำไงดีล่ะ ตัวทิ้งเค้าไปตั้งนาน อยู่ๆ จะกลับมา จ้ะๆ จ๋าๆ เหมือนเดิมกันง่ายๆ แบบนั้น เค้าไม่ใช่ หญิงคนชั่วเร่ขายชาตินะยะ แล้วตัวจำได้มั้ย ตอนเค้าตูดขาดเหลือแต่คลัง เงินไม่มีให้คงไว้น่ะ เพราะรัฐบาลน้าจิ๋ว กะรัฐบาลปี๋ชวนทำซะบักโกรกน่ะ เขาส่งอ้ายน้อยไปหาตัว ตัวทำอะไรกับเขา เขาจำได้นะ ให้ไอ้ IMF มันโหดกะเค้ายังไง ไปถามพวกเจ้าของธนาคาร หวั่งหลี ล่ำซำ หรือคุณป๋าประชัยแห่ง TPI หรือเฮียหวัดเจ้าของวลี ไม่มี ไม่หนี ไม่จ่าย ดูก็แล้วกันว่าหายช้ำหรือยัง อเมริกาจะกลับมาภูมิภาคนี้ใหม่ ก็ต้องกลับมาแบบไม่ให้เสียเชิง ไม่เสียฟอร์มนักทฤษฎี นักสร้างฉาก ลองทายดูซิ จิ๊กโก๋๋จะกลับมาแบบไหน กลับมาแบบเท่ห์ๆ น่ะ ฮา ช่วงสงครามเวียตนาม อเมริกาคบกับทหารไทย นักวิ่งผลัดจนรู้เช่นเห็นชาติ ว่าชอบกินอาหารจานด่วนแบบไหน หลอกล่อ ต่อรอง เห่กล่อม อย่างไร ถึงจะไม่งอแง พอเลิกใช้บริการนักวิ่งผลัด พี่เบิ้มก็ไปใช้พวกเด็กในคาถา good boy technocrat ดังนั้นเวลาหวนกลับ มันก็ไม่พ้นประตู 2 ช่องนี่แหละ จะพูดกับใครรู้เรื่องไปกว่าพวกที่เคยมือ รู้ใจกัน ว่าแล้วจิ๊กโก๋๋ก็เรียก good boy มาสัมภาษณ์ทีละคน โดยทำเป็นเชิญมาทานข้าวบ้าง ดื่มน้ำชาบ้าง ไล่ไปตั้งกะใหญ่โต ระดับองคมนตรี ข้าราชการ นักวิชาการ นักการเมืองทุกค่าย นักธุรกิจ จนถึงสื่อ ถามทุกเรื่องลับแบบเจาะลึก ท่านต่างๆ ก็ช่างตอบกันดีนัก อย่างกะขึ้นสังกัดกับเขา บางเรื่องเป็นเรื่องในบ้านเราแท้ๆ ไม่เห็นเกี่ยวกับคนนอกเลย ก็ตอบเขาเอา ตอบเอา (ขอขอบคุณ อภินันทนาการ เอกสารรั่ววิกิลีกส์ ทำให้รู้ว่า ใครช่างจ้อ ขนาดไหน) นอกจากนี้ก็ให้พวกซี ในคราบเจ้าหน้าที่สถานทูต เดินไปตามงานเลี้ยงไฮโซต่างๆ เก็บข่าวทุกวัน ใครกำลังขึ้น ใครกำลังลง พระราชวงศ์จะเป็นอย่างไร ใบไม้ใบไหนกำลังออกใหม่ ใบไหนกำลังจะร่วง ถามมันไปหมดทุกเรื่องนะแหละ เขาเล่ากันว่าสถานทูตสหรัฐในไทยนะใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก อันดับ 1 อยู่ที่อียิปต์ ที่ประเทศไทยนี้มีพนักงานประจำการอยู่กว่า 2 พันคน และที่ไม่ประจำอีกกว่า 2 พันคน โว้ย! มันเอามาทำไรแยะขนาดนี้ กะจะนับใบไม้ทุกใบหรือไงวะ ก็คงตกค้างตั้งกะสมัยรบสงครามเวียตนามน่ะนะ ตอนนั้นใช้ประเทศไทยเป็นศูนย์ กลางบัญชาการรบ ก็จะให้พวกพี่เขาไปอยู่ที่ไหนล่ะ แถบนี้ ใครมันจะเจริญ แถมแสงสีเสียงครบแบบไทยแลนด์ล่ะ หลังจากทั้งซัก ทั้งฟอก เด็กในคาถา เดินสำรวจตามงานหรู ไม่ว่าของราชการ ไฮโซ สปอร์ตคลับฯลฯ หลายรอบ พี่เบิ้มก็ถอนใจ อู้ย จากไปไม่เท่าไหร่ ไม่คุมเอง ทำไม ไทยแลนด์ มันไม่ใช่แดนสยามเมืองยิ้ม อย่างเมื่อก่อนนะ นี่มันดันกลายเป็นสนามประลองกีฬาสีนี่นา แต่กีฬาสีนี้มันหนักน่ะ ใครจะอยู่ใครจะไป ไอยังไม่แน่ใจ อย่ากระนั้นเลย เอาที่แน่ๆ กลับไปที่นักกีฬาวิ่งผลัดดีกว่า เออ! เพิ่งนึกออก บ้านเรานี่มันนักกีฬาแยะนะ ไม่วิ่งผลัด ก็กีฬาสี 5 5 5 อเมริกาส่งแม่ทัพเรือภาคที่ 7 ที่ประจำอยู่ที่โอกินาวาของลูกกะเป๋ง มาเยี่ยมไทยแลนด์ ทบทวนความ สัมพันธ์ที่มีมานานกว่า 50 ปี เรียกว่าเป็นมิตรรักระดับเดียวกับ พวกนาโต (NATO) ร่วมซ้อมรบด้วยกัน ทุกปีในนามของคอบบร้า โกลด์ (Cobra Gold) ขึ้นบกทีไร น้องหนูแถวพัทยา ภูเก็ตก็แฮ้ปปี้กระดี้กระด้า นอกจากนั้นในช่วงเกิดเหตุการณ์ ซึนามิ ไทยแลนด์ก็ใจดีให้ใช้อู่ตะเภาเป็นสนามบินที่ใช้ในการช่วยบรรเทาทุก แต่ข่าวที่ไม่เปิดเผยคือ ช่วงรัฐบาลทักษิณ ไทยเราอนุญาตให้เครื่องบินอเมริกัน บินขึ้นลงจากอู่ตะเภาเพื่อไปปฏิบัติการรบในอิรักและอาฟกานิสถานด้วยนะ (สมันน้อยไม่เข็ด!) แล้วอเมริกาทำไมถึงอยากกลับมายุ่งในภูมิภาคนี้ใหม่ โดยเฉพาะเข้ามาเดินกร่างในไทยแลนด์เหมือน เดิม แค่เรื่องอาเฮีย จากนั่งแทะเม็ดกวยจี๋ กลายเป็นเจ้าสัวกระเป๋าหนัก มันเกี่ยวอะไรกะสมันน้อยด้วยล่ะ คนเล่านิทาน
    2 Comments 0 Shares 922 Views 0 Reviews
  • “ดร.เอ้ สุชัชวีร์” ประกาศจุดยืน! ทุ่มเทเต็มที่เพื่อ “การศึกษา”...สร้าง “ทุนมนุษย์” คุณภาพให้ประเทศไทย
    https://www.thai-tai.tv/news/20834/
    .
    #เอ้สุชัชวีร์ #การศึกษา #ทุนมนุษย์ #พัฒนาประเทศ #สุชัชวีร์สุวรรณสวัสดิ์ #ไทยไท
    “ดร.เอ้ สุชัชวีร์” ประกาศจุดยืน! ทุ่มเทเต็มที่เพื่อ “การศึกษา”...สร้าง “ทุนมนุษย์” คุณภาพให้ประเทศไทย https://www.thai-tai.tv/news/20834/ . #เอ้สุชัชวีร์ #การศึกษา #ทุนมนุษย์ #พัฒนาประเทศ #สุชัชวีร์สุวรรณสวัสดิ์ #ไทยไท
    0 Comments 0 Shares 366 Views 0 Reviews

  • ตอน 11
    ท่านผู้อ่านนิทาน อ่านกันมาถึงตรงนี้แล้ว คงพอจะรู้จักจิ๊กโก๋๋ นักล่ารุ่นใหม่ หมายเลข 1 กันบ้างแล้ว

    และคิดว่าจิ๊กโก๋๋เขาจะจบแค่เวียตนาม หรือ เปล่าหรอก หมดธุระเรื่องเวียตนาม เขาได้อย่างที่ต้องการ ตามใบสั่งของนายทุนผู้ค้าอาวุธ ซึ่งกุมคอหอยจิ๊กโก๋๋อีกที แล้วเขาก็เปลี่ยนเข็มทิศ มองไปทางไหนหนอ อ้อ ทางไหนก็ได้ที่มีทรัพยากรของคนอื่น ที่เขาอยากได้ไง
    น้ำมัน น้ำมันไง มาถึงแล้ว จิ๊กโก๋๋มันแสนรู้ จมูกไว
    เมื่อทุนนิยมเข้าไปที่ไหน อุตสาหกรรมก็เกิด เมื่อมีอุตสาหกรรม ก็ต้องอาศัยพลังงาน ทั้งไฟฟ้าและ น้ำมัน แหม! แล้วใครล่ะ ที่มีน้ำมันมีมาก ก็พวกคุณอาทั้งหลาย แถวทะเลทรายไงล่ะ
    ดังนั้นแผนของนักล่า ตั้งแต่ช่วงหลังสงครามเวียตนาม จึงเพ่นพ่าน ถือไม้สามง่ามเล็งหาน้ำมัน นู่นไปนู่นเลย ไปหาประวัติศาสตร์อิหร่านแตก พระเจ้าชาห์หนี ซาอุดิอารเบียจับมือกับอเมริกา สงคราม Gulf War ระหว่างคูเวต อิรัก อเมริกา จนถึงสงครามอิรัก ขอไม่เล่ารายละเอียด เพราะวันนี้จะเขียนที่เกี่ยว กับไทยแลนด์จังๆ ก่อนนะ แต่ถ้าไม่บอกเดี๋ยวท่านผู้อ่านนิทานก็จะงงว่าแล้วไง มันหายไปจากบ้านเรา แล้วมันไปไหน ไปทำอะไร
    ก็อย่างว่า จิ๊กโก๋๋เขาไม่ได้หายไปไหนหรอก มันก็ไปทำมาหากิน ขุดเผือกขุดมันขุดน้ำมันของคนอื่นเขาละซิ เราก็นึกว่าเขาไม่ยุ่งกะเราแล้ว เปล่าหร๊อก มันแค่เปลี่ยนแนว เหมือนหนังฮอลลีวู้ดเปลี่ยนฉากน่ะ ไม่ต้องตื่นเต้น บทเขาเขียนไว้ต่อเนื่อง ตั้งกะปีมะโว้ อีกร้อยปีก็เล่นไม่จบ เว้นแต่มันจะจบกันไปคนละข้างก่อน
    ระหว่างที่จิ๊กโก๋๋ ย้ายซอยไปขุดเผือกขุดน้ำมันที่อื่น บ้านเราก็อ้างว่า เป็นช่วงเวลาพัฒนาประชาธิปไตย ที่จิ๊กโก๋๋หว่านเมล็ดพันธุ์ไว้ ทุกคนก็ร่ำร้องหาแต่ประชาธิปไตย (ตอนนี้ยังหาอยู่เลย ลูกพระยาพหล อยู่ไหมจ๊ะ ป่านนี้แก่หง่อมหรือลาขึ้นสวรรค์ไปแล้วก็ไม่รู้)
    บ้านเมืองเราก็เลยล้มลุก หกคะเมนตีลังกาตั้งแต่ 14 ตุลาคม พ.ศ.2516 จนถึง 6 ตุลาคม พ.ศ.2519
    ถึงจิ๊กโก๋๋จะไปขุดน้ำมัน เขาก็ใช่ว่า จะลืมสมันน้อยนะ จิ๊กโก๋๋ชอบทหาร ก็ของมันคุ้น ของมันเคย รัฐบาลพลเรือน เจอแต่ละคน จิ๊กโก๋๋ก็มึนเหมือนกัน อย่างอาจารย์สัญญาน่ะ เหมือนเป็นพ่อพระ จะสั่งให้พระไปทิ้งระเบิดใคร มันง่ายนักเหรอ แล้วอาจารย์คึกฤทธิ์ล่ะ เล่นด่า Ugly American ใส่ แถมยืนคำขาด กำหนดวันที่พี่เบิ้มต้องถอนทหารอเมริกันให้หมดจากบ้านเราด้วย ส่วนคุณหอยธานินทร์นั้น เกินกว่าจะบรรยาย
    ว่าแล้วการเมืองไทยก็กลับมาอยู่ใน ความครอบงำของทหารเหมือนเดิม แปลกดีไหมคิดสิ เป็นไปตามธรรมชาติ หรือมีใบสั่ง อย่าให้ต้องเขียนรายละเอียด เหมือนสมัยคุณป๋าสฤษดิ์ คุณน้าหนอมเลยนะ เอาย่อๆว่า ไม่มีอะไรลอดสายตาพญาอินทรีหรอก เพียงแต่เขาจะกางกรงเล็บขยุมเราโดยตรง หรือใช้ “วิธีอื่น” เท่านั้นเอง
    หลังจากเกิดเหตุการณ์ 6 ตุลา พ.ศ.2519 เราก็เลยได้ทหารกลับมาบริหารประเทศอีก พล.อ. เกรียงศักดิ์ ทำแกงเนื้อใส่บรั่นดี ตั้งแต่ปี พ.ศ.2520 – 2523 พล.อ. ป๋า เจ้าของวลีเด็ด เราเป็น Jockey ไม่ใช่เจ้าของคอก ทำหน้าที่ Jockey  ตั้งแต่ปี พ.ศ.2523 – 2531 พล.อ. น้าชาติ ขวัญใจนักธุรกิจสาวอินเตอร์ ปี พ.ศ.2531- 2534 ช่วงทหารมีอำนาจบริหารบ้านเมือง ยุคหลัง 14 ตุลา พ.ศ.2516 ต่างกับ ช่วงก่อน 14 ตุลา พ.ศ.2516 อย่างน่าสนใจ

    อย่างที่เล่ามาตอนแรกก่อน 14 ตุลาคม พ.ศ.2516 เรามีจอมพลคนใส่หมวกแล้วชาติเจริญ คุณป๋ารักชาติ และเหล่านักวิ่งผลัด การพัฒนาประเทศช่วงนั้น ถูกกำกับโดยแผนพัฒนาเศรษฐกิจและผู้เชี่ยวชาญต่าง ชาติมาดเข้ม เดินประกบหน้าประกบหลังไทยแลนด์ เอาผ้าห่มวัฒนธรรมอเมริกัน ห่อไทยแลนด์เสียมิด ชิด จนไทยแลนด์ลืมสนิทไปเลย ว่า ไทยแท้เป็นยังไง จำได้แต่ไทยแลนด์แบรนด์อเมริกัน
    แต่ช่วงหลัง 14 ตุลา พ.ศ.2516  ผู้เชี่ยวชาญต่างชาติถูกอัญเชิญออกไปแยะ จากปัจจัยภายในประเทศเราและประเทศเขา แต่พี่เบิ้มเขาก็ไม่ปล่อยเกียร์ว่าง เขาควบคุมด้วยวิธีแยบยล โดยใช้เหล่าข้าราชการที่เรียกว่า Technocrat มาช่วยคุณทหาร บริหารประเทศ
    Technocrat เหล่านี้เป็นใคร ก็เป็นต้นกล้าที่คุณพ่ออเมริกาหว่านเอาไว้ เขาเหล่านั้นเป็นนักเรียนนอก เติบโตมาภายใต้ระบบการศึกษาและแนวคิดของฝรั่ง เรียนแบบถ่ายสำเนาอัดก็อปบี้ออกมาเลย คุณพ่อฝรั่งว่า ขาวก็ขาวด้วย คุณพ่อว่า ดำก็ดำด้วย นี่สี่เหลี่ยม นี่กลม โอ้ย! ท่องจำกันได้หมด แล้วก็กลับเอาคำท่องจำมาใช้สอนต่อ หรือมาใช้ทำงานในบ้านเรา
    ดังนั้นไม่ต้องห่วงหรอก สมันน้อยไม่ไปไหน คุณพ่อฝรั่งไม่อยู่ คุณพ่อก็ให้พวก good boy technocratเด็กในคาถา มาทำหน้าที่ดูแลแทน นี่ยังไง นักวิชาการ ข้าราชการ สื่อฯลฯ ที่ถูกฟอกย้อมเอาไว้เรียบ ร้อยแบบไม่รู้ตัว… หรือรู้ตัวแต่ชอบ ของย้อมน่ะ… แล้วจะมีอะไรเหลือ …ไทยพันธุ์แท้หายไปไหนหมด เหลือแต่ไทยแลนด์แบรนด์อเมริกา!
    แต่เรื่องทุกเรื่องมันก็มีหักมุมนะ คุณน้าชาตินี้แกใช่ย่อยที่ไหน ถึงจะเป็นทหาร แกก็ไม่ได้ฟังเทคโนแครตมากนัก แกตั้งที่ปรึกษาบ้านพิษขึ้นมาเอง พวกนี้ก็มีพิษไปอีกแบบ ไทยแลนด์ก็เลยเหมือนหนีเสือปะจระเข้ หนีชะนีไปเจอค่าง อะไรอย่างนั้นแหละ รัฐบาลคุณน้าชาติ เป็นตัวแปรที่สำคัญ ต้องศึกษากันให้ดีๆ
    คุณน้า แกมีนโยบายล้ำเลิศ จะเปลี่ยนสนามรบ เป็นสนามค้า แกคิดโครงการแต่ละอัน เด็ดสะระตี่ทั้ง นั้น จะค้าขาย มันก็ต้องมีท่าเรือมารองรับการขนส่ง นั่นมาแล้ว Eastern Sea Board จะติดต่อค้าขายกัน การสื่อ สารมันก็ต้องทันสมัย จะใช้นกพิราบไปเรื่อยๆ ไม่ไหวมั้ง คุณน้าก็ให้คิดโครงการ 3 ล้านเลขหมาย คิดเรื่องดาว เทียม! คิดโครงการขนส่ง Hopewell ระบบทางด่วน ฯลฯ คุณน้าแกช่างคิดหาตังค์จริงๆ ต้องยอมรับ ไม่งั้นจะได้สมญารัฐบาลฟาสต์ฟูดเหรอ
    โครงการต่างๆ เหล่านี้ มันมูลค่ามหึมา ไอ้ 3 เกลอหัวแข็งที่มัวแต่ไปวุ่นๆ อยู่ทางอื่นของโลก ก็หันขวับจนคอเคล็ดมาดู เออ! เฮ้ย! มันกำลังจะทำอะไร สมันน้อยทำไมไม่บอกไอ นี่มันเรื่องผลประโยชน์ทั้งนั้น ไอ้พวกgood boy technocrat เด็กๆ ของเราหายไปไหนหมด ทำไม่มันไม่เตือน เขากำลังจะเข้าฮอร์สกันหมดแล้ว

    คนเล่านิทาน
     ตอน 11 ท่านผู้อ่านนิทาน อ่านกันมาถึงตรงนี้แล้ว คงพอจะรู้จักจิ๊กโก๋๋ นักล่ารุ่นใหม่ หมายเลข 1 กันบ้างแล้ว และคิดว่าจิ๊กโก๋๋เขาจะจบแค่เวียตนาม หรือ เปล่าหรอก หมดธุระเรื่องเวียตนาม เขาได้อย่างที่ต้องการ ตามใบสั่งของนายทุนผู้ค้าอาวุธ ซึ่งกุมคอหอยจิ๊กโก๋๋อีกที แล้วเขาก็เปลี่ยนเข็มทิศ มองไปทางไหนหนอ อ้อ ทางไหนก็ได้ที่มีทรัพยากรของคนอื่น ที่เขาอยากได้ไง น้ำมัน น้ำมันไง มาถึงแล้ว จิ๊กโก๋๋มันแสนรู้ จมูกไว เมื่อทุนนิยมเข้าไปที่ไหน อุตสาหกรรมก็เกิด เมื่อมีอุตสาหกรรม ก็ต้องอาศัยพลังงาน ทั้งไฟฟ้าและ น้ำมัน แหม! แล้วใครล่ะ ที่มีน้ำมันมีมาก ก็พวกคุณอาทั้งหลาย แถวทะเลทรายไงล่ะ ดังนั้นแผนของนักล่า ตั้งแต่ช่วงหลังสงครามเวียตนาม จึงเพ่นพ่าน ถือไม้สามง่ามเล็งหาน้ำมัน นู่นไปนู่นเลย ไปหาประวัติศาสตร์อิหร่านแตก พระเจ้าชาห์หนี ซาอุดิอารเบียจับมือกับอเมริกา สงคราม Gulf War ระหว่างคูเวต อิรัก อเมริกา จนถึงสงครามอิรัก ขอไม่เล่ารายละเอียด เพราะวันนี้จะเขียนที่เกี่ยว กับไทยแลนด์จังๆ ก่อนนะ แต่ถ้าไม่บอกเดี๋ยวท่านผู้อ่านนิทานก็จะงงว่าแล้วไง มันหายไปจากบ้านเรา แล้วมันไปไหน ไปทำอะไร ก็อย่างว่า จิ๊กโก๋๋เขาไม่ได้หายไปไหนหรอก มันก็ไปทำมาหากิน ขุดเผือกขุดมันขุดน้ำมันของคนอื่นเขาละซิ เราก็นึกว่าเขาไม่ยุ่งกะเราแล้ว เปล่าหร๊อก มันแค่เปลี่ยนแนว เหมือนหนังฮอลลีวู้ดเปลี่ยนฉากน่ะ ไม่ต้องตื่นเต้น บทเขาเขียนไว้ต่อเนื่อง ตั้งกะปีมะโว้ อีกร้อยปีก็เล่นไม่จบ เว้นแต่มันจะจบกันไปคนละข้างก่อน ระหว่างที่จิ๊กโก๋๋ ย้ายซอยไปขุดเผือกขุดน้ำมันที่อื่น บ้านเราก็อ้างว่า เป็นช่วงเวลาพัฒนาประชาธิปไตย ที่จิ๊กโก๋๋หว่านเมล็ดพันธุ์ไว้ ทุกคนก็ร่ำร้องหาแต่ประชาธิปไตย (ตอนนี้ยังหาอยู่เลย ลูกพระยาพหล อยู่ไหมจ๊ะ ป่านนี้แก่หง่อมหรือลาขึ้นสวรรค์ไปแล้วก็ไม่รู้) บ้านเมืองเราก็เลยล้มลุก หกคะเมนตีลังกาตั้งแต่ 14 ตุลาคม พ.ศ.2516 จนถึง 6 ตุลาคม พ.ศ.2519 ถึงจิ๊กโก๋๋จะไปขุดน้ำมัน เขาก็ใช่ว่า จะลืมสมันน้อยนะ จิ๊กโก๋๋ชอบทหาร ก็ของมันคุ้น ของมันเคย รัฐบาลพลเรือน เจอแต่ละคน จิ๊กโก๋๋ก็มึนเหมือนกัน อย่างอาจารย์สัญญาน่ะ เหมือนเป็นพ่อพระ จะสั่งให้พระไปทิ้งระเบิดใคร มันง่ายนักเหรอ แล้วอาจารย์คึกฤทธิ์ล่ะ เล่นด่า Ugly American ใส่ แถมยืนคำขาด กำหนดวันที่พี่เบิ้มต้องถอนทหารอเมริกันให้หมดจากบ้านเราด้วย ส่วนคุณหอยธานินทร์นั้น เกินกว่าจะบรรยาย ว่าแล้วการเมืองไทยก็กลับมาอยู่ใน ความครอบงำของทหารเหมือนเดิม แปลกดีไหมคิดสิ เป็นไปตามธรรมชาติ หรือมีใบสั่ง อย่าให้ต้องเขียนรายละเอียด เหมือนสมัยคุณป๋าสฤษดิ์ คุณน้าหนอมเลยนะ เอาย่อๆว่า ไม่มีอะไรลอดสายตาพญาอินทรีหรอก เพียงแต่เขาจะกางกรงเล็บขยุมเราโดยตรง หรือใช้ “วิธีอื่น” เท่านั้นเอง หลังจากเกิดเหตุการณ์ 6 ตุลา พ.ศ.2519 เราก็เลยได้ทหารกลับมาบริหารประเทศอีก พล.อ. เกรียงศักดิ์ ทำแกงเนื้อใส่บรั่นดี ตั้งแต่ปี พ.ศ.2520 – 2523 พล.อ. ป๋า เจ้าของวลีเด็ด เราเป็น Jockey ไม่ใช่เจ้าของคอก ทำหน้าที่ Jockey  ตั้งแต่ปี พ.ศ.2523 – 2531 พล.อ. น้าชาติ ขวัญใจนักธุรกิจสาวอินเตอร์ ปี พ.ศ.2531- 2534 ช่วงทหารมีอำนาจบริหารบ้านเมือง ยุคหลัง 14 ตุลา พ.ศ.2516 ต่างกับ ช่วงก่อน 14 ตุลา พ.ศ.2516 อย่างน่าสนใจ อย่างที่เล่ามาตอนแรกก่อน 14 ตุลาคม พ.ศ.2516 เรามีจอมพลคนใส่หมวกแล้วชาติเจริญ คุณป๋ารักชาติ และเหล่านักวิ่งผลัด การพัฒนาประเทศช่วงนั้น ถูกกำกับโดยแผนพัฒนาเศรษฐกิจและผู้เชี่ยวชาญต่าง ชาติมาดเข้ม เดินประกบหน้าประกบหลังไทยแลนด์ เอาผ้าห่มวัฒนธรรมอเมริกัน ห่อไทยแลนด์เสียมิด ชิด จนไทยแลนด์ลืมสนิทไปเลย ว่า ไทยแท้เป็นยังไง จำได้แต่ไทยแลนด์แบรนด์อเมริกัน แต่ช่วงหลัง 14 ตุลา พ.ศ.2516  ผู้เชี่ยวชาญต่างชาติถูกอัญเชิญออกไปแยะ จากปัจจัยภายในประเทศเราและประเทศเขา แต่พี่เบิ้มเขาก็ไม่ปล่อยเกียร์ว่าง เขาควบคุมด้วยวิธีแยบยล โดยใช้เหล่าข้าราชการที่เรียกว่า Technocrat มาช่วยคุณทหาร บริหารประเทศ Technocrat เหล่านี้เป็นใคร ก็เป็นต้นกล้าที่คุณพ่ออเมริกาหว่านเอาไว้ เขาเหล่านั้นเป็นนักเรียนนอก เติบโตมาภายใต้ระบบการศึกษาและแนวคิดของฝรั่ง เรียนแบบถ่ายสำเนาอัดก็อปบี้ออกมาเลย คุณพ่อฝรั่งว่า ขาวก็ขาวด้วย คุณพ่อว่า ดำก็ดำด้วย นี่สี่เหลี่ยม นี่กลม โอ้ย! ท่องจำกันได้หมด แล้วก็กลับเอาคำท่องจำมาใช้สอนต่อ หรือมาใช้ทำงานในบ้านเรา ดังนั้นไม่ต้องห่วงหรอก สมันน้อยไม่ไปไหน คุณพ่อฝรั่งไม่อยู่ คุณพ่อก็ให้พวก good boy technocratเด็กในคาถา มาทำหน้าที่ดูแลแทน นี่ยังไง นักวิชาการ ข้าราชการ สื่อฯลฯ ที่ถูกฟอกย้อมเอาไว้เรียบ ร้อยแบบไม่รู้ตัว… หรือรู้ตัวแต่ชอบ ของย้อมน่ะ… แล้วจะมีอะไรเหลือ …ไทยพันธุ์แท้หายไปไหนหมด เหลือแต่ไทยแลนด์แบรนด์อเมริกา! แต่เรื่องทุกเรื่องมันก็มีหักมุมนะ คุณน้าชาตินี้แกใช่ย่อยที่ไหน ถึงจะเป็นทหาร แกก็ไม่ได้ฟังเทคโนแครตมากนัก แกตั้งที่ปรึกษาบ้านพิษขึ้นมาเอง พวกนี้ก็มีพิษไปอีกแบบ ไทยแลนด์ก็เลยเหมือนหนีเสือปะจระเข้ หนีชะนีไปเจอค่าง อะไรอย่างนั้นแหละ รัฐบาลคุณน้าชาติ เป็นตัวแปรที่สำคัญ ต้องศึกษากันให้ดีๆ คุณน้า แกมีนโยบายล้ำเลิศ จะเปลี่ยนสนามรบ เป็นสนามค้า แกคิดโครงการแต่ละอัน เด็ดสะระตี่ทั้ง นั้น จะค้าขาย มันก็ต้องมีท่าเรือมารองรับการขนส่ง นั่นมาแล้ว Eastern Sea Board จะติดต่อค้าขายกัน การสื่อ สารมันก็ต้องทันสมัย จะใช้นกพิราบไปเรื่อยๆ ไม่ไหวมั้ง คุณน้าก็ให้คิดโครงการ 3 ล้านเลขหมาย คิดเรื่องดาว เทียม! คิดโครงการขนส่ง Hopewell ระบบทางด่วน ฯลฯ คุณน้าแกช่างคิดหาตังค์จริงๆ ต้องยอมรับ ไม่งั้นจะได้สมญารัฐบาลฟาสต์ฟูดเหรอ โครงการต่างๆ เหล่านี้ มันมูลค่ามหึมา ไอ้ 3 เกลอหัวแข็งที่มัวแต่ไปวุ่นๆ อยู่ทางอื่นของโลก ก็หันขวับจนคอเคล็ดมาดู เออ! เฮ้ย! มันกำลังจะทำอะไร สมันน้อยทำไมไม่บอกไอ นี่มันเรื่องผลประโยชน์ทั้งนั้น ไอ้พวกgood boy technocrat เด็กๆ ของเราหายไปไหนหมด ทำไม่มันไม่เตือน เขากำลังจะเข้าฮอร์สกันหมดแล้ว คนเล่านิทาน
    2 Comments 0 Shares 696 Views 0 Reviews
More Results