• จำเหตุการณ์เมื่อปี 2024 ที่ซอฟต์แวร์ CrowdStrike ทำ Windows ล่มทั่วโลกได้ไหมครับ? Microsoft รับบทเรียนครั้งใหญ่จากเหตุการณ์นั้นว่าระบบปฏิบัติการไม่ควรถูกผูกติดกับซอฟต์แวร์ป้องกันไวรัสในระดับ kernel (แกนระบบ) มากเกินไป

    แผน Windows Resiliency Initiative (WRI) จึงถูกประกาศที่งาน Ignite 2024 โดยมีเป้าหมาย 3 ด้าน:

    1️⃣ สร้าง ecosystem ร่วมกับบริษัทด้านความปลอดภัย เช่น CrowdStrike, Bitdefender

    2️⃣ ออกคำแนะนำเชิงปฏิบัติสำหรับองค์กร

    3️⃣ ปรับโครงสร้างระบบ Windows ให้สามารถ “ฟื้นตัวได้ไว” หากเกิดปัญหา

    หนึ่งในการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญคือ ย้ายเครื่องมือป้องกันไวรัส “ออกจาก kernel” ไปทำงานใน user mode ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงระบบล่มทั้งเครื่องเวลาซอฟต์แวร์ภายนอกทำงานผิดพลาด

    นอกจากนี้ Windows 11 24H2 ยังจะได้ของใหม่ เช่น Quick Machine Recovery, ระบบ crash screen ที่ใช้ง่ายขึ้น, การ reboot ที่เร็วขึ้น รวมถึงแนวคิด Cloud PC สำรองไว้เผื่อเครื่องหลักพัง (ผ่าน Windows 365 Reserve)

    Microsoft ประกาศ Windows Resiliency Initiative (WRI) เพื่อเสริมความมั่นคงให้แพลตฟอร์ม Windows  
    • ร่วมมือกับบริษัทด้านความปลอดภัย เช่น CrowdStrike, Bitdefender  
    • เน้น ecosystem, แนวทางปฏิบัติ, และการเปลี่ยนแปลงระดับโค้ด

    เปลี่ยนวิธีทำงานของซอฟต์แวร์แอนตี้ไวรัส → ย้ายออกจากระดับ kernel ไปอยู่ user mode  
    • ลดความเสี่ยง system crash กรณีซอฟต์แวร์ภายนอกล่ม  
    • กำลังทดสอบ private preview กับพาร์ตเนอร์ด้านความปลอดภัย

    Bitdefender และ CrowdStrike ยืนยันว่าแนวทางใหม่นี้ “ลดช่องโหว่” และ “เสริมประสิทธิภาพระบบ”  
    • เป็นทิศทางใหม่ของ “endpoint security platform” ที่เน้นเสถียรภาพควบคู่กับความปลอดภัย

    Windows 11 24H2 จะมาพร้อมฟีเจอร์ความมั่นคงใหม่ เช่น:  
    • Quick Machine Recovery  
    • Crash screen ที่เรียบง่าย  
    • Connected Cache ที่ประหยัด bandwidth  
    • Universal Print แบบใหม่สำหรับการพิมพ์ปลอดภัย  
    • Windows 365 Reserve ให้ย้ายไปใช้ Cloud PC ชั่วคราวเมื่อเครื่องหลักใช้งานไม่ได้

    https://www.techradar.com/pro/microsoft-wants-to-avoid-another-disastrous-crowdstrike-pr-abomination-and-heres-how-it-wants-to-do-it
    จำเหตุการณ์เมื่อปี 2024 ที่ซอฟต์แวร์ CrowdStrike ทำ Windows ล่มทั่วโลกได้ไหมครับ? Microsoft รับบทเรียนครั้งใหญ่จากเหตุการณ์นั้นว่าระบบปฏิบัติการไม่ควรถูกผูกติดกับซอฟต์แวร์ป้องกันไวรัสในระดับ kernel (แกนระบบ) มากเกินไป แผน Windows Resiliency Initiative (WRI) จึงถูกประกาศที่งาน Ignite 2024 โดยมีเป้าหมาย 3 ด้าน: 1️⃣ สร้าง ecosystem ร่วมกับบริษัทด้านความปลอดภัย เช่น CrowdStrike, Bitdefender 2️⃣ ออกคำแนะนำเชิงปฏิบัติสำหรับองค์กร 3️⃣ ปรับโครงสร้างระบบ Windows ให้สามารถ “ฟื้นตัวได้ไว” หากเกิดปัญหา หนึ่งในการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญคือ ย้ายเครื่องมือป้องกันไวรัส “ออกจาก kernel” ไปทำงานใน user mode ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงระบบล่มทั้งเครื่องเวลาซอฟต์แวร์ภายนอกทำงานผิดพลาด นอกจากนี้ Windows 11 24H2 ยังจะได้ของใหม่ เช่น Quick Machine Recovery, ระบบ crash screen ที่ใช้ง่ายขึ้น, การ reboot ที่เร็วขึ้น รวมถึงแนวคิด Cloud PC สำรองไว้เผื่อเครื่องหลักพัง (ผ่าน Windows 365 Reserve) ✅ Microsoft ประกาศ Windows Resiliency Initiative (WRI) เพื่อเสริมความมั่นคงให้แพลตฟอร์ม Windows   • ร่วมมือกับบริษัทด้านความปลอดภัย เช่น CrowdStrike, Bitdefender   • เน้น ecosystem, แนวทางปฏิบัติ, และการเปลี่ยนแปลงระดับโค้ด ✅ เปลี่ยนวิธีทำงานของซอฟต์แวร์แอนตี้ไวรัส → ย้ายออกจากระดับ kernel ไปอยู่ user mode   • ลดความเสี่ยง system crash กรณีซอฟต์แวร์ภายนอกล่ม   • กำลังทดสอบ private preview กับพาร์ตเนอร์ด้านความปลอดภัย ✅ Bitdefender และ CrowdStrike ยืนยันว่าแนวทางใหม่นี้ “ลดช่องโหว่” และ “เสริมประสิทธิภาพระบบ”   • เป็นทิศทางใหม่ของ “endpoint security platform” ที่เน้นเสถียรภาพควบคู่กับความปลอดภัย ✅ Windows 11 24H2 จะมาพร้อมฟีเจอร์ความมั่นคงใหม่ เช่น:   • Quick Machine Recovery   • Crash screen ที่เรียบง่าย   • Connected Cache ที่ประหยัด bandwidth   • Universal Print แบบใหม่สำหรับการพิมพ์ปลอดภัย   • Windows 365 Reserve ให้ย้ายไปใช้ Cloud PC ชั่วคราวเมื่อเครื่องหลักใช้งานไม่ได้ https://www.techradar.com/pro/microsoft-wants-to-avoid-another-disastrous-crowdstrike-pr-abomination-and-heres-how-it-wants-to-do-it
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 245 มุมมอง 0 รีวิว
  • 113 ปี “เรือไททานิค” ล่ม! โศกนาฏกรรมกลางมหาสมุทรจาก “ความประมาท” ไม่ใช่ภัยธรรมชาติ ปิดตำนาน "เรือที่ไม่มีวันจม

    ย้อนรอยโศกนาฏกรรม "RMS Titanic" ความทรงจำล่มกลางมหาสมุทร จาก "เรือที่ไม่มีวันจม" สู่บทเรียนครั้งใหญ่ของโลก

    เรือไททานิคที่ถูกขนานนามว่า “เรือที่ไม่มีวันจม” ได้กลายเป็นโศกนาฏกรรมทางมหาสมุทร ที่เลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ ด้วยจำนวนผู้เสียชีวิตกว่า 1,500 ศพ จะพาย้อนกลับไปยังเหตุการณ์ในคืนนั้น พร้อมไขทุกข้อเท็จจริง ที่ถูกซ่อนไว้ ทั้งเรื่องความประมาท การจัดการผิดพลาด และผลกระทบต่อโลกใบนี้จนถึงทุกวันนี้

    จากความยิ่งใหญ่ สู่ความอับปางกลางมหาสมุทร ในโลกนี้มีเรื่องเล่ามากมาย เกี่ยวกับเทคโนโลยีที่ "มนุษย์" สร้างขึ้นด้วยความมั่นใจสุดขีดว่า "ไม่มีทางพัง" และในบรรดาเรื่องราวเหล่านั้น "ไททานิค" คือหนึ่งในตำนาน ที่ยังคงตราตรึงใจผู้คนทั่วโลก แม้ผ่านมาแล้ว 113 ปี

    "เรือที่ไม่มีวันจม" กลายเป็น ซากใต้น้ำลึกกว่า 3,800 เมตร ภายในเวลาไม่ถึง 3 ชั่วโมง หลังจากชนเข้ากับภูเขาน้ำแข็ง กลางมหาสมุทรแอตแลนติกเหนือ

    คำถามที่ยังคงหลอกหลอนประวัติศาสตร์คือ... เรือใหญ่ขนาดนี้จมได้ยังไง? เป็นเพราะโชคร้าย หรือเป็นเพราะความประมาท?

    "ไททานิค" สุดยอดเรือเดินสมุทรที่โลกเคยรู้จัก จุดเริ่มต้นของความทะเยอทะยาน "อาร์เอ็มเอส ไททานิค" (RMS Titanic ) สร้างโดยบริษัท Harland and Wolff ในเมืองเบลฟาสต์ ประเทศไอร์แลนด์เหนือ และเป็นเรือของสายการเดินเรือ White Star Line เปิดตัวในปี 1912 ด้วยความตั้งใจให้เป็นเรือเดินสมุทรที่ "หรูหราและปลอดภัยที่สุดในโลก"

    เรือมีความยาวถึง 882.5 ฟุต หรือประมาณ 269 เมตร น้ำหนักมากกว่า 46,000 ตัน และสามารถรองรับผู้โดยสาร และลูกเรือได้ถึง 3,547 คน

    เครื่องยนต์ใหญ่ที่สุดในยุคนั้น สูงกว่า 4 ชั้น

    ระบบผนังกันน้ำในห้องใต้ท้องเรือ

    ระบบขับเคลื่อนด้วยกังหัน และใบจักรขนาดยักษ์

    ห้องโดยสารเฟิร์สต์คลาส หรูหราระดับพระราชวัง

    มีห้องอ่านหนังสือ, ห้องยิม, ร้านตัดผม, ห้องอาบน้ำตุรกี และลิฟต์ไฟฟ้า

    แต่สิ่งที่ผู้คนจดจำ ไม่ใช่ความอลังการ แต่คือ "จุดจบ" ของไททานิค…

    ชนกับภูเขาน้ำแข็ง จุดเปลี่ยนประวัติศาสตร์

    คำเตือนที่ถูกมองข้าม ตลอดวันอาทิตย์ที่ 14 เมษายน พ.ศ. 2455 ไททานิคได้รับ 6 คำเตือน เรื่องภูเขาน้ำแข็งลอยทะเล จากเรือลำอื่น

    แต่คำเตือนเหล่านั้น...
    บางข้อความไม่ได้ถูกส่งถึงกัปตัน
    บางข้อความถูกพนักงานวิทยุละเลย เพราะมัวส่งข้อความส่วนตัวของผู้โดยสาร
    ความเร็วของเรือยังคงอยู่ที่ 22 นอต หรือ 41 กม./ชม. ใกล้ความเร็วสูงสุดที่ 24 นอต

    “แล่นไปข้างหน้า และไว้ใจคนเฝ้าระวัง” แนวคิดของการเดินเรือในยุคนั้น

    23.40 น. คืนวันอาทิตย์ เวลาแห่งหายนะ เมื่อพนักงานเฝ้าระวังเห็นภูเขาน้ำแข็ง ก็สายเกินไปแล้ว... ต้นเรือสั่ง "หักหลบขวาเต็มที่ และถอยเครื่อง" แต่กลไกเรือ และขนาดของไททานิค ทำให้ไม่ทัน ⛔️

    เรือไถลเฉี่ยวภูเขาน้ำแข็งทางกราบขวา ก่อให้เกิดรอยรั่วใน 5 ห้องใต้ท้องเรือ ทั้งที่ไททานิครองรับน้ำได้เพียง 4 ห้องเท่านั้น!

    ความผิดพลาดในการออกแบบ และการตัดสินใจ ผนังกันน้ำที่ "ไม่กันจริง" แม้มีห้องผนังกั้นน้ำ 16 ห้อง แต่ผนังสูงไม่พอ เมื่อห้องแรกเต็ม น้ำก็ไหลล้นไปห้องต่อไป… คล้ายกับน้ำในถาดน้ำแข็งเมื่อเอียง ค่อย ๆ ล้นทีละช่อง

    เหล็กและหมุดตอกตัวเรือ การวิจัยพบว่า เหล็กที่ใช้ในบางจุดเปราะแตกง่าย หมุดบางตัวไม่ได้มาตรฐาน แผ่นเหล็กในบริเวณหัวเรือ หลุดออกเมื่อชน ทำให้น้ำทะลัก

    เรือชูชีพไม่พอ การอพยพที่โกลาหล เรือลำใหญ่แต่เรือชูชีพมีแค่ 20 ลำ ไททานิคออกแบบให้ติดตั้งเรือชูชีพได้ถึง 68 ลำ แต่เพื่อความ “สวยงาม” ของดาดฟ้า ผู้บริหารสั่งให้ติดแค่ 20 ลำ รองรับคนได้เพียง 1,178 คน จาก 2,224 คน ทั้งที่ต้นทุนเรือชูชีพ แค่เศษเสี้ยวของมูลค่าทั้งเรือ!

    การอพยพที่แย่ที่สุดในประวัติศาสตร์ บางลำปล่อยทั้งที่ยังไม่เต็มคน ผู้โดยสารชั้นสามเข้าไม่ถึงจุดรวมพล เจ้าหน้าที่ไม่มีการฝึกซ้อมมาก่อน ผู้หญิงและเด็กบางคน ไม่ได้รับแจ้งว่าควรขึ้นเรือชูชีพ และ... หลายคน “ปฏิเสธ” ที่จะลงเรือ เพราะไม่เชื่อว่าเรือจะจมจริง

    น้ำเย็น = ความตายที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ อุณหภูมิน้ำทะเลในคืนนั้นคือ -2°C ภายในไม่กี่นาทีหลังจากตกน้ำ ร่างกายจะเข้าสู่ภาวะ Hypothermia กล้ามเนื้อหยุดทำงาน หัวใจเต้นช้าลง หมดสติและเสียชีวิตภายใน 15-20 นาที เสียงกรีดร้องของผู้คนค่อย ๆ เบาลง… จนกระทั่ง เงียบสงัด

    เสียงจากผู้รอดชีวิต เรื่องเล่าจากคืนที่โลกเปลี่ยนไป แม้จะมีผู้เสียชีวิตมากกว่า 1,500 คน แต่ยังมีผู้รอดชีวิตราว 700 คน ที่รอดมาได้อย่างปาฏิหาริย์ หลายคนได้ให้สัมภาษณ์ในเวลาต่อมา พร้อมเล่าประสบการณ์ตรงสุดสะเทือนใจ...

    “การตกลงไปในน้ำเย็น มันเหมือนถูกมีดนับพันเล่มแทงเข้าใส่” : "ชาร์ล ไลท์โทลเลอร์" (Charles Lightoller) ผู้ช่วยต้นเรือคนที่ 2

    บางคนรอดเพราะโชคช่วย บางคนรอดเพราะสัญชาตญาณ แต่...คนส่วนใหญ่รอดเพราะอยู่ในชั้นหนึ่ง ซึ่งเข้าถึงเรือชูชีพได้ก่อน

    ความเหลื่อมล้ำที่ฆ่าคน เด็กและผู้หญิงชั้นหนึ่ง รอดมากกว่า 90% เด็กชั้นสาม เสียชีวิตมากกว่า 66% ผู้ชายชั้นสอง เสียชีวิตถึง 92% ลูกเรือเกือบ 80% เสียชีวิต

    มีแม้กระทั่งแม่ชาวไอริชที่เล่านิทานให้ลูกฟัง ก่อนจะจมน้ำไปพร้อมกันทั้งครอบครัว

    Titanic (2540) จากเรือที่จม สู่หนังที่ตราตรึง แม้โศกนาฏกรรมจะผ่านไปกว่าศตวรรษ แต่ชื่อ "Titanic" กลับดังขึ้นอีกครั้งในปี 2540 จากภาพยนตร์โดย "เจมส์ คาเมรอน" (James Cameron) ที่ทำให้โลกทั้งใบสะเทือนใจ

    หนังทำรายได้ทะลุ 1.8 พันล้านเหรียญ คว้า 11 รางวัลออสการ์ รวมทั้ง ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม และผู้กำกับยอดเยี่ยม เพลงประกอบ "My Heart Will Go On" กลายเป็นตำนาน ผู้ชมจดจำฉาก “I'm the king of the world!” และ “You jump, I jump” อย่างไม่มีวันลืม

    ความจริงกับสิ่งแต่งเติม เรือไททานิคล่มเวลา 02.20 น. ของเช้าตรู่วันจันทร์ที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2455 ตัวละครแจ็ค ดอว์สัน ไม่มีอยู่จริง มีคู่สามีภรรยานอนกอดกันในห้อง โรสเป็นการรวมคาแรกเตอร์จากหลายบุคคล พ่อครัว Charles Joughin รอดจากการจมน้ำ ฉากโรแมนติกบนกระดานไม้ ถูกสร้างเพิ่ม

    จริง ๆ แล้วภาพวาดโรส "สวมแต่สร้อย" นั้น "เจมส์ คาเมรอน" เป็นคนวาดเอง!

    25 เกร็ดลับเบื้องหลังหนัง Titanic ที่อาจไม่เคยรู้

    1. ภาพวาดโรส เป็นฝีมือของเจมส์ คาเมรอน
    2. ฉากที่โรสถ่มน้ำลายใส่คาล...เคต วินสเล็ต ด้นสดเอง
    3. น้ำที่ใช้ถ่ายฉากท้ายเรื่อง เย็นจนทำให้นักแสดงป่วย Hypothermia
    4. พรมในหนัง ทอจากโรงงานเดียวกับพรมเรือจริง
    5. ฉากบันไดหลักถ่ายได้เพียงครั้งเดียว
    6. ฉากเด็กเล่นลูกข่าง อ้างอิงจากภาพถ่ายจริง 👦🏻
    4. แจ็คพูดว่า "น้ำเย็นเหมือนโดนแทงด้วยมีดพันเล่ม" มาจากคำบอกเล่าจริงของผู้รอดชีวิต
    8. รถเรโนลต์ในหนังคือรถจริงที่อยู่บนไททานิค
    9. หมาของโรสพันธุ์พอเมอเรเนียน — รอดจริงในเหตุการณ์
    10. มีดพับของฟาบริซิโอใช้ตัดเชือกเรือชูชีพจริง
    11. มาดอนนา เคยเกือบได้เล่นเป็นโรส
    12. พ่อครัวที่เมาเหล้ารอดชีวิตเพราะ “แอลกอฮอล์”
    13. ดวงดาวบนฟ้าผิด คาเมรอนจึงแก้ไขในเวอร์ชัน 3D
    14. กล้อง Close-Up มือที่วาดโรส คือมือของคาเมรอนเอง
    15. กลับซ้ายเป็นขวาในฉากเรือออกจากท่า
    16. โรสขี่ม้าที่ซานตาโมนิกา ตามสัญญาของแจ็ค
    17. มีการใช้คาเวียร์ของจริงในการถ่ายฉากดินเนอร์
    18. เสื้อโค้ตของเคต วินสเล็ตเคยติดประตูเกือบจมน้ำ
    19. ซากเรือจริงในหนัง คาเมรอนดำน้ำไปถ่ายเอง
    20. แจ็คพูดถึงทะเลสาบที่ยังไม่สร้างตอนปี 2455
    21. ปล่องไฟที่ 4 ของเรือ ไม่มีควันเพราะไม่ต่อกับเตาไฟ
    22. เรือพับได้ในหนังมีจริง และถูกใช้จริง
    23. ชุดที่โรสใส่ขณะหนีไฟไหม้ ทำซ้ำกว่า 30 ชุด
    24. ทรายใต้กระดานไม้ฉากสุดท้าย เป็นทรายจริง
    25. แฟนหนังจำนวนมากไปเยี่ยม “หลุมศพ J. Dawson” จริง

    มรดกจากโศกนาฏกรรม บทเรียนราคาแพง SOLAS กฎแห่งท้องทะเล หลังโศกนาฏกรรมไททานิค โลกทั้งใบตื่นรู้ว่า "ไม่มีอะไรสมบูรณ์แบบ" และได้นำไปสู่การจัดตั้ง อนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยความปลอดภัยแห่งชีวิตในทะเล (SOLAS) ปี 2457

    SOLAS กำหนดให้เรือทุกลำต้องมีเรือชูชีพเพียงพอ ระบบวิทยุต้องเปิดตลอด 24 ชั่วโมง มีการซ้อมหนีภัยจริงจัง ปรับปรุงการออกแบบเรือให้รัดกุมยิ่งขึ้น

    113 ปี แห่งการเตือนใจ เรือไททานิคคือเครื่องเตือนใจของโลก ว่า “ความมั่นใจมากเกินไป” นั้นอันตราย “ความประมาท” สามารถพรากชีวิตผู้คนได้เกินพัน ภายในไม่กี่ชั่วโมง แม้จะใช้เทคโนโลยีล้ำหน้า แต่หากไร้การวางแผน และความระมัดระวัง ก็อาจนำสู่หายนะ ไททานิคจม แต่บทเรียน… ยังคงลอยอยู่เหนือผิวน้ำเสมอ

    เรื่องราวของไททานิค ไม่ใช่เพียงตำนานเรือใหญ่ล่ม แต่คือสัญลักษณ์ของ “ความมั่นใจเกินขีดจำกัด” ของมนุษย์ ที่นำมาซึ่งโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่ ความประมาท ความละเลย และระบบที่ไม่พร้อม คือสาเหตุหลักของการสูญเสียชีวิตนับพัน ในเช้าตรู่วันจันทร์ที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2455 และยังคงเตือนใจมนุษย์ในทุกยุคว่า “ไม่มีสิ่งใดในโลกที่ไม่มีวันจม”

    เมื่อ “ไม่มีวันจม” กลายเป็น “จมจริง” จุดจบของเรือที่เคยถูกยกย่องว่า “ไม่มีวันจม”

    ...แต่คือจุดเริ่มต้นของกฎหมายความปลอดภัยทางทะเล ที่ช่วยชีวิตผู้คนนับล้านในศตวรรษต่อมา

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 151322 เม.ย. 2568

    #ไททานิค #Titanic #เรือไททานิคล่ม #เรื่องจริงไททานิค #แจ็คโรส #โศกนาฏกรรมไททานิค #TitanicFacts #ไททานิค113ปี #หนังTitanic #MyHeartWillGoOn

    🌊 113 ปี “เรือไททานิค” ล่ม! 🚢 โศกนาฏกรรมกลางมหาสมุทรจาก “ความประมาท” ไม่ใช่ภัยธรรมชาติ ปิดตำนาน "เรือที่ไม่มีวันจม 💡 ย้อนรอยโศกนาฏกรรม "RMS Titanic" ความทรงจำล่มกลางมหาสมุทร จาก "เรือที่ไม่มีวันจม" สู่บทเรียนครั้งใหญ่ของโลก ✍️ 📌 เรือไททานิคที่ถูกขนานนามว่า “เรือที่ไม่มีวันจม” ได้กลายเป็นโศกนาฏกรรมทางมหาสมุทร ที่เลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ ด้วยจำนวนผู้เสียชีวิตกว่า 1,500 ศพ จะพาย้อนกลับไปยังเหตุการณ์ในคืนนั้น พร้อมไขทุกข้อเท็จจริง ที่ถูกซ่อนไว้ ทั้งเรื่องความประมาท การจัดการผิดพลาด และผลกระทบต่อโลกใบนี้จนถึงทุกวันนี้ 🔗 🧭 จากความยิ่งใหญ่ สู่ความอับปางกลางมหาสมุทร ในโลกนี้มีเรื่องเล่ามากมาย เกี่ยวกับเทคโนโลยีที่ "มนุษย์" สร้างขึ้นด้วยความมั่นใจสุดขีดว่า "ไม่มีทางพัง" และในบรรดาเรื่องราวเหล่านั้น "ไททานิค" คือหนึ่งในตำนาน ที่ยังคงตราตรึงใจผู้คนทั่วโลก แม้ผ่านมาแล้ว 113 ปี "เรือที่ไม่มีวันจม" กลายเป็น ซากใต้น้ำลึกกว่า 3,800 เมตร ภายในเวลาไม่ถึง 3 ชั่วโมง หลังจากชนเข้ากับภูเขาน้ำแข็ง กลางมหาสมุทรแอตแลนติกเหนือ 💥 คำถามที่ยังคงหลอกหลอนประวัติศาสตร์คือ... เรือใหญ่ขนาดนี้จมได้ยังไง? เป็นเพราะโชคร้าย หรือเป็นเพราะความประมาท? 🚢 "ไททานิค" สุดยอดเรือเดินสมุทรที่โลกเคยรู้จัก จุดเริ่มต้นของความทะเยอทะยาน "อาร์เอ็มเอส ไททานิค" (RMS Titanic ) สร้างโดยบริษัท Harland and Wolff ในเมืองเบลฟาสต์ ประเทศไอร์แลนด์เหนือ และเป็นเรือของสายการเดินเรือ White Star Line เปิดตัวในปี 1912 ด้วยความตั้งใจให้เป็นเรือเดินสมุทรที่ "หรูหราและปลอดภัยที่สุดในโลก" ✨ เรือมีความยาวถึง 882.5 ฟุต หรือประมาณ 269 เมตร น้ำหนักมากกว่า 46,000 ตัน และสามารถรองรับผู้โดยสาร และลูกเรือได้ถึง 3,547 คน ✅ เครื่องยนต์ใหญ่ที่สุดในยุคนั้น สูงกว่า 4 ชั้น ✅ ระบบผนังกันน้ำในห้องใต้ท้องเรือ ✅ ระบบขับเคลื่อนด้วยกังหัน และใบจักรขนาดยักษ์ ✅ ห้องโดยสารเฟิร์สต์คลาส หรูหราระดับพระราชวัง ✅ มีห้องอ่านหนังสือ, ห้องยิม, ร้านตัดผม, ห้องอาบน้ำตุรกี และลิฟต์ไฟฟ้า 🛳️ แต่สิ่งที่ผู้คนจดจำ ไม่ใช่ความอลังการ แต่คือ "จุดจบ" ของไททานิค… 🧊 ชนกับภูเขาน้ำแข็ง จุดเปลี่ยนประวัติศาสตร์ 🚨 คำเตือนที่ถูกมองข้าม ตลอดวันอาทิตย์ที่ 14 เมษายน พ.ศ. 2455 ไททานิคได้รับ 6 คำเตือน เรื่องภูเขาน้ำแข็งลอยทะเล จากเรือลำอื่น แต่คำเตือนเหล่านั้น... ❌ บางข้อความไม่ได้ถูกส่งถึงกัปตัน ❌ บางข้อความถูกพนักงานวิทยุละเลย เพราะมัวส่งข้อความส่วนตัวของผู้โดยสาร ❌ ความเร็วของเรือยังคงอยู่ที่ 22 นอต หรือ 41 กม./ชม. ใกล้ความเร็วสูงสุดที่ 24 นอต “แล่นไปข้างหน้า และไว้ใจคนเฝ้าระวัง” แนวคิดของการเดินเรือในยุคนั้น 🕰️ 23.40 น. คืนวันอาทิตย์ เวลาแห่งหายนะ เมื่อพนักงานเฝ้าระวังเห็นภูเขาน้ำแข็ง ก็สายเกินไปแล้ว... ต้นเรือสั่ง "หักหลบขวาเต็มที่ และถอยเครื่อง" แต่กลไกเรือ และขนาดของไททานิค ทำให้ไม่ทัน ⛔️ เรือไถลเฉี่ยวภูเขาน้ำแข็งทางกราบขวา ก่อให้เกิดรอยรั่วใน 5 ห้องใต้ท้องเรือ ทั้งที่ไททานิครองรับน้ำได้เพียง 4 ห้องเท่านั้น! 😨 🧱 ความผิดพลาดในการออกแบบ และการตัดสินใจ 📉 ผนังกันน้ำที่ "ไม่กันจริง" แม้มีห้องผนังกั้นน้ำ 16 ห้อง แต่ผนังสูงไม่พอ เมื่อห้องแรกเต็ม น้ำก็ไหลล้นไปห้องต่อไป… 📌 คล้ายกับน้ำในถาดน้ำแข็งเมื่อเอียง ค่อย ๆ ล้นทีละช่อง 🪓 เหล็กและหมุดตอกตัวเรือ การวิจัยพบว่า เหล็กที่ใช้ในบางจุดเปราะแตกง่าย หมุดบางตัวไม่ได้มาตรฐาน แผ่นเหล็กในบริเวณหัวเรือ หลุดออกเมื่อชน ทำให้น้ำทะลัก 🆘 เรือชูชีพไม่พอ การอพยพที่โกลาหล 🚤 เรือลำใหญ่แต่เรือชูชีพมีแค่ 20 ลำ ไททานิคออกแบบให้ติดตั้งเรือชูชีพได้ถึง 68 ลำ แต่เพื่อความ “สวยงาม” ของดาดฟ้า ผู้บริหารสั่งให้ติดแค่ 20 ลำ รองรับคนได้เพียง 1,178 คน จาก 2,224 คน ทั้งที่ต้นทุนเรือชูชีพ แค่เศษเสี้ยวของมูลค่าทั้งเรือ! 💔 การอพยพที่แย่ที่สุดในประวัติศาสตร์ บางลำปล่อยทั้งที่ยังไม่เต็มคน ผู้โดยสารชั้นสามเข้าไม่ถึงจุดรวมพล เจ้าหน้าที่ไม่มีการฝึกซ้อมมาก่อน ผู้หญิงและเด็กบางคน ไม่ได้รับแจ้งว่าควรขึ้นเรือชูชีพ และ... หลายคน “ปฏิเสธ” ที่จะลงเรือ เพราะไม่เชื่อว่าเรือจะจมจริง 😔 ❄️ น้ำเย็น = ความตายที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ 🌡️ อุณหภูมิน้ำทะเลในคืนนั้นคือ -2°C ภายในไม่กี่นาทีหลังจากตกน้ำ ร่างกายจะเข้าสู่ภาวะ Hypothermia กล้ามเนื้อหยุดทำงาน หัวใจเต้นช้าลง หมดสติและเสียชีวิตภายใน 15-20 นาที เสียงกรีดร้องของผู้คนค่อย ๆ เบาลง… จนกระทั่ง เงียบสงัด 🕯️ 🧑‍✈️ เสียงจากผู้รอดชีวิต เรื่องเล่าจากคืนที่โลกเปลี่ยนไป แม้จะมีผู้เสียชีวิตมากกว่า 1,500 คน แต่ยังมีผู้รอดชีวิตราว 700 คน ที่รอดมาได้อย่างปาฏิหาริย์ หลายคนได้ให้สัมภาษณ์ในเวลาต่อมา พร้อมเล่าประสบการณ์ตรงสุดสะเทือนใจ... “การตกลงไปในน้ำเย็น มันเหมือนถูกมีดนับพันเล่มแทงเข้าใส่” : "ชาร์ล ไลท์โทลเลอร์" (Charles Lightoller) ผู้ช่วยต้นเรือคนที่ 2 บางคนรอดเพราะโชคช่วย บางคนรอดเพราะสัญชาตญาณ แต่...คนส่วนใหญ่รอดเพราะอยู่ในชั้นหนึ่ง ซึ่งเข้าถึงเรือชูชีพได้ก่อน 😢 ⚖️ ความเหลื่อมล้ำที่ฆ่าคน เด็กและผู้หญิงชั้นหนึ่ง รอดมากกว่า 90% เด็กชั้นสาม เสียชีวิตมากกว่า 66% ผู้ชายชั้นสอง เสียชีวิตถึง 92% ลูกเรือเกือบ 80% เสียชีวิต 🚸 มีแม้กระทั่งแม่ชาวไอริชที่เล่านิทานให้ลูกฟัง ก่อนจะจมน้ำไปพร้อมกันทั้งครอบครัว 🎬 Titanic (2540) จากเรือที่จม สู่หนังที่ตราตรึง แม้โศกนาฏกรรมจะผ่านไปกว่าศตวรรษ แต่ชื่อ "Titanic" กลับดังขึ้นอีกครั้งในปี 2540 จากภาพยนตร์โดย "เจมส์ คาเมรอน" (James Cameron) ที่ทำให้โลกทั้งใบสะเทือนใจ 😭🌍 🎥 หนังทำรายได้ทะลุ 1.8 พันล้านเหรียญ คว้า 11 รางวัลออสการ์ รวมทั้ง ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม และผู้กำกับยอดเยี่ยม เพลงประกอบ "My Heart Will Go On" กลายเป็นตำนาน ผู้ชมจดจำฉาก “I'm the king of the world!” และ “You jump, I jump” อย่างไม่มีวันลืม 🤔 ความจริงกับสิ่งแต่งเติม เรือไททานิคล่มเวลา 02.20 น. ของเช้าตรู่วันจันทร์ที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2455 ตัวละครแจ็ค ดอว์สัน ไม่มีอยู่จริง มีคู่สามีภรรยานอนกอดกันในห้อง โรสเป็นการรวมคาแรกเตอร์จากหลายบุคคล พ่อครัว Charles Joughin รอดจากการจมน้ำ ฉากโรแมนติกบนกระดานไม้ ถูกสร้างเพิ่ม 🤯 จริง ๆ แล้วภาพวาดโรส "สวมแต่สร้อย" นั้น "เจมส์ คาเมรอน" เป็นคนวาดเอง! 🕵️‍♂️ 25 เกร็ดลับเบื้องหลังหนัง Titanic ที่อาจไม่เคยรู้ 1. ภาพวาดโรส เป็นฝีมือของเจมส์ คาเมรอน ✍️ 2. ฉากที่โรสถ่มน้ำลายใส่คาล...เคต วินสเล็ต ด้นสดเอง 😆 3. น้ำที่ใช้ถ่ายฉากท้ายเรื่อง เย็นจนทำให้นักแสดงป่วย Hypothermia ❄️ 4. พรมในหนัง ทอจากโรงงานเดียวกับพรมเรือจริง 🧶 5. ฉากบันไดหลักถ่ายได้เพียงครั้งเดียว 💦 6. ฉากเด็กเล่นลูกข่าง อ้างอิงจากภาพถ่ายจริง 👦🏻 4. แจ็คพูดว่า "น้ำเย็นเหมือนโดนแทงด้วยมีดพันเล่ม" มาจากคำบอกเล่าจริงของผู้รอดชีวิต 8. รถเรโนลต์ในหนังคือรถจริงที่อยู่บนไททานิค 🚗 9. หมาของโรสพันธุ์พอเมอเรเนียน — รอดจริงในเหตุการณ์ 🐶 10. มีดพับของฟาบริซิโอใช้ตัดเชือกเรือชูชีพจริง 🗡️ 11. มาดอนนา เคยเกือบได้เล่นเป็นโรส 12. พ่อครัวที่เมาเหล้ารอดชีวิตเพราะ “แอลกอฮอล์” 🔥 13. ดวงดาวบนฟ้าผิด คาเมรอนจึงแก้ไขในเวอร์ชัน 3D 🌌 14. กล้อง Close-Up มือที่วาดโรส คือมือของคาเมรอนเอง 15. กลับซ้ายเป็นขวาในฉากเรือออกจากท่า 🔄 16. โรสขี่ม้าที่ซานตาโมนิกา ตามสัญญาของแจ็ค 🐎 17. มีการใช้คาเวียร์ของจริงในการถ่ายฉากดินเนอร์ 🥂 18. เสื้อโค้ตของเคต วินสเล็ตเคยติดประตูเกือบจมน้ำ 19. ซากเรือจริงในหนัง คาเมรอนดำน้ำไปถ่ายเอง 🛥️ 20. แจ็คพูดถึงทะเลสาบที่ยังไม่สร้างตอนปี 2455 ❌ 21. ปล่องไฟที่ 4 ของเรือ ไม่มีควันเพราะไม่ต่อกับเตาไฟ 22. เรือพับได้ในหนังมีจริง และถูกใช้จริง 23. ชุดที่โรสใส่ขณะหนีไฟไหม้ ทำซ้ำกว่า 30 ชุด 24. ทรายใต้กระดานไม้ฉากสุดท้าย เป็นทรายจริง 25. แฟนหนังจำนวนมากไปเยี่ยม “หลุมศพ J. Dawson” จริง 🪦 📜 มรดกจากโศกนาฏกรรม บทเรียนราคาแพง 🚢 SOLAS กฎแห่งท้องทะเล หลังโศกนาฏกรรมไททานิค โลกทั้งใบตื่นรู้ว่า "ไม่มีอะไรสมบูรณ์แบบ" และได้นำไปสู่การจัดตั้ง อนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยความปลอดภัยแห่งชีวิตในทะเล (SOLAS) ปี 2457 SOLAS กำหนดให้เรือทุกลำต้องมีเรือชูชีพเพียงพอ ระบบวิทยุต้องเปิดตลอด 24 ชั่วโมง มีการซ้อมหนีภัยจริงจัง ปรับปรุงการออกแบบเรือให้รัดกุมยิ่งขึ้น ✨ 113 ปี แห่งการเตือนใจ เรือไททานิคคือเครื่องเตือนใจของโลก ว่า “ความมั่นใจมากเกินไป” นั้นอันตราย “ความประมาท” สามารถพรากชีวิตผู้คนได้เกินพัน ภายในไม่กี่ชั่วโมง แม้จะใช้เทคโนโลยีล้ำหน้า แต่หากไร้การวางแผน และความระมัดระวัง ก็อาจนำสู่หายนะ ไททานิคจม แต่บทเรียน… ยังคงลอยอยู่เหนือผิวน้ำเสมอ 📌 เรื่องราวของไททานิค ไม่ใช่เพียงตำนานเรือใหญ่ล่ม แต่คือสัญลักษณ์ของ “ความมั่นใจเกินขีดจำกัด” ของมนุษย์ ที่นำมาซึ่งโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่ ความประมาท ความละเลย และระบบที่ไม่พร้อม คือสาเหตุหลักของการสูญเสียชีวิตนับพัน ในเช้าตรู่วันจันทร์ที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2455 และยังคงเตือนใจมนุษย์ในทุกยุคว่า “ไม่มีสิ่งใดในโลกที่ไม่มีวันจม” 🌊🕯️ 🔚 เมื่อ “ไม่มีวันจม” กลายเป็น “จมจริง” 🚢 จุดจบของเรือที่เคยถูกยกย่องว่า “ไม่มีวันจม” ...แต่คือจุดเริ่มต้นของกฎหมายความปลอดภัยทางทะเล ที่ช่วยชีวิตผู้คนนับล้านในศตวรรษต่อมา 🌍 ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 151322 เม.ย. 2568 📲 #ไททานิค #Titanic #เรือไททานิคล่ม #เรื่องจริงไททานิค #แจ็คโรส #โศกนาฏกรรมไททานิค #TitanicFacts #ไททานิค113ปี #หนังTitanic #MyHeartWillGoOn
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1135 มุมมอง 0 รีวิว
  • 47 ปีแห่ง "Black Out" ไฟฟ้าดับทั่วไทยนาน 9 ชั่วโมง 20 นาที เหตุการณ์ที่คนไทยไม่มีวันลืม

    ความทรงจำในวันเสาร์ที่ 18 มีนาคม พ.ศ. 2521 ประเทศไทยทั้งประเทศจมสู่ความมืด เผชิญกับเหตุการณ์ไฟฟ้าดับทั่วประเทศ หรือที่เรียกในภาษาอังกฤษว่า "Blackout" เป็นระยะเวลานานถึง 9 ชั่วโมง 20 นาที นับเป็นเหตุการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน และยังคงเป็นเหตุการณ์สำคัญ ที่ถูกบันทึกไว้ใน ประวัติศาสตร์พลังงานของประเทศไทย

    เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นจากโรงไฟฟ้าพระนครใต้ ซึ่งในขณะนั้น เป็นศูนย์กลางกำลังผลิตไฟฟ้าหลัก ของประเทศ ได้เกิดขัดข้องครั้งใหญ่ ส่งผลให้เครื่องกำเนิดไฟฟ้า 4 เครื่อง กำลังผลิตรวมกว่า 1,030 เมกะวัตต์ หยุดทำงานทันที และด้วยระบบที่เชื่อมต่อถึงกันอย่างต่อเนื่อง ทำให้โรงไฟฟ้าอื่นๆ ต้องหยุดตามกันไป ส่งผลกระทบต่อระบบไฟฟ้าทั่วประเทศไทย ในทันที

    ไทม์ไลน์เหตุการณ์ Blackout 2521 ตั้งแต่เช้าจรดเย็น
    07.40 น. เริ่มเกิดเหตุขัดข้องที่โรงไฟฟ้าพระนครใต้
    ภาคเหนือและภาคกลาง เกิดไฟฟ้าดับทันที นานกว่า 1 ชั่วโมง
    ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กระทบประมาณ 15 นาที
    เขตนครหลวง ดับยาวกว่า 2 ชั่วโมง

    17.00 น. ไฟฟ้ากลับมาทำงานได้ตามปกติทั่วประเทศ

    รวมเวลาไฟดับทั่วประเทศครั้งนี้ 9 ชั่วโมง 20 นาที ซึ่งในเวลานั้น ความเสียหายทางเศรษฐกิจ สังคม และความมั่นคงของประเทศ ได้เกิดขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

    "Blackout" คือเหตุการณ์ที่ไฟฟ้าดับในวงกว้าง หรือทั้งประเทศ โดยไม่สามารถควบคุม หรือจำกัดขอบเขตได้ทันเวลา และส่งผลให้ระบบไฟฟ้าล่มทั้งเครือข่าย หากไม่มีระบบป้องกันที่ดี หรือระบบควบคุมการจ่ายไฟที่แม่นยำพอ จะเกิดไฟฟ้าดับทั้งประเทศ อย่างที่ไทยเคยประสบในปี 2521

    เปรียบเทียบให้เห็นภาพง่ายๆ ลองนึกถึงการแข่งขันชักเย่อ ที่ทั้งสองฝ่ายดึงเชือกอย่างสมดุล แต่ถ้าอยู่ดีๆ ฝ่ายหนึ่งล้มลง แรงดึงอีกฝ่ายจะทำให้ทุกคนล้มตามไปหมด นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้น กับระบบไฟฟ้าของไทยในวันนั้น

    เบื้องหลังระบบไฟฟ้าของไทยในยุคนั้น จุดอ่อนที่นำไปสู่ "Blackout" ในปี 2521 โรงไฟฟ้าพระนครใต้ เป็นโรงไฟฟ้าหลัก ที่รับภาระการผลิตไฟฟ้าถึง 77% ของกำลังการผลิตรวมทั้งหมดของประเทศ เมื่อเกิดขัดข้องขึ้นกับโรงไฟฟ้าหลักนี้ ระบบอื่นจึงไม่สามารถรับภาระได้ทัน ทำให้เกิด การหยุดทำงานของระบบไฟฟ้าทั้งหมด ในเวลาอันสั้น

    ปัจจัยหลักที่ส่งผลต่อการเกิด Blackout
    - ระบบพึ่งพาโรงไฟฟ้าหลักมากเกินไป
    - ระบบควบคุม และป้องกันการล้มของเครือข่าย ยังไม่ทันสมัย
    - การขาดโรงไฟฟ้าสำรอง ที่พร้อมรองรับเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน

    ตัวอย่าง Blackout ในต่างประเทศที่โลกจดจำ
    แม้ประเทศไทยจะเคยเจอเหตุการณ์ใหญ่ในปี 2521 แต่ประเทศอื่นๆ ก็เคยเผชิญเหตุการณ์เลวร้ายเช่นกัน ตัวอย่างเช่น

    มาเลเซีย 2539
    วันที่ 3 สิงหาคม 2539 เกิดไฟฟ้าดับทั่วประเทศ นานถึง 16 ชั่วโมง สาเหตุเกิดจากโรงไฟฟ้า PAKAR ขัดข้อง เสียหายไม่น้อยกว่า 1,250 ล้านบาท กระทบระบบขนส่ง ประชาชนติดในลิฟต์ โรงพยาบาลขาดไฟช่วยชีวิต และเศรษฐกิจหยุดชะงักทั้งหมด

    การพัฒนาและความมั่นคง ของระบบไฟฟ้าไทยในปัจจุบัน หลังจากบทเรียนครั้งสำคัญในปี 2521 การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ได้พัฒนาปรับปรุงระบบการผลิต และการจ่ายไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง

    มาตรการป้องกัน Blackout ในปัจจุบัน
    - กำลังการผลิตรวมสูงถึง 15,500 เมกะวัตต์
    - มีโรงไฟฟ้าสำรอง และระบบกังหันแก๊ส ที่สามารถเดินเครื่องภายใน 10-15 นาที
    - โรงไฟฟ้าพลังน้ำมีบทบาทสำคัญ ในการรองรับกำลังการผลิตช่วงวิกฤต
    - ระบบสำรองพลังงานสูงถึง 15% ของความต้องการทั้งหมด
    - เทคโนโลยีระบบควบคุม และอุปกรณ์ป้องกันทันสมัย ลดโอกาสเกิดปัญหาไฟฟ้าขัดข้อง

    บทเรียนจาก Blackout 2521 พลังงานไฟฟ้าไม่ใช่แค่แสงสว่าง แต่คือ "ชีวิต" ในโลกยุคดิจิทัลปี 2025 ที่ทุกอย่างเชื่อมโยงกันด้วย เทคโนโลยี อินเทอร์เน็ต และระบบอัตโนมัติ หากเกิดไฟฟ้าดับแม้เพียงไม่กี่วินาที ผลกระทบจะรุนแรงเกินคาด

    โรงพยาบาล เครื่องมือช่วยชีวิตหยุดทำงาน
    ระบบธนาคารออนไลน์หยุดชะงัก
    การจราจรหยุดนิ่ง อุบัติเหตุเพิ่มขึ้น
    ธุรกิจ E-commerce และร้านค้าออนไลน์สูญเสียรายได้
    โรงงานอุตสาหกรรมหยุดผลิต

    47 ปี Blackout 2521 จากวิกฤติสู่บทเรียนพลังงานแห่งชาติ เหตุการณ์ไฟฟ้าดับทั่วประเทศไทย ในปี 2521 เป็นบทเรียนครั้งใหญ่ ที่ทำให้ระบบไฟฟ้าของไทยแข็งแกร่ง และมั่นคงยิ่งขึ้นในปัจจุบัน ด้วยการพัฒนาเทคโนโลยี การบริหารจัดการพลังงานที่ทันสมัย และการมีระบบสำรองที่มั่นใจได้ ทำให้วันนี้ คนไทยมีไฟฟ้าใช้อย่างต่อเนื่อง แม้ในช่วงวิกฤติที่สุด

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 181248 มี.ค. 2568

    #Blackout2521 #ไฟฟ้าดับทั่วไทย #พลังงานไฟฟ้า #กฟผ #ระบบไฟฟ้าไทย #โรงไฟฟ้าพระนครใต้ #เหตุการณ์ไฟดับ #พลังงานมั่นคง #ไฟดับนานสุดในไทย #พลังงานอนาคต
    🔌 47 ปีแห่ง "Black Out" ไฟฟ้าดับทั่วไทยนาน 9 ชั่วโมง 20 นาที เหตุการณ์ที่คนไทยไม่มีวันลืม ⚡ 🔥 ความทรงจำในวันเสาร์ที่ 18 มีนาคม พ.ศ. 2521 ประเทศไทยทั้งประเทศจมสู่ความมืด เผชิญกับเหตุการณ์ไฟฟ้าดับทั่วประเทศ หรือที่เรียกในภาษาอังกฤษว่า "Blackout" เป็นระยะเวลานานถึง 9 ชั่วโมง 20 นาที นับเป็นเหตุการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน และยังคงเป็นเหตุการณ์สำคัญ ที่ถูกบันทึกไว้ใน ประวัติศาสตร์พลังงานของประเทศไทย 🇹🇭 เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นจากโรงไฟฟ้าพระนครใต้ ซึ่งในขณะนั้น เป็นศูนย์กลางกำลังผลิตไฟฟ้าหลัก ของประเทศ ได้เกิดขัดข้องครั้งใหญ่ ส่งผลให้เครื่องกำเนิดไฟฟ้า 4 เครื่อง กำลังผลิตรวมกว่า 1,030 เมกะวัตต์ หยุดทำงานทันที ❌⚙️ และด้วยระบบที่เชื่อมต่อถึงกันอย่างต่อเนื่อง ทำให้โรงไฟฟ้าอื่นๆ ต้องหยุดตามกันไป ส่งผลกระทบต่อระบบไฟฟ้าทั่วประเทศไทย ในทันที 🌍 🕰️ ไทม์ไลน์เหตุการณ์ Blackout 2521 ตั้งแต่เช้าจรดเย็น 07.40 น. เริ่มเกิดเหตุขัดข้องที่โรงไฟฟ้าพระนครใต้ ภาคเหนือและภาคกลาง เกิดไฟฟ้าดับทันที นานกว่า 1 ชั่วโมง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กระทบประมาณ 15 นาที เขตนครหลวง ดับยาวกว่า 2 ชั่วโมง 17.00 น. ไฟฟ้ากลับมาทำงานได้ตามปกติทั่วประเทศ ✅ ⏳ รวมเวลาไฟดับทั่วประเทศครั้งนี้ 9 ชั่วโมง 20 นาที ซึ่งในเวลานั้น ความเสียหายทางเศรษฐกิจ สังคม และความมั่นคงของประเทศ ได้เกิดขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ 💡 "Blackout" คือเหตุการณ์ที่ไฟฟ้าดับในวงกว้าง หรือทั้งประเทศ โดยไม่สามารถควบคุม หรือจำกัดขอบเขตได้ทันเวลา และส่งผลให้ระบบไฟฟ้าล่มทั้งเครือข่าย 😱 หากไม่มีระบบป้องกันที่ดี หรือระบบควบคุมการจ่ายไฟที่แม่นยำพอ จะเกิดไฟฟ้าดับทั้งประเทศ อย่างที่ไทยเคยประสบในปี 2521 📊 เปรียบเทียบให้เห็นภาพง่ายๆ ลองนึกถึงการแข่งขันชักเย่อ ที่ทั้งสองฝ่ายดึงเชือกอย่างสมดุล แต่ถ้าอยู่ดีๆ ฝ่ายหนึ่งล้มลง แรงดึงอีกฝ่ายจะทำให้ทุกคนล้มตามไปหมด นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้น กับระบบไฟฟ้าของไทยในวันนั้น ⚖️➡️❌ ⚙️ เบื้องหลังระบบไฟฟ้าของไทยในยุคนั้น จุดอ่อนที่นำไปสู่ "Blackout" ในปี 2521 โรงไฟฟ้าพระนครใต้ เป็นโรงไฟฟ้าหลัก ที่รับภาระการผลิตไฟฟ้าถึง 77% ของกำลังการผลิตรวมทั้งหมดของประเทศ เมื่อเกิดขัดข้องขึ้นกับโรงไฟฟ้าหลักนี้ ระบบอื่นจึงไม่สามารถรับภาระได้ทัน ➡️ ทำให้เกิด การหยุดทำงานของระบบไฟฟ้าทั้งหมด ในเวลาอันสั้น 📌 ปัจจัยหลักที่ส่งผลต่อการเกิด Blackout - ระบบพึ่งพาโรงไฟฟ้าหลักมากเกินไป 🌡️ - ระบบควบคุม และป้องกันการล้มของเครือข่าย ยังไม่ทันสมัย ❌ - การขาดโรงไฟฟ้าสำรอง ที่พร้อมรองรับเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน 🏭 🌍 ตัวอย่าง Blackout ในต่างประเทศที่โลกจดจำ แม้ประเทศไทยจะเคยเจอเหตุการณ์ใหญ่ในปี 2521 แต่ประเทศอื่นๆ ก็เคยเผชิญเหตุการณ์เลวร้ายเช่นกัน ตัวอย่างเช่น 🇲🇾 มาเลเซีย 2539 วันที่ 3 สิงหาคม 2539 เกิดไฟฟ้าดับทั่วประเทศ นานถึง 16 ชั่วโมง สาเหตุเกิดจากโรงไฟฟ้า PAKAR ขัดข้อง เสียหายไม่น้อยกว่า 1,250 ล้านบาท กระทบระบบขนส่ง ประชาชนติดในลิฟต์ โรงพยาบาลขาดไฟช่วยชีวิต และเศรษฐกิจหยุดชะงักทั้งหมด ✅ การพัฒนาและความมั่นคง ของระบบไฟฟ้าไทยในปัจจุบัน หลังจากบทเรียนครั้งสำคัญในปี 2521 การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ได้พัฒนาปรับปรุงระบบการผลิต และการจ่ายไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง 🔧 มาตรการป้องกัน Blackout ในปัจจุบัน - กำลังการผลิตรวมสูงถึง 15,500 เมกะวัตต์ 🔋 - มีโรงไฟฟ้าสำรอง และระบบกังหันแก๊ส ที่สามารถเดินเครื่องภายใน 10-15 นาที 🏭 - โรงไฟฟ้าพลังน้ำมีบทบาทสำคัญ ในการรองรับกำลังการผลิตช่วงวิกฤต 🌊 - ระบบสำรองพลังงานสูงถึง 15% ของความต้องการทั้งหมด - เทคโนโลยีระบบควบคุม และอุปกรณ์ป้องกันทันสมัย ลดโอกาสเกิดปัญหาไฟฟ้าขัดข้อง 💻⚙️ 💡 บทเรียนจาก Blackout 2521 พลังงานไฟฟ้าไม่ใช่แค่แสงสว่าง แต่คือ "ชีวิต" ในโลกยุคดิจิทัลปี 2025 ที่ทุกอย่างเชื่อมโยงกันด้วย เทคโนโลยี อินเทอร์เน็ต และระบบอัตโนมัติ หากเกิดไฟฟ้าดับแม้เพียงไม่กี่วินาที ผลกระทบจะรุนแรงเกินคาด ❗ 🏥 โรงพยาบาล เครื่องมือช่วยชีวิตหยุดทำงาน 🏦 ระบบธนาคารออนไลน์หยุดชะงัก 🚦 การจราจรหยุดนิ่ง อุบัติเหตุเพิ่มขึ้น 🛒 ธุรกิจ E-commerce และร้านค้าออนไลน์สูญเสียรายได้ 🏭 โรงงานอุตสาหกรรมหยุดผลิต 📚 47 ปี Blackout 2521 จากวิกฤติสู่บทเรียนพลังงานแห่งชาติ เหตุการณ์ไฟฟ้าดับทั่วประเทศไทย ในปี 2521 เป็นบทเรียนครั้งใหญ่ ที่ทำให้ระบบไฟฟ้าของไทยแข็งแกร่ง และมั่นคงยิ่งขึ้นในปัจจุบัน 👍 ด้วยการพัฒนาเทคโนโลยี การบริหารจัดการพลังงานที่ทันสมัย และการมีระบบสำรองที่มั่นใจได้ ทำให้วันนี้ คนไทยมีไฟฟ้าใช้อย่างต่อเนื่อง แม้ในช่วงวิกฤติที่สุด ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 181248 มี.ค. 2568 🏷️ #Blackout2521 #ไฟฟ้าดับทั่วไทย #พลังงานไฟฟ้า #กฟผ #ระบบไฟฟ้าไทย #โรงไฟฟ้าพระนครใต้ #เหตุการณ์ไฟดับ #พลังงานมั่นคง #ไฟดับนานสุดในไทย #พลังงานอนาคต
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 954 มุมมอง 0 รีวิว
  • 34 ปี โศกนาฏกรรมทุ่งมะพร้าว รถบรรทุกแก๊ปไฟฟ้าคว่ำ รุมงัดตู้คอนเทนเนอร์ หวังฉกสินค้า ก่อนระเบิดคร่า 140 ชีวิต บาดเจ็บนับร้อย

    โศกนาฏกรรมครั้งใหญ่ ที่สะเทือนใจคนไทยทั้งประเทศ ย้อนกลับไปเมื่อ 34 ปี ที่ผ่านมา กับเหตุการณ์สุดสลด ที่ทุ่งมะพร้าว อำเภอท้ายเหมือง จังหวัดพังงา รถบรรทุกแก๊ปไฟฟ้าคว่ำ ชาวบ้านแห่รุมเก็บของ โดยไม่รู้ถึงอันตราย และสุดท้ายเกิดระเบิดครั้งใหญ่ ที่พรากชีวิตผู้คนไปถึง 140 คน และบาดเจ็บอีกนับร้อย

    วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2534 เวลา 17.30 น. รถบรรทุกที่บรรจุ แก๊ปไฟฟ้า ซึ่งเป็นอุปกรณ์จุดระเบิดสำหรับการทำเหมือง และงานก่อสร้าง ออกเดินทางจากภูเก็ต มุ่งหน้าไปสระบุรี

    แต่เมื่อขบวนรถถึง สามแยกตลาดทุ่งมะพร้าว จังหวัดพังงา รถบรรทุกสิบล้อเกิดเสียหลัก แหกโค้งพลิกคว่ำ ส่งผลให้ลังไม้ที่บรรจุแก๊ปไฟฟ้า กระจัดกระจายเกลื่อนทั่วถนน

    ชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์เข้าใจผิด คิดว่าเป็นของมีค่า รีบกรูกันเข้าไปเก็บ โดยไม่ฟังคำเตือนของตำรวจ ก่อนที่เหตุการณ์จะบานปลาย เป็นโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่

    ต้นเหตุของโศกนาฏกรรม รถบรรทุกแก๊ปไฟฟ้าคว่ำ
    ขบวนรถบรรทุกอันตราย
    - รถบรรทุก 10 ล้อ 1 คัน
    - รถบรรทุกพ่วง 18 ล้อ 1 คัน
    - มีรถวิทยุตรวจเขต ตำรวจทางหลวงนำขบวน

    เมื่อถึง กม.ที่ 41-42 บริเวณทางโค้ง สามแยกตลาดทุ่งมะพร้าว อำเภอท้ายเหมือง จังหวัดพังงา รถบรรทุกสิบล้อ เสียหลักแหกโค้งพลิกคว่ำ ทำให้ลังบรรจุแก๊ปไฟฟ้า หล่นกระจัดกระจาย เกลื่อนเต็มพื้นถนน

    แก๊ปไฟฟ้า คืออะไร?
    เป็นอุปกรณ์ระเบิดที่ใช้ในเหมืองแร่ จุดระเบิดง่ายจากแรงกระแทก หรือประกายไฟ ถูกบรรจุมาในลังไม้ แต่เมื่อตกกระจายออกมา ก็มีความเสี่ยงสูง

    ชุลมุนชิงของ ก่อนเปลี่ยนเป็นหายนะ
    ชาวบ้านหลั่งไหลมาเก็บแก๊ปไฟฟ้า
    เข้าใจผิด คิดว่าเป็นวัตถุมีค่า โดยไม่ฟังคำเตือนของตำรวจทางหลวง ตำรวจภูธรพยายามกันประชาชน ออกจากพื้นที่ แต่ควบคุมสถานการณ์ไม่ได้

    การจราจรติดขัด
    รถบัสโดยสาร บขส. สายกรุงเทพฯ-ภูเก็ต จอดรอ รถสองแถว และจักรยานยนต์หลายสิบคัน

    จุดเปลี่ยนของโศกนาฏกรรม
    มีไทยมุงพยายามงัดตู้คอนเทนเนอร์ เพื่อดูว่ามีของมีค่าหรือไม่ บางคนนำชะแลงเหล็กมางัด จนเกิดประกายไฟ หรือแรงกระแทก อาจเป็นชนวนให้เกิดระเบิด

    ระเบิดสังหาร 140 ศพ: แรงอัดกระแทกมหาศาล
    เวลา 18.30 น. เกิดระเบิดสนั่นหวั่นไหว
    เปลวเพลิงลุกท่วม แรงระเบิดแผ่ไปไกล 1 กม. อาคารโดยรอบพังยับ เช่น โรงเรียน สถานีอนามัย ศาลาอเนกประสงค์

    สภาพศพและผู้บาดเจ็บ
    เสียชีวิตในที่เกิดเหตุทันที 60 คน ถูกไฟคลอกและแรงระเบิด ทำให้ร่างแหลกเหลว ในรถบัสโดยสาร ผู้โดยสารเสียชีวิตเกือบทั้งหมด มีผู้บาดเจ็บสาหัส ที่ถูกนำส่งโรงพยาบาลอีก 60 คน

    เจ้าหน้าที่ระดมกำลังเข้าช่วยเหลือ
    ตำรวจ และเจ้าหน้าที่กู้ภัยจากหลายจังหวัด เดินทางมาให้การช่วยเหลือ เกรงว่าอาจเกิดระเบิดซ้ำ จึงต้องทำงานอย่างระมัดระวัง

    ผลกระทบและบทเรียนจากเหตุการณ์
    สาเหตุที่แท้จริงของระเบิด
    - แก๊ปไฟฟ้าไวต่อแรงกระแทก
    - การขาดความรู้ของประชาชน
    - การละเลยคำเตือนของเจ้าหน้าที่

    บทเรียนสำคัญ
    - การขนส่งวัตถุอันตราย ควรมีมาตรการรัดกุมกว่านี้
    - ประชาชนควรมีความรู้ เกี่ยวกับอันตรายของวัตถุระเบิด
    - ควรมีมาตรการควบคุมพื้นที่ทันที เมื่อเกิดเหตุร้ายแรง

    โศกนาฏกรรมที่ไม่ควรเกิดขึ้นอีก
    โศกนาฏกรรมทุ่งมะพร้าว เป็นหนึ่งในเหตุการณ์ที่รุนแรง และสะเทือนขวัญที่สุด ในประวัติศาสตร์ไทย การระเบิดที่เกิดจากความประมาท และความไม่รู้ ได้คร่าชีวิต 140 คน และทำให้บาดเจ็บอีกหลายร้อย

    เราเรียนรู้อะไรจากเหตุการณ์นี้?
    - อย่าเข้าใกล้วัตถุอันตรายโดยไม่มีความรู้
    - ฟังคำเตือนของเจ้าหน้าที่เสมอ
    - การขนส่งวัตถุอันตราย ต้องมีมาตรการป้องกันที่เข้มงวด

    ขอให้เหตุการณ์นี้เป็นอุทาหรณ์ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 151151 ก.พ. 2568

    #โศกนาฏกรรมทุ่งมะพร้าว #34ปีที่แล้ว #รถบรรทุกคว่ำ #แก๊ปไฟฟ้า #ระเบิดครั้งใหญ่ #ไทยมุง #ภัยจากความไม่รู้ #บทเรียนครั้งใหญ่ #โศกนาฏกรรมไทย #ความปลอดภัยต้องมาก่อน
    34 ปี โศกนาฏกรรมทุ่งมะพร้าว รถบรรทุกแก๊ปไฟฟ้าคว่ำ รุมงัดตู้คอนเทนเนอร์ หวังฉกสินค้า ก่อนระเบิดคร่า 140 ชีวิต บาดเจ็บนับร้อย 😢 โศกนาฏกรรมครั้งใหญ่ ที่สะเทือนใจคนไทยทั้งประเทศ ย้อนกลับไปเมื่อ 34 ปี ที่ผ่านมา กับเหตุการณ์สุดสลด ที่ทุ่งมะพร้าว อำเภอท้ายเหมือง จังหวัดพังงา รถบรรทุกแก๊ปไฟฟ้าคว่ำ ชาวบ้านแห่รุมเก็บของ โดยไม่รู้ถึงอันตราย และสุดท้ายเกิดระเบิดครั้งใหญ่ ที่พรากชีวิตผู้คนไปถึง 140 คน และบาดเจ็บอีกนับร้อย 📅 วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2534 เวลา 17.30 น. รถบรรทุกที่บรรจุ แก๊ปไฟฟ้า ซึ่งเป็นอุปกรณ์จุดระเบิดสำหรับการทำเหมือง และงานก่อสร้าง ออกเดินทางจากภูเก็ต มุ่งหน้าไปสระบุรี แต่เมื่อขบวนรถถึง สามแยกตลาดทุ่งมะพร้าว จังหวัดพังงา รถบรรทุกสิบล้อเกิดเสียหลัก แหกโค้งพลิกคว่ำ ส่งผลให้ลังไม้ที่บรรจุแก๊ปไฟฟ้า กระจัดกระจายเกลื่อนทั่วถนน ชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์เข้าใจผิด คิดว่าเป็นของมีค่า รีบกรูกันเข้าไปเก็บ โดยไม่ฟังคำเตือนของตำรวจ ก่อนที่เหตุการณ์จะบานปลาย เป็นโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่ 😢 ต้นเหตุของโศกนาฏกรรม รถบรรทุกแก๊ปไฟฟ้าคว่ำ 🚛 ขบวนรถบรรทุกอันตราย - รถบรรทุก 10 ล้อ 1 คัน - รถบรรทุกพ่วง 18 ล้อ 1 คัน - มีรถวิทยุตรวจเขต ตำรวจทางหลวงนำขบวน เมื่อถึง กม.ที่ 41-42 บริเวณทางโค้ง สามแยกตลาดทุ่งมะพร้าว อำเภอท้ายเหมือง จังหวัดพังงา รถบรรทุกสิบล้อ เสียหลักแหกโค้งพลิกคว่ำ ทำให้ลังบรรจุแก๊ปไฟฟ้า หล่นกระจัดกระจาย เกลื่อนเต็มพื้นถนน 🔴 แก๊ปไฟฟ้า คืออะไร? เป็นอุปกรณ์ระเบิดที่ใช้ในเหมืองแร่ จุดระเบิดง่ายจากแรงกระแทก หรือประกายไฟ ถูกบรรจุมาในลังไม้ แต่เมื่อตกกระจายออกมา ก็มีความเสี่ยงสูง ชุลมุนชิงของ ก่อนเปลี่ยนเป็นหายนะ 👥 ชาวบ้านหลั่งไหลมาเก็บแก๊ปไฟฟ้า เข้าใจผิด คิดว่าเป็นวัตถุมีค่า โดยไม่ฟังคำเตือนของตำรวจทางหลวง ตำรวจภูธรพยายามกันประชาชน ออกจากพื้นที่ แต่ควบคุมสถานการณ์ไม่ได้ 🚍 การจราจรติดขัด รถบัสโดยสาร บขส. สายกรุงเทพฯ-ภูเก็ต จอดรอ รถสองแถว และจักรยานยนต์หลายสิบคัน 📢 จุดเปลี่ยนของโศกนาฏกรรม มีไทยมุงพยายามงัดตู้คอนเทนเนอร์ เพื่อดูว่ามีของมีค่าหรือไม่ บางคนนำชะแลงเหล็กมางัด จนเกิดประกายไฟ หรือแรงกระแทก อาจเป็นชนวนให้เกิดระเบิด ระเบิดสังหาร 140 ศพ: แรงอัดกระแทกมหาศาล 💥 เวลา 18.30 น. เกิดระเบิดสนั่นหวั่นไหว เปลวเพลิงลุกท่วม แรงระเบิดแผ่ไปไกล 1 กม. อาคารโดยรอบพังยับ เช่น โรงเรียน สถานีอนามัย ศาลาอเนกประสงค์ 🩸 สภาพศพและผู้บาดเจ็บ เสียชีวิตในที่เกิดเหตุทันที 60 คน ถูกไฟคลอกและแรงระเบิด ทำให้ร่างแหลกเหลว ในรถบัสโดยสาร ผู้โดยสารเสียชีวิตเกือบทั้งหมด มีผู้บาดเจ็บสาหัส ที่ถูกนำส่งโรงพยาบาลอีก 60 คน 🚔 เจ้าหน้าที่ระดมกำลังเข้าช่วยเหลือ ตำรวจ และเจ้าหน้าที่กู้ภัยจากหลายจังหวัด เดินทางมาให้การช่วยเหลือ เกรงว่าอาจเกิดระเบิดซ้ำ จึงต้องทำงานอย่างระมัดระวัง ผลกระทบและบทเรียนจากเหตุการณ์ 🔍 สาเหตุที่แท้จริงของระเบิด - แก๊ปไฟฟ้าไวต่อแรงกระแทก - การขาดความรู้ของประชาชน - การละเลยคำเตือนของเจ้าหน้าที่ 📌 บทเรียนสำคัญ - การขนส่งวัตถุอันตราย ควรมีมาตรการรัดกุมกว่านี้ - ประชาชนควรมีความรู้ เกี่ยวกับอันตรายของวัตถุระเบิด - ควรมีมาตรการควบคุมพื้นที่ทันที เมื่อเกิดเหตุร้ายแรง โศกนาฏกรรมที่ไม่ควรเกิดขึ้นอีก ⚠️ โศกนาฏกรรมทุ่งมะพร้าว เป็นหนึ่งในเหตุการณ์ที่รุนแรง และสะเทือนขวัญที่สุด ในประวัติศาสตร์ไทย การระเบิดที่เกิดจากความประมาท และความไม่รู้ ได้คร่าชีวิต 140 คน และทำให้บาดเจ็บอีกหลายร้อย ❗ เราเรียนรู้อะไรจากเหตุการณ์นี้? - อย่าเข้าใกล้วัตถุอันตรายโดยไม่มีความรู้ - ฟังคำเตือนของเจ้าหน้าที่เสมอ - การขนส่งวัตถุอันตราย ต้องมีมาตรการป้องกันที่เข้มงวด 🙏 ขอให้เหตุการณ์นี้เป็นอุทาหรณ์ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 151151 ก.พ. 2568 🔖 #โศกนาฏกรรมทุ่งมะพร้าว #34ปีที่แล้ว #รถบรรทุกคว่ำ #แก๊ปไฟฟ้า #ระเบิดครั้งใหญ่ #ไทยมุง #ภัยจากความไม่รู้ #บทเรียนครั้งใหญ่ #โศกนาฏกรรมไทย #ความปลอดภัยต้องมาก่อน 🔁 🚨
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1047 มุมมอง 0 รีวิว