• ChatGPT Projects เปิดให้ใช้ฟรีแล้ว — ฟีเจอร์จัดการงานระยะยาวที่เคยอยู่หลัง paywall กลายเป็นเครื่องมือหลักสำหรับทุกคน

    ตั้งแต่เปิดตัวในปี 2020 ChatGPT ได้กลายเป็นผู้ช่วยสารพัดด้าน ไม่ว่าจะเป็นการเขียนโค้ด คิดไอเดีย หรือแม้แต่แต่งกลอน แต่ฟีเจอร์ระดับพรีเมียมหลายอย่าง เช่น การอัปโหลดไฟล์ การตั้งคำสั่งเฉพาะ และการใช้ GPT-5 มักถูกจำกัดไว้เฉพาะผู้ใช้แบบเสียเงินเท่านั้น

    ล่าสุดในเดือนกันยายน 2025 OpenAI ได้ปลดล็อกฟีเจอร์ “Projects” ให้ผู้ใช้แบบฟรีสามารถใช้งานได้ทั่วโลก โดย Projects คือพื้นที่ทำงานอัจฉริยะที่รวมแชต ไฟล์ และคำสั่งเฉพาะไว้ในที่เดียว เหมาะสำหรับงานที่ต้องใช้บริบทต่อเนื่อง เช่น การเขียนนิยาย การวางแผนธุรกิจ หรือการเรียนระยะยาว

    ผู้ใช้สามารถสร้างโปรเจกต์ใหม่ กำหนดโทนการตอบ เช่น “ช่วยคิดแบบนักการตลาด” หรือ “ตอบแบบกระชับและใช้ bullet point” และอัปโหลดไฟล์อ้างอิงได้สูงสุด 5 ไฟล์ในบัญชีฟรี (25 ไฟล์สำหรับ Plus และ 40 ไฟล์สำหรับ Pro/Enterprise) โดยไฟล์เหล่านี้สามารถถูกเรียกใช้ในแชตได้ทันที เช่น สร้างตารางจากข้อมูลใน Excel หรือดึงคำพูดจาก PDF

    Projects ยังรองรับการย้ายแชตเก่าเข้าไปในโปรเจกต์ใหม่ได้ โดยแชตจะรับบริบทและคำสั่งของโปรเจกต์นั้นทันที และสามารถกำหนดสีหรือไอคอนให้แต่ละโปรเจกต์เพื่อแยกงานได้ชัดเจน ทั้งหมดนี้ใช้งานได้ทั้งบนเว็บและมือถือ

    Projects เปิดให้ผู้ใช้แบบฟรีใช้งานได้แล้ว
    เคยเป็นฟีเจอร์เฉพาะสำหรับผู้ใช้แบบเสียเงิน
    เปิดให้ใช้งานทั่วโลกตั้งแต่ 3 กันยายน 2025

    Projects คือพื้นที่ทำงานอัจฉริยะสำหรับงานระยะยาว
    รวมแชต ไฟล์ และคำสั่งเฉพาะไว้ในที่เดียว
    เหมาะสำหรับงานที่ต้องใช้บริบทต่อเนื่อง เช่น เขียนหนังสือ วางแผนธุรกิจ หรือเรียน

    รองรับการอัปโหลดไฟล์อ้างอิง
    บัญชีฟรี: 5 ไฟล์ / Plus: 25 ไฟล์ / Pro: 40 ไฟล์
    ใช้ไฟล์ในแชตได้ทันที เช่น สร้างตารางจาก Excel หรือดึงข้อมูลจาก PDF

    ตั้งคำสั่งเฉพาะในแต่ละโปรเจกต์ได้
    เช่น “ตอบแบบ mentor”, “ใช้ภาษาทางการ”, “ถามกลับก่อนตอบ”
    คำสั่งจะมีผลเฉพาะในโปรเจกต์นั้น ไม่กระทบการตั้งค่าทั่วไป

    ย้ายแชตเก่าเข้าโปรเจกต์ใหม่ได้
    ใช้เมนู “Add to project” หรือ drag & drop
    แชตจะรับบริบทและคำสั่งของโปรเจกต์ทันที

    รองรับการใช้งานข้ามอุปกรณ์
    ใช้งานได้ทั้งบนเว็บและมือถือ
    กำหนดสีและไอคอนเพื่อแยกงานแต่ละโปรเจกต์

    คำเตือนเกี่ยวกับข้อจำกัดของ Projects
    โปรเจกต์แบบ memory-only ไม่มีรายการความจำให้ลบแบบละเอียด
    หากต้องการให้ AI ลืมไฟล์หรือแชต ต้องลบออกจากโปรเจกต์หรือลบทิ้งทั้งหมด
    ผู้ใช้แบบองค์กรต้องเปิด memory ก่อนจึงจะใช้ project-only memory ได้
    ข้อมูลจากบัญชีฟรี/Plus/Pro อาจถูกใช้ในการฝึกโมเดล หากไม่ปิด “Improve the model for everyone” ใน Settings

    https://www.slashgear.com/1968178/chatgpt-projects-best-paid-feature-now-free/
    📰 ChatGPT Projects เปิดให้ใช้ฟรีแล้ว — ฟีเจอร์จัดการงานระยะยาวที่เคยอยู่หลัง paywall กลายเป็นเครื่องมือหลักสำหรับทุกคน ตั้งแต่เปิดตัวในปี 2020 ChatGPT ได้กลายเป็นผู้ช่วยสารพัดด้าน ไม่ว่าจะเป็นการเขียนโค้ด คิดไอเดีย หรือแม้แต่แต่งกลอน แต่ฟีเจอร์ระดับพรีเมียมหลายอย่าง เช่น การอัปโหลดไฟล์ การตั้งคำสั่งเฉพาะ และการใช้ GPT-5 มักถูกจำกัดไว้เฉพาะผู้ใช้แบบเสียเงินเท่านั้น ล่าสุดในเดือนกันยายน 2025 OpenAI ได้ปลดล็อกฟีเจอร์ “Projects” ให้ผู้ใช้แบบฟรีสามารถใช้งานได้ทั่วโลก โดย Projects คือพื้นที่ทำงานอัจฉริยะที่รวมแชต ไฟล์ และคำสั่งเฉพาะไว้ในที่เดียว เหมาะสำหรับงานที่ต้องใช้บริบทต่อเนื่อง เช่น การเขียนนิยาย การวางแผนธุรกิจ หรือการเรียนระยะยาว ผู้ใช้สามารถสร้างโปรเจกต์ใหม่ กำหนดโทนการตอบ เช่น “ช่วยคิดแบบนักการตลาด” หรือ “ตอบแบบกระชับและใช้ bullet point” และอัปโหลดไฟล์อ้างอิงได้สูงสุด 5 ไฟล์ในบัญชีฟรี (25 ไฟล์สำหรับ Plus และ 40 ไฟล์สำหรับ Pro/Enterprise) โดยไฟล์เหล่านี้สามารถถูกเรียกใช้ในแชตได้ทันที เช่น สร้างตารางจากข้อมูลใน Excel หรือดึงคำพูดจาก PDF Projects ยังรองรับการย้ายแชตเก่าเข้าไปในโปรเจกต์ใหม่ได้ โดยแชตจะรับบริบทและคำสั่งของโปรเจกต์นั้นทันที และสามารถกำหนดสีหรือไอคอนให้แต่ละโปรเจกต์เพื่อแยกงานได้ชัดเจน ทั้งหมดนี้ใช้งานได้ทั้งบนเว็บและมือถือ ✅ Projects เปิดให้ผู้ใช้แบบฟรีใช้งานได้แล้ว ➡️ เคยเป็นฟีเจอร์เฉพาะสำหรับผู้ใช้แบบเสียเงิน ➡️ เปิดให้ใช้งานทั่วโลกตั้งแต่ 3 กันยายน 2025 ✅ Projects คือพื้นที่ทำงานอัจฉริยะสำหรับงานระยะยาว ➡️ รวมแชต ไฟล์ และคำสั่งเฉพาะไว้ในที่เดียว ➡️ เหมาะสำหรับงานที่ต้องใช้บริบทต่อเนื่อง เช่น เขียนหนังสือ วางแผนธุรกิจ หรือเรียน ✅ รองรับการอัปโหลดไฟล์อ้างอิง ➡️ บัญชีฟรี: 5 ไฟล์ / Plus: 25 ไฟล์ / Pro: 40 ไฟล์ ➡️ ใช้ไฟล์ในแชตได้ทันที เช่น สร้างตารางจาก Excel หรือดึงข้อมูลจาก PDF ✅ ตั้งคำสั่งเฉพาะในแต่ละโปรเจกต์ได้ ➡️ เช่น “ตอบแบบ mentor”, “ใช้ภาษาทางการ”, “ถามกลับก่อนตอบ” ➡️ คำสั่งจะมีผลเฉพาะในโปรเจกต์นั้น ไม่กระทบการตั้งค่าทั่วไป ✅ ย้ายแชตเก่าเข้าโปรเจกต์ใหม่ได้ ➡️ ใช้เมนู “Add to project” หรือ drag & drop ➡️ แชตจะรับบริบทและคำสั่งของโปรเจกต์ทันที ✅ รองรับการใช้งานข้ามอุปกรณ์ ➡️ ใช้งานได้ทั้งบนเว็บและมือถือ ➡️ กำหนดสีและไอคอนเพื่อแยกงานแต่ละโปรเจกต์ ‼️ คำเตือนเกี่ยวกับข้อจำกัดของ Projects ⛔ โปรเจกต์แบบ memory-only ไม่มีรายการความจำให้ลบแบบละเอียด ⛔ หากต้องการให้ AI ลืมไฟล์หรือแชต ต้องลบออกจากโปรเจกต์หรือลบทิ้งทั้งหมด ⛔ ผู้ใช้แบบองค์กรต้องเปิด memory ก่อนจึงจะใช้ project-only memory ได้ ⛔ ข้อมูลจากบัญชีฟรี/Plus/Pro อาจถูกใช้ในการฝึกโมเดล หากไม่ปิด “Improve the model for everyone” ใน Settings https://www.slashgear.com/1968178/chatgpt-projects-best-paid-feature-now-free/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    This Was One Of ChatGPT's Best Paid Features (And Now It's Free) - SlashGear
    ChatGPT’s “Projects” feature -- once exclusive to paid users -- is now available for free, letting everyone better organize chats into folders.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 146 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Villager: เครื่องมือเจาะระบบจากจีนที่ใช้ AI สั่งงานด้วยภาษาคน — ดาวน์โหลดทะลุหมื่นครั้งใน 2 เดือน สะเทือนวงการไซเบอร์”

    Villager คือเครื่องมือเจาะระบบ (pentest tool) ที่ถูกเผยแพร่บน PyPI โดยผู้ใช้ชื่อ “stupidfish001” ซึ่งมีความเชื่อมโยงกับกลุ่มแข่งขัน CTF จากจีนชื่อ HSCSEC และบริษัท Cyberspike ที่จดทะเบียนในชื่อ Changchun Anshanyuan Technology Co., Ltd. แม้จะถูกนำเสนอว่าเป็นเครื่องมือสำหรับทีม red team แต่ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยเตือนว่า Villager อาจกลายเป็น “Cobalt Strike ยุคใหม่” — เครื่องมือที่เริ่มจากการใช้งานอย่างถูกต้อง แต่ถูกนำไปใช้โดยกลุ่มแฮกเกอร์และรัฐชาติในที่สุด

    สิ่งที่ทำให้ Villager น่ากังวลคือความสามารถในการใช้ AI สั่งงานผ่านภาษาธรรมชาติ เช่น “สแกนและเจาะระบบ example.com” แล้วระบบจะจัดการทุกขั้นตอนโดยอัตโนมัติ ตั้งแต่การสร้าง container Kali Linux ไปจนถึงการเลือกเครื่องมือเจาะระบบที่เหมาะสม และปรับเปลี่ยนตามสภาพแวดล้อมที่ตรวจพบ เช่น WordPress หรือ API ที่เปิดอยู่

    Villager ยังมีฟีเจอร์หลบเลี่ยงการตรวจสอบ เช่น การสร้าง container ชั่วคราวที่ลบตัวเองภายใน 24 ชั่วโมง การสุ่มพอร์ต SSH และการวางแผนงานแบบไม่ทิ้งร่องรอย นอกจากนี้ยังมีการฝังฟีเจอร์จาก AsyncRAT เช่น keylogging, webcam hijacking และการขโมย token Discord ซึ่งเคยปรากฏในเครื่องมือเก่าของ Cyberspike

    Villager ใช้โมเดล AI ชื่อ al-1s-20250421 และเชื่อมต่อกับ DeepSeek ผ่าน API ที่ออกแบบให้เหมือน OpenAI โดยมีการควบคุมผ่าน FastAPI และ GitLab ส่วนตัวของ Cyberspike ซึ่งทำให้สามารถรันคำสั่งใน workflow จริงได้ทันที ปัจจุบันมีการดาวน์โหลดมากกว่า 10,000 ครั้ง และยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Villager เป็นเครื่องมือเจาะระบบที่ใช้ AI สั่งงานผ่านภาษาธรรมชาติ
    เผยแพร่บน PyPI โดยผู้ใช้ที่เชื่อมโยงกับกลุ่ม CTF จากจีนและบริษัท Cyberspike
    ดาวน์โหลดมากกว่า 10,000 ครั้งภายใน 2 เดือน — รองรับ Linux, macOS และ Windows
    ใช้ container Kali Linux, DeepSeek AI, LangChain และโมเดล al-1s-20250421

    ความสามารถและฟีเจอร์ของ Villager
    สั่งงานด้วยข้อความธรรมดา เช่น “เจาะระบบ example.com” แล้ว AI จัดการทุกขั้นตอน
    สร้าง container ที่ลบตัวเองภายใน 24 ชั่วโมง — ลดร่องรอยการโจมตี
    ใช้พอร์ต SSH แบบสุ่มและวางแผนงานเพื่อหลบเลี่ยงการตรวจจับ
    ฝังฟีเจอร์จาก AsyncRAT เช่น keylogging, webcam hijacking และ token theft

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Cobalt Strike เคยเป็นเครื่องมือเจาะระบบที่ถูกนำไปใช้โดยกลุ่ม ransomware และรัฐชาติ
    การเผยแพร่ผ่าน PyPI ทำให้ Villager เข้าถึงง่ายและดูน่าเชื่อถือ
    AI ลดความซับซ้อนของการโจมตี — ผู้ใช้ทั่วไปสามารถรันคำสั่งระดับสูงได้
    การใช้ container และ API ทำให้ Villager รันใน workflow จริงได้ทันที

    https://hackread.com/china-ai-pentest-tool-villager-10k-downloads/
    🧠 “Villager: เครื่องมือเจาะระบบจากจีนที่ใช้ AI สั่งงานด้วยภาษาคน — ดาวน์โหลดทะลุหมื่นครั้งใน 2 เดือน สะเทือนวงการไซเบอร์” Villager คือเครื่องมือเจาะระบบ (pentest tool) ที่ถูกเผยแพร่บน PyPI โดยผู้ใช้ชื่อ “stupidfish001” ซึ่งมีความเชื่อมโยงกับกลุ่มแข่งขัน CTF จากจีนชื่อ HSCSEC และบริษัท Cyberspike ที่จดทะเบียนในชื่อ Changchun Anshanyuan Technology Co., Ltd. แม้จะถูกนำเสนอว่าเป็นเครื่องมือสำหรับทีม red team แต่ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยเตือนว่า Villager อาจกลายเป็น “Cobalt Strike ยุคใหม่” — เครื่องมือที่เริ่มจากการใช้งานอย่างถูกต้อง แต่ถูกนำไปใช้โดยกลุ่มแฮกเกอร์และรัฐชาติในที่สุด สิ่งที่ทำให้ Villager น่ากังวลคือความสามารถในการใช้ AI สั่งงานผ่านภาษาธรรมชาติ เช่น “สแกนและเจาะระบบ example.com” แล้วระบบจะจัดการทุกขั้นตอนโดยอัตโนมัติ ตั้งแต่การสร้าง container Kali Linux ไปจนถึงการเลือกเครื่องมือเจาะระบบที่เหมาะสม และปรับเปลี่ยนตามสภาพแวดล้อมที่ตรวจพบ เช่น WordPress หรือ API ที่เปิดอยู่ Villager ยังมีฟีเจอร์หลบเลี่ยงการตรวจสอบ เช่น การสร้าง container ชั่วคราวที่ลบตัวเองภายใน 24 ชั่วโมง การสุ่มพอร์ต SSH และการวางแผนงานแบบไม่ทิ้งร่องรอย นอกจากนี้ยังมีการฝังฟีเจอร์จาก AsyncRAT เช่น keylogging, webcam hijacking และการขโมย token Discord ซึ่งเคยปรากฏในเครื่องมือเก่าของ Cyberspike Villager ใช้โมเดล AI ชื่อ al-1s-20250421 และเชื่อมต่อกับ DeepSeek ผ่าน API ที่ออกแบบให้เหมือน OpenAI โดยมีการควบคุมผ่าน FastAPI และ GitLab ส่วนตัวของ Cyberspike ซึ่งทำให้สามารถรันคำสั่งใน workflow จริงได้ทันที ปัจจุบันมีการดาวน์โหลดมากกว่า 10,000 ครั้ง และยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Villager เป็นเครื่องมือเจาะระบบที่ใช้ AI สั่งงานผ่านภาษาธรรมชาติ ➡️ เผยแพร่บน PyPI โดยผู้ใช้ที่เชื่อมโยงกับกลุ่ม CTF จากจีนและบริษัท Cyberspike ➡️ ดาวน์โหลดมากกว่า 10,000 ครั้งภายใน 2 เดือน — รองรับ Linux, macOS และ Windows ➡️ ใช้ container Kali Linux, DeepSeek AI, LangChain และโมเดล al-1s-20250421 ✅ ความสามารถและฟีเจอร์ของ Villager ➡️ สั่งงานด้วยข้อความธรรมดา เช่น “เจาะระบบ example.com” แล้ว AI จัดการทุกขั้นตอน ➡️ สร้าง container ที่ลบตัวเองภายใน 24 ชั่วโมง — ลดร่องรอยการโจมตี ➡️ ใช้พอร์ต SSH แบบสุ่มและวางแผนงานเพื่อหลบเลี่ยงการตรวจจับ ➡️ ฝังฟีเจอร์จาก AsyncRAT เช่น keylogging, webcam hijacking และ token theft ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Cobalt Strike เคยเป็นเครื่องมือเจาะระบบที่ถูกนำไปใช้โดยกลุ่ม ransomware และรัฐชาติ ➡️ การเผยแพร่ผ่าน PyPI ทำให้ Villager เข้าถึงง่ายและดูน่าเชื่อถือ ➡️ AI ลดความซับซ้อนของการโจมตี — ผู้ใช้ทั่วไปสามารถรันคำสั่งระดับสูงได้ ➡️ การใช้ container และ API ทำให้ Villager รันใน workflow จริงได้ทันที https://hackread.com/china-ai-pentest-tool-villager-10k-downloads/
    HACKREAD.COM
    China-Linked AI Pentest Tool ‘Villager’ Raises Concern After 10K Downloads
    Follow us on Bluesky, Twitter (X), Mastodon and Facebook at @Hackread
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 162 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Mac App Store กลายเป็นตลาดนัดแอปปลอม — เมื่อ AI Chatbot ถูกก็อปจนแยกไม่ออก”

    Jim Nielsen นักพัฒนาและบล็อกเกอร์สาย UX ได้เปิดเผยประสบการณ์สุดฮา (และน่าห่วง) จากการค้นหาคำว่า “AI chat” ใน Mac App Store ซึ่งกลายเป็นเหมือนการเดินตลาดนัดของปลอม แอปที่ปรากฏมีไอคอนคล้าย ChatGPT เต็มไปหมด ทั้งขาวดำ สีเทา สีเขียว สีม่วง — บางตัวดูเหมือนของจริงจนต้องเพ่งดูถึงจะรู้ว่าไม่ใช่

    ที่น่าตลกคือ แอป ChatGPT ของจริงจาก OpenAI ไม่ได้อยู่ใน Mac App Store ด้วยซ้ำ แต่ต้องดาวน์โหลดจากเว็บไซต์ของ OpenAI โดยตรง ทำให้ผู้ใช้ทั่วไปที่ค้นหาใน App Store เจอแต่แอปเลียนแบบที่ใช้ชื่อคล้ายกัน เช่น “AI Chat Bot”, “ChatBot Ask AI”, “AI Chat Assistant”, “ChatGPT Ask Assistant” และอีกหลายสิบชื่อที่สลับคำไปมาอย่างสร้างสรรค์ (หรือวุ่นวาย)

    Jim เปรียบเทียบว่าเหมือนเดินเข้าไปซื้อรองเท้า Nike แล้วเจอ “Mike Jordans” เต็มร้าน — ดูเผิน ๆ เหมือนใช่ แต่จริง ๆ แล้วไม่ใช่เลย และบางแอปก็ใช้ชื่อ “Al Chatbot” ที่ดูเหมือน “AI” แต่จริง ๆ คือ “Al” ตัว L เล็ก ซึ่งอาจทำให้ผู้ใช้เข้าใจผิดได้ง่าย

    ปรากฏการณ์นี้สะท้อนถึงปัญหาการควบคุมคุณภาพใน Mac App Store และการใช้กระแส AI เพื่อดึงดูดผู้ใช้โดยไม่คำนึงถึงความถูกต้องหรือความปลอดภัยของแอป ซึ่งอาจนำไปสู่ความเสี่ยงด้านข้อมูลและความเชื่อมั่นในแพลตฟอร์ม

    ข้อมูลสำคัญจากเนื้อหา
    มีแอปจำนวนมากใน Mac App Store ที่ใช้ไอคอนคล้าย ChatGPT
    แอป ChatGPT ของจริงจาก OpenAI ไม่ได้อยู่ใน Mac App Store แต่ต้องโหลดจากเว็บไซต์
    ชื่อแอปในผลการค้นหามีการสลับคำ “AI”, “Chat”, “Bot” อย่างหลากหลาย
    แอปบางตัวใช้ชื่อ “Al Chatbot” ซึ่งอาจทำให้ผู้ใช้เข้าใจผิดว่าเป็น “AI Chatbot”

    การเปรียบเทียบและข้อสังเกต
    Jim เปรียบเทียบว่าเหมือนตลาดของปลอม — ดูเหมือนของจริงแต่ไม่ใช่
    แอปเลียนแบบใช้ไอคอนและชื่อที่คล้ายเพื่อดึงดูดผู้ใช้
    ปัญหานี้สะท้อนถึงการควบคุมคุณภาพของ Mac App Store
    ผู้ใช้ทั่วไปอาจไม่รู้ว่าแอปของจริงต้องโหลดจากเว็บไซต์ OpenAI

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    แอป ChatGPT ของจริงมีฟีเจอร์เชื่อมต่อกับแอปอื่นใน macOS เช่น IDE และ Notes
    แอปของจริงรองรับ voice command และการแก้ไขโค้ดใน editor โดยตรง1
    แอปปลอมบางตัวอาจไม่มีฟีเจอร์จริง หรือใช้ API ที่ไม่ปลอดภัย
    Apple เคยถูกวิจารณ์เรื่องการอนุญาตแอปที่เลียนแบบหรือหลอกลวงใน App Store

    https://blog.jim-nielsen.com/2025/mac-app-flea-market/
    🛍️ “Mac App Store กลายเป็นตลาดนัดแอปปลอม — เมื่อ AI Chatbot ถูกก็อปจนแยกไม่ออก” Jim Nielsen นักพัฒนาและบล็อกเกอร์สาย UX ได้เปิดเผยประสบการณ์สุดฮา (และน่าห่วง) จากการค้นหาคำว่า “AI chat” ใน Mac App Store ซึ่งกลายเป็นเหมือนการเดินตลาดนัดของปลอม แอปที่ปรากฏมีไอคอนคล้าย ChatGPT เต็มไปหมด ทั้งขาวดำ สีเทา สีเขียว สีม่วง — บางตัวดูเหมือนของจริงจนต้องเพ่งดูถึงจะรู้ว่าไม่ใช่ ที่น่าตลกคือ แอป ChatGPT ของจริงจาก OpenAI ไม่ได้อยู่ใน Mac App Store ด้วยซ้ำ แต่ต้องดาวน์โหลดจากเว็บไซต์ของ OpenAI โดยตรง ทำให้ผู้ใช้ทั่วไปที่ค้นหาใน App Store เจอแต่แอปเลียนแบบที่ใช้ชื่อคล้ายกัน เช่น “AI Chat Bot”, “ChatBot Ask AI”, “AI Chat Assistant”, “ChatGPT Ask Assistant” และอีกหลายสิบชื่อที่สลับคำไปมาอย่างสร้างสรรค์ (หรือวุ่นวาย) Jim เปรียบเทียบว่าเหมือนเดินเข้าไปซื้อรองเท้า Nike แล้วเจอ “Mike Jordans” เต็มร้าน — ดูเผิน ๆ เหมือนใช่ แต่จริง ๆ แล้วไม่ใช่เลย และบางแอปก็ใช้ชื่อ “Al Chatbot” ที่ดูเหมือน “AI” แต่จริง ๆ คือ “Al” ตัว L เล็ก ซึ่งอาจทำให้ผู้ใช้เข้าใจผิดได้ง่าย ปรากฏการณ์นี้สะท้อนถึงปัญหาการควบคุมคุณภาพใน Mac App Store และการใช้กระแส AI เพื่อดึงดูดผู้ใช้โดยไม่คำนึงถึงความถูกต้องหรือความปลอดภัยของแอป ซึ่งอาจนำไปสู่ความเสี่ยงด้านข้อมูลและความเชื่อมั่นในแพลตฟอร์ม ✅ ข้อมูลสำคัญจากเนื้อหา ➡️ มีแอปจำนวนมากใน Mac App Store ที่ใช้ไอคอนคล้าย ChatGPT ➡️ แอป ChatGPT ของจริงจาก OpenAI ไม่ได้อยู่ใน Mac App Store แต่ต้องโหลดจากเว็บไซต์ ➡️ ชื่อแอปในผลการค้นหามีการสลับคำ “AI”, “Chat”, “Bot” อย่างหลากหลาย ➡️ แอปบางตัวใช้ชื่อ “Al Chatbot” ซึ่งอาจทำให้ผู้ใช้เข้าใจผิดว่าเป็น “AI Chatbot” ✅ การเปรียบเทียบและข้อสังเกต ➡️ Jim เปรียบเทียบว่าเหมือนตลาดของปลอม — ดูเหมือนของจริงแต่ไม่ใช่ ➡️ แอปเลียนแบบใช้ไอคอนและชื่อที่คล้ายเพื่อดึงดูดผู้ใช้ ➡️ ปัญหานี้สะท้อนถึงการควบคุมคุณภาพของ Mac App Store ➡️ ผู้ใช้ทั่วไปอาจไม่รู้ว่าแอปของจริงต้องโหลดจากเว็บไซต์ OpenAI ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ แอป ChatGPT ของจริงมีฟีเจอร์เชื่อมต่อกับแอปอื่นใน macOS เช่น IDE และ Notes ➡️ แอปของจริงรองรับ voice command และการแก้ไขโค้ดใน editor โดยตรง1 ➡️ แอปปลอมบางตัวอาจไม่มีฟีเจอร์จริง หรือใช้ API ที่ไม่ปลอดภัย ➡️ Apple เคยถูกวิจารณ์เรื่องการอนุญาตแอปที่เลียนแบบหรือหลอกลวงใน App Store https://blog.jim-nielsen.com/2025/mac-app-flea-market/
    BLOG.JIM-NIELSEN.COM
    The Mac App Flea Market
    Writing about the big beautiful mess that is making things for the world wide web.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 115 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจาก Mint 22.2 ถึง LMDE 7: เมื่อ Debian กลายเป็นฐานใหม่ของ Linux Mint ที่ไม่ใช่แค่สำรอง แต่พร้อมใช้งานจริง

    หลังจากปล่อย Linux Mint 22.2 “Zara” ไปเมื่อต้นเดือนกันยายน ทีมพัฒนา Linux Mint ก็หันมาโฟกัสกับ LMDE 7 (Linux Mint Debian Edition) ซึ่งจะใช้ Debian 13 “Trixie” เป็นฐานหลัก โดยมีโค้ดเนมว่า “Gigi” และจะเปิดให้ทดสอบเวอร์ชันเบต้าในเดือนกันยายนนี้

    LMDE 7 จะนำฟีเจอร์ทั้งหมดจาก Mint 22.2 มาใช้ เช่น เมนูแอปใหม่ใน Cinnamon, applet สถานะใหม่, และการรองรับ Wayland สำหรับการจัดการคีย์บอร์ดและ input method ซึ่งเป็นก้าวสำคัญสำหรับการรองรับภาษาเอเชียและระบบที่ไม่ใช้ X11

    ที่สำคัญคือ LMDE 7 จะรองรับการติดตั้งแบบ OEM อย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งหมายความว่าผู้ผลิตคอมพิวเตอร์สามารถติดตั้ง Linux Mint ล่วงหน้าในเครื่องที่ขายได้ทันที—เป็นฟีเจอร์ที่เคยมีเฉพาะใน Mint รุ่นหลักที่ใช้ Ubuntu เท่านั้น

    แม้ LMDE 7 จะใช้ Linux Kernel 6.12 LTS จาก Debian แทนที่จะเป็น Kernel 6.14 ที่ใช้ใน Mint 22.2 แต่ก็ถือว่าเป็นรุ่นที่เสถียรและรองรับระยะยาว

    นอกจากนี้ ทีมพัฒนายังปรับ libadwaita จากเวอร์ชัน 1.5 ไปเป็น 1.7 พร้อมแพตช์ที่จำเป็นเพื่อให้ Cinnamon ทำงานได้อย่างราบรื่นบนฐาน Debian

    ในขณะเดียวกัน Linux Mint 22.3 ซึ่งจะใช้ Ubuntu 24.04 LTS “Noble Numbat” เป็นฐาน ก็ถูกวางแผนไว้ว่าจะเปิดตัวในเดือนธันวาคม 2025 โดยจะมาพร้อมเมนูแอปใหม่, applet สถานะใหม่ และการปรับปรุง Wayland เพิ่มเติม

    LMDE 7 บนฐาน Debian 13 “Trixie”
    ใช้โค้ดเนม “Gigi” และเปิดเบต้าในเดือนกันยายน 2025
    นำฟีเจอร์จาก Mint 22.2 มาใช้เต็มรูปแบบ
    ใช้ Linux Kernel 6.12 LTS จาก Debian แทน Kernel 6.14

    ฟีเจอร์ใหม่ที่รวมเข้ามา
    เมนูแอปใหม่ใน Cinnamon และ applet สถานะใหม่
    รองรับ Wayland สำหรับคีย์บอร์ดและ input method
    ปรับ libadwaita จากเวอร์ชัน 1.5 เป็น 1.7 พร้อมแพตช์

    การรองรับ OEM installation
    ผู้ผลิตสามารถติดตั้ง LMDE 7 ล่วงหน้าในเครื่องที่ขาย
    ฟีเจอร์นี้เคยมีเฉพาะใน Mint รุ่นหลักที่ใช้ Ubuntu
    ช่วยให้ Linux Mint เข้าถึงตลาดฮาร์ดแวร์ได้มากขึ้น

    แผนการเปิดตัว Mint 22.3
    ใช้ Ubuntu 24.04 LTS “Noble Numbat” เป็นฐาน
    วางแผนเปิดตัวในเดือนธันวาคม 2025
    มาพร้อมฟีเจอร์ใหม่ที่พัฒนามาตั้งแต่ต้นปี

    https://9to5linux.com/lmde-7-will-be-based-on-debian-13-linux-mint-22-3-planned-for-december
    🎙️ เรื่องเล่าจาก Mint 22.2 ถึง LMDE 7: เมื่อ Debian กลายเป็นฐานใหม่ของ Linux Mint ที่ไม่ใช่แค่สำรอง แต่พร้อมใช้งานจริง หลังจากปล่อย Linux Mint 22.2 “Zara” ไปเมื่อต้นเดือนกันยายน ทีมพัฒนา Linux Mint ก็หันมาโฟกัสกับ LMDE 7 (Linux Mint Debian Edition) ซึ่งจะใช้ Debian 13 “Trixie” เป็นฐานหลัก โดยมีโค้ดเนมว่า “Gigi” และจะเปิดให้ทดสอบเวอร์ชันเบต้าในเดือนกันยายนนี้ LMDE 7 จะนำฟีเจอร์ทั้งหมดจาก Mint 22.2 มาใช้ เช่น เมนูแอปใหม่ใน Cinnamon, applet สถานะใหม่, และการรองรับ Wayland สำหรับการจัดการคีย์บอร์ดและ input method ซึ่งเป็นก้าวสำคัญสำหรับการรองรับภาษาเอเชียและระบบที่ไม่ใช้ X11 ที่สำคัญคือ LMDE 7 จะรองรับการติดตั้งแบบ OEM อย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งหมายความว่าผู้ผลิตคอมพิวเตอร์สามารถติดตั้ง Linux Mint ล่วงหน้าในเครื่องที่ขายได้ทันที—เป็นฟีเจอร์ที่เคยมีเฉพาะใน Mint รุ่นหลักที่ใช้ Ubuntu เท่านั้น แม้ LMDE 7 จะใช้ Linux Kernel 6.12 LTS จาก Debian แทนที่จะเป็น Kernel 6.14 ที่ใช้ใน Mint 22.2 แต่ก็ถือว่าเป็นรุ่นที่เสถียรและรองรับระยะยาว นอกจากนี้ ทีมพัฒนายังปรับ libadwaita จากเวอร์ชัน 1.5 ไปเป็น 1.7 พร้อมแพตช์ที่จำเป็นเพื่อให้ Cinnamon ทำงานได้อย่างราบรื่นบนฐาน Debian ในขณะเดียวกัน Linux Mint 22.3 ซึ่งจะใช้ Ubuntu 24.04 LTS “Noble Numbat” เป็นฐาน ก็ถูกวางแผนไว้ว่าจะเปิดตัวในเดือนธันวาคม 2025 โดยจะมาพร้อมเมนูแอปใหม่, applet สถานะใหม่ และการปรับปรุง Wayland เพิ่มเติม ✅ LMDE 7 บนฐาน Debian 13 “Trixie” ➡️ ใช้โค้ดเนม “Gigi” และเปิดเบต้าในเดือนกันยายน 2025 ➡️ นำฟีเจอร์จาก Mint 22.2 มาใช้เต็มรูปแบบ ➡️ ใช้ Linux Kernel 6.12 LTS จาก Debian แทน Kernel 6.14 ✅ ฟีเจอร์ใหม่ที่รวมเข้ามา ➡️ เมนูแอปใหม่ใน Cinnamon และ applet สถานะใหม่ ➡️ รองรับ Wayland สำหรับคีย์บอร์ดและ input method ➡️ ปรับ libadwaita จากเวอร์ชัน 1.5 เป็น 1.7 พร้อมแพตช์ ✅ การรองรับ OEM installation ➡️ ผู้ผลิตสามารถติดตั้ง LMDE 7 ล่วงหน้าในเครื่องที่ขาย ➡️ ฟีเจอร์นี้เคยมีเฉพาะใน Mint รุ่นหลักที่ใช้ Ubuntu ➡️ ช่วยให้ Linux Mint เข้าถึงตลาดฮาร์ดแวร์ได้มากขึ้น ✅ แผนการเปิดตัว Mint 22.3 ➡️ ใช้ Ubuntu 24.04 LTS “Noble Numbat” เป็นฐาน ➡️ วางแผนเปิดตัวในเดือนธันวาคม 2025 ➡️ มาพร้อมฟีเจอร์ใหม่ที่พัฒนามาตั้งแต่ต้นปี https://9to5linux.com/lmde-7-will-be-based-on-debian-13-linux-mint-22-3-planned-for-december
    9TO5LINUX.COM
    LMDE 7 Will Be Based on Debian 13 "Trixie", Linux Mint 22.3 Planned for December - 9to5Linux
    LMDE 7 will be available for public beta testing this September based on Debian 13 "Trixie", while Linux Mint 22.3 is planned for December.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 134 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจาก AirPods Pro 3 ถึง GDPR: เมื่อฟีเจอร์แปลภาษาถูกกฎหมายยุโรปขวางไว้ก่อนเปิดใช้งาน

    Apple เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ชื่อว่า “Live Translation” สำหรับ AirPods Pro 3 และรุ่นเก่าบางรุ่น เช่น AirPods Pro 2 และ AirPods 4 ที่มี Active Noise Cancellation โดยฟีเจอร์นี้จะช่วยให้ผู้ใช้สามารถสนทนาแบบข้ามภาษาได้ทันทีผ่านหูฟัง โดยไม่ต้องหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแปลเอง

    เมื่อผู้ใช้พูดผ่าน AirPods ระบบจะประมวลผลเสียงและแสดงคำแปลแบบเรียลไทม์บนหน้าจอ iPhone หรือส่งเสียงแปลกลับผ่านหูฟังอีกข้าง หากทั้งสองฝ่ายใช้ AirPods ที่รองรับ ฟีเจอร์จะทำงานได้เต็มรูปแบบ พร้อมลดเสียงรบกวนจากคู่สนทนาเพื่อให้ผู้ใช้โฟกัสกับเสียงแปลได้ชัดเจน

    แต่สิ่งที่ทำให้ชุมชนผู้ใช้ในยุโรปต้องสะดุดคือ Apple ประกาศว่า Live Translation จะ “ไม่สามารถใช้งานได้” หากผู้ใช้มีบัญชี Apple ที่ตั้งภูมิภาคเป็น EU และอยู่ใน EU จริง ๆ โดยไม่มีการให้เหตุผลอย่างเป็นทางการ

    นักวิเคราะห์คาดว่าเหตุผลหลักมาจากกฎหมายของ EU เช่น GDPR และ AI Act ที่กำหนดให้บริการแปลภาษาต้องมีการจัดการข้อมูลเสียง, ความยินยอม, การไหลของข้อมูล และสิทธิของผู้ใช้อย่างเข้มงวด ซึ่ง Apple อาจยังไม่พร้อมเปิดเผยรายละเอียดการทำงานของระบบ AI ที่อยู่เบื้องหลังฟีเจอร์นี้

    นอกจากนี้ Apple ยังเคยถูกปรับจาก EU หลายครั้งในช่วงปีที่ผ่านมา ทำให้บริษัทอาจเลือก “บล็อกฟีเจอร์ไว้ก่อน” เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงด้านกฎหมายและการถูกปรับซ้ำ

    ฟีเจอร์ Live Translation บน AirPods
    รองรับ AirPods Pro 3, AirPods Pro 2 และ AirPods 4 ที่มี ANC
    แปลภาษาแบบเรียลไทม์ผ่านเสียงและข้อความบน iPhone
    ใช้งานเต็มรูปแบบเมื่อทั้งสองฝ่ายใช้ AirPods ที่รองรับ

    เงื่อนไขการใช้งาน
    ต้องใช้ iPhone ที่รองรับ Apple Intelligence และ iOS 26 ขึ้นไป
    ต้องอัปเดต firmware ของ AirPods ให้เป็นเวอร์ชันล่าสุด
    รองรับภาษาอังกฤษ, ฝรั่งเศส, เยอรมัน, โปรตุเกส (บราซิล), และสเปน
    จะเพิ่มภาษาอิตาลี, ญี่ปุ่น, เกาหลี และจีนในภายหลัง

    ข้อจำกัดสำหรับผู้ใช้ใน EU
    ฟีเจอร์จะถูกบล็อกหากผู้ใช้มีบัญชี Apple ที่ตั้งภูมิภาคเป็น EU และอยู่ใน EU
    Apple ไม่ได้ให้เหตุผลอย่างเป็นทางการ แต่คาดว่าเป็นผลจากกฎหมาย GDPR และ AI Act
    ยังไม่มีกำหนดว่าจะปลดล็อกฟีเจอร์เมื่อใด

    https://www.macrumors.com/2025/09/11/airpods-live-translation-eu-restricted/
    🎙️ เรื่องเล่าจาก AirPods Pro 3 ถึง GDPR: เมื่อฟีเจอร์แปลภาษาถูกกฎหมายยุโรปขวางไว้ก่อนเปิดใช้งาน Apple เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ชื่อว่า “Live Translation” สำหรับ AirPods Pro 3 และรุ่นเก่าบางรุ่น เช่น AirPods Pro 2 และ AirPods 4 ที่มี Active Noise Cancellation โดยฟีเจอร์นี้จะช่วยให้ผู้ใช้สามารถสนทนาแบบข้ามภาษาได้ทันทีผ่านหูฟัง โดยไม่ต้องหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแปลเอง เมื่อผู้ใช้พูดผ่าน AirPods ระบบจะประมวลผลเสียงและแสดงคำแปลแบบเรียลไทม์บนหน้าจอ iPhone หรือส่งเสียงแปลกลับผ่านหูฟังอีกข้าง หากทั้งสองฝ่ายใช้ AirPods ที่รองรับ ฟีเจอร์จะทำงานได้เต็มรูปแบบ พร้อมลดเสียงรบกวนจากคู่สนทนาเพื่อให้ผู้ใช้โฟกัสกับเสียงแปลได้ชัดเจน แต่สิ่งที่ทำให้ชุมชนผู้ใช้ในยุโรปต้องสะดุดคือ Apple ประกาศว่า Live Translation จะ “ไม่สามารถใช้งานได้” หากผู้ใช้มีบัญชี Apple ที่ตั้งภูมิภาคเป็น EU และอยู่ใน EU จริง ๆ โดยไม่มีการให้เหตุผลอย่างเป็นทางการ นักวิเคราะห์คาดว่าเหตุผลหลักมาจากกฎหมายของ EU เช่น GDPR และ AI Act ที่กำหนดให้บริการแปลภาษาต้องมีการจัดการข้อมูลเสียง, ความยินยอม, การไหลของข้อมูล และสิทธิของผู้ใช้อย่างเข้มงวด ซึ่ง Apple อาจยังไม่พร้อมเปิดเผยรายละเอียดการทำงานของระบบ AI ที่อยู่เบื้องหลังฟีเจอร์นี้ นอกจากนี้ Apple ยังเคยถูกปรับจาก EU หลายครั้งในช่วงปีที่ผ่านมา ทำให้บริษัทอาจเลือก “บล็อกฟีเจอร์ไว้ก่อน” เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงด้านกฎหมายและการถูกปรับซ้ำ ✅ ฟีเจอร์ Live Translation บน AirPods ➡️ รองรับ AirPods Pro 3, AirPods Pro 2 และ AirPods 4 ที่มี ANC ➡️ แปลภาษาแบบเรียลไทม์ผ่านเสียงและข้อความบน iPhone ➡️ ใช้งานเต็มรูปแบบเมื่อทั้งสองฝ่ายใช้ AirPods ที่รองรับ ✅ เงื่อนไขการใช้งาน ➡️ ต้องใช้ iPhone ที่รองรับ Apple Intelligence และ iOS 26 ขึ้นไป ➡️ ต้องอัปเดต firmware ของ AirPods ให้เป็นเวอร์ชันล่าสุด ➡️ รองรับภาษาอังกฤษ, ฝรั่งเศส, เยอรมัน, โปรตุเกส (บราซิล), และสเปน ➡️ จะเพิ่มภาษาอิตาลี, ญี่ปุ่น, เกาหลี และจีนในภายหลัง ✅ ข้อจำกัดสำหรับผู้ใช้ใน EU ➡️ ฟีเจอร์จะถูกบล็อกหากผู้ใช้มีบัญชี Apple ที่ตั้งภูมิภาคเป็น EU และอยู่ใน EU ➡️ Apple ไม่ได้ให้เหตุผลอย่างเป็นทางการ แต่คาดว่าเป็นผลจากกฎหมาย GDPR และ AI Act ➡️ ยังไม่มีกำหนดว่าจะปลดล็อกฟีเจอร์เมื่อใด https://www.macrumors.com/2025/09/11/airpods-live-translation-eu-restricted/
    WWW.MACRUMORS.COM
    AirPods Live Translation Blocked for EU Users With EU Apple Accounts
    Apple's new Live Translation feature for AirPods will be off-limits to millions of European users when it arrives next week, with strict EU...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 159 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจาก Chrome สู่ Zen: เมื่อเบราว์เซอร์กลายเป็นเครื่องมือเพื่อความสงบ ไม่ใช่แค่การเข้าถึงข้อมูล

    Zen Browser เป็นเบราว์เซอร์โอเพ่นซอร์สที่พัฒนาบนพื้นฐานของ Firefox โดยไม่ใช้เอนจิน Chromium ที่เบราว์เซอร์ส่วนใหญ่พึ่งพา จุดเด่นของ Zen คือการออกแบบที่เน้นความสงบ ความเป็นส่วนตัว และการปรับแต่งที่ลึกกว่าปกติ

    ทันทีที่เปิดใช้งานครั้งแรก ผู้ใช้จะได้สัมผัสกับ onboarding ที่ไม่เหมือนใคร—เลือกธีม, ปรับทิศทางของ gradient, และแม้แต่ปรับ grain effect ของพื้นหลังได้ตามใจ จากนั้นจะเข้าสู่ UI ที่ใช้ sidebar แนวตั้งแทนแถบแนวนอนแบบ Chrome ซึ่งช่วยให้โฟกัสกับเนื้อหาได้มากขึ้น

    Zen ยังมีฟีเจอร์ productivity เช่น Split View ที่เปิดสองลิงก์ข้างกันได้, Workspaces ที่แยกธีมและแท็บตามบริบท เช่น งานหรือเรียน และ Zen Mods ซึ่งเป็นปลั๊กอินจากชุมชนที่ช่วยเพิ่มฟีเจอร์ เช่น Super URL bar ที่ปรับแต่งหน้าตาแถบ URL ได้ละเอียดมาก

    แม้ Zen จะมีความคล้ายกับ Arc Browser ที่เคยได้รับความนิยมในปี 2024 แต่ Arc หยุดพัฒนาไปเพราะปัญหาด้านประสิทธิภาพและความปลอดภัย ขณะที่ Zen ยังคงพัฒนาอย่างต่อเนื่องโดยชุมชนโอเพ่นซอร์ส และมีพื้นฐานจาก Firefox ที่มั่นคงกว่า

    Zen ยังเน้นความโปร่งใสด้านการเงิน โดยไม่ขายข้อมูลผู้ใช้ แต่พึ่งพาการสนับสนุนจากผู้ใช้โดยตรงผ่านการบริจาค และยังไม่มีแผนสร้างรายได้จากโฆษณา

    จุดเด่นของ Zen Browser
    พัฒนาบน Firefox ไม่ใช้ Chromium
    เน้นความเป็นส่วนตัวและการปรับแต่ง UI อย่างลึก
    มี onboarding ที่ให้เลือกธีมและเอฟเฟกต์ได้ตั้งแต่เริ่มต้น

    ฟีเจอร์ที่แตกต่างจากเบราว์เซอร์ทั่วไป
    ใช้ sidebar แนวตั้งแทนแถบแนวนอน
    Split View เปิดสองลิงก์ข้างกัน
    Workspaces แยกแท็บตามบริบท พร้อมธีมเฉพาะ
    Zen Mods เพิ่มฟีเจอร์จากชุมชน เช่น Super URL bar

    ความสัมพันธ์กับ Arc Browser
    มีฟีเจอร์คล้าย Arc เช่น split view และ workspaces
    Arc หยุดพัฒนาเพราะปัญหาด้าน performance และ security
    Zen ยังคงพัฒนาโดยชุมชน และมีพื้นฐานจาก Firefox ที่มั่นคง

    ความโปร่งใสและการสนับสนุน
    ไม่ขายข้อมูลผู้ใช้
    พึ่งพาการบริจาคและผู้สนับสนุนโดยตรง
    เปิดให้ผู้พัฒนาร่วมสร้างฟีเจอร์ใหม่ผ่านโอเพ่นซอร์ส

    https://www.slashgear.com/1957695/why-people-are-switching-to-zen-web-browser/
    🎙️ เรื่องเล่าจาก Chrome สู่ Zen: เมื่อเบราว์เซอร์กลายเป็นเครื่องมือเพื่อความสงบ ไม่ใช่แค่การเข้าถึงข้อมูล Zen Browser เป็นเบราว์เซอร์โอเพ่นซอร์สที่พัฒนาบนพื้นฐานของ Firefox โดยไม่ใช้เอนจิน Chromium ที่เบราว์เซอร์ส่วนใหญ่พึ่งพา จุดเด่นของ Zen คือการออกแบบที่เน้นความสงบ ความเป็นส่วนตัว และการปรับแต่งที่ลึกกว่าปกติ ทันทีที่เปิดใช้งานครั้งแรก ผู้ใช้จะได้สัมผัสกับ onboarding ที่ไม่เหมือนใคร—เลือกธีม, ปรับทิศทางของ gradient, และแม้แต่ปรับ grain effect ของพื้นหลังได้ตามใจ จากนั้นจะเข้าสู่ UI ที่ใช้ sidebar แนวตั้งแทนแถบแนวนอนแบบ Chrome ซึ่งช่วยให้โฟกัสกับเนื้อหาได้มากขึ้น Zen ยังมีฟีเจอร์ productivity เช่น Split View ที่เปิดสองลิงก์ข้างกันได้, Workspaces ที่แยกธีมและแท็บตามบริบท เช่น งานหรือเรียน และ Zen Mods ซึ่งเป็นปลั๊กอินจากชุมชนที่ช่วยเพิ่มฟีเจอร์ เช่น Super URL bar ที่ปรับแต่งหน้าตาแถบ URL ได้ละเอียดมาก แม้ Zen จะมีความคล้ายกับ Arc Browser ที่เคยได้รับความนิยมในปี 2024 แต่ Arc หยุดพัฒนาไปเพราะปัญหาด้านประสิทธิภาพและความปลอดภัย ขณะที่ Zen ยังคงพัฒนาอย่างต่อเนื่องโดยชุมชนโอเพ่นซอร์ส และมีพื้นฐานจาก Firefox ที่มั่นคงกว่า Zen ยังเน้นความโปร่งใสด้านการเงิน โดยไม่ขายข้อมูลผู้ใช้ แต่พึ่งพาการสนับสนุนจากผู้ใช้โดยตรงผ่านการบริจาค และยังไม่มีแผนสร้างรายได้จากโฆษณา ✅ จุดเด่นของ Zen Browser ➡️ พัฒนาบน Firefox ไม่ใช้ Chromium ➡️ เน้นความเป็นส่วนตัวและการปรับแต่ง UI อย่างลึก ➡️ มี onboarding ที่ให้เลือกธีมและเอฟเฟกต์ได้ตั้งแต่เริ่มต้น ✅ ฟีเจอร์ที่แตกต่างจากเบราว์เซอร์ทั่วไป ➡️ ใช้ sidebar แนวตั้งแทนแถบแนวนอน ➡️ Split View เปิดสองลิงก์ข้างกัน ➡️ Workspaces แยกแท็บตามบริบท พร้อมธีมเฉพาะ ➡️ Zen Mods เพิ่มฟีเจอร์จากชุมชน เช่น Super URL bar ✅ ความสัมพันธ์กับ Arc Browser ➡️ มีฟีเจอร์คล้าย Arc เช่น split view และ workspaces ➡️ Arc หยุดพัฒนาเพราะปัญหาด้าน performance และ security ➡️ Zen ยังคงพัฒนาโดยชุมชน และมีพื้นฐานจาก Firefox ที่มั่นคง ✅ ความโปร่งใสและการสนับสนุน ➡️ ไม่ขายข้อมูลผู้ใช้ ➡️ พึ่งพาการบริจาคและผู้สนับสนุนโดยตรง ➡️ เปิดให้ผู้พัฒนาร่วมสร้างฟีเจอร์ใหม่ผ่านโอเพ่นซอร์ส https://www.slashgear.com/1957695/why-people-are-switching-to-zen-web-browser/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    Many People Are Switching To This Web Browser - Here's Why - SlashGear
    Zen is a beautiful Free and Open Source Firefox-based alternative to Google Chrome, but has some limitations such as the inability to play DRM-protected media.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 179 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากเบราว์เซอร์ที่ไม่อยากเป็นแค่เบราว์เซอร์: เมื่อ Atlassian ซื้อ The Browser Company เพื่อสร้างเครื่องมือทำงานแห่งอนาคต

    Atlassian ผู้พัฒนา Jira และ Trello ได้ประกาศซื้อกิจการ The Browser Company ด้วยเงินสด 610 ล้านดอลลาร์ โดยมีเป้าหมายชัดเจน: สร้าง “AI browser for work” ที่ไม่ใช่แค่หน้าต่างเปิดเว็บ แต่เป็นพื้นที่ทำงานที่เข้าใจบริบทของผู้ใช้

    The Browser Company เป็นผู้สร้าง Arc และ Dia—สองเบราว์เซอร์ที่เน้นการจัดการแท็บ, การทำงานร่วมกับ AI, และการออกแบบเพื่อ productivity โดยเฉพาะ Dia ซึ่งเปิดตัวในเวอร์ชันเบต้าเมื่อเดือนมิถุนายน 2025 มีฟีเจอร์เด่นคือการพูดคุยกับ AI assistant เกี่ยวกับหลายแท็บพร้อมกัน และการจัดการงานแบบ context-aware

    Josh Miller ซีอีโอของ The Browser Company ระบุว่า Arc มีผู้ใช้เฉพาะกลุ่มที่ชื่นชอบฟีเจอร์ขั้นสูง เช่น การจัดกลุ่มแท็บและ whiteboard แต่ไม่สามารถขยายไปสู่ตลาดแมสได้ จึงหยุดพัฒนา Arc และหันมาโฟกัสที่ Dia ซึ่งมีความ “เบา เร็ว และฉลาด” มากกว่า

    Atlassian มองว่าเบราว์เซอร์ในปัจจุบันไม่ตอบโจทย์การทำงาน เพราะถูกออกแบบมาเพื่อ “browse” ไม่ใช่ “do” และ Dia คือโอกาสในการสร้างเบราว์เซอร์ที่เข้าใจว่าแต่ละแท็บคืองานที่ต้องทำ เช่น การเขียนอีเมล, การจัดประชุม, หรือการอัปเดต Jira

    ดีลนี้เกิดขึ้นหลังจาก OpenAI และ Perplexity เคยเจรจาขอซื้อ The Browser Company แต่ไม่สำเร็จ โดย Atlassian ได้เปรียบในแง่ของความเข้าใจผู้ใช้ระดับองค์กร และการนำ AI ไปใช้ใน scale ใหญ่ ซึ่งจะช่วยผลักดัน Dia ให้กลายเป็นเบราว์เซอร์ที่มี AI memory, ความปลอดภัยระดับองค์กร และความสามารถในการเชื่อมโยงแอป SaaS ได้อย่างลึกซึ้ง

    การเข้าซื้อกิจการของ Atlassian
    ซื้อ The Browser Company ด้วยเงินสด 610 ล้านดอลลาร์
    ดีลจะเสร็จสิ้นในไตรมาส 2 ของปีงบประมาณ 2026 (สิ้นปี 2025)
    The Browser Company จะยังคงดำเนินงานอย่างอิสระ

    จุดเด่นของ Arc และ Dia
    Arc มีฟีเจอร์จัดการแท็บ, whiteboard, และการแชร์กลุ่มแท็บ
    Dia เน้นการพูดคุยกับ AI assistant และการจัดการงานแบบ context-aware
    Arc หยุดพัฒนาแล้ว ส่วน Dia จะเป็นผลิตภัณฑ์หลักในอนาคต

    วิสัยทัศน์ของ Atlassian
    ต้องการสร้าง “AI browser for work” ที่เข้าใจบริบทของผู้ใช้
    เน้นการเชื่อมโยงแอป SaaS เช่น Jira, Trello, email, design tools
    ใช้ AI memory เพื่อเชื่อมโยงแท็บ, งาน, และเครื่องมืออย่างมีประสิทธิภาพ

    ความได้เปรียบของ Atlassian
    มีลูกค้าองค์กรกว่า 300,000 ราย รวมถึง 80% ของ Fortune 500
    มีผู้ใช้ AI บนแพลตฟอร์มกว่า 2.3 ล้านรายต่อเดือน
    มีความเชี่ยวชาญในการนำ AI ไปใช้ในระดับองค์กร

    https://www.cnbc.com/2025/09/04/atlassian-the-browser-company-deal.html
    🎙️ เรื่องเล่าจากเบราว์เซอร์ที่ไม่อยากเป็นแค่เบราว์เซอร์: เมื่อ Atlassian ซื้อ The Browser Company เพื่อสร้างเครื่องมือทำงานแห่งอนาคต Atlassian ผู้พัฒนา Jira และ Trello ได้ประกาศซื้อกิจการ The Browser Company ด้วยเงินสด 610 ล้านดอลลาร์ โดยมีเป้าหมายชัดเจน: สร้าง “AI browser for work” ที่ไม่ใช่แค่หน้าต่างเปิดเว็บ แต่เป็นพื้นที่ทำงานที่เข้าใจบริบทของผู้ใช้ The Browser Company เป็นผู้สร้าง Arc และ Dia—สองเบราว์เซอร์ที่เน้นการจัดการแท็บ, การทำงานร่วมกับ AI, และการออกแบบเพื่อ productivity โดยเฉพาะ Dia ซึ่งเปิดตัวในเวอร์ชันเบต้าเมื่อเดือนมิถุนายน 2025 มีฟีเจอร์เด่นคือการพูดคุยกับ AI assistant เกี่ยวกับหลายแท็บพร้อมกัน และการจัดการงานแบบ context-aware Josh Miller ซีอีโอของ The Browser Company ระบุว่า Arc มีผู้ใช้เฉพาะกลุ่มที่ชื่นชอบฟีเจอร์ขั้นสูง เช่น การจัดกลุ่มแท็บและ whiteboard แต่ไม่สามารถขยายไปสู่ตลาดแมสได้ จึงหยุดพัฒนา Arc และหันมาโฟกัสที่ Dia ซึ่งมีความ “เบา เร็ว และฉลาด” มากกว่า Atlassian มองว่าเบราว์เซอร์ในปัจจุบันไม่ตอบโจทย์การทำงาน เพราะถูกออกแบบมาเพื่อ “browse” ไม่ใช่ “do” และ Dia คือโอกาสในการสร้างเบราว์เซอร์ที่เข้าใจว่าแต่ละแท็บคืองานที่ต้องทำ เช่น การเขียนอีเมล, การจัดประชุม, หรือการอัปเดต Jira ดีลนี้เกิดขึ้นหลังจาก OpenAI และ Perplexity เคยเจรจาขอซื้อ The Browser Company แต่ไม่สำเร็จ โดย Atlassian ได้เปรียบในแง่ของความเข้าใจผู้ใช้ระดับองค์กร และการนำ AI ไปใช้ใน scale ใหญ่ ซึ่งจะช่วยผลักดัน Dia ให้กลายเป็นเบราว์เซอร์ที่มี AI memory, ความปลอดภัยระดับองค์กร และความสามารถในการเชื่อมโยงแอป SaaS ได้อย่างลึกซึ้ง ✅ การเข้าซื้อกิจการของ Atlassian ➡️ ซื้อ The Browser Company ด้วยเงินสด 610 ล้านดอลลาร์ ➡️ ดีลจะเสร็จสิ้นในไตรมาส 2 ของปีงบประมาณ 2026 (สิ้นปี 2025) ➡️ The Browser Company จะยังคงดำเนินงานอย่างอิสระ ✅ จุดเด่นของ Arc และ Dia ➡️ Arc มีฟีเจอร์จัดการแท็บ, whiteboard, และการแชร์กลุ่มแท็บ ➡️ Dia เน้นการพูดคุยกับ AI assistant และการจัดการงานแบบ context-aware ➡️ Arc หยุดพัฒนาแล้ว ส่วน Dia จะเป็นผลิตภัณฑ์หลักในอนาคต ✅ วิสัยทัศน์ของ Atlassian ➡️ ต้องการสร้าง “AI browser for work” ที่เข้าใจบริบทของผู้ใช้ ➡️ เน้นการเชื่อมโยงแอป SaaS เช่น Jira, Trello, email, design tools ➡️ ใช้ AI memory เพื่อเชื่อมโยงแท็บ, งาน, และเครื่องมืออย่างมีประสิทธิภาพ ✅ ความได้เปรียบของ Atlassian ➡️ มีลูกค้าองค์กรกว่า 300,000 ราย รวมถึง 80% ของ Fortune 500 ➡️ มีผู้ใช้ AI บนแพลตฟอร์มกว่า 2.3 ล้านรายต่อเดือน ➡️ มีความเชี่ยวชาญในการนำ AI ไปใช้ในระดับองค์กร https://www.cnbc.com/2025/09/04/atlassian-the-browser-company-deal.html
    WWW.CNBC.COM
    Atlassian agrees to acquire The Browser Co. for $610 million
    OpenAI and Perplexity both reportedly looked at acquiring the startup.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 194 มุมมอง 0 รีวิว
  • นายหน้าค้าบุญ คนบาป ยืมเงินวัดปากคาบคัมภีร์ เลวทรามไม่แพ้สมีจอร์จ นักร้อง-นักธุรกิจแสบร่วมวงโกงเงินวัดพระพุทธบาทน้ำพุ!

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000082544

    #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    นายหน้าค้าบุญ คนบาป ยืมเงินวัดปากคาบคัมภีร์ เลวทรามไม่แพ้สมีจอร์จ นักร้อง-นักธุรกิจแสบร่วมวงโกงเงินวัดพระพุทธบาทน้ำพุ! อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000082544 #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    Sad
    Haha
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 490 มุมมอง 0 รีวิว
  • เล่าให้ฟังใหม่: Kindle Petit Color — อีรีดเดอร์จอสีรุ่นเล็กจาก Amazon ที่อาจมาเปลี่ยนประสบการณ์การอ่าน

    มีข่าวลือว่า Amazon กำลังทดสอบ Kindle Petit Color ซึ่งเป็นอีรีดเดอร์จอสีรุ่นเล็กที่อาจเปิดตัวในเดือนพฤศจิกายนนี้ โดยมีภาพหลุดจากผู้ใช้ Reddit ในบราซิลที่อ้างว่าได้ทดลองใช้งานจริง

    Kindle Petit Color มีขนาดใกล้เคียงกับ Kindle รุ่นพื้นฐานปี 2024 แต่เพิ่มจอ E Ink สีที่สามารถปรับความอิ่มตัวของสีแต่ละสีได้ ซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่ไม่เคยมีใน Kindle รุ่นใดมาก่อน นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ “progressive colors” ที่เปลี่ยนสีข้อความตามความคืบหน้าในการอ่าน เช่น เปลี่ยนสีทุก 25% ของหนังสือ

    อีกหนึ่งจุดเด่นคือขอบจอ (bezel) ที่สามารถถอดเปลี่ยนได้ โดยมีสีให้เลือกหลากหลาย เช่น “mermaid” ที่เปลี่ยนสีตามมุมมอง ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่ Kindle มีการออกแบบในลักษณะนี้

    อย่างไรก็ตาม ยังมีข้อสงสัยหลายประการ เช่น ความละเอียดจอที่อาจใช้ E Ink Kaleido 3 ซึ่งมีข้อจำกัดด้านความคมชัด และความเป็นไปได้ที่ Amazon จะเปิดตัว Kindle รุ่นใหม่เร็วเกินไปเมื่อเทียบกับรอบการอัปเดตที่ผ่านมา

    Amazon อาจเปิดตัว Kindle Petit Color ในเดือนพฤศจิกายน
    เป็นอีรีดเดอร์จอสีขนาดเล็กที่มีฟีเจอร์ใหม่

    จอ E Ink สีสามารถปรับความอิ่มตัวของแต่ละสีได้
    แตกต่างจากรุ่นอื่นที่ปรับได้แค่ระดับรวม

    มีฟีเจอร์ “progressive colors” เปลี่ยนสีข้อความตามความคืบหน้าในการอ่าน
    เพิ่มความมีชีวิตชีวาในการอ่านหนังสือ

    ขอบจอสามารถถอดเปลี่ยนได้ มีสีให้เลือกหลายแบบ
    รวมถึงรุ่นพิเศษที่เปลี่ยนสีตามมุมมอง

    ขนาดใกล้เคียงกับ Kindle รุ่นพื้นฐานปี 2024
    แต่เพิ่มฟีเจอร์จอสีและ UI ที่ปรับแต่งได้

    อาจใช้จอ E Ink Kaleido 3 ที่มีความละเอียด 150ppi สำหรับสี
    ช่วยให้ข้อความดูคมขึ้นบนหน้าจอขนาดเล็ก

    https://www.techradar.com/tablets/ereaders/amazon-is-reportedly-testing-a-smaller-version-of-the-kindle-colorsoft-for-a-november-release-but-im-not-entirely-convinced-by-the-leaks
    📚✨ เล่าให้ฟังใหม่: Kindle Petit Color — อีรีดเดอร์จอสีรุ่นเล็กจาก Amazon ที่อาจมาเปลี่ยนประสบการณ์การอ่าน มีข่าวลือว่า Amazon กำลังทดสอบ Kindle Petit Color ซึ่งเป็นอีรีดเดอร์จอสีรุ่นเล็กที่อาจเปิดตัวในเดือนพฤศจิกายนนี้ โดยมีภาพหลุดจากผู้ใช้ Reddit ในบราซิลที่อ้างว่าได้ทดลองใช้งานจริง Kindle Petit Color มีขนาดใกล้เคียงกับ Kindle รุ่นพื้นฐานปี 2024 แต่เพิ่มจอ E Ink สีที่สามารถปรับความอิ่มตัวของสีแต่ละสีได้ ซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่ไม่เคยมีใน Kindle รุ่นใดมาก่อน นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ “progressive colors” ที่เปลี่ยนสีข้อความตามความคืบหน้าในการอ่าน เช่น เปลี่ยนสีทุก 25% ของหนังสือ อีกหนึ่งจุดเด่นคือขอบจอ (bezel) ที่สามารถถอดเปลี่ยนได้ โดยมีสีให้เลือกหลากหลาย เช่น “mermaid” ที่เปลี่ยนสีตามมุมมอง ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่ Kindle มีการออกแบบในลักษณะนี้ อย่างไรก็ตาม ยังมีข้อสงสัยหลายประการ เช่น ความละเอียดจอที่อาจใช้ E Ink Kaleido 3 ซึ่งมีข้อจำกัดด้านความคมชัด และความเป็นไปได้ที่ Amazon จะเปิดตัว Kindle รุ่นใหม่เร็วเกินไปเมื่อเทียบกับรอบการอัปเดตที่ผ่านมา ✅ Amazon อาจเปิดตัว Kindle Petit Color ในเดือนพฤศจิกายน ➡️ เป็นอีรีดเดอร์จอสีขนาดเล็กที่มีฟีเจอร์ใหม่ ✅ จอ E Ink สีสามารถปรับความอิ่มตัวของแต่ละสีได้ ➡️ แตกต่างจากรุ่นอื่นที่ปรับได้แค่ระดับรวม ✅ มีฟีเจอร์ “progressive colors” เปลี่ยนสีข้อความตามความคืบหน้าในการอ่าน ➡️ เพิ่มความมีชีวิตชีวาในการอ่านหนังสือ ✅ ขอบจอสามารถถอดเปลี่ยนได้ มีสีให้เลือกหลายแบบ ➡️ รวมถึงรุ่นพิเศษที่เปลี่ยนสีตามมุมมอง ✅ ขนาดใกล้เคียงกับ Kindle รุ่นพื้นฐานปี 2024 ➡️ แต่เพิ่มฟีเจอร์จอสีและ UI ที่ปรับแต่งได้ ✅ อาจใช้จอ E Ink Kaleido 3 ที่มีความละเอียด 150ppi สำหรับสี ➡️ ช่วยให้ข้อความดูคมขึ้นบนหน้าจอขนาดเล็ก https://www.techradar.com/tablets/ereaders/amazon-is-reportedly-testing-a-smaller-version-of-the-kindle-colorsoft-for-a-november-release-but-im-not-entirely-convinced-by-the-leaks
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 220 มุมมอง 0 รีวิว
  • เป็นรายงานจากประเทศที่มีสถิติกราดยิงประชาชนด้วยกันเองมากที่สุดในโลก และเป็นประเทศที่มีเรื่องเหยียดผิว เหยียดเชื้อชาติติดอันดับโลก เช่น คดี "จอร์จ ฟลอยด์"
    .
    กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐเผยแพร่รายงานว่าด้วยสถานการณ์สิทธิมนุษยชนทั่วโลก ประจำปี 2567 โดยสรุปภาพรวมของไทยว่า สถานการณ์โดยรวมไม่มีการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ แต่ยังคงมีประเด็นน่ากังวลหลายอย่าง...
    เป็นรายงานจากประเทศที่มีสถิติกราดยิงประชาชนด้วยกันเองมากที่สุดในโลก และเป็นประเทศที่มีเรื่องเหยียดผิว เหยียดเชื้อชาติติดอันดับโลก เช่น คดี "จอร์จ ฟลอยด์" . กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐเผยแพร่รายงานว่าด้วยสถานการณ์สิทธิมนุษยชนทั่วโลก ประจำปี 2567 โดยสรุปภาพรวมของไทยว่า สถานการณ์โดยรวมไม่มีการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ แต่ยังคงมีประเด็นน่ากังวลหลายอย่าง...
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 339 มุมมอง 0 รีวิว
  • ตอน 15
    ทบทวนสันดานจิ๊กโก๋๋กันหน่อย สันดานจิ๊กโก๋๋รุ่นใหม่ คือต้องการคุมไปให้สุดซอย (สำนวนใครนะ คุ้นจัง)
    คุมมันให้อยู่หมัด จึงมีคำว่า “ระเบียบโลก” โผล่ขึ้นมา
    ระเบียบโลก หรือทฤษฏี New World Order คืออะไร มีนักวิชาการ เขียนกันยาวเหยียด หลายแบบ หลายคำแปล
    แต่สรุปสั้นๆ New World Order คือ ทฤษฏีสมคบคิด (Conspiracy Theory) ที่พยายามจะให้โลกนี้มีระบบเดียวคือ ระบบทุนนิยม และมีรัฐบาลเดียว หรือมีผู้มีอำนาจควบคุมอยู่กลุ่มเดียว สั้นๆ แบบนี้ แต่ความหมายมันกว้างและลึก
    ท่านที่ตามอ่านนิทานมาถึงตอนนี้ คงพอนึกออก
    คุมให้สุดซอย หมายความว่า ต้องไม่มีอะไรมาปิดกั้น แม้แต่พรมแดน และกฎกติกา ต้องออกแบบมา เพื่อรองรับให้ทุนนิยม ขยายได้อย่างไม่มีขอบเขต ขจัดอุปสรรคทั้งปวง พูดง่ายๆ เหมือนกำหนดให้ตลอดซอยเป็นวันเวย์ วิ่งทางเดียว รถสวนไม่ได้ จอดไม่ได้ ไม่มีไม้กั้น ไม่มีกรวยวาง ไม่มีแม่ค้ามาขายของข้างถนน ถ้ามีต้องขายเฉพาะ สินค้าที่จิ๊กโก๋๋ผลิต หรือได้ค่าหัวคิวเท่านั้น ที่สำคัญ ใครอย่าสะเออะมาเป็นจราจรเด็ดขาด
    ถ้ามีของแท้ต้องติดตรา UN เท่านั้น เพราะจิ๊กโก๋๋ คุมจราจรอีกต่อ ฮา
    ทุนนิยมไม่ต้องการชาตินิยม ทุนนิยมไม่สนใจความเป็นชาติ ไม่ต้องการขนบธรรมเนียมประเพณี ไม่ต้อง การประมุขรัฐที่เข้มแข็ง
    ทุนนิยมเห็นว่า การเป็นชาตินิยม การภักดีต่อประเทศตนเอง ต่างๆเหล่านี้ จะสร้างให้เกิดความหวงแหน และความสามัคคี (ทำให้ขโมยยาก ฮา)
    เอ๊ะ นี่ผมกำลังเขียนเรื่องจิ๊กโก๋๋ปากซอยหัวทองตาฟ้านะคร้าบ แหม แต่สันดานมันคล้ายกับใครคนหนึ่งจังเลยนะ
    ก็มันเรื่องทุน เหมือนกันนี่นะ ทุนนิยม ทุนนิยมเสรี ทุนสามานย์
    มันก็เรื่องเดียวกันทั้งนั้น แล้วแต่ว่า จะเรียกชื่ออย่างไร
    ปี ค.ศ.1990 วันที่ 1 ตุลาคม ประธานาธิบดีจอร์จ บุช (George Bush) คนพ่อ เสนอนโยบายจัดระเบียบโลกใหม่ (New World Order) ในที่ประชุมสหประชาชาติ ซึ่งทำให้เห็นธาตุแท้ของนักล่าอาณานิคม หรือ จิ๊กโก๋๋ปากซอย อย่างชัดเจนที่สุด และนโยบายนี้ก็ใช้มาตลอดในทุกรัฐบาลจิ๊กโก๋๋ ไม่ว่าจะเป็นพรรค
    เสรีนิยม(Liberal) หรือประชาธิปัตย์ (Democrat)
    แล้วงั้นใครล่ะที่คุมทั้ง จิ๊กโก๋๋น้ำเงิน จิ๊กโก๋๋แดง
    ก็เหล่าบรรษัทข้ามชาติ ที่มีทุน สร้างทุน อาศัยทุน เป็นตัวนำ ไงล่ะ
    เมื่อทุนหนาก็กำหนดกติกา เพื่อให้ทุนเดินไปทางไหนก็ได้ ผ่านประเทศไหน ผ่านรัฐบาลไหน ผ่านองค์ กรไหน หรือผ่านบุคคลใดก็ได้ ทั้งหมดทั้งปวง ก็เพื่อให้แน่ใจว่า ทรัพยากร ดินแดน แรงงาน ตลาดทุน ตลาดโลก ฯลฯ ได้อยู่ในการครอบครอง หรืออยู่ในอำนาจควบคุม ของพวกเขาทั้งหมด หรือเกือบหมด
    จำได้ไหม คาถา ของคนเล่านิทาน
    ทุน คือ อำนาจ และ อำนาจ คือ ทุน
    คาถานี้ ใช้ได้ทุกแห่ง ทุกสมัย โปรดจำไว้

    คนเล่านิทาน
    ตอน 15 ทบทวนสันดานจิ๊กโก๋๋กันหน่อย สันดานจิ๊กโก๋๋รุ่นใหม่ คือต้องการคุมไปให้สุดซอย (สำนวนใครนะ คุ้นจัง) คุมมันให้อยู่หมัด จึงมีคำว่า “ระเบียบโลก” โผล่ขึ้นมา ระเบียบโลก หรือทฤษฏี New World Order คืออะไร มีนักวิชาการ เขียนกันยาวเหยียด หลายแบบ หลายคำแปล แต่สรุปสั้นๆ New World Order คือ ทฤษฏีสมคบคิด (Conspiracy Theory) ที่พยายามจะให้โลกนี้มีระบบเดียวคือ ระบบทุนนิยม และมีรัฐบาลเดียว หรือมีผู้มีอำนาจควบคุมอยู่กลุ่มเดียว สั้นๆ แบบนี้ แต่ความหมายมันกว้างและลึก ท่านที่ตามอ่านนิทานมาถึงตอนนี้ คงพอนึกออก คุมให้สุดซอย หมายความว่า ต้องไม่มีอะไรมาปิดกั้น แม้แต่พรมแดน และกฎกติกา ต้องออกแบบมา เพื่อรองรับให้ทุนนิยม ขยายได้อย่างไม่มีขอบเขต ขจัดอุปสรรคทั้งปวง พูดง่ายๆ เหมือนกำหนดให้ตลอดซอยเป็นวันเวย์ วิ่งทางเดียว รถสวนไม่ได้ จอดไม่ได้ ไม่มีไม้กั้น ไม่มีกรวยวาง ไม่มีแม่ค้ามาขายของข้างถนน ถ้ามีต้องขายเฉพาะ สินค้าที่จิ๊กโก๋๋ผลิต หรือได้ค่าหัวคิวเท่านั้น ที่สำคัญ ใครอย่าสะเออะมาเป็นจราจรเด็ดขาด ถ้ามีของแท้ต้องติดตรา UN เท่านั้น เพราะจิ๊กโก๋๋ คุมจราจรอีกต่อ ฮา ทุนนิยมไม่ต้องการชาตินิยม ทุนนิยมไม่สนใจความเป็นชาติ ไม่ต้องการขนบธรรมเนียมประเพณี ไม่ต้อง การประมุขรัฐที่เข้มแข็ง ทุนนิยมเห็นว่า การเป็นชาตินิยม การภักดีต่อประเทศตนเอง ต่างๆเหล่านี้ จะสร้างให้เกิดความหวงแหน และความสามัคคี (ทำให้ขโมยยาก ฮา) เอ๊ะ นี่ผมกำลังเขียนเรื่องจิ๊กโก๋๋ปากซอยหัวทองตาฟ้านะคร้าบ แหม แต่สันดานมันคล้ายกับใครคนหนึ่งจังเลยนะ ก็มันเรื่องทุน เหมือนกันนี่นะ ทุนนิยม ทุนนิยมเสรี ทุนสามานย์ มันก็เรื่องเดียวกันทั้งนั้น แล้วแต่ว่า จะเรียกชื่ออย่างไร ปี ค.ศ.1990 วันที่ 1 ตุลาคม ประธานาธิบดีจอร์จ บุช (George Bush) คนพ่อ เสนอนโยบายจัดระเบียบโลกใหม่ (New World Order) ในที่ประชุมสหประชาชาติ ซึ่งทำให้เห็นธาตุแท้ของนักล่าอาณานิคม หรือ จิ๊กโก๋๋ปากซอย อย่างชัดเจนที่สุด และนโยบายนี้ก็ใช้มาตลอดในทุกรัฐบาลจิ๊กโก๋๋ ไม่ว่าจะเป็นพรรค เสรีนิยม(Liberal) หรือประชาธิปัตย์ (Democrat) แล้วงั้นใครล่ะที่คุมทั้ง จิ๊กโก๋๋น้ำเงิน จิ๊กโก๋๋แดง ก็เหล่าบรรษัทข้ามชาติ ที่มีทุน สร้างทุน อาศัยทุน เป็นตัวนำ ไงล่ะ เมื่อทุนหนาก็กำหนดกติกา เพื่อให้ทุนเดินไปทางไหนก็ได้ ผ่านประเทศไหน ผ่านรัฐบาลไหน ผ่านองค์ กรไหน หรือผ่านบุคคลใดก็ได้ ทั้งหมดทั้งปวง ก็เพื่อให้แน่ใจว่า ทรัพยากร ดินแดน แรงงาน ตลาดทุน ตลาดโลก ฯลฯ ได้อยู่ในการครอบครอง หรืออยู่ในอำนาจควบคุม ของพวกเขาทั้งหมด หรือเกือบหมด จำได้ไหม คาถา ของคนเล่านิทาน ทุน คือ อำนาจ และ อำนาจ คือ ทุน คาถานี้ ใช้ได้ทุกแห่ง ทุกสมัย โปรดจำไว้ คนเล่านิทาน
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 342 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากข่าว: “Man in the Prompt” เมื่อ AI กลายเป็นผู้ช่วยโจรกรรมข้อมูล

    นักวิจัยจากบริษัท LayerX ค้นพบช่องโหว่ใหม่ที่เรียกว่า “Man in the Prompt” ซึ่งอาศัยความจริงที่ว่า ช่องใส่คำสั่ง (prompt input) ของ AI บนเว็บเบราว์เซอร์เป็นส่วนหนึ่งของโครงสร้างหน้าเว็บ (Document Object Model หรือ DOM) นั่นหมายความว่า ส่วนเสริมใด ๆ ที่เข้าถึง DOM ได้ ก็สามารถอ่านหรือเขียนคำสั่งลงในช่อง prompt ได้ทันที—even ถ้าไม่มีสิทธิ์พิเศษ!

    แฮกเกอร์สามารถใช้ส่วนเสริมที่เป็นอันตราย (หรือซื้อสิทธิ์จากส่วนเสริมที่มีอยู่แล้ว) เพื่อแอบแฝงคำสั่งลับ, ดึงข้อมูลจากคำตอบของ AI, หรือแม้แต่ลบประวัติการสนทนาเพื่อไม่ให้ผู้ใช้รู้ตัว

    LayerX ได้ทดลองโจมตีจริงกับ ChatGPT และ Google Gemini โดยใช้ส่วนเสริมที่ดูไม่มีพิษภัย แต่สามารถเปิดแท็บลับ, ส่งคำสั่งไปยัง AI, ดึงข้อมูลออก และลบหลักฐานทั้งหมด

    สิ่งที่น่ากลัวคือ AI เหล่านี้มักถูกใช้ในองค์กรเพื่อประมวลผลข้อมูลลับ เช่น เอกสารภายใน, แผนธุรกิจ, หรือรหัสโปรแกรม—ซึ่งอาจถูกขโมยไปโดยไม่รู้ตัว

    “Man in the Prompt” คือการโจมตีผ่านส่วนเสริมเบราว์เซอร์ที่แอบแฝงคำสั่งในช่อง prompt ของ AI
    ใช้ช่องโหว่ของ DOM ที่เปิดให้ส่วนเสริมเข้าถึงข้อมูลในหน้าเว็บ
    ไม่ต้องใช้สิทธิ์พิเศษก็สามารถอ่าน/เขียนคำสั่งได้

    AI ที่ได้รับผลกระทบ ได้แก่ ChatGPT, Gemini, Claude, Copilot และ Deepseek
    ทั้ง AI เชิงพาณิชย์และ AI ภายในองค์กร
    มีการทดสอบจริงและแสดงผลสำเร็จ

    ส่วนเสริมสามารถแอบส่งคำสั่ง, ดึงข้อมูล, และลบประวัติการสนทนาได้
    เช่น เปิดแท็บลับ, ส่งคำสั่งไปยัง ChatGPT, ดึงผลลัพธ์, แล้วลบแชท
    Gemini สามารถถูกโจมตีผ่าน sidebar ที่เชื่อมกับ Google Workspace

    ข้อมูลที่เสี่ยงต่อการรั่วไหล ได้แก่ อีเมล, เอกสาร, รหัส, แผนธุรกิจ และทรัพย์สินทางปัญญา
    โดยเฉพาะ AI ภายในองค์กรที่ฝึกด้วยข้อมูลลับ
    มีความเชื่อมั่นสูงแต่ขาดระบบป้องกันคำสั่งแฝง

    LayerX แนะนำให้ตรวจสอบพฤติกรรม DOM ของส่วนเสริมแทนการดูแค่สิทธิ์ที่ประกาศไว้
    ปรับระบบความปลอดภัยให้มองเห็นการเปลี่ยนแปลงใน DOM
    ป้องกันการแอบแฝงคำสั่งและการดึงข้อมูลแบบเรียลไทม์

    ส่วนเสริมที่ดูปลอดภัยอาจถูกแฮกหรือซื้อสิทธิ์ไปใช้โจมตีได้
    เช่น ส่วนเสริมที่มีฟีเจอร์จัดการ prompt อาจถูกใช้เพื่อแอบแฝงคำสั่ง
    ไม่ต้องมีการติดตั้งใหม่หรืออนุญาตใด ๆ จากผู้ใช้

    ระบบความปลอดภัยแบบเดิมไม่สามารถตรวจจับการโจมตีในระดับ DOM ได้
    เช่น DLP หรือ Secure Web Gateway ไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงใน DOM
    การบล็อก URL ของ AI ไม่ช่วยป้องกันการโจมตีภายในเบราว์เซอร์

    องค์กรที่อนุญาตให้ติดตั้งส่วนเสริมอย่างเสรีมีความเสี่ยงสูงมาก
    พนักงานอาจติดตั้งส่วนเสริมที่เป็นอันตรายโดยไม่รู้ตัว
    ข้อมูลภายในองค์กรอาจถูกขโมยผ่าน AI ที่เชื่อมกับเบราว์เซอร์

    AI ที่ฝึกด้วยข้อมูลลับภายในองค์กรมีความเสี่ยงสูงสุด
    เช่น ข้อมูลทางกฎหมาย, การเงิน, หรือกลยุทธ์
    หากถูกดึงออกผ่าน prompt จะไม่มีทางรู้ตัวเลย

    https://hackread.com/browser-extensions-exploit-chatgpt-gemini-man-in-the-prompt/
    🧠 เรื่องเล่าจากข่าว: “Man in the Prompt” เมื่อ AI กลายเป็นผู้ช่วยโจรกรรมข้อมูล นักวิจัยจากบริษัท LayerX ค้นพบช่องโหว่ใหม่ที่เรียกว่า “Man in the Prompt” ซึ่งอาศัยความจริงที่ว่า ช่องใส่คำสั่ง (prompt input) ของ AI บนเว็บเบราว์เซอร์เป็นส่วนหนึ่งของโครงสร้างหน้าเว็บ (Document Object Model หรือ DOM) นั่นหมายความว่า ส่วนเสริมใด ๆ ที่เข้าถึง DOM ได้ ก็สามารถอ่านหรือเขียนคำสั่งลงในช่อง prompt ได้ทันที—even ถ้าไม่มีสิทธิ์พิเศษ! แฮกเกอร์สามารถใช้ส่วนเสริมที่เป็นอันตราย (หรือซื้อสิทธิ์จากส่วนเสริมที่มีอยู่แล้ว) เพื่อแอบแฝงคำสั่งลับ, ดึงข้อมูลจากคำตอบของ AI, หรือแม้แต่ลบประวัติการสนทนาเพื่อไม่ให้ผู้ใช้รู้ตัว LayerX ได้ทดลองโจมตีจริงกับ ChatGPT และ Google Gemini โดยใช้ส่วนเสริมที่ดูไม่มีพิษภัย แต่สามารถเปิดแท็บลับ, ส่งคำสั่งไปยัง AI, ดึงข้อมูลออก และลบหลักฐานทั้งหมด สิ่งที่น่ากลัวคือ AI เหล่านี้มักถูกใช้ในองค์กรเพื่อประมวลผลข้อมูลลับ เช่น เอกสารภายใน, แผนธุรกิจ, หรือรหัสโปรแกรม—ซึ่งอาจถูกขโมยไปโดยไม่รู้ตัว ✅ “Man in the Prompt” คือการโจมตีผ่านส่วนเสริมเบราว์เซอร์ที่แอบแฝงคำสั่งในช่อง prompt ของ AI ➡️ ใช้ช่องโหว่ของ DOM ที่เปิดให้ส่วนเสริมเข้าถึงข้อมูลในหน้าเว็บ ➡️ ไม่ต้องใช้สิทธิ์พิเศษก็สามารถอ่าน/เขียนคำสั่งได้ ✅ AI ที่ได้รับผลกระทบ ได้แก่ ChatGPT, Gemini, Claude, Copilot และ Deepseek ➡️ ทั้ง AI เชิงพาณิชย์และ AI ภายในองค์กร ➡️ มีการทดสอบจริงและแสดงผลสำเร็จ ✅ ส่วนเสริมสามารถแอบส่งคำสั่ง, ดึงข้อมูล, และลบประวัติการสนทนาได้ ➡️ เช่น เปิดแท็บลับ, ส่งคำสั่งไปยัง ChatGPT, ดึงผลลัพธ์, แล้วลบแชท ➡️ Gemini สามารถถูกโจมตีผ่าน sidebar ที่เชื่อมกับ Google Workspace ✅ ข้อมูลที่เสี่ยงต่อการรั่วไหล ได้แก่ อีเมล, เอกสาร, รหัส, แผนธุรกิจ และทรัพย์สินทางปัญญา ➡️ โดยเฉพาะ AI ภายในองค์กรที่ฝึกด้วยข้อมูลลับ ➡️ มีความเชื่อมั่นสูงแต่ขาดระบบป้องกันคำสั่งแฝง ✅ LayerX แนะนำให้ตรวจสอบพฤติกรรม DOM ของส่วนเสริมแทนการดูแค่สิทธิ์ที่ประกาศไว้ ➡️ ปรับระบบความปลอดภัยให้มองเห็นการเปลี่ยนแปลงใน DOM ➡️ ป้องกันการแอบแฝงคำสั่งและการดึงข้อมูลแบบเรียลไทม์ ‼️ ส่วนเสริมที่ดูปลอดภัยอาจถูกแฮกหรือซื้อสิทธิ์ไปใช้โจมตีได้ ⛔ เช่น ส่วนเสริมที่มีฟีเจอร์จัดการ prompt อาจถูกใช้เพื่อแอบแฝงคำสั่ง ⛔ ไม่ต้องมีการติดตั้งใหม่หรืออนุญาตใด ๆ จากผู้ใช้ ‼️ ระบบความปลอดภัยแบบเดิมไม่สามารถตรวจจับการโจมตีในระดับ DOM ได้ ⛔ เช่น DLP หรือ Secure Web Gateway ไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงใน DOM ⛔ การบล็อก URL ของ AI ไม่ช่วยป้องกันการโจมตีภายในเบราว์เซอร์ ‼️ องค์กรที่อนุญาตให้ติดตั้งส่วนเสริมอย่างเสรีมีความเสี่ยงสูงมาก ⛔ พนักงานอาจติดตั้งส่วนเสริมที่เป็นอันตรายโดยไม่รู้ตัว ⛔ ข้อมูลภายในองค์กรอาจถูกขโมยผ่าน AI ที่เชื่อมกับเบราว์เซอร์ ‼️ AI ที่ฝึกด้วยข้อมูลลับภายในองค์กรมีความเสี่ยงสูงสุด ⛔ เช่น ข้อมูลทางกฎหมาย, การเงิน, หรือกลยุทธ์ ⛔ หากถูกดึงออกผ่าน prompt จะไม่มีทางรู้ตัวเลย https://hackread.com/browser-extensions-exploit-chatgpt-gemini-man-in-the-prompt/
    HACKREAD.COM
    Browser Extensions Can Exploit ChatGPT, Gemini in ‘Man in the Prompt’ Attack
    Follow us on Bluesky, Twitter (X), Mastodon and Facebook at @Hackread
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 321 มุมมอง 0 รีวิว
  • การล่าทรัพยากรรุ่นใหม่ แม้ไม่ได้เน้นการใช้กำลังทหารยึดครองดินแดน ก็ต้องแน่ใจว่าประเทศเป้า หมาย อยู่ในกำมือแน่นอน ไม่มีนักล่าต่างพวกมาแย่งไปจากปากอเมริกา นักล่ารุ่นใหม่ในฐานะพี่เบิ้ม ถักตาข่ายมาคลุมสมันน้อยไทยแลนด์ ด้านเศรษฐกิจแล้ว แค่นั้นไม่พอ มันต้องคุมการเมือง การทหารด้วย มันถึงจะอยู่หมัด (มาถึงแล้วไง เรื่องความมั่นคง)

    สงครามอินโดจีนเริ่มต้น เมื่อปี พ.ศ.2490 (ค.ศ.1947) เริ่มจากมวยคู่แรกระหว่างเวียตนามกับฝรั่งเศส

    แต่เค้าลางน่ะ มันมีมาก่อนแล้วตั้งแต่ปี พ.ศ.2482 (ค.ศ.1939) เวียตนามซึ่งตกเป็นเมืองขึ้นของฝรั่งเศสมากว่า 50 ปี ชักจะทนเหม็นเขียวฝรั่งกร่างไม่ไหว ลุงโฮจึงพยายามปลุกชาวญวนให้ตื่น ขยับตัวขยับขาให้พ้นจักกะแร้ฝรั่ง

    อย่าลืมว่า อังกฤษ ฝรั่งเศส อเมริกา นั้นเกาะกลุ่มกันแน่น แม้ภาพข้างนอก บางครั้งเหมือนจะแย่งกระดูกกันเอง แต่มันเป็นเพียงแค่ละครตบตา

    ของจริง 3 ชาตินี่มันเป็น 3 เกลอหัวแข็งต้นแบบ ทำเป็นทะเลาะตีหัวกันไปมา แต่มันก็หากินด้วยกัน แบ่งกระดูกกันมาตลอด ไม่แบ่งได้ยังไง ย้อนไปดูประวัติศาสตร์อังกฤษกับฝรั่งเศส เดี๋ยวมันก็รบกัน เดี๋ยวมันก็จับลูกสาว ลูกชายให้แต่งงานกัน มันก็เรื่องในครอบครัวเขานั่นแหละ

    ส่วนอเมริกาเศรษฐีใหม่ มาจากไหน ส่วนใหญ่ก็เป็นพวกไอริช อพยพมาหากินในแผ่นที่เพิ่งค้นพบใหม่ เพราะทนอดอยากอยู่ที่เดิมไม่ไหว ถูกอังกฤษข่มเหงให้กินแต่ของเหลือเดน ดังนั้น ถึงจะเป็นไม้เบื่อของอังกฤษ แต่ก็อยู่ในอวยของอังกฤษอยู่ดี จึงไม่แปลกที่อังกฤษ จะมองอเมริกาเป็นลูกไล่อยู่ตลอดเวลา ขู่ฝ่อใส่มาตั้งแต่สงครามกลางเมืองแล้ว ทุกวันนี้อเมริกันแถวนิวยอร์ค ยังแต่งสีเขียวฉลองวันเซนต์ แพรทริกอยู่เลย ราชวงศ์เคนเนดีก็มาจากแถวนี้แหละ ดูจากท่าทางนายโทนี่ แบลร์ ตอนอยู่กับนายบุช ตัวลูก แล้วก็คงพอเข้าใจกันนะ แล้วจะกล้าไปหือ กับเขาได้ไง มีแต่อือ อือ อย่างเดียว

    แล้วฝรั่งเศสล่ะ คนอื่นไกลกันที่ไหน ทางใต้ของอเมริกาน่ะ ใครมีอิทธิพล นิวออร์ลีน น่ะมาจากภาษาฝรั่งเศสนะ ไม่ใช่ ภาษาอินเดียนแดง ดังนั้นเมื่อฝรั่งเศสเริ่มเดือดร้อนในการปกครองเวียตนาม เพราะลุงโฮเริ่มเอาจริงตั้งแต่ปี พ.ศ.2482 (ค.ศ.1939) สามเกลอหัวแข็ง ก็คิดหนัก เดี๋ยวพวกขี้ข้าเมืองขึ้นทั้ง หลาย มันจะเอาอย่างกันหมด อย่ากระนั้นเลย จำเป็นต้องตัดไฟแต่หัวลม เราจงร่วมกันสร้างผี ให้พวกมันกลัวซักตัว มันจะได้ไม่กล้าไปจากอ้อมจักกะแร้เหม็นเขียวของพวกเรา

    บัดนั้นเอง ผีคอมมิวนิสต์ ก็ถูกสร้าง ถูกปลุกไปทั่วแถบอินโดจีน ต่างอะไรกับการปลุกประชาธิปไตยสมัยนี้ ในประเทศที่อุดมด้วยทรัพยากร แต่ไม่อุดมปัญญา

    ระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 ญี่ปุ่นบุกเข้าเวียตนามและยึดได้ ในปี พ.ศ.2483 (ค.ศ.1940) ยึดไว้ในกำมือไม่

    พอ ประกาศยกเลิกการปกครองโดยฝรั่งเศส ไล่ไอ้พวกหัวทองจักกะแร้เหม็นออกไป (แหม! ญี่ปุ่นก็เข็ดฝรั่งเหมือนกันนะ โชกุนน่ะ โดนอเมริกาเล่นชะงอมหล่นเหมือนกัน ซามูไรจะไปสู้กับเรือปืนไหวหรือ)

    อย่างที่บอก ขบวนการลุงโฮเกิดขึ้นตั้งแต่ปีค.ศ.1939 ดังนั้นพอญี่ปุ่นยึดเวียตนาม สามเกลอหัวแข็ง ก็วางแผนยุและสนับสนุนขบวนการลุงโฮ ให้ไปสู้กับญี่ปุ่น ใช้ไปจิกกระดูก ออกมาจากปากญี่ปุ่นแทนพวกตัว… ลุงโฮฉลาดล้ำ รับแผนไปปฏิบัติตามทันที แต่มันพลิกล็อก ตอนที่ลุงโฮไล่ญี่ปุ่นออกไปแล้ว แทนที่ลุงแกจะคืนกระดูกให้ฝรั่ง แกกลับเก็บกระดูกไว้ แล้วดัดหลัง 3 เกลอหัวแข็งอีกต่อ

    ลุงโฮประกาศแยกเวียดมินห์ ออกจากเวียตนาม ในปี พ.ศ.2489 (ค.ศ.1946) หลังจากควันสงครามโลกครั้งที่ 2 ยังไม่ทันจะจางดี …ฝรั่งหงายท้องผลึ่ง โอ้พระเจ้าจอร์จ ยูทำได้งัยเนี่ย เรียกได้ว่ากำลังสำคัญ ที่สนับสนุนให้ เวียตมินห์เติบโต ก็คืออเมริกา ภายใต้การกำกับของกลุ่มสามเกลอหัวแข็ง อืม โลกนี้มันสลับซับซ้อนแยะกว่าที่คิดนะโยม

    พ.ศ.2490 (ค.ศ.1947) พี่เบิ้มทำเป็นตกกะใจ ว้ายตาเถร ดันติดดาบให้ยักษ์ ติดอาวุธให้ศัตรู เวียตมินห์เริ่มขยายแนวร่วม ดอกไม้แห่งเสรีภาพขยายพันธ์อย่างรวดเร็ว

    อเมริกาจึงประกาศขยายนโยบายปิดกั้น (Containment) การแพร่พันธุ์ของระบอบคอมมิวนิสต์ ซึ่งกำลังขยายตัวอยู่ในแถบรัสเซียข้ามโลกมาถึงจีน และอินโดจีนด้วย…. พญาอินทรีสยายปีกแล้ว

    นี่มันเอาหนังเก่ามา ฉายใหม่นี่หว่า จำได้ไหมครับ สมัยรัชกาลที่ 4 ต่อรัชกาลที่ 5 ฝรั่งเศสกับอังกฤษ มันเล่นป่าหี่กันจะยึดไทย ไทยพยายามถ่วงดุลระหว่าง 2 ประเทศ พระเจ้าแผ่นดินทั้ง 2 พระองค์ต้องใช้พระปรีชาสามารถอย่างสูง ในการดำเนินวิธีการทูตถ่วงดุล 2 ประเทศอยู่นาน มาฝีแตกเอา ร.ศ.112 (ประวัติศาสตร์ตอนนี้ยาวขอติดไว้เล่าวันหลังนะ แต่ต้องรู้เพราะมันต่อเนื่องกับปัจจุบัน ก็บอกแล้ว ถ้าไม่รู้ว่า ต้นไม้ต้นใดเป็นพิษ จะรู้ได้ได้ไงว่าลูกมันกินอร่อย หรือกินแล้วเด็ดสะมอเร่)

    กลับไปดูภูมิศาสตร์กันหน่อย ประเทศไทยตั้งอยู่ตรงไหน ข้างซ้ายของไทยเป็นพม่า ติดพม่าขึ้นไปทางเหนือเป็นลาว ย้ายมาด้านขวาหน่อยเป็นญวนและเขมร กระจุกประเทศแถบนี้ อยู่ใต้มณฑลยูนานของจีน ซึ่งเป็นประตูทางเข้าที่สำคัญของจีน ที่เขาเรียกกันว่า (Soft Belly) ท้องน้อยของจีน น่ารักนะ

    ยูนาน เป็นมณฑลที่อุดมสมบูรณ์มาก ในน้ำมีปลาในนามีข้าว ป่าไม้ แร่ธาตุ โอ้ย ! อุดมไปหมด ภัยธรรมชาติก็ไม่มี น้ำไหลทั้งปี ใครๆ ก็อยากได้

    ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 4 ที่ 5 ทั้งฝรั่งเศสและอังกฤษ ก็เล็งเข้าจีนทางยูนาน อังกฤษวางแผนจะเข้าผ่านทางพม่า ฝรั่งเศสจะเข้าผ่านทางลาว ญวน และเขมร ฝรั่งเศสจึงตีเขมรก่อน เพื่อขึ้นไปล้อมญวน แต่ลาวนั้นยังขึ้นอยู่กับไทยในช่วงนั้น มันถึงหาเรื่องทะเลาะกับไทย เพื่อจะเอาลาว เหตุการณ์ ร.ศ.112 ก็มาจากเรื่องนี้แหละ เล่าย่อไว้ก่อนนะ จนแล้วจนรอดก็กินไทยไม่ได้เต็มที่ มันถึงฝังใจมาถึงเดี๋ยวนี้ไง โน้น! เขาพระวิหารมา

    รำไรเกี่ยวกันไหมหนอ

    พอเห็นไหมครับ ทำไมประเทศรอบบ้านเราตกเป็นอาณานิคมของไอ้ 2 เกลอ แล้วทำไมมันถึงตามบี้เราจนทุกวันนี้ ทุกอย่างมันต่อเนื่องกัน สงสัยต้องหัดเล่นจิกซอว์ จะได้มองเห็นภาพรวมชัด พม่าเสียเมืองให้อังกฤษในปี พ.ศ.2428 (ค.ศ.1875) ส่วนญวน เขมรและลาว ก็ตกเป็นเมืองขึ้นของฝรั่งเศส ในปี พ.ศ.2401, พ.ศ.2426, พ.ศ.2436 ตามลำดับ

    เมื่อเราเป็นประเทศที่เป็นปากทางเข้าจีน และคอมมิวนิสต์ก็กำลังเริ่มบานเบิกอยู่ที่จีนและกำลังลามมาเวียตนาม แล้วนี้ถ้ามันลาม มาทั้งอินโดจีน จะทำยังไง สามเกลอหัวแข็งเริ่มเกาหัว ไอ้ประเทศแถวนี้ (ยกเว้นไทยแลนด์) มันก็ขี้ข้าเก่าเราทั้งนั้น ถึงให้เอกราชมันไปแล้ว แต่มันก็ยังกุมเป้าเวลาพูดกับเรา เรายังพอจิกหัวมันใช้ได้ จะปล่อยให้คนอื่นมางาบต่อไปได้ยังไง ว่าแล้ว สามเกลอก็เซ็นใบมอบอำนาจแบบเด็ดขาดให้อเมริกา

    ยูไปจัดการเอาให้อยู่หมัดเลยนะ ไทยแลนด์น่ะรอดปากพวกเรามาหลายหนแล้ว ครั้งนี้อย่าให้พลาดนะ!

    อเมริกาออกข่าวทั้งทางตรงและทางอ้อมว่า ไทยเป็นประเทศที่มีความสำคัญ ที่อเมริกาต้องการใช้เป็นฐาน ในการปฏิบัติการปิดกั้นระบอบคอมมิวนิสต์ ในอินโดจีน เนื่องจากสภาพภูมิศาสตร์ของไทย (ทฤษฎีโดมิโนไง)

    ไอ้ที่ออกข่าวมันก็ อีหรอบเดิม ใช้เป็นหน้าฉากของการล่าครั้งสำคัญ ครั้งนี้เขาเขียนบทไว้ยาว เล่นกันนาน สมันน้อยจะรู้ทันไหมหนอ ไม่เคยจำซะทีว่า ไอ้พวกสามเกลอหัวแข็งมันเล่นตลกเก่ง เปลี่ยนฉาก สลับกันตีหัว แล้วก็ไอ้วิธีการแบบนี้น่ะ จำไว้ให้ดีนะ สมันน้อย มันกำลังจะกลับมาใช้เล่นอีก

    เมื่อออกข่าวหัวสีไปแล้ว ที่นี้ก็ส่งพนักงานเดินสารระดับรองประธานาธิบดี มากล่อมนายกรัฐมนตรีของสมันน้อยต่อ (ตอนนั้น จอมพลคนแปลก ใส่หมวกแล้ว ทำให้ชาติเจริญ เป็นนายกรัฐมนตรี) บอกว่า ไอ้พวกคอมมี่มันมาใกล้บ้านยูแล้วนะ อย่าทำเป็นเล่นไป แต่ยูไม่ต้องห่วงหรอก ไอเห็นใจยู ไอจะเลี้ยงดู เอ๊ย ดูแลไทยอย่างดี หาเงินกู้ให้ยู (พี่เบิ้มใจป้ำมากนะ!) ไปพัฒนาประเทศ และกองทัพให้แข็งแรง ยูจะได้สู้กับคอมมี่ได้ไงล่ะ

    นู้น อยู่กันคนละซีกโลก อยู่ดีๆก็จะมาช่วยไทยรบกับคอมมี่ ไม่สงสัยกันบ้างเหรอว่าทำไมพี่เบิ้มใจดีอย่างนี้

    แล้วพี่เบิ้มก็จัดการให้ไทยกู้เงินจากธนาคารโลก (World Bank) และ IBRD ก้อนใหญ่ซึ่งแน่นอน มีเงื่อนไขที่พี่เขาวางไว้ แบบกับดักสมันน้อยติดมาเพียบ (ไม่ต่างกับยุครัฐบาลชวน กู้เงิน IMF เลยนะ ฟังนิทานไปเรื่อย ๆ ไปเดี๋ยวถึงบางอ้อเอง) แต่พี่เบิ้มเขาเก่ง กลัวไทยแลนด์ไม่สบายใจ ก็เพิ่งจีบกันใหม่ๆน่ะ เขาก็เลยแถมเงินช่วยเหลือทางทหารจาก USOM, USAID, JUSMAC ติดไม้ติดมือมาให้นิดหน่อย แค่นี้พี่ไทยสมันน้อยก็อ่อนระทวย มันก็เป็นยังงี้แหละ ใครเขาเอาเงินมาล่อ ก็รีบรับของเขา ไม่คิดอะไรมาก เดี๋ยวนี้ก็ยังเป็นอย่างนั้นอยู่

    เฮ้อ! แล้วมันจะเหลือเหรอ ไทยแลนด์ สยามเมืองยิ้มของเราน่ะ…


    คนเล่านิทาน
    การล่าทรัพยากรรุ่นใหม่ แม้ไม่ได้เน้นการใช้กำลังทหารยึดครองดินแดน ก็ต้องแน่ใจว่าประเทศเป้า หมาย อยู่ในกำมือแน่นอน ไม่มีนักล่าต่างพวกมาแย่งไปจากปากอเมริกา นักล่ารุ่นใหม่ในฐานะพี่เบิ้ม ถักตาข่ายมาคลุมสมันน้อยไทยแลนด์ ด้านเศรษฐกิจแล้ว แค่นั้นไม่พอ มันต้องคุมการเมือง การทหารด้วย มันถึงจะอยู่หมัด (มาถึงแล้วไง เรื่องความมั่นคง) สงครามอินโดจีนเริ่มต้น เมื่อปี พ.ศ.2490 (ค.ศ.1947) เริ่มจากมวยคู่แรกระหว่างเวียตนามกับฝรั่งเศส แต่เค้าลางน่ะ มันมีมาก่อนแล้วตั้งแต่ปี พ.ศ.2482 (ค.ศ.1939) เวียตนามซึ่งตกเป็นเมืองขึ้นของฝรั่งเศสมากว่า 50 ปี ชักจะทนเหม็นเขียวฝรั่งกร่างไม่ไหว ลุงโฮจึงพยายามปลุกชาวญวนให้ตื่น ขยับตัวขยับขาให้พ้นจักกะแร้ฝรั่ง อย่าลืมว่า อังกฤษ ฝรั่งเศส อเมริกา นั้นเกาะกลุ่มกันแน่น แม้ภาพข้างนอก บางครั้งเหมือนจะแย่งกระดูกกันเอง แต่มันเป็นเพียงแค่ละครตบตา ของจริง 3 ชาตินี่มันเป็น 3 เกลอหัวแข็งต้นแบบ ทำเป็นทะเลาะตีหัวกันไปมา แต่มันก็หากินด้วยกัน แบ่งกระดูกกันมาตลอด ไม่แบ่งได้ยังไง ย้อนไปดูประวัติศาสตร์อังกฤษกับฝรั่งเศส เดี๋ยวมันก็รบกัน เดี๋ยวมันก็จับลูกสาว ลูกชายให้แต่งงานกัน มันก็เรื่องในครอบครัวเขานั่นแหละ ส่วนอเมริกาเศรษฐีใหม่ มาจากไหน ส่วนใหญ่ก็เป็นพวกไอริช อพยพมาหากินในแผ่นที่เพิ่งค้นพบใหม่ เพราะทนอดอยากอยู่ที่เดิมไม่ไหว ถูกอังกฤษข่มเหงให้กินแต่ของเหลือเดน ดังนั้น ถึงจะเป็นไม้เบื่อของอังกฤษ แต่ก็อยู่ในอวยของอังกฤษอยู่ดี จึงไม่แปลกที่อังกฤษ จะมองอเมริกาเป็นลูกไล่อยู่ตลอดเวลา ขู่ฝ่อใส่มาตั้งแต่สงครามกลางเมืองแล้ว ทุกวันนี้อเมริกันแถวนิวยอร์ค ยังแต่งสีเขียวฉลองวันเซนต์ แพรทริกอยู่เลย ราชวงศ์เคนเนดีก็มาจากแถวนี้แหละ ดูจากท่าทางนายโทนี่ แบลร์ ตอนอยู่กับนายบุช ตัวลูก แล้วก็คงพอเข้าใจกันนะ แล้วจะกล้าไปหือ กับเขาได้ไง มีแต่อือ อือ อย่างเดียว แล้วฝรั่งเศสล่ะ คนอื่นไกลกันที่ไหน ทางใต้ของอเมริกาน่ะ ใครมีอิทธิพล นิวออร์ลีน น่ะมาจากภาษาฝรั่งเศสนะ ไม่ใช่ ภาษาอินเดียนแดง ดังนั้นเมื่อฝรั่งเศสเริ่มเดือดร้อนในการปกครองเวียตนาม เพราะลุงโฮเริ่มเอาจริงตั้งแต่ปี พ.ศ.2482 (ค.ศ.1939) สามเกลอหัวแข็ง ก็คิดหนัก เดี๋ยวพวกขี้ข้าเมืองขึ้นทั้ง หลาย มันจะเอาอย่างกันหมด อย่ากระนั้นเลย จำเป็นต้องตัดไฟแต่หัวลม เราจงร่วมกันสร้างผี ให้พวกมันกลัวซักตัว มันจะได้ไม่กล้าไปจากอ้อมจักกะแร้เหม็นเขียวของพวกเรา บัดนั้นเอง ผีคอมมิวนิสต์ ก็ถูกสร้าง ถูกปลุกไปทั่วแถบอินโดจีน ต่างอะไรกับการปลุกประชาธิปไตยสมัยนี้ ในประเทศที่อุดมด้วยทรัพยากร แต่ไม่อุดมปัญญา ระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 ญี่ปุ่นบุกเข้าเวียตนามและยึดได้ ในปี พ.ศ.2483 (ค.ศ.1940) ยึดไว้ในกำมือไม่ พอ ประกาศยกเลิกการปกครองโดยฝรั่งเศส ไล่ไอ้พวกหัวทองจักกะแร้เหม็นออกไป (แหม! ญี่ปุ่นก็เข็ดฝรั่งเหมือนกันนะ โชกุนน่ะ โดนอเมริกาเล่นชะงอมหล่นเหมือนกัน ซามูไรจะไปสู้กับเรือปืนไหวหรือ) อย่างที่บอก ขบวนการลุงโฮเกิดขึ้นตั้งแต่ปีค.ศ.1939 ดังนั้นพอญี่ปุ่นยึดเวียตนาม สามเกลอหัวแข็ง ก็วางแผนยุและสนับสนุนขบวนการลุงโฮ ให้ไปสู้กับญี่ปุ่น ใช้ไปจิกกระดูก ออกมาจากปากญี่ปุ่นแทนพวกตัว… ลุงโฮฉลาดล้ำ รับแผนไปปฏิบัติตามทันที แต่มันพลิกล็อก ตอนที่ลุงโฮไล่ญี่ปุ่นออกไปแล้ว แทนที่ลุงแกจะคืนกระดูกให้ฝรั่ง แกกลับเก็บกระดูกไว้ แล้วดัดหลัง 3 เกลอหัวแข็งอีกต่อ ลุงโฮประกาศแยกเวียดมินห์ ออกจากเวียตนาม ในปี พ.ศ.2489 (ค.ศ.1946) หลังจากควันสงครามโลกครั้งที่ 2 ยังไม่ทันจะจางดี …ฝรั่งหงายท้องผลึ่ง โอ้พระเจ้าจอร์จ ยูทำได้งัยเนี่ย เรียกได้ว่ากำลังสำคัญ ที่สนับสนุนให้ เวียตมินห์เติบโต ก็คืออเมริกา ภายใต้การกำกับของกลุ่มสามเกลอหัวแข็ง อืม โลกนี้มันสลับซับซ้อนแยะกว่าที่คิดนะโยม พ.ศ.2490 (ค.ศ.1947) พี่เบิ้มทำเป็นตกกะใจ ว้ายตาเถร ดันติดดาบให้ยักษ์ ติดอาวุธให้ศัตรู เวียตมินห์เริ่มขยายแนวร่วม ดอกไม้แห่งเสรีภาพขยายพันธ์อย่างรวดเร็ว อเมริกาจึงประกาศขยายนโยบายปิดกั้น (Containment) การแพร่พันธุ์ของระบอบคอมมิวนิสต์ ซึ่งกำลังขยายตัวอยู่ในแถบรัสเซียข้ามโลกมาถึงจีน และอินโดจีนด้วย…. พญาอินทรีสยายปีกแล้ว นี่มันเอาหนังเก่ามา ฉายใหม่นี่หว่า จำได้ไหมครับ สมัยรัชกาลที่ 4 ต่อรัชกาลที่ 5 ฝรั่งเศสกับอังกฤษ มันเล่นป่าหี่กันจะยึดไทย ไทยพยายามถ่วงดุลระหว่าง 2 ประเทศ พระเจ้าแผ่นดินทั้ง 2 พระองค์ต้องใช้พระปรีชาสามารถอย่างสูง ในการดำเนินวิธีการทูตถ่วงดุล 2 ประเทศอยู่นาน มาฝีแตกเอา ร.ศ.112 (ประวัติศาสตร์ตอนนี้ยาวขอติดไว้เล่าวันหลังนะ แต่ต้องรู้เพราะมันต่อเนื่องกับปัจจุบัน ก็บอกแล้ว ถ้าไม่รู้ว่า ต้นไม้ต้นใดเป็นพิษ จะรู้ได้ได้ไงว่าลูกมันกินอร่อย หรือกินแล้วเด็ดสะมอเร่) กลับไปดูภูมิศาสตร์กันหน่อย ประเทศไทยตั้งอยู่ตรงไหน ข้างซ้ายของไทยเป็นพม่า ติดพม่าขึ้นไปทางเหนือเป็นลาว ย้ายมาด้านขวาหน่อยเป็นญวนและเขมร กระจุกประเทศแถบนี้ อยู่ใต้มณฑลยูนานของจีน ซึ่งเป็นประตูทางเข้าที่สำคัญของจีน ที่เขาเรียกกันว่า (Soft Belly) ท้องน้อยของจีน น่ารักนะ ยูนาน เป็นมณฑลที่อุดมสมบูรณ์มาก ในน้ำมีปลาในนามีข้าว ป่าไม้ แร่ธาตุ โอ้ย ! อุดมไปหมด ภัยธรรมชาติก็ไม่มี น้ำไหลทั้งปี ใครๆ ก็อยากได้ ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 4 ที่ 5 ทั้งฝรั่งเศสและอังกฤษ ก็เล็งเข้าจีนทางยูนาน อังกฤษวางแผนจะเข้าผ่านทางพม่า ฝรั่งเศสจะเข้าผ่านทางลาว ญวน และเขมร ฝรั่งเศสจึงตีเขมรก่อน เพื่อขึ้นไปล้อมญวน แต่ลาวนั้นยังขึ้นอยู่กับไทยในช่วงนั้น มันถึงหาเรื่องทะเลาะกับไทย เพื่อจะเอาลาว เหตุการณ์ ร.ศ.112 ก็มาจากเรื่องนี้แหละ เล่าย่อไว้ก่อนนะ จนแล้วจนรอดก็กินไทยไม่ได้เต็มที่ มันถึงฝังใจมาถึงเดี๋ยวนี้ไง โน้น! เขาพระวิหารมา รำไรเกี่ยวกันไหมหนอ พอเห็นไหมครับ ทำไมประเทศรอบบ้านเราตกเป็นอาณานิคมของไอ้ 2 เกลอ แล้วทำไมมันถึงตามบี้เราจนทุกวันนี้ ทุกอย่างมันต่อเนื่องกัน สงสัยต้องหัดเล่นจิกซอว์ จะได้มองเห็นภาพรวมชัด พม่าเสียเมืองให้อังกฤษในปี พ.ศ.2428 (ค.ศ.1875) ส่วนญวน เขมรและลาว ก็ตกเป็นเมืองขึ้นของฝรั่งเศส ในปี พ.ศ.2401, พ.ศ.2426, พ.ศ.2436 ตามลำดับ เมื่อเราเป็นประเทศที่เป็นปากทางเข้าจีน และคอมมิวนิสต์ก็กำลังเริ่มบานเบิกอยู่ที่จีนและกำลังลามมาเวียตนาม แล้วนี้ถ้ามันลาม มาทั้งอินโดจีน จะทำยังไง สามเกลอหัวแข็งเริ่มเกาหัว ไอ้ประเทศแถวนี้ (ยกเว้นไทยแลนด์) มันก็ขี้ข้าเก่าเราทั้งนั้น ถึงให้เอกราชมันไปแล้ว แต่มันก็ยังกุมเป้าเวลาพูดกับเรา เรายังพอจิกหัวมันใช้ได้ จะปล่อยให้คนอื่นมางาบต่อไปได้ยังไง ว่าแล้ว สามเกลอก็เซ็นใบมอบอำนาจแบบเด็ดขาดให้อเมริกา ยูไปจัดการเอาให้อยู่หมัดเลยนะ ไทยแลนด์น่ะรอดปากพวกเรามาหลายหนแล้ว ครั้งนี้อย่าให้พลาดนะ! อเมริกาออกข่าวทั้งทางตรงและทางอ้อมว่า ไทยเป็นประเทศที่มีความสำคัญ ที่อเมริกาต้องการใช้เป็นฐาน ในการปฏิบัติการปิดกั้นระบอบคอมมิวนิสต์ ในอินโดจีน เนื่องจากสภาพภูมิศาสตร์ของไทย (ทฤษฎีโดมิโนไง) ไอ้ที่ออกข่าวมันก็ อีหรอบเดิม ใช้เป็นหน้าฉากของการล่าครั้งสำคัญ ครั้งนี้เขาเขียนบทไว้ยาว เล่นกันนาน สมันน้อยจะรู้ทันไหมหนอ ไม่เคยจำซะทีว่า ไอ้พวกสามเกลอหัวแข็งมันเล่นตลกเก่ง เปลี่ยนฉาก สลับกันตีหัว แล้วก็ไอ้วิธีการแบบนี้น่ะ จำไว้ให้ดีนะ สมันน้อย มันกำลังจะกลับมาใช้เล่นอีก เมื่อออกข่าวหัวสีไปแล้ว ที่นี้ก็ส่งพนักงานเดินสารระดับรองประธานาธิบดี มากล่อมนายกรัฐมนตรีของสมันน้อยต่อ (ตอนนั้น จอมพลคนแปลก ใส่หมวกแล้ว ทำให้ชาติเจริญ เป็นนายกรัฐมนตรี) บอกว่า ไอ้พวกคอมมี่มันมาใกล้บ้านยูแล้วนะ อย่าทำเป็นเล่นไป แต่ยูไม่ต้องห่วงหรอก ไอเห็นใจยู ไอจะเลี้ยงดู เอ๊ย ดูแลไทยอย่างดี หาเงินกู้ให้ยู (พี่เบิ้มใจป้ำมากนะ!) ไปพัฒนาประเทศ และกองทัพให้แข็งแรง ยูจะได้สู้กับคอมมี่ได้ไงล่ะ นู้น อยู่กันคนละซีกโลก อยู่ดีๆก็จะมาช่วยไทยรบกับคอมมี่ ไม่สงสัยกันบ้างเหรอว่าทำไมพี่เบิ้มใจดีอย่างนี้ แล้วพี่เบิ้มก็จัดการให้ไทยกู้เงินจากธนาคารโลก (World Bank) และ IBRD ก้อนใหญ่ซึ่งแน่นอน มีเงื่อนไขที่พี่เขาวางไว้ แบบกับดักสมันน้อยติดมาเพียบ (ไม่ต่างกับยุครัฐบาลชวน กู้เงิน IMF เลยนะ ฟังนิทานไปเรื่อย ๆ ไปเดี๋ยวถึงบางอ้อเอง) แต่พี่เบิ้มเขาเก่ง กลัวไทยแลนด์ไม่สบายใจ ก็เพิ่งจีบกันใหม่ๆน่ะ เขาก็เลยแถมเงินช่วยเหลือทางทหารจาก USOM, USAID, JUSMAC ติดไม้ติดมือมาให้นิดหน่อย แค่นี้พี่ไทยสมันน้อยก็อ่อนระทวย มันก็เป็นยังงี้แหละ ใครเขาเอาเงินมาล่อ ก็รีบรับของเขา ไม่คิดอะไรมาก เดี๋ยวนี้ก็ยังเป็นอย่างนั้นอยู่ เฮ้อ! แล้วมันจะเหลือเหรอ ไทยแลนด์ สยามเมืองยิ้มของเราน่ะ… คนเล่านิทาน
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 500 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากกล้องสู่คำตอบ: Search Live กับการค้นหาแบบเห็นภาพจริง

    Google ได้เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ใน AI Mode ที่ชื่อว่า Search Live ซึ่งเป็นการนำเทคโนโลยีจาก Project Astra มาใช้ในระบบค้นหา โดยผู้ใช้สามารถเปิดกล้องมือถือผ่าน Google Lens แล้วสตรีมภาพแบบสดเข้าสู่ AI Mode เพื่อถามคำถามเกี่ยวกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า เช่น สูตรอาหารจากวัตถุดิบในตู้เย็น หรือการวิเคราะห์แผนภาพทางคณิตศาสตร์

    นอกจากนี้ Google ยังเพิ่มฟีเจอร์อื่นๆ เช่น การอัปโหลดไฟล์ PDF และภาพ เพื่อให้ AI วิเคราะห์เนื้อหาในไฟล์ร่วมกับข้อมูลจากเว็บ และตอบคำถามได้อย่างมีบริบท รวมถึงฟีเจอร์ Canvas ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถวางแผนหรือจัดระเบียบข้อมูลในแถบด้านข้างแบบไดนามิก ซึ่งจะอัปเดตตามคำถามและการแก้ไขของผู้ใช้

    Search Live เปิดให้ผู้ใช้สตรีมภาพจากกล้องมือถือเข้าสู่ AI Mode ใน Google Search
    ใช้ผ่าน Google Lens โดยแตะไอคอน “Live” แล้วถามคำถามเกี่ยวกับสิ่งที่กล้องเห็น
    AI จะตอบคำถามแบบโต้ตอบ พร้อมลิงก์ข้อมูลเพิ่มเติมจากเว็บ

    ฟีเจอร์นี้ใช้เทคโนโลยีจาก Project Astra ของ Google DeepMind
    เป็นการค้นหาแบบมัลติโหมดที่รวมภาพ เสียง และข้อความ
    ช่วยให้ AI เข้าใจบริบทของสิ่งที่ผู้ใช้กำลังดูอยู่

    AI Mode รองรับการอัปโหลดไฟล์ PDF และภาพบนเดสก์ท็อป
    ผู้ใช้สามารถถามคำถามเกี่ยวกับเนื้อหาในไฟล์ได้โดยตรง
    AI จะวิเคราะห์เนื้อหาในไฟล์และเชื่อมโยงกับข้อมูลจากเว็บ

    ฟีเจอร์ Canvas ช่วยจัดระเบียบข้อมูลในแถบด้านข้างแบบไดนามิก
    เหมาะสำหรับการสร้างแผนการเรียน, แผนการเดินทาง หรือรายการงาน
    สามารถแก้ไขและติดตามข้อมูลได้หลายครั้งในแต่ละเซสชัน

    ฟีเจอร์ใหม่ทั้งหมดเริ่มเปิดใช้งานในสหรัฐฯ สำหรับผู้ใช้ในโปรแกรม Labs ของ AI Mode
    รองรับเฉพาะผู้ใช้ที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป
    ฟีเจอร์จะทยอยเปิดใช้งานในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า

    https://www.neowin.net/news/google-will-let-you-stream-your-live-camera-feed-to-ai-mode-in-search-for-better-results/
    📱 เรื่องเล่าจากกล้องสู่คำตอบ: Search Live กับการค้นหาแบบเห็นภาพจริง Google ได้เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ใน AI Mode ที่ชื่อว่า Search Live ซึ่งเป็นการนำเทคโนโลยีจาก Project Astra มาใช้ในระบบค้นหา โดยผู้ใช้สามารถเปิดกล้องมือถือผ่าน Google Lens แล้วสตรีมภาพแบบสดเข้าสู่ AI Mode เพื่อถามคำถามเกี่ยวกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า เช่น สูตรอาหารจากวัตถุดิบในตู้เย็น หรือการวิเคราะห์แผนภาพทางคณิตศาสตร์ นอกจากนี้ Google ยังเพิ่มฟีเจอร์อื่นๆ เช่น การอัปโหลดไฟล์ PDF และภาพ เพื่อให้ AI วิเคราะห์เนื้อหาในไฟล์ร่วมกับข้อมูลจากเว็บ และตอบคำถามได้อย่างมีบริบท รวมถึงฟีเจอร์ Canvas ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถวางแผนหรือจัดระเบียบข้อมูลในแถบด้านข้างแบบไดนามิก ซึ่งจะอัปเดตตามคำถามและการแก้ไขของผู้ใช้ ✅ Search Live เปิดให้ผู้ใช้สตรีมภาพจากกล้องมือถือเข้าสู่ AI Mode ใน Google Search ➡️ ใช้ผ่าน Google Lens โดยแตะไอคอน “Live” แล้วถามคำถามเกี่ยวกับสิ่งที่กล้องเห็น ➡️ AI จะตอบคำถามแบบโต้ตอบ พร้อมลิงก์ข้อมูลเพิ่มเติมจากเว็บ ✅ ฟีเจอร์นี้ใช้เทคโนโลยีจาก Project Astra ของ Google DeepMind ➡️ เป็นการค้นหาแบบมัลติโหมดที่รวมภาพ เสียง และข้อความ ➡️ ช่วยให้ AI เข้าใจบริบทของสิ่งที่ผู้ใช้กำลังดูอยู่ ✅ AI Mode รองรับการอัปโหลดไฟล์ PDF และภาพบนเดสก์ท็อป ➡️ ผู้ใช้สามารถถามคำถามเกี่ยวกับเนื้อหาในไฟล์ได้โดยตรง ➡️ AI จะวิเคราะห์เนื้อหาในไฟล์และเชื่อมโยงกับข้อมูลจากเว็บ ✅ ฟีเจอร์ Canvas ช่วยจัดระเบียบข้อมูลในแถบด้านข้างแบบไดนามิก ➡️ เหมาะสำหรับการสร้างแผนการเรียน, แผนการเดินทาง หรือรายการงาน ➡️ สามารถแก้ไขและติดตามข้อมูลได้หลายครั้งในแต่ละเซสชัน ✅ ฟีเจอร์ใหม่ทั้งหมดเริ่มเปิดใช้งานในสหรัฐฯ สำหรับผู้ใช้ในโปรแกรม Labs ของ AI Mode ➡️ รองรับเฉพาะผู้ใช้ที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป ➡️ ฟีเจอร์จะทยอยเปิดใช้งานในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า https://www.neowin.net/news/google-will-let-you-stream-your-live-camera-feed-to-ai-mode-in-search-for-better-results/
    WWW.NEOWIN.NET
    Google will let you stream your live camera feed to AI Mode in Search for better results
    Google has announced a ton of new capabilities coming soon to AI Mode in Search, including Search Live, which streams your live camera feed to Google Search.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 198 มุมมอง 0 รีวิว
  • ไอ้กร๊วก (AI Grok) ของอีลอนนี่ลุงก็ชอบใช้นะ มันได้ข้อมูลสดใหม่ดี คราวนี้ได้พัฒนาขึ้นอีกขั้นแล้ว

    ก่อนหน้านี้ Grok ของ xAI มีจุดขายคือ “AI แนวถามตอบบนแพลตฟอร์ม X” ที่ Elon Musk ผลักดันเต็มที่ แต่ล่าสุดมีการพบ โค้ดที่รั่วหลุดออกมา ซึ่งบอกเป็นนัยว่า Grok จะสามารถเปิด แก้ไข และจัดการไฟล์ได้ โดยเฉพาะ “ไฟล์สเปรดชีต”

    ความสามารถใหม่นี้คล้ายกับสิ่งที่ Google และ Microsoft ทำไปแล้ว — คือเอา AI ใส่เข้าไปใน Google Sheets หรือ Excel ให้ช่วยสรุป วิเคราะห์ หรือวางสูตรให้อัตโนมัติ

    สิ่งที่น่าจับตาคือ:
    - Grok กำลังถูกดันให้ “จับงานจริง” ในธุรกิจมากขึ้น
    - อาจเชื่อมต่อกับแพลตฟอร์มของ X แบบแนบแน่น เช่น ส่งข้อมูลจากโพสต์เข้าไปใน sheet ได้เลย

    ยังไม่มีการประกาศเป็นทางการ แต่มีแหล่งข่าวระบุว่า Grok Studio (ฟีเจอร์ร่วมมือแบบ split-screen) อาจจะรวมฟีเจอร์นี้ในอนาคต

    Grok เตรียมเพิ่มฟีเจอร์จัดการเอกสาร โดยเฉพาะ “ไฟล์สเปรดชีต”  
    • ฟีเจอร์อยู่ในโค้ดที่หลุดมา  
    • อาจเริ่มด้วย spreadsheet ก่อนขยายไปยังเอกสารหรือภาพในอนาคต

    สามารถโต้ตอบกับผู้ใช้ระหว่างแก้ไขไฟล์แบบ live  
    • เช่น ผู้ใช้สั่งให้สรุปข้อมูล, วิเคราะห์เทรนด์, เติมสูตร หรือจัดรูปแบบตาราง

    Grok Studio จะเป็นพื้นที่ทำงานร่วมกันระหว่างผู้ใช้กับ AI  
    • คล้าย Google Workspace + Gemini หรือ Microsoft 365 + Copilot

    ฟีเจอร์ workspace แยกสำหรับเก็บไฟล์และบทสนทนาได้อย่างเป็นระเบียบ  
    • คล้ายฟีเจอร์ใน Google Drive + AI Assistant

    ยังไม่มีประกาศทางการจาก xAI แต่คาดว่าทดสอบภายในก่อนเปิดตัวจริง

    https://www.techradar.com/pro/oh-great-grok-could-soon-help-you-at-work-by-editing-your-spreadsheets-and-other-work-documents
    ไอ้กร๊วก (AI Grok) ของอีลอนนี่ลุงก็ชอบใช้นะ มันได้ข้อมูลสดใหม่ดี คราวนี้ได้พัฒนาขึ้นอีกขั้นแล้ว ก่อนหน้านี้ Grok ของ xAI มีจุดขายคือ “AI แนวถามตอบบนแพลตฟอร์ม X” ที่ Elon Musk ผลักดันเต็มที่ แต่ล่าสุดมีการพบ โค้ดที่รั่วหลุดออกมา ซึ่งบอกเป็นนัยว่า Grok จะสามารถเปิด แก้ไข และจัดการไฟล์ได้ โดยเฉพาะ “ไฟล์สเปรดชีต” ความสามารถใหม่นี้คล้ายกับสิ่งที่ Google และ Microsoft ทำไปแล้ว — คือเอา AI ใส่เข้าไปใน Google Sheets หรือ Excel ให้ช่วยสรุป วิเคราะห์ หรือวางสูตรให้อัตโนมัติ สิ่งที่น่าจับตาคือ: - Grok กำลังถูกดันให้ “จับงานจริง” ในธุรกิจมากขึ้น - อาจเชื่อมต่อกับแพลตฟอร์มของ X แบบแนบแน่น เช่น ส่งข้อมูลจากโพสต์เข้าไปใน sheet ได้เลย ยังไม่มีการประกาศเป็นทางการ แต่มีแหล่งข่าวระบุว่า Grok Studio (ฟีเจอร์ร่วมมือแบบ split-screen) อาจจะรวมฟีเจอร์นี้ในอนาคต ✅ Grok เตรียมเพิ่มฟีเจอร์จัดการเอกสาร โดยเฉพาะ “ไฟล์สเปรดชีต”   • ฟีเจอร์อยู่ในโค้ดที่หลุดมา   • อาจเริ่มด้วย spreadsheet ก่อนขยายไปยังเอกสารหรือภาพในอนาคต ✅ สามารถโต้ตอบกับผู้ใช้ระหว่างแก้ไขไฟล์แบบ live   • เช่น ผู้ใช้สั่งให้สรุปข้อมูล, วิเคราะห์เทรนด์, เติมสูตร หรือจัดรูปแบบตาราง ✅ Grok Studio จะเป็นพื้นที่ทำงานร่วมกันระหว่างผู้ใช้กับ AI   • คล้าย Google Workspace + Gemini หรือ Microsoft 365 + Copilot ✅ ฟีเจอร์ workspace แยกสำหรับเก็บไฟล์และบทสนทนาได้อย่างเป็นระเบียบ   • คล้ายฟีเจอร์ใน Google Drive + AI Assistant ✅ ยังไม่มีประกาศทางการจาก xAI แต่คาดว่าทดสอบภายในก่อนเปิดตัวจริง https://www.techradar.com/pro/oh-great-grok-could-soon-help-you-at-work-by-editing-your-spreadsheets-and-other-work-documents
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 252 มุมมอง 0 รีวิว
  • แม้ว่า AMD Ryzen ตระกูล X3D จะให้ประสิทธิภาพที่ยอดเยี่ยมในเกม เพราะมี L3 Cache แบบ 3D stacked ช่วยลด latency ได้มาก แต่ก็มีผู้ใช้บางรายเจอปัญหา “กระตุกยิบ ๆ” หรือ micro-stuttering โดยเฉพาะกับรุ่นที่ใช้ 2 CCD (Core Complex Die)

    ผู้ใช้บางคนใน Reddit และ YouTube ค้นพบว่า การเข้า BIOS แล้วเปลี่ยนค่า “Global C-State Control” จาก Auto → Enabled อาจช่วยลดอาการกระตุกได้ทันที โดยเฉพาะในเกมที่มีการโหลดข้อมูลต่อเนื่อง

    ฟีเจอร์ C-State นี้คือระบบที่จัดการ sleep state ของซีพียู เพื่อประหยัดพลังงาน โดยจะ “พัก” ฟังก์ชันบางอย่างเมื่อไม่ใช้งาน เช่น core, I/O หรือ Infinity Fabric (Data Fabric) — แต่ถ้า BIOS ตั้งค่าแบบ Auto ใน X3D บางรุ่น ฟีเจอร์นี้อาจถูกปิดไปเลย ทำให้ซีพียูทำงานแบบ Full power ตลอดเวลาและเกิดความไม่เสถียรในบางช่วง

    แม้การเบนช์มาร์กด้วยโปรแกรม AIDA64 จะไม่เห็นความต่างชัดเจน แต่ในเกมจริงอาจช่วยได้ โดยเฉพาะถ้า Windows ไม่จัดสรรงานให้ไปยัง CCD ที่มี V-Cache อย่างเหมาะสม

    AMD Ryzen X3D บางรุ่นพบอาการกระตุกหรือ micro-stutter บน Windows  
    • โดยเฉพาะเมื่อใช้เกมที่โหลดข้อมูลถี่ และในรุ่น 2 CCD (มีแคชแค่ฝั่งเดียว)

    การเปลี่ยน BIOS Setting “Global C-State Control” → Enabled ช่วยลดการกระตุกในบางกรณี  
    • Auto อาจปิดฟีเจอร์ไปโดยไม่รู้ตัวในบางเมนบอร์ด  
    • Enabled จะเปิดการทำงานของ C-State เต็มรูปแบบ

    C-State คือฟีเจอร์จัดการพลังงานผ่าน ACPI ให้ OS เลือกพัก core/IO/infinity fabric ได้ตามความเหมาะสม  
    • ทำงานคู่กับ P-State ที่จัดการ clock/voltage scaling

    การเปิด C-State ช่วยให้ Windows จัดการ “Preferred Core” และ CCD ได้ดีขึ้น  
    • โดยเฉพาะหาก CPPC ไม่ทำงานเต็มประสิทธิภาพ

    Tips เพิ่มเติม: การปิดการแสดงผล Power Percent ใน MSI Afterburner ก็ช่วยลด micro-stutter ได้  
    • เป็นปัญหาที่รู้กันมานาน แม้ใช้ CPU รุ่นไม่ใช่ X3D ก็ตาม

    การเปลี่ยน BIOS โดยไม่รู้ค่าเดิม อาจทำให้ระบบไม่เสถียร หรือมีผลกับ power consumption  
    • ควรจดค่าก่อนเปลี่ยน และทดสอบใน workload ที่ใช้จริง

    ผลลัพธ์จากการเปลี่ยน Global C-State ยังไม่แน่นอนในทุกเกม/ระบบ  
    • ไม่มีผลกับ AIDA64 แต่ในเกมอาจแตกต่าง ต้องลองเป็นกรณีไป

    ถ้าใช้ Mainboard รุ่นเก่าหรือ BIOS ไม่อัปเดต อาจไม่มีตัวเลือกนี้ หรือชื่ออาจไม่ตรงกัน  
    • เช่น อาจใช้ชื่อ CPU Power Saving, C-State Mode, ฯลฯ

    การเปิด C-State ทำให้ CPU เข้าสู่ sleep state ได้ — แม้อาจเพิ่ม efficiency แต่ต้องระวังปัญหาความหน่วงในบางงานเฉพาะทาง  
    • โดยเฉพาะในการเรนเดอร์หรือทำงานที่ต้อง full load ต่อเนื่อง

    https://www.neowin.net/news/some-amd-ryzen-users-can-get-free-windows-performance-boost-with-this-simple-system-tweak/
    แม้ว่า AMD Ryzen ตระกูล X3D จะให้ประสิทธิภาพที่ยอดเยี่ยมในเกม เพราะมี L3 Cache แบบ 3D stacked ช่วยลด latency ได้มาก แต่ก็มีผู้ใช้บางรายเจอปัญหา “กระตุกยิบ ๆ” หรือ micro-stuttering โดยเฉพาะกับรุ่นที่ใช้ 2 CCD (Core Complex Die) ผู้ใช้บางคนใน Reddit และ YouTube ค้นพบว่า การเข้า BIOS แล้วเปลี่ยนค่า “Global C-State Control” จาก Auto → Enabled อาจช่วยลดอาการกระตุกได้ทันที โดยเฉพาะในเกมที่มีการโหลดข้อมูลต่อเนื่อง ฟีเจอร์ C-State นี้คือระบบที่จัดการ sleep state ของซีพียู เพื่อประหยัดพลังงาน โดยจะ “พัก” ฟังก์ชันบางอย่างเมื่อไม่ใช้งาน เช่น core, I/O หรือ Infinity Fabric (Data Fabric) — แต่ถ้า BIOS ตั้งค่าแบบ Auto ใน X3D บางรุ่น ฟีเจอร์นี้อาจถูกปิดไปเลย ทำให้ซีพียูทำงานแบบ Full power ตลอดเวลาและเกิดความไม่เสถียรในบางช่วง แม้การเบนช์มาร์กด้วยโปรแกรม AIDA64 จะไม่เห็นความต่างชัดเจน แต่ในเกมจริงอาจช่วยได้ โดยเฉพาะถ้า Windows ไม่จัดสรรงานให้ไปยัง CCD ที่มี V-Cache อย่างเหมาะสม ✅ AMD Ryzen X3D บางรุ่นพบอาการกระตุกหรือ micro-stutter บน Windows   • โดยเฉพาะเมื่อใช้เกมที่โหลดข้อมูลถี่ และในรุ่น 2 CCD (มีแคชแค่ฝั่งเดียว) ✅ การเปลี่ยน BIOS Setting “Global C-State Control” → Enabled ช่วยลดการกระตุกในบางกรณี   • Auto อาจปิดฟีเจอร์ไปโดยไม่รู้ตัวในบางเมนบอร์ด   • Enabled จะเปิดการทำงานของ C-State เต็มรูปแบบ ✅ C-State คือฟีเจอร์จัดการพลังงานผ่าน ACPI ให้ OS เลือกพัก core/IO/infinity fabric ได้ตามความเหมาะสม   • ทำงานคู่กับ P-State ที่จัดการ clock/voltage scaling ✅ การเปิด C-State ช่วยให้ Windows จัดการ “Preferred Core” และ CCD ได้ดีขึ้น   • โดยเฉพาะหาก CPPC ไม่ทำงานเต็มประสิทธิภาพ ✅ Tips เพิ่มเติม: การปิดการแสดงผล Power Percent ใน MSI Afterburner ก็ช่วยลด micro-stutter ได้   • เป็นปัญหาที่รู้กันมานาน แม้ใช้ CPU รุ่นไม่ใช่ X3D ก็ตาม ‼️ การเปลี่ยน BIOS โดยไม่รู้ค่าเดิม อาจทำให้ระบบไม่เสถียร หรือมีผลกับ power consumption   • ควรจดค่าก่อนเปลี่ยน และทดสอบใน workload ที่ใช้จริง ‼️ ผลลัพธ์จากการเปลี่ยน Global C-State ยังไม่แน่นอนในทุกเกม/ระบบ   • ไม่มีผลกับ AIDA64 แต่ในเกมอาจแตกต่าง ต้องลองเป็นกรณีไป ‼️ ถ้าใช้ Mainboard รุ่นเก่าหรือ BIOS ไม่อัปเดต อาจไม่มีตัวเลือกนี้ หรือชื่ออาจไม่ตรงกัน   • เช่น อาจใช้ชื่อ CPU Power Saving, C-State Mode, ฯลฯ ‼️ การเปิด C-State ทำให้ CPU เข้าสู่ sleep state ได้ — แม้อาจเพิ่ม efficiency แต่ต้องระวังปัญหาความหน่วงในบางงานเฉพาะทาง   • โดยเฉพาะในการเรนเดอร์หรือทำงานที่ต้อง full load ต่อเนื่อง https://www.neowin.net/news/some-amd-ryzen-users-can-get-free-windows-performance-boost-with-this-simple-system-tweak/
    WWW.NEOWIN.NET
    Some AMD Ryzen users can get free Windows performance boost with this simple system tweak
    AMD Ryzen processor owners, especially X3D ones, may be in for a pleasant surprise as a simple tweak to one of their system settings can help boost performance.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 289 มุมมอง 0 รีวิว
  • จอร์จจ บุช ทักษิณเคยเขิญมาเมืองไทยมาบ้านจันทร์ส่องหล้า ก็จอร์จ บุช เป็นเจ้าบริษัทน้ำมันใหญ่มาก และเป็นไปทำสงครามในตะวันออกกลาง ปล้นน้ำมัน อีรัก ลิเบีย อยู่หลายปี
    บุช กับทักษิณ รู้เรื่องอหล่วน้ำมัรใรอ่าวดีมาก เพราะ ไทยอนุญาติให้ อเมริกานำเครื่องสำรวจ อเมริกาอ้างว่ามากสำรวจสภาพอากาศ ฯ แต่ในเครื่องบินมันสำรวจแร่ ธาตุ ในพื้นโลกได้
    จอร์จจ บุช ทักษิณเคยเขิญมาเมืองไทยมาบ้านจันทร์ส่องหล้า ก็จอร์จ บุช เป็นเจ้าบริษัทน้ำมันใหญ่มาก และเป็นไปทำสงครามในตะวันออกกลาง ปล้นน้ำมัน อีรัก ลิเบีย อยู่หลายปี บุช กับทักษิณ รู้เรื่องอหล่วน้ำมัรใรอ่าวดีมาก เพราะ ไทยอนุญาติให้ อเมริกานำเครื่องสำรวจ อเมริกาอ้างว่ามากสำรวจสภาพอากาศ ฯ แต่ในเครื่องบินมันสำรวจแร่ ธาตุ ในพื้นโลกได้
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 166 มุมมอง 0 รีวิว
  • "สถานการณ์ตะวันออกกลางขณะนี้"

    สหรัฐกำลัง "สร้างข้ออ้าง" เพื่อหาทางทำลายอิหร่าน เช่นเดียวกับที่ จอร์จ บุช เคยทำกับอิรักมาแล้วครั้งหนึ่ง โดยอ้างว่าอิรักมีอาวุธเคมี!!!

    "อิหร่านไม่สามารถมีอาวุธนิวเคลียร์ได้ เราจะไม่อนุญาตให้มีมัน" ประธานาธิบดีทรัมป์กล่าวไว้ก่อนหน้านี้เพียงไม่กี่วัน

    ทอม คอตตอน วุฒิสมาชิกของสหรัฐ และอดีตทหารผ่านศึกกในสงครามอิรัก ระบุว่า "พีท เฮกเซธ" รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ ยืนยันว่าอิหร่านกำลังพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ และอเมริกาต้องหยุดยั้งการกระทำดังกล่าว

    อิสราเอลแจ้งต่อสหรัฐ พร้อมแล้วสำหรับปฏิบัติการโจมตีอิหร่าน

    สหรัฐแจ้งเตือนฐานทัพของพวกเขาทั่วโลกให้เตรียมพร้อมรับมือขั้นสูงสุด

    สหรัฐอเมริกามีคำสั่งอพยพเจ้าหน้าที่ออกจากสถานทูตในหลายประเทศในภูมิภาคตะวันออกกลาง รวมทั้งสมาชิกครอบครัวและบุคลากรที่ไม่จำเป็น

    อิหร่านประกาศพร้อมโจมตีฐานทัพสหรัฐทันทีทั่วทั้งตะวันออกกลาง รวมทั้งอิสราเอล หากมีการดเปิดฉากโจมตีอิหร่าน

    รัฐมนตรีกลาโหมอิหร่าo ประกาศความสำเร็จในการทดสอบขีปนาวุธที่มีหัวรบขนาด 2 ตัน



    "สถานการณ์ตะวันออกกลางขณะนี้" สหรัฐกำลัง "สร้างข้ออ้าง" เพื่อหาทางทำลายอิหร่าน เช่นเดียวกับที่ จอร์จ บุช เคยทำกับอิรักมาแล้วครั้งหนึ่ง โดยอ้างว่าอิรักมีอาวุธเคมี!!! 👉"อิหร่านไม่สามารถมีอาวุธนิวเคลียร์ได้ เราจะไม่อนุญาตให้มีมัน" ประธานาธิบดีทรัมป์กล่าวไว้ก่อนหน้านี้เพียงไม่กี่วัน 👉ทอม คอตตอน วุฒิสมาชิกของสหรัฐ และอดีตทหารผ่านศึกกในสงครามอิรัก ระบุว่า "พีท เฮกเซธ" รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ ยืนยันว่าอิหร่านกำลังพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ และอเมริกาต้องหยุดยั้งการกระทำดังกล่าว 👉อิสราเอลแจ้งต่อสหรัฐ พร้อมแล้วสำหรับปฏิบัติการโจมตีอิหร่าน 👉สหรัฐแจ้งเตือนฐานทัพของพวกเขาทั่วโลกให้เตรียมพร้อมรับมือขั้นสูงสุด 👉สหรัฐอเมริกามีคำสั่งอพยพเจ้าหน้าที่ออกจากสถานทูตในหลายประเทศในภูมิภาคตะวันออกกลาง รวมทั้งสมาชิกครอบครัวและบุคลากรที่ไม่จำเป็น 👉อิหร่านประกาศพร้อมโจมตีฐานทัพสหรัฐทันทีทั่วทั้งตะวันออกกลาง รวมทั้งอิสราเอล หากมีการดเปิดฉากโจมตีอิหร่าน 👉รัฐมนตรีกลาโหมอิหร่าo ประกาศความสำเร็จในการทดสอบขีปนาวุธที่มีหัวรบขนาด 2 ตัน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 356 มุมมอง 0 รีวิว
  • Microsoft ปรับปรุงมาตรฐาน USB-C บน Windows 11 เพื่อแก้ปัญหาความสับสน

    Microsoft ได้ประกาศปรับปรุง Windows Hardware Compatibility Program (WHCP) เพื่อให้แน่ใจว่า ทุกพอร์ต USB-C บน Windows 11 รองรับการส่งข้อมูล, การชาร์จ และการแสดงผล โดยไม่มีข้อจำกัดที่แตกต่างกันในแต่ละอุปกรณ์

    ปัญหาหลักของ USB-C คือ การใช้งานที่ไม่สม่ำเสมอในแต่ละอุปกรณ์ บางพอร์ตรองรับเฉพาะการชาร์จ บางพอร์ตรองรับเฉพาะการส่งข้อมูล หรือบางพอร์ตรองรับการแสดงผลเท่านั้น

    WHCP ใหม่จะกำหนดให้ ทุกพอร์ต USB-C บนแล็ปท็อปและแท็บเล็ตที่ได้รับการรับรองจาก Windows 11 ต้องรองรับทั้งสามฟังก์ชัน ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สามารถ เสียบสายชาร์จหรือจอแสดงผลที่พอร์ตใดก็ได้โดยไม่ต้องเดา

    นอกจากนี้ Microsoft ยังเพิ่มข้อกำหนดให้ พอร์ต USB 40Gbps รองรับทั้ง USB4 และ Thunderbolt 3 เพื่อให้แน่ใจว่าอุปกรณ์ที่ใช้มาตรฐานเหล่านี้สามารถทำงานร่วมกันได้อย่างราบรื่น

    ข้อมูลจากข่าว
    - WHCP ใหม่กำหนดให้ทุกพอร์ต USB-C บน Windows 11 รองรับการส่งข้อมูล, การชาร์จ และการแสดงผล
    - ช่วยลดความสับสนของผู้ใช้เกี่ยวกับพอร์ต USB-C ที่มีฟังก์ชันแตกต่างกัน
    - พอร์ต USB 40Gbps ต้องรองรับทั้ง USB4 และ Thunderbolt 3
    - WHCP ใช้ Microsoft driver stack เพื่อให้แน่ใจว่าการอัปเดตด้านความปลอดภัยและฟีเจอร์จะมาผ่าน Windows Update
    - การเปลี่ยนแปลงนี้มีผลกับอุปกรณ์ที่มาพร้อมกับ Windows 11 24H2

    คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - แม้จะมีมาตรฐานใหม่ แต่ระดับการรองรับของแต่ละพอร์ต USB-C อาจยังแตกต่างกันไปตามอุปกรณ์
    - ผู้ใช้ต้องตรวจสอบว่าอุปกรณ์ของตนได้รับการรับรอง WHCP หรือไม่
    - การเปลี่ยนแปลงนี้อาจทำให้ผู้ผลิตต้องปรับปรุงฮาร์ดแวร์และไดรเวอร์เพิ่มเติม
    - ต้องติดตามว่าผู้ผลิตพีซีจะนำมาตรฐานนี้ไปใช้กับอุปกรณ์รุ่นเก่าหรือไม่

    การปรับปรุง WHCP นี้ช่วยให้ การใช้งานพอร์ต USB-C บน Windows 11 มีความสม่ำเสมอมากขึ้น และลดปัญหาความสับสน อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามว่าผู้ผลิตพีซีจะนำมาตรฐานนี้ไปใช้กับอุปกรณ์รุ่นเก่าหรือไม่

    https://www.tomshardware.com/software/windows/microsoft-promises-it-is-ending-usb-c-port-confusion-with-updated-windows-11-certified-program
    🔌 Microsoft ปรับปรุงมาตรฐาน USB-C บน Windows 11 เพื่อแก้ปัญหาความสับสน Microsoft ได้ประกาศปรับปรุง Windows Hardware Compatibility Program (WHCP) เพื่อให้แน่ใจว่า ทุกพอร์ต USB-C บน Windows 11 รองรับการส่งข้อมูล, การชาร์จ และการแสดงผล โดยไม่มีข้อจำกัดที่แตกต่างกันในแต่ละอุปกรณ์ ปัญหาหลักของ USB-C คือ การใช้งานที่ไม่สม่ำเสมอในแต่ละอุปกรณ์ บางพอร์ตรองรับเฉพาะการชาร์จ บางพอร์ตรองรับเฉพาะการส่งข้อมูล หรือบางพอร์ตรองรับการแสดงผลเท่านั้น WHCP ใหม่จะกำหนดให้ ทุกพอร์ต USB-C บนแล็ปท็อปและแท็บเล็ตที่ได้รับการรับรองจาก Windows 11 ต้องรองรับทั้งสามฟังก์ชัน ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สามารถ เสียบสายชาร์จหรือจอแสดงผลที่พอร์ตใดก็ได้โดยไม่ต้องเดา นอกจากนี้ Microsoft ยังเพิ่มข้อกำหนดให้ พอร์ต USB 40Gbps รองรับทั้ง USB4 และ Thunderbolt 3 เพื่อให้แน่ใจว่าอุปกรณ์ที่ใช้มาตรฐานเหล่านี้สามารถทำงานร่วมกันได้อย่างราบรื่น ✅ ข้อมูลจากข่าว - WHCP ใหม่กำหนดให้ทุกพอร์ต USB-C บน Windows 11 รองรับการส่งข้อมูล, การชาร์จ และการแสดงผล - ช่วยลดความสับสนของผู้ใช้เกี่ยวกับพอร์ต USB-C ที่มีฟังก์ชันแตกต่างกัน - พอร์ต USB 40Gbps ต้องรองรับทั้ง USB4 และ Thunderbolt 3 - WHCP ใช้ Microsoft driver stack เพื่อให้แน่ใจว่าการอัปเดตด้านความปลอดภัยและฟีเจอร์จะมาผ่าน Windows Update - การเปลี่ยนแปลงนี้มีผลกับอุปกรณ์ที่มาพร้อมกับ Windows 11 24H2 ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - แม้จะมีมาตรฐานใหม่ แต่ระดับการรองรับของแต่ละพอร์ต USB-C อาจยังแตกต่างกันไปตามอุปกรณ์ - ผู้ใช้ต้องตรวจสอบว่าอุปกรณ์ของตนได้รับการรับรอง WHCP หรือไม่ - การเปลี่ยนแปลงนี้อาจทำให้ผู้ผลิตต้องปรับปรุงฮาร์ดแวร์และไดรเวอร์เพิ่มเติม - ต้องติดตามว่าผู้ผลิตพีซีจะนำมาตรฐานนี้ไปใช้กับอุปกรณ์รุ่นเก่าหรือไม่ การปรับปรุง WHCP นี้ช่วยให้ การใช้งานพอร์ต USB-C บน Windows 11 มีความสม่ำเสมอมากขึ้น และลดปัญหาความสับสน อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามว่าผู้ผลิตพีซีจะนำมาตรฐานนี้ไปใช้กับอุปกรณ์รุ่นเก่าหรือไม่ https://www.tomshardware.com/software/windows/microsoft-promises-it-is-ending-usb-c-port-confusion-with-updated-windows-11-certified-program
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 203 มุมมอง 0 รีวิว
  • "เราจะทำทุกอย่างเพื่อให้แน่ใจว่าประธานาธิบดีคนต่อไปของโรมาเนียจะสนับสนุนยุโรป"

    พาเวล ดูรอฟ ผู้ก่อตั้ง Telegram ออกมาแฉว่า นิโคลัส เลอร์เนอร์ หัวหน้าหน่วยข่าวกรองต่างประเทศของฝรั่งเศส คือคนที่พยายามสั่งให้เทเลแกรมงดการนำเสนอข่าวของผู้สมัครฝ่ายอนุรักษ์นิยม(จอร์จ ซีเมียน) เดินทางมาเยือนโรมาเนีย 2 วันก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีรอบสอง

    “ก่อนการเยือนครั้งนี้ สมาชิกรัฐสภายุโรปและผู้สนับสนุนที่ใกล้ชิดที่สุดของมาครง วาเลอรี เฮเยอร์ กล่าวว่าจะดำเนินการทุกวิถีทางเพื่อให้แน่ใจว่าประธานาธิบดีคนต่อไปของโรมาเนียจะสนับสนุนยุโรป”
    "เราจะทำทุกอย่างเพื่อให้แน่ใจว่าประธานาธิบดีคนต่อไปของโรมาเนียจะสนับสนุนยุโรป" พาเวล ดูรอฟ ผู้ก่อตั้ง Telegram ออกมาแฉว่า นิโคลัส เลอร์เนอร์ หัวหน้าหน่วยข่าวกรองต่างประเทศของฝรั่งเศส คือคนที่พยายามสั่งให้เทเลแกรมงดการนำเสนอข่าวของผู้สมัครฝ่ายอนุรักษ์นิยม(จอร์จ ซีเมียน) เดินทางมาเยือนโรมาเนีย 2 วันก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีรอบสอง “ก่อนการเยือนครั้งนี้ สมาชิกรัฐสภายุโรปและผู้สนับสนุนที่ใกล้ชิดที่สุดของมาครง วาเลอรี เฮเยอร์ กล่าวว่าจะดำเนินการทุกวิถีทางเพื่อให้แน่ใจว่าประธานาธิบดีคนต่อไปของโรมาเนียจะสนับสนุนยุโรป”
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 373 มุมมอง 0 รีวิว
  • ศาลรัฐธรรมนูญของโรมาเนียใช้เวลาเพียงไม่กี่นาทีในการพิจารณาเพื่อปฏิเสธคำร้องของ "จอร์จ ซิมิออน" ที่ต้องการให้ยกเลิกผลการเลือกตั้งประธานาธิบดี เนื่องจากเขามีหลักฐานชัดเจนถึงการแทรกแซงจากฝรั่งเศสและมอลโดวา รวมทั้งการทุจริตการเลือกตั้ง
    ศาลรัฐธรรมนูญของโรมาเนียใช้เวลาเพียงไม่กี่นาทีในการพิจารณาเพื่อปฏิเสธคำร้องของ "จอร์จ ซิมิออน" ที่ต้องการให้ยกเลิกผลการเลือกตั้งประธานาธิบดี เนื่องจากเขามีหลักฐานชัดเจนถึงการแทรกแซงจากฝรั่งเศสและมอลโดวา รวมทั้งการทุจริตการเลือกตั้ง
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 348 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทีมกฎหมายของจอร์จ ซิมิออนได้เริ่มติดต่อกับผู้ก่อตั้ง Telegram "พาเวล ดูรอฟ" เพื่อโน้มน้าวให้การเป็นพยานต่อศาลรัฐธรรมนูญของโรมาเนียเกี่ยวกับการแทรกแซงของฝรั่งเศสในช่วงการเลือกตั้งประธานาธิบดีโรมาเนียรอบที่สอง ที่เพิ่งเสร็จสิ้นลงไป

    มีรายงานเพิ่มเติมว่า จอร์จ ซิมิออน กำลังย้อนรอยคำสั่งของศาลเมื่อปลายปี 2024 ที่ยกเลิกผลการเลือกตั้งประธานาธิบดี โดยอ้างว่ามีความพยายามจากรัสเซียเข้ามาแทรกแซงการเลือกตั้ง ซึ่งจนถึงขณะนี้ศาลยังไม่เคยแสดงหลักฐานที่ชัดเจน
    ทีมกฎหมายของจอร์จ ซิมิออนได้เริ่มติดต่อกับผู้ก่อตั้ง Telegram "พาเวล ดูรอฟ" เพื่อโน้มน้าวให้การเป็นพยานต่อศาลรัฐธรรมนูญของโรมาเนียเกี่ยวกับการแทรกแซงของฝรั่งเศสในช่วงการเลือกตั้งประธานาธิบดีโรมาเนียรอบที่สอง ที่เพิ่งเสร็จสิ้นลงไป มีรายงานเพิ่มเติมว่า จอร์จ ซิมิออน กำลังย้อนรอยคำสั่งของศาลเมื่อปลายปี 2024 ที่ยกเลิกผลการเลือกตั้งประธานาธิบดี โดยอ้างว่ามีความพยายามจากรัสเซียเข้ามาแทรกแซงการเลือกตั้ง ซึ่งจนถึงขณะนี้ศาลยังไม่เคยแสดงหลักฐานที่ชัดเจน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 363 มุมมอง 0 รีวิว
  • รวบยอด ความเหี้ยของยิว ก่อนคศ. จนถึงปัจจุบัน 0-2568(2025)

    ความเหี้ยของยิว : ปีคศ. 1967 ทำสงคราม 6 วัน เพื่อยึดแผ่นดินปาเลสไตน์ ทั้งๆ ที่ไปขออาศัยเค้าอยู่

    ความเหี้ยของยิว : ปีพศ. 2547 ส่งเหี้ย C ท่อน้ำเลี้ยง จ้างกลุ่มก่อการร้ายป่วน 3 จังหวัดชายแดนใต้ แผนกินรวบ ประสานเพื่อนบ้านเหี้ยมาเลย์ หวังแตกดินแดนไทย เพื่อเอาแหล่งแก็ส นอกชายฝั่งอ่าวไทย

    ความเหี้ยของยิว : ปีคศ.1990 สงครามอ่าวเปอร์เซีย เสี้ยมมุสลิมให้เข่นฆ่ากันเอง เพื่อขายอาวุธ และปล้นบ่อน้ำมันตะวันออกกลาง ยิ่งน้ำมันขาดแคลน ราคายิ่งพุ่ง อียิวกินรวบ ส่งดอลล่าร์แข็งโป๊ก เพราะผูกกับน้ำมัน

    ความเหี้ยของยิว : ปีพศ. 2550 ส่งอีเหลี่ยมชาติหมา เสี้ยมไทยให้แตกเป็น 2 แดง เหลือง

    ความเหี้ยของยิว : ก่อน เกิดคศ. อียิว ในนามอิสราเอล ร้องขอพระเจ้า ให้ช่วยปลดแอกความเป็นทาสจากอียิปต์ พระเจ้าส่งโมเสส มานำชาวอิสราเอล ทั้งหมด ออกจากอียิปต์ แล้วพบรรพบุรุษมันก็หักหลังพระเจ้า ทรยศ บูชารูปเคารพอื่น จึงถูกพระเจ้าสาปแช่ง ไร้ดินแดน เดินวนในทะเลทรายกว่า 40 ปี มาจนวันนี้ ยังไม่มีแผ่นดินเป็นของตัวเอง ถูกทั่วโลกขับไล่มานานนับ 1000 ปี

    ความเหี้ยของยิว : ปีคศ.1638 สงครามครูเสด อียิวเอาศาสนาบังหน้า ชูคริสต์ ประกาศเป็นศัตรูกับมุสลิม เปิดหน้าเข้าสู่ตะวันออกกลาง แอฟริกา ยิวคือยูดาส ผู้ทรยศพระเจ้า และเป็นขี้ข้าลูซิเฟอร์ แน่นอนว่า ต้องเสี้ยมให้โลกเข่นฆ่ากัน ทำลายแผนการพระเจ้า เสี้ยมโลกให้แตก ไม่ให้เกาะกลุ่มกันได้ นี่คือคีย์ของยิว

    ความเหี้ยของยิว : ปี 2544-2564 ส่งเหี้ยมะกันมาทำสงครามยาวที่อัฟกานิสถาน เป้าหมายคือจุดยุทธศาสตร์โลจิสติคโลก เปลี่ยนอัฟกานิสถานเป็นโรงงานผลิตฝิ่นที่ใหญ่ที่สุดในโลก ส่งออกยาเสพติด เพื่อมอมเมาเยาวชนโลก ให้ติดบ่วงทาสยา เครื่องมือควบคุมมนุษย์ เหมือนที่มันทำสงครามฝิ่นกับจีน สูตรเดียวกัน

    ความเหี้ยของยิว : ปีพศ. 2475 ส่งอีคณะร่าน มาปล้นบังลังก์พ่อ เปลี่ยนระบบการปกครอง นับจากนั้น ไทยหยุดความเจริญทันที

    ความเหี้ยของยิว : ปี 1939 กดขี่ กดหัว ประเทศแพ้สงครามอย่างอีเบียร์ จนประชาชนลุกฮือ ธุรกิจยิวเฟื่องฟู จากการเอาเปรียบ ก่อเกิดลุงหนวด ปฎิวัติประเทศใหม่ มาจากเลือกตั้ง แต่เปลี่ยนจากรับเป็นรุก ปลดแอกอินทรีเหล็ก จากยิวระยำ

    ความเหี้ยของยิว : ปี 2568 กำลังจะได้ชดใช้กรรมเก่าที่สะสมมายาวนานนับ 1000 ปี ความเหี้ยบริสุทธิ์ผุดผ่อง ไร้ดีปน เลว จัญไร ชาติชั่ว อัปรีย์ เดรัจฉาน ไร้ที่ติ ปีนี้ อียิวกำลังจะสิ้นชาติ ตายอย่างหมา อยู่อย่างผี

    ความเหี้ยของยิว : ปี 1914-1918 จุดไฟสงครามโลก สั่งอีสิงโตเหี้ยเสี้ยมยุโรปทะเลาะกันเอง เป้าหมายทำลายราชวงศ์ทั่วยุโรป สร้างความขัดแย้ง นำมาซึ่ง WWI

    ความเหี้ยของยิว : ปีพศ. 2540 ส่งอีจอร์จ โซรอส มาถล่มค่าเงินบาทไทย กว้านซื้อสินทรัพย์ไทยในราคาโคตรถูกบัดซบ โดยมีบางพรรคการเมืองขี้ข้าสหรัฐ อำนวยการขายชาติให้สะดวกโยธิน "สัญญาขายชาติแดร๊กปี 40"

    ความเหี้ยของยิว : ปีคศ. 2001 สั่งเปิด 9/11 ระเบิดตึกเวิร์ดเทรด เพื่อหาเรื่องเบิกงบแสนล้านเหรียญ และหาช่องปล้นน้ำมัน ทองคำ ซัดดัม

    ความเหี้ยของยิว : ปี 2478 สั่งระเบิดฮิโรชิม่า ทั้งๆ สงครามยุติแล้วเพื่อทดสอบปรมาณู เอาไว้ขู่ควาย ธุรกิจอาวุธยิวเติบโต หลังจากนั้น
    รวบยอด ความเหี้ยของยิว ก่อนคศ. จนถึงปัจจุบัน 0-2568(2025) ความเหี้ยของยิว : ปีคศ. 1967 ทำสงคราม 6 วัน เพื่อยึดแผ่นดินปาเลสไตน์ ทั้งๆ ที่ไปขออาศัยเค้าอยู่ ความเหี้ยของยิว : ปีพศ. 2547 ส่งเหี้ย C ท่อน้ำเลี้ยง จ้างกลุ่มก่อการร้ายป่วน 3 จังหวัดชายแดนใต้ แผนกินรวบ ประสานเพื่อนบ้านเหี้ยมาเลย์ หวังแตกดินแดนไทย เพื่อเอาแหล่งแก็ส นอกชายฝั่งอ่าวไทย ความเหี้ยของยิว : ปีคศ.1990 สงครามอ่าวเปอร์เซีย เสี้ยมมุสลิมให้เข่นฆ่ากันเอง เพื่อขายอาวุธ และปล้นบ่อน้ำมันตะวันออกกลาง ยิ่งน้ำมันขาดแคลน ราคายิ่งพุ่ง อียิวกินรวบ ส่งดอลล่าร์แข็งโป๊ก เพราะผูกกับน้ำมัน ความเหี้ยของยิว : ปีพศ. 2550 ส่งอีเหลี่ยมชาติหมา เสี้ยมไทยให้แตกเป็น 2 แดง เหลือง ความเหี้ยของยิว : ก่อน เกิดคศ. อียิว ในนามอิสราเอล ร้องขอพระเจ้า ให้ช่วยปลดแอกความเป็นทาสจากอียิปต์ พระเจ้าส่งโมเสส มานำชาวอิสราเอล ทั้งหมด ออกจากอียิปต์ แล้วพบรรพบุรุษมันก็หักหลังพระเจ้า ทรยศ บูชารูปเคารพอื่น จึงถูกพระเจ้าสาปแช่ง ไร้ดินแดน เดินวนในทะเลทรายกว่า 40 ปี มาจนวันนี้ ยังไม่มีแผ่นดินเป็นของตัวเอง ถูกทั่วโลกขับไล่มานานนับ 1000 ปี ความเหี้ยของยิว : ปีคศ.1638 สงครามครูเสด อียิวเอาศาสนาบังหน้า ชูคริสต์ ประกาศเป็นศัตรูกับมุสลิม เปิดหน้าเข้าสู่ตะวันออกกลาง แอฟริกา ยิวคือยูดาส ผู้ทรยศพระเจ้า และเป็นขี้ข้าลูซิเฟอร์ แน่นอนว่า ต้องเสี้ยมให้โลกเข่นฆ่ากัน ทำลายแผนการพระเจ้า เสี้ยมโลกให้แตก ไม่ให้เกาะกลุ่มกันได้ นี่คือคีย์ของยิว ความเหี้ยของยิว : ปี 2544-2564 ส่งเหี้ยมะกันมาทำสงครามยาวที่อัฟกานิสถาน เป้าหมายคือจุดยุทธศาสตร์โลจิสติคโลก เปลี่ยนอัฟกานิสถานเป็นโรงงานผลิตฝิ่นที่ใหญ่ที่สุดในโลก ส่งออกยาเสพติด เพื่อมอมเมาเยาวชนโลก ให้ติดบ่วงทาสยา เครื่องมือควบคุมมนุษย์ เหมือนที่มันทำสงครามฝิ่นกับจีน สูตรเดียวกัน ความเหี้ยของยิว : ปีพศ. 2475 ส่งอีคณะร่าน มาปล้นบังลังก์พ่อ เปลี่ยนระบบการปกครอง นับจากนั้น ไทยหยุดความเจริญทันที ความเหี้ยของยิว : ปี 1939 กดขี่ กดหัว ประเทศแพ้สงครามอย่างอีเบียร์ จนประชาชนลุกฮือ ธุรกิจยิวเฟื่องฟู จากการเอาเปรียบ ก่อเกิดลุงหนวด ปฎิวัติประเทศใหม่ มาจากเลือกตั้ง แต่เปลี่ยนจากรับเป็นรุก ปลดแอกอินทรีเหล็ก จากยิวระยำ ความเหี้ยของยิว : ปี 2568 กำลังจะได้ชดใช้กรรมเก่าที่สะสมมายาวนานนับ 1000 ปี ความเหี้ยบริสุทธิ์ผุดผ่อง ไร้ดีปน เลว จัญไร ชาติชั่ว อัปรีย์ เดรัจฉาน ไร้ที่ติ ปีนี้ อียิวกำลังจะสิ้นชาติ ตายอย่างหมา อยู่อย่างผี ความเหี้ยของยิว : ปี 1914-1918 จุดไฟสงครามโลก สั่งอีสิงโตเหี้ยเสี้ยมยุโรปทะเลาะกันเอง เป้าหมายทำลายราชวงศ์ทั่วยุโรป สร้างความขัดแย้ง นำมาซึ่ง WWI ความเหี้ยของยิว : ปีพศ. 2540 ส่งอีจอร์จ โซรอส มาถล่มค่าเงินบาทไทย กว้านซื้อสินทรัพย์ไทยในราคาโคตรถูกบัดซบ โดยมีบางพรรคการเมืองขี้ข้าสหรัฐ อำนวยการขายชาติให้สะดวกโยธิน "สัญญาขายชาติแดร๊กปี 40" ความเหี้ยของยิว : ปีคศ. 2001 สั่งเปิด 9/11 ระเบิดตึกเวิร์ดเทรด เพื่อหาเรื่องเบิกงบแสนล้านเหรียญ และหาช่องปล้นน้ำมัน ทองคำ ซัดดัม ความเหี้ยของยิว : ปี 2478 สั่งระเบิดฮิโรชิม่า ทั้งๆ สงครามยุติแล้วเพื่อทดสอบปรมาณู เอาไว้ขู่ควาย ธุรกิจอาวุธยิวเติบโต หลังจากนั้น
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 732 มุมมอง 0 รีวิว
  • Google Docs รองรับการแก้ไขไฟล์ Microsoft Word ที่เข้ารหัสฝั่งลูกค้า

    Google เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถดูและแก้ไขไฟล์ Microsoft Word ที่เข้ารหัสฝั่งลูกค้า (.docx) ได้โดยตรงใน Google Docs ซึ่งเป็นการเปิดตัวในรูปแบบ Beta สำหรับลูกค้า Google Workspace Enterprise Plus, Education Standard และ Plus, และ Frontline Plus

    รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับฟีเจอร์ใหม่ของ Google Docs
    ผู้ใช้สามารถแก้ไขไฟล์ .docx ที่เข้ารหัสฝั่งลูกค้าได้โดยตรงใน Google Docs
    - การแก้ไข จะถูกบันทึกกลับไปเป็นไฟล์ Word ตามเดิม

    Google Workspace Admin ต้องลงทะเบียนเพื่อเข้าร่วม Beta ผ่านแบบฟอร์มที่กำหนด
    - หลังจากได้รับอนุมัติ ฟีเจอร์จะพร้อมใช้งานทันที

    รองรับเฉพาะไฟล์ .docx เท่านั้น ไฟล์ประเภทอื่นของ Word ยังไม่สามารถใช้งานได้
    - เช่น ไฟล์ .dotx และ .docm ยังไม่รองรับ

    ขนาดไฟล์สูงสุดที่รองรับคือ 20MB
    - หากไฟล์มีขนาดใหญ่กว่านี้ อาจต้องใช้ Microsoft Word ในการแก้ไข

    บางฟีเจอร์ของ Word อาจไม่สามารถแก้ไขได้ใน Google Docs แต่จะยังคงแสดงผลเมื่อเปิดใน Microsoft Office
    - หากมีฟีเจอร์ที่ไม่รองรับ Google Docs จะแสดงการแจ้งเตือนภายในเอกสาร

    https://www.neowin.net/news/you-can-now-edit-client-side-encrypted-microsoft-word-files-with-google-docs/
    Google Docs รองรับการแก้ไขไฟล์ Microsoft Word ที่เข้ารหัสฝั่งลูกค้า Google เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถดูและแก้ไขไฟล์ Microsoft Word ที่เข้ารหัสฝั่งลูกค้า (.docx) ได้โดยตรงใน Google Docs ซึ่งเป็นการเปิดตัวในรูปแบบ Beta สำหรับลูกค้า Google Workspace Enterprise Plus, Education Standard และ Plus, และ Frontline Plus 🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับฟีเจอร์ใหม่ของ Google Docs ✅ ผู้ใช้สามารถแก้ไขไฟล์ .docx ที่เข้ารหัสฝั่งลูกค้าได้โดยตรงใน Google Docs - การแก้ไข จะถูกบันทึกกลับไปเป็นไฟล์ Word ตามเดิม ✅ Google Workspace Admin ต้องลงทะเบียนเพื่อเข้าร่วม Beta ผ่านแบบฟอร์มที่กำหนด - หลังจากได้รับอนุมัติ ฟีเจอร์จะพร้อมใช้งานทันที ✅ รองรับเฉพาะไฟล์ .docx เท่านั้น ไฟล์ประเภทอื่นของ Word ยังไม่สามารถใช้งานได้ - เช่น ไฟล์ .dotx และ .docm ยังไม่รองรับ ✅ ขนาดไฟล์สูงสุดที่รองรับคือ 20MB - หากไฟล์มีขนาดใหญ่กว่านี้ อาจต้องใช้ Microsoft Word ในการแก้ไข ✅ บางฟีเจอร์ของ Word อาจไม่สามารถแก้ไขได้ใน Google Docs แต่จะยังคงแสดงผลเมื่อเปิดใน Microsoft Office - หากมีฟีเจอร์ที่ไม่รองรับ Google Docs จะแสดงการแจ้งเตือนภายในเอกสาร https://www.neowin.net/news/you-can-now-edit-client-side-encrypted-microsoft-word-files-with-google-docs/
    WWW.NEOWIN.NET
    You can now edit client-side encrypted Microsoft Word files with Google Docs
    Google is rolling out a new beta feature that lets users edit client-side encrypted Microsoft Word files directly in Google Docs.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 150 มุมมอง 0 รีวิว
  • วันนี้มีการเลือกตั้งประธานาธิบดีโรมาเนียรอบที่สอง ซึ่งเป็นรอบตัดสิน หลังจากที่รอบแรก "จอร์จ ซีเมียน" ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีโรมาเนีย สายอนุรักษ์นิยมชนะขาดลอย


    ล่าสุด Pavel Durov ผู้ก่อตั้ง Telegram เปิดเผยว่าฝรั่งเศสขอให้เขาเซ็นเซอร์ช่องรายการที่เป็นการโฆษณาประชาสัมพันธ์ที่เกี่ยวข้องกับการเมืองสายอนุรักษ์นิยมของโรมาเนียก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีรอบที่สองในวันนี้
    วันนี้มีการเลือกตั้งประธานาธิบดีโรมาเนียรอบที่สอง ซึ่งเป็นรอบตัดสิน หลังจากที่รอบแรก "จอร์จ ซีเมียน" ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีโรมาเนีย สายอนุรักษ์นิยมชนะขาดลอย ล่าสุด Pavel Durov ผู้ก่อตั้ง Telegram เปิดเผยว่าฝรั่งเศสขอให้เขาเซ็นเซอร์ช่องรายการที่เป็นการโฆษณาประชาสัมพันธ์ที่เกี่ยวข้องกับการเมืองสายอนุรักษ์นิยมของโรมาเนียก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีรอบที่สองในวันนี้
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 268 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts