• ถ้าให้นึกถึง ตัวเต็งโผล่หน้าหลังน้ำลด คิดว่าจะมีใครบ้าง ทอน ทิม เหลือก โรม ไอซ์ โจ๊ก ฯ
    #คิงส์โพธิ์แดง
    ถ้าให้นึกถึง ตัวเต็งโผล่หน้าหลังน้ำลด คิดว่าจะมีใครบ้าง ทอน ทิม เหลือก โรม ไอซ์ โจ๊ก ฯ #คิงส์โพธิ์แดง
    Like
    Haha
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 127 มุมมอง 0 รีวิว
  • ข่าวธุรกิจ: Tim Cook ยังไม่วางมือ

    Tim Cook จะยังคงดำรงตำแหน่ง CEO ของ Apple ไปจนถึงอย่างน้อยปี 2028 แต่ในขณะเดียวกัน Apple กำลังเผชิญกับการสูญเสียบุคลากรสำคัญจำนวนมาก โดยเฉพาะทีมออกแบบ iPhone ที่ย้ายไปทำงานกับ OpenAI และสตาร์ทอัพของ Jony Ive

    แม้ก่อนหน้านี้มีรายงานจาก Reuters และ Financial Times ว่า Tim Cook อาจจะก้าวลงจากตำแหน่งในปี 2026 แต่ล่าสุด Mark Gurman จาก Bloomberg ยืนยันว่า Cook จะยังคงดำรงตำแหน่ง CEO ของ Apple อย่างน้อยจนถึงสิ้นสุดวาระประธานาธิบดีสหรัฐฯ ปัจจุบัน ซึ่งหมายถึง ปี 2028 โดยตอนนั้น Cook จะมีอายุครบ 70 ปี และได้กลายเป็น CEO ที่ดำรงตำแหน่งยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์ของ Apple

    ผู้สืบทอดที่ถูกจับตามอง
    แม้ Cook จะยังไม่วางมือ แต่บอร์ดของ Apple ได้เริ่มกระบวนการค้นหาผู้สืบทอดแล้ว โดยมีชื่อของ John Ternus – VP of Hardware Engineering ถูกมองว่าเป็นตัวเต็งที่จะขึ้นมาแทนที่ Cook เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม

    การสูญเสียบุคลากรสำคัญ
    ในขณะที่ Cook ยังอยู่ในตำแหน่ง Apple กลับเผชิญกับปัญหาใหญ่คือ การสูญเสียบุคลากรระดับสูง โดยเฉพาะทีมออกแบบ iPhone ที่ทยอยลาออกไปทำงานกับ OpenAI และสตาร์ทอัพของ Jony Ive ซึ่งถูก OpenAI ซื้อกิจการไปเพื่อพัฒนา “iPhone Killer” แบบไร้หน้าจอ ล่าสุดมีการยืนยันว่า OpenAI ได้จ้างวิศวกรจาก Apple ไปแล้วกว่า 40 คนภายในเดือนเดียว รวมถึงบุคคลสำคัญอย่าง Matt Theobald (ผู้เชี่ยวชาญด้านการออกแบบการผลิต) และ Cyrus Daniel Irani (หัวหน้าด้าน human interface design)

    ผลกระทบต่ออนาคตของ Apple
    การสูญเสียบุคลากรเช่นนี้อาจกระทบต่อความสามารถในการสร้างนวัตกรรมของ Apple ในระยะยาว แม้ Cook จะยังคงเป็นผู้นำ แต่การรักษาและดึงดูดบุคลากรใหม่ ๆ จะเป็นความท้าทายสำคัญ หาก Apple ไม่สามารถหยุดการ “talent bleed” ได้ อาจทำให้บริษัทเสียเปรียบในการแข่งขันกับคู่แข่งที่กำลังรุกหนักในตลาด AI และอุปกรณ์ใหม่

    สรุปสาระสำคัญ
    Tim Cook จะยังคงดำรงตำแหน่ง CEO จนถึงอย่างน้อยปี 2028
    กลายเป็น CEO ที่ดำรงตำแหน่งยาวนานที่สุดของ Apple

    ผู้สืบทอดที่ถูกจับตามอง
    John Ternus (VP Hardware Engineering) ถูกมองว่าเป็นตัวเต็ง

    Apple สูญเสียบุคลากรสำคัญ
    ทีมออกแบบ iPhone ย้ายไปทำงานกับ OpenAI และ Jony Ive
    OpenAI จ้างวิศวกรจาก Apple ไปกว่า 40 คนในเดือนเดียว

    ผลกระทบต่ออนาคตของ Apple
    ความท้าทายในการรักษาและดึงดูดบุคลากรใหม่
    อาจเสียเปรียบในการแข่งขันด้าน AI และอุปกรณ์ใหม่

    คำเตือนด้านข้อมูล
    การสูญเสียบุคลากรต่อเนื่องอาจทำให้ Apple ขาดนวัตกรรม
    หากไม่สามารถหยุด talent bleed ได้ อาจกระทบต่อความแข็งแกร่งในตลาดโลก

    https://wccftech.com/tim-cook-isnt-going-away-anytime-soon-but-apples-talent-is/
    🍏 ข่าวธุรกิจ: Tim Cook ยังไม่วางมือ Tim Cook จะยังคงดำรงตำแหน่ง CEO ของ Apple ไปจนถึงอย่างน้อยปี 2028 แต่ในขณะเดียวกัน Apple กำลังเผชิญกับการสูญเสียบุคลากรสำคัญจำนวนมาก โดยเฉพาะทีมออกแบบ iPhone ที่ย้ายไปทำงานกับ OpenAI และสตาร์ทอัพของ Jony Ive แม้ก่อนหน้านี้มีรายงานจาก Reuters และ Financial Times ว่า Tim Cook อาจจะก้าวลงจากตำแหน่งในปี 2026 แต่ล่าสุด Mark Gurman จาก Bloomberg ยืนยันว่า Cook จะยังคงดำรงตำแหน่ง CEO ของ Apple อย่างน้อยจนถึงสิ้นสุดวาระประธานาธิบดีสหรัฐฯ ปัจจุบัน ซึ่งหมายถึง ปี 2028 โดยตอนนั้น Cook จะมีอายุครบ 70 ปี และได้กลายเป็น CEO ที่ดำรงตำแหน่งยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์ของ Apple 👔 ผู้สืบทอดที่ถูกจับตามอง แม้ Cook จะยังไม่วางมือ แต่บอร์ดของ Apple ได้เริ่มกระบวนการค้นหาผู้สืบทอดแล้ว โดยมีชื่อของ John Ternus – VP of Hardware Engineering ถูกมองว่าเป็นตัวเต็งที่จะขึ้นมาแทนที่ Cook เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม 🚪 การสูญเสียบุคลากรสำคัญ ในขณะที่ Cook ยังอยู่ในตำแหน่ง Apple กลับเผชิญกับปัญหาใหญ่คือ การสูญเสียบุคลากรระดับสูง โดยเฉพาะทีมออกแบบ iPhone ที่ทยอยลาออกไปทำงานกับ OpenAI และสตาร์ทอัพของ Jony Ive ซึ่งถูก OpenAI ซื้อกิจการไปเพื่อพัฒนา “iPhone Killer” แบบไร้หน้าจอ ล่าสุดมีการยืนยันว่า OpenAI ได้จ้างวิศวกรจาก Apple ไปแล้วกว่า 40 คนภายในเดือนเดียว รวมถึงบุคคลสำคัญอย่าง Matt Theobald (ผู้เชี่ยวชาญด้านการออกแบบการผลิต) และ Cyrus Daniel Irani (หัวหน้าด้าน human interface design) 🌍 ผลกระทบต่ออนาคตของ Apple การสูญเสียบุคลากรเช่นนี้อาจกระทบต่อความสามารถในการสร้างนวัตกรรมของ Apple ในระยะยาว แม้ Cook จะยังคงเป็นผู้นำ แต่การรักษาและดึงดูดบุคลากรใหม่ ๆ จะเป็นความท้าทายสำคัญ หาก Apple ไม่สามารถหยุดการ “talent bleed” ได้ อาจทำให้บริษัทเสียเปรียบในการแข่งขันกับคู่แข่งที่กำลังรุกหนักในตลาด AI และอุปกรณ์ใหม่ 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ Tim Cook จะยังคงดำรงตำแหน่ง CEO จนถึงอย่างน้อยปี 2028 ➡️ กลายเป็น CEO ที่ดำรงตำแหน่งยาวนานที่สุดของ Apple ✅ ผู้สืบทอดที่ถูกจับตามอง ➡️ John Ternus (VP Hardware Engineering) ถูกมองว่าเป็นตัวเต็ง ✅ Apple สูญเสียบุคลากรสำคัญ ➡️ ทีมออกแบบ iPhone ย้ายไปทำงานกับ OpenAI และ Jony Ive ➡️ OpenAI จ้างวิศวกรจาก Apple ไปกว่า 40 คนในเดือนเดียว ✅ ผลกระทบต่ออนาคตของ Apple ➡️ ความท้าทายในการรักษาและดึงดูดบุคลากรใหม่ ➡️ อาจเสียเปรียบในการแข่งขันด้าน AI และอุปกรณ์ใหม่ ‼️ คำเตือนด้านข้อมูล ⛔ การสูญเสียบุคลากรต่อเนื่องอาจทำให้ Apple ขาดนวัตกรรม ⛔ หากไม่สามารถหยุด talent bleed ได้ อาจกระทบต่อความแข็งแกร่งในตลาดโลก https://wccftech.com/tim-cook-isnt-going-away-anytime-soon-but-apples-talent-is/
    WCCFTECH.COM
    Tim Cook Isn't Going Away Anytime Soon, But Apple's Talent Is
    According to Gurman, Tim Cook might stick around until 2028, and OpenAI has hired around 40 Apple engineers in the last month or so alone!
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 294 มุมมอง 0 รีวิว
  • ตัดโซ่หรือตายซาก ตอนที่ 3 – 4

    นิทานเรื่องจริง เรื่อง ” ตัดโซ่ หรือ ตายซาก”
    ตอน 3
    แล้วโซ่คล้องคอชาวกรีซล่ะ หน้าตาเป็นอย่างไร สมันน้อยน่าจะรู้จักนะ เพราะเคยต้องใช้อยู่ช่วงนึง แต่อาจจะขนาดเล็กกว่า สั้นกว่า บางคนอาจโตไม่ทัน หรือโตแล้ว แต่ไม่รู้เรื่อง ก็ทำความรู้จักไว้หน่อยก็ดี เผื่อเหตุการณ์เก่า มันจะกลับมาเยี่ยม จะได้รู้จัก รู้ขนาดโซ่ว่า รับไหวไหม ยิ่งมีข่าวกระฉ่อนว่า หนุ่มหน้าใส อดีตผู้เชี่ยวชาญของธนาคารโลก พวกเสือหิวด้วยกัน กำลังเป็นตัวเต็ง จะมาเป็นผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย คนใหม่ แทนคนปัจจุบัน ที่กำลังจะหมดวาระในเดือนสิงหาคมนี้ เผื่อแกยังรสนิยมเดิมๆ
    ปี ค.ศ.2010 เสือหิว Troika บอกเราจัดหาเงินให้กรีซได้จำนวน ประมาณบรรทุกรถสิบล้อ 340 คัน ตีว่า บรรทุกได้ คันละ 1 พันล้านยูโร ใครไม่ตกเลข ก็คำนวณเองนะครับ ว่าเป็นเงินเท่าไหร่ ดอกแค่ร้อยละ 5 ถูกจะตาย เงื่อนไขไม่มีอะไรมากมาย ใช้แบบเงื่อนตายเหมือนผูกตราสังข์ ตามแบบฟอร์มของ IMF ที่เรียกว่า SAP หรือ Structural Adjustment Policy ส่วนคนกู้ เรียกสัญญาแบบนี้ว่า แบบ DOA หรือ Dead on Arrival เป็นศพตั้งแต่มาถึงแล้ว คือ ตาย(ห่า) ตั้งแต่กู้ สัญญาแบบนี้ใช้มากว่า 35 ปีแล้วในประเทศแถบละติน อาฟริกา ยุโรปตะวันออกที่เคยเป็นสมาชิกของสหภาพโซเวียต และเอเซีย ตัวอย่างของผู้ที่ใช้สัญญานี้ และเป็นที่รู้จักกันดี ถูกนำมายกเป็นกรณีศึกษาจนแทบจะท่องกันได้คือ ประเทศอาร์เจนตินา
    สัญญาแบบ DOA เป็นอย่างไร ก็แค่ตัดงบใช้จ่ายในบ้านเมืองจนเหี้ยน ซึ่งรวมไปถึงการลดสวัสดิการทาง สังคม การรักษาพยาบาล เบี้ยบำนาญ ลดการจ่ายค่าแรงค่าจ้าง แต่เน้นให้เพิ่มงาน เพิ่มการลงทุน เพิ่มการส่งออก เพิ่มการแข่งขันทางการค้า เพิ่มภาษี และต้องแปรรูปรัฐวิสาหกิจ คือให้รัฐนำออกมาขายเพื่อเอามาใช้หนี้ และลดค่าเงินของประเทศผู้กู้ แต่เนื่องจากกรีซใช้ยูโร ขืนบังคับใช้ข้อนี้ก็ฉิบหายกันหมด เพราะฉนั้น ข้อนี้ เลยกลายเป็นไปเพิ่มการลดค่าใช้จ่ายในประเทศลงแยะๆ แทน
    ผมก็งงนะ ไม่รู้มันเอาส่วนไหนคิด ลดค่าแรง ลดการจ้างงาน แต่ให้เพิ่มงาน เพิ่มการลงทุน แปลว่า ชาวกรีซ นอนผึ่งพุงอยู่กับบ้าน เพราะไม่มีงานทำ ทำไปก็ไม่มีได้ค่าจ้าง เพราะเขาสั่งให้ลด แล้ว”ใคร” มาเพิ่มงาน “ใคร” มาลงทุน ” ใคร” มาซื้อรัฐวิสาหกิจ ที่ไอ้เสือหิวสั่งให้ขาย พอนึกออกนะครับว่า ในที่สุดแล้ว “ใคร” จะเป็นเจ้าของเกาะกรีซอันสวยงาม
    เสือหิว Troika บอกว่า มาตรการนี้ คงใช้ไม่นาน ไม่เกิน 2 ปี กรีซก็คงฟื้นตัว แต่มันตรงกันข้าม นอกจากไม่ฟื้นแล้ว กรีซยิ่งทรุดหนัก ชาวกรีซออกมาประท้วง สื่อกรีซเริ่มออกข่าวด่าไอ้เสือหิว อียู และ IMF บอกว่า ที่ไม่ดีขึ้น เพราะกรีซไม่ยอมปฏิบัติตามเงื่อนไข ไม่ยอมลำบาก ยังอยากสบายด้วยเงินของคนอื่น อันนี้เจ็บมาก ชาวกรีซบอกว่า นี่เป็นการบิดเบือนความจริงที่เลวร้าย รัฐบาลกรีซเดินตามเงื่อนไข DOA อย่างเคร่งครัด งบค่าจ้างตัดทิ้งเป็นพันๆล้านยู โร การรักษาพยาบาลของกรีซ ลดไปถึง 50% ไม่ใช่ชาวกรีซ แข็งแรง ไม่เจ็บ ไม่ป่วย แต่พวกเขาไม่มีเงิน ไปหาหมอ ไปโรงพยาบาลต่างหาก การศึกษาก็เช่นกัน ลดลงไปมากมาย ธุรกิจขนาดเล็กปิดตัวเกือบหมด และอัตราคนว่างงานในปี 2011 ก็ขึ้นพรวด และรายรับของภาษี ก็ลดลงอย่างมากเช่นเดียวกัน มัน DOA จริงๆ
    เสือหิว Troika ยังปากแข็ง ไม่ยอมรับความผิดพลาดในการจ่ายยาของตัวให้แก่คนป่วยชื่อก รีซ จะไปรับได้อย่างไร เขาให้ยาถูกแล้ว เขาตั้งใจให้ยา DOA นี้กับกรีซ กรีซต่างหากเล่า ที่ทำผิดพลาดซ้ำซาก ยอมกินยานี้ (ซ้ำซาก) เอง
    กรีซนึกว่า กินยานี้ครั้งเดียวแล้วทุกอย่าง จะดีขึ้นตามที่ IMF บอก แต่ในที่สุด กรีซก็ต้องขอรับยางวดสอง ในปี 2012 เอะ งวดแรก กินเข้าไปก็ตายแล้ว งวดสองกินแล้วจะเป็นอย่างไร ก็ตายซากละสิครับ
    เงื่อนไขงวดสอง เพิ่มชัดเจนว่า ต้องลดการจ้างงานภาครัฐลงไป 150,000 คน ภายในสิ้นปี 2015 และขายรัฐวิสาหกิจแบบเทกระจาด เรื่องนี้ทำให้มีป้ายขึ้นกลางเมืองใหญ่ของกรีซว่า “A Nation for Sale” มีประเทศขาย ไม่ใช่ขายแค่บ้าน ขายประเทศ ภาวนาอย่าให้มีป้ายแบบนี้ขึ้นในแดนสยามของเราก็แล้วกัน
    ทรัพย์สินที่กรีซขายไป ที่สำคัญ เช่น ท่าเรือ Piraeus ท่าเรือ Thessaloniki ซึ่งเป็นท่าเรือใหญ่ และมีคุณค่า ทั้งทางประวัติศาสตร์ และ เศรษฐกิจ (บางข้อมูลบอกท่าเรือ ทั้ง 2 ยังเจรจากันอยู่ ยังไม่ได้ขายออกไป) บริษัทเทเลคอม OTE สลากกินแบ่งกรีซ ที่ดินหลายแปลง ที่อยู่ในถิ่นดีที่สุดของประเทศ prime area และ postal bank การขายทรัพย์สินของประเทศครั้งใหญ่นี้ ทำให้พรรค Syriza ซึ่งประกาศคัดค้านขายรัฐวิสาหกิจ และการขายทรัพย์สิน ซึ่งได้คะแนนเสียงเพียง 4.6 % ในปี 2009 กระโดดมาเป็น 26.89% ในปี 2012 และได้เป็นรัฐบาลในปี 2015
    ระหว่าง ที่เสือหิว Troika ให้กรีซกินยา DOA งวดสอง อัตราคนว่างงานก็เพิ่มเป็น 22% และกำลังจะเป็น 25% ในไม่ช้า ชาวกรีซที่มีการศึกษาดี และยังอายุน้อย ต่างพากัน ทิ้งประเทศของตน ไปหางานทำที่เยอรมัน ที่เศรษฐกิจกำลังรุ่ง มันเป็นการประชดชีวิตชาวกรีซอย่างน่าเศร้า โลกนี้มันไม่สวยทั้งหมดอย่างที่เราคิด และที่กรีซ ก็คงจะเหลือแต่คนแก่ คนรายได้ต่ำ คนการศึกษาไม่สูง และชาวต่างชาติที่หนีระเบิดรายวันมาแย่งกันกิน
    ##############
    “ตัดโซ่ หรือ ตายซาก”

    ตอน 4
    นักวิเคราะห์เศรษฐศาสตร์การเมือง บอกว่า กรีซมาถึงจุดวิกฤตินี้ จากการที่มีนักการเมือง หรือรัฐบาลสายตาสั้น มองไม่ได้ไกล ขี้โกง เห็นแก่ประโยชน์พรรคและพวก ทำให้กรีซตกเป็นเหยื่อของระบบ ที่สร้างขี้นมา เพื่อทำให้ประเทศที่อ่อนแอจากปัจจัย ต่างๆ อย่างกรีซ ไม่คิดพึ่งตัวเอง ไม่คิดเปลี่ยนแปลง ไม่คิดปฏิรูป ไม่รู้จักเรียนรู้ เพื่อแก้ไข มักง่าย และในที่สุดก็จะหมดตัว หมดประเทศ หรือ เหลือแต่ซาก
    ส่วนนักวิเคราะห์การเงินบอกว่า อย่าเอะอะไป เรื่องหนี้กรีซ ไม่ใช่เรื่องของหนี้กรีซ เอะ พูดยังไง เราพูดเรื่องเดียวกันหรือเปล่า ครับ นักการเงินบอก ไม่มีใครเขาสนใจประเทศกรีซ ที่เล็กกระจิดริด ถึงจะสวยงามก็เถอะ กรีซจะมีเงินใช้หนี้ไหม กรีซจะอยู่ หรือจะไปจากอียู เขาไม่ได้สนใจ แต่ที่เป็นข่าวกันถี่ ไม่ใช่เรื่องอะไรหรอก พวกเขากลัวมันกระทบกับระบบธนาคาร กลัวนายทุนจะเจ๊ง ไม่ได้กลัวชาวกรีซจะอดตาย ไม่ได้กลัวรัฐบาลกรีซ จะล่ม เข้าใจไหมครับ
    แต่สื่อใหญ่รุ่นเก๋า Dennis Gartman บอกว่า…. กรีซยังอยู่ในอียู เพราะเยอรมันต้องการอย่างนั้น เยอรมันยังไม่อยากเฉดกรีซออกไป เยอรมันต้องการให้ค่าเงินยูโรอ่อน ยูโรอ่อนดีสำหรับการส่งออก คนซื้อจะได้นึกว่าตัวซื้อของได้ถูก เยอรมันเป็นประเทศขายของ ที่ ยามนี้กำลังต้องการขายอย่างยิ่ง ใครขายได้ ต้องรีบขาย Bayer, Thyssenkrupp, Daimler เจ้าพ่อธุรกิจการค้าเยอรมัน ต้องการให้กรีซ ยังอยู่ในอียูทั้งนั้น …
    …..ถ้า ผมเป็นนายกรัฐมนตรีกรีซ ผมคงไม่วิ่งเจรจาให้เหนื่อย ผมคงปล่อยให้กรีซผิดนัดหนี้นานมาแล้ว และกลับไปใช้เงินสกุลของกรีซ และผมก็ลดค่าของกรีซ อุตสาหกรรมทอผ้าของกรีซก็จะกลายเป็นสินค้า ที่ใครๆต้องการเพราะราคาถูกลง กิจการท่องเที่ยวของกรีซ ก็กลับมาฟื้น เพราะใครๆ ก็อยากกลับมาอยู่เกาะสวย ในราคาไม่แพง กิจการเดินเรือของกรีซก็กลับมารุ่งใหม่ ทำไมผมต้องง้อเยอรมันอยู่ข้างเดียว ผมจะบอกกับพวกเจ้าหนี้โหดๆ ว่าเชิญเลย เชิญเอาตูดผมไปเลย อยากทำอะไรก็ทำ แล้วผมก็ออกจากอียู ก็แค่นั้น…
    ความคิดอย่างนาย Gartman ชาวกรีซเกือบทุกคน คงอยากทำอย่างนั้น คิดได้ แต่ไม่รู้ทำได้จริงไหม กรีซมีหนี้ก้อนใหญ่หมึมา เบี้ยวหนี้ก้อนหนี้ ก็กลายเป็นประเทศล้มละลาย คนล้มละลาย จะไปค้าขายกับใครได้ ขายของได้เงินมา เจ้าหนี้ก็คอยมาคว้าไป แต่ไม่ใช่ว่า เรื่องแบบนี้ เล่นไม่ได้เอาเลย อาร์เจนตินา เคยตัดโซ่ แหกคอกออกมา ยอมอด แต่ก็หืดขึ้นคอ กว่าจะยืนตรงได้เหมือนเดิม
    พรรค Syriza คงไม่คิดให้ชาวกรีซอยู่ในเหว และมีโซ่คล้องคอตลอดไป แต่จะเลือกทำด้วยวิธีไหน และเมื่อไหร่ เท่านั้น การตัดสินใจของ Syriza ในช่วงไม่กี่วันนี้ คงต้องตามดูกันทุกยก เพราะมันสามารถ สร้างระดับความสะเทือน เหมือนแผ่นดินไหวในยุโรปได้ ตั้งแต่ 4 ริกเตอร์ ไปจนถึงระดับ 9 ริกเตอร์ และอาจจะตามมา ด้วยอาฟเตอร์ขนาดไหน ถึงไหน และนานเท่าไหร่ และจะต่อด้วยซึนามิหรือไม่ พวกแมงเม่า อย่ามัวแต่เหม่อดูแต่จอบ้านตัวเอง เดี๋ยวปีกจะไหม้ร่วงหลุดเป็นแถวๆ
    ล่าสุดขณะที่ผมกำลังเขียนนิทาน ( 25 มิย.) ข่าวว่า คุณน้องยานิส รัฐมนตรีคลัง ยืนกรานว่า ต้องมีการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ใหม่ ฝ่ายเจ้าหนี้บอก เราไม่มีความคิดเช่นนั้น ถ้ากรีซไม่มีอะไรใหม่มาเสนอ เช่นจะรัดคอหอยเข้าไปอีกกี่นิ้ว หรือจะมีวิธีชำระหนี้อย่างไร เราก็ไม่มีอะไรพูด แล้วการประชุมระหว่าง รัฐมนตรีคลังของกรีซกับฝ่ายอี ยู 18 คน ที่ สนง อียู กรุงบรัสเซล เมื่อเย็นวันที่ 24 มิย. ก็จบลงอย่างรวดเร็ว ใช้เวลาประชุมไม่ถึง 1 ชั่วโมง แล้วต่างก็ทำหน้าไร้อารมณ์ เก็บของกลับบ้าน
    ร้อนถึงนายกรัฐมนตรีอเล็กซิส ซึ่งข่าวว่า บินด่วนมาบรัสเซล มาคุยต่อกับพวก บิกกี้ของ อียู และคุณนายหน้าเค็มของไอเอมเอฟ ต่ออีก 7 ชั่วโมง แล้วก็กลับไปตอนดึก โดยไม่ให้ข่าว ทั้งหมดนี้ ผมอ่านจากทวิต ของนักข่าวต่างประเทศ ที่ไปเกาะติดสถานการณ์
    แปลว่าอะไรครับ แปลว่า ทั้ง 2 ฝ่ายยังกำไต๋ ไม่แผลมให้อีกฝ่ายรู้ ดูผ่านๆ เหมือนกรีซ กำลังเป็นฝ่ายอาการหนัก แต่สำหรับผม ผมว่า อียูหนักกว่า สำหรับกรีซ เหมือนคนใกล้ตาย หรือตายไปแล้ว จะมีอะไรแย่ไปกว่านี้ได้อีกมาก ถึงมีชิวิตที่เป็นอยู่ก็เลวสุดอยู่แล้ว แต่สำหรับ อียู ยังไม่เคยใกล้ตาย เจียนตาย คราวนี้อาจจะได้รู้จัก
    สมมุติว่า ถ้ากรีซตัดสินใจไม่รับเงินกู้อีกต่อไป หนี้ที่ค้างกันอยู่ ก็ค่อยว่ากัน นี่ไม่ใช่การเบี้ยวหนี้ แต่เป็นการแสดงความไม่ต้องการเป็นหนี้เพิ่ม เอาแค่นี้ จะเรียกเป็นประเทศล้มละลาย หรืออะไรก็แล้วแต่ ความสะเทือนในระบบการเงินในยุโรป ก็น่าจะเกิน 6 ริกเตอร์แล้ว เพราะมันหมายถึง deposits run เงินฝากไหลออกจะเกิดขึ้นแบบของจริง ระบบแบงค์ในกรีซ ไปก่อน หลังจากนั้นก็ลามไปนอกกรีซ ก็ขึ้นกับธนาคารกลางของอียู จะเอาอยู่ไหม สมาชิกอียู ใครจะเป็นผู้กล้าหาญ ถมเงินมาให้ธนาคารกลาง คงเกี่ยงกันอยู่นาน เพราะทั้งเค็ม ทั้งคม กันทั้งนั้น คมเฉือนคม กว่าจะตกลงกันได้ ระหว่างนั้น เลือดยุโรปก็ไหลโกรก
    สมมุติไปอีกทางหนึ่ง ถึงคุณน้องยานิส จะทำหน้าขรึมว่า เจ้าหนี้ต้องตกลงเรื่องปรับโครงสร้างหนี้ก่อน แต่ นายกรัฐมนตรีอเล็กซิส ประกาศว่า เรายอมให้โซ่รัดคอเราแน่นอีกหน่อย เกี่ยวกับเรื่องเงินบำนาญ ยืดอายุคนรับบำนาญไป อีก 2 ปี ทนไหวน่าลุงและจำนวนที่ต้องจ่ายบำนาญก็จะลดลง
    มี ข่าวว่า เจ้าหนี้ ต้องการรัดคออีกหลายเปลาะ เช่นเรื่อง ขยายฐานเก็บภาษี ไปถึง เรื่อง การซื้อยาและขึ้นอัตรา vat ร้านอาหารและที่พักโรงแรม สำหรับกรีซ ที่เป็นเมืองขายการท่องเที่ยว ขึ้นภาษี 2 รายการนี่ ก็ เปลี่ยนร้านอาหาร เป็นป่าช้า อาจได้ลูกค้ามากกว่า
    ข่าวนี้ทำให้เกิดเสียงแตกในพรรค Syriza เอง พวกเข้มบอกไม่ได้นะ นายกฯ ไปตกลงเองไม่ได้ ต้องเอามาเข้าสภาก่อน และรับรองเลย มติแบบนี้ ไม่ผ่านสภาแน่
    ถ้าเป็นข้อสมมุติตามนี้ ความสะเทือน อาจจะไม่เกิน 4 ริกเตอร์ ในตอนแรก ระหว่างรอเข้าสภา และไม่ว่าสภาจะลงมติอะไร การถอนเงินฝาก ก็จะเกิดขึ้น เหมือนกรณีแรก และความสะเทือนก็จะค่อยๆเพิ่มริกเตอร์ขึ้น ไม่ต่างกว่ากรณีแรก เพียงแต่ใช้เวลานานกว่า
    เห็นไหมครับ ไม่ว่ากรีซจะเล่นบทไหน ก็เกิดผลกระทบกับอียูทั้งสิ้น เพราะมันเป็นการจัดการที่ผิดของอียูเองตั้งแต่ต้น ผลมาจากเหตุ เมื่อมีการเอาเงินก้อนใหญ่ที่ควรใส่ไปที่กรีซ แต่ไปไม่ถึงกรีซ ไปถึงเจ้าหนี้อื่นแทน ถึงเวลากรีซจะเอาเงินที่ไหนมาใช้ ก็ต้องเบิกเงินกู้ต่อไปเรื่อยๆ อาการของกรีซก็หนักไปเรื่อยๆ จากเงื่อนไข ที่รัดคอ ผูกมือผูกตีน ไม่ให้กระดิก ไม่ต้องจบปริญญาเอกทางเศรษฐศาสตร์จากอังกฤษ ก็พอรู้ว่า ไปต่อสภาพนี้จะเป็นอย่างไร ยิ่งจบมาอย่างคุณน้องยานิส ถึงได้พูดเหมือนท่องมนตร์ว่า ต้องปรับปรุงโครงสร้างหนี้ คือ ลดหนี้ ผ่อนผันเงื่อนไข เพื่อให้กรีซมีโอกาสต้ังหลัก และยืดอายุการชำระออกไปอีก หรือ มีเงินใหม่จากที่อื่น มาล้างหนี้ DOA และเริ่มต้นกระบวนการฟื้นชีวิตชาวกรีซกันใหม่
    จะมีไหมครับ เงินใหม่ จะมาจากไหน
    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    27 มิ.ย. 2558
    ตัดโซ่หรือตายซาก ตอนที่ 3 – 4 นิทานเรื่องจริง เรื่อง ” ตัดโซ่ หรือ ตายซาก” ตอน 3 แล้วโซ่คล้องคอชาวกรีซล่ะ หน้าตาเป็นอย่างไร สมันน้อยน่าจะรู้จักนะ เพราะเคยต้องใช้อยู่ช่วงนึง แต่อาจจะขนาดเล็กกว่า สั้นกว่า บางคนอาจโตไม่ทัน หรือโตแล้ว แต่ไม่รู้เรื่อง ก็ทำความรู้จักไว้หน่อยก็ดี เผื่อเหตุการณ์เก่า มันจะกลับมาเยี่ยม จะได้รู้จัก รู้ขนาดโซ่ว่า รับไหวไหม ยิ่งมีข่าวกระฉ่อนว่า หนุ่มหน้าใส อดีตผู้เชี่ยวชาญของธนาคารโลก พวกเสือหิวด้วยกัน กำลังเป็นตัวเต็ง จะมาเป็นผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย คนใหม่ แทนคนปัจจุบัน ที่กำลังจะหมดวาระในเดือนสิงหาคมนี้ เผื่อแกยังรสนิยมเดิมๆ ปี ค.ศ.2010 เสือหิว Troika บอกเราจัดหาเงินให้กรีซได้จำนวน ประมาณบรรทุกรถสิบล้อ 340 คัน ตีว่า บรรทุกได้ คันละ 1 พันล้านยูโร ใครไม่ตกเลข ก็คำนวณเองนะครับ ว่าเป็นเงินเท่าไหร่ ดอกแค่ร้อยละ 5 ถูกจะตาย เงื่อนไขไม่มีอะไรมากมาย ใช้แบบเงื่อนตายเหมือนผูกตราสังข์ ตามแบบฟอร์มของ IMF ที่เรียกว่า SAP หรือ Structural Adjustment Policy ส่วนคนกู้ เรียกสัญญาแบบนี้ว่า แบบ DOA หรือ Dead on Arrival เป็นศพตั้งแต่มาถึงแล้ว คือ ตาย(ห่า) ตั้งแต่กู้ สัญญาแบบนี้ใช้มากว่า 35 ปีแล้วในประเทศแถบละติน อาฟริกา ยุโรปตะวันออกที่เคยเป็นสมาชิกของสหภาพโซเวียต และเอเซีย ตัวอย่างของผู้ที่ใช้สัญญานี้ และเป็นที่รู้จักกันดี ถูกนำมายกเป็นกรณีศึกษาจนแทบจะท่องกันได้คือ ประเทศอาร์เจนตินา สัญญาแบบ DOA เป็นอย่างไร ก็แค่ตัดงบใช้จ่ายในบ้านเมืองจนเหี้ยน ซึ่งรวมไปถึงการลดสวัสดิการทาง สังคม การรักษาพยาบาล เบี้ยบำนาญ ลดการจ่ายค่าแรงค่าจ้าง แต่เน้นให้เพิ่มงาน เพิ่มการลงทุน เพิ่มการส่งออก เพิ่มการแข่งขันทางการค้า เพิ่มภาษี และต้องแปรรูปรัฐวิสาหกิจ คือให้รัฐนำออกมาขายเพื่อเอามาใช้หนี้ และลดค่าเงินของประเทศผู้กู้ แต่เนื่องจากกรีซใช้ยูโร ขืนบังคับใช้ข้อนี้ก็ฉิบหายกันหมด เพราะฉนั้น ข้อนี้ เลยกลายเป็นไปเพิ่มการลดค่าใช้จ่ายในประเทศลงแยะๆ แทน ผมก็งงนะ ไม่รู้มันเอาส่วนไหนคิด ลดค่าแรง ลดการจ้างงาน แต่ให้เพิ่มงาน เพิ่มการลงทุน แปลว่า ชาวกรีซ นอนผึ่งพุงอยู่กับบ้าน เพราะไม่มีงานทำ ทำไปก็ไม่มีได้ค่าจ้าง เพราะเขาสั่งให้ลด แล้ว”ใคร” มาเพิ่มงาน “ใคร” มาลงทุน ” ใคร” มาซื้อรัฐวิสาหกิจ ที่ไอ้เสือหิวสั่งให้ขาย พอนึกออกนะครับว่า ในที่สุดแล้ว “ใคร” จะเป็นเจ้าของเกาะกรีซอันสวยงาม เสือหิว Troika บอกว่า มาตรการนี้ คงใช้ไม่นาน ไม่เกิน 2 ปี กรีซก็คงฟื้นตัว แต่มันตรงกันข้าม นอกจากไม่ฟื้นแล้ว กรีซยิ่งทรุดหนัก ชาวกรีซออกมาประท้วง สื่อกรีซเริ่มออกข่าวด่าไอ้เสือหิว อียู และ IMF บอกว่า ที่ไม่ดีขึ้น เพราะกรีซไม่ยอมปฏิบัติตามเงื่อนไข ไม่ยอมลำบาก ยังอยากสบายด้วยเงินของคนอื่น อันนี้เจ็บมาก ชาวกรีซบอกว่า นี่เป็นการบิดเบือนความจริงที่เลวร้าย รัฐบาลกรีซเดินตามเงื่อนไข DOA อย่างเคร่งครัด งบค่าจ้างตัดทิ้งเป็นพันๆล้านยู โร การรักษาพยาบาลของกรีซ ลดไปถึง 50% ไม่ใช่ชาวกรีซ แข็งแรง ไม่เจ็บ ไม่ป่วย แต่พวกเขาไม่มีเงิน ไปหาหมอ ไปโรงพยาบาลต่างหาก การศึกษาก็เช่นกัน ลดลงไปมากมาย ธุรกิจขนาดเล็กปิดตัวเกือบหมด และอัตราคนว่างงานในปี 2011 ก็ขึ้นพรวด และรายรับของภาษี ก็ลดลงอย่างมากเช่นเดียวกัน มัน DOA จริงๆ เสือหิว Troika ยังปากแข็ง ไม่ยอมรับความผิดพลาดในการจ่ายยาของตัวให้แก่คนป่วยชื่อก รีซ จะไปรับได้อย่างไร เขาให้ยาถูกแล้ว เขาตั้งใจให้ยา DOA นี้กับกรีซ กรีซต่างหากเล่า ที่ทำผิดพลาดซ้ำซาก ยอมกินยานี้ (ซ้ำซาก) เอง กรีซนึกว่า กินยานี้ครั้งเดียวแล้วทุกอย่าง จะดีขึ้นตามที่ IMF บอก แต่ในที่สุด กรีซก็ต้องขอรับยางวดสอง ในปี 2012 เอะ งวดแรก กินเข้าไปก็ตายแล้ว งวดสองกินแล้วจะเป็นอย่างไร ก็ตายซากละสิครับ เงื่อนไขงวดสอง เพิ่มชัดเจนว่า ต้องลดการจ้างงานภาครัฐลงไป 150,000 คน ภายในสิ้นปี 2015 และขายรัฐวิสาหกิจแบบเทกระจาด เรื่องนี้ทำให้มีป้ายขึ้นกลางเมืองใหญ่ของกรีซว่า “A Nation for Sale” มีประเทศขาย ไม่ใช่ขายแค่บ้าน ขายประเทศ ภาวนาอย่าให้มีป้ายแบบนี้ขึ้นในแดนสยามของเราก็แล้วกัน ทรัพย์สินที่กรีซขายไป ที่สำคัญ เช่น ท่าเรือ Piraeus ท่าเรือ Thessaloniki ซึ่งเป็นท่าเรือใหญ่ และมีคุณค่า ทั้งทางประวัติศาสตร์ และ เศรษฐกิจ (บางข้อมูลบอกท่าเรือ ทั้ง 2 ยังเจรจากันอยู่ ยังไม่ได้ขายออกไป) บริษัทเทเลคอม OTE สลากกินแบ่งกรีซ ที่ดินหลายแปลง ที่อยู่ในถิ่นดีที่สุดของประเทศ prime area และ postal bank การขายทรัพย์สินของประเทศครั้งใหญ่นี้ ทำให้พรรค Syriza ซึ่งประกาศคัดค้านขายรัฐวิสาหกิจ และการขายทรัพย์สิน ซึ่งได้คะแนนเสียงเพียง 4.6 % ในปี 2009 กระโดดมาเป็น 26.89% ในปี 2012 และได้เป็นรัฐบาลในปี 2015 ระหว่าง ที่เสือหิว Troika ให้กรีซกินยา DOA งวดสอง อัตราคนว่างงานก็เพิ่มเป็น 22% และกำลังจะเป็น 25% ในไม่ช้า ชาวกรีซที่มีการศึกษาดี และยังอายุน้อย ต่างพากัน ทิ้งประเทศของตน ไปหางานทำที่เยอรมัน ที่เศรษฐกิจกำลังรุ่ง มันเป็นการประชดชีวิตชาวกรีซอย่างน่าเศร้า โลกนี้มันไม่สวยทั้งหมดอย่างที่เราคิด และที่กรีซ ก็คงจะเหลือแต่คนแก่ คนรายได้ต่ำ คนการศึกษาไม่สูง และชาวต่างชาติที่หนีระเบิดรายวันมาแย่งกันกิน ############## “ตัดโซ่ หรือ ตายซาก” ตอน 4 นักวิเคราะห์เศรษฐศาสตร์การเมือง บอกว่า กรีซมาถึงจุดวิกฤตินี้ จากการที่มีนักการเมือง หรือรัฐบาลสายตาสั้น มองไม่ได้ไกล ขี้โกง เห็นแก่ประโยชน์พรรคและพวก ทำให้กรีซตกเป็นเหยื่อของระบบ ที่สร้างขี้นมา เพื่อทำให้ประเทศที่อ่อนแอจากปัจจัย ต่างๆ อย่างกรีซ ไม่คิดพึ่งตัวเอง ไม่คิดเปลี่ยนแปลง ไม่คิดปฏิรูป ไม่รู้จักเรียนรู้ เพื่อแก้ไข มักง่าย และในที่สุดก็จะหมดตัว หมดประเทศ หรือ เหลือแต่ซาก ส่วนนักวิเคราะห์การเงินบอกว่า อย่าเอะอะไป เรื่องหนี้กรีซ ไม่ใช่เรื่องของหนี้กรีซ เอะ พูดยังไง เราพูดเรื่องเดียวกันหรือเปล่า ครับ นักการเงินบอก ไม่มีใครเขาสนใจประเทศกรีซ ที่เล็กกระจิดริด ถึงจะสวยงามก็เถอะ กรีซจะมีเงินใช้หนี้ไหม กรีซจะอยู่ หรือจะไปจากอียู เขาไม่ได้สนใจ แต่ที่เป็นข่าวกันถี่ ไม่ใช่เรื่องอะไรหรอก พวกเขากลัวมันกระทบกับระบบธนาคาร กลัวนายทุนจะเจ๊ง ไม่ได้กลัวชาวกรีซจะอดตาย ไม่ได้กลัวรัฐบาลกรีซ จะล่ม เข้าใจไหมครับ แต่สื่อใหญ่รุ่นเก๋า Dennis Gartman บอกว่า…. กรีซยังอยู่ในอียู เพราะเยอรมันต้องการอย่างนั้น เยอรมันยังไม่อยากเฉดกรีซออกไป เยอรมันต้องการให้ค่าเงินยูโรอ่อน ยูโรอ่อนดีสำหรับการส่งออก คนซื้อจะได้นึกว่าตัวซื้อของได้ถูก เยอรมันเป็นประเทศขายของ ที่ ยามนี้กำลังต้องการขายอย่างยิ่ง ใครขายได้ ต้องรีบขาย Bayer, Thyssenkrupp, Daimler เจ้าพ่อธุรกิจการค้าเยอรมัน ต้องการให้กรีซ ยังอยู่ในอียูทั้งนั้น … …..ถ้า ผมเป็นนายกรัฐมนตรีกรีซ ผมคงไม่วิ่งเจรจาให้เหนื่อย ผมคงปล่อยให้กรีซผิดนัดหนี้นานมาแล้ว และกลับไปใช้เงินสกุลของกรีซ และผมก็ลดค่าของกรีซ อุตสาหกรรมทอผ้าของกรีซก็จะกลายเป็นสินค้า ที่ใครๆต้องการเพราะราคาถูกลง กิจการท่องเที่ยวของกรีซ ก็กลับมาฟื้น เพราะใครๆ ก็อยากกลับมาอยู่เกาะสวย ในราคาไม่แพง กิจการเดินเรือของกรีซก็กลับมารุ่งใหม่ ทำไมผมต้องง้อเยอรมันอยู่ข้างเดียว ผมจะบอกกับพวกเจ้าหนี้โหดๆ ว่าเชิญเลย เชิญเอาตูดผมไปเลย อยากทำอะไรก็ทำ แล้วผมก็ออกจากอียู ก็แค่นั้น… ความคิดอย่างนาย Gartman ชาวกรีซเกือบทุกคน คงอยากทำอย่างนั้น คิดได้ แต่ไม่รู้ทำได้จริงไหม กรีซมีหนี้ก้อนใหญ่หมึมา เบี้ยวหนี้ก้อนหนี้ ก็กลายเป็นประเทศล้มละลาย คนล้มละลาย จะไปค้าขายกับใครได้ ขายของได้เงินมา เจ้าหนี้ก็คอยมาคว้าไป แต่ไม่ใช่ว่า เรื่องแบบนี้ เล่นไม่ได้เอาเลย อาร์เจนตินา เคยตัดโซ่ แหกคอกออกมา ยอมอด แต่ก็หืดขึ้นคอ กว่าจะยืนตรงได้เหมือนเดิม พรรค Syriza คงไม่คิดให้ชาวกรีซอยู่ในเหว และมีโซ่คล้องคอตลอดไป แต่จะเลือกทำด้วยวิธีไหน และเมื่อไหร่ เท่านั้น การตัดสินใจของ Syriza ในช่วงไม่กี่วันนี้ คงต้องตามดูกันทุกยก เพราะมันสามารถ สร้างระดับความสะเทือน เหมือนแผ่นดินไหวในยุโรปได้ ตั้งแต่ 4 ริกเตอร์ ไปจนถึงระดับ 9 ริกเตอร์ และอาจจะตามมา ด้วยอาฟเตอร์ขนาดไหน ถึงไหน และนานเท่าไหร่ และจะต่อด้วยซึนามิหรือไม่ พวกแมงเม่า อย่ามัวแต่เหม่อดูแต่จอบ้านตัวเอง เดี๋ยวปีกจะไหม้ร่วงหลุดเป็นแถวๆ ล่าสุดขณะที่ผมกำลังเขียนนิทาน ( 25 มิย.) ข่าวว่า คุณน้องยานิส รัฐมนตรีคลัง ยืนกรานว่า ต้องมีการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ใหม่ ฝ่ายเจ้าหนี้บอก เราไม่มีความคิดเช่นนั้น ถ้ากรีซไม่มีอะไรใหม่มาเสนอ เช่นจะรัดคอหอยเข้าไปอีกกี่นิ้ว หรือจะมีวิธีชำระหนี้อย่างไร เราก็ไม่มีอะไรพูด แล้วการประชุมระหว่าง รัฐมนตรีคลังของกรีซกับฝ่ายอี ยู 18 คน ที่ สนง อียู กรุงบรัสเซล เมื่อเย็นวันที่ 24 มิย. ก็จบลงอย่างรวดเร็ว ใช้เวลาประชุมไม่ถึง 1 ชั่วโมง แล้วต่างก็ทำหน้าไร้อารมณ์ เก็บของกลับบ้าน ร้อนถึงนายกรัฐมนตรีอเล็กซิส ซึ่งข่าวว่า บินด่วนมาบรัสเซล มาคุยต่อกับพวก บิกกี้ของ อียู และคุณนายหน้าเค็มของไอเอมเอฟ ต่ออีก 7 ชั่วโมง แล้วก็กลับไปตอนดึก โดยไม่ให้ข่าว ทั้งหมดนี้ ผมอ่านจากทวิต ของนักข่าวต่างประเทศ ที่ไปเกาะติดสถานการณ์ แปลว่าอะไรครับ แปลว่า ทั้ง 2 ฝ่ายยังกำไต๋ ไม่แผลมให้อีกฝ่ายรู้ ดูผ่านๆ เหมือนกรีซ กำลังเป็นฝ่ายอาการหนัก แต่สำหรับผม ผมว่า อียูหนักกว่า สำหรับกรีซ เหมือนคนใกล้ตาย หรือตายไปแล้ว จะมีอะไรแย่ไปกว่านี้ได้อีกมาก ถึงมีชิวิตที่เป็นอยู่ก็เลวสุดอยู่แล้ว แต่สำหรับ อียู ยังไม่เคยใกล้ตาย เจียนตาย คราวนี้อาจจะได้รู้จัก สมมุติว่า ถ้ากรีซตัดสินใจไม่รับเงินกู้อีกต่อไป หนี้ที่ค้างกันอยู่ ก็ค่อยว่ากัน นี่ไม่ใช่การเบี้ยวหนี้ แต่เป็นการแสดงความไม่ต้องการเป็นหนี้เพิ่ม เอาแค่นี้ จะเรียกเป็นประเทศล้มละลาย หรืออะไรก็แล้วแต่ ความสะเทือนในระบบการเงินในยุโรป ก็น่าจะเกิน 6 ริกเตอร์แล้ว เพราะมันหมายถึง deposits run เงินฝากไหลออกจะเกิดขึ้นแบบของจริง ระบบแบงค์ในกรีซ ไปก่อน หลังจากนั้นก็ลามไปนอกกรีซ ก็ขึ้นกับธนาคารกลางของอียู จะเอาอยู่ไหม สมาชิกอียู ใครจะเป็นผู้กล้าหาญ ถมเงินมาให้ธนาคารกลาง คงเกี่ยงกันอยู่นาน เพราะทั้งเค็ม ทั้งคม กันทั้งนั้น คมเฉือนคม กว่าจะตกลงกันได้ ระหว่างนั้น เลือดยุโรปก็ไหลโกรก สมมุติไปอีกทางหนึ่ง ถึงคุณน้องยานิส จะทำหน้าขรึมว่า เจ้าหนี้ต้องตกลงเรื่องปรับโครงสร้างหนี้ก่อน แต่ นายกรัฐมนตรีอเล็กซิส ประกาศว่า เรายอมให้โซ่รัดคอเราแน่นอีกหน่อย เกี่ยวกับเรื่องเงินบำนาญ ยืดอายุคนรับบำนาญไป อีก 2 ปี ทนไหวน่าลุงและจำนวนที่ต้องจ่ายบำนาญก็จะลดลง มี ข่าวว่า เจ้าหนี้ ต้องการรัดคออีกหลายเปลาะ เช่นเรื่อง ขยายฐานเก็บภาษี ไปถึง เรื่อง การซื้อยาและขึ้นอัตรา vat ร้านอาหารและที่พักโรงแรม สำหรับกรีซ ที่เป็นเมืองขายการท่องเที่ยว ขึ้นภาษี 2 รายการนี่ ก็ เปลี่ยนร้านอาหาร เป็นป่าช้า อาจได้ลูกค้ามากกว่า ข่าวนี้ทำให้เกิดเสียงแตกในพรรค Syriza เอง พวกเข้มบอกไม่ได้นะ นายกฯ ไปตกลงเองไม่ได้ ต้องเอามาเข้าสภาก่อน และรับรองเลย มติแบบนี้ ไม่ผ่านสภาแน่ ถ้าเป็นข้อสมมุติตามนี้ ความสะเทือน อาจจะไม่เกิน 4 ริกเตอร์ ในตอนแรก ระหว่างรอเข้าสภา และไม่ว่าสภาจะลงมติอะไร การถอนเงินฝาก ก็จะเกิดขึ้น เหมือนกรณีแรก และความสะเทือนก็จะค่อยๆเพิ่มริกเตอร์ขึ้น ไม่ต่างกว่ากรณีแรก เพียงแต่ใช้เวลานานกว่า เห็นไหมครับ ไม่ว่ากรีซจะเล่นบทไหน ก็เกิดผลกระทบกับอียูทั้งสิ้น เพราะมันเป็นการจัดการที่ผิดของอียูเองตั้งแต่ต้น ผลมาจากเหตุ เมื่อมีการเอาเงินก้อนใหญ่ที่ควรใส่ไปที่กรีซ แต่ไปไม่ถึงกรีซ ไปถึงเจ้าหนี้อื่นแทน ถึงเวลากรีซจะเอาเงินที่ไหนมาใช้ ก็ต้องเบิกเงินกู้ต่อไปเรื่อยๆ อาการของกรีซก็หนักไปเรื่อยๆ จากเงื่อนไข ที่รัดคอ ผูกมือผูกตีน ไม่ให้กระดิก ไม่ต้องจบปริญญาเอกทางเศรษฐศาสตร์จากอังกฤษ ก็พอรู้ว่า ไปต่อสภาพนี้จะเป็นอย่างไร ยิ่งจบมาอย่างคุณน้องยานิส ถึงได้พูดเหมือนท่องมนตร์ว่า ต้องปรับปรุงโครงสร้างหนี้ คือ ลดหนี้ ผ่อนผันเงื่อนไข เพื่อให้กรีซมีโอกาสต้ังหลัก และยืดอายุการชำระออกไปอีก หรือ มีเงินใหม่จากที่อื่น มาล้างหนี้ DOA และเริ่มต้นกระบวนการฟื้นชีวิตชาวกรีซกันใหม่ จะมีไหมครับ เงินใหม่ จะมาจากไหน สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 27 มิ.ย. 2558
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 838 มุมมอง 0 รีวิว
  • ♣ นายกฯ 4 เดือน นำทัพฝูงหนู บุกเย้ยเมืองตรัง ถิ่นอดีตนายกฯ 2 สมัย หวังใช้พลังดูดตัวเต็งสส.ภาคใต้ไปอยู่รังหนู เลือกตั้งปีหน้าอาจได้เห็น "มีดโกนอาบน้ำผึ้ง ปะทะ มีดโกนอาบกัญชา
    #7ดอกจิก
    #นายก4เดือน
    ♣ นายกฯ 4 เดือน นำทัพฝูงหนู บุกเย้ยเมืองตรัง ถิ่นอดีตนายกฯ 2 สมัย หวังใช้พลังดูดตัวเต็งสส.ภาคใต้ไปอยู่รังหนู เลือกตั้งปีหน้าอาจได้เห็น "มีดโกนอาบน้ำผึ้ง ปะทะ มีดโกนอาบกัญชา #7ดอกจิก #นายก4เดือน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 191 มุมมอง 0 รีวิว
  • แกะรอยเก่า ตอนที่ 14
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “แกะรอยเก่า”
ตอนที่ 14 (ตอนจบ)
    หลังจากนาย Kenneth จัดอบรมหลักสูตรปรับพื้นสนามล่าได้ประมาณ
2 ปี วันหนึ่งในปี ค.ศ.1963 นาย Alexis Johnson ก็เข้ามาเยี่ยมระหว่างการฝึกอบรมและประกาศว่านาย Kenneth ทำหน้าที่ปรับพื้นสนามล่าได้ผล เป็นอย่างดี ดังนั้นจึงจะให้นาย Kenneth ไปทำหน้าที่สำคัญกว่านั้น โดยเป็น Dean of Area Studies for the Foreign Service Institute ซึ่งเป็นการสร้างหลักสูตรสำหรับโปรแกรมต่างๆ ทั่วโลก เป็นงานนั่งโต๊ะ ซึ่งนาย Kenneth บอกว่าไม่รู้ตัวเลย ว่าเขาถูกปลดจากที่ยืนบนแท่นที่ มีไฟส่อง ไปนั่งโต๊ะทำงานในมุมมืด แต่งานมันมีมุมลึกกว่าเดิม ถึงจะลึกยังไง คงไม่สบกับอารมณ์ของนาย Kenneth ซึ่งชอบเสนอหน้า เขาทนนั่งทำงานอยู่ที่สถาบันนี้อยู่ 2,3 ปี จึงออกไปทำงานเป็นศาสตราจารย์เต็ม ตัวใน American University ตามคำชวนของนาย Ernest Griffith แห่ง Council for American Learned Studies ตกลง ใครนะเป็นเจ้าของ มิชชั่นนารี จากเมืองตรัง
    นาย Griffith ขอให้เขาตั้งสถาบันเอเซีย ท้ังตะวันออกเฉียงใต้และเอเซียใต้ที่ American University ซึ่งนาย Kenneth ก็ตกลง เขาคิดหลักสูตรและให้มีการสอนทั้งภาษา ไทย พม่า เวียตนาม ฮินดู และอินโดนีเซีย ฯลฯ หลังจากนั้นมหาวิทยาลัยดังๆ ต่างๆ ในอเมริกา ต่างพากันตั้งสถาบันทำนองนี้กันหมด ครอบคลุมไปหลาย area เครื่องมือนักล่าแพร่หลายและใช้การได้อย่างดี นาย Kenneth (หรือคนสร้างนาย Kenneth ? ) เป็นคนมองเห็นการณ์ไกลจริง
    และก็สถาบันแบบนี้แหละ ที่ ประมาณ 6,7 ปีมานี้ ไอ้โจรร้ายได้ส่งพวกอาจารย์นักบิด(เบือน)รุ่นใหญ่ ไปเป็นหัวหน้าภาควิชา โดยการสนับสนุนให้ทุนก้อนใหญ่ และการร่วมมือของพวกนักล่า ไปปรับหลักสูตรใหม่ โดยเฉพาะส่วนที่เกี่ยวกับสถาบัน หลังจากน้ัน บทความที่บิดเบือนเกี่ยวกับสถาบัน เขียนโดยสมุนนักล่า และ ขี้ข้าโจร ก็ทยอยกันออกมา จนถึงทุกวันนี้ และตอนนี้ก็กำลังโหมฟืนเพิ่มไฟ นักล่าและไอ้โจรร้าย ทำทุกวิถีทางที่จะเขย่าเสาหลักให้คลอน การครอบครองแดนสมันน้อยจะได้ง่ายขึ้น เลิกสงสัยกันได้ว่า เรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้นได้อย่างไร
    อเมริกาซึ่งเคยรู้จักเมืองไทยแบบลางเลือน รู้แค่ว่าเมืองไทยมีแต่คนฝาแฝดตัวติดกัน รู้จักสถาบันกษัตริย์ของไทยผ่านสายตา ของนางพี่เลี้ยงที่เต็มไปด้วยความทะเยอทะยานและเพ้อเจ้อ เช่น นาง Anna Leonowens ก็ได้ค่อยๆเริ่มเปลี่ยนไป คงต้องยอมรับว่า ฝีมือกระล่อนและความเป็นนักฉวยโอกาสของนาย Kenneth ได้ผล ทำให้เครื่องมือนักล่าประเภทนี้ขึ้นอันดับ อเมริกาติดใจดัดแปลงเครื่องมือชนิดนี้ไปเรื่อๆ นาย Kenneth มาเป็นมิชชั่นนารี อาสามาทำงานในเมืองไทยเอง หรือจะมาด้วยเหตุผลอื่น เรายังไม่สามารถพิสูจน์ได้ชัด แต่ก็ต้องยอมรับว่าเครื่องมือนักล่าเช่นนี้ ได้ผลอย่างชนิดเหลือเชื่อ การเรียนภาษาไทยจนเข้าใจและอ่านได้ ถึงขนาดอ่านขาดว่าม้าตัวเต็งชื่อสฤษดิ์จะเข้าวิน ทำให้อเมริกาเดินงานได้ตามแผนที่วางไว้เกือบทุกอย่าง แบบนี้จะมีหรือที่ อเมริกาจะไม่เก็บเครื่องมือชนิดนี้ไว้ใช้ต่อ แค่ดัดแปลงใส่ app ใหม่ๆเข้าไปเรื่อยๆเท่านั้น
    สถาบันเอเซียศึกษาไม่ว่าอยู่ใน เมืองไทย หรือในอเมริกา มาจากไหน หนังสือเกือบ 2000 เล่ม และแผ่นที่หอบไป ขยายผลได้มากมาย มูลนิธิต่างๆ เช่น Asia Foundation ….. ได้ถูกนำมาก่อตั้งในเมืองไทยมีทั้งแบบโจ๋งครึ่ม และปกปิด ครูบาอาจารย์หรือ ให้ทุนมันเข้าไป จะได้ไปรับวัฒนธรรมทางความคิดของอเมริกากลับเข้ามา เหตุการณ์ ค.ศ.1960 ที่ประธานาธิบดี Kennedy ฉุนขาดจะต้องไม่เกิดขึ้นอีก ผ่านมากว่า 50 ปี เรารู้กันบ้างไหมว่าเขาเอานาย Kenneth 1,2,3….. ถึง 1000 มาไว้บ้านเรากี่คนแล้ว ยกตัวอย่างเช่น นาย Kenneth รุ่นใหม่ ชื่อพี่เจฟ เข้ามาเป็น Peace Corp อยู่ทางใต้ (เดินตามรอยกันมาเดี๊ยะเชียวนะ ! ) ตั้งแต่ยังแน่นหนุ่ม ตอนนั้นทั้งเหี่ยวทั้งล้านก็ยังอยู่เมืองไทย เข้าออกในที่สูงที่ลับที่แจ้ง บนเวทีลุงกำนันก็ไปขึ้นมาแล้ว ขนพรรคพวกมาอยู่ข้างเวทีเกือบทุกวัน สมัยหนึ่ง 3-4 ปีมาแล้วถึงกับจัดงานหาทุนให้พรรคการเมืองเก่าแก่พรรคหนึ่ง (ไม่เข็ดเรื่อง Lotus Project หรือไง ต้องให้แฉกันมากกว่านี้มั๊ย ? ท่านใดอ่านแล้วงงก็ไปหาอ่านกันต่อในนิทานเรื่องจิ๊กโก๋ปากซอยนะครับ) ยังมีทุนการศึกษาต่างๆ เช่น American Field Service (AFS) ที่ให้แก่นักเรียนชั้น ม. ปลาย ก่อนเข้ามหาวิทยาลัยไปอยู่กับครอบครัวอเมริกัน ตั้งแต่สมัยสงครามเวียตนาม หลายๆคน เดี๋ยวนี้ก็ยังเข้มแข็งจัดงานเฉลิมฉลองมิตรไมตรีความเข้าใจอันดีของ 2 ประเทศอยู่ทุกปี ขนาดโดนเขาด่า เขามาแทรกแซงประเทศ คนพวกนี้ก็เหมือนจะเห็นบุญคุณของ 1 ปี ที่ไปอยู่กับเขามากกว่าแผ่นดินเกิดของตนเอง
    นี่ยังไม่ได้พูดถึงครูบาอาจารย์ ที่ได้ทุนไปเรียนปริญญาตรี โท เอก ของ Asia Foundation, Fulbright, Ford Foundation, Rockefeller ฯลฯ อาจารย์ต่างๆเหล่านี้ กลับมาสอนในมหาวิทยาลัยไทย แต่จัดหลักสูตรใหม่ตามที่ผู้ให้ทุนต้องการ เขารู้จักเรามากว่า 50 ปีแล้วจากที่แทบจะไม่มีใครในบ้านเมืองเขาได้ยินชื่อเมืองเราเลย จนเดี๋ยวนี้เขารู้จักเมืองเราทุกตารางนิ้ว รู้จักและใช้คนของเราทำงานเพื่อ ประโยชน์ของเขา เขาติดตามเราทุกย่างก้าว ครอบงำความคิด วัฒนธรรม การศึกษา ฯลฯ เราเกือบทุกเรื่อง โดยเราไม่รู้ตัว หรือรู้ตัว แต่ไม่รู้สึก ไม่ฉุกคิด ไม่เฉลียวใจ ไม่รับรู้ ไม่หวงแหน นี่ขนาดเขาใช้เครื่องมือล่าระดับง่ามไม้เล็กๆ เขายังกวาดข้อมูล นำไปใช้เป็นต้นแบบเครื่องมือล่าให้แม่นยำขึ้นไปอีก แล้วถ้าเราเจอเครื่องมือล่าประเภทหัวเจาะ ไม่ว่าเป็นประเภทหัวเจาะผมทอง หรือผมดำสัญชาติไทยแต่ใจเป็นอื่น ซึ่งก็มีอยู่ไม่น้อยในบ้านเรา และอาจจะกำลังถูกนำมาใช้งานเร็วๆนี้ แล้วเราจะนั่งไม่รู้ไม่ชี้ต่อไปหรือครับ

    คนเล่านิทาน
    แกะรอยเก่า ตอนที่ 14 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “แกะรอยเก่า”
ตอนที่ 14 (ตอนจบ) หลังจากนาย Kenneth จัดอบรมหลักสูตรปรับพื้นสนามล่าได้ประมาณ
2 ปี วันหนึ่งในปี ค.ศ.1963 นาย Alexis Johnson ก็เข้ามาเยี่ยมระหว่างการฝึกอบรมและประกาศว่านาย Kenneth ทำหน้าที่ปรับพื้นสนามล่าได้ผล เป็นอย่างดี ดังนั้นจึงจะให้นาย Kenneth ไปทำหน้าที่สำคัญกว่านั้น โดยเป็น Dean of Area Studies for the Foreign Service Institute ซึ่งเป็นการสร้างหลักสูตรสำหรับโปรแกรมต่างๆ ทั่วโลก เป็นงานนั่งโต๊ะ ซึ่งนาย Kenneth บอกว่าไม่รู้ตัวเลย ว่าเขาถูกปลดจากที่ยืนบนแท่นที่ มีไฟส่อง ไปนั่งโต๊ะทำงานในมุมมืด แต่งานมันมีมุมลึกกว่าเดิม ถึงจะลึกยังไง คงไม่สบกับอารมณ์ของนาย Kenneth ซึ่งชอบเสนอหน้า เขาทนนั่งทำงานอยู่ที่สถาบันนี้อยู่ 2,3 ปี จึงออกไปทำงานเป็นศาสตราจารย์เต็ม ตัวใน American University ตามคำชวนของนาย Ernest Griffith แห่ง Council for American Learned Studies ตกลง ใครนะเป็นเจ้าของ มิชชั่นนารี จากเมืองตรัง นาย Griffith ขอให้เขาตั้งสถาบันเอเซีย ท้ังตะวันออกเฉียงใต้และเอเซียใต้ที่ American University ซึ่งนาย Kenneth ก็ตกลง เขาคิดหลักสูตรและให้มีการสอนทั้งภาษา ไทย พม่า เวียตนาม ฮินดู และอินโดนีเซีย ฯลฯ หลังจากนั้นมหาวิทยาลัยดังๆ ต่างๆ ในอเมริกา ต่างพากันตั้งสถาบันทำนองนี้กันหมด ครอบคลุมไปหลาย area เครื่องมือนักล่าแพร่หลายและใช้การได้อย่างดี นาย Kenneth (หรือคนสร้างนาย Kenneth ? ) เป็นคนมองเห็นการณ์ไกลจริง และก็สถาบันแบบนี้แหละ ที่ ประมาณ 6,7 ปีมานี้ ไอ้โจรร้ายได้ส่งพวกอาจารย์นักบิด(เบือน)รุ่นใหญ่ ไปเป็นหัวหน้าภาควิชา โดยการสนับสนุนให้ทุนก้อนใหญ่ และการร่วมมือของพวกนักล่า ไปปรับหลักสูตรใหม่ โดยเฉพาะส่วนที่เกี่ยวกับสถาบัน หลังจากน้ัน บทความที่บิดเบือนเกี่ยวกับสถาบัน เขียนโดยสมุนนักล่า และ ขี้ข้าโจร ก็ทยอยกันออกมา จนถึงทุกวันนี้ และตอนนี้ก็กำลังโหมฟืนเพิ่มไฟ นักล่าและไอ้โจรร้าย ทำทุกวิถีทางที่จะเขย่าเสาหลักให้คลอน การครอบครองแดนสมันน้อยจะได้ง่ายขึ้น เลิกสงสัยกันได้ว่า เรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้นได้อย่างไร อเมริกาซึ่งเคยรู้จักเมืองไทยแบบลางเลือน รู้แค่ว่าเมืองไทยมีแต่คนฝาแฝดตัวติดกัน รู้จักสถาบันกษัตริย์ของไทยผ่านสายตา ของนางพี่เลี้ยงที่เต็มไปด้วยความทะเยอทะยานและเพ้อเจ้อ เช่น นาง Anna Leonowens ก็ได้ค่อยๆเริ่มเปลี่ยนไป คงต้องยอมรับว่า ฝีมือกระล่อนและความเป็นนักฉวยโอกาสของนาย Kenneth ได้ผล ทำให้เครื่องมือนักล่าประเภทนี้ขึ้นอันดับ อเมริกาติดใจดัดแปลงเครื่องมือชนิดนี้ไปเรื่อๆ นาย Kenneth มาเป็นมิชชั่นนารี อาสามาทำงานในเมืองไทยเอง หรือจะมาด้วยเหตุผลอื่น เรายังไม่สามารถพิสูจน์ได้ชัด แต่ก็ต้องยอมรับว่าเครื่องมือนักล่าเช่นนี้ ได้ผลอย่างชนิดเหลือเชื่อ การเรียนภาษาไทยจนเข้าใจและอ่านได้ ถึงขนาดอ่านขาดว่าม้าตัวเต็งชื่อสฤษดิ์จะเข้าวิน ทำให้อเมริกาเดินงานได้ตามแผนที่วางไว้เกือบทุกอย่าง แบบนี้จะมีหรือที่ อเมริกาจะไม่เก็บเครื่องมือชนิดนี้ไว้ใช้ต่อ แค่ดัดแปลงใส่ app ใหม่ๆเข้าไปเรื่อยๆเท่านั้น สถาบันเอเซียศึกษาไม่ว่าอยู่ใน เมืองไทย หรือในอเมริกา มาจากไหน หนังสือเกือบ 2000 เล่ม และแผ่นที่หอบไป ขยายผลได้มากมาย มูลนิธิต่างๆ เช่น Asia Foundation ….. ได้ถูกนำมาก่อตั้งในเมืองไทยมีทั้งแบบโจ๋งครึ่ม และปกปิด ครูบาอาจารย์หรือ ให้ทุนมันเข้าไป จะได้ไปรับวัฒนธรรมทางความคิดของอเมริกากลับเข้ามา เหตุการณ์ ค.ศ.1960 ที่ประธานาธิบดี Kennedy ฉุนขาดจะต้องไม่เกิดขึ้นอีก ผ่านมากว่า 50 ปี เรารู้กันบ้างไหมว่าเขาเอานาย Kenneth 1,2,3….. ถึง 1000 มาไว้บ้านเรากี่คนแล้ว ยกตัวอย่างเช่น นาย Kenneth รุ่นใหม่ ชื่อพี่เจฟ เข้ามาเป็น Peace Corp อยู่ทางใต้ (เดินตามรอยกันมาเดี๊ยะเชียวนะ ! ) ตั้งแต่ยังแน่นหนุ่ม ตอนนั้นทั้งเหี่ยวทั้งล้านก็ยังอยู่เมืองไทย เข้าออกในที่สูงที่ลับที่แจ้ง บนเวทีลุงกำนันก็ไปขึ้นมาแล้ว ขนพรรคพวกมาอยู่ข้างเวทีเกือบทุกวัน สมัยหนึ่ง 3-4 ปีมาแล้วถึงกับจัดงานหาทุนให้พรรคการเมืองเก่าแก่พรรคหนึ่ง (ไม่เข็ดเรื่อง Lotus Project หรือไง ต้องให้แฉกันมากกว่านี้มั๊ย ? ท่านใดอ่านแล้วงงก็ไปหาอ่านกันต่อในนิทานเรื่องจิ๊กโก๋ปากซอยนะครับ) ยังมีทุนการศึกษาต่างๆ เช่น American Field Service (AFS) ที่ให้แก่นักเรียนชั้น ม. ปลาย ก่อนเข้ามหาวิทยาลัยไปอยู่กับครอบครัวอเมริกัน ตั้งแต่สมัยสงครามเวียตนาม หลายๆคน เดี๋ยวนี้ก็ยังเข้มแข็งจัดงานเฉลิมฉลองมิตรไมตรีความเข้าใจอันดีของ 2 ประเทศอยู่ทุกปี ขนาดโดนเขาด่า เขามาแทรกแซงประเทศ คนพวกนี้ก็เหมือนจะเห็นบุญคุณของ 1 ปี ที่ไปอยู่กับเขามากกว่าแผ่นดินเกิดของตนเอง นี่ยังไม่ได้พูดถึงครูบาอาจารย์ ที่ได้ทุนไปเรียนปริญญาตรี โท เอก ของ Asia Foundation, Fulbright, Ford Foundation, Rockefeller ฯลฯ อาจารย์ต่างๆเหล่านี้ กลับมาสอนในมหาวิทยาลัยไทย แต่จัดหลักสูตรใหม่ตามที่ผู้ให้ทุนต้องการ เขารู้จักเรามากว่า 50 ปีแล้วจากที่แทบจะไม่มีใครในบ้านเมืองเขาได้ยินชื่อเมืองเราเลย จนเดี๋ยวนี้เขารู้จักเมืองเราทุกตารางนิ้ว รู้จักและใช้คนของเราทำงานเพื่อ ประโยชน์ของเขา เขาติดตามเราทุกย่างก้าว ครอบงำความคิด วัฒนธรรม การศึกษา ฯลฯ เราเกือบทุกเรื่อง โดยเราไม่รู้ตัว หรือรู้ตัว แต่ไม่รู้สึก ไม่ฉุกคิด ไม่เฉลียวใจ ไม่รับรู้ ไม่หวงแหน นี่ขนาดเขาใช้เครื่องมือล่าระดับง่ามไม้เล็กๆ เขายังกวาดข้อมูล นำไปใช้เป็นต้นแบบเครื่องมือล่าให้แม่นยำขึ้นไปอีก แล้วถ้าเราเจอเครื่องมือล่าประเภทหัวเจาะ ไม่ว่าเป็นประเภทหัวเจาะผมทอง หรือผมดำสัญชาติไทยแต่ใจเป็นอื่น ซึ่งก็มีอยู่ไม่น้อยในบ้านเรา และอาจจะกำลังถูกนำมาใช้งานเร็วๆนี้ แล้วเราจะนั่งไม่รู้ไม่ชี้ต่อไปหรือครับ คนเล่านิทาน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 692 มุมมอง 0 รีวิว
  • หัวแถวเพื่อไทย คนต่อไปคือคนนี้..??? (9/9/68)
    #หัวแถวเพื่อไทยคนต่อไป #ตัวเต็งพรรคเพื่อไทย #ใครจะขึ้นแทน #ผู้นำรุ่นใหม่หรือคนในตระกูล #เกมอำนาจเพื่อไทย #การเมืองไทย2568 #TruthFromThailand #news1 #thaitimes #shorts
    หัวแถวเพื่อไทย คนต่อไปคือคนนี้..??? (9/9/68) #หัวแถวเพื่อไทยคนต่อไป #ตัวเต็งพรรคเพื่อไทย #ใครจะขึ้นแทน #ผู้นำรุ่นใหม่หรือคนในตระกูล #เกมอำนาจเพื่อไทย #การเมืองไทย2568 #TruthFromThailand #news1 #thaitimes #shorts
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 433 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • #ฝรั่งเศสจนล้มละลาย
    #ฝรั่งเศสจงสิ้นชาติ
    #เดอะแก๊งเอเชียนำโดยจีนรัสเชียเกาหลีเหนือทำลายฝรั่งเศสเลย

    ....ประเทศฝรั่งเศสจนถึงปัจจุบันคือภัยร้ายแรงต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ไทยและประเทศไทยเราชัดเจนจากกรณีเขาพระวิหารในปัจจุบันที่ฝรั่งเศสอยู่เบื้องหลังจริงทั้งหมดและในอดีตที่ผ่านๆมาที่พยายามยึดประเทศไทยทุกๆวิถีทางมาโดยตลอด
    ..ทั้งความพยายามเอาความรู้จริงทั้งหมดมากมายออกจากตำราเรียนเราในโรงเรียนเด็กๆเยาวชนเรามิให้รู้ความจริงทางวิชาประวัติศาสตร์บนหลักสูตรการเรียนการสอนของคนไทยถึงมหาลัยเราเยาวชนไทยเราก็ว่า ซึ่งสามารถบรรจุเป็นวิชาบังคับได้ถึงระดับมหาลัยทุกๆสาขาคณะว่าประเทศไทยเรากว่าจะเป็นไทยเหลือพื้นที่ขนาดนี้เราถูกใครกระทำชั่วใส่เราจริงบ้าง,

    ..ฝรั่งตะวันตกฝรั่งเศสอเมริกาศัตรูบ่อนทำลายประเทศไทยชัดเจนและเอเชียเราด้วยอาเชียนเราด้วย.

    ..ตัวการใหญ่โคตรๆ พวกนี้จึงต้องถูกบันทึกในการเรียนการสอนไทยเราให้รู้เห็นค่าจริงความจริงนี้ด้วย มีประเทศอะไรบ้าง? ประเภทใดด้วย? ทำไม?เพื่ออะไร?อย่างไร? เป็นต้น

    ..ฝรั่งเศสปล้นพระตะบอง เสียมราฐ ศรีโสภณเราไปจริงทั้งที่เราจ่ายตังซื้อดินแดนคืนอย่างมีลายลักษณ์อักษรแล้ว ฝรั่งเศสและอเมริกาจึงชั่วเลวที่สุมหัวกันร่วมยึดปล้นแย่งชิงพื้นที่พระตะบอง เสียมราฐ ศรีโสภณ ประจานตคีรีหรือเกาะกงเราไปด้วย,พวกนี้สมควรเป็นประเทศที่ล้มละลายพินาศสิ้นชาติโดยรวดเร็วในอนาคตพร้อมกับเขมรที่เป็นชาติเนรคุณทรยศหักหลังไทยหมายยึดประเทศไทยอีก,หักหลังจีนจนดังไปทั่วโลกอย่สงเปิดเผยด้วยเหยียบหน้าเหยียบหัวจีนชัดเจน,ชูอเมริกทรัมป์รางวัลโนเบลสันติภาพโน้นกอดอเมริกาทิ้งจีนแบบไร้เยื่อใยเข้าอินโดแปซิฟิกอีกโน้น.

    ..ต่างจากไทยที่คนชั่วที่อำนาจหลุดเข้ามาได้เลยทำเอง ไปเข้าไปทำเอาเองฝ่ายเดียว.รับงานมาจำกัดไทยอย่างเปิดเผยโดยตรง ออกหน้าออกตาชัดเจน เป็นจิตอาสาโคตรๆก็ว่า,เป็นตัวแทนทำงานให้deep stateตัวเต็งเพื่อจัดการไทยเราอย่างเปิดเผยแทนต่างชาติอื่นๆหน้าฝรั่งอื่นๆไม่ต้องมาเปิดเผยหน้าชกโดยตรงแบบมันฝรั่งเศสหรืออเมริกาก็ว่า,หน้างานเนื้องานที่รับมาทำของมันคือเพื่อกำจัดสถาบันกษัตริย์ไทยทุกๆวิถีทาง สามกีบชูสามนิ้ว ธนาธรปิยะบุตรเมียมันสายลับฝรั่งเศสตัวพ่อเป็นลูกตัวพ่อล้มกษัตริย์ฝรั่งเศสกะจะมาสุมหัวล้มสถาบันกษัตริย์ในไทยเราจนถูกยุบพรรค,ฝรั่งเศสโอนตังมหาศาลจ้างองค์กรอิสระมากมายหน้าฉากทำดีสวยหรูให้คนไทยดู,หลังฉากสุมหัวก่อกวนใต้ดินด้วยเม็ดเงินทุนมหาศาลไหลมาสนับสนุนล้างสมองซื้อตัวอาจารย์มหาลัยล้างสมองนักเรียนนักศึกษา ออกหลักสูตรการเรียนการศึกษาไปค่าเท็จบืดเบือนประวัติศาสตร์ หักเหมิให้คนไทยเยาวชนไทยรู้กำพืดภัยศัตรูชาติไทยต่างๆ,สร้างความโกลาหลแตกแยกวุ่นวายทุกๆวิถีทางร่วมกับCIAจนถึงปัจจุบัน,บวกหมายปล้นชิงวัตถุดิบสร้างชาติไทยเราเองไปอยู่ตลอดเวลาที่มีโอกาสหรือทำโอกาสสร้างโอกาสเองแบบเขตแดนเขมร1:200,000กะลากลงอ่าวไทย ได้บ่อน้ำมันไทยเป็นอันมากและทรัพยากรอื่นๆตีมูลค่ากว่า20ล้านล้านบาทที่ลากเส้น1:200,000จากบ้านหนองจานลงทะเลอ่าวไทยเรา.,ปล้นชิงตั้งแต่อดีตเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน,ฝรั่งตะวันตกและชาติยุโรปคนของฝรั่งตะวันตกทั้งหมดต้องถีบออกจากอาเชียนถีบออกจากเอเชียเราทั้งหมดจริงๆ.อินโดฯก็อยากได้บ่อน้ำมันเขาผ่านขี้ข้ามาเลย์ ถ้าได้ก็กว่า40-50ล้านล้านบาทหรือเหรียญมิรู้,อินโดฯจึงโกลาหลโคตรๆแตกแยกวุ่นวายในเวลานี้ที่ สส.เต้นรำเยาะเย้นชาวคนอินโดฯ.
    #ฝรั่งเศสจนล้มละลาย #ฝรั่งเศสจงสิ้นชาติ #เดอะแก๊งเอเชียนำโดยจีนรัสเชียเกาหลีเหนือทำลายฝรั่งเศสเลย ....ประเทศฝรั่งเศสจนถึงปัจจุบันคือภัยร้ายแรงต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ไทยและประเทศไทยเราชัดเจนจากกรณีเขาพระวิหารในปัจจุบันที่ฝรั่งเศสอยู่เบื้องหลังจริงทั้งหมดและในอดีตที่ผ่านๆมาที่พยายามยึดประเทศไทยทุกๆวิถีทางมาโดยตลอด ..ทั้งความพยายามเอาความรู้จริงทั้งหมดมากมายออกจากตำราเรียนเราในโรงเรียนเด็กๆเยาวชนเรามิให้รู้ความจริงทางวิชาประวัติศาสตร์บนหลักสูตรการเรียนการสอนของคนไทยถึงมหาลัยเราเยาวชนไทยเราก็ว่า ซึ่งสามารถบรรจุเป็นวิชาบังคับได้ถึงระดับมหาลัยทุกๆสาขาคณะว่าประเทศไทยเรากว่าจะเป็นไทยเหลือพื้นที่ขนาดนี้เราถูกใครกระทำชั่วใส่เราจริงบ้าง, ..ฝรั่งตะวันตกฝรั่งเศสอเมริกาศัตรูบ่อนทำลายประเทศไทยชัดเจนและเอเชียเราด้วยอาเชียนเราด้วย. ..ตัวการใหญ่โคตรๆ พวกนี้จึงต้องถูกบันทึกในการเรียนการสอนไทยเราให้รู้เห็นค่าจริงความจริงนี้ด้วย มีประเทศอะไรบ้าง? ประเภทใดด้วย? ทำไม?เพื่ออะไร?อย่างไร? เป็นต้น ..ฝรั่งเศสปล้นพระตะบอง เสียมราฐ ศรีโสภณเราไปจริงทั้งที่เราจ่ายตังซื้อดินแดนคืนอย่างมีลายลักษณ์อักษรแล้ว ฝรั่งเศสและอเมริกาจึงชั่วเลวที่สุมหัวกันร่วมยึดปล้นแย่งชิงพื้นที่พระตะบอง เสียมราฐ ศรีโสภณ ประจานตคีรีหรือเกาะกงเราไปด้วย,พวกนี้สมควรเป็นประเทศที่ล้มละลายพินาศสิ้นชาติโดยรวดเร็วในอนาคตพร้อมกับเขมรที่เป็นชาติเนรคุณทรยศหักหลังไทยหมายยึดประเทศไทยอีก,หักหลังจีนจนดังไปทั่วโลกอย่สงเปิดเผยด้วยเหยียบหน้าเหยียบหัวจีนชัดเจน,ชูอเมริกทรัมป์รางวัลโนเบลสันติภาพโน้นกอดอเมริกาทิ้งจีนแบบไร้เยื่อใยเข้าอินโดแปซิฟิกอีกโน้น. ..ต่างจากไทยที่คนชั่วที่อำนาจหลุดเข้ามาได้เลยทำเอง ไปเข้าไปทำเอาเองฝ่ายเดียว.รับงานมาจำกัดไทยอย่างเปิดเผยโดยตรง ออกหน้าออกตาชัดเจน เป็นจิตอาสาโคตรๆก็ว่า,เป็นตัวแทนทำงานให้deep stateตัวเต็งเพื่อจัดการไทยเราอย่างเปิดเผยแทนต่างชาติอื่นๆหน้าฝรั่งอื่นๆไม่ต้องมาเปิดเผยหน้าชกโดยตรงแบบมันฝรั่งเศสหรืออเมริกาก็ว่า,หน้างานเนื้องานที่รับมาทำของมันคือเพื่อกำจัดสถาบันกษัตริย์ไทยทุกๆวิถีทาง สามกีบชูสามนิ้ว ธนาธรปิยะบุตรเมียมันสายลับฝรั่งเศสตัวพ่อเป็นลูกตัวพ่อล้มกษัตริย์ฝรั่งเศสกะจะมาสุมหัวล้มสถาบันกษัตริย์ในไทยเราจนถูกยุบพรรค,ฝรั่งเศสโอนตังมหาศาลจ้างองค์กรอิสระมากมายหน้าฉากทำดีสวยหรูให้คนไทยดู,หลังฉากสุมหัวก่อกวนใต้ดินด้วยเม็ดเงินทุนมหาศาลไหลมาสนับสนุนล้างสมองซื้อตัวอาจารย์มหาลัยล้างสมองนักเรียนนักศึกษา ออกหลักสูตรการเรียนการศึกษาไปค่าเท็จบืดเบือนประวัติศาสตร์ หักเหมิให้คนไทยเยาวชนไทยรู้กำพืดภัยศัตรูชาติไทยต่างๆ,สร้างความโกลาหลแตกแยกวุ่นวายทุกๆวิถีทางร่วมกับCIAจนถึงปัจจุบัน,บวกหมายปล้นชิงวัตถุดิบสร้างชาติไทยเราเองไปอยู่ตลอดเวลาที่มีโอกาสหรือทำโอกาสสร้างโอกาสเองแบบเขตแดนเขมร1:200,000กะลากลงอ่าวไทย ได้บ่อน้ำมันไทยเป็นอันมากและทรัพยากรอื่นๆตีมูลค่ากว่า20ล้านล้านบาทที่ลากเส้น1:200,000จากบ้านหนองจานลงทะเลอ่าวไทยเรา.,ปล้นชิงตั้งแต่อดีตเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน,ฝรั่งตะวันตกและชาติยุโรปคนของฝรั่งตะวันตกทั้งหมดต้องถีบออกจากอาเชียนถีบออกจากเอเชียเราทั้งหมดจริงๆ.อินโดฯก็อยากได้บ่อน้ำมันเขาผ่านขี้ข้ามาเลย์ ถ้าได้ก็กว่า40-50ล้านล้านบาทหรือเหรียญมิรู้,อินโดฯจึงโกลาหลโคตรๆแตกแยกวุ่นวายในเวลานี้ที่ สส.เต้นรำเยาะเย้นชาวคนอินโดฯ.
    รัฐสภาฝรั่งเศสลงมติล้มรัฐบาล หลังไม่เห็นด้วยกับแผนควบคุมหนี้สินของประเทศที่พอกพูนขึ้นเรื่อยๆ โหมกระพือวิกฤตการเมืองหนักหน่วงยิ่งขึ้น ที่กำลังก่อความอ่อนแอแก่ชาติเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดอันดับ 2 ของยูโรโซนแห่งนี้
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000086123

    #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire

    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 860 มุมมอง 0 รีวิว
  • 555 โดนเสียเอง.,อินโดฯเปิดข่าวหรือใครเปิดก็ตามช่วงนี้ไม่ธรรมดาแน่,มาเลย์เข้ากับอเมริกาคงเพราะอยากให้อเมริกาจัดการอินโดฯนี้เองให้มาเลย์ตนด้วยมาข่มอินโดฯในตัวนี้ล่ะ,มีผลประโยชน์แน่นอนกับฝรั่งด้วยแน่ๆในฝั่งมาเลย์ อาจแรกให้อเมริกาตั้งฐานทัพบริเวณนี้ด้วยเพื่อดูดน้ำมันทันทีตรงจุดใกล้ๆมีเชื้อเพลิงเพียงพอทำสงครามตรงนี้ฐานทัพนี้,อเมริกามีฐานทัพในเขมร ในมาเลย์ ยึดพังงาไทยด้วย มีฟิลิปปินส์อีกตัวเต็งอยู่แล้ว,มีสิงคโปร์สำนักงานใหญ่สั่งบัญชาการ,ใต้ไทยอเมริกายึดมาเลย์สิงคโปร์เต็มสูบเลย, มิน่าชี้หน้าบิ๊กกุ้งเราแต่กอดกับเขมรอย่างยิ้มหน้าบาน.

    https://youtube.com/watch?v=xLSlNHU3me4&si=jL-7emZeWpzw1IlY
    555 โดนเสียเอง.,อินโดฯเปิดข่าวหรือใครเปิดก็ตามช่วงนี้ไม่ธรรมดาแน่,มาเลย์เข้ากับอเมริกาคงเพราะอยากให้อเมริกาจัดการอินโดฯนี้เองให้มาเลย์ตนด้วยมาข่มอินโดฯในตัวนี้ล่ะ,มีผลประโยชน์แน่นอนกับฝรั่งด้วยแน่ๆในฝั่งมาเลย์ อาจแรกให้อเมริกาตั้งฐานทัพบริเวณนี้ด้วยเพื่อดูดน้ำมันทันทีตรงจุดใกล้ๆมีเชื้อเพลิงเพียงพอทำสงครามตรงนี้ฐานทัพนี้,อเมริกามีฐานทัพในเขมร ในมาเลย์ ยึดพังงาไทยด้วย มีฟิลิปปินส์อีกตัวเต็งอยู่แล้ว,มีสิงคโปร์สำนักงานใหญ่สั่งบัญชาการ,ใต้ไทยอเมริกายึดมาเลย์สิงคโปร์เต็มสูบเลย, มิน่าชี้หน้าบิ๊กกุ้งเราแต่กอดกับเขมรอย่างยิ้มหน้าบาน. https://youtube.com/watch?v=xLSlNHU3me4&si=jL-7emZeWpzw1IlY
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 207 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากข่าว: Tim Cook กับบทบาทที่ยาวนานที่สุดในฐานะ CEO ของ Apple และความหวังในโลก Spatial Computing

    ในเดือนสิงหาคม 2025 Tim Cook ครบรอบ 14 ปีในการดำรงตำแหน่ง CEO ของ Apple ซึ่งนานกว่า Steve Jobs ผู้เป็นตำนานของบริษัท โดย Cook เข้ามารับตำแหน่งในปี 2011 หลังจาก Jobs ลาออกเพียงสองเดือนก่อนเสียชีวิต

    ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา Cook ได้เปลี่ยนโฉม Apple จากบริษัทที่เน้นอุปกรณ์พกพา สู่การพัฒนาอุปกรณ์สวมใส่ (Wearables) อย่าง Apple Watch และ AirPods รวมถึงการผลิตคอนเทนต์สตรีมมิ่ง และการเปลี่ยนมาใช้ชิป Arm ที่พัฒนาเองใน Mac

    หนึ่งในผลิตภัณฑ์ที่ Cook ภูมิใจคือ Vision Pro—แว่นผสมโลกเสมือนจริงที่เปิดตัวด้วยราคาสูงถึง $3,500 แม้จะถูกวิจารณ์เรื่องความเทอะทะและแอปพลิเคชันที่ยังไม่ตอบโจทย์ แต่ Cook ยืนยันว่า Vision Pro คือ “ความสำเร็จในแง่ของการสร้างระบบนิเวศ” และจะค่อย ๆ ดีขึ้นตามเวลา

    Apple เตรียมอัปเดต visionOS ด้วยฟีเจอร์ใหม่ เช่น วิดเจ็ตแบบปรับแต่งได้ และเบราว์เซอร์ 3 มิติ พร้อมผลักดันให้บริษัทอื่นสร้างประสบการณ์เชิงพื้นที่ เช่น เครื่องจำลองการบินของ CTE

    ในด้าน AI Cook เปิดตัว “Apple Intelligence” โดยเน้นว่าไม่จำเป็นต้องเป็นเจ้าแรก แต่ต้อง “ดีที่สุดสำหรับผู้ใช้” และจะไม่คิดค่าบริการเพิ่มเติม เพราะมองว่าเป็นฟีเจอร์พื้นฐานเหมือนมัลติทัช

    แม้ Cook จะมีอายุ 63 ปี แต่แหล่งข่าวระบุว่าเขาอาจอยู่ในตำแหน่งอีก 3 ปี โดยผู้สืบทอดที่ถูกจับตามอง ได้แก่ John Ternus (หัวหน้าฝ่ายฮาร์ดแวร์), Jeff Williams (COO), Craig Federighi (หัวหน้าฝ่ายซอฟต์แวร์) และ Deirdre O’Brien (หัวหน้าฝ่ายค้าปลีก)

    Tim Cook ดำรงตำแหน่ง CEO ของ Apple นานกว่า Steve Jobs แล้ว
    ครบรอบ 14 ปีในเดือนสิงหาคม 2025
    เข้ารับตำแหน่งหลัง Jobs ลาออกในปี 2011

    Cook ผลักดันผลิตภัณฑ์ใหม่หลายอย่าง เช่น Apple Watch, AirPods และ Vision Pro
    เปลี่ยน Mac มาใช้ชิป Arm ที่พัฒนาเอง
    ขยายธุรกิจสู่คอนเทนต์สตรีมมิ่งและบริการ

    Vision Pro ถูกมองว่าเป็น “ความสำเร็จเชิงระบบนิเวศ” แม้ยอดขายไม่สูง
    ราคาเปิดตัว $3,500 และยังไม่มีแอปที่ตอบโจทย์ผู้ใช้ทั่วไป
    เตรียมอัปเดต visionOS ด้วยวิดเจ็ตและเบราว์เซอร์ 3 มิติ

    Apple Intelligence เน้น “ดีที่สุดสำหรับผู้ใช้” ไม่ใช่ “เจ้าแรก”
    ไม่คิดค่าบริการเพิ่มเติม
    มุ่งเน้นการใช้ AI เพื่อยกระดับชีวิตผู้ใช้

    Cook อาจอยู่ในตำแหน่งอีก 3 ปี โดยมีผู้สืบทอดหลายคนถูกจับตามอง
    John Ternus เป็นตัวเต็งจากผลงานด้านฮาร์ดแวร์
    Jeff Williams, Craig Federighi และ Deirdre O’Brien ก็มีโอกาสเช่นกัน

    https://www.techspot.com/news/108909-tim-cook-has-now-apple-ceo-longer-than.html
    🎙️ เรื่องเล่าจากข่าว: Tim Cook กับบทบาทที่ยาวนานที่สุดในฐานะ CEO ของ Apple และความหวังในโลก Spatial Computing ในเดือนสิงหาคม 2025 Tim Cook ครบรอบ 14 ปีในการดำรงตำแหน่ง CEO ของ Apple ซึ่งนานกว่า Steve Jobs ผู้เป็นตำนานของบริษัท โดย Cook เข้ามารับตำแหน่งในปี 2011 หลังจาก Jobs ลาออกเพียงสองเดือนก่อนเสียชีวิต ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา Cook ได้เปลี่ยนโฉม Apple จากบริษัทที่เน้นอุปกรณ์พกพา สู่การพัฒนาอุปกรณ์สวมใส่ (Wearables) อย่าง Apple Watch และ AirPods รวมถึงการผลิตคอนเทนต์สตรีมมิ่ง และการเปลี่ยนมาใช้ชิป Arm ที่พัฒนาเองใน Mac หนึ่งในผลิตภัณฑ์ที่ Cook ภูมิใจคือ Vision Pro—แว่นผสมโลกเสมือนจริงที่เปิดตัวด้วยราคาสูงถึง $3,500 แม้จะถูกวิจารณ์เรื่องความเทอะทะและแอปพลิเคชันที่ยังไม่ตอบโจทย์ แต่ Cook ยืนยันว่า Vision Pro คือ “ความสำเร็จในแง่ของการสร้างระบบนิเวศ” และจะค่อย ๆ ดีขึ้นตามเวลา Apple เตรียมอัปเดต visionOS ด้วยฟีเจอร์ใหม่ เช่น วิดเจ็ตแบบปรับแต่งได้ และเบราว์เซอร์ 3 มิติ พร้อมผลักดันให้บริษัทอื่นสร้างประสบการณ์เชิงพื้นที่ เช่น เครื่องจำลองการบินของ CTE ในด้าน AI Cook เปิดตัว “Apple Intelligence” โดยเน้นว่าไม่จำเป็นต้องเป็นเจ้าแรก แต่ต้อง “ดีที่สุดสำหรับผู้ใช้” และจะไม่คิดค่าบริการเพิ่มเติม เพราะมองว่าเป็นฟีเจอร์พื้นฐานเหมือนมัลติทัช แม้ Cook จะมีอายุ 63 ปี แต่แหล่งข่าวระบุว่าเขาอาจอยู่ในตำแหน่งอีก 3 ปี โดยผู้สืบทอดที่ถูกจับตามอง ได้แก่ John Ternus (หัวหน้าฝ่ายฮาร์ดแวร์), Jeff Williams (COO), Craig Federighi (หัวหน้าฝ่ายซอฟต์แวร์) และ Deirdre O’Brien (หัวหน้าฝ่ายค้าปลีก) ✅ Tim Cook ดำรงตำแหน่ง CEO ของ Apple นานกว่า Steve Jobs แล้ว ➡️ ครบรอบ 14 ปีในเดือนสิงหาคม 2025 ➡️ เข้ารับตำแหน่งหลัง Jobs ลาออกในปี 2011 ✅ Cook ผลักดันผลิตภัณฑ์ใหม่หลายอย่าง เช่น Apple Watch, AirPods และ Vision Pro ➡️ เปลี่ยน Mac มาใช้ชิป Arm ที่พัฒนาเอง ➡️ ขยายธุรกิจสู่คอนเทนต์สตรีมมิ่งและบริการ ✅ Vision Pro ถูกมองว่าเป็น “ความสำเร็จเชิงระบบนิเวศ” แม้ยอดขายไม่สูง ➡️ ราคาเปิดตัว $3,500 และยังไม่มีแอปที่ตอบโจทย์ผู้ใช้ทั่วไป ➡️ เตรียมอัปเดต visionOS ด้วยวิดเจ็ตและเบราว์เซอร์ 3 มิติ ✅ Apple Intelligence เน้น “ดีที่สุดสำหรับผู้ใช้” ไม่ใช่ “เจ้าแรก” ➡️ ไม่คิดค่าบริการเพิ่มเติม ➡️ มุ่งเน้นการใช้ AI เพื่อยกระดับชีวิตผู้ใช้ ✅ Cook อาจอยู่ในตำแหน่งอีก 3 ปี โดยมีผู้สืบทอดหลายคนถูกจับตามอง ➡️ John Ternus เป็นตัวเต็งจากผลงานด้านฮาร์ดแวร์ ➡️ Jeff Williams, Craig Federighi และ Deirdre O’Brien ก็มีโอกาสเช่นกัน https://www.techspot.com/news/108909-tim-cook-has-now-apple-ceo-longer-than.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Tim Cook has now been Apple CEO for longer than Steve Jobs
    Cook's comments on the Vision Pro, one of the signature products of his tenure, came during Apple's earnings call for the quarter ending in June. He discussed...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 347 มุมมอง 0 รีวิว
  • ดีเอสไอใช้ AI จับพิรุธฮั้วเลือก ส.ว. พบแพทเทิร์นลงคะแนนซ้ำ ส่ง “ตัวเต็ง” สีน้ำเงินเข้ารอบเพียบ iLaw เปิดข้อมูล ชี้หลายรายได้คะแนนทิ้งโด่งจากบัตรเลือกเหมือนกันเป็นชุด

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000073345

    #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    ดีเอสไอใช้ AI จับพิรุธฮั้วเลือก ส.ว. พบแพทเทิร์นลงคะแนนซ้ำ ส่ง “ตัวเต็ง” สีน้ำเงินเข้ารอบเพียบ iLaw เปิดข้อมูล ชี้หลายรายได้คะแนนทิ้งโด่งจากบัตรเลือกเหมือนกันเป็นชุด อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000073345 #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 542 มุมมอง 0 รีวิว
  • ดีเอสไอใช้ AI จับพิรุธฮั้วเลือก ส.ว. พบแพทเทิร์นลงคะแนนซ้ำ ส่ง “ตัวเต็ง” สีน้ำเงินเข้ารอบเพียบ iLaw เปิดข้อมูล ชี้หลายรายได้คะแนนทิ้งโด่งจากบัตรเลือกเหมือนกันเป็นชุด
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000073357

    #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    ดีเอสไอใช้ AI จับพิรุธฮั้วเลือก ส.ว. พบแพทเทิร์นลงคะแนนซ้ำ ส่ง “ตัวเต็ง” สีน้ำเงินเข้ารอบเพียบ iLaw เปิดข้อมูล ชี้หลายรายได้คะแนนทิ้งโด่งจากบัตรเลือกเหมือนกันเป็นชุด . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000073357 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    Like
    Love
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1101 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทรัมป์ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ ทั้งๆ ที่เพิ่งสั่งถล่มอิหร่าน ตัวเต็งจึงเป็นนายกฯแพทองธาร จากไทย เพราะนางอ้างว่าสยบสงครามด้วยการโทรศัพท์ ยอมโดนด่ามิให้เกิดสงคราม ถุยย
    #คิงส์โพธิ์แดง
    ทรัมป์ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ ทั้งๆ ที่เพิ่งสั่งถล่มอิหร่าน ตัวเต็งจึงเป็นนายกฯแพทองธาร จากไทย เพราะนางอ้างว่าสยบสงครามด้วยการโทรศัพท์ ยอมโดนด่ามิให้เกิดสงคราม ถุยย #คิงส์โพธิ์แดง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 505 มุมมอง 0 รีวิว
  • เปิด 8 ตัวเต็ง ชิงเก้าอี้ 'อัยการสูงสุด'
    .
    อีกไม่นานสำนักงานอัยการสูงสุดกำลังจะเดินมาถึงจุดเปลี่ยนผ่านที่สำคัญ เนื่องจาก นายไพรัช พรสมบูรณ์ศิริ อัยการสูงสุด คนปัจจุบันจะครบวาระการดำรงตำแหน่งในวันที่ 30 กันยายน 2568
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000041880

    #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    เปิด 8 ตัวเต็ง ชิงเก้าอี้ 'อัยการสูงสุด' . อีกไม่นานสำนักงานอัยการสูงสุดกำลังจะเดินมาถึงจุดเปลี่ยนผ่านที่สำคัญ เนื่องจาก นายไพรัช พรสมบูรณ์ศิริ อัยการสูงสุด คนปัจจุบันจะครบวาระการดำรงตำแหน่งในวันที่ 30 กันยายน 2568 . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000041880 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    6
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 1109 มุมมอง 0 รีวิว
  • ปรับ ครม.เริ่มกี่โมง ตัวเต็งตกเก้าอี้ รมต. ยิ้มอย่างเดียว รูดซิปปาก
    .
    แม้ว่าท่าทีของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ยังคงแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการปรับคณะรัฐมนตรีในทำนองไม่ตอบรับหรือปฏิเสธ แต่ปรากฎว่าบรรดารัฐมนตรีในส่วนของพรรคเพื่อไทเริ่มมีการส่งสัญญาณออกมาให้เห็นบ้างแล้ว
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000039953

    #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    ปรับ ครม.เริ่มกี่โมง ตัวเต็งตกเก้าอี้ รมต. ยิ้มอย่างเดียว รูดซิปปาก . แม้ว่าท่าทีของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ยังคงแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการปรับคณะรัฐมนตรีในทำนองไม่ตอบรับหรือปฏิเสธ แต่ปรากฎว่าบรรดารัฐมนตรีในส่วนของพรรคเพื่อไทเริ่มมีการส่งสัญญาณออกมาให้เห็นบ้างแล้ว . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000039953 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Haha
    Sad
    7
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1430 มุมมอง 0 รีวิว
  • ข่าวความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับการปรับคณะรัฐมนตรีระยะนี้ถือว่ามีความดุเดือดพอสมควร เพราะเริ่มมีการปล่อยโผรายชื่อตัวเต็งที่ได้ตำแหน่งและตัวเต็งที่จะโดนปรับมาแล้ว

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000038695

    #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    ข่าวความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับการปรับคณะรัฐมนตรีระยะนี้ถือว่ามีความดุเดือดพอสมควร เพราะเริ่มมีการปล่อยโผรายชื่อตัวเต็งที่ได้ตำแหน่งและตัวเต็งที่จะโดนปรับมาแล้ว อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000038695 #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Haha
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 769 มุมมอง 0 รีวิว
  • ปมร้อน ข่าวลึก : ปลุก “พลังเงียบ” เลือก ก.อ.หักโพย “ขาใหญ่อัยการ” คุมกำเนิด “ทายาทอสูร”
    .
    งวดเข้ามาทุกขณะ อีเวนท์ใหญ่ปีนี้ของ สำนักงานอัยการสูงสุด ที่จะมีการเลือกตั้ง ประธาน และคณะกรรมการอัยการ หรือ “ก.อ.” ชุดใหม่ โดยเริ่มจากการเลือกตั้ง “ก.อ.ผู้ทรงคุณวุฒิ” ที่กำลังจะหมดวาระดำรงตำแหน่ง 2 ปีตามกฎหมายกำหนด
    .
    โดยในส่วนของการเลือกตั้ง “ก.อ.ผู้ทรงคุณวุฒิ” นั้นได้เริ่มดำเนินการเปิดรับสมัคร และทาบทามมาแล้วตั้งแต่เดือนมกราคม 2568 กระทั่งได้ผู้สมัครรวม 26 ราย ที่จะช่วงชิง 8 เก้าอี้ ก.อ.ผู้ทรงคุณวุฒิ ร่วมกับประธาน ก.อ. 1 คน ที่กำหนดว่า ปัจจุบันไม่ใช่ข้าราชการอัยการและมีคุณสมบัติตามกฎหมายมาจากการเลือกตั้งของพนักงานอัยการทั่วประเทศ และอัยการสูงสุดเป็นรองประธาน ก.อ.โดยตำแหน่ง ทั้งให้รวมรองอัยการสูงสุดตั้งแต่อาวุโสอันดับ 1-5 เป็น ก.อ.โดยตำแหน่งเช่นเดียวกัน รวมเป็น 15 คน ตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการฝ่ายอัยการฉบับปัจจุบัน
    .
    สำหรับการลงคะแนนเลือกตั้ง 8 ก.อ.ผู้ทรงคุณวุฒินั้น จะเป็นการเลือกของอัยการทั่วประเทศ แบ่งเป็นกลุ่มอัยการชั้น 5 ขึ้นไป จำนวน 4 คนที่ได้คะแนนสูงสุด ซึ่งครั้งนี้มีผู้สมัคร 13 คน, กลุ่มอัยการที่เกษียณอายุราชการ จำนวน 2 คน ที่ได้คะแนนสูงสุดจากผู้สมัคร 9 คน และกลุ่มผู้ที่ไม่เป็นหรือเคยเป็นอัยการมาก่อน และเป็นผู้ทรงคุณวุฒิด้านการงบประมาณ การพัฒนาองค์กร หรือการบริหารจัดการ จำนวน 2 คนที่ได้คะแนนสูงสุดจากผู้สมัคร 4 คน
    .
    โดยขณะนี้มีการทยอยลงคะแนน ก่อนจะมีการปิดผนึกลงคะแนนกันเพื่อส่งเข้าส่วนกลางในวันจันทร์ที่ 10 มีนาคม 2568 และกำหนดนับคะแนนในวันรุ่งขึ้น อังคารที่ 12 มีนาคม 2568
    .
    สำหรับ 8 ก.อ.ผู้ทรงคุณวุฒิที่เปิดให้อัยการทั่วประเทศมีส่วนร่วมในการลงคะแนนถือเป็นจุดชี้ขาดความเป็นไปขององค์การอัยการ ด้วยที่ผ่านมาหลังใช้ระบบนี้ ก็มักถูก “ขาใหญ่อัยการ” ทั้งอดีต-ปัจจุบัน วางเส้นสายไลน์อำนาจผ่านการเลือกตั้ง ก.อ.ผู้ทรงคุณวุฒิ เพื่อสืบทอดอำนาจ สร้างอิทธิพลของตัวเองและพวกพ้อง ส่งคนของตัวเองเข้ามาเสนอตัวเป็นแคนดิเดต
    .
    ตลอดจนมีปฏิบัติการล็อบบี้ในทางลับให้อัยการผู้น้อยทั่วประเทศลงคะแนนให้ลงคะแนนเลือกผู้สมัครตาม “โพย” โดยไม่ได้คำนึงถึงความรู้ความสามารถ หรือคุณงามความดีใดๆ เพียงแค่ต้องตรงสเปก “กดปุ่ม” สั่งการได้เท่านั้น
    .
    โดยทำกันในรูปแบบขบวนการที่หวังเข้าฮุบอำนาจของที่ประชุม ก.อ. ซึ่งมี “พระเดช-พระคุณ” กับข้าราชการอัยการทุกระดับ ทั้งการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการ, การพิจารณาดำเนินการทางวินัย และการสั่งลงโทษทางวินัยข้าราชการอัยการที่กระทำผิดระเบียบ รวมทั้งการพิจารณาออกระเบียบบริหารงานบุคคลอัตรากำลังข้าราชการฝ่ายอัยการ
    .
    โดยเฉพาะอำนาจในการพิจารณาแต่งตั้งโยกย้ายตำแหน่งข้าราชการอัยการ ที่รวมไปถึงตำแหน่ง “อัยการสูงสุด” ที่ต้องผ่านความเห็นชอบจากที่ประชุม ก.อ. ก่อนส่งให้ วุฒิสภา ให้ความเห็นชอบอีกครั้ง และนำความขึ้นกราบบังคมทูล เพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งในลำดับถัดไปด้วย
    .
    ครั้งนี้ก็เช่นกันในจำนวนอัยการชั้น 5 ขึ้นไปที่สมัครเข้ามา 13 รายนั้น คนในวงการก็มองออกว่า ใครเป็นใคร ใครเด็กใคร และใครเป็นตัวเต็งที่ “ขาใหญ่” ส่งเข้าประกวด
    .
    ตรงนี้เองที่ต้องถามใจอัยการทั่วประเทศที่เป็น “โหวตเตอร์” ว่ายังจะยอมตกเป็นเครื่องมือปั้น “ทายาทอสูร” เหมือนที่ผ่านๆมาอีกหรือไม่ เพราะต้องไม่ลืมว่า การปล่อยให้มีการสืบทอดอำนาจผ่านที่ประชุม ก.อ.เช่นนี้ นับวันจะทำให้ ”อัยการ“ ถลำเข้าสู่ “วงจรอุบาทว์” จนมีส่วนสำคัญในการฉุดภาพลักษณ์องค์กรทนายแผ่นดินให้ตกต่ำอย่างเช่นในปัจจุบัน
    .
    การเลือก ก.อ.ผู้ทรงคุณวุฒิ ครั้งนี้จึงเป็นโอกาสดีที่อัยการผู้รักในองค์กรจะร่วมกันปลุก “พลังเงียบ” ยกระดับมาตรฐานการเลือกบุคคล ขึ้นมางัดง้างกับ “ขาใหญ่” ตัดตอนคุมกำเนิด “ทายาทอสูร” ผ่านการลงคะแนนเลือก ก.อ.ผู้ทรงคุณวุฒิ โดยคำนึงถึงความรู้ความสามารถ วิสัยทัศน์ ผลงาน หรือคุณธรรมความดี ของแคนดิเดตเป็นสำคัญ
    .
    โดยขณะนี้ในหมู่พลังเงียบก็มีการกล่าวขวัญถึงแคนดิเดต ก.อ.ผู้ทรงคุณวุฒิ ที่ดูจะมีความเหมาะสม และเป็นความหวังในการเข้าไปต่อกรโค่นล้มวงจร “ขั้วอำนาจเก่า”
    .
    โดยในกลุ่มที่เป็นข้าราชการอัยการตั้งแต่ชั้น 5 ขึ้นไป 4 คน คือ ชัยนันท์ งามขจรกุลกิจ อธิบดีอัยการสำนักงานคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ, ณรงค์ ศรีระสันต์ รองอธิบดีอัยการภาค 9, ต่อศักดิ์ บูรณะเรืองโรจน์ รองอธิบดีอัยการสำนักงานคณะกรรมการอัยการ และ น้ำแท้ มีบุญสล้าง เลขานุการรองอัยการสูงสุด
    .
    รวมกับ 2 แคนดิเดตจากกลุ่มอัยการที่เกษียณอายุราชการ ได้แก่ ชนิญญา ชัยสุวรรณ อดีตอธิบดีอัยการคดียาเสพติด และ อภิชาต อาสภวิริยะ อดีตอธิบดีอัยการคดีศาลสูง
    .
    และอีก 2 แคนดิเดตจากกลุ่มผู้ที่ไม่เป็นหรือเคยเป็นอัยการมาก่อน และเป็นผู้ทรงคุณวุฒิด้านการงบประมาณ การพัฒนาองค์กร หรือการบริหารจัดการ คือ พ.ต.อ.วิรุตม์ ศิริสวัสดิบุตร เลขาธิการสถาบันเพื่อการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม และ รศ.ดร.เจษฏ์ โทณะวณิก ประธานคณะนิติศาสตร์วิทยาลัยบัณฑิตเอเชีย
    .
    ซึ่งหาก “พลังเงียบ” สามัคคียึดโยงผลประโยชน์องค์กรกันอย่างเข้มแข็ง ก็น่าจะเป็นจุดเริ่มต้นของการกอบกู้ศรัทธาองค์กรอัยการให้กลับมาเป็นที่ยอมรับน่าเชื่อถือได้อีกครั้ง.
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://news1live.com/detail/9680000021277
    .
    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes

    ปมร้อน ข่าวลึก : ปลุก “พลังเงียบ” เลือก ก.อ.หักโพย “ขาใหญ่อัยการ” คุมกำเนิด “ทายาทอสูร” . งวดเข้ามาทุกขณะ อีเวนท์ใหญ่ปีนี้ของ สำนักงานอัยการสูงสุด ที่จะมีการเลือกตั้ง ประธาน และคณะกรรมการอัยการ หรือ “ก.อ.” ชุดใหม่ โดยเริ่มจากการเลือกตั้ง “ก.อ.ผู้ทรงคุณวุฒิ” ที่กำลังจะหมดวาระดำรงตำแหน่ง 2 ปีตามกฎหมายกำหนด . โดยในส่วนของการเลือกตั้ง “ก.อ.ผู้ทรงคุณวุฒิ” นั้นได้เริ่มดำเนินการเปิดรับสมัคร และทาบทามมาแล้วตั้งแต่เดือนมกราคม 2568 กระทั่งได้ผู้สมัครรวม 26 ราย ที่จะช่วงชิง 8 เก้าอี้ ก.อ.ผู้ทรงคุณวุฒิ ร่วมกับประธาน ก.อ. 1 คน ที่กำหนดว่า ปัจจุบันไม่ใช่ข้าราชการอัยการและมีคุณสมบัติตามกฎหมายมาจากการเลือกตั้งของพนักงานอัยการทั่วประเทศ และอัยการสูงสุดเป็นรองประธาน ก.อ.โดยตำแหน่ง ทั้งให้รวมรองอัยการสูงสุดตั้งแต่อาวุโสอันดับ 1-5 เป็น ก.อ.โดยตำแหน่งเช่นเดียวกัน รวมเป็น 15 คน ตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการฝ่ายอัยการฉบับปัจจุบัน . สำหรับการลงคะแนนเลือกตั้ง 8 ก.อ.ผู้ทรงคุณวุฒินั้น จะเป็นการเลือกของอัยการทั่วประเทศ แบ่งเป็นกลุ่มอัยการชั้น 5 ขึ้นไป จำนวน 4 คนที่ได้คะแนนสูงสุด ซึ่งครั้งนี้มีผู้สมัคร 13 คน, กลุ่มอัยการที่เกษียณอายุราชการ จำนวน 2 คน ที่ได้คะแนนสูงสุดจากผู้สมัคร 9 คน และกลุ่มผู้ที่ไม่เป็นหรือเคยเป็นอัยการมาก่อน และเป็นผู้ทรงคุณวุฒิด้านการงบประมาณ การพัฒนาองค์กร หรือการบริหารจัดการ จำนวน 2 คนที่ได้คะแนนสูงสุดจากผู้สมัคร 4 คน . โดยขณะนี้มีการทยอยลงคะแนน ก่อนจะมีการปิดผนึกลงคะแนนกันเพื่อส่งเข้าส่วนกลางในวันจันทร์ที่ 10 มีนาคม 2568 และกำหนดนับคะแนนในวันรุ่งขึ้น อังคารที่ 12 มีนาคม 2568 . สำหรับ 8 ก.อ.ผู้ทรงคุณวุฒิที่เปิดให้อัยการทั่วประเทศมีส่วนร่วมในการลงคะแนนถือเป็นจุดชี้ขาดความเป็นไปขององค์การอัยการ ด้วยที่ผ่านมาหลังใช้ระบบนี้ ก็มักถูก “ขาใหญ่อัยการ” ทั้งอดีต-ปัจจุบัน วางเส้นสายไลน์อำนาจผ่านการเลือกตั้ง ก.อ.ผู้ทรงคุณวุฒิ เพื่อสืบทอดอำนาจ สร้างอิทธิพลของตัวเองและพวกพ้อง ส่งคนของตัวเองเข้ามาเสนอตัวเป็นแคนดิเดต . ตลอดจนมีปฏิบัติการล็อบบี้ในทางลับให้อัยการผู้น้อยทั่วประเทศลงคะแนนให้ลงคะแนนเลือกผู้สมัครตาม “โพย” โดยไม่ได้คำนึงถึงความรู้ความสามารถ หรือคุณงามความดีใดๆ เพียงแค่ต้องตรงสเปก “กดปุ่ม” สั่งการได้เท่านั้น . โดยทำกันในรูปแบบขบวนการที่หวังเข้าฮุบอำนาจของที่ประชุม ก.อ. ซึ่งมี “พระเดช-พระคุณ” กับข้าราชการอัยการทุกระดับ ทั้งการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการ, การพิจารณาดำเนินการทางวินัย และการสั่งลงโทษทางวินัยข้าราชการอัยการที่กระทำผิดระเบียบ รวมทั้งการพิจารณาออกระเบียบบริหารงานบุคคลอัตรากำลังข้าราชการฝ่ายอัยการ . โดยเฉพาะอำนาจในการพิจารณาแต่งตั้งโยกย้ายตำแหน่งข้าราชการอัยการ ที่รวมไปถึงตำแหน่ง “อัยการสูงสุด” ที่ต้องผ่านความเห็นชอบจากที่ประชุม ก.อ. ก่อนส่งให้ วุฒิสภา ให้ความเห็นชอบอีกครั้ง และนำความขึ้นกราบบังคมทูล เพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งในลำดับถัดไปด้วย . ครั้งนี้ก็เช่นกันในจำนวนอัยการชั้น 5 ขึ้นไปที่สมัครเข้ามา 13 รายนั้น คนในวงการก็มองออกว่า ใครเป็นใคร ใครเด็กใคร และใครเป็นตัวเต็งที่ “ขาใหญ่” ส่งเข้าประกวด . ตรงนี้เองที่ต้องถามใจอัยการทั่วประเทศที่เป็น “โหวตเตอร์” ว่ายังจะยอมตกเป็นเครื่องมือปั้น “ทายาทอสูร” เหมือนที่ผ่านๆมาอีกหรือไม่ เพราะต้องไม่ลืมว่า การปล่อยให้มีการสืบทอดอำนาจผ่านที่ประชุม ก.อ.เช่นนี้ นับวันจะทำให้ ”อัยการ“ ถลำเข้าสู่ “วงจรอุบาทว์” จนมีส่วนสำคัญในการฉุดภาพลักษณ์องค์กรทนายแผ่นดินให้ตกต่ำอย่างเช่นในปัจจุบัน . การเลือก ก.อ.ผู้ทรงคุณวุฒิ ครั้งนี้จึงเป็นโอกาสดีที่อัยการผู้รักในองค์กรจะร่วมกันปลุก “พลังเงียบ” ยกระดับมาตรฐานการเลือกบุคคล ขึ้นมางัดง้างกับ “ขาใหญ่” ตัดตอนคุมกำเนิด “ทายาทอสูร” ผ่านการลงคะแนนเลือก ก.อ.ผู้ทรงคุณวุฒิ โดยคำนึงถึงความรู้ความสามารถ วิสัยทัศน์ ผลงาน หรือคุณธรรมความดี ของแคนดิเดตเป็นสำคัญ . โดยขณะนี้ในหมู่พลังเงียบก็มีการกล่าวขวัญถึงแคนดิเดต ก.อ.ผู้ทรงคุณวุฒิ ที่ดูจะมีความเหมาะสม และเป็นความหวังในการเข้าไปต่อกรโค่นล้มวงจร “ขั้วอำนาจเก่า” . โดยในกลุ่มที่เป็นข้าราชการอัยการตั้งแต่ชั้น 5 ขึ้นไป 4 คน คือ ชัยนันท์ งามขจรกุลกิจ อธิบดีอัยการสำนักงานคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ, ณรงค์ ศรีระสันต์ รองอธิบดีอัยการภาค 9, ต่อศักดิ์ บูรณะเรืองโรจน์ รองอธิบดีอัยการสำนักงานคณะกรรมการอัยการ และ น้ำแท้ มีบุญสล้าง เลขานุการรองอัยการสูงสุด . รวมกับ 2 แคนดิเดตจากกลุ่มอัยการที่เกษียณอายุราชการ ได้แก่ ชนิญญา ชัยสุวรรณ อดีตอธิบดีอัยการคดียาเสพติด และ อภิชาต อาสภวิริยะ อดีตอธิบดีอัยการคดีศาลสูง . และอีก 2 แคนดิเดตจากกลุ่มผู้ที่ไม่เป็นหรือเคยเป็นอัยการมาก่อน และเป็นผู้ทรงคุณวุฒิด้านการงบประมาณ การพัฒนาองค์กร หรือการบริหารจัดการ คือ พ.ต.อ.วิรุตม์ ศิริสวัสดิบุตร เลขาธิการสถาบันเพื่อการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม และ รศ.ดร.เจษฏ์ โทณะวณิก ประธานคณะนิติศาสตร์วิทยาลัยบัณฑิตเอเชีย . ซึ่งหาก “พลังเงียบ” สามัคคียึดโยงผลประโยชน์องค์กรกันอย่างเข้มแข็ง ก็น่าจะเป็นจุดเริ่มต้นของการกอบกู้ศรัทธาองค์กรอัยการให้กลับมาเป็นที่ยอมรับน่าเชื่อถือได้อีกครั้ง. . อ่านเพิ่มเติม..https://news1live.com/detail/9680000021277 . #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1851 มุมมอง 0 รีวิว
  • ผลสำรวจคะแนนนิยมล่าสุดของพรรคการเมืองในเยอรมนีล่าสุด ก่อนที่จะมีการเลือกตั้งทั่วประเทศในวันอาทิตย์ที่ 23 กุมภาพันธ์ 2568 นี้:

    อันดับหนึ่ง พรรคคริสเตียนเดโมแครตยูเนียน (Christian Democratic Union - CDU) ซึ่งเป็นพรรคเมืองสายกลาง-ขวา ของ ฟรีดริช เมิร์ซ (Friedrich Merz) มีคะแนนนำในทุกโพล

    อันดับสอง ตามมาด้วยพรรคทางเลือกเพื่อเยอรมนี หรือ AfD (Alternative for Germany / Alternative für Deutschland) ของ อลิซ ไวเดล (Alice Weidel) ซึ่งเป็นพรรคการเมืองขวาจัด (อนุรักษนิยม)

    อันดับที่สาม เป็นของพรรค SPD (Social Democratic Party of Germany) ของ โอลาฟ ชอลซ์ นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบัน


    สำหรับ ฟรีดริช เมิร์ซ ตัวเต็งนายกรัฐมนตรีเยอรมนีคนใหม่ ประกาศอย่างชัดเจนว่าหากเขาชนะการเลือกตั้ง เขาจะยังคงนโยบายเคียงข้างยูเครนต่อไป และประกาศจะส่งมอบขีปนาวุธร่อน Taurus ที่มีพิสัยยิงมากกว่า 500 กม. ซึ่งเป็นสิ่งที่ โอลาฟ ชอลซ์ ไม่กล้าตัดสินใจ

    ส่วนอลิซ ไวเดล ประกาศอย่างชัดเจนว่าจะกลับมามีความสัมพันธ์ที่เป็นปกติกับรัสเซีย และพร้อมจะกลับมาใช้บริการก๊าซจากรัสเซียเช่นเดิม นอกจากนี้เธอจะใช้นโยบายที่แข็งกร้าวต่อผู้อพยพเข้าเมืองเช่นเดียวกับทรัมป์

    ในช่วงแรก พรรค AfD มีคะแนนนิยมนำมาเป็นอันดับหนึ่ง ทำให้เกิดความกังวลอย่างมากต่อพันธมิตรในยุโรป มีการปลุกระดมข่าวสาร เพื่อโจมตีไวเดลเกี่ยวกับนโยบายที่แข็งกร้าวด้านต่อต้านผู้อพยพ ทำให้เกิดการประท้วงเป็นวงกว้างในเยอรมนีเมื่อช่วงปลายเดือนมกราคมที่ผ่านมา ทั้งในกรุงเบอร์ลิน และในเมืองอื่นๆ ของเยอรมนี ส่งผลให้คะแนนนิยมของเธอตกลงมาอย่างชัดเจน

    อีลอน มัสก์ คนสนิทของทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ประกาศตัวอย่างชัดเจนว่าสนับสนุนพรรค AfD ของไวเดล

    แม้ว่าคะแนนนิยมของพรรค AfD ยังเป็นรองคู่แข่งจากพรรค CDU แต่ไม่ได้หมายความว่า ไวเดลหมดโอกาสชนะ เนื่องจากคะแนนนิยมที่ใกล้เคียงกัน และยังมีประชาชนเยอรมนีอีกมากที่ยังไม่ได้ตัดสินใจ ซึ่งอาจทำให้ผลการเลือกตั้งเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา

    โดยรวมแล้ว หลังการเลือกตั้งจบสิ้นลง รัฐบาลของเยอรมันยังคงเป็นรัฐบาลผสมหลายพรรคการเมืองเช่นเดิม


    ผลสำรวจคะแนนนิยมล่าสุดของพรรคการเมืองในเยอรมนีล่าสุด ก่อนที่จะมีการเลือกตั้งทั่วประเทศในวันอาทิตย์ที่ 23 กุมภาพันธ์ 2568 นี้: อันดับหนึ่ง พรรคคริสเตียนเดโมแครตยูเนียน (Christian Democratic Union - CDU) ซึ่งเป็นพรรคเมืองสายกลาง-ขวา ของ ฟรีดริช เมิร์ซ (Friedrich Merz) มีคะแนนนำในทุกโพล อันดับสอง ตามมาด้วยพรรคทางเลือกเพื่อเยอรมนี หรือ AfD (Alternative for Germany / Alternative für Deutschland) ของ อลิซ ไวเดล (Alice Weidel) ซึ่งเป็นพรรคการเมืองขวาจัด (อนุรักษนิยม) อันดับที่สาม เป็นของพรรค SPD (Social Democratic Party of Germany) ของ โอลาฟ ชอลซ์ นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบัน สำหรับ ฟรีดริช เมิร์ซ ตัวเต็งนายกรัฐมนตรีเยอรมนีคนใหม่ ประกาศอย่างชัดเจนว่าหากเขาชนะการเลือกตั้ง เขาจะยังคงนโยบายเคียงข้างยูเครนต่อไป และประกาศจะส่งมอบขีปนาวุธร่อน Taurus ที่มีพิสัยยิงมากกว่า 500 กม. ซึ่งเป็นสิ่งที่ โอลาฟ ชอลซ์ ไม่กล้าตัดสินใจ ส่วนอลิซ ไวเดล ประกาศอย่างชัดเจนว่าจะกลับมามีความสัมพันธ์ที่เป็นปกติกับรัสเซีย และพร้อมจะกลับมาใช้บริการก๊าซจากรัสเซียเช่นเดิม นอกจากนี้เธอจะใช้นโยบายที่แข็งกร้าวต่อผู้อพยพเข้าเมืองเช่นเดียวกับทรัมป์ ในช่วงแรก พรรค AfD มีคะแนนนิยมนำมาเป็นอันดับหนึ่ง ทำให้เกิดความกังวลอย่างมากต่อพันธมิตรในยุโรป มีการปลุกระดมข่าวสาร เพื่อโจมตีไวเดลเกี่ยวกับนโยบายที่แข็งกร้าวด้านต่อต้านผู้อพยพ ทำให้เกิดการประท้วงเป็นวงกว้างในเยอรมนีเมื่อช่วงปลายเดือนมกราคมที่ผ่านมา ทั้งในกรุงเบอร์ลิน และในเมืองอื่นๆ ของเยอรมนี ส่งผลให้คะแนนนิยมของเธอตกลงมาอย่างชัดเจน อีลอน มัสก์ คนสนิทของทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ประกาศตัวอย่างชัดเจนว่าสนับสนุนพรรค AfD ของไวเดล แม้ว่าคะแนนนิยมของพรรค AfD ยังเป็นรองคู่แข่งจากพรรค CDU แต่ไม่ได้หมายความว่า ไวเดลหมดโอกาสชนะ เนื่องจากคะแนนนิยมที่ใกล้เคียงกัน และยังมีประชาชนเยอรมนีอีกมากที่ยังไม่ได้ตัดสินใจ ซึ่งอาจทำให้ผลการเลือกตั้งเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา โดยรวมแล้ว หลังการเลือกตั้งจบสิ้นลง รัฐบาลของเยอรมันยังคงเป็นรัฐบาลผสมหลายพรรคการเมืองเช่นเดิม
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1153 มุมมอง 0 รีวิว
  • “นายกไก่” ตัวเต็งสนามเลือกตั้ง นายก อบจ. แปดริ้ว ประกาศไม่ลงสมัคร เพื่อหลีกทางให้ “ตระกูลฉายแสง” ทำเอาชาวบ้านร้านช่อง กองเชียร์นายกไก่ ต้องวางตะโพน โยนฉิ่งทิ้ง เปลี่ยนโหมดอารมณ์กันไม่ทัน

    #สนามนายกอบจแปดริ้ว #ตระกูลฉายแสง #เสี่ยก้อย #Sondhix #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิฯ
    “นายกไก่” ตัวเต็งสนามเลือกตั้ง นายก อบจ. แปดริ้ว ประกาศไม่ลงสมัคร เพื่อหลีกทางให้ “ตระกูลฉายแสง” ทำเอาชาวบ้านร้านช่อง กองเชียร์นายกไก่ ต้องวางตะโพน โยนฉิ่งทิ้ง เปลี่ยนโหมดอารมณ์กันไม่ทัน #สนามนายกอบจแปดริ้ว #ตระกูลฉายแสง #เสี่ยก้อย #Sondhix #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิฯ
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2092 มุมมอง 44 0 รีวิว
  • ช็อก! ผู้สมัครโปรรัสเซียคว้าชัยชนะเลือกตั้งประธานาธิบดีโรมาเนียรอบแรก หลังปลุกกระแสต่อต้านนาโต้-ยูเครน

    Calin Georgescu ผู้สมัครอิสระฝ่ายขวาจัดที่สนับสนุนรัสเซีย นำคะแนนอย่างน่าประหลาดใจในการเลือกตั้งประธานาธิบดีโรมาเนียรอบแรก หลังนับคะแนนกว่า 99% ได้ 23% ตามด้วย Elena Lasconi จากพรรคกลางขวา Save Romania Union และนายกรัฐมนตรี Marcel Ciolacu ที่เคยเป็นตัวเต็ง

    ชัยชนะของ Georgescu ที่รณรงค์ผ่าน TikTok ด้วยสโลแกน "คืนศักดิ์ศรีให้ชาติโรมาเนีย" สร้างความประหลาดใจอย่างมาก เพราะโพลก่อนหน้านี้ให้คะแนนเพียง 5% สื่อรัสเซียต้อนรับผลดังกล่าวอย่างอบอุ่น โดยเขาเคยประณามฐานต่อต้านขีปนาวุธนาโตในโรมาเนียว่าเป็น "ความอัปยศ"

    การเลือกตั้งครั้งนี้เน้นประเด็นค่าครองชีพที่พุ่งสูง โดยโรมาเนียมีสัดส่วนประชากรเสี่ยงยากจนสูงสุดในสหภาพยุโรป และความไม่พอใจต่อการช่วยเหลือผู้ลี้ภัยยูเครน โดย Lasconi มีคะแนนนำ Ciolacu เพียง 2,000 คะแนน และจะเข้าชิงรอบสุดท้ายกับ Georgescu วันที่ 8 ธันวาคม ท่ามกลางความกังวลว่าผู้สนับสนุนพรรคสังคมประชาธิปไตยในชนบทจะไม่ยอมรับแนวคิดเสรีนิยมก้าวหน้าของ Lasconi
    .
    https://www.facebook.com/groups/194174770388504/permalink/375438628928783/
    ช็อก! ผู้สมัครโปรรัสเซียคว้าชัยชนะเลือกตั้งประธานาธิบดีโรมาเนียรอบแรก หลังปลุกกระแสต่อต้านนาโต้-ยูเครน Calin Georgescu ผู้สมัครอิสระฝ่ายขวาจัดที่สนับสนุนรัสเซีย นำคะแนนอย่างน่าประหลาดใจในการเลือกตั้งประธานาธิบดีโรมาเนียรอบแรก หลังนับคะแนนกว่า 99% ได้ 23% ตามด้วย Elena Lasconi จากพรรคกลางขวา Save Romania Union และนายกรัฐมนตรี Marcel Ciolacu ที่เคยเป็นตัวเต็ง ชัยชนะของ Georgescu ที่รณรงค์ผ่าน TikTok ด้วยสโลแกน "คืนศักดิ์ศรีให้ชาติโรมาเนีย" สร้างความประหลาดใจอย่างมาก เพราะโพลก่อนหน้านี้ให้คะแนนเพียง 5% สื่อรัสเซียต้อนรับผลดังกล่าวอย่างอบอุ่น โดยเขาเคยประณามฐานต่อต้านขีปนาวุธนาโตในโรมาเนียว่าเป็น "ความอัปยศ" การเลือกตั้งครั้งนี้เน้นประเด็นค่าครองชีพที่พุ่งสูง โดยโรมาเนียมีสัดส่วนประชากรเสี่ยงยากจนสูงสุดในสหภาพยุโรป และความไม่พอใจต่อการช่วยเหลือผู้ลี้ภัยยูเครน โดย Lasconi มีคะแนนนำ Ciolacu เพียง 2,000 คะแนน และจะเข้าชิงรอบสุดท้ายกับ Georgescu วันที่ 8 ธันวาคม ท่ามกลางความกังวลว่าผู้สนับสนุนพรรคสังคมประชาธิปไตยในชนบทจะไม่ยอมรับแนวคิดเสรีนิยมก้าวหน้าของ Lasconi . https://www.facebook.com/groups/194174770388504/permalink/375438628928783/
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 772 มุมมอง 0 รีวิว
  • ตั้ง “กิตติรัตน์” นั่งประธานบอร์ดแบงก์ชาติ “นายกฯอิ๊งค์” เสี่ยงหลุด ซ้ำรอยเศรษฐา.“ธีระชัย” ฟันธง “กิตติรัตน์” ขาดคุณสมบัติ ไม่สามารถนั่ง “ประธานบอร์ดแบงก์ชาติ” เหตุ “ที่ปรึกษาของนายก” ถือเป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เพราะงานที่ทำไม่ใช่เรื่องส่วนตัวของนายกฯเศรษฐา และเบิกค่าใช้จ่ายจากสำนักนายกฯ เตือน นำรายชื่อขึ้นทูลเกล้าฯทั้งที่มีปัญหา เป็นเรื่องมิบังควร โป๊ะแตก ! “เสี่ยนิด” พูดเอง “โต้ง” ขาดคุณสมบัติ ด้าน “รศ.ดร.เจษฎ์” แจง หากมีผู้ร้อง “อุ๊งอิ๊งค์” อาจหลุดจากเก้าอี้นายกฯ เหมือนกรณีที่ “เศรษฐา” แต่งตั้ง พิชิต ชื่นบาน ลือสะพัด “เรืองไกร” เตรียมร้องเอาผิดคนเสนอชื่อ.หนึ่งในประเด็นร้อนขณะนี้ก็คือเรื่องการแต่งตั้ง “ประธานคณะกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย” หรือประธานบอร์ดแบงก์ชาติ ซึ่งมีกระแสข่าวยืนยันว่าในการประชุมคณะกรรมการคัดเลือกฯ เมื่อวันที่ 11 พ.ย.2567 ที่ผ่านมา คณะกรรมการตัดสินใจเลือก “โต้ง-กิตติรัตน์ ณ ระนอง” อดีตรองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง ตัวเต็งจากพรรคเพื่อไทย ให้ดำรงตำแหน่งดังกล่าว ท่ามกลางเสียงคัดค้านจากหลายฝ่าย ด้วยเกรงว่าจะเป็นการส่งคนจากฝั่งการเมืองเข้าไปแทรกแซงการทำงานของธนาคารแห่งประเทศไทย ที่สำคัญยังมีการทักท้วงว่านายกิตติรัตน์ขาดคุณสมบัติ เนื่องจากนายเขาเคยเป็น “ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี” นายเศรษฐา ทวีสิน โดยเพิ่งพ้นจากตำแหน่งมาไม่ถึง 1 ปี.แต่ทางด้าน นายสถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธุ์ ในฐานะประธานที่ทำหน้าที่คัดเลือกประธานบอร์ดและกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ระบุว่า ตำแหน่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ถือเป็นตำแหน่งทางการเมือง แต่ตำแหน่งของกิตติรัตน์คือ “ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี” ถือเป็นตำแหน่งส่วนตัว ซึ่งมิได้เป็นคุณสมบัติต้องห้ามในการเป็นประธานบอร์ดแบงก์ชาติ.ขณะนี้สถานการณ์จึงยังอึมครึม คือเป็นการแต่งตั้งโดยไม่มีการประกาศรายชื่อ และจะเสนอรายชื่อดังกล่าวให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังรับทราบ ในวันที่ 19 พ.ย. 2567 เพื่อเสนอเข้าคณะรัฐมนตรี (ครม.) ต่อไป.ส่วนว่า นายกิตติรัตน์ จะขาดคุณสมบัติหรือไม่ ? และหากขาดคุณสมบัติจะมีผลอย่างไรตามมา ? คงต้องไปฟังความเห็นจากผู้รู้.อ่านเพิ่มเติม>>https://mgronline.com/specialscoop/detail/9670000109902.#กิตติรัตน์ณระนอง #นั่งประธานบอร์ดแบงก์ชาติ #แบงก์ชาติ
    ตั้ง “กิตติรัตน์” นั่งประธานบอร์ดแบงก์ชาติ “นายกฯอิ๊งค์” เสี่ยงหลุด ซ้ำรอยเศรษฐา.“ธีระชัย” ฟันธง “กิตติรัตน์” ขาดคุณสมบัติ ไม่สามารถนั่ง “ประธานบอร์ดแบงก์ชาติ” เหตุ “ที่ปรึกษาของนายก” ถือเป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เพราะงานที่ทำไม่ใช่เรื่องส่วนตัวของนายกฯเศรษฐา และเบิกค่าใช้จ่ายจากสำนักนายกฯ เตือน นำรายชื่อขึ้นทูลเกล้าฯทั้งที่มีปัญหา เป็นเรื่องมิบังควร โป๊ะแตก ! “เสี่ยนิด” พูดเอง “โต้ง” ขาดคุณสมบัติ ด้าน “รศ.ดร.เจษฎ์” แจง หากมีผู้ร้อง “อุ๊งอิ๊งค์” อาจหลุดจากเก้าอี้นายกฯ เหมือนกรณีที่ “เศรษฐา” แต่งตั้ง พิชิต ชื่นบาน ลือสะพัด “เรืองไกร” เตรียมร้องเอาผิดคนเสนอชื่อ.หนึ่งในประเด็นร้อนขณะนี้ก็คือเรื่องการแต่งตั้ง “ประธานคณะกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย” หรือประธานบอร์ดแบงก์ชาติ ซึ่งมีกระแสข่าวยืนยันว่าในการประชุมคณะกรรมการคัดเลือกฯ เมื่อวันที่ 11 พ.ย.2567 ที่ผ่านมา คณะกรรมการตัดสินใจเลือก “โต้ง-กิตติรัตน์ ณ ระนอง” อดีตรองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง ตัวเต็งจากพรรคเพื่อไทย ให้ดำรงตำแหน่งดังกล่าว ท่ามกลางเสียงคัดค้านจากหลายฝ่าย ด้วยเกรงว่าจะเป็นการส่งคนจากฝั่งการเมืองเข้าไปแทรกแซงการทำงานของธนาคารแห่งประเทศไทย ที่สำคัญยังมีการทักท้วงว่านายกิตติรัตน์ขาดคุณสมบัติ เนื่องจากนายเขาเคยเป็น “ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี” นายเศรษฐา ทวีสิน โดยเพิ่งพ้นจากตำแหน่งมาไม่ถึง 1 ปี.แต่ทางด้าน นายสถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธุ์ ในฐานะประธานที่ทำหน้าที่คัดเลือกประธานบอร์ดและกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ระบุว่า ตำแหน่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ถือเป็นตำแหน่งทางการเมือง แต่ตำแหน่งของกิตติรัตน์คือ “ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี” ถือเป็นตำแหน่งส่วนตัว ซึ่งมิได้เป็นคุณสมบัติต้องห้ามในการเป็นประธานบอร์ดแบงก์ชาติ.ขณะนี้สถานการณ์จึงยังอึมครึม คือเป็นการแต่งตั้งโดยไม่มีการประกาศรายชื่อ และจะเสนอรายชื่อดังกล่าวให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังรับทราบ ในวันที่ 19 พ.ย. 2567 เพื่อเสนอเข้าคณะรัฐมนตรี (ครม.) ต่อไป.ส่วนว่า นายกิตติรัตน์ จะขาดคุณสมบัติหรือไม่ ? และหากขาดคุณสมบัติจะมีผลอย่างไรตามมา ? คงต้องไปฟังความเห็นจากผู้รู้.อ่านเพิ่มเติม>>https://mgronline.com/specialscoop/detail/9670000109902.#กิตติรัตน์ณระนอง #นั่งประธานบอร์ดแบงก์ชาติ #แบงก์ชาติ
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1899 มุมมอง 0 รีวิว
  • ว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ พูดคุยกับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา และแนะนำผู้นำรัสเซียอย่าทำให้สงครามยูคเรนลุกลามบานปลาย แหล่งข่าวใกล้ชิดกับการสนทนาเปิดเผยกับรอยเตอร์ ขณะที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน มีแผนเรียกร้อง ทรัมป์ อย่าได้ทอดทิ้งเคียฟ
    .
    แหล่งข่าวเปิดเผยกับรอยเตอร์ว่า ทรัมป์และปูติน พูดคุยกันเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ในขณะเดียวกัน ทรัมป์ ก็ได้หารือกับประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน ในวันพุธ (6 พ.ย.) ทั้งนี้ ทรัมป์ เคยวิพากษ์จารณ์ขอบเขตที่สหรัฐฯ มอบแรงสนับสนุนทั้งทางการเงินและทางทหารแก่เคียฟ และประกาศยุติสงครามอย่างรวดเร็ว แต่ไม่บอกว่าด้วยวิธีการใด
    .
    กระทรวงการต่างประเทศยูเครนบอกว่าพวกเขาไม่ได้รับแจ้งล่วงหน้าเกี่ยวกับการพูดคุยทางโทรศัพท์ระหว่างทรัมป์กับปูติน ดังนั้นจึงไม่อาจเห็นด้วยหรือคัดค้าน
    .
    ส่วน สตีเวน เฉิง ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารของทรัมป์ ตอบคำถามเมื่อถูกถามเกี่ยวกับการโทรศัพท์หารือระหว่าง ทรัมป์ กับ ปูติน โดยบอกว่า "เราไม่ขอแสดงความคิดเห็นต่อการพูดคุยแบบส่วนตัวระหว่างว่าที่ประธานาธิบดีทรัมป์ และบรรดาผู้นำโลกคนอื่นๆ" ขณะที่สถานทูตรัสเซียในวอชิงตัน ยังไม่ออกมาแสดงความคิดเห็นในเรื่องนี้
    .
    ทรัมป์ ตัวแทนจากรีพับลิกันจะเข้ารับตำแหน่งในวันที่ 20 มกราคม หลังเอาชนะรองประธานาธิบดี กมลา แฮร์ริส จากพรรคเดโมแครต ในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีวันที่ 5 พฤศจิกายน และล่าสุดทำเนียบขาวเผยว่า ไบเดน เชิญ ทรัมป์ เข้ามาหารือที่ห้องทำงานรูปไข่ในวันพุธ (13 พ.ย.) ที่จะถึงนี้
    .
    เจค ซัลลิแวน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ ระบุในวันอาทิตย์ (10 ก.ย.) ว่าสารสำคัญสุดของไบเดน คือจะเป็นการรับปากถ่ายโอนอำนาจอย่างสันติ และเขาจะพูดคุยกับ ทรัมป์ เกี่ยวกับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในยุโรป เอเชีย และตะวันออกกลาง
    .
    "ประธานาธิบดีไบเดน จะใช้โอกาสในช่วง 70 วันที่เหลืออยู่ เสนอแนะสภาคองเกรสและว่าที่รัฐบาลใหม่ ว่าสหรัฐฯ ไม่ควรตีจากยูเครน การทอดทิ้งยูเครนจะหมายถึงภาวะไร้เสถียรภาพในยุโรป" ซัลลิแวน บอกกับซีบีเอสนิวส์
    .
    ความเห็นของซัลลิแวน มีขึ้นในขณะที่ยูเครนโจมตีกรุงมอสโกด้วยโดรนอย่างน้อยๆ 34 ลำ เมื่อวันอาทิตย์ (10 พ.ย.) ซึ่งถือเป็นปฏิบัติการโดรนโจมตีเล่นงานเมืองหลวงของรัสเซียครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่สงครามเริ่มต้นขึ้น
    .
    วอชิงตันมอบความช่วยเหลือทั้งทางทหารและทางเศรษฐกิจแก่ยูเครนไปแล้วหลายหมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ นับตั้งแต่ถูกรัสเซียรุกรานในเดือนกุมภาพันธ์ 2022 เงินจำนวนมหาศาลที่ ทรัมป์ เสียงเสียงวิพากษ์วิจารณ์ซ้ำๆ และถูกต่อต้านจากบรรดาสมาชิกสภาคองเกรสจากรีพับลิกันคนอื่นๆ
    .
    ทรัมป์ กล่าวอ้างเมื่อปีที่แล้ว ว่า ปูติน จะไม่มีวันรุกรานยูเครน หากว่าเขาอยู่ในทำเนียบขาวในช่วงเวลาดังกล่าว และเขาบอกกับรอยเตอร์ว่า ยูเครนอาจจำเป็นต้องยอมสละดินแดนเพื่อบรรลุข้อตกลงสันติภาพ บางอย่างที่เคียฟปฏิเสธและทางไบเดน ก็ไม่เคยชี้แนะไปในทิศทางนี้
    .
    เซเลนสกี ระบุเมื่อวันพฤหัสบดี (7 พ.ย.) เขาไม่ทราบรายละเอียดเกี่ยวกับแผนของทรัมป์ ในการยุติสงครามยูเครนอย่างรวดเร็ว และเขาเชื่อว่าการยุติสงครามอย่างรวดเร็ว จะหมายถึงการที่เคียฟต้องยอมอ่อนข้อครั้งใหญ่
    .
    อ้างอิงข้อมูลจากสำนักงานความรับผิดชอบของรัฐบาลสหรัฐฯ (GAO) พบว่าภายใต้การบริหารงานของไบเดน สภาคองเกรสจัดสรรงบประมาณไปให้ยูเครนแล้วกว่า 174,000 ล้านดอลลาร์ แต่คาดหมายว่าจำนวนดังกล่าวจะลดลงอย่างมาก ภายใต้การนำของทรัมป์ ในขณะที่พรรครีพับลิกันก็ครองเสียงข้างมากในวุฒิสภาสหรัฐฯ ด้วยเช่นกัน
    .
    ในส่วนของสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ยังไม่เป็นที่ชัดเจนว่าใครจะครองเสียงข้างมาก ด้วยยังอยู่ระหว่างการนับคะแนนเสียงบางส่วน เวลานี้รีพับลิกันได้ไปแล้วอย่างน้อย 213 ที่นั่ง และต้องการอีกเพียงอย่างน้อย 5 ที่นั่ง เพื่อให้ถึงเกณฑ์ขั้นต่ำของการครองเสียงข้างมากในสภาล่าง คืออย่างน้อย 218 ที่นั่ง
    .
    ถ้ารีพับลิกันครองเสียงข้างมากทั้ง 2 สภา นั่นจะหมายความว่าวาระต่างๆ ส่วนใหญ่ของทรัมป์ น่าจะผ่านความเห็นชอบจากสภาคองเกรสแบบง่ายดาย
    .
    บิล ฮาเกอร์ตี วุฒิสมาชิกจากรีพับลิกัน พันธมิตรของทรัมป์ ที่ถูกมองว่าเป็นตัวเต็งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ วิพากษ์วิจารณ์เงินสนับสนุนที่อเมริกามอบให้ยูเครน ผ่านการให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวซีบีเอส "ประชาชนชาวอเมริกาต้องการปกป้องอธิปไตยที่นี่ ในอเมริกา ก่อนที่เราจะใช้งบประมาณของเราและทรัพยากรของเรา ปกป้องอธิปไตยของประเทศอื่น" ฮาเกอร์ตีกล่าว
    .
    ปัจจุบัน กองกำลังมอสโกยึดครองพื้นที่ราว 1 ใน 5 ของยูเครน และรัสเซียประกาศแข็งกร้าวว่าสงครามจะไม่อาจหยุดลง จนกว่าดินแดนต่างๆ ที่พวกเขาผนวกนั้นได้รับการรับรองแล้ว ในขณะที่ยูเครนเรียกร้องให้คืนดินแดนทั้งหมด จุดยืนที่ได้รับการสนับสนุนจากบรรดาพันธมิตรตะวันตกเป็นส่วนใหญ่
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000108315
    ..............
    Sondhi X
    ว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ พูดคุยกับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา และแนะนำผู้นำรัสเซียอย่าทำให้สงครามยูคเรนลุกลามบานปลาย แหล่งข่าวใกล้ชิดกับการสนทนาเปิดเผยกับรอยเตอร์ ขณะที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน มีแผนเรียกร้อง ทรัมป์ อย่าได้ทอดทิ้งเคียฟ . แหล่งข่าวเปิดเผยกับรอยเตอร์ว่า ทรัมป์และปูติน พูดคุยกันเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ในขณะเดียวกัน ทรัมป์ ก็ได้หารือกับประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน ในวันพุธ (6 พ.ย.) ทั้งนี้ ทรัมป์ เคยวิพากษ์จารณ์ขอบเขตที่สหรัฐฯ มอบแรงสนับสนุนทั้งทางการเงินและทางทหารแก่เคียฟ และประกาศยุติสงครามอย่างรวดเร็ว แต่ไม่บอกว่าด้วยวิธีการใด . กระทรวงการต่างประเทศยูเครนบอกว่าพวกเขาไม่ได้รับแจ้งล่วงหน้าเกี่ยวกับการพูดคุยทางโทรศัพท์ระหว่างทรัมป์กับปูติน ดังนั้นจึงไม่อาจเห็นด้วยหรือคัดค้าน . ส่วน สตีเวน เฉิง ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารของทรัมป์ ตอบคำถามเมื่อถูกถามเกี่ยวกับการโทรศัพท์หารือระหว่าง ทรัมป์ กับ ปูติน โดยบอกว่า "เราไม่ขอแสดงความคิดเห็นต่อการพูดคุยแบบส่วนตัวระหว่างว่าที่ประธานาธิบดีทรัมป์ และบรรดาผู้นำโลกคนอื่นๆ" ขณะที่สถานทูตรัสเซียในวอชิงตัน ยังไม่ออกมาแสดงความคิดเห็นในเรื่องนี้ . ทรัมป์ ตัวแทนจากรีพับลิกันจะเข้ารับตำแหน่งในวันที่ 20 มกราคม หลังเอาชนะรองประธานาธิบดี กมลา แฮร์ริส จากพรรคเดโมแครต ในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีวันที่ 5 พฤศจิกายน และล่าสุดทำเนียบขาวเผยว่า ไบเดน เชิญ ทรัมป์ เข้ามาหารือที่ห้องทำงานรูปไข่ในวันพุธ (13 พ.ย.) ที่จะถึงนี้ . เจค ซัลลิแวน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ ระบุในวันอาทิตย์ (10 ก.ย.) ว่าสารสำคัญสุดของไบเดน คือจะเป็นการรับปากถ่ายโอนอำนาจอย่างสันติ และเขาจะพูดคุยกับ ทรัมป์ เกี่ยวกับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในยุโรป เอเชีย และตะวันออกกลาง . "ประธานาธิบดีไบเดน จะใช้โอกาสในช่วง 70 วันที่เหลืออยู่ เสนอแนะสภาคองเกรสและว่าที่รัฐบาลใหม่ ว่าสหรัฐฯ ไม่ควรตีจากยูเครน การทอดทิ้งยูเครนจะหมายถึงภาวะไร้เสถียรภาพในยุโรป" ซัลลิแวน บอกกับซีบีเอสนิวส์ . ความเห็นของซัลลิแวน มีขึ้นในขณะที่ยูเครนโจมตีกรุงมอสโกด้วยโดรนอย่างน้อยๆ 34 ลำ เมื่อวันอาทิตย์ (10 พ.ย.) ซึ่งถือเป็นปฏิบัติการโดรนโจมตีเล่นงานเมืองหลวงของรัสเซียครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่สงครามเริ่มต้นขึ้น . วอชิงตันมอบความช่วยเหลือทั้งทางทหารและทางเศรษฐกิจแก่ยูเครนไปแล้วหลายหมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ นับตั้งแต่ถูกรัสเซียรุกรานในเดือนกุมภาพันธ์ 2022 เงินจำนวนมหาศาลที่ ทรัมป์ เสียงเสียงวิพากษ์วิจารณ์ซ้ำๆ และถูกต่อต้านจากบรรดาสมาชิกสภาคองเกรสจากรีพับลิกันคนอื่นๆ . ทรัมป์ กล่าวอ้างเมื่อปีที่แล้ว ว่า ปูติน จะไม่มีวันรุกรานยูเครน หากว่าเขาอยู่ในทำเนียบขาวในช่วงเวลาดังกล่าว และเขาบอกกับรอยเตอร์ว่า ยูเครนอาจจำเป็นต้องยอมสละดินแดนเพื่อบรรลุข้อตกลงสันติภาพ บางอย่างที่เคียฟปฏิเสธและทางไบเดน ก็ไม่เคยชี้แนะไปในทิศทางนี้ . เซเลนสกี ระบุเมื่อวันพฤหัสบดี (7 พ.ย.) เขาไม่ทราบรายละเอียดเกี่ยวกับแผนของทรัมป์ ในการยุติสงครามยูเครนอย่างรวดเร็ว และเขาเชื่อว่าการยุติสงครามอย่างรวดเร็ว จะหมายถึงการที่เคียฟต้องยอมอ่อนข้อครั้งใหญ่ . อ้างอิงข้อมูลจากสำนักงานความรับผิดชอบของรัฐบาลสหรัฐฯ (GAO) พบว่าภายใต้การบริหารงานของไบเดน สภาคองเกรสจัดสรรงบประมาณไปให้ยูเครนแล้วกว่า 174,000 ล้านดอลลาร์ แต่คาดหมายว่าจำนวนดังกล่าวจะลดลงอย่างมาก ภายใต้การนำของทรัมป์ ในขณะที่พรรครีพับลิกันก็ครองเสียงข้างมากในวุฒิสภาสหรัฐฯ ด้วยเช่นกัน . ในส่วนของสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ยังไม่เป็นที่ชัดเจนว่าใครจะครองเสียงข้างมาก ด้วยยังอยู่ระหว่างการนับคะแนนเสียงบางส่วน เวลานี้รีพับลิกันได้ไปแล้วอย่างน้อย 213 ที่นั่ง และต้องการอีกเพียงอย่างน้อย 5 ที่นั่ง เพื่อให้ถึงเกณฑ์ขั้นต่ำของการครองเสียงข้างมากในสภาล่าง คืออย่างน้อย 218 ที่นั่ง . ถ้ารีพับลิกันครองเสียงข้างมากทั้ง 2 สภา นั่นจะหมายความว่าวาระต่างๆ ส่วนใหญ่ของทรัมป์ น่าจะผ่านความเห็นชอบจากสภาคองเกรสแบบง่ายดาย . บิล ฮาเกอร์ตี วุฒิสมาชิกจากรีพับลิกัน พันธมิตรของทรัมป์ ที่ถูกมองว่าเป็นตัวเต็งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ วิพากษ์วิจารณ์เงินสนับสนุนที่อเมริกามอบให้ยูเครน ผ่านการให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวซีบีเอส "ประชาชนชาวอเมริกาต้องการปกป้องอธิปไตยที่นี่ ในอเมริกา ก่อนที่เราจะใช้งบประมาณของเราและทรัพยากรของเรา ปกป้องอธิปไตยของประเทศอื่น" ฮาเกอร์ตีกล่าว . ปัจจุบัน กองกำลังมอสโกยึดครองพื้นที่ราว 1 ใน 5 ของยูเครน และรัสเซียประกาศแข็งกร้าวว่าสงครามจะไม่อาจหยุดลง จนกว่าดินแดนต่างๆ ที่พวกเขาผนวกนั้นได้รับการรับรองแล้ว ในขณะที่ยูเครนเรียกร้องให้คืนดินแดนทั้งหมด จุดยืนที่ได้รับการสนับสนุนจากบรรดาพันธมิตรตะวันตกเป็นส่วนใหญ่ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000108315 .............. Sondhi X
    Like
    10
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1520 มุมมอง 0 รีวิว
  • ข่าว 4 พ.ย.

    เลื่อนเคาะเลือกประธาน ธปท. 'กิตติรัตน์' ตัวเต็งแต่มีชนัก เหตุคดีขายข้าวติดตัว
    .
    วันที่ 4 พฤศจิกายน เป็นวันที่บรรดาคนในแวดวงการเงินการธนาคารต่างจับตาไปที่การประชุมคณะกรรมการสรรหาประธานคณะกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) คนใหม่ เนื่องจากมีชื่อของนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นตัวเต็งคนสำคัญที่มีโอกาสคว้าเก้าอี้ตัวนี้ไปครอง
    .
    นายสถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธุ์ อดีตปลัดกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานคณะกรรมการสรรหาฯ เปิดเผยว่า คณะกรรมการสรรหาฯ จะมีการประชุมในวันจันทร์ที่ 4 พ.ย.นี้เวลา 14.00 น.เพื่อประชุมลงมติว่าจะคัดเลือกบุคคลใดเป็นประธานบอร์ดธปท.คนใหม่ ซึ่งยืนยันว่ากรรมการสรรหาฯแต่ละคนมีความคิดเป็นอิสระของตัวเอง และต้องเป็นไปตามหลักการ คือ บุคคลที่จะได้รับเลือกมีคุณสมบัติครบถ้วนหรือไม่ และมีลักษณะต้องห้ามหรือไม่ มีส่วนได้เสียอย่างมีนัยยะสำคัญกับธปท.หรือไม่ โดยลักษณะต้องห้ามนั้นมีหลายกรณี เช่น ต้องไม่เคยต้องโทษจำคุกมาก่อน ต้องไม่เป็นข้าราชการการเมือง ไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคการเมือง หรือมีตำแหน่งในคณะทำงานของพรรคการเมือง ส่วนเรื่องคุณสมบัติ จะต้องมีความรู้ความสามารถที่เกี่ยวข้องกับกิจการของธปท.และต้องไม่เป็นผู้มีส่วนได้เสียหรือขัดแย้งทางผลประโยชน์กับธปท.
    .
    ทั้งนี้ มีรายงานข่าวว่าคณะกรรมการสรรหาฯ ได้มีการให้เจ้าหน้าที่และฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการสรรหาฯไปตรวจสอบหาข้อมูลคุณสมบัติของผู้ได้รับการเสนอชื่อทั้งสามคน คือนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง อดีตรองนายกฯและอดีตรมว.คลัง ยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกุลิศ สมบัติศิริ อดีตปลัดกระทรวงพลังงาน อดีตอธิบดีกรมศุลกากร -อดีตผอ.สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) อดีตผู้ตรวจกระทรวงการคลัง และนายสุรพล นิติไกรพจน์ อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โดยผลการตรวจสอบคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามต่างๆ เบื้องต้นพบว่าทั้งสามคนยังไม่มีกรณีต้องห้ามตามกฎหมาย แม้ว่าในกรณีของทั้งนายกุลิศ และ นายกิตติรัตน์ จะต่างเคยเป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีในอดีตมาก่อนก็ตาม เนื่องจากเป็นเพียงที่ปรึกษาทั่วไปไม่มีเงินเดือน และไม่ต้องแสดงบัญชีทรัพย์สินเหมือนกับข้าราชการเมืองตามกฎหมาย อีกทั้งนายกิตติรัตน์ได้พ้นจากการเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยแล้ว
    .
    อย่างไรก็ตาม ในกรณีของนายกิตติรัตน์นั้นมีประเด็นที่คณะกรรมการสรรหาฯต้องพิจารณาเป็นพิเศษ คือ ก่อนหน้านี้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช.มีมติให้อุทธรณ์คดีขายข้าวอินโดนีเซียหรือคดี BULOG อินโดนีเซีย ที่นายกิตติรัตน์เคยตกเป็นจำเลยต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาฯ ซึ่งอยู่ในระหว่างการพิจารณาของอัยการสูงสุดในฐานะโจทก์ฟ้องคดีว่าจะเห็นด้วยกับป.ป.ช.หรือไม่ จึงต้องรอดูว่าคณะกรรมการสรรหาฯจะมีมุมมองต่อเรื่องนี้อย่างไร
    .
    ข่าวแจ้งว่า นายสถิตย์ ได้สั่งเลือกประชุมกรรมการสรรหาจากบ่าย2โมงวันนี้ ไปก่อน
    ..............
    Sondhi X
    ข่าว 4 พ.ย. เลื่อนเคาะเลือกประธาน ธปท. 'กิตติรัตน์' ตัวเต็งแต่มีชนัก เหตุคดีขายข้าวติดตัว . วันที่ 4 พฤศจิกายน เป็นวันที่บรรดาคนในแวดวงการเงินการธนาคารต่างจับตาไปที่การประชุมคณะกรรมการสรรหาประธานคณะกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) คนใหม่ เนื่องจากมีชื่อของนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นตัวเต็งคนสำคัญที่มีโอกาสคว้าเก้าอี้ตัวนี้ไปครอง . นายสถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธุ์ อดีตปลัดกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานคณะกรรมการสรรหาฯ เปิดเผยว่า คณะกรรมการสรรหาฯ จะมีการประชุมในวันจันทร์ที่ 4 พ.ย.นี้เวลา 14.00 น.เพื่อประชุมลงมติว่าจะคัดเลือกบุคคลใดเป็นประธานบอร์ดธปท.คนใหม่ ซึ่งยืนยันว่ากรรมการสรรหาฯแต่ละคนมีความคิดเป็นอิสระของตัวเอง และต้องเป็นไปตามหลักการ คือ บุคคลที่จะได้รับเลือกมีคุณสมบัติครบถ้วนหรือไม่ และมีลักษณะต้องห้ามหรือไม่ มีส่วนได้เสียอย่างมีนัยยะสำคัญกับธปท.หรือไม่ โดยลักษณะต้องห้ามนั้นมีหลายกรณี เช่น ต้องไม่เคยต้องโทษจำคุกมาก่อน ต้องไม่เป็นข้าราชการการเมือง ไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคการเมือง หรือมีตำแหน่งในคณะทำงานของพรรคการเมือง ส่วนเรื่องคุณสมบัติ จะต้องมีความรู้ความสามารถที่เกี่ยวข้องกับกิจการของธปท.และต้องไม่เป็นผู้มีส่วนได้เสียหรือขัดแย้งทางผลประโยชน์กับธปท. . ทั้งนี้ มีรายงานข่าวว่าคณะกรรมการสรรหาฯ ได้มีการให้เจ้าหน้าที่และฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการสรรหาฯไปตรวจสอบหาข้อมูลคุณสมบัติของผู้ได้รับการเสนอชื่อทั้งสามคน คือนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง อดีตรองนายกฯและอดีตรมว.คลัง ยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกุลิศ สมบัติศิริ อดีตปลัดกระทรวงพลังงาน อดีตอธิบดีกรมศุลกากร -อดีตผอ.สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) อดีตผู้ตรวจกระทรวงการคลัง และนายสุรพล นิติไกรพจน์ อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โดยผลการตรวจสอบคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามต่างๆ เบื้องต้นพบว่าทั้งสามคนยังไม่มีกรณีต้องห้ามตามกฎหมาย แม้ว่าในกรณีของทั้งนายกุลิศ และ นายกิตติรัตน์ จะต่างเคยเป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีในอดีตมาก่อนก็ตาม เนื่องจากเป็นเพียงที่ปรึกษาทั่วไปไม่มีเงินเดือน และไม่ต้องแสดงบัญชีทรัพย์สินเหมือนกับข้าราชการเมืองตามกฎหมาย อีกทั้งนายกิตติรัตน์ได้พ้นจากการเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยแล้ว . อย่างไรก็ตาม ในกรณีของนายกิตติรัตน์นั้นมีประเด็นที่คณะกรรมการสรรหาฯต้องพิจารณาเป็นพิเศษ คือ ก่อนหน้านี้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช.มีมติให้อุทธรณ์คดีขายข้าวอินโดนีเซียหรือคดี BULOG อินโดนีเซีย ที่นายกิตติรัตน์เคยตกเป็นจำเลยต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาฯ ซึ่งอยู่ในระหว่างการพิจารณาของอัยการสูงสุดในฐานะโจทก์ฟ้องคดีว่าจะเห็นด้วยกับป.ป.ช.หรือไม่ จึงต้องรอดูว่าคณะกรรมการสรรหาฯจะมีมุมมองต่อเรื่องนี้อย่างไร . ข่าวแจ้งว่า นายสถิตย์ ได้สั่งเลือกประชุมกรรมการสรรหาจากบ่าย2โมงวันนี้ ไปก่อน .............. Sondhi X
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2075 มุมมอง 0 รีวิว
  • ฟาลโลว์ส เตรียมที่จะอำลาตำแหน่งของเขาในสิ้นปีนี้ และลิเวอร์พูล ได้ทำการมองหาตัวแทนที่เหมาะสมกับตำแหน่งของเขาแล้ว

    มาร์คัส พิลาว่า อดีตหัวหน้าแมวมองของ บาเยิร์น กลายเป็นตัวเต็งที่จะเข้ามารับตำแหน่งของ ฟาลโลว์ส

    พิลาว่า ถือว่าเป็นคนที่มีชื่อเสียงในวงการฟุตบอลเยอรมันเป็นอย่างมาก เขาเคยทำงานให้กับ บาเยิร์น มิวนิค และ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์

    ที่ ดอร์ทมุนด์ เขามีบทบาทสำคัญในการคัดเลือกผู้เล่นอย่าง จู๊ด เบลลิงแฮม, เออร์ลิง ฮาลันด์, จาดอน ซานโช และ มานูเอล อคานยี

    ปี 2022 เขาได้ย้ายไปอยู่กับ บาเยิร์น มิวนิค โดยได้รับตำแหน่งหัวหน้าแมวมอง ที่ บาเยิร์น เขามีส่วนสำคัญในการเซ็นสัญญากับผู้เล่นอย่าง แฮร์รี เคน ,ไมเคิล โอลิเซ่ และ คอนราด ไลเมอร์ และเป็นคนที่ผลักดันในการขาย ซาดิโอ มาเน่

    พิลาว่า ออกจาก บาเยิร์น มิวนิค เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา และตอนนี้ เขากำลังว่างงาน และรอรับข้อเสนอที่น่าสนใจอยู่ในขณะนี้

    Source: Anfield Watch
    ฟาลโลว์ส เตรียมที่จะอำลาตำแหน่งของเขาในสิ้นปีนี้ และลิเวอร์พูล ได้ทำการมองหาตัวแทนที่เหมาะสมกับตำแหน่งของเขาแล้ว มาร์คัส พิลาว่า อดีตหัวหน้าแมวมองของ บาเยิร์น กลายเป็นตัวเต็งที่จะเข้ามารับตำแหน่งของ ฟาลโลว์ส พิลาว่า ถือว่าเป็นคนที่มีชื่อเสียงในวงการฟุตบอลเยอรมันเป็นอย่างมาก เขาเคยทำงานให้กับ บาเยิร์น มิวนิค และ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ที่ ดอร์ทมุนด์ เขามีบทบาทสำคัญในการคัดเลือกผู้เล่นอย่าง จู๊ด เบลลิงแฮม, เออร์ลิง ฮาลันด์, จาดอน ซานโช และ มานูเอล อคานยี ปี 2022 เขาได้ย้ายไปอยู่กับ บาเยิร์น มิวนิค โดยได้รับตำแหน่งหัวหน้าแมวมอง ที่ บาเยิร์น เขามีส่วนสำคัญในการเซ็นสัญญากับผู้เล่นอย่าง แฮร์รี เคน ,ไมเคิล โอลิเซ่ และ คอนราด ไลเมอร์ และเป็นคนที่ผลักดันในการขาย ซาดิโอ มาเน่ พิลาว่า ออกจาก บาเยิร์น มิวนิค เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา และตอนนี้ เขากำลังว่างงาน และรอรับข้อเสนอที่น่าสนใจอยู่ในขณะนี้ Source: Anfield Watch
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 853 มุมมอง 0 รีวิว
  • จากเรื่องมหากาพย์ ดิ ไอคอน ที่เพิ่งเริ่มขึ้นมานั้น ทำให้เห็นปรากฎการณ์ ที่เหลือเชื่อหลายอย่าง ที่เกิดขึ้นกับสังคมไทย อย่างแรกคือ มาตราฐาน มายเซท ของคนไทยนั้นยัง ล้าหลังแบบไม่น่าเชื่อ ไม่ว่าจะเป็นการชื่นชม คนที่อวดรวย แบบสะเหร่อๆ เอาเงินเป็นปึก มากองๆไว้ อวดนาฬิกาเรือนละหลายสิบล้าน แบบโต้งๆ คอตเทนท์เหล่านี้ คนจะแห่มาตามเยอะมาก และไม่เข้าใจว่าจะไปตาม เป็น FC คนที่ทำอะไรแบบนี้ทำไม ตรรกกะคนไทย ทำไมตื้นเขินขนาดนี้ ใครทำบุญออกกล้องเยอะๆ คือคนดี ใครโชว์เงินโชว์ทอง
    เฮ้าเลี่ยน มากๆคือคนประสบความสำเร็จ คิดกันได้แค่นี้
    จะเป็นลม

    เรื่องสองคือ คนไทยยังพยายามหาธุรกิจ ที่เป็น passive income นั่งเฉยๆ แล้วเงินงอก ลงหมืืนได้แสน ลงแสนได้ล้าน
    มหาลัย ไม่เคยสอนเหรอ ว่ามันไม่มีจริง ถ้ามันจริงเขาจะมาชวนมึงทำไม ทำเองรวยเองเงียบๆดิเห้ย Passive income จริงๆ มันมีแค่ เป็นเจ้าของที่ให้เขาเช่า 20-30 ปี อันนี้แหละ passive แน่ๆ หรือสัมปทานจากภาครัฐ พวกโรงไฟฟ้า อะไรที่คนอย่างเราๆท่านๆเอื้อมไม่ถึง นั่นแหละ ถึงจะจริง ที่เหลือ โกหกทั้งเพ

    เรื่องสาม คนไทย ยังโลภ แบบไม่ดูตาม้า ตาเรือ เห็นที่สัมภาษณ์กันคือ เห็นดาราแล้วเชื่อเลย ลงเงินเลยไม่ตรวจอะไรก่อน เอาจริงดิ ทำไมแยกหนังละคร กับชีวิตจริงไม่ออกกันเลยเหรอ ใครเล่นหนังดี ตีบทแตก คนนัินคือคนดีงั้นเหรอ
    เชี่ยยยย ไม่อยากจะเชื่อเลย

    หรือเราควรออกกฎหมายแบบ ประเทศจีน คือ ใครอวดรวยเว่อๆ นั้นโดนแบน ช่องปลิวไปเลย ข้อหา สร้างความฝัน ความเชื่อผิดเพี้ยน แพร่กระจาย ค่านิยมไม่ดี เป็นภัยหลอกลวงสังคม ถ้าคุณภาพคนของเรายังอ่อนแอขนาดนี้

    เรื่องสุดท้าย ทีืไม่อยากจะเชื่อ คือคนระดับพี่แซม ที่ถนอมเนื้อตัว พระเอกตลอดกาล เคยเป็นทั้ง สส ยันตัวเต็ง ผู้ว่ากทม บ้านก็รวยอยู่แล้ว ยังหลงหลุดไปวังวนนี้ แต่เอาเข้าจริง ผมว่า แกไม่รู้เบื้องลึก หนาบาง ขนาดนั้นหรอก อาจจะโดนเขาชวนมาทำให้ช่วยพูดให้ช่วงแรก แล้วได้เงินเยอะดี เช็คดูแล้วบริษัท ก็เปิดมาหลายปี แถมได้รางวัลโล่ จาก สคบ อีกตะหาก ก็ถลำเข้ามา คล้ายๆน้องมิน คุณหนูบ้านรวย นางเอกฮอต ถ้ารู้ว่า หลอกเขากินแน่ๆ ใครเขาจะมา ชีวิตก็สบายดีมากอยู่แล้ว แต่ก็นั่นแหละ กฎหมายไทย ทำผิดแล้วบอกว่าไม่รู้ ก็แก้ตัวไม่ได้ งานนี้ก็เลยหืดขึ้นคอ

    ส่วนกันต์ นั้น อีกเรื่อง เพราะอยู่มานานเกินกว่า จะบอกว่าไม่รู้แจ้ง แถมคอนเทนด์ที่ทำนั้น เรียกทัวร์ได้มหาศาล นาฬิการวมๆแล้ว เป็นร้อยล้าน กินขนม ห่อละสามล้าน ย้ำ ขนม ไปประมูลมา เมียแอบกิน ห่อละสามล้าน แล้วก็อะไรเว่อๆแบบเกินมนุษย มนา คนไทยแห่มากดไลค์ก็จริง แต่ลึกๆแล้ว ไม่มีใครชื่นชมด้วยใจบริสุทธ์ ส่วนมากมีแต่แอบอิจฉา และ
    รอวันล้ม จะได้ตามมาซ้ำได้ถนัดๆ คือได้เห็นมึงแย่ แล้วรู้สึกว่าชีวิตกูดีขึ้นอัตโนมัติ ไม่ต้องทำอะไร
    คนไทยส่วนมากก็รอดูวันนั้น…..ซึ่งมันก็คือวันนี้

    นิทานเรื่องนี้ สอนให้ผมรู้ว่า ชีวิตผมทุกวันนี้ พอมีพอกิน ขึ้นมั่งลงมั่ง ก็ไม่ใช่ชีวิตที่แย่ เพราะพวก รถซุปเปอร์คาร์ ครบสี อวดรวยเว่อวัง นาฬิกาเยอะๆ เงินสดกองๆ ชอปปิ้งทีละล้านสุดท้ายแม่งเงินสีเทา หรือหลอกเขาแดกทั้งนั้น

    เพราะคนทำมาหากินสุจริต และสติดีๆ ไม่มีใครเขาทำกันแบบนี้หรอกคุณ

    Cr: อนิศ โอสถานุเคราะห์
    จากเรื่องมหากาพย์ ดิ ไอคอน ที่เพิ่งเริ่มขึ้นมานั้น ทำให้เห็นปรากฎการณ์ ที่เหลือเชื่อหลายอย่าง ที่เกิดขึ้นกับสังคมไทย อย่างแรกคือ มาตราฐาน มายเซท ของคนไทยนั้นยัง ล้าหลังแบบไม่น่าเชื่อ ไม่ว่าจะเป็นการชื่นชม คนที่อวดรวย แบบสะเหร่อๆ เอาเงินเป็นปึก มากองๆไว้ อวดนาฬิกาเรือนละหลายสิบล้าน แบบโต้งๆ คอตเทนท์เหล่านี้ คนจะแห่มาตามเยอะมาก และไม่เข้าใจว่าจะไปตาม เป็น FC คนที่ทำอะไรแบบนี้ทำไม ตรรกกะคนไทย ทำไมตื้นเขินขนาดนี้ ใครทำบุญออกกล้องเยอะๆ คือคนดี ใครโชว์เงินโชว์ทอง เฮ้าเลี่ยน มากๆคือคนประสบความสำเร็จ คิดกันได้แค่นี้ จะเป็นลม เรื่องสองคือ คนไทยยังพยายามหาธุรกิจ ที่เป็น passive income นั่งเฉยๆ แล้วเงินงอก ลงหมืืนได้แสน ลงแสนได้ล้าน มหาลัย ไม่เคยสอนเหรอ ว่ามันไม่มีจริง ถ้ามันจริงเขาจะมาชวนมึงทำไม ทำเองรวยเองเงียบๆดิเห้ย Passive income จริงๆ มันมีแค่ เป็นเจ้าของที่ให้เขาเช่า 20-30 ปี อันนี้แหละ passive แน่ๆ หรือสัมปทานจากภาครัฐ พวกโรงไฟฟ้า อะไรที่คนอย่างเราๆท่านๆเอื้อมไม่ถึง นั่นแหละ ถึงจะจริง ที่เหลือ โกหกทั้งเพ เรื่องสาม คนไทย ยังโลภ แบบไม่ดูตาม้า ตาเรือ เห็นที่สัมภาษณ์กันคือ เห็นดาราแล้วเชื่อเลย ลงเงินเลยไม่ตรวจอะไรก่อน เอาจริงดิ ทำไมแยกหนังละคร กับชีวิตจริงไม่ออกกันเลยเหรอ ใครเล่นหนังดี ตีบทแตก คนนัินคือคนดีงั้นเหรอ เชี่ยยยย ไม่อยากจะเชื่อเลย หรือเราควรออกกฎหมายแบบ ประเทศจีน คือ ใครอวดรวยเว่อๆ นั้นโดนแบน ช่องปลิวไปเลย ข้อหา สร้างความฝัน ความเชื่อผิดเพี้ยน แพร่กระจาย ค่านิยมไม่ดี เป็นภัยหลอกลวงสังคม ถ้าคุณภาพคนของเรายังอ่อนแอขนาดนี้ เรื่องสุดท้าย ทีืไม่อยากจะเชื่อ คือคนระดับพี่แซม ที่ถนอมเนื้อตัว พระเอกตลอดกาล เคยเป็นทั้ง สส ยันตัวเต็ง ผู้ว่ากทม บ้านก็รวยอยู่แล้ว ยังหลงหลุดไปวังวนนี้ แต่เอาเข้าจริง ผมว่า แกไม่รู้เบื้องลึก หนาบาง ขนาดนั้นหรอก อาจจะโดนเขาชวนมาทำให้ช่วยพูดให้ช่วงแรก แล้วได้เงินเยอะดี เช็คดูแล้วบริษัท ก็เปิดมาหลายปี แถมได้รางวัลโล่ จาก สคบ อีกตะหาก ก็ถลำเข้ามา คล้ายๆน้องมิน คุณหนูบ้านรวย นางเอกฮอต ถ้ารู้ว่า หลอกเขากินแน่ๆ ใครเขาจะมา ชีวิตก็สบายดีมากอยู่แล้ว แต่ก็นั่นแหละ กฎหมายไทย ทำผิดแล้วบอกว่าไม่รู้ ก็แก้ตัวไม่ได้ งานนี้ก็เลยหืดขึ้นคอ ส่วนกันต์ นั้น อีกเรื่อง เพราะอยู่มานานเกินกว่า จะบอกว่าไม่รู้แจ้ง แถมคอนเทนด์ที่ทำนั้น เรียกทัวร์ได้มหาศาล นาฬิการวมๆแล้ว เป็นร้อยล้าน กินขนม ห่อละสามล้าน ย้ำ ขนม ไปประมูลมา เมียแอบกิน ห่อละสามล้าน แล้วก็อะไรเว่อๆแบบเกินมนุษย มนา คนไทยแห่มากดไลค์ก็จริง แต่ลึกๆแล้ว ไม่มีใครชื่นชมด้วยใจบริสุทธ์ ส่วนมากมีแต่แอบอิจฉา และ รอวันล้ม จะได้ตามมาซ้ำได้ถนัดๆ คือได้เห็นมึงแย่ แล้วรู้สึกว่าชีวิตกูดีขึ้นอัตโนมัติ ไม่ต้องทำอะไร คนไทยส่วนมากก็รอดูวันนั้น…..ซึ่งมันก็คือวันนี้ นิทานเรื่องนี้ สอนให้ผมรู้ว่า ชีวิตผมทุกวันนี้ พอมีพอกิน ขึ้นมั่งลงมั่ง ก็ไม่ใช่ชีวิตที่แย่ เพราะพวก รถซุปเปอร์คาร์ ครบสี อวดรวยเว่อวัง นาฬิกาเยอะๆ เงินสดกองๆ ชอปปิ้งทีละล้านสุดท้ายแม่งเงินสีเทา หรือหลอกเขาแดกทั้งนั้น เพราะคนทำมาหากินสุจริต และสติดีๆ ไม่มีใครเขาทำกันแบบนี้หรอกคุณ Cr: อนิศ โอสถานุเคราะห์
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 841 มุมมอง 0 รีวิว
  • 27 กันยายน 2567-รายงานข่าวผู้จัดการออนไลน์ระบุว่า ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ท.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ ผู้บัญชาการสำนักงานกำลังพล (ผบช.สกพ.) มีหนังสือบันทึกข้อความ ที่ 0009.232/8033 ลงวันที่ 27 ก.ย.2567 เรื่อง ให้ข้าราชการตำรวจรักษาราชการแทน ถึง รอง ผบ.ตร. และ จตช. ผู้ช่วย ผบ.ตร. และ รอง จตช. ผบช. และ จตร. หรือตำแหน่งเทียบเท่า ผบก. ในสังกัด สง.ผบ.ตร. หรือตำแหน่งเทียบเท่า

    ใจความว่า ด้วย พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. จะพ้นจากราชการเพราะเกษียณอายุ วันที่ 1 ต.ค.67 นายกรัฐมนตรี จึงมีคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 335/2567 ลงวันที่ 26 ก.ย.67 ให้ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร. เป็นผู้รักษาราชการแทนในตำแหน่ง ผบ.ตร. ทั้งนี้ ตั้งแต่ 1 ต.ค.67 เป็นต้นไป จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบ

    สำหรับ พล.ต.อ.กิตติรัฐ ปัจจุบันเป็นรอง ผบ.ตร.อาวุโสอันดับหนึ่ง รับผิดชอบงานป้องกันและปราบปรามอาชญากรรม ควบตำแหน่งผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามการลักลอบตัดไม้ ทำลายป่า ทรัพยากรธรรมชาติ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปทส.ตร.) และศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศอ.ปส.ตร.) นอกจากนี้ยังเป็นตัวเต็งที่จะได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงผบ.ตร.คนต่อไป

    ที่มา : https://news1live.com/detail/9670000091175?fbclid=IwZXh0bgNhZW0CMTEAAR2o5jsvWfMPmbl6GALqD_Iab8HDowGjBXAH-FJ7VXJgFEGoIWr0i3iCPDo_aem_oMDeDXkLH6WHFJm7J80MTg

    #Thaitimes
    27 กันยายน 2567-รายงานข่าวผู้จัดการออนไลน์ระบุว่า ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ท.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ ผู้บัญชาการสำนักงานกำลังพล (ผบช.สกพ.) มีหนังสือบันทึกข้อความ ที่ 0009.232/8033 ลงวันที่ 27 ก.ย.2567 เรื่อง ให้ข้าราชการตำรวจรักษาราชการแทน ถึง รอง ผบ.ตร. และ จตช. ผู้ช่วย ผบ.ตร. และ รอง จตช. ผบช. และ จตร. หรือตำแหน่งเทียบเท่า ผบก. ในสังกัด สง.ผบ.ตร. หรือตำแหน่งเทียบเท่า ใจความว่า ด้วย พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. จะพ้นจากราชการเพราะเกษียณอายุ วันที่ 1 ต.ค.67 นายกรัฐมนตรี จึงมีคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 335/2567 ลงวันที่ 26 ก.ย.67 ให้ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร. เป็นผู้รักษาราชการแทนในตำแหน่ง ผบ.ตร. ทั้งนี้ ตั้งแต่ 1 ต.ค.67 เป็นต้นไป จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบ สำหรับ พล.ต.อ.กิตติรัฐ ปัจจุบันเป็นรอง ผบ.ตร.อาวุโสอันดับหนึ่ง รับผิดชอบงานป้องกันและปราบปรามอาชญากรรม ควบตำแหน่งผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามการลักลอบตัดไม้ ทำลายป่า ทรัพยากรธรรมชาติ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปทส.ตร.) และศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศอ.ปส.ตร.) นอกจากนี้ยังเป็นตัวเต็งที่จะได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงผบ.ตร.คนต่อไป ที่มา : https://news1live.com/detail/9670000091175?fbclid=IwZXh0bgNhZW0CMTEAAR2o5jsvWfMPmbl6GALqD_Iab8HDowGjBXAH-FJ7VXJgFEGoIWr0i3iCPDo_aem_oMDeDXkLH6WHFJm7J80MTg #Thaitimes
    Like
    6
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1538 มุมมอง 1 รีวิว
Pages Boosts