• เล่าข่าวTikTok@mgronline #mgronline #ผู้จัดการ #news1 #sondhitalk #กาสิโน #บ่อน #เพื่อไทย #ว่างว่างก็แวะมา
    เล่าข่าวTikTok@mgronline #mgronline #ผู้จัดการ #news1 #sondhitalk #กาสิโน #บ่อน #เพื่อไทย #ว่างว่างก็แวะมา
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 49 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • 5 ปี โศกนาฏกรรมโคราช จ่าสรรพาวุธคลั่ง กราดยิงเสียชีวิต 31 ศพ บาดเจ็บ 58 คน

    📅 ย้อนรอยเหตุการณ์ โศกนาฏกรรมกราดยิงโคราช ที่เกิดขึ้นเมื่อ 5 ปี ที่ผ่านมา วันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2563 ซึ่งเป็นหนึ่งในเหตุการณ์ สะเทือนขวัญที่สุดในประวัติศาสตร์ไทย จ่าสิบเอกจักรพันธ์ ถมมา ทหารสังกัดกองพันสรรพาวุธกระสุนที่ 22 กองบัญชาการช่วยรบที่ 2 ค่ายสุรธรรมพิทักษ์ ได้ก่อเหตุกราดยิงผู้บริสุทธิ์ ในตัวเมืองนครราชสีมา มีผู้เสียชีวิตรวม 31 ศพ รวมตัวผู้ก่อเหตุ และบาดเจ็บ 58 ราย

    เหตุการณ์นี้ ไม่เพียงสร้างความสูญเสีย ให้กับครอบครัวผู้เคราะห์ร้ายเท่านั้น แต่ยังนำไปสู่คำถาม เกี่ยวกับระบบสวัสดิการทหาร ความโปร่งใสของกองทัพ และการควบคุมอาวุธ ของเจ้าหน้าที่รัฐ 🔥

    📌 สาเหตุที่นำไปสู่โศกนาฏกรรม
    จากการสอบสวน พบว่าสาเหตุหลักที่ทำให้ จ.ส.อ. จักรพันธ์ ก่อเหตุในครั้งนี้ เกิดจากปัญหาการเงิน และความขัดแย้ง ในการซื้อบ้านสวัสดิการทหาร 🚪🏡

    🔹 ปมปัญหาซื้อบ้านสวัสดิการ
    จ.ส.อ. จักรพันธ์ ซื้อบ้านจากโครงการสวัสดิการทหาร ในราคา 1,500,000 บาท และมอบหมายให้ นางอนงค์ มิตรจันทร์ ภรรยาของ พ.อ. อนันต์ฐโรจน์ กระแสร์ ผู้บังคับบัญชาของเขา เป็นผู้จัดการเรื่องการตกแต่งบ้าน และเอกสารการซื้อขาย

    🔹 ความขัดแย้งเรื่องเงินส่วนต่าง
    เมื่อดำเนินเรื่องเสร็จสิ้น พบว่ามีเงินเหลือ 50,000 บาท ซึ่งถูกส่งไปให้นายหน้าที่ชื่อ นายพิทยา จ.ส.อ. จักรพันธ์ จึงเรียกร้องขอเงินคืน แต่กลับพบว่าเงินก้อนนี้หมดไปแล้ว โดยก่อนหน้านี้เขาเข้าใจว่า ตนเองจะได้เงินคืนสูงถึง 400,000 บาท

    🔹 การพูดคุยที่ล้มเหลว
    เมื่อมีการนัดเจรจากัน นายพิทยา ขอเวลาเพื่อหาเงินคืน แต่จำนวนเงินที่ตกลงกัน ไม่ได้เป็นไปตามที่ จ.ส.อ. จักรพันธ์ คาดหวัง ทำให้เขารู้สึกว่า ตนเองถูกโกง และไม่ได้รับความเป็นธรรม

    นี่เป็นจุดเริ่มต้น ที่นำไปสู่การสังหารโหด... 🔫

    ⏳ จากปมปัญหา สู่โศกนาฏกรรม
    🔴 จุดเริ่มต้น ก่อเหตุที่บ้านพัก
    📍 เวลา 15.30 น. จ.ส.อ. จักรพันธ์ เดินทางไปบ้านของ พ.อ. อนันต์ฐโรจน์ และใช้อาวุธปืนยิง พ.อ. อนันต์ฐโรจน์ และนางอนงค์ มิตรจันทร์ จนเสียชีวิต จากนั้นไล่ยิงนายพิทยา (นายหน้า) แต่เขาหลบหนีไปได้

    🔴 จุดที่สอง ค่ายทหารสุรธรรมพิทักษ์
    📍 เวลา 16.00 น. จ.ส.อ. จักรพันธ์ เดินทางไปที่ค่ายสุรธรรมพิทักษ์ และชิงอาวุธสงคราม จากคลังแสง ซึ่งรวมถึงปืน HK33, ปืนกล M60 และกระสุนจำนวนมาก โดยในระหว่างนี้ มีการยิงทหารเวร และเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย เสียชีวิต 1 นาย และบาดเจ็บอีก 1 นาย

    🔴 จุดที่สาม กราดยิงตามถนนโคราช
    📍 ระหว่างทางจากค่ายทหาร ไปยังห้างเทอร์มินอล 21
    จ.ส.อ. จักรพันธ์ ขับรถฮัมวี ออกจากค่ายทหาร กราดยิงผู้คนตามทาง เสียชีวิต 9 ศพ มีผู้ที่ถูกยิงขณะอยู่บนรถ และมีนักเรียนที่ขับจักรยานยนต์ถูกยิงซ้ำ เจ้าหน้าที่ตำรวจ 2 นาย ถูกยิงเสียชีวิต ขณะกำลังเข้าควบคุมสถานการณ์

    🔴 จุดสุดท้าย ห้างเทอร์มินอล 21 โคราช
    📍 เวลา 17.30 น. จ.ส.อ. จักรพันธ์ เข้าไปภายในห้าง และเริ่มกราดยิงผู้คน
    📍 จับตัวประกันกว่า 16 คน และถ่ายทอดสดเหตุการณ์ ลงบนเฟซบุ๊กของตัวเอง 😨
    📍 เกิดเหตุระเบิด และไฟไหม้ภายในห้าง เนื่องจากเขายิงถังแก๊ส
    📍 เวลา 09.14 น. เช้าวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2563 หน่วยอรินทราช 26 วิสามัญฆาตกรรม จ.ส.อ. จักรพันธ์ ที่ ชั้นใต้ดินของห้าง

    ⚖️ บทเรียนจากเหตุการณ์กราดยิงโคราช
    เหตุการณ์นี้นำไปสู่คำถามสำคัญเกี่ยวกับ...
    🔹 การจัดการอาวุธของกองทัพ เหตุใดทหารชั้นผู้น้อย สามารถเข้าถึงอาวุธสงคราม ได้ง่ายขนาดนี้?
    🔹 สวัสดิการทหาร และความโปร่งใสของกองทัพ มีปัญหาเรื่อง "เงินทอน" จริงหรือไม่?
    🔹 บทบาทของสื่อมวลชน การรายงานข่าว ในลักษณะที่เปิดเผยข้อมูล การปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ ส่งผลกระทบต่อการควบคุมสถานการณ์
    🔹 ผลกระทบทางจิตวิทยาต่อสังคม เหตุการณ์นี้ สร้างความหวาดกลัว และกระตุ้นให้เกิดคำถาม เกี่ยวกับความปลอดภัย ในที่สาธารณะ

    📍 สรุปเหตุการณ์ และจำนวนผู้เสียชีวิต
    📌 ผู้เสียชีวิตทั้งหมด 31 ศพ รวมผู้ก่อเหตุ
    📌 ผู้บาดเจ็บ 58 ราย

    🔸 พื้นที่ที่มีผู้เสียชีวิตมากที่สุด
    ห้างเทอร์มินอล 21
    เส้นทางจากค่ายทหาร ไปยังตัวเมือง

    🔗 มาตรการ และการเปลี่ยนแปลงหลังเหตุการณ์
    📌 กองทัพบกได้ประกาศมาตรการใหม่
    - ควบคุมการเข้าถึงอาวุธของทหาร
    - ทบทวนโครงการสวัสดิการทหาร
    - สอบสวนขบวนการ "เงินทอน" ที่เกี่ยวข้อง

    📌 รัฐบาลและสื่อมวลชน
    - กสทช. สั่งปรับสถานีโทรทัศน์ 3 ช่อง ฐานละเมิดข้อกำหนดการรายงานข่าว
    - เฟซบุ๊กลบวิดีโอถ่ายทอดสด และโพสต์ของผู้ก่อเหตุ

    📍 ครบ 5 ปี ของเหตุการณ์นี้ ยังคงเป็นเครื่องเตือนใจ ถึงปัญหาหลายประเด็น ที่ต้องได้รับการแก้ไข ทั้งในเรื่องความโปร่งใสของกองทัพ ระบบสวัสดิการของทหาร และบทบาทของสื่อมวลชน

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 082315ก.พ. 2568

    📢 #กราดยิงโคราช #KoratShooting #โศกนาฏกรรมโคราช #ความปลอดภัยในที่สาธารณะ #บทเรียนจากอดีต
    5 ปี โศกนาฏกรรมโคราช จ่าสรรพาวุธคลั่ง กราดยิงเสียชีวิต 31 ศพ บาดเจ็บ 58 คน 📅 ย้อนรอยเหตุการณ์ โศกนาฏกรรมกราดยิงโคราช ที่เกิดขึ้นเมื่อ 5 ปี ที่ผ่านมา วันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2563 ซึ่งเป็นหนึ่งในเหตุการณ์ สะเทือนขวัญที่สุดในประวัติศาสตร์ไทย จ่าสิบเอกจักรพันธ์ ถมมา ทหารสังกัดกองพันสรรพาวุธกระสุนที่ 22 กองบัญชาการช่วยรบที่ 2 ค่ายสุรธรรมพิทักษ์ ได้ก่อเหตุกราดยิงผู้บริสุทธิ์ ในตัวเมืองนครราชสีมา มีผู้เสียชีวิตรวม 31 ศพ รวมตัวผู้ก่อเหตุ และบาดเจ็บ 58 ราย เหตุการณ์นี้ ไม่เพียงสร้างความสูญเสีย ให้กับครอบครัวผู้เคราะห์ร้ายเท่านั้น แต่ยังนำไปสู่คำถาม เกี่ยวกับระบบสวัสดิการทหาร ความโปร่งใสของกองทัพ และการควบคุมอาวุธ ของเจ้าหน้าที่รัฐ 🔥 📌 สาเหตุที่นำไปสู่โศกนาฏกรรม จากการสอบสวน พบว่าสาเหตุหลักที่ทำให้ จ.ส.อ. จักรพันธ์ ก่อเหตุในครั้งนี้ เกิดจากปัญหาการเงิน และความขัดแย้ง ในการซื้อบ้านสวัสดิการทหาร 🚪🏡 🔹 ปมปัญหาซื้อบ้านสวัสดิการ จ.ส.อ. จักรพันธ์ ซื้อบ้านจากโครงการสวัสดิการทหาร ในราคา 1,500,000 บาท และมอบหมายให้ นางอนงค์ มิตรจันทร์ ภรรยาของ พ.อ. อนันต์ฐโรจน์ กระแสร์ ผู้บังคับบัญชาของเขา เป็นผู้จัดการเรื่องการตกแต่งบ้าน และเอกสารการซื้อขาย 🔹 ความขัดแย้งเรื่องเงินส่วนต่าง เมื่อดำเนินเรื่องเสร็จสิ้น พบว่ามีเงินเหลือ 50,000 บาท ซึ่งถูกส่งไปให้นายหน้าที่ชื่อ นายพิทยา จ.ส.อ. จักรพันธ์ จึงเรียกร้องขอเงินคืน แต่กลับพบว่าเงินก้อนนี้หมดไปแล้ว โดยก่อนหน้านี้เขาเข้าใจว่า ตนเองจะได้เงินคืนสูงถึง 400,000 บาท 🔹 การพูดคุยที่ล้มเหลว เมื่อมีการนัดเจรจากัน นายพิทยา ขอเวลาเพื่อหาเงินคืน แต่จำนวนเงินที่ตกลงกัน ไม่ได้เป็นไปตามที่ จ.ส.อ. จักรพันธ์ คาดหวัง ทำให้เขารู้สึกว่า ตนเองถูกโกง และไม่ได้รับความเป็นธรรม นี่เป็นจุดเริ่มต้น ที่นำไปสู่การสังหารโหด... 🔫 ⏳ จากปมปัญหา สู่โศกนาฏกรรม 🔴 จุดเริ่มต้น ก่อเหตุที่บ้านพัก 📍 เวลา 15.30 น. จ.ส.อ. จักรพันธ์ เดินทางไปบ้านของ พ.อ. อนันต์ฐโรจน์ และใช้อาวุธปืนยิง พ.อ. อนันต์ฐโรจน์ และนางอนงค์ มิตรจันทร์ จนเสียชีวิต จากนั้นไล่ยิงนายพิทยา (นายหน้า) แต่เขาหลบหนีไปได้ 🔴 จุดที่สอง ค่ายทหารสุรธรรมพิทักษ์ 📍 เวลา 16.00 น. จ.ส.อ. จักรพันธ์ เดินทางไปที่ค่ายสุรธรรมพิทักษ์ และชิงอาวุธสงคราม จากคลังแสง ซึ่งรวมถึงปืน HK33, ปืนกล M60 และกระสุนจำนวนมาก โดยในระหว่างนี้ มีการยิงทหารเวร และเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย เสียชีวิต 1 นาย และบาดเจ็บอีก 1 นาย 🔴 จุดที่สาม กราดยิงตามถนนโคราช 📍 ระหว่างทางจากค่ายทหาร ไปยังห้างเทอร์มินอล 21 จ.ส.อ. จักรพันธ์ ขับรถฮัมวี ออกจากค่ายทหาร กราดยิงผู้คนตามทาง เสียชีวิต 9 ศพ มีผู้ที่ถูกยิงขณะอยู่บนรถ และมีนักเรียนที่ขับจักรยานยนต์ถูกยิงซ้ำ เจ้าหน้าที่ตำรวจ 2 นาย ถูกยิงเสียชีวิต ขณะกำลังเข้าควบคุมสถานการณ์ 🔴 จุดสุดท้าย ห้างเทอร์มินอล 21 โคราช 📍 เวลา 17.30 น. จ.ส.อ. จักรพันธ์ เข้าไปภายในห้าง และเริ่มกราดยิงผู้คน 📍 จับตัวประกันกว่า 16 คน และถ่ายทอดสดเหตุการณ์ ลงบนเฟซบุ๊กของตัวเอง 😨 📍 เกิดเหตุระเบิด และไฟไหม้ภายในห้าง เนื่องจากเขายิงถังแก๊ส 📍 เวลา 09.14 น. เช้าวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2563 หน่วยอรินทราช 26 วิสามัญฆาตกรรม จ.ส.อ. จักรพันธ์ ที่ ชั้นใต้ดินของห้าง ⚖️ บทเรียนจากเหตุการณ์กราดยิงโคราช เหตุการณ์นี้นำไปสู่คำถามสำคัญเกี่ยวกับ... 🔹 การจัดการอาวุธของกองทัพ เหตุใดทหารชั้นผู้น้อย สามารถเข้าถึงอาวุธสงคราม ได้ง่ายขนาดนี้? 🔹 สวัสดิการทหาร และความโปร่งใสของกองทัพ มีปัญหาเรื่อง "เงินทอน" จริงหรือไม่? 🔹 บทบาทของสื่อมวลชน การรายงานข่าว ในลักษณะที่เปิดเผยข้อมูล การปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ ส่งผลกระทบต่อการควบคุมสถานการณ์ 🔹 ผลกระทบทางจิตวิทยาต่อสังคม เหตุการณ์นี้ สร้างความหวาดกลัว และกระตุ้นให้เกิดคำถาม เกี่ยวกับความปลอดภัย ในที่สาธารณะ 📍 สรุปเหตุการณ์ และจำนวนผู้เสียชีวิต 📌 ผู้เสียชีวิตทั้งหมด 31 ศพ รวมผู้ก่อเหตุ 📌 ผู้บาดเจ็บ 58 ราย 🔸 พื้นที่ที่มีผู้เสียชีวิตมากที่สุด ห้างเทอร์มินอล 21 เส้นทางจากค่ายทหาร ไปยังตัวเมือง 🔗 มาตรการ และการเปลี่ยนแปลงหลังเหตุการณ์ 📌 กองทัพบกได้ประกาศมาตรการใหม่ - ควบคุมการเข้าถึงอาวุธของทหาร - ทบทวนโครงการสวัสดิการทหาร - สอบสวนขบวนการ "เงินทอน" ที่เกี่ยวข้อง 📌 รัฐบาลและสื่อมวลชน - กสทช. สั่งปรับสถานีโทรทัศน์ 3 ช่อง ฐานละเมิดข้อกำหนดการรายงานข่าว - เฟซบุ๊กลบวิดีโอถ่ายทอดสด และโพสต์ของผู้ก่อเหตุ 📍 ครบ 5 ปี ของเหตุการณ์นี้ ยังคงเป็นเครื่องเตือนใจ ถึงปัญหาหลายประเด็น ที่ต้องได้รับการแก้ไข ทั้งในเรื่องความโปร่งใสของกองทัพ ระบบสวัสดิการของทหาร และบทบาทของสื่อมวลชน ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 082315ก.พ. 2568 📢 #กราดยิงโคราช #KoratShooting #โศกนาฏกรรมโคราช #ความปลอดภัยในที่สาธารณะ #บทเรียนจากอดีต
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 202 มุมมอง 0 รีวิว
  • บัณทิตหลวงระดับจวี่เหริน

    วันนี้มาคุยกันเกี่ยวกับเกร็ดจากละครเรื่อง <ยอดขุนนางหญิงเจ้าเสน่ห์> เพื่อนเพจที่ได้ดูละครเรื่องนี้อาจพอจำได้ว่า ในตอนแรกๆ ที่นางเอกถูกตามไปสอบปากคำเมื่อเกิดเหตุมีนางคณิกาเสียชีวิต นางได้บอกกับสาวใช้ว่า “บัณฑิตหลวงระดับจวี่เหรินเมื่อพบเห็นขุนนาง ไม่ต้องคุกเข่า” (举人见官不下跪) (หมายเหตุ Storyฯ แปลเองจ้า) ไม่รู้ว่ามีใครเกิดความ ‘เอ๊ะ’ เหมือน Storyฯ หรือไม่ว่า มีกฎอย่างนี้ด้วยหรือ?

    ก่อนอื่นเรามาทำความเข้าใจเกี่ยวกับ ‘จวี่เหริน / 举人’ และระบบการสอบขุนนาง

    การสอบขุนนางหรือ ‘เคอจวี่’ ในสมัยโบราณหรือที่เรียกอย่างง่ายว่าสอบจอหงวนนั้น คือการสอบส่วนกลางเพื่อคัดเลือกคนที่จะเข้ามารับราชการ ซึ่งหนทางการสอบเคอจวี่นั้นยาวไกลและกฎกติกาเปลี่ยนไปในแต่ละยุคสมัย เรื่อง <ยอดขุนนางหญิงเจ้าเสน่ห์> เป็นเรื่องราวในราชวงศ์สมมุติ แต่ดูจากการแต่งกายและเนื้อหาแล้ว พอเปรียบเทียบได้กับสมัยราชวงศ์ถัง ดังนั้นเรามาคุยกันเกี่ยวกับการสอบเคอจวี่ในสมัยถัง

    การสอบเคอจวี่ในสมัยถังมีความแตกต่างจากสมัยอื่นที่เพื่อนเพจบางท่านอาจเคยผ่านตา ความแตกต่างนี้ก็คือมีการจัดสอบทุกปีและไม่มีการสอบระดับซิ่วไฉ (秀才) ทั้งนี้ ในสมัยอื่นนั้น การสอบซิ่วไฉคือรอบคัดเลือกระดับท้องถิ่นก่อนจะไปสอบต่อในระดับภูมิภาค/มณฑล แต่ในสมัยถังตอนต้นเมื่อกล่าวถึง ‘ซิ่วไฉ’ นั้น ไม่ได้หมายถึงวุฒิหรือรอบการสอบ แต่เป็นการเรียกหนึ่งในแขนงวิชาความรู้ทั่วไปที่ต้องสอบ ต่อมาในสมัยปลายถังวิชานี้ถูกยุบไปรวมกับวิชาอื่นและคำว่า ‘ซิ่วไฉ’ กลายเป็นคำที่ใช้เรียกคนที่มีการศึกษาทั่วไป จวบจนสมัยซ่งคำนี้จึงกลับมาเป็นคำเรียกวุฒิการสอบคัดเลือกอีกครั้ง

    ในสมัยราชวงศ์ถัง การสอบจอหงวนมี 2 ระดับ คือ
    1) การสอบคัดเลือกระดับภูมิภาค/มณฑลหรือที่เรียกว่า ‘เซียงซื่อ’ (乡试) จัดทุกปีในฤดูใบไม้ร่วงช่วงประมาณเดือนสิบ ซึ่งคนทั่วไปสามารถสมัครชื่อเข้าสอบในแต่ละพื้นที่ได้เลย และผู้ที่สอบผ่านรอบนี้จะมีสถานะเป็นบัณฑิตหลวงระดับ ‘จวี่เหริน’ (举人) จากนั้นจะได้รับการเสนอชื่อโดยฝ่ายปกครองพื้นที่ให้ไปสอบต่อในระดับต่อไปที่เมืองหลวง โดยกำหนดโควต้าจำนวนคนที่ได้รับการเสนอชื่อไว้ 1-3 คนต่อพื้นที่ ทั้งนี้ แล้วแต่ขนาดของพื้นที่ แต่สามารถเสนอเพิ่มได้หากมีคนที่มีความรู้ความสามารถโดดเด่นเกินจำนวนโควต้า ซึ่งคนที่ได้รับการเสนอชื่อผ่านกระบวนการนี้จะเรียกรวมว่า ‘เซียงก้ง’ (乡贡)

    อนึ่ง มีกำหนดไว้ว่าฝ่ายปกครองพื้นที่ไม่สามารถเสนอชื่อบุคคลต้องห้ามเข้าเป็นเซียงก้งได้ ซึ่งหมายรวมถึง คนที่มาจากครอบครัวนายช่างและพ่อค้า (Storyฯ เคยกล่าวถึงแล้วในบทความสัปดาห์ที่แล้ว); คนที่มีสถานะเป็นเจี้ยนหมินหรือชนชั้นต่ำ เช่นทาส ลูกหลานนักโทษ ฯลฯ; นักบวช นักพรต; นักโทษ ; คนที่มีชื่อเสียงไม่ดี; ผู้ป่วยเป็นโรคร้ายหรือพิการบางอย่าง เช่นตาบอด หูหนวก; ฯลฯ แต่ข้อห้ามเหล่านี้มีการผ่อนคลายไปตามยุคสมัย

    นอกจากนี้ เนื่องจากในสมัยถังมีการก่อตั้งสถาบันการศึกษาหลวงมากมายหลายระดับตามพื้นที่ต่างๆ นักเรียนที่เข้าเรียนในสถานการศึกษาหลวงจนถึงระดับสูงสุดและสอบผ่านสำเร็จการศึกษาก็จะได้วุฒิเทียบเท่าเป็นจวี่เหรินนี้เช่นกัน และผู้ที่จะได้เข้าสอบในรอบถัดไปก็จะผ่านการเสนอชื่อโดยสถาบันนั้นๆ คนที่ได้รับการเสนอชื่อผ่านกระบวนการนี้เรียกว่า ‘เซิงถู’ (生徒)

    2) ลำดับถัดมาคือการสอบที่เมืองหลวงหรือเรียกว่า ‘เสิ่งซื่อ’ (省试) ซึ่งเรียกย่อมาจากหน่วยงานซ่างซูเสิ่งซึ่งเป็นผู้จัดการสอบนี้ เป็นการสอบทุกปีอีกเช่นกัน จัดขึ้นที่เมืองหลวงฉางอันในช่วงประมาณเดือนสอง ผู้มีสิทธิเข้าสอบคือเซียงก้งและเซิงถูตามที่กล่าวมาข้างต้น ผู้สอบผ่านรอบนี้จะมีสถานะเป็นบัณฑิตหลวงระดับ ‘จิ้นซื่อ’ (进士) และผู้ที่สอบได้ลำดับสูงสุดคือจอหงวน

    แต่... ในละครเราจะเห็นการสอบรอบสุดท้ายเป็นการสอบหน้าพระที่นั่งฮ่องเต้ หรือที่เรียกว่า ‘เตี้ยนซื่อ’ (殿试) ซึ่งบางข้อมูลบอกว่าริเริ่มในสมัยราชวงศ์ถัง เพราะปรากฏมีฮ่องเต้บางองค์ทรงคุมสอบด้วยองค์เอง และบางข้อมูลบอกว่าเริ่มในสมัยซ่งเพราะนั่นคือสมัยที่มีการจัดการสอบรอบดังกล่าวเข้าเป็นหลักสูตรและขั้นตอนการสอบอย่างเป็นทางการ

    Storyฯ เลยสรุปเป็นผังไว้ให้ดูในรูปประกอบว่า ในกรณีที่มีการสอบเตี้ยนซื่อนี้เพิ่มเข้ามา ผู้ที่สอบผ่านระดับเสิ่งซื่อจะมีสถานะเป็นบัณฑิตหลวงระดับ ‘ก้งซื่อ’ (贡士) และผู้ที่สอบได้ที่หนึ่งจะเรียกว่า ‘ฮุ่ยหยวน’ (会元) และผู้ที่สอบผ่านรอบเตี้ยนซื่อจะมีสถานะเป็นบัณฑิตหลวงระดับ ‘จิ้นซื่อ’ (进士) และผู้ที่สอบได้ลำดับสูงสุดคือจอหงวน (หรือในสำเนียงจีนกลางคือ จ้วงหยวน)

    ทั้งนี้ ผู้ที่เป็นจิ้นซื่อทุกคนจะได้รับการขึ้นบัญชีเพื่อรอการเรียกบรรจุเข้ารับราชการในราชสำนัก (คือยังไม่ถือว่าเป็นขุนนางจนกว่าจะได้รับการบรรจุและแต่งตั้ง) ซึ่งในการบรรจุเข้าราชสำนักจะมีการสอบเพิ่มเพื่อคัดสรรไปหน่วยงานที่เหมาะสม โดยเป็นกระบวนการที่อาจใช้เวลาอีกนานเป็นปี

    ดังนั้น บัณฑิตหลวงระดับจวี่เหรินที่กล่าวในวลีที่ว่า “บัณฑิตหลวงระดับจวี่เหรินเมื่อพบเห็นขุนนาง ไม่ต้องคุกเข่า” นี้คือบันฑิตหลวงที่สอบผ่านในระดับภูมิภาค/มณฑลแล้ว

    ในสมัยถังนั้น จวี่เหรินมีอภิสิทธิ์อย่างนี้จริงหรือไม่ Storyฯ ก็หาข้อมูลไม่พบ แต่ในสมัยราชวงศ์หมิงและชิงมีกล่าวถึงว่า ‘จวี่เหริน’ นี้นับได้ว่าเป็นตำแหน่งทางการที่กำหนดขึ้นโดยราชสำนัก ซึ่งถือว่าไม่ด้อยไปกว่าตำแหน่งข้าราชการท้องถิ่น และบัณฑิตหลวงระดับจวี่เหรินสามารถเข้ารับการบรรจุเป็นข้าราชการท้องถิ่นได้เลยหากมีตำแหน่งว่างที่เหมาะสม ดังนั้นหนึ่งในอภิสิทธิ์ที่มีคือ เมื่อได้พบขุนนางระดับท้องถิ่นจึงไม่ต้องคุกเข่า

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory)

    หมายเหตุ มีการลบลิ้งค์ข้อมูลบางลิ้งค์ออกไปเนื่องจากติดปัญหากับเฟสค่ะ

    Credit รูปภาพจาก: https://fashion.ettoday.net/news/2573514
    Credit ข้อมูลรวบรวมจาก:
    https://baike.baidu.com/item/省试/7492071
    https://baike.baidu.com/item/秀才/14691374
    https://baike.baidu.com/item/乡贡/8989904
    https://core.ac.uk/download/41444977.pdf
    https://ctext.org/wiki.pl?if=gb&chapter=999762&remap=gb
    https://kknews.cc/history/ekkz4ry.html

    #ยอดขุนนางหญิงเจ้าเสน่ห์ #บัณฑิตหลวง #จวี่เหริน #สอบขุนนาง #สอบเคอจวี่ #ราชวงศ์ถัง
    บัณทิตหลวงระดับจวี่เหริน วันนี้มาคุยกันเกี่ยวกับเกร็ดจากละครเรื่อง <ยอดขุนนางหญิงเจ้าเสน่ห์> เพื่อนเพจที่ได้ดูละครเรื่องนี้อาจพอจำได้ว่า ในตอนแรกๆ ที่นางเอกถูกตามไปสอบปากคำเมื่อเกิดเหตุมีนางคณิกาเสียชีวิต นางได้บอกกับสาวใช้ว่า “บัณฑิตหลวงระดับจวี่เหรินเมื่อพบเห็นขุนนาง ไม่ต้องคุกเข่า” (举人见官不下跪) (หมายเหตุ Storyฯ แปลเองจ้า) ไม่รู้ว่ามีใครเกิดความ ‘เอ๊ะ’ เหมือน Storyฯ หรือไม่ว่า มีกฎอย่างนี้ด้วยหรือ? ก่อนอื่นเรามาทำความเข้าใจเกี่ยวกับ ‘จวี่เหริน / 举人’ และระบบการสอบขุนนาง การสอบขุนนางหรือ ‘เคอจวี่’ ในสมัยโบราณหรือที่เรียกอย่างง่ายว่าสอบจอหงวนนั้น คือการสอบส่วนกลางเพื่อคัดเลือกคนที่จะเข้ามารับราชการ ซึ่งหนทางการสอบเคอจวี่นั้นยาวไกลและกฎกติกาเปลี่ยนไปในแต่ละยุคสมัย เรื่อง <ยอดขุนนางหญิงเจ้าเสน่ห์> เป็นเรื่องราวในราชวงศ์สมมุติ แต่ดูจากการแต่งกายและเนื้อหาแล้ว พอเปรียบเทียบได้กับสมัยราชวงศ์ถัง ดังนั้นเรามาคุยกันเกี่ยวกับการสอบเคอจวี่ในสมัยถัง การสอบเคอจวี่ในสมัยถังมีความแตกต่างจากสมัยอื่นที่เพื่อนเพจบางท่านอาจเคยผ่านตา ความแตกต่างนี้ก็คือมีการจัดสอบทุกปีและไม่มีการสอบระดับซิ่วไฉ (秀才) ทั้งนี้ ในสมัยอื่นนั้น การสอบซิ่วไฉคือรอบคัดเลือกระดับท้องถิ่นก่อนจะไปสอบต่อในระดับภูมิภาค/มณฑล แต่ในสมัยถังตอนต้นเมื่อกล่าวถึง ‘ซิ่วไฉ’ นั้น ไม่ได้หมายถึงวุฒิหรือรอบการสอบ แต่เป็นการเรียกหนึ่งในแขนงวิชาความรู้ทั่วไปที่ต้องสอบ ต่อมาในสมัยปลายถังวิชานี้ถูกยุบไปรวมกับวิชาอื่นและคำว่า ‘ซิ่วไฉ’ กลายเป็นคำที่ใช้เรียกคนที่มีการศึกษาทั่วไป จวบจนสมัยซ่งคำนี้จึงกลับมาเป็นคำเรียกวุฒิการสอบคัดเลือกอีกครั้ง ในสมัยราชวงศ์ถัง การสอบจอหงวนมี 2 ระดับ คือ 1) การสอบคัดเลือกระดับภูมิภาค/มณฑลหรือที่เรียกว่า ‘เซียงซื่อ’ (乡试) จัดทุกปีในฤดูใบไม้ร่วงช่วงประมาณเดือนสิบ ซึ่งคนทั่วไปสามารถสมัครชื่อเข้าสอบในแต่ละพื้นที่ได้เลย และผู้ที่สอบผ่านรอบนี้จะมีสถานะเป็นบัณฑิตหลวงระดับ ‘จวี่เหริน’ (举人) จากนั้นจะได้รับการเสนอชื่อโดยฝ่ายปกครองพื้นที่ให้ไปสอบต่อในระดับต่อไปที่เมืองหลวง โดยกำหนดโควต้าจำนวนคนที่ได้รับการเสนอชื่อไว้ 1-3 คนต่อพื้นที่ ทั้งนี้ แล้วแต่ขนาดของพื้นที่ แต่สามารถเสนอเพิ่มได้หากมีคนที่มีความรู้ความสามารถโดดเด่นเกินจำนวนโควต้า ซึ่งคนที่ได้รับการเสนอชื่อผ่านกระบวนการนี้จะเรียกรวมว่า ‘เซียงก้ง’ (乡贡) อนึ่ง มีกำหนดไว้ว่าฝ่ายปกครองพื้นที่ไม่สามารถเสนอชื่อบุคคลต้องห้ามเข้าเป็นเซียงก้งได้ ซึ่งหมายรวมถึง คนที่มาจากครอบครัวนายช่างและพ่อค้า (Storyฯ เคยกล่าวถึงแล้วในบทความสัปดาห์ที่แล้ว); คนที่มีสถานะเป็นเจี้ยนหมินหรือชนชั้นต่ำ เช่นทาส ลูกหลานนักโทษ ฯลฯ; นักบวช นักพรต; นักโทษ ; คนที่มีชื่อเสียงไม่ดี; ผู้ป่วยเป็นโรคร้ายหรือพิการบางอย่าง เช่นตาบอด หูหนวก; ฯลฯ แต่ข้อห้ามเหล่านี้มีการผ่อนคลายไปตามยุคสมัย นอกจากนี้ เนื่องจากในสมัยถังมีการก่อตั้งสถาบันการศึกษาหลวงมากมายหลายระดับตามพื้นที่ต่างๆ นักเรียนที่เข้าเรียนในสถานการศึกษาหลวงจนถึงระดับสูงสุดและสอบผ่านสำเร็จการศึกษาก็จะได้วุฒิเทียบเท่าเป็นจวี่เหรินนี้เช่นกัน และผู้ที่จะได้เข้าสอบในรอบถัดไปก็จะผ่านการเสนอชื่อโดยสถาบันนั้นๆ คนที่ได้รับการเสนอชื่อผ่านกระบวนการนี้เรียกว่า ‘เซิงถู’ (生徒) 2) ลำดับถัดมาคือการสอบที่เมืองหลวงหรือเรียกว่า ‘เสิ่งซื่อ’ (省试) ซึ่งเรียกย่อมาจากหน่วยงานซ่างซูเสิ่งซึ่งเป็นผู้จัดการสอบนี้ เป็นการสอบทุกปีอีกเช่นกัน จัดขึ้นที่เมืองหลวงฉางอันในช่วงประมาณเดือนสอง ผู้มีสิทธิเข้าสอบคือเซียงก้งและเซิงถูตามที่กล่าวมาข้างต้น ผู้สอบผ่านรอบนี้จะมีสถานะเป็นบัณฑิตหลวงระดับ ‘จิ้นซื่อ’ (进士) และผู้ที่สอบได้ลำดับสูงสุดคือจอหงวน แต่... ในละครเราจะเห็นการสอบรอบสุดท้ายเป็นการสอบหน้าพระที่นั่งฮ่องเต้ หรือที่เรียกว่า ‘เตี้ยนซื่อ’ (殿试) ซึ่งบางข้อมูลบอกว่าริเริ่มในสมัยราชวงศ์ถัง เพราะปรากฏมีฮ่องเต้บางองค์ทรงคุมสอบด้วยองค์เอง และบางข้อมูลบอกว่าเริ่มในสมัยซ่งเพราะนั่นคือสมัยที่มีการจัดการสอบรอบดังกล่าวเข้าเป็นหลักสูตรและขั้นตอนการสอบอย่างเป็นทางการ Storyฯ เลยสรุปเป็นผังไว้ให้ดูในรูปประกอบว่า ในกรณีที่มีการสอบเตี้ยนซื่อนี้เพิ่มเข้ามา ผู้ที่สอบผ่านระดับเสิ่งซื่อจะมีสถานะเป็นบัณฑิตหลวงระดับ ‘ก้งซื่อ’ (贡士) และผู้ที่สอบได้ที่หนึ่งจะเรียกว่า ‘ฮุ่ยหยวน’ (会元) และผู้ที่สอบผ่านรอบเตี้ยนซื่อจะมีสถานะเป็นบัณฑิตหลวงระดับ ‘จิ้นซื่อ’ (进士) และผู้ที่สอบได้ลำดับสูงสุดคือจอหงวน (หรือในสำเนียงจีนกลางคือ จ้วงหยวน) ทั้งนี้ ผู้ที่เป็นจิ้นซื่อทุกคนจะได้รับการขึ้นบัญชีเพื่อรอการเรียกบรรจุเข้ารับราชการในราชสำนัก (คือยังไม่ถือว่าเป็นขุนนางจนกว่าจะได้รับการบรรจุและแต่งตั้ง) ซึ่งในการบรรจุเข้าราชสำนักจะมีการสอบเพิ่มเพื่อคัดสรรไปหน่วยงานที่เหมาะสม โดยเป็นกระบวนการที่อาจใช้เวลาอีกนานเป็นปี ดังนั้น บัณฑิตหลวงระดับจวี่เหรินที่กล่าวในวลีที่ว่า “บัณฑิตหลวงระดับจวี่เหรินเมื่อพบเห็นขุนนาง ไม่ต้องคุกเข่า” นี้คือบันฑิตหลวงที่สอบผ่านในระดับภูมิภาค/มณฑลแล้ว ในสมัยถังนั้น จวี่เหรินมีอภิสิทธิ์อย่างนี้จริงหรือไม่ Storyฯ ก็หาข้อมูลไม่พบ แต่ในสมัยราชวงศ์หมิงและชิงมีกล่าวถึงว่า ‘จวี่เหริน’ นี้นับได้ว่าเป็นตำแหน่งทางการที่กำหนดขึ้นโดยราชสำนัก ซึ่งถือว่าไม่ด้อยไปกว่าตำแหน่งข้าราชการท้องถิ่น และบัณฑิตหลวงระดับจวี่เหรินสามารถเข้ารับการบรรจุเป็นข้าราชการท้องถิ่นได้เลยหากมีตำแหน่งว่างที่เหมาะสม ดังนั้นหนึ่งในอภิสิทธิ์ที่มีคือ เมื่อได้พบขุนนางระดับท้องถิ่นจึงไม่ต้องคุกเข่า (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory) หมายเหตุ มีการลบลิ้งค์ข้อมูลบางลิ้งค์ออกไปเนื่องจากติดปัญหากับเฟสค่ะ Credit รูปภาพจาก: https://fashion.ettoday.net/news/2573514 Credit ข้อมูลรวบรวมจาก: https://baike.baidu.com/item/省试/7492071 https://baike.baidu.com/item/秀才/14691374 https://baike.baidu.com/item/乡贡/8989904 https://core.ac.uk/download/41444977.pdf https://ctext.org/wiki.pl?if=gb&chapter=999762&remap=gb https://kknews.cc/history/ekkz4ry.html #ยอดขุนนางหญิงเจ้าเสน่ห์ #บัณฑิตหลวง #จวี่เหริน #สอบขุนนาง #สอบเคอจวี่ #ราชวงศ์ถัง
    FASHION.ETTODAY.NET
    《灼灼風流》10金句:不是所有的陪伴都必須以夫妻的名義 | ET Fashion | ETtoday新聞雲
    陸劇《灼灼風流》改編自隨宇而安的小說《曾風流》,由景甜、馮紹峰出演,講述了擺脫傳統女子命運、想科舉求仕的女官慕灼華,與驍勇善戰的議政王劉衍相知相守、並肩而行,開創女子可入仕的新局面。當中以不少經典台詞道出了男女之間互相尊重,簡單又美好的愛情理念,不妨一起來看看!
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 127 มุมมอง 0 รีวิว
  • ลู่วิ่งในร่มเปิดถึง 4 ทุ่ม ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ

    บริษัท ธนารักษ์พัฒนาสินทรัพย์ จำกัด ขยายเวลาเปิดให้บริการลู่วิ่ง Sky Running ที่ชั้น 4 อาคารรัฐประศาสนภักดี (อาคาร B) ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติฯ แจ้งวัฒนะ ออกไปอีก 2 ชั่วโมง เป็นตั้งแต่ 06.00 น. ถึง 22.00 น. ไม่เว้นวันหยุดนักขัตฤกษ์ เพื่อต้องการดูแลสุขภาพให้แก่ประชาชน และผู้ที่ชื่นชอบการออกกำลังกายในสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 โดยลู่วิ่งมีระยะทาง 412 เมตรต่อรอบ พร้อมระบบนับรอบวิ่ง ปัจจุบันมีผู้มาใช้บริการเฉลี่ยวันละ 200 คน ทั้งพนักงาน ข้าราชการ และประชาชนใกล้เคียง

    ดร.นาฬิกอติภัค แสงสนิท กรรมการผู้จัดการบริษัทฯ กล่าวว่า จุดประสงค์ของการพัฒนาลู่วิ่ง เพื่อต้องการให้ผู้ที่ทำงานในศูนย์ราชการฯ ได้มีพื้นที่ออกกำลังกายระหว่างรอกลับบ้านหลังเลิกจากงาน ช่วยลดความแออัดของการจราจรในช่วงเย็น และยังเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพ นอกจากนี้ ยังมีบริการสันทนาการอื่นๆ สำหรับผู้ที่ทำงานในศูนย์ราชการฯ ได้ผ่อนคลายและออกกำลังกายในช่วงเย็น เช่น ห้องแดนซ์สตูดิโอ ห้องปิงปอง ห้องโยคะ ช่วยยกคุณภาพชีวิตของผู้ที่ทำงานได้เป็นอย่างดี

    อาคาร B ออกแบบเป็นอาคารประหยัดพลังงาน ติดตั้งเครื่องปรับอากาศและระบบกรองอากาศขนาดใหญ่ ตัวอาคารเป็นระบบปิดสนิททำให้อากาศภายในอาคารมีปริมาณฝุ่น PM 2.5 ที่น้อย จึงเหมาะแก่การออกกำลังกาย นอกจากนี้ ยังมีมาตรการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด และติดตั้งเครื่อง AED ไว้ให้บริการกรณีฉุกเฉิน ทำให้ผู้ใช้บริการสามารถวิ่งออกกำลังกายในสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบ ช่วยให้การออกกำลังกายเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

    สำหรับลู่วิ่ง Sky Running เปิดเมื่อเดือน ก.ค. 2561 ตั้งอยู่ที่ชั้น 4 อาคาร B มีล็อกเกอร์สำหรับเก็บของที่ชั้น 5 รวม 96 ช่อง เครื่องออกกำลังกายแบบยืดเหยียด และห้องอาบน้ำบริเวณห้องน้ำ E3 ชั้น 4 และชั้น 5 แบ่งเป็นห้องอาบน้ำชาย 2 ห้อง ห้องอาบน้ำหญิง 2 ห้อง ส่วนบริเวณชั้น B ยังมีร้านสะดวกซื้อ ร้านค้า ศูนย์อาหาร สาขาธนาคาร และมีที่จอดรถสำหรับประชาชนผู้มาติดต่อราชการ ชั้น 1 รวม 150 คัน ชั้น 3 และ 4 รวม 1,500 คัน และชั้น 5 รวม 350 คัน

    การเดินทางด้วยขนส่งสาธารณะ ใช้รถไฟฟ้าสายสีชมพู ลงที่สถานีศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ ทางออก 3 ต่อด้วย Skywalk ไปยังอาคารจอดรถ D ต่อด้วยรถ EV Shuttle Bus เส้นทางที่ 1 ไปยังอาคาร B ให้บริการตั้งแต่เวลา 05.30-19.00 น. หรือมอเตอร์ไซค์รับจ้าง ส่วนรถประจำทางสายที่เข้าอาคาร B ได้แก่ ขสมก. สาย 66 (2-12) สาย 166 (ศูนย์ราชการ) สาย 2-36 ไทยสมายล์บัส สาย 126 (1-13) สาย 513E (3-23E) และสาย 1-31

    #Newskit
    ลู่วิ่งในร่มเปิดถึง 4 ทุ่ม ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ บริษัท ธนารักษ์พัฒนาสินทรัพย์ จำกัด ขยายเวลาเปิดให้บริการลู่วิ่ง Sky Running ที่ชั้น 4 อาคารรัฐประศาสนภักดี (อาคาร B) ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติฯ แจ้งวัฒนะ ออกไปอีก 2 ชั่วโมง เป็นตั้งแต่ 06.00 น. ถึง 22.00 น. ไม่เว้นวันหยุดนักขัตฤกษ์ เพื่อต้องการดูแลสุขภาพให้แก่ประชาชน และผู้ที่ชื่นชอบการออกกำลังกายในสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 โดยลู่วิ่งมีระยะทาง 412 เมตรต่อรอบ พร้อมระบบนับรอบวิ่ง ปัจจุบันมีผู้มาใช้บริการเฉลี่ยวันละ 200 คน ทั้งพนักงาน ข้าราชการ และประชาชนใกล้เคียง ดร.นาฬิกอติภัค แสงสนิท กรรมการผู้จัดการบริษัทฯ กล่าวว่า จุดประสงค์ของการพัฒนาลู่วิ่ง เพื่อต้องการให้ผู้ที่ทำงานในศูนย์ราชการฯ ได้มีพื้นที่ออกกำลังกายระหว่างรอกลับบ้านหลังเลิกจากงาน ช่วยลดความแออัดของการจราจรในช่วงเย็น และยังเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพ นอกจากนี้ ยังมีบริการสันทนาการอื่นๆ สำหรับผู้ที่ทำงานในศูนย์ราชการฯ ได้ผ่อนคลายและออกกำลังกายในช่วงเย็น เช่น ห้องแดนซ์สตูดิโอ ห้องปิงปอง ห้องโยคะ ช่วยยกคุณภาพชีวิตของผู้ที่ทำงานได้เป็นอย่างดี อาคาร B ออกแบบเป็นอาคารประหยัดพลังงาน ติดตั้งเครื่องปรับอากาศและระบบกรองอากาศขนาดใหญ่ ตัวอาคารเป็นระบบปิดสนิททำให้อากาศภายในอาคารมีปริมาณฝุ่น PM 2.5 ที่น้อย จึงเหมาะแก่การออกกำลังกาย นอกจากนี้ ยังมีมาตรการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด และติดตั้งเครื่อง AED ไว้ให้บริการกรณีฉุกเฉิน ทำให้ผู้ใช้บริการสามารถวิ่งออกกำลังกายในสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบ ช่วยให้การออกกำลังกายเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น สำหรับลู่วิ่ง Sky Running เปิดเมื่อเดือน ก.ค. 2561 ตั้งอยู่ที่ชั้น 4 อาคาร B มีล็อกเกอร์สำหรับเก็บของที่ชั้น 5 รวม 96 ช่อง เครื่องออกกำลังกายแบบยืดเหยียด และห้องอาบน้ำบริเวณห้องน้ำ E3 ชั้น 4 และชั้น 5 แบ่งเป็นห้องอาบน้ำชาย 2 ห้อง ห้องอาบน้ำหญิง 2 ห้อง ส่วนบริเวณชั้น B ยังมีร้านสะดวกซื้อ ร้านค้า ศูนย์อาหาร สาขาธนาคาร และมีที่จอดรถสำหรับประชาชนผู้มาติดต่อราชการ ชั้น 1 รวม 150 คัน ชั้น 3 และ 4 รวม 1,500 คัน และชั้น 5 รวม 350 คัน การเดินทางด้วยขนส่งสาธารณะ ใช้รถไฟฟ้าสายสีชมพู ลงที่สถานีศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ ทางออก 3 ต่อด้วย Skywalk ไปยังอาคารจอดรถ D ต่อด้วยรถ EV Shuttle Bus เส้นทางที่ 1 ไปยังอาคาร B ให้บริการตั้งแต่เวลา 05.30-19.00 น. หรือมอเตอร์ไซค์รับจ้าง ส่วนรถประจำทางสายที่เข้าอาคาร B ได้แก่ ขสมก. สาย 66 (2-12) สาย 166 (ศูนย์ราชการ) สาย 2-36 ไทยสมายล์บัส สาย 126 (1-13) สาย 513E (3-23E) และสาย 1-31 #Newskit
    Like
    Love
    4
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 280 มุมมอง 0 รีวิว
  • [Exclusive on Sondhi Talk]
    "บังแจ็ค" ไว้ใจ DSI ไขคดี
    แย้มมือถือแตงโมมี 4 หมื่นภาพ
    แถมข้อมูลนักการเมือง-นักธุรกิจดัง
    .
    บังแจ็คเปิดใจส่งมอบมือถือแตงโม นิดา ให้หมอธวัชชัยนำมาให้ดีเอสไอคลี่คลายคดี ระบุกู้ข้อมูลมีภาพกว่า 4 หมื่นภาพ แชตบางส่วนคุยกับนักการเมืองดัง และมีข้อมูลที่ผู้ใหญ่มีอิทธิพลสูง นักธุรกิจระดับประเทศเกี่ยวข้องด้วย เผยมีคนขอซื้อมือถือจริงแต่ไม่ถึง 15 ล้าน ลั่นยังไงก็ไม่ขาย
    .
    วันนี้ (6 ก.พ.) นายซาคาเนียน ราชา ไฮเดอร์ หรือบังแจ็ค ให้สัมภาษณ์ทางเฟซบุ๊ก และยูทูป "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" (คลิกชมย้อนหลัง >> https://www.youtube.com/watch?v=58nPhAE2uZo) ถึงโทรศัพท์มือถือของ แตงโม นิดา หรือ น.ส.ภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์ นักแสดงสาวที่เสียชีวิตจากเรือสปีดโบ้ท เมื่อวันที่ 24 ก.พ. 2565 ซึ่งได้ส่งมอบให้ นพ.ธวัชชัย กาญจนรินทร์ และเตรียมนำมาส่งมอบให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นำมาใช้เพื่อคลี่คลายการเสียชีวิตของแตงโม ระบุว่า เมื่อ 3 ปีที่แล้ว ตอนที่รู้จักกับนางพนิดา ศิริยุทธโยธิน มารดาของแตงโม นางพนิดาได้รับโทรศัพท์มือถือของแตงโมจากตำรวจ แต่ไม่พบข้อมูลใดๆ ในเครื่อง ตนจึงแนะนำให้นำไปที่ศูนย์บริการของแอปเปิลช่วยดูว่ายังมีข้อมูลในเครื่องหรือไม่ นางพนิดาไปที่ศูนย์แอปเปิลฯ แต่ไม่ไว้ใจ จึงให้โทรศัพท์มือถือแก่ตน ซึ่งเป็นความครอบครองโดยถูกต้อง
    .
    การตัดสินใจส่งมอบโทรศัพท์มือถือเป็นไปตามที่ตนได้ประกาศไว้ว่าจะมอบให้เฉพาะบุคคล 3 ราย ได้แก่ นพ.ธวัชชัย นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ และนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ เพราะทั้งสามคนไว้วางใจที่สุดแล้ว เพราะมีข้อมูลบางส่วนที่ไม่อยากให้ผู้ที่กระทำความผิด หรือคนที่จะนำไปใช้ในทางที่ไม่ดี โดยข้อมูลในโทรศัพท์มือถือบางอย่างเผยแพร่ผ่านสื่อมวลชนไปแล้ว เช่น มีคนดังโทร.เข้ามาในเวลาผิดปกติ ซึ่งนายคชาภา ตันเจริญ หรือมดดำ เปิดเผยว่าได้โทร.หาจริง ยังเหลืออีก 2-3 คนที่ยังไม่ได้ออกมาพูด รวมทั้ง น.ส.อิจศรินทร์ จุฑาสุขสวัสดิ์ หรือ กระติก ผู้จัดการส่วนตัวของแตงโม โทร.มาหาเมื่อเวลา 20.40 น. ของวันเกิดเหตุ ทั้งๆ ที่อยู่บนเรือลำเดียวกัน และอีกหลายข้อมูลทั้งคลิป รูปภาพ การลบข้อความ และการลบบัญชีทั้งบัญชี
    .
    ตนจำได้ว่ามดดำได้โทร.หาแตงโม แต่ได้รับข่าวจากแอนนา วรินทร วัตรสังข์ เพื่อนของแตงโมว่า แตงโมตกน้ำ แอนนาพยายามทักไลน์ โทร.ทั้งไลน์และมือถือแต่ไม่ติด เมื่อ 3 ปีที่แล้วพอเข้าไปดูบัญชีแอนนาไม่มีเลย ลบทิ้ง บัญชีฮิปโป (ผู้จัดการส่วนตัวให้ในช่วง 3 เดือนสุดท้ายก่อนที่แตงโมเสียชีวิต) ก็ลบทิ้ง บัญชีโม อมีนา พินิจ ก็ลบทิ้ง บัญชีพุดเดิล ยุพดี ก็ลบทิ้ง และอีกหลายคน ส่วนข้อความที่กระติกนำมาเปิดเผยในรายการโหนกระแสว่าได้คุยกับแตงโม ตนก็เข้าไปดู ไม่พบข้อความที่กระติกนำมาแสดง มีถึงแค่วันที่ 17-18 ก.พ. 2565 เท่านั้น แสดงว่ามีข้อมูลที่ถูกลบและข้อมูลที่แต่งขึ้นมา
    .
    บังแจ็ค กล่าวว่า ตนกู้ข้อมูลเฉพาะรูปภาพกว่า 40,000 ภาพ ยังดูไม่หมด ดูเฉพาะเกี่ยวข้องกับคดี เช่น บัญชีธนาคารไม่มีเงินสักบาทในบัญชี ทั้งที่อย่างน้อยเป็นดาราต้องมีเงินติดบัญชีสัก 4-5 พันบาท แต่ยอดเงินกลับเป็น 0 บาท บันทึกบางส่วนถูกลบออกไป แชตบางส่วนที่คุยกับนักการเมืองดัง ที่ขู่จะให้ส่งภาพลับที่ไม่เหมาะสมและเรียกให้มาหาก็มี ตนสงสารที่แตงโมต้องเจออะไรแบบนั้น ถือเป็นข้อมูลสำคัญที่จะช่วยคลี่คลายคดีเมื่ออยู่ในมือของดีเอสไอ
    .
    ส่วนเรื่องความน่าเชื่อถือของตนที่ทำให้พยานหลักฐานถูกด้อยค่านั้น ถามว่าใครทำร้ายเครดิตตน คนที่เสียประโยชน์ก็พยายามใช้สื่อที่เข้าข้างมาดิสเครดิตตน หนึ่งในนั้นคือทนายความที่ท้าให้ดื่มปัสสาวะ 70 แก้ว พาทั้งพิธีกรชื่อดังไปแจ้งความว่าตนขู่ฆ่าและใช้สื่อโจมตี ทั้งๆ ที่พิธีกรชื่อดังเข้าใจกันแล้ว และจะร่วมมือจำหน่ายสินค้าที่ต่างประเทศ ส่วนเรื่องที่โพสต์ภาพปืนเป็นเรื่องนานมาแล้ว ไม่เกี่ยวกับคดีแตงโม และได้เคลียร์จบแล้ว ตนมีหลักฐานทั้งหมดส่งให้ นพ.ธวัชชัย เพื่อพิสูจน์ตัวเองว่าได้คุยกัน จับมือขออภัยกันจริง
    .
    ส่วนคดีเบนซ์ เรซซิ่ง หรือนายอัครกิตติ์ วรโรจน์เจริญเดช ส่วนตัวมาเมืองไทยถูกต้อง เป็นครูสอนภาษาอังกฤษ ซื้อรถจักรยานยนต์จากเบนซ์ เรซซิ่ง ไม่ได้เกี่ยวข้องกับคดี เวลานั้นตนอยู่โคราช ตนถูกหลอกเพราะไม่มีเอกสารและทะเบียน ตนเป็นชาวต่างชาติไม่รู้กฎหมาย เจอด่านก็โดนยึด พอกลับไปหาเจ้าตัวก็ไม่รับผิดชอบเพราะไม่มีหลักฐาน พอเกิดคดีนายไซซะนะ แก้วพิมพา เจ้าพ่อยาเสพติด ตนออกมาวิจารณ์เบนซ์ เรซซิ่ง ไม่ได้เข้าข้างและไม่ได้เป็นหนึ่งในทีมของเขา ตนซื้อรถด้วยน้ำพักน้ำแรงแล้วทำแบบนี้ไม่ถูกต้อง แต่ด้วยความที่ตนใช้ภาษาไทยไม่ถูกต้อง เวลานั้นไม่รู้จะอธิบายให้ใครฟังเพราะโดนโจมตี น้ำหนักน้อยลง พูดไปก็ไม่มีใครเชื่อเพราะเป็นคนต่างชาติ ถูกด้อยค่าตลอดเวลา จึงเลือกที่จะไม่ตอบโต้
    .
    ส่วนที่ไม่สามารถเข้าประเทศไทยได้ถึงปี 2569 เพราะเป็นบุคคลที่เชื่อได้ว่าเป็นภัยต่อความสงบเรียบร้อยนั้น บังแจ็ค กล่าวว่า สมมติเป็นบุคคลอันตรายจริงก็ไม่น่าจะมาเป็นครูสอนภาษาอังกฤษได้ 6-7 ปี ไม่ใช่โรงเรียนเอกชน แต่เป็นโรงเรียนรัฐบาล และออกเอกสารถูกต้อง มีใบอนุญาตทำงาน เมื่อ 2 ปีก่อนมีรายการโทรทัศน์ไปตรวจสอบแล้วไม่พบบัญชีดำในสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ตอนนี้สามารถเข้าประเทศไทยได้ ส่วนคดีที่เจอระยะหลังๆ คือคดีแตงโม ถูกใส่ไข่เยอะเพราะอีกฝ่ายหรืออีกสื่อหนึ่งมีเอฟซี มีอิทธิพลเยอะ แถมเมื่อตนไปสัมภาษณ์รายการหนึ่ง 5 ครั้ง ภายหลังไลฟ์รายการลบทิ้ง หมายความว่าอย่างไร ตนถามตรงๆ ไปว่าลบทิ้งทำไม เขาไม่มีคำตอบ เปลี่ยนประเด็น
    .
    ตนมองว่าต้องมีคนสั่งให้ลบ เพราะมือถืออยู่ในมือตนเอง จึงต้องดิสเครดิตให้ไม่มีความน่าเชื่อถือ พยายามด้อยค่าหลักฐานจากโทรศัพท์มือถือที่ปล่อยออกมา 1-2 คลิปที่ อ.ปานเทพเปิดเผย ตนเคยลงในเพจมานานมากแล้ว แต่มีคนทักมาถามว่าสถานที่ตรงนี้ตรงนั้นหรือเปล่า ซึ่งตนไม่รู้เพราะไม่ได้อยู่ในประเทศไทยมานานแล้ว พอไปดูก็มีการแต่งเพิ่มมา อ.ปานเทพถามตนว่าคลิปนี้ได้มาจากตนหรือเปล่า ตนตอบว่าไม่ใช่ คลิปที่ได้จากตนมีแค่นี้ เขาใช้วิธีเหมือนเมื่อ 3 ปีก่อน คือ เอามาแต่งเติม เอามาตัด และโจมตีว่าไม่ใช่ข้อมูลจริง หิวแสง ตนเพิ่งรู้จัก อ.ปานเทพ และ นพ.ธวัชชัยไม่ถึง 2 เดือน ข้อมูล GPS ที่เคยส่งให้ทีวีช่องหนึ่งเมื่อ 3 ปีก่อนก็ถูกด้อยค่าว่าไปตรวจมาแล้วไม่มีอะไรเลย ด้อยค่าแล้วก็ลบตัดทิ้งเลย
    .
    พอรับฟีดแบ็คกลับมาตนก็มีความรู้สึก แฟนของตนก็ไม่สบายใจ ให้หยุดไม่ต้องทำเพราะไม่มีใครเชื่อ แต่ตนเชื่อว่าเวรกรรมมีจริง คดีนี้ต้องกลับมาแน่ เพราะข้อพิรุธหลายอย่าง ตนเก็บข้อมูลไว้ เบอร์แต่ละคนหาไม่ยาก อยู่บนเรือด้วยกันโทร.หากันทำไม แล้วบรรดาคนดังโทร.หาแตงโมเวลา 21.58 น. 22.04 น. หรือ 22.07 น.ของวันเกิดเหตุ ไม่ใช่แค่คืนนั้นคืนเดียว โทร.มาตอนเช้าด้วย โทร.ในระหว่างนั้นด้วย ทั้งๆ ที่ตำรวจแถลงข่าวแตงโมตกน้ำ 22.37-22.38 น. แสดงว่าคนรู้แล้วว่าแตงโมตกน้ำ แต่ไม่มีการกดรับสายเพราะปิดเครื่อง แต่มีระบบรับฝากข้อความและมีข้อความเข้ามา
    .
    เมื่อถามว่า ขบวนการดิสเครดิตบังแจ็คทำไปเพื่ออะไร เกี่ยวกับการเสียชีวิตของแตงโมอย่างไร บังแจ็ค กล่าวว่า มีคนใหญ่อยู่เบื้องหลัง แต่พอคดีแตงโมเปิดขึ้นมาเขาได้รับความเสียหายมาก จึงไม่ยอมให้ทำแบบนี้ ที่ไปคุยที่ปั๊มน้ำมันนั้น ได้ให้ที่ปรึกษากฎหมายของเขาสอนให้พูดแบบนี้ แล้วมีอดีตนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่แนะนำว่าต้องไปในทิศทางนี้ เท่าที่ตนทราบไม่นานมีโทรทัศน์ 3 ช่อง ช่องแรกไม่ดัง อีก 2 ช่องดัง ใช้ทนายความคนบนเรือคนเดียวกันออกโทรทัศน์ บางสื่อต้องกลัวตำรวจหรือเกรงใจตำรวจเพราะจะไม่มีข่าวเล่น ตนรู้พิรุธมานานแล้วว่าตอนสัมภาษณ์เขาก็ตัดออก อย่างทีวีช่องหนึ่งสัมภาษณ์นานมาก แต่ตัดบางส่วนออก เหลือเฉพาะตอนที่เปิดช่องให้ถูกโจมตี ภายหลังพบว่าใช้ทนายความคนเดียวกันออกทีวี
    .
    เมื่อถามว่า ก่อนหน้านี้มีคนเสนอเงิน 15 ล้านบาทเพื่อยุติเรื่องดังกล่าวจริงหรือไม่ บังแจ็คกล่าวว่า ไม่ถึง 15 ล้านบาท แต่เมื่อไม่กี่วันก่อนที่ นพ.ธวัชชัยจะมารับเครื่อง ก็พยายามที่จะถามว่าจะให้โทรศัพท์มือถือจริงหรือเปล่า แล้วเชื่อหรือเปล่าว่าจะนำมาใช้ในทางที่ถูกต้อง แต่ถ้าคิดจะขายจะขายในราคาเท่าไหร่ ตนตอบว่าไม่ขาย ถามว่า 2 ล้านบาทขายไหม ตนตอบว่าไม่ขาย ก่อนจะเพิ่มขึ้นเป็น 3 ล้านบาท เงินที่เสนอมาเป็นค่าใช้จ่ายภายในเดือนหนึ่งก็หมดแล้ว เพราะตนอยู่ที่สหรัฐอเมริกา มีบริษัท จ่ายค่ารถ จ่ายค่าบ้าน ค่าใช้จ่ายต่างๆ หมดแล้ว ตนหาได้เองไม่ต้องเสนอ อีกฝ่ายก็เสนอเป็น 5 ล้านบาท แต่ไม่ต้องให้เครื่องแก่ นพ.ธวัชชัย ตนกล่าวว่าให้เท่าไหร่ก็ไม่ขาย อยากจะยกให้เขา อีกฝ่ายกล่าวว่า ต้องคิดให้ดีๆ ก่อน เพราะ 1 ใน 5 คนบนเรือกล่าวว่า ได้เครื่องนี้ไปก็คือจบเลย เพราะมีข้อมูลที่ผู้ใหญ่ที่มีอิทธิพลสูง เป็นนักธุรกิจระดับประเทศมาเกี่ยวข้องด้วย ไม่อยากให้มือถือนี้ไปอยู่ที่เมืองไทย
    .
    เมื่อถามว่า ที่โดนดักตีหัวสงสัยว่าจัดฉากหรือไม่ บังแจ็คกล่าวว่า ตอนที่โดนตีหัว นพ.ธวัชชัยคุยกับตนอยู่ เวลาโดนตีหัวแฟนถามว่าเรียกรถพยาบาลหรือเปล่า เพราะที่สหรัฐฯ มีค่าใช้จ่าย 3,500-4,000 เหรียญสหรัฐฯ แต่พอจับดูเลือดไหล จึงให้ นพ.ธวัชชัยดูแผล ก็แนะนำว่าให้ไปเย็บแผลก่อน แต่เย็บไม่เยอะ 2 เข็ม และให้กลับไปรักษาที่บ้าน ส่วนที่โดนตีหัวคิดว่าวันนั้นเป็นวันหยุดของคนผิวสี ตำรวจไม่ค่อยมี เป็นเหตุบังเอิญที่โจรขโมยของ นพ.ธวัชชัยอยู่ในสาย ก็เลยเป็นห่วงจึงเป็นข่าวขึ้นมา ส่วนขบวนการดิสเครดิตที่เกิดขึ้น นพ.ธวัชชัย อ.ปานเทพ และนายอัจฉริยะต้องระวังอะไรเป็นพิเศษ บังแจ็ค กล่าวว่า ทั้งสามคนต้องระวังอย่างสูง เพราะเท่าที่เจอข้อมูลในเครื่องมีแต่คนใหญ่คนโต ทั้งนักการเมืองและนักธุรกิจชื่อดัง มีเรื่องของยาเสพติดเข้ามาเกี่ยวข้อง จากที่แถลงข่าวยังมีเยอะกว่านี้
    .
    ถามถึงแนวทางคลี่คลายคดีเพื่อคืนความยุติธรรมให้แตงโม บังแจ็คกล่าวว่า ลองไว้ใจทีมดีเอสไอ และดูว่าจะมีคนเข้ามาสกัดหรือข่มขู่หรือเปล่าก็ต้องคอยดู แต่ถ้าทั้งสามคนสบายใจและมั่นใจในทีมนี้ก็ตามนั้น สิ่งที่ทำได้ก็คือฟิงเกอร์ครอส (ยกนิ้วไขว้เพื่ออวยพรขอให้โชคดี) เมื่อถามว่า ตอนนี้บังแจ็คทำอะไรอยู่ ตนต้องขอบคุณเน็ตไอดอลที่สร้างภาพให้ตนเป็นแบบนั้นว่าเขาทำสำเร็จ ตนมีร้านอาหาร 2 แห่ง มีบริษัทที่มีรถยนต์กันกระสุน 5 คัน รับคุ้มกันดาราระดับโลก นักฟุตบอลชื่อดัง และนักการเมือง ยืนยันว่าเป็นโทรศัพท์มือถือแตงโมจริง ให้ นพ.ธวัชชัชตรวจอีมี่ (IMEI) และตรวจเครื่องให้เรียบร้อย ถ้าสมมติถ้าตนหิวเงินหรือหิวแสงคงไม่เก็บไว้นานถึง 3 ปี ภาพหรือคลิปที่ตนเจอป่านนี้ได้เงินเป็นร้อยล้านแล้ว ตนนับถือศาสนาอิสลาม เป็นเงินบาป ทำแบบนี้ไม่ได้ เราไม่ไปยุ่งและไม่เปิดเผย ไม่ทำให้แตงโมเสียหายเพราะน่าสงสารที่สุดแล้ว
    .
    คลิกอ่านต้นฉบับ >> https://sondhitalk.com/detail/9680000012224
    ......
    Sondhi X
    [Exclusive on Sondhi Talk] "บังแจ็ค" ไว้ใจ DSI ไขคดี แย้มมือถือแตงโมมี 4 หมื่นภาพ แถมข้อมูลนักการเมือง-นักธุรกิจดัง . บังแจ็คเปิดใจส่งมอบมือถือแตงโม นิดา ให้หมอธวัชชัยนำมาให้ดีเอสไอคลี่คลายคดี ระบุกู้ข้อมูลมีภาพกว่า 4 หมื่นภาพ แชตบางส่วนคุยกับนักการเมืองดัง และมีข้อมูลที่ผู้ใหญ่มีอิทธิพลสูง นักธุรกิจระดับประเทศเกี่ยวข้องด้วย เผยมีคนขอซื้อมือถือจริงแต่ไม่ถึง 15 ล้าน ลั่นยังไงก็ไม่ขาย . วันนี้ (6 ก.พ.) นายซาคาเนียน ราชา ไฮเดอร์ หรือบังแจ็ค ให้สัมภาษณ์ทางเฟซบุ๊ก และยูทูป "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" (คลิกชมย้อนหลัง >> https://www.youtube.com/watch?v=58nPhAE2uZo) ถึงโทรศัพท์มือถือของ แตงโม นิดา หรือ น.ส.ภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์ นักแสดงสาวที่เสียชีวิตจากเรือสปีดโบ้ท เมื่อวันที่ 24 ก.พ. 2565 ซึ่งได้ส่งมอบให้ นพ.ธวัชชัย กาญจนรินทร์ และเตรียมนำมาส่งมอบให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นำมาใช้เพื่อคลี่คลายการเสียชีวิตของแตงโม ระบุว่า เมื่อ 3 ปีที่แล้ว ตอนที่รู้จักกับนางพนิดา ศิริยุทธโยธิน มารดาของแตงโม นางพนิดาได้รับโทรศัพท์มือถือของแตงโมจากตำรวจ แต่ไม่พบข้อมูลใดๆ ในเครื่อง ตนจึงแนะนำให้นำไปที่ศูนย์บริการของแอปเปิลช่วยดูว่ายังมีข้อมูลในเครื่องหรือไม่ นางพนิดาไปที่ศูนย์แอปเปิลฯ แต่ไม่ไว้ใจ จึงให้โทรศัพท์มือถือแก่ตน ซึ่งเป็นความครอบครองโดยถูกต้อง . การตัดสินใจส่งมอบโทรศัพท์มือถือเป็นไปตามที่ตนได้ประกาศไว้ว่าจะมอบให้เฉพาะบุคคล 3 ราย ได้แก่ นพ.ธวัชชัย นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ และนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ เพราะทั้งสามคนไว้วางใจที่สุดแล้ว เพราะมีข้อมูลบางส่วนที่ไม่อยากให้ผู้ที่กระทำความผิด หรือคนที่จะนำไปใช้ในทางที่ไม่ดี โดยข้อมูลในโทรศัพท์มือถือบางอย่างเผยแพร่ผ่านสื่อมวลชนไปแล้ว เช่น มีคนดังโทร.เข้ามาในเวลาผิดปกติ ซึ่งนายคชาภา ตันเจริญ หรือมดดำ เปิดเผยว่าได้โทร.หาจริง ยังเหลืออีก 2-3 คนที่ยังไม่ได้ออกมาพูด รวมทั้ง น.ส.อิจศรินทร์ จุฑาสุขสวัสดิ์ หรือ กระติก ผู้จัดการส่วนตัวของแตงโม โทร.มาหาเมื่อเวลา 20.40 น. ของวันเกิดเหตุ ทั้งๆ ที่อยู่บนเรือลำเดียวกัน และอีกหลายข้อมูลทั้งคลิป รูปภาพ การลบข้อความ และการลบบัญชีทั้งบัญชี . ตนจำได้ว่ามดดำได้โทร.หาแตงโม แต่ได้รับข่าวจากแอนนา วรินทร วัตรสังข์ เพื่อนของแตงโมว่า แตงโมตกน้ำ แอนนาพยายามทักไลน์ โทร.ทั้งไลน์และมือถือแต่ไม่ติด เมื่อ 3 ปีที่แล้วพอเข้าไปดูบัญชีแอนนาไม่มีเลย ลบทิ้ง บัญชีฮิปโป (ผู้จัดการส่วนตัวให้ในช่วง 3 เดือนสุดท้ายก่อนที่แตงโมเสียชีวิต) ก็ลบทิ้ง บัญชีโม อมีนา พินิจ ก็ลบทิ้ง บัญชีพุดเดิล ยุพดี ก็ลบทิ้ง และอีกหลายคน ส่วนข้อความที่กระติกนำมาเปิดเผยในรายการโหนกระแสว่าได้คุยกับแตงโม ตนก็เข้าไปดู ไม่พบข้อความที่กระติกนำมาแสดง มีถึงแค่วันที่ 17-18 ก.พ. 2565 เท่านั้น แสดงว่ามีข้อมูลที่ถูกลบและข้อมูลที่แต่งขึ้นมา . บังแจ็ค กล่าวว่า ตนกู้ข้อมูลเฉพาะรูปภาพกว่า 40,000 ภาพ ยังดูไม่หมด ดูเฉพาะเกี่ยวข้องกับคดี เช่น บัญชีธนาคารไม่มีเงินสักบาทในบัญชี ทั้งที่อย่างน้อยเป็นดาราต้องมีเงินติดบัญชีสัก 4-5 พันบาท แต่ยอดเงินกลับเป็น 0 บาท บันทึกบางส่วนถูกลบออกไป แชตบางส่วนที่คุยกับนักการเมืองดัง ที่ขู่จะให้ส่งภาพลับที่ไม่เหมาะสมและเรียกให้มาหาก็มี ตนสงสารที่แตงโมต้องเจออะไรแบบนั้น ถือเป็นข้อมูลสำคัญที่จะช่วยคลี่คลายคดีเมื่ออยู่ในมือของดีเอสไอ . ส่วนเรื่องความน่าเชื่อถือของตนที่ทำให้พยานหลักฐานถูกด้อยค่านั้น ถามว่าใครทำร้ายเครดิตตน คนที่เสียประโยชน์ก็พยายามใช้สื่อที่เข้าข้างมาดิสเครดิตตน หนึ่งในนั้นคือทนายความที่ท้าให้ดื่มปัสสาวะ 70 แก้ว พาทั้งพิธีกรชื่อดังไปแจ้งความว่าตนขู่ฆ่าและใช้สื่อโจมตี ทั้งๆ ที่พิธีกรชื่อดังเข้าใจกันแล้ว และจะร่วมมือจำหน่ายสินค้าที่ต่างประเทศ ส่วนเรื่องที่โพสต์ภาพปืนเป็นเรื่องนานมาแล้ว ไม่เกี่ยวกับคดีแตงโม และได้เคลียร์จบแล้ว ตนมีหลักฐานทั้งหมดส่งให้ นพ.ธวัชชัย เพื่อพิสูจน์ตัวเองว่าได้คุยกัน จับมือขออภัยกันจริง . ส่วนคดีเบนซ์ เรซซิ่ง หรือนายอัครกิตติ์ วรโรจน์เจริญเดช ส่วนตัวมาเมืองไทยถูกต้อง เป็นครูสอนภาษาอังกฤษ ซื้อรถจักรยานยนต์จากเบนซ์ เรซซิ่ง ไม่ได้เกี่ยวข้องกับคดี เวลานั้นตนอยู่โคราช ตนถูกหลอกเพราะไม่มีเอกสารและทะเบียน ตนเป็นชาวต่างชาติไม่รู้กฎหมาย เจอด่านก็โดนยึด พอกลับไปหาเจ้าตัวก็ไม่รับผิดชอบเพราะไม่มีหลักฐาน พอเกิดคดีนายไซซะนะ แก้วพิมพา เจ้าพ่อยาเสพติด ตนออกมาวิจารณ์เบนซ์ เรซซิ่ง ไม่ได้เข้าข้างและไม่ได้เป็นหนึ่งในทีมของเขา ตนซื้อรถด้วยน้ำพักน้ำแรงแล้วทำแบบนี้ไม่ถูกต้อง แต่ด้วยความที่ตนใช้ภาษาไทยไม่ถูกต้อง เวลานั้นไม่รู้จะอธิบายให้ใครฟังเพราะโดนโจมตี น้ำหนักน้อยลง พูดไปก็ไม่มีใครเชื่อเพราะเป็นคนต่างชาติ ถูกด้อยค่าตลอดเวลา จึงเลือกที่จะไม่ตอบโต้ . ส่วนที่ไม่สามารถเข้าประเทศไทยได้ถึงปี 2569 เพราะเป็นบุคคลที่เชื่อได้ว่าเป็นภัยต่อความสงบเรียบร้อยนั้น บังแจ็ค กล่าวว่า สมมติเป็นบุคคลอันตรายจริงก็ไม่น่าจะมาเป็นครูสอนภาษาอังกฤษได้ 6-7 ปี ไม่ใช่โรงเรียนเอกชน แต่เป็นโรงเรียนรัฐบาล และออกเอกสารถูกต้อง มีใบอนุญาตทำงาน เมื่อ 2 ปีก่อนมีรายการโทรทัศน์ไปตรวจสอบแล้วไม่พบบัญชีดำในสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ตอนนี้สามารถเข้าประเทศไทยได้ ส่วนคดีที่เจอระยะหลังๆ คือคดีแตงโม ถูกใส่ไข่เยอะเพราะอีกฝ่ายหรืออีกสื่อหนึ่งมีเอฟซี มีอิทธิพลเยอะ แถมเมื่อตนไปสัมภาษณ์รายการหนึ่ง 5 ครั้ง ภายหลังไลฟ์รายการลบทิ้ง หมายความว่าอย่างไร ตนถามตรงๆ ไปว่าลบทิ้งทำไม เขาไม่มีคำตอบ เปลี่ยนประเด็น . ตนมองว่าต้องมีคนสั่งให้ลบ เพราะมือถืออยู่ในมือตนเอง จึงต้องดิสเครดิตให้ไม่มีความน่าเชื่อถือ พยายามด้อยค่าหลักฐานจากโทรศัพท์มือถือที่ปล่อยออกมา 1-2 คลิปที่ อ.ปานเทพเปิดเผย ตนเคยลงในเพจมานานมากแล้ว แต่มีคนทักมาถามว่าสถานที่ตรงนี้ตรงนั้นหรือเปล่า ซึ่งตนไม่รู้เพราะไม่ได้อยู่ในประเทศไทยมานานแล้ว พอไปดูก็มีการแต่งเพิ่มมา อ.ปานเทพถามตนว่าคลิปนี้ได้มาจากตนหรือเปล่า ตนตอบว่าไม่ใช่ คลิปที่ได้จากตนมีแค่นี้ เขาใช้วิธีเหมือนเมื่อ 3 ปีก่อน คือ เอามาแต่งเติม เอามาตัด และโจมตีว่าไม่ใช่ข้อมูลจริง หิวแสง ตนเพิ่งรู้จัก อ.ปานเทพ และ นพ.ธวัชชัยไม่ถึง 2 เดือน ข้อมูล GPS ที่เคยส่งให้ทีวีช่องหนึ่งเมื่อ 3 ปีก่อนก็ถูกด้อยค่าว่าไปตรวจมาแล้วไม่มีอะไรเลย ด้อยค่าแล้วก็ลบตัดทิ้งเลย . พอรับฟีดแบ็คกลับมาตนก็มีความรู้สึก แฟนของตนก็ไม่สบายใจ ให้หยุดไม่ต้องทำเพราะไม่มีใครเชื่อ แต่ตนเชื่อว่าเวรกรรมมีจริง คดีนี้ต้องกลับมาแน่ เพราะข้อพิรุธหลายอย่าง ตนเก็บข้อมูลไว้ เบอร์แต่ละคนหาไม่ยาก อยู่บนเรือด้วยกันโทร.หากันทำไม แล้วบรรดาคนดังโทร.หาแตงโมเวลา 21.58 น. 22.04 น. หรือ 22.07 น.ของวันเกิดเหตุ ไม่ใช่แค่คืนนั้นคืนเดียว โทร.มาตอนเช้าด้วย โทร.ในระหว่างนั้นด้วย ทั้งๆ ที่ตำรวจแถลงข่าวแตงโมตกน้ำ 22.37-22.38 น. แสดงว่าคนรู้แล้วว่าแตงโมตกน้ำ แต่ไม่มีการกดรับสายเพราะปิดเครื่อง แต่มีระบบรับฝากข้อความและมีข้อความเข้ามา . เมื่อถามว่า ขบวนการดิสเครดิตบังแจ็คทำไปเพื่ออะไร เกี่ยวกับการเสียชีวิตของแตงโมอย่างไร บังแจ็ค กล่าวว่า มีคนใหญ่อยู่เบื้องหลัง แต่พอคดีแตงโมเปิดขึ้นมาเขาได้รับความเสียหายมาก จึงไม่ยอมให้ทำแบบนี้ ที่ไปคุยที่ปั๊มน้ำมันนั้น ได้ให้ที่ปรึกษากฎหมายของเขาสอนให้พูดแบบนี้ แล้วมีอดีตนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่แนะนำว่าต้องไปในทิศทางนี้ เท่าที่ตนทราบไม่นานมีโทรทัศน์ 3 ช่อง ช่องแรกไม่ดัง อีก 2 ช่องดัง ใช้ทนายความคนบนเรือคนเดียวกันออกโทรทัศน์ บางสื่อต้องกลัวตำรวจหรือเกรงใจตำรวจเพราะจะไม่มีข่าวเล่น ตนรู้พิรุธมานานแล้วว่าตอนสัมภาษณ์เขาก็ตัดออก อย่างทีวีช่องหนึ่งสัมภาษณ์นานมาก แต่ตัดบางส่วนออก เหลือเฉพาะตอนที่เปิดช่องให้ถูกโจมตี ภายหลังพบว่าใช้ทนายความคนเดียวกันออกทีวี . เมื่อถามว่า ก่อนหน้านี้มีคนเสนอเงิน 15 ล้านบาทเพื่อยุติเรื่องดังกล่าวจริงหรือไม่ บังแจ็คกล่าวว่า ไม่ถึง 15 ล้านบาท แต่เมื่อไม่กี่วันก่อนที่ นพ.ธวัชชัยจะมารับเครื่อง ก็พยายามที่จะถามว่าจะให้โทรศัพท์มือถือจริงหรือเปล่า แล้วเชื่อหรือเปล่าว่าจะนำมาใช้ในทางที่ถูกต้อง แต่ถ้าคิดจะขายจะขายในราคาเท่าไหร่ ตนตอบว่าไม่ขาย ถามว่า 2 ล้านบาทขายไหม ตนตอบว่าไม่ขาย ก่อนจะเพิ่มขึ้นเป็น 3 ล้านบาท เงินที่เสนอมาเป็นค่าใช้จ่ายภายในเดือนหนึ่งก็หมดแล้ว เพราะตนอยู่ที่สหรัฐอเมริกา มีบริษัท จ่ายค่ารถ จ่ายค่าบ้าน ค่าใช้จ่ายต่างๆ หมดแล้ว ตนหาได้เองไม่ต้องเสนอ อีกฝ่ายก็เสนอเป็น 5 ล้านบาท แต่ไม่ต้องให้เครื่องแก่ นพ.ธวัชชัย ตนกล่าวว่าให้เท่าไหร่ก็ไม่ขาย อยากจะยกให้เขา อีกฝ่ายกล่าวว่า ต้องคิดให้ดีๆ ก่อน เพราะ 1 ใน 5 คนบนเรือกล่าวว่า ได้เครื่องนี้ไปก็คือจบเลย เพราะมีข้อมูลที่ผู้ใหญ่ที่มีอิทธิพลสูง เป็นนักธุรกิจระดับประเทศมาเกี่ยวข้องด้วย ไม่อยากให้มือถือนี้ไปอยู่ที่เมืองไทย . เมื่อถามว่า ที่โดนดักตีหัวสงสัยว่าจัดฉากหรือไม่ บังแจ็คกล่าวว่า ตอนที่โดนตีหัว นพ.ธวัชชัยคุยกับตนอยู่ เวลาโดนตีหัวแฟนถามว่าเรียกรถพยาบาลหรือเปล่า เพราะที่สหรัฐฯ มีค่าใช้จ่าย 3,500-4,000 เหรียญสหรัฐฯ แต่พอจับดูเลือดไหล จึงให้ นพ.ธวัชชัยดูแผล ก็แนะนำว่าให้ไปเย็บแผลก่อน แต่เย็บไม่เยอะ 2 เข็ม และให้กลับไปรักษาที่บ้าน ส่วนที่โดนตีหัวคิดว่าวันนั้นเป็นวันหยุดของคนผิวสี ตำรวจไม่ค่อยมี เป็นเหตุบังเอิญที่โจรขโมยของ นพ.ธวัชชัยอยู่ในสาย ก็เลยเป็นห่วงจึงเป็นข่าวขึ้นมา ส่วนขบวนการดิสเครดิตที่เกิดขึ้น นพ.ธวัชชัย อ.ปานเทพ และนายอัจฉริยะต้องระวังอะไรเป็นพิเศษ บังแจ็ค กล่าวว่า ทั้งสามคนต้องระวังอย่างสูง เพราะเท่าที่เจอข้อมูลในเครื่องมีแต่คนใหญ่คนโต ทั้งนักการเมืองและนักธุรกิจชื่อดัง มีเรื่องของยาเสพติดเข้ามาเกี่ยวข้อง จากที่แถลงข่าวยังมีเยอะกว่านี้ . ถามถึงแนวทางคลี่คลายคดีเพื่อคืนความยุติธรรมให้แตงโม บังแจ็คกล่าวว่า ลองไว้ใจทีมดีเอสไอ และดูว่าจะมีคนเข้ามาสกัดหรือข่มขู่หรือเปล่าก็ต้องคอยดู แต่ถ้าทั้งสามคนสบายใจและมั่นใจในทีมนี้ก็ตามนั้น สิ่งที่ทำได้ก็คือฟิงเกอร์ครอส (ยกนิ้วไขว้เพื่ออวยพรขอให้โชคดี) เมื่อถามว่า ตอนนี้บังแจ็คทำอะไรอยู่ ตนต้องขอบคุณเน็ตไอดอลที่สร้างภาพให้ตนเป็นแบบนั้นว่าเขาทำสำเร็จ ตนมีร้านอาหาร 2 แห่ง มีบริษัทที่มีรถยนต์กันกระสุน 5 คัน รับคุ้มกันดาราระดับโลก นักฟุตบอลชื่อดัง และนักการเมือง ยืนยันว่าเป็นโทรศัพท์มือถือแตงโมจริง ให้ นพ.ธวัชชัชตรวจอีมี่ (IMEI) และตรวจเครื่องให้เรียบร้อย ถ้าสมมติถ้าตนหิวเงินหรือหิวแสงคงไม่เก็บไว้นานถึง 3 ปี ภาพหรือคลิปที่ตนเจอป่านนี้ได้เงินเป็นร้อยล้านแล้ว ตนนับถือศาสนาอิสลาม เป็นเงินบาป ทำแบบนี้ไม่ได้ เราไม่ไปยุ่งและไม่เปิดเผย ไม่ทำให้แตงโมเสียหายเพราะน่าสงสารที่สุดแล้ว . คลิกอ่านต้นฉบับ >> https://sondhitalk.com/detail/9680000012224 ...... Sondhi X
    Like
    Love
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 384 มุมมอง 0 รีวิว
  • บริษัท BlackRock กำลังเตรียมเปิดตัวผลิตภัณฑ์การลงทุนที่เกี่ยวข้องกับบิทคอยน์ (bitcoin exchange-traded product) ในยุโรปในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า เพื่อให้ผู้จัดการกองทุนและผู้บริโภคทั่วไปสามารถเข้าถึงการลงทุนในคริปโตเคอร์เรนซี่ได้มากขึ้น แหล่งข่าวที่ใกล้ชิดกับเรื่องนี้กล่าวว่า ผลิตภัณฑ์นี้จะถูกจดทะเบียนในสวิตเซอร์แลนด์

    ที่ผ่านมา BlackRock เป็นหนึ่งในนักลงทุนสถาบันรายแรกที่เสนอผลิตภัณฑ์การลงทุนที่ติดตามราคาจริงของบิทคอยน์ หลังจากที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ (SEC) อนุมัติผลิตภัณฑ์ในเดือนมกราคม 2024 การเคลื่อนไหวนี้เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ช่วยเพิ่มความหวังให้กับอุตสาหกรรมคริปโตเคอร์เรนซี่ว่าคริปโตจะเป็นส่วนหนึ่งของการเงินกระแสหลักมากขึ้น

    ผลิตภัณฑ์บิทคอยน์ของ BlackRock ชื่อ IBIT ได้รับความนิยมอย่างมาก มีสินทรัพย์สุทธิถึง $57.5 พันล้าน ณ วันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2025 อย่างไรก็ตาม นักลงทุนทั่วโลกบางส่วนไม่สามารถเข้าถึงผลิตภัณฑ์ที่จดทะเบียนในสหรัฐฯ ได้

    ตลาดคริปโตในยุโรปกำลังเผชิญกับการควบคุมที่เข้มงวดมากขึ้น โดยสหภาพยุโรปได้เริ่มใช้กรอบการกำกับดูแลคริปโตที่เรียกว่า Markets in Crypto-Assets Regulation (MiCA) ตั้งแต่ต้นปี 2023 ทำให้บริษัทในยุโรปต้องปรับตัวและปฏิบัติตามกฎระเบียบใหม่เหล่านี้

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/02/06/blackrock-prepares-to-launch-bitcoin-exchange-traded-product-in-europe-source-says
    บริษัท BlackRock กำลังเตรียมเปิดตัวผลิตภัณฑ์การลงทุนที่เกี่ยวข้องกับบิทคอยน์ (bitcoin exchange-traded product) ในยุโรปในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า เพื่อให้ผู้จัดการกองทุนและผู้บริโภคทั่วไปสามารถเข้าถึงการลงทุนในคริปโตเคอร์เรนซี่ได้มากขึ้น แหล่งข่าวที่ใกล้ชิดกับเรื่องนี้กล่าวว่า ผลิตภัณฑ์นี้จะถูกจดทะเบียนในสวิตเซอร์แลนด์ ที่ผ่านมา BlackRock เป็นหนึ่งในนักลงทุนสถาบันรายแรกที่เสนอผลิตภัณฑ์การลงทุนที่ติดตามราคาจริงของบิทคอยน์ หลังจากที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ (SEC) อนุมัติผลิตภัณฑ์ในเดือนมกราคม 2024 การเคลื่อนไหวนี้เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ช่วยเพิ่มความหวังให้กับอุตสาหกรรมคริปโตเคอร์เรนซี่ว่าคริปโตจะเป็นส่วนหนึ่งของการเงินกระแสหลักมากขึ้น ผลิตภัณฑ์บิทคอยน์ของ BlackRock ชื่อ IBIT ได้รับความนิยมอย่างมาก มีสินทรัพย์สุทธิถึง $57.5 พันล้าน ณ วันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2025 อย่างไรก็ตาม นักลงทุนทั่วโลกบางส่วนไม่สามารถเข้าถึงผลิตภัณฑ์ที่จดทะเบียนในสหรัฐฯ ได้ ตลาดคริปโตในยุโรปกำลังเผชิญกับการควบคุมที่เข้มงวดมากขึ้น โดยสหภาพยุโรปได้เริ่มใช้กรอบการกำกับดูแลคริปโตที่เรียกว่า Markets in Crypto-Assets Regulation (MiCA) ตั้งแต่ต้นปี 2023 ทำให้บริษัทในยุโรปต้องปรับตัวและปฏิบัติตามกฎระเบียบใหม่เหล่านี้ https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/02/06/blackrock-prepares-to-launch-bitcoin-exchange-traded-product-in-europe-source-says
    WWW.THESTAR.COM.MY
    BlackRock prepares to launch bitcoin exchange-traded product in Europe, source says
    LONDON (Reuters) - BlackRock is gearing up to launch a bitcoin exchange-traded product in Europe within weeks, a source familiar with the matter told Reuters, amid growing demand for exposure to cryptocurrencies from both money managers and consumers.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 112 มุมมอง 0 รีวิว
  • ค่ายมือถือ MVNO ไทยมืดมน ล็อกซเล่ย์อำลา NT ไม่ขอไปต่อ

    ใบอนุญาตคลื่นความถี่ 850, 2100 และ 2300 MHz. ของบริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือ NT กำลังจะสิ้นสุดลงในเดือน ส.ค. 2568 แม้ว่าลูกค้า NT Mobile มีแผนโอนย้ายลูกค้าคลื่น 850 MHz. จำนวน 1.6 ล้านเลขหมายไปยังคลื่น 700 MHz. แต่ลูกค้าผู้ให้บริการโครงข่ายเสมือน (MVNO) ของ NT ที่มีหลักแสนราย กลับไม่มีแผนดำเนินการด้านเทคนิคเพื่อโอนย้ายลูกค้าไปยังโครงข่ายใหม่ของ NT ประกอบกับต้นทุนการให้บริการที่เพิ่มสูงขึ้น ทำให้บางค่ายอาจหายไปจากตลาด

    เช่น บริษัท ล็อกซเล่ย์ จำกัด (มหาชน) ผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ i-Kool 3G ประกาศว่าจะยุติให้บริการ โดยมีแผนที่จะสิ้นสุดบริการในวันที่ 30 มิ.ย. 2568 ลูกค้า i-Kool 3G ต้องย้ายค่ายเบอร์เดิมไปยังผู้ให้บริการรายอื่น หรือปิดเบอร์ ยกเลิกการใช้บริการ แล้วขอรับเงินคืนค่าใช้บริการทั้งหมด ภายในวันที่ 31 พ.ค. 2568 นับเป็นการปิดฉากธุรกิจ MVNO หลังล็อกซเล่ย์เช่าใช้โครงข่ายและทำตลาดในระบบ 3G บนเครือข่ายของ TOT เมื่อปี 2552 เป็นระยะเวลา 16 ปี

    ขณะที่บริษัท เรดวัน เน็ตเวิร์ค (ประเทศไทย) จำกัด หรือ redONE หนึ่งใน MVNO ของ NT กำลังเจรจากับบริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เพื่อเปลี่ยนมาทำธุรกิจในฐานะ MVNO โดยใช้เครือข่าย True แต่ยังไม่เปิดเผยรายละเอียดเงื่อนไขทางธุรกิจ เช่น ราคาความจุ มาตรฐานคุณภาพบริการ ซึ่งเรดวันเป็นแบรนด์ MVNO ของมาเลเซีย ใช้เครือข่าย Celcom Axiata ก่อนเปิดให้บริการในสิงคโปร์ ใช้เครือข่าย StarHub และให้บริการในไทยเมื่อวันที่ 18 พ.ค. 2564

    MVNO ของ NT นอกจาก i-Kool 3G และ redONE แล้ว ยังมี บริษัท เดอะ ไวท์สเปซ จำกัด (Penguin) บริษัท บางกอกเทลลิ้ง จำกัด (Infinite) บริษัท ฟีล เทเลคอม คอร์ปอเรชั่น จำกัด (Feels) และบริษัท เคโฟร์ คอมมูนิเคชั่น จำกัด (K4) ปัญหาก็คือ นอกจากต้องจ่ายค่าธรรมเนียมเลขหมายแก่ กสทช. เดือนละ 1.50 บาทต่อเบอร์แล้ว ยังต้องจ่ายค่าบริการอื่น ซึ่งเป็นระบบหลังบ้านของ NT เช่น ระบบ MVNE และการใช้งานอุปกรณ์ HLR เดือนละ 10 บาทต่อเบอร์ ทำให้แข่งขันได้ยาก

    พ.อ.สรรพชัยย์ หุวะนันทน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ NT กล่าวว่า ปัจจุบันผู้ให้บริการ MVNO หลายรายขาดสภาพคล่องทางการเงิน ไม่สามารถชำระค่าบริการให้ NT ได้ ประกอบกับต้นทุนค่าโรมมิ่งที่สูง กระทบความสามารถในการดำเนินธุรกิจ ขณะที่ใบอนุญาตคลื่นความถี่ของ NT กำลังจะหมดอายุ จึงตัดสินใจถอนตัวจากตลาด MVNO ไม่เข้าร่วมการประมูลคลื่นความถี่รอบใหม่ของ กสทช. หากไม่มีพันธมิตรทางธุรกิจเข้ามาสนับสนุน

    #Newskit
    ค่ายมือถือ MVNO ไทยมืดมน ล็อกซเล่ย์อำลา NT ไม่ขอไปต่อ ใบอนุญาตคลื่นความถี่ 850, 2100 และ 2300 MHz. ของบริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือ NT กำลังจะสิ้นสุดลงในเดือน ส.ค. 2568 แม้ว่าลูกค้า NT Mobile มีแผนโอนย้ายลูกค้าคลื่น 850 MHz. จำนวน 1.6 ล้านเลขหมายไปยังคลื่น 700 MHz. แต่ลูกค้าผู้ให้บริการโครงข่ายเสมือน (MVNO) ของ NT ที่มีหลักแสนราย กลับไม่มีแผนดำเนินการด้านเทคนิคเพื่อโอนย้ายลูกค้าไปยังโครงข่ายใหม่ของ NT ประกอบกับต้นทุนการให้บริการที่เพิ่มสูงขึ้น ทำให้บางค่ายอาจหายไปจากตลาด เช่น บริษัท ล็อกซเล่ย์ จำกัด (มหาชน) ผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ i-Kool 3G ประกาศว่าจะยุติให้บริการ โดยมีแผนที่จะสิ้นสุดบริการในวันที่ 30 มิ.ย. 2568 ลูกค้า i-Kool 3G ต้องย้ายค่ายเบอร์เดิมไปยังผู้ให้บริการรายอื่น หรือปิดเบอร์ ยกเลิกการใช้บริการ แล้วขอรับเงินคืนค่าใช้บริการทั้งหมด ภายในวันที่ 31 พ.ค. 2568 นับเป็นการปิดฉากธุรกิจ MVNO หลังล็อกซเล่ย์เช่าใช้โครงข่ายและทำตลาดในระบบ 3G บนเครือข่ายของ TOT เมื่อปี 2552 เป็นระยะเวลา 16 ปี ขณะที่บริษัท เรดวัน เน็ตเวิร์ค (ประเทศไทย) จำกัด หรือ redONE หนึ่งใน MVNO ของ NT กำลังเจรจากับบริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เพื่อเปลี่ยนมาทำธุรกิจในฐานะ MVNO โดยใช้เครือข่าย True แต่ยังไม่เปิดเผยรายละเอียดเงื่อนไขทางธุรกิจ เช่น ราคาความจุ มาตรฐานคุณภาพบริการ ซึ่งเรดวันเป็นแบรนด์ MVNO ของมาเลเซีย ใช้เครือข่าย Celcom Axiata ก่อนเปิดให้บริการในสิงคโปร์ ใช้เครือข่าย StarHub และให้บริการในไทยเมื่อวันที่ 18 พ.ค. 2564 MVNO ของ NT นอกจาก i-Kool 3G และ redONE แล้ว ยังมี บริษัท เดอะ ไวท์สเปซ จำกัด (Penguin) บริษัท บางกอกเทลลิ้ง จำกัด (Infinite) บริษัท ฟีล เทเลคอม คอร์ปอเรชั่น จำกัด (Feels) และบริษัท เคโฟร์ คอมมูนิเคชั่น จำกัด (K4) ปัญหาก็คือ นอกจากต้องจ่ายค่าธรรมเนียมเลขหมายแก่ กสทช. เดือนละ 1.50 บาทต่อเบอร์แล้ว ยังต้องจ่ายค่าบริการอื่น ซึ่งเป็นระบบหลังบ้านของ NT เช่น ระบบ MVNE และการใช้งานอุปกรณ์ HLR เดือนละ 10 บาทต่อเบอร์ ทำให้แข่งขันได้ยาก พ.อ.สรรพชัยย์ หุวะนันทน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ NT กล่าวว่า ปัจจุบันผู้ให้บริการ MVNO หลายรายขาดสภาพคล่องทางการเงิน ไม่สามารถชำระค่าบริการให้ NT ได้ ประกอบกับต้นทุนค่าโรมมิ่งที่สูง กระทบความสามารถในการดำเนินธุรกิจ ขณะที่ใบอนุญาตคลื่นความถี่ของ NT กำลังจะหมดอายุ จึงตัดสินใจถอนตัวจากตลาด MVNO ไม่เข้าร่วมการประมูลคลื่นความถี่รอบใหม่ของ กสทช. หากไม่มีพันธมิตรทางธุรกิจเข้ามาสนับสนุน #Newskit
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 196 มุมมอง 0 รีวิว
  • ใครบ้างที่จะได้รับประโยชน์จาก "ถอดรหัส 10X ลบล้ม เร่งรุ่ง (Fail Fast Succeed More)"

    หนังสือ "ถอดรหัส 10X ลบล้ม เร่งรุ่ง (Fail Fast Succeed More)" ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ผู้นำในองค์กร แต่ยังเหมาะสำหรับทุกคนที่ต้องการพัฒนาตนเอง และก้าวไปสู่ความสำเร็จ

    ผู้ที่จะได้ประโยชน์จากหนังสือเล่มนี้ 6 กลุ่ม
    •กลุ่มที่ 1 ผู้นำทีม
    หนังสือเล่มนี้จะช่วยให้ผู้นำทีม มีแนวทางการพัฒนาตนเอง และสามารถ "สร้าง" และ "พัฒนา" ทีมให้แข็งแกร่ง มีประสิทธิภาพ และพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ
    •กลุ่มที่ 2 ผู้จัดการ
    เรียนรู้แนวทางการพัฒนาตนเอง และมีวิธีการ "จัดการ" และ "พัฒนา" ทีมอย่างเป็นระบบเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน และบรรลุเป้าหมายขององค์กร
    •กลุ่มที่ 3 ผู้บริหาร
    เข้าใจความสำคัญ และรู้วิธีการใน "ภาพรวม" ของการบริหารจัดการองค์กร และนำ องค์กร สู่ความสำเร็จอย่างยั่งยืน และมีกลยุทธ์การพัฒนาตัวเองให้เป็นแบบอย่างที่ดีของคนทั้งในระดับทีม หน่วยงาน และองค์กร
    •กลุ่มที่ 4 เจ้าของธุรกิจ
    ค้นพบ "แนวทาง" การพัฒนาตัวเอง และธุรกิจให้เติบโตอย่างมั่นคง และยั่งยืน พร้อม รับมือกับการแข่งขันในโลกธุรกิจยุคใหม่
    •กลุ่มที่ 5 ผู้ก่อตั้ง
    สร้าง "รากฐาน" ที่แข็งแกร่งให้กับองค์กรตั้งแต่เริ่มต้น และนำพา องค์กรสู่ความสำเร็จใน ระยะยาว
    •กลุ่มที่ 6 บุคคลทั่วไปที่ต้องการพัฒนาตนเอง
    แม้ ไม่ใช่แค่ผู้นำ หรือเจ้าของกิจการ แต่หนังสือเล่มนี้ก็ยังมีประโยชน์สำหรับบุคคลทั่วไปที่ ต้องการพัฒนาตนเองเพื่อเพิ่มศักยภาพ และก้าวหน้าในหน้าที่การงาน และชีวิตส่วนตัว เนื้อหาในส่วนของการพัฒนาตนเอง การทำงานเป็นทีม และการบริหาร จัดการ สามารถ นำไปปรับใช้ ได้กับทุกคนไม่ว่าจะอยู่ ในสายงานใดก็ตาม

    "ถอดรหัส 10X ลบล้ม เร่งรุ่ง (Fail Fast Succeed More)" เป็นหนังสือที่เหมาะสำหรับ ทุกคนที่ต้องการพัฒนาตนเอง ทีมงาน หน่วยงานและองค์กร ให้ เติบโตอย่างก้าวกระโดด เนื้อหาครอบคลุมตั้งแต่ระดับบุคคล ไปจนถึงระดับองค์กร ช่วยให้คุณสามารถนำ ไป ประยุกต์ใช้ ได้จริงในทุกสถานการณ์

    ติดตามสาระดีๆ อีกมากมายได้ที่ https://10-xconsulting.com/feeds/
    ใครบ้างที่จะได้รับประโยชน์จาก "ถอดรหัส 10X ลบล้ม เร่งรุ่ง (Fail Fast Succeed More)" หนังสือ "ถอดรหัส 10X ลบล้ม เร่งรุ่ง (Fail Fast Succeed More)" ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ผู้นำในองค์กร แต่ยังเหมาะสำหรับทุกคนที่ต้องการพัฒนาตนเอง และก้าวไปสู่ความสำเร็จ ผู้ที่จะได้ประโยชน์จากหนังสือเล่มนี้ 6 กลุ่ม •กลุ่มที่ 1 ผู้นำทีม หนังสือเล่มนี้จะช่วยให้ผู้นำทีม มีแนวทางการพัฒนาตนเอง และสามารถ "สร้าง" และ "พัฒนา" ทีมให้แข็งแกร่ง มีประสิทธิภาพ และพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ •กลุ่มที่ 2 ผู้จัดการ เรียนรู้แนวทางการพัฒนาตนเอง และมีวิธีการ "จัดการ" และ "พัฒนา" ทีมอย่างเป็นระบบเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน และบรรลุเป้าหมายขององค์กร •กลุ่มที่ 3 ผู้บริหาร เข้าใจความสำคัญ และรู้วิธีการใน "ภาพรวม" ของการบริหารจัดการองค์กร และนำ องค์กร สู่ความสำเร็จอย่างยั่งยืน และมีกลยุทธ์การพัฒนาตัวเองให้เป็นแบบอย่างที่ดีของคนทั้งในระดับทีม หน่วยงาน และองค์กร •กลุ่มที่ 4 เจ้าของธุรกิจ ค้นพบ "แนวทาง" การพัฒนาตัวเอง และธุรกิจให้เติบโตอย่างมั่นคง และยั่งยืน พร้อม รับมือกับการแข่งขันในโลกธุรกิจยุคใหม่ •กลุ่มที่ 5 ผู้ก่อตั้ง สร้าง "รากฐาน" ที่แข็งแกร่งให้กับองค์กรตั้งแต่เริ่มต้น และนำพา องค์กรสู่ความสำเร็จใน ระยะยาว •กลุ่มที่ 6 บุคคลทั่วไปที่ต้องการพัฒนาตนเอง แม้ ไม่ใช่แค่ผู้นำ หรือเจ้าของกิจการ แต่หนังสือเล่มนี้ก็ยังมีประโยชน์สำหรับบุคคลทั่วไปที่ ต้องการพัฒนาตนเองเพื่อเพิ่มศักยภาพ และก้าวหน้าในหน้าที่การงาน และชีวิตส่วนตัว เนื้อหาในส่วนของการพัฒนาตนเอง การทำงานเป็นทีม และการบริหาร จัดการ สามารถ นำไปปรับใช้ ได้กับทุกคนไม่ว่าจะอยู่ ในสายงานใดก็ตาม "ถอดรหัส 10X ลบล้ม เร่งรุ่ง (Fail Fast Succeed More)" เป็นหนังสือที่เหมาะสำหรับ ทุกคนที่ต้องการพัฒนาตนเอง ทีมงาน หน่วยงานและองค์กร ให้ เติบโตอย่างก้าวกระโดด เนื้อหาครอบคลุมตั้งแต่ระดับบุคคล ไปจนถึงระดับองค์กร ช่วยให้คุณสามารถนำ ไป ประยุกต์ใช้ ได้จริงในทุกสถานการณ์ ติดตามสาระดีๆ อีกมากมายได้ที่ https://10-xconsulting.com/feeds/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 109 มุมมอง 0 รีวิว
  • Dice เว็บไซต์ที่ใช้สำหรับค้นหางานทางเทคโนโลยีและวิศวกร ได้ระบุว่าคนทำงานที่มีความเชี่ยวชาญในด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) และเทคโนโลยีคลาวด์ (Cloud) ได้รับค่าตอบแทนสูงขึ้นอย่างมาก นอกจากนี้ พวกเขายังมีความพึงพอใจในงานสูงขึ้นด้วยเช่นกัน ผลการสำรวจนี้ทำขึ้นจากการเก็บข้อมูลของผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีจำนวน 2,835 คนในช่วงปลายปี 2024

    ในงานวิจัยยังแสดงให้เห็นว่าผู้หญิงที่ทำงานในสายเทคโนโลยีรายงานว่ามีโอกาสในการทำงานและวัฒนธรรมองค์กรที่ดีขึ้นมากขึ้นในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา โดยผู้หญิงที่ทำงานมานานกว่า 20 ปีมีโอกาสมากกว่าผู้ชายถึง 1.5 เท่าในการระบุว่าวัฒนธรรมองค์กรดีขึ้น

    ค่าเฉลี่ยเงินเดือนของผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีอยู่ที่ $112,521 ต่อปี โดยผู้บริหารและผู้จัดการในสายงาน IT มีรายได้เฉลี่ยเกือบ $170,000 ต่อปี ขณะที่ผู้พัฒนาโปรแกรมมีรายได้เฉลี่ยประมาณ $130,000 ต่อปี

    เงินเดือนเฉลี่ยตามตำแหน่งงานดังนี้
    - ผู้บริหาร IT (CEO, CIO, CTO, VP, และ Director): $168,345
    - นักพัฒนาโปรแกรม: $128,386
    - ผู้จัดการโครงการ: $121,237
    - นักวิเคราะห์ธุรกิจ/นักวิเคราะห์ข้อมูล: $102,500

    ทักษะที่ทำให้เงินเดือนเพิ่มขึ้นมากที่สุดในปีที่ผ่านมาคือ
    - Natural Language Processing: $131,621 (+21%)
    - AWS CodeWhisperer: $117,821 (+16%)
    - Amazon Redshift: $134,103 (+15%)
    - BigQuery: $120,434 (+15%)

    ผู้เชี่ยวชาญที่เกี่ยวข้องกับงาน AI รายงานว่าพวกเขามีความพึงพอใจในงานมากขึ้นเมื่อเทียบกับคนในสายงานอื่นๆ ถึงแม้ว่าจะมีการเพิ่มขึ้นของเงินเดือนในสายงานอื่นๆ ก็ตาม

    งานวิจัยยังเสนอแนวคิดว่า การเปลี่ยนงานไม่บ่อยเกินไปหรือมากเกินไปเป็นกลยุทธ์ที่ดีที่สุดสำหรับการเพิ่มเงินเดือน โดยคนที่เปลี่ยนงาน 6-9 ครั้งในช่วงชีวิตมีแนวโน้มจะได้รับเงินเดือนที่สูงที่สุดที่ประมาณ $142,000

    โดยรวมแล้ว งานวิจัยนี้ชี้ให้เห็นว่าทักษะด้าน AI และเทคโนโลยีคลาวด์เป็นที่ต้องการสูงในตลาด และทำให้เกิดความแตกต่างในการจ่ายค่าตอบแทน หวังว่าข้อมูลนี้จะช่วยให้คุณเห็นภาพรวมของการเปลี่ยนแปลงและโอกาสในตลาดงานเทคโนโลยีได้ชัดเจนขึ้นครับ!

    https://www.zdnet.com/home-and-office/work-life/these-tech-skills-drove-the-biggest-salary-increases-over-the-past-year/
    Dice เว็บไซต์ที่ใช้สำหรับค้นหางานทางเทคโนโลยีและวิศวกร ได้ระบุว่าคนทำงานที่มีความเชี่ยวชาญในด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) และเทคโนโลยีคลาวด์ (Cloud) ได้รับค่าตอบแทนสูงขึ้นอย่างมาก นอกจากนี้ พวกเขายังมีความพึงพอใจในงานสูงขึ้นด้วยเช่นกัน ผลการสำรวจนี้ทำขึ้นจากการเก็บข้อมูลของผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีจำนวน 2,835 คนในช่วงปลายปี 2024 ในงานวิจัยยังแสดงให้เห็นว่าผู้หญิงที่ทำงานในสายเทคโนโลยีรายงานว่ามีโอกาสในการทำงานและวัฒนธรรมองค์กรที่ดีขึ้นมากขึ้นในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา โดยผู้หญิงที่ทำงานมานานกว่า 20 ปีมีโอกาสมากกว่าผู้ชายถึง 1.5 เท่าในการระบุว่าวัฒนธรรมองค์กรดีขึ้น ค่าเฉลี่ยเงินเดือนของผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีอยู่ที่ $112,521 ต่อปี โดยผู้บริหารและผู้จัดการในสายงาน IT มีรายได้เฉลี่ยเกือบ $170,000 ต่อปี ขณะที่ผู้พัฒนาโปรแกรมมีรายได้เฉลี่ยประมาณ $130,000 ต่อปี เงินเดือนเฉลี่ยตามตำแหน่งงานดังนี้ - ผู้บริหาร IT (CEO, CIO, CTO, VP, และ Director): $168,345 - นักพัฒนาโปรแกรม: $128,386 - ผู้จัดการโครงการ: $121,237 - นักวิเคราะห์ธุรกิจ/นักวิเคราะห์ข้อมูล: $102,500 ทักษะที่ทำให้เงินเดือนเพิ่มขึ้นมากที่สุดในปีที่ผ่านมาคือ - Natural Language Processing: $131,621 (+21%) - AWS CodeWhisperer: $117,821 (+16%) - Amazon Redshift: $134,103 (+15%) - BigQuery: $120,434 (+15%) ผู้เชี่ยวชาญที่เกี่ยวข้องกับงาน AI รายงานว่าพวกเขามีความพึงพอใจในงานมากขึ้นเมื่อเทียบกับคนในสายงานอื่นๆ ถึงแม้ว่าจะมีการเพิ่มขึ้นของเงินเดือนในสายงานอื่นๆ ก็ตาม งานวิจัยยังเสนอแนวคิดว่า การเปลี่ยนงานไม่บ่อยเกินไปหรือมากเกินไปเป็นกลยุทธ์ที่ดีที่สุดสำหรับการเพิ่มเงินเดือน โดยคนที่เปลี่ยนงาน 6-9 ครั้งในช่วงชีวิตมีแนวโน้มจะได้รับเงินเดือนที่สูงที่สุดที่ประมาณ $142,000 โดยรวมแล้ว งานวิจัยนี้ชี้ให้เห็นว่าทักษะด้าน AI และเทคโนโลยีคลาวด์เป็นที่ต้องการสูงในตลาด และทำให้เกิดความแตกต่างในการจ่ายค่าตอบแทน หวังว่าข้อมูลนี้จะช่วยให้คุณเห็นภาพรวมของการเปลี่ยนแปลงและโอกาสในตลาดงานเทคโนโลยีได้ชัดเจนขึ้นครับ! https://www.zdnet.com/home-and-office/work-life/these-tech-skills-drove-the-biggest-salary-increases-over-the-past-year/
    WWW.ZDNET.COM
    These tech skills drove the biggest salary increases over the past year
    A new tech salaries report suggests that working with AI boosts both pay and satisfaction - but it also cautions that excessive job hopping can work against you.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 122 มุมมอง 0 รีวิว
  • Grayscale Investments ซึ่งเป็นผู้จัดการสินทรัพย์คริปโตที่มีชื่อเสียง เปิดตัวกองทุนที่เน้นการลงทุนใน Dogecoin กองทุนนี้มีชื่อว่า Grayscale Dogecoin Trust และมีเป้าหมายเพื่อให้ผู้ลงทุนสามารถเข้าถึง Dogecoin ซึ่งเป็นสกุลเงินดิจิทัลที่มีความนิยมเพิ่มขึ้น

    Dogecoin เริ่มต้นจากการเป็น "memecoin" หรือสกุลเงินดิจิทัลที่สร้างขึ้นเพื่อความสนุกสนาน แต่ในปัจจุบันได้กลายเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้ผู้คนที่ไม่ได้รับการบริการจากระบบการเงินแบบดั้งเดิมสามารถเข้าร่วมในระบบการเงินได้ Rayhaneh Sharif-Askary หัวหน้าฝ่ายผลิตภัณฑ์และการวิจัยของ Grayscale กล่าวว่า Dogecoin ช่วยให้กลุ่มคนที่ไม่ได้รับการบริการจากโครงสร้างพื้นฐานทางการเงินแบบดั้งเดิมสามารถเข้าร่วมในระบบการเงินได้

    กองทุนนี้ออกแบบมาเพื่อติดตามราคาตลาดของ Dogecoin และเปิดให้สมัครสมาชิกสำหรับนักลงทุนที่มีคุณสมบัติเหมาะสมทั้งบุคคลและสถาบัน. Dogecoin ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่วนหนึ่งเนื่องจากการสนับสนุนจาก Elon Musk CEO ของ Tesla และบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในโลก

    นอกจากนี้ Dogecoin ยังเป็นสกุลเงินดิจิทัลที่มีมูลค่าตลาดใหญ่เป็นอันดับแปดของโลก โดยมีมูลค่าตลาดประมาณ 50 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

    การเปิดตัวกองทุนนี้เป็นการตอบสนองต่อความต้องการของนักลงทุนที่ต้องการหาผลตอบแทนจากสกุลเงินดิจิทัลอื่น ๆ นอกเหนือจาก Bitcoin ซึ่งเป็นสกุลเงินดิจิทัลที่ใหญ่ที่สุดในโลก

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/02/01/grayscale-launches-dogecoin-focused-fund-as-altcoin-adoption-picks-up-pace
    Grayscale Investments ซึ่งเป็นผู้จัดการสินทรัพย์คริปโตที่มีชื่อเสียง เปิดตัวกองทุนที่เน้นการลงทุนใน Dogecoin กองทุนนี้มีชื่อว่า Grayscale Dogecoin Trust และมีเป้าหมายเพื่อให้ผู้ลงทุนสามารถเข้าถึง Dogecoin ซึ่งเป็นสกุลเงินดิจิทัลที่มีความนิยมเพิ่มขึ้น Dogecoin เริ่มต้นจากการเป็น "memecoin" หรือสกุลเงินดิจิทัลที่สร้างขึ้นเพื่อความสนุกสนาน แต่ในปัจจุบันได้กลายเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้ผู้คนที่ไม่ได้รับการบริการจากระบบการเงินแบบดั้งเดิมสามารถเข้าร่วมในระบบการเงินได้ Rayhaneh Sharif-Askary หัวหน้าฝ่ายผลิตภัณฑ์และการวิจัยของ Grayscale กล่าวว่า Dogecoin ช่วยให้กลุ่มคนที่ไม่ได้รับการบริการจากโครงสร้างพื้นฐานทางการเงินแบบดั้งเดิมสามารถเข้าร่วมในระบบการเงินได้ กองทุนนี้ออกแบบมาเพื่อติดตามราคาตลาดของ Dogecoin และเปิดให้สมัครสมาชิกสำหรับนักลงทุนที่มีคุณสมบัติเหมาะสมทั้งบุคคลและสถาบัน. Dogecoin ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่วนหนึ่งเนื่องจากการสนับสนุนจาก Elon Musk CEO ของ Tesla และบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในโลก นอกจากนี้ Dogecoin ยังเป็นสกุลเงินดิจิทัลที่มีมูลค่าตลาดใหญ่เป็นอันดับแปดของโลก โดยมีมูลค่าตลาดประมาณ 50 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ การเปิดตัวกองทุนนี้เป็นการตอบสนองต่อความต้องการของนักลงทุนที่ต้องการหาผลตอบแทนจากสกุลเงินดิจิทัลอื่น ๆ นอกเหนือจาก Bitcoin ซึ่งเป็นสกุลเงินดิจิทัลที่ใหญ่ที่สุดในโลก https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/02/01/grayscale-launches-dogecoin-focused-fund-as-altcoin-adoption-picks-up-pace
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Grayscale launches dogecoin-focused fund as altcoin adoption picks up pace
    (Reuters) - Grayscale Investments said on Friday it was launching an investment fund aimed at dogecoin, as the cryptocurrency asset manager looks to tap into the increasing momentum around alternatives to bitcoin.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 161 มุมมอง 0 รีวิว
  • มีการอัปเกรดครั้งใหญ่ของ Google Sheets ที่เพิ่มความสามารถด้าน AI เพื่อช่วยในการวิเคราะห์และแสดงผลข้อมูล การอัปเกรดนี้เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามของ Google ในการปรับปรุง Workspace โดยการรวมฟีเจอร์ AI เข้ากับแอปพลิเคชันอื่น ๆ เช่น Gmail, Docs, Chat, และ Meet

    การอัปเกรดนี้ทำให้ Gemini ซึ่งเป็น AI ของ Google สามารถให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับแนวโน้ม รูปแบบ และความสัมพันธ์ภายในข้อมูลในสเปรดชีตได้ ตัวอย่างเช่น ผู้จัดการฝ่ายการตลาดสามารถขอให้ Gemini วิเคราะห์ช่องทางที่มีอัตราการแปลงสูงสุดสามอันดับแรกและได้รับการแสดงผลพร้อมภาพประกอบ นอกจากนี้ นักวิเคราะห์การเงินยังสามารถขอให้ AI ระบุความผิดปกติในระดับสินค้าคงคลังของผลิตภัณฑ์เฉพาะ ซึ่งอาจเปิดเผยปัญหาในห่วงโซ่อุปทานหรือรูปแบบความต้องการที่ไม่ปกติ

    หนึ่งในฟีเจอร์ที่น่าสนใจที่สุดคือความสามารถของ Gemini ในการสร้างกราฟจากข้อมูลในสเปรดชีต ผู้ใช้สามารถสั่งให้ AI สร้างภาพแสดงผล เช่น กราฟของรายได้ที่เกิดขึ้นประจำรายเดือน ซึ่งสามารถแทรกเป็นภาพนิ่งได้ อีกฟีเจอร์ที่น่าสนใจคือการแปลงคำขอของผู้ใช้เป็นโค้ด Python และวิเคราะห์ผลลัพธ์ ทำให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงการวิเคราะห์ข้อมูลที่ซับซ้อนได้โดยไม่ต้องเขียนโค้ดด้วยตนเอง

    อย่างไรก็ตาม การอัปเดตนี้ยังมีข้อจำกัดอยู่บ้าง เช่น กราฟที่สร้างโดย AI เป็นภาพนิ่งที่ไม่อัปเดตอัตโนมัติเมื่อข้อมูลพื้นฐานเปลี่ยนแปลง ผู้ใช้ต้องสร้างกราฟใหม่ทุกครั้งที่แก้ไขข้อมูล Google แนะนำว่าข้อมูลควรมีโครงสร้างที่ชัดเจน มีหัวข้อที่ชัดเจน และไม่มีค่าที่ขาดหายไป เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด การทำงานของ Gemini จะมีความเสถียรที่สุดในไฟล์ที่มีเซลล์ไม่เกินหนึ่งล้านเซลล์สำหรับการวิเคราะห์ที่ซับซ้อน

    การอัปเดตนี้เริ่มต้นเมื่อวันที่ 29 มกราคม และคาดว่าจะเสร็จสิ้นภายในวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2025. ผู้ใช้ Google Workspace Business ที่มี Gemini Education add-ons และผู้สมัครสมาชิก Google One AI Premium จะเป็นกลุ่มแรกที่ได้รับการอัปเดตนี้ โดยจะมีการรวมเข้ากับผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ของ Google ในภายหลัง ผู้ใช้สามารถเข้าถึง Gemini ใน Sheets ได้โดยคลิกที่ปุ่ม "Ask Gemini" ที่มุมขวาบนของแอปพลิเคชัน

    https://www.techspot.com/news/106603-google-sheets-now-offers-ai-powered-charts-data.html
    มีการอัปเกรดครั้งใหญ่ของ Google Sheets ที่เพิ่มความสามารถด้าน AI เพื่อช่วยในการวิเคราะห์และแสดงผลข้อมูล การอัปเกรดนี้เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามของ Google ในการปรับปรุง Workspace โดยการรวมฟีเจอร์ AI เข้ากับแอปพลิเคชันอื่น ๆ เช่น Gmail, Docs, Chat, และ Meet การอัปเกรดนี้ทำให้ Gemini ซึ่งเป็น AI ของ Google สามารถให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับแนวโน้ม รูปแบบ และความสัมพันธ์ภายในข้อมูลในสเปรดชีตได้ ตัวอย่างเช่น ผู้จัดการฝ่ายการตลาดสามารถขอให้ Gemini วิเคราะห์ช่องทางที่มีอัตราการแปลงสูงสุดสามอันดับแรกและได้รับการแสดงผลพร้อมภาพประกอบ นอกจากนี้ นักวิเคราะห์การเงินยังสามารถขอให้ AI ระบุความผิดปกติในระดับสินค้าคงคลังของผลิตภัณฑ์เฉพาะ ซึ่งอาจเปิดเผยปัญหาในห่วงโซ่อุปทานหรือรูปแบบความต้องการที่ไม่ปกติ หนึ่งในฟีเจอร์ที่น่าสนใจที่สุดคือความสามารถของ Gemini ในการสร้างกราฟจากข้อมูลในสเปรดชีต ผู้ใช้สามารถสั่งให้ AI สร้างภาพแสดงผล เช่น กราฟของรายได้ที่เกิดขึ้นประจำรายเดือน ซึ่งสามารถแทรกเป็นภาพนิ่งได้ อีกฟีเจอร์ที่น่าสนใจคือการแปลงคำขอของผู้ใช้เป็นโค้ด Python และวิเคราะห์ผลลัพธ์ ทำให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงการวิเคราะห์ข้อมูลที่ซับซ้อนได้โดยไม่ต้องเขียนโค้ดด้วยตนเอง อย่างไรก็ตาม การอัปเดตนี้ยังมีข้อจำกัดอยู่บ้าง เช่น กราฟที่สร้างโดย AI เป็นภาพนิ่งที่ไม่อัปเดตอัตโนมัติเมื่อข้อมูลพื้นฐานเปลี่ยนแปลง ผู้ใช้ต้องสร้างกราฟใหม่ทุกครั้งที่แก้ไขข้อมูล Google แนะนำว่าข้อมูลควรมีโครงสร้างที่ชัดเจน มีหัวข้อที่ชัดเจน และไม่มีค่าที่ขาดหายไป เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด การทำงานของ Gemini จะมีความเสถียรที่สุดในไฟล์ที่มีเซลล์ไม่เกินหนึ่งล้านเซลล์สำหรับการวิเคราะห์ที่ซับซ้อน การอัปเดตนี้เริ่มต้นเมื่อวันที่ 29 มกราคม และคาดว่าจะเสร็จสิ้นภายในวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2025. ผู้ใช้ Google Workspace Business ที่มี Gemini Education add-ons และผู้สมัครสมาชิก Google One AI Premium จะเป็นกลุ่มแรกที่ได้รับการอัปเดตนี้ โดยจะมีการรวมเข้ากับผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ของ Google ในภายหลัง ผู้ใช้สามารถเข้าถึง Gemini ใน Sheets ได้โดยคลิกที่ปุ่ม "Ask Gemini" ที่มุมขวาบนของแอปพลิเคชัน https://www.techspot.com/news/106603-google-sheets-now-offers-ai-powered-charts-data.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Google Sheets now offers AI-powered charts and data analysis
    The updated Gemini can now provide in-depth insights into trends, patterns, and correlations within spreadsheet data. For instance, a marketing manager can ask Gemini to analyze the...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 154 มุมมอง 0 รีวิว
  • ศาลในสหรัฐอเมริกาได้ยกฟ้องคดีที่กล่าวหาว่า LinkedIn บริษัทในเครือของ Microsoft ละเมิดความเป็นส่วนตัวของลูกค้าพรีเมียมหลายล้านคน โดยการเปิดเผยข้อความส่วนตัวของพวกเขาเพื่อฝึกโมเดลปัญญาประดิษฐ์ (AI) คดีนี้ถูกยกฟ้องโดย Alessandro De La Torre ผู้ฟ้องคดีในศาลรัฐบาลกลางในเมือง San Jose รัฐแคลิฟอร์เนีย หลังจากที่ LinkedIn ยืนยันว่าคดีนี้ไม่มีมูลความจริง

    De La Torre กล่าวหาว่า LinkedIn ละเมิดคำสัญญาที่จะใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าเพื่อปรับปรุงบริการของตนเท่านั้น โดยการแบ่งปันข้อความของลูกค้ากับบุคคลที่สามที่เกี่ยวข้องกับ AI การเปิดเผยนี้เกิดขึ้นเมื่อ LinkedIn อัปเดตนโยบายความเป็นส่วนตัวในเดือนกันยายน และกล่าวว่าการตั้งค่าบัญชีใหม่เพื่อป้องกันการแบ่งปันข้อมูลจะไม่ส่งผลต่อการฝึก AI ที่ผ่านมา

    Eli Wade-Scott หุ้นส่วนผู้จัดการที่ Edelson PC ซึ่งเป็นตัวแทนของ De La Torre กล่าวว่า "การเปิดเผยข้อมูลล่าช้าของ LinkedIn ทำให้ผู้บริโภคกังวลและสับสนเกี่ยวกับสิ่งที่ถูกใช้ในการฝึก AI" อย่างไรก็ตาม LinkedIn ได้แสดงหลักฐานว่าไม่ได้ใช้ข้อความส่วนตัวของลูกค้าในการฝึก AI

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/01/31/linkedin-lawsuit-over-use-of-customer-data-for-ai-models-is-dismissed
    ศาลในสหรัฐอเมริกาได้ยกฟ้องคดีที่กล่าวหาว่า LinkedIn บริษัทในเครือของ Microsoft ละเมิดความเป็นส่วนตัวของลูกค้าพรีเมียมหลายล้านคน โดยการเปิดเผยข้อความส่วนตัวของพวกเขาเพื่อฝึกโมเดลปัญญาประดิษฐ์ (AI) คดีนี้ถูกยกฟ้องโดย Alessandro De La Torre ผู้ฟ้องคดีในศาลรัฐบาลกลางในเมือง San Jose รัฐแคลิฟอร์เนีย หลังจากที่ LinkedIn ยืนยันว่าคดีนี้ไม่มีมูลความจริง De La Torre กล่าวหาว่า LinkedIn ละเมิดคำสัญญาที่จะใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าเพื่อปรับปรุงบริการของตนเท่านั้น โดยการแบ่งปันข้อความของลูกค้ากับบุคคลที่สามที่เกี่ยวข้องกับ AI การเปิดเผยนี้เกิดขึ้นเมื่อ LinkedIn อัปเดตนโยบายความเป็นส่วนตัวในเดือนกันยายน และกล่าวว่าการตั้งค่าบัญชีใหม่เพื่อป้องกันการแบ่งปันข้อมูลจะไม่ส่งผลต่อการฝึก AI ที่ผ่านมา Eli Wade-Scott หุ้นส่วนผู้จัดการที่ Edelson PC ซึ่งเป็นตัวแทนของ De La Torre กล่าวว่า "การเปิดเผยข้อมูลล่าช้าของ LinkedIn ทำให้ผู้บริโภคกังวลและสับสนเกี่ยวกับสิ่งที่ถูกใช้ในการฝึก AI" อย่างไรก็ตาม LinkedIn ได้แสดงหลักฐานว่าไม่ได้ใช้ข้อความส่วนตัวของลูกค้าในการฝึก AI https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/01/31/linkedin-lawsuit-over-use-of-customer-data-for-ai-models-is-dismissed
    WWW.THESTAR.COM.MY
    LinkedIn lawsuit over use of customer data for AI models is dismissed
    (Reuters) - A proposed class action accusing Microsoft's LinkedIn of violating the privacy of millions of Premium customers by disclosing their private messages to train generative artificial intelligence models has been dismissed.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 156 มุมมอง 0 รีวิว
  • Logitech รเปิดตัวเซ็นเซอร์เรดาร์ขนาดเล็กที่ชื่อว่า Spot ซึ่งออกแบบมาเพื่อช่วยให้ผู้จัดการสามารถตรวจสอบว่ามีคนอยู่ในห้องทำงานหรือไม่ โดยไม่ต้องใช้กล้องที่อาจละเมิดความเป็นส่วนตัวของพนักงาน

    Spot เป็นอุปกรณ์ขนาดเล็กที่สามารถติดตั้งได้ง่ายบนผนังและใช้เรดาร์ในการตรวจจับการเคลื่อนไหวของคนในระยะประมาณ 16 ฟุต นอกจากนี้ยังมีเซ็นเซอร์วัดคุณภาพอากาศ ระดับ CO2 อุณหภูมิ และความชื้น ซึ่งช่วยให้บริษัทสามารถปรับปรุงสภาพแวดล้อมการทำงานให้เหมาะสมกับพนักงานได้

    การใช้งาน Spot มีหลายกรณี เช่น การจองห้องที่ไม่ได้ใช้งาน การปรับระบบ HVAC ตามการใช้งานจริง และการป้องกันการสะสมของอากาศที่ไม่ดีต่อสุขภาพ Spot ยังสามารถเชื่อมต่อกับระบบการจัดการสำนักงานของ Logitech เช่น แผนที่แบบ Interactive และแผงการจัดตารางเวลา และยังสามารถเชื่อมต่อกับ Microsoft Teams, Zoom และแพลตฟอร์มการทำงานอื่นๆ ผ่าน API

    Spot ใช้พลังงานต่ำและสามารถทำงานได้นานถึงสี่ปีด้วยแบตเตอรี่ก้อนเดียว แม้ว่าการติดตั้งเซ็นเซอร์เหล่านี้ทั่วทั้งสำนักงานอาจทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับการติดตามการเคลื่อนไหวของพนักงาน แต่ Logitech ยืนยันว่าเรดาร์ไม่สามารถระบุบุคคลได้อย่างแม่นยำ และเป็นวิธีที่น้อยกว่าการใช้กล้อง

    Spot จะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในช่วงครึ่งหลังของปีนี้

    สาระที่น่าสนใจเพิ่มเติมคือ การใช้เซ็นเซอร์เรดาร์ในการตรวจจับการเคลื่อนไหวและสภาพแวดล้อมในสำนักงานเป็นแนวคิดที่น่าสนใจและมีศักยภาพในการปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานและสุขภาพของพนักงาน การใช้เทคโนโลยีนี้อาจช่วยให้บริษัทสามารถจัดการพื้นที่ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นและลดการใช้พลังงานได้

    https://www.techspot.com/news/106569-logitech-tiny-radar-sensors-could-managers-see-if.html
    Logitech รเปิดตัวเซ็นเซอร์เรดาร์ขนาดเล็กที่ชื่อว่า Spot ซึ่งออกแบบมาเพื่อช่วยให้ผู้จัดการสามารถตรวจสอบว่ามีคนอยู่ในห้องทำงานหรือไม่ โดยไม่ต้องใช้กล้องที่อาจละเมิดความเป็นส่วนตัวของพนักงาน Spot เป็นอุปกรณ์ขนาดเล็กที่สามารถติดตั้งได้ง่ายบนผนังและใช้เรดาร์ในการตรวจจับการเคลื่อนไหวของคนในระยะประมาณ 16 ฟุต นอกจากนี้ยังมีเซ็นเซอร์วัดคุณภาพอากาศ ระดับ CO2 อุณหภูมิ และความชื้น ซึ่งช่วยให้บริษัทสามารถปรับปรุงสภาพแวดล้อมการทำงานให้เหมาะสมกับพนักงานได้ การใช้งาน Spot มีหลายกรณี เช่น การจองห้องที่ไม่ได้ใช้งาน การปรับระบบ HVAC ตามการใช้งานจริง และการป้องกันการสะสมของอากาศที่ไม่ดีต่อสุขภาพ Spot ยังสามารถเชื่อมต่อกับระบบการจัดการสำนักงานของ Logitech เช่น แผนที่แบบ Interactive และแผงการจัดตารางเวลา และยังสามารถเชื่อมต่อกับ Microsoft Teams, Zoom และแพลตฟอร์มการทำงานอื่นๆ ผ่าน API Spot ใช้พลังงานต่ำและสามารถทำงานได้นานถึงสี่ปีด้วยแบตเตอรี่ก้อนเดียว แม้ว่าการติดตั้งเซ็นเซอร์เหล่านี้ทั่วทั้งสำนักงานอาจทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับการติดตามการเคลื่อนไหวของพนักงาน แต่ Logitech ยืนยันว่าเรดาร์ไม่สามารถระบุบุคคลได้อย่างแม่นยำ และเป็นวิธีที่น้อยกว่าการใช้กล้อง Spot จะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ สาระที่น่าสนใจเพิ่มเติมคือ การใช้เซ็นเซอร์เรดาร์ในการตรวจจับการเคลื่อนไหวและสภาพแวดล้อมในสำนักงานเป็นแนวคิดที่น่าสนใจและมีศักยภาพในการปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานและสุขภาพของพนักงาน การใช้เทคโนโลยีนี้อาจช่วยให้บริษัทสามารถจัดการพื้นที่ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นและลดการใช้พลังงานได้ https://www.techspot.com/news/106569-logitech-tiny-radar-sensors-could-managers-see-if.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Logitech's tiny radar sensors could let managers see if a cubicle is occupied
    The Spot is basically a peel-and-stick pebble that uses radar to detect people's presence. It can see about 16 feet in front of it and also sense...
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 194 มุมมอง 0 รีวิว
  • การทำงานที่บริษัท ไฟเซอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ดีอย่างไร มาฟังจากพนักงานโดยตรง ซึ่งตอกย้ำรางวัล ‘สุดยอดนายจ้างดีเด่นระดับโลกประจำปี 2567’ ที่ไฟเซอร์สำนักงานใหญ่ได้รับการจัดอันดับที่ #34 จากอุตสาหกรรมโดยรวม และอันดับ #1 ในกลุ่มอุตสาหกรรมยาและเทคโนโลยีชีวภาพ Forbes World's Best Employers 2024 - Best Companies To Work For Worldwide ซึ่งถือเป็นรางวัลฉลองครบรอบ 175 ปีของไฟเซอร์ อิงค์ ในปีนี้ และครบรอบ 66 ปีในประเทศไทย ซึ่งพนักงานคือผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จอันยาวนาน
    .
    เมื่อไม่นานมานี้นิตยสาร Forbes ร่วมกับ Statista ประกาศรายชื่อนายจ้างยอดเยี่ยมระดับโลกประจำปี 2024 โดยไฟเซอร์ (Pfizer) ได้รับการจัดอันดับตอกย้ำความเป็นผู้นำและความมุ่งมั่นในการพัฒนาสภาพแวดล้อมการทำงานที่สร้างบรรยากาศเชิงบวกและความเป็นเลิศ จากการสำรวจความคิดเห็นของพนักงานกว่า 300,000 คนจาก 50 ประเทศ ที่เข้าร่วมการสำรวจกับ Forbes ที่ทำงานในองค์กรข้ามชาติขนาดใหญ่ที่มีพนักงานมากกว่า 1,000 คน และดำเนินงานในภูมิภาคทวีปอย่างน้อย 2 แห่งจากทั้งหมด 6 แห่งของโลก ได้แก่ เอเชีย, ยุโรป, แอฟริกา, ลาตินอเมริกา, แคริบเบียน, อเมริกาเหนือ และโอเชียเนีย
    .
    ความสำเร็จของบริษัทแม่สะท้อนภาพลักษณ์องค์กรที่ดีของไฟเซอร์ (ประเทศไทย) องค์กรนวัตกรรมที่ประสบความสำเร็จมากว่า 6 ทศวรรษในประเทศไทย โดยมุ่งมั่นที่จะนำเสนอนวัตกรรมที่ช่วยเปลี่ยนแปลงชีวิตผู้ป่วย ความสำเร็จที่สานต่อเกิดจาก ‘ความสามารถของพนักงานและการปลูกฝังวัฒนธรรมองค์กร’ ที่ล้วนเป็นพื้นฐานแห่งความสำเร็จด้วยคุณลักษณะสำคัญคือ
    .
    1. ความรับผิดชอบ
    2. การให้ความร่วมมือและการทำงานเป็นทีม
    3. การนำเสนอแนวคิดและวิธีการใหม่ๆ
    .
    ‘สภาพแวดล้อมการทำงาน’ ที่เหมาะสมและหลากหลายคือกุญแจสำคัญ โดยให้พนักงานมีส่วนร่วมในการตัดสินใจ ไฟเซอร์จึงกลายเป็นสถานที่ที่พนักงานสามารถเติบโตได้
    ▪️วันเวลาทำงาน วันจันทร์-ศุกร์
    ▪️วันหยุดชดเชยกรณีต้องทำงานวันหยุด
    ▪️วันลา Caregiving Leave หรือสิทธิ์ลาดูแลสมาชิกครอบครัวรวมถึงสัตว์เลี้ยง 10 วัน (แยกออกจากวันลากิจ ลาป่วย ลาพักร้อนอื่นๆ)
    ▪️ออฟฟิศตั้งอยู่ติดกับสถานีรถไฟฟ้าศาลาแดงเชื่อมตรงกับอาคาร
    ▪️Mobile Office สามารถนั่งทำงานที่ไหนก็ได้
    ▪️มีอุปกรณ์อำนวยความสะดวก ปลอดคนที่มีลักษณะเป็นพิษในองค์กร (Toxic People)
    .
    มาร์ค คาว (Mark Kuo) ผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไฟเซอร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ไฟเซอร์ปลูกฝังวัฒนธรรมองค์กรแบบ Accountability ซึ่งพนักงานทุกคนจะเข้าใจบทบาทและหน้าที่ความรับผิดชอบ โดยทำหน้าที่ของตนให้เต็มที่เพื่อให้ได้รับผลสำเร็จตรงตามเป้าหมายของตนเองและบรรลุวัตถุประสงค์ที่องค์กรวางไว้ คือไม่ใช่สักแต่เพียงการทำงานให้เสร็จสิ้น แต่ต้องประสบผลความสำเร็จ และผู้ที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของไฟเซอร์คือพนักงานซึ่งเป็นทรัพยากรที่ทรงคุณค่า เราได้รับความไว้วางใจในประเทศไทยมายาวนานกว่า 6 ทศวรรษ ซึ่งสามารถยืนหยัดและเติบโตในประเทศไทยได้จนถึงทุกวันนี้ เป็นการสะท้อนถึงความไว้วางใจและการสนับสนุนจากชาวไทยอย่างแท้จริง ไฟเซอร์ (ประเทศไทย) ยินดีต้อนรับทุกคนที่มีความรู้ความสามารถและมีคุณภาพสูงมาร่วมเป็นส่วนหนึ่งขององค์กร ในการทำหน้าที่นำเสนอนวัตกรรมเพื่อช่วยเปลี่ยนแปลงชีวิตผู้ป่วย และมาร่วมกันสร้างความสำเร็จและการเติบโตเข้าสู่ปีที่ 67 ของการก่อตั้งในประเทศไทยและในปีต่อๆ ไป
    .
    สิทธิประโยชน์ของพนักงานไฟเซอร์คือ
    ▪️ให้ความสำคัญเรื่องสุขภาพและคุณภาพชีวิตที่ดี รวมถึงความปลอดภัยของพนักงานเป็นอันดับต้นๆ ซึ่งจัดกิจกรรมเสริมสุขภาพกายใจ และให้ความรู้ด้านการเงินและการดำเนินชีวิตอย่างสมดุลทุกเดือน
    ▪️สวัสดิการยืดหยุ่น 16,000 บาทต่อปี ครอบคลุมสุขภาพ ความงาม ประกัน ดูแลครอบครัว สัตว์เลี้ยง เป็นต้น
    ▪️ตรวจสุขภาพประจำปี โบนัสการันตี 1 เดือน + โบนัสตามผลงาน
    ▪️กองทุนสำรองเลี้ยงชีพและสิทธิหุ้น Provident Fund อัตราแข่งขันได้ บางตำแหน่งมีสิทธิหุ้น
    ▪️สนับสนุนความหลากหลายและความเท่าเทียม (DEI) สิทธิคู่สมรสเท่าเทียมสำหรับคู่ชีวิตเพศเดียวกัน
    ▪️ประกันสุขภาพครอบคลุมคู่สมรสและบุตร รวมถึงคู่ชีวิต (Life Partner) เพศเดียวกันกับพนักงาน
    ▪️พัฒนาและเติบโตในสายอาชีพ อบรมผ่านระบบออนไลน์และชั้นเรียน เติบโตในองค์กรและเปิดโอกาสให้ได้ทำงานในระดับภูมิภาคและระดับโลก
    ▪️นโยบายปรึกษาหัวหน้างานโดยตรง (Speak Up) ผู้บริหารพร้อมรับฟังและแก้ปัญหาอย่างจริงใจ (Open Door)
    ▪️วัฒนธรรมเสมอภาค ยืดหยุ่น เน้นผลลัพธ์ สร้างบรรยากาศการทำงานที่สนุกและส่งเสริมความสุข
    ▪️องค์กรแห่งการเรียนรู้ สนับสนุนการเรียนรู้และพัฒนาทักษะอย่างต่อเนื่อง
    ▪️ผู้นำที่ใส่ใจ เปิดรับความคิดเห็นและให้คำปรึกษาอย่างจริงใจ
    ▪️ผลตอบแทนและสวัสดิการที่ดี
    .
    ไฟเซอร์ไม่เพียงเป็นสถานที่ทำงานที่ยอดเยี่ยมที่ให้ผลตอบแทนและสวัสดิการที่ดี แต่ยังดูแลเอาใจใส่เรื่องสุขภาพ ส่งเสริมการเรียนรู้ และสนับสนุนให้พนักงานเติบโต จึงทำให้ไฟเซอร์เป็นอีกหนึ่งองค์กรในฝัน
    .
    มาร่วมค้นพบว่า ทำไมไฟเซอร์ (Pfizer) จึงเป็นที่ทำงานในฝันของใครหลายคน!
    .
    ติดตามข่าวสารของบริษัท ไฟเซอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้ที่ www.pfizer.co.th หรือ Facebook: Pfizer Thailand ที่ https://www.facebook.com/PfizerThailand
    #PfizerThailand #ไฟเซอร์
    #Forbes #worldbestemployers2024 #ไฟเซอร์
    [PR NEWS]
    การทำงานที่บริษัท ไฟเซอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ดีอย่างไร มาฟังจากพนักงานโดยตรง ซึ่งตอกย้ำรางวัล ‘สุดยอดนายจ้างดีเด่นระดับโลกประจำปี 2567’ ที่ไฟเซอร์สำนักงานใหญ่ได้รับการจัดอันดับที่ #34 จากอุตสาหกรรมโดยรวม และอันดับ #1 ในกลุ่มอุตสาหกรรมยาและเทคโนโลยีชีวภาพ Forbes World's Best Employers 2024 - Best Companies To Work For Worldwide ซึ่งถือเป็นรางวัลฉลองครบรอบ 175 ปีของไฟเซอร์ อิงค์ ในปีนี้ และครบรอบ 66 ปีในประเทศไทย ซึ่งพนักงานคือผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จอันยาวนาน . เมื่อไม่นานมานี้นิตยสาร Forbes ร่วมกับ Statista ประกาศรายชื่อนายจ้างยอดเยี่ยมระดับโลกประจำปี 2024 โดยไฟเซอร์ (Pfizer) ได้รับการจัดอันดับตอกย้ำความเป็นผู้นำและความมุ่งมั่นในการพัฒนาสภาพแวดล้อมการทำงานที่สร้างบรรยากาศเชิงบวกและความเป็นเลิศ จากการสำรวจความคิดเห็นของพนักงานกว่า 300,000 คนจาก 50 ประเทศ ที่เข้าร่วมการสำรวจกับ Forbes ที่ทำงานในองค์กรข้ามชาติขนาดใหญ่ที่มีพนักงานมากกว่า 1,000 คน และดำเนินงานในภูมิภาคทวีปอย่างน้อย 2 แห่งจากทั้งหมด 6 แห่งของโลก ได้แก่ เอเชีย, ยุโรป, แอฟริกา, ลาตินอเมริกา, แคริบเบียน, อเมริกาเหนือ และโอเชียเนีย . ความสำเร็จของบริษัทแม่สะท้อนภาพลักษณ์องค์กรที่ดีของไฟเซอร์ (ประเทศไทย) องค์กรนวัตกรรมที่ประสบความสำเร็จมากว่า 6 ทศวรรษในประเทศไทย โดยมุ่งมั่นที่จะนำเสนอนวัตกรรมที่ช่วยเปลี่ยนแปลงชีวิตผู้ป่วย ความสำเร็จที่สานต่อเกิดจาก ‘ความสามารถของพนักงานและการปลูกฝังวัฒนธรรมองค์กร’ ที่ล้วนเป็นพื้นฐานแห่งความสำเร็จด้วยคุณลักษณะสำคัญคือ . 1. ความรับผิดชอบ 2. การให้ความร่วมมือและการทำงานเป็นทีม 3. การนำเสนอแนวคิดและวิธีการใหม่ๆ . ‘สภาพแวดล้อมการทำงาน’ ที่เหมาะสมและหลากหลายคือกุญแจสำคัญ โดยให้พนักงานมีส่วนร่วมในการตัดสินใจ ไฟเซอร์จึงกลายเป็นสถานที่ที่พนักงานสามารถเติบโตได้ ▪️วันเวลาทำงาน วันจันทร์-ศุกร์ ▪️วันหยุดชดเชยกรณีต้องทำงานวันหยุด ▪️วันลา Caregiving Leave หรือสิทธิ์ลาดูแลสมาชิกครอบครัวรวมถึงสัตว์เลี้ยง 10 วัน (แยกออกจากวันลากิจ ลาป่วย ลาพักร้อนอื่นๆ) ▪️ออฟฟิศตั้งอยู่ติดกับสถานีรถไฟฟ้าศาลาแดงเชื่อมตรงกับอาคาร ▪️Mobile Office สามารถนั่งทำงานที่ไหนก็ได้ ▪️มีอุปกรณ์อำนวยความสะดวก ปลอดคนที่มีลักษณะเป็นพิษในองค์กร (Toxic People) . มาร์ค คาว (Mark Kuo) ผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไฟเซอร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ไฟเซอร์ปลูกฝังวัฒนธรรมองค์กรแบบ Accountability ซึ่งพนักงานทุกคนจะเข้าใจบทบาทและหน้าที่ความรับผิดชอบ โดยทำหน้าที่ของตนให้เต็มที่เพื่อให้ได้รับผลสำเร็จตรงตามเป้าหมายของตนเองและบรรลุวัตถุประสงค์ที่องค์กรวางไว้ คือไม่ใช่สักแต่เพียงการทำงานให้เสร็จสิ้น แต่ต้องประสบผลความสำเร็จ และผู้ที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของไฟเซอร์คือพนักงานซึ่งเป็นทรัพยากรที่ทรงคุณค่า เราได้รับความไว้วางใจในประเทศไทยมายาวนานกว่า 6 ทศวรรษ ซึ่งสามารถยืนหยัดและเติบโตในประเทศไทยได้จนถึงทุกวันนี้ เป็นการสะท้อนถึงความไว้วางใจและการสนับสนุนจากชาวไทยอย่างแท้จริง ไฟเซอร์ (ประเทศไทย) ยินดีต้อนรับทุกคนที่มีความรู้ความสามารถและมีคุณภาพสูงมาร่วมเป็นส่วนหนึ่งขององค์กร ในการทำหน้าที่นำเสนอนวัตกรรมเพื่อช่วยเปลี่ยนแปลงชีวิตผู้ป่วย และมาร่วมกันสร้างความสำเร็จและการเติบโตเข้าสู่ปีที่ 67 ของการก่อตั้งในประเทศไทยและในปีต่อๆ ไป . สิทธิประโยชน์ของพนักงานไฟเซอร์คือ ▪️ให้ความสำคัญเรื่องสุขภาพและคุณภาพชีวิตที่ดี รวมถึงความปลอดภัยของพนักงานเป็นอันดับต้นๆ ซึ่งจัดกิจกรรมเสริมสุขภาพกายใจ และให้ความรู้ด้านการเงินและการดำเนินชีวิตอย่างสมดุลทุกเดือน ▪️สวัสดิการยืดหยุ่น 16,000 บาทต่อปี ครอบคลุมสุขภาพ ความงาม ประกัน ดูแลครอบครัว สัตว์เลี้ยง เป็นต้น ▪️ตรวจสุขภาพประจำปี โบนัสการันตี 1 เดือน + โบนัสตามผลงาน ▪️กองทุนสำรองเลี้ยงชีพและสิทธิหุ้น Provident Fund อัตราแข่งขันได้ บางตำแหน่งมีสิทธิหุ้น ▪️สนับสนุนความหลากหลายและความเท่าเทียม (DEI) สิทธิคู่สมรสเท่าเทียมสำหรับคู่ชีวิตเพศเดียวกัน ▪️ประกันสุขภาพครอบคลุมคู่สมรสและบุตร รวมถึงคู่ชีวิต (Life Partner) เพศเดียวกันกับพนักงาน ▪️พัฒนาและเติบโตในสายอาชีพ อบรมผ่านระบบออนไลน์และชั้นเรียน เติบโตในองค์กรและเปิดโอกาสให้ได้ทำงานในระดับภูมิภาคและระดับโลก ▪️นโยบายปรึกษาหัวหน้างานโดยตรง (Speak Up) ผู้บริหารพร้อมรับฟังและแก้ปัญหาอย่างจริงใจ (Open Door) ▪️วัฒนธรรมเสมอภาค ยืดหยุ่น เน้นผลลัพธ์ สร้างบรรยากาศการทำงานที่สนุกและส่งเสริมความสุข ▪️องค์กรแห่งการเรียนรู้ สนับสนุนการเรียนรู้และพัฒนาทักษะอย่างต่อเนื่อง ▪️ผู้นำที่ใส่ใจ เปิดรับความคิดเห็นและให้คำปรึกษาอย่างจริงใจ ▪️ผลตอบแทนและสวัสดิการที่ดี . ไฟเซอร์ไม่เพียงเป็นสถานที่ทำงานที่ยอดเยี่ยมที่ให้ผลตอบแทนและสวัสดิการที่ดี แต่ยังดูแลเอาใจใส่เรื่องสุขภาพ ส่งเสริมการเรียนรู้ และสนับสนุนให้พนักงานเติบโต จึงทำให้ไฟเซอร์เป็นอีกหนึ่งองค์กรในฝัน . มาร่วมค้นพบว่า ทำไมไฟเซอร์ (Pfizer) จึงเป็นที่ทำงานในฝันของใครหลายคน! . ติดตามข่าวสารของบริษัท ไฟเซอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้ที่ www.pfizer.co.th หรือ Facebook: Pfizer Thailand ที่ https://www.facebook.com/PfizerThailand #PfizerThailand #ไฟเซอร์ #Forbes #worldbestemployers2024 #ไฟเซอร์ [PR NEWS]
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 681 มุมมอง 56 0 รีวิว
  • กระติกอยู่ไหน? ในวันที่ไขคดี“แตงโม” : [News story]

    พามาส่องชีวิต "กระติก" อดีตผู้จัดการส่วนตัวและเพื่อนรักของ “แตงโม”
    กระติกอยู่ไหน? ในวันที่ไขคดี“แตงโม” : [News story] พามาส่องชีวิต "กระติก" อดีตผู้จัดการส่วนตัวและเพื่อนรักของ “แตงโม”
    Like
    Sad
    Angry
    10
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1008 มุมมอง 39 0 รีวิว
  • ลูกค้าของ VMware แสดงความไม่พอใจต่อการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นหลังจาก Broadcom เข้าซื้อกิจการ VMware ในปลายปี 2023. การบริหารจัดการของ Broadcom ทำให้ลูกค้าต้องเผชิญกับค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นและปัญหาการสนับสนุนที่ไม่เพียงพอ

    ลูกค้าหลายรายกำลังพิจารณาลดหรือยกเลิกการใช้ VMware เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น ตัวอย่างเช่น ผู้จัดการฝ่าย IT ของบริษัทผลิตอาหารระดับโลกที่มีพนักงานประมาณ 5,500 คน เปิดเผยว่าค่าใช้จ่ายในการใช้ vSphere จะเพิ่มขึ้นถึงสี่เท่า เนื่องจาก Broadcom รวมผลิตภัณฑ์ VMware ที่ไม่ต้องการเข้าด้วยกัน

    นอกจากนี้ Martin Biggs, รองประธานและกรรมการผู้จัดการของ Spinnaker, รายงานว่าองค์กรต่างๆ กำลังเผชิญกับการเพิ่มขึ้นของราคาถึงสามถึงหกเท่า และในบางกรณีอาจเพิ่มขึ้นถึงยี่สิบเท่า Broadcom ได้เริ่มเสนอส่วนลดบางส่วน แต่ความกังวลยังคงมีอยู่

    การย้ายออกจาก VMware ไม่ใช่เรื่องง่าย เนื่องจากมีความท้าทายมากมาย การวิจัยของ Gartner ระบุว่าการย้ายระบบขนาดใหญ่ที่มี VM มากกว่า 2,000 เครื่อง อาจใช้เวลาถึง 18 ถึง 48 เดือน. สำหรับบริษัทผลิตอาหาร การย้ายออกจาก VMware เป็นเรื่องที่ยากลำบากเนื่องจากขาดทรัพยากรภายในและเวลาที่จำกัด

    Broadcom ได้ตอบสนองต่อข้อร้องเรียนเหล่านี้โดยอ้างถึงบล็อกโพสต์ของ CEO Hock Tan ที่กล่าวว่า Broadcom มีความยืดหยุ่นและเปิดกว้างในการกำหนดระยะเวลาของสัญญา อย่างไรก็ตาม ลูกค้าของ VMware ยังคงรายงานว่าถูกกดดันให้ทำสัญญาสามปี

    https://www.techspot.com/news/106547-loved-vmware-now-hate-customers-react-broadcom-changes.html
    ลูกค้าของ VMware แสดงความไม่พอใจต่อการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นหลังจาก Broadcom เข้าซื้อกิจการ VMware ในปลายปี 2023. การบริหารจัดการของ Broadcom ทำให้ลูกค้าต้องเผชิญกับค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นและปัญหาการสนับสนุนที่ไม่เพียงพอ ลูกค้าหลายรายกำลังพิจารณาลดหรือยกเลิกการใช้ VMware เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น ตัวอย่างเช่น ผู้จัดการฝ่าย IT ของบริษัทผลิตอาหารระดับโลกที่มีพนักงานประมาณ 5,500 คน เปิดเผยว่าค่าใช้จ่ายในการใช้ vSphere จะเพิ่มขึ้นถึงสี่เท่า เนื่องจาก Broadcom รวมผลิตภัณฑ์ VMware ที่ไม่ต้องการเข้าด้วยกัน นอกจากนี้ Martin Biggs, รองประธานและกรรมการผู้จัดการของ Spinnaker, รายงานว่าองค์กรต่างๆ กำลังเผชิญกับการเพิ่มขึ้นของราคาถึงสามถึงหกเท่า และในบางกรณีอาจเพิ่มขึ้นถึงยี่สิบเท่า Broadcom ได้เริ่มเสนอส่วนลดบางส่วน แต่ความกังวลยังคงมีอยู่ การย้ายออกจาก VMware ไม่ใช่เรื่องง่าย เนื่องจากมีความท้าทายมากมาย การวิจัยของ Gartner ระบุว่าการย้ายระบบขนาดใหญ่ที่มี VM มากกว่า 2,000 เครื่อง อาจใช้เวลาถึง 18 ถึง 48 เดือน. สำหรับบริษัทผลิตอาหาร การย้ายออกจาก VMware เป็นเรื่องที่ยากลำบากเนื่องจากขาดทรัพยากรภายในและเวลาที่จำกัด Broadcom ได้ตอบสนองต่อข้อร้องเรียนเหล่านี้โดยอ้างถึงบล็อกโพสต์ของ CEO Hock Tan ที่กล่าวว่า Broadcom มีความยืดหยุ่นและเปิดกว้างในการกำหนดระยะเวลาของสัญญา อย่างไรก็ตาม ลูกค้าของ VMware ยังคงรายงานว่าถูกกดดันให้ทำสัญญาสามปี https://www.techspot.com/news/106547-loved-vmware-now-hate-customers-react-broadcom-changes.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    "We loved VMware. Now we hate it": Customers react to Broadcom's changes
    In the wake of Broadcom's acquisition of VMware in late 2023, a growing number of customers have expressed discontent with the virtualization giant's new direction. The changes...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 218 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทนายเดชา เผยศาลสืบพยานจำเลยคดีแตงโม 2 ปากสุดท้าย พิจารณา 2 เดือนครึ่งก่อนมีคำพิพากษา พร้อมยื่นคำร้องไต่สวน"ปานเทพ-อัจฉริยะ-หมอธวัชชัย" จำลองเหตุการณ์ตกเรือละเมิดอำนาจศาลหรือไม่ ส่วนทนาย แซน วิศาพัช ยื่นไต่สวนนักอาชญวิทยาดังให้สัมภาษณ์
    .
    วันนี้ (29 ม.ค.) ที่ศาลจังหวัดนนทบุรี นายเดชา กิตติวิทยานันท์ ทนายความของนางภนิดา ศิระยุทธโยธิน แม่ของ น.ส.ภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์ หรือแตงโม ดาราสาวที่ตกเรือสปีดโบ้ทเสียชีวิต เดินทางมายังศาลจังหวัดนนทบุรี ในนัดสืบพยานคดีการเสียชีวิตของแตงโม ซึ่งวันนี้เป็นการสืบพยานจำเลย นัดสุดท้ายรวม 2 ปาก ประกอบด้วย น.ส.อิจศรินทร์ จุฑาสุขสวัสดิ์ หรือกระติก ผู้จัดการส่วนตัวของแตงโม กับ นายภีม ธรรมศรี หรือเอ็ม โดยบรรยากาศตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมา ได้มี น.ส.อิจศรินทร์ หรือกระติก พร้อมด้วย นายพรศักดิ์ วิภาสอาภานนท์ หรือทนายตุ๋ย ทนายความของนายวิศาพัช มโนมัยรัตน์ หรือแซน และนางภนิดา เดินทางมาร่วมฟังการพิจารณาคดีเมื่อเวลา 9.00 น.
    .
    นายเดชา กล่าวว่า การสืบพยานจำเลยในวันนี้ คาดว่าจะใช้เวลาไม่นาน เนื่องจากจำเลยจะเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบนเรือให้ศาลรับฟัง ซึ่งเป็นไปตามข้อเท็จจริง ส่วนจะสืบพยานแล้วเสร็จในวันนี้เลยหรือไม่ ศาลจะเป็นผู้พิจารณา ขั้นตอนหลังจากนี้ ศาลจะใช้เวลาพิจารณาคดีอีกประมาณ 2 เดือนครึ่ง ก่อนที่จะมีคำพิพากษา และเท่าที่ได้คุยกับนายพรศักดิ์ ให้ข้อมูลว่า วันนี้จะมีการยื่นคำร้องต่อศาลจังหวัดนนทบุรี เพื่อให้ไต่สวนการละเมิดอำนาจศาล 2 สำนวน
    .
    สำนวนแรก เป็นเรื่องของการจำลองเหตุการณ์แตงโมตกเรือเสียชีวิต โดยมีผู้ถูกกล่าวหา ประกอบด้วย นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ พ.อ.นพ.ธวัชชัย กาญจนรินทร์ หรือ อาจารย์หมอธวัชชัย และนายณวัฒน์ อิสรไกรศีล ว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการละเมิดอำนาจศาลหรือไม่ เนื่องจากคดีหลักยังไม่มีคำพิพากษา
    .
    ส่วนอีกสำนวน เป็นกรณีของนักอาชญวิทยารายหนึ่ง ที่ให้สัมภาษณ์ในทำนองว่า มาเบิกความคดีแตงโมในศาล แต่ศาลกลับนั่งหัวเราะ ซึ่งการให้ข้อมูลดังกล่าว นายพรศักดิ์ ทนายความแซน วิศาพัช จะยื่นให้ศาลไต่สวนว่า การให้สัมภาษณ์ดังกล่าวเป็นการละเมิดอำนาจศาลหรือไม่
    .
    ส่วนความพยายามรื้อคดีการเสียชีวิตของแตงโม ภัทรธิดา ของนายอัจฉริยะและพวก นายเดชาระบุว่า ที่ผ่านมามีการพูดคุยกับนายอัจฉริยะ เบื้องต้นยืนยันว่าการรื้อคดีเหตุแห่งการเสียชีวิต น่าจะมีความยุ่งยากซับซ้อนในทุกขั้นตอน ไม่ว่าจะเป็นในชั้นต้นและอุทธรณ์ แต่จะมุ่งเน้นไปที่ตัวของเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า มีความบกพร่อง หรือปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือไม่ ซึ่งขณะนี้ได้มีการยื่นเรื่องให้ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ตรวจสอบในเรื่องดังกล่าวแล้ว
    .
    ส่วนกรณีที่ทนายโจทก์ ทนายจำเลยในคดีเดียวกัน หารือกันในข้อกฎหมาย แต่ไม่ยุ่งเกี่ยวกับข้อกฎหมาย สามารถทำได้ เพราะไม่ไปยุ่งเกี่ยวกับสำนวนคดี ส่วนการตัดพยานบางปากออกจากสำนวน เป็นความประสงค์ของนางพนิดา แม่ของแตงโม เนื่องจากมองว่ามีพยานที่เป็นหมอมาเบิกความจำนวนหลายปากแล้ว ทำให้เสียเวลาในการสืบพยาน
    .
    นายเดชา ยังกล่าวว่า กรณีแม่ของแตงโมก็เห็นด้วย ถ้าหากมีพยานหลักฐานใหม่ ก็พร้อมจะให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ แต่ไม่ได้ให้ความร่วมมือกับฝั่งของนายอัจฉริยะ
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000009329
    .........
    Sondhi X
    ทนายเดชา เผยศาลสืบพยานจำเลยคดีแตงโม 2 ปากสุดท้าย พิจารณา 2 เดือนครึ่งก่อนมีคำพิพากษา พร้อมยื่นคำร้องไต่สวน"ปานเทพ-อัจฉริยะ-หมอธวัชชัย" จำลองเหตุการณ์ตกเรือละเมิดอำนาจศาลหรือไม่ ส่วนทนาย แซน วิศาพัช ยื่นไต่สวนนักอาชญวิทยาดังให้สัมภาษณ์ . วันนี้ (29 ม.ค.) ที่ศาลจังหวัดนนทบุรี นายเดชา กิตติวิทยานันท์ ทนายความของนางภนิดา ศิระยุทธโยธิน แม่ของ น.ส.ภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์ หรือแตงโม ดาราสาวที่ตกเรือสปีดโบ้ทเสียชีวิต เดินทางมายังศาลจังหวัดนนทบุรี ในนัดสืบพยานคดีการเสียชีวิตของแตงโม ซึ่งวันนี้เป็นการสืบพยานจำเลย นัดสุดท้ายรวม 2 ปาก ประกอบด้วย น.ส.อิจศรินทร์ จุฑาสุขสวัสดิ์ หรือกระติก ผู้จัดการส่วนตัวของแตงโม กับ นายภีม ธรรมศรี หรือเอ็ม โดยบรรยากาศตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมา ได้มี น.ส.อิจศรินทร์ หรือกระติก พร้อมด้วย นายพรศักดิ์ วิภาสอาภานนท์ หรือทนายตุ๋ย ทนายความของนายวิศาพัช มโนมัยรัตน์ หรือแซน และนางภนิดา เดินทางมาร่วมฟังการพิจารณาคดีเมื่อเวลา 9.00 น. . นายเดชา กล่าวว่า การสืบพยานจำเลยในวันนี้ คาดว่าจะใช้เวลาไม่นาน เนื่องจากจำเลยจะเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบนเรือให้ศาลรับฟัง ซึ่งเป็นไปตามข้อเท็จจริง ส่วนจะสืบพยานแล้วเสร็จในวันนี้เลยหรือไม่ ศาลจะเป็นผู้พิจารณา ขั้นตอนหลังจากนี้ ศาลจะใช้เวลาพิจารณาคดีอีกประมาณ 2 เดือนครึ่ง ก่อนที่จะมีคำพิพากษา และเท่าที่ได้คุยกับนายพรศักดิ์ ให้ข้อมูลว่า วันนี้จะมีการยื่นคำร้องต่อศาลจังหวัดนนทบุรี เพื่อให้ไต่สวนการละเมิดอำนาจศาล 2 สำนวน . สำนวนแรก เป็นเรื่องของการจำลองเหตุการณ์แตงโมตกเรือเสียชีวิต โดยมีผู้ถูกกล่าวหา ประกอบด้วย นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ พ.อ.นพ.ธวัชชัย กาญจนรินทร์ หรือ อาจารย์หมอธวัชชัย และนายณวัฒน์ อิสรไกรศีล ว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการละเมิดอำนาจศาลหรือไม่ เนื่องจากคดีหลักยังไม่มีคำพิพากษา . ส่วนอีกสำนวน เป็นกรณีของนักอาชญวิทยารายหนึ่ง ที่ให้สัมภาษณ์ในทำนองว่า มาเบิกความคดีแตงโมในศาล แต่ศาลกลับนั่งหัวเราะ ซึ่งการให้ข้อมูลดังกล่าว นายพรศักดิ์ ทนายความแซน วิศาพัช จะยื่นให้ศาลไต่สวนว่า การให้สัมภาษณ์ดังกล่าวเป็นการละเมิดอำนาจศาลหรือไม่ . ส่วนความพยายามรื้อคดีการเสียชีวิตของแตงโม ภัทรธิดา ของนายอัจฉริยะและพวก นายเดชาระบุว่า ที่ผ่านมามีการพูดคุยกับนายอัจฉริยะ เบื้องต้นยืนยันว่าการรื้อคดีเหตุแห่งการเสียชีวิต น่าจะมีความยุ่งยากซับซ้อนในทุกขั้นตอน ไม่ว่าจะเป็นในชั้นต้นและอุทธรณ์ แต่จะมุ่งเน้นไปที่ตัวของเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า มีความบกพร่อง หรือปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือไม่ ซึ่งขณะนี้ได้มีการยื่นเรื่องให้ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ตรวจสอบในเรื่องดังกล่าวแล้ว . ส่วนกรณีที่ทนายโจทก์ ทนายจำเลยในคดีเดียวกัน หารือกันในข้อกฎหมาย แต่ไม่ยุ่งเกี่ยวกับข้อกฎหมาย สามารถทำได้ เพราะไม่ไปยุ่งเกี่ยวกับสำนวนคดี ส่วนการตัดพยานบางปากออกจากสำนวน เป็นความประสงค์ของนางพนิดา แม่ของแตงโม เนื่องจากมองว่ามีพยานที่เป็นหมอมาเบิกความจำนวนหลายปากแล้ว ทำให้เสียเวลาในการสืบพยาน . นายเดชา ยังกล่าวว่า กรณีแม่ของแตงโมก็เห็นด้วย ถ้าหากมีพยานหลักฐานใหม่ ก็พร้อมจะให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ แต่ไม่ได้ให้ความร่วมมือกับฝั่งของนายอัจฉริยะ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000009329 ......... Sondhi X
    Like
    Haha
    Angry
    13
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2280 มุมมอง 0 รีวิว
  • จำได้ต้อง เคยถ่ายรูป Group Shot ของวงไอดอล Miscess ครบทั้งคน ที่ในงาน ที่ MBK CENTER ถือหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ ในมือต้องครับ
    จำได้ต้อง เคยถ่ายรูป Group Shot ของวงไอดอล Miscess ครบทั้งคน ที่ในงาน ที่ MBK CENTER ถือหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ ในมือต้องครับ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 89 มุมมอง 0 รีวิว
  • จำได้ถ่ายครบ 5 คน วง Kiss Kitsune ทั้ง 5 คน ในนั้นคือ พี่มิลล์ถือหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ
    จำได้ถ่ายครบ 5 คน วง Kiss Kitsune ทั้ง 5 คน ในนั้นคือ พี่มิลล์ถือหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 58 มุมมอง 0 รีวิว
  • วันนี้เวลา 13.00 น. มีการประชุมผู้จัดการทีม นักกีฬา และผู้ตัดสิน โดยท่านผู้แทนสมาคมฯ นายอรรคพล กุลประดิษฐ์ ได้ต้อนรับเจ้าหน้าที่ นักกีฬา และผู้ตัดสินที่เข้าร่วมการแข่งขันกีฬาคนพิการแห่งชาติ ประเภทวีลแชร์ ณ อาคารอเนกประสงค์ ได้ทราบข้อกำหนดและรายละเอียดต่าง ๆ พร้อมทั้งคอบข้อสงสัย จากนั้นวิทยากรสมาคมฯ ได้ทำความเข้าต่างในกฎกติกาประเภท 3x3 และ 5x5 เพื่อให้นำไปปฎิบัติได้ถูกต้อง คงความยุติธรรม เริ่มการแข่งขันตั้งแต่วันที่ 26-31 มกราคม 2568 ณ โรงยิมบาสเกตบอล สนามกีฬากลางจันทบุรี
    วันนี้เวลา 13.00 น. มีการประชุมผู้จัดการทีม นักกีฬา และผู้ตัดสิน โดยท่านผู้แทนสมาคมฯ นายอรรคพล กุลประดิษฐ์ ได้ต้อนรับเจ้าหน้าที่ นักกีฬา และผู้ตัดสินที่เข้าร่วมการแข่งขันกีฬาคนพิการแห่งชาติ ประเภทวีลแชร์ ณ อาคารอเนกประสงค์ ได้ทราบข้อกำหนดและรายละเอียดต่าง ๆ พร้อมทั้งคอบข้อสงสัย จากนั้นวิทยากรสมาคมฯ ได้ทำความเข้าต่างในกฎกติกาประเภท 3x3 และ 5x5 เพื่อให้นำไปปฎิบัติได้ถูกต้อง คงความยุติธรรม เริ่มการแข่งขันตั้งแต่วันที่ 26-31 มกราคม 2568 ณ โรงยิมบาสเกตบอล สนามกีฬากลางจันทบุรี
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 234 มุมมอง 0 รีวิว
  • และแล้ว #เปลือยธารินทร์ ก็มาถึงตอนสุดท้ายแล้ว ขอขอบพระคุณ ๆ #สนธิลิ้มทองกุล กองบรรณาธิการผู้จัดการ ผู้เขียน มาอีกครั้งขอบคุณทุกท่านที่ติดตามฟังค่ะ

    ประชุม APEC สัตยาบันของการยอมเป็นทาส
    เงิน IMF ที่ช่วยมาทาง Asia นั้น อเมริกาไม่ได้ลงสักแดงเดียว เป็นเงินญี่ปุ่นเสียส่วนใหญ่
    อเมริกาทำตัวรีดไถและทำตัวเป็นคนคุ้มครองเรียกค่าคุ้มครองด้วยการใช้จิตวิทยาของความขัดแย้งในคาบสมุทรเกาหลี ที่อเมริกาอยากให้มีอยู่นาน ๆ เพื่อใช้เป็นข้อต่อรองในการคุ้มครองความมั่งคั่งของญี่ปุ่น โดยดำรงกำลังทหนารอยู่ในคาบสมุทรเกาหลี เพื่อให้ญี่ปุ่นอดทนต่อการถูกอเมริกาดุด่าสั่งสอน และรีดไถในการเมืองและเศรษฐกิจการค้าระหว่างประเทศ
    https://youtu.be/mWdQxcgMzm0
    และแล้ว #เปลือยธารินทร์ ก็มาถึงตอนสุดท้ายแล้ว ขอขอบพระคุณ ๆ #สนธิลิ้มทองกุล กองบรรณาธิการผู้จัดการ ผู้เขียน มาอีกครั้งขอบคุณทุกท่านที่ติดตามฟังค่ะ ประชุม APEC สัตยาบันของการยอมเป็นทาส เงิน IMF ที่ช่วยมาทาง Asia นั้น อเมริกาไม่ได้ลงสักแดงเดียว เป็นเงินญี่ปุ่นเสียส่วนใหญ่ อเมริกาทำตัวรีดไถและทำตัวเป็นคนคุ้มครองเรียกค่าคุ้มครองด้วยการใช้จิตวิทยาของความขัดแย้งในคาบสมุทรเกาหลี ที่อเมริกาอยากให้มีอยู่นาน ๆ เพื่อใช้เป็นข้อต่อรองในการคุ้มครองความมั่งคั่งของญี่ปุ่น โดยดำรงกำลังทหนารอยู่ในคาบสมุทรเกาหลี เพื่อให้ญี่ปุ่นอดทนต่อการถูกอเมริกาดุด่าสั่งสอน และรีดไถในการเมืองและเศรษฐกิจการค้าระหว่างประเทศ https://youtu.be/mWdQxcgMzm0
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 210 มุมมอง 0 รีวิว
  • ‘กยศ.’เผยปรับปรุงยอดหนี้ ‘ลูกหนี้ กยศ.’ 3.8 ล้านบัญชี คงเหลือ ‘ลูกหนี้’ ที่ยังมีหนี้ 3.5 ล้านราย มีผู้ได้รับเงินคืน 2.8 แสนบัญชี พร้อมส่ง SMS แจ้งลูกหนี้ตรวจสอบสถานะบัญชี

    ........................................

    เมื่อวันที่ 23 ม.ค. น.ส.นันทวัน วงศ์ขจรกิตติ ผู้จัดการกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) ได้เปิดเผยว่า จากการที่ กยศ. ได้ดำเนินการคำนวณยอดหนี้ใหม่ (Recalculation) ของผู้กู้ยืมที่อยู่ระหว่างการชำระเงินคืนตามประกาศคณะกรรมการกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา เรื่อง การปรับปรุงยอดหนี้ของผู้กู้ยืมเงินกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา โดยนำรายการชำระหนี้ของผู้กู้ยืมแต่ละรายที่ได้ชำระเงินคืนนับแต่วันที่ครบกำหนดชำระหนี้ครั้งแรกมาคำนวณหนี้ใหม่

    โดยเปลี่ยนลำดับการตัดชำระหนี้เป็นตัดชำระเงินต้นเฉพาะส่วนที่ครบกำหนด ดอกเบี้ย และเบี้ยปรับตามลำดับ รวมทั้งคิดดอกเบี้ยในอัตรา 1% ต่อปี และลดเบี้ยปรับเหลือเพียงอัตรา 0.5% ต่อปี จึงเป็นผลให้ผู้กู้ยืมบางรายไม่มียอดหนี้คงเหลือ แต่หากยังมียอดหนี้คงเหลือจะต้องชำระหนี้ต่อไป และหากมีเงินส่วนเกินจากยอดหนี้ที่คำนวณใหม่ ผู้กู้ยืมมีสิทธิขอรับเงินคืนได้

    น.ส.นันทวัน ระบุว่า จากการที่ กยศ. ได้ดำเนินการคำนวณยอดหนี้ใหม่ (Recalculation) ดังกล่าวให้กับผู้กู้ยืมประมาณ 3.8 ล้านบัญชี แล้วพบว่า มีกลุ่มผู้กู้ยืมที่ยังมียอดหนี้คงเหลือประมาณ 3.5 ล้านบัญชี กลุ่มผู้กู้ยืมจะได้รับเงินคืนประมาณ 2.8 แสนบัญชี โดย กยศ. ได้ดำเนินการส่ง SMS แจ้งให้ผู้กู้ยืมทุกรายได้รับทราบมีข้อความว่า “ตรวจสอบสถานะบัญชีผู้กู้ที่เว็บไซต์ กยศ/ ขออภัยหากไม่ใช่ผู้กู้”

    ทั้งนี้ เมื่อผู้กู้ยืมเข้าระบบตรวจสอบสถานะบัญชีผู้กู้ยืมที่เว็บไซต์ www.studentloan.or.th แล้ว หากมีสิทธิได้รับเงินคืนจะสามารถลงทะเบียนขอรับเงินคืนได้ โดย กยศ. จะคืนเงินส่วนเกินผ่านระบบโอนเงินแบบพร้อมเพย์ที่ผูกบัญชีธนาคารด้วยเลขบัตรประจำตัวประชาชนของผู้กู้ยืมเท่านั้น ซึ่งมีความปลอดภัยและตรวจสอบได้แน่นอน

    “สำหรับผู้กู้ยืมที่ยังมียอดหนี้คงเหลือ กยศ. ขอเชิญชวนให้มาปรับโครงสร้างหนี้เพื่อขยายเวลาผ่อนชำระ ซึ่งจะทำให้การผ่อนชำระหนี้ต่อเดือนน้อยลง และเป็นการปลดภาระผู้ค้ำประกัน กยศ. จะใช้ยอดหนี้ที่ได้คำนวณใหม่นี้เพื่อทำสัญญาให้แก่ผู้กู้ยืมในการทำสัญญาปรับโครงสร้างหนี้ และเมื่อระบบ กยศ.Connect ปรับปรุงเสร็จสมบูรณ์แล้วยอดหนี้ทั้งหมดจะถูกปรับโดยอัตโนมัติและจะแสดงในแอปพลิเคชัน กยศ.Connect ต่อไป กยศ. ขอยืนยันว่าทุกคนจะได้รับสิทธิประโยชน์ตามกฎหมายอย่างแน่นอน” น.ส.นันทวัน กล่าว

    ที่มา : สำนักข่าวอิศรา
    https://www.isranews.org/article/isranews-short-news/135129-Student-Loan-Fund-Calculate-debt-balance-news-new.html
    ‘กยศ.’เผยปรับปรุงยอดหนี้ ‘ลูกหนี้ กยศ.’ 3.8 ล้านบัญชี คงเหลือ ‘ลูกหนี้’ ที่ยังมีหนี้ 3.5 ล้านราย มีผู้ได้รับเงินคืน 2.8 แสนบัญชี พร้อมส่ง SMS แจ้งลูกหนี้ตรวจสอบสถานะบัญชี ........................................ เมื่อวันที่ 23 ม.ค. น.ส.นันทวัน วงศ์ขจรกิตติ ผู้จัดการกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) ได้เปิดเผยว่า จากการที่ กยศ. ได้ดำเนินการคำนวณยอดหนี้ใหม่ (Recalculation) ของผู้กู้ยืมที่อยู่ระหว่างการชำระเงินคืนตามประกาศคณะกรรมการกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา เรื่อง การปรับปรุงยอดหนี้ของผู้กู้ยืมเงินกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา โดยนำรายการชำระหนี้ของผู้กู้ยืมแต่ละรายที่ได้ชำระเงินคืนนับแต่วันที่ครบกำหนดชำระหนี้ครั้งแรกมาคำนวณหนี้ใหม่ โดยเปลี่ยนลำดับการตัดชำระหนี้เป็นตัดชำระเงินต้นเฉพาะส่วนที่ครบกำหนด ดอกเบี้ย และเบี้ยปรับตามลำดับ รวมทั้งคิดดอกเบี้ยในอัตรา 1% ต่อปี และลดเบี้ยปรับเหลือเพียงอัตรา 0.5% ต่อปี จึงเป็นผลให้ผู้กู้ยืมบางรายไม่มียอดหนี้คงเหลือ แต่หากยังมียอดหนี้คงเหลือจะต้องชำระหนี้ต่อไป และหากมีเงินส่วนเกินจากยอดหนี้ที่คำนวณใหม่ ผู้กู้ยืมมีสิทธิขอรับเงินคืนได้ น.ส.นันทวัน ระบุว่า จากการที่ กยศ. ได้ดำเนินการคำนวณยอดหนี้ใหม่ (Recalculation) ดังกล่าวให้กับผู้กู้ยืมประมาณ 3.8 ล้านบัญชี แล้วพบว่า มีกลุ่มผู้กู้ยืมที่ยังมียอดหนี้คงเหลือประมาณ 3.5 ล้านบัญชี กลุ่มผู้กู้ยืมจะได้รับเงินคืนประมาณ 2.8 แสนบัญชี โดย กยศ. ได้ดำเนินการส่ง SMS แจ้งให้ผู้กู้ยืมทุกรายได้รับทราบมีข้อความว่า “ตรวจสอบสถานะบัญชีผู้กู้ที่เว็บไซต์ กยศ/ ขออภัยหากไม่ใช่ผู้กู้” ทั้งนี้ เมื่อผู้กู้ยืมเข้าระบบตรวจสอบสถานะบัญชีผู้กู้ยืมที่เว็บไซต์ www.studentloan.or.th แล้ว หากมีสิทธิได้รับเงินคืนจะสามารถลงทะเบียนขอรับเงินคืนได้ โดย กยศ. จะคืนเงินส่วนเกินผ่านระบบโอนเงินแบบพร้อมเพย์ที่ผูกบัญชีธนาคารด้วยเลขบัตรประจำตัวประชาชนของผู้กู้ยืมเท่านั้น ซึ่งมีความปลอดภัยและตรวจสอบได้แน่นอน “สำหรับผู้กู้ยืมที่ยังมียอดหนี้คงเหลือ กยศ. ขอเชิญชวนให้มาปรับโครงสร้างหนี้เพื่อขยายเวลาผ่อนชำระ ซึ่งจะทำให้การผ่อนชำระหนี้ต่อเดือนน้อยลง และเป็นการปลดภาระผู้ค้ำประกัน กยศ. จะใช้ยอดหนี้ที่ได้คำนวณใหม่นี้เพื่อทำสัญญาให้แก่ผู้กู้ยืมในการทำสัญญาปรับโครงสร้างหนี้ และเมื่อระบบ กยศ.Connect ปรับปรุงเสร็จสมบูรณ์แล้วยอดหนี้ทั้งหมดจะถูกปรับโดยอัตโนมัติและจะแสดงในแอปพลิเคชัน กยศ.Connect ต่อไป กยศ. ขอยืนยันว่าทุกคนจะได้รับสิทธิประโยชน์ตามกฎหมายอย่างแน่นอน” น.ส.นันทวัน กล่าว ที่มา : สำนักข่าวอิศรา https://www.isranews.org/article/isranews-short-news/135129-Student-Loan-Fund-Calculate-debt-balance-news-new.html
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 247 มุมมอง 0 รีวิว
  • ที่ไอ้เด ไม่กลัวโดนยึดตั๋วทนาย ก็เพราะอาจได้ไปเป็น The Ugly One ผู้จัดการทีมฟุตบอล "ฉาน ยูไนเต็ด" คนเดรัฐฉาน คุมทีมรัฐฉาน เหมาะสมสุดๆ
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    ที่ไอ้เด ไม่กลัวโดนยึดตั๋วทนาย ก็เพราะอาจได้ไปเป็น The Ugly One ผู้จัดการทีมฟุตบอล "ฉาน ยูไนเต็ด" คนเดรัฐฉาน คุมทีมรัฐฉาน เหมาะสมสุดๆ #คิงส์โพธิ์แดง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 201 มุมมอง 0 รีวิว
  • เมื่อช่วงสายวันที่ 22 ม.ค. 68 “สนธิ ลิ้มทองกุล” ผู้ก่อตั้งเว็บไซต์ผู้จัดการ ได้จัดงานเลี้ยงอาหารกลางวันเพื่อขอบคุณอาสาสมัครที่มาร่วมจำลองเหตุการณ์การเสียชีวิตของ “แตงโม นิดา พัชระวีรพงษ์”เมื่อวันที่ 16 ม.ค. 68 ที่ผ่านมา ณ บ้านพระอาทิตย์

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000006866

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    เมื่อช่วงสายวันที่ 22 ม.ค. 68 “สนธิ ลิ้มทองกุล” ผู้ก่อตั้งเว็บไซต์ผู้จัดการ ได้จัดงานเลี้ยงอาหารกลางวันเพื่อขอบคุณอาสาสมัครที่มาร่วมจำลองเหตุการณ์การเสียชีวิตของ “แตงโม นิดา พัชระวีรพงษ์”เมื่อวันที่ 16 ม.ค. 68 ที่ผ่านมา ณ บ้านพระอาทิตย์ อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000006866 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Love
    11
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 832 มุมมอง 1 รีวิว
  • #“อิงฟ้า” ยอมรับแอบเป็นห่วงน้องๆ นางงามที่เป็นตัวแทน “แตงโม” ไปจำลองกระโดดน้ำ แต่พอทุกคนปลอดภัยก็โล่งใจ เชื่อ “บอส ณวัฒน์” ทำเพราะอยากช่วยหาความจริงมากกว่าการหาแสง ไม่นอยด์คนยังบูลลี่เรื่องตาหอยแคลงไม่เลิก บอกคงไม่ใช่ตาคู่ละ 30 บาทแน่นอน แต่เป็นตาคู่ละ 150 ล้าน

    ออกปากว่าเป็นห่วงน้องๆ นางงามมิสแกรนด์ที่ไปเป็นตัวแทน จำลองการเป็น “แตงโม นิดา พัชรวีระพงษ์” ในการตกน้ำ สำหรับสาว “อิงฟ้า วราหะ” ซึ่งตอนนี้นอกจากจะเป็นรุ่นพี่นางงามแล้ว เจ้าตัวก็ยังเป็นผู้จัดการกองประกวดด้วย โดยอิงฟ้ายอมรับว่าตอนแรกเป็นห่วงอยู่ไม่น้อย แต่พอทุกอย่างเสร็จสิ้น เห็นแล้วว่าไม่เกิดอันตรายกับใครเลยก็โล่งใจ และเชื่อว่าที่ “บอสณวัฒน์ อิสรไกลศีล” ทำ ไม่ใช่เพื่อหาแสง แต่เพราะอยากช่วยหาความจริงเท่านั้น

    “มีได้ดู ก็แอบเป็นห่วงค่ะ อาจควบคุมไม่ได้ทุกอย่าง ค่อนข้างหนาวด้วย แต่ชื่นชมและความกล้าหาญของน้องๆ ที่มีทั้งช่วงที่ใส่เสื้อชูชีพแล้วก็ไม่ได้ใส่ คิดว่ามีส่วนช่วยในรูปคดีนะ อย่างน้อยก็ทำให้เห็นบางช่วง ว่าถ้าเป็นตอนแรกเราอาจมีความเข้าใจว่าการที่เราตกไปโอกาสที่เราจะโดนใบพัดหรือเรือดูดเข้าไป มี 100% เหตุการณ์จำลองมันทำให้เราเห็นว่ามันอาจไม่ใช่ 100% ที่จะโดนใบพัดดูดเข้าไป จากการทดสอบไม่มีใครโดนใบพัดดูดเข้าไป แต่โดนแรงดันเรือผลักออกไป"

    "ที่คนบอกว่าบอสมาเกาะกระแสมาหาแสงกับคดีแตงโมน่ะเหรอ เท่าที่หนูดูบอสสัมภาษณ์ แตงโมเขาเป็นแฟนคลับของมิสแกรนด์ เคยมาดูการประกวดหลายปี เขาคงอยากช่วยหาความจริงมากกว่า คนบอกว่าถ้าคดีไม่คลี่คลายจะให้หนูไปตกน้ำแทนเหรอ น่าจะไม่ค่ะ หนูว่ายน้ำไม่เป็นด้วย คงจะส่งกำลังใจให้ห่างๆ”

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/entertainment/detail/9680000005608

    #MGROnline #อิงฟ้า #แตงโม #บอสณวัฒน์
    #“อิงฟ้า” ยอมรับแอบเป็นห่วงน้องๆ นางงามที่เป็นตัวแทน “แตงโม” ไปจำลองกระโดดน้ำ แต่พอทุกคนปลอดภัยก็โล่งใจ เชื่อ “บอส ณวัฒน์” ทำเพราะอยากช่วยหาความจริงมากกว่าการหาแสง ไม่นอยด์คนยังบูลลี่เรื่องตาหอยแคลงไม่เลิก บอกคงไม่ใช่ตาคู่ละ 30 บาทแน่นอน แต่เป็นตาคู่ละ 150 ล้าน • ออกปากว่าเป็นห่วงน้องๆ นางงามมิสแกรนด์ที่ไปเป็นตัวแทน จำลองการเป็น “แตงโม นิดา พัชรวีระพงษ์” ในการตกน้ำ สำหรับสาว “อิงฟ้า วราหะ” ซึ่งตอนนี้นอกจากจะเป็นรุ่นพี่นางงามแล้ว เจ้าตัวก็ยังเป็นผู้จัดการกองประกวดด้วย โดยอิงฟ้ายอมรับว่าตอนแรกเป็นห่วงอยู่ไม่น้อย แต่พอทุกอย่างเสร็จสิ้น เห็นแล้วว่าไม่เกิดอันตรายกับใครเลยก็โล่งใจ และเชื่อว่าที่ “บอสณวัฒน์ อิสรไกลศีล” ทำ ไม่ใช่เพื่อหาแสง แต่เพราะอยากช่วยหาความจริงเท่านั้น • “มีได้ดู ก็แอบเป็นห่วงค่ะ อาจควบคุมไม่ได้ทุกอย่าง ค่อนข้างหนาวด้วย แต่ชื่นชมและความกล้าหาญของน้องๆ ที่มีทั้งช่วงที่ใส่เสื้อชูชีพแล้วก็ไม่ได้ใส่ คิดว่ามีส่วนช่วยในรูปคดีนะ อย่างน้อยก็ทำให้เห็นบางช่วง ว่าถ้าเป็นตอนแรกเราอาจมีความเข้าใจว่าการที่เราตกไปโอกาสที่เราจะโดนใบพัดหรือเรือดูดเข้าไป มี 100% เหตุการณ์จำลองมันทำให้เราเห็นว่ามันอาจไม่ใช่ 100% ที่จะโดนใบพัดดูดเข้าไป จากการทดสอบไม่มีใครโดนใบพัดดูดเข้าไป แต่โดนแรงดันเรือผลักออกไป" • "ที่คนบอกว่าบอสมาเกาะกระแสมาหาแสงกับคดีแตงโมน่ะเหรอ เท่าที่หนูดูบอสสัมภาษณ์ แตงโมเขาเป็นแฟนคลับของมิสแกรนด์ เคยมาดูการประกวดหลายปี เขาคงอยากช่วยหาความจริงมากกว่า คนบอกว่าถ้าคดีไม่คลี่คลายจะให้หนูไปตกน้ำแทนเหรอ น่าจะไม่ค่ะ หนูว่ายน้ำไม่เป็นด้วย คงจะส่งกำลังใจให้ห่างๆ” • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/entertainment/detail/9680000005608 • #MGROnline #อิงฟ้า #แตงโม #บอสณวัฒน์
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 314 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts