• หลวงปู่ทวด วัดเกาะเพชร จ.นครศรีธรรมราช ปี2551
    หลวงปู่ทวด เนื้อมหาว่าน พิมพ์ใหญ่ วัดเกาะเพชร อ.หัวไทร จ.นครศรีธรรมราช ปี2551 //พระดีพิธีใหญ่ เกจิร่วมปลุกเสก 108 องค์ พระมีประสบการณ์.. //พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ

    ** พุทธคุณ "แคล้วคาดปลอดภัย มหาอุด" เจริญก้าวหน้าในอาชีพการงาน เลื่อนยศ เลื่อนตำแหน่ง การเงิน โชคลาภค้าขาย เรียกทรัพย์ เมตตามหานิยม ดีนัก.กันเสนียดจัญไร เป็นมหามงคลและสุดยอดนิรันตราย >>

    พระดีพิธีใหญ่ พุทธคุณไม่แพ้รุ่นแพงๆ จัดสร้าง โดย วัดเกาะเพชร อ.หัวไทรจ.นครศรีธรรมราช เกจิร่วมปลุกเสก 108 องค์ เพื่อหาเงินสร้าง ศาลา หลวงปู่ทวด เพื่อประดิษฐฐานรูปเหมือน หลวงปู่ทวด วัดเกาะเพชร เป็นสถานที่ ที่หลวงปู่ทวดเคยจาริกผ่านตอนที่ท่านเดินธูดงค์กลับจากอยุธยาเพื่อกลับวัดพะโค๊ะ พิธีกรรม ฝ่าย ฆราวาส คือ อ.ประจวบ คงเหลือ ปลุกเสกโดย คณาจารย์สายใต้
    #พ่อท่านเอื้อม วัดบางเนียน จุดเทียนชัย #พ่อท่านเขียว วัดห้วยเงาะ ปัตตานี ดับเทียนชัย

    #รายนามคณาจารย์ร่วมปลุกเสก
    #จังหวัดนครศรีธรรมราช
    1. พ่อท่านเอื้อม วัดบางเนียน 2.พ่อท่านพุ่ม สำนักสงฆ์ดอยเจดีย์ 3. อ.หรั่ง วัดห้วยเต็ง 4. อ.สมนึก วัดหรงบน 5.อ.สิทธิ สำนักสงฆ์ปอมทอง
    #จังหวัดปัตตานี
    1.พระอาจารย์จ่าง วัดศรีมหาโพธิ์ ปัตตานี 2.พระอาจารย์แดง วัดไร่ ปัตตานี
    #จังหวัดชุมพร
    1. หลวงพ่อชม นิ้วเพชร วัดปากน้ำละแม จ.ชุมพร 2. พระอาจารย์ชุม วัดทุ่งคาประชาธรรม 3.หลวงพ่อดำ วัดบางดวด
    #จังหวัดสงขลา
    1. หลวงปู่หวาน วัดสะบ้าย้อย 2. อาจารย์ภัตร วัดนาทวี 3.พระครูธรรมธรชาญชัย วัดพะโค๊ะ
    #จังหวัดสุราษฎร์ธานี
    1.พ่อท่านท้วม วัดศรีสุวรรณ 2. หลวงพ่อชูชาติ วัดท่าไทร 3. พระอาจารย์ทอง วัดสถลธรรมาราม 4.พ่อท่านจ่าง วัดวัดน้ำรอบ
    #จังหวัดพัทลุง
    1.พ่อท่านเอียด วัดโคกแย้ม 2.พ่อท่านพรหม วัดบ้านสวน 3.พ่อท่านคล้อย วัดภูเขาทอง 4.พ่อท่านเงิน วัดโพรงงู 5.อ.อุทัย วัดวิหารสูง 6.อ.รรรศิริ วัดบ้านสวน 7.อ.เถียร วัดโคกโดน 8.หลวงพ่อเหวียน วัดพิกุลทอง
    #จังหวัดตรังตรัง
    1.อ.พล วัดเขาห้วยแห้ง 2. อ.ประสูติ วัดในเตา

    ** พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ

    ช่องทางติดต่อ
    LINE 0881915131
    โทรศัพท์ 0881915131
    หลวงปู่ทวด วัดเกาะเพชร จ.นครศรีธรรมราช ปี2551 หลวงปู่ทวด เนื้อมหาว่าน พิมพ์ใหญ่ วัดเกาะเพชร อ.หัวไทร จ.นครศรีธรรมราช ปี2551 //พระดีพิธีใหญ่ เกจิร่วมปลุกเสก 108 องค์ พระมีประสบการณ์.. //พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ ** พุทธคุณ "แคล้วคาดปลอดภัย มหาอุด" เจริญก้าวหน้าในอาชีพการงาน เลื่อนยศ เลื่อนตำแหน่ง การเงิน โชคลาภค้าขาย เรียกทรัพย์ เมตตามหานิยม ดีนัก.กันเสนียดจัญไร เป็นมหามงคลและสุดยอดนิรันตราย >> พระดีพิธีใหญ่ พุทธคุณไม่แพ้รุ่นแพงๆ จัดสร้าง โดย วัดเกาะเพชร อ.หัวไทรจ.นครศรีธรรมราช เกจิร่วมปลุกเสก 108 องค์ เพื่อหาเงินสร้าง ศาลา หลวงปู่ทวด เพื่อประดิษฐฐานรูปเหมือน หลวงปู่ทวด วัดเกาะเพชร เป็นสถานที่ ที่หลวงปู่ทวดเคยจาริกผ่านตอนที่ท่านเดินธูดงค์กลับจากอยุธยาเพื่อกลับวัดพะโค๊ะ พิธีกรรม ฝ่าย ฆราวาส คือ อ.ประจวบ คงเหลือ ปลุกเสกโดย คณาจารย์สายใต้ #พ่อท่านเอื้อม วัดบางเนียน จุดเทียนชัย #พ่อท่านเขียว วัดห้วยเงาะ ปัตตานี ดับเทียนชัย #รายนามคณาจารย์ร่วมปลุกเสก #จังหวัดนครศรีธรรมราช 1. พ่อท่านเอื้อม วัดบางเนียน 2.พ่อท่านพุ่ม สำนักสงฆ์ดอยเจดีย์ 3. อ.หรั่ง วัดห้วยเต็ง 4. อ.สมนึก วัดหรงบน 5.อ.สิทธิ สำนักสงฆ์ปอมทอง #จังหวัดปัตตานี 1.พระอาจารย์จ่าง วัดศรีมหาโพธิ์ ปัตตานี 2.พระอาจารย์แดง วัดไร่ ปัตตานี #จังหวัดชุมพร 1. หลวงพ่อชม นิ้วเพชร วัดปากน้ำละแม จ.ชุมพร 2. พระอาจารย์ชุม วัดทุ่งคาประชาธรรม 3.หลวงพ่อดำ วัดบางดวด #จังหวัดสงขลา 1. หลวงปู่หวาน วัดสะบ้าย้อย 2. อาจารย์ภัตร วัดนาทวี 3.พระครูธรรมธรชาญชัย วัดพะโค๊ะ #จังหวัดสุราษฎร์ธานี 1.พ่อท่านท้วม วัดศรีสุวรรณ 2. หลวงพ่อชูชาติ วัดท่าไทร 3. พระอาจารย์ทอง วัดสถลธรรมาราม 4.พ่อท่านจ่าง วัดวัดน้ำรอบ #จังหวัดพัทลุง 1.พ่อท่านเอียด วัดโคกแย้ม 2.พ่อท่านพรหม วัดบ้านสวน 3.พ่อท่านคล้อย วัดภูเขาทอง 4.พ่อท่านเงิน วัดโพรงงู 5.อ.อุทัย วัดวิหารสูง 6.อ.รรรศิริ วัดบ้านสวน 7.อ.เถียร วัดโคกโดน 8.หลวงพ่อเหวียน วัดพิกุลทอง #จังหวัดตรังตรัง 1.อ.พล วัดเขาห้วยแห้ง 2. อ.ประสูติ วัดในเตา ** พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ ช่องทางติดต่อ LINE 0881915131 โทรศัพท์ 0881915131
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 131 มุมมอง 0 รีวิว
  • 77 ปี จับ “หะยีสุหลง” จากโต๊ะอิหม่าม นักเคลื่อนไหว ปลายด้ามขวาน สู่สี่ชีวิตถูกอุ้มฆ่า ถ่วงทะเลสาบสงขลา

    📅 ย้อนไปเมื่อ 77 ปี ที่ผ่านมา วันที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2491 วันที่ชื่อของ "หะยีสุหลง โต๊ะมีนา" ถูกจารึกไว้ในหน้าประวัติศาสตร์ไทย ในฐานะนักเคลื่อนไหว เพื่อสิทธิของชาวมลายูมุสลิม ในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ทว่าการต่อสู้เพื่อความยุติธรรม และสิทธิของประชาชนของเหะยีสุหลง กลับจบลงอย่างโศกนาฏกรรม

    หะยีสุหลงพร้อมกับผู้ติดตามอีก 3 คน หายตัวไปหลังจากเดินทางไปยัง กองบัญชาการตำรวจสันติบาล จังหวัดสงขลา ก่อนถูกสังหาร และถ่วงน้ำในทะเลสาบสงขลา เหตุการณ์นี้กลายเป็น หนึ่งในกรณีการอุ้มฆ่าทางการเมือง ที่สำคัญที่สุดของไทย ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความขัดแย้ง ระหว่างอำนาจรัฐ กับกลุ่มชนพื้นเมืองในภาคใต้

    🔍 "หะยีสุหลง บิน อับดุลกาเคร์ ฒูฮัมมัด เอล ฟาโทนิ" หรือที่รู้จักในนาม "หะยีสุหลง" เป็นผู้นำศาสนาและนักเคลื่อนไหวทางสังคม ของชาวมลายูมุสลิม ในภาคใต้ของไทย เป็นประธานกรรมการอิสลามจังหวัดปัตตานี และเป็นบุคคลสำคัญ ในการเรียกร้องให้รัฐไทย ให้ความเป็นธรรมแก่ชาวมุสลิมใน 4 จังหวัดภาคใต้

    📌 ภารกิจของหะยีสุหลง
    ✅ ปรับปรุงระบบการศึกษา โดยก่อตั้ง "ปอเนาะ" หรือโรงเรียนสอนศาสนาอิสลามแห่งแรก
    ✅ ส่งเสริมศาสนาอิสลามที่ถูกต้อง ต่อต้านความเชื่อที่ขัดกับหลักศาสนา
    ✅ เรียกร้องสิทธิและความเป็นธรรม ให้ชาวมลายูมุสลิม ภายใต้กรอบของรัฐไทย

    แต่... เส้นทางการต่อสู้ กลับนำไปสู่ความขัดแย้งกับรัฐบาลไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หลังจากที่หะยีสุหลงเสนอ "7 ข้อเรียกร้อง" ต่อรัฐบาลไทย

    📜 7 ข้อเรียกร้องของหะยีสุหลง พ.ศ. 2490
    ในเดือนเมษายน พ.ศ. 2490 หะยีสุหลงได้เสนอข้อเรียกร้อง 7 ประการต่อ พลเรือตรีถวัลย์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ซึ่งเป็นข้อเสนอ เพื่อให้เกิดความเป็นธรรม แก่ประชาชนมุสลิม ในภาคใต้

    📝 รายละเอียดของ 7 ข้อเรียกร้อง
    1. ให้แต่งตั้งผู้ว่าราชการ ที่เป็นชาวมลายูมุสลิม และมาจากการเลือกตั้ง
    2. ข้าราชการในพื้นที่ ต้องเป็นมุสลิมอย่างน้อย 80%
    3. ให้ใช้ภาษามลายูและภาษาไทย เป็นภาษาราชการ
    4. ให้ภาษามลายูเป็นภาษากลาง ในโรงเรียนระดับประถมศึกษา
    5. ให้ใช้กฎหมายอิสลาม ในการพิจารณาคดีของศาลศาสนา
    6. รายได้จากภาษีใน 4 จังหวัด ต้องถูกใช้ในพื้นที่นั้น
    7. ให้จัดตั้งคณะกรรมการมุสลิม เพื่อดูแลกิจการของชาวมุสลิม

    💡 แต่กลับเกิดผลกระทบ เนื่องจากข้อเรียกร้องนี้ถูกมองว่า เป็นการพยายามแบ่งแยกดินแดน นำไปสู่การจับกุม และกล่าวหาหะยีสุหลงว่าเป็น "กบฏ"

    ⚖️ หลังการรัฐประหารในวันที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2490 ซึ่งเปลี่ยนแปลงรัฐบาล มาเป็นฝ่ายของ จอมพล ป. พิบูลสงคราม แนวคิด "7 ข้อเรียกร้อง" ของหะยีสุหลง ถูกตีความว่า เป็นภัยต่อความมั่นคงของรัฐ

    📅 เหตุการณ์สำคัญ
    16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2491 → หะยีสุหลงถูกจับกุมที่ปัตตานี
    30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2493 → ศาลฎีกาตัดสินจำคุก 4 ปี 8 เดือน ในข้อหาปลุกระดม ให้ประชาชนต่อต้านรัฐ

    หลังจากพ้นโทษ หะยีสุหลงยังคงถูกจับตามอง และเผชิญกับการคุกคามจากฝ่ายรัฐ จนนำไปสู่เหตุการณ์ "การอุ้มหาย" ที่สร้างความตื่นตัวในสังคม

    🚨 การอุ้มหายและสังหาร 13 สิงหาคม พ.ศ. 2497
    หลังจากได้รับคำสั่ง ให้เข้าพบเจ้าหน้าที่ตำรวจที่สงขลา หะยีสุหลงพร้อมลูกชายวัย 15 ปี ซึ่งเป็นล่าม และพรรคพวกอีก 2 คน ได้เดินทางไปยัง สำนักงานตำรวจสันติบาลจังหวัดสงชลา

    ❌ แล้วพวกเขาก็หายตัวไป...
    หลักฐานทางประวัติศาสตร์ระบุว่า พวกเขาถูกสังหารในบังกะโล ริมทะเลสาบสงขลา โดยใช้เชือกรัดคอ คว้านท้องศพ แล้วผูกกับแท่งซีเมนต์ก่อนถ่วงน้ำ มีหลักฐานโยงไปถึง พล.ต.อ. เผ่า ศรียานนท์ อธิบดีกรมตำรวจในขณะนั้น ว่าเป็นผู้บงการอุ้มฆ่า

    เหตุการณ์นี้ กลายเป็นหนึ่งในคดีอุ้มหาย ที่สะเทือนขวัญที่สุดของไทย และแม้ว่าจะมีการรื้อฟื้นคดี ในปี พ.ศ. 2500 แต่สุดท้าย... ก็ไม่มีใครต้องรับผิดชอบ

    🏛️ เหตุการณ์การอุ้มหายของหะยีสุหลง ส่งผลให้เกิดกระแสต่อต้านรัฐบาล และสร้างแรงบันดาลใจ ให้ขบวนการเคลื่อนไหวในภาคใต้

    📌 ผลกระทบที่สำคัญ
    ✅ จุดชนวนความไม่พอใจ ของชาวมลายูมุสลิมต่อรัฐไทย
    ✅ ทำให้ปัญหาความขัดแย้งใน 4 จังหวัดภาคใต้รุนแรงขึ้น
    ✅ กระตุ้นให้เกิดขบวนการเคลื่อนไห วและกลุ่มติดอาวุธในเวลาต่อมา

    แม้ว่าปัจจุบันปัญหาภาคใต้ จะมีพัฒนาการที่ซับซ้อนขึ้น แต่เหตุการณ์ของหะยีสุหลง ยังคงเป็นเครื่องเตือนใจ ถึงความจำเป็นในการแก้ไขปัญหา ด้วยสันติวิธีและความเป็นธรรม

    📌 กรณีของหะยีสุหลง แสดงให้เห็นถึงความซับซ้อน ของปัญหาชายแดนใต้ ซึ่งเกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์ อัตลักษณ์ วัฒนธรรม และการปกครองของรัฐไทย 🔎

    ⚖️ สิ่งที่รัฐควรเรียนรู้
    ✅ การให้สิทธิทางวัฒนธรรมและศาสนา แก่กลุ่มชาติพันธุ์
    ✅ การเปิดพื้นที่การมีส่วนร่วมทางการเมือง
    ✅ การแก้ไขปัญหาความขัดแย้ง ด้วยกระบวนการสันติ

    📌 เหตุการณ์นี้ เป็นหนึ่งในบทเรียนสำคัญ ของประวัติศาสตร์ไทย ซึ่งยังคงมีอิทธิพล ต่อสถานการณ์ในปัจจุบัน ⬇️

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 161122 ก.พ. 2568

    #หะยีสุหลง #ชายแดนใต้ #อุ้มหาย #77ปีหะยีสุหลง #ประวัติศาสตร์ไทย
    77 ปี จับ “หะยีสุหลง” จากโต๊ะอิหม่าม นักเคลื่อนไหว ปลายด้ามขวาน สู่สี่ชีวิตถูกอุ้มฆ่า ถ่วงทะเลสาบสงขลา 📅 ย้อนไปเมื่อ 77 ปี ที่ผ่านมา วันที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2491 วันที่ชื่อของ "หะยีสุหลง โต๊ะมีนา" ถูกจารึกไว้ในหน้าประวัติศาสตร์ไทย ในฐานะนักเคลื่อนไหว เพื่อสิทธิของชาวมลายูมุสลิม ในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ทว่าการต่อสู้เพื่อความยุติธรรม และสิทธิของประชาชนของเหะยีสุหลง กลับจบลงอย่างโศกนาฏกรรม หะยีสุหลงพร้อมกับผู้ติดตามอีก 3 คน หายตัวไปหลังจากเดินทางไปยัง กองบัญชาการตำรวจสันติบาล จังหวัดสงขลา ก่อนถูกสังหาร และถ่วงน้ำในทะเลสาบสงขลา เหตุการณ์นี้กลายเป็น หนึ่งในกรณีการอุ้มฆ่าทางการเมือง ที่สำคัญที่สุดของไทย ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความขัดแย้ง ระหว่างอำนาจรัฐ กับกลุ่มชนพื้นเมืองในภาคใต้ 🔍 "หะยีสุหลง บิน อับดุลกาเคร์ ฒูฮัมมัด เอล ฟาโทนิ" หรือที่รู้จักในนาม "หะยีสุหลง" เป็นผู้นำศาสนาและนักเคลื่อนไหวทางสังคม ของชาวมลายูมุสลิม ในภาคใต้ของไทย เป็นประธานกรรมการอิสลามจังหวัดปัตตานี และเป็นบุคคลสำคัญ ในการเรียกร้องให้รัฐไทย ให้ความเป็นธรรมแก่ชาวมุสลิมใน 4 จังหวัดภาคใต้ 📌 ภารกิจของหะยีสุหลง ✅ ปรับปรุงระบบการศึกษา โดยก่อตั้ง "ปอเนาะ" หรือโรงเรียนสอนศาสนาอิสลามแห่งแรก ✅ ส่งเสริมศาสนาอิสลามที่ถูกต้อง ต่อต้านความเชื่อที่ขัดกับหลักศาสนา ✅ เรียกร้องสิทธิและความเป็นธรรม ให้ชาวมลายูมุสลิม ภายใต้กรอบของรัฐไทย แต่... เส้นทางการต่อสู้ กลับนำไปสู่ความขัดแย้งกับรัฐบาลไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หลังจากที่หะยีสุหลงเสนอ "7 ข้อเรียกร้อง" ต่อรัฐบาลไทย 📜 7 ข้อเรียกร้องของหะยีสุหลง พ.ศ. 2490 ในเดือนเมษายน พ.ศ. 2490 หะยีสุหลงได้เสนอข้อเรียกร้อง 7 ประการต่อ พลเรือตรีถวัลย์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ซึ่งเป็นข้อเสนอ เพื่อให้เกิดความเป็นธรรม แก่ประชาชนมุสลิม ในภาคใต้ 📝 รายละเอียดของ 7 ข้อเรียกร้อง 1. ให้แต่งตั้งผู้ว่าราชการ ที่เป็นชาวมลายูมุสลิม และมาจากการเลือกตั้ง 2. ข้าราชการในพื้นที่ ต้องเป็นมุสลิมอย่างน้อย 80% 3. ให้ใช้ภาษามลายูและภาษาไทย เป็นภาษาราชการ 4. ให้ภาษามลายูเป็นภาษากลาง ในโรงเรียนระดับประถมศึกษา 5. ให้ใช้กฎหมายอิสลาม ในการพิจารณาคดีของศาลศาสนา 6. รายได้จากภาษีใน 4 จังหวัด ต้องถูกใช้ในพื้นที่นั้น 7. ให้จัดตั้งคณะกรรมการมุสลิม เพื่อดูแลกิจการของชาวมุสลิม 💡 แต่กลับเกิดผลกระทบ เนื่องจากข้อเรียกร้องนี้ถูกมองว่า เป็นการพยายามแบ่งแยกดินแดน นำไปสู่การจับกุม และกล่าวหาหะยีสุหลงว่าเป็น "กบฏ" ⚖️ หลังการรัฐประหารในวันที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2490 ซึ่งเปลี่ยนแปลงรัฐบาล มาเป็นฝ่ายของ จอมพล ป. พิบูลสงคราม แนวคิด "7 ข้อเรียกร้อง" ของหะยีสุหลง ถูกตีความว่า เป็นภัยต่อความมั่นคงของรัฐ 📅 เหตุการณ์สำคัญ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2491 → หะยีสุหลงถูกจับกุมที่ปัตตานี 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2493 → ศาลฎีกาตัดสินจำคุก 4 ปี 8 เดือน ในข้อหาปลุกระดม ให้ประชาชนต่อต้านรัฐ หลังจากพ้นโทษ หะยีสุหลงยังคงถูกจับตามอง และเผชิญกับการคุกคามจากฝ่ายรัฐ จนนำไปสู่เหตุการณ์ "การอุ้มหาย" ที่สร้างความตื่นตัวในสังคม 🚨 การอุ้มหายและสังหาร 13 สิงหาคม พ.ศ. 2497 หลังจากได้รับคำสั่ง ให้เข้าพบเจ้าหน้าที่ตำรวจที่สงขลา หะยีสุหลงพร้อมลูกชายวัย 15 ปี ซึ่งเป็นล่าม และพรรคพวกอีก 2 คน ได้เดินทางไปยัง สำนักงานตำรวจสันติบาลจังหวัดสงชลา ❌ แล้วพวกเขาก็หายตัวไป... หลักฐานทางประวัติศาสตร์ระบุว่า พวกเขาถูกสังหารในบังกะโล ริมทะเลสาบสงขลา โดยใช้เชือกรัดคอ คว้านท้องศพ แล้วผูกกับแท่งซีเมนต์ก่อนถ่วงน้ำ มีหลักฐานโยงไปถึง พล.ต.อ. เผ่า ศรียานนท์ อธิบดีกรมตำรวจในขณะนั้น ว่าเป็นผู้บงการอุ้มฆ่า เหตุการณ์นี้ กลายเป็นหนึ่งในคดีอุ้มหาย ที่สะเทือนขวัญที่สุดของไทย และแม้ว่าจะมีการรื้อฟื้นคดี ในปี พ.ศ. 2500 แต่สุดท้าย... ก็ไม่มีใครต้องรับผิดชอบ 🏛️ เหตุการณ์การอุ้มหายของหะยีสุหลง ส่งผลให้เกิดกระแสต่อต้านรัฐบาล และสร้างแรงบันดาลใจ ให้ขบวนการเคลื่อนไหวในภาคใต้ 📌 ผลกระทบที่สำคัญ ✅ จุดชนวนความไม่พอใจ ของชาวมลายูมุสลิมต่อรัฐไทย ✅ ทำให้ปัญหาความขัดแย้งใน 4 จังหวัดภาคใต้รุนแรงขึ้น ✅ กระตุ้นให้เกิดขบวนการเคลื่อนไห วและกลุ่มติดอาวุธในเวลาต่อมา แม้ว่าปัจจุบันปัญหาภาคใต้ จะมีพัฒนาการที่ซับซ้อนขึ้น แต่เหตุการณ์ของหะยีสุหลง ยังคงเป็นเครื่องเตือนใจ ถึงความจำเป็นในการแก้ไขปัญหา ด้วยสันติวิธีและความเป็นธรรม 📌 กรณีของหะยีสุหลง แสดงให้เห็นถึงความซับซ้อน ของปัญหาชายแดนใต้ ซึ่งเกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์ อัตลักษณ์ วัฒนธรรม และการปกครองของรัฐไทย 🔎 ⚖️ สิ่งที่รัฐควรเรียนรู้ ✅ การให้สิทธิทางวัฒนธรรมและศาสนา แก่กลุ่มชาติพันธุ์ ✅ การเปิดพื้นที่การมีส่วนร่วมทางการเมือง ✅ การแก้ไขปัญหาความขัดแย้ง ด้วยกระบวนการสันติ 📌 เหตุการณ์นี้ เป็นหนึ่งในบทเรียนสำคัญ ของประวัติศาสตร์ไทย ซึ่งยังคงมีอิทธิพล ต่อสถานการณ์ในปัจจุบัน ⬇️ ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 161122 ก.พ. 2568 #หะยีสุหลง #ชายแดนใต้ #อุ้มหาย #77ปีหะยีสุหลง #ประวัติศาสตร์ไทย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 137 มุมมอง 0 รีวิว
  • Big Story ตอน โหดร้าย..ตายฟรี !?

    13 มีนาคม 2565 ครบรอบ 25 ปี "วันช้างไทย" เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาเพิ่งเกิดเหตุการฆ่าช้างป่าตัดงาที่จังหวัดสงขลา ยังจับมือสังหารไม่ได้ แต่ก็เพียงลงเป็นข่าวเล็กๆในพื้นที่สื่อ ย้อนกลับไป 10 ปีที่แล้ว เกิดคดีล่าฆ่าสังหารช้าง 2 ตัว ในป่าแก่งกระจาน จ.เพชรบุรี มีเจ้าหน้าที่อุทยานฯเข้าไปเกี่ยวข้องถูกดำเนินคดีหลายคน เหตุการณ์ครั้งนั้นเป็นข่าวโด่งดังผู้คนให้ความสนใจกันทั่วโลก แต่กฎหมายก็ทำอะไรไม่ได้มากไม่นานทุกคนที่เกี่ยวข้องพ้นผิดและพ้นโทษออกมา ขณะที่ช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาเฉพาะที่ป่าแก่งกระจานมีช้างป่าล้มไปแล้วกว่า 20 ตัว เกินครึ่งเป็นการตายอย่างผิดธรรมชาติ อย่างที่แทบจะไม่เคยเอาผิดและทวงความยุติธรรมให้กับช้างป่าได้เลย ติดตามสารคดีเชิงข่าว BIG STORY ตอน " ถอดบทเรียน คน-ล้ม-ช้าง "

    #thaitimes #BIGSTORY
    Big Story ตอน โหดร้าย..ตายฟรี !? 13 มีนาคม 2565 ครบรอบ 25 ปี "วันช้างไทย" เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาเพิ่งเกิดเหตุการฆ่าช้างป่าตัดงาที่จังหวัดสงขลา ยังจับมือสังหารไม่ได้ แต่ก็เพียงลงเป็นข่าวเล็กๆในพื้นที่สื่อ ย้อนกลับไป 10 ปีที่แล้ว เกิดคดีล่าฆ่าสังหารช้าง 2 ตัว ในป่าแก่งกระจาน จ.เพชรบุรี มีเจ้าหน้าที่อุทยานฯเข้าไปเกี่ยวข้องถูกดำเนินคดีหลายคน เหตุการณ์ครั้งนั้นเป็นข่าวโด่งดังผู้คนให้ความสนใจกันทั่วโลก แต่กฎหมายก็ทำอะไรไม่ได้มากไม่นานทุกคนที่เกี่ยวข้องพ้นผิดและพ้นโทษออกมา ขณะที่ช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาเฉพาะที่ป่าแก่งกระจานมีช้างป่าล้มไปแล้วกว่า 20 ตัว เกินครึ่งเป็นการตายอย่างผิดธรรมชาติ อย่างที่แทบจะไม่เคยเอาผิดและทวงความยุติธรรมให้กับช้างป่าได้เลย ติดตามสารคดีเชิงข่าว BIG STORY ตอน " ถอดบทเรียน คน-ล้ม-ช้าง " #thaitimes #BIGSTORY
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 207 มุมมอง 12 0 รีวิว
  • ถนนเชื่อมด่านสะเดาฝั่งมาเลย์ฯ กงสุลคาดเสร็จปลายปี 68

    โครงการปรับแนวถนนเชื่อมระหว่างชายแดนไทย-มาเลเซีย ระหว่างด่านบูกิตกายูฮิตัม รัฐเคดะห์ ประเทศมาเลเซีย กับด่านสะเดาแห่งใหม่ จ.สงขลา มีกำหนดแล้วเสร็จภายในสิ้นปี 2568 ตามที่นายอาห์หมัด ฟาห์มี อาห์หมัด กงสุลใหญ่มาเลเซีย ประจำจังหวัดสงขลา กล่าวกับสำนักข่าวเบอร์นามา (Bernama) ของมาเลเซียเมื่อวันที่ 11 ก.พ. แต่การจัดถนนที่เชื่อมต่อกับด่านสะเดาแห่งใหม่ ยังไม่สามารถสรุปได้โดยเร็ว เนื่องจากอุปสรรคทางเทคนิคที่ทำให้เกิดความล่าช้า

    ช่วงที่นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซียเข้ารับตำแหน่ง ได้ออกคำสั่งและผลักดันโครงการให้กลับมาดำเนินการอีกครั้ง หลังจากแก้ไขปัญหาทางเทคนิคได้แล้ว โครงการนี้จึงกลับมาดำเนินการอีกครั้งในปี 2566 มีกำหนดแล้วเสร็จในช่วงเดือน ก.ค. ถึง ส.ค. 2568 ซึ่งจะก่อให้เกิดประโยชน์ต่อทั้งสองประเทศ เพิ่มปริมาณการค้าและส่งเสริมอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว

    ก่อนหน้านี้ ร้านค้าปลอดภาษี The ZON Duty Free บูกิตกายูฮิตัม ได้ปิดให้บริการไปเมื่อวันที่ 25 พ.ย. 2567 เนื่องจากรัฐบาลเวนคืนที่ดินเพื่อก่อสร้างถนนขนาด 6 ช่องจราจร ตีวงโค้งคล้ายเกือกม้าไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ เข้าสู่ด่านพรมแดนสะเดาแห่งใหม่ โดยรื้อถอนอาคารและปรับพื้นที่ไปแล้ว สำหรับถนนฝั่งไทย อยู่ในความรับผิดชอบของ อบจ.สงขลา โดยเมื่อวันที่ 17 ม.ค. มีการประชุมเพื่อหารือรายละเอียดการก่อสร้างถนนเชื่อมด่านศุลกากรสะเดาแห้งใหม่ เพื่อหารือรายละเอียดการขออนุญาตสร้างรั้วและประตูชายแดนใหม่ในฝั่งมาเลเซีย รวมทั้งการกำหนดพื้นที่เขตก่อสร้างร่วมกัน

    สำหรับด่านศุลกากรสะเดาแห่งใหม่ตั้งอยู่บนพื้นที่ 596 ไร่ 1 งาน 18 ตารางวา ใช้งบประมาณก่อสร้าง 2,360 ล้านบาท เริ่มต้นสัญญาเมื่อวันที่ 1 มิ.ย. 2559 แล้วเสร็จและตรวจรับงานครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 30 ก.ย. 2562 แต่ยังไม่สามารถเปิดใช้งานได้ เนื่องจากยังไม่มีถนนเชื่อม ขณะที่ด่านศุลกากรสะเดาปัจจุบันมีรถยนต์ สินค้า และผู้สัญจรระหว่างประเทศเป็นจำนวนมาก

    ต่อมากรมทางหลวงก่อสร้างถนนสายแยกทางหลวงหมายเลข 4–ด่านสะเดาแห่งที่ 2 (คู่ขนานมอเตอร์เวย์ M84 หาดใหญ่-สะเดา) จ.สงขลา ระยะทางประมาณ 5 กิโลเมตร ในปีงบประมาณ 2561 โดยตอน 1 แล้วเสร็จเดือน ส.ค. 2566 ตอน 2 แล้วเสร็จ เม.ย. 2567 ซึ่งในอนาคตจะมีโครงการมอเตอร์เวย์ M84 ระยะทาง 62.5 กิโลเมตร เริ่มต้นจากถนนเพชรเกษม อ.บางกล่ำ จ.สงขลา อ้อมไปทางท่าอากาศยานหาดใหญ่ ทะลุถนนกาญจนวนิช สิ้นสุดที่ด่านสะเดาแห่งที่ 2 ปัจจุบันการออกแบบแล้วเสร็จ เหลือเสนอ ครม.พิจารณาให้เอกชนลงทุนในรูปแบบ PPP แต่ยังไม่มีความคืบหน้า

    #Newskit
    ถนนเชื่อมด่านสะเดาฝั่งมาเลย์ฯ กงสุลคาดเสร็จปลายปี 68 โครงการปรับแนวถนนเชื่อมระหว่างชายแดนไทย-มาเลเซีย ระหว่างด่านบูกิตกายูฮิตัม รัฐเคดะห์ ประเทศมาเลเซีย กับด่านสะเดาแห่งใหม่ จ.สงขลา มีกำหนดแล้วเสร็จภายในสิ้นปี 2568 ตามที่นายอาห์หมัด ฟาห์มี อาห์หมัด กงสุลใหญ่มาเลเซีย ประจำจังหวัดสงขลา กล่าวกับสำนักข่าวเบอร์นามา (Bernama) ของมาเลเซียเมื่อวันที่ 11 ก.พ. แต่การจัดถนนที่เชื่อมต่อกับด่านสะเดาแห่งใหม่ ยังไม่สามารถสรุปได้โดยเร็ว เนื่องจากอุปสรรคทางเทคนิคที่ทำให้เกิดความล่าช้า ช่วงที่นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซียเข้ารับตำแหน่ง ได้ออกคำสั่งและผลักดันโครงการให้กลับมาดำเนินการอีกครั้ง หลังจากแก้ไขปัญหาทางเทคนิคได้แล้ว โครงการนี้จึงกลับมาดำเนินการอีกครั้งในปี 2566 มีกำหนดแล้วเสร็จในช่วงเดือน ก.ค. ถึง ส.ค. 2568 ซึ่งจะก่อให้เกิดประโยชน์ต่อทั้งสองประเทศ เพิ่มปริมาณการค้าและส่งเสริมอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ก่อนหน้านี้ ร้านค้าปลอดภาษี The ZON Duty Free บูกิตกายูฮิตัม ได้ปิดให้บริการไปเมื่อวันที่ 25 พ.ย. 2567 เนื่องจากรัฐบาลเวนคืนที่ดินเพื่อก่อสร้างถนนขนาด 6 ช่องจราจร ตีวงโค้งคล้ายเกือกม้าไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ เข้าสู่ด่านพรมแดนสะเดาแห่งใหม่ โดยรื้อถอนอาคารและปรับพื้นที่ไปแล้ว สำหรับถนนฝั่งไทย อยู่ในความรับผิดชอบของ อบจ.สงขลา โดยเมื่อวันที่ 17 ม.ค. มีการประชุมเพื่อหารือรายละเอียดการก่อสร้างถนนเชื่อมด่านศุลกากรสะเดาแห้งใหม่ เพื่อหารือรายละเอียดการขออนุญาตสร้างรั้วและประตูชายแดนใหม่ในฝั่งมาเลเซีย รวมทั้งการกำหนดพื้นที่เขตก่อสร้างร่วมกัน สำหรับด่านศุลกากรสะเดาแห่งใหม่ตั้งอยู่บนพื้นที่ 596 ไร่ 1 งาน 18 ตารางวา ใช้งบประมาณก่อสร้าง 2,360 ล้านบาท เริ่มต้นสัญญาเมื่อวันที่ 1 มิ.ย. 2559 แล้วเสร็จและตรวจรับงานครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 30 ก.ย. 2562 แต่ยังไม่สามารถเปิดใช้งานได้ เนื่องจากยังไม่มีถนนเชื่อม ขณะที่ด่านศุลกากรสะเดาปัจจุบันมีรถยนต์ สินค้า และผู้สัญจรระหว่างประเทศเป็นจำนวนมาก ต่อมากรมทางหลวงก่อสร้างถนนสายแยกทางหลวงหมายเลข 4–ด่านสะเดาแห่งที่ 2 (คู่ขนานมอเตอร์เวย์ M84 หาดใหญ่-สะเดา) จ.สงขลา ระยะทางประมาณ 5 กิโลเมตร ในปีงบประมาณ 2561 โดยตอน 1 แล้วเสร็จเดือน ส.ค. 2566 ตอน 2 แล้วเสร็จ เม.ย. 2567 ซึ่งในอนาคตจะมีโครงการมอเตอร์เวย์ M84 ระยะทาง 62.5 กิโลเมตร เริ่มต้นจากถนนเพชรเกษม อ.บางกล่ำ จ.สงขลา อ้อมไปทางท่าอากาศยานหาดใหญ่ ทะลุถนนกาญจนวนิช สิ้นสุดที่ด่านสะเดาแห่งที่ 2 ปัจจุบันการออกแบบแล้วเสร็จ เหลือเสนอ ครม.พิจารณาให้เอกชนลงทุนในรูปแบบ PPP แต่ยังไม่มีความคืบหน้า #Newskit
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 201 มุมมอง 0 รีวิว
  • 33 ปี สิ้น “หมอบุญส่ง เลขะกุล” นักนิยมไพรไทย ผู้บุกเบิกอนุรักษ์ป่าและสัตว์ จุดกำเนิดเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า

    📅 ย้อนไปเมื่อ 33 ปี ที่ผ่านมา วันที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2535 ถือเป็นวันแห่งการสูญเสียครั้งสำคัญ ของวงการอนุรักษ์ธรรมชาติไทย เพราะเป็นวันที่ น.พ.บุญส่ง เลขะกุล หรือที่รู้จักกันในนาม “หมอบุญส่ง” จากโลกนี้ไปด้วย โรคหัวใจล้มเหลว ในวัย 85 ปี ณ โรงพยาบาลมเหสักข์ กรุงเทพมหานคร แต่ถึงแม้ร่างกายจะล่วงลับไปแล้ว ผลงานและอุดมการณ์ของท่านยังคงอยู่ และกลายเป็นรากฐานสำคัญ ของการอนุรักษ์ป่าไม้ และสัตว์ป่าของไทย

    หมอบุญส่งไม่ได้เป็นเพียง แพทย์ผู้รักษาผู้คน แต่ยังเป็นนักอนุรักษ์ นักเขียน นักถ่ายภาพ และจิตรกร ผู้เปี่ยมไปด้วย ความหลงใหลในธรรมชาติ ความมุ่งมั่นเป็นแรงผลักดันให้เกิดเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า และ กฎหมายคุ้มครองสัตว์ป่า ที่ยังคงใช้มาจนถึงปัจจุบัน 🌳🌿

    🔎 น.พ.บุญส่ง เลขะกุล เกิดเมื่อวันที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2467 ที่บ้านถนนนคร ตำบลบ่อยาง อำเภอเมือง จังหวัดสงขลา เป็นบุตรของพระบริรักษ์เวชกรรม (พิน เลขะกุล) ซึ่งเป็นแพทย์ประจำจังหวัดสงขลา ทำให้หมอบุญส่ง เติบโตมาในครอบครัว ที่ให้ความสำคัญกับการศึกษา และความเมตตาต่อเพื่อนมนุษย์

    📚 เส้นทางการศึกษา
    ✅ มัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนเบญจมราชูทิศ นครศรีธรรมราช
    ✅ มัธยมศึกษาปีที่ 8 โรงเรียนเบญจมบพิตร (ปัจจุบันคือ โรงเรียนมัธยมวัดเบญจมบพิตร) กรุงเทพฯ
    ✅ ปริญญาแพทยศาสตร์บัณฑิต คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (พ.ศ. 2476)

    หลังจากเรียนจบแพทย์ หมอบุญส่งได้เข้าสู่วงการแพทย์ แต่ขณะเดียวกัน ท่านก็เริ่มหลงใหลในธรรมชาติ เดินป่า สังเกตสัตว์ป่า และบันทึกข้อมูลเกี่ยวกับพฤติกรรมสัตว์ต่างๆ ซึ่งต่อมาได้กลายเป็นจุดเริ่มต้น ของการเป็นนักอนุรักษ์ อย่างเต็มตัว

    🌿 จุดเริ่มต้นของการเป็นนักอนุรักษ์
    ช่วงหลัง สงครามโลกครั้งที่ 2 (พ.ศ. 2484 - 2488) การล่าสัตว์เพื่อกีฬา ได้รับความนิยมมากขึ้น การใช้ ไฟส่องสัตว์ และ อาวุธปืนทันสมัย ส่งผลให้ประชากรสัตว์ป่า ลดลงอย่างรวดเร็ว หมอบุญส่งเห็นว่าหากปล่อยไว้เช่นนี้ สัตว์ป่าของไทยจะสูญพันธุ์ จึงรวมตัวกับผู้ที่มีแนวคิดเดียวกัน ก่อตั้ง "นิยมไพรสมาคม" ขึ้นในปี พ.ศ. 2496

    🏡 ศูนย์กลางของนิยมไพรสมาคม ตั้งอยู่ที่บ้านของหมอบุญส่งเอง (บ้านเลขที่ 4 ตรอกโรงภาษีเก่า ถนนเจริญกรุง กรุงเทพฯ) ซึ่งกลายเป็นแหล่งรวม ของผู้สนใจธรรมชาติ นักอนุรักษ์ และนักวิจัยทางด้านสัตว์ป่า

    📖 เป้าหมายของนิยมไพรสมาคม ได้แก่
    ✅ การให้ความรู้ และกระตุ้นจิตสำนึกในการอนุรักษ์
    ✅ การศึกษาพฤติกรรมสัตว์ป่า
    ✅ การผลักดันกฎหมายคุ้มครองสัตว์ป่า
    ✅ การจัดทำ นิตยสารนิยมไพร เพื่อเผยแพร่องค์ความรู้ เกี่ยวกับสัตว์ป่า

    หมอบุญส่งยังได้เดินป่า และเขียนหนังสือสารคดี เกี่ยวกับสัตว์ป่าหลายเล่ม เช่น
    📗 สัตว์ป่าเมืองไทย
    📘 วัวแดง
    📕 แรดไทย
    📗 ช้างไทย

    รวมถึงนวนิยายเกี่ยวกับสัตว์ป่า ที่สร้างชื่อเสียงที่สุด คือ "ชีวิตฉันลูกกระทิง" ซึ่งเคยถูกคัดเลือก เป็น หนังสืออ่านนอกเวลา สำหรับนักเรียน และได้รับการยกย่องเป็น 1 ใน 100 หนังสือดี ที่เด็กและเยาวชนไทยควรอ่าน

    ⚖️ ผลักดันกฎหมายอนุรักษ์สัตว์ป่า
    หมอบุญส่งไม่ได้เพียงแค่เขียนหนังสือ หรือเผยแพร่ความรู้ แต่ยังลงมือผลักดันให้เกิด กฎหมายคุ้มครองสัตว์ป่า ขึ้นเป็นครั้งแรกในประเทศไทย

    📜 ในปี พ.ศ. 2502 หมอบุญส่ง และคณะนิยมไพรสมาคม ได้เข้าพบจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ นายกรัฐมนตรี ในขณะนั้น เพื่อยื่นข้อเสนอให้มี มาตรการคุ้มครองทรัพยากรป่าไม้ และสัตว์ป่า

    🎯 ผลที่ได้คือการออก พระราชบัญญัติสงวน และคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2503 และ พระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2504 ซึ่งเป็นกฎหมายสำคัญ ที่นำไปสู่การประกาศ อุทยานแห่งชาติ และเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า เช่น
    🌳 อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ (พ.ศ. 2505) อุทยานแห่งชาติแห่งแรกของไทย
    🌲 เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระ (พ.ศ. 2508) เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าแห่งแรกของไทย

    👑 พระมหากรุณาธิคุณ และการยกย่องเชิดชูเกียรติ
    ในปี พ.ศ. 2526 หมอบุญส่งได้ร่วมกับกลุ่มอนุรักษ์ ก่อตั้ง "มูลนิธิคุ้มครองสัตว์ป่า และพรรณพืชแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชินูปถัมภ์" ซึ่งได้รับการสนับสนุนจาก สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง

    ต่อมา ในปี พ.ศ. 2550 ได้มีการจัดงาน "100 ปี หมอบุญส่ง เลขะกุล" ณ สยามสมาคม เพื่อรำลึกถึงคุณงามความดี และผลงานที่ได้ทำไว้ให้กับประเทศ

    🎗️ แม้วันนี้ "หมอบุญส่ง เลขะกุล" จะจากโลกนี้ไปครบ 33 ปี แล้วก็ตาม แต่มรดกแห่งการอนุรักษ์ยังคงอยู่ ไม่ว่าจะเป็น
    ✅ กฎหมายคุ้มครองสัตว์ป่า และอุทยานแห่งชาติ
    ✅ อุทยานและเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่ามากมาย
    ✅ หนังสือและบทความที่ช่วยปลูกฝังจิตสำนึกการอนุรักษ์
    ✅ แรงบันดาลใจให้กับนักอนุรักษ์รุ่นใหม่

    💚 "ธรรมชาติไม่ใช่ของใครคนใดคนหนึ่ง แต่เป็นของลูกหลานทุกคนในอนาคต" หมอบุญส่ง เลขะกุล 🌏

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 091504 ก.พ. 2568

    📌 #หมอบุญส่งเลขะกุล #อนุรักษ์สัตว์ป่า #ป่าไม้ไทย #นักนิยมไพร #อนุรักษ์ธรรมชาติ #สัตว์ป่า #ป่าต้องรอด #มรดกทางธรรมชาติ #33ปีหมอบุญส่ง #ธรรมชาติเพื่ออนาคต
    33 ปี สิ้น “หมอบุญส่ง เลขะกุล” นักนิยมไพรไทย ผู้บุกเบิกอนุรักษ์ป่าและสัตว์ จุดกำเนิดเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า 📅 ย้อนไปเมื่อ 33 ปี ที่ผ่านมา วันที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2535 ถือเป็นวันแห่งการสูญเสียครั้งสำคัญ ของวงการอนุรักษ์ธรรมชาติไทย เพราะเป็นวันที่ น.พ.บุญส่ง เลขะกุล หรือที่รู้จักกันในนาม “หมอบุญส่ง” จากโลกนี้ไปด้วย โรคหัวใจล้มเหลว ในวัย 85 ปี ณ โรงพยาบาลมเหสักข์ กรุงเทพมหานคร แต่ถึงแม้ร่างกายจะล่วงลับไปแล้ว ผลงานและอุดมการณ์ของท่านยังคงอยู่ และกลายเป็นรากฐานสำคัญ ของการอนุรักษ์ป่าไม้ และสัตว์ป่าของไทย หมอบุญส่งไม่ได้เป็นเพียง แพทย์ผู้รักษาผู้คน แต่ยังเป็นนักอนุรักษ์ นักเขียน นักถ่ายภาพ และจิตรกร ผู้เปี่ยมไปด้วย ความหลงใหลในธรรมชาติ ความมุ่งมั่นเป็นแรงผลักดันให้เกิดเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า และ กฎหมายคุ้มครองสัตว์ป่า ที่ยังคงใช้มาจนถึงปัจจุบัน 🌳🌿 🔎 น.พ.บุญส่ง เลขะกุล เกิดเมื่อวันที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2467 ที่บ้านถนนนคร ตำบลบ่อยาง อำเภอเมือง จังหวัดสงขลา เป็นบุตรของพระบริรักษ์เวชกรรม (พิน เลขะกุล) ซึ่งเป็นแพทย์ประจำจังหวัดสงขลา ทำให้หมอบุญส่ง เติบโตมาในครอบครัว ที่ให้ความสำคัญกับการศึกษา และความเมตตาต่อเพื่อนมนุษย์ 📚 เส้นทางการศึกษา ✅ มัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนเบญจมราชูทิศ นครศรีธรรมราช ✅ มัธยมศึกษาปีที่ 8 โรงเรียนเบญจมบพิตร (ปัจจุบันคือ โรงเรียนมัธยมวัดเบญจมบพิตร) กรุงเทพฯ ✅ ปริญญาแพทยศาสตร์บัณฑิต คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (พ.ศ. 2476) หลังจากเรียนจบแพทย์ หมอบุญส่งได้เข้าสู่วงการแพทย์ แต่ขณะเดียวกัน ท่านก็เริ่มหลงใหลในธรรมชาติ เดินป่า สังเกตสัตว์ป่า และบันทึกข้อมูลเกี่ยวกับพฤติกรรมสัตว์ต่างๆ ซึ่งต่อมาได้กลายเป็นจุดเริ่มต้น ของการเป็นนักอนุรักษ์ อย่างเต็มตัว 🌿 จุดเริ่มต้นของการเป็นนักอนุรักษ์ ช่วงหลัง สงครามโลกครั้งที่ 2 (พ.ศ. 2484 - 2488) การล่าสัตว์เพื่อกีฬา ได้รับความนิยมมากขึ้น การใช้ ไฟส่องสัตว์ และ อาวุธปืนทันสมัย ส่งผลให้ประชากรสัตว์ป่า ลดลงอย่างรวดเร็ว หมอบุญส่งเห็นว่าหากปล่อยไว้เช่นนี้ สัตว์ป่าของไทยจะสูญพันธุ์ จึงรวมตัวกับผู้ที่มีแนวคิดเดียวกัน ก่อตั้ง "นิยมไพรสมาคม" ขึ้นในปี พ.ศ. 2496 🏡 ศูนย์กลางของนิยมไพรสมาคม ตั้งอยู่ที่บ้านของหมอบุญส่งเอง (บ้านเลขที่ 4 ตรอกโรงภาษีเก่า ถนนเจริญกรุง กรุงเทพฯ) ซึ่งกลายเป็นแหล่งรวม ของผู้สนใจธรรมชาติ นักอนุรักษ์ และนักวิจัยทางด้านสัตว์ป่า 📖 เป้าหมายของนิยมไพรสมาคม ได้แก่ ✅ การให้ความรู้ และกระตุ้นจิตสำนึกในการอนุรักษ์ ✅ การศึกษาพฤติกรรมสัตว์ป่า ✅ การผลักดันกฎหมายคุ้มครองสัตว์ป่า ✅ การจัดทำ นิตยสารนิยมไพร เพื่อเผยแพร่องค์ความรู้ เกี่ยวกับสัตว์ป่า หมอบุญส่งยังได้เดินป่า และเขียนหนังสือสารคดี เกี่ยวกับสัตว์ป่าหลายเล่ม เช่น 📗 สัตว์ป่าเมืองไทย 📘 วัวแดง 📕 แรดไทย 📗 ช้างไทย รวมถึงนวนิยายเกี่ยวกับสัตว์ป่า ที่สร้างชื่อเสียงที่สุด คือ "ชีวิตฉันลูกกระทิง" ซึ่งเคยถูกคัดเลือก เป็น หนังสืออ่านนอกเวลา สำหรับนักเรียน และได้รับการยกย่องเป็น 1 ใน 100 หนังสือดี ที่เด็กและเยาวชนไทยควรอ่าน ⚖️ ผลักดันกฎหมายอนุรักษ์สัตว์ป่า หมอบุญส่งไม่ได้เพียงแค่เขียนหนังสือ หรือเผยแพร่ความรู้ แต่ยังลงมือผลักดันให้เกิด กฎหมายคุ้มครองสัตว์ป่า ขึ้นเป็นครั้งแรกในประเทศไทย 📜 ในปี พ.ศ. 2502 หมอบุญส่ง และคณะนิยมไพรสมาคม ได้เข้าพบจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ นายกรัฐมนตรี ในขณะนั้น เพื่อยื่นข้อเสนอให้มี มาตรการคุ้มครองทรัพยากรป่าไม้ และสัตว์ป่า 🎯 ผลที่ได้คือการออก พระราชบัญญัติสงวน และคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2503 และ พระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2504 ซึ่งเป็นกฎหมายสำคัญ ที่นำไปสู่การประกาศ อุทยานแห่งชาติ และเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า เช่น 🌳 อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ (พ.ศ. 2505) อุทยานแห่งชาติแห่งแรกของไทย 🌲 เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระ (พ.ศ. 2508) เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าแห่งแรกของไทย 👑 พระมหากรุณาธิคุณ และการยกย่องเชิดชูเกียรติ ในปี พ.ศ. 2526 หมอบุญส่งได้ร่วมกับกลุ่มอนุรักษ์ ก่อตั้ง "มูลนิธิคุ้มครองสัตว์ป่า และพรรณพืชแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชินูปถัมภ์" ซึ่งได้รับการสนับสนุนจาก สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ต่อมา ในปี พ.ศ. 2550 ได้มีการจัดงาน "100 ปี หมอบุญส่ง เลขะกุล" ณ สยามสมาคม เพื่อรำลึกถึงคุณงามความดี และผลงานที่ได้ทำไว้ให้กับประเทศ 🎗️ แม้วันนี้ "หมอบุญส่ง เลขะกุล" จะจากโลกนี้ไปครบ 33 ปี แล้วก็ตาม แต่มรดกแห่งการอนุรักษ์ยังคงอยู่ ไม่ว่าจะเป็น ✅ กฎหมายคุ้มครองสัตว์ป่า และอุทยานแห่งชาติ ✅ อุทยานและเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่ามากมาย ✅ หนังสือและบทความที่ช่วยปลูกฝังจิตสำนึกการอนุรักษ์ ✅ แรงบันดาลใจให้กับนักอนุรักษ์รุ่นใหม่ 💚 "ธรรมชาติไม่ใช่ของใครคนใดคนหนึ่ง แต่เป็นของลูกหลานทุกคนในอนาคต" หมอบุญส่ง เลขะกุล 🌏 ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 091504 ก.พ. 2568 📌 #หมอบุญส่งเลขะกุล #อนุรักษ์สัตว์ป่า #ป่าไม้ไทย #นักนิยมไพร #อนุรักษ์ธรรมชาติ #สัตว์ป่า #ป่าต้องรอด #มรดกทางธรรมชาติ #33ปีหมอบุญส่ง #ธรรมชาติเพื่ออนาคต
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 426 มุมมอง 0 รีวิว
  • ๗ ก.พ.๖๘ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ เตรียมสถานที่สวยงามสมพระเกียรติ พร้อมรับเสด็จ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี
    .
    ในโอกาสเสด็จพระราชดำเนินทรงเปิดอาคารวิจัยนวัตกรรม และถ่ายทอดเทคโนโลยีการแพทย์ ณ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ณ วิทยาเขตหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา
    #พระราชินีสุทิดา #苏提达王后 #QueenSuthida
    Cr. FB : Pr.Songkhla ประชาสัมพันธ์จังหวัดสงขลา
    ๗ ก.พ.๖๘ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ เตรียมสถานที่สวยงามสมพระเกียรติ พร้อมรับเสด็จ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี . ในโอกาสเสด็จพระราชดำเนินทรงเปิดอาคารวิจัยนวัตกรรม และถ่ายทอดเทคโนโลยีการแพทย์ ณ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ณ วิทยาเขตหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา #พระราชินีสุทิดา #苏提达王后 #QueenSuthida Cr. FB : Pr.Songkhla ประชาสัมพันธ์จังหวัดสงขลา
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 164 มุมมอง 0 รีวิว
  • ขอเชิญประชาชนสวมใส่เสื้อสีเหลือง เฝ้าฯ รับเสด็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี
    .
    เสด็จพระราชดำเนินทรงเปิดอาคารวิจัยนวัตกรรม และถ่ายทอดเทคโนโลยีการแพทย์ ณ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา
    .
    เสด็จพระราชดำเนินไปทรงวางศิลาฤกษ์ และเปิดอาคารที่ทำการศาลแขวงสงขลา อำเภอเมือง จังหวัดสงขลา
    .
    วันศุกร์ ที่ ๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๘
    เวลา ๑๖.๐๐ น. เป็นต้นไป
    .
    #สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสงขลา
    #พระราชินีสุทิดา #苏提达王后 #QueenSuthida
    ขอเชิญประชาชนสวมใส่เสื้อสีเหลือง เฝ้าฯ รับเสด็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี . เสด็จพระราชดำเนินทรงเปิดอาคารวิจัยนวัตกรรม และถ่ายทอดเทคโนโลยีการแพทย์ ณ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา . เสด็จพระราชดำเนินไปทรงวางศิลาฤกษ์ และเปิดอาคารที่ทำการศาลแขวงสงขลา อำเภอเมือง จังหวัดสงขลา . วันศุกร์ ที่ ๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๘ เวลา ๑๖.๐๐ น. เป็นต้นไป . #สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสงขลา #พระราชินีสุทิดา #苏提达王后 #QueenSuthida
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 195 มุมมอง 0 รีวิว
  • โหวตโนผงาด ศึกเลือกตั้ง อบจ.

    การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (นายก อบจ.) 47 จังหวัด และสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด (ส.อบจ.) ทั่วประเทศ แม้ด้านหนึ่งผู้ชนะการเลือกตั้งส่วนใหญ่ล้วนมาจากบ้านใหญ่แบบไม่พลิกโผ ผู้มาใช้สิทธิไม่คึกคักเพราะจัดการเลือกตั้งในวันเสาร์ ผู้มีสิทธิเลือกตั้งส่วนหนึ่งลางานไม่ได้ และไม่มีการเลือกตั้งล่วงหน้า

    แต่อีกด้านหนึ่ง "ช่องไม่เลือกผู้สมัครผู้ใด" กลับสูงขึ้นหลายจังหวัด สาเหตุหลักคือ ไม่มีผู้สมัครรายใดโดนใจ อาทิ จังหวัดยะลา ที่มีนายมุขตาร์ มะทา อดีตนายก อบจ. 4 สมัย ชนะเป็นสมัยที่ 5 มีผู้มาใช้สิทธิ 224,707 คน ปรากฎว่าบัตรไม่เลือกผู้สมัครผู้ใดสูงถึง 29,334 ใบ คิดเป็น 13.05%

    จังหวัดสงขลาที่แข่งขันกันสูงด้วยจำนวนผู้สมัคร 9 ราย นายสุพิศ พิทักษ์ธรรม อดีตอธิบดีกรมฝนหลวง ทีมสงขลาพลังใหม่ ชนะการเลือกตั้งด้วยแรงสนับสนุนจากนายเดชอิศม์ ขาวทอง รมช.สาธารณสุข และเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ มีผู้มาใช้สิทธิ 687,944 คน แต่บัตรไม่เลือกผู้สมัครผู้ใดสูงถึง 86,855 ใบ คิดเป็น 12.63%

    จังหวัดนครราชสีมา ที่นางยลดา หวังศุภกิจโกศล อดีตนายก อบจ. ชนะการเลือกตั้งอีกสมัย ด้วยแรงสนับสนุนจากนายทักษิณ ชินวัตร พรรคเพื่อไทย ที่ไปเปิดตัวผู้สมัครด้วยตัวเอง มีผู้มาใช้สิทธิ 1,155,142 คน แต่บัตรไม่เลือกผู้สมัครผู้ใด 110,934 ใบ คิดเป็น 9.60%

    จังหวัดนนทบุรี ที่ พ.ต.อ.ธงชัย เย็นประเสริฐ อดีตนายก อบจ. 4 สมัย ชนะการเลือกตั้งเป็นสมัยที่ 5 มีผู้มาใช้สิทธิ 432,613 คน แต่บัตรไม่เลือกผู้สมัครผู้ใด 37,562 ใบ คิดเป็น 8.68%

    จังหวัดสมุทรปราการ ที่นายสุนทร ปานแสงทอง อดีต รมช.เกษตรฯ จากกลุ่มสมุทรปราการก้าวหน้า (อัศวเหม) ชนะการเลือกตั้ง มีผู้มาใช้สิทธิ 569,659 คน แต่บัตรไม่เลือกผู้สมัครผู้ใด 42,142 ใบ คิดเป็น 7.40%

    จังหวัดเชียงราย ที่นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ อดีตนายก อบจ. ชนะการเลือกตั้งอีกสมัย มีผู้มาใช้สิทธิ 605,780 คน แต่บัตรไม่เลือกผู้สมัครผู้ใด 43,406 ใบ คิดเป็น 7.17%

    จังหวัดอื่นๆ ได้แก่ จังหวัดเชียงใหม่ มีผู้มาใช้สิทธิ 877,640 คน แต่บัตรไม่เลือกผู้สมัครผู้ใด 57,625 ใบ คิดเป็น 6.57% จังหวัดสุพรรณบุรี มีผู้มาใช้สิทธิ 393,849 คน แต่บัตรไม่เลือกผู้สมัครผู้ใด 24,113 ใบ คิดเป็น 6.12%

    จังหวัดสมุทรสาคร มีผู้มาใช้สิทธิ 211,071 คน แต่บัตรไม่เลือกผู้สมัครผู้ใด 11,573 ใบ คิดเป็น 5.48% และจังหวัดมหาสารคาม มีผู้มาใช้สิทธิ 453,567 คน แต่บัตรไม่เลือกผู้สมัครผู้ใด 16,452 ใบ คิดเป็น 3.63% สะท้อนให้เห็นความเบื่อหน่ายของประชาชนต่อการเมืองท้องถิ่นและโยงไปถึงระดับชาติที่ไม่ควรมองข้าม

    #Newskit
    โหวตโนผงาด ศึกเลือกตั้ง อบจ. การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (นายก อบจ.) 47 จังหวัด และสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด (ส.อบจ.) ทั่วประเทศ แม้ด้านหนึ่งผู้ชนะการเลือกตั้งส่วนใหญ่ล้วนมาจากบ้านใหญ่แบบไม่พลิกโผ ผู้มาใช้สิทธิไม่คึกคักเพราะจัดการเลือกตั้งในวันเสาร์ ผู้มีสิทธิเลือกตั้งส่วนหนึ่งลางานไม่ได้ และไม่มีการเลือกตั้งล่วงหน้า แต่อีกด้านหนึ่ง "ช่องไม่เลือกผู้สมัครผู้ใด" กลับสูงขึ้นหลายจังหวัด สาเหตุหลักคือ ไม่มีผู้สมัครรายใดโดนใจ อาทิ จังหวัดยะลา ที่มีนายมุขตาร์ มะทา อดีตนายก อบจ. 4 สมัย ชนะเป็นสมัยที่ 5 มีผู้มาใช้สิทธิ 224,707 คน ปรากฎว่าบัตรไม่เลือกผู้สมัครผู้ใดสูงถึง 29,334 ใบ คิดเป็น 13.05% จังหวัดสงขลาที่แข่งขันกันสูงด้วยจำนวนผู้สมัคร 9 ราย นายสุพิศ พิทักษ์ธรรม อดีตอธิบดีกรมฝนหลวง ทีมสงขลาพลังใหม่ ชนะการเลือกตั้งด้วยแรงสนับสนุนจากนายเดชอิศม์ ขาวทอง รมช.สาธารณสุข และเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ มีผู้มาใช้สิทธิ 687,944 คน แต่บัตรไม่เลือกผู้สมัครผู้ใดสูงถึง 86,855 ใบ คิดเป็น 12.63% จังหวัดนครราชสีมา ที่นางยลดา หวังศุภกิจโกศล อดีตนายก อบจ. ชนะการเลือกตั้งอีกสมัย ด้วยแรงสนับสนุนจากนายทักษิณ ชินวัตร พรรคเพื่อไทย ที่ไปเปิดตัวผู้สมัครด้วยตัวเอง มีผู้มาใช้สิทธิ 1,155,142 คน แต่บัตรไม่เลือกผู้สมัครผู้ใด 110,934 ใบ คิดเป็น 9.60% จังหวัดนนทบุรี ที่ พ.ต.อ.ธงชัย เย็นประเสริฐ อดีตนายก อบจ. 4 สมัย ชนะการเลือกตั้งเป็นสมัยที่ 5 มีผู้มาใช้สิทธิ 432,613 คน แต่บัตรไม่เลือกผู้สมัครผู้ใด 37,562 ใบ คิดเป็น 8.68% จังหวัดสมุทรปราการ ที่นายสุนทร ปานแสงทอง อดีต รมช.เกษตรฯ จากกลุ่มสมุทรปราการก้าวหน้า (อัศวเหม) ชนะการเลือกตั้ง มีผู้มาใช้สิทธิ 569,659 คน แต่บัตรไม่เลือกผู้สมัครผู้ใด 42,142 ใบ คิดเป็น 7.40% จังหวัดเชียงราย ที่นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ อดีตนายก อบจ. ชนะการเลือกตั้งอีกสมัย มีผู้มาใช้สิทธิ 605,780 คน แต่บัตรไม่เลือกผู้สมัครผู้ใด 43,406 ใบ คิดเป็น 7.17% จังหวัดอื่นๆ ได้แก่ จังหวัดเชียงใหม่ มีผู้มาใช้สิทธิ 877,640 คน แต่บัตรไม่เลือกผู้สมัครผู้ใด 57,625 ใบ คิดเป็น 6.57% จังหวัดสุพรรณบุรี มีผู้มาใช้สิทธิ 393,849 คน แต่บัตรไม่เลือกผู้สมัครผู้ใด 24,113 ใบ คิดเป็น 6.12% จังหวัดสมุทรสาคร มีผู้มาใช้สิทธิ 211,071 คน แต่บัตรไม่เลือกผู้สมัครผู้ใด 11,573 ใบ คิดเป็น 5.48% และจังหวัดมหาสารคาม มีผู้มาใช้สิทธิ 453,567 คน แต่บัตรไม่เลือกผู้สมัครผู้ใด 16,452 ใบ คิดเป็น 3.63% สะท้อนให้เห็นความเบื่อหน่ายของประชาชนต่อการเมืองท้องถิ่นและโยงไปถึงระดับชาติที่ไม่ควรมองข้าม #Newskit
    Like
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 349 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🙏🙏🙏เชิญชวนเที่ยวงานประจำปี🙏🙏🙏
    🎉🎉สร้างบุญใหญ่🎉🎉
    🙏เพื่อความเป็นสิริมงคลและเป็นบุญกุศล🙏

    👏เชิญชวนพุทธศาสนิกชนที่ศรัทธาทุกท่าน👏

    👏ห่มผ้าเจดีย์ใหญ่👏

    ื ณ วัดควนเนียง
    ตำบลพะตง อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา
    6-12 กุมภาพันธ์ 2568

    กำหนดการ
    👉วันที่ 11 ก.พ 68 ทอดผ้าป่าสามัคคีวัดควนเนียง
    เริ่มเวลา 12.30 น. เป็นต้นไป

    👉วันที่ 12 ก.พ 68 พิธีห่มผ้าเจดีย์วัดควนเนียง
    เริ่มเวลา 8.30 น. เป็นต้นไป

    ✨✨✨✨✨✨✨✨✨✨✨✨✨✨✨✨
    สัมผัสบรรยากาศงานวัดสุดประทับใจ ชมเจดีย์ใหญ่ที่สวยงาม พร้อมกิจกรรมมากมาย ภายในงาน การแสดงศิลปะวัฒนธรรม 🎽การออกร้าน 🍿อาหารสด สะอาด อร่อย มากมาย 🧒ชมคอนเสิร์ต

    👉6 ก.พ 68 วงรีบูท
    👉7 ก.พ 68 วงแทมมารีน วงเพ้อ
    👉8 ก.พ 68 วงชาโดว์แบนด์
    👉9 ก.พ 68 วงเมนทอล วงมะนาวหวาน
    👉10 ก.พ 68 วงขั้นเทพ
    👉11 ก.พ 68 บ่าววี วงฟิว
    👉12 ก.พ 68 มโนราวาไรตี้

    ขออนุโมทนา สาธุการ
    🙏🙏🙏เชิญชวนเที่ยวงานประจำปี🙏🙏🙏 🎉🎉สร้างบุญใหญ่🎉🎉 🙏เพื่อความเป็นสิริมงคลและเป็นบุญกุศล🙏 👏เชิญชวนพุทธศาสนิกชนที่ศรัทธาทุกท่าน👏 👏ห่มผ้าเจดีย์ใหญ่👏 ื ณ วัดควนเนียง ตำบลพะตง อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา 6-12 กุมภาพันธ์ 2568 กำหนดการ 👉วันที่ 11 ก.พ 68 ทอดผ้าป่าสามัคคีวัดควนเนียง เริ่มเวลา 12.30 น. เป็นต้นไป 👉วันที่ 12 ก.พ 68 พิธีห่มผ้าเจดีย์วัดควนเนียง เริ่มเวลา 8.30 น. เป็นต้นไป ✨✨✨✨✨✨✨✨✨✨✨✨✨✨✨✨ สัมผัสบรรยากาศงานวัดสุดประทับใจ ชมเจดีย์ใหญ่ที่สวยงาม พร้อมกิจกรรมมากมาย ภายในงาน การแสดงศิลปะวัฒนธรรม 🎽การออกร้าน 🍿อาหารสด สะอาด อร่อย มากมาย 🧒ชมคอนเสิร์ต 👉6 ก.พ 68 วงรีบูท 👉7 ก.พ 68 วงแทมมารีน วงเพ้อ 👉8 ก.พ 68 วงชาโดว์แบนด์ 👉9 ก.พ 68 วงเมนทอล วงมะนาวหวาน 👉10 ก.พ 68 วงขั้นเทพ 👉11 ก.พ 68 บ่าววี วงฟิว 👉12 ก.พ 68 มโนราวาไรตี้ ขออนุโมทนา สาธุการ
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 342 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🙏🙏🙏เชิญชวนเที่ยวงานประจำปี🙏🙏🙏
    🎉🎉สร้างบุญใหญ่🎉🎉
    🙏เพื่อความเป็นสิริมงคลและเป็นบุญกุศล🙏

    👏เชิญชวนพุทธศาสนิกชนที่ศรัทธาทุกท่าน👏

    👏ห่มผ้าเจดีย์ใหญ่👏

    ื ณ วัดควนเนียง
    ตำบลพะตง อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา
    6-12 กุมภาพันธ์ 2568

    กำหนดการ
    👉วันที่ 11 ก.พ 68 ทอดผ้าป่าสามัคคีวัดควนเนียง
    เริ่มเวลา 12.30 น. เป็นต้นไป

    👉วันที่ 12 ก.พ 68 พิธีห่มผ้าเจดีย์วัดควนเนียง
    เริ่มเวลา 8.30 น. เป็นต้นไป

    ✨✨✨✨✨✨✨✨✨✨✨✨✨✨✨✨
    สัมผัสบรรยากาศงานวัดสุดประทับใจ ชมเจดีย์ใหญ่ที่สวยงาม พร้อมกิจกรรมมากมาย ภายในงาน การแสดงศิลปะวัฒนธรรม 🎽การออกร้าน 🍿อาหารสด สะอาด อร่อย มากมาย 🧒ชมคอนเสิร์ต

    👉6 ก.พ 68 วงรีบูท
    👉7 ก.พ 68 วงแทมมารีน วงเพ้อ
    👉8 ก.พ 68 วงชาโดว์แบนด์
    👉9 ก.พ 68 วงเมนทอล วงมะนาวหวาน
    👉10 ก.พ 68 วงขั้นเทพ
    👉11 ก.พ 68 บ่าววี วงฟิว
    👉12 ก.พ 68 มโนราวาไรตี้

    ขออนุโมทนา สาธุการ
    🙏🙏🙏เชิญชวนเที่ยวงานประจำปี🙏🙏🙏 🎉🎉สร้างบุญใหญ่🎉🎉 🙏เพื่อความเป็นสิริมงคลและเป็นบุญกุศล🙏 👏เชิญชวนพุทธศาสนิกชนที่ศรัทธาทุกท่าน👏 👏ห่มผ้าเจดีย์ใหญ่👏 ื ณ วัดควนเนียง ตำบลพะตง อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา 6-12 กุมภาพันธ์ 2568 กำหนดการ 👉วันที่ 11 ก.พ 68 ทอดผ้าป่าสามัคคีวัดควนเนียง เริ่มเวลา 12.30 น. เป็นต้นไป 👉วันที่ 12 ก.พ 68 พิธีห่มผ้าเจดีย์วัดควนเนียง เริ่มเวลา 8.30 น. เป็นต้นไป ✨✨✨✨✨✨✨✨✨✨✨✨✨✨✨✨ สัมผัสบรรยากาศงานวัดสุดประทับใจ ชมเจดีย์ใหญ่ที่สวยงาม พร้อมกิจกรรมมากมาย ภายในงาน การแสดงศิลปะวัฒนธรรม 🎽การออกร้าน 🍿อาหารสด สะอาด อร่อย มากมาย 🧒ชมคอนเสิร์ต 👉6 ก.พ 68 วงรีบูท 👉7 ก.พ 68 วงแทมมารีน วงเพ้อ 👉8 ก.พ 68 วงชาโดว์แบนด์ 👉9 ก.พ 68 วงเมนทอล วงมะนาวหวาน 👉10 ก.พ 68 วงขั้นเทพ 👉11 ก.พ 68 บ่าววี วงฟิว 👉12 ก.พ 68 มโนราวาไรตี้ ขออนุโมทนา สาธุการ
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 338 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🙏🙏🙏เชิญชวนเที่ยวงานประจำปี🙏🙏🙏
    🎉🎉สร้างบุญใหญ่🎉🎉
    🙏เพื่อความเป็นสิริมงคลและเป็นบุญกุศล🙏

    👏เชิญชวนพุทธศาสนิกชนที่ศรัทธาทุกท่าน👏

    👏ห่มผ้าเจดีย์ใหญ่👏

    ื ณ วัดควนเนียง
    ตำบลพะตง อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา
    6-12 กุมภาพันธ์ 2568

    กำหนดการ
    👉วันที่ 11 ก.พ 68 ทอดผ้าป่าสามัคคีวัดควนเนียง
    เริ่มเวลา 12.30 น. เป็นต้นไป

    👉วันที่ 12 ก.พ 68 พิธีห่มผ้าเจดีย์วัดควนเนียง
    เริ่มเวลา 8.30 น. เป็นต้นไป

    ✨✨✨✨✨✨✨✨✨✨✨✨✨✨✨✨
    สัมผัสบรรยากาศงานวัดสุดประทับใจ ชมเจดีย์ใหญ่ที่สวยงาม พร้อมกิจกรรมมากมาย ภายในงาน การแสดงศิลปะวัฒนธรรม 🎽การออกร้าน 🍿อาหารสด สะอาด อร่อย มากมาย 🧒ชมคอนเสิร์ต

    👉6 ก.พ 68 วงรีบูท
    👉7 ก.พ 68 วงแทมมารีน วงเพ้อ
    👉8 ก.พ 68 วงชาโดว์แบนด์
    👉9 ก.พ 68 วงเมนทอล วงมะนาวหวาน
    👉10 ก.พ 68 วงขั้นเทพ
    👉11 ก.พ 68 บ่าววี วงฟิว
    👉12 ก.พ 68 มโนราวาไรตี้

    ขออนุโมทนา สาธุการ
    🙏🙏🙏เชิญชวนเที่ยวงานประจำปี🙏🙏🙏 🎉🎉สร้างบุญใหญ่🎉🎉 🙏เพื่อความเป็นสิริมงคลและเป็นบุญกุศล🙏 👏เชิญชวนพุทธศาสนิกชนที่ศรัทธาทุกท่าน👏 👏ห่มผ้าเจดีย์ใหญ่👏 ื ณ วัดควนเนียง ตำบลพะตง อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา 6-12 กุมภาพันธ์ 2568 กำหนดการ 👉วันที่ 11 ก.พ 68 ทอดผ้าป่าสามัคคีวัดควนเนียง เริ่มเวลา 12.30 น. เป็นต้นไป 👉วันที่ 12 ก.พ 68 พิธีห่มผ้าเจดีย์วัดควนเนียง เริ่มเวลา 8.30 น. เป็นต้นไป ✨✨✨✨✨✨✨✨✨✨✨✨✨✨✨✨ สัมผัสบรรยากาศงานวัดสุดประทับใจ ชมเจดีย์ใหญ่ที่สวยงาม พร้อมกิจกรรมมากมาย ภายในงาน การแสดงศิลปะวัฒนธรรม 🎽การออกร้าน 🍿อาหารสด สะอาด อร่อย มากมาย 🧒ชมคอนเสิร์ต 👉6 ก.พ 68 วงรีบูท 👉7 ก.พ 68 วงแทมมารีน วงเพ้อ 👉8 ก.พ 68 วงชาโดว์แบนด์ 👉9 ก.พ 68 วงเมนทอล วงมะนาวหวาน 👉10 ก.พ 68 วงขั้นเทพ 👉11 ก.พ 68 บ่าววี วงฟิว 👉12 ก.พ 68 มโนราวาไรตี้ ขออนุโมทนา สาธุการ
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 326 มุมมอง 0 รีวิว
  • Marry Now, Pay Later แพ็คเกจมาเลย์นิกะห์ไทย

    เป็นที่ฮือฮาของชาวเน็ตมาเลเซีย เมื่อมีคลิปในติ๊กต็อกโฆษณาแพ็คเกจแต่งงานในประเทศไทย สำหรับคู่รักชาวมุสลิมมาเลเซียในราคาต่ำกว่า 2,000 ริงกิต (ประมาณ 15,200 บาทเศษ) ในคอนเซปต์ Marry Now, Pay Later หรือแต่งก่อนจ่ายทีหลัง ทำเอาแซวอย่างตลกขบขัน เช่น จะใช้ Atome (แอปฯ ซื้อก่อนจ่ายทีหลัง) เพื่อผ่อนชำระรายเดือนได้หรือไม่ บางคนสงสัยว่าในมาเลเซียถูกกฎหมายหรือเปล่า ทำไมผู้คนถึงแต่งงานกันที่นั่น

    จากการสอบถามชาวมาเลเซียรายหนึ่ง ระบุว่า คู่รักที่นิยมไปทำพิธีนิกะห์ หรือพิธีแต่งงานแบบชาวมุสลิมที่ประเทศไทย ส่วนใหญ่แต่งงานกับภรรยาคนที่สอง คนที่สาม หรือคนที่สี่ เพราะฝ่ายชายเจอภรรยาคนที่หนึ่งไม่อนุญาต

    การแต่งงานในไทยของชาวมุสลิมมาเลเซียเกิดขึ้นมานานแล้ว เนื่องจากกฎหมายของมาเลเซียถ้าจะแต่งงงานกับภรรยาคนที่สอง ต้องได้รับอนุญาตจากภรรยาคนแรก ต้องมีสถานะการเงิน และความเป็นอยู่ที่มั่นคง รวมทั้งต้องทำตามหลักศาสนาที่ถูกต้อง ฝ่ายชายที่พบรักกับผู้หญิงคนใหม่ จึงอาศัยช่องโหว่ของกฎหมายออกนอกประเทศ เพื่อประกอบพิธีนิกะห์ตามมัสยิดใน 5 จังหวัดชายแดนใต้ ได้แก่ สตูล สงขลา ยะลา ปัตตานี และนราธิวาส

    ขั้นตอนก็คือ เมื่อคู่รักมาถึงไทยแล้ว จะประกอบพิธีนิกะห์ที่มัสยิด จากนั้นองค์กรศาสนาอิสลามในไทย เช่น สำนักงานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัด จะออกหนังสือรับรองการแต่งงาน แล้วไปลงทะเบียนที่สถานกงสุลใหญ่มาเลเซีย ประจำจังหวัดสงขลา เมื่อได้เอกสารแล้วกลับมาเลเซีย คู่รักทั้งสองคนไปจ่ายค่าปรับที่ศาลอิสลามคนละ 1,000 ริงกิต หรือประมาณ 7,700 บาท แล้วไปจดทะเบียนสมรสกับสภาศาสนาของมาเลเซีย

    เมื่อเกิดกระแส Buy Now, Pay Later สำหรับสินค้าอุปโภคบริโภค จึงมีผู้ประกอบการหัวใสจัดแพ็คเกจแต่งงานในประเทศไทยแบบ "แต่งก่อน จ่ายทีหลัง" เพื่อให้คู่รักสามารถตัดสินใจแต่งงานได้ง่ายขึ้น

    อย่างไรก็ตาม นายโมฮัมหมัด นาอิม มุคธาร์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (ด้านกิจการศาสนา) ของมาเลเซีย เตือนว่าผู้ประกอบการที่จัดแพ็คเกจแต่งงานในไทย อาจถูกดำเนินคดีภายใต้พระราชบัญญัติครอบครัวศาสนาอิสลาม แม้ว่าการแต่งงานในไทยอาจตรงตามข้อกำหนดของศาสนา เช่น การมีวะลีย์ (ผู้ปกครองเจ้าสาว) และพยาน แต่ถือเป็นการละเมิดกฎหมายของมาเลเซีย พร้อมเตือนว่าให้ประชาชนระวังและอย่าหลงเชื่อโฆษณาเหล่านี้

    ทั้งนี้ มาเลเซียต้องการสร้างสังคมมุสลิม ที่เคารพทั้งกฎหมายศาสนาและระบบกฎหมายของประเทศ หากรีบแต่งงาน ไม่เพียงแต่สูญเสียเงิน แต่ยังสูญเสียแผนการแต่งงานด้วย ผู้ประกอบการบางคนแสวงหาผลผลกำไรอย่างรวดเร็วโดยไม่คำนึงถึงผู้อื่น

    #Newskit
    Marry Now, Pay Later แพ็คเกจมาเลย์นิกะห์ไทย เป็นที่ฮือฮาของชาวเน็ตมาเลเซีย เมื่อมีคลิปในติ๊กต็อกโฆษณาแพ็คเกจแต่งงานในประเทศไทย สำหรับคู่รักชาวมุสลิมมาเลเซียในราคาต่ำกว่า 2,000 ริงกิต (ประมาณ 15,200 บาทเศษ) ในคอนเซปต์ Marry Now, Pay Later หรือแต่งก่อนจ่ายทีหลัง ทำเอาแซวอย่างตลกขบขัน เช่น จะใช้ Atome (แอปฯ ซื้อก่อนจ่ายทีหลัง) เพื่อผ่อนชำระรายเดือนได้หรือไม่ บางคนสงสัยว่าในมาเลเซียถูกกฎหมายหรือเปล่า ทำไมผู้คนถึงแต่งงานกันที่นั่น จากการสอบถามชาวมาเลเซียรายหนึ่ง ระบุว่า คู่รักที่นิยมไปทำพิธีนิกะห์ หรือพิธีแต่งงานแบบชาวมุสลิมที่ประเทศไทย ส่วนใหญ่แต่งงานกับภรรยาคนที่สอง คนที่สาม หรือคนที่สี่ เพราะฝ่ายชายเจอภรรยาคนที่หนึ่งไม่อนุญาต การแต่งงานในไทยของชาวมุสลิมมาเลเซียเกิดขึ้นมานานแล้ว เนื่องจากกฎหมายของมาเลเซียถ้าจะแต่งงงานกับภรรยาคนที่สอง ต้องได้รับอนุญาตจากภรรยาคนแรก ต้องมีสถานะการเงิน และความเป็นอยู่ที่มั่นคง รวมทั้งต้องทำตามหลักศาสนาที่ถูกต้อง ฝ่ายชายที่พบรักกับผู้หญิงคนใหม่ จึงอาศัยช่องโหว่ของกฎหมายออกนอกประเทศ เพื่อประกอบพิธีนิกะห์ตามมัสยิดใน 5 จังหวัดชายแดนใต้ ได้แก่ สตูล สงขลา ยะลา ปัตตานี และนราธิวาส ขั้นตอนก็คือ เมื่อคู่รักมาถึงไทยแล้ว จะประกอบพิธีนิกะห์ที่มัสยิด จากนั้นองค์กรศาสนาอิสลามในไทย เช่น สำนักงานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัด จะออกหนังสือรับรองการแต่งงาน แล้วไปลงทะเบียนที่สถานกงสุลใหญ่มาเลเซีย ประจำจังหวัดสงขลา เมื่อได้เอกสารแล้วกลับมาเลเซีย คู่รักทั้งสองคนไปจ่ายค่าปรับที่ศาลอิสลามคนละ 1,000 ริงกิต หรือประมาณ 7,700 บาท แล้วไปจดทะเบียนสมรสกับสภาศาสนาของมาเลเซีย เมื่อเกิดกระแส Buy Now, Pay Later สำหรับสินค้าอุปโภคบริโภค จึงมีผู้ประกอบการหัวใสจัดแพ็คเกจแต่งงานในประเทศไทยแบบ "แต่งก่อน จ่ายทีหลัง" เพื่อให้คู่รักสามารถตัดสินใจแต่งงานได้ง่ายขึ้น อย่างไรก็ตาม นายโมฮัมหมัด นาอิม มุคธาร์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (ด้านกิจการศาสนา) ของมาเลเซีย เตือนว่าผู้ประกอบการที่จัดแพ็คเกจแต่งงานในไทย อาจถูกดำเนินคดีภายใต้พระราชบัญญัติครอบครัวศาสนาอิสลาม แม้ว่าการแต่งงานในไทยอาจตรงตามข้อกำหนดของศาสนา เช่น การมีวะลีย์ (ผู้ปกครองเจ้าสาว) และพยาน แต่ถือเป็นการละเมิดกฎหมายของมาเลเซีย พร้อมเตือนว่าให้ประชาชนระวังและอย่าหลงเชื่อโฆษณาเหล่านี้ ทั้งนี้ มาเลเซียต้องการสร้างสังคมมุสลิม ที่เคารพทั้งกฎหมายศาสนาและระบบกฎหมายของประเทศ หากรีบแต่งงาน ไม่เพียงแต่สูญเสียเงิน แต่ยังสูญเสียแผนการแต่งงานด้วย ผู้ประกอบการบางคนแสวงหาผลผลกำไรอย่างรวดเร็วโดยไม่คำนึงถึงผู้อื่น #Newskit
    Like
    Haha
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 601 มุมมอง 0 รีวิว
  • คลอง ร.๑ น้ำพระทัยในหลวง ร.๙ หาดใหญ่ผ่อนหนักเป็นเบา

    อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา พื้นที่เศรษฐกิจหลักของภาคใต้ เคยเกิดน้ำท่วมใหญ่เมื่อวันที่ 22 พ.ย. 2543 คลองอู่ตะเภาไหลลงพื้นที่มากถึง 751 ลบ.ม.ต่อวินาที มากกว่าศักยภาพระบายน้ำได้เพียง 461 ลบ.ม.ต่อวินาที ส่งผลทำให้น้ำท่วมฉับพลัน กระจายไปยัง 16 อำเภอในจังหวัดสงขลา เสียชีวิต 32 ราย บาดเจ็บ 382 คน ราษฎรเดือดร้อน 552,579 คน 130,117 ครัวเรือน พื้นที่เศรษฐกิจทั้งตลาดกิมหยง สันติสุข ตลาดพลาซา โรงแรมและสถานบริการเสียหาย 77 แห่ง รวมมูลค่าความเสียหายด้านธุรกิจเศรษฐกิจในภาพรวมทั้งจังหวัดกว่า 10,000 ล้านบาท

    ปี 2567 น้ำจากคลองอู่ตะเภาและคลองระบายน้ำภูมินารถดำริ หรือคลอง ร.1 เอ่อล้นเข้าท่วมพื้นที่หาดใหญ่ใน ซึ่งเป็นโซนชั้นนอก เมื่อวันที่ 29 พ.ย.ก่อนกลับสู่สภาวะปกติเมื่อวันที่ 1 ธ.ค.แต่โซนเศรษฐกิจชั้นในหรือโซนไข่แดงนั้นปลอดภัย น้ำไม่ท่วม เพราะโครงการตามพระราชดำริ ในหลวงรัชกาลที่ ๙ ช่วยบรรเทาความเดือดร้อนผ่อนหนักเป็นเบา

    สทท.สงขลา รายงานว่า ประชาชนชาวหาดใหญ่เปิดเผยว่า แม้ในพื้นที่เขตหาดใหญ่ในจะเป็นพื้นที่รับน้ำจากคลองอู่ตะเภาและคลอง ร.1 ที่เอ่อล้นเข้าท่วมชุมชน แต่ความเสียหายลดลงกว่าปี 2543 เพราะหลังจากคลอง ร.1 ก่อสร้างแล้วเสร็จ นอกจากรองรับน้ำได้มากขึ้นหลายเท่าแล้ว ยังทำให้พื้นที่โซนไข่แดงปลอดภัยจากน้ำท่วม

    คลอง ร.1 ก่อสร้างขึ้นตามพระราชดำรัส ในการแก้ไขปัญหาอุทกภัยอำเภอหาดใหญ่ เมื่อวันที่ 24 ธ.ค. 2531 ความว่า "การแก้ไขและบรรเทาน้ำท่วมที่ควรพิจารณาดำเนินการ น่าจะได้แก่การขุดคลองระบายน้ำขนาดใหญ่ ให้ทำหน้าที่แบ่งน้ำจากคลองอู่ตะเภาหรือช่วยรับน้ำที่ไหลลงมาท่วมตัวอำเภอหาดใหญ่ ให้ระบายลงสู่ทะเลสาบสงขลาโดยเร็ว"

    หลังน้ำท่วมหาดใหญ่ปี 2543 กรมชลประทานจึงได้ผลักดันโครงการคลอง ร.1 ท้องคลองกว้าง 24 เมตร ยาว 21.34 กิโลเมตร แล้วเสร็จในปี 2550 ระบายน้ำได้สูงสุด 465 ลบ.ม. ต่อวินาที ต่อมาได้ดำเนินโครงการบรรเทาอุทกภัยอำเภอหาดใหญ่ (ระยะที่ 2) ขยายคลองให้กว้าง 70-100 เมตร ลึก 7 เมตร ก่อสร้างประตูระบายน้ำหน้าควน 2 และประตูระบายน้ำบางหยี พร้อมสถานีสูบน้ำบางหยี เริ่มก่อสร้างในปีงบประมาณ 2558 แล้วเสร็จสมบูรณ์ในปี 2565 สามารถระบายน้ำได้สูงสุด 1,200 ลบ.ม.ต่อวินาที ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำ และเป็นแหล่งสำรองน้ำไว้ใช้ในช่วงฤดูแล้งได้อีกประมาณ 5 ล้าน ลบ.ม.

    พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานชื่อ "คลองภูมินาถดำริ" เมื่อวันที่ 12 ต.ค. 2559 พสกนิกรชาวนครหาดใหญ่น้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณหาที่สุดมิได้

    #Newskit
    คลอง ร.๑ น้ำพระทัยในหลวง ร.๙ หาดใหญ่ผ่อนหนักเป็นเบา อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา พื้นที่เศรษฐกิจหลักของภาคใต้ เคยเกิดน้ำท่วมใหญ่เมื่อวันที่ 22 พ.ย. 2543 คลองอู่ตะเภาไหลลงพื้นที่มากถึง 751 ลบ.ม.ต่อวินาที มากกว่าศักยภาพระบายน้ำได้เพียง 461 ลบ.ม.ต่อวินาที ส่งผลทำให้น้ำท่วมฉับพลัน กระจายไปยัง 16 อำเภอในจังหวัดสงขลา เสียชีวิต 32 ราย บาดเจ็บ 382 คน ราษฎรเดือดร้อน 552,579 คน 130,117 ครัวเรือน พื้นที่เศรษฐกิจทั้งตลาดกิมหยง สันติสุข ตลาดพลาซา โรงแรมและสถานบริการเสียหาย 77 แห่ง รวมมูลค่าความเสียหายด้านธุรกิจเศรษฐกิจในภาพรวมทั้งจังหวัดกว่า 10,000 ล้านบาท ปี 2567 น้ำจากคลองอู่ตะเภาและคลองระบายน้ำภูมินารถดำริ หรือคลอง ร.1 เอ่อล้นเข้าท่วมพื้นที่หาดใหญ่ใน ซึ่งเป็นโซนชั้นนอก เมื่อวันที่ 29 พ.ย.ก่อนกลับสู่สภาวะปกติเมื่อวันที่ 1 ธ.ค.แต่โซนเศรษฐกิจชั้นในหรือโซนไข่แดงนั้นปลอดภัย น้ำไม่ท่วม เพราะโครงการตามพระราชดำริ ในหลวงรัชกาลที่ ๙ ช่วยบรรเทาความเดือดร้อนผ่อนหนักเป็นเบา สทท.สงขลา รายงานว่า ประชาชนชาวหาดใหญ่เปิดเผยว่า แม้ในพื้นที่เขตหาดใหญ่ในจะเป็นพื้นที่รับน้ำจากคลองอู่ตะเภาและคลอง ร.1 ที่เอ่อล้นเข้าท่วมชุมชน แต่ความเสียหายลดลงกว่าปี 2543 เพราะหลังจากคลอง ร.1 ก่อสร้างแล้วเสร็จ นอกจากรองรับน้ำได้มากขึ้นหลายเท่าแล้ว ยังทำให้พื้นที่โซนไข่แดงปลอดภัยจากน้ำท่วม คลอง ร.1 ก่อสร้างขึ้นตามพระราชดำรัส ในการแก้ไขปัญหาอุทกภัยอำเภอหาดใหญ่ เมื่อวันที่ 24 ธ.ค. 2531 ความว่า "การแก้ไขและบรรเทาน้ำท่วมที่ควรพิจารณาดำเนินการ น่าจะได้แก่การขุดคลองระบายน้ำขนาดใหญ่ ให้ทำหน้าที่แบ่งน้ำจากคลองอู่ตะเภาหรือช่วยรับน้ำที่ไหลลงมาท่วมตัวอำเภอหาดใหญ่ ให้ระบายลงสู่ทะเลสาบสงขลาโดยเร็ว" หลังน้ำท่วมหาดใหญ่ปี 2543 กรมชลประทานจึงได้ผลักดันโครงการคลอง ร.1 ท้องคลองกว้าง 24 เมตร ยาว 21.34 กิโลเมตร แล้วเสร็จในปี 2550 ระบายน้ำได้สูงสุด 465 ลบ.ม. ต่อวินาที ต่อมาได้ดำเนินโครงการบรรเทาอุทกภัยอำเภอหาดใหญ่ (ระยะที่ 2) ขยายคลองให้กว้าง 70-100 เมตร ลึก 7 เมตร ก่อสร้างประตูระบายน้ำหน้าควน 2 และประตูระบายน้ำบางหยี พร้อมสถานีสูบน้ำบางหยี เริ่มก่อสร้างในปีงบประมาณ 2558 แล้วเสร็จสมบูรณ์ในปี 2565 สามารถระบายน้ำได้สูงสุด 1,200 ลบ.ม.ต่อวินาที ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำ และเป็นแหล่งสำรองน้ำไว้ใช้ในช่วงฤดูแล้งได้อีกประมาณ 5 ล้าน ลบ.ม. พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานชื่อ "คลองภูมินาถดำริ" เมื่อวันที่ 12 ต.ค. 2559 พสกนิกรชาวนครหาดใหญ่น้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณหาที่สุดมิได้ #Newskit
    Like
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 630 มุมมอง 0 รีวิว
  • ตำรวจชน ป.ป.ช. ร้อง 'เอกวิทย์ วัชชวัลคุ ถอนตัวคดี 'บิ๊กโจ๊ก'
    .
    พ.ต.ท.มนต์ชัย บุญเลิศ รองผู้กำกับการวิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ กองบังคับการตำรวจสืบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ได้ทำหนังสือถึงเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. ลงวันที่ 29 พฤศจิกายน เรื่อง ขอให้นายเอกวิทย์ วัชชวัลคุ คณะกรรมการป.ป.ช. ถอนตัวในการพิจารณาไต่สวนและวินิจฉัยคดีต่างๆ ของพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล และถอนตัวจากการที่จะร่วมเป็นคณะอนุกรรมการต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยให้เหตุผลดังนี้
    .
    ตามที่ข้าพเจ้า พ.ต.ท.มนต์ชัย บุญเลิศ รองผู้กำกับการวิเคราะห์ข้าวและเครื่องมือพิเศษ กองบังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ได้ร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปปป.) ให้ดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ในสำนักงกงานคณะกรรมการป.ป.ช. คือ นายสมบัติ ธรรม กับพวก ในความผิดฐาน "เป็นเจ้าพนักงานร่วมกันปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด และมีข้าราชการตำรวจระดับสูงร่วมกันกระทำความผิดฐาน "สนับสนุนเจ้าพนักงานของรัฐกระทำความผิด" และกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) ได้ส่งเรื่องให้สำนักงานคณะกรรมการป.ป.ช.รับเรื่องไว้ดำเนินการแล้วนั้น
    .
    เนื่องจากข้าพเจ้าทราบว่า นายสมบัติ ธรธรรม ซึ่งเป็นผู้ถูกกล่าวหาในคดีนี้ ได้รับการแต่งตั้งเป็นคณะอนุกรรมการของ ป.ป.ช. ในหลายคณะของ นางสาวสุภา ปิยะจิตติ อดีตกรรมการ ป.ป.ช.และต่อเนื่องมาจนถึง นายเอกวิทย์ วัชชวัลคุ คณะกรรมการ ป.ป.ช. ท่านปัจจุบัน ซึ่งนายสมบัติฯ มีความ
    รู้จักสนิทสนมกับ พล.ต.อ.เอก สุรเชษฐ์ หักพาล ให้การช่วยเหลือ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ฯ ในการตกแต่ง
    บัญชีทรัพย์สิน บิดเบือนข้อเท็จจริง อีกทั้งยังมีนายวิสูตร ด้วงมาก เจ้าหน้าที่ของ ป.ป.ช. ซึ่งได้รับการแต่งตั้งเป็นอนุกรรมการรับผิดขอบสำนวนคดีที่ พลตำรวจเอก สุรเชษฐ์ฯ ถูกกล่าวหา ซึ่งนายวิสูตรฯ ก็ปรากฎข้อมูลว่าได้ร่วมทริปไหว้พระที่ พ.ต.ท.โท คริษฐ์ ปริยะเกตุ เป็นผู้ติดต่อประสานงานและรับประทานอาหารร่วมกันที่จังหวัดสงขลา เมื่อวันที่ 11-13 มีนาคม 2565 แม้ต่อมานายวิสูตร์ฯ จะถูกย้ายไปจากตำแหน่งเดิม และนายสมบัติฯ จะขอถอนตัวจากการเป็นอนุกรรมการ ป.ป.ช. คณะต่างๆ ที่มีนายเอกวิทย์ฯเป็นหัวหน้าคณะก็ตาม แต่ก็อาจเกิดความเคลือบแคลงสงสัยถึงความโปร่งใส่ในการปฏิบัติหน้าที่เกี่ยวกับคดีของ พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ฯ ที่อยู่ในความรับผิดชอบของนายเอกวิทย์ฯ
    .
    ดังนั้น เพื่อให้การพิจารณาไต่สวน และวินิจฉัยของคณะกรรมการ ป.ป.ช. เกิดความบริสุทธิ์ ยุติธรรม โปร่งใส และตรวจสอบได้ สมดังเจตนารมณ์ของสำนักงาน ป.ป.ช. และไม่เกิดข้อครหาว่าอาจมีการให้ช่วยเหลือคดีที่พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ถูกกล่าวหา ข้าพเจ้าจึงขอให้นายเอกวิทย์ ถอนตัวในการพิจารณาไต่สวนและวินิจฉัยคดีต่างๆ ของพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ และถอนตัวจากการที่จะร่วมเป็นคณะอนุกรรมการต่างๆที่เกี่ยวข้องกับคดีของพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ จึงเรียนมาเพื่อโปรดพิขจารณา
    ..............
    Sondhi X
    ตำรวจชน ป.ป.ช. ร้อง 'เอกวิทย์ วัชชวัลคุ ถอนตัวคดี 'บิ๊กโจ๊ก' . พ.ต.ท.มนต์ชัย บุญเลิศ รองผู้กำกับการวิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ กองบังคับการตำรวจสืบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ได้ทำหนังสือถึงเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. ลงวันที่ 29 พฤศจิกายน เรื่อง ขอให้นายเอกวิทย์ วัชชวัลคุ คณะกรรมการป.ป.ช. ถอนตัวในการพิจารณาไต่สวนและวินิจฉัยคดีต่างๆ ของพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล และถอนตัวจากการที่จะร่วมเป็นคณะอนุกรรมการต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยให้เหตุผลดังนี้ . ตามที่ข้าพเจ้า พ.ต.ท.มนต์ชัย บุญเลิศ รองผู้กำกับการวิเคราะห์ข้าวและเครื่องมือพิเศษ กองบังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ได้ร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปปป.) ให้ดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ในสำนักงกงานคณะกรรมการป.ป.ช. คือ นายสมบัติ ธรรม กับพวก ในความผิดฐาน "เป็นเจ้าพนักงานร่วมกันปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด และมีข้าราชการตำรวจระดับสูงร่วมกันกระทำความผิดฐาน "สนับสนุนเจ้าพนักงานของรัฐกระทำความผิด" และกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) ได้ส่งเรื่องให้สำนักงานคณะกรรมการป.ป.ช.รับเรื่องไว้ดำเนินการแล้วนั้น . เนื่องจากข้าพเจ้าทราบว่า นายสมบัติ ธรธรรม ซึ่งเป็นผู้ถูกกล่าวหาในคดีนี้ ได้รับการแต่งตั้งเป็นคณะอนุกรรมการของ ป.ป.ช. ในหลายคณะของ นางสาวสุภา ปิยะจิตติ อดีตกรรมการ ป.ป.ช.และต่อเนื่องมาจนถึง นายเอกวิทย์ วัชชวัลคุ คณะกรรมการ ป.ป.ช. ท่านปัจจุบัน ซึ่งนายสมบัติฯ มีความ รู้จักสนิทสนมกับ พล.ต.อ.เอก สุรเชษฐ์ หักพาล ให้การช่วยเหลือ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ฯ ในการตกแต่ง บัญชีทรัพย์สิน บิดเบือนข้อเท็จจริง อีกทั้งยังมีนายวิสูตร ด้วงมาก เจ้าหน้าที่ของ ป.ป.ช. ซึ่งได้รับการแต่งตั้งเป็นอนุกรรมการรับผิดขอบสำนวนคดีที่ พลตำรวจเอก สุรเชษฐ์ฯ ถูกกล่าวหา ซึ่งนายวิสูตรฯ ก็ปรากฎข้อมูลว่าได้ร่วมทริปไหว้พระที่ พ.ต.ท.โท คริษฐ์ ปริยะเกตุ เป็นผู้ติดต่อประสานงานและรับประทานอาหารร่วมกันที่จังหวัดสงขลา เมื่อวันที่ 11-13 มีนาคม 2565 แม้ต่อมานายวิสูตร์ฯ จะถูกย้ายไปจากตำแหน่งเดิม และนายสมบัติฯ จะขอถอนตัวจากการเป็นอนุกรรมการ ป.ป.ช. คณะต่างๆ ที่มีนายเอกวิทย์ฯเป็นหัวหน้าคณะก็ตาม แต่ก็อาจเกิดความเคลือบแคลงสงสัยถึงความโปร่งใส่ในการปฏิบัติหน้าที่เกี่ยวกับคดีของ พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ฯ ที่อยู่ในความรับผิดชอบของนายเอกวิทย์ฯ . ดังนั้น เพื่อให้การพิจารณาไต่สวน และวินิจฉัยของคณะกรรมการ ป.ป.ช. เกิดความบริสุทธิ์ ยุติธรรม โปร่งใส และตรวจสอบได้ สมดังเจตนารมณ์ของสำนักงาน ป.ป.ช. และไม่เกิดข้อครหาว่าอาจมีการให้ช่วยเหลือคดีที่พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ถูกกล่าวหา ข้าพเจ้าจึงขอให้นายเอกวิทย์ ถอนตัวในการพิจารณาไต่สวนและวินิจฉัยคดีต่างๆ ของพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ และถอนตัวจากการที่จะร่วมเป็นคณะอนุกรรมการต่างๆที่เกี่ยวข้องกับคดีของพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ จึงเรียนมาเพื่อโปรดพิขจารณา .............. Sondhi X
    Like
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 911 มุมมอง 0 รีวิว
  • บึ้มขวางกวนอิมเทพา ทำลายพหุวัฒนธรรม

    6 โมงเช้า วันที่ 20 พ.ย. คนร้ายลอบวางระเบิดใส่แคมป์คนงานก่อสร้างเจ้าแม่กวนอิม บ้านปากบางสะกอม หมู่ 1 ต.สะกอม อ.เทพา จ.สงขลา ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 3 ราย ต่อมาเวลา 10.30 น และ 10.40 น. เกิดระเบิดลูกที่ 3 และลูกที่4 บริเวณเส้นทางเข้าที่เกิดเหตุห่างจากที่เกิดเหตุจุดแรกประมาณ 400 เมตร แต่ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ ระหว่างเจ้าหน้าที่ตรวจสอบจุดเกิดเหตุ พบจดหมายพิมพ์ด้วยคอมพิวเตอร์เป็นภาษาไทยและเมียนมา ระบุว่า "ถ้าใครที่ทำงานในโครงการนี้ที่นี่และในสามจังหวัดชายแดนใต้ เราขอเตือนจงหยุด ไม่งั้นเราจะไม่รับรองชีวิตของท่าน"

    พ.อ.ปองพล สุทธิเบญจกุล รองโฆษก กอ.รมน.ภาค 4 สน. แถลงว่า กลุ่มผู้ก่อเหตุพยายามทำลายรูปเคารพทางศาสนา ซึ่งเป็นการทำลายสัญลักษณ์ของความเป็นพหุวัฒนธรรม พยายามสร้างสังคมเชิงเดี่ยวที่ขัดต่อหลักสิทธิมนุษยชนและหลักของศาสนาอันดีงาม เชื่อว่าพยายามหยิบความขัดแย้งทางศาสนามาเป็นปัญหาขัดแย้งในพื้นที่ แต่ นพ.สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ ผอ.โรงพยาบาลสะบ้าย้อย แกนนำคัดค้านนิคมอุตสาหกรรมจะนะ กล่าวกับสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส อ้างว่าไม่ใช่การวางระเบิดแบบปกติ ที่ผ่านมาชาวบ้านในพื้นที่พยายามคัดค้านการก่อสร้างเจ้าแม่กวนอิม เพราะมองว่าเป็นส่วนหนึ่งของนิคมฯ แต่ก็แผ่วลง และเห็นว่าเป็นสิทธิ์ของนายทุน กระทั่งเริ่มลงเสาขนาดใหญ่ในพื้นที่

    เป็นที่น่าสังเกตว่า เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากที่นายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ และครอบครัว ได้จัดพิธีพุทธาภิเษกเจดีย์สัมฤทธิ์ผลคุ้มลูกกันภัย ณ สถานที่ก่อสร้างเจ้าแม่กวนอิม เมื่อวันที่ 14 พ.ย. หรือ 6 วันก่อนเกิดเหตุ โดยมี พล.อ.มณี จันทร์ทิพย์ ผู้แทนพิเศษของรัฐบาล ที่ปรึกษา กอ.รมน.ภาค 4 และนายนิพนธ์ บุญญามณี อดีต รมช.มหาดไทย และได้เชิญพระธรรมกิตติเมธี ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดราชาธิวาส แสดงธรรมเทศนา โดยยืนยันว่าจะเป็นแลนด์มาร์คใหม่ในจังหวัดพื้นที่ภาคใต้ เพราะบรรยากาศโดยรอบสวยงามตามธรรมชาติ หาดสวย ทะเลน้ำใส มีเสน่ห์เฉพาะตัวดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศ

    สำหรับโครงการก่อสร้างเจ้าแม่กวนอิม เกิดขึ้นเมื่อปี 2565 โดยบริษัท ทีพีไอ โพลีน เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) ได้ซื้อที่ดิน 65 ไร่ เพื่อก่อสร้าง เช่นเดียวกับเจ้าแม่กวนอิมในต่างประเทศ แต่ต่อมาคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดสงขลานำชาวมุสลิมกว่า 4,000 คน ละหมาดฮายัตเพื่อคัดค้านการก่อสร้าง อ้างว่ามีโครงการนิคมอุตสาหกรรมจะนะอยู่เบื้องหลัง และอ้างว่าล้อมรอบด้วยชุมชนชาวมุสลิม ทั้งที่ความจริงที่ดินอยู่ห่างไกลจากชุมชนมาก ส่วนใหญ่เป็นรีสอร์ต สวนยางพารา และสวนมะพร้าวเท่านั้น

    #Newskit #เจ้าแม่กวนอิม #เทพา
    บึ้มขวางกวนอิมเทพา ทำลายพหุวัฒนธรรม 6 โมงเช้า วันที่ 20 พ.ย. คนร้ายลอบวางระเบิดใส่แคมป์คนงานก่อสร้างเจ้าแม่กวนอิม บ้านปากบางสะกอม หมู่ 1 ต.สะกอม อ.เทพา จ.สงขลา ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 3 ราย ต่อมาเวลา 10.30 น และ 10.40 น. เกิดระเบิดลูกที่ 3 และลูกที่4 บริเวณเส้นทางเข้าที่เกิดเหตุห่างจากที่เกิดเหตุจุดแรกประมาณ 400 เมตร แต่ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ ระหว่างเจ้าหน้าที่ตรวจสอบจุดเกิดเหตุ พบจดหมายพิมพ์ด้วยคอมพิวเตอร์เป็นภาษาไทยและเมียนมา ระบุว่า "ถ้าใครที่ทำงานในโครงการนี้ที่นี่และในสามจังหวัดชายแดนใต้ เราขอเตือนจงหยุด ไม่งั้นเราจะไม่รับรองชีวิตของท่าน" พ.อ.ปองพล สุทธิเบญจกุล รองโฆษก กอ.รมน.ภาค 4 สน. แถลงว่า กลุ่มผู้ก่อเหตุพยายามทำลายรูปเคารพทางศาสนา ซึ่งเป็นการทำลายสัญลักษณ์ของความเป็นพหุวัฒนธรรม พยายามสร้างสังคมเชิงเดี่ยวที่ขัดต่อหลักสิทธิมนุษยชนและหลักของศาสนาอันดีงาม เชื่อว่าพยายามหยิบความขัดแย้งทางศาสนามาเป็นปัญหาขัดแย้งในพื้นที่ แต่ นพ.สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ ผอ.โรงพยาบาลสะบ้าย้อย แกนนำคัดค้านนิคมอุตสาหกรรมจะนะ กล่าวกับสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส อ้างว่าไม่ใช่การวางระเบิดแบบปกติ ที่ผ่านมาชาวบ้านในพื้นที่พยายามคัดค้านการก่อสร้างเจ้าแม่กวนอิม เพราะมองว่าเป็นส่วนหนึ่งของนิคมฯ แต่ก็แผ่วลง และเห็นว่าเป็นสิทธิ์ของนายทุน กระทั่งเริ่มลงเสาขนาดใหญ่ในพื้นที่ เป็นที่น่าสังเกตว่า เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากที่นายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ และครอบครัว ได้จัดพิธีพุทธาภิเษกเจดีย์สัมฤทธิ์ผลคุ้มลูกกันภัย ณ สถานที่ก่อสร้างเจ้าแม่กวนอิม เมื่อวันที่ 14 พ.ย. หรือ 6 วันก่อนเกิดเหตุ โดยมี พล.อ.มณี จันทร์ทิพย์ ผู้แทนพิเศษของรัฐบาล ที่ปรึกษา กอ.รมน.ภาค 4 และนายนิพนธ์ บุญญามณี อดีต รมช.มหาดไทย และได้เชิญพระธรรมกิตติเมธี ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดราชาธิวาส แสดงธรรมเทศนา โดยยืนยันว่าจะเป็นแลนด์มาร์คใหม่ในจังหวัดพื้นที่ภาคใต้ เพราะบรรยากาศโดยรอบสวยงามตามธรรมชาติ หาดสวย ทะเลน้ำใส มีเสน่ห์เฉพาะตัวดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศ สำหรับโครงการก่อสร้างเจ้าแม่กวนอิม เกิดขึ้นเมื่อปี 2565 โดยบริษัท ทีพีไอ โพลีน เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) ได้ซื้อที่ดิน 65 ไร่ เพื่อก่อสร้าง เช่นเดียวกับเจ้าแม่กวนอิมในต่างประเทศ แต่ต่อมาคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดสงขลานำชาวมุสลิมกว่า 4,000 คน ละหมาดฮายัตเพื่อคัดค้านการก่อสร้าง อ้างว่ามีโครงการนิคมอุตสาหกรรมจะนะอยู่เบื้องหลัง และอ้างว่าล้อมรอบด้วยชุมชนชาวมุสลิม ทั้งที่ความจริงที่ดินอยู่ห่างไกลจากชุมชนมาก ส่วนใหญ่เป็นรีสอร์ต สวนยางพารา และสวนมะพร้าวเท่านั้น #Newskit #เจ้าแม่กวนอิม #เทพา
    Like
    Sad
    4
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1219 มุมมอง 0 รีวิว
  • คดีขโมยทรัพย์หักสวาทกับกลิ่นตุๆ 10 ปมพิรุธ ปกปิดทรัพย์สินเมียบิ๊กตำรวจ
    .
    22 ตุลาคมนี้ มีผู้หญิงคนหนึ่งชื่อ คุณธนัฎฐา ยอดเยี่ยม หรือ หนิง อายุ 50 ปี อาชีพเป็นถึงอาจารย์พิเศษ อยู่ที่โรงเรียนนายร้อยตำรวจสามพราน นครปฐมไปออกรายการ ถกไม่เถียง มีคุณทิน โชคกมลกิจ เป็นพิธีกรดำเนินรายการ ผู้หญิงคนนี้มาแฉว่าเมียบิ๊กตำรวจมาเล่นชู้กับสามีตัวเองที่เป็นตำรวจเช่นกัน ในคอนโดฯ ที่ตัวเองเป็นเจ้าของ มิหนำซ้ำยังขโมยทรัพย์สินเป็นทองคำกว่า 120 บาท และเงินสดอีก 6 แสนบาท มูลค่ารวม 5 ล้านกว่าบาท
    .
    ผมอยากให้ท่านผู้ชมเห็นพิรุธของคนทั้งสามคนนี้ คือในเรื่องขโมยทรัพย์หักสวาทเรื่องนี้มันมีกลิ่นตุๆ ซุกซ่อนอยู่ในนี้หลายประเด็น
    .
    หนึ่ง เท่าที่ผมรู้ ดร.ศิรินัดดา ขจัดพาล ให้การกับตำรวจขณะมามอบตัวว่ามีการเช่าคอนโดฯ ห้องที่เกิดเหตุกับพ.ต.อ.ภีมพจน์ น้อมชอบพิทักษ์ สามีคุณหนิงตั้งแต่กุมภาพันธ์ 2567ต้นปี ตกลงเช่ากันไว้ 1 ปี ในราคาเดือนละ 10,000 บาท แต่ได้จ่ายค่าเช่าเป็นเงิน 120,000 บาท แสดงว่าการเช่าสิ้นสุดลงในเดือนกุมภาพันธ์ ปีหน้า (2568) เพราะฉะนั้นแล้วการเอากระสอบสีรุ้ง 5 ใบ ก็สามารถเก็บไว้ได้ตามอายุสัญญาเช่า ไม่จำเป็นต้องเอาออกไปแต่อย่างใด
    .
    สอง ตามคำให้การของคุณหนิง พบว่าคุณหนิงกับสามี พ.ต.อ.ภีมพจน์ มีการเข้าห้องที่เกิดเหตุตั้งหลายครั้ง ทำไม ดร.ศิรินัดดา ไม่มีการแจ้งความในข้อหาบุกรุกกับสองคนผัวเมีย
    .
    สาม ถ้ามีการเช่า ทำไมไม่เปลี่ยนกุญแจคีย์การ์ดล็อกได้อีกชั้น ถ้าไม่ต้องการให้ใครเข้ามาวุ่นวายในห้องนี้
    .
    สี่ ในซอยสุขุมวิท 101 ซอยย่อย 47 ดร.ศิรินัดดา มีคอนโดฯอีก 3 ห้อง ซึ่งใกล้เคียงกับที่เกิดเหตุอยู่ซอย 21 ทำไมถึงไม่เอาเงินทอง 5 ถุงไปเก็บไว้ที่มีตำรวจตัวเอง
    .
    ห้า ข้อมูลเชิงลึก ดร.ศิรินัดดาหรือมาดามกุ๊กคบหารู้จักสามีคุณหนิงตั้งแต่เป็นสารวัตร รับราชการที่จังหวัดสงขลา จนมีความสัมพันธ์กันอย่างลึกซึ้ง
    .
    หก เรื่องซื้อขายทองตามปรากฏ post-it ในถุงสีรุ้ง ดันไปตรงกับข้อมูลในเครื่องคอมพิวเตอร์ของ พ.ต.ท.คริษฐ์ ที่ พ.ต.ต.ชานนท์ รายงานการซื้อขายทอง ตรงกับหลักฐานที่ ปปง. มีอยู่ จึงเชื่อได้ว่าทองคำที่คุณหนิงอ้างว่าถูกมาดามกุ๊กขโมยไปนั้น ไม่น่าจะเป็นทองของคุณหนิง แต่เป็นทองของสุรเชชษฐ์ กับมาดามกุ๊กมากกว่า แต่ทำไมคุณหนิงแต่งเรื่องเพื่อแบล็กเมล ใช่หรือเปล่า
    .
    เจ็ด ตัวคุณหนิงเองก็เคยมีประวัติถูกแจ้งความดำเนินคดี ถูกฟ้องร้องคดีเกี่ยวกับทรัพย์เกือบสิบคดี และเบื้องหลังคุณหนิงกับสามีก็ขาดสภาพคล่องทางการเงิน จะเอาทองคำ 120 บาท กับเงิน 6 แสนบาท มาจากไหนครับและหลักฐานที่จะแสดงถึงว่าคุณซื้อทองยังไม่มีเลย
    .
    แปด ตรรกะง่ายๆ เมียที่ไหนจับได้ว่าผู้หญิงเอาผัวตัวไปทำชู้พร้อมหลักฐานชัดเจน แต่ไม่อาละวาด เคลียร์กันเงียบๆ แล้วแยกย้ายจากกัน ดูเป็นแม่พระเหลือเกิน ต่างกับตอนมาออกรายการโหนกระแส ธาตุแท้ยิ่งกว่าตลาด บุคลากรแบบนี้หรือที่โรงเรียนนายร้อยตำรวจนำมาสั่งสอนนักเรียนนายร้อยตำรวจ ดีแล้วที่โรงเรียนนายร้อยตำรวจไม่ให้คุณทำการสอนต่อ
    .
    เก้า คุณหนิงกับสามีรับลูกกันเป็นปี่เป็นขลุ่ยในรายการ “โหนกระแส” ทั้งๆ ที่มันเป็นความผิดร้ายแรงของระบบราชการที่มีการคบซ้อนเชิงชู้สาว ร้ายแรงถึงออกจากราชการ แต่ทั้งคู่ไม่ได้แคร์ เหมือนกับรู้ว่าจะได้ลาภก้อนใหญ่จนกระทั่งไม่สนชีวิตราชการ แม้กระทั่งเงินบำเหน็จบำนาญ
    .
    สิบ ที่ผมพูดมาทั้งหมดนี้ มันขมวดถึงข้อพิรุธและความน่าสงสัยของการพยายามปกปิดทรัพย์สิน ร่ำรวยเกินกว่าเหตุของ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล และ ดร.ศิรินัดดา รวมถึงเส้นทางทางการเงินที่มีความเชื่อมโยงกับเครือข่ายเว็บพนันทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นเครือข่ายมินนี่ หรือ BNK Master เรื่องคดีพวกนี้ของ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล ผมก็ยังงงกับหน่วยงานที่ไปตรวจสอบ ไม่ว่าจะเป็น ป.ป.ช. หรือ ปปง. ที่ยังเชื่องช้าเหมือนเด็กหัดเดิน ทำอะไร พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ ไม่ได้เต็มข้อเสียที ทั้งๆ ที่ตำรวจขนหลักฐานไปให้ไม่รู้เท่าไร พวกคุณรออะไรกันอยู่ หรือจะรอให้มันโยกเงินโยกทองหนีออกนอกประเทศไปก่อน
    .
    เรื่องคดีอาญาที่ ปปง. ดำเนินการ ไปถึงไหนแล้ว บทเรียนมีไม่ใช่หรือ ว่ามันโยกเงินแม้กระทั่งจากกรมธรรม์ประกันชีวิต มันก็ทำไปแล้ว ไม่เห็นหรือ นี่คือข้อสังเกตของผม ท่านผู้ชมเห็นด้วยกับผมไหมว่าเรื่องนี้มันทะแม่งๆ น่าสนใจมาก
    คดีขโมยทรัพย์หักสวาทกับกลิ่นตุๆ 10 ปมพิรุธ ปกปิดทรัพย์สินเมียบิ๊กตำรวจ . 22 ตุลาคมนี้ มีผู้หญิงคนหนึ่งชื่อ คุณธนัฎฐา ยอดเยี่ยม หรือ หนิง อายุ 50 ปี อาชีพเป็นถึงอาจารย์พิเศษ อยู่ที่โรงเรียนนายร้อยตำรวจสามพราน นครปฐมไปออกรายการ ถกไม่เถียง มีคุณทิน โชคกมลกิจ เป็นพิธีกรดำเนินรายการ ผู้หญิงคนนี้มาแฉว่าเมียบิ๊กตำรวจมาเล่นชู้กับสามีตัวเองที่เป็นตำรวจเช่นกัน ในคอนโดฯ ที่ตัวเองเป็นเจ้าของ มิหนำซ้ำยังขโมยทรัพย์สินเป็นทองคำกว่า 120 บาท และเงินสดอีก 6 แสนบาท มูลค่ารวม 5 ล้านกว่าบาท . ผมอยากให้ท่านผู้ชมเห็นพิรุธของคนทั้งสามคนนี้ คือในเรื่องขโมยทรัพย์หักสวาทเรื่องนี้มันมีกลิ่นตุๆ ซุกซ่อนอยู่ในนี้หลายประเด็น . หนึ่ง เท่าที่ผมรู้ ดร.ศิรินัดดา ขจัดพาล ให้การกับตำรวจขณะมามอบตัวว่ามีการเช่าคอนโดฯ ห้องที่เกิดเหตุกับพ.ต.อ.ภีมพจน์ น้อมชอบพิทักษ์ สามีคุณหนิงตั้งแต่กุมภาพันธ์ 2567ต้นปี ตกลงเช่ากันไว้ 1 ปี ในราคาเดือนละ 10,000 บาท แต่ได้จ่ายค่าเช่าเป็นเงิน 120,000 บาท แสดงว่าการเช่าสิ้นสุดลงในเดือนกุมภาพันธ์ ปีหน้า (2568) เพราะฉะนั้นแล้วการเอากระสอบสีรุ้ง 5 ใบ ก็สามารถเก็บไว้ได้ตามอายุสัญญาเช่า ไม่จำเป็นต้องเอาออกไปแต่อย่างใด . สอง ตามคำให้การของคุณหนิง พบว่าคุณหนิงกับสามี พ.ต.อ.ภีมพจน์ มีการเข้าห้องที่เกิดเหตุตั้งหลายครั้ง ทำไม ดร.ศิรินัดดา ไม่มีการแจ้งความในข้อหาบุกรุกกับสองคนผัวเมีย . สาม ถ้ามีการเช่า ทำไมไม่เปลี่ยนกุญแจคีย์การ์ดล็อกได้อีกชั้น ถ้าไม่ต้องการให้ใครเข้ามาวุ่นวายในห้องนี้ . สี่ ในซอยสุขุมวิท 101 ซอยย่อย 47 ดร.ศิรินัดดา มีคอนโดฯอีก 3 ห้อง ซึ่งใกล้เคียงกับที่เกิดเหตุอยู่ซอย 21 ทำไมถึงไม่เอาเงินทอง 5 ถุงไปเก็บไว้ที่มีตำรวจตัวเอง . ห้า ข้อมูลเชิงลึก ดร.ศิรินัดดาหรือมาดามกุ๊กคบหารู้จักสามีคุณหนิงตั้งแต่เป็นสารวัตร รับราชการที่จังหวัดสงขลา จนมีความสัมพันธ์กันอย่างลึกซึ้ง . หก เรื่องซื้อขายทองตามปรากฏ post-it ในถุงสีรุ้ง ดันไปตรงกับข้อมูลในเครื่องคอมพิวเตอร์ของ พ.ต.ท.คริษฐ์ ที่ พ.ต.ต.ชานนท์ รายงานการซื้อขายทอง ตรงกับหลักฐานที่ ปปง. มีอยู่ จึงเชื่อได้ว่าทองคำที่คุณหนิงอ้างว่าถูกมาดามกุ๊กขโมยไปนั้น ไม่น่าจะเป็นทองของคุณหนิง แต่เป็นทองของสุรเชชษฐ์ กับมาดามกุ๊กมากกว่า แต่ทำไมคุณหนิงแต่งเรื่องเพื่อแบล็กเมล ใช่หรือเปล่า . เจ็ด ตัวคุณหนิงเองก็เคยมีประวัติถูกแจ้งความดำเนินคดี ถูกฟ้องร้องคดีเกี่ยวกับทรัพย์เกือบสิบคดี และเบื้องหลังคุณหนิงกับสามีก็ขาดสภาพคล่องทางการเงิน จะเอาทองคำ 120 บาท กับเงิน 6 แสนบาท มาจากไหนครับและหลักฐานที่จะแสดงถึงว่าคุณซื้อทองยังไม่มีเลย . แปด ตรรกะง่ายๆ เมียที่ไหนจับได้ว่าผู้หญิงเอาผัวตัวไปทำชู้พร้อมหลักฐานชัดเจน แต่ไม่อาละวาด เคลียร์กันเงียบๆ แล้วแยกย้ายจากกัน ดูเป็นแม่พระเหลือเกิน ต่างกับตอนมาออกรายการโหนกระแส ธาตุแท้ยิ่งกว่าตลาด บุคลากรแบบนี้หรือที่โรงเรียนนายร้อยตำรวจนำมาสั่งสอนนักเรียนนายร้อยตำรวจ ดีแล้วที่โรงเรียนนายร้อยตำรวจไม่ให้คุณทำการสอนต่อ . เก้า คุณหนิงกับสามีรับลูกกันเป็นปี่เป็นขลุ่ยในรายการ “โหนกระแส” ทั้งๆ ที่มันเป็นความผิดร้ายแรงของระบบราชการที่มีการคบซ้อนเชิงชู้สาว ร้ายแรงถึงออกจากราชการ แต่ทั้งคู่ไม่ได้แคร์ เหมือนกับรู้ว่าจะได้ลาภก้อนใหญ่จนกระทั่งไม่สนชีวิตราชการ แม้กระทั่งเงินบำเหน็จบำนาญ . สิบ ที่ผมพูดมาทั้งหมดนี้ มันขมวดถึงข้อพิรุธและความน่าสงสัยของการพยายามปกปิดทรัพย์สิน ร่ำรวยเกินกว่าเหตุของ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล และ ดร.ศิรินัดดา รวมถึงเส้นทางทางการเงินที่มีความเชื่อมโยงกับเครือข่ายเว็บพนันทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นเครือข่ายมินนี่ หรือ BNK Master เรื่องคดีพวกนี้ของ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล ผมก็ยังงงกับหน่วยงานที่ไปตรวจสอบ ไม่ว่าจะเป็น ป.ป.ช. หรือ ปปง. ที่ยังเชื่องช้าเหมือนเด็กหัดเดิน ทำอะไร พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ ไม่ได้เต็มข้อเสียที ทั้งๆ ที่ตำรวจขนหลักฐานไปให้ไม่รู้เท่าไร พวกคุณรออะไรกันอยู่ หรือจะรอให้มันโยกเงินโยกทองหนีออกนอกประเทศไปก่อน . เรื่องคดีอาญาที่ ปปง. ดำเนินการ ไปถึงไหนแล้ว บทเรียนมีไม่ใช่หรือ ว่ามันโยกเงินแม้กระทั่งจากกรมธรรม์ประกันชีวิต มันก็ทำไปแล้ว ไม่เห็นหรือ นี่คือข้อสังเกตของผม ท่านผู้ชมเห็นด้วยกับผมไหมว่าเรื่องนี้มันทะแม่งๆ น่าสนใจมาก
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1226 มุมมอง 0 รีวิว
  • “เมียโจ๊ก” ชิงมอบตัว หลังศาลอนุมัติหมายจับ ร่วมกันลักทรัพย์-บุกรุกเคหะสถาน
    .
    วันนี้ (24 ต.ค.) ศาลอาญาพระโขนง อนุมัติออกหมายจับที่ จ.717/2567 ให้จับกุมนางศิรินัดดา หักพาล อายุ 50 ปี ภรรยา พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล อดีตรอง ผบ.ตร. ฐานร่วมกันลักทรัพย์ในเคหะสถาน และร่วมกันบุกรุกเคหะสถาน ตามที่ พ.ต.ท.สิทธิเดช หาญจริง พนักงานสอบสวน สน.พระโขนง ขออนุมัติศาลออกหมายจับ และได้ส่งหมายจับถึงผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสงขลา จับตัวมาดำเนินคดี โดยมีอายุความ 10 ปี
    .
    ล่าสุดเมื่อเวลา 14.50 น. นางศิรินัดดาเข้ามอบตัวที่ สน.พระโขนงแล้ว หลังศาลอาญาพระโขนงอนุมัติหมายจับไม่นานนัก เจ้าตัวให้สัมภาษณ์ว่า ไม่เป็นเรื่องจริง ถ้าเกิดว่าอะไรที่เสียหายขอให้เป็นเรื่องของทนายความ เมื่อนักข่าวถามเรื่องคีย์การ์ดขโมยไปจริงหรือไม่ นางศิรินัดดาไม่ตอบ เมื่อถามว่าคีย์การ์ดได้มาอย่างไร ก็ตอบว่า ขอให้เป็นหน้าที่ของทนายความ เมื่อถามว่า ยืนยันว่าข้อกล่าวหาไม่เป็นความจริงใช่หรือไม่ นางศิรินัดดา ตอบว่า ค่ะ เมื่อถามว่าเบื้องต้นได้มีการติดต่อหรือพูดคุยกับผู้เสียหายหรือไม่ นางศิรินัดดา ไม่ตอบ เมื่อถามย้ำว่าได้ขโมยของหรือไม่ ก็กล่าวว่า เป็นหน้าที่ของทนายความ ถามว่าคืนนั้นทำไมต้องเข้าไปที่คอนโดเขา ถามว่าถุงกระสอบที่เขากล่าวอ้างเป็นถุงอะไร เจ้าตัวไม่ตอบ ก่อนเข้าพบตำรวจ
    .
    สืบเนื่องมาจากเมื่อวันที่ 18 ส.ค. 2567 เวลาประมาณ 14.00-16.00 น. นางศิรินัดดาบุกเข้าไปในห้องพักของคอนโดมิเนียม กรีนคอนโด ในซอยสุขุมวิท 101 แขวงบางจาก เขตพระโขนง กรุงเทพฯ ก่อนที่ผู้เสียหายเป็นอาจารย์พิเศษ โรงเรียนนายร้อยตำรวจ อ.สามพราน จ.นครปฐม เข้าแจ้งความเมื่อวันที่ 20 ต.ค. 2567 ว่าทรัพย์สินเป็นทองคำน้ำหนัก 120 บาท มูลค่า 5 ล้านบาทหายไป แม้ผู้เสียหายพยายามทวงถามเพื่อขอคืนทรัพย์สิน แต่นางศิรินัดดาไม่ยอมพูดคุยด้วย ตัดการติดต่อทุกช่องทาง และเมื่อสอบถามไปยัง พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ กลับอ้างว่าเป็นเรื่องของภรรยา ตัวเองไม่ขอรับรู้ จึงแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สน.พระโขนงทันที
    .
    นอกจากนี้ มีรายงานข่าวเพิ่มเติมว่า ผู้เสียหายยังไปออกรายการโทรทัศน์ แฉว่ามีภรรยานายตำรวจใหญ่รายหนึ่ง แย่งสามีของตน โดยมีคลิปจากกล้องวงจรปิดเผยให้เห็นถึงภรรยานายตำรวจใหญ่ กำลังมีเพศสัมพันธ์กับสามีของผู้เสียหาย เป็นตำรวจยศ พ.ต.ท. รับราชการเป็นอาจารย์โรงเรียนนายร้อยตำรวจสามพราน อีกทั้งยังมีการซุกทรัพย์สินใส่ถุงกระสอบ 5 ถุง มาฝากไว้ที่ห้อง รวมทั้งฉวยโอกาสหยิบคีย์การ์ดไปด้วย สามารถเข้า-ออกคอนโดมิเนียมได้ตามอำเภอใจ และในทางสืบสวนของตำรวจพบว่าเส้นทางการเงินจากบัญชีม้า เครือข่ายการพนันของนายตำรวจใหญ่ มาจ่ายค่าน้ำ ค่าไฟให้ห้องพักดังกล่าวอีกด้วย
    ..............
    Sondhi X
    “เมียโจ๊ก” ชิงมอบตัว หลังศาลอนุมัติหมายจับ ร่วมกันลักทรัพย์-บุกรุกเคหะสถาน . วันนี้ (24 ต.ค.) ศาลอาญาพระโขนง อนุมัติออกหมายจับที่ จ.717/2567 ให้จับกุมนางศิรินัดดา หักพาล อายุ 50 ปี ภรรยา พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล อดีตรอง ผบ.ตร. ฐานร่วมกันลักทรัพย์ในเคหะสถาน และร่วมกันบุกรุกเคหะสถาน ตามที่ พ.ต.ท.สิทธิเดช หาญจริง พนักงานสอบสวน สน.พระโขนง ขออนุมัติศาลออกหมายจับ และได้ส่งหมายจับถึงผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสงขลา จับตัวมาดำเนินคดี โดยมีอายุความ 10 ปี . ล่าสุดเมื่อเวลา 14.50 น. นางศิรินัดดาเข้ามอบตัวที่ สน.พระโขนงแล้ว หลังศาลอาญาพระโขนงอนุมัติหมายจับไม่นานนัก เจ้าตัวให้สัมภาษณ์ว่า ไม่เป็นเรื่องจริง ถ้าเกิดว่าอะไรที่เสียหายขอให้เป็นเรื่องของทนายความ เมื่อนักข่าวถามเรื่องคีย์การ์ดขโมยไปจริงหรือไม่ นางศิรินัดดาไม่ตอบ เมื่อถามว่าคีย์การ์ดได้มาอย่างไร ก็ตอบว่า ขอให้เป็นหน้าที่ของทนายความ เมื่อถามว่า ยืนยันว่าข้อกล่าวหาไม่เป็นความจริงใช่หรือไม่ นางศิรินัดดา ตอบว่า ค่ะ เมื่อถามว่าเบื้องต้นได้มีการติดต่อหรือพูดคุยกับผู้เสียหายหรือไม่ นางศิรินัดดา ไม่ตอบ เมื่อถามย้ำว่าได้ขโมยของหรือไม่ ก็กล่าวว่า เป็นหน้าที่ของทนายความ ถามว่าคืนนั้นทำไมต้องเข้าไปที่คอนโดเขา ถามว่าถุงกระสอบที่เขากล่าวอ้างเป็นถุงอะไร เจ้าตัวไม่ตอบ ก่อนเข้าพบตำรวจ . สืบเนื่องมาจากเมื่อวันที่ 18 ส.ค. 2567 เวลาประมาณ 14.00-16.00 น. นางศิรินัดดาบุกเข้าไปในห้องพักของคอนโดมิเนียม กรีนคอนโด ในซอยสุขุมวิท 101 แขวงบางจาก เขตพระโขนง กรุงเทพฯ ก่อนที่ผู้เสียหายเป็นอาจารย์พิเศษ โรงเรียนนายร้อยตำรวจ อ.สามพราน จ.นครปฐม เข้าแจ้งความเมื่อวันที่ 20 ต.ค. 2567 ว่าทรัพย์สินเป็นทองคำน้ำหนัก 120 บาท มูลค่า 5 ล้านบาทหายไป แม้ผู้เสียหายพยายามทวงถามเพื่อขอคืนทรัพย์สิน แต่นางศิรินัดดาไม่ยอมพูดคุยด้วย ตัดการติดต่อทุกช่องทาง และเมื่อสอบถามไปยัง พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ กลับอ้างว่าเป็นเรื่องของภรรยา ตัวเองไม่ขอรับรู้ จึงแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สน.พระโขนงทันที . นอกจากนี้ มีรายงานข่าวเพิ่มเติมว่า ผู้เสียหายยังไปออกรายการโทรทัศน์ แฉว่ามีภรรยานายตำรวจใหญ่รายหนึ่ง แย่งสามีของตน โดยมีคลิปจากกล้องวงจรปิดเผยให้เห็นถึงภรรยานายตำรวจใหญ่ กำลังมีเพศสัมพันธ์กับสามีของผู้เสียหาย เป็นตำรวจยศ พ.ต.ท. รับราชการเป็นอาจารย์โรงเรียนนายร้อยตำรวจสามพราน อีกทั้งยังมีการซุกทรัพย์สินใส่ถุงกระสอบ 5 ถุง มาฝากไว้ที่ห้อง รวมทั้งฉวยโอกาสหยิบคีย์การ์ดไปด้วย สามารถเข้า-ออกคอนโดมิเนียมได้ตามอำเภอใจ และในทางสืบสวนของตำรวจพบว่าเส้นทางการเงินจากบัญชีม้า เครือข่ายการพนันของนายตำรวจใหญ่ มาจ่ายค่าน้ำ ค่าไฟให้ห้องพักดังกล่าวอีกด้วย .............. Sondhi X
    Like
    Haha
    11
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1355 มุมมอง 0 รีวิว
  • คลอดโผมหาดไทย สายสิงห์ดำ-เด็กเนวิน ผงาด
    .
    โผแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการระดับสูงของกระทรวงมหาดไทยหลังเลื่อนไม่เอาเข้าครม.มาสองสัปดาห์ เพราะติดขัดปัญหาบางประการในการจัดสรรตำแหน่งให้ลงตัว รอบนี้ อนุทิน ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย ลงมาดูโผทุกรายชื่อและมีการตรวจสอบประวัติการทำงาน ผลงาน อย่างละเอียด โดยเฉพาะในตำแหน่งอธิบดีและผู้ว่าฯจังหวัดสำคัญ ซึ่งสุดท้าย อนุทิน และนายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ก็ได้ชงโผมหาดไทยเข้าครม.วันนี้ (8ต.ค.) และที่ประชุม เห็นชอบ
    .
    รายชื่อส่วนใหญ่ ก็เป็นไปตามที่มีข่าวก่อนหน้านี้ ที่ก็พบว่าเครือข่ายสิงห์ดำ รัฐศาสตร์ จุฬาฯ กับปลัดมหาดไทย อรรษิษฐ์ ได้เข้าสู่ตำแหน่งสำคัญกันหลายคน รวมถึงเครือข่ายสิงห์มหาดไทยสายใกล้ชิดเครือข่ายบ้านใหญ่บุรีรัมย์ ก็ได้ดิบได้ดีกันหลายคน เช่น นายไชยวัฒน์ จุนถิระพงศ์ ที่จะเกษียณปีหน้า ก็โยกจากอธิบดี กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ไปเป็น อธิบดีกรมการปกครอง หรือนายนฤชา โฆษาศิวิไลซ์ จาก ผวจ.บุรีรัมย์ ฐานที่มั่นของเนวิน ชิดชอบ และพรรคภูมิใจไทย ก็ได้เป็น อธิบดี กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น เป็นต้น
    .
    โดยรายละเอียดของโผมหาดไทยมีดังนี้
    น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล โฆษกกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า  ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 8 ต.ค. 67 มีมติเห็นชอบการแต่งตั้งผู้บริหารระดับสูง สังกัดกระทรวงมหาดไทย จำนวน 25 ราย ดังนี้  
     .
    1.นายขจร ศรีชวโนทัย พ้นจากตำแหน่งอธิบดีกรมส่งเสริม การปกครองท้องถิ่น และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง
     .
    2.นายสันติธร ยิ้มละมัย พ้นจากตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด จังหวัดลำพูน และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง
     .
    3.นายศุภศิษย์ กอเจริญยศ พ้นจากตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด จังหวัดอุบลราชธานี และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง
     .
    4.นายสุพจน์ รอดเรือง ณ หนองคาย พ้นจากตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดจังหวัดพังงา และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง
     .
    5.นายอดิเทพ กมลเวชช์ พ้นจากตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด จังหวัดพิจิตร และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง
     .
    6.นายไชยวัฒน์ จุนถิระพงศ์ พ้นจากตำแหน่งอธิบดี กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งอธิบดี กรมการปกครอง
     .
    7.นายภาสกร บุญญลักษม์ พ้นจากตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด จังหวัดปทุมธานี และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งอธิบดี กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย
     .
    8.นายพงษ์นรา เย็นยิ่ง พ้นจากตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งอธิบดี กรมโยธาธิการและผังเมือง
     .
    9.นายนฤชา โฆษาศิวิไลซ์ พ้นจากตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด จังหวัดบุรีรัมย์ และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งอธิบดี กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น
     .
    10.นายอังกูร ศีลาเทวากูล พ้นจากตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด จังหวัดกระบี่
     .
    11.นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี พ้นจากตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด จังหวัดนครศรีธรรมราช และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด จังหวัดฉะเชิงเทรา
     .
    12.นายชรินทร์ ทองสุข พันจากตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด จังหวัดยโสธร และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด จังหวัดเชียงราย 
     .
    13.นายเกียรติศักดิ์ ตรงศิริ พ้นจากตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด จังหวัดราชบุรี และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด จังหวัดนนทบุรี
     .
    14. นายสมคิด จันทมฤก พ้นจากตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด จังหวัดปทุมธานี
     .
    15.นายวีระพันธ์ ดีอ่อน พ้นจากตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด จังหวัดปราจีนบุรี
     .
    16. นายทวี เสริมภักดีกุล พ้นจากตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด จังหวัดนครสวรรค์ และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด จังหวัดพิษณุโลก
     .
    17.นายศรัณยู มีทองคำ พ้นจากตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด จังหวัดเพชรบูรณ์
     .
    18.นายชุติเดช มีจันทร์ พ้นจากตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด จังหวัดแพร่ และแต่งตั้งที่ให้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด จังหวัดลำปาง 
     .
    19.นายโชตินรินทร์ เกิดสม พ้นจากตำแหน่งรองปลัดกระทรวง และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้ว่งผู้ว่าราชการจังหวัด  จังหวัดสงขลา
     .
    20.นางนิศากร วิศิษฏ์สรอรรถ พ้นจากตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด จังหวัดพัทลุง และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด จังหวัดสมุทรสงคราม
     .
    21.นายนริศ นิรามัยวงศ์ พ้นจากตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด จังหวัดระนอง และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด  จังหวัดสุทรสาคร
     .
    22.นายพิริยะ ฉันทดิลก พ้นจากตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด จังหวัดอ่างทอง และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด จังหวัดสุพรรณบุรี
     .
    23.นายชำนาญ ชื่นตา พ้นจากตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด จังหวัดสุรินทร์
     .
    24.นายราชันย์ ซุ้นหั้ว พ้นจากตำแหน่งรองปลัดกระทรวง และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด  จังหวัดอุดรธานี
     .
    25.ว่าที่พันตรี อดิศักดิ์ น้อยสุวรรณ พ้นจากตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด จังหวัดอำนาจเจริญ และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด จังหวัดอุบลราชธานี
    ..............
    Sondhi X
    คลอดโผมหาดไทย สายสิงห์ดำ-เด็กเนวิน ผงาด . โผแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการระดับสูงของกระทรวงมหาดไทยหลังเลื่อนไม่เอาเข้าครม.มาสองสัปดาห์ เพราะติดขัดปัญหาบางประการในการจัดสรรตำแหน่งให้ลงตัว รอบนี้ อนุทิน ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย ลงมาดูโผทุกรายชื่อและมีการตรวจสอบประวัติการทำงาน ผลงาน อย่างละเอียด โดยเฉพาะในตำแหน่งอธิบดีและผู้ว่าฯจังหวัดสำคัญ ซึ่งสุดท้าย อนุทิน และนายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ก็ได้ชงโผมหาดไทยเข้าครม.วันนี้ (8ต.ค.) และที่ประชุม เห็นชอบ . รายชื่อส่วนใหญ่ ก็เป็นไปตามที่มีข่าวก่อนหน้านี้ ที่ก็พบว่าเครือข่ายสิงห์ดำ รัฐศาสตร์ จุฬาฯ กับปลัดมหาดไทย อรรษิษฐ์ ได้เข้าสู่ตำแหน่งสำคัญกันหลายคน รวมถึงเครือข่ายสิงห์มหาดไทยสายใกล้ชิดเครือข่ายบ้านใหญ่บุรีรัมย์ ก็ได้ดิบได้ดีกันหลายคน เช่น นายไชยวัฒน์ จุนถิระพงศ์ ที่จะเกษียณปีหน้า ก็โยกจากอธิบดี กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ไปเป็น อธิบดีกรมการปกครอง หรือนายนฤชา โฆษาศิวิไลซ์ จาก ผวจ.บุรีรัมย์ ฐานที่มั่นของเนวิน ชิดชอบ และพรรคภูมิใจไทย ก็ได้เป็น อธิบดี กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น เป็นต้น . โดยรายละเอียดของโผมหาดไทยมีดังนี้ น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล โฆษกกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า  ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 8 ต.ค. 67 มีมติเห็นชอบการแต่งตั้งผู้บริหารระดับสูง สังกัดกระทรวงมหาดไทย จำนวน 25 ราย ดังนี้    . 1.นายขจร ศรีชวโนทัย พ้นจากตำแหน่งอธิบดีกรมส่งเสริม การปกครองท้องถิ่น และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง  . 2.นายสันติธร ยิ้มละมัย พ้นจากตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด จังหวัดลำพูน และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง  . 3.นายศุภศิษย์ กอเจริญยศ พ้นจากตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด จังหวัดอุบลราชธานี และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง  . 4.นายสุพจน์ รอดเรือง ณ หนองคาย พ้นจากตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดจังหวัดพังงา และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง  . 5.นายอดิเทพ กมลเวชช์ พ้นจากตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด จังหวัดพิจิตร และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง  . 6.นายไชยวัฒน์ จุนถิระพงศ์ พ้นจากตำแหน่งอธิบดี กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งอธิบดี กรมการปกครอง  . 7.นายภาสกร บุญญลักษม์ พ้นจากตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด จังหวัดปทุมธานี และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งอธิบดี กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย  . 8.นายพงษ์นรา เย็นยิ่ง พ้นจากตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งอธิบดี กรมโยธาธิการและผังเมือง  . 9.นายนฤชา โฆษาศิวิไลซ์ พ้นจากตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด จังหวัดบุรีรัมย์ และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งอธิบดี กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น  . 10.นายอังกูร ศีลาเทวากูล พ้นจากตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด จังหวัดกระบี่  . 11.นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี พ้นจากตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด จังหวัดนครศรีธรรมราช และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด จังหวัดฉะเชิงเทรา  . 12.นายชรินทร์ ทองสุข พันจากตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด จังหวัดยโสธร และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด จังหวัดเชียงราย   . 13.นายเกียรติศักดิ์ ตรงศิริ พ้นจากตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด จังหวัดราชบุรี และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด จังหวัดนนทบุรี  . 14. นายสมคิด จันทมฤก พ้นจากตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด จังหวัดปทุมธานี  . 15.นายวีระพันธ์ ดีอ่อน พ้นจากตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด จังหวัดปราจีนบุรี  . 16. นายทวี เสริมภักดีกุล พ้นจากตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด จังหวัดนครสวรรค์ และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด จังหวัดพิษณุโลก  . 17.นายศรัณยู มีทองคำ พ้นจากตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด จังหวัดเพชรบูรณ์  . 18.นายชุติเดช มีจันทร์ พ้นจากตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด จังหวัดแพร่ และแต่งตั้งที่ให้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด จังหวัดลำปาง   . 19.นายโชตินรินทร์ เกิดสม พ้นจากตำแหน่งรองปลัดกระทรวง และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้ว่งผู้ว่าราชการจังหวัด  จังหวัดสงขลา  . 20.นางนิศากร วิศิษฏ์สรอรรถ พ้นจากตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด จังหวัดพัทลุง และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด จังหวัดสมุทรสงคราม  . 21.นายนริศ นิรามัยวงศ์ พ้นจากตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด จังหวัดระนอง และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด  จังหวัดสุทรสาคร  . 22.นายพิริยะ ฉันทดิลก พ้นจากตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด จังหวัดอ่างทอง และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด จังหวัดสุพรรณบุรี  . 23.นายชำนาญ ชื่นตา พ้นจากตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด จังหวัดสุรินทร์  . 24.นายราชันย์ ซุ้นหั้ว พ้นจากตำแหน่งรองปลัดกระทรวง และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด  จังหวัดอุดรธานี  . 25.ว่าที่พันตรี อดิศักดิ์ น้อยสุวรรณ พ้นจากตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด จังหวัดอำนาจเจริญ และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด จังหวัดอุบลราชธานี .............. Sondhi X
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1507 มุมมอง 0 รีวิว
  • มัสยิดกลางประจำจังหวัดสงขลา ทัชมาฮาลเมืองไทย

    มัสยิดกลางประจำจังหวัดสงขลา ตั้งอยู่ที่ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา เป็นศาสนสถาน ศูนย์รวมจิตใจของชาวมุสลิมในสงขลาที่ใหญ่และอลังการมาก หากใครได้มาจังหวัดสงขลาแล้ว ต้องไม่พลาดที่จะมาชมความงดงามของ มัสยิดกลางแห่งนี้ได้รับการขนานนามว่า ” ทัชมาฮาลเมืองไทย ” ยิ่งมาในช่วงเวลาเย็นไปถึงช่วงค่ำ มัสยิดเปิดไฟสว่างมีฉากหลังของ ท้องฟ้าเปลี่ยนสีในยามเย็นงดงามยิ่งนัก

    ตั้งอยู่ไม่ไกลจากตลาดน้ำคลองแห สำหรับการเดินทางด้วย google maps แนะนำให้พิมว่า “มัสยิดกลางประจำจังหวัดสงขลา” เพราะหากใส่ว่า มัสยิดกลางดิย์นุลอิสลาม จะไปโผล่ที่มัสยิดในเมืองหาดใหญ่ซึ่งตั้งอยู่คนละแห่งกัน มาถึงมัสยิดสามารถจอดรถไว้บริเวณที่จอดรถภายใต้อาคาร จากนั้นเดินมาด้านหน้าเก็บมุมภาพตามใจชอบ

    ภายในมัสยิดสีขาวสะอาดตา ล้อมรอบด้วยกระจกใสสีขาว ภายในตกแต่งได้สวยงาม โล่ง โอ่โถง เหมาะแก่การทำจิตใจให้สงบและทำพีธีกรรมต่างๆ ทางศาสนา พื้นที่รอบมัสยิดเดินเล่นชมบรรยากาศเหมือนกำลังเดินอยู่ในแดนนภารตะ😍

    บรรยากาศในยามเย็น คือ อีกหนึ่งช่วงเวลาที่นักท่องเที่ยวนิยมมาถ่ายภาพ ยิ่งช่วงพระอาทิตย์ตก และเริ่มมีแสงไฟส่องสว่างยิ่งสวยงาม


    #มัสยิดกลางประจำจังหวัดสงขลา
    #ทัชมาฮาลเมืองไทย




    มัสยิดกลางประจำจังหวัดสงขลา ทัชมาฮาลเมืองไทย มัสยิดกลางประจำจังหวัดสงขลา ตั้งอยู่ที่ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา เป็นศาสนสถาน ศูนย์รวมจิตใจของชาวมุสลิมในสงขลาที่ใหญ่และอลังการมาก หากใครได้มาจังหวัดสงขลาแล้ว ต้องไม่พลาดที่จะมาชมความงดงามของ มัสยิดกลางแห่งนี้ได้รับการขนานนามว่า ” ทัชมาฮาลเมืองไทย ” ยิ่งมาในช่วงเวลาเย็นไปถึงช่วงค่ำ มัสยิดเปิดไฟสว่างมีฉากหลังของ ท้องฟ้าเปลี่ยนสีในยามเย็นงดงามยิ่งนัก ตั้งอยู่ไม่ไกลจากตลาดน้ำคลองแห สำหรับการเดินทางด้วย google maps แนะนำให้พิมว่า “มัสยิดกลางประจำจังหวัดสงขลา” เพราะหากใส่ว่า มัสยิดกลางดิย์นุลอิสลาม จะไปโผล่ที่มัสยิดในเมืองหาดใหญ่ซึ่งตั้งอยู่คนละแห่งกัน มาถึงมัสยิดสามารถจอดรถไว้บริเวณที่จอดรถภายใต้อาคาร จากนั้นเดินมาด้านหน้าเก็บมุมภาพตามใจชอบ ภายในมัสยิดสีขาวสะอาดตา ล้อมรอบด้วยกระจกใสสีขาว ภายในตกแต่งได้สวยงาม โล่ง โอ่โถง เหมาะแก่การทำจิตใจให้สงบและทำพีธีกรรมต่างๆ ทางศาสนา พื้นที่รอบมัสยิดเดินเล่นชมบรรยากาศเหมือนกำลังเดินอยู่ในแดนนภารตะ😍 บรรยากาศในยามเย็น คือ อีกหนึ่งช่วงเวลาที่นักท่องเที่ยวนิยมมาถ่ายภาพ ยิ่งช่วงพระอาทิตย์ตก และเริ่มมีแสงไฟส่องสว่างยิ่งสวยงาม #มัสยิดกลางประจำจังหวัดสงขลา #ทัชมาฮาลเมืองไทย
    Like
    Love
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 355 มุมมอง 0 รีวิว
  • นิด้าโพลสำรวจเสียงคนใต้เกินครึ่งไม่เห็นด้วย พรรคประชาธิปัตย์เข้าร่วมรัฐบาลที่นำโดยพรรคเพื่อไทย มีผลเลือกตั้งครั้งหน้าไม่เลือกพรรคประชาธิปัตย์

    ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลการสำรวจของประชาชน เรื่อง “เสียงพี่น้องชาวใต้ถึงพรรคประชาธิปัตย์ ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 2-3 กันยายน 2567 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป ที่มีสิทธิเลือกตั้งใน 14 จังหวัดภาคใต้ กระจายระดับการศึกษา อาชีพ และรายได้ รวมทั้งสิ้น จำนวน 1,310 หน่วยตัวอย่าง เกี่ยวกับการตัดสินใจของพรรคประชาธิปัตย์ในการเข้าร่วมรัฐบาลที่นำโดยพรรคเพื่อไทย การสำรวจอาศัยการสุ่มตัวอย่างโดยใช้ความน่าจะเป็นจากบัญชีรายชื่อฐานข้อมูลตัวอย่างหลัก (Master Sample) ของ “นิด้าโพล” สุ่มตัวอย่างแบบหลายขั้นตอน (Multi-stage Sampling) เก็บข้อมูลด้วยวิธีการสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ โดยกำหนดค่าความเชื่อมั่น ร้อยละ 97.0

    จากการสำรวจเมื่อถามความคิดเห็นของประชาชนต่อการตัดสินใจของพรรคประชาธิปัตย์ในการเข้าร่วมรัฐบาลที่นำโดยพรรคเพื่อไทย พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 54.19 ระบุว่า ไม่เห็นด้วยเลย รองลงมา ร้อยละ 14.58 ระบุว่า ไม่ค่อยเห็นด้วย ร้อยละ 12.98 ระบุว่า เห็นด้วยมาก ร้อยละ 11.91 ระบุว่า ค่อนข้างเห็นด้วย และร้อยละ 6.34 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ

    ท้ายที่สุดเมื่อถามถึงการเลือกพรรคประชาธิปัตย์ในการเลือกตั้งครั้งหน้า พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 41.37 ระบุว่า ไม่เลือก รองลงมา ร้อยละ 41.15 ระบุว่า ยังไม่แน่ใจ และร้อยละ 17.48 ระบุว่า เลือก

    เมื่อพิจารณาลักษณะทั่วไปของตัวอย่าง พบว่า ตัวอย่างทั้งหมดมีภูมิลำเนาตามทะเบียนบ้านอยู่ในภาคใต้ ตัวอย่าง ร้อยละ 16.87 มีภูมิลำเนาอยู่ในจังหวัดนครศรีธรรมราช ร้อยละ 15.27 จังหวัดสงขลา ร้อยละ 11.53 จังหวัดสุราษฎร์ธานี ร้อยละ 8.01 จังหวัดนราธิวาส ร้อยละ 7.10 จังหวัดปัตตานี ร้อยละ 6.95 จังหวัดตรัง ร้อยละ 5.80 จังหวัดพัทลุง ร้อยละ 5.57 จังหวัดชุมพร ร้อยละ 5.34 จังหวัดยะลา ร้อยละ 4.96 จังหวัดกระบี่ ร้อยละ 4.43 จังหวัดภูเก็ต ร้อยละ 3.36 จังหวัดสตูล ร้อยละ 2.90 จังหวัดพังงา และร้อยละ 1.91 จังหวัดระนอง ตัวอย่าง ร้อยละ 48.09 เป็นเพศชาย และร้อยละ 51.91 เป็นเพศหญิง

    ตัวอย่าง ร้อยละ 14.35 อายุ 18-25 ปี ร้อยละ 19.47 อายุ 26-35 ปี ร้อยละ 19.00 อายุ 36-45 ปี ร้อยละ 24.89 อายุ 46-59 ปี และร้อยละ 22.29 อายุ 60 ปีขึ้นไป ตัวอย่าง ร้อยละ 72.22 นับถือศาสนาพุทธ ร้อยละ 27.25 นับถือศาสนาอิสลาม และร้อยละ 0.53 นับถือศาสนาคริสต์ และศาสนาอื่น ๆ

    ตัวอย่าง ร้อยละ 34.73 สถานภาพโสด ร้อยละ 63.74 สมรส และร้อยละ 1.53 หม้าย หย่าร้าง แยกกันอยู่ ตัวอย่าง ร้อยละ 15.65 จบการศึกษาประถมศึกษาหรือต่ำกว่า ร้อยละ 36.41 จบการศึกษามัธยมศึกษาหรือเทียบเท่า ร้อยละ 9.47 จบการศึกษาอนุปริญญาหรือเทียบเท่า ร้อยละ 33.66 จบการศึกษาปริญญาตรีหรือเทียบเท่า และร้อยละ 4.81 จบการศึกษาสูงกว่าปริญญาตรีหรือเทียบเท่า

    ตัวอย่าง ร้อยละ 11.98 ประกอบอาชีพข้าราชการ/ลูกจ้าง/พนักงานรัฐวิสาหกิจ ร้อยละ 14.73 ประกอบอาชีพพนักงานเอกชน ร้อยละ 23.59 ประกอบอาชีพเจ้าของธุรกิจ/อาชีพอิสระ ร้อยละ 12.06 ประกอบอาชีพเกษตรกร/ประมง ร้อยละ 13.82 ประกอบอาชีพรับจ้างทั่วไป/ผู้ใช้แรงงาน ร้อยละ 18.17 เป็นพ่อบ้าน/แม่บ้าน/เกษียณอายุ/ว่างงาน และร้อยละ 5.65 เป็นนักเรียน/นักศึกษา

    ตัวอย่าง ร้อยละ 18.86 ไม่มีรายได้ ร้อยละ 16.72 รายได้เฉลี่ยต่อเดือนไม่เกิน 10,000 บาท ร้อยละ 32.82 รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 10,001-20,000 บาท ร้อยละ 11.22 รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 20,001-30,000 บาท ร้อยละ 5.19 รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 30,001-40,000 บาท ร้อยละ 6.56 รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 40,001 บาทขึ้นไป และร้อยละ 8.63 ไม่ระบุรายได้

    ที่มา https://nidapoll.nida.ac.th/survey_detail?survey_id=716

    #Thaitimes
    นิด้าโพลสำรวจเสียงคนใต้เกินครึ่งไม่เห็นด้วย พรรคประชาธิปัตย์เข้าร่วมรัฐบาลที่นำโดยพรรคเพื่อไทย มีผลเลือกตั้งครั้งหน้าไม่เลือกพรรคประชาธิปัตย์ ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลการสำรวจของประชาชน เรื่อง “เสียงพี่น้องชาวใต้ถึงพรรคประชาธิปัตย์ ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 2-3 กันยายน 2567 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป ที่มีสิทธิเลือกตั้งใน 14 จังหวัดภาคใต้ กระจายระดับการศึกษา อาชีพ และรายได้ รวมทั้งสิ้น จำนวน 1,310 หน่วยตัวอย่าง เกี่ยวกับการตัดสินใจของพรรคประชาธิปัตย์ในการเข้าร่วมรัฐบาลที่นำโดยพรรคเพื่อไทย การสำรวจอาศัยการสุ่มตัวอย่างโดยใช้ความน่าจะเป็นจากบัญชีรายชื่อฐานข้อมูลตัวอย่างหลัก (Master Sample) ของ “นิด้าโพล” สุ่มตัวอย่างแบบหลายขั้นตอน (Multi-stage Sampling) เก็บข้อมูลด้วยวิธีการสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ โดยกำหนดค่าความเชื่อมั่น ร้อยละ 97.0 จากการสำรวจเมื่อถามความคิดเห็นของประชาชนต่อการตัดสินใจของพรรคประชาธิปัตย์ในการเข้าร่วมรัฐบาลที่นำโดยพรรคเพื่อไทย พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 54.19 ระบุว่า ไม่เห็นด้วยเลย รองลงมา ร้อยละ 14.58 ระบุว่า ไม่ค่อยเห็นด้วย ร้อยละ 12.98 ระบุว่า เห็นด้วยมาก ร้อยละ 11.91 ระบุว่า ค่อนข้างเห็นด้วย และร้อยละ 6.34 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ ท้ายที่สุดเมื่อถามถึงการเลือกพรรคประชาธิปัตย์ในการเลือกตั้งครั้งหน้า พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 41.37 ระบุว่า ไม่เลือก รองลงมา ร้อยละ 41.15 ระบุว่า ยังไม่แน่ใจ และร้อยละ 17.48 ระบุว่า เลือก เมื่อพิจารณาลักษณะทั่วไปของตัวอย่าง พบว่า ตัวอย่างทั้งหมดมีภูมิลำเนาตามทะเบียนบ้านอยู่ในภาคใต้ ตัวอย่าง ร้อยละ 16.87 มีภูมิลำเนาอยู่ในจังหวัดนครศรีธรรมราช ร้อยละ 15.27 จังหวัดสงขลา ร้อยละ 11.53 จังหวัดสุราษฎร์ธานี ร้อยละ 8.01 จังหวัดนราธิวาส ร้อยละ 7.10 จังหวัดปัตตานี ร้อยละ 6.95 จังหวัดตรัง ร้อยละ 5.80 จังหวัดพัทลุง ร้อยละ 5.57 จังหวัดชุมพร ร้อยละ 5.34 จังหวัดยะลา ร้อยละ 4.96 จังหวัดกระบี่ ร้อยละ 4.43 จังหวัดภูเก็ต ร้อยละ 3.36 จังหวัดสตูล ร้อยละ 2.90 จังหวัดพังงา และร้อยละ 1.91 จังหวัดระนอง ตัวอย่าง ร้อยละ 48.09 เป็นเพศชาย และร้อยละ 51.91 เป็นเพศหญิง ตัวอย่าง ร้อยละ 14.35 อายุ 18-25 ปี ร้อยละ 19.47 อายุ 26-35 ปี ร้อยละ 19.00 อายุ 36-45 ปี ร้อยละ 24.89 อายุ 46-59 ปี และร้อยละ 22.29 อายุ 60 ปีขึ้นไป ตัวอย่าง ร้อยละ 72.22 นับถือศาสนาพุทธ ร้อยละ 27.25 นับถือศาสนาอิสลาม และร้อยละ 0.53 นับถือศาสนาคริสต์ และศาสนาอื่น ๆ ตัวอย่าง ร้อยละ 34.73 สถานภาพโสด ร้อยละ 63.74 สมรส และร้อยละ 1.53 หม้าย หย่าร้าง แยกกันอยู่ ตัวอย่าง ร้อยละ 15.65 จบการศึกษาประถมศึกษาหรือต่ำกว่า ร้อยละ 36.41 จบการศึกษามัธยมศึกษาหรือเทียบเท่า ร้อยละ 9.47 จบการศึกษาอนุปริญญาหรือเทียบเท่า ร้อยละ 33.66 จบการศึกษาปริญญาตรีหรือเทียบเท่า และร้อยละ 4.81 จบการศึกษาสูงกว่าปริญญาตรีหรือเทียบเท่า ตัวอย่าง ร้อยละ 11.98 ประกอบอาชีพข้าราชการ/ลูกจ้าง/พนักงานรัฐวิสาหกิจ ร้อยละ 14.73 ประกอบอาชีพพนักงานเอกชน ร้อยละ 23.59 ประกอบอาชีพเจ้าของธุรกิจ/อาชีพอิสระ ร้อยละ 12.06 ประกอบอาชีพเกษตรกร/ประมง ร้อยละ 13.82 ประกอบอาชีพรับจ้างทั่วไป/ผู้ใช้แรงงาน ร้อยละ 18.17 เป็นพ่อบ้าน/แม่บ้าน/เกษียณอายุ/ว่างงาน และร้อยละ 5.65 เป็นนักเรียน/นักศึกษา ตัวอย่าง ร้อยละ 18.86 ไม่มีรายได้ ร้อยละ 16.72 รายได้เฉลี่ยต่อเดือนไม่เกิน 10,000 บาท ร้อยละ 32.82 รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 10,001-20,000 บาท ร้อยละ 11.22 รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 20,001-30,000 บาท ร้อยละ 5.19 รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 30,001-40,000 บาท ร้อยละ 6.56 รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 40,001 บาทขึ้นไป และร้อยละ 8.63 ไม่ระบุรายได้ ที่มา https://nidapoll.nida.ac.th/survey_detail?survey_id=716 #Thaitimes
    Like
    Haha
    Angry
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1316 มุมมอง 0 รีวิว
  • งานเทพาเฟสติวัล ณ บริเวณสนามลานวัฒนธรรม เทศบาลเทพา อำเภอเทพา จังหวัดสงขลา ระหว่างวันที่ 10 - 19 กันยายน พ.ศ. 2567
    งานเทพาเฟสติวัล ณ บริเวณสนามลานวัฒนธรรม เทศบาลเทพา อำเภอเทพา จังหวัดสงขลา ระหว่างวันที่ 10 - 19 กันยายน พ.ศ. 2567
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 197 มุมมอง 0 รีวิว
  • เทศกาลอาหารสองทะเล ณ เวทีสระบัว แหลมสมิหลา จังหวัดสงขลา ระหว่างวันที่ 23 สิงหาคม ถึงวันที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2567
    เทศกาลอาหารสองทะเล ณ เวทีสระบัว แหลมสมิหลา จังหวัดสงขลา ระหว่างวันที่ 23 สิงหาคม ถึงวันที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2567
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 96 มุมมอง 0 รีวิว
  • งานยกช่อฟ้าอุโบสถ วัดมหาการ หมู่ที่ 1 ตำบลระโนด อำเภอระโนด จังหวัดสงขลา ระหว่างวันที่ 20 - 25 สิงหาคม พ.ศ. 2567
    งานยกช่อฟ้าอุโบสถ วัดมหาการ หมู่ที่ 1 ตำบลระโนด อำเภอระโนด จังหวัดสงขลา ระหว่างวันที่ 20 - 25 สิงหาคม พ.ศ. 2567
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 101 มุมมอง 0 รีวิว
  • คนไทยนับร้อยสนใจ เรียนต่อที่มาเลเซีย

    มาเลเซียเป็นอีกประเทศหนึ่ง ที่นักเรียนและนักศึกษาไทย ให้ความสนใจเข้าศึกษาต่อระดับอุดมศึกษา ด้วยความที่มีมหาวิทยาลัยติดอันดับโลก ค่าเล่าเรียนและค่าครองชีพที่เหมาะสม ขอวีซ่าง่าย สามารถพาครอบครัวไปด้วยขณะศึกษาระดับปริญญาโทได้ และมีโอกาสในการขอทุนการศึกษา รวมทั้งเป็นประเทศที่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรมและเป็นมิตร

    ด้วยเหตุผลข้างต้น ทำให้ Education Malaysia Global Services (EMGS) หน่วยงานภายใต้กระทรวงการอุดมศึกษา ประเทศมาเลเซีย จึงได้จัดงานมหกรรมการศึกษาต่อประเทศมาเลเซีย หรือ Study in Malaysia Education Fair Bangkok 2024 ที่โรงแรมรามาการ์เด้นส์ กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 14 ส.ค. 2567 ที่ผ่านมา โดยมีตัวแทนจากมหาวิทยาลัยชั้นนำในมาเลเซีย แนะนำหลักสูตรและรับสมัครนักศึกษาระดับอุดมศึกษา ซึ่งงานนี้จัดพร้อมกันที่อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา

    นายโนวี ทาจุดดิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร EMGS ระบุว่า ที่ผ่านมามีนักศึกษาต่างชาติ ให้ความสนใจศึกษาต่อที่ประเทศมาเลเซียมากขึ้น โดยในปี 2566 ประเทศมาเลเซียมีจำนวนนักศึกษาต่างชาติมากกว่า 114,765 คน ซึ่งมีนักศึกษาไทยที่สนใจศึกษาต่อที่ประเทศมาเลเซีย ยื่นใบสมัครมากถึง 372 ใบ ขณะที่ในปีนี้นับถึงเดือน พ.ค. 2567 EMGS ได้รับใบสมัครใหม่จากประเทศไทยแล้ว 117 ใบ อยู่ในอันดับที่ 5 ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

    ทั้งนี้ ประเทศมาเลเซียเป็นที่โดดเด่นในเวทีวิชาการระดับโลก โดยมี 8 สาขาวิชาที่ได้รับการยอมรับในการจัดอันดับของ QS World University Rangkings และมีมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงระดับนานาชาติ 8 แห่ง โดยมีมหาวิทยาลัยของรัฐ 20 แห่ง มหาวิทยาลัยเอกชน 207 แห่ง วิทยาลัย และวิทยาเขตสาขาของมหาวิทยาลัยต่างประเทศระดับโลก 10 แห่ง ซึ่งภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในมาเลเซีย และหลักสูตรส่วนใหญ่ยังสอนเป็นภาษาอังกฤษ ซึ่งความสามารถทางภาษาอังกฤษเป็นหนึ่งในข้อกำหนดหลักสำหรับการรับเข้าเรียนของนักเรียนเพื่อสมัครเข้าสถาบันอุดมศึกษา (HEIs)

    ขณะเดียวกัน มาเลเซียมีทำเลที่ตั้งเหมาะสำหรับนักศึกษาไทย เนื่องจากอยู่ใกล้ประเทศไทย ระยะทางในการเดินทางที่สั้น ด้วยเที่ยวบินตรงระหว่างกรุงเทพฯ กับกัวลาลัมเปอร์มากกว่า 22 เที่ยวบินต่อวัน นอกจากนี้ มาเลเซียเป็นจุดหมายปลายทางการศึกษาที่ได้รับความนิยม โดยจัดการศึกษาระดับโลก ด้วยค่าเล่าเรียนที่เหมาะสม กัวลาลัมเปอร์ถูกยกให้เป็นอันดับ 1 ของเอเชียในตัวบ่งชี้ความสามารถในการซื้ออาหาร ตามการจัดอันดับเมืองนักเรียนที่ดีที่สุดของ QS ประจำปี 2023 โดยอาหารริมทางมีราคาตั้งแต่ 5 ถึง 15 ริงกิตมาเลเซีย รวมถึงอาหารมาเลเซียยอดนิยม เช่น นาซีเลอมัก โรตีจาไน ลักซา และอื่นๆ

    ภายในงานมีมหาวิทยาลัยที่เข้าร่วมจัดกิจกรรม ประกอบด้วย 1. Asia Pacific University of Technology & Innovation (APU) 2. Malaysian Maritime Academy (ALAM) 3. Management and Science University (MSU) 4. Universiti Utara Malaysia (UUM) 5. University Malaya (UM) 6. German-Malaysian Institute (GMI) 7. MAHSA University 8. UCSI University 9. Sunway Le Cordon Bleu และ 10. Universiti Kebangsaan Malaysia (UKM) เป็นต้น

    สำหรับ EMGS มีหน้าที่หลักคือ อำนวยความสะดวกในการขอวีซ่าสำหรับนักศึกษาต่างชาติทั้งหมด และส่งเสริมให้ประเทศมาเลเซียเป็นศูนย์กลางความรู้และความสามารถระดับโลก โดยทำหน้าที่ประสานไปยังสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองมาเลเซีย เพื่อออกหนังสืออนุมัติการออกวีซ่า และออก Student Pass ให้นักศึกษา รวมทั้งยังจัดทำประกันสุขภาพให้นักศึกษาอีกด้วย แม้การจัดงานจะผ่านพ้นไปแล้ว แต่สามารถติดตามข่าวสารการศึกษาต่อประเทศมาเลเซีย ทาง Instagram @education.Malaysia.official และเฟซบุ๊ก Education Malaysia

    #Newskit #StudyinMalaysia #EMGS
    คนไทยนับร้อยสนใจ เรียนต่อที่มาเลเซีย มาเลเซียเป็นอีกประเทศหนึ่ง ที่นักเรียนและนักศึกษาไทย ให้ความสนใจเข้าศึกษาต่อระดับอุดมศึกษา ด้วยความที่มีมหาวิทยาลัยติดอันดับโลก ค่าเล่าเรียนและค่าครองชีพที่เหมาะสม ขอวีซ่าง่าย สามารถพาครอบครัวไปด้วยขณะศึกษาระดับปริญญาโทได้ และมีโอกาสในการขอทุนการศึกษา รวมทั้งเป็นประเทศที่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรมและเป็นมิตร ด้วยเหตุผลข้างต้น ทำให้ Education Malaysia Global Services (EMGS) หน่วยงานภายใต้กระทรวงการอุดมศึกษา ประเทศมาเลเซีย จึงได้จัดงานมหกรรมการศึกษาต่อประเทศมาเลเซีย หรือ Study in Malaysia Education Fair Bangkok 2024 ที่โรงแรมรามาการ์เด้นส์ กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 14 ส.ค. 2567 ที่ผ่านมา โดยมีตัวแทนจากมหาวิทยาลัยชั้นนำในมาเลเซีย แนะนำหลักสูตรและรับสมัครนักศึกษาระดับอุดมศึกษา ซึ่งงานนี้จัดพร้อมกันที่อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา นายโนวี ทาจุดดิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร EMGS ระบุว่า ที่ผ่านมามีนักศึกษาต่างชาติ ให้ความสนใจศึกษาต่อที่ประเทศมาเลเซียมากขึ้น โดยในปี 2566 ประเทศมาเลเซียมีจำนวนนักศึกษาต่างชาติมากกว่า 114,765 คน ซึ่งมีนักศึกษาไทยที่สนใจศึกษาต่อที่ประเทศมาเลเซีย ยื่นใบสมัครมากถึง 372 ใบ ขณะที่ในปีนี้นับถึงเดือน พ.ค. 2567 EMGS ได้รับใบสมัครใหม่จากประเทศไทยแล้ว 117 ใบ อยู่ในอันดับที่ 5 ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทั้งนี้ ประเทศมาเลเซียเป็นที่โดดเด่นในเวทีวิชาการระดับโลก โดยมี 8 สาขาวิชาที่ได้รับการยอมรับในการจัดอันดับของ QS World University Rangkings และมีมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงระดับนานาชาติ 8 แห่ง โดยมีมหาวิทยาลัยของรัฐ 20 แห่ง มหาวิทยาลัยเอกชน 207 แห่ง วิทยาลัย และวิทยาเขตสาขาของมหาวิทยาลัยต่างประเทศระดับโลก 10 แห่ง ซึ่งภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในมาเลเซีย และหลักสูตรส่วนใหญ่ยังสอนเป็นภาษาอังกฤษ ซึ่งความสามารถทางภาษาอังกฤษเป็นหนึ่งในข้อกำหนดหลักสำหรับการรับเข้าเรียนของนักเรียนเพื่อสมัครเข้าสถาบันอุดมศึกษา (HEIs) ขณะเดียวกัน มาเลเซียมีทำเลที่ตั้งเหมาะสำหรับนักศึกษาไทย เนื่องจากอยู่ใกล้ประเทศไทย ระยะทางในการเดินทางที่สั้น ด้วยเที่ยวบินตรงระหว่างกรุงเทพฯ กับกัวลาลัมเปอร์มากกว่า 22 เที่ยวบินต่อวัน นอกจากนี้ มาเลเซียเป็นจุดหมายปลายทางการศึกษาที่ได้รับความนิยม โดยจัดการศึกษาระดับโลก ด้วยค่าเล่าเรียนที่เหมาะสม กัวลาลัมเปอร์ถูกยกให้เป็นอันดับ 1 ของเอเชียในตัวบ่งชี้ความสามารถในการซื้ออาหาร ตามการจัดอันดับเมืองนักเรียนที่ดีที่สุดของ QS ประจำปี 2023 โดยอาหารริมทางมีราคาตั้งแต่ 5 ถึง 15 ริงกิตมาเลเซีย รวมถึงอาหารมาเลเซียยอดนิยม เช่น นาซีเลอมัก โรตีจาไน ลักซา และอื่นๆ ภายในงานมีมหาวิทยาลัยที่เข้าร่วมจัดกิจกรรม ประกอบด้วย 1. Asia Pacific University of Technology & Innovation (APU) 2. Malaysian Maritime Academy (ALAM) 3. Management and Science University (MSU) 4. Universiti Utara Malaysia (UUM) 5. University Malaya (UM) 6. German-Malaysian Institute (GMI) 7. MAHSA University 8. UCSI University 9. Sunway Le Cordon Bleu และ 10. Universiti Kebangsaan Malaysia (UKM) เป็นต้น สำหรับ EMGS มีหน้าที่หลักคือ อำนวยความสะดวกในการขอวีซ่าสำหรับนักศึกษาต่างชาติทั้งหมด และส่งเสริมให้ประเทศมาเลเซียเป็นศูนย์กลางความรู้และความสามารถระดับโลก โดยทำหน้าที่ประสานไปยังสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองมาเลเซีย เพื่อออกหนังสืออนุมัติการออกวีซ่า และออก Student Pass ให้นักศึกษา รวมทั้งยังจัดทำประกันสุขภาพให้นักศึกษาอีกด้วย แม้การจัดงานจะผ่านพ้นไปแล้ว แต่สามารถติดตามข่าวสารการศึกษาต่อประเทศมาเลเซีย ทาง Instagram @education.Malaysia.official และเฟซบุ๊ก Education Malaysia #Newskit #StudyinMalaysia #EMGS
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1058 มุมมอง 0 รีวิว
  • CPF มาช้ายังดีกว่าไม่มา

    การแถลงข่าวของนางกอบบุญ ศรีชัย ผู้บริหารสูงสุด สายงานกิจการองค์กร บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอฟ (CPF) กรณีปลาหมอคางดำ ถือเป็นการออกมาให้ข่าวอย่างเป็นทางการ หลังจากที่มีการเคลื่อนไหวจากนักเคลื่อนไหวกลุ่มหนึ่ง เรียกร้องให้รับผิดชอบกรณีการแพร่ระบาดของเอเลียนสปีชีส์ ที่ส่งผลกระทบยาวนานกว่า 14 ปี

    ซีพีเอฟยอมรับว่าที่ชี้แจงล่าช้า เพราะเรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อ 14 ปีที่แล้ว จึงต้องแสวงหาข้อเท็จจริงด้วยความระมัดระวังอย่างเป็นระบบ พบว่ามีการใช้ภาพและข้อมูลอันเป็นเท็จ 3 ภาพ อยู่ในระหว่างรวบรวมหลักฐานเพื่อดำเนินการตามกฎหมาย ได้แก่ ภาพที่กล่าวอ้างว่าเป็นสภาพบ่อดินของฟาร์มยี่สาร จ.สมุทรสงคราม ยืนยันว่าไม่ใช่ และไม่มีการเลี้ยงปลาหมอคางดำต่อเนื่อง

    ยืนยันว่าหลังยุติการวิจัยในเดือน ม.ค. 2554 ได้ทำลายลูกปลาทิ้งทั้งหมด ไม่มีกิจกรรมใดๆ ที่เกี่ยวกับปลานี้อีกเลย

    ภาพต่อมา กล่าวอ้างว่าเป็นการคัดเลือกไข่ปลาหมอคางดำเพื่อนำไปขยายพันธุ์ ผสมพันธุ์ และนำไปอนุบาลในกระชังในฟาร์มยี่สาร ยืนยันว่าไม่ใช่ฟาร์มยี่สาร และไม่ใช่กระบวนการคัดเลือกไข่ปลาหมอคางดำอย่างที่กล่าวอ้าง และภาพสุดท้าย เป็นการระบุผังของฟาร์มเป็นสีต่างๆ ชี้แจงว่าบ่อหนึ่งเป็นบ่อเลี้ยงกุ้ง ส่วนอีกบ่อหนึ่งเป็นบ่อปรับปรุงปลาทับทิม ปลานิล และปลาทะเล

    "บริษัทฯ เห็นควรด้วยว่าเราควรมีกระบวนการตรวจสอบข้อเท็จจริงทางสังคมเพิ่มเติมในเรื่องนี้ เนื่องจากมีหลายบริษัทที่บริษัทฯ ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ มีกิจกรรมค้าขายปลาตัวนี้ในช่วงที่ผ่านมา ขอให้สังคมให้ความเป็นธรรม น่าจะมีการเสาะหาสาเหตุอื่นๆ เพิ่มเติมด้วย" คำกล่าวของผู้บริหารซีพีเอฟต่อเรื่องดังกล่าว

    กรณีปลาหมอคางดำถูกหยิบยกขึ้นเมื่อต้นเดือน ก.ค. ที่ผ่านมา เมื่อประมงจังหวัดสงขลาขอความร่วมมือประชาชนแจ้งเบาะแสปลาหมอคางดำระบาดในพื้นที่ ขณะที่กรมประมงรายงานการแพร่ระบาดพบว่ามี 13 จังหวัด กลายเป็นประเด็นสาธารณะที่นักเคลื่อนไหวกลุ่มหนึ่ง เรียกร้องให้ซีพีเอฟรับผิดชอบเรื่องนี้ โดยอ้างถึงรายงานจากคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.)

    เวลาผ่านไปกลับพบความจริงอีกด้านหนึ่ง เช่น มีผู้ลักลอบนำเข้ามาเลี้ยงเป็นปลาสวยงาม แต่กลับโทษผู้ที่ขออนุญาตภาครัฐอย่างถูกต้องฝ่ายเดียว หรือการเปิดเผยบริษัทเอกชน 11 แห่ง ที่ขออนุญาตส่งออกปลาหมอคางดำ 17 ประเทศ รวมกว่า 230,000 ตัว ทั้งที่ห้ามนำเข้า แต่อธิบดีกรมประมงระบุว่าเจ้าหน้าที่ชิปปิ้งที่ส่งออกกรอกข้อมูลผิด เป็นปลาหมอเทศข้างลาย

    เมื่อซีพีเอฟยืนยันว่าจะดำเนินการตามกฎหมาย จึงต้องพิสูจน์ในกระบวนการยุติธรรมทั้งสองฝ่ายว่า กรณีที่เกิดขึ้นความจริงเป็นอย่างไร เพื่อให้สังคมสิ้นข้อสงสัย แม้ภาพลักษณ์ของบริษัทใหญ่ และการชี้แจงที่ล่าช้า จะทำให้เกิดความรู้สึกไม่มั่นใจก็ตาม

    #Newskit #CPF #ปลาหมอคางดำ
    CPF มาช้ายังดีกว่าไม่มา การแถลงข่าวของนางกอบบุญ ศรีชัย ผู้บริหารสูงสุด สายงานกิจการองค์กร บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอฟ (CPF) กรณีปลาหมอคางดำ ถือเป็นการออกมาให้ข่าวอย่างเป็นทางการ หลังจากที่มีการเคลื่อนไหวจากนักเคลื่อนไหวกลุ่มหนึ่ง เรียกร้องให้รับผิดชอบกรณีการแพร่ระบาดของเอเลียนสปีชีส์ ที่ส่งผลกระทบยาวนานกว่า 14 ปี ซีพีเอฟยอมรับว่าที่ชี้แจงล่าช้า เพราะเรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อ 14 ปีที่แล้ว จึงต้องแสวงหาข้อเท็จจริงด้วยความระมัดระวังอย่างเป็นระบบ พบว่ามีการใช้ภาพและข้อมูลอันเป็นเท็จ 3 ภาพ อยู่ในระหว่างรวบรวมหลักฐานเพื่อดำเนินการตามกฎหมาย ได้แก่ ภาพที่กล่าวอ้างว่าเป็นสภาพบ่อดินของฟาร์มยี่สาร จ.สมุทรสงคราม ยืนยันว่าไม่ใช่ และไม่มีการเลี้ยงปลาหมอคางดำต่อเนื่อง ยืนยันว่าหลังยุติการวิจัยในเดือน ม.ค. 2554 ได้ทำลายลูกปลาทิ้งทั้งหมด ไม่มีกิจกรรมใดๆ ที่เกี่ยวกับปลานี้อีกเลย ภาพต่อมา กล่าวอ้างว่าเป็นการคัดเลือกไข่ปลาหมอคางดำเพื่อนำไปขยายพันธุ์ ผสมพันธุ์ และนำไปอนุบาลในกระชังในฟาร์มยี่สาร ยืนยันว่าไม่ใช่ฟาร์มยี่สาร และไม่ใช่กระบวนการคัดเลือกไข่ปลาหมอคางดำอย่างที่กล่าวอ้าง และภาพสุดท้าย เป็นการระบุผังของฟาร์มเป็นสีต่างๆ ชี้แจงว่าบ่อหนึ่งเป็นบ่อเลี้ยงกุ้ง ส่วนอีกบ่อหนึ่งเป็นบ่อปรับปรุงปลาทับทิม ปลานิล และปลาทะเล "บริษัทฯ เห็นควรด้วยว่าเราควรมีกระบวนการตรวจสอบข้อเท็จจริงทางสังคมเพิ่มเติมในเรื่องนี้ เนื่องจากมีหลายบริษัทที่บริษัทฯ ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ มีกิจกรรมค้าขายปลาตัวนี้ในช่วงที่ผ่านมา ขอให้สังคมให้ความเป็นธรรม น่าจะมีการเสาะหาสาเหตุอื่นๆ เพิ่มเติมด้วย" คำกล่าวของผู้บริหารซีพีเอฟต่อเรื่องดังกล่าว กรณีปลาหมอคางดำถูกหยิบยกขึ้นเมื่อต้นเดือน ก.ค. ที่ผ่านมา เมื่อประมงจังหวัดสงขลาขอความร่วมมือประชาชนแจ้งเบาะแสปลาหมอคางดำระบาดในพื้นที่ ขณะที่กรมประมงรายงานการแพร่ระบาดพบว่ามี 13 จังหวัด กลายเป็นประเด็นสาธารณะที่นักเคลื่อนไหวกลุ่มหนึ่ง เรียกร้องให้ซีพีเอฟรับผิดชอบเรื่องนี้ โดยอ้างถึงรายงานจากคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) เวลาผ่านไปกลับพบความจริงอีกด้านหนึ่ง เช่น มีผู้ลักลอบนำเข้ามาเลี้ยงเป็นปลาสวยงาม แต่กลับโทษผู้ที่ขออนุญาตภาครัฐอย่างถูกต้องฝ่ายเดียว หรือการเปิดเผยบริษัทเอกชน 11 แห่ง ที่ขออนุญาตส่งออกปลาหมอคางดำ 17 ประเทศ รวมกว่า 230,000 ตัว ทั้งที่ห้ามนำเข้า แต่อธิบดีกรมประมงระบุว่าเจ้าหน้าที่ชิปปิ้งที่ส่งออกกรอกข้อมูลผิด เป็นปลาหมอเทศข้างลาย เมื่อซีพีเอฟยืนยันว่าจะดำเนินการตามกฎหมาย จึงต้องพิสูจน์ในกระบวนการยุติธรรมทั้งสองฝ่ายว่า กรณีที่เกิดขึ้นความจริงเป็นอย่างไร เพื่อให้สังคมสิ้นข้อสงสัย แม้ภาพลักษณ์ของบริษัทใหญ่ และการชี้แจงที่ล่าช้า จะทำให้เกิดความรู้สึกไม่มั่นใจก็ตาม #Newskit #CPF #ปลาหมอคางดำ
    Like
    Wow
    8
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 913 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts