• เจาะสัมพันธ์ “โจ๊ก–โรม” จับมือขยี้ “บิ๊กต่าย”! เรียกร้องตรวจสอบคำสั่งสอบข้อเท็จจริงคดีลักข้อสอบ จุฬาฯ ใครจะรอด ใครจะโดน…เกมสีกากีร้อนแรงสุดขีด!

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000098767

    #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire #เขมรลักลอบวางระเบิด
    เจาะสัมพันธ์ “โจ๊ก–โรม” จับมือขยี้ “บิ๊กต่าย”! เรียกร้องตรวจสอบคำสั่งสอบข้อเท็จจริงคดีลักข้อสอบ จุฬาฯ ใครจะรอด ใครจะโดน…เกมสีกากีร้อนแรงสุดขีด! อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000098767 #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire #เขมรลักลอบวางระเบิด
    0 Comments 0 Shares 7 Views 0 Reviews

  • ทุกๆคนทั่วโลกที่โดนหลอกไปล้วนน่าสงสารหมดทุกๆคนจะชาติใดๆทั่วโลกก็ตาม ไม่ใช่แค่เกาหลีใต้ ,ทุกๆประเทศทั่วโลกโดยเฉพาะเอเชีย โดยเฉพาะอาเชียน โดยเฉพาะจีนพี่ใหญ่เขมรที่ไม่ลืมหูลืมตาลงทุนช่วยเขมร สนับสนุนเขมรสร้างนั่นสร้างนี้ไม่สนใจผิดถูกในเขมร สนใจแค่ทรัพยากรมีค่าในเขมรที่ตนได้ประโยชน์และนัยยะอื่นๆที่ตนมีแต่ได้ ได้ลูกหนี้เขมรเต็มๆ สั่งขี้ข้าลูกหนี้ทาสหนี้ บังคับเอากับเขมรได้หมดแน่นอน ตัวพ่อหมวกกันน๊อคได้เลยถ้าเทียบไม่ผิด ทวงหนี้สไตล์เผด็จการคอมมิวนิสต์แน่นอน,จีนเทาเต็มเขมร จีนดีทำไมไม่จัดการในเมื่อสั่งการและควบคุมได้,เป็นไปไม่ได้ที่สั่งฮุนเซนไม่ได้,รู้เห็นด้วยกันหมดล่ะ,แหล่งทำเงินของจีนผ่านเขมรในสาระพัดด้านได้เช่นกันทั้งแบบสไตล์โชว์ภาพหน้างานชอบธรรมถูกต้องและในนามเลี้ยงดูปูสื่อฝ่ายมืดเลวไว้ใช้งานมิให้ภาพลักษณ์ตนเสียหายหรือสาวถึงได้ โยนแพะให้จีนเทาได้นั้นเอง เดอะแก๊งไหนต้องเชือดไก่ก็ต้องเชือดไก่ เดอะแก๊งไหนซวยเพื่อคลายปมภาพลักษณ์ให้จีนแท้ดูดีได้ก็ต้องกำจัดประหารชีวิตแก๊งนั้น,ฝ่ายจีนซาตานก็มี ฝ่ายจีนแสงก็มี จึงมิอาจเชื่อใจได้,ตลอดอาวุธถล่มไทยก็จีนส่งให้เขมรล่วงหน้าก่อนยิงใส่ไทยไม่กี่วัน ฝึกห่าเหวอะไรฟังไม่ขึ้นหรอก ดูก็ออกว่าไทยทะเลาะกับเขมรมาตลอด ยังขายอาวุธให้ รัสเชียก็ด้วยโดยเฉพาะกับระเบิด รัสเชียไม่มาร่วมจัดการเขมรที่ใช้กับระเบิดกับไทยในฝั่งไทยเลย,
    ...รัฐบาลในอดีตก็เลวชั่วเช่นกัน กลัวเขมรแฉความชั่วของตน ยุคเสื้อแดงหนีเข้าเขมร ยุคพวกล้มสถาบันกษัตริย์หนีเข้าเขมรจึงมีความลับชั่วเก็บเพื่อแฉได้แน่นอนนั้นเอง พอกลับมามีอำนาจทางบ้านเมืองจะนักการเมืองหรือและข้าราชการไทยจึงมีความชั่วเลวด้านลับเก็บไว้ กลัวเขมรแฉจึงทรยศแผ่นดินไทยตนตลอดเรื่อยมา,ทหารนายพลเลวชั่วก็มีมากค้าขายชั่วเลวกับเขมร,บ้านเมืองไทยจึงบัดสบมาก.
    ..บิ๊งกุ้งกู้หน้ากองทัพไทยได้ และได้ใจประชาชนทั้งประเทศ เสือกมาทำเสียที่กองทัพบูรพาพยัคฆ์ผีบ้าภาคตะวันออกเสียชื่อทหารเสือพระราชินีทันที ไม่ถีบเขมรออกจากแผ่นดินไทยทั้งภาคตะวันออก ทรยศเนรคุณในการปกป้องดินแดนอธิปไตยแผ่นดินไทยชัดเจน ทมภ.2ลงดาบจัดการชัดสร้างผลงานชัดเจน11จุดพื้นที่,แต่ทมภ.1ใจขลาดไม่อาจหาญแม้แต่ตารางนิ้วเดียวยังทำไม่ได้ในเวลาเดียวกัน ณ ขณะนั้น ,จนความจริงเหยียบหน้าชัดอีกที่บ้านหนองจาน หนองหญ้าแก้วและตราด ออกสื่อมีพยานหลักฐานชัดเจน.,เพราะถ้าจบในเวลาตอนนั้น ปัญหาปัจจุบันในเวลานี้จะจบสิ้นทั้งหมดทันที.
    ..เขมรต้องล่มสลายทั้งประเทศอย่างเดียว มันคือประเทศที่รกโลก ไม่ซื่อสัตย์เนรคุณทรยศหักหลังทำร้ายทำลายทุกๆคนชาวโลกได้ยกเว้นคนเขมรชาติมันเอง,ประชาชนเขมรสนับสนุนให้ทำสงครามฆ่าประชาชนคนไทยอย่างชัดเจน ไม่สนใจว่าทหารมันทหารเขมรมันยิงใส่ประชาชนคนไทยผู้บริสุทธิ์นอกแนวรบนอกแนวปะทะ,อเมริกาและฝรั่งเศสบวกมาเลย์ทั้งUNเสือกไม่เข้าใจความจริงชัดเจนเข้าข้างเขมรอีกด้วย ไม่บีบบังคับเขมรคืนดินแดนแผ่นดินไทยที่เป็นของไทยคืนจริงๆ,ไม่สนใจจริงห่าเหวอะไร ผิดหลักสากลบ่อนก่อไฟสงครามไม่จบเหตุปัญหาจริงด้วย,อยากได้หน้าและเหี้ยเต็มใบหน้าทั้งหมด.
    ..เขมรคือภัยอาชญากรและภัยร้ายแรงทางอาชญากรรมของโลกสากลแล้วเสือกอยากทำดีกับโจรฆ่าพ่อฆ่าแม่ฆ่าลูกฆ่าครอบครัวมันแบบอเมริกาหรือชาติสมาชิกUN เสมือนUNและอเมริกากำลังปกป้องภัยร้ายของโลก ปกป้องให้เขมรคนอาชญากรรมโลกให้อยู่รอดปลอดภัยจะได้สร้างอาชญากรรมสร้างงานให้ตนคืออเมริกาคือUNมีงานทำแนน่นอนชัดเจนแล้ว,อเมริกาและUNคืออาชญากรรมตัวพ่อของโลกแน่แล้วเพราะปกป้องเขมร ไม่กำจัดเขมรก่อน แต่เสือกบอกไทยให้จับมือกับมือฆ่าประชาชนชาวโลก จงบำรุงเลี้ยงดูอาชญากรแบบเขมรให้ดี จงเปิดด่านให้ข้าวให้ปลาให้น้ำเขมรแดกนะจะได้ไปฆ่าคนทั่วโลกได้ต่อไป จับคนทั่วโลกมาค้าแรงงานค้ามนุษย์ค้าอวัยวะส่งตังไปอเมริกาจะได้อ้างอายัดตังเขมรแดกเต็มอิ่มสบายๆด้วยข้อหาอาชญากรรมโลกต่อไป,งานกูอเมริกาและฝรั่งทั้งหมดตลอดUNจะได้มีงานทำเป็นฮีโร่ในภาพลักษณ์ที่ดีของคนทั้งโลกต่อไป.
    ..กูในนามทรัมป์จะเป็นผู้สร้างสันติภาพอาเชียนเอเชียและโลกแน่นอน.

    https://youtube.com/watch?v=ZIcg5PXS6_I&si=VqgQV5m0zKiX_57O
    ทุกๆคนทั่วโลกที่โดนหลอกไปล้วนน่าสงสารหมดทุกๆคนจะชาติใดๆทั่วโลกก็ตาม ไม่ใช่แค่เกาหลีใต้ ,ทุกๆประเทศทั่วโลกโดยเฉพาะเอเชีย โดยเฉพาะอาเชียน โดยเฉพาะจีนพี่ใหญ่เขมรที่ไม่ลืมหูลืมตาลงทุนช่วยเขมร สนับสนุนเขมรสร้างนั่นสร้างนี้ไม่สนใจผิดถูกในเขมร สนใจแค่ทรัพยากรมีค่าในเขมรที่ตนได้ประโยชน์และนัยยะอื่นๆที่ตนมีแต่ได้ ได้ลูกหนี้เขมรเต็มๆ สั่งขี้ข้าลูกหนี้ทาสหนี้ บังคับเอากับเขมรได้หมดแน่นอน ตัวพ่อหมวกกันน๊อคได้เลยถ้าเทียบไม่ผิด ทวงหนี้สไตล์เผด็จการคอมมิวนิสต์แน่นอน,จีนเทาเต็มเขมร จีนดีทำไมไม่จัดการในเมื่อสั่งการและควบคุมได้,เป็นไปไม่ได้ที่สั่งฮุนเซนไม่ได้,รู้เห็นด้วยกันหมดล่ะ,แหล่งทำเงินของจีนผ่านเขมรในสาระพัดด้านได้เช่นกันทั้งแบบสไตล์โชว์ภาพหน้างานชอบธรรมถูกต้องและในนามเลี้ยงดูปูสื่อฝ่ายมืดเลวไว้ใช้งานมิให้ภาพลักษณ์ตนเสียหายหรือสาวถึงได้ โยนแพะให้จีนเทาได้นั้นเอง เดอะแก๊งไหนต้องเชือดไก่ก็ต้องเชือดไก่ เดอะแก๊งไหนซวยเพื่อคลายปมภาพลักษณ์ให้จีนแท้ดูดีได้ก็ต้องกำจัดประหารชีวิตแก๊งนั้น,ฝ่ายจีนซาตานก็มี ฝ่ายจีนแสงก็มี จึงมิอาจเชื่อใจได้,ตลอดอาวุธถล่มไทยก็จีนส่งให้เขมรล่วงหน้าก่อนยิงใส่ไทยไม่กี่วัน ฝึกห่าเหวอะไรฟังไม่ขึ้นหรอก ดูก็ออกว่าไทยทะเลาะกับเขมรมาตลอด ยังขายอาวุธให้ รัสเชียก็ด้วยโดยเฉพาะกับระเบิด รัสเชียไม่มาร่วมจัดการเขมรที่ใช้กับระเบิดกับไทยในฝั่งไทยเลย, ...รัฐบาลในอดีตก็เลวชั่วเช่นกัน กลัวเขมรแฉความชั่วของตน ยุคเสื้อแดงหนีเข้าเขมร ยุคพวกล้มสถาบันกษัตริย์หนีเข้าเขมรจึงมีความลับชั่วเก็บเพื่อแฉได้แน่นอนนั้นเอง พอกลับมามีอำนาจทางบ้านเมืองจะนักการเมืองหรือและข้าราชการไทยจึงมีความชั่วเลวด้านลับเก็บไว้ กลัวเขมรแฉจึงทรยศแผ่นดินไทยตนตลอดเรื่อยมา,ทหารนายพลเลวชั่วก็มีมากค้าขายชั่วเลวกับเขมร,บ้านเมืองไทยจึงบัดสบมาก. ..บิ๊งกุ้งกู้หน้ากองทัพไทยได้ และได้ใจประชาชนทั้งประเทศ เสือกมาทำเสียที่กองทัพบูรพาพยัคฆ์ผีบ้าภาคตะวันออกเสียชื่อทหารเสือพระราชินีทันที ไม่ถีบเขมรออกจากแผ่นดินไทยทั้งภาคตะวันออก ทรยศเนรคุณในการปกป้องดินแดนอธิปไตยแผ่นดินไทยชัดเจน ทมภ.2ลงดาบจัดการชัดสร้างผลงานชัดเจน11จุดพื้นที่,แต่ทมภ.1ใจขลาดไม่อาจหาญแม้แต่ตารางนิ้วเดียวยังทำไม่ได้ในเวลาเดียวกัน ณ ขณะนั้น ,จนความจริงเหยียบหน้าชัดอีกที่บ้านหนองจาน หนองหญ้าแก้วและตราด ออกสื่อมีพยานหลักฐานชัดเจน.,เพราะถ้าจบในเวลาตอนนั้น ปัญหาปัจจุบันในเวลานี้จะจบสิ้นทั้งหมดทันที. ..เขมรต้องล่มสลายทั้งประเทศอย่างเดียว มันคือประเทศที่รกโลก ไม่ซื่อสัตย์เนรคุณทรยศหักหลังทำร้ายทำลายทุกๆคนชาวโลกได้ยกเว้นคนเขมรชาติมันเอง,ประชาชนเขมรสนับสนุนให้ทำสงครามฆ่าประชาชนคนไทยอย่างชัดเจน ไม่สนใจว่าทหารมันทหารเขมรมันยิงใส่ประชาชนคนไทยผู้บริสุทธิ์นอกแนวรบนอกแนวปะทะ,อเมริกาและฝรั่งเศสบวกมาเลย์ทั้งUNเสือกไม่เข้าใจความจริงชัดเจนเข้าข้างเขมรอีกด้วย ไม่บีบบังคับเขมรคืนดินแดนแผ่นดินไทยที่เป็นของไทยคืนจริงๆ,ไม่สนใจจริงห่าเหวอะไร ผิดหลักสากลบ่อนก่อไฟสงครามไม่จบเหตุปัญหาจริงด้วย,อยากได้หน้าและเหี้ยเต็มใบหน้าทั้งหมด. ..เขมรคือภัยอาชญากรและภัยร้ายแรงทางอาชญากรรมของโลกสากลแล้วเสือกอยากทำดีกับโจรฆ่าพ่อฆ่าแม่ฆ่าลูกฆ่าครอบครัวมันแบบอเมริกาหรือชาติสมาชิกUN เสมือนUNและอเมริกากำลังปกป้องภัยร้ายของโลก ปกป้องให้เขมรคนอาชญากรรมโลกให้อยู่รอดปลอดภัยจะได้สร้างอาชญากรรมสร้างงานให้ตนคืออเมริกาคือUNมีงานทำแนน่นอนชัดเจนแล้ว,อเมริกาและUNคืออาชญากรรมตัวพ่อของโลกแน่แล้วเพราะปกป้องเขมร ไม่กำจัดเขมรก่อน แต่เสือกบอกไทยให้จับมือกับมือฆ่าประชาชนชาวโลก จงบำรุงเลี้ยงดูอาชญากรแบบเขมรให้ดี จงเปิดด่านให้ข้าวให้ปลาให้น้ำเขมรแดกนะจะได้ไปฆ่าคนทั่วโลกได้ต่อไป จับคนทั่วโลกมาค้าแรงงานค้ามนุษย์ค้าอวัยวะส่งตังไปอเมริกาจะได้อ้างอายัดตังเขมรแดกเต็มอิ่มสบายๆด้วยข้อหาอาชญากรรมโลกต่อไป,งานกูอเมริกาและฝรั่งทั้งหมดตลอดUNจะได้มีงานทำเป็นฮีโร่ในภาพลักษณ์ที่ดีของคนทั้งโลกต่อไป. ..กูในนามทรัมป์จะเป็นผู้สร้างสันติภาพอาเชียนเอเชียและโลกแน่นอน. https://youtube.com/watch?v=ZIcg5PXS6_I&si=VqgQV5m0zKiX_57O
    0 Comments 0 Shares 89 Views 0 Reviews
  • “NVIDIA จับมือ Samsung Foundry” — เปิดทางสู่ยุคใหม่ของชิป AI ด้วย NVLink Fusion

    ในงาน OCP Global Summit ล่าสุด NVIDIA ได้ประกาศความร่วมมือกับ Samsung Foundry เพื่อเข้าร่วมในระบบ NVLink Fusion ซึ่งเป็นโครงสร้างพื้นฐานด้านการเชื่อมต่อความเร็วสูงสำหรับศูนย์ข้อมูล AI โดย Samsung จะมีบทบาททั้งด้านการออกแบบและผลิตชิปแบบ custom CPU และ XPU ที่สามารถเชื่อมต่อโดยตรงกับสถาปัตยกรรม MGX และ OCP rack ของ NVIDIA

    NVLink Fusion เป็นเฟรมเวิร์กที่เปิดให้โปรเซสเซอร์จากผู้ผลิตอื่นสามารถเชื่อมต่อกับระบบของ NVIDIA ได้อย่างเต็มรูปแบบ โดยใช้เทคโนโลยี chiplet และ IP ที่รองรับการสื่อสารผ่าน NVLink-C2C ที่มีแบนด์วิดธ์สูงถึง 900 GB/s ซึ่งช่วยให้การเชื่อมต่อระหว่าง CPU และ GPU มีประสิทธิภาพมากขึ้น

    การนำ Samsung เข้ามาในระบบนี้ช่วยลดความเสี่ยงจากการพึ่งพาผู้ผลิตรายเดียว และเปิดทางให้บริษัทต่าง ๆ สามารถพัฒนาโปรเซสเซอร์ที่เหมาะกับงานเฉพาะ เช่นโมเดลภาษาใหญ่ (LLM) และ AI เชิงตัวแทน (agentic AI) ได้รวดเร็วขึ้น

    อย่างไรก็ตาม NVIDIA ยังคงควบคุมซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์สำคัญที่ใช้ในการจัดการการเชื่อมต่อ เช่น communication controller และ PHY layer รวมถึงการใช้ NVLink Switch chips ที่ต้องได้รับใบอนุญาตจาก NVIDIA ซึ่งหมายความว่าบริษัทอื่นไม่สามารถสร้างระบบที่เป็นอิสระจาก NVIDIA ได้อย่างแท้จริง

    ข้อมูลในข่าว
    NVIDIA ร่วมมือกับ Samsung Foundry ในระบบ NVLink Fusion
    Samsung จะออกแบบและผลิตชิป custom CPU และ XPU สำหรับศูนย์ข้อมูล AI
    NVLink Fusion เป็นเฟรมเวิร์กที่เปิดให้โปรเซสเซอร์จากผู้ผลิตอื่นเชื่อมต่อกับระบบ NVIDIA ได้
    ใช้ NVLink-C2C ที่มีแบนด์วิดธ์สูงถึง 900 GB/s เพื่อเชื่อมต่อ CPU-GPU
    ช่วยลดความเสี่ยงจากการพึ่งพาผู้ผลิตรายเดียว และเร่งการพัฒนาโปรเซสเซอร์เฉพาะทาง
    Samsung เสริมทั้งกำลังการผลิตและบริการออกแบบในระบบ NVLink

    คำเตือนจากข้อมูลข่าว
    ชิปที่พัฒนาในระบบนี้ต้องเชื่อมต่อกับผลิตภัณฑ์ของ NVIDIA เท่านั้น
    NVIDIA ยังคงควบคุมซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์สำคัญในการจัดการการเชื่อมต่อ
    บริษัทอื่นไม่สามารถสร้างระบบที่เป็นอิสระจาก NVIDIA ได้อย่างแท้จริง
    การใช้ NVLink Switch chips ต้องได้รับใบอนุญาตจาก NVIDIA

    https://www.techpowerup.com/341889/nvidia-taps-samsung-foundry-for-custom-silicon-manufacturing
    🔗 “NVIDIA จับมือ Samsung Foundry” — เปิดทางสู่ยุคใหม่ของชิป AI ด้วย NVLink Fusion ในงาน OCP Global Summit ล่าสุด NVIDIA ได้ประกาศความร่วมมือกับ Samsung Foundry เพื่อเข้าร่วมในระบบ NVLink Fusion ซึ่งเป็นโครงสร้างพื้นฐานด้านการเชื่อมต่อความเร็วสูงสำหรับศูนย์ข้อมูล AI โดย Samsung จะมีบทบาททั้งด้านการออกแบบและผลิตชิปแบบ custom CPU และ XPU ที่สามารถเชื่อมต่อโดยตรงกับสถาปัตยกรรม MGX และ OCP rack ของ NVIDIA NVLink Fusion เป็นเฟรมเวิร์กที่เปิดให้โปรเซสเซอร์จากผู้ผลิตอื่นสามารถเชื่อมต่อกับระบบของ NVIDIA ได้อย่างเต็มรูปแบบ โดยใช้เทคโนโลยี chiplet และ IP ที่รองรับการสื่อสารผ่าน NVLink-C2C ที่มีแบนด์วิดธ์สูงถึง 900 GB/s ซึ่งช่วยให้การเชื่อมต่อระหว่าง CPU และ GPU มีประสิทธิภาพมากขึ้น การนำ Samsung เข้ามาในระบบนี้ช่วยลดความเสี่ยงจากการพึ่งพาผู้ผลิตรายเดียว และเปิดทางให้บริษัทต่าง ๆ สามารถพัฒนาโปรเซสเซอร์ที่เหมาะกับงานเฉพาะ เช่นโมเดลภาษาใหญ่ (LLM) และ AI เชิงตัวแทน (agentic AI) ได้รวดเร็วขึ้น อย่างไรก็ตาม NVIDIA ยังคงควบคุมซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์สำคัญที่ใช้ในการจัดการการเชื่อมต่อ เช่น communication controller และ PHY layer รวมถึงการใช้ NVLink Switch chips ที่ต้องได้รับใบอนุญาตจาก NVIDIA ซึ่งหมายความว่าบริษัทอื่นไม่สามารถสร้างระบบที่เป็นอิสระจาก NVIDIA ได้อย่างแท้จริง ✅ ข้อมูลในข่าว ➡️ NVIDIA ร่วมมือกับ Samsung Foundry ในระบบ NVLink Fusion ➡️ Samsung จะออกแบบและผลิตชิป custom CPU และ XPU สำหรับศูนย์ข้อมูล AI ➡️ NVLink Fusion เป็นเฟรมเวิร์กที่เปิดให้โปรเซสเซอร์จากผู้ผลิตอื่นเชื่อมต่อกับระบบ NVIDIA ได้ ➡️ ใช้ NVLink-C2C ที่มีแบนด์วิดธ์สูงถึง 900 GB/s เพื่อเชื่อมต่อ CPU-GPU ➡️ ช่วยลดความเสี่ยงจากการพึ่งพาผู้ผลิตรายเดียว และเร่งการพัฒนาโปรเซสเซอร์เฉพาะทาง ➡️ Samsung เสริมทั้งกำลังการผลิตและบริการออกแบบในระบบ NVLink ‼️ คำเตือนจากข้อมูลข่าว ⛔ ชิปที่พัฒนาในระบบนี้ต้องเชื่อมต่อกับผลิตภัณฑ์ของ NVIDIA เท่านั้น ⛔ NVIDIA ยังคงควบคุมซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์สำคัญในการจัดการการเชื่อมต่อ ⛔ บริษัทอื่นไม่สามารถสร้างระบบที่เป็นอิสระจาก NVIDIA ได้อย่างแท้จริง ⛔ การใช้ NVLink Switch chips ต้องได้รับใบอนุญาตจาก NVIDIA https://www.techpowerup.com/341889/nvidia-taps-samsung-foundry-for-custom-silicon-manufacturing
    WWW.TECHPOWERUP.COM
    NVIDIA Taps Samsung Foundry for Custom Silicon Manufacturing
    NVIDIA announced at the OCP Global Summit that Samsung Foundry is joining its NVLink Fusion ecosystem, bringing Samsung's design and manufacturing muscle into the fold for custom CPUs and XPUs. The partnership positions Samsung to offer end-to-end support. Everything from silicon design and verifica...
    0 Comments 0 Shares 66 Views 0 Reviews
  • “OpenAI จับมือ Arm” — พัฒนาชิป CPU สำหรับเร่งการประมวลผล AI ขนาด 10GW

    OpenAI กำลังเดินหน้าสร้างโครงสร้างพื้นฐานด้าน AI ขนาดมหึมา ด้วยการร่วมมือกับ Arm บริษัทออกแบบชิปชื่อดังที่อยู่ภายใต้ SoftBank เพื่อพัฒนา CPU แบบเซิร์ฟเวอร์รุ่นใหม่ ที่จะทำงานร่วมกับชิปเร่งการประมวลผล AI ที่ OpenAI กำลังพัฒนาร่วมกับ Broadcom

    ชิปใหม่นี้จะเป็นส่วนหนึ่งของระบบแร็ค AI ที่มีขนาดใหญ่ระดับ 10 กิกะวัตต์ ซึ่งคาดว่าจะเริ่มผลิตในช่วงปลายปี 2026 และขยายการติดตั้งไปจนถึงปี 2029 โดย Broadcom จะเป็นผู้ผลิตชิปเร่งการประมวลผล (SoC) ที่เน้นงาน inference และใช้โรงงานของ TSMC ในการผลิต

    Arm ไม่ได้แค่ให้แบบแปลนสถาปัตยกรรมเท่านั้น แต่ยังลงมือออกแบบและผลิต CPU ด้วยตัวเอง ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญในการเข้าสู่ตลาดศูนย์ข้อมูล โดย CPU ที่ออกแบบใหม่นี้อาจถูกนำไปใช้ร่วมกับระบบของ Nvidia และ AMD ด้วย

    SoftBank ซึ่งถือหุ้นเกือบ 90% ใน Arm ได้ให้คำมั่นว่าจะลงทุนหลายหมื่นล้านดอลลาร์ในโครงสร้างพื้นฐานของ OpenAI และซื้อเทคโนโลยี AI จาก OpenAI เพื่อเร่งการพัฒนาชิปของ Arm เอง

    เมื่อรวมกับข้อตกลงก่อนหน้านี้กับ Nvidia และ AMD โครงการชิปของ OpenAI จะมีขนาดรวมถึง 26GW ซึ่งนักวิเคราะห์ประเมินว่าอาจต้องใช้เงินลงทุนมากกว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์ในการก่อสร้างและจัดหาอุปกรณ์

    ความร่วมมือกับ Broadcom ยังช่วยให้ OpenAI มีอำนาจต่อรองกับ Nvidia มากขึ้น โดยเฉพาะในตลาด GPU สำหรับการฝึกโมเดล AI ที่ยังคงถูกครองโดย H100 และ Blackwell

    ข้อมูลในข่าว
    OpenAI ร่วมมือกับ Arm เพื่อพัฒนา CPU สำหรับระบบ AI ขนาดใหญ่
    CPU จะทำงานร่วมกับชิปเร่งการประมวลผล AI ที่พัฒนาร่วมกับ Broadcom
    ระบบแร็ค AI มีขนาดเป้าหมายถึง 10GW และเริ่มผลิตปลายปี 2026
    Broadcom ใช้โรงงาน TSMC ในการผลิตชิป SoC สำหรับ inference
    Arm ลงมือออกแบบและผลิต CPU เอง ไม่ใช่แค่ให้แบบแปลน
    SoftBank ลงทุนหลายหมื่นล้านดอลลาร์ในโครงสร้างพื้นฐานของ OpenAI
    โครงการชิปของ OpenAI รวมแล้วมีขนาดถึง 26GW
    อาจใช้ CPU ร่วมกับระบบของ Nvidia และ AMD ได้
    ช่วยเพิ่มอำนาจต่อรองของ OpenAI กับ Nvidia ในตลาด GPU

    คำเตือนจากข้อมูลข่าว
    การพัฒนา CPU และระบบ AI ขนาดใหญ่ต้องใช้เงินลงทุนมหาศาล
    หาก Broadcom และ TSMC ไม่สามารถผลิตได้ตามเป้า อาจกระทบต่อแผนของ OpenAI
    การพึ่งพาเทคโนโลยีเฉพาะจากผู้ผลิตรายเดียวอาจสร้างความเสี่ยงด้านซัพพลายเชน
    การแข่งขันกับ Nvidia ต้องอาศัยทั้งเทคโนโลยีและกำลังการผลิตที่มั่นคง

    https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/openai-arm-partner-on-custom-cpu-for-broadcom-chip
    🔧 “OpenAI จับมือ Arm” — พัฒนาชิป CPU สำหรับเร่งการประมวลผล AI ขนาด 10GW OpenAI กำลังเดินหน้าสร้างโครงสร้างพื้นฐานด้าน AI ขนาดมหึมา ด้วยการร่วมมือกับ Arm บริษัทออกแบบชิปชื่อดังที่อยู่ภายใต้ SoftBank เพื่อพัฒนา CPU แบบเซิร์ฟเวอร์รุ่นใหม่ ที่จะทำงานร่วมกับชิปเร่งการประมวลผล AI ที่ OpenAI กำลังพัฒนาร่วมกับ Broadcom ชิปใหม่นี้จะเป็นส่วนหนึ่งของระบบแร็ค AI ที่มีขนาดใหญ่ระดับ 10 กิกะวัตต์ ซึ่งคาดว่าจะเริ่มผลิตในช่วงปลายปี 2026 และขยายการติดตั้งไปจนถึงปี 2029 โดย Broadcom จะเป็นผู้ผลิตชิปเร่งการประมวลผล (SoC) ที่เน้นงาน inference และใช้โรงงานของ TSMC ในการผลิต Arm ไม่ได้แค่ให้แบบแปลนสถาปัตยกรรมเท่านั้น แต่ยังลงมือออกแบบและผลิต CPU ด้วยตัวเอง ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญในการเข้าสู่ตลาดศูนย์ข้อมูล โดย CPU ที่ออกแบบใหม่นี้อาจถูกนำไปใช้ร่วมกับระบบของ Nvidia และ AMD ด้วย SoftBank ซึ่งถือหุ้นเกือบ 90% ใน Arm ได้ให้คำมั่นว่าจะลงทุนหลายหมื่นล้านดอลลาร์ในโครงสร้างพื้นฐานของ OpenAI และซื้อเทคโนโลยี AI จาก OpenAI เพื่อเร่งการพัฒนาชิปของ Arm เอง เมื่อรวมกับข้อตกลงก่อนหน้านี้กับ Nvidia และ AMD โครงการชิปของ OpenAI จะมีขนาดรวมถึง 26GW ซึ่งนักวิเคราะห์ประเมินว่าอาจต้องใช้เงินลงทุนมากกว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์ในการก่อสร้างและจัดหาอุปกรณ์ ความร่วมมือกับ Broadcom ยังช่วยให้ OpenAI มีอำนาจต่อรองกับ Nvidia มากขึ้น โดยเฉพาะในตลาด GPU สำหรับการฝึกโมเดล AI ที่ยังคงถูกครองโดย H100 และ Blackwell ✅ ข้อมูลในข่าว ➡️ OpenAI ร่วมมือกับ Arm เพื่อพัฒนา CPU สำหรับระบบ AI ขนาดใหญ่ ➡️ CPU จะทำงานร่วมกับชิปเร่งการประมวลผล AI ที่พัฒนาร่วมกับ Broadcom ➡️ ระบบแร็ค AI มีขนาดเป้าหมายถึง 10GW และเริ่มผลิตปลายปี 2026 ➡️ Broadcom ใช้โรงงาน TSMC ในการผลิตชิป SoC สำหรับ inference ➡️ Arm ลงมือออกแบบและผลิต CPU เอง ไม่ใช่แค่ให้แบบแปลน ➡️ SoftBank ลงทุนหลายหมื่นล้านดอลลาร์ในโครงสร้างพื้นฐานของ OpenAI ➡️ โครงการชิปของ OpenAI รวมแล้วมีขนาดถึง 26GW ➡️ อาจใช้ CPU ร่วมกับระบบของ Nvidia และ AMD ได้ ➡️ ช่วยเพิ่มอำนาจต่อรองของ OpenAI กับ Nvidia ในตลาด GPU ‼️ คำเตือนจากข้อมูลข่าว ⛔ การพัฒนา CPU และระบบ AI ขนาดใหญ่ต้องใช้เงินลงทุนมหาศาล ⛔ หาก Broadcom และ TSMC ไม่สามารถผลิตได้ตามเป้า อาจกระทบต่อแผนของ OpenAI ⛔ การพึ่งพาเทคโนโลยีเฉพาะจากผู้ผลิตรายเดียวอาจสร้างความเสี่ยงด้านซัพพลายเชน ⛔ การแข่งขันกับ Nvidia ต้องอาศัยทั้งเทคโนโลยีและกำลังการผลิตที่มั่นคง https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/openai-arm-partner-on-custom-cpu-for-broadcom-chip
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    Report: Arm developing custom CPU for OpenAI's in-house accelerator — core IP would underpin 10GW of installed AI capacity
    The Information reports that Arm is developing a CPU for OpenAI’s custom Broadcom-built accelerator, part of a sweeping expansion plan.
    0 Comments 0 Shares 61 Views 0 Reviews
  • “Nvidia จับมือ ABB” — เปิดตัวระบบไฟฟ้า 800V DC สำหรับศูนย์ข้อมูลยุคใหม่ระดับกิกะวัตต์

