• ⚖️ Google ฟ้อง LATAM Airlines ในสหรัฐฯ กรณีข้อพิพาทเกี่ยวกับวิดีโอ YouTube ในบราซิล
    Google ได้ยื่นฟ้อง LATAM Airlines ในศาลรัฐบาลกลางสหรัฐฯ ที่เมืองซานโฮเซ่ รัฐแคลิฟอร์เนีย โดยต้องการให้ศาล ประกาศว่าศาลบราซิลไม่มีอำนาจบังคับให้ Google ลบวิดีโอ YouTube ในสหรัฐฯ

    LATAM Airlines พยายามใช้คำสั่งศาลบราซิลเพื่อบังคับให้ Google ลบวิดีโอทั่วโลก ซึ่ง Google มองว่า เป็นการละเมิดสิทธิ์ในการแสดงความคิดเห็นตามรัฐธรรมนูญของสหรัฐฯ

    ✅ ข้อมูลจากข่าว
    - Google ฟ้อง LATAM Airlines ในศาลรัฐบาลกลางสหรัฐฯ เพื่อปกป้องสิทธิ์ในการแสดงความคิดเห็น
    - วิดีโอที่เป็นข้อพิพาทกล่าวหาเจ้าหน้าที่ของ LATAM ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการล่วงละเมิดทางเพศเด็ก
    - LATAM Airlines ฟ้อง Google ในบราซิลตั้งแต่ปี 2018 เพื่อให้ลบวิดีโอดังกล่าว
    - ศาลสูงสุดของบราซิลเตรียมพิจารณาว่ามีอำนาจสั่งให้ Google ลบวิดีโอทั่วโลกหรือไม่
    - Google ระบุว่าศาลของแต่ละประเทศควรมีอำนาจเฉพาะต่อเนื้อหาที่เข้าถึงได้ในประเทศนั้น ๆ เท่านั้น

    🔥 ผลกระทบต่อกฎหมายอินเทอร์เน็ตและสิทธิ์ในการแสดงความคิดเห็น
    กรณีนี้ สะท้อนถึงความขัดแย้งระหว่างกฎหมายของประเทศต่าง ๆ และการควบคุมเนื้อหาบนแพลตฟอร์มออนไลน์

    ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - หากศาลบราซิลมีอำนาจสั่งให้ลบวิดีโอทั่วโลก อาจส่งผลกระทบต่อเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นบนอินเทอร์เน็ต
    - คดีนี้อาจสร้างแบบอย่างให้ประเทศอื่น ๆ ใช้อำนาจศาลของตนเพื่อควบคุมเนื้อหาทั่วโลก
    - ต้องติดตามว่าศาลสหรัฐฯ จะตัดสินให้ Google มีสิทธิ์ปฏิเสธคำสั่งศาลต่างประเทศหรือไม่
    - กรณีนี้อาจส่งผลต่อแนวทางการกำกับดูแลแพลตฟอร์มออนไลน์ในอนาคต

    Google พยายามปกป้องหลักการที่ว่าศาลของแต่ละประเทศควรมีอำนาจเฉพาะต่อเนื้อหาที่เข้าถึงได้ในประเทศนั้น ๆ อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามว่าคดีนี้จะส่งผลต่อแนวทางการกำกับดูแลแพลตฟอร์มออนไลน์ทั่วโลกอย่างไร

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/06/13/google-sues-latam-airlines-in-us-over-brazilian-youtube-video-dispute
    ⚖️ Google ฟ้อง LATAM Airlines ในสหรัฐฯ กรณีข้อพิพาทเกี่ยวกับวิดีโอ YouTube ในบราซิล Google ได้ยื่นฟ้อง LATAM Airlines ในศาลรัฐบาลกลางสหรัฐฯ ที่เมืองซานโฮเซ่ รัฐแคลิฟอร์เนีย โดยต้องการให้ศาล ประกาศว่าศาลบราซิลไม่มีอำนาจบังคับให้ Google ลบวิดีโอ YouTube ในสหรัฐฯ LATAM Airlines พยายามใช้คำสั่งศาลบราซิลเพื่อบังคับให้ Google ลบวิดีโอทั่วโลก ซึ่ง Google มองว่า เป็นการละเมิดสิทธิ์ในการแสดงความคิดเห็นตามรัฐธรรมนูญของสหรัฐฯ ✅ ข้อมูลจากข่าว - Google ฟ้อง LATAM Airlines ในศาลรัฐบาลกลางสหรัฐฯ เพื่อปกป้องสิทธิ์ในการแสดงความคิดเห็น - วิดีโอที่เป็นข้อพิพาทกล่าวหาเจ้าหน้าที่ของ LATAM ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการล่วงละเมิดทางเพศเด็ก - LATAM Airlines ฟ้อง Google ในบราซิลตั้งแต่ปี 2018 เพื่อให้ลบวิดีโอดังกล่าว - ศาลสูงสุดของบราซิลเตรียมพิจารณาว่ามีอำนาจสั่งให้ Google ลบวิดีโอทั่วโลกหรือไม่ - Google ระบุว่าศาลของแต่ละประเทศควรมีอำนาจเฉพาะต่อเนื้อหาที่เข้าถึงได้ในประเทศนั้น ๆ เท่านั้น 🔥 ผลกระทบต่อกฎหมายอินเทอร์เน็ตและสิทธิ์ในการแสดงความคิดเห็น กรณีนี้ สะท้อนถึงความขัดแย้งระหว่างกฎหมายของประเทศต่าง ๆ และการควบคุมเนื้อหาบนแพลตฟอร์มออนไลน์ ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - หากศาลบราซิลมีอำนาจสั่งให้ลบวิดีโอทั่วโลก อาจส่งผลกระทบต่อเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นบนอินเทอร์เน็ต - คดีนี้อาจสร้างแบบอย่างให้ประเทศอื่น ๆ ใช้อำนาจศาลของตนเพื่อควบคุมเนื้อหาทั่วโลก - ต้องติดตามว่าศาลสหรัฐฯ จะตัดสินให้ Google มีสิทธิ์ปฏิเสธคำสั่งศาลต่างประเทศหรือไม่ - กรณีนี้อาจส่งผลต่อแนวทางการกำกับดูแลแพลตฟอร์มออนไลน์ในอนาคต Google พยายามปกป้องหลักการที่ว่าศาลของแต่ละประเทศควรมีอำนาจเฉพาะต่อเนื้อหาที่เข้าถึงได้ในประเทศนั้น ๆ อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามว่าคดีนี้จะส่งผลต่อแนวทางการกำกับดูแลแพลตฟอร์มออนไลน์ทั่วโลกอย่างไร https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/06/13/google-sues-latam-airlines-in-us-over-brazilian-youtube-video-dispute
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Google sues LATAM Airlines in US over Brazilian YouTube video dispute
    (Reuters) -Alphabet's Google sued Chile-based LATAM Airlines in U.S. federal court in San Jose, California on Thursday, seeking a declaration that Brazilian courts cannot force the tech giant to take down a YouTube video in the United States that accused a LATAM employee of sexually abusing a child.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 53 มุมมอง 0 รีวิว
  • 💰 Meliuz เปิดขายหุ้นเพื่อซื้อ Bitcoin
    บริษัทฟินเทค Meliuz จากบราซิลได้ยื่นขอเสนอขายหุ้นเพื่อระดมทุนสำหรับการซื้อ Bitcoin โดยมีการกำหนดราคาหุ้นในวันที่ 12 มิถุนายน 2025

    Meliuz เป็นบริษัทที่ให้บริการ แคชแบ็กและโซลูชันทางการเงิน ในบราซิล และการลงทุนใน Bitcoin ครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญที่สะท้อนถึงแนวโน้มของบริษัทฟินเทคที่หันมาใช้ สินทรัพย์ดิจิทัล เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ทางการเงิน

    นอกจากนี้ การเสนอขายหุ้นครั้งนี้อาจขยายขนาดได้ถึง 200% ของจำนวนหุ้นที่เสนอขายในตอนแรก ซึ่งหมายความว่าบริษัทอาจสามารถระดมทุนได้มากกว่าที่คาดการณ์ไว้

    ✅ ข้อมูลจากข่าว
    - Meliuz ยื่นขอเสนอขายหุ้นเพื่อระดมทุนสำหรับการซื้อ Bitcoin
    - กำหนดราคาหุ้นในวันที่ 12 มิถุนายน 2025
    - การเสนอขายหุ้นครั้งนี้อาจขยายขนาดได้ถึง 200% ของจำนวนหุ้นที่เสนอขายในตอนแรก
    - มูลค่าการเสนอขายหุ้นเริ่มต้นอยู่ที่ 150 ล้านเรียลบราซิล (ประมาณ 26.45 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ)
    - อัตราแลกเปลี่ยนล่าสุดอยู่ที่ 1 ดอลลาร์สหรัฐฯ เท่ากับ 5.6704 เรียลบราซิล

    ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - การลงทุนใน Bitcoin มีความผันผวนสูง และอาจส่งผลต่อมูลค่าของหุ้น Meliuz
    - ต้องติดตามว่าการเสนอขายหุ้นจะได้รับความสนใจจากนักลงทุนมากน้อยเพียงใด
    - ตลาดคริปโตยังคงเผชิญกับความไม่แน่นอนด้านกฎระเบียบในหลายประเทศ
    - Meliuz อาจต้องเผชิญกับความท้าทายในการบริหารสินทรัพย์ดิจิทัล

    การที่ Meliuz หันมาลงทุนใน Bitcoin อาจเป็นสัญญาณว่า บริษัทฟินเทคในละตินอเมริกากำลังให้ความสนใจสินทรัพย์ดิจิทัลมากขึ้น อย่างไรก็ตาม

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/30/brazil039s-meliuz-launches-share-offering-for-bitcoin-purchase
    💰 Meliuz เปิดขายหุ้นเพื่อซื้อ Bitcoin บริษัทฟินเทค Meliuz จากบราซิลได้ยื่นขอเสนอขายหุ้นเพื่อระดมทุนสำหรับการซื้อ Bitcoin โดยมีการกำหนดราคาหุ้นในวันที่ 12 มิถุนายน 2025 Meliuz เป็นบริษัทที่ให้บริการ แคชแบ็กและโซลูชันทางการเงิน ในบราซิล และการลงทุนใน Bitcoin ครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญที่สะท้อนถึงแนวโน้มของบริษัทฟินเทคที่หันมาใช้ สินทรัพย์ดิจิทัล เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ทางการเงิน นอกจากนี้ การเสนอขายหุ้นครั้งนี้อาจขยายขนาดได้ถึง 200% ของจำนวนหุ้นที่เสนอขายในตอนแรก ซึ่งหมายความว่าบริษัทอาจสามารถระดมทุนได้มากกว่าที่คาดการณ์ไว้ ✅ ข้อมูลจากข่าว - Meliuz ยื่นขอเสนอขายหุ้นเพื่อระดมทุนสำหรับการซื้อ Bitcoin - กำหนดราคาหุ้นในวันที่ 12 มิถุนายน 2025 - การเสนอขายหุ้นครั้งนี้อาจขยายขนาดได้ถึง 200% ของจำนวนหุ้นที่เสนอขายในตอนแรก - มูลค่าการเสนอขายหุ้นเริ่มต้นอยู่ที่ 150 ล้านเรียลบราซิล (ประมาณ 26.45 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ) - อัตราแลกเปลี่ยนล่าสุดอยู่ที่ 1 ดอลลาร์สหรัฐฯ เท่ากับ 5.6704 เรียลบราซิล ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - การลงทุนใน Bitcoin มีความผันผวนสูง และอาจส่งผลต่อมูลค่าของหุ้น Meliuz - ต้องติดตามว่าการเสนอขายหุ้นจะได้รับความสนใจจากนักลงทุนมากน้อยเพียงใด - ตลาดคริปโตยังคงเผชิญกับความไม่แน่นอนด้านกฎระเบียบในหลายประเทศ - Meliuz อาจต้องเผชิญกับความท้าทายในการบริหารสินทรัพย์ดิจิทัล การที่ Meliuz หันมาลงทุนใน Bitcoin อาจเป็นสัญญาณว่า บริษัทฟินเทคในละตินอเมริกากำลังให้ความสนใจสินทรัพย์ดิจิทัลมากขึ้น อย่างไรก็ตาม https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/30/brazil039s-meliuz-launches-share-offering-for-bitcoin-purchase
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Brazil's Meliuz launches share offering for bitcoin purchase
    SAO PAULO (Reuters) - Brazilian fintech Meliuz said it has filed for a primary offering of shares with the aim of raising funds for the acquisition of bitcoin, with pricing scheduled for June 12.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 147 มุมมอง 0 รีวิว
  • กระแส "ตุ๊กตาทารกเหมือนจริง"ในบราซิลพุ่งแรง จนกลายเป็นประเด็นการเมือง
    https://www.thai-tai.tv/news/19080/
    กระแส "ตุ๊กตาทารกเหมือนจริง"ในบราซิลพุ่งแรง จนกลายเป็นประเด็นการเมือง https://www.thai-tai.tv/news/19080/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 86 มุมมอง 0 รีวิว
  • Nvidia GTX 970 ได้รับการอัปเกรด VRAM เป็น 8GB เพิ่มประสิทธิภาพเกือบสองเท่า

    แม้ว่า Nvidia GTX 970 จะเปิดตัวเมื่อ 10 ปีที่แล้ว แต่กลุ่มนักดัดแปลงฮาร์ดแวร์จากบราซิล สามารถเพิ่ม VRAM จาก 4GB เป็น 8GB ทำให้ประสิทธิภาพในการทดสอบบางเกมเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

    🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับการอัปเกรด GTX 970
    ✅ นักดัดแปลงฮาร์ดแวร์ Paulo Gomes และทีมงานสามารถเพิ่ม VRAM เป็น 8GB
    - โดย เปลี่ยนชิป GDDR5 ขนาด 512MB เป็น 1GB และเพิ่มตัวต้านทานเพื่อให้ GPU รับรู้หน่วยความจำที่สูงขึ้น

    ✅ ผลการทดสอบใน Unigine Superposition Benchmark พบว่าคะแนนเพิ่มขึ้นเกือบสองเท่า
    - แสดงให้เห็นว่า VRAM ที่เพิ่มขึ้นช่วยให้ GPU ทำงานได้ดีขึ้นในบางสถานการณ์

    ✅ การทดสอบเกมพบว่า Red Dead Redemption 2, GTA V Enhanced และ Plague Tale Requiem ไม่ได้รับประโยชน์จาก VRAM ที่เพิ่มขึ้น
    - แต่ Cyberpunk 2077 มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น 5-15% ขึ้นอยู่กับการตั้งค่ากราฟิก

    ✅ เกมที่ได้รับประโยชน์สูงสุดจากการอัปเกรด VRAM คือ The Last of Us Part II Remastered (+24%) และ Horizon Forbidden West (+40%)
    - แสดงให้เห็นว่า เกมที่ต้องใช้หน่วยความจำสูงสามารถได้รับประโยชน์จาก VRAM ที่เพิ่มขึ้น

    ✅ ทีมงานเคยอัปเกรด RTX 3070 จาก 8GB เป็น 12GB และพบว่าประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นสูงสุดถึง 66% ในบางเกม
    - เช่น Resident Evil 4 Remake (+66%), The Last of Us Part I (+25%) และ Hogwarts Legacy (+20%)

    ✅ แม้ว่า Nvidia และ AMD จะยังคงผลิต GPU ที่มี VRAM 8GB แต่การทดสอบจริงแสดงให้เห็นว่า VRAM ที่มากขึ้นช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในบางเกม
    - Nvidia เปิดตัว RTX 5060 และ 5060 Ti รุ่น 8GB
    - AMD ประกาศว่า RX 9060 XT จะมาพร้อมกับ VRAM 8GB เช่นกัน

    https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/nvidia-gtx-970-memory-mod-boosts-performance-with-8gb-vram-upgrade
    Nvidia GTX 970 ได้รับการอัปเกรด VRAM เป็น 8GB เพิ่มประสิทธิภาพเกือบสองเท่า แม้ว่า Nvidia GTX 970 จะเปิดตัวเมื่อ 10 ปีที่แล้ว แต่กลุ่มนักดัดแปลงฮาร์ดแวร์จากบราซิล สามารถเพิ่ม VRAM จาก 4GB เป็น 8GB ทำให้ประสิทธิภาพในการทดสอบบางเกมเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ 🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับการอัปเกรด GTX 970 ✅ นักดัดแปลงฮาร์ดแวร์ Paulo Gomes และทีมงานสามารถเพิ่ม VRAM เป็น 8GB - โดย เปลี่ยนชิป GDDR5 ขนาด 512MB เป็น 1GB และเพิ่มตัวต้านทานเพื่อให้ GPU รับรู้หน่วยความจำที่สูงขึ้น ✅ ผลการทดสอบใน Unigine Superposition Benchmark พบว่าคะแนนเพิ่มขึ้นเกือบสองเท่า - แสดงให้เห็นว่า VRAM ที่เพิ่มขึ้นช่วยให้ GPU ทำงานได้ดีขึ้นในบางสถานการณ์ ✅ การทดสอบเกมพบว่า Red Dead Redemption 2, GTA V Enhanced และ Plague Tale Requiem ไม่ได้รับประโยชน์จาก VRAM ที่เพิ่มขึ้น - แต่ Cyberpunk 2077 มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น 5-15% ขึ้นอยู่กับการตั้งค่ากราฟิก ✅ เกมที่ได้รับประโยชน์สูงสุดจากการอัปเกรด VRAM คือ The Last of Us Part II Remastered (+24%) และ Horizon Forbidden West (+40%) - แสดงให้เห็นว่า เกมที่ต้องใช้หน่วยความจำสูงสามารถได้รับประโยชน์จาก VRAM ที่เพิ่มขึ้น ✅ ทีมงานเคยอัปเกรด RTX 3070 จาก 8GB เป็น 12GB และพบว่าประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นสูงสุดถึง 66% ในบางเกม - เช่น Resident Evil 4 Remake (+66%), The Last of Us Part I (+25%) และ Hogwarts Legacy (+20%) ✅ แม้ว่า Nvidia และ AMD จะยังคงผลิต GPU ที่มี VRAM 8GB แต่การทดสอบจริงแสดงให้เห็นว่า VRAM ที่มากขึ้นช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในบางเกม - Nvidia เปิดตัว RTX 5060 และ 5060 Ti รุ่น 8GB - AMD ประกาศว่า RX 9060 XT จะมาพร้อมกับ VRAM 8GB เช่นกัน https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/nvidia-gtx-970-memory-mod-boosts-performance-with-8gb-vram-upgrade
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    Nvidia GTX 970 memory mod boosts performance with 8GB VRAM upgrade
    10-year-old GPU nearly doubles its benchmark score after VRAM upgrade
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 182 มุมมอง 0 รีวิว
  • CIA ใช้เว็บไซต์แฟนคลับ Star Wars เป็นช่องทางสื่อสารลับกับสายลับ

    เว็บไซต์ StarWarsWeb.net ซึ่งดูเหมือนเป็นเพียงเว็บแฟนคลับธรรมดาในยุค 2010 แท้จริงแล้วเป็นช่องทางสื่อสารลับของ CIA ที่ใช้ในการติดต่อกับสายลับในต่างประเทศ โดยมีระบบ ล็อกอินลับที่สามารถเข้าถึงได้ผ่านรหัสผ่านที่พิมพ์ลงในช่องค้นหา

    🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับเว็บไซต์ลับของ CIA
    ✅ StarWarsWeb.net ดูเหมือนเว็บแฟนคลับทั่วไป มีโฆษณา LEGO และเนื้อหาเกี่ยวกับเกม Star Wars
    - แต่ มีระบบล็อกอินลับที่ใช้รหัสผ่านเพื่อเข้าถึงช่องทางสื่อสารกับ CIA

    ✅ นักวิจัย Ciro Santilli พบว่าเว็บไซต์นี้เป็นหนึ่งในหลายร้อยเว็บที่ CIA ใช้เป็นช่องทางสื่อสาร
    - รวมถึง เว็บตลก, เว็บกีฬาเอ็กซ์ตรีม และเว็บเพลงบราซิล

    ✅ บางเว็บไซต์ถูกใช้ในประเทศที่มีการควบคุมเข้มงวด เช่น อิหร่านและจีน
    - การค้นพบเว็บไซต์เหล่านี้ นำไปสู่การจับกุมและประหารชีวิตสายลับของ CIA ในช่วงปี 2011-2012

    ✅ ข้อผิดพลาดสำคัญคือเว็บไซต์เหล่านี้มีโค้ดที่ไม่ปลอดภัยและใช้ IP ที่สามารถตรวจสอบย้อนกลับได้ง่าย
    - ทำให้ หน่วยข่าวกรองของอิหร่านและจีนสามารถระบุเว็บไซต์อื่น ๆ ได้อย่างรวดเร็ว

    ✅ แม้ว่าเว็บไซต์เหล่านี้จะถูกปิดไปแล้ว แต่สามารถดูข้อมูลย้อนหลังได้ผ่าน Wayback Machine
    - Santilli เปรียบเทียบเรื่องนี้กับพิพิธภัณฑ์ดิจิทัลที่แสดงให้เห็นถึงความผิดพลาดของหน่วยข่าวกรอง

    https://www.techspot.com/news/108062-cia-used-star-wars-fan-site-secretly-communicate.html
    CIA ใช้เว็บไซต์แฟนคลับ Star Wars เป็นช่องทางสื่อสารลับกับสายลับ เว็บไซต์ StarWarsWeb.net ซึ่งดูเหมือนเป็นเพียงเว็บแฟนคลับธรรมดาในยุค 2010 แท้จริงแล้วเป็นช่องทางสื่อสารลับของ CIA ที่ใช้ในการติดต่อกับสายลับในต่างประเทศ โดยมีระบบ ล็อกอินลับที่สามารถเข้าถึงได้ผ่านรหัสผ่านที่พิมพ์ลงในช่องค้นหา 🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับเว็บไซต์ลับของ CIA ✅ StarWarsWeb.net ดูเหมือนเว็บแฟนคลับทั่วไป มีโฆษณา LEGO และเนื้อหาเกี่ยวกับเกม Star Wars - แต่ มีระบบล็อกอินลับที่ใช้รหัสผ่านเพื่อเข้าถึงช่องทางสื่อสารกับ CIA ✅ นักวิจัย Ciro Santilli พบว่าเว็บไซต์นี้เป็นหนึ่งในหลายร้อยเว็บที่ CIA ใช้เป็นช่องทางสื่อสาร - รวมถึง เว็บตลก, เว็บกีฬาเอ็กซ์ตรีม และเว็บเพลงบราซิล ✅ บางเว็บไซต์ถูกใช้ในประเทศที่มีการควบคุมเข้มงวด เช่น อิหร่านและจีน - การค้นพบเว็บไซต์เหล่านี้ นำไปสู่การจับกุมและประหารชีวิตสายลับของ CIA ในช่วงปี 2011-2012 ✅ ข้อผิดพลาดสำคัญคือเว็บไซต์เหล่านี้มีโค้ดที่ไม่ปลอดภัยและใช้ IP ที่สามารถตรวจสอบย้อนกลับได้ง่าย - ทำให้ หน่วยข่าวกรองของอิหร่านและจีนสามารถระบุเว็บไซต์อื่น ๆ ได้อย่างรวดเร็ว ✅ แม้ว่าเว็บไซต์เหล่านี้จะถูกปิดไปแล้ว แต่สามารถดูข้อมูลย้อนหลังได้ผ่าน Wayback Machine - Santilli เปรียบเทียบเรื่องนี้กับพิพิธภัณฑ์ดิจิทัลที่แสดงให้เห็นถึงความผิดพลาดของหน่วยข่าวกรอง https://www.techspot.com/news/108062-cia-used-star-wars-fan-site-secretly-communicate.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    The CIA used a Star Wars fan site to secretly communicate with spies
    This bizarre piece of intel comes courtesy of Ciro Santilli, an independent researcher with a knack for rooting around the dusty corners of the web, who spoke...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 166 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทรัมป์ขู่ Apple ให้ผลิต iPhone ในสหรัฐฯ มิฉะนั้นต้องจ่ายภาษี 25%

    อดีตประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ได้โพสต์บน Truth Social ขู่ว่า Apple ต้องผลิต iPhone ที่ขายในสหรัฐฯ ภายในประเทศ มิฉะนั้นจะต้องจ่าย ภาษีนำเข้า 25% ซึ่งส่งผลให้ หุ้นของ Apple ร่วงลง 3%

    🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับคำขู่ของทรัมป์ต่อ Apple
    ✅ ทรัมป์ต้องการให้ Apple ผลิต iPhone ในสหรัฐฯ แทนที่จะเป็นอินเดียหรือจีน
    - Apple กำลังวางแผนสร้างโรงงานผลิต iPhone มูลค่า 1.5 พันล้านดอลลาร์ในอินเดีย

    ✅ Apple อ้างว่าภาษีนำเข้ามีผลกระทบจำกัด เนื่องจากบริษัทปรับปรุงซัพพลายเชนแล้ว
    - Tim Cook พยายามลดความกังวลของนักลงทุนเกี่ยวกับผลกระทบของภาษี

    ✅ Apple อาจขึ้นราคาของ iPhone 17 เพื่อชดเชยต้นทุนที่เพิ่มขึ้น
    - มีข่าวลือว่า ต้นทุนที่เพิ่มขึ้นจะถูกผลักไปยังการออกแบบกล้องใหม่

    ✅ ทรัมป์ขู่ยุโรปด้วยภาษีนำเข้า 50% ในโพสต์แยกต่างหาก
    - อาจส่งผลให้ Apple ต้องปรับกลยุทธ์การผลิตและการตลาดในยุโรป

    ✅ Apple ต้องประเมินกลยุทธ์ใหม่เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบจากภาษีนำเข้า
    - อาจต้อง ขยายการผลิตไปยังประเทศอื่น เช่น บราซิล

    https://www.neowin.net/news/president-trump-threatens-tim-cook-to-sell-made-in-america-iphones-or-face-25-tariff/
    ทรัมป์ขู่ Apple ให้ผลิต iPhone ในสหรัฐฯ มิฉะนั้นต้องจ่ายภาษี 25% อดีตประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ได้โพสต์บน Truth Social ขู่ว่า Apple ต้องผลิต iPhone ที่ขายในสหรัฐฯ ภายในประเทศ มิฉะนั้นจะต้องจ่าย ภาษีนำเข้า 25% ซึ่งส่งผลให้ หุ้นของ Apple ร่วงลง 3% 🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับคำขู่ของทรัมป์ต่อ Apple ✅ ทรัมป์ต้องการให้ Apple ผลิต iPhone ในสหรัฐฯ แทนที่จะเป็นอินเดียหรือจีน - Apple กำลังวางแผนสร้างโรงงานผลิต iPhone มูลค่า 1.5 พันล้านดอลลาร์ในอินเดีย ✅ Apple อ้างว่าภาษีนำเข้ามีผลกระทบจำกัด เนื่องจากบริษัทปรับปรุงซัพพลายเชนแล้ว - Tim Cook พยายามลดความกังวลของนักลงทุนเกี่ยวกับผลกระทบของภาษี ✅ Apple อาจขึ้นราคาของ iPhone 17 เพื่อชดเชยต้นทุนที่เพิ่มขึ้น - มีข่าวลือว่า ต้นทุนที่เพิ่มขึ้นจะถูกผลักไปยังการออกแบบกล้องใหม่ ✅ ทรัมป์ขู่ยุโรปด้วยภาษีนำเข้า 50% ในโพสต์แยกต่างหาก - อาจส่งผลให้ Apple ต้องปรับกลยุทธ์การผลิตและการตลาดในยุโรป ✅ Apple ต้องประเมินกลยุทธ์ใหม่เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบจากภาษีนำเข้า - อาจต้อง ขยายการผลิตไปยังประเทศอื่น เช่น บราซิล https://www.neowin.net/news/president-trump-threatens-tim-cook-to-sell-made-in-america-iphones-or-face-25-tariff/
    WWW.NEOWIN.NET
    President Trump threatens Tim Cook to sell 'Made in America' iPhones or face 25% tariff
    Taking on his social media platform, Truth Social, President Trump has threatened Apple CEO Tim Cook with tariffs.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 271 มุมมอง 0 รีวิว
  • Rio Reset BRICS Summit ที่บราซิล ชี้ชะตาระบบการเงินโลก : คนเคาะข่าว 20-05-68
    : ทนง ขันทอง ผู้เชี่ยวชาญข่าวต่างประเทศ
    ดำเนินรายการโดย นงวดี ถนิมมาลย์
    #คนเคาะข่าว #RioReset #BRICSSummit #ระบบการเงินโลก #BRICS #บราซิล #ทนงขันทอง #นงวดีถนิมมาลย์ #เศรษฐกิจโลก #Geopolitics #ข่าวต่างประเทศ #วิเคราะห์เศรษฐกิจ #การเงินระหว่างประเทศ #thaitimes #โลกหลายขั้ว #นโยบายการเงินโลก
    Rio Reset BRICS Summit ที่บราซิล ชี้ชะตาระบบการเงินโลก : คนเคาะข่าว 20-05-68 : ทนง ขันทอง ผู้เชี่ยวชาญข่าวต่างประเทศ ดำเนินรายการโดย นงวดี ถนิมมาลย์ #คนเคาะข่าว #RioReset #BRICSSummit #ระบบการเงินโลก #BRICS #บราซิล #ทนงขันทอง #นงวดีถนิมมาลย์ #เศรษฐกิจโลก #Geopolitics #ข่าวต่างประเทศ #วิเคราะห์เศรษฐกิจ #การเงินระหว่างประเทศ #thaitimes #โลกหลายขั้ว #นโยบายการเงินโลก
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 416 มุมมอง 9 0 รีวิว
  • Surfshark ขยายบริการ Dedicated IP เพิ่ม 7 แห่งทั่วโลก

    Surfshark ผู้ให้บริการ VPN ชั้นนำ ขยายบริการ Dedicated IP เพิ่มอีก 7 แห่งทั่วโลก ทำให้ผู้ใช้สามารถเลือก IP ส่วนตัวที่ไม่เปลี่ยนแปลง จาก 20 ตำแหน่งทั่วโลก ซึ่งช่วยให้การเชื่อมต่อ VPN มีความเสถียรและปลอดภัยมากขึ้น

    ✅ Surfshark เพิ่มตำแหน่ง Dedicated IP อีก 7 แห่ง
    - ได้แก่ Denver, New York, Las Vegas (สหรัฐฯ), São Paulo (บราซิล), Warsaw (โปแลนด์), Singapore (สิงคโปร์) และ Istanbul (ตุรกี)

    ✅ รวมกับตำแหน่งเดิม ทำให้มี Dedicated IP ให้เลือกทั้งหมด 20 แห่ง
    - เช่น London, Amsterdam, Tokyo, Sydney และ Johannesburg

    ✅ Dedicated IP ช่วยลด CAPTCHA และเพิ่มความปลอดภัยในการเข้าถึงแพลตฟอร์มที่ต้องการการยืนยันตัวตน
    - เช่น เซิร์ฟเวอร์ระยะไกลและบริการธนาคารออนไลน์

    ✅ Surfshark มีโหมดไม่ระบุตัวตนสำหรับ Dedicated IP
    - ช่วยให้ IP ไม่ถูกเชื่อมโยงกับอีเมลของผู้ใช้

    ✅ Dedicated IP เป็นฟีเจอร์เสริมที่ต้องสมัครเพิ่มในแพ็กเกจ VPN
    - มีค่าใช้จ่าย $3.75 ต่อเดือน

    https://www.techradar.com/vpn/vpn-services/surfsharks-dedicated-ip-service-now-has-7-new-locations-heres-what-you-need-to-know
    Surfshark ขยายบริการ Dedicated IP เพิ่ม 7 แห่งทั่วโลก Surfshark ผู้ให้บริการ VPN ชั้นนำ ขยายบริการ Dedicated IP เพิ่มอีก 7 แห่งทั่วโลก ทำให้ผู้ใช้สามารถเลือก IP ส่วนตัวที่ไม่เปลี่ยนแปลง จาก 20 ตำแหน่งทั่วโลก ซึ่งช่วยให้การเชื่อมต่อ VPN มีความเสถียรและปลอดภัยมากขึ้น ✅ Surfshark เพิ่มตำแหน่ง Dedicated IP อีก 7 แห่ง - ได้แก่ Denver, New York, Las Vegas (สหรัฐฯ), São Paulo (บราซิล), Warsaw (โปแลนด์), Singapore (สิงคโปร์) และ Istanbul (ตุรกี) ✅ รวมกับตำแหน่งเดิม ทำให้มี Dedicated IP ให้เลือกทั้งหมด 20 แห่ง - เช่น London, Amsterdam, Tokyo, Sydney และ Johannesburg ✅ Dedicated IP ช่วยลด CAPTCHA และเพิ่มความปลอดภัยในการเข้าถึงแพลตฟอร์มที่ต้องการการยืนยันตัวตน - เช่น เซิร์ฟเวอร์ระยะไกลและบริการธนาคารออนไลน์ ✅ Surfshark มีโหมดไม่ระบุตัวตนสำหรับ Dedicated IP - ช่วยให้ IP ไม่ถูกเชื่อมโยงกับอีเมลของผู้ใช้ ✅ Dedicated IP เป็นฟีเจอร์เสริมที่ต้องสมัครเพิ่มในแพ็กเกจ VPN - มีค่าใช้จ่าย $3.75 ต่อเดือน https://www.techradar.com/vpn/vpn-services/surfsharks-dedicated-ip-service-now-has-7-new-locations-heres-what-you-need-to-know
    WWW.TECHRADAR.COM
    Surfshark's Dedicated IP service now has 7 new locations – here's what you need to know
    You can now choose your unique, static IP address among 20 locations worldwide
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 268 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทรัมป์ไม่พอใจที่ Apple ผลิต iPhone ในอินเดียแทนที่จะเป็นสหรัฐฯ

    อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ แสดงความไม่พอใจต่อ Apple ที่ย้ายฐานการผลิต iPhone จากจีนไปยังอินเดีย โดยเขาคาดหวังว่า Apple ควรผลิต iPhone ในสหรัฐฯ แทนที่จะเป็นอินเดียหรือบราซิล

    ✅ Apple ย้ายฐานการผลิต iPhone จากจีนไปอินเดียเพื่อลดภาษีนำเข้า
    - เป็นผลจาก สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน

    ✅ ทรัมป์กล่าวว่าเขาไม่ต้องการให้ Apple สร้างโรงงานในอินเดีย
    - เขาต้องการให้ Apple ลงทุนในสหรัฐฯ แทน

    ✅ Apple ลงทุน 500 พันล้านดอลลาร์ในสหรัฐฯ เพื่อพัฒนา R&D และผลิตชิป
    - แต่ยังไม่มีแผน ผลิต iPhone ในสหรัฐฯ

    ✅ อินเดียเสนอให้ Apple ไม่ต้องเสียภาษีนำเข้า
    - ทำให้ Apple มีแรงจูงใจในการขยายการผลิตที่นั่น

    ✅ กว่า 90% ของ iPhone รุ่นไฮเอนด์ยังผลิตในจีน
    - แม้จะมีการย้ายฐานบางส่วน แต่จีนยังคงเป็นศูนย์กลางหลัก

    https://www.neowin.net/news/trump-says-hes-unhappy-with-producing-iphones-in-india-instead-of-the-us/
    ทรัมป์ไม่พอใจที่ Apple ผลิต iPhone ในอินเดียแทนที่จะเป็นสหรัฐฯ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ แสดงความไม่พอใจต่อ Apple ที่ย้ายฐานการผลิต iPhone จากจีนไปยังอินเดีย โดยเขาคาดหวังว่า Apple ควรผลิต iPhone ในสหรัฐฯ แทนที่จะเป็นอินเดียหรือบราซิล ✅ Apple ย้ายฐานการผลิต iPhone จากจีนไปอินเดียเพื่อลดภาษีนำเข้า - เป็นผลจาก สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน ✅ ทรัมป์กล่าวว่าเขาไม่ต้องการให้ Apple สร้างโรงงานในอินเดีย - เขาต้องการให้ Apple ลงทุนในสหรัฐฯ แทน ✅ Apple ลงทุน 500 พันล้านดอลลาร์ในสหรัฐฯ เพื่อพัฒนา R&D และผลิตชิป - แต่ยังไม่มีแผน ผลิต iPhone ในสหรัฐฯ ✅ อินเดียเสนอให้ Apple ไม่ต้องเสียภาษีนำเข้า - ทำให้ Apple มีแรงจูงใจในการขยายการผลิตที่นั่น ✅ กว่า 90% ของ iPhone รุ่นไฮเอนด์ยังผลิตในจีน - แม้จะมีการย้ายฐานบางส่วน แต่จีนยังคงเป็นศูนย์กลางหลัก https://www.neowin.net/news/trump-says-hes-unhappy-with-producing-iphones-in-india-instead-of-the-us/
    WWW.NEOWIN.NET
    Trump says he's unhappy with producing iPhones in India instead of the US
    Apparently, Donald Trump expected tariffs to encourage Apple to bring iPhone production to the US, but Apple chose India instead. And that's not something Trump likes.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 262 มุมมอง 0 รีวิว
  • ยุทธศาสตร์โลก (Global Strategy) เป็นแนวคิดที่เกี่ยวข้องกับการวางแผนและการดำเนินการในระดับโลกเพื่อตอบสนองความท้าทายและโอกาสในบริบทระหว่างประเทศ ซึ่งอาจครอบคลุมหลายด้าน เช่น เศรษฐกิจ การเมือง ความมั่นคง สิ่งแวดล้อม และเทคโนโลยี

    ### **ประเด็นสำคัญในยุทธศาสตร์โลกปัจจุบัน**
    1. **การแข่งขันระหว่างมหาอำนาจ**
    - **สหรัฐอเมริกา vs จีน**: การแข่งขันทางเศรษฐกิจ การค้า เทคโนโลยี (เช่น สงครามชิป) และอิทธิพลทางภูมิรัฐศาสตร์
    - **บทบาทของรัสเซีย**: สงครามยูเครนและผลกระทบต่อความมั่นคงพลังงานและอาหารโลก
    - **EU และกลุ่มประเทศอื่นๆ**: แสวงหาความเป็นเอกภาพหรือความเป็นกลางในความขัดแย้ง

    2. **เศรษฐกิจและการค้าโลก**
    - **ห่วงโซ่อุปทานใหม่**: การลดการพึ่งพาจีน (Friend-shoring, Reshoring)
    - **การเติบโตของเศรษฐกิจดิจิทัลและ AI**
    - **ความตกลงการค้าใหม่**: เช่น CPTPP, RCEP

    3. **ความมั่นคงและความขัดแย้ง**
    - **สงครามในตะวันออกกลาง** (อิสราเอล-ปาเลสไตน์, ความตึงเครียดกับอิหร่าน)
    - **ความขัดแย้งในทะเลจีนใต้และไต้หวัน**
    - **การขยายตัวของ NATO และความสัมพันธ์กับรัสเซีย**

    4. **สิ่งแวดล้อมและพลังงาน**
    - **การเปลี่ยนผ่านพลังงานสะอาด** (Net Zero, Renewable Energy)
    - **ผลกระทบจาก Climate Change** และนโยบายลดคาร์บอน
    - **ความมั่นคงด้านพลังงาน** (การพึ่งพาน้ำมันและก๊าซจากตะวันออกกลางและรัสเซีย)

    5. **เทคโนโลยีและไซเบอร์**
    - **การแข่งขันด้าน AI, ควอนตัมคอมพิวติ้ง, อวกาศ**
    - **สงครามไซเบอร์และความปลอดภัยข้อมูล**
    - **กฎระเบียบเทคโนโลยีระหว่างประเทศ** (เช่น GDPR, การควบคุม AI)

    6. **การทูตและองค์กรระหว่างประเทศ**
    - **บทบาทของ UN, WTO, IMF** ในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งและเศรษฐกิจ
    - **กลุ่มประเทศ BRICS+** ที่ขยายตัวเพื่อท้าทายระบบโลกเดิม
    - **Soft Power และการทูตวัฒนธรรม**

    ### **ยุทธศาสตร์ของประเทศต่างๆ**
    - **สหรัฐอเมริกา**: มุ่งรักษา hegemony ผ่านการเสริมกำลัง NATO, สนับสนุนไต้หวัน, และลงทุนในเทคโนโลยี
    - **จีน**: Belt and Road Initiative (BRI), การขยายอิทธิพลใน Global South
    - **ยุโรป**: ลดการพึ่งพาพลังงานรัสเซีย, ส่งเสริม Green Deal
    - **รัสเซีย**: หาพันธมิตรใหม่ (จีน, อิหร่าน) หลังถูกโดดเดี่ยวจากตะวันตก
    - **กลุ่ม Global South (อินเดีย, บราซิล, แอฟริกาใต้)**: แสวงหาความเป็นกลางหรือประโยชน์จากหลายฝ่าย

    ### **แนวโน้มในอนาคต**
    - **โลกหลายขั้วอำนาจ (Multipolar World)** แทนระบบที่นำโดยสหรัฐเพียงอย่างเดียว
    - **ความไม่แน่นอนจากการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศและเทคโนโลยี**
    - **ความเสี่ยงจากความขัดแย้งใหม่ๆ** (เช่น AI Warfare, การแย่งชิงทรัพยากร)

    ยุทธศาสตร์โลกในยุคนี้จึงต้องคำนึงถึง **ความร่วมมือระหว่างประเทศ** แต่ก็ต้องเตรียมพร้อมสำหรับ **การแข่งขันและการเผชิญหน้า** ในหลายด้านด้วย
    ยุทธศาสตร์โลก (Global Strategy) เป็นแนวคิดที่เกี่ยวข้องกับการวางแผนและการดำเนินการในระดับโลกเพื่อตอบสนองความท้าทายและโอกาสในบริบทระหว่างประเทศ ซึ่งอาจครอบคลุมหลายด้าน เช่น เศรษฐกิจ การเมือง ความมั่นคง สิ่งแวดล้อม และเทคโนโลยี ### **ประเด็นสำคัญในยุทธศาสตร์โลกปัจจุบัน** 1. **การแข่งขันระหว่างมหาอำนาจ** - **สหรัฐอเมริกา vs จีน**: การแข่งขันทางเศรษฐกิจ การค้า เทคโนโลยี (เช่น สงครามชิป) และอิทธิพลทางภูมิรัฐศาสตร์ - **บทบาทของรัสเซีย**: สงครามยูเครนและผลกระทบต่อความมั่นคงพลังงานและอาหารโลก - **EU และกลุ่มประเทศอื่นๆ**: แสวงหาความเป็นเอกภาพหรือความเป็นกลางในความขัดแย้ง 2. **เศรษฐกิจและการค้าโลก** - **ห่วงโซ่อุปทานใหม่**: การลดการพึ่งพาจีน (Friend-shoring, Reshoring) - **การเติบโตของเศรษฐกิจดิจิทัลและ AI** - **ความตกลงการค้าใหม่**: เช่น CPTPP, RCEP 3. **ความมั่นคงและความขัดแย้ง** - **สงครามในตะวันออกกลาง** (อิสราเอล-ปาเลสไตน์, ความตึงเครียดกับอิหร่าน) - **ความขัดแย้งในทะเลจีนใต้และไต้หวัน** - **การขยายตัวของ NATO และความสัมพันธ์กับรัสเซีย** 4. **สิ่งแวดล้อมและพลังงาน** - **การเปลี่ยนผ่านพลังงานสะอาด** (Net Zero, Renewable Energy) - **ผลกระทบจาก Climate Change** และนโยบายลดคาร์บอน - **ความมั่นคงด้านพลังงาน** (การพึ่งพาน้ำมันและก๊าซจากตะวันออกกลางและรัสเซีย) 5. **เทคโนโลยีและไซเบอร์** - **การแข่งขันด้าน AI, ควอนตัมคอมพิวติ้ง, อวกาศ** - **สงครามไซเบอร์และความปลอดภัยข้อมูล** - **กฎระเบียบเทคโนโลยีระหว่างประเทศ** (เช่น GDPR, การควบคุม AI) 6. **การทูตและองค์กรระหว่างประเทศ** - **บทบาทของ UN, WTO, IMF** ในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งและเศรษฐกิจ - **กลุ่มประเทศ BRICS+** ที่ขยายตัวเพื่อท้าทายระบบโลกเดิม - **Soft Power และการทูตวัฒนธรรม** ### **ยุทธศาสตร์ของประเทศต่างๆ** - **สหรัฐอเมริกา**: มุ่งรักษา hegemony ผ่านการเสริมกำลัง NATO, สนับสนุนไต้หวัน, และลงทุนในเทคโนโลยี - **จีน**: Belt and Road Initiative (BRI), การขยายอิทธิพลใน Global South - **ยุโรป**: ลดการพึ่งพาพลังงานรัสเซีย, ส่งเสริม Green Deal - **รัสเซีย**: หาพันธมิตรใหม่ (จีน, อิหร่าน) หลังถูกโดดเดี่ยวจากตะวันตก - **กลุ่ม Global South (อินเดีย, บราซิล, แอฟริกาใต้)**: แสวงหาความเป็นกลางหรือประโยชน์จากหลายฝ่าย ### **แนวโน้มในอนาคต** - **โลกหลายขั้วอำนาจ (Multipolar World)** แทนระบบที่นำโดยสหรัฐเพียงอย่างเดียว - **ความไม่แน่นอนจากการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศและเทคโนโลยี** - **ความเสี่ยงจากความขัดแย้งใหม่ๆ** (เช่น AI Warfare, การแย่งชิงทรัพยากร) ยุทธศาสตร์โลกในยุคนี้จึงต้องคำนึงถึง **ความร่วมมือระหว่างประเทศ** แต่ก็ต้องเตรียมพร้อมสำหรับ **การแข่งขันและการเผชิญหน้า** ในหลายด้านด้วย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 471 มุมมอง 0 รีวิว
  • จีนและบราซิลประกาศ ลงนามในข้อตกลงการค้าหลายฉบับในกรุงปักกิ่ง กระชับความสัมพันธ์แน่นแฟ้นขึ้น และประกาศกร้าวจะปกป้องการค้าเสรีและพหุภาคี ท่ามกลางสถานการณ์โลกที่ไร้ความแน่นอน อันเนื่องมาจากมาตรการรีดภาษีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000044814

    #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    จีนและบราซิลประกาศ ลงนามในข้อตกลงการค้าหลายฉบับในกรุงปักกิ่ง กระชับความสัมพันธ์แน่นแฟ้นขึ้น และประกาศกร้าวจะปกป้องการค้าเสรีและพหุภาคี ท่ามกลางสถานการณ์โลกที่ไร้ความแน่นอน อันเนื่องมาจากมาตรการรีดภาษีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000044814 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Love
    11
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1301 มุมมอง 0 รีวิว
  • หลังจากการเจรจาในเจนีวา สหรัฐฯ และจีนได้ตกลง ลดภาษีศุลกากรซึ่งกันและกันลง 115% เป็นระยะเวลา 90 วัน เพื่อบรรเทาผลกระทบต่อธุรกิจและผู้บริโภคที่ได้รับผลกระทบจากสงครามการค้า

    ✅ ภาษีศุลกากรระหว่างสหรัฐฯ และจีนลดลงเหลือ 10% จากเดิม 125%
    - 10% เป็นอัตราภาษีพื้นฐานที่สหรัฐฯ ใช้กับทุกประเทศ

    ✅ ภาษี 20% สำหรับสินค้าจีนที่เกี่ยวข้องกับวิกฤตเฟนทานิลยังคงอยู่
    - ทำให้ ภาษีรวมสำหรับสินค้าจีนที่นำเข้าสหรัฐฯ อยู่ที่ 30%

    ✅ การเจรจาเกิดขึ้นที่เจนีวา และทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะลดระดับภาษี
    - สหรัฐฯ ระบุว่า ต้องการการค้าที่ยุติธรรมและไม่ต้องการแยกตัวจากจีน

    ✅ ทรัมป์เคยประกาศว่าจะลดภาษีจีนลง แต่จะไม่ยกเลิกทั้งหมด
    - เขาให้เหตุผลว่า ภาษีที่สูงทำให้การค้าระหว่างสองประเทศหยุดชะงัก

    ✅ บริษัทเทคโนโลยีของสหรัฐฯ เช่น Apple และ Google ย้ายฐานการผลิตไปอินเดีย บราซิล และเวียดนาม
    - เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบจากภาษีศุลกากร

    https://www.neowin.net/news/us-and-china-announce-90-day-tariff-ceasefire-in-major-trade-deal/
    หลังจากการเจรจาในเจนีวา สหรัฐฯ และจีนได้ตกลง ลดภาษีศุลกากรซึ่งกันและกันลง 115% เป็นระยะเวลา 90 วัน เพื่อบรรเทาผลกระทบต่อธุรกิจและผู้บริโภคที่ได้รับผลกระทบจากสงครามการค้า ✅ ภาษีศุลกากรระหว่างสหรัฐฯ และจีนลดลงเหลือ 10% จากเดิม 125% - 10% เป็นอัตราภาษีพื้นฐานที่สหรัฐฯ ใช้กับทุกประเทศ ✅ ภาษี 20% สำหรับสินค้าจีนที่เกี่ยวข้องกับวิกฤตเฟนทานิลยังคงอยู่ - ทำให้ ภาษีรวมสำหรับสินค้าจีนที่นำเข้าสหรัฐฯ อยู่ที่ 30% ✅ การเจรจาเกิดขึ้นที่เจนีวา และทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะลดระดับภาษี - สหรัฐฯ ระบุว่า ต้องการการค้าที่ยุติธรรมและไม่ต้องการแยกตัวจากจีน ✅ ทรัมป์เคยประกาศว่าจะลดภาษีจีนลง แต่จะไม่ยกเลิกทั้งหมด - เขาให้เหตุผลว่า ภาษีที่สูงทำให้การค้าระหว่างสองประเทศหยุดชะงัก ✅ บริษัทเทคโนโลยีของสหรัฐฯ เช่น Apple และ Google ย้ายฐานการผลิตไปอินเดีย บราซิล และเวียดนาม - เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบจากภาษีศุลกากร https://www.neowin.net/news/us-and-china-announce-90-day-tariff-ceasefire-in-major-trade-deal/
    WWW.NEOWIN.NET
    US and China announce 90-day tariff ceasefire in major trade deal
    The United States and China agreed on a temporary 90-day trade war ceasefire with a new tariff rate.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 267 มุมมอง 0 รีวิว
  • อันเชล๊อตติ คุมทีมชาติบราซิล (13/05/68) #news1 #ข่าววันนี้ #ข่าวดัง #ทีมชาติบราซิล #ฟุตบอล
    อันเชล๊อตติ คุมทีมชาติบราซิล (13/05/68) #news1 #ข่าววันนี้ #ข่าวดัง #ทีมชาติบราซิล #ฟุตบอล
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 565 มุมมอง 20 0 รีวิว
  • การคอร์รัปชันระดับโลก (Global Corruption) เป็นปัญหาสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ การเมือง และสังคมทั่วโลก โดยเฉพาะในประเทศกำลังพัฒนาที่มักมีระบบตรวจสอบและกลไกต่อต้านคอร์รัปชันที่อ่อนแอ

    ### **รูปแบบของการคอร์รัปชันระดับโลก**
    1. **การทุจริตข้ามชาติ (Transnational Corruption)**
    - การติดสินบนระหว่างประเทศ (เช่น บริษัทข้ามชาติให้สินบนเจ้าหน้าที่รัฐเพื่อชนะโครงการใหญ่)
    - การฟอกเงินผ่านระบบการเงินระหว่างประเทศ

    2. **การหลีกเลี่ยงภาษี (Tax Evasion)**
    - การใช้บัญชีธนาคารลับในต่างประเทศ (เช่น เอกสารลับ Panama Papers, Paradise Papers)
    - การโอนผลกำไรไปยังประเทศที่มีภาษีต่ำ (Tax Havens)

    3. **การคอร์รัปชันในองค์กรระหว่างประเทศ**
    - การทุจริตในโครงการช่วยเหลือของสหประชาชาติ (UN) หรือกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF)
    - การใช้อำนาจในองค์กรโลกบาลเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว

    4. **การคอร์รัปชันในห่วงโซ่อุปทานโลก**
    - การใช้แรงงานบังคับหรือการจ่ายเงินใต้โต๊ะในอุตสาหกรรมเหมืองแร่และพลังงาน

    ### **กรณีศึกษาที่โดดเด่น**
    - **Panama Papers (2016)** – เอกสารรั่วไหลเผยให้เห็นว่าผู้นำโลกและคนรวยใช้บริษัทหลอกเพื่อซ่อนทรัพย์สิน
    - **Operation Car Wash (巴西洗车行动)** – คดีทุจริตใหญ่ในบราซิลที่เกี่ยวข้องกับบริษัทน้ำมัน Petrobras และนักการเมืองหลายประเทศ
    - **1MDB Scandal (มาเลเซีย)** – อดีตนายกฯ นาจิบ ราซัก ถูกกล่าวหาลักลอบใช้เงินกองทุนรัฐ

    ### **ผลกระทบ**
    - **เศรษฐกิจ** : สร้างความเสียหายมหาศาล ทำลายความเชื่อมั่นนักลงทุน
    - **สังคม** : เพิ่มความเหลื่อมล้ำ ทำลายระบบสวัสดิการ
    - **การเมือง** : บ่อนทำลายประชาธิปไตย สร้างระบอบอำนาจนิยม

    ### **ความพยายามต่อต้านคอร์รัปชันระดับโลก**
    - **UN Convention Against Corruption (UNCAC)** – ข้อตกลงระหว่างประเทศเพื่อปราบปรามคอร์รัปชัน
    - **OECD Anti-Bribery Convention** – ควบคุมการติดสินบนข้ามชาติของบริษัท
    - **Transparency International** – องค์กรนอกภาครัฐที่จัดดัชนีชี้วัดความโปร่งใส (CPI)

    ### **ความท้าทาย**
    - การบังคับใช้กฎหมายในบางประเทศยังอ่อนแอ
    - การใช้เทคโนโลยี (Cryptocurrency, Shell Companies) ทำให้การตรวจจับยากขึ้น

    การแก้ปัญหาคอร์รัปชันระดับโลกต้องอาศัยความร่วมมือระหว่างประเทศ การบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง และการสร้างวัฒนธรรมความโปร่งใสในภาครัฐและเอกชน
    การคอร์รัปชันระดับโลก (Global Corruption) เป็นปัญหาสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ การเมือง และสังคมทั่วโลก โดยเฉพาะในประเทศกำลังพัฒนาที่มักมีระบบตรวจสอบและกลไกต่อต้านคอร์รัปชันที่อ่อนแอ ### **รูปแบบของการคอร์รัปชันระดับโลก** 1. **การทุจริตข้ามชาติ (Transnational Corruption)** - การติดสินบนระหว่างประเทศ (เช่น บริษัทข้ามชาติให้สินบนเจ้าหน้าที่รัฐเพื่อชนะโครงการใหญ่) - การฟอกเงินผ่านระบบการเงินระหว่างประเทศ 2. **การหลีกเลี่ยงภาษี (Tax Evasion)** - การใช้บัญชีธนาคารลับในต่างประเทศ (เช่น เอกสารลับ Panama Papers, Paradise Papers) - การโอนผลกำไรไปยังประเทศที่มีภาษีต่ำ (Tax Havens) 3. **การคอร์รัปชันในองค์กรระหว่างประเทศ** - การทุจริตในโครงการช่วยเหลือของสหประชาชาติ (UN) หรือกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) - การใช้อำนาจในองค์กรโลกบาลเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว 4. **การคอร์รัปชันในห่วงโซ่อุปทานโลก** - การใช้แรงงานบังคับหรือการจ่ายเงินใต้โต๊ะในอุตสาหกรรมเหมืองแร่และพลังงาน ### **กรณีศึกษาที่โดดเด่น** - **Panama Papers (2016)** – เอกสารรั่วไหลเผยให้เห็นว่าผู้นำโลกและคนรวยใช้บริษัทหลอกเพื่อซ่อนทรัพย์สิน - **Operation Car Wash (巴西洗车行动)** – คดีทุจริตใหญ่ในบราซิลที่เกี่ยวข้องกับบริษัทน้ำมัน Petrobras และนักการเมืองหลายประเทศ - **1MDB Scandal (มาเลเซีย)** – อดีตนายกฯ นาจิบ ราซัก ถูกกล่าวหาลักลอบใช้เงินกองทุนรัฐ ### **ผลกระทบ** - **เศรษฐกิจ** : สร้างความเสียหายมหาศาล ทำลายความเชื่อมั่นนักลงทุน - **สังคม** : เพิ่มความเหลื่อมล้ำ ทำลายระบบสวัสดิการ - **การเมือง** : บ่อนทำลายประชาธิปไตย สร้างระบอบอำนาจนิยม ### **ความพยายามต่อต้านคอร์รัปชันระดับโลก** - **UN Convention Against Corruption (UNCAC)** – ข้อตกลงระหว่างประเทศเพื่อปราบปรามคอร์รัปชัน - **OECD Anti-Bribery Convention** – ควบคุมการติดสินบนข้ามชาติของบริษัท - **Transparency International** – องค์กรนอกภาครัฐที่จัดดัชนีชี้วัดความโปร่งใส (CPI) ### **ความท้าทาย** - การบังคับใช้กฎหมายในบางประเทศยังอ่อนแอ - การใช้เทคโนโลยี (Cryptocurrency, Shell Companies) ทำให้การตรวจจับยากขึ้น การแก้ปัญหาคอร์รัปชันระดับโลกต้องอาศัยความร่วมมือระหว่างประเทศ การบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง และการสร้างวัฒนธรรมความโปร่งใสในภาครัฐและเอกชน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 553 มุมมอง 0 รีวิว
  • Apple เผชิญกับผลกระทบจาก Trump tariffs ซึ่งอาจทำให้บริษัทต้องแบกรับต้นทุนเพิ่มขึ้นถึง 900 ล้านดอลลาร์ ในไตรมาสเดือนมิถุนายน 2025 แม้ว่าผลประกอบการของ Apple จะยังคงแข็งแกร่ง แต่ CEO Tim Cook ยอมรับว่าผลกระทบจากภาษีศุลกากรยังคงเป็นปัจจัยที่ต้องจับตามอง

    Apple ได้ดำเนินมาตรการเพื่อลดผลกระทบจากภาษี เช่น การขยายโรงงานผลิตในอินเดียและบราซิล และ การนำเข้า iPhone กว่า 600 ตันเข้าสหรัฐฯ ก่อนที่ภาษีจะมีผลบังคับใช้ อย่างไรก็ตาม อัตราภาษีที่สูงถึง 145% สำหรับสินค้าจากจีน และ 27% สำหรับสินค้าจากอินเดีย อาจส่งผลต่อแผนการผลิตของ Apple ในอนาคต

    ✅ ผลกระทบต่อ Apple
    - อาจต้องแบกรับต้นทุนเพิ่มขึ้น 900 ล้านดอลลาร์ ในไตรมาสเดือนมิถุนายน 2025
    - CEO Tim Cook ยอมรับว่าผลกระทบจากภาษีศุลกากรยังคงเป็นปัจจัยที่ต้องจับตามอง

    ✅ มาตรการลดผลกระทบของ Apple
    - ขยายโรงงานผลิตในอินเดียและบราซิล
    - นำเข้า iPhone กว่า 600 ตันเข้าสหรัฐฯ ก่อนที่ภาษีจะมีผลบังคับใช้

    ✅ อัตราภาษีที่ส่งผลต่อ Apple
    - 145% สำหรับสินค้าจากจีน
    - 27% สำหรับสินค้าจากอินเดีย

    ✅ แนวโน้มของตลาดและการผลิต
    - Apple อาจต้องปรับกลยุทธ์การผลิตเพื่อลดผลกระทบจากภาษี
    - อาจมีการเพิ่มการผลิตในประเทศที่มีภาษีต่ำกว่า

    https://www.neowin.net/news/tim-cook-says-tariffs-had-limited-impact-on-apple-but-it-may-still-lose-close-to-a-billion/
    Apple เผชิญกับผลกระทบจาก Trump tariffs ซึ่งอาจทำให้บริษัทต้องแบกรับต้นทุนเพิ่มขึ้นถึง 900 ล้านดอลลาร์ ในไตรมาสเดือนมิถุนายน 2025 แม้ว่าผลประกอบการของ Apple จะยังคงแข็งแกร่ง แต่ CEO Tim Cook ยอมรับว่าผลกระทบจากภาษีศุลกากรยังคงเป็นปัจจัยที่ต้องจับตามอง Apple ได้ดำเนินมาตรการเพื่อลดผลกระทบจากภาษี เช่น การขยายโรงงานผลิตในอินเดียและบราซิล และ การนำเข้า iPhone กว่า 600 ตันเข้าสหรัฐฯ ก่อนที่ภาษีจะมีผลบังคับใช้ อย่างไรก็ตาม อัตราภาษีที่สูงถึง 145% สำหรับสินค้าจากจีน และ 27% สำหรับสินค้าจากอินเดีย อาจส่งผลต่อแผนการผลิตของ Apple ในอนาคต ✅ ผลกระทบต่อ Apple - อาจต้องแบกรับต้นทุนเพิ่มขึ้น 900 ล้านดอลลาร์ ในไตรมาสเดือนมิถุนายน 2025 - CEO Tim Cook ยอมรับว่าผลกระทบจากภาษีศุลกากรยังคงเป็นปัจจัยที่ต้องจับตามอง ✅ มาตรการลดผลกระทบของ Apple - ขยายโรงงานผลิตในอินเดียและบราซิล - นำเข้า iPhone กว่า 600 ตันเข้าสหรัฐฯ ก่อนที่ภาษีจะมีผลบังคับใช้ ✅ อัตราภาษีที่ส่งผลต่อ Apple - 145% สำหรับสินค้าจากจีน - 27% สำหรับสินค้าจากอินเดีย ✅ แนวโน้มของตลาดและการผลิต - Apple อาจต้องปรับกลยุทธ์การผลิตเพื่อลดผลกระทบจากภาษี - อาจมีการเพิ่มการผลิตในประเทศที่มีภาษีต่ำกว่า https://www.neowin.net/news/tim-cook-says-tariffs-had-limited-impact-on-apple-but-it-may-still-lose-close-to-a-billion/
    WWW.NEOWIN.NET
    Tim Cook says tariffs had "limited" impact on Apple but it may still lose close to a billion
    Apple CEO says the company could manage tariffs impact on its business, but it is difficult to predict beyond June.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 246 มุมมอง 0 รีวิว
  • Nvidia ได้เรียกร้องให้รัฐบาลสหรัฐฯ ผ่อนปรนข้อจำกัดการส่งออกชิป AI โดย Jensen Huang ซีอีโอของบริษัทระบุว่ากฎระเบียบปัจจุบัน ขัดขวางการเข้าถึงตลาดโลก และอาจทำให้บริษัทอเมริกันเสียเปรียบในการแข่งขันกับจีน

    อย่างไรก็ตาม รัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้การบริหารของ Donald Trump กำลังพิจารณา เพิ่มความเข้มงวด ในข้อจำกัดการส่งออกชิป AI โดยอาจเปลี่ยนระบบ Tiered Model เป็น Global Licensing Regime ซึ่งจะทำให้การส่งออกขึ้นอยู่กับข้อตกลงระหว่างรัฐบาลแทนที่จะเป็นข้อกำหนดทั่วไป

    ภายใต้กฎปัจจุบัน ประเทศพันธมิตร (Tier 1) สามารถนำเข้าชิป AI ได้ไม่จำกัด ขณะที่ ประเทศในกลุ่ม Tier 2 เช่น อินเดียและบราซิล ถูกจำกัดที่ 50,000 หน่วยต่อปี และต้องได้รับการอนุมัติจากรัฐบาล ส่วน ประเทศที่อยู่ภายใต้การคว่ำบาตร (Tier 3) เช่น จีนและรัสเซีย ถูกห้ามนำเข้าชิป AI ขั้นสูงเกือบทั้งหมด

    Huang เตือนว่าหากสหรัฐฯ ยังคงจำกัดการส่งออก อาจทำให้จีนเร่งพัฒนาเทคโนโลยีของตนเอง โดย Huawei ซึ่งเป็นบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำของจีน กำลังพัฒนาโปรเซสเซอร์ AI ที่สามารถแข่งขันกับ Nvidia ได้ และอาจกลายเป็นคู่แข่งสำคัญในอนาคต

    ✅ ข้อเรียกร้องของ Nvidia
    - Jensen Huang เรียกร้องให้รัฐบาลสหรัฐฯ ผ่อนปรนข้อจำกัดการส่งออกชิป AI
    - ระบุว่ากฎระเบียบปัจจุบันขัดขวางการเข้าถึงตลาดโลก

    ✅ แนวทางของรัฐบาลสหรัฐฯ
    - รัฐบาล Trump กำลังพิจารณาเพิ่มความเข้มงวดในข้อจำกัด
    - อาจเปลี่ยนระบบ Tiered Model เป็น Global Licensing Regime

    ✅ ข้อจำกัดการส่งออกภายใต้กฎปัจจุบัน
    - Tier 1 (ประเทศพันธมิตร) สามารถนำเข้าชิป AI ได้ไม่จำกัด
    - Tier 2 (อินเดีย, บราซิล) ถูกจำกัดที่ 50,000 หน่วยต่อปี
    - Tier 3 (จีน, รัสเซีย) ถูกห้ามนำเข้าชิป AI ขั้นสูงเกือบทั้งหมด

    ✅ ผลกระทบต่อการแข่งขันกับจีน
    - Huawei กำลังพัฒนาโปรเซสเซอร์ AI ที่สามารถแข่งขันกับ Nvidia
    - หากสหรัฐฯ ยังคงจำกัดการส่งออก อาจทำให้จีนเร่งพัฒนาเทคโนโลยีของตนเอง

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/nvidia-asks-us-government-to-ease-ai-gpu-export-rules-but-trump-administration-plans-tighter-controls
    Nvidia ได้เรียกร้องให้รัฐบาลสหรัฐฯ ผ่อนปรนข้อจำกัดการส่งออกชิป AI โดย Jensen Huang ซีอีโอของบริษัทระบุว่ากฎระเบียบปัจจุบัน ขัดขวางการเข้าถึงตลาดโลก และอาจทำให้บริษัทอเมริกันเสียเปรียบในการแข่งขันกับจีน อย่างไรก็ตาม รัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้การบริหารของ Donald Trump กำลังพิจารณา เพิ่มความเข้มงวด ในข้อจำกัดการส่งออกชิป AI โดยอาจเปลี่ยนระบบ Tiered Model เป็น Global Licensing Regime ซึ่งจะทำให้การส่งออกขึ้นอยู่กับข้อตกลงระหว่างรัฐบาลแทนที่จะเป็นข้อกำหนดทั่วไป ภายใต้กฎปัจจุบัน ประเทศพันธมิตร (Tier 1) สามารถนำเข้าชิป AI ได้ไม่จำกัด ขณะที่ ประเทศในกลุ่ม Tier 2 เช่น อินเดียและบราซิล ถูกจำกัดที่ 50,000 หน่วยต่อปี และต้องได้รับการอนุมัติจากรัฐบาล ส่วน ประเทศที่อยู่ภายใต้การคว่ำบาตร (Tier 3) เช่น จีนและรัสเซีย ถูกห้ามนำเข้าชิป AI ขั้นสูงเกือบทั้งหมด Huang เตือนว่าหากสหรัฐฯ ยังคงจำกัดการส่งออก อาจทำให้จีนเร่งพัฒนาเทคโนโลยีของตนเอง โดย Huawei ซึ่งเป็นบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำของจีน กำลังพัฒนาโปรเซสเซอร์ AI ที่สามารถแข่งขันกับ Nvidia ได้ และอาจกลายเป็นคู่แข่งสำคัญในอนาคต ✅ ข้อเรียกร้องของ Nvidia - Jensen Huang เรียกร้องให้รัฐบาลสหรัฐฯ ผ่อนปรนข้อจำกัดการส่งออกชิป AI - ระบุว่ากฎระเบียบปัจจุบันขัดขวางการเข้าถึงตลาดโลก ✅ แนวทางของรัฐบาลสหรัฐฯ - รัฐบาล Trump กำลังพิจารณาเพิ่มความเข้มงวดในข้อจำกัด - อาจเปลี่ยนระบบ Tiered Model เป็น Global Licensing Regime ✅ ข้อจำกัดการส่งออกภายใต้กฎปัจจุบัน - Tier 1 (ประเทศพันธมิตร) สามารถนำเข้าชิป AI ได้ไม่จำกัด - Tier 2 (อินเดีย, บราซิล) ถูกจำกัดที่ 50,000 หน่วยต่อปี - Tier 3 (จีน, รัสเซีย) ถูกห้ามนำเข้าชิป AI ขั้นสูงเกือบทั้งหมด ✅ ผลกระทบต่อการแข่งขันกับจีน - Huawei กำลังพัฒนาโปรเซสเซอร์ AI ที่สามารถแข่งขันกับ Nvidia - หากสหรัฐฯ ยังคงจำกัดการส่งออก อาจทำให้จีนเร่งพัฒนาเทคโนโลยีของตนเอง https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/nvidia-asks-us-government-to-ease-ai-gpu-export-rules-but-trump-administration-plans-tighter-controls
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 238 มุมมอง 0 รีวิว
  • ByteDance บริษัทแม่ของ TikTok กำลังพิจารณาลงทุนในศูนย์ข้อมูลขนาดใหญ่ในประเทศบราซิล โดยมีเป้าหมายเพื่อใช้พลังงานลมที่มีอยู่มากมายในพื้นที่ชายฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ การลงทุนนี้จะช่วยให้บราซิลกลายเป็นศูนย์กลางระดับโลกสำหรับอุตสาหกรรมศูนย์ข้อมูลที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว

    ByteDance อยู่ในระหว่างการเจรจากับ Casa dos Ventos ผู้ผลิตพลังงานหมุนเวียน เพื่อพัฒนาศูนย์ข้อมูลในพื้นที่ท่าเรือ Pecem รัฐ Ceara โดยโครงการนี้มีแผนเริ่มต้นที่ 300 เมกะวัตต์ และอาจขยายเป็น 900 เมกะวัตต์ ในระยะที่สอง ซึ่งจะทำให้บราซิลเป็นฐานสำคัญสำหรับการดำเนินงานของ ByteDance ในซีกโลกตะวันตก

    Casa dos Ventos ได้ขอเชื่อมต่อโครงข่ายไฟฟ้าสำหรับโครงการศูนย์ข้อมูลใน Pecem แต่ถูกปฏิเสธในเบื้องต้นเนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับเสถียรภาพของโครงข่ายไฟฟ้า อย่างไรก็ตาม กระทรวงเหมืองแร่และพลังงานของบราซิลกำลังพิจารณาเพิ่มความสามารถของโครงข่ายไฟฟ้าเพื่อรองรับโครงการนี้

    ✅ การลงทุนในบราซิล
    - ByteDance พิจารณาลงทุนในศูนย์ข้อมูลขนาดใหญ่ในบราซิล
    - ใช้พลังงานลมในพื้นที่ชายฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือ

    ✅ การเจรจากับ Casa dos Ventos
    - ByteDance อยู่ในระหว่างการเจรจากับ Casa dos Ventos เพื่อพัฒนาศูนย์ข้อมูล
    - โครงการเริ่มต้นที่ 300 เมกะวัตต์ และอาจขยายเป็น 900 เมกะวัตต์

    ✅ ความสำคัญของ Pecem
    - Pecem เป็นพื้นที่ที่เหมาะสมสำหรับศูนย์ข้อมูลเนื่องจากมีสถานีเชื่อมต่อสายเคเบิลใต้น้ำและพลังงานหมุนเวียน

    ✅ การตอบสนองของรัฐบาลบราซิล
    - กระทรวงเหมืองแร่และพลังงานกำลังพิจารณาเพิ่มความสามารถของโครงข่ายไฟฟ้า

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/26/exclusive-tiktok-owner-weighs-data-center-project-in-brazil-sources-say
    ByteDance บริษัทแม่ของ TikTok กำลังพิจารณาลงทุนในศูนย์ข้อมูลขนาดใหญ่ในประเทศบราซิล โดยมีเป้าหมายเพื่อใช้พลังงานลมที่มีอยู่มากมายในพื้นที่ชายฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ การลงทุนนี้จะช่วยให้บราซิลกลายเป็นศูนย์กลางระดับโลกสำหรับอุตสาหกรรมศูนย์ข้อมูลที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว ByteDance อยู่ในระหว่างการเจรจากับ Casa dos Ventos ผู้ผลิตพลังงานหมุนเวียน เพื่อพัฒนาศูนย์ข้อมูลในพื้นที่ท่าเรือ Pecem รัฐ Ceara โดยโครงการนี้มีแผนเริ่มต้นที่ 300 เมกะวัตต์ และอาจขยายเป็น 900 เมกะวัตต์ ในระยะที่สอง ซึ่งจะทำให้บราซิลเป็นฐานสำคัญสำหรับการดำเนินงานของ ByteDance ในซีกโลกตะวันตก Casa dos Ventos ได้ขอเชื่อมต่อโครงข่ายไฟฟ้าสำหรับโครงการศูนย์ข้อมูลใน Pecem แต่ถูกปฏิเสธในเบื้องต้นเนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับเสถียรภาพของโครงข่ายไฟฟ้า อย่างไรก็ตาม กระทรวงเหมืองแร่และพลังงานของบราซิลกำลังพิจารณาเพิ่มความสามารถของโครงข่ายไฟฟ้าเพื่อรองรับโครงการนี้ ✅ การลงทุนในบราซิล - ByteDance พิจารณาลงทุนในศูนย์ข้อมูลขนาดใหญ่ในบราซิล - ใช้พลังงานลมในพื้นที่ชายฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือ ✅ การเจรจากับ Casa dos Ventos - ByteDance อยู่ในระหว่างการเจรจากับ Casa dos Ventos เพื่อพัฒนาศูนย์ข้อมูล - โครงการเริ่มต้นที่ 300 เมกะวัตต์ และอาจขยายเป็น 900 เมกะวัตต์ ✅ ความสำคัญของ Pecem - Pecem เป็นพื้นที่ที่เหมาะสมสำหรับศูนย์ข้อมูลเนื่องจากมีสถานีเชื่อมต่อสายเคเบิลใต้น้ำและพลังงานหมุนเวียน ✅ การตอบสนองของรัฐบาลบราซิล - กระทรวงเหมืองแร่และพลังงานกำลังพิจารณาเพิ่มความสามารถของโครงข่ายไฟฟ้า https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/26/exclusive-tiktok-owner-weighs-data-center-project-in-brazil-sources-say
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Exclusive-TikTok owner weighs data center project in Brazil, sources say
    SAO PAULO/BRASILIA (Reuters) -ByteDance, the Chinese parent company of TikTok, is weighing a major investment in a data center in Brazil, three people familiar with the matter told Reuters, tapping abundant wind energy on the country's northeast coast.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 263 มุมมอง 0 รีวิว
  • อิทธิพลของดอลลาร์กำลังจะเสื่อมลงอย่างรวดเร็ว เริ่มตั้งแต่ปี 2025 นี้เป็นต้นไป

    ช่วงระยะเวลา 50 ปีที่ผ่านมา ทุกประเทศที่ต้องการซื้อน้ำมัน มีทางเลือกเดียว พวกเขาต้องใช้เงินดอลลาร์สหรัฐเท่านั้น โดยไม่มีข้อยกเว้น

    ระบบดังกล่าวนี้เรียกว่า "เปโตรดอลลาร์" ซึ่งช่วยให้สหรัฐพิมพ์เงิน สร้างหนี้ได้อย่างไม่มีข้อจำกัด และยังมีอำนาจแผ่ขยายไปทั่วโลก

    ปัจจุบันนี้ ภาพเหล่านั้นกำลังจะกลายเป็นอดีต!

    เริ่มจากเดือนมีนาคม 2025 จีนลงนามข้อตกลง LNG กับสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) มูลค่าหลายพันล้าน และใช้วิธีการชำระเงินเป็นสกุลเงินหยวน โดยไม่มีเงินดอลลาร์เข้ามาเกี่ยวข้อง!

    ต่อมา อินเดียใช้วิธีการเดียวกับจีน นั่นคือชำระเงินค่าน้ำมันจากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) เป็นเงินรูปีและเดอร์แฮม และเป็นอีกครั้งที่เงินดอลลาร์ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องด้วยซ้ำ

    บราซิลและจีนทำข้อตกลงในการซื้อขายโดยตรงเป็นเงินเรียลและเงินหยวน


    ไนจีเรียลงนามสัญญาค้ายขายกับจีนด้วยการใช้เงินหยวนแทนเงินดอลลาร์มูลค่าการค้าประมาณ 1,500 ล้านหยวน

    และที่สิ่งที่สหรัฐคาดไม่ถึงก็คือ ซาอุดีอาระเบีย ซึ่งเป็นคู่หูสหรัฐในการสร้าง "เปโตรดอลลาร์" กำลังพิจารณาใช้เงินหยวนในการทำข้อตกลงเรื่องน้ำมันกับจีน

    ขณะเดียวกัน กลุ่มพันธมิตร BRICS (บราซิล รัสเซีย อินเดีย จีน แอฟริกาใต้) กำลังเร่งมืออย่างจริงจังเพื่อหยุดใช้เงินดอลลาร์และเปลี่ยนไปใช้สกุลเงินท้องถิ่นแทน

    จากนั้นในวันที่ 1 เมษายน ซาอุดีอาระเบียได้เข้าร่วม Project mBridge ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มสกุลเงินดิจิทัลของธนาคารกลางข้ามชาติ

    แพลตฟอร์มนี้ได้รับการออกแบบมาเพื่อให้ประเทศต่างๆ ซื้อขายได้โดยตรง โดยเงินดอลลาร์ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องแม้แต่นิดเดียว

    การเคลื่อนไหวเหล่านี้ เป็นเพียงบางส่วนที่ถือเป็นสัญญาณเตือนสหรัฐ ว่าอำนาจไม่ได้อยู่ในมือของเขาอีกต่อไปแล้ว การครองอำนาจด้วยการใช้เงินดอลลาร์ในอุตสาหกรรมพลังงานกำลังจะสิ้นสุดลง

    แน่นอนว่าสหรัฐไม่ได้ล่มสลาย เพียงแต่โลกกำลังเขียนกฎเกณฑ์ขึ้นใหม่อย่างเงียบๆ และปี 2025 จะเป็นปีที่การผูกขาดถูกทำลาย


    แหล่งที่มา: Reuters, Business Standard, CMP, The Star
    อิทธิพลของดอลลาร์กำลังจะเสื่อมลงอย่างรวดเร็ว เริ่มตั้งแต่ปี 2025 นี้เป็นต้นไป ช่วงระยะเวลา 50 ปีที่ผ่านมา ทุกประเทศที่ต้องการซื้อน้ำมัน มีทางเลือกเดียว พวกเขาต้องใช้เงินดอลลาร์สหรัฐเท่านั้น โดยไม่มีข้อยกเว้น ระบบดังกล่าวนี้เรียกว่า "เปโตรดอลลาร์" ซึ่งช่วยให้สหรัฐพิมพ์เงิน สร้างหนี้ได้อย่างไม่มีข้อจำกัด และยังมีอำนาจแผ่ขยายไปทั่วโลก ปัจจุบันนี้ ภาพเหล่านั้นกำลังจะกลายเป็นอดีต! เริ่มจากเดือนมีนาคม 2025 จีนลงนามข้อตกลง LNG กับสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) มูลค่าหลายพันล้าน และใช้วิธีการชำระเงินเป็นสกุลเงินหยวน โดยไม่มีเงินดอลลาร์เข้ามาเกี่ยวข้อง! ต่อมา อินเดียใช้วิธีการเดียวกับจีน นั่นคือชำระเงินค่าน้ำมันจากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) เป็นเงินรูปีและเดอร์แฮม และเป็นอีกครั้งที่เงินดอลลาร์ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องด้วยซ้ำ บราซิลและจีนทำข้อตกลงในการซื้อขายโดยตรงเป็นเงินเรียลและเงินหยวน ไนจีเรียลงนามสัญญาค้ายขายกับจีนด้วยการใช้เงินหยวนแทนเงินดอลลาร์มูลค่าการค้าประมาณ 1,500 ล้านหยวน และที่สิ่งที่สหรัฐคาดไม่ถึงก็คือ ซาอุดีอาระเบีย ซึ่งเป็นคู่หูสหรัฐในการสร้าง "เปโตรดอลลาร์" กำลังพิจารณาใช้เงินหยวนในการทำข้อตกลงเรื่องน้ำมันกับจีน ขณะเดียวกัน กลุ่มพันธมิตร BRICS (บราซิล รัสเซีย อินเดีย จีน แอฟริกาใต้) กำลังเร่งมืออย่างจริงจังเพื่อหยุดใช้เงินดอลลาร์และเปลี่ยนไปใช้สกุลเงินท้องถิ่นแทน จากนั้นในวันที่ 1 เมษายน ซาอุดีอาระเบียได้เข้าร่วม Project mBridge ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มสกุลเงินดิจิทัลของธนาคารกลางข้ามชาติ แพลตฟอร์มนี้ได้รับการออกแบบมาเพื่อให้ประเทศต่างๆ ซื้อขายได้โดยตรง โดยเงินดอลลาร์ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องแม้แต่นิดเดียว การเคลื่อนไหวเหล่านี้ เป็นเพียงบางส่วนที่ถือเป็นสัญญาณเตือนสหรัฐ ว่าอำนาจไม่ได้อยู่ในมือของเขาอีกต่อไปแล้ว การครองอำนาจด้วยการใช้เงินดอลลาร์ในอุตสาหกรรมพลังงานกำลังจะสิ้นสุดลง แน่นอนว่าสหรัฐไม่ได้ล่มสลาย เพียงแต่โลกกำลังเขียนกฎเกณฑ์ขึ้นใหม่อย่างเงียบๆ และปี 2025 จะเป็นปีที่การผูกขาดถูกทำลาย แหล่งที่มา: Reuters, Business Standard, CMP, The Star
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 397 มุมมอง 0 รีวิว

  • ตามรอยย้อนกลับ Supply Chain แร่หายากจากพม่ามหาศาลสู่จีน
    ______________________________
    23 ธันวาคม พ.ศ. 2564 บริษัท China Rare Earth Group Co., Ltd. ก่อตัวขึ้นอย่างเป็นทางการ จากการควบรวมของ 3 กิจการด้านอุตสาหกรรมแร่หายากในจีน China Aluminium Corporation, China Minmetals Corporation และ Ganzhou Rare Earth Group Co., Ltd. เป้าคือพัฒนาอุตสาหกรรมแร่หายาก วิจัยและพัฒนาเทคโนโลยี
    China Rare Earth Group อยู่ภายใต้การกำกับดูแลโดยตรงของรัฐ-คณะกรรมการกำกับดูแลและบริหารสินทรัพย์ที่เป็นเจ้าของของสภาแห่งรัฐ ถือหุ้นร้อยละ 31.21 China Aluminium Corporation, China Minmetals Corporation และ Ganzhou Rare Earth Group Co., Ltd. แต่ละบริษัทถือหุ้นร้อยละ 20.33; China Iron and Steel Research Technology Group Co., Ltd. และ Youyan Technology Group Co., Ltd. ถือหุ้นร้อยละ 3.90
    ปัจจุบันจีนมีปริมาณการผลิตแร่ธาตุ หายากสูงเป็นอันดับ 1 ของโลกอยู่ที่ 132,000 ตัน คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 63 ของปริมาณการผลิตแร่ธาตุหายากทั่วโลก ซึ่งอยู่ที่ประมาณ 210,000 ตัน โดยประเทศอื่น ๆ ที่มีปริมาณการผลิตแร่ธาตุหายากในลำดับถัดมา ได้แก่ สหรัฐฯ (26,000 ตัน) เมียนมา (22,000 ตัน) ออสเตรเลีย (21,000 ตัน) อินเดีย (3,000 ตัน) รัสเซีย (2,700 ตัน) มาดากัสการ์ (2,000 ตัน) ไทย (1,800 ตัน) บราซิล (1,000 ตัน) เวียดนาม (900 ตัน) และบุรุนดี (600 ตัน)
    ______________________________
    ระฆังกำแพงภาษีลั่นขึ้นห้วงเมษายน 2568 โดยสหรัฐอเมริกา การตอบโต้กลับของจีนเปิดหน้าชก สวนกลับทุกเม็ด รวมถึงได้ขยายการใช้ "แร่หายาก" (rare earths) เป็นเครื่องมือตอบโต้ทางการค้า โดยประกาศจำกัดการส่งออกแร่หายาก 7 ชนิด ซึ่งเป็นวัสดุสำคัญในอุดสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูง เช่น รถยนต์ไฟฟ้า ไปจนถึงอาวุธยุทโธปกรณ์ โดยเป็นการตอบโต้ต่อมาดรการภาษีนำเข้าของสหรัฐ
    สำหรับแร่หายาก 7 ชนิดได้แก่ ชามาเรียม (Samarium) แกโดลิเนียม (Gadolinium) เทอร์เมียม (Terbium) ดิสโพรเซียม (Dysprosium) ลูทีเซียม (Lutetium) สแกนเดียม (Scandium) และอิดเทรียม (Yttrium) สำหรับแร่หายากยอดนิยมอย่าง นี่โอไดเมียม (Neodymium) และ พราเชโอไดเมียม (Praseodymium) ซึ่งใช้ผลิตแม่เหล็กประสิทธิภาพสูง ยังไม่อยู่ในรายชื่อควบคุม
    หลังการรัฐประหารปี 2021 การส่งออกแร่ธาตุหายากจากพม่าไปจีนเพิ่มขึ้น 5 เท่า สูงถึง 3.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็นการการพึ่งพาจีน 90% ของการแปรรูปแร่หายากโลกอยู่ในจีน แบ่งเป็น แร่กลุ่มหายาก (Rare Earth Elements) มูลค่า: 3.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ปี 2025) ส่วนแบ่งการนำเข้า: กว่า 50% ของการนำเข้าแร่หายากทั้งหมดของจีน ชนิดแร่หลัก: เทอร์เบียม (Terbium) และดีสโพรเซียม (Dysprosium) ในกลุ่ม Heavy Rare Earth Elements (HREE) พื้นที่ทำเหมืองหลักที่คะฉิ่น ที่เหมือง Chipwi และ Momauk: มีบ่อแร่มากกว่า 2,700 บ่อ เมือง Panwa: แหล่งผลิตหลักภายใต้การควบคุมของ Kachin Independence Army (KIA) การขยายตัว: จำนวนไซต์ทำเหมืองเพิ่มขึ้น 40% นับตั้งแต่ปี 2021 โดยพื้นที่ KIA: เก็บภาษี 35,000 หยวน/ตัน (ประมาณ 4,800 ดอลลาร์สหรัฐ)
    บริษัทจีนผู้รับซื้อหลัก คือ China Rare Earths Group (REGCC) ควบคุมการประมูลแร่กว่า 80% China Northern Rare Earth Group ผู้ประมูลแร่รายใหญ่ของโลก และ JL Mag Rare-Earth: ผู้ผลิตแม่เหล็กถาวรรายใหญ่ ใช้แร่จากพม่าในอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า และยังมีบริษัท Rising Nonferrous บริษัทที่ได้รับอนุมัติให้นำเข้าแร่หายากจากเมียนมาโดยตรง
    นอกจากนั้นก็จะมี China Nonferrous Metal Mining Group (CNMC) รับซื้อ: ทองแดง, นิกเกิล พื้นที่รับซื้อคือเหมือง Monywa ในเขตสะกาย บริษัท China Minmetals Corporation: รับซื้อ: แร่หายาก, ดีบุก, ทังสเตน Aluminum Corporation of China (CHINALCO): รับซื้อ: แร่ที่เกี่ยวข้องกับอะลูมิเนียมและโลหะผสม Yunnan Tin Company: รับซื้อ: ดีบุก เพราะเป็นผู้ผลิตดีบุกรายใหญ่ของจีน Pangang Group: รับซื้อ: ทังสเตน, พลวง เป็นผู้นำในอุตสาหกรรมโลหะหนัก
    ______________________________
    การส่งออกแร่ธาตุจากพม่าไปจีนมีป้อนอุตสาหกรรมหลักที่สร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำให้จีน และแน่นอนต้องใช้ฐานของกลุ่มประเทศอาเซียนเป็นตลาดหลักและบายพาสไปยังกลุ่มประเทศที่มีกำแพงภาษีสูงไม่ว่าจะเป็น
    • อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า (Electric Vehicles)แร่ธาตุหายาก เช่น ดิสโพรเซียม (Dysprosium) และเทอร์เบียม (Terbium) ที่นำเข้าจากพม่าใช้เป็นวัตถุดิบสำคัญในการผลิตแม่เหล็กถาวรสำหรับมอเตอร์ในรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งจีนมีความต้องการสูงมากในช่วงหลังเพื่อรองรับการเติบโตของตลาด EV
    • อุตสาหกรรมพลังงานลม (Wind Power)แม่เหล็กถาวรที่ผลิตจากแร่ธาตุหายากเหล่านี้ยังถูกใช้ในกังหันลมเพื่อผลิตพลังงานสะอาด ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายพลังงานทดแทนของจีน
    • อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ (Electronics)แร่ธาตุหายากจากพม่าถูกนำไปใช้ในชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ เช่น สมาร์ทโฟน คอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่น ๆ ที่ต้องการแม่เหล็กและวัสดุพิเศษ
    • อุตสาหกรรมแม่เหล็กถาวร (Permanent Magnets) บริษัทจีนใหญ่ เช่น China Southern Rare Earth ใช้แร่ธาตุจากพม่าในการผลิตแม่เหล็กถาวรที่เป็นวัตถุดิบสำคัญในหลายอุตสาหกรรม
    • อาวุธยุทโธปกรณ์ (Defence Industry) และอุตสาหกรรมอวกาศ และอากาศยาน (Aerospace Industry)
    สถานการณ์ความต้องการแร่ธาตุหายากงวดขึ้นเพราะนับวันแร่ธาตุเหล่านั้นย่อมลดลง ตามชื่อเพราะยิ่งหายากขึ้น โดยในช่วงครึ่งแรกของปี 2024 จีนเพิ่มการนำเข้าแร่หายากจากพม่าเกิน 9 เท่าเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า และคิดเป็นกว่า 70% ของแร่ธาตุหายากที่จีนใช้ทั้งหมด ซึ่งทำให้พม่าเป็นแหล่งผลิตแร่หายากที่ใหญ่ที่สุดของจีนในปัจจุบัน
    ______________________________
    ความต้องการสูงและความไม่แน่นอนของซัพพลายเชน โดยเฉพาะในช่วงที่มีความขัดข้องจากสถานการณ์ภูมิรัฐศาสตร์ ทำให้จีนพึ่งพาแหล่งแร่จากต่างประเทศมากขึ้น โดยเฉพาะพม่าเป็นสัดส่วนถึง 70% ของวัตถุดิบที่ใช้ เนื่องจากเหมืองในจีนผลิตไม่เพียงพอและมีข้อจำกัดด้านสิ่งแวดล้อมและนโยบาย
    ปัญหาจึงอยู่ที่แร่ธาตุหายากจากพม่าส่วนใหญ่ถูกขุดอย่างผิดกฎหมายและผ่านช่องทางที่ไม่โปร่งใส ทำให้บริษัทจีนที่แปรรูปแร่ไม่สามารถระบุแหล่งที่มาได้ชัดเจน ส่งผลต่อความยั่งยืนและความน่าเชื่อถือของตลาด รวมถึงสร้างปัญหาสุขภาพและสิ่งแวดล้อมต่อพม่าอย่างมหาศาล
    หากเจาะพื้นที่การทำเหมืองในรัฐต่าง ๆ การทำเหมืองในเมียนมามักอยู่ในพื้นที่ที่มีความขัดแย้งหรือควบคุมโดยกลุ่มติดอาวุธ ซึ่งมีผลต่อการส่งออกและการจัดการทรัพยากร ดังนี้:
    • รัฐคะฉิ่น (Kachin State): แร่หลัก: แร่หายาก (REEs), พลวง, ทองคำ, อิตเทรียม พื้นที่ป่าทางตอนเหนือ อุดมไปด้วยแร่หายาก แต่ได้รับผลกระทบจากความขัดแย้งระหว่างกองทัพเมียนมาและกองทัพปลดปล่อยคะฉิ่น (KIA) ส่วนใหญ่ทำลายสิ่งแวดล้อม น้ำกลายเป็นโคลน และสัตว์ป่าลดลง
    • รัฐฉาน (Shan State): แร่หลัก: ดีบุก, ตะกั่ว, สังกะสี, ทังสเตน,ทองคำพื้นที่ที่มีเหมืองดีบุกขนาดใหญ่ เช่น เหมือง Man Maw การควบคุมโดยกลุ่มติดอาวุธที่เชื่อมโยงกับกองทัพเมียนมา ทำให้เงินจากเหมือง สนับสนุนกองทัพ สร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมมหาศาลเช่นกันและลุกลามไปยังประเทศเพื่อนบ้านคือประเทศไทย
    • เขตสะกาย (Sagaing Region): แร่หลัก: ทองแดง, นิกเกิล, ทองคำพื้นที่ที่มีการสู้รบหนักระหว่างกองทัพเมียนมาและกองกำลัง PDF
    • เขตมัณฑะเลย์ (Mandalay Region): แร่หลัก: แร่หายาก, พลวง, อิตเทรียม, ทองคำพื้นที่ที่มีเหมืองขนาดเล็กกระจายอยู่
    • เขตตะนาวศรี (Tanintharyi Region): แร่หลัก: ดีบุก เป็นเหมืองดีบุกขนาดใหญ่ใกล้ชายฝั่ง
    • รัฐมอญ (Mon State): แร่หลัก: ทองแดง เป็นเหมืองขนาดเล็กถึงปานกลาง
    • รัฐกะยา (Kayah State): แร่หลัก: ตะกั่ว พื้นที่ที่มีความขัดแย้งสูง
    ______________________________
    สอบทานต้นทาง-ย้อนกลับห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) ของแร่ธาตุจากเมียนมาไปจีนมีลักษณะดังนี้ เริ่มต้นสำรวจแหล่ง แน่นอนฐานข้อมูลมีอยู่แล้วในมือรัฐบาลทหารพม่า และในกำมือเทคโนโลยีจีน ก่อนจะให้บริษัทเอกชนในแต่ละความถนัดของจีน และของพม่าเอง ขุดและแปรรูปเบื้องต้น เหมืองส่วนใหญ่ในพม่าดำเนินการโดยบริษัทท้องถิ่นหรือบริษัทจีนร่วมทุน การแปรรูปขั้นต้น (เช่น การถลุงแร่ดีบุก) มักทำในเมียนมาก่อนส่งออก ส่วนใหญ่ในพื้นที่ขัดแย้งทำให้เกิดปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมและการละเมิดสิทธิมนุษยชน
    การขนส่ง เส้นทางหลัก: จากเหมืองในรัฐคะฉิ่นและฉานไปยังชายแดนจีน (มณฑลยูนนาน) ผ่านทางรถไฟหรือถนน เช่น เส้นทางรถไฟเจ้าผิ่ว-มูเซ บางส่วนส่งออกผ่านท่าเรือในเขตตะนาวศรีและย่างกุ้ง
    การแปรรูปขั้นสูงในจีน ปลายทางคือโรงงานแปรรูปอยู่ในมณฑลกวางตุ้ง, เจียงซู, และแถบเศรษฐกิจแยงซีเกียง โดยแร่หายากถูกกลั่นเป็นโลหะบริสุทธิ์หรือสารประกอบ เช่น นีโอดิเมียมสำหรับแม่เหล็ก หรืออิตเทรียมสำหรับ LED
    สายพานอุตสาหกรรมที่ใช้งานแบ่งตามแร่ธาตุอุตสาหกรรมเทคโนโลยี: แร่หายาก (REEs) และดีบุกใช้ในสมาร์ทโฟน, คอมพิวเตอร์, เซมิคอนดักเตอร์ ยานยนต์ไฟฟ้า: แร่หายาก (นีโอดิเมียม, ดิสโพรเซียม) และนิกเกิลใช้ในมอเตอร์และแบตเตอรี่ พลังงานสะอาด: ทังสเตนและพลวงใช้ในกังหันลมและแผงโซลาร์ อุตสาหกรรมทหาร: แร่หายากและพลวงใช้ในขีปนาวุธ, เรดาร์, และเลเซอร์ การก่อสร้างและเครื่องจักร: ทองแดงและสังกะสีใช้ในสายไฟและโครงสร้าง
    ความท้าทายในระบบ Supply Chain ส่วนใหญ่คือความขัดแย้งในเมียนมาอาจขัดขวางการขนส่ง จากผลประโยชน์มหาศาลเพื่อนำมาเป็นอาวุธและจุนเจือเสบียงในการรบ ขณะที่นานาชาติได้เรียกร้องให้ตรวจสอบแร่จากพื้นที่ขัดแย้ง แต่จีนเป็นประเทศเดียวที่บังคับให้แยกแร่จากเมียนมาและจีน
    ______________________________
    ล่าสุด กองกำลังเอกราชคะฉิ่น (Kachin Independent Organization, Kachin Independent Army- KIA) ซึ่งได้เป็นเจ้าของใหม่ของเหมืองแร่หายาก หรือแร่แรร์เอิร์ธ (Rare Earth) อนุญาตให้ส่งออกแร่หายากไปยังประเทศจีน โดยเก็บภาษีในอัตรา 30,500 หยวนต่อหนึ่งตัน (ราว 160,000 บาท) พื้นที่แหล่งแร่หายากที่มีมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ในเขตปางวาและชิพเว (Pang Wa, Chi Pwi) ในรัฐคะฉิ่น ซึ่งกลุ่ม KIA เข้ายึดครองในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2567 ได้รับอนุญาตให้ส่งออกแร่หายากไปยังจีนหลังจากควบคุมพื้นที่มาได้ 6 เดือน
    สำนักข่าวรอยเตอร์ เมื่อวันที่ 27 มีนาคม 2568 KIO/KIA ได้อนุญาตให้ส่งออกแร่หายากไปยังประเทศจีน โดยเก็บภาษีในอัตรา 30,500 หยวนต่อหนึ่งตัน อย่างไรก็ตาม รายละเอียดอื่น ๆ ในหนังสืออนุญาตของ KIO ยังไม่ได้รับการเปิดเผย เจ้าหน้าที่ KIA เขตปางวาให้ข้อมูลว่าKIO/KIA และรัฐบาลจีน ยังคงเจรจาเกี่ยวกับการใช้จุดผ่านแดนเดียวในการส่งออกแร่หายาก และจนถึงสัปดาห์ที่สองของเดือนเมษายน ยังไม่มีการส่งออกอย่างเป็นทางการ
    KIA สามารถควบคุมจุดผ่านแดนทางการค้าระหว่างจีน-พม่าในรัฐคะฉิ่นทั้งหมด ได้แก่ กานปายตี Kan Pai Ti, ล่วยเจ Loi Je และปางวา ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างตรวจสอบว่าจะใช้จุดผ่านแดนใดในการส่งออก หลังจากที่ KIA ควบคุมพื้นที่ปางวาและชิพเว รัฐบาลจีนได้มีคำสั่งปิดจุดผ่านแดนทั้งหมด ทำให้บริษัทเหมืองแร่ส่วนใหญ่หยุดดำเนินการ มีเพียงบางบริษัทที่ยังคงขุดแร่ต่อไป เนื่องจากยังมีวัตถุดิบหลงเหลืออยู่
    รายงานของ Global Witness ระบุว่า การทำเหมืองแร่แรร์เอิร์ทในพื้นที่ปางวาเริ่มขึ้นในปี 2016 โดยนักธุรกิจชาวจีน ซึ่งส่งออกแร่ไปยังจีนเป็นหลัก ตามข้อมูลปัจจุบัน พม่าติดอันดับ 3 ของประเทศผู้ผลิตแร่แรร์เอิร์ท และคิดเป็น 50% ของการส่งออกแร่หายากทั่วโลก หลังจากการรัฐประหารของกองทัพพม่า การทำเหมืองแร่แรร์เอิร์ทในพื้นที่ปางวาและชิพเวเพิ่มขึ้น 40% และจำนวนเหมืองแร่เพิ่มขึ้นกว่า 300 แห่ง ในปี 2566 เพียงปีเดียว มีการส่งออกแร่หายากไปยังจีนมากถึง 41,700 ตัน สร้างรายได้ถึง 1.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
    ______________________________
    สรุปขมวดปม การส่งออกแร่ธาตุจากพม่าไปจีนช่วยเสริมความมั่นคงของซัพพลายเชนแร่หายากในจีน ลดภาวะขาดแคลนและสนับสนุนอุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูง แต่ก็เพิ่มความเสี่ยงด้านความโปร่งใสและความยั่งยืนในตลาดแร่ธาตุของจีน แร่ธาตุหายากจากพม่ามีบทบาทสำคัญในห่วงโซ่อุปทานของจีน โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีขั้นสูงและพลังงานสะอาด ซึ่งจีนพึ่งพาการนำเข้าแร่จากพม่าเป็นสัดส่วนสูงถึง 70% ของแร่หายากที่ใช้ในประเทศ เหมืองแร่หายากเหล่านี้ทั้งหมด รวมถึงแร่ทองคำ และอื่น ๆ ที่ปักหมุดขุดหลุมร่อนตระแกรง ทุกรัฐในเมียนมาก่อให้เกิดความเสียหายรุนแรงต่อสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติ ป่าเขา แม่น้ำ ลำธาร โดยคนงานบางรายถูกเอารัดเอาเปรียบอย่างโหดร้าย หญิงคนงานถูกล่วงละเมิดทางเพศ และหลายคนได้รับอันตรายทางสุขภาพอย่างร้ายแรงจากสารเคมีที่ใช้ในเหมือง และส่งผลกระทบต่อพื้นที่ที่กว้างขวางขึ้นรวมถึงประเทศไทย และลุ่มแม่น้ำโขงตอนบน คำถามคือจีนมีส่วนสำคัญในการสร้างมลภาวะในพื้นที่ ควรจะร่วมรับผิดชอบหรือไม่ ไม่ใช่การสูบทรัพยากรในพื้นที่แต่ไม่ได้เหลียวแลผลกระทบที่จะตามมา อันจะกลายเป็นการสร้างปัญหาใหญ่ให้กับจีนในอนาคต
    อ้างอิง : https://www.facebook.com/GlobalWitness/ และสำนักข่าวชายขอบ
    https://shorturl.asia/6GnqX
    ประชาไท https://prachatai.com/journal/2025/01/111942
    ______________________________

    10 อันดับแร่ธาตุที่ส่งออกจากเมียนมาไปจีน (เรียงตามมูลค่าประเมิน)
    1. แร่ดีบุก (Tin)
    o มูลค่า: สูงสุด เนื่องจากเมียนมาเป็นผู้ผลิตดีบุกรายใหญ่อันดับ 3 ของโลก และจีนนำเข้า 95% ของหัวแร่ดีบุกจากเมียนมาในปี 2563
    o การใช้งาน: ใช้ในอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ (บัดกรีแผงวงจร), การผลิตโลหะผสม
    o พื้นที่เหมือง: รัฐฉาน (Shan State), เขตตะนาวศรี (Tanintharyi Region)
    2. แร่หายาก (Rare Earth Elements: REEs)
    o มูลค่า: สูง เนื่องจากความต้องการในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูงของจีน
    o การใช้งาน: ผลิตแม่เหล็กถาวร (Permanent Magnets), แบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า, อุปกรณ์เลเซอร์, เซมิคอนดักเตอร์
    o พื้นที่เหมือง: รัฐคะฉิ่น (Kachin State), เขตมัณฑะเลย์ (Mandalay Region)
    3. ทองแดง (Copper)
    o มูลค่า: สูง เนื่องจากราคาทองแดงในตลาดโลกพุ่งสูงหลังรัฐประหาร
    o การใช้งาน: สายไฟ, อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์, การก่อสร้าง
    o พื้นที่เหมือง: เขตสะกาย (Sagaing Region), รัฐมอญ (Mon State)
    4. ตะกั่ว (Lead)
    o มูลค่า: ปานกลางถึงสูง ใช้ในอุตสาหกรรมแบตเตอรี่
    o การใช้งาน: แบตเตอรี่ตะกั่ว-กรด, อุตสาหกรรมยานยนต์
    o พื้นที่เหมือง: รัฐฉาน, รัฐกะยา (Kayah State)
    5. สังกะสี (Zinc)
    o มูลค่า: ปานกลาง ใช้ในอุตสาหกรรมเคลือบโลหะ
    o การใช้งาน: การชุบกัลวาไนซ์, โลหะผสม
    o พื้นที่เหมือง: รัฐฉาน, เขตย่างกุ้ง (Yangon Region)
    6. นิกเกิล (Nickel)
    o มูลค่า: ปานกลาง เนื่องจากความต้องการในอุตสาหกรรมแบตเตอรี่
    o การใช้งาน: แบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน, สแตนเลส
    o พื้นที่เหมือง: เขตสะกาย, รัฐฉาน
    7. พลวง (Antimony)
    o มูลค่า: ปานกลาง ใช้ในอุตสาหกรรมทหารและพลังงาน
    o การใช้งาน: สารหน่วงไฟ, โลหะผสม, อุปกรณ์ทหาร
    o พื้นที่เหมือง: รัฐคะฉิ่น, เขตมัณฑะเลย์
    8. ทังสเตน (Tungsten)
    o มูลค่า: ปานกลาง ใช้ในอุตสาหกรรมที่มีความแข็งสูง
    o การใช้งาน: โลหะผสม, เครื่องมือตัด, อุปกรณ์ทหาร
    o พื้นที่เหมือง: รัฐฉาน, รัฐคะฉิ่น
    9. ทองคำ (Gold)
    o มูลค่า: ปานกลางถึงสูง ขึ้นอยู่กับราคาตลาดโลก
    o การใช้งาน: อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์, เครื่องประดับ
    o พื้นที่เหมือง: เขตมัณฑะเลย์, รัฐคะฉิ่น, เขตสะกาย
    10. อิตเทรียม (Yttrium)
    o มูลค่า: ต่ำถึงปานกลาง แต่มีความสำคัญในอุตสาหกรรมเฉพาะ
    o การใช้งาน: สารเรืองแสงใน LED, อุปกรณ์ MRI, เซรามิก
    o พื้นที่เหมือง: รัฐคะฉิ่น, เขตมัณฑะเลย์
    หมายเหตุ: มูลค่าที่ระบุเป็นการประเมินจากความสำคัญในห่วงโซ่อุปทานและปริมาณการส่งออก เนื่องจากไม่มีข้อมูลตัวเลขที่แน่นอนหลังรัฐประหาร
    ______________________________
    ตามรอยย้อนกลับ Supply Chain แร่หายากจากพม่ามหาศาลสู่จีน ______________________________ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2564 บริษัท China Rare Earth Group Co., Ltd. ก่อตัวขึ้นอย่างเป็นทางการ จากการควบรวมของ 3 กิจการด้านอุตสาหกรรมแร่หายากในจีน China Aluminium Corporation, China Minmetals Corporation และ Ganzhou Rare Earth Group Co., Ltd. เป้าคือพัฒนาอุตสาหกรรมแร่หายาก วิจัยและพัฒนาเทคโนโลยี China Rare Earth Group อยู่ภายใต้การกำกับดูแลโดยตรงของรัฐ-คณะกรรมการกำกับดูแลและบริหารสินทรัพย์ที่เป็นเจ้าของของสภาแห่งรัฐ ถือหุ้นร้อยละ 31.21 China Aluminium Corporation, China Minmetals Corporation และ Ganzhou Rare Earth Group Co., Ltd. แต่ละบริษัทถือหุ้นร้อยละ 20.33; China Iron and Steel Research Technology Group Co., Ltd. และ Youyan Technology Group Co., Ltd. ถือหุ้นร้อยละ 3.90 ปัจจุบันจีนมีปริมาณการผลิตแร่ธาตุ หายากสูงเป็นอันดับ 1 ของโลกอยู่ที่ 132,000 ตัน คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 63 ของปริมาณการผลิตแร่ธาตุหายากทั่วโลก ซึ่งอยู่ที่ประมาณ 210,000 ตัน โดยประเทศอื่น ๆ ที่มีปริมาณการผลิตแร่ธาตุหายากในลำดับถัดมา ได้แก่ สหรัฐฯ (26,000 ตัน) เมียนมา (22,000 ตัน) ออสเตรเลีย (21,000 ตัน) อินเดีย (3,000 ตัน) รัสเซีย (2,700 ตัน) มาดากัสการ์ (2,000 ตัน) ไทย (1,800 ตัน) บราซิล (1,000 ตัน) เวียดนาม (900 ตัน) และบุรุนดี (600 ตัน) ______________________________ ระฆังกำแพงภาษีลั่นขึ้นห้วงเมษายน 2568 โดยสหรัฐอเมริกา การตอบโต้กลับของจีนเปิดหน้าชก สวนกลับทุกเม็ด รวมถึงได้ขยายการใช้ "แร่หายาก" (rare earths) เป็นเครื่องมือตอบโต้ทางการค้า โดยประกาศจำกัดการส่งออกแร่หายาก 7 ชนิด ซึ่งเป็นวัสดุสำคัญในอุดสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูง เช่น รถยนต์ไฟฟ้า ไปจนถึงอาวุธยุทโธปกรณ์ โดยเป็นการตอบโต้ต่อมาดรการภาษีนำเข้าของสหรัฐ สำหรับแร่หายาก 7 ชนิดได้แก่ ชามาเรียม (Samarium) แกโดลิเนียม (Gadolinium) เทอร์เมียม (Terbium) ดิสโพรเซียม (Dysprosium) ลูทีเซียม (Lutetium) สแกนเดียม (Scandium) และอิดเทรียม (Yttrium) สำหรับแร่หายากยอดนิยมอย่าง นี่โอไดเมียม (Neodymium) และ พราเชโอไดเมียม (Praseodymium) ซึ่งใช้ผลิตแม่เหล็กประสิทธิภาพสูง ยังไม่อยู่ในรายชื่อควบคุม หลังการรัฐประหารปี 2021 การส่งออกแร่ธาตุหายากจากพม่าไปจีนเพิ่มขึ้น 5 เท่า สูงถึง 3.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็นการการพึ่งพาจีน 90% ของการแปรรูปแร่หายากโลกอยู่ในจีน แบ่งเป็น แร่กลุ่มหายาก (Rare Earth Elements) มูลค่า: 3.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ปี 2025) ส่วนแบ่งการนำเข้า: กว่า 50% ของการนำเข้าแร่หายากทั้งหมดของจีน ชนิดแร่หลัก: เทอร์เบียม (Terbium) และดีสโพรเซียม (Dysprosium) ในกลุ่ม Heavy Rare Earth Elements (HREE) พื้นที่ทำเหมืองหลักที่คะฉิ่น ที่เหมือง Chipwi และ Momauk: มีบ่อแร่มากกว่า 2,700 บ่อ เมือง Panwa: แหล่งผลิตหลักภายใต้การควบคุมของ Kachin Independence Army (KIA) การขยายตัว: จำนวนไซต์ทำเหมืองเพิ่มขึ้น 40% นับตั้งแต่ปี 2021 โดยพื้นที่ KIA: เก็บภาษี 35,000 หยวน/ตัน (ประมาณ 4,800 ดอลลาร์สหรัฐ) บริษัทจีนผู้รับซื้อหลัก คือ China Rare Earths Group (REGCC) ควบคุมการประมูลแร่กว่า 80% China Northern Rare Earth Group ผู้ประมูลแร่รายใหญ่ของโลก และ JL Mag Rare-Earth: ผู้ผลิตแม่เหล็กถาวรรายใหญ่ ใช้แร่จากพม่าในอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า และยังมีบริษัท Rising Nonferrous บริษัทที่ได้รับอนุมัติให้นำเข้าแร่หายากจากเมียนมาโดยตรง นอกจากนั้นก็จะมี China Nonferrous Metal Mining Group (CNMC) รับซื้อ: ทองแดง, นิกเกิล พื้นที่รับซื้อคือเหมือง Monywa ในเขตสะกาย บริษัท China Minmetals Corporation: รับซื้อ: แร่หายาก, ดีบุก, ทังสเตน Aluminum Corporation of China (CHINALCO): รับซื้อ: แร่ที่เกี่ยวข้องกับอะลูมิเนียมและโลหะผสม Yunnan Tin Company: รับซื้อ: ดีบุก เพราะเป็นผู้ผลิตดีบุกรายใหญ่ของจีน Pangang Group: รับซื้อ: ทังสเตน, พลวง เป็นผู้นำในอุตสาหกรรมโลหะหนัก ______________________________ การส่งออกแร่ธาตุจากพม่าไปจีนมีป้อนอุตสาหกรรมหลักที่สร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำให้จีน และแน่นอนต้องใช้ฐานของกลุ่มประเทศอาเซียนเป็นตลาดหลักและบายพาสไปยังกลุ่มประเทศที่มีกำแพงภาษีสูงไม่ว่าจะเป็น • อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า (Electric Vehicles)แร่ธาตุหายาก เช่น ดิสโพรเซียม (Dysprosium) และเทอร์เบียม (Terbium) ที่นำเข้าจากพม่าใช้เป็นวัตถุดิบสำคัญในการผลิตแม่เหล็กถาวรสำหรับมอเตอร์ในรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งจีนมีความต้องการสูงมากในช่วงหลังเพื่อรองรับการเติบโตของตลาด EV • อุตสาหกรรมพลังงานลม (Wind Power)แม่เหล็กถาวรที่ผลิตจากแร่ธาตุหายากเหล่านี้ยังถูกใช้ในกังหันลมเพื่อผลิตพลังงานสะอาด ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายพลังงานทดแทนของจีน • อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ (Electronics)แร่ธาตุหายากจากพม่าถูกนำไปใช้ในชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ เช่น สมาร์ทโฟน คอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่น ๆ ที่ต้องการแม่เหล็กและวัสดุพิเศษ • อุตสาหกรรมแม่เหล็กถาวร (Permanent Magnets) บริษัทจีนใหญ่ เช่น China Southern Rare Earth ใช้แร่ธาตุจากพม่าในการผลิตแม่เหล็กถาวรที่เป็นวัตถุดิบสำคัญในหลายอุตสาหกรรม • อาวุธยุทโธปกรณ์ (Defence Industry) และอุตสาหกรรมอวกาศ และอากาศยาน (Aerospace Industry) สถานการณ์ความต้องการแร่ธาตุหายากงวดขึ้นเพราะนับวันแร่ธาตุเหล่านั้นย่อมลดลง ตามชื่อเพราะยิ่งหายากขึ้น โดยในช่วงครึ่งแรกของปี 2024 จีนเพิ่มการนำเข้าแร่หายากจากพม่าเกิน 9 เท่าเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า และคิดเป็นกว่า 70% ของแร่ธาตุหายากที่จีนใช้ทั้งหมด ซึ่งทำให้พม่าเป็นแหล่งผลิตแร่หายากที่ใหญ่ที่สุดของจีนในปัจจุบัน ______________________________ ความต้องการสูงและความไม่แน่นอนของซัพพลายเชน โดยเฉพาะในช่วงที่มีความขัดข้องจากสถานการณ์ภูมิรัฐศาสตร์ ทำให้จีนพึ่งพาแหล่งแร่จากต่างประเทศมากขึ้น โดยเฉพาะพม่าเป็นสัดส่วนถึง 70% ของวัตถุดิบที่ใช้ เนื่องจากเหมืองในจีนผลิตไม่เพียงพอและมีข้อจำกัดด้านสิ่งแวดล้อมและนโยบาย ปัญหาจึงอยู่ที่แร่ธาตุหายากจากพม่าส่วนใหญ่ถูกขุดอย่างผิดกฎหมายและผ่านช่องทางที่ไม่โปร่งใส ทำให้บริษัทจีนที่แปรรูปแร่ไม่สามารถระบุแหล่งที่มาได้ชัดเจน ส่งผลต่อความยั่งยืนและความน่าเชื่อถือของตลาด รวมถึงสร้างปัญหาสุขภาพและสิ่งแวดล้อมต่อพม่าอย่างมหาศาล หากเจาะพื้นที่การทำเหมืองในรัฐต่าง ๆ การทำเหมืองในเมียนมามักอยู่ในพื้นที่ที่มีความขัดแย้งหรือควบคุมโดยกลุ่มติดอาวุธ ซึ่งมีผลต่อการส่งออกและการจัดการทรัพยากร ดังนี้: • รัฐคะฉิ่น (Kachin State): แร่หลัก: แร่หายาก (REEs), พลวง, ทองคำ, อิตเทรียม พื้นที่ป่าทางตอนเหนือ อุดมไปด้วยแร่หายาก แต่ได้รับผลกระทบจากความขัดแย้งระหว่างกองทัพเมียนมาและกองทัพปลดปล่อยคะฉิ่น (KIA) ส่วนใหญ่ทำลายสิ่งแวดล้อม น้ำกลายเป็นโคลน และสัตว์ป่าลดลง • รัฐฉาน (Shan State): แร่หลัก: ดีบุก, ตะกั่ว, สังกะสี, ทังสเตน,ทองคำพื้นที่ที่มีเหมืองดีบุกขนาดใหญ่ เช่น เหมือง Man Maw การควบคุมโดยกลุ่มติดอาวุธที่เชื่อมโยงกับกองทัพเมียนมา ทำให้เงินจากเหมือง สนับสนุนกองทัพ สร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมมหาศาลเช่นกันและลุกลามไปยังประเทศเพื่อนบ้านคือประเทศไทย • เขตสะกาย (Sagaing Region): แร่หลัก: ทองแดง, นิกเกิล, ทองคำพื้นที่ที่มีการสู้รบหนักระหว่างกองทัพเมียนมาและกองกำลัง PDF • เขตมัณฑะเลย์ (Mandalay Region): แร่หลัก: แร่หายาก, พลวง, อิตเทรียม, ทองคำพื้นที่ที่มีเหมืองขนาดเล็กกระจายอยู่ • เขตตะนาวศรี (Tanintharyi Region): แร่หลัก: ดีบุก เป็นเหมืองดีบุกขนาดใหญ่ใกล้ชายฝั่ง • รัฐมอญ (Mon State): แร่หลัก: ทองแดง เป็นเหมืองขนาดเล็กถึงปานกลาง • รัฐกะยา (Kayah State): แร่หลัก: ตะกั่ว พื้นที่ที่มีความขัดแย้งสูง ______________________________ สอบทานต้นทาง-ย้อนกลับห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) ของแร่ธาตุจากเมียนมาไปจีนมีลักษณะดังนี้ เริ่มต้นสำรวจแหล่ง แน่นอนฐานข้อมูลมีอยู่แล้วในมือรัฐบาลทหารพม่า และในกำมือเทคโนโลยีจีน ก่อนจะให้บริษัทเอกชนในแต่ละความถนัดของจีน และของพม่าเอง ขุดและแปรรูปเบื้องต้น เหมืองส่วนใหญ่ในพม่าดำเนินการโดยบริษัทท้องถิ่นหรือบริษัทจีนร่วมทุน การแปรรูปขั้นต้น (เช่น การถลุงแร่ดีบุก) มักทำในเมียนมาก่อนส่งออก ส่วนใหญ่ในพื้นที่ขัดแย้งทำให้เกิดปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมและการละเมิดสิทธิมนุษยชน การขนส่ง เส้นทางหลัก: จากเหมืองในรัฐคะฉิ่นและฉานไปยังชายแดนจีน (มณฑลยูนนาน) ผ่านทางรถไฟหรือถนน เช่น เส้นทางรถไฟเจ้าผิ่ว-มูเซ บางส่วนส่งออกผ่านท่าเรือในเขตตะนาวศรีและย่างกุ้ง การแปรรูปขั้นสูงในจีน ปลายทางคือโรงงานแปรรูปอยู่ในมณฑลกวางตุ้ง, เจียงซู, และแถบเศรษฐกิจแยงซีเกียง โดยแร่หายากถูกกลั่นเป็นโลหะบริสุทธิ์หรือสารประกอบ เช่น นีโอดิเมียมสำหรับแม่เหล็ก หรืออิตเทรียมสำหรับ LED สายพานอุตสาหกรรมที่ใช้งานแบ่งตามแร่ธาตุอุตสาหกรรมเทคโนโลยี: แร่หายาก (REEs) และดีบุกใช้ในสมาร์ทโฟน, คอมพิวเตอร์, เซมิคอนดักเตอร์ ยานยนต์ไฟฟ้า: แร่หายาก (นีโอดิเมียม, ดิสโพรเซียม) และนิกเกิลใช้ในมอเตอร์และแบตเตอรี่ พลังงานสะอาด: ทังสเตนและพลวงใช้ในกังหันลมและแผงโซลาร์ อุตสาหกรรมทหาร: แร่หายากและพลวงใช้ในขีปนาวุธ, เรดาร์, และเลเซอร์ การก่อสร้างและเครื่องจักร: ทองแดงและสังกะสีใช้ในสายไฟและโครงสร้าง ความท้าทายในระบบ Supply Chain ส่วนใหญ่คือความขัดแย้งในเมียนมาอาจขัดขวางการขนส่ง จากผลประโยชน์มหาศาลเพื่อนำมาเป็นอาวุธและจุนเจือเสบียงในการรบ ขณะที่นานาชาติได้เรียกร้องให้ตรวจสอบแร่จากพื้นที่ขัดแย้ง แต่จีนเป็นประเทศเดียวที่บังคับให้แยกแร่จากเมียนมาและจีน ______________________________ ล่าสุด กองกำลังเอกราชคะฉิ่น (Kachin Independent Organization, Kachin Independent Army- KIA) ซึ่งได้เป็นเจ้าของใหม่ของเหมืองแร่หายาก หรือแร่แรร์เอิร์ธ (Rare Earth) อนุญาตให้ส่งออกแร่หายากไปยังประเทศจีน โดยเก็บภาษีในอัตรา 30,500 หยวนต่อหนึ่งตัน (ราว 160,000 บาท) พื้นที่แหล่งแร่หายากที่มีมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ในเขตปางวาและชิพเว (Pang Wa, Chi Pwi) ในรัฐคะฉิ่น ซึ่งกลุ่ม KIA เข้ายึดครองในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2567 ได้รับอนุญาตให้ส่งออกแร่หายากไปยังจีนหลังจากควบคุมพื้นที่มาได้ 6 เดือน สำนักข่าวรอยเตอร์ เมื่อวันที่ 27 มีนาคม 2568 KIO/KIA ได้อนุญาตให้ส่งออกแร่หายากไปยังประเทศจีน โดยเก็บภาษีในอัตรา 30,500 หยวนต่อหนึ่งตัน อย่างไรก็ตาม รายละเอียดอื่น ๆ ในหนังสืออนุญาตของ KIO ยังไม่ได้รับการเปิดเผย เจ้าหน้าที่ KIA เขตปางวาให้ข้อมูลว่าKIO/KIA และรัฐบาลจีน ยังคงเจรจาเกี่ยวกับการใช้จุดผ่านแดนเดียวในการส่งออกแร่หายาก และจนถึงสัปดาห์ที่สองของเดือนเมษายน ยังไม่มีการส่งออกอย่างเป็นทางการ KIA สามารถควบคุมจุดผ่านแดนทางการค้าระหว่างจีน-พม่าในรัฐคะฉิ่นทั้งหมด ได้แก่ กานปายตี Kan Pai Ti, ล่วยเจ Loi Je และปางวา ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างตรวจสอบว่าจะใช้จุดผ่านแดนใดในการส่งออก หลังจากที่ KIA ควบคุมพื้นที่ปางวาและชิพเว รัฐบาลจีนได้มีคำสั่งปิดจุดผ่านแดนทั้งหมด ทำให้บริษัทเหมืองแร่ส่วนใหญ่หยุดดำเนินการ มีเพียงบางบริษัทที่ยังคงขุดแร่ต่อไป เนื่องจากยังมีวัตถุดิบหลงเหลืออยู่ รายงานของ Global Witness ระบุว่า การทำเหมืองแร่แรร์เอิร์ทในพื้นที่ปางวาเริ่มขึ้นในปี 2016 โดยนักธุรกิจชาวจีน ซึ่งส่งออกแร่ไปยังจีนเป็นหลัก ตามข้อมูลปัจจุบัน พม่าติดอันดับ 3 ของประเทศผู้ผลิตแร่แรร์เอิร์ท และคิดเป็น 50% ของการส่งออกแร่หายากทั่วโลก หลังจากการรัฐประหารของกองทัพพม่า การทำเหมืองแร่แรร์เอิร์ทในพื้นที่ปางวาและชิพเวเพิ่มขึ้น 40% และจำนวนเหมืองแร่เพิ่มขึ้นกว่า 300 แห่ง ในปี 2566 เพียงปีเดียว มีการส่งออกแร่หายากไปยังจีนมากถึง 41,700 ตัน สร้างรายได้ถึง 1.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ______________________________ สรุปขมวดปม การส่งออกแร่ธาตุจากพม่าไปจีนช่วยเสริมความมั่นคงของซัพพลายเชนแร่หายากในจีน ลดภาวะขาดแคลนและสนับสนุนอุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูง แต่ก็เพิ่มความเสี่ยงด้านความโปร่งใสและความยั่งยืนในตลาดแร่ธาตุของจีน แร่ธาตุหายากจากพม่ามีบทบาทสำคัญในห่วงโซ่อุปทานของจีน โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีขั้นสูงและพลังงานสะอาด ซึ่งจีนพึ่งพาการนำเข้าแร่จากพม่าเป็นสัดส่วนสูงถึง 70% ของแร่หายากที่ใช้ในประเทศ เหมืองแร่หายากเหล่านี้ทั้งหมด รวมถึงแร่ทองคำ และอื่น ๆ ที่ปักหมุดขุดหลุมร่อนตระแกรง ทุกรัฐในเมียนมาก่อให้เกิดความเสียหายรุนแรงต่อสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติ ป่าเขา แม่น้ำ ลำธาร โดยคนงานบางรายถูกเอารัดเอาเปรียบอย่างโหดร้าย หญิงคนงานถูกล่วงละเมิดทางเพศ และหลายคนได้รับอันตรายทางสุขภาพอย่างร้ายแรงจากสารเคมีที่ใช้ในเหมือง และส่งผลกระทบต่อพื้นที่ที่กว้างขวางขึ้นรวมถึงประเทศไทย และลุ่มแม่น้ำโขงตอนบน คำถามคือจีนมีส่วนสำคัญในการสร้างมลภาวะในพื้นที่ ควรจะร่วมรับผิดชอบหรือไม่ ไม่ใช่การสูบทรัพยากรในพื้นที่แต่ไม่ได้เหลียวแลผลกระทบที่จะตามมา อันจะกลายเป็นการสร้างปัญหาใหญ่ให้กับจีนในอนาคต อ้างอิง : https://www.facebook.com/GlobalWitness/ และสำนักข่าวชายขอบ https://shorturl.asia/6GnqX ประชาไท https://prachatai.com/journal/2025/01/111942 ______________________________ 10 อันดับแร่ธาตุที่ส่งออกจากเมียนมาไปจีน (เรียงตามมูลค่าประเมิน) 1. แร่ดีบุก (Tin) o มูลค่า: สูงสุด เนื่องจากเมียนมาเป็นผู้ผลิตดีบุกรายใหญ่อันดับ 3 ของโลก และจีนนำเข้า 95% ของหัวแร่ดีบุกจากเมียนมาในปี 2563 o การใช้งาน: ใช้ในอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ (บัดกรีแผงวงจร), การผลิตโลหะผสม o พื้นที่เหมือง: รัฐฉาน (Shan State), เขตตะนาวศรี (Tanintharyi Region) 2. แร่หายาก (Rare Earth Elements: REEs) o มูลค่า: สูง เนื่องจากความต้องการในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูงของจีน o การใช้งาน: ผลิตแม่เหล็กถาวร (Permanent Magnets), แบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า, อุปกรณ์เลเซอร์, เซมิคอนดักเตอร์ o พื้นที่เหมือง: รัฐคะฉิ่น (Kachin State), เขตมัณฑะเลย์ (Mandalay Region) 3. ทองแดง (Copper) o มูลค่า: สูง เนื่องจากราคาทองแดงในตลาดโลกพุ่งสูงหลังรัฐประหาร o การใช้งาน: สายไฟ, อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์, การก่อสร้าง o พื้นที่เหมือง: เขตสะกาย (Sagaing Region), รัฐมอญ (Mon State) 4. ตะกั่ว (Lead) o มูลค่า: ปานกลางถึงสูง ใช้ในอุตสาหกรรมแบตเตอรี่ o การใช้งาน: แบตเตอรี่ตะกั่ว-กรด, อุตสาหกรรมยานยนต์ o พื้นที่เหมือง: รัฐฉาน, รัฐกะยา (Kayah State) 5. สังกะสี (Zinc) o มูลค่า: ปานกลาง ใช้ในอุตสาหกรรมเคลือบโลหะ o การใช้งาน: การชุบกัลวาไนซ์, โลหะผสม o พื้นที่เหมือง: รัฐฉาน, เขตย่างกุ้ง (Yangon Region) 6. นิกเกิล (Nickel) o มูลค่า: ปานกลาง เนื่องจากความต้องการในอุตสาหกรรมแบตเตอรี่ o การใช้งาน: แบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน, สแตนเลส o พื้นที่เหมือง: เขตสะกาย, รัฐฉาน 7. พลวง (Antimony) o มูลค่า: ปานกลาง ใช้ในอุตสาหกรรมทหารและพลังงาน o การใช้งาน: สารหน่วงไฟ, โลหะผสม, อุปกรณ์ทหาร o พื้นที่เหมือง: รัฐคะฉิ่น, เขตมัณฑะเลย์ 8. ทังสเตน (Tungsten) o มูลค่า: ปานกลาง ใช้ในอุตสาหกรรมที่มีความแข็งสูง o การใช้งาน: โลหะผสม, เครื่องมือตัด, อุปกรณ์ทหาร o พื้นที่เหมือง: รัฐฉาน, รัฐคะฉิ่น 9. ทองคำ (Gold) o มูลค่า: ปานกลางถึงสูง ขึ้นอยู่กับราคาตลาดโลก o การใช้งาน: อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์, เครื่องประดับ o พื้นที่เหมือง: เขตมัณฑะเลย์, รัฐคะฉิ่น, เขตสะกาย 10. อิตเทรียม (Yttrium) o มูลค่า: ต่ำถึงปานกลาง แต่มีความสำคัญในอุตสาหกรรมเฉพาะ o การใช้งาน: สารเรืองแสงใน LED, อุปกรณ์ MRI, เซรามิก o พื้นที่เหมือง: รัฐคะฉิ่น, เขตมัณฑะเลย์ หมายเหตุ: มูลค่าที่ระบุเป็นการประเมินจากความสำคัญในห่วงโซ่อุปทานและปริมาณการส่งออก เนื่องจากไม่มีข้อมูลตัวเลขที่แน่นอนหลังรัฐประหาร ______________________________
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1262 มุมมอง 0 รีวิว
  • Anthropic ได้เปิดตัว Claude Research และการผสานรวมกับ Google Workspace เพื่อช่วยให้ผู้ใช้สามารถค้นหาข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดย Claude Research จะทำการค้นหาหลายครั้งเพื่อให้ได้คำตอบที่ครอบคลุมและมีการอ้างอิงแหล่งข้อมูล

    ✅ Claude Research: ฟีเจอร์ใหม่สำหรับการค้นหาข้อมูล
    - คล้ายกับ Deep Research ของ ChatGPT แต่เน้นให้คำตอบที่กระชับและมีคุณภาพสูง
    - ทำการค้นหาหลายครั้งเพื่อสำรวจมุมมองต่างๆ ของคำถาม
    - ให้คำตอบพร้อม การอ้างอิงแหล่งข้อมูล เพื่อให้ผู้ใช้สามารถตรวจสอบความถูกต้อง

    ✅ การผสานรวมกับ Google Workspace
    - Claude สามารถเข้าถึง Gmail และ Calendar เพื่อให้ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับงานของผู้ใช้
    - ผู้ใช้สามารถขอให้ Claude ตรวจสอบ บันทึกการประชุม และค้นหาเอกสารที่เกี่ยวข้อง
    - Claude สามารถให้ การอ้างอิงเนื้อหาแบบอินไลน์ เพื่อช่วยให้ผู้ใช้ตรวจสอบแหล่งข้อมูลได้ง่ายขึ้น

    ✅ การปรับปรุงการค้นหาสำหรับองค์กร
    - ผู้ดูแลระบบสามารถเปิดใช้งาน cataloging เพื่อให้ Claude ค้นหาข้อมูลจากเอกสารภายในองค์กรได้ดีขึ้น
    - ใช้เทคนิค Retrieval-Augmented Generation (RAG) เพื่อเพิ่มความแม่นยำในการค้นหา

    ✅ การเปิดใช้งานและการเข้าถึง
    - Claude Research เปิดให้ใช้งานใน Max, Team และ Enterprise plans ในสหรัฐฯ, ญี่ปุ่น และบราซิล
    - การผสานรวมกับ Google Workspace เปิดให้ใช้งานสำหรับ ผู้ใช้ที่สมัครแพ็กเกจแบบชำระเงิน
    - ผู้ดูแลระบบต้องเปิดใช้งาน Google Workspace integration ก่อนที่ผู้ใช้จะสามารถเชื่อมต่อบัญชีได้

    https://www.neowin.net/news/anthropic-claude-announces-google-workspace-integration-and-new-research-tool/
    Anthropic ได้เปิดตัว Claude Research และการผสานรวมกับ Google Workspace เพื่อช่วยให้ผู้ใช้สามารถค้นหาข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดย Claude Research จะทำการค้นหาหลายครั้งเพื่อให้ได้คำตอบที่ครอบคลุมและมีการอ้างอิงแหล่งข้อมูล ✅ Claude Research: ฟีเจอร์ใหม่สำหรับการค้นหาข้อมูล - คล้ายกับ Deep Research ของ ChatGPT แต่เน้นให้คำตอบที่กระชับและมีคุณภาพสูง - ทำการค้นหาหลายครั้งเพื่อสำรวจมุมมองต่างๆ ของคำถาม - ให้คำตอบพร้อม การอ้างอิงแหล่งข้อมูล เพื่อให้ผู้ใช้สามารถตรวจสอบความถูกต้อง ✅ การผสานรวมกับ Google Workspace - Claude สามารถเข้าถึง Gmail และ Calendar เพื่อให้ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับงานของผู้ใช้ - ผู้ใช้สามารถขอให้ Claude ตรวจสอบ บันทึกการประชุม และค้นหาเอกสารที่เกี่ยวข้อง - Claude สามารถให้ การอ้างอิงเนื้อหาแบบอินไลน์ เพื่อช่วยให้ผู้ใช้ตรวจสอบแหล่งข้อมูลได้ง่ายขึ้น ✅ การปรับปรุงการค้นหาสำหรับองค์กร - ผู้ดูแลระบบสามารถเปิดใช้งาน cataloging เพื่อให้ Claude ค้นหาข้อมูลจากเอกสารภายในองค์กรได้ดีขึ้น - ใช้เทคนิค Retrieval-Augmented Generation (RAG) เพื่อเพิ่มความแม่นยำในการค้นหา ✅ การเปิดใช้งานและการเข้าถึง - Claude Research เปิดให้ใช้งานใน Max, Team และ Enterprise plans ในสหรัฐฯ, ญี่ปุ่น และบราซิล - การผสานรวมกับ Google Workspace เปิดให้ใช้งานสำหรับ ผู้ใช้ที่สมัครแพ็กเกจแบบชำระเงิน - ผู้ดูแลระบบต้องเปิดใช้งาน Google Workspace integration ก่อนที่ผู้ใช้จะสามารถเชื่อมต่อบัญชีได้ https://www.neowin.net/news/anthropic-claude-announces-google-workspace-integration-and-new-research-tool/
    WWW.NEOWIN.NET
    Anthropic Claude announces Google Workspace integration and new Research tool
    Anthropic has launched two new features for its AI assistant, Claude, aimed at enterprise users. The 'Research' feature performs multi-faceted searches for cited answers.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 267 มุมมอง 0 รีวิว
  • บริษัทเซมิคอนดักเตอร์จีน เช่น Cambricon Technologies, Loongson, และ Maxscend Microelectronics ได้แจ้งนักลงทุนว่าภาษีที่สหรัฐฯ กำหนดไม่มีผลกระทบต่อธุรกิจของพวกเขา เนื่องจากรายได้ส่วนใหญ่ของบริษัทมาจากตลาดภายในประเทศจีน และการคว่ำบาตรที่มีอยู่แล้วทำให้ไม่สามารถขายสินค้าในตลาดสหรัฐฯ ได้

    นอกจากนี้ บริษัทเหล่านี้ยังมีการปรับตัวเพื่อรับมือกับความท้าทาย เช่น การพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เน้นตลาดภายในประเทศ และการสร้างความร่วมมือกับประเทศอื่นๆ เช่น บราซิล เพื่อลดผลกระทบจากข้อพิพาททางการค้า

    ✅ การตอบสนองต่อภาษีของสหรัฐฯ
    - บริษัทเซมิคอนดักเตอร์จีนระบุว่าภาษีที่สหรัฐฯ กำหนดไม่มีผลกระทบต่อธุรกิจ
    - การคว่ำบาตรที่มีอยู่แล้วทำให้ไม่สามารถขายสินค้าในตลาดสหรัฐฯ ได้

    ✅ การปรับตัวของบริษัทจีน
    - บริษัทพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เน้นตลาดภายในประเทศ
    - สร้างความร่วมมือกับประเทศอื่นๆ เช่น บราซิล

    ℹ️ ความเสี่ยงต่อการพัฒนาเทคโนโลยี
    - การคว่ำบาตรและภาษีอาจลดโอกาสในการเข้าถึงเทคโนโลยีขั้นสูง
    - การพึ่งพาตลาดภายในประเทศอาจจำกัดการเติบโตในระยะยาว

    ℹ️ ผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
    - ความขัดแย้งทางการค้าอาจเพิ่มความตึงเครียดระหว่างจีนและสหรัฐฯ
    - การตอบโต้ทางการค้าอาจส่งผลต่อเศรษฐกิจโลก

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/chinese-chip-giants-say-they-dont-care-about-u-s-tariffs-many-dont-sell-to-the-u-s-anyway-due-to-existing-sanctions
    บริษัทเซมิคอนดักเตอร์จีน เช่น Cambricon Technologies, Loongson, และ Maxscend Microelectronics ได้แจ้งนักลงทุนว่าภาษีที่สหรัฐฯ กำหนดไม่มีผลกระทบต่อธุรกิจของพวกเขา เนื่องจากรายได้ส่วนใหญ่ของบริษัทมาจากตลาดภายในประเทศจีน และการคว่ำบาตรที่มีอยู่แล้วทำให้ไม่สามารถขายสินค้าในตลาดสหรัฐฯ ได้ นอกจากนี้ บริษัทเหล่านี้ยังมีการปรับตัวเพื่อรับมือกับความท้าทาย เช่น การพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เน้นตลาดภายในประเทศ และการสร้างความร่วมมือกับประเทศอื่นๆ เช่น บราซิล เพื่อลดผลกระทบจากข้อพิพาททางการค้า ✅ การตอบสนองต่อภาษีของสหรัฐฯ - บริษัทเซมิคอนดักเตอร์จีนระบุว่าภาษีที่สหรัฐฯ กำหนดไม่มีผลกระทบต่อธุรกิจ - การคว่ำบาตรที่มีอยู่แล้วทำให้ไม่สามารถขายสินค้าในตลาดสหรัฐฯ ได้ ✅ การปรับตัวของบริษัทจีน - บริษัทพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เน้นตลาดภายในประเทศ - สร้างความร่วมมือกับประเทศอื่นๆ เช่น บราซิล ℹ️ ความเสี่ยงต่อการพัฒนาเทคโนโลยี - การคว่ำบาตรและภาษีอาจลดโอกาสในการเข้าถึงเทคโนโลยีขั้นสูง - การพึ่งพาตลาดภายในประเทศอาจจำกัดการเติบโตในระยะยาว ℹ️ ผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ - ความขัดแย้งทางการค้าอาจเพิ่มความตึงเครียดระหว่างจีนและสหรัฐฯ - การตอบโต้ทางการค้าอาจส่งผลต่อเศรษฐกิจโลก https://www.tomshardware.com/tech-industry/chinese-chip-giants-say-they-dont-care-about-u-s-tariffs-many-dont-sell-to-the-u-s-anyway-due-to-existing-sanctions
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 286 มุมมอง 0 รีวิว
  • สงครามการค้าระหว่าง สหรัฐฯ และ จีน ได้สร้างความผันผวนให้กับตลาดโลก โดยเฉพาะในกลุ่มอุตสาหกรรมเทคโนโลยีที่ต้องเผชิญกับแรงกดดันอย่างหนักจากการประกาศมาตรการภาษีของประธานาธิบดี Donald Trump บริษัท Apple ซึ่งเป็นบริษัทเทคโนโลยีที่ใหญ่ที่สุดในโลกตามมูลค่าตลาดได้รับผลกระทบรุนแรงที่สุดในครั้งนี้

    ✅ ผลกระทบจากมาตรการภาษี 50%: มาตรการภาษีที่กำลังถูกเสนอจะส่งผลโดยตรงต่อผลิตภัณฑ์ของ Apple ที่ผลิตในจีน ซึ่งครอบคลุมตั้งแต่ iPhone ไปจนถึง MacBook ที่อาจต้องเพิ่มราคาขายสูงถึง 350 ดอลลาร์ ต่อเครื่องเพื่อชดเชยต้นทุนที่เพิ่มขึ้น หาก Apple เลือกที่จะส่งต่อภาระภาษีไปยังผู้บริโภค

    ✅ การผลิตในประเทศอื่นที่ยังไม่แน่นอน: แม้ว่า Apple จะมีฐานการผลิตใน เวียดนาม ไทย และอินเดีย แต่ประเทศเหล่านี้ก็ต้องเจอมาตรการภาษีที่เพิ่มขึ้นเช่นกัน นอกจากนี้ยังมีข่าวลือว่า Apple อาจพิจารณาย้ายฐานการผลิตบางส่วนไปยัง บราซิล ซึ่งเผชิญอัตราภาษีต่ำกว่าประเทศอื่น

    ✅ สถานะของหุ้น Apple: มูลค่าหุ้นของ Apple ลดลงเกือบ 20% ในช่วงสามวันแรกของสงครามการค้า ทำให้สูญเสียมูลค่าตลาดกว่า 640 พันล้านดอลลาร์ ก่อนจะเริ่มฟื้นตัวในวันอังคาร

    https://www.techspot.com/news/107459-apple-stock-plummets-trump-tariff-threat-wiping-out.html
    สงครามการค้าระหว่าง สหรัฐฯ และ จีน ได้สร้างความผันผวนให้กับตลาดโลก โดยเฉพาะในกลุ่มอุตสาหกรรมเทคโนโลยีที่ต้องเผชิญกับแรงกดดันอย่างหนักจากการประกาศมาตรการภาษีของประธานาธิบดี Donald Trump บริษัท Apple ซึ่งเป็นบริษัทเทคโนโลยีที่ใหญ่ที่สุดในโลกตามมูลค่าตลาดได้รับผลกระทบรุนแรงที่สุดในครั้งนี้ ✅ ผลกระทบจากมาตรการภาษี 50%: มาตรการภาษีที่กำลังถูกเสนอจะส่งผลโดยตรงต่อผลิตภัณฑ์ของ Apple ที่ผลิตในจีน ซึ่งครอบคลุมตั้งแต่ iPhone ไปจนถึง MacBook ที่อาจต้องเพิ่มราคาขายสูงถึง 350 ดอลลาร์ ต่อเครื่องเพื่อชดเชยต้นทุนที่เพิ่มขึ้น หาก Apple เลือกที่จะส่งต่อภาระภาษีไปยังผู้บริโภค ✅ การผลิตในประเทศอื่นที่ยังไม่แน่นอน: แม้ว่า Apple จะมีฐานการผลิตใน เวียดนาม ไทย และอินเดีย แต่ประเทศเหล่านี้ก็ต้องเจอมาตรการภาษีที่เพิ่มขึ้นเช่นกัน นอกจากนี้ยังมีข่าวลือว่า Apple อาจพิจารณาย้ายฐานการผลิตบางส่วนไปยัง บราซิล ซึ่งเผชิญอัตราภาษีต่ำกว่าประเทศอื่น ✅ สถานะของหุ้น Apple: มูลค่าหุ้นของ Apple ลดลงเกือบ 20% ในช่วงสามวันแรกของสงครามการค้า ทำให้สูญเสียมูลค่าตลาดกว่า 640 พันล้านดอลลาร์ ก่อนจะเริ่มฟื้นตัวในวันอังคาร https://www.techspot.com/news/107459-apple-stock-plummets-trump-tariff-threat-wiping-out.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Apple's China exposure makes it most vulnerable in US-China trade war
    While most major American tech companies have much to lose in a global trade war, Apple – the world's largest by market cap – is the most...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 322 มุมมอง 0 รีวิว
  • ใครจะกะพริบตาก่อนกัน🧲 หมากเจรจาของทรัมป์ คือ ตัังกำแพงภาษีสูงไว้ก่อน ต้อนให้คู่ค้าเข้ามาเจรจาถ้าคู่ค้าหมอบ ตกลงกันได้ ลดภาษีทั้งสองฝ่าย ก็จะเป็นชัยชนะครั้งใหญ่ทรัมป์คงประเมินแล้วว่า ในจำนวนกว่า 180 ประเทศ จะสามารถเคลียร์แบบนี้ ได้เกือบหมด ถึงแม้บางประเทศแสดงท่าที พร้อมจะตอบโต้ เช่น บราซิลลงมติ ให้อำนาจผู้นำสู้กับทรัมป์แต่ก็เลี่ยง ไม่ได้ตั้งกำแพงโต้กลับทันที พร้อมจะทำการเจรจาเสียก่อน🪤 ทรัมป์ไม่ได้บีบแคนาดาหรือเม็กซิโกเพิ่ม สองประเทศนี้จึงนิ่ง มีอยู่เพียงจีน ที่ตั้งกำแพงโต้กลับ 34% ทันที ส่วนยุโรปบอกว่าจะทำเช่นเดียวกัน แต่ไม่รู้จะประกาศเมื่อใดคาดว่ายุโรปจะเดินอย่างระมัดระวัง เพราะขายสินค้าให้สหรัฐ ปีละ 5.3 แสนล้านยูโร เกือบ 1/5 ของส่งออกยุโรปนอกจากรถยนต์ ที่เหลือคือเวชภัณฑ์ 1.1 แสน เครื่องจักรและอุปกรณ์ไฟฟ้า 0.9 แสน 🔫 สินค้าเหล่านี้มีอัตรากำไรสูง ยุโรปคงไม่เสี่ยงตัดสะพานทิ้งส่วนสหรัฐขายสินค้าให้ยุโรป 3.7 แสนล้านดอลลาร์ เกือบ 1/5 ของส่งออกสหรัฐเช่นกันถึงแม้ถ้าโดนโต้กลับรุนแรง ก็จะแย่พอกันแต่เป็นเวชภัณฑ์ 0.6 แสน เรือบิน 0.3 แสน พลังงาน 0.3 แสน ซึ่งยุโรปจำเป้นต้องใช้อยู่ตลอด ดังนั้น ละครฉากยุโรป ที่ทรัมป์เป็นพระเอก ก็คงจบลงได้ไม่ยาก 💣 ปัญหาใหญ่สุดของทรัมป์ จึงอยู่ที่สีจิ้นผิง ในฐานะผู้นำของ Global South สีจะยอมทรัมป์ไม่ได้ทรัมป์น่าจะผิดหวังพอควร เพราะรีบอ้างว่า การที่จีนโต้กลับ ส่อเป็นการหวาดผวา และเดินหมากผิดพลาด*** น่าสงสัยว่า ทรัมป์หรือสี ใครจะกะพริบตาก่อนกันข้อความที่ทรัมป์เผยแพร่ บ่งชี้ว่า เดิมคงหวังให้สีเข้ามาเจรจา เพื่อจะได้ลดกำแพงกันไปทั้งสองฝ่าย วิน วินแต่เมื่อไม่เป็นตามแผน ก็รีบปลอบใจคนอเมริกัน (ดูรูป 1) ว่า💊 [กำแพงภาษีสองฝั่งนั้น กระทบจีนมากกว่าสหรัฐ แบบเทียบกันไม่ได้เลย มาตรการนี้ ทำให้มีคนจะลงทุนในสหรัฐ กว่า 5 ล้านล้านดอลลาร์แล้ว ถึงแม้ศึกนี้ยาก แต่เราชนะแน่จึงขอให้คนอเมริกันอดทนอีกหน่อย]จีนนำเข้าจากสหรัฐ ปีละ 1.5 แสนล้านดอลลาร์ (6% ของนำเข้าจีน)เป็นเครื่องจักรและอุปกรณ์ไฟฟ้า 2.4 หมื่นล้าน น้ำมันและก๊าซ 2 หมื่น เวชภัณฑ์ 2 หมื่น อาหาร 1.6 หมื่น 🩸 ส่วนใหญ่ จีนน่าจะสามารถผลิตได้เอง หรือหาแหล่งซื้ออื่นแทนได้ ผลกระทบจึงน่าจะไม่มากนักแต่ผลกระทบต่อเกษตรกรสหรัฐ จะมีมาก และเป็นฐานเสียงสำคัญ ทรัมป์ก็รู้ดีสหรัฐนำเข้าจากจีน ปีละ 5 แสนล้านดอลลาร์ (15% ของส่งออกจีน) เป็นเครื่องจักรและอุปกรณ์ไฟฟ้า 2 แสน ของเด็กเล่น 3 หมื่น เฟอร์นิเจอร์ 2 หมื่น สินค้าพลาสติก 2 หมื่น🧬 เนื่องจากไม่มีประเทศอื่นใด ที่ต้นทุนสินค้า consumer แข่งกับจีนได้ ดังนั้น คนอเมริกันก็ยังต้องใช้ของจีนต่อไปถามว่า ผู้ผลิตจีน หรือผู้บริโภคสหรัฐ ใครจะเป็นผู้ควักกระเป๋า เพื่อข้ามกำแพงภาษี 54%การผลิตสินค้าพื้นๆ เหล่านี้ กำไรผู้ผลิตในจีน ขณะนี้เหลือบางมาก หลายโรงงานปิดตัวไปแล้วจึงเป็นไปไม่ไดั ที่จีนจะควักกระเป๋ามาจ่ายถ้าภาษียังค้างเช่นนี้ ภายใน 2-3 เดือน ราคาที่คนอเมริกันต้องจ่าย จะขยับสูงขึ้น อย่างหายห่วง 🧹 ถึงแม้ยอดส่งออกจีนไปสหรัฐ จะลดลง แต่จะไม่มีอุตสาหกรรมเบา ที่จะย้ายจากจีน ไปผลิตที่สหรัฐ ทรัมป์ก็รู้ดีอเมริกันชน ชั้นล่างและชั้นกลาง คนส่วนใหญ่ที่ซื้อสินค้าจีน จึงจะหันกลับไปมองทรัมป์ ด้วยสายตาเคืองรูป 2 แสดงการที่จีนได้กระจายแหล่งนำเข้าสินค้าต่างๆ เปลี่ยนไปจากสหรัฐรูป 3 นอกจากนี้ จีนยังบีบสหรัฐเพิ่ม โดย (1) คุมการส่งออกแร่หายากอีก 7 ตัว และ (2) เพิ่มจำนวนบริษัทสหรัฐที่คุมการส่งออกรูป 4-5 แร่หายาก 7 ตัวนี้ มีชื่อแปลกๆ แต่ต้องใช้ในการผลิตยุทโธปกรณ์ เครื่องมือแพทย์ พลังงานหมุนเวียน และดาวเทียม🧻 เป็นอันว่า หมากของทรัมป์ จะส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมไฮเทคในสหรัฐ แบบเต็มๆ ไม่ใช่แค่เฉพาะต่อชาวบ้านก่อนหน้านี้ ทรัมป์ขู่ว่า ถ้าประเทศใดโต้กลับ เขาจะยกระดับกำแพงให้สูงขึ้นอีกบัดนี้ คำขู่นี้ เจอกับหมากรุกกลับของสีจิ้นผิงแล้ว🧐 ต้องไม่ลืมว่า ชนชาวจีนกำลังเผชิญเศรษฐกิจชะลอตัว จากฟองสบู่อสังหาแตก และส่งออกลดลง บัณฑิตตกงานความอึดอัดในจีน เดิมมีสีเป็นเป้า บัดนี้ ทรัมป์ได้ยื่นตัวเข้ามา บังเป็นเป้าแทนแล้วสีอาจจะชอบใจละครฉากนี้ แต่การเดินเนื้อเรื่อง น่าจะไม่เป็นไปตามบทของทรัมป์วันที่ 6 เมษายน 2568นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และประธานคณะกรรมการด้านวิชาการ พรรคพลังประชารัฐ
    ใครจะกะพริบตาก่อนกัน🧲 หมากเจรจาของทรัมป์ คือ ตัังกำแพงภาษีสูงไว้ก่อน ต้อนให้คู่ค้าเข้ามาเจรจาถ้าคู่ค้าหมอบ ตกลงกันได้ ลดภาษีทั้งสองฝ่าย ก็จะเป็นชัยชนะครั้งใหญ่ทรัมป์คงประเมินแล้วว่า ในจำนวนกว่า 180 ประเทศ จะสามารถเคลียร์แบบนี้ ได้เกือบหมด ถึงแม้บางประเทศแสดงท่าที พร้อมจะตอบโต้ เช่น บราซิลลงมติ ให้อำนาจผู้นำสู้กับทรัมป์แต่ก็เลี่ยง ไม่ได้ตั้งกำแพงโต้กลับทันที พร้อมจะทำการเจรจาเสียก่อน🪤 ทรัมป์ไม่ได้บีบแคนาดาหรือเม็กซิโกเพิ่ม สองประเทศนี้จึงนิ่ง มีอยู่เพียงจีน ที่ตั้งกำแพงโต้กลับ 34% ทันที ส่วนยุโรปบอกว่าจะทำเช่นเดียวกัน แต่ไม่รู้จะประกาศเมื่อใดคาดว่ายุโรปจะเดินอย่างระมัดระวัง เพราะขายสินค้าให้สหรัฐ ปีละ 5.3 แสนล้านยูโร เกือบ 1/5 ของส่งออกยุโรปนอกจากรถยนต์ ที่เหลือคือเวชภัณฑ์ 1.1 แสน เครื่องจักรและอุปกรณ์ไฟฟ้า 0.9 แสน 🔫 สินค้าเหล่านี้มีอัตรากำไรสูง ยุโรปคงไม่เสี่ยงตัดสะพานทิ้งส่วนสหรัฐขายสินค้าให้ยุโรป 3.7 แสนล้านดอลลาร์ เกือบ 1/5 ของส่งออกสหรัฐเช่นกันถึงแม้ถ้าโดนโต้กลับรุนแรง ก็จะแย่พอกันแต่เป็นเวชภัณฑ์ 0.6 แสน เรือบิน 0.3 แสน พลังงาน 0.3 แสน ซึ่งยุโรปจำเป้นต้องใช้อยู่ตลอด ดังนั้น ละครฉากยุโรป ที่ทรัมป์เป็นพระเอก ก็คงจบลงได้ไม่ยาก 💣 ปัญหาใหญ่สุดของทรัมป์ จึงอยู่ที่สีจิ้นผิง ในฐานะผู้นำของ Global South สีจะยอมทรัมป์ไม่ได้ทรัมป์น่าจะผิดหวังพอควร เพราะรีบอ้างว่า การที่จีนโต้กลับ ส่อเป็นการหวาดผวา และเดินหมากผิดพลาด*** น่าสงสัยว่า ทรัมป์หรือสี ใครจะกะพริบตาก่อนกันข้อความที่ทรัมป์เผยแพร่ บ่งชี้ว่า เดิมคงหวังให้สีเข้ามาเจรจา เพื่อจะได้ลดกำแพงกันไปทั้งสองฝ่าย วิน วินแต่เมื่อไม่เป็นตามแผน ก็รีบปลอบใจคนอเมริกัน (ดูรูป 1) ว่า💊 [กำแพงภาษีสองฝั่งนั้น กระทบจีนมากกว่าสหรัฐ แบบเทียบกันไม่ได้เลย มาตรการนี้ ทำให้มีคนจะลงทุนในสหรัฐ กว่า 5 ล้านล้านดอลลาร์แล้ว ถึงแม้ศึกนี้ยาก แต่เราชนะแน่จึงขอให้คนอเมริกันอดทนอีกหน่อย]จีนนำเข้าจากสหรัฐ ปีละ 1.5 แสนล้านดอลลาร์ (6% ของนำเข้าจีน)เป็นเครื่องจักรและอุปกรณ์ไฟฟ้า 2.4 หมื่นล้าน น้ำมันและก๊าซ 2 หมื่น เวชภัณฑ์ 2 หมื่น อาหาร 1.6 หมื่น 🩸 ส่วนใหญ่ จีนน่าจะสามารถผลิตได้เอง หรือหาแหล่งซื้ออื่นแทนได้ ผลกระทบจึงน่าจะไม่มากนักแต่ผลกระทบต่อเกษตรกรสหรัฐ จะมีมาก และเป็นฐานเสียงสำคัญ ทรัมป์ก็รู้ดีสหรัฐนำเข้าจากจีน ปีละ 5 แสนล้านดอลลาร์ (15% ของส่งออกจีน) เป็นเครื่องจักรและอุปกรณ์ไฟฟ้า 2 แสน ของเด็กเล่น 3 หมื่น เฟอร์นิเจอร์ 2 หมื่น สินค้าพลาสติก 2 หมื่น🧬 เนื่องจากไม่มีประเทศอื่นใด ที่ต้นทุนสินค้า consumer แข่งกับจีนได้ ดังนั้น คนอเมริกันก็ยังต้องใช้ของจีนต่อไปถามว่า ผู้ผลิตจีน หรือผู้บริโภคสหรัฐ ใครจะเป็นผู้ควักกระเป๋า เพื่อข้ามกำแพงภาษี 54%การผลิตสินค้าพื้นๆ เหล่านี้ กำไรผู้ผลิตในจีน ขณะนี้เหลือบางมาก หลายโรงงานปิดตัวไปแล้วจึงเป็นไปไม่ไดั ที่จีนจะควักกระเป๋ามาจ่ายถ้าภาษียังค้างเช่นนี้ ภายใน 2-3 เดือน ราคาที่คนอเมริกันต้องจ่าย จะขยับสูงขึ้น อย่างหายห่วง 🧹 ถึงแม้ยอดส่งออกจีนไปสหรัฐ จะลดลง แต่จะไม่มีอุตสาหกรรมเบา ที่จะย้ายจากจีน ไปผลิตที่สหรัฐ ทรัมป์ก็รู้ดีอเมริกันชน ชั้นล่างและชั้นกลาง คนส่วนใหญ่ที่ซื้อสินค้าจีน จึงจะหันกลับไปมองทรัมป์ ด้วยสายตาเคืองรูป 2 แสดงการที่จีนได้กระจายแหล่งนำเข้าสินค้าต่างๆ เปลี่ยนไปจากสหรัฐรูป 3 นอกจากนี้ จีนยังบีบสหรัฐเพิ่ม โดย (1) คุมการส่งออกแร่หายากอีก 7 ตัว และ (2) เพิ่มจำนวนบริษัทสหรัฐที่คุมการส่งออกรูป 4-5 แร่หายาก 7 ตัวนี้ มีชื่อแปลกๆ แต่ต้องใช้ในการผลิตยุทโธปกรณ์ เครื่องมือแพทย์ พลังงานหมุนเวียน และดาวเทียม🧻 เป็นอันว่า หมากของทรัมป์ จะส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมไฮเทคในสหรัฐ แบบเต็มๆ ไม่ใช่แค่เฉพาะต่อชาวบ้านก่อนหน้านี้ ทรัมป์ขู่ว่า ถ้าประเทศใดโต้กลับ เขาจะยกระดับกำแพงให้สูงขึ้นอีกบัดนี้ คำขู่นี้ เจอกับหมากรุกกลับของสีจิ้นผิงแล้ว🧐 ต้องไม่ลืมว่า ชนชาวจีนกำลังเผชิญเศรษฐกิจชะลอตัว จากฟองสบู่อสังหาแตก และส่งออกลดลง บัณฑิตตกงานความอึดอัดในจีน เดิมมีสีเป็นเป้า บัดนี้ ทรัมป์ได้ยื่นตัวเข้ามา บังเป็นเป้าแทนแล้วสีอาจจะชอบใจละครฉากนี้ แต่การเดินเนื้อเรื่อง น่าจะไม่เป็นไปตามบทของทรัมป์วันที่ 6 เมษายน 2568นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และประธานคณะกรรมการด้านวิชาการ พรรคพลังประชารัฐ
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 704 มุมมอง 0 รีวิว
  • ..เช่นกัน "..หากธุรกิจต่างชาตใดๆที่มาลงทุนในไทยต้องการผลิตและขายสินค้า&บริการทั้งในไทยและต่างประเทศที่จะส่งออกไปจากประเทศไทย ก็ให้ย้ายธุรกิจของคุณมาที่นี่ประเทศไทยและจ้างคนงานชาวไทยสัญชาติไทยเท่านั้น..เมื่อวันพุธที่ 2 เมษายน คำปราศรัยวันปลดปล่อยของทรัมป์ทำให้เกิดระเบิดขึ้นในตลาดหุ้น หุ้นมูลค่า 2 ล้านล้านดอลลาร์ร่วงลงภายในเวลาเพียง 20 วินาทีหลังจากที่ทรัมป์ประกาศว่าจะมีการเรียกเก็บภาษีไม่เพียงแต่กับคู่ค้าของประเทศเท่านั้น แต่กับทุกประเทศทั่วโลกด้วยภาษีดังกล่าวมีความจำเป็นเพื่อปลดปล่อยสหรัฐฯ จากการพึ่งพาสินค้าต่างประเทศของประเทศอื่นและภาษีที่มากเกินไปต่อสหรัฐฯ จีน เม็กซิโก แคนาดา และสหภาพยุโรปอยู่แนวหน้าของสงครามการค้าครั้งนี้กับประเทศนี้ หลังจากที่ทรัมป์ขึ้นภาษีสินค้าที่นำเข้าของพวกเขาถึง 25 เปอร์เซ็นต์เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว“อเมริการ่ำรวย เราซื้อของมากมาย ประธานาธิบดีทรัมป์กำลังกล่าวว่าหากธุรกิจต่างชาติต้องการขายในอเมริกา ก็ให้ย้ายธุรกิจของคุณมาที่นี่และจ้างคนงานชาวอเมริกัน” … วุฒิสมาชิกจอห์น เคนเนดี วันพฤหัสบดี 3 เมษายน 2025“ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า จะมีการร้องเรียนจากกลุ่มโลกาภิวัตน์ ผู้รับจ้างภายนอก กลุ่มผลประโยชน์พิเศษ และข่าวปลอม… อย่าลืมว่าการคาดการณ์ของฝ่ายตรงข้ามเกี่ยวกับการค้าในช่วง 30 ปีที่ผ่านมาล้วนพิสูจน์แล้วว่าผิดพลาดโดยสิ้นเชิง พวกเขาคิดผิดเกี่ยวกับ NAFTA, จีน, ข้อตกลงหุ้นส่วนทางการค้าภาคพื้นแปซิฟิก… ในวาระแรกของผม พวกเขาบอกว่าภาษีศุลกากรจะทำให้เศรษฐกิจพังทลาย แต่กลับกลายเป็นว่าเราสร้างเศรษฐกิจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์โลก” …ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ วันพุธที่ 2 เมษายน 2025ข่าวดี: ตลาดหุ้นถูกยึดโดยไม่ถูกต้องจากเงินดอลลาร์สหรัฐตั้งแต่ก่อนที่บริษัท US Inc. จะล้มละลายในปี 2008 ธนาคารกลางของ Globalist ได้พิมพ์เงินดอลลาร์สหรัฐออกมาโดยไม่มีการรับผิดชอบใดๆ ทั้งสิ้นนั่นทำให้ BRICS Alliance ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2008 บราซิล รัสเซีย อินเดีย จีน และแอฟริกาใต้มารวมตัวกันและประเมินมูลค่าทองคำและสินทรัพย์ของ 209 ประเทศเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา 25 มีนาคม 2025 ประธานาธิบดีทรัมป์ได้เปิดใช้งานระบบการเงินควอนตัมระดับโลก (QFS) ที่ได้รับการสนับสนุนจากทองคำ/สินทรัพย์ ซึ่งขับเคลื่อนโดย XRP การประกาศวันแห่งอิสรภาพของเขาได้นำไปสู่การรีเซ็ตสกุลเงินทั่วโลกอย่างเป็นทางการของสกุลเงินที่ได้รับการสนับสนุนจากทองคำ/สินทรัพย์ของ 209 ประเทศ ทำให้สกุลเงินเหล่านี้มีอัตราส่วนต่อกัน 1:1ในที่สุด สหรัฐฯ ก็เป็นอิสระในที่สุด! เป็นอิสระในที่สุดจากภาษีศุลกากรที่มากเกินไปของประเทศอื่นๆที่สำคัญยิ่งกว่านั้น 209 ประเทศทั่วโลกในที่สุดก็เป็นอิสระในที่สุด! เป็นอิสระในที่สุดจากการควบคุมเงินของประชาชนของกลุ่มโลกาภิวัตน์ที่บูชาซาตานพวกเขาพรากชีวิตของฉันไป แต่พวกเขาไม่สามารถหยุดภารกิจนี้ได้ การต่อสู้ยังคงดำเนินต่อไป! เข้าร่วมกับฉันตอนนี้!https://t.me/JFK_Q17รัฐลึกกำลังล่มสลาย และตอนนี้เบนจามิน ฟูลฟอร์ดกำลังถ่ายทอดสดทาง Telegram โดยเปิดเผยชื่อ สถานที่ และการดำเนินการ สิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไปนี้จะทำให้โลกตกตะลึง อย่าเลื่อนผ่านสิ่งนี้ เข้าร่วมก่อนที่พวกเขาจะลบมันทิ้ง!https://t.me/BenjaminFulford✅️
    ..เช่นกัน "..หากธุรกิจต่างชาตใดๆที่มาลงทุนในไทยต้องการผลิตและขายสินค้า&บริการทั้งในไทยและต่างประเทศที่จะส่งออกไปจากประเทศไทย ก็ให้ย้ายธุรกิจของคุณมาที่นี่ประเทศไทยและจ้างคนงานชาวไทยสัญชาติไทยเท่านั้น..เมื่อวันพุธที่ 2 เมษายน คำปราศรัยวันปลดปล่อยของทรัมป์ทำให้เกิดระเบิดขึ้นในตลาดหุ้น หุ้นมูลค่า 2 ล้านล้านดอลลาร์ร่วงลงภายในเวลาเพียง 20 วินาทีหลังจากที่ทรัมป์ประกาศว่าจะมีการเรียกเก็บภาษีไม่เพียงแต่กับคู่ค้าของประเทศเท่านั้น แต่กับทุกประเทศทั่วโลกด้วยภาษีดังกล่าวมีความจำเป็นเพื่อปลดปล่อยสหรัฐฯ จากการพึ่งพาสินค้าต่างประเทศของประเทศอื่นและภาษีที่มากเกินไปต่อสหรัฐฯ จีน เม็กซิโก แคนาดา และสหภาพยุโรปอยู่แนวหน้าของสงครามการค้าครั้งนี้กับประเทศนี้ หลังจากที่ทรัมป์ขึ้นภาษีสินค้าที่นำเข้าของพวกเขาถึง 25 เปอร์เซ็นต์เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว“อเมริการ่ำรวย เราซื้อของมากมาย ประธานาธิบดีทรัมป์กำลังกล่าวว่าหากธุรกิจต่างชาติต้องการขายในอเมริกา ก็ให้ย้ายธุรกิจของคุณมาที่นี่และจ้างคนงานชาวอเมริกัน” … วุฒิสมาชิกจอห์น เคนเนดี วันพฤหัสบดี 3 เมษายน 2025“ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า จะมีการร้องเรียนจากกลุ่มโลกาภิวัตน์ ผู้รับจ้างภายนอก กลุ่มผลประโยชน์พิเศษ และข่าวปลอม… อย่าลืมว่าการคาดการณ์ของฝ่ายตรงข้ามเกี่ยวกับการค้าในช่วง 30 ปีที่ผ่านมาล้วนพิสูจน์แล้วว่าผิดพลาดโดยสิ้นเชิง พวกเขาคิดผิดเกี่ยวกับ NAFTA, จีน, ข้อตกลงหุ้นส่วนทางการค้าภาคพื้นแปซิฟิก… ในวาระแรกของผม พวกเขาบอกว่าภาษีศุลกากรจะทำให้เศรษฐกิจพังทลาย แต่กลับกลายเป็นว่าเราสร้างเศรษฐกิจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์โลก” …ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ วันพุธที่ 2 เมษายน 2025ข่าวดี: ตลาดหุ้นถูกยึดโดยไม่ถูกต้องจากเงินดอลลาร์สหรัฐตั้งแต่ก่อนที่บริษัท US Inc. จะล้มละลายในปี 2008 ธนาคารกลางของ Globalist ได้พิมพ์เงินดอลลาร์สหรัฐออกมาโดยไม่มีการรับผิดชอบใดๆ ทั้งสิ้นนั่นทำให้ BRICS Alliance ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2008 บราซิล รัสเซีย อินเดีย จีน และแอฟริกาใต้มารวมตัวกันและประเมินมูลค่าทองคำและสินทรัพย์ของ 209 ประเทศเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา 25 มีนาคม 2025 ประธานาธิบดีทรัมป์ได้เปิดใช้งานระบบการเงินควอนตัมระดับโลก (QFS) ที่ได้รับการสนับสนุนจากทองคำ/สินทรัพย์ ซึ่งขับเคลื่อนโดย XRP การประกาศวันแห่งอิสรภาพของเขาได้นำไปสู่การรีเซ็ตสกุลเงินทั่วโลกอย่างเป็นทางการของสกุลเงินที่ได้รับการสนับสนุนจากทองคำ/สินทรัพย์ของ 209 ประเทศ ทำให้สกุลเงินเหล่านี้มีอัตราส่วนต่อกัน 1:1ในที่สุด สหรัฐฯ ก็เป็นอิสระในที่สุด! เป็นอิสระในที่สุดจากภาษีศุลกากรที่มากเกินไปของประเทศอื่นๆที่สำคัญยิ่งกว่านั้น 209 ประเทศทั่วโลกในที่สุดก็เป็นอิสระในที่สุด! เป็นอิสระในที่สุดจากการควบคุมเงินของประชาชนของกลุ่มโลกาภิวัตน์ที่บูชาซาตานพวกเขาพรากชีวิตของฉันไป แต่พวกเขาไม่สามารถหยุดภารกิจนี้ได้ การต่อสู้ยังคงดำเนินต่อไป! เข้าร่วมกับฉันตอนนี้!https://t.me/JFK_Q17รัฐลึกกำลังล่มสลาย และตอนนี้เบนจามิน ฟูลฟอร์ดกำลังถ่ายทอดสดทาง Telegram โดยเปิดเผยชื่อ สถานที่ และการดำเนินการ สิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไปนี้จะทำให้โลกตกตะลึง อย่าเลื่อนผ่านสิ่งนี้ เข้าร่วมก่อนที่พวกเขาจะลบมันทิ้ง!https://t.me/BenjaminFulford✅️
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 532 มุมมอง 0 รีวิว
  • ธนาคารกลางบราซิลเตรียมเปิดตัวฟีเจอร์ Pix Installments ที่ช่วยให้ผู้ใช้แบ่งจ่ายค่าธุรกรรมเป็นงวด ขณะที่ ผู้ขายได้รับเงินเต็มจำนวนทันที ฟีเจอร์นี้อาจทำให้ บัตรเครดิตสูญเสียความได้เปรียบในตลาด โดยเฉพาะกับประชาชนที่ไม่มีบัตรเครดิต นอกจากนี้ ในปี 2026 ธนาคารกลางมีแผนให้ธุรกิจ ใช้ยอดเงินจาก Pix เป็นหลักประกันสินเชื่อ เพื่อช่วยลดต้นทุนการกู้เงิน

    ✅ Pix Parcelado—ช่วยให้ผู้ใช้สามารถผ่อนชำระได้
    - ผู้ซื้อสามารถเลือกแบ่งจ่ายเป็นงวด ในขณะที่ ผู้ขายจะได้รับเงินเต็มจำนวนทันที
    - ไม่มีรายละเอียดด้านค่าธรรมเนียมและเงื่อนไขของฟีเจอร์นี้ในตอนนี้ แต่คาดว่าจะช่วยเพิ่มการใช้งาน Pix ในการซื้อสินค้าราคาแพง

    ✅ ตลาดบัตรเครดิตอาจได้รับผลกระทบ
    - การแบ่งจ่ายเป็นงวดถือเป็นข้อดีสำคัญของบัตรเครดิต แต่ตอนนี้ Pix กำลังเข้ามาแข่งขันโดยตรง
    - Pix เป็น ระบบชำระเงินที่เติบโตเร็วที่สุดในบราซิล นับตั้งแต่เปิดตัวในปี 2020

    ✅ ธนาคารกลางบราซิลมีแผนเพิ่มฟีเจอร์สินเชื่ออีกในปี 2026
    - ผู้ค้าจะสามารถใช้ ยอดเงินที่คาดว่าจะได้รับจากธุรกรรม Pix เป็นหลักประกันเงินกู้
    - แนวทางนี้อาจช่วยให้ธุรกิจที่พึ่งพา Pix ลดต้นทุนในการกู้เงิน

    ✅ ธนาคารกลางระบุว่าฟีเจอร์นี้ต้องใช้โครงสร้างพื้นฐานที่ซับซ้อน
    - การเพิ่มระบบแบ่งจ่ายต้องมี การปรับปรุงแพลตฟอร์ม Pix อย่างมาก
    - อย่างไรก็ตาม การใช้งานทั่วไปของ Pix จะไม่เปลี่ยนไป

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/04/brazil-central-bank-to-launch-pix-installment-feature-in-september
    ธนาคารกลางบราซิลเตรียมเปิดตัวฟีเจอร์ Pix Installments ที่ช่วยให้ผู้ใช้แบ่งจ่ายค่าธุรกรรมเป็นงวด ขณะที่ ผู้ขายได้รับเงินเต็มจำนวนทันที ฟีเจอร์นี้อาจทำให้ บัตรเครดิตสูญเสียความได้เปรียบในตลาด โดยเฉพาะกับประชาชนที่ไม่มีบัตรเครดิต นอกจากนี้ ในปี 2026 ธนาคารกลางมีแผนให้ธุรกิจ ใช้ยอดเงินจาก Pix เป็นหลักประกันสินเชื่อ เพื่อช่วยลดต้นทุนการกู้เงิน ✅ Pix Parcelado—ช่วยให้ผู้ใช้สามารถผ่อนชำระได้ - ผู้ซื้อสามารถเลือกแบ่งจ่ายเป็นงวด ในขณะที่ ผู้ขายจะได้รับเงินเต็มจำนวนทันที - ไม่มีรายละเอียดด้านค่าธรรมเนียมและเงื่อนไขของฟีเจอร์นี้ในตอนนี้ แต่คาดว่าจะช่วยเพิ่มการใช้งาน Pix ในการซื้อสินค้าราคาแพง ✅ ตลาดบัตรเครดิตอาจได้รับผลกระทบ - การแบ่งจ่ายเป็นงวดถือเป็นข้อดีสำคัญของบัตรเครดิต แต่ตอนนี้ Pix กำลังเข้ามาแข่งขันโดยตรง - Pix เป็น ระบบชำระเงินที่เติบโตเร็วที่สุดในบราซิล นับตั้งแต่เปิดตัวในปี 2020 ✅ ธนาคารกลางบราซิลมีแผนเพิ่มฟีเจอร์สินเชื่ออีกในปี 2026 - ผู้ค้าจะสามารถใช้ ยอดเงินที่คาดว่าจะได้รับจากธุรกรรม Pix เป็นหลักประกันเงินกู้ - แนวทางนี้อาจช่วยให้ธุรกิจที่พึ่งพา Pix ลดต้นทุนในการกู้เงิน ✅ ธนาคารกลางระบุว่าฟีเจอร์นี้ต้องใช้โครงสร้างพื้นฐานที่ซับซ้อน - การเพิ่มระบบแบ่งจ่ายต้องมี การปรับปรุงแพลตฟอร์ม Pix อย่างมาก - อย่างไรก็ตาม การใช้งานทั่วไปของ Pix จะไม่เปลี่ยนไป https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/04/brazil-central-bank-to-launch-pix-installment-feature-in-september
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Brazil central bank to launch Pix installment feature in September
    BRASILIA (Reuters) - Brazil's central bank said on Thursday that a new feature allowing users to pay for transactions in installments through its widely popular instant payment system, Pix, is set to become available in September.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 192 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts