• เรื่องเล่าจากโลกนักพัฒนา: 7 แอปจดโน้ตที่นักพัฒนาไม่ควรมองข้าม

    ในโลกของนักพัฒนา การจดโน้ตไม่ใช่แค่การเขียนไอเดีย แต่เป็นการจัดการโค้ด snippets, เอกสารเทคนิค, และความรู้ที่ต้องใช้ซ้ำในหลายโปรเจกต์ แอปจดโน้ตทั่วไปอาจไม่ตอบโจทย์ เพราะนักพัฒนาต้องการฟีเจอร์เฉพาะ เช่น Markdown, syntax highlighting, การเชื่อมโยงโน้ต และการทำงานแบบ cross-platform

    บทความนี้แนะนำ 7 แอปที่โดดเด่นสำหรับนักพัฒนา ได้แก่:

    1️⃣ Notion – ครบเครื่องทั้งจดโน้ตและจัดการโปรเจกต์

    ข้อดี
    รองรับ Markdown และ syntax กว่า 60 ภาษา
    ใช้จัดการโปรเจกต์ได้ดี (kanban, database, timeline)
    เชื่อมต่อกับ Trello, Slack, GitHub ได้
    สร้าง template และระบบอัตโนมัติได้

    ข้อเสีย
    ต้องใช้อินเทอร์เน็ตในการเข้าถึง
    UI อาจซับซ้อนสำหรับผู้เริ่มต้น
    ไม่เหมาะกับการเขียนโค้ดแบบ real-time

    2️⃣ Obsidian – เน้นความยืดหยุ่นและการทำงานแบบออฟไลน์

    ข้อดี
    ทำงานออฟไลน์ได้เต็มรูปแบบ
    รองรับ Markdown และ backlinking แบบ Zettelkasten
    ปรับแต่งได้ผ่านปลั๊กอินจำนวนมาก
    เน้นความเป็นส่วนตัวด้วย local storage

    ข้อเสีย
    ไม่มีระบบ collaboration ในตัว
    ต้องใช้เวลาเรียนรู้การปรับแต่ง
    UI ไม่เหมาะกับผู้ที่ชอบระบบ drag-and-drop

    3️⃣ Boost Note – โอเพ่นซอร์สที่ออกแบบมาเพื่อโค้ดโดยเฉพาะ

    ข้อดี
    โอเพ่นซอร์สและฟรี
    รองรับ Markdown + code block พร้อม syntax
    มี tagging และ diagram (Mermaid, PlantUML)
    ใช้งานได้ทุกแพลตฟอร์ม (Windows, macOS, Linux, iOS, Android)

    ข้อเสีย
    ฟีเจอร์ collaboration ยังไม่สมบูรณ์
    UI ยังไม่ polished เท่าแอปเชิงพาณิชย์
    ต้องใช้เวลาในการตั้งค่า workspace

    4️⃣ OneNote – เหมาะกับการจัดการข้อมูลแบบมัลติมีเดีย

    ข้อดี
    รองรับ multimedia เช่น รูป เสียง วิดีโอ
    มีโครงสร้าง notebook/section/page ที่ชัดเจน
    รองรับการทำงานร่วมกันแบบ real-time
    ใช้งานได้หลายแพลตฟอร์ม

    ข้อเสีย
    ไม่รองรับ Markdown โดยตรง
    ไม่มีแอปสำหรับ Linux
    ไม่เหมาะกับการจัดการโค้ดหรือ syntax

    5️⃣ Quiver – สำหรับผู้ใช้ macOS ที่ต้องการรวมโค้ด, Markdown และ LaTeX

    ข้อดี
    รองรับ Markdown, LaTeX, และ syntax กว่า 120 ภาษา
    โครงสร้างแบบเซลล์ (text + code + diagram)
    มีระบบลิงก์ภายในโน้ตแบบ wiki
    ซื้อครั้งเดียว ไม่มี subscription

    ข้อเสีย
    ใช้ได้เฉพาะ macOS
    ไม่มีระบบ sync cloud หรือ collaboration
    UI ค่อนข้างเก่าเมื่อเทียบกับแอปใหม่ ๆ

    6️⃣ CherryTree – โครงสร้างแบบ tree สำหรับการจัดการข้อมูลเชิงลึก

    ข้อดี
    โครงสร้างแบบ tree เหมาะกับโปรเจกต์ซับซ้อน
    รองรับ rich text + syntax highlight
    ใช้งานแบบ portable ได้ (USB drive)
    มีระบบ auto-save และ backup

    ข้อเสีย
    ไม่มีระบบ cloud sync
    UI ค่อนข้างเก่า
    ไม่เหมาะกับการทำงานร่วมกัน

    7️⃣ Sublime Text – ใช้ปลั๊กอินเสริมให้กลายเป็นเครื่องมือจดโน้ตที่ทรงพลัง

    ข้อดี
    เร็ว เบา และปรับแต่งได้สูง
    รองรับ MarkdownEditing, SnippetStore, CodeMap
    ใช้งานได้ทุกแพลตฟอร์ม
    เหมาะกับนักพัฒนาที่ต้องการรวมโค้ดกับโน้ต

    ข้อเสีย
    ไม่ใช่แอปจดโน้ตโดยตรง ต้องติดตั้งปลั๊กอิน
    ไม่มีระบบจัดการโน้ตแบบ notebook หรือ tagging
    ไม่เหมาะกับผู้ที่ไม่ชำนาญการตั้งค่า editor

    https://medium.com/@theo-james/top-7-note-taking-apps-every-developer-should-use-fc3905c954be
    🎙️ เรื่องเล่าจากโลกนักพัฒนา: 7 แอปจดโน้ตที่นักพัฒนาไม่ควรมองข้าม ในโลกของนักพัฒนา การจดโน้ตไม่ใช่แค่การเขียนไอเดีย แต่เป็นการจัดการโค้ด snippets, เอกสารเทคนิค, และความรู้ที่ต้องใช้ซ้ำในหลายโปรเจกต์ แอปจดโน้ตทั่วไปอาจไม่ตอบโจทย์ เพราะนักพัฒนาต้องการฟีเจอร์เฉพาะ เช่น Markdown, syntax highlighting, การเชื่อมโยงโน้ต และการทำงานแบบ cross-platform บทความนี้แนะนำ 7 แอปที่โดดเด่นสำหรับนักพัฒนา ได้แก่: 1️⃣ Notion – ครบเครื่องทั้งจดโน้ตและจัดการโปรเจกต์ ✅ ➡️ ข้อดี ✅ รองรับ Markdown และ syntax กว่า 60 ภาษา ✅ ใช้จัดการโปรเจกต์ได้ดี (kanban, database, timeline) ✅ เชื่อมต่อกับ Trello, Slack, GitHub ได้ ✅ สร้าง template และระบบอัตโนมัติได้ ⛔ ➡️ ข้อเสีย ⛔ ต้องใช้อินเทอร์เน็ตในการเข้าถึง ⛔ UI อาจซับซ้อนสำหรับผู้เริ่มต้น ⛔ ไม่เหมาะกับการเขียนโค้ดแบบ real-time 2️⃣ Obsidian – เน้นความยืดหยุ่นและการทำงานแบบออฟไลน์ ✅ ➡️ ข้อดี ✅ ทำงานออฟไลน์ได้เต็มรูปแบบ ✅ รองรับ Markdown และ backlinking แบบ Zettelkasten ✅ ปรับแต่งได้ผ่านปลั๊กอินจำนวนมาก ✅ เน้นความเป็นส่วนตัวด้วย local storage ⛔ ➡️ ข้อเสีย ⛔ ไม่มีระบบ collaboration ในตัว ⛔ ต้องใช้เวลาเรียนรู้การปรับแต่ง ⛔ UI ไม่เหมาะกับผู้ที่ชอบระบบ drag-and-drop 3️⃣ Boost Note – โอเพ่นซอร์สที่ออกแบบมาเพื่อโค้ดโดยเฉพาะ ✅ ➡️ ข้อดี ✅ โอเพ่นซอร์สและฟรี ✅ รองรับ Markdown + code block พร้อม syntax ✅ มี tagging และ diagram (Mermaid, PlantUML) ✅ ใช้งานได้ทุกแพลตฟอร์ม (Windows, macOS, Linux, iOS, Android) ⛔ ➡️ ข้อเสีย ⛔ ฟีเจอร์ collaboration ยังไม่สมบูรณ์ ⛔ UI ยังไม่ polished เท่าแอปเชิงพาณิชย์ ⛔ ต้องใช้เวลาในการตั้งค่า workspace 4️⃣ OneNote – เหมาะกับการจัดการข้อมูลแบบมัลติมีเดีย ✅ ➡️ ข้อดี ✅ รองรับ multimedia เช่น รูป เสียง วิดีโอ ✅ มีโครงสร้าง notebook/section/page ที่ชัดเจน ✅ รองรับการทำงานร่วมกันแบบ real-time ✅ ใช้งานได้หลายแพลตฟอร์ม ⛔ ➡️ ข้อเสีย ⛔ ไม่รองรับ Markdown โดยตรง ⛔ ไม่มีแอปสำหรับ Linux ⛔ ไม่เหมาะกับการจัดการโค้ดหรือ syntax 5️⃣ Quiver – สำหรับผู้ใช้ macOS ที่ต้องการรวมโค้ด, Markdown และ LaTeX ✅ ➡️ ข้อดี ✅ รองรับ Markdown, LaTeX, และ syntax กว่า 120 ภาษา ✅ โครงสร้างแบบเซลล์ (text + code + diagram) ✅ มีระบบลิงก์ภายในโน้ตแบบ wiki ✅ ซื้อครั้งเดียว ไม่มี subscription ⛔ ➡️ ข้อเสีย ⛔ ใช้ได้เฉพาะ macOS ⛔ ไม่มีระบบ sync cloud หรือ collaboration ⛔ UI ค่อนข้างเก่าเมื่อเทียบกับแอปใหม่ ๆ 6️⃣ CherryTree – โครงสร้างแบบ tree สำหรับการจัดการข้อมูลเชิงลึก ✅ ➡️ ข้อดี ✅ โครงสร้างแบบ tree เหมาะกับโปรเจกต์ซับซ้อน ✅ รองรับ rich text + syntax highlight ✅ ใช้งานแบบ portable ได้ (USB drive) ✅ มีระบบ auto-save และ backup ⛔ ➡️ ข้อเสีย ⛔ ไม่มีระบบ cloud sync ⛔ UI ค่อนข้างเก่า ⛔ ไม่เหมาะกับการทำงานร่วมกัน 7️⃣ Sublime Text – ใช้ปลั๊กอินเสริมให้กลายเป็นเครื่องมือจดโน้ตที่ทรงพลัง ✅ ➡️ ข้อดี ✅ เร็ว เบา และปรับแต่งได้สูง ✅ รองรับ MarkdownEditing, SnippetStore, CodeMap ✅ ใช้งานได้ทุกแพลตฟอร์ม ✅ เหมาะกับนักพัฒนาที่ต้องการรวมโค้ดกับโน้ต ⛔ ➡️ ข้อเสีย ⛔ ไม่ใช่แอปจดโน้ตโดยตรง ต้องติดตั้งปลั๊กอิน ⛔ ไม่มีระบบจัดการโน้ตแบบ notebook หรือ tagging ⛔ ไม่เหมาะกับผู้ที่ไม่ชำนาญการตั้งค่า editor https://medium.com/@theo-james/top-7-note-taking-apps-every-developer-should-use-fc3905c954be
    MEDIUM.COM
    Top 7 Note-Taking Apps Every Developer Should Use
    Keeping track of ideas, code snippets, and project details is essential for developers juggling multiple frameworks and languages. The right note-taking app can streamline workflows, boost…
    0 Comments 0 Shares 33 Views 0 Reviews
  • เรื่องเล่าจากโลกเกมพกพา: AMD Ryzen Z2 Extreme—ชิปเล็กพลังใหญ่ที่ท้าชนโน้ตบุ๊กเกม

    AMD เปิดตัว Ryzen Z2 Extreme ซึ่งเป็นชิป SoC สำหรับเครื่องเกมพกพาโดยเฉพาะ โดยใช้สถาปัตยกรรม Zen 5 ผสม Zen 5C รวมกัน 8 คอร์ 16 เธรด พร้อม iGPU Radeon 890M ที่ใช้สถาปัตยกรรม RDNA 3.5

    ชิปนี้ถูกทดสอบบน MSI Claw A8 ที่มาพร้อม RAM LPDDR5X 24GB และผลลัพธ์จาก Geekbench ก็ออกมาน่าประทับใจมาก:
    - คะแนน single-thread สูงสุดในกลุ่ม Strix Point
    - คะแนน multi-thread เทียบเท่าชิป 10 คอร์ Ryzen AI 9 365
    - ประสิทธิภาพกราฟิกเทียบเท่า Radeon 890M บนโน้ตบุ๊ก

    Ryzen Z2 Extreme ยังรองรับเทคโนโลยีใหม่ ๆ ของ AMD เช่น FSR, Frame Generation และ Fluid Motion Frames และจะมีรุ่นที่มาพร้อม NPU 50 TOPS สำหรับงาน AI โดยเฉพาะ

    AMD เปิดตัว Ryzen Z2 Extreme SoC สำหรับเครื่องเกมพกพา
    ใช้สถาปัตยกรรม Zen 5 + Zen 5C รวม 8 คอร์ 16 เธรด

    ใช้ iGPU Radeon 890M สถาปัตยกรรม RDNA 3.5
    มี 16 compute units ความเร็ว 2.9 GHz

    รองรับ LPDDR5X-8000 และมีแคชรวม 24MB (L2 + L3)
    เหมาะกับงานกราฟิกและเกมที่ต้องการแบนด์วิดท์สูง

    ทดสอบบน MSI Claw A8 ได้คะแนน Geekbench สูงมาก
    Single-thread สูงสุดในกลุ่ม Strix Point / Multi-thread เทียบ Ryzen AI 9 365

    ประสิทธิภาพกราฟิกเทียบเท่าโน้ตบุ๊กที่ใช้ Radeon 890M
    เหนือกว่า Ryzen Z1 Extreme ถึง 30%+

    รองรับเทคโนโลยี AMD ล่าสุด เช่น FSR, Frame-Gen, Fluid Motion
    เตรียมใช้งานใน ASUS ROG Ally X และอุปกรณ์อื่นเร็ว ๆ นี้

    ยังไม่ระบุ TDP ที่ใช้ในการทดสอบ Geekbench
    อาจเป็น 35W ซึ่งสูงสุดของช่วงที่กำหนด (15–35W)

    ประสิทธิภาพอาจลดลงเมื่อใช้งานในโหมดประหยัดพลังงาน
    โดยเฉพาะในเครื่องที่มีข้อจำกัดด้านระบายความร้อน

    iGPU แม้จะทรงพลัง แต่ยังไม่เทียบเท่า GPU แยกระดับสูง
    เหมาะกับเกมระดับกลางมากกว่าการเล่น AAA แบบ ultra settings

    SOC รุ่นนี้ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการใช้งานจริง
    ต้องรอการทดสอบในสภาพแวดล้อมจริงก่อนสรุปประสิทธิภาพโดยรวม

    https://wccftech.com/amd-ryzen-z2-extreme-soc-handhelds-benchmark-msi-claw-a8-top-notch-cpu-gpu-performance/
    🎙️ เรื่องเล่าจากโลกเกมพกพา: AMD Ryzen Z2 Extreme—ชิปเล็กพลังใหญ่ที่ท้าชนโน้ตบุ๊กเกม AMD เปิดตัว Ryzen Z2 Extreme ซึ่งเป็นชิป SoC สำหรับเครื่องเกมพกพาโดยเฉพาะ โดยใช้สถาปัตยกรรม Zen 5 ผสม Zen 5C รวมกัน 8 คอร์ 16 เธรด พร้อม iGPU Radeon 890M ที่ใช้สถาปัตยกรรม RDNA 3.5 ชิปนี้ถูกทดสอบบน MSI Claw A8 ที่มาพร้อม RAM LPDDR5X 24GB และผลลัพธ์จาก Geekbench ก็ออกมาน่าประทับใจมาก: - คะแนน single-thread สูงสุดในกลุ่ม Strix Point - คะแนน multi-thread เทียบเท่าชิป 10 คอร์ Ryzen AI 9 365 - ประสิทธิภาพกราฟิกเทียบเท่า Radeon 890M บนโน้ตบุ๊ก Ryzen Z2 Extreme ยังรองรับเทคโนโลยีใหม่ ๆ ของ AMD เช่น FSR, Frame Generation และ Fluid Motion Frames และจะมีรุ่นที่มาพร้อม NPU 50 TOPS สำหรับงาน AI โดยเฉพาะ ✅ AMD เปิดตัว Ryzen Z2 Extreme SoC สำหรับเครื่องเกมพกพา ➡️ ใช้สถาปัตยกรรม Zen 5 + Zen 5C รวม 8 คอร์ 16 เธรด ✅ ใช้ iGPU Radeon 890M สถาปัตยกรรม RDNA 3.5 ➡️ มี 16 compute units ความเร็ว 2.9 GHz ✅ รองรับ LPDDR5X-8000 และมีแคชรวม 24MB (L2 + L3) ➡️ เหมาะกับงานกราฟิกและเกมที่ต้องการแบนด์วิดท์สูง ✅ ทดสอบบน MSI Claw A8 ได้คะแนน Geekbench สูงมาก ➡️ Single-thread สูงสุดในกลุ่ม Strix Point / Multi-thread เทียบ Ryzen AI 9 365 ✅ ประสิทธิภาพกราฟิกเทียบเท่าโน้ตบุ๊กที่ใช้ Radeon 890M ➡️ เหนือกว่า Ryzen Z1 Extreme ถึง 30%+ ✅ รองรับเทคโนโลยี AMD ล่าสุด เช่น FSR, Frame-Gen, Fluid Motion ➡️ เตรียมใช้งานใน ASUS ROG Ally X และอุปกรณ์อื่นเร็ว ๆ นี้ ‼️ ยังไม่ระบุ TDP ที่ใช้ในการทดสอบ Geekbench ⛔ อาจเป็น 35W ซึ่งสูงสุดของช่วงที่กำหนด (15–35W) ‼️ ประสิทธิภาพอาจลดลงเมื่อใช้งานในโหมดประหยัดพลังงาน ⛔ โดยเฉพาะในเครื่องที่มีข้อจำกัดด้านระบายความร้อน ‼️ iGPU แม้จะทรงพลัง แต่ยังไม่เทียบเท่า GPU แยกระดับสูง ⛔ เหมาะกับเกมระดับกลางมากกว่าการเล่น AAA แบบ ultra settings ‼️ SOC รุ่นนี้ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการใช้งานจริง ⛔ ต้องรอการทดสอบในสภาพแวดล้อมจริงก่อนสรุปประสิทธิภาพโดยรวม https://wccftech.com/amd-ryzen-z2-extreme-soc-handhelds-benchmark-msi-claw-a8-top-notch-cpu-gpu-performance/
    WCCFTECH.COM
    AMD's Top Ryzen Z2 Extreme SoC For Handhelds Benchmarked On MSI's Claw A8, Delivers Top-Notch CPU & GPU Performance
    AMD's fastest handheld SoC, the Ryzen Z2 Extreme, has been benchmarked on Geekbench and showcases strong CPU & GPU performance.
    0 Comments 0 Shares 22 Views 0 Reviews
  • เรื่องเล่าจากโลกชิป AI: NVIDIA เตรียมใช้ SOCAMM กว่า 800,000 ชิ้นในปีนี้

    NVIDIA กำลังเตรียมผลิตและนำโมดูลหน่วยความจำแบบใหม่ที่ชื่อว่า SOCAMM มาใช้ในผลิตภัณฑ์ AI ของตนมากถึง 800,000 ชิ้นภายในปี 2025 โดย SOCAMM เป็นหน่วยความจำแบบ LPDDR ที่มีความสามารถพิเศษคือ “ถอดเปลี่ยนได้” ต่างจาก LPDDR5X หรือ HBM ที่มักถูกบัดกรีติดกับบอร์ด

    SOCAMM ถูกออกแบบมาให้มีขนาดกะทัดรัด ใช้พลังงานต่ำ และมีแบนด์วิดท์สูงถึง 150–250 GB/s ซึ่งเหมาะกับอุปกรณ์ AI ที่ต้องการประสิทธิภาพสูงแต่ยังคงประหยัดพลังงาน เช่น AI PC และ AI Server

    โมดูลนี้ถูกพัฒนาโดย Micron และเริ่มใช้งานในแพลตฟอร์ม GB300 Blackwell ของ NVIDIA ซึ่งเป็นสัญญาณว่า NVIDIA กำลังเปลี่ยนไปใช้รูปแบบหน่วยความจำใหม่ในผลิตภัณฑ์ AI หลายรุ่น โดยในอนาคต SOCAMM 2 จะถูกเปิดตัวเพื่อเพิ่มกำลังการผลิตและประสิทธิภาพอีกขั้น

    NVIDIA เตรียมใช้ SOCAMM memory modules มากถึง 800,000 ชิ้นในปี 2025
    เพื่อรองรับผลิตภัณฑ์ AI ที่ต้องการประสิทธิภาพสูงและประหยัดพลังงาน

    SOCAMM เป็นหน่วยความจำแบบ LPDDR ที่สามารถถอดเปลี่ยนได้
    ติดตั้งด้วยสกรู 3 ตัว ไม่ต้องบัดกรีติดกับ PCB

    SOCAMM มีแบนด์วิดท์สูงถึง 150–250 GB/s
    เหนือกว่า RDIMM, LPDDR5X และ LPCAMM ในหลายด้าน

    เริ่มใช้งานในแพลตฟอร์ม GB300 Blackwell ของ NVIDIA
    เป็นการเปลี่ยนผ่านจาก HBM ไปสู่หน่วยความจำแบบใหม่

    Micron เป็นผู้ผลิตหลักของ SOCAMM ในปัจจุบัน
    Samsung และ SK Hynix กำลังเจรจาเพื่อร่วมผลิตในอนาคต

    SOCAMM 2 จะเปิดตัวในปีหน้าเพื่อเพิ่มกำลังการผลิต
    คาดว่าจะกลายเป็นมาตรฐานใหม่สำหรับอุปกรณ์ AI พลังต่ำ

    จำนวน 800,000 ชิ้นยังน้อยเมื่อเทียบกับ HBM ที่ใช้ในปีเดียวกัน
    SOCAMM ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการนำไปใช้งานในวงกว้าง

    SOCAMM ยังไม่มีข้อมูลทางเทคนิคด้านประสิทธิภาพพลังงานที่ชัดเจน
    ต้องรอการทดสอบจริงเพื่อยืนยันข้อดีเหนือ RDIMM และ LPDDR5X

    การเปลี่ยนไปใช้ SOCAMM อาจต้องปรับโครงสร้างฮาร์ดแวร์เดิม
    โดยเฉพาะในระบบที่ออกแบบมาเพื่อใช้ HBM หรือ LPDDR แบบบัดกรี

    การพึ่งพาผู้ผลิตรายเดียว (Micron) อาจเป็นความเสี่ยงด้านซัพพลายเชน
    หาก Samsung และ SK Hynix ยังไม่เข้าร่วมในระยะสั้น

    https://wccftech.com/nvidia-to-deploy-up-to-800000-units-of-its-socamm-modules-this-year-in-its-ai-products/
    🎙️ เรื่องเล่าจากโลกชิป AI: NVIDIA เตรียมใช้ SOCAMM กว่า 800,000 ชิ้นในปีนี้ NVIDIA กำลังเตรียมผลิตและนำโมดูลหน่วยความจำแบบใหม่ที่ชื่อว่า SOCAMM มาใช้ในผลิตภัณฑ์ AI ของตนมากถึง 800,000 ชิ้นภายในปี 2025 โดย SOCAMM เป็นหน่วยความจำแบบ LPDDR ที่มีความสามารถพิเศษคือ “ถอดเปลี่ยนได้” ต่างจาก LPDDR5X หรือ HBM ที่มักถูกบัดกรีติดกับบอร์ด SOCAMM ถูกออกแบบมาให้มีขนาดกะทัดรัด ใช้พลังงานต่ำ และมีแบนด์วิดท์สูงถึง 150–250 GB/s ซึ่งเหมาะกับอุปกรณ์ AI ที่ต้องการประสิทธิภาพสูงแต่ยังคงประหยัดพลังงาน เช่น AI PC และ AI Server โมดูลนี้ถูกพัฒนาโดย Micron และเริ่มใช้งานในแพลตฟอร์ม GB300 Blackwell ของ NVIDIA ซึ่งเป็นสัญญาณว่า NVIDIA กำลังเปลี่ยนไปใช้รูปแบบหน่วยความจำใหม่ในผลิตภัณฑ์ AI หลายรุ่น โดยในอนาคต SOCAMM 2 จะถูกเปิดตัวเพื่อเพิ่มกำลังการผลิตและประสิทธิภาพอีกขั้น ✅ NVIDIA เตรียมใช้ SOCAMM memory modules มากถึง 800,000 ชิ้นในปี 2025 ➡️ เพื่อรองรับผลิตภัณฑ์ AI ที่ต้องการประสิทธิภาพสูงและประหยัดพลังงาน ✅ SOCAMM เป็นหน่วยความจำแบบ LPDDR ที่สามารถถอดเปลี่ยนได้ ➡️ ติดตั้งด้วยสกรู 3 ตัว ไม่ต้องบัดกรีติดกับ PCB ✅ SOCAMM มีแบนด์วิดท์สูงถึง 150–250 GB/s ➡️ เหนือกว่า RDIMM, LPDDR5X และ LPCAMM ในหลายด้าน ✅ เริ่มใช้งานในแพลตฟอร์ม GB300 Blackwell ของ NVIDIA ➡️ เป็นการเปลี่ยนผ่านจาก HBM ไปสู่หน่วยความจำแบบใหม่ ✅ Micron เป็นผู้ผลิตหลักของ SOCAMM ในปัจจุบัน ➡️ Samsung และ SK Hynix กำลังเจรจาเพื่อร่วมผลิตในอนาคต ✅ SOCAMM 2 จะเปิดตัวในปีหน้าเพื่อเพิ่มกำลังการผลิต ➡️ คาดว่าจะกลายเป็นมาตรฐานใหม่สำหรับอุปกรณ์ AI พลังต่ำ ‼️ จำนวน 800,000 ชิ้นยังน้อยเมื่อเทียบกับ HBM ที่ใช้ในปีเดียวกัน ⛔ SOCAMM ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการนำไปใช้งานในวงกว้าง ‼️ SOCAMM ยังไม่มีข้อมูลทางเทคนิคด้านประสิทธิภาพพลังงานที่ชัดเจน ⛔ ต้องรอการทดสอบจริงเพื่อยืนยันข้อดีเหนือ RDIMM และ LPDDR5X ‼️ การเปลี่ยนไปใช้ SOCAMM อาจต้องปรับโครงสร้างฮาร์ดแวร์เดิม ⛔ โดยเฉพาะในระบบที่ออกแบบมาเพื่อใช้ HBM หรือ LPDDR แบบบัดกรี ‼️ การพึ่งพาผู้ผลิตรายเดียว (Micron) อาจเป็นความเสี่ยงด้านซัพพลายเชน ⛔ หาก Samsung และ SK Hynix ยังไม่เข้าร่วมในระยะสั้น https://wccftech.com/nvidia-to-deploy-up-to-800000-units-of-its-socamm-modules-this-year-in-its-ai-products/
    WCCFTECH.COM
    NVIDIA To Deploy Up To 800,000 Units Of Its SOCAMM Modules This Year In Its AI Products
    As per a report, NVIDIA is expected to produce up to 800,000 SOCAMM memory units this year to deliver high efficiency and performance for its AI products.
    0 Comments 0 Shares 19 Views 0 Reviews
  • เรื่องเล่าจากโลกชิปเก่า: Rise mP6 266—ชิปที่หายากที่สุดในตระกูล x86

    ในปี 1998 บริษัท Rise Technology เปิดตัวชิป mP6 266 หลังจากใช้เวลาพัฒนานานถึง 5 ปี โดยหวังจะเป็นคู่แข่งของ Intel และ AMD ในยุคที่ Socket 7 ยังเป็นมาตรฐานของเมนบอร์ด

    ชิปนี้ถูกออกแบบให้รองรับชุดคำสั่ง MMX และทำงานบนเมนบอร์ด Super Socket 7 เช่น Asus P5A-B ที่ใช้ชิปเซ็ต ALi Aladdin V ซึ่งรองรับ CPU จากหลายค่ายในยุคนั้น เช่น Intel Pentium MMX, AMD K6, Cyrix MII และ WinChip

    แม้ชื่อจะระบุว่า “266” แต่จริง ๆ แล้วความเร็วของชิปอยู่ที่ 200MHz โดยใช้เทคนิค “P-rating” เพื่อให้ดูเทียบเท่า Pentium 266 ของ Intel ซึ่งเป็นกลยุทธ์ที่ AMD และ Cyrix ก็เคยใช้เช่นกัน

    Rise mP6 มีแรงดันไฟสูงถึง 2.832V แต่ใช้พลังงานเพียง 8.54W ทำให้สามารถใช้ระบบระบายความร้อนแบบ passive ได้ในยุคนั้น

    ชิปนี้หายากมากในปัจจุบัน เพราะ Rise ถอนตัวจากธุรกิจ CPU ในปี 1999 ทำให้มีจำนวนจำกัดในตลาดมือสอง และกลายเป็นของสะสมที่นักสะสมชิปอย่าง “konkretor” ภูมิใจนำเสนอ

    Rise mP6 266 เปิดตัวในปี 1998 หลังพัฒนา 5 ปี
    เป็นชิป x86 ที่รองรับ MMX และใช้กับเมนบอร์ด Super Socket 7

    ใช้เทคนิค P-rating เพื่อให้ดูเทียบเท่า Pentium 266
    แม้ความเร็วจริงจะอยู่ที่ 200MHz

    เมนบอร์ด Asus P5A-B รองรับ CPU จากหลายค่ายในยุคนั้น
    Intel, AMD, Cyrix, WinChip

    ชิปใช้แรงดันไฟ 2.832V และมี TDP เพียง 8.54W
    ทำให้ใช้ระบบระบายความร้อนแบบ passive ได้

    ชิปถูกผลิตโดย TSMC ด้วยกระบวนการ 250nm
    มีเอกสารข้อมูลของรุ่น 333 และ 366 MHz ยังหลงเหลืออยู่

    ชิปที่นำมาโชว์ถูกซื้อจาก eBay ประเทศจีน
    เป็นของใหม่เก่าเก็บ (new old stock) ไม่มีเรื่องราวพิเศษ

    Rise ถอนตัวจากธุรกิจ CPU ในปี 1999
    ทำให้ชิปตระกูลนี้ไม่มีการสนับสนุนหรือพัฒนาเพิ่มเติม

    ความเร็วที่ระบุในชื่อรุ่นอาจทำให้ผู้ใช้เข้าใจผิด
    เช่น “266” แต่ทำงานจริงที่ 200MHz

    ไม่มีข้อมูลทางเทคนิคอย่างละเอียดสำหรับรุ่น 266 โดยตรง
    ต้องอ้างอิงจากรุ่นใกล้เคียง เช่น 333 และ 366 MHz

    ชิปนี้ไม่เหมาะสำหรับการใช้งานจริงในยุคปัจจุบัน
    เหมาะสำหรับการสะสมหรือการทดลองเชิงประวัติศาสตร์เท่านั้น

    https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/chip-collector-showcases-rarest-x86-cpu-in-their-hoard-rise-mp6-266-ticked-along-at-200mhz-in-1998
    🎙️ เรื่องเล่าจากโลกชิปเก่า: Rise mP6 266—ชิปที่หายากที่สุดในตระกูล x86 ในปี 1998 บริษัท Rise Technology เปิดตัวชิป mP6 266 หลังจากใช้เวลาพัฒนานานถึง 5 ปี โดยหวังจะเป็นคู่แข่งของ Intel และ AMD ในยุคที่ Socket 7 ยังเป็นมาตรฐานของเมนบอร์ด ชิปนี้ถูกออกแบบให้รองรับชุดคำสั่ง MMX และทำงานบนเมนบอร์ด Super Socket 7 เช่น Asus P5A-B ที่ใช้ชิปเซ็ต ALi Aladdin V ซึ่งรองรับ CPU จากหลายค่ายในยุคนั้น เช่น Intel Pentium MMX, AMD K6, Cyrix MII และ WinChip แม้ชื่อจะระบุว่า “266” แต่จริง ๆ แล้วความเร็วของชิปอยู่ที่ 200MHz โดยใช้เทคนิค “P-rating” เพื่อให้ดูเทียบเท่า Pentium 266 ของ Intel ซึ่งเป็นกลยุทธ์ที่ AMD และ Cyrix ก็เคยใช้เช่นกัน Rise mP6 มีแรงดันไฟสูงถึง 2.832V แต่ใช้พลังงานเพียง 8.54W ทำให้สามารถใช้ระบบระบายความร้อนแบบ passive ได้ในยุคนั้น ชิปนี้หายากมากในปัจจุบัน เพราะ Rise ถอนตัวจากธุรกิจ CPU ในปี 1999 ทำให้มีจำนวนจำกัดในตลาดมือสอง และกลายเป็นของสะสมที่นักสะสมชิปอย่าง “konkretor” ภูมิใจนำเสนอ ✅ Rise mP6 266 เปิดตัวในปี 1998 หลังพัฒนา 5 ปี ➡️ เป็นชิป x86 ที่รองรับ MMX และใช้กับเมนบอร์ด Super Socket 7 ✅ ใช้เทคนิค P-rating เพื่อให้ดูเทียบเท่า Pentium 266 ➡️ แม้ความเร็วจริงจะอยู่ที่ 200MHz ✅ เมนบอร์ด Asus P5A-B รองรับ CPU จากหลายค่ายในยุคนั้น ➡️ Intel, AMD, Cyrix, WinChip ✅ ชิปใช้แรงดันไฟ 2.832V และมี TDP เพียง 8.54W ➡️ ทำให้ใช้ระบบระบายความร้อนแบบ passive ได้ ✅ ชิปถูกผลิตโดย TSMC ด้วยกระบวนการ 250nm ➡️ มีเอกสารข้อมูลของรุ่น 333 และ 366 MHz ยังหลงเหลืออยู่ ✅ ชิปที่นำมาโชว์ถูกซื้อจาก eBay ประเทศจีน ➡️ เป็นของใหม่เก่าเก็บ (new old stock) ไม่มีเรื่องราวพิเศษ ‼️ Rise ถอนตัวจากธุรกิจ CPU ในปี 1999 ⛔ ทำให้ชิปตระกูลนี้ไม่มีการสนับสนุนหรือพัฒนาเพิ่มเติม ‼️ ความเร็วที่ระบุในชื่อรุ่นอาจทำให้ผู้ใช้เข้าใจผิด ⛔ เช่น “266” แต่ทำงานจริงที่ 200MHz ‼️ ไม่มีข้อมูลทางเทคนิคอย่างละเอียดสำหรับรุ่น 266 โดยตรง ⛔ ต้องอ้างอิงจากรุ่นใกล้เคียง เช่น 333 และ 366 MHz ‼️ ชิปนี้ไม่เหมาะสำหรับการใช้งานจริงในยุคปัจจุบัน ⛔ เหมาะสำหรับการสะสมหรือการทดลองเชิงประวัติศาสตร์เท่านั้น https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/chip-collector-showcases-rarest-x86-cpu-in-their-hoard-rise-mp6-266-ticked-along-at-200mhz-in-1998
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    Chip collector showcases 'rarest x86 CPU' in their hoard — Rise mP6 266 ticked along at 200MHz in 1998
    This CPU launched in 1998 after five years in development, but Rise would exit the CPU business in 1999.
    0 Comments 0 Shares 23 Views 0 Reviews
  • เรื่องเล่าจากรางรถไฟ: ช่องโหว่ที่ถูกละเลยในระบบสื่อสารรถไฟสหรัฐฯ

    ย้อนกลับไปปี 2012 นักวิจัยอิสระ Neil Smith ค้นพบช่องโหว่ในระบบสื่อสารระหว่างหัวและท้ายขบวนรถไฟ (Head-of-Train และ End-of-Train Remote Linking Protocol) ซึ่งใช้คลื่นวิทยุแบบไม่เข้ารหัสในการส่งข้อมูลสำคัญ เช่น คำสั่งเบรก

    Smith พบว่าแฮกเกอร์สามารถใช้เครื่องมือราคาถูก เช่น โมเด็มแบบ frequency shift keying และอุปกรณ์พกพาเล็ก ๆ เพื่อดักฟังและส่งคำสั่งปลอมไปยังระบบรถไฟได้ หากอยู่ในระยะไม่กี่ร้อยฟุต หรือแม้แต่จากเครื่องบินที่บินสูงก็ยังสามารถส่งสัญญาณได้ไกลถึง 150 ไมล์

    แม้จะมีการแจ้งเตือนต่อสมาคมรถไฟอเมริกัน (AAR) แต่กลับถูกเพิกเฉย โดยอ้างว่า “ต้องมีการพิสูจน์ในสถานการณ์จริง” จึงจะยอมรับว่าเป็นช่องโหว่

    จนกระทั่งปี 2016 ที่บทความใน Boston Review ทำให้เรื่องนี้ได้รับความสนใจอีกครั้ง แต่ AAR ก็ยังลดทอนความรุนแรงของปัญหา และจนถึงปัจจุบันก็ยังไม่มีแผนแก้ไขที่ชัดเจน

    หน่วยงาน CISA ยอมรับว่าช่องโหว่นี้ “เป็นที่เข้าใจและถูกติดตามมานาน” แต่มองว่าการโจมตีต้องใช้ความรู้เฉพาะและการเข้าถึงทางกายภาพ จึงไม่น่าจะเกิดการโจมตีในวงกว้างได้ง่าย

    อย่างไรก็ตาม Smith โต้แย้งว่า ช่องโหว่นี้มี “ความซับซ้อนต่ำ” และ AI ก็สามารถสร้างโค้ดโจมตีได้จากข้อมูลที่มีอยู่บนอินเทอร์เน็ต เขายังวิจารณ์ว่าอุตสาหกรรมรถไฟใช้แนวทาง “delay, deny, defend” เหมือนบริษัทประกันภัยในการรับมือกับปัญหาความปลอดภัย

    ช่องโหว่ถูกค้นพบตั้งแต่ปี 2012 โดย Neil Smith
    เป็นช่องโหว่ในระบบสื่อสารระหว่างหัวและท้ายขบวนรถไฟ

    ใช้คลื่นวิทยุแบบไม่เข้ารหัสในการส่งข้อมูลสำคัญ
    เช่น คำสั่งเบรกและข้อมูลการทำงาน

    สามารถโจมตีได้ด้วยอุปกรณ์ราคาถูกและความรู้พื้นฐาน
    เช่น โมเด็ม FSK และการดักฟังสัญญาณในระยะไม่กี่ร้อยฟุต

    สมาคมรถไฟอเมริกัน (AAR) ปฏิเสธที่จะยอมรับช่องโหว่
    อ้างว่าต้องพิสูจน์ในสถานการณ์จริงก่อน

    CISA ยอมรับว่าช่องโหว่นี้เป็นที่รู้จักในวงการมานาน
    กำลังร่วมมือกับอุตสาหกรรมเพื่อปรับปรุงโปรโตคอล

    Smith ระบุว่า AI สามารถสร้างโค้ดโจมตีได้จากข้อมูลที่มีอยู่
    ทำให้ความเสี่ยงเพิ่มขึ้นในยุคปัญญาประดิษฐ์

    ช่องโหว่นี้ยังไม่มีการแก้ไขอย่างเป็นรูปธรรม
    AAR ไม่ได้ให้ timeline สำหรับการอัปเดตระบบ

    การโจมตีสามารถเกิดขึ้นได้จากระยะไกลด้วยอุปกรณ์พลังสูง
    เช่น จากเครื่องบินที่บินสูงถึง 30,000 ฟุต

    การเพิกเฉยต่อปัญหาความปลอดภัยอาจนำไปสู่เหตุการณ์ร้ายแรง
    โดยเฉพาะในระบบขนส่งที่มีผู้โดยสารจำนวนมาก

    การพึ่งพาเทคโนโลยีเก่าที่ไม่มีการเข้ารหัสเป็นความเสี่ยง
    ระบบนี้ถูกออกแบบตั้งแต่ยุค 1980 และยังใช้งานอยู่ในปัจจุบัน

    https://www.techspot.com/news/108675-us-rail-industry-exposed-decade-old-hacking-threat.html
    🎙️ เรื่องเล่าจากรางรถไฟ: ช่องโหว่ที่ถูกละเลยในระบบสื่อสารรถไฟสหรัฐฯ ย้อนกลับไปปี 2012 นักวิจัยอิสระ Neil Smith ค้นพบช่องโหว่ในระบบสื่อสารระหว่างหัวและท้ายขบวนรถไฟ (Head-of-Train และ End-of-Train Remote Linking Protocol) ซึ่งใช้คลื่นวิทยุแบบไม่เข้ารหัสในการส่งข้อมูลสำคัญ เช่น คำสั่งเบรก Smith พบว่าแฮกเกอร์สามารถใช้เครื่องมือราคาถูก เช่น โมเด็มแบบ frequency shift keying และอุปกรณ์พกพาเล็ก ๆ เพื่อดักฟังและส่งคำสั่งปลอมไปยังระบบรถไฟได้ หากอยู่ในระยะไม่กี่ร้อยฟุต หรือแม้แต่จากเครื่องบินที่บินสูงก็ยังสามารถส่งสัญญาณได้ไกลถึง 150 ไมล์ แม้จะมีการแจ้งเตือนต่อสมาคมรถไฟอเมริกัน (AAR) แต่กลับถูกเพิกเฉย โดยอ้างว่า “ต้องมีการพิสูจน์ในสถานการณ์จริง” จึงจะยอมรับว่าเป็นช่องโหว่ จนกระทั่งปี 2016 ที่บทความใน Boston Review ทำให้เรื่องนี้ได้รับความสนใจอีกครั้ง แต่ AAR ก็ยังลดทอนความรุนแรงของปัญหา และจนถึงปัจจุบันก็ยังไม่มีแผนแก้ไขที่ชัดเจน หน่วยงาน CISA ยอมรับว่าช่องโหว่นี้ “เป็นที่เข้าใจและถูกติดตามมานาน” แต่มองว่าการโจมตีต้องใช้ความรู้เฉพาะและการเข้าถึงทางกายภาพ จึงไม่น่าจะเกิดการโจมตีในวงกว้างได้ง่าย อย่างไรก็ตาม Smith โต้แย้งว่า ช่องโหว่นี้มี “ความซับซ้อนต่ำ” และ AI ก็สามารถสร้างโค้ดโจมตีได้จากข้อมูลที่มีอยู่บนอินเทอร์เน็ต เขายังวิจารณ์ว่าอุตสาหกรรมรถไฟใช้แนวทาง “delay, deny, defend” เหมือนบริษัทประกันภัยในการรับมือกับปัญหาความปลอดภัย ✅ ช่องโหว่ถูกค้นพบตั้งแต่ปี 2012 โดย Neil Smith ➡️ เป็นช่องโหว่ในระบบสื่อสารระหว่างหัวและท้ายขบวนรถไฟ ✅ ใช้คลื่นวิทยุแบบไม่เข้ารหัสในการส่งข้อมูลสำคัญ ➡️ เช่น คำสั่งเบรกและข้อมูลการทำงาน ✅ สามารถโจมตีได้ด้วยอุปกรณ์ราคาถูกและความรู้พื้นฐาน ➡️ เช่น โมเด็ม FSK และการดักฟังสัญญาณในระยะไม่กี่ร้อยฟุต ✅ สมาคมรถไฟอเมริกัน (AAR) ปฏิเสธที่จะยอมรับช่องโหว่ ➡️ อ้างว่าต้องพิสูจน์ในสถานการณ์จริงก่อน ✅ CISA ยอมรับว่าช่องโหว่นี้เป็นที่รู้จักในวงการมานาน ➡️ กำลังร่วมมือกับอุตสาหกรรมเพื่อปรับปรุงโปรโตคอล ✅ Smith ระบุว่า AI สามารถสร้างโค้ดโจมตีได้จากข้อมูลที่มีอยู่ ➡️ ทำให้ความเสี่ยงเพิ่มขึ้นในยุคปัญญาประดิษฐ์ ‼️ ช่องโหว่นี้ยังไม่มีการแก้ไขอย่างเป็นรูปธรรม ⛔ AAR ไม่ได้ให้ timeline สำหรับการอัปเดตระบบ ‼️ การโจมตีสามารถเกิดขึ้นได้จากระยะไกลด้วยอุปกรณ์พลังสูง ⛔ เช่น จากเครื่องบินที่บินสูงถึง 30,000 ฟุต ‼️ การเพิกเฉยต่อปัญหาความปลอดภัยอาจนำไปสู่เหตุการณ์ร้ายแรง ⛔ โดยเฉพาะในระบบขนส่งที่มีผู้โดยสารจำนวนมาก ‼️ การพึ่งพาเทคโนโลยีเก่าที่ไม่มีการเข้ารหัสเป็นความเสี่ยง ⛔ ระบบนี้ถูกออกแบบตั้งแต่ยุค 1980 และยังใช้งานอยู่ในปัจจุบัน https://www.techspot.com/news/108675-us-rail-industry-exposed-decade-old-hacking-threat.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    US rail industry still exposed to decade-old hacking threat, experts warn
    The vulnerability was discovered in 2012 by independent researcher Neil Smith, who found that the communication protocol linking the front and rear of freight trains – technically...
    0 Comments 0 Shares 27 Views 0 Reviews
  • เรื่องเล่าจากโลกชิปเซ็ต: Broadcom เปิดตัว “Tomahawk Ultra” ชิปเครือข่ายเพื่อเร่งพลัง AI

    ในยุคที่ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ต้องการพลังการประมวลผลมหาศาล การเชื่อมต่อระหว่างชิปหลายร้อยตัวให้ทำงานร่วมกันอย่างไร้รอยต่อกลายเป็นหัวใจสำคัญของระบบ AI ขนาดใหญ่ และนี่คือจุดที่ Broadcom เข้ามาเล่นบทพระเอก

    Broadcom เปิดตัว “Tomahawk Ultra” ชิปเครือข่ายรุ่นใหม่ที่ออกแบบมาเพื่อเร่งการประมวลผลข้อมูล AI โดยเฉพาะ โดยชิปนี้จะช่วยให้การเชื่อมโยงระหว่างชิปหลายตัวในระบบ AI เป็นไปอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น

    แม้ Nvidia จะครองตลาด GPU สำหรับ AI มานาน แต่ Broadcom ก็ไม่ใช่ผู้เล่นหน้าใหม่ เพราะพวกเขาเป็นเบื้องหลังของชิป AI ที่ Google ใช้ในระบบของตัวเอง ซึ่งถือเป็นหนึ่งในไม่กี่ทางเลือกที่นักพัฒนา AI มองว่า “พอจะสู้ Nvidia ได้”

    Broadcom เปิดตัวชิปเครือข่ายใหม่ชื่อ “Tomahawk Ultra”
    ออกแบบมาเพื่อเร่งการประมวลผลข้อมูลในระบบ AI ขนาดใหญ่

    ชิปนี้ช่วยเชื่อมโยงชิปหลายร้อยตัวให้ทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ
    เหมาะสำหรับระบบ AI ที่ต้องการการประมวลผลแบบกระจาย

    Broadcom เป็นผู้ช่วย Google ในการผลิตชิป AI ของตนเอง
    ถือเป็นหนึ่งในทางเลือกที่สามารถแข่งขันกับ Nvidia ได้

    การเปิดตัวครั้งนี้เป็นการขยายอิทธิพลของ Broadcom ในตลาด AI
    โดยเน้นที่โครงสร้างพื้นฐานด้านเครือข่ายมากกว่าตัวประมวลผลโดยตรง

    Tomahawk Ultra ยังไม่ใช่ชิปประมวลผล AI โดยตรง
    ต้องใช้ร่วมกับชิปอื่น เช่น GPU หรือ TPU เพื่อให้ระบบ AI ทำงานได้ครบวงจร

    การแข่งขันกับ Nvidia ยังต้องใช้เวลาและการยอมรับจากนักพัฒนา
    Nvidia มี ecosystem ที่แข็งแกร่งและครองตลาดมานาน

    การเปลี่ยนมาใช้โซลูชันของ Broadcom อาจต้องปรับโครงสร้างระบบเดิม
    โดยเฉพาะในองค์กรที่ใช้ GPU ของ Nvidia เป็นหลัก

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/07/15/broadcom-launches-new-tomahawk-ultra-networking-chip-in-ai-battle-against-nvidia
    🎙️ เรื่องเล่าจากโลกชิปเซ็ต: Broadcom เปิดตัว “Tomahawk Ultra” ชิปเครือข่ายเพื่อเร่งพลัง AI ในยุคที่ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ต้องการพลังการประมวลผลมหาศาล การเชื่อมต่อระหว่างชิปหลายร้อยตัวให้ทำงานร่วมกันอย่างไร้รอยต่อกลายเป็นหัวใจสำคัญของระบบ AI ขนาดใหญ่ และนี่คือจุดที่ Broadcom เข้ามาเล่นบทพระเอก Broadcom เปิดตัว “Tomahawk Ultra” ชิปเครือข่ายรุ่นใหม่ที่ออกแบบมาเพื่อเร่งการประมวลผลข้อมูล AI โดยเฉพาะ โดยชิปนี้จะช่วยให้การเชื่อมโยงระหว่างชิปหลายตัวในระบบ AI เป็นไปอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น แม้ Nvidia จะครองตลาด GPU สำหรับ AI มานาน แต่ Broadcom ก็ไม่ใช่ผู้เล่นหน้าใหม่ เพราะพวกเขาเป็นเบื้องหลังของชิป AI ที่ Google ใช้ในระบบของตัวเอง ซึ่งถือเป็นหนึ่งในไม่กี่ทางเลือกที่นักพัฒนา AI มองว่า “พอจะสู้ Nvidia ได้” ✅ Broadcom เปิดตัวชิปเครือข่ายใหม่ชื่อ “Tomahawk Ultra” 👉 ออกแบบมาเพื่อเร่งการประมวลผลข้อมูลในระบบ AI ขนาดใหญ่ ✅ ชิปนี้ช่วยเชื่อมโยงชิปหลายร้อยตัวให้ทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ 👉 เหมาะสำหรับระบบ AI ที่ต้องการการประมวลผลแบบกระจาย ✅ Broadcom เป็นผู้ช่วย Google ในการผลิตชิป AI ของตนเอง 👉 ถือเป็นหนึ่งในทางเลือกที่สามารถแข่งขันกับ Nvidia ได้ ✅ การเปิดตัวครั้งนี้เป็นการขยายอิทธิพลของ Broadcom ในตลาด AI 👉 โดยเน้นที่โครงสร้างพื้นฐานด้านเครือข่ายมากกว่าตัวประมวลผลโดยตรง ‼️ Tomahawk Ultra ยังไม่ใช่ชิปประมวลผล AI โดยตรง 👉 ต้องใช้ร่วมกับชิปอื่น เช่น GPU หรือ TPU เพื่อให้ระบบ AI ทำงานได้ครบวงจร ‼️ การแข่งขันกับ Nvidia ยังต้องใช้เวลาและการยอมรับจากนักพัฒนา 👉 Nvidia มี ecosystem ที่แข็งแกร่งและครองตลาดมานาน ‼️ การเปลี่ยนมาใช้โซลูชันของ Broadcom อาจต้องปรับโครงสร้างระบบเดิม 👉 โดยเฉพาะในองค์กรที่ใช้ GPU ของ Nvidia เป็นหลัก https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/07/15/broadcom-launches-new-tomahawk-ultra-networking-chip-in-ai-battle-against-nvidia
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Broadcom launches new Tomahawk Ultra networking chip in AI battle against Nvidia
    SAN FRANCISCO (Reuters) -Broadcom's chip unit unveiled on Tuesday a new networking processor that aims to speed artificial intelligence data crunching, which requires stringing together hundreds of chips that work together.
    0 Comments 0 Shares 26 Views 0 Reviews
  • เรื่องไม่ดี ไม่ได้มีไว้ให้เราทุกข์เสมอไป
    บางเรื่อง...มีไว้ให้ “แก้”
    บางเรื่อง...มีไว้ให้ “ฝึก”
    บางเรื่อง...มีไว้ให้ “ปล่อย”

    ถ้าคุณเคยพลาด
    แสดงว่าคุณ “มีพลัง” พอจะแก้
    ถ้าคุณอยากสำเร็จ
    แสดงว่าคุณ “มีศักยภาพ” ที่จะฝึก
    ถ้าคุณรู้สึกขัดใจ
    แต่เรื่องนั้นอยู่นอกอำนาจคุณ
    แสดงว่าคุณ “มีหน้าที่” ต้องวาง

    หลายครั้ง
    เราทุกข์เพราะ “แบกทุกเรื่องไว้บนหัว”
    โดยไม่เคยแยกแยะว่า...

    เรื่องนี้คือ ภาระของเรา — ต้องลงมือ
    เรื่องนี้คือ ของคนอื่น — ต้องปล่อยมือ
    เรื่องนี้คือ ความฝันของเรา — ต้องไม่ทิ้ง
    เรื่องนี้คือ ความฝืนของเรา — ต้องรู้จักพอ

    ถ้าคุณแยกแยะออก
    หัวจะเบา ใจจะสบาย
    ชีวิตจะโล่งเหมือนบ้านที่จัดของได้ถูกที่

    บางทีความทุกข์
    ไม่ได้มาจากเรื่องที่เกิดขึ้น
    แต่มาจาก เราไม่รู้ว่าควรทำอะไรกับมัน มากกว่า

    เริ่มต้นจากการ “แยกแยะ”
    แล้วคุณจะพบว่า…
    ความวุ่นวายที่เคยครองใจ
    ค่อยๆ มลายหายไปเหมือนหมอกในแดดเช้า

    #เรื่องไหนเรื่องของเราให้ทำ
    #เรื่องไหนเรื่องของเขาให้วาง
    #ธรรมะเข้าใจง่าย
    #จัดระเบียบใจ
    🌀 เรื่องไม่ดี ไม่ได้มีไว้ให้เราทุกข์เสมอไป บางเรื่อง...มีไว้ให้ “แก้” บางเรื่อง...มีไว้ให้ “ฝึก” บางเรื่อง...มีไว้ให้ “ปล่อย” 📍ถ้าคุณเคยพลาด แสดงว่าคุณ “มีพลัง” พอจะแก้ 📍ถ้าคุณอยากสำเร็จ แสดงว่าคุณ “มีศักยภาพ” ที่จะฝึก 📍ถ้าคุณรู้สึกขัดใจ แต่เรื่องนั้นอยู่นอกอำนาจคุณ แสดงว่าคุณ “มีหน้าที่” ต้องวาง หลายครั้ง เราทุกข์เพราะ “แบกทุกเรื่องไว้บนหัว” โดยไม่เคยแยกแยะว่า... 🔹 เรื่องนี้คือ ภาระของเรา — ต้องลงมือ 🔹 เรื่องนี้คือ ของคนอื่น — ต้องปล่อยมือ 🔹 เรื่องนี้คือ ความฝันของเรา — ต้องไม่ทิ้ง 🔹 เรื่องนี้คือ ความฝืนของเรา — ต้องรู้จักพอ 🌿 ถ้าคุณแยกแยะออก หัวจะเบา ใจจะสบาย ชีวิตจะโล่งเหมือนบ้านที่จัดของได้ถูกที่ บางทีความทุกข์ ไม่ได้มาจากเรื่องที่เกิดขึ้น แต่มาจาก เราไม่รู้ว่าควรทำอะไรกับมัน มากกว่า เริ่มต้นจากการ “แยกแยะ” แล้วคุณจะพบว่า… ความวุ่นวายที่เคยครองใจ ค่อยๆ มลายหายไปเหมือนหมอกในแดดเช้า ☀️ #เรื่องไหนเรื่องของเราให้ทำ #เรื่องไหนเรื่องของเขาให้วาง #ธรรมะเข้าใจง่าย #จัดระเบียบใจ
    0 Comments 0 Shares 23 Views 0 Reviews
  • "บิ๊กป้อม" เปิดตัว 32 ว่าที่ผู้สมัคร สส. พลังประชารัฐ! อดีต สส. "เพื่อไทย" พรึบ
    https://www.thai-tai.tv/news/20299/
    .
    #พลังประชารัฐ #ประวิตรวงษ์สุวรรณ #ผู้สมัครสส #เลือกตั้ง #พรรคเพื่อไทย #การเมืองไทย #ข่าวการเมือง #บิ๊กป้อม
    "บิ๊กป้อม" เปิดตัว 32 ว่าที่ผู้สมัคร สส. พลังประชารัฐ! อดีต สส. "เพื่อไทย" พรึบ https://www.thai-tai.tv/news/20299/ . #พลังประชารัฐ #ประวิตรวงษ์สุวรรณ #ผู้สมัครสส #เลือกตั้ง #พรรคเพื่อไทย #การเมืองไทย #ข่าวการเมือง #บิ๊กป้อม
    0 Comments 0 Shares 46 Views 0 Reviews
  • Meta สร้างศูนย์ข้อมูลขนาดเท่าแมนฮัตตัน – เพื่อเป็นผู้นำด้าน AI ในระดับโลก

    Mark Zuckerberg ซีอีโอของ Meta ประกาศแผนสร้างศูนย์ข้อมูลขนาดใหญ่ระดับ “multi-GW clusters” เพื่อรองรับการฝึกและใช้งานโมเดล AI โดยใช้แนวทางใหม่ที่เน้นความเร็วและต้นทุนต่ำ เช่น การสร้างศูนย์ข้อมูลแบบ “เต็นท์” แทนโครงสร้างอาคารแบบเดิม

    ศูนย์ข้อมูลหลัก ได้แก่:
    - “Prometheus” ขนาด 1GW จะเปิดใช้งานในปี 2026
    - “Hyperion” จะใช้พลังงานสูงสุดถึง 5GW เมื่อสร้างเสร็จ
    - ศูนย์ข้อมูลอื่น ๆ ที่กำลังวางแผนจะมีขนาดเท่ากับพื้นที่บางส่วนของเกาะแมนฮัตตัน

    Meta ยังใช้เทคนิคใหม่ เช่น:
    - โมดูลพลังงานและระบบทำความเย็นแบบสำเร็จรูป
    - การจัดการโหลดงานด้วยระบบอัจฉริยะ
    - การใช้โรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติขนาด 200MW ในโอไฮโอเพื่อจ่ายไฟโดยตรง

    แม้โมเดล Llama ของ Meta ยังไม่โดดเด่นเท่า GPT หรือ Claude แต่บริษัทตั้งเป้าจะเป็นผู้นำด้าน “compute per researcher” และอาจเปลี่ยนบทบาทจากผู้พัฒนา AI เป็นผู้ให้บริการโครงสร้างพื้นฐานคล้าย Amazon หรือ Groq

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/meta-plans-multi-gw-data-center-thats-nearly-the-size-of-manhattan-zuckerberg-promises-enormous-ai-splash-as-company-uses-tents-to-try-and-keep-up-with-rate-of-expansion
    Meta สร้างศูนย์ข้อมูลขนาดเท่าแมนฮัตตัน – เพื่อเป็นผู้นำด้าน AI ในระดับโลก Mark Zuckerberg ซีอีโอของ Meta ประกาศแผนสร้างศูนย์ข้อมูลขนาดใหญ่ระดับ “multi-GW clusters” เพื่อรองรับการฝึกและใช้งานโมเดล AI โดยใช้แนวทางใหม่ที่เน้นความเร็วและต้นทุนต่ำ เช่น การสร้างศูนย์ข้อมูลแบบ “เต็นท์” แทนโครงสร้างอาคารแบบเดิม ศูนย์ข้อมูลหลัก ได้แก่: - “Prometheus” ขนาด 1GW จะเปิดใช้งานในปี 2026 - “Hyperion” จะใช้พลังงานสูงสุดถึง 5GW เมื่อสร้างเสร็จ - ศูนย์ข้อมูลอื่น ๆ ที่กำลังวางแผนจะมีขนาดเท่ากับพื้นที่บางส่วนของเกาะแมนฮัตตัน Meta ยังใช้เทคนิคใหม่ เช่น: - โมดูลพลังงานและระบบทำความเย็นแบบสำเร็จรูป - การจัดการโหลดงานด้วยระบบอัจฉริยะ - การใช้โรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติขนาด 200MW ในโอไฮโอเพื่อจ่ายไฟโดยตรง แม้โมเดล Llama ของ Meta ยังไม่โดดเด่นเท่า GPT หรือ Claude แต่บริษัทตั้งเป้าจะเป็นผู้นำด้าน “compute per researcher” และอาจเปลี่ยนบทบาทจากผู้พัฒนา AI เป็นผู้ให้บริการโครงสร้างพื้นฐานคล้าย Amazon หรือ Groq https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/meta-plans-multi-gw-data-center-thats-nearly-the-size-of-manhattan-zuckerberg-promises-enormous-ai-splash-as-company-uses-tents-to-try-and-keep-up-with-rate-of-expansion
    0 Comments 0 Shares 87 Views 0 Reviews
  • ชาวเมืองเล็กๆ ในเวสต์เวอร์จิเนียลุกขึ้นสู้ – ไม่เอาโรงไฟฟ้าเพื่อ AI ที่ทำลายธรรมชาติ

    เมือง Davis ที่มีประชากรเพียง 600 คนและตั้งอยู่ในพื้นที่ธรรมชาติอันงดงามของเทือกเขาแอปพาเลเชียน กำลังเผชิญกับแผนการสร้างโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติเพื่อจ่ายไฟให้กับศูนย์ข้อมูล AI ขนาดใหญ่ของบริษัท Fundamental Data ซึ่งหลายคนเชื่อว่าเป็นบริษัทตัวแทนของบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีที่ไม่เปิดเผยชื่อ

    นายกเทศมนตรี Al Tomson และชาวเมืองจำนวนมากคัดค้านโครงการนี้อย่างหนัก โดยชี้ว่าโรงไฟฟ้าจะอยู่ห่างจากบ้านเรือนเพียง 1 ไมล์ และปล่อยมลพิษที่อาจกระทบต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อม

    แม้จะมีการประชุมสาธารณะอย่างเข้มข้นและการแจกป้าย “No data centre complex” ให้ติดหน้าบ้าน แต่กฎหมายรัฐเวสต์เวอร์จิเนียฉบับใหม่กลับห้ามเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นคัดค้านโครงการศูนย์ข้อมูล เพื่อดึงดูดการลงทุนหลายพันล้านดอลลาร์

    ในขณะที่บางคนเห็นว่าโครงการนี้เป็นโอกาสในการฟื้นฟูเศรษฐกิจของพื้นที่ที่เคยพึ่งพาเหมืองถ่านหิน แต่หลายคนกังวลเรื่องมลพิษและสุขภาพ โดยเฉพาะผู้สูงอายุและผู้ป่วยโรคมะเร็งที่อาศัยอยู่ในพื้นที่

    รายงานจากกระทรวงพลังงานสหรัฐฯ เตือนว่า หากไม่สามารถสร้างศูนย์ข้อมูลเพื่อรองรับ AI ได้ทันเวลา อาจส่งผลต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจและความมั่นคงของชาติ เพราะประเทศคู่แข่งอาจควบคุมโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลแทน

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/07/15/west-virginia-villagers-take-on-ai-driven-power-plant-boom
    ชาวเมืองเล็กๆ ในเวสต์เวอร์จิเนียลุกขึ้นสู้ – ไม่เอาโรงไฟฟ้าเพื่อ AI ที่ทำลายธรรมชาติ เมือง Davis ที่มีประชากรเพียง 600 คนและตั้งอยู่ในพื้นที่ธรรมชาติอันงดงามของเทือกเขาแอปพาเลเชียน กำลังเผชิญกับแผนการสร้างโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติเพื่อจ่ายไฟให้กับศูนย์ข้อมูล AI ขนาดใหญ่ของบริษัท Fundamental Data ซึ่งหลายคนเชื่อว่าเป็นบริษัทตัวแทนของบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีที่ไม่เปิดเผยชื่อ นายกเทศมนตรี Al Tomson และชาวเมืองจำนวนมากคัดค้านโครงการนี้อย่างหนัก โดยชี้ว่าโรงไฟฟ้าจะอยู่ห่างจากบ้านเรือนเพียง 1 ไมล์ และปล่อยมลพิษที่อาจกระทบต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อม แม้จะมีการประชุมสาธารณะอย่างเข้มข้นและการแจกป้าย “No data centre complex” ให้ติดหน้าบ้าน แต่กฎหมายรัฐเวสต์เวอร์จิเนียฉบับใหม่กลับห้ามเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นคัดค้านโครงการศูนย์ข้อมูล เพื่อดึงดูดการลงทุนหลายพันล้านดอลลาร์ ในขณะที่บางคนเห็นว่าโครงการนี้เป็นโอกาสในการฟื้นฟูเศรษฐกิจของพื้นที่ที่เคยพึ่งพาเหมืองถ่านหิน แต่หลายคนกังวลเรื่องมลพิษและสุขภาพ โดยเฉพาะผู้สูงอายุและผู้ป่วยโรคมะเร็งที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ รายงานจากกระทรวงพลังงานสหรัฐฯ เตือนว่า หากไม่สามารถสร้างศูนย์ข้อมูลเพื่อรองรับ AI ได้ทันเวลา อาจส่งผลต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจและความมั่นคงของชาติ เพราะประเทศคู่แข่งอาจควบคุมโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลแทน https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/07/15/west-virginia-villagers-take-on-ai-driven-power-plant-boom
    WWW.THESTAR.COM.MY
    West Virginia villagers take on AI-driven power plant boom
    Al Tomson, mayor of a tiny town tucked away in an idyllic corner of the eastern United States, points to a spot on a map of his region.
    0 Comments 0 Shares 82 Views 0 Reviews
  • พระสมเด็จอาจารย์บุญให้
    พระสมเด็จอาจารย์บุญให้ เนื้อผงพุทธคุณ // พระสถาพสวยมาก ผิวหิ้ง พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >>

    ** พุทธคุณ เมตตามหานิยมและด้านแคล้วคลาด คงกระพันชาตรี ป้องกันภัย และสะท้อนพลังลบ ความสำเร็จ ความมั่งคั่ง ร่ำรวย >>

    ** พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ

    ช่องทางติดต่อ
    LINE 0881915131
    โทรศัพท์ 0881915131
    พระสมเด็จอาจารย์บุญให้ พระสมเด็จอาจารย์บุญให้ เนื้อผงพุทธคุณ // พระสถาพสวยมาก ผิวหิ้ง พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >> ** พุทธคุณ เมตตามหานิยมและด้านแคล้วคลาด คงกระพันชาตรี ป้องกันภัย และสะท้อนพลังลบ ความสำเร็จ ความมั่งคั่ง ร่ำรวย >> ** พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ ช่องทางติดต่อ LINE 0881915131 โทรศัพท์ 0881915131
    0 Comments 0 Shares 29 Views 0 Reviews
  • "ดร.เอ้ สุชัชวีร์" ชื่นชมสะพาน Golden Gate ต้นแบบ "พลังความรู้" ชี้รากฐานพัฒนาชาติ วาดฝันยกระดับการศึกษาไทย
    https://www.thai-tai.tv/news/20292/
    .
    #การศึกษา #วิศวกร #วิศวกรโยธา #สะพาน #GoldenGate #สุชัชวีร์ #ซานฟรานซิสโก #อเมริกา #พัฒนาประเทศ
    "ดร.เอ้ สุชัชวีร์" ชื่นชมสะพาน Golden Gate ต้นแบบ "พลังความรู้" ชี้รากฐานพัฒนาชาติ วาดฝันยกระดับการศึกษาไทย https://www.thai-tai.tv/news/20292/ . #การศึกษา #วิศวกร #วิศวกรโยธา #สะพาน #GoldenGate #สุชัชวีร์ #ซานฟรานซิสโก #อเมริกา #พัฒนาประเทศ
    0 Comments 0 Shares 38 Views 0 Reviews
  • ..อยู่ในแผนของกองทัพอยู่แล้วพะนะ.
    ..55แสดงว่าเตรียมยกพังงาให้เป็นฐานกองทัพอเมริกานะสิ.
    ..บอกแล้วว่า คนเขียนกฎหมายเลือกตั้งจากยุครัฐบาลยึดอำนาจที่กปปส.ถวายพานให้มีปัญหาจริงๆ นายกฯไม่ซื่อสัตย์พ้นสถานะก็สมควรสิ้นสมันทั้งสภา ต้องเลือกตั้งกันใหม่ ปัญหามากมายจะตัดตอนทันที,จะเกิดปัญหาใหม่หลังเลือกตั้งใหม่ก็อีกเรื่อง จัดการคนไม่ซื่อสัตย์ในจังหวะหน้างานนั้นตามปกติช่วงเวลานั้นได้เสมอ,นี้อะไรพ้นสถานะนายกฯไม่ซื่อสัตย์เสือกเขียนในกฎหมายใหม่ให้ไม่ต้องเลือกตั้งใหม่ เสนอนานกฯคนใหม่ได้ทันที,และนายกฯก็เสือกไม่เลือกตั้งตรงจากประชาชนด้วย ไม่เป็นที่ยอมรับ มีชื่อเสียงมีผลงานให้คนไทยพิจารณาทางตรงว่าจะเลือกหรือไม่เลือก มีกิริยาลงพบปะช่วยเหลือประชาชนห่าเหวลงพื้นที่จริงอะไรบ้าง,เสือกเสนอหน้าอยากเป็นนายกโดยไม่มีผลงานและเป็นที่รู้จักแก่ประชาขนเลย,ยึดอำนาจสมัยนั้นเลวมาก,สัมปทานก็ต่ออายุให้ต่างชาติเสือกไม่ยึดทำเอง,เปิดสัมปทานใหม่ก็ไม่แก้กฎหมายเอาเข้าสภา จึงสมควรโมฆะทั้งหมดแบบmou43&44นั้น.
    ..น่าเบื่อกลไกการลงโทษอดีตผู้นำที่ทำชั่วเลวต่อแผ่นดินไทยจริงๆ คนไม่ดี ย่ำยีคนดีคนซื่อสัตย์ในแผ่นดินไทยตน ทำประชาชนคนไทยทุกข์ยาก มีบัตรคนจนเพิ่มขึ้นหรือบัตรคนจนถือกำหนดขึ้นในสมัยผีบ้านี้ล่ะ.ข้าราชการล้นประเทศแดกเงินเดือนสวัสดิการรายได้หลวงส่วนมากกว่าไปช่วยเหลือคนไทยทั่วประเทศที่ยากจนตังขาดมือที่ขยันแทบตายก็สนับสนุนเจ้าสัวร่ำรวยทวีคูณสม่ำเสมอจากอ้างอิงอำนาจรัฐ,ผูกขาดการบริโภคทางส่วนมาก ค่าไฟฟ้าคือตย.ชัดที่รัฐถ่ายโอนประโยชน์รายได้ให้เอกชนร่ำรวย โรงงานที่ไม่ผลิตจริงก็ต้องจ่าย,เกินกำลังการผลิตปกติไปมาก เอาไปปั่นขุดบิตคอยน์เหรอ,
    ..สรุปไม่จบไม่ถีบออกไม่สิ้นสถานะการบริหารจริงอะไรเลย.,ตลอดจะให้อเมริกาจะมาตั้งฐานทัพอีก ทำลายประเทศไทยไปในตัวนะ ก็รู้ชัดเจนว่า จีนกับอเมริกาคือศัตรูกันตามภาพข่าวที่ออกโหนกัน,เสือกมาทำตัวไม่เป็นกลาง,เพื่อไม่เขาไปยุ่งในมหาสงครามนี้ด้วย,อเมริกาฝรั่งมันเห็นแก่ตัว เอาแต่ประโยชน์พวกมันเองชัดเจน ฝรั่งมันปล้นประเทศไทยเสียดินแดนไทยเป็นอันมากสมควรพอได้แล้วในยุคเรา,
    ..กลางสิงหา พันธมิตรคณะแกนนำร่วมทั้งหมดในนามคณะรวมพลังแผ่นดินไทยสมควรปฏิวัติยึดอำนาจในนามมวลมหาประชาชนสายตรงอำนาจประชาชนกันจริงๆ ขึ้นบริหารปกครองประเทศในสถานะพิเศษฉุกเฉินโดยมาทหารสนับสนุนการบริหารจัดการปกครองประเทศเพราะทหารหากเปิดหน้าเองจะไม่ราบรื่น ประชาโลกมีข้ออ้างยิ่งอีลิทพวกdeep stateมีมุกแกล้งหาความได้,ประชาชนยึดอำนาจเองโดยมาแอ็คชั่นเอง ทหารแค่หลบไปข้างหลังระวังภัยก็พอ,เราจะก้าวกระโดดทันที,พักงานสถาบันนักการเมืองอำนาจตัวแทนประชาชนไปก่อนสัก10-20ปี,วัดกันดูว่าจะดีกว่าแบบเหี้ยๆปัจจุบันมั้ย.
    https://youtube.com/watch?v=bb_Ky9ejyoc&si=B5SEbHPqKcxQffzz
    ..อยู่ในแผนของกองทัพอยู่แล้วพะนะ. ..55แสดงว่าเตรียมยกพังงาให้เป็นฐานกองทัพอเมริกานะสิ. ..บอกแล้วว่า คนเขียนกฎหมายเลือกตั้งจากยุครัฐบาลยึดอำนาจที่กปปส.ถวายพานให้มีปัญหาจริงๆ นายกฯไม่ซื่อสัตย์พ้นสถานะก็สมควรสิ้นสมันทั้งสภา ต้องเลือกตั้งกันใหม่ ปัญหามากมายจะตัดตอนทันที,จะเกิดปัญหาใหม่หลังเลือกตั้งใหม่ก็อีกเรื่อง จัดการคนไม่ซื่อสัตย์ในจังหวะหน้างานนั้นตามปกติช่วงเวลานั้นได้เสมอ,นี้อะไรพ้นสถานะนายกฯไม่ซื่อสัตย์เสือกเขียนในกฎหมายใหม่ให้ไม่ต้องเลือกตั้งใหม่ เสนอนานกฯคนใหม่ได้ทันที,และนายกฯก็เสือกไม่เลือกตั้งตรงจากประชาชนด้วย ไม่เป็นที่ยอมรับ มีชื่อเสียงมีผลงานให้คนไทยพิจารณาทางตรงว่าจะเลือกหรือไม่เลือก มีกิริยาลงพบปะช่วยเหลือประชาชนห่าเหวลงพื้นที่จริงอะไรบ้าง,เสือกเสนอหน้าอยากเป็นนายกโดยไม่มีผลงานและเป็นที่รู้จักแก่ประชาขนเลย,ยึดอำนาจสมัยนั้นเลวมาก,สัมปทานก็ต่ออายุให้ต่างชาติเสือกไม่ยึดทำเอง,เปิดสัมปทานใหม่ก็ไม่แก้กฎหมายเอาเข้าสภา จึงสมควรโมฆะทั้งหมดแบบmou43&44นั้น. ..น่าเบื่อกลไกการลงโทษอดีตผู้นำที่ทำชั่วเลวต่อแผ่นดินไทยจริงๆ คนไม่ดี ย่ำยีคนดีคนซื่อสัตย์ในแผ่นดินไทยตน ทำประชาชนคนไทยทุกข์ยาก มีบัตรคนจนเพิ่มขึ้นหรือบัตรคนจนถือกำหนดขึ้นในสมัยผีบ้านี้ล่ะ.ข้าราชการล้นประเทศแดกเงินเดือนสวัสดิการรายได้หลวงส่วนมากกว่าไปช่วยเหลือคนไทยทั่วประเทศที่ยากจนตังขาดมือที่ขยันแทบตายก็สนับสนุนเจ้าสัวร่ำรวยทวีคูณสม่ำเสมอจากอ้างอิงอำนาจรัฐ,ผูกขาดการบริโภคทางส่วนมาก ค่าไฟฟ้าคือตย.ชัดที่รัฐถ่ายโอนประโยชน์รายได้ให้เอกชนร่ำรวย โรงงานที่ไม่ผลิตจริงก็ต้องจ่าย,เกินกำลังการผลิตปกติไปมาก เอาไปปั่นขุดบิตคอยน์เหรอ, ..สรุปไม่จบไม่ถีบออกไม่สิ้นสถานะการบริหารจริงอะไรเลย.,ตลอดจะให้อเมริกาจะมาตั้งฐานทัพอีก ทำลายประเทศไทยไปในตัวนะ ก็รู้ชัดเจนว่า จีนกับอเมริกาคือศัตรูกันตามภาพข่าวที่ออกโหนกัน,เสือกมาทำตัวไม่เป็นกลาง,เพื่อไม่เขาไปยุ่งในมหาสงครามนี้ด้วย,อเมริกาฝรั่งมันเห็นแก่ตัว เอาแต่ประโยชน์พวกมันเองชัดเจน ฝรั่งมันปล้นประเทศไทยเสียดินแดนไทยเป็นอันมากสมควรพอได้แล้วในยุคเรา, ..กลางสิงหา พันธมิตรคณะแกนนำร่วมทั้งหมดในนามคณะรวมพลังแผ่นดินไทยสมควรปฏิวัติยึดอำนาจในนามมวลมหาประชาชนสายตรงอำนาจประชาชนกันจริงๆ ขึ้นบริหารปกครองประเทศในสถานะพิเศษฉุกเฉินโดยมาทหารสนับสนุนการบริหารจัดการปกครองประเทศเพราะทหารหากเปิดหน้าเองจะไม่ราบรื่น ประชาโลกมีข้ออ้างยิ่งอีลิทพวกdeep stateมีมุกแกล้งหาความได้,ประชาชนยึดอำนาจเองโดยมาแอ็คชั่นเอง ทหารแค่หลบไปข้างหลังระวังภัยก็พอ,เราจะก้าวกระโดดทันที,พักงานสถาบันนักการเมืองอำนาจตัวแทนประชาชนไปก่อนสัก10-20ปี,วัดกันดูว่าจะดีกว่าแบบเหี้ยๆปัจจุบันมั้ย. https://youtube.com/watch?v=bb_Ky9ejyoc&si=B5SEbHPqKcxQffzz
    0 Comments 0 Shares 105 Views 0 Reviews
  • ..เบื่อพวกสมุนขี้ข้าซาตานdeep stateปั่นบิตคอยน์จริง btcนี้สมควรไปวัดจริงๆได้แล้วปั่นราคาจนเกินเวลาแล้ว ขุดเหมืองเปลืองพลังงานไฟฟ้าด้วย,ผีบ้าขุดเหมืองทางอิเล็กทรอนิกส์ พวกนี้สิ้นคิดสุดๆ อยากทำให้โลกเสมือนจริงมีมูลค่าอ้างขุดเหมืองทองคำผ่านวงจรไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์ต้นทุนสูงพะนะ พวกสิ้นเปลืองไฟฟ้าชาวบ้านชาวเมืองชาวโลกเขาชัดเจน,สื่อช่องฝ่ายมืดเต็มโลกในแต่ละประเทศปั่นกระแสหลอกลวงล่อลวงคนไปทางที่ผิด,เหมืองทองคำแท้จับต้องได้จริงต่างหากคือของจริง,สมมุติโลกไม่มีไฟฟ้าใช้โทรศัพท์มือถือใช้ไม่ได้ดาวเทียมตกร่วงเป็นว่าเล่น เน็ตดาวเทียมดับอนาถไร้ส่งคลื่นมือถือ เสาส่งพังทั่วโลกเพราะภัยพิบัติธรรมชาติ พวกมรึงจะสแกนแลกทองคำbtcเสมือนจริงแบบไหนแดกแลกอาหารซื้อจริงแบบไหน,ชาวบ้านมีทองคำจริงเต็มมือ สามารถแลกจ่ายกันกลางป่ากลางดงเมืองดงธรรมชาติได้หมด สภาพคล่องจริงต่างกันชัดเจน,ดูน้ำท่วมพายุถล่มจีนปีทีแล้วล่าสุดระบบโทรศัพท์พังทัังมลฑล รอสแกนจ่ายตังผ่านมือถือยืนยันตัวตนหามีตังเงินสดๆจ่ายเพิ่มสภาพคล่องจริงไม่ได้เลย,ซวยคือไม่มีอาหารแดกแม้มีตังเต็มมือถือ,btcบิตคอยน์ก็อันเดียวกัน คริปโคฯนี้ไร้ทองคำจริงค้ำประกันแบบบาทคอยน์อินทนนท์เราด้วยเลย,บิตคอยน์จึงมหากาฬแห่งคริปโตฯที่โคตรล่อลวงหลอกลวงประชาชนสุดๆ,ทรัมป์บัดสบ ตัวพ่อdeep stateอเมริกาสมควรจัดการจริงด้วย.
    ..บิตคอยน์จริงๆbricsสมควรลงนามตกลงชัดเจนร่วมกันว่า ในนามสามชิกbricsทุกๆประเทศจะร่วมกันแบนบิตคอยน์หรือไม่เป็นที่ยอมรับแลกเปลี่ยนในสมาชิกbricsใครมีครอบครองในประเทศไม่สามารถเข้าร่วมbricsได้และร่วมกันกำจัดbtcนี้ออกจากระบบไป,btcคือตัวฟอกเงินตัวพ่อ ตัวค้ามนุษย์ด้วย,อนาถในนักวิชาการวิเคราะห์ตลาดเงินตลาดทุนจริงๆบัดสบมากๆตามตูดฝ่ายมืดฝ่ายไม่ดีเพียงโลภตังเท่านั้น.,จริงๆธปท.แบงค์ชาติเราสมควรลงดาบเด็ดขาด จับกุมผู้ครอบครองคริปโตโทเคนลักษณะนี้ชัดเจนอย่างเป็นทางการได้แล้ว ,บิ้กดาต้าในมือมีตรึมเห็นทุกๆการเคลื่อนไหวในโลกเสมือนจริงหมดล่ะ,ไม่มีทองคำห่าอะไรจริงค้ำประกันด้วย,แต่ธปท.กลับตาบอดไม่กำจัดออกไปจริงจัง,นี้คือระบบตังชัดเจน,ถ้าประเทศไทยเข้าร่วมbricsคริปโตโทเคนที่ไร้ทองคำค้ำประกันทั้งหมดต้องดับไปทันที,ไทยมีตังดิจิดัลเดียวคือบาทคอยน์ก็พอแล้ว,อนาคตใช้bricsสกุลเงินดิจิดัลbricsอีกอาจเป็น1brics:1฿ไทยก็ว่า,1brics:1หยวนจีนก็ด้วย ก็คือ1บาท:1หยวนจีนนั้นเอง,สมาชิกbricsจะใช้สกุลเงินกลางมาตราฐานกลุ่มใช้แลกเปลี่ยนกันจริงในอนาคต,ทุกๆสกุลเงินสมาชิกbricsเอาตังของตนไปตีค่าใหม่,คือbricsตั้งค่าใหม่รับรองใหม่ เช่น4บาทไทยปัจจุบันแลกได้1brics,จากนั้นจะเป็นมูลค่าใหม่ที่1บาทbrics,จีนก็1หยวนแลกได้1bricsตีมูลค่าใหม่เป็น1หยวนbrics,เมื่อทุกๆประเทศเอาตังทั้งประเทศใครมันตีมูลค่าใหม่เสร็จ,กลุ่มสมาชิกbricsจะทำการซื้อขายได้เสรีที่1:1ทันที,นักท่องเที่ยวไทยไปจีนก็จะจ่ายตังไทย1บาทเสมือน1หยวนได้ทันที,นักท่องเที่ยวจีนมาไทยก็จ่ายตังที่1หยวนกับ1บาทไทยได้ทันทีเช่นกัน ต่างฝ่ายยังคงอัตลักษณ์ของตนเองไว้แต่มูลค่าตังตีมูลค่าใหม่แล้วให้มีค่าเท่ากันทุกๆประเทศสมาชิกbricsนั้นเอง,ซึ่งดำเนินการโดยผู้นำผู้ปกครองประเทศนั้นๆแล้วโดยใช้ทองคำค้ำประกันค่าเงินตนเองไว้ในอัตราที่สร้างความแข็งแกร่งในสมาชิกbricsร่วมกัน,
    ..จึงต้องทำลายคริปโตเถื่อนทั้งหมดทิ้งไป,หมดเวลาเล่นแล้วก็ว่า,bricsต้องตั้งค่ามาตราฐานสากลนี้เป็นเงื่อนไขให้ชัดเจน,จีนมีbtcก็ต้องทำลายกำจัดจริงด้วย,รัสเชียมีก็ต้องทำลายกำจัดด้วย,คือคริปโตโทเคนใดๆที่ไม่ใช่บาทคอยน์ หยวนคอยน์ เป็นต้นของชาติสมาชิกของสกุลหลักชาติสมาชิกนั้นๆต้องห้ามปรากฎทุกๆกรณีในประเทศสมาชิก,ตัดตอนสร้างความโกลาหลวุ่นวายเสียสมดุลของระบบตังนั้นเอง.

    https://youtube.com/watch?v=bb_Ky9ejyoc&si=B5SEbHPqKcxQffzz
    ..เบื่อพวกสมุนขี้ข้าซาตานdeep stateปั่นบิตคอยน์จริง btcนี้สมควรไปวัดจริงๆได้แล้วปั่นราคาจนเกินเวลาแล้ว ขุดเหมืองเปลืองพลังงานไฟฟ้าด้วย,ผีบ้าขุดเหมืองทางอิเล็กทรอนิกส์ พวกนี้สิ้นคิดสุดๆ อยากทำให้โลกเสมือนจริงมีมูลค่าอ้างขุดเหมืองทองคำผ่านวงจรไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์ต้นทุนสูงพะนะ พวกสิ้นเปลืองไฟฟ้าชาวบ้านชาวเมืองชาวโลกเขาชัดเจน,สื่อช่องฝ่ายมืดเต็มโลกในแต่ละประเทศปั่นกระแสหลอกลวงล่อลวงคนไปทางที่ผิด,เหมืองทองคำแท้จับต้องได้จริงต่างหากคือของจริง,สมมุติโลกไม่มีไฟฟ้าใช้โทรศัพท์มือถือใช้ไม่ได้ดาวเทียมตกร่วงเป็นว่าเล่น เน็ตดาวเทียมดับอนาถไร้ส่งคลื่นมือถือ เสาส่งพังทั่วโลกเพราะภัยพิบัติธรรมชาติ พวกมรึงจะสแกนแลกทองคำbtcเสมือนจริงแบบไหนแดกแลกอาหารซื้อจริงแบบไหน,ชาวบ้านมีทองคำจริงเต็มมือ สามารถแลกจ่ายกันกลางป่ากลางดงเมืองดงธรรมชาติได้หมด สภาพคล่องจริงต่างกันชัดเจน,ดูน้ำท่วมพายุถล่มจีนปีทีแล้วล่าสุดระบบโทรศัพท์พังทัังมลฑล รอสแกนจ่ายตังผ่านมือถือยืนยันตัวตนหามีตังเงินสดๆจ่ายเพิ่มสภาพคล่องจริงไม่ได้เลย,ซวยคือไม่มีอาหารแดกแม้มีตังเต็มมือถือ,btcบิตคอยน์ก็อันเดียวกัน คริปโคฯนี้ไร้ทองคำจริงค้ำประกันแบบบาทคอยน์อินทนนท์เราด้วยเลย,บิตคอยน์จึงมหากาฬแห่งคริปโตฯที่โคตรล่อลวงหลอกลวงประชาชนสุดๆ,ทรัมป์บัดสบ ตัวพ่อdeep stateอเมริกาสมควรจัดการจริงด้วย. ..บิตคอยน์จริงๆbricsสมควรลงนามตกลงชัดเจนร่วมกันว่า ในนามสามชิกbricsทุกๆประเทศจะร่วมกันแบนบิตคอยน์หรือไม่เป็นที่ยอมรับแลกเปลี่ยนในสมาชิกbricsใครมีครอบครองในประเทศไม่สามารถเข้าร่วมbricsได้และร่วมกันกำจัดbtcนี้ออกจากระบบไป,btcคือตัวฟอกเงินตัวพ่อ ตัวค้ามนุษย์ด้วย,อนาถในนักวิชาการวิเคราะห์ตลาดเงินตลาดทุนจริงๆบัดสบมากๆตามตูดฝ่ายมืดฝ่ายไม่ดีเพียงโลภตังเท่านั้น.,จริงๆธปท.แบงค์ชาติเราสมควรลงดาบเด็ดขาด จับกุมผู้ครอบครองคริปโตโทเคนลักษณะนี้ชัดเจนอย่างเป็นทางการได้แล้ว ,บิ้กดาต้าในมือมีตรึมเห็นทุกๆการเคลื่อนไหวในโลกเสมือนจริงหมดล่ะ,ไม่มีทองคำห่าอะไรจริงค้ำประกันด้วย,แต่ธปท.กลับตาบอดไม่กำจัดออกไปจริงจัง,นี้คือระบบตังชัดเจน,ถ้าประเทศไทยเข้าร่วมbricsคริปโตโทเคนที่ไร้ทองคำค้ำประกันทั้งหมดต้องดับไปทันที,ไทยมีตังดิจิดัลเดียวคือบาทคอยน์ก็พอแล้ว,อนาคตใช้bricsสกุลเงินดิจิดัลbricsอีกอาจเป็น1brics:1฿ไทยก็ว่า,1brics:1หยวนจีนก็ด้วย ก็คือ1บาท:1หยวนจีนนั้นเอง,สมาชิกbricsจะใช้สกุลเงินกลางมาตราฐานกลุ่มใช้แลกเปลี่ยนกันจริงในอนาคต,ทุกๆสกุลเงินสมาชิกbricsเอาตังของตนไปตีค่าใหม่,คือbricsตั้งค่าใหม่รับรองใหม่ เช่น4บาทไทยปัจจุบันแลกได้1brics,จากนั้นจะเป็นมูลค่าใหม่ที่1บาทbrics,จีนก็1หยวนแลกได้1bricsตีมูลค่าใหม่เป็น1หยวนbrics,เมื่อทุกๆประเทศเอาตังทั้งประเทศใครมันตีมูลค่าใหม่เสร็จ,กลุ่มสมาชิกbricsจะทำการซื้อขายได้เสรีที่1:1ทันที,นักท่องเที่ยวไทยไปจีนก็จะจ่ายตังไทย1บาทเสมือน1หยวนได้ทันที,นักท่องเที่ยวจีนมาไทยก็จ่ายตังที่1หยวนกับ1บาทไทยได้ทันทีเช่นกัน ต่างฝ่ายยังคงอัตลักษณ์ของตนเองไว้แต่มูลค่าตังตีมูลค่าใหม่แล้วให้มีค่าเท่ากันทุกๆประเทศสมาชิกbricsนั้นเอง,ซึ่งดำเนินการโดยผู้นำผู้ปกครองประเทศนั้นๆแล้วโดยใช้ทองคำค้ำประกันค่าเงินตนเองไว้ในอัตราที่สร้างความแข็งแกร่งในสมาชิกbricsร่วมกัน, ..จึงต้องทำลายคริปโตเถื่อนทั้งหมดทิ้งไป,หมดเวลาเล่นแล้วก็ว่า,bricsต้องตั้งค่ามาตราฐานสากลนี้เป็นเงื่อนไขให้ชัดเจน,จีนมีbtcก็ต้องทำลายกำจัดจริงด้วย,รัสเชียมีก็ต้องทำลายกำจัดด้วย,คือคริปโตโทเคนใดๆที่ไม่ใช่บาทคอยน์ หยวนคอยน์ เป็นต้นของชาติสมาชิกของสกุลหลักชาติสมาชิกนั้นๆต้องห้ามปรากฎทุกๆกรณีในประเทศสมาชิก,ตัดตอนสร้างความโกลาหลวุ่นวายเสียสมดุลของระบบตังนั้นเอง. https://youtube.com/watch?v=bb_Ky9ejyoc&si=B5SEbHPqKcxQffzz
    0 Comments 0 Shares 90 Views 0 Reviews
  • นักเรียนไทยยุค AI: อยู่รอดอย่างไรในโลกที่เปลี่ยนเร็วกว่าเดิม?
    โลกยุคใหม่ไม่ได้รอใครอีกต่อไป โดยเฉพาะเมื่อนวัตกรรมอย่าง AI เข้ามามีบทบาทในแทบทุกด้านของชีวิต ตั้งแต่การเรียน ไปจนถึงการทำงานในอนาคต และนักเรียนไทยจะต้องไม่ใช่แค่ “ปรับตัว” แต่ต้อง “เปลี่ยนวิธีคิด” เพื่อให้อยู่รอดและเติบโตในโลกที่ AI ครองเวที

    แล้วนักเรียนต้องพัฒนาอะไรบ้าง?
    1️⃣. AI Literacy – ทักษะความรู้เรื่อง AI
    ไม่ใช่แค่ใช้ ChatGPT ได้ แต่ต้องเข้าใจว่า AI ทำงานอย่างไร มีข้อดี ข้อจำกัด และ “อคติ” อย่างไรบ้าง นักเรียนต้องฝึกคิดแบบวิพากษ์ ไม่เชื่อทุกอย่างที่ AI บอกมา ต้องกล้าตั้งคำถาม และตรวจสอบแหล่งข้อมูลให้เป็น

    2️⃣. ทักษะการคิดวิเคราะห์และแก้ปัญหา
    AI เก่งในเรื่อง “การจำและประมวลผล” แต่การตั้งคำถาม การตีความ การแก้ปัญหาที่ซับซ้อน ยังเป็นทักษะของมนุษย์ นักเรียนควรฝึกคิดในเชิงลึก ฝึกตั้งสมมุติฐาน ทดลอง และปรับปรุง ไม่ใช่แค่หาคำตอบเร็วๆ จากอินเทอร์เน็ต

    3️⃣. ความคิดสร้างสรรค์ (Creativity)
    AI ช่วยเราคิดได้ แต่ไม่สามารถ “คิดแทนเราได้หมด” การสร้างผลงานที่เป็นเอกลักษณ์ เช่น เขียนเรื่องราว แต่งเพลง ทำโครงการนวัตกรรม หรือผลงานศิลปะ ยังคงต้องใช้พลังความคิดของมนุษย์อย่างแท้จริง

    4️⃣. การทำงานร่วมกันกับ AI และมนุษย์
    นักเรียนในยุคนี้ต้องทำงานเป็นทีม ทั้งกับคนและกับเทคโนโลยี ต้องรู้ว่าเมื่อไรควรใช้ AI ช่วย และเมื่อไรควรใช้หัวใจของมนุษย์ เช่น การฟังเพื่อน ความเข้าใจอารมณ์ หรือการทำโปรเจกต์ร่วมกัน

    5️⃣. จริยธรรมและความรับผิดชอบ
    การใช้ AI อย่างถูกจริยธรรมเป็นเรื่องใหญ่ เช่น ไม่คัดลอกเนื้อหาที่ AI สร้างมาโดยไม่เข้าใจ การเคารพความเป็นส่วนตัวของคนอื่น และรู้เท่าทัน Deepfake หรือข้อมูลบิดเบือนที่อาจเจอในชีวิตประจำวัน

    AI คือเพื่อน ไม่ใช่ศัตรู
    หลายคนกลัวว่า AI จะมาแย่งงาน หรือทำให้คนไม่มีความจำเป็นอีกต่อไป แต่ในความเป็นจริง AI คือ “เครื่องมือ” ที่ดีมาก ถ้าเราใช้เป็น มันจะช่วยให้เราเก่งขึ้น ไม่ใช่ถูกแทนที่

    เช่น:
    - นักเรียนสามารถใช้ AI ช่วยสรุปบทเรียน ติวสอบ หรือสร้างไอเดียสำหรับโปรเจกต์
    - ครูสามารถใช้ AI ช่วยตรวจข้อสอบ วางแผนบทเรียน และมีเวลาสอนนักเรียนแบบใกล้ชิดขึ้น
    - โรงเรียนหลายแห่งก็เริ่มใช้ AI อย่าง SplashLearn, ChatGPT หรือ Writable เพื่อช่วยให้การเรียนสนุกและเข้าถึงได้มากขึ้น

    แต่อย่าลืมความเสี่ยง
    แม้ว่า AI จะช่วยได้มาก แต่ก็มีความท้าทาย เช่น:
    - ความเครียดจากการอยู่กับหน้าจอนานๆ
    - ข้อมูลที่ผิดพลาดหรือมีอคติจาก AI
    - ความเหลื่อมล้ำเรื่องอุปกรณ์และทักษะในบางพื้นที่ของประเทศ

    ดังนั้น นักเรียน ครู ผู้ปกครอง และภาครัฐต้องร่วมมือกัน สร้างระบบการเรียนรู้ที่ปลอดภัย เท่าเทียม และพัฒนาความรู้รอบด้านไปพร้อมกัน

    สรุปง่ายๆ สำหรับนักเรียนไทยในยุค AI:
    - อย่าใช้ AI แค่ “ให้มันทำให้” แต่ต้อง “ใช้มันเพื่อให้เราเก่งขึ้น”
    - พัฒนาให้รอบด้าน ทั้งสมอง จิตใจ และจริยธรรม
    - ฝึกเรียนรู้ตลอดชีวิต เพราะเทคโนโลยีจะไม่หยุดรอเราแน่นอน

    #ลุงเขียนหลานอ่าน
    🎓 นักเรียนไทยยุค AI: อยู่รอดอย่างไรในโลกที่เปลี่ยนเร็วกว่าเดิม? โลกยุคใหม่ไม่ได้รอใครอีกต่อไป โดยเฉพาะเมื่อนวัตกรรมอย่าง AI เข้ามามีบทบาทในแทบทุกด้านของชีวิต ตั้งแต่การเรียน ไปจนถึงการทำงานในอนาคต และนักเรียนไทยจะต้องไม่ใช่แค่ “ปรับตัว” แต่ต้อง “เปลี่ยนวิธีคิด” เพื่อให้อยู่รอดและเติบโตในโลกที่ AI ครองเวที ✅ แล้วนักเรียนต้องพัฒนาอะไรบ้าง? 1️⃣. AI Literacy – ทักษะความรู้เรื่อง AI ไม่ใช่แค่ใช้ ChatGPT ได้ แต่ต้องเข้าใจว่า AI ทำงานอย่างไร มีข้อดี ข้อจำกัด และ “อคติ” อย่างไรบ้าง นักเรียนต้องฝึกคิดแบบวิพากษ์ ไม่เชื่อทุกอย่างที่ AI บอกมา ต้องกล้าตั้งคำถาม และตรวจสอบแหล่งข้อมูลให้เป็น 2️⃣. ทักษะการคิดวิเคราะห์และแก้ปัญหา AI เก่งในเรื่อง “การจำและประมวลผล” แต่การตั้งคำถาม การตีความ การแก้ปัญหาที่ซับซ้อน ยังเป็นทักษะของมนุษย์ นักเรียนควรฝึกคิดในเชิงลึก ฝึกตั้งสมมุติฐาน ทดลอง และปรับปรุง ไม่ใช่แค่หาคำตอบเร็วๆ จากอินเทอร์เน็ต 3️⃣. ความคิดสร้างสรรค์ (Creativity) AI ช่วยเราคิดได้ แต่ไม่สามารถ “คิดแทนเราได้หมด” การสร้างผลงานที่เป็นเอกลักษณ์ เช่น เขียนเรื่องราว แต่งเพลง ทำโครงการนวัตกรรม หรือผลงานศิลปะ ยังคงต้องใช้พลังความคิดของมนุษย์อย่างแท้จริง 4️⃣. การทำงานร่วมกันกับ AI และมนุษย์ นักเรียนในยุคนี้ต้องทำงานเป็นทีม ทั้งกับคนและกับเทคโนโลยี ต้องรู้ว่าเมื่อไรควรใช้ AI ช่วย และเมื่อไรควรใช้หัวใจของมนุษย์ เช่น การฟังเพื่อน ความเข้าใจอารมณ์ หรือการทำโปรเจกต์ร่วมกัน 5️⃣. จริยธรรมและความรับผิดชอบ การใช้ AI อย่างถูกจริยธรรมเป็นเรื่องใหญ่ เช่น ไม่คัดลอกเนื้อหาที่ AI สร้างมาโดยไม่เข้าใจ การเคารพความเป็นส่วนตัวของคนอื่น และรู้เท่าทัน Deepfake หรือข้อมูลบิดเบือนที่อาจเจอในชีวิตประจำวัน 📌 AI คือเพื่อน ไม่ใช่ศัตรู หลายคนกลัวว่า AI จะมาแย่งงาน หรือทำให้คนไม่มีความจำเป็นอีกต่อไป แต่ในความเป็นจริง AI คือ “เครื่องมือ” ที่ดีมาก ถ้าเราใช้เป็น มันจะช่วยให้เราเก่งขึ้น ไม่ใช่ถูกแทนที่ เช่น: - นักเรียนสามารถใช้ AI ช่วยสรุปบทเรียน ติวสอบ หรือสร้างไอเดียสำหรับโปรเจกต์ - ครูสามารถใช้ AI ช่วยตรวจข้อสอบ วางแผนบทเรียน และมีเวลาสอนนักเรียนแบบใกล้ชิดขึ้น - โรงเรียนหลายแห่งก็เริ่มใช้ AI อย่าง SplashLearn, ChatGPT หรือ Writable เพื่อช่วยให้การเรียนสนุกและเข้าถึงได้มากขึ้น 🚨 แต่อย่าลืมความเสี่ยง แม้ว่า AI จะช่วยได้มาก แต่ก็มีความท้าทาย เช่น: - ความเครียดจากการอยู่กับหน้าจอนานๆ - ข้อมูลที่ผิดพลาดหรือมีอคติจาก AI - ความเหลื่อมล้ำเรื่องอุปกรณ์และทักษะในบางพื้นที่ของประเทศ ดังนั้น นักเรียน ครู ผู้ปกครอง และภาครัฐต้องร่วมมือกัน สร้างระบบการเรียนรู้ที่ปลอดภัย เท่าเทียม และพัฒนาความรู้รอบด้านไปพร้อมกัน 💡 สรุปง่ายๆ สำหรับนักเรียนไทยในยุค AI: - อย่าใช้ AI แค่ “ให้มันทำให้” แต่ต้อง “ใช้มันเพื่อให้เราเก่งขึ้น” - พัฒนาให้รอบด้าน ทั้งสมอง จิตใจ และจริยธรรม - ฝึกเรียนรู้ตลอดชีวิต เพราะเทคโนโลยีจะไม่หยุดรอเราแน่นอน #ลุงเขียนหลานอ่าน
    0 Comments 0 Shares 167 Views 0 Reviews
  • Samsung เร่งฟื้นความเชื่อมั่น – ตั้งเป้า yield 2nm ให้ถึง 70% ภายในปีนี้

    Samsung กำลังเผชิญความท้าทายในการผลิตชิป 2nm GAA ซึ่งเป็นเทคโนโลยีใหม่ที่ใช้โครงสร้างทรานซิสเตอร์แบบ Gate-All-Around เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดการใช้พลังงาน แต่ปัญหาใหญ่คือ yield ต่ำมาก—ปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 30% เท่านั้น

    เพื่อแข่งขันกับ TSMC ที่มี yield สูงกว่าในเทคโนโลยีระดับเดียวกัน Samsung จึงตัดสินใจชะลอการพัฒนา 1.4nm และทุ่มทรัพยากรทั้งหมดไปที่ 2nm โดยตั้งเป้าเพิ่ม yield เป็น 50% ภายในไม่กี่เดือน และ 60–70% ภายในสิ้นปี 2025

    Qualcomm ซึ่งเคยมีข่าวว่าจะยกเลิกการสั่งผลิต Snapdragon 8 Elite Gen 2 กับ Samsung ก็ยังคงใช้บริการอยู่ในบางส่วน ทำให้ Samsung ต้องเร่งสร้างความมั่นใจเพื่อรักษาลูกค้ารายนี้ไว้

    Samsung ยังพัฒนาเทคโนโลยี 2nm GAA รุ่นที่สองและสาม (SF2P+) เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการผลิตในอีก 2 ปีข้างหน้า โดยหวังว่าจะสามารถกลับมาเป็นผู้นำในตลาดการผลิตชิปได้อีกครั้ง

    https://wccftech.com/samsung-requires-more-time-to-stabilize-2nm-yields-with-a-goal-of-70-percent-by-year-end/
    Samsung เร่งฟื้นความเชื่อมั่น – ตั้งเป้า yield 2nm ให้ถึง 70% ภายในปีนี้ Samsung กำลังเผชิญความท้าทายในการผลิตชิป 2nm GAA ซึ่งเป็นเทคโนโลยีใหม่ที่ใช้โครงสร้างทรานซิสเตอร์แบบ Gate-All-Around เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดการใช้พลังงาน แต่ปัญหาใหญ่คือ yield ต่ำมาก—ปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 30% เท่านั้น เพื่อแข่งขันกับ TSMC ที่มี yield สูงกว่าในเทคโนโลยีระดับเดียวกัน Samsung จึงตัดสินใจชะลอการพัฒนา 1.4nm และทุ่มทรัพยากรทั้งหมดไปที่ 2nm โดยตั้งเป้าเพิ่ม yield เป็น 50% ภายในไม่กี่เดือน และ 60–70% ภายในสิ้นปี 2025 Qualcomm ซึ่งเคยมีข่าวว่าจะยกเลิกการสั่งผลิต Snapdragon 8 Elite Gen 2 กับ Samsung ก็ยังคงใช้บริการอยู่ในบางส่วน ทำให้ Samsung ต้องเร่งสร้างความมั่นใจเพื่อรักษาลูกค้ารายนี้ไว้ Samsung ยังพัฒนาเทคโนโลยี 2nm GAA รุ่นที่สองและสาม (SF2P+) เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการผลิตในอีก 2 ปีข้างหน้า โดยหวังว่าจะสามารถกลับมาเป็นผู้นำในตลาดการผลิตชิปได้อีกครั้ง https://wccftech.com/samsung-requires-more-time-to-stabilize-2nm-yields-with-a-goal-of-70-percent-by-year-end/
    WCCFTECH.COM
    Samsung Requires More Time To Stabilize Its 2nm Yields, New Report Says Goal Of 70 Percent Is Being Targeted By The End Of 2025 To Secure Large Chip Orders From Qualcomm & Others
    To secure larger chip orders from the likes of Qualcomm, a new report states that Samsung needs more time to stabilize its 2nm GAA yields
    0 Comments 0 Shares 133 Views 0 Reviews
  • HoloMem ริบบิ้นฮอโลกราฟิก – เก็บข้อมูล 200TB นาน 50 ปี ใช้พลังงานเป็นศูนย์

    HoloMem เปิดตัวเทคโนโลยีจัดเก็บข้อมูลแบบใหม่ที่ใช้ริบบิ้นโพลีเมอร์บางเพียง 120 ไมครอน ซึ่งสามารถเขียนข้อมูลแบบฮอโลกราฟิกได้หลายชั้นในรูปแบบ WORM (Write Once, Read Many) โดยใช้เลเซอร์ไดโอดราคาถูกเพียง $5 เป็นหัวอ่าน/เขียน

    จุดเด่นของ HoloMem:
    - ความจุสูงถึง 200TB ต่อแผ่น (มากกว่า LTO-10 ถึง 11 เท่า)
    - อายุการใช้งาน 50 ปี (มากกว่าเทปแม่เหล็กถึง 10 เท่า)
    - ใช้พลังงานเป็นศูนย์เมื่อเก็บข้อมูลไว้เฉย ๆ
    - ขนาดแผ่นเท่ากับ LTO สามารถใช้กับหุ่นยนต์จัดการเทปเดิมได้ทันที
    - ใช้ชิ้นส่วนราคาถูกและผลิตง่าย เช่น โพลีเมอร์ไวแสงหนา 16 ไมครอน
    - ความยาวริบบิ้นเพียง 100 เมตร (เทียบกับเทปแม่เหล็กที่ยาว 1,000 เมตร)

    HoloMem ยังออกแบบให้สามารถติดตั้งร่วมกับระบบจัดเก็บข้อมูลเดิมได้โดยไม่ต้องเปลี่ยนฮาร์ดแวร์หรือซอฟต์แวร์มากนัก ลดแรงเสียดทานในการเปลี่ยนผ่าน และได้รับการสนับสนุนจาก Intel Ignite และ Innovate UK

    แม้ยังไม่มีวันเปิดตัวอย่างเป็นทางการ แต่ TechRe Consultants ในสหราชอาณาจักรจะเริ่มทดลองใช้งานจริงในศูนย์ข้อมูลเพื่อทดสอบความทนทานและประสิทธิภาพ

    ข้อมูลจากข่าว
    - HoloMem พัฒนาเทคโนโลยีจัดเก็บข้อมูลแบบฮอโลกราฟิกบนริบบิ้นโพลีเมอร์
    - ความจุสูงถึง 200TB ต่อแผ่น และอายุการใช้งาน 50 ปี
    - ใช้พลังงานเป็นศูนย์เมื่อเก็บข้อมูลไว้เฉย ๆ
    - ขนาดเท่ากับ LTO สามารถใช้กับระบบจัดการเทปเดิมได้ทันที
    - ใช้เลเซอร์ไดโอดราคาถูก ($5) และวัสดุโพลีเมอร์ที่ผลิตง่าย
    - ความยาวริบบิ้นเพียง 100 เมตร เทียบกับเทปแม่เหล็ก 1,000 เมตร
    - ทำงานในรูปแบบ WORM (Write Once, Read Many)
    - ได้รับการสนับสนุนจาก Intel Ignite และ Innovate UK
    - TechRe Consultants จะเริ่มทดลองใช้งานในศูนย์ข้อมูลจริง

    คำเตือนและข้อควรระวัง
    - เทคโนโลยียังอยู่ในขั้นต้น ไม่มีวันเปิดตัวอย่างเป็นทางการ
    - ต้องพิสูจน์ความทนทานและความเสถียรในสภาพแวดล้อมจริงก่อนใช้งานเชิงพาณิชย์
    - แม้จะใช้ร่วมกับระบบเดิมได้ แต่การเปลี่ยนผ่านต้องมีการฝึกอบรมและปรับกระบวนการ
    - การจัดเก็บแบบ WORM ไม่สามารถเขียนซ้ำได้ อาจไม่เหมาะกับงานที่ต้องแก้ไขข้อมูล
    - คู่แข่งอย่าง Cerabyte และ Microsoft Project Silica ยังมีแนวทางที่ต่างกันและอาจสร้างแรงกดดันด้านนวัตกรรม

    https://www.tomshardware.com/pc-components/storage/holographic-ribbon-aims-to-oust-magnetic-tape-with-50-year-life-span-and-200tb-capacity-per-cartridge-holomem-says-optical-ribbon-based-carts-work-with-some-components-of-existing-systems-reducing-fricition
    HoloMem ริบบิ้นฮอโลกราฟิก – เก็บข้อมูล 200TB นาน 50 ปี ใช้พลังงานเป็นศูนย์ HoloMem เปิดตัวเทคโนโลยีจัดเก็บข้อมูลแบบใหม่ที่ใช้ริบบิ้นโพลีเมอร์บางเพียง 120 ไมครอน ซึ่งสามารถเขียนข้อมูลแบบฮอโลกราฟิกได้หลายชั้นในรูปแบบ WORM (Write Once, Read Many) โดยใช้เลเซอร์ไดโอดราคาถูกเพียง $5 เป็นหัวอ่าน/เขียน จุดเด่นของ HoloMem: - ความจุสูงถึง 200TB ต่อแผ่น (มากกว่า LTO-10 ถึง 11 เท่า) - อายุการใช้งาน 50 ปี (มากกว่าเทปแม่เหล็กถึง 10 เท่า) - ใช้พลังงานเป็นศูนย์เมื่อเก็บข้อมูลไว้เฉย ๆ - ขนาดแผ่นเท่ากับ LTO สามารถใช้กับหุ่นยนต์จัดการเทปเดิมได้ทันที - ใช้ชิ้นส่วนราคาถูกและผลิตง่าย เช่น โพลีเมอร์ไวแสงหนา 16 ไมครอน - ความยาวริบบิ้นเพียง 100 เมตร (เทียบกับเทปแม่เหล็กที่ยาว 1,000 เมตร) HoloMem ยังออกแบบให้สามารถติดตั้งร่วมกับระบบจัดเก็บข้อมูลเดิมได้โดยไม่ต้องเปลี่ยนฮาร์ดแวร์หรือซอฟต์แวร์มากนัก ลดแรงเสียดทานในการเปลี่ยนผ่าน และได้รับการสนับสนุนจาก Intel Ignite และ Innovate UK แม้ยังไม่มีวันเปิดตัวอย่างเป็นทางการ แต่ TechRe Consultants ในสหราชอาณาจักรจะเริ่มทดลองใช้งานจริงในศูนย์ข้อมูลเพื่อทดสอบความทนทานและประสิทธิภาพ ✅ ข้อมูลจากข่าว - HoloMem พัฒนาเทคโนโลยีจัดเก็บข้อมูลแบบฮอโลกราฟิกบนริบบิ้นโพลีเมอร์ - ความจุสูงถึง 200TB ต่อแผ่น และอายุการใช้งาน 50 ปี - ใช้พลังงานเป็นศูนย์เมื่อเก็บข้อมูลไว้เฉย ๆ - ขนาดเท่ากับ LTO สามารถใช้กับระบบจัดการเทปเดิมได้ทันที - ใช้เลเซอร์ไดโอดราคาถูก ($5) และวัสดุโพลีเมอร์ที่ผลิตง่าย - ความยาวริบบิ้นเพียง 100 เมตร เทียบกับเทปแม่เหล็ก 1,000 เมตร - ทำงานในรูปแบบ WORM (Write Once, Read Many) - ได้รับการสนับสนุนจาก Intel Ignite และ Innovate UK - TechRe Consultants จะเริ่มทดลองใช้งานในศูนย์ข้อมูลจริง ‼️ คำเตือนและข้อควรระวัง - เทคโนโลยียังอยู่ในขั้นต้น ไม่มีวันเปิดตัวอย่างเป็นทางการ - ต้องพิสูจน์ความทนทานและความเสถียรในสภาพแวดล้อมจริงก่อนใช้งานเชิงพาณิชย์ - แม้จะใช้ร่วมกับระบบเดิมได้ แต่การเปลี่ยนผ่านต้องมีการฝึกอบรมและปรับกระบวนการ - การจัดเก็บแบบ WORM ไม่สามารถเขียนซ้ำได้ อาจไม่เหมาะกับงานที่ต้องแก้ไขข้อมูล - คู่แข่งอย่าง Cerabyte และ Microsoft Project Silica ยังมีแนวทางที่ต่างกันและอาจสร้างแรงกดดันด้านนวัตกรรม https://www.tomshardware.com/pc-components/storage/holographic-ribbon-aims-to-oust-magnetic-tape-with-50-year-life-span-and-200tb-capacity-per-cartridge-holomem-says-optical-ribbon-based-carts-work-with-some-components-of-existing-systems-reducing-fricition
    0 Comments 0 Shares 166 Views 0 Reviews
  • ยิ่งเก่ง ยิ่งช้า? AI coding assistant อาจทำให้โปรแกรมเมอร์มือเก๋าทำงานช้าลง

    องค์กรวิจัยไม่แสวงกำไร METR (Model Evaluation & Threat Research) ได้ทำการศึกษาผลกระทบของ AI coding tools ต่อประสิทธิภาพของนักพัฒนา โดยติดตามนักพัฒนาโอเพ่นซอร์สที่มีประสบการณ์ 16 คน ขณะทำงานกับโค้ดที่พวกเขาคุ้นเคยมากกว่า 246 งานจริง ตั้งแต่การแก้บั๊กไปจนถึงการเพิ่มฟีเจอร์ใหม่

    ก่อนเริ่มงาน นักพัฒนาคาดว่า AI จะช่วยให้พวกเขาทำงานเร็วขึ้น 24% และหลังจบงานก็ยังเชื่อว่าตัวเองเร็วขึ้น 20% เมื่อใช้ AI แต่ข้อมูลจริงกลับพบว่า พวกเขาใช้เวลานานขึ้นถึง 19% เมื่อใช้ AI coding assistant

    สาเหตุหลักที่ทำให้เกิดความล่าช้า ได้แก่:
    - ความคาดหวังเกินจริงต่อความสามารถของ AI
    - โค้ดที่ซับซ้อนและมีขนาดใหญ่เกินกว่าที่ AI จะเข้าใจบริบทได้ดี
    - ความแม่นยำของโค้ดที่ AI สร้างยังไม่ดีพอ โดยนักพัฒนายอมรับโค้ดที่ AI เสนอเพียง 44%
    - ต้องเสียเวลาในการตรวจสอบและแก้ไขโค้ดที่ AI สร้าง
    - AI ไม่สามารถเข้าใจบริบทแฝงในโปรเจกต์ขนาดใหญ่ได้ดี

    แม้ผลลัพธ์จะชี้ว่า AI ทำให้ช้าลง แต่ผู้เข้าร่วมหลายคนยังคงใช้ AI ต่อไป เพราะรู้สึกว่างานเขียนโค้ดมีความเครียดน้อยลง และกลายเป็นกระบวนการที่ “ไม่ต้องใช้พลังสมองมาก” เหมือนเดิม

    ข้อมูลจากข่าว
    - METR ศึกษานักพัฒนา 16 คนกับงานจริง 246 งานในโค้ดที่คุ้นเคย
    - นักพัฒนาคาดว่า AI จะช่วยให้เร็วขึ้น 24% แต่จริง ๆ แล้วช้าลง 19%
    - ใช้ AI coding tools เช่น Cursor Pro ร่วมกับ Claude 3.5 หรือ 3.7 Sonnet
    - นักพัฒนายอมรับโค้ดจาก AI เพียง 44% และต้องใช้เวลาตรวจสอบมาก
    - AI เข้าใจบริบทของโค้ดขนาดใหญ่ได้ไม่ดี ทำให้เสนอคำตอบผิด
    - การศึกษามีความเข้มงวดและไม่มีอคติจากผู้วิจัย
    - ผู้เข้าร่วมได้รับค่าตอบแทน $150 ต่อชั่วโมงเพื่อความจริงจัง
    - แม้จะช้าลง แต่หลายคนยังใช้ AI เพราะช่วยลดความเครียดในการทำงาน

    คำเตือนและข้อควรระวัง
    - AI coding tools อาจไม่เหมาะกับนักพัฒนาที่มีประสบการณ์สูงและทำงานกับโค้ดที่ซับซ้อน
    - ความคาดหวังเกินจริงต่อ AI อาจทำให้เสียเวลาแทนที่จะได้ประโยชน์
    - การใช้ AI กับโปรเจกต์ขนาดใหญ่ต้องระวังเรื่องบริบทที่ AI อาจเข้าใจผิด
    - การตรวจสอบและแก้ไขโค้ดจาก AI อาจใช้เวลามากกว่าการเขียนเอง
    - ผลการศึกษานี้ไม่ควรนำไปใช้กับนักพัฒนาทุกระดับ เพราะ AI อาจมีประโยชน์มากกว่าสำหรับผู้เริ่มต้นหรือโปรเจกต์ขนาดเล็ก

    https://www.techspot.com/news/108651-experienced-developers-working-ai-tools-take-longer-complete.html
    ยิ่งเก่ง ยิ่งช้า? AI coding assistant อาจทำให้โปรแกรมเมอร์มือเก๋าทำงานช้าลง องค์กรวิจัยไม่แสวงกำไร METR (Model Evaluation & Threat Research) ได้ทำการศึกษาผลกระทบของ AI coding tools ต่อประสิทธิภาพของนักพัฒนา โดยติดตามนักพัฒนาโอเพ่นซอร์สที่มีประสบการณ์ 16 คน ขณะทำงานกับโค้ดที่พวกเขาคุ้นเคยมากกว่า 246 งานจริง ตั้งแต่การแก้บั๊กไปจนถึงการเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ ก่อนเริ่มงาน นักพัฒนาคาดว่า AI จะช่วยให้พวกเขาทำงานเร็วขึ้น 24% และหลังจบงานก็ยังเชื่อว่าตัวเองเร็วขึ้น 20% เมื่อใช้ AI แต่ข้อมูลจริงกลับพบว่า พวกเขาใช้เวลานานขึ้นถึง 19% เมื่อใช้ AI coding assistant สาเหตุหลักที่ทำให้เกิดความล่าช้า ได้แก่: - ความคาดหวังเกินจริงต่อความสามารถของ AI - โค้ดที่ซับซ้อนและมีขนาดใหญ่เกินกว่าที่ AI จะเข้าใจบริบทได้ดี - ความแม่นยำของโค้ดที่ AI สร้างยังไม่ดีพอ โดยนักพัฒนายอมรับโค้ดที่ AI เสนอเพียง 44% - ต้องเสียเวลาในการตรวจสอบและแก้ไขโค้ดที่ AI สร้าง - AI ไม่สามารถเข้าใจบริบทแฝงในโปรเจกต์ขนาดใหญ่ได้ดี แม้ผลลัพธ์จะชี้ว่า AI ทำให้ช้าลง แต่ผู้เข้าร่วมหลายคนยังคงใช้ AI ต่อไป เพราะรู้สึกว่างานเขียนโค้ดมีความเครียดน้อยลง และกลายเป็นกระบวนการที่ “ไม่ต้องใช้พลังสมองมาก” เหมือนเดิม ✅ ข้อมูลจากข่าว - METR ศึกษานักพัฒนา 16 คนกับงานจริง 246 งานในโค้ดที่คุ้นเคย - นักพัฒนาคาดว่า AI จะช่วยให้เร็วขึ้น 24% แต่จริง ๆ แล้วช้าลง 19% - ใช้ AI coding tools เช่น Cursor Pro ร่วมกับ Claude 3.5 หรือ 3.7 Sonnet - นักพัฒนายอมรับโค้ดจาก AI เพียง 44% และต้องใช้เวลาตรวจสอบมาก - AI เข้าใจบริบทของโค้ดขนาดใหญ่ได้ไม่ดี ทำให้เสนอคำตอบผิด - การศึกษามีความเข้มงวดและไม่มีอคติจากผู้วิจัย - ผู้เข้าร่วมได้รับค่าตอบแทน $150 ต่อชั่วโมงเพื่อความจริงจัง - แม้จะช้าลง แต่หลายคนยังใช้ AI เพราะช่วยลดความเครียดในการทำงาน ‼️ คำเตือนและข้อควรระวัง - AI coding tools อาจไม่เหมาะกับนักพัฒนาที่มีประสบการณ์สูงและทำงานกับโค้ดที่ซับซ้อน - ความคาดหวังเกินจริงต่อ AI อาจทำให้เสียเวลาแทนที่จะได้ประโยชน์ - การใช้ AI กับโปรเจกต์ขนาดใหญ่ต้องระวังเรื่องบริบทที่ AI อาจเข้าใจผิด - การตรวจสอบและแก้ไขโค้ดจาก AI อาจใช้เวลามากกว่าการเขียนเอง - ผลการศึกษานี้ไม่ควรนำไปใช้กับนักพัฒนาทุกระดับ เพราะ AI อาจมีประโยชน์มากกว่าสำหรับผู้เริ่มต้นหรือโปรเจกต์ขนาดเล็ก https://www.techspot.com/news/108651-experienced-developers-working-ai-tools-take-longer-complete.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Study shows AI coding assistants actually slow down experienced developers
    The research, conducted by the non-profit Model Evaluation & Threat Research (METR), set out to measure the real-world impact of advanced AI tools on software development. Over...
    0 Comments 0 Shares 123 Views 0 Reviews
  • นักวิจัยจาก Oxford และ Lisbon ได้ใช้ซอฟต์แวร์ OSIRIS รันการจำลอง 3D แบบเรียลไทม์ เพื่อศึกษาว่าเลเซอร์พลังสูงมีผลต่อ “สุญญากาศควอนตัม” อย่างไร ซึ่งจริง ๆ แล้วสุญญากาศไม่ได้ว่างเปล่า แต่เต็มไปด้วยอนุภาคเสมือน เช่น อิเล็กตรอน-โพซิตรอน ที่เกิดและดับในช่วงเวลาสั้น ๆ

    เมื่อยิงเลเซอร์สามชุดเข้าไปในสุญญากาศ จะเกิดปรากฏการณ์ “vacuum four-wave mixing” ซึ่งทำให้โฟตอนกระเด้งใส่กันและสร้างลำแสงที่สี่ขึ้นมา—เหมือนแสงเกิดจากความว่างเปล่า

    นี่ไม่ใช่แค่การจำลองเพื่อความรู้ แต่เป็นก้าวสำคัญในการยืนยันปรากฏการณ์ควอนตัมที่เคยเป็นแค่ทฤษฎี โดยใช้เลเซอร์ระดับ Petawatt ที่กำลังถูกติดตั้งทั่วโลก เช่น Vulcan 20-20 (UK), ELI (EU), SHINE และ SEL (จีน), OPAL (สหรัฐฯ)

    ทีมงานยังใช้ตัวแก้สมการแบบกึ่งคลาสสิกจาก Heisenberg-Euler Lagrangian เพื่อจำลองผลกระทบของสุญญากาศต่อแสง เช่น vacuum birefringence (การแยกแสงในสนามแม่เหล็กแรงสูง)

    ผลการจำลองตรงกับทฤษฎีเดิม และยังเผยรายละเอียดใหม่ เช่น รูปร่างของลำแสงที่เบี้ยวเล็กน้อย (astigmatism) และระยะเวลาการเกิดปฏิกิริยา

    นอกจากยืนยันทฤษฎีควอนตัมแล้ว เครื่องมือนี้ยังอาจช่วยค้นหาอนุภาคใหม่ เช่น axions และ millicharged particles ซึ่งเป็นผู้ต้องสงสัยว่าอาจเป็น “สสารมืด” ที่ยังไม่มีใครเห็น

    ข้อมูลจากข่าว
    - นักวิจัย Oxford และ Lisbon สร้างแสงจากสุญญากาศโดยใช้เลเซอร์พลังสูง
    - ใช้ปรากฏการณ์ vacuum four-wave mixing ที่โฟตอนกระเด้งใส่กัน
    - สุญญากาศควอนตัมเต็มไปด้วยอนุภาคเสมือนที่เกิดและดับตลอดเวลา
    - ใช้ซอฟต์แวร์ OSIRIS และตัวแก้สมการ Heisenberg-Euler Lagrangian
    - ผลการจำลองตรงกับทฤษฎี vacuum birefringence และเผยรายละเอียดใหม่
    - เลเซอร์ระดับ Petawatt เช่น Vulcan, ELI, SHINE, OPAL จะช่วยทดสอบทฤษฎีนี้ในโลกจริง
    - อาจช่วยค้นหาอนุภาคใหม่ เช่น axions และ millicharged particles ที่เกี่ยวข้องกับสสารมืด

    คำเตือนและข้อควรระวัง
    - ปรากฏการณ์นี้ยังอยู่ในขั้นจำลอง ต้องรอการทดลองจริงจากเลเซอร์ระดับ Petawatt
    - การสร้างแสงจากสุญญากาศต้องใช้พลังงานมหาศาลและเทคโนโลยีขั้นสูง
    - การค้นหาอนุภาคใหม่ยังไม่มีหลักฐานเชิงประจักษ์ ต้องใช้เวลาและการตรวจสอบซ้ำ
    - การเข้าใจสุญญากาศควอนตัมต้องใช้ฟิสิกส์ระดับสูง ซึ่งอาจยังไม่เข้าถึงได้สำหรับผู้ทั่วไป
    - หากทฤษฎีนี้ถูกยืนยัน อาจต้องปรับเปลี่ยนแนวคิดพื้นฐานเกี่ยวกับธรรมชาติของแสงและสุญญากาศ

    https://www.neowin.net/news/oxford-scientists-create-light-from-darkness-and-no-its-not-magic/
    นักวิจัยจาก Oxford และ Lisbon ได้ใช้ซอฟต์แวร์ OSIRIS รันการจำลอง 3D แบบเรียลไทม์ เพื่อศึกษาว่าเลเซอร์พลังสูงมีผลต่อ “สุญญากาศควอนตัม” อย่างไร ซึ่งจริง ๆ แล้วสุญญากาศไม่ได้ว่างเปล่า แต่เต็มไปด้วยอนุภาคเสมือน เช่น อิเล็กตรอน-โพซิตรอน ที่เกิดและดับในช่วงเวลาสั้น ๆ เมื่อยิงเลเซอร์สามชุดเข้าไปในสุญญากาศ จะเกิดปรากฏการณ์ “vacuum four-wave mixing” ซึ่งทำให้โฟตอนกระเด้งใส่กันและสร้างลำแสงที่สี่ขึ้นมา—เหมือนแสงเกิดจากความว่างเปล่า นี่ไม่ใช่แค่การจำลองเพื่อความรู้ แต่เป็นก้าวสำคัญในการยืนยันปรากฏการณ์ควอนตัมที่เคยเป็นแค่ทฤษฎี โดยใช้เลเซอร์ระดับ Petawatt ที่กำลังถูกติดตั้งทั่วโลก เช่น Vulcan 20-20 (UK), ELI (EU), SHINE และ SEL (จีน), OPAL (สหรัฐฯ) ทีมงานยังใช้ตัวแก้สมการแบบกึ่งคลาสสิกจาก Heisenberg-Euler Lagrangian เพื่อจำลองผลกระทบของสุญญากาศต่อแสง เช่น vacuum birefringence (การแยกแสงในสนามแม่เหล็กแรงสูง) ผลการจำลองตรงกับทฤษฎีเดิม และยังเผยรายละเอียดใหม่ เช่น รูปร่างของลำแสงที่เบี้ยวเล็กน้อย (astigmatism) และระยะเวลาการเกิดปฏิกิริยา นอกจากยืนยันทฤษฎีควอนตัมแล้ว เครื่องมือนี้ยังอาจช่วยค้นหาอนุภาคใหม่ เช่น axions และ millicharged particles ซึ่งเป็นผู้ต้องสงสัยว่าอาจเป็น “สสารมืด” ที่ยังไม่มีใครเห็น ✅ ข้อมูลจากข่าว - นักวิจัย Oxford และ Lisbon สร้างแสงจากสุญญากาศโดยใช้เลเซอร์พลังสูง - ใช้ปรากฏการณ์ vacuum four-wave mixing ที่โฟตอนกระเด้งใส่กัน - สุญญากาศควอนตัมเต็มไปด้วยอนุภาคเสมือนที่เกิดและดับตลอดเวลา - ใช้ซอฟต์แวร์ OSIRIS และตัวแก้สมการ Heisenberg-Euler Lagrangian - ผลการจำลองตรงกับทฤษฎี vacuum birefringence และเผยรายละเอียดใหม่ - เลเซอร์ระดับ Petawatt เช่น Vulcan, ELI, SHINE, OPAL จะช่วยทดสอบทฤษฎีนี้ในโลกจริง - อาจช่วยค้นหาอนุภาคใหม่ เช่น axions และ millicharged particles ที่เกี่ยวข้องกับสสารมืด ‼️ คำเตือนและข้อควรระวัง - ปรากฏการณ์นี้ยังอยู่ในขั้นจำลอง ต้องรอการทดลองจริงจากเลเซอร์ระดับ Petawatt - การสร้างแสงจากสุญญากาศต้องใช้พลังงานมหาศาลและเทคโนโลยีขั้นสูง - การค้นหาอนุภาคใหม่ยังไม่มีหลักฐานเชิงประจักษ์ ต้องใช้เวลาและการตรวจสอบซ้ำ - การเข้าใจสุญญากาศควอนตัมต้องใช้ฟิสิกส์ระดับสูง ซึ่งอาจยังไม่เข้าถึงได้สำหรับผู้ทั่วไป - หากทฤษฎีนี้ถูกยืนยัน อาจต้องปรับเปลี่ยนแนวคิดพื้นฐานเกี่ยวกับธรรมชาติของแสงและสุญญากาศ https://www.neowin.net/news/oxford-scientists-create-light-from-darkness-and-no-its-not-magic/
    WWW.NEOWIN.NET
    Oxford scientists create light from "darkness" and no it's not magic
    Scientists over at the University of Oxford have managed to generate light out of "darkness" and there is no magic involved here, just pure science.
    0 Comments 0 Shares 125 Views 0 Reviews
  • ข่าวนี้พูดถึงงานวิจัยใหม่ที่ตีพิมพ์ในวารสาร Physical Review D ซึ่งเสนอแนวคิดว่า “จุดกำเนิดของจักรวาล” อาจไม่ใช่ Big Bang อย่างที่เราเคยเชื่อกัน แต่เป็นการ “ดีดตัวกลับ” (bounce) จากการยุบตัวของมวลมหาศาลภายในหลุมดำ—เป็นการพลิกมุมมองต่อจักรวาลอย่างสิ้นเชิง

    นักฟิสิกส์จาก The Conversation และสถาบันวิจัยต่าง ๆ เสนอโมเดลใหม่ที่อธิบายว่าจักรวาลของเราอาจเกิดจากการยุบตัวของมวลมหาศาลภายในหลุมดำ ไม่ใช่จากการระเบิดของจุดเอกฐาน (singularity) แบบ Big Bang ที่เราเคยเชื่อ

    แนวคิดนี้ใช้หลักฟิสิกส์ควอนตัม โดยเฉพาะ “หลักการกีดกันของเฟอร์มิออน” (quantum exclusion principle) ซึ่งระบุว่าอนุภาคที่เหมือนกันไม่สามารถอยู่ในสถานะควอนตัมเดียวกันได้ ทำให้การยุบตัวของมวลไม่สามารถดำเนินต่อไปได้เรื่อย ๆ และเกิดการ “ดีดตัวกลับ” หรือ bounce

    หลังจาก bounce จักรวาลจะขยายตัวอย่างรวดเร็ว โดยมีแรงดันภายในทำหน้าที่คล้ายกับพลังงานมืดและการขยายตัวในยุค inflation ตามทฤษฎีดั้งเดิม

    โมเดลนี้ยังทำนายว่า:
    - จักรวาลมีความโค้งเล็กน้อย (Ωₖ ≈ −0.07 ± 0.02)
    - การดีดตัวเกิดภายในรัศมีความโน้มถ่วง r_S = 2GM ซึ่งทำหน้าที่คล้ายค่าคงที่จักรวาล (Λ)
    - ภายนอกยังดูเหมือนหลุมดำ Schwarzschild ปกติ

    ภารกิจในอนาคต เช่น Euclid และ Arrakihs อาจช่วยตรวจสอบความโค้งของจักรวาลและโครงสร้างที่หลงเหลือจากการดีดตัว เช่น เฮโลของดาวฤกษ์และกาแล็กซีบริวาร

    https://www.neowin.net/news/our-universes-origin-is-indeed-a-black-hole-and-not-the-big-bang-reckons-this-new-study/
    ข่าวนี้พูดถึงงานวิจัยใหม่ที่ตีพิมพ์ในวารสาร Physical Review D ซึ่งเสนอแนวคิดว่า “จุดกำเนิดของจักรวาล” อาจไม่ใช่ Big Bang อย่างที่เราเคยเชื่อกัน แต่เป็นการ “ดีดตัวกลับ” (bounce) จากการยุบตัวของมวลมหาศาลภายในหลุมดำ—เป็นการพลิกมุมมองต่อจักรวาลอย่างสิ้นเชิง 🕳️🌌 นักฟิสิกส์จาก The Conversation และสถาบันวิจัยต่าง ๆ เสนอโมเดลใหม่ที่อธิบายว่าจักรวาลของเราอาจเกิดจากการยุบตัวของมวลมหาศาลภายในหลุมดำ ไม่ใช่จากการระเบิดของจุดเอกฐาน (singularity) แบบ Big Bang ที่เราเคยเชื่อ แนวคิดนี้ใช้หลักฟิสิกส์ควอนตัม โดยเฉพาะ “หลักการกีดกันของเฟอร์มิออน” (quantum exclusion principle) ซึ่งระบุว่าอนุภาคที่เหมือนกันไม่สามารถอยู่ในสถานะควอนตัมเดียวกันได้ ทำให้การยุบตัวของมวลไม่สามารถดำเนินต่อไปได้เรื่อย ๆ และเกิดการ “ดีดตัวกลับ” หรือ bounce หลังจาก bounce จักรวาลจะขยายตัวอย่างรวดเร็ว โดยมีแรงดันภายในทำหน้าที่คล้ายกับพลังงานมืดและการขยายตัวในยุค inflation ตามทฤษฎีดั้งเดิม โมเดลนี้ยังทำนายว่า: - จักรวาลมีความโค้งเล็กน้อย (Ωₖ ≈ −0.07 ± 0.02) - การดีดตัวเกิดภายในรัศมีความโน้มถ่วง r_S = 2GM ซึ่งทำหน้าที่คล้ายค่าคงที่จักรวาล (Λ) - ภายนอกยังดูเหมือนหลุมดำ Schwarzschild ปกติ ภารกิจในอนาคต เช่น Euclid และ Arrakihs อาจช่วยตรวจสอบความโค้งของจักรวาลและโครงสร้างที่หลงเหลือจากการดีดตัว เช่น เฮโลของดาวฤกษ์และกาแล็กซีบริวาร https://www.neowin.net/news/our-universes-origin-is-indeed-a-black-hole-and-not-the-big-bang-reckons-this-new-study/
    WWW.NEOWIN.NET
    Our Universe's origin is indeed a Black Hole and not the Big Bang, reckons this new study
    The Big Bang may not be the beginning—new research suggests our universe could have bounced from a collapsing black hole.
    0 Comments 0 Shares 126 Views 0 Reviews
  • ในยุคที่อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ฝังในร่างกายและใช้งานใต้น้ำมีมากขึ้น การชาร์จแบตเตอรี่กลายเป็นเรื่องท้าทาย เพราะเทคโนโลยีไร้สายแบบเดิม เช่น RF หรือแม่เหล็กไฟฟ้า มีข้อจำกัดด้านระยะทางและการรบกวนสัญญาณ

    นักวิจัยจาก Korea Institute of Science and Technology (KIST) และ Korea University จึงพัฒนาเทคโนโลยีใหม่โดยใช้คลื่นเสียง (ultrasound) ซึ่งสามารถทะลุผ่านน้ำและเนื้อเยื่อมนุษย์ได้ดีกว่า RF และไม่รบกวนอุปกรณ์อื่น

    ทีมงานนำโดย Dr. Sunghoon Hur และ Prof. Hyun-Cheol Song สร้างตัวรับคลื่นเสียงแบบยืดหยุ่นจากวัสดุ piezoelectric ที่สามารถติดกับผิวหนังหรือพื้นผิวโค้งได้ และสามารถส่งพลังงานได้ถึง:

    - 20 มิลลิวัตต์ผ่านน้ำลึก 3 ซม.
    - 7 มิลลิวัตต์ผ่านผิวหนังลึก 3 ซม.

    พลังงานนี้เพียงพอสำหรับอุปกรณ์ขนาดเล็ก เช่น เซ็นเซอร์สวมใส่หรืออุปกรณ์ฝังในร่างกาย และยังสามารถชาร์จแบตเตอรี่ได้ด้วย

    อีกทีมวิจัยยังพัฒนา US-TENGDF-B ซึ่งเป็น triboelectric nanogenerator ที่ใช้ ultrasound เพื่อผลิตไฟฟ้าได้มากขึ้นจากระยะไกล โดยสามารถสร้างแรงดัน 26 โวลต์ และจ่ายพลังงาน 6.7 มิลลิวัตต์จากระยะ 35 มม. แม้จะอยู่ในสภาพโค้งงอ

    เทคโนโลยีเหล่านี้เปิดทางให้กับอุปกรณ์ฝังในร่างกาย เช่น pacemaker, neurostimulator หรือแม้แต่โดรนใต้น้ำ ที่สามารถทำงานได้นานขึ้นโดยไม่ต้องผ่าตัดเปลี่ยนแบตเตอรี่หรือชาร์จบ่อย ๆ

    https://www.neowin.net/news/scientists-summon-ultrasonic-tech-that-charges-devices-through-water-and-even-skin/
    ในยุคที่อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ฝังในร่างกายและใช้งานใต้น้ำมีมากขึ้น การชาร์จแบตเตอรี่กลายเป็นเรื่องท้าทาย เพราะเทคโนโลยีไร้สายแบบเดิม เช่น RF หรือแม่เหล็กไฟฟ้า มีข้อจำกัดด้านระยะทางและการรบกวนสัญญาณ นักวิจัยจาก Korea Institute of Science and Technology (KIST) และ Korea University จึงพัฒนาเทคโนโลยีใหม่โดยใช้คลื่นเสียง (ultrasound) ซึ่งสามารถทะลุผ่านน้ำและเนื้อเยื่อมนุษย์ได้ดีกว่า RF และไม่รบกวนอุปกรณ์อื่น ทีมงานนำโดย Dr. Sunghoon Hur และ Prof. Hyun-Cheol Song สร้างตัวรับคลื่นเสียงแบบยืดหยุ่นจากวัสดุ piezoelectric ที่สามารถติดกับผิวหนังหรือพื้นผิวโค้งได้ และสามารถส่งพลังงานได้ถึง: - 20 มิลลิวัตต์ผ่านน้ำลึก 3 ซม. - 7 มิลลิวัตต์ผ่านผิวหนังลึก 3 ซม. พลังงานนี้เพียงพอสำหรับอุปกรณ์ขนาดเล็ก เช่น เซ็นเซอร์สวมใส่หรืออุปกรณ์ฝังในร่างกาย และยังสามารถชาร์จแบตเตอรี่ได้ด้วย อีกทีมวิจัยยังพัฒนา US-TENGDF-B ซึ่งเป็น triboelectric nanogenerator ที่ใช้ ultrasound เพื่อผลิตไฟฟ้าได้มากขึ้นจากระยะไกล โดยสามารถสร้างแรงดัน 26 โวลต์ และจ่ายพลังงาน 6.7 มิลลิวัตต์จากระยะ 35 มม. แม้จะอยู่ในสภาพโค้งงอ เทคโนโลยีเหล่านี้เปิดทางให้กับอุปกรณ์ฝังในร่างกาย เช่น pacemaker, neurostimulator หรือแม้แต่โดรนใต้น้ำ ที่สามารถทำงานได้นานขึ้นโดยไม่ต้องผ่าตัดเปลี่ยนแบตเตอรี่หรือชาร์จบ่อย ๆ https://www.neowin.net/news/scientists-summon-ultrasonic-tech-that-charges-devices-through-water-and-even-skin/
    WWW.NEOWIN.NET
    Scientists summon ultrasonic tech that charges devices through water and even skin
    Thanks to new research, an ultrasonic tech has been developed that sneaks through skin and water to wirelessly charge devices.
    0 Comments 0 Shares 71 Views 0 Reviews
  • MSC World Asia เรือสำราญระดับ World-class ลำใหม่ล่าสุดจาก MSC Cruises
    เตรียมเปิดให้บริการเที่ยวแรกในทะเลเมดิเตอร์เรเนียนวันที่ 11 ธันวาคม 2568

    เรือรุ่นที่ 3 ในซีรีส์ “World-class” ต่อจาก MSC World Europa และ MSC World America ใช้พลังงานสะอาด LNG (Liquefied Natural Gas) ลดการปล่อยคาร์บอน พร้อมโครงสร้างรูปตัว “Y” ลานโปรเมอนาดกลางแจ้งขนาดใหญ่ด้านท้ายเรือ ตกแต่งด้วยแรงบันดาลใจจากศิลปะและวัฒนธรรมเอเชีย ทั้งโทนสี ลวดลาย และการจัดวางพื้นที่

    MSC จะไม่ใช่แค่เรือสำราญ แต่เป็น “ประสบการณ์เอเชียบนเรือยุโรป” ที่สะดวกสบายและล้ำสมัย
    ผสมผสาน มรดกวัฒนธรรมโลกเข้ากับเทคโนโลยีเดินเรือระดับสูง สำหรับผู้โดยสารยุคใหม่ที่ต้องการความแปลกใหม่และคุณภาพแบบพรีเมียม

    ดูแพ็คเกจเรือทั้งหมด
    http://cruisedomain.com/
    LINE ID: @CruiseDomain 78s.me/c54029
    Facebook: CruiseDomain 78s.me/b8a121
    Youtube : CruiseDomain 78s.me/8af620
    : 02-1169696

    #เรือMSCCruises #MSCWorldAsia #Worldclass #Mediterranean #MSC #แพ็คเกจล่องเรือ #cruisedomain #News #ข่าวเรือสำราญ #thaitimes #News1 #คิงส์โพธิ์แดง #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ
    🚢 MSC World Asia เรือสำราญระดับ World-class ลำใหม่ล่าสุดจาก MSC Cruises เตรียมเปิดให้บริการเที่ยวแรกในทะเลเมดิเตอร์เรเนียนวันที่ 11 ธันวาคม 2568 🌏 เรือรุ่นที่ 3 ในซีรีส์ “World-class” ต่อจาก MSC World Europa และ MSC World America ใช้พลังงานสะอาด LNG (Liquefied Natural Gas) ลดการปล่อยคาร์บอน พร้อมโครงสร้างรูปตัว “Y” ลานโปรเมอนาดกลางแจ้งขนาดใหญ่ด้านท้ายเรือ ตกแต่งด้วยแรงบันดาลใจจากศิลปะและวัฒนธรรมเอเชีย ทั้งโทนสี ลวดลาย และการจัดวางพื้นที่ MSC จะไม่ใช่แค่เรือสำราญ แต่เป็น “ประสบการณ์เอเชียบนเรือยุโรป” ที่สะดวกสบายและล้ำสมัย ผสมผสาน มรดกวัฒนธรรมโลกเข้ากับเทคโนโลยีเดินเรือระดับสูง สำหรับผู้โดยสารยุคใหม่ที่ต้องการความแปลกใหม่และคุณภาพแบบพรีเมียม ✅ดูแพ็คเกจเรือทั้งหมด http://cruisedomain.com/ LINE ID: @CruiseDomain 78s.me/c54029 Facebook: CruiseDomain 78s.me/b8a121 Youtube : CruiseDomain 78s.me/8af620 ☎️: 02-1169696 #เรือMSCCruises #MSCWorldAsia #Worldclass #Mediterranean #MSC #แพ็คเกจล่องเรือ #cruisedomain #News #ข่าวเรือสำราญ #thaitimes #News1 #คิงส์โพธิ์แดง #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ
    0 Comments 0 Shares 130 Views 0 Reviews
  • ..กลางสิงหา,รวมพลังคนแผ่นดินไทยยึดอำนาจเลย โดยประชาชน เพื่อประชาชน ขึ้นบริหารประเทศในภาวะพิเศษเลย,ทหารพระราชา ต้องวัดใจกับประชาชนต้องพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงจริงเพื่อประเทศชาติ,
    ..ภาคมหาประชาชนคือหนทางเดียว,การเมืองที่นักการเมืองปัจจุบันดำเนินสายการปกครองล้มเหลวสิ้นดีแล้ว,ไม่อาจเชื่อถือและเชื่อมั่นไว้วางใจในอธิปไตยแผ่นดินไทยนี้ได้แล้ว,อังเคิลต้องการอะไรเดี๋ยวจัดให้ก็ชัดเจนในบริบทพรรคการเมืองและพรรคร่วมรัฐบาลแล้ว ตลอดกล่าวอีกว่า ทหารเป็นฝ่ายตรงข้ามเราอีก สมควรจะพูดมั้ย.
    ..พันธมิตรรวมพลังแผ่นดินไทย,จริงๆสมควรเป็นตัวแทนภาคประชาชนยึดอำนาจเลย,โดยทหารพระราชาต้องสนับสนุนเปิดทางออก อย่าเอาตัวเองเข้ามายุ่ง,เป็นเพียงยื่นความสะดวกให้เท่านั้นหรือคืนอำนาจผ่านพันธมิตรรวมพลังแผ่นดินไทยในกลางสิงหาเลย,เสนอรายชื่อนายกฯพระราชทานฉุกเฉินพิเศษก็ได้,จะเกิดรัฐบาลภาคประชาชนทันทีในการเปลี่ยนแปลงครั้งใหม่แล้วเขียนการปกครองเราใหม่ก็ได้เป็นระบบธรรมาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขก็ได้,ตัดทิ้งระบบประชาธิปไตยของฝรั่งที่ส่งออกมานานนมไป,ฝรั่งจะแทรกแซงอ้างเข้ามาสร้างความแตกแยกไม่ได้อีก,เราจะเริ่มเดินถูกทาง,ขึ้นสู่ถนนหนทางที่เหมาะสมราบรื่นจริงทันที,ปัจจุบันทั้งกฎหมายและระบบปกครองไทยเราเต็มไปด้วยภายใต้การเป็นทาสของต่างชาติมิใช่ไทเสรีอะไรใดๆเลย กฎหมายมากมายเป็นทาสฝรั่งนายทุนชัดเจนและกดขี่ประชาชนคนไทยมากกว่า ตลอดเป็นด้วยการสูญเสียทรัพยากรมีค่ามากมายบนแผ่นดินของประเทศไทย,สูญเสียวัตถุดิบบนแผ่นดินไทยตนเองที่จำเป็นต้องบริหารจัดการใช้ในการพัฒนาชาติไทยตนให้ประชาชนมีความผาสุกร่มเย็นไม่ทุกข์ยาก ยากจนเข็ญใจลำเค็ญแบบปัจจุบันนี้.
    ..พันธมิตรคณะรวมพลังแผ่นดินไทยจึงคือหนทางเดี๋ยวจริงๆ,เราสามารถสร้างกองทัพภาคประชาชนเร็วเชิงรุกได้,บูรณาการระดับล่างทำความเข้าใจไม่ยาก เช่น มีสำนักงานประสานงานภาคประชาชนจริงประจำหมู่บ้านทุกๆหมู่บ้านชุมชน 80,000หมู่บ้านทั่วประเทศนี้,ยุบอบต.อบจ.มีแค่อำเภอ.จังหวัดก็พอ,เงินมากมายจะสนับสนุนกองทัพย่อยภาคประชาชนระดับหมู่บ้านทันที ใกล้ชิดปัญหาจริง ขจัดปัญหาได้เร็วเพราะเข้าถึงได้ตรงจุด,มีโครงการอะไร ย้ายมาสำนักงานนี้ทำความเข้าใจชัดตรงจุดแก้ประชาชน.การบริหารประเทศจะก้าวอย่างก้าวกระโดดทันที.
    ..กลางสิงหา,รวมพลังคนแผ่นดินไทยยึดอำนาจเลย โดยประชาชน เพื่อประชาชน ขึ้นบริหารประเทศในภาวะพิเศษเลย,ทหารพระราชา ต้องวัดใจกับประชาชนต้องพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงจริงเพื่อประเทศชาติ, ..ภาคมหาประชาชนคือหนทางเดียว,การเมืองที่นักการเมืองปัจจุบันดำเนินสายการปกครองล้มเหลวสิ้นดีแล้ว,ไม่อาจเชื่อถือและเชื่อมั่นไว้วางใจในอธิปไตยแผ่นดินไทยนี้ได้แล้ว,อังเคิลต้องการอะไรเดี๋ยวจัดให้ก็ชัดเจนในบริบทพรรคการเมืองและพรรคร่วมรัฐบาลแล้ว ตลอดกล่าวอีกว่า ทหารเป็นฝ่ายตรงข้ามเราอีก สมควรจะพูดมั้ย. ..พันธมิตรรวมพลังแผ่นดินไทย,จริงๆสมควรเป็นตัวแทนภาคประชาชนยึดอำนาจเลย,โดยทหารพระราชาต้องสนับสนุนเปิดทางออก อย่าเอาตัวเองเข้ามายุ่ง,เป็นเพียงยื่นความสะดวกให้เท่านั้นหรือคืนอำนาจผ่านพันธมิตรรวมพลังแผ่นดินไทยในกลางสิงหาเลย,เสนอรายชื่อนายกฯพระราชทานฉุกเฉินพิเศษก็ได้,จะเกิดรัฐบาลภาคประชาชนทันทีในการเปลี่ยนแปลงครั้งใหม่แล้วเขียนการปกครองเราใหม่ก็ได้เป็นระบบธรรมาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขก็ได้,ตัดทิ้งระบบประชาธิปไตยของฝรั่งที่ส่งออกมานานนมไป,ฝรั่งจะแทรกแซงอ้างเข้ามาสร้างความแตกแยกไม่ได้อีก,เราจะเริ่มเดินถูกทาง,ขึ้นสู่ถนนหนทางที่เหมาะสมราบรื่นจริงทันที,ปัจจุบันทั้งกฎหมายและระบบปกครองไทยเราเต็มไปด้วยภายใต้การเป็นทาสของต่างชาติมิใช่ไทเสรีอะไรใดๆเลย กฎหมายมากมายเป็นทาสฝรั่งนายทุนชัดเจนและกดขี่ประชาชนคนไทยมากกว่า ตลอดเป็นด้วยการสูญเสียทรัพยากรมีค่ามากมายบนแผ่นดินของประเทศไทย,สูญเสียวัตถุดิบบนแผ่นดินไทยตนเองที่จำเป็นต้องบริหารจัดการใช้ในการพัฒนาชาติไทยตนให้ประชาชนมีความผาสุกร่มเย็นไม่ทุกข์ยาก ยากจนเข็ญใจลำเค็ญแบบปัจจุบันนี้. ..พันธมิตรคณะรวมพลังแผ่นดินไทยจึงคือหนทางเดี๋ยวจริงๆ,เราสามารถสร้างกองทัพภาคประชาชนเร็วเชิงรุกได้,บูรณาการระดับล่างทำความเข้าใจไม่ยาก เช่น มีสำนักงานประสานงานภาคประชาชนจริงประจำหมู่บ้านทุกๆหมู่บ้านชุมชน 80,000หมู่บ้านทั่วประเทศนี้,ยุบอบต.อบจ.มีแค่อำเภอ.จังหวัดก็พอ,เงินมากมายจะสนับสนุนกองทัพย่อยภาคประชาชนระดับหมู่บ้านทันที ใกล้ชิดปัญหาจริง ขจัดปัญหาได้เร็วเพราะเข้าถึงได้ตรงจุด,มีโครงการอะไร ย้ายมาสำนักงานนี้ทำความเข้าใจชัดตรงจุดแก้ประชาชน.การบริหารประเทศจะก้าวอย่างก้าวกระโดดทันที.
    Live "ความจริงมีหนึ่งเดียว" ครั้งที่ 3 ประจำปี 2568 ณ หอประชุมเล็ก ม.ธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์

    คลิกชม https://m.youtube.com/watch?v=jeJPjdQo0KUt
    0 Comments 0 Shares 127 Views 0 Reviews
  • เด็กเต้นแข่งเรือโบราณ ปาคู จาลูร์ ซอฟต์พาวเวอร์อินโดนีเซีย

    กลายเป็นที่ถูกพูดถึงสนั่นโลกโซเชียลฯ และกลายเป็นมีมไปทั่วโลก สำหรับไวรัลสุดน่ารักจากเทศกาลแข่งเรือโบราณ “ปาคู จาลูร์” (Pacu Jalur) บนหมู่เกาะรีเยา (Riau) ทางภาคตะวันออกของเกาะสุมาตรา จรดช่องแคบมะละกา ประเทศอินโดนีเซีย เมื่อเด็กชายรายหนึ่งนามว่า เรย์ยาน อาร์กัน ดิกา (Rayyan Arkan Dikha) หรือ ดิกา (Dikha) วัย 11 ขวบ กลายเป็นจุดสนใจจากลีลาการเต้นบนหัวเรือระหว่างแข่งขัน ในตำแหน่งที่เรียกว่า ตูกัง ตาริ (Tukang Tari) ชุดสีดำเรียบหรู และแว่นกันแดด เปรียบกับแดนเซอร์ ทำหน้าที่ปลุกพลังให้กับฝีพาย ซึ่งเขาทำหน้าที่นี้มาตั้งแต่อายุ 9 ขวบ แถมเพลงที่นำมาประกอบในครั้งนี้ก็เป็นเพลงฮิปฮอป “Young Black & Rich” ของศิลปินชาวอเมริกัน เมลลี ไมค์ (Melly Mike)

    ท่าเต้นของดิกาแพร่กระจายไวอย่างรวดเร็วใน TikTok และ IG พร้อมเกิดกระแสที่เรียกว่า ออรา ฟาร์มมิ่ง (Aura Farming) หรือการเต้นเลียนแบบเพื่อเรียกความสนใจ โดยมีคนดังและสโมสรกีฬาร่วมเทรนด์ เช่น สโมสรฟุตบอลปารีส แซงต์ แชร์กแมง (PSG) ที่โพสต์วิดีโอเลียนแบบพร้อมข้อความว่า “กลิ่นอายได้แผ่ไปถึงปารีสแล้ว” ส่วนเอซี มิลาน เขียนแคปชันสุดฮาว่า “Aura Farming แม่นยำ 1899%” แถมยังมี ทราวิส เคลซ์ นักอเมริกันฟุตบอล แฟนหนุ่มของเทย์เลอร์ สวิฟต์ รวมถึงนักเตะไทย “เจ ชนาธิป สรงกระสินธ์” ก็เข้าร่วมกระแสนี้ด้วย

    ล่าสุด เมลลี ไมค์ ประกาศว่าจะเดินทางมาร่วมงานเทศกาลปาคู จาลูร์ ในปีนี้ด้วยตนเอง ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 20-24 ส.ค. 2568 ขณะที่เด็กชายดิกาได้รับแต่งตั้งเป็นทูตวัฒนธรรมจังหวัดรีเยา และได้รับเชิญให้เดินทางพร้อมครอบครัวไปยังกรุงจาการ์ตา เพื่อเข้าพบรัฐมนตรีด้านวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวของอินโดนีเซีย รวมถึงออกรายการโทรทัศน์ และได้รับทุนการศึกษาจากรัฐบาลอินโดนีเซีย ในฐานะที่ทำให้มรดกทางวัฒนธรรมของอินโดนีเซียเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก

    เทศกาลปาคู จาลูร์ ถือเป็นหนึ่งในมรดกวัฒนธรรมที่สำคัญของอินโดนีเซีย จัดขึ้นที่ริมแม่น้ำอินดรากิรี (Indragiri River) โดยมีการแข่งขันพายเรือจาลูร์ ที่สร้างจากไม้ทั้งท่อน ไม่มีข้อต่อ พร้อมการตกแต่งที่วิจิตรงดงาม ไฮไลต์ของเทศกาลคือการมีนักเต้นแสดงอยู่บนหัวเรือ สร้างสีสันและความตื่นตาตื่นใจให้ผู้ชม มีจุดเริ่มต้นตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษชาวควนซิงในศตวรรษที่ 22 ต่อมาถูกพัฒนาให้เป็นกิจกรรมประเพณี เคยใช้เฉลิมฉลองวันสำคัญทางศาสนา และในสมัยอาณานิคมเนเธอร์แลนด์ก็เคยจัดเพื่อเฉลิมฉลองวันคล้ายวันเกิดของราชินีด้วย ปัจจุบันจัดต่อเนื่องทุกปี และดึงดูดผู้เข้าชมได้มากกว่า 1 ล้านคนต่อปี

    #Newskit
    เด็กเต้นแข่งเรือโบราณ ปาคู จาลูร์ ซอฟต์พาวเวอร์อินโดนีเซีย กลายเป็นที่ถูกพูดถึงสนั่นโลกโซเชียลฯ และกลายเป็นมีมไปทั่วโลก สำหรับไวรัลสุดน่ารักจากเทศกาลแข่งเรือโบราณ “ปาคู จาลูร์” (Pacu Jalur) บนหมู่เกาะรีเยา (Riau) ทางภาคตะวันออกของเกาะสุมาตรา จรดช่องแคบมะละกา ประเทศอินโดนีเซีย เมื่อเด็กชายรายหนึ่งนามว่า เรย์ยาน อาร์กัน ดิกา (Rayyan Arkan Dikha) หรือ ดิกา (Dikha) วัย 11 ขวบ กลายเป็นจุดสนใจจากลีลาการเต้นบนหัวเรือระหว่างแข่งขัน ในตำแหน่งที่เรียกว่า ตูกัง ตาริ (Tukang Tari) ชุดสีดำเรียบหรู และแว่นกันแดด เปรียบกับแดนเซอร์ ทำหน้าที่ปลุกพลังให้กับฝีพาย ซึ่งเขาทำหน้าที่นี้มาตั้งแต่อายุ 9 ขวบ แถมเพลงที่นำมาประกอบในครั้งนี้ก็เป็นเพลงฮิปฮอป “Young Black & Rich” ของศิลปินชาวอเมริกัน เมลลี ไมค์ (Melly Mike) ท่าเต้นของดิกาแพร่กระจายไวอย่างรวดเร็วใน TikTok และ IG พร้อมเกิดกระแสที่เรียกว่า ออรา ฟาร์มมิ่ง (Aura Farming) หรือการเต้นเลียนแบบเพื่อเรียกความสนใจ โดยมีคนดังและสโมสรกีฬาร่วมเทรนด์ เช่น สโมสรฟุตบอลปารีส แซงต์ แชร์กแมง (PSG) ที่โพสต์วิดีโอเลียนแบบพร้อมข้อความว่า “กลิ่นอายได้แผ่ไปถึงปารีสแล้ว” ส่วนเอซี มิลาน เขียนแคปชันสุดฮาว่า “Aura Farming แม่นยำ 1899%” แถมยังมี ทราวิส เคลซ์ นักอเมริกันฟุตบอล แฟนหนุ่มของเทย์เลอร์ สวิฟต์ รวมถึงนักเตะไทย “เจ ชนาธิป สรงกระสินธ์” ก็เข้าร่วมกระแสนี้ด้วย ล่าสุด เมลลี ไมค์ ประกาศว่าจะเดินทางมาร่วมงานเทศกาลปาคู จาลูร์ ในปีนี้ด้วยตนเอง ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 20-24 ส.ค. 2568 ขณะที่เด็กชายดิกาได้รับแต่งตั้งเป็นทูตวัฒนธรรมจังหวัดรีเยา และได้รับเชิญให้เดินทางพร้อมครอบครัวไปยังกรุงจาการ์ตา เพื่อเข้าพบรัฐมนตรีด้านวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวของอินโดนีเซีย รวมถึงออกรายการโทรทัศน์ และได้รับทุนการศึกษาจากรัฐบาลอินโดนีเซีย ในฐานะที่ทำให้มรดกทางวัฒนธรรมของอินโดนีเซียเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก เทศกาลปาคู จาลูร์ ถือเป็นหนึ่งในมรดกวัฒนธรรมที่สำคัญของอินโดนีเซีย จัดขึ้นที่ริมแม่น้ำอินดรากิรี (Indragiri River) โดยมีการแข่งขันพายเรือจาลูร์ ที่สร้างจากไม้ทั้งท่อน ไม่มีข้อต่อ พร้อมการตกแต่งที่วิจิตรงดงาม ไฮไลต์ของเทศกาลคือการมีนักเต้นแสดงอยู่บนหัวเรือ สร้างสีสันและความตื่นตาตื่นใจให้ผู้ชม มีจุดเริ่มต้นตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษชาวควนซิงในศตวรรษที่ 22 ต่อมาถูกพัฒนาให้เป็นกิจกรรมประเพณี เคยใช้เฉลิมฉลองวันสำคัญทางศาสนา และในสมัยอาณานิคมเนเธอร์แลนด์ก็เคยจัดเพื่อเฉลิมฉลองวันคล้ายวันเกิดของราชินีด้วย ปัจจุบันจัดต่อเนื่องทุกปี และดึงดูดผู้เข้าชมได้มากกว่า 1 ล้านคนต่อปี #Newskit
    Like
    Love
    2
    0 Comments 0 Shares 173 Views 0 Reviews
  • นี่คือ "บูร์กินาฟาโซ" ประเทศที่ปกครองโดย "ทหาร" หลังโค่นล้มอำนาจจากผู้นำประชาธิปไตยคนก่อนที่มีแต่การคอรัปชั่นและฝักใฝ่ตะวันตกโดยเฉพาะฝรั่งเศส

    ร้อยเอกอิบราฮิม ตราโอเร (Captain Ibrahim Traore) ผู้นำของประเทศ ใช้เวลาไม่ถึง 3 ปี หลังจากโค่นอำนาจจากรัฐบาลชุดก่อน และพลิกโฉมบูร์กินาฟาโซ โดยเลิกอิงแอบจักรวรรดินิยมแห่งฝรั่งเศส โดยนำความหวังใหม่ที่หมุ่งทำเพื่อพลเมืองชาวบูร์กินาฟาโซอย่างแท้จริง

    รัฐบาลทหารของตราโอเร ประกาศสร้างคลองยาว 78 กิโลเมตร ซึ่งยาวที่สุดในแอฟริกาตะวันตก เพื่อเสริมสร้างระบบชลประทานในประเทศให้มีศักยภาพในการผลิตอาหาร 50,000 ตัน

    เขายังได้สร้างสนามบินแห่งใหม่ เพื่อรองรับนักลงทุนเข้ามาพัฒนาประเทศ

    เริ่มโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็นให้กับพลเมือง ทั้งด้านที่อยู่อาศัย และพลังงานไฟฟ้า




    นี่คือ "บูร์กินาฟาโซ" ประเทศที่ปกครองโดย "ทหาร" หลังโค่นล้มอำนาจจากผู้นำประชาธิปไตยคนก่อนที่มีแต่การคอรัปชั่นและฝักใฝ่ตะวันตกโดยเฉพาะฝรั่งเศส ร้อยเอกอิบราฮิม ตราโอเร (Captain Ibrahim Traore) ผู้นำของประเทศ ใช้เวลาไม่ถึง 3 ปี หลังจากโค่นอำนาจจากรัฐบาลชุดก่อน และพลิกโฉมบูร์กินาฟาโซ โดยเลิกอิงแอบจักรวรรดินิยมแห่งฝรั่งเศส โดยนำความหวังใหม่ที่หมุ่งทำเพื่อพลเมืองชาวบูร์กินาฟาโซอย่างแท้จริง รัฐบาลทหารของตราโอเร ประกาศสร้างคลองยาว 78 กิโลเมตร ซึ่งยาวที่สุดในแอฟริกาตะวันตก เพื่อเสริมสร้างระบบชลประทานในประเทศให้มีศักยภาพในการผลิตอาหาร 50,000 ตัน เขายังได้สร้างสนามบินแห่งใหม่ เพื่อรองรับนักลงทุนเข้ามาพัฒนาประเทศ เริ่มโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็นให้กับพลเมือง ทั้งด้านที่อยู่อาศัย และพลังงานไฟฟ้า
    Like
    3
    0 Comments 0 Shares 202 Views 0 Reviews
More Results