    Nvidia ประกาศความร่วมมือกับ ABB บริษัทอุตสาหกรรมระดับโลกจากสวีเดน-สวิตเซอร์แลนด์ เพื่อสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านสู่ระบบไฟฟ้า 800V DC สำหรับแร็คเซิร์ฟเวอร์ขนาด 1 เมกะวัตต์ ซึ่งจะเป็นหัวใจสำคัญของศูนย์ข้อมูล AI ขนาดใหญ่ในอนาคต

    การใช้ระบบไฟฟ้า 800V DC ถือเป็นก้าวสำคัญ เพราะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ ลดต้นทุนวัสดุ และรองรับการจ่ายไฟในระดับสูงได้มากขึ้น โดย Nvidia ตั้งเป้าสร้างศูนย์ข้อมูลระดับกิกะวัตต์ ซึ่งต้องใช้แร็คเซิร์ฟเวอร์จำนวนมากที่กินไฟระดับเมกะวัตต์ต่อแร็ค

    ABB ระบุว่าได้พัฒนาอุปกรณ์รองรับระบบ 800V DC สำหรับศูนย์ข้อมูล AI รุ่นใหม่แล้ว และยกตัวอย่างจากระบบไฟฟ้าในเรือเดินสมุทรที่ใช้ 1,000V DC ซึ่งช่วยลดการใช้พลังงานได้ถึง 20–40% และลดค่าบำรุงรักษา 30%

    ระบบใหม่นี้จะเปลี่ยนจากการใช้ไฟฟ้า AC ที่ต้องแปลงหลายขั้นตอน มาเป็นการจ่ายไฟ DC โดยตรงจากห้องจ่ายไฟไปยังแร็คเซิร์ฟเวอร์ ซึ่งช่วยลดการสูญเสียพลังงานและลดขนาดอุปกรณ์ที่ต้องใช้ในระบบเดิม

    การเปลี่ยนไปใช้ไฟฟ้าแรงดันสูงแบบ DC ยังช่วยลดขนาดสายไฟและอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง ทำให้การออกแบบศูนย์ข้อมูลมีความยืดหยุ่นและประหยัดมากขึ้น โดยเฉพาะในยุคที่ศูนย์ข้อมูล AI ต้องรองรับการประมวลผลมหาศาล

    ข้อมูลในข่าว
    Nvidia ร่วมมือกับ ABB พัฒนาโครงสร้างไฟฟ้า 800V DC สำหรับแร็คเซิร์ฟเวอร์ขนาด 1 เมกะวัตต์
    ระบบใหม่นี้จะใช้ในศูนย์ข้อมูล AI ขนาดกิกะวัตต์ในอนาคต
    ABB พัฒนาอุปกรณ์รองรับระบบ 800V DC แล้ว
    ระบบ DC ช่วยลดการสูญเสียพลังงานและลดต้นทุนวัสดุ
    ตัวอย่างจากเรือเดินสมุทรที่ใช้ 1,000V DC ลดพลังงาน 20–40% และค่าบำรุงรักษา 30%
    การจ่ายไฟ DC โดยตรงช่วยลดขั้นตอนการแปลงไฟฟ้าและขนาดอุปกรณ์
    การใช้แรงดันสูงช่วยลดขนาดสายไฟและอุปกรณ์ ทำให้ศูนย์ข้อมูลออกแบบได้ง่ายขึ้น

    คำเตือนจากข้อมูลข่าว
    การเปลี่ยนผ่านไปสู่ระบบไฟฟ้า DC ต้องใช้การออกแบบใหม่และอุปกรณ์เฉพาะ
    หากไม่มีการป้องกันกระแสไฟฟ้าอย่างเหมาะสม อาจเกิดความเสียหายต่ออุปกรณ์
    ศูนย์ข้อมูลที่ยังใช้ระบบเดิมอาจเผชิญกับต้นทุนที่สูงขึ้นและประสิทธิภาพต่ำกว่า
    การเปลี่ยนระบบไฟฟ้าในระดับเมกะวัตต์ต้องผ่านการตรวจสอบความปลอดภัยอย่างเข้มงวด

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/big-tech/nvidia-800-vdc-power-rollout-for-1-megawatt-server-racks-to-be-supported-by-abb-company-says-collaboration-will-create-new-power-solutions-for-future-gigawatt-scale-data-centers
    ⚡ “Nvidia จับมือ ABB” — เปิดตัวระบบไฟฟ้า 800V DC สำหรับศูนย์ข้อมูลยุคใหม่ระดับกิกะวัตต์ Nvidia ประกาศความร่วมมือกับ ABB บริษัทอุตสาหกรรมระดับโลกจากสวีเดน-สวิตเซอร์แลนด์ เพื่อสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านสู่ระบบไฟฟ้า 800V DC สำหรับแร็คเซิร์ฟเวอร์ขนาด 1 เมกะวัตต์ ซึ่งจะเป็นหัวใจสำคัญของศูนย์ข้อมูล AI ขนาดใหญ่ในอนาคต การใช้ระบบไฟฟ้า 800V DC ถือเป็นก้าวสำคัญ เพราะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ ลดต้นทุนวัสดุ และรองรับการจ่ายไฟในระดับสูงได้มากขึ้น โดย Nvidia ตั้งเป้าสร้างศูนย์ข้อมูลระดับกิกะวัตต์ ซึ่งต้องใช้แร็คเซิร์ฟเวอร์จำนวนมากที่กินไฟระดับเมกะวัตต์ต่อแร็ค ABB ระบุว่าได้พัฒนาอุปกรณ์รองรับระบบ 800V DC สำหรับศูนย์ข้อมูล AI รุ่นใหม่แล้ว และยกตัวอย่างจากระบบไฟฟ้าในเรือเดินสมุทรที่ใช้ 1,000V DC ซึ่งช่วยลดการใช้พลังงานได้ถึง 20–40% และลดค่าบำรุงรักษา 30% ระบบใหม่นี้จะเปลี่ยนจากการใช้ไฟฟ้า AC ที่ต้องแปลงหลายขั้นตอน มาเป็นการจ่ายไฟ DC โดยตรงจากห้องจ่ายไฟไปยังแร็คเซิร์ฟเวอร์ ซึ่งช่วยลดการสูญเสียพลังงานและลดขนาดอุปกรณ์ที่ต้องใช้ในระบบเดิม การเปลี่ยนไปใช้ไฟฟ้าแรงดันสูงแบบ DC ยังช่วยลดขนาดสายไฟและอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง ทำให้การออกแบบศูนย์ข้อมูลมีความยืดหยุ่นและประหยัดมากขึ้น โดยเฉพาะในยุคที่ศูนย์ข้อมูล AI ต้องรองรับการประมวลผลมหาศาล ✅ ข้อมูลในข่าว ➡️ Nvidia ร่วมมือกับ ABB พัฒนาโครงสร้างไฟฟ้า 800V DC สำหรับแร็คเซิร์ฟเวอร์ขนาด 1 เมกะวัตต์ ➡️ ระบบใหม่นี้จะใช้ในศูนย์ข้อมูล AI ขนาดกิกะวัตต์ในอนาคต ➡️ ABB พัฒนาอุปกรณ์รองรับระบบ 800V DC แล้ว ➡️ ระบบ DC ช่วยลดการสูญเสียพลังงานและลดต้นทุนวัสดุ ➡️ ตัวอย่างจากเรือเดินสมุทรที่ใช้ 1,000V DC ลดพลังงาน 20–40% และค่าบำรุงรักษา 30% ➡️ การจ่ายไฟ DC โดยตรงช่วยลดขั้นตอนการแปลงไฟฟ้าและขนาดอุปกรณ์ ➡️ การใช้แรงดันสูงช่วยลดขนาดสายไฟและอุปกรณ์ ทำให้ศูนย์ข้อมูลออกแบบได้ง่ายขึ้น ‼️ คำเตือนจากข้อมูลข่าว ⛔ การเปลี่ยนผ่านไปสู่ระบบไฟฟ้า DC ต้องใช้การออกแบบใหม่และอุปกรณ์เฉพาะ ⛔ หากไม่มีการป้องกันกระแสไฟฟ้าอย่างเหมาะสม อาจเกิดความเสียหายต่ออุปกรณ์ ⛔ ศูนย์ข้อมูลที่ยังใช้ระบบเดิมอาจเผชิญกับต้นทุนที่สูงขึ้นและประสิทธิภาพต่ำกว่า ⛔ การเปลี่ยนระบบไฟฟ้าในระดับเมกะวัตต์ต้องผ่านการตรวจสอบความปลอดภัยอย่างเข้มงวด https://www.tomshardware.com/tech-industry/big-tech/nvidia-800-vdc-power-rollout-for-1-megawatt-server-racks-to-be-supported-by-abb-company-says-collaboration-will-create-new-power-solutions-for-future-gigawatt-scale-data-centers
    0 Comments 0 Shares 58 Views 0 Reviews
  • “Spotify จับมือ Netflix” — เปิดศักราชใหม่ของวิดีโอพอดแคสต์บนแพลตฟอร์มสตรีมมิ่ง

    Spotify กำลังพลิกโฉมวงการพอดแคสต์อีกครั้ง ด้วยการจับมือกับ Netflix เพื่อนำวิดีโอพอดแคสต์ยอดนิยมจากค่าย Ringer และ Spotify Studios ไปเผยแพร่บนแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งที่มีผู้ชมมหาศาล โดยเริ่มจากสหรัฐฯ ในปีหน้า และจะขยายไปยังประเทศอื่น ๆ ในภายหลัง

    รายการที่ถูกเลือกให้เผยแพร่บน Netflix ได้แก่ The Bill Simmons Podcast, The Zach Lowe Show, The Rewatchables, Conspiracy Theories และ The Big Picture ซึ่งจะมีเฉพาะคลิปบางส่วนเท่านั้นที่ยังคงเผยแพร่บน YouTube ส่วนเวอร์ชันเสียงยังคงฟังได้ผ่านแพลตฟอร์มพอดแคสต์ทั่วไป

    การเปลี่ยนแปลงนี้สะท้อนถึงแนวโน้มของพอดแคสต์ที่กำลังเปลี่ยนจากเสียงล้วนไปสู่รูปแบบวิดีโอ เพื่อเข้าถึงผู้ชมมากขึ้น โดยอิงกับอัลกอริธึมของ TikTok, YouTube และ Instagram ที่เน้นคอนเทนต์ภาพเคลื่อนไหว ปัจจุบันมีผู้ชมวิดีโอพอดแคสต์บน YouTube มากกว่า 1 พันล้านคนต่อเดือน และ 77% ของผู้ฟังใหม่ระบุว่าชอบดูวิดีโอพอดแคสต์มากกว่าฟังอย่างเดียว

    Netflix เองก็เริ่มทดลองเผยแพร่พอดแคสต์วิดีโอมาบ้างแล้ว เช่นรายการ Kill Tony และมีผู้บริหารระดับสูงอย่าง Ted Sarandos ที่นั่งอยู่ในบอร์ดของ Spotify ซึ่งช่วยผลักดันความร่วมมือครั้งนี้

    Spotify ยังเดินหน้าสร้างระบบสนับสนุนครีเอเตอร์วิดีโอ โดยเปิดให้ YouTuber และผู้ผลิตคอนเทนต์อัปโหลดรายการของตนเอง พร้อมเผยว่า มีวิดีโอพอดแคสต์มากกว่า 430,000 รายการบนแพลตฟอร์ม และมีผู้ชมกว่า 350 ล้านคนแล้ว

    ข้อมูลในข่าว
    Spotify ร่วมมือกับ Netflix นำวิดีโอพอดแคสต์เผยแพร่บนแพลตฟอร์มสตรีมมิ่ง
    เริ่มจากสหรัฐฯ ปีหน้า และจะขยายไปยังตลาดอื่น
    รายการที่เผยแพร่ เช่น The Bill Simmons Podcast และ The Rewatchables
    YouTube จะมีเฉพาะคลิปบางส่วน ไม่ใช่ตอนเต็ม
    พอดแคสต์เสียงยังคงฟังได้บนแพลตฟอร์มทั่วไป
    Netflix จะเผยแพร่แบบไม่มีโฆษณาสำหรับผู้ใช้แพ็กเกจ ad-free
    Spotify มีวิดีโอพอดแคสต์มากกว่า 430,000 รายการ และผู้ชมกว่า 350 ล้านคน

    คำเตือนจากข้อมูลข่าว
    การเปลี่ยนแปลงรูปแบบพอดแคสต์อาจทำให้ผู้ฟังที่ชอบเสียงล้วนรู้สึกไม่สะดวก
    คอนเทนต์บางรายการอาจถูกจำกัดการเข้าถึงบน YouTube
    ผู้ผลิตพอดแคสต์อิสระอาจต้องปรับตัวเพื่อแข่งขันกับคอนเทนต์จากแพลตฟอร์มใหญ่
    การรวมตัวของแพลตฟอร์มอาจนำไปสู่การควบคุมเนื้อหาและอัลกอริธึมที่มากขึ้น

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/10/15/spotify-to-start-putting-video-podcasts-on-netflix
    🎬 “Spotify จับมือ Netflix” — เปิดศักราชใหม่ของวิดีโอพอดแคสต์บนแพลตฟอร์มสตรีมมิ่ง Spotify กำลังพลิกโฉมวงการพอดแคสต์อีกครั้ง ด้วยการจับมือกับ Netflix เพื่อนำวิดีโอพอดแคสต์ยอดนิยมจากค่าย Ringer และ Spotify Studios ไปเผยแพร่บนแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งที่มีผู้ชมมหาศาล โดยเริ่มจากสหรัฐฯ ในปีหน้า และจะขยายไปยังประเทศอื่น ๆ ในภายหลัง รายการที่ถูกเลือกให้เผยแพร่บน Netflix ได้แก่ The Bill Simmons Podcast, The Zach Lowe Show, The Rewatchables, Conspiracy Theories และ The Big Picture ซึ่งจะมีเฉพาะคลิปบางส่วนเท่านั้นที่ยังคงเผยแพร่บน YouTube ส่วนเวอร์ชันเสียงยังคงฟังได้ผ่านแพลตฟอร์มพอดแคสต์ทั่วไป การเปลี่ยนแปลงนี้สะท้อนถึงแนวโน้มของพอดแคสต์ที่กำลังเปลี่ยนจากเสียงล้วนไปสู่รูปแบบวิดีโอ เพื่อเข้าถึงผู้ชมมากขึ้น โดยอิงกับอัลกอริธึมของ TikTok, YouTube และ Instagram ที่เน้นคอนเทนต์ภาพเคลื่อนไหว ปัจจุบันมีผู้ชมวิดีโอพอดแคสต์บน YouTube มากกว่า 1 พันล้านคนต่อเดือน และ 77% ของผู้ฟังใหม่ระบุว่าชอบดูวิดีโอพอดแคสต์มากกว่าฟังอย่างเดียว Netflix เองก็เริ่มทดลองเผยแพร่พอดแคสต์วิดีโอมาบ้างแล้ว เช่นรายการ Kill Tony และมีผู้บริหารระดับสูงอย่าง Ted Sarandos ที่นั่งอยู่ในบอร์ดของ Spotify ซึ่งช่วยผลักดันความร่วมมือครั้งนี้ Spotify ยังเดินหน้าสร้างระบบสนับสนุนครีเอเตอร์วิดีโอ โดยเปิดให้ YouTuber และผู้ผลิตคอนเทนต์อัปโหลดรายการของตนเอง พร้อมเผยว่า มีวิดีโอพอดแคสต์มากกว่า 430,000 รายการบนแพลตฟอร์ม และมีผู้ชมกว่า 350 ล้านคนแล้ว ✅ ข้อมูลในข่าว ➡️ Spotify ร่วมมือกับ Netflix นำวิดีโอพอดแคสต์เผยแพร่บนแพลตฟอร์มสตรีมมิ่ง ➡️ เริ่มจากสหรัฐฯ ปีหน้า และจะขยายไปยังตลาดอื่น ➡️ รายการที่เผยแพร่ เช่น The Bill Simmons Podcast และ The Rewatchables ➡️ YouTube จะมีเฉพาะคลิปบางส่วน ไม่ใช่ตอนเต็ม ➡️ พอดแคสต์เสียงยังคงฟังได้บนแพลตฟอร์มทั่วไป ➡️ Netflix จะเผยแพร่แบบไม่มีโฆษณาสำหรับผู้ใช้แพ็กเกจ ad-free ➡️ Spotify มีวิดีโอพอดแคสต์มากกว่า 430,000 รายการ และผู้ชมกว่า 350 ล้านคน ‼️ คำเตือนจากข้อมูลข่าว ⛔ การเปลี่ยนแปลงรูปแบบพอดแคสต์อาจทำให้ผู้ฟังที่ชอบเสียงล้วนรู้สึกไม่สะดวก ⛔ คอนเทนต์บางรายการอาจถูกจำกัดการเข้าถึงบน YouTube ⛔ ผู้ผลิตพอดแคสต์อิสระอาจต้องปรับตัวเพื่อแข่งขันกับคอนเทนต์จากแพลตฟอร์มใหญ่ ⛔ การรวมตัวของแพลตฟอร์มอาจนำไปสู่การควบคุมเนื้อหาและอัลกอริธึมที่มากขึ้น https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/10/15/spotify-to-start-putting-video-podcasts-on-netflix
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Spotify to start putting video podcasts on Netflix
    Spotify Technology SA is partnering with Netflix Inc. to bring some of its top video podcasts to the streaming service's massive audience.
    0 Comments 0 Shares 63 Views 0 Reviews
  • แกะรอยสงครามโลกครั้งที่ 3 ตอนที่ 10
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “แกะรอยสงครามโลกครั้งที่ 3”
    ตอนที่ 10

    เรื่องต่อมาคือสภาพเศรษฐกิจของทั้ง 2 ฝ่าย

    สงสัยต้องให้เข้าไปอ่านจากเพจของอาจารย์ทนง ขันทอง ที่เขียนมานาน ชำแหละเสียจนผมไม่รู้จะเขียนอะไรเพิ่ม พอสรุปได้ว่า ตอนนี้อเมริกาแทบจะเหลือแต่เปลือก ดอลล่าร์ก็ถูกคว่ำบาตร ถูกท้าทายอย่างรุนแรงเป็นครั้งแรกของประวัติ ส่วนทองที่ว่ามีเต็มตู้ ตอนนี้ก็โดนสาระพัดชาติทวงคืน ล่าสุดนี่มีข่าวว่าทางสวิสเซอแลนด์ก็คิดจะทวง จะมีส่งคืนเขาเต็มจำนวนหรือเปล่าไม่ก็ไม่รู้

    ส่วนรัสเซียนั้น มองการณ์ไกล เหมือนมีแผนอะไรอยู่ในใจ เงินกระดาษไม่ว่าเป็นสกุลอะไร ที่ได้มาจากการขายพลังงานของตน เขาว่ารัสเซียเอาไปกว้านซื้อทองมาเก็บแทนเงินกระดาษ เพราะฉะนั้นใครที่ประมาทหน้า ว่ารัสเซียไม่เก่งเรื่องการเงิน ก็รอดูไปก่อนนะครับ อาจจะได้เห็นเงินกระดาษสีเขียวตรานกอินทรีย์ ที่ตอนนี้ออกอาการเซถลาหัวทิ่ม อาจมีค่า เหลือแค่ห่อลูกกวาดเม็ดเดียวก็ได้ ฮู้ย รอจะไม่ไหวอยู่แล้ว

    ในขณะที่จีนเอง เขาว่า ก็ทยอยตุนทองมานานหลายปีอย่างเงียบๆ มีมากเสียจนต้องย้ายที่ไปเก็บในโกดังแทน ฮา นี่ถ้าเผื่อมีการรื้อฟื้นระบบวินัยการคลัง จะพิมพ์แบงค์ ต้องมีมีทองสำรองครบ ไม่ใช่เอาเศรษกิจปลอมๆ และอำนาจของกองทัพมากนุนแทนทอง อย่างที่อเมริกาทำมานาน อเมริกาจะทำอย่างไรล่ะ อย่าให้แพ้สงครามเชียว เผลอๆ อาเฮียกับพี่ปูเขาจับมือกัน รื้อฟื้นระบบนี้ขึ้นมาใหม่ ฝั่งนี้ใครไม่มีทองไม่เป็นไร อาเฮียมีเหลือเฟือ ให้พวกยืมไปเป็นทองสำรองได้ เผลอๆ แถมแอบเตรียมแผนไว้แล้วด้วย แต่ที่น่ากลุ้มใจแทน ดูเหมือนจะเป็นฝั่งอเมริกาใครจะยืมใคร

    เมื่อคราวสงครามโลกครั้งที่ 1 อังกฤษ คิดนำการรบ แต่อยู่ในสภาพล้มละลาย อังกฤษได้อเมริกาเป็นนายทุน ทำให้เดินหน้าทำการรบได้โดยไม่กลุ้มใจ และคราวนี้ล่ะ อเมริกามีทุนหนาพร้อมรบหรือ พูดไม่ได้เต็มปากหรอกนะ

    อเมริกาทุนหนาไม่พอ แล้วอังกฤษจะช่วยไหวไหม แหม ถ้าอเมริกาไปถามนาย David Cameron แบบนี้ สงสัยอาจถูกจีบปากด่ายับ ยุโรปเอง ยังไม่ฟื้นจากโรคทรัพย์จาง CNN ออก ข่าวประจานไม่เลิก แล้วใครจะเป็นนายทุนให้อเมริกา ตัวเองก็แทบจะเอาตัวไม่รอด พรรคพวกก็มีแต่กระเป๋าขาด พวกเสี่ยน้ำมันตะวันออกกลาง กลุ่มเสี่ยซาอุนะหรือ ต้องรู้จักนิสัยพวกนี้นะครับ เขาทุ่มได้ระดับหนึ่ง แต่ไม่ทุ่มให้หมดหรอก ก็บอกแล้ว มิตรภาพในตะวันออกกลาง มีไว้ให้เช่าชั่วคราว แต่ไม่ได้ขายถาวร
    ฝ่ายรัสเซีย แม้จะไม่ใช่เศรษฐี และสื่อย้อมก็พยายามใส่สีว่า รัสเซียอาการหนัก หลังจากถูกคว่ำบาตร ก็หนักจริงแหละ แต่คงไม่ถึงอับจน เพราะบังเอิญมีเพื่อนรักเป็นอาเฮีย กำลังอู๋ ทั้งเงินทั้งทองกำลังท่วมตัว แค่นี้ทำไมจะแบ่งไปให้เพื่อนรักเอาไปใช้ทำสงครามไม่ได้ ได้ก็ได้ด้วยกัน เสียก็เสียด้วยกัน จริงไหมครับอาเฮีย ก็เพื่อนรักกันนี่หว่า

    และอย่าลืมว่ากลุ่ม BRICS เขา ผนึกกำลังกัน จะแบบแนบแน่น หรือแบบหลวมๆ อีกเรื่องหนึ่ง อาจมีบางประเทศวางตัวเป็นกลาง แต่รับรองไม่มีใครแตกแถว ไปยืนอยู่กับอเมริกาแน่นอน ส่วนกลุ่มเจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้ Shanghai Co-Operation พวกมีแหล่งพลังงานของตนเองแบบเหลือเฟือเกือบทั้งนั้น ไม่ใช่ประเภทมาเป็นภาระให้รัสเซียแน่นอน

    สรุปเรื่องสภาพเศรษฐิจ ฝ่ายอเมริกาพี่เบิ้มเก่าก็ไม่ใช่ได้เปรียบอย่างที่คิดกัน

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    4 ธค. 2557
    แกะรอยสงครามโลกครั้งที่ 3 ตอนที่ 10 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “แกะรอยสงครามโลกครั้งที่ 3” ตอนที่ 10 เรื่องต่อมาคือสภาพเศรษฐกิจของทั้ง 2 ฝ่าย สงสัยต้องให้เข้าไปอ่านจากเพจของอาจารย์ทนง ขันทอง ที่เขียนมานาน ชำแหละเสียจนผมไม่รู้จะเขียนอะไรเพิ่ม พอสรุปได้ว่า ตอนนี้อเมริกาแทบจะเหลือแต่เปลือก ดอลล่าร์ก็ถูกคว่ำบาตร ถูกท้าทายอย่างรุนแรงเป็นครั้งแรกของประวัติ ส่วนทองที่ว่ามีเต็มตู้ ตอนนี้ก็โดนสาระพัดชาติทวงคืน ล่าสุดนี่มีข่าวว่าทางสวิสเซอแลนด์ก็คิดจะทวง จะมีส่งคืนเขาเต็มจำนวนหรือเปล่าไม่ก็ไม่รู้ ส่วนรัสเซียนั้น มองการณ์ไกล เหมือนมีแผนอะไรอยู่ในใจ เงินกระดาษไม่ว่าเป็นสกุลอะไร ที่ได้มาจากการขายพลังงานของตน เขาว่ารัสเซียเอาไปกว้านซื้อทองมาเก็บแทนเงินกระดาษ เพราะฉะนั้นใครที่ประมาทหน้า ว่ารัสเซียไม่เก่งเรื่องการเงิน ก็รอดูไปก่อนนะครับ อาจจะได้เห็นเงินกระดาษสีเขียวตรานกอินทรีย์ ที่ตอนนี้ออกอาการเซถลาหัวทิ่ม อาจมีค่า เหลือแค่ห่อลูกกวาดเม็ดเดียวก็ได้ ฮู้ย รอจะไม่ไหวอยู่แล้ว ในขณะที่จีนเอง เขาว่า ก็ทยอยตุนทองมานานหลายปีอย่างเงียบๆ มีมากเสียจนต้องย้ายที่ไปเก็บในโกดังแทน ฮา นี่ถ้าเผื่อมีการรื้อฟื้นระบบวินัยการคลัง จะพิมพ์แบงค์ ต้องมีมีทองสำรองครบ ไม่ใช่เอาเศรษกิจปลอมๆ และอำนาจของกองทัพมากนุนแทนทอง อย่างที่อเมริกาทำมานาน อเมริกาจะทำอย่างไรล่ะ อย่าให้แพ้สงครามเชียว เผลอๆ อาเฮียกับพี่ปูเขาจับมือกัน รื้อฟื้นระบบนี้ขึ้นมาใหม่ ฝั่งนี้ใครไม่มีทองไม่เป็นไร อาเฮียมีเหลือเฟือ ให้พวกยืมไปเป็นทองสำรองได้ เผลอๆ แถมแอบเตรียมแผนไว้แล้วด้วย แต่ที่น่ากลุ้มใจแทน ดูเหมือนจะเป็นฝั่งอเมริกาใครจะยืมใคร เมื่อคราวสงครามโลกครั้งที่ 1 อังกฤษ คิดนำการรบ แต่อยู่ในสภาพล้มละลาย อังกฤษได้อเมริกาเป็นนายทุน ทำให้เดินหน้าทำการรบได้โดยไม่กลุ้มใจ และคราวนี้ล่ะ อเมริกามีทุนหนาพร้อมรบหรือ พูดไม่ได้เต็มปากหรอกนะ อเมริกาทุนหนาไม่พอ แล้วอังกฤษจะช่วยไหวไหม แหม ถ้าอเมริกาไปถามนาย David Cameron แบบนี้ สงสัยอาจถูกจีบปากด่ายับ ยุโรปเอง ยังไม่ฟื้นจากโรคทรัพย์จาง CNN ออก ข่าวประจานไม่เลิก แล้วใครจะเป็นนายทุนให้อเมริกา ตัวเองก็แทบจะเอาตัวไม่รอด พรรคพวกก็มีแต่กระเป๋าขาด พวกเสี่ยน้ำมันตะวันออกกลาง กลุ่มเสี่ยซาอุนะหรือ ต้องรู้จักนิสัยพวกนี้นะครับ เขาทุ่มได้ระดับหนึ่ง แต่ไม่ทุ่มให้หมดหรอก ก็บอกแล้ว มิตรภาพในตะวันออกกลาง มีไว้ให้เช่าชั่วคราว แต่ไม่ได้ขายถาวร ฝ่ายรัสเซีย แม้จะไม่ใช่เศรษฐี และสื่อย้อมก็พยายามใส่สีว่า รัสเซียอาการหนัก หลังจากถูกคว่ำบาตร ก็หนักจริงแหละ แต่คงไม่ถึงอับจน เพราะบังเอิญมีเพื่อนรักเป็นอาเฮีย กำลังอู๋ ทั้งเงินทั้งทองกำลังท่วมตัว แค่นี้ทำไมจะแบ่งไปให้เพื่อนรักเอาไปใช้ทำสงครามไม่ได้ ได้ก็ได้ด้วยกัน เสียก็เสียด้วยกัน จริงไหมครับอาเฮีย ก็เพื่อนรักกันนี่หว่า และอย่าลืมว่ากลุ่ม BRICS เขา ผนึกกำลังกัน จะแบบแนบแน่น หรือแบบหลวมๆ อีกเรื่องหนึ่ง อาจมีบางประเทศวางตัวเป็นกลาง แต่รับรองไม่มีใครแตกแถว ไปยืนอยู่กับอเมริกาแน่นอน ส่วนกลุ่มเจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้ Shanghai Co-Operation พวกมีแหล่งพลังงานของตนเองแบบเหลือเฟือเกือบทั้งนั้น ไม่ใช่ประเภทมาเป็นภาระให้รัสเซียแน่นอน สรุปเรื่องสภาพเศรษฐิจ ฝ่ายอเมริกาพี่เบิ้มเก่าก็ไม่ใช่ได้เปรียบอย่างที่คิดกัน สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 4 ธค. 2557
    0 Comments 0 Shares 97 Views 0 Reviews
  • “Intel และ AMD จับมือยกระดับ x86 – เพิ่มฟีเจอร์ใหม่เพื่ออนาคตของการประมวลผล”

    ในยุคที่ ARM และ RISC-V กำลังรุกคืบเข้าสู่ตลาดพีซีและเซิร์ฟเวอร์อย่างรวดเร็ว สองยักษ์ใหญ่แห่งโลก x86 อย่าง Intel และ AMD ก็ไม่ยอมอยู่เฉย ล่าสุดได้ประกาศความร่วมมือในการเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ให้กับสถาปัตยกรรม x86 เพื่อให้ทันกับความต้องการของงานประมวลผลยุคใหม่

    ฟีเจอร์ใหม่ที่ถูกเปิดเผย ได้แก่:

    AVX10: ชุดคำสั่งเวกเตอร์รุ่นใหม่ที่รวมความสามารถของ AVX512 และ AVX2 เข้าด้วยกัน พร้อมรองรับการทำงานแบบ scalable บนทุกระดับของ CPU

    FRED (Flexible Return and Event Delivery): กลไกใหม่สำหรับการจัดการ interrupt และ event ที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพมากขึ้น

    CHKTAG: ฟีเจอร์สำหรับการตรวจสอบความถูกต้องของ pointer และ memory tag เพื่อป้องกันการโจมตีแบบ buffer overflow

    ACE (Architectural Capability Enumeration): ระบบระบุความสามารถของ CPU เพื่อให้ซอฟต์แวร์สามารถปรับตัวได้อย่างแม่นยำ

    การรวมฟีเจอร์เหล่านี้เข้าด้วยกันไม่ใช่แค่การเพิ่มประสิทธิภาพ แต่คือการสร้าง “มาตรฐานร่วม” ระหว่าง Intel และ AMD เพื่อให้ ecosystem ของ x86 มีความเสถียรและปลอดภัยมากขึ้นในระยะยาว

    ฟีเจอร์ใหม่ใน x86
    AVX10 รวมความสามารถของ AVX512 และ AVX2 รองรับทุกระดับ CPU
    FRED ช่วยจัดการ interrupt/event ได้ปลอดภัยและเร็วขึ้น
    CHKTAG ป้องกันการโจมตีหน่วยความจำด้วยการตรวจสอบ pointer
    ACE ช่วยให้ซอฟต์แวร์รู้จักความสามารถของ CPU อย่างแม่นยำ

    ความร่วมมือระหว่าง Intel และ AMD
    สร้างมาตรฐานร่วมเพื่อให้ ecosystem ของ x86 มีความเสถียร
    ลดความซับซ้อนในการพัฒนาและปรับแต่งซอฟต์แวร์
    เตรียมรับมือกับการแข่งขันจาก ARM และ RISC-V

    ผลกระทบต่อผู้ใช้และนักพัฒนา
    ซอฟต์แวร์สามารถทำงานได้ดีขึ้นบนทุกแพลตฟอร์ม x86
    เพิ่มความปลอดภัยในระดับฮาร์ดแวร์
    ลดต้นทุนในการพัฒนาและทดสอบระบบ

    คำเตือนและข้อควรระวัง
    ฟีเจอร์ใหม่อาจใช้เวลานานในการนำไปใช้จริงในผลิตภัณฑ์
    ซอฟต์แวร์เก่าอาจไม่รองรับฟีเจอร์ใหม่โดยทันที
    การเปลี่ยนแปลงในระดับสถาปัตยกรรมอาจต้องปรับ ecosystem โดยรวม
    หากไม่สื่อสารกับนักพัฒนาอย่างชัดเจน อาจเกิดความสับสนในการใช้งาน

    https://wccftech.com/intel-amd-strengten-x86-ecosystem-new-standardized-features-avx10-fred-chktag-ace/
    🎁 “Intel และ AMD จับมือยกระดับ x86 – เพิ่มฟีเจอร์ใหม่เพื่ออนาคตของการประมวลผล” ในยุคที่ ARM และ RISC-V กำลังรุกคืบเข้าสู่ตลาดพีซีและเซิร์ฟเวอร์อย่างรวดเร็ว สองยักษ์ใหญ่แห่งโลก x86 อย่าง Intel และ AMD ก็ไม่ยอมอยู่เฉย ล่าสุดได้ประกาศความร่วมมือในการเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ให้กับสถาปัตยกรรม x86 เพื่อให้ทันกับความต้องการของงานประมวลผลยุคใหม่ ฟีเจอร์ใหม่ที่ถูกเปิดเผย ได้แก่: ✨ AVX10: ชุดคำสั่งเวกเตอร์รุ่นใหม่ที่รวมความสามารถของ AVX512 และ AVX2 เข้าด้วยกัน พร้อมรองรับการทำงานแบบ scalable บนทุกระดับของ CPU ✨ FRED (Flexible Return and Event Delivery): กลไกใหม่สำหรับการจัดการ interrupt และ event ที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ✨ CHKTAG: ฟีเจอร์สำหรับการตรวจสอบความถูกต้องของ pointer และ memory tag เพื่อป้องกันการโจมตีแบบ buffer overflow ✨ ACE (Architectural Capability Enumeration): ระบบระบุความสามารถของ CPU เพื่อให้ซอฟต์แวร์สามารถปรับตัวได้อย่างแม่นยำ การรวมฟีเจอร์เหล่านี้เข้าด้วยกันไม่ใช่แค่การเพิ่มประสิทธิภาพ แต่คือการสร้าง “มาตรฐานร่วม” ระหว่าง Intel และ AMD เพื่อให้ ecosystem ของ x86 มีความเสถียรและปลอดภัยมากขึ้นในระยะยาว ✅ ฟีเจอร์ใหม่ใน x86 ➡️ AVX10 รวมความสามารถของ AVX512 และ AVX2 รองรับทุกระดับ CPU ➡️ FRED ช่วยจัดการ interrupt/event ได้ปลอดภัยและเร็วขึ้น ➡️ CHKTAG ป้องกันการโจมตีหน่วยความจำด้วยการตรวจสอบ pointer ➡️ ACE ช่วยให้ซอฟต์แวร์รู้จักความสามารถของ CPU อย่างแม่นยำ ✅ ความร่วมมือระหว่าง Intel และ AMD ➡️ สร้างมาตรฐานร่วมเพื่อให้ ecosystem ของ x86 มีความเสถียร ➡️ ลดความซับซ้อนในการพัฒนาและปรับแต่งซอฟต์แวร์ ➡️ เตรียมรับมือกับการแข่งขันจาก ARM และ RISC-V ✅ ผลกระทบต่อผู้ใช้และนักพัฒนา ➡️ ซอฟต์แวร์สามารถทำงานได้ดีขึ้นบนทุกแพลตฟอร์ม x86 ➡️ เพิ่มความปลอดภัยในระดับฮาร์ดแวร์ ➡️ ลดต้นทุนในการพัฒนาและทดสอบระบบ ‼️ คำเตือนและข้อควรระวัง ⛔ ฟีเจอร์ใหม่อาจใช้เวลานานในการนำไปใช้จริงในผลิตภัณฑ์ ⛔ ซอฟต์แวร์เก่าอาจไม่รองรับฟีเจอร์ใหม่โดยทันที ⛔ การเปลี่ยนแปลงในระดับสถาปัตยกรรมอาจต้องปรับ ecosystem โดยรวม ⛔ หากไม่สื่อสารกับนักพัฒนาอย่างชัดเจน อาจเกิดความสับสนในการใช้งาน https://wccftech.com/intel-amd-strengten-x86-ecosystem-new-standardized-features-avx10-fred-chktag-ace/
    WCCFTECH.COM
    Intel & AMD Strengten x86 Ecosystem With New Standardized Features: AVX10, FRED, ChkTag & ACE
    Intel & AMD celebrate the first anniversary of the x86 ecosystem advisory group & further strengthen it through new standardized features.
    0 Comments 0 Shares 96 Views 0 Reviews
  • “OpenAI จับมือ Broadcom สร้างชิป AI 10GW – ก้าวใหม่สู่ยุคฮาร์ดแวร์เฉพาะทาง”

    ในโลกที่ AI กำลังกลายเป็นหัวใจของทุกอุตสาหกรรม OpenAI ไม่หยุดอยู่แค่การพัฒนาโมเดลอัจฉริยะ แต่กำลังเดินหน้าสู่การสร้าง “ฮาร์ดแวร์เฉพาะทาง” ด้วยตัวเอง โดยล่าสุดได้ประกาศความร่วมมือกับ Broadcom ในการพัฒนาและติดตั้งระบบเร่งการประมวลผล (accelerators) สำหรับงาน AI ขนาดมหึมา รวมถึงระบบแร็คเซิร์ฟเวอร์ที่รองรับพลังงานรวมถึง 10 กิกะวัตต์

    ข้อตกลงนี้เป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์ระยะยาวของ OpenAI ที่ต้องการลดการพึ่งพา GPU จาก Nvidia และหันมาใช้ชิปที่ออกแบบเอง โดยอาศัยความเชี่ยวชาญด้านเครือข่ายและ IP ฮาร์ดแวร์จาก Broadcom ซึ่งเคยผลิตชิป AI ให้กับ Google TPU มาก่อน

    ระบบใหม่จะใช้โครงสร้างเครือข่ายแบบ Ethernet เพื่อให้สามารถขยายได้ง่าย และไม่ผูกติดกับผู้ผลิตรายใดรายหนึ่ง โดยการติดตั้งจะเริ่มในครึ่งหลังของปี 2026 และคาดว่าจะเสร็จสมบูรณ์ภายในปี 2029

    นอกจากนี้ OpenAI ยังมีดีลกับ AMD และ Nvidia รวมถึง CoreWeave ซึ่งรวมแล้วมีการลงทุนในฮาร์ดแวร์มากกว่า 26 กิกะวัตต์ทั่วโลก ถือเป็นการเตรียมความพร้อมสำหรับการฝึกและใช้งานโมเดล AI ขนาดใหญ่ในอนาคต

    ข้อตกลงระหว่าง OpenAI และ Broadcom
    ร่วมกันพัฒนาและติดตั้งระบบเร่งการประมวลผล AI ขนาด 10GW
    OpenAI ออกแบบตัวเร่งและระบบ ส่วน Broadcom รับผิดชอบการผลิตและติดตั้ง
    เริ่มใช้งานจริงในครึ่งหลังของปี 2026 และเสร็จสิ้นภายในปี 2029

    เป้าหมายของ OpenAI
    ลดการพึ่งพา GPU จาก Nvidia
    สร้างฮาร์ดแวร์เฉพาะทางที่เหมาะกับงานฝึกและใช้งานโมเดล AI
    ใช้โครงสร้าง Ethernet เพื่อความยืดหยุ่นและขยายง่าย

    ความร่วมมือเพิ่มเติม
    มีดีลกับ Nvidia, AMD และ CoreWeave รวมถึง 26GW ของฮาร์ดแวร์
    Broadcom เคยผลิตชิป AI ให้ Google TPU และมีความเชี่ยวชาญด้าน IP
    OpenAI ได้เปรียบจาก supply chain ที่มั่นคงและทีมออกแบบ ASIC ระดับโลก

    ผลกระทบต่ออุตสาหกรรม
    บริษัทใหญ่หลายราย เช่น Amazon, Google, Meta และ Microsoft กำลังพัฒนาชิป AI เอง
    ตลาดกำลังเปลี่ยนจาก GPU-centric ไปสู่ระบบเร่งแบบเฉพาะทาง
    ความสามารถในการผลิตและออกแบบชิปจะเป็นตัวชี้วัดความได้เปรียบในยุค AI

    ความท้าทายและข้อควรระวัง
    ยังไม่มีการเปิดเผยผู้ผลิตชิป (foundry), การบรรจุ (packaging) หรือชนิดหน่วยความจำ
    การออกแบบและผลิตชิปใช้เวลานานและต้องการความแม่นยำสูง
    ความสำเร็จของระบบใหม่ยังต้องพิสูจน์ในระดับการใช้งานจริง
    Ecosystem ของ Broadcom ยังไม่เทียบเท่ากับ CUDA ของ Nvidia ในด้านซอฟต์แวร์และเครื่องมือ

    https://www.tomshardware.com/openai-broadcom-to-co-develop-10gw-of-custom-ai-chips
    🤖 “OpenAI จับมือ Broadcom สร้างชิป AI 10GW – ก้าวใหม่สู่ยุคฮาร์ดแวร์เฉพาะทาง” ในโลกที่ AI กำลังกลายเป็นหัวใจของทุกอุตสาหกรรม OpenAI ไม่หยุดอยู่แค่การพัฒนาโมเดลอัจฉริยะ แต่กำลังเดินหน้าสู่การสร้าง “ฮาร์ดแวร์เฉพาะทาง” ด้วยตัวเอง โดยล่าสุดได้ประกาศความร่วมมือกับ Broadcom ในการพัฒนาและติดตั้งระบบเร่งการประมวลผล (accelerators) สำหรับงาน AI ขนาดมหึมา รวมถึงระบบแร็คเซิร์ฟเวอร์ที่รองรับพลังงานรวมถึง 10 กิกะวัตต์ ข้อตกลงนี้เป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์ระยะยาวของ OpenAI ที่ต้องการลดการพึ่งพา GPU จาก Nvidia และหันมาใช้ชิปที่ออกแบบเอง โดยอาศัยความเชี่ยวชาญด้านเครือข่ายและ IP ฮาร์ดแวร์จาก Broadcom ซึ่งเคยผลิตชิป AI ให้กับ Google TPU มาก่อน ระบบใหม่จะใช้โครงสร้างเครือข่ายแบบ Ethernet เพื่อให้สามารถขยายได้ง่าย และไม่ผูกติดกับผู้ผลิตรายใดรายหนึ่ง โดยการติดตั้งจะเริ่มในครึ่งหลังของปี 2026 และคาดว่าจะเสร็จสมบูรณ์ภายในปี 2029 นอกจากนี้ OpenAI ยังมีดีลกับ AMD และ Nvidia รวมถึง CoreWeave ซึ่งรวมแล้วมีการลงทุนในฮาร์ดแวร์มากกว่า 26 กิกะวัตต์ทั่วโลก ถือเป็นการเตรียมความพร้อมสำหรับการฝึกและใช้งานโมเดล AI ขนาดใหญ่ในอนาคต ✅ ข้อตกลงระหว่าง OpenAI และ Broadcom ➡️ ร่วมกันพัฒนาและติดตั้งระบบเร่งการประมวลผล AI ขนาด 10GW ➡️ OpenAI ออกแบบตัวเร่งและระบบ ส่วน Broadcom รับผิดชอบการผลิตและติดตั้ง ➡️ เริ่มใช้งานจริงในครึ่งหลังของปี 2026 และเสร็จสิ้นภายในปี 2029 ✅ เป้าหมายของ OpenAI ➡️ ลดการพึ่งพา GPU จาก Nvidia ➡️ สร้างฮาร์ดแวร์เฉพาะทางที่เหมาะกับงานฝึกและใช้งานโมเดล AI ➡️ ใช้โครงสร้าง Ethernet เพื่อความยืดหยุ่นและขยายง่าย ✅ ความร่วมมือเพิ่มเติม ➡️ มีดีลกับ Nvidia, AMD และ CoreWeave รวมถึง 26GW ของฮาร์ดแวร์ ➡️ Broadcom เคยผลิตชิป AI ให้ Google TPU และมีความเชี่ยวชาญด้าน IP ➡️ OpenAI ได้เปรียบจาก supply chain ที่มั่นคงและทีมออกแบบ ASIC ระดับโลก ✅ ผลกระทบต่ออุตสาหกรรม ➡️ บริษัทใหญ่หลายราย เช่น Amazon, Google, Meta และ Microsoft กำลังพัฒนาชิป AI เอง ➡️ ตลาดกำลังเปลี่ยนจาก GPU-centric ไปสู่ระบบเร่งแบบเฉพาะทาง ➡️ ความสามารถในการผลิตและออกแบบชิปจะเป็นตัวชี้วัดความได้เปรียบในยุค AI ‼️ ความท้าทายและข้อควรระวัง ⛔ ยังไม่มีการเปิดเผยผู้ผลิตชิป (foundry), การบรรจุ (packaging) หรือชนิดหน่วยความจำ ⛔ การออกแบบและผลิตชิปใช้เวลานานและต้องการความแม่นยำสูง ⛔ ความสำเร็จของระบบใหม่ยังต้องพิสูจน์ในระดับการใช้งานจริง ⛔ Ecosystem ของ Broadcom ยังไม่เทียบเท่ากับ CUDA ของ Nvidia ในด้านซอฟต์แวร์และเครื่องมือ https://www.tomshardware.com/openai-broadcom-to-co-develop-10gw-of-custom-ai-chips
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    OpenAI and Broadcom to co-develop 10GW of custom AI chips in yet another blockbuster AI partnership — deployments start in 2026
    The AI firm’s latest hardware deal locks in another 10 gigawatts of capacity as it moves to design its own accelerators.
    0 Comments 0 Shares 93 Views 0 Reviews
  • “Delta Force ปลุกกระแสเกมยิงในจีน – Tencent ปรับกลยุทธ์สู่เวทีโลก”

    ใครจะคิดว่าเกมยิงจากจีนจะกลายเป็นกระแสระดับโลก? Tencent ผู้ยิ่งใหญ่แห่งวงการเกมจีน กำลังเปลี่ยนทิศทางครั้งใหญ่หลังจาก “Delta Force” เกมยิงแนว extraction shooter กลายเป็นปรากฏการณ์ในปี 2024 ด้วยยอดผู้เล่นแตะ 30 ล้านคนต่อวัน

    เบื้องหลังความสำเร็จนี้คือ Leo Yao นักพัฒนาเกมที่เคยทำงานกับ Electronic Arts และปัจจุบันเป็นหัวหน้าทีม J3 Studio ของ Tencent เขาใช้ประสบการณ์จากการพัฒนา Call of Duty เวอร์ชันมือถือ มาผสมผสานแนวเกมต่าง ๆ จนเกิดเป็น Delta Force ที่มีทั้งโหมด extraction, battleground และเนื้อเรื่องแบบแคมเปญ

    ความสำเร็จในจีนทำให้ Tencent มองเห็นโอกาสใหม่ในตลาดโลก โดยเฉพาะในแนวเกมยิงที่เคยถูกครองโดยผู้พัฒนาจากตะวันตก เช่น Valve, Activision และ Ubisoft

    Tencent ไม่ได้หยุดแค่การพัฒนาเกม แต่ยังลงทุนในกลยุทธ์การตลาดแบบ localized เช่น การจับมือกับแบรนด์โจ๊กแปดเซียน เพื่อสื่อถึงความหลากหลายของเกม และกำลังจ้างทีมงานใหม่เพื่อเข้าใจผู้เล่นต่างประเทศมากขึ้น

    ในภาพรวม นี่คือการเปลี่ยนแปลงเชิงกลยุทธ์ของ Tencent จากผู้จัดจำหน่าย ไปสู่ผู้สร้างเกมต้นฉบับที่มีเอกลักษณ์ของตัวเอง

    ความสำเร็จของ Delta Force
    เกมยิงแนว extraction shooter ที่ผสมโหมด battleground และแคมเปญ
    มีผู้เล่นกว่า 30 ล้านคนต่อวันในจีน
    ได้รับความนิยมจากการออกแบบที่หลากหลายและเข้าถึงง่าย

    การเปลี่ยนกลยุทธ์ของ Tencent
    มุ่งเน้นการสร้างเกมต้นฉบับแทนการซื้อกิจการ
    ต้องการเป็นผู้สร้างเกมที่มีเอกลักษณ์แบบ Valve
    ลงทุนในทีมงานใหม่เพื่อเจาะตลาดต่างประเทศ
    ใช้กลยุทธ์การตลาดแบบ localized เพื่อเข้าถึงผู้เล่นในแต่ละภูมิภาค

    ความเคลื่อนไหวของอุตสาหกรรมเกมจีน
    ผู้เล่นจีนเริ่มหันมาเล่นเกม PC และเกมยิงมากขึ้น
    ตลาดเกมยิงมีมูลค่าราว 9% ของอุตสาหกรรมเกมโลก
    Tencent มีหุ้นในเกมดังอย่าง Fortnite, PUBG และ Far Cry

    ความท้าทายในการเจาะตลาดโลก
    ทีมงานส่วนใหญ่ยังเป็นคนจีน ทำให้เข้าใจผู้เล่นต่างชาติได้ยาก
    ต้องพัฒนาแนวทางใหม่ในการสื่อสารและออกแบบเกม
    ใช้การฟังเสียงผู้เล่นผ่าน influencer และการวิเคราะห์ข้อมูล

    คำเตือนสำหรับ Tencent และผู้พัฒนาเกมจีน
    การขาดความเข้าใจวัฒนธรรมผู้เล่นต่างประเทศ อาจทำให้เกมไม่ถูกใจตลาด
    ความเชื่อเดิมว่า “เกมยิงคือของตะวันตก” อาจเป็นอุปสรรคทางจิตวิทยา
    การพึ่งพาความสำเร็จในจีนมากเกินไป อาจไม่เพียงพอสำหรับตลาดโลก
    ความเสี่ยงจากภาพลักษณ์ “ลอกเลียนแบบ” ที่ยังติดอยู่ในสายตาผู้เล่นบางกลุ่ม

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/10/13/tencents-delta-force-success-shifts-focus-to-shooting-games
    🎮 “Delta Force ปลุกกระแสเกมยิงในจีน – Tencent ปรับกลยุทธ์สู่เวทีโลก” ใครจะคิดว่าเกมยิงจากจีนจะกลายเป็นกระแสระดับโลก? Tencent ผู้ยิ่งใหญ่แห่งวงการเกมจีน กำลังเปลี่ยนทิศทางครั้งใหญ่หลังจาก “Delta Force” เกมยิงแนว extraction shooter กลายเป็นปรากฏการณ์ในปี 2024 ด้วยยอดผู้เล่นแตะ 30 ล้านคนต่อวัน เบื้องหลังความสำเร็จนี้คือ Leo Yao นักพัฒนาเกมที่เคยทำงานกับ Electronic Arts และปัจจุบันเป็นหัวหน้าทีม J3 Studio ของ Tencent เขาใช้ประสบการณ์จากการพัฒนา Call of Duty เวอร์ชันมือถือ มาผสมผสานแนวเกมต่าง ๆ จนเกิดเป็น Delta Force ที่มีทั้งโหมด extraction, battleground และเนื้อเรื่องแบบแคมเปญ ความสำเร็จในจีนทำให้ Tencent มองเห็นโอกาสใหม่ในตลาดโลก โดยเฉพาะในแนวเกมยิงที่เคยถูกครองโดยผู้พัฒนาจากตะวันตก เช่น Valve, Activision และ Ubisoft Tencent ไม่ได้หยุดแค่การพัฒนาเกม แต่ยังลงทุนในกลยุทธ์การตลาดแบบ localized เช่น การจับมือกับแบรนด์โจ๊กแปดเซียน เพื่อสื่อถึงความหลากหลายของเกม และกำลังจ้างทีมงานใหม่เพื่อเข้าใจผู้เล่นต่างประเทศมากขึ้น ในภาพรวม นี่คือการเปลี่ยนแปลงเชิงกลยุทธ์ของ Tencent จากผู้จัดจำหน่าย ไปสู่ผู้สร้างเกมต้นฉบับที่มีเอกลักษณ์ของตัวเอง ✅ ความสำเร็จของ Delta Force ➡️ เกมยิงแนว extraction shooter ที่ผสมโหมด battleground และแคมเปญ ➡️ มีผู้เล่นกว่า 30 ล้านคนต่อวันในจีน ➡️ ได้รับความนิยมจากการออกแบบที่หลากหลายและเข้าถึงง่าย ✅ การเปลี่ยนกลยุทธ์ของ Tencent ➡️ มุ่งเน้นการสร้างเกมต้นฉบับแทนการซื้อกิจการ ➡️ ต้องการเป็นผู้สร้างเกมที่มีเอกลักษณ์แบบ Valve ➡️ ลงทุนในทีมงานใหม่เพื่อเจาะตลาดต่างประเทศ ➡️ ใช้กลยุทธ์การตลาดแบบ localized เพื่อเข้าถึงผู้เล่นในแต่ละภูมิภาค ✅ ความเคลื่อนไหวของอุตสาหกรรมเกมจีน ➡️ ผู้เล่นจีนเริ่มหันมาเล่นเกม PC และเกมยิงมากขึ้น ➡️ ตลาดเกมยิงมีมูลค่าราว 9% ของอุตสาหกรรมเกมโลก ➡️ Tencent มีหุ้นในเกมดังอย่าง Fortnite, PUBG และ Far Cry ✅ ความท้าทายในการเจาะตลาดโลก ➡️ ทีมงานส่วนใหญ่ยังเป็นคนจีน ทำให้เข้าใจผู้เล่นต่างชาติได้ยาก ➡️ ต้องพัฒนาแนวทางใหม่ในการสื่อสารและออกแบบเกม ➡️ ใช้การฟังเสียงผู้เล่นผ่าน influencer และการวิเคราะห์ข้อมูล ‼️ คำเตือนสำหรับ Tencent และผู้พัฒนาเกมจีน ⛔ การขาดความเข้าใจวัฒนธรรมผู้เล่นต่างประเทศ อาจทำให้เกมไม่ถูกใจตลาด ⛔ ความเชื่อเดิมว่า “เกมยิงคือของตะวันตก” อาจเป็นอุปสรรคทางจิตวิทยา ⛔ การพึ่งพาความสำเร็จในจีนมากเกินไป อาจไม่เพียงพอสำหรับตลาดโลก ⛔ ความเสี่ยงจากภาพลักษณ์ “ลอกเลียนแบบ” ที่ยังติดอยู่ในสายตาผู้เล่นบางกลุ่ม https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/10/13/tencents-delta-force-success-shifts-focus-to-shooting-games
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Tencent's 'Delta Force' success shifts focus to shooting games
    For more than a decade, Tencent Holdings Ltd developer Leo Yao toiled in relative anonymity, churning out one shooting game after another. Then he scored one of the biggest Chinese hits of 2024 with Delta Force, a game that continues to attract 30 million players daily.
    0 Comments 0 Shares 108 Views 0 Reviews
  • แกะรอยสงครามโลกครั้งที่ 3 ตอนที่ 8
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “แกะรอยสงครามโลกครั้งที่ 3”
    ตอนที่ 8

    ในการทำสงคราม สิ่งสำคัญที่จะตัดสินแพ้ชนะกันคือ ยุทธศาสตร์ของแต่ละฝ่าย ซึ่งเราคงไม่สามารถจะไปรู้ได้ แต่ในการวางยุทธศาสตร์ มันก็คล้ายกับการเขียนบทละครและกำกับการแสดง ซึ่งจะต้องคำนึงถึงปัจจัยที่เกี่ ยวข้อง เช่น ความสามารถของตัวละคร ฉากประกอบ งบประมาณ และองค์ประกอบอื่นๆ ที่จะเอามาใช้ในการแสดงว่า ปัจจัยที่มีอยู่เหมาะสมกับการวางยุทธศาสตร์นั้นๆแค่ไหน ยุทธศาสตร์จะดีเลิศอย่างไร แต่ถ้าปัจจัยมันไม่เอื้อ มันก็ไม่แน่ว่าจะชนะใส หรืออาจจะชนะ แต่แบบหืดขึ้นคอก็เป็นได้

    สำหรับคู่ชิงสงครามโลกครั้งที่ 3 ที่เปิดหน้าเปิดตัวกันชัดเจนแล้วคือ อเมริกากับพวกฝ่ายหนึ่งและ รัสเซียกับพวก อีกฝ่ายหนึ่ง

    แม้เราจะไม่รู้ยุทธศาสตร์ หรือรู้ว่าบทละครชิงโลกของแต่ละฝ่าย ว่าจะเดินกันอย่างไร แต่มันก็พอมีหลายปัจจัยของแต่ละฝ่าย ที่เป็นส่วนสำคัญที่ฝ่ายวางยุทธศาสตร์เขาก็ต้องนำมาพิจารณา และเราก็น่าจะพอตามดูและประเมินได้ระดับหนึ่ง คือ

    – พันธมิตร
    – สภาพเศรษฐกิจ
    – กำลังอาวุธยุโธปกรณ์ ทั้งด้าน hardware และ software
    – กำลังพล ทั้งในระบบ และนอกระบบ

    สำหรับปัจจัยเกี่ยวกับพันธมิตร ตั้งแต่กลางปีเป็นต้นมา การแบ่งค่าย แบ่งข้าง โดยความสมัครใจ หรือโดยการหักแขนล๊อกคอก็ตาม ต่างทำกันอย่างชัดเจน แทบไม่เหลือให้เดามาก แต่ละฝายคงคาดการณ์รู้กันเองแล้วว่า เวลาออกโรงแสดงฉากใหญ่ น่าจะใกล้เข้ามาทุกที ถึงมีการแจกบทให้แสดงกันอย่างเปิดเผย

    ดูตัวอย่างเล็กๆน้อยๆจากการ ประชุม APEC เมื่อต้นเดือนพฤศจิกายน ค.ศ.2014 ที่แดนมังกร และการประชุม G20 ที่แดนจิงโจ้ ในกลางเดือนพฤศจิกายน ค.ศ.2014 นี่ก็แล้วกันเป็นการแสดงที่เห็นชัด ถึงการแบ่งพวกของ คู่ชิงศึกสงครามโลกชัดเจนดี
    ที่แดนมังกร ตัวละครเอก ผู้นำของแต่ละฝ่าย นายโอบามาและนายปูติน มีการเผชิญหน้ากันจังๆ แต่สื่อรายงานว่า นายโอบามา พยายามเลี่ยงนายปูตินอย่างเห็นชัด เลี่ยงทำไม ทำให้มองไม่เห็นความองอาจผ่าเผยของผู้นำฝ่ายอเมริกา แถมหน้าตาท่าทางของท่านผู้นำอเมริกา ก็เหมือนคนไปกินยาผิดมา ทั้งหมอง ทั้งหม่น ราศรีพี่เบิ้มหมายเลขหนึ่งของโลก ไม่รู้หล่นไปไหนหมด

    ส่วนนายปูตินเดินอาดๆมาเข้าฉาก หลังจากแสดงบทสุภาพบุรุษคลุมไหล่คุณนายสีแล้ว ก็โดดมาเล่นบทตบไหล่ฝ่ายตรงข้าม เหมือนเป็นการทักทาย หรือท้าทาย ไม่แน่ใจ แต่นายโอบามาดันเอียงหลบ ยกแรกแสดงแบบนี้ นายปูตินก็น่าจะได้คะแนนนำ ส่วนนายโอบามา ถ้าพวกพันธมิตรลูกหาบ เห็นทั้ง โหงวเฮ้งและการแสดงเปิดตัวของลูกพี่แล้ว อาจเหนื่อยใจ แทน แทบไม่อยากไปเข้าฉากรบด้วย

    ส่วนมังกรเจ้าถิ่น ทำตัวเป็นเจ้าภาพที่ดูเหมือนกำลังดี แต่ตอนท้ายก็เปิดไต๋ แสดงตัวว่าเป็นคนรักเพื่อนแบบไม่กลัวถูกนินทา เวลาถ่ายรูปหมู่ จัดให้นายโอบามาไปยืนเสียไกลเกือบตกเฟรม ส่วนนายปูตินเอามายืนทำหน้าหล่ออยู่ติดกับเจ้าภาพ ให้มันรู้กันว่า คู่นี้เขารักจริง ไม่ทิ้งกันยามยาก

    ส่วนที่แดนจิงโจ้ ก็ตรงกันข้าม ทีใครทีมัน กลุ่มเจ้าภาพไม่เล่นบทลำเอียงเหมือนที่แดนมังกร มันไม่ถึงใจ แต่หยิบเอาบทผู้ดีรุมตีแขก (แถวบ้านผมเขาเรียกหมาหมู่ครับ) มา รับรองนายปูติน ไล่มาตั้งแต่เจ้าภาพ นายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย นายกรัฐมนตรีอังกฤษ แต่เยี่ยมสุดน่าจะได้รางวัลจากอเมริกา คือนายกรัฐมนตรีแคนาดาที่บอกว่า ผมคงต้องจับมือกับคุณกระมัง ปูติน แต่จะให้ดีรัสเซียควรจะออกไปจากไปUkraine ได้แล้ว กลุ่ม Anglo Saxon ช่วยกันแจกคำด่ารัสเซียเป็นของชำร่วย เป็นการต้อน มากกว่ารับนายปูติน

    ขนาดสื่อเรียกการประชุมนี้ว่า G20-1 เหมือนไม่เห็นหัวรัสเซียว่าเป็นสมาชิกด้วย

    นายปูตินก็ใช่เล่นที่ไหน ไม่ไปเข้าประชุมตัวเปล่า หอบเอาเรือรบบรรทุกอาวุธนิวเคลียร์ไปด้วย 4 ลำ อ้างว่า มีข่าวกรองมา ว่าจะมีการต้อนรับจัดเต็มแบบพิเศษจากใครก็ไม่รู้ จริงไม่จริงไม่รู้ แต่เรื่องแบบนี้ประมาทไม่ได้ เอาชื่อไปทิ้งแถวแดนจิงโจ้คงไม่เท่ห์นัก ยังไม่ได้เริ่มเล่นบทพระเอกในสงครามชิงโลกกันเลย

    แต่ดูๆไปแล้ว เหมือนนายปูตินตั้งใจยียวน ก๊วน อเมริกากับพวกมากกว่า นายปูตินน่าจะกำลังส่งสัญญาณว่า ไม่ใช่แค่พร้อมสู้กับการรุมกินโต๊ะของอเมริกาและพวกเท่านั้นนะ เข้าใจไหม…!? มันเป็นการยกระดับการส่งสัญญาณของรัสเซีย !

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    3 ธค. 2557
    แกะรอยสงครามโลกครั้งที่ 3 ตอนที่ 8 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “แกะรอยสงครามโลกครั้งที่ 3” ตอนที่ 8 ในการทำสงคราม สิ่งสำคัญที่จะตัดสินแพ้ชนะกันคือ ยุทธศาสตร์ของแต่ละฝ่าย ซึ่งเราคงไม่สามารถจะไปรู้ได้ แต่ในการวางยุทธศาสตร์ มันก็คล้ายกับการเขียนบทละครและกำกับการแสดง ซึ่งจะต้องคำนึงถึงปัจจัยที่เกี่ ยวข้อง เช่น ความสามารถของตัวละคร ฉากประกอบ งบประมาณ และองค์ประกอบอื่นๆ ที่จะเอามาใช้ในการแสดงว่า ปัจจัยที่มีอยู่เหมาะสมกับการวางยุทธศาสตร์นั้นๆแค่ไหน ยุทธศาสตร์จะดีเลิศอย่างไร แต่ถ้าปัจจัยมันไม่เอื้อ มันก็ไม่แน่ว่าจะชนะใส หรืออาจจะชนะ แต่แบบหืดขึ้นคอก็เป็นได้ สำหรับคู่ชิงสงครามโลกครั้งที่ 3 ที่เปิดหน้าเปิดตัวกันชัดเจนแล้วคือ อเมริกากับพวกฝ่ายหนึ่งและ รัสเซียกับพวก อีกฝ่ายหนึ่ง แม้เราจะไม่รู้ยุทธศาสตร์ หรือรู้ว่าบทละครชิงโลกของแต่ละฝ่าย ว่าจะเดินกันอย่างไร แต่มันก็พอมีหลายปัจจัยของแต่ละฝ่าย ที่เป็นส่วนสำคัญที่ฝ่ายวางยุทธศาสตร์เขาก็ต้องนำมาพิจารณา และเราก็น่าจะพอตามดูและประเมินได้ระดับหนึ่ง คือ – พันธมิตร – สภาพเศรษฐกิจ – กำลังอาวุธยุโธปกรณ์ ทั้งด้าน hardware และ software – กำลังพล ทั้งในระบบ และนอกระบบ สำหรับปัจจัยเกี่ยวกับพันธมิตร ตั้งแต่กลางปีเป็นต้นมา การแบ่งค่าย แบ่งข้าง โดยความสมัครใจ หรือโดยการหักแขนล๊อกคอก็ตาม ต่างทำกันอย่างชัดเจน แทบไม่เหลือให้เดามาก แต่ละฝายคงคาดการณ์รู้กันเองแล้วว่า เวลาออกโรงแสดงฉากใหญ่ น่าจะใกล้เข้ามาทุกที ถึงมีการแจกบทให้แสดงกันอย่างเปิดเผย ดูตัวอย่างเล็กๆน้อยๆจากการ ประชุม APEC เมื่อต้นเดือนพฤศจิกายน ค.ศ.2014 ที่แดนมังกร และการประชุม G20 ที่แดนจิงโจ้ ในกลางเดือนพฤศจิกายน ค.ศ.2014 นี่ก็แล้วกันเป็นการแสดงที่เห็นชัด ถึงการแบ่งพวกของ คู่ชิงศึกสงครามโลกชัดเจนดี ที่แดนมังกร ตัวละครเอก ผู้นำของแต่ละฝ่าย นายโอบามาและนายปูติน มีการเผชิญหน้ากันจังๆ แต่สื่อรายงานว่า นายโอบามา พยายามเลี่ยงนายปูตินอย่างเห็นชัด เลี่ยงทำไม ทำให้มองไม่เห็นความองอาจผ่าเผยของผู้นำฝ่ายอเมริกา แถมหน้าตาท่าทางของท่านผู้นำอเมริกา ก็เหมือนคนไปกินยาผิดมา ทั้งหมอง ทั้งหม่น ราศรีพี่เบิ้มหมายเลขหนึ่งของโลก ไม่รู้หล่นไปไหนหมด ส่วนนายปูตินเดินอาดๆมาเข้าฉาก หลังจากแสดงบทสุภาพบุรุษคลุมไหล่คุณนายสีแล้ว ก็โดดมาเล่นบทตบไหล่ฝ่ายตรงข้าม เหมือนเป็นการทักทาย หรือท้าทาย ไม่แน่ใจ แต่นายโอบามาดันเอียงหลบ ยกแรกแสดงแบบนี้ นายปูตินก็น่าจะได้คะแนนนำ ส่วนนายโอบามา ถ้าพวกพันธมิตรลูกหาบ เห็นทั้ง โหงวเฮ้งและการแสดงเปิดตัวของลูกพี่แล้ว อาจเหนื่อยใจ แทน แทบไม่อยากไปเข้าฉากรบด้วย ส่วนมังกรเจ้าถิ่น ทำตัวเป็นเจ้าภาพที่ดูเหมือนกำลังดี แต่ตอนท้ายก็เปิดไต๋ แสดงตัวว่าเป็นคนรักเพื่อนแบบไม่กลัวถูกนินทา เวลาถ่ายรูปหมู่ จัดให้นายโอบามาไปยืนเสียไกลเกือบตกเฟรม ส่วนนายปูตินเอามายืนทำหน้าหล่ออยู่ติดกับเจ้าภาพ ให้มันรู้กันว่า คู่นี้เขารักจริง ไม่ทิ้งกันยามยาก ส่วนที่แดนจิงโจ้ ก็ตรงกันข้าม ทีใครทีมัน กลุ่มเจ้าภาพไม่เล่นบทลำเอียงเหมือนที่แดนมังกร มันไม่ถึงใจ แต่หยิบเอาบทผู้ดีรุมตีแขก (แถวบ้านผมเขาเรียกหมาหมู่ครับ) มา รับรองนายปูติน ไล่มาตั้งแต่เจ้าภาพ นายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย นายกรัฐมนตรีอังกฤษ แต่เยี่ยมสุดน่าจะได้รางวัลจากอเมริกา คือนายกรัฐมนตรีแคนาดาที่บอกว่า ผมคงต้องจับมือกับคุณกระมัง ปูติน แต่จะให้ดีรัสเซียควรจะออกไปจากไปUkraine ได้แล้ว กลุ่ม Anglo Saxon ช่วยกันแจกคำด่ารัสเซียเป็นของชำร่วย เป็นการต้อน มากกว่ารับนายปูติน ขนาดสื่อเรียกการประชุมนี้ว่า G20-1 เหมือนไม่เห็นหัวรัสเซียว่าเป็นสมาชิกด้วย นายปูตินก็ใช่เล่นที่ไหน ไม่ไปเข้าประชุมตัวเปล่า หอบเอาเรือรบบรรทุกอาวุธนิวเคลียร์ไปด้วย 4 ลำ อ้างว่า มีข่าวกรองมา ว่าจะมีการต้อนรับจัดเต็มแบบพิเศษจากใครก็ไม่รู้ จริงไม่จริงไม่รู้ แต่เรื่องแบบนี้ประมาทไม่ได้ เอาชื่อไปทิ้งแถวแดนจิงโจ้คงไม่เท่ห์นัก ยังไม่ได้เริ่มเล่นบทพระเอกในสงครามชิงโลกกันเลย แต่ดูๆไปแล้ว เหมือนนายปูตินตั้งใจยียวน ก๊วน อเมริกากับพวกมากกว่า นายปูตินน่าจะกำลังส่งสัญญาณว่า ไม่ใช่แค่พร้อมสู้กับการรุมกินโต๊ะของอเมริกาและพวกเท่านั้นนะ เข้าใจไหม…!? มันเป็นการยกระดับการส่งสัญญาณของรัสเซีย ! สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 3 ธค. 2557
    0 Comments 0 Shares 130 Views 0 Reviews
  • รมช.กลาโหมลงพื้นที่เช็คความพร้อมแผนเคลียร์ ”หนองจาน- หนองหญ้าแก้ว” เผยกำลังทุกภาคส่วนจับมือทหาร พร้อมตามกรอบของกฎอัยการศึก ยอมรับอึดอัด ลั่นหากข้อตกลง 2 กลไกทวิภาคีไร้ผล ขอสงวนสิทธิ์ปกป้องอธิปไตย ยันรัฐบาล-กองทัพเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000097151

    #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire #เขมรลักลอบวางระเบิด
    รมช.กลาโหมลงพื้นที่เช็คความพร้อมแผนเคลียร์ ”หนองจาน- หนองหญ้าแก้ว” เผยกำลังทุกภาคส่วนจับมือทหาร พร้อมตามกรอบของกฎอัยการศึก ยอมรับอึดอัด ลั่นหากข้อตกลง 2 กลไกทวิภาคีไร้ผล ขอสงวนสิทธิ์ปกป้องอธิปไตย ยันรัฐบาล-กองทัพเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000097151 #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire #เขมรลักลอบวางระเบิด
    Like
    3
    0 Comments 0 Shares 390 Views 0 Reviews
  • “AMD จับมือ AWS เปิดตัว EC2 M8a — เซิร์ฟเวอร์รุ่นใหม่แรงขึ้น 30% พร้อมฟีเจอร์ AVX-512 รองรับงาน AI และสตรีมมิ่งระดับโลก”

    เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 2025 AMD และ AWS ประกาศเปิดตัวอินสแตนซ์ EC2 M8a รุ่นใหม่ที่ใช้ขุมพลังจากซีพียู AMD EPYC รุ่นที่ 5 ซึ่งเป็นการร่วมมือระยะยาวที่เริ่มตั้งแต่ปี 2018 โดยอินสแตนซ์ M8a นี้ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับงานทั่วไปที่ต้องการความสมดุลระหว่างการประมวลผล หน่วยความจำ และเครือข่าย เช่น เว็บโฮสติ้ง ฐานข้อมูล และระบบไมโครเซอร์วิส

    M8a ให้ประสิทธิภาพสูงขึ้นถึง 30% เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า (M7a) พร้อมแบนด์วิดธ์หน่วยความจำเพิ่มขึ้น 45% และแบนด์วิดธ์เครือข่ายสูงสุดถึง 75 Gbps ซึ่งช่วยให้สามารถรองรับงานที่ต้องการการส่งข้อมูลแบบเรียลไทม์ได้ดีขึ้น เช่น การวิเคราะห์ข้อมูลแบบ in-memory และระบบแคชแบบกระจาย

    Netflix ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ใช้งานหลักของ AWS ระบุว่า M8a กลายเป็นโครงสร้างพื้นฐานหลักที่ช่วยให้สามารถสเกลการสตรีมแบบสดได้อย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะเมื่อมีการเพิ่มฟีเจอร์ใหม่อย่าง AVX-512 ที่ช่วยเร่งการเข้ารหัส การปรับแต่งเนื้อหา และงาน machine learning ได้ทั่วโลก

    อินสแตนซ์ M8a ยังมีให้เลือกถึง 10 ขนาด และ 2 รุ่นแบบ bare metal (metal-24xl และ metal-48xl) รองรับตั้งแต่งานขนาดเล็กไปจนถึงระดับองค์กร โดยใช้ระบบ AWS Nitro รุ่นที่ 6 ซึ่งช่วยลด overhead ของ virtualization และเพิ่มความปลอดภัย

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    AWS เปิดตัวอินสแตนซ์ EC2 M8a ที่ใช้ซีพียู AMD EPYC รุ่นที่ 5
    ประสิทธิภาพสูงขึ้น 30% เมื่อเทียบกับ M7a
    แบนด์วิดธ์หน่วยความจำเพิ่มขึ้น 45% และเครือข่ายสูงสุด 75 Gbps
    รองรับงานทั่วไป เช่น เว็บโฮสติ้ง ฐานข้อมูล และไมโครเซอร์วิส
    Netflix ใช้ M8a เป็นโครงสร้างหลักสำหรับการสตรีมแบบสด
    เพิ่มฟีเจอร์ AVX-512 สำหรับงาน encoding และ machine learning
    มีให้เลือก 10 ขนาด และ 2 รุ่น bare metal สำหรับงานระดับองค์กร
    ใช้ AWS Nitro รุ่นที่ 6 เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความปลอดภัย

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    AVX-512 เป็นชุดคำสั่งที่ช่วยเร่งการประมวลผลเวกเตอร์ในงาน AI และมัลติมีเดีย
    AWS Nitro เป็นระบบที่แยกการจัดการ I/O ออกจากซีพียูหลักเพื่อเพิ่มความเร็ว
    Bare metal instances ให้ประสิทธิภาพสูงสุดเพราะไม่มี virtualization overhead
    EPYC รุ่นที่ 5 ใช้สถาปัตยกรรม Zen 5 ที่เน้นการประหยัดพลังงานและความเร็ว
    M8a เหมาะสำหรับงานที่ต้องการ predictable performance และ scaling ที่ยืดหยุ่น

    https://www.techpowerup.com/341730/amd-and-aws-announce-availability-of-new-amazon-ec2-m8a-instances-based-on-5th-gen-amd-epyc-processors
    ☁️ “AMD จับมือ AWS เปิดตัว EC2 M8a — เซิร์ฟเวอร์รุ่นใหม่แรงขึ้น 30% พร้อมฟีเจอร์ AVX-512 รองรับงาน AI และสตรีมมิ่งระดับโลก” เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 2025 AMD และ AWS ประกาศเปิดตัวอินสแตนซ์ EC2 M8a รุ่นใหม่ที่ใช้ขุมพลังจากซีพียู AMD EPYC รุ่นที่ 5 ซึ่งเป็นการร่วมมือระยะยาวที่เริ่มตั้งแต่ปี 2018 โดยอินสแตนซ์ M8a นี้ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับงานทั่วไปที่ต้องการความสมดุลระหว่างการประมวลผล หน่วยความจำ และเครือข่าย เช่น เว็บโฮสติ้ง ฐานข้อมูล และระบบไมโครเซอร์วิส M8a ให้ประสิทธิภาพสูงขึ้นถึง 30% เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า (M7a) พร้อมแบนด์วิดธ์หน่วยความจำเพิ่มขึ้น 45% และแบนด์วิดธ์เครือข่ายสูงสุดถึง 75 Gbps ซึ่งช่วยให้สามารถรองรับงานที่ต้องการการส่งข้อมูลแบบเรียลไทม์ได้ดีขึ้น เช่น การวิเคราะห์ข้อมูลแบบ in-memory และระบบแคชแบบกระจาย Netflix ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ใช้งานหลักของ AWS ระบุว่า M8a กลายเป็นโครงสร้างพื้นฐานหลักที่ช่วยให้สามารถสเกลการสตรีมแบบสดได้อย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะเมื่อมีการเพิ่มฟีเจอร์ใหม่อย่าง AVX-512 ที่ช่วยเร่งการเข้ารหัส การปรับแต่งเนื้อหา และงาน machine learning ได้ทั่วโลก อินสแตนซ์ M8a ยังมีให้เลือกถึง 10 ขนาด และ 2 รุ่นแบบ bare metal (metal-24xl และ metal-48xl) รองรับตั้งแต่งานขนาดเล็กไปจนถึงระดับองค์กร โดยใช้ระบบ AWS Nitro รุ่นที่ 6 ซึ่งช่วยลด overhead ของ virtualization และเพิ่มความปลอดภัย ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ AWS เปิดตัวอินสแตนซ์ EC2 M8a ที่ใช้ซีพียู AMD EPYC รุ่นที่ 5 ➡️ ประสิทธิภาพสูงขึ้น 30% เมื่อเทียบกับ M7a ➡️ แบนด์วิดธ์หน่วยความจำเพิ่มขึ้น 45% และเครือข่ายสูงสุด 75 Gbps ➡️ รองรับงานทั่วไป เช่น เว็บโฮสติ้ง ฐานข้อมูล และไมโครเซอร์วิส ➡️ Netflix ใช้ M8a เป็นโครงสร้างหลักสำหรับการสตรีมแบบสด ➡️ เพิ่มฟีเจอร์ AVX-512 สำหรับงาน encoding และ machine learning ➡️ มีให้เลือก 10 ขนาด และ 2 รุ่น bare metal สำหรับงานระดับองค์กร ➡️ ใช้ AWS Nitro รุ่นที่ 6 เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความปลอดภัย ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ AVX-512 เป็นชุดคำสั่งที่ช่วยเร่งการประมวลผลเวกเตอร์ในงาน AI และมัลติมีเดีย ➡️ AWS Nitro เป็นระบบที่แยกการจัดการ I/O ออกจากซีพียูหลักเพื่อเพิ่มความเร็ว ➡️ Bare metal instances ให้ประสิทธิภาพสูงสุดเพราะไม่มี virtualization overhead ➡️ EPYC รุ่นที่ 5 ใช้สถาปัตยกรรม Zen 5 ที่เน้นการประหยัดพลังงานและความเร็ว ➡️ M8a เหมาะสำหรับงานที่ต้องการ predictable performance และ scaling ที่ยืดหยุ่น https://www.techpowerup.com/341730/amd-and-aws-announce-availability-of-new-amazon-ec2-m8a-instances-based-on-5th-gen-amd-epyc-processors
    WWW.TECHPOWERUP.COM
    AMD and AWS Announce Availability of New Amazon EC2 M8a Instances Based on 5th Gen AMD EPYC Processors
    AWS has collaborated with AMD as the first major cloud provider to launch instances powered by AMD EPYC CPUs. Since 2018, AWS has launched all generations of EPYC CPUs spanning general purpose, memory-optimized, compute-optimized, burstable, and HPC instance families. Today we're excited to announce...
    0 Comments 0 Shares 173 Views 0 Reviews
  • เหยื่อติดคอ ตอนที่ 8
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “เหยื่อติดคอ”
    ตอนที่ 8 (ตอนจบ)

    ตั้งแต่อเมริกาบีบให้สหประชาชาติคว่ำบาตรอิหร่าน ตั้งแต่ปี ค.ศ.2006 อิหร่านก็เปิดประตูรับแขกตะวันตกน้อยลง โดยเฉพาะสัญชาติอเมริกัน สมน้ำหน้า ! เขาไม่รับให้เข้าไปเดินเล่นในประเทศ แล้วคุยผ่านคนกลาง มันจะน่าเชื่อถือได้มากหรือน้อย อิหร่านทำตัวต่างกับสมันน้อย ที่เปิดมันหมดทั้งประตูหน้า ประตูหลัง หน้าต่างมีกี่บานเปิดถ่างมันหมด ข้อมูลทุกอย่างก็ไหลเหมือนท่อแตก ทำให้การวางแผนควบคุม (ไม่อยากใช้คำว่า เขมือบหรือขม้ำ มันแสลงใจกัน) สมันน้อย จึงเหมือนแค่ปลอกกล้วยให้ลิงกิน

    ตั้งแต่รบกับอินเดียนแดงชนะ ได้แผ่นดินเขามาครอง อเมริกาเคยรบข้าศึก หรือ ศัตรูในประเทศตัวเองบ้างไหม คำตอบคือไม่เคยเลย เคยแต่รบกันเอง เดินดาหน้าเป็นแถว ยิงปืนใส่กัน สมัยสงครามกลางเมืองเหนือใต้หลายร้อยปีมาแล้ว นอกนั้นอเมริการบนอกบ้านทั้งสิ้น แล้วการรบของอเมริกาที่นอกบ้านเป็นอย่างไร ที่เกาหลี เวียตนาม อาฟกานีสถาน และอิรัก รวมทั้งหลายแห่งในอาฟริกา ล้วนเป็นการรบกับประเทศที่ด้อยกว่าทั้งด้านอาวุธและฝีมือ อเมริกาใช้เวลา อาวุธ และกำลังพล เหมือนขี่ช้างไปจับตั๊กแตน และผลลัพธ์ ถ้าไม่แพ้น๊อกเช่นที่เวียตนาม ก็แพ้คะแนนในการรบทุกแห่ง ยกเว้นอาฟริกา ที่เหมือนรบกับคนใกล้ตาย อันนี้เป็นคำกล่าวของนายทหารอเมริกันเอง แล้วอิหร่านเป็นตั๊กแตนแน่หรือ ถ้าเป็นตั๊กแตน ก็ตั๊กแตนติดนิวเคลียร์ ดูเอาจากรายงานของคณะทำงานฉบับวันที่ 18 สิงหาคม ค.ศ.2006 ก็คงจะพอเดากันออก

    อเมริกาที่ใครๆคิดว่าแน่ คิดว่าใหญ่ เป็นพี่เบิ้มครองโลกหมายเลขหนึ่ง ดูเหมือนจะเก่งทางสร้างภาพผ่านสื่อ เอะอะก็ขู่จะเอากองทัพไปถล่มเขา เห็นลมพัดใบตองแห้งเป็นไม่ได้ ต้องออกเสียง แต่ก็ยังมีหลายคนในแดนสมันน้อย ที่กลัวพี่เบิ้มใบตองแห้ง จนไม่กล้าขยับหนี คงเพราะถูกครอบด้วยกระป๋องสี่เหลี่ยมติดตายอยู่ที่หัว หรืออิ่มจนพูดไม่ออก เฮ้อ! เหนื่อยใจ! ไม่เบื่อกระป๋องสี่เหลี่ยม คิดถอดออกบ้างหรือไงครับ…!?

    ถึงอิหร่านจะถูกจับเป็นเหยื่อ มาเป็นเวลานานกว่า 100 ปี แต่ไม่ได้หม่ายความว่า เมื่อตกเป็นเหยื่อแล้ว จะต้องเป็นเหยื่อเขาไปตลอดกาล เหยื่อที่อ่อนแอเท่านั้นที่คิดเช่นนั้น อิหร่านบอกว่าข้อเสนอของคาวบอย Bush เมื่อกลางปี ค.ศ.2006 เหมือนกับให้รัฐบาลอิหร่านไปเลียเกือกบู๊ทของ Bush ต่อหน้าสาธารณะ และเป็นการจบสิ้นศักดิ์ศรีทางการ เมืองของอิหร่าน “ Bush might as well have offered the Iranian regime a chance to lick his boots in public and commit political suicide…”

    เดือนตุลาคม ค.ศ.2007 คุณพี่ปูตินทำให้โลกอ้าปากค้าง มองตาไม่กระพริบ คุณพี่เดินทางไปอิหร่านอย่างเป็นทางการในฐานะหัวหน้ารัฐบาลของรัสเซีย หลังจากรัสเซียไม่ได้ไปเยี่ยมเยือนอิหร่านมา 60 ปี คุณพี่ประกาศในการไปเยี่ยมอิหร่านว่า รัสเซียจะปกป้องอิหร่านจากการคุกคามของอเมริกา เหมือนเป็นทางการเตือนผ่านไปในอากาศ ข้ามทวีปไปถึงคาวบอย Bush ว่า “โปรดระวัง” เตือนมา 7 ปีมาแล้ว การเตือนนี้จะยังมีผลอยู่หรือไม่ น่าติดตาม

    เสียงเตือนของคุณพี่ปูติน ถูกแปลงเป็นการเร่งเครื่อง คาวบอยอเมริกันเหมือนถูกหยามหน้า Pentagon รายงานว่า มีการหารือกันถึงการวางแผนจะให้ของขวัญอิหร่าน จะเอาแบบ “a broad bombing attack” ทิ้งระเบิดแบบปูพรมทั่วไปทั้งเตหะราน หรือเอาแบบ “surgical” ส่งให้เฉพาะกองทัพของอิหร่านดีนะ เรือรบจำนวนกว่าครึ่งของกองทัพเรืออเมริกา ถูกสั่งให้พร้อมเคลื่อนที่ประชิดอิหร่าน หน่วยงานความมั่นคงของอเมริกา National Security Strategy ออกข่าวในเดือนกันยายน ค.ศ. 2006 ว่า “เราอาจจะไม่เคยเจอประเทศใดเพียงประเทศเดียว ที่ท้าทายเราได้มากเท่าอิหร่าน !” เป็นคำพูดที่น่ากลัวมาก จากหน่วยงานความมั่นคง ของนักล่าใบตองแห้ง
    เจ้าหน้าที่อเมริกันบันทึกว่า การแข่งขันระหว่างอเมริกา รัสเซีย ได้เริ่มต้นใหม่อีกแล้ว การแข่งขันนี้ไม่ใช่แค่เรื่องนิวเคลียร์ของอิหร่าน แต่มันเป็นการแข่งขันชิงตำแหน่ง แชมป์โลก ทั้งทางด้านเศรษฐกิจ การเมือง และการทหารในตะวันออกกลาง และเลยไปกว่านั้น แต่นับจากวันนั้นถึงวันนี้ มันก็มีแต่การคว่ำบาตรกับการส่งเสียงใส่ใบตองแห้ง พี่เบิ้มอเมริกายังไม่ขยับเข้าไปใกล้เหยื่อชื่ออิหร่านมากกว่านั้น ยังปล่อยให้คาคออยู่อย่างนั้น

    จะเป็นพี่เบิ้มหมายเลขหนึ่งของโลก ต้องมีอุปกรณ์พร้อมอย่างน้อย 3 อย่าง อาวุธหนัก ทุนหนา และน้ำมันแน่น (ถัง) มันเป็นส่วนผสมที่เสริมสร้างกันเอง ดังนั้นอเมริกาต้อง “ได้” ตะวันออกกลาง ที่มีแหล่งน้ำมันกว่าครึ่งของโลก แต่จะได้ตะวันออกกลางอยู่ในมือเบ็ดเสร็จ ต้องจัดการเอาซาอุดิอารเบีย และอิหร่าน 2 ประเทศใหญ่ของตะวันออกกลาง มาอยู่ในกรงเลี้ยงให้เชื่อง

    ซาอุดิอารเบียติดอาหารยี่ห้อกระดาษสีเขียวตรานกอินทรีย์จนอิ่มแปร้ เกาะนิ่ง แม้บางครั้งจะออกอาการกระสับกระส่าย แต่ไม่ออกฤทธิ์ ตรงกันข้ามกับเหยื่อชื่ออิหร่าน

    อิหร่านดิ้นรน ออกแรง เพื่อให้หลุดจากกรงเหยื่อมานาน และอเมริกาก็ใช้สารพัดกับดัก ไม้เสี้ยม ไม้เสียบเพื่อให้เหยื่อเชื่องอยู่มือ อเมริกาคิดว่าเหยื่อทุกรายในตะวัน ออกกลาง (และดูเหมือนจะทั้งโลก !) จะชอบอาหารยี่ห้อเดียวกัน อาจจะใช่ แต่ไม่แน่ว่าจะเสมอไป และตลอดไป เมื่อหมดหนทางทำให้เหยื่อเชื่อง อเมริกาก็ตัดสินใจทำลายเหยื่ออย่างเหี้ยมโหด

    อิหร่านไม่หวังจะเป็นเหยื่อตลอดกาล แต่จะสู้โดยลำพัง ไม่แน่ว่าจะหลุดจากกรงได้ อิหร่านรู้จักสร้างแนวร่วม อิรัก เลบานอน และซีเรีย ซึ่งค่อยๆย้ายที่มายืนแถวเดียวกับอิหร่าน แต่ที่สำคัญ อิหร่านรู้จักแยกว่าใครคือเพื่อน และใครคือศัตรู

    สำหรับรัสเซียและจีน เพื่อไม่ให้อเมริกาครอบครองตะวันออกกลางทั้งหมด ซึ่งจะทำให้ทั้งรัสเซียและจีนเสียเปรียบ และอาจจะถึงเสียหาย จึงมีแต่จะต้องสนันสนุนอิหร่านให้เข้มแข็ง ให้เป็นไม้ขวางที่หนักและเคลื่อนย้ายยาก เหมือนท่อนซุงขวางทาง ไม่ให้อเมริกาก้าวครอบตะวันออก กลางทั้งหมดได้ง่ายๆ ยิ่งบวกอิรัก ซีเรีย และเลบานอน เข้าไปด้วย 4 ประเทศ รวมเป็นเสี้ยวพระจันทร์ อเมริกาเห็นแล้วก็คงหนาว ขบวนการเข้าไปในอิรัก ฉายหนังโหดซ้ำซากรอบหลังนี้ และการทำลายซีเรีย ซึ่งไม่น่าต้องถามว่าฝีมือใคร

    นับตั้งแต่คุณพี่ปูติน เดินเข้าไปจับมือกับอิหร่านเมื่อ 7 ปี ที่แล้ว สัมพันธ์ระหว่างรัสเซียกับอิหร่าน รวมทั้งจีน ดูเหมือนยิ่งกระชับและชิดแน่น การสนับสนุนร่วมมือระหว่าง 3 ประเทศ มีทั้งเปิดเผยและปิดลับ มันเป็นการเปิดทางให้เหยื่อก้าวย่างออกจากกรงอย่างเด็ดเดี่ยวและมั่นใจ

    อิหร่านถูกเหล่านักล่าตะวันตก ขูดเลือดเอาน้ำมันมากว่า 70 ปี จนถึงทุกวันนี้ก็ยังถูกขูดอยู่ ผ่านสงครามโลกมา 2 ครั้ง ก็ยังถูกหลอก ถูกย่ำยี จนศักดิ์ศรีของประเทศและประชาชนกร่อนแห้ง จากถูกอังกฤษขูดเลือด มาถูกอเมริกาเลาะเนื้อเถือกระดูกต่อ คนอิหร่านยอมลำบาก แต่ไม่ยอมก้มหัวเป็นเหยื่ออีกต่อไป

    เมื่อเหยื่อรายสำคัญ ตัดสินใจเลือกเดินออกจากกรง อเมริกาจะปล่อยมือ เปิดกรงให้ง่ายๆเช่นนั้นหรือ อเมริกาน่าจะคิดหนัก แต่ดูเหมือนเสียง “โปรดระวัง” ของคุณพี่ปูตินจะลอยลมมาผ่านข้ามไปอีกฟากหนึ่งของโลก..….ให้อเมริกาได้ยิน…..อีกรอบหนึ่ง

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    25 กันยายน 2557
    เหยื่อติดคอ ตอนที่ 8 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “เหยื่อติดคอ” ตอนที่ 8 (ตอนจบ) ตั้งแต่อเมริกาบีบให้สหประชาชาติคว่ำบาตรอิหร่าน ตั้งแต่ปี ค.ศ.2006 อิหร่านก็เปิดประตูรับแขกตะวันตกน้อยลง โดยเฉพาะสัญชาติอเมริกัน สมน้ำหน้า ! เขาไม่รับให้เข้าไปเดินเล่นในประเทศ แล้วคุยผ่านคนกลาง มันจะน่าเชื่อถือได้มากหรือน้อย อิหร่านทำตัวต่างกับสมันน้อย ที่เปิดมันหมดทั้งประตูหน้า ประตูหลัง หน้าต่างมีกี่บานเปิดถ่างมันหมด ข้อมูลทุกอย่างก็ไหลเหมือนท่อแตก ทำให้การวางแผนควบคุม (ไม่อยากใช้คำว่า เขมือบหรือขม้ำ มันแสลงใจกัน) สมันน้อย จึงเหมือนแค่ปลอกกล้วยให้ลิงกิน ตั้งแต่รบกับอินเดียนแดงชนะ ได้แผ่นดินเขามาครอง อเมริกาเคยรบข้าศึก หรือ ศัตรูในประเทศตัวเองบ้างไหม คำตอบคือไม่เคยเลย เคยแต่รบกันเอง เดินดาหน้าเป็นแถว ยิงปืนใส่กัน สมัยสงครามกลางเมืองเหนือใต้หลายร้อยปีมาแล้ว นอกนั้นอเมริการบนอกบ้านทั้งสิ้น แล้วการรบของอเมริกาที่นอกบ้านเป็นอย่างไร ที่เกาหลี เวียตนาม อาฟกานีสถาน และอิรัก รวมทั้งหลายแห่งในอาฟริกา ล้วนเป็นการรบกับประเทศที่ด้อยกว่าทั้งด้านอาวุธและฝีมือ อเมริกาใช้เวลา อาวุธ และกำลังพล เหมือนขี่ช้างไปจับตั๊กแตน และผลลัพธ์ ถ้าไม่แพ้น๊อกเช่นที่เวียตนาม ก็แพ้คะแนนในการรบทุกแห่ง ยกเว้นอาฟริกา ที่เหมือนรบกับคนใกล้ตาย อันนี้เป็นคำกล่าวของนายทหารอเมริกันเอง แล้วอิหร่านเป็นตั๊กแตนแน่หรือ ถ้าเป็นตั๊กแตน ก็ตั๊กแตนติดนิวเคลียร์ ดูเอาจากรายงานของคณะทำงานฉบับวันที่ 18 สิงหาคม ค.ศ.2006 ก็คงจะพอเดากันออก อเมริกาที่ใครๆคิดว่าแน่ คิดว่าใหญ่ เป็นพี่เบิ้มครองโลกหมายเลขหนึ่ง ดูเหมือนจะเก่งทางสร้างภาพผ่านสื่อ เอะอะก็ขู่จะเอากองทัพไปถล่มเขา เห็นลมพัดใบตองแห้งเป็นไม่ได้ ต้องออกเสียง แต่ก็ยังมีหลายคนในแดนสมันน้อย ที่กลัวพี่เบิ้มใบตองแห้ง จนไม่กล้าขยับหนี คงเพราะถูกครอบด้วยกระป๋องสี่เหลี่ยมติดตายอยู่ที่หัว หรืออิ่มจนพูดไม่ออก เฮ้อ! เหนื่อยใจ! ไม่เบื่อกระป๋องสี่เหลี่ยม คิดถอดออกบ้างหรือไงครับ…!? ถึงอิหร่านจะถูกจับเป็นเหยื่อ มาเป็นเวลานานกว่า 100 ปี แต่ไม่ได้หม่ายความว่า เมื่อตกเป็นเหยื่อแล้ว จะต้องเป็นเหยื่อเขาไปตลอดกาล เหยื่อที่อ่อนแอเท่านั้นที่คิดเช่นนั้น อิหร่านบอกว่าข้อเสนอของคาวบอย Bush เมื่อกลางปี ค.ศ.2006 เหมือนกับให้รัฐบาลอิหร่านไปเลียเกือกบู๊ทของ Bush ต่อหน้าสาธารณะ และเป็นการจบสิ้นศักดิ์ศรีทางการ เมืองของอิหร่าน “ Bush might as well have offered the Iranian regime a chance to lick his boots in public and commit political suicide…” เดือนตุลาคม ค.ศ.2007 คุณพี่ปูตินทำให้โลกอ้าปากค้าง มองตาไม่กระพริบ คุณพี่เดินทางไปอิหร่านอย่างเป็นทางการในฐานะหัวหน้ารัฐบาลของรัสเซีย หลังจากรัสเซียไม่ได้ไปเยี่ยมเยือนอิหร่านมา 60 ปี คุณพี่ประกาศในการไปเยี่ยมอิหร่านว่า รัสเซียจะปกป้องอิหร่านจากการคุกคามของอเมริกา เหมือนเป็นทางการเตือนผ่านไปในอากาศ ข้ามทวีปไปถึงคาวบอย Bush ว่า “โปรดระวัง” เตือนมา 7 ปีมาแล้ว การเตือนนี้จะยังมีผลอยู่หรือไม่ น่าติดตาม เสียงเตือนของคุณพี่ปูติน ถูกแปลงเป็นการเร่งเครื่อง คาวบอยอเมริกันเหมือนถูกหยามหน้า Pentagon รายงานว่า มีการหารือกันถึงการวางแผนจะให้ของขวัญอิหร่าน จะเอาแบบ “a broad bombing attack” ทิ้งระเบิดแบบปูพรมทั่วไปทั้งเตหะราน หรือเอาแบบ “surgical” ส่งให้เฉพาะกองทัพของอิหร่านดีนะ เรือรบจำนวนกว่าครึ่งของกองทัพเรืออเมริกา ถูกสั่งให้พร้อมเคลื่อนที่ประชิดอิหร่าน หน่วยงานความมั่นคงของอเมริกา National Security Strategy ออกข่าวในเดือนกันยายน ค.ศ. 2006 ว่า “เราอาจจะไม่เคยเจอประเทศใดเพียงประเทศเดียว ที่ท้าทายเราได้มากเท่าอิหร่าน !” เป็นคำพูดที่น่ากลัวมาก จากหน่วยงานความมั่นคง ของนักล่าใบตองแห้ง เจ้าหน้าที่อเมริกันบันทึกว่า การแข่งขันระหว่างอเมริกา รัสเซีย ได้เริ่มต้นใหม่อีกแล้ว การแข่งขันนี้ไม่ใช่แค่เรื่องนิวเคลียร์ของอิหร่าน แต่มันเป็นการแข่งขันชิงตำแหน่ง แชมป์โลก ทั้งทางด้านเศรษฐกิจ การเมือง และการทหารในตะวันออกกลาง และเลยไปกว่านั้น แต่นับจากวันนั้นถึงวันนี้ มันก็มีแต่การคว่ำบาตรกับการส่งเสียงใส่ใบตองแห้ง พี่เบิ้มอเมริกายังไม่ขยับเข้าไปใกล้เหยื่อชื่ออิหร่านมากกว่านั้น ยังปล่อยให้คาคออยู่อย่างนั้น จะเป็นพี่เบิ้มหมายเลขหนึ่งของโลก ต้องมีอุปกรณ์พร้อมอย่างน้อย 3 อย่าง อาวุธหนัก ทุนหนา และน้ำมันแน่น (ถัง) มันเป็นส่วนผสมที่เสริมสร้างกันเอง ดังนั้นอเมริกาต้อง “ได้” ตะวันออกกลาง ที่มีแหล่งน้ำมันกว่าครึ่งของโลก แต่จะได้ตะวันออกกลางอยู่ในมือเบ็ดเสร็จ ต้องจัดการเอาซาอุดิอารเบีย และอิหร่าน 2 ประเทศใหญ่ของตะวันออกกลาง มาอยู่ในกรงเลี้ยงให้เชื่อง ซาอุดิอารเบียติดอาหารยี่ห้อกระดาษสีเขียวตรานกอินทรีย์จนอิ่มแปร้ เกาะนิ่ง แม้บางครั้งจะออกอาการกระสับกระส่าย แต่ไม่ออกฤทธิ์ ตรงกันข้ามกับเหยื่อชื่ออิหร่าน อิหร่านดิ้นรน ออกแรง เพื่อให้หลุดจากกรงเหยื่อมานาน และอเมริกาก็ใช้สารพัดกับดัก ไม้เสี้ยม ไม้เสียบเพื่อให้เหยื่อเชื่องอยู่มือ อเมริกาคิดว่าเหยื่อทุกรายในตะวัน ออกกลาง (และดูเหมือนจะทั้งโลก !) จะชอบอาหารยี่ห้อเดียวกัน อาจจะใช่ แต่ไม่แน่ว่าจะเสมอไป และตลอดไป เมื่อหมดหนทางทำให้เหยื่อเชื่อง อเมริกาก็ตัดสินใจทำลายเหยื่ออย่างเหี้ยมโหด อิหร่านไม่หวังจะเป็นเหยื่อตลอดกาล แต่จะสู้โดยลำพัง ไม่แน่ว่าจะหลุดจากกรงได้ อิหร่านรู้จักสร้างแนวร่วม อิรัก เลบานอน และซีเรีย ซึ่งค่อยๆย้ายที่มายืนแถวเดียวกับอิหร่าน แต่ที่สำคัญ อิหร่านรู้จักแยกว่าใครคือเพื่อน และใครคือศัตรู สำหรับรัสเซียและจีน เพื่อไม่ให้อเมริกาครอบครองตะวันออกกลางทั้งหมด ซึ่งจะทำให้ทั้งรัสเซียและจีนเสียเปรียบ และอาจจะถึงเสียหาย จึงมีแต่จะต้องสนันสนุนอิหร่านให้เข้มแข็ง ให้เป็นไม้ขวางที่หนักและเคลื่อนย้ายยาก เหมือนท่อนซุงขวางทาง ไม่ให้อเมริกาก้าวครอบตะวันออก กลางทั้งหมดได้ง่ายๆ ยิ่งบวกอิรัก ซีเรีย และเลบานอน เข้าไปด้วย 4 ประเทศ รวมเป็นเสี้ยวพระจันทร์ อเมริกาเห็นแล้วก็คงหนาว ขบวนการเข้าไปในอิรัก ฉายหนังโหดซ้ำซากรอบหลังนี้ และการทำลายซีเรีย ซึ่งไม่น่าต้องถามว่าฝีมือใคร นับตั้งแต่คุณพี่ปูติน เดินเข้าไปจับมือกับอิหร่านเมื่อ 7 ปี ที่แล้ว สัมพันธ์ระหว่างรัสเซียกับอิหร่าน รวมทั้งจีน ดูเหมือนยิ่งกระชับและชิดแน่น การสนับสนุนร่วมมือระหว่าง 3 ประเทศ มีทั้งเปิดเผยและปิดลับ มันเป็นการเปิดทางให้เหยื่อก้าวย่างออกจากกรงอย่างเด็ดเดี่ยวและมั่นใจ อิหร่านถูกเหล่านักล่าตะวันตก ขูดเลือดเอาน้ำมันมากว่า 70 ปี จนถึงทุกวันนี้ก็ยังถูกขูดอยู่ ผ่านสงครามโลกมา 2 ครั้ง ก็ยังถูกหลอก ถูกย่ำยี จนศักดิ์ศรีของประเทศและประชาชนกร่อนแห้ง จากถูกอังกฤษขูดเลือด มาถูกอเมริกาเลาะเนื้อเถือกระดูกต่อ คนอิหร่านยอมลำบาก แต่ไม่ยอมก้มหัวเป็นเหยื่ออีกต่อไป เมื่อเหยื่อรายสำคัญ ตัดสินใจเลือกเดินออกจากกรง อเมริกาจะปล่อยมือ เปิดกรงให้ง่ายๆเช่นนั้นหรือ อเมริกาน่าจะคิดหนัก แต่ดูเหมือนเสียง “โปรดระวัง” ของคุณพี่ปูตินจะลอยลมมาผ่านข้ามไปอีกฟากหนึ่งของโลก..….ให้อเมริกาได้ยิน…..อีกรอบหนึ่ง สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 25 กันยายน 2557
    0 Comments 0 Shares 246 Views 0 Reviews
  • “IBM จับมือ Anthropic ดัน Claude เข้าสู่โลกองค์กร — IDE ใหม่ช่วยเพิ่มผลิตภาพ 45% พร้อมมาตรฐานความปลอดภัยระดับควอนตัม”

    IBM และ Anthropic ประกาศความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ในการนำโมเดลภาษาขนาดใหญ่ (LLM) อย่าง Claude เข้ามาเป็นแกนกลางของเครื่องมือพัฒนาซอฟต์แวร์สำหรับองค์กร โดยเริ่มจากการเปิดตัว IDE ใหม่ที่ขับเคลื่อนด้วย AI ซึ่งออกแบบมาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในทุกขั้นตอนของ Software Development Lifecycle (SDLC)

    IDE ตัวใหม่นี้อยู่ในช่วง private preview โดยมีนักพัฒนาภายใน IBM กว่า 6,000 คนได้ทดลองใช้งานแล้ว และพบว่าผลิตภาพเพิ่มขึ้นเฉลี่ยถึง 45% โดยไม่ลดคุณภาพของโค้ดหรือมาตรฐานความปลอดภัย

    Claude จะช่วยจัดการงานที่ซับซ้อน เช่น การอัปเกรดระบบอัตโนมัติ การย้ายเฟรมเวิร์ก การรีแฟกเตอร์โค้ดแบบมีบริบท และการตรวจสอบความปลอดภัยและ compliance โดยฝังการสแกนช่องโหว่และการเข้ารหัสแบบ quantum-safe เข้าไปใน workflow โดยตรง

    นอกจากการเขียนโค้ด Claude ยังช่วยในการวางแผน ตรวจสอบ และจัดการงานตั้งแต่ต้นจนจบ พร้อมรักษาบริบทข้าม session ได้อย่างแม่นยำ ทำให้เหมาะกับองค์กรที่มีระบบซับซ้อนและต้องการความต่อเนื่องในการพัฒนา

    IBM และ Anthropic ยังร่วมกันออกคู่มือ “Architecting Secure Enterprise AI Agents with MCP” ซึ่งเป็นแนวทางการพัฒนา AI agents สำหรับองค์กร โดยใช้เฟรมเวิร์ก ADLC (Agent Development Lifecycle) ที่เน้นความปลอดภัย การควบคุม และการทำงานร่วมกับระบบเดิม

    ความร่วมมือนี้ยังรวมถึงการผลักดันมาตรฐานเปิด เช่น Model Context Protocol (MCP) เพื่อให้ AI agents สามารถเชื่อมต่อกับข้อมูลและระบบขององค์กรได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    IBM และ Anthropic ร่วมมือกันนำ Claude เข้าสู่เครื่องมือพัฒนาซอฟต์แวร์สำหรับองค์กร
    เปิดตัว IDE ใหม่ที่ใช้ Claude เป็นแกนกลางในการจัดการ SDLC
    นักพัฒนาภายใน IBM กว่า 6,000 คนทดลองใช้แล้ว พบผลิตภาพเพิ่มขึ้น 45%
    Claude ช่วยจัดการงานเช่น อัปเกรดระบบ ย้ายเฟรมเวิร์ก และรีแฟกเตอร์โค้ด
    ฝังการสแกนช่องโหว่และการเข้ารหัสแบบ quantum-safe เข้าไปใน workflow
    Claude รักษาบริบทข้าม session และช่วยจัดการงานตั้งแต่ต้นจนจบ
    IBM และ Anthropic ออกคู่มือ ADLC สำหรับการพัฒนา AI agents
    ผลักดันมาตรฐานเปิด MCP เพื่อเชื่อมต่อ AI agents กับระบบองค์กร

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Claude Sonnet 4.5 เป็นหนึ่งในโมเดลที่ได้รับการยอมรับด้านความปลอดภัยและความแม่นยำ
    IDE ใหม่ของ IBM มีชื่อภายในว่า Project Bob และใช้หลายโมเดลร่วมกัน เช่น Claude, Granite, Llama
    DevSecOps ถูกฝังเข้าไปใน IDE เพื่อให้การพัฒนาและความปลอดภัยเป็นไปพร้อมกัน
    IBM มีความเชี่ยวชาญด้าน hybrid cloud และระบบในอุตสาหกรรมที่มีการกำกับดูแลสูง
    Anthropic เน้นการพัฒนา AI ที่ปลอดภัยและเชื่อถือได้ โดยเฉพาะในบริบทองค์กร

    https://www.techradar.com/pro/anthropic-and-ibm-want-to-push-more-ai-into-enterprise-software-with-claude-coming-to-an-ide-near-you
    🧠 “IBM จับมือ Anthropic ดัน Claude เข้าสู่โลกองค์กร — IDE ใหม่ช่วยเพิ่มผลิตภาพ 45% พร้อมมาตรฐานความปลอดภัยระดับควอนตัม” IBM และ Anthropic ประกาศความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ในการนำโมเดลภาษาขนาดใหญ่ (LLM) อย่าง Claude เข้ามาเป็นแกนกลางของเครื่องมือพัฒนาซอฟต์แวร์สำหรับองค์กร โดยเริ่มจากการเปิดตัว IDE ใหม่ที่ขับเคลื่อนด้วย AI ซึ่งออกแบบมาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในทุกขั้นตอนของ Software Development Lifecycle (SDLC) IDE ตัวใหม่นี้อยู่ในช่วง private preview โดยมีนักพัฒนาภายใน IBM กว่า 6,000 คนได้ทดลองใช้งานแล้ว และพบว่าผลิตภาพเพิ่มขึ้นเฉลี่ยถึง 45% โดยไม่ลดคุณภาพของโค้ดหรือมาตรฐานความปลอดภัย Claude จะช่วยจัดการงานที่ซับซ้อน เช่น การอัปเกรดระบบอัตโนมัติ การย้ายเฟรมเวิร์ก การรีแฟกเตอร์โค้ดแบบมีบริบท และการตรวจสอบความปลอดภัยและ compliance โดยฝังการสแกนช่องโหว่และการเข้ารหัสแบบ quantum-safe เข้าไปใน workflow โดยตรง นอกจากการเขียนโค้ด Claude ยังช่วยในการวางแผน ตรวจสอบ และจัดการงานตั้งแต่ต้นจนจบ พร้อมรักษาบริบทข้าม session ได้อย่างแม่นยำ ทำให้เหมาะกับองค์กรที่มีระบบซับซ้อนและต้องการความต่อเนื่องในการพัฒนา IBM และ Anthropic ยังร่วมกันออกคู่มือ “Architecting Secure Enterprise AI Agents with MCP” ซึ่งเป็นแนวทางการพัฒนา AI agents สำหรับองค์กร โดยใช้เฟรมเวิร์ก ADLC (Agent Development Lifecycle) ที่เน้นความปลอดภัย การควบคุม และการทำงานร่วมกับระบบเดิม ความร่วมมือนี้ยังรวมถึงการผลักดันมาตรฐานเปิด เช่น Model Context Protocol (MCP) เพื่อให้ AI agents สามารถเชื่อมต่อกับข้อมูลและระบบขององค์กรได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ IBM และ Anthropic ร่วมมือกันนำ Claude เข้าสู่เครื่องมือพัฒนาซอฟต์แวร์สำหรับองค์กร ➡️ เปิดตัว IDE ใหม่ที่ใช้ Claude เป็นแกนกลางในการจัดการ SDLC ➡️ นักพัฒนาภายใน IBM กว่า 6,000 คนทดลองใช้แล้ว พบผลิตภาพเพิ่มขึ้น 45% ➡️ Claude ช่วยจัดการงานเช่น อัปเกรดระบบ ย้ายเฟรมเวิร์ก และรีแฟกเตอร์โค้ด ➡️ ฝังการสแกนช่องโหว่และการเข้ารหัสแบบ quantum-safe เข้าไปใน workflow ➡️ Claude รักษาบริบทข้าม session และช่วยจัดการงานตั้งแต่ต้นจนจบ ➡️ IBM และ Anthropic ออกคู่มือ ADLC สำหรับการพัฒนา AI agents ➡️ ผลักดันมาตรฐานเปิด MCP เพื่อเชื่อมต่อ AI agents กับระบบองค์กร ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Claude Sonnet 4.5 เป็นหนึ่งในโมเดลที่ได้รับการยอมรับด้านความปลอดภัยและความแม่นยำ ➡️ IDE ใหม่ของ IBM มีชื่อภายในว่า Project Bob และใช้หลายโมเดลร่วมกัน เช่น Claude, Granite, Llama ➡️ DevSecOps ถูกฝังเข้าไปใน IDE เพื่อให้การพัฒนาและความปลอดภัยเป็นไปพร้อมกัน ➡️ IBM มีความเชี่ยวชาญด้าน hybrid cloud และระบบในอุตสาหกรรมที่มีการกำกับดูแลสูง ➡️ Anthropic เน้นการพัฒนา AI ที่ปลอดภัยและเชื่อถือได้ โดยเฉพาะในบริบทองค์กร https://www.techradar.com/pro/anthropic-and-ibm-want-to-push-more-ai-into-enterprise-software-with-claude-coming-to-an-ide-near-you
    0 Comments 0 Shares 195 Views 0 Reviews
  • “Microsoft จับมือ Shizen Energy เดินหน้าพลังงานแสงอาทิตย์ 100MW ในญี่ปุ่น — ป้อนพลังงานสะอาดให้ศูนย์ข้อมูล AI”

    Microsoft เดินหน้าสู่เป้าหมายลดคาร์บอนในญี่ปุ่น ด้วยการลงนามข้อตกลงซื้อพลังงานระยะยาว (PPA) กับบริษัทพลังงานหมุนเวียน Shizen Energy รวม 3 โครงการใหม่ในภูมิภาคคิวชูและชูโกกุ ซึ่งจะผลิตไฟฟ้ารวม 100 เมกะวัตต์ (MW) เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานของศูนย์ข้อมูลและบริการ AI ของ Microsoft ในประเทศ

    นี่เป็นการขยายความร่วมมือจากโครงการ Inuyama Solar Project ที่เริ่มต้นในปี 2023 และถือเป็นสัญญาระยะยาวฉบับที่ 4 ระหว่างสองบริษัท โดยหนึ่งในโรงไฟฟ้าในคิวชูเริ่มดำเนินการแล้ว ส่วนอีกสองแห่งในชูโกกุกำลังอยู่ระหว่างการก่อสร้าง และจะบริหารโดยบริษัทลูก Shizen Operations

    โครงการทั้งหมดได้รับการสนับสนุนทางการเงินจากกลุ่มสถาบันการเงินทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งสะท้อนถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่อศักยภาพของตลาดพลังงานหมุนเวียนในญี่ปุ่น

    Microsoft ใช้รูปแบบสัญญา PPA และ VPPA เพื่อรับประกันการใช้พลังงานสะอาดในราคาคงที่ โดย VPPA จะดำเนินการผ่านการแลกเปลี่ยนใบรับรองพลังงานหมุนเวียน (REC) ซึ่งช่วยชดเชยการปล่อยคาร์บอนแม้ไม่มีการเชื่อมต่อทางกายภาพกับแหล่งผลิต

    การลงทุนครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของเป้าหมายของ Microsoft ที่จะใช้พลังงานหมุนเวียน 100% ภายในปี 2025 และเป็นองค์กรที่ปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นลบภายในปี 2030 โดยเฉพาะในยุคที่การประมวลผล AI และคลาวด์ต้องใช้พลังงานมหาศาล

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Microsoft ลงนาม PPA กับ Shizen Energy รวม 100MW สำหรับพลังงานแสงอาทิตย์ในญี่ปุ่น
    ครอบคลุม 3 โครงการในคิวชูและชูโกกุ หนึ่งแห่งเริ่มดำเนินการแล้ว อีกสองแห่งกำลังก่อสร้าง
    โครงการได้รับการสนับสนุนทางการเงินจากสถาบันทั้งในและต่างประเทศ
    เป็นสัญญาระยะยาวฉบับที่ 4 ระหว่าง Microsoft กับ Shizen Energy
    ใช้รูปแบบ PPA และ VPPA เพื่อรับประกันการใช้พลังงานสะอาด
    VPPA ดำเนินการผ่านการแลกเปลี่ยนใบรับรองพลังงานหมุนเวียน (REC)
    สนับสนุนเป้าหมายของ Microsoft ที่จะใช้พลังงานหมุนเวียน 100% ภายในปี 2025
    Microsoft ตั้งเป้าเป็นองค์กรที่ปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นลบภายในปี 2030
    โครงการนี้จะช่วยป้อนพลังงานให้ศูนย์ข้อมูล AI และคลาวด์ในญี่ปุ่น

    https://securityonline.info/microsoft-signs-100-mw-solar-ppa-with-shizen-energy-to-power-ai-in-japan/
    ☀️ “Microsoft จับมือ Shizen Energy เดินหน้าพลังงานแสงอาทิตย์ 100MW ในญี่ปุ่น — ป้อนพลังงานสะอาดให้ศูนย์ข้อมูล AI” Microsoft เดินหน้าสู่เป้าหมายลดคาร์บอนในญี่ปุ่น ด้วยการลงนามข้อตกลงซื้อพลังงานระยะยาว (PPA) กับบริษัทพลังงานหมุนเวียน Shizen Energy รวม 3 โครงการใหม่ในภูมิภาคคิวชูและชูโกกุ ซึ่งจะผลิตไฟฟ้ารวม 100 เมกะวัตต์ (MW) เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานของศูนย์ข้อมูลและบริการ AI ของ Microsoft ในประเทศ นี่เป็นการขยายความร่วมมือจากโครงการ Inuyama Solar Project ที่เริ่มต้นในปี 2023 และถือเป็นสัญญาระยะยาวฉบับที่ 4 ระหว่างสองบริษัท โดยหนึ่งในโรงไฟฟ้าในคิวชูเริ่มดำเนินการแล้ว ส่วนอีกสองแห่งในชูโกกุกำลังอยู่ระหว่างการก่อสร้าง และจะบริหารโดยบริษัทลูก Shizen Operations โครงการทั้งหมดได้รับการสนับสนุนทางการเงินจากกลุ่มสถาบันการเงินทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งสะท้อนถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่อศักยภาพของตลาดพลังงานหมุนเวียนในญี่ปุ่น Microsoft ใช้รูปแบบสัญญา PPA และ VPPA เพื่อรับประกันการใช้พลังงานสะอาดในราคาคงที่ โดย VPPA จะดำเนินการผ่านการแลกเปลี่ยนใบรับรองพลังงานหมุนเวียน (REC) ซึ่งช่วยชดเชยการปล่อยคาร์บอนแม้ไม่มีการเชื่อมต่อทางกายภาพกับแหล่งผลิต การลงทุนครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของเป้าหมายของ Microsoft ที่จะใช้พลังงานหมุนเวียน 100% ภายในปี 2025 และเป็นองค์กรที่ปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นลบภายในปี 2030 โดยเฉพาะในยุคที่การประมวลผล AI และคลาวด์ต้องใช้พลังงานมหาศาล ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Microsoft ลงนาม PPA กับ Shizen Energy รวม 100MW สำหรับพลังงานแสงอาทิตย์ในญี่ปุ่น ➡️ ครอบคลุม 3 โครงการในคิวชูและชูโกกุ หนึ่งแห่งเริ่มดำเนินการแล้ว อีกสองแห่งกำลังก่อสร้าง ➡️ โครงการได้รับการสนับสนุนทางการเงินจากสถาบันทั้งในและต่างประเทศ ➡️ เป็นสัญญาระยะยาวฉบับที่ 4 ระหว่าง Microsoft กับ Shizen Energy ➡️ ใช้รูปแบบ PPA และ VPPA เพื่อรับประกันการใช้พลังงานสะอาด ➡️ VPPA ดำเนินการผ่านการแลกเปลี่ยนใบรับรองพลังงานหมุนเวียน (REC) ➡️ สนับสนุนเป้าหมายของ Microsoft ที่จะใช้พลังงานหมุนเวียน 100% ภายในปี 2025 ➡️ Microsoft ตั้งเป้าเป็นองค์กรที่ปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นลบภายในปี 2030 ➡️ โครงการนี้จะช่วยป้อนพลังงานให้ศูนย์ข้อมูล AI และคลาวด์ในญี่ปุ่น https://securityonline.info/microsoft-signs-100-mw-solar-ppa-with-shizen-energy-to-power-ai-in-japan/
    SECURITYONLINE.INFO
    Microsoft Signs 100 MW Solar PPA with Shizen Energy to Power AI in Japan
    Microsoft expanded its partnership with Shizen Energy, signing three new solar PPAs for 100 MW to power its cloud/AI infrastructure, accelerating Japan's energy transition.
    0 Comments 0 Shares 124 Views 0 Reviews
  • เหยื่อติดคอ ตอนที่ 2
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “เหยื่อติดคอ”
    ตอนที่ 2

    อเมริกาเอาจริงเรื่องอิหร่าน ขนเอาเจ้าหน้าที่ของ CIA เข้ามาตั้งหน่วยงานใหญ่อยู่ในอิหร่าน เกาะติดทุกรายการ ทุกเป้าหมาย โดยเฉพาะเอาเข้าไปคลุกคลีอยู่กับนักการเมือง นักการเงิน และพวกอีลิตของอิห ร่าน Dr. Taqi ชาวอิหร่านสาย CIA รับหน้าที่กล่อมมงกุฎราชกุมาร Abdoreza และนายพล Ali Razmara รายหลังแสดงความสนใจที่จะผูกมิตรจับมือร่วมงานกับอเมริกา เขาบอกกับ Dr. Taqiว่า ถ้าอเมริกาจัดการให้เขาเป็นนายกรัฐมนตรีอิหร่านได้ เขาก็จะตั้งให้ Dr. Taqi เป็นรัฐมนตรีคุมเศรษฐกิจอิหร่าน เราผลัดกันเกาหลังให้กันไงเพื่อน! แล้วเราจะได้วางแผนเขี่ยอังกฤษออกไปจากอิหร่านได้เสียที

    ค.ศ.1950 Shah ก็แต่งตั้งให้นายพล Razmara เป็นนายกรัฐมนตรี

    นายพล Razmara ในฐานะนายกรัฐมนตรี ปลดพวกข้าราชการระดับสูง 400 คนทันที และลงนามในสัญญา “Point Four” กับอเมริกา ซึ่งมีผลให้อเมริกาเข้า ไปมีอิทธิพลในอิหร่านภายใต้เสื้อคลุมการพัฒนาเศรษฐกิจ นี่ผมเขียนเรื่องอิหร่านนะครับ แม้มันจะดูคล้ายกับเหตุการณ์ในแดนสมันน้อยก็ตาม

    แต่สำหรับเรื่อง Anglo-Persian Oil อะไรคงยังจุกคอท่านนายพล Razmara อยู่ เขาไม่ขยับตามที่อเมริกาต้องการ แถมออกกฏหมายรับรอง Anglo-Persian Oil ให้ควบคุมน้ำมันของอิหร่านต่อ นี่ลองของหรือไง หลังจากนั้นไม่นานท่านนายพล Razmara ก็ถูกฆาตกรรม เก็บลงหีบเรียบร้อย เขาเล่นกันแรงจริง

    สภาผู้แทนอิหร่านหรือที่เรียกว่า Majlis ซึ่ง Col. Schwazkopf มีอิทธิพลครอบอยู่ จึงจับมือ Shah ให้ตั้ง Mohammed Mossadeq เป็นนายกรัฐมนตรีแทนนายพล Razmara

    Mossadeq เป็นนักการเมืองที่มีความสามารถ และเป็นที่นิยมของชาวอิหร่าน เพราะเขาประกาสต่อต้านอิทธิพลของอังกฤษอย่างเปิดเผยมาตลอด จนอังกฤษทนไม่ไหว และขับให้เขาออกนอกประเทศไปตั้งแต่ ปี ค.ศ.1919 แต่ใน ค.ศ.1921 อังกฤษก็สั่งให้ Reza Khan เรียกตัว Mossadeq กลับอิหร่านใหม่ หวังเอาฐานเสียงของ Mossadeq มาสนับสนุน Khan ซึ่งกำลังง่อนแง่น แต่เมื่อ Khan ตั้งตัวเองเป็น Shah ในปี ค.ศ.1925 Mossadeq คัดค้านอย่างรุนแรง และบอกว่า นี่เป็นการยุยงของอังกฤษที่จะทำให้อิหร่านล่ม ความคิดเช่นนี้ของ Mossadeq เข้าทางอเมริกาที่กำลังหาคนไป แซะอังกฤษออกจากอิหร่าน ดังนั้นเมื่อ Mossadeq ได้เป็นนายกรัฐมนตรี สมใจอเมริกา และปฏิบัติการยึด Anglo-Iranian Oil จากอังกฤษ มาเป็นของอิหร่าน จึงไม่ถูกต้านทานจากอเมริกา อเมริกาน่าจะประเมิน Mossadeq พลาด
    การยึด Anglo-Iranian Oil อังกฤษเต้นเป็นเจ้าเข้า โกรธจนเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ กระเทือนยังกับแผ่นดินไหว เตรียมกองทัพจะมาขยี้อิหร่าน อังกฤษซ้อมค้าง ชวนอเมริกาไปขยี้อิหร่านด้วยกัน อเมริกาบอกว่าไม่เห็นด้วยกับการจะใช้กำลังกับอิหร่าน (แหม! ไต๋โผล่เร็วจัง) เจรจากับอิหร่านดีกว่าน่าลูกพี่ อังกฤษไม่ยอม วิ่งจนหัวล้านเปียก ใช้ช่องทางของสหประชาชาติประกาศคว่ำบาตรน้ำมันอิหร่าน และสั่งรวบรวมเด็กในคาถาที่อยู่อิหร่านเตรียมตัวปฏิวัติโค่น Mossadeq อเมริกาไม่เล่นด้วย เราเล่นเองก็ได้ ชาวเกาะชักย๊วะ

    การคว่ำบาตรน้ำมันอิหร่าน ทำให้ตลาดโลกน้ำมันปั่นป่วน หลังจากนั้นก็มีข่าวลือในวอซิงตันว่อนตามโต๊ะทำงานว่า สหภาพโซเวียตฉวยโอกาสนี้ ยุทหารอิหร่านทำการปฏิวัติและส่งเสริมระบอบคอมมิวนิตส์ในอิหร่านเสียเอง ฮื่ม แก้เกมเก่งนะลูกพี่ แบบนี้อเมริกาก็เลิกลั่ก หันไม่ถูกทางเหมือนกัน

    แล้วอเมริกาก็สะดุดกับดักของอังกฤษ หันกลับมากดดัน Mossadeq ให้ประนีประนอมกับอังกฤษ Mossadeq ปฏิเสธ อเมริกาชักไม่ชอบใจที่สั่งขวาหันกับ Mossadeq ไม่ได้ อเมริกายังไม่ตัดสินใจว่าจะจัดการอย่างไรดี ข่าวลือมาอีกรอบ น่าสงสัยว่า Mossadeq จะทำงานร่วมกับสหภาพโซเวียตผ่านพวกคอมมิวนิตส์ในอิหร่าน คราวนี้อเมริกาเป็นฝ่านเต้น เข้าใจเล่นจริงลูกพี่ แล้ว CIA ก็จับมือกับหน่วยราชการลับอังกฤษ MI6 จัดการให้มีการปฏิวัติโค่นล้มรัฐบาล Mossadeq ในปี ค.ศ.1953 CIA เรียกว่า “Operation Ajax”

    Operation Ajax ทำให้ Shah Mohammud Reza Pahlavi กลับมาสู่อำนาจอีกครั้ง และเขารู้ว่าเขาควรจะขอบคุณใคร บ้าง วงการข่าวเล่ากันว่า ในวันครองบัลลังก์ Shah ได้พูดว่ากับนาย Kermit Roosevelt Jr. หัวหน้า CIA ประจำอิหร่านว่า “ขอบคุณพระเจ้า ประชาชนของเรา กองทัพของเรา และท่าน !”

    หลังจาการปฏิวัติ บริษัทน้ำมันที่อิหร่านยึดมาเป็นของรัฐ ใช้ชื่อว่า National Iranian Oil Company ก็จริง แต่การควบคุมการผลิตและการขายน้ำมันอิหร่าน ตกอยู่ในกำมือของกลุ่มบรรษัทน้ำมันข้ามชาติ ซึ่งแน่นอน พ่วงเอา 5 บริษัทยักษ์ใหญ่ของอเมริกาเข้าไปด้วย กลุ่มอเมริกาได้รับหุ้นน้ำมัน หอมชื่นใจไป 40% ส่วนของ Anglo-Iranian Oil ของอังกฤษ ซึ่งต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น British Petroleum หรือ BP ถูกลดลงมาเหลือ 40% ฝรั่งเศสและดัชท์ในฐานะผู้เข้าร่วมแสดงได้ 20% เหลือ 40% ดีกว่าเหลือแต่ถังน้ำมันเปล่าๆ นักล่าชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ คงรำพึงด้วยความซ้ำใจ

    ผลของการยึดบริษัทน้ำมันมาเป็นของรัฐและแรงกดดันของประชาชน ทำให้ส่วนแบ่งรายได้น้ำมันของอิหร่านเพิ่มขึ้นเป็น 50% แต่อิหร่านไม่ได้รับอนุญาตให้ตรวจสอบสมุดบัญชีบริษัท มันเป็นชัยชนะที่จอมปลอม เหมือนชัยชนะของการต่อสู้โดยประชาชนส่วนใหญ่ ที่สุดท้ายแล้วก็โดนหลอกโดนต้มเหมือนเดิม

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    22 กันยายน 2557
    เหยื่อติดคอ ตอนที่ 2 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “เหยื่อติดคอ” ตอนที่ 2 อเมริกาเอาจริงเรื่องอิหร่าน ขนเอาเจ้าหน้าที่ของ CIA เข้ามาตั้งหน่วยงานใหญ่อยู่ในอิหร่าน เกาะติดทุกรายการ ทุกเป้าหมาย โดยเฉพาะเอาเข้าไปคลุกคลีอยู่กับนักการเมือง นักการเงิน และพวกอีลิตของอิห ร่าน Dr. Taqi ชาวอิหร่านสาย CIA รับหน้าที่กล่อมมงกุฎราชกุมาร Abdoreza และนายพล Ali Razmara รายหลังแสดงความสนใจที่จะผูกมิตรจับมือร่วมงานกับอเมริกา เขาบอกกับ Dr. Taqiว่า ถ้าอเมริกาจัดการให้เขาเป็นนายกรัฐมนตรีอิหร่านได้ เขาก็จะตั้งให้ Dr. Taqi เป็นรัฐมนตรีคุมเศรษฐกิจอิหร่าน เราผลัดกันเกาหลังให้กันไงเพื่อน! แล้วเราจะได้วางแผนเขี่ยอังกฤษออกไปจากอิหร่านได้เสียที ค.ศ.1950 Shah ก็แต่งตั้งให้นายพล Razmara เป็นนายกรัฐมนตรี นายพล Razmara ในฐานะนายกรัฐมนตรี ปลดพวกข้าราชการระดับสูง 400 คนทันที และลงนามในสัญญา “Point Four” กับอเมริกา ซึ่งมีผลให้อเมริกาเข้า ไปมีอิทธิพลในอิหร่านภายใต้เสื้อคลุมการพัฒนาเศรษฐกิจ นี่ผมเขียนเรื่องอิหร่านนะครับ แม้มันจะดูคล้ายกับเหตุการณ์ในแดนสมันน้อยก็ตาม แต่สำหรับเรื่อง Anglo-Persian Oil อะไรคงยังจุกคอท่านนายพล Razmara อยู่ เขาไม่ขยับตามที่อเมริกาต้องการ แถมออกกฏหมายรับรอง Anglo-Persian Oil ให้ควบคุมน้ำมันของอิหร่านต่อ นี่ลองของหรือไง หลังจากนั้นไม่นานท่านนายพล Razmara ก็ถูกฆาตกรรม เก็บลงหีบเรียบร้อย เขาเล่นกันแรงจริง สภาผู้แทนอิหร่านหรือที่เรียกว่า Majlis ซึ่ง Col. Schwazkopf มีอิทธิพลครอบอยู่ จึงจับมือ Shah ให้ตั้ง Mohammed Mossadeq เป็นนายกรัฐมนตรีแทนนายพล Razmara Mossadeq เป็นนักการเมืองที่มีความสามารถ และเป็นที่นิยมของชาวอิหร่าน เพราะเขาประกาสต่อต้านอิทธิพลของอังกฤษอย่างเปิดเผยมาตลอด จนอังกฤษทนไม่ไหว และขับให้เขาออกนอกประเทศไปตั้งแต่ ปี ค.ศ.1919 แต่ใน ค.ศ.1921 อังกฤษก็สั่งให้ Reza Khan เรียกตัว Mossadeq กลับอิหร่านใหม่ หวังเอาฐานเสียงของ Mossadeq มาสนับสนุน Khan ซึ่งกำลังง่อนแง่น แต่เมื่อ Khan ตั้งตัวเองเป็น Shah ในปี ค.ศ.1925 Mossadeq คัดค้านอย่างรุนแรง และบอกว่า นี่เป็นการยุยงของอังกฤษที่จะทำให้อิหร่านล่ม ความคิดเช่นนี้ของ Mossadeq เข้าทางอเมริกาที่กำลังหาคนไป แซะอังกฤษออกจากอิหร่าน ดังนั้นเมื่อ Mossadeq ได้เป็นนายกรัฐมนตรี สมใจอเมริกา และปฏิบัติการยึด Anglo-Iranian Oil จากอังกฤษ มาเป็นของอิหร่าน จึงไม่ถูกต้านทานจากอเมริกา อเมริกาน่าจะประเมิน Mossadeq พลาด การยึด Anglo-Iranian Oil อังกฤษเต้นเป็นเจ้าเข้า โกรธจนเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ กระเทือนยังกับแผ่นดินไหว เตรียมกองทัพจะมาขยี้อิหร่าน อังกฤษซ้อมค้าง ชวนอเมริกาไปขยี้อิหร่านด้วยกัน อเมริกาบอกว่าไม่เห็นด้วยกับการจะใช้กำลังกับอิหร่าน (แหม! ไต๋โผล่เร็วจัง) เจรจากับอิหร่านดีกว่าน่าลูกพี่ อังกฤษไม่ยอม วิ่งจนหัวล้านเปียก ใช้ช่องทางของสหประชาชาติประกาศคว่ำบาตรน้ำมันอิหร่าน และสั่งรวบรวมเด็กในคาถาที่อยู่อิหร่านเตรียมตัวปฏิวัติโค่น Mossadeq อเมริกาไม่เล่นด้วย เราเล่นเองก็ได้ ชาวเกาะชักย๊วะ การคว่ำบาตรน้ำมันอิหร่าน ทำให้ตลาดโลกน้ำมันปั่นป่วน หลังจากนั้นก็มีข่าวลือในวอซิงตันว่อนตามโต๊ะทำงานว่า สหภาพโซเวียตฉวยโอกาสนี้ ยุทหารอิหร่านทำการปฏิวัติและส่งเสริมระบอบคอมมิวนิตส์ในอิหร่านเสียเอง ฮื่ม แก้เกมเก่งนะลูกพี่ แบบนี้อเมริกาก็เลิกลั่ก หันไม่ถูกทางเหมือนกัน แล้วอเมริกาก็สะดุดกับดักของอังกฤษ หันกลับมากดดัน Mossadeq ให้ประนีประนอมกับอังกฤษ Mossadeq ปฏิเสธ อเมริกาชักไม่ชอบใจที่สั่งขวาหันกับ Mossadeq ไม่ได้ อเมริกายังไม่ตัดสินใจว่าจะจัดการอย่างไรดี ข่าวลือมาอีกรอบ น่าสงสัยว่า Mossadeq จะทำงานร่วมกับสหภาพโซเวียตผ่านพวกคอมมิวนิตส์ในอิหร่าน คราวนี้อเมริกาเป็นฝ่านเต้น เข้าใจเล่นจริงลูกพี่ แล้ว CIA ก็จับมือกับหน่วยราชการลับอังกฤษ MI6 จัดการให้มีการปฏิวัติโค่นล้มรัฐบาล Mossadeq ในปี ค.ศ.1953 CIA เรียกว่า “Operation Ajax” Operation Ajax ทำให้ Shah Mohammud Reza Pahlavi กลับมาสู่อำนาจอีกครั้ง และเขารู้ว่าเขาควรจะขอบคุณใคร บ้าง วงการข่าวเล่ากันว่า ในวันครองบัลลังก์ Shah ได้พูดว่ากับนาย Kermit Roosevelt Jr. หัวหน้า CIA ประจำอิหร่านว่า “ขอบคุณพระเจ้า ประชาชนของเรา กองทัพของเรา และท่าน !” หลังจาการปฏิวัติ บริษัทน้ำมันที่อิหร่านยึดมาเป็นของรัฐ ใช้ชื่อว่า National Iranian Oil Company ก็จริง แต่การควบคุมการผลิตและการขายน้ำมันอิหร่าน ตกอยู่ในกำมือของกลุ่มบรรษัทน้ำมันข้ามชาติ ซึ่งแน่นอน พ่วงเอา 5 บริษัทยักษ์ใหญ่ของอเมริกาเข้าไปด้วย กลุ่มอเมริกาได้รับหุ้นน้ำมัน หอมชื่นใจไป 40% ส่วนของ Anglo-Iranian Oil ของอังกฤษ ซึ่งต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น British Petroleum หรือ BP ถูกลดลงมาเหลือ 40% ฝรั่งเศสและดัชท์ในฐานะผู้เข้าร่วมแสดงได้ 20% เหลือ 40% ดีกว่าเหลือแต่ถังน้ำมันเปล่าๆ นักล่าชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ คงรำพึงด้วยความซ้ำใจ ผลของการยึดบริษัทน้ำมันมาเป็นของรัฐและแรงกดดันของประชาชน ทำให้ส่วนแบ่งรายได้น้ำมันของอิหร่านเพิ่มขึ้นเป็น 50% แต่อิหร่านไม่ได้รับอนุญาตให้ตรวจสอบสมุดบัญชีบริษัท มันเป็นชัยชนะที่จอมปลอม เหมือนชัยชนะของการต่อสู้โดยประชาชนส่วนใหญ่ ที่สุดท้ายแล้วก็โดนหลอกโดนต้มเหมือนเดิม สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 22 กันยายน 2557
    0 Comments 0 Shares 230 Views 0 Reviews
  • เหยื่อติดคอ ตอนที่ 1
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “เหยื่อติดคอ”
    ตอนที่ 1

    ปี ค.ศ.1899 Lord Curzon อุปราชของจักรภพอังกฤษ ประจำอินเดีย (British Viceroy of India) เขียนไว้ เมื่อยังเป็นรัฐมนตรีต่างประเทศของอังกฤษว่า อิหร่านและเพื่อนบ้านเป็นหมากที่สำคัญบนกระดานของเกมชิงโลก และอนาคตของจักรภพอังกฤษ ก็ขึ้นอยู่กับบริเวณนั้นแหละไม่ใช่อยู่ที่ยุโรป

    คงด้วยความคิดแบบนี้ การล่าเหยื่อจึงเข้มข้นและแพร่ขยายเหมือนเชื้อโรคร้ายนานกว่า 150 ปี ทำให้อิหร่านและตะวันออกกลางตกเป็นเหยื่อของนักล่าชาวตะวันตกซ้ำแล้วซ้ำอีก การต่อสู้เกิดขึ้นในบริเวณต่างๆ ทางตะวันออกกลางอยู่เสมอ และก็ย้ายบริเวณการต่อสู้ไปเรื่อยๆ ตามการวางไม้เสี้ยม ไม้ขวางของนักล่า ที่ออกอาการหวงรางหญ้าและเหยื่อของตนเอง

    อังกฤษนักล่ารุ่นเก่า ชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ โม้ว่า “moment” ของตนในการเคี้ยวเหยื่อแถบตะวันออกกลาง อยู่ในช่วงตั้งแต่ ค.ศ.1914 ถึง 1950

    แต่แค่หลัง ค.ศ.1925 เป็นต้นมา นักล่าหน้าใหม่ของอเมริกาเขี้ยวเริ่มงอก ก็คิดฝันเข้ามาล่าเหยื่อแถวตะวันออกกลางด้วยเหมือนกัน อเมริกาเข้าตะวันออกกลางตั้งแต่ ก่อนเริ่มศตวรรษที่ 19 เล็กน้อย แต่ยังไม่ถึง “เวลา” ที่จะเปิดหน้าเปิดตัว รอจนสงครามโลกครั้งที่ 1 เลิกเล่น การช่วงชิงเหยื่อจากปากนักล่ารุ่นเก่า จึงเริ่มมีลีลาเล่ห์เหลี่ยมอย่างคึกคัก

    ค.ศ.1944 กระทรวงต่างประเทศของอเมริกาลงบันทึกว่า น้ำมันได้กลายเป็นอาวุธสำคัญ สำหรับการจะเป็นมหาอำนาจ เป็นรางวัลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก เท่าที่เคยมีมาในประวิติศาสตร์

    ระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 อเมริกานักล่าหน้าไหม่ แม้เขี้ยวจะเพิ่งงอก แต่ดูแหลมและแผนลึก เล็งตะวันออกกลางตาเขม็ง ในความเห็นของอเมริกา ตะวันออกกลางอยู่ระหว่างทางแยกระหว่างอาฟริกา เอเซีย และยุโรป และที่สำคัญเป็นบริเวณที่ดกไปด้วยแหล่งน้ำมัน นักยุทธศาสตร์อเมริกัน ก็ทำการบ้านเป็นไม่ต่างกับนักยุทธศาสตร์ของอังกฤษ ต่างก็รู้ดีว่า ใครก็ตามที่ควบคุมบริเวณนี้ ไม่ใช่แค่ชนะสงคราม แต่จะกลายเป็นมหาอำนาจ ผู้นำหมายเลขหนึ่งของโลกเลยทีเดียว จะปล่อยให้พวกนักล่าหน้าเก่าๆครอบครองกันต่อไปหรือ คิดแล้วอเมริกาก็มือไม้สั่น ต้องรีบเร่งสร้างกับดักเหยื่อ

    เมื่อเยอรมัน บุกรัสเซียในปี ค.ศ.1941 อังกฤษจึงหันมาจับมือกับรัสเซียอีกรอบ เพราะมีศัตรูรายเดียวกัน และใช้อิหร่านเป็นเส้นทางในการลำเลียงส่งอาวุธให้รัสเซีย เดือนสิงหาคม ค.ศ.1941 อังกฤษและรัสเซีย ส่งกองทัพเข้าไปในอิหร่าน ทำการควบคุมอิหร่าน เพื่อให้อิหร่านเป็นด่านหน้ารับมือแทนพวกสัมพันธมิตร
    แต่การสั่งงานไม่ค่อยได้ผลเพราะ Shah Reza Pahlavi (Reza Khan) ซึ่งปกครองอิหร่านขณะนั้น ไม่ได้รับความร่วมมือจากชาวอิหร่าน เพราะความเป็นเผด็จการและกดขี่ อังกฤษตั้งได้ ก็ปลดได้ แล้วอังกฤษก็ปลด Shah ออกจากตำแหน่ง และเอาลูกชายของ Shah ชื่อ Mohammud Reza Pahlavi ขึ้นมาครองแทน อังกฤษจำใจต้องใช้ Pahlavi ต่อ เพราะกลัวว่า Pahlavi คนพ่อจะเอาความชั่วของอังกฤษสมัยที่ใช้ให้ไปช่วยวางสาระพัด ไม้เสี้ยม มาปูดให้ชาวโลกรู้

    ในปี ค.ศ.1942 อเมริกาเข้าสู่สงครามอยู่ฝายสัมพันธมิตร และเป็นชาติหนึ่งที่ต้องส่งเสบียงให้รัสเซียผ่านทางอิหร่าน อเมริกาไม่ชอบพวก Pahlavi เพราะเห็นว่าเป็นพวกอังกฤษ ยอมทำทุกอย่างตามที่อังกฤษสั่ง โดยเฉพาะเรื่องการกีดกันบริษัทน้ำมันของอเมริกา ไม่ให้เข้ามาอิหร่านอยู่เป็นเวลาหลายสิบปี แต่ก็จำใจคบพร้อมเริ่มวางแผน

    ในที่สุดสงครามโลกครั้งที่ 2 ก็ช่วยให้อเมริกามีโอกาสแทรกเข้าไปในอิหร่านและกดดันให้อิหร่านทำสัญญาหลายฉบับกับอเมริกาโดย Shah Mohammud Reza Pahlavi ให้ความร่วมมือ อเมริกาหวังว่าต่อไปสัญญากับดักเหล่านี้จะทำให้ Shah หมดอำนาจหรืออำนาจน้อยลงในอิหร่าน สัญญาเหล่านี้เปิดโอกาสให้ กองทัพ ทหาร ตำรวจ ความมั่นคงภายในประเทศ และการเงินของประเทศอิหร่านอยู่ในกำมือของที่ปรึกษาชาวอเมริกัน

    นาย Wallace Murray ที่ปรึกษาอเมริกัน ทำหนังสือถึงประธานาธิบดี Roosevelt ว่า “ขณะนี้ชัดเจนแล้วว่า จริงๆแล้ว เราอเมริกาเป็นผู้บริหารประเทศอิหร่าน จากการทำงานอย่างเยี่ยมยอดของพวกที่ปรึกษาชาวอเมริกัน”

    อเมริกาจัดการให้อิหร่านตั้งหน่วย งานชื่อ Royal Gendamerie ภายใต้รหัสชื่อ Genmish โดยอเมริกาส่ง Col. Norman H. Schwazkopf มือหนึ่งจากกองทัพ แต่จริงๆสังกัด CIA มาเป็นผู้จัดตั้งและดูแล ขนาดว่า ต่อไปอิหร่านไม่จำเป็นต้องพึ่งกองกำลังของต่างชาติแต่อย่างใด ดูเหมือนอังกฤษจะถูกยันออกจากอิหร่านระยะหนึ่งแล้ว ไม่รู้ว่ารู้ตัวหรือไม่

    หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 สิ้นสุดลง Royal Gendamerie ก็ยังคงอยู่ และอยู่เลยไปถึง ค.ศ.1950 และขยายตัวมากขึ้นภายใต้สัญญา United Security Pact by Iran and American ทำให้กำลังพลเพิ่มจาก 35,000 เป็น 70,000 โดยการอบรมของเจ้าหน้าที่ระดับสูงที่ส่งมาจากอเมริกา ในที่สุด The Gendarmerie ก็มีหน้าที่ดูแลทั้งความมั่นคงภายในอิหร่านและบริเวณนอกอาณาเขตของอิหร่านด้วย

    ทั้งหมดนี้ทำให้ Col. Schwazkopf กลายเป็นผู้มีอำนาจและอิทธิพลสูงอยู่ในอิหร่าน โดยเฉพาะกับหัวหน้าเผ่าต่างๆ ฑูตอเมริกันในอิหร่าน นาย John C. Wiley ส่งโทรเลขรายงานกลับไปที่อเมริกาว่า “ขณะนี้ Schwazkopf สามารถควบคุมเสียงในสภาอิหร่านได้แล้วถึง 88 คน”

    หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 การควบคุมอิหร่านของอังกฤษเริ่มสั่นคลอน แม้อังกฤษจะยังควบคุมกิจการด้าน น้ำมันของอิหร่านผ่าน Anglo-Persian Oil Company (ซึ่งตอนหลังเปลี่ยนเป็น British Petroleum หรือ BP) Anglo-Persian คุมทั้งการผลิต การการกลั่น และการขายน้ำมันของอิหร่าน

    ระหว่าง ค.ศ.1945 ถึง ค.ศ.1950 อังกฤษเก็บเงินค่าน้ำมันในอิหร่านเข้ากระเป๋าไป 250 ล้านปอนด์ ในขณะที่เจ้าของแผ่นดินได้ประมาณ 90 ล้านปอนด์ น้ำมันอิหร่านจึงยังเป็นของยั่วยวนใจ บวกกับโอกาสการเข้าครอบครองตะวันออกกลางโดยใช้อิหร่านเป็นหมาก ทำให้สหภาพโซเวียตและอเมริกาต่างทำงานหนัก ในการแย่งเหยื่อชื่ออิหร่าน มาจากปากของอังกฤษ

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    22 กันยายน 2557
    เหยื่อติดคอ ตอนที่ 1 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “เหยื่อติดคอ” ตอนที่ 1 ปี ค.ศ.1899 Lord Curzon อุปราชของจักรภพอังกฤษ ประจำอินเดีย (British Viceroy of India) เขียนไว้ เมื่อยังเป็นรัฐมนตรีต่างประเทศของอังกฤษว่า อิหร่านและเพื่อนบ้านเป็นหมากที่สำคัญบนกระดานของเกมชิงโลก และอนาคตของจักรภพอังกฤษ ก็ขึ้นอยู่กับบริเวณนั้นแหละไม่ใช่อยู่ที่ยุโรป คงด้วยความคิดแบบนี้ การล่าเหยื่อจึงเข้มข้นและแพร่ขยายเหมือนเชื้อโรคร้ายนานกว่า 150 ปี ทำให้อิหร่านและตะวันออกกลางตกเป็นเหยื่อของนักล่าชาวตะวันตกซ้ำแล้วซ้ำอีก การต่อสู้เกิดขึ้นในบริเวณต่างๆ ทางตะวันออกกลางอยู่เสมอ และก็ย้ายบริเวณการต่อสู้ไปเรื่อยๆ ตามการวางไม้เสี้ยม ไม้ขวางของนักล่า ที่ออกอาการหวงรางหญ้าและเหยื่อของตนเอง อังกฤษนักล่ารุ่นเก่า ชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ โม้ว่า “moment” ของตนในการเคี้ยวเหยื่อแถบตะวันออกกลาง อยู่ในช่วงตั้งแต่ ค.ศ.1914 ถึง 1950 แต่แค่หลัง ค.ศ.1925 เป็นต้นมา นักล่าหน้าใหม่ของอเมริกาเขี้ยวเริ่มงอก ก็คิดฝันเข้ามาล่าเหยื่อแถวตะวันออกกลางด้วยเหมือนกัน อเมริกาเข้าตะวันออกกลางตั้งแต่ ก่อนเริ่มศตวรรษที่ 19 เล็กน้อย แต่ยังไม่ถึง “เวลา” ที่จะเปิดหน้าเปิดตัว รอจนสงครามโลกครั้งที่ 1 เลิกเล่น การช่วงชิงเหยื่อจากปากนักล่ารุ่นเก่า จึงเริ่มมีลีลาเล่ห์เหลี่ยมอย่างคึกคัก ค.ศ.1944 กระทรวงต่างประเทศของอเมริกาลงบันทึกว่า น้ำมันได้กลายเป็นอาวุธสำคัญ สำหรับการจะเป็นมหาอำนาจ เป็นรางวัลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก เท่าที่เคยมีมาในประวิติศาสตร์ ระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 อเมริกานักล่าหน้าไหม่ แม้เขี้ยวจะเพิ่งงอก แต่ดูแหลมและแผนลึก เล็งตะวันออกกลางตาเขม็ง ในความเห็นของอเมริกา ตะวันออกกลางอยู่ระหว่างทางแยกระหว่างอาฟริกา เอเซีย และยุโรป และที่สำคัญเป็นบริเวณที่ดกไปด้วยแหล่งน้ำมัน นักยุทธศาสตร์อเมริกัน ก็ทำการบ้านเป็นไม่ต่างกับนักยุทธศาสตร์ของอังกฤษ ต่างก็รู้ดีว่า ใครก็ตามที่ควบคุมบริเวณนี้ ไม่ใช่แค่ชนะสงคราม แต่จะกลายเป็นมหาอำนาจ ผู้นำหมายเลขหนึ่งของโลกเลยทีเดียว จะปล่อยให้พวกนักล่าหน้าเก่าๆครอบครองกันต่อไปหรือ คิดแล้วอเมริกาก็มือไม้สั่น ต้องรีบเร่งสร้างกับดักเหยื่อ เมื่อเยอรมัน บุกรัสเซียในปี ค.ศ.1941 อังกฤษจึงหันมาจับมือกับรัสเซียอีกรอบ เพราะมีศัตรูรายเดียวกัน และใช้อิหร่านเป็นเส้นทางในการลำเลียงส่งอาวุธให้รัสเซีย เดือนสิงหาคม ค.ศ.1941 อังกฤษและรัสเซีย ส่งกองทัพเข้าไปในอิหร่าน ทำการควบคุมอิหร่าน เพื่อให้อิหร่านเป็นด่านหน้ารับมือแทนพวกสัมพันธมิตร แต่การสั่งงานไม่ค่อยได้ผลเพราะ Shah Reza Pahlavi (Reza Khan) ซึ่งปกครองอิหร่านขณะนั้น ไม่ได้รับความร่วมมือจากชาวอิหร่าน เพราะความเป็นเผด็จการและกดขี่ อังกฤษตั้งได้ ก็ปลดได้ แล้วอังกฤษก็ปลด Shah ออกจากตำแหน่ง และเอาลูกชายของ Shah ชื่อ Mohammud Reza Pahlavi ขึ้นมาครองแทน อังกฤษจำใจต้องใช้ Pahlavi ต่อ เพราะกลัวว่า Pahlavi คนพ่อจะเอาความชั่วของอังกฤษสมัยที่ใช้ให้ไปช่วยวางสาระพัด ไม้เสี้ยม มาปูดให้ชาวโลกรู้ ในปี ค.ศ.1942 อเมริกาเข้าสู่สงครามอยู่ฝายสัมพันธมิตร และเป็นชาติหนึ่งที่ต้องส่งเสบียงให้รัสเซียผ่านทางอิหร่าน อเมริกาไม่ชอบพวก Pahlavi เพราะเห็นว่าเป็นพวกอังกฤษ ยอมทำทุกอย่างตามที่อังกฤษสั่ง โดยเฉพาะเรื่องการกีดกันบริษัทน้ำมันของอเมริกา ไม่ให้เข้ามาอิหร่านอยู่เป็นเวลาหลายสิบปี แต่ก็จำใจคบพร้อมเริ่มวางแผน ในที่สุดสงครามโลกครั้งที่ 2 ก็ช่วยให้อเมริกามีโอกาสแทรกเข้าไปในอิหร่านและกดดันให้อิหร่านทำสัญญาหลายฉบับกับอเมริกาโดย Shah Mohammud Reza Pahlavi ให้ความร่วมมือ อเมริกาหวังว่าต่อไปสัญญากับดักเหล่านี้จะทำให้ Shah หมดอำนาจหรืออำนาจน้อยลงในอิหร่าน สัญญาเหล่านี้เปิดโอกาสให้ กองทัพ ทหาร ตำรวจ ความมั่นคงภายในประเทศ และการเงินของประเทศอิหร่านอยู่ในกำมือของที่ปรึกษาชาวอเมริกัน นาย Wallace Murray ที่ปรึกษาอเมริกัน ทำหนังสือถึงประธานาธิบดี Roosevelt ว่า “ขณะนี้ชัดเจนแล้วว่า จริงๆแล้ว เราอเมริกาเป็นผู้บริหารประเทศอิหร่าน จากการทำงานอย่างเยี่ยมยอดของพวกที่ปรึกษาชาวอเมริกัน” อเมริกาจัดการให้อิหร่านตั้งหน่วย งานชื่อ Royal Gendamerie ภายใต้รหัสชื่อ Genmish โดยอเมริกาส่ง Col. Norman H. Schwazkopf มือหนึ่งจากกองทัพ แต่จริงๆสังกัด CIA มาเป็นผู้จัดตั้งและดูแล ขนาดว่า ต่อไปอิหร่านไม่จำเป็นต้องพึ่งกองกำลังของต่างชาติแต่อย่างใด ดูเหมือนอังกฤษจะถูกยันออกจากอิหร่านระยะหนึ่งแล้ว ไม่รู้ว่ารู้ตัวหรือไม่ หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 สิ้นสุดลง Royal Gendamerie ก็ยังคงอยู่ และอยู่เลยไปถึง ค.ศ.1950 และขยายตัวมากขึ้นภายใต้สัญญา United Security Pact by Iran and American ทำให้กำลังพลเพิ่มจาก 35,000 เป็น 70,000 โดยการอบรมของเจ้าหน้าที่ระดับสูงที่ส่งมาจากอเมริกา ในที่สุด The Gendarmerie ก็มีหน้าที่ดูแลทั้งความมั่นคงภายในอิหร่านและบริเวณนอกอาณาเขตของอิหร่านด้วย ทั้งหมดนี้ทำให้ Col. Schwazkopf กลายเป็นผู้มีอำนาจและอิทธิพลสูงอยู่ในอิหร่าน โดยเฉพาะกับหัวหน้าเผ่าต่างๆ ฑูตอเมริกันในอิหร่าน นาย John C. Wiley ส่งโทรเลขรายงานกลับไปที่อเมริกาว่า “ขณะนี้ Schwazkopf สามารถควบคุมเสียงในสภาอิหร่านได้แล้วถึง 88 คน” หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 การควบคุมอิหร่านของอังกฤษเริ่มสั่นคลอน แม้อังกฤษจะยังควบคุมกิจการด้าน น้ำมันของอิหร่านผ่าน Anglo-Persian Oil Company (ซึ่งตอนหลังเปลี่ยนเป็น British Petroleum หรือ BP) Anglo-Persian คุมทั้งการผลิต การการกลั่น และการขายน้ำมันของอิหร่าน ระหว่าง ค.ศ.1945 ถึง ค.ศ.1950 อังกฤษเก็บเงินค่าน้ำมันในอิหร่านเข้ากระเป๋าไป 250 ล้านปอนด์ ในขณะที่เจ้าของแผ่นดินได้ประมาณ 90 ล้านปอนด์ น้ำมันอิหร่านจึงยังเป็นของยั่วยวนใจ บวกกับโอกาสการเข้าครอบครองตะวันออกกลางโดยใช้อิหร่านเป็นหมาก ทำให้สหภาพโซเวียตและอเมริกาต่างทำงานหนัก ในการแย่งเหยื่อชื่ออิหร่าน มาจากปากของอังกฤษ สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 22 กันยายน 2557
    0 Comments 0 Shares 229 Views 0 Reviews
  • เหยื่อ – เคี้ยว ตอนที่ 6 – ซาอุดิฯ 4

    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “เหยื่อ”
    ตอนที่ 3 : “เคี้ยว 6”
    ซาอุดิ 4
    ซาอุดิอาราเบีย เหมือนสามล้อถูกหวย อยู่ดีๆเงินหล่นใส่หัว ตั้งตัวไม่ทัน นับเงินไม่ถูก เดี๋ยวๆก็เงินขาดมือ กษัตริย์ซาอุดิ ก็เลยต้องขอให้อเมริกาจ่ายเงินค่าสัมปทานล่วงหน้าอยู่เรื่อย อเมริกาก็หงุดหงิด แต่ไม่กล้าออกอาการ เดี๋ยวสัมปทานหลุดมือ
    ค.ศ.1937 บริษัทน้ำมันอเมริกา วิ่งไปหารัฐบาลอเมริกา บอกว่า เราต้องสร้างสัมพันธ์อย่างเป็นทางการกับซาอุดิเสียทีแล้ว จะได้ช่วยดูแลธุรกิจและคนอเมริกัน ที่เข้าไปทำงานขุดน้ำมันอยู่ในซาอุดิ ยังกะเป็นเมืองอเมริกันเล็กๆอยู่ในนั้นแล้วนะ กระทรวงต่างประเทศอเมริกาบอก ยังก่อน !
    ค.ศ.1939 กษัตริย์ซาอุ ฉลองการก่อสร้างท่อน้ำมันยาว 49 ไมล์ จากแคมป์ของบริษัทน้ำมันอเมริกันยาวไปถึงอ่าวเปอร์เซีย ในวันฉลอง ฝ่ายอเมริกันมีแต่เจ้าหน้าที่บริษัท ไม่มีตัวแทนของรัฐบาลมาด้วย แต่กษัตริย์บอกไม่เป็นไร เราก็ไม่ชอบคุยกับพวกรัฐบาล เราเข็ดจากพวกรัฐบาลของนักล่าชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ ยิ่งไม่หาย เรารังเกียจอังกฤษกับฝรั่งเศสอย่างบอกไม่ถูก อันที่จริงเราไม่ชอบคนตะวันตกทั้งนั้นแหละ ที่เราให้สัมปทานกับอเมริกา ก็เพราะท่านยื่นประมูลได้สูงถึงใจเราเท่านั้น
    เมื่อกระทรวงต่าง ประเทศอเมริกา ยังไม่เปิดสัมพันธ์กับทางซาอุดิอารเบียเต็มรูปแบบ ยังใช้เมืองไคโร อิยิปต์ เป็นสถานกงสุลคอยประสานงาน บริษัทน้ำมันคิดว่า น่าจะใช้วิธีเดียวกับอังกฤษ ( ที่ตั้ง บริษัท East India ดูแลกิจการในอาณานิคม) จึงตั้งหน่วยงานของตนเองชื่อ “Government Relations Organization (GRO) ขึ้น หน่วยงานนี้เป็นตัวกลางคอยประสานงานระหว่างซาอุดิอารเบีย รัฐบาลอเมริกา และบริษัทน้ำมัน ในที่สุด GRO ก็ได้กลายเป็นที่ปรึกษาใหญ่ ของซาอุดิอารเบีย ในการสร้างทางรถไฟและด้านเกษตรกรรม
    ระหว่างที่อเมริกากำลังป้อนอาหารให้ซาอุดิ อังกฤษก็ไม่ยอมปล่อยมือ อังกฤษ แว่วว่า กษัตริย์ซาอุดิกระเป๋ารั่วบ่อย คอยตามข่าว หาโอกาส ที่จะป้อนอาหารบ้าง ปี ค.ศ.1941 กษัตริย์ซาอุดิกระเป๋าขาดอีก ไม่มีเงินจ่ายสำหรับงบประมาณในปีนั้น กษัตริย์ซาอุดิขอให้ California-Arabian ช่วยหาเงินจำนวน 6 ล้านเหรียญให้ เพื่อมาอุดรูขาด
    California-Arabian แบกไม่ไหว ขอให้รัฐบาลอเมริกาช่วย ในตอนแรกประธานาธิบดี Roosevelt ปฏิเสธ แต่พอถึงเดือนธันวาคม ค.ศ.1941 อเมริกาประกาศสงครามกับฝ่ายอักษะ อเมริกาเห็นความจำเป็นของการมีบ่อน้ำมันไว้ข้างตัว คราวนี้กระทรวงต่างประเทศอเมริกา รีบแต่งตัวมาจับมือกับกษัตริย์ซาอุดิ แล้วเปิดสถานฑูตอเมริกา อย่างเป็นทางการที่เมือง Jidda ในปี ค.ศ.1942
    สถาน ฑูตอเมริกาตกลงจ่ายค่ากระเป๋ารั่วให้กษัตริย์ซาอุดิ และกลายมาเป็นผู้บริหารซาอุดิอารเบียในยามสงคราม อเมริกาอ้างว่าเพื่อดูแลบ่อน้ำมัน จำเป็นต้องนำกองทัพมาปกป้อง อังกฤษพยายามแทรกตัวเข้ามา แต่คราวนี้ไม่ใช่กระทรวงต่างประเทศ เท่านั้นที่ขวาง กระทรวงกลาโหมอเมริกา ก็ร่วมขวางด้วย และร่วมมือกันป้อนอาหาร อเมริกาขนเสบียงมูลค่า 20 ล้านเหรียญ ลงเรือบรรทุกมาให้ซาอุดิอารเบียในยามสงคราม รวมทั้งส่งเครื่องบินบรรทุกเครื่องเวชภัณท์มาให้เป็นพิเศษ
    ถึงตอน นี้ ประธานาธิบดี Roosevelt ตั้งหน่วยงานชื่อ Petroleum Reserves Coperation (PRC) สำหรับดูแลเหยื่อชื่อ ซาอุดิอารเบีย โดยเฉพาะ ค.ศ.1944 PRC เสนอให้มีการสร้างท่อส่งน้ำมันจากอ่าวเปอร์เซียข้ามไปยังเมดิเตอร์เรเนียน เพื่อประโยชน์ทางการหทาร ซาอุดิก็ไม่ขัดใจ ตราบใดที่…อิ่ม
    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    15 ก.ย. 57
    เหยื่อ – เคี้ยว ตอนที่ 6 – ซาอุดิฯ 4 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “เหยื่อ” ตอนที่ 3 : “เคี้ยว 6” ซาอุดิ 4 ซาอุดิอาราเบีย เหมือนสามล้อถูกหวย อยู่ดีๆเงินหล่นใส่หัว ตั้งตัวไม่ทัน นับเงินไม่ถูก เดี๋ยวๆก็เงินขาดมือ กษัตริย์ซาอุดิ ก็เลยต้องขอให้อเมริกาจ่ายเงินค่าสัมปทานล่วงหน้าอยู่เรื่อย อเมริกาก็หงุดหงิด แต่ไม่กล้าออกอาการ เดี๋ยวสัมปทานหลุดมือ ค.ศ.1937 บริษัทน้ำมันอเมริกา วิ่งไปหารัฐบาลอเมริกา บอกว่า เราต้องสร้างสัมพันธ์อย่างเป็นทางการกับซาอุดิเสียทีแล้ว จะได้ช่วยดูแลธุรกิจและคนอเมริกัน ที่เข้าไปทำงานขุดน้ำมันอยู่ในซาอุดิ ยังกะเป็นเมืองอเมริกันเล็กๆอยู่ในนั้นแล้วนะ กระทรวงต่างประเทศอเมริกาบอก ยังก่อน ! ค.ศ.1939 กษัตริย์ซาอุ ฉลองการก่อสร้างท่อน้ำมันยาว 49 ไมล์ จากแคมป์ของบริษัทน้ำมันอเมริกันยาวไปถึงอ่าวเปอร์เซีย ในวันฉลอง ฝ่ายอเมริกันมีแต่เจ้าหน้าที่บริษัท ไม่มีตัวแทนของรัฐบาลมาด้วย แต่กษัตริย์บอกไม่เป็นไร เราก็ไม่ชอบคุยกับพวกรัฐบาล เราเข็ดจากพวกรัฐบาลของนักล่าชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ ยิ่งไม่หาย เรารังเกียจอังกฤษกับฝรั่งเศสอย่างบอกไม่ถูก อันที่จริงเราไม่ชอบคนตะวันตกทั้งนั้นแหละ ที่เราให้สัมปทานกับอเมริกา ก็เพราะท่านยื่นประมูลได้สูงถึงใจเราเท่านั้น เมื่อกระทรวงต่าง ประเทศอเมริกา ยังไม่เปิดสัมพันธ์กับทางซาอุดิอารเบียเต็มรูปแบบ ยังใช้เมืองไคโร อิยิปต์ เป็นสถานกงสุลคอยประสานงาน บริษัทน้ำมันคิดว่า น่าจะใช้วิธีเดียวกับอังกฤษ ( ที่ตั้ง บริษัท East India ดูแลกิจการในอาณานิคม) จึงตั้งหน่วยงานของตนเองชื่อ “Government Relations Organization (GRO) ขึ้น หน่วยงานนี้เป็นตัวกลางคอยประสานงานระหว่างซาอุดิอารเบีย รัฐบาลอเมริกา และบริษัทน้ำมัน ในที่สุด GRO ก็ได้กลายเป็นที่ปรึกษาใหญ่ ของซาอุดิอารเบีย ในการสร้างทางรถไฟและด้านเกษตรกรรม ระหว่างที่อเมริกากำลังป้อนอาหารให้ซาอุดิ อังกฤษก็ไม่ยอมปล่อยมือ อังกฤษ แว่วว่า กษัตริย์ซาอุดิกระเป๋ารั่วบ่อย คอยตามข่าว หาโอกาส ที่จะป้อนอาหารบ้าง ปี ค.ศ.1941 กษัตริย์ซาอุดิกระเป๋าขาดอีก ไม่มีเงินจ่ายสำหรับงบประมาณในปีนั้น กษัตริย์ซาอุดิขอให้ California-Arabian ช่วยหาเงินจำนวน 6 ล้านเหรียญให้ เพื่อมาอุดรูขาด California-Arabian แบกไม่ไหว ขอให้รัฐบาลอเมริกาช่วย ในตอนแรกประธานาธิบดี Roosevelt ปฏิเสธ แต่พอถึงเดือนธันวาคม ค.ศ.1941 อเมริกาประกาศสงครามกับฝ่ายอักษะ อเมริกาเห็นความจำเป็นของการมีบ่อน้ำมันไว้ข้างตัว คราวนี้กระทรวงต่างประเทศอเมริกา รีบแต่งตัวมาจับมือกับกษัตริย์ซาอุดิ แล้วเปิดสถานฑูตอเมริกา อย่างเป็นทางการที่เมือง Jidda ในปี ค.ศ.1942 สถาน ฑูตอเมริกาตกลงจ่ายค่ากระเป๋ารั่วให้กษัตริย์ซาอุดิ และกลายมาเป็นผู้บริหารซาอุดิอารเบียในยามสงคราม อเมริกาอ้างว่าเพื่อดูแลบ่อน้ำมัน จำเป็นต้องนำกองทัพมาปกป้อง อังกฤษพยายามแทรกตัวเข้ามา แต่คราวนี้ไม่ใช่กระทรวงต่างประเทศ เท่านั้นที่ขวาง กระทรวงกลาโหมอเมริกา ก็ร่วมขวางด้วย และร่วมมือกันป้อนอาหาร อเมริกาขนเสบียงมูลค่า 20 ล้านเหรียญ ลงเรือบรรทุกมาให้ซาอุดิอารเบียในยามสงคราม รวมทั้งส่งเครื่องบินบรรทุกเครื่องเวชภัณท์มาให้เป็นพิเศษ ถึงตอน นี้ ประธานาธิบดี Roosevelt ตั้งหน่วยงานชื่อ Petroleum Reserves Coperation (PRC) สำหรับดูแลเหยื่อชื่อ ซาอุดิอารเบีย โดยเฉพาะ ค.ศ.1944 PRC เสนอให้มีการสร้างท่อส่งน้ำมันจากอ่าวเปอร์เซียข้ามไปยังเมดิเตอร์เรเนียน เพื่อประโยชน์ทางการหทาร ซาอุดิก็ไม่ขัดใจ ตราบใดที่…อิ่ม สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 15 ก.ย. 57
    0 Comments 0 Shares 220 Views 0 Reviews
  • เหยื่อ – เคี้ยว ตอนที่ 6 – ซาอุดิฯ 3
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “เหยื่อ”
ตอนที่ 3 : “เคี้ยว 6”
    ซาอุดิ 3
กษัตริย์ Ibn Saud เป็นอาหรับพวกที่ไม่ได้รวมวงกับ Sharif Hussien ในขบวนการเดินลงหม้อต้มของอังกฤษ แถมมองว่า Sharif Hussein หาเรื่องใส่ตัวเอง เชื่อเข้าไปได้ยังไงกับนักล่าชาวเกาะฯ กษัตริย์ Ibn Saud รังเกียจอังกฤษแบบเข้าไส้ และหาทางที่จะกำจัดอิทธิพลของอังกฤษให้หมดไปจากตะวันออกกลาง มีไอ้หน้าขาวผมทอง ละอ่อนหน้าใหม่โผล่เข้ามา Ibn Saud คิดว่าอเมริกาน่าจะเป็นผู้ใช้ไม้กวาดและแปรงถู ขจัดคราบชาวเกาะใหญ่ให้หมดไปจากตะวันออกกลางได้ เสียดายคุณปลา มัวแต่มองหาคลื่นในทะเลทราย แต่เขาว่า เวลาของใครจะมา มันก็มา แล้ว “moment” ของอเมริกาในตะวันออกกลางก็คงจะใกล้มาถึง
    นาย Charles R. Crane เศรษฐีชาว Chicago ผู้ร่วมทำรายงาน King Crane เดินสำรวจความเห็นชาวอาหรับไปทั่วตะวันออกกลางในช่วง ค.ศ.1917 ว่าชาวอาหรับอยากจะฝากไข้ฝากครัวไว้กับใคร เดินไป ถามไป สำรวจไป ฝังหัวไป ชาวอาหรับหลายเผ่า จึงเฝ้าคอยให้อเมริกามาแทนที่อังกฤษและฝรั่งเศสในตะวันออกกลาง
    กษัตริย์ Ibn Saud แม้จะเกลียดอังกฤษนักล่าชาวเกาะเข้าไส้ แต่ก็มีที่ปรึกษาเป็นชาวอังกฤษ ซื่อนาย St. John Philby ซึ่งได้เปลี่ยนมานับถือศาสนาอิสลาม แล้วนาย Philby แนะนำกษัตริย์ให้เชิญนาย Crane ซึ่งยังคงขี่อูฐเอ้อระเหย อยู่แถบตะวันออกอยู่มาคุยกัน (แผนนี้วางได้เนียนดี)
    กษัตริย์ Ibn Saud ต้องการถามความเห็นของนาย Crane ถึงความเป็นไปได้ของการสำรวจ ขุดเจาะ แผ่นดินอันแสนยากจนของตนดูว่า มันมีของมีค่าอะไรอยู่ข้างใต้นี้บ้าง เช่น น้ำ เราแห้งแล้งมาก เราอยากรู้ว่าประเทศเรามันจะมีโอกาสโชคดีกับเขาบ้างไหม
    นาย Crane รีบหยิบผ้าเช็ดหน้าปาดน้ำลาย ซับเหงื่อ นี่ก็คงเป็นของขวัญที่เบื้องบนประทานมา เขารีบเรียกตัววิศวกรเหมืองแร่มา Jidda ด่วนที่สุด แล้วการขุดเจาะแผ่นดินของซาอุดิอารเบีย ก็เริ่มดำเนินการ ภายใต้การอำนวยการและทุนอุดหนุนของนาย Charles R. Crane
    ในเดือน พฤษภาคม ค.ศ.1933 มีโทรเลขแจ้งไปทางอเมริกาว่า การเจรจาระหว่างตัวแทนของ Standard Oil of California (SOCAL) กับรัฐมนตรีคลังของซาอุดิ สรุปได้แล้วว่า ตกลง กษัตริย์ Ibn Saud มอบสัมปทานการขุดน้ำมันให้แก่ SOCAL เป็นระยะเวลา 60 ปี ครอบคลุมเนื้อที่ 360,000 ตารางไมล์ และมีสิทธิจะขยายไปได้อีก 80,000 ตารางไมล์ โดยต้องใช้สิทธิภายใน ค.ศ.1939 ส่วนนาย Philby ก็รับทั้งค่านายหน้าและเงินเดือนจาก SOCAL กระเป๋าอวบ หน้าอิ่มสบายไปทั้งชาติ เอะ นักล่าชาวเกาะใหญ่ฯหล่นหายไปไหน ทำไมถึงตกรอบ!
    ในปี ค.ศ.1938 Aramco ก็ขุดเจาะน้ำมันรุ่นแรกขึ้นมาได้เป็นจำนวนมากพอที่จะทำการค้าขายได้ และปีต่อมาการส่งออกน้ำมันจากหลุมเจาะนี้ ก็เกิดขึ้น
    SOCAL ใช้บริษัทในเครือเป็นผู้รับสัมปทาน ชื่อ California-Arabian Standard Oil Company (CASOC) ซึงตอนหลังรู้จักกันในชื่อ “Aramco” Aramco จดทะเบียนในอเมริการัฐ Delaware ดังนั้นสมุดบัญชีต่างๆของบริษัท จึงลงรายรับรายจ่ายเป็นเงินเหรียญ สหรัฐ ไม่ใช่เงินปอนด์ของอังกฤษ และดอลล่าร์ จึงกลายเป็นมาตรฐาน ในการซื้อขายน้ำมัน ในตะวันออกกลาง และแสดงถึงอำนาจของอเมริกา กำลังก้าวมาวัดรอยเท้าอังกฤษในตะวันออกกลางอย่างกระชั้นชิด
    SOCAL มองไกล ตั้งแต่เริ่มแรก ถึงปลายทางจะเป็นรางวัลใหญ่ แต่เล่นคนเดียวทั้งหมดอาจจะพัง กลางทาง จึงจับมือกับ Texas Company (TEXACO) ตั้งแต่ ปี ค.ศ.1933 TEXACO ยอมร่วมหัวจมท้ายกับ SOCAL ซื้อหุ้น 50% ใน California-Arabian และอีก 50% ใน Bahrain Petroleum
    ในปี ค.ศ.1934 บริษัทน้ำมันอเมริกาก็ครอบครองแหล่งน้ำมันในส่วนใหญ่ในตะวันออกกลาง
– Near East Development ถือหุ้น 23.75% ใน Turkish Petroleum Company
– Gulf Oil ถือหุ้น 50% ในสัมปทานที่คูเวต
– สัมปทาน Bahrain และ Saudi Arabia อยู่ในมือของ Standard Oil California และ Texas Company
    สวัสดีครับ
คนเล่านิทาน
15 ก.ย. 57
    เหยื่อ – เคี้ยว ตอนที่ 6 – ซาอุดิฯ 3 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “เหยื่อ”
ตอนที่ 3 : “เคี้ยว 6” ซาอุดิ 3
กษัตริย์ Ibn Saud เป็นอาหรับพวกที่ไม่ได้รวมวงกับ Sharif Hussien ในขบวนการเดินลงหม้อต้มของอังกฤษ แถมมองว่า Sharif Hussein หาเรื่องใส่ตัวเอง เชื่อเข้าไปได้ยังไงกับนักล่าชาวเกาะฯ กษัตริย์ Ibn Saud รังเกียจอังกฤษแบบเข้าไส้ และหาทางที่จะกำจัดอิทธิพลของอังกฤษให้หมดไปจากตะวันออกกลาง มีไอ้หน้าขาวผมทอง ละอ่อนหน้าใหม่โผล่เข้ามา Ibn Saud คิดว่าอเมริกาน่าจะเป็นผู้ใช้ไม้กวาดและแปรงถู ขจัดคราบชาวเกาะใหญ่ให้หมดไปจากตะวันออกกลางได้ เสียดายคุณปลา มัวแต่มองหาคลื่นในทะเลทราย แต่เขาว่า เวลาของใครจะมา มันก็มา แล้ว “moment” ของอเมริกาในตะวันออกกลางก็คงจะใกล้มาถึง นาย Charles R. Crane เศรษฐีชาว Chicago ผู้ร่วมทำรายงาน King Crane เดินสำรวจความเห็นชาวอาหรับไปทั่วตะวันออกกลางในช่วง ค.ศ.1917 ว่าชาวอาหรับอยากจะฝากไข้ฝากครัวไว้กับใคร เดินไป ถามไป สำรวจไป ฝังหัวไป ชาวอาหรับหลายเผ่า จึงเฝ้าคอยให้อเมริกามาแทนที่อังกฤษและฝรั่งเศสในตะวันออกกลาง กษัตริย์ Ibn Saud แม้จะเกลียดอังกฤษนักล่าชาวเกาะเข้าไส้ แต่ก็มีที่ปรึกษาเป็นชาวอังกฤษ ซื่อนาย St. John Philby ซึ่งได้เปลี่ยนมานับถือศาสนาอิสลาม แล้วนาย Philby แนะนำกษัตริย์ให้เชิญนาย Crane ซึ่งยังคงขี่อูฐเอ้อระเหย อยู่แถบตะวันออกอยู่มาคุยกัน (แผนนี้วางได้เนียนดี) กษัตริย์ Ibn Saud ต้องการถามความเห็นของนาย Crane ถึงความเป็นไปได้ของการสำรวจ ขุดเจาะ แผ่นดินอันแสนยากจนของตนดูว่า มันมีของมีค่าอะไรอยู่ข้างใต้นี้บ้าง เช่น น้ำ เราแห้งแล้งมาก เราอยากรู้ว่าประเทศเรามันจะมีโอกาสโชคดีกับเขาบ้างไหม นาย Crane รีบหยิบผ้าเช็ดหน้าปาดน้ำลาย ซับเหงื่อ นี่ก็คงเป็นของขวัญที่เบื้องบนประทานมา เขารีบเรียกตัววิศวกรเหมืองแร่มา Jidda ด่วนที่สุด แล้วการขุดเจาะแผ่นดินของซาอุดิอารเบีย ก็เริ่มดำเนินการ ภายใต้การอำนวยการและทุนอุดหนุนของนาย Charles R. Crane ในเดือน พฤษภาคม ค.ศ.1933 มีโทรเลขแจ้งไปทางอเมริกาว่า การเจรจาระหว่างตัวแทนของ Standard Oil of California (SOCAL) กับรัฐมนตรีคลังของซาอุดิ สรุปได้แล้วว่า ตกลง กษัตริย์ Ibn Saud มอบสัมปทานการขุดน้ำมันให้แก่ SOCAL เป็นระยะเวลา 60 ปี ครอบคลุมเนื้อที่ 360,000 ตารางไมล์ และมีสิทธิจะขยายไปได้อีก 80,000 ตารางไมล์ โดยต้องใช้สิทธิภายใน ค.ศ.1939 ส่วนนาย Philby ก็รับทั้งค่านายหน้าและเงินเดือนจาก SOCAL กระเป๋าอวบ หน้าอิ่มสบายไปทั้งชาติ เอะ นักล่าชาวเกาะใหญ่ฯหล่นหายไปไหน ทำไมถึงตกรอบ! ในปี ค.ศ.1938 Aramco ก็ขุดเจาะน้ำมันรุ่นแรกขึ้นมาได้เป็นจำนวนมากพอที่จะทำการค้าขายได้ และปีต่อมาการส่งออกน้ำมันจากหลุมเจาะนี้ ก็เกิดขึ้น SOCAL ใช้บริษัทในเครือเป็นผู้รับสัมปทาน ชื่อ California-Arabian Standard Oil Company (CASOC) ซึงตอนหลังรู้จักกันในชื่อ “Aramco” Aramco จดทะเบียนในอเมริการัฐ Delaware ดังนั้นสมุดบัญชีต่างๆของบริษัท จึงลงรายรับรายจ่ายเป็นเงินเหรียญ สหรัฐ ไม่ใช่เงินปอนด์ของอังกฤษ และดอลล่าร์ จึงกลายเป็นมาตรฐาน ในการซื้อขายน้ำมัน ในตะวันออกกลาง และแสดงถึงอำนาจของอเมริกา กำลังก้าวมาวัดรอยเท้าอังกฤษในตะวันออกกลางอย่างกระชั้นชิด SOCAL มองไกล ตั้งแต่เริ่มแรก ถึงปลายทางจะเป็นรางวัลใหญ่ แต่เล่นคนเดียวทั้งหมดอาจจะพัง กลางทาง จึงจับมือกับ Texas Company (TEXACO) ตั้งแต่ ปี ค.ศ.1933 TEXACO ยอมร่วมหัวจมท้ายกับ SOCAL ซื้อหุ้น 50% ใน California-Arabian และอีก 50% ใน Bahrain Petroleum ในปี ค.ศ.1934 บริษัทน้ำมันอเมริกาก็ครอบครองแหล่งน้ำมันในส่วนใหญ่ในตะวันออกกลาง
– Near East Development ถือหุ้น 23.75% ใน Turkish Petroleum Company
– Gulf Oil ถือหุ้น 50% ในสัมปทานที่คูเวต
– สัมปทาน Bahrain และ Saudi Arabia อยู่ในมือของ Standard Oil California และ Texas Company สวัสดีครับ
คนเล่านิทาน
15 ก.ย. 57
    0 Comments 0 Shares 222 Views 0 Reviews
  • เหยื่อ – เคี้ยว ตอนที่ 6 – ซาอุดิฯ 2
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “เหยื่อ”
ตอนที่ 3 : “เคี้ยว 6”
    ซาอุดิ 2
ชาวเกาะใหญ่ฯ ใช้ชื่อ Anglo – Persian Oil Company (APOC) และ Turkish Petroleum Company (TPC) เป็นตัวแทนในการควบคุมแหล่งน้ำมันที่ตัวเองฮุบมาในอิหร่านและอิรัก
    ใน ส่วนของ Turkish Petroleum เอง อังกฤษใช้ชื่อ Anglo – Persian Oil Company ถือหุ้น 47.5% ที่เหลือเป็นของพวกดัชท์ 22.5% ฝรั่งเศส 25% และอาร์มาเนียน 5% เมื่อแบ่งให้อเมริกาไป 23.75% ส่วนของอังกฤษอย่างเป็นทางการจึงเหลือ 23.75% เท่ากับอเมริกา เหมือนนักล่าชาวเกาะใหญ่ฯจะใจดีกับอเมริกานักล่ารุ่นใหม่ เกินสันดาน
    อังกฤษ ไม่ได้แบ่งหุ้นให้อเมริกาด้วยความเสน่หา แต่เป็นการล่อให้อเมริกาเดินเข้า ไปติดกับดัก ที่วางเอาล่อไว้ ผู้ถือหุ้นใน Turkish Petroleum Company (ซึ่งต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น Iraqi Petroleum Company) ต้องเซ็นสัญญาเรียกว่า Red Line Agreement ห้ามผู้ถือหุ้นแข่งขันกันขุดน้ำมัน ในบริเวณต้องห้าม คือ ตุรกี อิรัก เลบานอน ซีเรีย จอร์แดน ปาเลสไตน์ และซาอุดิอารเบีย รายหลังนี่สำคัญ แหม! คุณพี่ชาวเกาะฯ แบบนี้มันก็เกือบหมดตะวันออกกลางไปแล้ว ถึงว่า เหมือนจะใจดีกับน้องใหม่ ที่ไหนได้ เขารักกันแบบนี้เอง !
    บังเอิญ Gulf Oil บริษัทน้ำมัน ไม่ใหญ่ไม่เล็กของอเมริกา เกิดไปได้สัมปทานจากบาห์เรน และคูเวต อังกฤษชาวเกาะใหญ่ฯ ก็คัดค้านอีก อ้าว ! ก็ไม่อยู่ในเขตเส้นแดงต้องห้ามนี่หว่า จะมาโวยวายได้ไง Gulf Oil ขอให้กระทรวงต่างประเทศของอเมริกา เข้ามาช่วยจัดการ
    ในที่สุด Gulf Oil ก็โอนสิทธิสัมปทานที่ได้มาจากบาห์เรน ให้แก่ Standard Oil of California (SOCAL) ที่ไม่อยู่ในสัญญา Red Line อังกฤษถึงกับอ้าปากค้าง พูดไม่ออก นี่ถ้ารู้ว่า Gulf Oil ก็คือหน้าม้าของ Standard Oil ที่ตั้งขึ้น เพื่อแอบยื่นเท้าเข้าไปในบาห์เรน ไม่ให้อังกฤษรู้ตัว อังกฤษคงถึงกับช้ำใน SOCAL ใส่เสื้อเกราะหลายชั้น ทั้งปลอมตัว ทั้งเลี่ยงกฏหมาย ตั้งบริษัท ใหม่ ชื่อ Bahrain Petroleum Company ตามกฏหมายของแคนาดา มารับสัมปทานจากบาห์เรนแทน ค.ศ.1932 Bahrain Petroleum Company ก็เริ่มขุดน้ำมันได้
    อเมริกาเร่งเครื่อง รุกต่อที่คูเวต ซึ่งขณะนั้นยังเป็นรัฐที่อยู่ในอาณัติปกครองของอังกฤษ อังกฤษเองกำลังปวดหัว กับการเริ่มลุกขึ้นมาแข็งข้อของ พวกอาหรับ คิดยี่ต๋อกแล้ว มีอเมริกามาเป็นพวก แถมมีโอกาสได้น้ำมันเพิ่ม น่าจะแสดงเดี่ยว ในที่สุด ค.ศ.1934 อเมริกา อังกฤษ ก็จับมือกันตั้ง Kuwait Oil Company ถือหุ้นฝ่ายละ 50 เท่ากัน
    น้ำมันในบาห์เรน ทำให้อเมริกานักล่าหน้าใหม่ถึงกับซูดปาก ฉวยโอกาสขณะที่อังกฤษกำลังโดนศอกจากเหยื่อ เอะ ! หรืออเมริกาช่วยสอนวิธีศอกกลับ ให้พวกเหยื่อของชาวเกาะใหญ่ด้วย Standard Oil of California (SOCAL) ไม่ได้ถูกล็อคคอทำสัญญาเขตเส้นแดง แอบไปคอยดักคำนับ สวัสดีกับ King Ibn Saud ของซาอุดิอารเบีย
    แม้ซาอุดิอารเบียจะตั้งเป็นรัฐเอกราชตั้งแต่ ค.ศ.1931 แต่อเมริกาก็ยังไม่เคยมีสัมพันธ์อย่างเป็นทางการด้วย อเมริกาถือว่าเป็นนักล่าหน้าใหม่ กำลังเรียนงาน เรียนวิธีล่าเหยื่อจากลูกพี่ชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ การเรียนวิธีการล่าเหยื่อของอเมริกาน่าสนใจ
    ขณะนั้นอเมริกาส่งนาย Bert Fish เข้าเป็นกงสุลอยู่ในอิยิปต์ มีหน้าที่สอดส่องกิจกรรมแถบตะวันออกกลาง คุณ Fish คงเคยอยู่แต่ในน้ำ มาว่ายแถวทะเลทรายเลยไม่คล่องตัว เขาเคยไปเยี่ยมเมือง Jidda ของซาอุดิอารเบีย 1 ครั้ง ได้มีโอกาสพบผู้ก่อตั้งและผู้นำรัฐ คือ กษัตริย์ Alb al-Aziz bin al-Rahman al-Saud หรือเรียกย่อๆว่า Ibn Saud แต่คุณปลามองผ่าน โดยไม่รู้ตัวว่าเดินไปสะดุดเอาเจ้าของแหล่งใหญ่ ของสิ่งมหัศจรรย์มีค่าของโลก คงนั่งรอให้น้ำขึ้นกลางทะเลทรายไปเรื่อยๆ
    แต่กลับกลายเป็น กษัตริย์ Ibn Saud เองที่เล็งเห็นอาวุธที่มองหามานาน
    สวัสดีครับ
คนเล่านิทาน
15 ก.ย. 57
    เหยื่อ – เคี้ยว ตอนที่ 6 – ซาอุดิฯ 2 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “เหยื่อ”
ตอนที่ 3 : “เคี้ยว 6” ซาอุดิ 2
ชาวเกาะใหญ่ฯ ใช้ชื่อ Anglo – Persian Oil Company (APOC) และ Turkish Petroleum Company (TPC) เป็นตัวแทนในการควบคุมแหล่งน้ำมันที่ตัวเองฮุบมาในอิหร่านและอิรัก ใน ส่วนของ Turkish Petroleum เอง อังกฤษใช้ชื่อ Anglo – Persian Oil Company ถือหุ้น 47.5% ที่เหลือเป็นของพวกดัชท์ 22.5% ฝรั่งเศส 25% และอาร์มาเนียน 5% เมื่อแบ่งให้อเมริกาไป 23.75% ส่วนของอังกฤษอย่างเป็นทางการจึงเหลือ 23.75% เท่ากับอเมริกา เหมือนนักล่าชาวเกาะใหญ่ฯจะใจดีกับอเมริกานักล่ารุ่นใหม่ เกินสันดาน อังกฤษ ไม่ได้แบ่งหุ้นให้อเมริกาด้วยความเสน่หา แต่เป็นการล่อให้อเมริกาเดินเข้า ไปติดกับดัก ที่วางเอาล่อไว้ ผู้ถือหุ้นใน Turkish Petroleum Company (ซึ่งต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น Iraqi Petroleum Company) ต้องเซ็นสัญญาเรียกว่า Red Line Agreement ห้ามผู้ถือหุ้นแข่งขันกันขุดน้ำมัน ในบริเวณต้องห้าม คือ ตุรกี อิรัก เลบานอน ซีเรีย จอร์แดน ปาเลสไตน์ และซาอุดิอารเบีย รายหลังนี่สำคัญ แหม! คุณพี่ชาวเกาะฯ แบบนี้มันก็เกือบหมดตะวันออกกลางไปแล้ว ถึงว่า เหมือนจะใจดีกับน้องใหม่ ที่ไหนได้ เขารักกันแบบนี้เอง ! บังเอิญ Gulf Oil บริษัทน้ำมัน ไม่ใหญ่ไม่เล็กของอเมริกา เกิดไปได้สัมปทานจากบาห์เรน และคูเวต อังกฤษชาวเกาะใหญ่ฯ ก็คัดค้านอีก อ้าว ! ก็ไม่อยู่ในเขตเส้นแดงต้องห้ามนี่หว่า จะมาโวยวายได้ไง Gulf Oil ขอให้กระทรวงต่างประเทศของอเมริกา เข้ามาช่วยจัดการ ในที่สุด Gulf Oil ก็โอนสิทธิสัมปทานที่ได้มาจากบาห์เรน ให้แก่ Standard Oil of California (SOCAL) ที่ไม่อยู่ในสัญญา Red Line อังกฤษถึงกับอ้าปากค้าง พูดไม่ออก นี่ถ้ารู้ว่า Gulf Oil ก็คือหน้าม้าของ Standard Oil ที่ตั้งขึ้น เพื่อแอบยื่นเท้าเข้าไปในบาห์เรน ไม่ให้อังกฤษรู้ตัว อังกฤษคงถึงกับช้ำใน SOCAL ใส่เสื้อเกราะหลายชั้น ทั้งปลอมตัว ทั้งเลี่ยงกฏหมาย ตั้งบริษัท ใหม่ ชื่อ Bahrain Petroleum Company ตามกฏหมายของแคนาดา มารับสัมปทานจากบาห์เรนแทน ค.ศ.1932 Bahrain Petroleum Company ก็เริ่มขุดน้ำมันได้ อเมริกาเร่งเครื่อง รุกต่อที่คูเวต ซึ่งขณะนั้นยังเป็นรัฐที่อยู่ในอาณัติปกครองของอังกฤษ อังกฤษเองกำลังปวดหัว กับการเริ่มลุกขึ้นมาแข็งข้อของ พวกอาหรับ คิดยี่ต๋อกแล้ว มีอเมริกามาเป็นพวก แถมมีโอกาสได้น้ำมันเพิ่ม น่าจะแสดงเดี่ยว ในที่สุด ค.ศ.1934 อเมริกา อังกฤษ ก็จับมือกันตั้ง Kuwait Oil Company ถือหุ้นฝ่ายละ 50 เท่ากัน น้ำมันในบาห์เรน ทำให้อเมริกานักล่าหน้าใหม่ถึงกับซูดปาก ฉวยโอกาสขณะที่อังกฤษกำลังโดนศอกจากเหยื่อ เอะ ! หรืออเมริกาช่วยสอนวิธีศอกกลับ ให้พวกเหยื่อของชาวเกาะใหญ่ด้วย Standard Oil of California (SOCAL) ไม่ได้ถูกล็อคคอทำสัญญาเขตเส้นแดง แอบไปคอยดักคำนับ สวัสดีกับ King Ibn Saud ของซาอุดิอารเบีย แม้ซาอุดิอารเบียจะตั้งเป็นรัฐเอกราชตั้งแต่ ค.ศ.1931 แต่อเมริกาก็ยังไม่เคยมีสัมพันธ์อย่างเป็นทางการด้วย อเมริกาถือว่าเป็นนักล่าหน้าใหม่ กำลังเรียนงาน เรียนวิธีล่าเหยื่อจากลูกพี่ชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ การเรียนวิธีการล่าเหยื่อของอเมริกาน่าสนใจ ขณะนั้นอเมริกาส่งนาย Bert Fish เข้าเป็นกงสุลอยู่ในอิยิปต์ มีหน้าที่สอดส่องกิจกรรมแถบตะวันออกกลาง คุณ Fish คงเคยอยู่แต่ในน้ำ มาว่ายแถวทะเลทรายเลยไม่คล่องตัว เขาเคยไปเยี่ยมเมือง Jidda ของซาอุดิอารเบีย 1 ครั้ง ได้มีโอกาสพบผู้ก่อตั้งและผู้นำรัฐ คือ กษัตริย์ Alb al-Aziz bin al-Rahman al-Saud หรือเรียกย่อๆว่า Ibn Saud แต่คุณปลามองผ่าน โดยไม่รู้ตัวว่าเดินไปสะดุดเอาเจ้าของแหล่งใหญ่ ของสิ่งมหัศจรรย์มีค่าของโลก คงนั่งรอให้น้ำขึ้นกลางทะเลทรายไปเรื่อยๆ แต่กลับกลายเป็น กษัตริย์ Ibn Saud เองที่เล็งเห็นอาวุธที่มองหามานาน สวัสดีครับ
คนเล่านิทาน
15 ก.ย. 57
    0 Comments 0 Shares 210 Views 0 Reviews
  • 'เอกนัฏ' นำทีม ส.ส.กลุ่มใหญ่เข้าร่วมประชุมภูมิใจไทย พร้อมจับมือ 'สุชาติ' ทำงานภายใต้ภูมิใจไทยสู้ศึกเลือกตั้ง
    https://www.thai-tai.tv/news/21800/
    .
    #ไทยไท #เอกนัฏพร้อมพันธุ์ #ภูมิใจไทย #อนุทินชาญวีรกูล #รวมไทยสร้างชาติ #การเมือง #ยุบสภา
    'เอกนัฏ' นำทีม ส.ส.กลุ่มใหญ่เข้าร่วมประชุมภูมิใจไทย พร้อมจับมือ 'สุชาติ' ทำงานภายใต้ภูมิใจไทยสู้ศึกเลือกตั้ง https://www.thai-tai.tv/news/21800/ . #ไทยไท #เอกนัฏพร้อมพันธุ์ #ภูมิใจไทย #อนุทินชาญวีรกูล #รวมไทยสร้างชาติ #การเมือง #ยุบสภา
    0 Comments 0 Shares 68 Views 0 Reviews
  • “AstraZeneca ทุ่ม 555 ล้านดอลลาร์ จับมือ Algen พัฒนาเทคโนโลยีตัดต่อยีนด้วย AI — เป้าหมายใหม่ของการรักษาโรคภูมิคุ้มกัน”

    AstraZeneca บริษัทเวชภัณฑ์ยักษ์ใหญ่จากอังกฤษ-สวีเดน ได้ลงนามข้อตกลงมูลค่า 555 ล้านดอลลาร์กับ Algen Biotechnologies บริษัทไบโอเทคจากซานฟรานซิสโก เพื่อร่วมพัฒนาเทคโนโลยีการรักษาโรคด้วยการตัดต่อยีนแบบ CRISPR โดยใช้แพลตฟอร์ม AI ที่ชื่อว่า “AlgenBrain” ซึ่งสามารถวิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างยีนกับโรคได้อย่างแม่นยำ

    ข้อตกลงนี้ให้ AstraZeneca สิทธิ์แต่เพียงผู้เดียวในการพัฒนาและจำหน่ายยาที่ได้จากเทคโนโลยีนี้ โดยเน้นไปที่โรคที่เกี่ยวข้องกับระบบภูมิคุ้มกัน เช่น โรคอักเสบเรื้อรัง หรือโรคแพ้ภูมิตัวเอง โดย Algen จะได้รับเงินล่วงหน้าและเงินตามเป้าหมายการพัฒนาและการอนุมัติ ซึ่งรวมกันแล้วอาจสูงถึง 555 ล้านดอลลาร์

    Algen เป็นบริษัทที่แยกตัวออกมาจากห้องวิจัยของมหาวิทยาลัย UC Berkeley ซึ่งเป็นที่ที่ Jennifer Doudna ผู้ได้รับรางวัลโนเบลได้พัฒนาเทคโนโลยี CRISPR ขึ้นมา โดยแพลตฟอร์ม AlgenBrain ใช้การวิเคราะห์ RNA แบบไดนามิกในเซลล์มนุษย์ที่เกี่ยวข้องกับโรค เพื่อหาจุดแทรกแซงที่สามารถย้อนกลับกระบวนการของโรคได้

    แม้ AstraZeneca จะไม่ซื้อหุ้นของ Algen ในข้อตกลงนี้ แต่ก็ถือเป็นการลงทุนเชิงกลยุทธ์ที่เสริมความแข็งแกร่งให้กับเป้าหมายของบริษัทในการเพิ่มยอดขายเป็น 80 พันล้านดอลลาร์ภายในปี 2030 โดยเฉพาะในกลุ่มโรคระบบภูมิคุ้มกันที่สร้างรายได้กว่า 4.2 พันล้านดอลลาร์ในครึ่งแรกของปี 2025

    ข้อตกลงนี้ยังสะท้อนแนวโน้มของอุตสาหกรรมยา ที่หันมาใช้ AI และการตัดต่อยีนเพื่อเร่งการค้นพบยาใหม่ ๆ โดยมีบริษัทใหญ่อื่น ๆ เช่น Roche, BMS และ J&J ที่ร่วมมือกันพัฒนาโมเดล AI แบบ federated เพื่อค้นหายาโดยไม่ต้องแชร์ข้อมูลดิบ

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    AstraZeneca ลงนามข้อตกลงมูลค่า 555 ล้านดอลลาร์กับ Algen Biotechnologies
    ข้อตกลงให้สิทธิ์พัฒนาและจำหน่ายยาจากเทคโนโลยี CRISPR โดยใช้ AI
    เน้นการรักษาโรคที่เกี่ยวข้องกับระบบภูมิคุ้มกัน
    Algen ใช้แพลตฟอร์ม AlgenBrain วิเคราะห์ RNA ในเซลล์มนุษย์
    ข้อมูล RNA ถูกเชื่อมโยงกับผลลัพธ์ทางชีวภาพเพื่อหาจุดแทรกแซงของโรค
    AstraZeneca ไม่ซื้อหุ้นของ Algen แต่ให้เงินล่วงหน้าและตาม milestone
    เป้าหมายของ AstraZeneca คือยอดขาย 80 พันล้านดอลลาร์ภายในปี 2030
    กลุ่มโรคภูมิคุ้มกันสร้างรายได้กว่า 4.2 พันล้านดอลลาร์ในครึ่งปีแรกของ 2025

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Algen แยกตัวจากห้องวิจัยของ Jennifer Doudna ผู้พัฒนา CRISPR
    แพลตฟอร์ม AlgenBrain ใช้การตัดต่อยีนแบบ single-cell และการเรียนรู้เชิงลึก
    AstraZeneca เคยร่วมมือกับ BenevolentAI และ Tempus AI ในการพัฒนายา
    อุตสาหกรรมยาเริ่มใช้โมเดล federated learning เพื่อรักษาความเป็นส่วนตัวของข้อมูล
    การใช้ AI ช่วยลดเวลาและต้นทุนในการค้นคว้ายาใหม่ แต่ยังต้องพิสูจน์ผลลัพธ์ในระยะยาว

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/10/06/astrazeneca-inks-555-million-gene-editing-technology-deal-with-algen-ft-reports
    🧬 “AstraZeneca ทุ่ม 555 ล้านดอลลาร์ จับมือ Algen พัฒนาเทคโนโลยีตัดต่อยีนด้วย AI — เป้าหมายใหม่ของการรักษาโรคภูมิคุ้มกัน” AstraZeneca บริษัทเวชภัณฑ์ยักษ์ใหญ่จากอังกฤษ-สวีเดน ได้ลงนามข้อตกลงมูลค่า 555 ล้านดอลลาร์กับ Algen Biotechnologies บริษัทไบโอเทคจากซานฟรานซิสโก เพื่อร่วมพัฒนาเทคโนโลยีการรักษาโรคด้วยการตัดต่อยีนแบบ CRISPR โดยใช้แพลตฟอร์ม AI ที่ชื่อว่า “AlgenBrain” ซึ่งสามารถวิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างยีนกับโรคได้อย่างแม่นยำ ข้อตกลงนี้ให้ AstraZeneca สิทธิ์แต่เพียงผู้เดียวในการพัฒนาและจำหน่ายยาที่ได้จากเทคโนโลยีนี้ โดยเน้นไปที่โรคที่เกี่ยวข้องกับระบบภูมิคุ้มกัน เช่น โรคอักเสบเรื้อรัง หรือโรคแพ้ภูมิตัวเอง โดย Algen จะได้รับเงินล่วงหน้าและเงินตามเป้าหมายการพัฒนาและการอนุมัติ ซึ่งรวมกันแล้วอาจสูงถึง 555 ล้านดอลลาร์ Algen เป็นบริษัทที่แยกตัวออกมาจากห้องวิจัยของมหาวิทยาลัย UC Berkeley ซึ่งเป็นที่ที่ Jennifer Doudna ผู้ได้รับรางวัลโนเบลได้พัฒนาเทคโนโลยี CRISPR ขึ้นมา โดยแพลตฟอร์ม AlgenBrain ใช้การวิเคราะห์ RNA แบบไดนามิกในเซลล์มนุษย์ที่เกี่ยวข้องกับโรค เพื่อหาจุดแทรกแซงที่สามารถย้อนกลับกระบวนการของโรคได้ แม้ AstraZeneca จะไม่ซื้อหุ้นของ Algen ในข้อตกลงนี้ แต่ก็ถือเป็นการลงทุนเชิงกลยุทธ์ที่เสริมความแข็งแกร่งให้กับเป้าหมายของบริษัทในการเพิ่มยอดขายเป็น 80 พันล้านดอลลาร์ภายในปี 2030 โดยเฉพาะในกลุ่มโรคระบบภูมิคุ้มกันที่สร้างรายได้กว่า 4.2 พันล้านดอลลาร์ในครึ่งแรกของปี 2025 ข้อตกลงนี้ยังสะท้อนแนวโน้มของอุตสาหกรรมยา ที่หันมาใช้ AI และการตัดต่อยีนเพื่อเร่งการค้นพบยาใหม่ ๆ โดยมีบริษัทใหญ่อื่น ๆ เช่น Roche, BMS และ J&J ที่ร่วมมือกันพัฒนาโมเดล AI แบบ federated เพื่อค้นหายาโดยไม่ต้องแชร์ข้อมูลดิบ ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ AstraZeneca ลงนามข้อตกลงมูลค่า 555 ล้านดอลลาร์กับ Algen Biotechnologies ➡️ ข้อตกลงให้สิทธิ์พัฒนาและจำหน่ายยาจากเทคโนโลยี CRISPR โดยใช้ AI ➡️ เน้นการรักษาโรคที่เกี่ยวข้องกับระบบภูมิคุ้มกัน ➡️ Algen ใช้แพลตฟอร์ม AlgenBrain วิเคราะห์ RNA ในเซลล์มนุษย์ ➡️ ข้อมูล RNA ถูกเชื่อมโยงกับผลลัพธ์ทางชีวภาพเพื่อหาจุดแทรกแซงของโรค ➡️ AstraZeneca ไม่ซื้อหุ้นของ Algen แต่ให้เงินล่วงหน้าและตาม milestone ➡️ เป้าหมายของ AstraZeneca คือยอดขาย 80 พันล้านดอลลาร์ภายในปี 2030 ➡️ กลุ่มโรคภูมิคุ้มกันสร้างรายได้กว่า 4.2 พันล้านดอลลาร์ในครึ่งปีแรกของ 2025 ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Algen แยกตัวจากห้องวิจัยของ Jennifer Doudna ผู้พัฒนา CRISPR ➡️ แพลตฟอร์ม AlgenBrain ใช้การตัดต่อยีนแบบ single-cell และการเรียนรู้เชิงลึก ➡️ AstraZeneca เคยร่วมมือกับ BenevolentAI และ Tempus AI ในการพัฒนายา ➡️ อุตสาหกรรมยาเริ่มใช้โมเดล federated learning เพื่อรักษาความเป็นส่วนตัวของข้อมูล ➡️ การใช้ AI ช่วยลดเวลาและต้นทุนในการค้นคว้ายาใหม่ แต่ยังต้องพิสูจน์ผลลัพธ์ในระยะยาว https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/10/06/astrazeneca-inks-555-million-gene-editing-technology-deal-with-algen-ft-reports
    WWW.THESTAR.COM.MY
    AstraZeneca inks $555 million gene-editing technology deal with Algen, FT reports
    (Reuters) -AstraZeneca has signed a $555 million deal with a San Francisco-based biotech business Algen Biotechnologies, The Financial Times reported on Monday.
    0 Comments 0 Shares 180 Views 0 Reviews
  • “OpenAI จับมือ Samsung สร้างศูนย์ข้อมูลลอยน้ำและโรงไฟฟ้า — ยกระดับโครงสร้างพื้นฐาน AI สู่ระดับโลก”

    OpenAI และ Samsung ได้ลงนามในหนังสือแสดงเจตจำนง (Letter of Intent) สำหรับความร่วมมือครั้งใหญ่ที่ครอบคลุมหลายอุตสาหกรรม ตั้งแต่เซมิคอนดักเตอร์ ศูนย์ข้อมูล การต่อเรือ บริการคลาวด์ ไปจนถึงเทคโนโลยีทางทะเล โดยมีเป้าหมายเพื่อผลักดันโครงการ Project Stargate ซึ่งเป็นแผนการสร้างโครงสร้างพื้นฐาน AI ขนาดมหึมาทั่วโลก

    Samsung Electronics จะเป็นพันธมิตรด้านหน่วยความจำหลักของ OpenAI โดยจะจัดส่ง DRAM wafers สูงถึง 900,000 แผ่นต่อเดือน เพื่อรองรับความต้องการของศูนย์ข้อมูล Stargate ที่ใช้ GPU ระดับสูงอย่าง Nvidia Blackwell ในการประมวลผลโมเดล AI ขนาดใหญ่

    Samsung SDS จะร่วมออกแบบและบริหารศูนย์ข้อมูล AI พร้อมให้บริการ AI สำหรับองค์กร และเป็นตัวแทนจำหน่าย ChatGPT Enterprise ในเกาหลีใต้ เพื่อสนับสนุนการนำ AI ไปใช้ในธุรกิจท้องถิ่น

    ที่น่าตื่นเต้นคือ Samsung Heavy Industries และ Samsung C&T จะร่วมมือกับ OpenAI ในการพัฒนา “ศูนย์ข้อมูลลอยน้ำ” และอาจขยายไปสู่ “โรงไฟฟ้าลอยน้ำ” และ “ศูนย์ควบคุมลอยน้ำ” โดยใช้ความเชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมทางทะเลของ Samsung เพื่อแก้ปัญหาการขาดแคลนพื้นที่บนบก ลดต้นทุนการทำความเย็น และลดการปล่อยคาร์บอน

    แนวคิดนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่เสียทีเดียว — โครงการ Stockton ในแคลิฟอร์เนียเริ่มใช้ศูนย์ข้อมูลลอยน้ำตั้งแต่ปี 2021 และในญี่ปุ่นก็มีแผนสร้างศูนย์ข้อมูลพลังงานแสงอาทิตย์ลอยน้ำ ส่วนในเดือนมิถุนายน 2025 มีการเสนอแนวคิดศูนย์ข้อมูลลอยน้ำพลังงานนิวเคลียร์โดยองค์กรวิศวกรรมในสหรัฐฯ

    การประกาศความร่วมมือครั้งนี้เกิดขึ้นเพียงไม่กี่วันหลังจาก Nvidia ลงทุน $100 พันล้านใน OpenAI เพื่อจัดซื้อชิปของตัวเอง ซึ่งสะท้อนว่า OpenAI ต้องการลดการพึ่งพาพันธมิตร hyperscaler อย่าง Microsoft และสร้างโครงสร้างพื้นฐานของตัวเองให้แข็งแกร่งขึ้น

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    OpenAI และ Samsung ลงนามความร่วมมือเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน AI ระดับโลก
    Samsung Electronics จะจัดส่ง DRAM wafers สูงถึง 900,000 แผ่นต่อเดือน
    Samsung SDS จะร่วมออกแบบศูนย์ข้อมูล AI และเป็นตัวแทนจำหน่าย ChatGPT Enterprise
    Samsung Heavy Industries และ Samsung C&T จะพัฒนาศูนย์ข้อมูลลอยน้ำร่วมกับ OpenAI
    แนวคิดศูนย์ข้อมูลลอยน้ำช่วยแก้ปัญหาพื้นที่จำกัด ลดต้นทุนความเย็น และลดคาร์บอน
    มีแผนขยายไปสู่โรงไฟฟ้าลอยน้ำและศูนย์ควบคุมลอยน้ำในอนาคต
    ความร่วมมือครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ Project Stargate ของ OpenAI
    Nvidia ลงทุน $100 พันล้านใน OpenAI เพื่อจัดซื้อ GPU สำหรับศูนย์ข้อมูล Stargate
    OpenAI ต้องการลดการพึ่งพา Microsoft และสร้างโครงสร้างพื้นฐานของตัวเอง

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Project Stargate มีเป้าหมายลงทุน $500 พันล้านในโครงสร้างพื้นฐาน AI ภายใน 4 ปี
    DRAM wafers ที่ใช้ใน Stargate อาจกินสัดส่วนถึง 40% ของกำลังผลิต DRAM ทั่วโลก
    Floating data centers เริ่มมีการใช้งานจริงในหลายประเทศ เช่น สหรัฐฯ และญี่ปุ่น
    Samsung SDS ยังมีบทบาทในการให้คำปรึกษาและบริการ AI สำหรับองค์กร
    ความร่วมมือครั้งนี้ช่วยผลักดันเกาหลีใต้สู่การเป็นประเทศผู้นำด้าน AI ระดับโลก

    https://www.techradar.com/pro/samsung-will-collaborate-with-openai-to-develop-floating-data-centers-and-power-plants-as-sam-altman-rushes-to-compete-with-his-firms-own-partners
    🌊 “OpenAI จับมือ Samsung สร้างศูนย์ข้อมูลลอยน้ำและโรงไฟฟ้า — ยกระดับโครงสร้างพื้นฐาน AI สู่ระดับโลก” OpenAI และ Samsung ได้ลงนามในหนังสือแสดงเจตจำนง (Letter of Intent) สำหรับความร่วมมือครั้งใหญ่ที่ครอบคลุมหลายอุตสาหกรรม ตั้งแต่เซมิคอนดักเตอร์ ศูนย์ข้อมูล การต่อเรือ บริการคลาวด์ ไปจนถึงเทคโนโลยีทางทะเล โดยมีเป้าหมายเพื่อผลักดันโครงการ Project Stargate ซึ่งเป็นแผนการสร้างโครงสร้างพื้นฐาน AI ขนาดมหึมาทั่วโลก Samsung Electronics จะเป็นพันธมิตรด้านหน่วยความจำหลักของ OpenAI โดยจะจัดส่ง DRAM wafers สูงถึง 900,000 แผ่นต่อเดือน เพื่อรองรับความต้องการของศูนย์ข้อมูล Stargate ที่ใช้ GPU ระดับสูงอย่าง Nvidia Blackwell ในการประมวลผลโมเดล AI ขนาดใหญ่ Samsung SDS จะร่วมออกแบบและบริหารศูนย์ข้อมูล AI พร้อมให้บริการ AI สำหรับองค์กร และเป็นตัวแทนจำหน่าย ChatGPT Enterprise ในเกาหลีใต้ เพื่อสนับสนุนการนำ AI ไปใช้ในธุรกิจท้องถิ่น ที่น่าตื่นเต้นคือ Samsung Heavy Industries และ Samsung C&T จะร่วมมือกับ OpenAI ในการพัฒนา “ศูนย์ข้อมูลลอยน้ำ” และอาจขยายไปสู่ “โรงไฟฟ้าลอยน้ำ” และ “ศูนย์ควบคุมลอยน้ำ” โดยใช้ความเชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมทางทะเลของ Samsung เพื่อแก้ปัญหาการขาดแคลนพื้นที่บนบก ลดต้นทุนการทำความเย็น และลดการปล่อยคาร์บอน แนวคิดนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่เสียทีเดียว — โครงการ Stockton ในแคลิฟอร์เนียเริ่มใช้ศูนย์ข้อมูลลอยน้ำตั้งแต่ปี 2021 และในญี่ปุ่นก็มีแผนสร้างศูนย์ข้อมูลพลังงานแสงอาทิตย์ลอยน้ำ ส่วนในเดือนมิถุนายน 2025 มีการเสนอแนวคิดศูนย์ข้อมูลลอยน้ำพลังงานนิวเคลียร์โดยองค์กรวิศวกรรมในสหรัฐฯ การประกาศความร่วมมือครั้งนี้เกิดขึ้นเพียงไม่กี่วันหลังจาก Nvidia ลงทุน $100 พันล้านใน OpenAI เพื่อจัดซื้อชิปของตัวเอง ซึ่งสะท้อนว่า OpenAI ต้องการลดการพึ่งพาพันธมิตร hyperscaler อย่าง Microsoft และสร้างโครงสร้างพื้นฐานของตัวเองให้แข็งแกร่งขึ้น ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ OpenAI และ Samsung ลงนามความร่วมมือเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน AI ระดับโลก ➡️ Samsung Electronics จะจัดส่ง DRAM wafers สูงถึง 900,000 แผ่นต่อเดือน ➡️ Samsung SDS จะร่วมออกแบบศูนย์ข้อมูล AI และเป็นตัวแทนจำหน่าย ChatGPT Enterprise ➡️ Samsung Heavy Industries และ Samsung C&T จะพัฒนาศูนย์ข้อมูลลอยน้ำร่วมกับ OpenAI ➡️ แนวคิดศูนย์ข้อมูลลอยน้ำช่วยแก้ปัญหาพื้นที่จำกัด ลดต้นทุนความเย็น และลดคาร์บอน ➡️ มีแผนขยายไปสู่โรงไฟฟ้าลอยน้ำและศูนย์ควบคุมลอยน้ำในอนาคต ➡️ ความร่วมมือครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ Project Stargate ของ OpenAI ➡️ Nvidia ลงทุน $100 พันล้านใน OpenAI เพื่อจัดซื้อ GPU สำหรับศูนย์ข้อมูล Stargate ➡️ OpenAI ต้องการลดการพึ่งพา Microsoft และสร้างโครงสร้างพื้นฐานของตัวเอง ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Project Stargate มีเป้าหมายลงทุน $500 พันล้านในโครงสร้างพื้นฐาน AI ภายใน 4 ปี ➡️ DRAM wafers ที่ใช้ใน Stargate อาจกินสัดส่วนถึง 40% ของกำลังผลิต DRAM ทั่วโลก ➡️ Floating data centers เริ่มมีการใช้งานจริงในหลายประเทศ เช่น สหรัฐฯ และญี่ปุ่น ➡️ Samsung SDS ยังมีบทบาทในการให้คำปรึกษาและบริการ AI สำหรับองค์กร ➡️ ความร่วมมือครั้งนี้ช่วยผลักดันเกาหลีใต้สู่การเป็นประเทศผู้นำด้าน AI ระดับโลก https://www.techradar.com/pro/samsung-will-collaborate-with-openai-to-develop-floating-data-centers-and-power-plants-as-sam-altman-rushes-to-compete-with-his-firms-own-partners
    WWW.TECHRADAR.COM
    OpenAI and Samsung plan floating data centers and power plants
    Going to sea could solve the issue of land scarcity for infrastructure
    0 Comments 0 Shares 224 Views 0 Reviews
  • เหยื่อ – เคี้ยว ตอนที่ 5 – อิหร่าน 2
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “เหยื่อ”
ตอนที่ 3 : “เคี้ยว 5”
    อิหร่าน 2
ความทารุณโหดร้าย และการดูถูกเหยียดหยามของนักล่าชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ กระทำซ้ำแล้วซ้ำอีกต่อชาวอิหร่าน เริ่มมาตั้งแต่ ค.ศ. 1905 ตั้งแต่อังกฤษเริ่มย่างก้าวแรกเข้ามาในอิหร่านนั่นแหละ ชาวอิหร่านทนไม่ไหวลุกขึ้นมาเคลื่อนไหวต่อต้าน ในที่สุด Shah ผู้ปกครองรัฐอิหร่านก็ยินยอมให้มีรัฐธรรมนูญ และล้มเลิกระบบที่กษัตริย์เป็นผู้มีสิทธิในการปกครองแต่ผู้เดียว
    แต่การปกครองโดยรัฐธรรมนูญนี้ ก็อยู่ไม่ได้นาน ค.ศ. 1908 Shah ได้นำกองทหาร Cossack จากรัสเซียมาช่วยขับไล่รัฐบาล Majlis ออกไป แต่ชาวอิหร่านก็ยังไม่ยอมหยุด ในที่สุดเมื่ออังกฤษกับรัสเซีย จับมือกันตามแผนถล่มออตโตมาน กองทัพอังกฤษและรัสเซียก็เป็นผู้ปฏิบัติการ กวาดล้าง และปิดตายรัฐสภาประชาชน จับขังฝ่ายรัฐบาล และอุ้มเอา Shah ขึ้นมาเป็น (หุ่น) ผู้ปกครองประเทศมีอำนาจบริหารแต่ผู้เดียว ต่อไปใหม่อีกรอบ
    ระหว่างสงครามโลก ครั้งที่ 1 อิหร่านก็ต้องเข้าฉากร่วมเล่นสงครามด้วย แม้จะไม่ได้บทเป็นตัวเอก แต่เนื่องจากมีบ่อน้ำมัน กองทัพอังกฤษจึงยกพลกันมาเต็ม อิหร่าน เพื่อปกป้องบ่อน้ำมันอิหร่าน ที่อังกฤษถือว่าตนเองเป็นเจ้าของ
    ตามข้อตกลงหลอกเหยื่อ อังกฤษกล่อมรัสเซียให้มาร่วมรายการขยี้เยอรมัน และออตโตมาน โดยตกลงจะยกออตโตมานให้รัสเซีย และทำสัญญาสุดชั่ว Syke-Picot แบ่งเค้กออตโตมานตะวันออกกลาง แต่เมื่อสงครามโลกจบ รัสเซียมีการปฏิวัติโดยพวกบอลเชวิก ฝ่ายปฎิวัติบอกไม่สนใจข้อตกลงที่พวกซาร์ไปทำไว้กับอังกฤษ ฝ่ายปฏวัติกลับสนับสนุนชาวอิหร่านให้ต่อต้านการครอบครอง ของพวกนักล่าชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ และพร้อมที่จะสนับสนุนชาวอิหร่านให้ได้อิสรภาพ
    อังกฤษทนไม่ได้ ถลาเข้ามาแก้ตัวจนลิ้นพันกัน พร้อมเริ่มขบวนการโฆษณาชวนเชื่อในอิหร่าน บรรยายความเลวร้ายของลัทธิคอมมิวนิสต์ออกสื่อทุกวัน เพื่อกันไม่ให้พวกบอลเชวิก เข้ามาในอิหร่าน โดยเฉพาะทางด้านเหนือที่ติดกับเขตแดนของรัสเซีย
    ในที่สุด อังกฤษตัดสินใจเลิกใช้ไม้นวม เข้าไปควบคุมสถานการณ์ในอิหร่าน โดยคว้าข้อมืออิหร่าน จับให้ทำสัญญา Anglo – Persian Agreement
    เมื่อ ค.ศ. 1919 ให้อังกฤษมีสิทธิควบคุมเหนืออิหร่าน ในด้านกองทัพ การคลัง และระบบการขนส่งทั้งหมด และเพื่อให้แน่ใจว่าอำนาจอยู่ในมือเต็มทั้ง 2 มือ อังกฤษประกาศกฎอัยการศึก และเริ่มให้มีการใช้ธนบัตรในการซื้อขาย
    โอ้โห นี่ขนาดเพิ่งต้มตุ๋น ได้น้ำมันมาบ่อเดียวนะ ยังปฏิบัติการเฉียบขนาดนี้เลย นี่ถ้ามี หลายบ่อ หลายหลุม เรียงกันเป็นพรึด มันจะคุมประเทศเขาเข้มขนาดไหนหนอ..
    แต่ชาวอิหร่านก็ดูเหมือนจะไม่ได้พร้อมใจ จะอยู่ใต้อุ้งมือของชาวเกาะใหญ่ฯ พวกเขาพยายามต่อต้าน แต่แล้วใน ค.ศ. 1921 เมื่อการต่อต้านรุนแรงขึ้น แถมศึกชิงน้ำมันของกลุ่มนักล่าหน้าใหม่จากอีกฝั่งหนึ่ง ของ มหาสมุทรแอตแลนติก เริ่มดุเดือดเลือดพล่านขึ้น อังกฤษปรับแผนใหม่อีกรอบ
    สนับสนุนให้มีการปฏิวัติโดย Reza Khan ซึ่งภายหลังประกาศตั้งตัวเองเป็น Shah คนใหม่ ในปี ค.ศ. 1926 เป็นต้นราชวงศ์ Pahlevi หุ่นเชิดของนักล่าชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยของเท้าซ้าย
Shah ใช้ความเหี้ยมโหด ข่มเหง กดขี่ ประชาชนต่อไป ภายใต้การหนุน และชักใยของนักล่าชาวเกาะฯ แหม ! แผมใหม่นี่ไม่ต้องทำอะไรมาก แค่ยุซ้าย เสี้ยมขวา ให้พวกมันก็ตีกันเอง แล้วเราก็ขุดน้ำมันรวยไป เรื่อย ๆ สบายใจดี ฮ่า ฮ่า อร่อยนุ่ม เคี้ยวเพลิน !
    สวัสดีครับ
คนเล่านิทาน
14 ก.ย. 57
    เหยื่อ – เคี้ยว ตอนที่ 5 – อิหร่าน 2 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “เหยื่อ”
ตอนที่ 3 : “เคี้ยว 5” อิหร่าน 2
ความทารุณโหดร้าย และการดูถูกเหยียดหยามของนักล่าชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ กระทำซ้ำแล้วซ้ำอีกต่อชาวอิหร่าน เริ่มมาตั้งแต่ ค.ศ. 1905 ตั้งแต่อังกฤษเริ่มย่างก้าวแรกเข้ามาในอิหร่านนั่นแหละ ชาวอิหร่านทนไม่ไหวลุกขึ้นมาเคลื่อนไหวต่อต้าน ในที่สุด Shah ผู้ปกครองรัฐอิหร่านก็ยินยอมให้มีรัฐธรรมนูญ และล้มเลิกระบบที่กษัตริย์เป็นผู้มีสิทธิในการปกครองแต่ผู้เดียว แต่การปกครองโดยรัฐธรรมนูญนี้ ก็อยู่ไม่ได้นาน ค.ศ. 1908 Shah ได้นำกองทหาร Cossack จากรัสเซียมาช่วยขับไล่รัฐบาล Majlis ออกไป แต่ชาวอิหร่านก็ยังไม่ยอมหยุด ในที่สุดเมื่ออังกฤษกับรัสเซีย จับมือกันตามแผนถล่มออตโตมาน กองทัพอังกฤษและรัสเซียก็เป็นผู้ปฏิบัติการ กวาดล้าง และปิดตายรัฐสภาประชาชน จับขังฝ่ายรัฐบาล และอุ้มเอา Shah ขึ้นมาเป็น (หุ่น) ผู้ปกครองประเทศมีอำนาจบริหารแต่ผู้เดียว ต่อไปใหม่อีกรอบ ระหว่างสงครามโลก ครั้งที่ 1 อิหร่านก็ต้องเข้าฉากร่วมเล่นสงครามด้วย แม้จะไม่ได้บทเป็นตัวเอก แต่เนื่องจากมีบ่อน้ำมัน กองทัพอังกฤษจึงยกพลกันมาเต็ม อิหร่าน เพื่อปกป้องบ่อน้ำมันอิหร่าน ที่อังกฤษถือว่าตนเองเป็นเจ้าของ ตามข้อตกลงหลอกเหยื่อ อังกฤษกล่อมรัสเซียให้มาร่วมรายการขยี้เยอรมัน และออตโตมาน โดยตกลงจะยกออตโตมานให้รัสเซีย และทำสัญญาสุดชั่ว Syke-Picot แบ่งเค้กออตโตมานตะวันออกกลาง แต่เมื่อสงครามโลกจบ รัสเซียมีการปฏิวัติโดยพวกบอลเชวิก ฝ่ายปฎิวัติบอกไม่สนใจข้อตกลงที่พวกซาร์ไปทำไว้กับอังกฤษ ฝ่ายปฏวัติกลับสนับสนุนชาวอิหร่านให้ต่อต้านการครอบครอง ของพวกนักล่าชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ และพร้อมที่จะสนับสนุนชาวอิหร่านให้ได้อิสรภาพ อังกฤษทนไม่ได้ ถลาเข้ามาแก้ตัวจนลิ้นพันกัน พร้อมเริ่มขบวนการโฆษณาชวนเชื่อในอิหร่าน บรรยายความเลวร้ายของลัทธิคอมมิวนิสต์ออกสื่อทุกวัน เพื่อกันไม่ให้พวกบอลเชวิก เข้ามาในอิหร่าน โดยเฉพาะทางด้านเหนือที่ติดกับเขตแดนของรัสเซีย ในที่สุด อังกฤษตัดสินใจเลิกใช้ไม้นวม เข้าไปควบคุมสถานการณ์ในอิหร่าน โดยคว้าข้อมืออิหร่าน จับให้ทำสัญญา Anglo – Persian Agreement เมื่อ ค.ศ. 1919 ให้อังกฤษมีสิทธิควบคุมเหนืออิหร่าน ในด้านกองทัพ การคลัง และระบบการขนส่งทั้งหมด และเพื่อให้แน่ใจว่าอำนาจอยู่ในมือเต็มทั้ง 2 มือ อังกฤษประกาศกฎอัยการศึก และเริ่มให้มีการใช้ธนบัตรในการซื้อขาย โอ้โห นี่ขนาดเพิ่งต้มตุ๋น ได้น้ำมันมาบ่อเดียวนะ ยังปฏิบัติการเฉียบขนาดนี้เลย นี่ถ้ามี หลายบ่อ หลายหลุม เรียงกันเป็นพรึด มันจะคุมประเทศเขาเข้มขนาดไหนหนอ.. แต่ชาวอิหร่านก็ดูเหมือนจะไม่ได้พร้อมใจ จะอยู่ใต้อุ้งมือของชาวเกาะใหญ่ฯ พวกเขาพยายามต่อต้าน แต่แล้วใน ค.ศ. 1921 เมื่อการต่อต้านรุนแรงขึ้น แถมศึกชิงน้ำมันของกลุ่มนักล่าหน้าใหม่จากอีกฝั่งหนึ่ง ของ มหาสมุทรแอตแลนติก เริ่มดุเดือดเลือดพล่านขึ้น อังกฤษปรับแผนใหม่อีกรอบ สนับสนุนให้มีการปฏิวัติโดย Reza Khan ซึ่งภายหลังประกาศตั้งตัวเองเป็น Shah คนใหม่ ในปี ค.ศ. 1926 เป็นต้นราชวงศ์ Pahlevi หุ่นเชิดของนักล่าชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยของเท้าซ้าย
Shah ใช้ความเหี้ยมโหด ข่มเหง กดขี่ ประชาชนต่อไป ภายใต้การหนุน และชักใยของนักล่าชาวเกาะฯ แหม ! แผมใหม่นี่ไม่ต้องทำอะไรมาก แค่ยุซ้าย เสี้ยมขวา ให้พวกมันก็ตีกันเอง แล้วเราก็ขุดน้ำมันรวยไป เรื่อย ๆ สบายใจดี ฮ่า ฮ่า อร่อยนุ่ม เคี้ยวเพลิน ! สวัสดีครับ
คนเล่านิทาน
14 ก.ย. 57
    0 Comments 0 Shares 287 Views 0 Reviews
More Results