• บทที่ 1: รอยร้าวกลางคืนพายุ

    ในคืนหนึ่งที่ฝนตกไม่ลืมหูลืมตา กลุ่มตำรวจจากหน่วยพิเศษได้บุกเข้าตรวจสอบบริษัทไฮเทค "เจนีซิส แล็บ" ผู้บุกเบิกเทคโนโลยีการโคลนนิ่งระดับโลก การบุกครั้งนี้นำโดย "ร.ต.อ. สิงห์" นายตำรวจพ่อเลี้ยงเดี่ยวผู้แข็งกร้าว แต่ซ่อนความอ่อนโยนลึกไว้ในใจ สิ่งที่พบในห้องทดลองลับใต้ดินทำให้ทุกคนตะลึง: ถังบรรจุภัณฑ์จำนวนนับร้อยเรียงราย ภายในมีร่างมนุษย์ที่เหมือนกันราวกับแกะ แต่ทั้งหมดอยู่ในสภาพหลับใหลไร้จิตวิญญาณ

    ในความวุ่นวาย สิงห์พบสิ่งที่ไม่คาดคิด นั่นคือ "หนูดี" ลูกสาวบุญธรรมวัยสิบเจ็ดปีของเขา ยืนอยู่กลางห้องควบคุมหลักด้วยท่าทางเยือกเย็น ไม่ไยดีต่อความโกลาหลรอบตัว ในมือเธอถือแท็บเล็ตที่แสดงข้อมูลทางพันธุกรรมซับซ้อน

    "หนูดี นี่เธอทำอะไรที่นี่?" สิงห์ถามด้วยเสียงสั่นเครือ

    "พ่อคะ" หนูดีหันมา ยิ้มเบาๆ "หนูกำลังตามหาความจริงของตัวเอง"

    บทที่ 2: ความลับแห่งโอปปาติกะกำเนิด

    จากการสอบสวน ทำให้รู้ว่าหนูดีไม่ใช่เด็กธรรมดา เธอคือ "โอปปาติกะวิญญาณ" ระดับสูงที่ถือกำเนิดผ่านกระบวนการโคลนนิ่ง โดยไม่ต้องอาศัยพ่อแม่ตามธรรมชาติ การถือกำเนิดแบบโอปปาติกะในพระพุทธศาสนา คือการที่วิญญาณเกิดขึ้นทันทีโดยไม่มีช่วงเป็นทารก ในบริบทนี้ หนูดีคือการรวมกันของเทคโนโลยีขั้นสูงและกฎแห่งกรรม

    ดร.อัจฉริยะ ผู้ก่อตั้งเจนีซิส แล็บ อธิบายต่อศาลในภายหลัง: "เราไม่ได้สร้างชีวิต เราเพียงจัดเตรียมภาชนะที่เหมาะสม สำหรับวิญญาณที่กำลังแสวงหาที่เกิด บางวิญญาณมีพลังกรรมหนาแน่น ต้องการร่างที่สมบูรณ์แบบเพื่อรองรับการถือกำเนิด"

    บทที่ 3: สองพิภพในร่างเดียวกัน

    ขณะการสอบสวนลึกเข้าถึงแก่น สิงห์ค้นพบความจริงที่น่าหวาดหวั่น ภายในตัวหนูดีมี "สองจิต" อาศัยอยู่ร่วมกัน

    จิตแรกคือ "มารพิฆาต" ผู้ยิ่งใหญ่แห่งความตาย เกิดจากสังขารและตัณหาของวิญญาณนับไม่ถ้วนที่ถูกทดลอง ปรารถนาจะทำลายล้างโลกมนุษย์ที่เต็มไปด้วยกิเลส

    จิตที่สองคือ "เทพพิทักษ์" ผู้ดูแลคุ้มครองโลก เกิดจากเมตตาบารมีของวิญญาณระดับพรหมที่ต้องการถ่วงดุล ปรารถนาจะปกป้องมนุษย์ให้พ้นจากความทุกข์

    ทั้งสองคือพลังกรรมที่ตรงข้ามกัน แต่ต้องอาศัยร่างเดียวกันคือหนูดี เป็นสมุฏฐานแห่งการดำรงอยู่

    บทที่ 4: ศึกตัดสินในสวนพุทธธรรม

    คืนหนึ่ง หนูดีหายไปจากบ้าน สิงห์ตามพบเธอที่สวนพุทธธรรมใกล้เมือง ในสภาพที่กำลังต่อสู้กับสองพลังภายในตัวเอง

    "พ่อคะ" หนูดีพูดด้วยเสียงที่แบ่งเป็นสองสำนวนสลับกัน "ช่วยหนูตัดสินใจที ระหว่างการทำลายล้างเพื่อเริ่มใหม่ กับการยอมรับความไม่สมบูรณ์แบบของมนุษย์"

    สิงห์ไม่ตอบ แต่ก้าวเข้าไปกอดเธอแน่น "พ่อรักหนู ไม่ว่าหนูจะเป็นใคร ก็เป็นลูกของพ่อเสมอ"

    บทที่ 5: ทางออกแห่งมัชฌิมาปฏิปทา

    ภายใต้ความรักที่ไม่แบ่งแยกของสิงห์ หนูดีค้นพบทางสายกลาง เธอไม่เลือกเป็น either มารหรือเทพ แต่เลือกเป็น "ผู้ตื่นรู้" ผู้เข้าใจในธรรมชาติแห่งความเป็นไตรลักษณ์ของสรรพสิ่ง

    มารพิฆาตและเทพพิทักษ์ค่อยๆ หลอมรวมเป็นพลังงานบริสุทธิ์ในตัวเธอ ไม่ใช่เพื่อทำลายหรือปกป้อง แต่เพื่อ "เข้าใจ" และ "เปลี่ยนแปลง" อย่างสันติ

    บทสรุปแห่งกรรม

    เรื่องราวสอนให้เห็นว่า ไม่ว่าเทคโนโลยีจะก้าวหน้าเพียงใด ก็ไม่อาจก้าวพ้นกฎแห่งกรรมได้ การกำเนิดแบบโอปปาติกะในบริบทสมัยใหม่ อาจเป็นเพียงรูปแบบใหม่ของการเวียนว่ายตายเกิด

    สิ่งที่สำคัญไม่ใช่ "รูปแบบ" การเกิด แต่คือ "จิตใจ" และ "เจตนา" ระหว่างทางแห่งการเกิด แก่ เจ็บ ตาย ดังพุทธพจน์ที่ว่า "กรรมเป็นของๆ สัตว์ทั้งหลาย กรรมเป็นแดนเกิด กรรมเป็นเผ่าพันธุ์ กรรมเป็นที่พึ่งอาศัย"

    และบางครั้ง ความรักแท้ที่ไม่แบ่งแยก ก็อาจเป็นแสงสว่างที่นำทางวิญญาณให้พบความสงบ แม้ในกลางวงจรแห่งสังสารวัฏ
    บทที่ 1: รอยร้าวกลางคืนพายุ ในคืนหนึ่งที่ฝนตกไม่ลืมหูลืมตา กลุ่มตำรวจจากหน่วยพิเศษได้บุกเข้าตรวจสอบบริษัทไฮเทค "เจนีซิส แล็บ" ผู้บุกเบิกเทคโนโลยีการโคลนนิ่งระดับโลก การบุกครั้งนี้นำโดย "ร.ต.อ. สิงห์" นายตำรวจพ่อเลี้ยงเดี่ยวผู้แข็งกร้าว แต่ซ่อนความอ่อนโยนลึกไว้ในใจ สิ่งที่พบในห้องทดลองลับใต้ดินทำให้ทุกคนตะลึง: ถังบรรจุภัณฑ์จำนวนนับร้อยเรียงราย ภายในมีร่างมนุษย์ที่เหมือนกันราวกับแกะ แต่ทั้งหมดอยู่ในสภาพหลับใหลไร้จิตวิญญาณ ในความวุ่นวาย สิงห์พบสิ่งที่ไม่คาดคิด นั่นคือ "หนูดี" ลูกสาวบุญธรรมวัยสิบเจ็ดปีของเขา ยืนอยู่กลางห้องควบคุมหลักด้วยท่าทางเยือกเย็น ไม่ไยดีต่อความโกลาหลรอบตัว ในมือเธอถือแท็บเล็ตที่แสดงข้อมูลทางพันธุกรรมซับซ้อน "หนูดี นี่เธอทำอะไรที่นี่?" สิงห์ถามด้วยเสียงสั่นเครือ "พ่อคะ" หนูดีหันมา ยิ้มเบาๆ "หนูกำลังตามหาความจริงของตัวเอง" บทที่ 2: ความลับแห่งโอปปาติกะกำเนิด จากการสอบสวน ทำให้รู้ว่าหนูดีไม่ใช่เด็กธรรมดา เธอคือ "โอปปาติกะวิญญาณ" ระดับสูงที่ถือกำเนิดผ่านกระบวนการโคลนนิ่ง โดยไม่ต้องอาศัยพ่อแม่ตามธรรมชาติ การถือกำเนิดแบบโอปปาติกะในพระพุทธศาสนา คือการที่วิญญาณเกิดขึ้นทันทีโดยไม่มีช่วงเป็นทารก ในบริบทนี้ หนูดีคือการรวมกันของเทคโนโลยีขั้นสูงและกฎแห่งกรรม ดร.อัจฉริยะ ผู้ก่อตั้งเจนีซิส แล็บ อธิบายต่อศาลในภายหลัง: "เราไม่ได้สร้างชีวิต เราเพียงจัดเตรียมภาชนะที่เหมาะสม สำหรับวิญญาณที่กำลังแสวงหาที่เกิด บางวิญญาณมีพลังกรรมหนาแน่น ต้องการร่างที่สมบูรณ์แบบเพื่อรองรับการถือกำเนิด" บทที่ 3: สองพิภพในร่างเดียวกัน ขณะการสอบสวนลึกเข้าถึงแก่น สิงห์ค้นพบความจริงที่น่าหวาดหวั่น ภายในตัวหนูดีมี "สองจิต" อาศัยอยู่ร่วมกัน จิตแรกคือ "มารพิฆาต" ผู้ยิ่งใหญ่แห่งความตาย เกิดจากสังขารและตัณหาของวิญญาณนับไม่ถ้วนที่ถูกทดลอง ปรารถนาจะทำลายล้างโลกมนุษย์ที่เต็มไปด้วยกิเลส จิตที่สองคือ "เทพพิทักษ์" ผู้ดูแลคุ้มครองโลก เกิดจากเมตตาบารมีของวิญญาณระดับพรหมที่ต้องการถ่วงดุล ปรารถนาจะปกป้องมนุษย์ให้พ้นจากความทุกข์ ทั้งสองคือพลังกรรมที่ตรงข้ามกัน แต่ต้องอาศัยร่างเดียวกันคือหนูดี เป็นสมุฏฐานแห่งการดำรงอยู่ บทที่ 4: ศึกตัดสินในสวนพุทธธรรม คืนหนึ่ง หนูดีหายไปจากบ้าน สิงห์ตามพบเธอที่สวนพุทธธรรมใกล้เมือง ในสภาพที่กำลังต่อสู้กับสองพลังภายในตัวเอง "พ่อคะ" หนูดีพูดด้วยเสียงที่แบ่งเป็นสองสำนวนสลับกัน "ช่วยหนูตัดสินใจที ระหว่างการทำลายล้างเพื่อเริ่มใหม่ กับการยอมรับความไม่สมบูรณ์แบบของมนุษย์" สิงห์ไม่ตอบ แต่ก้าวเข้าไปกอดเธอแน่น "พ่อรักหนู ไม่ว่าหนูจะเป็นใคร ก็เป็นลูกของพ่อเสมอ" บทที่ 5: ทางออกแห่งมัชฌิมาปฏิปทา ภายใต้ความรักที่ไม่แบ่งแยกของสิงห์ หนูดีค้นพบทางสายกลาง เธอไม่เลือกเป็น either มารหรือเทพ แต่เลือกเป็น "ผู้ตื่นรู้" ผู้เข้าใจในธรรมชาติแห่งความเป็นไตรลักษณ์ของสรรพสิ่ง มารพิฆาตและเทพพิทักษ์ค่อยๆ หลอมรวมเป็นพลังงานบริสุทธิ์ในตัวเธอ ไม่ใช่เพื่อทำลายหรือปกป้อง แต่เพื่อ "เข้าใจ" และ "เปลี่ยนแปลง" อย่างสันติ บทสรุปแห่งกรรม เรื่องราวสอนให้เห็นว่า ไม่ว่าเทคโนโลยีจะก้าวหน้าเพียงใด ก็ไม่อาจก้าวพ้นกฎแห่งกรรมได้ การกำเนิดแบบโอปปาติกะในบริบทสมัยใหม่ อาจเป็นเพียงรูปแบบใหม่ของการเวียนว่ายตายเกิด สิ่งที่สำคัญไม่ใช่ "รูปแบบ" การเกิด แต่คือ "จิตใจ" และ "เจตนา" ระหว่างทางแห่งการเกิด แก่ เจ็บ ตาย ดังพุทธพจน์ที่ว่า "กรรมเป็นของๆ สัตว์ทั้งหลาย กรรมเป็นแดนเกิด กรรมเป็นเผ่าพันธุ์ กรรมเป็นที่พึ่งอาศัย" และบางครั้ง ความรักแท้ที่ไม่แบ่งแยก ก็อาจเป็นแสงสว่างที่นำทางวิญญาณให้พบความสงบ แม้ในกลางวงจรแห่งสังสารวัฏ
    0 Comments 0 Shares 31 Views 0 Reviews
  • “ความเป็นเจ้าของเนื้อหาดิจิทัลเป็นภาพลวงตา — ถ้าไม่โฮสต์เอง คุณแค่เช่าใช้”

    ลองนึกภาพว่าคุณซื้อหนัง เพลง หรือเกมดิจิทัลมาเก็บไว้ แต่วันหนึ่งมันหายไปจากคลังโดยไม่มีคำอธิบาย…นั่นคือความจริงของโลกดิจิทัลในปัจจุบันที่บทความนี้ชี้ให้เห็นอย่างชัดเจน

    Theena Kumaragurunathan เล่าประสบการณ์ส่วนตัวจากยุค Napster สู่ยุคสตรีมมิ่ง และตั้งคำถามว่า “เรายังเป็นเจ้าของอะไรอยู่จริง ๆ หรือ?” เขาเคยสะสมเพลงกว่า 500GB จากการดาวน์โหลดและซื้อโดยตรงจากศิลปินแบบไม่มี DRM ก่อนจะตั้งเซิร์ฟเวอร์ Plex และ Jellyfin เพื่อโฮสต์เองในช่วงโควิด ซึ่งนำเขาเข้าสู่โลกของ Linux และ FOSS (Free and Open Source Software)

    บทความชี้ให้เห็นว่าแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งในปัจจุบันไม่ได้ขาย “เนื้อหา” แต่ขาย “สิทธิ์ในการเข้าถึง” ที่สามารถถูกเพิกถอน เปลี่ยนแปลง หรือหายไปได้ทุกเมื่อ โดยเฉพาะเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงลิขสิทธิ์หรือการปรับโครงสร้างธุรกิจ

    ทางออกคือ “การโฮสต์เอง” ซึ่งหมายถึงการเก็บไฟล์ไว้ในรูปแบบเปิด ควบคุมกุญแจเข้ารหัส และจัดการเซิร์ฟเวอร์ด้วยตัวเอง เพื่อให้คุณยังสามารถเข้าถึงเนื้อหานั้นได้แม้ไม่มีอินเทอร์เน็ต

    ความเป็นเจ้าของเนื้อหาดิจิทัลในปัจจุบันเป็นภาพลวงตา
    ผู้ใช้ไม่ได้เป็นเจ้าของไฟล์ แต่เป็นผู้เช่าสิทธิ์ในการเข้าถึง
    เนื้อหาสามารถหายไปจากคลังได้โดยไม่มีการแจ้งล่วงหน้า

    แพลตฟอร์มสตรีมมิ่งใช้โมเดล “การให้สิทธิ์” ไม่ใช่ “การขาย”
    มีข้อจำกัดจาก DRM, region lock, และนโยบายการเพิกถอน
    การเปลี่ยนแปลงลิขสิทธิ์ทำให้เนื้อหาถูกลบหรือเปลี่ยนแปลง

    การโฮสต์เองคือทางเลือกสำหรับผู้ที่ต้องการความเป็นเจ้าของจริง
    เก็บไฟล์ในรูปแบบเปิด เช่น FLAC, EPUB, MP4
    ควบคุมกุญแจเข้ารหัสและเซิร์ฟเวอร์ด้วยตัวเอง
    ใช้เครื่องมือเช่น Plex, Jellyfin, Git, Emacs เพื่อจัดการคลังส่วนตัว

    โมเดลการจัดการเนื้อหาที่แนะนำ
    Local-first: ไฟล์สำคัญที่เก็บไว้แบบออฟไลน์พร้อมสำรอง
    Sync-first: เอกสารที่ใช้งานร่วมกันแต่มีสำเนาในเครื่อง
    Self-hosted: บริการที่ควบคุมเอง เช่น note system หรือ photo gallery
    Cloud rentals: เนื้อหาที่ดูแล้วปล่อยผ่าน เช่น หนังใหม่หรือแอปเฉพาะกิจ

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    การโฮสต์เองช่วยลดการพึ่งพาบริษัทใหญ่และเพิ่มความเป็นอิสระ
    แนวคิดนี้สอดคล้องกับปรัชญา FOSS ที่เน้นการควบคุมและความโปร่งใส
    การใช้ open format และ backup routine เป็นหัวใจของการรักษาความเป็นเจ้าของ

    https://news.itsfoss.com/digital-content-ownership-illusion/
    🧠 “ความเป็นเจ้าของเนื้อหาดิจิทัลเป็นภาพลวงตา — ถ้าไม่โฮสต์เอง คุณแค่เช่าใช้” ลองนึกภาพว่าคุณซื้อหนัง เพลง หรือเกมดิจิทัลมาเก็บไว้ แต่วันหนึ่งมันหายไปจากคลังโดยไม่มีคำอธิบาย…นั่นคือความจริงของโลกดิจิทัลในปัจจุบันที่บทความนี้ชี้ให้เห็นอย่างชัดเจน Theena Kumaragurunathan เล่าประสบการณ์ส่วนตัวจากยุค Napster สู่ยุคสตรีมมิ่ง และตั้งคำถามว่า “เรายังเป็นเจ้าของอะไรอยู่จริง ๆ หรือ?” เขาเคยสะสมเพลงกว่า 500GB จากการดาวน์โหลดและซื้อโดยตรงจากศิลปินแบบไม่มี DRM ก่อนจะตั้งเซิร์ฟเวอร์ Plex และ Jellyfin เพื่อโฮสต์เองในช่วงโควิด ซึ่งนำเขาเข้าสู่โลกของ Linux และ FOSS (Free and Open Source Software) บทความชี้ให้เห็นว่าแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งในปัจจุบันไม่ได้ขาย “เนื้อหา” แต่ขาย “สิทธิ์ในการเข้าถึง” ที่สามารถถูกเพิกถอน เปลี่ยนแปลง หรือหายไปได้ทุกเมื่อ โดยเฉพาะเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงลิขสิทธิ์หรือการปรับโครงสร้างธุรกิจ ทางออกคือ “การโฮสต์เอง” ซึ่งหมายถึงการเก็บไฟล์ไว้ในรูปแบบเปิด ควบคุมกุญแจเข้ารหัส และจัดการเซิร์ฟเวอร์ด้วยตัวเอง เพื่อให้คุณยังสามารถเข้าถึงเนื้อหานั้นได้แม้ไม่มีอินเทอร์เน็ต ✅ ความเป็นเจ้าของเนื้อหาดิจิทัลในปัจจุบันเป็นภาพลวงตา ➡️ ผู้ใช้ไม่ได้เป็นเจ้าของไฟล์ แต่เป็นผู้เช่าสิทธิ์ในการเข้าถึง ➡️ เนื้อหาสามารถหายไปจากคลังได้โดยไม่มีการแจ้งล่วงหน้า ✅ แพลตฟอร์มสตรีมมิ่งใช้โมเดล “การให้สิทธิ์” ไม่ใช่ “การขาย” ➡️ มีข้อจำกัดจาก DRM, region lock, และนโยบายการเพิกถอน ➡️ การเปลี่ยนแปลงลิขสิทธิ์ทำให้เนื้อหาถูกลบหรือเปลี่ยนแปลง ✅ การโฮสต์เองคือทางเลือกสำหรับผู้ที่ต้องการความเป็นเจ้าของจริง ➡️ เก็บไฟล์ในรูปแบบเปิด เช่น FLAC, EPUB, MP4 ➡️ ควบคุมกุญแจเข้ารหัสและเซิร์ฟเวอร์ด้วยตัวเอง ➡️ ใช้เครื่องมือเช่น Plex, Jellyfin, Git, Emacs เพื่อจัดการคลังส่วนตัว ✅ โมเดลการจัดการเนื้อหาที่แนะนำ ➡️ Local-first: ไฟล์สำคัญที่เก็บไว้แบบออฟไลน์พร้อมสำรอง ➡️ Sync-first: เอกสารที่ใช้งานร่วมกันแต่มีสำเนาในเครื่อง ➡️ Self-hosted: บริการที่ควบคุมเอง เช่น note system หรือ photo gallery ➡️ Cloud rentals: เนื้อหาที่ดูแล้วปล่อยผ่าน เช่น หนังใหม่หรือแอปเฉพาะกิจ ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ การโฮสต์เองช่วยลดการพึ่งพาบริษัทใหญ่และเพิ่มความเป็นอิสระ ➡️ แนวคิดนี้สอดคล้องกับปรัชญา FOSS ที่เน้นการควบคุมและความโปร่งใส ➡️ การใช้ open format และ backup routine เป็นหัวใจของการรักษาความเป็นเจ้าของ https://news.itsfoss.com/digital-content-ownership-illusion/
    NEWS.ITSFOSS.COM
    Ownership of Digital Content Is an Illusion—Unless You Self‑Host
    Prices are rising across Netflix, Spotify, and their peers, and more people are quietly returning to the oldest playbook of the internet: piracy. Is the golden age of streaming over?
    0 Comments 0 Shares 23 Views 0 Reviews
  • ใครเกี่ยวข้องกับแก๊งสแกมเมอร์แก๊งคอลเซ็นเตอร์แก๊งฟอกทองคำฟอกเงินค้ามนุษย์ของเถื่อนค้ายาค้าอาวุธตลอดจนอาชญากรรมใดๆ,ดูกระแสเงินสด การไหลเวียนของเงินเชื่อมโยงใครบ้างก็รู้หมดจากแบงค์ชาตินั้นล่ะ,เพราะเบื้องต้นมันทำเพื่อเงินเพื่อตังทั้งหมด,กระแสเงินไหลเข้าไหลออกบัญชีใครผิดปกติ แบงค์ชาติไทยเห็นหมดล่ะ ไหลออกประเทศเข้าประเทศก็เห็นหมด, ต่างชาติทำธุรกรรมผิดปกติใดๆในไทยก็รับระบบตรวจสอบได้หมด,จบที่แบงค์ชาติหมด,แต่แบงค์ชาติเป็นของอีลิทdeep stateตระกูลชั่วสากลโลก ทั่วโลกธนาคารในแต่ละประเทศทุกๆประเทศที่มีธนาคารกลางล้วนมันคือเจ้าของ รัฐประเทศไหนๆนั้นๆจึงถูกพวกมันกั้นออกไป ไม่สามารถเข้าไปปกครองหรือสั่งงานสั่งการ ออกคำสั่งใดๆเด็ดขาดให้ทำตามรัฐบาลประเทศนั้นๆได้ ควบคุมเด็ดขาดไม่ได้ มุกสวยหรูคือ ให้ธนาคารชาตินั้นๆขึ้นเป็นอิสระจากคำสั่งปกครองของรัฐบาลในประเทศนั้นๆ ย่อมาไทยคือแบงค์ชาติเป็นอิสระจากการบริหารจากการปกครองจากคำสั่งให้บังคับใช้ได้ทันทีแก่แบงค์ชาติไทยไม่ได้ มุกอีลิทซาตาน ยึดธนาคารกลางแบงค์ชาติประเทศใดได้บนทั่วโลกเสมือนยึดปกครองเศรษฐกิจภายในการปกครองทางเมืองประเทศนั้นๆทั้งทางตรงและทางอ้อมได้เด็ดขาดเกือบ100%ได้แล้ว,จึงไม่แปลกใจทำไม กลุ่มธนาคารในตลาดsetจึงมีผลประการเป็นเขียวเป็นบวกในขณะที่กลุ่มอุตสาหกรรมอื่นทั้งตลาดในยามวิกฤติโลกแดงเต็มไปหมดในตลาดsetไทย,แต่กลุ่มแบงค์กลับมีกำไรเป็นว่าเล่นเพราะอีลิทมารซาตานโลกสั่งนั้นเองในไทยเรา.
    ..เงินดิจิดัลมันก็สั่งปูพรมในไทยปูทางให้เกิดให้ได้จึงเร่งรีบให้ถือกำเนิดตัวละครเงินดิจิดัลขึ้น,การอ้างเงินแก๊งคอลเซ็นเตอร์เงินฟอกเงินปั่นเงินเทามาซื้อเสียงเลือกตังก็ให้คนไทยหันเหว่าการใช้ตังกระดาษไม่ดีมันใช้ซื้อเสียงได้ง่าย มาเปลี่ยนใช้เงินดิจิดัลเถอะ ทำให้เห็นว่าคนขายเสียงซื้อเสียงได้จับกุม ตรวจสอบใดๆย้อนหลังหรือเรียลไทม์ได้หมด,มันต้อนผู้คนชาวไทยไปอีกคอกหนึ่งคอกควายคอกวัวคอกแพะคอกแกะสู่การควบคุมตรวจสอบได้เด็ดขาดขึ้นในอนาคต,ทั้งหมดมากมายมันบีบให้เข้าไปในกรอบในกระดานในแผนในวาระแผนการมันทั้งหมด,กฎหมายคาร์บอนเครดิตการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศก็เขียนเข้าสภาเรียบร้อยแล้ว ,ใช้pm2.5คือข้ออ้างควบคุมมนุษย์คนไทย.
    ..เงินๆๆๆและเงิน มันจะทำลายระบบเงินเก่า ทาสเงินกระดาษเก่า เปลี่ยนไปสู่ยุคทาสเงินที่จับต้องไม่ได้ ทาสเงินอากาศอิเล็กทรอนิกส์เงินลมๆเงินแล้งๆจริง คือเงินดิจิดัลที่กำหนดเงื่อนไขการดำเนินชีวิตของทุกๆคนบนโลกนี้ได้,คอกควบคุมอิสระภาพ คอกควบคุมเจตนำนงเสรีคุณทั้งโลก.
    ..สงครามไทยเขมร สงครามดินแดนคือหมากล่อปลอม,แหกตาคนไทย ของจริงคือลดประชากรไทย1 ควบคุมคนไทย1ให้เด็ดขาดให้ได้,ยึดประเทศไทยได้ยิ่งดี1อย่างเปิดเผยและออกหน้าออกตากว่าในอดีตที่เคยผ่านมานั้น,อดีตที่เคยผ่านมาจากผลงานการยึดบ่อน้ำมันทั่วไทยและบ่อทองคำทั่วแผ่นดินเป็นของต่างชาติของพวกมันทางลับผ่านทางรัฐบาลขี้ข้าส้นตีนมันสั่งซ้ายสั่งขวาได้หมดในอดีตถึงปัจจุบันนี้ล่ะ ล่าสุดแร่เอิร์ธเต็มๆ.,ตลอดแร่มีค่ามหาศาลมากมายอื่นอีกเพรียบ,มันปกครอง มันยึดควบคุมหลังฉากเบื้องหลังเราคนไทยตลอด,ทหารไทยมากมายจึงทำชั่วเลวสนองฝ่ายมันอยู่ฝ่ายมันเป็นอันมากยึดอำนาจมาได้ มันจึงเขียนกฎหมายมากมายเต็มประเทศไทยมาบังคับกดขี่ข่มเหงคนไทยมากมายมาโดยตลอด กฎหมายไม่สมควรออก ปัญญาอ่อนมันก็เขียนออกมาตลอดอย่างง่ายดาย mouห่าเหวใดๆก็ตกลงกันตามอำเภอใจในอดีต กฎหมายอะไรคนดีเราเขียนกั้นไว้มันก็ฉีกทิ้งเขียนใหม่เพื่อปกป้องเดอะแก๊งเดอะก๊กเดอะคนของฝ่ายมัน อำนวยคนฝ่ายมันมานั่งปกครองในตำแหน่งใหญ่โตเต็มบ้านเต็มเมืองกระจายตัวทั่วประเทศไปหมด,ยุคศิวิไลซ์ฝ่ายชั่วเลวประจำโลกในประเทศไทยก็ได้.
    ..จริงๆคนไทยไม่สมควรอยู่ในสถานะยากจนเลย แต่เพราะมันยึดหัวปกครองหัวเราได้ ทั้งตัวจึงเสียหาย ผีบ้าไม่เต็มส่วนไปหมด,ส่วนดีหน่อยคุ้มดีก็หยิบนั้นนี้ใส่ปากพออยู่ได้ เส้นเสียเป็นหงิกเป็นหงอย ส่วนไม่ดีทั่วร่างกายเว้นไว้ส่วนดีเช่นคนดีในบ้านในเมืองเรายังมีอยู่ก็พอกินยาแก้หงิกหงอยทันกาลบ้างจังหวะได้,อดีตตัังแต่เราเสียดินแดนให้นักล่าอาณานิคมนั้นล่ะ จนเหลือแค่แผ่นดินไทยในปัจจุบันนี้ได้มันเริ่มกระบวนการเอาประเทศไทยมาแล้วจนถึงปัจจุบันมันก็จะเอาให้ได้นั่นเอง,ปรับวิธีการกลยุทธมาโดยตลอด,จนสุดท้ายสำเร็จบังคับคนไทยฉีดตายได้ในยุคลุงกว่าร้อยๆโดส คนละ1-2เข็ม กว่า60ล้านคนถูกฉีดตาย,ยุคลุงจึงเป็นการยึดอำนาจอย่างมีการวางแผนการไว้ดีแล้วเพื่อเตรียมฉีดตายนี้ล่ะของจริง,รวมทั้งผีบ้าแบบเขมรที่เปิดยิงระเบิดใส่ไทยก่อน มันก็สร้างเหตุสร้างแผนการปัจจัยวางหมากรอแล้ว เช่นนั้นเขมรผีบ้าไม่กล้าหรอก.,ให้ร้อยความกล้าก็ไม่ทำ,จนรีบให้มาเลย์อเมริกามาช่วยหยุดไทยฆ่าฝ่ายมันก่อนถึงพนมเปญ.เสียแผนด้วย จีนคอมมิวนิสต์ก็ด้วย เสียแผนจีนเช่นกัน,โลกนี้จริงๆทุกๆประเทศยืนหนึ่งไม่สู้ไทย อีลิทฝ่ายมืดทั่วโลกกลัวประเทศไทยที่สุด ตลอดต่างดาวใต้ทะเลมหาสมุทรก็ด้วย,ทั้งเกรงใจ ทั้งกลัวคนไทยสายพุทธ เพราะพวกนี้บรรลุธรรมได้ของจริง มีพลังสนามแม่เหล็กขั้นหลุดพ้นเหนือพลังมันได้หมดด้วย,ถ้าปล่อยคนไทยเจริญทางจิตวิญญาณ สุขกายสุขใจ มันจะเจริญสุขทางใจได้สะดวก บรรลุธรรมได้ไวได้ดีได้ง่าย ซวยคือฝ่ายมืดมารมันจะลำบากเพราะคนไทยจะเห็นแจ้งต่อหมดไปหมดไร้ที่ซ่อนใดๆนั้นเอง ยิ่งสามัคคีกันทั่วไทยอีก บรรลัยทั้งอาณาจักรฝ่ายมืดมันนี้,ประเทศนี้จึงห้ามสงบสุขทุกๆกรณี วุ่นวาย โกลาหลให้เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลาให้ได้ ทำลายสถาบันกษัตริย์มันคือสิ่งแรกทันที จึงเกิดพวกชูสามนิ้วเปิดหน้าชกอย่างชัดเจนกว่าในอดีตที่ผ่านๆมา.,เพราะยุคสุดท้ายเวลานี้ คือยกจบ ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งต้องจบ รู้ผลแพ้ชนะ,มืดปกครองโลกก็เวลานี้เลย,แสงขาวฝ่ายดีปกครองโลกก็ช่วงจังหวะเวลานี้เลย,ไทม์ไลน์เวลาเราคือช่วงนี้ก็ช่วงนี้ มิติอื่นก็มิติอื่น ปัจจุบันคือช่วงเวลาเราบนสมมุติโลกในขณะนี้,
    ..ไทยจะเป็นไทยหรือเมืองหลวงของอีลิทซาตานโลกก็เวลานี้ล่ะ.

    ..สถานะใดๆเราคนไทยสามัคคีกันจะร่วมกันเป็นได้ในยุคเราในรุ่นเรา,นรกหรือสวรรค์คนไทย เรา..คนไทยช่วยกันเลือกได้,เพราะเราคือสังคมใหญ่ระดับชาติประเทศมิอาจอยู่คนเดียวหรือข้าคือตำนานหนึ่งเดียวไม่ได้,ไปไหน..เราคนไทยอยู่ร่วมกันไปด้วยกันหมด,เพราะเราอยู่บ้านเดียวกัน นี้คือบ้านเรา คือแผ่นดินเรา ที่เราอาศัยเกิด อาศัยแก่ อาศัยตาย.,ไม่มีชาติใดๆจะรักคนไทยได้ดีกว่าคนไทยรักกันเองหรอก.,คนอเมริกาทั้งประเทศมารักคนไทยดีกว่าคนไทยมั้ย,คนฝรั่งยุโรปจะมีรักคนไทยรักแผ่นดินไทยดีกว่าคนไทยจริงเหรอ อดีตเห็นแต่มาปล้นมาชิงสมบัติทรัพยากรมีค่ามากมายขนกลับไปเสวยสุขในชาติประเทศมัน,เรา..คนไทยต้องสามัคคี มารักกัน ไม่ก้าวล่วงทำร้ายทำลายกันภายในกันเอง จะนับถือศาสนาความเชื่อใดๆ เราต้องรักและสามัคคีกันปกป้องแผ่นดินไทยเรา,เรา..คนไทยไปอาศัยแผ่นดินคนอื่นอยู่ บ้านคนอื่นตายคนอื่นนอนมีความสุขจริงๆเหรอ.,แผ่นดินไทยเท่านั้นที่เติมเต็มสมบูรณ์ทุกๆคำตอบในจิตในใจเราอย่างลงใจ.

    ..ทหารไทยต้องยึดอำนาจเท่านั้นคือหนทางออกเดียว.,จะแก้ทั้งกระดานหมากพวกชั่วเลวนี้ทั้งผูกทั้งวางได้หมด,ทำลายเพื่อสร้างใหม่ให้ดีๆก็ได้.มันเน่ามันพังไปหมดแล้ว.

    https://youtu.be/0uY1iVWLMec?si=SipLS_hw1f3kgQA2
    ใครเกี่ยวข้องกับแก๊งสแกมเมอร์แก๊งคอลเซ็นเตอร์แก๊งฟอกทองคำฟอกเงินค้ามนุษย์ของเถื่อนค้ายาค้าอาวุธตลอดจนอาชญากรรมใดๆ,ดูกระแสเงินสด การไหลเวียนของเงินเชื่อมโยงใครบ้างก็รู้หมดจากแบงค์ชาตินั้นล่ะ,เพราะเบื้องต้นมันทำเพื่อเงินเพื่อตังทั้งหมด,กระแสเงินไหลเข้าไหลออกบัญชีใครผิดปกติ แบงค์ชาติไทยเห็นหมดล่ะ ไหลออกประเทศเข้าประเทศก็เห็นหมด, ต่างชาติทำธุรกรรมผิดปกติใดๆในไทยก็รับระบบตรวจสอบได้หมด,จบที่แบงค์ชาติหมด,แต่แบงค์ชาติเป็นของอีลิทdeep stateตระกูลชั่วสากลโลก ทั่วโลกธนาคารในแต่ละประเทศทุกๆประเทศที่มีธนาคารกลางล้วนมันคือเจ้าของ รัฐประเทศไหนๆนั้นๆจึงถูกพวกมันกั้นออกไป ไม่สามารถเข้าไปปกครองหรือสั่งงานสั่งการ ออกคำสั่งใดๆเด็ดขาดให้ทำตามรัฐบาลประเทศนั้นๆได้ ควบคุมเด็ดขาดไม่ได้ มุกสวยหรูคือ ให้ธนาคารชาตินั้นๆขึ้นเป็นอิสระจากคำสั่งปกครองของรัฐบาลในประเทศนั้นๆ ย่อมาไทยคือแบงค์ชาติเป็นอิสระจากการบริหารจากการปกครองจากคำสั่งให้บังคับใช้ได้ทันทีแก่แบงค์ชาติไทยไม่ได้ มุกอีลิทซาตาน ยึดธนาคารกลางแบงค์ชาติประเทศใดได้บนทั่วโลกเสมือนยึดปกครองเศรษฐกิจภายในการปกครองทางเมืองประเทศนั้นๆทั้งทางตรงและทางอ้อมได้เด็ดขาดเกือบ100%ได้แล้ว,จึงไม่แปลกใจทำไม กลุ่มธนาคารในตลาดsetจึงมีผลประการเป็นเขียวเป็นบวกในขณะที่กลุ่มอุตสาหกรรมอื่นทั้งตลาดในยามวิกฤติโลกแดงเต็มไปหมดในตลาดsetไทย,แต่กลุ่มแบงค์กลับมีกำไรเป็นว่าเล่นเพราะอีลิทมารซาตานโลกสั่งนั้นเองในไทยเรา. ..เงินดิจิดัลมันก็สั่งปูพรมในไทยปูทางให้เกิดให้ได้จึงเร่งรีบให้ถือกำเนิดตัวละครเงินดิจิดัลขึ้น,การอ้างเงินแก๊งคอลเซ็นเตอร์เงินฟอกเงินปั่นเงินเทามาซื้อเสียงเลือกตังก็ให้คนไทยหันเหว่าการใช้ตังกระดาษไม่ดีมันใช้ซื้อเสียงได้ง่าย มาเปลี่ยนใช้เงินดิจิดัลเถอะ ทำให้เห็นว่าคนขายเสียงซื้อเสียงได้จับกุม ตรวจสอบใดๆย้อนหลังหรือเรียลไทม์ได้หมด,มันต้อนผู้คนชาวไทยไปอีกคอกหนึ่งคอกควายคอกวัวคอกแพะคอกแกะสู่การควบคุมตรวจสอบได้เด็ดขาดขึ้นในอนาคต,ทั้งหมดมากมายมันบีบให้เข้าไปในกรอบในกระดานในแผนในวาระแผนการมันทั้งหมด,กฎหมายคาร์บอนเครดิตการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศก็เขียนเข้าสภาเรียบร้อยแล้ว ,ใช้pm2.5คือข้ออ้างควบคุมมนุษย์คนไทย. ..เงินๆๆๆและเงิน มันจะทำลายระบบเงินเก่า ทาสเงินกระดาษเก่า เปลี่ยนไปสู่ยุคทาสเงินที่จับต้องไม่ได้ ทาสเงินอากาศอิเล็กทรอนิกส์เงินลมๆเงินแล้งๆจริง คือเงินดิจิดัลที่กำหนดเงื่อนไขการดำเนินชีวิตของทุกๆคนบนโลกนี้ได้,คอกควบคุมอิสระภาพ คอกควบคุมเจตนำนงเสรีคุณทั้งโลก. ..สงครามไทยเขมร สงครามดินแดนคือหมากล่อปลอม,แหกตาคนไทย ของจริงคือลดประชากรไทย1 ควบคุมคนไทย1ให้เด็ดขาดให้ได้,ยึดประเทศไทยได้ยิ่งดี1อย่างเปิดเผยและออกหน้าออกตากว่าในอดีตที่เคยผ่านมานั้น,อดีตที่เคยผ่านมาจากผลงานการยึดบ่อน้ำมันทั่วไทยและบ่อทองคำทั่วแผ่นดินเป็นของต่างชาติของพวกมันทางลับผ่านทางรัฐบาลขี้ข้าส้นตีนมันสั่งซ้ายสั่งขวาได้หมดในอดีตถึงปัจจุบันนี้ล่ะ ล่าสุดแร่เอิร์ธเต็มๆ.,ตลอดแร่มีค่ามหาศาลมากมายอื่นอีกเพรียบ,มันปกครอง มันยึดควบคุมหลังฉากเบื้องหลังเราคนไทยตลอด,ทหารไทยมากมายจึงทำชั่วเลวสนองฝ่ายมันอยู่ฝ่ายมันเป็นอันมากยึดอำนาจมาได้ มันจึงเขียนกฎหมายมากมายเต็มประเทศไทยมาบังคับกดขี่ข่มเหงคนไทยมากมายมาโดยตลอด กฎหมายไม่สมควรออก ปัญญาอ่อนมันก็เขียนออกมาตลอดอย่างง่ายดาย mouห่าเหวใดๆก็ตกลงกันตามอำเภอใจในอดีต กฎหมายอะไรคนดีเราเขียนกั้นไว้มันก็ฉีกทิ้งเขียนใหม่เพื่อปกป้องเดอะแก๊งเดอะก๊กเดอะคนของฝ่ายมัน อำนวยคนฝ่ายมันมานั่งปกครองในตำแหน่งใหญ่โตเต็มบ้านเต็มเมืองกระจายตัวทั่วประเทศไปหมด,ยุคศิวิไลซ์ฝ่ายชั่วเลวประจำโลกในประเทศไทยก็ได้. ..จริงๆคนไทยไม่สมควรอยู่ในสถานะยากจนเลย แต่เพราะมันยึดหัวปกครองหัวเราได้ ทั้งตัวจึงเสียหาย ผีบ้าไม่เต็มส่วนไปหมด,ส่วนดีหน่อยคุ้มดีก็หยิบนั้นนี้ใส่ปากพออยู่ได้ เส้นเสียเป็นหงิกเป็นหงอย ส่วนไม่ดีทั่วร่างกายเว้นไว้ส่วนดีเช่นคนดีในบ้านในเมืองเรายังมีอยู่ก็พอกินยาแก้หงิกหงอยทันกาลบ้างจังหวะได้,อดีตตัังแต่เราเสียดินแดนให้นักล่าอาณานิคมนั้นล่ะ จนเหลือแค่แผ่นดินไทยในปัจจุบันนี้ได้มันเริ่มกระบวนการเอาประเทศไทยมาแล้วจนถึงปัจจุบันมันก็จะเอาให้ได้นั่นเอง,ปรับวิธีการกลยุทธมาโดยตลอด,จนสุดท้ายสำเร็จบังคับคนไทยฉีดตายได้ในยุคลุงกว่าร้อยๆโดส คนละ1-2เข็ม กว่า60ล้านคนถูกฉีดตาย,ยุคลุงจึงเป็นการยึดอำนาจอย่างมีการวางแผนการไว้ดีแล้วเพื่อเตรียมฉีดตายนี้ล่ะของจริง,รวมทั้งผีบ้าแบบเขมรที่เปิดยิงระเบิดใส่ไทยก่อน มันก็สร้างเหตุสร้างแผนการปัจจัยวางหมากรอแล้ว เช่นนั้นเขมรผีบ้าไม่กล้าหรอก.,ให้ร้อยความกล้าก็ไม่ทำ,จนรีบให้มาเลย์อเมริกามาช่วยหยุดไทยฆ่าฝ่ายมันก่อนถึงพนมเปญ.เสียแผนด้วย จีนคอมมิวนิสต์ก็ด้วย เสียแผนจีนเช่นกัน,โลกนี้จริงๆทุกๆประเทศยืนหนึ่งไม่สู้ไทย อีลิทฝ่ายมืดทั่วโลกกลัวประเทศไทยที่สุด ตลอดต่างดาวใต้ทะเลมหาสมุทรก็ด้วย,ทั้งเกรงใจ ทั้งกลัวคนไทยสายพุทธ เพราะพวกนี้บรรลุธรรมได้ของจริง มีพลังสนามแม่เหล็กขั้นหลุดพ้นเหนือพลังมันได้หมดด้วย,ถ้าปล่อยคนไทยเจริญทางจิตวิญญาณ สุขกายสุขใจ มันจะเจริญสุขทางใจได้สะดวก บรรลุธรรมได้ไวได้ดีได้ง่าย ซวยคือฝ่ายมืดมารมันจะลำบากเพราะคนไทยจะเห็นแจ้งต่อหมดไปหมดไร้ที่ซ่อนใดๆนั้นเอง ยิ่งสามัคคีกันทั่วไทยอีก บรรลัยทั้งอาณาจักรฝ่ายมืดมันนี้,ประเทศนี้จึงห้ามสงบสุขทุกๆกรณี วุ่นวาย โกลาหลให้เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลาให้ได้ ทำลายสถาบันกษัตริย์มันคือสิ่งแรกทันที จึงเกิดพวกชูสามนิ้วเปิดหน้าชกอย่างชัดเจนกว่าในอดีตที่ผ่านๆมา.,เพราะยุคสุดท้ายเวลานี้ คือยกจบ ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งต้องจบ รู้ผลแพ้ชนะ,มืดปกครองโลกก็เวลานี้เลย,แสงขาวฝ่ายดีปกครองโลกก็ช่วงจังหวะเวลานี้เลย,ไทม์ไลน์เวลาเราคือช่วงนี้ก็ช่วงนี้ มิติอื่นก็มิติอื่น ปัจจุบันคือช่วงเวลาเราบนสมมุติโลกในขณะนี้, ..ไทยจะเป็นไทยหรือเมืองหลวงของอีลิทซาตานโลกก็เวลานี้ล่ะ. ..สถานะใดๆเราคนไทยสามัคคีกันจะร่วมกันเป็นได้ในยุคเราในรุ่นเรา,นรกหรือสวรรค์คนไทย เรา..คนไทยช่วยกันเลือกได้,เพราะเราคือสังคมใหญ่ระดับชาติประเทศมิอาจอยู่คนเดียวหรือข้าคือตำนานหนึ่งเดียวไม่ได้,ไปไหน..เราคนไทยอยู่ร่วมกันไปด้วยกันหมด,เพราะเราอยู่บ้านเดียวกัน นี้คือบ้านเรา คือแผ่นดินเรา ที่เราอาศัยเกิด อาศัยแก่ อาศัยตาย.,ไม่มีชาติใดๆจะรักคนไทยได้ดีกว่าคนไทยรักกันเองหรอก.,คนอเมริกาทั้งประเทศมารักคนไทยดีกว่าคนไทยมั้ย,คนฝรั่งยุโรปจะมีรักคนไทยรักแผ่นดินไทยดีกว่าคนไทยจริงเหรอ อดีตเห็นแต่มาปล้นมาชิงสมบัติทรัพยากรมีค่ามากมายขนกลับไปเสวยสุขในชาติประเทศมัน,เรา..คนไทยต้องสามัคคี มารักกัน ไม่ก้าวล่วงทำร้ายทำลายกันภายในกันเอง จะนับถือศาสนาความเชื่อใดๆ เราต้องรักและสามัคคีกันปกป้องแผ่นดินไทยเรา,เรา..คนไทยไปอาศัยแผ่นดินคนอื่นอยู่ บ้านคนอื่นตายคนอื่นนอนมีความสุขจริงๆเหรอ.,แผ่นดินไทยเท่านั้นที่เติมเต็มสมบูรณ์ทุกๆคำตอบในจิตในใจเราอย่างลงใจ. ..ทหารไทยต้องยึดอำนาจเท่านั้นคือหนทางออกเดียว.,จะแก้ทั้งกระดานหมากพวกชั่วเลวนี้ทั้งผูกทั้งวางได้หมด,ทำลายเพื่อสร้างใหม่ให้ดีๆก็ได้.มันเน่ามันพังไปหมดแล้ว. https://youtu.be/0uY1iVWLMec?si=SipLS_hw1f3kgQA2
    0 Comments 0 Shares 133 Views 0 Reviews
  • ต้มข้ามศตวรรษ – ที่แท้ก็โจร 1 – 3
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ต้มข้ามศตวรรษ”
    บทที่ 10 “ที่แท้ก็โจร”

    ตอน 1

    ขณะตัดสินใจเข้าทำสงครามโลก ในเดือนสิงหาคม 1914 อังกฤษ กระเป๋าแบน เศรษฐกิจร่องแร่ง และทองสำรองใน Bank of England ใกล้จะแห้งขอดอย่างน่าตกใจ อังกฤษไม่อยู่ในสภาพที่จะทำสงครามได้เลย อังกฤษรู้ตัวดี แต่อังกฤษก็เดินหน้าประกาศสงครามกับเยอรมันอย่างท่าดี ถ้าไม่ใช่เป็นนักพนันระดับเซียน ที่ลักไก่ เกจนหมดหน้าตัก ก็ต้องเป็นนักวางแผนที่เลือดเย็นและล้ำลึกอย่างน่ากลัว

    เดือนตุลาคม 1914 อังกฤษส่งคณะทำงานพิเศษ จากฝ่ายกิจกรรมสงครามของตนไปวอชิงตัน เพื่อเจรจาให้ทางวอชิงตันจัดการให้ภาคเอกชนของอเมริกา เป็นผู้ส่งอาวุธยุทโธปกรณ์ สัมภาระและกำลังบำรุงให้ เพราะอเมริกาในฐานะประเทศเป็นกลางอย่างเป็นทางการ จะทำในฐานะประเทศไม่ได้ เลยเลี่ยงให้เอกชนออกหน้า

    อังกฤษเลือก J P Morgan & Co เป็นตัวแทนแต่ผู้เดียวในการจัดซื้อ Sole Purchasing Agent ดูเผินๆ เหมือนกับเป็นเรื่องเสี่ยงมาก ที่เลือกตัวแทนรายเดียว แต่เนื่องจากเป็นบทหนึ่งของละครลวงโลก เราจะเห็นว่า มันมีการเตรียมการอย่างแยบยลมา แล้ว ที่ให้อเมริกามี Federal Reserve System ที่สามารถทำให้ J P Morgan และพวก ซึ่งก็เป็นผู้บริหาร และเจ้าของ Federal Reseve Bank สามารถบริหารความเสี่ยงของตน ผ่านการควบคุมหนี้ของรัฐบาล พร้อมกับการควบคุมการพิมพ์ธนบัตรของประเทศในขณะเดียวกัน

    ด้วยวิธีการนี้ อังกฤษจึงสามารถเดินหน้า ทำสงครามได้อย่างสบายใจ อเมริกา โดยนักธุรกิจ เช่น Rockefeller, Morgan, Carnegie ฯลฯ ก็สบายใจ พวกเขาผลิต และขายสินค้า ส่งให้อังกฤษ ทำให้พากันรวยหนักกันขึ้นไปอีก และโดยไม่ต้องห่วงเรื่องจะต้องเสียภาษีเงินได้ก้อนใหญ่ให้ รัฐบาล เพราะบทในละครลวงโลก เรื่องภาษีนี้ ก็ได้มีจัดการหาทางออก เตรียมใว้เรียบร้อยแล้ว โดยนาย Wilson ได้ยอมให้แก้กฏหมายของอเมริกา ในปี 1913 ให้มูลนิธิเพื่อการกุศล ได้รับยกเว้น ไม่ต้องเสียภาษีเงินได้ และบรรดานายทุนเศรษฐีโตครรวยต่างๆของอเมริกา ก็พากันจดทะเบียนตั้งมูลนิธิ และโอนทรัพย์สินของตนไปไว้ในมูลนิธิ เพื่อเลี่ยงภาษี เช่น มูลนิธิ Rockefeller มูลนิธิ Carnegie มูลนิธิ Ford เรียบร้อยก่อนที่จะได้อังกฤษ มาเป็นลูกหนี้
    นี่คือ ประชาธิปไตยแบบ ตะหวักตะบวยของอเมริกา ที่ยังมีสมันน้อยหลงชื่นชม

    Morgan ทำหน้าที่เป็นตัวกลางให้รัฐบาลอังกฤษ ในการจัดซื้อ อาวุธ กระสุน เครื่องแบบ เคมี ฯลฯ สาระพัด ที่จำเป็นสำหรับการทำสงครามในสมัย ค.ศ. 1914 และในฐานะเป็นตัวแทนดูแลด้านการ เงินด้วย Morgan ไม่ใช่แค่เลือกว่า “จะซื้ออะไร ” เขาเป็นผู้เลือกด้วยว่า “จะซื้อจากใคร” ดังนั้น ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจ ที่กลุ่มธุรกิจในเครือข่ายของ Morgan และ Rockefeller คือกลุ่มที่ได้รับเลือกไปก่อน และรวยไปก่อน

    เมื่อ British War Office ถามประธาน J P Morgan คนใหม่คือ J P Morgan Jr. หรือที่เพื่อนเรียกว่า Jack ซึ่งขึ้นมารับตำแหน่งแทนพ่อที่ตายไปเมื่อ ปี 1913 ว่า รัฐบาลของ Wilson มีปัญหาหรือไม่ ที่สถาบันการเงินใหญ่ของอเมริกา เข้ามาช่วยเหลืออังกฤษอย่างเปิดเผย เกี่ยวกับการสงคราม

    Jack ตอบว่า ไม่มีปัญหาครับเจ้านาย ไม่กระทบกับความเป็นกลางของรัฐบาลอเมริกัน อย่างแน่นอนที่สุด เพราะว่า Morgan ทำธุรกิจกับ British War Office และรัฐบาลของฝรั่งเศส เป็นการทำธุรกิจตามปรกติธรรมดา เพื่อเพิ่มปริมาณการค้าขายต่อกัน ไม่ใช่เป็นข้อตกลงทางการเมือง หรือการฑูตแต่อย่างใด กลิ้งได้พริ้วจริงๆไอ้หนู

    เดือนมกราคม 1915 Jack ไปพบกับประธานาธิบดี Wilson ที่ทำเนียบ White House เพื่อหารือเรื่องดังกล่าว Wilson ยืนยันว่า เขาไม่มีข้อขัดข้อง ในการดำเนินธุรกิจของกลุ่ม Morgan หรือผู้อื่น ในเรื่องที่หารือนั้น

    ก็คงทำให้เข้าใจได้ว่า ไม่มีใครต้มใคร หลอกใครมาเข้าฉาก เป็นการสมัครใจมาร่วมเล่นละครกันทั้งนั้น

    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ต้มข้ามศตวรรษ”
    บทที่ 10 “ที่แท้ก็โจร”

    ตอน 2

    ในปี ค.ศ. 1915 เมื่อสงครามเริ่มใหม่ๆ E.I. Dupont de Nemours & Co แห่ง Delaware ได้รับเงิน 100 ล้านเหรียญ จากอังกฤษ ผ่าน J P Morgan เพื่อขยายแผนกวัตถุระเบิด ภายในไม่กี่เดือน Dupont ขยายตัวจากบริษัทเล็กๆ ที่ไม่มีใครรู้จัก เป็นบริษัทอยู่แถวหน้าทางอุตสา หกรรม Hercules Powder และ Monsanto Chemical โตตามไปด้วย บริษัทเหล็กกล้า และเหล็กดิบ ก็งอกงาม เหล็กดิบราคาขึ้น จากตันละ 13 เหรียญ เป็น ตันละ 42 เหรียญ
    Bethlehem Steel, US Steel, Westinghouse Electric, Remington Arms, Colt Firearms ได้รับใบสั่งซื้อสินค้ามาเป็นกอง ตั้งสูง จนผลิตไม่ทัน อุตสาหกรรมเหล็กอย่างเดียว กำไรเพิ่มจาก 23 ล้านเหรียญ ในปี 1914 เป็น 224 ล้านเหรียญ ในปี 1917 และระหว่างปี 1914-1917 Anaconda Copper ของ William Rockefeller ได้กำไรโดดจาก 9 ล้านเหรียญ เป็น 25 ล้านเหรียญ ส่วนทรัพย์สินของ บริษัท Phelps Dodge ซึ่งเป็นนายทุนใหญ่ในการส่งให้ Wilson ไปนั่งที่ White House ขี้นไป 400 %

    เฉพาะปี 1916 ขณะที่เศรษฐกิจทั่วไป ของอเมริกากำลังขาลาก แค่การส่งสินค้าออกเกี่ยวกับอาวุธ ให้แก่อังกฤษ และฝรั่งเศส อย่างเดียว มูลค่าสูงถึง 1,290 พันล้านเหรียญแล้ว มันเป็นโอกาสทองคำ ของคนบางกลุ่มในอเมริกา ก่อนที่อเมริกาจะเข้าสู่สงครามโลก

    J P Morgan ได้จัดหาอาวุธยุทธปัจจัยให้รัฐบาล อังกฤษ ฝรั่งเศส และอิตาลี เป็นมูลค่าทั้งหมด ประมาณ 5 พันล้านเหรียญ ทั้งหมด ซื้อโดยเครดิต ที่ J P Morgan เป็นผู้จัดการให้ เงินจำนวนดังกล่าวคิดเป็นมูลค่าในปัจจุบัน เท่ากับประมาณ 9 หมื่นล้านเหรียญ ซึ่งยังไม่เคยมีสถาบันการเงินส่วนบุคคลใด เคยทำมาก่อน

    มันเป็นจำนวนมโหฬาร พอที่จะทำให้เกิดซึนามิทางการเงินได้ ถ้ามีการผิดนัดไม่ชำระเงิน

    เดือนเมษายน 1915 ประมาณ 2 ปี ก่อนอเมริกาจะเข้าสูสงครามโลก ครั้งที่ 1 อย่างเป็นทางการ Thomas W Lamont หุ้นส่วนคนหนึ่งของ J P Morgan ได้กล่าวสุนทรพจน์ที่มีความหมายมาก แต่มีน้อยคน ที่ให้ความสนใจอย่างจริงจังที่ American Academy of Political Science ในเมือง Philadelphia

    ” เรา (อเมริกา) ได้เปลี่ยนสภาพ จากเป็นลูกหนี้ กลายมาเป็นเจ้าหนี้ ใบสั่งซื้อสินค้าที่เราได้รับ กองสูงเป็นตั้ง ผู้ผลิตหลายรายของเรา รวมทั้งผู้ขาย ได้ธุรกิจอย่างมหัศจรรย์จากสงครามนี้ ใบสั่งซื้อสินค้าสงคราม มียอดสูงเป็นล้านๆเหรียญ และมันกำลังส่งผลไปถึงธุรกิจอื่นๆ ทั่วไปด้วย แต่จุดสำคัญอยู่ที่การปรับตัวดีขึ้นของธุรกิจของเรา ทำให้อเมริกากลายเป็นปัจจัยใหญ่ในตลาดเงินกู้ระหว่างประเทศ
    จะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต หลายคนเชื่อว่า ต่อไปนิวยอร์ค อาจจะเหนือกว่าลอนดอนในการเป็นศูนย์กลางตลาดเงินของโลก เราอาจกลายเป็นศูนย์กลางการค้าของโลก… มันเป็นเรื่องที่เป็นไปได้สูง….

    แต่ทั้งหมดนี้ ขึ้นอยู่กับปัจจัยสำคัญสองสามอย่าง อย่างหนึ่งคือ ระยะเวลาของการทำสงคราม…. ถ้าสงครามจบเร็ว เยอรมัน ซึ่งขณะนี้การส่งสินค้าออกถูกตัดขาดเกือบหมด จะกลับมาเป็นคู่แข่งสำคัญทันที

    ฉะนั้น เราจะเป็นเจ้าหนี้จำนวนมหาศาลหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับ “ระยะเวลา” ของการทำสงคราม ถ้ามันนานพอ เราอาจได้เห็นการเปลี่ยนแปลง ที่ดอลล่าร์จะกลายเป็นตัวเทียบอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราระหว่างประเทศ แทนปอนด์สเตอริงก์”

    สุนทรพจน์นี้ ทำให้เห็นเป้าหมาย และการพัฒนา ให้เงินกู้ระหว่างประเทศ กลายเป็นอาวุธทางยุทธศาสตร์ของ J P Morgan ในระหว่างการทำสงครามโลกครั้งที่ 1 และหลังสงครามโลกครั้งที่ 1 ไปจนถึงการเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 อย่างน่ากลัว และชั่วยิ่ง

    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ต้มข้ามศตวรรษ”
    บทที่ 10 “ที่แท้ก็โจร”

    ตอน 3

    นโยบายของ J P Morgan ตามแนวที่เราเข้าใจจากสุนทรพจน์ของ Lamont ดูเหมือนจะราบรื่น เป็นไปตามแผน แต่พอถึงปลายปี 1916 จนเริ่มเข้าเดือนแรกของปี 1917 ข่าวลือเกี่ยวกับรัสเซียชักมาแปลก และ ในเดือนกุมภาพันธ์ ก็เป็นจริงตามข่าว ซาร์นิโคลัสที่ 2 ของรัสเซีย ประกาศสละ
    บัลลังค์ หลังจากมีการปฏิวัติ โดยคนชื่อไม่ดัง Alexandre Kerensky กองทัพรัสเซียระส่ำ เยอรมันดีใจ ไม่ต้องรบทั้ง 2 แนว จึงทุ่มกำลังมาทางด้านตะวันตกเต็มที่ และอังกฤษอาจกลายเป็นฝ่ายแพ้สงคราม !

    Morgan และพวก เริ่มออกอาการ ไอ้ที่กลัวว่าจะเกิด ทำท่าจะเกิดจริงๆ สงครามอาจจะจบเร็วกว่าที่คิด โดยเยอรมันเป็นฝ่ายชนะ และนั่นคือหายนะ ของ Morgan อังกฤษและพวก ซึ่งรวมถึงอเมริกาด้วย
    นาย Walter Hines Page ซึ่งเคยเป็นผู้ดูแล General Education Board ของ Rockefeller ก่อนได้รับเลือกให้ไปเป็นฑูตอเมริกา ประจำลอนดอน ขณะนั้น ได้ทำหนังสือลงวันที่ 5 มีนาคม 1917 ถึง ประธานาธิบดี Wilson

    ” ผมคิดว่า สถานการณ์ปัจจุบัน มีความกดดันสูงเกินกว่าที่ Morgan ในสถานะตัวแทนทางการเงินของรัฐบาลอังกฤษ และฝรั่งเศสจะรับได้ จำเป็นที่จะต้องมีการหารือกันเป็นการด่วน ….หากเราจะเข้าไปทำสงครามกับเยอรมัน คงเป็นการช่วยฝ่ายสัมพันธมิตรอย่างยิ่งยวด และในกรณีดังกล่าว รัฐบาลเราน่าจะทำ ถ้าสามารถทำได้คือ ช่วยลงทุนให้เงินกู้กับอังกฤษ ฝรั่งเศส หรือค้ำประกันเงินกู้ให้เขา ….แต่เราจะต้องเข้าร่วมทำสงครามกับเยอรมันด้วย เราถึงจะให้เงินกู้โดยตรง หรือให้การค้ำประกันได้…”

    4 อาทิตย์หลังจากได้รับจดหมายของฑูต Page ประธานาธิบดี Wilson ซึ่งตอนหาเสียงลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดี สมัยที่ 2 ในปี 1916 ประกาศไว้ว่า เราเป็นฝ่ายไม่ทำสงคราม ก็พาอเมริกาเข้าสู่สงคราม ตามบทละครลวงโลก

    Wilson แถลงต่อสภาสูง เพื่อขอทำสงครามกับเยอรมัน ด้วยเหตุผลว่า เยอรมันละเมิดกฏการเดินเรือในน่านน้ำที่เป็นกลาง โดยใช้เรือดำน้ำโจมตีเรือของอเมริกาเรือขนส่งสินค้าของอังกฤษ และฝรั่งเศส สภาสูงลงมติอย่างท่วมท้น ให้อำนาจเขาประกาศสงครามกับเยอรมัน

    กระทรวงการคลังของอเมริกา ให้การสนับสนุน ที่อเมริกาจะออกพันธบัตร Liberty Bond เพื่อระดมเงินจากชาวอเมริกัน สนับสนุนให้อังกฤษทำสงครามต่อ โดยนาย Benjamin Strong ประธานธนาคารกลางของอเมริกา Federal Reserve Bank ซึ่งมาจาก กลุ่ม Morgan บอกว่า ตามกฎหมาย Federal Reserve Act ที่เพิ่งออกในปี 1913 ทำได้สบายมาก และเงินงวดแรก ที่ได้จากการขายพันธบัตร Liberty War ให้ชาวบ้าน ถูกนำมาใช้หนี้ ที่อังกฤษมีกับ Morgan จำนวน 400 ล้านเหรียญก่อนรายการอื่น

    สรุปง่ายๆว่า Wilson เอาเงินชาวบ้านมาใช้หนี้ให้เศรษฐี Morgan หรืออาจจะเป็น Rothschild ไม่แนใจ
    จากวันที่อเมริกาประกาศสงครามกับ เยอรมันอย่างเป็นทางการ ในเดือนเมษายน 1917 จนถึงวันที่มีการลงนามสัญญาสงบ ศึกกับเยอรมัน ในวันที่ 11 พฤศจิกายน 1918 อเมริกาให้เงินกู้กับ สัมพันมิตร ยุโรป เป็นจำนวนประมาณ 9 พันล้านเหรียญ เงินดังกล่าว ไม่ได้ไปถึงมือผู้กู้ ส่วนใหญ่กลับไปอยู่ที่กลุ่ม Morgan, Kuhn Loeb และ Rockefeller เพื่อจ่ายเป็นค่าสินค้าสงครามที่ส่งให้กับฝ่ายสัมพันธมิตร เงินกู้ดังกล่าวนี้ เป็นจำนวนต่างหาก นอกเหนือจากที่อังกฤษให้ J P Morgan เป็นตัวแทนระดมเงินกู้ต้ังแต่เริ่มทำสงคราม จนถึงสงครามเลิก อีกจำนวนมหาศาล

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    8 พ.ค. 2558
    ต้มข้ามศตวรรษ – ที่แท้ก็โจร 1 – 3 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ต้มข้ามศตวรรษ” บทที่ 10 “ที่แท้ก็โจร” ตอน 1 ขณะตัดสินใจเข้าทำสงครามโลก ในเดือนสิงหาคม 1914 อังกฤษ กระเป๋าแบน เศรษฐกิจร่องแร่ง และทองสำรองใน Bank of England ใกล้จะแห้งขอดอย่างน่าตกใจ อังกฤษไม่อยู่ในสภาพที่จะทำสงครามได้เลย อังกฤษรู้ตัวดี แต่อังกฤษก็เดินหน้าประกาศสงครามกับเยอรมันอย่างท่าดี ถ้าไม่ใช่เป็นนักพนันระดับเซียน ที่ลักไก่ เกจนหมดหน้าตัก ก็ต้องเป็นนักวางแผนที่เลือดเย็นและล้ำลึกอย่างน่ากลัว เดือนตุลาคม 1914 อังกฤษส่งคณะทำงานพิเศษ จากฝ่ายกิจกรรมสงครามของตนไปวอชิงตัน เพื่อเจรจาให้ทางวอชิงตันจัดการให้ภาคเอกชนของอเมริกา เป็นผู้ส่งอาวุธยุทโธปกรณ์ สัมภาระและกำลังบำรุงให้ เพราะอเมริกาในฐานะประเทศเป็นกลางอย่างเป็นทางการ จะทำในฐานะประเทศไม่ได้ เลยเลี่ยงให้เอกชนออกหน้า อังกฤษเลือก J P Morgan & Co เป็นตัวแทนแต่ผู้เดียวในการจัดซื้อ Sole Purchasing Agent ดูเผินๆ เหมือนกับเป็นเรื่องเสี่ยงมาก ที่เลือกตัวแทนรายเดียว แต่เนื่องจากเป็นบทหนึ่งของละครลวงโลก เราจะเห็นว่า มันมีการเตรียมการอย่างแยบยลมา แล้ว ที่ให้อเมริกามี Federal Reserve System ที่สามารถทำให้ J P Morgan และพวก ซึ่งก็เป็นผู้บริหาร และเจ้าของ Federal Reseve Bank สามารถบริหารความเสี่ยงของตน ผ่านการควบคุมหนี้ของรัฐบาล พร้อมกับการควบคุมการพิมพ์ธนบัตรของประเทศในขณะเดียวกัน ด้วยวิธีการนี้ อังกฤษจึงสามารถเดินหน้า ทำสงครามได้อย่างสบายใจ อเมริกา โดยนักธุรกิจ เช่น Rockefeller, Morgan, Carnegie ฯลฯ ก็สบายใจ พวกเขาผลิต และขายสินค้า ส่งให้อังกฤษ ทำให้พากันรวยหนักกันขึ้นไปอีก และโดยไม่ต้องห่วงเรื่องจะต้องเสียภาษีเงินได้ก้อนใหญ่ให้ รัฐบาล เพราะบทในละครลวงโลก เรื่องภาษีนี้ ก็ได้มีจัดการหาทางออก เตรียมใว้เรียบร้อยแล้ว โดยนาย Wilson ได้ยอมให้แก้กฏหมายของอเมริกา ในปี 1913 ให้มูลนิธิเพื่อการกุศล ได้รับยกเว้น ไม่ต้องเสียภาษีเงินได้ และบรรดานายทุนเศรษฐีโตครรวยต่างๆของอเมริกา ก็พากันจดทะเบียนตั้งมูลนิธิ และโอนทรัพย์สินของตนไปไว้ในมูลนิธิ เพื่อเลี่ยงภาษี เช่น มูลนิธิ Rockefeller มูลนิธิ Carnegie มูลนิธิ Ford เรียบร้อยก่อนที่จะได้อังกฤษ มาเป็นลูกหนี้ นี่คือ ประชาธิปไตยแบบ ตะหวักตะบวยของอเมริกา ที่ยังมีสมันน้อยหลงชื่นชม Morgan ทำหน้าที่เป็นตัวกลางให้รัฐบาลอังกฤษ ในการจัดซื้อ อาวุธ กระสุน เครื่องแบบ เคมี ฯลฯ สาระพัด ที่จำเป็นสำหรับการทำสงครามในสมัย ค.ศ. 1914 และในฐานะเป็นตัวแทนดูแลด้านการ เงินด้วย Morgan ไม่ใช่แค่เลือกว่า “จะซื้ออะไร ” เขาเป็นผู้เลือกด้วยว่า “จะซื้อจากใคร” ดังนั้น ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจ ที่กลุ่มธุรกิจในเครือข่ายของ Morgan และ Rockefeller คือกลุ่มที่ได้รับเลือกไปก่อน และรวยไปก่อน เมื่อ British War Office ถามประธาน J P Morgan คนใหม่คือ J P Morgan Jr. หรือที่เพื่อนเรียกว่า Jack ซึ่งขึ้นมารับตำแหน่งแทนพ่อที่ตายไปเมื่อ ปี 1913 ว่า รัฐบาลของ Wilson มีปัญหาหรือไม่ ที่สถาบันการเงินใหญ่ของอเมริกา เข้ามาช่วยเหลืออังกฤษอย่างเปิดเผย เกี่ยวกับการสงคราม Jack ตอบว่า ไม่มีปัญหาครับเจ้านาย ไม่กระทบกับความเป็นกลางของรัฐบาลอเมริกัน อย่างแน่นอนที่สุด เพราะว่า Morgan ทำธุรกิจกับ British War Office และรัฐบาลของฝรั่งเศส เป็นการทำธุรกิจตามปรกติธรรมดา เพื่อเพิ่มปริมาณการค้าขายต่อกัน ไม่ใช่เป็นข้อตกลงทางการเมือง หรือการฑูตแต่อย่างใด กลิ้งได้พริ้วจริงๆไอ้หนู เดือนมกราคม 1915 Jack ไปพบกับประธานาธิบดี Wilson ที่ทำเนียบ White House เพื่อหารือเรื่องดังกล่าว Wilson ยืนยันว่า เขาไม่มีข้อขัดข้อง ในการดำเนินธุรกิจของกลุ่ม Morgan หรือผู้อื่น ในเรื่องที่หารือนั้น ก็คงทำให้เข้าใจได้ว่า ไม่มีใครต้มใคร หลอกใครมาเข้าฉาก เป็นการสมัครใจมาร่วมเล่นละครกันทั้งนั้น นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ต้มข้ามศตวรรษ” บทที่ 10 “ที่แท้ก็โจร” ตอน 2 ในปี ค.ศ. 1915 เมื่อสงครามเริ่มใหม่ๆ E.I. Dupont de Nemours & Co แห่ง Delaware ได้รับเงิน 100 ล้านเหรียญ จากอังกฤษ ผ่าน J P Morgan เพื่อขยายแผนกวัตถุระเบิด ภายในไม่กี่เดือน Dupont ขยายตัวจากบริษัทเล็กๆ ที่ไม่มีใครรู้จัก เป็นบริษัทอยู่แถวหน้าทางอุตสา หกรรม Hercules Powder และ Monsanto Chemical โตตามไปด้วย บริษัทเหล็กกล้า และเหล็กดิบ ก็งอกงาม เหล็กดิบราคาขึ้น จากตันละ 13 เหรียญ เป็น ตันละ 42 เหรียญ Bethlehem Steel, US Steel, Westinghouse Electric, Remington Arms, Colt Firearms ได้รับใบสั่งซื้อสินค้ามาเป็นกอง ตั้งสูง จนผลิตไม่ทัน อุตสาหกรรมเหล็กอย่างเดียว กำไรเพิ่มจาก 23 ล้านเหรียญ ในปี 1914 เป็น 224 ล้านเหรียญ ในปี 1917 และระหว่างปี 1914-1917 Anaconda Copper ของ William Rockefeller ได้กำไรโดดจาก 9 ล้านเหรียญ เป็น 25 ล้านเหรียญ ส่วนทรัพย์สินของ บริษัท Phelps Dodge ซึ่งเป็นนายทุนใหญ่ในการส่งให้ Wilson ไปนั่งที่ White House ขี้นไป 400 % เฉพาะปี 1916 ขณะที่เศรษฐกิจทั่วไป ของอเมริกากำลังขาลาก แค่การส่งสินค้าออกเกี่ยวกับอาวุธ ให้แก่อังกฤษ และฝรั่งเศส อย่างเดียว มูลค่าสูงถึง 1,290 พันล้านเหรียญแล้ว มันเป็นโอกาสทองคำ ของคนบางกลุ่มในอเมริกา ก่อนที่อเมริกาจะเข้าสู่สงครามโลก J P Morgan ได้จัดหาอาวุธยุทธปัจจัยให้รัฐบาล อังกฤษ ฝรั่งเศส และอิตาลี เป็นมูลค่าทั้งหมด ประมาณ 5 พันล้านเหรียญ ทั้งหมด ซื้อโดยเครดิต ที่ J P Morgan เป็นผู้จัดการให้ เงินจำนวนดังกล่าวคิดเป็นมูลค่าในปัจจุบัน เท่ากับประมาณ 9 หมื่นล้านเหรียญ ซึ่งยังไม่เคยมีสถาบันการเงินส่วนบุคคลใด เคยทำมาก่อน มันเป็นจำนวนมโหฬาร พอที่จะทำให้เกิดซึนามิทางการเงินได้ ถ้ามีการผิดนัดไม่ชำระเงิน เดือนเมษายน 1915 ประมาณ 2 ปี ก่อนอเมริกาจะเข้าสูสงครามโลก ครั้งที่ 1 อย่างเป็นทางการ Thomas W Lamont หุ้นส่วนคนหนึ่งของ J P Morgan ได้กล่าวสุนทรพจน์ที่มีความหมายมาก แต่มีน้อยคน ที่ให้ความสนใจอย่างจริงจังที่ American Academy of Political Science ในเมือง Philadelphia ” เรา (อเมริกา) ได้เปลี่ยนสภาพ จากเป็นลูกหนี้ กลายมาเป็นเจ้าหนี้ ใบสั่งซื้อสินค้าที่เราได้รับ กองสูงเป็นตั้ง ผู้ผลิตหลายรายของเรา รวมทั้งผู้ขาย ได้ธุรกิจอย่างมหัศจรรย์จากสงครามนี้ ใบสั่งซื้อสินค้าสงคราม มียอดสูงเป็นล้านๆเหรียญ และมันกำลังส่งผลไปถึงธุรกิจอื่นๆ ทั่วไปด้วย แต่จุดสำคัญอยู่ที่การปรับตัวดีขึ้นของธุรกิจของเรา ทำให้อเมริกากลายเป็นปัจจัยใหญ่ในตลาดเงินกู้ระหว่างประเทศ จะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต หลายคนเชื่อว่า ต่อไปนิวยอร์ค อาจจะเหนือกว่าลอนดอนในการเป็นศูนย์กลางตลาดเงินของโลก เราอาจกลายเป็นศูนย์กลางการค้าของโลก… มันเป็นเรื่องที่เป็นไปได้สูง…. แต่ทั้งหมดนี้ ขึ้นอยู่กับปัจจัยสำคัญสองสามอย่าง อย่างหนึ่งคือ ระยะเวลาของการทำสงคราม…. ถ้าสงครามจบเร็ว เยอรมัน ซึ่งขณะนี้การส่งสินค้าออกถูกตัดขาดเกือบหมด จะกลับมาเป็นคู่แข่งสำคัญทันที ฉะนั้น เราจะเป็นเจ้าหนี้จำนวนมหาศาลหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับ “ระยะเวลา” ของการทำสงคราม ถ้ามันนานพอ เราอาจได้เห็นการเปลี่ยนแปลง ที่ดอลล่าร์จะกลายเป็นตัวเทียบอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราระหว่างประเทศ แทนปอนด์สเตอริงก์” สุนทรพจน์นี้ ทำให้เห็นเป้าหมาย และการพัฒนา ให้เงินกู้ระหว่างประเทศ กลายเป็นอาวุธทางยุทธศาสตร์ของ J P Morgan ในระหว่างการทำสงครามโลกครั้งที่ 1 และหลังสงครามโลกครั้งที่ 1 ไปจนถึงการเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 อย่างน่ากลัว และชั่วยิ่ง นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ต้มข้ามศตวรรษ” บทที่ 10 “ที่แท้ก็โจร” ตอน 3 นโยบายของ J P Morgan ตามแนวที่เราเข้าใจจากสุนทรพจน์ของ Lamont ดูเหมือนจะราบรื่น เป็นไปตามแผน แต่พอถึงปลายปี 1916 จนเริ่มเข้าเดือนแรกของปี 1917 ข่าวลือเกี่ยวกับรัสเซียชักมาแปลก และ ในเดือนกุมภาพันธ์ ก็เป็นจริงตามข่าว ซาร์นิโคลัสที่ 2 ของรัสเซีย ประกาศสละ บัลลังค์ หลังจากมีการปฏิวัติ โดยคนชื่อไม่ดัง Alexandre Kerensky กองทัพรัสเซียระส่ำ เยอรมันดีใจ ไม่ต้องรบทั้ง 2 แนว จึงทุ่มกำลังมาทางด้านตะวันตกเต็มที่ และอังกฤษอาจกลายเป็นฝ่ายแพ้สงคราม ! Morgan และพวก เริ่มออกอาการ ไอ้ที่กลัวว่าจะเกิด ทำท่าจะเกิดจริงๆ สงครามอาจจะจบเร็วกว่าที่คิด โดยเยอรมันเป็นฝ่ายชนะ และนั่นคือหายนะ ของ Morgan อังกฤษและพวก ซึ่งรวมถึงอเมริกาด้วย นาย Walter Hines Page ซึ่งเคยเป็นผู้ดูแล General Education Board ของ Rockefeller ก่อนได้รับเลือกให้ไปเป็นฑูตอเมริกา ประจำลอนดอน ขณะนั้น ได้ทำหนังสือลงวันที่ 5 มีนาคม 1917 ถึง ประธานาธิบดี Wilson ” ผมคิดว่า สถานการณ์ปัจจุบัน มีความกดดันสูงเกินกว่าที่ Morgan ในสถานะตัวแทนทางการเงินของรัฐบาลอังกฤษ และฝรั่งเศสจะรับได้ จำเป็นที่จะต้องมีการหารือกันเป็นการด่วน ….หากเราจะเข้าไปทำสงครามกับเยอรมัน คงเป็นการช่วยฝ่ายสัมพันธมิตรอย่างยิ่งยวด และในกรณีดังกล่าว รัฐบาลเราน่าจะทำ ถ้าสามารถทำได้คือ ช่วยลงทุนให้เงินกู้กับอังกฤษ ฝรั่งเศส หรือค้ำประกันเงินกู้ให้เขา ….แต่เราจะต้องเข้าร่วมทำสงครามกับเยอรมันด้วย เราถึงจะให้เงินกู้โดยตรง หรือให้การค้ำประกันได้…” 4 อาทิตย์หลังจากได้รับจดหมายของฑูต Page ประธานาธิบดี Wilson ซึ่งตอนหาเสียงลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดี สมัยที่ 2 ในปี 1916 ประกาศไว้ว่า เราเป็นฝ่ายไม่ทำสงคราม ก็พาอเมริกาเข้าสู่สงคราม ตามบทละครลวงโลก Wilson แถลงต่อสภาสูง เพื่อขอทำสงครามกับเยอรมัน ด้วยเหตุผลว่า เยอรมันละเมิดกฏการเดินเรือในน่านน้ำที่เป็นกลาง โดยใช้เรือดำน้ำโจมตีเรือของอเมริกาเรือขนส่งสินค้าของอังกฤษ และฝรั่งเศส สภาสูงลงมติอย่างท่วมท้น ให้อำนาจเขาประกาศสงครามกับเยอรมัน กระทรวงการคลังของอเมริกา ให้การสนับสนุน ที่อเมริกาจะออกพันธบัตร Liberty Bond เพื่อระดมเงินจากชาวอเมริกัน สนับสนุนให้อังกฤษทำสงครามต่อ โดยนาย Benjamin Strong ประธานธนาคารกลางของอเมริกา Federal Reserve Bank ซึ่งมาจาก กลุ่ม Morgan บอกว่า ตามกฎหมาย Federal Reserve Act ที่เพิ่งออกในปี 1913 ทำได้สบายมาก และเงินงวดแรก ที่ได้จากการขายพันธบัตร Liberty War ให้ชาวบ้าน ถูกนำมาใช้หนี้ ที่อังกฤษมีกับ Morgan จำนวน 400 ล้านเหรียญก่อนรายการอื่น สรุปง่ายๆว่า Wilson เอาเงินชาวบ้านมาใช้หนี้ให้เศรษฐี Morgan หรืออาจจะเป็น Rothschild ไม่แนใจ จากวันที่อเมริกาประกาศสงครามกับ เยอรมันอย่างเป็นทางการ ในเดือนเมษายน 1917 จนถึงวันที่มีการลงนามสัญญาสงบ ศึกกับเยอรมัน ในวันที่ 11 พฤศจิกายน 1918 อเมริกาให้เงินกู้กับ สัมพันมิตร ยุโรป เป็นจำนวนประมาณ 9 พันล้านเหรียญ เงินดังกล่าว ไม่ได้ไปถึงมือผู้กู้ ส่วนใหญ่กลับไปอยู่ที่กลุ่ม Morgan, Kuhn Loeb และ Rockefeller เพื่อจ่ายเป็นค่าสินค้าสงครามที่ส่งให้กับฝ่ายสัมพันธมิตร เงินกู้ดังกล่าวนี้ เป็นจำนวนต่างหาก นอกเหนือจากที่อังกฤษให้ J P Morgan เป็นตัวแทนระดมเงินกู้ต้ังแต่เริ่มทำสงคราม จนถึงสงครามเลิก อีกจำนวนมหาศาล สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 8 พ.ค. 2558
    0 Comments 0 Shares 266 Views 0 Reviews
  • หัวข้อข่าว: “Semrush One ปรับเกม SEO สู่ยุค AI – ใครไม่ปรับ อาจหายจากสายตาผู้ค้นหา”

    ลองจินตนาการว่าเว็บไซต์ของคุณเคยติดอันดับต้นๆ บน Google แต่พอ AI อย่าง ChatGPT, Gemini หรือ Perplexity เริ่มกลายเป็นแหล่งค้นหาหลักของผู้คน เว็บไซต์ของคุณกลับหายไปจากเรดาร์! นี่คือปัญหาที่นักการตลาดดิจิทัลทั่วโลกกำลังเผชิญ และ Semrush กำลังเสนอทางออกใหม่ที่ชื่อว่า “Semrush One”

    Semrush One คือแพลตฟอร์มใหม่ที่รวมพลังของ SEO แบบดั้งเดิมเข้ากับการวิเคราะห์การมองเห็นในระบบ AI หรือที่เรียกว่า “AI Visibility” ซึ่งช่วยให้แบรนด์รู้ว่าตัวเองปรากฏอยู่ตรงไหนในระบบค้นหาที่ขับเคลื่อนด้วย AI ไม่ใช่แค่ Google อีกต่อไป แต่รวมถึง ChatGPT, Gemini และ Perplexity ด้วย

    สิ่งที่น่าสนใจคือ Semrush อ้างว่า หลังจากใช้ระบบใหม่นี้ “AI share of voice” หรือการมองเห็นในระบบ AI ของพวกเขาเพิ่มขึ้นเกือบ 3 เท่าภายในเดือนเดียว! นั่นแปลว่า AI มีการตอบสนองต่อการปรับเนื้อหาเร็วกว่า SEO แบบเดิมมาก

    แต่แน่นอนว่า ทุกอย่างมีต้นทุน – ค่าใช้จ่ายเริ่มต้นของ Semrush One อยู่ที่ $165 ต่อเดือน ซึ่งอาจสูงเกินไปสำหรับธุรกิจขนาดเล็กหรือร้านค้าออนไลน์ที่เพิ่งเริ่มต้น

    นอกจากนี้ยังมีเวอร์ชันระดับองค์กรที่เรียกว่า “AI Optimization” ซึ่งให้ความสามารถในการควบคุมระดับโมเดล AI และปรับแต่ง prompt ได้เอง เหมาะกับแบรนด์ใหญ่ที่ต้องการควบคุมภาพลักษณ์ในโลก AI อย่างเต็มที่

    ในยุคที่ AI กำลังเปลี่ยนวิธีค้นหาข้อมูล การปรับตัวไม่ใช่แค่ทางเลือก แต่เป็นความอยู่รอดของแบรนด์

    Semrush เปิดตัวแพลตฟอร์มใหม่ชื่อ “Semrush One”
    รวมการวิเคราะห์ SEO แบบเดิมกับการวิเคราะห์การมองเห็นในระบบ AI (AI Visibility)

    รองรับการวิเคราะห์การมองเห็นใน ChatGPT, Gemini และ Perplexity
    ช่วยให้แบรนด์รู้ว่าตัวเองปรากฏอยู่ในผลลัพธ์ของ AI หรือไม่

    Semrush อ้างว่า AI visibility เพิ่มขึ้นเกือบ 3 เท่าภายใน 1 เดือน
    แสดงให้เห็นว่า AI ปรับผลลัพธ์เร็วกว่า SEO แบบเดิม

    มีเวอร์ชันให้เลือก 3 ระดับ: Starter, Pro+, Advanced
    รองรับทีมขนาดต่างๆ และความต้องการที่หลากหลาย

    เวอร์ชันองค์กร “AI Optimization” มีความสามารถขั้นสูง
    ปรับแต่ง prompt และควบคุมระดับโมเดล AI ได้เอง

    ฐานข้อมูลของ Semrush ครอบคลุมกว่า 808 ล้านโดเมน และลิงก์ย้อนกลับนับล้านล้าน
    เป็นหนึ่งในฐานข้อมูลที่ใหญ่ที่สุดในวงการ SEO

    ค่าใช้จ่ายเริ่มต้นที่ $165 ต่อเดือน อาจไม่เหมาะกับธุรกิจขนาดเล็ก
    โดยเฉพาะร้านค้าออนไลน์หรือสตาร์ทอัพที่มีงบจำกัด

    ยังไม่มีหลักฐานชัดเจนว่าแบรนด์อื่นจะได้ผลลัพธ์แบบเดียวกับ Semrush
    ผลลัพธ์อาจแตกต่างกันไปตามบริบทของเนื้อหาและการแข่งขันในแต่ละตลาด

    การจัดอันดับในระบบ AI ยังไม่มีความเสถียร
    อัลกอริธึมของ AI เปลี่ยนแปลงเร็ว ทำให้การวางแผนระยะยาวอาจมีความเสี่ยง

    ในยุคที่ AI ไม่ได้แค่ช่วยค้นหา แต่กลายเป็น “ผู้คัดกรอง” ข้อมูลให้ผู้ใช้ การเข้าใจว่าแบรนด์ของคุณถูกมองเห็นอย่างไรในสายตา AI จึงเป็นเรื่องสำคัญยิ่งกว่าเดิม และ Semrush One กำลังวางตัวเป็นเครื่องมือสำคัญในสนามใหม่นี้

    https://www.techradar.com/pro/semrush-has-a-new-tool-to-help-marketers-win-in-the-ai-age-make-sure-your-business-doesnt-get-hidden
    📣🤖 หัวข้อข่าว: “Semrush One ปรับเกม SEO สู่ยุค AI – ใครไม่ปรับ อาจหายจากสายตาผู้ค้นหา” ลองจินตนาการว่าเว็บไซต์ของคุณเคยติดอันดับต้นๆ บน Google แต่พอ AI อย่าง ChatGPT, Gemini หรือ Perplexity เริ่มกลายเป็นแหล่งค้นหาหลักของผู้คน เว็บไซต์ของคุณกลับหายไปจากเรดาร์! นี่คือปัญหาที่นักการตลาดดิจิทัลทั่วโลกกำลังเผชิญ และ Semrush กำลังเสนอทางออกใหม่ที่ชื่อว่า “Semrush One” Semrush One คือแพลตฟอร์มใหม่ที่รวมพลังของ SEO แบบดั้งเดิมเข้ากับการวิเคราะห์การมองเห็นในระบบ AI หรือที่เรียกว่า “AI Visibility” ซึ่งช่วยให้แบรนด์รู้ว่าตัวเองปรากฏอยู่ตรงไหนในระบบค้นหาที่ขับเคลื่อนด้วย AI ไม่ใช่แค่ Google อีกต่อไป แต่รวมถึง ChatGPT, Gemini และ Perplexity ด้วย สิ่งที่น่าสนใจคือ Semrush อ้างว่า หลังจากใช้ระบบใหม่นี้ “AI share of voice” หรือการมองเห็นในระบบ AI ของพวกเขาเพิ่มขึ้นเกือบ 3 เท่าภายในเดือนเดียว! นั่นแปลว่า AI มีการตอบสนองต่อการปรับเนื้อหาเร็วกว่า SEO แบบเดิมมาก แต่แน่นอนว่า ทุกอย่างมีต้นทุน – ค่าใช้จ่ายเริ่มต้นของ Semrush One อยู่ที่ $165 ต่อเดือน ซึ่งอาจสูงเกินไปสำหรับธุรกิจขนาดเล็กหรือร้านค้าออนไลน์ที่เพิ่งเริ่มต้น นอกจากนี้ยังมีเวอร์ชันระดับองค์กรที่เรียกว่า “AI Optimization” ซึ่งให้ความสามารถในการควบคุมระดับโมเดล AI และปรับแต่ง prompt ได้เอง เหมาะกับแบรนด์ใหญ่ที่ต้องการควบคุมภาพลักษณ์ในโลก AI อย่างเต็มที่ ในยุคที่ AI กำลังเปลี่ยนวิธีค้นหาข้อมูล การปรับตัวไม่ใช่แค่ทางเลือก แต่เป็นความอยู่รอดของแบรนด์ ✅ Semrush เปิดตัวแพลตฟอร์มใหม่ชื่อ “Semrush One” ➡️ รวมการวิเคราะห์ SEO แบบเดิมกับการวิเคราะห์การมองเห็นในระบบ AI (AI Visibility) ✅ รองรับการวิเคราะห์การมองเห็นใน ChatGPT, Gemini และ Perplexity ➡️ ช่วยให้แบรนด์รู้ว่าตัวเองปรากฏอยู่ในผลลัพธ์ของ AI หรือไม่ ✅ Semrush อ้างว่า AI visibility เพิ่มขึ้นเกือบ 3 เท่าภายใน 1 เดือน ➡️ แสดงให้เห็นว่า AI ปรับผลลัพธ์เร็วกว่า SEO แบบเดิม ✅ มีเวอร์ชันให้เลือก 3 ระดับ: Starter, Pro+, Advanced ➡️ รองรับทีมขนาดต่างๆ และความต้องการที่หลากหลาย ✅ เวอร์ชันองค์กร “AI Optimization” มีความสามารถขั้นสูง ➡️ ปรับแต่ง prompt และควบคุมระดับโมเดล AI ได้เอง ✅ ฐานข้อมูลของ Semrush ครอบคลุมกว่า 808 ล้านโดเมน และลิงก์ย้อนกลับนับล้านล้าน ➡️ เป็นหนึ่งในฐานข้อมูลที่ใหญ่ที่สุดในวงการ SEO ‼️ ค่าใช้จ่ายเริ่มต้นที่ $165 ต่อเดือน อาจไม่เหมาะกับธุรกิจขนาดเล็ก ⛔ โดยเฉพาะร้านค้าออนไลน์หรือสตาร์ทอัพที่มีงบจำกัด ‼️ ยังไม่มีหลักฐานชัดเจนว่าแบรนด์อื่นจะได้ผลลัพธ์แบบเดียวกับ Semrush ⛔ ผลลัพธ์อาจแตกต่างกันไปตามบริบทของเนื้อหาและการแข่งขันในแต่ละตลาด ‼️ การจัดอันดับในระบบ AI ยังไม่มีความเสถียร ⛔ อัลกอริธึมของ AI เปลี่ยนแปลงเร็ว ทำให้การวางแผนระยะยาวอาจมีความเสี่ยง ในยุคที่ AI ไม่ได้แค่ช่วยค้นหา แต่กลายเป็น “ผู้คัดกรอง” ข้อมูลให้ผู้ใช้ การเข้าใจว่าแบรนด์ของคุณถูกมองเห็นอย่างไรในสายตา AI จึงเป็นเรื่องสำคัญยิ่งกว่าเดิม และ Semrush One กำลังวางตัวเป็นเครื่องมือสำคัญในสนามใหม่นี้ 🚀 https://www.techradar.com/pro/semrush-has-a-new-tool-to-help-marketers-win-in-the-ai-age-make-sure-your-business-doesnt-get-hidden
    WWW.TECHRADAR.COM
    Semrush One, the AI tool reshaping how brands compete for online visibility
    Semrush says its AI visibility share nearly tripled within one month
    0 Comments 0 Shares 135 Views 0 Reviews
  • Satya Nadella เผยปัญหาใหญ่ของยุค AI: ชิปมีพร้อม แต่ไฟฟ้าไม่พอเสียบ!

    CEO ของ Microsoft เปิดใจในพอดแคสต์ล่าสุดว่า บริษัทมี GPU สำหรับงาน AI อยู่เต็มคลัง แต่ไม่สามารถติดตั้งใช้งานได้ เพราะขาดแคลนพลังงานไฟฟ้าและโครงสร้างพื้นฐานที่รองรับการใช้พลังงานมหาศาลของศูนย์ข้อมูลยุคใหม่

    Satya Nadella พูดในรายการ Bg2 Podcast ร่วมกับ Sam Altman (CEO ของ OpenAI) ว่า ปัญหาหลักของอุตสาหกรรม AI ตอนนี้ไม่ใช่การขาดแคลนชิป แต่เป็น “การไม่มีไฟฟ้าเพียงพอ” ที่จะเปิดใช้งานชิปเหล่านั้น

    เขาเปรียบเทียบว่า “มีชิปอยู่เต็มคลัง แต่ไม่มีที่เสียบ” เพราะศูนย์ข้อมูลต้องการพลังงานมหาศาลในการติดตั้ง GPU รุ่นใหม่อย่าง Nvidia H100 หรือ Blackwell ซึ่งกินไฟมากกว่ารุ่นก่อนถึง 100 เท่า

    หลายบริษัทกำลังหาทางออก เช่น การลงทุนในโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ขนาดเล็ก (SMR) หรือการใช้พลังงานหมุนเวียน แต่ก็ยังไม่ทันกับความต้องการที่พุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว

    OpenAI ถึงกับเสนอให้รัฐบาลสหรัฐสร้างกำลังผลิตไฟฟ้าเพิ่มถึง 100 กิกะวัตต์ต่อปี เพื่อรักษาความเป็นผู้นำด้าน AI แข่งกับจีน ซึ่งมีความได้เปรียบด้านพลังงานจากเขื่อนและโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ขนาดใหญ่

    ปัญหาหลักของ Microsoft ในการขยาย AI
    มี GPU อยู่ในคลังจำนวนมาก แต่ไม่สามารถติดตั้งได้
    ขาดแคลนพลังงานไฟฟ้าและโครงสร้างพื้นฐาน
    Nadella กล่าวว่า “ไม่มี warm shells ให้เสียบชิป”
    ปัญหาไม่ใช่ compute glut แต่เป็น power glut
    ความต้องการพลังงานของศูนย์ข้อมูลเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว
    Nvidia Blackwell rack-scale TDP สูงกว่ารุ่นก่อนถึง 100 เท่า

    ความเคลื่อนไหวของอุตสาหกรรม AI
    OpenAI เสนอให้รัฐบาลสร้างกำลังผลิตไฟฟ้าเพิ่ม 100 GW ต่อปี
    บริษัทเทคโนโลยีเริ่มลงทุนใน SMR และพลังงานหมุนเวียน
    การแข่งขันกับจีนที่มีโครงสร้างพลังงานพร้อมกว่า
    ความเสี่ยงที่ชิปจะกลายเป็นสินค้าค้างคลังถาวร

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/microsoft-ceo-says-the-company-doesnt-have-enough-electricity-to-install-all-the-ai-gpus-in-its-inventory-you-may-actually-have-a-bunch-of-chips-sitting-in-inventory-that-i-cant-plug-in
    ⚡ Satya Nadella เผยปัญหาใหญ่ของยุค AI: ชิปมีพร้อม แต่ไฟฟ้าไม่พอเสียบ! CEO ของ Microsoft เปิดใจในพอดแคสต์ล่าสุดว่า บริษัทมี GPU สำหรับงาน AI อยู่เต็มคลัง แต่ไม่สามารถติดตั้งใช้งานได้ เพราะขาดแคลนพลังงานไฟฟ้าและโครงสร้างพื้นฐานที่รองรับการใช้พลังงานมหาศาลของศูนย์ข้อมูลยุคใหม่ Satya Nadella พูดในรายการ Bg2 Podcast ร่วมกับ Sam Altman (CEO ของ OpenAI) ว่า ปัญหาหลักของอุตสาหกรรม AI ตอนนี้ไม่ใช่การขาดแคลนชิป แต่เป็น “การไม่มีไฟฟ้าเพียงพอ” ที่จะเปิดใช้งานชิปเหล่านั้น เขาเปรียบเทียบว่า “มีชิปอยู่เต็มคลัง แต่ไม่มีที่เสียบ” เพราะศูนย์ข้อมูลต้องการพลังงานมหาศาลในการติดตั้ง GPU รุ่นใหม่อย่าง Nvidia H100 หรือ Blackwell ซึ่งกินไฟมากกว่ารุ่นก่อนถึง 100 เท่า หลายบริษัทกำลังหาทางออก เช่น การลงทุนในโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ขนาดเล็ก (SMR) หรือการใช้พลังงานหมุนเวียน แต่ก็ยังไม่ทันกับความต้องการที่พุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว OpenAI ถึงกับเสนอให้รัฐบาลสหรัฐสร้างกำลังผลิตไฟฟ้าเพิ่มถึง 100 กิกะวัตต์ต่อปี เพื่อรักษาความเป็นผู้นำด้าน AI แข่งกับจีน ซึ่งมีความได้เปรียบด้านพลังงานจากเขื่อนและโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ขนาดใหญ่ ✅ ปัญหาหลักของ Microsoft ในการขยาย AI ➡️ มี GPU อยู่ในคลังจำนวนมาก แต่ไม่สามารถติดตั้งได้ ➡️ ขาดแคลนพลังงานไฟฟ้าและโครงสร้างพื้นฐาน ➡️ Nadella กล่าวว่า “ไม่มี warm shells ให้เสียบชิป” ➡️ ปัญหาไม่ใช่ compute glut แต่เป็น power glut ➡️ ความต้องการพลังงานของศูนย์ข้อมูลเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว ➡️ Nvidia Blackwell rack-scale TDP สูงกว่ารุ่นก่อนถึง 100 เท่า ✅ ความเคลื่อนไหวของอุตสาหกรรม AI ➡️ OpenAI เสนอให้รัฐบาลสร้างกำลังผลิตไฟฟ้าเพิ่ม 100 GW ต่อปี ➡️ บริษัทเทคโนโลยีเริ่มลงทุนใน SMR และพลังงานหมุนเวียน ➡️ การแข่งขันกับจีนที่มีโครงสร้างพลังงานพร้อมกว่า ➡️ ความเสี่ยงที่ชิปจะกลายเป็นสินค้าค้างคลังถาวร https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/microsoft-ceo-says-the-company-doesnt-have-enough-electricity-to-install-all-the-ai-gpus-in-its-inventory-you-may-actually-have-a-bunch-of-chips-sitting-in-inventory-that-i-cant-plug-in
    0 Comments 0 Shares 151 Views 0 Reviews
  • SQLite ล็อกไม่ไหลลื่น? Jellyfin แก้เกมด้วยกลยุทธ์ล็อกอัจฉริยะ

    ลองจินตนาการว่าคุณกำลังใช้แอปที่เก็บข้อมูลด้วย SQLite ซึ่งเป็นฐานข้อมูลที่เบาและทรงพลัง แต่จู่ๆ แอปก็แครชโดยไม่มีเหตุผลชัดเจน ทั้งที่คุณแค่สั่งให้มันเขียนข้อมูลเพิ่ม… นี่คือปัญหาที่ Jellyfin เจอมาอย่างยาวนาน และตอนนี้พวกเขาได้แชร์วิธีแก้ไขที่น่าสนใจสำหรับนักพัฒนา EF Core ทุกคน

    SQLite: ฐานข้อมูลที่ดีแต่มีข้อจำกัด SQLite เป็นฐานข้อมูลแบบไฟล์เดียวที่ทำงานในแอปโดยตรง ไม่ต้องพึ่งเซิร์ฟเวอร์ภายนอก แต่ข้อจำกัดคือมันไม่เหมาะกับการเขียนข้อมูลพร้อมกันหลายๆ ครั้ง เพราะมันล็อกไฟล์ไว้ขณะเขียน ทำให้เกิดปัญหา “database is locked” ได้ง่าย โดยเฉพาะในแอปที่มีการเขียนข้อมูลแบบขนาน

    WAL (Write-Ahead Logging): ตัวช่วยแต่ไม่ใช่คำตอบ แม้ SQLite จะมีโหมด WAL ที่ช่วยให้เขียนข้อมูลแบบขนานได้บ้าง แต่ก็ยังมีสถานการณ์ที่ WAL ไม่สามารถป้องกันการล็อกได้ทั้งหมด โดยเฉพาะเมื่อมีธุรกรรม (transaction) ที่ยาวหรือซับซ้อน

    Jellyfin เจอปัญหาเต็มๆ ก่อนเวอร์ชัน 10.11 Jellyfin มีบั๊กที่ทำให้เกิดการ overscheduling งานสแกนไลบรารี ส่งผลให้ SQLite ถูกถล่มด้วยคำสั่งเขียนหลายพันคำสั่งพร้อมกัน จนระบบ retry ก็เอาไม่อยู่ ทำให้แอปแครชบ่อยโดยไม่มีสาเหตุแน่ชัด

    EF Core + Interceptor: ทางออกที่ Jellyfin เลือกใช้ เมื่อ Jellyfin ย้ายมาใช้ EF Core เต็มรูปแบบ พวกเขาใช้ “Interceptor” เพื่อควบคุมการเขียนข้อมูลแบบขนาน โดยมี 3 กลยุทธ์หลัก:
    1️⃣ No-Lock: ไม่ทำอะไรเลย ใช้ในกรณีทั่วไปที่ไม่มีปัญหา
    2️⃣ Optimistic Locking: ลองเขียน ถ้าไม่สำเร็จค่อย retry
    3️⃣ Pessimistic Locking: ล็อกทุกครั้งก่อนเขียน เพื่อป้องกันปัญหาโดยเด็ดขาด

    Polly: ตัวช่วยในการ retry Jellyfin ใช้ไลบรารี Polly เพื่อจัดการ retry อย่างชาญฉลาด โดยจะ retry เฉพาะคำสั่งที่ล้มเหลวจากการล็อกเท่านั้น

    อนาคต: Smart Locking ทีม Jellyfin กำลังพิจารณาการผสมผสานระหว่าง Optimistic และ Pessimistic เพื่อให้ได้ทั้งความเร็วและความเสถียร

    SQLite มีข้อจำกัดด้าน concurrency
    ไม่สามารถเขียนข้อมูลหลายคำสั่งพร้อมกันได้ดี

    WAL ช่วยได้บางส่วน
    แต่ยังมีโอกาสเกิดการล็อกเมื่อมีธุรกรรมซับซ้อน

    Jellyfin เจอปัญหาแครชจากการเขียนขนาน
    เกิดจากบั๊ก overscheduling และธุรกรรมที่ไม่เหมาะสม

    EF Core Interceptor คือทางออก
    ใช้ควบคุมการเขียนข้อมูลแบบขนานอย่างมีประสิทธิภาพ

    มี 3 กลยุทธ์การล็อก
    No-Lock, Optimistic Locking, Pessimistic Locking

    Polly ใช้สำหรับ retry อย่างชาญฉลาด
    ลดโอกาสแครชจากการล็อกซ้ำซ้อน

    Smart Locking อาจเป็นอนาคต
    ผสมข้อดีของทั้งสองแนวทางเพื่อประสิทธิภาพสูงสุด

    ธุรกรรมที่ยาวหรือไม่เหมาะสมอาจทำให้ระบบล่ม
    SQLite ไม่สามารถจัดการกับคำสั่งเขียนจำนวนมากพร้อมกันได้ดี

    การเขียนขนานโดยไม่มีการควบคุมเสี่ยงต่อการแครช
    แอปอาจล้มเหลวทันทีหากไม่มีระบบ retry หรือ locking ที่ดี

    WAL ไม่ใช่คำตอบสุดท้าย
    ยังมีสถานการณ์ที่ WAL ไม่สามารถป้องกันการล็อกได้

    https://jellyfin.org/posts/SQLite-locking/
    🧠 SQLite ล็อกไม่ไหลลื่น? Jellyfin แก้เกมด้วยกลยุทธ์ล็อกอัจฉริยะ ลองจินตนาการว่าคุณกำลังใช้แอปที่เก็บข้อมูลด้วย SQLite ซึ่งเป็นฐานข้อมูลที่เบาและทรงพลัง แต่จู่ๆ แอปก็แครชโดยไม่มีเหตุผลชัดเจน ทั้งที่คุณแค่สั่งให้มันเขียนข้อมูลเพิ่ม… นี่คือปัญหาที่ Jellyfin เจอมาอย่างยาวนาน และตอนนี้พวกเขาได้แชร์วิธีแก้ไขที่น่าสนใจสำหรับนักพัฒนา EF Core ทุกคน 📂 SQLite: ฐานข้อมูลที่ดีแต่มีข้อจำกัด SQLite เป็นฐานข้อมูลแบบไฟล์เดียวที่ทำงานในแอปโดยตรง ไม่ต้องพึ่งเซิร์ฟเวอร์ภายนอก แต่ข้อจำกัดคือมันไม่เหมาะกับการเขียนข้อมูลพร้อมกันหลายๆ ครั้ง เพราะมันล็อกไฟล์ไว้ขณะเขียน ทำให้เกิดปัญหา “database is locked” ได้ง่าย โดยเฉพาะในแอปที่มีการเขียนข้อมูลแบบขนาน 📝 WAL (Write-Ahead Logging): ตัวช่วยแต่ไม่ใช่คำตอบ แม้ SQLite จะมีโหมด WAL ที่ช่วยให้เขียนข้อมูลแบบขนานได้บ้าง แต่ก็ยังมีสถานการณ์ที่ WAL ไม่สามารถป้องกันการล็อกได้ทั้งหมด โดยเฉพาะเมื่อมีธุรกรรม (transaction) ที่ยาวหรือซับซ้อน 💥 Jellyfin เจอปัญหาเต็มๆ ก่อนเวอร์ชัน 10.11 Jellyfin มีบั๊กที่ทำให้เกิดการ overscheduling งานสแกนไลบรารี ส่งผลให้ SQLite ถูกถล่มด้วยคำสั่งเขียนหลายพันคำสั่งพร้อมกัน จนระบบ retry ก็เอาไม่อยู่ ทำให้แอปแครชบ่อยโดยไม่มีสาเหตุแน่ชัด 🔧 EF Core + Interceptor: ทางออกที่ Jellyfin เลือกใช้ เมื่อ Jellyfin ย้ายมาใช้ EF Core เต็มรูปแบบ พวกเขาใช้ “Interceptor” เพื่อควบคุมการเขียนข้อมูลแบบขนาน โดยมี 3 กลยุทธ์หลัก: 1️⃣ No-Lock: ไม่ทำอะไรเลย ใช้ในกรณีทั่วไปที่ไม่มีปัญหา 2️⃣ Optimistic Locking: ลองเขียน ถ้าไม่สำเร็จค่อย retry 3️⃣ Pessimistic Locking: ล็อกทุกครั้งก่อนเขียน เพื่อป้องกันปัญหาโดยเด็ดขาด 🧠 Polly: ตัวช่วยในการ retry Jellyfin ใช้ไลบรารี Polly เพื่อจัดการ retry อย่างชาญฉลาด โดยจะ retry เฉพาะคำสั่งที่ล้มเหลวจากการล็อกเท่านั้น 🚀 อนาคต: Smart Locking ทีม Jellyfin กำลังพิจารณาการผสมผสานระหว่าง Optimistic และ Pessimistic เพื่อให้ได้ทั้งความเร็วและความเสถียร ✅ SQLite มีข้อจำกัดด้าน concurrency ➡️ ไม่สามารถเขียนข้อมูลหลายคำสั่งพร้อมกันได้ดี ✅ WAL ช่วยได้บางส่วน ➡️ แต่ยังมีโอกาสเกิดการล็อกเมื่อมีธุรกรรมซับซ้อน ✅ Jellyfin เจอปัญหาแครชจากการเขียนขนาน ➡️ เกิดจากบั๊ก overscheduling และธุรกรรมที่ไม่เหมาะสม ✅ EF Core Interceptor คือทางออก ➡️ ใช้ควบคุมการเขียนข้อมูลแบบขนานอย่างมีประสิทธิภาพ ✅ มี 3 กลยุทธ์การล็อก ➡️ No-Lock, Optimistic Locking, Pessimistic Locking ✅ Polly ใช้สำหรับ retry อย่างชาญฉลาด ➡️ ลดโอกาสแครชจากการล็อกซ้ำซ้อน ✅ Smart Locking อาจเป็นอนาคต ➡️ ผสมข้อดีของทั้งสองแนวทางเพื่อประสิทธิภาพสูงสุด ‼️ ธุรกรรมที่ยาวหรือไม่เหมาะสมอาจทำให้ระบบล่ม ⛔ SQLite ไม่สามารถจัดการกับคำสั่งเขียนจำนวนมากพร้อมกันได้ดี ‼️ การเขียนขนานโดยไม่มีการควบคุมเสี่ยงต่อการแครช ⛔ แอปอาจล้มเหลวทันทีหากไม่มีระบบ retry หรือ locking ที่ดี ‼️ WAL ไม่ใช่คำตอบสุดท้าย ⛔ ยังมีสถานการณ์ที่ WAL ไม่สามารถป้องกันการล็อกได้ https://jellyfin.org/posts/SQLite-locking/
    JELLYFIN.ORG
    SQLite concurrency and why you should care about it | Jellyfin
    SQLite is a powerful database engine, but due to its design, it has limitations that should not be overlooked.
    0 Comments 0 Shares 119 Views 0 Reviews
  • #หนทางออกของประเทศไทยเรามีทางเดียวคือกฎอัยการศึกทั่วประเทศตอนนี้เลย.

    https://youtube.com/shorts/PDFKY0Ia0l0?si=0Q98wdGSSXwpR4kK
    #หนทางออกของประเทศไทยเรามีทางเดียวคือกฎอัยการศึกทั่วประเทศตอนนี้เลย. https://youtube.com/shorts/PDFKY0Ia0l0?si=0Q98wdGSSXwpR4kK
    0 Comments 0 Shares 70 Views 0 Reviews
  • มนุษย์อยู่ปกติดีๆกับธรรมชาติของโลกไม่เป็น,ต่างดาวมากมายก็ด้วยทั้งอยู่ในโลกและมาเยือนโลก,ร่วมกันกำจัดสิ่งไม่ดีสิ่งชั่วเลวได้ก็ไม่ทำ,เพราะดำรงรักษาธรรมชาติของโลกไว้ปกติ ให้สงบร่มเย็นบนธรรมชาติโลกของอารยะธรรมใบนี้,มุ่งไม่สู่จุดจบแน่นอน,หากยังไม่หยุดพอใจตนเองเท่านี้แล้วหันไปสร้างความเจริญทางจิตวิญญาณของธรรมะจักรวาลแทน อารยะธรรมจักรวาลของแท้ ห้องสมุดจักรวาลก็ว่าเพื่อเปิดตาชาวโลกเราสู่ค่าจริงที่แท้จริง.,หากอนาคตหุ่นยนต์และAIควบคุมมนุษย์จริงคงอนาถอเน็จสิ้นดีเลย ทาสมนุษย์ภายใต้การปกครองของกฎหมายAI.
    ..กองทัพไทยต้องยึดอำนาจสถานเดียวจึงเป็นทางออกของประเทศไทยได้จริง,อย่าพึ่งพานักการเมืองระบบการเมืองการเลือกตั้งในยุคสมัยนี้,พระราชาผู้ทรงธรรมจะนำเรา..ประเทศไทย.



    https://vm.tiktok.com/ZSHcMpaBkrWkb-SjKTN/
    มนุษย์อยู่ปกติดีๆกับธรรมชาติของโลกไม่เป็น,ต่างดาวมากมายก็ด้วยทั้งอยู่ในโลกและมาเยือนโลก,ร่วมกันกำจัดสิ่งไม่ดีสิ่งชั่วเลวได้ก็ไม่ทำ,เพราะดำรงรักษาธรรมชาติของโลกไว้ปกติ ให้สงบร่มเย็นบนธรรมชาติโลกของอารยะธรรมใบนี้,มุ่งไม่สู่จุดจบแน่นอน,หากยังไม่หยุดพอใจตนเองเท่านี้แล้วหันไปสร้างความเจริญทางจิตวิญญาณของธรรมะจักรวาลแทน อารยะธรรมจักรวาลของแท้ ห้องสมุดจักรวาลก็ว่าเพื่อเปิดตาชาวโลกเราสู่ค่าจริงที่แท้จริง.,หากอนาคตหุ่นยนต์และAIควบคุมมนุษย์จริงคงอนาถอเน็จสิ้นดีเลย ทาสมนุษย์ภายใต้การปกครองของกฎหมายAI. ..กองทัพไทยต้องยึดอำนาจสถานเดียวจึงเป็นทางออกของประเทศไทยได้จริง,อย่าพึ่งพานักการเมืองระบบการเมืองการเลือกตั้งในยุคสมัยนี้,พระราชาผู้ทรงธรรมจะนำเรา..ประเทศไทย. https://vm.tiktok.com/ZSHcMpaBkrWkb-SjKTN/
    @gakneversitup

    เบรกด่วน! 🚨 คนสร้าง AI กำลังเหยียบเบรก โดยผู้เชี่ยวชาญกว่า 800 คนอเตือน "Superintelligence" อาจคือหายนะ ดูคลิปนี้ให้จบ แล้วบอกเราที คุณว่าไง? #superintelligence #AI #technews #gakneversitup #ไม่เคยกั๊ก

    ♬ original sound - A7mdmc
    0 Comments 0 Shares 160 Views 0 Reviews
  • ต้มข้ามศตวรรษ – ปั่นหุ้น 1 – 2
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ต้มข้ามศตวรรษ”
    บทที่ 5 “ปั่นหุ้น”

    ตอน 1

    William Boyce Thompson คงเป็นชื่อที่ยังไม่มีใครรู้จักในประวัติศาสตร์ ก่อนศตวรรษที่ 20 แต่ Thompson เป็นผู้ที่รับบทสำคัญยิ่ง เกี่ยวกับการปฏิวัติพวก Bolsheviks
    แน่นอน ที่สุดถ้า Thompson ไม่ไปอยู่ที่รัสเซียในปี 1917 ประวัติศาสตร์หลังจากนั้นอาจจะเปลี่ยนไปคนละเรื่อง และถ้าไม่มีเรื่องสนับสนุนทางการเงิน โดยเฉพาะเรื่องการเมือง และการโฆษณาชวนเชื่อที่ทำให้กับ Trotsky และ Lenin โดย Thompson และ Robins กับพรรคพวกในนิวยอร์คแล้ว พวก Bolsheviks อาจจะเหี่ยวแห้งเฉาตายไป และรัสเซียจะออกหัวหรือก้อยไม่รู้ได้ แต่การเมืองโลก อาจจะเป็นฉากอื่น ต่างจากที่เราเห็นกันอยู่นี้อย่างสิ้นเชิง

    ใครคือ William Boyce Thompson

    Thompson คือ นักปั้นหุ้น หรือ ปั่นหุ้นเหมืองแร่ มือดีอันดับหนึ่งในธุรกิจสาขานี้ ก่อนสงครามโลกครั้งที่ 1 เขาเป็นคนดูแลหุ้นให้กับมหาเศรษฐีตระกูล Guggenheim เจ้าของเหมืองทองแดง ด้วยความสามารถระดับเซียน ในการระดมทุนในตลาดหุ้นประเภทความเสี่ยงสูง ทำให้ Thompson ร่ำรวยขึ้นมา และได้เป็นกรรมการในหลายบริษัทที่เกี่ยวกับธุรกิจเหมืองแร่ต่างๆ โดยเฉพาะแร่ทองแดง ที่เป็นแร่สำคัญในการนำมาใช้ผลิตอาวุธยุทโธปกรณ์ นอกจากนี้ เขาเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของธนาคาร Chase National Bank

    และ เป็น Albert H. Wiggin ประธาน Chase Bank ที่เป็นคนดันให้ Thompson เข้าไปมีส่วนในการจัดตั้งระบบธนาคารกลาง Federal Reserve System ของอเมริกา และในปี 1913 Thompson เป็นกรรมการที่ทำงานเต็มเวลา (full time) คนแรกของ Federal Reserve Bank of New York ธนาคารกลางที่สำคัญที่สุดในระบบFederal Reserve System
    เขาไม่ใช่กระจอกไม่มีชื่ออีกต่อไป!
    ปี 1917 William Boyce Thompson เปลี่ยนเป็นอินทรีย์และเริ่มสยายปีกไปทางด้านการเงินและการเมือง เขาแสดงให้เห็นถึงสายตายาวไกล และความคล่องตัวจัดของเขา ด้วยการสนับสนุน Karensky ในการปฎิวัติครั้งแรกของรัสเซีย ในต้นปี 1917 และเปลี่ยนเข็มทิศ หมุนกลับมาสนับสนุน Bolsheviks ได้อย่างรวดเร็ว เมื่อเห็นว่าเส้นทางของ Bolsheviks น่าจะดีกว่า หรือว่า มันเป็นการวางแผนไว้เป็น 2 ขั้นตอน ตั้งแต่แรก

    ก่อนจะออกเดินทางกลับจากรัสเซียในต้นเดือนธันวาคม 1917 Thompson ส่งมอบภาระกิจกาชาดเพื่อรัสเซียให้ผู้ช่วยเขา Raymond Robins ให้เป็นคนดูแลต่อ

    Thompson ได้เตรียมการตั้งแต่ปลายปี 1917 ที่จะเดินทางออกจากPetrograd เพื่อปั่นหุ้นตัวสำคัญ “Bolsheviks Revolution” ไปเสนอขายกับรัฐบาลแถบยุโรป และอเมริกาเอง

    ก่อนเดินทาง เขาโทรเลขไปหา Thomas W. Lamont ซึ่งเป็นหุ้นส่วนของ Morgan และกำลังอยู่ที่ปารีส กับ Colonel E.M. House ที่ปรึกษาสุดใหญ่ ของประธานาธิบดี Woodlow Wilson

    Lamont ได้บันทึกข้อความเกี่ยวกับโทรเลขของ Thompson ไว้ในชีวประวัติของเขา

    “ขณะ ที่คณะของ House กำลังจะเสร็จสิ้นการเจรจาตามภาระกิจของเขาที่ Paris ในเดือนธันวาคมปี 1917 ผมได้รับโทรเลขที่น่าสนใจอย่างยิ่ง จากเพื่อนนักเรียนเก่า และเป็นเพื่อนร่วมธุรกิจกัน William Boyce Thompson ซึ่งขณะนั้นอยู่ที่ Petrograd กำลังดูแลเรื่องภาระกิจกาชาดอเมริกันอยู่ที่นั่น”

    Lamont รีบเดินทางไปลอนดอน เพื่อพบกับ Thompson ซึ่งเดินทางมาจาก Petrograd เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม โดยผ่าน Norway และมาถึงลอนดอนในวันที่ 10 ธันวาคม Thompson และ Lamont กำลังต้องทำเรื่องที่สำคัญที่สุดในลอนดอน คือ กล่อมกลุ่มรัฐมนตรีกิจการสงคราม ของอังกฤษ British War Cabinet ซึ่งขณะนั้น ลงความเห็นกันไปแล้วว่า ไม่เอาพวก Bolsheviks ให้เปลี่ยนใจมาเชื่อว่า พวก Bolsheviksนั้น ได้ควบคุมรัสเซียสำเร็จแล้ว และเป็นพวกที่อังกฤษต้องเลิกต่อต้าน และเปลี่ยนมาให้การสนับสนุนแก่ Lenin และ Trotsky แทน จะเป็นการดีที่สุด
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ต้มข้ามศตวรรษ”
    บทที่ 5 “ปั่นหุ้น”

    ตอน 2

    ใน ช่วงปลายปี 1917 ขณะที่ Lamont และ Thompson เดินทางมาถึงลอนดอน เพื่อพบนายกรัฐมนตรี Lloyd George ของอังกฤษ ชึ่งดูเหมือนกำลังอ่อนปวกเปียกอยู่ในมือของนักค้าอาวุธผู้ทรงอิทธิพล Sir Basil Zaharoff เป็นข่าวลือทั่วไปในยุโรปว่า ที่ Zaharroff กุม Lloyd George อยู่หมัด เพราะ Zaharoff เป็นคนหาสาวมาบำเรอให้ และ บังเอิญสาวที่ Lloyd Geroge ติดกับ ก็คือ เมียของ Zaharoff นั่นเอง อืม…เกมแบบนี้ เล่นกันมาตลอด แล้วก็มีคนติดกับตลอด

    Zaharoff ที่ผู้คนเรียกเขาว่า “the Merchant of Death” เป็นนักค้าอาวุธที่รอบจัด เขาค้าขายกับทุกคนที่อยากซื้ออาวุธ จะเป็นประเทศใด ฝ่ายไหน เขาก็ขายให้ทั้งนั้น และก็ร่ำรวยจากการทำธุรกิจเช่นนี้ และจากการที่ค้าขายแบบนี้ และน่าจะรวมทั้ง การส่งสินค้าที่ไม่ใช่อาวุธด้วย ทำให้ Zaharoff มีหูตาที่กว้างขวาง ทำให้ลูกค้าของเขาต่างอยากได้ข ่าววงใน ลับสุดยอดจาก Zaharoff ทั้งสิ้น มีหลายครั้ง ที่ประธานาธิบดี Woodlow Wilson ของอเมริกา Lloyd George นายกรัฐมนตรีของอังกฤษ และ Georges Clemenceau นายกรัฐมนตรีของฝรั่งเศส ต้องไปล้อมวงประชุมกัน อยู่ที่บ้านของZaharoff ที่กรุงปารีส ถึงขนาดมีข่าวเล่ากันว่า ก่อนจะมีการเคลื่อนพลไปบุกที่ไหน ส่วนใหญ่ Zaharoff ก็จะถูกเชิญมาหารืออยู่เสมอ

    หน่วย ข่าวกรองของอังกฤษ บันทึกไว้ว่า “ภายหลัง มีการพบเอกสารที่ระบุว่า เจ้าหน้าที่ของรัฐบาลเอง เอาความลับไปบอก Sir Basil Zaharoff ซึ่งนายกรัฐมนตรี Lloyd George ก็รู้เรื่องนี้ด้วย”
    นอกจากอ่อนอยู่ในมือของ Zaharoff แล้ว นายกรัฐมนตรี Lloyd George ยังมีคนดันหลังชื่อ Lord Milner อีกด้วย เป็น Lord Milner แห่งสมาคม Round Table ที่แม้ลึกลับ แต่อำนาจสูงเทียมฟ้า เป็นต้นกำเนิดของ think tank ถังความคิดคู่แฝดที่ทรงอิทธิพล Royal Institute of International Affairs (RIIA) ของอังกฤษ และ Council on Foreign Relations (CFR) ของอเมริกา คงพอจำกันได้

    นายก รัฐมนตรี Lloyd George ได้ทำรายงานต่อ War Cabinet ว่า ได้สนทนากับนาย Thompson มหาเศรษฐีชาวอเมริกัน ที่เพิ่งเดินทางกลับมาจากรัสเซีย และได้ให้ความเห็นเกี่ยวกับรัสเซีย แตกต่างไปจากที่เราได้ยินกัน นาย Thompson เชื่อว่า พวกปฏิวัติ Bolsheviks ทำงานสำเร็จได้ผลดี และคงจะปกครองรัสเซียไปอีกนาน แต่พวกเราฝ่ายสัมพันธมิตร ไม่ได้แสดงความชื่นชม หรือเห็นพ้องกับฝ่ายปฏิวัติเลย และผู้นำการปฏิวัติ Trotsky และ Lenin ไม่ได้ถูกจ้างโดยฝ่ายเยอรมัน และ Lenin ค่อนข้างจะมีลักษณะไปในทางเป็นครูบาอาจารย์ที่น่าเคารพเสียด้วยซ้ำ

    นาย Thompson ยังแนะนำอีกว่า ฝ่ายสัมพันธมิตร ควรจะมีการออกความเห็น ให้การสนับสนุนแก่พวกปฏิวัติบ้าง และควรมีการแสดงความเห็นนี้ ที่ Petrograd เองด้วย ขณะเดียวกัน ก็ควรมีการพิจารณาเปลี่ยนตัวเจ้าหน้าที่ ของฝ่ายสัมพันธมิตรที่อยู่ที่ Petrograd ที่ไม่เหมาะสมเสียด้วย และฝ่ายสัมพันธมิตรควรจะเข้าใจว่า ขณะนี้รัสเซียไม่ได้มาร่วมอยู่ ในสงครามแล้ว ไม่ว่าจะโดยกองทัพ หรือประชาชน และพวกเราฝ่ายสัมพันธมิตร ควรจะเลือกให้ดีว่า เราต้องการรัสเซีย ที่เป็นเพื่อน หรือรัสเซีย ที่เป็นกลาง แบบไม่เป็นมิตร

    หลังจากรับทราบรายงานการสนทนาดังกล่าว ของนายกรัฐมนตรี Lloyd George พร้อมเอกสารที่เกี่ยวข้องแล้ว War Cabinet คณะรัฐมนตรีกิจการสงคราม ก็เห็นพ้องที่จะเดินตามคำแนะนำของ Thompson และสนับสนุนพวก Bolsheviks

    นาย William Boyce Thompson สมกับเป็นเซียนปั่นหุ้นความเสี่ยงสูงจริงๆ

    Lord Milner ซึ่งสั่งให้ นาย Bruce Lockhart อดีตกงสุลอังกฤษ ที่เคยทำงานอยู่ในรัสเซีย ยืนคอยฟังข่าวอยู่หน้าห้องประชุม เพื่อเตรียมพร้อม ที่จะรายงานและสรุปการประชุมส่งไปให้ พรรคพวกทางรัสเซียดำเนินการอย่างไม่เป็นทางการ กับพวกโซเวียตต่อไป
    ต้องถือว่าการเสนอขายหุ้น Bolsheviks ของ นายThompson ประสบความสำเร็จอย่างสูง สมกับการเป็นนักปั่นมือเซียน แมงเม่าระดับนายกรัฐมนตรีอังกฤษ และคณะรัฐมนตรีกิจการสงคราม อ้าปากหวอ ซื้อ “หุ้น Bolsheviks” กันหมดหน้าตัก

    หลัง จาก Thompson เดินทางกลับไปแล้ว คณะรัฐมนตรีกิจการสงครามของอังกฤษ ก็ได้รับรายงานจากอีกสายข่าว ซึ่งก็อ้างว่า น่าเชื่อถือมากกว่า รายงานนั้นได้บรรยายถึงสรรพคุณ Bolsheviks ตรงกันข้ามกับที่นาย Thompson มาออกหนังสือชี้ชวนไว้ แต่ดูเหมือนมันจะมาสายไป ลงทุนกันจนหมดหน้าตักไปแล้ว รายงานดังกล่าวจึงถูกวางไว้บนโต๊ะ ให้ฝุ่นจับไปแค่นั้นเอง

    รายงาน นั้น มาถึงโต๊ะรัฐมนตรีกิจการสงคราม ในเดือนเมษายน 1918 จาก General Jan Smuts ว่าเขาได้สนทนากับ General Nieffel หัวหน้ากิจการกองทัพฝรั่งเศส ที่เพิ่งเดินทางกลับมาจากรัสเซีย ได้ความว่า :

    “Trotsky…. เป็นคนเลวอย่างสมบูรณ์ แม้จะไม่ใช่พวกชอบเยอรมัน แต่เป็นคนขี้โอ่และหลงตัวเอง และการปฏิวัติของตน เขาไม่น่าไว้วางใจ ไม่ว่าในทางได เขามีอำนาจโดยการมีอิทธิพลครอบงำ เหนือ Lockhart, Robins และตัวแทนของฝรั่งเศส…….”

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    01 พ.ค. 2558
    ต้มข้ามศตวรรษ – ปั่นหุ้น 1 – 2 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ต้มข้ามศตวรรษ” บทที่ 5 “ปั่นหุ้น” ตอน 1 William Boyce Thompson คงเป็นชื่อที่ยังไม่มีใครรู้จักในประวัติศาสตร์ ก่อนศตวรรษที่ 20 แต่ Thompson เป็นผู้ที่รับบทสำคัญยิ่ง เกี่ยวกับการปฏิวัติพวก Bolsheviks แน่นอน ที่สุดถ้า Thompson ไม่ไปอยู่ที่รัสเซียในปี 1917 ประวัติศาสตร์หลังจากนั้นอาจจะเปลี่ยนไปคนละเรื่อง และถ้าไม่มีเรื่องสนับสนุนทางการเงิน โดยเฉพาะเรื่องการเมือง และการโฆษณาชวนเชื่อที่ทำให้กับ Trotsky และ Lenin โดย Thompson และ Robins กับพรรคพวกในนิวยอร์คแล้ว พวก Bolsheviks อาจจะเหี่ยวแห้งเฉาตายไป และรัสเซียจะออกหัวหรือก้อยไม่รู้ได้ แต่การเมืองโลก อาจจะเป็นฉากอื่น ต่างจากที่เราเห็นกันอยู่นี้อย่างสิ้นเชิง ใครคือ William Boyce Thompson Thompson คือ นักปั้นหุ้น หรือ ปั่นหุ้นเหมืองแร่ มือดีอันดับหนึ่งในธุรกิจสาขานี้ ก่อนสงครามโลกครั้งที่ 1 เขาเป็นคนดูแลหุ้นให้กับมหาเศรษฐีตระกูล Guggenheim เจ้าของเหมืองทองแดง ด้วยความสามารถระดับเซียน ในการระดมทุนในตลาดหุ้นประเภทความเสี่ยงสูง ทำให้ Thompson ร่ำรวยขึ้นมา และได้เป็นกรรมการในหลายบริษัทที่เกี่ยวกับธุรกิจเหมืองแร่ต่างๆ โดยเฉพาะแร่ทองแดง ที่เป็นแร่สำคัญในการนำมาใช้ผลิตอาวุธยุทโธปกรณ์ นอกจากนี้ เขาเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของธนาคาร Chase National Bank และ เป็น Albert H. Wiggin ประธาน Chase Bank ที่เป็นคนดันให้ Thompson เข้าไปมีส่วนในการจัดตั้งระบบธนาคารกลาง Federal Reserve System ของอเมริกา และในปี 1913 Thompson เป็นกรรมการที่ทำงานเต็มเวลา (full time) คนแรกของ Federal Reserve Bank of New York ธนาคารกลางที่สำคัญที่สุดในระบบFederal Reserve System เขาไม่ใช่กระจอกไม่มีชื่ออีกต่อไป! ปี 1917 William Boyce Thompson เปลี่ยนเป็นอินทรีย์และเริ่มสยายปีกไปทางด้านการเงินและการเมือง เขาแสดงให้เห็นถึงสายตายาวไกล และความคล่องตัวจัดของเขา ด้วยการสนับสนุน Karensky ในการปฎิวัติครั้งแรกของรัสเซีย ในต้นปี 1917 และเปลี่ยนเข็มทิศ หมุนกลับมาสนับสนุน Bolsheviks ได้อย่างรวดเร็ว เมื่อเห็นว่าเส้นทางของ Bolsheviks น่าจะดีกว่า หรือว่า มันเป็นการวางแผนไว้เป็น 2 ขั้นตอน ตั้งแต่แรก ก่อนจะออกเดินทางกลับจากรัสเซียในต้นเดือนธันวาคม 1917 Thompson ส่งมอบภาระกิจกาชาดเพื่อรัสเซียให้ผู้ช่วยเขา Raymond Robins ให้เป็นคนดูแลต่อ Thompson ได้เตรียมการตั้งแต่ปลายปี 1917 ที่จะเดินทางออกจากPetrograd เพื่อปั่นหุ้นตัวสำคัญ “Bolsheviks Revolution” ไปเสนอขายกับรัฐบาลแถบยุโรป และอเมริกาเอง ก่อนเดินทาง เขาโทรเลขไปหา Thomas W. Lamont ซึ่งเป็นหุ้นส่วนของ Morgan และกำลังอยู่ที่ปารีส กับ Colonel E.M. House ที่ปรึกษาสุดใหญ่ ของประธานาธิบดี Woodlow Wilson Lamont ได้บันทึกข้อความเกี่ยวกับโทรเลขของ Thompson ไว้ในชีวประวัติของเขา “ขณะ ที่คณะของ House กำลังจะเสร็จสิ้นการเจรจาตามภาระกิจของเขาที่ Paris ในเดือนธันวาคมปี 1917 ผมได้รับโทรเลขที่น่าสนใจอย่างยิ่ง จากเพื่อนนักเรียนเก่า และเป็นเพื่อนร่วมธุรกิจกัน William Boyce Thompson ซึ่งขณะนั้นอยู่ที่ Petrograd กำลังดูแลเรื่องภาระกิจกาชาดอเมริกันอยู่ที่นั่น” Lamont รีบเดินทางไปลอนดอน เพื่อพบกับ Thompson ซึ่งเดินทางมาจาก Petrograd เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม โดยผ่าน Norway และมาถึงลอนดอนในวันที่ 10 ธันวาคม Thompson และ Lamont กำลังต้องทำเรื่องที่สำคัญที่สุดในลอนดอน คือ กล่อมกลุ่มรัฐมนตรีกิจการสงคราม ของอังกฤษ British War Cabinet ซึ่งขณะนั้น ลงความเห็นกันไปแล้วว่า ไม่เอาพวก Bolsheviks ให้เปลี่ยนใจมาเชื่อว่า พวก Bolsheviksนั้น ได้ควบคุมรัสเซียสำเร็จแล้ว และเป็นพวกที่อังกฤษต้องเลิกต่อต้าน และเปลี่ยนมาให้การสนับสนุนแก่ Lenin และ Trotsky แทน จะเป็นการดีที่สุด นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ต้มข้ามศตวรรษ” บทที่ 5 “ปั่นหุ้น” ตอน 2 ใน ช่วงปลายปี 1917 ขณะที่ Lamont และ Thompson เดินทางมาถึงลอนดอน เพื่อพบนายกรัฐมนตรี Lloyd George ของอังกฤษ ชึ่งดูเหมือนกำลังอ่อนปวกเปียกอยู่ในมือของนักค้าอาวุธผู้ทรงอิทธิพล Sir Basil Zaharoff เป็นข่าวลือทั่วไปในยุโรปว่า ที่ Zaharroff กุม Lloyd George อยู่หมัด เพราะ Zaharoff เป็นคนหาสาวมาบำเรอให้ และ บังเอิญสาวที่ Lloyd Geroge ติดกับ ก็คือ เมียของ Zaharoff นั่นเอง อืม…เกมแบบนี้ เล่นกันมาตลอด แล้วก็มีคนติดกับตลอด Zaharoff ที่ผู้คนเรียกเขาว่า “the Merchant of Death” เป็นนักค้าอาวุธที่รอบจัด เขาค้าขายกับทุกคนที่อยากซื้ออาวุธ จะเป็นประเทศใด ฝ่ายไหน เขาก็ขายให้ทั้งนั้น และก็ร่ำรวยจากการทำธุรกิจเช่นนี้ และจากการที่ค้าขายแบบนี้ และน่าจะรวมทั้ง การส่งสินค้าที่ไม่ใช่อาวุธด้วย ทำให้ Zaharoff มีหูตาที่กว้างขวาง ทำให้ลูกค้าของเขาต่างอยากได้ข ่าววงใน ลับสุดยอดจาก Zaharoff ทั้งสิ้น มีหลายครั้ง ที่ประธานาธิบดี Woodlow Wilson ของอเมริกา Lloyd George นายกรัฐมนตรีของอังกฤษ และ Georges Clemenceau นายกรัฐมนตรีของฝรั่งเศส ต้องไปล้อมวงประชุมกัน อยู่ที่บ้านของZaharoff ที่กรุงปารีส ถึงขนาดมีข่าวเล่ากันว่า ก่อนจะมีการเคลื่อนพลไปบุกที่ไหน ส่วนใหญ่ Zaharoff ก็จะถูกเชิญมาหารืออยู่เสมอ หน่วย ข่าวกรองของอังกฤษ บันทึกไว้ว่า “ภายหลัง มีการพบเอกสารที่ระบุว่า เจ้าหน้าที่ของรัฐบาลเอง เอาความลับไปบอก Sir Basil Zaharoff ซึ่งนายกรัฐมนตรี Lloyd George ก็รู้เรื่องนี้ด้วย” นอกจากอ่อนอยู่ในมือของ Zaharoff แล้ว นายกรัฐมนตรี Lloyd George ยังมีคนดันหลังชื่อ Lord Milner อีกด้วย เป็น Lord Milner แห่งสมาคม Round Table ที่แม้ลึกลับ แต่อำนาจสูงเทียมฟ้า เป็นต้นกำเนิดของ think tank ถังความคิดคู่แฝดที่ทรงอิทธิพล Royal Institute of International Affairs (RIIA) ของอังกฤษ และ Council on Foreign Relations (CFR) ของอเมริกา คงพอจำกันได้ นายก รัฐมนตรี Lloyd George ได้ทำรายงานต่อ War Cabinet ว่า ได้สนทนากับนาย Thompson มหาเศรษฐีชาวอเมริกัน ที่เพิ่งเดินทางกลับมาจากรัสเซีย และได้ให้ความเห็นเกี่ยวกับรัสเซีย แตกต่างไปจากที่เราได้ยินกัน นาย Thompson เชื่อว่า พวกปฏิวัติ Bolsheviks ทำงานสำเร็จได้ผลดี และคงจะปกครองรัสเซียไปอีกนาน แต่พวกเราฝ่ายสัมพันธมิตร ไม่ได้แสดงความชื่นชม หรือเห็นพ้องกับฝ่ายปฏิวัติเลย และผู้นำการปฏิวัติ Trotsky และ Lenin ไม่ได้ถูกจ้างโดยฝ่ายเยอรมัน และ Lenin ค่อนข้างจะมีลักษณะไปในทางเป็นครูบาอาจารย์ที่น่าเคารพเสียด้วยซ้ำ นาย Thompson ยังแนะนำอีกว่า ฝ่ายสัมพันธมิตร ควรจะมีการออกความเห็น ให้การสนับสนุนแก่พวกปฏิวัติบ้าง และควรมีการแสดงความเห็นนี้ ที่ Petrograd เองด้วย ขณะเดียวกัน ก็ควรมีการพิจารณาเปลี่ยนตัวเจ้าหน้าที่ ของฝ่ายสัมพันธมิตรที่อยู่ที่ Petrograd ที่ไม่เหมาะสมเสียด้วย และฝ่ายสัมพันธมิตรควรจะเข้าใจว่า ขณะนี้รัสเซียไม่ได้มาร่วมอยู่ ในสงครามแล้ว ไม่ว่าจะโดยกองทัพ หรือประชาชน และพวกเราฝ่ายสัมพันธมิตร ควรจะเลือกให้ดีว่า เราต้องการรัสเซีย ที่เป็นเพื่อน หรือรัสเซีย ที่เป็นกลาง แบบไม่เป็นมิตร หลังจากรับทราบรายงานการสนทนาดังกล่าว ของนายกรัฐมนตรี Lloyd George พร้อมเอกสารที่เกี่ยวข้องแล้ว War Cabinet คณะรัฐมนตรีกิจการสงคราม ก็เห็นพ้องที่จะเดินตามคำแนะนำของ Thompson และสนับสนุนพวก Bolsheviks นาย William Boyce Thompson สมกับเป็นเซียนปั่นหุ้นความเสี่ยงสูงจริงๆ Lord Milner ซึ่งสั่งให้ นาย Bruce Lockhart อดีตกงสุลอังกฤษ ที่เคยทำงานอยู่ในรัสเซีย ยืนคอยฟังข่าวอยู่หน้าห้องประชุม เพื่อเตรียมพร้อม ที่จะรายงานและสรุปการประชุมส่งไปให้ พรรคพวกทางรัสเซียดำเนินการอย่างไม่เป็นทางการ กับพวกโซเวียตต่อไป ต้องถือว่าการเสนอขายหุ้น Bolsheviks ของ นายThompson ประสบความสำเร็จอย่างสูง สมกับการเป็นนักปั่นมือเซียน แมงเม่าระดับนายกรัฐมนตรีอังกฤษ และคณะรัฐมนตรีกิจการสงคราม อ้าปากหวอ ซื้อ “หุ้น Bolsheviks” กันหมดหน้าตัก หลัง จาก Thompson เดินทางกลับไปแล้ว คณะรัฐมนตรีกิจการสงครามของอังกฤษ ก็ได้รับรายงานจากอีกสายข่าว ซึ่งก็อ้างว่า น่าเชื่อถือมากกว่า รายงานนั้นได้บรรยายถึงสรรพคุณ Bolsheviks ตรงกันข้ามกับที่นาย Thompson มาออกหนังสือชี้ชวนไว้ แต่ดูเหมือนมันจะมาสายไป ลงทุนกันจนหมดหน้าตักไปแล้ว รายงานดังกล่าวจึงถูกวางไว้บนโต๊ะ ให้ฝุ่นจับไปแค่นั้นเอง รายงาน นั้น มาถึงโต๊ะรัฐมนตรีกิจการสงคราม ในเดือนเมษายน 1918 จาก General Jan Smuts ว่าเขาได้สนทนากับ General Nieffel หัวหน้ากิจการกองทัพฝรั่งเศส ที่เพิ่งเดินทางกลับมาจากรัสเซีย ได้ความว่า : “Trotsky…. เป็นคนเลวอย่างสมบูรณ์ แม้จะไม่ใช่พวกชอบเยอรมัน แต่เป็นคนขี้โอ่และหลงตัวเอง และการปฏิวัติของตน เขาไม่น่าไว้วางใจ ไม่ว่าในทางได เขามีอำนาจโดยการมีอิทธิพลครอบงำ เหนือ Lockhart, Robins และตัวแทนของฝรั่งเศส…….” สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 01 พ.ค. 2558
    0 Comments 0 Shares 363 Views 0 Reviews
  • ..ตอนนี้ทำไปทำมา เรา..ประชาชนเริ่มสงสัยในกองทัพไทยเราแล้ว สรุปกองทัพไทยเราถูกdeep stateอีลิทสากลควบคุมใช่หรือไม่นะ,การตัดสินอะไรใดๆไม่เด็ดขาดเลย,เมื่อไม่ฟังสายการเมืองแล้ว ก็ประกาศกฎอัยการศึกอย่างจริงจังเถอะ,แล้วประกาศภาวะสงครามทางการเงินทางเศรษฐกิจไทยให้ชัดเจนเลย,มันควบคลุมสายการเมืองการปกครองจริงทั้งหมดเพราะทั้งหมดมันใช้กลไกเงินกลไกตังขับเคลื่อนประเทศ deep stateมันก็ใช้ระบบทาสเงินครองทุกๆประเทศ สงครามการเงินจึงต้องประกาศให้ชัดเจน จากนั้นกองทัพไทยเราต้องเข้ายึดธนาคารกลางคือแบงค์ชาติไทยเราจริงจังทันที ควบคุมแบงค์ชาติไทยจริงอย่างเป็นทางการเพื่อกำหนดยุทธศาสตร์พัฒนาประเทศ ประกาศห้ามมีการทำกิจการใดๆด้านการเงินลักษณะโอนออกจากประเทศไทยทุกๆกรณี และอายัดทุกๆบัญชีเพื่อตรวจสอบทั้งหมดก่อนที่มีกระแสเงินสดไหลเข้าประเทศไทย,ตัดตอนบ่อนหมายทำลายไทยจ้างงานนักทำลายไทยทั้งหมดได้เพราะไม่มีเสบียงคือเงินให้มันเป็นอาหารมีแรงทำงานเต็มพลังหรือสั่งอะไรมาเสริมๆได้เพราะไม่มีตังไปซื้อไปสั่งมาเสริมด้วยถูกกองทัพไทยเราตัดตอนไว้ก่อนนั้นเอง,กองทัพไทยเลิกโง่เสียทีได้แล้ว โง่จากวัคซีนโควิดยังไม่อยากให้อภัยเลย องค์ภาเราก็ถูกวัคซีนจนวูบชัดเจนแน่นอน การสายข่าวทหารกากมากในเครื่องมือมากมายเต็มกองทัพไทยเรา,จน อ.สุจริตมาร่วมประชุมหัวโต๊ะให้สายทางวังรับรู้เรื่องราว.

    ..นี้คือสงครามชัดเจน ไทยเราโดยกองทัพไทยทหารไทยพระราชาเราต้องตัดสินใจเด็ดขาดได้แล้ว ลีลาน่าลำคาญมาก ยึดอำนาจรัฐบาลเสียเพราะมันใช้สภาทำงานออกกฎหมายให้ฝ่ายมืดอีลิทdeep stateชัดเจน พรบ.มากมายล้วนโยนปูทางสู่agenda2030มันชัดเจน,คลิปนี้คุณอดิเทพอธิบายไว้ชัดเจนมาก กองทัพไทยเรามารับรู้เรื่องนี้กันบ้างมั้ย มันของแท้เลยนะ มิใช่ของกากๆ ไบโอเมทริกซ์ บัตรประชาชนดิจิดัล เงินดิจิดัล เมืองอัจฉริยะ คาร์บอนเครดิต พรบ.การเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ กฎหมายมากมายมันเชื่อมโยงในการจะทำคนไทยประเทศไทยให้ตกเป็นทาสมันชัดเจน ผ่านกลไกกระบวนทางการเมืองของนักการเมือง ทหารทรยศเป็นกบฎเป็นภัยของแผ่นดินไทยเราก็รู้แจ้งเห็นชัดจากกรณีบิ๊กกุ้งยึดคืนพื้นที่11จุดได้ แต่คณะทีมงานฝ่ายพี่ท่านทีมเดอะแก๊งเดอะก๊กบูรพาพยัคฆ์ไม่ทำห่าเหวอะไรถีบเขมรออกจากแผ่นดินไทยจริงสักจุดทั่วภาค.1ตะวันออกทั้งหมด,นี้คือความทรยศชัดเจนขนาดไหน กองทัพไทยไม่เห็นมันเลยเหรอว่าจะตำตาตำใจท่านแล้วขนาดนั้น จะไปเล่นอะไรห่าเหวพิธีการกับมันอีก ไม่ยอมร่วมกันกำจัดกวาดล้างคนทรยศประจำภายในกองทัพด้วย ,พวกมันไม่สู้ชนะเรา..คนไทยประชาชนคนไทยหรอก เรา..ประชาชนยืนเคียงข้างทหารพระราชาแน่นอน พวกมันจะทำลายสถาบันกษัตริย์ชัดเจน โดยใช้หนังหน้าสายทางภาคการเมืองกำลังปาหี่แสดงละครอยู่ขณะนี้พร้อมสุมหัวจะกำจัดกองทัพไทยเราด้วย ลดเครดิตกองทัพไทยชัดเจนผ่านรัฐบาลชั่วเลวสาระพัดเลวที่แก๊งขูสามนิ้วชูนอมินีมาเป็นนายกฯแทนมันเสียข้างน้อย,การเมืองเรามันจบแล้ว กองทัพไทยต้องยึดอำนาจ ท่านรอห่าเหวอะไร เราเปลี่ยนเส้นทางเดินบนทางเรา..ประเทศไทยได้ ร่วมกันปกป้องประเทศเราและประชาชนคนไทยเราถึงที่สุดด้วยมือชาวไทยเราได้,บริบทและบทบาทภาคนักการเมืองมีแต่ทำลายทำร้ายชาติ ทำร้ายทำลายแผ่นดินไทย ท่านจะพากันนิ่งเฉยให้ชาติไทยพินาศแบบนี้จริงๆเหรอ.

    ..จากคลิปคุณอดิเทพ เราสามารถแก้ทางมันได้หมด,ยกเลิกเงินดิจิดัล พรบ.ใดๆที่สนับสนุนเงินดิจิดัลที่อีลิทเขียนฉีกทิ้งหมด,ให้กลับคืนมาใช้เงินบาทกระดาษ,รณรงค์คนไทยเราให้ซื่อสัตย์เพื่อดำรงรักษาคุณค่ามนุษย์บนแผ่นดินไทยให้ได้ ,ยกเลิกสนับสนุนAIมาทดแทนมนุษย์ โรงงานไทยใครจะมาตั้งฐานการผลิตให้ใช้จักรกลเพียง1%ของโรงงาน เพื่อสนันสนุนการจ้างแรงงานคนไทย99%,ยกเลิกแรงงานต่างด้าวทุกๆกรณีไปก่อน,ยึดคืนทรัพยากรที่ผูกขาดจากทุกๆสัญญาใดสัมปทานใดๆทั้งหมด ให้คืนสู่สามัญกลับไปพิจารณาให้เป็นเอกประโยชน์สูงสุดแก่เจ้าของทรัพยากรบนแผ่นดินไทยตนดั่งเดิมชัดเจนก่อน,ยกเลิกการสแกนใบหน้าซื้อสินค้า ยกเลิกบัตรคนจน ยกเลิกกระเป๋าตังดิจิดัล,ให้ประชาชนคนไทยใช้จ่ายจริงด้วยเงินสดภายในประเทศ,แอปใดที่ให้บริการซื้อขายออนไลน์ต้องชำระปลายทางด้วยเงินสดเท่านั้นในประเทศไทย,หากไม่สามารถทำได้ ให้ห้ามมีแอปนี้ให้บริการบนแผ่นดินไทย,ระบบสาธารณะใดๆทั่วไทยเราสามารถใช้เงินสดทั้งหมด,เต็มเงินเข้าบัตรปกติ,มิให้ใช้ตังดิจิดัล.เราจะสามารถต่อยอดและปกป้อง ป้องกันเราเองสาระพัดวิธี ,เมื่อกองทัพไทยเรายึดอำนาจจริง เรา..ประเทศไทยจะรอดพ้นภัยหายนะแน่นอน เพราะพระเจ้าให้เราเลือกเส้นทางเดินเองได้ ถ้าต่างดาวเลวอีลิทชั่ว บังคับเจตจำนงเรา..ประเทศไทย มันจะถูกลงโทษทันทีจากผู้ควบคุมกฎนี้ของจักรวาล ,วัคซีนมันจึงต้องให้เรายินยอมก่อนเป็นต้น มันจะตอบพระเจ้าไม่ได้ ซวยก็จะดับอนาถทั้งหมดแน่นอน,รัฐบาลไทยในอดีตมันรู้สิ่งนี้จึงเชิญชวนแทน แถบีบบังคับทางอ้อมกับคนไม่รู้เรื่องได้,

    ..ตอนนี้ รัฐบาลประเทศไทยยุคอดีตถึงปัจจุบัน มิใช่รัฐบาลประเทศไทย แต่เป็นCEOของอีลิทdeep stateสากลโลกมาปกครองแทนประเทศไทยผ่านปาหี่มุกเลือกตั้งทางประชาชนบังหน้า ,แต่ความจริงรัฐบาลไทยมิใช่รัฐบาลไทยเลย มันคือนอมินีหาแดกร่วมกันบนแผ่นดินไทยบนชื่อประเทศไทย ปกครองทาสประเทศไทยนี้ล่ะ,การพัฒนาก่อสร้างทั้งหมดเพื่ออำนวยการเข้าแดกบนทุกๆตารางนิ้วทั่วไทยได้ดียิ่งขึ้น ขนส่งสมบัติทรัพยากรมีค่าบนแผ่นดินไทยนี้ได้สะดวกยิ่งขึ้น มนุษย์คนไทยแค่เศษทาสแรงงานรับใช้สร้างงานวร้างเนื้องานสร้างประโยชน์สร้างผลกำไรให้มันแค่นั้น จึงมิให้คนไทยทั่วประเทศร่ำรวยได้ จงยากจนดักดานมั่นคงทั่วประเทศไทยต่อไป ทุกข์ยากลำบากวุ่นวายโกลาหลในบ้านในเมืองนี้ด้วยมิให้มรึงคนไทยประเทศไทยสงบได้ เช่นสั่งให้เขมรยิงระเบิดใส่คนไทยสร้างความวุ่นวายโกลาหล พม่า อินโดฯ ใดๆในภูมิภาคนี้คือสถานที่เก็บเกี่ยวผลประโยชน์บนความวุ่นวายไม่สงบสุขบนความโกลาหล ขายอาวุธขายสาระพัดให้พวกมรึงสู้กันกำไรรายได้เห็น บ้านมรึงต่อยอดวิบัติเป็นภัยใส่กันและกันมิให้สงบสุขรายวันนั้นเอง,จากภายในก็นักการเมืองที่กูสั่งได้หมด.

    ..นี้คือเหตุผลคราวๆทำไม กองทัพไทยพระราชาเรา ทหารพระราชาเรา ทหารไทยเราต้องยึดอำนาจ ต้องเด็ดขาดตัดตอนมันจริงๆ อย่าโง่อีกเลย เก็บกวาดกวาดล้างทำความสะอาดทั่วประเทศเลย..เรา..ประชาชนคนไทยทั้งประเทศยืนอยู่เคียงข้างเพื่อสร้างบ้านสร้างเมืองสร้างชาติเราใหม่ให้ดีงามอีกครั้งจากพวกชั่วเลวนี้ทำร้ายทำลายมายาวนานเสียที.

    #กองทัพไทยต้องประกาศกฎอัยการศึกทั่วประเทศไทยอย่างจริงจังเดี๋ยวนี้.

    #ทหารไทยต้องยึดอำนาจตัดตอนพวกมันจากทั้งภายในและที่ข้ามทวีปโลกมาด้วย.

    #การยึดอำนาจคือหนทางเดียวและคือทางออก

    #นักการเมืองไทยล้มเหลวในการปกป้องอธิปไตยชาติไทยทุกๆมิติแถมเป็นพวกมันด้วย.

    https://vm.tiktok.com/ZSHcFnF4NYfax-zGJpe/
    ..ตอนนี้ทำไปทำมา เรา..ประชาชนเริ่มสงสัยในกองทัพไทยเราแล้ว สรุปกองทัพไทยเราถูกdeep stateอีลิทสากลควบคุมใช่หรือไม่นะ,การตัดสินอะไรใดๆไม่เด็ดขาดเลย,เมื่อไม่ฟังสายการเมืองแล้ว ก็ประกาศกฎอัยการศึกอย่างจริงจังเถอะ,แล้วประกาศภาวะสงครามทางการเงินทางเศรษฐกิจไทยให้ชัดเจนเลย,มันควบคลุมสายการเมืองการปกครองจริงทั้งหมดเพราะทั้งหมดมันใช้กลไกเงินกลไกตังขับเคลื่อนประเทศ deep stateมันก็ใช้ระบบทาสเงินครองทุกๆประเทศ สงครามการเงินจึงต้องประกาศให้ชัดเจน จากนั้นกองทัพไทยเราต้องเข้ายึดธนาคารกลางคือแบงค์ชาติไทยเราจริงจังทันที ควบคุมแบงค์ชาติไทยจริงอย่างเป็นทางการเพื่อกำหนดยุทธศาสตร์พัฒนาประเทศ ประกาศห้ามมีการทำกิจการใดๆด้านการเงินลักษณะโอนออกจากประเทศไทยทุกๆกรณี และอายัดทุกๆบัญชีเพื่อตรวจสอบทั้งหมดก่อนที่มีกระแสเงินสดไหลเข้าประเทศไทย,ตัดตอนบ่อนหมายทำลายไทยจ้างงานนักทำลายไทยทั้งหมดได้เพราะไม่มีเสบียงคือเงินให้มันเป็นอาหารมีแรงทำงานเต็มพลังหรือสั่งอะไรมาเสริมๆได้เพราะไม่มีตังไปซื้อไปสั่งมาเสริมด้วยถูกกองทัพไทยเราตัดตอนไว้ก่อนนั้นเอง,กองทัพไทยเลิกโง่เสียทีได้แล้ว โง่จากวัคซีนโควิดยังไม่อยากให้อภัยเลย องค์ภาเราก็ถูกวัคซีนจนวูบชัดเจนแน่นอน การสายข่าวทหารกากมากในเครื่องมือมากมายเต็มกองทัพไทยเรา,จน อ.สุจริตมาร่วมประชุมหัวโต๊ะให้สายทางวังรับรู้เรื่องราว. ..นี้คือสงครามชัดเจน ไทยเราโดยกองทัพไทยทหารไทยพระราชาเราต้องตัดสินใจเด็ดขาดได้แล้ว ลีลาน่าลำคาญมาก ยึดอำนาจรัฐบาลเสียเพราะมันใช้สภาทำงานออกกฎหมายให้ฝ่ายมืดอีลิทdeep stateชัดเจน พรบ.มากมายล้วนโยนปูทางสู่agenda2030มันชัดเจน,คลิปนี้คุณอดิเทพอธิบายไว้ชัดเจนมาก กองทัพไทยเรามารับรู้เรื่องนี้กันบ้างมั้ย มันของแท้เลยนะ มิใช่ของกากๆ ไบโอเมทริกซ์ บัตรประชาชนดิจิดัล เงินดิจิดัล เมืองอัจฉริยะ คาร์บอนเครดิต พรบ.การเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ กฎหมายมากมายมันเชื่อมโยงในการจะทำคนไทยประเทศไทยให้ตกเป็นทาสมันชัดเจน ผ่านกลไกกระบวนทางการเมืองของนักการเมือง ทหารทรยศเป็นกบฎเป็นภัยของแผ่นดินไทยเราก็รู้แจ้งเห็นชัดจากกรณีบิ๊กกุ้งยึดคืนพื้นที่11จุดได้ แต่คณะทีมงานฝ่ายพี่ท่านทีมเดอะแก๊งเดอะก๊กบูรพาพยัคฆ์ไม่ทำห่าเหวอะไรถีบเขมรออกจากแผ่นดินไทยจริงสักจุดทั่วภาค.1ตะวันออกทั้งหมด,นี้คือความทรยศชัดเจนขนาดไหน กองทัพไทยไม่เห็นมันเลยเหรอว่าจะตำตาตำใจท่านแล้วขนาดนั้น จะไปเล่นอะไรห่าเหวพิธีการกับมันอีก ไม่ยอมร่วมกันกำจัดกวาดล้างคนทรยศประจำภายในกองทัพด้วย ,พวกมันไม่สู้ชนะเรา..คนไทยประชาชนคนไทยหรอก เรา..ประชาชนยืนเคียงข้างทหารพระราชาแน่นอน พวกมันจะทำลายสถาบันกษัตริย์ชัดเจน โดยใช้หนังหน้าสายทางภาคการเมืองกำลังปาหี่แสดงละครอยู่ขณะนี้พร้อมสุมหัวจะกำจัดกองทัพไทยเราด้วย ลดเครดิตกองทัพไทยชัดเจนผ่านรัฐบาลชั่วเลวสาระพัดเลวที่แก๊งขูสามนิ้วชูนอมินีมาเป็นนายกฯแทนมันเสียข้างน้อย,การเมืองเรามันจบแล้ว กองทัพไทยต้องยึดอำนาจ ท่านรอห่าเหวอะไร เราเปลี่ยนเส้นทางเดินบนทางเรา..ประเทศไทยได้ ร่วมกันปกป้องประเทศเราและประชาชนคนไทยเราถึงที่สุดด้วยมือชาวไทยเราได้,บริบทและบทบาทภาคนักการเมืองมีแต่ทำลายทำร้ายชาติ ทำร้ายทำลายแผ่นดินไทย ท่านจะพากันนิ่งเฉยให้ชาติไทยพินาศแบบนี้จริงๆเหรอ. ..จากคลิปคุณอดิเทพ เราสามารถแก้ทางมันได้หมด,ยกเลิกเงินดิจิดัล พรบ.ใดๆที่สนับสนุนเงินดิจิดัลที่อีลิทเขียนฉีกทิ้งหมด,ให้กลับคืนมาใช้เงินบาทกระดาษ,รณรงค์คนไทยเราให้ซื่อสัตย์เพื่อดำรงรักษาคุณค่ามนุษย์บนแผ่นดินไทยให้ได้ ,ยกเลิกสนับสนุนAIมาทดแทนมนุษย์ โรงงานไทยใครจะมาตั้งฐานการผลิตให้ใช้จักรกลเพียง1%ของโรงงาน เพื่อสนันสนุนการจ้างแรงงานคนไทย99%,ยกเลิกแรงงานต่างด้าวทุกๆกรณีไปก่อน,ยึดคืนทรัพยากรที่ผูกขาดจากทุกๆสัญญาใดสัมปทานใดๆทั้งหมด ให้คืนสู่สามัญกลับไปพิจารณาให้เป็นเอกประโยชน์สูงสุดแก่เจ้าของทรัพยากรบนแผ่นดินไทยตนดั่งเดิมชัดเจนก่อน,ยกเลิกการสแกนใบหน้าซื้อสินค้า ยกเลิกบัตรคนจน ยกเลิกกระเป๋าตังดิจิดัล,ให้ประชาชนคนไทยใช้จ่ายจริงด้วยเงินสดภายในประเทศ,แอปใดที่ให้บริการซื้อขายออนไลน์ต้องชำระปลายทางด้วยเงินสดเท่านั้นในประเทศไทย,หากไม่สามารถทำได้ ให้ห้ามมีแอปนี้ให้บริการบนแผ่นดินไทย,ระบบสาธารณะใดๆทั่วไทยเราสามารถใช้เงินสดทั้งหมด,เต็มเงินเข้าบัตรปกติ,มิให้ใช้ตังดิจิดัล.เราจะสามารถต่อยอดและปกป้อง ป้องกันเราเองสาระพัดวิธี ,เมื่อกองทัพไทยเรายึดอำนาจจริง เรา..ประเทศไทยจะรอดพ้นภัยหายนะแน่นอน เพราะพระเจ้าให้เราเลือกเส้นทางเดินเองได้ ถ้าต่างดาวเลวอีลิทชั่ว บังคับเจตจำนงเรา..ประเทศไทย มันจะถูกลงโทษทันทีจากผู้ควบคุมกฎนี้ของจักรวาล ,วัคซีนมันจึงต้องให้เรายินยอมก่อนเป็นต้น มันจะตอบพระเจ้าไม่ได้ ซวยก็จะดับอนาถทั้งหมดแน่นอน,รัฐบาลไทยในอดีตมันรู้สิ่งนี้จึงเชิญชวนแทน แถบีบบังคับทางอ้อมกับคนไม่รู้เรื่องได้, ..ตอนนี้ รัฐบาลประเทศไทยยุคอดีตถึงปัจจุบัน มิใช่รัฐบาลประเทศไทย แต่เป็นCEOของอีลิทdeep stateสากลโลกมาปกครองแทนประเทศไทยผ่านปาหี่มุกเลือกตั้งทางประชาชนบังหน้า ,แต่ความจริงรัฐบาลไทยมิใช่รัฐบาลไทยเลย มันคือนอมินีหาแดกร่วมกันบนแผ่นดินไทยบนชื่อประเทศไทย ปกครองทาสประเทศไทยนี้ล่ะ,การพัฒนาก่อสร้างทั้งหมดเพื่ออำนวยการเข้าแดกบนทุกๆตารางนิ้วทั่วไทยได้ดียิ่งขึ้น ขนส่งสมบัติทรัพยากรมีค่าบนแผ่นดินไทยนี้ได้สะดวกยิ่งขึ้น มนุษย์คนไทยแค่เศษทาสแรงงานรับใช้สร้างงานวร้างเนื้องานสร้างประโยชน์สร้างผลกำไรให้มันแค่นั้น จึงมิให้คนไทยทั่วประเทศร่ำรวยได้ จงยากจนดักดานมั่นคงทั่วประเทศไทยต่อไป ทุกข์ยากลำบากวุ่นวายโกลาหลในบ้านในเมืองนี้ด้วยมิให้มรึงคนไทยประเทศไทยสงบได้ เช่นสั่งให้เขมรยิงระเบิดใส่คนไทยสร้างความวุ่นวายโกลาหล พม่า อินโดฯ ใดๆในภูมิภาคนี้คือสถานที่เก็บเกี่ยวผลประโยชน์บนความวุ่นวายไม่สงบสุขบนความโกลาหล ขายอาวุธขายสาระพัดให้พวกมรึงสู้กันกำไรรายได้เห็น บ้านมรึงต่อยอดวิบัติเป็นภัยใส่กันและกันมิให้สงบสุขรายวันนั้นเอง,จากภายในก็นักการเมืองที่กูสั่งได้หมด. ..นี้คือเหตุผลคราวๆทำไม กองทัพไทยพระราชาเรา ทหารพระราชาเรา ทหารไทยเราต้องยึดอำนาจ ต้องเด็ดขาดตัดตอนมันจริงๆ อย่าโง่อีกเลย เก็บกวาดกวาดล้างทำความสะอาดทั่วประเทศเลย..เรา..ประชาชนคนไทยทั้งประเทศยืนอยู่เคียงข้างเพื่อสร้างบ้านสร้างเมืองสร้างชาติเราใหม่ให้ดีงามอีกครั้งจากพวกชั่วเลวนี้ทำร้ายทำลายมายาวนานเสียที. #กองทัพไทยต้องประกาศกฎอัยการศึกทั่วประเทศไทยอย่างจริงจังเดี๋ยวนี้. #ทหารไทยต้องยึดอำนาจตัดตอนพวกมันจากทั้งภายในและที่ข้ามทวีปโลกมาด้วย. #การยึดอำนาจคือหนทางเดียวและคือทางออก #นักการเมืองไทยล้มเหลวในการปกป้องอธิปไตยชาติไทยทุกๆมิติแถมเป็นพวกมันด้วย. https://vm.tiktok.com/ZSHcFnF4NYfax-zGJpe/
    @adithepchawla01

    Biometric Clip 1 of 3 สแกนหน้า ความปลอดภัย หรือการควบคุม?

    ♬ original sound - อดิเทพ จาวลาห์ - อดิเทพ จาวลาห์
    0 Comments 0 Shares 402 Views 0 Reviews
  • ค่ารถไฟฟ้าแพงยังไร้ทางออก รัฐบาลยอมรับอาจแก้ไม่ทันก่อนยุบสภา ชี้ติดขั้นตอนกฎหมายและสัญญา หวั่นกระทบหนี้สาธารณะพุ่ง
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000103570

    #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #คนละครึ่งพลัส #รถไฟฟ้า20บาท #ค่าครองชีพ #ส่วนต่อขยายสีเขียว #หนี้สาธารณะ
    ค่ารถไฟฟ้าแพงยังไร้ทางออก รัฐบาลยอมรับอาจแก้ไม่ทันก่อนยุบสภา ชี้ติดขั้นตอนกฎหมายและสัญญา หวั่นกระทบหนี้สาธารณะพุ่ง . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000103570 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #คนละครึ่งพลัส #รถไฟฟ้า20บาท #ค่าครองชีพ #ส่วนต่อขยายสีเขียว #หนี้สาธารณะ
    Like
    Haha
    2
    0 Comments 0 Shares 456 Views 0 Reviews
  • มันเดอะแก๊งเดียวกันหมด,ทุกๆตัวในนักการเมืองนี้,มันจึงเขียนกฎหมายมาจนเปลี่ยนนายกฯมานั่งเล่นๆกันจนว่าเล่นตั้งแต่นายกฯไม่ซื่อสัตย์คนแรก คนสองทหารคือฝ่ายตรงข้ามเรา คนต่อมาเดอะแก๊งชูสามนิ้วยกมือให้มาแก้ม.112แทนตนมานั่งนายกฯเองแบบเสียงข้างน้อยหรือหนักกว่านายกฯรักษาการอุ๊งอิ๊งอีกเจตนาพูดหลุดชัดเจน คนไทยไปล้ำแผ่นดินเขมรตรงส่วนไหนบ้าง มันป่าเถื่อนทัั้งวางกับระเบิด ปล้นชิงเรียกค่าไถคนไทย 100%ไม่มีใครไปล้ำแดนมันแน่นอน,ต่างจากทหารเขมรมันเจตนาล้ำตามคำสั่งฮุนเซน ใช้ครอบครัวทหารล้ำเนียนๆมาตลอด เพื่อยึดพื้นที่สร้างแนวเขตใหม่ กะชิงทรัพยากรมีค่าจากพื้นที่ไทยที่ชิงมาได้ทั้งบนบกและลากลงทะเล,อย่าลืมว่าพรบ.ชุมนุมในที่สาธารณะก็เกิดจากยุคลุงยึดอำนาจปิดปากประชาชนชัดเจน แก้ม.190สำเร็จด้วย.,รธน.60นี้จึงเป็นภัยมากหากพูดกันจริง,ทำทีห้ามคนอื่นยึดอำนาจต่อโทษประหารมันเขียนปิดทางคนดีอื่นๆด้วยดักไว้,แต่ถ้ายึดแล้วฉีกทิ้งมันก็ทำอะไรไม่ได้ ผู้ชนะเขียนกฎใหม่ได้หมด,
    ..เรา..ประชาชนจึงคาดหวังกับทหารกองทัพไทยเราใหม่สูงมากกว่ายุคคนบูรพาพยัคฆ์ผีบ้าไม่ถีบเขมรเหมือนบิ๊กกุ้งถีบออกไปอย่างชัดเจน,ผบ.สสและผบ.ทบ.เราต้องเด็ดขาดเสียทีกับนักการเมืองชั่วเลวเหล่านี้,ลุกลามพากันเลวชั่วจนถึงระดับท้องถิ่นไปหมด,แม้มีเลือกตั้งสมัยหน้าคนไทยที่ยากจนตามความจำเป็นในการใช้ตังของระบบทาสตังฝ่ายมือวางไว้จะไร้ปัญญาหนีออกจากระบบมันได้,ยิ่งเงินเถื่อนกว่าล้านล้านบาทมันพร้อมลงทุนซื้อคนนักการเมืองทุกๆระดับได้ ตั้งแต่ระดับชาติถึงผญบ.ก็ว่า มันทำแล้วด้วยในปัจจุบันที่ผ่านๆมา นักการเมืองท้องถิ่น อบต.อบจ.ส.อบต. ส.อบจ. ผญบ. ผู้ว่า นายอำเภอ ข้าราชการท้องถิ่นแต่ละที่มันสร้างเดอะแก๊งมันไว้หมด ควบคุมโดยหัวหน้าแก๊งลูกน้องมันอีก เมื่อคนมันวางไว้พร้อม ที่ๆผ่านมามันทดลองทดสอบระบบมันแล้ว กทม.พื้นที่มากมายจึงทดสอบที่หัวละ1,000-5,000บาทกันไปแล้ว,ขยายมาต่างจังหวัดแล้วด้วย,มีการเลือกตัังใหม่ มันจัดเต็มที่แน่นอน,ที่เหลือมันจะให้ใครรับบทเป็นนายกฯคนต่อไปแค่นั้น,เพราะสุดท้ายใครจะมาเป็นนายกฯคนไทย มันอยากได้อะไรมันจะสั่งให้ทำได้ทันทีนั้นเอง,แบบสั่งยกบ่อน้ำมันบนแผ่นดินไทยให้มันครอบครองหมด,ล่าสุดสั่งให้ยกแร่เอิร์ธให้มันอีกด้วย อาจกว่าแสนล้านตัน มิใช่พันล้านตันหรือหมื่นล้านตันหรอก คือเราน้อยกว่าจีนไม่เท่าไรเองแค่นั้น,พม่า ไทย มีมากสุด และไทยง่ายปลอดภัยกว่าพม่า เขมรจีนยึดแร่เอิร์ธแล้ว.

    ..สรุปหนทางออกที่ดีคือกองทัพไทยต้องปกป้องอธิปไตยแผ่นดินไทยเราให้เด็ดขาดชัดเจน จะให้นักการเมืองชั่วเลวเจ้าสัวชั่วเลวคนข้าราชการชั่วเลวนี้มาทำลายชาติไทยเราไม่ได้,ต้องฉีกกฎคนชั่วเลวที่สร้างขึ้นทั้งหมดทันที,ยึดอำนาจมันคือคำตอบสุดท้าย.,ส่วนพิธีกรรมในชาติบ้านเมืองขณะนี้ สามารถทำแทนมันคนชั่วเลวนี้ได้หมดล่ะและดีกว่าด้วยอย่างสมพระเกียรติอีก,อย่าปล่อยผ่านเหมือนยุคอุ๊งอิ๊งอีกเลย,มันลุกลามจนชาติเสียหายประชาชนตายอีกจากสงครามเขมรยิงใส่เราก่อนเลยนะ,ทรัมป์มันอ้างสันติภาพบังหน้า ก็สะดวกที่เราจัดการให้จบจากภายในประเทศไทยเราเลย,จากนั้นยิ่งง่ายในการต่อยอดจัดการภายนอกประเทศ ,เช่นกรณีเขมรเราสามารถต่อยอดแบบสันติภาพคว่ำบาตรเขมรทั้งหมดต่อยอดได้,สันติภาพแบบคว่ำบาตรสงบสุขชาติใครชาติมันอยู่ใครอยู่มันก็ไม่ผิด,ปิดด่านถาวรตลอดแนวทั้งทางบกทางอากาศทางทะเลจริง,ตัดน้ำตัดไฟตัดเน็ต ห้ามดาวเทียมstarlinkข้ามวงโคจรต่ำผ่านเขตไทยห้ามอำนวยปล่อยสัญญาณให้เน็ตเขมร ,เรา..สามารถกำจัดภัยคุกคามได้เด็ดขาดด้วยผ่านสันติภาพนี้ล่ะ,แบบไม่รบด้วย ก็ให้สันติไง.
    มันเดอะแก๊งเดียวกันหมด,ทุกๆตัวในนักการเมืองนี้,มันจึงเขียนกฎหมายมาจนเปลี่ยนนายกฯมานั่งเล่นๆกันจนว่าเล่นตั้งแต่นายกฯไม่ซื่อสัตย์คนแรก คนสองทหารคือฝ่ายตรงข้ามเรา คนต่อมาเดอะแก๊งชูสามนิ้วยกมือให้มาแก้ม.112แทนตนมานั่งนายกฯเองแบบเสียงข้างน้อยหรือหนักกว่านายกฯรักษาการอุ๊งอิ๊งอีกเจตนาพูดหลุดชัดเจน คนไทยไปล้ำแผ่นดินเขมรตรงส่วนไหนบ้าง มันป่าเถื่อนทัั้งวางกับระเบิด ปล้นชิงเรียกค่าไถคนไทย 100%ไม่มีใครไปล้ำแดนมันแน่นอน,ต่างจากทหารเขมรมันเจตนาล้ำตามคำสั่งฮุนเซน ใช้ครอบครัวทหารล้ำเนียนๆมาตลอด เพื่อยึดพื้นที่สร้างแนวเขตใหม่ กะชิงทรัพยากรมีค่าจากพื้นที่ไทยที่ชิงมาได้ทั้งบนบกและลากลงทะเล,อย่าลืมว่าพรบ.ชุมนุมในที่สาธารณะก็เกิดจากยุคลุงยึดอำนาจปิดปากประชาชนชัดเจน แก้ม.190สำเร็จด้วย.,รธน.60นี้จึงเป็นภัยมากหากพูดกันจริง,ทำทีห้ามคนอื่นยึดอำนาจต่อโทษประหารมันเขียนปิดทางคนดีอื่นๆด้วยดักไว้,แต่ถ้ายึดแล้วฉีกทิ้งมันก็ทำอะไรไม่ได้ ผู้ชนะเขียนกฎใหม่ได้หมด, ..เรา..ประชาชนจึงคาดหวังกับทหารกองทัพไทยเราใหม่สูงมากกว่ายุคคนบูรพาพยัคฆ์ผีบ้าไม่ถีบเขมรเหมือนบิ๊กกุ้งถีบออกไปอย่างชัดเจน,ผบ.สสและผบ.ทบ.เราต้องเด็ดขาดเสียทีกับนักการเมืองชั่วเลวเหล่านี้,ลุกลามพากันเลวชั่วจนถึงระดับท้องถิ่นไปหมด,แม้มีเลือกตั้งสมัยหน้าคนไทยที่ยากจนตามความจำเป็นในการใช้ตังของระบบทาสตังฝ่ายมือวางไว้จะไร้ปัญญาหนีออกจากระบบมันได้,ยิ่งเงินเถื่อนกว่าล้านล้านบาทมันพร้อมลงทุนซื้อคนนักการเมืองทุกๆระดับได้ ตั้งแต่ระดับชาติถึงผญบ.ก็ว่า มันทำแล้วด้วยในปัจจุบันที่ผ่านๆมา นักการเมืองท้องถิ่น อบต.อบจ.ส.อบต. ส.อบจ. ผญบ. ผู้ว่า นายอำเภอ ข้าราชการท้องถิ่นแต่ละที่มันสร้างเดอะแก๊งมันไว้หมด ควบคุมโดยหัวหน้าแก๊งลูกน้องมันอีก เมื่อคนมันวางไว้พร้อม ที่ๆผ่านมามันทดลองทดสอบระบบมันแล้ว กทม.พื้นที่มากมายจึงทดสอบที่หัวละ1,000-5,000บาทกันไปแล้ว,ขยายมาต่างจังหวัดแล้วด้วย,มีการเลือกตัังใหม่ มันจัดเต็มที่แน่นอน,ที่เหลือมันจะให้ใครรับบทเป็นนายกฯคนต่อไปแค่นั้น,เพราะสุดท้ายใครจะมาเป็นนายกฯคนไทย มันอยากได้อะไรมันจะสั่งให้ทำได้ทันทีนั้นเอง,แบบสั่งยกบ่อน้ำมันบนแผ่นดินไทยให้มันครอบครองหมด,ล่าสุดสั่งให้ยกแร่เอิร์ธให้มันอีกด้วย อาจกว่าแสนล้านตัน มิใช่พันล้านตันหรือหมื่นล้านตันหรอก คือเราน้อยกว่าจีนไม่เท่าไรเองแค่นั้น,พม่า ไทย มีมากสุด และไทยง่ายปลอดภัยกว่าพม่า เขมรจีนยึดแร่เอิร์ธแล้ว. ..สรุปหนทางออกที่ดีคือกองทัพไทยต้องปกป้องอธิปไตยแผ่นดินไทยเราให้เด็ดขาดชัดเจน จะให้นักการเมืองชั่วเลวเจ้าสัวชั่วเลวคนข้าราชการชั่วเลวนี้มาทำลายชาติไทยเราไม่ได้,ต้องฉีกกฎคนชั่วเลวที่สร้างขึ้นทั้งหมดทันที,ยึดอำนาจมันคือคำตอบสุดท้าย.,ส่วนพิธีกรรมในชาติบ้านเมืองขณะนี้ สามารถทำแทนมันคนชั่วเลวนี้ได้หมดล่ะและดีกว่าด้วยอย่างสมพระเกียรติอีก,อย่าปล่อยผ่านเหมือนยุคอุ๊งอิ๊งอีกเลย,มันลุกลามจนชาติเสียหายประชาชนตายอีกจากสงครามเขมรยิงใส่เราก่อนเลยนะ,ทรัมป์มันอ้างสันติภาพบังหน้า ก็สะดวกที่เราจัดการให้จบจากภายในประเทศไทยเราเลย,จากนั้นยิ่งง่ายในการต่อยอดจัดการภายนอกประเทศ ,เช่นกรณีเขมรเราสามารถต่อยอดแบบสันติภาพคว่ำบาตรเขมรทั้งหมดต่อยอดได้,สันติภาพแบบคว่ำบาตรสงบสุขชาติใครชาติมันอยู่ใครอยู่มันก็ไม่ผิด,ปิดด่านถาวรตลอดแนวทั้งทางบกทางอากาศทางทะเลจริง,ตัดน้ำตัดไฟตัดเน็ต ห้ามดาวเทียมstarlinkข้ามวงโคจรต่ำผ่านเขตไทยห้ามอำนวยปล่อยสัญญาณให้เน็ตเขมร ,เรา..สามารถกำจัดภัยคุกคามได้เด็ดขาดด้วยผ่านสันติภาพนี้ล่ะ,แบบไม่รบด้วย ก็ให้สันติไง.
    เบื้องหลังนายกฯขอโทษคนไทย ก็เพราะมือขวาครูใหญ่ สั่งนายกฯปากไวให้แก้ปัญหาด้วยตัวเอง
    #คิงส์โพธิ์แดง
    0 Comments 0 Shares 264 Views 0 0 Reviews
  • แก้ง่ายมาก,กองทัพไทยและทหารไทยเรายึดอำนาจก็จบเลย,ประชาชนทั้งประเทศยืนอยู่เคียงข้างทหารไทยเราเสมอ,บิ๊กกุ้งเป็นนายกฯพระราชทานเลย,บิ๊กปูออกหน้าลงมือยึดอำนาจ,ผบ.สส.สนับสนุนทีมคณะองค์รวม,ฉีกทิ้งกฎหมายรธน.60ขายชาตินี้,เราเก็บส่วนดีๆในฉบับรธน.ในอดีตมาผสมผสานเขียนใหม่ให้ดีได้ บวกคิดค้นสร้างสรรค์ขึ้นใหม่ร่วมด้วย,อดีตใดๆจะโมฆะทันที,ทหารไทยจึงคือทางออก,อธิปไตยไทยคืออธิปไตยไทย ชาติมัน มันยังรัก ,เรา..ชาติไทยเรา เราต้องรักและรักษาร่วมกันไว้ด้วย,บ้านมันมันยังปกป้องของมัน,บ้านเรา เราก็ต้องมีสิทธิปกป้องบ้านเรา,รั้วเขตแดนมี พื้นที่ภายในบ้านเราคือของบ้านเรามี คนต่างบ้านจะมายึดเอาฝันไปเลย,ปล้นชิงยิ่งต้องจับกุมมาลงโทษ.

    ..ทหารไทยเราและกองทัพไทยเรา อย่าคิดมากอะไรเลย ยึดอำนาจแมร่งมันเลย ทำจริงๆให้ดูด้วย ฉีกทิ้งรธน.60ผีบ้านี้เลย,มันขายชาติชัดเจน หลักฐานชัดเจน มันผ่านกันเสือกยกแผ่นดินไทยทั้งประเทศไทยก็ทำได้เลยนะ.รธน.นี้ไม่ดีแค่ตัวเดียวก็ต้องเขียนใหม่ ยิ่งเรื่องแผ่นดินไทยอธิปไตยอีก ,มันไม่โปร่งใส่ตั้งแต่ลงประชามติแล้วปกปิดไม่เปิดเผยสิ่งที่ซ่อนด้วยเพราะมันมีอำนาจในมือควบคุมหมดในสมัยของมัน มันจึงเกิดรธน.60นี้ได้,แค่หลอกโชว์ว่ามีดีส่วนเพื่อใช้กำจัดศัตรูมันเท่านั้น.


    https://youtube.com/watch?v=zJ8jwheYdbc&si=2o_HrxVS0vsf1FpV
    แก้ง่ายมาก,กองทัพไทยและทหารไทยเรายึดอำนาจก็จบเลย,ประชาชนทั้งประเทศยืนอยู่เคียงข้างทหารไทยเราเสมอ,บิ๊กกุ้งเป็นนายกฯพระราชทานเลย,บิ๊กปูออกหน้าลงมือยึดอำนาจ,ผบ.สส.สนับสนุนทีมคณะองค์รวม,ฉีกทิ้งกฎหมายรธน.60ขายชาตินี้,เราเก็บส่วนดีๆในฉบับรธน.ในอดีตมาผสมผสานเขียนใหม่ให้ดีได้ บวกคิดค้นสร้างสรรค์ขึ้นใหม่ร่วมด้วย,อดีตใดๆจะโมฆะทันที,ทหารไทยจึงคือทางออก,อธิปไตยไทยคืออธิปไตยไทย ชาติมัน มันยังรัก ,เรา..ชาติไทยเรา เราต้องรักและรักษาร่วมกันไว้ด้วย,บ้านมันมันยังปกป้องของมัน,บ้านเรา เราก็ต้องมีสิทธิปกป้องบ้านเรา,รั้วเขตแดนมี พื้นที่ภายในบ้านเราคือของบ้านเรามี คนต่างบ้านจะมายึดเอาฝันไปเลย,ปล้นชิงยิ่งต้องจับกุมมาลงโทษ. ..ทหารไทยเราและกองทัพไทยเรา อย่าคิดมากอะไรเลย ยึดอำนาจแมร่งมันเลย ทำจริงๆให้ดูด้วย ฉีกทิ้งรธน.60ผีบ้านี้เลย,มันขายชาติชัดเจน หลักฐานชัดเจน มันผ่านกันเสือกยกแผ่นดินไทยทั้งประเทศไทยก็ทำได้เลยนะ.รธน.นี้ไม่ดีแค่ตัวเดียวก็ต้องเขียนใหม่ ยิ่งเรื่องแผ่นดินไทยอธิปไตยอีก ,มันไม่โปร่งใส่ตั้งแต่ลงประชามติแล้วปกปิดไม่เปิดเผยสิ่งที่ซ่อนด้วยเพราะมันมีอำนาจในมือควบคุมหมดในสมัยของมัน มันจึงเกิดรธน.60นี้ได้,แค่หลอกโชว์ว่ามีดีส่วนเพื่อใช้กำจัดศัตรูมันเท่านั้น. https://youtube.com/watch?v=zJ8jwheYdbc&si=2o_HrxVS0vsf1FpV
    0 Comments 0 Shares 188 Views 0 Reviews
  • ต้มข้ามศตวรรษ – สร้างฉากปฏิวัติ 1 – 3
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ต้มข้ามศตวรรษ”
    บทที่ 1 “สร้างฉากปฏิวัติ”

    ตอน 1

    เดือนกันยายน ปี ค.ศ. 1916 ประมาณ 1 ปี ก่อนการปฏิวัติอันโด่งดังของรัสเซีย Russian Revolution หรือ Bolshevik Revolution นาย Leon Trotsky ซึ่งตามประวัติศาสตร์ระบุว่า เขาเป็นหนึ่งในหัวหน้าคณะปฏิวัติ กำลังถูกไล่ให้ออกจากประเทศฝรั่งเศส สาเหตุจากบทความที่เขาเขียนลงใน Nashe Slovo หนังสือพิมพ์ภาษารัสเซีย ที่ออกจำหน่ายในฝรั่งเศส มันคงเร้าใจมากขนาดฝรั่งเศส ซึ่งคุ้นเคยกับการปฏิวัติโหดมาแล้ว ยังรับไม่ไหว ตำรวจฝรั่งเศสจึงจัดการส่งตัวนาย Trotsky ออกนอกประเทศ ไปทางเขตแดนด้านประเทศสเปน

    ไม่กี่วัน นายTrotsky ก็มาถึงเมืองมาดริด และถูกตำรวจที่เมืองมาดริด จับใส่ห้องขัง มันเป็นห้องขังประเภทชั้นพิเศษ first class cell ซึ่งต้องมีการจ่ายเงินค่าความพิเศษ ไม่เหมือนห้องขังทั่วไป แต่เหมือนโรงแรมมากกว่า นาย Trotsky นี่น่าจะเป็นผู้ต้องขัง ชนิดมีปลอกคอ จากนั้นก็มีการส่งตัวเขาต่อมายังเมืองบาร์เซโลนา เพื่อมาลงเรือเดินสมุทรของ Spanish Transatlantic Company ชื่อ Monserrat

    Trosky และครอบครัวนั่งเรือ Monserrat ข้ามมหาสมุทรแอตแลนติก มาขึ้นบกที่เมืองนิวยอร์ค เมื่อ วันที่ 13 มกราคม ค.ศ. 1917

    จากหนังสือชีวประวัติ ที่ Trosky เขียนเอง ชื่อ My Life คนมีปลอกคอ เล่าว่า ” อาชีพเดียวที่ผมทำ ตอนอยู่ที่นิวยอร์คคือ เป็นนักปฏิวัติเพื่อสังคมนิยม นอกเหนือจากการเขียนบทความเป็นครั้งคราว ลงในหนังสือพิมพ์ Novy Mir ของพวกสังคมนิยม ”

    แต่ระหว่างที่อยู่นิวยอร์ค เมืองของนายทุน Trosky นักสังคมนิยมและครอบครัว พักอยู่ในอพาร์ตเมนท์ ที่มีตู้เย็นและโทรศัพท์ ซึ่งถือว่าเป็นของหรูหรา ฟุ่มเฟือยอย่างมากในสมัยเมื่อ 100 ปีก่อน นอกจากนั้นครอบครัว Trotsky ยังเดินทาง ไปมาในเมืองนิวยอร์ค ด้วยรถยนต์ ที่มีคนขับรถประจำ

    นี่ใช่เรื่องของ Leon Trostky ซึ่งมีชื่อปรากฎในประวัติศาสตร์ว่า เป็นนักปฏิวัติสังคมนิยมคนดัง ของรัสเซีย แน่หรือ

    Trotsky เขียนเล่าถึงชีวิตเขาที่นิวยอร์ค ในชีวประวัติของเขาต่อไปว่า ” ระหว่างอยู่นิวยอร์ค ช่วงปี 1916 ถึง 1917 ผมมีรายได้เพียง 310 เหรียญ ซึ่งผมได้แจกเงินดังกล่าวทั้งหมดให้แก่คนรัสเซีย 5 คน ที่อยู่นิวยอร์ค เพื่อเป็นค่าเดินทางกลับบ้าน”

    ขณะเดียวกัน อพาร์ตเมนท์ที่เขาอยู่ ก็มีการจ่ายค่าเช่าล่วงหน้า 3 เดือน เขาต้องเลี้ยงดูเมีย 1 และลูกอีก 2 เขามีรถยนต์ใช้และมีคนขับรถประจำ นี่คือวิถีชีวิตของนักปฏิวัติเพื่อสังคมนิยม ที่อ้างว่าดำรงชีพ ด้วยการเขียนบทความลงหนังหนังสือพิมพ์เป็นครั้งคราว

    เรื่องราวของเขา คงไม่ตรงไปตรงมา อย่างที่เราเคยเข้าใจกัน หรือว่าพวกนักปฏิวัติ นักปฏิรูป เขาเป็นกันอย่างนี้ทั้งนั้น

    นอกจากนี้ ยังมีเรื่องเงินสดจำนวน 1 หมื่นเหรียญ ที่นาย Trotsky พกติดตัวและถูกเจ้าหน้าที่ค้นพบ ระหว่างที่เขาถูกเจ้าหน้าที่แคนาดาจับ ในเดือนเมษายน 1917 ที่เมือง Halifax เมื่อ 100 ปีก่อน เงิน 1 หมื่นเหรียญ นี่เป็นเงินจำนวนไม่เล็กน้อยนะครับ นักปฏิวัติเพื่อสังคมนิยม เอาเงินจำนวนนี้มาจากไหนกัน
    มีข่าวลือว่า เงิน 1 หมื่นเหรียญนั้น มาจากเยอรมัน ข่าวนี้มาจากฝ่ายข่าวกรองของอังกฤษ ซึ่งรายงานว่า นาย Gregory Weinstein ซึ่งต่อมา เป็นสมาชิกที่โด่งดังของ Soviet Bureau ประจำนครนิวยอร์ค เป็นคนรับเงินมา และนำมาส่งให้นาย Trotsky ที่นิวยอร์ค เงินจำนวนนี้มาจากเยอรมัน โดยการฟอกผ่าน Volks-zeitung น.ส.พ. รายวันของเยอรมัน ที่รัฐบาลเยอรมันสนับสนุนอยู่

    ขณะที่มีข่าวว่า Trotsky ได้รับเงินอุดหนุนจากเยอรมัน Trotsky กลับเคลี่อนไหวอยู่ในอเมริกา ก่อนที่เขาจะเดินทางออกจากนิวยอร์ค ไปรัสเซีย….เพื่อไปทำการปฏิวัติ !

    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ต้มข้ามศตวรรษ”
    บทที่ 1 “สร้างฉากปฏิวัติ”

    ตอน 2

    วันที่ 5 มีนาคม 1917 หนังสือพิมพ์อเมริกัน พากันพาดหัวข่าวตัวโต ถึงความเป็นไปได้ ที่อเมริกาจะเข้าร่วมกับฝ่ายสัมพันธมิตร เพื่อทำสงครามกับเยอรมัน คืนวันนั้นเอง Trotsky ก็ไปร่วมการชุมนุมของกลุ่มชาวสังคมนิยมในนิวยอร์คด้วย เขาพูดปลุกระดมให้ชาวสังคมนิยมในอเมริกา จัดการให้มีการนัดหยุดงาน และต่อต้านการเกณท์ทหาร หากอเมริกาจะเข้าร่วมทำสงครามต่อสู้กับเยอรมัน (ท่านผู้อ่านนิทาน คงพอจำกันได้ว่า ขณะที่ฝ่ายสัมพันธมิตร ที่นำโดยอังกฤษ ประกาศสงครามกับฝ่ายเยอรมัน ในปี 1914 นั้น อเมริกายังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะเข้าร่วมสงครามด้วย และมีสถานะเป็นประเทศเป็นกลางอยู่หลายปี)

    หลังจากนั้นประมาณสัปดาห์กว่า ในวันที่ 16 มีนาคม 1917 ก็เกิดเหตุการณ์ใหญ่ในรัสเซีย ซาร์นิโคลัส ที่ 2 ถูกปฏิวัติให้ลงจากบัลลังก์ โดยกลุ่มนักปฏิวัติ ที่นำโดยนาย Aleksandre Kerensky หนังสือพิมพ์ Novy Mir ได้มาขอสัมภาษณ์ Leon Trotsky ซึ่งให้ความเห็นไว้เหมือนคนรู้เหตุการณ์ล่วงหน้าว่า

    “คณะผู้บริหาร ที่ตั้งขึ้นมาทำหน้าที่แทนพวกซาร์ ที่ถูกปฏิวัติไปนั้น ไม่ได้เป็นตัวแทนของกลุ่มผลประโยชน์ หรือทำตามวัตถุประสงค์ ของพวกที่ต้องการปฏิวัติ คณะผู้บริหารนี้คงอยู่ไม่นานหรอก อีกหน่อยก็คงลาออกไป เพื่อให้กลุ่มคนที่สามารถจะนำพารัสเซียไปสู่ความเป็นประชาธิปไตย มาทำหน้าที่ต่อไป…”

    กลุ่มคนที่สามารถนำพารัสเซียไปสู่ความเป็นประชาธิปไตย ในความหมายของ Trotsky คือ พวก Bolsheviks และ Menshevik ซึ่งกำลังลี้ภัยอยู่ในต่างประเทศ และกำลังรีบเร่งเดินทางกลับรัส เซีย ส่วนคณะผู้บริหารนั้น หมายถึง รัฐบาลเฉพาะกาล Provisional Government ของกลุ่มนาย Aleksandr Kerensky ที่ทำการปฏิวัติในวันที่ 16 มีนาคม คศ 1917
    แล้วนาย Trotsky ก็ออกเดินทางจากนครนิวยอร์ค เมื่อวันที่ 26 มีนาคม 1917 ด้วยเรือเดินสมุทรชื่อ S S Kristainiafjord เขาผ่านด่านตรวจ ขึ้นเรือดังกล่าวด้วยพาสปอร์ตของอเมริกา เขาเดินทางพร้อมพรรคพวกอีกหลายคน เพื่อจะไปทำการปฏิวัติ นอกจากนี้ ยังมีนักการเงินจากวอลสตรีท คอมมิวนิสต์สัญชาติอเมริกัน และบุคคลน่าสนใจอีกหลายคน ร่วมเดินทางไปกับนาย Trotsky ด้วย

    นาย Trotsky เอาพาสปอร์ตของอเมริกามาจากไหน

    นาย Jennings C. Wise เขียนไว้ในหนังสือเรื่อง “Woodlow Wilson : Disciple Revolution” ว่า นักประวัติศาสตร์จะต้องไม่ลืมว่า ประธานาธิบดีของอเมริกา นาย Woodlow Wilson เป็นนางฟ้า ที่มาเศกให้นาย Leon Trotsky เดินทางเข้ารัสเซียได้สำเร็จ ด้วยพาสปอร์ตของอเมริกา แม้ว่าจะมีการพยายามขัดขวางโดยตำรวจอังกฤษก็ตาม”

    คงเกินกว่าที่เราจะคาดคิดว่า ประธานาธิบดี Wilson เป็นนางฟ้ามาเศกให้นาย Trotsky ได้ถือพาสปอร์ตที่ออกโดยอเมริกา เพื่อเดินทางกลับไปรัสเซีย และไปดำเนินการปฏิวัติต่อให้สำเร็จ (ตามเป้าหมาย!?) และเป็นพาสปอร์ตของอเมริกา ที่สามารถผ่านเข้าออกได้ทุกด่านของอเมริกา รวมทั้งมีวีซ่าอนุญาตให้เข้าประเทศอังกฤษอีกด้วย

    นางฟ้าทำได้ทุกอย่างจริงๆ ตั้งแต่สมัยนั้น จนถึงเดี๋ยวนี่ แต่ควรจะเรียกว่าเป็นนางฟ้า หรือไม่ อ่านนิทานต่อไปเรื่อยๆ คนอ่านนิทาน คงนึกออกว่าควรจะเรียกว่าอะไร

    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ต้มข้ามศตวรรษ”
    บทที่ 1 “สร้างฉากปฏิวัติ”

    ตอน 3

    ส่วนผสมของผู้โดยสาร ที่เดินทางไปในเรือ S S Kristainiafjord ได้ถูกบันทึกไว้โดยนาย Lincoln Steffens คอมมิวนิสต์ชาวอเมริกัน ดังนี้:

    “…รายชื่อผู้โดยสารยาวเหยียด และดูลึกลับน่าสนใจ แน่นอน Trotsky แสดงตัวเป็นหัวหน้ากลุ่มนักปฏิวัติ มีนักปฎิวัติชาวญี่ปุ่น นอนเคบินเดียวกับผม มีชาวดัชท์หลายคนที่รีบร้อนกลับเมืองชะวา พวกนี้ดูจะเป็นกลุ่มเดียวที่ไม่เกี่ยวโยงกับใคร ที่เหลือดูเหมือนจะเป็นผู้ที่เกี่ยวโยงกับสงครามโลกที่กำลังเกิดขึ้น นอกจากนี้ มีพวกนักการเงินวอลสตรีท 2 คน มุ่งหน้าไปเยอรมัน.. ”
    นาย Steffens เองนั้น โดยสารไปในเรือเดินสมุทร โดยคำเชิญของ นาย Charles R Crane เจ้าของกระเป๋าทุนใบใหญ่ที่สนับสนุน ประธานาธิบดี Woodlow Wilson ในการสมัครเข้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดี

    นาย Crane นั้น เป็นรองประธานบริษัท Crane Company ซึ่งภายหลัง เป็นคนไปตั้งบริษัท Westinghouse สาขารัสเซีย หลังการปฏิวัติของรัสเซียรอบที่กลุ่ม Bolsheviks เป็นผู้ปฎิบัติการสำเร็จเรียบร้อย นาย Crane ยังเป็นหนึ่งในกรรมาธิการ Root Mission ที่ประธานาธิบดี Wilson ส่งไปสำรวจรัสเซียทุกตารางนิ้ว หลังการปฏิวัติอีกด้วย

    นาย Crane เดินทางไปรัสเซียในระหว่างช่วงปี ค.ศ.1890 ถึง 1930 ประมาณ 23 ครั้ง ลูกชายของเขา Richard Crane เป็นผู้ช่วยรัฐมนตรีต่างเทศ ที่ได้รับความไว้วางใจอย่างมาก ของนาย Robert Lansing รัฐมนตรีต่างเทศของอเมริกาขณะนั้น

    นาย William Dodd อดีตทูตอเมริกันประจำเยอรมัน พูดถึงนาย Crane ว่า เป็นผู้มีส่วนอย่างมาก ที่ทำให้การปฏิวัติในรัสเซียเมื่อเดือนมีนาคม โดยกลุ่มของ Aleksandr Kerensky กลายเป็นการปฏิวัติชั่วคราว ที่นำร่อง เปิดทางให้กับการปฏิวัติของจริง ที่เกิดขึ้นในเดือนพฤศจิกายน ในปีเดียวกัน

    นาย Steffens ได้บันทึกการสนทนา ที่เขาได้ยินระหว่างการเดินทางในเรือเดินสมุทรไว้ว่า “…. ดูเหมือนทุกคนจะเห็นพ้องกันว่า การปฏิวัติที่เกิดขึ้นเมื่อเดือนมีนาคม (โดย Aleksandr Kerensky) เป็นเพียงขั้นตอนแรกเท่านั้นเอง มันจะต้องมีตอนต่อไป Crane และพวกรัสเซียหัวก้าวหน้าที่อยู่ในเรือ คิดว่าพวกที่กำลังเดินทางจะไปเมือง Petrograd (ซึ่งต่อมาเปลี่ยนเป็นเมือง St Petersberg ) เพื่อไปทำการปฏิวัติซ้ำ…”

    เมื่อนาย Crane กลับมาอเมริกาในเดือนธันวาคม 1917 หลังจากการปฏิวัติบอลเชวิก Bolsheviks Revolution (หรือการปฏิวัติซ้ำ นั่นแหละ) สำเร็จเรียบร้อยแล้ว นาย Crane ก็ได้รับโทรเลข ลงวันที่ 11 ธันวาคม 1917 จากกระทรวงต่างประเทศ รายงานความคืบหน้าโดย นาย Maddin Summers กงสุลอเมริกันประจำกรุงมอสโคว์ พร้อมจดหมายปะหน้าจากนาย Summers ว่า

    ” กระผม ขออนุญาตนำเสนอรายงานที่แนบมา นี้ และสำเนาอีกหนึ่งฉบับ โดยขอให้กระทรวงฯ ได้โปรดนำส่งให้ นาย Charles Crane เพื่อทราบความคืบหน้าด้วย หวังว่าทางกระทรวงคงไม่ขัดข้อง ที่จะให้นาย Crane ได้เห็นรายงาน….”

    สำหรับท่านผู้อ่านนิทานเรื่องจริง เรื่องเหยื่อ คงพอจำชื่อนี้ได้ เขาคือ นาย Crane คนเดียวกันกับ เจ้าของรายงาน King Crane Report ที่ไปเดินสำรวจตะวันออกกลาง เพื่อทำประชามติว่า ชาวอาหรับต้องการจะอยู่ในความปกครอง ของใคร หลังจากถูกอังกฤษหลอก โดยให้สายลับ ที่เรารู้จักกันในนาม Lawrence of Arabia เป็นผู้นำชาวอาหรับ ไปรบกับตุรกี และยึดหลายเมืองในตะวันออกกลางได้
    และเป็นนาย Crane คนเดียวกัน ที่สามารถจับมือให้กษัตริย์ซาอุดิอารเบีย ตัดสินใจเปิดประตูเมืองครั้งแรก และให้สัมปทานน้ำมันแก่อเมริกา เริ่มศักราช Petro Dollar ร่วมกันรวย ช่วยกันปั่น มาจนถึงทุกวันนี้

    พอเห็นเค้าแล้วนะครับ ว่านิทานเรื่องนี้ค่อนข้างซับซ้อน

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    23 เม.ย. 2558
    ต้มข้ามศตวรรษ – สร้างฉากปฏิวัติ 1 – 3 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ต้มข้ามศตวรรษ” บทที่ 1 “สร้างฉากปฏิวัติ” ตอน 1 เดือนกันยายน ปี ค.ศ. 1916 ประมาณ 1 ปี ก่อนการปฏิวัติอันโด่งดังของรัสเซีย Russian Revolution หรือ Bolshevik Revolution นาย Leon Trotsky ซึ่งตามประวัติศาสตร์ระบุว่า เขาเป็นหนึ่งในหัวหน้าคณะปฏิวัติ กำลังถูกไล่ให้ออกจากประเทศฝรั่งเศส สาเหตุจากบทความที่เขาเขียนลงใน Nashe Slovo หนังสือพิมพ์ภาษารัสเซีย ที่ออกจำหน่ายในฝรั่งเศส มันคงเร้าใจมากขนาดฝรั่งเศส ซึ่งคุ้นเคยกับการปฏิวัติโหดมาแล้ว ยังรับไม่ไหว ตำรวจฝรั่งเศสจึงจัดการส่งตัวนาย Trotsky ออกนอกประเทศ ไปทางเขตแดนด้านประเทศสเปน ไม่กี่วัน นายTrotsky ก็มาถึงเมืองมาดริด และถูกตำรวจที่เมืองมาดริด จับใส่ห้องขัง มันเป็นห้องขังประเภทชั้นพิเศษ first class cell ซึ่งต้องมีการจ่ายเงินค่าความพิเศษ ไม่เหมือนห้องขังทั่วไป แต่เหมือนโรงแรมมากกว่า นาย Trotsky นี่น่าจะเป็นผู้ต้องขัง ชนิดมีปลอกคอ จากนั้นก็มีการส่งตัวเขาต่อมายังเมืองบาร์เซโลนา เพื่อมาลงเรือเดินสมุทรของ Spanish Transatlantic Company ชื่อ Monserrat Trosky และครอบครัวนั่งเรือ Monserrat ข้ามมหาสมุทรแอตแลนติก มาขึ้นบกที่เมืองนิวยอร์ค เมื่อ วันที่ 13 มกราคม ค.ศ. 1917 จากหนังสือชีวประวัติ ที่ Trosky เขียนเอง ชื่อ My Life คนมีปลอกคอ เล่าว่า ” อาชีพเดียวที่ผมทำ ตอนอยู่ที่นิวยอร์คคือ เป็นนักปฏิวัติเพื่อสังคมนิยม นอกเหนือจากการเขียนบทความเป็นครั้งคราว ลงในหนังสือพิมพ์ Novy Mir ของพวกสังคมนิยม ” แต่ระหว่างที่อยู่นิวยอร์ค เมืองของนายทุน Trosky นักสังคมนิยมและครอบครัว พักอยู่ในอพาร์ตเมนท์ ที่มีตู้เย็นและโทรศัพท์ ซึ่งถือว่าเป็นของหรูหรา ฟุ่มเฟือยอย่างมากในสมัยเมื่อ 100 ปีก่อน นอกจากนั้นครอบครัว Trotsky ยังเดินทาง ไปมาในเมืองนิวยอร์ค ด้วยรถยนต์ ที่มีคนขับรถประจำ นี่ใช่เรื่องของ Leon Trostky ซึ่งมีชื่อปรากฎในประวัติศาสตร์ว่า เป็นนักปฏิวัติสังคมนิยมคนดัง ของรัสเซีย แน่หรือ Trotsky เขียนเล่าถึงชีวิตเขาที่นิวยอร์ค ในชีวประวัติของเขาต่อไปว่า ” ระหว่างอยู่นิวยอร์ค ช่วงปี 1916 ถึง 1917 ผมมีรายได้เพียง 310 เหรียญ ซึ่งผมได้แจกเงินดังกล่าวทั้งหมดให้แก่คนรัสเซีย 5 คน ที่อยู่นิวยอร์ค เพื่อเป็นค่าเดินทางกลับบ้าน” ขณะเดียวกัน อพาร์ตเมนท์ที่เขาอยู่ ก็มีการจ่ายค่าเช่าล่วงหน้า 3 เดือน เขาต้องเลี้ยงดูเมีย 1 และลูกอีก 2 เขามีรถยนต์ใช้และมีคนขับรถประจำ นี่คือวิถีชีวิตของนักปฏิวัติเพื่อสังคมนิยม ที่อ้างว่าดำรงชีพ ด้วยการเขียนบทความลงหนังหนังสือพิมพ์เป็นครั้งคราว เรื่องราวของเขา คงไม่ตรงไปตรงมา อย่างที่เราเคยเข้าใจกัน หรือว่าพวกนักปฏิวัติ นักปฏิรูป เขาเป็นกันอย่างนี้ทั้งนั้น นอกจากนี้ ยังมีเรื่องเงินสดจำนวน 1 หมื่นเหรียญ ที่นาย Trotsky พกติดตัวและถูกเจ้าหน้าที่ค้นพบ ระหว่างที่เขาถูกเจ้าหน้าที่แคนาดาจับ ในเดือนเมษายน 1917 ที่เมือง Halifax เมื่อ 100 ปีก่อน เงิน 1 หมื่นเหรียญ นี่เป็นเงินจำนวนไม่เล็กน้อยนะครับ นักปฏิวัติเพื่อสังคมนิยม เอาเงินจำนวนนี้มาจากไหนกัน มีข่าวลือว่า เงิน 1 หมื่นเหรียญนั้น มาจากเยอรมัน ข่าวนี้มาจากฝ่ายข่าวกรองของอังกฤษ ซึ่งรายงานว่า นาย Gregory Weinstein ซึ่งต่อมา เป็นสมาชิกที่โด่งดังของ Soviet Bureau ประจำนครนิวยอร์ค เป็นคนรับเงินมา และนำมาส่งให้นาย Trotsky ที่นิวยอร์ค เงินจำนวนนี้มาจากเยอรมัน โดยการฟอกผ่าน Volks-zeitung น.ส.พ. รายวันของเยอรมัน ที่รัฐบาลเยอรมันสนับสนุนอยู่ ขณะที่มีข่าวว่า Trotsky ได้รับเงินอุดหนุนจากเยอรมัน Trotsky กลับเคลี่อนไหวอยู่ในอเมริกา ก่อนที่เขาจะเดินทางออกจากนิวยอร์ค ไปรัสเซีย….เพื่อไปทำการปฏิวัติ ! นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ต้มข้ามศตวรรษ” บทที่ 1 “สร้างฉากปฏิวัติ” ตอน 2 วันที่ 5 มีนาคม 1917 หนังสือพิมพ์อเมริกัน พากันพาดหัวข่าวตัวโต ถึงความเป็นไปได้ ที่อเมริกาจะเข้าร่วมกับฝ่ายสัมพันธมิตร เพื่อทำสงครามกับเยอรมัน คืนวันนั้นเอง Trotsky ก็ไปร่วมการชุมนุมของกลุ่มชาวสังคมนิยมในนิวยอร์คด้วย เขาพูดปลุกระดมให้ชาวสังคมนิยมในอเมริกา จัดการให้มีการนัดหยุดงาน และต่อต้านการเกณท์ทหาร หากอเมริกาจะเข้าร่วมทำสงครามต่อสู้กับเยอรมัน (ท่านผู้อ่านนิทาน คงพอจำกันได้ว่า ขณะที่ฝ่ายสัมพันธมิตร ที่นำโดยอังกฤษ ประกาศสงครามกับฝ่ายเยอรมัน ในปี 1914 นั้น อเมริกายังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะเข้าร่วมสงครามด้วย และมีสถานะเป็นประเทศเป็นกลางอยู่หลายปี) หลังจากนั้นประมาณสัปดาห์กว่า ในวันที่ 16 มีนาคม 1917 ก็เกิดเหตุการณ์ใหญ่ในรัสเซีย ซาร์นิโคลัส ที่ 2 ถูกปฏิวัติให้ลงจากบัลลังก์ โดยกลุ่มนักปฏิวัติ ที่นำโดยนาย Aleksandre Kerensky หนังสือพิมพ์ Novy Mir ได้มาขอสัมภาษณ์ Leon Trotsky ซึ่งให้ความเห็นไว้เหมือนคนรู้เหตุการณ์ล่วงหน้าว่า “คณะผู้บริหาร ที่ตั้งขึ้นมาทำหน้าที่แทนพวกซาร์ ที่ถูกปฏิวัติไปนั้น ไม่ได้เป็นตัวแทนของกลุ่มผลประโยชน์ หรือทำตามวัตถุประสงค์ ของพวกที่ต้องการปฏิวัติ คณะผู้บริหารนี้คงอยู่ไม่นานหรอก อีกหน่อยก็คงลาออกไป เพื่อให้กลุ่มคนที่สามารถจะนำพารัสเซียไปสู่ความเป็นประชาธิปไตย มาทำหน้าที่ต่อไป…” กลุ่มคนที่สามารถนำพารัสเซียไปสู่ความเป็นประชาธิปไตย ในความหมายของ Trotsky คือ พวก Bolsheviks และ Menshevik ซึ่งกำลังลี้ภัยอยู่ในต่างประเทศ และกำลังรีบเร่งเดินทางกลับรัส เซีย ส่วนคณะผู้บริหารนั้น หมายถึง รัฐบาลเฉพาะกาล Provisional Government ของกลุ่มนาย Aleksandr Kerensky ที่ทำการปฏิวัติในวันที่ 16 มีนาคม คศ 1917 แล้วนาย Trotsky ก็ออกเดินทางจากนครนิวยอร์ค เมื่อวันที่ 26 มีนาคม 1917 ด้วยเรือเดินสมุทรชื่อ S S Kristainiafjord เขาผ่านด่านตรวจ ขึ้นเรือดังกล่าวด้วยพาสปอร์ตของอเมริกา เขาเดินทางพร้อมพรรคพวกอีกหลายคน เพื่อจะไปทำการปฏิวัติ นอกจากนี้ ยังมีนักการเงินจากวอลสตรีท คอมมิวนิสต์สัญชาติอเมริกัน และบุคคลน่าสนใจอีกหลายคน ร่วมเดินทางไปกับนาย Trotsky ด้วย นาย Trotsky เอาพาสปอร์ตของอเมริกามาจากไหน นาย Jennings C. Wise เขียนไว้ในหนังสือเรื่อง “Woodlow Wilson : Disciple Revolution” ว่า นักประวัติศาสตร์จะต้องไม่ลืมว่า ประธานาธิบดีของอเมริกา นาย Woodlow Wilson เป็นนางฟ้า ที่มาเศกให้นาย Leon Trotsky เดินทางเข้ารัสเซียได้สำเร็จ ด้วยพาสปอร์ตของอเมริกา แม้ว่าจะมีการพยายามขัดขวางโดยตำรวจอังกฤษก็ตาม” คงเกินกว่าที่เราจะคาดคิดว่า ประธานาธิบดี Wilson เป็นนางฟ้ามาเศกให้นาย Trotsky ได้ถือพาสปอร์ตที่ออกโดยอเมริกา เพื่อเดินทางกลับไปรัสเซีย และไปดำเนินการปฏิวัติต่อให้สำเร็จ (ตามเป้าหมาย!?) และเป็นพาสปอร์ตของอเมริกา ที่สามารถผ่านเข้าออกได้ทุกด่านของอเมริกา รวมทั้งมีวีซ่าอนุญาตให้เข้าประเทศอังกฤษอีกด้วย นางฟ้าทำได้ทุกอย่างจริงๆ ตั้งแต่สมัยนั้น จนถึงเดี๋ยวนี่ แต่ควรจะเรียกว่าเป็นนางฟ้า หรือไม่ อ่านนิทานต่อไปเรื่อยๆ คนอ่านนิทาน คงนึกออกว่าควรจะเรียกว่าอะไร นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ต้มข้ามศตวรรษ” บทที่ 1 “สร้างฉากปฏิวัติ” ตอน 3 ส่วนผสมของผู้โดยสาร ที่เดินทางไปในเรือ S S Kristainiafjord ได้ถูกบันทึกไว้โดยนาย Lincoln Steffens คอมมิวนิสต์ชาวอเมริกัน ดังนี้: “…รายชื่อผู้โดยสารยาวเหยียด และดูลึกลับน่าสนใจ แน่นอน Trotsky แสดงตัวเป็นหัวหน้ากลุ่มนักปฏิวัติ มีนักปฎิวัติชาวญี่ปุ่น นอนเคบินเดียวกับผม มีชาวดัชท์หลายคนที่รีบร้อนกลับเมืองชะวา พวกนี้ดูจะเป็นกลุ่มเดียวที่ไม่เกี่ยวโยงกับใคร ที่เหลือดูเหมือนจะเป็นผู้ที่เกี่ยวโยงกับสงครามโลกที่กำลังเกิดขึ้น นอกจากนี้ มีพวกนักการเงินวอลสตรีท 2 คน มุ่งหน้าไปเยอรมัน.. ” นาย Steffens เองนั้น โดยสารไปในเรือเดินสมุทร โดยคำเชิญของ นาย Charles R Crane เจ้าของกระเป๋าทุนใบใหญ่ที่สนับสนุน ประธานาธิบดี Woodlow Wilson ในการสมัครเข้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดี นาย Crane นั้น เป็นรองประธานบริษัท Crane Company ซึ่งภายหลัง เป็นคนไปตั้งบริษัท Westinghouse สาขารัสเซีย หลังการปฏิวัติของรัสเซียรอบที่กลุ่ม Bolsheviks เป็นผู้ปฎิบัติการสำเร็จเรียบร้อย นาย Crane ยังเป็นหนึ่งในกรรมาธิการ Root Mission ที่ประธานาธิบดี Wilson ส่งไปสำรวจรัสเซียทุกตารางนิ้ว หลังการปฏิวัติอีกด้วย นาย Crane เดินทางไปรัสเซียในระหว่างช่วงปี ค.ศ.1890 ถึง 1930 ประมาณ 23 ครั้ง ลูกชายของเขา Richard Crane เป็นผู้ช่วยรัฐมนตรีต่างเทศ ที่ได้รับความไว้วางใจอย่างมาก ของนาย Robert Lansing รัฐมนตรีต่างเทศของอเมริกาขณะนั้น นาย William Dodd อดีตทูตอเมริกันประจำเยอรมัน พูดถึงนาย Crane ว่า เป็นผู้มีส่วนอย่างมาก ที่ทำให้การปฏิวัติในรัสเซียเมื่อเดือนมีนาคม โดยกลุ่มของ Aleksandr Kerensky กลายเป็นการปฏิวัติชั่วคราว ที่นำร่อง เปิดทางให้กับการปฏิวัติของจริง ที่เกิดขึ้นในเดือนพฤศจิกายน ในปีเดียวกัน นาย Steffens ได้บันทึกการสนทนา ที่เขาได้ยินระหว่างการเดินทางในเรือเดินสมุทรไว้ว่า “…. ดูเหมือนทุกคนจะเห็นพ้องกันว่า การปฏิวัติที่เกิดขึ้นเมื่อเดือนมีนาคม (โดย Aleksandr Kerensky) เป็นเพียงขั้นตอนแรกเท่านั้นเอง มันจะต้องมีตอนต่อไป Crane และพวกรัสเซียหัวก้าวหน้าที่อยู่ในเรือ คิดว่าพวกที่กำลังเดินทางจะไปเมือง Petrograd (ซึ่งต่อมาเปลี่ยนเป็นเมือง St Petersberg ) เพื่อไปทำการปฏิวัติซ้ำ…” เมื่อนาย Crane กลับมาอเมริกาในเดือนธันวาคม 1917 หลังจากการปฏิวัติบอลเชวิก Bolsheviks Revolution (หรือการปฏิวัติซ้ำ นั่นแหละ) สำเร็จเรียบร้อยแล้ว นาย Crane ก็ได้รับโทรเลข ลงวันที่ 11 ธันวาคม 1917 จากกระทรวงต่างประเทศ รายงานความคืบหน้าโดย นาย Maddin Summers กงสุลอเมริกันประจำกรุงมอสโคว์ พร้อมจดหมายปะหน้าจากนาย Summers ว่า ” กระผม ขออนุญาตนำเสนอรายงานที่แนบมา นี้ และสำเนาอีกหนึ่งฉบับ โดยขอให้กระทรวงฯ ได้โปรดนำส่งให้ นาย Charles Crane เพื่อทราบความคืบหน้าด้วย หวังว่าทางกระทรวงคงไม่ขัดข้อง ที่จะให้นาย Crane ได้เห็นรายงาน….” สำหรับท่านผู้อ่านนิทานเรื่องจริง เรื่องเหยื่อ คงพอจำชื่อนี้ได้ เขาคือ นาย Crane คนเดียวกันกับ เจ้าของรายงาน King Crane Report ที่ไปเดินสำรวจตะวันออกกลาง เพื่อทำประชามติว่า ชาวอาหรับต้องการจะอยู่ในความปกครอง ของใคร หลังจากถูกอังกฤษหลอก โดยให้สายลับ ที่เรารู้จักกันในนาม Lawrence of Arabia เป็นผู้นำชาวอาหรับ ไปรบกับตุรกี และยึดหลายเมืองในตะวันออกกลางได้ และเป็นนาย Crane คนเดียวกัน ที่สามารถจับมือให้กษัตริย์ซาอุดิอารเบีย ตัดสินใจเปิดประตูเมืองครั้งแรก และให้สัมปทานน้ำมันแก่อเมริกา เริ่มศักราช Petro Dollar ร่วมกันรวย ช่วยกันปั่น มาจนถึงทุกวันนี้ พอเห็นเค้าแล้วนะครับ ว่านิทานเรื่องนี้ค่อนข้างซับซ้อน สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 23 เม.ย. 2558
    0 Comments 0 Shares 421 Views 0 Reviews
  • OpenAI เผย: กว่า 1 ล้านคนต่อสัปดาห์พูดคุยกับ ChatGPT เรื่องการฆ่าตัวตาย — สะท้อนบทบาทใหม่ของ AI ในสุขภาพจิต

    บทความจาก TechCrunch รายงานว่า OpenAI เปิดเผยข้อมูลที่น่าตกใจว่า มีผู้ใช้มากกว่า 1 ล้านคนต่อสัปดาห์พูดคุยกับ ChatGPT เกี่ยวกับความคิดฆ่าตัวตายหรือปัญหาสุขภาพจิตที่เกี่ยวข้อง ซึ่งสะท้อนถึงบทบาทที่เพิ่มขึ้นของ AI ในการเป็น “ที่พึ่งทางอารมณ์” แม้จะไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิตโดยตรง

    ประเด็นสำคัญจากรายงานของ OpenAI

    ChatGPT ถูกใช้เป็นพื้นที่ปลอดภัยในการระบายความรู้สึก
    ผู้ใช้จำนวนมากพูดถึงความเครียด, ความเหงา, ความวิตกกังวล และความคิดฆ่าตัวตาย
    บางคนใช้ ChatGPT เป็น “เพื่อนคุย” หรือ “ที่ปรึกษา” ในยามวิกฤต

    OpenAI ยอมรับว่า AI ไม่สามารถแทนที่นักบำบัดได้
    บริษัทระบุว่า ChatGPT ไม่ใช่เครื่องมือรักษาทางจิตเวช
    แต่สามารถเป็น “จุดเริ่มต้น” ที่ช่วยให้ผู้ใช้กล้าขอความช่วยเหลือจากมนุษย์

    มีการฝึก AI ให้ตอบสนองอย่างเห็นอกเห็นใจและปลอดภัย
    ChatGPT ได้รับการฝึกให้หลีกเลี่ยงการให้คำแนะนำที่อาจเป็นอันตราย
    หากตรวจพบคำพูดเกี่ยวกับการทำร้ายตัวเอง ระบบจะกระตุ้นให้ผู้ใช้ติดต่อผู้เชี่ยวชาญหรือสายด่วน

    OpenAI กำลังพัฒนาเครื่องมือช่วยเหลือด้านสุขภาพจิตเพิ่มเติม
    มีการร่วมมือกับองค์กรด้านสุขภาพจิตเพื่อปรับปรุงการตอบสนองของ AI
    อาจมีการสร้างฟีเจอร์เฉพาะสำหรับการสนับสนุนทางอารมณ์ในอนาคต

    AI ไม่สามารถแทนที่การดูแลจากมนุษย์ได้
    ChatGPT ไม่สามารถวินิจฉัยหรือรักษาโรคทางจิตเวช
    การพึ่งพา AI เพียงอย่างเดียวอาจทำให้ปัญหาถูกละเลย

    การพูดคุยกับ AI อาจช่วยลดความรู้สึกโดดเดี่ยว แต่ไม่ใช่การรักษา
    ควรใช้เป็นเครื่องมือเสริม ไม่ใช่ทางออกหลัก
    การพูดคุยกับเพื่อน ครอบครัว หรือผู้เชี่ยวชาญยังคงสำคัญที่สุด

    https://techcrunch.com/2025/10/27/openai-says-over-a-million-people-talk-to-chatgpt-about-suicide-weekly/
    🧠💬 OpenAI เผย: กว่า 1 ล้านคนต่อสัปดาห์พูดคุยกับ ChatGPT เรื่องการฆ่าตัวตาย — สะท้อนบทบาทใหม่ของ AI ในสุขภาพจิต บทความจาก TechCrunch รายงานว่า OpenAI เปิดเผยข้อมูลที่น่าตกใจว่า มีผู้ใช้มากกว่า 1 ล้านคนต่อสัปดาห์พูดคุยกับ ChatGPT เกี่ยวกับความคิดฆ่าตัวตายหรือปัญหาสุขภาพจิตที่เกี่ยวข้อง ซึ่งสะท้อนถึงบทบาทที่เพิ่มขึ้นของ AI ในการเป็น “ที่พึ่งทางอารมณ์” แม้จะไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิตโดยตรง ✅ ประเด็นสำคัญจากรายงานของ OpenAI ✅ ChatGPT ถูกใช้เป็นพื้นที่ปลอดภัยในการระบายความรู้สึก ➡️ ผู้ใช้จำนวนมากพูดถึงความเครียด, ความเหงา, ความวิตกกังวล และความคิดฆ่าตัวตาย ➡️ บางคนใช้ ChatGPT เป็น “เพื่อนคุย” หรือ “ที่ปรึกษา” ในยามวิกฤต ✅ OpenAI ยอมรับว่า AI ไม่สามารถแทนที่นักบำบัดได้ ➡️ บริษัทระบุว่า ChatGPT ไม่ใช่เครื่องมือรักษาทางจิตเวช ➡️ แต่สามารถเป็น “จุดเริ่มต้น” ที่ช่วยให้ผู้ใช้กล้าขอความช่วยเหลือจากมนุษย์ ✅ มีการฝึก AI ให้ตอบสนองอย่างเห็นอกเห็นใจและปลอดภัย ➡️ ChatGPT ได้รับการฝึกให้หลีกเลี่ยงการให้คำแนะนำที่อาจเป็นอันตราย ➡️ หากตรวจพบคำพูดเกี่ยวกับการทำร้ายตัวเอง ระบบจะกระตุ้นให้ผู้ใช้ติดต่อผู้เชี่ยวชาญหรือสายด่วน ✅ OpenAI กำลังพัฒนาเครื่องมือช่วยเหลือด้านสุขภาพจิตเพิ่มเติม ➡️ มีการร่วมมือกับองค์กรด้านสุขภาพจิตเพื่อปรับปรุงการตอบสนองของ AI ➡️ อาจมีการสร้างฟีเจอร์เฉพาะสำหรับการสนับสนุนทางอารมณ์ในอนาคต ‼️ AI ไม่สามารถแทนที่การดูแลจากมนุษย์ได้ ⛔ ChatGPT ไม่สามารถวินิจฉัยหรือรักษาโรคทางจิตเวช ⛔ การพึ่งพา AI เพียงอย่างเดียวอาจทำให้ปัญหาถูกละเลย ‼️ การพูดคุยกับ AI อาจช่วยลดความรู้สึกโดดเดี่ยว แต่ไม่ใช่การรักษา ⛔ ควรใช้เป็นเครื่องมือเสริม ไม่ใช่ทางออกหลัก ⛔ การพูดคุยกับเพื่อน ครอบครัว หรือผู้เชี่ยวชาญยังคงสำคัญที่สุด https://techcrunch.com/2025/10/27/openai-says-over-a-million-people-talk-to-chatgpt-about-suicide-weekly/
    TECHCRUNCH.COM
    OpenAI says over a million people talk to ChatGPT about suicide weekly | TechCrunch
    OpenAI released data on just how many of ChatGPT's users are facing mental health challenges, and how it's addressing them.
    0 Comments 0 Shares 162 Views 0 Reviews
  • สงครามที่แท้จริงเวลานี้คือสงครามการขับไล่ต่างชาติและทุนต่างชาติทั้งหมดออกจากประเทศไทยเราก่อน,จากนั้นจงพึ่งพาเรากันเอง สร้างทำผลิตเองแบ่งปันกันและกัน.

    ทั้งหมดมาจากระบบสภาการเมืองที่มิใช่สภาของคนไทยเพื่อคนไทยเพื่อแผ่นดินไทย กฎหมายมากมายจึงออกมาเพื่อคนต่างประเทศ มาทำลายคนไทยแผ่นดินไทยตน,กฎหมายทั้งหมดคือตัวปัญหา เพราะมันคือกฎหมายกดคนไทย อำนวยคนต่างชาติผ่านนักการเมืองเลวชั่วมาปกครองเรา.ออกกฎหมายใช้บังคับเรา.

    ..ทหารไทยต้องยึดอำนาจจากนักการเมืองอย่างเดียวคือทางออก.

    https://vm.tiktok.com/ZSHvTCYkmLLXA-u7gxs/
    สงครามที่แท้จริงเวลานี้คือสงครามการขับไล่ต่างชาติและทุนต่างชาติทั้งหมดออกจากประเทศไทยเราก่อน,จากนั้นจงพึ่งพาเรากันเอง สร้างทำผลิตเองแบ่งปันกันและกัน. ทั้งหมดมาจากระบบสภาการเมืองที่มิใช่สภาของคนไทยเพื่อคนไทยเพื่อแผ่นดินไทย กฎหมายมากมายจึงออกมาเพื่อคนต่างประเทศ มาทำลายคนไทยแผ่นดินไทยตน,กฎหมายทั้งหมดคือตัวปัญหา เพราะมันคือกฎหมายกดคนไทย อำนวยคนต่างชาติผ่านนักการเมืองเลวชั่วมาปกครองเรา.ออกกฎหมายใช้บังคับเรา. ..ทหารไทยต้องยึดอำนาจจากนักการเมืองอย่างเดียวคือทางออก. https://vm.tiktok.com/ZSHvTCYkmLLXA-u7gxs/
    0 Comments 0 Shares 121 Views 0 Reviews
  • บทความนี้ตั้งคำถามถึงเสรีภาพของผู้ใช้ในการควบคุมเครื่องของตัวเองในยุคที่ซอฟต์แวร์ถูกล็อกและควบคุมมากขึ้น

    บทความจาก Hackaday ชื่อ “What Happened to Running What You Wanted on Your Own Machine?” วิจารณ์แนวโน้มที่ผู้ใช้ไม่สามารถควบคุมคอมพิวเตอร์ของตนเองได้อย่างแท้จริงอีกต่อไป โดยเฉพาะในยุคที่ระบบปฏิบัติการและฮาร์ดแวร์ถูกออกแบบให้จำกัดสิทธิ์ของผู้ใช้มากขึ้น เช่น การบังคับใช้ Secure Boot, การล็อก BIOS, และการควบคุมสิทธิ์ root

    ประเด็นหลักของบทความ

    การควบคุมของผู้ผลิต: ผู้ผลิตฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์รายใหญ่ เช่น Apple, Microsoft และผู้ผลิตชิปบางราย เริ่มออกแบบระบบให้ผู้ใช้ไม่สามารถติดตั้งหรือรันซอฟต์แวร์ที่ตนเองต้องการได้อย่างอิสระ เช่น การบังคับใช้ Secure Boot ที่ไม่สามารถปิดได้ หรือการจำกัดการเข้าถึง bootloader

    การลดเสรีภาพของผู้ใช้: แม้ผู้ใช้จะเป็นเจ้าของเครื่อง แต่กลับไม่สามารถควบคุมได้เต็มที่ เช่น ไม่สามารถติดตั้งระบบปฏิบัติการทางเลือก หรือซอฟต์แวร์โอเพ่นซอร์สได้โดยง่าย

    ผลกระทบต่อการศึกษาและนวัตกรรม: การจำกัดสิทธิ์ของผู้ใช้ทำให้ยากต่อการเรียนรู้ การทดลอง และการพัฒนาซอฟต์แวร์ใหม่ ๆ โดยเฉพาะในแวดวงนักพัฒนาและนักวิจัย

    การเรียกร้องให้คืนสิทธิ์: ผู้เขียนเรียกร้องให้ผู้ใช้ตระหนักถึงสิทธิ์ของตนเอง และสนับสนุนฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ที่เปิดให้ควบคุมได้อย่างแท้จริง เช่น โครงการโอเพ่นซอร์ส หรืออุปกรณ์ที่สามารถปลดล็อก bootloader ได้

    ข้อคิดจากบทความ

    คุณควรมีสิทธิ์เต็มที่ในการควบคุมเครื่องของคุณเอง
    การจำกัดสิทธิ์ของผู้ใช้ไม่ควรเป็นมาตรฐานใหม่ของอุตสาหกรรม
    การสนับสนุนโอเพ่นซอร์สและฮาร์ดแวร์ที่เปิดกว้างคือทางออก
    การศึกษาและนวัตกรรมต้องการพื้นที่ที่เปิดกว้าง ไม่ใช่ระบบที่ปิดตาย

    https://hackaday.com/2025/10/22/what-happened-to-running-what-you-wanted-on-your-own-machine/
    🖥️ บทความนี้ตั้งคำถามถึงเสรีภาพของผู้ใช้ในการควบคุมเครื่องของตัวเองในยุคที่ซอฟต์แวร์ถูกล็อกและควบคุมมากขึ้น บทความจาก Hackaday ชื่อ “What Happened to Running What You Wanted on Your Own Machine?” วิจารณ์แนวโน้มที่ผู้ใช้ไม่สามารถควบคุมคอมพิวเตอร์ของตนเองได้อย่างแท้จริงอีกต่อไป โดยเฉพาะในยุคที่ระบบปฏิบัติการและฮาร์ดแวร์ถูกออกแบบให้จำกัดสิทธิ์ของผู้ใช้มากขึ้น เช่น การบังคับใช้ Secure Boot, การล็อก BIOS, และการควบคุมสิทธิ์ root 🔍 ประเด็นหลักของบทความ ⚖️ การควบคุมของผู้ผลิต: ผู้ผลิตฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์รายใหญ่ เช่น Apple, Microsoft และผู้ผลิตชิปบางราย เริ่มออกแบบระบบให้ผู้ใช้ไม่สามารถติดตั้งหรือรันซอฟต์แวร์ที่ตนเองต้องการได้อย่างอิสระ เช่น การบังคับใช้ Secure Boot ที่ไม่สามารถปิดได้ หรือการจำกัดการเข้าถึง bootloader ⚖️ การลดเสรีภาพของผู้ใช้: แม้ผู้ใช้จะเป็นเจ้าของเครื่อง แต่กลับไม่สามารถควบคุมได้เต็มที่ เช่น ไม่สามารถติดตั้งระบบปฏิบัติการทางเลือก หรือซอฟต์แวร์โอเพ่นซอร์สได้โดยง่าย ⚖️ ผลกระทบต่อการศึกษาและนวัตกรรม: การจำกัดสิทธิ์ของผู้ใช้ทำให้ยากต่อการเรียนรู้ การทดลอง และการพัฒนาซอฟต์แวร์ใหม่ ๆ โดยเฉพาะในแวดวงนักพัฒนาและนักวิจัย ⚖️ การเรียกร้องให้คืนสิทธิ์: ผู้เขียนเรียกร้องให้ผู้ใช้ตระหนักถึงสิทธิ์ของตนเอง และสนับสนุนฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ที่เปิดให้ควบคุมได้อย่างแท้จริง เช่น โครงการโอเพ่นซอร์ส หรืออุปกรณ์ที่สามารถปลดล็อก bootloader ได้ 📌 ข้อคิดจากบทความ ✅ คุณควรมีสิทธิ์เต็มที่ในการควบคุมเครื่องของคุณเอง ✅ การจำกัดสิทธิ์ของผู้ใช้ไม่ควรเป็นมาตรฐานใหม่ของอุตสาหกรรม ✅ การสนับสนุนโอเพ่นซอร์สและฮาร์ดแวร์ที่เปิดกว้างคือทางออก ✅ การศึกษาและนวัตกรรมต้องการพื้นที่ที่เปิดกว้าง ไม่ใช่ระบบที่ปิดตาย https://hackaday.com/2025/10/22/what-happened-to-running-what-you-wanted-on-your-own-machine/
    HACKADAY.COM
    What Happened To Running What You Wanted On Your Own Machine?
    When the microcomputer first landed in homes some forty years ago, it came with a simple freedom—you could run whatever software you could get your hands on. Floppy disk from a friend? Pop it in. S…
    0 Comments 0 Shares 129 Views 0 Reviews
  • เรื่อง คนวัดปรอท
    “คนวัดปรอท”

    สงสัยลูกกระเป๋งจะไปรายงานว่า มีคนนินทานักล่าปีกเหี่ยวใบตองแห้ง ว่า ถึงกับไปไม่เป็น ยืนเซ่ออยู่กลางสี่แยก เมื่อเห็นนายกรัฐมนตรีรัสเซีย คุณหน้าเฉย Dmitry Medvedev ยิ้มหวาน ดมดอกไม้กับคุณแก้มยุ้ย นายกรัฐมนตรีไทยเมื่อต้นเดือนเมษานี้เอง เลยต้องรีบควานหา คนวัดปรอทคนใหม่ เอามานั่งวัดอุณหภูมิของทุกพรรค ทุกพวก ทุกกลุ่ม ทุกกอง ฯลฯ ในแดนสมันน้อยว่า มันร้อนไปทางไหน เย็นไปทางไหน เอาให้แน่ๆ เพราะคนเก่า ใช้ปรอทไม่เป็น ใช้เป็นแต่เซลฟี่ ฮา

    พณะโอบามา ออกข่าวเมื่อวันสงกรานต์นี่เองว่า จะเสนอให้นาย Glyn Townsend Davies ผู้ที่คร่ำหวอด อยู่ในกิจการต่างด้านประเทศ เรียกว่า เป็นนักการทูตมืออาชีพ มีประวัติการทำงานยาวเหยียด มาเป็นเอกอัครราชทูตอเมริกา ประจำราชอาณาจักรไทย ทำหน้าที่วัดปรอทการเมืองไทยทุกตารางนิ้วเสียใหม่ หลังจากที่ปล่อยให้สำนักถนนวิทยุเงียบเหงามากว่า 6 เดือน จนเสียรางวัดให้เขาดมดอกไม้ แย้มยิ้ม เหมือนเย้ยใคร

    ประวัติเด่นของนาย Davies ที่เขาบรรยายส่งมา ผมว่ารายการแรก ต้องยกให้เรื่องน้องคิมของผม ดูเหมือนนาย Davies นี่จะเป็นคนที่เอ็นดูน้องคิม เจ้าพ่อเกาหลีเหนือเป็นพิเศษ ดูแลนโยบายเกาหลีเหนือช่วงปี 2012-2014 และเคยสรุปเสนอรัฐสภาว่า ไม่เป็นประโยชน์อันใดที่จะพูดคุยกับน้องคิมให้รู้เรื่อง ถ้าอเมริกาอยากจะหารือเรื่องเกาหลี เหนือ โน่น ไปพบผู้ปกครองน้องคิม อาเฮียแห่งแผ่นดินใหญ่ จะรู้เรื่องเร็วกว่า แสดงว่า คนวัดปรอทคนนี้ น่าจะเป็นผู้ชำนาญงาน แหม แต่เหมาเอาง่ายๆ ว่า น้องคิมเป็นเด็กในปกครองของอา เฮีย นี่ ผมก็ไม่รู้นะ ว่าน้องเขาจะชอบใจไหม น้องเขาโตแล้ว เขาตัดสินใจเองได้น่า ว่าจะส่งของขวัญให้ใคร ที่ไหน และเมื่อไหร่ ฮาอีกที

    ประวัติเด่นรายการที่สอง นาย Davies เคยเป็นตัวแทน ของนักล่าปีกเหี่ยวใบตองแห้ง ช่วงปี 2009-2012 ใน International Atomic Energy Agency (IAEA) หรือ ไอ้เออีเอ ที่เป็นไม้เบื่อ ไม้เมาของ Saddam แห่งอืรัค คอยตามตรวจว่า ซัดดัมมีนิวเคลียร์ติดตัวไว้กี่ลูก ผลการตรวจ ไม่เจอซักลูก แต่ดันได้น้ำมันไปหลายปั้ม คนอิรัคตายไปหลายแสน ไม่มีบ้านเหลือให้ซุกหัวอีกหลายล้านคน และตอนนี้ ไอ้เอกับอีเอ ก็กำลังรีรอ ว่า จะเป็นไม้เบื่อ หรือจะไปเมา กับอิหร่านดี อีกไม่กี่เดือนก็รู้กัน

    แต่ประวัติเรื่องนี้จะเอามาทำอะไรที่แดนสมันน้อยได้ครับ หรือจะมาดู ว่าการยิงบ้องไฟของเรานี่ จะเข้าข่ายที่ ไอ้เอกับอีเอมันข้องใจ

    ประวัติเด่นรายการที่สาม คือ เป็นผู้ดูแลกิจการด้านเอเซียตะวันออก และแปซิฟิก ช่วงปี 2006-2009 แสดงว่ารู้จักผู้คนแถบนี้ดี คงไม่น่าจะใช่ประเภท กางแขนเเป็นอีแร้ง รำวงให้คนไทยดู แบบยายกุ้งแห้ง อย่านึกว่าทำแบบนั้นแล้วคนไทยจะชอบนะครับ มีแต่ไอ้พวกสอพลอที่ชื่นชม ถามลุงแก่ๆอย่างผม ผมว่าน่าทุเรศครับ คนเราน่าจะเจริญพอ ที่คิดสร้างไมตรีด้วยวิธีอื่นได้ดีกว่านี้ นึกไม่ออกว่าจะทำอย่างไร ก็อย่าส่งมาให้เสียรางวัดไปกว่าเดิมเลย แค่นี้ก็เขียนด่าจะไม่ทันอยู่แล้ว
    แต่ที่ผมสนใจประวัติ คนวัดปรอทคนนี้ คือแกเคยทำงานอยู่ในสภาความมั่นคง National Security Council ช่วงรัฐบาลคลินตัน ประธานาธิบดีขวัญใจเด็กฝึกงาน และจบปริญญาโทด้าน ยุทธศาสตร์ความมั่นคงของชาติ national security strategy จาก National War College

    และที่น่าสนใจ อีกเรื่อง คือ ข่าว ลงวันที่ 13 เมษายน 2015 ของThe Leaderboard ซึ่ง CogitAsia หน่วยงาน ของ CSIS Center for Strategic & International Studies ถังขยะความคิด ซึ่งเป็นเหมือนหน่วยราชการ ของอเมริกา ออกข่าวเกี่ยวกับการที่นายโอบามา เสนอชื่อคนวัดปรอทคนใหม่ของอเมริกา ประจำประเทศไทย โดยระบุว่า ประเทศไทย ซึ่งเคยเป็นพันธมิตร ที่แข็งแรงที่สุด ของอเมริกาในภูมิภาคนี้ แต่หลังจากการปฏิวัติของไทย เมื่อปี 2014 ความสัมพันธ์ของอเมริกากับไทย ก็สั่นคลอน ในฐานะนักการทูตมืออาชีพ นาย Davies จึงเป็นที่คาดหวังว่า เขาจะใช้ความรู้เกี่ยวกับวิกฤติทางการทูต ให้เป็นประโยชน์สำหรับสถานะการณ์ทางการเมืองของที่ยังมองอะไรไม่ชัดเจน….

    ทั้งหมดนี้ แปลว่าอะไรครับ แปลว่า อเมริกาปล่อยให้สมันน้อย หลุดมือไม่ได้เด็ดขาด รู้ว่า ยายกุ้งแห้งเซลฟี่ จะหมดเทอม อเมริกาก็ยังไม่หาใครมาแทน ทิ้งช่วงอยู่กว่า 6 เดือน เพื่อรอดูว่า การเมืองสมันน้อยจะไปทางไหนแน่ หลังจากมีการปฏิวัติ อเมริการอจนชัดเจนว่า สมันน้อยเริ่มมองโลกกว้าง ออกคบเพื่อนมากขึ้น รูปนายกแก้มยุ้ยของไทย จับมือ ยิ้มหวานกับอาเฮีย ก็ทำให้อเมริกาคิดหนักแล้ว แต่เมื่อนายกแก้มยุ้ย ชวนนายกหน้าเฉย จากรัสเซียดมดอกไม้นี่ อเมริกาคงตัดสินใจได้ ว่าควรจะรีบส่งคนวัดปรอท แบบผู้ชำนาญด้านยุทธศาสตร์ มาประจำการได้แล้ว

    แต่ถ้าอเมริกาคิดจะใช้ยุทธศาสตร์แบบเดิมๆ บีบคอสมันน้อย ให้ยืนนิ่งอยู่ในคอก แล้วสั่งซ้ายหัน ขวาหัน เหมือนอย่างเดิมน่าจะเป็นไปได้ยาก อเมริกายังยืนเซ่ออยู่กลางสี่แยกจริงๆ ยังอ่านไม่ออกว่า การเมืองของสมันน้อยหลังการปฏิวัติ และจากนี้ไป จะไปทางไหน ส่งพวกปากเสียมาเสือกหลายรอบ ต้ังแต่สมันน้อยปฏิวัติ แทนที่จะได้ผล ทำท่าจะเสียทั้งผลทั้งต้น เสียทั้งต้น นี่เรื่องใหญ่ อเมริการับไม่ได้หรอก

    ทางออกตอนนี้ ของนักล่าปีกเหี่ยวใบตองแห้ง จึงต้องส่งคนวัดปรอท ชนิดผู้ชำนาญการ มาทำการวัดปรอท ทุกตารางนิ้วในแดนสมันน้อยใหม่หมด และดูจากประสพการณ์ และการข่าว คนวัดปรอท คนใหม่นี้ น่าจะไม่ใช่แค่มายืนๆ เดินๆ แล้วเอาปรอทแหย่ปากสมันน้อย คนวัดปรอทอาจจะมีวิธี ทำให้ปรอทร้อน ถึงร้อนจัด หรือเย็นจัดในบางสถานที่ บางกลุ่มด้วย

    เราจึงต้องจับตาดูคนวัดปรอทคนใหม่นี้ให้ดี เรากำลังมุ่งหน้าที่จะออกมาจากคอก สู่การเป็นอิสระชนแล้ว ก็เดินอย่างสง่าผ่าเผย รักษาอธิปไตย และความเป็นกลางของประเทศให้ดี เมื่อรัฐบาลเลือกเดินนโยบายที่จะไม่ให้ใครมาจูงจมูก เราประชาชนก็สมควรสนับสนุน ไม่ใช่คิดแต่จะคบเพื่อน แค่คนใดคนหนึ่ง โดยเฉพาะด้วยแค่ความคุ้นเคย แถมให้มันบีบซ้ายกระตุกขวาได้อยู่เรื่อยๆ เราไม่ได้เป็นเมืองขึ้นใคร จะคบเพื่อนกี่คนก็ขึ้นอยู่กับความต้องการของเรา ขอให้เพื่อนรู้จักเคารพ และเห็นคุณค่าของความเป็นเพื่อนกัน เรื่องในบ้านเพื่อนก็ให้เกียรติกันบ้าง อย่าเสือกทุกเรื่อง ยิ่งบางเรื่อง ไม่บังควร ผ่านมา 60 ปี ยังไม่เรียนรู้ จะเป็นเพื่อนกันต่อไปทำไม
    อย่านึกว่าสมันน้อยโง่หมด สีที่ฟอกย้อมไว้ มันถลอกลอกไปแยะแล้ว เพราะพฤติกรรมความเสือก ความตะกระ ความกร่าง ความเจ้าเล่ห์ ของอเมริกาเองนั่นแหละ

    จะมาเดินวัดปรอทกันใหม่ ก็หัดเรียนรู้ใหม่ ไอ้พวกที่ชอบมาอ่านเพจผม แล้วรวนเครื่องผม อย่ารวนเปล่า นายใหม่จะมาแล้ว แปลไว้ให้อ่านเลย จะได้ประหยัดเวลามาวัดปรอทแถวนี้

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    15 เม.ย. 2558
    เรื่อง คนวัดปรอท “คนวัดปรอท” สงสัยลูกกระเป๋งจะไปรายงานว่า มีคนนินทานักล่าปีกเหี่ยวใบตองแห้ง ว่า ถึงกับไปไม่เป็น ยืนเซ่ออยู่กลางสี่แยก เมื่อเห็นนายกรัฐมนตรีรัสเซีย คุณหน้าเฉย Dmitry Medvedev ยิ้มหวาน ดมดอกไม้กับคุณแก้มยุ้ย นายกรัฐมนตรีไทยเมื่อต้นเดือนเมษานี้เอง เลยต้องรีบควานหา คนวัดปรอทคนใหม่ เอามานั่งวัดอุณหภูมิของทุกพรรค ทุกพวก ทุกกลุ่ม ทุกกอง ฯลฯ ในแดนสมันน้อยว่า มันร้อนไปทางไหน เย็นไปทางไหน เอาให้แน่ๆ เพราะคนเก่า ใช้ปรอทไม่เป็น ใช้เป็นแต่เซลฟี่ ฮา พณะโอบามา ออกข่าวเมื่อวันสงกรานต์นี่เองว่า จะเสนอให้นาย Glyn Townsend Davies ผู้ที่คร่ำหวอด อยู่ในกิจการต่างด้านประเทศ เรียกว่า เป็นนักการทูตมืออาชีพ มีประวัติการทำงานยาวเหยียด มาเป็นเอกอัครราชทูตอเมริกา ประจำราชอาณาจักรไทย ทำหน้าที่วัดปรอทการเมืองไทยทุกตารางนิ้วเสียใหม่ หลังจากที่ปล่อยให้สำนักถนนวิทยุเงียบเหงามากว่า 6 เดือน จนเสียรางวัดให้เขาดมดอกไม้ แย้มยิ้ม เหมือนเย้ยใคร ประวัติเด่นของนาย Davies ที่เขาบรรยายส่งมา ผมว่ารายการแรก ต้องยกให้เรื่องน้องคิมของผม ดูเหมือนนาย Davies นี่จะเป็นคนที่เอ็นดูน้องคิม เจ้าพ่อเกาหลีเหนือเป็นพิเศษ ดูแลนโยบายเกาหลีเหนือช่วงปี 2012-2014 และเคยสรุปเสนอรัฐสภาว่า ไม่เป็นประโยชน์อันใดที่จะพูดคุยกับน้องคิมให้รู้เรื่อง ถ้าอเมริกาอยากจะหารือเรื่องเกาหลี เหนือ โน่น ไปพบผู้ปกครองน้องคิม อาเฮียแห่งแผ่นดินใหญ่ จะรู้เรื่องเร็วกว่า แสดงว่า คนวัดปรอทคนนี้ น่าจะเป็นผู้ชำนาญงาน แหม แต่เหมาเอาง่ายๆ ว่า น้องคิมเป็นเด็กในปกครองของอา เฮีย นี่ ผมก็ไม่รู้นะ ว่าน้องเขาจะชอบใจไหม น้องเขาโตแล้ว เขาตัดสินใจเองได้น่า ว่าจะส่งของขวัญให้ใคร ที่ไหน และเมื่อไหร่ ฮาอีกที ประวัติเด่นรายการที่สอง นาย Davies เคยเป็นตัวแทน ของนักล่าปีกเหี่ยวใบตองแห้ง ช่วงปี 2009-2012 ใน International Atomic Energy Agency (IAEA) หรือ ไอ้เออีเอ ที่เป็นไม้เบื่อ ไม้เมาของ Saddam แห่งอืรัค คอยตามตรวจว่า ซัดดัมมีนิวเคลียร์ติดตัวไว้กี่ลูก ผลการตรวจ ไม่เจอซักลูก แต่ดันได้น้ำมันไปหลายปั้ม คนอิรัคตายไปหลายแสน ไม่มีบ้านเหลือให้ซุกหัวอีกหลายล้านคน และตอนนี้ ไอ้เอกับอีเอ ก็กำลังรีรอ ว่า จะเป็นไม้เบื่อ หรือจะไปเมา กับอิหร่านดี อีกไม่กี่เดือนก็รู้กัน แต่ประวัติเรื่องนี้จะเอามาทำอะไรที่แดนสมันน้อยได้ครับ หรือจะมาดู ว่าการยิงบ้องไฟของเรานี่ จะเข้าข่ายที่ ไอ้เอกับอีเอมันข้องใจ ประวัติเด่นรายการที่สาม คือ เป็นผู้ดูแลกิจการด้านเอเซียตะวันออก และแปซิฟิก ช่วงปี 2006-2009 แสดงว่ารู้จักผู้คนแถบนี้ดี คงไม่น่าจะใช่ประเภท กางแขนเเป็นอีแร้ง รำวงให้คนไทยดู แบบยายกุ้งแห้ง อย่านึกว่าทำแบบนั้นแล้วคนไทยจะชอบนะครับ มีแต่ไอ้พวกสอพลอที่ชื่นชม ถามลุงแก่ๆอย่างผม ผมว่าน่าทุเรศครับ คนเราน่าจะเจริญพอ ที่คิดสร้างไมตรีด้วยวิธีอื่นได้ดีกว่านี้ นึกไม่ออกว่าจะทำอย่างไร ก็อย่าส่งมาให้เสียรางวัดไปกว่าเดิมเลย แค่นี้ก็เขียนด่าจะไม่ทันอยู่แล้ว แต่ที่ผมสนใจประวัติ คนวัดปรอทคนนี้ คือแกเคยทำงานอยู่ในสภาความมั่นคง National Security Council ช่วงรัฐบาลคลินตัน ประธานาธิบดีขวัญใจเด็กฝึกงาน และจบปริญญาโทด้าน ยุทธศาสตร์ความมั่นคงของชาติ national security strategy จาก National War College และที่น่าสนใจ อีกเรื่อง คือ ข่าว ลงวันที่ 13 เมษายน 2015 ของThe Leaderboard ซึ่ง CogitAsia หน่วยงาน ของ CSIS Center for Strategic & International Studies ถังขยะความคิด ซึ่งเป็นเหมือนหน่วยราชการ ของอเมริกา ออกข่าวเกี่ยวกับการที่นายโอบามา เสนอชื่อคนวัดปรอทคนใหม่ของอเมริกา ประจำประเทศไทย โดยระบุว่า ประเทศไทย ซึ่งเคยเป็นพันธมิตร ที่แข็งแรงที่สุด ของอเมริกาในภูมิภาคนี้ แต่หลังจากการปฏิวัติของไทย เมื่อปี 2014 ความสัมพันธ์ของอเมริกากับไทย ก็สั่นคลอน ในฐานะนักการทูตมืออาชีพ นาย Davies จึงเป็นที่คาดหวังว่า เขาจะใช้ความรู้เกี่ยวกับวิกฤติทางการทูต ให้เป็นประโยชน์สำหรับสถานะการณ์ทางการเมืองของที่ยังมองอะไรไม่ชัดเจน…. ทั้งหมดนี้ แปลว่าอะไรครับ แปลว่า อเมริกาปล่อยให้สมันน้อย หลุดมือไม่ได้เด็ดขาด รู้ว่า ยายกุ้งแห้งเซลฟี่ จะหมดเทอม อเมริกาก็ยังไม่หาใครมาแทน ทิ้งช่วงอยู่กว่า 6 เดือน เพื่อรอดูว่า การเมืองสมันน้อยจะไปทางไหนแน่ หลังจากมีการปฏิวัติ อเมริการอจนชัดเจนว่า สมันน้อยเริ่มมองโลกกว้าง ออกคบเพื่อนมากขึ้น รูปนายกแก้มยุ้ยของไทย จับมือ ยิ้มหวานกับอาเฮีย ก็ทำให้อเมริกาคิดหนักแล้ว แต่เมื่อนายกแก้มยุ้ย ชวนนายกหน้าเฉย จากรัสเซียดมดอกไม้นี่ อเมริกาคงตัดสินใจได้ ว่าควรจะรีบส่งคนวัดปรอท แบบผู้ชำนาญด้านยุทธศาสตร์ มาประจำการได้แล้ว แต่ถ้าอเมริกาคิดจะใช้ยุทธศาสตร์แบบเดิมๆ บีบคอสมันน้อย ให้ยืนนิ่งอยู่ในคอก แล้วสั่งซ้ายหัน ขวาหัน เหมือนอย่างเดิมน่าจะเป็นไปได้ยาก อเมริกายังยืนเซ่ออยู่กลางสี่แยกจริงๆ ยังอ่านไม่ออกว่า การเมืองของสมันน้อยหลังการปฏิวัติ และจากนี้ไป จะไปทางไหน ส่งพวกปากเสียมาเสือกหลายรอบ ต้ังแต่สมันน้อยปฏิวัติ แทนที่จะได้ผล ทำท่าจะเสียทั้งผลทั้งต้น เสียทั้งต้น นี่เรื่องใหญ่ อเมริการับไม่ได้หรอก ทางออกตอนนี้ ของนักล่าปีกเหี่ยวใบตองแห้ง จึงต้องส่งคนวัดปรอท ชนิดผู้ชำนาญการ มาทำการวัดปรอท ทุกตารางนิ้วในแดนสมันน้อยใหม่หมด และดูจากประสพการณ์ และการข่าว คนวัดปรอท คนใหม่นี้ น่าจะไม่ใช่แค่มายืนๆ เดินๆ แล้วเอาปรอทแหย่ปากสมันน้อย คนวัดปรอทอาจจะมีวิธี ทำให้ปรอทร้อน ถึงร้อนจัด หรือเย็นจัดในบางสถานที่ บางกลุ่มด้วย เราจึงต้องจับตาดูคนวัดปรอทคนใหม่นี้ให้ดี เรากำลังมุ่งหน้าที่จะออกมาจากคอก สู่การเป็นอิสระชนแล้ว ก็เดินอย่างสง่าผ่าเผย รักษาอธิปไตย และความเป็นกลางของประเทศให้ดี เมื่อรัฐบาลเลือกเดินนโยบายที่จะไม่ให้ใครมาจูงจมูก เราประชาชนก็สมควรสนับสนุน ไม่ใช่คิดแต่จะคบเพื่อน แค่คนใดคนหนึ่ง โดยเฉพาะด้วยแค่ความคุ้นเคย แถมให้มันบีบซ้ายกระตุกขวาได้อยู่เรื่อยๆ เราไม่ได้เป็นเมืองขึ้นใคร จะคบเพื่อนกี่คนก็ขึ้นอยู่กับความต้องการของเรา ขอให้เพื่อนรู้จักเคารพ และเห็นคุณค่าของความเป็นเพื่อนกัน เรื่องในบ้านเพื่อนก็ให้เกียรติกันบ้าง อย่าเสือกทุกเรื่อง ยิ่งบางเรื่อง ไม่บังควร ผ่านมา 60 ปี ยังไม่เรียนรู้ จะเป็นเพื่อนกันต่อไปทำไม อย่านึกว่าสมันน้อยโง่หมด สีที่ฟอกย้อมไว้ มันถลอกลอกไปแยะแล้ว เพราะพฤติกรรมความเสือก ความตะกระ ความกร่าง ความเจ้าเล่ห์ ของอเมริกาเองนั่นแหละ จะมาเดินวัดปรอทกันใหม่ ก็หัดเรียนรู้ใหม่ ไอ้พวกที่ชอบมาอ่านเพจผม แล้วรวนเครื่องผม อย่ารวนเปล่า นายใหม่จะมาแล้ว แปลไว้ให้อ่านเลย จะได้ประหยัดเวลามาวัดปรอทแถวนี้ สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 15 เม.ย. 2558
    0 Comments 0 Shares 315 Views 0 Reviews
  • เรื่อง ฉากใหม่
    “ฉากใหม่”

    (1)

    เมื่อต้นอาทิตย์ (7,8 เม.ย) เราได้เห็นรูปถ่าย และข่าว ที่แสดงถึงการเปลี่ยนแปลงฉากการเมืองระหว่างประเทศของไทยที่น่าสนใจอย่างยิ่ง

    เป็นรูปของพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีของไทย กำลังยิ้ม อย่างที่เขาเรียกว่า ไม่ใช่ยิ้มแค่ปาก กับ นาย Dmitry Medvedev นายกรัฐมนตรีของรัสเซีย ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นคนหน้าเฉย ตานิ่ง แต่คราวนี้ คุณหน้าเฉย ยิ้มออก คงเป็นยิ้ม ที่นานๆ จะหลุดมาให้เห็น จึงเป็นรูปที่น่าจะสร้างอารมณ์หลากหลายแก่ผู้ที่เห็น

    ผู้นำของรัสเซีย มาเป็นแขกของรัฐบาลไทยอย่างเป็นทางการ เป็นครั้งแรก หลังจากทิ้งช่วงห่างนานถึง 25 ปี หลังสงครามเย็น ความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับรัสเซียอย่างเป็นทางการ ก็เย็นตามอุณหภูมิ ที่กลุ่มผู้นำโลกฝั่งตะวันตกต้ังไว้ให้ สมันน้อยว่าง่าย เชื่อฟังลูกพี่ใหญ่เสมอ ไม่เคยคัดค้าน ขัดขืน หรือเปลี่ยนแปลง ปรอทแสดงอุณหภูมิความสัมพันธ์กับรัสเซีย ที่อเมริกาเป็นผู้มาติดต้ังและกำกับไว้ จึงเย็นยะเยือกค้างเป็นทางการ อยู่อย่างนั้น

    มาถึงเดือนเมษายน ปีนี้ ขณะที่บ้านเรากำลังอยู่กลางฤดูร้อน อุณหภูมิความร้อนของเดือนเมษายน ในไทย ร้อนแรงจนแสบตัว และอาจจะแสบไปทั้งหลัง และหัวใจของใครหลายคน แต่ระหว่างไทยรัสเซีย อุณหภูมิความสัมพันธ์ กลับเริ่มอุ่นกำลังดี ความเย็นชาค่อยๆจางออกไป การเปลี่ยนแปลงของอุณภูมิระดับนี้ น่าจะเป็นข่าวใหญ่ไม่น้อย เพราะมันเกิดขึ้นนอกเหนือคำสั่งของลูกพี่ใหญ่ ปรอทจำกัดอุณภูมิ ที่ตั้งไว้ ใช้การไม่ได้เสียแล้ว แต่จะถาวร หรือชั่วคราว คงต้องติดตามดูกันต่อไป

    น่าสนใจ ที่สำนักข่าวใหญ่ๆ เกือบทั้งหมด หลีกเลี่ยงที่จะให้ความสนใจ ให้ราคากับข่าวปรอทเสียนี้ แม้ว่ามันอาจมีผลกระทบไม่น้อย กับการเมืองในภูมิภาคนี้ และอาจจะกระทบไปถึงการเมืองระดับโลกด้วย

    นายกรัฐมนตรีรัสเซีย บอกว่า ประเทศไทย เป็นเพื่อนเก่าแก่ที่สุดของรัส เซียในเอเซียแปซิฟิก อีก 2 ปี เราจะได้ฉลองครบ 120 ปี ของความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ประเทศแล้วนะ เราทั้ง 2 ประเทศ มาถึงตรงนี้ เพราะเรามีความเข้าใจในวัฒนธรรม ความเป็นเพื่อน และมีความเคารพให้แก่กัน คุณนายกหน้าเฉยเข้าใจพูด

    นอกเหนือจากการแลกเปลี่ยนคำสนทนาฉันท์มิตร ที่มีมารยาทแล้ว ไทยกับรัสเซีย ยังลงนามในบันทึกความเข้าใจ เกี่ยวกับการร่วมมือ ด้านการค้า การพลังงาน การลงทุน การท่องเที่ยว วัฒนธรรม และกฏหมาย อีกด้วย

    จากการสัมภาษณ์ คุณหน้าเฉย นาย Dmitry Medvedev นายกรัฐมนตรีรัสเซีย โดยนายสุทธิชัย หยุ่น สื่อใหญ่ ซึ่งบอกว่า ไทยนับว่ารัสเซียเป็นเพื่อนแท้ เมื่อเทียบกับสัมพันธ์ระหว่างไทย กับเพื่อนตะวันตก ที่ตอนนี้กำลังออกรสเปรี้ยว หลังจากที่มีการปฏิวัติ เกี่ยวกับเรื่องนี้ ท่านมีความเห็นว่าอย่างไร คุณหน้าเฉยตอบว่า เราให้ความสนใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นในไทยนะ แต่เราให้ความสนใจอย่างเคารพ we do it with respect … เราแสดงออกอย่างผู้ที่เจริญแล้ว ….ประเทศที่เป็นเอกราช ก็ต้องแก้ปัญหาภายในประเทศของตน ด้วยตนเอง

    อืม คุณหน้าเฉย นี่แกแสนสุภาพ แต่ คำที่พูดลอยฝากไปถึงใครนี่ เจ็บไม่เบา
    ส่วนนาย ฐิตินันท์ พงศ์สุทธิรักษ์ ผู้อำนวยการสถาบันศึกษาความมั่นคงและนานาชาติ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ เครื่องถ่ายเอกสารยี่ห้อ ยู เอส เอ ให้ความเห็นเกี่ยวกับการมาของนายกรัฐมนตรีรัสเซียว่า เป็นการมาช่วยรักษาหน้าให้กับ พลเอก ประยุทธ ได้ไม่น้อย แต่ก็เป็นเพียงระยะสั้น เนื่องจากไทยกำลังปกครองโดยรัฐบาลทหาร ที่มาจากการปฏิวัติ และรัสเซียก็เป็นตัวแทนของขั้วอำนาจคนละฝั่ง กับพวกตะวันตก ที่กำลังไม่เห็นด้วยกับรัฐบาลของ พลเอก ประยุทธ์ นายฐิตินันท์ให้ความเห็นเพิ่มเติมว่า สิ่งที่รัฐบาลกำลังทำอยู่ (การเข้าไปซบจีน กับรัสเซีย) ได้ผลแค่ระยะสั้น ในการคานการแสดงออกของฝั่งตะวันตก แต่มันอาจจะมีผลกระทบในระยะใกลได้ ในฐานะเป็นมิตรเก่าแก่ที่สุดของอเมริกาในภูมิภาคนี้ เครื่องถ่ายเอกสาร ยังทำงานได้ดี สมยี่ห้อ

    สำหรับคนทั่วไปบ้านเรา อาจมีบางคน มองด้วยความหงุดหงิดว่า ลุงตู่กำลังทำอะไร เราจะเปลี่ยนไปคบกับรัสเซีย ไม่เอาอเมริกาเพื่อนเก่าแก่แล้วหรือ ลุงตู่ทำได้ไง ไว้ใจได้ที่ไหน รัสเซียน่ะมาเฟียโหดทั้งนั้นนะ ไปดูแถวพัทยา ภูเก็ต สิ เห็นแล้วสยอง จนขนลุกไปหมด

    แต่บางคนก็อาจถูกใจ บอก เออ หัดคบเพื่อนใหม่เสียบ้าง มัวแต่เชื่อไอ้ก๊วนปีกเหี่ยวใบตองแห้งอยู่ได้ ถูกมันต้มเปื่อยมา 60 กว่าปีแล้ว น่าจะเปลี่ยนนโยบายมานานแล้ว เผื่อเพื่อนเก่าจะได้รู้จักปรับปรุงตัว

    และก็อาจมีพวกที่ยังหลงยุค ตกข่าว มองด้วยความไม่สบอารมณ์ นี่เราไปคบกับรัสเซียได้ไง เขาเป็นคอมมูนิสต์นะ เดี๋ยวพวกอยากเปลี่ยนการปกครองไม่เอาสถาบัน ก็ตีปีกดีใจ นึกว่ามีพวกมาสนับสนุน แถมรัฐบาลยังไปต้อนรับยิ้มหวานกับเขาเสียอีก

    แต่ก็ยังคงมีอีกหลายคน ที่ไม่สนใจ ไม่รับรู้ว่า ลุงตู่กับคุณหน้าเฉย เขากำลังทำอะไรกัน ดี หรือไม่ดี กับประเทศของตัวอย่างไร เพราะมัวแต่ยุ่งอยู่แต่กับเรื่องส่วนตัว หรือมัวแต่สนใจว่านางเอกสาวคนนั้น ตกลงเธอมีกิ๊กอยู่เมืองนอก หรือเมืองไทยกันแน่… เหล่านี้ เป็นเรื่องธรรมดาของ ผู้คนในแดนสมันน้อย

    และที่เราน่าจะสนใจกันบ้าง เพราะมันย่อมมีผลกระทบถึงบ้านเรา แน่นอน คือปฏิกิริยา ของเพื่อนเก่า นักล่าปีกเหี่ยวใบตองแห้ง ที่น่าจะกำลังเครียดจัด เพราะว่า เหยื่อ ที่อยู่ในกำมือมานาน และมีเค้าว่าจะต้องรับใช้งานสำคัญ อาจกำลังจะหลุดมือไป ข่าวลือว่า นักล่า ถึงกับส่งทีมมาหาข่าวหลายทีม หลายวงการ ยิ่งแถวโรงแรมใหญ่กลางเมือง ที่อยู่ใกล้ๆกัน 2 โรง ทีมหาข่าวแทบจะเดินชนกันตาย เดินแถวนั้น มันจะได้ข่าวอะไร แถวนั้นมันมีแต่ก๊อสสิบโฮโส ข่าวที่ได้มันถึงได้หยำเฟอะ เลอะเทอะ พาเอานักล่าปีกเหี่ยวใบตองแห้ง ได้ข่าวไขว้เขวไปหมด

    (2)

    มีอีกาคาบข่าว ไปบอกนักล่าใบตองแห้งมาพักใหญ่แล้วว่า สมันน้อยอาจไม่คิดอยู่ใต้ปีกเหี่ยวๆของนักล่าใบตองแห้ง แบบเป็นสมาชิกตลอดชีพอีกแล้ว สมันน้อยกำลังมองหาเพื่อนคนอื่นในป่าอันกว้างใหญ่นี้เหมือนกัน

    มันเป็นไปได้ยังไง นักล่าปีกเหี่ยวใบตองแห้ง ไม่เชื่อข่าวอีกา ก็เราครอบสมันน้อยจนอยู่หมัด ประกบทุกพรรค ทุกพวก ทุกกลุ่ม ทุกกระทรวง ทุกกองทัพ ไม่มีหลุด แล้วมันจะหลุดมือ ไปได้ยังไง (โว้ย) นักล่าปีกเหี่ยวใบตองแห้งปลอบใจตัวเอง ว่ามันคงเป็นแค่ข่าวลือ

    แต่พอรูปยิ้มหวาน ระหว่างคุณแก้มยุ้ย กับคุณหน้าเฉย ออกกระจายเต็มหน้าสื่อ เขาว่าวันนั้น อุณหภูมิแถวถนนวิทยุ ขึ้นสูงกว่าเขตอื่น ขนาดเอาน้ำใส่แก้ววางหน้าสถานทูต ไม่ต้องเสียเวลาต้ม แล้วนี่เราจะรายงานไปทางวอชิงตันว่าไง เราไปหาใคร ทุกคนก็บอกว่า เรายังเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน เรารักกัน เราไม่ทิ้งกัน แล้วรูปแบบนี้มันออกมาได้ไง

    มันเป็นการบังเอิญหรือไร เราเพิ่งบีบสมันน้อยจนเกือบจะ เละคามือ ให้เลิกกฏอัยการศึก สมันน้อยทำหน้าใสซื่อ บอกจะพิจารณาด่วน แล้วก็ยกเลิกจริง แต่ดันออก ม 44 ซึ่งร้อน และแรงกว่า กฏอัยการศึกอีก สมันน้อยไม่รู้เรื่อง หรือสมันน้อยย้อนเกล็ดเรา แล้วยังเอาไอ้หน้าเฉย มาบอกว่า เราเคารพการแก้ปัญหาภายในบ้านของผู้อื่น นี่มันเลิกกฏไม่ถึง 10 วัน มันเชิญคนมาแดกเราได้ มันเตี้ยมกันใช่ไหม
    ประมาณ 15 ปี ที่ผ่านมา นักล่าปีกเหี่ยวใบตองแห้ง แม้จะซื้อไพ่ไว้ทุกใบตามสันดาน แต่เพราะเลือกใช้นโยบาย ยุให้แยก แยงจนแตก แล้วเข้าครอง นักล่าจึงให้ราคาไพ่บางใบ เกินราคาอย่างไม่น่าเชื่อ เพราะดันไปประเมินว่า เป็นไพ่ที่จะทำให้ แดนสมันน้อยแตก และนักล่า จะได้เข้าครอบครองแดนสมันน้อยอ ย่างเบ็ดเสร็จ (เสียที) แต่ นักล่าปีกเหี่ยวใบตองแห้ง คำนวณพลาด นอกจากให้ราคาเกิน จนขาดทุนย่อยยับแล้ว การพยายามเอาทุนคืนของนักล่าใบตองแห้ง ด้วยการเข้ามาเสือก มาวุ่นวายในบ้านเมืองของสมันน้อย อย่างไม่เห็นแก่หน้า และศักดิ์ศรีของเจ้าของบ้าน ยิ่งทำให้แผนเขมือบเมืองของนักล่า ทำท่าว่า จะไปไม่รอด

    ผ่านไปหลายวัน จนถึงวันนี้ ยังไม่มีข่าวว่า นักล่าปีกเหี่ยวใบตองแห้ง จะแก้เกม ที่เสียแต้มอย่างหมดรูปคราวนี้อย่างไร รัสเซียมาเร็ว ด่า(ฝาก)เร็ว กลับเร็ว สมันน้อยซึ่งเคยอ้อยสร้อย คราวนี้กลับยกฉาก มาเปลี่ยนอย่างฉับไวเช่นเดียวกัน นานๆ จะทำให้นักล่า มึนรับประทานถึงกับยังไปไม่เป็น ยืนเซ่อ อยู่กลางสี่แยก

    แม้นักล่าปีกเหี่ยวใบตองแห้ง จะยังยืนคาสี่แยก ยังไม่รู้จะหยิบบทไหนมาเล่นต่อ แต่ไม่ต้องห่วง นักล่าปีกเหี่ยวใบตองแห้ง มีเครื่องถ่ายเอกสารให้ใช้แยะ ให้มันออกมาเสี้ยมขัดตาทัพไปก่อน

    ลองอ่านการสัมภาษณ์ของ Deutsche Welle (DW) เมื่อวันที่ 8 เมษายน ออกมาเร็วทันใจ โดยผู้ตอบคือ นาย Zachary Abuza นักค้นคว้าอิสระ และเป็นนักเขียน เรื่องการก่อความไม่สงบทางภาคใต้ของไทย “The Insurgency in Southern Thailand” ซึ่งจัดพิมพ์โดย United States Institute of Peace

    นาย Abuza บอกว่า ขณะที่ หลายประเทศทางตะวันตก กระอักกระอ่วนใจอย่างยิ่ง ที่จะทำธุรกิจกับรัฐบาลทหารของไทย รัฐบาลไทย ก็เลยต้องเบนเข็มไปทางรัสเซียและจีน ซึ่งทั้ง 2 ประเทศก็ฉวยโอกาสนี้ หาประโยชน์ให้ตัวเสียด้วย

    เขาว่า การมาของรัสเซีย ไม่มีอะไรทางเนื้อหาสาระหรอก มันเป็นเชิงสัญลักษญ์เสียมากกว่า กรุงเทพฯ กำลังส่งสัญญานไปทางวอชิงตัน ซึ่งเป็นพันธมิตรตามสนธิสัญญา
    ( treaty ally) ว่าตนเองก็มีทางเลือกนะ เท่านั้นเอง นอกจากนี้ สัมพันธ์ระหว่างฝ่ายทหารของไทยกับจีนที่กำลังงอกงาม เพราะไทยกำลังจะซื้ออาวุธจากจีน และจีน ก็กำลังจีบไทยเพื่อจะเข้ามาใช้ฐานทัพที่สัตตหีบ (อู่ตะเภา) ของไทย โดยจีนจะเป็นผู้ออกเงินปรับปรุงฐานทัพให้

    นาย Abuza สาธยายต่อไปว่า เศรษฐกิจไทยก็กำลังแย่ เพราะนักลงทุนจากตะวันตก และญี่ปุ่น ต่างเปลี่ยนทิศ มุ่งหน้า ไปเวียตนาม ฟิลิปปีนส์ และอินโดนีเซียแทน
    ส่วนเป้าหมายของรัสเซีย ก็คือต้องการส่งสัญญานไปถึงวอชิงตันว่า อำนาจของรัสเซีย ก็มีไปทั่วโลก แม้แต่ในภูมิภาค ที่อเมริกาคิดว่ามีแต่เพื่อนของตน และขณะที่สัมพันธ์ของอเมริกา/เวียตนาม กำลังดีวันดีคืน รัสเซียก็จะไม่ยอมให้สิ่งนี้เกิดขึ้น ด้วยค่าใช้จ่ายที่รัสเซียให้กับเวียตนาม มันก็เช่นเดียวกัน เหมือนกับที่รัสเซียกำลังสนุกสนาน กับการอ้าแขนรับของไทย ซึ่งเป็นมิตรกับอเมริกามายาวนาน ด้วยค่าใช้จ่ายของอเมริกา

    เป็นไงครับ บททวงบุญุคุญรายการนี้ไม่เบาเลย พูดซะผมเกือบเคลิ้ม ถ้าไม่พล่ามจนมั่วเรื่องนักลงทุนหนีไทย ไปใช้ฟิลิปปินส์ ผมคงเชื่อหมดจนตกเก้าอี้ สร้างโรงงานสู้ใต้ฝุ่น สนุก ฉ.ห. เลย อย่าลืมเอาอุปกรณ์ช่วยชีวิตแจกคนงานไว้ล่วงหน้าด้วยแล้วกัน

    (3)

    น่าสนใจ การเดินหมากของฝ่ายอเมริกา กับ จีน/รัส เซีย ในภูมิภาคแปซิฟิก อเมริกาประกาศว่า เราเป็นเจ้าแห่ง แปซิฟิก และจะเป็นอยู่ตลอดไป เราไม่เคยหายไปไหน ขนาดไม่หายไปไหน แต่เพียงแค่อาทิตย์เดียวที่ผ่านมา เจ้าแห่งแปซิฟิก ดูเหมือนจะถูกอีกฝ่ายเดินเกม ลูบคมเสียหน้าม้าน เสียไปหลายหมาก ยังแก้ไม่ได้ จากนี้ไป ไม่รู้ว่าแปซิฟิกจะร้อนตามตะวันออกกลางหรือไม่

    ก่อนมาเมืองไทย คุณหน้าเฉยแวะไปเยี่ยมเวียตนามก่อน ไปจับมือเวียตนาม ที่เขาลือว่าเลือกซบปีกเหี่ยวๆของนักล่าใบตองแห้งเรียบร้อย แล้ว ข่าวว่าคุณหน้าเฉย ทำหน้าเฉยถามตรงๆ ไม่อ้อมค้อม ตกลงฐานทัพที่ Cam Rahn Bay น่ะ จะให้อเมริกามาใช้ หรือ จะให้รัสเซียใช้ เวียตนามบอกว่า ไม่น่าต้องถาม ใครถล่มเราจนราบไปทั้งเมือง และใครช่วยเรา เราแยกแยะได้ยามจำเป็น และยามจำเป็นน่าจะใกล้มาถึงแล้ว ประโยคหลังนี่ ผมเดาเอาจากสีหน้า ของพณะนายกรัฐมนตรีเวียตนาม ที่ยากจะบรรยาย

    และวันเดียวกันกับที่ คุณหน้าเฉยเดินทางออกจากเวียตนาม มาเมืองไทย คุณหน้าเซียว นายAsh Carter รัฐมนตรีกลาโหม คนใหม่ของอเมริกา เพิ่งแกะออกจากกล่องหมาดๆ ก็มีรายการเดินสายเข้ามาเยี่ยมแปซิฟิก คร้ังแรกในฐานะพณะท่านเหมือนกัน พณะหน้าเซียว แวะเยี่ยมลูกเลี้ยงทั้ง 2 แห่ง วันอังคารที่ 7 เมษา เยี่ยมญี่ปุ่น วันพฤหัสที่ 9 เมษา เยี่ยมเกาหลีใต้

    ก่อนมาถึงเกาหลีใต้ พณะหน้าเซียว ได้รับการต้อนรับอย่างน่าประทับใจ น้องคิมของผมส่งของขวัญไปให้ จากเกาหลีเหนือ เป็นการทดลองยิงจรวดระยะใกล้ ข้ามมาลงกลางทะเลใกล้เกาหลีใต้ วันอังคาร น้องคิมส่งให้ 2 ลูก น้องคิมไม่แน่ใจ เกรงว่าของขวัญจะน้อยไป วันศุกร์เลยเพิ่มจำนวน ส่งไป 4 ลูก เล่นเอา พณะรัฐมนตรีเพิ่งออกจากกล่อง ถึงกับรำพึงว่า ถ้าไอ้ที่เขายิงทดลองมานี่ เป็นการต้อนรับผม ผมก็เป็นปลื้มนะ ปลื้มจนหน้าเซียวเพิ่มระดับ
    เรื่อง ฉากใหม่ “ฉากใหม่” (1) เมื่อต้นอาทิตย์ (7,8 เม.ย) เราได้เห็นรูปถ่าย และข่าว ที่แสดงถึงการเปลี่ยนแปลงฉากการเมืองระหว่างประเทศของไทยที่น่าสนใจอย่างยิ่ง เป็นรูปของพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีของไทย กำลังยิ้ม อย่างที่เขาเรียกว่า ไม่ใช่ยิ้มแค่ปาก กับ นาย Dmitry Medvedev นายกรัฐมนตรีของรัสเซีย ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นคนหน้าเฉย ตานิ่ง แต่คราวนี้ คุณหน้าเฉย ยิ้มออก คงเป็นยิ้ม ที่นานๆ จะหลุดมาให้เห็น จึงเป็นรูปที่น่าจะสร้างอารมณ์หลากหลายแก่ผู้ที่เห็น ผู้นำของรัสเซีย มาเป็นแขกของรัฐบาลไทยอย่างเป็นทางการ เป็นครั้งแรก หลังจากทิ้งช่วงห่างนานถึง 25 ปี หลังสงครามเย็น ความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับรัสเซียอย่างเป็นทางการ ก็เย็นตามอุณหภูมิ ที่กลุ่มผู้นำโลกฝั่งตะวันตกต้ังไว้ให้ สมันน้อยว่าง่าย เชื่อฟังลูกพี่ใหญ่เสมอ ไม่เคยคัดค้าน ขัดขืน หรือเปลี่ยนแปลง ปรอทแสดงอุณหภูมิความสัมพันธ์กับรัสเซีย ที่อเมริกาเป็นผู้มาติดต้ังและกำกับไว้ จึงเย็นยะเยือกค้างเป็นทางการ อยู่อย่างนั้น มาถึงเดือนเมษายน ปีนี้ ขณะที่บ้านเรากำลังอยู่กลางฤดูร้อน อุณหภูมิความร้อนของเดือนเมษายน ในไทย ร้อนแรงจนแสบตัว และอาจจะแสบไปทั้งหลัง และหัวใจของใครหลายคน แต่ระหว่างไทยรัสเซีย อุณหภูมิความสัมพันธ์ กลับเริ่มอุ่นกำลังดี ความเย็นชาค่อยๆจางออกไป การเปลี่ยนแปลงของอุณภูมิระดับนี้ น่าจะเป็นข่าวใหญ่ไม่น้อย เพราะมันเกิดขึ้นนอกเหนือคำสั่งของลูกพี่ใหญ่ ปรอทจำกัดอุณภูมิ ที่ตั้งไว้ ใช้การไม่ได้เสียแล้ว แต่จะถาวร หรือชั่วคราว คงต้องติดตามดูกันต่อไป น่าสนใจ ที่สำนักข่าวใหญ่ๆ เกือบทั้งหมด หลีกเลี่ยงที่จะให้ความสนใจ ให้ราคากับข่าวปรอทเสียนี้ แม้ว่ามันอาจมีผลกระทบไม่น้อย กับการเมืองในภูมิภาคนี้ และอาจจะกระทบไปถึงการเมืองระดับโลกด้วย นายกรัฐมนตรีรัสเซีย บอกว่า ประเทศไทย เป็นเพื่อนเก่าแก่ที่สุดของรัส เซียในเอเซียแปซิฟิก อีก 2 ปี เราจะได้ฉลองครบ 120 ปี ของความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ประเทศแล้วนะ เราทั้ง 2 ประเทศ มาถึงตรงนี้ เพราะเรามีความเข้าใจในวัฒนธรรม ความเป็นเพื่อน และมีความเคารพให้แก่กัน คุณนายกหน้าเฉยเข้าใจพูด นอกเหนือจากการแลกเปลี่ยนคำสนทนาฉันท์มิตร ที่มีมารยาทแล้ว ไทยกับรัสเซีย ยังลงนามในบันทึกความเข้าใจ เกี่ยวกับการร่วมมือ ด้านการค้า การพลังงาน การลงทุน การท่องเที่ยว วัฒนธรรม และกฏหมาย อีกด้วย จากการสัมภาษณ์ คุณหน้าเฉย นาย Dmitry Medvedev นายกรัฐมนตรีรัสเซีย โดยนายสุทธิชัย หยุ่น สื่อใหญ่ ซึ่งบอกว่า ไทยนับว่ารัสเซียเป็นเพื่อนแท้ เมื่อเทียบกับสัมพันธ์ระหว่างไทย กับเพื่อนตะวันตก ที่ตอนนี้กำลังออกรสเปรี้ยว หลังจากที่มีการปฏิวัติ เกี่ยวกับเรื่องนี้ ท่านมีความเห็นว่าอย่างไร คุณหน้าเฉยตอบว่า เราให้ความสนใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นในไทยนะ แต่เราให้ความสนใจอย่างเคารพ we do it with respect … เราแสดงออกอย่างผู้ที่เจริญแล้ว ….ประเทศที่เป็นเอกราช ก็ต้องแก้ปัญหาภายในประเทศของตน ด้วยตนเอง อืม คุณหน้าเฉย นี่แกแสนสุภาพ แต่ คำที่พูดลอยฝากไปถึงใครนี่ เจ็บไม่เบา ส่วนนาย ฐิตินันท์ พงศ์สุทธิรักษ์ ผู้อำนวยการสถาบันศึกษาความมั่นคงและนานาชาติ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ เครื่องถ่ายเอกสารยี่ห้อ ยู เอส เอ ให้ความเห็นเกี่ยวกับการมาของนายกรัฐมนตรีรัสเซียว่า เป็นการมาช่วยรักษาหน้าให้กับ พลเอก ประยุทธ ได้ไม่น้อย แต่ก็เป็นเพียงระยะสั้น เนื่องจากไทยกำลังปกครองโดยรัฐบาลทหาร ที่มาจากการปฏิวัติ และรัสเซียก็เป็นตัวแทนของขั้วอำนาจคนละฝั่ง กับพวกตะวันตก ที่กำลังไม่เห็นด้วยกับรัฐบาลของ พลเอก ประยุทธ์ นายฐิตินันท์ให้ความเห็นเพิ่มเติมว่า สิ่งที่รัฐบาลกำลังทำอยู่ (การเข้าไปซบจีน กับรัสเซีย) ได้ผลแค่ระยะสั้น ในการคานการแสดงออกของฝั่งตะวันตก แต่มันอาจจะมีผลกระทบในระยะใกลได้ ในฐานะเป็นมิตรเก่าแก่ที่สุดของอเมริกาในภูมิภาคนี้ เครื่องถ่ายเอกสาร ยังทำงานได้ดี สมยี่ห้อ สำหรับคนทั่วไปบ้านเรา อาจมีบางคน มองด้วยความหงุดหงิดว่า ลุงตู่กำลังทำอะไร เราจะเปลี่ยนไปคบกับรัสเซีย ไม่เอาอเมริกาเพื่อนเก่าแก่แล้วหรือ ลุงตู่ทำได้ไง ไว้ใจได้ที่ไหน รัสเซียน่ะมาเฟียโหดทั้งนั้นนะ ไปดูแถวพัทยา ภูเก็ต สิ เห็นแล้วสยอง จนขนลุกไปหมด แต่บางคนก็อาจถูกใจ บอก เออ หัดคบเพื่อนใหม่เสียบ้าง มัวแต่เชื่อไอ้ก๊วนปีกเหี่ยวใบตองแห้งอยู่ได้ ถูกมันต้มเปื่อยมา 60 กว่าปีแล้ว น่าจะเปลี่ยนนโยบายมานานแล้ว เผื่อเพื่อนเก่าจะได้รู้จักปรับปรุงตัว และก็อาจมีพวกที่ยังหลงยุค ตกข่าว มองด้วยความไม่สบอารมณ์ นี่เราไปคบกับรัสเซียได้ไง เขาเป็นคอมมูนิสต์นะ เดี๋ยวพวกอยากเปลี่ยนการปกครองไม่เอาสถาบัน ก็ตีปีกดีใจ นึกว่ามีพวกมาสนับสนุน แถมรัฐบาลยังไปต้อนรับยิ้มหวานกับเขาเสียอีก แต่ก็ยังคงมีอีกหลายคน ที่ไม่สนใจ ไม่รับรู้ว่า ลุงตู่กับคุณหน้าเฉย เขากำลังทำอะไรกัน ดี หรือไม่ดี กับประเทศของตัวอย่างไร เพราะมัวแต่ยุ่งอยู่แต่กับเรื่องส่วนตัว หรือมัวแต่สนใจว่านางเอกสาวคนนั้น ตกลงเธอมีกิ๊กอยู่เมืองนอก หรือเมืองไทยกันแน่… เหล่านี้ เป็นเรื่องธรรมดาของ ผู้คนในแดนสมันน้อย และที่เราน่าจะสนใจกันบ้าง เพราะมันย่อมมีผลกระทบถึงบ้านเรา แน่นอน คือปฏิกิริยา ของเพื่อนเก่า นักล่าปีกเหี่ยวใบตองแห้ง ที่น่าจะกำลังเครียดจัด เพราะว่า เหยื่อ ที่อยู่ในกำมือมานาน และมีเค้าว่าจะต้องรับใช้งานสำคัญ อาจกำลังจะหลุดมือไป ข่าวลือว่า นักล่า ถึงกับส่งทีมมาหาข่าวหลายทีม หลายวงการ ยิ่งแถวโรงแรมใหญ่กลางเมือง ที่อยู่ใกล้ๆกัน 2 โรง ทีมหาข่าวแทบจะเดินชนกันตาย เดินแถวนั้น มันจะได้ข่าวอะไร แถวนั้นมันมีแต่ก๊อสสิบโฮโส ข่าวที่ได้มันถึงได้หยำเฟอะ เลอะเทอะ พาเอานักล่าปีกเหี่ยวใบตองแห้ง ได้ข่าวไขว้เขวไปหมด (2) มีอีกาคาบข่าว ไปบอกนักล่าใบตองแห้งมาพักใหญ่แล้วว่า สมันน้อยอาจไม่คิดอยู่ใต้ปีกเหี่ยวๆของนักล่าใบตองแห้ง แบบเป็นสมาชิกตลอดชีพอีกแล้ว สมันน้อยกำลังมองหาเพื่อนคนอื่นในป่าอันกว้างใหญ่นี้เหมือนกัน มันเป็นไปได้ยังไง นักล่าปีกเหี่ยวใบตองแห้ง ไม่เชื่อข่าวอีกา ก็เราครอบสมันน้อยจนอยู่หมัด ประกบทุกพรรค ทุกพวก ทุกกลุ่ม ทุกกระทรวง ทุกกองทัพ ไม่มีหลุด แล้วมันจะหลุดมือ ไปได้ยังไง (โว้ย) นักล่าปีกเหี่ยวใบตองแห้งปลอบใจตัวเอง ว่ามันคงเป็นแค่ข่าวลือ แต่พอรูปยิ้มหวาน ระหว่างคุณแก้มยุ้ย กับคุณหน้าเฉย ออกกระจายเต็มหน้าสื่อ เขาว่าวันนั้น อุณหภูมิแถวถนนวิทยุ ขึ้นสูงกว่าเขตอื่น ขนาดเอาน้ำใส่แก้ววางหน้าสถานทูต ไม่ต้องเสียเวลาต้ม แล้วนี่เราจะรายงานไปทางวอชิงตันว่าไง เราไปหาใคร ทุกคนก็บอกว่า เรายังเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน เรารักกัน เราไม่ทิ้งกัน แล้วรูปแบบนี้มันออกมาได้ไง มันเป็นการบังเอิญหรือไร เราเพิ่งบีบสมันน้อยจนเกือบจะ เละคามือ ให้เลิกกฏอัยการศึก สมันน้อยทำหน้าใสซื่อ บอกจะพิจารณาด่วน แล้วก็ยกเลิกจริง แต่ดันออก ม 44 ซึ่งร้อน และแรงกว่า กฏอัยการศึกอีก สมันน้อยไม่รู้เรื่อง หรือสมันน้อยย้อนเกล็ดเรา แล้วยังเอาไอ้หน้าเฉย มาบอกว่า เราเคารพการแก้ปัญหาภายในบ้านของผู้อื่น นี่มันเลิกกฏไม่ถึง 10 วัน มันเชิญคนมาแดกเราได้ มันเตี้ยมกันใช่ไหม ประมาณ 15 ปี ที่ผ่านมา นักล่าปีกเหี่ยวใบตองแห้ง แม้จะซื้อไพ่ไว้ทุกใบตามสันดาน แต่เพราะเลือกใช้นโยบาย ยุให้แยก แยงจนแตก แล้วเข้าครอง นักล่าจึงให้ราคาไพ่บางใบ เกินราคาอย่างไม่น่าเชื่อ เพราะดันไปประเมินว่า เป็นไพ่ที่จะทำให้ แดนสมันน้อยแตก และนักล่า จะได้เข้าครอบครองแดนสมันน้อยอ ย่างเบ็ดเสร็จ (เสียที) แต่ นักล่าปีกเหี่ยวใบตองแห้ง คำนวณพลาด นอกจากให้ราคาเกิน จนขาดทุนย่อยยับแล้ว การพยายามเอาทุนคืนของนักล่าใบตองแห้ง ด้วยการเข้ามาเสือก มาวุ่นวายในบ้านเมืองของสมันน้อย อย่างไม่เห็นแก่หน้า และศักดิ์ศรีของเจ้าของบ้าน ยิ่งทำให้แผนเขมือบเมืองของนักล่า ทำท่าว่า จะไปไม่รอด ผ่านไปหลายวัน จนถึงวันนี้ ยังไม่มีข่าวว่า นักล่าปีกเหี่ยวใบตองแห้ง จะแก้เกม ที่เสียแต้มอย่างหมดรูปคราวนี้อย่างไร รัสเซียมาเร็ว ด่า(ฝาก)เร็ว กลับเร็ว สมันน้อยซึ่งเคยอ้อยสร้อย คราวนี้กลับยกฉาก มาเปลี่ยนอย่างฉับไวเช่นเดียวกัน นานๆ จะทำให้นักล่า มึนรับประทานถึงกับยังไปไม่เป็น ยืนเซ่อ อยู่กลางสี่แยก แม้นักล่าปีกเหี่ยวใบตองแห้ง จะยังยืนคาสี่แยก ยังไม่รู้จะหยิบบทไหนมาเล่นต่อ แต่ไม่ต้องห่วง นักล่าปีกเหี่ยวใบตองแห้ง มีเครื่องถ่ายเอกสารให้ใช้แยะ ให้มันออกมาเสี้ยมขัดตาทัพไปก่อน ลองอ่านการสัมภาษณ์ของ Deutsche Welle (DW) เมื่อวันที่ 8 เมษายน ออกมาเร็วทันใจ โดยผู้ตอบคือ นาย Zachary Abuza นักค้นคว้าอิสระ และเป็นนักเขียน เรื่องการก่อความไม่สงบทางภาคใต้ของไทย “The Insurgency in Southern Thailand” ซึ่งจัดพิมพ์โดย United States Institute of Peace นาย Abuza บอกว่า ขณะที่ หลายประเทศทางตะวันตก กระอักกระอ่วนใจอย่างยิ่ง ที่จะทำธุรกิจกับรัฐบาลทหารของไทย รัฐบาลไทย ก็เลยต้องเบนเข็มไปทางรัสเซียและจีน ซึ่งทั้ง 2 ประเทศก็ฉวยโอกาสนี้ หาประโยชน์ให้ตัวเสียด้วย เขาว่า การมาของรัสเซีย ไม่มีอะไรทางเนื้อหาสาระหรอก มันเป็นเชิงสัญลักษญ์เสียมากกว่า กรุงเทพฯ กำลังส่งสัญญานไปทางวอชิงตัน ซึ่งเป็นพันธมิตรตามสนธิสัญญา ( treaty ally) ว่าตนเองก็มีทางเลือกนะ เท่านั้นเอง นอกจากนี้ สัมพันธ์ระหว่างฝ่ายทหารของไทยกับจีนที่กำลังงอกงาม เพราะไทยกำลังจะซื้ออาวุธจากจีน และจีน ก็กำลังจีบไทยเพื่อจะเข้ามาใช้ฐานทัพที่สัตตหีบ (อู่ตะเภา) ของไทย โดยจีนจะเป็นผู้ออกเงินปรับปรุงฐานทัพให้ นาย Abuza สาธยายต่อไปว่า เศรษฐกิจไทยก็กำลังแย่ เพราะนักลงทุนจากตะวันตก และญี่ปุ่น ต่างเปลี่ยนทิศ มุ่งหน้า ไปเวียตนาม ฟิลิปปีนส์ และอินโดนีเซียแทน ส่วนเป้าหมายของรัสเซีย ก็คือต้องการส่งสัญญานไปถึงวอชิงตันว่า อำนาจของรัสเซีย ก็มีไปทั่วโลก แม้แต่ในภูมิภาค ที่อเมริกาคิดว่ามีแต่เพื่อนของตน และขณะที่สัมพันธ์ของอเมริกา/เวียตนาม กำลังดีวันดีคืน รัสเซียก็จะไม่ยอมให้สิ่งนี้เกิดขึ้น ด้วยค่าใช้จ่ายที่รัสเซียให้กับเวียตนาม มันก็เช่นเดียวกัน เหมือนกับที่รัสเซียกำลังสนุกสนาน กับการอ้าแขนรับของไทย ซึ่งเป็นมิตรกับอเมริกามายาวนาน ด้วยค่าใช้จ่ายของอเมริกา เป็นไงครับ บททวงบุญุคุญรายการนี้ไม่เบาเลย พูดซะผมเกือบเคลิ้ม ถ้าไม่พล่ามจนมั่วเรื่องนักลงทุนหนีไทย ไปใช้ฟิลิปปินส์ ผมคงเชื่อหมดจนตกเก้าอี้ สร้างโรงงานสู้ใต้ฝุ่น สนุก ฉ.ห. เลย อย่าลืมเอาอุปกรณ์ช่วยชีวิตแจกคนงานไว้ล่วงหน้าด้วยแล้วกัน (3) น่าสนใจ การเดินหมากของฝ่ายอเมริกา กับ จีน/รัส เซีย ในภูมิภาคแปซิฟิก อเมริกาประกาศว่า เราเป็นเจ้าแห่ง แปซิฟิก และจะเป็นอยู่ตลอดไป เราไม่เคยหายไปไหน ขนาดไม่หายไปไหน แต่เพียงแค่อาทิตย์เดียวที่ผ่านมา เจ้าแห่งแปซิฟิก ดูเหมือนจะถูกอีกฝ่ายเดินเกม ลูบคมเสียหน้าม้าน เสียไปหลายหมาก ยังแก้ไม่ได้ จากนี้ไป ไม่รู้ว่าแปซิฟิกจะร้อนตามตะวันออกกลางหรือไม่ ก่อนมาเมืองไทย คุณหน้าเฉยแวะไปเยี่ยมเวียตนามก่อน ไปจับมือเวียตนาม ที่เขาลือว่าเลือกซบปีกเหี่ยวๆของนักล่าใบตองแห้งเรียบร้อย แล้ว ข่าวว่าคุณหน้าเฉย ทำหน้าเฉยถามตรงๆ ไม่อ้อมค้อม ตกลงฐานทัพที่ Cam Rahn Bay น่ะ จะให้อเมริกามาใช้ หรือ จะให้รัสเซียใช้ เวียตนามบอกว่า ไม่น่าต้องถาม ใครถล่มเราจนราบไปทั้งเมือง และใครช่วยเรา เราแยกแยะได้ยามจำเป็น และยามจำเป็นน่าจะใกล้มาถึงแล้ว ประโยคหลังนี่ ผมเดาเอาจากสีหน้า ของพณะนายกรัฐมนตรีเวียตนาม ที่ยากจะบรรยาย และวันเดียวกันกับที่ คุณหน้าเฉยเดินทางออกจากเวียตนาม มาเมืองไทย คุณหน้าเซียว นายAsh Carter รัฐมนตรีกลาโหม คนใหม่ของอเมริกา เพิ่งแกะออกจากกล่องหมาดๆ ก็มีรายการเดินสายเข้ามาเยี่ยมแปซิฟิก คร้ังแรกในฐานะพณะท่านเหมือนกัน พณะหน้าเซียว แวะเยี่ยมลูกเลี้ยงทั้ง 2 แห่ง วันอังคารที่ 7 เมษา เยี่ยมญี่ปุ่น วันพฤหัสที่ 9 เมษา เยี่ยมเกาหลีใต้ ก่อนมาถึงเกาหลีใต้ พณะหน้าเซียว ได้รับการต้อนรับอย่างน่าประทับใจ น้องคิมของผมส่งของขวัญไปให้ จากเกาหลีเหนือ เป็นการทดลองยิงจรวดระยะใกล้ ข้ามมาลงกลางทะเลใกล้เกาหลีใต้ วันอังคาร น้องคิมส่งให้ 2 ลูก น้องคิมไม่แน่ใจ เกรงว่าของขวัญจะน้อยไป วันศุกร์เลยเพิ่มจำนวน ส่งไป 4 ลูก เล่นเอา พณะรัฐมนตรีเพิ่งออกจากกล่อง ถึงกับรำพึงว่า ถ้าไอ้ที่เขายิงทดลองมานี่ เป็นการต้อนรับผม ผมก็เป็นปลื้มนะ ปลื้มจนหน้าเซียวเพิ่มระดับ
    0 Comments 0 Shares 485 Views 0 Reviews
  • “จ่ายค่าไถ่แล้วก็ไม่รอด: 40% ของเหยื่อแรนซัมแวร์ยังคงสูญเสียข้อมูล”

    รู้หรือเปล่าว่า แม้จะยอมจ่ายค่าไถ่ให้แฮกเกอร์ไปแล้ว ก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะได้ข้อมูลคืนเสมอไปนะ! จากรายงานล่าสุดของ Hiscox พบว่า 2 ใน 5 บริษัทที่จ่ายค่าไถ่กลับไม่ได้ข้อมูลคืนเลย หรือได้คืนแค่บางส่วนเท่านั้น

    ที่น่าตกใจกว่านั้นคือ แฮกเกอร์บางกลุ่มถึงขั้นใช้เครื่องมือถอดรหัสที่มีบั๊ก หรือบางทีก็หายตัวไปดื้อ ๆ หลังได้เงินแล้ว แถมบางครั้งตัวถอดรหัสยังทำให้ไฟล์เสียหายยิ่งกว่าเดิมอีกต่างหาก

    และที่สำคัญ—การจ่ายเงินไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาทั้งหมด เพราะแฮกเกอร์ยุคนี้ไม่ได้แค่ล็อกไฟล์ แต่ยังขู่จะปล่อยข้อมูลหรือโจมตีซ้ำด้วย DDoS แม้จะได้เงินไปแล้วก็ตาม

    องค์กรที่เคยโดนโจมตีอย่างบริษัท Kantsu ในญี่ปุ่น ถึงกับต้องกู้เงินจากธนาคารเพื่อฟื้นฟูระบบ เพราะแม้จะมีประกันไซเบอร์ แต่ก็ต้องรอขั้นตอนการเคลมที่ใช้เวลานาน

    ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่า อย่ารอให้โดนก่อนค่อยหาทางแก้ ควรเตรียมแผนรับมือไว้ล่วงหน้า เช่น มีทีมตอบสนองเหตุการณ์ฉุกเฉิน มีระบบสำรองข้อมูลที่ปลอดภัย และที่สำคัญ—อย่าคิดว่าการจ่ายเงินคือทางออกที่ดีที่สุด

    สถิติจากรายงาน Hiscox Cyber Readiness Report
    40% ของเหยื่อที่จ่ายค่าไถ่ไม่ได้ข้อมูลคืนเลย
    27% ของธุรกิจถูกโจมตีด้วยแรนซัมแวร์ในปีที่ผ่านมา
    80% ของเหยื่อยอมจ่ายค่าไถ่เพื่อพยายามกู้ข้อมูล

    ปัญหาที่เกิดขึ้นแม้จะจ่ายค่าไถ่แล้ว
    เครื่องมือถอดรหัสที่ได้รับอาจมีบั๊กหรือทำให้ไฟล์เสียหาย
    แฮกเกอร์บางกลุ่มไม่มีความน่าเชื่อถือ อาจไม่ส่งคีย์ถอดรหัส
    การถอดรหัสในระบบขนาดใหญ่ใช้เวลานานและอาจล้มเหลว

    ภัยคุกคามที่มากกว่าแค่การเข้ารหัสข้อมูล
    แฮกเกอร์ใช้วิธี “ขู่เปิดเผยข้อมูล” หรือ DDoS แม้จะได้เงินแล้ว
    การจ่ายเงินไม่ช่วยแก้ปัญหาการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล

    กรณีศึกษา: บริษัท Kantsu ในญี่ปุ่น
    ไม่จ่ายค่าไถ่ แต่ต้องกู้เงินเพื่อฟื้นฟูระบบ
    แม้มีประกันไซเบอร์ แต่ต้องรอขั้นตอนการเคลม

    คำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ
    ควรมีแผนรับมือเหตุการณ์ล่วงหน้า เช่น การสำรองข้อมูลที่ปลอดภัย
    ควรมีทีมตอบสนองเหตุการณ์ฉุกเฉินไว้ล่วงหน้า
    การมีประกันไซเบอร์ช่วยลดผลกระทบและให้การสนับสนุนด้านกฎหมาย

    คำเตือนเกี่ยวกับการจ่ายค่าไถ่
    ไม่มีหลักประกันว่าจะได้ข้อมูลคืน
    อาจละเมิดกฎหมายหากจ่ายเงินให้กลุ่มที่ถูกคว่ำบาตร
    การจ่ายเงินอาจกระตุ้นให้เกิดอาชญากรรมไซเบอร์เพิ่มขึ้น
    อาจทำให้ข้อมูลเสียหายมากขึ้นจากการถอดรหัสที่ผิดพลาด

    https://www.csoonline.com/article/4077484/ransomware-recovery-perils-40-of-paying-victims-still-lose-their-data.html
    💸 “จ่ายค่าไถ่แล้วก็ไม่รอด: 40% ของเหยื่อแรนซัมแวร์ยังคงสูญเสียข้อมูล” รู้หรือเปล่าว่า แม้จะยอมจ่ายค่าไถ่ให้แฮกเกอร์ไปแล้ว ก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะได้ข้อมูลคืนเสมอไปนะ! จากรายงานล่าสุดของ Hiscox พบว่า 2 ใน 5 บริษัทที่จ่ายค่าไถ่กลับไม่ได้ข้อมูลคืนเลย หรือได้คืนแค่บางส่วนเท่านั้น ที่น่าตกใจกว่านั้นคือ แฮกเกอร์บางกลุ่มถึงขั้นใช้เครื่องมือถอดรหัสที่มีบั๊ก หรือบางทีก็หายตัวไปดื้อ ๆ หลังได้เงินแล้ว แถมบางครั้งตัวถอดรหัสยังทำให้ไฟล์เสียหายยิ่งกว่าเดิมอีกต่างหาก และที่สำคัญ—การจ่ายเงินไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาทั้งหมด เพราะแฮกเกอร์ยุคนี้ไม่ได้แค่ล็อกไฟล์ แต่ยังขู่จะปล่อยข้อมูลหรือโจมตีซ้ำด้วย DDoS แม้จะได้เงินไปแล้วก็ตาม องค์กรที่เคยโดนโจมตีอย่างบริษัท Kantsu ในญี่ปุ่น ถึงกับต้องกู้เงินจากธนาคารเพื่อฟื้นฟูระบบ เพราะแม้จะมีประกันไซเบอร์ แต่ก็ต้องรอขั้นตอนการเคลมที่ใช้เวลานาน ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่า อย่ารอให้โดนก่อนค่อยหาทางแก้ ควรเตรียมแผนรับมือไว้ล่วงหน้า เช่น มีทีมตอบสนองเหตุการณ์ฉุกเฉิน มีระบบสำรองข้อมูลที่ปลอดภัย และที่สำคัญ—อย่าคิดว่าการจ่ายเงินคือทางออกที่ดีที่สุด ✅ สถิติจากรายงาน Hiscox Cyber Readiness Report ➡️ 40% ของเหยื่อที่จ่ายค่าไถ่ไม่ได้ข้อมูลคืนเลย ➡️ 27% ของธุรกิจถูกโจมตีด้วยแรนซัมแวร์ในปีที่ผ่านมา ➡️ 80% ของเหยื่อยอมจ่ายค่าไถ่เพื่อพยายามกู้ข้อมูล ✅ ปัญหาที่เกิดขึ้นแม้จะจ่ายค่าไถ่แล้ว ➡️ เครื่องมือถอดรหัสที่ได้รับอาจมีบั๊กหรือทำให้ไฟล์เสียหาย ➡️ แฮกเกอร์บางกลุ่มไม่มีความน่าเชื่อถือ อาจไม่ส่งคีย์ถอดรหัส ➡️ การถอดรหัสในระบบขนาดใหญ่ใช้เวลานานและอาจล้มเหลว ✅ ภัยคุกคามที่มากกว่าแค่การเข้ารหัสข้อมูล ➡️ แฮกเกอร์ใช้วิธี “ขู่เปิดเผยข้อมูล” หรือ DDoS แม้จะได้เงินแล้ว ➡️ การจ่ายเงินไม่ช่วยแก้ปัญหาการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล ✅ กรณีศึกษา: บริษัท Kantsu ในญี่ปุ่น ➡️ ไม่จ่ายค่าไถ่ แต่ต้องกู้เงินเพื่อฟื้นฟูระบบ ➡️ แม้มีประกันไซเบอร์ แต่ต้องรอขั้นตอนการเคลม ✅ คำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ ➡️ ควรมีแผนรับมือเหตุการณ์ล่วงหน้า เช่น การสำรองข้อมูลที่ปลอดภัย ➡️ ควรมีทีมตอบสนองเหตุการณ์ฉุกเฉินไว้ล่วงหน้า ➡️ การมีประกันไซเบอร์ช่วยลดผลกระทบและให้การสนับสนุนด้านกฎหมาย ‼️ คำเตือนเกี่ยวกับการจ่ายค่าไถ่ ⛔ ไม่มีหลักประกันว่าจะได้ข้อมูลคืน ⛔ อาจละเมิดกฎหมายหากจ่ายเงินให้กลุ่มที่ถูกคว่ำบาตร ⛔ การจ่ายเงินอาจกระตุ้นให้เกิดอาชญากรรมไซเบอร์เพิ่มขึ้น ⛔ อาจทำให้ข้อมูลเสียหายมากขึ้นจากการถอดรหัสที่ผิดพลาด https://www.csoonline.com/article/4077484/ransomware-recovery-perils-40-of-paying-victims-still-lose-their-data.html
    WWW.CSOONLINE.COM
    Ransomware recovery perils: 40% of paying victims still lose their data
    Paying the ransom is no guarantee of a smooth or even successful recovery of data. But that isn’t even the only issue security leaders will face under fire. Preparation is key.
    0 Comments 0 Shares 186 Views 0 Reviews
  • เรื่อง เสื้อหนังกับเข็มขัดเหล็ก
    ” เสื้อหนัง กับ เข็มขัดเหล็ก”

    (1)

    รายการท้าชิงของมวยรุ่นเล็ก แต่ท่าทางจะเป็นพวกหมูตายไม่กลัวน้ำร้อน ดูเหมือนจะมีพวกแฟนๆรุ่นเก๋า เกาะเชือกเชียร์ไม่น้อย รวมทั้งผม

    พรรค Syriza ซ้ายจัดของกรีซ เพิ่งชนะเลือกตั้งเมื่อวันที่ 25 มกราคม 2015 แม้ไม่ได้คะแนนเสียงข้างมาก ต้องมีพรรคร่วม แต่ก็ได้เป็นรัฐบาลใหม่เอี่ยมของกรีก ที่นำโดยพรรค Syriza ก็ทำท่าจะ ซ่าสมชื่อโดยเฉพาะ ท่านรัฐมนตรีคลังหน้าใหม่มาดเซอร์ คุณน้อง Yanis Varoufakis ของผม

    พรรค Syriza หาเสียงกับชาวกรีกว่า เลือกพวกผมนะพี่น้อง แล้วพี่น้องจะไม่ต้องถูกกดขี่จากนโยบายของสหภาพยุโรปอีกต่อไป มันโหดกับเราขนาดไหน มันหั่นงบของกินของใช้เราขนาดไหน มากไปแล้ว… คงจะทำนองนี้นะครับ ผมไม่ได้แปลคำต่อคำ

    แล้วชาวกรีกก็ได้ Syriza มาเป็นรัฐบาล งานแรกที่ Syriza ต้องทำคือ วิ่งรอกหาพวกสนับสนุน เนื่องจากเงินกู้จำนวนประมาณ 350 พันล้านยูโร ของกรีซจะถึงกำหนดชำระสิ้นเดือนกุมภาพันธ์นี้ ถ้าไม่มีการต่ออายุ และแน่นอน เศรษฐกิจของกรีซคงล้มระเนระนาด ล้มคราวนี้อาจจะหนักกว่า เมื่อปี 2011-2012 แต่ Syriza ก็ยังใจกล้า เข้ามาเป็นรัฐบาล มีของดีแอบอยู่หรือไง

    นายกรัฐมนตรี Alexis Tsipras กับรัฐมนตรีคลัง Yanis Varoufakis แยกกันเดินสาย ไปจับมือกับพวกพี่เบิ้มอียู ท่านนายกรัฐมนตรีมุ่งหน้าไปเยอรมัน ส่วนรัฐมนตรีคลังขอไปอังกฤษ มันกว่า

    ที่เยอรมัน นายกรัฐมนตรี Tsipras แวะไปคารวะอนุสาวรีย์สงครามโลกครั้งที่ 2 สื่อเยอรมันตีข่าวว่า กรีกกำลังมาทวงความจำว่า เยอรมันยังจำได้ไหม คนกรีกเคยช่วยพวกคนเยอรมันจากพวกกางเขนเหล็กของฮิตเลอร์ ตีข่าวกันแบบนี้ คุณป้าแมร์เคิลก็คงไม่ชอบใจ หาว่าฉันเป็นพวกนาซีหรือไงยะ ฉันไม่ใช่กางเขนเหล็กนะ ฉันแค่เข็มขัดเหล็ก

    ข่าวบอกว่า คุณป้าพยายามเลี่ยงการเจรจาแบบสองต่อสอง กับนายTsipras เป็นการทำโทษให้รู้ว่า ฉันไม่พอใจ อืม ป้าแมร์เคิลไม่เบานะ

    คุณเจ๊ Barbara Wesel ผู้สื่อข่าวเยอรมันของ Deutsche Welle ประจำกรุงบรัสเซลบอกว่า ไม่ฉลาดเลยนะ ที่คุณแสดงการดูถูกคนที่คุณจะต้องเจรจาง้องอนด้วย Angela Merkel ไม่สมควรจะได้รับการเปรียบเทียบกับฮิตเลอร์ ….เมื่อคุณเลือกที่จะปฎิบัติกับแมร์เคิลอย่างฝ่ายตรงข้าม คุณจะรู้เองว่า เธอจะเป็นฝ่ายตรงข้ามที่ร้ายขนาด ไหน…. จำไม่ได้เหรอว่า นายเดวิด แคมารอน ก็เคยโดนมาแล้ว เมื่อตอนงัดข้อกับคุณป้า เรื่องจะไม่เอานาย Jean-Claude Juncker เป็นประธานอียู ตามที่คุณป้าเสนอ แล้วเป็นยังไง ต้องลี้กาย หายหน้าไปจากอียูพักใหญ่ ดีว่าไม่ต้องไปแบบถาวร
    โอ้โห พวกเจ๊กางเขนเหล็ก เข็มขัดเหล็ก นี่ดุจัง

    แล้วจำเรื่องบุลกาเรียได้มั้ย ซ่าดีนัก นายกรัฐมนตรีตอนนั้น นาย Plamen Oresshaski เสนอหน้ามาเชียร์เส้นทางท่อแก๊ส South Stream ของรัสเซีย รู้อยู่แล้วว่าป้าเขาไม่เอาด้วย เพราะมันขัดกับกฏของอียู (กฏอะไรจ๊ะเจ๊ เรื่องแซงชั่นน่ะ พูดมันชัดๆไปเลย) แล้วเป็นไง เงินกู้ก้อนใหญ่ถูกตัด ฉับ ฉับเลย ยังไม่พอ ถึงตอนเลือกตั้ง นายปลาเมน หงายท้องผลึ่งไปเลย ฝ่ายค้าน ชื่อ Boyko Borisov ขึ้นมาเป็นแทน และนายปูติน ก็ต้องยกเลิกโครงการไง เห็นฤทธิ์ป้าเข็มขัดเหล็กแล้วซีนะ

    คราวนี้พวกกรีก ที่คิดจะมาต่อรองอียู จะเหลืออะไร ถึงกรีซจะเป็นสมาชิกเก่า ไม่ใช่เด็กใหม่อย่างบุลกาเรีย แถมคนเชียร์ก็ประเภทน้ำหนักเกินกระสอบข้าวทั้งนั้น เช่น ฝรั่งเศส อิตาลี แต่ก็ยังมีหลายอีกประเทศสมาชิก ที่จนกว่ากรีซ ฉนั้น ไม่เหลือบ่ากว่าแรงป้าหรอกน่า ถ้าป้าอยากจะแผลงฤทธิ์ให้ดู

    เซียนมวย อย่าพลาดรายการนี้เชียว เดี๋ยวจะว่ามีดีไม่บอก น้ำหนักมันต่างกันหลายเท่าตัว แต่ทะลึ่งไปท้าเขา ไอ้ตัวเล็ก ฝ่ายท้าชิง มันบ้า หรือ มันไปได้ยาดีมากันแน่…

    (2)

    ฝ่ายผู้ท้าชิง รัฐมนตรีคลังมาดเซอร์ คุณน้อง Yanis Varoufakis ของผม นี่ไม่ธรรมดานะ จบเศรษฐศาสตร์จาก มหาวิทยาล้ย Exter ของอังกฤษ แกมีนัดกับรัฐมนตรีคลังผู้ดีอังกฤษ George Osborne ไอ้หมอนี่ดีกว่าลูกพี่หน่อย เวลาพูดไม่จีบปาก คุณน้องYanis ไปพบรัฐมนตรีผู้ดี ที่บ้านเลขที่ 10 ถนนดาวนิ่ง ก็ทำเนียบนายกนั่นแหละ คุณน้องใส่เสื้อหนัง เท่ สุดขีดไปเลย ข้างในเป็นเสื้อเชิร์ตสีฟ้า และไม่ผูกเนคไท!

    นี่ มันต้องอย่างนี้ ลุงนิทานเชียร์หมดกระเป๋าเลย

    คุณน้องเสื้อหนังบอกว่า เราไม่ได้จะเบี้ยวหนี้นะ เฮียหวัด แห่งไทยแลนด์แดนสมันน้อย เขาฝากมาสอนผม ไม่มี ไม่หนี ไม่จ่าย ก็แค่นั้น ผมกำลังเตรียมจะออกพันธบัตรใหม่ ไปแลกกับพันธบัตรชุดเดิม ที่พวก IMF กับ ECB จอมโหดมันบังคับให้ประเทศผมออกไว้ แต่ผมจะขอยืดเวลา เขาอยากได้หนี้คืนหรือเปล่าล่ะ หรือเขาอยากกำจัดเรา ประโยคท้ายนี่ ลุงนิทานแถมให้ครับ

    นาย Osbourne บอกว่า เรื่องหนี้กรีซ ที่รัฐบาลแถวยูโรโซน คุยกับเจ้าหนี้ไม่รู้เรื่องนี่ จะเป็นเรื่องที่กระทบต่อเศรษฐกิจโลก ยิ่งกว่าเรื่องตะวันออกกลาง หรือเรื่องเผชิญหน้าระหว่างรัสเซียกับพวกตะวันตกอีกนะ ไอ้หมอนี่ ถ้าจะตอแหลเก่ง ไม่น้อยกว่าลูกพี่จอมจีบปาก

    นอกจากนี้ นาย Mark Carney ผู้ว่าการของธนาคารชาติอังกฤษ ยังออกมาวิจารณ์ว่า นโยบายเข้มงวด เรื่องหนี้ของยูโรโซน จะยิ่งบีบให้จำนวนหนี้เพิ่ม แล้วก็ลากยาวกันไปอีก แปลกนะทำไมอังกฤษ สุ้มเสียงเหมือนกันเห็นใจกรีซ ผิดสันดานนักล่า

    อังกฤษกลัวใจคุณน้องเสื้อหนัง ว่าแกจะใช้นโยบายเบี้ยวหนี้ แล้วเดินออกจากอียูง่ายๆอย่างนั้น หรือไม่ก็ ถูกถีบออกจากอียู โดยไม่มีการต่ออายุ ไม่มีการผ่อนปรน เพราะไปลองดีกับพวกเข็มขัดเหล็ก เข้า หรือเพราะอะไรก็แล้วแต่ แต่ถ้ามันเกิดขึ้น อังกฤษบอกว่า มันไม่ใช่กระทบแค่กรีซ มันกระแทกทั้งยุโรป และอังกฤษ ซึ่งอาศัยยุโรปเป็นตลาดส่งออกประมาณ 50 % ก็อ่วมตามด้วย
    ถ้ากรีซเจ๊ง มีข้อดีกับรัฐบาลอังกฤษอย่างเดียว อังกฤษกำลังจะมีการเลือกตั้งในเดือนพฤษภาคมที่จะถึง ถ้าแพ้เลือกตั้ง จะได้อ้างว่ามาจากเรื่องกรีซ ฮา

    ดูแล้ว เรื่องการห่วงกรีซของชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยของเท้าซ้าย เป็นของปลอมไงไม่รู้ คงต้องตามไปคุ้ยต่อ

    แต่ก็มีเรื่องน่าคิด หนี้กรีซจำนวนมหึมา กำลังจะถึงกำหนด รู้หมู่รู้จ่าสิ้นเดือนกุมภาพันธ์นี้ พรรคของคุณน้องเสื้อหนังใจกล้า แอ่นอกเข้าเป็นรัฐบาล ส่วนสิ้นเดือนมีนาคม ก็ถึงกำหนดที่อียูต้องพิจารณาว่า จะต่ออายุการแซงชั่นรัสเซียหรือไม่ คุณป้าเข็มขัดเหล็กบอกว่าไว้แล้วว่า ยังไง เราก็ไม่มีวันผ่อนปรนให้นายปูติน ยกเว้น รัสเซียต้องถอยออกไปจากยูเครนให้หมดจด

    การลงมติ ที่จะต่ออายุการแซงชั่นรัสเซีย จะต้องได้คะแนนเสียงเอกฉันท์ ตอนนี้คุณป้าเข็มขัดเหล็กเลยออกเดินสาย ทำหน้าเข้มใส่ทุกคนเหมือนกัน ล่าสุดนี่ เห็นไปยืนบีบ นายVictor Orban นายกรัฐมนตรีฮังการี เสียหน้าเขียว ก็นาย Orban ดันบอกว่า เขาชอบรูปแบบการปกครองของนายปูติน แบบนี้เดี๋ยวได้โดนเข็มขัดแน่

    มติเอกฉันท์นี่ ไม่ได้กันง่ายๆนะครับ ใครไม่เอาด้วยรายเดียวก็จบ ผมเป็นคุณพี่ปูติน ก็เลิกเครียด ส่วนกรีซก็ไม่น่าเครียดเช่นเดียว กัน ทางออกมีให้เดินหลายทาง แต่ทางคุณป้าเข็มขัดเหล็ก และพวก คุณพี่ชาวเกาะนะซิ น่าจะเครียด ถ้ากรีซเลือกเดินทางนั้น อ้อ มิน่า ถึงได้ตาเหลือกกัน แหมคิดช้าจังลุง

    หมู่เกาะของกรีซ ใกล้กับตุรกีนิดเดียว ตุรกีก็ ไม่ไกลจากรัสเซีย รู้สึกคุณพี่ปูตินของผมนี่ แกชอบสะสม ชอบกินขนมชั้นนะ เอามาเรียงๆกันไว้ โดยเฉพาะกรีซนี่ อยู่กลางเมดิเตอร์เรเนียนเลย ช่างเหมาะจริงๆ แบบนี้กองทัพเรือของใคร ที่เพิ่งจัดงบปรับปรุงก้อนใหญ่ ก็คงเหนื่อยหน่อย จะเข้าไปได้ถึงไหน อย่างนี้ใส่เสื้อหนังไปคุยก็คงได้ คงเบ่งไม่ค่อยไหวแล้ว เอะ แล้วลูกพี่ใหญ่นักล่าใบตองแห้งว่าไงคร้าบ จะเสียหมากให้เขาอีกแล้วเหรอคร้าบ ฮา

    หมายเหตุ: อย่าลืมดูเวทียูเครนบ้างนะครับ ที่ตะวันออกกลางก็เหมือนกัน ตอนนี้เร่งเครื่องกันจัง เดี๋ยวจะว่าลุงไม่เตือน

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    4 กพ. 2558
    เรื่อง เสื้อหนังกับเข็มขัดเหล็ก ” เสื้อหนัง กับ เข็มขัดเหล็ก” (1) รายการท้าชิงของมวยรุ่นเล็ก แต่ท่าทางจะเป็นพวกหมูตายไม่กลัวน้ำร้อน ดูเหมือนจะมีพวกแฟนๆรุ่นเก๋า เกาะเชือกเชียร์ไม่น้อย รวมทั้งผม พรรค Syriza ซ้ายจัดของกรีซ เพิ่งชนะเลือกตั้งเมื่อวันที่ 25 มกราคม 2015 แม้ไม่ได้คะแนนเสียงข้างมาก ต้องมีพรรคร่วม แต่ก็ได้เป็นรัฐบาลใหม่เอี่ยมของกรีก ที่นำโดยพรรค Syriza ก็ทำท่าจะ ซ่าสมชื่อโดยเฉพาะ ท่านรัฐมนตรีคลังหน้าใหม่มาดเซอร์ คุณน้อง Yanis Varoufakis ของผม พรรค Syriza หาเสียงกับชาวกรีกว่า เลือกพวกผมนะพี่น้อง แล้วพี่น้องจะไม่ต้องถูกกดขี่จากนโยบายของสหภาพยุโรปอีกต่อไป มันโหดกับเราขนาดไหน มันหั่นงบของกินของใช้เราขนาดไหน มากไปแล้ว… คงจะทำนองนี้นะครับ ผมไม่ได้แปลคำต่อคำ แล้วชาวกรีกก็ได้ Syriza มาเป็นรัฐบาล งานแรกที่ Syriza ต้องทำคือ วิ่งรอกหาพวกสนับสนุน เนื่องจากเงินกู้จำนวนประมาณ 350 พันล้านยูโร ของกรีซจะถึงกำหนดชำระสิ้นเดือนกุมภาพันธ์นี้ ถ้าไม่มีการต่ออายุ และแน่นอน เศรษฐกิจของกรีซคงล้มระเนระนาด ล้มคราวนี้อาจจะหนักกว่า เมื่อปี 2011-2012 แต่ Syriza ก็ยังใจกล้า เข้ามาเป็นรัฐบาล มีของดีแอบอยู่หรือไง นายกรัฐมนตรี Alexis Tsipras กับรัฐมนตรีคลัง Yanis Varoufakis แยกกันเดินสาย ไปจับมือกับพวกพี่เบิ้มอียู ท่านนายกรัฐมนตรีมุ่งหน้าไปเยอรมัน ส่วนรัฐมนตรีคลังขอไปอังกฤษ มันกว่า ที่เยอรมัน นายกรัฐมนตรี Tsipras แวะไปคารวะอนุสาวรีย์สงครามโลกครั้งที่ 2 สื่อเยอรมันตีข่าวว่า กรีกกำลังมาทวงความจำว่า เยอรมันยังจำได้ไหม คนกรีกเคยช่วยพวกคนเยอรมันจากพวกกางเขนเหล็กของฮิตเลอร์ ตีข่าวกันแบบนี้ คุณป้าแมร์เคิลก็คงไม่ชอบใจ หาว่าฉันเป็นพวกนาซีหรือไงยะ ฉันไม่ใช่กางเขนเหล็กนะ ฉันแค่เข็มขัดเหล็ก ข่าวบอกว่า คุณป้าพยายามเลี่ยงการเจรจาแบบสองต่อสอง กับนายTsipras เป็นการทำโทษให้รู้ว่า ฉันไม่พอใจ อืม ป้าแมร์เคิลไม่เบานะ คุณเจ๊ Barbara Wesel ผู้สื่อข่าวเยอรมันของ Deutsche Welle ประจำกรุงบรัสเซลบอกว่า ไม่ฉลาดเลยนะ ที่คุณแสดงการดูถูกคนที่คุณจะต้องเจรจาง้องอนด้วย Angela Merkel ไม่สมควรจะได้รับการเปรียบเทียบกับฮิตเลอร์ ….เมื่อคุณเลือกที่จะปฎิบัติกับแมร์เคิลอย่างฝ่ายตรงข้าม คุณจะรู้เองว่า เธอจะเป็นฝ่ายตรงข้ามที่ร้ายขนาด ไหน…. จำไม่ได้เหรอว่า นายเดวิด แคมารอน ก็เคยโดนมาแล้ว เมื่อตอนงัดข้อกับคุณป้า เรื่องจะไม่เอานาย Jean-Claude Juncker เป็นประธานอียู ตามที่คุณป้าเสนอ แล้วเป็นยังไง ต้องลี้กาย หายหน้าไปจากอียูพักใหญ่ ดีว่าไม่ต้องไปแบบถาวร โอ้โห พวกเจ๊กางเขนเหล็ก เข็มขัดเหล็ก นี่ดุจัง แล้วจำเรื่องบุลกาเรียได้มั้ย ซ่าดีนัก นายกรัฐมนตรีตอนนั้น นาย Plamen Oresshaski เสนอหน้ามาเชียร์เส้นทางท่อแก๊ส South Stream ของรัสเซีย รู้อยู่แล้วว่าป้าเขาไม่เอาด้วย เพราะมันขัดกับกฏของอียู (กฏอะไรจ๊ะเจ๊ เรื่องแซงชั่นน่ะ พูดมันชัดๆไปเลย) แล้วเป็นไง เงินกู้ก้อนใหญ่ถูกตัด ฉับ ฉับเลย ยังไม่พอ ถึงตอนเลือกตั้ง นายปลาเมน หงายท้องผลึ่งไปเลย ฝ่ายค้าน ชื่อ Boyko Borisov ขึ้นมาเป็นแทน และนายปูติน ก็ต้องยกเลิกโครงการไง เห็นฤทธิ์ป้าเข็มขัดเหล็กแล้วซีนะ คราวนี้พวกกรีก ที่คิดจะมาต่อรองอียู จะเหลืออะไร ถึงกรีซจะเป็นสมาชิกเก่า ไม่ใช่เด็กใหม่อย่างบุลกาเรีย แถมคนเชียร์ก็ประเภทน้ำหนักเกินกระสอบข้าวทั้งนั้น เช่น ฝรั่งเศส อิตาลี แต่ก็ยังมีหลายอีกประเทศสมาชิก ที่จนกว่ากรีซ ฉนั้น ไม่เหลือบ่ากว่าแรงป้าหรอกน่า ถ้าป้าอยากจะแผลงฤทธิ์ให้ดู เซียนมวย อย่าพลาดรายการนี้เชียว เดี๋ยวจะว่ามีดีไม่บอก น้ำหนักมันต่างกันหลายเท่าตัว แต่ทะลึ่งไปท้าเขา ไอ้ตัวเล็ก ฝ่ายท้าชิง มันบ้า หรือ มันไปได้ยาดีมากันแน่… (2) ฝ่ายผู้ท้าชิง รัฐมนตรีคลังมาดเซอร์ คุณน้อง Yanis Varoufakis ของผม นี่ไม่ธรรมดานะ จบเศรษฐศาสตร์จาก มหาวิทยาล้ย Exter ของอังกฤษ แกมีนัดกับรัฐมนตรีคลังผู้ดีอังกฤษ George Osborne ไอ้หมอนี่ดีกว่าลูกพี่หน่อย เวลาพูดไม่จีบปาก คุณน้องYanis ไปพบรัฐมนตรีผู้ดี ที่บ้านเลขที่ 10 ถนนดาวนิ่ง ก็ทำเนียบนายกนั่นแหละ คุณน้องใส่เสื้อหนัง เท่ สุดขีดไปเลย ข้างในเป็นเสื้อเชิร์ตสีฟ้า และไม่ผูกเนคไท! นี่ มันต้องอย่างนี้ ลุงนิทานเชียร์หมดกระเป๋าเลย คุณน้องเสื้อหนังบอกว่า เราไม่ได้จะเบี้ยวหนี้นะ เฮียหวัด แห่งไทยแลนด์แดนสมันน้อย เขาฝากมาสอนผม ไม่มี ไม่หนี ไม่จ่าย ก็แค่นั้น ผมกำลังเตรียมจะออกพันธบัตรใหม่ ไปแลกกับพันธบัตรชุดเดิม ที่พวก IMF กับ ECB จอมโหดมันบังคับให้ประเทศผมออกไว้ แต่ผมจะขอยืดเวลา เขาอยากได้หนี้คืนหรือเปล่าล่ะ หรือเขาอยากกำจัดเรา ประโยคท้ายนี่ ลุงนิทานแถมให้ครับ นาย Osbourne บอกว่า เรื่องหนี้กรีซ ที่รัฐบาลแถวยูโรโซน คุยกับเจ้าหนี้ไม่รู้เรื่องนี่ จะเป็นเรื่องที่กระทบต่อเศรษฐกิจโลก ยิ่งกว่าเรื่องตะวันออกกลาง หรือเรื่องเผชิญหน้าระหว่างรัสเซียกับพวกตะวันตกอีกนะ ไอ้หมอนี่ ถ้าจะตอแหลเก่ง ไม่น้อยกว่าลูกพี่จอมจีบปาก นอกจากนี้ นาย Mark Carney ผู้ว่าการของธนาคารชาติอังกฤษ ยังออกมาวิจารณ์ว่า นโยบายเข้มงวด เรื่องหนี้ของยูโรโซน จะยิ่งบีบให้จำนวนหนี้เพิ่ม แล้วก็ลากยาวกันไปอีก แปลกนะทำไมอังกฤษ สุ้มเสียงเหมือนกันเห็นใจกรีซ ผิดสันดานนักล่า อังกฤษกลัวใจคุณน้องเสื้อหนัง ว่าแกจะใช้นโยบายเบี้ยวหนี้ แล้วเดินออกจากอียูง่ายๆอย่างนั้น หรือไม่ก็ ถูกถีบออกจากอียู โดยไม่มีการต่ออายุ ไม่มีการผ่อนปรน เพราะไปลองดีกับพวกเข็มขัดเหล็ก เข้า หรือเพราะอะไรก็แล้วแต่ แต่ถ้ามันเกิดขึ้น อังกฤษบอกว่า มันไม่ใช่กระทบแค่กรีซ มันกระแทกทั้งยุโรป และอังกฤษ ซึ่งอาศัยยุโรปเป็นตลาดส่งออกประมาณ 50 % ก็อ่วมตามด้วย ถ้ากรีซเจ๊ง มีข้อดีกับรัฐบาลอังกฤษอย่างเดียว อังกฤษกำลังจะมีการเลือกตั้งในเดือนพฤษภาคมที่จะถึง ถ้าแพ้เลือกตั้ง จะได้อ้างว่ามาจากเรื่องกรีซ ฮา ดูแล้ว เรื่องการห่วงกรีซของชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยของเท้าซ้าย เป็นของปลอมไงไม่รู้ คงต้องตามไปคุ้ยต่อ แต่ก็มีเรื่องน่าคิด หนี้กรีซจำนวนมหึมา กำลังจะถึงกำหนด รู้หมู่รู้จ่าสิ้นเดือนกุมภาพันธ์นี้ พรรคของคุณน้องเสื้อหนังใจกล้า แอ่นอกเข้าเป็นรัฐบาล ส่วนสิ้นเดือนมีนาคม ก็ถึงกำหนดที่อียูต้องพิจารณาว่า จะต่ออายุการแซงชั่นรัสเซียหรือไม่ คุณป้าเข็มขัดเหล็กบอกว่าไว้แล้วว่า ยังไง เราก็ไม่มีวันผ่อนปรนให้นายปูติน ยกเว้น รัสเซียต้องถอยออกไปจากยูเครนให้หมดจด การลงมติ ที่จะต่ออายุการแซงชั่นรัสเซีย จะต้องได้คะแนนเสียงเอกฉันท์ ตอนนี้คุณป้าเข็มขัดเหล็กเลยออกเดินสาย ทำหน้าเข้มใส่ทุกคนเหมือนกัน ล่าสุดนี่ เห็นไปยืนบีบ นายVictor Orban นายกรัฐมนตรีฮังการี เสียหน้าเขียว ก็นาย Orban ดันบอกว่า เขาชอบรูปแบบการปกครองของนายปูติน แบบนี้เดี๋ยวได้โดนเข็มขัดแน่ มติเอกฉันท์นี่ ไม่ได้กันง่ายๆนะครับ ใครไม่เอาด้วยรายเดียวก็จบ ผมเป็นคุณพี่ปูติน ก็เลิกเครียด ส่วนกรีซก็ไม่น่าเครียดเช่นเดียว กัน ทางออกมีให้เดินหลายทาง แต่ทางคุณป้าเข็มขัดเหล็ก และพวก คุณพี่ชาวเกาะนะซิ น่าจะเครียด ถ้ากรีซเลือกเดินทางนั้น อ้อ มิน่า ถึงได้ตาเหลือกกัน แหมคิดช้าจังลุง หมู่เกาะของกรีซ ใกล้กับตุรกีนิดเดียว ตุรกีก็ ไม่ไกลจากรัสเซีย รู้สึกคุณพี่ปูตินของผมนี่ แกชอบสะสม ชอบกินขนมชั้นนะ เอามาเรียงๆกันไว้ โดยเฉพาะกรีซนี่ อยู่กลางเมดิเตอร์เรเนียนเลย ช่างเหมาะจริงๆ แบบนี้กองทัพเรือของใคร ที่เพิ่งจัดงบปรับปรุงก้อนใหญ่ ก็คงเหนื่อยหน่อย จะเข้าไปได้ถึงไหน อย่างนี้ใส่เสื้อหนังไปคุยก็คงได้ คงเบ่งไม่ค่อยไหวแล้ว เอะ แล้วลูกพี่ใหญ่นักล่าใบตองแห้งว่าไงคร้าบ จะเสียหมากให้เขาอีกแล้วเหรอคร้าบ ฮา หมายเหตุ: อย่าลืมดูเวทียูเครนบ้างนะครับ ที่ตะวันออกกลางก็เหมือนกัน ตอนนี้เร่งเครื่องกันจัง เดี๋ยวจะว่าลุงไม่เตือน สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 4 กพ. 2558
    0 Comments 0 Shares 459 Views 0 Reviews
  • ..ทหารไทยน้ำดี จึงต้องยึดอำนาจรัฐบาลปัจจุบันนี้อย่างเดียวเพราะคือการกวาดล้างที่ดีทั้งหมดด้วยกฎหมายพิเศษจะจัดการใดๆตรวจสอบใดกับใคร จะนักการเมืองจะข้าราชการจะเจ้าสัวกิจการบริษัทห้างร้านธรรมดาถึงมหาชนจะยึดทรัพย์สินจะตรวจสอบเส้นทางการเงินกระแสเงินแบบพิเศษได้หมด,เรามีบิ๊กดาต้าแล้วที่ผ่านมา มันรู้หมดล่ะ.
    ..ทหารไทยน้ำดีคือหนทางออกเดียว เพราะปัจจุบันมันสกปรกเกินไป ใครแมร่งมาเป็นรัฐบาลทั้งระยำ ทั้งอุบาทก์เหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง.

    https://youtube.com/shorts/ycYsIOoI92k?si=_JQaZRI4cmWX6c53
    ..ทหารไทยน้ำดี จึงต้องยึดอำนาจรัฐบาลปัจจุบันนี้อย่างเดียวเพราะคือการกวาดล้างที่ดีทั้งหมดด้วยกฎหมายพิเศษจะจัดการใดๆตรวจสอบใดกับใคร จะนักการเมืองจะข้าราชการจะเจ้าสัวกิจการบริษัทห้างร้านธรรมดาถึงมหาชนจะยึดทรัพย์สินจะตรวจสอบเส้นทางการเงินกระแสเงินแบบพิเศษได้หมด,เรามีบิ๊กดาต้าแล้วที่ผ่านมา มันรู้หมดล่ะ. ..ทหารไทยน้ำดีคือหนทางออกเดียว เพราะปัจจุบันมันสกปรกเกินไป ใครแมร่งมาเป็นรัฐบาลทั้งระยำ ทั้งอุบาทก์เหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง. https://youtube.com/shorts/ycYsIOoI92k?si=_JQaZRI4cmWX6c53
    0 Comments 0 Shares 187 Views 0 Reviews
  • “Data Center ขาดไฟ! หันใช้เครื่องยนต์เจ็ทจากเครื่องบินเก่า – ผลิตไฟได้ถึง 48MW ต่อเครื่อง”

    ในยุคที่ AI กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว ความต้องการพลังงานของศูนย์ข้อมูล (Data Center) ก็พุ่งสูงตามไปด้วย จนเกิดปัญหา “ไฟไม่พอใช้” เพราะการเชื่อมต่อกับระบบไฟฟ้าหลัก (grid) ต้องใช้เวลาหลายปี และเครื่องกังหันแก๊ส (gas turbine) ก็มีคิวผลิตยาวเหยียดถึงปี 2029

    บริษัท ProEnergy จากสหรัฐฯ จึงเสนอทางออกสุดแหวกแนว: นำเครื่องยนต์เจ็ทเก่าจากเครื่องบินพาณิชย์ เช่น Boeing 747 หรือ Airbus A310 มาดัดแปลงเป็นเครื่องผลิตไฟฟ้า โดยใช้แกนเครื่องยนต์ CF6-80C2 ของ GE Aerospace เป็นฐาน แล้วเสริมระบบควบคุมใหม่ ติดตั้งบนฐานคอนกรีต พร้อมระบบลดมลพิษ

    เครื่องที่ได้ชื่อว่า PE6000 สามารถผลิตไฟฟ้าได้ถึง 48 เมกะวัตต์ต่อเครื่อง และถูกนำไปใช้ในศูนย์ข้อมูลขนาดใหญ่สองแห่ง รวมกันมากกว่า 1 กิกะวัตต์ โดยทำหน้าที่เป็น “bridging power” หรือไฟฟ้าชั่วคราวในช่วงที่ยังเชื่อมต่อกับระบบไฟฟ้าไม่ได้

    เมื่อเชื่อมต่อกับ grid ได้แล้ว เครื่องเหล่านี้ยังสามารถใช้เป็นไฟสำรอง หรือขายไฟคืนให้กับระบบได้อีกด้วย ถือเป็นการรีไซเคิลเครื่องบินเก่าให้กลับมามีชีวิตใหม่ในโลกของ AI

    ทางออกใหม่ของ Data Center
    ใช้เครื่องยนต์เจ็ทเก่าจากเครื่องบินพาณิชย์มาผลิตไฟฟ้า
    ดัดแปลงเป็นเครื่อง PE6000 โดย ProEnergy
    ผลิตไฟได้ 48MW ต่อเครื่อง
    ใช้เป็นไฟฟ้าชั่วคราวระหว่างรอเชื่อมต่อกับระบบไฟฟ้า
    สามารถใช้เป็นไฟสำรองหรือขายคืนให้ระบบได้ในภายหลัง

    สาเหตุที่ต้องใช้เครื่องบินเก่า
    ความต้องการไฟฟ้าจาก AI พุ่งสูง
    การเชื่อมต่อกับ grid ใช้เวลานานหลายปี
    เครื่องกังหันแก๊สใหม่มีคิวผลิตยาวถึงปี 2029
    การใช้เครื่องบินเก่าช่วยลดเวลาและต้นทุน

    ข้อมูลทางเทคนิค
    ใช้แกนเครื่องยนต์ CF6-80C2 ของ GE Aerospace
    ติดตั้งบนฐานคอนกรีต พร้อมระบบควบคุมใหม่
    มีระบบลดมลพิษและระบายความร้อน
    ใช้เชื้อเพลิงแก๊สธรรมชาติแทนเชื้อเพลิงเครื่องบิน

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/data-centers-turn-to-ex-airliner-engines-as-ai-power-crunch-bites
    ✈️ “Data Center ขาดไฟ! หันใช้เครื่องยนต์เจ็ทจากเครื่องบินเก่า – ผลิตไฟได้ถึง 48MW ต่อเครื่อง” ในยุคที่ AI กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว ความต้องการพลังงานของศูนย์ข้อมูล (Data Center) ก็พุ่งสูงตามไปด้วย จนเกิดปัญหา “ไฟไม่พอใช้” เพราะการเชื่อมต่อกับระบบไฟฟ้าหลัก (grid) ต้องใช้เวลาหลายปี และเครื่องกังหันแก๊ส (gas turbine) ก็มีคิวผลิตยาวเหยียดถึงปี 2029 บริษัท ProEnergy จากสหรัฐฯ จึงเสนอทางออกสุดแหวกแนว: นำเครื่องยนต์เจ็ทเก่าจากเครื่องบินพาณิชย์ เช่น Boeing 747 หรือ Airbus A310 มาดัดแปลงเป็นเครื่องผลิตไฟฟ้า โดยใช้แกนเครื่องยนต์ CF6-80C2 ของ GE Aerospace เป็นฐาน แล้วเสริมระบบควบคุมใหม่ ติดตั้งบนฐานคอนกรีต พร้อมระบบลดมลพิษ เครื่องที่ได้ชื่อว่า PE6000 สามารถผลิตไฟฟ้าได้ถึง 48 เมกะวัตต์ต่อเครื่อง และถูกนำไปใช้ในศูนย์ข้อมูลขนาดใหญ่สองแห่ง รวมกันมากกว่า 1 กิกะวัตต์ โดยทำหน้าที่เป็น “bridging power” หรือไฟฟ้าชั่วคราวในช่วงที่ยังเชื่อมต่อกับระบบไฟฟ้าไม่ได้ เมื่อเชื่อมต่อกับ grid ได้แล้ว เครื่องเหล่านี้ยังสามารถใช้เป็นไฟสำรอง หรือขายไฟคืนให้กับระบบได้อีกด้วย ถือเป็นการรีไซเคิลเครื่องบินเก่าให้กลับมามีชีวิตใหม่ในโลกของ AI ✅ ทางออกใหม่ของ Data Center ➡️ ใช้เครื่องยนต์เจ็ทเก่าจากเครื่องบินพาณิชย์มาผลิตไฟฟ้า ➡️ ดัดแปลงเป็นเครื่อง PE6000 โดย ProEnergy ➡️ ผลิตไฟได้ 48MW ต่อเครื่อง ➡️ ใช้เป็นไฟฟ้าชั่วคราวระหว่างรอเชื่อมต่อกับระบบไฟฟ้า ➡️ สามารถใช้เป็นไฟสำรองหรือขายคืนให้ระบบได้ในภายหลัง ✅ สาเหตุที่ต้องใช้เครื่องบินเก่า ➡️ ความต้องการไฟฟ้าจาก AI พุ่งสูง ➡️ การเชื่อมต่อกับ grid ใช้เวลานานหลายปี ➡️ เครื่องกังหันแก๊สใหม่มีคิวผลิตยาวถึงปี 2029 ➡️ การใช้เครื่องบินเก่าช่วยลดเวลาและต้นทุน ✅ ข้อมูลทางเทคนิค ➡️ ใช้แกนเครื่องยนต์ CF6-80C2 ของ GE Aerospace ➡️ ติดตั้งบนฐานคอนกรีต พร้อมระบบควบคุมใหม่ ➡️ มีระบบลดมลพิษและระบายความร้อน ➡️ ใช้เชื้อเพลิงแก๊สธรรมชาติแทนเชื้อเพลิงเครื่องบิน https://www.tomshardware.com/tech-industry/data-centers-turn-to-ex-airliner-engines-as-ai-power-crunch-bites
    0 Comments 0 Shares 145 Views 0 Reviews
  • “Stanford โชว์นวัตกรรม ‘ผ้าห่มเพชร’ ลดความร้อนทรานซิสเตอร์ได้ถึง 70°C – อนาคตของชิปยุค 1nm ใกล้เข้ามาแล้ว!”

    ทีมวิจัยจากมหาวิทยาลัย Stanford ได้พัฒนาเทคนิคใหม่ในการจัดการความร้อนของทรานซิสเตอร์ ด้วยการใช้ “เพชร” เป็นวัสดุห่อหุ้มชิปโดยตรง ซึ่งสามารถลดอุณหภูมิได้ถึง 70°C ในการทดสอบจริง และถึง 90% ในการจำลองการทำงาน ถือเป็นก้าวกระโดดครั้งใหญ่ในสงครามกับความร้อนของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์

    เทคนิคนี้เรียกว่า “Diamond Blanket” โดยใช้เพชรแบบ polycrystalline ที่มีเม็ดใหญ่พิเศษ เติบโตโดยตรงบนพื้นผิวของทรานซิสเตอร์ที่อุณหภูมิ 400°C ซึ่งถือว่าต่ำพอที่จะไม่ทำลายชิ้นส่วน CMOS ภายในชิป ต่างจากวิธีเดิมที่ต้องใช้ความร้อนสูงถึง 1,000°C

    ความลับของความสำเร็จอยู่ที่การเติมออกซิเจนในระดับสูงระหว่างการเติบโตของเพชร ซึ่งช่วยกำจัดคาร์บอนที่ไม่ใช่เพชรออกไป ทำให้ได้ผลึกเพชรที่นำความร้อนได้ดีมาก โดยเพชรชนิดนี้นำความร้อนได้มากกว่าทองแดงถึง 6 เท่า!

    เทคนิคนี้ไม่ใช่แค่แนวคิด เพราะ DARPA หน่วยงานวิจัยของกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ได้ว่าจ้าง Raytheon ให้พัฒนาเทคโนโลยีนี้ตั้งแต่ปี 2024 และตอนนี้ Stanford ก็เตรียมนำไปใช้ร่วมกับบริษัทใหญ่อย่าง TSMC, Micron และ Samsung เพื่อผลักดันสู่การผลิตจริงภายในปี 2027

    นวัตกรรม Diamond Blanket จาก Stanford
    ใช้เพชรห่อหุ้มทรานซิสเตอร์โดยตรงเพื่อลดความร้อน
    ลดอุณหภูมิได้ถึง 70°C ในการทดสอบจริง และ 90% ในการจำลอง
    ใช้เพชรแบบ polycrystalline เม็ดใหญ่พิเศษ
    เติบโตที่อุณหภูมิ 400°C ซึ่งปลอดภัยต่อ CMOS
    เติมออกซิเจนเพื่อกำจัดคาร์บอนที่ไม่ใช่เพชร
    เพชรนำความร้อนได้มากกว่าทองแดงถึง 6 เท่า
    เหมาะกับชิปแบบ 3D ที่มีปัญหาความร้อนสะสมภายใน

    การสนับสนุนและแผนการนำไปใช้
    DARPA เคยว่าจ้าง Raytheon พัฒนาเทคโนโลยีนี้ในปี 2024
    Stanford เตรียมร่วมมือกับ TSMC, Micron และ Samsung
    คาดว่าจะเริ่มใช้งานจริงในอุตสาหกรรมภายในปี 2027
    อาจเป็นทางออกก่อนเข้าสู่ยุคหลังซิลิคอน

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/diamond-blanket-transistor-cooling-method-sees-incredible-success-in-testing-growing-micrometer-scale-diamond-layer-directly-on-transistors-drops-temps-by-70-c
    💎 “Stanford โชว์นวัตกรรม ‘ผ้าห่มเพชร’ ลดความร้อนทรานซิสเตอร์ได้ถึง 70°C – อนาคตของชิปยุค 1nm ใกล้เข้ามาแล้ว!” ทีมวิจัยจากมหาวิทยาลัย Stanford ได้พัฒนาเทคนิคใหม่ในการจัดการความร้อนของทรานซิสเตอร์ ด้วยการใช้ “เพชร” เป็นวัสดุห่อหุ้มชิปโดยตรง ซึ่งสามารถลดอุณหภูมิได้ถึง 70°C ในการทดสอบจริง และถึง 90% ในการจำลองการทำงาน ถือเป็นก้าวกระโดดครั้งใหญ่ในสงครามกับความร้อนของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เทคนิคนี้เรียกว่า “Diamond Blanket” โดยใช้เพชรแบบ polycrystalline ที่มีเม็ดใหญ่พิเศษ เติบโตโดยตรงบนพื้นผิวของทรานซิสเตอร์ที่อุณหภูมิ 400°C ซึ่งถือว่าต่ำพอที่จะไม่ทำลายชิ้นส่วน CMOS ภายในชิป ต่างจากวิธีเดิมที่ต้องใช้ความร้อนสูงถึง 1,000°C ความลับของความสำเร็จอยู่ที่การเติมออกซิเจนในระดับสูงระหว่างการเติบโตของเพชร ซึ่งช่วยกำจัดคาร์บอนที่ไม่ใช่เพชรออกไป ทำให้ได้ผลึกเพชรที่นำความร้อนได้ดีมาก โดยเพชรชนิดนี้นำความร้อนได้มากกว่าทองแดงถึง 6 เท่า! เทคนิคนี้ไม่ใช่แค่แนวคิด เพราะ DARPA หน่วยงานวิจัยของกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ได้ว่าจ้าง Raytheon ให้พัฒนาเทคโนโลยีนี้ตั้งแต่ปี 2024 และตอนนี้ Stanford ก็เตรียมนำไปใช้ร่วมกับบริษัทใหญ่อย่าง TSMC, Micron และ Samsung เพื่อผลักดันสู่การผลิตจริงภายในปี 2027 ✅ นวัตกรรม Diamond Blanket จาก Stanford ➡️ ใช้เพชรห่อหุ้มทรานซิสเตอร์โดยตรงเพื่อลดความร้อน ➡️ ลดอุณหภูมิได้ถึง 70°C ในการทดสอบจริง และ 90% ในการจำลอง ➡️ ใช้เพชรแบบ polycrystalline เม็ดใหญ่พิเศษ ➡️ เติบโตที่อุณหภูมิ 400°C ซึ่งปลอดภัยต่อ CMOS ➡️ เติมออกซิเจนเพื่อกำจัดคาร์บอนที่ไม่ใช่เพชร ➡️ เพชรนำความร้อนได้มากกว่าทองแดงถึง 6 เท่า ➡️ เหมาะกับชิปแบบ 3D ที่มีปัญหาความร้อนสะสมภายใน ✅ การสนับสนุนและแผนการนำไปใช้ ➡️ DARPA เคยว่าจ้าง Raytheon พัฒนาเทคโนโลยีนี้ในปี 2024 ➡️ Stanford เตรียมร่วมมือกับ TSMC, Micron และ Samsung ➡️ คาดว่าจะเริ่มใช้งานจริงในอุตสาหกรรมภายในปี 2027 ➡️ อาจเป็นทางออกก่อนเข้าสู่ยุคหลังซิลิคอน https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/diamond-blanket-transistor-cooling-method-sees-incredible-success-in-testing-growing-micrometer-scale-diamond-layer-directly-on-transistors-drops-temps-by-70-c
    0 Comments 0 Shares 263 Views 0 Reviews
More Results