• ทรัมป์กล่าวเตือนอิหร่านอีกครั้ง:
    'อิหร่านผลิตโดรนได้จำนวนมาก และยังเป็นการผลิตโดรนที่มีประสิทธิภาพอีกด้วย นั่นทำให้อิหร่านอยู่ในอันดับต้นๆ ของรายชื่อที่ต้องจับตามองของผม ซึ่งผมส่งจดหมายไปหาพวกเขาและบอกว่าคุณจะต้องตัดสินใจ และเราจะต้องคุยกัน ไม่เช่นนั้นจะเกิดเรื่องเลวร้ายกับอิหร่าน'


    ผมชอบให้อิหร่านหาทางออกให้มากที่สุด แต่ถ้าเราหาทางออกไม่ได้ เรื่องเลวร้ายก็จะเกิดขึ้นกับอิหร่าน
    ทรัมป์กล่าวเตือนอิหร่านอีกครั้ง: 'อิหร่านผลิตโดรนได้จำนวนมาก และยังเป็นการผลิตโดรนที่มีประสิทธิภาพอีกด้วย นั่นทำให้อิหร่านอยู่ในอันดับต้นๆ ของรายชื่อที่ต้องจับตามองของผม ซึ่งผมส่งจดหมายไปหาพวกเขาและบอกว่าคุณจะต้องตัดสินใจ และเราจะต้องคุยกัน ไม่เช่นนั้นจะเกิดเรื่องเลวร้ายกับอิหร่าน' ผมชอบให้อิหร่านหาทางออกให้มากที่สุด แต่ถ้าเราหาทางออกไม่ได้ เรื่องเลวร้ายก็จะเกิดขึ้นกับอิหร่าน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 123 มุมมอง 14 0 รีวิว
  • รมว.ต่างประเทศอิหร่านเผยเตหะรานส่งคำตอบจดหมายของทรัมป์เกี่ยวกับการยุติโครงการนิวเคลียร์ผ่านทางโอมานแล้ว
    รมว.ต่างประเทศอิหร่านเผยเตหะรานส่งคำตอบจดหมายของทรัมป์เกี่ยวกับการยุติโครงการนิวเคลียร์ผ่านทางโอมานแล้ว
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 120 มุมมอง 0 รีวิว
  • วันนี้ (22 มี.ค.) เวลา 11. 00 น. ทางด้าน "ทนายวิฑูรย์ เก่งงาน" ได้เดินทางมาที่สน.ปทุมวัน พร้อมกับตัวแทนของบริษัท แบรนด์เนม มันนี่ จำกัด เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับนักแสดงชื่อดัง "ดิว อริสรา ทองบริสุทธิ์" ในข้อหาฉ้อโกง โดยการเอาสร้อยของผู้อื่นมาขายฝากกับบริษัท โดยทุจริตหลอกลวงว่าเป็นของตัวเอง โดย ทนายวิฑูรย์ เปิดเผยว่า ความผิดของนักแสดงสาวเข้าข่ายกฎหมายฉ้อโกงทุกประการ

    ทนาย : "ผมพาตัวแทนจากบริษัท แบรนด์เนม มันนี่ มาเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับคุณดิว อริสรา ทองบริสุทธิ์ ในข้อหาฉ้อโกง เพราะตอนที่คุณดิวให้คนเอาสร้อยคอของบุลการีมาวางขายฝากกับทางบริษัท คุณดิวก็อ้างว่าสร้อยเส้นนี้เป็นของตัวเขาเอง และเอามาขายฝากไว้เพื่อจะได้เงินสินเชื่อนี้ไปเป็นของตัวเอง คือปกปิดข้อเท็จจริงครับ เข้าองค์ประกอบความผิดข้อหาฉ้อโกงทุกประการ ตอนนี้ทางบริษัทต้องรักษาสิทธิตามกฎหมาย เพราะว่าบริษัทได้รับความเสียหาย จากการถูกหลอกลวงโดยทำให้เชื่อว่าทรัพย์สินนี้เป็นของลูกหนี้ และนำมาขายฝากไว้ มีสัญญาขายฝากตั้งแต่วันที่ 19 ส.ค. 65 และมีการต่อขยายสัญญามาเรื่อยๆ ครับจนถึงสัญญาฉบับที่ 4"

    ตัวแทนบริษัท : "เรื่องของใบเซอร์ ในวันที่ 19 ส.ค. ที่นำสร้อยมาฝาก เราได้มีการสอบถามถึงใบเซอร์แล้ว ทางคุณดิวก็แจ้งว่าอยู่อีกที่นึง อย่างที่แจ้งว่าบริษัทเราทำธุรกิจที่ทำสินเชื่อเช่าซื้อแบรนด์เนมและสินเชื่อรับฝากแบรนด์เนม คือเราไม่ได้ต้องการของเพื่อจะนำไปขายต่อ แต่เราเป็นการรับฝาก ซึ่งอุปกรณ์ไม่ต้องมาครบก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร แต่ราคาก็จะลดหลั่นลงไปตามที่อุปกรณ์มี ซึ่งตอนนั้นเราได้มาแค่สร้อยกับตัวกล่องค่ะ การรับฝากแบรนด์เนมเราไม่สามารถไปเช็คจากช็อปได้ว่าของชิ้นนี้เป็นของใคร ทุกช็อปจะมีกฎของเขาในการเช็ก ซึ่งชื่อที่มาขายฝากก็เป็นชื่อคุณดิวเลยค่ะ เรามีการทำธุรกรรมถูกต้องกับคุณดิว มีการเซ็นเอกสารสัญญาถูกต้องค่ะ แต่เป็นการเซ็นออนไลน์ เราส่งจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ไปค่ะ แล้วคุณดิวก็ส่งกลับมา มีเอกสารถูกต้องก็คือมีบัตรประชาชน และการลงนามถูกต้องในสัญญาค่ะ"

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/entertainment/detail/9680000027618

    #MGROnline #ดิวอริสรา #ข้อหาฉ้อโกง
    วันนี้ (22 มี.ค.) เวลา 11. 00 น. ทางด้าน "ทนายวิฑูรย์ เก่งงาน" ได้เดินทางมาที่สน.ปทุมวัน พร้อมกับตัวแทนของบริษัท แบรนด์เนม มันนี่ จำกัด เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับนักแสดงชื่อดัง "ดิว อริสรา ทองบริสุทธิ์" ในข้อหาฉ้อโกง โดยการเอาสร้อยของผู้อื่นมาขายฝากกับบริษัท โดยทุจริตหลอกลวงว่าเป็นของตัวเอง โดย ทนายวิฑูรย์ เปิดเผยว่า ความผิดของนักแสดงสาวเข้าข่ายกฎหมายฉ้อโกงทุกประการ • ทนาย : "ผมพาตัวแทนจากบริษัท แบรนด์เนม มันนี่ มาเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับคุณดิว อริสรา ทองบริสุทธิ์ ในข้อหาฉ้อโกง เพราะตอนที่คุณดิวให้คนเอาสร้อยคอของบุลการีมาวางขายฝากกับทางบริษัท คุณดิวก็อ้างว่าสร้อยเส้นนี้เป็นของตัวเขาเอง และเอามาขายฝากไว้เพื่อจะได้เงินสินเชื่อนี้ไปเป็นของตัวเอง คือปกปิดข้อเท็จจริงครับ เข้าองค์ประกอบความผิดข้อหาฉ้อโกงทุกประการ ตอนนี้ทางบริษัทต้องรักษาสิทธิตามกฎหมาย เพราะว่าบริษัทได้รับความเสียหาย จากการถูกหลอกลวงโดยทำให้เชื่อว่าทรัพย์สินนี้เป็นของลูกหนี้ และนำมาขายฝากไว้ มีสัญญาขายฝากตั้งแต่วันที่ 19 ส.ค. 65 และมีการต่อขยายสัญญามาเรื่อยๆ ครับจนถึงสัญญาฉบับที่ 4" • ตัวแทนบริษัท : "เรื่องของใบเซอร์ ในวันที่ 19 ส.ค. ที่นำสร้อยมาฝาก เราได้มีการสอบถามถึงใบเซอร์แล้ว ทางคุณดิวก็แจ้งว่าอยู่อีกที่นึง อย่างที่แจ้งว่าบริษัทเราทำธุรกิจที่ทำสินเชื่อเช่าซื้อแบรนด์เนมและสินเชื่อรับฝากแบรนด์เนม คือเราไม่ได้ต้องการของเพื่อจะนำไปขายต่อ แต่เราเป็นการรับฝาก ซึ่งอุปกรณ์ไม่ต้องมาครบก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร แต่ราคาก็จะลดหลั่นลงไปตามที่อุปกรณ์มี ซึ่งตอนนั้นเราได้มาแค่สร้อยกับตัวกล่องค่ะ การรับฝากแบรนด์เนมเราไม่สามารถไปเช็คจากช็อปได้ว่าของชิ้นนี้เป็นของใคร ทุกช็อปจะมีกฎของเขาในการเช็ก ซึ่งชื่อที่มาขายฝากก็เป็นชื่อคุณดิวเลยค่ะ เรามีการทำธุรกรรมถูกต้องกับคุณดิว มีการเซ็นเอกสารสัญญาถูกต้องค่ะ แต่เป็นการเซ็นออนไลน์ เราส่งจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ไปค่ะ แล้วคุณดิวก็ส่งกลับมา มีเอกสารถูกต้องก็คือมีบัตรประชาชน และการลงนามถูกต้องในสัญญาค่ะ" • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/entertainment/detail/9680000027618 • #MGROnline #ดิวอริสรา #ข้อหาฉ้อโกง
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 317 มุมมอง 0 รีวิว
  • “กัณวีร์” รับไม่ได้ “บิ๊กอ้วน” ขนสื่อบินเยี่ยม “อุยกูร์” สร้างภาพ เตรียมเปิดหลักฐาน “จดหมาย-คลิปเสียง” ซักฟอกในสภาฯ
    https://www.thai-tai.tv/news/17753/
    “กัณวีร์” รับไม่ได้ “บิ๊กอ้วน” ขนสื่อบินเยี่ยม “อุยกูร์” สร้างภาพ เตรียมเปิดหลักฐาน “จดหมาย-คลิปเสียง” ซักฟอกในสภาฯ https://www.thai-tai.tv/news/17753/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 107 มุมมอง 0 รีวิว
  • ชาวอุยกูร์ที่ได้กลับบ้าน ยืนยันแล้วว่าไม่เคยเขียนจดหมายที่ไอ้อุยวีร์ กัณกูร์ เอามาอ้าง กัณวีร์ สืบสันดานเฟคนิวส์ เฟคดาต้า ตามพรรคประชาชั่วร์ ถนัดสรรหามาโจมตี เพื่อได้เงินบริจาคไว้แดกหมูกะทะ
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #หมูกระทะใกล้ฉัน
    ชาวอุยกูร์ที่ได้กลับบ้าน ยืนยันแล้วว่าไม่เคยเขียนจดหมายที่ไอ้อุยวีร์ กัณกูร์ เอามาอ้าง กัณวีร์ สืบสันดานเฟคนิวส์ เฟคดาต้า ตามพรรคประชาชั่วร์ ถนัดสรรหามาโจมตี เพื่อได้เงินบริจาคไว้แดกหมูกะทะ #คิงส์โพธิ์แดง #หมูกระทะใกล้ฉัน
    Like
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 297 มุมมอง 0 รีวิว
  • 111 ปี สิ้น “เจ้าน้อยศุขเกษม” ปิดตำนานรักสาวชาวพม่า “มะเมียะ” เรื่องจริง หรือแค่…อิงนิยาย?

    🕰️ ตำนานรักข้ามชาติ ที่คนรุ่นหลังยังคงกล่าวขาน 🕰️

    📝 111 ปีที่ผ่านไป…เรื่องราวความรักระหว่าง "เจ้าน้อยศุขเกษม" แห่งนครเชียงใหม่ และ "มะเมียะ" สาวงามจากเมืองมะละแหม่ง ยังคงเป็นเรื่องเล่าที่อบอวล ด้วยกลิ่นอายของความโรแมนติก และโศกเศร้า แต่คำถามที่หลายคนยังสงสัยคือ... เรื่องนี้มีมูลความจริงแค่ไหน? หรือเป็นเพียงตำนาน ที่แต่งเติมเสริมสีสันให้ดูหวานซึ้งเท่านั้น?

    ย้อนรอยตำนานรักข้ามพรมแดน พร้อมเปิดหลักฐานทางประวัติศาสตร์ เพื่อค้นหาคำตอบ ว่าความจริงในตำนานรักอมตะนี้ เป็นเรื่องจริง...หรือเป็นเพียงนิยายที่แต่งขึ้นมา ให้คนล้านนาหลงใหล 💔✨

    💡 "เจ้าน้อยศุขเกษม" หรือในบรรดาศักดิ์ที่รู้จักกันในนาม "เจ้าอุตรการโกศล" เป็นโอรสองค์โตของ เจ้าแก้วนวรัฐ ผู้ครองนครเชียงใหม่คนสุดท้าย กับเจ้าจามรีวงศ์ เป็นผู้มีเชื้อสายแห่งราชวงศ์ทิพย์จักรแห่งล้านนา

    เจ้าน้อยเกิดปี พ.ศ. 2423 ต่อมาในปี พ.ศ. 2441 ถูกส่งไปศึกษา ที่เมืองมะละแหม่ง ประเทศพม่า ซึ่งได้พบ "มะเมียะ" หญิงสาวแม่ค้าชาวพม่า ผู้เปลี่ยนชะตาชีวิตเจ้าน้อยศุขเกษม ไปตลอดกาล

    ได้รับแต่งตั้งเป็น "เจ้าอุตรการโกศล" ถือศักดินา 1,600 แต่ไม่ได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าหลวง เนื่องจากอุปนิสัยรักสนุก ไม่เอาการเอางาน กระทั่งถึงแก่กรรม ในวันศุกร์ที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2457 สิริอายุ 32 ปี (หากนับแบบโบราณ ตรงกับ พ.ศ. 2456 อายุ 33 ปี)

    🌸 ตำนานรักที่กล่าวขาน “มะเมียะ” หญิงงามจากแดนพม่า ถูกขนานนามว่า เป็นแม่ค้าสาวงามชาวพม่าจากเมืองมะละแหม่ง ทั้งสองพบรักกันขณะเจ้าน้อยไปศึกษายังโรงเรียนเซนต์แพทริค โดยคำบอกเล่าต่างๆ ระบุว่า

    ❤️ เจ้าน้อยศุขเกษมใช้ชีวิตร่วมกับมะเมียะฉันสามีภรรยา ด้วยการสนับสนุนจากทางบ้านของฝ่ายหญิง
    ❤️ ต่อมาเมื่อข่าวแพร่ถึงเชียงใหม่ เจ้าน้อยถูกเรียกกลับคุ้ม พร้อมคำสั่งให้เลิกคบหากับมะเมียะ อย่างเด็ดขาด
    ❤️ มะเมียะจำต้องปลอมตัวเป็นชาย เพื่อตามขบวนเจ้าน้อยกลับเชียงใหม่ แต่สุดท้ายก็ไม่อาจหลีกพ้นคำสั่ง ของผู้มีอำนาจในคุ้มเชียงใหม่ได้
    ❤️ เรื่องราวจบลงด้วยการที่มะเมียะ ถูกบีบให้เดินทางกลับบ้านเกิด น้ำตารินไหลพรากจากชายคนรักตลอดกาล…😢

    📚 ข้อเท็จจริงในหน้าประวัติศาสตร์ จากเอกสาร และหลักฐานทางประวัติศาสตร์ต่างๆ พบว่า

    📌 ไม่มีหลักฐานใดยืนยันได้ว่า "เจ้าน้อยศุขเกษม" มีความสัมพันธ์กับ "มะเมียะ" จริงในประวัติศาสตร์
    📌 เรื่องราวที่ "ปราณี ศิริธร ณ พัทลุง" นำไปเผยแพร่ในหนังสือ "เพ็ชร์ลานนา" และ ชีวิตรักเจ้าเชียงใหม่ อาจมีโครงเรื่องบางส่วน ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากเหตุการณ์ของ "เจ้าวงษ์ตวัน ณ เชียงใหม่" ผู้เป็นน้องชายต่างพระมารดาของเจ้าน้อย
    📌 หลักฐานต่างๆ ชี้ชัดว่า เจ้าน้อยศุขเกษมไม่ได้มีบทบาทสำคัญ ในการสืบราชสันตติวงศ์ของเชียงใหม่ และมีนิสัยไม่รับผิดชอบ จึงได้รับแต่งตั้งเพียงตำแหน่ง "เจ้าอุตรการโกศล"
    📌 เจ้าศุขเกษมสิ้นชีพ ด้วยโรคเส้นประสาทพิการเรื้อรัง ไม่ใช่เพราะตรอมใจ จากการพลัดพรากกับคนรัก

    🧐 ตำนานที่สร้างจากเรื่องจริง…หรือเพียงจินตนาการ? การบอกเล่าต่อๆ กันในหมู่เจ้านายฝ่ายเหนือและประชาชนล้านนาในยุคหลัง ได้ขยายความ และเติมแต่งจนเรื่องราวความรักนี้ กลายเป็นนิยายโศกนาฏกรรม ที่ชวนให้คนฟังหลงใหล

    🌿 "จรัล มโนเพ็ชร" นำเรื่องนี้ไปประพันธ์เป็นบทเพลง "มะเมี้ยะ" และขับร้องด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อย ทำให้ตำนานนี้ กลายเป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย
    🌿 เมื่อเรื่องราวถูกถ่ายทอดผ่านเพลง และสื่อหนังสือพิมพ์มากขึ้น ผู้คนจำนวนมากเชื่อว่า นี่คือเรื่องจริงของ "เจ้าน้อยศุขเกษม"
    🌿 แท้จริงแล้ว ตำนานดังกล่าว น่าจะได้รับแรงบันดาลใจจากชีวิตของ "เจ้าวงษ์ตวัน" ซึ่งเคยมีปัญหาเรื่องพาผู้หญิงหลบหนี และถูกส่งตัวกลับเชียงใหม่ ตามจดหมายเหตุในสมัยรัชกาลที่ 5 และ 6

    📖 หลักฐานสนับสนุนจากประวัติศาสตร์ล้านนา
    📜 จดหมายเหตุรายวัน ของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
    📜 รายงานการศึกษาของเจ้าวงษ์ตวัน ณ เชียงใหม่ ที่เล่าเรียนในโรงเรียนราชวิทยาลัย
    📜 บันทึกการแต่งตั้งตำแหน่ง "เจ้าอุตรการโกศล" ของเจ้าน้อยศุขเกษม
    📜 บทสัมภาษณ์เจ้าดวงเดือน ณ เชียงใหม่ ผู้ร่วมสมัยที่กล่าวถึงเหตุการณ์ เรียกตัวเจ้าน้อยศุขเกษมกลับเชียงใหม่

    🔍 วิเคราะห์และตีความใหม่ เรื่องราวความรักที่เล่าขานระหว่าง "เจ้าน้อยศุขเกษม" กับ "มะเมียะ"
    ✅ มีเค้าโครงจากเรื่องจริงบางส่วน ในราชสำนักเชียงใหม่
    ✅ ถูกเติมแต่งให้มีความโรแมนติกและดราม่า เพื่อให้ชาวบ้านและคนรุ่นหลังเข้าถึง และจดจำได้ง่าย
    ✅ สะท้อนภาพชีวิตในยุคล้านนา ที่ยังคงเคร่งครัดในระบบชนชั้น และการสมรสตามขนบธรรมเนียม
    ✅ ใช้เป็นสัญลักษณ์ของความรักต้องห้าม และการต่อสู้กับกรอบประเพณีเก่าก่อน

    ❤️ "เจ้าน้อยศุขเกษม" กับ "มะเมียะ" ตำนานที่ยังคงมีชีวิต แม้จะไม่มีหลักฐานชี้ชัดว่า ความรักครั้งนี้เป็นจริง แต่เรื่องราว "เจ้าน้อยศุขเกษม" และ "มะเมียะ" ก็ได้กลายเป็นสัญลักษณ์ของ "รักแท้ที่ไม่มีวันสมหวัง"

    🌸 ถูกถ่ายทอดเป็นนิยาย เพลง บทละคร และศิลปวัฒนธรรมในล้านนา
    🌸 กลายเป็นเครื่องเตือนใจ ถึงข้อจำกัดทางชนชั้น และการเมืองในอดีต
    🌸 ยังเป็นตำนานที่คนรุ่นใหม่ศึกษา ซาบซึ้งในแง่มุมของความรัก และความเสียสละ

    📌 สรุปข้อเท็จจริง
    📝 ตำนานรัก "เจ้าน้อยศุขเกษม กับ มะเมียะ" คือ นิยายประวัติศาสตร์ ที่แต่งเติมจากเรื่องจริงบางส่วน
    📝 ข้อเท็จจริงประวัติศาสตร์ยืนยันว่า "เจ้าวงษ์ตวัน" มีชีวิตที่คล้ายกับตำนานดังกล่าวมากกว่า
    📝 การเล่าขานที่ต่อเติมจากรุ่นสู่รุ่น ทำให้ความจริงและเรื่องแต่ง ผสมปนเปกันอย่างลงตัว
    📝 ตำนานนี้ยังคงมีเสน่ห์และคุณค่า ในฐานะเรื่องเล่าแห่งความรักของชาวล้านนา

    🌟 ความรักอาจไม่มีพรมแดน... แต่ขนบธรรมเนียมและประเพณีในอดีตต่างหาก ที่เป็นกำแพงยากจะข้ามได้ 🌟

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 200807 มี.ค. 2568

    📚 🏷️ #ตำนานรักมะเมียะ #เจ้าน้อยศุขเกษม #ล้านนาประวัติศาสตร์ #เชียงใหม่ในอดีต #เพลงมะเมี้ยะ #เรื่องจริงหรือนิยาย #ประวัติศาสตร์ล้านนา #เชียงใหม่เมืองโบราณ #ตำนานล้านนา #รักข้ามพรมแดน
    111 ปี สิ้น “เจ้าน้อยศุขเกษม” ปิดตำนานรักสาวชาวพม่า “มะเมียะ” เรื่องจริง หรือแค่…อิงนิยาย? 🕰️ ตำนานรักข้ามชาติ ที่คนรุ่นหลังยังคงกล่าวขาน 🕰️ 📝 111 ปีที่ผ่านไป…เรื่องราวความรักระหว่าง "เจ้าน้อยศุขเกษม" แห่งนครเชียงใหม่ และ "มะเมียะ" สาวงามจากเมืองมะละแหม่ง ยังคงเป็นเรื่องเล่าที่อบอวล ด้วยกลิ่นอายของความโรแมนติก และโศกเศร้า แต่คำถามที่หลายคนยังสงสัยคือ... เรื่องนี้มีมูลความจริงแค่ไหน? หรือเป็นเพียงตำนาน ที่แต่งเติมเสริมสีสันให้ดูหวานซึ้งเท่านั้น? ย้อนรอยตำนานรักข้ามพรมแดน พร้อมเปิดหลักฐานทางประวัติศาสตร์ เพื่อค้นหาคำตอบ ว่าความจริงในตำนานรักอมตะนี้ เป็นเรื่องจริง...หรือเป็นเพียงนิยายที่แต่งขึ้นมา ให้คนล้านนาหลงใหล 💔✨ 💡 "เจ้าน้อยศุขเกษม" หรือในบรรดาศักดิ์ที่รู้จักกันในนาม "เจ้าอุตรการโกศล" เป็นโอรสองค์โตของ เจ้าแก้วนวรัฐ ผู้ครองนครเชียงใหม่คนสุดท้าย กับเจ้าจามรีวงศ์ เป็นผู้มีเชื้อสายแห่งราชวงศ์ทิพย์จักรแห่งล้านนา เจ้าน้อยเกิดปี พ.ศ. 2423 ต่อมาในปี พ.ศ. 2441 ถูกส่งไปศึกษา ที่เมืองมะละแหม่ง ประเทศพม่า ซึ่งได้พบ "มะเมียะ" หญิงสาวแม่ค้าชาวพม่า ผู้เปลี่ยนชะตาชีวิตเจ้าน้อยศุขเกษม ไปตลอดกาล ได้รับแต่งตั้งเป็น "เจ้าอุตรการโกศล" ถือศักดินา 1,600 แต่ไม่ได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าหลวง เนื่องจากอุปนิสัยรักสนุก ไม่เอาการเอางาน กระทั่งถึงแก่กรรม ในวันศุกร์ที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2457 สิริอายุ 32 ปี (หากนับแบบโบราณ ตรงกับ พ.ศ. 2456 อายุ 33 ปี) 🌸 ตำนานรักที่กล่าวขาน “มะเมียะ” หญิงงามจากแดนพม่า ถูกขนานนามว่า เป็นแม่ค้าสาวงามชาวพม่าจากเมืองมะละแหม่ง ทั้งสองพบรักกันขณะเจ้าน้อยไปศึกษายังโรงเรียนเซนต์แพทริค โดยคำบอกเล่าต่างๆ ระบุว่า ❤️ เจ้าน้อยศุขเกษมใช้ชีวิตร่วมกับมะเมียะฉันสามีภรรยา ด้วยการสนับสนุนจากทางบ้านของฝ่ายหญิง ❤️ ต่อมาเมื่อข่าวแพร่ถึงเชียงใหม่ เจ้าน้อยถูกเรียกกลับคุ้ม พร้อมคำสั่งให้เลิกคบหากับมะเมียะ อย่างเด็ดขาด ❤️ มะเมียะจำต้องปลอมตัวเป็นชาย เพื่อตามขบวนเจ้าน้อยกลับเชียงใหม่ แต่สุดท้ายก็ไม่อาจหลีกพ้นคำสั่ง ของผู้มีอำนาจในคุ้มเชียงใหม่ได้ ❤️ เรื่องราวจบลงด้วยการที่มะเมียะ ถูกบีบให้เดินทางกลับบ้านเกิด น้ำตารินไหลพรากจากชายคนรักตลอดกาล…😢 📚 ข้อเท็จจริงในหน้าประวัติศาสตร์ จากเอกสาร และหลักฐานทางประวัติศาสตร์ต่างๆ พบว่า 📌 ไม่มีหลักฐานใดยืนยันได้ว่า "เจ้าน้อยศุขเกษม" มีความสัมพันธ์กับ "มะเมียะ" จริงในประวัติศาสตร์ 📌 เรื่องราวที่ "ปราณี ศิริธร ณ พัทลุง" นำไปเผยแพร่ในหนังสือ "เพ็ชร์ลานนา" และ ชีวิตรักเจ้าเชียงใหม่ อาจมีโครงเรื่องบางส่วน ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากเหตุการณ์ของ "เจ้าวงษ์ตวัน ณ เชียงใหม่" ผู้เป็นน้องชายต่างพระมารดาของเจ้าน้อย 📌 หลักฐานต่างๆ ชี้ชัดว่า เจ้าน้อยศุขเกษมไม่ได้มีบทบาทสำคัญ ในการสืบราชสันตติวงศ์ของเชียงใหม่ และมีนิสัยไม่รับผิดชอบ จึงได้รับแต่งตั้งเพียงตำแหน่ง "เจ้าอุตรการโกศล" 📌 เจ้าศุขเกษมสิ้นชีพ ด้วยโรคเส้นประสาทพิการเรื้อรัง ไม่ใช่เพราะตรอมใจ จากการพลัดพรากกับคนรัก 🧐 ตำนานที่สร้างจากเรื่องจริง…หรือเพียงจินตนาการ? การบอกเล่าต่อๆ กันในหมู่เจ้านายฝ่ายเหนือและประชาชนล้านนาในยุคหลัง ได้ขยายความ และเติมแต่งจนเรื่องราวความรักนี้ กลายเป็นนิยายโศกนาฏกรรม ที่ชวนให้คนฟังหลงใหล 🌿 "จรัล มโนเพ็ชร" นำเรื่องนี้ไปประพันธ์เป็นบทเพลง "มะเมี้ยะ" และขับร้องด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อย ทำให้ตำนานนี้ กลายเป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย 🌿 เมื่อเรื่องราวถูกถ่ายทอดผ่านเพลง และสื่อหนังสือพิมพ์มากขึ้น ผู้คนจำนวนมากเชื่อว่า นี่คือเรื่องจริงของ "เจ้าน้อยศุขเกษม" 🌿 แท้จริงแล้ว ตำนานดังกล่าว น่าจะได้รับแรงบันดาลใจจากชีวิตของ "เจ้าวงษ์ตวัน" ซึ่งเคยมีปัญหาเรื่องพาผู้หญิงหลบหนี และถูกส่งตัวกลับเชียงใหม่ ตามจดหมายเหตุในสมัยรัชกาลที่ 5 และ 6 📖 หลักฐานสนับสนุนจากประวัติศาสตร์ล้านนา 📜 จดหมายเหตุรายวัน ของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว 📜 รายงานการศึกษาของเจ้าวงษ์ตวัน ณ เชียงใหม่ ที่เล่าเรียนในโรงเรียนราชวิทยาลัย 📜 บันทึกการแต่งตั้งตำแหน่ง "เจ้าอุตรการโกศล" ของเจ้าน้อยศุขเกษม 📜 บทสัมภาษณ์เจ้าดวงเดือน ณ เชียงใหม่ ผู้ร่วมสมัยที่กล่าวถึงเหตุการณ์ เรียกตัวเจ้าน้อยศุขเกษมกลับเชียงใหม่ 🔍 วิเคราะห์และตีความใหม่ เรื่องราวความรักที่เล่าขานระหว่าง "เจ้าน้อยศุขเกษม" กับ "มะเมียะ" ✅ มีเค้าโครงจากเรื่องจริงบางส่วน ในราชสำนักเชียงใหม่ ✅ ถูกเติมแต่งให้มีความโรแมนติกและดราม่า เพื่อให้ชาวบ้านและคนรุ่นหลังเข้าถึง และจดจำได้ง่าย ✅ สะท้อนภาพชีวิตในยุคล้านนา ที่ยังคงเคร่งครัดในระบบชนชั้น และการสมรสตามขนบธรรมเนียม ✅ ใช้เป็นสัญลักษณ์ของความรักต้องห้าม และการต่อสู้กับกรอบประเพณีเก่าก่อน ❤️ "เจ้าน้อยศุขเกษม" กับ "มะเมียะ" ตำนานที่ยังคงมีชีวิต แม้จะไม่มีหลักฐานชี้ชัดว่า ความรักครั้งนี้เป็นจริง แต่เรื่องราว "เจ้าน้อยศุขเกษม" และ "มะเมียะ" ก็ได้กลายเป็นสัญลักษณ์ของ "รักแท้ที่ไม่มีวันสมหวัง" 🌸 ถูกถ่ายทอดเป็นนิยาย เพลง บทละคร และศิลปวัฒนธรรมในล้านนา 🌸 กลายเป็นเครื่องเตือนใจ ถึงข้อจำกัดทางชนชั้น และการเมืองในอดีต 🌸 ยังเป็นตำนานที่คนรุ่นใหม่ศึกษา ซาบซึ้งในแง่มุมของความรัก และความเสียสละ 📌 สรุปข้อเท็จจริง 📝 ตำนานรัก "เจ้าน้อยศุขเกษม กับ มะเมียะ" คือ นิยายประวัติศาสตร์ ที่แต่งเติมจากเรื่องจริงบางส่วน 📝 ข้อเท็จจริงประวัติศาสตร์ยืนยันว่า "เจ้าวงษ์ตวัน" มีชีวิตที่คล้ายกับตำนานดังกล่าวมากกว่า 📝 การเล่าขานที่ต่อเติมจากรุ่นสู่รุ่น ทำให้ความจริงและเรื่องแต่ง ผสมปนเปกันอย่างลงตัว 📝 ตำนานนี้ยังคงมีเสน่ห์และคุณค่า ในฐานะเรื่องเล่าแห่งความรักของชาวล้านนา 🌟 ความรักอาจไม่มีพรมแดน... แต่ขนบธรรมเนียมและประเพณีในอดีตต่างหาก ที่เป็นกำแพงยากจะข้ามได้ 🌟 ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 200807 มี.ค. 2568 📚 🏷️ #ตำนานรักมะเมียะ #เจ้าน้อยศุขเกษม #ล้านนาประวัติศาสตร์ #เชียงใหม่ในอดีต #เพลงมะเมี้ยะ #เรื่องจริงหรือนิยาย #ประวัติศาสตร์ล้านนา #เชียงใหม่เมืองโบราณ #ตำนานล้านนา #รักข้ามพรมแดน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 395 มุมมอง 0 รีวิว
  • แบรนด์ดัง เรียกคืนพาวเวอร์แบงค์รุ่น GRAVITY CS5/CS10 หลังระเบิดใส่หน้าสาวออฟฟิศ เผาหน้า-ผม ล่าสุด ออกจดหมายขอโทษ ยืนยันให้ความช่วยเหลือเต็มที่
    แบรนด์ดัง เรียกคืนพาวเวอร์แบงค์รุ่น GRAVITY CS5/CS10 หลังระเบิดใส่หน้าสาวออฟฟิศ เผาหน้า-ผม ล่าสุด ออกจดหมายขอโทษ ยืนยันให้ความช่วยเหลือเต็มที่
    Haha
    Sad
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 827 มุมมอง 48 0 รีวิว
  • หลังกลายเป็นประเด็นร้อนในวงการบันเทิงเมื่อป้าของ “คิมแซรน” นักแสดงสาวผู้ล่วงลับออกมาเปิดเผยว่าหลานสาวกับ “คิมซูฮยอน” เคยคบหาดูใจกันจริง ตั้งแต่ที่นักแสดงสาวยังเป็นเพียงผู้เยาว์ ล่าสุดมีการเปิดเผยแถลงการณ์ที่เขียนโดย “คิมแซรน” ที่ตั้งใจจะโพสต์หลังปล่อยภาพคู่ก่อนตัดสินใจไม่แฉ

    มีการเปิดเผยข้อความแชทของ คิมแซรน ที่คุยกับญาติว่าเจ้าตัวตั้งใจจะเปิดเผยความสัมพันธ์ที่เคยมีกับ คิมซูฮยอน หลังจากที่ คิมแซรน โพสต์ภาพคู่ของเธอกับพระเอกหนุ่มลงในอินสตาแกรมเพื่อเรียกร้องความสนใจ หลังโดนจดหมายทวงหนี้จากต้นสังกัด Gold Medalist และพยายามติดต่อหา คิมซูฮยอน แล้วแต่ติดต่อไม่ได้ ทำเอานักแสดงสาวผู้ล่วงลับเหลืออด เกือบโพสต์แถลงการณ์แฉความสัมพันธ์ในอดีต

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/entertainment/detail/9680000023751

    #MGROnline #คิมซูฮยอน #คิมแซรน
    หลังกลายเป็นประเด็นร้อนในวงการบันเทิงเมื่อป้าของ “คิมแซรน” นักแสดงสาวผู้ล่วงลับออกมาเปิดเผยว่าหลานสาวกับ “คิมซูฮยอน” เคยคบหาดูใจกันจริง ตั้งแต่ที่นักแสดงสาวยังเป็นเพียงผู้เยาว์ ล่าสุดมีการเปิดเผยแถลงการณ์ที่เขียนโดย “คิมแซรน” ที่ตั้งใจจะโพสต์หลังปล่อยภาพคู่ก่อนตัดสินใจไม่แฉ • มีการเปิดเผยข้อความแชทของ คิมแซรน ที่คุยกับญาติว่าเจ้าตัวตั้งใจจะเปิดเผยความสัมพันธ์ที่เคยมีกับ คิมซูฮยอน หลังจากที่ คิมแซรน โพสต์ภาพคู่ของเธอกับพระเอกหนุ่มลงในอินสตาแกรมเพื่อเรียกร้องความสนใจ หลังโดนจดหมายทวงหนี้จากต้นสังกัด Gold Medalist และพยายามติดต่อหา คิมซูฮยอน แล้วแต่ติดต่อไม่ได้ ทำเอานักแสดงสาวผู้ล่วงลับเหลืออด เกือบโพสต์แถลงการณ์แฉความสัมพันธ์ในอดีต • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/entertainment/detail/9680000023751 • #MGROnline #คิมซูฮยอน #คิมแซรน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 381 มุมมอง 0 รีวิว
  • ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน ส่งหนังสือขอโทษประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เกี่ยวกับศึกวิวาทะอื้อฉาวในทำเนียบขาว จากการเปิดเผยของ สตีฟ วิตคอฟฟ์ ทูตพิเศษด้านตะวันออกกลางของสหรัฐฯ ความเคลื่อนไหวนี้มีขึ้นหลังจากผู้นำอเมริกาสั่งระงับความช่วยเหลือด้านการทหารและแบ่งปันข้อมูลข่าวกรองกับเคียฟ
    .
    วิตคอฟฟ์ เปิดเผยในเรื่องนี้ในวันจันทร์(10มี.ค.) ระหว่างให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวฟ็อกซ์นิวส์ ก่อนหน้าการประชุมกันระหว่างคณะผู้แทนสหรัฐฯกับคณะผู้แทนยูเครน ซึ่งมีกำหนดจัดขึ้นในซาอุดีอาระเบียในสัปดาห์นี้ โดยวอชิงตันคาดหมายว่าจะมีความคืบหน้าอย่างเป็นรูปธรรม และหวังลงนามในข้อตกลงแร่อันสำคัญกับเคียฟ
    .
    "เซเลนสกี ส่งหนังสือถึงประธานาธิบดี เขาขอโทษต่อเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นในห้องทำงานรูปไข่" วิตคอฟฟ์เน้นย้ำ "ผมคิดว่ามันเป็นก้าวย่างที่สำคัญและมีการพูดคุยหารือกันมากมายระหว่างคณะทำงานของเรากับคณะทำงานยูเครน รวมไปถึงจากยุโรป ซึ่งเกี่ยวข้องกับการหารือนี้เช่นกัน"
    .
    ก่อนหน้านี้ ทรัมป์ เผยว่าได้รับหนังสือที่สำคัญจากเซเลนสกีเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เน้นว่าเคียฟแสดงถึงความพร้อม "ที่จะเข้าสู่โต๊ะเจรจาอย่างเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้" อย่างไรก็ตามประธานาธิบดีสหรัฐฯไม่ได้พาดพิงว่าเนื้อหาในจดหมายดังกล่าว มีถ้อยคำขอโทษเกี่ยวกับการโต้เถียงอันอื้อฉาวในห้องทำงานรูปไข่ของทำเนียบขาว
    .
    เซเลนสกี พูดเสียงดังแข่งกับ ทรัมป์ และรองประธานาธิบดีเจดี แวนซ์ ระหว่างพบปะพูดคุยกันที่ทำเนียบขาวเมื่อปลายเดือนที่แล้ว ประธานาธิบดีสหรัฐฯกล่าวหาผู้นำยูเครนขาดความเคารพ ไม่สำนึกบุญคุณความช่วยเหลือของสหรัฐฯในอดีตที่ผ่านมาและลังเลที่แสวงหาสันติภาพกับรัสเซีย ยิ่งไปกว่านั้นยัง "กำลังเดิมพันด้วยสงครามโลกครั้งที่ 3"
    .
    ประธานาธิบดียูเครนถูกไล่ออกจากทำเนียบขาว ก่อนหน้าการประชุมแบบลับๆจะเริ่มขึ้น
    .
    ศึกโต้เถียงกันในห้องทำงานรูปไข่ ทำให้ข้อตกลงแร่แรร์เอิร์ธของยูเครน ต้องล่าช้าออกไป และกระตุ้นให้สหรัฐฯระงับความช่วยเหลือด้านการทหารที่มอบแก่เคียฟ ตามด้วยระงับแบ่งปันข้อมูลข่าวกรอง
    .
    แม้ดูเหมือนจะเลือกขอโทษทรัมป์แบบลับๆ แต่ต่อหน้าสาธารณะแล้ว เซเลนสกี ยังคงแสดงท่าทีแข็งขืน บอกเพียงว่ารู้สึกเสียใจต่อความโกลาหลในทำเนียบขาว และเสียใจที่การพบปะพูดคุยที่ไม่เป็นไปตามแผน
    .
    มิคาอิล โพโดยัค ที่ปรึกษาประธานาธิบดียูเครน ได้ตอกย้ำท่าทีดังกล่าวเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว บอกว่า "เซเลนสกี มีสิทธิ์อย่างเต็มที่ทั้งในรูปแบบและเนื้อหาสาระที่เขาพยายามสื่อสารถ่ายทอดถึงคู่หูอเมริกาของเขา เกี่ยวกับแนวคิดหลักๆ ที่ว่าจะไม่มีอะไรประสบผลสำเร็จหากปราศจากการบีบบังคับรัสเซีย" เขาให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนฝรั่งเศสในวันศุกร์(7มี.ค.) "เราจะไม่ขอโทษ สำหรับการทึกทักเอาเองว่ามันเป็นความผิดพลาด ทั้งที่มันไม่ได้เกิดขึ้น"
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000023258
    ..............
    Sondhi X
    ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน ส่งหนังสือขอโทษประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เกี่ยวกับศึกวิวาทะอื้อฉาวในทำเนียบขาว จากการเปิดเผยของ สตีฟ วิตคอฟฟ์ ทูตพิเศษด้านตะวันออกกลางของสหรัฐฯ ความเคลื่อนไหวนี้มีขึ้นหลังจากผู้นำอเมริกาสั่งระงับความช่วยเหลือด้านการทหารและแบ่งปันข้อมูลข่าวกรองกับเคียฟ . วิตคอฟฟ์ เปิดเผยในเรื่องนี้ในวันจันทร์(10มี.ค.) ระหว่างให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวฟ็อกซ์นิวส์ ก่อนหน้าการประชุมกันระหว่างคณะผู้แทนสหรัฐฯกับคณะผู้แทนยูเครน ซึ่งมีกำหนดจัดขึ้นในซาอุดีอาระเบียในสัปดาห์นี้ โดยวอชิงตันคาดหมายว่าจะมีความคืบหน้าอย่างเป็นรูปธรรม และหวังลงนามในข้อตกลงแร่อันสำคัญกับเคียฟ . "เซเลนสกี ส่งหนังสือถึงประธานาธิบดี เขาขอโทษต่อเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นในห้องทำงานรูปไข่" วิตคอฟฟ์เน้นย้ำ "ผมคิดว่ามันเป็นก้าวย่างที่สำคัญและมีการพูดคุยหารือกันมากมายระหว่างคณะทำงานของเรากับคณะทำงานยูเครน รวมไปถึงจากยุโรป ซึ่งเกี่ยวข้องกับการหารือนี้เช่นกัน" . ก่อนหน้านี้ ทรัมป์ เผยว่าได้รับหนังสือที่สำคัญจากเซเลนสกีเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เน้นว่าเคียฟแสดงถึงความพร้อม "ที่จะเข้าสู่โต๊ะเจรจาอย่างเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้" อย่างไรก็ตามประธานาธิบดีสหรัฐฯไม่ได้พาดพิงว่าเนื้อหาในจดหมายดังกล่าว มีถ้อยคำขอโทษเกี่ยวกับการโต้เถียงอันอื้อฉาวในห้องทำงานรูปไข่ของทำเนียบขาว . เซเลนสกี พูดเสียงดังแข่งกับ ทรัมป์ และรองประธานาธิบดีเจดี แวนซ์ ระหว่างพบปะพูดคุยกันที่ทำเนียบขาวเมื่อปลายเดือนที่แล้ว ประธานาธิบดีสหรัฐฯกล่าวหาผู้นำยูเครนขาดความเคารพ ไม่สำนึกบุญคุณความช่วยเหลือของสหรัฐฯในอดีตที่ผ่านมาและลังเลที่แสวงหาสันติภาพกับรัสเซีย ยิ่งไปกว่านั้นยัง "กำลังเดิมพันด้วยสงครามโลกครั้งที่ 3" . ประธานาธิบดียูเครนถูกไล่ออกจากทำเนียบขาว ก่อนหน้าการประชุมแบบลับๆจะเริ่มขึ้น . ศึกโต้เถียงกันในห้องทำงานรูปไข่ ทำให้ข้อตกลงแร่แรร์เอิร์ธของยูเครน ต้องล่าช้าออกไป และกระตุ้นให้สหรัฐฯระงับความช่วยเหลือด้านการทหารที่มอบแก่เคียฟ ตามด้วยระงับแบ่งปันข้อมูลข่าวกรอง . แม้ดูเหมือนจะเลือกขอโทษทรัมป์แบบลับๆ แต่ต่อหน้าสาธารณะแล้ว เซเลนสกี ยังคงแสดงท่าทีแข็งขืน บอกเพียงว่ารู้สึกเสียใจต่อความโกลาหลในทำเนียบขาว และเสียใจที่การพบปะพูดคุยที่ไม่เป็นไปตามแผน . มิคาอิล โพโดยัค ที่ปรึกษาประธานาธิบดียูเครน ได้ตอกย้ำท่าทีดังกล่าวเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว บอกว่า "เซเลนสกี มีสิทธิ์อย่างเต็มที่ทั้งในรูปแบบและเนื้อหาสาระที่เขาพยายามสื่อสารถ่ายทอดถึงคู่หูอเมริกาของเขา เกี่ยวกับแนวคิดหลักๆ ที่ว่าจะไม่มีอะไรประสบผลสำเร็จหากปราศจากการบีบบังคับรัสเซีย" เขาให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนฝรั่งเศสในวันศุกร์(7มี.ค.) "เราจะไม่ขอโทษ สำหรับการทึกทักเอาเองว่ามันเป็นความผิดพลาด ทั้งที่มันไม่ได้เกิดขึ้น" . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000023258 .............. Sondhi X
    Like
    Haha
    Love
    11
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2082 มุมมอง 0 รีวิว
  • 5 ปี สิ้นผู้พิพากษา "คณากร" เสียงสะท้อนการแทรกแซงศาล คืนคำพิพากษาให้ผู้พิพากษา คืนความยุติธรรมให้ประชาชน

    📌 ย้อนรอยโศกนาฏกรรม 5 ปี "คณากร เพียรชนะ" ผู้พิพากษาที่มุ่งมั่นเรียกร้องความยุติธรรม แต่กลับจบชีวิต ด้วยปลายกระบอกปืนของตนเอง

    🔍 คดีที่สะเทือนศรัทธาในกระบวนการยุติธรรมไทย เมื่อเช้าวันเสาร์ที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2563 นายคณากร เพียรชนะ ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะชั้นต้นศาลจังหวัดยะลา ได้ลั่นไกปืนปลิดชีพตนเอง ที่บ้านพักในอำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่ ในวัยเพียง 50 ปี การตัดสินใจครั้งสุดท้ายของผู้พิพากษาคณากรไม่เพียงเป็นโศกนาฏกรรมของชีวิต แต่ยังเป็นเสียงสะท้อนถึงปัญหา การแทรกแซงในกระบวนการยุติธรรมไทย ที่ยังไม่ได้รับการแก้ไข

    ก่อนหน้านี้ ผู้พิพากษาคณากร เคยพยายามยิงตัวเองในห้องพิจารณาคดีที่ 4 ศาลจังหวัดยะลา เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2562 หลังจากอ่านคำพิพากษายกฟ้องจำเลยทั้ง 5 ในคดีความมั่นคง และเปิดเผยว่าถูก "แทรกแซงให้เปลี่ยนคำพิพากษา" โดยฝ่ายบริหารศาล

    🛑 "คืนคำพิพากษาให้ผู้พิพากษา คืนความยุติธรรมให้ประชาชน"

    วลีนี้ได้กลายเป็นสัญลักษณ์แห่งการต่อสู้ เพื่อความยุติธรรมของตุลาการ ซึ่งยังคงถูกพูดถึง แม้เวลาจะล่วงเลยมา 5 ปี

    ⚖️ จากห้องพิจารณาคดี สู่การสูญเสีย
    📅 4 ตุลาคม 2562 ผู้พิพากษาคณากร ยิงตัวเองครั้งแรกในห้องพิจารณาคดี ศาลจังหวัดยะลา
    📌 ผู้พิพากษาคณากร พิจารณาคดีหมายเลขดำที่ 3428/2561 ซึ่งจำเลย 5 คน ถูกกล่าวหาว่าเป็นกลุ่มก่อความไม่สงบ
    📌 พยานหลักฐานอ่อน ไม่มีน้ำหนักพอจะลงโทษ จึงมีคำพิพากษาให้ยกฟ้องจำเลยทั้งหมด
    📌 แต่ก่อนจะอ่านคำพิพากษา ผู้พิพากษาคณากรได้รับคำสั่งลับ ให้แก้ไขคำพิพากษา ตัดสินลงโทษจำเลย 3 คนให้ประหารชีวิต และอีก 2 คนให้จำคุกตลอดชีวิต
    📌 ผู้พิพากษาคณากรปฏิเสธที่จะทำตามคำสั่ง และเผยแพร่คำแถลงการณ์ 25 หน้า ผ่านโซเชียลมีเดีย
    📌 หลังอ่านคำพิพากษา ผู้พิพากษาคณากรยิงตัวเองบริเวณหัวใจ ต่อหน้าผู้เข้าฟังในห้องพิจารณาคดี แต่โชคดีรอดชีวิต

    🗣 "หากยอมแก้คำพิพากษา ก็เท่ากับว่า ผมไม่ได้เป็นผู้พิพากษาอีกต่อไป" คณากร เพียรชนะ จากคำแถลงการณ์ก่อนยิงตัวเอง

    📅 7 มีนาคม 2563 ผู้พิพากษาคณากรปลิดชีพตนเองที่บ้านพัก
    📌 ผู้พิพากษาคณากรถูกสั่งย้ายไปช่วยราชการ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 5 เชียงใหม่ และอยู่ระหว่างการสอบสวนวินัยร้ายแรง
    📌 เช้าวันเสาร์ที่ 7 มีนาคม 2563 เวลา 08.00 น. ผู้พิพากษาคณากรเขียนจดหมายลา 2 หน้า และตัดสินใจ ยิงตัวเองเป็นครั้งที่สอง
    📌 ภรรยากลับบ้านมาประสบเหตุ จึงเเจ้งรถพยาบาลนำส่งโรงพยาบาลดอยสะเก็ด เเต่เมื่อพบว่าอาการหนัก จึงทำการส่งต่อไปยังโรงพยาบาลแมคคอร์มิค กระทั่งเสียชีวิตในเวลาต่อมา
    📌 งานศพจัดขึ้นที่สุสานสันกู่เหล็ก เชียงใหม่ ท่ามกลางผู้พิพากษา และประชาชนร่วมไว้อาลัย

    😔 เหตุการณ์นี้ได้ตอกย้ำ ถึงความสิ้นหวังของผู้พิพากษา ในระบบศาลไทย

    🔍 การแทรกแซงตุลาการ ปัญหาที่ผู้พิพากษาคณากรต่อสู้ หนึ่งในข้อเรียกร้องสำคัญ คือ
    📌 การตรวจร่างคำพิพากษา ก่อนอ่านให้คู่ความฟัง
    📌 การแทรกแซงคำพิพากษา โดยอธิบดีผู้พิพากษาภาค
    📌 ความไม่เป็นธรรมทางการเงิน แก่ผู้พิพากษาศาลชั้นต้น

    📢 "ศาลต้องเป็นอิสระจากอำนาจทางการเมือง และอำนาจบริหารภายในองค์กร" นี่คือสิ่งที่ผู้พิพากษาคณากร พยายามต่อสู้มาตลอดชีวิต

    📌 กรณีคดี 3428/2561 ที่ศาลจังหวัดยะลา ในคำแถลงการณ์ ผู้พิพากษาคณากรอ้างว่า อธิบดีผู้พิพากษาภาค 9 ได้สั่งให้เปลี่ยนคำพิพากษา โดยระบุว่า "หากยืนยันจะยกฟ้อง ก็ให้ขังจำเลยระหว่างอุทธรณ์"

    📌 พยานหลักฐานทั้งหมดเกิดขึ้น ระหว่างที่จำเลยถูกควบคุมตัวตามกฎอัยการศึก ซึ่งขัดต่อหลักนิติธรรม

    5 ปีผ่านไป คำถามยังคงอยู่ กระบวนการยุติธรรมของไทย มีอิสระจริงหรือไม่?

    📜 คำแถลงการณ์สุดท้ายของผู้พิพากษาคณากร ก่อนตัดสินใจจบชีวิต ได้เขียนจดหมายลาฉบับสุดท้าย ซึ่งมีใจความว่า

    📝 "ผมทำเพื่อความยุติธรรม ไม่เสียใจที่ได้กระทำ"
    📝 "ขอให้ประชาชนเข้าใจว่า ผู้พิพากษาที่ดี ต้องมีอิสระในการตัดสิน"
    📝 "คืนคำพิพากษาให้ผู้พิพากษา คืนความยุติธรรมให้ประชาชน"

    📊 เสียงสะท้อนจากสังคมและผลกระทบ
    📌 การประท้วงทั่วประเทศ
    📌 การเรียกร้องให้ปฏิรูประบบศาล
    📌 การตื่นตัวของประชาชน เรื่องการแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม

    ⏳ 5 ปีต่อมา ระบบศาลไทยเปลี่ยนไปหรือยัง?
    📌 การตรวจร่างคำพิพากษายังคงมีอยู่
    📌 ผู้พิพากษาศาลชั้นต้นยังคงเผชิญแรงกดดัน ในการพิจารณาคดี
    📌 กระบวนการยุติธรรมของไทย ยังคงถูกตั้งคำถาม

    😔 5 ปีผ่านไป ปัญหายังไม่ถูกแก้ไข

    📌 ชื่อของผู้พิพากษาคณากร ได้กลายเป็นสัญลักษณ์ ของการต่อสู้เพื่อความยุติธรรม
    📌 เรื่องราวของผู้พิพากษาคณากร สะท้อนถึงปัญหาในกระบวนการยุติธรรมไทย ที่ยังไม่ได้รับการแก้ไข
    📌 "คืนคำพิพากษาให้ผู้พิพากษา คืนความยุติธรรมให้ประชาชน" จะยังคงเป็นวลีที่สังคมต้องจดจำ

    📢 "5 ปีผ่านไป อย่าให้เสียงของผู้พิพากษาคณากรถูกลืม"

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 070830 มี.ค. 2568

    #️⃣ #คณากรเพียรชนะ #คืนความยุติธรรมให้ประชาชน #ผู้พิพากษา #ปฏิรูประบบศาล #แทรกแซงตุลาการ #ความยุติธรรม #ศาลไทย #สิทธิมนุษยชน #ThailandJustice #FreeJudiciary
    5 ปี สิ้นผู้พิพากษา "คณากร" เสียงสะท้อนการแทรกแซงศาล คืนคำพิพากษาให้ผู้พิพากษา คืนความยุติธรรมให้ประชาชน 📌 ย้อนรอยโศกนาฏกรรม 5 ปี "คณากร เพียรชนะ" ผู้พิพากษาที่มุ่งมั่นเรียกร้องความยุติธรรม แต่กลับจบชีวิต ด้วยปลายกระบอกปืนของตนเอง 🔍 คดีที่สะเทือนศรัทธาในกระบวนการยุติธรรมไทย เมื่อเช้าวันเสาร์ที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2563 นายคณากร เพียรชนะ ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะชั้นต้นศาลจังหวัดยะลา ได้ลั่นไกปืนปลิดชีพตนเอง ที่บ้านพักในอำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่ ในวัยเพียง 50 ปี การตัดสินใจครั้งสุดท้ายของผู้พิพากษาคณากรไม่เพียงเป็นโศกนาฏกรรมของชีวิต แต่ยังเป็นเสียงสะท้อนถึงปัญหา การแทรกแซงในกระบวนการยุติธรรมไทย ที่ยังไม่ได้รับการแก้ไข ก่อนหน้านี้ ผู้พิพากษาคณากร เคยพยายามยิงตัวเองในห้องพิจารณาคดีที่ 4 ศาลจังหวัดยะลา เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2562 หลังจากอ่านคำพิพากษายกฟ้องจำเลยทั้ง 5 ในคดีความมั่นคง และเปิดเผยว่าถูก "แทรกแซงให้เปลี่ยนคำพิพากษา" โดยฝ่ายบริหารศาล 🛑 "คืนคำพิพากษาให้ผู้พิพากษา คืนความยุติธรรมให้ประชาชน" วลีนี้ได้กลายเป็นสัญลักษณ์แห่งการต่อสู้ เพื่อความยุติธรรมของตุลาการ ซึ่งยังคงถูกพูดถึง แม้เวลาจะล่วงเลยมา 5 ปี ⚖️ จากห้องพิจารณาคดี สู่การสูญเสีย 📅 4 ตุลาคม 2562 ผู้พิพากษาคณากร ยิงตัวเองครั้งแรกในห้องพิจารณาคดี ศาลจังหวัดยะลา 📌 ผู้พิพากษาคณากร พิจารณาคดีหมายเลขดำที่ 3428/2561 ซึ่งจำเลย 5 คน ถูกกล่าวหาว่าเป็นกลุ่มก่อความไม่สงบ 📌 พยานหลักฐานอ่อน ไม่มีน้ำหนักพอจะลงโทษ จึงมีคำพิพากษาให้ยกฟ้องจำเลยทั้งหมด 📌 แต่ก่อนจะอ่านคำพิพากษา ผู้พิพากษาคณากรได้รับคำสั่งลับ ให้แก้ไขคำพิพากษา ตัดสินลงโทษจำเลย 3 คนให้ประหารชีวิต และอีก 2 คนให้จำคุกตลอดชีวิต 📌 ผู้พิพากษาคณากรปฏิเสธที่จะทำตามคำสั่ง และเผยแพร่คำแถลงการณ์ 25 หน้า ผ่านโซเชียลมีเดีย 📌 หลังอ่านคำพิพากษา ผู้พิพากษาคณากรยิงตัวเองบริเวณหัวใจ ต่อหน้าผู้เข้าฟังในห้องพิจารณาคดี แต่โชคดีรอดชีวิต 🗣 "หากยอมแก้คำพิพากษา ก็เท่ากับว่า ผมไม่ได้เป็นผู้พิพากษาอีกต่อไป" คณากร เพียรชนะ จากคำแถลงการณ์ก่อนยิงตัวเอง 📅 7 มีนาคม 2563 ผู้พิพากษาคณากรปลิดชีพตนเองที่บ้านพัก 📌 ผู้พิพากษาคณากรถูกสั่งย้ายไปช่วยราชการ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 5 เชียงใหม่ และอยู่ระหว่างการสอบสวนวินัยร้ายแรง 📌 เช้าวันเสาร์ที่ 7 มีนาคม 2563 เวลา 08.00 น. ผู้พิพากษาคณากรเขียนจดหมายลา 2 หน้า และตัดสินใจ ยิงตัวเองเป็นครั้งที่สอง 📌 ภรรยากลับบ้านมาประสบเหตุ จึงเเจ้งรถพยาบาลนำส่งโรงพยาบาลดอยสะเก็ด เเต่เมื่อพบว่าอาการหนัก จึงทำการส่งต่อไปยังโรงพยาบาลแมคคอร์มิค กระทั่งเสียชีวิตในเวลาต่อมา 📌 งานศพจัดขึ้นที่สุสานสันกู่เหล็ก เชียงใหม่ ท่ามกลางผู้พิพากษา และประชาชนร่วมไว้อาลัย 😔 เหตุการณ์นี้ได้ตอกย้ำ ถึงความสิ้นหวังของผู้พิพากษา ในระบบศาลไทย 🔍 การแทรกแซงตุลาการ ปัญหาที่ผู้พิพากษาคณากรต่อสู้ หนึ่งในข้อเรียกร้องสำคัญ คือ 📌 การตรวจร่างคำพิพากษา ก่อนอ่านให้คู่ความฟัง 📌 การแทรกแซงคำพิพากษา โดยอธิบดีผู้พิพากษาภาค 📌 ความไม่เป็นธรรมทางการเงิน แก่ผู้พิพากษาศาลชั้นต้น 📢 "ศาลต้องเป็นอิสระจากอำนาจทางการเมือง และอำนาจบริหารภายในองค์กร" นี่คือสิ่งที่ผู้พิพากษาคณากร พยายามต่อสู้มาตลอดชีวิต 📌 กรณีคดี 3428/2561 ที่ศาลจังหวัดยะลา ในคำแถลงการณ์ ผู้พิพากษาคณากรอ้างว่า อธิบดีผู้พิพากษาภาค 9 ได้สั่งให้เปลี่ยนคำพิพากษา โดยระบุว่า "หากยืนยันจะยกฟ้อง ก็ให้ขังจำเลยระหว่างอุทธรณ์" 📌 พยานหลักฐานทั้งหมดเกิดขึ้น ระหว่างที่จำเลยถูกควบคุมตัวตามกฎอัยการศึก ซึ่งขัดต่อหลักนิติธรรม 5 ปีผ่านไป คำถามยังคงอยู่ กระบวนการยุติธรรมของไทย มีอิสระจริงหรือไม่? 📜 คำแถลงการณ์สุดท้ายของผู้พิพากษาคณากร ก่อนตัดสินใจจบชีวิต ได้เขียนจดหมายลาฉบับสุดท้าย ซึ่งมีใจความว่า 📝 "ผมทำเพื่อความยุติธรรม ไม่เสียใจที่ได้กระทำ" 📝 "ขอให้ประชาชนเข้าใจว่า ผู้พิพากษาที่ดี ต้องมีอิสระในการตัดสิน" 📝 "คืนคำพิพากษาให้ผู้พิพากษา คืนความยุติธรรมให้ประชาชน" 📊 เสียงสะท้อนจากสังคมและผลกระทบ 📌 การประท้วงทั่วประเทศ 📌 การเรียกร้องให้ปฏิรูประบบศาล 📌 การตื่นตัวของประชาชน เรื่องการแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม ⏳ 5 ปีต่อมา ระบบศาลไทยเปลี่ยนไปหรือยัง? 📌 การตรวจร่างคำพิพากษายังคงมีอยู่ 📌 ผู้พิพากษาศาลชั้นต้นยังคงเผชิญแรงกดดัน ในการพิจารณาคดี 📌 กระบวนการยุติธรรมของไทย ยังคงถูกตั้งคำถาม 😔 5 ปีผ่านไป ปัญหายังไม่ถูกแก้ไข 📌 ชื่อของผู้พิพากษาคณากร ได้กลายเป็นสัญลักษณ์ ของการต่อสู้เพื่อความยุติธรรม 📌 เรื่องราวของผู้พิพากษาคณากร สะท้อนถึงปัญหาในกระบวนการยุติธรรมไทย ที่ยังไม่ได้รับการแก้ไข 📌 "คืนคำพิพากษาให้ผู้พิพากษา คืนความยุติธรรมให้ประชาชน" จะยังคงเป็นวลีที่สังคมต้องจดจำ 📢 "5 ปีผ่านไป อย่าให้เสียงของผู้พิพากษาคณากรถูกลืม" ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 070830 มี.ค. 2568 #️⃣ #คณากรเพียรชนะ #คืนความยุติธรรมให้ประชาชน #ผู้พิพากษา #ปฏิรูประบบศาล #แทรกแซงตุลาการ #ความยุติธรรม #ศาลไทย #สิทธิมนุษยชน #ThailandJustice #FreeJudiciary
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 610 มุมมอง 0 รีวิว
  • เมื่อไม่นานมานี้ คู่แข่งในโลกของแฮ็กเกอร์แรนซัมแวร์เริ่มใช้วิธีการส่งจดหมายจริงๆ เรียกค่าไถ่ให้กับผู้บริหารองค์กร ซึ่งเป็นการกลับมาใช้วิธีการแบบดั้งเดิมอีกครั้ง มีการพบว่ากลุ่มแรนซัมแวร์ BianLian ได้ส่งจดหมายเรียกค่าไถ่ไปยังผู้บริหารองค์กรบางคน โดยอ้างว่าพวกเขาได้เข้าถึงระบบขององค์กรและขโมยข้อมูลสำคัญ

    จดหมายได้ระบุว่า "เราได้รับการเข้าถึงระบบของ [REDACTED] และในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมาเราได้ส่งออกไฟล์ข้อมูลหลายพันรายการ รวมถึงข้อมูลลูกค้า พนักงาน และเอกสารทางการเงินของบริษัท ฯลฯ" พร้อมทั้งเรียกร้องค่าไถ่ระหว่าง 250,000 ถึง 350,000 ดอลลาร์เป็นบิทคอยน์ ซึ่งจดหมายยังแนบ QR Code ที่นำไปยังที่อยู่บิทคอยน์เพื่อการจ่ายเงิน

    ผู้วิจัยพบว่าการโจมตีเหล่านี้เป็นเพียงการหลอกลวง ไม่มีหลักฐานว่ามีการบุกรุกระบบจริงๆ และเนื้อหาของจดหมายไม่ตรงกับวิธีการของกลุ่ม BianLian ที่เคยใช้ในอดีต

    จุดที่น่าสนใจคือที่อยู่การตอบกลับของจดหมายชี้ไปยังสำนักงานในเมือง Boston, USA ซึ่งเป็นอาคารสำนักงานจริง แต่ยังไม่สามารถยืนยันได้ว่ามีความเกี่ยวข้องกับกลุ่มแรนซัมแวร์นี้หรือไม่

    การกลับมาใช้วิธีการส่งจดหมายจริงๆ เรียกค่าไถ่ทำให้เกิดความตื่นตระหนกและความไม่แน่นอนในหมู่ผู้บริหารองค์กร อย่างไรก็ตาม คำแนะนำคือไม่ควรตื่นตระหนกและควรตรวจสอบข้อมูลให้รอบคอบก่อนตัดสินใจดำเนินการใดๆ

    https://www.techradar.com/pro/security/ransomware-criminals-are-now-sending-their-demands-by-snail-mail
    เมื่อไม่นานมานี้ คู่แข่งในโลกของแฮ็กเกอร์แรนซัมแวร์เริ่มใช้วิธีการส่งจดหมายจริงๆ เรียกค่าไถ่ให้กับผู้บริหารองค์กร ซึ่งเป็นการกลับมาใช้วิธีการแบบดั้งเดิมอีกครั้ง มีการพบว่ากลุ่มแรนซัมแวร์ BianLian ได้ส่งจดหมายเรียกค่าไถ่ไปยังผู้บริหารองค์กรบางคน โดยอ้างว่าพวกเขาได้เข้าถึงระบบขององค์กรและขโมยข้อมูลสำคัญ จดหมายได้ระบุว่า "เราได้รับการเข้าถึงระบบของ [REDACTED] และในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมาเราได้ส่งออกไฟล์ข้อมูลหลายพันรายการ รวมถึงข้อมูลลูกค้า พนักงาน และเอกสารทางการเงินของบริษัท ฯลฯ" พร้อมทั้งเรียกร้องค่าไถ่ระหว่าง 250,000 ถึง 350,000 ดอลลาร์เป็นบิทคอยน์ ซึ่งจดหมายยังแนบ QR Code ที่นำไปยังที่อยู่บิทคอยน์เพื่อการจ่ายเงิน ผู้วิจัยพบว่าการโจมตีเหล่านี้เป็นเพียงการหลอกลวง ไม่มีหลักฐานว่ามีการบุกรุกระบบจริงๆ และเนื้อหาของจดหมายไม่ตรงกับวิธีการของกลุ่ม BianLian ที่เคยใช้ในอดีต จุดที่น่าสนใจคือที่อยู่การตอบกลับของจดหมายชี้ไปยังสำนักงานในเมือง Boston, USA ซึ่งเป็นอาคารสำนักงานจริง แต่ยังไม่สามารถยืนยันได้ว่ามีความเกี่ยวข้องกับกลุ่มแรนซัมแวร์นี้หรือไม่ การกลับมาใช้วิธีการส่งจดหมายจริงๆ เรียกค่าไถ่ทำให้เกิดความตื่นตระหนกและความไม่แน่นอนในหมู่ผู้บริหารองค์กร อย่างไรก็ตาม คำแนะนำคือไม่ควรตื่นตระหนกและควรตรวจสอบข้อมูลให้รอบคอบก่อนตัดสินใจดำเนินการใดๆ https://www.techradar.com/pro/security/ransomware-criminals-are-now-sending-their-demands-by-snail-mail
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 252 มุมมอง 0 รีวิว
  • ยูเครนถึงต้องรุดออกมาเปิดเผยว่าพวกเขามีแผนจัดเจรจารอบใหม่กับสหรัฐฯ หลังวอชิงตันระงับแบ่งปันข้อมูลข่าวกรอง ก่อความเสียหายรอบใหม่แก่เคียฟ ในขณะที่พวกเขากำลังต่อสู้ป้องปรามการรุกรานของรัสเซีย
    .
    จอห์น แรตคลิฟ ผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองกลางสหรัฐฯ (CIA) เปิดเผยในวันพุธ (5 มี.ค.) อเมริกาได้ระงับการสนับสนุนด้านข่าวกรองแก่ยูเครน หลังจากที่ได้ระงับการจัดส่งอาวุธให้แก่ยูเครนก่อนหน้านี้ ตามหลังการพังครืนในความสัมพันธ์ระหว่างเคียฟกับทำเนียบขาว
    .
    "ท่านประธานาธิบดีทรัมป์ไม่มั่นใจว่าประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกีต้องการสันติภาพหรือไม่ ท่านจึงสั่งให้ระงับความช่วยเหลือด้านข่าวกรอง" แรตคลิฟ กล่าว
    .
    คำแถลงนี้มีขึ้นในขณะที่ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน กำลังพยายามดิ้นรนควบคุมความเสียหาย จากผลลัพธ์ที่เขาเปิดศึกวิวาทะกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งผู้นำอเมริกาดุด่าเขาต่อหน้าบรรดาสื่อมวลชนนานาชาติและตะเพิดเขาออกจากทำเนียบขาว
    .
    "วันนี้ คณะทำงานยูเครนและสหรัฐฯ เริ่มทำงานเกี่ยวกับการประชุมที่กำลังจะมีขึ้น เรากำลังเห็นแนวโน้มมุ่งไปข้างหน้า" เซเลนสกีกล่าวระหว่างปราศรัยในช่วงค่ำวันพุธ (5 มี.ค.) แต่ไม่ได้ระบุว่าการเจรจารอบใหม่จะมีขึ้นเมื่อไหร่และที่ไหน นอกจากนี้ เขายังบอกด้วยว่าจะเข้าร่วมกับพวกผู้นำยุโรป สำหรับการประชุมซัมมิตในบรัสเซลส์ในวันพฤหัสบดี (6 มี.ค.)
    .
    ขณะเดียวกัน ประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง แห่งฝรั่งเศส บอกว่าอาจส่งกองกำลังทหารยุโรปเข้าไปยังยูเครน หากมีการลงนามในข้อตกลง รับประกันว่ารัสเซียจะไม่รุกรานประเทศเพื่อนบ้านอีก
    .
    ท่าทีที่เปลี่ยนไปของเซเลนสกี มีขึ้นหลังจากก่อนหน้านี้ในวันพุธ (5 มี.ค.) สหรัฐฯ บอกว่าพวกเขาหยุดแบ่งปันข่าวกรองกับยูเครนแล้ว 2 วันหลังจากระงับความช่วยเหลือด้านการทหารไปก่อนหน้านี้
    .
    ควาามเคลื่อนไหวดังกล่าวโหมกระพือความกังวลในเคียฟและยุโรป ว่ายูเครนอาจถูกบีบให้ยอมรับข้อตกลงสันติภาพหนึ่งใดบนเงื่อนไขที่เอื้ออำนวยแก่รัสเซีย ไม่อย่างนั้นก็เสี่ยงสูญเสียแรงสนับสนุนจากสหรัฐฯ ทั้งหมด
    .
    "เราทุกคนต้องการปกป้องอนาคตสำหรับประชาชนของเรา ไม่เอาหยุดยิงชั่วคราว แต่ต้องยุติสงครามครั้งนี้และตลอดไป ภายใต้ความพยายามประสานงานระหว่างเรากับผู้นำสหรัฐฯ เป้าหมายนี้สามารถบรรลุได้โดยสมบูรณ์" เซเลนสกี เขียนบนสื่อสังคมออนไลน์ในวันพุธ (5 มี.ค.) ตามหลังพูดคุยทางโทรศัพท์กับ โอลาฟ โชลซ์ นายกรัฐมนตรีเยอรมนี
    .
    ก่อนหน้านี้หนึ่งวัน เซเลนสกีบอกว่าเขาพร้อม "เข้าสู่โต๊ะเจรจาอย่างเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพื่อเข้าใกล้สันติภาพที่ยั่งยืน" และเขาต้องการปรับแก้ทำความเข้าใจกับทรัมป์
    .
    ระหว่างการปราศรัยต่อสภาคองเกรสในวันอังคาร (4 มี.ค.) ทรัมป์ อ่านออกเสียงหนังสือที่เขาอ้างว่าได้รับจากเซเลนสกี ที่ผู้นำยูเครนบอกว่าพร้อมสำหรับการเจรจาสันติภาพ
    .
    ทรัมป์ ให้ความสำคัญกับการยุติสงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครนในลำดับต้นๆ ในนโยบายต่างประเทศ ขณะที่ เซเลนสกี ต้องการคำรับประกันจากสหรัฐฯ เพื่อป้องกันรัสเซียจากการรุกรานอีกในอนาคต ส่วนทางรัสเซีย ปฏิเสธละทิ้งดินแดนใดๆ ที่พวกเขายึดครองมาจากเคียฟในปฏิบัติการทางทหารที่ยืดเยื้อมานาน 3 ปี และเวลานี้กำลังร่าเริงจากความเคลื่อนไหวระงับความช่วยเหลือทางทหารของอเมริกา
    .
    นอกจากนี้ รัสเซียยังขานรับด้วยความยินดีกับข่าวที่ว่าผู้นำยูเครนส่งจดหมายถึงทรัมป์ แสดงท่าทีพร้อมสำหรับการเจรจา "มันเป็นแนวทางที่เป็นบวก" ดมิทรี เปสคอฟ โฆษกวังเครมลินบอกกับผู้สื่อข่าว อย่างไรก็ตามทางวังเครมลินก็ยังไม่พูดอย่างชัดเจนว่าพวกเขาจะยอมพูดคุยเจรจากับเซเลนสกีหรือไม่
    .
    ประธานาธิบดียูเครน ระบุหลายต่อหลายครั้งว่าเขามีความตั้งใจพบปะกับปูติน แต่ก็ต่อเมื่อเคียฟและพันธมิตรตะวันตก เห็นพ้องร่วมกันเกี่ยวกับจุดยืนการเจรจา
    .
    รัสเซีย กล่าวหา เซเลนสกี ว่าไม่ใช่ผู้นำยูเครนที่ชอบด้วยกฎหมาย อ้างถึงวาระการดำรงตำแหน่ง 5 ปี ที่หมดสมัยไปแล้ว ตามหลังเขาได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีในปี 2019 ภายใต้กฎอัยการศึกของยูเครน ห้ามมีการจัดเลือกตั้งใดๆ ระหว่างสงคราม และบรรดาชาติยุโรปผู้สนับสนุนตัวยงของเซเลนสกี ได้สนับสนุนการพักไว้ซึ่งการเลือกตั้ง ท่ามกลางการรุกรานเต็มรูปแบบของมอสโก
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000021624
    ..............
    Sondhi X
    ยูเครนถึงต้องรุดออกมาเปิดเผยว่าพวกเขามีแผนจัดเจรจารอบใหม่กับสหรัฐฯ หลังวอชิงตันระงับแบ่งปันข้อมูลข่าวกรอง ก่อความเสียหายรอบใหม่แก่เคียฟ ในขณะที่พวกเขากำลังต่อสู้ป้องปรามการรุกรานของรัสเซีย . จอห์น แรตคลิฟ ผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองกลางสหรัฐฯ (CIA) เปิดเผยในวันพุธ (5 มี.ค.) อเมริกาได้ระงับการสนับสนุนด้านข่าวกรองแก่ยูเครน หลังจากที่ได้ระงับการจัดส่งอาวุธให้แก่ยูเครนก่อนหน้านี้ ตามหลังการพังครืนในความสัมพันธ์ระหว่างเคียฟกับทำเนียบขาว . "ท่านประธานาธิบดีทรัมป์ไม่มั่นใจว่าประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกีต้องการสันติภาพหรือไม่ ท่านจึงสั่งให้ระงับความช่วยเหลือด้านข่าวกรอง" แรตคลิฟ กล่าว . คำแถลงนี้มีขึ้นในขณะที่ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน กำลังพยายามดิ้นรนควบคุมความเสียหาย จากผลลัพธ์ที่เขาเปิดศึกวิวาทะกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งผู้นำอเมริกาดุด่าเขาต่อหน้าบรรดาสื่อมวลชนนานาชาติและตะเพิดเขาออกจากทำเนียบขาว . "วันนี้ คณะทำงานยูเครนและสหรัฐฯ เริ่มทำงานเกี่ยวกับการประชุมที่กำลังจะมีขึ้น เรากำลังเห็นแนวโน้มมุ่งไปข้างหน้า" เซเลนสกีกล่าวระหว่างปราศรัยในช่วงค่ำวันพุธ (5 มี.ค.) แต่ไม่ได้ระบุว่าการเจรจารอบใหม่จะมีขึ้นเมื่อไหร่และที่ไหน นอกจากนี้ เขายังบอกด้วยว่าจะเข้าร่วมกับพวกผู้นำยุโรป สำหรับการประชุมซัมมิตในบรัสเซลส์ในวันพฤหัสบดี (6 มี.ค.) . ขณะเดียวกัน ประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง แห่งฝรั่งเศส บอกว่าอาจส่งกองกำลังทหารยุโรปเข้าไปยังยูเครน หากมีการลงนามในข้อตกลง รับประกันว่ารัสเซียจะไม่รุกรานประเทศเพื่อนบ้านอีก . ท่าทีที่เปลี่ยนไปของเซเลนสกี มีขึ้นหลังจากก่อนหน้านี้ในวันพุธ (5 มี.ค.) สหรัฐฯ บอกว่าพวกเขาหยุดแบ่งปันข่าวกรองกับยูเครนแล้ว 2 วันหลังจากระงับความช่วยเหลือด้านการทหารไปก่อนหน้านี้ . ควาามเคลื่อนไหวดังกล่าวโหมกระพือความกังวลในเคียฟและยุโรป ว่ายูเครนอาจถูกบีบให้ยอมรับข้อตกลงสันติภาพหนึ่งใดบนเงื่อนไขที่เอื้ออำนวยแก่รัสเซีย ไม่อย่างนั้นก็เสี่ยงสูญเสียแรงสนับสนุนจากสหรัฐฯ ทั้งหมด . "เราทุกคนต้องการปกป้องอนาคตสำหรับประชาชนของเรา ไม่เอาหยุดยิงชั่วคราว แต่ต้องยุติสงครามครั้งนี้และตลอดไป ภายใต้ความพยายามประสานงานระหว่างเรากับผู้นำสหรัฐฯ เป้าหมายนี้สามารถบรรลุได้โดยสมบูรณ์" เซเลนสกี เขียนบนสื่อสังคมออนไลน์ในวันพุธ (5 มี.ค.) ตามหลังพูดคุยทางโทรศัพท์กับ โอลาฟ โชลซ์ นายกรัฐมนตรีเยอรมนี . ก่อนหน้านี้หนึ่งวัน เซเลนสกีบอกว่าเขาพร้อม "เข้าสู่โต๊ะเจรจาอย่างเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพื่อเข้าใกล้สันติภาพที่ยั่งยืน" และเขาต้องการปรับแก้ทำความเข้าใจกับทรัมป์ . ระหว่างการปราศรัยต่อสภาคองเกรสในวันอังคาร (4 มี.ค.) ทรัมป์ อ่านออกเสียงหนังสือที่เขาอ้างว่าได้รับจากเซเลนสกี ที่ผู้นำยูเครนบอกว่าพร้อมสำหรับการเจรจาสันติภาพ . ทรัมป์ ให้ความสำคัญกับการยุติสงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครนในลำดับต้นๆ ในนโยบายต่างประเทศ ขณะที่ เซเลนสกี ต้องการคำรับประกันจากสหรัฐฯ เพื่อป้องกันรัสเซียจากการรุกรานอีกในอนาคต ส่วนทางรัสเซีย ปฏิเสธละทิ้งดินแดนใดๆ ที่พวกเขายึดครองมาจากเคียฟในปฏิบัติการทางทหารที่ยืดเยื้อมานาน 3 ปี และเวลานี้กำลังร่าเริงจากความเคลื่อนไหวระงับความช่วยเหลือทางทหารของอเมริกา . นอกจากนี้ รัสเซียยังขานรับด้วยความยินดีกับข่าวที่ว่าผู้นำยูเครนส่งจดหมายถึงทรัมป์ แสดงท่าทีพร้อมสำหรับการเจรจา "มันเป็นแนวทางที่เป็นบวก" ดมิทรี เปสคอฟ โฆษกวังเครมลินบอกกับผู้สื่อข่าว อย่างไรก็ตามทางวังเครมลินก็ยังไม่พูดอย่างชัดเจนว่าพวกเขาจะยอมพูดคุยเจรจากับเซเลนสกีหรือไม่ . ประธานาธิบดียูเครน ระบุหลายต่อหลายครั้งว่าเขามีความตั้งใจพบปะกับปูติน แต่ก็ต่อเมื่อเคียฟและพันธมิตรตะวันตก เห็นพ้องร่วมกันเกี่ยวกับจุดยืนการเจรจา . รัสเซีย กล่าวหา เซเลนสกี ว่าไม่ใช่ผู้นำยูเครนที่ชอบด้วยกฎหมาย อ้างถึงวาระการดำรงตำแหน่ง 5 ปี ที่หมดสมัยไปแล้ว ตามหลังเขาได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีในปี 2019 ภายใต้กฎอัยการศึกของยูเครน ห้ามมีการจัดเลือกตั้งใดๆ ระหว่างสงคราม และบรรดาชาติยุโรปผู้สนับสนุนตัวยงของเซเลนสกี ได้สนับสนุนการพักไว้ซึ่งการเลือกตั้ง ท่ามกลางการรุกรานเต็มรูปแบบของมอสโก . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000021624 .............. Sondhi X
    Like
    Love
    Haha
    15
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 2450 มุมมอง 0 รีวิว
  • โฆษก ตม.โต้ “กัณวีย์” ปมจดหมายอุยกูร์ ยันตรวจสอบแล้วไม่พบออกห้องกักสวนพลู ยังไม่กระจ่างจดหมายใคร - รับจากใคร
    https://www.thai-tai.tv/news/17488/
    โฆษก ตม.โต้ “กัณวีย์” ปมจดหมายอุยกูร์ ยันตรวจสอบแล้วไม่พบออกห้องกักสวนพลู ยังไม่กระจ่างจดหมายใคร - รับจากใคร https://www.thai-tai.tv/news/17488/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 97 มุมมอง 0 รีวิว
  • ♣ กัณวีร์ หิวแสง สารภาพแล้ว ได้จดหมายจากภาคประชาสังคมสามกีบ ที่ซื้อกระดาษจากกรมราชทัณฑ์ โดนจับได้ก็โยนภาคประชาสังคม ใครไม่รู้เขียนก็อ้างอุยกูร์ เหลืออะไรให้เชื่อได้บ้างอุยวีร์
    #7ดอกจิก
    #กัณวีร์หิวแสง
    ♣ กัณวีร์ หิวแสง สารภาพแล้ว ได้จดหมายจากภาคประชาสังคมสามกีบ ที่ซื้อกระดาษจากกรมราชทัณฑ์ โดนจับได้ก็โยนภาคประชาสังคม ใครไม่รู้เขียนก็อ้างอุยกูร์ เหลืออะไรให้เชื่อได้บ้างอุยวีร์ #7ดอกจิก #กัณวีร์หิวแสง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 307 มุมมอง 0 รีวิว
  • สู้เพื่อชาว"อุยกูร์"!!! "กัณวีร์" โชว์จดหมาย ยันฉบับจริง จี้ "รัฐบาล" แสดงหลักฐานสมัครใจกลับจริง
    https://www.thai-tai.tv/news/17477/
    สู้เพื่อชาว"อุยกูร์"!!! "กัณวีร์" โชว์จดหมาย ยันฉบับจริง จี้ "รัฐบาล" แสดงหลักฐานสมัครใจกลับจริง https://www.thai-tai.tv/news/17477/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 78 มุมมอง 0 รีวิว
  • ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เบิร์ด เทคนิค แฟนหนุ่มของแตงโม นิดา เดินทางมากรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) เพื่อให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ ตามที่มีหนังสือเชิญ เพื่อเป็นข้อมูลและรายละเอียดเกี่ยวกับคดีการเสียชีวิตของ แตงโม นิดา โดยเบิร์ดได้เดินขึ้นทางด้านหลังอาคาร ซึ่งเป็นคนละจุดกับที่สื่อมวลชนรอบันทึกภาพและสัมภาษณ์อยู่ด้านหน้า โดยก่อนหน้านี้เบิร์ดได้โพสต์ข้อความในไอจีสตอรี่ระบุว่า "เห็นข่าวผมไม่ให้ความร่วมมือกับดีเอสไอ ขอแจ้งว่า ผมยินดีอย่างมาก ยินดีให้ความร่วมมือกับดีเอสไอ และได้โทรไปแจ้งดีเอสไอแล้ว" หลังจากที่มีเสียงเรียกร้องจากหลายส่วนให้เบิร์ดออกมาให้ข้อมูลกับดีเอสไอ ในฐานะคนใกล้ชิดของแตงโม ซึ่งน่าจะรู้ข้อมูลสำคัญมากกว่าคนอื่น

    -ใครก็เขียนจดหมายได้
    -จัดโมโตจีพีมองมุมไหน
    -สว.สำรองฟาดสีน้ำเงิน
    -หั่นงบจัดมหาสงกรานต์
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เบิร์ด เทคนิค แฟนหนุ่มของแตงโม นิดา เดินทางมากรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) เพื่อให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ ตามที่มีหนังสือเชิญ เพื่อเป็นข้อมูลและรายละเอียดเกี่ยวกับคดีการเสียชีวิตของ แตงโม นิดา โดยเบิร์ดได้เดินขึ้นทางด้านหลังอาคาร ซึ่งเป็นคนละจุดกับที่สื่อมวลชนรอบันทึกภาพและสัมภาษณ์อยู่ด้านหน้า โดยก่อนหน้านี้เบิร์ดได้โพสต์ข้อความในไอจีสตอรี่ระบุว่า "เห็นข่าวผมไม่ให้ความร่วมมือกับดีเอสไอ ขอแจ้งว่า ผมยินดีอย่างมาก ยินดีให้ความร่วมมือกับดีเอสไอ และได้โทรไปแจ้งดีเอสไอแล้ว" หลังจากที่มีเสียงเรียกร้องจากหลายส่วนให้เบิร์ดออกมาให้ข้อมูลกับดีเอสไอ ในฐานะคนใกล้ชิดของแตงโม ซึ่งน่าจะรู้ข้อมูลสำคัญมากกว่าคนอื่น -ใครก็เขียนจดหมายได้ -จัดโมโตจีพีมองมุมไหน -สว.สำรองฟาดสีน้ำเงิน -หั่นงบจัดมหาสงกรานต์
    Like
    Love
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 829 มุมมอง 13 0 รีวิว
  • อุยกูร์ทนทุกข์ 10 ปี ต้องไม่ส่งต่อความทรมาน : [THE MESSAGE]

    พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม เผยถึงกระแสวิจารณ์ส่งกลับชาวอุยกูร์ไม่โปร่งใส ได้หารือกับนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เดินทางไปเยี่ยมชาวอุยกูร์ ต้องยึดถือความเป็นธรรม ชาวอุยกูร์ทรมานมานานนับ 10 ปี รัฐบาลไทยไม่อยากส่งมรดกการทรมานไปให้คนอื่น ส่วนการเผยแพร่จดหมายชาวอุยกูร์ 3 ฉบับ แสดงเจตจำนงไม่อยากกลับจีน กรมราชทัณฑ์ได้รับการยืนยันจากชาวอุยกูร์ในเรือนจำคลองเปรม ยืนยันไม่ได้เขียนจดหมาย ส่วนกระดาษที่มีตรากรมราชทัณฑ์มีขายในเรือนจำเพื่อให้ผู้ที่ถูกคุมขังเขียนจดหมาย ส่วนเอกสารหลุดรายชื่อผู้สมัคร สว. ในวันเลือก สว. ที่เมืองทองธานี ทราบว่ามีโพยและรายชื่อ 1,000 คน น่าจะเป็นข้อมูลชุดนี้ ในส่วนของดีเอสไอจะตรวจสอบรายชื่อและอาจมีมากกว่า 1,200 คน ซึ่งมีเอกสารที่ปรากฏว่ามีรายชื่อที่ยื่นในจำนวน 140 คน มี 138 คนที่อยู่ในสภามีชื่อปรากฏในโพย ซึ่งจะประชุมคณะกรรมการคดีพิเศษ(กคพ.) วันที่ 6 มี.ค. นี้ ยังไม่มั่นใจว่าเป็นคดีพิเศษหรือไม่
    อุยกูร์ทนทุกข์ 10 ปี ต้องไม่ส่งต่อความทรมาน : [THE MESSAGE] พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม เผยถึงกระแสวิจารณ์ส่งกลับชาวอุยกูร์ไม่โปร่งใส ได้หารือกับนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เดินทางไปเยี่ยมชาวอุยกูร์ ต้องยึดถือความเป็นธรรม ชาวอุยกูร์ทรมานมานานนับ 10 ปี รัฐบาลไทยไม่อยากส่งมรดกการทรมานไปให้คนอื่น ส่วนการเผยแพร่จดหมายชาวอุยกูร์ 3 ฉบับ แสดงเจตจำนงไม่อยากกลับจีน กรมราชทัณฑ์ได้รับการยืนยันจากชาวอุยกูร์ในเรือนจำคลองเปรม ยืนยันไม่ได้เขียนจดหมาย ส่วนกระดาษที่มีตรากรมราชทัณฑ์มีขายในเรือนจำเพื่อให้ผู้ที่ถูกคุมขังเขียนจดหมาย ส่วนเอกสารหลุดรายชื่อผู้สมัคร สว. ในวันเลือก สว. ที่เมืองทองธานี ทราบว่ามีโพยและรายชื่อ 1,000 คน น่าจะเป็นข้อมูลชุดนี้ ในส่วนของดีเอสไอจะตรวจสอบรายชื่อและอาจมีมากกว่า 1,200 คน ซึ่งมีเอกสารที่ปรากฏว่ามีรายชื่อที่ยื่นในจำนวน 140 คน มี 138 คนที่อยู่ในสภามีชื่อปรากฏในโพย ซึ่งจะประชุมคณะกรรมการคดีพิเศษ(กคพ.) วันที่ 6 มี.ค. นี้ ยังไม่มั่นใจว่าเป็นคดีพิเศษหรือไม่
    Like
    Haha
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 863 มุมมอง 30 0 รีวิว
  • สส.จอมปลอม ยอมรับจดหมายปลอมเป็นของปลอมจริงๆ
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง3
    สส.จอมปลอม ยอมรับจดหมายปลอมเป็นของปลอมจริงๆ #คิงส์โพธิ์แดง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง3
    Haha
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 181 มุมมอง 0 รีวิว
  • “กัณวีร์” โต้ “ทวี” หยุดด้อยค่าหลักฐานจดหมายอุยกูร์ แล้วพูดความจริง เดือดจัดนัดสื่อพรุ่งนี้โชว์เอกสารเต็มตอนเที่ยง เล็งขอเปิดชวเลขบันทึกถ้อยคำหน่วยงานเกี่ยวข้อง บอกเองมีประเทศไหนบ้างรอรับเป็นประเทศที่ 3 ลั่น ดูซิใครพูดความจริง แจงเพิ่งออกมาแฉเพราะกังวลความสัมพันธ์กับ ตม. กลัวเข้าไปช่วยเหลือไม่ได้

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000020602

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    “กัณวีร์” โต้ “ทวี” หยุดด้อยค่าหลักฐานจดหมายอุยกูร์ แล้วพูดความจริง เดือดจัดนัดสื่อพรุ่งนี้โชว์เอกสารเต็มตอนเที่ยง เล็งขอเปิดชวเลขบันทึกถ้อยคำหน่วยงานเกี่ยวข้อง บอกเองมีประเทศไหนบ้างรอรับเป็นประเทศที่ 3 ลั่น ดูซิใครพูดความจริง แจงเพิ่งออกมาแฉเพราะกังวลความสัมพันธ์กับ ตม. กลัวเข้าไปช่วยเหลือไม่ได้ อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000020602 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Haha
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 677 มุมมอง 0 รีวิว
  • “กัณวีร์” โต้ “ทวี” หยุดด้อยค่าหลักฐานจดหมายอุยกูร์ แล้วพูดความจริง เดือดจัดนัดสื่อพรุ่งนี้โชว์เอกสารเต็มตอนเที่ยง เล็งขอเปิดชวเลขบันทึกถ้อยคำหน่วยงานเกี่ยวข้อง บอกเองมีประเทศไหนบ้างรอรับเป็นประเทศที่ 3 ลั่น ดูซิใครพูดความจริง แจงเพิ่งออกมาแฉเพราะกังวลความสัมพันธ์กับ ตม. กลัวเข้าไปช่วยเหลือไม่ได้

    วันที่ 3 มี.ค. 2568 นายกัณวีร์ สืบแสง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเป็นธรรม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เปิดเผยว่าจดหมายของชาวอุยกูร์ไม่เคยออกมาจากราชทัณฑ์ ว่า เป็นการพยายามบิดเบือนประเด็นที่สำคัญที่สุด เกี่ยวกับการผลักดันชาวอุยกูร์กลับประเทศ ตอนนี้มีความพยายามชี้แจงของทางราชการ โดยบอกว่าเขามีความสมัครใจกลับต้นทาง ซึ่งตามมาตรฐานสากลจะต้องมีหลักฐานว่าเขาสมัครใจเอง เราต้องจำเป็นที่จะได้รับฟังจากหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง เพราะตอนนี้ ไม่รู้ว่า 40 คนอยู่ไหนแล้ว มันเป็นการพูดข้างเดียวของฝ่ายรัฐบาลไทยและจีน ซึ่งฝ่ายจีนเขาก็ไม่ได้พูดด้วยว่าสมัครใจ เขาบอกว่าประเทศไทยส่งกลับ เพราะกลุ่มคนพวกนี้ถูกอาชญากรรมข้ามชาติพาเข้ามาอย่างผิดกฎหมาย แต่ไทยบอกว่าเขาสมัครใจกลับเอง

    “คุณทวี พยายามจะด้อยค่าหลักฐานที่พี่มีจริง กระดาษที่มีลายน้ำของกรมราชทัณฑ์คลองเปรม มันไม่ได้ออกมาจากกรมราชทัณฑ์ พี่ไม่เคยบอกว่ากรมราชทัณฑ์ออกหนังสือฉบับนี้ออกมา คุณเป็นถึงรัฐมนตรี คุณผิดประเด็นอย่างนี้ได้อย่างไร นี่คือเรื่องใหญ่เรื่องโต ที่เวทีระหว่างประเทศเขามองอยู่ คุณมาเก็บเรื่องสารัตถะอย่างนี้ พยายามด้อยค่าเอกสารของพี่ฉบับนี้ โดยที่พี่มีหลักฐานตัวจริง พรุ่งนี้พี่จะนำไปเสนอที่สภา มีการจัดเสวนาขึ้น พี่จะเอาฉบับตัวจริงไปยื่นให้กับทุกคนได้เห็น เชิญพี่น้องสื่อมวลชนไปดูด้วยว่าพรุ่งนี้ ก่อนเที่ยง จะเอามาโชว์” นายกัณวีร์ กล่าว

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/politics/detail/9680000020602

    #MGROnline #จดหมายอุยกูร์
    “กัณวีร์” โต้ “ทวี” หยุดด้อยค่าหลักฐานจดหมายอุยกูร์ แล้วพูดความจริง เดือดจัดนัดสื่อพรุ่งนี้โชว์เอกสารเต็มตอนเที่ยง เล็งขอเปิดชวเลขบันทึกถ้อยคำหน่วยงานเกี่ยวข้อง บอกเองมีประเทศไหนบ้างรอรับเป็นประเทศที่ 3 ลั่น ดูซิใครพูดความจริง แจงเพิ่งออกมาแฉเพราะกังวลความสัมพันธ์กับ ตม. กลัวเข้าไปช่วยเหลือไม่ได้ • วันที่ 3 มี.ค. 2568 นายกัณวีร์ สืบแสง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเป็นธรรม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เปิดเผยว่าจดหมายของชาวอุยกูร์ไม่เคยออกมาจากราชทัณฑ์ ว่า เป็นการพยายามบิดเบือนประเด็นที่สำคัญที่สุด เกี่ยวกับการผลักดันชาวอุยกูร์กลับประเทศ ตอนนี้มีความพยายามชี้แจงของทางราชการ โดยบอกว่าเขามีความสมัครใจกลับต้นทาง ซึ่งตามมาตรฐานสากลจะต้องมีหลักฐานว่าเขาสมัครใจเอง เราต้องจำเป็นที่จะได้รับฟังจากหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง เพราะตอนนี้ ไม่รู้ว่า 40 คนอยู่ไหนแล้ว มันเป็นการพูดข้างเดียวของฝ่ายรัฐบาลไทยและจีน ซึ่งฝ่ายจีนเขาก็ไม่ได้พูดด้วยว่าสมัครใจ เขาบอกว่าประเทศไทยส่งกลับ เพราะกลุ่มคนพวกนี้ถูกอาชญากรรมข้ามชาติพาเข้ามาอย่างผิดกฎหมาย แต่ไทยบอกว่าเขาสมัครใจกลับเอง • “คุณทวี พยายามจะด้อยค่าหลักฐานที่พี่มีจริง กระดาษที่มีลายน้ำของกรมราชทัณฑ์คลองเปรม มันไม่ได้ออกมาจากกรมราชทัณฑ์ พี่ไม่เคยบอกว่ากรมราชทัณฑ์ออกหนังสือฉบับนี้ออกมา คุณเป็นถึงรัฐมนตรี คุณผิดประเด็นอย่างนี้ได้อย่างไร นี่คือเรื่องใหญ่เรื่องโต ที่เวทีระหว่างประเทศเขามองอยู่ คุณมาเก็บเรื่องสารัตถะอย่างนี้ พยายามด้อยค่าเอกสารของพี่ฉบับนี้ โดยที่พี่มีหลักฐานตัวจริง พรุ่งนี้พี่จะนำไปเสนอที่สภา มีการจัดเสวนาขึ้น พี่จะเอาฉบับตัวจริงไปยื่นให้กับทุกคนได้เห็น เชิญพี่น้องสื่อมวลชนไปดูด้วยว่าพรุ่งนี้ ก่อนเที่ยง จะเอามาโชว์” นายกัณวีร์ กล่าว • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/politics/detail/9680000020602 • #MGROnline #จดหมายอุยกูร์
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 333 มุมมอง 0 รีวิว
  • ‘กัณวีร์’ ยันจดหมายอุยกูร์ของจริง ไม่ได้มาจากเรือนจำคลองเปรม พร้อมให้ตรวจสอบ
    https://www.thai-tai.tv/news/17462/
    ‘กัณวีร์’ ยันจดหมายอุยกูร์ของจริง ไม่ได้มาจากเรือนจำคลองเปรม พร้อมให้ตรวจสอบ https://www.thai-tai.tv/news/17462/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 177 มุมมอง 0 รีวิว
  • กรมราชทัณฑ์ ชี้แจงผู้ต้องขังชาวอุยกูร์ เขียนจดหมายถึงนายกฯ ยืนยันตรวจสอบไม่พบจดหมายดังกล่าวและไม่ใช่ตราประทับเรือนจำกลางคลองเปรม

    วันนี้ (3 มี.ค.) ตามที่เพจเฟซบุ๊กที่ใช้ชื่อว่า “วันนี้พรรคสีส้มโกหกอะไร” ได้เผยแพร่ข้อความเมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2568 กล่าวถึงจดหมายของผู้ต้องขังชาวอุยกูร์ ซึ่งมีตราประทับจากเรือนจำกลางคลองเปรม ส่งถึงนายกรัฐมนตรี ลงวันที่ 15 พฤศจิกายน 2567 นั้น

    กรมราชทัณฑ์ ได้รับรายงานผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงจากเรือนจำกลางคลองเปรมแล้ว ขอเรียนว่า ผู้ต้องขังชาวอุยกูร์ให้การยืนยันว่า ไม่เคยเขียนจดหมายฉบับดังกล่าวตามที่ปรากฏในสื่อ และลายมือที่ปรากฏมิใช่ลายมือของพวกตน โดยในช่วงระหว่างเดือนพฤศจิกายน 2567 ถึงปัจจุบัน ยังไม่เคยส่งจดหมายออกภายนอกเรือนจำแต่อย่างใด ซึ่งเบื้องต้นเรือนจำฯ ได้เปรียบเทียบลายมือแล้วพบว่าแตกต่างกันอย่างชัดเจน ทั้งนี้ เรือนจำกลางคลองเปรมได้ตรวจสอบข้อมูลการรับ-ส่งจดหมาย ไม่ปรากฏว่ามีจดหมายฉบับดังกล่าว อีกทั้ง ตราประทับที่ปรากฏบนจดหมายฉบับนั้น ก็มิใช่ตราประทับของเรือนจำกลางคลองเปรมแต่อย่างใด

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000020507

    #MGROnline #กรมราชทัณฑ์ #ชาวอุยกูร์ #จดหมาย #ตราประทับ #เรือนจำกลางคลองเปรม
    กรมราชทัณฑ์ ชี้แจงผู้ต้องขังชาวอุยกูร์ เขียนจดหมายถึงนายกฯ ยืนยันตรวจสอบไม่พบจดหมายดังกล่าวและไม่ใช่ตราประทับเรือนจำกลางคลองเปรม • วันนี้ (3 มี.ค.) ตามที่เพจเฟซบุ๊กที่ใช้ชื่อว่า “วันนี้พรรคสีส้มโกหกอะไร” ได้เผยแพร่ข้อความเมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2568 กล่าวถึงจดหมายของผู้ต้องขังชาวอุยกูร์ ซึ่งมีตราประทับจากเรือนจำกลางคลองเปรม ส่งถึงนายกรัฐมนตรี ลงวันที่ 15 พฤศจิกายน 2567 นั้น • กรมราชทัณฑ์ ได้รับรายงานผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงจากเรือนจำกลางคลองเปรมแล้ว ขอเรียนว่า ผู้ต้องขังชาวอุยกูร์ให้การยืนยันว่า ไม่เคยเขียนจดหมายฉบับดังกล่าวตามที่ปรากฏในสื่อ และลายมือที่ปรากฏมิใช่ลายมือของพวกตน โดยในช่วงระหว่างเดือนพฤศจิกายน 2567 ถึงปัจจุบัน ยังไม่เคยส่งจดหมายออกภายนอกเรือนจำแต่อย่างใด ซึ่งเบื้องต้นเรือนจำฯ ได้เปรียบเทียบลายมือแล้วพบว่าแตกต่างกันอย่างชัดเจน ทั้งนี้ เรือนจำกลางคลองเปรมได้ตรวจสอบข้อมูลการรับ-ส่งจดหมาย ไม่ปรากฏว่ามีจดหมายฉบับดังกล่าว อีกทั้ง ตราประทับที่ปรากฏบนจดหมายฉบับนั้น ก็มิใช่ตราประทับของเรือนจำกลางคลองเปรมแต่อย่างใด • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000020507 • #MGROnline #กรมราชทัณฑ์ #ชาวอุยกูร์ #จดหมาย #ตราประทับ #เรือนจำกลางคลองเปรม
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 258 มุมมอง 0 รีวิว
  • คิงส์สนับสนุนให้ สส.กัณวีร์ นำจดหมายเท็จเข้าอภิปรายในสภาฯ จะได้โดนข้อหาหนัก อย่าถอยนะเมิง อย่าป๊อด และอย่าใช้เอกสิทธิ์คุ้มครองด้วย ไอ้สส.ทำร้ายชาติ
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง3
    คิงส์สนับสนุนให้ สส.กัณวีร์ นำจดหมายเท็จเข้าอภิปรายในสภาฯ จะได้โดนข้อหาหนัก อย่าถอยนะเมิง อย่าป๊อด และอย่าใช้เอกสิทธิ์คุ้มครองด้วย ไอ้สส.ทำร้ายชาติ #คิงส์โพธิ์แดง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง3
    Like
    Haha
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 208 มุมมอง 0 รีวิว
  • "ราชทัณฑ์" โต้ จดหมายทำขึ้นมา ไม่ใช่จาก "ผู้ต้องขังชาวอุยกูร์" ยืนยันเป็นของปลอม
    https://www.thai-tai.tv/news/17453/
    "ราชทัณฑ์" โต้ จดหมายทำขึ้นมา ไม่ใช่จาก "ผู้ต้องขังชาวอุยกูร์" ยืนยันเป็นของปลอม https://www.thai-tai.tv/news/17453/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 143 มุมมอง 0 รีวิว
  • กรมราชทัณฑ์ แจงกรณีผู้ต้องขังชาวอุยกูร์ เขียนจดหมาย มีตราประทับจากเรือนจำคลองเปรม ขอยืนยันว่า จดหมายฉบับดังกล่าวไม่ใช่จดหมายที่ออกจากเรือนจำกลางคลองเปรม
    ดังนั้น จึงน่าจะเป็นจดหมายที่ทำขึ้นมาอย่างไม่ถูกต้อง
    …………
    กรมราชทัณฑ์ ได้รับรายงานผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงจากเรือนจำกลางคลองเปรมแล้ว
    ยืนยันว่าผู้ต้องขังชาวอุยกูร์ ให้การยืนยันว่า ไม่เคยเขียนจดหมายฉบับดังกล่าวตามที่ปรากฏในสื่อ และลายมือ ที่ปรากฏมิใช่ลายมือของพวกตน โดยในช่วงระหว่างเดือนพฤศจิกายน 2567 ถึงปัจจุบัน ยังไม่เคยส่งจดหมายออกภายนอกเรือนจำแต่อย่างใด

    เบื้องต้นเรือนจำฯ ได้เปรียบเทียบลายมือแล้วพบว่า แตกต่างกันอย่างชัดเจน
    ทั้งนี้ เรือนจำกลางคลองเปรมได้ตรวจสอบข้อมูลการรับ-ส่งจดหมาย ไม่ปรากฏว่ามีจดหมายฉบับดังกล่าว อีกทั้งตราประทับที่ปรากฏบนจดหมายฉบับนั้น ก็มิใช่ตราประทับของเรือนจำกลางคลองเปรมแต่อย่างใด

    โดยตามระเบียบกรมราชทัณฑ์ ก่อนส่งจดหมายถึงภายนอกเรือนจำฯ ต้องตรวจสอบเนื้อหาในจดหมายว่ามีผลกระทบต่อความมั่นคงหรือความสงบเรียบร้อยหรือไม่ ปรากฏว่าไม่มีจดหมายฉบับดังกล่าว และโดยเฉพาะจดหมายผู้ต้องขังจากเรือนจำจะไม่มีตราประทับของเรือนจำแต่อย่างใด อีกทั้งผู้ต้องขังดังกล่าวไม่มีญาติหรือทนายความมาเยียมเยียน

    กรมราชทัณฑ์ ขอยืนยันว่า จดหมายฉบับดังกล่าวไม่ใช่จดหมายที่ออกจากเรือนจำกลางคลองเปรม
    ดังนั้น จึงน่าจะเป็นจดหมายที่ทำขึ้นมาอย่างไม่ถูกต้อง
    กรมราชทัณฑ์ แจงกรณีผู้ต้องขังชาวอุยกูร์ เขียนจดหมาย มีตราประทับจากเรือนจำคลองเปรม ขอยืนยันว่า จดหมายฉบับดังกล่าวไม่ใช่จดหมายที่ออกจากเรือนจำกลางคลองเปรม ดังนั้น จึงน่าจะเป็นจดหมายที่ทำขึ้นมาอย่างไม่ถูกต้อง ………… กรมราชทัณฑ์ ได้รับรายงานผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงจากเรือนจำกลางคลองเปรมแล้ว ยืนยันว่าผู้ต้องขังชาวอุยกูร์ ให้การยืนยันว่า ไม่เคยเขียนจดหมายฉบับดังกล่าวตามที่ปรากฏในสื่อ และลายมือ ที่ปรากฏมิใช่ลายมือของพวกตน โดยในช่วงระหว่างเดือนพฤศจิกายน 2567 ถึงปัจจุบัน ยังไม่เคยส่งจดหมายออกภายนอกเรือนจำแต่อย่างใด เบื้องต้นเรือนจำฯ ได้เปรียบเทียบลายมือแล้วพบว่า แตกต่างกันอย่างชัดเจน ทั้งนี้ เรือนจำกลางคลองเปรมได้ตรวจสอบข้อมูลการรับ-ส่งจดหมาย ไม่ปรากฏว่ามีจดหมายฉบับดังกล่าว อีกทั้งตราประทับที่ปรากฏบนจดหมายฉบับนั้น ก็มิใช่ตราประทับของเรือนจำกลางคลองเปรมแต่อย่างใด โดยตามระเบียบกรมราชทัณฑ์ ก่อนส่งจดหมายถึงภายนอกเรือนจำฯ ต้องตรวจสอบเนื้อหาในจดหมายว่ามีผลกระทบต่อความมั่นคงหรือความสงบเรียบร้อยหรือไม่ ปรากฏว่าไม่มีจดหมายฉบับดังกล่าว และโดยเฉพาะจดหมายผู้ต้องขังจากเรือนจำจะไม่มีตราประทับของเรือนจำแต่อย่างใด อีกทั้งผู้ต้องขังดังกล่าวไม่มีญาติหรือทนายความมาเยียมเยียน กรมราชทัณฑ์ ขอยืนยันว่า จดหมายฉบับดังกล่าวไม่ใช่จดหมายที่ออกจากเรือนจำกลางคลองเปรม ดังนั้น จึงน่าจะเป็นจดหมายที่ทำขึ้นมาอย่างไม่ถูกต้อง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 305 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts