• **การลื้อล้างแล้วสร้างใหม่ (Demolition and Rebuilding)**
    หมายถึงกระบวนการทำลายโครงสร้างหรือระบบเดิมเพื่อสร้างสิ่งใหม่ขึ้นแทนที่ อาจเกิดขึ้นได้ในหลายบริบท ทั้งทางกายภาพ สังคม เศรษฐกิจ หรือการเมือง

    ---

    ### **บริบทการนำไปใช้**
    1. **การพัฒนาเมือง**
    - **ตัวอย่าง**: การรื้ออาคารเก่าเพื่อสร้างตึกระฟ้า ถนนหนทางใหม่ หรือระบบขนส่งมวลชน
    - **ประโยชน์**: ปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐาน เพิ่มประสิทธิภาพการใช้พื้นที่
    - **ข้อโต้แย้ง**: อาจทำลายมรดกทางวัฒนธรรม หรือกระทบชุมชนเดิม

    2. **การปฏิรูปเศรษฐกิจ/องค์กร**
    - **ตัวอย่าง**: การยกเลิกนโยบายเก่า ปรับโครงสร้างบริษัท หรือเปลี่ยนระบบการทำงาน
    - **ประโยชน์**: สร้างนวัตกรรม เพิ่มความคล่องตัว
    - **ความเสี่ยง**: การต่อต้านจากผู้เสียประโยชน์ หรือความไม่แน่นอนชั่วคราว

    3. **การเปลี่ยนแปลงทางการเมือง**
    - **ตัวอย่าง**: การปฏิวัติที่ล้มล้างระบอบเดิมเพื่อสร้างระบบการปกครองใหม่
    - **ประโยชน์**: ขจัดความเหลื่อมล้ำ สร้างความเป็นธรรม
    - **ความท้าทาย**: อาจเกิดความวุ่นวายหรือสูญเสียเสถียรภาพ

    4. **สิ่งแวดล้อม**
    - **ตัวอย่าง**: ทดแทนอุตสาหกรรมเก่าด้วยเทคโนโลยีสะอาด
    - **ประโยชน์**: ลดมลภาวะ สร้างความยั่งยืน
    - **ข้อจำกัด**: ต้นทุนสูงและต้องใช้เวลาปรับตัว

    ---

    ### **ประเด็นสำคัญ**
    - **ความสมดุล**: ระหว่างความก้าวหน้า vs. การอนุรักษ์
    - **ผลกระทบทางสังคม**: การโยกย้ายชุมชน การสูญเสียอัตลักษณ์ท้องถิ่น
    - **การมีส่วนร่วม**: ควรรับฟังความเห็นผู้เกี่ยวข้องเพื่อลดความขัดแย้ง

    ---

    ### **ตัวอย่างในประวัติศาสตร์**
    - **ปารีสสมัยพระเจ้านโปเลียนที่ 3**: ปรับผังเมืองให้เป็นถนนกว้างแบบปัจจุบัน
    - **จีนสมัยเติ้งเสี่ยวผิง**: เปลี่ยนจากระบบวางแผนสู่เศรษฐกิจตลาด
    - **การปฏิวัติอุตสาหกรรมสีเขียว**: แทนที่พลังงานฟอสซิลด้วยพลังงานหมุนเวียน

    ---

    ### **สรุป**
    การลื้อล้างแล้วสร้างใหม่เป็นเครื่องมือสำคัญสำหรับการพัฒนา แต่ต้องคำนึงถึงบริบททางวัฒนธรรม สังคม และสิ่งแวดล้อม เพื่อไม่ให้ความก้าวหน้าสร้างบาดแผลให้สังคมในระยะยาว
    **การลื้อล้างแล้วสร้างใหม่ (Demolition and Rebuilding)** หมายถึงกระบวนการทำลายโครงสร้างหรือระบบเดิมเพื่อสร้างสิ่งใหม่ขึ้นแทนที่ อาจเกิดขึ้นได้ในหลายบริบท ทั้งทางกายภาพ สังคม เศรษฐกิจ หรือการเมือง --- ### **บริบทการนำไปใช้** 1. **การพัฒนาเมือง** - **ตัวอย่าง**: การรื้ออาคารเก่าเพื่อสร้างตึกระฟ้า ถนนหนทางใหม่ หรือระบบขนส่งมวลชน - **ประโยชน์**: ปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐาน เพิ่มประสิทธิภาพการใช้พื้นที่ - **ข้อโต้แย้ง**: อาจทำลายมรดกทางวัฒนธรรม หรือกระทบชุมชนเดิม 2. **การปฏิรูปเศรษฐกิจ/องค์กร** - **ตัวอย่าง**: การยกเลิกนโยบายเก่า ปรับโครงสร้างบริษัท หรือเปลี่ยนระบบการทำงาน - **ประโยชน์**: สร้างนวัตกรรม เพิ่มความคล่องตัว - **ความเสี่ยง**: การต่อต้านจากผู้เสียประโยชน์ หรือความไม่แน่นอนชั่วคราว 3. **การเปลี่ยนแปลงทางการเมือง** - **ตัวอย่าง**: การปฏิวัติที่ล้มล้างระบอบเดิมเพื่อสร้างระบบการปกครองใหม่ - **ประโยชน์**: ขจัดความเหลื่อมล้ำ สร้างความเป็นธรรม - **ความท้าทาย**: อาจเกิดความวุ่นวายหรือสูญเสียเสถียรภาพ 4. **สิ่งแวดล้อม** - **ตัวอย่าง**: ทดแทนอุตสาหกรรมเก่าด้วยเทคโนโลยีสะอาด - **ประโยชน์**: ลดมลภาวะ สร้างความยั่งยืน - **ข้อจำกัด**: ต้นทุนสูงและต้องใช้เวลาปรับตัว --- ### **ประเด็นสำคัญ** - **ความสมดุล**: ระหว่างความก้าวหน้า vs. การอนุรักษ์ - **ผลกระทบทางสังคม**: การโยกย้ายชุมชน การสูญเสียอัตลักษณ์ท้องถิ่น - **การมีส่วนร่วม**: ควรรับฟังความเห็นผู้เกี่ยวข้องเพื่อลดความขัดแย้ง --- ### **ตัวอย่างในประวัติศาสตร์** - **ปารีสสมัยพระเจ้านโปเลียนที่ 3**: ปรับผังเมืองให้เป็นถนนกว้างแบบปัจจุบัน - **จีนสมัยเติ้งเสี่ยวผิง**: เปลี่ยนจากระบบวางแผนสู่เศรษฐกิจตลาด - **การปฏิวัติอุตสาหกรรมสีเขียว**: แทนที่พลังงานฟอสซิลด้วยพลังงานหมุนเวียน --- ### **สรุป** การลื้อล้างแล้วสร้างใหม่เป็นเครื่องมือสำคัญสำหรับการพัฒนา แต่ต้องคำนึงถึงบริบททางวัฒนธรรม สังคม และสิ่งแวดล้อม เพื่อไม่ให้ความก้าวหน้าสร้างบาดแผลให้สังคมในระยะยาว
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 166 มุมมอง 0 รีวิว
  • ศาลพิษณุโลกไม่ให้ประกันตัวชั้นสอบสวน พอล แชมเบอร์ ดคี 112 เพราะรู้ว่าให้ประกันหนีทันที ให้ร้ายสถาบันมายาวนาน ถึงเวลาถอนทีละราก
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #ตั๋วปารีส
    ศาลพิษณุโลกไม่ให้ประกันตัวชั้นสอบสวน พอล แชมเบอร์ ดคี 112 เพราะรู้ว่าให้ประกันหนีทันที ให้ร้ายสถาบันมายาวนาน ถึงเวลาถอนทีละราก #คิงส์โพธิ์แดง #ตั๋วปารีส
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 207 มุมมอง 0 รีวิว
  • CMA CGM ร่วมมือกับ Mistral AI ในโครงการมูลค่า 100 ล้านยูโรเพื่อยกระดับบริการลูกค้าและระบบโลจิสติกส์ด้วย AI โดยมุ่งลดเวลาในการตอบกลับลูกค้าและแสดงถึงความมุ่งมั่นในยุโรปท่ามกลางสถานการณ์การค้าโลกที่ไม่แน่นอน โครงการนี้ถือเป็นตัวอย่างสำคัญของการลงทุนในเทคโนโลยีเพื่อปรับปรุงความสามารถการแข่งขันของธุรกิจระดับโลก

    ✅ การลดเวลาในการตอบกลับลูกค้า
    - CMA CGM จะใช้เทคโนโลยี AI เพื่อลดเวลาในการตอบคำถามกว่า 1 ล้านอีเมลต่อสัปดาห์ โดยเฉพาะในเรื่องของการจัดการเส้นทางเรือขนส่ง
    - โครงการนี้มีแผนการดำเนินงานใน 6-12 เดือนแรก เพื่อแสดงผลลัพธ์ที่จับต้องได้

    ✅ Mistral AI: ดาวเด่นของยุโรปในวงการ AI
    - Mistral AI ซึ่งได้รับการสนับสนุนจาก CMA CGM ถูกยกย่องในงานประชุม AI ระดับนานาชาติที่จัดขึ้นในปารีส โดยมีประธานาธิบดีฝรั่งเศส Emmanuel Macron เป็นผู้สนับสนุน
    - บริษัทนี้ยังได้ร่วมมือกับองค์กรชั้นนำอย่าง Stellantis และตั้งเป้าขยายยอดขาย 10 เท่า ในปี 2025

    ✅ โอกาสในการพัฒนา AI ในยุโรป
    - แม้จะมีความตึงเครียดทางการค้าโลก เช่น มาตรการภาษีของสหรัฐฯ CMA CGM ยังคงมุ่งเน้นการลงทุนในตลาดโลก และส่งเสริมการพัฒนานวัตกรรม AI ในฝรั่งเศส

    ✅ การใช้งาน AI ในธุรกิจหลากหลายรูปแบบ
    - นอกจากโลจิสติกส์ CMA CGM ยังนำ AI ไปใช้ในธุรกิจสื่อสาร เช่น การตรวจสอบข้อมูลในช่องข่าว BFM TV
    - กลุ่มธุรกิจนี้ยังมีการร่วมมือกับบริษัทระดับโลก เช่น Google เพื่อพัฒนา AI ในโครงการก่อนหน้า

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/07/shipping-giant-cma-cgm-and-french-ai-startup-target-customer-service-in-tie-up
    CMA CGM ร่วมมือกับ Mistral AI ในโครงการมูลค่า 100 ล้านยูโรเพื่อยกระดับบริการลูกค้าและระบบโลจิสติกส์ด้วย AI โดยมุ่งลดเวลาในการตอบกลับลูกค้าและแสดงถึงความมุ่งมั่นในยุโรปท่ามกลางสถานการณ์การค้าโลกที่ไม่แน่นอน โครงการนี้ถือเป็นตัวอย่างสำคัญของการลงทุนในเทคโนโลยีเพื่อปรับปรุงความสามารถการแข่งขันของธุรกิจระดับโลก ✅ การลดเวลาในการตอบกลับลูกค้า - CMA CGM จะใช้เทคโนโลยี AI เพื่อลดเวลาในการตอบคำถามกว่า 1 ล้านอีเมลต่อสัปดาห์ โดยเฉพาะในเรื่องของการจัดการเส้นทางเรือขนส่ง - โครงการนี้มีแผนการดำเนินงานใน 6-12 เดือนแรก เพื่อแสดงผลลัพธ์ที่จับต้องได้ ✅ Mistral AI: ดาวเด่นของยุโรปในวงการ AI - Mistral AI ซึ่งได้รับการสนับสนุนจาก CMA CGM ถูกยกย่องในงานประชุม AI ระดับนานาชาติที่จัดขึ้นในปารีส โดยมีประธานาธิบดีฝรั่งเศส Emmanuel Macron เป็นผู้สนับสนุน - บริษัทนี้ยังได้ร่วมมือกับองค์กรชั้นนำอย่าง Stellantis และตั้งเป้าขยายยอดขาย 10 เท่า ในปี 2025 ✅ โอกาสในการพัฒนา AI ในยุโรป - แม้จะมีความตึงเครียดทางการค้าโลก เช่น มาตรการภาษีของสหรัฐฯ CMA CGM ยังคงมุ่งเน้นการลงทุนในตลาดโลก และส่งเสริมการพัฒนานวัตกรรม AI ในฝรั่งเศส ✅ การใช้งาน AI ในธุรกิจหลากหลายรูปแบบ - นอกจากโลจิสติกส์ CMA CGM ยังนำ AI ไปใช้ในธุรกิจสื่อสาร เช่น การตรวจสอบข้อมูลในช่องข่าว BFM TV - กลุ่มธุรกิจนี้ยังมีการร่วมมือกับบริษัทระดับโลก เช่น Google เพื่อพัฒนา AI ในโครงการก่อนหน้า https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/07/shipping-giant-cma-cgm-and-french-ai-startup-target-customer-service-in-tie-up
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Shipping giant CMA CGM and French AI startup target customer service in tie-up
    PARIS (Reuters) - Shipping giant CMA CGM and tech startup Mistral AI expect rapid productivity gains from a 100 million euro partnership unveiled on Sunday, which the French firms also touted as a commitment to their home country amid the global trade tensions.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 132 มุมมอง 0 รีวิว
  • ผู้นำพรรคฝ่ายค้านขวาจัดฝรั่งเศส มารีน เลอ แปน (Marine Le Pen) ถูกศาลปารีสพิพากษาคดียักยอกเงิน EU ไม่ต่ำกว่า 4 ล้านยูโรนาน 11 ปีพิพากษาจำคุก 4 ปีแต่เว้นโทษจำคุก 2 ปีแต่สั่งให้กักบริเวณในส่วนที่เหลือ ศาลยังสั่งแบนห้ามลงเล่นการเมืองนาน 5 ปีส่งผลสมัครชิงประธานาธิบดีฝรั่งเศสปี 2027 ไม่ได้ แต่เพื่อนซีประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศไม่ตัดความเป็นไปได้ลงชิงต่อสมัย 3 โวมีหลายคนอยากให้ลง วางแผนโค่นต้นแมกโนเลียของปธน.สหรัฐฯคนที่ 7 แอนดรูว์ แจ็คสัน รมว.กิจการภายในสหรัฐฯหวานใส่ อ้าง ภูเขารัชมอร์ชื่อดังยังมีที่ว่างแทรก "หน้าทรัมป์" ร่วมปธน.จอร์จ วอชิงตัน ปธน.เอบราแฮม ลิง คอล์น ได้
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000030830
    ผู้นำพรรคฝ่ายค้านขวาจัดฝรั่งเศส มารีน เลอ แปน (Marine Le Pen) ถูกศาลปารีสพิพากษาคดียักยอกเงิน EU ไม่ต่ำกว่า 4 ล้านยูโรนาน 11 ปีพิพากษาจำคุก 4 ปีแต่เว้นโทษจำคุก 2 ปีแต่สั่งให้กักบริเวณในส่วนที่เหลือ ศาลยังสั่งแบนห้ามลงเล่นการเมืองนาน 5 ปีส่งผลสมัครชิงประธานาธิบดีฝรั่งเศสปี 2027 ไม่ได้ แต่เพื่อนซีประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศไม่ตัดความเป็นไปได้ลงชิงต่อสมัย 3 โวมีหลายคนอยากให้ลง วางแผนโค่นต้นแมกโนเลียของปธน.สหรัฐฯคนที่ 7 แอนดรูว์ แจ็คสัน รมว.กิจการภายในสหรัฐฯหวานใส่ อ้าง ภูเขารัชมอร์ชื่อดังยังมีที่ว่างแทรก "หน้าทรัมป์" ร่วมปธน.จอร์จ วอชิงตัน ปธน.เอบราแฮม ลิง คอล์น ได้ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000030830
    Like
    Haha
    Love
    Wow
    10
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1005 มุมมอง 0 รีวิว
  • สายอนุรักษ์นิยมโดนสอยอีกราย!

    มารีน เลอเปน ผู้นำฝ่ายขวาหรืออนุรักษ์นิยมของฝรั่งเศส ถูกตัดสินจำคุก 4 ปี และถูกตัดสิทธิ์เลือกตั้งเป็นเวลา 5 ปี
    คำตัดสินนี้ทำให้เลอเปนถูกตัดสิทธิ์จากการเลือกตั้งประธานาธิบดีในปี 2027 ซึ่งเธอเป็นผู้ท้าชิงคนสำคัญ และมีโอกาสคว้าชัยชนะอย่างสูง

    ศาลกรุงปารีสตัดสินจำคุกมารีน เลอเปน ว่ามีความผิดพร้อมกับสมาชิกรัฐสภายุโรปอีก 8 คนจากพรรคของเธอ และผู้ช่วยอีก 12 คน ในความผิดฐานฐานยักยอกเงินกองทุนสหภาพยุโรป เพื่อใช้จ่ายเป็นค่าจ้างเจ้าหน้าที่ที่ทำงานให้กับพรรค National Rally (RN) ของเธอในฝรั่งเศส แทนที่จะจ้างเจ้าหน้าที่ในรัฐสภายุโรปซึ่งเป็นผู้จ่ายเงินให้พวกเขา

    การตัดสินของศาลฝรั่งเศสครั้งนี้ ถือเป็นการตัดสินที่รุนแรงทางการเมืองและทำลายความหวังของเธอในการชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีฝรั่งเศสในปี 2027

    เมื่อปีที่แล้ว อัยการกรุงปารีสได้ยื่นฟ้องต่อศาลขอให้ลงโทษจำคุกเลอเปน โดยกล่าวว่าการลงโทษเลอเปนไม่ควรเป็นเพียงการปรับเงิน 300,000 ยูโร (250,000 ปอนด์) และจำคุกเท่านั้น แต่ต้องรวมถึงการตัดสิทธิทางการเมืองเป็นเวลา 5 ปีด้วย

    และที่สำคัญ อัยการกล่าวว่าการตัดสิทธิทางการเมืองควรเริ่มดำเนินการทันที และไม่ควรถูกระงับไว้ระหว่างรอการอุทธรณ์
    เบเนดิกต์ เดอ แปร์ทุยส์ ประธานศาลกรุงปารีส กล่าวว่าการกระทำของเลอเปนนับว่าเป็นการทำลายกฎเกณฑ์ของประชาธิปไตยในยุโรปอย่างรุนแรง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในฝรั่งเศส

    มีรายงานว่า เลอเปนออกจากห้องพิจารณาคดี ก่อนที่คำพิพากษาจะถูกอ่านจนจบ

    เลอเปนได้ประกาศจะยื่นอุทธรณ์คำตัดสินครั้งนี้
    สายอนุรักษ์นิยมโดนสอยอีกราย! มารีน เลอเปน ผู้นำฝ่ายขวาหรืออนุรักษ์นิยมของฝรั่งเศส ถูกตัดสินจำคุก 4 ปี และถูกตัดสิทธิ์เลือกตั้งเป็นเวลา 5 ปี คำตัดสินนี้ทำให้เลอเปนถูกตัดสิทธิ์จากการเลือกตั้งประธานาธิบดีในปี 2027 ซึ่งเธอเป็นผู้ท้าชิงคนสำคัญ และมีโอกาสคว้าชัยชนะอย่างสูง ศาลกรุงปารีสตัดสินจำคุกมารีน เลอเปน ว่ามีความผิดพร้อมกับสมาชิกรัฐสภายุโรปอีก 8 คนจากพรรคของเธอ และผู้ช่วยอีก 12 คน ในความผิดฐานฐานยักยอกเงินกองทุนสหภาพยุโรป เพื่อใช้จ่ายเป็นค่าจ้างเจ้าหน้าที่ที่ทำงานให้กับพรรค National Rally (RN) ของเธอในฝรั่งเศส แทนที่จะจ้างเจ้าหน้าที่ในรัฐสภายุโรปซึ่งเป็นผู้จ่ายเงินให้พวกเขา การตัดสินของศาลฝรั่งเศสครั้งนี้ ถือเป็นการตัดสินที่รุนแรงทางการเมืองและทำลายความหวังของเธอในการชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีฝรั่งเศสในปี 2027 เมื่อปีที่แล้ว อัยการกรุงปารีสได้ยื่นฟ้องต่อศาลขอให้ลงโทษจำคุกเลอเปน โดยกล่าวว่าการลงโทษเลอเปนไม่ควรเป็นเพียงการปรับเงิน 300,000 ยูโร (250,000 ปอนด์) และจำคุกเท่านั้น แต่ต้องรวมถึงการตัดสิทธิทางการเมืองเป็นเวลา 5 ปีด้วย และที่สำคัญ อัยการกล่าวว่าการตัดสิทธิทางการเมืองควรเริ่มดำเนินการทันที และไม่ควรถูกระงับไว้ระหว่างรอการอุทธรณ์ เบเนดิกต์ เดอ แปร์ทุยส์ ประธานศาลกรุงปารีส กล่าวว่าการกระทำของเลอเปนนับว่าเป็นการทำลายกฎเกณฑ์ของประชาธิปไตยในยุโรปอย่างรุนแรง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในฝรั่งเศส มีรายงานว่า เลอเปนออกจากห้องพิจารณาคดี ก่อนที่คำพิพากษาจะถูกอ่านจนจบ เลอเปนได้ประกาศจะยื่นอุทธรณ์คำตัดสินครั้งนี้
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 320 มุมมอง 0 รีวิว
  • รายละเอียดเพิ่มเติมหลังการประชุมสุดยอดที่ปารีสที่เพิ่งปิดฉากลงไปเมื่อวันก่อน:

    👉ประเทศสมาชิกยุโรปทุกประเทศสนับสนุนให้ยังคงกดดันรัสเซียต่อไป

    👉ชอลซ์ นายกรัฐมนตรีเยอรมนีกล่าวว่า การยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรเป็น "ความผิดพลาดร้ายแรง" สำหรับพวกเรา

    👉คีร์ สตาร์เมอร์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ แสดงออกอย่างแข็งกร้าวโดยการมุ่งมั่นให้โจมตีภาคพลังงานของรัสเซียให้หนักกว่านี้

    👉สหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส ตกลงจะส่งผู้บัญชาการและกองกำลังทหารไปที่เคียฟ (เยอรมนีจะส่งไปแต่ระดับผู้บัญชาการ) โดยที่ทั้งหมดจะช่วยยูเครนจัดตั้งโครงสร้างการบังคับบัญชาใหม่ จัดตั้งหน่วยใหม่ ที่มีขีดความสามารถในการยึดพื้นที่คืน (หากเป็นรายละเอียดตามนี้จริง บ่งบอกว่าสงครามใหญ่กำลังจะเกิดขึ้นในไม่ช้านี้ โดยใช้ข้ออ้างยึดพื้นที่คืน)

    👉อิตาลีปฏิเสธส่งกองกำลังเข้าร่วมอย่างชัดเจน

    👉สหรัฐขอคงสถานะจับตาดูสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
    รายละเอียดเพิ่มเติมหลังการประชุมสุดยอดที่ปารีสที่เพิ่งปิดฉากลงไปเมื่อวันก่อน: 👉ประเทศสมาชิกยุโรปทุกประเทศสนับสนุนให้ยังคงกดดันรัสเซียต่อไป 👉ชอลซ์ นายกรัฐมนตรีเยอรมนีกล่าวว่า การยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรเป็น "ความผิดพลาดร้ายแรง" สำหรับพวกเรา 👉คีร์ สตาร์เมอร์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ แสดงออกอย่างแข็งกร้าวโดยการมุ่งมั่นให้โจมตีภาคพลังงานของรัสเซียให้หนักกว่านี้ 👉สหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส ตกลงจะส่งผู้บัญชาการและกองกำลังทหารไปที่เคียฟ (เยอรมนีจะส่งไปแต่ระดับผู้บัญชาการ) โดยที่ทั้งหมดจะช่วยยูเครนจัดตั้งโครงสร้างการบังคับบัญชาใหม่ จัดตั้งหน่วยใหม่ ที่มีขีดความสามารถในการยึดพื้นที่คืน (หากเป็นรายละเอียดตามนี้จริง บ่งบอกว่าสงครามใหญ่กำลังจะเกิดขึ้นในไม่ช้านี้ โดยใช้ข้ออ้างยึดพื้นที่คืน) 👉อิตาลีปฏิเสธส่งกองกำลังเข้าร่วมอย่างชัดเจน 👉สหรัฐขอคงสถานะจับตาดูสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 310 มุมมอง 0 รีวิว
  • "ไม่แปลกใจที่อียูประกาศให้ประชาชนเตรียมพร้อมกักตุนอาหาร"

    ประธานาธิบดีฝรั่งเศส เอ็มมานูเอล มาครง ประกาศในระหว่างการประชุมสุดยอดผู้นำที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ซึ่งมีตัวแทนของประเทศพันธมิตรยุโรปเข้าร่วม 31 ประเทศว่า อังกฤษและฝรั่งเศสจะส่งคณะผู้แทนทหารไปยังยูเครนเพื่อทำงานร่วมกับกองกำลังติดอาวุธของเคียฟ เพื่อช่วยวางแผนสำหรับอนาคต

    โดยที่ภารกิจนี้ ฝรั่งเศสและอังกฤษจะเป็นผู้นำรวมทั้งการวางแผนจัดการกองกำลังผสมจากประเทศพันธมิตร
    "ไม่แปลกใจที่อียูประกาศให้ประชาชนเตรียมพร้อมกักตุนอาหาร" ประธานาธิบดีฝรั่งเศส เอ็มมานูเอล มาครง ประกาศในระหว่างการประชุมสุดยอดผู้นำที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ซึ่งมีตัวแทนของประเทศพันธมิตรยุโรปเข้าร่วม 31 ประเทศว่า อังกฤษและฝรั่งเศสจะส่งคณะผู้แทนทหารไปยังยูเครนเพื่อทำงานร่วมกับกองกำลังติดอาวุธของเคียฟ เพื่อช่วยวางแผนสำหรับอนาคต โดยที่ภารกิจนี้ ฝรั่งเศสและอังกฤษจะเป็นผู้นำรวมทั้งการวางแผนจัดการกองกำลังผสมจากประเทศพันธมิตร
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 368 มุมมอง 17 0 รีวิว
  • “ปูตินเดี๋ยวก็ตาย ตายแล้วทุกอย่างมันก็จบ มันคือเรื่องจริง”
    ในระหว่างการเยือนปารีสเมื่อวันก่อน เซเลนสกี กล่าวให้สัมภาณ์ด้วยถ้อยคำหยาบคาย บ่งบอกถึงความในใจของเขาที่ไม่เคยต้องการสันติภาพกับรัสเซีย

    “ปูตินเดี๋ยวก็ตาย ตายแล้วทุกอย่างมันก็จบ มันคือเรื่องจริง บางทีเขาอาจจะตายก่อนที่เขาจะสร้างประวัติศาสตร์ที่ล้มเหลวในชีวิตของเขาเสร็จสิ้นซะอีก นั่นคือสิ่งที่เขากลัว ตอนนี้ผมอายุน้อยกว่าเขา คุณกล้าเดิมพันกับผมมั้ยล่ะ ว่าผมจะมีอนาคตที่ดีกว่าเขา”

    นอกจากนี้ เซเลนสกียังเพ้อต่อได้อีกว่า:
    • สหรัฐฯ ตอนนี้อยู่ภายใต้อิทธิพลของรัสเซียไปแล้ว
    • เขายอมรับว่าไม่รู้จักทรัมป์ดีพอที่จะประเมินความสัมพันธ์ของเขากับปูตินได้
    • เซเลนสกียังคงยืนยันอีกครั้งว่า “ยูเครนไม่เคยถูกล้อม” ในเคิร์สก์ พวกเขาเสร็จสิ้นภารกิจ และออกมาได้อย่างปลอดภัย
    • ตอนนี้ยูเครน เคลียร์ข้อตกลงความช่วยเหลือกับสหรัฐฯได้หมดแล้ว โดยใช้ประโยชน์จากข้อตกลงของแร่ธาตุหายาก
    “ปูตินเดี๋ยวก็ตาย ตายแล้วทุกอย่างมันก็จบ มันคือเรื่องจริง” ในระหว่างการเยือนปารีสเมื่อวันก่อน เซเลนสกี กล่าวให้สัมภาณ์ด้วยถ้อยคำหยาบคาย บ่งบอกถึงความในใจของเขาที่ไม่เคยต้องการสันติภาพกับรัสเซีย “ปูตินเดี๋ยวก็ตาย ตายแล้วทุกอย่างมันก็จบ มันคือเรื่องจริง บางทีเขาอาจจะตายก่อนที่เขาจะสร้างประวัติศาสตร์ที่ล้มเหลวในชีวิตของเขาเสร็จสิ้นซะอีก นั่นคือสิ่งที่เขากลัว ตอนนี้ผมอายุน้อยกว่าเขา คุณกล้าเดิมพันกับผมมั้ยล่ะ ว่าผมจะมีอนาคตที่ดีกว่าเขา” นอกจากนี้ เซเลนสกียังเพ้อต่อได้อีกว่า: • สหรัฐฯ ตอนนี้อยู่ภายใต้อิทธิพลของรัสเซียไปแล้ว • เขายอมรับว่าไม่รู้จักทรัมป์ดีพอที่จะประเมินความสัมพันธ์ของเขากับปูตินได้ • เซเลนสกียังคงยืนยันอีกครั้งว่า “ยูเครนไม่เคยถูกล้อม” ในเคิร์สก์ พวกเขาเสร็จสิ้นภารกิจ และออกมาได้อย่างปลอดภัย • ตอนนี้ยูเครน เคลียร์ข้อตกลงความช่วยเหลือกับสหรัฐฯได้หมดแล้ว โดยใช้ประโยชน์จากข้อตกลงของแร่ธาตุหายาก
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 317 มุมมอง 0 รีวิว
  • 👍มัดรวมครีมโลชั่นกันแดดคุณภาพดี📣สั่งซื้อกดลิ้งค์เลยค่ะมีรูปในคอมเม้นต์
    โลชั่นกันแดดไม่ใช่แค่ไอเทมเสริมความงาม แต่เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับทุกคนในประเทศไทย เพื่อปกป้องผิวจาก แสงแดด มลภาวะ และปัญหาผิวต่างๆ การใช้กันแดดทุกวันช่วยให้ผิวสุขภาพดี กระจ่างใส และลดความเสี่ยงของปัญหาผิวระยะยาว อย่ารอให้ผิวเสียก่อนเริ่มปกป้อง ลงกันแดดทุกวัน!
    📌 Banana Boat Sport Ultra Sunscreen Lotion SPF50+ PA+++ 90ml บานาน่า โบ๊ท โลชั่นกันแดด สำหรับผิวกาย ในราคา ฿99 - ฿318 ที่ Shopee https://s.shopee.co.th/8KbQfJmm2u
    📌 กันแดด AR SPF30 เอ อาร์ แอดวานซ์ ซัน โพรเทค บอดี้ โลชั่น ในราคา ฿53 ที่ Shopee https://s.shopee.co.th/7zyaGWxdsi
    📌 [โค้ดลดเพิ่ม 15%] นีเวีย ซัน กันแดดผิวกาย โพรเท็คแอนด์มอยซ์เจอร์ บอดี้ โลชั่น เอสพีเอฟ30 พีเอ+++ 125 มล. NIVEA ในราคา ฿329 ที่ Shopee https://s.shopee.co.th/7V2JfBx3VA
    📌 Jabs กันแดด แจ๊บส์ ไบรท์บูสเตอร์ ยูวี โพรเทคชั่น บอดี้โลชั่น SPF50 PA+++ 450มล. x1 ในราคา ฿185 ที่ Shopee https://s.shopee.co.th/8KbQeWCXWS
    📌โลชั่นกันเเดดมะพร้าว Coconut Suncreen Lotion สูตรเข้มข้น ผิวขาวใส พร้อมสู้เเดด กลิ่นตัวหอม กันเเดดได้ 50 เท่า วิตซี +++ ในราคา ฿89 ที่ Shopee https://s.shopee.co.th/3LCkhCBqRW
    📌 [แพ็คคู่] MizuMi UV Bright Body Serum (180 ml) เซรั่มกันแดดทาผิวกาย เบาสบายผิว หอมละมุน ในราคา ฿390 ที่ Shopee https://s.shopee.co.th/1Vl6VEKZTG
    📌 แพ็กคู่สุดคุ้ม! ลอรีอัล ปารีส ยูวี ดีเฟนเดอร์ อินวิซิเบิ้ล รีซิส เดลี่ ซันสกรีนX2 (กันแดด,กันแดดลอรีอัล) ในราคา ฿799 ที่ Shopee https://s.shopee.co.th/6pmcqkcXie
    📌 DEOdore’ ACNE CLEAR and Brightening Body Serum เซรั่มลดรอยสิวหลัง ในราคา ฿350 ที่ Shopee https://s.shopee.co.th/9f6oDZoNLK
    📌 Mizumi UV Body Serum มิซึมิ ครีมกันแดดสำหรับผิวกาย (UV Bright/Fragrance Free/Cooling) ในราคา ฿45 ที่ Shopee https://s.shopee.co.th/4VOi42J5SS
    📌 VENITA ครีมกันแดดเวนิต้า Venita Anti-Acne Care Sunscreen SPF50/PA+++plus เนื้อครีมเจล ซึมเร็ว ในราคา ฿130 - ฿259 ที่ Shopee https://s.shopee.co.th/4q1YSVkgQFลอ📌 ครีมกันแดด สำหรับผิวแห้ง ผิวแพ้ง่าย ใช้ทาได้ตั้งแต่เด็ก จนถึงผู้ใหญ่ ไม่ขาว ไม่ลอย ไม่แพ้ นำเข้าจากาเกาหลี ในราคา ฿490 ที่ Shopee https://s.shopee.co.th/8Uuqp2kuee
    👍มัดรวมครีมโลชั่นกันแดดคุณภาพดี📣สั่งซื้อกดลิ้งค์เลยค่ะมีรูปในคอมเม้นต์ โลชั่นกันแดดไม่ใช่แค่ไอเทมเสริมความงาม แต่เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับทุกคนในประเทศไทย เพื่อปกป้องผิวจาก แสงแดด มลภาวะ และปัญหาผิวต่างๆ การใช้กันแดดทุกวันช่วยให้ผิวสุขภาพดี กระจ่างใส และลดความเสี่ยงของปัญหาผิวระยะยาว อย่ารอให้ผิวเสียก่อนเริ่มปกป้อง ลงกันแดดทุกวัน! 📌 Banana Boat Sport Ultra Sunscreen Lotion SPF50+ PA+++ 90ml บานาน่า โบ๊ท โลชั่นกันแดด สำหรับผิวกาย ในราคา ฿99 - ฿318 ที่ Shopee https://s.shopee.co.th/8KbQfJmm2u 📌 กันแดด AR SPF30 เอ อาร์ แอดวานซ์ ซัน โพรเทค บอดี้ โลชั่น ในราคา ฿53 ที่ Shopee https://s.shopee.co.th/7zyaGWxdsi 📌 [โค้ดลดเพิ่ม 15%] นีเวีย ซัน กันแดดผิวกาย โพรเท็คแอนด์มอยซ์เจอร์ บอดี้ โลชั่น เอสพีเอฟ30 พีเอ+++ 125 มล. NIVEA ในราคา ฿329 ที่ Shopee https://s.shopee.co.th/7V2JfBx3VA 📌 Jabs กันแดด แจ๊บส์ ไบรท์บูสเตอร์ ยูวี โพรเทคชั่น บอดี้โลชั่น SPF50 PA+++ 450มล. x1 ในราคา ฿185 ที่ Shopee https://s.shopee.co.th/8KbQeWCXWS 📌โลชั่นกันเเดดมะพร้าว Coconut Suncreen Lotion สูตรเข้มข้น ผิวขาวใส พร้อมสู้เเดด กลิ่นตัวหอม กันเเดดได้ 50 เท่า วิตซี +++ ในราคา ฿89 ที่ Shopee https://s.shopee.co.th/3LCkhCBqRW 📌 [แพ็คคู่] MizuMi UV Bright Body Serum (180 ml) เซรั่มกันแดดทาผิวกาย เบาสบายผิว หอมละมุน ในราคา ฿390 ที่ Shopee https://s.shopee.co.th/1Vl6VEKZTG 📌 แพ็กคู่สุดคุ้ม! ลอรีอัล ปารีส ยูวี ดีเฟนเดอร์ อินวิซิเบิ้ล รีซิส เดลี่ ซันสกรีนX2 (กันแดด,กันแดดลอรีอัล) ในราคา ฿799 ที่ Shopee https://s.shopee.co.th/6pmcqkcXie 📌 DEOdore’ ACNE CLEAR and Brightening Body Serum เซรั่มลดรอยสิวหลัง ในราคา ฿350 ที่ Shopee https://s.shopee.co.th/9f6oDZoNLK 📌 Mizumi UV Body Serum มิซึมิ ครีมกันแดดสำหรับผิวกาย (UV Bright/Fragrance Free/Cooling) ในราคา ฿45 ที่ Shopee https://s.shopee.co.th/4VOi42J5SS 📌 VENITA ครีมกันแดดเวนิต้า Venita Anti-Acne Care Sunscreen SPF50/PA+++plus เนื้อครีมเจล ซึมเร็ว ในราคา ฿130 - ฿259 ที่ Shopee https://s.shopee.co.th/4q1YSVkgQFลอ📌 ครีมกันแดด สำหรับผิวแห้ง ผิวแพ้ง่าย ใช้ทาได้ตั้งแต่เด็ก จนถึงผู้ใหญ่ ไม่ขาว ไม่ลอย ไม่แพ้ นำเข้าจากาเกาหลี ในราคา ฿490 ที่ Shopee https://s.shopee.co.th/8Uuqp2kuee
    11 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 542 มุมมอง 0 รีวิว
  • มิใช่ “บลูไดมอนด์” ของซาอุฯ ตามคำกล่าวเท็จใส่ร้าย

    วันนี้ ๖ สิงหาคม ๒๕๖๓ ครบรอบ ๓๑ ปีเหตุการณ์ “โจรกรรมเครื่องเพชรราชวงศ์ซาอุดีอาระเบีย” เกิดขึ้นในปี ๒๕๓๒ แล้ววันนี้แอดมินเห็นคนบางกลุ่มกำลังพยายามบิดเบือนความจริงในโซเชียลมีเดียต่าง ๆ นานาว่า เพชรที่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงสวมใส่ คือ “เพชรสีน้ำเงิน” หรือที่เรารู้จักในชื่อ “Blue Diamond” เป็นเพชรที่ถูกขโมยมาจากประเทศซาอุดิอารเบีย ซึ่งไม่เป็นความจริงตามคำกล่าวเท็จใส่ร้ายแต่ประกาศใด

    ตามพระฉายาลักษณ์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงสวมสร้อยพระศอเป็น “สร้อยพระศอไพลินสีน้ำเงิน (Blue Sapphire)” ไม่ใช่ “เพชรสีน้ำเงิน (Blue Diamond)” ตามที่คนบางกลุ่มกำลังพยายามบิดเบือนกล่าวหาพระองค์

    “สร้อยพระศอไพลินสีน้ำเงิน (Blue Sapphire)” องค์นี้ ประดับเพชรโดยไพลินสีน้ำเงินเม็ดนี้มีขนาด ๑๐๙.๕๗ กะรัต จี้ไพลินสีน้ำเงินองค์นี้ เป็นฝีมือการออกแบบและประดิษฐ์จากบริษัทอัญมณี Van Cleef & Arpels จากประเทศฝรั่งเศส เมื่อประมาณปี ๒๕๐๖

    ซึ่งพระองค์ทรงสวมสร้อยพระศอไพลินสีน้ำเงินองค์นี้ มานานกว่า ๕๐ ปีแล้ว และทรงสวมในหลาย ๆ โอกาสอีกด้วย เช่น ในปี ๒๕๑๑ ทรงสวมสร้อยพระศอนี้ ในโอกาสที่สมเด็จพระจักรพรรดิและสมเด็จพระจักรพรรดินีแห่งอิหร่าน เสด็จพระราชดำเนินเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ระหว่างวันที่ ๒๒-๒๙ มกราคม ๒๕๑๑ (พระฉายาลักษณ์บนขวา) หรือในปี ๒๕๓๔ ทรงสวมสร้อยพระศอนี้ ในโอกาสที่สมเด็จพระจักรพรรดิและสมเด็จพระจักรพรรดินีแห่งญี่ปุ่น เสด็จพระราชดำเนินเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ระหว่างวันที่ ๒๖-๓๐ กันยายน ๒๕๓๔ (พระฉายาลักษณ์ล่างกลาง)

    และเหตุการณ์ “โจรกรรมเครื่องเพชรราชวงศ์ซาอุดีอาระเบีย” เกิดขึ้นในปี ๒๕๓๒ แต่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงสวมสร้อยพระศอไพลินสีน้ำเงิน มานาน ๕๐ ปีแล้ว ตั้งแต่ปี ๒๕๑๐ เรื่อยมา จึงเป็นไปไม่ได้ที่พระสร้อยศอนี้ จะเป็นเครื่องประดับที่ถูกโจรกรรมมาจากประเทศซาอุดีอาระเบีย ในปี ๒๕๓๒

    และในคดีโจรกรรมเครื่องเพชรนั้น ได้จบไปนานแล้ว ในยุคนั้น นายโมฮัมหมัด ซาอิด โคจา ได้แสดงความขอบคุณทางการไทยอย่างสุดซึ้ง แม้จะยังไม่ได้เพชรคืนทุกชิ้นก็ตาม แต่ได้มาเพียงเท่านี้เขาก็พอใจแล้ว แต่สิ่งที่ซาอุดิอาระเบียโกรธทางการไทยอย่างมากจนลดความสัมพันธ์ทางการทูตกับไทยลง มาจากสาเหตุเรื่องการอุ้มฆ่านักธุรกิจซาอุดิอาระเบีย ต่างหาก

    และราชวงศ์จักรี มีเครื่องประดับที่เป็นเพชรมากมาย ตั้งแต่สมัยสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถพระบรมราชชนนีพันปีหลวงแล้ว หรือแม้แต่ในอดีต ตามบันทึกในหนังสือ “ความทรงจำในการตามเสด็จต่างประเทศทางราชการ” ของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ในโอกาสนั้นเสด็จเยือนแคนาดา เมื่อวันเสาร์ที่ ๒๔ มิถุนายน ๒๕๑๐ และเสด็จไปในงานเลี้ยงรับรองสำคัญ ซึ่งในงานจะมีบุคคลสำคัญในวงการราชการและธุรกิจ คืนนั้นพระองค์ได้โดยในหนังสือเล่มดังกล่าวมีการระบุความตอนหนึ่งว่า

    “...คืนนั้น ข้าพเจ้าได้สวมสร้อยพระศอเพชร ซึ่งเป็นของเก่าของสมเด็จพระพันปีหลวง…”

    หมายเหตุ “สมเด็จพระพันปีหลวง” ในบทความนี้ หมายถึง สมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง

    ในบันทึกยังบอกอีกว่า สร้อยพระศอเพชรเส้นนี้เอง ทำให้เกิดเหตุการณ์อย่างหนึ่งในงานนั้น เหตุการณ์ดังกล่าวนี้ เกิดขึ้นเมื่อแขกคนสำคัญคนหนึ่งถามหม่อมเจ้าหญิงวิภาวดีรังสิต ซึ่งทำหน้าที่นางสนองพระโอษฐ์ แล้วไปในงานวันนั้นด้วยว่า

    “...เอ้อ…สร้อยพระศอที่พระราชินีของท่านทรงอยู่นั้น คงเพิ่งซื้อใหม่จากปารีสกระมัง...”

    หม่อมเจ้าวิภาวดี ทรงตอบว่า

    “...เอ๊ะ ! นี่ท่านไม่รู้หรอกหรือ ว่าเมืองไทยของฉันมีอายุกว่า ๗๐๐-๘๐๐ ปีแล้ว พระราชวงศ์จักรีก็มีมาตั้งเกือบสองศตวรรษ เราจึงมีเครื่องเพชรประจำพระราชวงศ์บ้าง ไม่เห็นจะต้องซื้อของใหม่ราคาแพงมาใช้เลย...”

    จากบันทึกในหนังสือ “ความทรงจำในการตามเสด็จต่างประเทศทางราชการ” ของพระองค์ ทำให้เห็นได้ว่า เครื่องเพชรที่พระองค์ประดับอยู่ หลาย ๆ ชิ้น ตลอดการเดินทางนั้น ล้วนเป็น เครื่องเพชรประจำพระราชวงศ์ทั้งนั้น รวมถึงสร้อยพระศอไพลินสีน้ำเงิน นั้นก็เช่นกัน

    สุดท้ายนี้ แอดมินหวังว่าท่านที่ไปฟังเขาเล่ามาว่าแบบนั้นแบบนี้ อยากให้เข้าใจเสียใหม่ และหลังจากนี้ ก็หวังอีกว่าคงไม่มีใครจะกล่าวเท็จใส่ร้ายพระองค์อีก

    Cr. เพจ โบราณนานมา
    มิใช่ “บลูไดมอนด์” ของซาอุฯ ตามคำกล่าวเท็จใส่ร้าย วันนี้ ๖ สิงหาคม ๒๕๖๓ ครบรอบ ๓๑ ปีเหตุการณ์ “โจรกรรมเครื่องเพชรราชวงศ์ซาอุดีอาระเบีย” เกิดขึ้นในปี ๒๕๓๒ แล้ววันนี้แอดมินเห็นคนบางกลุ่มกำลังพยายามบิดเบือนความจริงในโซเชียลมีเดียต่าง ๆ นานาว่า เพชรที่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงสวมใส่ คือ “เพชรสีน้ำเงิน” หรือที่เรารู้จักในชื่อ “Blue Diamond” เป็นเพชรที่ถูกขโมยมาจากประเทศซาอุดิอารเบีย ซึ่งไม่เป็นความจริงตามคำกล่าวเท็จใส่ร้ายแต่ประกาศใด ตามพระฉายาลักษณ์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงสวมสร้อยพระศอเป็น “สร้อยพระศอไพลินสีน้ำเงิน (Blue Sapphire)” ไม่ใช่ “เพชรสีน้ำเงิน (Blue Diamond)” ตามที่คนบางกลุ่มกำลังพยายามบิดเบือนกล่าวหาพระองค์ “สร้อยพระศอไพลินสีน้ำเงิน (Blue Sapphire)” องค์นี้ ประดับเพชรโดยไพลินสีน้ำเงินเม็ดนี้มีขนาด ๑๐๙.๕๗ กะรัต จี้ไพลินสีน้ำเงินองค์นี้ เป็นฝีมือการออกแบบและประดิษฐ์จากบริษัทอัญมณี Van Cleef & Arpels จากประเทศฝรั่งเศส เมื่อประมาณปี ๒๕๐๖ ซึ่งพระองค์ทรงสวมสร้อยพระศอไพลินสีน้ำเงินองค์นี้ มานานกว่า ๕๐ ปีแล้ว และทรงสวมในหลาย ๆ โอกาสอีกด้วย เช่น ในปี ๒๕๑๑ ทรงสวมสร้อยพระศอนี้ ในโอกาสที่สมเด็จพระจักรพรรดิและสมเด็จพระจักรพรรดินีแห่งอิหร่าน เสด็จพระราชดำเนินเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ระหว่างวันที่ ๒๒-๒๙ มกราคม ๒๕๑๑ (พระฉายาลักษณ์บนขวา) หรือในปี ๒๕๓๔ ทรงสวมสร้อยพระศอนี้ ในโอกาสที่สมเด็จพระจักรพรรดิและสมเด็จพระจักรพรรดินีแห่งญี่ปุ่น เสด็จพระราชดำเนินเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ระหว่างวันที่ ๒๖-๓๐ กันยายน ๒๕๓๔ (พระฉายาลักษณ์ล่างกลาง) และเหตุการณ์ “โจรกรรมเครื่องเพชรราชวงศ์ซาอุดีอาระเบีย” เกิดขึ้นในปี ๒๕๓๒ แต่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงสวมสร้อยพระศอไพลินสีน้ำเงิน มานาน ๕๐ ปีแล้ว ตั้งแต่ปี ๒๕๑๐ เรื่อยมา จึงเป็นไปไม่ได้ที่พระสร้อยศอนี้ จะเป็นเครื่องประดับที่ถูกโจรกรรมมาจากประเทศซาอุดีอาระเบีย ในปี ๒๕๓๒ และในคดีโจรกรรมเครื่องเพชรนั้น ได้จบไปนานแล้ว ในยุคนั้น นายโมฮัมหมัด ซาอิด โคจา ได้แสดงความขอบคุณทางการไทยอย่างสุดซึ้ง แม้จะยังไม่ได้เพชรคืนทุกชิ้นก็ตาม แต่ได้มาเพียงเท่านี้เขาก็พอใจแล้ว แต่สิ่งที่ซาอุดิอาระเบียโกรธทางการไทยอย่างมากจนลดความสัมพันธ์ทางการทูตกับไทยลง มาจากสาเหตุเรื่องการอุ้มฆ่านักธุรกิจซาอุดิอาระเบีย ต่างหาก และราชวงศ์จักรี มีเครื่องประดับที่เป็นเพชรมากมาย ตั้งแต่สมัยสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถพระบรมราชชนนีพันปีหลวงแล้ว หรือแม้แต่ในอดีต ตามบันทึกในหนังสือ “ความทรงจำในการตามเสด็จต่างประเทศทางราชการ” ของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ในโอกาสนั้นเสด็จเยือนแคนาดา เมื่อวันเสาร์ที่ ๒๔ มิถุนายน ๒๕๑๐ และเสด็จไปในงานเลี้ยงรับรองสำคัญ ซึ่งในงานจะมีบุคคลสำคัญในวงการราชการและธุรกิจ คืนนั้นพระองค์ได้โดยในหนังสือเล่มดังกล่าวมีการระบุความตอนหนึ่งว่า “...คืนนั้น ข้าพเจ้าได้สวมสร้อยพระศอเพชร ซึ่งเป็นของเก่าของสมเด็จพระพันปีหลวง…” หมายเหตุ “สมเด็จพระพันปีหลวง” ในบทความนี้ หมายถึง สมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ในบันทึกยังบอกอีกว่า สร้อยพระศอเพชรเส้นนี้เอง ทำให้เกิดเหตุการณ์อย่างหนึ่งในงานนั้น เหตุการณ์ดังกล่าวนี้ เกิดขึ้นเมื่อแขกคนสำคัญคนหนึ่งถามหม่อมเจ้าหญิงวิภาวดีรังสิต ซึ่งทำหน้าที่นางสนองพระโอษฐ์ แล้วไปในงานวันนั้นด้วยว่า “...เอ้อ…สร้อยพระศอที่พระราชินีของท่านทรงอยู่นั้น คงเพิ่งซื้อใหม่จากปารีสกระมัง...” หม่อมเจ้าวิภาวดี ทรงตอบว่า “...เอ๊ะ ! นี่ท่านไม่รู้หรอกหรือ ว่าเมืองไทยของฉันมีอายุกว่า ๗๐๐-๘๐๐ ปีแล้ว พระราชวงศ์จักรีก็มีมาตั้งเกือบสองศตวรรษ เราจึงมีเครื่องเพชรประจำพระราชวงศ์บ้าง ไม่เห็นจะต้องซื้อของใหม่ราคาแพงมาใช้เลย...” จากบันทึกในหนังสือ “ความทรงจำในการตามเสด็จต่างประเทศทางราชการ” ของพระองค์ ทำให้เห็นได้ว่า เครื่องเพชรที่พระองค์ประดับอยู่ หลาย ๆ ชิ้น ตลอดการเดินทางนั้น ล้วนเป็น เครื่องเพชรประจำพระราชวงศ์ทั้งนั้น รวมถึงสร้อยพระศอไพลินสีน้ำเงิน นั้นก็เช่นกัน สุดท้ายนี้ แอดมินหวังว่าท่านที่ไปฟังเขาเล่ามาว่าแบบนั้นแบบนี้ อยากให้เข้าใจเสียใหม่ และหลังจากนี้ ก็หวังอีกว่าคงไม่มีใครจะกล่าวเท็จใส่ร้ายพระองค์อีก Cr. เพจ โบราณนานมา
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 607 มุมมอง 0 รีวิว
  • ความสัมพันธ์สหรัฐฯ กับชาติยุโรปดูจะราวฉานยิ่งขึ้น หลังจาก ราฟาเอล กลุกส์มันน์ นักการเมืองฝรั่งเศสจากพรรคฝ่ายกลางซ้าย Place Publique และสมาชิกรัฐสภายุโรป (European Parliament) กล่าวในการประชุมพรรคว่า รัฐบาลสหรัฐฯ ควรคืนเทพีเสรีภาพให้ฝรั่งเศส เนื่องจากสหรัฐฯ ไม่ได้เป็นตัวแทนของเสรีภาพอีกต่อไป

    เทพีเสรีภาพ เป็นของขวัญจากฝรั่งเศสที่มอบให้แก่สหรัฐฯ เนื่องในโอกาสครบรอบ 100 ปี การประกาศอิสรภาพของสหรัฐฯถูกส่งถึงท่าเรือในนครนิวยอร์กเมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 1886

    ออกแบบโดยชาวฝรั่งเศสชื่อ ออกุสต์ บาร์โธลดี โดยที่ปารีสก็มีรูปปั้นจำลองของเทพีเสรีภาพ แต่มีขนาดเล็กกว่า ตั้งอยู่บนเกาะเล็ก ๆ ริมแม่น้ำแซน

    สำหรับกลุกส์มันน์นั้น เป็นนัการเมืองฝรั่งเศสที่แสดงท่าทีปกป้องยูเครนอย่างแข็งขันมาโดยตลอดในการทำสงครามกับรัสเซีย และได้วิพากษ์วิจารณ์ประธานาธิบดี สหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ อย่างรุนแรง เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงนโยบายการช่วยเหลือยูเครน
    ความสัมพันธ์สหรัฐฯ กับชาติยุโรปดูจะราวฉานยิ่งขึ้น หลังจาก ราฟาเอล กลุกส์มันน์ นักการเมืองฝรั่งเศสจากพรรคฝ่ายกลางซ้าย Place Publique และสมาชิกรัฐสภายุโรป (European Parliament) กล่าวในการประชุมพรรคว่า รัฐบาลสหรัฐฯ ควรคืนเทพีเสรีภาพให้ฝรั่งเศส เนื่องจากสหรัฐฯ ไม่ได้เป็นตัวแทนของเสรีภาพอีกต่อไป เทพีเสรีภาพ เป็นของขวัญจากฝรั่งเศสที่มอบให้แก่สหรัฐฯ เนื่องในโอกาสครบรอบ 100 ปี การประกาศอิสรภาพของสหรัฐฯถูกส่งถึงท่าเรือในนครนิวยอร์กเมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 1886 ออกแบบโดยชาวฝรั่งเศสชื่อ ออกุสต์ บาร์โธลดี โดยที่ปารีสก็มีรูปปั้นจำลองของเทพีเสรีภาพ แต่มีขนาดเล็กกว่า ตั้งอยู่บนเกาะเล็ก ๆ ริมแม่น้ำแซน สำหรับกลุกส์มันน์นั้น เป็นนัการเมืองฝรั่งเศสที่แสดงท่าทีปกป้องยูเครนอย่างแข็งขันมาโดยตลอดในการทำสงครามกับรัสเซีย และได้วิพากษ์วิจารณ์ประธานาธิบดี สหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ อย่างรุนแรง เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงนโยบายการช่วยเหลือยูเครน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 417 มุมมอง 0 รีวิว
  • เมดเวเดฟ กล่าวถึงนาโต้ว่า “ยอมรับเถอะ พวกคุณต้องการสงคราม”

    ดมิทรี เมดเวเดฟกล่าวถึงฝรั่งเศสและอังกฤษว่าทำให้ความขัดแย้งรุนแรงขึ้นด้วยการเป็นตัวตั้งตัวตีพยายามให้ความช่วยเหลือทางทหารแก่เคียฟ ทั้งที่รัสเซียคัดค้านกองกำลังนาโต้ในยูเครนอย่างชัดเจน

    “มาครงและสตาร์เมอร์ทำเหมือนแกล้งโง่… ยอมรับมาเถอะว่าการที่พวกคุณต้องการให้ความช่วยเหลือทางทหารแก่พวกนีโอนาซีในเคียฟ นั่นหมายถึงต้องการให้เกิดสงครามรัสเซียกับนาโต้” รองประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งรัสเซียกล่าว

    นอกจากนี้ เมดเวเดฟยังแนะนำให้ปารีสและลอนดอนไปคุยกับทรัมป์ก่อนตัดสินใจกันเองซึ่งอาจนำไปสู่การเผชิญหน้าครั้งใหญ่โดยไม่ม่สหรัฐร่วมด้วย

    ขณะเดียวกัน มีรายงานจากหนังสือพิมพ์ The Times ของอังกฤษว่า อังกฤษเตรียมส่งทหาร 10,000 นายไปยูเครนภายใต้ภารกิจรักษาสันติภาพระยะยาว โดยไม่มีแผนการถอนทหารที่ชัดเจน

    โดยที่กองกำลังทหารอังกฤษจะประจำการอยู่ในอยู่เครนตราบเท่าที่จำเป็น โดยไม่กำหนดระยะเวลา ซึ่งจะทำหน้าที่ "รักษาข้อตกลงสันติภาพ" และ "ปกป้องยูเครนจากภัยคุกคามจากรัสเซีย"

    แนวคิดของอังกฤษที่ส่งกองกำลังหลายพันนายโดยไม่กำหนดระยะเวลา ทำให้เกิดคำถามว่านี่เป็นการ "ปกป้องหรือเข้ายึดครอง"
    เมดเวเดฟ กล่าวถึงนาโต้ว่า “ยอมรับเถอะ พวกคุณต้องการสงคราม” ดมิทรี เมดเวเดฟกล่าวถึงฝรั่งเศสและอังกฤษว่าทำให้ความขัดแย้งรุนแรงขึ้นด้วยการเป็นตัวตั้งตัวตีพยายามให้ความช่วยเหลือทางทหารแก่เคียฟ ทั้งที่รัสเซียคัดค้านกองกำลังนาโต้ในยูเครนอย่างชัดเจน “มาครงและสตาร์เมอร์ทำเหมือนแกล้งโง่… ยอมรับมาเถอะว่าการที่พวกคุณต้องการให้ความช่วยเหลือทางทหารแก่พวกนีโอนาซีในเคียฟ นั่นหมายถึงต้องการให้เกิดสงครามรัสเซียกับนาโต้” รองประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งรัสเซียกล่าว นอกจากนี้ เมดเวเดฟยังแนะนำให้ปารีสและลอนดอนไปคุยกับทรัมป์ก่อนตัดสินใจกันเองซึ่งอาจนำไปสู่การเผชิญหน้าครั้งใหญ่โดยไม่ม่สหรัฐร่วมด้วย ขณะเดียวกัน มีรายงานจากหนังสือพิมพ์ The Times ของอังกฤษว่า อังกฤษเตรียมส่งทหาร 10,000 นายไปยูเครนภายใต้ภารกิจรักษาสันติภาพระยะยาว โดยไม่มีแผนการถอนทหารที่ชัดเจน โดยที่กองกำลังทหารอังกฤษจะประจำการอยู่ในอยู่เครนตราบเท่าที่จำเป็น โดยไม่กำหนดระยะเวลา ซึ่งจะทำหน้าที่ "รักษาข้อตกลงสันติภาพ" และ "ปกป้องยูเครนจากภัยคุกคามจากรัสเซีย" แนวคิดของอังกฤษที่ส่งกองกำลังหลายพันนายโดยไม่กำหนดระยะเวลา ทำให้เกิดคำถามว่านี่เป็นการ "ปกป้องหรือเข้ายึดครอง"
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 404 มุมมอง 0 รีวิว
  • พาเวล ดูรอฟ ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของ Telegram ได้รับอนุญาตจากทางการฝรั่งเศสให้เดินทางออกจากประเทศเป็นการชั่วคราว หลังจากที่เขาถูกตรวจสอบเกี่ยวกับข้อกล่าวหาเรื่องการกระทำความผิดทางอาญาบนแพลตฟอร์ม Telegram โดยเหตุการณ์นี้ส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างฝรั่งเศสและรัสเซีย และก่อให้เกิดข้อถกเถียงเรื่องเสรีภาพในการพูดและการบังคับใช้กฎหมายบนโลกอินเทอร์เน็ต

    ดูรอฟถูกจับกุมในเดือนสิงหาคมปีที่แล้วที่สนามบินใกล้ปารีส และถูกจำกัดให้อยู่ในฝรั่งเศสระหว่างกระบวนการสอบสวน อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันเขาได้รับอนุญาตจากผู้พิพากษาให้เดินทางออกนอกประเทศได้เป็นระยะเวลาหลายสัปดาห์ โดยเขาคาดว่าจะเดินทางไปยังดูไบ ทางอัยการฝรั่งเศสระบุว่าดูรอฟถูกกล่าวหาว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการดำเนินแพลตฟอร์มที่ใช้สำหรับการกระทำผิด เช่น การค้ายาเสพติดและการฟอกเงิน ซึ่งเขายังต้องวางเงินประกันเป็นจำนวน 5 ล้านยูโร

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/03/16/telegram039s-durov-allowed-to-leave-france-amid-probe-afp-reports
    พาเวล ดูรอฟ ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของ Telegram ได้รับอนุญาตจากทางการฝรั่งเศสให้เดินทางออกจากประเทศเป็นการชั่วคราว หลังจากที่เขาถูกตรวจสอบเกี่ยวกับข้อกล่าวหาเรื่องการกระทำความผิดทางอาญาบนแพลตฟอร์ม Telegram โดยเหตุการณ์นี้ส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างฝรั่งเศสและรัสเซีย และก่อให้เกิดข้อถกเถียงเรื่องเสรีภาพในการพูดและการบังคับใช้กฎหมายบนโลกอินเทอร์เน็ต ดูรอฟถูกจับกุมในเดือนสิงหาคมปีที่แล้วที่สนามบินใกล้ปารีส และถูกจำกัดให้อยู่ในฝรั่งเศสระหว่างกระบวนการสอบสวน อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันเขาได้รับอนุญาตจากผู้พิพากษาให้เดินทางออกนอกประเทศได้เป็นระยะเวลาหลายสัปดาห์ โดยเขาคาดว่าจะเดินทางไปยังดูไบ ทางอัยการฝรั่งเศสระบุว่าดูรอฟถูกกล่าวหาว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการดำเนินแพลตฟอร์มที่ใช้สำหรับการกระทำผิด เช่น การค้ายาเสพติดและการฟอกเงิน ซึ่งเขายังต้องวางเงินประกันเป็นจำนวน 5 ล้านยูโร https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/03/16/telegram039s-durov-allowed-to-leave-france-amid-probe-afp-reports
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Telegram's Durov allowed to leave France amid probe, AFP reports
    PARIS (Reuters) - French authorities have allowed Pavel Durov, the Russian-born founder and CEO of Telegram, to leave France temporarily in a loosening of his obligations under a probe into criminal activities on the messaging app, the French news agency AFP reported on Saturday.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 388 มุมมอง 0 รีวิว
  • ย้อนดูท่าทางของเซเลนสกีที่เพิ่งเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดียูเครน ขณะเข้าร่วมการประชุมสุดยอดนอร์มังดี ในปารีส ประเทศฝรั่งเศส ธันวาคม 2019

    ท่าทางของเซเลนสกี อดีตดาวตลก ที่เพิ่งชนะเลือกตั้งเมื่อช่วงต้นปี 2019 หลายฝ่ายมองว่าไม่ให้เกียรติและกำลังดูหมิ่นประธานาธิบดีปูติน ขณะที่เขากำลังพูดถึงความสำคัญในการปฏิบัติตามข้อตกลงมินสค์ โดยมีเป้าหมายเพื่อช่วยลดความขัดแย้งในแคว้นดอนบาสของยูเครนที่ยืดเยื้อมานานกว่า 5 ปี นับตั้งแต่ปี 2014 หลังจากภูมิภาคโดเนตส์ก (Donetsk) และลูฮันส์ก (Luhansk) ทำสงครามแยกตัวเป็นเอกราชจากยูเครน ไม่นานหลังจากรัสเซียผนวกแหลมไครเมียของยูเครนเข้าเป็นส่วนหนึ่งของดินแดน

    แต่ที่เลวร้ายกว่านั้นคือ ข้อตกลงมินสค์ที่ออกมาจากการประชุมครั้งนั้น ไม่เคยมีไว้เพื่อปฏิบัติตามเลย แม้แต่นางอังเกลา แมร์เคิล อดีตนายกรัฐมนตรีเยอรมนี ก็ยอมรับในเวลาต่อมาว่าข้อตกลงนี้ถูกจัดฉากขึ้นมาเพื่อหลอกรัสเซีย และเพื่อซื้อเวลาและอาวุธให้ยูเครนได้เตรียมตัวก่อนทำสงครามจริงจัง
    ย้อนดูท่าทางของเซเลนสกีที่เพิ่งเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดียูเครน ขณะเข้าร่วมการประชุมสุดยอดนอร์มังดี ในปารีส ประเทศฝรั่งเศส ธันวาคม 2019 ท่าทางของเซเลนสกี อดีตดาวตลก ที่เพิ่งชนะเลือกตั้งเมื่อช่วงต้นปี 2019 หลายฝ่ายมองว่าไม่ให้เกียรติและกำลังดูหมิ่นประธานาธิบดีปูติน ขณะที่เขากำลังพูดถึงความสำคัญในการปฏิบัติตามข้อตกลงมินสค์ โดยมีเป้าหมายเพื่อช่วยลดความขัดแย้งในแคว้นดอนบาสของยูเครนที่ยืดเยื้อมานานกว่า 5 ปี นับตั้งแต่ปี 2014 หลังจากภูมิภาคโดเนตส์ก (Donetsk) และลูฮันส์ก (Luhansk) ทำสงครามแยกตัวเป็นเอกราชจากยูเครน ไม่นานหลังจากรัสเซียผนวกแหลมไครเมียของยูเครนเข้าเป็นส่วนหนึ่งของดินแดน แต่ที่เลวร้ายกว่านั้นคือ ข้อตกลงมินสค์ที่ออกมาจากการประชุมครั้งนั้น ไม่เคยมีไว้เพื่อปฏิบัติตามเลย แม้แต่นางอังเกลา แมร์เคิล อดีตนายกรัฐมนตรีเยอรมนี ก็ยอมรับในเวลาต่อมาว่าข้อตกลงนี้ถูกจัดฉากขึ้นมาเพื่อหลอกรัสเซีย และเพื่อซื้อเวลาและอาวุธให้ยูเครนได้เตรียมตัวก่อนทำสงครามจริงจัง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 385 มุมมอง 0 รีวิว
  • 20 ปี สิ้น “สาวสองพันปี” เจ้ากอแก้วประกายกาวิล ณ เชียงใหม่ ✨ เจ้าแม่แห่งการตัดริบบิ้น 🟣 ผู้นำเทรนด์ม่วงหัวจรดเท้า สาวเปรี้ยวแห่งยุค

    ย้อนตำนานเจ้าแม่ตัดริบบิ้น เจ้ากอแก้วประกายกาวิล ณ เชียงใหม่ หญิงสาวผู้เปลี่ยนทุกเวที ให้กลายเป็นรันเวย์แฟชั่นสีม่วง ตลอด 69 ปีเต็มของชีวิต ตัวแทนความเปรี้ยว และกล้าฉีกกฎยุคสมัยอย่างแท้จริง

    เสน่ห์ที่ไม่มีวันลบเลือน วงสังคมไฮโซไทย 🌟 ถ้าจะกล่าวถึงผู้หญิง ที่ไม่เคยปล่อยให้ตัวเองจางหาย จากความสนใจของผู้คน ชื่อของ “เจ้ากอแก้วประกายกาวิล ณ เชียงใหม่” หรือที่เรียกขานกันว่า "เจ้าป้า" ต้องโผล่มาในใจคนรุ่นเก่าและใหม่เสมอ 🟣 เจ้าป้าคือ "สาวสองพันปี" ตำนานแฟชั่นม่วง ที่กลายเป็นไอคอนของความเปรี้ยว ความมั่นใจ และความโดดเด่นเหนือใคร ✨

    ตลอด 69 ปีของชีวิต เจ้ากอแก้วได้สร้างตำนานในหลายบท ทั้งในฐานะลูกหลานเจ้านายฝ่ายเหนือแห่งเชียงใหม่ 🏯 นักเรียนที่มีการศึกษาระดับสากล 📚 ผู้นำแฟชั่นที่ไม่กลัวคำครหา 👜 และ "เจ้าแม่แห่งการตัดริบบิ้น" ✂️ ที่ไม่เคยปล่อยให้เวทีไหนเงียบเหงา ❤️

    👑 เชื้อสายเจ้านายฝ่ายเหนือ อดีตผู้ครองนครเชียงใหม่ เจ้ากอแก้วประกายกาวิล ณ เชียงใหม่ เกิดเมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2478 ในตระกูล "ณ เชียงใหม่" อันทรงเกียรติ เป็นธิดาคนสุดท้องของเจ้ากาวิละวงศ์ กับเจ้าศิริประกาย ณ เชียงใหม่ 🌸 เป็นหลานสาวของเจ้าแก้วนวรัฐ ผู้ครองนครเชียงใหม่องค์สุดท้าย

    ชื่อที่มีความหมาย และเรื่องราวที่น่าจดจำ เมื่อแรกเกิด ได้รับพระราชทานชื่อ "ประกายกาวิล" จากพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัฐกาลที่ 7 ต่อมาเมื่อหม่อมกอบแก้ว อาภากร ณ อยุธยา ขอเป็นแม่อุปถัมภ์ ได้ไปที่เชียงใหม่ และไปเฝ้าเจ้าตาขอให้ตั้งชื่อหลานสาวว่า “กอบแก้ว” แต่ตัว บ.ใบไม้หายไป จึงกลายเป็น “กอแก้ว” 🎉

    ✈️ เจ้ากอแก้วได้รับการศึกษาระดับประถมศึกษา ที่โรงเรียนเรยีนาเชลีวิทยาลัย จังหวัดเชียงใหม่ จากนั้นย้ายไปเรียนที่โรงเรียนมาแตร์เดอีวิทยาลัย กรุงเทพฯ ก่อนจะเดินทางไปศึกษาต่อ ที่ประเทศอังกฤษ 🇬🇧 และฝรั่งเศส 🇫🇷

    - Raven's Croft ในอีสต์บอร์น
    - Southampton Technical College
    - เรียนพิมพ์ดีดและเลขานุการที่ Pitman College กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ
    - ฝึกมารยาทและการเข้าสังคมที่ Lucy Clayton
    - เรียนภาษาและมารยาททางสังคมที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส🇫🇷

    ภายหลัง เจ้ากอแก้วสามารถใช้ภาษาอังกฤษ และฝรั่งเศสได้อย่างคล่องแคล่ว ✍️

    เจ้ากอแก้ว เจ้าแม่แฟชั่นแห่งยุคที่ไม่เคยตกเทรนด์ 💄👠 สีม่วง เอกลักษณ์ที่กลายเป็นตำนาน ไม่ว่าจะผ่านมากี่ทศวรรษ สีม่วงก็ยังเป็นสีประจำตัวของเจ้าป้าคนนี้ 🔮 เจ้าป้าย้อมผมเป็นสีม่วงเข้ม ฟูฟ่องตั้งแต่รากจรดปลาย และเลือกเครื่องแต่งกายทุกชิ้น ตั้งแต่หมวก 🧢 เสื้อผ้า 👗 กระเป๋า 👜 รองเท้า 👠 ไปจนถึงต่างหู 💎 ให้เป็นสีม่วงตั้งแต่หัวจรดเท้า

    เจ้าป้าเคยกล่าวขำๆ ว่า... “ทีแรกเลย ป้าต้องการสีเปลือกมังคุด แต่ไม่รู้ว่าช่างเขาผสมยังไง ผสมไปผสมมามันก็กลายเป็นสีนี้ไปได้ พอออกมาอย่างนี้เราก็เออ สวยดีแฮะ ก็เลยเอาสีนี้ก็สีนี้แหละชอบ” 😄

    ตำนานการตัดริบบิ้นที่ไม่มีใครเทียบ เจ้าป้าได้รับฉายา "เจ้าแม่แห่งการตัดริบบิ้น" ✂️ เพราะการปรากฏตัวที่งานเปิดตัวต่างๆ มักนำมาซึ่งโชคลาภ และความสำเร็จแก่เจ้าของกิจการ 🏢 เคยสร้างสถิติตัดริบบิ้น 8 งานในวันเดียว! เจ้าป้ามีเทคนิคเฉพาะในการ "จรดกรรไกร" ให้นักข่าวถ่ายภาพได้มุมเป๊ะทุกครั้ง 📸

    ความเปรี้ยวที่เหนือกาลเวลา 🕶 เจ้ากอแก้วเริ่มสูบบุหรี่ตั้งแต่อายุ 14 ปี 🚬 ใส่เสื้อเกาะอกตั้งแต่อายุ 20 ปี 👗 และชอบดื่มไวน์ 🍷 พร้อมแต่งหน้าเข้ม ตั้งแต่ยุคที่ผู้หญิงไทยยังนิยมเรียบร้อย เจ้าป้าไม่เคยกลัวคำวิจารณ์ แต่กลับเห็นว่าเป็นสีสันของชีวิต 🖌️

    ถ้อยคำอมตะของสาวสองพันปี "คนมอง ก็อยากมองเอง ช่วยอะไรไม่ได้ เราบังคับเขาไม่ได้ แม้ว่าเขาจะเห็นเราตลก เอาเราไปล้อเลียนก็เถอะ แต่เราถือว่าเขาให้เกียรติเรา" 🌟

    ❤️ เจ้ากอแก้วสมรสครั้งแรกกับ พลตำรวจโท ทิพย์ อัศวรักษ์ มีบุตรชาย 1 คน คือ ทินกร อัศวรักษ์ หรือกุ๊กกี้ ต่อมาหย่าขาดกัน และใช้ชีวิตคู่กับเรืออากาศเอก พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวรานนท์ธวัช อีก 6 ปี ก่อนลงเอยกับเอดิลเบอร์โต้ โรเมโร ชาวฟิลิปปินส์ แม้ไม่มีบุตรร่วมกัน แต่ก็มีช่วงเวลาคู่ชีวิตที่มีค่า 💞

    ผลงานและหน้าที่การงานที่น่าประทับใจ 💼
    - บริษัท CTO. Lines
    - เลขานุการและมัคคุเทศก์ บริษัทซีต้า แทรเวล
    - ประชาสัมพันธ์โรงแรมชวลิต หรือแอมบาสซาเดอร์ในปัจจุบัน
    - ประชาสัมพันธ์ ศูนย์บริหารร่างกายโจแอนดรูว์
    - ที่ปรึกษาการตลาด บริษัทเดอะมอลล์กรุ๊ป

    💐 เจ้ากอแก้วประกายกาวิลเสียชีวิต เมื่อช่วงสายวันอาทิตย์ที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2548 เวลา 10.30 น. ด้วยวัย 69 ปี สิ้นสุดตำนาน "สาวสองพันปี" ณ โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 พระราชทานหีบทองทึบ และรับพระราชทานน้ำหลวงอาบศพ ที่วัดธาตุทอง ✨ พิธีพระราชทานเพลิงศพ จัดขึ้นเมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2548

    ตำนานที่ยังคงอยู่ในใจผู้คน 🕊️ 20 ปีผ่านไป ชื่อของเจ้ากอแก้วประกายกาวิล ยังไม่จางหาย เจ้าป้าคือแรงบันดาลใจ ให้คนรุ่นใหม่ที่กล้าคิด กล้าทำ กล้าแสดงออก และกล้าที่จะเป็นตัวของตัวเอง 💜

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 131110 มี.ค. 2568

    #เจ้ากอแก้วประกายกาวิล #สาวสองพันปี #เจ้าแม่ตัดริบบิ้น #แฟชั่นสีม่วง #ไฮโซเชียงใหม่ #ตำนานสังคมไทย #สาวเปรี้ยวแห่งยุค #กอแก้วประกายกาวิล #ChiangMaiLegend #PurpleIcon
    20 ปี สิ้น “สาวสองพันปี” เจ้ากอแก้วประกายกาวิล ณ เชียงใหม่ ✨ เจ้าแม่แห่งการตัดริบบิ้น 🟣 ผู้นำเทรนด์ม่วงหัวจรดเท้า สาวเปรี้ยวแห่งยุค ย้อนตำนานเจ้าแม่ตัดริบบิ้น เจ้ากอแก้วประกายกาวิล ณ เชียงใหม่ หญิงสาวผู้เปลี่ยนทุกเวที ให้กลายเป็นรันเวย์แฟชั่นสีม่วง ตลอด 69 ปีเต็มของชีวิต ตัวแทนความเปรี้ยว และกล้าฉีกกฎยุคสมัยอย่างแท้จริง เสน่ห์ที่ไม่มีวันลบเลือน วงสังคมไฮโซไทย 🌟 ถ้าจะกล่าวถึงผู้หญิง ที่ไม่เคยปล่อยให้ตัวเองจางหาย จากความสนใจของผู้คน ชื่อของ “เจ้ากอแก้วประกายกาวิล ณ เชียงใหม่” หรือที่เรียกขานกันว่า "เจ้าป้า" ต้องโผล่มาในใจคนรุ่นเก่าและใหม่เสมอ 🟣 เจ้าป้าคือ "สาวสองพันปี" ตำนานแฟชั่นม่วง ที่กลายเป็นไอคอนของความเปรี้ยว ความมั่นใจ และความโดดเด่นเหนือใคร ✨ ตลอด 69 ปีของชีวิต เจ้ากอแก้วได้สร้างตำนานในหลายบท ทั้งในฐานะลูกหลานเจ้านายฝ่ายเหนือแห่งเชียงใหม่ 🏯 นักเรียนที่มีการศึกษาระดับสากล 📚 ผู้นำแฟชั่นที่ไม่กลัวคำครหา 👜 และ "เจ้าแม่แห่งการตัดริบบิ้น" ✂️ ที่ไม่เคยปล่อยให้เวทีไหนเงียบเหงา ❤️ 👑 เชื้อสายเจ้านายฝ่ายเหนือ อดีตผู้ครองนครเชียงใหม่ เจ้ากอแก้วประกายกาวิล ณ เชียงใหม่ เกิดเมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2478 ในตระกูล "ณ เชียงใหม่" อันทรงเกียรติ เป็นธิดาคนสุดท้องของเจ้ากาวิละวงศ์ กับเจ้าศิริประกาย ณ เชียงใหม่ 🌸 เป็นหลานสาวของเจ้าแก้วนวรัฐ ผู้ครองนครเชียงใหม่องค์สุดท้าย ชื่อที่มีความหมาย และเรื่องราวที่น่าจดจำ เมื่อแรกเกิด ได้รับพระราชทานชื่อ "ประกายกาวิล" จากพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัฐกาลที่ 7 ต่อมาเมื่อหม่อมกอบแก้ว อาภากร ณ อยุธยา ขอเป็นแม่อุปถัมภ์ ได้ไปที่เชียงใหม่ และไปเฝ้าเจ้าตาขอให้ตั้งชื่อหลานสาวว่า “กอบแก้ว” แต่ตัว บ.ใบไม้หายไป จึงกลายเป็น “กอแก้ว” 🎉 ✈️ เจ้ากอแก้วได้รับการศึกษาระดับประถมศึกษา ที่โรงเรียนเรยีนาเชลีวิทยาลัย จังหวัดเชียงใหม่ จากนั้นย้ายไปเรียนที่โรงเรียนมาแตร์เดอีวิทยาลัย กรุงเทพฯ ก่อนจะเดินทางไปศึกษาต่อ ที่ประเทศอังกฤษ 🇬🇧 และฝรั่งเศส 🇫🇷 - Raven's Croft ในอีสต์บอร์น - Southampton Technical College - เรียนพิมพ์ดีดและเลขานุการที่ Pitman College กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ - ฝึกมารยาทและการเข้าสังคมที่ Lucy Clayton - เรียนภาษาและมารยาททางสังคมที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส🇫🇷 ภายหลัง เจ้ากอแก้วสามารถใช้ภาษาอังกฤษ และฝรั่งเศสได้อย่างคล่องแคล่ว ✍️ เจ้ากอแก้ว เจ้าแม่แฟชั่นแห่งยุคที่ไม่เคยตกเทรนด์ 💄👠 สีม่วง เอกลักษณ์ที่กลายเป็นตำนาน ไม่ว่าจะผ่านมากี่ทศวรรษ สีม่วงก็ยังเป็นสีประจำตัวของเจ้าป้าคนนี้ 🔮 เจ้าป้าย้อมผมเป็นสีม่วงเข้ม ฟูฟ่องตั้งแต่รากจรดปลาย และเลือกเครื่องแต่งกายทุกชิ้น ตั้งแต่หมวก 🧢 เสื้อผ้า 👗 กระเป๋า 👜 รองเท้า 👠 ไปจนถึงต่างหู 💎 ให้เป็นสีม่วงตั้งแต่หัวจรดเท้า เจ้าป้าเคยกล่าวขำๆ ว่า... “ทีแรกเลย ป้าต้องการสีเปลือกมังคุด แต่ไม่รู้ว่าช่างเขาผสมยังไง ผสมไปผสมมามันก็กลายเป็นสีนี้ไปได้ พอออกมาอย่างนี้เราก็เออ สวยดีแฮะ ก็เลยเอาสีนี้ก็สีนี้แหละชอบ” 😄 ตำนานการตัดริบบิ้นที่ไม่มีใครเทียบ เจ้าป้าได้รับฉายา "เจ้าแม่แห่งการตัดริบบิ้น" ✂️ เพราะการปรากฏตัวที่งานเปิดตัวต่างๆ มักนำมาซึ่งโชคลาภ และความสำเร็จแก่เจ้าของกิจการ 🏢 เคยสร้างสถิติตัดริบบิ้น 8 งานในวันเดียว! เจ้าป้ามีเทคนิคเฉพาะในการ "จรดกรรไกร" ให้นักข่าวถ่ายภาพได้มุมเป๊ะทุกครั้ง 📸 ความเปรี้ยวที่เหนือกาลเวลา 🕶 เจ้ากอแก้วเริ่มสูบบุหรี่ตั้งแต่อายุ 14 ปี 🚬 ใส่เสื้อเกาะอกตั้งแต่อายุ 20 ปี 👗 และชอบดื่มไวน์ 🍷 พร้อมแต่งหน้าเข้ม ตั้งแต่ยุคที่ผู้หญิงไทยยังนิยมเรียบร้อย เจ้าป้าไม่เคยกลัวคำวิจารณ์ แต่กลับเห็นว่าเป็นสีสันของชีวิต 🖌️ ถ้อยคำอมตะของสาวสองพันปี "คนมอง ก็อยากมองเอง ช่วยอะไรไม่ได้ เราบังคับเขาไม่ได้ แม้ว่าเขาจะเห็นเราตลก เอาเราไปล้อเลียนก็เถอะ แต่เราถือว่าเขาให้เกียรติเรา" 🌟 ❤️ เจ้ากอแก้วสมรสครั้งแรกกับ พลตำรวจโท ทิพย์ อัศวรักษ์ มีบุตรชาย 1 คน คือ ทินกร อัศวรักษ์ หรือกุ๊กกี้ ต่อมาหย่าขาดกัน และใช้ชีวิตคู่กับเรืออากาศเอก พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวรานนท์ธวัช อีก 6 ปี ก่อนลงเอยกับเอดิลเบอร์โต้ โรเมโร ชาวฟิลิปปินส์ แม้ไม่มีบุตรร่วมกัน แต่ก็มีช่วงเวลาคู่ชีวิตที่มีค่า 💞 ผลงานและหน้าที่การงานที่น่าประทับใจ 💼 - บริษัท CTO. Lines - เลขานุการและมัคคุเทศก์ บริษัทซีต้า แทรเวล - ประชาสัมพันธ์โรงแรมชวลิต หรือแอมบาสซาเดอร์ในปัจจุบัน - ประชาสัมพันธ์ ศูนย์บริหารร่างกายโจแอนดรูว์ - ที่ปรึกษาการตลาด บริษัทเดอะมอลล์กรุ๊ป 💐 เจ้ากอแก้วประกายกาวิลเสียชีวิต เมื่อช่วงสายวันอาทิตย์ที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2548 เวลา 10.30 น. ด้วยวัย 69 ปี สิ้นสุดตำนาน "สาวสองพันปี" ณ โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 พระราชทานหีบทองทึบ และรับพระราชทานน้ำหลวงอาบศพ ที่วัดธาตุทอง ✨ พิธีพระราชทานเพลิงศพ จัดขึ้นเมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2548 ตำนานที่ยังคงอยู่ในใจผู้คน 🕊️ 20 ปีผ่านไป ชื่อของเจ้ากอแก้วประกายกาวิล ยังไม่จางหาย เจ้าป้าคือแรงบันดาลใจ ให้คนรุ่นใหม่ที่กล้าคิด กล้าทำ กล้าแสดงออก และกล้าที่จะเป็นตัวของตัวเอง 💜 ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 131110 มี.ค. 2568 #เจ้ากอแก้วประกายกาวิล #สาวสองพันปี #เจ้าแม่ตัดริบบิ้น #แฟชั่นสีม่วง #ไฮโซเชียงใหม่ #ตำนานสังคมไทย #สาวเปรี้ยวแห่งยุค #กอแก้วประกายกาวิล #ChiangMaiLegend #PurpleIcon
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1057 มุมมอง 0 รีวิว
  • ศึก ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก 24/25 รอบ 16 ทีม นัดที่ 2 จบเกม ปารีส แซงต์แชร์กแมง ชนะไป 1 : 0 ผล 2 นัด เสมอกัน 1: 1 ต่อเวลาก็เสมอกัน ต้องมายิงจุดโทษ ผลปารีส แซงต์แชร์กแมงยิงเข้า 4 : 1 ทำให้ลิเวอร์พูลตกรอบไป
    ศึก ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก 24/25 รอบ 16 ทีม นัดที่ 2 จบเกม ปารีส แซงต์แชร์กแมง ชนะไป 1 : 0 ผล 2 นัด เสมอกัน 1: 1 ต่อเวลาก็เสมอกัน ต้องมายิงจุดโทษ ผลปารีส แซงต์แชร์กแมงยิงเข้า 4 : 1 ทำให้ลิเวอร์พูลตกรอบไป
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 163 มุมมอง 0 รีวิว
  • สถานการณ์ของบริษัทเทคโนโลยีสตาร์ทอัพในประเทศฝรั่งเศสดูไม่สู้ดีนัก พวกเขากำลังเผชิญปัญหาอัตราการล้มละลายที่เพิ่มขึ้น สถานการณ์นี้อาจส่งผลต่อภาพลักษณ์ของฝรั่งเศสในฐานะผู้นำด้านเทคโนโลยีในยุโรปและหนึ่งในเสาหลักของเศรษฐกิจประเทศ

    ในช่วงเริ่มแรก รัฐบาลของประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง มีนโยบายสนับสนุนสตาร์ทอัพและผลักดันให้ฝรั่งเศสเป็นศูนย์กลางเทคโนโลยีของยุโรป เช่น การสร้างศูนย์ Station F ในปารีส และการจัดประชุมสุดยอด AI ระดับโลก อย่างไรก็ตาม ปัญหาเศรษฐกิจโลกที่ซบเซาทำให้บริษัทเทคโนโลยีเหล่านี้เจอกับข้อจำกัดในการเข้าถึงเงินทุน รายงานจาก ScaleX Invest ระบุว่า 10.4% ของบริษัทเทคโนโลยีที่ได้รับการวิเคราะห์อยู่ในความเสี่ยงสูงที่จะล้มละลาย

    ที่น่าสนใจคือ บริษัทที่ล้มละลายไม่ใช่เพียงแค่สตาร์ทอัพเริ่มต้น แต่รวมถึงบริษัทที่ได้รับเงินทุนสูงถึง 32.5 ล้านยูโร ซึ่งเป็นตัวบ่งชี้ว่าสภาพเศรษฐกิจและตลาดเงินทุนที่ตึงตัวมีผลกระทบแม้แต่กับบริษัทที่มีศักยภาพ

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/03/11/french-tech-start-up-bankruptcies-are-increasing-survey-finds
    สถานการณ์ของบริษัทเทคโนโลยีสตาร์ทอัพในประเทศฝรั่งเศสดูไม่สู้ดีนัก พวกเขากำลังเผชิญปัญหาอัตราการล้มละลายที่เพิ่มขึ้น สถานการณ์นี้อาจส่งผลต่อภาพลักษณ์ของฝรั่งเศสในฐานะผู้นำด้านเทคโนโลยีในยุโรปและหนึ่งในเสาหลักของเศรษฐกิจประเทศ ในช่วงเริ่มแรก รัฐบาลของประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง มีนโยบายสนับสนุนสตาร์ทอัพและผลักดันให้ฝรั่งเศสเป็นศูนย์กลางเทคโนโลยีของยุโรป เช่น การสร้างศูนย์ Station F ในปารีส และการจัดประชุมสุดยอด AI ระดับโลก อย่างไรก็ตาม ปัญหาเศรษฐกิจโลกที่ซบเซาทำให้บริษัทเทคโนโลยีเหล่านี้เจอกับข้อจำกัดในการเข้าถึงเงินทุน รายงานจาก ScaleX Invest ระบุว่า 10.4% ของบริษัทเทคโนโลยีที่ได้รับการวิเคราะห์อยู่ในความเสี่ยงสูงที่จะล้มละลาย ที่น่าสนใจคือ บริษัทที่ล้มละลายไม่ใช่เพียงแค่สตาร์ทอัพเริ่มต้น แต่รวมถึงบริษัทที่ได้รับเงินทุนสูงถึง 32.5 ล้านยูโร ซึ่งเป็นตัวบ่งชี้ว่าสภาพเศรษฐกิจและตลาดเงินทุนที่ตึงตัวมีผลกระทบแม้แต่กับบริษัทที่มีศักยภาพ https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/03/11/french-tech-start-up-bankruptcies-are-increasing-survey-finds
    WWW.THESTAR.COM.MY
    French tech start-up bankruptcies are increasing, survey finds
    PARIS (Reuters) - Bankruptcies in France's tech start-up sector are increasing, according to a survey published on Tuesday whose findings could undermine President Emmanuel Macron's image of Paris as a leading European tech hub and key driver of the French economy.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 248 มุมมอง 0 รีวิว
  • 2/
    "เตือนความจำให้ฝรั่งเศสและอังกฤษ"

    👉(วิดีโอ-1) คลิปวิดีโอเกี่ยวกับภาพจำลองเหตุการณ์ กรณีกองทัพรัสเซียยิง “โพไซดอน” ตอร์ปิโดติดหัวรบนิวเคลียร์แถบเกาะอังกฤษ

    - ตอร์ปิโดใต้น้ำจะพุ่งเข้าสู่เป้าหมายที่ความลึกหนึ่งกิโลเมตรด้วยความเร็ว 200 กม./ชม. ไม่มีใครหยุดมันได้
    - หัวรบที่มีความจุมากถึง 100 เมกะตัน จะเกิดการระเบิดอย่างรุนแรงนอกชายฝั่งของอังกฤษ
    - จะทำให้เกิดคลื่นยักษ์สูงถึง 500 เมตร คลื่นน้ำที่ปนเปื้อนไปด้วยปริมาณรังสีมหาศาล จะพัดข้ามเกาะอังกฤษ และจะทำให้สิ่งที่เหลืออยู่บนเกาะอังกฤษกลายเป็นทะเลทรายที่มีแต่การปนเปื้อน

    .
    👉(วิดีโอ-2) อีกหนึ่งอาวุธหลักของรัสเซีย คือ ขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียง IRBM “Oreshnik” ที่สามารถติดหัวรบนิวเคลียร์ได้ และถูกใช้งานเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2024 โจมตีใส่เป้าหมายในภูมิภาค Dnipro ของยูเครน ซึ่งในครั้งนั้นเป็นหัวรบเปล่า

    - ขีปนาวุธดังกล่าวมีความเร็วที่กล่าวอ้างไว้คือ 10 มัค (12,300 กม./ชม.; 7,610 ไมล์/ชม. หรือ 3.40 กม./วินาที) ซึ่งทำให้ยากต่อการสกัดกั้น มีศักยภาพที่จะไปถึง "ลอนดอนและปารีส" ได้ไม่เกิน 20 นาที
    2/ "เตือนความจำให้ฝรั่งเศสและอังกฤษ" 👉(วิดีโอ-1) คลิปวิดีโอเกี่ยวกับภาพจำลองเหตุการณ์ กรณีกองทัพรัสเซียยิง “โพไซดอน” ตอร์ปิโดติดหัวรบนิวเคลียร์แถบเกาะอังกฤษ - ตอร์ปิโดใต้น้ำจะพุ่งเข้าสู่เป้าหมายที่ความลึกหนึ่งกิโลเมตรด้วยความเร็ว 200 กม./ชม. ไม่มีใครหยุดมันได้ - หัวรบที่มีความจุมากถึง 100 เมกะตัน จะเกิดการระเบิดอย่างรุนแรงนอกชายฝั่งของอังกฤษ - จะทำให้เกิดคลื่นยักษ์สูงถึง 500 เมตร คลื่นน้ำที่ปนเปื้อนไปด้วยปริมาณรังสีมหาศาล จะพัดข้ามเกาะอังกฤษ และจะทำให้สิ่งที่เหลืออยู่บนเกาะอังกฤษกลายเป็นทะเลทรายที่มีแต่การปนเปื้อน . 👉(วิดีโอ-2) อีกหนึ่งอาวุธหลักของรัสเซีย คือ ขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียง IRBM “Oreshnik” ที่สามารถติดหัวรบนิวเคลียร์ได้ และถูกใช้งานเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2024 โจมตีใส่เป้าหมายในภูมิภาค Dnipro ของยูเครน ซึ่งในครั้งนั้นเป็นหัวรบเปล่า - ขีปนาวุธดังกล่าวมีความเร็วที่กล่าวอ้างไว้คือ 10 มัค (12,300 กม./ชม.; 7,610 ไมล์/ชม. หรือ 3.40 กม./วินาที) ซึ่งทำให้ยากต่อการสกัดกั้น มีศักยภาพที่จะไปถึง "ลอนดอนและปารีส" ได้ไม่เกิน 20 นาที
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 259 มุมมอง 0 รีวิว
  • 1/
    "เตือนความจำให้ฝรั่งเศสและอังกฤษ"

    👉(วิดีโอ-1) คลิปวิดีโอเกี่ยวกับภาพจำลองเหตุการณ์ กรณีกองทัพรัสเซียยิง “โพไซดอน” ตอร์ปิโดติดหัวรบนิวเคลียร์แถบเกาะอังกฤษ

    - ตอร์ปิโดใต้น้ำจะพุ่งเข้าสู่เป้าหมายที่ความลึกหนึ่งกิโลเมตรด้วยความเร็ว 200 กม./ชม. ไม่มีใครหยุดมันได้
    - หัวรบที่มีความจุมากถึง 100 เมกะตัน จะเกิดการระเบิดอย่างรุนแรงนอกชายฝั่งของอังกฤษ
    - จะทำให้เกิดคลื่นยักษ์สูงถึง 500 เมตร คลื่นน้ำที่ปนเปื้อนไปด้วยปริมาณรังสีมหาศาล จะพัดข้ามเกาะอังกฤษ และจะทำให้สิ่งที่เหลืออยู่บนเกาะอังกฤษกลายเป็นทะเลทรายที่มีแต่การปนเปื้อน

    .
    👉(วิดีโอ-2) อีกหนึ่งอาวุธหลักของรัสเซีย คือ ขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียง IRBM “Oreshnik” ที่สามารถติดหัวรบนิวเคลียร์ได้ และถูกใช้งานเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2024 โจมตีใส่เป้าหมายในภูมิภาค Dnipro ของยูเครน ซึ่งในครั้งนั้นเป็นหัวรบเปล่า

    - ขีปนาวุธดังกล่าวมีความเร็วที่กล่าวอ้างไว้คือ 10 มัค (12,300 กม./ชม.; 7,610 ไมล์/ชม. หรือ 3.40 กม./วินาที) ซึ่งทำให้ยากต่อการสกัดกั้น มีศักยภาพที่จะไปถึง "ลอนดอนและปารีส" ได้ไม่เกิน 20 นาที
    1/ "เตือนความจำให้ฝรั่งเศสและอังกฤษ" 👉(วิดีโอ-1) คลิปวิดีโอเกี่ยวกับภาพจำลองเหตุการณ์ กรณีกองทัพรัสเซียยิง “โพไซดอน” ตอร์ปิโดติดหัวรบนิวเคลียร์แถบเกาะอังกฤษ - ตอร์ปิโดใต้น้ำจะพุ่งเข้าสู่เป้าหมายที่ความลึกหนึ่งกิโลเมตรด้วยความเร็ว 200 กม./ชม. ไม่มีใครหยุดมันได้ - หัวรบที่มีความจุมากถึง 100 เมกะตัน จะเกิดการระเบิดอย่างรุนแรงนอกชายฝั่งของอังกฤษ - จะทำให้เกิดคลื่นยักษ์สูงถึง 500 เมตร คลื่นน้ำที่ปนเปื้อนไปด้วยปริมาณรังสีมหาศาล จะพัดข้ามเกาะอังกฤษ และจะทำให้สิ่งที่เหลืออยู่บนเกาะอังกฤษกลายเป็นทะเลทรายที่มีแต่การปนเปื้อน . 👉(วิดีโอ-2) อีกหนึ่งอาวุธหลักของรัสเซีย คือ ขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียง IRBM “Oreshnik” ที่สามารถติดหัวรบนิวเคลียร์ได้ และถูกใช้งานเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2024 โจมตีใส่เป้าหมายในภูมิภาค Dnipro ของยูเครน ซึ่งในครั้งนั้นเป็นหัวรบเปล่า - ขีปนาวุธดังกล่าวมีความเร็วที่กล่าวอ้างไว้คือ 10 มัค (12,300 กม./ชม.; 7,610 ไมล์/ชม. หรือ 3.40 กม./วินาที) ซึ่งทำให้ยากต่อการสกัดกั้น มีศักยภาพที่จะไปถึง "ลอนดอนและปารีส" ได้ไม่เกิน 20 นาที
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 352 มุมมอง 32 0 รีวิว
  • ศึก ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก 24/25 รอบ 16 ทีม นัดแรก หงส์แดง (ลิเวอร์พูล) กับ ปารีส แซงต์แชร์กแมง จบครึ่งแรก หงส์แดง เสมอ 0 : 0 ครึ่งเวลาหลัง เอเลียตต์ ยิงให้ ลิเวอร์พูล ชนะไป 1 : 0 กลับไปเล่นเกมที่ 2 ที่แอนฟินล์ต่อไป
    ศึก ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก 24/25 รอบ 16 ทีม นัดแรก หงส์แดง (ลิเวอร์พูล) กับ ปารีส แซงต์แชร์กแมง จบครึ่งแรก หงส์แดง เสมอ 0 : 0 ครึ่งเวลาหลัง เอเลียตต์ ยิงให้ ลิเวอร์พูล ชนะไป 1 : 0 กลับไปเล่นเกมที่ 2 ที่แอนฟินล์ต่อไป
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 234 มุมมอง 0 รีวิว
  • ชาติยุโรปแสดงท่าทีขึงขัง ประชุมซัมมิตกันโดยมีเซเลนสกีเข้าร่วมด้วยที่ลอนดอน ประกาศเพิ่มงบประมาณด้านความมั่นคงและจัดตั้งแนวร่วมป้องกันสันติภาพในยูเครน พร้อมร่างเงื่อนไขข้อตกลงสันติภาพที่อาจจะเกิดขึ้นมาได้ เตรียมยื่นเสนอต่ออเมริกา โดยที่มาครงแย้มว่า อาจมีการพักการสู้รบทางอากาศและทางทะเลนาน 1 เดือน ทว่าสหราชอาณาจักรกลับบอกว่าเป็นเพียง 1 ในข้อเสนอซึ่งยังไม่มีการลงมติ ส่วนในอีกด้านหนึ่งรัสเซียเยาะยุโรปไม่ได้มีแผนการอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน และสิ่งหนึ่งที่เคียฟแน่ใจได้ว่าเป็นความคืบหน้าหนึ่งเดียวอยู่ในขณะนี้ คือความสัมพันธ์รัสเซีย-อเมริกา
    .
    การหารือว่าด้วยวิกฤตยูเครนในกรุงลอนดอนช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ของพวกผู้นำ 18 ชาติ ซึ่งแทบทั้งหมดเป็นชาติยุโรป เกิดขึ้นในช่วงเวลาอ่อนไหวอย่างยิ่งสำหรับยูเครนที่กำลังเผชิญความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการสนับสนุนของอเมริกาในการต่อต้านการรุกรานของรัสเซียที่ย่างเข้าสู่ปีที่ 4
    .
    วันศุกร์ที่ผ่านมา (28 ก.พ.) ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของอเมริกา ตำหนิโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครนว่า ไม่ตระหนักบุญคุณอเมริกาและไม่พร้อมทำข้อตกลงสันติภาพกับรัสเซียต่อหน้าผู้สื่อข่าวในทำเนียบขาว กระตุ้นความกังวลว่า เขากำลังบีบให้เคียฟทำข้อตกลงสันติภาพอโดยมอบสิ่งที่ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซียต้องการ
    .
    ทว่า ท่าทีของพวกผู้นำยุโรปเหล่านี้ ซึ่งได้รับการขนานนามว่าเป็น “กลุ่มพันธมิตรของผู้ที่เต็มใจร่วมมือกัน” (Coalition of the willing) ยังคงประกาศให้การสนับสนุนเคียฟเหนียวแน่น โดยเซเลนสกีโพสต์บนแพลตฟอร์มเทเลแกรมภายหลังการประชุมสุดยอดเมื่อวันอาทิตย์ว่า ที่ประชุมเห็นพ้องผลักดันสันติภาพ และในอนาคตอันใกล้จะมีการร่างจุดยืนร่วมกันเกี่ยวกับเป้าหมายที่ต้องบรรลุและเงื่อนไขที่จะไม่มีการประนีประนอมเพื่อเสนอต่ออเมริกา
    .
    นายกรัฐมนตรีเคียร์ สตาร์เมอร์ของสหราชอาณาจักร เจ้าภาพการประชุมซิมมิตครั้งนี้ ขานรับว่า สหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส และประเทศอื่นๆ จะร่วมมือกับยูเครนเพื่อทำให้สงครามยุติลง
    .
    สตาร์เมอร์สำทับว่า ยุโรปต้องพยายามมากขึ้น ขณะที่ไม่มีหลักประกันว่า อเมริกาจะเข้ามามีส่วนร่วมด้วยหรือไม่
    .
    กระนั้น สตาร์เมอร์ที่ได้พบกับทรัมป์ในบรรยากาศที่ชื่นมื่น วันสองวันก่อนหน้าเหตุการณ์ปะทะคารมเดือดที่ทำเนียบขาว ยังคงยืนยันแก้ต่างให้สหรัฐฯ ว่า อเมริกาไม่ใช่พันธมิตรที่พึ่งพาไม่ได้ และข้อตกลงใดๆ ก็ตามเกี่ยวกับยูเครน จำเป็นต้องได้รับการสนับสนุนอย่างเข้มแข็งจากอเมริกา
    .
    ด้านประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครงของฝรั่งเศส ให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์เลอ ฟิกาโร หลังกลับถึงปารีสว่า ฝรั่งเศสและสหราชอาณาจักรต้องการเสนอข้อตกลงหยุดยิงทางอากาศและทางทะเล รวมทั้งระงับการโจมตีพวกโครงสร้างพื้นฐาน เป็นเวลานาน 1 เดือน และยังเตรียมพร้อมส่งทหารไปช่วยกำกับดูแลการหยุดยิงในยูเครน
    .
    มาครงอธิบายว่า สาเหตุที่ข้อตกลงหยุดยิงไม่ครอบคลุมการสู้รบภาคพื้นดินอย่างน้อยในระยะแรกนั้นเนื่องจากแนวรบที่ค่อนข้างกว้างจนยากที่จะบังคับใช้ข้อตกลงหยุดยิงได้ ส่วนการส่งกองกำลังสันติภาพไปยูเครนคงยังไม่เกิดขึ้นในช่วงไม่กี่สัปดาห์นี้
    .
    ผู้นำฝรั่งเศสยังเสนอแนะให้ชาติยุโรปเพิ่มงบประมาณกลาโหมขึ้นสู่ระดับเท่ากับ 3-3.5% ของจีดีพีของประเทศตนเอง เพื่อรับมือการเปลี่ยนท่าทีของอเมริกาและปฏิบัติการทางทหารของรัสเซีย
    .
    อย่างไรก็ดี ในวันจันทร์ (3) รัฐมนตรีทบวงกองทัพของสหราชอาณาจักร ลุก พอลลาร์ด กลับแสดงท่าทีไม่ยืนยันรับรองแนวความคิดเรื่องหยุดยิงที่มาครงพูด โดยเขากล่าวกับสื่อบีบีซีว่า เรื่องนี้ยังไม่ได้เป็นแผนการที่สหราชอาณาจักรรับรองแล้วในเวลานี้ แต่เป็นหนึ่งในทางเลือกต่างๆ จำนวนหนึ่งที่กำลังมีการหารือกันเป็นการภายในระหว่างสหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส และเหล่าพันธมิตรอีกจำนวนหนึ่ง
    .
    ขณะที่ภายหลังการประชุมผู้นำยุโรปเมื่อวันอาทิตย์ อัวร์ซูลา ฟอน แดร์ ไลเอิน ประธานของคณะกรรมาธิการยุโรป ที่เป็นองค์กรบริหารของอียู ออกมาเตือนว่า ยุโรปต้องเร่งติดอาวุธเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับสถานการณ์เลวร้ายที่สุด ทั้งนี้ แดร์ ไลเอิน ได้ชื่อว่าเป็นพวกเหยี่ยวแข็งกร้าวกับรัสเซีย และไม่เป็นที่พอใจของทำเนียบขาวในปัจจุบัน
    .
    ทางฝ่ายนายกรัฐมนตรีโดนัลด์ ทุสก์ ของโปแลนด์ เรียกร้องอเมริกาและยุโรปแสดงให้ปูตินเห็นว่า ตะวันตกไม่เคยคิดอ่อนข้อก่อนที่ผู้นำรัสเซียจะแบล็กเมล์และรุกรานยูเครน
    .
    อย่างไรก็ดี ทางด้านทรัมป์กลับกล่าวเมื่อวันอาทิตย์ว่า อเมริกาควรกังวลกับปูตินน้อยลง และกังวลกับอาชญากรรมในประเทศให้มากขึ้น
    .
    วันเดียวกันนั้น คอนสแตนติน โคซาเชฟ สมาชิกผู้ทรงอิทธิพลในรัฐสภารัสเซีย โพสต์บนเทเลแกรมว่า การประชุมที่ลอนดอน เป็นความพยายามที่จะเปลี่ยนความล้มเหลวของนโยบายแห่งการเสี้ยมให้ยูเครนตีกับรัสเซีย ที่สหราชอาณาจักร และอเมริกาใช้มาเป็นเวลานาน 10 ปี ให้กลายเป็นความสำเร็จ
    .
    โคซาเชฟที่รับตำแหน่งประธานคณะกรรมาธิการกิจการต่างประเทศของสภาสูงรัสเซีย สำทับว่า ยุโรปไม่มีแผนการอะไรเลย และสิ่งหนึ่งที่ยูเครนวางใจได้ก็คือ ความคืบหน้าหนึ่งเดียวขณะนี้คือความสัมพันธ์รัสเซีย-อเมริกา
    .
    นอกจากนั้น ดมิทรี เพสคอฟ โฆษกเครมลิน ยังโพสต์บนเอ็กซ์ก่อนที่การประชุมที่ลอนดอนจะปิดฉากลงว่า การประชุมดังกล่าวเป็นการตกลงสวามิภักดิ์ต่อพวกนาซีที่ไม่ได้มีความสลักสำคัญใดๆ ในเคียฟ และเป็นความคิดที่น่าอัปยศ
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000020856
    ..............
    Sondhi X
    ชาติยุโรปแสดงท่าทีขึงขัง ประชุมซัมมิตกันโดยมีเซเลนสกีเข้าร่วมด้วยที่ลอนดอน ประกาศเพิ่มงบประมาณด้านความมั่นคงและจัดตั้งแนวร่วมป้องกันสันติภาพในยูเครน พร้อมร่างเงื่อนไขข้อตกลงสันติภาพที่อาจจะเกิดขึ้นมาได้ เตรียมยื่นเสนอต่ออเมริกา โดยที่มาครงแย้มว่า อาจมีการพักการสู้รบทางอากาศและทางทะเลนาน 1 เดือน ทว่าสหราชอาณาจักรกลับบอกว่าเป็นเพียง 1 ในข้อเสนอซึ่งยังไม่มีการลงมติ ส่วนในอีกด้านหนึ่งรัสเซียเยาะยุโรปไม่ได้มีแผนการอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน และสิ่งหนึ่งที่เคียฟแน่ใจได้ว่าเป็นความคืบหน้าหนึ่งเดียวอยู่ในขณะนี้ คือความสัมพันธ์รัสเซีย-อเมริกา . การหารือว่าด้วยวิกฤตยูเครนในกรุงลอนดอนช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ของพวกผู้นำ 18 ชาติ ซึ่งแทบทั้งหมดเป็นชาติยุโรป เกิดขึ้นในช่วงเวลาอ่อนไหวอย่างยิ่งสำหรับยูเครนที่กำลังเผชิญความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการสนับสนุนของอเมริกาในการต่อต้านการรุกรานของรัสเซียที่ย่างเข้าสู่ปีที่ 4 . วันศุกร์ที่ผ่านมา (28 ก.พ.) ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของอเมริกา ตำหนิโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครนว่า ไม่ตระหนักบุญคุณอเมริกาและไม่พร้อมทำข้อตกลงสันติภาพกับรัสเซียต่อหน้าผู้สื่อข่าวในทำเนียบขาว กระตุ้นความกังวลว่า เขากำลังบีบให้เคียฟทำข้อตกลงสันติภาพอโดยมอบสิ่งที่ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซียต้องการ . ทว่า ท่าทีของพวกผู้นำยุโรปเหล่านี้ ซึ่งได้รับการขนานนามว่าเป็น “กลุ่มพันธมิตรของผู้ที่เต็มใจร่วมมือกัน” (Coalition of the willing) ยังคงประกาศให้การสนับสนุนเคียฟเหนียวแน่น โดยเซเลนสกีโพสต์บนแพลตฟอร์มเทเลแกรมภายหลังการประชุมสุดยอดเมื่อวันอาทิตย์ว่า ที่ประชุมเห็นพ้องผลักดันสันติภาพ และในอนาคตอันใกล้จะมีการร่างจุดยืนร่วมกันเกี่ยวกับเป้าหมายที่ต้องบรรลุและเงื่อนไขที่จะไม่มีการประนีประนอมเพื่อเสนอต่ออเมริกา . นายกรัฐมนตรีเคียร์ สตาร์เมอร์ของสหราชอาณาจักร เจ้าภาพการประชุมซิมมิตครั้งนี้ ขานรับว่า สหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส และประเทศอื่นๆ จะร่วมมือกับยูเครนเพื่อทำให้สงครามยุติลง . สตาร์เมอร์สำทับว่า ยุโรปต้องพยายามมากขึ้น ขณะที่ไม่มีหลักประกันว่า อเมริกาจะเข้ามามีส่วนร่วมด้วยหรือไม่ . กระนั้น สตาร์เมอร์ที่ได้พบกับทรัมป์ในบรรยากาศที่ชื่นมื่น วันสองวันก่อนหน้าเหตุการณ์ปะทะคารมเดือดที่ทำเนียบขาว ยังคงยืนยันแก้ต่างให้สหรัฐฯ ว่า อเมริกาไม่ใช่พันธมิตรที่พึ่งพาไม่ได้ และข้อตกลงใดๆ ก็ตามเกี่ยวกับยูเครน จำเป็นต้องได้รับการสนับสนุนอย่างเข้มแข็งจากอเมริกา . ด้านประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครงของฝรั่งเศส ให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์เลอ ฟิกาโร หลังกลับถึงปารีสว่า ฝรั่งเศสและสหราชอาณาจักรต้องการเสนอข้อตกลงหยุดยิงทางอากาศและทางทะเล รวมทั้งระงับการโจมตีพวกโครงสร้างพื้นฐาน เป็นเวลานาน 1 เดือน และยังเตรียมพร้อมส่งทหารไปช่วยกำกับดูแลการหยุดยิงในยูเครน . มาครงอธิบายว่า สาเหตุที่ข้อตกลงหยุดยิงไม่ครอบคลุมการสู้รบภาคพื้นดินอย่างน้อยในระยะแรกนั้นเนื่องจากแนวรบที่ค่อนข้างกว้างจนยากที่จะบังคับใช้ข้อตกลงหยุดยิงได้ ส่วนการส่งกองกำลังสันติภาพไปยูเครนคงยังไม่เกิดขึ้นในช่วงไม่กี่สัปดาห์นี้ . ผู้นำฝรั่งเศสยังเสนอแนะให้ชาติยุโรปเพิ่มงบประมาณกลาโหมขึ้นสู่ระดับเท่ากับ 3-3.5% ของจีดีพีของประเทศตนเอง เพื่อรับมือการเปลี่ยนท่าทีของอเมริกาและปฏิบัติการทางทหารของรัสเซีย . อย่างไรก็ดี ในวันจันทร์ (3) รัฐมนตรีทบวงกองทัพของสหราชอาณาจักร ลุก พอลลาร์ด กลับแสดงท่าทีไม่ยืนยันรับรองแนวความคิดเรื่องหยุดยิงที่มาครงพูด โดยเขากล่าวกับสื่อบีบีซีว่า เรื่องนี้ยังไม่ได้เป็นแผนการที่สหราชอาณาจักรรับรองแล้วในเวลานี้ แต่เป็นหนึ่งในทางเลือกต่างๆ จำนวนหนึ่งที่กำลังมีการหารือกันเป็นการภายในระหว่างสหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส และเหล่าพันธมิตรอีกจำนวนหนึ่ง . ขณะที่ภายหลังการประชุมผู้นำยุโรปเมื่อวันอาทิตย์ อัวร์ซูลา ฟอน แดร์ ไลเอิน ประธานของคณะกรรมาธิการยุโรป ที่เป็นองค์กรบริหารของอียู ออกมาเตือนว่า ยุโรปต้องเร่งติดอาวุธเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับสถานการณ์เลวร้ายที่สุด ทั้งนี้ แดร์ ไลเอิน ได้ชื่อว่าเป็นพวกเหยี่ยวแข็งกร้าวกับรัสเซีย และไม่เป็นที่พอใจของทำเนียบขาวในปัจจุบัน . ทางฝ่ายนายกรัฐมนตรีโดนัลด์ ทุสก์ ของโปแลนด์ เรียกร้องอเมริกาและยุโรปแสดงให้ปูตินเห็นว่า ตะวันตกไม่เคยคิดอ่อนข้อก่อนที่ผู้นำรัสเซียจะแบล็กเมล์และรุกรานยูเครน . อย่างไรก็ดี ทางด้านทรัมป์กลับกล่าวเมื่อวันอาทิตย์ว่า อเมริกาควรกังวลกับปูตินน้อยลง และกังวลกับอาชญากรรมในประเทศให้มากขึ้น . วันเดียวกันนั้น คอนสแตนติน โคซาเชฟ สมาชิกผู้ทรงอิทธิพลในรัฐสภารัสเซีย โพสต์บนเทเลแกรมว่า การประชุมที่ลอนดอน เป็นความพยายามที่จะเปลี่ยนความล้มเหลวของนโยบายแห่งการเสี้ยมให้ยูเครนตีกับรัสเซีย ที่สหราชอาณาจักร และอเมริกาใช้มาเป็นเวลานาน 10 ปี ให้กลายเป็นความสำเร็จ . โคซาเชฟที่รับตำแหน่งประธานคณะกรรมาธิการกิจการต่างประเทศของสภาสูงรัสเซีย สำทับว่า ยุโรปไม่มีแผนการอะไรเลย และสิ่งหนึ่งที่ยูเครนวางใจได้ก็คือ ความคืบหน้าหนึ่งเดียวขณะนี้คือความสัมพันธ์รัสเซีย-อเมริกา . นอกจากนั้น ดมิทรี เพสคอฟ โฆษกเครมลิน ยังโพสต์บนเอ็กซ์ก่อนที่การประชุมที่ลอนดอนจะปิดฉากลงว่า การประชุมดังกล่าวเป็นการตกลงสวามิภักดิ์ต่อพวกนาซีที่ไม่ได้มีความสลักสำคัญใดๆ ในเคียฟ และเป็นความคิดที่น่าอัปยศ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000020856 .............. Sondhi X
    Like
    Haha
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1350 มุมมอง 0 รีวิว
  • รัฐบาลจีนมีคำสั่งให้นักวิจัยและบรรดาผู้นำธุรกิจด้านปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) ของจีนหลีกเลี่ยงการเดินทางไปสหรัฐอเมริกาและชาติพันธมิตร ตามรายงานของหนังสือพิมพ์วอลล์สตรีทเจอร์นัล (WSJ) โดย WSJ อ้างข้อมูลจากแหล่งข่าวที่ระบุว่า รัฐบาลจีนเกรงว่าผู้เชี่ยวชาญด้านเอไอเหล่านี้อาจจะไปเผยข้อมูลลับเกี่ยวกับความคืบหน้าด้านเอไอของจีนให้ประเทศคู่แข่งรับรู้
    .
    ทางการปักกิ่งยังกลัวว่า พวกผู้บริหารเหล่านี้อาจจะถูกจับและถูกใช้เป็นชิปต่อรองในการเจรจาระหว่างสหรัฐฯ กับจีน เหมือนเช่นกรณีของ เมิ่ง หว่านโจว ผู้บริหารหัวเว่ย (Huawei) ที่เคยถูกแคนาดากักขังตามใบสั่งสหรัฐฯ มาแล้วในช่วงรัฐบาลทรัมป์หนึ่ง
    .
    ทำเนียบขาวและสำนักงานสารนิเทศแห่งคณะรัฐมนตรีจีน (China’s State Council Information Office) ยังไม่ออกมาตอบข้อซักถามของรอยเตอร์ในประเด็นนี้
    .
    ผู้บริหารบริษัทเอไอชั้นนำของจีนและอุตสาหกรรมที่มีความสำคัญเชิงยุทธศาสตร์อื่นๆ เช่น หุ่นยนต์ เป็นต้น ต่างก็ได้รับคำสั่งให้งดเว้นการเดินทางไปสหรัฐฯ รวมถึงประเทศพันธมิตรอื่นๆ ของอเมริกา เว้นแต่จะมีความจำเป็นยิ่งยวดจริงๆ ตามรายงานของ WSJ
    .
    สำหรับผู้บริหารที่ตัดสินใจเดินทางจะต้องมีการแจ้งแผนการเดินทางให้รัฐบาลทราบล่วงหน้า และเมื่อกลับมาแล้วก็จะต้องแจ้งต่อทางการจีนว่าไปทำอะไร และพบใครมาบ้าง
    .
    ก่อนหน้านี้มีรายงานว่า เหลียง เหวินเฟิง ผู้ก่อตั้งบริษัทสตาร์ทอัปเอไอ DeepSeek ก็เคยปฏิเสธหนังสือเชิญไปเข้าร่วมการประชุมซัมมิตเอไอที่กรุงปารีสเมื่อเดือน ก.พ. มาแล้ว ขณะที่ผู้ก่อตั้งสตาร์ทอัปเอไอชั้นนำอีกรายหนึ่งก็ยกเลิกแผนเยือนสหรัฐฯ เมื่อปี 2024 หลังได้รับใบสั่งจากปักกิ่ง ตามข้อมูลของ WSJ
    .
    จีนและสหรัฐฯ กำลังแข่งขันกันอย่างดุเดือดในด้านเทคโนโลยีเอไอ โดยเมื่อไม่นานมานี้ DeepSeek ได้เปิดตัวโมเดลเอไอหลายรุ่นที่อ้างว่ามีศักยภาพเทียบเคียงหรือเหนือกว่าโมเดลเอไอของบริษัทชั้นนำในสหรัฐฯ อย่าง OpenAI และ Google โดยใช้ต้นทุนที่ต่ำกว่ากันหลายเท่า
    .
    เมื่อเดือน ก.พ. ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ได้เรียกประชุมผู้นำภาคธุรกิจเทคโนโลยีของจีน และเรียกร้องให้นักธุรกิจเหล่านี้ "แสดงพรสวรรค์" ออกตนออกมา และขอให้เชื่อมั่นในพลังของรูปแบบและตลาดจีน
    .
    คลิกอ่าน >> https://sondhitalk.com/detail/9680000020106
    .......
    Sondhi X
    รัฐบาลจีนมีคำสั่งให้นักวิจัยและบรรดาผู้นำธุรกิจด้านปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) ของจีนหลีกเลี่ยงการเดินทางไปสหรัฐอเมริกาและชาติพันธมิตร ตามรายงานของหนังสือพิมพ์วอลล์สตรีทเจอร์นัล (WSJ) โดย WSJ อ้างข้อมูลจากแหล่งข่าวที่ระบุว่า รัฐบาลจีนเกรงว่าผู้เชี่ยวชาญด้านเอไอเหล่านี้อาจจะไปเผยข้อมูลลับเกี่ยวกับความคืบหน้าด้านเอไอของจีนให้ประเทศคู่แข่งรับรู้ . ทางการปักกิ่งยังกลัวว่า พวกผู้บริหารเหล่านี้อาจจะถูกจับและถูกใช้เป็นชิปต่อรองในการเจรจาระหว่างสหรัฐฯ กับจีน เหมือนเช่นกรณีของ เมิ่ง หว่านโจว ผู้บริหารหัวเว่ย (Huawei) ที่เคยถูกแคนาดากักขังตามใบสั่งสหรัฐฯ มาแล้วในช่วงรัฐบาลทรัมป์หนึ่ง . ทำเนียบขาวและสำนักงานสารนิเทศแห่งคณะรัฐมนตรีจีน (China’s State Council Information Office) ยังไม่ออกมาตอบข้อซักถามของรอยเตอร์ในประเด็นนี้ . ผู้บริหารบริษัทเอไอชั้นนำของจีนและอุตสาหกรรมที่มีความสำคัญเชิงยุทธศาสตร์อื่นๆ เช่น หุ่นยนต์ เป็นต้น ต่างก็ได้รับคำสั่งให้งดเว้นการเดินทางไปสหรัฐฯ รวมถึงประเทศพันธมิตรอื่นๆ ของอเมริกา เว้นแต่จะมีความจำเป็นยิ่งยวดจริงๆ ตามรายงานของ WSJ . สำหรับผู้บริหารที่ตัดสินใจเดินทางจะต้องมีการแจ้งแผนการเดินทางให้รัฐบาลทราบล่วงหน้า และเมื่อกลับมาแล้วก็จะต้องแจ้งต่อทางการจีนว่าไปทำอะไร และพบใครมาบ้าง . ก่อนหน้านี้มีรายงานว่า เหลียง เหวินเฟิง ผู้ก่อตั้งบริษัทสตาร์ทอัปเอไอ DeepSeek ก็เคยปฏิเสธหนังสือเชิญไปเข้าร่วมการประชุมซัมมิตเอไอที่กรุงปารีสเมื่อเดือน ก.พ. มาแล้ว ขณะที่ผู้ก่อตั้งสตาร์ทอัปเอไอชั้นนำอีกรายหนึ่งก็ยกเลิกแผนเยือนสหรัฐฯ เมื่อปี 2024 หลังได้รับใบสั่งจากปักกิ่ง ตามข้อมูลของ WSJ . จีนและสหรัฐฯ กำลังแข่งขันกันอย่างดุเดือดในด้านเทคโนโลยีเอไอ โดยเมื่อไม่นานมานี้ DeepSeek ได้เปิดตัวโมเดลเอไอหลายรุ่นที่อ้างว่ามีศักยภาพเทียบเคียงหรือเหนือกว่าโมเดลเอไอของบริษัทชั้นนำในสหรัฐฯ อย่าง OpenAI และ Google โดยใช้ต้นทุนที่ต่ำกว่ากันหลายเท่า . เมื่อเดือน ก.พ. ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ได้เรียกประชุมผู้นำภาคธุรกิจเทคโนโลยีของจีน และเรียกร้องให้นักธุรกิจเหล่านี้ "แสดงพรสวรรค์" ออกตนออกมา และขอให้เชื่อมั่นในพลังของรูปแบบและตลาดจีน . คลิกอ่าน >> https://sondhitalk.com/detail/9680000020106 ....... Sondhi X
    SONDHITALK.COM
    หวั่นซ้ำรอยลูกสาวหัวเว่ย! จีนสั่ง ‘นักวิจัย-ผู้นำธุรกิจเอไอ’ หลีกเลี่ยงเดินทางไปสหรัฐฯ-ชาติพันธมิตร
    รัฐบาลจีนมีคำสั่งให้นักวิจัยและบรรดาผู้นำธุรกิจด้านปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) ของจีนหลีกเลี่ยงการเดินทางไปสหรัฐอเมริกาและชาติพันธมิตร ตามรายงานของหนังสือพิมพ์วอลล์สตรีทเจอร์นัล (WSJ)
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 537 มุมมอง 0 รีวิว
  • ตอนที่.1 #USAID #ทุ่มเงินหลายล้านเพื่อซื้อนักข่าวและกลุ่มสื่ออย่างไร

    จากการเปิดเผยที่น่าตกตะลึง USAID ถูกพบว่าได้ให้เงินทุนสนับสนุนองค์กรสื่อหลายร้อยแห่งและนักข่าวหลายพันคนทั่วโลกเพื่อขยายเรื่องราวที่อวยสนับสนุนไอ้กุ้ยโลก

    เมื่อต้นเดือนนี้ WikiLeaks ได้เปิดเผยข้อมูลที่น่าตกตะลึงว่า สำนักงานเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศของสหรัฐอเมริกา (USAID) ได้สนับสนุนเงินทุนให้กับองค์กรสื่อหลายร้อยแห่งทั่วโลกในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ส่งผลให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับสื่อที่เสรีและเป็นอิสระ

    WikiLeaks แฉว่า USAID ได้ให้การสนับสนุนทางการเงินแก่ผู้สื่อข่าวมากกว่า 6,200 รายในสื่อ 707 สำนัก รวมทั้งองค์กรพัฒนาเอกชนด้าน "สื่อ" จำนวน 279 แห่ง

    การเปิดเผยข้อมูลอันสะเทือนโลกครั้งนี้ได้จุดชนวนให้เกิดการถกเถียงกันทันทีว่าความเกี่ยวข้องทางการเงินดังกล่าวอาจส่งผลกระทบต่อความซื่อสัตย์สุจริตของการสื่อสารมวลชนและความน่าเชื่อถือของสำนักข่าวที่ได้รับเงินทุนหรือไม่ (จริงๆไม่สื่อพวกนี้ไม่น่าเชื่อถือเลย ทั้งสื่อตะวันตก สื่อตะวันออกกลางบางสื่อ ยิ่งสื่อในประเทศสารขัณฑ์นี่แทบทุกสื่อ)

    การเปิดเผยดังกล่าวเกิดขึ้นไม่กี่วันภายหลังที่ฝ่ายบริหารของสหรัฐฯ ประกาศเมื่อปลายเดือนมกราคมเกี่ยวกับการระงับการช่วยเหลือต่างประเทศผ่านคำสั่งฝ่ายบริหารที่มีชื่อว่า "การประเมินใหม่และการจัดแนวความช่วยเหลือต่างประเทศของสหรัฐฯ ใหม่"

    คำสั่งดังกล่าวแช่แข็งการให้ความช่วยเหลือด้านการพัฒนาต่างประเทศของสหรัฐฯ ทั้งหมดเป็นเวลา 90 วัน ได้รับการออกแบบมาเพื่อให้รัฐบาลของโดนัลด์ ทรัมป์สามารถประเมินประสิทธิผลและแนวทางของแผนงานเหล่านี้ให้สอดคล้องกับวาระ "อเมริกาต้องมาก่อน" อีกครั้ง ซึ่งเป็นประเด็นที่พูดถึงกันอย่างกว้างขวาง

    ในระหว่างการกล่าวสุนทรพจน์ที่ลาสเวกัสเมื่อวันที่ 25 มกราคม 2025 ทรัมป์ได้อธิบายว่าเป็นขั้นตอนที่จำเป็นเพื่อเปลี่ยนเส้นทางทรัพยากรไปที่ประเด็นสำคัญในประเทศ
    คำสั่งฝ่ายบริหารซึ่งอ้างว่าโครงการช่วยเหลือต่างประเทศบางส่วนไม่สอดคล้องกับผลประโยชน์ของอเมริกาและในบางกรณีขัดต่อค่านิยมของอเมริกาได้รับการมองในมุมมองใหม่หลังจากการเปิดเผยของ WikiLeaks เมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์

    นักวิเคราะห์สื่อระบุว่าเงินทุนของ USAID อาจใช้เป็นเครื่องมือในการบิดเบือนสื่อในองค์กรข่าวที่ได้รับเงินทุนจากสหรัฐฯ มานานหลายปีหรือหลายทศวรรษได้อย่างง่ายดาย
    ตามรายงานของ WikiLeaks องค์กร USAID ได้ให้การสนับสนุนสื่อมวลชนในมากกว่า 30 ประเทศ

    เอกสารข้อเท็จจริงจากหน่วยงานที่ถูกลบไปแล้วเผยให้เห็นว่าตั้งแต่ปี 2003 เป็นต้นมา USAID ได้จัดสรรเงินทุนสำหรับการฝึกอบรมและทรัพยากรให้กับนักข่าวประมาณ 6,200 คน สนับสนุนองค์กรข่าวที่ไม่ใช่ของรัฐ 707 แห่ง และสนับสนุนกลุ่มประชาสังคม 279 กลุ่ม ซึ่งเผยให้เห็นถึงอิทธิพลโดยตรงอันกว้างขวางของสหรัฐฯ ในระบบสื่อทั่วโลกในช่วง2 ทศวรรษที่ผ่านมา

    ขนาดของการมีส่วนร่วมนี้สะท้อนให้เห็นเพิ่มเติมในงบประมาณความช่วยเหลือต่างประเทศปี 2025 ซึ่งรวมถึงการจัดสรร 268.4 ล้านดอลลาร์จากรัฐสภาสหรัฐฯ โดยเฉพาะสำหรับแผนริเริ่มที่มุ่งส่งเสริมสิ่งที่เรียกว่า "สื่ออิสระและการไหลเวียนของข้อมูลอย่างเสรี"

    การเปิดเผยข้อมูลที่สำคัญที่สุดอย่างหนึ่งจากรายงานของแพลตฟอร์ม Exposé เกี่ยวข้องกับองค์กรไม่แสวงหากำไร Internews Network (IN) ที่ได้รับเงินทุนจากสหรัฐฯ ซึ่งมีรายงานว่าได้จัดสรรเงินเกือบ 500 ล้านดอลลาร์ให้กับ "โครงการสื่อ" ทั่วโลก สิ่งนี้ทำให้เกิดคำถามสำคัญขึ้นมาว่า ความเป็นอิสระของสื่อสามารถเกิดขึ้นได้จริงในระดับใด เมื่อเส้นชีวิตทางการเงินผูกติดอยู่กับรัฐบาลต่างประเทศที่มีวาระอันชั่วร้ายของตนเอง?

    เอกสารที่รั่วไหลยังระบุเพิ่มเติมว่า Internews ร่วมมือกับสื่อ 4,291 แห่ง ผลิตรายการ 4,799 ชั่วโมงในหนึ่งปีและเข้าถึงผู้ชมประมาณ 778 ล้านคน
    ในขณะที่ Internews อ้างว่าภารกิจของตนคือการสนับสนุน "การสื่อสารมวลชนอิสระและขยายการเข้าถึงข้อมูล

    USAID ได้จัดสรรเงิน 472.6 ล้านเหรียญสหรัฐให้กับ Internews ตลอดหลายปีที่ผ่านมา แม้ว่าองค์กรจะได้รับการสนับสนุนทางการเงินจากผู้บริจาคเอกชน เช่น มูลนิธิ AOL-Time Warner มูลนิธิ Bill & Melinda Gates และอื่นๆ
    เงินช่วยเหลือเฉพาะเจาะจงเน้นย้ำถึงขอบเขตของความคิดริเริ่มเหล่านี้ ตัวอย่างเช่น USAID มอบเงิน 10.7 ล้านเหรียญสหรัฐให้กับ Internews เพื่อสนับสนุน “การสื่อสารมวลชนที่มีคุณภาพสูงและมีความรับผิดชอบ” ในไลบีเรีย และอีก 11 ล้านเหรียญสหรัฐสำหรับโครงการที่เรียกว่า “สื่อที่ส่งเสริมประชาธิปไตย” ในมอลโดวา

    กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ยังได้สนับสนุนเงิน 1.48 ล้านดอลลาร์เพื่อจัดตั้ง “บริการข้อมูลที่ปลอดภัย เข้าถึงได้ และช่วยชีวิต” ในซูดานใต้ ตามเอกสารที่เปิดเผย ในประเทศจอร์แดน USAID ได้มอบเงินช่วยเหลือจำนวน 19.5 ล้านดอลลาร์ให้แก่ Internews เพื่อช่วยวางตำแหน่งสังคมจอร์แดนให้สามารถสนับสนุนผลประโยชน์ที่ขับเคลื่อนโดยพลเมืองได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    Internews ก่อตั้งขึ้นในปี 1982 โดยมีสำนักงานใหญ่อยู่ในแคลิฟอร์เนียและดำเนินการในกว่า 30 ประเทศ มีสำนักงานใหญ่ในสหรัฐอเมริกา ลอนดอน และปารีส รวมถึงมีศูนย์กลางระดับภูมิภาคในเคียฟ กรุงเทพมหานคร และไนโรบี ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา Internews ได้ขยายขอบข่ายการเข้าถึงไปทั่วโลกอย่างมีนัยสำคัญ โดยวางตำแหน่งตัวเองเป็นผู้เล่นหลักในการพัฒนาสื่อระดับโลก อย่างไรก็ตามองค์กรนี้ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรงเกี่ยวกับบทบาทของตนในการเซ็นเซอร์โซเชียลมีเดีย

    Internews นำโดย Jeanne Bourgault ซึ่งรายงานระบุว่าเธอได้รับเงินเดือนประจำปี 451,000 ดอลลาร์ ก่อนหน้านี้เธอเคยทำงานที่สถานทูตสหรัฐฯ ในมอสโกในช่วงต้นทศวรรษ 1990 ซึ่งเธอบริหารจัดการงบประมาณ 250 ล้านดอลลาร์ ซึ่งส่วนใหญ่ได้รับการออกแบบมาเพื่อเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครอง

    อ่านต่อตอนที่.2
    https://www.facebook.com/share/p/15xvCUsuuQ/

    ตอนที่.3
    https://www.facebook.com/share/p/1B7tKhDFKa/
    ตอนที่.1 #USAID #ทุ่มเงินหลายล้านเพื่อซื้อนักข่าวและกลุ่มสื่ออย่างไร จากการเปิดเผยที่น่าตกตะลึง USAID ถูกพบว่าได้ให้เงินทุนสนับสนุนองค์กรสื่อหลายร้อยแห่งและนักข่าวหลายพันคนทั่วโลกเพื่อขยายเรื่องราวที่อวยสนับสนุนไอ้กุ้ยโลก เมื่อต้นเดือนนี้ WikiLeaks ได้เปิดเผยข้อมูลที่น่าตกตะลึงว่า สำนักงานเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศของสหรัฐอเมริกา (USAID) ได้สนับสนุนเงินทุนให้กับองค์กรสื่อหลายร้อยแห่งทั่วโลกในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ส่งผลให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับสื่อที่เสรีและเป็นอิสระ WikiLeaks แฉว่า USAID ได้ให้การสนับสนุนทางการเงินแก่ผู้สื่อข่าวมากกว่า 6,200 รายในสื่อ 707 สำนัก รวมทั้งองค์กรพัฒนาเอกชนด้าน "สื่อ" จำนวน 279 แห่ง การเปิดเผยข้อมูลอันสะเทือนโลกครั้งนี้ได้จุดชนวนให้เกิดการถกเถียงกันทันทีว่าความเกี่ยวข้องทางการเงินดังกล่าวอาจส่งผลกระทบต่อความซื่อสัตย์สุจริตของการสื่อสารมวลชนและความน่าเชื่อถือของสำนักข่าวที่ได้รับเงินทุนหรือไม่ (จริงๆไม่สื่อพวกนี้ไม่น่าเชื่อถือเลย ทั้งสื่อตะวันตก สื่อตะวันออกกลางบางสื่อ ยิ่งสื่อในประเทศสารขัณฑ์นี่แทบทุกสื่อ) การเปิดเผยดังกล่าวเกิดขึ้นไม่กี่วันภายหลังที่ฝ่ายบริหารของสหรัฐฯ ประกาศเมื่อปลายเดือนมกราคมเกี่ยวกับการระงับการช่วยเหลือต่างประเทศผ่านคำสั่งฝ่ายบริหารที่มีชื่อว่า "การประเมินใหม่และการจัดแนวความช่วยเหลือต่างประเทศของสหรัฐฯ ใหม่" คำสั่งดังกล่าวแช่แข็งการให้ความช่วยเหลือด้านการพัฒนาต่างประเทศของสหรัฐฯ ทั้งหมดเป็นเวลา 90 วัน ได้รับการออกแบบมาเพื่อให้รัฐบาลของโดนัลด์ ทรัมป์สามารถประเมินประสิทธิผลและแนวทางของแผนงานเหล่านี้ให้สอดคล้องกับวาระ "อเมริกาต้องมาก่อน" อีกครั้ง ซึ่งเป็นประเด็นที่พูดถึงกันอย่างกว้างขวาง ในระหว่างการกล่าวสุนทรพจน์ที่ลาสเวกัสเมื่อวันที่ 25 มกราคม 2025 ทรัมป์ได้อธิบายว่าเป็นขั้นตอนที่จำเป็นเพื่อเปลี่ยนเส้นทางทรัพยากรไปที่ประเด็นสำคัญในประเทศ คำสั่งฝ่ายบริหารซึ่งอ้างว่าโครงการช่วยเหลือต่างประเทศบางส่วนไม่สอดคล้องกับผลประโยชน์ของอเมริกาและในบางกรณีขัดต่อค่านิยมของอเมริกาได้รับการมองในมุมมองใหม่หลังจากการเปิดเผยของ WikiLeaks เมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ นักวิเคราะห์สื่อระบุว่าเงินทุนของ USAID อาจใช้เป็นเครื่องมือในการบิดเบือนสื่อในองค์กรข่าวที่ได้รับเงินทุนจากสหรัฐฯ มานานหลายปีหรือหลายทศวรรษได้อย่างง่ายดาย ตามรายงานของ WikiLeaks องค์กร USAID ได้ให้การสนับสนุนสื่อมวลชนในมากกว่า 30 ประเทศ เอกสารข้อเท็จจริงจากหน่วยงานที่ถูกลบไปแล้วเผยให้เห็นว่าตั้งแต่ปี 2003 เป็นต้นมา USAID ได้จัดสรรเงินทุนสำหรับการฝึกอบรมและทรัพยากรให้กับนักข่าวประมาณ 6,200 คน สนับสนุนองค์กรข่าวที่ไม่ใช่ของรัฐ 707 แห่ง และสนับสนุนกลุ่มประชาสังคม 279 กลุ่ม ซึ่งเผยให้เห็นถึงอิทธิพลโดยตรงอันกว้างขวางของสหรัฐฯ ในระบบสื่อทั่วโลกในช่วง2 ทศวรรษที่ผ่านมา ขนาดของการมีส่วนร่วมนี้สะท้อนให้เห็นเพิ่มเติมในงบประมาณความช่วยเหลือต่างประเทศปี 2025 ซึ่งรวมถึงการจัดสรร 268.4 ล้านดอลลาร์จากรัฐสภาสหรัฐฯ โดยเฉพาะสำหรับแผนริเริ่มที่มุ่งส่งเสริมสิ่งที่เรียกว่า "สื่ออิสระและการไหลเวียนของข้อมูลอย่างเสรี" การเปิดเผยข้อมูลที่สำคัญที่สุดอย่างหนึ่งจากรายงานของแพลตฟอร์ม Exposé เกี่ยวข้องกับองค์กรไม่แสวงหากำไร Internews Network (IN) ที่ได้รับเงินทุนจากสหรัฐฯ ซึ่งมีรายงานว่าได้จัดสรรเงินเกือบ 500 ล้านดอลลาร์ให้กับ "โครงการสื่อ" ทั่วโลก สิ่งนี้ทำให้เกิดคำถามสำคัญขึ้นมาว่า ความเป็นอิสระของสื่อสามารถเกิดขึ้นได้จริงในระดับใด เมื่อเส้นชีวิตทางการเงินผูกติดอยู่กับรัฐบาลต่างประเทศที่มีวาระอันชั่วร้ายของตนเอง? เอกสารที่รั่วไหลยังระบุเพิ่มเติมว่า Internews ร่วมมือกับสื่อ 4,291 แห่ง ผลิตรายการ 4,799 ชั่วโมงในหนึ่งปีและเข้าถึงผู้ชมประมาณ 778 ล้านคน ในขณะที่ Internews อ้างว่าภารกิจของตนคือการสนับสนุน "การสื่อสารมวลชนอิสระและขยายการเข้าถึงข้อมูล USAID ได้จัดสรรเงิน 472.6 ล้านเหรียญสหรัฐให้กับ Internews ตลอดหลายปีที่ผ่านมา แม้ว่าองค์กรจะได้รับการสนับสนุนทางการเงินจากผู้บริจาคเอกชน เช่น มูลนิธิ AOL-Time Warner มูลนิธิ Bill & Melinda Gates และอื่นๆ เงินช่วยเหลือเฉพาะเจาะจงเน้นย้ำถึงขอบเขตของความคิดริเริ่มเหล่านี้ ตัวอย่างเช่น USAID มอบเงิน 10.7 ล้านเหรียญสหรัฐให้กับ Internews เพื่อสนับสนุน “การสื่อสารมวลชนที่มีคุณภาพสูงและมีความรับผิดชอบ” ในไลบีเรีย และอีก 11 ล้านเหรียญสหรัฐสำหรับโครงการที่เรียกว่า “สื่อที่ส่งเสริมประชาธิปไตย” ในมอลโดวา กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ยังได้สนับสนุนเงิน 1.48 ล้านดอลลาร์เพื่อจัดตั้ง “บริการข้อมูลที่ปลอดภัย เข้าถึงได้ และช่วยชีวิต” ในซูดานใต้ ตามเอกสารที่เปิดเผย ในประเทศจอร์แดน USAID ได้มอบเงินช่วยเหลือจำนวน 19.5 ล้านดอลลาร์ให้แก่ Internews เพื่อช่วยวางตำแหน่งสังคมจอร์แดนให้สามารถสนับสนุนผลประโยชน์ที่ขับเคลื่อนโดยพลเมืองได้อย่างมีประสิทธิภาพ Internews ก่อตั้งขึ้นในปี 1982 โดยมีสำนักงานใหญ่อยู่ในแคลิฟอร์เนียและดำเนินการในกว่า 30 ประเทศ มีสำนักงานใหญ่ในสหรัฐอเมริกา ลอนดอน และปารีส รวมถึงมีศูนย์กลางระดับภูมิภาคในเคียฟ กรุงเทพมหานคร และไนโรบี ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา Internews ได้ขยายขอบข่ายการเข้าถึงไปทั่วโลกอย่างมีนัยสำคัญ โดยวางตำแหน่งตัวเองเป็นผู้เล่นหลักในการพัฒนาสื่อระดับโลก อย่างไรก็ตามองค์กรนี้ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรงเกี่ยวกับบทบาทของตนในการเซ็นเซอร์โซเชียลมีเดีย Internews นำโดย Jeanne Bourgault ซึ่งรายงานระบุว่าเธอได้รับเงินเดือนประจำปี 451,000 ดอลลาร์ ก่อนหน้านี้เธอเคยทำงานที่สถานทูตสหรัฐฯ ในมอสโกในช่วงต้นทศวรรษ 1990 ซึ่งเธอบริหารจัดการงบประมาณ 250 ล้านดอลลาร์ ซึ่งส่วนใหญ่ได้รับการออกแบบมาเพื่อเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครอง อ่านต่อตอนที่.2 https://www.facebook.com/share/p/15xvCUsuuQ/ ตอนที่.3 https://www.facebook.com/share/p/1B7tKhDFKa/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 702 มุมมอง 0 รีวิว
  • มาครงกล่าวต่อหน้าทรัมป์ "ฝรั่งเศสและอังกฤษ" พร้อมส่งทหารไปยูเครน

    ในการประชุมที่ทำเนียบขาวกับทรัมป์ มาครงเปิดเผยว่าปารีสและลอนดอนมีแผนที่จะรับประกันความปลอดภัยของยูเครน รวมถึงการส่งทหารไปประจำการด้วย

    “พวกเขาจะไม่ได้อยู่แนวหน้าเสมอไป” เขากล่าว “แต่จะอยู่ที่นั่นเพื่อเป็นหลักประกัน”

    "ทรัมป์เคยกล่าวไว้ก่อนหน้านี้ว่า สหรัฐไม่ขัดข้อง หากยุโรปจะส่งทหารเข้าไปในดินแดนยูเครน แต่จะจะไม่มีทหารของสหรัฐอยูที่นั่นอย่างแน่นอน"
    มาครงกล่าวต่อหน้าทรัมป์ "ฝรั่งเศสและอังกฤษ" พร้อมส่งทหารไปยูเครน ในการประชุมที่ทำเนียบขาวกับทรัมป์ มาครงเปิดเผยว่าปารีสและลอนดอนมีแผนที่จะรับประกันความปลอดภัยของยูเครน รวมถึงการส่งทหารไปประจำการด้วย “พวกเขาจะไม่ได้อยู่แนวหน้าเสมอไป” เขากล่าว “แต่จะอยู่ที่นั่นเพื่อเป็นหลักประกัน” "ทรัมป์เคยกล่าวไว้ก่อนหน้านี้ว่า สหรัฐไม่ขัดข้อง หากยุโรปจะส่งทหารเข้าไปในดินแดนยูเครน แต่จะจะไม่มีทหารของสหรัฐอยูที่นั่นอย่างแน่นอน"
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 266 มุมมอง 12 0 รีวิว
  • ทางการออสเตรเลียได้สั่งปรับ Telegram เป็นเงิน 958,000 ดอลลาร์ออสเตรเลีย (ประมาณ 613,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 2.69 ล้านบาท) เนื่องจาก Telegram ล้มเหลวในการเปิดเผยข้อมูลว่าใช้วิธีใดในการจัดการกับเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับการก่อการร้ายและการล่วงละเมิดทางเพศเด็ก

    เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นหลังจากที่หน่วยงานเฝ้าระวังออนไลน์ของออสเตรเลียขอให้ Telegram และแพลตฟอร์มอื่นๆ เปิดเผยวิธีการในการตรวจจับเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับการก่อการร้ายและการล่วงละเมิดทางเพศเด็กในเดือนมีนาคมปีที่แล้ว แต่ Telegram ตอบกลับหลังจากนั้นถึงกว่า 5 เดือนในวันที่ 13 ตุลาคม 2024 ซึ่งเกินกำหนดเส้นตายที่กำหนดไว้ในวันที่ 6 พฤษภาคม 2024 ทำให้การทำงานของคณะกรรมการถูกขัดขวาง

    ในแถลงการณ์ของ Julie Inman Grant ซึ่งเป็น eSafety Commissioner ของออสเตรเลีย กล่าวว่า การเปิดเผยวิธีการและที่มาของแพลตฟอร์มในการจัดการเนื้อหาดังกล่าวเป็นเรื่องสำคัญ เพื่อปกป้องชุมชนและยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยในอุตสาหกรรมนี้

    Telegram มีเวลา 28 วันในการจ่ายค่าปรับ หรืออาจขอเวลาเพิ่มเติมหรือพยายามยกเลิกค่าปรับนี้ หากไม่จ่าย คณะกรรมการสามารถขอให้ศาลรัฐบาลกลางสั่งปรับได้

    นอกจากนี้ ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Telegram Pavel Durov ซึ่งเป็นชาวรัสเซีย ยังถูกจับกุมที่สนามบินในปารีสเมื่อเดือนสิงหาคมปีที่แล้วและถูกตั้งข้อหาหลายคดีเกี่ยวกับการไม่สามารถควบคุมเนื้อหาที่เป็นอันตรายและก่อการร้ายบนแอป Telegram นอกจากนี้ อัยการฝรั่งเศสยังกล่าวหาว่า Telegram ซึ่งตั้งฐานอยู่ที่ดูไบ ล้มเหลวในการดำเนินการกับภาพล่วงละเมิดทางเพศเด็ก

    Durov ถูกปล่อยตัวด้วยเงินประกันจำนวน 5 ล้านยูโร (ประมาณ 23.13 ล้านบาท) และประกาศที่จะดำเนินการป้องกันเนื้อหาที่ผิดกฎหมายอย่างเข้มงวด

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/02/24/australia-fines-telegram-over-response-to-terror-abuse-content
    ทางการออสเตรเลียได้สั่งปรับ Telegram เป็นเงิน 958,000 ดอลลาร์ออสเตรเลีย (ประมาณ 613,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 2.69 ล้านบาท) เนื่องจาก Telegram ล้มเหลวในการเปิดเผยข้อมูลว่าใช้วิธีใดในการจัดการกับเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับการก่อการร้ายและการล่วงละเมิดทางเพศเด็ก เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นหลังจากที่หน่วยงานเฝ้าระวังออนไลน์ของออสเตรเลียขอให้ Telegram และแพลตฟอร์มอื่นๆ เปิดเผยวิธีการในการตรวจจับเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับการก่อการร้ายและการล่วงละเมิดทางเพศเด็กในเดือนมีนาคมปีที่แล้ว แต่ Telegram ตอบกลับหลังจากนั้นถึงกว่า 5 เดือนในวันที่ 13 ตุลาคม 2024 ซึ่งเกินกำหนดเส้นตายที่กำหนดไว้ในวันที่ 6 พฤษภาคม 2024 ทำให้การทำงานของคณะกรรมการถูกขัดขวาง ในแถลงการณ์ของ Julie Inman Grant ซึ่งเป็น eSafety Commissioner ของออสเตรเลีย กล่าวว่า การเปิดเผยวิธีการและที่มาของแพลตฟอร์มในการจัดการเนื้อหาดังกล่าวเป็นเรื่องสำคัญ เพื่อปกป้องชุมชนและยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยในอุตสาหกรรมนี้ Telegram มีเวลา 28 วันในการจ่ายค่าปรับ หรืออาจขอเวลาเพิ่มเติมหรือพยายามยกเลิกค่าปรับนี้ หากไม่จ่าย คณะกรรมการสามารถขอให้ศาลรัฐบาลกลางสั่งปรับได้ นอกจากนี้ ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Telegram Pavel Durov ซึ่งเป็นชาวรัสเซีย ยังถูกจับกุมที่สนามบินในปารีสเมื่อเดือนสิงหาคมปีที่แล้วและถูกตั้งข้อหาหลายคดีเกี่ยวกับการไม่สามารถควบคุมเนื้อหาที่เป็นอันตรายและก่อการร้ายบนแอป Telegram นอกจากนี้ อัยการฝรั่งเศสยังกล่าวหาว่า Telegram ซึ่งตั้งฐานอยู่ที่ดูไบ ล้มเหลวในการดำเนินการกับภาพล่วงละเมิดทางเพศเด็ก Durov ถูกปล่อยตัวด้วยเงินประกันจำนวน 5 ล้านยูโร (ประมาณ 23.13 ล้านบาท) และประกาศที่จะดำเนินการป้องกันเนื้อหาที่ผิดกฎหมายอย่างเข้มงวด https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/02/24/australia-fines-telegram-over-response-to-terror-abuse-content
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Australia fines Telegram over response to terror, abuse content
    Australia's online watchdog said on Feb 24 it has fined Telegram more than US$600,000 (RM2.65mil) for missing a deadline to reveal how it tackles "terrorist" and child sexual abuse content.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 298 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts